พิมพ์หน้านี้ - Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers... END

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Killian ที่ 12-10-2014 16:25:04

หัวข้อ: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers... END
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 12-10-2014 16:25:04
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 ธารกำนัล (17/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 12-10-2014 16:25:46
:mc4:
ยินดีต้อนรับผู้อ่านทุกท่านสู่...


Mon Fiancé
ไอ้เฉิ่มนั่น... คู่หมั้นผม


เมื่อตรีเพชรและนาวาต้องหมั้นหมายกันด้วยความจำเป็นบางอย่าง
เรื่องราววุ่นวายของคู่กัดที่กลายมาเป็นคู่หมั้นคู่นี้จึงเกิดขึ้น
มันเริ่มต้นตรงนั้นเอง... ในวันนั้นวันที่แดดจ้าและลมพัดแรง


(http://www.sritown.com/korean/star/jung-il-woo/jung-il-woo-07.jpg)
(http://33.media.tumblr.com/tumblr_lm88cuMasS1qfakbgo1_500.gif)

ตรีเพชร

เขาบอกว่าผม 'เอาแต่ใจ บางครั้งก็ชอบเหวี่ยง' เหอะ ใครกันแน่
เห็นผมตามใจหน่อยแล้วเหลิงสินะ ระวังไว้เถอะหนูวาจะโดนพี่ลงโทษ
แล้วช่วยเปลี่ยนจากเรียก 'ไอ้ตี๋' เป็น 'ที่รัก' สักทีเหอะ

“ไม่ปล่อยใช่ไหมไอ้ตี๋”

“ไม่มีวัน ไอ้เตี้ย”

“งั้นมึงก็อย่าอยู่เลย”

“โอ๊ยยยยยยยย!! ไอ้ตัวแสบ!”

....

“เพราะตอนนี้มีคู่หมั้นแล้ว ต่อไปจะไม่มีใครอีก จะดูแลไม่ให้ใครทำร้ายนายได้”

สัญญา?

สัญญา

 
(http://2.bp.blogspot.com/-pV0C5L-NDKw/T2XqI9zmKhI/AAAAAAAAA8o/FDb_SnHuSqo/s1600/kang+min+hyuk2.jpg)
(http://images4.fanpop.com/image/photos/24200000/Joon-Hee-youve-fallen-for-me-heartstrings-24274454-500-200.gif)

นาวา

เขาเรียกผมว่าไอ้เฉิ่ม ผมไม่ได้เฉิ่มซะหน่อย ผมแค่ใส่แว่น ผมแค่เนิร์ด
และที่สำคัญมันชอบเรียกผมว่าไอ้เตี้ย หยามกันขนาดนี้ต่อให้เป็นคู่หมั้นก็ไม่ตายดี

“นายหน้าแดงน่ะ”

“ใครเขิน ไม่มี๊”

"โอ๊ยไอ้ตี๋ หัวยุ่งหมดแล้ว เล่นบ้าอะไรของนาย”

“ลงโทษไอ้เด็กปากแข็ง เขินก็พูดเถอะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก”

“ใครจะไปเขินคนอย่างนาย”

...

"พี่เพชร ฝนตกแบบนี้ขับรถอันตราย... คืนนี้... นอนนี่เถอะ"



(http://sv6.postjung.com/picpost/data/186/186257-8-5018.jpg)(http://31.media.tumblr.com/tumblr_m7lhotQCql1rboyrco1_500.png)


Dear readers,

Mon Fiance เป็นนิยายเรื่องแรกของผู้เขียน นำเสนอเรื่องราวและมุมมองของความรักที่ตั้งใจถ่ายทอดผ่านตัวละคร
ยังไงก็ขอฝากไว้พิจรณาด้วยนะครับ ทั้งนี้วรรณกรรม กลอน บทเพลง และสำนวนแปลต่างๆที่สอดแทรกลงในชิ้นงาน
ล้วนตั้งใจคัดสรรค์และประณีตในการถ่ายความเพื่อเพิ่มอรรถรสและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อ่านทุกคน ขอ[คุณผู้อ่านที่แวะเวียนมา ขอบคุณทุกๆคอมเม้นที่เป็นกำลังใจ เพราะท้ายที่สุดแล้ว Mon Fiance ไม่ได้เขียนขึ้นมาเพื่อผม แต่เขียนขึ้นมาเพื่อพวกคุณทุกคน

With love,
Killian


(https://randomsoju.files.wordpress.com/2013/10/tumblr_mde7qfb7bn1qa1ej9o3_500.gif)


This is a work of fiction. Names, characters, places, and incidents either are products of author's imagination or are used fictitiously. Any resemblance to actual events or locales or persons, living or dead, is entirely coincidental.

(http://pa1.narvii.com/5831/7ab9ae4722bf7cfc02c9daa0538fe9d1980aa6b6_hq.gif)


เข้าไปกดไลค์แฟนเพจกันได้นะครับ

https://www.facebook.com/pennedbykillian

(https://pbs.twimg.com/media/CVaSe4QVAAAYs8L.png)
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 12-10-2014 16:26:27
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
 :L2:
Chapter 1
เจ้าสาวของเจ้าชาย

เพลง Flightless Bird, American Mouth:http://www.youtube.com/watch?v=-iuFJ5P9ung (http://www.youtube.com/watch?v=-iuFJ5P9ung)

ทุกเช้าเขาตื่นมาเพื่อเป็นเจ้าชาย

เสื้อเชิ้ตสีขาวปิดทับแผงอกและบดบังเรือนร่างกำยำของชายหนุ่ม สาวใช้กลัดกระดุมเม็ดสุดท้ายก่อนจะผูกเนคไทเส้นเพรียวสีกรมท่า ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมสีดำสนิทให้เข้าทรง ดวงตาเรียวรีเหลือบมองกระจกตรวจความเรียบร้อยของทรงผม ริมฝีปากสีกุหลาบวาดรอยยิ้มเมื่อพอใจกับเส้นผมของตัวเอง

เขาหันไปเลือกนาฬิกาข้อมือที่สาวใช้อีกคนคัดสรรค์ให้ วันนี้ชายหนุ่มเลือกนาฬิกาหนังสีดำตัวเรือนสีเงินเพื่อให้เข้ากับกางเกงขายาวสีดำเนื้อดี จากนั้นชายหนุ่มจึงหยิบน้ำหอมขึ้นมาฉีด ละอองน้ำหอมเกาะพราวอยู่บนซอกคอและข้อมือของเขา ปากสวยเผยรอยยิ้มอีกครั้งเมื่อพึงพอใจกับกลิ่นละมุนของน้ำหอม มือหนาคว้ากุญแจรถยนต์คันใหม่ ก่อนออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์

และแล้วเจ้าชายก็พร้อมสำหรับเช้าวันใหม่


เช้านี้เขาตื่นมาเพื่อเป็นเจ้าสาว

ร่างบางพลิกตัวหนีแดดที่ส่องเข้ามาในห้อง เขาดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้าเพื่อบดบังแสงจ้า ทำไมเช้านี้แดดแรงนักนะ หนุ่มน้อยหงุดหงิดเพราะนอนไม่เต็มตื่น พาลโทษพระอาทิตย์ที่กลั่นแกล้งให้เขาต้องตื่นแต่เช้า 

‘I was a quick, wet boy, diving too deep for coins. All of your street light eyes wide on my plastic toys…’ เสียงเรียกเข้าเพลง Flightless Bird, American Mouth ดังขึ้น ร่างบางที่ซุกตัวใต้ผ้าห่มหนาพยายามพลิกตัวหนีเสียงก่อกวน จนท้ายที่สุดเขาต้องกดรับสายเพราะไม่มีทีท่าว่าคนที่โทรมาจะวางสาย

“มีไรวะ โทรมาทำไมตอนเช้าๆเนี่ย คนจะหลับจะนอน” เด็กหนุ่มรับสายทั้งๆที่ยังไม่ได้ลืมตา

“ไอ้วาตื่น สายแล้วนะโว้ย” เสียงยียวนจากอีกฝ่ายทำให้เด็กหนุ่มอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้ง

“ถ้ามึงไม่มีอะไรกูวางนะ จะนอนต่อ”

“เดี๋ยวนาวา วันนี้เรียนประวัติศาสตร์นะมึง นอนต่อไม่ได้” คนปลายสายรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับความขี้เซาของเพื่อนรัก

“ไอ้เก้า กูจะโดด” นาวาตอบพลางเอาหัวไปซุกกับตุ๊กตาหมีตัวใหญ่บนเตียง

“มึงโดดไม่ได้”

“ทำไมกูจะโดดไม่ได้ กูเหนื่อย ไม่อยากไปเรียน”

“วันนี้สอบย่อย เป็นตายยังไงมึงต้องมา”

“หา?! สอบย่อย! แล้วทำไมไม่รีบบอก” นาวาเด้งตัวขึ้น ดวงตาเบิกโพลง นัยน์ตาสีน้ำตาลทองฉายแววลุกลน เขาก่นด่าตัวเองที่มัวแต่นอนไม่ยอมลุกจากเตียง ถึงว่าทำไมเช้านี้แสงจ้านัก เพราะมันไม่เช้าแล้วน่ะสิ

ร่างบางเช็ดตัวอย่างรีบร้อน ก่อนจะสวมเชิ้ตขาวปล่อยทิ้งชายเสื้อให้ทับยีนส์ดำเข้ารูป มือบางคว้าแว่นตากรอบหนา เช็ดผมพอหมาด คว้ากระเป๋าขึ้นสะพายบ่า แล้วออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน

และแล้วเจ้าสาวก็ออกเดินทาง



เช้านี้ลมแรง

เขามองบรรยากาศยามสายผ่านกระจกรถ เห็นไม้ใหญ่ในมหาลัยกำลังกรีดใบหยอกเย้ากับสายลม แมกไม้ไหวเอนเพื่อรับไอแดด ถือว่าเป็นเช้าที่สดใสวันหนึ่ง ชายหนุ่มคิด

นิ้วเรียวเคาะพวงมาลัยรถเข้ากับจังหวะเพลง เสียงนุ่มของเขาร้องคลอไปกับเนื้อเพลงของ Iron & Wine ขณะก้มหยิบมือถือที่ทำหล่น

‘Then when the cops closed the fair, I cut my long baby hair. Stole me a dog-eared map and called for you
everywhere…’


เมื่อเงยหน้าขึ้น ชายหนุ่มต้องเหยียบเบรกกะทันหันเนื่องจากด้านหน้ามีคนปั่นจักรยานพุ่งตรงมาทางเขา…


เช้านี้แดดจ้า

แสงแดดยามสายส่องผ่านกิ่งก้านสาขาของไม้ใหญ่ลงมายังถนนเบื้องล่างเห็นเป็นเส้นแสงสีส้มอ่อนนวลตา น่าแปลกที่แดดในวันนี้ไม่ร้อนแผดเผาเหมือนทุกๆวัน แถมยามสายวันนี้มีลมโกรกเบาๆ สายลมพัดพายให้ใบไม้เสียดสีกันจนฟังดูคล้ายเพลงบรรเลงโดยธรรมชาติ เมื่อก้มมองนาฬิกาข้อมือ นาวาจึงเร่งฝีเท้ารีบปั่นจักรยานคันเก่าคู่ใจของเขาทันที

ถนนเส้นนี้เป็นทางสายหลักของมหาวิทยาลัย ซึ่งปกติมักมีรถวิ่งอยู่ตลอดไม่ขาดสาย ทว่าเวลานี้กลับไม่มีรถบนถนนสักคัน คงเพราะเวลานี้เป็นยามเช้าที่ทุกคนเข้าเรียนกันหมดแล้ว จักยานสีเหลืองของนาวาพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสุดแรงปั่น ในเวลาปกตินาวาคงไม่ปั่นจักรยานจนเร็วขนาดนี้ เพราะเขารู้ดีว่าจักรยานเบรกแตกของเขามันอันตราย

เด็กหนุ่มใช้แขนเสื้อซับเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายบนใบหน้า จิตใจของเขากำลังคิดถึงแต่คำว่าสอบย่อย การสอบเก็บคะแนนที่สุดแสนจะสำคัญ เขากังกลว่าตัวเองจะไปไม่ทันสอบ เด็กหนุ่มก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้งแล้วเร่งปั่นสุดชีวิต แต่ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมา สิ่งที่ประจักษ์แก่คลองสายตาคือรถสปอร์ตสีขาวกำลังขับตรงมาทางเขาด้วยความเร็วเต็มกำลัง นาวาพยายามเบรกจักยานแต่ก็เปล่าประโยชน์

ก่อนจะชนเข้าอย่างจัง รถสปอร์ตสีขาวเบรกได้อย่างหวุดหวิด แต่จักรยานเบรกแตกของนาวากลับพุ่งตรงไปข้างหน้า และชนรถหรูเข้าอย่างจัง

“อ๊า โอย…” นาวาล้มลง พร้อมเห็นเลือดที่ข้อศอกซ้าย “เจ็บๆ ได้แผลจนได้”

เสียงเปิดประตูรถเรียกความสนใจของนาวา สิ่งแรกที่เขาเห็นคือรองเท้าหนังสีดำมันปลาบ ถัดมาเป็นกางเกงเข้ารูปสีดำเข้มทำจากผ้าเนื้อดี ขายาวคู่นั้นกำลังเดินตรงมาทางนาวาที่กำลังนั่งสำรวจแผลอยู่บนถนน นาวาเห็นชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตขาวและเนคไทด์เส้นเล็กยกข้อมือที่มีนาฬิกาแพงๆขึ้นมายีผมตัวเองอย่างหัวเสีย คิ้วหนาของผู้มาใหม่ขมวดเป็นปม แล้วปากบางได้รูปของเขาก็สบถออกมาดังๆว่า

“เชี่ย รถเป็นรอย”

‘Have I found you
Flightless bird, jealous, weeping
or lost you, American mouth
Big pill looming …’


เสียงเพลงดังลอดมาจากรถ พอจะกล่อมเกลาจิตใจของนาวาให้หายตกใจกับเหตุการณ์เฉียดตายได้ เพลงโปรดของเขาบรรเลงมาจากรถสีขาวคันนั้น

“นี่” เจ้าของรถหรูหันมาพูดกับนาวา ดวงตาเรียวรีของเขาฉายแววไม่พอใจ “ประสาทแดกหรือไง ปั่นจักรยานยังไงวะ ชนรถคนอื่นเขาเสียหาย”

นาวาอึ้ง สมองกำลังประมวลข้อเท็จจริง ก็นี่มันเลนส์ซ้าย และเขากำลังจะเลี้ยวเข้าลานจอดรถของคณะมนุษย์ศาสตร์ ถ้าจำไม่ผิดไอ้คนที่กำลังยืนทำตัวหล่ออยู่นี่มันขับรถผิดเลนส์ ไม่ก็ตั้งใจจะเลี้ยวเข้าลานจอดรถเหมือนกัน แต่มันดันไม่เปิดไฟเลี้ยว

“ว่ายังไงนะ” นาวาถามออกไปอย่างอดทน “นายว่าใครทำใครเสียหาย พูดใหม่อีกที”

“เหอะเชื่อเขาเลย สมองขาดวิตามินบีเหรอ ฉันพูดอยู่หยกๆว่านายทำรถฉันเสียหาย เห็นไหมเนี่ยรถฉันเป็นรอยหมดแล้ว” ชายหนุ่มโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พลางเดินเข้าไปดูสภาพรถของตัวเองแล้วทำสายตาอาลัยอาวรณ์ อย่างกับเด็กทำของเล่นพังนาวาคิดในใจ

“นายจะรับผิดชอบยังไง จะให้ฉันเรียกทนายไหม” ชายหนุ่มสุดเนี๊ยบคนนั้นถาม เขายืนกอดอกวางภูมิ

“หนอยไอ้ตี๋ไม่มีสมอง” นาวาตะโกนลั่น พร้อมลุกขึ้นจ้องตาคู่กรณี “กล้าพูดเนาะว่าเป็นคนเสียหาย ก่อนจะพูดอะไรก็หัดแหกตาดู
ซะก่อน”

ชายหนุ่มกำลังอึ้ง ไม่เคยมีใครตะคอกใส่เขา ไม่มีใครกล้าว่าเขาไม่มีสมอง ไม่มีใครหักหน้าเขาเท่านี้มาก่อนเลย “วะ ว่าไงนะ ไอ้ตี๋ไม่มีสมองเหรอ!”

“เออดิวะ ดูซะบ้างว่านี่มันเลนส์ไหน”

“แกไม่รู้ว่าฉันเป็น…” ชายหนุ่มพูดไม่จบ เพราะนาวาพูดสวนขึ้นมา

“ตอบสิ นี่มันเลนส์ไหน”

“ซ้าย…”

“เออ คราวนี้ฉลาดได้หรือยังไอ้ตี๋”

ชายหนุ่มอ้าปากค้าง เด็กคนนี้กล้าชี้หน้าเขา “แกอยากเจอกับทนายของฉันมากสินะ ทำรถของฉันเป็นรอยไม่พอ ยังมีหน้ามาด่าฉันอีก ไอ้เตี้ย”

“ทนาย? เออ เอามาเลย ไปเรียกมาสิ เอาให้มันรู้กันไปว่ามีปัญญาซื้อรถแพง แต่ไม่มีปัญญาซื้อน้ำมันตับปลาบำรุงสมอง โง่นักหรือไงถึงไม่รู้ว่าเขาไม่ขับรถย้อนศร”

“ก็ฉันกำลังจะเลี้ยวเห็นไหมไอ้เด็กเมื่อวานซืน”

“เด็กอมมือที่ไหนมันก็รู้ไอ้หน้าจืด ว่าเวลาเลี้ยวก็ต้องเปิดไฟ สอบหรือจับฉลากได้มาวะใบขับขี่มึงน่ะ โง่เป็นควายล้านปี”

“กะ แก” ชายหนุ่มคว้าข้อศอกซ้ายของนาวาสุดแรง ทำให้หัวของคนร่างเล็กชนกับอกหนา “ไม่รู้หรือไงว่ากำลังพูดอยู่กับใคร”

“ปล่อยนะเว่ย” นาวาพยายามสะบัดให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการ แผลของเขากำลังโดนคนตัวโตบีบ “ไอ้ตี๋โง่ ใครจะไปรู้ล่ะขนาดมึงเองยังไม่รู้เลย ปล่อย!”

“เงียบไปเลยไอ้แว่น เอ๋อ เฉิ่มแบบนี้ถึงได้เซ่อซ่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน” ชายหนุ่มต่อว่านาวาที่กำลังดิ้น

“แกต่างหากไอ้หน้าจืดรสนิยมห่วย เฉิ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่งตัวอย่างกับเสี่ยแก่ๆ เสื้อผ้ารีดบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วนี่กลิ่นอะไร ฉุนอย่างกับบริษัทน้ำหอมเคลื่อนที่ ผมหรือกะบังลมวะ เซ็ทจนแข็งจะทิ่มหัวชาวบ้านเขาอยู่แล้ว อ้ออีกอย่าง รองเท้าเชยๆแบบนี้เขาไม่ใส่กันแล้ว จะใส่ไปงานลีลาศหรือไง” นาวาโกหก ชายตรงหน้าคือคนที่ไร้ที่ติ แม้กระทั่งในสายตาของผู้ชายด้วยกันเอง นาวาต้องยอมรับว่าคนคนนี้เป็นคนที่ดูดีมากทีเดียว แต่เพราะความโกรธ จะให้คู่กรณีดีเด่นมาจากไหนนาวาก็หาข้อติจนได้

ชายหนุ่มเป็นคนที่มั่นใจใจตัวเองมาตลอด และเขาก็มั่นใจในรสนิยมของตัวเองเช่นกัน แม่ส่งเขาเข้าเรียนศิลปะตั้งแต่เด็กๆเพื่อให้เขาได้ชื่นชมความงาม ชายหนุ่มรู้ดีว่าการแต่งตัวของตัวเองไม่มีทางพลาด แต่ไฉนเลยความมั่นใจของเขากลับถูกลบออกไปด้วยคำพูดของเด็กแว่นเฉิ่มๆคนนี้

“มันจะมากไปแล้วนะ นี่ไม่รู้เหรอว่าเสื้อของอะไร..”

“ไม่สนโว้ย ปล่อยดิวะ คนกำลังจะไปสอบ” นาวาพยายามบิดแขน แต่มันก็ปวดไปหมด

“ไม่ปล่อย แกต้องไปคุยกับทนายของฉัน”

“ไม่ปล่อยใช่ไหมไอ้ตี๋”

“ไม่มีวัน ไอ้เตี้ย” ชายหนุ่มดึงนาวาให้เข้าใกล้ แล้วใช้มือที่ว่างเขี่ยแว่นของนาวาเล่นเพื่อแสดงความเหนือกว่า นาวาเป็นรองเขาทั้งสรีระและกำลัง ด้วยเหตุนี้เลยทำให้ชายหนุ่มแอบสะใจ

“งั้นมึงก็อย่าอยู่เลย”

“โอ๊ยยยยยยยย!! ไอ้ตัวแสบ!”

นาวาเตะแข้งซ้ายของอีกฝ่ายอย่างแรง

ชายหนุ่มปล่อยมือจากนาวา กุมขาตัวเองด้วยสีหน้าเจ็บปวด ขณะเดียวกันนาวารีบคว้าจักรยานและปั่นหนีไป ทิ้งไว้แต่ความเจ็บ
ปวดให้แก่ชายหนุ่ม

‘Have I found you
Flightless bird, grounded, bleeding
or lost you, American mouth
Bing pill stuck going down’ 


เสียงเพลงท่อนสุดท้ายแว่วมาจากรถ แม้มันจะไม่เข้ากับบรรยากาศแต่ชายหนุ่มก็ได้ยินเนื้อเพลงชัดทุกคำ เสียงเพลงตรึงให้เขาตกอยู่ในภวังค์… เขาพบหรือยังนะ นกที่ไม่ยอมบิน แม้เจ้านกจะโผบินได้ แต่นกน้อยก็ยอมอยู่เคียงข้างเขาบนผืนดิน แม้จะต้องเจ็บปวดเลือดสาดกระเซ็นเจ้านกก็ไม่ยอมไปไหน หรืออาจจะเหมือนในเนื้อเพลงบอกไว้ก็ได้ เขาอาจจะปล่อยนกน้อยตัวนั้นหลุดมือไปแล้ว…


ยามเที่ยงใต้คณะมนุษย์ศาสตร์

สายลมพัดผ่านโต๊ะไม้ใต้อาคารผู้บริหารคณะ นาวาและเพื่อนอีกสองคนกำลังนั่งคุยเล่นกันอยู่ โต๊ะไม้ตัวนี้เป็นที่โปรดของพวกเขาทั้งสาม เพราะมุมนี้เป็นมุมที่ปลอดคน ไม่มีเสียงจอแจของนักศึกษาคนอื่นๆรบกวน และที่สำคัญมันเป็นมุมอับ ไม่ค่อยมีใครมองมาทางนี้สักเท่าไหร่

“โอ๊ย เบาๆดิ เจ็บ” เสียงของนาวาดังขึ้น

“วาอยู่นิ่งๆก่อน เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” เก้าประท้วงพร้อมกดคนตัวเล็กให้อยู่นิ่ง ใบหน้าเป็นกังวลของเขาแนบใกล้ใบหน้าของนาวา จมูกคมสันนั้นแทบจะสัมผัสแก้มแดงของหนุ่มน้อยร่างบาง

“มึงก็อย่ารุนแรงดิวะ เบาๆหน่อย เจ็บนะ”

“แล้วมึงจะดิ้นทำไมละ กูไม่ทำนานหรอก รู้ว่ามึงไม่ไหว”

“ก็มึงกดแรงอ่ะ” นาวาประท้วง

ปัง!! “พวกมึงสองคนคุยอะไรกันอายชาวบ้านเขาบ้างนะ” เสียงตบโต๊ะของนิสาเรียกนาวาและเก้าให้หันมอง “จะทำแผลหรือทำรักเลือกเอาสักอย่าง พูดสองแง่สามง่าม เสื่อม”

“มึงแหละไอ้สา เสื่อม พวกกูยังไม่ทันคิดอะไรเลย” เก้าพูด

“มึงไม่คิด… แต่กูคิด” นาวาพูดเล่น แต่โดนเพื่อนรักตบตัวเบาๆหนึ่งที มือบางเลยได้แต่ลูบหัวตัวเองปอยๆ “กูล้อเล่น แม่งก็ตบซะแรง”

“แล้วมึงไปได้แผลมาจากไหนฮะไอ้ตัวแสบ ลำบากกูต้องมาหายาทาแผลให้มึง เดินเข้าห้องสอบได้กูบุญละสภาพอย่างนี้” เก้าบ่นทั้งๆที่มือยังคงทำแผลให้เพื่อน

“แม่งพูดแล้วมันเจ็บใจ” นาวาหงุดหงิดทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องเมื่อเช้า “คือเรื่องมันมีอยู่ว่า…” แล้วคนปากเบาอย่างนาวาก็คายทุกอย่างออกมาให้เพื่อนรับรู้

“ฮ่าๆๆ มึงเตะเขา แล้วก็วิ่งหนีมาเนี่ยนะ” นิสาหัวเราะ “กูเป็นเขากูคงแค้นฝังหุ่นแหละงานนี้”

“แค้นกูสิ กูจะแค้นมันกลับ แม่งทำคนเขาเจ็บยังไม่รู้จักขอโทษอีก” นาวาคาดโทษคู่กรณี

“พอกันทั้งคู่แหละ” เก้าเอ่ยขึ้น “ว่าแต่ใน ม. เรา มีนักศึกษาขับรถสปอร์ตมาเรียนด้วยเหรอวะ แม่งอย่างเท่ห์”

“มึงไม่ต้องชื่นชมไอ้ตี๋นั่นเลยเก้า มันก็แค่พวกลูกคนรวยที่ไม่มีสามัญสำนึก” นาวาแสดงอคติ “โว้ย ไม่คุยเรื่องนี้ละ ไปหอสมุดดีกว่า จะไปคืนหนังสือแล้วแอบงีบสักหน่อย พวกมึงไปกับกูไหม”

“ชวนพวกกูเข้าหอสมุดเหมือนชวนผีเข้าวัด ไปคนเดียวเถอะย่ะ” นิสาพูดขึ้นก่อนที่นาวาจะลุกจากไป


หอสมุดเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ บ่อยครั้งที่นาวาหลีกหนีความวุ่นวายข้างนอกมาแอบงีบหรือหาหนังสืออ่านเล่น เด็กหนุ่มคืนหนังสือที่เขาเพิ่งยืมไปให้กับบรรณารักษ์ ก่อนที่จะเดินขึ้นมายังชั้นสี่เพื่อหาหนังสืออ่านเล่นเล่มต่อไป

หอสมุดแห่งมีทั้งหมด 6 ชั้น ชั้นที่นาวาโปรดปรานมากที่สุดคือชั้น 4 เพราะชั้นนี้เป็นชั้นหนังสือภาษาอังกฤษ หนุ่มร่างบางไม่ได้ชื่นชอบการอ่านตำราภาษาอังกฤษแต่อย่างใด สิ่งที่หนุ่มน้อยชอบเกี่ยวกับชั้นนี้คือความเงียบ เพราะชั้นนี้มักจะไม่ค่อยมีนักศึกษาขึ้นมามากนัก จะมีบ้างตอนช่วงสอบที่หลายคนขึ้นมาจับจองพื้นที่ในการอ่านหนังสือ แต่ในช่วงต้นเทอมแบบนี้น้อยคนนักจะขึ้นมา

มุมโปรดของนาวาคือโต๊ะยาวริมหน้าต่าง เพราะเป็นมุมที่ได้เห็นทัศนียภาพทั้งหมดของมหาลัย เขาชอบมองปลายไม้เหวกไหวไปตามแรงลม ชอบมองคู่รักเบื้องล่างเดินจับมือกัน บ้างก็กำลังหัวเราะพูดคุยสนุกนาน บางคนเดินมากับเพื่อน บางคนก้มหน้ากดโทรศัพท์อยู่คนเดียว ทุกครั้งที่เห็นภาพเหล่านี้นาวาจะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาสามารถสัมผัสความสุขได้จากสิ่งเล็กๆรอบตัวเหล่านี้

ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้ที่มุมหนึ่งของโต๊ะยาวจะมีคนมาจับจอง นาวาเห็นนักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งฟุบหน้าหลับตรงมุมโปรดของเขา เพราะวันนี้แดดแรง และแสงแดดส่องผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามา นาวาจึงต้องลากเก้าอี้ไปนั่งใกล้นักศึกษาหนุ่มคนนั้น เพราะบริเวณนั้นแดดส่องไม่ถึง เมื่อได้ที่นั่งที่ตัวเองพอใจ นาวาก็ฟุบหลับตามชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆทันที


วินาทีที่ลืมตาขึ้น

นาวามองเห็นดวงตาเรียวรีคู่หนึ่งอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาสีนิลให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เด็กหนุ่มรู้สึกอบอุ่นที่ได้จ้องมอง เคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่านะ นาวาเฝ้าถามตัวเอง แต่คำตอบเหมือนจะอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกล เขามั่นใจว่าต้องเคยพานพบดวงตางดงามคู่นี้มาก่อน จิตใจของนาวาเบิกบานเหมือนได้พบเจอสิ่งของที่หล่นหายไปเมื่อนานแสนนาน

เครื่องหน้าของชายผู้นี้ งดงามราวงานจิตกรรม แพขนตารับกับคิ้วดกหนาสีดำสนิท จมูกคมสันได้รูปเข้ากับปากเป็นกระจับสีกุหลาบ โครงหน้าเรียวงามนั้นเหมือนงานสลักหินอ่อนที่ประณีตลงตัว ใบหน้าของเขา โดยเฉพาะแววตา ทำให้เสียงหัวใจของนาวาเต้นโครมคราม

ทันทีที่ลืมตาขึ้น

ชายหนุ่มมองเห็นแววตาแปล่งประกายคู่หนึ่งทอดมองมา นัยน์ตาสีน้ำตาลทองคู่นั้นจับจ้องมาทางเขา แววตาของคนตรงหน้าเหมือนของขวัญล้ำค่าที่เขาตามหามานานแสนนาน เหมือนเราเคยเจอกันมาก่อน ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองในใจแต่ความทรงจำมันรางเลือน รู้เพียงว่ามันเป็นความทรงจำที่ลึกเกินหยั่งถึง

ตาสวยของคนตรงหน้าไม่ควรถูกบดบังด้วยแว่นตา ชายหนุ่มอยากจะเอื้อมมือไปถอดแว่นตาอันนั้นออก แต่มือของเขากลับหยุดอยู่ที่พวงแก้มของคนร่างเล็ก ชายหนุ่มสำรวจเครื่องหน้าของคนตรงข้าม เขาชอบจมูกรั้นที่ส่อแววว่าเจ้าของเป็นคนดื้อ คิ้วเรียวเรียวคู่นั้นเข้าได้ดีกับแพขนตางอน แล้วลายตาของชายหนุ่มก็จดจ่ออยู่ที่ริมฝีปากบางของคนตรงข้าม

ระฆังงานวิวาห์ดังแว่วในโสตของคนทั้งสอง

ทันใดนั้น… ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันอย่างนุ่มนวลโหยหา จุมพิตอุ่นหวานกินเวลาเนิ่นนาน ราวทั้งสองอยากจะหยุดลมหายใจเอาไว้ ณ ห้วงนาทีนี้

เจ้าชายได้พบเจ้าสาวของตัวเองแล้ว

และคำรักคงจะได้เอื้อนเอ่ยออกมา

“ไอ้ตี๋! / ไอ้เตี้ย!”


 :a5:

 :z6:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 12-10-2014 16:34:29
555 คำรักที่รุนแรงจังน๊าาาา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Fuzz ที่ 12-10-2014 16:50:46
เป็นการพบเจอที่น่าประทับใจ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ali$a฿eth ที่ 12-10-2014 17:19:40
เอ๋คุ้นๆแฮะ เอามาลงใหม่เหรอคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 12-10-2014 17:49:49
เอ๋คุ้นๆแฮะ เอามาลงใหม่เหรอคะ

ใช่ค่ะ ^__^

พอดีอยากแก้ไขอะไรบางอย่างในเนื้อเรื่อง แล้วก็แต่งไปได้ 50 % แล้ว ใจจริงอยากจะรอแต่งให้จบแล้วค่อยลง
แต่มันคันไม่คันมือ เหมือนอยากจะเห็นฟีตแบคเร็วๆน่ะค่ะ

ดีใจจังมีคนจำได้
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-10-2014 18:04:31
นั่นไงๆ ว่าแล้วต้องเป็นเรื่องที่เคยอ่าน
จะได้รู้สักที ว่าทั้งคู่เริีมจูบกันได้ยังไง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 12-10-2014 22:04:57
มองตากันไปมองตากันมา จูบกันเฉยเลยยยย
 :oni1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: MunashiiSora ที่ 12-10-2014 22:42:00
เอ๋ ? ยังไงๆ ได้ข่าวว่าเพิ่งมีเรื่องกันไม่ใช่เรอะ !?

เราชอบการบรรยาย บรรยายดีมากเลยค่ะ ดูเลอค่า 5555555  :laugh:

ปล. เพลงประกอบเพราะมาก
ปล. ติดตามๆ

+1
 :L2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: dark-soleil ที่ 12-10-2014 23:38:26
เค้าเคยุ๊คมาร์คเรื่องนี้ไว้ในแท็บเล็ต....

พอผลอกดล้างประวัติการท่องเว็บปุ๊ป บุ๊คมาร์คนิยายในเล้าทั้งหมดที่ทำไว้ก็หายปั๊ป

อีกอย่างนิสัยเสียเค้าคือบุ๊คมาร์คไว้ เปิดอ่านได้ตลอด ไม่ได้ใส่ใจกับชื่อเรื่อง...

เลยทำให้จำชื่อเรื่องไม่ได้

คิดถึงเรื่องนี้จังงง กว่าจะหาเจอ....แอร๊ยยย

เค้าสัญญา คราวนี้จะรักษาบุ๊คมาร์คไว้อย่างดี

รักคนเขียนนะจุ๊บๆ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 13-10-2014 00:39:00
เป็นคำรักที่ฮาร์ดคอร์จังเลยน้า
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 13-10-2014 01:17:46
โอ้ย ฟังเพลงไปอ่านไป นี่หวานมากก
ชอบ แต่ฟังอีกเวอร์นะ
http://www.youtube.com/watch?v=oIHaNh3jRXg
สนุกก รอตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 13-10-2014 07:25:27
เป็นการพบกันของโชคชะตาสินะคิคิ :hao6:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 13-10-2014 12:51:58
ดูคำรักละขำพรืด5555555555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: dorabarin ที่ 13-10-2014 14:11:16
 :z1: น่าสนุกๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 13-10-2014 18:27:56
ทะเลาะกันน่ารัก :m20:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 13-10-2014 22:20:19
หูย คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
มาลงใหม่แล้ว มาต่ออีกเยอะๆนะค๊าาาาาาาา  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 13-10-2014 23:28:13
กร๊ากกก ตามองตา สายตาก็จองมองกัน รู้สึก.....  :laugh:
ฮิ้ว มาลงต่อให้เยอะๆเลยนะคะคนแต่งจ๋า จุบุๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: PEUNGhoney ที่ 14-10-2014 20:47:29
งงนิดๆ แต่อยากอ่านตอนต่อไปแล้ววววว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 16-10-2014 06:17:04
 :hao7: :hao6:
เค้าจูจุฟกันแล้ววววว

อ่านไปเขินไป เพลงเพราะมากด้วยค่ะ

เมื่อไหร่จะมาตอค่ะ รอนะคะ ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 16-10-2014 06:49:55
เค้าจำเรื่องนี้ได้55
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 17-10-2014 01:15:58
 :hao5:

ยังไม่มาอีกเร้ออออออ

 :katai5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 17-10-2014 13:46:13
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
 :L2:
Chapter 2
ธารกำนัล (ครึ่งแรก)

พายุก่อตัวขึ้นในยามบ่าย…

เมื่อเมอร์ซีเดสเบนซ์ SLK 200 สีขาวจอดสนิท เจ้าของรถปิดประตูอย่างหัวเสียก่อนจะเดินหน้าหงิกงอเข้าบ้านไป ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มบุหนังสีครีม ขาเรียวก่ายอยู่บนสตูลวางเท้าสีเดียวกับชุดโซฟา เขาขยับเนคไทออกพอหลวมแล้วปลดกระดุมเสื้อสามเม็ด เจ้าของดวงตาเรียวรีรู้สึกร้อน หงุดหงิด และแทบจะเป็นบ้า

คุณหนูกำลังอารมณ์ไม่ดี

สาวใช้ในคฤหาสน์ทุกคนต่างรู้ดีว่าอีกไม่นานพวกหล่อนจะพลอยโดนหางเลขไปด้วย เป็นที่รู้กันในบ้านวรจักรโสภณว่าคุณหนูคนเล็กอารมณ์ร้าย โมโหง่าย เอาใจยากเป็นที่สุด ใครที่ปรนนิบัติไม่ได้ดั่งใจ คุณหนูจะไล่คนนั้นออกโดยไม่ฟังข้อแก้ตัวแต่ประการใด เดือนที่แล้วแม่บ้านที่รับผิดชอบทำความสะอาดห้องนอนเพิ่งโดนไล่ออก เพราะเธอวางตำแหน่งสบู่ล้างมือผิดที่

เวลาคุณหนูโมโห ไม่มีใครทำให้คุณหนูใจเย็นลงได้ แม้แต่คุณนายใหญ่ หรือคุณหนูใหญ่ ซึ่งเป็นคุณย่ากับพี่สาว ก็ไม่สามารถกล่อมให้เจ้าชายของบ้านนี้สงบลงได้ ในยามที่เขาโมโห ชายหนุ่มจะเป็นที่หวาดกลัวของบรรดาสาวใช้ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะกลัวโดนไล่ออก

“ไม่คิดจะเอาน้ำมาให้ดื่มกันเลยหรือไง!” นั่นไง พายุเริ่มก่อตัวแล้ว อีกไม่นานทุกคนก็จะโดนทั้งลมทั้งฝน โชกดีกับพายุของเจ้าชายกันถ้วนหน้า

“มาแล้วค่ะ น้ำค่ะคุณหนู” สาวใช้คนหนึ่งรีบเอาน้ำมาให้ชายหนุ่ม เธอเห็นคิ้วหนาขมวดเป็นปม สายตาดุดันมองมาที่เธออย่างไม่เป็นมิตร

“เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ” ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

“ระ เรียกว่าคุณหนูค่ะ” สาวใช้ก้มหน้าหลบสายตาชายหนุ่ม หล่อนรู้ว่าตัวเองได้ทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่สุด พลั้งปากออกไปอย่างไม่น่าให้อภัย คุณหนูไม่ชอบให้ใครเรียกว่า…คุณหนู

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามเรียกฉันว่าคุณหนู!” ชายหนุ่มหัวเสียทุกครั้งที่ถูกเรียกด้วยคำพูดอ่อนแอแบบนั้น คุณหนู… ผู้ชายที่ไหนก็ไม่เหมาะกับคำนี้เลย “ฉันชื่อตรีเพชรได้ยินหรือยัง คราวนี้รู้ใช่ไหมว่าควรเรียกว่าอะไร”

“ค่ะ คุณเพชร”

“รู้แล้วก็ไปไกลๆ อ้อ เรียกคนทำความสะอาดห้องมาหาฉันด้วย” นับว่าหล่อนยังโชคดีที่ไม่โดนไล่ออก เพราะสมองของตรีเพชรในเวลานี้เต็มไปด้วยภาพของเด็กหนุ่มใส่แว่นตาหนาเตอะ เด็กหนุ่มที่ทำลายศักดิ์ศรีของเขาไปจนสิ้น

เมื่อสาวใช้ที่รับผิดชอบทำความสะอาดห้องมาหา ชายหนุ่มสั่งให้เธอขนกรุน้ำหอมทุกขวดที่ตนมีลงมาด้านล่าง และตรวจหากลิ่นที่ฉีดในวันนี้

“หาให้เจอนะว่าวันนี้ฉันฉีดกลิ่นไหน” คุณเพชรสั่งด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เป็นไงบ้างเจอไหม”

“เอ่อ…ยังค่ะ”

“ก็กลิ่นที่มันฉุนๆน่ะ มีขวดไหนฉุนเกินไปไหม”

“ดิฉันว่าไม่มีนะคะ ทุกกลิ่นละมุนพอดี ไม่ฉุนเกิน”

“มีสิ! ไม่มีได้ไง ก็ไอ้เด็กนั่นบอกว่าน้ำหอมฉันโคตรฉุน หาไปจนกว่าจะเจอ” ชายหนุ่มออกคำสั่ง ใบหน้าของนาวาทำท่าขยะแขยงกลิ่นน้ำหอมลอยเข้ามาในหัวของตรีเพชร ไม่ว่าจะสลัดความคิดอย่างไร ดวงหน้าของเด็กแว่นแสนเฉิ่มคนนั้นยังคงไม่จางหายไป ตรีเพชรเห็นใบหน้านวลนั้นยิ้มสะใจ หัวเราะถากถางเขาว่าเป็นคนไร้รสนิยม 

“เธอคนนั้นน่ะ เธอคือคนรีดผ้าของฉันใช่ไหม” ตรีเพชรถามสาวใช้อีกคนที่พยายามเดินหลบเขาไป

“ชะ ใช่ค่ะ”

ดวงตาของชายหนุ่มวาวโรจน์ด้วยความเดือดดาล “เธอทำงานประสาอะไร ทำไมรีดผ้าไม่เรียบ!”

“ดิฉันรีดสองครั้งตามที่คุณเพชรสั่งแล้วนะคะ”

“ถ้าสองรอบแล้วยังไม่เรียบก็รีดอีกสิ แค่นี้ต้องให้บอกทุกเรื่องเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด ไม่มีใครทำงานได้ดั่งใจเขาเลย “เสื้อของวันพรุ่งนี้ห้ามมีรอยยับเด็ดขาด ไม่งั้นก็เชิญไปทำงานที่อื่น”

“แล้วนี่นายศักดิ์อยู่ไหน” ตรีเพชรเอ่ยขึ้นกับสาวใช้ที่เอาขนมมาเสิร์ฟ “เธอไปตามนายศักดิ์มาพบฉันด่วน” สาวใช้กระวีกระวาดรับคำก่อนจะวิ่งออกไปตามนายศักดิ์คนขับรถ

ตรีเพชรนั่งมองสาวใช้หากลิ่นน้ำหอมอยู่นาน รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีทีท่าว่าหล่อนจะเจอกลิ่นที่เขาต้องการ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะดมหากลิ่นด้วยตัวเอง แต่ยิ่งหาเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโมโห เพราะเขาหาไม่เจอและไม่คิดว่าน้ำหอมตัวเองจะฉุนเหมือนโคโลญถูกๆแบบที่คนทั่วไปชอบใช้ ชายหนุ่มเกิดมาเพื่อแตกต่าง เขาเกิดมาเพื่อเป็นทายาทของวรจักรโสภณ เจ้าของธุรกิจห้างสรรพสินค้าและโรงแรมมากมายในเครือวรจักร กรุ๊ป เขาเกิดมาเพื่อเป็นเจ้าชายผู้เพียบพร้อม แต่ทำไมไอ้เด็กนั่นยังหาข้อติเตียนเขาได้มากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจ

“คุณเพชรเรียกผมเหรอครับ” เสียงพูดของนายศักดิ์ดึงตรีเพชรออกมาจากภวังค์

“เพิ่งจะมา นี่ต้องให้ฉันออกไปตามหรือไงถึงจะเสด็จ”

“ขอโทษครับ” คนรถทำสีหน้าปั้นยาก

“เอานี่ไป” ตรีเพชรยื่นธนบัตรจำนวนหนึ่งออกมา “ไปซื้อรองเท้าใหม่ให้ฉัน ไม่เอารองเท้าเชยๆแบบที่คนแก่ใส่ไปงานลีลาศ
เหมือนคู่เมื่อเช้า หาที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด เอามาให้ฉันด่วนก่อนเย็นวันนี้”

“แต่ภายในเย็นวันนี้ผมเกรงว่าจะไม่ทันเอานะครับ ไหนจะรถติดอีก”

“ยังไงก็ต้องทัน! ไปหามาให้ได้ก่อนจะไม่มีโอกาสเป็นคนขับรถของที่นี่”

“…ได้ครับคุณเพชร”

บ่ายวันนี้คุณเพชรทำเอาคนใช้ทุกคนหวาดผวา เพราะหลังจากที่ไม่มีใครหากลิ่นน้ำหอมที่คุณชายต้องการได้แล้ว คุณเพชรยิ่งพาลโมโหเข้าไปใหญ่ ใครทำอะไรนิดหน่อยเป็นอันไม่ถูกใจไปเสียทุกเรื่อง ขนมที่เคยโปรด หรืออาหารที่ถูกปาก ก็ไม่ถูกอกถูกใจไปเสียหมด ดูท่าคราวนี้คุณตรีเพชรคงจะเจอเรื่องคอขาดบาดตายมาเป็นแน่แท้ ใครที่ทำให้คุณหนูโกรธจะต้องเป็นคนที่น่ากลัวมากทีเดียว หรือไม่คนคนนั้นอาจจะยังไม่รู้ฤทธิ์ของเจ้าชายคนนี้ ถึงได้กล้าก่อพายุขึ้นในใจของคุณชาย

สาวใช้หลายคนแอบสงสัยในที่มาของรอยช้ำที่แข้งซ้ายของเจ้านายหนุ่ม แต่ใครเลยจะกล้าเอ่ยถาม ดีไม่ดีอาจโดนเหวี่ยงเข้าอีกรอบ คุณเพชรร้องลั่นเมื่อสาวใช้นำน้ำแข็งประคบรอยช้ำที่บวมเป่ง คุณหนูเจ็บจนสีหน้าหงิกงอ หลายคนเห็นแล้วเกิดความสงสาร บ้างก็แปลกใจ คุณเพชรไม่ใช่คนซุ่มซ่ามเดินสะดุดอะไรจนบาดเจ็บขนาดนี้ ที่มาของรอยช้ำนั่นต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังเป็นแน่แท้

 วันนี้อารมณ์คุณเพชรปรวนแปรเป็นประวัตติการณ์

บ่อยครั้งที่เห็นคุณหนูนั่งเหม่อ ลูบไล้ริมฝีปากตัวเอง ดวงตาเรียวคู่นั้นหวานเยิ้มพาฝัน ชายหนุ่มยิ้มจนสาวใช้คนหนึ่งอดถามไม่ได้ว่าคุณชายดีใจเรื่องอะไรเพราะหล่อนเข้าใจไปว่าคุณเพชรหายโมโหแล้ว แต่ที่ไหนได้ ขนาดถามว่ายิ้มเรื่องอะไรยังโดนหาว่าก้าวก่ายเกินหน้าที่ งานการของตัวเองไม่รู้จักทำ อยากรู้อยากเห็นแต่เรื่องของเจ้านาย แถมจะยิ่งทำให้คุณชายพาลโกรธเข้าไปใหญ่ คราวนี้พาลได้แม้กระทั่งสาวใช้ที่สวมแว่นตา ใครที่สวมแว่นเดินผ่านหน้า คุณชายสั่งถอดไม่มีเหลือ

สาวใช้ทุกคนต่างพากันโล่งใจเมื่อเพื่อนคุณเพชรโทรมาชวนไปทานข้าว คุณชายรีบแต่งตัวและออกจากบ้านโดยทันที แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตะลึงเมื่อชายหนุ่มเดินผ่านห้องโถงออกไปก็คือ คุณเพชรไม่จัดทรงผม ไม่พรมน้ำหอม สวมรองเท้าผ้าใบสีเรียบ เสื้อเนื้อดีสีน้ำเงินเข้มตัดกับผิวขาวผุดผ่อง ใส่ยีนส์สีดำเรียบๆ วันนี้คุณเพชรต่างกับคุณเพชรคนก่อน คนนี้ดูมีเสน่ห์ดึงดูด ดูน่าเข้าหามากกว่าคนที่สุดแสนจะเฟอร์เฟคคนนั้นเสียอีก

 :z3:

 :z6:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 ธารกำนัล (17/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ali$a฿eth ที่ 17-10-2014 15:32:23
ห้าๆดีใจคะที่ใช่เรื่องเดียวกัน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 ธารกำนัล (17/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 17-10-2014 15:46:42
เจ้าชายสุดเนียบกลายร่าง

ปูเสื่อรอครึ่งหลัง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 ธารกำนัล (17/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: holyhilly ที่ 17-10-2014 19:37:48
 o18 ดีจังมาต่อแร้ว ชอบตั้งแต่อันเดิมแล้วอ่าาา อยากให้มาต่อเร็วๆ อยากอ่านจนจบเรย ขอให้มาต่อไวๆและเรื่อยๆนะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนเน้ออ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 ธารกำนัล (17/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 17-10-2014 19:46:27
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 ธารกำนัล (17/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 17-10-2014 21:16:16
เหวี่ยงได้สุดยอดมากเลยคุณชายยย
แต่ก็เคลิ้มกับจูบอยู่ใช่ม้า~
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 ธารกำนัล (17/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 17-10-2014 22:44:12
อยากให้เจอกันบ่อยๆ55555555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 ธารกำนัล (17/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-10-2014 19:47:20
คุณชายโดนทำให้เขวซะแล้ว 5555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 ธารกำนัล (17/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 19-10-2014 08:27:00
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
 :L2:
Chapter 2
ธารกำนัล (part 2)


รอยจูบของโรเบิร์ต เฮอร์ริคในยามบ่ายของวัน

รอยจูบของเขาประทับลงไปบนดวงใจของนาวาในคาบเรียนวิชาวรรณกรรมของวันนี้

Robert Herrick เป็นกวีชาวอังกฤษในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17

เขาเกิดในลอนดอนเมื่อปี 1591 ชีวิตวัยเด็กของโรเบิร์ตน่าเศร้านัก แม้จะเกิดมาในครอบครัวพ่อค้าที่ทำธุรกิจค้าขายทองคำเราอาจพูดได้ว่าเขาเกิดมาบนกองเงินกองทองขนานแท้ แต่เด็กน้อยโรเบิร์ตกลับอาพับ กำพร้าบิดาตั้งแต่เยาว์วัย

นายนิโคลัส เฮอร์ริค ผู้เป็นบิดาตัดช่องน้อยแต่พอตัว ชิ่งฆ่าตัวตายไปเสียตั้งแต่เด็กน้อยโรเบิร์ตอายุได้เพียง 1 ขวบ ช่างน่าเสียดายที่พ่อผู้ให้กำเนิดไม่มีโอกาสเห็นความสำเร็จของบุตรชายในฐานะกวีผู้เลื่องชื่อ

แม้จะอาพับไร้บิดา โรเบิร์ตกลับเติบโตมาเพื่อเป็นหนุ่มนักรัก

กลอนรักของเขาอุทิศให้แก่แอนเทีย… หญิงสาวที่อาจกล่าวได้ว่าเธอสามารถบัญชาเขาได้ในทุกๆสิ่ง Anthea, who may command him any thing โรเบิร์ตเขียนกลอนให้แอนเทียหลายบทด้วยกัน แต่บทหนึ่งในชั้นเรียนวรรณกรรมอังกฤษที่นาวากำลังนั่งจดจ่ออยู่หน้าห้องได้หยิบยกมาในวันนี้มีชื่อว่า

To Anthea: ah, my Anthea!

Ah, my Anthea! Must my heart still break?
(Love makes me write, what shame forbids to speak)

Give me a kiss, and to that kiss a score;
Then to that twenty add a hundred more;
A thousand to that hundred: so kiss on,
To make that thousand up a million.
Triple that million, and when that is done
Let’s kiss afresh, as when we first begun.

But yet, though love likes well such scenes as these,
There is an act that will more fully please:
Kissing and glancing, soothing all make way

But to the acting of this private play:
Name it I would; but, being blush red,
The rest I’ll speak when we meet both in bed.


จากบทกลอนดูเหมือว่ากวีมีอาการเหนียมอายที่จะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ Name it I would; but, being blush red หากข้อความที่เขาส่งถึงแอนเทียหลุดออกมาจากริมฝีปากเขาแล้วละก็ ชายหนุ่มจะต้องเอียงอายจนแก้มแดงระเรื่อ เขาจึงตัดสินใจเขียนสิ่งที่ต้องการจะสื่อออกมาเป็นบทกลอนอุทิศแด่แอนเทียผู้เป็นที่ปรารถนา… จะว่าไปแล้วจากเนื้อความของกลอน นาวาคิดว่าตัวเองได้เห็นมารยาชายจากนักรักโรเบิร์ต

แหม...มุกแอบจีบสาวของเฮียแกเนียนไม่เบา

ด้วยสภาพสังคมสมัยนั้นเป็นยุคที่การแตะเนื้อต้องตัว การพูดเกี่ยวกับเนื้อตัวของฝ่ายตรงข้าม หรือกระทั่งการเอ่ยความปรารถนาในเรื่องเพศเป็นสิ่งต้องห้าม โรเบิร์ตจอมเนียนจึงอธิบายมุขจีบสาวของเขาไว้ว่า Love makes me write, what shame forbids to speak เพราะรักหรอกจึงเขียนถึงสิ่งที่ไม่ควรพูด ที่เขียนก็เพราะว่าความรักมันล้นอก ไม่ได้จงใจจะเอาเธอมากระทำมิดีมิร้ายเลยจริงจริ๊ง ฉันไม่ได้หื่นนะแอนเทียที่รัก โปรดเข้าใจ

Give me a kiss จูบฉันหน่อยสิ… เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนมีมดกัดที่หน้า พวงแก้มร้อนผ่าวโดยไม่ทราบสาเหตุ

and to that kiss a score นับแต้มจากจุมพิตครั้งนี้ นับไปจนถึงยี่สิบ นับเพิ่มไปเรื่อยๆจนถึงร้อย เพิ่มจากร้อยจนเป็นพัน เมื่อครบพันให้นับจนถึงล้าน จูบครบล้านให้เพิ่มเป็นสามล้าน … and when that is done, let’s kiss afresh, as when we first begun… และเมื่อครบสามล้านครั้ง เรามาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่

นับว่าเป็นกลอนที่มีจำนวนจูบเยอะที่สุดในโลกเท่าที่นาวาเคยอ่านมา มดแทบจะขึ้นหน้ากระดาษของเฮียโรเบิร์ตเพราะถ้อยคำเหล่านั้นบรรจุความปรารถนาอันหวานหยดของเฮียแกที่มีต่อคนรัก จนอาจมองได้ว่า จุมพิตที่โรเบิร์ตอยากมอบให้กับแอนเทีย เป็นตัวแทนของความรักความต้องการในตัวเธอที่เขามีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ต่อให้จูบกันครบตามที่ตั้งเป้าไว้ and when that is done กวีหนุ่มก็อยากขอเริ่มใหม่ let’s kiss afresh, as when we first begun เพราะความรักและปรารถนาที่เขามอบให้เธอนั้นมีค่าเป็นอนันต์ ไม่มีที่สิ้นสุด

Kissing and glancing, soothing การมอบจุมพิต การทอดสายตาเมียงมอง และการปลอบประโลมใจล้วนเป็นการกระทำที่นำมาซึ่งความสุขสมดั่งปรารถนาให้แก่เขาทั้งสิ้น more fully please

นาวาเกือบจะมองโรเบิร์ตผิดไป

รสจูบของกวีหนุ่มไม่ใช่การแสดงออกถึงความปราถนาเพียงอย่างเดียว แต่เขายังต้องการปลอบประโลมคนรัก อยากสบสายตาของเธอผู้นั้น และนั่นทำให้รู้ว่าอีตาโรเบิร์ตไม่ได้สักแต่หื่นไปวันๆ เขาเป็นกวีหนุ่มที่มีรักท้วมท้น ที่โรเบิร์ตอยากจูบเพราะเขามีรักล้นใจ

แล้วจูบที่เราเสียไป เพราะอะไรกันนะ นาวาคิดกับตัวเอง พลางรู้สึกว่าใบหูร้อนผ่าว

แต่ช่างเถอะ ค่อยถามตอนอยู่บนเตียงก็ได้ เฮ้ย! ไม่ใช่ละ เจออีกที มึงโดนเชือดแน่ไอ้ตี๋

กวีโรเบิร์ตพรรณนาความปรารถนาของเขาไว้แค่รสจูบ เพราะที่เหลือเขาจะไปพูดต่อตอนอยู่บนตั่งบนเตียงกับสาวน้อยแอนเทีย The rest I’ll speak when we meet both in bed. สรุปคือเฮียโรเบิร์ตแกขี้เขินจริงๆ เขินจนกระทั่งจะเก็บข้อความที่เหลือเอาไว้เพื่อพูดกับแอนเทียเพียงสองคน บนเตียง!

นกกระจิบรีบบินหนีไปเมื่อเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมา

“ออกไปจากหัวกูเดี๋ยวนี้” นาวาตะโกนลั่น

สระเก็บน้ำในมหาวิทยาลัยเป็นที่ที่เด็กหนุ่มชอบมาสูดอากาศ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้นาๆชนิด และที่สำคัญมีลมโกรกเบาๆตลอดทั้งวัน นาวาจึงชอบมานั่งผ่อนคลายหลังเลิกเรียนที่นี่เป็นประจำ ทุกครั้งที่เด็กหนุ่มทอดมองไปยังผืนน้ำที่กระเพื่อมเป็นระลอกด้วยแรงลม จิตใจเขาจะสงบ เด็กหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่แอบมานั่งตรงนี้

แต่คราวนี้แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง

“ยัง ยังไม่ออกไปจากหัวกูอีก ออกไปนะไอ้ตี๋” นาวาแทบจะทึ้งหัวตัวเอง เมื่อเห็นใบหน้าของตรีเพชรลอยเข้ามาในภวังค์ ดวงตาเรียวรีคู่นั้นไม่เคยลบหายไปจากความทรงจำของร่างบางเลยแม้แต่น้อย

“ถ้าเป็นหน้ามึงกูยอมเห็นหน้าโรเบิร์ต เฮอร์ริคดีกว่า ไอ้หน้าจืด” นาวายังคงหงุดหงิด

การตะโกนออกไปดังๆ ช่วยให้เด็กหนุ่มบังเกิดความสะใจ แต่ไม่ได้ช่วยลบภาพความทรงจำและรอยสัมผัสที่ชัดเจนอยู่ในความรู้สึก ใบหน้าเปื้อนยิ้มน้อยๆของตรีเพชรในตอนนั้นสะท้อนชัดเจนเข้ามาในมโน นาวาตกใจจนแทบจะตกเก้าอี้ สงสัยเขากำลังใกล้บ้าเต็มทน หรือไม่ไอ้ตี๋นั่นมันคงเป็นวิญญาณร้าย ตามมาหลอกมาหลอนกันได้แม้กระทั่งกลางวันแสกๆ

“คอยดูนะกูจะเอาส้นรองเท้าไปตีปากมึง ได้ยินไหมไอ้ตี๋ กูจะเอาส้นรองเท้าฟาดปากมึง ฟาดแรงๆเลยได้ยินไหม” นาวาตะโกนลั่นด้วยความเดือดดาล

“ได้ยินแล้ว” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง

นาวาตกใจที่จู่ๆมีเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขั้น จนเมื่อหันไปมองเขาก็พบกับนัยน์ตาสีดำคุ้นเคย ชายหนุ่มร่างสูงผู้มีเรือนกายกำยำยืนมองมาทางเขา ขายาวกำลังก้าวเข้ามาประชิดตัว

“พูดใหม่อีกทีสิ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อมายืนต่อหน้านาวา

นาวาเกาหัวแก้เก้อด้วยความตกใจ

“พี่ก็อยากโดนรองเท้าฟาดปากเหมือนกันเหรอ” นาวาถามออกไป

“หึหึ แล้วเราจะเอารองเท้าไปฟาดปากใคร ตะโกนลั่นเดี๋ยวคนก็รู้หมด” ชายหนุ่มโยกหัวนาวาด้วยความเอ็นดู

“ให้มันได้ยินสิดี วาคาดโทษมันไว้หนักกว่านี้ซะอีก” นาวาหักนิ้วเสียงดัง เรียกให้คิ้วหนาของชายหนุ่มผู้มาเยือนเลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“อะไรกัน ใครทำเราโมโหขนาดนั้น”

“ช่างมันเถอะพี่จอม วาแค่ซวยเจอมันตอนเช้า แล้วดันซวยซ้ำซวยซ้อนเสือกมาเจอมันตอนเที่ยงอีก ภาวนาอย่าให้เจอมันเย็นนี้ละกัน”

“ไม่อยากเจอขนาดนั้นเลย”

“ก็ใครจะไปอยากเจอมันล่ะเฮีย เจอมันวามีแต่เจ็บตัว เนี่ยตอนเช้าโดนมันขับรถชนเข้า ได้แผลมาดูต่างหน้าจืดๆของมันแผลเบ้อเร่อ ตอนเที่ยงวิ่งหนีมันจนสะดุดขาเก้าอี้ลมคะมำที่หอสมุดอีก ถ้าเจอมันตอนเย็นนะ มีหวังวาคงโดนรถทับตาย ซวยจริงๆ”

“เอาเถอะ คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก” มือหนาของจอมทัพลูบหัวนาวาอย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มเหยียดยิ้มน้อยๆให้กำลังใจ

“ปลอบวาหน่อยดิ” นาวาทำหน้ายียวน “เนี่ยวันนี้ทั้งวันเจอแต่เรื่องร้ายๆ ไม่มีกำลังใจจะทำอะไรแล้ว”

“อือ” จอมทัพพูดแค่นั้น แต่ฝ่ามือของเขายังคงลูบหัวของคนร่างเล็กอย่างแผ่วเบา

“พี่นี่น้า… เป็นแบบนี้ตลอดเลย” นาวาถอนหายใจเหนื่อยหน่าย “หัดพูดให้มันเยอะๆเข้าดิ มัวแต่เป็นคนพูดน้อยอยู่อย่างนี้ เมื่อ
ไหร่พี่มีแฟนซะที วาอยากเห็นพี่มีฟงมีแฟนกับเขาบ้างนะ อยากเห็นหน้าพี่สะใภ้ใจจะขาดรู้ไหม”

“มีเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” จอมทัพตอบสั้นๆ พลางยิ้มเบาๆ

“เห้อ… ที่ผมให้ปลอบเนี่ยเพราะต้องการให้พี่หัดพูดเยอะๆ พี่จอมก็มัวแต่เก็บคำพูดอยู่อย่างนี้ คอยดูเวลาอยากปลอบใครขึ้นมาพี่จะจนหนทาง ถึงเวลานั้นอย่าหาว่าไอ้วาไม่เตือน”

จอมทัพเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ก่อนชายหนุ่มจะทิ้งตัวพิงพนักของเก้าอี้หินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ ดวงหน้าคมสันหันมองทัศนียภาพของสระเก็บน้ำ “พี่มีวิธีปลอบที่ดีกว่านั้น”

“มีวิธีที่ดีกว่าพูดปลอบด้วยเหรอพี่”

ชายหนุ่มคว้าข้อมือของคนตัวเล็กให้ลุกขึ้น ก่อนเอ่ยบางสิ่งที่ทำให้นัยน์ตาสีน้ำตาลทองคู่นั้นฉาบแววยินดีอย่างปิดไม่มิด “เดี๋ยวพี่เลี้ยงเหล้า”

ของฟรีใครจะพลาด

ไม่มีใครอยากพลาดเหล้าฟรี ทฤษฏีนี้ใช้ได้กับหลายๆคน ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มเพื่อนของนาวา

ณ ร้านอาหารกึ่งบาร์ แอนด์ เรสเตอรองท์ นักศึกษาหกชีวิตกำลังพูดคุยสวรเสเฮฮากันอยู่ในมุมหนึ่งของร้าน โดยมีจอมทัพอาสาเป็นเจ้ามือเลี้ยงดินเนอร์รุ่นน้องที่ห่างไกลกับคำว่าเกรงอกเกรงใจอยู่หลายช่วงตึก

“เอายำวุ้นเส้นไม่ใสหอมใหญ่ แล้วก็ปลาสามรส…” เก้าพูดอยู่กับพนักงานรับออเดอร์

“ปลาสามรสเพิ่มขอเป็นสองที่นะคะ ส่วนยำวุ้นเส้นขอกุ้งเยอะๆค่ะ แล้วทุกเมนูช่วยทำเผ็ดๆหน่อยนะคะ” นิสาแทรกขึ้นมา

“ไอ้สา กูไม่กินเผ็ด” เก้าทักท้วง

“เอ๊ะ ก็กูจะกินเผ็ดๆอ่ะ”

กว่าจะสั่งอาหารและเครื่องดื่มได้ สองรายนั้นเกือบทะเลาะกันกลางวงเพราะนิสาชอบอาหารสจัดในขณะที่เก้าไม่ชอบอาหารจัดจ้าน ท้ายที่สุดเหมือนว่านิสาจะใจอ่อนเลยปล่อยให้เก้าชนะ แต่ไม่วายบ่นกระปอดกระแปดว่าเก้าไม่แมนพอเลยทานพริกไม่ได้ เก้าสวนกลับว่าใครจะไปแมนเท่านิสาผู้หญิงห้าวที่กระเดือกพริกแล้วไม่รู้สึกอะไร

ร้านนี้ตกแต่งด้วยโทนสีขาว ตามผนังร้านมีกรอบรูปบรรจุรูปถ่ายเก่าๆ ของครอบครัวเจ้าของร้านแขวนอยู่ทั่วทุกมุม ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในบ้าน แต่เป็นบ้านที่มีเสียงดนตรีเปิดคลออยู่ตลอดเวลา เพราะกลางร้านมีเวทีขนาดเล็กที่นักร้องกำลังร้องเพลงพร้อมเกากีตาร์โปร่งคู่ใจ

“ใจเย็นดิมึง ค่อยๆดื่มก็ได้ เบียร์นะเว่ยไม่ใช่น้ำหวานกระดกเอาๆ เดี๋ยวก็เมาพอดี” เก้าที่นั่งฝั่งซ้ายของนาวาร้องเตือนเมื่อเห็นเพื่อนกำลังดื่มเบียร์แก้วที่สามอย่างเอาเป็นเอาตาย ใครๆรู้ว่าไอ้นี่คออ่อน ถ้าไม่รีบเตือนมีหวังเมาเลื้อย

“เรื่องของกู มึงเงียบไปเลยไอ้เก้า” นาวาหันมาต่อว่าเพื่อนแล้วกลับไปกระดกเบียร์เย็นๆตามเดิม ไม่มีใครรู้หรอกว่าวันนี้เขาเจออะไรมาบ้าง หนอยไอ้ตี๋ เอาคืนมานะว้อย เอาคืนมา!

“พวกมึงทำมันโกรธหรือเปล่าวะ” เอ็มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้น

ในกลุ่มเพื่อนของนาวามีเขา เก้า และนิสาที่เรียนอยู่คณะเดียวกัน ส่วนเอ็มเรียนวิศวะ และแบงค์เรียนบริหาร ทั้งห้าเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยมัธยม พวกเขาสนิทกันมากเพราะนอกจากจะเคยเรียนห้องเดียวกันแล้ว ทั้งหมดยังเคยอยู่ชมรมถ่ายภาพที่ต้องออกไปบุกป่าฝ่าดง ร่วมทริปอันตรายต่างๆเพื่อไปถ่ายรูปสิงห์สาราสัตว์และแมกไม้พงไพร สามารถพูดได้ว่าทั้งห้าคนร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาแล้ว แม้นิสาจะเป็นหญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่ม แต่เธอก็ไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป บุคลิกห้าวๆและรักในความผาดโผนทำให้เธอเข้ากับกลุ่มนักเรียนชายที่ได้ชื่อว่าสร้างเรื่องปวดกระบานให้ครูฝ่ายปกครองได้อย่างดีทีเดียว

“พวกกูเปล่า กูเจอมันก่อนเที่ยงกับตอนเรียนวรรณกรรมเท่านั้นแหละ” นิสาพูด “ตอนเรียนวรรณกรรมกูยังเห็นมันนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่เลย ไม่เห็นว่ามันจะโกรธอะไรพวกกูนะ”

“หรือเป็นมึงไอ้แบงค์” เอ็มยังคงคาดคั้นคำตอบจากเพื่อนๆ “กูได้ข่าวมึงแอบไปจีบน้องมด คนที่ไอ้เตี้ยมันชอบ” 

“ไอ้เชี่ยเอ็ม มึงจะพูดเรื่องนี้ทำห่าอะไร” แบงค์ที่นั่งตรงหัวโต๊ะเอ่ยขึ้น เขาจงใจหลีกหนีนาวาไปแอบนั่งหัวโต๊ะเพราะเรื่องนี้แหละ เรื่องก็มีอยู่ว่า นาวาแอบชอบสาวคนหนึ่งชื่อน้องมด เธอเป็นเด็กปีหนึ่งคณะบริหาร แบงค์ผู้รักเพื่อนสุดฤทธิ์ช่วยนาวาจีบสาวอีท่าไหนไม่รู้ ช่วยไปช่วยมาดันกลายเป็นจีบซะเอง “มันไม่ได้โกรธกู มึงอย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั้น”

“ไม่ใช่ไอ้แบงค์หรอกที่กูโกรธ พูดไปมึงก็ไม่รู้จักแม่งหรอก” นาวาที่เงยหน้าจากเบียร์แก้วที่สี่พูดขึ้น “แต่กูก็ไม่ลืมสิ่งที่มึงทำไอ้เชี่ยแบงค์ น้องมดสุดสวยเป็นของกู กูจะแย่งคืนมา รอให้ถึงเวลากูคิดบัญชีกับมึงก่อนเถอะแล้วจะหนาว” นาวาหันไปคาดโทษกับคนที่แอบหนีเขาไปนั่งตรงหัวโต๊ะ ทำให้ที่นั่งด้านขวาของนาวาว่างอยู่

“เพราะไอ้หมาที่หอสมุดตัวนั้นคนเดียว” นาวาบ่นออกมาจนได้ยินกันทั้งโต๊ะ

“พี่ว่าวาเริ่มเมาแล้วนะ” จอมทัพที่นั่งฝั่งตรงข้ามข้างเอ็มและนิสาเอ่ยขึ้น “สั่งน้ำอย่างอื่นมาดื่มไหม”

“ไม่เอาพี่จอม วาไม่เมาง่ายๆหรอก”

“เดี๋ยวนะเมื่อกี้มึงว่า หมาที่หอสมุด?” เอ็มถามขึ้น

“นั่นดิ หมาเกี่ยวไรด้วยวะ” แบงค์อดสอดรู้สอดเห็นไม่ได้ “หรือมึงโดนหมากัด”

“เออเด่ หมามันกัดปากกูเนี่ย โบราณถึงว่าเล่นกับหมาหมาเลียปาก” นาวายิ่งพูดเพื่อนๆก็ยิ่งงง ไม่มีใครรู้หรอกว่าหมาตัวนั้นมันตี๋ๆ สูงๆ หล่อๆ ที่สำคัญหมามองเขาตาเยิ้มเลย “แม่ม เห็นกูนิ่งหน่อยทำเป็นได้ใจ เอาคืนมานะไอ้ห่า เอาคืนมาเลยเอาคืนมา!” นาวา
พึมพำกับตัวเอง

“พี่ว่าวาเมาแล้วจริงๆ” จอมทัพสรุปเพื่อคลายข้อข้องใจให้แก่ทุกคน

“ว่าแต่พี่เหอะพี่จอม ไปหิ้วปีกไอ้เตี้ยมาได้ไง” แบงค์ถามพี่รหัส

“บังเอิญเจอ” จอมทัพกล่าว

“แหม ถ้าพวกผมไม่โทรตามไอ้วาก่อน ก็คงไม่มีโอกาสได้กินของฟรีนะเนี่ย กับน้องกับนุ่งไม่เคยนึกถึงล่ะ” แบงค์กล่าวทีเล่นที
จริง

“ก็พวกเอ็งไม่อยู่” จอมทัพตอบ

“แล้วไหนเพื่อนพี่คะพี่จอม สาอยากเจอมานานแล้ว” นิสาถามถึงเพื่อนที่จอมทัพโทรชวนมาทานข้าวด้วยกัน “สาได้ยินเพื่อนผู้หญิงชอบพูดถึงพี่เพชรบ่อยๆ เค้าเมาท์กันว่าพี่แกหล่ออย่างนั้น เท่ห์อย่างนี้ เคยได้ยินแค่กิตติศัพท์แต่ไม่เคยเห็นตัวเป็นๆสักกะที”

“เดี๋ยวมันก็คงมา”

“พี่เพชรคงดีใจนะ ขนาดทอมยังชอบ” แบงค์รุ่นน้องร่วมคณะของตรีเพชรหยอกล้อเพื่อนด้วยคำพูดที่บาดใจนิสา ก่อนก้มหลบน้ำแข็งที่เธอปามา

เมื่ออาหารที่สั่งไปทยอยวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า ทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตากินกันอย่างพร้อมเพรียง นาวาเริ่มรู้สึกมึนเพราะฤทธิ์เบียร์ เด็กหนุ่มเลยขอตัวออกไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น การสังสรรค์ของทั้งโต๊ะยิ่งสนุกเมื่อตรีเพชรคนดังเดินทางมาถึง นิสามองชายหนุ่มตาค้าง ชายหนุ่มดูดีสมคำล่ำลือจริงๆ ที่แต่สิ่งที่เธอไม่รู้เกี่ยวกับตรีเพชรก็คือเขาเป็นคนที่อัธยาศัยดีเกินคาด ตรีเพชรเป็นกันเองกับรุ่นน้องทุกๆคน เมื่อออกนอกบ้านชายหนุ่มจะวางตัวเป็นคนละคน เพราะเขาคิดเสมอว่าตัวเองคือใคร และควรวางตัวแบบไหนในแต่ละสถานการณ์ การเข้ากับคนได้ก็เป็นคุณสมบัติของนักธุรกิจที่ดี

ตรีเพชรและจอมทัพรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะครอบครัวของทั้งสองค่อนข้างสนิทกัน พ่อแม่ของทั้งคู่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย หากพ่อแม่ของตรีเพชรยังมีชีวิตอยู่ ณ เวลานี้ คงจะนัดเจอกับพ่อแม่ของจอมทัพอยู่เป็นแน่ เพราะพวกพ่อแม่มักจะหาเวลาว่างไปพักผ่อนด้วยกันเพื่อย้อนระลึกถึงช่วงเวลาเมื่อครั้งยังหนุ่มยังสาว

“พวกไอ้เปรมล่ะ” ตรีเพชรถามจอมทัพที่นั่งจิบเบียร์อยู่ฝั่งตรงข้าม คุณชายนั่งตรงเก้าอี้ริมขวาสุด เก่าอี้อีกตัวหนึ่งที่ว่างอยู่ตอนนี้เป็นของรุ่นน้องของจอมทัพ นิสาบอกว่าเพื่อนของเธอกำลังเข้าห้องน้ำ

“อยู่บ้านนั่นแหละ โอ๋น้องไอ้เปรมมันอยู่” จอมทัพกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“หึหึ มึงก็เลยเนรเทศตัวเองออกจากบ้านมานั่งจิบเบียร์เล่นว่างั้น” จอมทัพและเพื่อนสนิทคนอื่นๆของตรีเพชรที่เหลือเช่าบ้านอยู่ด้วยกันข้างมหาวิทยาลัย “อย่าโกรธเด็กมันนักเลยว่ะ น้องมันน่ารักดีออก” ตรีเพชรคุยกับเพื่อน

“กูไม่เห็นจะรู้สึกอะไร” จอมทัพกล่าว ใบหน้าเรียบเฉย

“ให้มันจริงเถอะ” ตรีเพชรพูดขึ้นอย่างคนรู้ทัน

ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่สมองของตรีเพชรปลอดโปร่งที่สุด เขาไม่ต้องมัวหงุดหงิดเรื่องรถยนต์มีรอย ไม่ต้องมานั่งคิดมากกับคำพูดของเด็กปากเสีย ไม่ต้องพยายามสกัดกั้นตัวเองออกจากใบหน้าของเด็กแว่นแสนเฉิ่มที่ดูเหมือนว่ามันจะลอยเข้ามาในหัวทุกๆสามนาที เวลาได้พบเจอกับเพื่อน ได้ออกมาสังสรรค์ดื่มของมึนเมา มันทำให้เขาสามารถลบใบหน้าของนาวาออกไปได้บ้าง
เพราะวันนี้เขาทรมานกับการลืมใบหน้าของคนคนนี้เหลือเกิน เด็กคนนั้นเหมือนวิญญาณอาคาต ตามจองล้างจองผลาญเขาได้แม้กระทั่งตอนอาบน้ำหรือตอนแต่งตัว ผลที่ได้ก็ออกมาอย่างที่เห็น ไม่เซ็ตผม ไม่พรมน้ำหอม ไม่กล้าแม้แต่จะหยิบรองเท้าคู่ใหม่มาใส่ ไอ้เตี้ยทำเขาเข็ดขยาดไปเสียทุกๆอย่าง

ตรีเพชรอยากจะเอาชนะนาวาให้ได้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรที่หนุ่มน้อยตำหนิเขามาก็ตาม

หลังออกมาจากห้องน้ำ นาวาก็ยังไม่รู้สึกว่าอาการมึนเมาของตัวเองจะหายไป เขาเดินโซเซไปนั่งฟุบลงที่โต๊ะ เด็กหนุ่มรู้สึกโลกหมุน สายตาพร่ามัว ได้ยินเพียงเสียงถามไถ่จากเพื่อน

“วามึงไหวไหมวะ” เก้าถามขึ้นอย่างห่วงใย พลางลูบหลังเพื่อนแผ่วเบา

“กูยังไหว” นาวา หันไปตอบเก้า

“วา” จอมทัพเรียกนาวาให้หันไปมอง “นี่เพื่อนสนิทพี่ชื่อตรีเพชร” นาวาหันไปหาคนที่เพิ่งมาใหม่ เด็กหนุ่มคิดว่าตัวเองเป็นบ้าไป
แล้วจริงๆ ตรีเพชร หน้าเหมือนไอ้ตี๋ปากร้ายคนนั้นเลยนะ

“ไอ้เพชร นี่นาวารุ่นน้องที่ชมรมกู” จอมทัพหันไปแนะนำนาวาให้กับเพื่อน

โลกหยุดหมุนในเสี้ยววินาทีที่ทั้งสองสบตากัน

ไม่มีใครพูดอะไรออกมา นี่มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว นาวาพยายามสลัดความมึนเมาออกไปจากสมอง และจ้องมองคนตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ใช่ไอ้ตี๋สมองกลวงคนนั้นจริงๆเหรอเพื่อนสนิทพี่จอม พี่จอมผู้แสนดีมีเพื่อนแสนชั่วช้าแบบนี้ได้ยังไงกัน โลกนี้มันอยู่ยากเกินไปแล้ว

นาวาคิดว่าตัวเองเมาถึงได้เห็นใบหน้าของคุณชายหน้าจืดกำลังนั่งทำหน้าเสร่ออยู่ข้างๆเขา ตรีเพชรดูประหลาดใจไม่แพ้กัน ในหัวเขาได้แต่คิดว่าภาพเด็กสวมแว่นตรงหน้าเป็นเพียงผลข้างเคียงจากไอ้เตี้ยเอฟเฟค แค่โดนมันเตะเข้าทีเดียวถึงกับเห็นวิญญาณเด็กนั่นลอยมาหลอกมาหลอนกันเลยเหรอเนี่ย

“ไอ้วา จ้องรุ่นพี่กูอยู่ได้ หล่อถูกใจมึงหรือไง” แบงค์แกล้งแซวเพื่อนที่ทำหน้าอึ้งๆเมื่อเจอตรีเพชร

“ถูกใจเหี้ยไรมึงล่ะไอ้แบงค์ กูตกใจเหมือนคนเห็นผีมากกว่า” นาวาเหน็บตรีเพชร “เห็นแล้วสยองชะมัด”

“ไอ้วา มึงว่าพี่กูอยู่นะ” แบงค์พยายามเตือนเพื่อนที่ดูเหมือนจะเมาขาดสติจนด่าได้แม้กระทั่งคนที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก “ไอ้นี่มันเมาน่ะพี่เพชร อย่าไปถือสามันเลย เมาแล้วปากเสียอย่างนี้แหละ” แบงค์หันไปบอกตรีเพชร

“เหรอ นึกว่าพูดจาแบบนี้เป็นปกติ” ตรีเพชรพูดกับแบงค์แล้วหันไปทำหน้าเย็นชาใส่จอม “ไอ้จอม กูว่าน้องมึงมารยาทแย่ว่ะ หัดสั่งสอนเสียบ้างนะ”

จอมทัพที่เป็นคนกลางระหว่างนาวาและตรีเพชรกำลังทำสีหน้าปั้นหน้ายาก เขาไม่รู้ว่าสองคนนี้ไปโกรธเกลียดกันมาแต่ชาติปางไหน ทำไมแค่เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็สามารถรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ให้กันจากคนทั้งสอง หรือว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สองคนนี้เจอกัน

“สั่งสอน?” นาวายกแก้วเบียร์ขึ้นกระดกแก้กระหาย ก่อนสวนกลับไปว่า “สอนมารยาทตัวเอ็งก่อนเถอะไอ้ตี๋ ทำคนอื่นเขาเจ็บอ่ะ ควรขอโทษไม่ใช่ด่าปาวๆ มันเสียมารยาท” มือของนาวาเลื้อยไปอยู่บนบ่าของอีกฝ่ายอย่างปีนเกลียว อาการเมาเลื้อยเริ่มออกฤทธิ์ เพื่อนๆในกลุ่มกำลังมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ สองคนนี้ทะเลาะอะไรกัน

“อ๋อ ต้องทะเร่อทะร่ามาชนรถคนอื่นเสียหายก่อนใช่ไหม ถึงจะมีสิทธิ์มาเถียงข้างๆคูๆแบบนี้น่ะ ไอ้เตี้ยปากจัด”

“หนอยไอ้ตี๋ ไอ้ผีดิบ ถ้ากูปากจัดแล้วมึงมาจูบปากกูทำไม” นาวาถามออกมาเสียงดัง ทุกคนในโต๊ะต่างตกตะลึงกับสิ่งที่หนุ่มน้อย
พูดออกมา “เอาคืนมาสิ เอาคืนมา” นาวาเริ่มพูดจาป้อแป้ ไม่รู้เรื่อง

“ฉันเนี่ยนะ?” ตรีเพชรถามเสียงหลง “เหอะ นายต่างหากที่เป็นฝ่ายจูบฉันก่อน” ตรีเพชรเถียงกลับเมื่อเขาคิดว่าสิ่งที่นาวาพูดเป็นเรื่องไม่จริง ก็เด็กคนนี้เข้ามาจูบเขาก่อนจริงๆนะ

“ไม่จริง ทุกกคนอย่าไปเชื่อมันนะ” นาวาหันไปบอกกับทุกคน แล้วหันมาคาดโทษกับชายหนุ่มตัวโตที่ตอนนี้เขาเอามือสองข้างคล้องคอบังคับให้ชายหนุ่มหันมาทางเขาอยู่ “แกไอ้ตี๋ แกจูบก่อน อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้”

ใบหน้าของนาวาที่ห่างไปเพียงคืบทำให้ตรีเพชรรู้สึกร้อนผ่าวตรงลำคอและใบหู เขาได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นตุบตับ หัวใจของเขาพองโตสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงแก้มขาวให้เป็นสีแดงสุกปลั่ง แต่ไม่วายคุณชายก็ยังยืนยันคำเดิม “ไอ้เตี้ย นายอย่าโมเม นาย
จูบฉันก่อน หน้านายเข้ามาเอง”

“หน้าแกต่างหาก ฉันจำได้ หน้าตี๋ๆของแกลอยเข้ามาก่อน แล้วลิ้นของแกก็เข้ามาด้วย” นาวาเถียงสุดใจ มือสองข้างยิ่งกระชับขึ้นเมื่อเห็นตรีเพชรบ่ายเบี่ยงท่าเดียว ก็ตอนนั้นไอ้ตี๋มันเริ่มก่อนจริงๆนินา

“ห๊ะ คิดไปเองหรือเปล่าไอ้แว่น นายต่างหาที่เป็นคนเอาลิ้นเข้ามา” ตรีเพชรไม่ยอม คุณชายคิดว่างานนี้เขาไม่ผิด “นายเริ่มเองนะเตี้ย แถมครางเบาๆอย่างกับติดใจงั้นแหละ”

“ตกลงมึงจะไม่ยอมรับใช่ไหมว่าขโมยจูบแรกกูไป ไอ้ตี๋ปัญญานิ่ม” นาวาเหลืออด เด็กหนุ่มเสียดายจูบแรกของตัวเองยิ่งนัก

“ไม่ยอมรับ เพราะฉันไม่ได้เริ่มก่อน” ตรีเพชรยืนยันหนักแน่น

“มึงจะไม่คืนให้กูใช่ไหม จูบน่ะ” แววตาของนาวาวาวโรจน์ เด็กหนุ่มไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

“มันคืนได้ที่ไหนล่ะไอ้เด็กไง่” ตรีเพชรงงงวยกับน้ำคำของคนเมา

“งั้นกูทวงคืนเอง”

ท่ามกลางสักขีพยาน

… then to that twenty add a hundred more
a thousand to that hundred: so kiss on …


ริมฝีปากของนาวาประกบเข้ากับปากงามได้รูปของตรีเพชร

ดวงตาสีนิลของชายหนุ่มเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ หัวใจของเขาเต้นดังราวเสียงรัวกลอง ริมฝีปากนิ่มของเด็กคนนี้ให้
สัมผัสอ่อนหวานน่าค้นหา โดยไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เรียวลิ้นของทั้งสองกระหวัดหากันราวต้องการดื่มด่ำความหวานฉ่ำที่จิตใจหิวกระหาย

มือหนาของชายหนุ่มกดท้ายทอยของคนตัวเล็กให้ใบหน้างามนั้นเข้าใกล้เขาอีกนิด ชายหนุ่มเผลอไผลไปกับรสจูบของคนในอ้อมแขน อ้อมแขนที่โอบรัดร่างบางนี้ไว้อีกเช่นกัน เขาไม่เข้าใจ มันเกิดขึ้นตอนไหน เขากอดเด็กคนนี้ไว้เพราะอะไร ชายหนุ่มสลัดคำถามมากมายที่ผุดขึ้นมาในหัว เพราะสิ่งที่เขาสนใจตอนนี้มีเพียงความฉ่ำหวานจากริมฝีปากบางของคนในอ้อมกอด

จูบครั้งที่หนึ่ง เพิ่มเป็นครั้งที่สอง…

จูบของเจ้าสาวและเจ้าชายจะเพิ่มไปกี่ทบเท่าพันทวี เบื้องบนเท่านั้นที่รู้คำตอบ

น้ำใสๆหยดลงบนฝ่ามือของตรีเพชรที่กำลังจับพวงแก้มของนาวาอย่างทะนุถนอม ทำนบน้ำตาของเด็กหนุ่มพังครืน ทำให้หยาดน้ำตาไหลไม่ขาดสาย เมื่อตรีเพชรได้สติ ชายหนุ่มจึงถอนจุมพิตออกจากเรียวปากสุกปลั่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลทองคู่นั้นเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา

จิตใจของชายหนุ่มหล่นวูบ
เขาทำเด็กคนนี้ร้องไห้!


:katai2-1:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 19-10-2014 09:10:52
เห้ยคือมัน... สนุกมากกกกกก
ภาษาดีมาก ภาษาน่าอ่านมากค่ะ
พี่เพชรน้องวาน่ารักจัง

ชอบค่ะ อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ จังเลย
;_________;
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 19-10-2014 09:20:17
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai2-1: :katai2-1: :hao7: :hao7: :hao6: :z2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 19-10-2014 09:30:39
อ้าวๆๆๆ.ทำน้องวาร้องไห้ซะและ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ysolip ที่ 19-10-2014 09:39:10
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
สองคนนี้น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 19-10-2014 10:36:33
น้องวาร้องไห้ทำไม
เคลิ้มจูบหรือโกรธเจ้าบ่าว แง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 19-10-2014 10:37:12
พี่เพชรทำน้องวาร้องไห้
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 19-10-2014 11:22:27
เอิ่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-10-2014 11:52:26
วิธีเอาคืนของนาวา
มันช่างถูกใจคนอ่าน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 19-10-2014 12:13:54
เข้ามาเพราะจำชื่อเรื่องได้ว่าเคยอ่าน
หนูวาน่ารักไม่เปลี่ยน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 19-10-2014 12:49:04
หนูวา ร้องไห้ทำไมจ๊ะ ลูก  :hao6:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 19-10-2014 15:18:03
[sกริ๊ดดดดด !!!ชอบๆเรื่องนี้อะ นาวาน่ารักอะ เอาใจช่วยนะนาวาื ผู้แต่งคร้าาาามาต่อไวๆนะค่ะ กำลังลุ้นเลยอิอิอิอิize=18pt][/size]
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 19-10-2014 16:41:12
คือแบบนาวาจะใจเด็ดไปแล้ววววว ชอบค่ะชอบ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: pachth ที่ 19-10-2014 19:27:14
เฮ้ย
จูบๆอยู่ร้องไห้เฉย คือไร
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: เอน ที่ 19-10-2014 21:11:47
เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย คือแบบชอบอ่ะ อ่านครั้งแรกแบบๆติดเลยอ่ะ
รอติดตามผลงาน และเรื่องราวต่อไปครัช :katai3: o13
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 20-10-2014 14:15:36
 :o8: :-[ นาวาน่ารักอ่ะ คุณเพชรก็ไปไม่ถูกเลยนะคะ

มาต่อเร็วๆน้าาาา ชอบเรื่องนี้มากจริงๆ ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งดีอ่ะ :3123:

 o13
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: NZ-plliil ที่ 20-10-2014 16:28:11
สนุกมาก จูบรอบที่สองแล้วนะตัว55 ชอบภาษาเรื่องนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 20-10-2014 16:44:13
กรี๊ดดดดดดดด ตามเข้ามาอ่านนนน
เรื่องนี้รีไรท์รึเปล่าคะ เหมือนจะเคยอ่านช่วงต้นๆ
ยังไงก็รอตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 22-10-2014 14:34:26
กรี๊ดดดดดดดด ตามเข้ามาอ่านนนน
เรื่องนี้รีไรท์รึเปล่าคะ เหมือนจะเคยอ่านช่วงต้นๆ
ยังไงก็รอตอนต่อไปปปป

ใช่ค่ะ นักเขียนเค้าเอาเรื่องมาลงใหม่

กำลังรอตอนต่อไปเลยอ่ะ

รีบมานะคะคนเขียน รออ่านอยู่ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 22-10-2014 15:26:15
ชอบอะ ถูกจายยยยย
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: dorabarin ที่ 22-10-2014 19:42:07
 :-[ คึคึจูบที่สองเเล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Tinton ที่ 23-10-2014 01:22:03
รีบๆ มาลงนะครับ สนุกดี ชอบ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: José_Gil ที่ 23-10-2014 06:44:04
 :jul1:  ไหงคนทวงจูบร้องไห้ซะแล้ว จูบครบสามล้านรึยังละนั่น55555 :-[  พี่เพชรน้องวา คู่นี้น่ารักมากอ่ะ รอตอนต่อไปนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 2 (19/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 25-10-2014 09:53:17
Mon Fiance
ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม


บทที่ 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน

 :L1:

Blue Moon

by Elvis Presley


http://www.youtube.com/watch?v=3E8fLvM2e8Y&list=PLMwbKombrNUZH1zz6gSBYq8cEaUseyF5t&index=1 (http://www.youtube.com/watch?v=3E8fLvM2e8Y&list=PLMwbKombrNUZH1zz6gSBYq8cEaUseyF5t&index=1)

Blue Moon
You saw me standing alone
Without a dream in my heart
Without a love of my own

Blue Moon
You knew just what I was there for
You heard me saying a prayer for
Someone I really could care for

And then there suddenly appeared before me
The only one my arms will ever hold
I heard somebody whisper please adore me
And when I looked to the Moon it turned to gold

Blue Moon
Now I'm no longer alone
Without a dream in my heart
Without a love of my own



 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 [...approaching...] (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 25-10-2014 10:03:45
เข้ามารอจ้า
เห็นเปลี่ยนชื่อหัวเรื่องปุ๊บเข้ามาเลย 5555555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 [...approaching...] (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 25-10-2014 10:14:51
เข้ามารอด้วยคนจ้าาา

เพลงเพราะดีค่ะ ดูเก่าๆ คลาสสิคๆ

อยากอ่านเรื่องของนาวากับคุณเพชรทนไม่ไหวแล้ว


 :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 [...approaching...] (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 25-10-2014 10:33:01
เข้ามารอด้วยคนค้าาาาาาาาา
คิดถึงนู๋นาวา กะ คุณชายเพชร จนจะทนรอไม่ไหวอยู่แบ้ว มาไวๆ เน้อ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 [...approaching...] (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 25-10-2014 10:38:28
นาวาเมาแล้วตลกดี  :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 [...approaching...] (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-10-2014 11:35:43
ตอน 3 ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 [...approaching...] (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 25-10-2014 12:59:48
เข้ามารอค่าาา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 [...approaching...] (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: MunashiiSora ที่ 25-10-2014 13:39:17
รอว์  :katai5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 [...approaching...] (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 25-10-2014 17:04:58
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
 :L2:
Chapter 3
พระจันทร์สีน้ำเงิน


คืนนี้ฟ้าครึ้ม แต่พระจันทร์ส่องสว่างเต็มดวง

พระจันทร์สีเหลืองอ่อนดวงโตเล็ดลอดผ่านหมู่เมฆออกมาฉายฉานท่ามกลางท้องฟ้าสีดำสนิท แสงสีทองสุกสกาวทำให้ท้องฟ้าคืนนี้สว่างไสว จันทร์ทรงกลดดวงโตประดับตกแต่งท้องฟ้าในยามราตรีให้งดงามชวนมอง

แต่พระจันทร์ก็โดนบดบัง…

น่าเสียดายที่ในบางขณะความงามของดวงจันทร์ถูกเมฆฝนปิดทับ ทำให้เห็นเพียงเงาของโคมรัตติกาลที่อิงแอบอยู่ด้านหลังม่านเมฆสีเทาขมุกขมัว

ตรีเพชรยืนมองท้องฟ้าอยู่นาน เขาเดินทอดน่องอยู่ในสวนหน้าบ้าน แหงนหน้ามองท้องฟ้าในคืนเมฆบัง ขายาวเดินวนกลับมาที่เดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

คืนนี้คุณเพชรนอนไม่หลับ

อากาศชื้นพัดโดนผิวหน้าทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าอีกไม่นานฝนกำลังจะตก ลมอ่อนๆหอบเอากลิ่นหอมของดอกแก้วลอยติดมาด้วย คล้ายเป็นของขวัญปลอบใจที่สายลมหิ้วติดไม้ติดมือมาฝากตรีเพชร ชายหนุ่มทอดถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว นิ้วเรียวไล้ลูบริมฝีปากตัวเองอย่างเผลอไผล แม้ริมฝีปากจะเหยียดยิ้มแต่แววตาของเขากลับหม่นหมองไม่สดใส

ต่อให้ข่มตาเท่าไร ก็ยังไม่หลับ เพราะภาพของเด็กบางคนยังวกวนอยู่ในหัว

ตอนนี้ฝนโปรยลงมาแล้ว…

เม็ดฝนโปรยลงมาเหมือนน้ำตาของเด็กคนนั้น

“คนที่ควรร้องไห้เป็นฉันมากกว่านะไอ้เตี้ย” ชายหนุ่มครุ่นคิดกับตัวเอง เขาแหงนหน้ามองพระจันทร์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเดินเข้าบ้านไป

บางครั้งบทเพลงกล่อมให้เราหลับฝันดี

บางครั้งบทเพลงทำให้เราคิดถึงใครบางคน (จนนอนไม่หลับ)
บางครั้งคนบางคนทำให้เราคิดถึงเพลงบางเพลง 

เพลง Blue Moon ของ เอลวิส เพรสลีย์ จากเครื่องเสียงในห้องนอนไม่ได้กล่อมให้เขารู้สึกง่วงงุน ตรงกันข้าม เพลงนี้กลับทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์

               Blue moon, you saw me standing alone
               Without a dream in my heart
               Without a love of my own

               ดวงจันทร์สีน้ำเงิน…เธอเห็นฉันยืนเดียวดาย
               หัวใจไร้ฝันไร้จุดหมาย
               ข้างกายไร้รักไร้คู่เคียง


ตรีเพชรพลิกตัวในท่าที่นอนสบาย พยายามข่มตาให้หลับแต่เขากลับคิดถึงแต่ใครคนนั้น

เมื่อช่วงค่ำ เด็กคนนั้นยังอยู่ตรงนี้...
ในอ้อมกอดของเขา

เมื่อนึกย้อนไป รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นประดับใบหน้า

“มึงจะไม่คืนให้กูใช่ไหม จูบน่ะ” แววตาของเด็กคนนั้นแสดงความโกรธ ไม่พอใจ

“มันคืนได้ที่ไหนล่ะไอ้เด็กไง่” ตรีเพชรพูดออกไปอย่างใจคิด

เขาก็อยากคืนให้เด็กแว่นนั่นอยู่หรอก ใครจะไปอยากได้
จูบแรกของไอ้เตี้ยนี่งั้นเหรอ เขาคนหนึ่งแหละที่ไม่ต้องการ

“งั้นกูทวงคืนเอง”

สิ้นคำพูดของนาวา ตรีเพชรรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ไอ้เด็กบ้านี่กำลังทำอะไร ไม่อายชาวบ้านชาวช่องเขาหรือไงไอ้เตี้ย ชายหนุ่มคิดในใจก่อนที่ดวงตาเรียวรีคู่นั้นจะพริ้มหลับลง เขาคงดื่มด่ำกับรสจูบนั้นไปอีกนานหากไม่ได้สัมผัสกับหยาดน้ำตาของเด็กขี้เมาเอาเสียก่อน

“เฮ้ย…เป็นไร” ตรีเพชรตกใจ วางตัวไม่ถูก “ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ อย่าร้องสิไอ้เตี้ย”

“ทำสิ ไม่ทำได้ไง มึงจะฆ่ากูใช่ไหม” นาวาปาดน้ำตาอย่างไม่ใส่ใจ ดวงตายังจับจ้องมาทางตรีเพชรอย่างเอาเรื่อง

“ฆ่า? นายเอาสมองส่วนไหนคิดวะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยเหอะ”

“โว้ยไอ้นี่” นาวาใช้กำปั้นชกไหล่ตรีเพชรอย่างแรง ชายหนุ่มร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บ คนตัวโตได้แต่ยกมือขึ้นตั้งกาดกันไม้กันมือของเด็กหนุ่มที่โถมเข้ามาทำร้ายเขา เด็กนี่มือหนักเป็นบ้า

“ก็มึงอยากจะให้กูตายจริงๆนิ” นาวายังคงยืนยันคำเดิม

“ไอ้เตี้ย นายขาดแคลเซียมแล้วยังขาดสามัญสำนึกอีกนะ” ตรีเพชรรวบแขนของนาวาเอาไว้ “ดูปากฉันให้ดีๆ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรนายเลย”

“แล้วที่กูหายใจไม่ออกมันหมายความว่าไง!” นาวาที่อยู่ภายใต้พันธนาการของตรีเพชรถามกลับอย่างเอาเรื่อง ตอนนี้เขาเมาจนกู่ไม่กลับเสียแล้ว

“หายใจไม่ออก?” ตรีเพชรถามเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่นาวาต้องการจะบอก

“ช่ายยย หายใจไม่ออก มึงต้องการให้กูขาดอากาศหายใจแน่ๆ ไอ้ตี๋ชั่วช้า กูเพิ่งรู้วันนี้นี่แหละว่าโลกนี้มียมบาลหน้าจืดแบบมึงอยู่ด้วย”

ตรีเพชรถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ “หายใจไม่ออกแล้วคิดว่าฉันตั้งใจจะฆ่านายเนี่ยนะ? เหตุผลเด็กชิบ”

“ช๊ายยยย  เมื่อกี้ก็ทีนึงละ ไหนจะที่หอสมุดอีก มึงตั้งใจช่ายม๊าย” นาวาเริ่มพูดป้อแป้

“จูบไม่เป็นก็บอกเหอะ คนหายใจไม่ถูกก็คือคนที่จูบไม่เป็น ไอ้เด็กบื้อ วันหลังหัดจูบให้มันถูกวิธีซะก่อนนะ ก่อนจะปรักปรำใครเค้า นายทำแบบนี้มันจะยิ่งกลายเป็นการประจานตัวเอง อยู่มาจนปานนี้แล้วเพิ่งจะเคยมีจูบแรก โด่ว อ่อน” มีแต่เด็กเท่านั้นแหละที่หายใจไม่เป็น ใครที่ไหนเขากลั้นหายใจเวลาจูบกันบ้าง ไอ้เด็กนี่ท่าจะบ้า ทำแบบนั้นจะไปจูบนานๆได้ยังไงกัน… ตรีเพชรคิด

“ฮื่อๆๆ พี่จอม” นาวาหันไปสนใจคนอื่นเป็นครั้งแรกหลังจากแสดงหนังสดให้สักขีพยานนั่งมองกันตาปริบๆ นัยน์ตาห้าคู่จ้องมองนาวาและตรีเพชรอย่างตกตะลึง “ไอ้เพื่อนพี่มันไม่ยอมรับว่ามันทำร้ายวาอ่ะ ต่อยมันให้หน่อยดิ ฮื่อๆ มันมัดผมไว้ผมต่อยมันไม่
ได้”

“อะ…เอ่อ” จอมทัพพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา เขาคิดว่าคงทำอะไรนาวาไม่ได้แล้วเพราะเมาจนพูดจาไม่รู้เรื่องขนาดนี้ ทางทีดีแก้ที่ตรีเพชรดีกว่า “ไอ้เพชรมึงก็รับๆไปดิว่ามึงทำร้ายน้องมัน เห็นไหมมันร้องตาบวมหมดแล้ว”

“แต่กูไม่ได้ทำ มึงก็เห็น” ตรีเพชรประท้วง

“ฮื่อๆ” นาวาเริ่มร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ

“เอาน่าไอ้เพชร น้องกูร้องอยู่นะ”

“ไอ้จอมกู…” ตรีเพชรกำลังจะเถียงจอมทัพแต่นาวากลับแผดเสียงจนคนรอบข้างเริ่มหันมามอง “เออๆ แม่ง กูยอมรับก็ได้”

เสียงร้องของนาวาเงียบหายไปแทบจะทันทีที่ตรีเพชรเอ่ยยอมรับ “หึ ไม่พอ!” นาวาได้คืบเอาศอก

“ก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องสนใจ” ตรีเพชรพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“ฮื่อๆ” นาวาจงร้องไหออกมาอีกรอบ เรียกความสนใจจากรอบข้างได้ดีทีเดียว

“เออๆ ไม่พอก็ไม่พอ จะให้ทำไรวะ” ตรีเพชรพูดเอ่ยขึ้นอย่างเลี่ยงเสียไม่ได้

“ยอมรับมา ว่าแกจูบก่อน” นาวาพูดหน้าตาย

“ฉันไม่ได้จู…”

“เพชร กูขอ” จอมทัพคุยกับเพื่อน พลางตบบ่าให้กำลังใจ

เพราะสนิทกับนาวามากกว่ารุ่นน้องคนอื่นๆ จอมทัพจึงรู้จักนิสัยเมาเหล้าของนาวาดี เด็กคนนี้หากไม่เมาแล้วร้องไห้ก็จะเมาแล้วมือไม้อยู่ไม่นิ่ง เกาะคนโน้นทีคนนี้ที คงเพราะเมาจึงทำในสิ่งที่ถ้ามีสติดีก็คงไม่ทำ ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา นาวาเป็นเด็กร่าเริงยิ้มง่าย แม้ชีวิตของหนุ่มน้อยจะไม่ราบเรียบเหมือนเด็กทั่วไปในวัยเดียวกันนัก แต่นาวาก็ไม่เคยหลั่งน้ำตาสักหยดให้กับเรื่องเหล่านี้ เพราะเมาคงจะร้องได้เต็มที่ เพราะเมาคงจะอยากเกาะแกะออดอ้อนใครบ้าง นาวาไม่มีพี่น้องที่ไหน มีแค่แม่ที่อยู่ต่างจังหวัด เด็กหนุ่มคงอยากให้ใครสักคนเอาใจเขาบ้าง

“เออๆ ฉันจูบนายก่อนก็ได้ พอใจยัง” ตรีเพชรสีหน้าเหยเก

“ยัง” นาวายิ้มระรื่น แก้มแดงเพราะฤทธิ์เบียร์สุกปลั่งด้วยความดีใจ

“จะเอาอะไรอีกกกกก” คุณเพชรลากเสียงยาวเหนื่อยใจ

“ขอโทษด้วยสิ” นาวากอดอกวางภูมิ

“มันจะมากไปแล้วนะ”

“หะ หะ ฮื่อ”

“เออๆ เชี่ย ขอโทษก็ได้”

“ไม่อาวววว” นาวายังคงไม่พึงพอใจกับคำขอโทษของชายหนุ่ม “พูดเพราะๆดิวะ มีหางเสียงด้วย”

ตรีเพชรข่มอารมณ์โมโหเอาไว้ “ขอโทษ….” ชายหนุ่มกัดฟันพูดด้วยความไม่เต็มใจ “…ครับ”

“ไม่อาวววว ยังไม่พอ” นาวาว่า

“เยอะไปละนะ” ตรีเพชรพูดกับนาวา ความอดทนของเขาขาดสะบั้นลงตรงนั้น ก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนของตัวเองที่ทำตัวเงียบ
เป็นแบคกราวไปแล้ว “กูกลับละ”

“เดี๋ยว” นาวาคว้ามือของตรีเพชรเอาไว้ก่อนที่เขาจะลุกขึ้น “พูดขอโทษแล้วลูบหัววาก่อน… เหมือนที่พ่อทำ… ทำเหมือนคนนั้น คนที่ทิ้งแม่ไป ทำให้หน่อยได้ไหม… ปลอบผมหน่อย” นาวาพูดขึ้น คำสุดท้ายของเขาแผ่วเบาราวถูกกลืนหายไปในลำคอ หยาดน้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ไม่มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดจากนาวาแต่อย่างใด เด็กน้อยก้มหน้าเช็ดน้ำตาไม่อยากให้ใครเห็นความพ่ายแพ้อ่อนแอ ลูกผู้ชาย…ต้องไม่ร้องไห้สินะ

วันที่แม่กับพ่อเลิกกัน วันนั้นเขาจำได้แค่ว่าพ่อลูบหัวเขาแล้วเอ่ยคำขอโทษ

ตรีเพชรนิ่งงัน…

จิตใจของชายหนุ่มหล่นวูบ

เศร้า… เขารู้สึกได้เพียงแค่นั้น

“ขอโทษครับ…” คุณเพชรลูบหัวนาวาอย่างแผ่วเบา

ทำไมเขาต้องรู้สึกสงสารเด็กคนนั้นด้วย ทำไมถึงรู้สึกอึดอัดใจที่เห็นน้ำตาของคนตรงหน้า ทำไมเขาถึงปกป้องน้ำตาของเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้ ทำไมเขาถึงอยากดูแล…

               Blue moon, you knew just what I was there for
               You heard me saying a prayer for
               Someone I really could care for

               ดวงจันทร์สีบลู…เธอรู้ฉันอยู่เพื่ออะไร
               ยินคำวอนขอของฉันไหม
               หวังแค่เพียงใครให้ดูแล

 
กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นลอยมาจากแก้วกาแฟดำตรงหน้า

แต่ตรีเพชรยังนั่งเหม่อไม่สนใจกลิ่นกาแฟ ชายหนุ่มไม่สนใจสิ่งต่างๆรอบตัว ตอนนี้สมองเขากำลังฉายภาพเหตุการณ์ตอนถูกเด็กคนหนึ่งออดอ้อนซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ…

เช้านี้คุณเพชรตื่นเร็วผิดปกติ สาวใช้ทุกคนต่างแปลกใจกับพฤติกรรมแปลกๆของคุณหนูผู้เอาแต่ใจ น้อยครั้งที่ตีเพชรจะตื่นเช้ามานั่งรอทานอาหารที่โต๊ะทานข้าว หรือคุณหนูท่าจะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ดูสินั่น ยิ้มอะไรของเขาแต่เช้านะ แต่อย่าได้ถามออกไปเชียว ดีไม่ดีอาจโดนสายตาพิฆาตเล่นงานเอาได้

เมื่อคืนตรีเพชรพลิกตัวหนีนาวาทั้งคืน

เด็กคนนั้นตามเขามาถึงในห้องนอน ตามมาถึงบนเตียง ตามเข้ามาในความทรงจำ
ไล่ยังไงก็ไม่ยอมไปไหน… ไอ้เด็กดื้อ

“ดูท่าวันนี้พระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก” เสียงหวานดึงตรีเพชรให้ออกจากภวังค์ “ตื่นเช้าก็เป็นนิ”

“อ้าวเจ้ กลับมาจากเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่” ตรีเพชรถามพี่สาว

“ก็มาเมื่อเห็น” พลอยลดาปัดผมยาวสลวยไปข้างหลังก่อนหันมาอธิบายกับน้องชาย “บินไฟล์ทเช้าเพิ่งมาถึงนี่แหละ” เธอนั่งลงตรงข้ามตรีเพชร

“แล้วโรงแรมที่โน่นเป็นยังไง ทำไมจู่ๆเจ้กับอาม่าถึงต้องไป แค่ดูงานต่อเติมไม่เห็นต้องไปด่วนขนาดนั้น จริงๆงานนี้ให้ใครไปก็ได้
นิ ผมไปเองก็ได้”

“ขืนให้เพชรไปเจ้ว่ามันก็ไม่ต่างกับการปล่อยแมวไปหาปลาย่างหรอก เราน่ะไปเที่ยวมากกว่าไปทำงาน” พลอยลดาจิบชากลิ่นหอม

“โถ่เจ้ก็ ก็ต้องมีบ้างอะไรบ้างสิ ให้ผมไปทำงานเฉยๆ เสร็จแล้วก็กลับงี้เหรอ ไม่เอาหรอก คนเรามันต้องมีการตักตวงความสุขใส่ตัวเองบ้าง เห็นผมเที่ยวเล่นอย่างนั้นแต่งานก็ออกมาดีทุกครั้งไม่ใช่หรือไง” ตรีเพชรเป็นคนทำงานเก่ง แม้ตอนนี้เขาจะเป็นเพียงนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ แต่ความสามารถในการทำงาน ความคิดความอ่านในเรื่องธุรกิจของเขากลับดีกว่าผู้บิหารบางคนในบริษัท

“ทำงานเก่ง ควงสาวก็เก่ง” พลอยลดาวางแก้วชาลง เธอพูดกับน้องชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ทำงานเก่งเจ้ไม่ว่า แต่ควงสาวเก่งเจ้ไม่ชอบ เลิกทำตัวเจ้าชู้ได้แล้วนะเพชร”

“ไรเนี่ยสวดแต่เช้าเลยเหรอ” คิ้วหนาของชายหนุ่มเริ่มขมวดเข้าหากัน คนกำลังมีความสุขเรื่องเมื่อคืนอยู่ ทำไมถึงต้องเอาเรื่องเดิมๆมาพูด “เจ้เลิกพูดเรื่องการควงสาวของผมเหอะ พูดแล้วผมเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างไหม?”

“ก็ไม่” พี่สาวตอบตามความจริง

“นั่นไง ในเมื่อพูดไปก็ไม่ช่วยอะไร ก็เลิกพูดเรื่องนี้ซะ” ตรีเพชรตอบ พลางฉีกยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ

“ตาเพชร” พลอยลดาเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยใจ “คอยดูเถอะไปหลงรักใครเข้าแล้วจะรู้สึก”

“คร้าบบบ ผมจะรอวันนั้น หึหึ”

“คุยอะไรกันอยู่สองพี่น้อง” หญิงวัย 72 ที่ยังคงความสวยและกระฉับกระเฉงนั่งลงตรงหัวโต๊ะ เธอคนนี้เป็นคนที่ทรงอำนาจที่สุด
ในวรจักรโสภณ หญิงสูงวัยนั่งลงมองหลานทั้งสองที่เหมือนกำลังคุยอะไรบางอย่างกันอยู่

“คุยเรื่องเพชรค่ะอาม่า”

“เลิกพูดเหอะน่าเจ้” ตรีเพชรหันไปหาพี่สาว แล้วยิ้มออดอ้อนหญิงสูงวัย “อาม่ากลับมาเช้ามาก เดินทางเหนื่อยไหมครับ”

ริมฝีปากบางที่แต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงอมม่วงของอาม่าเหยียดยิ้มให้หลานชายคนโปรด “เป็นห่วงฉัน หรือต้องการจะอ้อนเอาอะไรอีกล่ะตาเพชร คราวที่แล้วขอรถ คราวนี้จะเอาอะไรอีก”

“คราวนี้จะเอาตุ๊กตาหน้ารถ หึหึ” ตรีเพชรพูด ดวงตาเรียวรีของอาม่าเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ผมล้อเล่นน่ะครับ พอดีรถใหม่ที่ได้มาล้อมันยังไม่สวย ถ้าอาม่าใจดีไม่ต้องให้ผมควักเงินตัวเองออกมาจ่ายก็คงจะดีมากกกกก”

“หึหึ ฉันน่ะใจดีกับเธออยู่แล้ว” น้ำเสียงทรงอำนาจของหัวเรือใหญ่แห่งวรจักรกรุ๊ปเอ่ยขึ้น “ตุ๊กตาหน้ารถใช่ไหม รออีกหน่อย ไม่นานก็จะเจอ” หญิงชรายิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนหันไปสั่งให้สาวใช้เสิร์ฟอาหารถือเป็นการปิดบทสนทนากับหลานชาย ตรีเพชรจึงได้แต่งุนงงกับคำพูดของผู้เป็นย่า แต่ไม่นานเขาก็สลัดเรื่องนี้ทิ้งไป เพราะภาพของเด็กคนนั้นลอยเข้ามาแทนที่ ชายหนุ่มยิ้มให้กับแก้วกาแฟ จนผู้เป็นย่าและพี่สาวต่างรู้สึกแปลกใจ

ชายหนุ่มหยุดอยู่ใต้คณะมนุษย์ศาสตร์

“นี่มึงมาทำอะไรของมึงวะเนี่ย” ตรีเพชรพูดกับตัวเอง วันนี้เป็นวันศุกร์ที่เขาไม่มีเรียน แต่ชายหนุ่มก็ยังขับรถมาที่มหาวิทยาลัย

มือหนาขยี้หัวตัวเองอย่างไม่พอใจนัก ขาเรียวของเขายืนวนอยู่หน้าลิฟท์ตรงชั้น 1 ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเขาควรจะต้องไปไหน ไปทำอะไร ไม่รู้แม้กระทั้งว่าเขามาหยุดอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เขารู้เพียงแต่ว่าภาพของใครบางคนกำลังรบกวนจิตใจเขาอยู่ ตรีเพชรไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นอะไร แต่เขารู้ว่าเขาต้องพบหน้าเจ้าของภาพหลอนในหัวของเขาให้ได้

เมื่อลิฟท์เปิด

ร่างหนึ่งกำลังอุ้มหนังสือหลายเล่มก้มหนาก้มตาเดินออกมา

ตรีเพชรที่เดินวนอยู่หน้าลิฟท์ ยกมือถือขึ้นมากดเพราะหนึ่งในบรรดาหญิงสาวที่เขาควงอยู่ด้วยส่งข้อความมาหา

ปึก!

“เห้ย!” เสียงนั้นเรียกสายตาของตรีเพชรให้จับจ้อง

หนังสือสิบกว่าเล่มที่ร่างบางอุ้มออกมาจากห้องสมุดของคณะหล่นลงเมื่อขาของเขาสะดุดขายาวของใครบางคน
หนุ่มน้อยหลับตาปี๋เพราะคิดว่าตัวเองจะล้มลงหัวฟาดพื้น

แต่พื้นกลับไม่แข็งเหมือนซีเมนต์ เพราะมันเป็นพื้นที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม พื้น…ที่โอบเขาไว้

ทันทีที่ลืมตา

นาวาพบว่าตัวเองนอนทับอยู่บนร่างของอีกคน

ทันทีที่ล้มลง

ตรีเพชรรู้ว่าคราวนี้อ้อมกอดเขาปกป้องใครคนนั้นเอาไว้ได้

               And then there suddenly appeared before me
               The only one my arms will ever hold
               I heard somebody whisper, “please adore me”
               And when I looked, the moon had turned to gold

               แล้วคนหนึ่งก็มายืนอยู่ตรงหน้า
               อ้อมแขนอ้าโอบเพียงเขาคนนั้น
               ใครคนหนึ่งกระซิบบอก “โปรดรักกัน”
               เมื่อมองจันทร์แสงเจ้านั้นเป็นสีทอง

               Blue moon, now I’m no longer alone
               Without a dream in my heart
               Without a love of my own

               ดวงจันทร์สีน้ำเงิน…จากนี้ฉันไม่ยืนเดียวดาย
               หัวใจมีฝันมีจุดหมาย
               ข้างกายมีรักมีคู่เคียง
 


ดวงตาสองคู่สบกันเนิ่นนานราวหลงอยู่ในความฝัน

แล้วร่างเล็กในอ้อมกอดของตรีเพชรกระซิบออกมาว่า

“ไอ้ตี๋ มึงอยากตายมากใช่ไหม?!”




 
:hao7: :hao7:
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 25-10-2014 17:29:42
มาแบพร่ำเพ้อกันเลยวันนี้
พี่เพชรเป็นเอามากนะเนี่ยยยย
เจอกันแบบพรหมลิขิตตลอด
รอตอนต่อไปน้าา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 25-10-2014 18:03:42
 :laugh: น
ตลกน้องนาวามากอะ พูดเลย

น่าติดตามมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 25-10-2014 18:31:20
ตายในอ้อมกอดเลยจ้าาา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 25-10-2014 19:06:14
ตรงข้ามกับเนื้อเพลงเลยนะนั่น 555

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 25-10-2014 19:57:16
ไอ่สองคนนี้มันน่ารัก >////<
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 25-10-2014 21:52:11
นายตี๋เพ้อนะนาย 555555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 25-10-2014 22:05:52
อาตี๋เพชรเราอาการหนักเว้ยเฮ้ย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 25-10-2014 22:23:26
เบื่อจิงจิ๊งงงงง :serius2: พวกปากไม่ตรงกับใจ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: MunashiiSora ที่ 25-10-2014 22:37:40
โธ่ นาวา พี่เพชรเค้าอุตส่าห์มาอ่อยถึงที่ ก็ยอมๆ(?)พี่เค้าไปเถอะ
ปล. คนแต่งแปลเพลงได้เหมือนแต่งกลอนแปดมาก 5555555  :laugh:

รอตอนต่อไปนะคะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 26-10-2014 00:05:18
เพชรเจอวาทีไรคือโดนด่าตลอด
555555555555555
ตอนวาอ้อนน่ารักอะ
อยากให้รักกันเร็วๆละ
นี่ปะคะอาม่าตุ๊กตาหน้ารถอิอิ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: zebza ที่ 26-10-2014 01:05:03
ชอบเรื่องนี้มากอ่ะ ภาษาสวย บรรยายให้ความรู้สึกอบอุ่นดี เพลงประกอบเพราะนะ (นั่งฟังวนไปวนมาสิบกว่ารอบแล้วค่ะ)
มาลงบ่อยๆนะคะ รออยู่ :hao5:

ปล. ชอบช่วงที่เขียนตัดอารมร์ตอนสองหนุ่มเจอกันมากค่ะ อ่านแล้วแบบ  :a5: o22 :z6:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: pimkung ที่ 26-10-2014 01:17:18
ชอบๆ 55 ฟัง Iron & Wine เหมือนเราเลย
เราจะรอมาต่อนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 26-10-2014 06:15:02
ไม่หล่อแล้วยังเพ้อเจ้ออีกนะตี๋ หน้าก็จืดด้วย
 :z1: :z1:

สนุกมากค่ะ คุณอาม่าต้องกำลังวางแผนจับคุณชายหมั้นแน่ๆ
ตามชื่อเรื่อง

ลุ้นจังงอยากอ่านต่อเร็วๆ  :katai4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-10-2014 06:28:25
โอ้ยยย คำพูดของนาวาตอนท้าย
ทำจินตนาการของคนอ่านดับอนาถ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 26-10-2014 09:39:57
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 26-10-2014 10:34:24
 :-[ :-[ อั้ยยยย สนุกมากกกก มาอัพบ่อยๆ นะคะ ชอบการเขียนมากเลย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 26-10-2014 21:10:28
 :mew1:

แปลเพลงเพราะจังค่ะ

ภาษาดีมากอ่ะ ชอบลักษณะการบรรยาย

มาคราวนี้น้องนาวายังโหดเหมือนเดิมนะคะ อย่าฆ่าคุณเพชรแกเลย คุณเพชรแค่คิดถึง อิอิ
ฉากที่เค้าอ้อนกันในร้านอาหารทำเอาฟินอ่ะ  :haun4:

ยังไงก็มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 26-10-2014 21:53:22
อาม่าคงมีแผนเด็ด 5555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 28-10-2014 11:42:57
แอบมาส่องว่าเมื่อไหร่จะมาต่อ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: NZ-plliil ที่ 28-10-2014 23:33:16
สงสัยนาวาคงอยากได้อีกซักจูบ คิกคิก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ShiRaZ_Prime ที่ 29-10-2014 17:01:28
 :impress2: :impress2: :impress2: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

โอ๊ยยยยยยย คือมันสนุกมากๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ สารภาพว่าหลงรักตั้งแต่เห็นชื่อเรื่อง
พอเข้ามาอ่านแล้วยิ่งหลงใหลไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆค่ะ! ><

ชอบภาษาและลักษณะการดำเนินเรื่องรวมถึงการบรรยายมากเลยค่ะ
มันโรแมนติก มันหวานละมุนละไม อารมณ์เหมือนนั่งดื่มชาอาฟเตอร์นูนเลยล่ะ
ชอบที่สู๊ดดดดดดดดดดดดด :katai2-1: :katai2-1:

คุณเพชรกับน้องวา
คาเเรกเตอร์โดนใจมากแต่ขอเป็นFCพี่จอมทัพนะคะ  :impress2:

แต่ฉากที่ตรึกใจอ่านแล้วเขินม้วนยกให้บทเเรกเลยค่ะ ตอนที่อยู่ในห้องสมุด
นั้นมัน! นั้นมันพรหมลิขิตชัดๆเลยยยยยยยย

กรี๊ดดดด ไม่ไหวแล้วค่ะจุดนี้ไม่ไหวแล้ววววว

หลงรักเรื่องนี้กับคนแต่งเข้าเต็มเปา!>__<  เป็นกำลังใจให้นะคะ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ysolip ที่ 29-10-2014 21:07:36
 :laugh: :laugh: คือคำบรรยายหวานมากกก แหมกำลังเคลิ้มเชียว พอเจอประโยคสุดท้ายแบบ o18 o18
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 29-10-2014 21:43:54
อ่านไปยิ้มไปทำให้มีความสุข หายเครียดเลยขอบคุณมากและขอเปนกำลังใจให้นะครับอย่าหายไปนานนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-10-2014 03:10:01
ตามอ่านอีกกก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 3 พระจันทร์สีน้ำเงิน (25/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 30-10-2014 16:00:51
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
Chapter 4 แพ้ท้อง?


 :a5:

Best Day of My Life
by American Authors


I had a dream so big and loud
I jumped so high I touched the clouds
Wo-o-o-o-o-oh, wo-o-o-o-o-oh
I stretched my hands out to the sky
We danced with monsters through the night
Wo-o-o-o-o-oh, wo-o-o-o-o-oh

I'm never gonna look back
Woah, never gonna give it up
No, please don't wake me now

This is gonna be the best day of my life
My li-i-i-i-i-ife
This is gonna be the best day of my life
My li-i-i-i-i-ife

I howled at the moon with friends
And then the sun came crashing in
Wo-o-o-o-o-oh, wo-o-o-o-o-oh
But all the possibilities
No limits just epiphanies
Wo-o-o-o-o-oh, wo-o-o-o-o-oh

I'm never gonna look back
Woah, never gonna give it up
No, just don't wake me now

This is gonna be the best day of my life
My li-i-i-i-i-ife
This is gonna be the best day of my life
My li-i-i-i-i-ife

I hear it calling outside my window
I feel it in my soul (soul)
The stars were burning so bright
The sun was out 'til midnight
I say we lose control (control)

This is gonna be the best day of my life
My li-i-i-i-i-ife
This is gonna be the best day of my life
My li-i-i-i-i-ife
This is gonna be, this is gonna be, this is gonna be
The best day of my life
Everything is looking up, everybody up now
This is gonna be the best day of my life
My li-i-i-i-i-ife

 :m25:
 :hao6: :hao6:

 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 30-10-2014 16:06:41
:o8:
ขอมาแปะไว้ก่อนนะคะ อีกสักครู่จะเอามาลงค่ะ
อย่าเพิ่งหายไปไหนนะคะนักอ่านที่รัก อยู่เป็นกำลังใจให้ตรีเพชรกับนาวาอย่างนี้ไปเรื่อยๆนะ :กอด1: :กอด1:

Million :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 30-10-2014 16:46:12
รอค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 30-10-2014 16:55:32
 :laugh:
ปูเสื่อรอค่ะ

  :z1:
ชื่อตอนแบบว่า พาจิ้นนะเนี่ย
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 30-10-2014 17:21:16
ห้ะ เค้าพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังงายยยยยยย

สนุกมากค่ะ  :กอด1: :กอด1:

กอดๆ

คุณเพชรน่ารักใช่ย่อย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 30-10-2014 17:47:57
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
 :L2:
Chapter 4.1
แพ้ท้อง?

เพลง Best Day of My Life โดย American Authors http://www.youtube.com/watch?v=Y66j_BUCBMY&list=PLMwbKombrNUZH1zz6gSBYq8cEaUseyF5t&index=6 (http://www.youtube.com/watch?v=Y66j_BUCBMY&list=PLMwbKombrNUZH1zz6gSBYq8cEaUseyF5t&index=6)

อาย กับ อับอาย

สองคำนี้ฟังดูคล้ายกัน แต่ความหมายต่างกันคนละโลก

อาย ถือเป็นคำเล็กๆที่มีความน่ารักอิงแอบอยู่ในตัว ให้ความรู้สึกเป็นสีชมพู แก้มมีสีแดงเปล่งปลั่ง สามารถพูดได้เต็มปากว่า อาย เป็นความรู้สึกน่ารักๆของคนหน้าไม่หนาพอ เป็นความขวยเขินที่อยู่ในปริมาณพอดี และเป็นเหมือนประจุไฟฟ้าที่ทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำ

ส่วน อับอาย ความหมายช่างอดสู คำนี้ให้ความรู้สึกซีดเซียวไร้กำลัง ไม่อยากไปไหน ไม่อยากทำอะไร ที่สำคัญ อับอายจนไม่อยากพบไม่อยากเจอใคร ถือว่าอับอายเป็นความรู้สึกอัปยศที่ทำให้หัวใจห่อเหี่ยว

ตอนนี้นาวารู้สึกอับอาย
(และขายขี้หน้า)

“ฮ่าๆ กูว่ามึงจำได้ชัวร์” นิสาใช้ศอกกระทุ้งสีข้างนาวาเบาๆ “จำได้ก็บอกว่าจำได้ เพื่อนๆให้อภัย หึหึ”

“ก็บอกแล้วไงว่าจำไม่ได้ กูเมา โอเคไหม” นาวารีบเดินหนีนิสา เขารีบเดินเพื่อไปให้ถึงห้องสมุดโดยเร็วที่สุด นิสาจะได้เลิกถาม
เซ้าซี้สักที แต่หญิงสาวยังคงเร่งเท้าเดินตามมา

“โหยไรวะ จำไม่ได้เลยเหรอ เสียดายแย่” นิสายังคงพูดต่อ ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะหน้าแดงแค่ไหน

“เสียดายห่าอะไรของมึง ไม่เห็นน่าจำ”

“ก็เสียดายสิ นั่นมันพี่เพชรเชียวนะ” นิสาทำตายิ้มส่อความ “คนที่สาวๆหลายคนในมหาลัยหมายปองเลยนะไอ้วา”

“แล้วไง ไอ้เชี่ยนั่นมันจะโดนใครหมายหัวก็เรื่องของมัน กูไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรด้วยเลย” นาวาเถียง

“ย่ะ ไม่เกี่ยว แต่ก็เอาปากไปประกบเขามาแล้ว” ดวงตาของนาวาจ้องเขม็งมาทางนิสา เมื่อจบประโยคเธอได้แต่วิ่งหนีนาวาที่วิ่ง
ตามมา

“ไอ้สา มึงอย่าอยู่เลย วันนี้กูจะจับมึงขังลืมไว้ในห้องน้ำคณะนี่แหละ” นาว่าตะโกนบอกกนิสาที่พยายามวิ่งไปข้างหน้า

“ไหนบอกจำไม่ได้ไง พูดเรื่องจูบหน่อยทำเป็นอาย” นิสาตอบกลับมา

“กูไม่ได้อาย กูอับอาย”

“เอออับอาย แต่หน้างี้แดงใหญ่ ยอมรับมาเถอะว่าเมื่อคืนมึงตั้งใจ”

“กูจำไม่ได้โว้ยยยย” นาวาเถียงเมื่อรวบแขนของนิสาได้ “จับได้แล้วไอ้สา คราวนี้แกไม่รอดแน่”

“เชี่ยนี่ ปล่อยกูนะ” นิสาที่อยู่ภายใต้พันธนาการของนาวาพยายามดิ้น แต่เธอก็ไม่สามารถหลุดจากการจับกุมของเขาได้ “ตั้งใจ
จูบพี่เค้ายังไม่พอ ไอ้เชี่ยนี่มึงจงใจทำร้ายกูอีกนะ”

“หึหึ ปากดีนัก กูจะขังไว้ในส้วม ขังลืมเลยคอยดู” นาวาคาดโทษนิสา “ปากเหมือนชักโครกแบบนี้น่ะ ต้องไปอยู่กับชักโครกของ
จริงซะให้เข็ด”

นิสาตาทำตาเบิกกว้าง หันมองไปทางด้านหลังของนาวา เหมือนนิสาจะเห็นใครกำลังเดินมา “พี่เพชร… หวัดดีค่ะ”

นาวาได้ยินชื่อของชายหนุ่มก็แทบจะอยากแทรกแผ่นดินหนี เขารู้สึกตัวชา หัวใจเต้นโครมคราม วางตัวไม่ถูก

“พี่เพชรมาทำอะไรแถวนี้คะ” นิสาถามออกไป คำถามของเพื่อนทำให้นาวารู้สึกอยากอันตรธานหายไปเสียดื้อๆ ตอนนี้เด็กหนุ่มไม่พร้อมที่จะเจอหน้าชายคนนั้น

“ไอ้สา… กูไปตามไอ้เก้ามันก่อนนะ” นาวาพูดกับนิสาโดยไม่หันไปมองด้านหลังเลยแม้แต่นิด เขาปล่อยมือนิสาและทำท่าจะเดินหนีไป

“ฮ่าๆ ไอ้วาหน้าโง่ คิดว่าพี่เค้าจะมาสินะ” นิสาที่หลุดพ้นจากเงื้อมมือของนาวาหัวเราะสะใจ “เค้าจะมาทำอะไรคณะเรา แกคงไม่
คิดว่าเขามาทวงจูบคืนใช่ไหม”

“ไอ้สา วันนี้แกได้เฝ้าส้วมจริงๆแน่” นาวารีบไล่ตามนิสาไป

“แบร่ๆ จับให้ทันก่อนเถอะ” แล้วนิสาก็วิ่งเข้าห้องสมุดไป ปล่อยให้นาวายืนเจ็บใจที่จับทะโมขังห้องน้ำไม่สำเร็จ

ใครว่าฝรั่งเศสอบอวลไปด้วยความอันหวานซึ้ง

แท้จริงแล้วนาวาคิดว่าชื่อเสียงทางด้านความรักอันซึ้งหวาน ละมุนละไม และร้อนเร่าของชาวฝรั่งเศสนั้น ไม่ใช่ความจริงเสียทั้งหมดทีเดียว

ทันทีที่อ่าน La Princess de Clèves (เจ้าหญิงเดอแคล้ฟ) จบ เด็กหนุ่มก็นำหนังสือวางไว้บนชั้น โดยไม่คิดจะยืมอ่านต่อแต่อย่างใด เขาไม่ชอบความรักก็เพราะเหตุนี้นี่แหละ

ความรักของคนฝรั่งเศส − หรือจะว่าไปความรักของคนทุกชาติ − แท้จริงแล้วมีแต่เรื่อง ‘ซีเรียส’

จริงอยู่ที่นิยายแบบอัศวินยุคกลางของทางยุโรปจะเต็มไปด้วยความฝันเฟื่องและโรแมนติกฉ่ำหวาน แต่เมื่อช่วงเวลาผ่านไป ผู้คนมีมุมมองความรักที่เปลี่ยนแปลง ซับซ้อนขึ้น และเป็นการเมืองมากขึ้น การวาดภาพความรักของนิยายเรื่องเจ้าหญิงเดอแคล้ฟซึ่งถูกเขียนขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 จึงถูกสอดแทรกไปด้วยมุมมองความคิดของคนในยุคนั้น และมันยังคงส่งผลมาจวบจนปัจจุบัน

คนเรามักจะมองว่า…
ความรักคือเกม

เรื่องรักของเจ้าหญิงเดอแคล้ฟเป็นความรักแบบรักสามเส้า แต่เนื้อหาความรักจะไม่หวานเลี่ยนเหมือนิยายยุคก่อนๆ นาวามองว่าผู้แต่งจงใจอธิบายความรักเป็นเรื่องเชิงจิตวิทยาและพฤติกรรม ความรักของเจ้าหญิงเดอแคล้ฟ กับดยุก เดอ เนอมูรส์ จึงกลายเป็นเกมที่อยู่ภายใต้กติกาความรักแบบฉาบฉวยตามแบบฉบับชาวราชสำนัก

แม้มุมมองความรักของคนเราจะเปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนในพล็อตนิยายรักคือ หากรักเริ่มด้วยความผิดพลาด มันก็จะจบลงด้วยความขื่นขม

ความรักและความขื่นขมไม่ได้มีเพียงแค่ในนิยายเท่านั้น ในชีวิตจริงของนาวา คนใกล้ตัวของเขายังคงเจ็บปวดใจกับความรักไม่เสื่อมคลาย… เมื่อความรักไม่ใช่เรื่องของคนสองคน แต่กลับเป็นเรื่องของคนสามคน ถ้าสิ่งนี้นี้เกิดขึ้นกับเรา เราจะทำเหมือนแม่ หรือเดินจากไปดีนะ… นาวาคิด แล้วเราจะเล่นเกมความรักด้วยอะไร เด็กหนุ่มพยายามคิดหาคำตอบในใจ

จะเล่นเกมรักโดยใช้สมอง ศีลธรรม หรือใช้ทั้งหัวใจ…

“ยืนเหม่ออะไรอยู่วะ” เก้าใช้มือข้างหนึ่ง สะกิดนาวา พร้อมส่งหนังสือหลายเล่มที่อยู่เต็มมือให้นาวาเอาไปเก็บ

“ก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” นาวาตอบพลางรับหนังสือจากเพื่อนสนิท

“เฮ้อเบื่อว่ะ เมื่อไหร่งานนี้มันจะเสร็จๆไปสักทีนะ” เก้าบ่นพลางใช้สายตาสอดส่องหาหนังสือเพื่อเอาไปอ่านเพิ่มเติม “กูเบื่อห้อง
สมุดเต็มทนละ”

“เขียนเรียงความมันต้องใช้หนังสืออ้างอิง ต้องขุดค้นหนังสือกันแบบนี้แหละ” นาวาปลอบใจเพื่อน

“อาจารย์ต้องการอะไรกันแน่วะ กูไม่เข้าใจเลยวิชานี้ เรียนวรรณกรรมอังกฤษ แต่ให้วิเคราะห์วรรณกรรมฝรั่งเศสที่แปลเป็นภาษาอังกฤษอีกที แถมสั่งให้เขียนเรียงความตั้งหลายหน้า ถ้าไม่ใช่งานกลุ่มกูคงเจาะยางรถอาจารย์ไปนานแล้ว สั่งมาได้” เก้าพล่ามถึงความอึดอัดใจ เขาไม่ชอบขลุกตัวอยู่กับหอสมุดในคณะสักเท่าไหร่

“ก็ฝรั่งเศสเป็นต้นฉบับของการวิจารณ์วรรณกรรม” นาวาตอบเพื่อน “เอาน่า หาหนังสืออีกแปปเดียว เดี๋ยวไปกินข้าวเที่ยงกัน” นาวาตบบ่าเพื่อนให้กำลังใจ

เมื่อหาหนังสืออ้างอิงไปได้สักครู่ เสียงหวานของเพื่อนนิสัยห้าวก็ดังขึ้น “นาวา กูหิวแล้วนะ” นิสาที่เดินมาพร้อมกับหนังสืออีก
สามเล่มเอ่ยขึ้น “ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ได้หนังสือไปสิบกว่าเล่มละนิ”

“เอางั้นเหรอวะ ก็ดีเหมือนกัน งั้นกูกับไอ้เก้าจะไปยืมหนังสือ ส่วนแกช่วยขนกระเป๋าของพวกเราออกไปให้หน่อย”นาวาพูดกับนิ
สา

นาวา เก้า และนิสา เดินออกมาจาห้องของสมุดคณะ

แม้ห้องสมุดประจำคณะของเขาจะมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับหอสมุดกลางที่นาวาไปเจอคุณชายโจทย์คู่แค้นคนนั้นมา แต่หอ
สมุดเล็กๆแห่งนี้กลับเต็มไปด้วยหนังสือเฉพาะทางมากมายทางด้านภาษาศาสตร์ วรรณกรรม และสังคมศาสตร์ เมื่อโดนสั่งเขียนเรียงความ ทั้งสามจึงตัดสินใจเข้ามาค้นหาข้อมูลกันที่นี่

“ได้หนังสือของใครมาบ้างวะ” เก้าถามขึ้น

“ก็ได้ วิกเตอร์ อูโก, ฌ้าก เพรแวรต์, สแต็งดาล, กี เดอ โมปาสซ็องต์, โบดแลร์ แร็ง…” นาวาตอบคำถามของเพื่อนอย่างใสซื่อ แต่รายชื่อนักเขียนที่นาวากำลังร่ายยาวให้เก้าฟังอยู่นั้นถูกแทรกด้วยเสียงแหลมเจือความหงุดหงิดของนิสา

“โอ๊ย ถามไปแล้วมึงรู้จักสักคนไหมไอ้เก้า” นิสาว่า

“ก็ไม่รู้หรอก ฮ่าๆ ถามไปงั้น” เก้าตอบ

“งั้นก็ไม่ต้องถาม” นิสาพูดกับเก้าแล้วหันไปคุยกับนาวา “ถามเรื่องเมื่อคืนดีกว่า คาใจกูนัก”

“ฮ่าๆ มึงยังไม่เลิกสนใจเรื่องพี่เพชรเหรอสา” เก้าพูดกลั้วหัวเราะ

“ไอ้สา ถ้ากูไม่หอบหนังสืออยู่ มึงเจอดีแน่” นาวาขู่นิสา เด็กหนุ่มเริ่มหน้าแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“งั้นไอ้เก้า เอาหนังสือมานี่” นิสาแย่งหนังสือจากมือเก้า ไปวางทับหนังสือที่นาวาอุ้มอยู่ จนตอนนี้นาวามีหนังสือซ้อนกันอยู่ในอ้อมกอด ทับซ้อนกันจนถึงคาง เด็กหนุ่มใช้คางกดไว้เพื่อกันไม่ให้หนังสือหล่น

“ไอ้สา” นาวาบ่นอย่างเจ็บใจ “เอาหนังสืออกไป กูหนัก”

“ยอมรับมาก่อนว่ามึงจำเรื่องเมื่อคืนได้แล้วจะให้ไอ้เก้าช่วยถือหนังสือพวกนี้” นิสากอดอก

“ไม่มีทาง ก็กูจำไม่ได้” นาวาปฏิเสธเสียงแข็ง

เก้าได้แต่ส่ายหัว เขารู้สึกขำขันกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมากกว่า แม้จะตกใจนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจได้ว่าเพื่อนรักของเขาเมาจนสติหลุดหายไปกับเบียร์ขมๆ ใครๆก็รู้ว่านาวาเมาแล้วแทบจะกลายเป็นคนละคน ที่เห็นออดอ้อนตรีเพชรเมื่อคืนวานเป็นเพียงเพราะลืมตัวล้วนๆ เก้าได้แต่ยิ้มไม่ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นพลางกดรอลิฟท์เพื่อจะลงไปชั้นหนึ่ง

“งั้นก็ถือไป คนปากหนักอย่างแก แบกของหนักๆก็สมควรแล้ว” นิสาว่า เธอขยิบตาแสดงความเหนือชั้น “อ่ะลิฟท์มาแล้ว เดินตามมาดีๆนะจ๊ะน้องวาเดี๋ยวหนังสือหล่น”   

ลิฟท์ปิดลงเมื่อคนทั้งสามเข้ามาด้านใน

“วาหนักไหม มากูช่วย” เก้าพูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนร่างบางทำท่าจะไม่ไหว

“เก้า มึงห้ามยุ่ง” นิสาโวย

“เลิกแกล้งมันเถอะไอ้สา มันเมามึงกูรู้” เก้าปกป้องนาวา

“กูรู้ว่ามันเมา แต่กูก็รู้ว่าที่มันทำไปมันรู้สึกตัว มันจำเรื่องเมื่อคืนได้เชื่อกูสิ” นิสายึดความเชื่อของตัวเองอย่างเหนียวแน่น

“กูจำไม่ได้โว้ย กูไม่อยากจำ แล้วกูก็ไม่อยากเจอมันด้วย” นาวาพูดขึ้นเมื่อคิดว่านิสาเพ้อไปไกล “เพราะงั้นเลิกพูดถึงไอ้ตี๋นั่นสักที
ฟังชื่อมันแล้วขนลุก”

“ค่ะ ไม่อยากจำไม่อยากเจอ สาธุ กูขอให้ได้เจอกันตลอดไป ดูสิว่ามึงจะขนลุกขนพองสักแค่ไหน วานะวา เป็นกูดีใจตาย นั่นพี่เพชรเชียวนะ” นิสายิ้มพราว “ถ้าเกิดเค้าหลงเสน่ห์ริมฝีปากแกขึ้นมาจะทำไงวะ”

คำพูดของนิสาทำให้นาวารู้สึกเหมือนมีประจุไฟฟ้าปะทุขึ้นบนในหน้าและลำคอ เลือดในกายสูบฉีดเร็วแรงอย่างไม่มีสาเหตุ นาวาไม่อยากอยู่ฟังคำพูดของนิสา ไม่อยากได้ยินคำพูดที่เกี่ยวกับคู่อริของเขาแม้แต่คำเดียว เพราะเขามีความรู้สึกประหลาดทุกครั้งที่ได้ยินชื่อ หรือเห็นหน้าของตรีเพชรในความคิด เป็นความรู้สึกที่ทำให้หายใจติดขัด เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร

“หึหึ มึงอิจฉาไอ้วาใช่ไหม” เก้าพูดขึ้น “พี่เพชรจะดีใจปะวะ ทอมแอบชอบ”

“ไอ้เก้า มึงอยากโดนอีกคนใช่ไหม” นิสาเท้าสะเอว

“เปล่าคร๊าบ ไม่ๆ” เก้ายิ้มล้อๆ ชายหนุ่มยกมือของข้างขึ้น อย่างยอมจำนน

“งั้นก็เงียบไปซะ” นิสาถลึงตาคาดโทษชายหนุ่ม “ไม่รู้อะไรอย่าพูด”

ลิฟท์เปิดเมื่อทุกคนตกอยู่ในความเงียบ

นาวารีบเดินออกจากลิฟท์ พยายามประคองหนังสือทุกเล่มไว้ในอ้อมกอด เมื่อสายตาของนาวาให้ความสนใจกับหนังสือในอ้อมแขน ภาพของชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังกดโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้เฉียดเข้ามาในคลองสายตาของเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย

นาวารู้สึกเหมือนเท้าของตัวเองสะดุดกับอะไรบางอย่าง

ปึก!

เสียงหนังสือชนกับอกหนาของใครบางคน

วิกเตอร์ อูโก, ฌ้าก เพรแวรต์, สแต็งดาล, กี เดอ โมปาสซ็องต์, โบดแลร์ แร็งโบด์ และกวีชื่อก้องโลกอีกหลายรายร่วงหล่นจากอ้อมแขนของนาวา ร่างบางของเขาหล่นตามปลายปากกาของเหล่ากวีเอกในวินาทีถัดมา

“เห้ย” นาวาร้องลั่นด้วยความตกใจ

ดวงตาสีน้ำตาลทองปิดสนิท เด็กหนุ่มคิดว่าตัวเองต้องมอบจุมพิตครั้งที่สามให้พื้นซีเมนต์เป็นแน่ แต่ทำไมริมฝีปากของเขาถึงวางอยู่บนวัตถุที่มีเสียงเต้นของหัวใจ

พื้นที่เด็กหนุ่มหล่นทับนิ่มกว่าพื้นปูน

ทันทีที่ลืมตา

นาวาพบว่าตัวเองนอนทับอยู่บนร่างของอีกคน

เรือนกายของชายเบื้องล่างให้ความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนได้รับสัมผัสมาก่อน ดวงหน้าแสนเคยคุ้นของเขาคนนั้นแสดงความโล่งใจที่โอบรัดนาวาเอาไว้ได้

ดวงตาสองคู่สบกันเนิ่นนานราวหลงอยู่ในความฝัน

              I had a dream so big and loud
              I jumped so high I touched the cloud, wooh
              ฉันมีฝันที่ใหญ่และดัง
              กระโดดจับหมู่เมฆสูงสุดกำลัง

              I stretched my hands out to the sky
              We danced with monsters through the night, wooh
              ฉันเหยียดมือเอื้อมถึงนภา
              ทั้งคืนเราระบำเริงร่ากับอสูรกาย

              I’m never gonna look back
              Whoa, I’m never gonna give it up
              No, please don’t wake me now
              ฉันจะไม่มองกลับไป
              ฉันจะไม่ยอมล้มเลิก
              อย่าเลย ได้โปรด อย่าเพิ่งปลุกฉันตื่นในตอนนี้

              This is gonna be the best day of my life
              This is gonna be the best day of my life
              วันนี้จะเป็นวันดีในชีวิตฉัน

เสียงเพลงเรียกเข้า Best Day of My Life จากมือถือของชายหนุ่มดังขึ้น American Authors ขับขานถึงความฝันที่ยิ่งใหญ่ ความฝันที่ตะโกนก้องรัวดังอยู่ในใจ

ใช่แล้วมันเป็นความฝัน
เป็นเพียงฝัน

ฝันร้ายชัดๆ

This is gonna be the worst day of my life. วันร้ายวันซวยล่ะสิไม่ว่า

ไอ้ตี๋ออกไปจากสายตากูเดี๋ยวนี้!

“ไอ้ตี๋ มึงอยากตายมากใช่ไหม?!” นาวากระซิบข้างหูของตรีเพชร กระซิบออกมาดังๆชนิดที่ว่าคนเดินผ่านไปผ่านมาได้ยินกันสามบ้านแปดบ้าน

“โอ๊ยไอ้เตี้ย” ตรีเพชรใช้มือสองข้างจับหน้าของนาวา ชายหนุ่มดึงให้คนด้านบนโน้มตัวลงมาแล้วตะโกนกรอกหูกลับไปว่า “ไอ้เตี้ยสมองฝ่อ อยู่กันแค่นี้จะตะโกนทำห่าอะไร นอนทับอยู่ได้ ออกไปไม่ต้องมาซบ”

“ไอ้หน้าจืด อยากซบตายแหละ” นาวาตะโกนเข้าหูของอีกฝ่ายก่อนจะผละออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม

ทั้งสองลุกขึ้น ตรีเพชรปัดฝุ่นที่ติดเสื้อก่อนจะเดินไปหยิบมือถือที่ทำร่วง นาวามองหนังสือที่กระจัดกระจายของตัวเอง ก่อนจะช่วยเก้ากับนิสาก้มเก็บหนังสือ เด็กหนุ่มหงุดหงิดเพราะคนที่ไม่อยากเจอ

“ไม่……” ตรีเพชรร้องลั่น ก่อนหันมาหานาวา “ดูผลงานของนายซะ ไอ้แว่นซุ่มซ่าม”

มือถือรุ่นใหม่ของคุณเพชรหน้าจอแตกเป็นรอยไม่เหลือสภาพ

“ซุ่มซ่าม? พูดใหม่ซิ แกว่าใครซุ่มซ่าม” นาวาเลิกสนใจหนังสือ หันมามองหน้าตรีเพชร สายตาเอาเรื่องของเขาจับจ้องชายหนุ่มอย่างไม่ลดละ

“เหอะ เซ่อซ่ายังไม่พอ ไอคิวต่ำอีกต่างหาก เดินมาชน นอนทับ แตกปากตะโกนใส่หู แล้วยังทำมือถือฉันพัง ทำลงไปตั้งเยอะแบบนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอว่าฉันหมายถึงนาย ไอ้เตี้ย”

“วะ ไอ้หน้าจืดคิ้วปลิง ว่างๆช่วยหัดใช้สมองให้มันเยอะกว่านี้หน่อยนะ ใครกันแน่ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ถ้าแกจะกรุณาแหกตาหยีๆของแก แล้วช่วยระวังคนที่เดินออกมาจากลิฟท์บ้าง มือถือก็คงไม่เจ๊งหรอกพ่อคุณ”

“มุกเดิมเหรอ ทำผิดแล้วผลักให้เป็นความผิดของคนอื่น” ตรีเพชรจับแขนของนาวาเอาไว้ ชายหนุ่มกลัวว่าคราวนี้เด็กจอมกวนจะหนีหายไปเหมือนตอนที่เด็กคนนี้ทำรถของเขาเป็นรอย “เท่าที่เห็นนายมาชนฉันก่อนนะไอ้แว่น ต้องตัดแว่นใหม่ละมั้ง มองยังไงไม่เห็นคนวะ”

“ก็เพราะว่ามึงมันไม่ใช่คนไงไอ้ตี๋ แล้วบอกให้รู้ไว้ว่าคนอย่างไอ้วาไม่ใช้มุกเดิมหรอกเว่ย” นาวารู้ตัวว่าโดนมัดอยู่ เลยยกขาหมายจะเตะแข้งซ้ายของตรีเพชรอีกรอบ แต่ชายหนุ่มกลับยกขาหลบ นาวาโดนตรีเพชรดักทางเข้าให้แล้ว

“อื้ม ไม่มุกเดิมเลย ไอ้เตี้ยไม่สร้างสรรค์” ตรีเพชรยิ้มยั่วยุอีกฝ่าย

“อ๋อ กูสร้างสรรค์แน่ เอานี่ไปกินไป” ไม่ได้แข้งซ้ายก็เอาแข้งขวามันนี่แหละ

“โอ๊ย” ตรีเพชรต้องเผลอปล่อยนาวาแล้วก้มจับขาตัวเอง “ไอ้ตัวแสบ แบบนี้โคตรไม่ครีเอตเลย”

“เก้า สา ไปโว้ย อยู่แถวนี้นานๆเดี๋ยวโดนหมาบ้ากัดเอา” นาวาหันไปพูดกับเพื่อน เตรียมตัวชิ่งหนีอย่างแนบเนียนที่สุด เรื่องอะไร
เขาจะต้องสนใจมือถือของไอ้คุณชายด้วย มันทำหล่นเองนะ… ใจจริงนาวาไม่อยากจะจ่ายค่ามือถือให้คุณชายต่างหาก ดูก็รู้ว่ามือถือรุ่นนี้โคตรแพง ใครจะมีปัญญาชดใช้กันเล่า

“เออวันนี้ฉันยอมเป็นหมาบ้าให้นายก็ได้ คอยดูจะกัดไม่ปล่อยเลยไอ้เตี้ย มานี่!” ตรีเพชรคว้าแขนของนาวาได้ก่อนที่เด็กหนุ่มจะ
เดินออกไป

“ปล่อยกูไอ้ตี๋ จะลากไปไหนเล่า ไอ้หน้าซีด ไอ้ผีดิบ ปล่อยเว่ย” นาวาพยายามแกะมือของตรีเพชรออก เด็กหนุ่มทำท่าจะเตะ
ตรีเพชรอีกครั้ง

“ถ้าแตะฉันอีกทีฉันอุ้มนายแน่” ตรีเพชรชี้หน้าคาดโทษ “จะตามมาดีๆไหม”

“ไม่ไป มีเรียน” นาวาหาข้ออ้าง

“น้องสา พี่ฝากเช็คชื่อให้เพื่อนด้วยนะ ใครถามว่ามันไปไหนบอกว่าเป็นลมบ้าหมูกัดลิ้นตัวเองตายไปแล้วละกัน” ตรีเพชรหันไปคุยกับนิสาและลากนาวาให้เดินตามตัวเองมา

เมื่อนาวาโดนตรีเพชรลากไป นิสาก็ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนคนข้างๆต้องถามออกมา

“กูว่ามึงบ้าไปแล้วไอ้สา ปล่อยไอ้วาไปได้ไง ตีกันตายหรอก” เก้าพูดขึ้น

“เขาไม่ตีกันจนตายหรอกน่า” นิสาค้าน

“มึงรู้ได้ไง” เก้าคิ้วขมวด

“เชื่อเถอะน่า” นิสาดึงแขนเก้าเอาไว้ “ห้ามมึงไปช่วยไอ้วานะ ไม่ต้องห่วงไปหรอก”

“ก็กูห่วงเพื่อน”

“ถ้าห่วงเพื่อนก็มากับกู เนี่ยหิวข้าวจะแย่อยู่แล้ว” นิสาลากชายหนุ่มที่ถือหนังสืออยู่ให้เดินตามมา “หรือมึงไม่หิว?”

“หิว” เก้าตอบ แล้วสองคนก็ไปหาข้าวกิน ทิ้งเพื่อนไว้กับคุณชายตรีเพชร

ชายหนุ่มเปิดประตูรถแล้วดันให้นาวาเข้าไปนั่งข้างใน


นาวาเห็นตรีเพชรปิดประตูรถและเดินอ้อมไปหมายจะเข้าประตูอีกฝั่ง เลยอาศัยช่วงเวลานั้นเปิดประตูรถออกและเตรียมตัววิ่งหนี แต่เด็กหนุ่มก็หนีไม่ทันเงื้อมมือของคนตัวโตอยู่ดี

“หึหึ กะแล้วว่านายต้องมาไม้นี้” ตรีเพชรรวบแขนของนาวาไว้ได้

“ไอ้ผีดิบ มึงเป็นญาติกับปลาหมึกหรือไง ปล่อยดิวะ จับแน่นเกินไปแล้ว จะพากูไปไหน กูไม่ไปกับมึง” นาวาโวยวายเมื่อถูกดัน
เข้าไปในรถ

คราวนี้ตรีเพชรไม่เดินอ้อมรถให้เสียเวลา เขาเข้าไปพร้อมกับนาวา พยายามแทรกตัวเข้าไปที่นั่งคนขับ ถึงจะทุลักทุเลไปหน่อย
แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ไอ้เตี้ยหลุดมือไป

“นี่ออกไปนะอย่าเบียดเข้ามาชิดนักสิ” นาวาพยายามผลักตรีเพชรออกไป เมื่อชายหนุ่มเบียดตัวเข้ามา

“อยากเบียดตายล่ะ โดนแล้วจะคันหรือเปล่าก็ไม่รู้” ตรีเพชรเถียงกลับอย่างไม่ยอมกัน

“คันหูสิไอ้หอก คนโว้ยไม่ใช่ตัวบุ้งจะโดนแล้วคัน ปล่อยมือได้แล้ว เจ็บ”

:katai4: :katai4:
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 30-10-2014 18:06:17
 :z13:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ronlbb ที่ 30-10-2014 18:09:54
คือชื่อตอนเกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องอ่ะ

งงไปเลย

แต่ก็สนุกดีค่ะ  เมื่อไหร่จะหมั้นอ่ะ  ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 30-10-2014 18:11:46
ฉับ!!! หายไปเฉย.......................ค้างเลย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 30-10-2014 18:21:36
ทะเลาะกันบ่อยแบบนี้ ท่าทางจะลูกดก 55555 :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-10-2014 18:43:23
ทะเลาะกันกระหนุงกระหนิง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 30-10-2014 18:55:20
เจอกันทีไร เถียงกันตลอดดด
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 30-10-2014 19:34:35
แงๆๆๆ ตัดฉับเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 30-10-2014 20:09:28
จบตอนเท่านี้หรือว่ายังลงไม่ครบคะ?
ถ้าอย่างแรกนี่เราขอร้องไห้เลยนะ
เพิ่งได้ใกล้ชิดกันในเบาะรถก็โดนตัดฉับซะแล้ว 5555555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 30-10-2014 20:13:10
น่ารักจังเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: kageroi ที่ 30-10-2014 21:00:12
สนุกมากกกกก  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Satanza321 ที่ 30-10-2014 21:58:21
สงสัยที่ว่ายิ่งเกลียดยิ่งได้เจอคงจะเป็นจริงอะนาวาไม่งั้นนายคงไม่เจอตาตี๋นี่หรอก o8
นิสานี่ยัดเยียดเพื่อนจัง เดี๋ยวก็ได้ตีกันตายหรอก 2 คนนั้น :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 30-10-2014 22:10:18
สารภาพว่าอ่านเรื่องนี้เเล้ว เราชอบวง iron&wine เลยเง้ออ
เพลงปลากรอบเพราะมากเลยค่ะ
นิยายก็สนุกมากกก สั้นมากกก จะขาดใจ 55555

วันอาทิตย์จะมานอนรอเลย อิอิ
 :katai5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 30-10-2014 22:35:09
ต้องเพิ่มนิยายเรื่องนี้ในบุ๊คมาร์คไว้ซะแล้ว...
ประทับใจมากค่ะ

รอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 30-10-2014 22:52:46
 :heaven
ที่ลงไปเป็นเพียงครึ่งแรกของบทนี้นะคะ
ผู้อ่านโปรดอย่าเข้าใจผิดนะ
ครึ่งหลังกำลังจะคลอดค่ะ  :katai4:

ปกติจะเอาตอนใหม่มาลงทุกๆวันอาทิตย์ แต่คิดว่ามันคงจะนานเกินไป
กลัวทุกคนจะรอ กลัวทุกคนจะลืม

เลยกะว่าต่อไปจะพยายามลงให้ถี่ขึ้น
ยังไงก็ขอกำลังใจจากทุกๆคอมเม้นด้วยนะคะ

Happy Halloween นะคะผู้อ่านที่รัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 30-10-2014 23:04:16
 :laugh: แหมๆ ตีกันบ่อยๆแบบนี้ระวังลูกดก (???) นะเจ้าคะ
คนแต่งสู้ๆจ้า เป็นกำลังใจให้นะคร๊า :กอด1:
ปล. มาต่อให้แบบบ่อยๆถี่ๆจะดีใจเปงล้านเท่า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-10-2014 23:10:43
แรกๆก้องี้ 5555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 30-10-2014 23:53:32
ตัดฉับแบบนี้มันค้างนะค้าา  :katai1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 31-10-2014 00:27:46
คู่นี้กัดกันบ่อยๆ ตอนรักกันล่ะท่าหวีดเนอะๆ
รอตอนต่อไปปป
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-10-2014 02:04:47
สนุกดีครับบบ ชอบๆ ทะเลาะกันบ่อยๆเด้ยวก็รักกันเองอ :katai1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: dorabarin ที่ 31-10-2014 14:18:01
 :impress2: อนาคตลูกดกแน่นอน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 31-10-2014 15:42:14
แรกๆก็งี้... ตีฝีปากกันไป
แล้วจะเอาน้องไปไหนคะพี่เพชร
เอาไปเป็นตุ๊กตาหน้ารถหรอ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ysolip ที่ 31-10-2014 18:27:50
รออีกครึ่งหลังนะคะ
สู้ๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: waiman ที่ 31-10-2014 18:44:38
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 31-10-2014 23:34:19
จิ้มก่อน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 01-11-2014 13:34:53
ทะเลาะบ่อยแบบนี้ ลูกดกชัวร์ อิอิ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 02-11-2014 19:45:48
อุ้ยเค้าทะเลาะกันอีกแล้ว :fire:

 :hao7:อะไรนั่น ขึ้นรถไปด้วยกัน ชอบตอนคู่กัดเอาตัวเบียดกัน :hao6:

นี่เข้ามารอนะบอกเลย รอ :z3:

รีบมาเด้อ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: MunashiiSora ที่ 02-11-2014 20:42:26
ฉับบบ... โดนตัดจบซะค้างเลย 555555555  :laugh:

อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนได้อ่านนิยาย 2 เรื่องในเวลาเดียวกัน
มีวรรณกรรมมาสอดแทรก ทำให้เราได้ความรู้เพิ่มมาเล็กน้อย (จากที่ไม่มีเลย :katai3:)

ไม่รู้ว่าคนแต่งเคยอ่านเรื่อง สาวน้อยวรรณกรรม หรือเปล่า?
มาแนวคล้ายๆ กันเลย อ้างอิงวรรณกรรมเหมือนกัน
อย่างที่เราบอก เหมือนได้อ่านนิยาย 2 เรื่องพร้อมกัน

สรุปคือ ชอบค่ะ  :impress2:

ปล. รอตอนต่อไปย์

 :L2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 02-11-2014 21:27:47
เมื่อไหร่จิมาา
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ysolip ที่ 09-11-2014 18:23:37
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 11-11-2014 02:25:40
 :monkeysad: เมื่อไหร่จะมาอัพหนอ
รออ่านอยู่น้าา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: KIMKUNG ที่ 11-11-2014 02:55:26
รอก้าบรอ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.1 แพ้ท้อง? (30/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 12-11-2014 14:25:44
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
Chapter 4.2 แพ้ท้อง?

 :mew4:

All through the night
by Sleeping at last


https://www.youtube.com/watch?v=bfe7l-cX2YM&list=PLMwbKombrNUZH1zz6gSBYq8cEaUseyF5t&index=5 (ftp://www.youtube.com/watch?v=bfe7l-cX2YM&list=PLMwbKombrNUZH1zz6gSBYq8cEaUseyF5t&index=5)

All through the night, i'll be awake and i'll be with you.
All through the night, this precious time, when time is new.
All, all through the night today, knowing that we feel
the same, without saying, the same without saying

We have no past we won't reach back,
Keep with me forward all through the night
and once we start a meter clicks,
and it goes running all through the night.
Until it ends, there is no end.

All through the night a stray cat is crying, stray cat sings back.
All through the night, they have forgotten what by they do lack.
Under those white street lamps, there is a little chance they may see you, a chance they may see you.

 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 12-11-2014 14:34:24
ปูเสื่อรอจ้า :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 12-11-2014 15:01:14
 :call:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-11-2014 18:49:41
รอจ้ารอ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 12-11-2014 19:00:38
กวาดพื้นรอ  o18
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 12-11-2014 19:21:09
สนุกอ่ะ มาปูเสื่อรอด้วยคนค่ะ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 12-11-2014 19:23:09
มาตีลังการอ อิอิ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nokhook ที่ 12-11-2014 20:25:35
ค้างงงงงงงง :katai1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 12-11-2014 21:05:16
รออ่านอย่างใจจดใจจ่อ 55
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: MunashiiSora ที่ 12-11-2014 21:14:23
รอจ้าา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ppp044 ที่ 13-11-2014 01:56:56
 :katai3: นอนรอๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 13-11-2014 12:41:33
สนุกดีอะ ชอบจัง นายเอกใส่แว่นเนี้ย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: BaZkon ที่ 19-11-2014 13:44:31
เมื่อไหร่จะมาต่ออ่า งืออออ :hao5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nonamekeaw ที่ 20-11-2014 18:54:31
สนุกๆ มาต่อเร็วๆน่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Tinton ที่ 23-11-2014 00:31:17
มาต่อด้วยคร๊าบ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 27-11-2014 09:04:32
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 27-11-2014 20:35:10
สนุกดีชอบ คุณชายหยิ่งๆ มาดเยอะ เจอหนูวาสตั๊นไม่กี่คำ เสียเซลฟ์เลยจ้า ฮ๋าๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ysolip ที่ 18-12-2014 20:45:33
 :katai5: เข้ามารอค่าา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-12-2014 21:10:12
รอนิ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 18-12-2014 22:03:10
รออออออออ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Iam_Frong ที่ 19-12-2014 21:03:25
บางครั้งอ่านแล้วยัง งงๆ บรรยายพรรณนาเรื่องมากเกินไปอ่ะนะ อยากให้เพิ่มบทสนทนาเยอะกว่านี้ จะได้อ่านแล้วไม่ดูน่าเบื่อ เพิ่มอรรถรส สู้ๆ สนุกนะ น่าลุ้นดี
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 20-12-2014 00:10:06
อยากอ่านอีกกกกกกกกกกกก
มาอัพเถอะค่าา
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: khunbeer ที่ 05-01-2015 01:33:37
รออยู่นะค่ะะะ  นานแล้วววววว  :hao7: :sad4: :hao7: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 05-01-2015 07:58:45
แอบซึนนะนี่ ตัวแสบ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 05-01-2015 15:37:54
จะ สองเดือนแล้วหนออ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 11-01-2015 16:04:07
เมื่อไหร่จะมาาาาาา :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: khunbeer ที่ 24-02-2015 01:43:30
รอยังรอตัวนาาาา มาลงได้แล้ววววว  :serius2: :hao5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 24-02-2015 13:36:06
เมื่อไหร่จะมาเนี่ยนานแล้วนะ
อยากอ่านต่อเนื้อเรื่องสนุกมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? [coming] (12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 20-03-2015 18:18:56
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
Chapter 4.2 แพ้ท้อง?

 :กอด1:

All through the night
by Sleeping at last


https://www.youtube.com/watch?v=bfe7l-cX2YM&list=PLMwbKombrNUZH1zz6gSBYq8cEaUseyF5t&index=5 (ftp://www.youtube.com/watch?v=bfe7l-cX2YM&list=PLMwbKombrNUZH1zz6gSBYq8cEaUseyF5t&index=5)

ชายหนุ่มเปิดประตูรถแล้วดันให้นาวาเข้าไปนั่งข้างใน

นาวาเห็นตรีเพชรปิดประตูรถและเดินอ้อมไปหมายจะเข้าประตูอีกฝั่ง เลยอาศัยช่วงเวลานั้นเปิดประตูรถออกและเตรียมตัววิ่งหนี แต่เด็กหนุ่มก็หนีไม่ทันเงื้อมมือของคนตัวโตอยู่ดี

“หึหึ กะแล้วว่านายต้องมาไม้นี้” ตรีเพชรรวบแขนของนาวาไว้ได้

“ไอ้ผีดิบ มึงเป็นญาติกับปลาหมึกหรือไง ปล่อยดิวะ จับแน่นเกินไปแล้ว จะพากูไปไหน กูไม่ไปกับมึง” นาวาโวยวายเมื่อถูกดันเข้าไปในรถ

คราวนี้ตรีเพชรไม่เดินอ้อมรถให้เสียเวลา เขาเข้าไปพร้อมกับนาวา พยายามแทรกตัวเข้าไปที่นั่งคนขับ ถึงจะทุลักทุเลไปหน่อยแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ไอ้เตี้ยหลุดมือไป

“นี่ ออกไปนะอย่าเบียดเข้ามาชิดนักสิ” นาวาพยายามผลักตรีเพชรให้ออกห่างเมื่อชายหนุ่มเบียดตัวเข้ามา

“อยากเบียดตายล่ะ โดนแล้วจะคันหรือเปล่าก็ไม่รู้” ตรีเพชรเถียงกลับอย่างไม่ยอมกัน

“คันหูสิไอ้หอก คนโว้ยไม่ใช่ตัวบุ้งจะโดนแล้วคัน ปล่อยมือได้แล้ว เจ็บ” นาวาโวยวายออกไปเพราะเจ็บจริงๆ

เมื่อนั่งตรงตำแหน่งคนขับและล็อครถไม่ให้นาวาเปิดหนีไปได้ ตรีเพชรปล่อยข้อมือบางแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ ชายหนุ่มเหลือบเห็นข้อมือของคนร่างเล็กมีรอยนิ้วของเขาอยู่ รอยแดงตรงข้อมือทำให้ตรีเพชรรับรู้ว่าที่นาวาบ่นว่าเจ็บเพราะเด็กหนุ่มรู้สึกเจ็บจริงๆ แม้จะรู้สึกผิดแต่คุณเพชรก็ปากหนักเกินจะเอ่ยคำขอโทษหรือปลอบประโลม

“จอดรถนะเว้ย คนมีเรียนลากมาได้ จะไปกินข้าวกับเพื่อนด้วย” นาวาเริ่มบ่นเมื่อล้อรถเริ่มบดเบียดกับพื้นถนน

“หึ จอดให้ก็โง่ นายน่ะต้องรับผิดชอบฉัน” ตรีเพชรว่า

“รับผิดชอบ? กูทำมึงท้องเหรอไอ้ตี๋ ทำไมต้องรับผิดชอบ”

“ไอ้เตี้ย เรื่องมือถือโว้ย ไม่ได้ให้มารับผิดชอบเรื่องอย่างว่า แค่คิดว่านาย… โว้ยไม่อยากจะคิด”

“ทำไม คิดเรื่องกูแล้วมันทำไม” นาวากอดอก “คนออกจะดี”

“อย่างนายเนี่ยทำใครท้องไม่ได้หรอก ท้องเองล่ะสิไม่ว่า ฮ่าๆๆๆ”

“ไอ้ตี๋ เงียบปากไปเลยมึง ”

“ฮ่าๆๆ รับความจริงไม่ได้?”

“ความจริงห่าอะไรล่ะ กูไม่ใช่ผู้หญิง ท้องไม่ได้เว่ย” นาวากอดอก คิ้วขมวดมุ่น สายตาดุปราดมองตรีเพชรที่กำลังขับรถ

“ฮ่าๆๆ เสียดายเนาะ” ตรีเพชรกล่าวล้ออีกฝ่าย

“ไม่น่าเสียดายเหอะ คนออกจะหล่อ”

“ที่บ้านมีกระจกหรือเปล่า ส่องดูแล้วเหรอที่ว่าหล่อน่ะ แบบนี้เขาเรียกสวยต่างหาก”

นาวาหน้าแดงเพราะความโมโห “สวยบ้านแกสิไอ้ตาต่ำ ไม่ต้องมาเฉไฉเปลี่ยนเรื่องเลยนะ จะพาไปไหนเนี่ยไอ้ตี๋”

“ก็อย่างที่บอกไง นายต้องรับผิดชอบฉัน” รับผิดชอบที่ทำให้ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน ไอ้เด็กบ้า

ห้างหรูใจกลางเมืองคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา คนเหล่านี้ต่างมาจับจ่ายใช้สอย บางคนมาคนเดียว หลายคนมากับเพื่อน แฟน หรือกับครอบครัว สิ่งที่คนพวกนี้มีเหมือนกันคือสีหน้ายิ้มแย้มที่ต่างมีให้แก่กัน ผิดกับนาวาและตรีเพชรที่ไม่ได้เป็นทั้งเพื่อน แฟนหรือครอบครัว ดังนั้นใบหน้าเฉยเมยของตรีเพชรกับดวงหน้าบูดบึ้งของนาวาที่มอบให้แก่กันบ่งบอกสถานะของกันและกันได้เป็นอย่างดี

แขนข้างขวาของนาวาโดนชายหนุ่มลากให้เดินตามอย่างไม่แยแส เสียงบ่นกระปอดกระแปดหรือจะเป็นเสียงขู่ของนาวาก็ไม่สามารถสั่งให้คุณเพชรหยุดฉุดกระชากร่างบางได้ นาวาจึงได้แต่จำใจเดินตามแรงดึงของคนตัวโตเบื้องหน้า คนตัวเล็กมิวายก่นด่าตรีเพชรในใจเพื่อระบายความเคียดแค้น

ทั้งคู่หยุดอยู่หน้าร้านมือถือ โทรศัพท์รุ่นใหม่ตั้งเรียงรายให้เลือกมากมายหลากหลายยี่ห้อ นาวาเหลือบเห็นป้ายราคามือถือรุ่นล่าสุดของตรีเพชรที่ตัวเองมีส่วนทำให้มันพังไปถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ ใครจะบ้าไปชดใช้ค่ามือถือให้แก นั่นมันเงินเดือนที่ฉันทำงานทั้งเดือนเลยนะเว่ย

ชายหนุ่มควักโทรศัพท์ที่หน้าจอดับสนิทและมีรอยร้าวให้พนักงานตรงเคาท์เตอร์ “เอารุ่นนี้แหละ เก็บเงินที่คนนี้” ตรีเพชรดันนาวามายืนตรงเคาท์เตอร์ พร้อมทั้งผลักภาระการใช้จ่ายให้เด็กหนุ่ม

“เฮ้ย ใครบอกจะจ่ายให้แก” นาวาโวยแล้วหันไปพูดกับพนักงาน “พี่ครับ มันสั่ง มันจ่ายครับ ผมไม่เกี่ยว”

“เกี่ยวสิทำไมจะไม่เกี่ยว นายทำมือถือฉันพังนะไอ้เตี้ย สมองกลวงเรอะลืมเร็วจัง” คุณเพชรเอานิ้วจิ้วหน้าฝากนาวาเสมือนเรียกสติ

มือบางปัดนิ้วของตรีเพชรออกไป “สมองกูไม่กลวงเว่ย ไม่ได้ขี้เลื่อยเหมือนใครบางคน มือถือเครื่องเดียวรักษาไม่ได้ ดันมาโทษคนอื่นเขาอีก”

“อย่ามาตีมึนเลยเตี้ย นายต้องรับผิดชอบ” ตรีเพชรกอดอกยืนยันหนักแน่น  วันนี้เขาต้องเอาชนะเด็กกวนประสาทคนนี้ให้ได้ ชายหนุ่มหมายมั่นเอาไว้ในใจตั้งแต่คืนนั้น คืนที่เขาพร่ำเพ้อจนนอนไม่หลับ ตรีเพชรหันไปสั่งกับพนักงานโดยไม่สนคำทัดทานของนาวา “เอาตามที่ผมสั่ง แล้วคิดเงินกับคนนี้”

“นี่แกจะเอาให้ได้ใช่ไหมไอ้ตี๋ บ้าเรอะ แพงไปเว้ย”

“ไม่รู้แหละ เอ.. หรือถ้านายเดือดร้อนฉันจะปล่อยกู้ให้ก่อนก็ได้นะ”

 “ฝันไปเถอะ ใครจะไปขอความช่วยเหลือจากเด็กไม่รู้จักโตแบบนายกัน” นาวาทำตาโตใส่ตรีเพชรด้วยความเหลืออด

“เด็ก?” ตรีเพชรร้อง

“เออ เด็ก” นาวาเอานิ้วจิ้มหน้าอกของตรีเพชรแม้เด็กหนุ่มจะรู้สึกถึงความแน่นของกล้ามอกและรู้ดีว่าแรงกดของเขาจะเบาเหมือนอุ้งเท้าแมวเขี่ย  “คนอย่างนายความคิดโคตรเด็กเลย ไอ้ตี๋งี่เง่า”

ตรีเพชรดึงข้อมือของเด็กหนุ่มมากุมไว้ เขารู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ แต่กระนั้นก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าเพราะเหตุใด “คนที่งี่เง่าคือนายต่างตากไอ้แว่น เด็กอย่างนายทำผิดแล้วไม่รู้จักรับผิดชอบ ขอโทษคนอื่นก็ไม่เคย ทั้งรถทั้งมือถือฉัน นายต้องชดใช้”

“อยากได้มากใช่ไหมมือถือน่ะ ได้!” นาวาสะบัดมือ

ตรีเพชรไม่ตอบ ได้แต่กอดอกลอยหน้าลอยตาอย่างผู้มีชัย

“พี่ครับ” นาวาหันไปคุยกับพนักงาตรงเค้าท์เตอร์ซึ่งมีท่าทีประหม่าและวางตัวไม่ถูกเมื่อเห็นลูกค้าทะเลาะกัน เกี่ยงจ่ายเงินทั้งที่ยังไม่ซื้อของอยู่หน้าร้าน นาวากวักมือทำท่าทางบอกให้พนักงานหญิงคนนั้นเอียงหูมาฟัง แล้วเด็กหนุ่มก็กระซิบกับพนักงาน ปล่อยให้ตรีเพชรยืนมองด้วยความสงสัย “เอาตามที่ผมบอกนะครับ ห่อให้ด้วยนะ”

“หึหึ แค่นี้ก็หมดเรื่อง” ตรีเพชรยืดอกและเหยียดยิ้ม

“เออ ได้มือถือแล้วก็ต่างคนต่างอยู่นะไอ้ตี๋”

สักพักพนักงานกลับมาพร้อมกับยื่นถุงพลาสติกสีฟ้าขุ่นที่มีโลโก้ร้านให้นาวา “เจ็ดร้อยห้าสิบบาทค่ะ”

“ห๊ะ?” ตรีเพชรร้องออกมาอย่างไม่เข้าใจ ทำไมไอ้เตี้ยถึงซื้อได้ถูกกว่าที่เขาสั่งหลายเท่านัก

“นี่ครับ ขอบคุณครับ” นาวายื่นเงินให้และรีบเดินออกมาพร้อมถุงมือถือ

“เฮ้ยเตี้ย รีบเดินไปไหน รอก่อน”

“อะไรอีกล่ะ”

“ทำไมมันแค่เจ็ดร้อยกว่าบาทเองล่ะ อ่อรู้ละ นี่มันแค่ราคาดาวน์ใช่มะ บอกแล้วว่าปล่อยกู้ทำไมไม่ใช้ฉันช่วยล่ะ จ่ายผ่อนแบบนั้นมันแพงนะ”

“ใครว่าฉันผ่อน คนอย่านาวาซื้อสดเว่ย”

“ห๊ะ?!” ตรีเพชรตกใจ

นาวาหยุดเดิน เด็กหนุ่มดันถุงใส่มือตรีเพชร “เอามือถือของนายไป ตอนนี้เราเจ๊ากันแล้ว ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก” ตรีเพชรยืนอึ้งกับคำพูดของนาวา นี่หรือชัยชนะที่ชายหนุ่มต้องการ ชนะแล้วก็ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายกันแล้ว ทำไมเขาไม่ดีใจเลยล่ะ สายไปแล้วสำหรับตรีเพชรที่จะหาคำตอบเพราะนาวาเดินลิ่วทำตัวกลืนหายไปกับฝูงชนเป็นที่เรียบร้อย

ชายหนุ่มมองถุงพลาสติกในมือและเริ่มแกะกล่อง คิ้วเรียวของเขาเริ่มขมวดเข้าหากันเรื่อยๆ มือหนาสั่นน้อยๆขณะแกะโทรศัพท์ออกมา

“ไอเตี้ย!!! แสบนักนะ” หนอย… โทรศัพท์จอสีแบบดูโอ้สองซิม ฟังวิทยุได้ พร้อมปุ่มกดแบบดั้งเดิม?!?

นาวาแอบวิ่งเข้าห้องน้ำในช่วงที่ตรีเพชรกำลังอึ้งรับของไป เด็กหนุ่มรู้ดีถ้าชายหนุ่มรู้ว่าโทรศัพท์ที่ซื้อชดให้ไม่ใช่รุ่นที่คุณชายอยากได้จะเป็นอย่างไร

“ฮ่าๆ ไอ้ตี๋บ้านั่นต้องร้องจ๊ากแน่ๆ” นาวายืนหอบอยู่ตรงหน้ากระจก มือบางเปิดก๊อกน้ำ ก้มหน้าลงเพื่อล้างหน้า ใจของเด็กหนุ่มยังเต้นรัวเพราะความเหนื่อยจากการวิ่งหนี รอยยิ้มของผู้ชนะเหยียดขึ้นระใบหน้าคมสันของเขา ก๊อกน้ำทางซ้ายของนาวากำลัง
ปล่อยน้ำลงซิ้งค์ทำให้เด็กหนุ่มรับรู้ว่ากำลังมีอีกคนมาเยือน

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองกระจก รอยยิ้มบนใบหน้ากลับจางหายทันทีเหลือไว้แต่ใบหน้าเย็นชากับแววตาไร้อารมณ์

“Well, look who’s here.” เสียงของผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น ปากบางเรียวรีของเขาเหยียดยิ้ม แขนเรียวปิดน้ำและจัดเส้นผมสีน้ำตาลของตัวเองให้เข้าที่ ดวงตาสีดำมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกและชายหางตามองเงาสะท้อนอันเย็นชานาวา “Long time no see, DEARY. How’s life?”

นาวากอดอก เด็กหนุ่มยิ้มเหยียด นัยน์ตาฉายแววดุดัน “ก็ดี”

“หึๆฮ่าๆ” ผู้มาใหม่หัวเราะให้กับเงาสะท้อนของนาวา ร่างโปร่งหันมาทางเจ้าของเงาสะท้อนนั้น “นั่นสินะ I bet so far your life must be real GOOD.” สายตาเชือดเฉือนของฝ่ายตรงข้ามทำให้เลือดในกายของนาวาเดือดพล่าน

“ชีวิตที่ไม่มีปรสิตก็ย่อมดีเป็นธรรมดา” เสียงเย็นชาราบเรียบของนาวาเอ่ยตอบ เด็กหนุ่มกระแทกไหล่อีกฝ่ายเดินออกมา

“Oh, I guess I just pissed you off.” แขนเรียวของอีกฝ่ายรั้งนาวาไว้ “โกรธง่ายเหมือนเดิมเลยนะ ไม่คิดจะฟังข่าวอัพเดท
อะไรบ้างหรือไง”

“ปล่อย” นาวาสะบัดไหล่ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบเย็น อารมณ์ของเด็กหนุ่มกำลังจะเดือดพล่าน และเขาไม่รับรองความปลอดภัยของใครๆที่ขวางทางเขาทั้งนั้น “เรื่องของพวกปลิง ไม่จำเป็นต้องรับฟังให้เสียหู”

อีกฝ่ายเหมือนรับรู้ความโกรธของนาวาจึงปล่อยนาวาไปแต่โดยดี ทว่ามิวายที่จะตะโกนให้นาวาที่กำลังเดินออกไปได้ยิน “She’s dead and we will get everything. You hear me? We’ll take it all!!!”

She’s dead… dead… คำพูดเหล่านั้นยังวนเวียนอยู่ในหัว

ไม่จริง รอยยิ้มนั้น ฝ่ามืออบอุ่นนั้น จะไม่มีอีกแล้วใช่ไหม

ความตายพรากทุกอย่างไปจากเรา พรากคนที่เราคิดถึง พรากอ้อมกอดอุ่นๆของคนนั้นไป

คิดถึงเหลือเกิน…

เด็กหนุ่มหลีกหนีความวุ่นวาย หนีผู้คนมายังลานจอดรถ น้ำตาที่เขากลั้นเก็บไว้ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย เด็กหนุ่มสะอื้นและทรุดลงเอาหน้าซุกเข่า ไหล่บางของหนุ่มน้อยไหวเบาๆราวขาดใจ

นาวาคิดถึงวันวาน คิดถึงเธอคนนั้น

“หึ คิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอเตี้ย ไปไหนไม่ได้ใช่ไหมเลยต้องมารอฉันขับรถไปส่งล่ะสิ แล้วมานั่งทำไมตรงนี้เนี่ย”

น้ำเสียงอันคุ้นเคยของตรีเพชรดังขึ้น นาวาไม่ได้ได้ฟังสิ่งที่ชายหนุ่มพูด ในความคิดของเขาตอนนี้มีเพียงความคิดถึงและความรู้สึกผิดที่กัดกินใจ

“อ๋อ รู้แล้ว ติดใจรถฉันใช่ไหมล่ะ นั่งสบายล่ะสิ ฮ่าๆถึงกับมานั่งรอ” ชายหนุ่มก้มมองนาวาที่กำลังซุกหน้านั่งอยู่คนเดียว “เงียบเว้ย แสดงว่าไม่ใช่ เอ หรือว่านายจะมาอ้อนให้ฉันยกโทษเรื่องมือถือซิมดูโอ้นั่น ไม่มีวันหรอกนะเตี้ย”

นาวายังจำครั้งล่าสุดที่เจอกับเธอคนนั้นได้ ร่างกายของอีกฝ่ายผ่ายผอมไปมากนัก คำพูดในตอนนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัว กลับมาเถอะ แต่เขากลับเดินจากมา อีกฝ่ายคงเสียใจ คงจะต้องโดดเดี่ยวมากเหลือเกิน วาผิดไปแล้ว

“…วาขอโทษ วาขอโทษ…” ไหล่ของเด็กหนุ่มสั่นพร้อมเสียงสะอื้นไห้

“เฮ้ย เป็นไรเนี่ยเตี้ย” ตรีเพชรตกใจกับเด็กหนุ่มร่างบาง เด็กคนนี้กำลังร้องไห้ ร้องไห้อีกแล้ว ชายหนุ่มเริ่มใจคอไม่ดี “ที่ว่าไม่ยกโทษให้ฉันพูดเล่นเว่ย ยะ… ยกโทษให้ก็ได้… อย่าร้องไห้สิ ยังไม่ได้ทำไรเลยนะ” ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดเขาก็วางผ่ามือลงบนเส้นผมของนาวาและลูบหัวของเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน

ผ่ามืออุ่นลูบหัวทำให้นาวาต้องเงยหน้ามอง หยาดน้ำตาทำให้มองภาพของคนตรงหน้าไม่ชัดนัก แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับ
ชัดเจนขึ้นในใจ

“…ไอ้ตี๋” นาวาปาดน้ำตา ร่างบางลุกขึ้นก้มหน้าลงด้วยความอาย นี่เราร้องไห้ให้หมอนี่เห็นสองครั้งแล้วเหรอเนี่ย บ้าจริง

มือหนาของตรีเพชรเชยคางของนาวาขึ้นแล้วปาดคราบน้ำตาบนพวงแก้มออกอย่างอ่อนโยน “เด็กขี้แยชอบร้องไห้ตอนทำผิด” เสียงนุ่มเอ่ยอย่างปลอบโยน มือหนาลูบหัวคนตัวเตี้ยกว่าอย่างทะนุถนอม “แต่เด็กขี้แยที่ขอโทษคือ..เด็กดี” รอยยิ้มอ่อนโยนของตรีเพชรที่ไม่มีใครเคยเห็นฉายชัดอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลทองของนาวา

เด็กหนุ่มไม่สามารถละสายตาจากรอยยิ้มอ่อนโยนนั้นได้ นาวารู้สึกเหมือนความผิดทั้งหลายของตัวเองได้รับการยกโทษ ความเสียใจของตัวเองเหมือนมีใครคอยปลอบประโลม รอยยิ้มบางของนาวาจึงระบายขึ้นบนใบหน้า

“นั่นไง ยิ้มได้แล้ว บอกแล้วว่ายกโทษให้เรื่องมือถือ” ตรีเพชรเอ่ยขึ้นอย่างสบายใจ

“มือถือ? อ๋อ ใครจะไปสนใจเรื่องมือถือนายกัน”

“อ้าวที่ร้องไห้เนี่ย ไม่ได้เสียใจที่ทำกับฉันแย่ๆเรื่องมือถือเหรอ” ตรีเพชรรั้งตัวนาวาไว้เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเดินหนี

“ทำไมต้องเอาเรื่องของนายมาคิดให้รกสมอง”

“หึ ไม่เป็นไร ไม่ยอมรับก็ไม่ว่าอะไร เด็กปากแข็ง” ตรีเพชรเริ่มลากนาวาไปที่รถ

“ไอ้คนขี้ตู่ เอาเถอะคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็เชิญ จะลากไปไหนอีก มือถือก็ได้สมใจแล้วสองซิมด้วยนะ ตอนแรกจะเอาจอขาว
ดำแต่บังเอิญเค้าเลิกผลิตแล้วโชคดีของนายนะที่ได้จอสีไปเปลืองเงินหน่อยแต่ก็ถือว่าเราหายกัน”

“ไมพูดมากจังห๊ะไอ้เตี้ย ขึ้นรถไป” ตรีเพชรเปิดประตูรถรอให้นาวาเข้าไปนั่ง

“จะไปไหนเล่า”

“ก็ไปกินข้าวไง ไหนบอกจะไปกินข้าวไม่ใช่หรือไง เร็วๆหิวแล้วอย่าลีลา”

นาวากอดอก เด็กหนุ่มแกล้งทำแก้มป่อง

“ถ้ายอมเข้าไปนั่งดีๆจะเลี้ยง ถ้าต้องให้ลากไปนายเลี้ยง”

“โด่ววว นั่งก็ได้ เห็นแก่ของฟรีหรอกนะ” นาวาเข้าไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถแต่โดยดี

“หึหึ” ตรีเพชรได้แต่หัวเราะกับท่าทีของเด็กเห็นแก่กิน

“ขำอะไร” นาวาปั้นหน้าบึ้งถาม

“ขำเด็กดื้อ”

ร้านอาหารเกาหลีบรรยากาศดีตกแต่งสไตล์เรียบหรู มีเพลงบรรเลงเปิดคลอเบาๆ เป็นร้านแบบที่นาวาไม่คิดจะเข้ามานั่ง เพราะทุกอย่างในเมนูดูแพงเกินที่เด็กน้อยจะจ่ายไหว อาหารและซุปมากมายตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะไม้มะฮอกกานีสีดำ นาวามองอาหารหน้าตาแปลกตาอย่างสนใจ

“ดูอย่างเดียวไม่ช่วยให้อิ่มหรอกนะ” ตรีเพชรแหย่ “กินซะสิ”

“บ้าอำนาจ สั่งคนอื่นบ่อยหรือไง”

“อือ…ก็บ่อย” ตรีเพชรตอบ “เปลี่ยนเรื่องทำไม กินดิ”

“โว้ยสั่งจิง”

“นี่ซุปสาหร่ายอร่อยนะ กินดีๆหรือจะให้ป้อน”

 “กินเองได้น่า” นาวาตักซุปตามที่คุณเพชรแนะนำ “รสชาติแปลกๆ”

“แปลกยังไงก็แค่สาหร่าย อ่อถ้าไม่เคยกินก็จะคาวๆหน่อย กินไปเถอะเดี๋ยวก็ชิน ตัวเล็กจะตายชักกินเยอะๆเลย”

การทานข้าวของคนทั้งคู่เป็นไปด้วยความเงียบ มีเพียงสายตาของทั้งสองที่ลอบสังเกตฝ่ายตรงข้ามและจมอยู่ในห้วงคิดของตัวเอง

นาวาสุดหายใจลึกๆเข้าปอด เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากของตัวเองจนเกือบห้อเลือด ตรีเพชรเห็นเรียวปากแดงๆของนาวาแล้วกลับ
ทำให้เขานึกถึงตอนที่ริมฝีปากเขาประทับเรียวปากบางของเด็กน้อย

“ถอนหายใจทำไม” ตรีเพชรถาม

“ไม่ได้ถอนหายใจ สูดลมหายใจต่างหาก”

“เหรอ กลิ่นอาหารมันหอมขนาดนั้นเชียว?”

“..นี่ถามจริง ไอ้ซุปที่นายบังคับให้กินนี่รสชาติไม่แปลกไปหน่อยเหรอ”

“เคลียร์ก่อนนะเตี้ยไม่ได้บังคับเว่ย อีกอย่างรสชาติไม่เห็นจะแปลกกะแค่สาหร่าย กินๆไปเถอะ สาหร่ายน่ะกินเยอะๆได้โตไวๆ”
แล้วตรีเพชรก็สั่งให้นาวากินต่อไป

นาวาเอ่ยถามขึ้นหลังจากนั่งเงียบครู่ใหญ่ “ห้องน้ำอยู่ไหน”

“อ่อ ข้างใน เห็นป้ายไหม ทางนั้นแหละ” ตรีเพชรที่กำลังชี้บอกทางถึงกับตกใจเมื่อเห็นนาวารีบวิ่งไปห้องน้ำ ชายหนุ่มจึงตัดสิน
ใจรีบตามไป

ภาพที่คุณเพชรเห็นคือนาวากำลังอ้วกอยู่ในห้องน้ำ ชายหนุ่มตกใจได้แต่ลูบหลังนาวาอย่างแผ่วเบา

“ไปท้องกับใครมาวะเตี้ย แพ้ท้องหนักไปนะ”

นาวาไม่ตอบคำพูดเชิงล้อของคุณชาย เขารู้สึกเวียนหัวและหายใจติดขัดขึ้นทุกที ตรีเพชรค่อยๆพยุงนาวามาที่อ่างล้างหน้า  ได้เห็นหน้าซีดๆของนาวาแล้วตรีเพชรถึงกับใจไม่ดี

“เป็นอะไรมากไหม ไปโรงพยาบาลเถอะ”

“มะ…ไม่ ไม่ไปนะ นอนพักสักหน่อยก็หายแล้ว เวียนหัวจัง อยากนอนพัก”

ตรีเพชรประคองนาวาไปที่รถ ชายหนุ่มรีบขับ ตั้งใจจะไปส่งนาวาที่หอแต่การจราจรในยามเย็นทำให้ทั้งคู่ต้องติดอยู่บนถนนอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ไอ้ซุปนั่นของนาย แน่ๆ”  นาวาเอ่ยขึ้นทั้งๆที่ยังหลับตา

“ซุปสาหร่าย? แค่สาหร่ายกับหอยไม่ได้พิสดารตรงไหนเลย รสชาติมันแปลกมากเลยเหรอถึงกับแพ้ท้อง”

“ว่าแล้ว” นาวาถอนใจพลางสะบัดศีรษะสกัดความวิงเวียน

“ว่าแล้วอะไรเตี้ย”

“ก็หอยของแกไง”

“หอยฉัน?” ตรีเพชรชี้หน้าตัวเอง ชายหนุ่มมีสีหน้างุนงง

“ไม่ใช่อย่างนั้นโว้ย หอยอ่ะ หอยในซุป”

“อือ อร่อยดดี ทำไม?”

“ก็ดีหรอกถ้าคนมันไม่แพ้หอย” 

“แพ้มากไหม” น้ำเสียงของตรีเพชรอ่อนโยนขึ้นทันที ชายหนุ่มรู้ว่านี่เป็นความผิดของเขาที่ทำให้นาวาต้องเป็นแบบนี้ แพ้ท้องเพราะฉันเหรอเตี้ย เร็วจังยังไม่ได้ทำอะไรเลย เอ นี่กูคิดอะไรของกูหว่า…

“นอนแปปก็หาย” นาวาตอบ แล้วความเงียบก็เข้ามาแทรกกลางระหว่างคนทั้งสอง คุณเพชรขับรถตั้งใจจะให้ถึงที่หมายโดยเร็ว ส่วนนาวาก็เข้าสู่ห้วงนิทราของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว

“เตี้ยถึงตรงนี้แล้วเลี้ยวไปทางไหนต่อ” ตรีเพชรถามนาวา “เตี้ยว่าไง” ชายหนุ่มหันไปมองร่างบางที่ยังคงหลับอยู่บนเบาะรถ แวว
ตาอ่อนโยนของชายหนุ่มทอดมองลงบนเรือนร่างของนาวาอย่างใคร่ครวญ “ถามแล้วนะ ตื่นขึ้นมาก็อย่าโวยวายละกัน”

คืนนี้พระจันทร์ยังคงลอยเด่นอยู่บนฟ้า แสงจันทร์บดบังแสงริบหรี่ของดวงดาวทำให้แสงสีเงินยวงของพระจันทร์สาดย้อมผืนฟ้าสีดำให้สว่างไสว ตรีเพชรละสายตาจากหน้าต่างห้องนอนมาสนใจคนร่างเล็กที่หลับใหลอยู่บนเตียงกว้าง ร่างบางในเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งกำลังกระสับกระส่าย ฝ่ามือของคุณเพชรแตะหน้าฝากของนาวา เด็กหนุ่มเริ่มมีไข้

All through the night, i'll be awake and i'll be with you.
All through the night, this precious time, when time is new.

ตลอดคืนนี้…จะไม่ยอมหลับ และจะอยู่กับเธอทั้งคืน
ตลอดคืนนี้… ห้วงเวลานี้ล้ำค่า เพราะเป็นเวลาที่เดินหน้าเรื่อยไป


ตอนนี้เวลาเลยมาจนถึงเที่ยงคืน ชายหนุ่มหลับไม่ลง คงเพราะเขาไม่คุ้นชินที่จะมีคนนอนอยู่ข้างๆหรือเพราะเขาใช้เวลาเกือบครึ่งคืนในการจ้องมองใบหน้าของเด็กหนุ่ม คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวเขา คำถามที่เขาไม่อยากได้คำตอบ

All, all through the night today, knowing that we feel
the same, without saying, the same without saying

ตลอดคืนของวันนี้ เรารู้ว่าเรา…
รู้สึกเหมือนกัน…เราไม่ได้พูด… รู้สึกตรงกันโดยไม่ต้องกล่าวคำใด   

ตรีเพชรหวนคิดถึงตอนที่เห็นนาวาร้องไห้ ตอนที่คำปลอบโยนของเขาเข้าไปถึงเด็กคนนั้น ตอนที่ทั้งสองมองตากัน แววตาสีน้ำตาลทองของเด็กคนนี้กับรอยยิ้มในตอนนั้น รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด รอยยิ้มของเด็กคนนี้ทำให้ความรู้สึกบางอย่างชัดขึ้นในใจของเขา เป็นความรู้สึกที่เรียงร้อยเป็นถ้อยคำไม่ได้…

นาวาพลิกตัวกระสับกระส่าย เด็กน้อยกระซิบบางอย่างทั้งๆที่ยังหลับตา ละเมอ? ตรีเพชรนั่งลงบนเตียง มือหนาของเขาเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าของนาวาออกไป เรียวคิ้วของเด็กหนุ่มตอนนี้ขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากบางกระซิบถ้อยคำบางอย่างไม่เป็นภาษา

“..วา ขอ.. ขอโทษ…” น้ำตาของนาวาไหลออกมา “อย่าทิ้งไป ..อย่าไป”

ตรีเพชรทำตัวไม่ถูก ทำไมคนที่เขาเห็นว่าเก่งกล้านักถึงกลับต้องร้องไห้ในตอนหลับฝัน ชายหนุ่มได้แต่ปาดน้ำตาและกอดปลอบโยน

“ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่มีใครโทษวาหรอก… เด็กดี”

All through the night a stray cat is crying, stray cat sings back.

ตลอดคืนนี้… แมวน้อยหลงทางร่ำร้องโหยหา
แมวหลงผ่านมาร้องเพลงกล่อมกลับไป

นาวากัดริมฝีปากของตัวเองราวจะขาดใจ ริมฝีปากของเด็กน้อยแดงระเรื่อ ตรีเพชรไม่สามารถละสายตาจากปากบางนั้นได้ เขาหวนหามัน อยากสัมผัสอีกสักครั้ง

เมื่อริมฝีปากของตรีเพชรทาบทับเรียวปากของหนุ่มน้อย ราวจุมพิตจากเจ้าชายที่ปลุกสโนว์ไวท์ให้ตื่นจากฝันร้าย ดวงตาของทั้งคู่สบกันเนิ่นนาน และรสจูบของเจ้าชายก็ไม่มีใครสามารถทัดทานได้เหมือนเป็นจุมพิตสิ้นสุดพร้อมกาลเวลา

We have no past we won't reach back,
Keep with me forward all through the night
and once we start a meter clicks,
and it goes running all through the night.
Until it ends, there is no end.

เราไม่มีอดีต เราไม่หวนกลับไป
ตลอดคืนนี้… จดจ่อจิตใจไปข้างหน้ากับฉัน
ครั้นเราเริ่มสตาร์ท เข็มไมล์เริ่มนับ
และมันจะขับแบบนี้ไปทั้งคืน
จนกระทั่งสิ้นสุด ที่นั่นไม่มีจุดจบ


“ไอ้ตี๋ลามก มึงตายซะเถอะ!”

เจ้าชายถูกฟาดด้วยหมอนใบใหญ่ แต่ไม่วายลำแขนของเขาก็หอบเอาคนร่างเล็กติดมือไปด้วย

“แค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นแหละ…” แล้วเสียงทักท้วงใดๆก็กลืนหายไปกับเรียวลิ้นของเจ้าชายทรงเสน่ห์

 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-03-2015 18:47:56
กลับมาแล้ววววววววว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 20-03-2015 19:51:01
กรี๊ดดดดดดด กลับมาพร้อมหลายอย่างเลย
ดีใจที่กลับมา สงสารน้องวา และอิตาเพชรจวมฉวยโอกาส!!
รอตอนต่อไปน้าาาาา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-03-2015 00:52:09
 :impress2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 21-03-2015 01:10:37
กลับมาแล้ววววววว
ตอนนี้อ่านแล้วฟินตัวแตก เขินจังค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 21-03-2015 03:21:27
 :ruready วาเป็นคนสองบุคลิกเหรอ? =_= คิดถึงเรื่องนี้มาก  o18
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 21-03-2015 08:25:49
เห็นตอนแรกนึกว่าตาฝาด
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 21-03-2015 10:41:59
กว่าจะมาต่อ นี่ตอนแรกคิดว่าเรื่องอะไรต้องงไปไล่อ่านใหม่ เปิดแล้วอ้าว นี่กูเคยอ่านนี่หว่า

มาต่อแล้วก็ฟินดี แต่งงมากขึ้น
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 21-03-2015 12:13:15
 :mew2:  คิดถึงใจจะขาด สุดสวาทขาดจายยยยยยยยยยย 5555 ร้องเพลงๆ
มาต่อไวๆนะคะ   :hao5:  กำลังได้ที่เลย แอบอ่านแอบรออยู่นะ รู้ยัง  :-[
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 21-03-2015 12:43:25
สวยงาม
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 21-03-2015 13:32:23
ฮิฮิฮิฮิ เข้ามารอจ้าา
ถ้านาวาท้องได้จริงนี้ สนุกแน่นอน  :impress2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 21-03-2015 20:45:33
 o13
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 22-03-2015 14:11:37
 :hao7:
เย้ๆๆๆมาต่อแล้ว รอมานาน
ตอนนี้ฟินมากเลย ชอบพี่เพชรจัง

รีบมาไวๆนะคะ รอลุ้นตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: AMEOOS ที่ 23-03-2015 13:12:35
อ๊ากกกกกกก พี่เพชรรรรรรรรรร ฟินตัวแตกจริงๆค่ะงานนี้ ไม่ไหวเลยนะพี่เพชร รุกน้องเร็วขนาดนี้เดี๋ยวน้องก็ตกใจหมดหรอก
เอ๊ะ หรือจะไม่ทันแล้วหว่า
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 23-03-2015 15:16:14
ขอบคุณคร่าาา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 23-03-2015 15:30:09
 :katai5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 23-03-2015 19:55:22
รอเลี้ยงหลานดีกว่า
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 4.2 แพ้ท้อง? (20/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 24-03-2015 09:09:36
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
 :L2:

คืนนี้จะมาต่อนะคร้าบบบ

แปะเพลงไว้ก่อน

เพลง เรื่องจริง โดย BOYdPOD

https://www.youtube.com/watch?v=tjQknJaH6mE&index=8&list=PLMwbKombrNUZH1zz6gSBYq8cEaUseyF5t

 :mew1:

ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่ยังไม่ลืมและยังรอนาวากับคุณเพชร
ทุกคอมเม้นเป็นกำลังใจเล็กๆน้อยๆให้ผู้เขียนมากๆครับ

with love,
Killian

:katai2-1: :katai4: :katai4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 {upcoming} (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 24-03-2015 18:04:27
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
 :L2:
Chapter 5
เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (ครึ่งแรก)

ว่ากันว่าสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของหนุ่มสาวชาวเอเชียชอบร้องเพลงขณะอาบน้ำ

คนส่วนใหญ่ชอบร้องเพลงในห้องน้ำเพราะรู้สึกว่าเสียงที่เปล่งออกมาก้องกังวานจับใจ ตรีเพชรไม่รู้ว่าตัวเองเป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้นหรือไม่ วันนี้ชายหนุ่มร้องเพลงออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ชายหนุ่มคิดว่าบางทีการร้องเพลงออกมาดังๆอาจเป็นผลข้างเคียงของการมีความสุข

ไม่จำเป็นหรอกว่าเราร้องเพลงที่ไหน

สิ่งสำคัญคืออารมณ์แบบไหนทำให้เราอยากร้องเพลงอะไรต่างหาก… ร้องเพลงเศร้าเพราะอยากระบาย หรือร้องเพลงสุขเพราะความสบายใจมันเอ่อล้นออกมา

น้ำอุ่นไหลออกมาจากฝักบัว สายน้ำชำระล้างฟองสบู่ตามผิวกายเผยให้เห็นผิวขาวใสและเรือนกายกำยำ ตรีเพชรชอบความผ่อนคลายที่ได้จากการอาบน้ำอุ่น มือหนายังคงใช้ฟองน้ำขัดผิวกายอย่างเพลิดเพลิน ริมฝีปากงามเป็นกระจับนั้นก็ยังคงเปล่งเสียงร้องเพลงอย่างไม่หยุดหย่อน

เสียงร้องที่เธอกำลังได้ยิน
กลั่นออกมาจากใจจริงๆ
และเสียงเปียโนที่เธอได้ยิน
ก็ออกมาจากใจจริงๆ
เพื่อระบายทุกสิ่งข้างใน
ให้ได้ไหลรินออกจากหัวใจ


แสงแดดส่องทะลุผ้าม่านสีขาวผืนบาง

นาวางัวเงียตื่นเพราะเสียงฮัมเพลงของใครบางคนดังแว่วๆมาจากที่ไหนสักแห่ง แสงแดดจ้าทำให้เด็กหนุ่มต้องหยีตาเพื่อปรับให้สายตาชินกับความสว่างของแสงตะวัน ตอนนี้ต้องสายมากแล้วแน่ๆ แดดจ้าซะขนาดนี้ ทันทีที่ลืมตาขึ้น เด็กหนุ่มรู้สึกถึงบางอย่างแปลกไป

“ใครมาเปลี่ยนเพดานห้องเราวะ” นาวาพึมพำกับตัวเอง มือบางยีตาเพื่อเพ่งมองเพดานอีกครั้งอย่างตั้งใจ ทันใดนั้นนัยน์ตาสีน้ำตาลทองเบิกกว้างและเด็กหนุ่มตระหนักได้ว่า “นี่มันไม่ใช่ห้องเรานิ”

ร่างบางผลุดลุกขึ้นจากเตียง สายตาสำรวจสภาพห้องเพื่อย้ำให้ตัวเองแน่ใจได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องของเขาจริงๆ เตียงคิงไซส์อย่างดีพร้อมชุดเรื่องนอนสีน้ำเงิน-เทา บนเตียงมีตุ๊กตาหมาสีน้ำตาลตัวใหญ่ ข้างเตียงมีนาฬิกาเรือนเล็กที่หน้าปัดบอกเวลาเที่ยงตรง กีตาร์ไฟฟ้าพิงอยู่กับโต๊ะตัวเล็กที่นาฬิกาเรือนนั้นวางอยู่ ห้องนี้กว้างและสะอาดแถมข้าวของยังอยู่เป็นระเบียบไม่กระจัดกระจาย แสดงว่าเจ้าของห้องต้องเนี๊ยบมากหรือไม่ก็ไม่ค่อยได้อยู่ห้อง

นาวาเดินไปที่หน้าต่างแก้ว มือบางแหวกเปิดผ้าม่าน ทัศนียภาพด้านนอกเห็นเป็นตึก อาคารสำนักงานของบริษัทน้อยใหญ่ มองไปด้านล้างเด็กหนุ่มเห็น BTS กำลังวิ่งผ่านอยู่ไกลๆ

“นี่เราอยู่คอนโดใคร” นาวาตั้งคำถามกับตัวเอง จังหวะเดียวกับที่หูได้ยินเสียงคนกำลังร้องเพลงอยู่ในห้องน้ำ

ไม่รู้จากนี้จะเป็นยังไง
เมื่อเธอฟังแล้วจะเป็นยังไง
เธอจะเชื่อคำพูดฉันหรือไม่
กับเรื่องจริงต่อจากนี้ไป
กับเสียงเพลงที่พูดแทนหัวใจ


เด็กหนุ่มสาวเท้าไปยังหน้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เสียงคุ้นๆนั่นทำให้นาวาใจไม่ดี ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้ผลักประตูห้องน้ำออกไป กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งส่องเงาสะท้อนที่ทำให้นาวาตกใจ

“เห้ยยยยยยย!” นาวาตกตะลึงกับภาพที่ตัวเองได้เห็น

“เกิดไรขึ้นเตี้ย ใครทำอะไร?” ตรีเพชรรีบออกมาจากห้องน้ำทันทีที่ได้ยินเสียงร้องตกอกตกใจของนาวา ชายหนุ่มพันผ้าขนหนูแบบลวกๆ หยดน้ำยังคงเกาะพราวพรายอยู่ตามเรือนกาย

“แก!” นาวาชี้หน้าตรีเพชรอย่างหมายมาด “แกทำอะไรกับเสื้อผ้าของฉัน ชุดที่ใส่เมื่อวานไปไหน?!”

“ก็ถอดออกไง” ตรีเพชรตอบ พลางให้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมให้แห้ง

นาวาเห็นสภาพตัวเองแล้วอยากจะร้องไห้ ร่างบางของเขากำลังสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวโคร่งๆอยู่แค่ตัวเดียว กระดุมเสื้อสามเม็ดบนไม่ได้ติด เผยให้เห็นเรือนอกขาวและจ้ำแดงๆที่คอ ความโมโหพุ่งพวยขึ้นในจิตใจของหนุ่มน้อย

“ไอ้ตี่บ้ากาม มึงอย่าอยู่ให้หนักแผ่นดินเลย ไปตายซะ” สิ้นคำหมัดหนักๆของนาวาก็ทุบไปที่ตรีเพชรอย่างไม่หยุดยั้ง

“โอ๊ย เจ็บนะไอ้เตี้ย พอแล้ว” ตรีเพชรได้แต่วิ่งหลบมือไม้ของนาวา “ตัวก็เล็กแต่ทำไมแรงเยอะนักวะ” ชายหนุ่มยังคงวิ่งหนีไปทั่วห้อง

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ” นาวาชี้หน้าสั่งตรีเพชรที่กำลังยืนอยู่อีกฟากของเตียง มือบางของเขาหยิบทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีขว้างใส่คนตัวโตเพื่อระบายอารมณ์ หมอนใบแล้วใบเล่าถูกปาใส่คุณเพชร แต่ชายหนุ่มก็มิวายหลบได้ตลอด

“ทำได้แค่นี้เหรอเตี้ย ไม่แม่นเลยว่ะ อ่อน” ตรีเพชรฉีกยิ้มยั่วโมโห

“ไอ้โรคจิต มึงปากวอนตายซะจริงๆเลย” นาวาหยุดหอบหายใจ “มึงมันเลว มึงไอ้คนฉวยโอกาส บอกมานะมึงทำใช่ไหม เมื่อคืน
มึงทำเรื่องอย่างว่าใช่ไหม?!” หมอนอีกใบปาเข้าหน้าตรีเพชร

“ไม่ได้ทำเว่ย” ตรีเพชรตอบ หนังสือเล่มบางปาโดนไหล่ “โอ๊ย พอก่อนดิ หยุดปาข้าวของแล้วหัดฟังกันบ้างสิ ใครจะไปทำลงวะ
เตี้ยขนาดนั้น บอกแล้วไงไม่-ได้-ทำ”

“อย่างมึงเชื่อได้ตายแหละ แม่มกูจำได้นะเมื่อคืนมึงกดกู แล้วมึง.. มึง ก็…” นาวาละล่ำละลัก

“ก็ ก็ อะไรล่ะ พูดออกมาสิจะปรักปรำอะไรกันอีก”

“…. มึงจูบกูไง” นาวาตะโกนออกไป ใบหน้านวลแดงระเรื่อไม่รู้เพราะความโกรธหรือเพราะความอาย

ตรีเพชรรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเขิน เขาจึงใช้จังหวะนี้ในการเดินเข้าไปประชิดตัวนาวา จับไหล่ของคนตัวเล็กและกดให้ร่างบางล้มลงกับเตียง นาวาพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการคนตัวโตด้านบน แต่หนีเท่าไรก็ไม่พ้นเงื้อมมือของชายหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ฟังนะเตี้ย เมื่อคืนฉันไม่ได้ทำอะไรนาย ก็แค่…” ตรีเพชรฉีกยิ้มพราวเสน่ห์

“แค่อะไรเล่า บอกมาสิ ปล่อยให้ลุ้นอยู่ได้” นาวาโวย

“ก็แค่ทำแบบนี้” ตรีเพชรก้มลงทาบริมฝีปากตัวเองกับริมฝีฝากของคนเบื้องล่าง เมื่อถอนหน้าออก ชายหนุ่มพูดต่อ “แล้วก็ทำแบบนี้” ริมฝีปากเรียวรีของคุณเพชรก้มลงดูดดุนลำคอระหงส์ของนาวาจนเป็นรอยแดง “ทำแค่นี้แหละ”

“ไอ้… ไอ้” นาวาที่กำลังหน้าแดงพยายามแค้นสมองหาคำพูดมาเชือดเฉือนคนหน้าด้านไร้ยางอาย ถามว่าทำอะไรกูบ้าง ไม่ได้ให้มึงแสดงให้กูดูโว้ย

“ไม่ได้เกินเลยอะไรจริงจริ๊ง” ตรีเพชรเน้นเสียง

“มึงไอ้สันดาน แล้วมึงจะมาจูบกูทำไม”

“ก็อยากจูบ ไม่เห็นมีอะไรมากเลย” ตรีเพชรลอยหน้าลอยตาตอบคำถามนาวา

“ไอ้หน้าด้าน” นาวาเอื้อมมือไปยังโต๊ะเล็กข้างเตียงที่นาฬิกาตั้งอยู่ ร่างบางหมายจะหยิบนาฬิกาฟาดหัวไอ้คนหน้าด้านให้เลือดสาด แต่แขนน้อยๆของเขากลับเอื้อมไม่ถึงเป้าหมาย มือน้อยของนาวาปัดป่ายจนทำกล่องไม้ขนาดเล็กที่อยู่บนโต๊ะหล่นลง

ถุงยางหลายยี่ห้อหลากสีหลายแบบ ทั้งผิวเรียบผิวขรุขระ หล่นกระจัดกระจายลงข้างเตียง สองร่างที่อยู่บนเตียงเหลือบเห็นของที่จะจายออกมาจากกล่องไม้อันนั้น

“ไอ้ตี๋!!” นาวาเรียกคนที่คร่อมตัวเขาอยู่ด้วยเสียงเรียบเย็น “ไหนมึงบอกไม่เกินเลยไง มึงเอากล่องถุงยางมาทำหอกอะไร”

“เห้ย เตี้ย ใจเย็นๆ อันนี้อธิบายได้นะ” ตรีเพชรเริ่มลน ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงรังสีอัมหิตที่แผ่มาจากนาวา

“กูไม่ฟังเหี้ยไรมึงแล้ว อย่าอยู่เลย” นาวากัดหน้าอกที่เปลือยเปล่าของตรีเพชร เด็กน้อยรู้สึกได้ถึงรสชาติบางๆของเลือด

“โอ๊ยยยยยยยยยย เจ็บ” ตรีเพชรรีบลุกหนีในจังหวะที่นาวาถอดคมเขี้ยว แต่ตอนนี้คนตัวโตหนีไม่พ้นเงื้อมมือของนาวาซะแล้ว
มือบางของเขาเกาะอยู่ที่ชายผ้าขนหนูของตรีเพชร “เตี้ย ฉันไม่ได้ทำอะไรจริงๆเว่ย ปล่อยก่อนนะ”

“ไม่! ถ้ายังไม่ได้เอาเลือดชั่วของแกออก ฉันไม่มีวันให้อภัยตัวเองแน่”

“เห้ยเตี้ย ปล่อยๆ จะหลุดแล้ว”

ตรีเพชรพยายามถอยตัวออกห่าง ในขณะที่นาวากำลังจับชายผ้าขนหนูของตัวเองอยู่บนเตียง ทั้งสองฉุดกระชากผ้าขนหนูจนนาวาหลุ่นตุบลงบนพื้น

“โอ๊ย” หนุ่มน้อยร้องออกมาด้วยความเจ็บ มือบางยังคงจับผ้าขนหนูไว้ได้ แต่เอ… ทำไมมันติดมือเรามาทั้งผืนหว่า
นาวาเงยหน้าขึ้นมอง จังวะเดียวกับตรีเพชรก้มลงสำรวจเรือนร่างของตัวเอง

“เฮ้ย!!!!!!!!!!!” ทั้งคู่ร้องออกมาพร้อมกันแต่ต่างความรู้สึก ตรีเพชรร้องออกมาเพราะความอับอาย ส่วนนาวาร้องออกมาด้วยความตกใจ มือหนาของคุณเพชรรีบปิดส่วนลับของตัวเอง ทว่ามันสายไปเสียแล้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลทองคู่นั้นเห็นทุกอย่างหมดแล้ว

“มึงไอ้โรคจิต อย่าอยู่เลย!” นาวาลุกขึ้นพร้อมตะปบตรีเพชรให้ล้มลง

ตรีเพชรหลับตาปี๋แขนของชายหนุ่มตั้งกาดเพื่อป้องกันมือหนักๆของอีกฝ่าย แต่ก่อนที่นาวาจะลงมือทำร้ายคุณชาย เสียงมือถือของเจ้าตัวก็ดังขึ้น ‘I was a quick, wet boy, diving too deep for coins. All of your street light eyes wide on my plastic toys…’

“โทรศัพท์ฉันอยู่ไหน” นาวาถามตรีเพชรที่กำลังนอนสิ้นสภาพอยู่เบื้องล่าง

“อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง”

นาวาลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ ตรีเพชรจึงรีบคว้าผ้าขนหนูมาพันเอวไว้ แล้วอยู่ให้ห่างจากเงื้อมมือของไอ้เตี้ยให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

นาวารีบรับสายเมื่อเห็นสายเรียกเข้า “สวัสดีครับแม่”

“วา ทำอะไรอยู่ลูกแม่โทรตั้งนาน” เสียงปลายสายตอบกลับมา

“คือพอดีวา… เข้าห้องน้ำน่ะครับ”

“อ่ออย่างนั้นเอง แม่ก็เคาะประตูซะนาน”

“เคาะประตู? เคาะทำไมแม่ แม่อยู่ไหนเนี่ย”

“ก็อยู่หน้าห้องเรานี่แหละ”

“ห๊ะ แม่อยู่ที่ห้อง? แม่มาจากเชียงใหม่เมื่อไหร่ไม่เห็นบอกเลย”

“เพิ่งมาถึง แม่มีธุระสำคัญจะคุยกับวา”

“แม่ครับตอนนี้วาอยู่ห้องเพื่อนน่ะสิ”

“อ้าว ไม่ได้อยู่ที่ห้องหรอกเหรอ”

“วาจะรีบกลับเดี๋ยวนี้แหละ แม่ไปรอที่ห้องไอ้แบงค์ก่อนนะ”

“ได้ๆ รีบมานะวา”

“ครับแม่ แค่นี้นะครับ”

เมอร์ซีเดส SLK 200 สีขาวกำลังแล่นไปบนถนนด้วยความเร็วเท่าที่สภาพการจราจรจะอำนวย เจ้าของรถคุมพวงมาลัยรถอย่างชำนิชำนาญ ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม และฮัมเพลงอย่างสบายใจ ต่างจากตุ๊กตาหน้ารถของเขาที่ยังคงมีสีหน้าบูดบึ้ง นาวามองทิวทัศน์ตามรายทางอย่างไม่สบอารมณ์

“จะฮัมเพลงบ้าอะไรนักหนา มีความสุขมากนักหรือไง” นาวาโวยวาย

“ไม่ใช่เพลงบ้าอะไร นี่มันเพลงพี่บอยเลยนะ รู้จักป่าวเหอะ แล้วก็มีความสุขมากๆเลยว่ะเตี้ย” ตรีเพชรตอบทีละคำถาม

“มีความสุขห่าไรของมึง”

“ก็… ป๊าว ไม่มีไร” ตรีเพชรปฏิเสธ แต่แววตาของเขากลับวับวาวมีความลับ นาวาดูก็รู้ว่าเรื่องเมื่อคืนต้องมีส่วนที่ทำให้ร่างสูงส่งสายตาวาววับขนาดนี้ มือบางของคนร่างเล็กจึงต่อยแขนใหญ่เข้าให้ “โอ๊ย เตี้ย! ขับรถอยู่อย่าเพิ่งลงไม้ลงมือสิ เดี๋ยวก็ได้ลงไป
กลิ้งเล่นบนพื้นถนนกันหรอก”

“มึงก็หยุดทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว หยุดฮัมเพลงอะไรนั่นด้วย”

“ทำหน้ายังไง”

“หน้าหื่นไงไอ้บ้า” นาวาเหว

“ฮ่าๆ” ตรีเพชรหัวเราะออกมาดังๆ

“เงียบไปเลย”

“อะไรน๊ะ”

“บอกให้เงียบไงเล่า” นาวาพูด

“อ๋อ จะฟังเพลงก็ไม่บอก เดี๋ยวร้องให้ฟัง”

“ไม่ยากฟังโว้ย”

“… ว่าฉันรักเธอโดยที่ไม่รู้จัก
และฉันรักเธอตั้งแต่แรกพบหน้า
มากมายจนข้างใน ต้องระบายออกมา
ให้เธอ ได้ยิน…”


สายตาซึ้งหวานของตรีเพชรเมียงมองมาทางนาวา เด็กหนุ่มมีความรู้สึกประหลาดแล่นวาบเข้ามาที่กลางอก ความรู้สึกนั้นเหมือนประกายไฟที่ทำให้ใจสั่นและใบหน้าแดงระเรื่อ นาวาใจเต้นกับสายตาที่สื่อความคู่นั้นของตรีเพชร เสียงนุ่มนั้นยังคงกล่อมใจเต้นรัวของนาวาด้วยเสียงเพลง

“…ว่าสำหรับฉันนั้นเธอคือทุกสิ่ง
เป็นแรงบันดาลใจเป็นทุกๆอย่าง
เธอเชื่อมให้ฉันเห็นภาพที่สวยงามของชีวิต
แม้ว่าเรายังไม่ทันได้รู้จัก กันเลย…”


นิ้วอวบหยิบรูปถ่ายที่แนบมากับแฟ้มเอกสารขึ้นดู

สายตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้กรอบแว่นของหญิงสูงวัยช่างอ่านยาก น้อยคนนักที่จะเข้าใจว่าคุณนายใหญ่คิดอะไร ตั้งแต่เด็กๆเหม่ยฮวาเป็นเด็กหัวรั้นที่ค่อนข้างเก็บตัว ถึงแม้เธอจะเป็นเด็กเงียบๆ แต่เหม่ยฮวาก็ไม่เคยกลัวเกรงใคร ครั้งหนึ่งหล่อนเคยมีเรื่องกับกลุ่มเด็กผู้ชายที่ชอบดึงหางเปียของหล่อน เด็กน้อยเหม่ยฮวาเล่นงานซะจนเด็กชายพวกนั้นร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับบ้านไป แต่แทนที่จะได้คำชมหล่อนกลับโดนเตี่ยด่า เด็กผู้หญิงไม่ควรใช้กำลัง ไม่ควรไปสุงสิงกับเด็กพวกนั้น ไม่ควรทำโน่น ไม่ควรทำนี่อีกสารพัด เตี่ยยังลงความเห็นอีกว่าผู้หญิงไม่ควรเข้ามายุ่งกับกิจการของทางบ้าน มีหน้าที่แค่ดูแลบ้านและหาสามีดีๆสักคนเท่านั้น

เตี่ยมักมองว่าผู้หญิงทำอะไรไม่ได้เรื่องเสมอ มีแต่เฮียรองเท่านั้นที่เข้าใจหล่อน พี่ชายคนรองของหล่อนเป็นคนใจดี เฮียฟงสอนหนังสือ สอนเหม่ยฮวาคิดเลข เป็นคนที่วางใจให้หล่อนเก็บเงินลูกค้าในร้าน บางครั้งก็ได้ช่วยพี่ชายเฝ้าร้านหรือติดตามไปดูการทำงาน เพราะหล่อนฝันเสมอว่าสักวันหนึ่งอยากจะเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จกว่าเตี่ยให้ได้

ถ้าเตี่ยได้อยู่จนถึงวันนี้คงจะเจ็บใจ

แต่ถ้าเฮียฟงยังอยู่ เขาก็คงดีใจ

เจ็ดสอบสองปี… เวลาผ่านไปไวราวสายลมพัดผ่าน ตอนนี้วรจักรโสภณมีทุกอย่างพรั่งพร้อม กิจการห้างสรรพสินค้าที่แผ่ อาณาจักรไปทั่วประเทศ โรงแรมมากมายตามหัวเมืองใหญ่ และหุ้นในบริษัทต่างๆอีกหลายสิบบริษัท ความมั่นคงของตระกูลถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือของเฮียฟงที่ส่งต่อให้หล่อนเป็นคนสานต่อ 

ในตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาของหญิงเหล็กผู้นี้ ได้พานพบและได้ลาจากกับใครหลายๆคน เธอพบและได้แต่งงานกับชายที่รัก ไม่นานเขาก็จากเธอไปในวัยที่ไม่สมควร เธอมีลูกชายที่รักมาก แต่ความตายก็มาพรากลูกชายและลูกสะใภ้ไป แต่เธอก็มีของขวัญที่ลูกชายมอบไว้ให้นั่นก็คือหลานทั้งสองคน มาถึงวันนี้เธอก็ต้องมาเจอกับการจากลาอีกครั้ง

“ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง ฉันสัญญา” หล่อนพึมพำกับตัวเอง พูดคุยกับคนที่อยู่ในห้วงคำนึง ในจังหวะเดียวกันเสียงเคาะประตูก็
ดังขึ้น “เชิญ” เสียงทรงอำนาจเอ่ย

“อาม่าคะ หนูยังติดต่อตาเพชรไม่ได้เลย เมื่อคืนก็ไม่ได้กลับบ้าน” พลอยลดาเอ่ยขึ้นหลังจากที่เข้ามาในห้องทำงานของผู้เป็นย่า

“เพชรก็เป็นซะอย่างนี้ เที่ยวเล่นไปวันๆ” คุณนายใหญ่เหมือนจะบ่นกับตัวเอง “พลอย”

“ค่ะอาม่า?”

“ระงับบัตรทุกใบของตาเพชร อาม่าว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องโตกว่านี้และรับผิดชอบดูแลใครเป็นแล้ว”

“อาม่าหมายถึงเรื่องนั้น?” พลอยลดาถาม

มีเพียงรอยยิ้มที่เป็นคำตอบของหญิงสูงวัย


  :pig4: :pig4: :pig4:

มาให้เท่านี้ก่อนน้าาา อย่าเพิ่ง :z6: กันนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 24-03-2015 18:17:44

  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 24-03-2015 18:36:50
เจ้าสาวของพี่เพชรจะมาแล่ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-03-2015 18:43:13
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 24-03-2015 19:11:54
เอ๋!!!!!! จะเกิดอะไรขึ้นนะ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 24-03-2015 19:49:49
เหมือนจะมีเรื่องนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 24-03-2015 20:49:10
ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ดีเพื่อดูแลเมียในอนาตต อิอิ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 24-03-2015 21:00:57
รอตอนต่อปายยยย จู้จู้น้าาาา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 24-03-2015 21:41:18
 :a5: :a5: มันค้างง่าาาาาาาาาา "ต้องรอต่อปายยยย"//ร้องเป็นเพลง ถถถ :katai3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 24-03-2015 21:53:24
อาม่าเริ่มปฏิบัติการแล้วววววว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 25-03-2015 17:04:36
 :hao7:
พี่เพชรหน้าด้านมากตอนจูบนาวา เขิน!
และแล้วเขาก็กำลังจะหมั้นกันสักทีสินะ

เยี่ยม :hao6:
รีบมาต่อไวๆน้าา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: a_n ที่ 25-03-2015 18:29:39
รอติดตามครับ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 25-03-2015 19:30:18
จะเป็นไงต่อไปนะะะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 25-03-2015 21:51:50
 o18  o18  o18   :กอด1:   :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: bluelatte ที่ 25-03-2015 22:21:47
อ่านแล้วมีความสุขมากกกกก
นิยายเรื่องนี้มันก๊าวใจจริงๆ ค่า   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 25-03-2015 23:28:05
อ่านแล้วสนุกอ่า เรื่องนี้ รอๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-03-2015 23:28:41
 :z1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 26-03-2015 11:56:43
เริ่มแล้วๆๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Ysolip ที่ 26-03-2015 12:58:21
 :a5: :a5: o22
เฮ้ยยยยยยยย ตัดฉับแบบดื้อๆกันเลยเหรอคะ?
ตัดฉับแบบนี้มันวิธีการเดียวกับอาม่าเลยนะคะ :z3: :z3:
รู้สึกตัวเองเป็นตรีเพชรขึ้นมาทันที 55555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 27-03-2015 09:13:43
:)
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 27-03-2015 17:15:50
 :mew5:
แวะมาส่อง ง่อววว ยังไม่มาเหรอคะ?
รออยู่นะ :katai5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (24/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 27-03-2015 22:52:09
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
 :L2:
Chapter 5
เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (2/3)

บรรยากาศยามเย็นเป็นช่วงเวลาที่หลายคนชื่นชอบ

ท้องฟ้าสีครามเริ่มมีแสงสีเหลืองทองของดวงตะวันฉาบไล้ สายลมพัดพายเบาๆคลายความร้อนที่ผืนดินได้รับในยามเที่ยง หากแหงนหน้ามองฟ้ามักจะพบว่านกน้อยหลายตัวกำลังส่งเสียงจิ๊บๆบินกลับรัง ความสวยงามของธรรมชาติแต่งแต้มให้เวลาเย็นย่ำสวยงามราวภาพเขียนจึงไม่แปลกที่เวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่ใครหลายๆคนรอคอย

สมัยเรียนมัธยม นาวายังจำได้ว่าตัวเองและเพื่อนๆจดจ่อรอคอยเวลาหลังเลิกเรียนแค่ไหน เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่ทั้งหมดจะได้ออกไปเที่ยวเล่น เตะฟุตบอลบ้าง หัดเล่นกีตาร์บ้าง บางครั้งก็ออกไปถ่ายรูป หรือบ่อยครั้งที่ทั้งหมดจะกอดคอกันออกไปนั่งเล่นแถวร้านน้ำหน้าโรงเรียน พูดคุยเรื่องราวต่างๆ หัวเราะกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง และใช้เวลาอย่างที่เพื่อนจะได้ใช้ร่วมกัน 

หลายปีผ่านไป กลุ่มเพื่อนของพวกเขาก็ยังคงรอคอยยามเย็น เพราะมันเป็นเวลาที่ทั้งกลุ่มจะได้รวมตัวกันอีกครั้งภายใต้ข้ออ้างของการเข้าไปช่วยงานที่ชมรม นักศึกษามหาลัยจำนวนหนึ่งใช้เวลาช่วงเย็นหลังจากเลิกเรียนทำกิจกรรมชมรม นาวา เก้า นิสา แบงค์ และเอ็มก็ไม่ต่างกับนักศึกษาเหล่านั้น แบงค์ผู้ชื่นชอบในการเล่นดนตรีเพราะที่บ้านเป็นร้านขายเครื่องดนตรีเป็นตัวตั้งตัวตีในการชักจูงทุกคนเข้าชมรมดนตรีของมหาวิทยาลัย จำได้ว่าตั้งแต่เรียนอยู่ ม.2 แบงค์อวดฝีมือในการดีดกีตาร์โชว์เพื่อนๆจนทำให้หลายคนอิจฉาในความเท่ห์ของพ่อหนุ่มนักดนตรี นาวาเองก็เป็นหนึ่งในคนแรกๆที่หัดเล่นกีตาร์ตามแบงค์เพราะเขาอยากดูเท่ห์ในสายตาของสาวๆ เก้าผู้ไม่ยอมน้อยหน้าใครฝึกปรือฝีมือจนเก่งกว่าทุกคน และนั่นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลให้นิสาได้ค่อนขอดถึงสายตาหว่านเสน่ห์ของเก้าเวลามีสาวมากรี๊ดหน้าเวทีดนตรี

ดนตรีกับเด็กมัธยมว่าสนุกสนานและวุ่นวายแล้ว

นักศึกษามหาลัยกับดนตรียิ่งสนุกและวุ่นวายกว่า

รองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้มคู่หนึ่งถอดอยู่หน้าห้องชมรมดนตรี นาวาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะเด็กหนุ่มคิดว่าตัวเองจะเป็นคนแรกที่มาถึงห้องชมรมในวันนี้ ร่างบางถอดรองเท้าของตัวเองวางไว้ข้างรองเท้าคู้นั้น เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบกับความมืดเห็นเพียงเงาของเครื่องดนตรี ร่างบางวางกระเป๋าของตัวเองไว้ที่มุมหนึ่งของห้องแล้วรีบสาวเท้าไปที่ปลั๊กไฟเพื่อเปิดไฟให้ห้องสว่าง

“เฮ้ย! ตกใจหมด” นาวาสะดุดขาของใครบางคนที่กำลังนอนอยู่แถวปลั๊กไฟ เมื่อเปิดไฟแล้วนาวาเห็นชายหนุ่มคนนั้นกำลังนอนอยู่บนกระเป๋าแถมมีหนังสือเล่มบางๆปิดหน้าอยู่ ขายาวของชายหนุ่มเริ่มขยับเพราะรู้สึกได้ว่ามีคนเดินมาสะดุด

“หึ นึกว่าใคร ร้องซะเสียงดังเชียว” ชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อดึงหนังสือสีปกสีน้ำเงินออกจากหน้าและเงยมองคนที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่

“นาย! นายเข้ามาได้ไง” นาวาถาม

“ไขกุญแจเข้ามาสิ” ตรีเพชรตอบ พลางลุกขึ้นนั่งพิงผนังห้อง

“ไขหรืองัดเข้ามากันแน่ไอ้ตี๋ คนที่มีกุญแจห้องชมรมคือประธานชมรมกับเลขาชมรมเท่านั้นเว่ย แกเป็นคนนอกงัดเข้ามา ฉันจะไป
เรียกยาม”

“โว้ยยุ่งจิง เดี๋ยวเตี้ย” ตรีเพชรใช้แขนยาวของตัวเองดึงขาของนาวาที่กำลังจะเดินออกไปไว้ “ฉันก็ขอกุญแจจากไอ้ประธานชมรม
นั่นแหละ อย่าลืมนะไอ้จอมมันเพื่อนฉัน ไอ้เด็กขี้โวยวาย”

“… ก็ ใครจะไปนึกเล่าว่าพี่จอมจะให้กุญแจไว้” นาวาเอ่ย “ปล่อยได้แล้ว”

“อยากจับตายแหละ โดนทีไรต้องรีบไปฆ่าเชื้อทุกที”

“ปากเหรอที่พูดนั่น เดี๊ยะ”

“อะไรๆ กับรุ่นพี่นะเว่ยให้เกียรติหน่อย นี่ปีสามแล้ว เป็นเด็กปีสองควรรู้จักมารยาทบ้าง” ตรีเพชรว่า

“มารยาทน่ะมี แต่กับบางคนก็ไม่จำเป็นต้องใช้” นาวาว่าให้ แล้วก็หันไปนั่งตรงโต๊ะประจำตำแหน่งเลขาชมรมที่มีแฟ้มเอกสาร
มากมายเรียงซ้อนกันอยู่

“ปากดี สั่งสอนแม่ง” ตรีเพชรบ่นให้นาวาได้ยิน “เตี้ยเอ้ย”

“ไอ้ผีดิบ มึงไม่ต้องมาแอบด่าเลยนะ ทำตัวแบบนี้รุ่นน้องที่ไหนจะนับถือ”

“เตี้ยแล้วยังโง่อีก ไม่ได้แอบด่าเลย ด่ากันตรงๆนี่แหละ ส่วนเรื่องนับถือก็อย่างนายว่า กับบางคนเราไม่จำเป็นจะต้องวางตัวให้ดี
มากก็ได้ เพราะมันไม่สมควรได้รับมารยาทดีๆกลับไปเหมือนกัน” ตรีเพชรกอดอก กระดิกเท้ายียวน

“โว้ย อย่างกับอยากได้นักแหละมารยาทจอมปลอมจากคนสันดารดี๊ดีแบบนาย”

“แน่นอน” ตรีเพชรยักไหล่ “ดีอยู่แล้ว”

“ถุย”

“ไรเตี้ย?”

“เปล๊า แค่ได้กลิ่นคนดีแล้วอยากจะอ้วกแค่นั้นเอง” นาวาว่า

“ไม่มีรสนิยม นี่มันกลิ่นของ Armani”

“จะอามานี่อามาหน่อยอะไรก็ฉุนอยู่ดีแหละ กลิ่นฟุ้งกระจายในระยะสามกิโลเมตรซะขนาดนี้”

“มีแต่นายที่บอกว่าฉุน สาวๆทุกคนบอกว่าฉันตัวหอม” ตรีเพชรยืดอกภูมิใจ

“สาวๆของแกท่าจะบ้า พวกจมูกไม่ดี หลงผิดตั้งแต่ไปยุ่งกะแกแล้วไอ้ตี๋เอ้ย”

“หึ นายต่างหากไม่มีรสนิยม ตัวก็เตี้ยรสนิยมยิ่งเตี้ยเข้าไปอีก” ตรีเพชรเดินมาที่โต๊ะของนาวา “อีกอย่างไม่มีใครหลงผิดด้วย มีแต่
คนหลงเสน่ห์”

“โอ้ย อย่างกะหล่อนักนิ” นาวาเหว

“อ้าวก็หล่อดิ จะมีใครหล่อกว่าฉันอีกเหรอ ไม่มีทาง”

“อย่างน้อยกูคนนึงล่ะ” นาวากอดอกมองหน้าคนที่กำลังยืนค้ำโต๊ะของเขาอยู่

“หือ? ที่บ้านมีกระจกไหม ฮ่าๆ อย่างนี้เหรอหล่อ สวยอ่ะป่าว”

“กูผู้ชายเว่ย ต้องหล่อดิ” นาวาโวย

“นั่นไง เด็กไม่ยอมรับความจริง”

“ไอ้ประสาท กูผู้ชาย มีจรวดเว่ย” นาวาลุกขึ้นจ้องตาฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ยอมแพ้

“อ่อใช่ๆ ลืมไปได้ไงน้า… แต่จรวดนายเท่าที่เห็นกระจิ๋วเดียวเอง” ตรีเพชรหัวเราะในคอ สายตาส่อแวววิบวับล้อคนตัวเล็กที่โกรธ
จนแก้มป่อง

“… ไอ้ตี๋หื่น กูยังไม่คิดบันชีแค้นกะมึงเลย” นาวาคว้าไม้กลองที่อยู่ใกล้ๆแล้วย่างสามขุมเข้าหาตรีเพชร

“เฮ้ยๆเตี้ยใจเย็นๆ ไม้กลองนะเว่ย เจ็บนะ”

“ก็จะให้เจ็บนะสิ กูจะเอาเลือดหัวมึงออกเนี่ย” แต่สายไปเสียแล้ว จังหวะที่นาวาจงใจฟาดไม้กลองใส่แขนชายหนุ่ม มือหนาของ
เขากลับรวบข้อมือของนาวาไว้และสลัดไม้กลองออกไป

“หึหึ จับได้แล้ว ทำได้แค่นี้สินะเตี้ย” ตรีเพชรเหลือบไปเห็นขาของนาวาที่กำลังจะแตะหน้าแข้งเขา “แตะหน้าแข้งฉันจูบ! ใช้มุก
เดิมตลอดนะแว่น”

“โถ่เว่ย” นาวาสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “มึงจูบกูอีกมึงตาย ไอ้ตี๋ ไอ้เกย์หืน”

“ฉันไม่ได้เป็นเกย์” ตรีเพชรว่า

“ไม่เป็นแต่มึงมาจูบกูเนี่ยนะ ไอ้โรคจิต” นาวาจ้องตาตรีเพชรต้องการจะแค้นคำตอบ

“อยากจูบตายแหละ ปากจัดอย่างนี้”

“แล้วมึงมาจูบกูทำไมล่ะ”

“ก็.. ก็” ตรีเพชรพยายามหาคำตอบให้กับคนตัวเล็กในพันธนาการแต่เขาก็ไม่สามารถหาคำตอบใดๆได้ “มันเรื่องของผู้ใหญ่ เด็ก
เตี้ยอย่างนายไม่ต้องสอด”

“อยากรู้ตายแหละไอ้หน้าจืด ปล่อยได้แล้วไม่อยากสูดกลิ่นเน่าๆของแกแล้ว” นาวาว่า

“กลิ่นเน่า? น้ำหอมแบรนด์เนมเหอะเตี้ย รังเกียจนักใช่ไหม งั้นก็ดมซะ” ตรีเพชรกดหัวของนาวามาที่ซอกคอของตัวเอง ฝ่ายนาวา
ก็พยายามขัดขืนอย่างเต็มที่

“ไอ้ตี๋ปล่อยนะเว่ย”

“ดิ้นจริง ไม่ปล่อยหรอก!”

มือข้างที่เป็นอิสระของนาวากำลังตีตรีเพชรอย่างเอาเป็นเอาตาย ขณะเดียวกันตรีเพชรก็พยายามหลบมือหนักๆของเขาวาและกดหัวแกล้งเด็กไม่มีมารยาทให้สาแก่ใจโทษฐานบังอาจมาว่ากลิ่นกายอันหอมฟุ้งของเขาเป็นกลิ่นเน่า คุณเพชรไม่เคยยอมใครอยากได้อะไรต้องได้ อยากชนะใครต้องชนะ ชายหนุ่มต้องการเอาชนะเด็กแว่นคนนี้

“ปล่อยนะไอ้ตี๋ ไอ้โรคจิต”

“อยากให้ปล่อยใช่ไหม ขอโทษฉันมาก่อน พูดว่าพี่เพชรครับผมขอโทษ พี่เพชรตัวหอมที่สุด พูด!”

“ไม่มีวัน! กูจะไม่พูดอะไรเน่าๆแบบนั้นเด็ดขาด” มือข้างที่เป็นอิสระของนาวาคว้าแฟ้มคอร์ดกีตาร์ของแบงค์ขึ้นมาตีตรีเพชร
กระดาษคอร์ดเพลงต่างๆหล่นออกจากแฟ้มกระจายเต็มพื้น

“งั้นอย่าอย่าฝันว่าฉันจะปล่อย”

“กูไม่ยอม ปล่อยกู”

“เฮ้ยอย่าดิ้นดิเตี้ย บนพื้นมีกระดาษอะไรก็ไม่รู้เดี๋ยวก็ลื่นกันพอดี.. เฮ้ย”

ตรีเพชรเหยียบกระดาษในจังหวะที่นาวาดิ้นสุดแรงทำให้ทั้งคู่ล้มลงนอนกอดกันกลมบนพื้นห้อง นาวาหลับตาปี๋ภาวนาไม่ให้ตัว
เองเจ็บ ราวกับฝันซ้ำในเรื่องเดิม ร่างที่รองรับนาวาอยู่นั้นเป็นร่างหนาของชายหนุ่ม สายตาของตรีเพชรสื่อถึงความโล่งใจที่รับนาวาเอาไว้ได้ ดีใจที่คนในอ้อมกอดปลอดภัย เหมือนฝันในเรื่องเดิมคุ้นเคยกับเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ตัวใจของคนตัวน้อยไม่เคยชินกับสายตาคู่นั้นเสียที เสียงใจของเขาเต้นโครมคราม

“ไอ้ตี่ปล่อยกู”

“พูดสิเตี้ย พูดว่าพี่เพชรครับผมขอโทษ พี่เพชรตัวหอมที่สุด พูด!” แล้วตรีเพชรก็กดหัวทุยๆของนาวาอีกครั้ง แม้กลิ่นหอมละมุนจากเรือนกายของชายหนุ่มจะลอยเข้าจมูกสักเท่าไหร่นาวาก็ไม่มีวันยอมพูดสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการได้ยินเป็นอันขาด

“กูว่าเมียมึงแอบนอกใจมึงอย่างที่เป็นข่าวว่ะจอม” เสียงหนึ่งดังขึ้นตรงประตูห้องชมรมดนตรี

“พี่จอม พี่เปรม!” นาวาเอียงหน้าเห็นคนเข้ามาใหม่ จอมทัพกับเปรมกำลังยืนดูพวกเขาอยู่

“เนี่ยเดี๋ยวเสร็จแล้วเราไปหาอะไรอร่อยๆกินกันเนาะ กูโคตรอยากกินชาบูเลย” เสียงแหลมของผู้หญิงที่คุยกับเพื่อนดังมาจากหน้า
ห้องเมื่อเธอก้าวเข้ามาในห้อง นิสาร้องออกมาอย่างตกอกตกใจ “ว๊าย วามึงปล้ำพี่เพชรอีกแล้วเหรอ”

“พวกมึง!” นาวาอุทานเมื่อเห็น นิสา เก้า แบงค์ และเอ็มก็ยืนรวมอยู่กับพวกจอมทัพและเปรม

“ที่เขาลือกันว่าไอ้เพชรติดหนุ่มท่าจะจิงแล้วว่ะเต” เสียงของชายหนุ่มสูงเพรียวพูดกับเตเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างนักศึกษาชายอีก
คนที่นาวาไม่รู้จัก

“พี่ไนท์ พี่เต!” นาวาตกใจ คนสิบคนกำลังยืนมองพวกเขาอยู่ ไอ้ตี๋บ้ากามก็ยังไม่ยอมปล่อยร่างบางของเขาให้เป็นอิสระ

“ตะโกนอยู่นั่นแหละ แสบหู ไอ้เตี้ย” ตรีเพชรว่า หากแต่เขายังไม่ปล่อยนาวาหลุดออกจากพันธนาการ “อ้าว น้องตาม มากับเขา
ด้วยเหรอเราน่ะ” ตรีเพชรทักทายเด็กหนุ่มคนนั้นที่ยืนข้างเตชิต

“ไอ้ตี๋ปล่อยกูนะเว่ย” นาวาเริ่มลนลาน เด็กหนุ่มอายสายตาของทุกคนที่กำลังจับจ้องมา

“ไม่ปล่อย จะให้ปล่อยก็พูด” ตรีเพชรยืนยันคำเดิม

“…ก็ได้ แม่ง” นาวายอมจำนนเพราะเห็นแก่ความอาย “พี่เพชรครับผมขอโทษ เอ่อ.. พี่เพชรตัวหอมที่สุด”

สักขีพยายต่างพากันสับสนงงงวยกับสิ่งที่ได้ยิน พวกนั้นเดินเข้ามาในห้องราวกับมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อตรีเพชรยอมปล่อยนาวาเป็น
อิสระ เด็กหนุ่มได้แต่หน้าแดงมองตรีเพชรด้วยตาขวางๆ ที่หน้าแดงเพราะโกรธหรือเพราะอายคุณเพชรเองก็ยากที่จะคาดเดาคำตอบ

“ว่าไงไอ้เพชร มึงติดหนุ่มอย่างที่เขาว่าใช่ไหม เนี่ยมากกน้องชรมกูถึงที่ รู้ไหมนั่นเมียไอ้จอมมันนะ” ไนท์ เป็นชายหนุ่มสูงเพรียว
ที่อยู่ในชุดเสื้อช๊อปไม่ต้องบอกก็เดาได้ไม่ยากว่าเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์

“ติดหนุ่มเชี่ยไรมึงล่ะไอ้ไนท์ กูแค่เข้ามาแอบงีบ ไอ้เด็กเตี้ยมันโผล่เข้ามาโล้งเล้งอะไรของมันเอง” ตรีเพชรพูด

“ก็ใครใช้ให้เข้าห้องชมรมของคนอื่นล่ะไอ้ตี๋หน้าด้าน” นาวาเหว

“วะ พี่เพิ่งรู้ว่าวาก็ด่าคนเป็น” เตชิต ชายหนุ่มจากคณะแพทย์เพียงหนึ่งเดียวกำลังยีหัวของนาวาอย่างเอ็นดู

“เฉพาะบางคนเท่านั้นแหละพี่เต” นาวากอดอก

“แล้วนึกไงถึงนอกใจเพื่อนพี่ครับ” ชายหนุ่มในเสื้อช๊อปอีกคนพูดขึ้น

“พี่เปรม! / ไอ้เปรม!” นาวากับจอมทัพร้องออกมาพร้อมกัน

“น่าน เอาแล้วไง ไม่ให้กูเรียกว่าผัวเมียกันได้ไง ใจตรงกันซะ” เปรมว่า

“มึงกวน เดี๊ยะ” จอมทัพผู้พูดน้อยพูดแค่นั้น

“พี่นี่ขี้ตู่ตลอดอ่ะพี่เปรม” นาวาพูด “พูดงั้นเดี๋ยวพี่จอมเรตติ้งตกหมดพอดี เลิกจับคู่ผมกับพี่จอมได้แล้ว”

“ได้ พี่ไม่จับคู่เอ็งกับไอ้จอมก็ได้ เอาไอ้เพชรไปแทนไหม” เปรมว่า

“ไม่เอา!” สองเสียงของนาวาและตรีเพชรปฏิเสธพร้อมกัน

“ฮ่าๆ กูว่าได้อีกคู่แล้วว่ะไอ้เปรม” ไนท์หัวเราะชอบใจก่อนจะโดนตรีเพชรโบกหัวไปให้หนึ่งทีเบาๆ

“ไม่ต้องพูดมากเลยมึง ไหนอ่ะข้าวที่ฝากซื้อ” ตรีเพชรพูด “รอมึงจนหิวจะแย่”

“ตื่นมาก็กินเลยนะมึงเนี่ย” ไนท์ว่า “เอ้า เอาไปข้าวกล่องมึง”

“ตกลงอาม่ามึงตัดมึงออกจากกองมรดกแล้วจริงๆเหรอวะ” เตพูดขึ้น

“ไม่รู้เค้า เนี่ยกูโดนยึดบัตรทุกใบ โดนยึดรถอีกต่างหาก เมื่อวันอาทิตย์กูพาน้องโบว์ไปเลี้ยงวันเกิดเกือบหน้าแตกเพราะบัตรใช้ไม่
ได้ ดีนะที่ยังมีเงินสดติดตัวพอผ่านช่วงวิกฤตมาได้ หลังจากนั้นก็อย่างที่พวกมึงเห็นกูไม่เหลือติดตัวสักบาท อาม่าเป็นอะไรของ
เขาก็ไม่รู้ บังคับกูอยู่นั่น” ตรีเพชรบ่นกระปอดกระแปด

“หึหึ” นาวาหัวเราะในลำคอ ขณะที่กำลังช่วยแบงค์เก็บคอร์ดกีตาร์ที่ตัวเองทำหล่น

“หัวเราอะไรไอ้เตี้ย” ตรีเพชรว่า

“เปล๊า” นาวาตอบ พร้อมแลบลิ้นใส่ตรีเพชรอย่างสะใจ “คอร์ดเพลงตลกดี”

“มึงก็ไปหาเรื่องเฮียกูอยู่นั่นแหละ” แบงค์ผู้เป็นรุ่นน้องร่วมคณะกับตรีเพชรและจอมทัพเอ่ยขึ้น “เนี่ยพี่รหัสกูเพิ่งโดนย่าบังคับหมั้น
มา เพราะเฮียแกไม่ยอมหมั้นเลยโดนมาตรการขั้นเด็ดขาด ฮ่าๆ ฮาไหมมึง”

“ไอ้น้องเวร เอาพี่รหัสมึงมาขายระวังเหอะกูจะเอามึงไปขายกับน้องมดบ้าง” ตรีเพชรว่า

“ก็จริงอย่างที่ไอ้แบงค์มันว่า” เปรมพูดขึ้น “มึงกำลังโดนมาตรการขั้นสูงสุดจากอาม่าอยู่ คิดดูคนอย่างไอ้คุณชายเพชรจะอยู่ได้สักกี่น้ำถ้าไม่มีเงิน”

“ไอ้เชี่ยนี่ก็ให้กำลังใจกูจัง” ตรีเพชรว่า “กูไม่มีวันยอมให้อาม่าบงการกูหรอก นี่มันสมัยไหนแล้ว คลุมถุงชนเหรอ ทำไปได้”

“คืออาม่ามึงจะให้มึงหมั้นกับคนที่หาไว้ให้ว่างั้น” เปรมถาม

“อือ” ตรีเพชรพยักหน้าอย่างไม่สบอารมณ์

“แล้วเฮียเคยเจอคู่หมั้นของเฮียป่าว” แบงค์ถามพี่รหัสของตัวเอง

“ไม่เคยว่ะ ไม่อยากเจอด้วย” ตรีเพชรตอบแบบไม่แยแส

“อาจจะสวยแจ่มถูกใจก้อได้นะเฮีย ถ้าได้ดูตัวแล้วชอบใจ เฮียก็ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ได้ทั้งว่าที่เมีย ได้ทั้งมรดก หรือถ้าไม่ถูกใจเฮียก็
แอบไปหากิ๊กโน่นนี่ก็ยังได้ ยังไงก็ยังได้มรดก หมั้นไว้ก่อนค่อยถอนหมั้นยังได้” นาวากำลังก่นด่าความคิดเห็นของแบงค์ในใจ
เพราะมันเป็นความคิดที่ฟังดูเห็นแก่ตัวสุดๆ

“เออฟังดูเข้าท่าว่ะ” ตรีเพชรว่า

“กูว่ามึงลองไปคุยกับอาม่า บอกเขาว่ามึงไม่อยากหมั้น เขาก็อาจจะฟัง” จอมทัพพูดขึ้น ขณะกำลังจูนสายเบส

“พี่จอมครับ วาว่าซ้อมเถอะ มาสายกันมากแล้ว” นาวาพูดขึ้น “เดี๋ยววันจริงจะเล่นไม่ได้เอา”

“ได้ครับ ว่าแต่ว่าจองเวทีที่หอประชุมหรือยัง” จอมทัพหันมาคุยกับนาวา

“เรียบร้อยครับ แต่เรื่องเครื่องเสียงสงสัยต้องคุยกับอีกเจ้าหนึ่ง เพราะคนที่เราติดต่อไปเขาเรียกแพงกว่างบที่ตั้งเอาไว้มาก” นาวา
รายงานการประสารงานในการเตรียมสถานที่เพื่อจัดงาน Music Contest ที่กำลังจะมีขึ้นในปลายเดือนหน้า

“งั้นพี่ฝากเราด้วยนะ” จอมทัพกล่าว มือหนาของเขายีหัวนาวาอย่างเอ็นดู ชายหนุ่มยิ้มจนเพื่อนค่อนขอด

“ไอ้นี่ก็ยิ้มจัง” เปรมว่า “เมียมึงเพิ่งกกไอ้เพชรมาหมาดๆ”

“ไอ้เปรม มึงอยากโดน” จอมทัพถามเสียงนิ่ง

“โหมดโหดว่ะสัส เออๆไม่แซวก็ได้ หึงก็ไม่บอก… โอ๊ย” เปรมร้องเมื่อโดนจอมทัพโบกหัวไปให้หนึ่งที

“ซ้อมได้แล้วพวกมึงน่ะ มาๆ” จอมทัพสั่งทุกคน

วงดนตรีของชมรมดนตรีจะมีวงใหญ่อยู่สองวงก็คือวงของจอมทัพที่อยู่ปีสามและวงของแบงค์ที่อยู่ปีสอง จอมทัพเล่นเบส เปรมร้องนำ ไนท์เล่นกลอง ส่วนเตเป็นมือกีตาร์ เมื่อการซ้อมของรุ่นพี่จบลงวงรุ่นน้องก็ถึงเวลาซ้อมบ้าง นาวาเป็นมือคีบอร์ด เก้าเป็นมือกีตาร์ เอ็มตีกลอง ส่วนแบงค์ก็มีกีตาร์และตำแหน่งร้องนำควบคู่ไปด้วย

“น้ำค่ะทุกคน” นิสาที่เป็นเหรัญญิกของชมรมทำหน้าที่ดูแลทั่วไป นิสาซื้อน้ำมาจากเซเว่นที่อยู่ใกล้ๆโดยมีรุ่นน้องคนนั้นที่นาวาไม่รู้จักเป็นคนช่วยขน

“น้ำครับพี่เปรม” เด็กคนนั้นยื่นน้ำให้เปรม หนุ่มน้อยยิ้มสดใสให้กับเปรมที่รับน้ำมาจากเจ้าของมือบาง

“อ่ะน้ำ” หนุ่มน้อยผมน้ำตาลคนนั้นยื่นน้ำให้จอมทัพ แต่น้ำเสียงที่คุยช่างต่างกับที่พูดคุยกับเปรมเสียเหลือเกิน

“น้ำครับพี่วา” เด็กผมน้ำตาลคนนั้นยังคงแจกน้ำไปเรื่อยๆ

“เอ่อขอบคุณครับ น้อง...” นาวาตอบ

“อ้อ พี่ยังไม่รู้จักผมสินะ ผมชื่อตามใจครับ เรียกสั้นๆว่าตามก็ได้ เป็นน้องชายพี่เปรมเรียนอยู่ปีหนึ่งคณะเดียวกับพี่วานั่นแหละ
ครับ” ตามใจยิ้มจนแก้มแทบปริ เด็กคนนี้น่ารักในความคิดของนาวา

“จริงดิ ทำไมพี่ไม่เคยเห็น” นาวาว่า

“ก็พี่นาวาคนดังจะมารู้จักเด็กโนเนมอย่างผมได้ยังไงกัน ตอนรับน้องผมนั่งข้างพี่ พี่วาเล่นซะเนียนเลยผมนึกว่าเป็นรุ่นเดียวกันซะ
อีก ที่ไหนได้เป็นรุ่นพี่แกล้งปลอมตัวมา” ตามใจพูดจ้อ

“ช่ายไอ้หมวยเล็กเอาเรื่องรับน้องมาบอกอีกนะว่าหนุ่มๆต่อยกันแย่งเจ้าแว่นจากชมรมเราด้วย” เปรมที่เดินมาตอนไหนก็ไม่รู้พูดแทรกขึ้นมา

“เลิกเรียกผมว่าหมวยเล็กสักทีเถอะ” ตามใจหน้างอ แต่เปรมได้แต่โยกหัวน้องชายไปมาเหมือนของเล่น

“นั่นมันเรื่องเข้าใจผิดต่างหากพี่เปรมก็” นาวาปฏิเสธ

“จริงไม่จริงไม่รู้แหละ แต่ไอ้จอมซึมไปสามวันเลย” เปรมยังคงพูดต่อ

“มึงอีกแล้วไอ้เปรม” จอมทัพเข้ามากอดไหล่นาวา ชายหนุ่มดื่มน้ำแล้วหันมาพูดกับนาวา “อย่าไปใส่ใจนะครับ ไอ้เปรมมันมั่ว”

“มั่วที่ไหน ยังมาแอบถามตามเลยว่าสองคนนั่นเป็นใคร…” ตามใจโดนจอมทัพปิดปากและลากออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้นาวา
มัวแต่ยืนงง

เปรมเข้ามากอดคอนาวาพร้อมพูดถอนหายใจออกมา “เฮ้อ น้องแว่นของพวกเราเนี่ยเสน่ห์แรงจริงๆเลย หรือมึงว่าไงวะเพชร”

“เกี่ยวไรกับกู น้องแว่นมึงไม่ใช่น้องแว่นกู” ตรีเพชรที่แอบฟังอยู่ตอบกลับเปรมไปด้วยน้ำเสียงไม่แยแส

“ไม่ใช่น้องแว่นกูด้วยเว่ย” เปรมตอบกลับ “ของไอ้จอมมันกูไม่กล้าแย่งเพื่อนว่ะ ไอ้นั่นก็มัวแต่ปากหนัก ถึงได้ไม่คืบหน้าซักที” แล้วเปรมก็หันมาพูดกับนาวา “รอมันหน่อยนะเว่ยวา หรือถ้ารอไม่ไหวก็เอาไอ้คุณชายเพชรไปก่อนก็ได้ถ้ามันไม่หมั้นเสีย
ก่อน”

“พี่เปรมแม่งเลอะเทอะใหญ่แล้ว” นาวาว่า พร้อมงอนแก้มป่องเป็นที่เรียบร้อย เปรมชอบแกล้งนาวาก็เพราะแก้มป่องๆนี่แหละ มัน
ดูน่าหยิกดี “พี่จอมกับผมเราเป็นพี่น้องกัน ส่วนไอ้คุณชายตกกระป๋องของพี่ผมว่ายกให้ไอ้สาดีกว่า เผื่อมันต้องการเห็นพูดถึงอยู่ทุ
กวี่ทุกวัน”

“ไอ้วา ปากเรอะ” นิสาหยิกแก้มนาวาจนแดง ถือว่าเป็นผู้หญิงที่มือนุ่มและหนักไปพร้อมๆกัน นาวาได้แต่ร้องออกมาเบาๆ

“อย่าไปฟังมันค่ะพี่เพชร ไอ้วามันพูดถึงพี่ทุกวินาทีต่างหาก มันเสือกมาโทษสา จริงๆหนูแค่ถามว่าพี่พามันไปไหน” นิสารีบเสนอหน้ามาซักถามถึงตอนที่นาวาโดนตรีเพชรลากขึ้นรถไปแบบเนียนๆ

“กูไม่ได้พูดถึงเว่ย กูด่าถึงต่างหาก พูดผิดแล้วไอ้สา” นาวาคุยกับเพื่อน เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในวันนั้นทั้งนาวาและตรีเพชร
ก็เริ่มรู้สึกหน้าแดงขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

ตี๊ดๆๆๆ เสียงโทรศัพท์ดังนั้น คุณชายเพชรยกโทรศัพท์ดูโอสองซิมขึ้นมา

“เชี่ย เจ้พลอยโทรมา” ชายหนุ่มอุทาน

“มึงไม่รับล่ะ” ไนท์ถามเมื่อเห็นเพื่อนกดตัดสาย

“ไม่อ่ะ รับไปก็คุยเรื่องเดิมๆนั่นแหละ ขู่กูอยู่นั่น พรุ่งนี้เย็นกูต้องไปดูตัว จ้างให้วันนี้ก็ก็ไม่กลับบ้าน กูจะหนี” ตรีเพชรไขข้อข้องใจ
ให้เพื่อนฟัง

“หึ โทรศัพท์มึงแปลกดีว่ะ” เปรมเอ่ยขึ้น “ได้มาจากไหนวะ”

“หมาซื้อให้ เอ้ย เด็กน่ะ” ตรีเพชรตอบ “เครื่องเก่ากูพัง”

“หมาที่ว่าปากจัดไหมคะพี่เพชร” นิสาเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง ได้ทีหล่อนก็แกล้งแซวเพื่อนทันที

“โคตรอ่ะ พี่ว่านะต้องฉีดวัคซีนเผื่อไว้ เดี๋ยวไปกัดใครเข้า” ตรีเพชรตอบ ปล่อยให้นาวาได้แต่ยืนมองตาขวาง ถ้าโวยวายออกไปก็
มีแต่จะดูเหมือนร้อนตัว นาวาเลยต้องจำใจโดนหลอกด่าต่อไป

“เพชร พี่พลอยโทรหากู” จอมทัพที่เดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“เขาว่าไง” ตรีเพชรถามเพื่อน

“เขาถามกูว่ามึงอยู่ไหน” จอมทัพตอบ ชายหนุ่มเข้ามาหานาวา มือหนาเขี่ยแขนของเปรมที่กอดคอนาวาออก แล้วเอาแขนของ
ตัวเองไปวางแทน “กูก็ตอบไปว่ามึงอยู่ในม.”

“เชี่ยแล้วไอ้จอม เจ้พลอยจะตามตัวกูกลับบ้าน มึงไม่น่าบอกไปเลย”

“ก็มึงไม่บอกกูก่อน” จอมทัพตอบหน้าซื่อ

“ไปที่อื่นกัน คืนนี้กูค้างบ้านพวกมึงไม่ได้แล้วแน่ๆ ตอนเช้ามึงเห็นพวกชุดดำที่หน้าบ้านไหมล่ะ” ตรีเพชรว่า “แม่งกว่าจะหนีคนที่
อาม่าส่งมาตามได้ เล่นเอาเหนื่อย” ตรีเพชรกุมขมับ

จอมทัพ เปรม ไนท์ เต และตามใจอยู่บ้านเดียวกัน บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของพี่ชายจอมทัพที่ซื้อทิ้งไว้ตั้งใจจะทำเรือนหอ แต่ดันเลิกกับแฟนเสียก่อน เลยปล่อยให้น้องชายพาเพื่อนเข้าไปอยู่ เมื่อคืนตรีเพชรก็ขอไปหลบอาม่าที่บ้านเพื่อน แต่ไม่น่าเชื่ออาม่าให้คนตามมา ก็ไม่น่าแปลกเพราะเขาไปหลบในที่ที่หาง่ายเพราะเพื่อนๆในกลุ่มนี้เป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันสมัยมัธยมจึงพอจะมีความสนิทสนมกับครอบครัวของตรีเพชรอยู่พอสมควร เมื่อหลานชายหัวแก้วหัวแหวนหายไปก็ต้องเริ่มตามจากบ้านเพื่อนเป็นธรรมดา

“มึงก็ไปห้องกิ๊กมึงไง” เปรมเสนอ “กิ๊กมึงเยอะแยะจะตาย อาม่าตามตัวไม่เจอหรอก”

“กูไม่มีเบอร์ใครเลย โทรศัพท์เครื่องเก่าโดนหมาทำพัง” ตรีเพชรเอ่ยเสียงอ่อย

“หมา?” จอมทัพถาม

“ใช่ ไอ้หมาตัวนี้แหละ” ตรีเพชรจิ้มหน้าฝากนาวา พร้อมหัวเราะหึหึอย่างคนคิดอะไรได้ “เพราะฉะนั้นหมาน้อยของมึงต้องรับผิด
ชอบที่ทำให้กูไปหากิ๊กไม่ได้”

ตรีเพชรคว้าข้อมือของนาวาไว้

“คืนนี้กูจะไปนอนห้องหมาตัวนี้” ตรีเพชรประกาศให้ทุกคนได้ยิน

 :katai5: :katai5: :katai5:

เอาไปเท่านี้ก่อนนะฮาฟ เดี๋ยวครึ่งหลังกำลังจะคลอดแล้ว
 :hao7: :hao7: :mew1: :mew1: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (27/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 28-03-2015 00:02:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (27/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 28-03-2015 08:41:58
หมาวาเหรอ ผมว่ามันก็หมาเหมือนกันแหละ ถึงได้กัดกันตลอด เจ้าชู้ก็ที่หนึ่ง ยังหาข้อดีของตรีเพชรไม่ได้เลย นอกจากความปากหมา เจ้าชู้ด้วย แต่ยอมรับอยู่เรื่องบ้านมันรวย คงจะเรียนเก่งอยูละมั่งนะ สงส่ารแต่น้องวาของเรา ตกอับเลยอ่ะ แถมยังหางานไม่ได้ ถ้ายอมมาเป็นพี่เลี้ยงมันจะไม่กัดกันตายก่อนหรอหรือว่าไง ไม่ใช่นาวาเกิดรักไอ้ตรีเพชรแล้วมันเจ้าชู้ทำให้เสียใจหรอกนะ ถ้าแบบนั้นคงรับไม่ได้แน่ๆ เศร้าเกิน นาวาต้องใจแข็งต้องทำให้ไอ้คุณชายมันเจ็บปวดถึงจะถูก ทีมนาวาเด้อ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-03-2015 10:28:44
 :o8:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: punnicha ที่ 28-03-2015 11:57:37
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 28-03-2015 15:19:10
ดีไปนอนด้วยกันนั่นแหละจะได้เข้าทางอาม่า
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 28-03-2015 16:22:33
ชอบเรื่องนี้จัง :-[ :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Lichtmonz ที่ 28-03-2015 21:18:48
ตามถึงตอนล่าสุดแล้วววว...ขอเม้นต์ปักหมุดไว้รอตอนต่อก่อน หึยยยยยยย ชอบเรื่องนี้จังงงงงงงงงง  :-[
ภาษาคือสวยมากอ่านแล้วละมุนละไมฟินตัวแตกไปหมดให้ตายเถอะ ถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ :impress2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 29-03-2015 10:18:27
 o13
อร๊ายยย  :hao7: ฟินม๊าก พี่เพชรคือขี้ตู่ได้อีกจพไปนอนห้องนาวาซะฃั้น
คือดูๆไปนาวากับพี่จอมนี่ยังไงๆอยู่นะ

ฟินค่ะ ติดตามต่อปาย  :mew3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Tinton ที่ 29-03-2015 13:14:36
รอครึ่งหลังนะครับ  กำลังจะถึงจุดไคลแม็กเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 30-03-2015 02:15:35
ไม่ได้เข้ามาอ่านซะนาน
เห็นอัพหลายตอนละชื่นใจมากก
55555 55

สนุกมากกก
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 30-03-2015 22:14:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 31-03-2015 11:49:26
เห้ยชอบอ่ะ ทั้งบทประพันธ์ที่เอามาแทรก ทั้งเพลง เขียนละมุนมากกกกกกก

ปล.ชอบอ่านวรรณกรรมฝรั่งเศสหรอคะ เราอย่ากอ่านบ้างอ่ะพอมีแนะนำมั้ยคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: janezilla ที่ 31-03-2015 17:37:17
หนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 31-03-2015 18:32:02
555 อยากจิหัวเราะเพชรให้ดังๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 31-03-2015 18:45:15
เอ๋คุ้นๆแฮะ เอามาลงใหม่เหรอคะ

ใช่ค่ะ ^__^

พอดีอยากแก้ไขอะไรบางอย่างในเนื้อเรื่อง แล้วก็แต่งไปได้ 50 % แล้ว ใจจริงอยากจะรอแต่งให้จบแล้วค่อยลง
แต่มันคันไม่คันมือ เหมือนอยากจะเห็นฟีตแบคเร็วๆน่ะค่ะ

ดีใจจังมีคนจำได้


หืม เคยลงแล้ว เอ่อ ไม่ได้อยากขัดนะ ลงครั้งที่ 2 ตั้งแต่ตุลา 57 นี่จะสิ้นมีนา 58 เพิ่งตอนที่ 5 มันนานไปไหมอ่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 01-04-2015 15:15:52
 :z2:
เชิ้บๆ แวะมารอค่ะ
ลุ้นให้พระนายรีบหมั้นกันเร็วๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 01-04-2015 23:54:07
เนียนเลยนะพี่เพชร
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 2/3 (28/3/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 02-04-2015 13:12:44
Mon Fiancé

:L2:

เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (3/3)

แวะเวียนมาดรอปเพลงจ้า

Heartbeat Song by Kelly Clarkson

https://www.youtube.com/watch?v=d4_6N-k5VS4&list=PLMwbKombrNUZH1zz6gSBYq8cEaUseyF5t&index=8 (https://www.youtube.com/watch?v=d4_6N-k5VS4&list=PLMwbKombrNUZH1zz6gSBYq8cEaUseyF5t&index=8)


เพลงนี้ตั้งใจแปลเป็นกลอน แต่แปลยากมากเลย :katai1:
ยังไงก็ฝากผู้อ่านที่น่ารักติดตามด้วยนะ :mew3: คืนนี้จะมาลงให้คร้าบบบ

"Heartbeat Song"

This is my heartbeat song and I'm gonna play it
Been so long I forgot how to turn it up up up up all night long
Oh up up all night long

You, where the hell did you come from?
You're a different, different kind of fun
And I'm so used to feeling numb
Now, I got pins and needles on my tongue
Anticipating what's to come
Like a finger on a loaded gun

I can feel it rising
Temperature inside me
Haven't felt it for a long time

This is my heartbeat song and I'm gonna play it
Been so long I forgot how to turn it up up up up all night long
Oh up up all night long
This is my heartbeat song and I'm gonna play it
Turned it on
But I know you can take it up up up up all night long
Oh up up all night long (all night long)

I, I wasn't even gonna go out
But I never would have had a doubt
If I have known where I'd be now

Your hands on my hips
And my kiss on your lips
Oh, I could do this for a long time

.
.
.

Until tonight I only dreamed about you
I can't believe I ever breathed without you
Baby, you make me feel alive and brand new
Bring it one more time, one more time




 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (2/4/15) soon!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-04-2015 13:43:43
รอค่ะรอ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (2/4/15) soon!
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 02-04-2015 22:32:28
รออ่านนะค่ะ 
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (2/4/15) soon!
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 02-04-2015 23:58:19
รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (2/4/15) soon!
เริ่มหัวข้อโดย: Lichtmonz ที่ 03-04-2015 01:11:23
รออออ~  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (2/4/15) soon!
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 03-04-2015 07:44:23
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
 :L2:
Chapter 5
เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย (3/3)

หลายคนมักเริ่มต้นการเขียนบันทึกประจำวันด้วยการลงวันที่

และอีกหลายคนมักขึ้นต้นการเล่าเรื่องราวในชีวิตด้วยการเขียนวลีที่ว่า Dear diary, ลงในสมุดบันทึก เหมือนเจ้าหญิง Mia Thermopolis จากหนังเรื่อง The Princess Diaries แม้ตรีเพชรจะรู้จักการเขียนไดอารี่จากเจ้าหญิง Mia แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้จั่วหัวไดอารี่อย่างเจ้าหญิงเลยสักครั้ง

ตรีเพชรรู้สึกตัวเองคล้ายๆพระเอกของนิยายเรื่อง The Perks of Being a Wallflower ที่คอยเขียนไดอารี่ในรูปแบบจดหมาย จั่วหัวไดอารี่ว่า Dear friend… ในเรื่อง Charlie คอยเขียนถึงเพื่อนที่เขาเองก็ไม่รู้จักตัวตน เป็นเพื่อนที่เขาอุปโลกน์ขึ้น เสมือนว่า
คนคนนั้นมีตัวตนอยู่จริง ที่เป็นแบบนั้นเพราะ Charlie เป็นตัวละครขี้เหงาที่ไม่มีเพื่อน การเขียนบันทึกประจำวันถึงเพื่อนจึงเป็นการปลอบประโลมตัวเองของหนุ่มน้อยว่าตัวเองไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวนะ เขาเองก็มีเพื่อนบ้างแหละ ต้องมีคนที่ยอมรับฟังเรื่อง
ราวของเขา ต้องมีใครที่อยากเป็นเพื่อนกับเขาสักคน

คุณเพชรจะเขียนถึงสายลม…

ไม่รู้ว่าชื่อนี้มาจากไหน ไม่รู้ว่าอยู่ๆทำไมชื่อนี้ถึงลอยเข้ามาในจิตใต้สำนึก คุณเพชรรู้แต่เพียงว่าการเขียนถึงสายลมคือสิ่งถูกต้องที่เขาควรกระทำ นับว่าตั้งแต่เริ่มเขียนบันทึกประจำวัน ตรีเพชรจะเล่าเรื่องราวของเขาให้สายลมได้ฟังเพียงผู้เดียว

ตอนนี้ชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงโต๊ะริมหน้าต่างห้องนอน นัยน์ตาสีนิลมองออกไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน คุณเพชรกำลังคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านพ้นมา จิตใจของชายหนุ่มวกวนสับสน มือหนากำลังควงปากกาอย่างใช้ความคิด เขาไม่รู้ว่าควรจะเริ่มเล่าเรื่องราวยุ่งเหยิงที่
เกิดขึ้นในชีวิตตรงไหนดี จนท้ายที่สุดตรีเพชรก็จรดปลายปากกาลงบนสมุดบันทึก

25 สิงหาคม, วันนี้ผมนึกว่าฝันไป

ถึงสายลมของผม

พักใหญ่แล้วสินะที่ผมไม่มีเรื่องอะไรมาเล่าให้คุณฟัง ที่เป็นแบบนั้นเพราะที่ผ่านมาชีวิตผมดำเนินไปแบบเรื่อยเปื่อยไม่มีอะไรพิเศษที่ผมอยากจำและอยากจะเล่าเลยสักเรื่องเดียว ผ่านมามีเรียนบ้าง เที่ยวบ้าง มีบ้างที่ต้องช่วยงานพี่สาวกับอาม่านิดหน่อย นอกจากนั้นชีวิตผมก็เดิมๆอย่างที่คุณรู้อยู่แล้ว

แต่คุณเชื่อไหม ชีวิตผมไม่เหมือนเดิมอีกเลยหลังจากได้เจอกับเด็กปากร้ายคนหนึ่ง เราเจอกันโดยบังเอิญ เป็นเพราะผมเองแหละที่ขับรถไม่ระวัง จำได้ว่าตอนนั้นสายมากแล้วแต่ผมไม่อยากให้รถใหม่ของผมเจอสภาพการจราจรที่แออัด ผมเลยคิดว่าจะเข้าเรียนสายหน่อย พอขับรถเข้ามหาลัยในยามสายถนนตัดผ่านหน้าคณะผมกับคณะมนุษยศาสตร์กลับโล่งไม่มีคน แล้วตอนนั้นผมดันทำมือถือหล่นก็เลยก้มหยิบ ใครจะไปรู้ว่ามีเด็กแว่นปั่นจักรยานสวนมา

ใช่ คุณฟังไม่ผิดหรอก เด็กแว่นเฉิ่มๆคนนั้นปั่นจักรยานพุ่งชนรถผม

อย่าหาว่าผมขี้ฟ้องเลย สายลมครับ คุณต้องเข้าข้างผมนะ ผมไม่ผิด เด็กคนนั้นต่างหากที่ผิด เขาทำรถผมเสียหาย ผมล่ะอยากให้คุณได้เห็นตอนนั้นจริงๆ เด็กแว่นด่ากราดใส่ผมแทบไม่ยั้ง เขาว่าผมผิดผมต้องขอโทษเขาทั้งๆที่ตัวเองทำรถผมถลอกแท้ๆ อ้อ เขาเรียกผมว่าไอ้ตี๋ด้วย! ในชีวิตยังไม่มีใครเรียกผมแบบนั้นเลย ไร้มารยาทสุดๆ ผมล่ะอยากให้คุณมาเห็นกับตาจริงๆ ถึงตอนนั้น
คุณต้องเข้าข้างผมด้วยนะ ไม่สิ คุณน่ะเข้าข้างผมอยู่แล้วใช่มะ … สายลมของผม … 

เอาเป็นว่าหลังจากเจอกับเด็กเฉิ่มชีวิตผมก็ไม่สงบสุขอีกเลย – เพราะผมดันคิดถึงแต่เด็กคนนั้นจนไม่เป็นอันทำอะไรน่ะสิ (ห้ามบอกใครเด็ดขาด สัญญานะ ผมกลัวเสียฟอร์ม)

“ฉันจะไปนอนห้องหมาตัวนี้” วันนั้นผมประกาศให้ทุกคนที่อยู่ในห้องชมรมดนตรีฟัง ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมจึงพูดออกไปแบบ
นั้น ผมแค่ไม่ชอบสายตาไอ้จอมที่มองไอ้เด็กแว่น ผมแค่ไม่ชอบที่ตัวเองต้องคิดวกวนถึงไอ้เฉิ่มแทบทุกคืน ผมแค่… อยากอยู่
ใกล้ๆเท่านั้นเอง

“เฮ้ยตี๋ แย่งจักรยานกูทำไม” หลังจากที่ผมลากไอ้เตี้ยออกมา มันก็พยายามปั่นจักรยานหนีผมกลับหอซะให้ได้ ผมเลยต้องใช้
กำลังแย่งมาซะก่อนที่จะไม่มีที่ซุกหัวนอนในคืนนี้

“ถ้าฉันไม่แย่ง นายก็ปั่นจักยานหนีสิ” ผมบอกไปตามใจคิด

“ใครบอกว่าจะให้ไปนอนด้วยวะ จะไปน่ะถามเจ้าของห้องหรือยังว่าเขาเต็มใจหรือเปล่า” ไอ้เตี้ยกอดอก งอนแก้มป่องเหมือนเด็ก
อนุบาล เห็นแล้วผมยิ่งอยากแกล้งให้มันโมโหจนแก้มนิ่มๆนั่นป่องจนแตกไปเลย ผมเห็นนะมันยอมให้ไอ้จอมแอบจับแก้มตอนที่
จอมทัพทำเนียนปัดมือไอ้เปรมออกแล้วตัวเองก็กอดคอไอ้เตี้ยแทน ทีผมจับนิดจับหน่อยละโวยวาย เชอะ จะหยิกให้แก้มช้ำเลยคอยดู

“ไม่จำเป็นต้องถาม เพราะไม่ได้ขออนุญาตเพื่อไปค้างด้วย ฉันแค่บังคับ”

“ไอ้เผด็จการ” นาวาต่อว่าผม “เฮ้ยๆ จะปั่นจักรยานคนอื่นไปไหนวะ จอดนะเว่ย”

“ก็ไปห้องนายไง”

“แล้วรู้เหรอว่าไปทางไหน” เด็กน้อยถามผม แอบหอบเล็กๆเพราะวิ่งตามจักรยานมา

“ไม่รู้”

“ไม่รู้แล้วยังจะปั่นมั่วอีก”

“ก็ขึ้นมาสิ บอกทางด้วย” ผมสั่ง ผมแอบยิ้มให้กับเด็กดื้อที่จำใจยอมทำตามคำสั่งของผม ตัวเล็กซ้อนจักรยานคันสีเหลืองที่มีผม
เป็นคนปั่น เสียงเพราะๆของมันบอกทางผมเป็นระยะๆ (แต่บอกด้วยคำพูดหยาบคายแสดงความไม่เต็มใจ ดูก็รู้ว่ามันอยากให้ผมไปค้างด้วยใจจะขาด)

สายลมรู้ไหม บรรยากาศตอนเย็นวันนั้นสวยมาก พระอาทิตย์เริ่มทอแสงเป็นสีทองเพราะเข้าใกล้เวลาเย็นย่ำ เราสองคนปั่น
จักรยานไปตามถนนในมหาลัย สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาแถมมีดอกศรีตรังสีม่วงอ่อนร่วงโรยตามรายทาง ผมไม่รู้เพราะอะไรวันนั้นผมถึงยิ้มให้กับบรรยากาศรอบๆตัว

หรือเพราะไอ้ตัวเล็กแอบเกาะเอวผมก็ได้ ผมถึงยิ้มได้ขนาดนั้น

“นายนี่ตัวเบาจังเลยนะ” ผมพูด เพราะผมปั่นเหมือนไม่รู้สึกว่ามีคนซ้อนอยู่

“ยุ่งไรด้วย” นั่นไง ไม่เคยหรอกที่จะคุยกับผมดีๆ

“กินให้เยอะๆสิ”

“บางทีมันก็ไม่หิวบ้างป่ะ”

“เย็นนี้จะกินอะไร” ผมถาม

“ไม่ไปกินกับนายหรอก”

“โอเคงั้นแวะร้านหอยทอดหลังมอ” ผมพูดไปปั่นไป

“เฮ้ย ไม่เอา”

“ฮ่าๆ รู้หรอกว่าแพ้ เร็วๆจะกินอะไร ให้โอกาสตอบไม่งั้นฉันคิดให้เอง”

“ไอ้ตี๋ ยุ่งไรด้วย หากินเองได้น่า แถวหอก็มีร้านตามสั่งเยอะแยะ”

“ไม่ตอบ อย่ามาโวยวายทีหลังนะเตี้ยนะ”

แล้วผมกับเด็กแว่นก็เถียงกันไปตลอดทาง ภาพของเย็นวันนั้นในความทรงจำผมจึงเป็นภาพที่ผมปั่นจักรยานและไอ้เตี้ยกำลังแอบเกาะเอวผมไว้แบบหลวมๆเสียงของเราถกเถียงกันไปเรื่อยๆภายใต้บรรยากาศยามเย็น

ใกล้มหาลัยของพวกเรามีห้างสรรพสินค้าในเครือของตระกูลผมอยู่ ผมปั่นจักรยานมาไม่ไกลมากก็มาถึงห้างที่ว่า รีบจอดจักรยานและดึงข้อมือเล็กๆของไอ้เด็กเรื่องเยอะให้เดินตามผมมา ส่วนตัวผมเป็นคนชอบอาหารยี่ปุ่นจึงไม่แปลกที่เย็นวันนั้นผมพาไอ้เด็กแว่นมากินซูชิร้านโปรด

“เฮ้ยอย่าสั่งเยอะนักสิ ไม่มีเงินจ่ายนะเว่ย” นาวาใช้เท้าสะกิดผมให้หันไปฟัง แหมเรียกกันดีๆก็ได้ เด็กไร้มารยาทก็งี้แหละ

“ใครว่าจะให้นายจ่าย มากับใครรู้ไว้ด้วย” ผมสั่งของเพิ่มไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายสั่งหรอก ผมจัดการให้หมด พยายามเลี่ยงอาหารที่มี
หอยเพราะไอ้เตี้ยมันแพ้หอย

“ก็มากับไอ้คุณชายถังแตกน่ะสิ บอกไว้ก่อนนะฉันไม่ช่วยนายล้างจานนะเว่ย ตัวใครตัวมัน” นาวาว่า

“เอาน่า มีเงินสดติดตัวละกัน”

“ไหนว่าใช้หมดแล้ว นายพาน้องโบว์อะไรนั่นไปเลี้ยงไม่ใช่เหรอ” แน่ะมีแอบฟังเรื่องของผมด้วย สนใจผมละสิ

“ก็ใครจะใช้หมดกัน อันนั้นเอาไว้เรียกคะแนนสงสารจากเพื่อนๆ”

“สร้างภาพเนอะ” ไอ้เตี้ยพูดลอยๆ

ผมยักไหล่แบบไม่สน “เรื่องไรจะเอาไปเลี้ยงคนอื่นจนหมด สู้เก็บเงินมาเลี้ยงเด็กขี้โวยวายยังจะดีกว่า”

“ว่าใครขี้โวยวายไอ้ตี๋”

“ร้อนตัว?”

“เดี๊ยะจะสั่งให้เลี้ยงจนหมดตัว” ดวงตาสีน้ำตาลทองของอีกฝ่ายเหมือนจะเอาจริง

“หมดก็ค่อยไปของานอาม่าทำ ตัวแค่นี้ยังไงก็เลี้ยงไหวเหอะ”

“ฮ่าๆ คงโดนตัดออกจากกองมรดกซะก่อนละมั้งนั่น”

“อาม่าไม่มีทางทำอย่างนั้นหรอก”

“มั่นใจไปนะบางที”

“แน่อยู่แล้ว” ผมยักไหล่

“ตกลงนายหนีออกจากบ้านเพราะอาม่าบังคับหมั้นจริงๆเหรอ”

“อื้ม”

“ละครชัดๆอ่ะ แล้วทำไมต้องหนี เจ้าสาวไม่สวย?”

“ก็อย่างที่รู้ไม่เคยเจอหน้า หมั้นกับใครก็ไม่รู้ จำได้ว่าวันนั้นออกจากคอนโดไปส่งนายที่เสร็จก็โดนเรียกกลับบ้าน ได้ฟังอาม่าแค่
ประโยคเดียวว่าจะพาไปดูตัวคู่หมั้น ฉันก็เดินออกมาเลย”

“อย่างกะในนิยายแน่ะ”

“พูดมาก กินให้หมดเลยเตี้ย” แล้วเราสองคนก็กินไปกัดกันไปจนอิ่มท้อง

ผมกะจะเดินตากแอร์ในห้างเล่นให้อาหารย่อยซะหน่อยแต่เกิดเหตุซะงั้น สายลมรู้ไหมทันทีที่เดินออกจากร้านซูชิ ชายในสูทดำที่
ผมคุ้นหน้าดีดักรอผมอยู่หน้าร้านซะแล้ว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (2/4/15) soon!
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 03-04-2015 07:45:42
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

“คุณหนูครับผมมาตามคุณหนูกลับ” ไม่ต้องบอกก็รู้ มากันสี่ห้าคนขนาดนี้ ผมยังไม่อยากกลับไปเผชิญความจริง คืนนี้ผมกำลังจะ
ได้ไปนอนห้องเด็กเตี้ยนะเว่ย เรื่องอะไรผมจะยอมล่ะ ผมจับข้อมือของเด็กนาวาไม่ยอมให้หลุดไปไหน แล้วเอนตัวก้มไปกระซิบกับเด็กเอ๋อที่ยืนงงกับบอดี้การ์ดที่อาม่าส่งมา

“นับถึงสามแล้ววิ่งนะ” ผมกระซิบที่ข้างหูนาวา แอบได้กลิ่นอะไรหอมๆจากมันด้วยนะ

“จะบ้าเรอะ ล้อมหน้าล้อมหลังอย่างนี้จะหนีได้ไง” ไอ้เตี้ยกะซิบกลับมา

“เถอะน่า”

“ไอ้ตี๋มะ…”

“สาม!” ผมนับออกมาดังๆ แล้วออกวิ่งโดยที่ไม่ยอมปล่อยมือจากได้เด็กขี้โวยวายเด็ดขาด

“ไหนบอกจะนับถึงสามไงไอ้กะล่อน!” เด็กขี้โวยวายแหกปากลั่น ขณะเดียวกันชายชุดดำก็วิ่งตามเรามาอย่างไม่ลดละ ผมวิ่งเข้า
โซนเสื้อผ้า แล้วสมองอันชาญฉลาดของผมก็คิดอะไรดีๆได้ ผมผลักหุ่นแถวโซนเสื้อผ้าให้ล้มลง เอาให้ล้มทุกตัวที่ผมวิ่งผ่านแหละอย่างน้อยพวกนั้นจะได้มีอะไรไปกีดขวางทางบ้าง ไล่ตามกันเกินไปแล้ว หนักเข้าผมก็หยิบผ้าปาใส่หน้าพวกนั้น แอบได้ยินไอ้ตัวแสบหัวเราะด้วย คนยิ่งต้องรีบหนีอยู่ มันตลกอะไรนักหนา

ผมหนีพวกนั้นมาได้ก็เจอกับร้านเสื้อผ้าร้านใหญ่ ผมรีบลากนาวาให้วิ่งตามมา คว้าเสื้ออะไรก็ได้แล้วหนีเข้าห้องลองเสื้อไป ทันที
ที่ปิดประตูห้องลองเสื้อ ผมเห็นไอ้คนตัวเล็กหอบตัวโยน ก็วิ่งซะขนาดนั้น ขายาวไม่เท่าผมก็ต้องรีบวิ่งเป็นธรรมดา ได้ยินเสียงพวกนั้นวิ่งตามมา แล้วก็วิ่งเลยไป ผมนี่ลุ้นใจแทบหลุดออกมากองตรงหน้าไอ้เตี้ย

“พวกนั้นไปยัง” นาวาถามกับอกผม

“ไม่รู้ ต้องแอบอยู่ซักพัก”

“เฮ้อออออ เหนื่อยชะมัด จะวิ่งก็ให้ตั้งหลักมั่งสิ” คนตัวเล็กบ่น

“ใครจะไปรู้ว่านายวิ่งไม่ทัน ลืมไปว่านายขาสั้น”

“ไอ้ตี๋! เดี๋ยวก็เรียกพวกนั้นมาลากคอไปหรอก”

“ครับๆ” ผมยกมือทำท่ายอมแพ้ “ยอมแล้วครับ ล้อเล่นแค่นั้นเอง”

“เล่นอีกทีแกตาย”

“ขู่จริง” ผมบ่นเบ่าๆ ก่อนความเงียบจะโปรยตัวลงมา

มันเป็นช่วงที่เราสองคนกำลังหอบ และเราสองคนก็กำลังมองตากัน ทั้งผมทั้งเขา เรากำลังจ้องหน้ากัน หอบโยนไปกับความเหนื่อย ใจเราแอบตื่นเต้นไปกับการวิ่งหนี

แล้วเราก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน…

เราต่างขำให้กับตัวเอง ขำให้กับเหตุการณ์ประหลาดๆที่เกิดขึ้น ขำให้กับชัยชนะที่เราคิดว่าเราคว้ามาได้ ผมส่งยิ้มให้กับเด็กแว่นที่
กำลังหัวเราะสนุกสนาน ผมเริ่มมองเด็กคนนี้ตั้งแต่ตอนไหนผมไม่รู้ รู้ตัวอีกทีผมก็เห็นใบหน้านั้นใกล้เพียงนิดเดียว ตอนนี้เราสองคนอยู่ในห้องลองเสื้อผ้าแคบๆ เด็กน้อยคนนั้นอยู่ห่างจากผมเพียงแค่ระยะลมหายใจ ผมเห็นเม็ดเหงื่อบนหน้าของอีกฝ่ายเลยทำให้เผลอดึงผ้าเช็ดหน้าออกไปซับเหงื่อให้อย่างไม่รู้ตัว

“นายคงเหนื่อย” ผมกระซิบ ไม่รู้ทำไมผมต้องกระซิบ “ขอโทษนะ”

“มะ… ไม่เห็นต้องขอโทษเลย” แก้มของนาวาแดงเรื่อเมื่อผมเบียดตัวเข้าไปใกล้มากขึ้น ไม่รู้เพราะเหนื่อยหรือเพราะอะไรกันแน่
ผมค่อยๆซับเหงื่อตรงซอกคอของอีกฝ่าย ตาผมไม่ละจากริมฝีปากหยักสวยตรงหน้า ใจผมเต้นเหมือนเสียงรัวกลองก่อนที่ผมจะ
ก้มลงไปสัมผัสริมฝีปากนั้น

“อื้อ…” เสียงทักท้วงจากไอ้ตัวเล็กถูกเรียวลิ้นผมปิดกั้นเอาไว้ ผมสัมผัสความอุ่นร้อนและความละมุนหวานจากช่องปากนั้น ผมกำลังเผลอไผล มือข้างหนึ่งของผมกำลังเชยคางเด็กคนนั้นอย่างอ่อนโยน แขนอีกข้างที่ยันกำแพงเปลี่ยนมาไล้ลูบแผ่นหลังบางของเด็กน้อย ผมรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายตัวสั่น นาวาจับชายเสื้อของผมแน่น

เราจูบกันอีกแล้ว

ผมไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่เราจูบกัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมจึงอยากลิ้มรสความหวานละมุนนั่น สิ่งเดียวที่ผมรู้คือผมอยาก
สัมผัสเรียวปากนั่นเหลือเกิน ทุกครั้งที่เราใกล้กันผมรู้สึกว่าเด็กคนนี้เป็นเหมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดผมให้เข้าใกล้ จนผมต้องเผลอตัวเผลอใจ คุณเข้าใจผมใช่ไหมสายลม

มือของผมเลื่อนต่ำลงไป มันอ้อยอิ่งอยู่ตรงบั้นเอวของนาวา ริมฝีปากผมยังคงมอบความรุ่มร้อนให้กับคนตัวเล็กไม่หยุดหย่อน ใจ
ผมเต้นไม่เป็นส่ำ แล้วผมก็เผลอ… มือของผมเลื่อนลงไปจับสะโพกกลมกลึงของเขา ไม่คิดมาก่อนว่าก้นของเด็กคนนี้จะเต็มไม้เต็มมือขนาดนี้ ผมลูบไล้มันแผ่วเบา ผมรู้ว่าคนที่ผมกำลังจูบอยู่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกถึงมือของผมที่แอบล่วงเกินเขาอยู่ บางทีผมก็โง่ไปที่เผลอบีบก้นของเด็กน้อยอย่างเมามันจนนาวารู้สึกตัว (เสียดายจัง)

“โอ๊ย” ผมจุกโคตรๆ ไอ้ตัวแสบมันใช้เข่ากระแทกกล่องดวงใจผม “จุก”

“ไอ้ตี๋ ไอ้บ้ากาม” นาวาเอาไม้แขวนเสื้อที่หยิบติดมาฟาดผมไม่ยั้ง

“โอ๊ยๆ เบาๆเจ็บๆ” ผมได้แต่โอดครวญแหละ จะทำไงได้ล่ะ โดนจับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้

“ไอ้โรคจิต!” นาวารีบเปิดประตูห้องลองเสื้อแล้วเดินลิ่วๆไป

ต่อให้จุกผมก็ต้องฝืนตามไป เพราะถ้าคลาดสายตาละก็ผมรับรองเด็กคนนี้หนีผมหลุดมือแน่ๆ ผมไม่ยอมหรอกนะได้โอกาสไป
นอนด้วยทั้งที ผมจะปล่อยหลุดมือไปได้ยังไงกัน

“เดี๋ยวสิรอก่อน เตี้ยคร้าบบบบ”

“มึงไม่ต้องตามมา ไอ้หื่นกาม” เชื่อไหมผมอายแทบตาย ผมไม่น่าตบะแตกแบบนั้นเลย ให้ตายสิเด็กมันจะคิดกับผมยังไงเนี่ย

ผมเดินตัวงอตามไอ้เด็กขาสั้นไปจนมันไปถึงที่จอดจักรยานของมันนั่นแหละ

“เตี้ยเดี๋ยวสิฟังก่อน” ผมรั้งแขนมันไว้

“ปล่อยเลยไอ้ลามก คราวที่แล้วยังไม่ชำระความนะ ยังจะก่อคดีเพิ่มอีก”

“ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ จริงๆนะ” ผมบอกมันไป ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนั่นแหละ ไม่ได้ตั้งใจให้มันรู้สึกตัวเลย ถามว่ารู้สึกผิดไหมเหรอ
สายลมก็น่าจะรู้ ผมไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด กำไรล้วนๆนะนั่น อย่าเพิ่งคิดว่าผมร้ายนะ ผมแค่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกนึกคิดของตัวเองก็เท่านั้น

“มึงไม่ตั้งใจแต่บีบซะแรงเลยนะ” นาวาหน้าแดงอย่างกับผลตำลึงสุก

“ก็คนมันเผลอ… เฮ้ยระวัง!!!”

อิฐบล็อกหล่นลงมาจากไหนไม่รู้ ผมเห็นคนใส่สูทดำที่อำพรางใบหน้าด้วยแว่นตาสีดำแวบเดียวก่อนที่อิฐใหญ่ก้อนนั้นจะหล่นลง
มาจาชั้นบน อิฐนั่นเกือบจะหล่นใส่หัวของไอ้คนที่กำลังโกรธผมอยู่ ผมคว้าตัวนาวาไว้ได้เฉียดฉิว แต่เพราะจังหวะมันพลาดเล็กน้อยผมเลยล้มไม่เป็นท่า

“โอ๊ย” ผมร้องออกมาด้วยความเจ็บเพราะแขนขวาถลอกเป็นทางยาวจังหวะเดียวกับอิฐบล็อกหล่นพื้นแตกกระจาย

“ตี๋! เป็นอะไรหรือเปล่า” นาวาเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้น

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ไม่โดนอิฐนั่นใช่ไหม” ผมถามคนที่กำลังพยุงผมอยู่

“นายเลือดไหล”

“ฉันไม่เป็นไร” ผมตอบ

“จะทำกันเกินไปแล้วนะ ลอบกัดกันอยู่ได้!” นาวาตะโกนออกมาอย่างเหลืออด ใช่ ผมว่านี่มันเกินไปแล้วจริงๆ อาม่าทำกับผม
ขนาดนี้เลยเหรอ ใจร้ายไปหน่อยแล้วนะผมว่า

“ฉันขอโทษ ฉันไม่น่าพานายมาเดือดร้อนด้วยเลย” ผมบอกคนที่กำลังเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ

“รีบกลับกันเถอะ ตามมานี่” ผมแปลกใจ เด็กคนนี้เป็นฝ่ายฉุดข้อมือให้ผมรีบเดินตามเขาไป เขากำลังโมโหจนผมรู้สึกได้ว่าผมไม่
ควรขัดคำสั่งของเด็กนี่ในตอนนี้ และไม่ควรตั้งคำถามใดๆแม้เขาจะทิ้งจักรยานไว้ที่นี่แล้วรีบโบกแท๊กซี่กลับหอพักโดยด่วน
ตลอดทางจนเข้ามาถึงในห้อง เราไม่ได้พูดคุยกันแม้แต่คำเดียว ผมรู้สึกได้อย่างเดียวว่านาวากำลังโกรธ แม้สีหน้าท่าทางของเด็กแสบจะไม่แสดงออกมากนักแต่ผมกลับรู้สึกได้ว่ามีคลื่นใต้น้ำที่กำลังจะโหมซัดให้ทุกอย่างพังราบเป็นหน้ากลอง ผมนั่งลงตรงปลายเตียงสีฟ้าอ่อน เด็กน้อยคนนั้นเปิดตู้เสื้อผ้าค้นอะไรอยู่เพียงครู่แล้วเขาก็มาพร้อมกับกล่องพยาบาล

เด็กน้อยคุกเข่าลงด้านล่าง เขาจับแขนขวาของผมแผ่วเบาแล้วลงมือเช็ดแผล

“โอ๊ย” เหมือนเสียงผมจะเรียกสายตาที่เลื่อนลอยของเขาให้กลับมาหันมอง

“โทษทีแสบไปเหรอ”

“อืม”

“…ขอโทษนะ”

“ขอโทษทำไม” ผมงง

“นายเจ็บตัวเพราะฉัน” นาวาบอก

“ฉันต่างหาก คนพวกนั้นต้องการจะทำร้ายฉัน อาม่าทำเกินไปจริงๆ”

“ไม่ใช่อาม่านายหรอก”

“รู้ได้ไง”

“เอาเป็นว่าฉันรู้ก็แล้วกัน”

เรานั่งทำแผลกันไปเงียบๆ ต่างคนต่างจมไปกับความคิดของตัวเอง สักพักนาวาก็คว้าผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผมถอน
หายใจพลางมองแผลของตัวเอง ผมกำลังจมดิ่งลงไปในความคิดความสงสัยของตัวเอง ถ้าไม่ใช่อาม่าแล้วเป็นคนของใคร คนพวกนั้นต้องการอะไร ที่สำคัญใครคือเป้าหมาย?

ถ้าไม่ใช่ผม เด็กคนนี้เหรอ? เด็กใสซื่อคนนี้เนี่ยนะ? ไม่จริงหรอก

เด็กคนนี้ถึงจะปากร้ายไปบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะมีศัตรูที่คิดจะหมายเอาชีวิตกันขนาดนี้ เรื่องนี้มันต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลัง ผมเชื่อลาง
สังหรณ์ของตัวเอง

ผมสะบัดความคิดของตัวเองออกไปจากสมอง พร้อมกับเสียงหนึ่งดังขึ้น

“ตี๋ ไปอาบน้ำได้แล้ว”

ใจผมแทบหยุดอยู่ตรงนั้น ใช่ว่าผมจะไม่เคยเห็น (ก็ตอนนั้นผมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาเองกับมือ) เรือนกายผุดผาดที่มีหยดน้ำเกาะ
เล็กน้อย ผมเปียกพอหมาดกับแววตางามที่ไร้แว่นคอยบดบัง ใจผมแทบทะลุออกมาจากทรวงอก

“จะไม่อาบ? งั้นไปนอนตรงระเบียงนะ”

“ฮะ… เฮ้ย อาบสิ”

“ไปอาบดิ ผ้าขนหนูอยู่ในห้องน้ำแล้ว เดี๋ยวจะหาผ้าให้ ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่านะ ดูก่อน”

ผมรีบเข้าห้องน้ำตามที่เด็กมันว่า ไม่ได้กลัวที่ต้องโดนไล่ไปนอนนอกระเบียงหรอก แต่ผมขอหนีมาทำใจสักพักนึง ผมใจเต้น
เพราะเด็กคนนี้บ่อยเกินไปแล้วทำไงได้ผมมันภูมิคุ้มกันไอ้เด็กเฉิ่มนี่น้อยนัก

“ไหนเสื้อผ้า” ผมถามเมื่ออาบน้ำเสร็จ นาวายื่นเสื้อกับกางเกงบอลที่คิดว่าใหญ่สุดให้ผม

“ใหญ่สุดแล้ว ของไอ้เก้ามัน” นาวาบอก

“เก้า? อ๋อเพื่อน?”

“อื้ม” ผมสำรวจเสื้อผ้าดู “เล็กไปว่ะ”

“ใส่ไปดิอย่าบ่น มีแค่นั้นแหละ”

“ไม่ใส่ได้ไหม”  ผมถาม

“ไอ้ลามก อีกแล้วนะ” นาวาเหว

“ไม่ใช่ๆ คือหมายความว่า ใส่บ๊อกเซอร์ของตัวเองก็ได้ ไม่ใส่หรอกเสื้อกับกางเกงบอลตัวนี้ มันเล็กไปหน่อย อึดอัด”

“ตามใจ”

ผมจัดการเช็ดตัวเช็ดผมจนแห้งใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวเดินชมห้องไอ้เตี้ยอย่างสบายใจ ห้องมันหนังสือเยอะมาก ทั้งหนังสือเรียน
หนังสืออ่านเล่นมีการ์ตูนด้วยนะ ผมล่ะสงสัยมันจะอ่านหมดหรือยังไงกัน

“นอนได้ยัง” ไอ้เตี้ยถาม มันนอนห่มผ้าโผล่ออกมาแค่ตา จ้องผมไม่ลดละ

“อื้ม นอนเลยก็ได้ แต่จะเปิดเพลงไว้งั้นอะนะ” มันกำลังเปิดเพลงฟังจากมือถือ

“เปิดกล่อมให้หลับ ปิดไฟด้วย” เด็กจริงๆคนอะไร

ผมเดินไปปิดไฟ “ขอผ้าห่มด้วยสิ แอร์เย็น”

“ชิ แล้วไม่ต้องเบียดมานะ”

“ไม่เบียดหรอก” ผมแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่ม แทรกไปแทรกมาดันไปอยู่ใกล้ไอ้ตัวเล็กซะงั้น

“ไหนบอกไม่เบียดไง” นาวาบ่นผมอีกแล้ว

“ก็มันหนาว”

“ใครใช้ให้ไม่ใส่เสื้อเล่า หุ่นดีนักเหรอโชว์อยู่ได้”

“ฮ่าๆ แล้วชอบไหม”

“ไม่เว่ย”

“ชอบก็บอก” ผมแหย่

“กวนละ”

เรามองหน้ากัน นอนเถียงกันอยู่ เด็กคนนี้กำลังมองมาที่ผม ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในความสนใจของเขาสินะ รอยยิ้มบางๆของผมส่ง
ให้กับคนที่มองมา

“เพชร…” เขาเรียกชื่อผมเป็นครั้งแรก

“ครับ?” ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องตื่นเต้นกับแค่ถูกคนคนนี้เรียกชื่อ

“ขอบคุณนะ ที่ช่วยผมไว้”

“ไม่เป็นไร…”

เงียบ… ทั้งเขาและผม เราต่างจมไปกับความคิดของตัวเอง มีเพียงเสียงเพลงที่เปิดจากมือถือที่ทำให้บรรยากาศไม่เงียบเชียบนัก

“นาวา…”ผมเรียกชื่อเขาครั้งแรก

“อืม…” เด็กน้อยขานตอบ

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะระบายบางอย่างออกไปให้คนที่ทอดสายตามาทางผมให้ผมรับรู้

“พี่ไม่อยากหมั้นเลย” ผมแทนตัวเองว่าพี่เป็นครั้งแรก

“ถ้าไม่อยากก็บอกผู้ใหญ่ไปสิว่าไม่อยากหมั้น”

“เขาไม่ยอมฟังน่ะสิ”

“แล้วทำไมถึงไม่อยากหมั้นล่ะ”

“พี่…”

“… มีใครที่ชอบแล้วเหรอ?” เสียงแผ่วเบานั้นถามออกมา

“มีคนที่คิดถึง … คิดถึงตลอดเวลา” ผมเลื่อนมือผมไปจับมือของคนที่นอนใกล้ๆ ผมบีบมือนั้นแผ่วเบา

“หมายความว่า…”

“… เพราะงั้นแหละพี่ถึงไม่อยากหมั้น” ผมลูบแก้มของเด็กน้อยแผ่วเบา ตัวเราอยู่แนบชิดกัน

ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม… ริมฝีปากนั่น ทาบทับลงมาบนริมฝีปากผม

ใจผมเต้นราวมันจะทะลุออกมาจากทรวงอก ผมหลับตาเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสที่โดนอีกฝ่ายเป็นผู้บุกรุก

This is my heartbeat song and I'm gonna play it
Been so long I forgot how to turn it up up up up all night long
Oh up up all night long

นี่คือบทเพลงจากจังหวะใจ         และฉันจะบรรเลงมันออกไป
นานเหลือเกินที่ลบลืมไปจากใจ    เปิดเสียงเพลงกระหึ่มดังได้อย่างไร …ให้หัวใจเต้นรัวดังไปทั้งคืน…

ผมบดเบียดริมฝีปากนั้นตอบกลับไป ผมดันตัวขึ้นคร่อมเด็กน้อยให้อยู่ภายใต้เรือนร่างของตัวเองแล้วโถมจูบหวานละมุนให้กับคนคนนั้น ร่างกายเราสองคนเบียดเสียดกันภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ความรู้สึกบางอย่างลุกโชนขึ้นในใจผม สาบานได้ว่าผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลย ความรู้สึกโหยหาเช่นนี้มันเกิดขึ้นโดยที่ผมก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่ามีที่มาจากสิ่งใด รู้แต่ว่าผมตามหาสิ่งนี้มาเนิ่นนาน ผมรอคอยมาแรมปี เหมือนชีวิตนี้ผมเฝ้าคอยแต่เขาคนเดียว

You, where the hell did you come from?
You're a different, different kind of fun
And I'm so used to feeling numb
Now, I got pins and needles on my tongue
Anticipating what's to come
Like a finger on a loaded gun

เธอ เธอหายไปอยู่ที่ไหนมา
เธอคือความสนุกประหลาดที่ฉันตามหา
จากความรู้สึกที่เคยชินเคยด้านชา
กลับแวบวาบราวเข็มปักลิ้นตลอดเวลา
คอยลุ้นว่าสิ่งใดจะเกิดจะตามมา
ราวกับว่าปลายนิ้วเกี่ยวที่ไกปืน

เมื่อผมถอนริมฝีปากออก คนภายใต้เรือนร่างของผมรีบโกยเอาอากาศเข้าปอดอย่างไม่ลดละ ริมฝีปากบางเจ่อคู่นั้นดูเย้ายวนจนผมอดใจไม่ไหว ต้องสัมผัสต้องลิ้มลองอีกครั้ง มือผมเริ่มปัดป่ายไปตามลำตัวของนาวา เสียงครางแผ่วเบาของเขาเหมือนชนวนที่โยนสุมกองไฟให้ลุกโหม ผมแทบจะแดดิ้นตายด้วยความร้อนรุ่มที่แผดเผากาย

I can feel it rising
Temperature inside me
Haven't felt it for a long time

สัมผัสถึงความร้อนรุ่มในเรือนกาย
ที่ไม่ได้ระอุขึ้นมาเนิ่นนาน

This is my heartbeat song and I'm gonna play it
Been so long I forgot how to turn it up up up up all night long
Oh up up all night long
This is my heartbeat song and I'm gonna play it
Turned it on
But I know you can take it up up up up all night long
Oh up up all night long (all night long)

นี่คือบทเพลงจากจังหวะใจ         และฉันจะบรรเลงมันออกไป
นานเหลือเกินที่ลบลืมไปจากใจ    เปิดเสียงเพลงกระหึ่มดังได้อย่างไร …ให้หัวใจเต้นรัวดังไปทั้งคืน…
นี่คือท่วงทำนองจากเสียงหัวใจ         ที่ฉันจะบรรเลงส่งเสียงมันออกไป
แต่ฉันรู้เธอจะเพิ่มมันได้อย่างไร        ให้เสียงใจกระหึ่มดังไปทั้งคืน

ผมหักห้ามใจไม่อยู่ จนผมต้องปลดกระดุมเสื้อนอนของเด็กน้อย แม้เขาจะขัดขืนไปบ้างแต่เสียงประท้วงนั้นก็โดนเรียวลิ้นผมตวัดกลับไปอย่างไม่ใยดี ผมดูดและจูบไปทั่วเรือนร่างของเด็กน้อยคนนี้ ผมแทบคลั่งกับความใกล้ชิดที่เรามี

I, I wasn't even gonna go out
But I never would have had a doubt
If I have known where I'd be now

ฉัน ฉันไม่ค่อยจะออกไปเปิดดูเปิดตา
แต่คงไม่เหลือคำตอบให้เสาะแสวงหา
หากรู้ว่าวันนี้ฉันจะอยู่ตรงหน้าเธอ

Your  (my) hands on my (your) hips
My (your) kiss on your (my) lips
Oh, I could do this for a long time

มือฉันจรดสะโพกเธอแนบชิด
ริมฝีปากฉันเธอนั้นจรดจุมพิต
โอ ฉันจะทำให้เราใกล้ชิดไปเนิ่นนาน

ผมไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมคิดถึงแต่เด็กคนนี้ ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงพร่ำเพ้อถึงคนนี้บ่อยครั้ง ผมเป็นเพียงผู้ชายโง่ๆที่ไม่รู้ใจตัวเอง ผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้มันถูกหรือผิด แต่เพื่อแลกกับสัมผัสจากคนคนนี้ ผมยอมแลกกับทุกสิ่ง มือผมปัดป่ายไล้ลูบอยู่ตรงขาอ่อนและสะโพกของเด็กน้อย ผมอยากครอบครองเขาเหลือเกิน มือของผมสอดเข้าไปใต้กางเกงขาสั้นที่นาวากำลังสวมอยู่ ใจผมสั่นเป็นระวิง ขณะเดียวกัน สามัญสำนึกของผมก็เฝ้าถามว่าผมควรจะหยุดเสียก่อนตั้งแต่ตอนนี้ หรือผมควรเดินหน้าไปต่อ แต่เขาเป็นฝ่ายจูบผมก่อนนะ เขาเริ่มจูบผมก่อน แสดงว่าเขายินยอมผมใช่ไหม จิตใจของผมตอนนี้มันลิงโลด ผมมีความสุขจนหน้ามืดตามัว

Until tonight I only dreamed about you
I can't believe I ever breathed without you
Baby, you make me feel alive and brand new
Bring it one more time, one more time

ตั้งแต่นั้นจนคืนนี้ฉันเฝ้าฝันถึงเพียงเธอ
ไม่อยากเชื่อเคยใช้ชีวิตหายใจโดยไร้เธอ
ที่รัก เธอทำฉันสดใสชื่นใจอยู่เสมอ
ขอเพียงเธอทำแบบนี้อีกสักครา

ตั้งจูบแรกของเราจนถึงตอนนี้ ไม่มีสักวันที่ผมไม่โหยหาสัมผัสจากเขา ขอเพียงผมได้ครอบครองเขาหมดทั้งตัว จะทำอย่างไรต้องแลกด้วยสิ่งไหนผมก็ยอม มือผมเลยดึงกางเกงที่เด็กน้อยใส่ติดมือออกมาอย่างง่ายดาย ผมสัมผัสบั้นท้ายเปลือยเปล่าของเด็กน้อย ก่อนจะเอาส่วนกลางของร่างกายไปถูไถกับร่องตรงหน้า
หน้าท้องผมสัมผัสกับวัตถุสีขาวเรียวรีเมื่อเด็กน้อยของผมรับรู้ถึงแก่นกายอุ่นร้อนของผมกำลังหยอกล้อกับร่องก้นของเขา
ใช่ครับ ผมโดนถีบ

“ไอ้ลามก!!!”

แล้วคืนนั้นทั้งคืนผมก็ได้แต่นอนหนาวข้างเตียงเพียงเพื่อตื่นขึ้นมาได้ยินประโยคหนึ่งจากคนที่ผมโหยหา

“ตี๋ หมั้นกันเถอะ”

หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-04-2015 10:14:20
นาวารู้อยู่แล้วเหรอ
ว่าคู่หมั้นของเพชรคือตัวเอง
เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากเลยนะ
สำหรับเพชรน่ะ ได้ยินคงยิ้มแก้มแทบปริเลย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 03-04-2015 10:50:15
 :-[
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Lichtmonz ที่ 03-04-2015 14:08:08
แหม~ มันเก๊าะต้องหมั้นกันอยู่แล้วใช่ไหมล่า---

ฟฟฟฟฟฟว์  :-[
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-04-2015 20:05:46
มารอติดตามด้วยคนค่ะ
 

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 03-04-2015 21:24:45
นางขอผู้ชายหมั้นก่อนเลยหรอ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 03-04-2015 23:13:19
กำลังจะได้แล้วเชียว :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 03-04-2015 23:41:12
 o22น้องวาขอปู้จายหมั่นก่อนซะงั้น
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-04-2015 00:38:51
 :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 04-04-2015 05:23:30
 :a5: อ่าว สรุปวารู้อยู่แล้วหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่เคย ที่ 04-04-2015 08:31:51
อ๊ากกกเขิลเว้ยไม่รู้ทำไมฮ่าๆๆๆๆ :z2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: waiman ที่ 04-04-2015 08:44:42
เป็น คู่หมั้น กัน จริงๆๆๆ ใช่มั๊ยเนี่ย่ 
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 04-04-2015 09:33:10
 :hao3:
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ
สนุกดี  :hao3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Maiiz Ellfiez ที่ 04-04-2015 14:17:59
เรื่องนี้น่ารักดีจริง ๆ ค่ะ  ปกติเจอแต่พระเอกเถื่อน ๆ เจอแบบนี้ฟินจริงจัง  อ่านไปยิ้มไปเลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 04-04-2015 21:10:31
เย้ย. นาวาชวนหมั้นเองเลย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 04-04-2015 21:39:43
สรุปวารู้ว่าเป็นคู่หมั่นกัน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Satanza321 ที่ 04-04-2015 22:14:04
ขนาดบอกว่าไม่ชอบนะเนี้ยนาวา เอ่ยปากขอหมั้นเองเลยทีเดียว :m12:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 05-04-2015 23:47:15
โอ้ยย
สนุกก มาต่อไวๆนะคะ
สรุปนาวารู้อยู่แล้วรึเปล่านะเนี่ยย
แอร้กกก รอรอรอร
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 06-04-2015 00:16:14
อิพี่เพชรหื่นตลอดอ่ะ
ถ้าน้องมันไม่ถีบนี่มีหวังได้ท้องก่อนแต่ง  :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Bluetiening ที่ 06-04-2015 15:54:25
ว่าแล้วต้องเป็นคู่หมั้นกัน  :hao7: :hao7: :hao7:
นาวาขอผู้ชายก่อนเหรอลูกกก  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 06-04-2015 21:35:57
 :hao7: เรื่องนี้เริ่มพีคเข้าเรื่อยๆแล้วสิ

ชอบมากค่ะ ภาษาน่ารักดี พี่เพชรน่ารักมากๆเลย :mew3:
แล้วจะรอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 06-04-2015 21:58:26
โอ่ยยยยยยยยยยย ไม่ไหวล้าว น่ารักไปอีกดิ มาต่อไวไวนะเคิ้บบบบบบ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 07-04-2015 00:50:21
เขินนนนนนนน อ่านแล้วเขินมากกกกกกกกก
ชอบภาษาจังเลยค่ะอ่านแล้วฟินสุดๆ TT เพลินมากๆ
อยากอ่านอีกกกกกกกกกกก
นาวาหนูขอพี่เค้าหมั่นก่อนเลยหรอลูกก อิอิ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ThePPJ ที่ 07-04-2015 02:15:24
คิดถึงน้องนาวา มาต่อเร็วๆเถอะน้า :katai5: :hao4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: nochildren ที่ 07-04-2015 17:25:56
อ๊ากกกกกกกกกกก สนุกมากกกก :hao7:
+เป็ดตัวที่ล้านนนนนนนนนนน ง่อวววววว  :hao6:
รีบๆมาต่อนะคะ แอร๊ยยยยยย :z3: o13
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: pungpondppp ที่ 07-04-2015 18:47:23
สนุกมากกกกกมาต่อไวๆๆน้าาาา  :hao7: :hao7: :z3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 09-04-2015 16:53:07
 :call:
รออยู่นะ :t3: รีบมาจัดงานหมั้นเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 5 เจ้าสาวผมเป็นผู้ชาย 3/3 (3/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 11-04-2015 18:05:31
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
 :L2:
Chapter 6
มีคู่ตุนาหงัน (1/3)

เหมยฮวา ชื่อของหล่อนแปลว่าดอกเหมย

ดอกเหมยหรือดอกบ๊วยเป็นดอกไม้ที่มีกลีบขาวพิสุทธิ์ประดุจหิมะแห่งเหมันต์ฤดู ก้านของดอกเหมยมีสีเขียวสดคล้ายสีหยก ความหอมของดอกเหมยกรุ่นกลิ่นกำจายจนได้สมญาว่าเป็นยอดแห่งดอกไม้หอมทั้งมวล สิ่งที่คุณนายใหญ่และดอกบ๊วยมีเหมือนกันคือความทรนง ในเหมันต์ฤดูที่แสนหนาวเหน็บดอกไม้และต้นไม้อื่นๆพากันเหนี่ยวเฉาสลัดทิ้งใบจนหมดสิ้นแต่ดอกเหมยกลับบานเบ่งต่อสู้กับหิมะที่โปรยปราย ดอกเหมยยืนหยัดท้าทายความหนาวเหน็บ เบ่งบานตลอดจนฤดูหนาวผ่านพ้นไป

เหมยฮวามองชีวิตตัวเองเหมือนดอกบ๊วยชูช่อในฤดูหนาว

‘หกล้มแค่นี้ไม่เจ็บหรอก’ หล่อนยังจำคำปลอบประโลมของพี่ชายคนรองตอนหล่อนหกล้มได้ คำพูดของพี่ชายอบอุ่นพอๆกับฝ่ามือที่คอยลูบหัวเธอเบาๆ ‘ต่อไปลื้อต้องเจอปัญหาที่หนักหนาเกินแบกรับจนทำให้ลื้อมองการหกล้มในวันนี้เป็นเรื่องเล็กไปเลย’
‘แล้วอั้วจะผ่านเรื่องใหญ่ขนาดนั้นไปได้ยังไงล่ะเฮีย’   

‘ผ่านได้สิถ้าลื้ออดทนและยืนหยัดด้วยความแข็งแกร่ง อั้วเชื่อว่าลื้อทำได้เหมยฮวา’

ดอกบ๊วยของเฮียฟงได้ชูช่อต้านลมหนาวและเผชิญพายุหิมะมานักต่อนัก เหมยฮวาจึงกลายเป็นหญิงเหล็กแห่งวงการธุรกิจที่ใครๆต่างยอมรับนับหน้าถือตา ทุกปัญหาทุกอุปสรรค์หล่อนก้าวข้ามมาได้อย่างสง่างาม หากในวันนี้หล่อนรู้สึกราวกับว่าพายุลูกใหม่กำลังจะก่อตัว ความหนาวเหน็บแฝงเร้นในซอกหลืบเหลี่ยมเขา อันตราย… แต่เร้นลอดจากคลองสายตา

“มีคนอื่นเข้ามาแทรกแซงครับ” ชายหนุ่มร่างกายกำยำในสูทดำยื่นซองรูปภาพให้หญิงสูงวัย “คาดว่าตั้งใจทำให้ถึงขั้นเลือดตก
ยางออก”

เหมยฮวามองรูปที่หลานชายตัวเองเอาตัวบังเด็กหนุ่มร่างบางเอาไว้ขณะหลบอิฐบล็อกที่มีคนทุ่มลงมาจากชั้นบน “ไม่ใช่แค่จะ
ทำให้บาดเจ็บหรอกนายชาติ นี่มันตั้งใจเอาชีวิตกันต่างหาก”

“พวกเราตามไปไม่ทัน แต่นักสืบทันเห็นเหตุการณ์พอดีครับคุณนายใหญ่”

“งานนี้อันตราย เราต้องรีบจัดการให้เรียบร้อย”

“ครับ” นายชาติโค้งคำนับก่อนจะออกไป ทิ้งให้หญิงสูงวัยจมอยู่กับความคิด

ภายในห้องทำงานที่เงียบเชียบจึงมีเพียงเสียงความคิดของหล่อนที่ดังก้องอยู่ในใจ หล่อนจะรักษาสัญญา… ไม่ใช่แค่เพียงคำพูดที่ให้ไว้กับเพื่อนรัก แต่ลึกๆเหมือนหล่อนกำลังทำเพื่อพี่รอง พี่ชายที่มีนามว่าสายลม… ฟง…

ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน แสงจันทร์นวลเล็ดลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา

ร่างบางค่อยๆห่มผ้านวมผืนหนาให้กับชายหนุ่มที่เขาไล่ลงจากเตียง นาวามองตรีเพชรนอนหลับอยู่บนถุงนอนที่เขาปูไว้ อกหนาของชายหนุ่มกระเพื่อมเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ดวงตาเรียวรีคู่นั้นปิดสนิท นาวาแอบมองเสี้ยวหน้าของตรีเพชรที่อาบไล้แสงจันทร์

“นายน่ะอยู่เฉยๆเงียบๆแบบนี้ก็น่าเอ็นดูดีอยู่หรอก” นาวาเหมือนบ่นกับตัวเองก่อนจะปีนขึ้นเตียง ทิ้งตัวลง และหลับตา

ความเงียบโปรยตัวลงมาอีกครั้งหลังจากเสียงนาวาพลิกตัวห่มผ้า ทั้งห้องเงียบเชียบ ทว่าเป็นความเงียบที่ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกอึดอัด คล้ายว่าความเงียบของรัตติกาลเป็นเสียงเพลงขับกล่อมให้ทั้งสองหลับฝันดี แสงจันทร์สาดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้เห็นร่างบางนอนตะแคงไปทางด้านที่มีคนนอนอยู่ข้างเตียง ลมหายใจของหนุ่มน้อยสม่ำเสมอ ดวงตาที่มีแพขนตายาวปิดสนิท ผ้าห่มคลุมร่างบางแค่เพียงช่วงเอว

ตลอดเวลาตรีเพชรยังไม่หลับ

ดวงตาเรียวรีคู่นั้นลืมขึ้นเมื่อความเงียบคืบคลาน นัยน์ตาสีนิลมองไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียง แววตาซื่อใสของชายหนุ่มทอดมองเรือนร่างแบบบางภายใต้เสื้อยืดตัวโคร่งที่ทำให้ไหล่มนเกือบโผล่ออกมาจากคอเสื้อ ตรงลาดไหล่ตรีเพชรเห็นรอยจ้ำที่ตัวเองทำเครื่องหมายไว้ แววตาของชายหนุ่มทอดมองห่วงใย นัยน์ตาสีรัตติกาลคู่นั้นกำลังพูดกับคนที่นอนอยู่บนเตียง แม้รู้ดีว่าคำพูดจากสายตาของเขาไม่มีทางไปถึงเด็กน้อยคนนั้น

มือหนาของชายหนุ่มก่ายหน้าฝากก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา

‘คราวหน้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว’ ตรีเพชรคิดในใจ ‘ไม่อยากล่วงเกินให้นายต้องเสียหาย สัญญาจะควบคุมตัวเองให้ได้…’ 

คุณเพชรคิดถึงเรื่องที่ทำให้ตัวเองโดนเด็กน้อยลงโทษให้นอนเฝ้าเตียง กลิ่นพวงแก้มและเรือนกายของนาวายังคงติดจมูก มันเป็นกลิ่นหอมบางๆที่หวานคล้ายกลิ่นขนมเค้ก หากให้แจกแจงว่าเป็นกลิ่นแบบใดตรีเพชรก็คงจนปัญญาที่จะพรรณนา ทว่าความหอมหวานนั่นเองที่ทำให้เขาหยุดยั้งความต้องการของตัวเองไม่ได้

‘สองครั้งแล้วที่เกือบหยุดตัวเองไม่ได้ ถ้าฉันยั้งตัวเองไม่อยู่คนที่จะเสียใจคือฉันเองสินะ… ดู ดูสินั่น ขนาดนอนยังจะหันหน้ามาทางนี้อีก ไหล่นั่นก็ตั้งใจให้เห็นใช่ไหม เด็กอะไรทำตัวน่าตีชะมัด หัดระแวดระวัง หัดหวงเนื้อหวงตัวเสียมั่ง ฉันเป็นผู้ชายมีเลือดมีเนื้อนะ จะมานอนโชว์รอยจูบอยู่แบบนี้ไม่ได้นะ เฮ้อ….. ดื้อ พูดแล้วยังไม่ฟัง!’ ชายหนุ่มยังคงมองมาทางนาวา สายตาของเขาเอื้อนเอ่ยคำพูดที่เด็กน้อยไม่มีทางได้ยิน

‘ฉันไม่ปลื้มนักหรอกนะที่มัวแต่หนีงานหมั้นน่ะ แต่เพราะนายคนเดียวรู้ไหม…

ในหัวฉันมีแต่นายเต็มไปหมด…

เพราะคิดถึงแต่นายมากเกินไป

…ฉันเลยหมั้นกับใครไม่ได้’

ตรีเพชรถอนหายใจอีกครั้ง ร่างสูงยันตัวขึ้นนั่ง สายตาของเขายังคงทอดมองไปที่นาวาไม่มีเปลี่ยน แล้วน้ำเสียงอบอุ่นไพเราะของเขากระซิบออกมาเบาๆ

“เวลานายหลับก็น่ารักดีเหมือนกันนะ เพราะน่ารักแบบนี้ใช่ไหมฉันถึงมีแต่เรื่องของนายอยู่ในหัวตลอดเวลา…”

มือหนาของตรีเพชรเอื้อมไปเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้านาวาอย่างแผ่วเบา แล้วดึงผ้าห่มคลุมร่างแบบบางนั้นให้มิดชิด

“ขอโทษที่ล่วงเกิน ขอบใจที่ทำแผลให้” ตรีเพชรโน้มตัวไปหานาวาที่นอนอยู่บนเตียง จมูกคมสันของเขาจรดเส้นผมหอมอ่อนๆของนาวา ริมฝีปากอุ่นของตรีเพชรสัมผัสหน้าฝากนาวาอย่างแผ่วเบา

“…ฝันดีนะตัวยุ่ง”

ตรีเพชรทิ้งตัวลงนอน ห่มผ้า และหลับตา ชายหนุ่มคิดว่าคืนนี้เขาคงฝันดี ฝันเห็นผีเสื้อน้อยกระพือปีก

แล้วความเงียบก็โปรยตัวลงมาอีกครั้ง

ร่างบางลืมตาขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลทองทอดมองคนที่กำลังหลับพริ้มอยู่ข้างเตียง ท่ามกลางความเงียบยามค่ำคืนเสียงความคิดของร่างบางกำลังกู่ก้อง ทว่าคำพูดจากสายตาของนาวาก็ไม่สามารถส่งไปถึงตรีเพชรได้เช่นกัน…

ตลอดเวลานาวาไม่ได้หลับ

เด็กน้อยมองชายหนุ่มที่ระบายรอยยิ้มยามหลับฝัน รอยยิ้มอาบแสงจันทร์และสัมผัสของตรีเพชรกล่อมให้นาวาเข้าสู่ห้วงนิทราโดยพลัน

คืนนี้ทั้งสองฝันเห็นผีเสื้อสองตัวกระพือปีกบินล่องไปตามสายลม

We were flying in our dreams
Like butterflies beneath the moonbeam
Velvet wings of love spread widely
Like a song played, tuned in harmony

 

ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตน้ำเงินเข้มอัดคนตรงข้ามอย่างไม่ยั้งมือ

หมัดหนักๆของเขาทำให้เหยื่อคิ้วแตก ปากแตก ใบหน้าโชกเลือด และล้มกองอยู่กับพื้น ชายหนุ่มแกะกระดุมเสื้อสามเม็ดบน
อย่างรำคาญ  ทำให้เห็นแผงอกเต็มไปด้วยมัดกล้ามกระเพื่อมขึ้นลงอย่างคนเดือดดาลด้วยความโมโห มือหนาพับแขนเสื้อขึ้นอย่างวางท่า คิ้วคมเข้มของชายหนุ่มรับกับไรหนวดเขียว สายตาเยือกเย็นภายใต้คิ้วหนาที่ขมวดมุ่นคู่นั้น ยิ่งขับให้ชายคนนี้ดูดุดัน ใบหน้าฉลักเสลาคมสันของเขางดงามราวภาพเขียน แต่ชายหนุ่มรูปงามผู้นี้กลับน่ากลัวราวซาตานจากห้วงอเวจี เมื่อสายตาเยือกเย็นเหลือบเห็นเหยื่อพยายามลุกขึ้น ชายหนุ่มใช้เท้าถีบหน้าท้องจนผู้โชคร้ายคนนั้นล้มลงไปคลุกฝุ่นอีกครั้ง มิหนำซ้ำชายหนุ่มยังตามไปกระทืบจนอีกฝ่ายร้องครวญขอชีวิต

“พอก่อนเถอะครับคุณเติร์ก” ชายในสูทดำที่ยืนอยู่ด้านหลังร้องห้าม

“มึงไม่ต้องมาห้าม” นายเติร์กหันมาชี้หน้ามือขวาคนสนิท “เรื่องนี้มึงมีส่วนทำพลาด”

“เอ่อ..ผม” คนที่เป็นเหมือนมือขวาของชายหนุ่มมีท่าทีกระอักกระอ่วน

“แค่เด็กคนเดียวยังจัดการไม่ได้ ปล่อยให้คนอื่นมายุ่งจนเป็นเรื่อง”

“ต่อไปผมจะกำชับคนของเรา ถ่ายทอดคำสั่งจากผมโดยตรง”

“แล้วห้ามพวกแกทำงานพลาดอีก!” คำสั่งของชายหนุ่มกู่ก้องให้ลูกน้องได้ยินทั่วๆกัน…
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 11-04-2015 18:48:07
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 11-04-2015 19:03:24
ต่างคนต่างเริ่มรู้สึกดีๆให้กัน
ตอนหน้าจะมีอะไรน้อออออ
รอตอนต่อไปน้าาาาา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่เคย ที่ 11-04-2015 19:05:10
งื้อเงื่อนงำเยอะมากๆ ตามๆๆ :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 11-04-2015 19:13:21
รอติดตามด้วยใจลุ้นระทึกค่ะ 5555

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 11-04-2015 20:30:38
เริ่มซับซ้อนมีเงื่อนงำ :hao3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Lichtmonz ที่ 11-04-2015 20:43:25
โมเม้นต์นี้คือดีงามอร่ามตา มีความรู้สึกดีดีและรับรู้ทั้งคู่แบบนี้ ฮ๊อยยยยยยยยยส์  :o8:

หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 11-04-2015 20:48:00
 :mew2: หนูวาเป็นลูกมาเฟียที่พ่อแม่ตายแล้วเร๊อะ 5555555  :z13:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 11-04-2015 20:50:01
 :mew5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 11-04-2015 22:11:32
พี่เพชรน้องวาน่าร้ากกก :m3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 12-04-2015 01:21:45
ใครเป็นคนทำกันนายเติร์กเป็นใคร
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 12-04-2015 10:23:55
กำลังดุเดือดเบยย
 :a5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 12-04-2015 12:04:54
เติร์กคือใคร คนที่คุยกับนาวาในห้องน้ำ? มาต่อไวๆ นะค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 12-04-2015 18:34:13
 :hao6: น่ารักจังตอนนี้ คือเหมือนว่าพี่เพชรจะใส่ใจน้องวามากๆ

ส่วนนายเติร์ก... ทำไมรู้สึกว่าคนนี้เป็นตัวอันตรายล่ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-04-2015 00:17:40
กระซิบกันไป กระซิบกันมา น่ารักเชียว

ว่าแต่ใครที่มาปองร้ายเอาชีวิตของตัวยุ่งล่ะนี่
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 13-04-2015 23:01:17
เค้ากลับมาแล้วววววว
เพิ่งเห็นว่ามาอัพละ :a5:

อีพี่เพชรน่ารักอ่ะ :-[
เด็กน้อยนี่แสบใช่เล่นเลย

สรุปคือมีแค่อีพี่เพชรที่ไม่รู้อะไรสักอย่างสินะ :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 15-04-2015 02:52:30
ลุ้นระทึก เรื่องราวเป็นไงมาไงกันแน่เนี่ย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 15-04-2015 19:12:34
อยากรู้ๆๆๆๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 16-04-2015 14:01:12
2 คนนี้มันหวานมากเลยวุ้ยย
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 16-04-2015 22:58:10
ตัวร้ายมาแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: heroves ที่ 18-04-2015 04:00:36
ชอบอะ คำเดียวเลย ชอบบบบบบ
เริ่มอ่านตอนแรก นี้แหละที่ฉันตามหา มันละมุนมาก
ภาษาสวย เรียบเรียงคำได้ดีเยี่ยม
เป็นกำลังใจให้คนเขียนฮะ จะรอติดตามตอนต่อไปฮะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: By zellow boy ที่ 18-04-2015 15:15:37
สนุกมากกก มาต่อไวๆนร๊าาาา ชอบเรื่องนี้555 o13 :heaven :pig4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-04-2015 17:58:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 19-04-2015 15:57:08
เข้ามารอค่ะ  :katai1:

คิดถึงน้องนาวากับพี่เพชร

รีบมาต่อเร็วๆนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 19-04-2015 21:22:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 20-04-2015 08:33:50
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 24-04-2015 10:50:20
มาได้แล้วค่ะ writer
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 24-04-2015 13:20:47
ตัวเองก็หวานซ๊าาาาา
ตัวร้านก็ไม่น่าจะธรรมดาแล้วหละ....
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 1/3 (11/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 25-04-2015 01:34:17
ฮัลโหลๆ ยังอยู่กันไหมครับ :hao3:
คิดถึงผู้อ่านทุกคนมากๆ ห่างหายไปนานเพราะไปพักผ่อนมา กลับมาดูอีกทีก็มีคนมาทวงนิยายแล้วแหะๆ :mew1:

ขอบคุณทุกคนและทุกกำลังใจจริงๆนะครับ ไงก็เอาตอนต่อไปไปอ่านกันเลยนะ :L1:

ปล. ติชมเยอะๆนะครับ จะได้ปรับปรุงฝีมือ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 25-04-2015 01:38:28
 :katai5: ปูเสื่อรอเลยค่ะ :ling1: :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 25-04-2015 01:42:55
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
 :L2:
Chapter 6
มีคู่ตุนาหงัน (2/3)


เสียงนกร้องยามเช้าปลุกให้นาวาตื่นนอน

ดวงตาสีเฮเซลโทนน้ำตาลผสมทองของเด็กหนุ่มปรือขึ้นอย่างงัวเงีย ร่างบางพลิกตัวหนีแสงแดดที่ส่องเข้ามา นาวารู้สึกได้ว่าเรียวแขนของตัวเองวางทอดไปบนเรือนกายของชายหนุ่มคนหนึ่ง เมื่อตาปรับแสงชัดๆแล้ว พบว่าคนที่ตัวเองก่ายกอดอยู่นั้น
ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นไอ้ตี๋คู่ปรับของเขานั่นเอง

“หึ ทำเนียนแอบขึ้นมานอนบนเตียง หน้าด้านซะไม่มี” นาวาบ่นเบาๆเพราะไม่ต้องการรบกวนการนอนของอีกฝ่าย

เมื่อเห็นใบหน้าหลับผล็อยของตรีเพชร เด็กหนุ่มพาลคิดถึงเรื่องราวและน้ำคำที่อาบน้ำผึ้งของคนที่เขากำลังเพ่งมองเสี้ยวหน้าอยู่ในขณะนี้ ตรีเพชรแอบขึ้นมานอนร่วมเตียงในยามที่นาวาหลับสนิท ชายหนุ่มไม่ได้ล่วงเกินใดๆ เขาเพียงแต่เอนกายนอนใกล้ๆ ศีรษะทอดเอียงมาทางเด็กน้อยราวต้องการที่พักพิง

“งานหมั้นของวรจักรโสภณกับดรุณาทรทำไมนายถึงไม่ยอม…” นาวาพยุงตัวขึ้นพิงพนักเตียง ตายังคงเหลือบมองหนุ่มรูปงามที่กำลังหลับใหล

“ทำตัวมากเรื่องมากราว รู้หรือเปล่าว่าคู่หมั้นนายเป็นใคร” นาวาเหมือนบ่นกับตัวเอง “หึหึ ถ้ารู้ก็จะยิ่งไม่อยากหมั้นสินะ”

“…อือ” เสียงงัวเงียของตรีเพชรดังขึ้นราวกับต้องการจะบอกให้คนบางคนหยุดรบกวนการนอนของตน

“ไอ้ตี๋ขี้เซา นอนกินบ้านกินเมือง”

“อือ…” ตรีเพชรพลิกตัวตะแคงมาทางด้านนาวา แขนของชายหนุ่มกอดก่ายเอวบางของคนตัวเล็ก ใบหน้าซุกกับหน้าตักของคนที่
เพิ่งตื่น

“ไอ้ตี๋ ไปนอนดีๆสิ”

“…อีกแป๊บน่าอาม่า ผมง่วง”

“เฮ้อ ใครได้ไอ้นี่ไปซวยตาย” นาวาบ่นในความขี้เซาของชายหนุ่ม

“…” ตรีเพชรยังคงปิดตาหลับสนิท เสียงหายใจสม่ำเสมอ

“เป็นเสียอย่างนี้แล้วใครจะหมั้นกับนาย” นาวาพูดลอยๆ

“…ไม่เอา …ไม่หมั้น” เสียงตอบป้อแป้อย่างคนละเมอเรียกรอยยิ้มจากนาวาได้เป็นอย่างดี สงสัยจะฝังใจกับเรื่องหมั้นซะเหลือเกิน
นาวาคิด

“เรื่องอะไร ยังไงนายก็ต้องหมั้น” นาวาพูดขึ้นอย่างเอาแต่ใจ

“อ่าม่า ดื้อ…”

“นายต่างหากที่รั้นไม่ยอมฟังใคร ช่วยหมั้นสักครั้งไม่ได้หรือไง”

“..กับใคร”

“ฉันไง”

“ฉันไหน…”

“นาวา”

“อือ”

“ตกลง?”

“…” ตรีเพชรเงียบ ยังคงหลับนิ่งอยู่บนตักของนาวา

“ไอ้ตี๋หมั้นกันเถอะ”

“…โอเค นอนต่อนะ กวน” แล้วตรีเพชรก็หลับไปนาวาจะเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น

นาวาได้แต่ทอดถอนใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น งานหมั้นครั้งนี้ใช่ว่าตรีเพชรจะโดนบังคับเพียงฝ่ายเดียวซะเมื่อไหร่ แต่บางเรื่องคนเราต้องกล้ำกลืนฝืนทนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ปรารถนาไม่ใช่หรือไร การคลุมถุงชน การบังคับให้คนสองคนร่วมใช้ชีวิตด้วยกัน สองคำนี้ฟังดูกล้ำกลืนพิกล แต่นั่นคือสิ่งที่ทั้งสองจำเป็นต้องทำ นาจึงทำได้เพียงภาวนา อธิษฐานให้เรื่องราวผ่านพ้นไปได้โดยพลัน…

Some pray to marry the man they love,
My prayer will somewhat vary;
I humbly pray to Heaven above
That I love the man I marry.
                                       Rose Pastor Stokes (1879–1933)

บางคนตั้งจิตอธิษฐาน
ให้แต่งงานกับคนตนรักใคร่
แต่คำขอของฉันนั้นต่างไป
ฉันขอให้รักคนตนแต่งงาน
 


เวลาเลยเข้าสู่ยามสายของวัน

เสียงนกร้องเงียบหายไปพร้อมกับมีเสียงรถราเข้ามาแทนที่ เสียงแตรของรถคันหนึ่งปลุกให้ตรีเพชรตื่นจากหลับใหล ชายหนุ่มปรือตาตื่นแขนกำยำของเขากวาดไปบนเตียงนุ่มเพื่อควานหาเด็กน้อยบางคน แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า เตียงบริเวณที่เคยมีใครอีกนอนนอนอยู่เย็นเฉียบดูท่าอีกฝ่ายจะลุกไปนานแล้ว

ชายหนุ่มลุกขึ้นบิดขี้เกียจ รู้สึกปวดเมื่อยช่วงหลังเป็นพิเศษเพราะเมื่อคืนโดนเนรเทศให้มานอนเฝ้าเตียงอยู่ตั้งนานสองนาน รอจนเจ้าคนใจร้ายหลับสนิทนั่นแหละชายหนุ่มจึงปีนกลับขึ้นเตียงอย่างเงียบเชียบ เขาไม่เคยนอนกับพื้นขนาดนั้น ตรีเพชรจึงรู้สึกปวดหลังจนทนไม่ไหว แอบขึ้นเตียงมานอนอิงแอบข้างเด็กหนุ่มปากร้ายคนนั้น

เมื่อคืนโชคดีที่ได้ผ้าห่มจากนาวา ไม่เช่นนั้นเช้านี้ตรีเพชรคงตื่นมาพร้อมพิษไข้ แอร์ที่เปิดในห้องค่อนข้างหนาวแถมเจ้าตัวก็ไม่ได้สวมเสื้อเสียอีก ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงกางเกงบ๊อกเซอร์ใส่นอนเท่านั้น พอขึ้นเตียงมาได้ก็ค่อยดีหน่อย ไออุ่นจากร่างกายคนข้างๆถึงไม่ได้กอดแต่ก็ยาใจ พอคลายหนาวไปได้บ้าง

ตรีเพชรลุกจากเตียง ชายหนุ่มสำรวจห้องของนาวาโดยละเอียดทำให้เขารู้ได้ว่าเด็กคนนี้ชอบอ่านหนังสือ ไม่ใช่ตำราอะไรหรอกหากแต่เป็นหนังสือวรรณกรรม นวนิยาย หรือบทละครเสียส่วนใหญ่ ชายหนุ่มสอดส่ายสายตามองหาเจ้าของห้อง ในห้องน้ำ หรือริมระเบียงก็ไม่มี ในห้องยิ่งแล้วใหญ่ไร้วี่แววของเด็กหนุ่มตัวน้อย หรือเขาโดนทิ้งให้อยู่ในห้องคนเดียวเสียแล้วกระมัง ขณะที่ตรีเพชรกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างไปล้างหน้าล้างตา ประตูห้องก็เปิดขึ้น นาวาเดินเข้าห้องมาพร้อมถุงพลาสติกในมือ

“นึกว่าหายไปไหน หาตั้งนาน” ตรีเพชรทัก

“ไอ้ตี๋ หาเสื้อผ้ามาใส่เหอะ อุจาดตา” มิวายตรีเพชรโดนดุ

“อุจาดตรงไหน ผู้ชายเหมือนกันอายทำไม”

“ฉันไม่ได้อาย คนที่ควรอายน่ะนายต่างหาก อีกอย่างเรื่องความอายไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือไม่อยากเห็นให้รำคาญสายตา” นา
ร่ายยาว

“โถ่ เห็นมากกว่านี้ก็เคยมาแล้วเหอะ ทำเป็นมาพูดมาก” ตรีเพชรเหว ก็ทั้งเมื่อคืน ทั้งตอนที่เด็กนี่ดึงผ้าขนหนูที่เขาใส่หลุดติดมือ
เห็นกันหมดขนาดนี้ยังจะมาทำบ่นอีก

นาวาหน้าแดงราวลูกตำลึง “ไอ้ทะลึ่ง”

“หึหึ แกล้งคนสนุกจังเลย”

“แกล้งนักไม่ต้องกินมันละข้าวต้มเนี่ย”

“ห๊ะ ไปซื้อข้าวมาเหรอ หิวพอดีเลย กินๆ” ตรีเพชรเดินไปเกาะแขนนาวา

“สกปรก จะกินน่ะล้างหน้าล้างตาแล้ว?”

“ยัง”

“เอานี่” นาวายื่นแปรงสีฟันที่เพิ่งซื้อให้ตรีเพชร

“หึหึ” ตรีเพชรหัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มแอบดีใจที่นาวาซื้อแปรงสีฟันมาให้ หากเขาไม่ได้คิดมากไปดูท่าเด็กน้อยคนนี้ก็ใส่ใจเขา
บ้างเหมือนกัน

“หัวเราะอะไร ไปเลยไป ใส่เสื้อผ้าซะด้วย อ่ออาบน้ำเลยยิ่งดี”

“ครับๆ ไปแล้วครับ” ตรีเพชรยกมือท่ายอมแพ้ ชายหนุ่มวาดรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดเมื่อวานเสร็จ ตรีเพชรก็เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กถูกกางขึ้นกลางห้อง บนโต๊ะมีถ้วยใส่ข้าวต้มกุ้งหอมฉุยสองถ้วยเรียกความอยากอาหารของชายหนุ่มให้พุ่งพรวด เขานั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามกับนาวา เด็กหนุ่มไม่
สนใจเขา แต่สายตาของนาวากลับจับจ้องไปที่โทรทัศน์เครื่องเล็กที่กำลังรายงานข่าวเช้าโดยผู้ประกาศชื่อดัง

“ข่าวเปลี่ยนประธานของดรุณกรุ๊ป” ตรีเพชรเอ่ยขึ้น “นายสนใจเรื่องแบบนี้เหมือนกันเหรอ”

“ไม่ได้สนใจอะไรมาก แค่อยากรู้ว่าใครขึ้นมาเป็นประธารคนใหม่”

“ก็นะ หลังจากคุณหญิงรำไพจากไปก็มีแต่คนอยากขึ้นเป็นประธารกันทั้งนั้น” ตรีเพชรว่า พลางสนใจของกินตรงหน้า

“นายรู้ได้ไง” นาวาถาม

“ก็รู้บ้าง เพราะคุณหญิงถือหุ้นอยู่ในห้างของอาม่าอยู่บ้างเลยต้องสนใจว่าหุ้นตัวนี่ท่านจะยกให้ใคร”

“นายว่าใครจะเป็นประธารคนต่อไป” นาวาหันมาสนใจตรีเพชรที่กำลังตักกุ้งเข้าปาก

“ก็ไม่รู้สิ คงจะเป็นคนที่มีหุ้นเยอะสุดในบริษัทมั้ง”

“ไม่หรอก คนที่ถือหุ้นของดรุณาธรมีแต่เครือญาติกิจการของตระกูลจึงควบคุมง่าย แต่ละคนก็มีหุ้นคนละเท่าๆกันทั้งนั้น ที่มาก
ที่สุดก็คงจะเป็นคุณหญิงนั่นแหละที่ถือหุ้นอยู่เกินครึ่ง คนอื่นก็ประปราย”

“นายรู้ได้ไง” ตรีเพชรสงสัย

“ก็… ฉันพออ่านมาบ้างจากหนังสือพิมพ์”

“หนังสือพิมพ์บอกละเอียดขนาดนั้นเชียว?” ตรีเพชรไม่ปักใจเชื่อ

“เถอะน่า กินๆไปเหอะอย่ามัวถามฉันเลยข้าวต้มชืดหมดแล้ว”

ตรีเพชรเห็นแก่ความอร่อยของอาหารเช้าเลยยอมกินอย่างไม่ปริปาก นั่งกินไปสักพักทั้งห้องที่มีเพียงเสียงรายงานข่าวจากโทรทัศน์กลับมีเสียงแหลมเล็กของโทรศัพท์มือถือราคาถูกดังขึ้น จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากของชายหนุ่มรูปงามนามว่าตรีเพชร

“ครับ”ชายหนุ่มกดรับสาย

“อาม่า เรื่องเมื่อวานผมยังเคืองไม่หาย อาม่าส่งคนมาตามผม ไอ้พวกนั้นเล่นแรงไป” ตรีเพชรพูดกับปลายสาย ความหงุดหงิด
เจือในน้ำเสียงเพราะคิดถึงเรื่องที่นาวาเกือบบาดเจ็บเมื่อวานแล้วชายหนุ่มเริ่มที่จะพื้นเสีย

“ไม่ได้ทำ? งั้นใครทำครับผมจะไปลากคอมัน” ตรีเพชรยังคงพูดต่อ

“ไม่เอา อาม่าผมพูดจริงๆยังไงก็ไม่หมั้น” ตรีเพชรถอนหายใจยืดยาว “นั่นแหละ ไม่ดูตัว ไม่อยากรู้จักอะไรทั้งนั้น ต่อให้เป็นใคร
ผมก็ไม่สน”

“ผมอยู่ในที่ที่อาม่าจะหาไม่เจอแน่” ชายหนุ่มพูด “ไม่เอา ต่อให้วันนี้วันไหนผมก็ไม่ไปทั้งนั้น แค่นี้นะครับผมรักอาม่านะ สวัสดี
ครับ” ชายหนุ่มตัดบท เขาวางมือถือเสียงดัง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแสดงความยุ่งยากหนักใจของเจ้าของ คุณชายกอดอกอย่าง
ไม่สบอารมณ์ ตรีเพชรกำลังไม่พอใจ

“หึหึ” นาวาหัวเราะเบาๆเรียกความสนใจจากตรีเพชรจนทำให้เขาต้องยกคิ้วถามว่านาวาหัวเราะอะไร

“อย่างกับเด็กๆ งอนตุ๊บป่อง” นาวาแจง

“งอนตุ๊บป่อง?” ตรีเพชรชี้หน้าตัวเอง

“เออสิ หึหึ แก้มแดงป่องจะปริแล้ว” นาวาว่า

“อย่ามากวน คนยิ่งอารมณ์ไม่ดี” หากใครได้รับรู้ว่าคุณชายคนนี้ขี้โมโหและเอาแต่ใจมากแค่ไหนแล้ว ยามเมื่อได้รู้ฤทธิ์ของตรีเพชรเมื่อไม่สบอารมณ์ก็จะไม่กล้ายุ่งวุ่นวายกับชายหนุ่มอีกเลย ต้องรอให้เขาเย็นลงเองนั่นแหละ ถึงจะกลับมาเป็นหนุ่มเจ้าสำราญเช่นเดิมได้ แต่นาวาก็ไม่ใช่คนของวรจักรโสภณ ไม่ใส่สาวใช้ที่จะคอยเกรงกลัวฤทธิ์เดชของชายหนุ่ม

“ก็ลองเหวี่ยงใส่ฉันดูเถอะ พาลใส่ฉันดูแล้วจะรู้ว่าใครจะแน่กว่ากัน” นาวาเตือน จ้องเขม็งให้ชายหนุ่มรับรู้ว่าเขาเอาจริง นาวาไม่ชอบให้ใครพาลใส่เขา เพราะเขาไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ใครต่อใคร

“อะ เออน่า ยังไม่เหวใส่สักหน่อย” ตรีเพชรเองก็ออกจะเกรงๆสายตาดุดันของนาวาอยู่พอควร ไม่ได้กลัวหรอกชายหนุ่มเถียงใน
ใจ แค่เกรงใจเท่านั้น

“เฮ้อ….” นาวาถอนหายใจยาว “จะไม่ยอมหมั้นจริงเหรอ”

“จริงสิ” ตรีเพชรตอบ

“ไม่ว่ากับใคร?” นาวาถาม

ตรีเพชรเงียบอยู่ครู่หนึ่ง “… คงงั้น”

“หึหึ” นาวาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “กินเสร็จแล้วใช่ไหม ออกไปข้างนอกกันเถอะ วันนี้ฉันมีธุระ”

“อ้าว นึกว่าจะอยู่ห้อง ไปไหนล่ะ”

“เดี๋ยวก็รู้”

“ฉันต้องไปด้วย?” ตรีเพชรถาม เพราะเขาไม่อยากออกไปไหนอีก กลัวจะเจอคนของอาม่า เดี๋ยวโดนจับกลับบ้านยัดเข้าเรือนหอ
รอหมั้นละยุ่งเลย

“ฉันไม่ปล่อยให้นายอยู่ห้องฉันคนเดียวหรอก ใครจะปล่อยให้คนอื่นอยู่ห้องตัวเองตามลำพังกัน”

“โถ่ ไม่ไว้ใจกันนี่หว่า” ตรีเพชรกระซิบกับตัวเองเบาๆ

“ได้ยินเหอะ” นาวาหันมาบอก


แดดกลางวันนั้นร้อนแสบผิว ทั้งๆที่ย่างเข้าหน้าฝนแล้วแต่สายฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะโปรยปราย เห็นเพียงแดดที่ส่องหัวเปรี้ยงอยู่ทุกวี่วัน ตรีเพชรเดินตามเด็กหนุ่มต้อยๆภายใต้ไอแดดของยามเที่ยง ทั้งสองมายืนรอรถแท็กซี่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้ข้างทาง แท็กซี่คันหนึ่งจอดเมื่อนาวายกมือเรียก

“ไปถนนวิทยุครับ” นาวาบอกคนขับ ก่อนที่เขาจะเชื้อเชิญทั้งสองเข้าไปนั่งเบาะหลังของรถ

“ไปทำอะไรแถวนั้น” ตรีเพชรถามเด็กหนุ่มร่างบางเมื่อรถออกตัว

“พานายไปหาคู่หมั้น” นาวายักคิ้วให้กับชายหนุ่มอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า

“ห๊ะ พูดจริง?”

“หึหึ” นาวากระตุกรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางตกใจของตรีเพชร แล้วรอยยิ้มนั่นก็จางหายไปในทันทีเมื่อเด็กน้อยพูดออกมา
อย่างเลื่อนลอย “กลับบ้านน่ะ” บ้าน… น้ำคำที่เจือความเงียบเหงาอยู่ในที

“เฮ้อ อย่าแกล้งให้ตกใจเล่นสิ” ตรีเพชรถอนหายใจโล่ง นั่นสินะ นาวาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเขาต้องหมั้นกับใคร

“ตี๋ เอ่อ… เพชร” นาวาเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ แต่คำเรียกชื่อทำเอาชายหนุ่มใจสั่นไม่เป็นจังหวะ

“ครับ…” ชายหนุ่มขานรับอย่างเผอเรอ

“ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ ของวาเบตหมด” รอยเหยียดยิ้มเล็กน้อยของนาวาช่างน่าดู ชายหนุ่มทำได้เพียงยื่นโทรศัพท์ให้เด็กน้อยแต่โดยดี แล้วนาวาก็รับโทรศัพท์ของเขาไป มือบางกดสองสามครั้งแล้วยกหูขึ้นโทร

“สวัสดีครับ นาวาพูดครับ” นาวาคุยกับปลายสาย “ผมกำลังจะกลับบ้านครับ”

“ก็มาด้วยครับ” นาวาพูดกรอกไปอย่างสุภาพ “เจอกันนะครับ สวัสดีครับ” วางสายเสร็จนาวาก็ส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของ

ตรีเพชรสังเกตนาวาเป็นคนพูดน้อย ท่าจะคุยกับที่บ้านพูดเรียบร้อยเชีย ออมปากออมคำ ส่วนกับเขาน่ะมีแต่ภาษาที่ไม่น่ารับประทานทั้งนั้น

รถขับมาเรื่อยๆพร้อมกับเสียงบอกทางของนาวาดังขึ้นเป็นระยะ จนท้ายที่สุดรถแม็กซี่โดยสารก็มาจอดอยู่หน้ารั้วเหล็กสีทองใหญ่โต มองไปผ่านรั้วไปไม่เห็นตัวบ้านแต่ประการใด เท่าที่ตรีเพชรเห็นมีเพียงไม้ใหญ่ที่ปลูกขึ้นเชียวครึ้มหลังรั้วสีทองนั่น แท็กซี่บีบแตรให้คนในป้อมยามหน้ารั้วเปิดประตู

“นายมาผิดที่หรือเปล่า” ตรีเพชรถามขึ้นด้วยความแปลกใจ

“ไม่หรอก” นาวาตอบแทบไม่มองหน้าเขา เด็กหนุ่มลดกระจกลงให้ยามที่อยู่ในชุดสีดำเข้มได้เห็น เมื่อชายมีอายุคนนั้นเห็นเด็ก
หนุ่มเขาแทบถลาตัวเปิดประตูรั้วแทบไม่ทัน ตรีเพชรได้แต่สับสน แท็กซี่โดยสารขับผ่านรั้วทองที่มีป้ายเล็กๆตัวอักษรชดช้อยสีทองอร่ามบนพื้นหลังสีน้ำเงินเข้มเขียนว่า ดรุณาทร

ตัวบ้านหลังใหญ่มีเทอเรสแบบกรีกอยู่ด้านหน้าแอบอยู่หลังสวนสวยที่กว้างขวางกว่าจะเข้าถึงตัวบ้าน จึงไม่น่าแปลกที่คนจาก
ภายนอกจะมองไม่เห็นบ้านหลังงามอันเป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์
นาวาจ่ายเงินค่าโดยสารก่อนที่ทั้งสองจะลงจากรถ แท็กซี่ขับออกไปแล้ว แต่ความสับสนงุนงงของตรีเพชรยังไม่จากไปไหน

“นายมาที่นี่ทำไม บ้านใคร?” ตรีเพชรถามเพราะความอยากรู้

“บ้าน…” นาวาสูดอากาศเย็นๆที่พัดมากับร่มไม้เข้าปอดราวกับคิดถึง “…ของคู่หมั้นนายไง”

“ไม่ตลกนะเตี้ย”

“แล้วใครว่าฉันล้อเล่นล่ะ” นาวายืนยันหนักแน่น

  :z6::a5: :a5: :a5: :z6:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 25-04-2015 04:47:42
อ้ากกกกกก มาแค่นี้มันค้างนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 25-04-2015 06:59:00
เงิบเลยเพชรโดนคู่หมั่นหลอกพามาบ้านแล้ว ทีงี้ทำมาเป็นไม่เข้าใจนะ รอตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 25-04-2015 08:55:28
โอ้ยยย ชอบบๆๆๆๆๆ

นางเริ่มมุ้งมิ้งกันแล้วอะ :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 25-04-2015 11:14:56
รอ  :katai5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 25-04-2015 11:37:26
ค้าง :ling1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-04-2015 11:41:12
รอลุ้นต่อไปค่ะว่าตรีเพชรจะอึ้งขนาดไหน
5555

ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Rambluesky ที่ 25-04-2015 14:45:13
 :a5:

โดนตัดฉับ  :z6:

รอติดตามต่อนะครับ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 25-04-2015 16:30:22
ถ้ารู้ว่านาวาเป็นคู่หมั้นตัวเองคงได้อึ้งกว่านี้
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 25-04-2015 19:28:46
โดนหลอกละตี๋ อิอิอิอิอิอิอิ
โดนคู่หมั้นหลอกมาบ้านงี้ มีอึ้งแน่ๆ 55555555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 25-04-2015 23:10:36
ค้างอะค้างง

ไอ้ตี๋รู้คงหงายแน่เลย555555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 26-04-2015 00:19:49
 :ling1: ค้างนะคะๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 26-04-2015 01:50:36
งานนี้มีเฮ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 26-04-2015 13:01:45
ค้างมาก และลุ้นมาก :hao7:

ตัดฉับเลยนะคะ แต่น่ารักดีค่ะตอนาวาขอเพชรหมั้นโอ๊ยฮา จะหลับท่าเดียว :ling1:
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 26-04-2015 14:51:30
ค้างงงงง เอาอีกๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 26-04-2015 15:17:43
 :hao5:  อยากอ่านต่อ    :hao5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: waiman ที่ 26-04-2015 16:04:53
ค้างงงง มาต่อเร็วๆๆๆๆน๊า  รออ่านจ้า :pig4: :impress2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: popje ที่ 26-04-2015 20:32:49
ค้างงงงง รออยู่จ้า
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 26-04-2015 22:16:19
 :impress2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 26-04-2015 23:00:19
อ๊ากกกกก. รอตอนต่อไปรัวๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 27-04-2015 11:27:59
 :pig4: ค้างอ่ะ วันนี้จะมาต่อไหมเอ่ย?
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 27-04-2015 13:11:25
ค้างงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 27-04-2015 13:34:10
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: อยากอ่านต่อแล้ววว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 28-04-2015 21:52:53
อยากอ่านต่อ  :z10: :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: mori406 ที่ 28-04-2015 23:45:50
 :katai1: :katai1: :katai1:

 อย่าลืมมาต่อนะคะ คนอ่านรออยู่ 

 :ling1: :ling1:


 :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ThePPJ ที่ 29-04-2015 01:10:06
อร๊ากกกก ค้างหนักมาก
มาต่อเร็วนะ มีคนรออยู่เน้อ :ling1: :z3:
 :ling3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Tinton ที่ 30-04-2015 00:25:47
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: gwaiplay ที่ 30-04-2015 00:38:09
ต่อด่วน จะลงแดงตายละจ้า เสพติดเรื่องนี้หนักมาก :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 30-04-2015 22:14:31
ตามมาอ่านนน วาน่ารักอ้ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 05-05-2015 07:00:28
 :z3: รีบมาต่อได้นะคะ ค้างเหลืออด อยากรู้เรื่อวราวต่อไปแล้วนะ :ling1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 2/3 (25/4/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 07-05-2015 04:36:11
:กอด1: :กอด1:

คิดถึงผู้อ่านทุกคนเลย
แวะมาเสริฟตอนต่อไปจ้า

 :mew3: :mew1: :mew3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: waiman ที่ 07-05-2015 05:36:22
ค้างงงงงงงงง :katai1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 07-05-2015 07:56:16
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
 :L2:
Chapter 6
มีคู่ตุนาหงัน (3/3)

“อ้าวตื่นเต้นอยู่ทำไม ตามมาสิ เดี๋ยวคู่หมั้นนายรอนาน” เสียงนาวาเรียกผมให้เดินตามไป เด็กคนนั้นยืนอยู่บนขั้นบันไดหินอ่อนที่ทอดตัวสู่ประตูบ้าน รอยยิ้มเล็กๆของเขาทอดมาที่ผม แม้เด็กคนนี้จะดึงดูดสายตาเวลายิ้มแต่รอยยิ้มแบบนี้กลับทำผมใจแป้ว เขาก็น่าจะรู้ว่าผมไม่อยากหมั้น ใจผมสั่นแปลกๆจับจังหวะได้ว่าเป็นท่วงทำนองกล้าๆกลัวๆ นาวาจะพูดจริงหรือพูดเล่นก็สุดจะรู้

“อย่ามาอำกันเล่นนะเตี้ย ไม่สนุกด้วยนะ” ผมตอบเขา ทำท่าจะหันหลังเดินกลับไปที่รั้วบ้าน แต่มือนุ่มของเด็กหนุ่มตรงหน้าคว้าแขนผมไว้เสียก่อน นาวาจูง ไม่สิ นาวาฉุดข้อมือผมแล้วลากเข้าบ้านไป ผมแอบได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของไอ้เด็กแสบ ยิ่งทำให้ผมสังหรณ์แปลกๆว่าจะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างรอผมอยู่แน่ๆ

เมื่อเดินผ่านประตูไม้ประดับแก้วสลักลายเถาวัลย์ชดช้อย พวกเราก็พบกับคนในบ้านที่มายืนต้อนรับ ผมประหลาดใจไม่น้อยเมื่อบรรดาสาวใช้และบอดีการ์ดที่ยืนต้อนรับขนาบอยู่ทั้งสองข้างโค้งให้กับเด็กแว่นที่เดินนำผมอยู่

“คุณหนู…” เสียงสั่นเครือของหญิงวัยห้าสิบดึงดูดความสนใจของผม “นานเท่าไหร่แล้วคะ นานเหลือเกิน อิฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณหนูเสียแล้ว…”

“ตอนนี้ตวงก็เจอฉันแล้วนะ” นาวายิ้มให้กับหญิงคนนั้น

“น้อยๆหน่อยเถอะ พวกแกเลี้ยงเสียข้าวสุก ทีฉันกลับบ้านไม่เคยออกมาคอยท่ากันอย่างนี้” เสียงหนึ่งโวยวายมาจากด้านหลัง เห็นเป็นหญิงวัยสี่สิบต้นๆที่ยังสาวไม่สร่าง น้ำเสียงทรงอำนาจของเธอทำเอาคนใช้ที่ยืนขวางอยู่ถึงกับรีบหลบให้พ้นรัศมีความกราดเกรี้ยว

“คุณวิ” นาวาเอ่ยเสียงเรียบ ใบหน้าเฉยเมย ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศมาคุระหว่างสองคนนี้

“กลับมาคราวนี้หวังว่าคงอยู่ไม่นาน” คุณวิเชิดหน้าใส่เจ้าแว่น

“อ้าวนึกว่าใคร” เสียงสดใสของเด็กหนุ่มร่างโปร่งเดินลงมาจากบันไดเรียกให้ทุกคนหันไปมอง “My stepbrother has
eventually returned home. Welcome back.”

เด็กหนุ่มหน้าหวานคนนั้นเดินมาเกาะแขนคุณวิและหันไปพูดกับเธอ

“วันก่อนกรเจอพี่วาที่ห้างด้วยแหละคุณแม่ กรบอกข่าวเรื่องคุณย่า ดูสิ พอรู้ว่าคุณย่าเสียก็รีบแจ้นเสนอหน้ามารับมรดกทันที จะได้สักสลึงหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“กร” เสียงดุของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น คล้ายต้องการปรามให้กรหยุดถากถางเจ้าแว่น

ชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตกรมท่า ใบหน้าคมเข้มรับกับไรหนวดเขียวหันมาสนใจนาวา

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับน้องวา” ให้ตายเถอะ ผมรู้สึกไม่ชอบหน้าไอ้หมอนี่ขึ้นมาตงิดๆ ไม่รู้เพราะอะไร

“คุณศิวา ไม่เจอกันนานนะครับ” นาวาพูดกับไอ้หน้าหนวดนั่น

“ศิวาอะไรกัน เรียกพี่เติร์กเหมือนเดิมเถอะ”

“พี่เติร์กจะยืนอยู่อีกนานไหม คุณทนายรอนานแล้ว” กรโวยวายกับนายศิวา

“เข้าไปห้องมุกกันเถอะ” ไอ้หนวดชักชวนนาวา

เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกไม่มีตัวตน รู้สึกงงเหมือนเริ่มดูหนังตรงกลางเรื่อง ผมไม่มีโอกาสได้ถามไถ่อะไร ไม่มีแม้แต่โอกาสทักท้วงใดๆ มือเล็กๆของนาวาดึงผมไว้ให้เดินแนบข้าง แต่สิ่งที่แปลกไปคือแรงบีบรัดของมือน้อยข้างนั้น เหมือนเด็กหลงทางที่ต้องการที่พึ่ง ผมอาจรู้สึกไปเอง แต่ผมกลับคิดว่าแรงที่จิกลงมาเป็นการจับฉวยหาที่ยึดเหนี่ยว ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยที่เผชิญคำถากถางพวกนั้น ผมว่าเด็กคนนี้กำลังหวาดไหว


ห้องมุก ประดับประดาไปด้วยมุกสมชื่อ ตั่งมุกใหญ่ลายดอกไม้สลักชดช้อยงามงดขนาดนั้นน่าจะเป็นของโบราณเพราะสมัยนี้ชาช่างฝีมือดีงานละเอียดแบบนี้ได้ยาก ข้างตั่งจีนขนาดใหญ่มีโต๊ะไม้สลักวางเครื่องสังคโลกเส้นสายสวยงามสีสดบาดตา เดินผ่านฉากมุกไม้พยุงเข้าไปพบว่ามีคนรอยู่ในห้องอยู่แล้ว ชายหนุ่มคนหนึ่งผมพอจะทราบว่าเป็นทนายชื่อดังกำลังนั่งง่วนอยู่กับกองเอกสาร แต่สองคนที่นั่งถัดจากคุณทนายคนนั้นเป็นสองคนที่ทำผมประหลาดใจที่สุด

“อาม่า เจ้” ผมอุทานอย่างตกใจ นี่ถือเป็นประโยคแรกของผมตั้งแต่ที่เข้าบ้านดรุณาทรก็ว่าได้

“สวัสดีค่ะคุณหญิง” คุณวิยกมือไหว้อาม่า “คุณพลอยลดายินดีต้อนรับนะคะ” แล้วเธอก็หันไปทักทายเจ้ผม

“รบกวนคุณหญิงแย่เลยนะคะ ต้องมานั่งฟังการเปิดพินัยกรรม” คุณวิยังคงว่าพูดไปเรื่อย

“ไม่รบกวนอะไรหรอก รำไพกับฉันเป็นเพื่อนกันมานานไหว้วานเรื่องแค่นี้ฉันไม่ขัดข้องอะไร” อาม่าตอบคุณวิ

ทุกคนนั่งจับจองเก้าอี้ของตัวเอง ผมนั่งลงข้างนาวา เด็กแว่นนั่งตรงข้ามกับอาม่า

วินาทีนั้นผมรู้สึกได้ว่าตัวเองเหงื่อตก

ก่อนหน้านี้นาวาบอกผมว่าจะพามาบ้านคู่หมั้น แล้วผมก็จับพลัดจับผลูมานั่งอยู่ในห้องมุกของบ้านดรุณาทรตระกูล
อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับต้นๆของประเทศ ผมสอดส่ายมองหาคนที่พอจะเป็นคู่หมั้นผมได้ คุณวินั่นเหรอ เห็นที่จะแก่เกินไปแถมมีลูกแล้วด้วยจะหมั้นกันไปได้ยังไง หากคู่หมั้นผมอยู่ที่นี่จริงๆอย่างที่นาวาว่าคงไม่แคล้วเป็นหนุ่มร่างโปร่งคนนั้น หรือไม่ก็ไอ้หนวด ไม่ๆๆๆ สมองผมกำลังสับสน งุนงงไปหมดแล้ว ให้ตายยังไงผมก็ไม่หมั้นกับคนบ้านนี้เด็ดขาด

“สวัสดีครับคุณหญิงผกา” นาวาไหว้อาม่า

“ได้เจอกันเสียทีนะ รำไพพูดถึงหนูให้ฉันฟังบ่อยๆ” อาม่ายิ้มเอ็นดู ไม่บ่อยนักที่ผมจะเห็นอาม่ายิ้มแก้มแทบปริแบบนี้

“คุณย่า… พูดถึงผมเหรอครับ” นาวาถาม

“จ่ะ รำไพคงคิดถึงหนูมาก” ผมว่าคำพูดของอาม่าทำเด็กแว่นของผมหน้าสลดไปหน่อย อาม่าถอนหายใจยาว “เราไม่พูดเรื่อง
เศร้าๆดีกว่า เป็นไงจ๊ะหนูวา ตาเพชรแกล้งอะไรบ้างหรือเปล่า” 

“ห๊ะ” ผมได้ยินเสียงตัวเองพุดอีกครั้ง “ผมจะไปแกล้งอะไรเล่าอาม่า ไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย” ผมแก้ตัวไปทำไมไม่รู้ ร้อนตัว
เรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่อยากจะบอกให้อาม่ารู้ว่าผมไม่ได้ทำอะไรไอ้เตี้ยเท่านั้นเอง

“นี่คือ…”คุณวิแทรกถาม เธอหันหน้ามองผมอย่างสงสัย

“ตรีเพชร น้องชายพลอยเองค่ะคุณวิ” เจ้ตอบคุณวิ

“อ๋อ ถึงว่าทำไมคุ้นๆ เห็นออกงานกับคุณหญิงสองสามครั้ง”

ผมยิ้มเป็นมิตรไปให้เธอ แต่เกือบหุบยิ้มไม่ทันเมื่อเห็นสายตาเย็บเยือกของไอ้เตี้ยที่ส่งมาทางผมเป็นนัยว่าให้หยุดยิ้มซะไม่งั้นผม
จะโดนมันตบกระบานภายในไม่กี่อึดใจ หยุดก็ได้วะ ไม่กลัวหรอก แค่เกรงใจเท่านั้น

“นี่วรากรค่ะลูกชายคนเล็ก” คุณวิแนะนำเด็กหนุ่มร่างโปร่งหน้าตาเกลี้ยงเกลาคนนั้นให้ทุกคนรู้จัก “แล้วนี่ศิวา ลูกชายคนโตค่ะ”

“ผมพอมีโอกาสได้ร่วมงานกับทางวรจักรกรุ๊ปอยู่บ้าง คนของคุณหญิงมีฝีมือเครือตัวเลยนะครับ” นายเติร์กอะไรนั่นคุยกับอาม่า
อย่างกับเป็นนักธุรกิจใหญ่โต ก็แค่หนึ่งกรรมการบริหาร ข่าวว่าเป็นหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง คาดว่าจะเป็นนักบริหารที่ดีในอนาคต
หลายคนเล็งว่านายคนนี้จะขึ้นมาเป็นประธารบริษัทแทนคุณหญิงรำไพที่เพิ่งเสียชีวิตไป ไม่เท่าไหร่หรอก ไอ้หนวดวางท่าคนนี้
ผมเทพกว่าเห็นๆ ผมคิดเช่นนั้น

“ศิวาก็ชมเกินไป” อาม่าว่า “รำไพบอกฉันว่าเพราะได้เธองานในบริษัทจึงไม่ขัดข้องนัก”

ไอ้หนวดยิ้มเล็กน้อยให้คุณอาม่า แล้วหันมาสนใจเจ้าแว่นที่นั่งข้างผม “แล้วน้องวาล่ะ ไม่เจอกันนาน สบายดีนะครับ”

“ครับ” นาวาตอบเฉยเมย “ขอบคุณที่เป็นห่วง”

คุณวิกระแอมเรียกความสนใจ “ดิฉันว่าเราเริ่มกันเลยดีไหมคะคุณทนาย”

ทนายหนุ่มกระชับเนคไทเล็กน้อย ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสุขุม

“ครับ ในเมื่อทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพินัยกรรมของคุณหญิงรำไพมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ผมขอเปิดพินัยกรรมของ
คุณหญิงท่านเลยนะครับ”

บรรยากาศความเงียบโรยตัวลงมา เวลานั้นผมเกิดข้อสงสัยมากมาย ข้อสงสัยทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเด็กแว่นที่นั่งข้างๆผม เด็กคนนี้
เป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับบ้านหลังนี้ ที่สำคัญเกี่ยวข้องกับผมและไปรู้จักกับอาม่าได้อย่างไร แต่ดูเหมือนทุกคนจะตั้งใจรอฟังคุณทนายกันหมดแล้ว ผมเลยต้องสลัดความสงสัยทิ้งไปเสียก่อน

“พินัยกรรมฉบับนี้เขียนขึ้นในห้องที่โรงพยาบาลสามอาทิตย์ก่อนคุณหญิงรำไพจะถึงแก่อนิจกรรม โดยมีคุณหญิงผากและคุณ
พลอยลดาเป็นพยาน ต่อไปนี้ที่ผมจะอ่านคือเนื้อความของพินัยกรรมของคุณหญิงรำไพ…”

“…ขณะทำหนังสือฉบับนี้ ข้าพเจ้ามีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ และมีความประสงค์ที่จะพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นไว้ เพื่อแสดงเจตนาจัดการยกทรัพย์สินของข้าพเจ้าทั้งหมดที่มีอยู่และจะมีต่อไปในอนาคตให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้

ข้าพเจ้าขอยกปางไม้ในจังหวัดลำปาง รีสอร์ตที่กำลังก่อสร้างในจังหวัดภูเก็ต และเงินสดมูลค่าสี่สิบล้านบาทให้แก่ นาย ศิวา ก้องการุณ บุตรบุญธรรมของนาย สุวิศิษฏ์ ดรุณาทรผู้เป็นบุตรชาย เพื่อเห็นแก่ความมุมานะในการตั้งใจทำงาน…”

ผมเหลือบเห็นคุณวิและวรากรยิ้มดีใจใหญ่ที่นายเติร์กได้มรดกจากคุณหญิงรำไพไปเยอะพอควร จะมีก็แต่นายคนนั้นที่ไม่หือไม่อือกับสิ่งที่ตัวเองได้รับ ตาคมของไอ้หนวดจับจ้องมาที่นาวาไม่สนใจฟังคุณทนายแม้แต่น้อย

“…ข้าพเจ้าขอยกเงิดสดมูลค่าห้าสิบล้านบาท และที่ดินแถวนทบุรีจำนวนสี่ไร่ให้นาย วรากร ดรุณาทร หลายชายคนเล็กของข้าพเจ้า และเงินสดมูลค่าสี่สิบล้านบาทให้นาง วิลาสินี ดรุณาทร…”

คุณทนายเว้นช่วงไว้แค่นั้น พลางพลิกกระดาษต่อไป ผมว่าคุณวิคงอดใจทนรอไม่ได้เลยถามโพล่งออกมา

“แล้วยกอะไรให้น้องกรกับฉันอีกคะคุณทนาย” ท่าทางคุณวิตื่นเต้นจนเก็บไว้ไม่อยู่

“มีเท่านี้ครับ” ทนายหนุ่มตอบ

“เท่านี้?” คุณวิร้องเสียงหลง “แล้วที่เหลือละคะ!”

คุณทนายอ่านข้อความในพินัยกรรมต่อไป

“…ข้าพเจ้ามีความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ไม่มีโอกาสได้ดูแลหลานชายคนโตของตัวเอง ด้วยการนี้ข้าพเจ้าจึงของยกเครื่องเพชร เครื่องทอง หุ้นส่วนในบริษัทดรุณาทร และหุ้นในบริษัทต่างๆที่ข้าพเจ้าถืออยู่ทั้งหมด บ้านดรุณาทรพร้อมที่ดินและที่ดินที่ข้าพเจ้าถือครองที่เหลือขอยกให้แก่นาย นาวา ดรุณาทรแต่เพียงผู้เดียว”

“เป็นไม่ได้” คุรวิเหว “คุณทนายเอาอะไรมาพูด แม่ของเด็กคนนี้ไม่ได้ถือทะเบียนสมรสกับสามีดิฉันแล้ว เด็กคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับบ้านนี้อีกแล้ว ทรัพย์สินต้องตกเป็นของวรากรถึงจะถูก”

“ก่อนคุณสุวิศิษฏ์เสียชีวิต คุณหญิงรำไพยังไม่ได้จัดการยกอะไรให้ใครเลยครับ ดังนั้นทรัพย์สินทุกอย่างของดรุณาทรจึงเป็นกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวของคุณหญิง”

“ฉันไม่เชื่อ พินัยกรรมต้องผิดพลาดอะไรบางอย่างแน่ๆ” คุณวิยังไม่ลดละ

“ไม่หรอก ฉันเป็นพยานได้” อาม่าเอ่ยขึ้น ทำเอาคุณวิต้องรีบเก็บอารมณ์ เธอคงกลัวเสียมารยาทต่อหน้าอาม่าของผม

ผมดีใจกับเจ้าแว่นเหลือเกินครับ ใครๆก็รู้ตระกูลหมื่นล้านอย่างดรุณาทรลองได้มรดกที่เหลือดูสิ ไหนจะได้บริษัท เครื่องเพชร บ้าน รถอีก

“แต่ทรัพย์สินทั้งหมดที่ยกให้คุณนาวามีเงื่อนไขนะครับ” ทนายหนุ่มหันมาพูดกับเด็กแว่นที่นั่งตัวแข็งทื่อ

ทนายก้มอ่านเนื้อความในพินัยกรรมต่อไป “ โดยมีข้อแม้ว่าหลายชายคนโตของข้าพเจ้า นาย นาวา ดรุณาทร จะต้องหมั้นหมาย
กับนาย ตรีเพชร วรจักรโสภณ ทายาทของเพื่อนสนิทของข้าพเจ้าจนกว่าทั้งคู่จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ทรัพย์สินจึงจะตกเป็นของนายนาวา ดรุณาทรอย่างชอบธรรม ระหว่างนั้นข้าพเจ้าขอให้คุณหญิงผกาผู้เป็นเพื่อนเป็นผู้จัดการทรัพย์สินในส่วนของนายนาวา…”

“อะไรนะ?!” ผมร้องออกมาอย่างตกใจ

“ตาเพชร เสียงดัง” อาม่าดุผม

“อาม่าที่ว่าหมั้น…” ผมไปต่อไม่ถูก มันมีคำถามมากมาย แต่ผมกลับไม่สามารถกลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดได้ ผมเลยใบ้รับ
ประทานต่อหน้าธารกำนัลเหล่านี้

“ขอตัวคุณเพชรสักครู่นะครับ” นาวาพูดกับทุกคน ก่อนจะหันมากระซิบกับผม “ตี๋ มาคุยด้วยกันก่อน” เด็กบ้าอำนาจลากผมออกมา
หลังฉากมุกไม้พยุง

“ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้นนะ” นาวากระซิบบอกผมแล้วฉวยโอกาสพูดต่อโดยผมขัดเสียไม่ได้ “นายต้องหมั้นกับฉัน อันนี้ฉันไม่ได้ขอร้องแต่ฉันกำลังบังคับ คิดดูนะไอ้ตี๋ ถ้านายไยอมหมั้นนายโดนเฉดออกจากกองมรดกที่บ้านนาย แต่ถ้านายหมั้นนายก็ได้ทุกอย่างไป วิน วิน กันทั้งคู่ อ้ออีกอย่าง อย่างที่คุณทนายว่าแค่รอจนกว่าเราจะเรียนจบ ถึงตอนนั้นฉันถอดหมั้นให้นายแน่ แล้วนายจะไปเสวยสุขกับสาวที่ไหนก็เชิญ เข้าใจไหม?” นาวาทิ้งท้ายการบังคัญขู่เข็ยด้วยคำถาม หูผมดับไปตั้งแต่ทนายประกาศเรื่องหมั้นหมายแล้ว

“วะ ถามก็ไม่ตอบ เข้าใจไหม” นาวาเหวเบาๆ

“อ่ะ เอ่อ..”

“หนึ่ง สอง สาม” นาวานับเร็วไม่เว้นจังหวะหายใจ “ไม่ตอบแสดงว่านายตกลงละนะ งั้นกลับไปนั่งกันได้”

มีงี้ด้วย บังคับคนอื่นเสร็จสรรพ ตัวเองก็เดินวางท่าออกไปเลย

“เตี้ยรอด้วย” ผมเผลอยิ้มออกไปทั้งที่ยังงงๆ มาขอหมั้นกันดื้อๆแบบนี้พาลให้คิดถึงตอนเช้าที่ผมงัวเงียตื่น ผมจำไม่ได้ว่าพูดอะไร
กับเจ้าเตี้ย แต่พอมาเจอเหตุการณ์ฉายซ้ำแบบนี้ก็พาลให้คิดออกว่าตอนเช้าผมละเมอตกลงหมั้นหายกับใครไป ตอนนั้นก็ตอบไปแล้วนี่หว่าจะมาบังคับอะไรอีก

“ผมกับคุณเพชรไม่มีปัญหาเรื่องเงื่อนไขของคุณย่าครับคุณทนาย” นาวาเอ่ยขึ้นเมื่อกลับไปนั่ง ผมเหลือบเห็นอาม่านั่งยิ้มน้อยยิ้ม
ใหญ่ ตกลงคนที่อาม่าบังคับให้ผมหมั้นคือไอ้เตี้ยนี่เหรอ ถ้ารู้งี้นะ….

“ได้ไงครับคุณทนาย ผู้ชายสองคนหมั้นกัน” นายเติร์กพูดขึ้น ไอ้หนวดนี่ขัดอารมณ์ผมจริงๆ

“มันเป็นเงื่อนไขของคุณหญิงท่านครับ” ทนายตอบ

“คุณหญิงผกาก็ไม่เห็นด้วยใช่ไหมคะ ดิฉันว่าทายาทผู้ชายหมั้นกันแบบนี้ท่าจะเป็นข่าวไม่ดีกับสองตระกูลนะคะ” คุณวิคุยกับอาม่
าผม

“ฉันไม่ถือค่ะ อีกอย่างฉันต้องเห็นด้วยสิเพราะตอนรำไพเขียนพินัยกรรมฉันก็อยู่ คุณทนายก็อยู่ พลอยลดาก็อยู่” อาม่าเอ่ย

“เนื้อความในพินัยกรรมก็มีเท่านี้ ทุกท่านคงกระจ่างในส่วนที่ตัวเองได้รับจากพินัยกรรมกันแล้ว ผมคงต้องขอตัว” คุณทนายเก็บ
เอกสารและขอตัวออกไป

“เติร์ก.. แม่จะเป็นลม พาแม่ไปพักหน่อย” คุณวิเอ่ยด้วยเสียงระโหย นายเติร์กจึงประคองคุณวิและมีวรากรคอยกุมมือแม่ไม่ห่าง ทั้งห้องจึงเหลือแค่คนที่ผมคุ้นเคย

“อาม่า เจ้พลอย ทำไมไม่บอกผม” ผมพูดขึ้นทำลายความเงียบ

“ไม่บอกเพชรเรื่องอะไร” พี่สาวผมลอยหน้าลอยตาถาม

“ก็เรื่องหมั้น” ผมแจง

“ก็บอกแล้ว เพชรไม่ยอมฟังรายละเอียดเอง มัวหนีอย่างเดียว” เจ้พลอยพูดกับผมแบบไม่ใส่ใจ แล้วหันไปคุยกับนาวา “น้องวาคง
ลำบากแย่ เห็นว่าตาเพชรแอบหลบคนของอาม่าไปอยู่ที่ห้องเหรอ”

“อ่อ ครับ” นาวายิ้มเขินๆ

“เดี๋ยวก่อน” ผมไม่ยอมนั่งงงเป็นไก่ตาแตกอีกต่อไปแล้ว ได้เวลาผมซักถามบ้างละ “อาม่ากับเจ้มาที่นี่ได้ไง รู้ได้ไงว่าผมมาที่นี่”

“ฉันก็มาธุระเรื่องพินัยกรรมนี่แหละ แค่รู้ว่าแกจะมาด้วยก็เลยวางใจไม่ต้องให้คนไปตาม” อาม่าว่า

“แล้วอาม่ารู้ได้ไง” ผมถาม

“หนูวาโทรมา” อาม่าตอบ

“อ๋อตอนนั้น” ผมหันมาคาดโทษไอ้เตี้ย “ที่ยืมโทรศัพท์ไปคือเอาไปโทรหาอาม่านั่นเอง แผนสูงนักนะเตี้ย”

“ตาเพชรอย่าดุน้อง” อาม่าว่าผม

“ดูท่าตาเพชรจะจนมุมนะคะอาม่า” เจ้พลอยหัวเราะคิกคัก

“พอเลยทั้งสองคน ไม่สิ ทั้งสามคน หลอกผม”

“ไม่ได้หลอก” นาวาพูด

“นายน่ะตัวดีเลย” ผมพูดกับนาวาแล้วหันไปสนใจอาม่ากับเจ้พลอย “แล้วคราวนี้อาม่ากับเจ้จะคืนทุกอย่างที่ยึดไปได้หรือยัง รถ
ผมน่ะ บัตรกดเงินผมด้วย”

“ยังจะมาคิดถึงเรื่องนี้อีก” เจ้ดุผม

“ฉันไม่ปล่อยให้แกดูแลหลานสะใภ้ฉันอดๆอยากๆหรอกนะ” คำพูดของอาม่าทำเอา ‘หลานสะใภ้’ หน้าแดงวางตัวไม่ถูก ท่าจะ
แสลงคำนี้ไปอีกนาน

คืนทุกอย่างที่ยึดไปเสียก็ดี ผมคิดถึงลูซี่รถยนต์สุดรักของผมเต็มแก่

“หนูวา” อาม่าคุยกับหลานสะใภ้ “วันก่อนอาม่ากับพี่พลอยไปหาแม่หนูที่เชียงใหม่” นั่นสิ ผมถึงว่าช่วงที่สองคนนี้บอกผมว่าไปดู
งานต่อเติมโรงแรงที่เชียงใหม่มันทะแม่งๆ งานแค่นี้ทำไมต้องไปกันตั้งสองคน ให้คนอื่นไปดูแลก็ยังได้ ที่ไหนได้แอบไปคุยกับแม่ของนาวา อาม่ากับเจ้ผมทำตัวน่ากลัวลึกลับเข้าไปทุกที

“แต่อาม่าก็อยากจะพูดกับหนูอีกที หนูไม่ต้องห่วงนะลูก รำไพกับอาม่าเป็นเพื่อนรักกันมานาน เขาฝากฝังหนูไว้ อาม่าพี่พลอย แล้วก็พี่เพชรจะดูแลหนูเองนะลูก”

“…เอ่อ ขอบคุณครับ” เด็กแว่นเอ่ยนอบน้อม

“ส่วนฤกษ์งานหมั้นพี่กับอาม่าจะไปจัดการอีกที” พี่สาวผมพูดขึ้นมาบ้าง

“ผมขออะไรสักอย่างได้ไหมครับ” นาวาเอ่ยขึ้น “เรื่องงานหมั้น ผมขอจัดแบบเงียบๆเชิญเฉพาะผู้ใหญ่กับแขกที่สนิทเท่านั้น”

“ได้จ่ะ” เจ้ยิ้มรับ

“งั้นเหลืออีกอย่างที่ทั้งสองคนต้องตัดสินใจ” เจ้พลอยว่า “เรื่องเรือนหอ”

“เพราะตาเพชรกับหนูวาต้องย้ายไปอยู่ด้วยกัน” อาม่าแจง

ผมตกใจตั้งตัวไม่ติด อะไรน๊ะ เข้าหอเหรอ

เรือนหอของเราสองคน?!


 :hao7: :hao7: :hao7:

 
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 07-05-2015 08:18:15
 :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Rambluesky ที่ 07-05-2015 09:34:54
“เพราะตาเพชรกับหนูวาต้องย้ายไปอยู่ด้วยกัน”

อ่านแล้วเขิน  :-[ :-[ :-[

รออ่านต่อนะครับ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 07-05-2015 09:54:43
ว๊ายยยยยยยย อึ้งเลยดิๆ
ย้ายไปอยู่ด้วยกันนน ง่อวววว
รักษาภาพพจน์เก็บไม่อยู่อะดิๆ เห็นนาวาได้เยอะกว่างี้ เหอๆ
ต่อไปจะโดนอะไรอีกนะน้องวาา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 07-05-2015 10:00:26
แล้วอย่าลืมเฉดหัวพวกที่อยู่ออกให้หมดด้วยนะ อย่ามานางเอกให้เค้าอยู่บ้านฟรีล่ะนาวา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 07-05-2015 11:11:44
ย้ายไปอยู่ด้วยกัน :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 07-05-2015 11:35:04
เข้าทางอีตาตรีเพชร555555 แอร๊ยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 07-05-2015 12:24:10
อยากให้วาเฉดหัวอิ2แม่ลูกนั้นจริง....สะใจมากกกกก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 07-05-2015 14:00:07
เข้าหอๆๆๆ เพชรนี่เริ่มแรกก็แอบเกรงนาวาและ ต่อไปคงหงอน่าดู
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Dinsor ที่ 07-05-2015 15:02:35
นิยายเรืาองนี้ดีงามมากกก มาต่อไวๆน้าาา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Dinsor ที่ 07-05-2015 15:03:16
นิยายเรืาองนี้ดีงามมากกก มาต่อไวๆน้าาา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 07-05-2015 16:08:59
ให้อารมณ์ความรักแบบละมุนละไม  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 07-05-2015 17:09:03
เค้าต้องย้ายไปอยู่ด้วยกันด้วย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: laoped ที่ 07-05-2015 22:13:03
สนุกจ้า ติดตามมๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่เคย ที่ 07-05-2015 22:59:15
อร๊ายยยยังไม่แต่งเลยแต่เข้าเรือนหอกันแล้ว :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 07-05-2015 23:36:56
น่ารัก และน่าลุ้นค่ะ

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 08-05-2015 00:43:06
เอ๋อไปเลยนะนาย 555555

ว่าแต่ ต้องแต่งก่อนถึงจะเข้าหอไม่ใช่เหรอคะ?
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 08-05-2015 06:49:41
รอเข้าหอจ้าาา :o8:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 08-05-2015 11:13:14
หมั้นเสร็จ ข้ามขั้นเข้าหอเลยยยยย กรี๊ดดดด ชอบคร่าา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 08-05-2015 18:24:38
ฮ่าๆ ดีอ่ะ
เรียนจบแล้วก็อย่าถอนหมั้นนะน้องวา จับพี่เพชรแต่งงานเลย!!!
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 09-05-2015 20:28:41
คริคริ เค้าจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว

ความใกล้ชิดจะทำให้ทั้งคู่ลงเอยด้วยกันไหมคะ

ปล. น้องวาน่าจะเฉดหัวคนใจร้ายพวกนั้นออกจากบ้านนะลูก :katai1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 10-05-2015 20:03:09
 :pig4: รอๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 13-05-2015 01:29:09
เงียบจัง กะจะมาต่อตอนใหม่นะเนี่ย

เสียใจ  :katai5:  :katai5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 13-05-2015 01:57:20
หวายยย คนเขียน
ต่อเถอะค่ะ รออยู่นะคะ5555555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 6 มีคู่ตุนาหงัน 3/3 (7/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 13-05-2015 07:47:41
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
 :L2:
Chapter 7
ความลับของเรา (1/3)

“ตกลงใครจะไปค่ายของชมรมไอ้เปาบ้าง”


เก้าถามขึ้นในตอนที่ทุกคนมารวมตัวกันทานข้าวเที่ยงที่โรงอาหารของมหาลัย


“ที่ว่าไปปลูกต้นไม้แล้วก็ไปล่องแก่งอ่ะนะ” แบงค์ถามขึ้นพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม “กูว่าไปเที่ยวซะมากกว่า”


“กูก็ว่างั้น” เอ็มพูด “มึงไม่อยากไป?”


“ไปดิวะ ได้เที่ยวทั้งที” แบงค์ตอบเพื่อน


“แล้วพูดซะ” เอ็มส่ายหัวให้กับท่าทีของแบงค์เพื่อนรัก “แล้วพวกมึงล่ะ” เอ็มหันไปถามเพื่อนๆที่เหลือ


“ดิฉันไปค่ะ” นิสาตอบ หล่อนฉีกยิ้มกวนให้ทุกคน


“กูก็ไป” เก้าบอก


“แล้วมึงอ่ะ” เอ็มถามนาวา

.

.


“เฮ้ย มึงอ่ะ ตกลงจะไปป่าว” เอ็มถามย้ำเมื่อเห็นนาวาเงียบ


“หะ ไปไหน” นาวาหลุดจากภวังค์


“ไปค่ายไอ้เปาไง”  เอ็มย้ำ


“เออๆไป” นาวาตอบ


“เป็นไรไปวะ กูเห็นวันนี้เหม่อแต่เช้าแล้วเนี่ย” เก้าที่นั่งใกล้นาวาถามด้วยความเป็นห่วง


“เปล่าไม่ได้เป็นอะไร” นาวาปฏิเสธ พร้อมสะบัดเรื่องที่คิดออกจากใจ เด็กหนุ่มตัวเล็กขยับแว่นของตัวเองก่อนก้มหน้าก้มตาทานข้าวของตัวเองต่อไป


“นั่นสิวา เป็นไรอ่ะ บอกสาได้นะ” นิสาพูดขึ้นราวไม่เป็นตัวเอง เธอจะแทนตัวด้วยชื่อเมื่อต้องการจะพูดดีๆกับเพื่อน ไม่ก็เมื่อต้องการหลอกล่อให้เพื่อนตกหลุมพรางของตน พูดเช่นนี้เพื่ออ้อนขออะไรสักอย่าง ด้วยเหตุที่นิสาเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม คำพูดเพราะๆและการออดอ้อนเล็กน้อยมักจะทำให้เธอได้ในสิ่งที่ต้องการจากเพื่อนผู้ชายทั้งสี่


“ไม่เป็นไรจริงๆเว่ย” นาวาย้ำให้เพื่อนสบายใจ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้สบายใจเลยแม้แต่น้อย


“เออว่าแต่เมื่อเช้ามึงมามหาลัยยังไง” เก้าถามนาวา “กูไม่เห็นจักยานมึงจอดแถวคณะ”


“เอ่อ.. กูขึ้นแท็กซี่มาน่ะ” นาวาปาดเหงื่อ ไม่แน่ใจว่าเพราะอากาศยามเที่ยงร้อน คนในโรงอาหารมหาลัยแน่นเกินไป เก้าถามใน
เรื่องที่นาวากำลังเป็นวิตก หรือเพราะตัวเองตอบโกหกกันแน่


“เกลืออย่างมึงเนี่ยนะขึ้นแท็กซี่” แบงค์ประหลาดใจ “กูเห็นงกยังกะอะไร”


“เออน่า ก็ตอนเช้ากูตื่นสายปั่นจักยานมาไม่ทันหรอก” นาวาแถ


“แล้วมึงไม่ดื่มน้ำอะไรเหรอ” เอ็มถามอีกครั้งเมื่อเห็นตรงหน้านาวามีแค่จานข้าวหนึ่งจาน ต่างจากเพื่อนๆคนอื่นที่มีแก้วน้ำคนละแก้วไว้ดื่มดับกระหาย


“อ้อ เออนั่นสิกูลืมซื้อ” นาวาเพิ่งนึกได้ว่าลืมซื้อน้ำ


“เป็นไรวะ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว” แบงค์สงสัย


“นั่นสิ นั่งลอยๆมาแต่เช้าแล้ว” เก้าขมวดคิ้ว


“กูว่า….” นิสาลากเสียงยาวให้ทุกคนหันมาสนใจข้อสันนิษฐานของเธอ “มันต้องเมากัญชามาแน่ๆ”


“โถ่ ไอ้สา สมองมึงคิดได้แค่เนี๊ยะ?” แบงค์ส่ายหน้าระอา


“อ๊าว ก็กูเห็นไอ้แว่นมันทำหน้ามึนๆ ใครจะไปรู้” นิสาบ่นแกนๆ


“ใครมึนเหรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง


“อ้าวพี่จอม นั่งๆพี่ นั่งด้วยกัน” แบงค์เชื้อเชิญพี่ร่วมคณะ “พี่เพชรก็มากับเขาด้วยเหรอ” แบงค์แสดงความประหลาดใจ


เมื่อนาวาได้ยินชื่อของใครบางคนทั้งๆที่ยังไม่ได้หันหน้าไปมอง เด็กหนุ่มก็พาลจะทานข้าวไม่อร่อยขึ้นมาเสียดื้อๆ ก็เพราะใครกันล่ะเมื่อเช้าเขาเลยต้องซวยขึ้นรถมามหาลัยกับมัน คิดๆไปนาวาก็เสียใจที่ยินดีรับข้อเสนอของคุณย่าผู้ล่วงลับเสียเหลือเกิน


“กระเถิบไปแบงค์” ตรีเพชรออกคำสั่งกับรุ่นน้อง แล้วนั่งลงตรงข้ามนาวา


“ไมมากินข้าวที่นี่ได้” แบงค์ถามตรีเพชร “ปกติพี่ไม่ทานข้าวในโรงอาหารมหาลัยนี่นา”


“ถามไอ้จอมมันเอา” ตรีเพชรโบ้ยหน้ายู่ๆไปทางเพื่อน ดูท่าชายหนุ่มไม่ได้เต็มใจจะมานั่งที่โรงอาหารเท่าที่ควร


“พี่ลากมา” จอมทัพยังคงพูดน้อยเช่นเคย


“วาเป็นไรครับ” จอมทัพหันไปสนใจใบหน้าบึ้งตึงของนาวา


“เปล่าครับพี่จอม วาแค่หิวน้ำ” นาวาพูดไปงั้น ทั้งๆที่ตัวเองยังส่งสายตาอาคาดแข่งกับชายหนุ่มตัวโตที่จ้องตามาอย่างไม่ลดละ
เช่นเดียวกัน


“งั้นเดี๋ยวพี่ไปซื้อให้ ฝากของหน่อยนะ” จอมทัพเอ่ยเสียงนุ่มพร้อมฉีกยิ้มอย่างที่ใครไม่ค่อยได้เห็นมากนักให้กับนาวา แล้วหันไป
คุยกับเพื่อนของตัวเอง “มึงลุก ไปๆ ซื้อข้าวกัน” แล้วทั้งคู่ก็ออกไป


“พวกมึงรีบๆกินรีบๆไปเหอะ” นาวาเร่งคนอื่น


“อ้าวเป็นไรวะเฮียจอมมึงเพิ่งมา จะรีบไปไหน” เอ็มงงกับอาการไม่อยากอยู่แถวนี้ของนาวา


“กูว่ามันไม่ได้รีบกินรีบหนีเพราะพี่จอมหรอก คิคิ” นิสาหัวเราะอย่างคนรู้ทัน


“แล้วเพราะอะไรวะ” เก้าถามออกไปอย่างงๆ


“เพราะพี่เพชรเจ้าของจูบไง ไอ้วามันยังจำไม่ลืม” นิสาเฉลยความคิดของตัวเอง


“ฮ่าๆ ไหนบอกว่าเมาจำไม่ได้ไงวะ” แบงค์หัวเราะขึ้น


“ไม่ใช่โว้ย เรื่องนั้นกูจำไม่ได้จริงๆ” นาวาโกหกคำโต ใบหน้าแดงราวผลตำลึงสุกกำลังฟ้องเพื่อนๆว่าตัวเองกำลังโป้ปดหน้าตาย


แล้วทั้งกลุ่มก็หัวเราะกันสนุกสนานครื้นเครง ทว่าเสียงหัวเราะของเพื่อนๆเงียบไปเมื่อตรีเพชรเดินกลับเข้ามา ชายหนุ่มเลิกตาอย่างสงสัยซึ่งที่มาของเสียงหัวเราะ แต่ไม่ได้ใส่ใจเอาคำตอบอะไร ดวงตาเรียวรีหันมาทอดมองเจ้าของเรือนร่างบางด้วยแววตาที่ยากเกินอ่านเข้าใจ แก้วน้ำแข็งที่มีของเหลวสีชมพูหวานอยู่ด้านในถูกวางลงอย่างเงียบๆข้างกายนาวา แล้วชายหนุ่มก็ออกไปซื้อของกินของตัวเองต่อ…


ไม่มีคำพูดสักคำ ทิ้งไว้แค่ของต่างหน้า ซื้อมาให้เพราะว่าใครบางคนพูดว่าหิวน้ำ


“เฮ้ยๆ ซื้อน้ำให้ด้วยเว่ย” เสียงล้อๆของเอ็มทำเอานาวาไปไม่ถูก


“มึงก็ อย่าล้อมันสิ วาหน้าแดงหมดแล้วเห็นไหม ฮ่าๆ” นิสาก็ร่วมวงแซวเพื่อนกับเขาด้วย


“อ้าว” จอมทัพนั่งลงพร้อมจานข้าวและแก้วน้ำใบหนึ่งของตัวเอง “วาซื้อน้ำมาแล้ว พี่กะจะไปซื้อให้พอดี” จอมพัพเลยนั่งลง
จัดการกับอาหารของตัวเอง


สักพักตรีเพชรก็กลับมาพร้อมอาหารและน้ำของตัวเองเช่นกัน


“พี่เพชรคะ ได้ข่าวพี่เพชรจะหมั้นจริงหรือเปล่า” นิสาถามขึ้นโต้งๆ


“ไปได้ข่าวจากไหนว่าพี่จะหมั้น” ตรีเพชรถาม เพราะเขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครนอกจาก… จอมทัพ


“แหะๆ” นิสาหัวเราะแห้ง “สาไปคาดคั้นเอาจากพี่จอมเองแหละ เพราะเพื่อนสามันอยากรู้” นิสาโบ้ยหน้ามาทางนาวา


“อะไร กูไปอยากรู้ตอนไหนไม่ทราบ” นาวาร้อนตัว


“ก็วันนั้นในห้องชมรม มึงพูดขึ้นมา” นิสาว่า พลางนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น


          หลังจากตรีเพชรประกาศออกมาว่าจะไปนอนหอนาวาเพื่อหลบซ่อนจากคนของอาม่า ทุกคนต่างแยกย้าย แม้กระทั่ง 
          ตรีเพชรเองก็รีบออกจากห้องเป็นคนแรก แต่ชายหนุ่มไม่ได้ไปที่ไหนไกลหรอก เขาไปยืนเฝ้าจักรยานของนาวาไว้ต่าง
          หาก เพราะรู้ว่านาวาจะต้องกลับมาเอาจักรยาน ตนต้องได้ตามไปถึงห้องของเด็กแว่นคนนี้แน่ๆโดยมิต้องสงสัย เมื่อทุก
          คนออกไปจากชมรม แต่ยังเหลือนิสาและนาวาที่กำลังจัดการกับขวดน้ำดื่มและกระดาษโน้ตเพลง จัดการกับเอกสาร
          ต่างๆของชมรมกันอยู่สองคน


            “ทำไมถึงไม่ยอมหมั้นนะ”นาวาเอ่ยขึ้นอย่างใจลอย ในน้ำเสียงเจือความหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
   

          “แล้วทำไมเขาต้องหมั้นล่ะ” นิสาเอ่ยขึ้นราวไม่ได้ตั้งใจ น้ำเสียงเบาหวิวราวเสียงของภูติพราย
   

          “ก็เขาต้องหมั้นน่ะสิ กูอยากรู้ทำไมไม่ยอมวะ” นาวาทำหน้าหงุดหงิดหันมาทางต้นเสียงที่ถามเขาเมื่อครู่ ดวงตาสีน้ำตาลทองเบิกขึ้นอย่างประหลาดใจ เขาคิดว่าเขาพูดอยู่คนเดียว ที่ไหนได้นิสากลับหลอกถามเขาซะงั้น
   

          “ไอ้สา!” นาวาร้องออกมา หน้าแดง ตกใจ


          “ฮ่าๆ มึงสนใจเรื่องของพี่เพชรใช่ไหมล่ะ”
         
         
          “เปล่าโว้ย”

       
          “ไม่ต้องมาโกหก กูว่าใช่แน่ๆ”


          “ไม่ใช่เว่ย”


          แล้วเสียงถกเถียงของนาวากับเสียงหัวเราะสดใสของนิสาก็กลายเป็นภาพจำของเย็นวันนั้น



ตัดภาพมาปัจจุบัน


“มึงมั่ว” นาวายังคงปฏิเสธต่อไป


“เอาล่ะๆ พี่หมั้นจริงๆ ฝากบอกข่าวนี้กับเพื่อนสาด้วยนะ” ตรีเพชรหันมามองทางนาวา แววตาเรียวรีคู่นั้นยิ้มล้อนาวาอยู่


“จริงดิพี่ ไรวะ ข่าวดีอย่างนี้กับน้องรหัสไม่บอกบ้างเลยนะ” แบงค์บ่นพี่รหัสตัวเอง


“กูก็กำลังจะบอก แต่ที่บ้านยังหาฤกษ์หมั้นไม่ได้เลยไม่ได้บอกใคร” ตรีเพชรแจงให้แบงค์ฟัง


“งั้นพวกผมจะได้ไปงานหมั้นพี่ไหมเนี่ย” แบงค์พูด


“ไปสิ/ ไม่ได้” ตรีเพชรพูดประโยคแรก นาวาประท้วงด้วยประโยคหลัง ทั้งสองประโยคถูกเอื้อนเอ่ยออกมาพร้อมกัน


“ไม่ได้อะไรของมึง พี่เพชรชวนพวกกูอยู่หยกๆ” แบงค์หันมาคุยกับนาวา


“กูไม่ให้ไปเว่ย” นาวาจ้องหน้าทุกคน สีหน้าจริงจัง


“ทำไมไม่ให้พวกกูไป งานหมั้นมึงก็ไม่ใช่” นิสาว่า


“ก็… ก็…” นาวาถึงกับไปต่อไม่ถูก


“หึหึ” ตรีเพชรหลุดขำเด็กดื้อบางคน “เอาเป็นว่าพี่เชิญทุกคนเองละกัน งานนี้จัดเล็กๆเชิญเฉพาะคนสนิท แล้วน้องสา พี่ฝากบอก
เพื่อนน้องสาด้วยว่าวันงานห้ามเลท ห้ามเบี้ยวงานหมั้นเด็ดขาด”


“จอมไปเถอะ กินเสร็จแล้ว” ตรีเพชรหันไปบอกกับจอม ทั้งคู่ลุกขึ้น แต่ก่อนตรีเพชรจะจากไป ชายหนุ่มก้มลงกระซิบกับนาวาให้
ได้ยินกันเพียงสองคน


“เย็นนี้รอกลับพร้อมกัน จะไปรับที่คณะ” ตรีเพชรฉีกยิ้มที่ได้เห็นเสี้ยวหน้าของนาวาแดงเรื่อ “อ้อ แล้วน้ำหวานก็ดื่มให้หมดนะ
ตั้งใจซื้อมาให้”


คนกวนโมโหจากไปแล้ว… หลงเหลือไว้เพียงความหวานจากน้ำหวานสีชมพูสวย


ความหวานนี้จะเข้าไปถึงจิตใจหรือเปล่านะ


เสียงของเขายังคงก้องดังอยู่ในโสต ห้ามเบี้ยวงานหมั้นเด็ดขาด…


 :hao7: :mew1: :hao6:  :mew1: :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 13-05-2015 08:16:41
อีพี่เพชรร้ายมากกก :katai4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 13-05-2015 08:23:51
อั้ยยย  ห้ามเบี้ยวนะคะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 13-05-2015 08:48:41
55555 นาวาโดนเข้าแล้วเป็นคนชวนเค้าหมั้นก่อนแท้ๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 13-05-2015 09:52:42
ทางสะดวกพี่ พี่เพชรรุกจัดหนักไปโลดดด
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 13-05-2015 10:23:50
เค้าหมั้นกันแล้ว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 13-05-2015 11:30:44
อิพี่เพชรมันร้ายนะนั่น :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 13-05-2015 11:42:08
เอาซะนาวาไปไม่เป็นเลย คิคิ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-05-2015 12:15:24
พลาดเม้นไปตั้งหลายตอนแน่ะ
คราวหน้าต้องส่องดีๆซะแล้วว่าตอน ./?

แต่ทั้งคู่น่ารักมาก พี่เพชรสบายใจเลยซิ
หนีมาตั้งนาน ที่แท้ก็คนไกล้ตัวนี่เอง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 13-05-2015 12:52:14
พี่เพชรร้ายมาก ทำคนอ่านฟิน :-[
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 13-05-2015 14:36:33
พี่เพชรบอกแล้วเพราะงั้นอย่าเบี้ววนะวา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 13-05-2015 14:53:34
เขาจะหมั้นกันแล้ว :mc4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 13-05-2015 15:20:08
เพชรแกล้งน้อง 5555555555
ห้ามเบี้ยวนะรู้ยังง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 13-05-2015 18:38:30
พี่เพชรร้ายนักนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 13-05-2015 19:05:13
บังคับเค้าหมั้นแต่ดั๊นจะชิ่งงานหมั้้นซะงั้นนะหนูวา โดนดักทางมางี้จะชิ่งได้หรอ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Tinton ที่ 13-05-2015 23:58:33
หึๆๆๆ  นาวาหลุดเยอะไปนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 14-05-2015 12:25:46
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 14-05-2015 20:52:21
เอ็นดูลูก....นาวาน่ารัก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 14-05-2015 23:22:11
อยากไปงานหมั้นด้วยคนอะ อิอิ

ขอบคุณคนเขียนค่า
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 15-05-2015 08:09:07
มาต่อให้ไว. เจ้คันนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 15-05-2015 12:17:45
พี่เพชรทำอาฟินมากๆตอนเอาน้ำมาให้นาวา เขินแทนอ่ะ พระเอกมากกก

มาต่อเร็วๆนะ รอ...
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่เคย ที่ 15-05-2015 23:28:44
พี่เพชรแม่เจ้าเล่ห์หุหุ :katai5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Rambluesky ที่ 19-05-2015 21:50:11
เขินนน

รออ่านต่อนะครับ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 20-05-2015 08:23:31
 :laugh: แกล้งน้อง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 23-05-2015 23:39:01
ดันนนนน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 24-05-2015 02:19:39
โอ้ยๆ เพิ่งเข้ามาอ่าน เนื้อเรื่องสนุกมาก น่ารักด้วย มีเพลงที่ชอบๆทั้งนั้น

พี่เพชรน่ารักอ่ะ ชอบแกล้งน้อง 5555+
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 28-05-2015 14:38:42
แวะมารอ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 30-05-2015 23:54:42
:)
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 06-06-2015 17:02:06
รออออ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11 (13/5/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 09-06-2015 20:10:26
 :z2: :z2: กลับมาแล้วว
ปิดเทอมใหญ่ ก็หายไปพักใหญ่เหมือนกัน แหะๆไปพักผ่อนมาคงไม่ว่ากันนะ

ปล. ขึ้นหน้าใหม่จะเอาตอนใหม่มาลงนะ :mew1: :mew1:

 :heaven
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 09-06-2015 20:26:46
ดันๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 09-06-2015 22:53:31
แอบสะใจตอนพี่เพชรหงออะ  นาวาศรรภรรยาผู้น่าเกรงขามมมม :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 10-06-2015 10:29:20
 :hao6:
เออจะว่าไปเพชรดูกลัวเมียอยู่นะคร้าบ 5555  :ling1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 1/2 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 15-06-2015 23:56:05
สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน   :L2:

มาต่อให้แล้วนะ อย่าเพิ่งหายไปไหน ขอคอมเม้นติชมให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะครับ :กอด1:

ตอนนี้อยากสดแทรกเกร็ดความรู้ความโรแมนติกเล็กๆ หวังว่าทุกคนจะเพลิดเพลินกับ Mon Fiance

 :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 16-06-2015 00:12:53
Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
 :L2:
Chapter 7
ความลับของเรา (2/3)


รูปถ่ายประติมากรรมเกะสลักหินอ่อน ‘เดวิด’ ของศิลปินเลื่องชื่อ มิเคลันเจโล ถูกฉายผ่านโปรเจคเตอร์ให้นักศึกษาในคาบเรียนประวัติศาสตร์ศิลปะได้ซาบซึ้งถึงความงามของงานศิลป์ในยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการหรือยุคเรเนซองส์ เสียงบรรยายของอาจารย์ที่กล่าวถึงความงามและความสำคัญของยุคทองแห่งศิลปะยังคงดังอยู่หน้าชั้นเรียน แต่เวลานี้จิตใจของผู้เรียนอย่างนาวากลับเลื่อนลอยไปถึงเดวิดผู้โศกเศร้า…

งานแกะสลักหินอ่อนที่ประณีตงดงามชิ้นนี้เป็นงานที่มิเคลันเจโลเสกสรรขึ้นมาจากเรื่องราวของกษัตริย์ผู้โทมนัสที่จารึกไว้ในไบเบิล พระเจ้าเดวิด หนุ่มน้อยผู้ฆ่ายักษ์โกไลแอต

นาวาหวนนึกถึงเรื่องราวตอนหนึ่งที่เคยอ่านและนำมาแปลเล่นจากพระคัมภีร์ไบเบิล


                        11 And Jonathan said to David, “Come, let us go out into the field.” So both of them went out       
                           into the field. 12 Then Jonathan said to David: “The LORD God of Israel is witness! When I
                           have sounded out my father sometime tomorrow, or the third day, and indeed there is good
                           toward David, and I do not send to you and tell you, 13 may the LORD do so and much more
                           to Jonathan. But if it pleases my father to do you evil, then I will report it to you and send you
                           away, that you may go in safety. And the LORD be with you as He has been with my father.
                           14 And you shall not only show me the kindness of the LORD while I still live, that I may not
                           die; 15 but you shall not cut off your kindness from my house forever, no, not when the LORD
                           has cut off every one of the enemies of David from the face of the earth.”


                          และโจนาธานพูดกับเดวิดว่า “มาเถอะ ไปที่ทุ่งนากัน”
                          แล้วทั้งคู่ก็ออกไปยังท้องทุ่ง ที่นั่นโจนาทานบอกกับเดวิดว่า “ขอพระเจ้าของชาติอิสราเอลจงเป็นพยานเถิด!             
                          หากเมื่อวันพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ฉันทูลถามเสด็จพ่อว่าทรงมีท่าทีที่ดีต่อเดวิดหรือไม่ แล้วฉันไม่ส่งข่าวไม่บอก
                          เธอ ขอให้พระเจ้าจงลงโทษโจนาธานผู้นี้ แต่ถ้าหากการทูลถามของฉันเป็นเหตุให้เสด็จพ่อตั้งพระทัย
                          ทำร้ายเธอ ฉันจะรีบแจ้งเธอและพาเธอหลบหนีเพื่อเธอจะได้พ้นภัย และขอให้พระเจ้าสถิตอยู่กับเธอเฉก
                          พระองค์สถิตอยู่กับท่านพ่อ หากฉันยังไม่ตาย เธอจะต้องแสดงความเมตตาของพระเจ้าต่อฉัน และเธอต้อง
                          ไม่ตัดไมตรีกับครอบครัวของฉันตลอดไป ไม่นะ ต้องใยดีกันแม้กระทั่งพระผู้เป็นเจ้าทรงทำลายศัตรูของเธอ
                          ลงหมดแล้ว


                          17 Now Jonathan again caused David to vow, because he loved him; for he loved him as he
                          loved his own soul.

 
                          โจนาธานให้เดวิดสัญญาอีกครั้งว่าจะรักเขา เนื่องจากโจนาธานนั้นรักเดวิดเหมือนที่เขารักจิตวิญญาณของ
                          ตนเอง 

                                                                                                                                1 Samuel 20: 11-17



ทว่าเรื่องราวความรักของโจนาธานกับหนุ่มน้อยเดวิดก็ไม่เป็นไปดั่งปรารถนาที่ทั้งคู่ต้องการ ความรักขัดใจพ่อเป็นเหตุให้บิดาของโจนาธานไม่ประสงค์ดีต่อเดวิดหนุ่มรูปงาม ทั้งคู่จึงต้องจากลากัน…     


                       41 After the boy had gone, David got up from the south side of the stone and bowed down
                          before Jonathan three times, with his face to the ground. Then they kissed each other and
                          wept together—but David wept the most.


                          หลังจากเด็กรับใช้ไปแล้ว เดวิดก็ออกมาจากหลังกองหิน คุกเข่าคำนับโจนาธานสามครั้ง ใบหน้าจรดพื้นดิน
                          แล้วทั้งสองต่างจูบลากัน ทั้งคู่ร่ำไห้น้ำตาไหลพราก แต่เดวิดโศกเศร้า ร้องไห้หนักกว่าโจนาธานมากนัก

                                                                                                                                  1 Samuel 20: 41

 

เมื่อวันเวลาผ่านไปทั้งคู่ต่างมีชีวิตที่ดำเนินไปของตนเอง จนอยู่มาวันหนึ่งเดวิดผู้ได้เป็นกษัตริย์ทราบข่าวการเสียชีวิตของโจนาธานชายผู้เป็นที่รัก เจ้าฟ้าหนุ่มคร่ำครวญถึงโจนาธาน และสั่งให้ชาวเมืองร้องเพลงโศกไว้อาลัยแก่การจากไปของคนรัก เนื้อความของเพลงตอนหนึ่งมีอยู่ว่า


                       Oh, how I weep for you, my brother Jonathan,
                          how much I loved you!
                          And your love for me was deep,
                          deeper than the love of women!


                          โอ้ว่าพี่โจนาธานข้าขานเรียก                    จงสำเหนียกข้าครวญคร่ำร้องร่ำไห้
                          ความรักพี่มีต่อข้ามั่นกว่าใคร                     เกินหญิงใดในพิภพจบแดนดิน

                                                                                                                                  2 Samuel 1:26


เพราะเพลงโศกบทนี้ให้ภาพของเดวิดในความคิดของนาวาเป็นความงดงามที่เศร้าสร้อยแต่กระนั้นยังคงอ่อนหวานไปด้วยความรักที่มันคงลึกซึ้ง หากคนเราจะมีความรักที่คงมั่นอย่างเดวิดและโจนาธานที่ไม่ว่าเวลาจะผันผ่านไปสักเท่าไรก็ไม่สามารถลืมเลือนกันไปได้ก็คงจะดีไม่น้อย

เดวิดและโจนาธานผูกพันกันด้วยพันธะสัญญาจากความรู้สึก

นาวาหวนคิดถึงเรื่องหมั้นหมายของตัวเอง เขากับตรีเพชรผูกพันกันด้วยพันธะสัญญาจากผลประโยชน์…

นึกถึงตรีเพชร นัยน์ตาสีเฮเซิลของนาวาภายใต้แว่นกรอบหนาเหลือบไปมองมือถือที่เขาวางไว้บนโต๊ะเรียน ชายหนุ่มโทรเข้ามาจนโทรศัพท์สั่นรบกวนสมาธิของคนตัวเล็กตั้งแต่เกือบหมดคาบประวัติศาสตร์ศิลปะแล้วเพราะนี่คือวิชาสุดท้ายของวันนี้ นาวาไม่ลืมคำสั่งของชายหนุ่มที่ให้ไว้


“เย็นนี้รอกลับพร้อมกัน จะไปรับที่คณะ”


ท้ายคาบ อาจารย์สั่งการบ้านก่อนจะออกจากห้องไป เห็นดังนั้นนักศึกษาหลายคนจึงเก็บหนังสือและเครื่องเขียนเข้ากระเป๋า นาวาก็กำลังเก็บสมุดของตัวเองแต่ร่างบางต้องชะงักเมื่อไหล่ของตัวเองมีหัวหนักๆของเพื่อนซบลงมา


“ง่วงจังเลย…” เก้าลากเสียงด้วยความง่วงงุน ซุกหัวไว้กับไหล่ของนาวามืออีกข้างขยี้ตาเพื่อไม่ให้ตัวเองผล็อยหลับลงไปซะตรงนี้


“ยังนอนไม่พอหรือไง” นาวาถาม พลางเก็บของของตัวเองต่อ ไม่ใส่ใจเพื่อนที่เอาหัวซุกเขาราวกับลูกหมา


“แอบงีบนิดเดียว แต่ที่เหลือก็ฟังนะ” เก้าตอบทั้งๆที่ปิดตา


“ลุกได้แล้ว เพื่อนออกไปเกือบหมดแล้วนะเว่ย” นาวาท้วง


“อีกนิดนึงนะ ไหล่วานุ่มดี เราชอบ” เก้าอ้อนเบาๆ นาวาได้แต่ส่ายหัวกับท่าทีของเพื่อน


นิสาที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้แต่นั่งเงียบเก็บหนังสือเรียนของตัวเองและเก็บให้เก้าเพราะเธอรู้ว่ารายนั้นคงจะอิงไหล่นาวานอนง่วงอยู่อีกนาน


“วา เย็นนี้แกไปไหนไหม ฉันว่าจะไปวิ่งหน่อย ไปเป็นเพื่อนฉันนะ” นิสาพูดกับนาวา หล่อนมองข้ามเก้าไปพยายามไม่ใส่ใจ


“เย็นนี้ไม่ว่างว่ะสา มีธุระ” นาวาบ่ายเบี่ยงเพื่อนเพราะไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าวันนี้เขากับตรีเพชรมีนัดต้องไปสถานที่หนึ่งด้วยกัน


“ชวนไอ้เก้าไปดิ” นาวาหาทางออกให้เพื่อน “เก้า มึงไปวิ่งเป็นเพื่อนสามันหน่อย”


“ไม่ไป… อยากจะนอนอยู่อย่างนี้” เก้าบ่นกับไหล่ของนาวา


สมุดเล่มบางของนิสาฟาดใส่หลังเก้าเต็มแรง


“โอ๊ย ไอ้สา!” เก้าโวย เด้งตัวออกจากไหล่อุ่นของนาวา ลูบหลังตัวเองบรรเทาความเจ็บ ชายหนุ่มตื่นเต็มตา นัยน์ตาที่ถามว่ามัน
เรื่องอะไรที่เธอต้องฟาดฉันแรงขนาดนี้ส่งไปให้นิสา แต่ไม่มีคำตอบใดๆนอกจากการเดินออกจากห้องไปของหญิงสาวร่างโปร่ง


“เป็นอะไรของเขาวะ” เก้าฉงน ชายหนุ่มมองไปทางนาวาอย่างขอความเห็น นาวาส่ายหน้าสื่อความว่าตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ


“สงสัยมีรอบเดือน” เก้าสรุป


“อยากโดนอีกใช่ไหมไอ้เก้า!” เสียงของนิสาตะโกนมาจากหน้าห้องทำให้ทั้งสองรู้ว่าเธอยังยืนรออยู่ สองหนุ่มจึงต้องรีบออกจากห้องไป


And that’s it. Let’s call it a day. For you who have any further questions, please feel free to email your inquiries or you could meet me in the office during my office hours. Have a good weekend.”


เสียงบรรยายของอาจารย์ชาวแคนนาดาจบลง เป็นนัยบ่งบอกว่าการเรียนที่สุดแสนหนักหนาของวันนี้ได้จบลงแล้ว BBA หลักสูตรนานาชาติของที่นี่ใช้หลักสูตรเข้มข้นชนิดที่ว่าผู้เรียนไม่สามารถกระดิกตัววอกแวกสนใจสิ่งอื่นขณะอยู่ในห้องเรียนได้เลย แต่กระนั้นตรีเพชรไม่ได้สนใจอาจารย์ประจำวิชา Taxation แต่อย่างใด ชายหนุ่มนั่งจ้องหน้าจอมือถือของตัวเอง พลางสงสัยว่าทำไมคนที่เขาโทรหาถึงไม่ยอมรับสาย


“เป็นไรคะเพชร โบว์เห็นเพชรจ้องแต่มือถือ” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งใกล้กันถามขึ้น ชายหนุ่มส่ายหน้าเป็นคำตอบ


“จอม” ตรีเพชรเรียกจอมทัพที่นั่งโต๊ะถัดไป จอมทัพที่กำลังเก็บของของตัวเองหันหน้ามาทางต้นเสียง “กูไปก่อนนะเว่ย ฝากบอกไอ้เปรมว่าค่อยไปยิมด้วยกันวันหลัง วันนี้มีธุระ”


“แล้วงานวันเกิดน้องไอ้เปรมเสาร์นี้ล่ะ มึงไปไหม” จอมทัพถาม


“เออ ไป” ตรีเพชรรีบเก็บของของตัวเอง


“อ้าวเพชร จะรีบไปไหนคะ” โบว์เห็นท่าทีรีบร้อนของตรีเพชรแล้วนึกประหลาดใจ ธุระอะไรสำคัญเสียจนทำให้ชายหนุ่มผู้ชินชาไม่สนใจอะไรถึงกับรีบเร่งออกจากห้องเรียนไป


“ไปคณะมนุษย์” ตรีเพชรตอบแค่นั้น แล้วร่างของชายหนุ่มก็หายพ้นไปจากธรณีประตู สองขาของเขาเร่งฝีเท้าเพื่อให้ไปถึงรถ
ของตัวเองโดยเร็วที่สุด


จอมทัพได้ยินคำตอบของเพื่อนถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย มีบางสิ่งที่ทำให้ชายพูดน้อยคนนี้ตั้งคำถามกับตัวเองในใจ คำถามที่ผุดพรายขึ้นมาในความคิดทำให้เขารู้สึกอึดอัดชอบกล จอมทัพได้แต่ภาวนาให้ความคิดของเขาเป็นเพียงความคิดฟุ้งซ่านที่อีกไม่นานความสงสัยทั้งหลายก็จะจางหายไปราวไม่เคยเกิดขึ้น


ใต้คณะมนุษย์ศาสตร์นักศึกษาหลายคนจับกลุ่มนั่งคุยเล่นกันในยามเย็น นาวา เก้า และนิสาก็นั่งจับกลุ่มกันอยู่ที่โต๊ะไม้ประจำเพื่อให้นิสากับเก้ารอแบงค์และเอ็มมารับไปทานข้าว ส่วนนาวาก็นั่งที่โต๊ะฆ่าเวลาเพื่อรอคนบ้าอำนาจมารับออกไป


“ไอ้สา เป็นไรวะ ยังไม่หายโกรธพวกเราอีกหรือไงหน้าบูดเชียว” เก้าถามนิสาที่นั่งตรงข้ามกัน


“ฉันจะโมโหอีกรอบก็เพราะแกรื้อฟื้นมันขึ้นมานี่แหละ” นิสากอดอกสะบัดดวงหน้าบึ้งตึงออกไปอีกทาง ท่าทีน่ารักนี้ทำให้เพื่อนทั้งสองคนแอบอมยิ้มในใจ นานๆนิสาจะมีท่าทีเยี่ยงผู้หญิงขี้งอนกับเขาบ้าง


“อ้าวไม่ใช่พวกเรา แล้วใครอีกวะ” เก้าแสดงความอยากรู้


“โอ๊ยไม่อยากจะเมาท์” แค่ประโยคนี้ใครๆก็รู้ว่าอีกหน่อยหล่อนก็จะคายทุกอย่างที่หล่อนได้รู้มาให้เพื่อนฟังจนหมดเปลือก คนที่คบหากันมานานทำไมจะไม่รู้ว่านิสา(และนาวา)เป็นคนพูดมากขนาดไหน เรื่องที่รู้ต้องขยายชนิดที่เรียกว่าต้องข่มเขาเพื่อนขืนให้กลืนหญ้า


“เหลือบไปที่โต๊ะข้างๆสิ ยัยผมน้ำตาลทองนั่นน่ะ” นิสาเริ่มปฏิบัติการซุบซิบระยะเผาขน


“นั่นมันตาลเอกจีนนิ” นาวาทบทวนความรู้เกี่ยวกับเพื่อนร่วมคณะ ผู้หญิงคนนี้อยู่รุ่นเดียวกันกับพวกเขาแต่เรียนอยู่เอกภาษาจีน
เจ้าหล่อนเคยลงประกวดดาวของคณะแต่ว่าก็ไม่ได้รางวัลใดๆติดไม้ติดมือกลับมา


“ฉันเจอยัยนี่ที่ห้องน้ำ” นิสาเริ่มเปิดฉาก เก้ายกคิ้วสูงบ่งถึงคำถามว่าแล้วไงต่อ นิสาเลยต้องคายเรื่องที่ทำให้เธอหงุดหงิดออกมา


“ฉันกำลังส่องกระจกของฉันอยู่ปกติ หล่อนกับพวกของหล่อนก็ออกมาจากห้องน้ำหัวเราะคิกคัก เรื่องที่คนพวกนี้หัวเราะชอบใจก็เพราะว่าเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ตาลมันเคยควงพี่เพชร!”


“ฮ่าๆ สา แกหึงหรือไง” เก้าถามสาอย่างไม่คิดปิดบังสิ่งที่สงสัย


“บ้าเรอะ” นิสาปฏิเสธหนักแน่น “ฉันโมโหแทนนาวามันต่างหาก”


“ห๊ะ แกมาโมโหแทนทำไม” นาวาถามออกไปเสียงหลง เขาไม่ได้ข้องเกี่ยวกับไอ้บ้าเพชรนั่นสักหน่อย จะโกรธทำไม


“โถ่เอ้ย แกมันไม่รู้อะไรนาวา” นิสาหันมาเหวี่ยง “ยัยพวกนั้นมันพูดว่า ‘พี่เพชรชอบชวนตาลไปโน่นมานี่ แถมยังเคยพาตาลขึ้นคอนโดไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ต่อไปตาลคงเป็นว่าที่นายหญิงของวรจักรกรุ๊ป’ เพื่อนยัยนั่นก็นะ… อวยกันไปต่างๆนาๆ เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก มันทำให้ฉันโมโหตอนที่พวกมันหันมาเจอฉันน่ะสิ”


“ยังไง หน้ากระจกห้องน้ำก็มีอยู่แค่นั้น ไม่เห็นกันก็แปลกแล้ว” เก้าว่า


“หึ น้อยไปสิ คนมันจงใจจะพูดให้ฉันได้ยินต่างหาก” นิสาพูดเสียงดัง ไม่สนใจถึงโต๊ะข้างๆที่ตนกำลังนินทาให้รู้ซึ่งๆหน้า “พอเห็นหน้าฉันก็พูดประมาณว่า ‘อุ๊ยสา โทษทีนะที่พวกเราพูดเสียงดังเธอคงไม่ถือนะ แต่เอ…ได้ข่าวสากับเพื่อนก็เคยไปทานข้าวกับพี่เพชรนิ คงจะพอรู้จักแฟนของตาลอยู่บ้าง ไม่ถือนะ’ ฉันพยักหน้าส่งๆไปตั้งใจจะออกจากห้องน้ำ แต่อิพวกปากไวดันดักฉันไว้ก่อน เพื่อนสนิทยัยตาลนั่นพูดกับฉันว่า ‘วันก่อนเห็นเพื่อนของสาที่ชื่อนาวาน่ะ นั่งรถไปกับพี่เพชร แถมอีกวันพี่เพชรปั่นจักยานให้นาวาซ้อนอีก นาวากับพี่เพชรดูไม่น่าจะมารู้จักกันได้นะ คือแบบว่าน่าจะอยู่กันคนละสังคมน่ะ พวกสาไปรู้จักไปสนิทกับพี่เพชรขนาดนั้นได้ยังไง’”


“ผู้หญิงนี่น่ากลัวแฮะ” เก้าพูดขึ้นมาเบาๆ


คนละสังคม… น่าจะหมายถึงอยู่กันคนละระดับสินะ นาวาไตร่ตรองในใจ


“ฉันได้ยินแบบนั้นแทบจะปี๊ดแตก แต่ยังดีที่ฉันยังไม่อยากโดนรุม ก่อนจะออกมาฉันเลยบอกพวกปากหอยปากปูไปว่า ‘โอ๊ย พวกเราน่ะสนิ๊ทสนิทกับกลุ่มเพื่อนของพี่เพชร โดยเฉพาะพี่เพชรเนี่ยสนิทม๊ากมากถึงขั้นเห็นและสัมผัสรสจูบกันมาแล้ว!’”


“ฮ่าๆๆ” เก้าตบโต๊ะหัวเราะตลกวิธีแก้เผ็ดของนิสา


“อะไรนะ” ต่างกับนาวาที่ร้องเสียงหลง อายสิ่งที่เพื่อนพูดออกไป “ที่ว่าเห็นและสัมผัสนี่มันยังไงไอ้สา”


“ก็ฉันเห็น แกสัมผัสไง” นิสาตอบกลับด้วยแววตาใสซื่อที่ซ่อนความซุกซนเอาไว้


“โอ๊ยจะบ้าตาย” นาวาบ่นพลางเอาหัวฟุบลงบนกระเป๋า


‘I was a quick, wet boy, diving too deep for coins. All of your street light eyes wide on my plastic toys’ เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์นาวาดังขึ้น เป็นเหตุให้คนที่กำลังก้มหน้าหนีความอับอายต้องกดรับโทรศัพท์


“ฮัลโหล” นาวากรอกเสียงไป


‘อยู่ไหน’ ปลายสายถามมาสั้นๆ น้ำเสียงของคนที่โทรมาทำให้นาวารู้ได้ทันทีว่าคุยอยู่กับใคร จะใครที่ไหนล่ะก็ไอ้คนที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ไง


“อยู่ใต้คณะ” คนตัวเล็กกรอกเสียงชินชาใส่ บ่งถึงความรำคาญให้อีกฝ่ายทราบ


‘อือ เดี๋ยวไปรับ’


“เฮ้ยไม่ต้อง เดี๋ยวออกไปเอง ไปรอแถวๆวงเวียนก่อนถึงคณะดิ” นาวาบ่ายเบี่ยงไม่ให้ชายหนุ่มมาหา


‘ทำไมต้องไปที่วงเวียน ไกลก็ไกล’


“เอาน่า ทำตามที่บอกมั่งเหอะ” นาวาต่อรอง


‘อ๋อ ไม่อยากให้เพื่อนรู้ละสิ’ น้ำเสียงยียวนกลั้วหัวเราะของอีกฝ่ายจับทางนาวาได้


“ช่างเหอะน่า ไปรอที่วงเวียนนะ” คนตัวเล็กพูด


‘ไม่ต้องออกไปรอละ ไปพร้อมกันเลย’


“พูดอะไรของนาย งง”


‘หันมามองข้างหลังดิ’ แล้วสายจากตรีเพชรก็ตัดไป


เมื่อนาวาหันไป ชายหนุ่มหยุดอยู่ด้านหลังเขาพอดี ทำให้หัวทุยๆของเด็กแว่นชนกับหน้าท้องแกร่งของตรีเพชร นาวาได้กลิ่นหอมของเสื้อผ้าและน้ำหอมโชยมาอ่อนๆจากสัมผัสที่ไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเงยหน้าไปก็พบกับรอยยิ้มและดวงตาเรียวรีของชายหนุ่มรออยู่แล้ว


“ไอ้ตี๋ มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงตกใจหมด” นาวาบ่นแก้อาการงกๆเงิ่นๆของตัวเอง


“อ้าวก็บอกแล้วนิว่าจะมา” ตรีเพชรพูดไป


“พี่เพชร” นิสาเรียกตรีเพชรเสียงดัง จนทำให้โต๊ะข้างๆหันมามองเป็นตาเดียว “จะมารับวาไปเหรอคะ”


“อื้ม” ตรีเพชรยิ้มตอบรุ่นน้อง “พอดีมาส่งก็ต้องมารับกลับน่ะ”


“อ๋อถึงว่า วันนี้วามันไม่ปั่นจักรยานมา แต่มันโกหกพวกเราว่านั่งแท็กซี่มาค่ะพี่เพชร” นิสาหญิงสาวหัวไว หาทางแก้เผ็ดเพื่อนจอมบิดบังด้วยการแสร้งยิ้มใสไร้เดียงสาแล้วแฉทุกอย่างที่มันบิดบังเอาไว้อย่างไม่รู้สึกร้อนหนาวอะไร


“เพื่อนเรานิสัยแย่เนาะ” ตรีเพชรบ่น


“แย่โคตรครับพี่เพชร ไม่เห็นบอกอะไรมั่งเลย พวกเราอุตส่าห์เป็นห่วงกัน เห็นปกติงกไม่ยอมเสียเงินให้แท็กซี่” เก้าก็ร่วมวงซ้ำเติมนาวาด้วยอีกคน


“ไว้พี่จะดัดนิสัยให้ละกัน” ตรีเพชรยกยิ้ม และส่งเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ เรียกให้ใบหน้าของนาวาหงิกงออย่าไม่สบอารมณ์


“ไปกัน…” ตรีเพชรจะชวนนาวาให้ออกไป แต่ชายหนุ่มกลับพูดไม่จบประโยคเมื่อรู้สึกว่าแขนข้างขวามีมือบางคู่หนึ่งมาคล้องเอา
ไว้ เขาจึงต้องเบนความสนใจไปที่หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยควงไปไหนมาไหนด้วยในระยะเวลาสั้นๆ


“พี่เพชรคะ” ตาล หญิงสาวผู้ที่เคยอยู่ในบทนินทาของนิสากำลังเกาะแขนตรีเพชร ตรีเพชรมองมือที่เกาะแขนเขาด้วยปลายตา
“มาทำอะไรแถวนี้คะ ตอนบ่ายตาลโทรไปแต่สงสัยพี่เรียนอยู่เลยไม่ได้รับ คือเย็นนี้ตาลกะจะชวนพี่ไปหาอะไรทานกันที่ร้านเดิมของเราน่ะค่ะ”


ทุกถ้อยคำของตาลบอกชัด หล่อนกับตรีเพชรเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ร้านเดิมของเรา… นาวายิ้มเยาะ ร้านเดิมของหล่อนและใครอีกหลายคนที่หมอนี่เคยพาไปละสิไม่ว่า คิ้วน้อยๆของนาวาขมวดไม่ชอบใจ พลางคิดว่าตัวเองไม่น่ามาข้องเกี่ยวกับชายเจ้าชู้ประตูดินอย่างตรีเพชรเอาเสียเลย


“พี่มีธุระกับคนแถวนี้ครับ แต่คนนั้นไม่ใช่ตาลนะ” ตรีเพชรพูด ชินชา แต่ยังคงสุภาพรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเอาไว้ได้อย่างงดงาม นาวาได้แต่นึกหมั่นไส้ชายหนุ่มอยู่ครามครัน คนแถวนี้… เดี๋ยวเถอะพ่อจะสอยให้ร่วง ไอ้คนแถวนี้


“แต่พี่เพชรบอกแล้วว่าถ้าว่างจะพาตาลไปทานข้าวไปดูหนัง” ตาลยังคงดึงดัน


“แต่วันนี้พี่ไม่ว่างครับ” ตรีเพชรแกะแขนออกจากตาลอย่างสุภาพ


วันอื่นก็ไม่ว่าง


ทุกสายตาหันมามองที่ต้นเสียงด้วยแววที่มีอารมณ์แตกต่างกันไป สายตาของตาลและเพื่อนออกจะโมโหนิดๆ นิสาและเก้าส่อแววสงสัยชัดเจน แต่แววตาของตรีเพชรกลับประหลาดใจและตกใจอยู่ในที


นาวาลุกขึ้นยืดตัวสุดความสูง เกี่ยวกระเป๋าหนังสีน้ำตาลแก่ขึ้นบ่าแล้วออกเดินนำตรีเพชรที่ยืนอึ้งอยู่กับที่ เมื่อรู้สึกว่าไม่มีใครตามมา นาวาจึงหันมองคนข้างหลังฉายปลายตาเพียงแวบเดียวราวไม่อยากมองให้เสียลูกกะตา


                          โอ้ว่าพี่โจนาธานข้าขานเรียก       



“ไอ้ตี๋จะไปไหม ร้านเดิมน่ะ” เสียงเรียกของนาวาทำให้เพื่อนสองคนประหลาดใจ ร้านเดิม… นิสาเลิกคิ้วอย่างสงสัยพลางเข้าใจว่าเพื่อนของตัวเองนี่ชอบแก้เผ็ดคนเล่นเหมือนกัน


“ปะ ไปครับ” ตรีเพชรขานรับ พลางเรียกสติของตัวเองกลับมา รอยยิ้มฉาบฉายบนใบหน้าก่อนชายหนุ่มจะวิ่งตามนาวาไป


 :L2: :กอด1: :hao7: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 16-06-2015 01:10:30
สะใจ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 16-06-2015 01:17:01
โอ้ยยย ฉันรอพวกแกเปิดตัวจะไม่ไหวแล้วนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 16-06-2015 03:10:36
สะใจจ นังชะนีหน้าหงายไปสิ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: rungtiwa23337 ที่ 16-06-2015 07:44:52
อนาคตไม่กลัวเมียแน่นอน 55555+    :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 16-06-2015 08:26:27
ตอนนี้มองเห็นอนาคตเลยยยย

เข้าสมาคมกลัวเมียได้
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-06-2015 11:34:40
5555 สาวๆนี่ไม่กลัวเสียหายกีนเล้ยยย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 16-06-2015 11:43:16
ในอนาคตนาวาคงได้เป็นใหญ่ 55555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 17-06-2015 15:37:40
กลอนของเดวิดเพราะดีนะครับ เพิ่งรู้ว่าหินอ่อนเดวิดมีคนรักเป็นผู้ชาย

ตอนนี้เริ่มเห็นว่าเพชรแอบกลัวนาวานะ 555

รีบมาต่อนะคับ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 17-06-2015 15:51:20
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 17-06-2015 18:08:06
โอ๊ยย คนเขียนมาต่ออีกไวๆนะคะ
อยากอ่านอีกเยอะๆเลย

ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 17-06-2015 20:23:33
เพชรเอ๋ยมองเห็นอนาคตรำไรๆ สงสัยจะได้เข้าสมาคมเกียมัวกลัวเมียแน่ๆ :laugh:
นาวาเจ๋งมาก o13
มาต่อตอนต่อไปไวๆนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 17-06-2015 21:43:20
 o13
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 17-06-2015 22:08:29
 o13
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 18-06-2015 18:23:33
 :hao7:

อ่านตอนนี้แล้วเขินแทนพี่เพชร นั่นนาวากำลังหึงใช่ไหมคะ
55 จะว่าไปพี่เพชรส่อเค้ากลัวเมียมาตั้งหลายตอนแล้วนะ
 
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_Halloween ที่ 18-06-2015 18:39:43
ท่องคาถาบูชาเมียไว้รอเลยนะ ชะนีก็หน้าหงายหาทางกลับบ้านแทบไม่เจอ โอ๊ย สะใจ  :m20:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 18-06-2015 21:36:54
ตรีเพชรนี่มันพ่อบ้านใจกล้าชัดๆ
 :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: eium ที่ 18-06-2015 22:13:55
ตลกพี่เพชร55555555555555 :m20: คนเขียนมาต่อไวๆนะคะอยากอ่านอีกกก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 19-06-2015 08:51:05
นาวาน่ารักเนอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 2/3 P.13 (16/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 19-06-2015 16:01:07
Mon Fiance
ไอ้เฉิ่มนั่น... คู่หมั้นผม
 :L2:
บทที่ 7 ความลับของเรา 3/3




เสียงพลิกหน้าหนังสือ เสียงดินสอตวัดตัวอักษรลงบนกระดาษขาว และเสียงลมกลางคืนพัดอู้ดังคลอไปกับเสียงเพลงที่เปิดไว้เบาๆขณะทำการบ้าน นาวานั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสืออย่างนั้นได้พักใหญ่แล้ว โคมไฟสีเหลืองส่องสว่างอยู่บนโต๊ะทำให้เด็กหนุ่มมีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานที่ต้องทำ  ดวงตาสีน้ำตาลประกายทองภายใต้แว่นกรอบหนาเหลือบมองไปที่เตียงของตัวเองบ้างเป็นครั้งคราว


ห้องพักขนาดไม่ใหญ่นักของเด็กหนุ่มถูกอัดไปด้วยชั้นหนังสือ ซีดีเพลง ภาพถ่ายตามผนังห้อง และตุ๊กตาที่มีอยู่เกือบเต็มเตียงแต่ตัวที่ใหญ่ที่สุดเห็นจะเป็นตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลอ่อนผูกโบว์ริบบิ้นสีแดงสด ตรงผนังห้องใกล้ๆเตียงมีไฟกระพริบแอลอีดีสีฟ้ากับสีส้มอ่อนเปิดไว้ ทำให้บรรยากาศในห้องดูอบอุ่นไม่เงียบเหงานัก


ในห้องที่มีเพียงแสงจากโคมไฟและไฟดวงเล็กๆสีฟ้ากับสีส้มอ่อน จะเป็นห้องที่เงียบงันมากหากไม่มีเสียงเพลงเปิดคลอเบาๆและเสียงพลิกตัวไปมาเพื่อเรียกร้องความสนใจของคนบนเตียง


ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีรัตติกาลทอดสายตามองด้านหลังของนาวา แววตาอ่อนโยนที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนักกำลังบันทึกภาพของเด็กหนุ่มสวมแว่นที่กำลังทำการบ้านอย่างตั้งใจเอาไว้ในความทรงจำ ตรีเพชรหนุนตุ๊กตาหมีตัวใหญ่นอนมองนาวาอยู่อย่างนั้นมาได้พักใหญ่แล้ว ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าห้องนี้คงจะเงียบมากหากไม่ได้เสียงเพลง ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองว่าจะต้องทำอย่างไรหากต้องอยู่ในห้องเงียบๆนี้เพียงลำพังทุกคืน เตียงของเขาจะต้องเต็มไปด้วยตุ๊กตาแบบนี้หรือเปล่า…


โต๊ะหนังสือตัวนั้นตั้งติดหน้าต่างห้องที่กำลังเปิดรับลม ผ้าม่านสีขาวสะบัดพลิ้วไหวเพราะลมพัดแรงขึ้น ดูท่าคืนนี้ฝนจะตก เด็กหนุ่มถอดแว่น ปิดหนังสือ และเก็บกระดาษโน้ต นาวาดันเก้าอี้แบบหมุนได้ให้หันหน้าไปเผชิญกับคนที่นอนแผ่อยู่บนเตียง


“กลับสักทีสิ” นาวาสางผมลวกๆ นิ้วชี้กับนิ้วโป้งนวดเบาๆตรงสันจมูกระหว่างตาเพื่อคลายความเหนื่อยล้าจากการใส่แว่นเป็นเวลานาน


“สายตาสั้นเท่าไหร่” ตรีเพชรพลิกตัวในท่าที่สบายหนุนตุ๊กตาหมีอยู่อย่างนั้น


“ยุ่ง” นาวา


“ไม่ใส่แว่นได้ไหม” ชายหนุ่มถาม


“ไม่ใส่ก็เห็นไม่ชัดสิ” นาวากอดอก “นายน่ะกลับได้แล้วจะสี่ทุ่มแล้วนะ ไหนว่าขึ้นมาส่งแป๊บเดียวไง”


“ใกล้แล้วน่า ไล่จริง” ชายหนุ่มเด้งตัวขึ้นนั่งกอดอกมองนาวาเต็มสองตา


“พูดอย่างนี้มาตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว”


“แล้วเห็นว่าไปไหมล่ะ” คุณเพชรถาม


“ไม่ไปสักที”


“รู้อย่างนี้ก็เลิกไล่ได้แล้ว พอใจจะไปก็ไปเองแหละ”


“หน้าด้านดีนะ” นาวาชื่นชมชายหนุ่ม “ทำตามอำเภอใจของตัวเองทุกเรื่องเลยหรือไง”


“อืม…” ชายหนุ่มทำท่าคิด “ส่วนมากอะนะ”


“เหมือนเรื่องของตาลใช่ไหม พอใจจะทิ้งเมื่อไรก็ทิ้ง”


“ฮ่าๆๆ” ตรีเพชรหัวเราะออกมาเพราะท่าทีสนใจใคร่รู้ของนาวา “อันนั้นมันคนละเรื่องกัน”


“ยังไง” นาวาถาม


“อยากรู้ไปทำไม”


“เรื่องของชาวบ้านเป็นงานของเรา ไม่เคยได้ยินหรือไง”


“โถ่นึกว่าหึง” ตรีเพชรหยิบตุ๊กตาหมีมากอด


“ฝันไปเหอะ” นาวาย่นจมูกใส่ชายหนุ่มที่อยู่บนเตียง “แค่อยากรู้นายทิ้งผู้หญิงคนนั้นเพราะอะไร ข่าวว่ามีคนควงเยอะนิ”


แม้จะบอกว่าไม่รู้สึกอะไร ไม่สนใจอะไร แต่ปลายเสียงของนาวาดูไม่พอใจอยู่ในที ความรู้สึกเล็กๆนี้เรียกร้อยยิ้มให้ฉาบฉายบนใบหน้าของตรีเพชรอีกครั้ง


“จะพูดไงดี” ตรีเพชรทำท่าคิด “กับผู้หญิงที่เข้ามาทุกคน ตกลงกันแล้วตั้งแรกว่าไม่ผูกมัด ไม่ถือเป็นความสัมพันธ์แบบโรแมนติก
แต่อย่างใด ถือว่าวินวินทั้งคู่”


“วินวิน?” นาวาเลิกคิ้ว


“ฉันได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ ส่วนพวกนั้นก็ได้ของที่อยากได้ กระเป๋า รองเท้า อะไรก็ได้แค่บอกมา และแน่นอนพวกเขาก็ได้สิ่งที่
ต้องการ”


นาวาพอรู้ว่า ‘สิ่งที่ต้องการ’ ของทั้งสองฝ่ายคืออะไร เป็นเหตุให้เด็กหนุ่มย่นหน้าอย่างขัดใจ


“Lustful.” นาวาว่าให้


“คนเรามีความต้องการกันทั้งนั้นแหละ” ตรีเพชรให้เหตุผล “จะมากหรือน้อยมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน เรื่องความต้องการมันเป็น
เรื่องธรรมชาติฝืนไม่ได้หรอกนะ ว่าแต่ฉันเถอะ นายล่ะเตี้ย ไป lustful กับใครบ้างหรือเปล่า”


“เยอะแยะ ขี้เกียจจะนับ”


“ห๊ะ?!” ตรีเพชรร้องเสียงหลง


“ตกใจอะไร เรื่องธรรมชาติ”


“มะ ไม่จริง” ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนใจสลาย


“ไม่เชื่อก็ตามใจ” นาวาไหวไหล่อย่างไม่แยแส


“มันเป็นใคร” ตรีเพชรลุกจากเตียงก้าวมาที่นาวา มือหนาของเขาบีบแขนเด็กหนุ่มจนนาวารู้สึกได้ถึงแรงที่กดลงมา


“หึ” นาวาสะบัดแขน “ซื่อหรือโง่วะเรื่องโกหกก็เชื่อ ใครจะไปเหมือนนายเล่าไอ้ตี๋ มีคนโน้นคนนี้ไปทั่ว”


ตรีเพชรถอนหายใจ ชายหนุ่มรู้สึกโล่งอกครามครัน


“ถอนหายใจทำไม” นาวาเงยหน้าถามคนที่ยืนเผชิญหน้าเขาอยู่


“โล่งอกไป นึกว่าคู่หมั้นจะไม่สดเสียแล้ว” ชายหนุ่มพูดแหย่นาวา


“ปากดี คนที่ได้ของไม่สดคือฉันต่างหาก”


“….” ตรีเพชรรู้สึกจุกในอก


“พูดไม่ออกสินะ” ทั้งสองนิ่งเงียบอยู่สักครู่ก่อนนาวาจะพูดออกมาลอยๆ “เห็นแก่ตัวจัง”


“เห็นแก่ตัวยังไง” คุณเพชรไม่เข้าใจ


“นายโล่งอกที่ฉันไม่มีใคร แต่ในขณะเดียวกันนายกลับมีคนโน้นคนนี้เยอะไปหมด คิดดูสิ ถ้าฉันมีคนอื่นแล้วนายไม่มีใคร นายยัง
จะโล่งใจอยู่ไหม แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าเห็นแก่ตัวให้เรียกว่าอะไร”


“…ขอโทษ” มือหนาของชายหนุ่มจับลงที่ไหล่บางของนาวา ความอุ่นของมันทำให้เด็กหนุ่มเหลือบตาสีน้ำตาลทองขึ้นมองบุรุษที่ยืนอยู่


“ขอโทษทำไมเรื่องธรรมชาติ ทำแบบที่นายเคยทำเถอะ” น้ำเสียงเรียบเย็น สายตาชินชาของนาวาส่งถึงตรีเพชรที่ก้มมองลงมา


“แต่เราเป็นคู่หมั้นกันนะ ฉันไม่ควรทำแบบนั้น” ตรีเพชรเอ่ยนุ่มแววตาวูบไหว


“รู้ด้วยเหรอ” นาวาหันหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมองไปทางชายหนุ่ม


“นายโกรธ”


“…..” นาวาเงียบ ไม่แก้ตัวแต่อย่างใด


ใช่… นาวาโกรธ เด็กหนุ่มรู้ดีแก่ใจ เลยไม่ปฏิเสธออกมา


“จนกว่าจะเรียนจบ เราต้องหมั้นกันอีกนานนะ” นาวาถอนหายใจเบาๆ “ถึงมันจะเป็นเพราะผลประโยชน์ของเราทั้งสองคนก็ตาม
การที่ผู้ชายสองคนหมั้นกันแค่นี้ก็ตลกพออยู่แล้ว อย่าให้ฉันกลายเป็นตัวตลกของใครๆเพียงเพราะคู่หมั้นควงคนอื่นทั้งๆฉันยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้เลย ฉันไม่อยากเป็นคนพ่ายแพ้อีกแล้ว ไม่อยากให้แม่ลูกที่บ้านนั้นถากถางฉันได้อีกแล้…”


“…ชู่ว” นิ้วชี้เรียวยาวของตรีเพชรจรดริมฝากของนาวาเพื่อหยุดคำพูดสะเทือนใจเอาไว้เพียงเท่านั้น


มือหนาของชายหนุ่มโอบบ่าน้อยๆของนาวาเข้าใกล้ตัวเอง มืออีกข้างโน้มหัวทุยๆของคนตัวเล็กให้ซบลงมาที่หน้าท้องของเขาแล้วชายหนุ่มจึงลูบเส้นผมสีดำสลวยอย่างแผ่วเบา ทะนุถนอม


“เพราะตอนนี้มีคู่หมั้นแล้ว ต่อไปจะไม่มีใครอีก จะดูแลไม่ให้ใครทำร้ายนายได้” เสียงนุ่มแต่หนักแน่นของตรีเพชรส่งไปถึงคนตัวเล็กที่เขาคอยปลอบประโลม


“สัญญา?”


“สัญญา” คำตอบของเขาหนักแน่นราวขุนเขา




....


มีต่อข้างล่างนะครับ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: mori406 ที่ 19-06-2015 16:04:39
 :hao7: :hao7: :hao7:

กรี๊ดดดด ดีใจที่มาต่อซะที     

รอคอยอยู่นะคะ  รอลุ้นงานหมั้นของตี๋กับแว่นอยู่
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 19-06-2015 17:51:11
มาอัพแล้ว โฮฮฮฮ

มีต่อด้านล่างงง หายไปไหนแล้วคนเขียน :ling1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 19-06-2015 17:52:36
กรี๊ดดด งี้เค้าเรียกว่าหึงค่ะลูกขาหนูวาเปิดตัวออกไปเลย จะได้ไม่มีใครกล้ามาแตะพี่เพชรไงลูก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 19-06-2015 18:07:07
ไหนๆๆๆ ต่อข้างล่าง กลับมาต่อเดี๋ยวนี้น้าาาาาา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 19-06-2015 18:11:02
ไหนต่อข้างล่าง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 19-06-2015 18:17:52
คนเขียนกลับมาก่อนนนน
ไหนข้างล่าง แทบพลิกหน้าตอคอมดูแล้วนะ 55555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 19-06-2015 19:32:42
ฮัลโหลล ต่อข้างล่างอยู่ไหนเอ่ย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-06-2015 19:35:05
ส่วนข้างล่างไปไหน

กะจะฟินกับคำสัญญาต่อซะหน่อย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: holyhilly ที่ 19-06-2015 20:45:46
 :hao7: รอ ต่อข้างล่าง นะจ๊ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 19-06-2015 21:41:28
รอต่อข้างล่างอยู่น้า :katai5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 19-06-2015 22:09:59
มาแล้วคร้าบบบบบบบ เผลอหลับไปแหะๆ ขอโทษที

แปะลิ้งเพลงนะ https://www.youtube.com/watch?v=Xs9X8NhQJF4 (https://www.youtube.com/watch?v=Xs9X8NhQJF4)

 :o8: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 19-06-2015 22:18:45
ต่อตรงนี้

แปะลิ้งเพลง(อีกที) https://www.youtube.com/watch?v=Xs9X8NhQJF4 (https://www.youtube.com/watch?v=Xs9X8NhQJF4)



เสียงลมกรีดพัดอยู่ด้านนอกดังผ่านหน้าต่างเข้ามา ผ้าม่านสีขาวบริสุทธิ์พัดพลิ้วไปตามแรงลม ความชื้นของกลางคืนบวกกับความชื้นของบรรยากาศก่อนฝนตกที่แฝงมากับสายลมทำให้คนในห้องรับรู้ถึงความเย็นของอากาศภายนอก


ตรีเพชรเชยคางนาวาให้หันมองตนเอง เสียงอ่อนโยนของเขาเอ่ยคำถามที่นาวาไม่อยากให้คำตอบ


“แต่นายแน่ใจเหรอว่าฉันยอมหมั้นเพียงแค่ผลประโยชน์ แค่อาม่ายึดบัตรยึดรถ แค่นั้นเองเหรอ?”


สายตาอ่อนหวาน และน้ำเสียงนวลนุ่มทำให้นาวาต้องหันหน้ามองสิ่งอื่น เด็กหนุ่มผลักคนตัวโตออกแล้วลุกไปนั่งบนเตียง


“นายกลับไปเถอะ ดึกแล้ว” นาวาดึงตุ๊กตาหมีมากอด จัดหมอนของตัวเองเตรียมตัวจะนอนเพื่อไล่ให้ชายหนุ่มกลับไปเร็วๆ


“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย” ตรีเพชรเบียดลงไปบนเตียง ชายหนุ่มนอนลงแนบใกล้นาวาที่กอดตุ๊กตาหมีคั่นกลาง


“อย่าเอาพี่หมีออกไปนะ” นาวาร้องโวยเมื่อตรีเพชรพยายามดึงตุ๊กตาหมีออกไปเพื่อลดช่องว่างระหว่างทั้งสอง


“หวงอะไรนักหนากะอีแค่ตุ๊กตาหมีโง่ๆตัวนึง”


“ไม่ใช่ตุ๊กตาหมีโง่ๆนะ นี่มันตุ๊กตาของพี่จอมต่างหาก” นาวาเถียง


“ตุ๊กตาไอ้จอม?” ตรีเพชรทวนคำ


“ใช่! อยากได้ก็ไปขอพี่จอมให้ซื้อตัวใหม่ให้สิ แต่ตัวนี้ไม่ให้เว่ย”


“ใครอยากได้? จะเอามันไปทิ้งใต้เตียงต่างหาก” ตรีเพชรออกแรงแย่งตุ๊กตามากขึ้น “แล้วไอ้จอมซื้อให้ตอนไหน สนิทกับมันมาก
นักหรือไง”


“ยุ่ง” นาวาพยายามยื้อพี่หมีสุดแรง แต่ไหนเลยจะสู้แรงมหาศาลของชายตัวโตอย่างตรีเพชรได้ พี่หมีที่น่าสงสารจึงหลุดติดมือ
ตรีเพชรแล้วโดนโยนทิ้งลงข้างเตียงอย่างไม่ใยดี


“ต่อไปอย่าให้เห็นกอดตุ๊กตาหมีตัวนี้อีก” ชายหนุ่มดึงนาวาเข้ามานอนใกล้ๆ แม้นาวาจะดิ้นแต่ก็สู้แรงของชายหนุ่มไม่ได้


“บ้าอำนาจ” นาวาบ่น “ใครจะไปทำตาม”


“ไม่ทำก็ตามใจ แต่คงไม่ว่ากันนะถ้าเพื่อนนายรู้เรื่องของเราขึ้นมา” ตรีเพชรพูดอย่างคนกำชัยชนะเอาไว้


“ห้ามให้พวกนั้นรู้เด็ดขาดเลยนะ” นาวารีบพูด


“ทำไม”


“เถอะน่า”


“ยังไงก็ต้องรู้อยู่ดี ฉันเชิญพวกนั้นมางานหมั้นแล้วนิ ตอนทานข้าวจำได้ใช่ไหม”


“เฮ้อ” นาวาถอนหายใจ


“ทำไมต้องให้เรื่องนี้เป็นความลับด้วย” ชายหนุ่มถาม น้ำเสียงแฝงความเหนื่อยอ่อนอยู่ในที


“ถ้าพวกนั้นรู้ ก็วางตัวไม่ถูกน่ะสิ”


“เพื่อนกันก็วางตัวเหมือนเดิมสิ” ตรีเพชรว่า


“ใครว่าเรื่องวางกับพวกมันเล่า ถ้าพวกมันรู้ฉันจะวางตัวต่อหน้านายไม่ถูกต่างหาก แต่ละคนแสบอย่ากะอะไรดี พวกมันต้องแซว
แน่ๆ” นาวาเผยสิ่งที่ตัวเองกลัว


“นายกลัวตัวเองเขินหรือไง”


นาวาหน้าแดง แต่กลับส่ายหน้าปฏิเสธ


“นั่นไงเขินจริงด้วย” ตรีเพชรฉีกยิ้ม ดึงคนตัวเล็กเข้าอ้อมอกของตัวเอง


“ใช่ว่าเพื่อนนายขี้แซวคนเดียวซะที่ไหน เพื่อนฉันแต่ละคนก็ใช่ย่อย” ตรีเพชรกระชับอ้อมแขน ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่ฉันจะบอกกับเพื่อน บอกกับทุกคนว่าเด็กเฉิ่มๆคนนี้แหละคู่หมั้นฉัน


จิตใจของนาวาวูบไหวอย่างไร้สาเหตุ ทั้งสองไม่พูดสิ่งใดออกมา ต่างคนต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง หนึ่งคนจมอยู่กับความแน่วแน่ของจิตใจตัวเอง อีกคนจมกับความสั่นไหวที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ บรรยากาศนิ่งเงียบของทั้งสองคน มีเพียงแสงไฟดวงเล็กคล้ายหมู่ดาวและเสียงเพลงเบาๆที่เปิดทิ้งไว้ขับคลอให้คนสองคนนอนแนบชิดกัน


                Lyin' here with you so close to me
                It's hard to fight these feelings when it feels so hard to breathe
                Caught up in this moment
                Caught up in your smile


                นอนอยู่ตรงนี้ มีเธอเคียงใกล้
                ยากเกินข่มใจเมื่อรู้สึกหายใจติดขัด
                ติดอยู่ในห้วงเวลานี้
                ติดอยู่ในรอยยิ้มของเธอ



ตรีเพชรพลิกตัวเข้าหาคนร่างเล็ก ดวงตาของเขาจ้องลึกเข้าไปในแววตาสั่นๆของนาวา ชายหนุ่มคลี่ยิ้มให้กับท่าทีหวาดหวั่นนั้น


“ทำไมต้องสั่นด้วย” ตรีเพชรถามนาวา


“ใครสั่น” นาวาเฉไฉ


“ปากแข็ง” ตรีเพชรฉีกยิ้ม “กลัวอะไร”


“…นายเข้ามาใกล้ไป”


“ก็ฉันอยากอยู่ใกล้ๆ” ชายหนุ่มกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างเผลอไผล


“ใกล้ไป” นาวาวางมือทาบลงบนอกของอีกฝ่าย ตั้งใจจะดันให้ร่างหนาออกห่างตัวเอง แต่ฝ่ามือของเด็กน้อยกลับหยุดอยู่บนอกซ้ายของตรีเพชร นาวารับรู้ได้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่รัวเร็ว


                I've never opened up to anyone
                So hard to hold back when I'm holding you in my arms
                We don't need to rush this
                Let's just take it slow


                ฉันไม่เคยเปิดใจให้ใครมาก่อน
                ยากเกินข่มอารมณ์ลงไปเมื่อฉันสวมกอดเธอไว้ในอ้อมแขน
                เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรอก
                ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างช้าๆเถอะนะ



“นาวา…” ตรีเพชรเรียกชื่อของเด็กน้อยอย่างคล่องปาก ทั้งๆที่คำนี้ไม่ค่อยหลุดออกมาจากปากตัวเองมากนัก


“อะไร”


“ที่แล้วๆมาตอนที่ฉันกอดตอนฉันจูบ ตกใจมากไหม”


“…ก็มีบ้าง” นาวารู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนฉ่า สายตาของตรีเพชรที่มองมาน่ากลัวจะทำให้เขาอยากจะเป็นลม


“ยังไม่เคยบอกวาเลย”


นาวายกคิ้วถาม


“ขอโทษที่ล่วงเกินนะ” น้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟังทำให้นาวาหูอื้อ “แต่ฉันไม่เสียใจนะที่ได้สัมผัสวาแบบนั้น”


“…อืม” นาวาตกใจกับคำขอโทษของอีกฝ่ายอยู่ครามครัน แม้คืนนั้นคำขอโทษนี้จะเคยได้ยินแล้ว แต่การพูดซึ่งๆหน้าแบบนี้ทำเอาคนตัวเล็กตั้งหลักไม่ทันเหมือนกัน


“ต่อไปจะชั่งใจตัวเองให้มากขึ้น” ชายหนุ่มบอกพร้อมส่งสายตาหวานหยด


ตรีเพชรพลิกตัวคร่อมนาวาเอาไว้ รอยยิ้มบางๆระบายอยู่บินหน้า สายตาเว้าวอนทอดมองลงมา


“ขอนะ”


“ห๊ะ ขออะไร” นาวาใจเต้นไม่เป็นส่ำ


ตรีเพชรโน้มหน้าลงมาใกล้


“…ขอพี่จูบนะ แค่จูบเท่านั้น”


พี่… เคยพูดให้ได้ยินซะที่ไหน พี่…คำนี้ฟังแล้วอบอุ่นปลอดภัย พี่… แสดงความคุ้มครองใช่ไหม


                   Just a kiss on your lips in the moonlight
                   Just a touch of the fire burning so bright
                   No I don't want to mess this thing up
                   I don't want to push too far
                   Just a shot in the dark that you just might
                   Be the one I've been waiting for my whole life
                   So baby I'm alright, with just a kiss goodnight


                   เพียงรอยจูบบนเรียวปากเธอใต้แสงจันทร์
                   เพียงสัมผัสจากเปลวไฟที่สุกใสสว่าง
                   ไม่หรอกฉันจะไม่ทำมันพัง
                   ฉันไม่อยากให้มันเกินเลยไปกว่านี้
                   เพียงแค่โอกาสในความมืดที่เธออาจจะใช่
                   คนคนนั้นที่ฉันเฝ้าคอยมาชั่วชีวิต
                   เพราะฉะนั้น ที่รัก แค่เพียงจูบราตรีสวัสดิ์ฉันก็พอใจ



เรียวปากของตรีเพชรทาบทับลงมาโดยไม่รีรอคำตอบของนาวา รสจุบครั้งนี้หวานละมุนยิ่งนัก ริมฝีปากทั้งสองเตะกันอย่างไม่รีบเร่ง คุณเพชรค่อยๆรุกล้ำตวัดเรียวลิ้นเข้าไปหาความหวานละมุนข้างในริมฝีปากของนาวา เด็กน้อยหลับตารับสัมผัสที่อ่อนโยนนี้อย่างไม่ขัดขืน


เมื่อถอนจุมพิตออกจากริมฝีปาก ชายหนุ่มจูบแก้ม หน้าฝาก และไล่ลงมาที่ลำคอนวลละเอียดนั่น นาวาสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนเร่าของบุรุษเบื้องบน


                     I know that if we give this a little time
                     It'll only bring us closer to the love we wanna find
                     It's never felt so real, no it's never felt so right


                     ฉันรู้ถ้าเราให้เวลาสิ่งนี้อีกสักหน่อย
                     มันจะพาเราเข้าใกล้ความรักที่เราอยากจะเจอ
                     ไม่เคยรู้สึกจริงเท่านี้มาก่อน ไม่เลย ไม่เคยรู้สึกใช่เช่นนี้มาก่อน



“ตัวสั่นทำไมหืม?” เสียงถามของตรีเพชรอ่อนโยน น่าฟัง


นาวาส่ายหน้า พวงแก้มแดงสุกปลั่ง


“บอกแล้วจะไม่เกินเลย ไม่ต้องกลัวหรอก แค่อยากสัมผัสอยากคลอเคลีย”


เด็กน้อยได้แต่คิดในใจว่าคนคนนี้ช่างไม่อายกับคำพูดแบบนี้เลยหรือไง


“สัมผัสพอใจหรือยัง จะนอนแล้ว” เสียงอู้อี้กับแก้มแดงระเรื่อของนาวาเรียกยิ้มที่เห็นยากของตรีเพชรออกมา


เสียงลมพัดอู้ด้านนอก แรงขึ้นเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อน เป็นสัญญาณว่าฝนจะตกลงมาเต็มที ชายหนุ่มรู้ว่าใกล้เวลาที่ต้องกลับเต็มทีแล้ว


“ใกล้เวลาจะต้องกลับแล้วสินะ แต่… ไม่อยากกลับเลย”


นาวาย่นจมูก


“วา… จูบอีกทีนะ”


                    No I don't want to say goodnight
                    I know it's time to leave, but you'll be in my dreams


                    ไม่นะ ฉันไม่อยากพูดว่าราตรีสวัสดิ์
                    ฉันรู้ว่าได้เวลาต้องไปแล้ว แต่ฉันจะอยู่ในความฝันของเธอ



รสจูบเนิ่นนาน อ่อนโยน ทำให้นาวาต้องเกาะแขนแกร่งของตรีเพชรเอาไว้ เด็กน้อยรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอย่างบอกไม่ถูก ทำไมคนคนนี้ต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ ทำไมเขาต้องอ่อนโยนด้วย…


                        …Just a kiss on your lips in the moonlight
                        Just a touch of the fire burning so bright…
                        Just a shot in the dark….
                        … just a kiss goodnight



ตรีเพชรถอนจูบออกไป


“ฝันดีนะครับ” ชายหนุ่มลูบหัวนาวาอย่างแผ่วเบา


แล้วฟูกเตียงก็เด้งตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มลุกออกไป ตรีเพชรหยิบกระเป๋าสะตังค์และคว้ากุญแจรถที่วางไว้บนโต๊ะทำการบ้านของนาวา แล้วออกจากห้องไป ทันทีที่ประตูปิดลงความเงียบก็คืบคลานเข้ามาอย่างเชื่องช้า


ใจของนาวาสั่นไหว เด็กหนุ่มจับเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง ทำไมหัวใจถึงเต้นเร็วขนาดนี้


ฝนเทลงมาแล้ว เสียงฝนหนักๆสาดลงมาอย่างไม่ใส่ใจผู้คนเบื้องล่าง ความชื้นของฝนพาความเย็นให้เข้ามาในห้องจนคนที่อยู่
ด้านในรู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ พลางเป็นห่วงคนที่เพิ่งออกจากห้องไป ฝนตกขับรถอันตราย ฝนตกแล้วเขาจะผ่าฝนไปที่รถของตัวเองยังไง ลานจอดรถของหอไม่มีหลังคา


นาวาเด้งตัวออกจากเตียง คว้าร่มใต้ลิ้นชัก แล้ววิ่งออกไป



ฝนเทลงมาหนักมาก ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจ เห็นทีเขาคงต้องรีบวิ่งไปที่รถเสียแล้ว ชั่งใจและยอมรับได้แล้วว่าต้องเปียกปอน
ตรีเพชรตัดสินใจวิ่งผ่าฝนออกไป ไม่กี่ก้าวที่ผ่านพ้นหลังคาตึก ฝนเม็ดหนักๆรดใส่ตัวของชายหนุ่มจนเสื้อขาวแบนเนื้อ เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังก่อนที่เขาจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น


“พี่เพชร” เสียงเรียกของนาวาทำให้ชายหนุ่มหยุดอยู่ท่ามกลางฝนโปรย

 
พี่เพชร... คำที่ไม่เคยได้ยินตรึงให้ชายหนุ่มหยุดอยู่ท่ามกลางฝนพรำ พี่เพชร... คำนี้พูดคล่องปากราวกับเรียกอยู่เป็นประจำ พี่เพชร...น้ำเสียงอ่อนโยนแบบนั้น เด็กน้อยของเขาจะยอมให้เขาปกป้องหรือเปล่าหนอ...


ฝนฉ่ำเย็นทำให้ตรีเพชรเปียกปอน ชายหนุ่มมองภาพเด็กน้อยวิ่งออกมากับร่มท่ามกลางบรรยากาศฝนพรำ คืนนี้ช่างงดงามนัก


นาวาหยุดอยู่ตรงหน้าตรีเพชร คนสองคนอยู่ภายใต้ร่มคันเดียวกัน


“เปียกแบบนี้จะกลับได้ไง” นาวาพูดขึ้นเมื่อทั้งสองจ้องกัน


ตรีเพชรประหลาดใจ


“ฝนตกหนักแบบนี้ขับรถอันตราย…” นาวาว่า ก่อนจะเอ่ยขึ้นแข่งกับเสียงฝน “คืนนี้นอนนี่เถอะ”


ตรีเพชรรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มคว้าร่างบางมาไว้ในอ้อมกอด เพราะเด็กน้อยของเขาตั้งหลักไม่ทันทำให้ร่มหลุดมือไปตอนโดนกระชากเข้าอ้อมอกของคนตรงหน้า แต่ใครจะสนละต่อให้เปียกปอนแต่อ้อมกอดนี้ก็ยังอบอุ่นเสมอ…


คืนนี้ทั้งคู่คงจะฝันดี…


 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 19-06-2015 22:27:49
 :z13:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 19-06-2015 22:34:14
งื้ออออออ อ่านแล้วเขิล  :o8: :o8: :o8:
เริ่มหวานแล้ว คนอ่านเขินจิกหมอนแทบขาด
พี่เพชรกับวาฝันดี คนอ่านฝันดีกว่า ฟินน 5555555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 19-06-2015 22:44:05
เขินแปป
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 19-06-2015 22:51:11
คนอ่านก็ฝันดีรองานหมั้นอยู่นะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา3/3 P.13 & 14
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 19-06-2015 22:59:09
 o13 ตอนนี้หวานจริง  :-[
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 19-06-2015 23:05:57
หวานนนนนนนนน :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: eium ที่ 19-06-2015 23:52:38
ฝันดี  :o8:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 20-06-2015 00:06:08
หวานนนนน :katai2-1:
ว่าแต่พี่เพชรล่อลวงน้องอีกแล้วนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 20-06-2015 00:22:05
ขอกรี้ด ฮืออออ หวานหยดเลยค่ะ โอ้ย สรรหาคำมาพูดมาพิมพ์ไม่ได้จริงๆ ชอบมาก อยากอ่านอีกค่ะ55

/ดีใจมาที่ตอน2/3 - 3/3ทิ้งช่วงห่างกันไม่นาน
ตั้งตารอตอนต่อไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 20-06-2015 00:58:18
แค่ก แค่ก //สำลักความหวาส

นาวา.. พี่เพชร..

กรี๊ดดดดดดด  :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 20-06-2015 13:29:31
ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักตัวละคร

พี่เพชรน่ารักขึ้นทุกวัน นาวาเองก็เริ่มใจอ่อนแล้วใช่ไหมล่ะ
ตอนนี้หวานละมุนมากมาย

รอตอนต่อไปค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 20-06-2015 14:03:33
ฟินนนนนน :-[ :-[ :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 20-06-2015 14:05:08
ตอนนี้ดีงามมากกกก

ตอนนาวาไปตามเพชรนี่แบบ อ๊ากกกก ฟินที่สุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 20-06-2015 17:22:58
 :-[
น่ารักที่สุดดดดดด
น้องวา กับพี่เพชร
อยากรู้ว่าเพื่อนๆจะแซวแค่ไหน วาขี้เขินไปอีก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-06-2015 19:33:57
น่ารักโว้ยยยย พี่เพชรกับน้องวา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 20-06-2015 19:36:08
หูยย หวานเกิน
อิจฉาแทนจริงๆๆ 5555

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 20-06-2015 19:49:22
เขินเลย หวานมากกก :-[
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 20-06-2015 19:53:39
อร๊ายยยยยยยยยยยยยย    :ling1:

ข้าพเจ้าขอฟินโมเม้นนี้ก่อนสักพัก  :hao7:    :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Respire ที่ 20-06-2015 20:06:58
อ๊ายยยยยยย ช่างอบอุ่นในหัวใจซะเหลือเกิน มันน่ารักเกินคำบรรยาย อ่านแล้วมีความสุขมากๆเลย
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: mori406 ที่ 20-06-2015 21:43:52
 :hao6: :hao6: :hao6:

หวานมากกกอ่ะ  พี่เพชรกับน้องนาวา

ขอบคุณนะคะที่มาต่อจนจบตอนนน   :mew1:

อย่าลืมตอนต่อไปนะ   :hao3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 20-06-2015 22:23:17
อ้ากกกกกก เขินนตัวแตกกก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 20-06-2015 22:42:38
เด็กน้อยเริ่มใจอ่อนแล้ว
คืนนี้คนอ่านก็คงหลับฝันดีเหมือนกัน   :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 21-06-2015 12:25:17
 :ling1: ตอนนี้ฟินโคตรๆ

หวานกันจัง

ชอบตอนที่เพชรแทนตัวเองว่า "พี่"
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 21-06-2015 12:52:02
อุ่นจัง :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 22-06-2015 11:30:16
นักเขียนคะรีบมาต่อเร็ว
อยากฟินต่อแล้วนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 22-06-2015 11:41:09
คืนนี้เราก็คงจะฝันดีเหมือนกัน :-[

ฟินนนน   :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 7 ความลับของเรา 3/3 P.13 & 14 (19/6/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 22-06-2015 13:11:56
 :o8: :-[ ตอนที่แล้ววสร้างความหวานท่วมท้น

งั้น ตอนนี้ขอขมๆหน่อยละกันนะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: holyhilly ที่ 22-06-2015 13:17:59
 :impress2: มารอๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 22-06-2015 13:18:56
ไม่นะไม่   :a5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 22-06-2015 13:28:22
Mon Fiance
ไอ้เฉิ่มนั่น... คู่หมั้นผม
 :L2:
บทที่ 8 Ma Maison สะดุดรักที่พักใจ 1/3



อากาศยามเช้าของวันนี้สดชื่นกว่าวันไหนๆ คงเพราะเมื่อคืนฝนตกหนักจนทำให้หลายคนเปียกปอน แม้หยาดฝนจะหยุดโปรยลงไปแล้วแต่ความฉ่ำเย็นของสายพิรุณยังคงทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็น สังเกตได้จากหยดฝนตามต้นไม้ใบหญ้าที่กำลังต้องแสงแดดยามเช้า ส่องแสงระยิบระยับเป็นประกาย ท้องฟ้าหลังฝนก็ยังคงงดงามเฉกเช่นที่เคยเป็นมา เช้านี้แสงสีทองของพระอาทิตย์ฉาบท้องฟ้าสีครามอ่อนนวลตา เป็นเช้าที่สดใสวันหนึ่ง


เพราะความชื้นจากฝนยังไม่จางหาย อากาศเช้านี้จึงหนาวกว่าปกติ


แต่…


เพราะมีอ้อมกอดของกันและกัน ความหนาวจึงไม่สามารถทำให้สั่นสะท้านเหมือนที่แล้วๆมา


ประกายแดดของเช้านี้ปลุกให้เด็กหนุ่มเรือนร่างแบบบางตื่นขึ้น ดวงตากลมโตสีเฮเซิลกระพริบถี่เพื่อปรับแสง มือบางยกขึ้นป้องตากันแสงที่สว่างจ้าจนเกินไป


ภาพแรกที่เขาเห็นเป็นโต๊ะหนังสือตั้งชิดหน้าต่าง ม่านสีขาวต้องแสงแดดเช้ายิ่งขับให้ม่านขาวดูเจิดจ้า


ความรู้สึกแรกที่นาวาสัมผัสคือความอบอุ่นจากอ้อมกอดที่มีใครบางคนสวมกอดจากด้านหลัง แขนใหญ่เปลือยเปล่าของใครบางคนโอบตัวนาวาเอาไว้ แขนอีกข้างสอดใต้ซอกคอคล้ายทำหน้าที่เป็นหมอนให้เด็กน้อยคอยหนุน ลมหายใจของอีกฝ่ายรดรินเส้นผมทำให้นาวารู้ว่าขนาดนอนราบตรีเพชรยังสูงกว่าอยู่ดี เด็กน้อยจึงรู้สึกเหมือนโดนอีกฝ่ายโอบไว้ทั้งตัว เหมือนร่างบางๆของเขาจมหายไปในเรือนกายล่ำสันของใครคนนั้น… ราวเป็นหนึ่งเดียวกัน


คำพูดแรกที่นาวาพูดออกไปคือ


“ไหนว่าจะนอนข้างล่างไงไอ้ตี๋” เด็กน้อยบ่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ พลางใช้ศอกกระทุ้งคนข้างหลังเบาๆเพื่อปลุกให้อีกฝ่ายตื่น


ตรีเพชรรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของคนในอ้อมกอด ทำให้ชายหนุ่มงัวเงียบตื่นขึ้นมา แม้จะได้ยินที่นาวาบ่นไม่ชัดนักแต่ปลายเสียงแบบเคืองๆนั้นพอจะทำให้ชายหนุ่มเดาได้ว่าเด็กน้อยของเขาบ่นเรื่องอะไร ตรีเพชรดึงนาวาที่พยายามจะออกไปจากอ้อมอกของเขาให้เขาใกล้มากขึ้น สวมกอดหนักๆลงไปไม่ให้เด็กดื้อหลุดหนีไปไหนได้ แล้วชายหนุ่มจึงจรดปลายจมูกของตัวเองลงบน
กระหม่อมของนาวา กลิ่นหอมอ่อนของเส้นผมระรวยติดจมูกของตรีเพชรราวกลิ่นกุหลาบแรกแย้ม


“ปล่อยได้แล้วมั้ง” นาวารู้สึกอึดอัด


“นอนต่ออีกหน่อยน่า ยังเช้าอยู่เลย” คุณเพชรพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนซอกคอของนาวาเป็นเหตุให้เด็ก
ดื้อต้องย่นคอหนี


“เช้าที่ไหนแดดจ้าขนาดนี้ สายแล้วนะ”


“เฮ้อ ขี้บ่นเหมือนอาม่าเลย แก่แล้วหรือไงเราน่ะ” ตรีเพชรลืมตาตื่น


“ไม่อยากนอนกินบ้านกินเมืองเหมือนนายนี่หว่า”


“งั้นหันหน้ามาหน่อย” คุณชายต่อรอง


“ปล่อยเหอะจะลุก” นาวาบ่ายเบี่ยง


“หันหน้ามาก่อน จะปล่อย”


นาวาถอนหายใจเบาๆให้กับความเอาแต่ใจของคุณชายผู้ไม่รู้จักโต ร่างบางพลิกตัวหันหน้าไปทางชายหนุ่มเจ้าของดวงตาเรียวรีและริมฝีปากสีกุหลาบสดสวย


นัยน์ตาสีดำของบุรุษตรงหน้าจับจ้องอยู่ที่แววตาที่น้ำตาลทองสดใสนั้น เนิ่นนาน ตรีเพชรมองจ้องเข้าไปในตาของนาวาราวกับจะมองทะลุไปถึงข้างใน สายตาอบอุ่นและรอยยิ้มบางๆของคุณเพชรเรียกให้ใบหน้าของนาวารู้สึกเห่อร้อน เด็กน้อยรู้สึกเหมือนประจุไฟฟ้าเล็กๆแตกกระจายอยู่บนพวงแก้ม ผลลัพธ์ของประจุเคมีนั้นคล้ายมดตัวเล็กๆหยอกกัดให้แก้มของเขาระบบและอมสีซับเลือด


“แค่มองเฉยๆก็เขินเสียละ” เสียงนุ่มแหย่นาวาให้วางตัวไม่ถูก


“คิดไปเองทั้งนั้น” คำพูดของนาวาช่างต่างกับหลักฐานที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า “หันมาแล้วก็ปล่อยสักทีดิ”


“วันนี้เราไปซื้อของกันดีกว่านะ” ตรีเพชรยังคงกอดนาวาอยู่อย่างนั้นโดยไม่สนใจคำทักท้วงแต่อย่างใด “ไปหาคอนแทคเลนส์ใส่
นายจะได้ไม่ต้องใส่แว่น”


“สายตาของฉัน นายยุ่งไรด้วย”


“ไม่ใส่แว่นได้ไหม” เสียงเบานุ่มนั้นแฝงอาการออดอ้อนอยู่ในที “ตาสวยแบบนี้… อยากเห็นชัดๆ”


“ก็…” น้ำเสียงออดอ้อนน่าฟัง กับสายตาหวานเชื่อมทำเอานาวาไม่อยากขัดใจคนบ้าอำนาจ “เวลาใส่เลนส์ตามันแห้ง”


“ใช้เลนส์ไม่อมน้ำ แล้วหยดน้ำตาเทียมบ่อยๆก็ได้”


“ชอบสั่งจัง”


“ไม่ได้สั่ง นี่ขอ” ตรีเพชรยิ้มรับ “ตกลงแล้วนะ?”


“…อือ” นาวาพยักหน้า “ก็ได้”


จุฟ


แล้ว Morning Kiss ก็ถูกขโมยไปอย่างรวดเร็ว


ชายหนุ่มฝันร้าย ในฝันเจ้าของดวงตาสีทองคนนั้นอยู่ไกลเหลือเกิน วิ่งไปเท่าไรก็ไปไม่ถึงสักที เร่งฝีเท้าก็แล้ว ตะโกนบอกให้อีกฝ่ายรอก็แล้ว แต่ดูเหมือนว่าร่างเล็กนั้นจงใจจะอันตรธานไปต่อหน้าต่อตา จอมทัพเหนื่อยหอบ เหงื่อไหลท่วมตัว เมื่อตื่นขึ้นพบว่าผิวกายขับเหงื่อออกมาจนเสื้อนอนฉ่ำชื้น


จอมทัพเด้งตัวลุกนั่งบนเตียง มือยังคงทาบหน้าอกอยู่อย่างนั้น หัวใจของเขาเต้นรัวเร็วราวต้องการสูบฉีดเลือดจนแห้งเหือดกาย แสงแดดที่สาดผ่านหน้าต่างตรงหัวเตียงเข้ามาทำให้รู้ได้ว่าเวลานี้สายมากแล้ว ชายหนุ่มลุกจากเตียง มองสำรวจห้องนอนกว้างขวางของตน มุมหนึ่งเป็นโซนนั่งเล่น ติดกันเป็นชั้นหนังสือเล็กๆทำจากไม้มะฮอกกานีสีน้ำตาลดำ หนังสือมากมายวางเรียงบนชั้นอย่างเป็นระเบียบ ผนังอีกด้านมีม่านยาวสีน้ำเงินปิดไว้ ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงม่านน้ำเงินผืนนั้น มือหนึ่งจับไว้แผ่วเบาทะนุถนอม เขายืนอยู่ตรงนั้น นิ่งงัน


ถึงแม้กาแฟร้อนๆกรุ่นกลิ่นกำจาย ขนมปังปิ้งพร้อมเบคอนและไข่ดาวทอดพอเป็นยางมะตูมจะว่างอยู่ตรงหน้า จอมทัพกลับไม่มีความอยากอาหารเอาเสียเลย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเสมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นแมกไม้พลิ้วไหว บรรยากาศหลังฝนงดงามแต่วันนี้กลับไม่จับใจ


“มึงทำอาหารเช้าเหรอวะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อจอมทัพหันไปจบกับชายหนุ่มร่างสูงคิ้วเข้มดกหนาหน้าตาหล่อเหลา


“อือ” หนุ่มพูดน้อยตอบแค่นั้น


“ทำเผื่อพวกกูป่าวเนี่ย” เปรมถามขึ้นอีกครั้งหลังจากเห็นอาหารที่วางตรงหน้าของจอมทัพดูน่ากินจนตัวเองน้ำลายสอ


“อยู่ในครัว”


แล้วเปรมก็หายเข้าครัวไป ปล่อยจอมทัพให้นั่งจมดิ่งอยู่คนเดียวในความฝันของตัวเองอยู่ตรงโต๊ะทานข้าวตัวใหญ่


บ้านหลังนี้เดิมทีเป็นเรือนหอของญาติคนหนึ่งของเปรม แต่จนแล้วจนรอดเจ้าสาวของญาติคนนั้นกลับตกลงปลงใจไปแต่งงานกับชายคนอื่น เรือนหอสามชั้นขนาด ห้า ห้องนอน  สี่ห้องน้ำจึงกลายเป็นหม้ายขันหมากไปในที่สุด ไอ้จะขายทอดตลอดก็รู้สึกเสียดาย เพราะบ้านออกแบบเองกับมือ พอดีกับเป็นช่วงที่เปรมเข้ามหาลัย บ้านหลังนั้นอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยมากนัก ญาติคนนั้นเลยยอมให้เด็กทโมนพวกนี้เช่าอยู่ บ้านกว้างขวางหลังนี้จึงประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมดห้าคน ประกอบไปด้วย จอมทัพ ปีสาม BBA, เปรม และ นาย วิศวะ, เต นักศึกษาแพทย์, และสมาชิกใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อต้นเทอมของปีการศึกษานี้ ตามใจ มนุษย์ศาสตร์ น้องชายหัวแก้วหัวแหวนของเปรมที่รักและหวงน้องเกินพอดี


บ้านอันอบอุ่นที่สมาชิกอยู่ร่วมกันเฉกครอบครัวแบบนี้ มีเรื่องให้ปวดหัวมากมายไม่เว้นแต่ละวัน สังคมชายล้วนแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยความสนุกที่สร้างเสียงฮาให้กับทุกคนอยู่เนืองๆ


“ไอ้นายเมื่อคืนมึงแอบใช้โฟมล้างหน้าตัวใหม่กู” เตพูดขึ้นพร้อมเสียงแก้วนมที่มีไอน้ำอุ่นๆลอยอยู่ด้านบนวางลงบนโต๊ะทานข้าว


“กูไม่ได้ใช้” นายใส่เสื้อกล้ามสีม่วงอมฟ้าเผยให้เห็นมัดกล้ามจากการหมั่นเข้าฟิตเนส นั่งลงฝั่งตรงข้ามเต เพื่อนคู่ปรับ


“มึงอย่ามา กูจำตำแหน่งข้าวของของกูได้” เพราะชั้นสามมีห้องน้ำสองห้อง มีห้องนอนสามห้อง เตและนายจึงต้องใช้ห้องน้ำร่วม
กัน ส่วนเปรมที่ชั้นสามด้วยอีกคนมีห้องน้ำส่วนตัวในห้อง จึงไม่ต้องใช้ร่วมกับใคร


“โถ่ไอ้หมอ มึงขี้ตืด” นายเหว


“กูไม่ได้ขี้ตืด มึงเอาของกูไปใช้ โฟมล้างหน้านะเว่ย ผิวหน้าคนเราต่างกันควรใช้ร่วมกันที่ไหน หนังหน้ามึงเหมือนหน้าหล่อๆของ
กูเหรอ” เตผู้อยากเป็นแพทย์ผิวหนังดุแกมสอนเพื่อนอยู่ในที


“ไม่เหมือนเพราะกูหล่อกว่า ฮ่าๆ” นายหัวเราะเสียงดัง ในขณะที่เตแยกเขี้ยวใส่อย่างเซ็งๆแถมยังโดนเพื่อนคู่ปรับขยี้หัวซะจนฟู
ไม่เป็นทรง


“พี่นายไม่กินขอบขนมปัง ตามขอนะ” ตามใจ ตามใจตัวเองสมชื่อ ไม่ต้องรอคำตอบจากนาย เด็กหนุ่มก็หยิบขอบขนมปังปิ้งกรอบๆของนายจิ้มลงบนไข่ยางมะตูมของตัวเอง เคี้ยวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย


“ไปแย่งไอ้นายมัน” เปรมเอ็ดน้อง


“ก็เฮียเอาขอบของอั้วไปหมดนิ” ตามใจพูดอู้อี้เพราะเคี้ยวขนมปังอยู่เต็มปาก


พี่น้องคู่นี้มักชอบอะไรเหมือนๆกัน แต่ยังไม่เคยชอบสาวคนเดียวกันสักที


“พูดมากไอ้ลูกหมา” เปรมยิ้มให้น้อง พลางลงมือตักเบคอ่นกรอบๆข้าปาก “ถ้าจอมมันเข้าครัวทุกวันก็ดีดิ พวกเราจะได้ไม่อดตาย”


“แล้วกับข้าวที่อั้วทำมันไม่ดีตรงไหน” ตามใจโวยพี่ชายตัวเอง


“ก็ดีหมวยเล็ก แต่ไอ้จอมทำอร่อยกว่าไง” เปรมแจง


“โถ่น้องตามของพี่” นายที่นั่งข้างๆหันมาปลอบตามใจที่ใบหน้าหงิกงอน มือหนาดึงเด็กหนุ่มให้เข้ามาซบไหล่ของตัวเอง “ไอ้
เปรมไม่ชอบก็ช่างหัวมัน พี่นายจะรอกินกับข้าวฝีมือน้องตามนะครับ” นายลูบหัวทุยๆเส้นผมสีน้ำตาลเพราะตามใจเพิ่งไปโกรกมา
ใหม่ พลางยักคิ้วหลิ่วตาใส่ไอ้พี่ขี้หวง


“ไอ้เชี่ยนาย น้องกู ปล่อย” เปรมแกะมือเพื่อนออก ท่ามกลางเสียงหัวเราะล้อเลียนของนายและเต


แม้จะรายล้อมไปด้วยเสียงหัวเราะรับอรุณ จอมทัพกลับถอนหายใจออกมาอย่างเหม่อลอย เป็นเหตุให้เสียงหัวเราะของทุกคนเงียบลง สมาชิกในบ้านหันมองชายหนุ่มที่ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง อาหารเช้ายังไม่ได้แตะ ทุกคนต่างเลิกคิ้วสื่อสาร
ภาษาใบ้ถามไถ่กันอย่างไม่เข้าใจ จนมีหน่วยกล้าตายคือหมอเต เอ่ยทำลายความเงียบในห้องทานข้าว


“จอม ไอ้จอมเว้ย” เตเรียกจอมทัพที่เหม่อลอยให้หันมา


“…อือ มีไร” จอมทัพหันมาตามเสียงเรียก


“มึงเป็นอะไร นั่งทำตาลอยๆ เมากัญชาป่ะเนี่ย”


“มะเหงกไหม” จอมทัพเลิกคิ้วถามเพื่อน “กูไม่ได้เป็นอะไร สงสัยเมื่อคืนคงนอนดึก”


“เออไม่เป็นไรก็ดี พวกกูเป็นห่วงกัน เห็นมึงทำหน้าเหมือนคนอกหัก ไอ้เปรมมันเลยอยากเสือก” นายพูดขึ้น โบ้ยความสอดรู้ให้
เพื่อนร่วมคณะ


“อ้าวไอ้เชี่ยนาย” เปรมเหว แล้วความวุ่นวายก็กลับคืนสู่บ้านหลังนี้อีกครั้ง มีเพียงสายตาของจอมทัพที่มองออกไปนอกหน้าต่างราวมองหาใครบางคน และมีเพียงสายตาของคนคนหนึ่งมองไปทางเขาอย่างหดห่วงไม่ได้…


 :mew1: :mew1:
.................................................
ตัวอย่างตอนต่อไป

ไหนว่าจะพาไปห้างไงตี๋” นาวาร้องออกมาเมื่อเมอร์ซิเดสสปอร์ตสีขาวของตรีเพชรเลี้ยวผ่านรั้วคฤหาสน์วรจักรโสภณ


“เดี๋ยวค่อยไป มาทานข้าวที่นี่ก่อน” ชายหนุ่มให้เหตุผล “ที่สำคัญจะพาเมียเข้าบ้าน มาไหว้ผู้ใหญ่ก่อน”


“ไอ้ทะลึ่ง ใครเมียนาย!”

 :mew5: :L1: :L1: :mew5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 22-06-2015 20:09:36
นี่ไงเริ่มได้กลิ่นมาม่า

ไอ้พี่จอมใช่ไหม :ling1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 22-06-2015 20:23:04
ทำใจเหอะจอม
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 22-06-2015 20:38:01
อกหักรักคุด รีบหาคนมาดามใจด่วนๆ
น้องนาวาเค้าไปได้ดีแล้ว 555

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: heroves ที่ 22-06-2015 21:33:07
คงไม่ทัน.......
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ziqh.leo ที่ 22-06-2015 22:46:41
พึ่งตามอ่านรวดเดียวค่า บอกเลยว่าน่ารักกกกกก
เคมีเข้ากันมากคู่นี้ ถึงนาวาจะซึนๆไปหน่อยก็ตาม  :katai2-1:

แต่สงสารจอมทัพอ่า ถ้าไปงานหมั้นคงช๊อกสุดอ่า ...
ใครจะมาดามใจจอมทัพน้าาาา

รอต่อนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 22-06-2015 22:50:24
แอบสงสารพี่จอม แต่พี่เพชรกับนาวาเค้าเหทาะกันแล้วอ่า
หาคู่ให้พี่จอมด่วน :ling1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 23-06-2015 03:10:43
ตัดใจจากน้องซะเถอะจอมทัพ
นี่ถ้าน้องใส่คอนแทคแล้วเกิดฮอตขึ้นมาตี๋เพชรจะว่าเยี่ยงไร
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-06-2015 10:18:37
ค ุณชายกับนายแว่น เขาทะเลาะกระชับมิตร

ส่วนจอมก็คงต้องทำใจ
แล้วคนที่มองจอม
ก็ต้องทำใจด้วยเช่นเดียวกัน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 23-06-2015 10:39:35
รักแล้วอย่ารอ เป็นแบบนั้นจริงๆสินะจอมทัพ อยู่ข้างๆ คอยช่วยเหลืออย่างเดียวมันไม่พอ ต้องชัดเจนในความรู้สึกด้วย ต้องกล้าเสี่ยง ถึงแม้จะไม่สมหวัง
แต่อย่างน้อยก็ได้บอกไป (หรือหวงความสัมพันธ์แบบนั้น ที่มันจะยืนยาวกว่าใช่ป่ะ) มันเหมือนมีของมาวางตรงหน้า แล้วเอาแต่มอง เอาแต่ปัดฝุ่นให้
แต่ไม่หยิบไม่จับ แต่พอคนอื่นมาหยิบมาจับไป ก็ต้องนั่งหมาหงอย

  >> เห็นใจ แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวน้องตามใจก็มาดามใจให้ใช่มั้ย อิอิ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 23-06-2015 18:27:43
ใจหนึ่งก็สงสารตอมทัพ อีกใจหนึ่งก็เชียร์เพชร :ling1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 23-06-2015 19:53:51
สงสารจอมทัพ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 23-06-2015 23:35:09
... จอมทัพนิ ใครนะ 55555 ...

รอนะคะๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: My_Rain ที่ 24-06-2015 15:18:27
ไอ้ตี๋!!~.  555555555 สนุกกกกกกกกกรีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 25-06-2015 00:23:42
ตัดใจเุถอะจอม.....อย่าไปแย่งชิงหล่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 25-06-2015 08:26:31
หาคู่ให้จอมด่วนนน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ1/3 [22/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 25-06-2015 16:50:55
Mon Fiance
ไอ้เฉิ่มนั่น... คู่หมั้นผม
 :L2:
บทที่ 8 Ma Maison สะดุดรักที่พักใจ 2/3




“เตี้ย” เสียงเรียกของตรีเพชรดังมาจากห้องน้ำ “โอ๊ย แย่แล้วๆ”


“อะไรตี๋!” นาวาที่กำลังเช็ดผมของตัวเองอยู่ค้องชงักมือเมื่อได้ยินซุ่มเสียงอันร้อนรนของตรีเพชร “เป็นอะไร”


“แย่แล้ว แย่แน่ๆ” ตรีเพชรยังคงร้องอยู่อย่างนั้น


เด็กหนุ่มตกใจครามครัน นาวารีบเข้าไปหาต้นเสียงในห้องน้ำ มือบางกระชากประตูเปิด คลองสายตาของนาวาเห็นชายหนุ่มเรือนร่างกำยำมีหยดน้ำเกาะพราวพรายอยู่ตามเนื้อหนั่น เมื่อสายตาคู่นั้นสบมาสีหน้าตรีเพชรดูเจ็บปวด มือข้างหนึ่งจับอกซ้ายไว้ราวคนจะขาดใจตาย นาวารีบเข้าไปดูอาการของชายที่ยืนอยู่ตรงหน้ากระจกห้องน้ำ


“เป็นอะไรไป” เด็กน้อยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน


“ฉัน…” ตรีเพชรคว้านาวาเข้าสู่อ้อมกอด


“ตี๋ใจเย็นๆ เป็นอะไร”


“คือฉัน…” ตรีเพชรจ้องตานาวา “คิดถึงนายจนทนไม่ไหวแล้วน่ะสิ”


ฟอด    คุณเพชรหอมแก้มนาวาฟอดใหญ่โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว เมื่อถอดหน้าออกมาใบหน้าของชายหนุ่มประดับรอยยิ้มกว่างแทบจะถึงใบหู


“โอ๊ย!” เสียงร้องเจ็บปวดของตรีเพชรดังขึ้นในวินาทีต่อมา สีหน้าชายหนุ่มเหยเกเพราะนาวาบึดหูแก้แค้นอย่างไม่คิดปราณี


“ไอ้เลว” นาวาหรี่ตาราวมารร้าย มือยังคงดึงหูของคุณเพชร “คนตกใจแทบแย่ นึกว่าจะมาตายคาห้องน้ำ ที่ไหนได้…. ไหนแกว่าจะไม่ล่วงเกินฉันแล้วไง!


“เจ็บแล้วคร้าบ ปล่อยก่อนนะวาจ๋า”


“ฮึ่ย” นาวาสะบัดมืออย่างเสียอารมณ์ แล้วออกจากห้องน้ำไป


“อ๊าก เจ็บโว้ย คนอะไรดุอย่างกะหมา” ตรีเพชรบ่นกับตัวเองอยู่หน้ากระจก สำรวจใบหูแดงก่ำของตัวเอง รู้งี้จับจูบซะก็ดี


“ได้ยินนะไอ้ตี๋!”


“ป๊าว ไม่ได้ว่าอะไร” ตรีเพชรคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กที่นาวาวางไว้ให้ขึ้นมาเช็ดผม แล้วตามเด็กน้อยออกจากห้องน้ำไป


นาวากลับไปนั่งเช็ดผมของตัวเอง ตรีเพชรเดินออกมาจากห้องน้ำมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวที่พันกายท่อนล่างไว้อย่างหมิ่นเหม่ รอยยิ้มที่เคยฉาบบนใบหน้ากลับหายไปสีหน้าของชายหนุ่มราบเรียบออกจะบูดบึ้งเล็กน้อยเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลอ่อนโบว์ตั้งอยู่บนเตียงพร้อมกับตุ๊กตาตัวอื่นๆ


ตุ๊บ     ตรีเพชรจับเจ้าหมีโยนออกจากเตียงอย่างไม่ใส่ใจ


นาวาหันมาตามเสียง “พี่หมี”


“เมื่อคืนจับซุกไวใต้เตียงแล้วนะ ยังจะเอาขึ้นมาตั้งบนเตียงอีก” ตรีเพชรว่า


“นายโยนพี่หมีอีกแล้วนะ” นาวาเก็บตุ๊กตาขึ้นมากอด


“สำคัญมากนักหรือไงไอ้พี่หมีเน่าๆตัวนี้น่ะ?”


“ก็มันเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นเดียวในรอบหลายๆปี” นาวาอธิบาย รอยยิ้มจางๆแวบเดียวฉายบนใบหน้านาวาเมื่อคิดถึงที่มาของของขวัญ


“แล้วเพื่อนคนอื่นๆไม่เคยให้อะไรเลยหรือไง”


“ก็ให้ แต่ให้เลยวันเกิดมาแล้วทั้งนั้น” นาวาพูดเสียงเบา “วันเกิดฉันทุกคนไม่ว่างกันหรอก”


คุณเพชรขมวดคิ้ว “ทำไม นายเกิดวันอะไร”


“ยุ่ง” นาวาคว้าตุ๊กตาไปกอด กลับไปนั่งเช็ดผมที่ใกล้แห้งของตัวเองตามเดิม


ตรีเพชรจิ๊ปากเมื่อเห็นตุ๊กตาของเพื่อนอยู่ในอ้อมกอดของ(ว่าที่)คู่หมั้นตัวเอง มือหนายื้อพี่หมีออกมาแล้วจับยัดไว้ใต้เตียง


“บอกแล้วใช่ไหมห้ามกอดไอ้หมีเน่านี่ให้ฉันเห็น”


“อ้าวไอ้บ้านี่ คนจะกอดตุ๊กตาก็ว่า”


“ถ้าจะกอดก็กอดนี่”


“นี่… ไหน” นาวาหันมามองทางชายหนุ่ม


“นี่ไง” ตรีเพชรชี้ที่ตัวเอง ฉีกยิ้มอย่างใจดี


“ฝัน!”


“มานี่เลย”


“อะไร”


“มาให้กอดซะดีๆ” คุณเพชรย่างสามขุมเข้าหานาวา แล้วความโกลาหลที่จบท้ายด้วยการโดนสวมกอดและจับหอมแก้มก็เกิดขึ้นในห้องนี้อีกครั้ง กว่าทั้งสองจะได้ออกไปจากห้องก็เกือบจะเที่ยงอยู่แล้ว



“ไหนว่าจะพาไปห้างไงตี๋” นาวาร้องออกมาเมื่อเมอร์ซิเดสสปอร์ตสีขาวของตรีเพชรเลี้ยวผ่านรั้วคฤหาสน์วรจักรโสภณ


“เดี๋ยวค่อยไป มาทานข้าวที่นี่ก่อน” ชายหนุ่มให้เหตุผล “ที่สำคัญจะพาเมียเข้าบ้าน มาไหว้ผู้ใหญ่”


“ไอ้ทะลึ่ง ใครเมียนาย!”


 เมื่อรถจอดสนิท ตรีเพชรทำหน้าที่สุภาพบุรุษที่ดีเปิดประตูรถให้นาวาที่นั่งกลัวอยู่ข้างใน


“เป็นอะไร” คุณชายถาม


“นายมันบ้า ไม่รู้หรือไงคนมันไม่พร้อม มาเยี่ยมผู้ใหญ่ของติดไม้ติดมือก็ยังไม่มี”


“คิดมากน่า ไปกันเถอะ” ชายหนุ่มจับข้อมือของนาวาก่อนออกเดิน


เมื่อเดินผ่านเทอเรสหินอ่อนสีมุขนวลตา ตัดผ่านบานประตูไม้สลักลายชดช้อยเข้าโถงทางเดินกว้างขวาง เห็นมีสาวใช้กำลังเช็ดตุ๊กตาหยกสีเขียวมรกตสลักเป็นม้าศึกพ่วงพีวางอยู่ข้างแจกันหลาบขาวกลิ่นหอมอ่อนรวยระริน


“หลิว” สาวใช้เงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก “พาคุณไปห้องนั่งเล่น”


คุณ... คำนั้นยกย่องให้เกียติอยู่ในที


ตรีเพชรหันมาคุยกับเจ้าของข้อมือที่เขาจับอยู่ “หรือจะขึ้นไปบนห้องฉันดี” เขาว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ลึกๆตรีเพชรคิดอะไร นาวาคิดว่าเขาอ่านสายตาซ่อนความนั้นออก รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของตรีเพชรที่มอบให้เด็กหนุ่มร่างเล็กสร้างความประหลาดใจให้สาวใช้ที่แอบเห็นยิ่งนัก ร้อยวันพันพี่คุณหนูเคยยิ้มให้เห็นซะที่ไหน


“จะไปห้องนั่งเล่น” นาวาย้ำแน่นหนัก


“ก็ได้ งั้นฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่ชุดเดิมคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เดี๋ยวลงมานะ” ชายหนุ่มยักคิ้วให้แล้วเดินขึ้นบันใดไปอย่างสบายอารมณ์


วันนี้คุณเพชรอารมณ์ดี สาวใช้ตั้งข้อสังเกต


“เชิญทางนี้ค่ะ” หล่อนเดินนำนาวาไปยังห้องนั่งเล่น


สวยและอบอุ่น


สองคำนี้น่าจะเป็นคำจำกัดความของห้องนั่งเล่นคฤหาสน์วรจักรโสภณได้ดี แวบแรกภาพวาดสีน้ำรูปดอกเหมยสีชมพูอ่อนกลีบงามสะพรั่งกรอบใหญ่ที่แขวนอยู่หลังทีวีจอโค้งขนาด 65 นิ้ว ดึงดูดสายตาของนาวาให้หยุดอยู่ตรงนั้น วินาทีแรกเด็กน้อยคิดว่านั่นเป็นเพียงภาพถ่าย แต่หากเพ่งมองดีๆจึงได้รู้ว่าเป็นรูปที่จิตกรตั้งใจรังสรรค์จนเสมือนจริง ทุกฝีแปรงคงจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจและความประณีตบรรจง 


นาวานั่งลงบนโซฟาสีขาวครีมตัวใหญ่


“คุณจะรับน้ำอะไรดีคะ” สาวใช้ถามขึ้น


“อยากดื่มชาดอกไม้” อารมณ์จากรูปวาดคงพาไป


“รับชาลาเวนเดอร์ไหมคะ จะได้ทานคู่ทาร์ตสตรอเบอร์รี่”


“ยกมาเถอะ” นาวาบอก


“ได้ค่ะ” สาวใช้รับคำและหันหลังออกไป


“คุณเพชรกลับมาแล้วเหรอหลิว” หญิงสาวสวยสง่าที่กำลังหั่นผักอยู่เอ่ยถามสาวใช้ วันนี้เป็นวันหยุดพลอยลดาจึงเข้าครัวเอง นอกจากงานบริหารที่เธอทำอยู่เป็นประจำหญิงสาวยังชอบทำกับข้าวและชอบทำขนม


“ค่ะคุณหนูใหญ่” พลอยลดาพยักหน้ารับคำ


“นั่นชงชาเหรอ” พลอยถามเมื่อสาวใช้หยิบถ้วยชาและจัดทาร์ตสตอเบอร์รี่ใส่จาน “มีทาร์ตด้วย สงสัยวันนี้ฝนตก ร้อยวันพันปีตาเพชรดื่มแต่กาแฟขมๆ ขนมหวานเคยเตะ”


“ไม่ได้ให้คุณเพชรหรอกค่ะ” สาวให้ยิ้มรับ


“แล้วให้ใครหรือหลิว” พลอยลดาสงสัย


“แขกคุณเพชรค่ะ”


“คงจะเป็นเจ้าพวกนั้นอีกตามเคย” เจ้าพวกนั้นของพลอยลดาก็คือพวกจอมทัพและคนอื่นๆ “ดีใจจังมีคนอยากกินของหวาน ตั้งใจทำแต่ไม่ค่อยมีคนช่วยชิมเลย”


“ไม่ใช่พวกคุณจอมหรอกค่ะ แขกแค่ท่านเดียว” หลิวว่าพลางบรรจงริน้ำร้อนลงในถ้วยชาลวดลายสวยงาม


“ใครกันนะ ตาเพชรไม่เคยพาใครเข้าบ้าน” พลอยสงสัย “ผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าพาผู้หญิงอื่นเข้าบ้านทั้งๆที่มีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ฉันต้องจัดการตาเพชรหน่อยแล้ว”


“ผู้ชายค่ะคุณหนูใหญ่ แต่หน้าตาน่ารัก ตาสีสวยอย่างกับสีอำพัน เสียดายไม่น่าใส่แว่นบังตาสวยๆ” หลิวว่าไปยิ้มไป


“หรือจะเป็นน้องวา” พลอยลดาประหลาดใจ


“คุณนาวาคนนั้นน่ะเหรอค่ะ” สาวใช้ในครัวทุกคนเริ่มหันมาสนใจ ก็แน่ล่ะ เจ้านายคนใหม่ตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้าชายแห่งวรจักร
กรุ๊ป ใครๆก็อยากจะรู้ว่าจะคุณหนูนาวาจะหน้าตาแบบไหน


“เดี๋ยวพวกเธอทำต่อนะ” พลอยลดาสั่ง พลางถอดผ้ากันเปื้อนเนื้อดีที่หล่อนสั่งมาจากยุโรปวางไว้บนมุมหนึ่งของเคาท์เตอร์ แล้วหันมาทางสาวใช้ที่เตรียมน้ำชา “ส่วนหลิว ยกน้ำชากับของว่างตามฉันมา”


หญิงสาวเดินด้วยท่วงท่าสง่าออกจากครัวไป เมื่อคลองสายตาของพลอยลดาสบเห็นหนุ่มน้อยร่างบางที่นั่งอยู่บนโซฟาสีครีมหล่อนก็จดจำเด็กคนนั้นได้ทันที


“ชาร้อนๆมาเสิร์ฟแล้วค่ะ” เสียงหวานดังเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มฉาบฉายอยู่บนดวงหน้า


นาวาหันไปทางต้นเสียง ดวงตาสีน้ำตาลทองเบิกประหลาดใจ “คุณพลอยลดา สวัสดีครับ”


เด็กน้อยมารยาทงามยกมือไหว้คุณหนูใหญ่ พลอยลดารับไวแล้วเอ่ยด้วยท่าทีเป็นกันเอง “เรียกพี่พลอยเถอะค่ะ” พลอยลดานั่งลงบนโซฟาอีกตัว


“ครับ” นาวายิ้มรับแต่ติดจะมีแววเกรงๆอยู่บ้าง


“ตอนแรกพี่ก็ประหลาดใจ เข้าใจไปว่าตาเพชรครึ้มอกครึ้มใจอยากดื่มชา”


“ทำไมเหรอครับ เขาไม่ชอบเหรอ” นาวาถาม


“เขาบอกรสมันเฝื่อนๆ ยิ่งขนมหวานยิ่งไม่เตะ” พลอยลดาว่า


“ขนมหวานดูน่ากินดีออก” นาวาพึมพำ นึกเสียดายแทนคุณชายที่มีขนมวานดีๆแต่กลับไม่คิดจะกิน เป็นเขาหน่อยไม่ได้ พ่อจะฟาดให้เรียบ นาวาชอบขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจ


“ลองทานทาร์ตดูสิจ้ะ”


“อร่อยจัง” นาวาเอ่ยชมใสซื่อ “ครีมชีสข้างบนตัดกับสรอเบอร์รี่ข้างในอร่อยมากครับ”


“อร่อยก็ทานเยอะๆเลยค่ะ”


“พี่พลอยซื้อจากร้านไหนครับ เผื่อวาจะได้หามาทานบ้าง”


พลอยลดายิ้มแก้มแทบปริ “ไม่ได้ซื้อหรอกค่ะ พี่ทำเอง”


นาวายิ้มชม “ว่างๆสอนวาบ้างนะครับ”


“ได้สิ” ถ้าให้พูดเรื่องขนมพลอยลดาพล่ามได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ “พี่ล่ะดีใจจังที่น้องวาชอบ บ้านนี้ไม่ค่อยมีคนชอบเข้าครัวกันหรอก มี
พี่เป็นแกะดำอยู่คนเดียว ดีซะอีกมีวามาหัดทำขนมพี่จะได้มีลูกมือเพิ่ม”


“พูดมากน่าเจ้” ตรีเพชรแซวพี่สาว ชายหนุ่มคล้องแขนเดินมากับอาม่า


“เดี๋ยวเถอะพ่อตัวนี้” พลอยลดาดุน้อง


“อย่าถือสาเลยนะหนูวา” อาม่านั่งลงข้าวๆนาวา “สองพี่น้องนี่ไม่รู้จักโตหรอก เด็กๆเคยทะเลาะกันยังไงโตมาก็อย่างงั้น”


“อาม่าสวัสดีครับ” นาวายกไหว้อาม่า อ่อนน้อม


“ไหว้พระเถอะลูก” อาม่าลูบหัวนาวาอย่างอ่อนโยน สัมผัสนี้คล้ายสัมผัสจากคุณย่าผู้ล่วงลับของนาวา แวบหนึ่งเด็กน้อยหัวใจสั่นไหว


“พลอยว่าจะให้เด็กไปเรียนอาม่าพอดีค่ะว่าน้องวามาหา แต่บังเอิญคุยกันเพลินไปหน่อย”


“ไม่หน่อยละมั้งเจ้” ตรีเพชรนั่งลง ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อ ประน้ำหอม แถมเปลี่ยนนาฬิกาเรือนใหม่ คุณเพชรนั่งลงบนโซฟาบุหนังสีครีม สองเท้าก่ายอยู่บนสตูลวางเท้า ท่าทางอย่างกะท่านหลอร์ด “ถ้าผมไม่ไปบอกอ่าม่าก่อน อีกนานแหละว่าเจ้จะนึกได้”


“โซ้ยตี๋อย่าเสียงดังอาม่าจะคุยกับน้อง” หญิงสูงวัยเอ็ดหลานชาย คุณเพชรจึงทำได้เพียงนั่งเงียบให้อาม่าคุยกับ(ว่าที่)หลาน
สะใภ้ “วันนี้ทานข้าวเที่ยงด้วยกันนะหนูวา หมวยใหญ่ลงครัวเอง รับรองหนูวาต้องชอบ”


“ได้ครับอาม่า ขอโทษอาม่าด้วยนะครับที่อยู่ๆก็มาไม่ได้บอกกล่าว”


“ให้มาหาบ่อยๆเถอะ อาม่าอยากมีคนคุยด้วย ลูกหลานบ้านนี้ไม่ค่อยอยู่บ้านนักหรอก หมวยใหญ่ก็ต้องเข้าบริษัท โซ้ยตี๋ก็ไม่เคยจะกลับเป็นเวล่ำเวลา ไม่รู้โฉบไปไหนมาไหนของเขานักหนา”


จะไปไหนได้ละครับ ไปหาสาวๆของมันน่ะสิ นาวาได้แต่คิดในใจไม่พูดออกมา


“เมื่อคืนไม่กลับบ้านด้วยค่ะอาม่า” พลอยลดารีบรายงาน


“อีกแล้วเรอะ” อาม่าหันมาทางตรีเพชร “ม่าสั่งให้รับส่งหนูวาแล้วมัวไปเถลไถลอยู่ที่ไหน”


“ผมไม่ได้ไปไหนครับอาม่า ก็ส่งหนูวาของอาม่านั่นแหละ ส่งเสร็จก็ไม่อยากกลับบ้านซะงั้น” คุณชายไหวไหล่อย่างอารมณ์ดี คำพูดของตรีเพชรทำเอานาวาหน้าแดง


“แสดงว่าเมื่อคืนแกนอนห้องน้องวาเหรอตาเพชร” พลอยลดาถามน้องชาย หล่อนเขินแทนนาวาที่นั่งนิ่ง


“ถูกต้องครับเจ้ เนี่ยเมื่อยตัวไปหมดแล้ว”


“ตาเพชร!” พลอยลดาดุน้อง หล่อนนั่งหน้าแดงแข่งกับนาวา ความคิดของพลอยลดาเตลิดไปไกล


“เจ้คิดไร ผมโดนสั่งให้นอนเฝ้าเตียง เกิดมาก็เพิ่งเคยนอนพื้นเมื่อยเป็นบ้า” ที่ไม่ได้บอกพี่สาวคือชายหนุ่มนอนเฝ้าเตียงได้แค่สิบนาทีเท่านั้นแหละ ตรีเพชรไม่ปล่อยโอกาสได้ใกล้ชิดคนที่ทำให้หัวใจเขาปั่นป่วยหลุดมือไปหรอก


“ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วค่ะ” สาวใช้คนหนึ่งออกมารายงาน ทุกคนจึงออกจากห้องนั่งเล่นไปยังห้องทานข้าว



“วันนี้อาม่ามีข่าวดีจะประกาสด้วยนะ”หญิงสูงวัยที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยขึ้นเมื่อของหวานยกมาเสิร์ฟ


“ข่าวดีอะไรครับ” ตรีเพชรถาม


“จะเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่ฤกษ์งานหมั้น” อาม่าว่า


“พี่กับอาม่าไปหาซินแส เพิ่งได้กฤษ์มาเมื่อเช้านี้เองจ่ะ” พลอยลดาบอกกับนาวา


“เมื่อไหร่ครับอาม่า” ตรีเพชรไม่สนใจบัวลอยน้ำขิงที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง


“พฤหัสแรกของเดือนหน้า” อาม่าบอก


“อีกสองอาทิตย์เหรอครับ” นาวาพูดขึ้น ในใจแอบคิดว่ามันจะเร็วเกินไปไหม เขายังไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้น(อย่างเป็น
ทางการ)ของไอ้ตี๋ขี้หื่นที่กำลังทำหน้าระรื่นอยู่ตอนนี้


“พี่ตื่นเต้นมากๆเลย” พลอยลดาวางช้อน “อยากจะรีบจัด catering เร็วๆ” พลอยพูดออกมาอย่างกับเป็นงานหมั้นของตัวเอง


“หนูวาอยากให้จัดที่ไหนลูก” อาม่าถาม


“ที่นี่/ ที่บ้านโน้น/ ที่โรงแรมดีกว่าครับ” ตรีเพชร/ พลอยลดา/ นาวา พูดออกมาแทบจะพร้อมกัน


“ต้องจัดที่นี่สิ” ตรีเพชรยืนยันคำเดิม


“พี่ว่าบ้านโน้นดีกว่า บ้านดรุณาทรสวนสวย น่าจะเอาไว้จัดเป็นโซนงานเลี้ยง” พลอยลดาให้เหตุผล พลางวาดภาพงานเลี้ยงกลาง
สวนเขียวขจีประดับประดาไปด้วยดอกไม้ชูช่อ


ทุกคนหันมองนาวาเพื่อถามความคิดเห็น “…คือ” หนุ่มน้อยอ้อมแอ้มตอบ “วาอยู่บ้านหลังนั้นจนถึงเก้าขวบ ความทรงจำที่มีก็ไม่
ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าเป็นไปได้… จัดที่โรงแรมจะสะดวกใจกว่าน่ะครับ” นาวาก้มหน้ามองมือของตัวเองที่วางอยู่บนตัก


ตรีเพชรขมวดคิ้วเมื่อเห็นสายตาวูบไหวจางๆของนาวา เขาจับความรู้สึกของแววตาแบนั้นไม่ได้ เพราะมันหายไปไวมากๆ นาวา
กำลังซ่อนความรู้สึกอะไรเอาไว้อยู่นะ


“งั้น” อาม่าพยักหน้าอย่างคนเข้าใจอะไรดี “ก็จัดกันที่โรงแรมเถอะนะ โรงแรมในเครือของเราก็มีมากมาย จะจัดที่ไหนอาม่าไม่
เกี่ยงอยู่แล้ว ขอแค่พวกเรามีความสุขก็พอแล้ว…”



 :L1: :L1: :กอด1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Disthaporn ที่ 25-06-2015 18:05:24
เพชรโคตรหลงวาเลยเถอะ :hao6:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-06-2015 18:21:19
รอลุ้นงานหมั้นค่ะ
น้องวาช่างน่ารักจริงๆ
อีตาพี่เพชรนี่ก็นะ หึงได้แม้กระทั่งตุ๊กตาหมี เด็กจริงๆ 5555

ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 25-06-2015 19:40:22
อีพี่เพชรขี้หึงจริงๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 25-06-2015 19:43:23
อีพี่เพชรขี้หึงจริงๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 25-06-2015 22:46:57
 :3125:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 26-06-2015 00:12:39
เอิ่มๆๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 26-06-2015 03:41:41
รองานหมั้นค่าา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: patchamai28 ที่ 26-06-2015 08:18:13
สนุกจัง ,, รองานหมั้นจ้า  :impress2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ziqh.leo ที่ 26-06-2015 10:37:41
น่ารักไปไหม คู่นี้  :hao7:
จะหมั้นกันแล้วววว  :hao3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 26-06-2015 13:40:07
น่าสงสารวานะ มีแต่คนเลวคอยจ้องฮุบสมบัติ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Thuzt ที่ 26-06-2015 15:17:27
มาต่อเร็วๆนะคะ  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-06-2015 19:27:32
พี่เพชรหวง&หึงน้องวากระทั่งหมี
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 26-06-2015 20:27:01
อาตี๋ แกต้องรักน้องมาก ๆ นะ ทำเสียใจ

แกโดนอุ้มแน่ !!!! น้องวา นู๋ต้องเข้มแข็งนะ

รอ ตอนหมั้นจ้า
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mori406 ที่ 26-06-2015 22:05:58
 :hao6: :hao6:

รอมาต่อนะคะ  ......อย่าหายไปนานนะ

กำลังติดลมเลยย    :katai1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 27-06-2015 08:49:06
อ้างถึง
:hao6: :hao6:

รอมาต่อนะคะ  ......อย่าหายไปนานนะ

กำลังติดลมเลยย    :katai1:

ไม่หายครับ จะมาลงบ่อยขึ้นเพราะช่วงนี้ว่างยาว คิคิ


ขอบคุณผู้อ่านทุกคนสำหรับการติดตามนะครับ เป็นกำลังใจที่ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 27-06-2015 13:00:50
นอกจากนายจะบ้าอำนาจนายยังขี้หึงอีกนะเพชร
แต่ยกความชอบให้จำเลยที่ดูอยากหทั้นกับนาวาซะเหลือเกิน  :hao3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: eium ที่ 27-06-2015 15:49:28
รอดูงานหมั้นขอหวานๆนะงุงิ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 27-06-2015 20:41:15
งานหมั้นทั้งทีเอาให้กระหึ่มเลยนะเจ้พลอย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 28-06-2015 15:17:06
รู้สึกหลงพี่เพชรเข้าไปเรื่อยๆแช้วค่ะ คนอะไรขี้หึงแล้วยังชอบจูบอีก แบบนี้อิจฉานาวาเหมือนกันน้าา :hao3: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 Ma Maison:สะดุดรักที่พักใจ2/3 [25/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 28-06-2015 23:15:16
Mon Fiance
ไอ้เฉิ่มนั่น... คู่หมั้นผม
 :L2:
บทที่ 8 Ma Maison สะดุดรักที่พักใจ 3/3


“โทรหามันติดหรือเปล่า” แบงค์ถามเอ็มที่กำลังกดมือถือโทรหานาวาอยู่


“มันไม่รับว่ะ โทรไปตั้งหลายสายแล้ว ติดนะแต่ไม่รับ” เอ็มตอบเพื่อนพลางกดวางสาย ชายหนุ่มส่ายหัวอย่างหน่ายๆ


ตั้งแต่เที่ยงมาเพื่อนๆทุกคนในกลุ่มผลัดกันโทรหานาวาแต่ไม่มีใครได้คุยกับเจ้าตัวเลยสักคน อย่างที่เอ็มว่า โทรติดแต่ปลายสายไม่รับ ที่ทั้งกลุ่มมัวโทรหานาวาอยู่อย่างนี้ก็เพราะเมื่อเช้าพี่เปรม รุ่นพี่ร่วมคณะและพี่ร่วมชมรมที่เคารพรักของเอ็มโทรหาตั้งแต่เจ้าตัวยังไม่ทันแหกตาตื่น บอกว่าวันนี้ที่บ้านจัดงานวันเกิดให้ตามใจ น้องชายชุดหวงของพี่เปรม เลยชวนนาวาและเพื่อนๆมาร่วมสนุกด้วยกัน อย่างที่รู้ๆ งานวันเกิดถือเป็นข้ออ้างของเด็กวิศวะ เพราะงานนี้เอ็มเห็นเหล้าเบียร์ฟรีลอยมาอยู่รำไร


“ไอ้วาแม่งพักหลังตามตัวยาก” เก้าที่พลิกตัวบนเตียงนุ่ม พลางคว้าหมอนใบใหญ่มาหนุน


“หลังๆนี้มันมีอะไรเริ่มไปบอกกูด้วยว่ะ” แบงค์บ่นถึงนาวาให้เพื่อนๆที่เหลือฟัง แล้วนั่งลงบนเตียงอีกฝั่ง “นี่ถ้าพวกมึงไม่บอกกูว่าเดี๋ยวนี้มันไม่ปั่นจักรยานมาเรียนเหมือนเมื่อก่อน กูก็คงไม่รู้เรื่องของมัน”


“มันจะปั่นหรือไม่ปั่นจักรยานเกี่ยวไรกับมึงด้วย” เก้าถามแบงค์ที่นั่งอยู่ปลายเตียง น้ำเสียงเจือความไม่พอใจ


“กูมีรถ กูจะได้มาส่งมันไง” แบงค์ตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเหมือนกัน


“หอกูใกล้กว่า กูไปรับมันเองได้ว่ะ ไม่ต้องเดือดร้อนคุณชายแบงค์หรอก” เก้าแยกเขี้ยว


“สำหรับเพื่อนเรื่องแค่นี้กูไม่ถือว่าเดือดร้อนเว่ย” แบงค์กอดอกวางมาด


“ใครว่ากูจะปล่อยให้พวกมึงสองคนเทียวรับเทียวส่งให้เตี้ยมัน” เอ็มแทรกขึ้น “คราวที่แล้วที่พวกมึงพามันไปสวนสนุกจนกลับมาป่วยกูยังไม่เอาเรื่องเลยนะเว่ย”


“พวกกูไม่ได้ตั้งใจ” เก้าดีดตัวขึ้นนั่ง


“เที่ยวเพลินไปหน่อย ใครจะไปรู้วะไอ้วาโดนแดดจนไข้ขึ้น” แบงค์อธิบาย


“ไม่รู้ล่ะต่อไปกูจะไม่ปล่อยให้…” เอ็มเถียงขึ้นมา


เสียงดังๆของผู้ชายสี่คนเถียงกันเรื่องดูแลเพื่อน หากมีหลายคนผ่านไปมาได้ยินเข้าอาจจะรู้สึกว่าน่ารักน่าชัง แต่สำหรับหญิงสาวบางคน… หัวข้อนี้ก็ถือว่าดีที่หยิบยกมาคุยกัน แต่! มันผิดสถานที่ไปหน่อยไหม?


“พวกมึงคะ” ทุกเสียงเงียบ เหล่าชายหนุ่มหันไปทางนิสาที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง “กูรู้ว่าไอ้วามันมีพี่ชายที่คอยแย่งดูแลมันอีกสี่คน แต่พวกมึงช่วยไปเถียงกันที่อื่นได้มั๊ย นี่มันห้องกู พวกมึงบ้าเรอะ เข้ามาห้องกูกันทำไม คนเขาได้ลือว่ากูพาผู้ชายสี่คนเข้าห้อง”


“โทษไอ้แบงค์โน่น” เอ็มโบ้ยไปทางเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงหัวเตียง


“กูไม่เกี่ยวไอ้สา ไอ้เก้าต่างหาก” แบงค์ยักไหล่


“ก็มึงแต่งตัวช้ากว่าใครเลยนี่หว่า พวกเราเลยมานัดรวมพลกันที่นี่” เก้าให้เหตุผล


“จะนัดไปซื้อของขวัญวันเกิดให้น้องตามแค่นี้ งานใหญ่งานช้างเชียวนะพวกมึง ถ่อกันมาตั้งแต่ยังไม่เที่ยงเนี่ย” นิสาบ่นพลางหยิบแปรงขนแกะปาดแป้งฝุ่นปัดหน้าอย่างอารมณ์เสีย


“ขนาดมาตั้งแต่ยังไม่เที่ยงดี นี่เลยเที่ยงเข้าไปแล้วแกยังแต่งหน้าไม่เสร็จเลยสา” เอ็มกอดอกมองหญิงสาวเจ้าของห้อง


“ถูกของไอ้เก้ามัน นี่รอมาปีนึงละ” แบงค์ส่ายหัวหน่ายๆ


“ทีรอกิ๊กพวกมึงรอได้ กูก็ผู้หญิงนะเว่ย ให้พิถีพิถันในการแต่งตัวบ้างสิ มึงเคยเห็นกูเป็นผู้หญิงกันมั่งไหม!” นิสาเท้าสะเอว


“ไม่!” เอ็มและแบงค์พูดออกมาพร้อมกัน ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นจากความชอบใจที่คิดเหมือนกัน


“พวกมึงเลิกแหย่สามันได้แล้ว” เก้าดุเพื่อนเมื่อเห็นแววตาฉุนๆของนิสา “ยังตามไอ้วาไม่ได้นะเว่ย ตกลงจะเอาไง ไปหามันที่หอ
ไหม” ชายหนุ่มรู้ถ้าเขาไม่รีบเปลี่ยนเรื่องในตอนนี้ คนที่จะเจ็บตัวเพราะมือหนักๆของนิสาก็คือพวกเขาสามคนนั่นแหละ


“ลองโทรศัพท์ดังขนาดนั้นแล้วมันไม่รับก็แสดงว่ามันไม่อยากคุย มันคงอยากเจอมึงหรอก” เอ็มเกาคางอย่างใช้ความคิด


“เดี๋ยวมันคงติดต่อกลับเอง ถึงตอนนั้นค่อยบอกให้มันตามไปบ้านพี่เปรมก็ยังได้” แบงค์สรุป


“กูว่าพักนี้นาวามันมีความลับชอบกล” นิสาพูดขึ้นด้วยความรู้สึกตะหงิดๆ


“ทำไม มึงไปรู้อะไรมาอีกสา” แบงค์แทบจะยื่นหน้าเข้าใกล้นิสาจนเก้าต้องดึงคอเสื้อมันไว้ ใกล้ไปนักเดี๋ยวมึงก็ไม่ตายดีหรอกไอ้แบงค์ เก้าได้แต่คิดในใจ


“พักนี้กูว่าไอ้แว่นมันไปไหนมาไหนกับพี่เพชรบ่อยๆ” นิสาตั้งข้อสังเกต “อย่างเมื่อวันศุกร์กูจะชวนมันไปวิ่ง มันบอกว่าไม่ว่างมีธุระ ปรากฏว่าเย็นวันนั้นพี่เพชรมารอรับน้องแว่นของพวกเราถึงคณะ”


“ห๊ะ พี่คณะกูไปแป้นแล้นอะไรแถวนั้น?” แบงค์สงสัย “ไปรับไอ้วาด้วย?”


“แล้วทำกูกับไอ้แบงค์ไม่รู้เรื่องนี้ เก้าพักหลังมึงรู้อะไรดีๆไม่บอกเพื่อนเลย” เอ็มโวยเก้า


“ไม่ยุติธรรม ไอ้สาก็อยู่ด้วยทำไมมึงไม่ว่ามัน” เก้าว่า นิสายักไหล่อย่างไม่สนใจใส่เก้าที่โดนเพื่อนบ่น หล่อนหันไปส่องกระจกและแต่งหน้าต่อไป เก้าเลยจำใจต้องอธิบายให้เพื่อนฟัง “กูก็สงสัยว่าทำไมเพื่อนพี่จอมคนนี้ถึงเข้ามายุ่งกับไอ้วานัก ทั้งๆที่เจอ
กันทีไรทะเลาะกันจะตาย กูแค่สงสัย เลยรอดูอาการไปก่อน”


“กูว่าที่มึงพูดมาน่าคิด…” แบงค์ว่าตามเพื่อน “พี่เพชรแม่มเจ้าชู้จะตาย คงไม่คิดจะมาหลอกแอ้มไอ้เตี้ยหลังจากโดนมันทวงจูบหรอกกนะ”


“ข้ามศพกูไปก่อน” เก้าและเอ็มพูดพร้อมกันจน


“นี่ถ้ากูไม่รู้จักกับพวกมึงมานาน…” นิสาที่แต่งหน้าเสร็จสวยสะพรั่งแล้วหันหน้ามาหาเพื่อนๆ “กูคงคิดว่าพวกมึงสี่คนเป็นสามีไอ้แว่นมัน ใครจะเข้าหากันท่าเขาหมด แล้วอย่างนี้น้องวาจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเค้าเรอะ”


แบงค์กอดอก “ก็ถ้าไม่ดีกว่าพวกเรา คงไม่ปล่อยผ่าน”


“ค่ะ” นิสารับคำพลางคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กสีฟ้าอ่อน “กูล่ะอิจฉาไอ้วามันจริ๊งๆ ถ้าพวกมึงห่วงกูได้สักครึ่งของไอ้เตี้ยก็ยังดี” นิสาว่าแล้วก็ทำท่ากระเง้ากระงอดลุกเดินไป เป็นนัยว่าหล่อนแต่งตัวเสร็จแล้วรีบออกไปกันเถอะ


พวกเพื่อนผู้ชายที่เหลือต่างมองตากัน รอยยิ้มบางเคลือบอยู่บนใบหน้าของแต่ละคนก่อนที่พวกเขาจะสลัดมันหายไป สี่หนุ่มเดินตามหญิงสาวสะโอดสะองออกจากห้องราวองค์รักษ์


หลายครั้งที่มีผู้ชายเข้าหานิสา แน่ล่ะ เธอเป็นสาวสวย แม้จะแก่นแก้วไปบ้างแต่อย่างน้อยนิสาก็ถือได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สวยจัดคนหนึ่ง ตั้งแต่สมันมัธยมมาแล้วที่บางครั้งจะมีหมู่ภมรมาคอยเฝ้าตามจะดอมดม แต่มดแมลงเหล่านั้นก็หาได้เข้าใกล้นิสาไม่ เพื่อนชายทั้งห้าคนของเธอคอยคัดกรองและกีดกันคนเหล่านั้นออกไปอย่างแนบเนียนโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ จริงอยู่ที่ทุกคนถือว่านาวาเป็นน้องเล็กของกลุ่มที่เหล่าพี่ชายพร้อมจะปกป้อง หากนิสาก็ถือว่าเป็นน้องสาวอีกคนที่ต้องดูแลเช่นกัน



มีต่อด้านล่าง Contunue...

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 สะดุดรักที่พักใจ3/3 [28/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 28-06-2015 23:43:49
รอออ :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 สะดุดรักที่พักใจ3/3 [28/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 29-06-2015 00:01:25
วามีเพื่อนที่ดีนะ เผลอๆดีกว่าครอบครัวอีก วาน่าจะบอกความจริงเรื่องงานหมั้นไปน๊าาา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 สะดุดรักที่พักใจ3/3 [28/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 29-06-2015 02:42:12
องครักษ์พิทักษ์น้องวานี่น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 สะดุดรักที่พักใจ3/3 [28/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 29-06-2015 12:05:55
เพชรจะผ่านด่านเพื่อนๆไหมนะ 5555

แต่ละคนหวงวามาก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 สะดุดรักที่พักใจ3/3 [28/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-06-2015 12:10:45
เพื่อนวา น่ารักทุกคนเล้ยยยย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 สะดุดรักที่พักใจ3/3 [28/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 29-06-2015 13:41:35
รอๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 สะดุดรักที่พักใจ3/3 [28/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mori406 ที่ 29-06-2015 17:45:37
  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:


รออยู่นะคะ   

หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 สะดุดรักที่พักใจ3/3 [28/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 29-06-2015 19:12:18
 :hao5: :hao5:
น่ารักกกกก
น้องวาน่าสงสาร พี่เพชรต้องช่วยน้องวานะ
ให้น้องลบอดีตที่แสนเศร้าด้วยรอยยิ้มนะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 สะดุดรักที่พักใจ3/3 [28/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 29-06-2015 19:31:21
อูยยย รอลุ้นค่ะๆๆๆ 5555

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 สะดุดรักที่พักใจ3/3 [28/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 29-06-2015 20:15:11
ต่อตรงนี้

เสียงพูดคุยหัวเราะของคุณเพชรดังมาจากห้องนั่งเล่น สาวใช้ในบ้านหลายคนเกิดอาการแปลกใจเหลือบมองตากันอย่างสื่อความนัย คุณเพชรยิ้มยากจะตาย ถ้าไม่เหวี่ยงคุณก็จะเฉยและนิ่ง แต่มาวันนี้คุณชายเจ้าอารมณ์แห่งคฤหาสน์วรจักรโสภณกลับยิ้มปริ่มอย่างสุขใจ เหตุเพราะคุณนาวาเป็นแน่แท้


ช่วงรับประทานอาหารนาวารู้สึกเหมือนตัวเองโดนจ้อง แต่เหลือบไปก็ไม่เห็นใครจะสบตากับตัวเองสักคน มีสาวใช้หลายคนคอยตั้งโต๊ะ เก็บจาน ตั้งของหวาน กระทั่งรินน้ำให้ เขารู้สึกเหมือนคนเหล่านี้มองเขาอยู่กลายๆแต่ก็จับแววตาไม่เลยสักคนเดียว เหล่าสาวใช้แอบมองแอบชำเลืองยลโฉมว่าที่นายใหม่ของตัวเองกันอย่างครึกครื้น พวกในครัวลือกันว่าคุณเพชรนั่งจ้องคุณนาวาไม่วางตา แถมแอบอมยิ้มอีก บางรายกลับเข้ามาคุยกันในก้นครัวว่าคุณนาวาน่ารัก ตาสวยอย่างกับสีทองคำ ดูเหมือนวันนี้คนในคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งนี้กำลังตื่นเต้น ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณนายใหญ่ คุณหนูใหญ่ และคุณเพชรเอง


“เย็นนี้อยู่รอทานข้าวเย็นด้วยกันอีกนะลูก” อาม่าคุยกับนาวาในห้องนั่งเล่น


“ไม่ได้หรอกครับ เย็นนี้ผมจะพาวาไปงานเลี้ยง” คุณชายนั่งวางท่า เท้าพาดสตูลสีครีม เอ่ยขัดอาม่าของตัวเอง


“ไม่ทันไรก็หวงซะแล้วหรืออาโซ้ยตี๋” อาม่าค่อนขอด


“หึๆ” ตรีเพชรหัวเราะในคอ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรทั้งนั้น สายตาอันวาววับของเขาจับจ้องอยู่ที่นาวาไม่ละไปไหน “อาม่าก็ว่า
ไป ผมแค่เห็นว่าหลานรักคนใหม่ของอาม่าวันๆไม่ค่อยจะไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน เลยกะว่าเย็นนี้จะพาไปปาร์ตี้ซะหน่อย”


“อย่าพาน้องไปเถลไถลนะ ม่าตีตายนะโซ้ยตี๋” หญิงสูงวัยพูดกับหลายชายตัวเอง แล้วหันมาคุยกับนาวา “ดีแล้วล่ะหนูวา ไปเปิดหูเปิดตาซะบ้าง มีอะไรก็ให้พี่เขาคอยช่วยเหลือนะลูก หนูไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว”


“…ครับ” นาวารับคำเสียงอย่างขัดไม่ได้


“หึๆ” เสียงหัวเราะเบาๆของตรีเพชรที่ขำท่าทางของนาวา แทบจะทำให้เด็กน้อยอยากจะหลุดคำด่าออกมา แต่ในสถานการณ์ที่มี
ผู้ใหญ่อยู่ด้วยแบบนี้ นาวาจึงได้แต่ก่นด่าในใจ


“ไว้ว่างๆน้องวาแวะมาอีกนะคะ พี่จะได้เตรียมขนมไว้ให้ลองชิม” พลอยลดาว่า ในมือมีนิตยาสารแฟนชั่นล้ำสมัย


“ครับไว้ว่างๆวาจะมาชิมอีก พี่พลอยทำขนมอร่อย” นาวาชม


“เจ้ครับ” ตรีเพชรเรียกพี่สาว “ทาร์ตะวันนี้ห่อกลับให้ผมหน่อยสิ”


“จะห่อให้เธอทำไมเธอไม่กิน ฉันสั่งหลินมันห่อให้น้องวาจ่ะ” พลยอลดาตอบน้องชาย


“นั่นแหละ ผมจะเอาไปให้น้องวาของเจ้แหละ”


“ค่ะพ่อคุณ” พลอยลดาแบะปากใส่น้องชาย หล่อนหมั่นใส่ในความใส่ใจของตรีเพชรที่มีต่อนาวา แต่พี่สาวก็แอบดีใจที่น้องชาย
สุดที่รักของตัวเองเริ่มที่จะดูแลใครเป็นบ้างแล้ว “นั่นไงหลินมาพอดี เอากลับไปกินนะคะน้องวา ทานเยอะๆจะได้ตัวโตๆกับเขา
บ้าง”


ตรีเพชรหลุดขำก๊ากเมื่อพลอยลดายังมีความหวังให้เด็กแว่นของเขาตัวโตขึ้นกว่านี้ นาวาหรี่ตาใส่ตรีเพชรอย่างคาดโทษ ไอ้ตี๋ดูท่าจะอยากเจ็บตัว ไม่รู้หรือไงห้ามล้อสังขารกันน่ะ


“ขอบคุณครับพี่พลอย เกรงใจแย่เลย” นาวาพูด แต่มือก็รับของนั่นแหละเพราะมันอร่อยมากๆ


“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ คนกันเอง” พลอยลดายิ้มปริ่ม


“หลิว” ตรีเพชรเรียกสาวใช้ “เดี๋ยวไปเอากระเป๋าใบเล็กที่ตั้งบนเตียงใส่ไว้ในรถให้ฉันด้วยนะ” สาวใช้รับคำและเดินออกไป


“อาม่าครับ เจ้ครับ” ตรีเพชรบอกกับคุณย่าและพี่สาวของตัวเอง “เห็นที่ผมต้องพาหนูวาหรือน้องวาของทุกคนไปแล้วนะ ไว้คราว
หน้าผมจะลากมาค้างที่นี่”


“เดินทางดีๆนะลูก แล้วมาหาม่าอีกนะหนูวา” อาม่าพูดกับนาวา


“แล้วเจอกันค่ะ” พลอยลดายิ้ม



คราวนี้ตรีเพชรไม่ยักจะขับสปอร์ตเหมือนอย่างเคย RENGE ROVER สีแดงมันปลาบจอดรอพวกเขาอยู่แล้ว ตรีเพชรยังคงทำหน้าที่สุภาพบุรุษที่ดีคอยเปิดประตูรถให้นาวาเข้าไปนั่งเบาะหน้าทำหน้าที่ตุ๊กตาหน้ารถโดยที่เจ้าตัวไม่ทันรู้สึก ตรีเพชรขับรถออกมาพลางฮัมเพลงเบาๆคล้ายคนอารมณ์ดี


“อารมณ์ดีอะไรของนายนักหนา” นาวาออกจะหงุดหงิดเสียงนุ่มๆที่ออกจะสบายอกสบายใจนั่น ตรีเพชรไม่รู้เลยหรือไงตอนเข้าบ้านไปเขาตัวเกร็งแทบแย่ กลัวไปสะดุดอะไรแตกเข้า ไม่มีปัญญาชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะของแต่งบ้านแต่ละชิ้นดูหรูหราและแพงระยับเสียขนาดนั้น


“ต้องอารมณ์ดีสิ อาม่ากับเจ้พูดมากซะขนาดไหน เพราะนายเลยนะวันนี้ที่บ้านถึงดูดีใจกันใหญ่”


“ยังไง?” นาวาไม่เข้าใจ


“ปกติเจ้พลอยไม่พูดมากขนาดนั้นหรอก วันนี้ขี้เกียจจะฟัง น้องวาอย่างนั้นน้องวาอย่างนี้ ยิ่งอาม่านะรายนั้นคงดีใจใหญ่เพราะไม่
ค่อยมีใครอยู่บ้านนักหรอก คนแก่ก็งี้แหละ คงจะแอบเหงา”


“ถ้ารู้แบบนี้ นายก็กลับบ้านให้บ่อยๆสิ”


“ปกติก็กลับ”


“แต่ไม่ตรงเวลา” นาวาตังสมมุติฐาน “หรือไม่ก็ไปค้างที่คอนโดซะมากกว่า คืนนึงหิ้วขึ้นไปกี่คนละ”


“หิ้วนายขึ้นไปแล้วเหมือนกัน” ตรีเพชรหันมายักคิ้วเจ้าเล่ห์ใส่ นาวาแยกเขี้ยวอย่างเหลืออด “ถ้าอาม่าจะจับให้เราเข้าเรือนหอก็
ย้ายไปอยู่คอนโดฉันสิ มีห้องอยู่แล้วนายว่าไง?”


“ไม่มีวัน” นาวากอดอก


“ทำไม?”


“ฉันไม่ไปนอนทับที่ใครหรอก” เหตุผลของเด็กน้อยทำเอาตรีเพชรเกือบหลุดยิ้มออกมา ถ้าเขาไม่เข้าข้างตัวเองจนมากไปนัก เขาว่าเจ้าแว่นก็น่าจะรู้สึกอะไรกับเขาบ้าง… สักนิดละมั้ง “อีกอย่างห้องนายถุงยางอื้อเลย ยังจำได้นะเว่ยไอ้ตี๋ เพราะงั้นเก็บไว้ให้อันนั้นเป็นสถานเริงรมณ์ส่วนตัวของนายไปเหอะ”


“ที่คอนโดก็ไม่เอา งั้นไปอยู่ด้วยกันที่บ้านดีไหม จะได้อยู่เป็นเพื่อนอาม่า บ้านจะได้ไม่เงียบ” ตรีเพชรหาทางออก


“บ้า ไปอยู่นั่นได้ไง ไม่ใช่บ้านฉันซะหน่อย”


“อ้าวไหนๆก็จะหมั้นเข้าบ้านฉันแล้วนิ”


“ใครจะหมั้นเข้าบ้านนาย” นาวาหันขวับ รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวชอบกล


“คนจีนเต้าถือ เจ้าสาวแต่งเข้าบ้านเจ้าบ่าวนะ” ตรีเพชรให้เหตุผล


“ฉันไม่มีเชื้อจีนเว่ย ไม่รู้ล่ะ นายต้องเข้าบ้านฉันต่างหาก” นาวาเถียงราวกับเด็กน้อยผู้ไม่ยอมความ


“ไม่ นายสิเข้าบ้านฉัน” คุณชายก็เด็กไม่แพ้กันนักหรอก


“นายเข้าบ้านฉัน”


“บ้านฉัน” ตรีเพชรว่า


“บ้านฉัน” นาวาเถียงกลับ


“เอ๊ะ ก็บอกว่าบ้านฉันไง”


“เรื่องอะไร บ้านฉันดิวะ”


“ทำไมต้องบ้านนายด้วย”


“ธรรมเนียมไทย เจ้าบ่าวต้องแต่งเข้าบ้านเจ้าสาว”


“แต่จีนว่าเจ้าสาวต้องแต่งเข้าบ้านเจ้าบ่าว” ตรีเพชรแจง


“ไม่เอานายเข้าบ้านฉัน”


“เพราะ?”


“นายเป็นเจ้าบ่าว” นาวายังคงเถียงไม่เลิก น้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง


“งั้นนายเป็นเจ้าสาวฉันงั้นสิ”


“ก็ใช่อะเด่”


“หึๆ” ตรีเพชรหลุดขำ ทั้งๆที่นาวาทำหน้าตาจริงจัง


“ขำอะไร”


“ขำคนที่จะเป็นเจ้าสาวฉันน่ะสิ ยังไม่หมั้นเลยจะเป็นเจ้าสาวซะแล้ว” ตรีเพชรแหย่


“อะ…” นาวาเหมือนเพิ่งจะรู้ว่าว่าตัวเองมัวเถียงเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ได้ “ไอ้บ้า!”


“ยอมรับแล้วสินะว่าเป็นเจ้าสาวของฉัน”


“ไม่ใช่โว้ย!!” นาวาหน้าแดงไปถึงไหนต่อไหน แต่ยังคงพยายามข่มความอายที่ตัวเองเผลอหลุดคำพูดไม่คิดพวกนั้นออกมา


“พูดอยู่หยกๆ ฮ่าๆ หน้าแดงซะด้วย”



“ไม่คุยด้วยแล้วไอ้ตี่” นาวาหันหน้ามองไปนอกกระจก ก่อนจะเงียบไม่ยอมคุยกับคนที่หลุดขำเขาเป็นระยะๆ




 Chapter 8: Completed

 :hao7: :hao7: :hao7: :pig4: :pig4: :hao7: :hao7: :hao7:

หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 29-06-2015 20:32:56
อรั้ยยยยย หลุดนะน้องวาจะเป็นเจ้าสาวพี่เพชรแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 29-06-2015 20:38:41
เขินแปป
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 29-06-2015 20:43:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

:mew4: :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 29-06-2015 20:48:34
ตรีเพชร-นาวา คู่นี้น่ารักกันจริงๆ :mc4:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 29-06-2015 21:16:05
น้องวาหลุดแล้วๆ  :m20:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ziqh.leo ที่ 29-06-2015 22:24:25
อ๊ายยย น้องนาวาาาา
น่ารักไป๊... หลุดได้น่าฟัดมากค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 30-06-2015 00:49:43
555 รอบนี้หนูวาแพ้อาโซ้ยตี๋นะ

เรื่องหยอดละไม่แพ้ใครเชียวหล่ะอาโซ้ยตี๋เอ้ย 55
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 30-06-2015 02:09:01
โอ้ยยย หมั้นกันสักทีพ่อคุณเอ้ยยยยย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 30-06-2015 02:27:05
แหมๆ เจ้าสาวของพี่เพชรน่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: heroves ที่ 30-06-2015 04:29:12
น่าร๊ากกกกกกกกกกก
หมั้นๆกัน อยากให้ถึงวันหมั้นเร็วๆ
นายเพชร ขยันหยอดนะ หยอดอีกเยอะๆ
ขอหอมขอกอดหนูวาที  :กอด1:

คนเขียน  :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 30-06-2015 06:17:56
อิจฉาคุณเพชรเว้ย มีแฟนน่ารัก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: eium ที่ 30-06-2015 08:57:57
น่ารีกอ่ะอยากอ่านต่อแล้วววววว  :-[
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Disthaporn ที่ 30-06-2015 09:06:44
เพชรหลงขั้นสุด :mew1: หมั้นกันเร็วๆเถอะ นาวาจะได้มาเป็นคุณหนู(?)บ้านเพชรสะที
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 30-06-2015 09:13:44
นาวายอมรับเป็นเจ้าสาวแล้ววุ้ย
แอบลุ้นเพื่อนจะรู้เมื่อไหร่ :mew3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 30-06-2015 11:01:46
น่ารักๆ

ตอนแรกๆกัดกัน หลังๆมาก็ยังกัดกันอยู่บ้าง 55555

ตอนแรกๆบบรยายว่า เจ้าชาย เอา.ะนึกว่าเป็นเจ้าชายจริงๆ เอาเป็นแค่คุณชายดีกว่า คือเปรียบเป็นเจ้าชายของบ้านนี่เข้าใจ แต่กว่าจะอ่านไปถึงตรงนั้น มันจะเข้าใจว่าเป็นเจ้าชายจริงๆก่อน แล้วตอนที่นาวาทะเลาะ เรายังคิดเลยว่าจะถูกลงโทษโดยการตัดหัวงี้มั้ย 555555

แล้วบ้านใหญ่ของนาวา? ใครจะอยู่?

รออ่านๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-06-2015 15:05:27
น่ารักจริงๆเลยน้องวา
พี่เพชรก็ขี้แกล้ง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mori406 ที่ 30-06-2015 17:22:05
น่ารักกกกกกอ่ะ   :hao6:

อยากอ่านต่อออออออ แล้ว  :ling1: :ling1:

ยิ่งอ่านยิ่งเขินนนส์แทนนนนนนนน :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 30-06-2015 18:15:50
ลืมบอกอีกอย่างนึก คือเวลาเปลี่ยนตัวบรรยาย แนะนำว่าใช้คนละสี จะช่วยแบ่งได้ง่าย เข้าใจง่าย แต่แบบนี้ก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 30-06-2015 18:47:55
อยากฟัดหนูวาสักสามที
น่ารักจริงจริ๊งง

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-07-2015 01:43:12
หลานรักคนใหม่ของอาม่า น่ารักจัง
คุณเพขรเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ จากช่วงแรก ดูแลแฟนดีม้าก ดีงามค่า

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 01-07-2015 13:34:41
นาวาน่ารัก อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ เป็นที่รักของบ้านพี่เพชร
พี่เพชรก็ขี้แกล้งเกิ๊น นาวาหลุดได้อีกนะลูก อยากเป็นเจ้าสาวของตรีเพชรก็ไม่บอก
คนเขียนคะจัดการรวบหัวรวบหางนาวาให้ตรีเพชรหน่อยค่าา

รอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 01-07-2015 20:12:56
วายอมรับว่าเป็นเจ้าสาวด้วย น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 02-07-2015 16:34:39
ข้ามเลยได้ไหม
2 อาทิตย์มันนานไป ฮืออออ ToT

หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 02-07-2015 22:57:49
ละลายไปกับความน่ารักของน้องวา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.8 completed [29/6/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-07-2015 08:49:38
หยอดอีก ๆ วาเหมือนจิมีใจแล้ววโซ้ยตี๋
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 03-07-2015 10:27:55
Mon Fiance
ไอ้เฉิ่มนั่น... คู่หมั้นผม
 :L2:
บทที่ 9 วันเกิด... สำหรับปีนี้และปีถัดๆไป 1/2


เมื่อ RENGE ROVER คันสีแดงจอดสนิท ประตูรถด้านหน้าทั้งสองฝั่งของรถเปิดออกพร้อมกัน ชายหนุ่มเดินตามหนุ่มน้อยร่างเล็ก แววตาของเขาจับอยู่ที่พวงแก้มสีซับเลือดนั้นไม่ยอมละไปไหน รอยยิ้มบางๆฉายขึ้นทันทีบนในหน้าของฝ่ายที่เดินตาม ยังไม่หยุดเขินอีกหรือไง ตรีเพชรคิดในใจ


“เตี้ย” ตรีเพชรแกล้งเอาไหล่ไปกระทบนาวา “เป็นไรอ่ะ”


“เปล่านิ”


“นายหน้าแดงน่ะ” คุณเพชรยกมือขึ้นเตะแก้มนาวา นิ้วชี้ลูบเบาๆบนแก้มนุ่ม “เขินเหรอครับคุณเจ้าสาว”


นาวาปัดมือตรีเพชรออกราวปัดไล่แมลง เด็กน้อยแสร้งปั้นหน้าให้บึ้งตึง เร่งฝีเท้าเดินให้ห่างจากคนขี้แกล้ง และปฏิเสธเสียงเข็ง
“ใครเขิน ไม่มี๊” นาวาส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก เส้นผมสลวยที่เริ่มยาวสะบัดไปมาดึงดูดความสนใจของตรีเพชร


หมับ


มือใหญ่วางลงบนกระหม่อมของนาวา ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความนุ่มและเส้นผมที่ลื่นให้สัมผัสราวเส้นไหม ขณะเดียวกัน เด็กน้อยรู้สึกได้ถึงความอุ่น ฝ่ามือหนานั้นอุ่นประหลาด… คล้ายๆฝ่ามือของใครบางคน


“นี่แน่ะ” ตรีเพชรว่า ก่อนจะขยี้ผมของนาวาจนยุ่ง


“โอ๊ยไอ้ตี๋ หัวยุ่งหมดแล้ว” นาวาใช้มือเล็กๆของตัวเองสางผมให้เข้าที่ “เล่นบ้าอะไรของนาย”


“ลงโทษไอ้เด็กปากแข็ง เขินก็พูดเถอะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก”


“ใครจะไปเขินคนอย่างนาย”


“แน่ใจนะครับหนูวา ที่แอบเงียบตลอดทางนี่ไม่ใช่เพราะอายหรอกเหรอ”


“โอ๊ยไม่คุยเรื่องนี้แล้ว” นาวาเดินนำเข้าห้างไป ชายหนุ่มจึงเร่งฝีเท้าตามมา เด็กน้อยหันมาถามตรีเพชรเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ “ตกลงวันนี้นายจะพาฉันไปงานอะไร ไม่ไปไม่ได้หรือไง”


“ไม่ได้ นายต้องไป”


“งานอะไร”


“งานวันเกิด”


“จะบ้าเรอะ ไปงานวันเกิดคนไม่รู้จัก ฉันวางตัวไม่ถูกหรอกนะ” นาวาพูด


“ใครว่าหนูวาไม่รู้จัก”


“งานวันเกิดใคร” นาวาเลิกคิ้วสงสัย


“น้องตาม ตามใจ น้องชายไอ้เปรม”


“อ๋อ” นาวาลูบคางทำทานึก “น้องคนนั้นที่เจอในชมรม”


“อื้มเด็กคนนั้นแหละ ไอ้เปรมเห่อน้องคนเล็กของมันจะตาย สั่งนักสั่งหนาให้ฉันไปให้ได้ งานเริ่มเย็นนี้แต่มันเตรียมของตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว”


“พี่เปรมรักน้องเว่อร์ๆ”


“ก็นะน้องมันออกจะน่ารักขนาดนั้น” ตรีเพชรยิ้มเมื่อนึกถึงตามใจ รอยยิ้มของชายหนุ่มไม่รอดพ้นสายตาของนาวา แต่เด็กน้อยยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ


“แล้วนายจะลากฉันไปทำไมตี๋”


“เหอะน่า ไปเปิดหูเปิดตามั่ง”


“เออๆ งานเลี้ยงทั้งทีใครจะปฏิเสธ” นาวาดีดนิ้วเหมือนคิดอะไรได้ “แล้วของขวัญล่ะ เราต้องหาของขวัญนี่นา ถ้าไปมือเปล่าเสียมารยาทแน่ๆ”


“ถึงชวนมาชอปปิ้งนี่ไงล่ะ อุตส่าห์คิดตั้งแต่เมื่อคืน” ตรีเพชรอธิบาย หารู้ไม่ใบหน้าของนาวาเริ่มมีเค้าบูดบึ้งขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มจบประโยค


“พามานี่ก็เพราะซื้อของให้ตามใจสินะ” นาวากอดอก หันหน้าไปมองทางอื่น


“หนูวาฉลาดจริงๆ” ตรีเพชรเรียกขานคนตัวเล็กตามอาม่า


“ไม่ต้องมาเรียกว่าหนูวาเลย” นาวาเหว หน้าบึ้ง เขารู้สึกหงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ “แล้วงานเลี้ยงนั่นฉันไม่ไปแล้ว ไปคนเดียวเลย
ไอ้ตี๋สมองกลวง” ไอ้โซ้ยตี๋ ไหนมึงบอกจะพากูมาชอปปิ้งซื้อของไง ที่ไหนได้หลอกให้มาเป็นพื่อนซื้อของขวัญให้น้องตาม ไอ้หอก! นาวาคิดในใจจนเสียงก่นด่าเหล่านั้นแว่วดังมาทางสายตา ชายหนุ่มสบสายตาขุ่นๆของคนตัวเล็กถึงกับไปต่อไม่ถูก


นาวาเดินดุ่มๆไปข้างหน้า ทิ้งให้ตรีเพชรยืนงงอยู่ตรงนั้น


“เตี้ย” ชายหนุ่มออกเดินตาม “เป็นอะไร โกรธอะไรฉันอีก แค่เรียกว่าหนูวาเนี่ยนะ ไม่เห็นเป็นไรเลย น่ารักดีออก”
นาวายังคงเงียบ ไม่สนใจที่ตรีเพชรสะกิด


“หนูวาคร้าบ… เอ้ย เตี้ยคร้าบ”


นาวาหันมองคนที่กำลังสะกิดเขาอย่างไม่พอใจ


“หยุดเรียกว่าหนูวาแล้วไง เรียกเตี้ยเหมือนเดิมก็ได้” ตรีเพชรยิ้มซื่อ


ไม่ใช่เรื่องนั้นโว้ย! เสียงในหัวของนาวาตะโกนก้อง นาวาคิดว่าเทพบุตรในฝันของสาวๆทั้งหลายบางครั้งก็แอบโง่ได้เหมือนกัน อย่างตรีเพชรที่กำลังโง่อยู่ตอนนี้


ของขวัญวันเกิดของตามใจปีนี้เป็นตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ที่คุณชายบังคับให้ซื้อเหมือนกัน สรุปก็คือตามใจได้ตุ๊กตาคู่จากนาวาและตรีเพชร เป็นตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลอ่อนใส่เอี๊ยมสีฟ้ากับตัวที่นาวาเลือกเป็นเท็ดดี้แบร์สีครีมใส่เอี๊ยมสีชมพู นาวาชอบตุ๊กตามากๆขนนุ่มๆ สัมผัสนิ่มๆของตุ๊กตาทำเอาเขาอยากซื้อกลับห้องให้หมดทุกตัว แต่เมื่อดูงบในกระเป๋าแล้วเด็กหนุ่มเลยชั่งใจไม่ซื้อตุ๊กตาหมีให้ตัวเอง


เมื่อได้ของขวัญเป็นที่เรียบร้อยคุณเพชรก็ลากนาวาไปหาคอนแทค กว่าจะกล่อมให้นาวายอมสลัดแว่นและสวมคอนแทคได้เล่นเอาทั้งพนักงานและตรีเพชรเหนื่อยไปตามๆกัน แต่ผลที่ได้เกินคุ้ม ชายหนุ่มตะลึงงันมองนาวาราวไม่เคยเห็นมาก่อน รอยยิ้มของคุณเพชรฉายชัดกว่าครั้งไหนๆ เท่านั้นยังไม่พอ ตรีเพชรยังลากนาวาเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ซื้อเสื้อผ้าและน้ำหอมให้เป็นว่าเล่น แม้คนตัวเล็กจะทัดทานสักเท่าไร ตรีเพชรก็ไม่ฟังอยู่ดี นาวาจึงได้แต่เดินตามชายหนุ่ม ยอมเป็นหุ่นให้เขาลองเสื้อผ้า จนสองมือของทั้งสองคนถือถุงโน่นนี่เต็มไปหมด


“หนูวา” ตรีเพชรเรียกนาวาที่เดินอยู่ข้างๆ “หนักไหม”


“ไม่หนัก แต่มันเยอะ” นาวาตอบ “กลับได้หรือยัง”


“เดี๋ยวสิ ไปซุปเปอร์แปปนึง”


นาวาพยักหน้า


“เอางี้ เดี๋ยวฉันจะรีบเอาของทั้งหมดเนี่ยไปเก็บที่รถ ส่วยเตี้ย นายก็นั่งรอในร้านไอศกรีมนี่” ตรีเพชรแย่งของจากมือนาวามาถือไว้จนหมด แล้วยัดอะไรบางอย่างใส่มือนาวา “เอากระเป๋าสตังค์ไป จะกินอะไรก็สั่งนะ เดี๋ยวมานะเตี้ย” จบคำตรีเพชรรีบเดินหายไปกับฝูงชน


“อะไรของเขาวะ ไม่เห็นต้องเอาของไปเก็บเลย ซื้อของในซุปเปอร์ก็เอาของพวกนี้ใส่รถเข็นสิ เสร็จแล้วได้เอาเก็บในรถทีเดียวไม่ต้องเทียวไปเทียวมา ไอ้ตี๋ท่าจะเพี้ยน ไม่มันก็โง่ ฮ่าๆ” นาวาบ่นและหัวเราะกับตัวเองก่อนจะเข้าไปนั่งในร้านไอศกรีมหรู


ไอศกรีมที่สั่งมาเผื่อคุณเพชรละลายไปเกือบครึ่ง แต่เด็กน้อยกลับไม่เห็นวี่แววของคนตัวสูงว่าจะรีบกลับมาอย่างที่พูดไว้ นาวานั่งกินไอติมของตัวเองจนหมดไป จ้องดูนาฬิกาข้อมือตัวเองอย่างเซ็งๆ  สั่งน้ำส้มปั่นเพิ่มอีกแก้ว คุณเพชรก็ยังไม่กลับมาใบหน้าของเด็กน้อยง้ำเป็นรอยที่สองของวัน


“ไปทำบ้าอะไรของมันวะ นานเป็นชาติ” นาวาบ่น


ในจังหวะที่เด็กน้อยกำลังจะเรียกพนักงานคิดเงินร่างสูงกลับเดินเข้ามา นั่งลงฝั่งตรงข้าม หยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มอย่างกระหาย เมื่อมองไปที่ตรีเพชรดีๆจะเห็นว่าใบหน้าคมสันของเขามีเม็ดเหงื่อซึมพรายอยู่ตามกรอบหน้า คุณเพชรสะบัดคอเสื้อเชิ้ตสีกรมท่าเพื่อไล่ความร้อน พับแขนขึ้นถึงข้อศอก


“ขอโทษที่มาช้า” ตรีเพชรยิ้มสำนึกผิดเมื่อเห็นไอศกรีมฝั่งตัวเองละลายจนเกลี้ยง


“นึกว่าหนีกลับซะก่อนแล้ว ไปทำบ้าอะไรของนายวะนานไปป่ะ”


“พอดีมีธุระนิดหน่อย”


“ช่างเหอะ” นาวาติดจะไม่พอใจคำตอบของตรีเพชร ธุระนิดหน่อย? ไม่หน่อยละมั้งเหงื่อแตกเหงื่อแตนขนาดนั้น


“งั้นเราไปซุปเปอร์กันดีกว่า” ตรีเพชรเปลี่ยนประเด็น เขารู้นาวาไม่พอใจคำว่า ‘ธุระ’ ของเขาสักเท่าไหร่ ขืนอยู่ต่อให้เด็กเตี้ยซักไซ้เขาจะพาลซวยเอา เลยต้องแกล้งเปลี่ยนเรื่อง รีบไปจ่ายเงินค่าไอศกรีมและออกจากร้านไป


“หนูวาดมอันนี้ดูดิ” ตรีเพชรถือขวดแชมพูอยู่ในมือ ยื่นให้เด็กน้อยดม


“ก็หอมดี”


“แล้วกับขวดสีแดงนี้ล่ะ” เขาเอาแชมพูอีกยี่ห้อให้นาวาดม


“หอมเหมือนกัน”


“แล้วหนูวาชอบอันไหน”


“ทำไม” นาวาสงสัย “จะซื้อให้?”


“อื้มซื้อให้ แล้วเอาไปใช้เองด้วย”


“ขวดแรกหอมกว่า” นาวาบอก


“แต่ฉันชอบขวดสีแดง เอาขวดนี้นะ” ตรีเพชรหยิบแชมพูที่ตัวเองเลือกหย่อนลงรถเข็น


“ถ้าชอบสีแดงตั้งแต่แรกแล้วถามทำไมวะ แล้วจะซื้อไปใช้เองด้วยทำไมถึงซื้อแค่ขวดเดียว”


“ก็เอาไปใช้กับวาที่ห้องไง” ชายหนุ่มตอบหน้าตาย


“ไอ้โซ้ยตี๋ ใครอนุญาตไม่ทราบ” นาวาเหว


“อนุญาตตัวเองดิ ห้องคู่หมั้นทำไมจะไปอยู่ไม่ได้ จริงไหม” คุณเพชรยิ้มพราวลอยหน้าลอยตาไม่สนใจคำทักท้วงของนาวา


กว่าทั้งคู่จะซื้อของเข้าห้องเสร็จก็มีอันต้องเถียงกันตั้งหลายรอบ แต่ส่วนมากก็ได้ของแพงๆที่คุณชายอยากได้ ในเมื่อขัดใจคนที่เอาแต่ใจตัวเองไม่ได้นาวาจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย


 :mew1: :mew1: :pig4: :pig4: :L1: :L1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 03-07-2015 10:46:22
เพชรไปไหนมา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Disthaporn ที่ 03-07-2015 11:58:53
วาโคตรขี้หึงอ่ะ เเต่ก็เพราะรักใช่ม่าา :ling1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 03-07-2015 12:51:08
หึงพี่เพชรซะด้วยๆๆ
ว่าแต่เพชรหายไปไหนมา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-07-2015 13:15:40
น้องวาหึงแบบไม่รู้ตัว 555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 03-07-2015 13:25:13
อั้ยย่ะ!!หนูวามีหึงพี่เพชรเบาๆ ว่าแต่เพชรหายไปไหนมา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-07-2015 17:55:51
มีลับลมคมในนะคุณเพชรขาา
อย่าให้รู้นะว่าไปไหนนนน

ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-07-2015 20:25:56
ไปไหนมาค่ะคุณเพชร
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Devil_Angle ที่ 04-07-2015 00:02:17
แอบไปซื้อตุ๊กตาให้หนูวาใช่ไหมค่ะคุณเพชร?
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 04-07-2015 00:25:46
วาหลุด เก็บอาการหน่อยลูก คึๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 04-07-2015 01:30:09
แล้วเงินมรดกไปไหนหมดอ่ะ ทำไมวายังไม่มีเงินอยู่อีก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-07-2015 02:49:10
คุณเพชรนี่ติดหนึบคู่หมั้นน่าดู ชอบอ่ะ หนูวาๆ น่ารัก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 04-07-2015 05:12:15
หวังพี่เพชรเราจะมีเซอร์ไพรซ์ให้น้องวาน่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 04-07-2015 05:57:13
เพชรแอบไปซื้อตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ๆ ให้นาวาแน่ ๆเลย หึหึ

แอบเอาไปเก็บที่รถแล้วด้วย แบบว่าที่อ้างว่าจะไปเก็บของความจริงวิ่งไปร้านตุ๊กตาแล้วไปซื้อแอบเอาไปเก็บด้วยไงครบ!!
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 04-07-2015 14:48:50
ลูกดกชัวร์ 55555

อาตี๋ ดูท่าจะหลงหนูวาเต็มๆ หุหุ

ว่าแต่ธุระของแกมันคืออัลไร...อาโซ้ยตี๋!!(ตะโกน)
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: eium ที่ 04-07-2015 16:40:46
 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 04-07-2015 18:47:08
มาต่ออีกกกก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 04-07-2015 19:07:36
ไม่ได้รู้อะไรบ้างเลยยย พี่เพชร
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mori406 ที่ 04-07-2015 23:48:20
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 06-07-2015 00:27:34
5555 นาวาขี้น้อยใจเหมือนกันนะเนี่ย
พี่เพชรโคตรทำตัวมีพิรุธ

รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 06-07-2015 01:19:55
หนูวาน่าร๊ากกกก ก
พี่เพชรก็ชอบมุ้งมิ้งเหมือนกันนะ อยากให้วาตามใจ (แบบบังคับ) 5 555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 10-07-2015 15:03:52
เพชรต้องแอบมีเซอร์ไพรส์ให้นาวาแน่เลย o13
รอตอนต่อไปอยู่นะคับ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-07-2015 00:12:03
:)
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 1/2 [3/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 20-07-2015 23:50:37
 :กอด1:  :3123:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 27-07-2015 14:30:23
บทที่ 9

วันเกิดปีนี้ และปีถัดๆไป
2/2


 :กอด1: :L2: :กอด1:



ไฟกระพริบสีฟ้าอ่อนที่ประดับอยู่ตามพุ่มไม้ในสวนหน้าบ้านยิ่งทำให้ปาร์ตี้บาบีคิววันนี้ดูคล้ายงานวันเกิดมากยิ่งขึ้น หลายคนกำลังวุ่นอยู่กับการย่างบาบีคิว อีกหลายคนจับกลุ่มกันตรงโต๊ะหินอ่อนกลางสวนเพื่อดื่มแอลกอฮอล์และดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืน


“หมวย” เสียงเรียกของเปรมดังมาจากโต๊ะหินอ่อน ตามใจเงยหน้าเพราะเสียงเรียกของพี่ชาย “รีบๆย่างเข้าสิเฮียหิวแล้ว อ้อ ย่างหมึกมาให้ด้วยนะ”


“รีบนักก็มาย่างเอง” ตามใจตะโกนกลับไป ใบหน้าไม่สบอารมณ์ “วันเกิดตัวเองแท้ๆ ไหงต้องมาปรนนิบัติไอ้เฮียเปรมล่ะเนี่ย คอยดูจะฟ้องม๊าว่ามันไม่ดูแลน้อง” ตามใจบ่นพึมพำกับตัวเอง มือก็คีบนั่นย่างนี่อย่างพัลวัน 


“ไปนั่งก่อนก็ได้ เดี๋ยวเอาไปให้” จอมทัพที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น ชายหนุ่มไม่ได้หันมองคนที่ตัวเองพูดด้วยเพราะมัวแต่สนใจอยู่กับของตรงหน้า


“ไม่เป็นไร เฮียของตาม ตามย่างให้มันกินเองได้” ตามใจหน้าหงิกขึ้นเป็นกองเมื่อรู้สึกคล้ายๆว่าทุกคนจะเมินเขากันหมด


จอมทัพหัวเราะในลำคอเบาๆให้กับเด็กเอาแต่ใจ เขากับตามใจเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยเลยที่จะถูกกัน เรื่องมันก็นานมาแล้วตั้งแต่สมัยเขาเรียนมัธยม ตอนนั้นจอมทัพและเพื่อนทุกคนในกลุ่มถือโอกาสปิดเทอมไปเที่ยวบ้านเปรมที่ภูเก็ต ตามใจเลยได้รู้จักกับเพื่อนของพี่ชายทุกคน และมีเรื่องให้ไม่ชอบหน้าจอมทัพอีกด้วย


“ย่างแค่นี้พอหรือยังคะพี่จอม” นิสาที่ยืนช่วยชายหนุ่มทำน้ำจิ้มซีฟู้ดถามขึ้น


“พอแล้วแหละ พี่ว่าใครอยากกินเพิ่มก็ให้มันมาจัดการเอาเอง” จอมทัพบอก


เวลาเลยล่วงไปประมาณสองทุ่มเศษ บางคนเริ่มมีอาการตึงๆเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่กระนั้นก็ยังไม่มีใครเมาแม้แต่คนเดียว อย่างที่เปรมผู้เป็นตัวตั้งตัวตีของงานนี้บอกไว้ว่าคืนนี้ยังอีกยาวไกล เพราะเขาสะสมเสบียงของมึนเมาเอาไว้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ของขวัญหลายกล่องถูกตามใจแกะออกเพราะคำเชื้อเชิญของผู้ให้ ของขวัญหลายชิ้นเรียกร้อยยิ้มให้เจ้าของวันเกิดได้อย่างดี โดยเฉพาะของขวัญจากเอ็มที่เป็นหมวกแบบที่ตามใจอยากได้


เสียงหัวเราะพูดคุยของรุ่นพี่รุ่นน้องไม่ทำให้ค่ำคืนของงานเลี้ยงเงียบเหงา ด้วยความสนิทชิดเชื้อของรุ่นพี่และรุ่นน้องสองกลุ่มทำให้บรรยากาศงานวันเกิดที่ตามใจรอคอยสนุกขึ้นเป็นเท่าตัว เปรม และ นาย มีเอ็มเป็นรุ่นน้องร่วมคณะ สามหนุ่มวิศวะจึงนั่งจับกลุ่มแอบนินทาอาจารย์ เพราะข้อสอบย่อยที่ผ่านมายากบรรลัย จอมทัพและแบงค์ซึ่งเรียนบริหารก็นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย เก้า นิสา และตามใจเรียนมนุษยศาสตร์เหมือนกัน ตามใจจึงได้โอกาสถามโน่นนี่เกี่ยวกับวิชาที่ลงเรียนในเทอมนี้ แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ใช่รุ่นน้องหรือเพื่อนร่วมคณะแพทย์ศาสตร์ของเต แต่ก็เป็นคนในชมรมเดียวกัน หลายคนจึงโดนว่าที่หมอหนุ่มเอ็ดเรื่องกินบาบีคิวที่เกรียมเพราะอาจก่อมะเร็งได้


เมื่อคนสนิทจำนวนมากมารวมตัวกัน รับรองได้ว่าเสียงพูดคุยก็ยิ่งอื้ออึงด้วยเช่นกัน เรื่องราวที่พูดคุยนั้นก็มีอยู่ไม่กี่เรื่องเพราะธรรมชาติของมนุษย์เรานั้นเห็นจะมีเรื่องให้พูดอยู่สองเรื่อง หนึ่งคือเรื่องตัวเอง สองคือเรื่องของคนอื่น ไอ้เรื่องของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนั่นถือเป็นประเด็นหลักๆที่คนเรามักจะหยิบยกขึ้นมาพูด จนบางครั้งเรารู้จักคนอื่นดีกว่ารู้จักตัวเองเสียด้วยซ้ำ


“มึงคิดว่าไอ้เพชรจะหมั้นกับใครวะ” นาย ผู้เป็นลูกชายของนายตำรวจใหญ่กำลังทำตัวเป็นนักสืบ จุ้นเรื่องของเพื่อนที่ยังเดินทางมาไม่ถึง เป็นเหตุให้ทั้งโต๊ะหันมาสนใจหัวข้อที่ชายหนุ่มเปิดประเด็น


และความซวยก็ตกอยู่ที่คนที่หายไปเมื่อกลุ่มคนสนิทรวมตัวกัน คนเรามักพูดถึงคนใกล้ตัวในตอนที่ไม่ได้อยู่ด้วยเสมอ


“นั่นสิ กูไม่เห็นมันจะควงใครนาน จู่ๆหมั้นซะงั้น” เปรมยกเบียร์เย็นๆขึ้นจิบ “ใครคือคนโชคร้ายคนนั้นวะ”


“โชคร้ายตรงไหนวะเฮีย เฮียเพชรออกจะดี หล่อ รวย เก่ง เพียบพร้อมขนาดนั้น” ตามใจมองตรีเพชรเป็นแบบอย่างเสมอ


“ก็ไม่โชคร้ายอะไรหรอก แค่เห็นใจที่ต้องมาปราบนิสัยเจ้าชู้ของไอ้เพชรเท่านั้นเอง ถ้าอยากจะหมั้นกันยืดอ่ะนะ” เปรมอธิบาย


“ได้ข่าวว่ามันโดนบังคับหมั้นนิ” เตพูดขึ้น “ไอ้คุณชายมันคงยอมหมั้นไปงั้นๆ จำตอนที่อาม่าอายัตบัตรมันได้ไหมล่ะ ไอ้เพชรมัน
คงเข็ดที่โดนยึดเงินยึดรถ”


“นั่นสิ คิดถึงตอนนั้นกูยังฮา” นายหัวเราะเบาๆ “มันคงเสียดายรถมาก”


“งั้นที่เฮียเพชรหมั้นเพราะเรื่องนี้เองเหรอ” ตามใจสงสัย “เฮียเพชรไม่น่าเลย”


“คงจะอย่างนั้นแหละ” หมอเตพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “ทำไม เสียดายเหรอตาม ไม่เป็นไรพี่เตรียมไอ้จอมไว้ให้แล้วนะ”


“พี่เต/ ไอ้เต” เสียงของสองพี่น้องร้องขึ้นพร้อมกัน เรียกเสียงหัวเราะของคนทั้งกลุ่มได้เป็นอย่างดี


“แล้วมึงอ่ะจอม คิดยังไง” นายหันมาถามจอมทัพที่นั่งฟังเพื่อนๆนินทาเพื่อนสนิทอย่างเงียบๆ


“ก็ไม่คิดยังไง เรื่องของไอ้เพชรมัน” จอมทัพตอบไปตามที่ตัวเองคิด


“วะ มึงนี่ตอบโคตรพระเอก ทำตัวยุ่งเรื่องชาวบ้านหน่อยน่า” นายที่นั่งใกล้จอมทัพเหวี่ยงแขนกอดบ่า “ในฐานะที่มึงรู้จักไอ้
คุณชายมาตั้งแต่เด็กๆ สนิทกับมันกว่าใครๆ มึงว่ามันรับหมั้นเพราะอะไร”


สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่จอมทัพอย่างใคร่รู้ ชายหนุ่มถอนใจเบาๆก่อนจะพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา “ที่แน่ๆไม่ใช่เพราะเรื่องโดนอาม่ายึดบัตรหรอก อย่าลืมว่ามันมีฟิตเนสที่แอบเปิดตั้งกี่สาขา กำไรไม่น้อยเลยนะ ลำพังมันจะเลี้ยงตัวเองหรือเลี้ยงกิ๊กสักสี่ห้าคนก็ยังสบาย มันคงรับหมั้นเพราะมีเหตุผลอื่นแหละ”


“โห พี่เพชรมีธุรกิจของตัวเองด้วยเหรอพี่” แบงค์ถามเปรมที่นั่งใกล้ๆ


“เออนั่นสิ กูก็ลืมไป มันแอบอาม่าเปิด เพราะเขาไม่อยากให้มันสนใจกิจการอย่างอื่นมากนักนอกจากกิจการของครอบครัว แต่มัน
คงรักการออกกำลังกายมั้ง อีกอย่างไปฟิตเนสบางที่ก็ไม่ถูกใจมัน มันเลยเปิดเองซะเลย”


“เรื่องนี้ต้องมีเบื้อลึกเบื้องหลังแน่ๆ” นายเท้าคาง ใช้ความคิด


“เลือกยุ่งเรื่องเพื่อนเถอะน่า” จอมทัพบ่นให้ จนทุกคนเลิกสนใจเรื่องของตรีเพชรและหันไปถามหานาวาแทน


“แล้วพี่วาไม่มาด้วยเหรอครับพี่เก้า” ตามใจถามขึ้น


“โทรหาตั้งหายสายแล้ว โทรไปก็ไม่รับ” เก้าบ่น ใบหน้าเริ่มส่อเค้ากังวล “ไม่รู้เป็นอะไร ทำซะคนอื่นเป็นห่วง”


“โทรไม่ติดเหมือนกันเหรอเก้า” จอมทัพถามขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน วันนี้ชายหนุ่มเพียรโทรหาเด็กน้อยคนนั้น แต่ไม่มีทีท่าว่าอีก
ฝ่ายจะรับสาย


“ครับพี่ ผมกับพวกเพื่อนๆช่วยกันโทร ไอ้วามันก็ไม่ยอมรับ” เก้าว่า


“แล้วทำไมเอ็งไม่บอกพี่” จอมทัพเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ชายหนุ่มชักจะเป็นห่วงนาวาขึ้นมาครามครัน “เพื่อนหายไปทั้งคนนะ
เว่ย”


“แหม ไอ้จอม ไม่ได้เลยนะ” หมอเตผู้ช่างสังเกตทักขึ้น “พอเรื่องของน้องวาล่ะพูดใหญ่เชียวนะมึง”


“ไอ้เต มันใช่เวลาเล่นไหม” จอมทัพว่า


“เอาน่ามึง น้องมันไม่เป็นไรหรอก” เปรมปลอบเพื่อน “นาวาเป็นคนแบบไหนมึงก็รู้ มันคงไม่อยากรับสายละมั้ง อาจจะมีเรื่องกลุ้มใจก็ได้ ถ้ามันหายกลุ้มมันก็จะโทรกลับเหมือนเคยแหละน่า”


คำปลอบของเปรมไม่ได้ทำให้จอมทัพคลายกังวลได้เลย


“สาว่านาวาไม่เป็นไรหรอกค่ะ เมื่อวานตอนเลิกเรียนพี่เพชรยังมารับนาวาอยู่เลย” นิสาดื่มโค้ก พลางเขี่ยสับปะรดออกจากไม้บาบีคิว


“น้องสาว่าอะไรนะ เมื่อวานใครไปรับวา?” จอมทัพถามขึ้นเพื่ออยากได้ยินให้ชัดเจน


“พี่เพชรค่ะ พี่เพชรมารับนาวาตอนเย็น เก้าก็เจอ เนอะเก้า” นิสาพยักหน้าไปทางเก้าที่นั่งติดกัน เก้าได้แต่แสดงสีหน้าเห็นใจเพราะลึกๆแล้ว เขาดูรู้ว่าจอมทัพคิดอะไร


“ไหนมึงว่ามันมีธุระไงไอ้จอม ไอ้เพชรเบี้ยวนัดพวกกู จะไปฟิตเนสด้วยกันซะหน่อย” เปรมบ่นขึ้น


“กูก็รู้เหมือนมึงนั่นแหละ” จอมทัพพูด “มันบอกว่ามีธุระด่วน แล้วออกจากห้องเรียนไปเลย”


“เรื่องนี้แปลกๆว่ะ หลายครั้งแล้วนะไอ้เพชรกันน้องวา เมาจนจูบกัน กัดกันจนเกือบจะพลอดรักกันในห้องชมรม แถมไอ้คุณชายยัง
หน้าด้านหนีอาม่าไปกบดานที่ห้องนาวาอีก ไอ้เพชรมันรู้หรือเปล่าว่ามันกำลังแย่งว่าที่แฟนไอ้จอม” นายที่ดื่มเบียร์มากไปหน่อย
หลุดปากพูดไปตามความคิด


“ไอ้เชี่ยนาย พล่ามมากไปแล้วมึง” เปรมหันไปแยกเขี้ยวใส่นาย แล้วหันมาคุยกับจอมทัพ “อย่าคิดมากน่ามึง ไอ้นายแม่งเริ่มเมาละ”


จอมทัพไม่ได้ตอบรับคำปลอบของเพื่อน ชายหนุ่มได้แต่จมอยู่ในความคิดของตัวเอง เช่นเดียวกับเก้าที่จมอยู่ในความคิดของตัว
เองภายใต้การทอดมองของนิสา หญิงสาวที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของผู้คน


เวลาล่วงเลยมาได้สักพัก พอให้หลายคนสัมผัสได้ถึงลมหนาวยามค่ำได้บ้าง ทันใดนั้นเสียงแตรรถดังขึ้นหน้ารั้วบ้าน ตามใจมองไปเห็นรถสีแดงคันหนึ่งหน้ารั้ว เด็กหนุ่มสะกิดถามพี่ชายของตัวเองทันที


“รถใครอ่ะเฮีย”


“ไอ้เพชรมั้ง กว่าจะมาล่อไปตั้งสามทุ่ม”


“งั้นเดี๋ยวตามไปเปิดประตูรั้วดีกว่า” ตามใจฉีกยิ้มหน้าบานเมื่อเห็นรถของตรีเพชรจอดอยู่หน้ารั้ว เขารีบกระวีกระวาดเปิดรั้วบ้าน ให้รถสีแดงคันงามเล่นมาจอดที่โรงรถ


ตรีเพชรก้างลงจากรถพร้อมรอยยิ้ม ตามใจตอบรับรอยยิ้มนั่นโดยการเดินเข้าไปหาชายหนุ่มให้เขาขยี้หัวเล่น


“โตขึ้นอีกปีแล้วนะไอ้เด็กดื้อ” ตรีเพชรพูดขึ้นหลังจากขยี้ผมน้องชายเพื่อนจนสาแก่ใจ


“สิบเก้าแล้ว ไม่เด็กแล้ว” ตามใจเถียงอย่างภาคภูมิ เขายืดอกทำหน้ายียวน


“หึหึ กวนจริง” ตรีเพชรหัวเราะ


ตามใจแบมือออกไป คุณเพชรจึงเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย


“ของขวัญไง ไหนอ่ะ”ตามใจเฉลย แต่ก็ยังคงแบมืออยู่อย่างนั้น


“ไอ้ขี้งกเอ้ย มีอยู่แล้วน่า อยู่ในรถไง” ตรีเพชรหันกลับไปที่รถ ชายหนุ่มวาดรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนยังไม่ยอมลง
จากรถ “เราไปรอเฮียที่โต๊ะไป เดี๋ยวเฮียตามไป” ตรีเพชรบอกกับตามใจก่อนจะเดินกลับไปที่รถ


ชายหนุ่มเปิดประตูรถออก ดวงตาเรียวรีทอดมองตุ๊กตาหน้ารถของเขาด้วยความเอ็นดูปนขำ


“นั่งทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ยอมลงมา” ตรีเพชรถามคนที่นั่งส่องกระจกมองตัวเองอยู่ในรถ


“ใครมันจะกล้าลงไปทั้งสภาพแบบนี้กัน” นาวาเหวเข้าให้


“สภาพแบบนี้เป็นยังไง” ชายหนุ่มไม่เข้าใจสิ่งที่นาวาสื่อ


“ก็นายนั่นแหละโซ้ยตี๋ ไม่น่าแวะร้านทำผมเลย ใครมันจะไปรู้ว่าจะตัดสั้นขนาดนี้ แล้วทำสีบ้าอะไรให้ก็ไม่รู้ ไม่กล้าไปพบเจอผู้คนหรอก”


“หึหึ สั้นตรงไหน ผมเดิมของนายยาวไปต่างหาก แบบนี้แหละดีแล้ว” ชายหนุ่มแจกแจง


“ไม่ลงไปได้ไหม”นาวาอิดออด


“ไม่ต้องท่าเยอะเลย ลงมานะเตี้ย หรือจะให้อุ้ม?” ตรีเพชรทำท่าจะช้อนตัวนาวาขึ้น เด็กหนุ่มเลยผลักเข้าให้ นาวาจำใจออกจาก
รถพลางคว้ากล่องของขวัญติดมือมาด้วย


“มั่นใจหน่อยน่า” ตรีเพชรปิดระตูรถแล้วเดินตามมา เขาแย่งของขวัญสองกล่องไปถือไว้เอง “น่ารักออก” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูของนาวาก่อนจะเดินออกมาให้พ้นเงื้อมหมัดหนักๆของคนตัวเล็ก


ทั้งสองเดินไปยังกลุ่มเพื่อนที่นั่งจับกลุ่มกันตรงม้าหิน เห็นได้ชัดว่าเอาโต๊ะกินอ่อนสองตัวต่อกันเพื่อจะได้นั่งกันครบทุกคน เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังแว่วมาจากโต๊ะยาวนั่น นาวายิ้มดีใจที่เห็นเพื่อนๆของตัวเองอยู่ในงานวันเกิดนี้ด้วย ทำไมพวกนี้ไม่ยอมบอกเขาก่อนเลยนะ


“ไอ้เพชรกว่าจะมานะมึง” เปรมทักขึ้นพลางขยับที่นั่งให้ตรีเพชรนั่งลง


“ไหนเล่าเฮียเพชร ของขวัญ เอามาด่วนๆอยากแกะดูจะแย่” ตามใจพูดขึ้นทันทีโดยตรีเพชรยังไม่ทันนั่งด้วยซ้ำ


“เขี้ยวจริง นี่เอาไป ของขวัญไอ้ดื้อ” ตรีเพชรยื่นกล่องของขวัญสีฟ้าและสีชมพูอ่อนให้


“โหสองกล่องเลยเหรอ” ตามใจร้องด้วยความตื่นเต้น


“ไม่ต้องเว่อร์หอรกไอ้ดื้อ สองกล่องนี้ของเฮียกับพี่วา”


แล้วความเงียบพลันโรยตัวลงมาราวไม่มีปี่มีขลุ่ย....



 :z6: :z6:

จะมาต่ออีกทีดึกๆนะครับ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 27-07-2015 14:50:32
จิ้ม
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 27-07-2015 15:03:29
แหมๆๆ ของพี่เพชรกับน้องวาหรอ
หาคนมาดามใจจอมทัพที
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: we.jinkyu ที่ 27-07-2015 15:12:34
จะรอน่ะค่า
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 27-07-2015 15:14:35
ค้าง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 27-07-2015 16:59:56
เหยยยย เงียบกันทำไม
อยากอ่านต่อแร้วนะ :ling1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 27-07-2015 17:34:03
เอิ่มมมม ค้างงง 555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kajeaw ที่ 27-07-2015 17:39:53
อั๊ยย่ะ.... เปิดตัวคู่หมั้นหราครับ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 27-07-2015 18:35:15
กรี๊ดดด เอาอีกๆๆๆ
มาต่อเร็วๆนะคะ


ขอบคุณคนเขียนมากค่า
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 27-07-2015 19:16:25
ความจะแตกรึเปล่านะ....แอบสงสารจอมทัะล่วงหน้าเลยแหะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 27-07-2015 19:34:05
เฮ้อ จอมทัพน่าสงสารนะ แต่จะโทษรือโกรธใครก็ไม่ได้ ตัวเองช้าเองรู้จักก็รู้จักก่อน แต่ดันไม่ยอมอกไม่ยอมพูดแห้วเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 27-07-2015 21:32:46
จอมทัพ... ชื่อเพราะจัง
ทำไมเราเชียร์พระรองวะ 55 สู้ๆนะคะพี่จอม :3123:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-07-2015 22:21:46
พี่เพชรพาน้องวาไปแปลงโฉมมาเหรอ

ถึงวาจะหมั้นแล้วพี่จอมเสียใจ
เด๋วก็มีเด็กดื้อใจดีคอยปลอบ อิอิ

ัว่าแต่จะมาต่อกี่โมงกันนะดึกๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 27-07-2015 23:54:02
เพิ่งเห็นว่ามาอัพแล้ว
เมื่อไหร่พระนายเราจะสวีทหวานแหวววี้ดวิ้ววี้ดวิ้วกันซ๊ากที :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 27-07-2015 23:54:35
ดึกแล้ววววววววว :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 28-07-2015 00:51:22
ค้างเลยค้างทั้งคนอ่านและเพื่อนๆเลย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 28-07-2015 01:05:48
มาซะเหมือนมาเปิดตัววาเลยนะ เพชร
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [27/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 28-07-2015 01:54:59
ต่อ




ทั้งสองเดินไปยังกลุ่มเพื่อนที่นั่งจับกลุ่มกันตรงม้าหิน เห็นได้ชัดว่าเอาโต๊ะกินอ่อนสองตัวต่อกันเพื่อจะได้นั่งกันครบทุกคน เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังแว่วมาจากโต๊ะยาวนั่น นาวายิ้มดีใจที่เห็นเพื่อนๆของตัวเองอยู่ในงานวันเกิดนี้ด้วย ทำไมพวกนี้ไม่ยอมบอกเขาก่อนเลยนะ


“ไอ้เพชรกว่าจะมานะมึง” เปรมทักขึ้นพลางขยับที่นั่งให้ตรีเพชรนั่งลง


“ไหนเล่าเฮียเพชร ของขวัญ เอามาด่วนๆอยากแกะดูจะแย่” ตามใจพูดขึ้นทันทีโดยตรีเพชรยังไม่ทันนั่งด้วยซ้ำ


“เขี้ยวจริง นี่เอาไป ของขวัญไอ้ดื้อ” ตรีเพชรยื่นกล่องของขวัญสีฟ้าและสีชมพูอ่อนให้


“โหสองกล่องเลยเหรอ” ตามใจร้องด้วยความตื่นเต้น


“ไม่ต้องเว่อร์หอรกไอ้ดื้อ สองกล่องนี้ของเฮียกับพี่วา”


แล้วความเงียบพลันโรยตัวลงมาราวไม่มีปี่มีขลุ่ย


ทุกสายตาหันไปสนใจเด็กหนุ่มร่างระหงส์ที่เดินตามตรีเพชรมา เมื่อนาวาเดินมาถึงโต๊ะที่ทุกคนนั่งอยู่ เด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงความเงียบที่จู่โจมฉับพลันราวปิดสวิตซ์ คิ้วเรียวหนายกสูงขึ้นด้วยความงุนงง ดวงตาสีทองอำพันของนาวาเห็นเก้าทำช้อนร่วงกระทบจานเสียงดัง จอมทัพถือแก้วเบียร์จ่อปากค้างอยู่อย่างนั้น ทุกคนอยู่ในภาวะเงียบตะลึง เขาว่าแล้วผมทรงใหม่ที่ไอ้โซ้ยตี๋บังคับให้ตัดต้องมีปัญหา นาวาเกาท้ายทอยแก้เก้อ ทั้งเขินทั้งวางตัวไม่ถูก


“เป็นไรไปวะ” เสียงถามนี่เป็นของตรีเพชรที่คงจะทนความเงียบไม่ได้ หรือเพราะไม่อยากปล่อยให้สายตาหลายคู่จ้องนาวานาน
เกินไป


“พวกพี่มาด้วยกันได้ไง” เอ็มอาสาเป็นหน่วยกล้าตายถามขึ้น


“ก็อยากพาเพื่อนนายมาเปิดหูเปิดตาบ้าง” ตรีเพชรตอบไปอย่างใจคิด


“โอ้ยเอ็มไม่ใช่เรื่องนี้” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวเหวขึ้นด้วยความใจร้อน นิสาลุกไปหานาวา หล่อนจับแขนเพื่อนพร้อมถามด้วยน้ำเสียงเจือโมโห “แกหายไปไหนมา รู้ไหมเพื่อนโทรตามกันตั้งกี่สาย ปล่อยให้เป็นห่วงกัน”


สิ้นเสียงเหวของนิสา นาวาได้แต่งุนงง “พวกแกโทรมาเหรอ”


“ก็เออสิยะ” นิสาเท้าสะเอวหงุดหงิด แต่อีกใจก็โล่งอกที่เพื่อนไม่เป็นอะไรนอกจากจะมีบางอย่างเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง


นาวาคลำหามือถือของตัวเองตามกระเป๋ากางเกง “เออว่ะ ไม่ได้เอามือถือมา สงสัยคงลืมไว้ที่ห้อง โทษทีนะ”


“ลืมไว้?” นิสากอดอกและสะบัดหน้าหนี หล่อนกลับมานั่งตรงที่ของตัวเอง


นาวาคิดว่างานนี้เขาคงต้องง้อผู้หญิงขี้งอนคนนี้เสียแล้ว เด็กหนุ่มคิดจะแทรกตัวลงนั่งตรงที่ว่างระหว่างเก้าและนิสา แต่นิสากลับดึงเก้าให้นั่งใกล้ตัวเอง เลยทำให้ที่ว่างระหว่างจอมทัพและเก้าว่างอยู่ นาวาเลยแทรกตัวลงไปนั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาตั้งใจจะง้อนิสาให้หายงอนแต่เจ้าหล่อนดันเอาเก้ามาเป็นโล่ซะงั้น


“เก้า สามันโกรธอะไรกูวะ” นาวาสะกิดถามเก้า แต่ชายหนุ่มกลับยักไหล่ ยกเบียร์ขึ้นจิบอย่างไม่แยแส “อ้าวมึงก็โกรธกูด้วยเหรอไอ้เก้า”


“เอ็มมึงดูดิไอ้สองคนนี้มันโกรธกูอ่ะ แค่ลืมมือถือเองนะเว่ย” นาวาหันไปหาตัวช่วย


“ก็สมควรนิ” เอ็มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทำเป็นสนใจกับของกินตรงหน้า


“มึงก็อีกคนเหรอเอ็ม” นาวาตกใจ “แบงค์มึงอย่าบอกนะว่ามึงก็…”


“เออ” แบงค์ตอบเสียงแข็ง


“เห้ย” นาวาร้องออกมาด้วยความฉงนใจ “โกรธกูกันหมดเลย ไม่เอาน่า นะนะ หายงอนน่า”


“โกรธอะไรไอ้เตี้ยมันเนี่ย” ตรีเพชรที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่คล้ายว่าจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเด็กบางคน


“ใครใช้ให้มันติดต่อไม่ได้ล่ะพี่ แถมยังไปทำอะไรกับหน้ากับผมก็ไม่รู้ ทิ้งแว่นไว้ไหนวะ” แบงค์เหมือนจะอดไม่อยู่เลยต้องพล่ามออกมา


“เตี้ยมันลืมมือถือ มันไม่ได้ตั้งใจเว่ย แล้วเรื่องแว่นกับผมมันน่ะ อย่าไปว่ามัน กูลากมันไปทำเอง ไมวะตัดผมใส่คอนแทคน่ารักดีออก” ตรีเพชรอธิบาย เสียงวางแก้วของจอมทัพสะดุดความสนใจของชายหนุ่มให้หันมอง


“ไอ้น่ารักพวกผมไม่เถียง แต่พวกผมไม่อยากให้มันน่ารักเลยพี่ แค่นี้ก็เป็นไม้กันหมากันเหนื่อยแล้ว” เอ็มพูดขึ้นบ้าง “ไอ้วามันไม่รู้หรอก พวกผมเหนื่อยแค่ไหนที่ต้องกันพวกหน้าม่อให้ออกไปไกลๆจากมัน”


“ฮ่าๆ พวกมึงหวงเพื่อนนี่หว่า” นายหัวเราะขึ้น


“แหมพี่นาย ถ้าไอ้แว่นมันไม่เอ๋อปล่อยให้เขามาจีบพวกผมคงไม่เหนื่อยขนาดนี้หรอก” เก้าว่า พลางทำหน้างอนใส่เด็กแว่นที่แปลงโฉมเป็นหนุ่มน้อยน่ารักตั้งแต่หัวจรดเท้าไปเสียแล้ว


“เห้ย กูไม่เอ๋อนะเก้า” นาวาเหว “พวกมึงพูดเรื่องไรเนี่ยกูไม่เห็นรู้เรื่องเลย”


“อย่างแกจะไปรู้อาร๊าย” นิสาว่า


“ฮ่าๆ ดูทำหน้าเข้า” เปรมหัวเราะ “เอาๆวา เอานี่ไปดื่มซะ แล้วเดี๋ยวค่อยง้อพวกมัน ง้อไม่ยากหรอก”


เปรมส่งแก้วเบียร์ให้นาวา เด็กหนุ่มรับมาอย่างหน้าชื่นตาบาน จริงอย่างที่พี่เปรมว่า ไอ้พวกนี้ง้อไม่ยากหรอก หายงอนง่ายจะตาย พวกมันโกรธพอเป็นพิธีเท่านั้นแหละ


“พี่วาครับ ขอบคุณสำหรับของขวัญนะ” ตามใจพูดขึ้นหลังจากนาวาจิบเบียร์เย็นๆลงคอ


“Happy birthday นะครับน้องตาม” นาวาหันไปยิ้มให้ รอยยิ้มของเขาจริงใจงดงาม ตรีเพชรมองตามรอยยิ้มนั้นจนต้องยิ้มออกมา


“งั้นตามขอแกะของขวัญเลยนะ”


“เอาสิ” นาวาพยักหน้า


“โห ตุ๊กตาคู่หรือไงวะไอ้เพชร” นายที่เห็นของขวัญของตามใจที่ได้จากตรีเพชรและนาวาพูดขึ้น


“ไปดูด้วยกัน เห็นว่าน่ารักดีเลยซื้อมาต่างหาก” ตรีเพชรพยายามเก็บรอยยิ้มเอาไว้ “ไม่ตั้งใจให้เป็นตุ๊กตาคู่อะไรหรอก”
เสียงกระแทกแก้วของจอมทัพทำให้นาวาต้องหันไปมอง


“พี่จอมเป็นไรครับ” นาวาเอ่ยประโยคแรกกับชายหนุ่ม เขาเพียงส่ายหน้าน้อยๆแล้วลุกเข้าบ้านไป


ควันบุหรี่ม้วนตัวเป็นเกลียวลอยคว้างขึ้นไปในอากาศ


ประกายระยิบระยับสีแดงอมส้มตรงปลายมวลบุหรี่สว่างวาบเมื่อริมฝีปากคาบมวลบุหรี่ไว้และสูดลมหายใจที่ย้อมด้วยพิษของนิโคตินเข้าปอดอย่างไม่แยแส เขากลั้นลมหายใจครู่หนึ่งเพื่อกลืนควันบุหรี่ลงปอด แล้วจึงปล่อยควันสีขาวออกมา เกลียวควันบุหรี่ลอยไต่ระดับขึ้นไป ควันสีขาวค่อยๆจางหายไปในอากาศราวกับไม่เคยปรากฏกายขึ้นมาก่อน 


ถ้าความทุกข์หรือความเสียใจของคนเราสามารถจางหายไปราวควันบุหรี่ในอากาศ ชายหนุ่มจะขอให้ก้อนความเศร้าที่หน่วงหัวใจนี้อันตรธานหายไปราวไม่เคยมีมาก่อน แต่เพราะความทุกข์และความเสียใจของคนเราไม่สามารถเยียวยาได้อย่างใจปรารถนา
แอลกอฮอล์และควันนิโคตินสีขาวขุ่นจึงเป็นตัวช่วยระงับความหน่วง


แค่ระงับ แต่ไม่ได้ทำให้มันหายไป…


นัยน์ตาสีเดียวกับค่ำคืนทอดมองบรรยากาศงานเลี้ยงตรงสวนหน้าบ้าน แม้จะมองจากระเบียงห้องนอนชั้นสามของเขา ภาพรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กคนนั้นก็ยังคงชัดเจน จอมทัพยืนมองภาพของเด็กหนุ่มเบื้องล่าง ตอนนี้เขารู้สึกว่านาวาเหมือนกับควันบุหรี่… คล้ายว่าจะจางหายไปได้ทุกเวลา


นานมาแล้วเขายังจำได้


วันนั้นในยามเย็นของฤดูร้อน หลังจากเรียนพิเศษเสร็จแล้ว ทั้งสองหลีกหนีไอแดดและความอบอ้าวเข้าไปอาศัยเครื่องปรับอากาศในร้านไอศกรีมเพื่อคลายร้อน เป็นผลให้เด็กผู้ชายสองคนต้องมานั่งทานไอศกรีมหวานฉ่ำกันตามลำพัง


“พี่คิดได้หรือยัง” เสียงของนาวาเรียกให้จอมทัพที่มัวแต่จ้องริมฝีปากของอีกฝ่ายตื่นจากภวังค์


“คิดอะไร?” จอมทัพถามกลับไป


“อ้าวพี่ไม่ได้ฟังที่วาพูดเหรอ” นาวาตักไอศกรีมรสล้มเข้าปากอีกครั้ง “วาถามว่าพี่คิดได้หรือยังว่าจะเรียนอะไร พรุ่งนี้ก็จะเปิดเทอมแล้ว”


“อ่อ เรื่องนั้น” จอมทัพเกาท้ายทอยแก้เก้อ ผมที่ตัดสั้นเพราะจะต้องเรียนนศท.ขับให้รูปหน้าคมสันของชายหนุ่มชัดเจนขึ้น “พี่
เพิ่งขึ้นม.ห้าเองนะ ยังไม่คิดอะไรมากนักหรอก แต่ก็มีดูๆไว้บ้างแหละ”


“พี่ดูอะไรไว้”


“พี่อยากเรียนศิลปะ ไม่ก็นิเทศ” จอมทัพตอบ นาวาพยักหน้าเข้าใจ “แต่ที่บ้านคงไม่ยอม…” น้ำเสียงของจอมทัพแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ


“ศิลปะแฝงอยู่ในทุกๆที่แหละ ไม่ว่าพี่จะเรียนตามที่บ้านหรือเรียนตามใจตัวเอง พี่ก็จะพบเจอศิลปะได้ถ้าพี่ละเอียดลออมากพอ” เสียงของเด็กน้อยนาวาที่อยู่ในชั้นมัธยมสี่พูดให้กำลังใจ “ดูอย่างอันนี้สิ มันยังมีศิลปะอยู่เลย”


“ไหน” จอมทัพถาม นาวาหันไปคว้ากระเป๋าผ้าที่ใส่สมุดจดเอาไว้ มือบางกางหน้าที่ตัวเองบรรจงจดไว้อย่างตั้งใจ นาวายื่นสมุดจดของตัวเองให้จอมทัพ


“กลอน?” จอมทัพถาม


“ใช่ กลอนของ Sappho”


“เป็นศิลปะยังไง” จอมทัพถาม “อ่านยังไม่เข้าใจเลย”


“โห ไรอ่ะ พี่ยังไม่ยอมอ่านต่างหาก อ่านดูสิแล้วพี่จะเข้าใจ มันเป็นศิลปะแห่งความน้อยใจ ศิลปะแห่งอารมณ์ของมนุษย์ คนเรา
ทุกคนต้องเข้าใจความรู้สึกนี้ดี วาชอบศิลปะที่แฝงมากับคำพูด”


“แสดงว่าคิดได้แล้วน่ะสิเรา ว่าจะเรียนอะไรต่อ”


“อื้มช่าย” นาวาฉีกยิ้มภาคภูมิ


“ม.สี่เองนะรีบไปไหน”


“คิดไว้ล่วงหน้าสิดี” ริมฝีปากสีชมพูของนาวาเหยียดยิ้มอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะตักไอศกรีมทานต่อ


“เลอะหมดแล้วน่ะ” ทุกครั้งที่คุยกันจอมทัพมักจะเผลอมองริมฝีปากสีสวยสดนั้น


“ไหน?”


“ไอ้เฉิ่มเอ้ย” จอมทัพบ่นเข้าให้ แต่มือของเขากลับหยิบทิชชู่ซับไอศกรีมเลอะขอบปากของนาวาอย่างอ่อนโยน
เด็กน้อยยิ้มขอบคุณ


นาวายังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น จนเขาต้องเผลอยิ้มตาม ถ้าบอกว่ารอยยิ้มของโมนาลิซาเป็นรอยยิ้มปริศนา สำหรับจอมทัพรอยยิ้มของนาวาเป็นยิ่งกว่าปริศนาที่ยากจะไขข้อข้องใจ บางครั้งยิ้มของเด็กคนนี้สดใส บางครั้งรอยยิ้มก็มัวหม่น เป็นรอยยิ้มที่งดงามและยังคงดึงดูดความสนใจของเขาไม่เปลี่ยนแปลง อะไรที่ทำให้เด็กคนนั้นยิ้มได้ นาวากำลังรู้สึกอะไร นาวาจะยิ้มให้เขาบ้างหรือเปล่า…
รอยยิ้มของนาวามีเสน่ห์ต่อเขาเสมอมา


แต่รอยยิ้มของวันนั้น กับรอยยิ้มของวันนี้ต่างกัน


รอยยิ้มของวันนี้ทำให้จอมทัพเข้าใจถึงศิลปะ ศิลปะที่ครั้งหนึ่งนาวาเคยพูดถึง ศิลปะที่ว่าด้วยความหึงหวง… อารมณ์ที่คนเราทุกคนย่อมเข้าใจดี จอมทัพเข้าใจมันถ่องแท้ก็วันนี้เอง


To me he seems like a god
as he sits facing you and
hears you near as you speak
softly and laugh

สำหรับฉันเขาเปรียบเหมือนพระเจ้า
เขาคอยเฝ้านั่งมองจ้องตาเธอ
โน้มตัวลงเอียงหูฟังไม่พลั้งเผลอ
ฟังเสียงเธอพูดแผ่วเบาสวรสำราญ



ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วจอมทัพกับตรีเพชรรู้จักกันสนิทสนมกัน อาจเป็นเพราะพ่อแม่ของทั้งคู่เป็นเพื่อนวัยเด็กของกันและกัน สองหนุ่มจึงได้มารู้จักและเป็นเพื่อนกัน ทั้งสองเรียนที่เดียวกันตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาลัย ผ่านอะไรมาด้วยกันก็มากมาย เลยทำให้ทั้งคู่เป็นเหมือนคู่หูของกันและกัน หากเปรียบตรีเพชรเหมือนเจ้าชายของวรจักรกรุ๊ป เขาเองก็เป็นเจ้าชายคนสุดท้องของตระกูลเช่นกัน ไม่ว่าจะด้านไหนเจอมทัพก็เท่าเทียมกับตรีเพชรทุกประการ จะหน้าตา การศึกษา ชาติตระกูล ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่รอยยิ้มนั้น… ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าตรีเพชร


รอยยิ้มที่นาวามอบให้เพื่อนของเขา

เป็นรอยยิ้มที่เขาอยากได้อยากครอบครอง


เพราะเขาลุกจากที่นั่งตรงนั้นหรือเปล่า เลยทำให้ตรีเพชรเข้าไปนั่งแทน จอมทัพรู้สึกอึดอัดกับความใกล้ชิดของคนทั้งสอง ยิ่งเห็นตรีเพชรโน้มลงไปยิ้มแย้มหัวร่อต่อกระซิกกับนาวาแล้ว ใจของเขาเกือบจะหล่นไปกองแทบพื้น


in a sweet echo that jolts
the heart in my ribs. For now
as I look at you my voice
is empty and

เสียงหัวเราะแว่วหวานกังวานก้อง
ใจฉันต้องความหวานทานไม่ไหว
เสียงกระชากใจร่วงหล่นทรวงใน
เสียงของฉันหายไปเมื่อมองเธอ

can say nothing as my tongue
cracks and slender fire is quick
under my skin. My eyes are dead
to light, my ears

พูดไม่ได้เพราะลิ้นแตกแหลกสลาย
เปลวไฟบางเล่นปลาบทั่วเรือนกาย
ตาฉันคล้ายบอดต่อแสงไร้แรงมอง
หูยังร้องเต้นตึกตักเพราะหนักใจ



อาการร้อนวาบในอกที่รู้สึกคล้ายมีประกายไฟแผดเผาคือความหึงหวงใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นจอมทัพก็อยากจะยอมรับเยี่ยงลูกผู้ชายว่าเขากำลังหึง หลายปีที่เขาคอยเฝ้าทะนุถนอมเด็กน้อยของเขา หลายปีที่เขาเก็บความรู้สึกบางอย่างทั้งที่มันเอ่อล้นจากหัวใจไม่ให้นาวารับรู้ ใช่ว่าเขาไม่อยากบอก แต่ถ้าเขาบอกคำคำนั้นไป ชายหนุ่มรู้ดีว่าระหว่างเขาและนาวาจะไม่มีวันเหมือนเดิม
จอมทัพอัดบุหรี่เข้าปอดทั้งๆที่มือสั่นสะท้าน ควันร้อนๆของบุหรี่ไหลลงปอด แต่ก็ไม่ร้อนเท่าใจของเขา


pound, and sweat pours over me.
I convulse, greener than grass,
and feel my mind slip as I
go close to death,

เหงื่อรินรดท่วมทั่วสรรพางค์
ทั้งเรือนร่างเขียวซีดกว่าใบหญ้า
สติลอยคล้อยเลื่อนเคลื่อนเมฆา
รู้สึกว่าความตายเข้าใกล้ใจ



เขาอยากจะจางหายไปจากตรงนี้ ยิ่งมองไปข้างล่างยิ่งทำให้เสียใจ ทั้งนึกโทษความขี้ขลาดของตัวเองที่ไม่ยอมเผยความรู้สึกให้นาวาได้รับรู้ สำหรับนาวา จอมทัพจึงเป็นเพียงคนที่แอบช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง แอบส่งความปรารถนาดีให้อยู่หลังเงา เพราะฉะนั้นมันก็สมควรแก่คนขี้ขลาดอย่างเขาที่จะต้องทุกข์ใจ


yet, being poor, must suffer
everything.

แต่ตัวฉันเป็นเพียงคนต่ำต้อย
เป็นคนด้อยจึงปวดเศร้าร้าวอกตรม



 :mew4: :mew4: :mew4:

รู้สึกว่าเนื้อหาของบทนี้ยังไม่สามารถจบได้ในตอน 2/2 จะเพิ่มpart 3 เพื่อให้เนื้อหาจบสมบูรณ์แบบไม่รวบตึงเกินไปนะครับ

เจอกัน part 3 ครับ :bye2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 28-07-2015 02:39:36
นาวาเสน่ห์แรงโดยไม่รู้ตัว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-07-2015 06:12:38
สงสารจอมทัพ

รอ part 3/3 นะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 28-07-2015 07:24:21
นาวาแจ่มมาก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 28-07-2015 08:00:16
สงสารจอมทัพเพราะมั่วแต่กลัวตรีเพชรเลยได้นาวาไปครองแทน


เพราะฉะนั้นตามใจเอ่ยจงไปปลอบใจจอมทัพซะหึหึ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-07-2015 08:13:43
หาคู่ให้พี่จอมด่วนค่ะ  ไม่อยากเห็นคนหล่ออกหัก แง้
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mori406 ที่ 28-07-2015 15:44:24
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ดีใจนะคะ  ที่มาต่อ  แม้จะค้างเล็กน้อย      :mew1: :mew1: :mew1:


เลิฟคนแต่งนะคะ    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 28-07-2015 18:11:08
น่าสงสารจอมทัพเนอะ
แต่ทำไงได้เนอะ เฮียเกิดมาเพื่อเป็นพระรองแท้ๆเลยเนี่ยยย

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 28-07-2015 20:04:07
สงสารจอมทัพหาคู่ให้พี่จอมด้วย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 29-07-2015 00:12:10
สงสารจอมทัพอยู่นะ....แต่ไม่บอกเองนิ
อย่างน้อยถ้าบอกไป ถึงวาไม่ชอบ แต่คงไม่ถึงตัดพี่ตัดน้องหรอก

งานนี้เข้าข้างโซ้ยตี๋สุดๆ 555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 29-07-2015 01:32:32
ตามใจมาดามใจพี่จอมทัพด่วนเลยเร๊ววว  :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: misaki takahashi ที่ 29-07-2015 05:23:06
พี่จอมเดี๋ยวให้ตามใจปลอบ  :man1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 29-07-2015 13:34:02
รอนาวาอยู่น้าา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Atropos ที่ 29-07-2015 17:47:44
ปรกติชอบอ่านนิยายที่จบแล้วมากกว่า  แต่พอคลิกมาเรื่องนี้ โหยพลาดอ่ะ

สนุกมาก  เนื้อเรื่องภาษาสวยมาก

มาต่อไวไวนะจ๊ะ   อยากอ่านใจจะขาดแล้ว

  :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 29-07-2015 22:05:55
นั่นไง พี่จอมของน้องน่ารักน่าสงสารจะตาย
กลอนที่บรรยายอาการหึงของพี่จอมบาดจิตดีนะคะ

อยากอ่านpart3แล้ว รีบมาด่วนๆ :sad11:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 29-07-2015 23:07:36
ติดงอมแงมเลยเรื่องนี้ อ่านต่อเนื่องจนถึงตอนล่าสุด ไม่มีตอนไหนที่น่าเบื่อเลย มาต่อเร็วๆน่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 29-07-2015 23:14:50
ตามใจนี่ชอบตรีเพราชด้วยรึเปล่านะ
ตรีเพชรหายำปไหนจนไอติมละลาย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 30-07-2015 00:00:56
แก้งค์เพื่อนๆน่ารักมวากกก 555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 HBD 2/2 [28/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 30-07-2015 15:39:05
 :a5: ค้าง อยากรู้บทนี้จะจบยังไง พาร์ทสามรีบมานะคับ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 30-07-2015 18:06:16
Chapter 9
Part 3

 :L2: :กอด1: :L2:




เบียร์แก้วที่ห้าหมดไปแล้ว ตอนนี้นาวารู้สึกตึงๆคล้ายว่าจะเริ่มเมา ทว่าเด็กน้อยก็หยุดดื่มไม่ได้เพราะพวกเพื่อนๆบังคับให้ดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าเพื่อไถ่โทษที่ไม่ยอมรับสาย เบียร์สีเหลืองทองมีฟองอากาศสีขาวอยู่เล็กน้อยวางลงตรงหน้า มองไปในแก้วเห็นน้ำแข็งเพียงสองก้อนเพื่อเพิ่มความฉ่ำเย็นให้กับเครื่องเมาแก้วนี้ คิ้วเรียวของนาวาเริ่มขมวด ก่อนเจ้าตัวจะบ่นออกมา


“พวกมึงตั้งใจจะมอมกูใช่ไหมเนี่ย” แต่นาวาก็ยอมยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม เพราะรู้ดีว่าเพื่อนคงจะไม่หายโกรธถ้างานนี้ไม่เมา


“เฮ้ยเอ็ม พี่ว่าพอแล้วมั้ง เดี๋ยวเตี้ยก็เมาอีกหรอก” ตรีเพชรที่โดดมานั่งข้างๆนาวาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีตรีเพชรก็จุ้นยกโน่นยกนี่มาให้กินด้วยกลัวว่านาวาจะเมาไปเสียก่อน


“นานๆทีพี่ ไอ้วามันเมาแล้วรั่วดี พวกผมโคตรชอบ” เอ็มตอบ “แต่ไม่ให้เมาบ่อยหรอก เดี๋ยวคนอื่นจะติดใจ”


“รั่วยังไงวะ” คิ้วตรีเพชรร่นเข้าหากัน


“พี่น่าจะรู้ดีนะ” เอ็มพูดยิ้มๆ คำพูดของเอ็มทำให้ตรีเพชรนึกย้อนไปยังคืนนั้นที่นาวาเมา คืนที่เขานอนไม่หลับ คืนนั้นที่เด็กขี้อ้อนทวงจูบอย่างใสซื่อ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอาย ตรีเพชรสัมผัสได้ว่าแก้มของเขาร้อนผ่าวราวต้องแดดระอุ


“ยังไงวะไอ้เอ็ม กูไม่เคยเห็น” เปรมที่นั่งฟังอยู่ถามแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเอ็มไม่อธิบายต่อถึงอาการรั่วๆของนาวา “ตอนนัดดื่มกัน
แต่ละครั้งไอ้จอมมันสั่งตลอดว่าห้ามทำให้น้องวาของมันเมา พวกกูเลยไม่เคยเห็นไอ้วาเมาสักที”


ตรีเพชรรู้สึกตงิดใจกับคำพูดของเพื่อนชอบกล


“พูดอย่างกับวาไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยน้า” เสียงใสของนาวาดังขึ้น “เก้าดูดิพวกนี้ขี้นินทาแหละ” แม้ตัวเองจะตาปรือ แต่ยังดึงแขนเก้าเหมือนตั้งใจจะฟ้อง


“แล้ววาเมายังครับ” เกาถามคนตัวเล็กที่เกาะแขนเขาอยู่


“ยังไม่เมาครับ ต่อได้อีกหลายแก้ว” นาวาตอบเสียงใส


เพื่อนๆทุกคนหัวเราะครืนเมื่อได้ยินคำตอบ ฝ่ายตรีเพชรถึงขั้นกุมขมับ ส่วนเปรมและคนอื่นๆเริ่มจะเข้าใจได้บ้างว่าเมื่อนาวาเมาแล้วจะรั่วขนาดไหน  ยังไม่เมาครับ แสดงว่าเมาแล้ว ปกติพูดครับซะที่ไหนถ้ามันไม่จงใจอ้อนเอาอะไร หรือไม่ก็เมาแอ๋อย่างตอนนี้


“หัวเราะอะไรกันครับ เสียงดังไปหมด เงียบนะ” นาวาอุดหูรำคาญเสียง


“หยุดเลยพวกมึง” เก้าคว้านาวาเข้าหาตัวเอง “เก้าสั่งให้พวกมันหยุดแล้ว วามีรางวัลให้เก้าไหมน้า” เก้าลากเสียงสูงฟังดูเจ้าเล่ห์


ฟอด!

สายตาของรุ่นพี่ทุกคนและตามใจแสดงความตลึง ส่วนเพื่อนๆกลับส่ายหน้าระอาใจ นาวาหอมแก้มเก้าฟอดใหญ่เป็นรางวัลแด่คนที่ยอมเอาใจเขา


“ไอ้เก้าแม่ง  เอาหน้าคนเดียวเลยนะมึง” แบงค์โวยเพื่อนแล้วหันไปคุยกับนาวา “นาวาครับมาหาแบงค์มา เดี๋ยวแบงค์ให้กินช็อกโกเลต”


นาวาเอียงคอ “แบงค์มีเหรอครับ”


“เต็มกระเป๋าเลย” แบงค์แกว่งช็อกโกเลตห่อเล็กยั่วเย้า นาวาถึงผละจากอกเก้าเข้าหาแบงค์ (หรือจะว่าไป เข้าหาของกิน) ทันที


“ไอ้เชี่ยแบงค์ มึงเตรียมของหวานมาล่อนี่หว่า มึงรู้เหรอว่ามันจะมา” เอ็มพูดไปด้วยความหมั่นไส้เพื่อน


“กูไม่รู้ว่ามันจะมา แต่กูซื้อมาเผื่อมันอาจจะโทรกลับมาแล้วตามมาสมทบพวกเรา กูกะจะมอมมันตั้งแต่แรกแล้ว ฮ่าๆ” แบงค์เฉลยให้เพื่อนๆฟัง


“มึงมันเจ้าแผนการ” เอ็มได้แต่ผลักหัวแบงค์อย่างเคืองๆ


“ไอ้วาแม่งเมา แล้วโคตรขี้อ้อน” นายพูดกับพวกเพื่อนๆ “รู้งี้เราน่าปล่อยให้มันเมาบ้างก็ดี”


“นั่นดิ ฮ่าๆ มึงดูๆ” หมอเตชี้ไปยังนาวาที่กำลังเอาหัวไถกับบ่าเอ็ม “อย่างกับลูกหมาเลย เมาเลื้อยซะ”


แต่คนที่หงุดหงิดที่สุดเห็นทีจะเป็นตรีเพชรกระมัง เพราะนอกจากนาวาจะไม่สนใจเขาแล้ว ยังออดอ้อนคนอื่นให้ชายหนุ่มได้เห็นตำตา แม้จะรู้ว่านั่นคือกลุ่มเพื่อนสนิทแต่ตรีเพชรก็มิวายหงุดหงิดจนได้ เขาไม่รู้หรอกว่าอาการแบบนี้ของตัวเองมันคืออะไร แต่มันทำให้ชายหนุ่มรำคาญใจเหลือคณา


“พอแล้วพวกมึง แทะโลมเพื่อนอยู่นั่น” นิสาปรามหนุ่มๆ ก่อนจะเรียกนาวา “วาจ๋า”


“จ๋า” นาวาขานรับไพเราะ


“มาหาสาค่ะ”


หลายคนที่เพิ่งเห็นจะตกตลึง เพราะนาวาเมื่อเมาแล้ววางตัวกับนิสาคนละแบบกับตอนปกติเลยจริงๆ เด็กหนุ่มนั่งข้างนิสา แล้วโอบไหล่ของหล่อนเอาไว้ราวต้องการปกป้อง มือก็ยิบโน่นป้อนนี้ให้หญิงสาว พยายามเอาใจสารพัด


“สาครับ ผมขอโทษนะที่ไม่ยอมรับสาย” นาวาพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “หายงอนนะ” นาวาเอาหัวของตัวเองแตะหัวทุยๆของนิสาเบาๆ หญิงสาวเขินจนซบลงบนอกของนาวา


“ว่าแต่พวกกู มึงอ่ะตัวแม่เลย ไหนไม่แทะโลมไง ซบมันทำไมล่ะ” เก้าอดหมั่นไส้ไม่ได้


“เก้าอย่าว่าสานะครับ” นาวาดุ นิสาที่หลบอยู่ที่อกของนาวาหันหน้ามาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เก้าให้หัวเสีย


“ทำไม กูจะว่า” เก้ายั่วโมโห


“ไอ้เก้า เดี๋ยวมันก็ร้องหรอก” แบงค์เตือนเพื่อน เก้าเกือบลืมไป พอเมาแล้วนาวาไม่ชอบคนพูดเสียงดัง หรือคนพูดหยาบคาย


“ร้องทำไมครับ วามีพี่เพชรนะ” นาวาพูดขึ้น


“พี่เพชร?” แบงค์ทวนคำ เพื่อนๆชักสงสัยตะหงิดๆเพราะนาวาเรียกคู่อริของตัวเองได้สนิทใจ


ตรีเพชรแอบดีใจเมื่อได้ยินชื่อตัวเองหลุดออกมาจากปากของเด็กขี้เมา


“ช่ายยย วาให้พี่เพชรจัดการหรอก พี่เพชรเก่งจะตายช่วยว่าไม่ให้โดนคนขว้างอิฐบล็อกใส่หัวด้วย”


คำพูดซื่อใสของเด็กหนุ่มสะกิดให้เพื่อนๆมองหน้ากันด้วยแววตาร้อนรน คนขว้างอิฐบล็อกใส่ นั่นหมายจะให้เลือดตกยางออกกันเลยหรือไง หรืออาจจะให้ตายกันเลยก็ได้ เรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่คนปากเบาอย่างนาวากลับเก็บเงียบไม่แพร่งพรายให้เพื่อนๆรับรู้ ความห่วงใยที่ฝังแนบแน่นในความสัมพันธ์กรีดเตือนถึงสัญญาณอันตราย เพื่อนๆจะปล่อยให้นาวาห่างหูห่างตาอีกไม่ได้แน่ๆ


“จริงเหรอพี่เพชร” เก้าถามเสียงเครียด


“อืม เรื่องมันยาว” ตรีเพชรตอบ


“วากลับกันเถอะ” เอ็มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“เฮ้ย จะรีบไปไหน” เปรมร้องทันควัน


“ผมจะให้มันนอนจนสร่างเมา จะได้ชำระความกับมัน” เอ็มเอ่ย


“ไอ้วามันไม่ทำอะไรผิด จะไปดุมันทำไม” หมอเตเอ่ยขึ้น


“ขอบคุณพวกพี่ที่เป็นห่วง แต่เพื่อนผม ผมดูแลเองได้” นั่นถือเป็นคำประกาศก้องคล้ายว่าห้ามใครมายุ่มย่ามกับเพื่อนเขา เหมือน
เอ็มต้องการบอกสื่อไปถึงใครบางคน


“วาลุก” เก้าบอกนาวา


“ไม่เอาวายังไม่กลับครับ วาจะไปหาพี่จอมจ๋า เห็นไหมนั่นไงพี่จอมจ๋ายืนอยู่ตรงระเบียงห้อง” นาวายิ้มร่า โบกมือให้จอมทัพราวเด็กเรียกร้องความสนใจ


“วา ดึกแล้ว” แบงค์ปราม


“ไม่เอา แบงค์กลับเองสิ วาจะกลับกับพี่เพชร แต่ตอนนี้วาไปหาพี่จอมดีกว่า ตรงนี้ไม่สนุกเลย ไปเล่นกับพี่จอมแย้ว” นาวาลุกไปโดยมาสนใจใครเลย ครั้นเพื่อนๆจะห้ามก็กลัวว่าจะขัดใจหนุ่มขี้เมาจนร้องไห้ขึ้นมาอีก เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย


ตรีเพชรหงุดหงิดโดยไม่ทราบสาเหตุ ชายหนุ่มไม่พอใจที่คล้ายว่าจะโดนกันออกจากเด็กน้อยของเขา ตรีเพชรไม่มั่นใจนักแต่เท่าที่เขารู้สึกในตอนนี้คือความคิดของเขากรีดร้องให้นาวาเดินกลับมาหาเขา มาซบอกเขา อย่าไปหาเพื่อนรักของเขาเลย อย่าไปหาจอมทัพ กลับมาหาพี่เถอะ นาวา…


จอมทัพอัดบุหรี่เข้าปอด เขาสูดพิษสีขาวบริสุทธิ์เข้าช่องอกอย่างไม่รู้จักพอ ทำอย่างไรก็ไม่สามารถลบล้างก้อนความรู้สึกที่หน่วงหัวใจออกไปได้ มืออีกข้างถือแก้วเหล้าฝรั่งดีกรีแรงที่มีติดห้อง ยกแก้วขึ้นกระดกแล้วกระดกอีก ความเมามายก็ยังไม่มีทีท่าจะย่างกรายมาหา เสียงหัวเราะข้างล่างเงียบลงแล้ว เมื่อชายหนุ่มมองลงไปอีกครั้ง เด็กน้อยคนนั้นก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกแล้ว คงกลับไปแล้วนินะ กลับไปโดยไม่ได้พูดคุยกันเลย กลับไปโดยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา


ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น


“ใคร” ชายหนุ่มถามออกไป


“เข้าไปแล้วนะ” เสียงนาวาแน่ๆเขาจำได้ ชายหนุ่มหันหน้าเข้ามา มองไปยังประตูห้อง เท้าของเขาแทบจะไม่ขยับเขยื้อน


นาวาเปิดประตูเข้าห้องมาอย่างคุ้นเคย พวงแก้มของเด็กน้อยแดงระเรื่อ ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างจริงใจ เด็กน้อยเดินมาหารับลมกับเขาที่ริมระเบียง


“พี่จอมจ๋า” นาวาออดอ้อน


“วาเมาเหรอ ใครสั่งให้ดื่ม” จอมทัพมองไปยังคนตัวเล็ก แก้มบางระเรื่อแดง แต่เจ้าตัวกลับส่ายหน้าปฏิเสธ


“เปล่าครับ วาไม่เมา” แต่หัวของเด็กน้อยก็ซบลงตรงแขนของเขาเป็นที่เรียบร้อย


สัมผัสอุ่นๆจากร่างเล็กๆ คล้ายใบมีดกรีดแทงหัวใจของจอมทัพให้รับรู้ถึงความเจ็บปวดขึ้นมาอีก


“ทิ้งเลย” นาวาทำเสียงดุ


“ทิ้งอะไรครับ” จอมทัพรับมือกับนาวาที่เมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเขารู้จักเด็กคนนี้มาเนิ่นนาน นานพอที่จะรู้ว่าต้องพูดคุย
วางตัว หรือตามใจเด็กดื้อเงียบคนนี้ยังไง


“บุหรี่” นาวาชี้ไปที่หลักฐานคามือจอมทัพ ชายหนุ่มจึงจิ้มปลายบุหรี่ลงบนกระถางต้นไม้ที่วางอยู่ตรงมุมระเบียง


“ทิ้งแล้วครับ”


“พี่จอมจ๋าดื้อ วาสั่งห้ามสูบบุหรี่ใช่ไหม” นาวางอนแก้มป่อง


จอมทัพยิ้มบางให้กับคนร่างเล็ก พี่จอมจ๋า… นาวาเรียกเขาอย่างนี้เสมอตอนเมา แต่ก็ไม่มีใครเป็นพี่จ๋าให้นาวาได้นอกจากจอมทัพคนเดียวเท่านั้น


“พี่กลัว พี่เลยแอบมาสูบบุหรี่ ขอโทษนะเด็กดี” จอมทัพโยกหัวนาวาเล่นอย่างเบามือ


“อย่าเพิ่งโยกหัววาสิ พี่จอมจ๋าโลกหมุน”


จอมทัพหลุดยิ้ม พลางดึงเด็กน้อยเข้าซบอกกว้าง


ความเสียใจ หรือเรื่องทุกข์ที่คิดสับสนวุ่นวายก่อนหน้าเป็นเหมือนควันจางของมวนบุหรี่ มันค่อยๆอันตรธานหายไป ราวไม่เคยเกิดขึ้น นาวาเป็นเช่นนี้เสมอ เป็นยาใจของเขาเพียงคนเดียว ต่อให้โกรธ น้อยใจ หรือไม่ชอบใจอะไรในตัวเด็กน้อย ทุกครั้งที่เสียงใสๆและรอยยิ้มจริงใจนั้นฉายมาที่เขา จอมทัพกลับลืมและทิ้งทุกสิ่ง ให้อภัยความเสียใจทุกอย่าง เพียงเพราะรอยยิ้มนี้ของนาวาเท่านั้น


“พี่จอมจ๋า เป็นอะไรไป ทำไมวันนี้ไม่คุยกับวาเลย” นาวาเงยหน้าขึ้นมองคนที่โอบเขาอยู่


จอมทัพแกล้งทำหน้ามุ่ย แก้มป่องใส่นาวา


“ห๊ะ พี่จอมจ๋าก็โกรธวาเรื่องไม่รับโทรศัพท์เหรอ” นาวาทักขึ้น


“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูก พี่แค่น้อยใจเท่านั้นเองครับ”


“วาขอโทษนะ” นาวาซบหัวลงบนอกกว้างของจอมทัพ ศีรษะทุยๆของเด็กน้อยถูกเบาๆกับอกซ้ายของเขา


“ขี้อ้อนจัง อ้อนพวกข้างล่างไปเท่าไหร่แล้วเนี่ย”


“ป่าวซะหน่อย”


“นึกถึงพี่คนสุดท้ายสินะ…” น้ำเสียงของชายหนุ่มเบาหวิว


“ใครว่า พี่จอมจ๋าต้องเป็นอันดับหนึ่งสิ เพราะพี่จอมจ๋าน่ารัก” นาวาหน้าแดง ไม่รู้ว่าเพราะเขินหรือความเมา เด็กน้อยซุกหน้าจมลง
ไปในอกของจอมทัพไม่ยอมเงยหน้าสบตา


“เป็นไร เขินเหรอครับ ไม่ต้องเขินหรอกพี่ไม่ล้อวาหรอกครับ”


“ไม่เขินเล๊ย หนาวต่างหาก ลมพัด น้ำค้างลงแล้ว” คนเมาบ่ายเบี่ยงไปนั่น


“งั้นเข้าไปในห้องไป”


นาวาพยักหน้ากับอกของหายหนุ่ม แล้วทั้งสองคนก็กอดคอกันเข้าไปในห้อง


ขณะเดียวกัน จากด้านล่างที่นั่งอยู่ตรงนี้ ภาพที่เกิดขึ้นริมระเบียงห้องนอนชั้นสามของจอมทัพชัดเจนทุกการกระทำ สายตาของทุกคนที่มองไปต่างคนต่างความหมาย แต่เสียงแซวของเพื่อนร่วมบ้านของจอมทัพกลับดังลั่นไม่ขาดปาก


“เฮ้ย เข้าห้องนอนผู้ชายอย่างนั้นได้ยังไง” ตรีเพชรฉุนในตอนเห็นนาวาโผกอดจอมทัพที่ระเบียงห้อง


“ก่อนหน้านี้ไอ้วาก็มาออกบ่อย แต่เทอมนี้ก็ครั้งแรกละมั้ง” เปรมเงยหน้าขึ้น มองตามตรีเพชรที่จ้องทั้งคู่ไม่วางตา


“น่านไง เข้าไปอ้อนไอ้จอมจริงๆด้วย” นายพูดขึ้น “ฮ่าๆ ไอ้คนพูดน้อยเขินใหญ่แล้วกูว่า”


“ทำไมพี่จอมต้องเขินละครับ” ตามใจถาม


“ก็เพราะว่าไอ้จ…” นายกำลังจะอธิบายแต่เสียงร้องของเตก็ขัดขึ้นก่อน


“แน่ะ มึงดูกอดกันกลมเชียว” หมอเตยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม


“วามันก็กอดพวกผมเหอะพี่” เอ็มยอมน้อยหน้ารุ่นพี่ซะที่ไหน


“มึงหวงเพื่อนหรือมึงหึงเพื่อนวะไอ้เอ็ม” เตถามขึ้นโต้งๆ


“วามันเป็นลูกรักของพวกผม จะหวงจะหึงก็ได้ทั้งนั้นแหละ” เอ็มต่อปากต่อคำ “เก้ากูว่าขึ้นไปตามมันกลับกันเถอะ ดูสินั่นถูหน้ากับอกพี่จอมจนจะฝังร่างลงไปแล้ว ยั่วฉิบหายไอ้เด็กขี้เมา” เอ็มกึ่งงอนกึ่งโมโห


“มึงนั่นๆ” เปรมสะกิดตรีเพชร “มันพากันเข้าห้องแล้วเว่ย แม่งเหมือนสามีพาภรรยาเข้าเรือนหอยังไงยังงั้น”


สิ้นเสียงของเปรม ตรีเพชรลุกพรวด อกของชายหนุ่มร้อนผ่าว


“กูไปตามเอง” น้ำเสียงเยียบเย็นของตรีเพชรแฝงโทสะที่ปิดเอาไว้ไม่มิด ชายหนุ่มเดินลิ่วเข้าบ้านไปท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน


“เฮ้ย มึงจะไปขวางไอ้จอมมันทำไม” นายวิ่งตามไป


“อ้าวจะให้เพื่อนผมโดนเพื่อนพี่ฟันเหรอ ฝันป่ะวะพี่” เอ็มอารมณ์ร้อนกว่าใครรีบตามสองคนเข้าไป


คนที่เหลือมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนจะแห่ตามกันไปทั้งหมด


ห้องนอนแห่งนี้อบอุ่นขึ้นเมื่อทั้งสองคนเดินเข้ามา นาวามองสำรวจห้องนอนใหญ่ ไม่ว่าจะมาเยือนกี่ครั้งห้องแห่งนี้ยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อย ชั้นหนังสือยังมีหนังสือวางอยู่มากมาย รูปวาดหลายรูปที่เจ้าของห้องบรรจงสรรค์สร้างถูกใส่กรอบแขวนไว้ประดับผนัง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังสะกิดใจนาวาเหมือนเดิมก็คือ ม่านสีน้ำเงินเข้มผืนนั้น ม่านที่อยู่ข้างชั้นหนังสือ ม่านผิดผนังที่จอมทัพไม่เคยอนุญาตให้ใครเปิดออก


นาวาลากตัวเองมายังผ้าม่านที่ปิดสนิท


“พี่จอมจ๋า ปิดไว้ทำไม” นาวาถาม


“วาครับ พี่ว่าเราไปนั่งข้างล่างกันดีกว่าเพื่อนวาคงห่วงกันแล้ว” จอมทัพพยายามจูงเด็กดื้อขี้เมาให้ตามออกมา แต่นาวากลับไม่ขยับ


“ช่างพวกนั้นเถอะครับ วาอยากอยู่นี่ จะดูห้องพี่จอมจ๋า” นาวาเดินเข้าไปซบอก “อ๊ะ เสียงดัง” นาวายิ้มกว้าง เงยหน้าขึ้นสบตา
จอมทัพ


“เสียงอะไรครับ” จอมทัพก้มมอง จ้องตาสีสวยของคนในอ้อมกอด


“เสียงตรงนี้ ดังมากๆเลย” นาวาจิ้มลงไปที่อกซ้ายของจอมทัพ


“วาอาจจะหูฝาดน่ะครับ” จอมทัพหน้าแดง ใจของเขายิ่งเต้นแรงเมื่อถูกจับได้


“ไม่จริง ทุกครั้งพี่จอมจ๋ามีเสียงมาจากตรงนี้ตลอดเลยไม่ใช่เหรอ วากอดก็เป็นแบบนี้ตลอดเลย”


“พี่ขอโทษ…” ชายหนุ่มลูบหัวนาวาแผ่วเบา เสียงของเขาเบาหวิวไม่ต่างกัน “เสียงในอกพี่มันทำให้วารำคาญมากไหม… พี่ขอโทษนะ พี่มะ…”


นิ้วของนาวาแตะริมฝีปากของจอมทัพ หน้าเรียวของคนตัวเล็กส่ายเบาๆให้อีกฝ่ายหยุดพูด


“วาชอบเสียงนี้ พี่จอมจ๋าไม่ต้องขอโทษนะ”


“ชอบจริงๆเหรอ…”


“ครับ” นาวาฉีกยิ้ม “จะชอบมากกว่านี้ถ้าได้เปิดผ้าม่านนี้ด้วย”


จอมทัพถอนหายใจเบาๆ นาวาจะอ้อนให้เขาเปิดม่านนั่นให้ได้


“ไม่เอานะ วาคนดีไม่ดื้อกับพี่นะครับ พี่ว่าเราไปข้างล่างกันเถอะ”


“ไม่ วาอยากดู ให้วาเปิดม่านนะ”


“วาครับ…” จอมทัพเหนื่อยใจกับเด็กดื้อ


“งั้นวาให้รางวัลแล้วพี่ต้องเปิดให้วาดูนะ” เด็กน้อยกอดเขาอีกแล้ว นาวาเงยหน้าแดงๆของตัวเองขึ้นมา “พี่จอมจ๋า จูบวานะ” เสียงหวานของนาวาเอื้อนเอ่ย ดวงตาสีน้ำตาลทองคู่นั้นหวานฉ่ำ ริมฝีปากเรียวกระจับสีกุหลาบที่จอมทัพเฝ้ามองมาตลอดบัดนี้กำลังยั่วเย้าเขา


“พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า” จอมทัพตกใจ แต่ก็เข้าใจ คำพูดของคนเมา ช่างให้ความหวัง แต่ความหวังนั้นกลับเป็นเพียง
ความฝันสีจางๆเท่านั้นเอง


“รู้สิ จูบวานะ นะ” นาวาเขย่งตัวขึ้น จอมทัพที่ก้มหน้ามองอยู่กลับไม่ขยับออกไปไหน จะว่าอารมณ์ตกใจก็ใช่ที อาจเป็นเพราะเขา
เองก็ต้องการลิ้มรสจุมพิตของคนที่เขาเฝ้าทะนุถนอมตลอดมาด้วยกระมัง


นาวาใช้มือบางโน้มหน้าของจอมทัพลงมา ริมฝีปากของเด็กน้อยจรดเรียวปากของชายหนุ่ม กลิ่นควันบุหรี่และเหล้าฝรั่งจางๆจากสัมผัสจูบ แทบจะทำให้นาวาเมามายขึ้นไปอีก จอมทัพเมื่อรับสัมผัสจากปากของนาวา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ความสุข ความหวานมันเป็นอย่างนี้นี่เอง จากนั้นชายหนุ่มหลับตาพริ้ม มือข้างหนึ่งของเขากดท้ายทอยของเด็กตัวเล็กไว้ มืออีกข้างโอบร่างของนาวาให้แนบเข้ามา เรียวลิ้นของจอมทัพควานหาความหวานอย่างอ่อนโยน


จอมทัพเหมือนอยู่ท่ามกลางพายุหิมะที่ขาวโพลน สมองเขาโล่งไปหมด ไม่สนใจเสียงเอะอะที่ดังจากชั้นล่าง ริมฝีปากและเรียวลิ้นของเขายังคงควานสัมผัสความหวานฉ่ำของนาวาอย่างแผ่วเบา


เขารู้แล้วว่านี่คือสิ่งที่ตัวเองตามหา ณ วินาทีนี้ นาวาเท่านั้นที่เขาต้องการ จอมทัพพร้อมจะหันหลังให้กับคนทั้งโลกเพื่อเด็กน้อยคนนี้


“ไอ้เชี่ยจอม!” เสียงโกรธเกรี้ยวของคนคนหนึ่งดังนั้น ก่อนจอมทัพจะรู้สึกถึงสัมผัสที่มีคนกระชากคอเสื้อเขา เป็นเหตุให้จอมทัพต้องละจากจุมพิตของนาวา ก่อนที่หมัดหลุนๆจะกระแทกใส่มุมปากของเขาเต็มแรง จนจอมทัพล้มลงไป


“เฮ้ยไอ้เพชร มึงใจเย็นๆ!” นายพยายามรั้งตัวตรีเพชรเอาไว้ แต่ก็เอาแรงของคนอารมณ์ร้ายไม่อยู่ ตรีเพชรขยุ้มคอเสื้อของเพื่อนขึ้นมา คุณเพชรโกรธเพื่อนรักของตัวเองจนเกินให้อภัย


“มึงทำแบบนี้ได้ไง!” ตรีเพชรตะหวานลั่น ก่อนจะสวนกำปั้นเข้าท้องของจอมทัพ


“ทำไมกูจะทำไม่ได้” จอมทัพอารมณ์ขาดผึง ตรีเพชรโกรธเป็นคนเดียวหรือไง เขาก็หมดความอดทนแล้วเหมือนกัน จอมทัพเลยสวนหมัดหนักๆเข้าที่ใบหน้าของตรีเพชร “กูจะจูบวา จะทำให้จูบนี้เป็นของกูคนเดียว”


“พวกพี่จะไปต่อยกันที่อื่น ไอ้วามันร้องไห้แล้ว” เก้ารีบเข้ามาประคองเพื่อนของตัวเองที่เอามือปิดหู ร้องไห้อยู่คนเดียว


แต่เหมือนเสียงเตือนของเก้าจะไม่เข้าหูคนทั้งสองเลย ทั้งคู่ยังประเคนหมัดให้กันไม่ยั้ง เพื่อนๆและรุ่นน้องที่เหลือพยายามช่วยกันแยก


ตรีเพชรโดนเพื่อนส่วนหนึ่งจับไว้ ส่วนจอมทักก็มีพวกที่เหลือคอยรั้งตัว


“มึงห้ามยุ่งกับนาวา” ตรีเพชรประกาศก้อง


“มึงไม่ต้องมาสั่ง” จอมทัพตะโกนกลับ “วาเป็นของกู กูดูแลของมาตั้งกี่ปี เขาเป็นคนที่กูชอบ”


“แต่คนที่มึงชอบ มันเป็นคู่หมั้นกู!





 :hao5: :z6:  :z3: :z6: :hao5:

ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นนะครับ อ่านแล้วยิ้มทุกครั้งเลย
โปรดติดตามแบบนี้ไปเรื่อยๆนะครับ ขอบคุณนักอ่านทุกคนจากใจจริงๆ

หวังว่าคงไม่ค้างเท่าไหร่นะครับ  :a5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 30-07-2015 18:42:01
แง้  อย่าทะเลาะกันนนน   :hao5:   น้องวาไม่ชอบ  3pไปเล้ย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 30-07-2015 18:46:10
แหมทีอย่างนี้ทำมาเป็นหวงเป็นหึง กลับไปเลิกสารดานร่านมั่วคั่วไม่เลือกของตัวเองให้ได้เด็ดขาดก่อนเหอะเพชร
อ่านตอนนี้แล้วโคตรสะใจอ่ะ ให้เพชรมันได้ร้อนรุ่มในอกบ้าง สมน้ำหน้า 555555+++++
 :laugh: :laugh:  :z2: :z2:  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 30-07-2015 18:49:19
แอร๊ยยยย  กรี๊ดดดด
เค้าประกาศตัวแล้วววว อยากอ่านต่อออจังค่ะ
คนเขียนรีบกลับมาต่อไวๆนะคะ

ขอบคุณมากค่าาา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 30-07-2015 18:56:35
 o18
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 30-07-2015 18:57:12
ดิ้นไปสิเพชร ไม่สงสารหรอก o16
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-07-2015 20:05:00
อ่านตอนนี้แล้วใจหายจัง
ไม่รู้จะใจหายแทนเพชร
หรืออาจจะใจหายแทนจอม
หรือก็อาจใจหายแทนนาวาเอง
ชักจะกังวลอาการเมาแล้วรั่วของวาจัง
อยากให้วารู้ว่าจูบกับจอมลึกซึ้งกันขนาดไหน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 30-07-2015 21:39:48
รีบประกาศตัวเชียวนะพี่เพชร
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 30-07-2015 22:19:31
ฉาวแล้ว รอคอยฉากนี้ 555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 30-07-2015 23:00:20
น้องวา ... จะยังไงดีล่ะงานนี้ ต้องเลือกนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 30-07-2015 23:15:26
รอบทลงโทษน้องวาขี้(เมา)อ้อน ครึครึ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Atropos ที่ 30-07-2015 23:16:42
 :serius2: :serius2: ม๊ายยยยยยยยย   อย่าทำแบบนี้

มาต่อก่อนทำแบบนี้ได้ยังง๊ายยยยยยย   :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 31-07-2015 00:27:03
สารภาพเลยว่าติดตามเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ชอบสำนวนผู้แต่งมากรู้สึกลึกๆว่าผู้แต่งเป็นคนโรแมนติก
และยิ่งตอนก่อนล่าสุดที่อ่านหวั่นอยู่ลึกๆมากว่าเพื่อนสนิทสองคนนี้เขาจะทะเลาะกันและในตอนล่าสุดผู้แต่งก็ทำให้มันเป็นจริง
และก็ได้แต่หวังว่านาวาจะรักจอมแค่พี่น้องและที่จูบกับจอมก็หวังว่าแค่ตั้งใจจะอ้อนนะนาวา :o10:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 31-07-2015 00:56:16
ไม่ค้างเท่าไหร่คะ

แต่ค้างมากก!!!! :z3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 31-07-2015 02:50:01
งานนี้โทษเพื่อนไม่ได้ว่ะเพชรในเมื่อวามันแรดเอง ถ้าจะเมาแล้วเป็นแบบนี้ก็ไม่ไหวนะวา มันมีด้วยเหรอคนเมาแล้วเที่ยวไปขอจูบคนนั้นคนนี้ไปทั่ว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 31-07-2015 03:47:20
ค้างอย่างแรง!!!!
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 31-07-2015 05:32:40
 :mew5: ไม่ค้างกันเท่าไหร่เล๊ย !!!! มาต่อด่วน!! เดี๋ยวนี้!!!!!!!   o18
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 31-07-2015 06:45:16
วาเอ่ยยยย

อ้อนจนได้เรื่องแล้วมั้ยล่ะ

ไอ้พี่เพชรหึงจนควันออกหูแล้วเนี่ยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 31-07-2015 10:23:46
สงสารเพชรว่ะ
 :m31:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 31-07-2015 11:01:35
เอ้าาาาา :katai1:

ต่อยกันทำม้ายยยยยหน้าพังหมดดด
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mori406 ที่ 31-07-2015 15:40:54
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

อุ๊ยยยยย  มาแล้วววววว  ขอบคุณนะคะ   :mew1: :mew1: :mew1:

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:  ทำไมนู๋วาาา เมาแล้ววเป็นแบบนี้คะ   
ขุ่นแม่ต้องจับนู๋วาามาตีก้นซะแล้ววววว แล้วอะไร หอมแก้มเพื่อนๆไม่พอ
มีโน้มคอพี่จอมมาจูบบบ... ถ้านู๋วาจะเมาแล้ว ล้นขนาดนี้ ขุ่นแม่พร้อมให้พี่เพชรจัดการเลยค่ะ  :z1: :z1:

ส่วนตัว  เราทีม #ทีมตรีเพชร นะคะ  ฮี่ๆ
ถึงพี่เพชรจะนิสัยไม่ดี เจ้าชู้...ชอบแกล้ง เอาแต่ใจกับนาวา แต่เมื่อรู้ว่าตัวเองจะหมั้นกับน้องวา
พี่เพชรก็พร้อมจะทุ่มเทให้น้องนาวา หมดใจ  :impress2: :impress2: :impress2:

พี่จอมเป็นพระรองและคนดีมากมาย ทุ่มเทดูแลน้องวามาหลายปี
แต่กลับไม่กล้าเผยความรู้สึกให้น้องวา ได้รับรู้ น่าเห็นใจจริงๆค่ะ
แต่โชคชะตา พระรองที่แสนดี  เชื่อว่า ต้องได้ตามหารักแท้จนเจอคนมาตามใจ...

แต่ถ้าเรื่องพลิกอีก...ฮึๆๆๆ :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
ขุ่นแม่ของน้องวา คนนี้ ไม่อาจทำใจได้ เพราะเตรียมของรับไว้รับขวัญลูกเขย พี่เพชรแล้ววว :monkeysad: :monkeysad:

ถามว่า คนอ่านค้างมั้ยยย   ค้างงงอ่ะ   :a5:
ไม่มาไว แต่มาตลอด ไม่หายไปนาน
เท่านี้ก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ

เราเสพติดนิยายคนเขียนแล้วล่ะ      :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 31-07-2015 21:00:27
นาวาเมาจนได้เรื่องนะเรา

ถือเป็นการเปิดตัวคู่หมั้นที่น่าสนใจครับ แต่มันโคตรค้างเลย!!

 :ling1: :ling1: :fire:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 31-07-2015 23:04:43
งานงอกละ
ความแตกเพราะอิคุณชายหึง....งานนึ้เงิบกันทั้งห้องแน่ๆ 555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 01-08-2015 18:48:39
 กรี๊ด!!

ตอนนี้มีความสะใจหลายเรื่องค่ะ

ดีใจที่เค้าประกาศตัวกันเสียที สะใจที่อิพี่เพชรโดนเพื่อนๆหนูวากีดกัน ดีมากจะได้สำนึกในความเจ้าชู้ของตัวเอง
ดีใจที่นาวาจูบกับจอม อิอิเพราะแอบเชียร์พระรองผู้แสนดี

 :hao7: :katai4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: eium ที่ 02-08-2015 13:24:07
ทีมตรีเพชรรรรรรรรทีพระเอกกกกกรัวๆชอบอ่ะแต่วาก็เกินไปนะแต่ก็ดีที่จะได้เปิดเผยสักทีอิอิ  :z1: น้องวาต้องคู่กับพี่เพชรขอโทษด้วยนะจอมมมมมมม  :z2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 02-08-2015 13:33:42
ค้างสุดๆเลยยย. น้องวาเอ้ยยยเมาจนได้เรื่อง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: toeylove ที่ 04-08-2015 08:01:07
 :ling1: :ling1:ค้างงงงงงมาต่อเร็วๆนะคราฟผม
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 09-08-2015 17:04:59
จะมายังน้าาา :katai5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 12-08-2015 23:33:55
:)
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.9 part 3 [30/7/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 19-08-2015 08:34:48
Chapter 10 บทลงโทษของตรีเพชร
Part 1

 :L2: :กอด1: :L2:




ถ้าไม่พูดเกินไป คืนนี้ผมคงพลิกตัวเป็นรอบที่หมื่น ถอนหายใจรอบที่แสน และลุกขึ้นคว้ากุญแจรถเป็นรอบที่ล้านแล้วละมั้ง ผมนอนก่ายหน้าผากในความมืดอย่างจนใจ หูยังคงได้ยินเสียงกระดิกของเข็มนาฬิกา ผมลืมตาโพลงมองแสงสว่างจากด้านนอกที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา เพราะถ้าหลับตา สมองจะวกกลับไปคิดเรื่องเดิมๆให้ผมร้อนใจเล่น


นาวาจูบไอ้จอม หรือไอ้จอมจูบนาวา ผมไม่รู้หรอกว่าใครเริ่มก่อน แต่ที่แน่ๆคือเพื่อนรักกับคู่หมั้นของผมกำลังพลอดรักกัน แม้จะรู้ว่าทำเกินไป แต่จะให้ผมวางเฉยก็คงเป็นไปไม่ได้ คู่หมั้นผมทั้งคนนะ ผมเป็นคนทื่อๆที่ยังไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่ผมมีให้นาวาคืออะไร ผมรู้เพียงแค่ว่าตอนที่เห็นเจ้าเด็กเฉิ่มของผมกำลังประกบปากกับคนอื่น หน้าอกผมร้อนผ่าว และหัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนมันหยุดเต้นไปหนึ่งวินาทีแล้วกลับมาสูบฉีดเลือดใหม่อีกครั้งด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม เป็นผลให้หมัดของผมส่งไปเร็วกว่าความคิด


ผมควานหามือถือที่ซุกไว้ใต้หมอนมากดดูเวลา ตีสามยี่สิบสองนาที ผมยังไม่หลับเพราะมัวคิดวกวนแต่เรื่องของนาวากับจอมทัพจนไม่เป็นอันหลับนอน ไอ้เพื่อนรักประกาศชัดว่ามันแอบรักเจ้าเด็กเฉิ่ม ผมก็ประกาศให้รู้กันว่าไอ้เฉิ่มนั่นคู่หมั้นผม ห้ามมันหรือใครหน้าไหนมายุ่มย่าม ผมไม่อยากเสียเพื่อนหรอก แต่ถ้าให้เสียนาวาไปผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน


เรา ผมหมายถึงผมกับจอมทัพ คบกันมานานจนเรื่องชกต่อยแค่นี้ไม่ทำให้บาดหมางกันได้ แต่ถ้ามันคิดจะแย่งคนของผมไปแบบไม่แฟร์ละก็ คงต้องมีคางแตกกันบ้าง


เรา ผมหมายถึงผมกับนาวา รู้จักกันในเวลาไม่นานก็จริง แต่ผมไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าระหว่างเรามีบางอย่างเกิดขึ้น มันมีอะไรระหว่างเราตั้งแต่แรกเห็น ความรู้สึกนั้นเหมือนอากาศ สัมผัสได้ว่ามีอยู่จริงแต่กลับจับต้องไม่ได้


ผมโทษเตียงกว้างในคอนโดที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ ทั้งๆที่รู้ว่าสาเหตุจริงๆคืออะไรแต่ผมไม่อยากจะคิดถึงเจ้าคนต้นเรื่องมากเกินไปนัก ผมนอนไม่หลับเสียแล้วถ้าไม่ได้นอนกอดเจ้าเด็กตัวอุ่นคนนั้น แต่ผมยังงอนไอ้เตี้ยอยู่ เรื่องอะไรจะให้ผมบากหน้าไปเคาะห้องมันตอนดึกๆ จะว่าไปตอนนี้มันอาจจะหลับไม่รู้เรื่องแล้วละมั้ง เมาซะขนาดนั้น


ถ้าไปตอนนี้จะใช้เหตุผลอะไรดีวะ


ตอนนั้นโมโหมันมาก เลยขับรถออกมาซะเลย ต่อให้ผมไม่โมโหจนทิ้งนาวาไว้ ดูท่าเพื่อนมันคงไม่ปล่อยให้ผมพามันกลับหรอก แต่ละคนหวงนาวาเสียจนผมคิดว่าพวกมันเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของคู่หมั้นผม


ดูสิเนี่ย ผมโมโหจนลืมเอาของที่ซื้อกับเจ้าตัวดีไปเก็บให้มันที่ห้อง


อืม… ไหนๆก็นอนไม่หลับ ของก็ยังอยู่ในรถ


ผมว่าผมเอาของไปคืนไอ้เตี้ยดีกว่า 


ไม่อยากเห็นหน้าหรอก ยังงอนอยู่ แค่ไม่อยากให้ของๆมันมารกรถผมเท่านั้นเอง


เมื่อได้เหตุผลที่จะบุกไปหา ผมจึงไม่รอช้า รีบคว้ากุญแจ สวมเสว็ตเตอร์เนื้อบางทับเสื้อกล้ามที่ใส่นอน ไม่สนใจเปลี่ยนชุดอะไรทั้งนั้นแหละ ตอนนี้อยากจะไปถึงห้องนาวาใจจะขาดแล้ว


ถนนตอนตีสามครึ่งโล่งจนน่าใจหาย ต่างกับท้องถนนตอนกลางวันราวกับความฝัน แต่ผมจะบ่นถึงความโล่งของถนนไปทำไม ผมต้องขอบคุณมันต่างหาก เพราะมันทำให้ผมไปถึงที่หมายได้เร็วยิ่งขึ้น ผมเปิดเพลงฟังเพื่อดึงสติตัวเองไม่ให้จมอยู่ในความคิดมากเกินไป กลัวว่าถ้ามัวแต่จดจ่อกับเสียงตัวเองที่สะกดจิตอยู่ในหัว ผมอาจจะชนเสาไฟฟ้าที่ไหนสักแห่งโทษฐานขับรถประมาทด้วยความใจเร็วของผมก็ได้ เพลงช้าๆจึงพอคลายความตึงเครียดและความรีบเร่งของผมลงได้บ้าง


อันที่จริงผมควรขับรถช้าลงกว่านี้ เพื่อที่จะได้มีเวลาคิดคำตอบ เพราะถ้าไอ้เตี้ยถามว่าผมไปหามันทำไม การเอาของไปคืนในเวลาดึกดื่นขนาดนี้คนดีๆที่ไหนเค้าทำกัน แต่ก็นะ มันเป็นเพียงเหตุผลเดียวของผมนี่นา… หรือผมมีเหตุผลอื่น? (ผมเองก็ไม่แน่ใจ)


ผมเหยียบคันเร่งไวจนเหมือนโกหก เท้าของผมไต่บันใดขึ้นมาเร็วเสียจนผมตั้งตัวแทบไม่ทัน รู้ตัวอีกทีผมยืนอยู่หน้าห้องของนาวา สองมือถือถุงพลาสติกบรรจุข้าวของเครื่องใช้ที่เราซื้อด้วยกัน ผมรวบถุงพวกนั้นไว้ในมือข้างหนึ่ง ก่อนที่มืออีกข้างจะชะงักค้างอยู่หน้าประตู ใครเดินผ่านไปผ่านมาคงจะคิดว่าทำไมผมถึงค้างอยู่อย่างนั้น จะเคาะก็เคาะลงไปสิวะ


แต่คุณไม่เป็นผมคุณไม่รู้หรอก


ความกล้าที่จะสะบัดข้อมือเคาะประตูเหือดหายไปไม่มีเหลือ ถ้าเกิดผมโดนไอ้ตัวเล็กโมโหเข้าให้ล่ะ มันอาจจะโวยวายที่ผมมาปลุกมันไม่ดูเวล่ำเวลา แล้วถ้าเกิดมันกำลังอยู่กับไอ้จอมล่ะ หืม? ถ้านาวาอยู่ในห้องกับไอ้จอม เกิดผมเคาะไป พวกนั้นก็ต้องรู้ตัว ผมคงจับไม่ได้คาหนังคาเขาว่าเพื่อนรักเป็นชู้กับคู่หมั้นของผม ผมต้องไขกุญแจเข้าไป ใช่ ใช่แล้ว ผมแอบทำกุญแจสำรองห้องนาวาเอาไว้นี่หว่า ใช้เจ้านั่นแหละ


แปะ


ผมตบหน้าผากตัวเอง


มึงมันบ้าไอ้เพชร คิดเอาเองทั้งนั้น เลิกคิดเว้ยเลิกคิด ให้รู้ไปสิว่ามึงจะโดนด่าเพราะบุกมานอนกอด… เอ้ย บุกเอาของมาคืนคู่หมั้นตอนดึกๆ ยิ่งถ้าไอ้จอมอยู่ในห้องก็ได้รู้กันไปเลยว่ามันจะล้ำเส้นกันเกินไปหน่อยแล้ว


แปะ


ผมตบหน้าผากตัวเองอีกที


ไหนมึงบอกว่าจะไม่คิดเองเออเองแล้วไงไอ้เพชร?


มือที่เคยค้างอยู่ตรงประตูของผมกำลังควานหาพวงกุญแจที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เมื่อคว้าพวกกุญแจที่เก็บกุญแจประดามีของผมได้แล้ว ผมไม่ลังเลที่จะไขประตูเข้าไป


มืด


ผมปิดประตูและวางของลง กระพริบตาสองสามครั้งเพื่อให้สายตาคุ้นชินกับความมืด ในความมืดของค่ำคืนผมเห็นร่างบางร่างหนึ่งนอนหลับอยู่บนเตียง ผมเดินเข้าไป เปิดโคมไฟตรงโต๊ะหนังสือของเขา ห้องทั้งห้องจึงสว่างขึ้นมาบ้าง


นาวาหลับสนิท ผมถอนหายใจโมโห


โมโหไอ้คนที่เอานาวามาส่ง นาวาหลับอยู่ในชุดเดิม เหงื่อเม็ดเล็กๆซึมตามไรผม ในห้องไม่ได้เปิดแอร์หรือเปิดพัดลมเอาไว้ เด็กขี้เมาคงจะร้อนแต่เพราะเมาเลยหลับลงไปทั้งอย่างนั้น ผมถอดเสว็ตเตอร์แขวนไว้ตรงเก้าอี้โต๊ะหนังสือ ขาผมไม่รักดี มันก้าวเข้าไปชิดเตียง มือที่อยู่ไม่นิ่งของผมกำลังเกลี่ยปอยผมที่ปิดหน้านาวาออก สายตาดื้อดึงไม่ยอมทำตามสมองผู้เป็นนายพยายามมองหาอะไรที่พอจะซับเม็ดเหงื่อของคนตัวเล็กได้บ้าง


ผมถอนหายใจ


มึงมันใจอ่อนไอ้เพชร


เสียงผมถากถางตัวเองในใจ แต่ก็มีเสียงผมอีกเสียงคอยแก้ตัวให้


เปล่ากูไม่ได้ใจอ่อน แค่ไม่ชอบคนเหม็นเหงื่อ กูนอนกับคนเหม็นเหงื่อไม่ได้เว้ย


ผมเปิดตู้เสื้อผ้าของนาวา คว้าผ้าขนหนูผืนเล็กและเตรียมชุดนอนออกมาวางไว้ แต่พอสายตาผมเหลือบไปเห็นชุดนอน ความงอนก็กลับมาหาผมอีกครั้ง


เช็ดตัวให้ก็เยอะแล้ว มึงยังจะเปลี่ยนชุดนอนให้เตี้ยอีกเหรอ ลืมไปแล้วหรือไงมันจูบกับไอ้จอม!


ผมยัดชุดนอนใส่ตู้เสื้อผ้าอย่างไม่ใยดี มือกำผ้าขนหนูแน่น เดินเขาห้องน้ำไป ผมกลับออกมาพร้อมขันน้ำและผ้าขนหนูที่เปียกหมาดๆ ยอมรับว่าผมปั้นปากเป็นรูปสระอิก่อนที่จะขยับตัวลงนั่งใกล้เด็กใจแตกบางคน นาวาครางเครือเบาๆในคอเมื่อผมปลดกระดุมเสื้อของเขาออก


เชอะ ร้องยั่วเหรอเตี้ย ไม่มีทาง ฉันไม่ใจอ่อนหรอก โกรธอยู่นะโกรธอยู่


ผมถอดเสื้อนาวา เหงื่อบนหน้าอกขาวสะท้อนกับแสงไฟดูยั่วเย้า ผมสะบัดหัวเรียกสติตัวเอง ก่อนจะถอดกางเกงของนาวาออกมาอย่างทุลักทุเล ไอ้คนเมายอมให้ความร่วมมือซะที่ไหน นอนดิ้นเสียอีก น่าตีชะมัด หลังจากสู้รบปรบมือกับเสื้อผ้าอยู่นาน ในที่สุดผมก็เปลือยเรือนร่างของไอ้เฉิ่มจนเหลือแค่กางเกงในได้สำเร็จ ถึงตอนนี้ใจผมเต้นแรงจนจับจังหวะไม่ถูก ใช่ว่าจะไม่เคยถอดเสื้อผ้าของเด็กคนนี้ ใช่ว่าเรือนร่างนี้ผมจะไม่เคยสัมผัส ใช่ว่าผมจะไม่เคยซุกไซร้ซอกคอนิ่มๆนั่น แต่ใช่ว่าความตื่นเต้นทั้งหมดจะหายไป ทุกครั้งที่เข้าใกล้นาวาความตื่นเต้นกลับเหมือนใหม่แทบทุกครั้ง ยิ่งได้จับต้องหรือเมียงมอง ยิ่งทำให้ใจผมสูบฉีดเลือดจนแทบจะตาลายวันละหลายสิบหน จะว่าไปผมได้เห็นรูปร่างนาวาชัดๆก็ตอนนี้นี่แหละ


หึ ตอนอื่นๆมึงจะเอาเวลาไหนมานั่งดู ซุกเขาซะขนาดนั้น


กูเปล่า แค่.. แค่ ลองดมดูต่างหาก


โถ่ไอ้ใจอ่อน ยอมรับมาเถอะมึงใจอ่อนกับไอ้เด็กเลี้ยงไม่เชื่องแล้วใช่ไหม


ไม่โว้ย กูงอนอยู่!


นาวามีกล้ามอก แม้จะไม่มากแต่พอสวย น่าสัมผั…. เอ่อ ก็มีเหมือนคนทั่วไป งั้นๆแหละ เด็กคนนี้แค่เอวคอด หน้าท้องแบนราบคล้ายว่าจะมีกล้ามท้องนิดๆ ถ้าเลื่อนลงมาจับก้นก็จะรู้ว่าก้นงอนกลมกลึง แถมเด็กนี่ต้นขาสวยอีกต่างหาก ผมน่ะชอบ เอ้ย ชัง… ชิงชังในความธรรมดานี่เหลือเกิน


แน่ะดูสิ ขนาดผมบอกกับตัวเองว่าเขาไม่มีอะไรสะดุดตาเลย แต่เหมือนมือไม้ของผมกลับหยุดอ้อยอิ่งอยู่ตรงหน้าอกของเขานานสองนาน หน้าอกของคนตัวเล็กกระเพื่อมเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ผมเรียกสติตัวเองกลับมา และลงมือซับหน้าให้เขาอย่างเบามือเพราะไม่อยากทำให้เขาตื่น เลื่อนลงมาเช็ดตรงซอกคอ เช็ดแขน ลำตัว ขาอ่อน และเช็ดให้ทั้งขา ผมพยายามจับเด็กขี้เมานอนคว่ำเพื่อจะเช็ดหลังให้เขาได้สะดวก แต่นาวาคงอึดอัดเลยพลิกตัวนอนหงายซะดื้อๆ ผมเลยต้องจับให้เขานอนตะแคงหนุนตักผม  แต่เพราะจับนาวาให้นอนท่านี้ ผมยิ่งไม่มั่นใจว่าผมจะใจแข็งกับเขาไปได้สักกี่น้ำ เพราะศีรษะเขาอยู่ในตำแหน่งที่มันล่อแหลมเกินไปน่ะสิ


ทำไม จะห้ามตัวเองทำไม ทีมันเอาปากที่มอบจูบแรกให้มึงไปจูบไอ้จอมเลย


ใช่ ผมยังโกรธอยู่ ผมว่าตอนนี้ผมกำลังปั้นหน้ายักษ์ใส่คนที่กำลังนอนหลับปุ๋ยไม่รู้เนื้อรู้ตัว มือผมกำผ้าขนหนูแน่น ผมกระชากถอดกางเกงในของนาวาออก ทำไมล่ะ ก็กำลังเช็ดตัว เช็ดให้หมดทุกส่วนสิ


ผมจดจ้องความเปลือยเปล่าของเด็กในอ้อมแขน ก่อนจะทำหน้างอ วางนาวาไว้กับเตียง ผมเอาผ้าขนหนูไปตากและเก็บขันน้ำไว้ที่เดิม ผมคว้ากระป๋องแป้งเด็กที่ไอ้เตี้ยมีไว้ติดห้อง โรยตัวให้เพื่อให้ไอ้คนนอกใจได้นอนหลับอย่างสบายเนื้อสบายตัว แถมยังใจดีให้มันสวมสเว็ตเตอร์ของผมจากที่คิดว่าจะปล่อยให้มันนอนแก้ผ้าตากแอร์ไปทั้งคืน ผมปรับแอร์ในอุณหภูมิที่ตัวเองชอบ ปิดโคมไฟตรงโต๊ะหนังสือ ล้มตัวลงนอนข้างๆคนที่หลับไม่ได้สติ ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาห่ม นอนหันหน้าเข้าหาผนัง คิ้วผมขมวดเข้าหากันอยู่อย่างนั้น


ผมกำลังค้อนลมค้อนแล้งคนที่หลับไม่รู้ตัว คนที่ไม่รู้ว่าใครหวง ไม่รู้ว่าใครเป็นห่วง ไม่รู้ว่าใครเช็ดตัวให้ ไม่รู้ว่าใครนอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าใครอยากกอด และ ไม่รู้ว่าใครเสียใจ…


“วาไม่รู้อะไรเลย” ผมพูดออกมา


ศีรษะเล็กๆของนาวาซุกอยู่กับแผ่นหลังผม แขนของเขาสวมกอดผมจากด้านหลัง แอร์เย็นจนทำให้เด็กดื้อขยับตัวเข้าหาคนที่ปกติเขาจะไม่ยอมเข้าใกล้… ใช่สิผมไม่พี่จอมของมันนิ ผมเพิ่งรู้ว่าความโมโหก็ทำให้เกิดความน้อยใจ ตอนนี้ความรู้สึกของผมตีกันมั่วไปหมด


“อย่ากอด ถอยออกไป นอนดีๆ” ผมดึงแขนที่โอบผมออกไป ทำแก้มป่องใส่ผนัง นอนหันหลังให้เด็กใจร้ายที่ทำผมเสียใจ


“อย่าซุกด้วย หลังนี้ไม่ได้มีไว้ให้มาพักแค่ชั่วครั้งชั่วคราวนะ” ผมขยับตัวออกห่าง แต่เหมือนไอ้เตี้ยจะกลิ้งตามมา


“เอ๊ะ บอกว่าอย่าเข้ามา พูดไม่เชื่อหรือไงวะเตี้ย” ผมบ่น


ผมหันหลังกลับไป เห็นนาวากำลังขยี้ตางัวเงียสงสัยจะตื่นเพราะผมพูดเสียงดัง เพราะงั้นผมเลยพลิกตัวตะแคงไปทางไอ้คนขี้เมา อยากรู้นักว่ามันเห็นผมแล้วมันจะทำยังไง


“… พี่เพชร” นาวาเรียกผม แน่ะทำเป็นมาพูดเพราะเสียงออดเสียงอ้อน กูไม่ใจอ่อนหรอก


“หนาว…” เด็กน้อยโผเข้ามาซุกกับอกผม


“ออกไป อึดอัด” ผมทำเสียงให้เรียบที่สุด


“อื้อ ผลักทำไม” นาวาประท้วง


“ยุ่ง”


“ขอผ้าห่มหน่อย” เขาเขย่าแขนผมเบาๆ


“ไม่ให้ ไม่ต้องเรียก จะนอน” ผมหลับตา ทำเมินไม่สนใจ


ไอ้เด็กดื้อมันเชื่อผมที่ไหน มุดเข้าผ้าห่มมาอย่างไม่ใยดีต่อคำสั่งของผม


“เอ๊ะ พูดไม่รู้เรื่องเหรอวะเตี้ย ออกไป ไม่ต้องมากอด อึดอัดโว้ย”


“วาหนาว แอร์เย็น”


“เรื่องของมึง”


“ใจร้าย” นาวาบ่นผม


“ถึงจะใจร้ายแต่ก็ไม่ได้ไปจูบกับคนอื่นเว้ย” ผมเถียงคนที่กำลังงัวเงีย


“อื้อ” นาวาหลับตา ยื่นหน้าเข้าหาผม


“อะไร”


“จูบคืนสิ”


“อย่ามายั่วนะ!” ผมเคือง


“เร็วๆสิหนาว จะนอนแล้ว” นาวายังคงหลับตา ยื่นหน้าให้ผมอยู่อย่างนั้น


“อย่าหาว่าไม่เตือนนะเตี้ย จะทำให้ร้องจนไม่เหลือน้ำตาเลย!”



 :z10: :hao7:  :z10:


รักพี่เพชรจังเลยอ่ะ วู้คนอาร๊าย ถึงจะงอนก็ยังน่ารัก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 19-08-2015 09:14:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-08-2015 09:25:28
เอร้ยยยย อิตาพี่เพชร แกงอลโคดน่ารัก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-08-2015 10:48:33
โอ้ย พี่เพชรน่ารักอ่ะ งอนตุ๊บป่องเลย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 19-08-2015 11:07:11
โอ้ยย นาวา น่ารักน่าตีจริงๆเลย พี่เพชรก็จั๊กจี้หัวใจดีจัง

ว่าแต่คนเขียนอัพไม่หมดรึป่าวคะ กลับมาอัพใหม่เลยนะ มันค้างงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 19-08-2015 12:31:46
พี่เพชรก็ยังคงเป็นพี่เพชรโกรธหรืองอนนาวาได้ไม่นานหรอกจริงมะอิอิ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 19-08-2015 12:38:43
เพ็ชรงอนน่ารักดี
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 19-08-2015 13:09:48
นี่งอนแล้วใช่มั้ยคะพี่เพชร งอนน่ารักเชียว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 19-08-2015 14:06:50
พี่เพชรถ้าพี่จะงอนน่ารักขนาดนี้พี่งอนเลยค่ะ งอนได้ตามสบายเลยเดี๋ยวง้อเอง อั๊ยยยยย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-08-2015 15:37:59
อีอ่อน จะโกรธจะงอนก็เอาให้สุดซิ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 19-08-2015 16:48:58
พี่เพชรคะ......... สถาบันเคะแห่งชาติยินดีต้อนรับ
จะงอนน่ารักไปไหน!!!!!!!
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 19-08-2015 16:55:43
พี่เพชรแม่งอย่างเด็กอ่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 19-08-2015 17:50:09
แหม ไปแกล้งงอนค้านี่เค้ารู้ตัวหรือปล่า 5555

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 19-08-2015 18:14:41
สงสารนางอ่ะ
เป็นเราเห็นฉากพลอดรักแบบนี้บ้าง คงเป็นลม  :katai1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 19-08-2015 19:45:35
ยอมง่ายเกินว่ะเพชร
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 19-08-2015 19:59:14
ทำไมพี่เพชรงอนแล้วน่ารัก  :o8:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 19-08-2015 20:05:12
พี่เพชร นี่คืองอนแล้วใช่มะ
ขนาดงอนยังดูแลขนาดนี้ ถ้าไม่งอนจะเป็นยังไง อยากรู้ๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 19-08-2015 20:13:04
น่ารักทั้งคู่เบย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Vermouth ที่ 20-08-2015 00:21:17
งอนน่าร้ากกกกก งอนไปก็ดูแลเค้าไปอยู่ดี 555 น้องวาช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่ายั่วพี่เพชรไปเป็นที่เรียบร้อย 555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 20-08-2015 01:56:43
พี่เพชรงอนแล้วน่ารักอ่ะ เหมือนเด็กน้อยเลย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 20-08-2015 03:58:02
แหม่งอนเค้า แต่ก็ทำนู่นนี่ให้
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 20-08-2015 13:24:14
นั่นเรียกงอนแล้วใช่มะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 20-08-2015 16:19:12
งอนเค้าแต่ไปดูแลเค้า
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: BaGgYsOdA ที่ 20-08-2015 19:58:58
มาต่อแล้วววว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: pui_noizๆ ที่ 20-08-2015 20:50:06
แหะๆ เราไม่ได้อ่านนะ แค่เราสะดุดตากับคำอ่านของ คำ Embrasse-moi ที่คุณผู้แต่งเขียนไว้ที่หน้าแรก
คือเราก็ไม่ได้เชี่ยวภาษา แต่เท่าที่เรารู้ ภาษาฝรั่งเศสจะไม่ออกเสียงตัว r เป็น ร.เรือ แต่  จะเป็นคล้าย ฮ. ผสม ค. คืิอ ฮ. จะเหมือนเสียงนำ ค. เบาๆ เน้นที่ ค. มากกว่า ... คำอ่านน่าจะเป็น
ออง- เบอะ (เสียงสั้นๆ) - [ฮ]คาส- เซอ (เสียงสั้นๆ) -มัว
ประมาณนี้นะ เราว่า แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะถูกเป๊ะ เพราะคำอ่านภาษาฝรั่งเศสมันเขียนเป็นภาษาไทยยากน่ะ
หวังว่าจะไม่โกรธเรานะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 20-08-2015 23:26:11
แหะๆ เราไม่ได้อ่านนะ แค่เราสะดุดตากับคำอ่านของ คำ Embrasse-moi ที่คุณผู้แต่งเขียนไว้ที่หน้าแรก
คือเราก็ไม่ได้เชี่ยวภาษา แต่เท่าที่เรารู้ ภาษาฝรั่งเศสจะไม่ออกเสียงตัว r เป็น ร.เรือ แต่  จะเป็นคล้าย ฮ. ผสม ค. คืิอ ฮ. จะเหมือนเสียงนำ ค. เบาๆ เน้นที่ ค. มากกว่า ... คำอ่านน่าจะเป็น
ออง- เบอะ (เสียงสั้นๆ) - [ฮ]คาส- เซอ (เสียงสั้นๆ) -มัว
ประมาณนี้นะ เราว่า แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะถูกเป๊ะ เพราะคำอ่านภาษาฝรั่งเศสมันเขียนเป็นภาษาไทยยากน่ะ
หวังว่าจะไม่โกรธเรานะ  :mew6:

ขอบคุณที่มาบอกนะครับ

แต่ มันถอดเสียงคล้ายแบบที่ผมบอกไปถูกแล้ว มันเป็นคำอ่านที่เข้าใจได้สุดแล้ว
คำว่า Embrasse อ่านว่า  [ɑ̃bras]  phonetic มันก็เป็นเสียง voiced alveolar retroflex liquid นะครับ

ผมว่าการถอดเสียงคำอ่านออกมาให้เหมือนภาษาต้นฉบับแบบพยางค์ต่อพยางค์เป็นเรื่องยาก ดังนั้นเราจึงคุ้นเคยกับคำอ่านภาษาไทยที่คล้ายกับภาษาต้นฉบับ(คล้ายแต่ไม่เหมือนซะทีเดียว) เพราะต้องการให้คนทั่วไปเข้าใจได้และพออ่านได้ ส่วนเรื่องการจะปรับสำเนียงให้เหมือนหรือใกล้เคียงกับเจ้าของภาษาก็แล้วแต่การฝึกฝนของแต่ละคนครับ

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 21-08-2015 19:20:20
เขินว่ะพี่เพชร งอนต่อเถอะน่ารักขนาดนี้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mori406 ที่ 22-08-2015 15:28:29
รอมาต่อออนะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-08-2015 18:39:45
น้องวาเมาแล้วเลื้อย ทีหลังพี่เพชรต้องตามประกบทุกฝีก้าว :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 23-08-2015 09:57:39
ตายๆๆๆ คุณชายงอนได้แบ๊วแบบสุดๆอ่ะ
หมดคราบเพชรขี้โมโหเลย 5555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 25-08-2015 14:42:22
ขอบคุณค่ะ รอนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mori406 ที่ 29-08-2015 19:47:30
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

คิดถึงนะ  คนเขียน

 :heaven :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 30-08-2015 00:00:10
งอแงเหมือนเด็กเลยนะพี่เพชร :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 09-09-2015 18:48:28
คิดถึงนักอ่านทุกคนนะครับ

ผมเพิ่งออกจากรพ. แวะมาดู แอบดีใจที่มีคนรอ พักสักแปปจะมาต่อให้นะครับ

 :กอด1:

With lots of Love,
Killian
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 09-09-2015 19:34:05
เข้ามาให้กำลังใจคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 14-09-2015 16:35:44
ลงโทษยังไงดี โซ่ แซ่ กุลแจมือ อ้อ พี่เพ็ชรอย่าลืมน้ำตาเทียนด้วยเน้อ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 16-09-2015 22:24:28
:)
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 1 [19/8/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 06-10-2015 06:10:04
Chapter 10 บทลงโทษของตรีเพชร
Part 2

 :L2: :กอด1: :L2:




ผมโถมจูบคนที่อยู่เบื้องล่างรวดเร็วรุนแรง ดวงตาที่เคยหลับพริ้มของนาวาเบิกโพลงเมื่อผมจงใจกัดริมฝีปากเขาด้วยอารมณ์คุกรุ่น นาวาได้แต่ส่งเสียงประท้วงเบาๆในลำคอ ผมรู้ว่าเขาเจ็บแต่เขาอาจจะไม่รู้ว่าผมเจ็บยิ่งกว่า ผมประกบปากนาวาอยู่อย่างนั้นไม่เปิดโอกาสให้เขาหันหน้าหนีไปไหนได้ มือผมจับอยู่ที่ท้ายทอยของไอ้เด็กดื้อเพื่อบังคับให้ร่างบางที่ผมคร่อมอยู่ยอมรับจูบแห่งความเดือดดาลนี้ ผมลืมตามองนาวาทั้งที่ปากเรายังไม่ละจากกัน วินาทีที่ดวงตาเราจ้องกัน ขณะที่ปากกำลังประกบกัน ดวงตาใสคู่นั้นสะท้อนแสงจันทร์วิบวับในความมืด นาวาดูเหมือน… ลูกแมวน้อย


โว้ย มึงใจอ่อนอีกแล้วไอ้เพชร!


ผมสลัดความเอ็นดูออกจากระบบคิด พยายามเตือนตัวเองไว้ว่า ต่อให้นาวาเป็นแมว มันก็เป็นแมวยั่วสวาท ที่ไม่ได้ยั่วแค่ผมคนเดียว เด็กนี่มันเล่นยั่วทั้งเพื่อนมันเอง หรือแม้กระทั่งเพื่อนสนิทของผม


ผมถอนจุมพิตออกจากเด็กร่างบาง เล็งเป้าหมายต่อไปที่ลำคอเนียนละเอียดนั่น ทันทีที่เป็นอิสระจากจูบของผม นาวารีบหายใจเอาอากาศเข้าปอด ก่อนพยายามออกแรงผลักผมให้ออกไปจากตัวเขา


“..ยะ อย่านะเพชร” เสียงอ้อแอ้ของคนเมาพยายามห้ามผม


“ทำไมล่ะ ทีเมื่อกี้ยังยั่วอยู่เลยนิ ว๊อนท์ไม่ใช่เหรอ จัดให้แล้วไง” ผมต่อว่าคนเมาพลางถอดเสว็ตเตอร์ที่นาวาสวมอยู่ ต่อให้นาวาดิ้นแค่ไหน แรงน้อยนิดเท่านั้นก็เป็นรองผมอยู่ดี ท้ายที่สุดร่างบางของเขาก็เปลือยเปล่าอวดสายตาผมในคืนที่แสงจันลอดผ่านหน้าต่าง


“ไม่เอา เจ็บปากแล้ว” นาวายังคงพยายามพลักผมออก


“เจ็บสิดี จะได้จำ”


“…พอแล้ว ง่วงนะ”


“ทีกับไอ้จอมไม่เห็นสั่งให้มันพอ! บอกมานะว่าที่จูบกับมันใครเป็นคนเริ่ม” ผมหงุดหงิดจนเกือบตะคอกออกมา


“วาเริ่มเอง…”


สติผมขาดสะบั้น


นาวาเป็นคนเริ่มก่อน นี่มันจะรู้ตัวไหมว่ามันทำอะไรลงไป! ผมกดปากจูบนาวาอีกครั้ง คราวนี้รุนแรงแบบที่ผมไม่เคยทำกับใครมาก่อน มันเป็นจูบที่เจือความโกรธ น้อยใจ และริษยาปนๆกันไป ผมไม่ได้มีเวลามาคิดแจกแจกว่าที่ผมจูบรุนแรงขนาดนี้เพราะอะไร แต่ที่รู้คือนาวาเริ่มทุบผม ข่วนผมเป็นพัลวัน


ผมรวบมือทั้งสองข้างของนาวาเข้าด้วยกันแล้วมัดแน่นด้วยแขนเสื้อเสว็ตเตอร์ จากนั้นจึงแหวกขาของนาวาให้กางออก ผมเอาตัวเองแทรกไปอยู่ตรงนั้น นาวาคงตกใจแต่ร้องออกมาเต็มเสียงไม่ได้เพราะผมประกบปากเขาอยู่ ผมลวนลามคู่หมั้นตัวเองราวเด็กเอาแต่ใจ มือของผมลูบไล้ไปทุกส่วนสัดของคนเมาที่เริ่มพยศ หรือจะว่าไปคนเมาคนนี้อาจจะเริ่มสร่างเมา


ผมดูดดุน ซุกไซ้คอขาวจนเป็นรอยแดง ริมฝีปากผมตักตวงความสุขราวต้องการกลืนกินเด็กคนนี้ไปทั้งตัว ลิ้นผมตวัดลากเลียลงมาตรงทรวงอก เอว ขาอ่อน หัวไหล่ แผ่นหลัง ทุกส่วนของร่างกายนาวาผมทิ้งร่องรอยของตัวเองเอาไว้บนนั้น  รอยจูบของผมทำให้ร่างกายนาวาบิดเร่า ผมจงใจทิ้งร่องรอยเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของให้นาวาได้รับรู้ว่าเขาเป็นของผมเพียงคนเดียว


“…เพชร ไม่เอา หยุดนะ..” นาวาน้ำตารื้น


“ไม่” ผมบอกเขาแค่นั้น ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเย็นชา


ผมจูบซับน้ำตาให้เขาอย่างแผ่วเบาเพราะต้องการปลอบประโลม แล้วจึงก้มไปกัดหัวไหล่แรงๆจนนาวาร้องออกมา ผมกัดคอ กัดยอดอก กัดมันทุกที่ที่ผมอยากกัด แต่ไม่ฝากรอยฟันเอาไว้ ผมไม่อยากทำรุนแรงไปมากกว่านี้ แค่อยากจะฝังความเจ็บแปลบปลาบลงไปบนผิวกายของเขา เผื่อมันจะทำให้เขารับรู้ถึงความเจ็บที่ผมมี


ผมถ่างขานาวาไห้กว้างออก มือผมลูบสัมผัสทุกสัดส่วนบริเวณนั้น เมื่อนิ้วผมลูบผ่านช่องทางด้านหลังของเขา นาวาพยายามหุบขาแน่น นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกขัดใจ


“อ้าขาออก” ผมสั่งเสียงเรียบ มือข้างหนึ่งกดแขนนาวาที่ถูกมัดไว้กับหมอน มืออีกข้างลูบไล้บริเวณสะโพก


“จะ..จะทำอะไร”


“ถ้าขัดขืนอีกพี่จะทำมากกว่านี้” ผมพูดเสียงนิ่ง หมายความตามที่พูด


นาวาคงเข้าใจว่าเขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่ต่อรองอะไรได้ อีกอย่างเสื้อผ้าผมก็ยังสวมอยู่ครบทุกชิ้น นั่นหมายความว่าผมไม่ได้ตั้งใจเผด็จศึกเขาในคืนนี้ นาวาคงรู้ดีจึงยอมทำตามอย่างว่าง่าย แต่แววตานั้นตัดพ้อ เสียใจ… ผมเกือบจะหยุดเมื่อเห็นดวงตานั่น แต่ผมอยากจะสั่งสอนบทเรียนให้กับเด็กคนนี้ว่าผู้ชายอย่างผมหรือไอ้จอมไม่ใช่พระอิฐพระปูนจะได้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการยั่วเย้าของเขา


“อ้าปาก” ผมสั่ง


“ทำไม?” สีหน้าของนาวาเต็มไปด้วยคำถาม แต่ยอมทำตามโดยเลี่ยงไม่ได้


“ดูดนิ้วพี่” ผมจรดนิ้วชี้ตรงริมฝีปากนาวา


เด็กน้อยลังเล ตื่นกลัว แต่ทำตามผมสั่ง ความอุ่นจากริมฝีปากและเรียวลิ้นที่ผมสัมผัสจากปลายนิ้วทำให้อารมณ์ของผมพลุ่งซ่าน นาวาจะรู้ไหมว่าผมต้องอดทนฝืนใจไม่ให้จับเขาปล้ำขนาดไหน


ผมถอนนิ้วออกจากการดูดอันอุ่นฉ่ำนั่นเมื่อพอใจแล้ว นิ้วแฉะๆของผมจ่ออยู่ตรงช่องทางของนาวา ทำให้เด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของผม แต่ก่อนจะได้รับคำทักท้วงใดๆ ผมประกบปากนาวาอย่างรวดเร็ว ฝากอารมณ์ความใคร่ไปกับทุกๆเรียวลิ้นที่ผมตวัดเข้าไปในปากเขา ผมสอดนิ้วเข้าไปในตัวของนาวา ช่องทางบีบรัด เรือนร่างของคนเบื้องล่างบิดเกร็ง ผมยังจูบอยู่อย่างนั้นแม้จะได้ยินเสียงท้วงจากลำคอ สัมผัสที่ปลายนิ้วทำให้ผมแทบคลั่ง ความอบอุ่นและคับแน่นตอดรัดแบบนั้นทำเอาผมเกือบละลาย


นิ้วผมกดลึกลงไป ผมถอนจุมพิตให้นาวาสูดอากาศหายใจ ปลายนิ้วของอีกมือยังคงสัมผัสกับข้างในของนาวาได้เพียงครึ่งทาง


“..จะ เจ็บ” นาวาเสียงแหบ เริ่มมีน้ำตารื้นคลอเบ้า


“รู้” ผมตอบเสียงเรียบ


“เอาออกนะ” เด็กน้อยอ้อนวอน


แต่ผมกลับดันนิ้วเข้าจนสุด


“โอ๊ย” นาวาบิดตัว พยายามหุบขาแต่เปล่าประโยชน์


“ร้องทำไม” ผมถาม


“วาเจ็บ” เขาตอบเสียงพร่า


“แล้วแบบนี้ล่ะ เจ็บไหม” ผมเริ่มขยับนิ้วที่สัมผัสกับภายในของเขา เข้าออกช้าๆ


“เจ็บนะ”


“อืมเหรอ แล้วถ้าแรงขึ้นล่ะ” ผมขยับนิ้วเร็วขึ้น แรงขึ้น แต่ก็มากไปกว่าเดิมนัก


แม้แต่ภายใต้แสงจันทร์ผมยังเห็นได้ว่านาวาหน้าแดง หยาดน้ำตาไหลออกมาแล้ว


“เจ็บนะเพชร” นาวาส่ายหน้าเพื่อสะบัดไล่ความปวด ดวงตาตัดพ้อ


“พี่เตือนแล้วใช่ไหมว่าอย่ายั่ว พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าจะทำให้ร้องไห้”


“ทำไม ทำแบบนี้ทำไม” นาวาถาม น้ำตาของเขาไหลแต่ไร้เสียงสะอื้น


ผมขยับนิ้วเร็วขึ้นและแรงขึ้น เพื่อให้อีกฝ่ายเจ็บ


“โอ๊ย อ๊ะ” นาวาร้องไม่เจ็บภาษา


“เพราะพี่อยากให้วาเจ็บบ้าง” ผมสอนนิ้วเข้าออกจนนาวาร้องไม่เป็นศัพท์ น้ำตาไหลเป็นสาย ผมหอบหายใจและรู้สึกเหมือนมีมีดมากรีดหัวใจ…


ผมหยุดการเคลื่อนไหวไว้แค่นั้น


ผมยอมแพ้แล้ว…


น้ำตานั่นผมไม่อยากเห็นมันอีกแล้ว ผมจูบเขาแผ่วเบา ริมฝีปากผมทาบทับปากบางของเขาอย่างอ่อนโยน ผมจูบซับน้ำตาของเขา มือข้างที่กดแขนทำหน้าที่คลายปมเสว็ตเตอร์ที่พันธนาการนาวาไว้ เมื่อเป็นอิสระเด็กน้อยจับไหล่ผม เกาะแน่นเหมือนไม่ยอมปล่อย ผมค่อยๆดึงนิ้วออกจากร่างของนาวา ผมลูบหัวปลอบประโลมเขา วินาทีที่ผมก้มจูบหน้าฝากเด็กน้อยของผม น้ำตาของผมไหลลงผ่านแก้ม หล่นรินหน้าฝากมนของนาวา ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้…


นาวานิ่งงัน รับรู้ถึงหยดน้ำตาหล่นกระทบหน้าฝากตัวเอง เราจ้องตากันท่ามกลางแสงจันทร์เลือน


“เจ็บไหม” ผมถามเขาเสียงสั่น


นาวาพยักหน้าตอบ มือเขาบีบไหล่ของผมแน่น


“เจ็บสิ ฮึก…” เสียงสะอื้นของเขาทำให้ผมเกลียดตัวเอง


“พี่เจ็บกว่านี้อีกรู้ไหม” ผมบอกในสิ่งที่รู้สึก


มือน้อยๆของนาวาจับหน้าของผมไว้ เขาเกลี่ยน้ำตาผมอย่างแผ่วเบา


“ไม่ขอโทษนะ เพราะพี่ต้องลงโทษ พี่ผิดที่ทำแบบนี้ แต่พี่ไม่เสียใจที่ล่วงเกินคนของพี่ วาห้ามโกรธพี่เพราะพี่จะยิ่งเกลียดตัวเองไปมากกว่านี้…”


ผมผละตัวออกจากนาวา เดินเข้าห้องน้ำ ทิ้งร่างเปลือยเปล่าของคนที่ปั่นป่วนจิตใจผมเอาไว้ที่เตียง ตรงหน้ากระจกห้องน้ำผมเห็นความพ่ายแพ้ของตัวเองที่สะท้อนผ่านกระจกเงา นี่ผมกำลังร้องไห้? ผมเสียใจที่นาวาเมามายเผลอจูบจอมทัพขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?


ผมส่ายหน้าให้กับเงาของตัวเอง


มึงรู้ดีนะเพชรว่าจริงๆแล้ว มึงร้องไห้เพราะอะไร


ผมไม่อาจจะหนีความจริงลึกๆในใจได้ ผมไม่ได้หลั่งน้ำตาเพียงเพราะนาวาเมาจนเผลอจูบเพื่อนรักของผม แต่ที่ผมร้องไห้ออกมาเพราะสองเหตุผล หนึ่งคือเสียใจที่ผมปกป้องน้ำตาของคนที่ผมอยากจะดูแลไม่ได้ และอีกหนึ่งเหตุผลคือผมกลัว…


จอมทัพประกาศชัดว่าหลงรักคนของผม แค่นี้ผมก็แพ้ยับเยินแล้ว


มีหลายคนที่อยากจะเป็นเหมือนผมทั้งด้านรูปทรัพย์และรูปลักษณ์ แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือของพวกนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าเอาไปเปรียบกับจอมทัพเพื่อนผม จริงอยู่ที่ผมจะดูแล ปกป้อง และทำให้ชีวิตนาวาสะดวกสบายได้ดีไม่แพ้จอมทัพ แต่สิ่งที่ผมสู้เพื่อนรักของตัวเองไม่ได้คือเขาเป็นคนที่ดีกว่า มองยังไงนาวาก็เหมาะกับคนนิสัยดีๆอย่างจอม คนแบบผม คนที่ไม่เอาไหน
เอาแต่เที่ยวเตร่ คนที่ไม่เคยคิดอยากดูแลใคร คนที่หาความสนุกใส่ตัวไปวันๆ คนแบบผม ไม่คู่ควรกับนาวา ดรุณาทรเสียด้วยซ้ำ


“โถ่โว้ย” ผมชกกระจกจนเงาของไอ้ขี้แพ้บิดเบือนเพราะรอยร้าว เลือดสีแดงค่อยๆซึมออกตามแผลตรงหมัดขาว เจ็บชะมัด แต่ดีแล้ว เพราะผมได้ถ่ายเทความเจ็บ จากที่อกมาสู่กำปั้น


นาวาเคาะประตูห้องน้ำเรียกผมเพราะได้ยินเสียงสบถและเสียงกระจกร้าว ผมทรุดลงกุมขมับ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่เปิดออก นาวาไขประตูเข้ามา เด็กน้อยเข้ามากอดผมไว้ เขาเอ่ยขอโทษแผ่วเบา…


 ---------------------------- :beat: :mew4: :o12: :sad4: :sad11: ----------------------------


เย้ คิดถึงทุกคนจังเลย

ลืมพี่เพชรกับน้องนาวาไปหรือยังครับ ฮ่าๆ ขอโทษที่หายไปนานนะคับ เพราะมัวแต่ไปติดนิยายคนอื่นอยู่ อ่านได้เป็นวรรคเป็นเวรเลยทีเดียว ก็คนอื่นเค้าแต่งดีนี่นะ อิอิ แต่ยังไงก็คิดถึงคนอ่านที่น่ารักของผมทุกคนนะครับ กลับมาแล้ว ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งเด้อ อย่าเพื่งหายไปไหนนะคร้าบบบ

Lots of Love,

Killian
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 06-10-2015 06:28:58
มาต่อซะที
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 06-10-2015 06:55:54
ในทีสุดก็มาต่อซะที
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Abella ที่ 06-10-2015 08:25:33
คิดว่าจะเลิกแต่งแล้วซะอีก ถ้าจะเลิกแต่งก็บอกล่วงหน้านะจะได้ทำใจ ชอบเรื่องนี้มาก :o12:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 06-10-2015 08:39:41
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 06-10-2015 08:52:29
เลือดสาด
 :sad4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-10-2015 09:03:56
น้ำตาไหล สงสารพี่เพชร
เสียใจแต่ทำอะไรมากก็ไม่ได้
อดีตที่เหลวแหลงตามมาหลอกหลอน
ไม่ต้องเสียใจกับอดีตหรอก กลับไปแก้ไขไม่ได้
้แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แค่นี้นาวาก็รักถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว
ส่วนเรื่องใครจะดูแลนาวาได้ดีกว่ากัน
คงต้องให้นาวาเลือกเองนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 06-10-2015 10:36:24
หายไปยังกับจะเลิกแต่ง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: dradareal ที่ 06-10-2015 16:58:27
หลงรักเรื่องนี้เต็มใจมากจริงๆ
ทั้งภาษา ทั้งเนื้อเรื่อง ตัวละคร

ตอนนี้ทำคนอ่านรู้สึกได้หลากหลายอารมณ์มาก
ทั้งเขิน ทั้งหน่วง สงสารทุกคน สงสารทั้งน้องวา ทั้งพี่เพชร
เข้าใจความรู้สึกของเพชรนะ ถ้าเราเห็นน้องวาไปทำแบบนี้กับคนอื่น เราก็คงโกรธมากๆเหมือนกัน
ชอบตอนที่พี่เพชรทะเลาะกับตัวเอง 5555 หาเหตุผลไปหาน้องได้ดีมาก

คิดว่าจะไม่มาต่อเรื่องนี้เสียแล้ว คนอ่านไม่ทิ้งไปไหนหรอกค่ะ
กลัวว่าคนแต่งนะสิ จะหนีหายไปเสียก่อน คิคิ
อย่าทิ้งเรื่องนี้ไปไหนเลยน้า อยากอ่านเรื่องนี้จนจบ

เป็นกำลังใจให้ในการแต่งตอนต่อๆไปค่ะ   
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 06-10-2015 17:41:16
ค้างอ่ะ แต่บอกเลยตอนนี้น้ำตาคลอเลยอ่ะ ไม่ได้สงสารนาวาสักนิด แต่สงสารเพชรมากมาย   :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-10-2015 18:08:02
เค้ามารอทุกวันเลยยยย
ดีใจที่กลับมาต่อนะคะ

ขอบคุณคนเขียนมากค่าา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 06-10-2015 19:02:01
ดีใจที่มาต่อแล้ววว ฮรืออออออออ  :heaven
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 06-10-2015 20:12:30
เปิดตอนมาก็เสียน้ำตาเลยอ่ะ    :hao5:    :hao5:

รอตอนต่อไปค่ะ    :L2:    :L2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 06-10-2015 20:56:13
หายไปนานมากกกกก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 06-10-2015 21:19:20
ดีใจที่กลับมา 

ตอนนี้แบบ :o12: :o12:

หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Cockroach ที่ 07-10-2015 03:03:53
เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาอ่านต่อ แปะไว้ก่อนถึงหน้า11ละ เดี๋ยวลืม5555

ปล.อยากแตะอิเติร์ก กับหญิงแม่พี่แกออกจากบ้านจริงว้อยยยยย :z3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 07-10-2015 03:38:59
อ่านตอนนี้แล้วคือสงสารเพชรเต็มๆ ไม่สงสารนาวาเลย
เพชรตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแพ้ตั้งแต่เริ่มต้นเลยสินะ
คงจะเสียใจมาก เฮ้อ นาวาเอ้ย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 07-10-2015 04:25:26
ว้อททท มันเป็นการกลับมาแบบสั้นๆแต่อ่านไปแล้วอินสุดน้ำตาคลออ่ะบอกเลยสงสารเพชรมาก #มโนตอนอ่านว่าเป็นเพชรในอารมณ์นั้น #ตำลึงสกิลในการแต่งได้สุดมากสั้นๆแต่เจ็บ #ชอบ :katai1: :katai1: :hao5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 07-10-2015 18:47:43
ดีใจที่กลับมาแล้ว

ตอนนี้เศร้ามากอ่ะ น้ำตาคลอ รู้สึกว่าตรีเพชรมีชีวิตจริงๆเลย เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีความไม่มั่นใจในตัวเอง รู้สึกพ่ายแพ้ต่อจอมทัพที่ดีกว่า โถ่พี่เพชร... น่าสงสาร รีบมาต่อเร็วๆนะครับอยากอ่านต่อแล้ว

 :o12:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.10 บทลงโทษของตรีเพชร part 2 [6/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 08-10-2015 16:56:09
คนแต่งอย่าทิ้งคนอ่านนะคะ :mew2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 1 [12/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 12-10-2015 03:39:31
Chapter 11 ผีเสื้อ...ปีกหัก
Part 1

 :L2: :กอด1: :L2:



ตื่นมาเช้านี้วิลาสินีรู้สึกเป็นกังวล หล่อนเดินวนไปวนมาในห้องจมอยู่กับความคิด คิ้วเรียวบางของเธอแทบจะขมวดเป็นปมด้วยความเครียด ตลอดชีวิตที่ผ่านมาหล่อนไม่เคยรู้สึกไม่มั่นคงขนาดนี้มาก่อน สายตากร้าวของไอ้เด็กนั่นทำให้เธอรู้สึกคุกคาม ทั้งๆที่มันเป็นแค่เด็กเมื่อวานซืนแท้ๆ ไม่ หล่อนจะไม่มีวันปล่อยให้เด็กที่ไหนมาลูบคม จะไม่ปล่อยให้คนที่ครั้งหนึ่งหล่อนจำจัดไปได้ทั้งแม่ทั้งลูกกลับมาทวงของของมันคืน วิลาสินีต้องการครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างไว้แต่เพียงผู้เดียว หล่อนจะรักษาผลประโยชน์และความสะดวกสบายของตัวเองเอาไว้


สมองของหล่อนครุ่นคิดแผนการต่างๆนาๆ จะแค่ขู่ หรือจะทำให้มันหมั้นกับใครไม่ได้ตลอดไป? นั่นสิ ต้องปิดโอกาสของไอ้เด็กนั่นทุกทางเพื่อไม่ให้มันกล้าเสนอหน้ามาที่นี่อีก ริมฝีปากแต้มลิปสติกแดงเหยียดยิ้มเมื่อความคิดดีๆบางอย่างเล่นเข้ามาในสมอง หล่อนคว้าโทรศัพท์ส่วนตัว กดหาหมายเลขที่ลอยขึ้นมาอยู่ในใจ หล่อนรอสายอย่างใจเย็น แต่เมื่ออีกฝ่ายรับสาย น้ำเสียงของหล่อนกลับฟังดูร้อนรน วันหมั้นใกล้เข้ามาแล้ว…


“ฉันมีงานสำคัญให้คุณทำ…” วิลาสินีเอ่ยขึ้น


***************


นาวาปวดหัว ก็ดื่มไปซะขนาดนั้น คนคออ่อนแถมเมาง่าย อาการยามตื่นหลังสร่างเมาเลยออกมาเป็นเช่นนี้ แถมวันนี้ตื่นสายอีกต่างหาก ร่างบางพลิกตัวไปมาบนเตียงราวต้องการสะบัดไล่ความง่วงงุน มือบางชะงักเมื่อปัดป่ายไปอีกด้านหนึ่งของเตียง ที่ที่ตรีเพชรเคยนอนตอนนี้ว่างเปล่า เย็นเฉียบ จริงสิ ตรีเพชรออกไปแล้วตั้งแต่เช้า


ตอนเช้านาวารู้สึกตัวเพราะเสียงคุยโทรศัพท์ของคนคนหนึ่ง เขาตื่นมาเห็นตรีเพชรนั่งอยู่ตรงโต๊ะหนังสือ กำลังคุยโทรศัพท์สีหน้าจริงจัง


“นะครับเจ้ เร่งให้ผมหน่อยนะ” ตรีเพชรพูดกับปลายสาย ชายหนุ่มเลิกคิ้วทักทายนาวาที่กำลังขยี้ตาตื่น


“ผมไปเอาเองก็ได้ อยากได้ภายในวันนี้… ด่วนสิ… ครับ งั้นเดี๋ยวผมกลับบ้าน แค่นี้ก่อนนะครับ” ตรีเพชรวางสาย


“ตื่นแล้วเหรอ ปวดหัวไหม” ตรีเพชรนั่งลงบนเตียงข้างๆนาวา สายตาห่วงใยทอดมองใบหน้านวลผุดผ่อง นาวาพาลจะหน้าแดง
เอาซะดื้อๆ


“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หาย” นาวาตอบ


“เฮ้อ” ตรีเพชรถอนหายใจ มือหนาของเขาวางลงบนหัวของนาวา ชายหนุ่มโยกหัวเด็กน้อยเล่นแล้วพูดขึ้น “ต่อไปพี่จะไม่ปล่อยให้วาเมาอีกแล้ว”


“…ขอโทษ”


“ช่างมันเถอะ อะไรที่ผ่านมาแล้วเราอย่าไปพูดถึงมันเลย” ตรีเพชรยิ้มจริงใจ “หลับตาได้ไหม พี่มีอะไรจะให้”


“อะไรอ่ะ” นาวาสงสัย


“หลับตาก่อนเถอะ”


นาวาหลับตาลง ได้ยินเสียงตะกุกตะกักบางอย่างเพราะตรีเพชรลุกไปหยิบของที่โต๊ะหนังสือ


“คราวนี้ก็ลืมตาได้แล้ว” ตรีเพชรเอ่ยเสียงนุ่ม


กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินกรมท่าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีโลโก้ร้านเพชรชื่อดังประดับอยู่บนฝากล่อง มีริบบิ้นสีทองผูกเป็นโบว์ห่อกล่องทรงผืนผ้าเอาไว้ ตรีเพชรยื่นกล่องของขวัญให้นาวา เด็กน้อยตะลึงงัน กล่องของขวัญกล่องนี้ ชายหนุ่มจะเอามาให้เขาทำไมกัน


“อะไรน่ะ เอามาให้ทำไม” นาวางง


“อยากให้ เห็นว่าของขวัญวันเกิดคนอื่นเขาให้” พูดมาถึงตรงนี้ ตรีเพชรรู้สึกงอนนิดๆจนชายหนุ่มเผลอทำแก้มป่องใส่นาวา “พี่เลยอยากให้บ้าง ชดเชยวันเกิดวาทุกๆปี” ตรีเพชรรู้สึกร้อนผ่าวตรงแก้ม ชายหนุ่มเกาท้ายทอยแก้เก้อ “ไม่รู้ว่าจะชอบหรือเปล่า
เลยเลือกนานไปหน่อย ขอโทษที่ต้องทิ้งให้อยู่ที่ร้านไอศกรีมคนเดียว”


“ที่หายไปนานเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม” นาวาเอ่ยถามออกไป เขาจำได้ว่าตอนรอตรีเพชรตัวเองแอบหงุดหงิด แต่เขาไม่นึกว่าตรีเพชรจะหายไปเพื่อไปทำบางอย่างให้เขา


“อื้ม พอกลับไปที่ร้ายไอศกรีม เหมือนจะมีใครบางคนไม่พอใจด้วยแหละ” ตรีเพชรทำเสียงเย้าหยอก


“บ้า แค่สงสัยเฉยๆหรอก” นาวาบ่ายเบี่ยง


“เปิดดูสิ” ตรีเพชรเชื้อเชิญให้เด็กน้อยของเขาแกะกล่อง


นาวาแกะริบบิ้นสีทองออก มือบางเปิดฝากล่องกำมะหยี่ เผยให้เห็นสร้อยข้อมือทองคำขาวรูปผีเสื้อตัวเล็กต่อกันตัวแล้วตัวเล่าจนกลายเป็นสายสร้อยรูปผีเสื้อ ปีกผีเสื้อแต่ละข้างฝังเพชรเม็ดเล็กๆ สิ่งของแทนใจชิ้นนี้สวยงาม ไม่ฉูดฉาด เรียบแต่ดูดี ตรีเพชรหยิบสร้อยข้อมือออกมา ชายหนุ่มค่อยๆบรรจงสวมที่ข้อมือซ้ายของนาวา การกระทำแผ่วเบาของเขาไม่มีคำพูด แต่มันถ่ายทอดผ่านความอบอุ่นที่นาวาสัมผัสได้จากผ่ามือหนา


“มันมากเกินไป วารับไว้ไม่ได้หรอก”


“ไม่มากเกินไปสำหรับวาหรอก” ตรีเพชรยิ้มสวย ยิ้มทั้งตายิ้มทั้งปาก


“แต่มันแพงไป รับไว้ไม่ได้จริงๆ” นาวาเอ่ย


“อย่าดื้อ” ตรีเพชรพยายามทำเสียงดุ “ใส่ไว้ ห้ามถอดนะ”


“แต่..”


“ไม่งั้นอย่าหาว่าพี่ไม่เตือนนะ” ตรีเพชรยื่นหน้าเข้าใกล้นาวา สายตาของเขาบ่งบอกให้รู้ว่าอยากจะทำอะไร


“ก็ได้ๆ” นาวาจึงต้องยอมรับของชิ้นนี้แต่โดยดี “แต่ใส่ตลอดไม่ได้หรอกนะ ไม่อยากเป็นตู้ทองเคลื่อนที่”


ตรีเพชรหลุดขำกับคำพูดของนาวา “สร้อยเส้นเล็กแค่นี้อ่ะนะ แต่เอาเถอะ ยังไงก็ใส่ให้พี่เห็นบ่อยๆละกัน”


“อื้ม..” นาวาพยักหน้า ก้มมองข้อมือซ้ายของตัวเอง


ตรีเพชรขยี้ผมที่เพิ่งตัดใหม่ของนาวาจนยุ่ง ผมสีน้ำตาลอ่อนของนาวานุ่มจนเขาไม่อยากออกห่าง “เดี๋ยวพี่จะกลับบ้านไปจัดการธุระกับเจ้พลอย วานอนต่อเถอะ แต่ก่อนไปพี่จะซื้อโจ๊กมาตั้งไว้ให้ ตอนตื่นก็อุ่นเอาละกัน”


เพราะตอนนั้นนาวาปวดหัวและยังรู้สึกง่วง เด็กน้อยจึงล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย ตื่นมาอีกทีเกือบเที่ยง เตียงตรงฝั่งตรีเพชรว่างเปล่า ห้องทั้งห้องมีเพียงเสียงครางเบาๆของเครื่องปรับอากาศ นาวาเหลือบดูข้อมือซ้ายของตัวเองเพื่อย้ำว่าเรื่องเมื่อเช้าไม่ได้เป็นเพียงฝัน เด็กน้อยไม่ได้ดีใจที่ได้ของขวัญราคาแพง เครื่องเพชรของคุณย่ามีมูลค่ามากมายมหาศาลกว่านี้มากแต่เด็กน้อยกลับไม่หลงใหลได้ปลื้มตอนที่ทนายอ่านพินัยกรรม แต่เพชรเม็ดเล็กๆบนผีเสื้อตัวน้อยๆ เป็นเหมือนตัวแทนของคนบางคนที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย มูลค่าของของขวัญวันเกิดย้อนหลังชิ้นนี้จึงไม่ได้วัดด้วยจำนวนเงิน แต่มันเป็นมูลค่าทางใจที่สุขและอิ่มอุ่น


นาวาลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำ กระจกในห้องร้าวและมีคราบเลือดเกาะกรัง เงาสะท้อนท่อนบนเปลือยเปล่าของเขาเผยให้เห็นรอยจูบตามส่วนสัดของเรือนกาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไหลกลับสู่สมองเขาราวน้ำหลาก นาวาซึมซับความจริงที่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มมองเงาสะท้อนของตัวเองอย่างนิ่งงัน เขานึกย้อนไปแม้กระทั่งรสสัมผัสจากจูบของจอมทัพ…


นั่นสินะ… เมื่อคืนเขาทำผิด และทำร้ายคนถึงสองคน


บทสนทนาระหว่างจอมทัพกับตรีเพชรยังดังก้องในโสตของนาวา

“วาเป็นของกู กูดูแลมาตั้งกี่ปี เขาเป็นคนที่กูชอบ”


“แต่คนที่มึงชอบ มันเป็นคู่หมั้นกู!”



นาวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เด็กหนุ่มน้ำตาคลอ มือบางปาดน้ำตา เวลานี้เขาจำเป็นต้องเข้มแข็ง และจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองก่อ ไม่ใช่เวลามาปิดบังและทำร้ายคนรอบข้างที่เขาเป็นห่วงอีกต่อไปแล้ว คิดได้ดังนั้นนาวาจึงล้างหน้าและออกมาโทรศัพท์


“ฮัลโหลเก้า” นาวากรอกเสียงพูดกับปลายสาย


“ตื่นแล้วเหรอมึง” เสียงชินชาของเก้าทำให้นาวารู้ว่าเพื่อนกำลังอยู่ในอารมณ์โหมดไหน


“อื้ม เพิ่งตื่น”


“มีไร” เก้าพูดเสียงเรียบ


“คือ… กูอยากเจอพวกมึง มีเรื่องจะคุยด้วย” นาวาอ้อมแอ้มตอบ


“ไม่ว่างว่ะ กูกำลังจะไปคอนโดไอ้สา เอากระเป๋าไปคืน มันลืมไว้ในรถกู”


“เก้า… อย่าเพิ่งงอนฟังวาก่อน” นาวาพยายามอ้อน


“ใครงอน? สำคัญขนาดไหนกูถึงต้องงอน”


“เก้า…” นาวาเอ่ยเสียงอ่อน


“ถ้าไม่มีไรกูวางนะ”


“เดี๋ยวๆ” นาวารีบห้ามเพื่อน “กูไปหามึงนะ กูจะไปคอนโดไอ้สา มึงช่วยนัดเพื่อนเราให้ไปที่นั่นด้วยนะ”


“มึงเนี่ยนะจะมาคอนโดไอ้สา ไหนมึงบอกมึงจะไม่ขึ้นคอนโดนี้ไง” เก้าจำครั้งหนึ่งที่นาวาพูดได้ นาวาบอกว่าจะไม่ไปที่คอนโด
ของนิสาเด็ดขาดเพราะไม่อยากใจง่ายขึ้นคอนโดของสาวน้อย แม้จะเป็นคำพูดติดตลกแต่นาวากลับไม่เคยเหยียบย่างไปคนโดของนิสาเลย


“แต่วันนี้กูกล้าไปที่นั่นแล้ว นัดทุกคนให้ด้วย กูมีเรื่องสำคัญมากๆจะบอกกับพวกมึง”


“เอางั้นก็ได้” เก้ารับคำ


หลังจากวางสายจากเพื่อนไปแล้ว สายตาว่างเปล่าของนาวากลับมองเหม่ออกไปนอกหน้าต่างห้อง นาวาใจลอยไปถึงตอนเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ ตอนนั้นนิสากำลังปรึกษาเพื่อนๆเรื่องที่อยู่ เพราะไม่อยากไปกลับระหว่างบ้านและมหาลัย เนื่องจากระยะทางไกลพอควรและไม่อยากกลับบ้านดึกเพราะช่วงนั้นมีกิจกรรมรับน้อง


“กูจะไปอยู่ไหนดีวะ อยู่หอแถวๆมหาลัย หรือจะไปเช่าคอนโดเพื่อนแม่กูดี” นิสาบ่นพึมพำให้เพื่อนได้ยิน


“อยู่บ้านแหละดีแล้ว ไม่ต้องมาเสียค่าเช่าหออยู่” นาวาออกความเห็นจากมุมมองของคนทำงานหาเงินจ่ายค่าหอเอง


“แต่มันกลับดึกนะเว่ย กลางคืนเดินทางก็อันตราย” นิสาท้วง ก็จริงของเธอ ผู้หญิงผุดผาดอย่างนิสา ถึงจะนิสัยห้าวไปหน่อย แต่อย่างไรก็ถือว่าเธอเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ความสวยนี้อาจจะเป็นภัยแก่ตัวเองก็ได้นาวาเลยพยักหน้าเข้าใจ


“กูว่าหอแถวๆมอเราก็มีเยอะแยะ เลือกเอาสักที่” แบงค์พูด


“เดือนที่แล้วพี่รหัสกูโดนงัดห้อง หอเขาอยู่แถวๆนี้แหละ” เก้าบอก


“แสดงว่าอยู่หอก็ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่” นาวากุมคางใช้ความคิด “งั้นก็ไปอยู่คอนโดดิวะ มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา มี
ยามเฝ้าตลอด มีกล้องวงจรปิด one way in and one way out.”


“นั่นสินะ งั้นกูว่าขอป๊าซื้อคอนโดดีกว่า กูเห็นในทีวีเค้ามีโครงการใหม่แถวๆมหาลัยเรา” นิสาทำตาลุกวาว


“อ๋อ ของดรุณเอสเทสบริษัทอสังหาดังๆนั่นใช่ไหม พี่กูว่าจะซื้ออยู่เหมือนกัน” เอ็มพูดขึ้น


“ตกลงเอาที่นั่นแหละเนาะ กูไม่อยากคิดอะไรเยอะแยะแล้ว ยังไงพวกมึงต้องไปเที่ยวห้องกูนะเว่ย ว่างๆเรามาจัดปาร์ตี้กัน” นิสาชักชวน


“เอาดิ/ กูไม่ไป” เพื่อนๆคนอื่นๆพูดขึ้น สวนทางกับคำพูดของนาวา


“ทำไมวะ” นิสาสงสัย


“เอ่อ… กูไม่อยากไปคอนโดมึงหรอกสา ไม่อยากขึ้นคอนโดผู้หญิงว่ะ กลัวโดนปล้ำ” นาวาขำกับมุกตลกของตัวเอง


“แทนที่จะระวังผู้หญิง มึงเอาสมองไประวังผู้ชายเถอะ” นิสากัด แล้วนาวากับนิสาก็แกล้งกันไปมาอย่างที่เคยทำเป็นประจำ แม้จะ
เป็นเพียงคำพูดเล่นๆที่เพื่อนๆได้ฟัง แต่นาวาไม่เคยไปคอนโดของนิสา ไม่เคยกลับไปเหยียบที่ที่เป็นของดรุณาทรสักครั้ง แต่คราวนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เขาจะไม่หลีกหนีตัวเองอีกแล้ว ของของเขาก็ย่อมจะต้องเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว


ความเกลียดชัง และความแค้นที่นาวาสั่งสมมากำลังฉายแววโรจน์อยู่ในดวงตา


ฉันจะไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบได้อีก พอกันทีกับการเป็นคนที่โดนเหยียบย่ำ


ถึงเวลาเอาคืน ได้เวลาที่จะทำให้รู้ว่าคนอย่างนาวาไม่ใช่เหยื่อที่จะเล่นด้วยได้ง่ายๆ!


***************


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 1 [12/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 12-10-2015 04:05:21
จะเกิดเรื่องร้ายๆกับนาวารึเปล่า  :hao4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 1 [12/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 12-10-2015 04:30:13
ยังงงอยู่เลยว่าดีกันได้ไง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 1 [12/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 12-10-2015 09:04:20
ชื่อตอน แอบผวาาา จะเกิดอะไรขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 1 [12/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-10-2015 10:05:58
นาวาจะเป็นอะไรอีกหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 1 [12/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 12-10-2015 11:46:52
ผวากับชื่อตอน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 1 [12/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 12-10-2015 17:49:37
รอตอนต่อไปนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 1 [12/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-10-2015 18:51:22
ไม่อยากให้นาวาโดนทำร้ายเลย

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 1 [12/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 12-10-2015 21:12:39
พี่เพชรน่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 1 [12/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 12-10-2015 21:27:49
เห็นชื่อตอน ผมนี่รีบต้มน้ำร้อนเลย
 :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 1 [12/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 13-10-2015 12:43:15
หึหึ ชื่อตอนส่อเค้าเรื่องอันตรายจะเกิดขึ้น
จะรอลุ้นครับ เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 1 [12/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 15-10-2015 00:31:44
กลัววาเป็นอันตรายจังอ่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 1 [12/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: uttonne12 ที่ 22-10-2015 14:05:54
ติดตามอยู่นะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 1 [12/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 25-10-2015 23:40:07
สนุกมากกกกก ชอบจัง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 27-10-2015 17:52:23
Chapter 11 ผีเสื้อ...ปีกหัก
Part 2

 :L2: :กอด1: :L2:




คอนโดไฮไรส์ห้าสิบเจ็ดชั้นใจกลางเมืองเด่นสง่าอยู่ตรงหน้านาวา เด็กหนุ่มลงจากแท็กซี่และแหงนหน้ามองตึกระฟ้าแห่งนี้เพื่อซึมซับความยิ่งใหญ่ของสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยบอกกับตัวเองว่าไม่ใช่ของเขา นาวาสูดลมหายใจเข้าปอดและเดินตรงไปด้วยความมาดมั่น ผ่านประตูกระจกหรูหรา เข้าสู่ล็อบบี้ของคอนโดที่ตกแต่งด้วยโทนสีดำทอง บนเพดานแขวนเชเดลเลียคริสตอลแพงระยับสมกับเป็นโครงการที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับบริษัทอังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่


นาวาโทรบอกนิสาตั้งแต่เช้าว่าหลังเที่ยงจะมาหาเพราะมีเรื่องอยากคุยกับเพื่อนๆ เด็กหนุ่มนั่งบนโซฟาบุหนังสีดำบริเวณใกล้กับเค้าท์เตอร์ประชาสัมพันธ์แล้วหยิบมือถือส่งข้อความไปบอกนิสาให้ลงมารับ ในขณะที่เงยหน้าออกจากหน้าจอมือถือ ดวงตาสีอำพันของเขาพลันสบเข้ากับแววตาเฉียบคมของศิวาที่กำลังเดินออกมาจากลิฟท์


ศิวาประหลาดใจเล็กน้อยในรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของนาวา ดวงตาสีอำพันไร้ซึ่งกรอบแว่นบดบัง เส้นผมสลวยที่เคยไม่เป็นทรงตอนนี้ถูกตัดและย้อมเป็นสีน้ำตาลอ่อนขับผิว นาวาดูดีขึ้นจนเขาแทบจำไม่ได้ รอยยิ้มอ่านยากฉาบบนในหน้าคมเข้ม ไรหนวดจางๆขับให้ชายหนุ่มดูดุดันเฉียบคม เห็นดังนั้นแล้วขายาวของเขาก็รีบตรงดิ่งเข้าหาเป้าหมายที่กำลังนั่งตาโตจ้องมองเขาอยู่ ศิวาเดินลิ่วไม่สนใจคนที่เดินตามเขามาแม้แต่น้อย


“ขอนั่งด้วยคนนะครับ” ศิวาเอ่ย วาดรอยยิ้มประดับแววตาคมกริบให้กับนาวา


“นั่งสิครับ ที่นั่งออกจะเยอะแยะ ผมไม่ได้ห้าม” นาวาไว้ตัว เด็กหนุ่มพยายามวางตัวออกห่างจากผู้ชายตรงหน้าให้มากที่สุด ลึกๆแล้วนาวาไม่ไว้ใจคนคนนี้ อันที่จริงเขาไม่ไว้ใจใครก็ตามในบ้านหลังนั้น


“ไม่ได้หรอกครับ พี่ต้องขอนุญาติน้องวาก่อน เผื่อเจ้าของเขาไม่อยากให้พี่นั่ง”


“หึ ผมใจกว้างพอครับพี่เติร์ก”


“เติร์กคะ มัวนั่งอยู่ตรงนี้ทำไม เสร็จงานแล้วรีบๆไปเถอะค่ะโซดาจะไปดูเสื้อผ้า” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดึงความสนใจของนาวาออกไป ถ้าเด็กหนุ่มจำไม่ผิดโซดาคนนี้เป็นนางแบบดาวรุ่งที่กำลังขึ้นปกนิตยสารผู้ชายด้วยภาพลักษณ์วาบหวิวร้อนแรง ดังนั้นดีกรีความสวยเฉียบจึงไม่ต้องพูดถึง เจ้าหล่อนทอดกายนั่งลงข้างๆศิวา มือบางสะบัดเส้นผมสลวย ดวงหน้านวลผ่องมองมาทางนาวาชั่วครู่และหันไปรอคำตอบจากคนข้างกาย


“น้องวามาทำอะไรแถวนี้ครับ” เติร์กไม่สนใจคำรบเร้าของโซดา สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เจ้าของนัยน์ตาประกายทอง


“ทำไมล่ะครับ ทำไมวาจะมาแถวนี้ไม่ได้”


“เปล่าครับพี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”


“ช่างเถอะครับ พี่เติร์กจะหมายความว่ายังไงก็เรื่องของพี่ วาแค่มีธุระแถวนี้นิดหน่อย”


“ธุระแถวนี้? มาดูห้องหรือเปล่า พี่พาไปดูได้นะ ห้องใหญ่ชั้นบนสุดยังว่างอยู่ วันนี้พี่มาตรวจงานที่นี่แต่ตอนนี้ว่างแล้วถ้าน้องวาไม่รังเกียจให้พี่พาไปนะ”


“แต่คุณมีนัดกับโซดานะคะ ให้คนอื่นพาน้องเขาไปเถอะค่ะ เป็นถึงผู้บริหารไม่จำเป็นต้องพาลูกค้ารายย่อยไปดูห้องหรอก” โซดาเรียกร้องความสนใจจากเติร์ก “ห้องแพงขนาดนั้นน้องเขาจะซื้อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้” ประโยคหลังเหมือนเธอจะพึมพำกับตัวเองแต่ทุกถ้อยคำกลับชัดเจนในโสตประสาทของนาวา


“โซดา” เสียงเรียบเย็นและใบหน้าตึงเฉยอ่านยากของเติร์กทำเอานางแบบสาวสงบปากสงบคำ


“นั่นสินะ เป็นถึงผู้บริหารพี่เติร์กคงไม่ต้องลดตัวลงมาสนใจผมหรอก”


“ได้ไงกัน พี่เป็นแค่ผู้บริหารไม่ใช่เจ้าของ ถ้าเจ้าของอยากจะดูห้องพี่ก็ต้องเป็นคนพาไปดูสิครับ”


“เติร์กคะ โซดาอยากไปดูเสื้อผ้าแล้วนะพรุ่งนี้ต้องใส่ออกงาน จะมาสนใจอะไรเด็กนี่นักหนา ถ้าเขาจะดูห้องก็ให้พนักงานพาไปดู น้องเขาเป็นแค่ลูกค้าเจ้าของก็ไม่ใช่ เจ้าของน่ะตายไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ ยัยคุณหญิงอะไรนั่นหัวใจวายตายไปนานแล้ว บริษัทของมันก็เป็นของเติร์กละด้วย”


ปัง! นาวาตบเบาะหนังเสียงดัง เด็กหนุ่มเหยียดยืนขึ้นเพราะไม่อาจทนฟังคำพูดจาบจ้วงเหล่านั้นได้ ในจังหวะนั้นนิสาก้าวออกมาจากลิฟท์พอดิบพอดี เธอรีบเดินมาหาเพื่อนเพราะเห็นสีหน้าโมโหฟิวส์ขาดกลัวว่ามีเรื่องไม่ดีอะไร


“พูดจาอะไรให้เกียรติคุณหญิงท่านบ้างนะคุณ หัดสำนึกเสียบ้างว่าที่ที่คุ้มกะลาหัวของคุณอยู่ตอนนี้หรือแม้กระทั่งโซฟาที่คุณหย่อนก้นนั่งก็เป็นสมบัติของคุณหญิงท่านทั้งนั้น คุณมีสิทธ์ถือดีอะไรมาเรียกคุณย่าผมว่ามัน รู้ใช่ไหมว่าวัยวุฒิของท่านมากกว่าแม่คุณเสียอีก ถ้าใช้ตรรกะไร้จริยธรรมของคุณผมคงเรียกแม่คุณว่ามันได้เหมือนกันสินะ แต่ทานโทษ บังเอิญว่าแม่ของคุณมันไม่ใช่เจ้าของที่นี่แล้วยัยนั่นก็ไม่ใช่เจ้าของบริษัทด้วย อ้ออีกอย่าง ผู้ชายที่คุณควงก็ไม่ใช่เจ้าของบริษัทอย่างที่สมองไร้ความฉลาดของคุณเข้าใจ ต่อไปก็หัดคิดให้ดีก่อนจะพูดอะไรพล่อยๆออกมา” ทุกคำพูดนาวาจ้องเข้าไปในตาของโซดาอย่างไม่กริ่งเกรง ดวงตาสีอำพันของเขาฉายแววกราดเกรี้ยวไม่พอใจ


“แก!” โซดาโกรธตัวสั่น เธอชี้หน้านาวาแล้วแผดเสียง “ต่ำ แต่งตัวด้วยของต่ำๆไร้ราคา คำพูดคำจาก็เลยต่ำช้าลงไปด้วย แกกล้าดียังไงมาว่าแม่ฉัน”


“แล้วเธอกล้าดียังไงพูดถึงคุณย่าแบบนั้น!” นาวาสวนกลับทันควัน นิสาแตะแขนของนาวาเอาไว้ เธอพยายามห้ามอารมณ์เพื่อนแต่เหมือนจะไม่มีประโยชน์ “จะแต่งตัวด้วยอะไรก็ไม่เกี่ยวหรอก เพราะอย่างเธอต่อให้ขนแบรนด์แนมมาทั้งกรุก็ไม่ช่วยอะไร จิตใจยังหยาบช้าสกปรกอยู่อย่างนั้นแหละ เผลอๆสถุลกว่าคนไม่มีเสื้อผ้าแพงๆใส่ซะอีก”


“อ๊าย เติร์กคะ ไอ้เด็กเวรนี่มันว่าโซดานะ คุณทำอะไรสักอย่างสิ ไล่มันออกไปจากที่นี่เลยสิคะ” โซดาเกาะแขนเติร์ก หล่อนสะบัดหน้าไม่พอใจ


“น้องวาอย่าถือสาคำพูดไม่คิดของคนอื่นเลยนะ พี่ว่าเราไปคุยกันตรงอื่นดีกว่า” ศิลาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง 


“ไม่ต้องไปไหนหรอกครับ วาไม่มีเรื่องต้องคุยกับพี่ วาแค่แวะมาหาเพื่อน ไม่ได้จะมาดูคอนโดหรืออะไร” นาวาคว้าข้อมือนิสาแล้วหันไปพูดกับเธอ “ไปกันเถอะสา”


“เดี๋ยวครับน้องวา” ศิลาคว้ามือของนาวาไว้ “เสร็จธุระแล้วให้พี่ไปส่งนะ”


“ได้ไงคะเติร์ก คุณต้องพาโซดาไปซื้อเสื้อผ้านะ” นางแบบสาวโวยวายขึ้นมาอีกรอบ “ไอ้เด็กนี่ให้ยามลากมันออกไปเถอะค่ะ"


“ไปดูแลแฟนพี่เถอะครับ เพราะยังไงวาก็จะกลับเอง ขอตัวนะ”


“ไม่ใช่นะ เขาไม่ใช่แฟนพี่” เติร์กพูด “นะน้องวา ให้พี่พากลับเถอะ เดินทางคนเดียวอันตรายนะ” 


“อะไรนะ! เติร์กพูดแบบนี้ได้ไง เราคบกันแล้วนะคะ” โซดาแผดเสียง หล่อนเกาะแขนของศิลาไว้


“คบ? ตอนไหนที่ผมคบกับคุณ” เติร์กใบหน้าเรียบตึง เสียงเฉียบเย็นของเขาเริ่มส่อเค้าความน่ากลัว


“แล้วที่ผ่านมาคืออะไร โซดากับคุณลึกซึ้งกันขนาดไหนคุณก็รู้ดีนิ แบบนั้นไม่เรียกว่าแฟนหรือไงเติร์ก”


ศิลาถอนหายใจรำคาญ “ย้อนดูดีๆโซดา คุณเข้าหาผมเพราะอะไร เราตกลงกันตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะ”


“หรือเพราะไอ้เด็กนี่ คุณสนใจมันเหรอ ตลกน่าเติร์ก มันเป็นแค่เด็กผู้ชายไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะมองของแปลกราคาถูกแบบนี้ด้วย ถึงว่าฉันบอกให้คุณไล่มันออกไปคุณก็ทำเฉย” โซดารู้สึกโกรธ เสียใจ และเสียหน้า เธอหันมาแผดเสียงใส่นาวา “แกออกไปจากที่นี่เลยนะ ไม่ต้องมาหาเติร์กอีก แล้วเลิกทำตัวหน้าด้านแย่งของของคนอื่นซะที ออกไปสิ ฉันพูดแล้วยังทำเฉยอีก จะเดินหนีไปไหนห๊ะ”


“โซดาหยุด!” เสียงประกาศิตของศิลาประกาศกร้าว “อย่าโวยวายใส่น้องวาแบบนั้นผมไม่ชอบ จะพูดจาอะไรรู้จักคิดซะบ้าง คนที่จะเฉดหัวใครออกจากที่นี่ไม่ใช่คุณแต่เป็นเขา นาวาเป็นเจ้าของดรุณเอสเตส ประธานคนใหม่ของบริษัทผม หยุดทำตัวน่ารำคาญได้แล้ว อีกอย่างผมจะสนใจใครคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาว่า เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ขอโทษน้องผมซะ ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน”


โซดาตะลึงงัน ศิลา ก้องการุณ ผู้ชายที่เธอหมายปอง แม้จะได้ยินกิตติศัพท์ความโหดโมโหร้ายของเขามาบ้าง แต่ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอกับตัว นางแบบสาวทั้งโกรธ เสียหน้า ตกใจระคนกัน แต่จะให้เอ่ยปากขอโทษเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแบบนี้หล่อนไม่มีวันยอม


“ฉันไม่ขอโทษ” โซดาพูดกับเติร์กแล้วหันมาขึ้นเสียงใส่นาวา “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกต่างหากที่ต้องขอโทษฉัน แกไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็นคนมีชื่อเสียง คนอย่างฉันอาจจะใช้สื่อเล่นงานแกก็ได้ นี่ไอ้เด็กเปรต ได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่าห๊ะ”


“ลากตัวออกไป” ศิวาสั่งบอดีการ์ดสูทดำของตัวเองเสียงเฉียบขาด โซดาโดนคนของเติร์กลากออกไปโดยทันที เสียงโวยวายของนางแบบสาวดาวรุ่งเรียกความสนใจของคนที่ผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี


“น้องวาพี่ขอโทษแทน…”


“ช่างเถอะครับ” นาวาตัดบท “ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่เติร์กแล้ว ผมขอตัว”


“แต่พี่มี ไหนจะเรื่องบริษัท เรื่องดูแลงานอีก”


“เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะครับ”


“น้องวาพูดแล้วนะ วันหลังก็ได้ครับ แล้วพี่จะมารับไปคุยด้วย”


“ขอตัว” นาวาจูงมือนิสาเดินจากมา ทิ้งไว้เพียงสายตาคมกริบของศิลาที่มองตามจนร่างเล็กหายลับไป


*******


ต่อด้านล่าง...
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 27-10-2015 17:53:33
ต่อ...




คิ้วหนาของตรีเพชรขมวดเข้าหากันอย่างคนกำลังใช้ความคิด แววตาจริงจังของเขาฉายแววเครียดตัดสินใจไม่ถูก ชายหนุ่มลูบไล้คางอย่างเผลอไผล สักพักเขาก็ถอนหายใจออกมาเสียดื้อๆทำเอาคนที่นั่งข้างๆพาลเครียดไปด้วย


“ถ้าตัดสินใจยากนักก็ตามน้องวามาช่วยเลือก” พลอยลดาพูดกับน้องชายที่กำลังดูแบบการ์ดเชิญงานหมั้น ตรีเพชรนั่งเลือกอยู่
พักใหญ่แล้ว ไม่เห็นว่าจะมีอันไหนถูกใจเขาสักที


“ไม่ทันแล้วเจ้ ผมก็ลืมคิดว่าควรพานาวามาด้วย”


“โทรลากเจ้มาแต่เช้าเพราะจะเร่งพิมพ์การ์ดเชิญ แต่พอถึงเวลาเลือกแบบการ์ดดันคิดไม่ออกซะงั้น”


“มันต้องเลือกดีๆหน่อย ผมไม่อยากให้ใครมาว่าเอาทีหลังว่าจัดงานหมั้นทั้งทีการ์ดเชิญก็ไม่สวย”


“จ่ะๆ แล้วมานี่บอกนาวาหรือยัง ตกลงกันแล้วหรือไงว่าจะใช้ที่ไหนจัดงาน มันต้องพิมพ์แจ้งในบัตร” พลอยลดาถามน้องชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“ไม่ได้บอกหรอก ไม่รู้ตอนนี้ตื่นหรือยัง”


“งั้นที่เมื่อคืนไม่หายออกไปจากบ้านเพราะไปหอนาวามา? เพชรไปมาหาสู่กันน่ะเจ้ไม่ว่าหรอกนะ แต่ดูกาลเทศะบ้างออกไปหาดึกๆแบบนั้น น้องวาจะเสียหาย”


“เจ้หัวโบราญจังเลยว่ะ อีกอย่างผมไม่ทำอะไรน้องวาของเจ้หรอก” แต่ภาพการลงโทษและสัมผัสอุ่นวาบไม่เคยจางหายไปจากปลายนิ้ว ตรีเพชรสะบัดไล่ความคิดและภาพเปล่าเปลือยของนาวาออกไปจากสมองก่อนที่เขาจะไม่เป็นอันทำอะไร


“แน่ใจเรอะ เพราะแผลที่มุมปาก กับผ้าพันแผลที่มือขวามันเหมือนจะบอกอะไรเจ้บางอย่างนะ” พลอยลดาส่งสายตารู้ทันให้ตรีเพชร


“แผลพวกนี้ไม่เกี่ยวกับน้องวาของเจ้หรอกไม่ต้องห่วง แต่มันเกี่ยวกับเรื่องที่ผมต้องรีบพิมพ์บัตรให้เสร็จภายในวันนี้”


“ทำไม อะไรรบเร้าเราขนาดนั้นเหรอเพชร”


“เอาเป็นว่าเพราะน้องวาของเจ้มีคนมาหลงจนโงหัวไม่ขึ้น ผมเลยต้องเอาการ์ดงานหมั้นไปเตือนให้มันรู้ว่าอะไรเป็นอะไร”


“ไม่แปลกหรอก นาวาเป็นเด็กน่ารักขนาดนั้น ทั้งนิสัย หน้าตา ชาติตระกูล ยิ่งพอได้คุยได้รู้จัก ใครๆก็ต้องเกิดความสนใจ ต้องมีคนชอบบ้างเป็นเรื่องธรรมดา”


“ชอบน่ะได้ แต่อย่าได้หมายมายุ่งยุ่มย่าม ผมไม่ปล่อยให้อยู่สุขแน่”


“หึหึ”


“เจ้ขำอะไร คนกำลังหงุดหงิด”


“ก็เจ้ขำคนที่ไม่อยากจะหมั้นน่ะสิ แถมยังเคยหนีหัวซุกหัวซุนอีกต่างหาก แล้วเป็นไงท้ายที่สุดก็มานั่งเลือกการ์ดอยู่เนี่ย”


“เหอะน่า” ตรีเพชรเริ่มรู้สึกอาย “ตอนนั้นผมแค่ตกใจ”


“แล้วตอนนี้ล่ะ ชอบเขาแล้วว่างั้น”


“เปล๊า” ตรีเพชรรีบปฏิเสธเสียงหลง “ใครชอบ ไม่ซหน่อย ผมแค่ไม่พอใจให้คนมายุ่งแค่นั้นเอง”


“หึหึ ปากแข็งจริงนะ เราน่ะทั้งชอบเขาทั้งหวงเขาออกขนาดนี้”


“เจ้พูดอะไรไม่รู้เรื่อง รีบๆช่วยเลือกการ์ดเลย ผมจะได้รีบเอาไปแจก”


“ก็ได้ๆ ปากแข็งให้มันตลอดนะ” พลอยลดาเหน็บน้องชายก่อนหันมาสนใจแบบการ์ดเชิญที่พนักงานเว็ดดิ้งสตูดิโอชื่อดังที่สุดของเมืองไทยนำมาวางไว้ให้ “แล้วตกลงจะจัดงานหมั้นที่ไหน”


“ผมเอาโรงแรมใหม่ในเครือตรงสุขุมวิท”


“โรงแรมตรงสุขุมวิทเหรอ แต่เลขาเจ้บอกว่ามีมาเปรยๆว่าจะขอห้องจัดเลี้ยงใหญ่ไปถ่ายละคร”


“แล้วไงผมต้องสนเหรอ? ใครจะจองแคนเซิลให้หมด ผมไม่ยกให้”


“ตกลงว่าจะจัดงานใหญ่ใช่ไหม นาวาเขาอยากได้งานเงียบๆนะ” พลอยลดาเอ่ย


“แต่มันเป็นงานหมั้นผมเหมือนกัน น้องวาของเจ้ก็ใช่ย่อยไปไหนคนมองตามกันเป็นพรวน จัดงานใหญ่ๆแหละดีแล้วคนเขาจะได้รู้ว่าคนนี้ยุ่งไม่ได้”


“จ้าๆ พ่อคนขี้หวง หึหึ”


ตรีเพชรเลิกสนใจพลอยลดา ชายหนุ่มหันมาคุยกับพนักงงานเว็ดดิ้งเพลนเนอร์ “คุณครับ แบบนี้สวยสุดแล้วเหรอ ผมอยากได้เรียบๆแต่ดูดี อ้ออย่างในแบบอันนี้น่ะ สีมันชมพูไปผมไม่ชอบ อยากได้เป็นสีเหลือบมุกละมุนตา ตัวอักษรพิมพ์ออกเหลือบทองก็ได้ ขอเป็นการ์ดเชิญภาษาอังกฤษแล้วกันจะได้เชิญแขกคู่ค้าของพวกเราได้ ส่วนเรื่องกระดาษผมอยากได้ที่มีกลิ่นกุหลาบจางๆ…..” แล้วตรีเพชรก็ร่ายยาวถึงการ์ดเชิญที่เขาอยากได้ ท่ามกลางรอยยิ้มของพี่สาว


*******


เก้านั่งกอดออก จ้องนาวาไม่วางตา เอ็มปั้นหน้าเมินเฉยมองเลยไปเหมือนนาวาไม่มีตัวตน แบงค์หน้างอแสดงอาการงอนขัดเคืองใจ นิสานั่งไขว่ห้างตะไบเล็บมือไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เห็นดังนั้นนาวาจึงเข้าใจได้ว่าเพื่อนๆทุกคนยังคงไม่พอใจ เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ แล้วนั่งตรงฝั่งตรงข้ามเพื่อมองเพื่อนแต่ละคนได้ถนัด


“เอ่อ คือ… กูมีเรื่องจะบอกพวกมึงว่ะ” นาวาเริ่มพูดหลังจากเห็นท่าทีแล้วคงไม่มีใครยอมเอ่ยปากอะไรแน่


สายตาทุกคู่ของเพื่อนหันมาสนใจนาวา แต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไร


“กูกำลังจะหมั้น” นาวาบอก


“พวกกูรู้ พี่เพชรประกาศชัดขนาดนั้น” แบงค์พูด แต่สีหน้ายังคงงอนไม่พอใจ “ถ้าไม่รู้จากพี่เพชรก็คงจะเซอร์ไพรส์เอาตอนวันหมั้น มีอะไรมึงไม่คิดจะบอกพวกกูอยู่แล้วนิ”


“กูเปล่า…” นาวาพยายามคิดหาเหตุผล “กูแค่ไม่กล้าบอก กูอายนะเว้ยต้องหมั้นกับผู้ชาย แถมเป็นไอ้ตี๋อีกต่างหาก พวกมึงได้ล้อกูจนลูกบวชแน่ๆ”


“แน่ใจเหรอว่าแค่อายไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น ข่าวซุบซิบเขียนจั่วกันให้รึ่ม ‘ไฮโซ พ. อาจเตรียมสละโสดเพราะต้องหมั้นหมายกับทายาทตระกูลดังตามใจคุณหญิงย่าที่ไฟเขียวให้ว่าที่หลานสะใภ้ งานนี้ดันกันสุดๆวงในกระซิบมาว่าคุณหญิงย่าปลื้มหลานสะใภ้คนนี้มาก’ หึ ถ้าฉันไม่อ่านข่าวซุบซิบแวดวงไฮโซบ้างตอนอยู่ข้างล่างเมื่อกี้ก็คงเอ๋อรับประทาน” นิสาวางตะไบเล็บแล้วหันมาสนใจคำตอบจากนาวา


“ไอ้สาทำไม ตอนอยู่ข้างล่างเกิดอะไรขึ้น” แบงค์ถามนิสา


“ก็ไม่ทำไมหรอกค่ะคุณ กะอีแค่ฉันเพิ่งจะรู้ว่าเพื่อนแกเป็นท่านประธานใหญ่ของดรุณเอสเตส งานนี้รองประธานหนุ่มมาหาเพื่อนแกด้วยตัวเองเลยนะ แต่บังเอิญว่ามีเหตุแฟนสาวของท่านรองนิดหน่อยเลยได้ปะทะอารมณ์กันไปพอหอมปากหอมคอ” นิสาแจกแจงอธิบาย “พึงระลึกไว้เถอะว่าคอนโดนี้ก็ของเพื่อนแก บริษัทอังสังหาใหญ่โตนั่นก็ของเพื่อนแก คนที่ไม่เคยคิดจะบอกอะไรเลยน่ะ”


“มันไม่ใช่อย่างนั้นสา อย่าเพิ่งพูดแบบนั้นสิ” นาวาออดอ้อน


“ตอนม.ปลายพวกกูเคยถามเรื่องนามสกุลมึง จำได้ไหม” เอ็มย้อนถามนาวา “พวกเราอยากรู้เพราะมันคุ้นๆคล้ายๆกับของตระกูลเจ้าพ่ออสังหา แต่มึงเฉไฉตอบว่าไม่เกี่ยวกัน พวกกูเลยไม่ติดใจอะไรแต่นี่ข่าวก็บอกว่าพี่เพชรหมั้นกับทายาทตระกูลดัง อะไรกันวะ มึงเป็นใครกันแน่นาวา บอกพวกกูให้หายโง่สักทีเถอะ พวกกูห่วงมึงจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”


“กูขอโทษ” นาวารู้สึกไม่ดีที่มีอะไรไม่ยอมบอกเพื่อน


“นาวา” เสียงของเก้าเรียบจนน่าใจหายแต่น้ำเสียงนั้นก็แฝงความน้อยใจเสียใจไปในความนิ่งที่นาวาได้ยิน เด็กหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าเก้ากำลังเสียใจ เพื่อนคนแรกของเขากำลังน้อยใจ “มึงยังจำตอนพวกเราหลงป่าตอนม.สามได้ไหม ที่มึงบอกว่าพวกเราเหมือนเป็นครอบครัวมึงเพราะเราผ่านทุกข์ผ่านสุขมาด้วยกัน กูอยากรู้จริงๆว่าตอนนั้นมึงแค่พูดให้พวกกูหลงดีใจหรือมึงหมายความอย่างนั้นจริงๆ มึงรู้ไหมตั้งแต่วันนั้นมาสำหรับกู กูยิ่งห่วงมึงเข้าไปใหญ่ คิดว่ามึงก็เป็นครอบครัวของกูจริงๆ แต่พอมาวันนี้มีอะไรทำไมมึงถึงยังปิดบังกัน ถ้าพวกเราเป็นครอบครัวของมึงจริงๆมึงน่าจะบอกให้พวกเรารู้เป็นคนแรกๆไม่ใช่หรือไง บางทีกูก็อดน้อยใจไม่ได้ เพราะตั้งแต่พี่เพชรเข้ามา มึงเริ่มมีความลับกับพวกเรา รู้ไหมตอนที่รู้ว่ามึงโดนลอบทำร้ายพวกกูตกใจกันแค่ไหน คนปาอิฐใส่มันคงไม่ใช่แค่ขู่ เหมือนกับตอนม.ห้าที่มีคนตั้งใจทำร้ายมึง เรื่องใหญ่ขนาดนี้มึงยังเก็บเงียบไม่ปริปาก ที่อยากรู้เรื่องของมึงไม่ใช่เพราะพวกกูสอดรู้สอดเห็นหรอกนะเว่ย พวกกูแค่เป็นห่วง พวกกูอยากช่วยเหลือมึง เพราะอย่างน้อยๆสำหรับกูมึงคือคนในครอบครัว”


น้ำตาคลอเบ้าตาสีสวยของนาวา เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างจุกและหน่วงอยู่ตรงทรวงอก ความรู้สึกที่ว่าเพื่อนๆเป็นประหนึ่งครอบครัวไม่เคยจางหายไปไหน นับวันมันยิ่งทบทวีเป็นความผูกพันที่แสนแน่นแฟ้น แต่เรื่องราวผ่านมาที่เขาไม่พูดไม่ใช่เพราะไม่ให้ความสำคัญกับเพื่อนๆ แต่ไม่อยากให้มาเดือดร้อนด้วยต่างหาก ไม่อยากให้มากังวลในสิ่งที่เขาเองก็ไม่แน่ใจ


“เก้า… ทุกคน… กูขอโทษ” นาวาพยายามกลั้นน้ำตาไว้ “ที่กูมีอะไรไม่ยอมบอกพวกมึงเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง ไม่อยากให้ใครมาเครียดแทนกู แต่ตอนนี้กูเข้าใจแล้ว กูจะบอกพวกมึงทุกอย่าง”


“งั้นก็พูดมาพวกกูจะรับฟัง แต่ต่อไปนี้มึงต้องบอกพวกกูทุกอย่างนะวา อย่าให้พวกกูกังวลอยู่ฝ่ายเดียว” เอ็มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง


นาวาจึงเริ่มต้นเล่าที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนฟัง


“จริงที่กูเป็นทายาทตระกูลดรุณาทร พ่อกับแม่แต่งงานกันหลังเรียนจบใหม่ๆจากนั้นพวกเขาก็มีกู แต่แม่เล่าว่าหลังจากที่กูสองขวบ พ่อก็พาผู้หญิงอีกคนมาพร้อมกับเด็กทารก เขาบอกว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกชายอีกคนของเขา แถมผู้หญิงคนนั้นยังมีลูกติดเป็นเด็กชายวัยราวๆเจ็ดขวบคนนึง คนในบ้านเล็กของพ่อก็เลยได้อยู่เรือนหลังเล็กของที่บ้าน ถึงคุณย่าจะไม่พอใจที่คุณพ่อทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาท่าน แต่ถึงอย่างไรเด็กคนนั้นก็เป็นหลานของท่านอีกคน คุณย่าเลยไม่ได้ว่าอะไรมากนัก เพราะงั้นตั้งแต่ที่กูจำความได้ก็เลยเห็นครอบครัวแตกแยกไปเรียบร้อยแล้ว


พี่เติร์กเป็นลูกติดของแม่เลี้ยงกู วรากรเป็นน้องชาย ทุกครั้งที่พวกเราสามคนเล่นด้วยกัน กูไม่เข้าใจมากนักหรอกว่าทำไมถึงชอบโดนน้องชายแกล้ง บางครั้งพี่เติร์กก็ช่วยไว้ทัน บางครั้งเขาก็ไม่เห็น พอเป็นแบบนี้มากเข้าพ่อกับแม่กูก็เริ่มทะเลาะกัน พ่อหาว่าแม่ถือข้างกูเกินไปบ้างล่ะ ว่ากูเป็นฝ่ายจงใจแกล้งวรากรบ้างล่ะ กูเป็นเด็กกูยังรู้สึกได้ว่าพ่อรักน้องมากกว่า ทั้งบ้านมีแค่แม่กับคุณย่าเท่านั้นที่ดูเหมือนจะสนใจกูจริงๆ จนในที่สุดเหมือนแม่จะทนไม่ไหวเลย เลยพากูออกมาจากบ้านหลังนั้นตอนเก้าขวบพอดิบพอดี พวกเราย้ายไปอยู่เชียงใหม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น


ตอนที่พวกมึงถามว่ากูเป็นอะไรกับคนบ้านนั้น แล้วกูบอกไปว่าไม่เกี่ยวข้องกันก็เป็นจริงตามนั้น เพราะกูกับแม่ออกมาจากที่นั่นแล้ว ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีก อีกอย่างพ่อกูเองยังไม่มาสนใจใยดีอะไรเลย มีแต่คุณย่าที่พอรู้ว่ากูย้ายกลับมาอยู่ในกรุงเทพก็หมั่นแวะมาหา คะยั้นคะยอให้กูกลับไป กูปฏิเสธทุกอย่างที่คุณย่าเสนอให้ คอนโด รถ เงิน ของฝากอะไรก็ตามที่คุณย่าหามาให้กูไม่เคยรับ กูสงสารแม่เพราะพ่อทำให้แม่เสียใจหลายครั้ง เพราะพ่อไม่เคยดูดำดูดีกู กูเลยตั้งใจตัดขาดกับคนที่นั่น จนกูบอกปัดไม่อยากเจอคุณย่า พยายามไม่ไปหา หลบหน้าไม่อยากเจอ


พอขึ้นม.ปลายเข้า หลายครั้งที่ไปเจอวรากรโดยบังเอิญตามที่เรียนพิเศษ คำพูดถากถางทุกครั้งที่เจอหน้ากันมันทับถมให้กูยิ่งเกลียดคนบ้านนั้นเข้าไปใหญ่ ทั้งแม่มัน ทั้งมันแย่งทุกอย่างที่ควรเป็นของกูไป พ่อสงเสริมให้พี่เติร์กเข้าทำงานในบริษัททันทีที่เรียนจบ ส่งวรากรไปเรียนไฮสคูลต่างประเทศ พาแม่เลี้ยงออกงานเป็นหน้าเป็นตา กูไม่เคยได้อะไรจากพ่อเลยสักอย่างนอกจากครั้งนั้นที่พ่อโทรศัพท์บอกว่าจะมาหา แต่พ่อก็ไม่เคยมาอีกเลย เพราะเขาประสบอุบัติเหตุแหกโค้งเสียก่อนจะได้มาเจอกู


แม่เลี้ยงกูรู้สึกจะไม่เสียใจที่พ่อตายด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่เธอเสียใจก็คงจะเป็นเพราะพ่อยังไม่ได้มรดกอะไรจากคุณย่าท่าน ทรัพย์สมบัติทั้งหมดยังอยู่ในนามของคุณย่า ย่าไม่เคยโอนอะไรนอกจากหุ้นบริษัทส่วนหนึ่งให้พ่อ เพราะลึกๆแล้วย่าเองก็รู้สึกผิดที่กูกับแม่ต้องออกมาเผชิญกับอะไรแบบนี้ จากนั้นย่ายังคงแวะเวียนมาหากูเรื่อยๆ กล่อมให้กูกลับไปอยู่กับท่าน พักหลังๆที่ย่ามาหากูรู้สึกได้ว่าท่านทรุดโทรมลงไป แต่กูไม่รู้หรอกว่าท่านเป็นโรคหัวใจ ครั้งสุดท้ายที่เจอท่านกูบอกท่านว่าไม่อยากได้อะไรของดรุณาทรอีก และไม่อยากรบกวนเจอท่านอีก นึกดูตอนนี้กูก็เสียใจพี่พูดกับท่านไปแบบนั้น


ไม่นานมานี้เป็นข่าวใหญ่ถึงการจากไปของคุณย่า กูรู้ข่าวเพราะบังเอิญเจอกับวรากรในห้าง มันมาหัวเราะเยาะ บอกว่าท้ายที่สุดทุกอย่างก็จะตกเป็นของมันคนเดียวซะที ตอนนั้นกูไม่สนเรื่องสมบัติอะไรนั่นเลย กูสงสารก็แต่คุณย่า ท่านป่วยอยู่คนเดียว คนพวกนั้นจะดูแลท่านหรือเปล่าก็ไม่รู้ กูไม่น่าปล่อยให้ย่าอยู่คนเดียวเลย


กูไม่มีโอกาสแม้จะไปงานเผาศพของคุณย่า เพราะพวกแม่เลี้ยงกูกีดกันทุกทาง ไปถึงวัดแต่โดนคนของเขากันออกมา แล้วอยู่ๆแม่กูก็ลงจากเชียงใหม่มาหา แม่บอกว่ามีคนมาคุยกับท่านเรื่องของกู แม่บอกว่าเพื่อนของคุณย่ามาสู่ขอกูให้หลานชายเขา บอกว่าคนคนนั้นคือตรีเพชร และทุกอย่างเกี่ยวข้องกับพินัยกรรมของคุณย่า แม่บอกว่ากูจะปลอดภัยถ้ามีพี่เพชร ตอนนั้นกูไม่รู้หรอกว่ากูจะอยู่ในอันตรายยังไง แต่พอเริ่มมีคนจงใจปาอิฐบล็อกใส่หัว กูเลยคิดได้ว่าชีวิตกูเริ่มไม่ปลอดภัย ต้องมีคนหวังร้ายอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นเพราะกูเป็นทายาทคนโตของตระกูล หรือเพราใครบางคนต้องการจะฮุบสมบัติมากมายของคุณย่าเอาไว้ ตอนนี้กูไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ากูต้องระวังตัวขึ้นกว่าเดิม


วันเปิดพินัยกรรมกูเลยกลับบ้าน ไปที่นั่นอีกครั้ง ไปรับฟังความประสงค์ของคุณย่าเป็นครั้งสุดท้าย คุณย่ายกมรดกเล็กน้อยให้กับพวกนั้น แต่สมบัติทุกอย่างที่เหลือ บริษัท หุ้นส่วนต่างๆ เครื่องเพชร ทอง เงินฝากธนาคาร บ้านดรุณาทร และที่ดินทุกแปลงในกรรมสิทธิ์ของคุณย่าทานยกให้กู แต่มีข้อแม้ว่ากูจะต้องหมั้นกับไอ้ตี๋จนกว่าจะเรียนจบปีสี่ เรื่องทั้งหมดก็มีอยู่เท่านั้น”


ความเงียบโรยตัวลงมาราวม่านปิดฉาก หลังจากจบเรื่องเล่าของนาวา เพื่อนๆแต่ละคนเหมือนจะจมอยู่ในความคิดของตัวเอง เก้าเป็นคนแรกที่ดึงตัวออกจากภวังค์แล้วเดินตรงมาหานาวา เขาดึงตัวนาวาให้ลุกขึ้นแล้วสวมกอดนาวาเอาไว้ นาวากอดตอบเพื่อนอย่างงงุนงง แต่แล้วผ่ามืออุ่นของเก้ากลับลูบศีรษะของนาวาแผ่วเบา นาวาจึงซบลงบนไหล่กว้าง


เสียงนุ่มอบอุ่นของเก้าเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “ไม่เป็นอะไรแล้วนะ เก้าอยู่ตรงนี้แล้ว”


เพียงคำพูดนี้เท่านั้น น้ำตาที่เคยเก็บกลั้นไว้พาลไหนราวทำนบเขื่อนทลาย นาวาซุกหน้ากับไหล่หนา ปล่อยน้ำตาไหลเป็นสายจนเสื้อของเก้าเปียกชื้น เก้ายังคงกอดปลอบนาวาอยู่อย่างนั้น มืออุ่นลูบหลังนาวาแผ่วเบา ปลอบประโลม


“ไม่เอาน่าอย่าอ้อนไอ้เก้าคนเดียวสิ” เอ็มพูดขึ้น ดึงนาวาไปกอด “อย่าร้องไห้ พอแล้วนะวา มึงมีกูอยู่ทั้งคน”


“ใครว่า” แบงค์ผลักเอ็มออกไป ฝ่ามือใหญ่ของเขาวางหมับลงบนหัวของนาวา ชายหนุ่มขยี้ผมนิ่มๆของเพื่อน “วามีแบงค์อยู่ไม่ต้องกลัวอะไรนะ” แบงค์ฉีกยิ้ม ยกนิ้วปาดน้ำตาออกจากแก้มนาวาอย่างเบามือ


“ฮะแฮ่ม” นิสาเรียกร้องความสนใจ “วา สาบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าให้ไอ้พวกนี้มันหลีเอา เห็นไหมน่ะแต่ละคนแอบกอดแอบลูบ มานี่มา มาหาสา วามีสาทั้งคนไอ้พวกหื่นกามทำอะไรวาไม่ได้หรอก” คำพูดติดตลกของนิสาเรียกรอยยิ้มของนาวาและเพื่อนๆคืนมาได้


“คร้าบ” นาวาขานรับสียงหวาน เด็กหนุ่มเดินตรงรี่ไปหานิสา เจ้าหล่อนคว้าแขนนาวาได้ ทันทีที่ได้ควงแขนนิสาซุกหน้าลงกับอกของนาวา ปล่อยให้เขาลูบหัวตัวเองเบาๆ


“ตลอดอ่ะไอ้สา มึงน่ะว่าพวกกู แต่ตัวเองชอบลวนลามไอ้เตี้ยมัน” แบงค์อดหมั่นไส้ไม่ได้เลยเขกหัวนิสาเบาๆหนึ่งที


“ใคร๊ ไม่มีซะหรอก กูแค่จะปลอบมันต่างหาก ไม่เหมือนพวกมึงแต่ละคนกลัดมันตาเยิ้มเชียวนะ” นิสาเหว


“พวกกูอ่ะตาเยิ้ม แต่หน้าฟินของมึงอ่ะใช่ย่อยที่ไหน” เอ็มมะเหงกนิสาเบาๆเหมือนกัน


แล้วสงครามน้ำลายของเพื่อนๆก็เริ่มต้นขึ้น เรียกเสียงหัวเราะของทุกคนให้กลับคืนมา ความรู้สึกอบอุ่นใจค่อยๆแผ่ซานไปในความรุ้สึกของทุกๆคน นาวามองรอยยิ้มของเพื่อนและฝังจำภาพประทับใจเหล่านี้เอาไว้ ไม่ว่าโลกนี้จะร้ายยังไง ไม่ว่าจะเจอเรื่องหนักหนาแค่ไหน นอกจากแม่ เขาก็ยังมีคนเหล่านี้คอยรับฟังและช่วยเหลือเสมอ เก้า เอ็ม แบงค์ นิสา ไม่ใช่แค่เพื่อน สำหรับเขาทุกคนเปรียบเหมือนหนึ่งครอบครัว เป็นความอบอุ่น ความจริงใจที่ยากจะหาไหนมาทดแทน


*******




TBC.
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 27-10-2015 17:58:26
จิ้มจึกๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 27-10-2015 18:08:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 27-10-2015 19:07:32
นาวาสู้ๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 27-10-2015 19:14:59
พี่เพชรทำอะไรไม่ปรึกษาวาอีกแล้ว เดี๋ยววาโกรธอีก แต่วาก็ยังมีคดีติดตัว

แต่ก็ยังงงว่าเค้าคืนดีกันยังไง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 27-10-2015 19:23:05
เพื่อนวาน่ารักอ่ะ แต่ก็มีประเด็นคาใจเกี่ยวกับจอมอยู่ดีวาคิดไรกับจอมป่าวเนี่ย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-10-2015 19:24:09
นาวาเคลียกับเพื่อนจนเข้าใจแล้วนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 27-10-2015 20:20:03
น้องวาน่าสงสารจัง
พี่เพรต้องดูแลน้องดีๆนะ

ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 27-10-2015 21:47:26
น้องวาสู้ๆตอนนี้มีพี่เพชรแล้วน้าา
พี่เพชรทำไรไม่ปรึกษาน้องเดี๋ยวโดนงอนอีกหรอก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-10-2015 22:45:46
เบื่อพ่อแบบนี้จังเลย ถึงจะตายไปแล้วก็เถอะ
แล้ววรากรนี่ใช่น้องนาวาจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
คราวนี้อย่าคิดว่าจะทำวาได้ง่ายๆนะ
ทีมงานนาวาเยอะและแข็งแกร่งนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Nunun_B2UTY ที่ 28-10-2015 02:07:56
ชอบพี่เพรช  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 28-10-2015 07:44:20
พี่เพชรดูแลน้องดีๆนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-10-2015 08:41:49
นาวา สู้ ๆ น้ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 28-10-2015 17:53:58
เพื่อนๆของนาวาน่ารักจังเลย บางทีเพื่อนก็เป็นเสมือนครอบครัวสินะ

ตื่นเต้นกับงานหมั้น แค่นี้ก็รู้แล้วว่าพี่เพชรหวงนาวาขนาดไหน

รีบมาต่อนะครับกำลังลุ้น
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-10-2015 21:08:07
อ่านทันละ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 29-10-2015 19:41:43
กรี๊ดดด เพิ่งเห็นว่ามาต่อแล้ว ดีใจค่ะ

น้องวาน่าสงสารจัง อิตาพี่เพชรก็ขี้หวงขึ้นทุกวันอิอิ
อ่านชื่อตอนแล้วหวั่นใจยังไงบอกไม่ถูก

ดีใจที่มาต่อนะคะ ติดตามๆ o13
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 31-10-2015 21:55:57
สงสารวาเลย พ่อนาวานิสัยไม่ดีเลยอ่ะ
ต่อไปนี้เพชรดูแลน้องดีๆนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 01-11-2015 06:39:37
พึ่งได้เข้ามาอ่านสนุกมากๆน่ารักจริงๆเลย พ่อนาบเอกนีแย่จริงๆเลย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 01-11-2015 07:43:28
ถึงเวลาที่พี่เพชรจะได้แสดงพลังแล้วค่ะ
#ทีมพี่เพชร
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part2 [27/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 01-11-2015 21:19:14
ตามอ่านทันแล้ววว :mew3:
สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไป~><
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 02-11-2015 23:31:29
Chapter 11 ผีเสื้อ...ปีกหัก
Let it burn.
Part 3

 :L2: :กอด1: :L2:





หลังจากมื้อเที่ยงที่สั่งขึ้นมากินบนห้องนิสา นาวาเก็บจานไว้ในซิงค์แล้วเดินไปสมทบเพื่อนๆที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น


“กูว่ากูจะกลับแล้วนะ” นาวาบอกกับทุกคน


“มึงจะรีบไปไหน” แบงค์ถาม “รอกลับพร้อมกันดิ สักห้าโมงค่อยออก จะได้กินมื้อเย็นด้วย”


“คือกูว่าจะแวะไปหาพี่จอมสักหน่อย เรื่องเมื่อคืนกูไม่สบายใจ อยากจะไปคุยกับเขา” นาวาอ้อมแอ้มตอบ


“เออ นั่นสิ กูลืมไปเลย” เอ็มนึกขึ้นได้ “เมื่อคืนกูโคตรเคืองมึง แม่มเมาแล้วเป็นเรื่องทุกที ไอ้พี่จอมก็นะยอมให้มึงอ่อยจนเลยเถิด” เอ็มหยุดพูดแค่นั้นเพราะเห็นสีหน้าหงอยๆของนาวาแล้วแอบสงสาร เลยเสเปลี่ยนเรื่อง “เพราะงั้นกูกับไอ้เก้าเลยเอามึงไปทิ้งไว้ที่หอ ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ไม่เปิดแอร์ให้มึง ทิ้งไว้สภาพเน่าๆอย่างนั้นแหละจะได้จำ ครั้งต่อไปจะได้ไม่เมา”


“หึหึ แผนพวกมึงสินะ ถึงว่าทำไมตอนแรกๆกูโคตรร้อน เหนียวตัวด้วย” นาวาส่ายหัวยิ้มๆ ปลงกับการแก้แค้นเล็กๆน้อยๆของเพื่อน


“แล้วหลังจากนั้นล่ะ มึงไม่ร้อนเหรอ” นิสาหรี่ตามองมาทางนาวา ท่าทางเขินอายกับใบหน้าแดงระเรื่อของเด็กหนุ่มทำให้นิสาจับพิรุธได้ นาวายกมือเกาท้ายทอยแก้เขินจนประกายวิบวับบริเวณข้อมือสะท้อนเข้าตาของหญิงสาว


“ก็ไม่นิ ไม่ได้ร้อนอะไร” นาวาหลบสายตา


“ไม่ร้อน? ที่ไม่ร้อนมันจะเกี่ยวกับเจ้าของสร้อยข้อมือไหมน๊า” นิสาลากเสียงอย่างคนรู้ทัน


“เจ้าของสร้อยมือ?” เสียงเก้าขรึมขึ้นมาทันใด “นาวา เอามาให้กูดูไม่ต้องเอามือหลบไว้หลังตูด ไอ้เปี๊ยกนี่นิ”


“เออๆ กูยอมแล้ว ไม่ต้องมะเหงกกูนะ” นาวาโวยขึ้นเมื่อเห็นเก้าง้างมือทำท่าจะเขกหัวทุยๆของเขา นาวายื่นข้อมือซ้ายที่มีสร้อยทองคำขาวประดับเพชรไปให้เพื่อนดู


“ใครให้มึงมา” เก้ายังคงถามเสียงนิ่ง


“ผีเสื้อประดับเพชร แม่มเห็นก็รู้แล้วว่าพี่เพชรให้มา” เอ็มเข้ามาร่วมวงสนทนา “ท่าจะไม่ใช่แค่หมั้นการเมืองแล้วละมั้งงานนี้”


“มึงได้มาตอนไหน” เก้าหน้าบึ้งนิดๆ ออกอาการไม่พอใจ


“ก็.. เมื่อเช้า” นาวาหลบตาเก้า


“เมื่อเช้า? พี่รหัสกูดอดไปหามึงแต่เช้าเลยเหรอ พี่เพชรนี่ยังไงๆกับมึงอยู่นะ เดี๋ยวนี้มีซื้อของแพงให้กันด้วย” แบงค์กอดอกมองนาวา นึกรำคาญพี่รหัสของตัวเองขึ้นมาครามครัน


“เปล่าหรอก เขามาหากูเมื่อคืน” นาวาแก้ตัวให้ตรีเพชร แต่ยิ่งพูดเหมือนจะยิ่งทำให้เพื่อนๆไม่พออกพอใจ เห็นจะมีก็แต่นิสาคนเดียวที่กำลังยิ้มขำขัน


“นั่นไงล่ะ เจ้าของสร้อยเพชร ตามมาดูแลคู่หมั้นขี้เมาดึกๆดื่นๆ แบบนี้แอบมี Something wrong ชัวร์ๆ” นิสาล้อ


“แล้วมึงให้เขาเข้าไปได้ยังไง อยู่กันสองต่อสองอีก” เก้ากุมขมับ “แถมเมื่อคืนเฮียแกโคตรจะโมโหเกิดหน้ามืดปล้ำมึงขึ้นมาทำไง”


“บ้า! ไม่ได้มีอะไรสักหน่อย มันเข้ามาตอนไหนกูไม่รู้หรอก รู้สึกตัวอีกทีมันก็ช่วยเช็ดตัวให้กูแล้วแถมดันเร่งแอร์ซะจนโคตรหนาว พอตื่นมาตอนเช้าก็ไม่เห็นเขาจะโกรธอะไรนะ ไอ้ตี๋มันคงแหละรู้น่าว่ากูเมา” คำพูดของเก้าทำเอานาวาหน้าแดงปลั่ง นาวานึกย้อนไปตอนที่โดนลงโทษ คิดไปถึงตอนที่เขาเห็นแววตาน้อยใจนั่น


ก็โดนลงโทษไปซะขนาดนั้น ร้องไห้เพราะเจ็บตัวไปก็ใช่น้อย ต่อให้โกรธมากเขาก็คงหายแล้วละมั้ง… นาวาเองก็ไม่แน่ใจ แต่คำพูดของตรีเพชรยังคงก้องอยู่ในโสต


                  ‘เจ็บไหม’
                  ‘เจ็บสิ ฮึก…’
                  ‘พี่เจ็บกว่านี้อีกรู้ไหม’
                  .
                  .
                  .
                  ‘ไม่ขอโทษนะ เพราะพี่ต้องลงโทษ พี่ผิดที่ทำแบบนี้ แต่พี่ไม่เสียใจที่ล่วงเกินคนของพี่ วาห้ามโกรธพี่เพราะพี่จะยิ่งเกลียดตัวเองไปมากกว่านี้…’



เสียงของตรีเพชรในความทรงจำทำให้นาวารับรู้ว่าคู่หมั้นของตัวเองรู้สึกผิดที่ทำให้เขาเสียน้ำตา


“แหมพอพูดถึงพี่เพชร แอบยิ้มเชียวน๊ะ” นิสากระทุ้งสีข้างนาวา


“กูเปล่าซะหน่อย” นาวาจับแก้มตัวเอง รู้สึกว่าเขายิ้มอยู่จริงๆด้วย


“ไม่รู้ล่ะ ต่อไปถ้าไม่จำเป็นมึงห้ามเข้าใกล้พี่เพชรจนเกินพอดี” เก้าสั่งอย่างเอาแต่ใจ


“อ้าว มึงจะไม่ให้เขาเข้าใกล้กันได้ยังไง อย่าลืมนะว่าพี่เพชรเป็นคู่หมั้นไอ้วามัน” นิสาเถียง


“ต่อให้เป็นคู่หมั้นแต่กูยังไม่ Approve” เก้ากอดอก เถียงนิสาอย่างเคยชินด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษอย่างเด็กเอกภาษาอังกฤษพึงกระทำ


“ไปเคลียร์กับพี่จอมเสร็จแล้วก็อย่าเข้าใกล้เขาให้มากนักล่ะ ไอ้พี่คณะกูคนนี้กูก็ยังไม่ approve เหมือนกัน” เอ็มแอบล้อเลียนสำเนียงเก้า แต่แววตาของเขาจริงจังไม่ล้อเล่นแต่อย่างใด


“กูไม่ให้มึงเข้าใกล้ทั้งคู่หมั้นทั้งคนที่แอบชอบมึงนั่นแหละ กูยังไม่วางใจยกมึงให้ใครทั้งนั้น ทั้งพี่เพชรพี่จอมกูก็ไม่ approve เหมือนกัน” แบงค์ออกความเห็น ไม่มีท่าทีล้อเล่นอยู่เลย


“แต่กูให้ผ่าน กูหนับหนุนพี่เพชร แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นพี่จอมนะ… แต่ยังไงๆวินาทีนีกูเชียร์พี่เพชร สำหรับกูกู approved” นิสาแย้ง แล้วหันมายิ้มกรุ้มกริ่มให้นาวา “หรือมึงจะรวบทั้งสองคนเลยก็ได้ กูจะพลอยฟินไปด้วย”


“ไอ้สา!” เก้า แบงค์ และเอ็ม โอดออกมาพร้อมๆกัน


“เออๆ เรียกกูอยู่นั่นแหละ กูรู้ว่ากูสวย”


“กูไม่ได้ว่ามึงสวย” เก้าดุ นิสางอนชายหนุ่มจนหน้าง้ำ “พวกกูยังไม่ยกไอ้วาให้ใครต่างหาก”


“เออๆกูลืมไป นอกจากจะมีเพื่อนแล้ว ไอ้วามันยังมีพ่ออีกตั้งสามคน หวงนักนิลูกคนนี้ ลูกเขยดีๆตั้งสองคนมาจ่อคิวรอดั๊นเมินไม่สนใจ” นิสาอดหมั่นไส้ไอ้ผู้ชายตัวใหญ่ๆพวกนี้ไม่ได้


“ไอ้สามึงพูดอะไรเลอะเทอะ” นาวาพูดขึ้น “ส่วนพวกมึงก็เหมือนกัน จะมากีดกันไอ้ตี๋กับพี่จอมทำไม ไม่มีอะไรในกอไผ่หรอกน่า โว้ยไม่เอาละกูไม่อยากไร้สาระกับพวกมึงแล้ว กูไปหาพี่จอมนะ” นาวาหยิบรองเท้าออกมาจากตู้เรียมใส่ทันที


“วา ให้กูไปส่งไหม” แบงค์ถามขึ้น


“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวมึงไปทำตาขวางใส่พี่เขาเปล่าๆ กูไปคนเดียวแหละดีแล้ว ยังไงจะโทรหานะเผื่อตอนเย็นเราออกไปหาอะไรกินกัน กูไปนะ” นาวาบอกลาเพื่อนๆแล้วออกจากห้องไป…


*******


ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้หรอกนะ ว่าใครคิดอะไรกับเขา แต่นาวาไม่อยากเอาความรู้สึกพวกนั้นมาใส่ใจ ความรักทำคนข้างตัวเขาเจ็บมานักต่อนักแล้ว คนอย่างนาวาจะไม่มีวันเจ็บเพราะความรักแบบนั้นแน่ นาวาไม่เชื่อว่าความรักมีอยู่จริง


นาวาเดินออกมาตั้งใจจะรอแท็กซี่หน้าคอนโดนิสา แต่ยังไม่ทันพ้นประตูคอนโด รถตู้สีขาวครีมยี่ห้อหรูข้างประตูมีสัญลักษณ์รูปตัว D เครื่องหมายการค้าของดรุณาทร จอดเทียบอยู่ข้างหน้า


ชายเสื้อดำสวมแว่นกันแดดเดินลงมาจากรถ ท่าทางคุกคามชอบกล


“ขึ้นรถ” เสียงดุของชายคนนั้นดังขึ้น


“นายเป็นใคร? นายเติร์กส่งมาเหรอ บอกแล้วว่าฉันจะกลับเอง” นาวาพูดกับคนคนนั้น แต่อีกฝ่ายไม่ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ


“ขึ้นรถ” เขายังคงขู่เข็ญ


“ฉันไม่ไป!” นาวารีบเดินหนี แต่โดนอีกฝ่ายลากแขนไว้ เด็กหนุ่มพยายามดิ้นจนกระเป๋าและมือถือหล่นลงไปก็ไม่สามารถหลุดพ้น
เงื้อมมือของคนตรงหน้าได้ เด็กหนุ่มเตะหน้าแข้งของอีกฝ่ายอย่างแรง


“เรื่องเยอะนักนะ” คนคนนั้นคำราม และสวนหมัดเข้าหน้าท้องของนาวา เด็กหนุ่มจุกจนตัวงอ แต่ยังไม่ทันตั้งตัว ผ้าสีขาวพร้อมกลิ่นฉุนลอยมาปิดจมูก นาวาพยายามดิ้นส่งเสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือก่อนที่สติจะเลือนหายไป


รถยุโรปสีดำลดกระจกลงทันทีที่รถตู้เคลื่อนออกจากคอนโด


เติร์กนั่งรอนาวาลงมาจากคอนโดอย่างใจเย็น ศิวาที่นั่งด้านหลังรถหรูเอ่ยขึ้น “รถของบริษัทใช่ไหม?”


“ใช่ครับนาย” ลูกน้องที่นั่งด้านหน้าเอ่ยตอบ


“โง่ไม่มีใครเกิน” ศิวาพูด


กระจกรถฟีล์มดำเลื่อนปิด รถยุโรปราคาแพงเคลื่อนที่ออกจากตรงนั้นเล่นเข้าถนนใหญ่ พุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง


*******



ต่อด้านล่าง

.
.
.
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 02-11-2015 23:46:07
ต่อ
.
.
.


เจ็บหน้าท้องชะมัด


คิ้วเรียวขมวดเป็นปมเพราะความปวดเล่นปราบเข้ามาในจิตสำนึกเมื่อเขารู้สึกตัว หน้าท้องที่โดนต่อยอย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัวคล้ายว่าจะระบมความปวดจึงวิ่งวนไปทั่วร่าง นาวารู้แค่ว่าตัวเองสลบไปเพราะกลิ่นฉุนๆที่มาพร้อมกับผ้าโป๊ะหน้า เมื่อรู้สึกตัวนอกจากความเจ็บปวดที่เข้ามาในประสาทสัมผัสแล้วยังมีกลิ่นฉุนของอะไรบางอย่าง เป็นกลิ่นเปรี้ยวไม่แรงนัก ไม่เหม็นเท่าบุหรี่แต่ก็จำแนกไม่ได้ว่าเป็นกลิ่นเช่นไร


เสียงไฟแช็คดังไม่ขาดสาย


นาวาพยายามลืมตาขึ้น แต่กระนั้นเปลือกตาก็ยังหนักเหลือเกิน แถมกลิ่นฉุนนั่นยังคงคละคลุ้ง นอกจากเสียงไฟแช็คนาวายังได้ยินเสียงน่ารำคาญคล้ายคนใช้หลอดดูดน้ำจากแก้วที่น้ำเหลืออยู่แค่ก้น แถมมีเสียงพูดคุยแว่วมา ฟังไม่ได้ศัพท์ นาวาพยายามลืมตาขึ้น ร่างบางพยายามขยับตัวแต่เขารับรู้ไว้ว่าแขนและขาของตัวเองตอนนี้ไม่เป็นอิสระ นาวานอนตะแคงบนฟูกแข็งๆโดยที่แขนและขาโดนมัดไว้


“ทำไมมึงไม่ฉีดวะ ให้กูเอาเข็มมาทำไม” เสียงห้าวดังขึ้น นาวาพยายามปรือตาและฟังเสียงสนทนาของคนที่ตัวเองไม่รู้จัก


“มึงจะรีบไปไหนวะ เวลาฉีดมันมาเร็วก็จริงแต่เราไม่ต้องรีบร้อนนี่หว่า คืนนี้รับรองเสียวนานแน่ ได้ของมาตั้งเยอะแถมยังมีของกิน
เล่นนอนรอบนเตียง คราวนี้หวานแน่เชื่อกู เข็มนี้เก็บไว้ให้ไอ้น่ารักมันให้มันได้มีอารมณ์ร่วมไปกับพวกเรา”


“เออจริงของมึง แม่งวันนี้พวกเราโชคดีฉิบหาย อยู่ๆก็มีคนเอาน้ำแข็งมาให้ฟรีๆ เยอะซะด้วย แถมยังมีที่ระบายให้เราอีก มึงดูดิไอ้น่ารักมันน่าเอาเหี้ยๆ”


“จุดเทียนเหอะกูขี้เกียใช้ไฟแช็คหลายรอบ เอาไฟมาหน่อยเดี๋ยวกูอัดต่อ มึงพูดถึงไอ้น่ารักจนกูเริ่มอยากแล้วว่ะ จะเอาให้แม่งครางอยากได้กูเป็นผัวรอบแล้วรอบเล่า”


“คิดว่าพวกมึงแน่อยู่คนเดียวหรือไง ก็มีนี่โว้ย ซัดไปคนละเม็ดมึงเอ้ยจากตอนนี้ถึงเช้ามึงก็ยังไม่หายอยาก พูดแล้วขึ้นว่ะอยากเอาแล้วโว้ย มึงน่ะไปดูมันดิ๊”


คำพูดหยาบต่ำของคนกลุ่มนี้ทำให้นาวารู้สึกขยักแขยง ‘ของกินเล่นนอนรอบนเตียง’ ที่ที่เขานอนอยู่ตอนนี้ก็เป็นเตียงเก่าในห้องโทรมๆ สภาพไร้การดูแล ผนังเต็มไปด้วยหยากไย่ ฟูกนอนแข็งกระด้างและเหม็นอับ เป็นเขาสินะของกินเล่นอันนั้น นาวารับรู้ได้ถึงอันตรายคืบคลานเข้ามา มือหนึ่งจับลูบตรงบั้นเอว นาวาพยายามหรี่ตามองหน้าคนที่เข้ามา


“เฮ้ยพวกมึง มันฟื้นแล้วเว่ย”


ยังเด็กอยู่เลย


เจ้าของเสียงแหบห้าวพวกนี้ยังเด็กอยู่เลย อาจจะอยู่ในวัยมัธยมหากแต่ผมเฝ้าและการแต่งเนื้อแต่งตัวกลับสวนทางกับอายุ เหลือบไปมองบริเวณปลายเตียง นาวาเห็นวัยรุ่นชายกลุ่มหนึ่งกำลังพ่นควันขาวลอยฟุ้งเต็มห้อง ควันขาวฟุ้งนี่คือที่มาของกลิ่นเหม็นประหลาดกลิ่นนั้นเอง เด็กติดยา เด็กวัยรุ่นที่เอาวัยเด็กและความไร้เดียงสามาทิ้งไว้กับสารเสพติดพวกนั้นหันมาทางนาวาเป็นตาเดียว


พวกมันมีกันอยู่ห้าคน นาวานับจำนวนคนในใจ คนที่ลูบจับเอวเขาอยู่นี้เห็นจะเด็กสุด


“ตื่นแล้วเหรอมึง ไหนเงยหน้าให้กูชื่นชมหน่อยเด่” คนที่เห็นว่าโตสุด นาวาคิดว่าน่าจะวัยเดียวกับตัวเอง ลุกเดินมาหา มือหยาบเชยหน้าเขาให้หันมอง แรงบีบที่คางจาบจ้วงแสดงอำนาจ


“น่ารักโว้ย” คนคนนั้นฉีกยิ้มตะโกนบอกเพื่อน และพวกที่เหลือจึงรีบลุกขึ้นมา


“กูเอาก่อนนะ” ไอ้คนที่จับเอวนาวาพูดขึ้น


“มึงหุบปากไปเลย กูเอาก่อนพวกมึงทุกๆคน” ไอ้คนตัวโตพูด แล้วหันไปสั่งไอ้คนที่จับเอวนาวา “ส่วนมึงก็ถ่ายคลิปไว้ ไม่ต้องเห็นหน้าคนทำแต่ต้องเห็นหน้าไอ้น่ารักนี่ เบื้องบนเค้าสั่งมา”


“พวกแกจะทำอะไร” นาวาถามออกไปด้วยเสียงหวั่นๆ


“ทำให้มีมึงมีความสุขไง น่าเอาไม่ไหวแล้ว” ไอ้คนที่มีรอยสักเต็มแขนพูดจบก็ก้มลงหอมแก้มนาวาฟอดใหญ่ แล้วปากคล้ำคร้ามจากการดูดบุหรี่มานานก็กัดลงบนซอกคอขาว เจ็บจนเป็นรอย


“ไอ้พวกเลว ปล่อยกู” นาวาร้องและพยายามดิ้น แต่ไม่เป็นผลเท้าและมือของเขาโดนมัดไว้ แม้ว่ามือจะไม่โดนมัดไขว้หลังแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะพวกมันหลายคนช่วยกันยึดตัวนาวาไว้


“ดิ้นทำเหี้ยไรวะ เดี๋ยวก็ได้ขึ้นสวรรค์กับพวกกูอยู่แล้ว หรือมึงร่านจนทนไม่ไหวแล้ว” เจ้าแขนที่มีรอยสักพูดกับนาวา


ถุย


นาวาถ่มน้ำลายใส่หน้าเจ้าของคำหยาบโลน


“สวะ!” นาวาหมายความตามที่พูด


พลั่ก


สิ้นเสียงก่นด่าของนาวา หมัดหนักๆฟาดลงบนปากเขา นาวาสัมผัสรสชาติของเลือดและความระบมจากริมฝีปาก


“ปากดีนักนะมึง พวกมึงจับไอ้นี่ไว้”


แขนของนาวาโดนพวกมันจับไว้ ขาของเขาที่พยายามจะดิ้นก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดั่งใจเพราะนอกจากจะโดนเชือกมัดไว้จนแน่นแล้วคนตัวโตยังนั่งทับไว้จนนาวารู้สึกได้ถึงการตื่นตัวของคนด้านบน


“โดนเข็มนี้ไปแล้วมึงจะเรียกให้พวกกูเป็นผัวไปทั้งคืน” เข็มฉีดยาปักลงรุนแรงบนเส้นเลือดตรงข้อพับ เจ็บจนนาวามีสีหน้าแหยเก แต่ตรงข้ามกับพวกมันห้าคนที่มีสีหน้ายิ้มแย้มและมือไม้ลูบไล้ลวนลาม


“ปล่อยกู” นาวาดิ้นพล่านท่ามกลางมือหลายข้างที่ชอนไชใต้เสื้อผ้า


คนหนึ่งฉีกเสื้อจนกระดุมด้านบนขาดแล้วซุกไซ้ซอกคออย่างหื่นกระหาย อีกคนบีบคลึงก้นของเขาไม่สนใจเสียงอุทร นาวาทั้งด่าทั้งพยายามดิ้นแต่กระนั้นก็ไม่มีทางพ้นเงื้อมมือของคนพวกนี้ไปได้ กลิ่นหายใจเหม็นเปรี้ยว สลับกันไปอัดควันสีขาวเข้าปอดอย่างบ้าคลั่ง เสื้อผ้าของนาวาเริ่มหลุดไปทีละชิ้นๆ จนทันใดนั้นเองความต้องการของเขากลับโอนอ่อนไปตามแรงกระหายของคนพวกนั้น


“หึ เริ่มอยากได้พวกกูเป็นผัวแล้วสิมึง ยังไม่พอหรอก ลองนี่อีกสักเม็ด”


“ยะ อย่า…” หมายจะร้องห้าม แต่ยาเม็ดโตกลับถูกยัดเข้ามาง่ายดาย นาวาพยายามอมมันไว้แต่คนด้านบนกลับโถมจูบลงมาอย่างจาบจ้วง เรียวลิ้นหื่นกระหายตวัดให้นาวากลืนยาลงคออย่างไม่เต็มใจแม้แต่น้อย รสจูบน่าขยักแขยงยังคงปรนเปรออย่างไม่ลดละแม้อยากจะกัดปากมันให้ช้ำจนเลือดสาดเพียงใด แต่อารมณ์คุกรุ่นในกายกลับไม่ตอบสนองใดๆ นาวากลัวจนอยากจะ
ร้องไห้ แต่เขาจะไม่มีวันหลั่งน้ำตาให้ใครเห็น สวะพวกนี้จะไม่มีวันเห็นเขาอ่อนแอ


เสื้อหลุดออกไปจากตัวแล้ว ขาที่โดนมัดถูกคลายออกแล้ว แม้พยามยกขาถีบพวกมันให้กระเด็น แต่กลับโดนคนหมู่มากรวบจับไว้ หากสู้กันตัวต่อต่อมีหรือนาวาจะแพ้เด็กพวกนี้ แต่นี่เขาไม่มีโอกาสได้ป้องกันตัวเลย ใครกันนะช่างคิดจริงๆ ทำร้ายกันได้ถึงขั้นนี้


“คะ.. ใครส่งพวกแกมา” นาวาพยายามตั้งสติ เสียงเขายังคงข่มขู่แม้มือจะโดนมัดและขาจะโดนล๊อกไว้ก็ตาม


“ใครจะส่งมาก็ช่างหัวมันเถอะน่า ตอนนี้มึงมาเป็นเมียพวกกูดีกว่า” คนด้านบนพูดเสร็จก็ถอดเสื้อและเพื่อนมันอีกคนกดเปิดกล้องมือถือ นาวาสบถด่าทั้งที่ตัวเองไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดังใจ เขากลัวจนตัวสั่นแต่แววตาฉายความโกรธขึ้ง ประกายตาของเขาเหมือนเปลวเพลิงที่จะแผดเผาทุกสิ่งให้วอดวาย


*******


ตรีเพชรนั่งลงตรงข้ามจอมทัพในห้องนั่งเล่นโดยมีเพื่อนคนอื่นๆนั่งรวมอยู่ด้วย เย็นวันนั้นทันทีที่ได้การ์ดเชิญตรีเพชรรีบตรงดิ่งมาที่บ้านของเพื่อนทันที ที่เร่งรีบพิมพ์การ์ด ที่ต้องเหยียบคันเร่งเพื่อบึ่งมาถึงบ้านหลังนี้ก็เพราะอยากจะตัดไฟเสียแต่ต้นลม ประกาศชัดเพื่อให้เพื่อนคนหนึ่งรับรู้ว่าเขามีสิทธ์อะไรในตัวนาวา และใครไม่มีสิทธ์แม้แต่คิดจะเอื้อมคว้า มือเรียวหนายื่นซองกระดาษทรงผืนผ้าขนาดกะทัดรัดทำจากกระดาษเนื้อดีสีทองเหลือบมุกให้เพื่อนแต่ละคน ทุกคนสนใจแกะซองการ์ดเชิญ มีเพียงจอมทัพที่เหลือบมองซองนั้นนิ่งๆ ไม่แตะซองที่ตรีเพชรยื่นวางไว้ตรงหน้า


“งานหมั้นของมึงกับนาวาในอีกไม่ถึงสองอาทิตย์” นายทวนคำหลังจากอ่านการ์ดใบสวยเสร็จแล้ว “ตกลงมึงกับน้องวาจะหมั้นกันจริงๆใช่ไหมเพชร เมื่อคืนมึงพูดจริงสินะเรื่องนั้น”


“อือ” ตรีเพชรกอดอกเอนหลังพิงพนักเก้าอี้วางทีท่าสง่า และยังคงจ้องจอมทัพไม่วางตา


“เฮียจะหมั้นกับพี่ว่าจริงๆใช่ไหม เย้ ตามดีใจจัง ยินดีด้วยนะครับ” ตามใจยิ้มจนแก้มแทบปริ แต่เหมือนว่าจอมทัพจะไม่ชอบใจคำพูดนั้น ชายหนุ่มหันหางตาคมๆไปให้น้องชายของเพื่อนจนตามใจหุบยิ้มและนั่งสงบเสงี่ยมลงในทันที แล้วจอมทัพก็ตวัดสายตามองไปนอกหน้าต่างอย่างเช็งๆ เวลานี้โพล้เพ้เต็มทีแล้ว ท้องฟ้าของเย็นวันนี้เป็นสีแดงฉานเหมือนสีเลือด ใครกันทำให้ฟ้าหลั่งเลือด คงเจ็บปวดสินะ… อีกไม่นานฟ้าก็จะร้องไห้ออกมา… ฝนก็จะตก


“กูเอาการ์ดเชิญมาให้ อยากให้พวกมึงทุกคนไปงานหมั้นของกูกับน้องวา” ตรีเพชรยิ้มเชิญชวนเพื่อนทุกคน และหันไปหยุดมองที่คนตรงข้ามตัวเอง รอยยิ้มของคุณชายจางหายไปราวไม่เคยมีมาก่อน มันถูกแทนที่ด้วยน้ำเสียงแน่นหนักและใบหน้าเรียบเฉย
“ไปให้ได้ล่ะไอ้จอม”


จอมทัพหันกลับมามองตรีเพชร น้ำเสียงของเขาเรียบเย็นไม่แพ้กัน “ไปสิ นาวาของกูหมั้นกับเพื่อนรักทั้งที” จอมทัพโพล่งออกไปโดยไม่อาจยับยั้งได้ น้ำเสียงที่เปล่งออกมามีความเย็นชาและเคลือบแฝงความเสียใจจนปิดไม่มิด


“หึ” ตรีเพชรยิ้มเครียด “จนป่านนี้แล้วมึงยังพูดว่านาวาเป็นของมึงอยู่อีกเหรอ”


“มึงอยากจะพูดอะไรกันแน่ไอ้เพชร” จอมทัพจ้องตาตรีเพชรอย่างไม่ยอมกัน


“รู้ดีแก่ใจไม่เห็นต้องถาม มึงคิดอะไรอยู่ไอ้จอม มึงจะทำอะไรกันแน่” สายตาเจ็บช้ำระคนแค้นใจของจอมทัพทำให้ตรีเพชรแอบหวาดหวั่น เพราะถ้าจอมทัพคิดจะแย่งนาวาไปจากเขา คนที่ดีและเหมาะสมกับนาวาแบบนั้นย่อมทำได้ง่ายๆ ตรีเพชรไม่อยากเสียนาวาไป ไม่อยากบาดหมางกับเพื่อนรักของตัวเอง


“หึ” จอมทัพยิ้มเหยียด “มึงกลัว? กลัวกูจะแย่งคนของมึงล่ะสิ” จอมทัพรู้จักตรีเพชรดี เพื่อนสนิทของเขากลัวว่าเขาจะแย่งนาวาไป คบกันมานานรู้ใจกันตั้งเท่าไหร่ยิ่งทำให้ต่างฝ่ายต่างอ่านกันออกมากเท่านั้น  “แต่กูบอกไว้อย่างนึงนะ เรื่องนาวากูไม่ยอมถอยให้มึงหรอก ไม่มีวัน”


“ไอ้จอม!” ตรีเพชรลุกขึ้นคว้าคอเสื้อของจอมทัพไว้ ชายหนุ่มเดือดดาลในคำพูดนั้น


“เฮียเพชรอย่า” ตามใจตกใจเมื่อตรีเพชรเงื้อมมือตั้งท่าจะออกหมัด


“มึงออกไปเคลียร์กับกูข้างนอก!” ตรีเพชรเห็นแก่ความเป็นเพื่อน สลัดความฉุนเฉียวใจร้อนของตัวเองออกไป ชายหนุ่มก้าวฉับๆออกจากห้องรับแขกไปยืนรอจอมทัพที่เฉลียงหน้าบ้าน


จอมทัพสะบัดคอเสื้ออย่างไม่สบอารมณ์ ตั้งแต่คบกันมาหมัดของตรีเพชรไม่ได้หวดออกไปให้ใครง่ายๆเพราะตรีเพชรไม่จำเป็นต้องลงไม้ลงมือใส่ใครให้เปลืองตัวเพื่อนรักมีคนคอยจัดการให้อยู่แล้ว แต่กับเรื่องของนาวาหมัดของตรีเพชรมักจะสวนออกไปด้วยโทสะอย่างง่ายดาย จอมทัพที่เป็นเพื่อนซ้อมมวยด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆรู้ดี กำปั้นนี้ของตรีเพชรคงมีไว้สำหรับเรื่องของนาวาเท่านั้น


ตามใจทำท่าจะออกปากห้ามจอมทัพไม่ให้ตามตรีเพชรไปเพราะกลัวทั้งสองคนจะมีเรื่องกัน แต่โดนพี่ชายห้ามไว้ก่อน เปรมหันมาพูดกับน้องชาย “ให้มันไปคุยกันเถอะ มันไม่ถึงขึ้นแตกหักกันหรอก สองคนนี้สนิทกันจนเรื่องแค่นี้ไม่ทำให้แตกคอกันได้ ปล่อยให้ไอ้จอมได้คุยกับไอ้เพชร เรื่องมันจะได้จบๆ”


“ว่ามา” จอมทัพเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงในท่าทีเรียบเฉย


“ที่มึงพูดหมายความว่าไง มึงจะไม่ถอยให้กูในเรื่องของนาวา มึงต้องการอะไร?” ตรีเพชรหันมามองทางจอมทัพ


“กูก็หมายความตามนั้น กูไม่ถอย”


“ไอ้จอม! มึงจะแย่งคนของเพื่อนจริงๆใช่ไหม ไหนมึงเคยสัญญากับกูไงว่าเราจะไม่แย่งแฟนเพื่อน”


“ไอ้เพชร! กูพูดสักคำหรือยังว่ากูจะแย่ง”


“มึงพูดอยู่หยกๆว่ามึงจะไม่ถอยให้กู อย่าทำให้กูต้องหมดศรัทธาในความเป็นเพื่อนจากมึงเลยจอม กูคิดว่ามึงเข้าใจที่กูพูด เราคบกันมานาน กูไม่อยากเสียเพื่อนเพราะเรื่องนี้ อีกอย่างถ้ามึงคิดจะแย่งนาวาไปจากกู ขอบอกไว้ตรงนี้ว่ากูไม่ยอม ไม่ว่าใครหน้าไหน นาวาเป็นของกู แฟนเพื่อนมึงก็รู้ว่าจูบไม่ได้”


“หึ แฟนเพื่อน? ก็จริงกูยอมรับว่านาวาเป็นคู่หมั้นมึง แต่นาวาก็ไม่ได้เป็นแฟนมึงนะไอ้เพชร! ว่าไง? หรือมึงจีบนาวาติดแล้ว กูรู้จักมึงดีพอๆกับที่กูรู้จักนาวา กูเจอเขาตั้งแต่เด็กๆกูแอบมองแอบมอบความรักความหวังดีให้ในฐานะพี่ชายมาโดยตลอด นาวาไม่เคยรู้หรอกว่าความรักที่กูมีให้มันเกินเลย เพราะอะไรน่ะเหรอ? กูจะบอกมึงให้ เพราะนาวาเกลียดความรัก นาวาไม่อยากได้ความรักไม่ว่าจากใครทั้งนั้น แฟนคือคนที่รักกัน ถ้ามึงพูดว่านาวาเป็นแฟนมึง ก็ไปทำให้เด็กคนนั้นที่ไม่เปิดใจเชื่อในความรักหันมารักคนเจ้าชู้อย่างมึงให้ได้สิ!”


คำพูดของจอมทัพทำเอาตรีเพชรสะอึก เขาเป็นแค่คู่หมั้น แต่ไม่ได้เป็นแฟนของนาวา เด็กน้อยของเขาชิงชังความรัก เพราะอะไร? ทำไมเขาถึงไม่เคยรับรู้?


“เออ ถึงกูกับนาวาไม่ได้เป็นแฟนกันแต่เรากำลังจะหมั้นกัน คำว่าคู่หมั้นบอกชัดว่ากูมีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวของนาวา เป็นแบบนี้แล้วมึงจะไม่ยอมถอยให้กูอีกเหรอ”


“กูไม่ถอยเพราะกูไม่เคยคิดจะแย่งคนของมึง! กูจะอยู่ที่เดิมของกู ไม่ถอยและไม่ก้าวไปไหนทั้งนั้น ตอนนี้มึงรู้แล้วว่ากูรักนาวา นาวาเองก็คงจะรับรู้แล้วเหมือนกัน กูจะอยู่ตรงนี้เพื่อรอเขา” คำพูดของจอมทัพแฝงความเจ็บปวด จอมทัพรักเพื่อนพอๆกับเคารพในการตัดสินใจของคนที่ตัวเองหลงรักหมดหัวใจ ถ้าตกลงเป็นคู่หมั้นหมายกันแล้วนั่นหมายความว่านาวาคิดดีแล้ว นาวามอบความไว้วางใจไว้ให้ตรีเพชร ไม่ใช่เขา…


“จอม…” ตรีเพชรถอนหายใจเหยียดยาว “กูจะเปิดอกพูดกับมึงแบบลูกผู้ชาย ใช่กูรู้ดีว่ามึงรักนาวาและมึงจะรักนาวาได้ดีกว่าใครๆเพราะไม่มีใครเหมาะสมกับเขาเท่ากับมึงอีกแล้ว มึงรักนาวามานาน มึงรู้จักเขามาก่อนกู แต่กูก็รักนาวา กูคิดว่าความรู้สึกเจ็บที่เห็นน้ำตาของเขาคือความรัก กูคิดว่าความดีใจเวลาที่เห็นเขายิ้มคือความรัก และกูก็คิดว่าความคิดถึงเวลาไม่ได้อยู่ใกล้คือความรัก รักก็คือรัก ไม่ว่าจะเกิดขึ้นช้านานหรือตอนไหนก็คือรัก กูรักเขา ไม่รู้หรอกว่าจะรักได้มากกว่ามึงไหม แต่กูรักเขามากกว่าใครที่ผ่านเข้ามาในชีวิตกู ให้กูได้รักคนที่มึงรักเถอะ”


ตรีเพชรนั่งลงตรงระเฉลียงบ้าน สายตาทอดมองไปยังกลุ่มเมฆสีแดงสด


จอมทัพนั่งลงข้างๆเพื่อนรัก ผินหน้ามองท้องฟ้าสีเลือดอย่างไร้จุดหมาย “เพชร… กูรักนาวา กูผูกพันกับเขา แต่วันนี้เขาหมั้นกับมึง จะด้วยเหตุผลอะไรกูไม่รู้แต่นั่นหมายความว่านาวามอบความไว้วางใจให้มึง เขาให้มึงเป็นคนดูแลในฐานะคู่หมั้น กูจะไม่ถอยไปไหน จะอยู่ที่เดิมของกูไม่ก้าวล้ำมึง แต่ถ้าวันไหนมึงทำลายความไว้วางใจที่นาวามีให้ ถ้ามึงทำให้เขาเสียใจเพราะมึง ถ้ามึงทำให้กูคิดว่าคู่หมั้นของนาวา ดรุณาทรเป็นแค่ผู้ชายห่วยๆที่ปกป้องคนของตัวเองไม่ได้ วันนั้นกูจะเอานาวาคืนมา และกูจะดูแลเขาเอง”


ความเงียบทิ้งตัวลงมา ปล่อยให้ทั้งสองคนจมอยู่ในความคิดท่ามกลางแสงตะวันแดงที่อาบไล้ ผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้แต่ทั้งสองคนก็ยังคงนั่งเงียบอยู่แบบนั้น จอมทัพเข้าใจตรีเพชรดี ตรีเพชรก็รู้ใจจอมทัพเช่นกัน…


“มึงรักเขามากสินะ” ตรีเพชรเอ่ยขึ้น


“รักสิ รักมาก มึงก็เหมือนกันนิ” จอมทัพพูด


“อืม”


แล้วเพื่อนรักทั้งสองก็กอดคอกันมองออกไปยังท้องฟ้า เหมือนวันเก่าๆหลังเลิกเรียนที่เดินกอดคอกันไปท่ามกลางแสงตะวันยามเย็น ไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างกัน มีเพียงความเข้าใจที่สื่อถึงกัน คำว่าเพื่อนรักมันช่างมากมายและเสียสละเหลือเกิน…



เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของจอมทัพดังขึ้นทำลายความเงียบ ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หน้าจอปรากฏเบอร์ของนิสารุ่นน้องสาวเพื่อนของนาวา


“นิสา ว่าไง” จอมทัพรับสาย


“พี่จอมคะ นาวาอยู่ที่นั่นหรือเปล่า” เสียงของปลายสายร้อนรน ทำเอาจอมทัพขมวดคิ้วจนตรีเพชรต้องหันมอง


“นิสาใจเย็นๆก่อน ค่อยๆพูดนาวาทำไม”


“คือหนูตกใจ” นิสาพยายามสูดลมหายใจสงบสติอารมณ์ “นาวาอยู่ที่นั่นใช่ไหมคะ อยู่กับพี่ใช่ไหมไม่ได้หายไปไหนใช่ไหม”


“นาวาไม่ได้อยู่กับพี่” จอมทัพรู้สึกตัวชา “นาวาหายไปไหน!”


“ไอ้จอม วาหายไปไหน เกิดอะไรขึ้น เปิดลำโพงเดี๋ยวนี้” ตรีเพชรที่นั่งอยู่ข้างๆเริ่มร้อนรนไม่แพ้กัน จอมทัพกดเปิดสปีกเกอร์โฟน ตรีเพชรจึงกรอกเสียงลงไป “น้องสา เกิดอะไรขึ้นนาวาเป็นอะไร”


“พี่เพชร? คือนาวาค่ะ นาวามาหาสากับเพื่อนที่คอนโดตอนสายๆ แล้วพอช่วงเที่ยงเขาบอกว่าจะไปหาพี่จอม นาวาอยากคุยกับพี่จอม ก่อนออกไปนาวาบอกว่าตอนเย็นจะโทรมาจะได้ไปทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่นี่ก็เย็นมากแล้วไม่เห็นนาวาโทรมา พวกเราเลยคิดว่าจะออกไปหาอะไรทานกันเอง แต่พอลงมาใต้คอนโดยามเก็บกระเป๋ากับมือถือของนาวามาให้สา เขาบอกว่าเพื่อนของสาทำตกไว้ก่อนจะขึ้นรถตู้ไป”


“นิสา นาวาไม่ได้อยู่ที่นี่ นาวาไม่ได้มาหาพี่เลย ไม่ได้โทรมาบอกด้วย” จอมทัพเริ่มนั่งไม่ติด


“ตายแล้ว จะทำไงดี สากลัวว่านาวาจะโดนทำร้ายอีก มีคนจ้องจะทำร้ายเขาอยู่”


“น้องสา บอกพี่มาคอนโดเราอยู่ไหนพี่จะไปหา” ตรีเพชรคว้ามือถือของจอมทัพไปคุย สอบถามทางจากนิสาจนแน่ใจ ชายหนุ่มรีบเดินเข้าบ้านคว้ากุญแจรถที่ตั้งไว้ตรงโต๊ะรับแขก จอมทัพวิ่งตามมาท่ามกลางความตื่นตกใจของเพื่อนๆ


“ไอ้เพชรใจเย็นๆก่อน” จอทัพเตือนเพื่อน


“โถ้โว้ย” ตรีเพชรโมโหตัวเอง เขาไม่น่าคลาดสายตาจากนาวาเลย  “กูจะไปลากคอมัน ใครก็ตามที่กล้าจับตัวนาวาไป”


“กูไปด้วย!” จอมทัพพูด


*******


ต่อด้านล่าง
.
.
.
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 03-11-2015 00:01:29
 :z13: :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 03-11-2015 00:18:20
วาอย่าเป็นอะไรนะ พี่เพชรจะไปช่วยน้องทันมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 03-11-2015 00:27:12
พี่เพชร พี่จอม รีบไปช่วยวากันเร็วว :o12:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 03-11-2015 00:29:16
ต่อ
.
.
.


This rain is turning into flame
‘Cause I’ll set fire… to the rain.



นาวาเตะขาโดนซี่โครงของคนด้านบน เด็กคนนั้นจุกจนระบมไปหมด นาวาพยายามดิ้นจนหลุดจากการจับมัด แม้มีแค่เท้าที่สามารถเคลื่อนไหวได้โดยถนัด แต่นาวาก็สามารถสอยพวกมันที่บุกเข้ามาได้ถึงสองคน


เสียงฟ้าร้องคำรามจากภายนอก ดังก้องพอๆกับเสียงทรงอำนาจของนาวาแม้จะเป็นรอง


“ใครส่งพวกมึงมา” นาวาคำรามด้วยความโมโห


“มึงนี่ฤทธิ์เยอะนักนะ” คนหนึ่งสวนหมัดเข้ามา นาวาพยายามหลบแต่กลับโดนอีกคนล๊อกตัวไว้จากด้านหลัง หมัดหลุนๆจึงโดนเข้าที่พวงแก้มอย่างจัง ให้ตายเถอะ จะสู้ยังไงก็หนีพวกมันไม่ได้อยู่ดี เล่นรุมมัดกันซะอย่างนี้ ความหวังที่จะหนีรอดช่างริบหรี่จนน่ากลัว


“ปล่อยกู ไอ้พวกเดนสังคม” นาวาดิ้น ขณะที่อีกฝ่ายพยายามถอดกางเกงของเขาออก “ถ้ามึงอยากมากนักก็เอาไปลงกับคนที่ส่งมึงมาสิ มาทำกูทำไม”


“ทำมึงน่ะดีแล้ว ไม่เหมือนไอ้นายจ้างคนนั้น หน้าโหดอย่างกับอะไร”


“นายจ้าง?” นาวาทวนคำ แต่ทันใดนั้นกางเกงก็หลุดออกไปโดยง่าย ขาขาวแทบเปลือยเปล่าต่อหน้าธารกำนัลทั้งห้าคน


นาวาโดนกดลงบนเตียงอีกครั้ง มือไม้อันน่ารังเกียของพวกมันปัดป่ายลูบไล้ขาเรียวของเขาอย่างหื่นกระหาย เรียวลิ้นน่าขยักแขยงเตะต้องตรงขาอ่อน ใครกันที่อยากทำร้ายเขาถึงเพียงนี้ ใครกันที่เคียดแค้นเขาจนถึงขั้นสั่งคนมาฉุดเขาถึงใต้คอนโด


               ‘เดี๋ยวครับน้องวา… เสร็จธุระแล้วให้พี่ไปส่งนะ’
               
               ‘ไม่ใช่นะ เขาไม่ใช่แฟนพี่… นะน้องวา ให้พี่พากลับเถอะ เดินทางคนเดียวอันตรายนะ’
               
               ‘เดินทางคนเดียวอันตรายนะ…’
               .
               .
               .
              ‘นายเป็นใคร? นายเติร์กส่งมาเหรอ บอกแล้วว่าฉันจะกลับเอง’



นาวานึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เด็กหนุ่มไม่ไว้ใจทีท่าของนายศิวามาตั้งแต่ต้น คนบ้านนั้น สุดแท้ยังไงก็คือคนบ้านนั้น ไม่มีใครใยดีกับเขาแม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นพี่เติร์กก็ตาม…


หากเปรียบช่วงวัยเด็กของตัวเองเป็นฤดู นาวาอยากจะให้มันเป็นฤดูร้อนที่ไม่น่าจดจำ วัยเด็กที่ไม่มีความสุข อยู่ที่นั่นไปก็มีแต่ความร้อนรน น้องชายคนละแม่ แม่เลี้ยงที่คอยรังแก เสียงสะอื้นไห้ของมารดาตัวเอง เป็นวัยเด็กที่หาความสุขไม่เจอเลย เขาแทบไม่ได้สัมผัสกับความเป็นเด็กด้วยซ้ำ

(Adele - Set Fire to the Rain: https://www.youtube.com/watch?v=Ri7-vnrJD3k (https://www.youtube.com/watch?v=Ri7-vnrJD3k))

               I let it fall, my heart,
               And as it fell you rose to claim it
               It was dark and I was over
               Until you kissed my lips and you saved me

               ฉันปล่อยใจของฉันให้ร่วงหล่นไป
               ขณะที่มันหล่นลง เธอเข้ามาคว้าครองจับจองไว้
               ขณะนั้นมืดมน และฉันยอมจำนนแก่ความแพ้พ่าย
               กระทั่ง… เธอมอบจุมพิตและช่วยชีวิตฉันไว้


ศิวา ก้องการุณ เป็นพี่ชายลูกติดของแม่เลี้ยง เป็นเหมือนสายฝนเล็กๆในฤดูร้อนที่พอคลายความอบอ้าวทรมานลงได้บ้าง ศิวาเป็นเพื่อนเล่นหนึ่งเดียวที่เด็กน้อยนาวารู้สึกว่าเล่นด้วยได้ ศิวาเป็นคนที่คอยห้ามวรากรไม่ให้แกล้งเขา ทุกเย็นหลังเลิกเรียนศิวามักจะมาคุยด้วยเสมอ ในโลกของเด็กคนหนึ่งศิวาเป็นสายฝนสวยงามและโปรยปรายฉ่ำเย็น


หากสายฝนเปรียบกับความทรงจำงดงามและบริสุทธิ์ นาวาเริ่มตั้งคำถามกับความทรงจำเหล่านั้น ที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพลวงตากระนั้นหรือ นาวาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเดียวดายถึงเพียงนี้…


              My hands, they're strong
              But my knees were far too weak
              To stand in your arms
              Without falling to your feet

              สองมือของฉันเรี่ยวแรงยังดี
              แต่เข่าฉันกลับอ่อนเปลี้ยหมดกำลัง
              ที่จะยืนอยู่ในอ้อมแขนเธอ
              โดยไม่ล้มลงไปกองแทบเท้าเธอ



“มึงแกะเชือกที่มัดมือมันสิ เกะกะว่ะ กูจะลงมือละนะ พวกมึงก็กดมือมันไว้กับเตียงก่อน”


“เฮ้ยลูกพี่ สร้อยเพชรนี่หว่า”


“อย่า! อย่ายุ่งกับสร้อยเส้นนั้น” นาวาร้องออกไป แต่ผีเสื้อตัวน้อยกลับบินออกจากข้อมือของเขาไปอยู่ในเงื้อมมือของเด็กเมายา


“เอาไปขายซื้อของมาเสพได้อีกเยอะ มึงนี่มันตัวลาภของพวกกูจริงๆ มามะ ผัวจะให้รางวัลอย่างงาม”


“ออกไป!” เสียงร้องดังของนาวาไม่ได้สะท้อนเขามโนสำนึกของคนเหล่านี้แม่แต่น้อย


        ‘เดินทางคนเดียวอันตรายนะ…’


เสียงของศิวายังคงก้องอยู่ในความทรงจำของนาวา มันเป็นคำขู่สินะ! ความเคียดแค้นของนาวาพุ่งสูงเหมือนเปลวไฟต้องน้ำมัน นาวาสาปแช่งคนพวกนี้อยู่ในใจ เวรกรรมอันใดหนอเรื่องราวความชิงชังถึงไม่มีที่สิ้นสุด เขาคงมองคนผิดไป…


               But there's a side to you that I never knew, never knew
               All the things you'd say, they were never true, never true
               And the games you'd play, you would always win, always win

               แต่ยังมีอีกด้านของเธอที่ฉันไม่เคยรู้ ไม่เคยรับรู้
               สิ่งที่เธอพูดทั้งหมดไม่เป็นความจริง ไม่เคยจริง
               และทุกเกมเธอลงเล่น เธอจะชนะเสมอ ชนะเสมอๆ




โครม!
 

เสียงถีบประตูดังทะลุทะลวงเข้ามา สิ้นสุดเสียงนั้นบานประตูเก่าๆก็เปิดเหวี่ยงออกมา ร่างสูงกำยำของตรีเพชรยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น แสงฟ้าแสบแปลบปลาบจากภายนอกบ่งบอกว่าภายุกำลังมาเยือน  ภาพของนาวาที่ปรากฏแก่คลองสายตาทำเอาอารมณ์ของตรีเพชรขาดผึง เด็กตัวน้อยของเขาเหลือเพียงชั้นในแค่ตัวเดียวในขณะที่อาภรณ์ชิ้นอื่นๆกระจายอยู่ตามพื้นห้อง


“พี่เพชร!” นาวาแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่


ตรีเพชรจิกผมคนที่จูบไล้ขาอ่อนนาวาอยู่ แล้วประเคนหมัดหนักๆใส่ไม่ยั้ง ชายชุดดำหลายคนและจอมทัพที่ตามมารู้สึกตกใจกับภาพนั้น นานแค่ไหนแล้วที่ตรีเพชรไม่ได้บ้าเลือดขนาดนี้ เด็กขี้ยาในกำมือของราชสีห์หนุ่มเลือดคั่งหน้าตาแตกสภาพดูไม่ได้
เทียนที่พวกมันจุดไว้เพื่อสูดยา ล้มลงบนเสื้อของพวกมันคนใดคนหนึ่งเมื่อตรีเพชรเหวี่ยงไอ้คนในเงื้อมมือไปโดน พวกมันหลายคนเริ่มลนลานถึงการมาของคนตรงหน้า ผู้ชายคนนี้น่ากลัว น่ากลัวกว่าคนที่ยืนอยู่รอบๆเขา


“นายครับให้พวกผมจัดการ” ชายสูทดำคนหนึ่งพูดกับตรีเพชร


“ไม่ต้อง” เสียงเย็นทรงอำนาจประกาศชัด


ตรีเพชรลากคอคนที่ลวนลามนาวา ใครก็ตามที่ใกล้มือเขา ประเคนหมัดเข้าไป เมื่ออีกฝ่ายล้มลงก็กระทืบซ้ำจนอีกฝ่ายร้องขอชีวิต


จอมทัพหยิบเสื้อของนาวาที่หล่นอยู่ข้างเตียงขึ้นมาคลุมให้เจ้าของ นาวาหอบสั่นอยู่บนเตียงนั้น เด็กน้อยตาสีอำพันมองตรีเพชรประเคนฝีเท้าเข้าสีข้างของเด็กพวกนั้นแล้วนึกใจหาย เด็กอยู่แท้ๆ เขาไม่อยากให้ตรีเพชรต้องแปดเปื้อนกับคนพวกนี้ นาวาพยายามพยุงตัวลุกขึ้น เขาตั้งใจจะหยุดตรีเพชร


               But I set fire to the rain
               Watched it pour as I touched your face
               Let it burn while I cry
               'Cause I heard it screaming out your name, your name

               แต่.. ฉันจะเผาสายฝนให้มอดไหม้
               มองมันร่วงหล่นกับตา ขณะฉันจับใบหน้าเธอไว้
               ปล่อยให้ฝนลุกเป็นไฟ ขณะฉันร้องไห้
               เพราะฉันได้ยินมันร่ำเรียกชื่อเธอออกมา เรียกชื่อเธอ



ไฟจากเปลวเทียนเผาเสื้อจนลามไปโดนม่านหน้าต่าง เพลิงสีแสดลามเลียทุกสิ่งที่อยู่ใกล้รัศมี ห้องทั้งห้องจึงเริ่มระอุเพราะเปลวเพลิงและอารมณ์แค้นเคืองของตรีเพชร


“พี่เพชร พอเถอะ” นาวาพยายามร้องเรียก แต่คำพูดของเขาไปไม่ถึงคนที่อารมณ์ขาดสะบั้น


เด็กเมายาเจ้าของรอยสักเต็มแขนคว้ามีดพกของตัวเอง จ้วงแทงไปที่ตรีเพชร แม้อีกฝ่ายจะหลบได้ แต่ก็ฉิวเฉียดเหลือเกิน เพราะตรีเพชรกำลังจัดการกับคนอื่นอยู่ คนที่ถือมีดเสียหลักล้มลง ในจังหวะที่ตรีเพชรหันหลังให้ เจ้าของรอยสักจึงลุกขึ้นมา ยกมือง้างมีดคมใส่แผ่นหลังของตรีเพชร


ใจของนาวาแทบเต้นเร่าออกจากอก ทรวงอกของเขาร้อนรุมยิ่งกว่าครั้งไหนๆ


“พี่เพชรระวัง!” นาวาตะโกนบอกจนชายหนุ่มหันมาทางต้นเสียง คมมีดกำลังสวนเขามา แม้จะหลบได้แต่ก็ยังบาดเจ็บ มีดคมกรีดลึกตามความยาวของแขนขวา เลือดแดงสดไหลหลั่งพร้อมจับความเจ็บปวด ปลายมีดแม้เฉียดไปแต่ไม่นานมันหันกลับมาที่เขาอีก


โครม!


เก้าอี้ไม้ผุๆ ฟาดลงกลางหลังของผู้ประสงค์ร้าย การกระทำของนาวาหยุดทุกอย่างเงียบงัน ตรีเพชรได้สติเห็นคนตัวเล็กยกเก้าอี้ฟาดฟันแล้วเผลอคิดว่าเด็กน้อยของเขาก็ไม่ธรรมดา ชายชุดสูทและจอมทัพเองก็ยืนตะลึง ในขณะที่ทุกคนกำลังจะเข้าไปช่วยตรีเพชร แต่คนที่เร็วที่สุดเห็นจะเป็นคนที่เจ็บที่สุดอย่างนาวา เก้าอีกไม้ยกขึ้นฟาดอย่างไม่สะทกสะท้าน นาวาคว้าคอคนที่ล้มลงไป แล้วสวนหมัดหนักๆเป็นของกำนัลแด่สิ่งที่มันทำไว้กับเขา


เด็กหนุ่มก้าวอาดไปยังผู้ร้ายอีกคนที่กำลังวิ่งหนี เข่าของนาวากระแทกหน้าท้องของคนนั้นอย่างจังจนมันล้มของไปกองกับพื้น นาวาค้นกระเป๋ากางเกงของเด็กคนนั้นจนเจอสร้อยเพชรที่ตรีเพชรให้ไว้


“สร้อยเส้นนี้ไม่เหมาะกับคนอย่างมึง” เขาบอกกับขี้ยาคนนั้นแล้วเตะเข้าที่ชายโครง


“ออกไป! แล้วอย่าให้กูเห็นหน้าพวกมึงอีก” เสียงทรงอำนาจของนาวาบอกกับพวกนั้น จนพวกมันหลายคนวิ่งหนีไป


“ไม่ได้ พี่ไม่ปล่อยมันไว้แน่ ใครสั่งมันมาต้องเค้นออกมาให้ได้” ตรีเพชรแย้ง ชายหนุ่มพยักหน้าสั่งลูกน้องให้ตามจับเด็กพวกนั้น


“ปล่อยมันไปเถอะพี่เพชร ยังเด็กอยู่เลย” นาวาเดินเข้าไปหาตรีเพชร


“แต่พี่จะเอาเรื่องพวกมันให้ถึงที่สุด”


“วาไม่เป็นไรแล้วครับ” นาวาเดินเข้าสู่อ้อมกอดของคนตรงหน้า ไม่มีครั้งไหนที่เขารู้สึกว่าอกกว้างอบอุ่นเท่าครั้งนี้น้ำตาที่เคยกลั้นเอาไว้กลับไหลออกมาราวทำนบทลาย “พี่เพชร… ขอบคุณครับ”


ตรีเพชรจูบลงที่ขมับของนาวาอย่างปลอบประโลม


“ไปกันเถอะ ก่อนที่ไฟมันจะลาม” จอมทัพเอ่ยเตือน


“เดี๋ยวนะครับ” นาวาผละจากอ้อมกอดของตรีเพชร หยิบขวดแอลกอฮอล์ที่พวกมันใช้กับเข็มฉีดยาราดลงบนเตียง สถานที่ที่เขาขยักแขยง แล้วจึงจุดไฟแช็คเผาฟูกอันนั้นจนเปลวไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว นาวาเผาความทรงจำอันเจ็บปวดสะอิดสะเอียนนี้ทิ้ง และเผาสายฝนในความทรงจำทิ้งไปเช่นกัน


              But I set fire to the rain
              Watched it pour as I touched your face
              Let it burn while I cried
              'Cause I heard it screaming out your name, your name

              แต่.. ฉันจะเผาสายฝนให้มอดไหม้
              มองมันร่วงหล่นกับตา ขณะฉันจับใบหน้าเธอไว้
              ปล่อยให้ฝนลุกเป็นไฟ ขณะฉันร้องไห้
              เพราะฉันได้ยินมันร่ำเรียกชื่อเธอออกมา เรียกชื่อเธอ

              I set fire to the rain   
              And I threw us into the flames
              Where I felt something die, 'cause I knew that
              That was the last time, the last time

              ฉันจุดไฟเผาสายฝน
              และโยน ‘เรา’ ทิ้งเปลวเพลิง
              ฉันรับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งตายไปแล้ว เพราะฉันรู้ดี
              นี่เป็นครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้าย



“ไปกันเถอะ” ตรีเพชรเข้ามาประคองไหล่พานาวาออกไป


บ้านร้างสถานที่มั่วสุมของพวกขี้ยาทั้งหลังถูกไฟลามเลียจนเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นเบื้องหลัง ฟ้ามืดครึ้มยามค่ำคืนส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับฝนเม็ดเล็กเริ่มโปรยปราย ความจำฉากสุดท้ายของวันนี้เป็นสายฝนที่ลุกเป็นไฟในใจของนาวา…


*******

  :z6::fire::fire::fire::z6:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 03-11-2015 00:41:40
ใช่เติร์กจริงๆหลอ เราว่าเติร์กชอบนาวานะ คนที่ทำน่าจะเป็น อิแม่เลี้ยงมากกว่า

เพราะเติร์กบอกเองนิว่า โง่ไม่มีใครเกิน  ดูๆแล้วเติร์กน่าจะเริ่มลงมือ

เมื่อนาวาไม่แยแสมากกว่า แบบไม่รับรักดีนักงั้นแหลกไปซะ

ตอนนี้เฮียเพชร เท่โคตรๆ น่าจะเอาให้หนักกว่า แม่งพวกเดนสังคมจริงๆ

นาวาไม่น่าปล่อยไปเลย น่สจะให้พี่เพชรจัดการให้หนักๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-11-2015 01:02:44
อ่านไปก็กลัวไป
กลัวว่าพี่เพชรจะมาช่วยน้องไม่ทัน
แต่ในที่สุดก็ทัน เฮ้อออ 5555
เราแอบเห็นด้วยกับเม้นบนเรื่องคนจ้าง
เราว่าไม่น่าจะใช้เติร์กนะ

ขอบคุณคนเขียนค่า
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-11-2015 01:50:40
พี่จอมเห็นฉากที่นาวาเดินเข้าไปกอดพี่เพชรก็น่าจะฉุกใจบ้างนะว่านาวาคิดกับพี่เพชรยังไง :hao3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 03-11-2015 05:16:08
พี่เพชรเจ๋งโคตร
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 03-11-2015 06:31:09
เพชรได้ใจเลย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-11-2015 07:48:21
คือถ้าไม่ใช่แม่เลี้ยงก็คงเป็นน้องชาย ไม่น่าใช่เติร์ก
เติร์กน่าจะทำอะไรแยบยลกว่านี้ 55555
แต่พี่เพชรหล่อมากกก คึคึ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-11-2015 07:55:57
เพชรเท่มว๊ากกก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 03-11-2015 08:09:28
นาวาชอบหรืออาจจะรักเพชรเลยก็ได้
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 03-11-2015 12:58:17
พี่เพชรรรรรรีรเท่~~~~มาช่วยน้องได้ทันด้วย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 03-11-2015 14:49:55
ใจหายใจคว่ำ ในที่น้องนาวาก็รอดปลอดภัย
ใครมันใจร้ายทำกับนาวา เติร์กหรือแม่เลี้ยง หรือนน้องลูกแม่เลี้ยง

มาเฉลยเร็วๆนะคนเขียน รอ รอ รอ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 03-11-2015 14:53:14
วาไม่น่าห้ามเลย อิพวกคนเลวแบบนี้ต้องเอาให้เข็ด
โล่งอกที่เพชรมาทัน ลุ้นสุดๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-11-2015 19:03:05
ตอนนี้ยาวมาก อ่านสะใจมาก
อ่านไปลุ้นไป ตื่นเต้นน่าดู
ดีใจที่เพชรกับจอมเคลียร์กัน

ศิวาคงจะรักนาวาไม่เท่ากับความโลภ
สงสารนาวา ฝนที่คิดว่าชุ่มฉ่ำมาตลอด
กลับกลายมาเป็นฝนพิษไปได้ เฮ้ออ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 03-11-2015 22:24:45
วาต้องหัดเอาคืนบ้างเป็นเราคงไล่ไอ้คยนพวกนี้ไปนอนข้างถนนให้หมดเลย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 04-11-2015 21:20:48
เมื่อไหร่เรื่องร้ายๆ จะหมดไปจากชีวิตน้องวาสักที
ดีแล้วแหละที่มีพี่เพชรอยู่ข้างๆ
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 05-11-2015 08:47:24
ตอนนี้ยาวจุใจดีจริงๆนะ

ชอบพี่เพชรจังเลย วันนี้เป็นฮีโร่ของน้องวาละนะ
ชอบฉากที่พี่จอมกับพี่เพชรกอดคอกัน อ่านแล้วโคตรคิดถึงเพื่อนอ่ะ
เพลงของตอนนี้ก็ชอบค่ะ ดูเกร่งๆดี

รอตอนต่อไปอยู่นะ ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.11 ผีเสื้อปีกหัก part 3: Fire [3/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 07-11-2015 07:24:06
 o13
 :m31: :fire:
 :pig4:

มาต่อเรวๆนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 08-11-2015 08:59:53
Chapter 12
Ever Thine, Ever Mine, Ever Ours
Part 1.

 :L2: :กอด1: :L2:



You’re my silver lining.


ท่ามกลางสายฝนเย็นเฉียบที่เทลงมา
ผมหันกลับไปมองบ้านร้างหลังนั้น จากบานหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ทำให้เห็นควันและเปลวไฟลุกโหมในห้องนั้น ทิ้งไว้เพียงเศษซากของความหลังที่เจ็บปวดและน่าหวาดกลัวสำหรับนาวา แต่สำหรับผมมันเป็นเถ้าถ่านแห่งความแค้นที่ยังไม่ได้รับการสะสาง เปลวไฟท่ามกลางสายฝนที่ว่าร้อนเพียงไร ใจผมกลับแผดร้อนยิ่งกว่า ผมตั้งมั่นกับตัวเองในใจว่าจะต้องลากคอคนพวกนั้นมาให้ได้ แล้วจึงค่อยหยิบยื่นความทรมานให้พวกมันอย่างช้าๆ จนต้องร้องของชีวิต จะได้สาสมกับที่มันทำร้ายดวงใจของผม


แขนผมที่โอบนาวาไว้รับรู้ได้ว่าเขาตัวสั่น ผมไม่รู้หรอกว่าไหล่บางนี้สั่นเพราะความเย็นจากหยาดฝนหรือสั่นเพราะความหวาดกลัว สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือกอดกระชับเขาเอาไว้ ให้เขารู้ว่าผมยังยืนอยู่ตรงนี้ พร้อมที่จะเคียงข้างเขาเสมอ และที่สำคัญผมจะเป็นคนปกป้องเขาเอง


เมื่อเดินออกมาใกล้ที่ที่พวกเราจอดรถ เพื่อนของนาวาที่ผมให้ลูกน้องกันไว้ไม่ให้เข้าไปข้างใน รีบกรูเข้ามาเมื่อเห็นผมเดินโอบนาวาออกมาจากสถานที่สัปปะรังเคนั่น นิสาร้องไห้ซบกับไหล่ของผู้ชายตัวโตที่ชื่อว่าเก้าเมื่อเห็นสภาพเสื้อขาดลุ่ยของนาวา


“นาวา ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” นิสาถามเสียงเครือ เธอลูบหน้าลูบผมนาวาแผ่วเบา มือคู่นั้นสั่นเล็กน้อย


“วาไม่เป็นไรแล้วสา” นาวายิ้มบางให้เพื่อน พยายามทำหน้าตาสดชื่นแต่ดูฝืนเหลือเกิน


“กูจะไปกระทืบพวกมัน” แบงค์กัดฟันกรอดมองมาทางผมแบบไม่สบอารมณ์ ผมพอจะเข้าใจว่าพวกเพื่อนๆของนาวาอยากจะเข้าไปช่วยแค่ไหน แต่ก็ต้องให้ลูกน้องคอยกันไว้เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเอง ถ้าเกิดพวกมันมีอาวุธร้ายแรง ผมไม่อยากให้ทุกคนเข้าไปเสี่ยงด้วย อีกอย่างคนของผมฝีมือมากพอ ผมวางใจฝีมือลูกน้องว่าจะจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยตามผมสั่งหากผมต้องการลบใครออกไปจากสำมะโนประชากร


“ไม่เป็นไรแล้วแบงค์ พวกมันยังไม่ทันทำอะไร” นาวาพูดกับเพื่อน “พี่เพชรกับพี่จอมเข้าไปช่วยไว้ทัน”


“ดีแล้ว วาไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” เก้าคว้านาวาไปกอด เขาลูบหัวนาวาที่ซบตรงไหล่ “กลับกันเถอะนะ ไปกับอยู่กับเก้ากับเอ็มสักพักดีไหม วาไม่ได้ไปนอนห้องพวกเรานานแล้วนะ”


ผมหงุดหงิดยังไงชอบกล รู้หรอกว่านั่นมันเพื่อนนาวา แต่ผมอดหวงไม่ได้ ผมอยากเป็นคนเดียวที่ได้กอดได้ปลอบนาวาอย่างนั้น แต่ก็นั่นแหละผมได้แต่คิด ขืนแสดงความหึงหวงออกไปเพื่อนนาวาได้หมายหัวผมแน่ๆ ดูก็รู้ไอ้พวกนี้หวงเพื่อนอย่างกับอะไร พวกนายเป็นเพื่อนหรือพ่อกันแน่วะ


“ไม่เป็นไรหรอก วาอยู่เองได้” นาวาเงยหน้าจากไหล่กว้างของเก้า เด็กน้อยของผมขยับเข้ามาหาและกระตุกแขนเสื้อผมเบาๆ “พี่เพชร… วาอยากกลับบ้าน”


“บ้าน?” ผมฉงน “บ้านพี่ หรือบ้านวา”


“พาวากลับดรุณาทร ต่อไปนี้วาจะอยู่ที่บ้าน” น้ำเสียงนั่นฟังคล้ายจะออดอ้อน แต่ก็เหมือนคำสั่งอยู่ในที


“ไม่ได้ วาจะกลับไปบ้านนั้นทำไม ที่นั่นอันตรายนะวา สาว่าคนบงการเรื่องนี้ต้องเป็นใครสักคนในบ้านนั้นนะ” นิสาพูดขึ้น เธอดูไม่พอใจกับการตัดสินใจของนาวา


“วาครับ พี่ว่ากลับบ้านพี่ดีกว่า ไปหาอาม่ากันดีไหม เจ้พลอยก็อยากเจอนาวานะ” ผมพยายามหาทางออกที่เห็นว่าดีที่สุด แต่นาวากลับส่ายหน้าไม่เห็นด้วย


“กลับไปที่บ้านแหละถูกแล้ว ที่นั่นมันบ้านของวา ไม่ใช่ของใคร”


จอมทัพที่ยืนเงียบมาตลอดกลับพูดขึ้น แม้หน้านิ่ง แต่รอยยิ้มบางๆนั้นเหมือนคอยให้กำลังใจ น้ำเสียงเรียบนั้นกลับนุ่มนวลอบอุ่น มือมันลูบหัวนาวาอย่างทะนุถนอม ดูเหมือนจอมทัพจะเป็นคนเดียวที่เข้าใจความต้องการของนาวา เด็กน้อยของผมมองตาจอมทัพแล้วพลันวาดรอยยิ้มแห่งความมั่นใจไว้ประดับหน้า นาวายกยิ้มเหมือนได้รับกำลังใจอันเต็มอิ่มจากฝ่ามือของจอมทัพที่แปะอยู่บนหัว ผมได้แต่มองคนสองคนตรงหน้าท่ามกลางสายฝนที่เริ่มจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ฝนเย็นไม่ได้ดับไฟอิจฉาของผมให้มอดลงไปสักกระฝีกริ้น


“ได้ๆ เอางั้นก็ได้ ขัดไม่ได้อยู่แล้วนิ” ผมรีบเอ่ยแทรกบรรยากาศอบอุ่นชวนหงุดหงิดนั่น “รีบขึ้นรถเถอะก่อนฝนจะตกหนักกว่านี้”


“งั้นพวกเราจะไปส่งวาที่นั่นด้วย” เก้าพูดแล้วแยกตัวไปที่รถของตัวเอง


ชาติกดเล่นเพลงขณะรถเล่นออกสู่ถนนใหญ่ฝ่าฝนที่เริ่มตกกระหน่ำ เสียงฝนจากภายนอกตีกับหน้าต่างรถดังคลอกับเสียงดนตรีบรรเลงของบีโทเฟนที่เปิดทำลายความเงียบ ชาติเป็นบอดีการ์ดหนุ่มฝีมือเยี่ยมคนหนึ่งที่อาม่าส่งมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผม เขาขับรถไปเงียบๆพอๆกับจอมทัพที่นั่งข้างคนขับด้านหน้า จอมทัพมองออกไปนอกหน้าต่าง เพื่อนรักของผมยังคงเงียบงันเหมือนเคย


“พี่เพชร โทหาคุณทนายให้วาหน่อย” นาวาเอ่ยทำลายความเงียบ นาวากับผมนั่งอยู่เบาะหลัง


ผมเลิกคิ้วสงสัย แต่ก็หยิบมือถือขึ้นมา “จะโทรทำไม”


“วาอยากถามอะไรให้แน่ใจสักหน่อย”


“พี่ไม่มีเบอร์ทนายคนนั้นหรอกนะนาวา แต่จะจัดการให้” ผมพูดกับนาวา แล้วหันไปสั่งชาติที่กำลังขับรถอยู่ “ชาติ หาเบอร์ทนายความของดรุณาทรให้หน่อย”


“ได้ครับนาย” ชาติรับคำสั่ง เขาหยิบกดมือถือโทรออกแล้วคุยกับปลายสายเพียงครู่ “ผมให้คนเมสเสสเบอร์ของคุณทนายให้แล้วครับนาย”


สิ้นคำของผู้ช่วยคนเก่ง ผมได้รับข้อความพร้อมเบอร์ทนายหนุ่ม ผมกดโทรออกไปยังเบอร์ที่เพิ่งได้มาใหม่ แล้วยื่นมือถือให้นาวาที่กำลังทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง


“สวัสดีครับคุณทนาย ผมนาวาครับ… ครับใช่แล้ว คือผมอยากรู้ว่ากรรมสิทธิ์ของบ้านดรุณาทรยังเป็นชื่อของคุณย่าอยู่หรือเปล่าครับ… อ๋อเป็นชื่อผมแล้วเหรอครับ… ครับ… ครับ ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมขอโฉนดที่ดินทั้งหมดที่คุณย่าเคยถือครอง ส่วนเรื่องเงินฝากในธนาคารผมอยากให้โอนเข้าบัญชีของผมมากกว่า… ไม่ครับไม่ต้องเปิดใหม่… ครับแล้วค่อยสั่งปิดบัญชีของคุณย่า ส่วนเครื่องเพชรและทองคำที่ฝากไว้ในธนาคารผมอยากเก็บกุญแจตู้เซฟและเปลี่ยนรหัสใหม่ อ้อส่วนเรื่องที่บริษัท… ใช่ครับ ผมพอทราบมาบ้าง ยังไงรบกวนคุณทนายมาพบผมพรุ่งนี้ด้วยนะครับ … เวลาตามสะดวกเลยครับ สายๆหน่อยก็ดี …  งั้นตกลงตามนั้น สวัสดีครับ”


นาวายื่นโทรศัพท์ให้ผม ผมแอบยิ้มให้กับความเด็ดขาดบางอย่างของนาวา ผมไม่รู้หรอกว่าเขาจะทำอะไร หรือว่าลึกๆเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ดูท่านาวาเป็นคนคิดแล้วลงมือทำ น้ำเสียงของเขาดูมีอำนาจแฝงอยู่ในตัว ผมเริ่มคิดว่านาวาก็เหมาะแก่การเป็นคนของผมเหมือนกันนะ นาวาดูเด็ดขาดและเฉียบคมบอกไม่ถูก


เสียงฉีกเสื้อทำให้ผมหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ เด็กน้อยของผมฉีกเสื้อของตัวเองแล้วสะบัดเศษผ้านั้นเบาๆก่อนจะดึงแขนขวาของผมออกไป นาวาค่อยๆพันผ้าปิดแผลของผมเอาไว้ หน้าตาจริงจังนั่นทำเอาผมเผลอจ้องมองอย่างไม่วางตา ดวงตาสีอำพันสดใสมองมาที่แผลผมแล้วมีสีหน้าห่อเหี่ยว ปากบางเป่าลมเบาๆคล้ายปลอบประโลมไม่ให้ความเจ็บเพิ่มทบเท่าทวี ผมมองนาวาอึ้งๆ ไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับผมอย่างนี้ ปลายนิ้วที่สัมผัสแขนผมแผ่วเบาทำเอาใจผมเต้นรัว


“พันไว้ก่อน กลัวว่าเลือดจะไหลมากไปกว่านี้” นาวาเงยหน้าจากแผลขึ้นมาจ้องหน้าผม “เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า ดูหน้าแดงๆนะ”


“อะ เอ่อ เปล่าๆไม่เป็นอะไร” ผมรู้สึกเหมือนโดนมดกัดที่แก้ม ใจผมเต้นเกว่งไปเพราะคิดไปเองว่าเขาคงจะเป็นห่วงผม ท่าทางจริงจัง กับมือจับแผ่วเบาตอนพันแผลให้ ยังติดตาตรึงใจผมอยู่เลย


“แวะโรงพยาบาลทำแผลก่อนไหมเพชร” จอมทัพพูดขึ้น


“นั่นสิพี่เพชร ไปโรงพยาบาลเถอะ” นาวาพูดกับผมแล้วหันไปสั่งชาติที่กำลังขับรถ “คุณครับแวะโรงพยาบาลก่อนนะ”


“ครับคุณนาวา” ชาติขานรับ


“แวะโรงพยาบาลก็ดีเหมือนกัน” ผมเชยคางนาวาขึ้นมาแผ่วเบา “วาเองก็ต้องไปทำแผล” รอยช้ำตรงขอบปากยิ่งดูยิ่งทำให้ผมโกรธ พวกมันกล้าดียังไงมาแตะต้องนาวาของผม


สรุปว่าคืนนั้นกว่าจะกลับบ้านได้ก็ต้องแวะทำแผลกันที่โรงพยาบาลก่อน ผมเองก็โดนเย็บไปหลายเข็มอยู่เหมือนกัน แผลมันลึกและกรีดเป็นทางยาวด้วย นาวาตกใจหน้าซีดเมื่อรู้ว่าผมต้องโดนเย็บแผลแบบสดๆ เจ้าคนตัวเล็กอยากให้หมอฉีกยาสลบผมก่อน เขากลัวผมจะเจ็บ หึหึ เด็กเสียจริงๆ หมอที่ไหนเขาจะฉีดให้ แผลแค่นี้ไม่ต้องใช้ยาสลบหรอก ผมไม่ได้มีแผลร้ายแรงถึงขนาดต้องพึ่งยาสลบ ไม่ได้โดนยิงซะหน่อยนะไอ้เด็กดื้อ ผมแอบขำกับอาการตกใจของเขา และเมื่อเห็นเขาปรี่เข้ามาถามไถ่หลังจากเย็บแผลเสร็จผมยิ้มเสียจนแก้มแทบปริ สีหน้าห่วงใยของเขาทำให้ผมหายเจ็บไปโดยปริยาย


กว่าจะถึงบ้านของนาวาก็เกือบจะสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ฝนที่เคยกระหน่ำตอนนี้ก็หยุดลงแล้ว รถของพวกเราจอดอยู่หน้ารั้วสีทองอันใหญ่มีสัญลักษณ์รูปตัว D ติดอยู่ทั้งสองฝั่งของบานประตู ชาติบีบแตรรถเร่งให้คนมาเปิดประตูรั้ว ไม่นานมียามคนหนึ่งเดินออกมาตรงรั้วบ้าน


“มาหาใครครับ” ยามยืนเก้ๆกังๆอยู่ข้างรั้ว


นาวาลดกระจกรถลง “ไม่ได้มาหาใคร” น้ำเสียงของเจ้าตัวเล็กฟังดูไม่พอใจ ก็บ้านตัวเองจะมาหาใครอีก ผมว่าคู่หมั้นผมเริ่มเข้าบทโหดยังไงไม่รู้


“คุณหนู!” ยามคนนั้นมีท่าทีประหลาดใจ รีบกุลีกุจอกดรีโมทเปิดประตูบ้าน


รถของพวกเราขับผ่านสวนสวยต้นไม้ร่มรื่น ผ่านลานน้ำพุขนาดใหญ่แล้วจอดใกล้ๆกับเทอเรสหินอ่อนหน้าบ้านหลังงาม นาวาก้าวลงจากรถ เด็กน้อยของผมเงยหน้ามองบ้านของตัวเองโดยมีผมและจอมทัพยืนอยู่ข้างๆ รถของเก้าที่ขับตามมาก็จอดใกล้ๆกับที่ที่ชาติจอด เพื่อนๆของนาวาลงมาจากรถ แต่ละคนมองสำรวจบ้านของนาวาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ


“นี่บ้านของแกจริงๆเหรอวา” เอ็มยิ้มล้อนาวา “ไม่น่าเชื่อว่าคนเค็มๆอย่างแกจะอยู่คฤหาสน์”


“ถ้าไอ้วามันไม่เล่าเรื่องของมันให้เราฟัง กูว่ามันพามาผิดบ้านชัวร์” แบงค์แอบหัวเราะหยอกเพื่อนเบาๆ


“ไม่ได้มาเสียนาน… อ่างบัวไม่อยู่แล้ว” เสียงของจอมทัพทำเอาผมต้องหันไปมอง เพื่อนรักของผมเคยมาที่นี่? ทำไมนาวากับ
เพื่อนของผมคนนี้ดูมีความทรงจำอะไรร่วมกันบางอย่าง สักวันผมจะเค้นออกมาให้ได้ แต่ตอนนี้ขอแอบหงุดหงิดก่อนเถอะ ดูซิครับ นาวาหันไปพยักหน้ากับจอมทัพแล้วพูดเสียงหวานกับมันอีก


“นั่นสิพี่จอม คิดถึงเนาะ อ่างบัวลายสวยมากๆเลย” นาวายังไม่วางตาจากไอ้จอม


“สวยตรงไหน มีแต่รอยสีเทียนของวาเต็มไปหมด” จอมทัพยิ้มออกมา ผมเป็นเพื่อนมันยังหาโอกาสยากที่จะเห็นมันยิ้ม แต่กับนาวาไอ้จอมยิ้มเหมือนคนบ้า โว้ย! อยากจะงับหัวมันทั้งสองคน มองหน้ากันอยู่นั่นแหละ คนอื่นเขาก็ยืนอยู่นะเฟ้ย


“มันก็สวยเพราะวาวาดรูปไว้ไง พี่เองก็ช่วยวาดนี่นา”


“เราบังคับพี่ต่างหาก ก็ตอนนั้นเด็กบางคนขี้แยไม่มีเพื่อนเล่นแล้วดันมาบังคับพี่ให้…”


ยอมรับก็ได้ ผมโคตรจะหงุดหงิด ทนฟังสองคนนี้รำลึกความหลังกันต่อไปไม่ไหวแล้วครับ ผมเลยเอาตัวแทรกกลางระหว่างสองคนนั่นเลย เอาสิจะว่าผมหน้าด้านก็เชิญ ผมตีหน้าเรียบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แล้วก้มไปคุยกับเด็กเตี้ยที่มองหน้าผมอย่างงๆ


“จะได้เข้าบ้านไหมครับ คุณเจ้าของบ้านคนใหม่?” ผมถามนาวา


“เออนั่นสิ” นาวาผายไหล่แล้วก้าวขึ้นบันไดหินอ่อน “เข้าบ้านกันเถอะ”


ไอ้จอมหันมามองทางผมแววตาของมันส่อความว่า กูรู้นะมึงคิดอะไรอยู่ เข้ามาแทรกทำไม แต่ผมแค่ยักไหล่ทำหน้าตาไม่ใส่ใจอะไร แล้วเดินลิ่วเข้าบ้านหลังนี้ที่ผมมาเยือนเป็นครั้งที่สอง


หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 08-11-2015 09:08:19
ประตูไม้บานคู่ประดับกระจกสลักลายเถาวัลย์และดอกไม้ถูกนาวาผลักออกเปิดสู่ตัวบ้าน นาวานำทุกคนเข้าสู่โถงทางเดินกว้างพาพวกเราไปสู่โซนรับแขกที่มีคนกำลังนั่งดูทีวีอยู่ ถ้าผมจำไม่ผิดคนที่นั่งอยู่น่าจะเป็นแม่เลี้ยงกับน้องชายต่างมารดาของนาวา สองคนนั้นหันมามองด้วยสายตาประหลาดใจ


“แก” ผู้หญิงคนนั้นชื่อวิลาสินี แม่เลี้ยงของนาวาแผดเสียงขึ้นจนผมแปลกใจ คนอะไรเสียงแหลมจริงๆ “แกเข้ามาได้ยังไง ใครปล่อยให้เข้ามา บุกบ้านคนอื่นยามวิกาลแบบนี้ฉันจะเอาตำรวจมาลากคอแกออกไป”


“โห อย่างกะในละครแน่ะ อ่อ… ดูทีวีอยู่ด้วย สงสัยจะอินไปหน่อย เปิดตัวได้นางร้ายมากขอบอก” นิสากอดอก พูดออกมาราวคุณวิไม่ได้อยู่ตรงนี้ ผมเกือบหลุดหัวเราะเหมือนคนอื่นๆไปแล้ว


“หล่อนว่าใครยะ คิดจะตีฝีปากกับฉันเหรอนังเด็กกุ๊ย”


“อุตาย ดิฉันไม่กล้าตีฝีปากกับคุณนายหรอกค่ะ ใครจะไปปากตลาดเท่า แต่ถ้าตีปากล่ะก็ไม่แน่ บ้านตัวเองก็ไม่ใช่แต่ดันวางท่าซะ
ใหญ่โต” นิสาทำตัวเหมือนแม่นาวามากๆครับ ผมว่าคนที่อินกับละครน่าจะเป็นน้องสามากกว่า แต่ก็นั่นแหละ เพราะนาวาไม่พูดนิสาเลยต้องพูดแทน บ้านหลังนี้เป็นของนาวาโดยชอบธรรม ผมเองก็ออกจะเคืองหน่อยๆที่คุณวิออกปากไล่นาวาทันทีที่เห็นหน้า


“เธอว่าแม่ฉัน” วรากร กำมือแน่น


“แล้วเห็นฉันถอนหงอกใครล่ะ ก็คนนั้นแหละ” นิสาเท้าสะเอวจ้องอีกฝ่ายเขม็ง


“สา ไม่เอาน่า” นาวาปรามเพื่อน แล้วหันไปคุยกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ผมคิดว่าน่าจะเป็นแม่บ้านของที่นี่ “ตวง…”


“คุณหนูของตวง” หญิงวัยห้าสิบปรี่เข้ามากอดนาวาเอาไว้ “เกิดอะไรขึ้นคะ คุณหนูเนื้อตัวมอมแมม แถมเปียกหมดอย่างนี้”


“เล่นสนุกนิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอก” นาวายิ้มราวไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น “ตวงให้เด็กขึ้นไปเตรียมห้องใหญ่ให้ฉันนะ ต่อไปฉันจะนอนห้องนอนใหญ่ ช่วยเตรียมน้ำในอ่างให้ทีเสร็จแล้วมาเรียก ฉันจะเข้าไปอาบน้ำพลางๆ ระหว่างนี้ให้คนมาดูแลแขกของฉันที”


“ค่ะ ได้ค่ะคุณหนู” ตวงรับคำสั่งน้ำเสียงดีใจ “สายใจแกไปกับฉัน” แม่บ้านออกไปกับสาวใช้อีกคน


“เธอจะเปิดห้องนอนใหญ่ทำไม คุณแม่ท่านสั่งทุกคนไม่ให้ใช้ห้องนั้น” คุณวิสะบัดผมยาวระบ่า ดูไม่พอใจที่นาวาสั่งคนให้เตรียมห้องนอนใหญ่


“วาว่าคุณน้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า คุณย่าไม่ได้ห้ามทุกคน คุณย่าห้ามน้าวิกับวรากรต่างหาก ตอนนั้นวาอยู่ในเหตุการณ์ทำไมจะจำไม่ได้ หรือสมมติว่าคุณย่าจะห้ามแต่ตอนนี้บ้านหลังนี้ก็เป็นของวา จะใช้ห้องไหนมันเป็นสิทธิ์ของวานะครับน้าวิ”


คุณวิลาสินีได้แต่ฮึดฮัดไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่ได้แย้งอะไรออกมา


นาวานั่งลงบนโซฟา หยิบรีโมทปิดทีวี


“ฉันดูอยู่นะ” เด็กที่ชื่อวรากรเหว


“แต่ฉันหนวกหู” นาวาหันไปบอกอีกฝ่าย แล้วหันมาหาพวกเรา “นั่งสิทุกคน เปียกกันหมดเลย”


“ไม่ได้นะ ตัวเปียกสกปรก ห้ามนั่งบนชุดโซฟาของฉัน” คุณวิแย้ง ผมเริ่มขมวดคิ้วรำคาญ อะไรๆเธอก็ขัดนาวาตลอด ผมเริ่มจะสงสัยความสัมพันธ์ของแม่เลี้ยงคนนี้กับนาวาเสียแล้วสิ


“วาจำได้ว่าคุณพ่อเป็นคนซื้อโซฟาชุดนี้มา ไม่ใช่ของคุณน้าสักหน่อย” นาวาพูดกับคุณวิแล้วหันมาสนใจพวกเรา “แต่ช่างเถอะนั่งไปเลยฉันไม่ถือ เลอะเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะพรุ่งนี้ฉันจะโล๊ะทิ้ง”


นิสาหัวเราะดีใจจนออกนอกหน้า พวกเราเลยนั่งลงโดยไม่สนเสียงท้วงของคุณวิ ก็เจ้าของบ้านเขาออกปากให้นั่งจะให้ทำไง ขณะเดียวกันสาวใช้สองคนถือถาดขนมและชาร้อนๆมาให้


“นี่พวกเธอ” วรากรหันไปดุสาวใช้หลังจากทั้งสองเสิร์ฟชาและขนมให้พวกเราเสร็จแล้ว “ฉันกับคุณแม่ก็นั่งอยู่ตรงนี้ ไม่คิดจะเอาอะไรมาเสิร์ฟกับเขาบ้างหรือยังไง”


“ขะ ขอโทษค่ะคุณกร ก็พอดีคุณตวงเธอบอกดิฉันให้ยกมาเสิร์ฟแขกของคุณหนูใหญ่” ผมเลิกคิ้ว สาวใช้เรียกนาวาว่าคุณหนูใหญ่ น่ารักซะไม่มี (มันใช่เวลาจะมาชมกันไหมเนี่ย)


“อ๋อ พอนายใหม่มาก็ลืมนายเก่างั้นสิ จะไล่ออกทั้งยายตวงทั้งพวกเธอเลยดีไหม” วรากรกอดอกไม่พอใจ


“กร…” นาวาเหลือบมองน้องชายต่างมารดา น้ำเสียงเรียบเฉย “เธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่คนของฉัน”


“สิทธิ์ในฐานะที่เป็นลูกคุณพ่อคนหนึ่งไง” วรากรเถียงพี่ชาย


“หึ ลูกของคุณสุวิศิษฏ์” นาวาเหยียดยิ้มให้กับอากาศตรงหน้า แล้วหันกลับไปพูดกับวรากร “แต่เธอก็ไม่มีอำนาจในบ้านหลังนี้ ไม่มีสิทธิ์ในบริษัท ไม่มีสิทธิ์ในมรดกที่เหลือ เชิญเธอใช้สิทธิ์ของเธอกับทรัพย์สินที่คุณย่าแบ่งให้ให้เต็มที่แล้วอย่ามาก้าวก่ายในที่ที่เป็นของฉันอีก ไม่ว่าจะเป็นเธอ พี่ชายเธอ หรือแม่ของเธอ ก็ไม่มีอำนาจมายุ่งวานวายกับทุกอย่างของฉัน”


“แก มันจะมากไปแล้วนะไอ้เด็กสามหาว ฉันเป็นเมียถูกต้องตามกฎหมายของพ่อแก ทำไมฉันจะใช้อำนาจของในฐานะเมียของคุณศิษฏ์ทั้งในบ้านและในบริษัทไม่ได้”


ปัง!


นาวาตบโต๊ะ แล้วลุกขึ้นมองไปทางคุณวิลาสินีที่กำลังเท้าสะเอวด้วยความไม่พอใจอยู่


“เพราะนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป บริษัทของคุณย่าและบ้านหลังนี้จะเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว”


“ฉันไม่ยอม! ฉันเองก็เป็นลูกคุณพ่อคนหนึ่งเหมือนกัน ฉันต้องได้ในสิ่งที่แกได้สิ แกตัดสิทธิ์พวกเราทำแบบนี้มันจะเกินไปหรือเปล่า”


“น้อยไปด้วยซ้ำ” นาวากอดอก แล้วเลิกคิ้วเหมือนคิดอะไรออก “อ้อ ฝากบอกแม่เธอด้วยนะว่าพรุ่งนี้เช้าฉันตื่นมาหวังว่าจะไม่เห็นเธอสองคนแม่ลูกอยู่ในบ้านหลังนี้อีกแล้ว”


“กรี๊ด ไอ้นาวาวันนี้ฉันต้องสั่งสอนแกบ้างแล้ว” คุณวิปรี่เข้ามาจะทำร้ายนาวา ผมต้องรีบเอาตัวบังเอาไว้ มือของเธอเกือบตบโดนแผลที่เพิ่งเย็บเสร็จของผม


“คุณวิ! จะทำอะไรกรุณาให้เกียรติคู่หมั้นผมหน่อย” ผมห้ามเธอ คุณวิหอบเพราะเหนื่อยหรือเพราะโกรธผมไม่แน่ใจ


“คุณเพชร” คุณวิคุยกับผม “ถ้าจะหมั้นกับคนบ้านนี้ทำไมไม่หมั้นกับตากรคะ หมั้นกับไอ้เด็กร้ายกาจคนนั้นทำไม หรือเพราะโดนคุณหญิงผกาบังคับ? ฉันพูดให้ได้นะ ถอนหมั้นกับเด็กคนนี้ซะเถอะ คุณเพชรก็เห็นว่ามันปากร้ายขนาดไหน ฉันเป็นคนรุ่นแม่มันแล้ว จะทำอะไรมันยังไม่เห็นหัวเลย”


“ผมจะหมั้นกับใครไม่มีใครบังคับผมได้หรอกครับ ต่อให้เป็นอาม่าเองก็เถอะ ฉะนั้นคุณวิก็อย่าทำกริยาไม่ดีกับคู่หมั้นของผมเพราะผมไม่ใช่คนที่ใจดีนัก ถ้าเกิดผมไม่พอใจขึ้นมาธุรกิจทัวร์ที่คุณวิลงหุ้นกับเพื่อนก็จะพังลงได้ ผมเตือนคุณด้วยความหวังดี”


“ใครอยู่ตรงนั้น ออกมานี่หน่อย” นาวาเรียกสาวใช้ที่ด้อมๆมองๆเจ้านายกำลังเถียงกันอยู่ “พาสองคนนี้ไปสงบสติอารมณ์ที่ห้องเขาที แล้วฝากกำชับเขาด้วยล่ะ ว่าพรุ่งนี้ให้ย้ายออกไป”


คุณวิลาสินีและวรากรจะไม่พอใจเอามากที่นาวาตัดสินใจไล่เขาออกจากบ้านแบบนี้ ถ้าหากว่าไม่มีที่ไปผมก็คงเห็นใจพวกเขาอยู่ครามครัน แต่นี่เงินมรดกก็ได้ไปคนละหลายสิบล้านที่ดินคุณหญิงรำไพก็ยกให้ส่วนหนึ่ง แม้จะเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับทั้งหมดที่มีแต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย นาวาซะอีกที่โตโดยไม่มีความสะดวกสบายแบบนี้ ผมยังไม่เคยยินเขาเรียกร้องอะไรจากใครเลยสักคำ


เมื่อคนพวกนั้นออกไป บรรยากาศระหว่างพวกเราก็ดูผ่อนคลายขึ้น นิสาหัวเราะสะใจยกใหญ่ ดูท่าน้องสาจะพอใจกับการตันสินใจของนาวาอยู่มากทีเดียว จอมทัพนั่งจิบชาเงียบๆ แต่สายตาห่วงใยของเขาก็ส่งให้นาวาอยู่เป็นระยะๆ ไม่ต่างอะไรกับเพื่อนๆของเขาที่เหลือ ที่น่าแปลกใจคือ หลังจากให้คนกันคุณวิกับวรากรออกไปมือของนาวากำนิ้วก้อยของผมไว้ เขาคงไม่กล้าจับมือผม แต่เอาเถอะแค่นิ้วก้อยผมก็แอบดีใจแล้ว มือของนาวาเย็นเฉียบ… ผมเพิ่งรู้ว่าที่ปากกล้าไม่กลัวใครเมื่อกี้ คนตัวเล็กของผมก็แอบหวั่น ผมเลยจับมือนาวาไว้ รวบจับไว้ทั้งมือ ให้ฝ่ามืออุ่นๆของผมปลอบประโลมฝ่ามือสั่นเย็นของนาวา


นาวาพยายามดึงมือออกเมื่อเห็นว่าเพื่อนๆเริ่มมองมาที่เราสองคน แต่เรื่องอะไรผมจะปล่อย งานนี้ผมตีหน้าเฉยราวไม่ได้เกิดอะไรขึ้น เห็นนาวาทำปากงุบงิบเหมือนจะว่าอะไรผมสักอย่าง ตลกดีครับ แล้วเจ้าตัวก็เลยเสเปลี่ยนเรื่อง ทำลายบรรยากาศเงียบๆที่มีอยู่


“ทุกคนจะนอนที่นี่ไหม ดึกมากแล้วจะได้ให้คนช่วยเตรียมห้องให้” เจ้าของบ้านหมาดๆพูดขึ้นมาอย่างใจดี


“ไม่ล่ะ พวกกูว่าจะกลับแล้ว” เอ็มกัดขนมเข้าปาก “พี่จอมี่เพชร กลับพร้อมพวกเราใช่ไหมครับ”


อ้าว พวกเอ็งจะกลับแล้วมาโยนคำถามแบบนี้ใส่ข้าทำไม อันที่จริงผมว่าน้ำเสียงของไอ้เอ็มมันไม่ฟังดูเป็นคำถาม ฟังคล้ายบังคับชอบกล คือจะไม่ใช้ใครอยู่เป็นเพื่อนเพื่อนมึงเลยว่างั้น เรื่องอะไรผมจะยอมละครับ คู่หมั้นของผมนะครับ ผมจะอยู่กับเขา อีกอย่าง… ผมยังไม่ได้ปลอบนาวาเลย


“อืม” จอมทัพพยักหน้า


ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว เหมือนจะบังคับให้ผมกลับไปเสียให้ได้


“ว่าไงครับพี่เพชร” ไอ้แบงค์น้องรหัสที่ผมกำลังจะตัดออกจากสายมันหันมาถามแกมบังคับผม เชอะ เรื่องอะไรข้าจะยอมพวกเอ็งง่ายๆ รู้จักตรีเพชรน้อยไปเสียแล้ว


“พี่เจ็บแขนจังเลยวา” บีบเสียงให้ฟังดูเศร้าไว้ครับ แต่อย่าทำให้มันฟังดูสำออย เห็นอย่างนี้ผมน่ะพระเอกละครเวทีสองปีซ้อนนะขอบอก “ขับรถกลับกลัวจะเจ็บแผล”


“แต่วันนี้พี่มีคนขับรถมานี่ครับ” ไอ้แบงค์พูดดักคอ


“อ้อชาติน่ะเหรอ พี่จะให้เขาไปส่งไอ้จอมมัน บ้านอยู่คนละทางกันน่ะ วกไปวกมามันไกล” ผมแถ


“งั้นกลับกับพวกผมก็ได้ เบียดๆกันหน่อย แต่รับรองผมส่งพี่เพชรถึงที่แน่นอน หายห่วง” เก้าออกความเห็น พวกมึงจะลากให้กูกลับไปให้ได้ใช่ไหม ไอ้เพื่อนขี้หวง


“โอ๊ยป่านนี้คนที่บ้านหลับแล้วมั้ง” ผมโกหก “กลับคอนโดก็ลำบากอ่ะ” คอยดูท่าไม้ตายกูมั่งเถอะพวกมึง ผมช้อนตาหงอยๆใส่นาวา ไม่ให้ดูออดอ้อน แต่ส่อแววเหมือนคนกำลังถูกทิ้ง แล้วบีบกระชับมือนาวาที่ผมกุมอยู่ “อยู่คนเดียวคงไม่มีใครช่วยดูแล… เจ็บแผล”


ขอรางวัลการแสดงยอดแย่ให้ผมหน่อยเถอะครับ ไอ้พวกนั้นไม่เชื่อเรื่องที่ผมกุขึ้นมาหรอก ผมได้ยินเสียงฮึ่มๆในคอของพวกมัน ไม่พอใจก็ช่วยไม่ได้เพราะกูหน้าด้าน ฮ่าๆ มีเพียงนิสาและคนที่ผมจับมืออยู่เท่านั้นที่ดูเหมือนจะหลุดหัวเราะ นี่ผมไม่ได้มาแสดงปาหี่นะ แค่อ้อน(คนที่กำลังจะมาเป็น)แฟนเท่านั้น


“งั้นพี่เพชรอยู่นี่เถอะครับ วาจะช่วยดูแผลให้”


ผมหันไปยักคิ้วโชว์เหนือกว่าใส่พวกน้องๆขี้หวง คนมันแน่กว่าก็งี้แหละ


ผมและนาวออกมาส่งทุกคนที่หน้าบ้าน มือตุ๊กแกของผมก็ยังไม่ยอมปล่อยมือนาวาหรอกครับ ขอผมประกาศความเป็นเจ้าของมั่งเหอะ เดี๋ยวคนโน้นโอบทีคนนี้ปลอบทีผมหวงจะแย่อยู่แล้ว คืนนี้ก็จะเป็นอีกคืนที่ผมได้ใกล้ชิดเด็กน้อยของผมสินะ คิดแล้วก็ปิดรอยยิ้มไว้ไม่มิด สงสัยหน้าผมมันคงยิ้มระรื่นเกินไปเลยโดนไอ้จอมทักเอา


“มึงหายเจ็บแผลแล้วเหรอเพชร ยิ้มหน้าบานแล้วนิ กลับบ้านได้ใช่ไหม” ถ้ามึงเงียบไปเหมือนที่เคยๆกูจะไม่มองแรงใส่มึงเลยไอ้จอมทัพเพื่อนยาก


“โอ๊ย …” ผมทำหน้าน่าสงสาร “มันเหมือนจะแสบๆน่ะวา”


“พี่เพชรแม่ง คอยดูผมจะฟ้องทั้งสายรหัสหน้าม่อไม่มีใครเกิน” ไอ้แบงค์คาดโทษผมได้น่ากลัวมากครับ ฟ้องไปเลยเชิญตามสบาย อย่างกับกูจะกลัว


“วาดูเพื่อนวาว่าพี่สิ” ผมฟ้องเจ้าตัวเล็ก


“มึงก็ดูพี่เพชรก่อนเถอะ สงสัยคงอยากได้ออสก้าแสดงนำชาย” ไอ้แบงค์ก็ไม่ยอม


“เห้อ พอกันทั้งสองคนแหละ” นาวาส่ายหน้าให้กับผมและแบงค์ “พี่จอมครับรอวาด้วย” แล้วไอ้เตี้ยก็สลัดมือจากผมไปเลย


น้ำคางพร่างพราวในเวลาที่ทุกคนออกมายืนส่งกันตรงเทอเรสหน้าบ้าน วันนี้เป็นวันที่มีอะไรเข้ามามากมายจนแทบจะตั้งตัวไม่ติดจริงๆ แต่ดูเหมือนนาวาจะผ่านมันมาได้เพราะมีเพื่อนๆที่เข้าใจและเป็นห่วง เรื่องผผิดใจกันของผมและจอม เราก็ข้ามผ่านมันมาได้เพราะคำว่าเพื่อนรักที่ค้ำคอ ผมไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะมีเรื่องแย่ๆอะไรรออยู่อีกหรือไม่ แต่ผมเองก็ไม่หวั่น เพราะผมมั่นใจแล้วว่า ผมและนาวาจะมีคนที่คอยห่วงและเข้าใจอยู่รายล้อม ถึงเพื่อนนาวาจะมีท่าทีกีดกันผมไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ผมเข้าใจได้ แถมยังยินดีด้วยซ้ำที่คนของผมมีเพือนที่ดี มีคนที่คอยให้กำลังใจอย่างจอมทัพ และเขาเองก็น่าจะรู้ว่าเขายังมีผมที่จะคอยปกป้องเขา
แม้ผมจะต้องบาดเจ็บแค่ไหน ผมก็จะไม่ยอมให้เขาเป็นอะไร


“พี่จอมครับ วันนี้วาขอบคุณมากนะ ถ้าไม่ได้พี่กับพี่เพชรวาคง…”


“ไม่เอาน่า อย่าพูดแบบนั้น มันจบไปแล้วอย่าใส่ใจเลย” จอมทัพใช้ฝ่ามือใหญ่โยกหัวนาวาอย่างเอ็นดู นาวาโผเข้าอ้อมกอดของ
จอมทัพจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน ผมเพิ่งเห็นจอมทัพหน้าแดงก็ตอนนี้ ผมแอบยิ้มให้กับท่าทีประหลาดใจของเพื่อน มันทำตัวไม่ถูก มือไม้ของมันแข็งค้างอยู่กลางอากาศ ไอ้จอมดูงงๆแต่แล้วก็เอามือโอบหลังนาวาไว้เบาๆ มันหันมามองผมด้วยสายตาที่มีแค่ผมและมันเท่านั้นที่เข้าใจ ผมพยักหน้าให้เพื่อนก่อนจะยิ้มให้มัน แล้วจอมทัพก็โอบนาวาไว้ มันคงอยากปลอบนาวาในแบบของมันบ้าง ผมก็ใจกว้างและเป็นนักกีฬามากพอที่จะไม่หึงหวงจนเกินเหตุ เพราะผมรู้ดีตอนนี้หัวใจของนาวายังไร้คนครอบครอง


“ไอ้หนูแว่น กอดแต่พี่จอมแล้วพวกกูล่ะ” แบงค์ยีหัวนาวาที่เพิ่งผละออกจากจอมทัพ


“กูไม่ได้แว่นแล้วนะ” นาวาเถียง


“ยังไงมึงก็เป็นไอ้แว่นสำหรับพวกกูนั่นแหละ” เก้าดีดหน้าฝากนาวาเบาๆ


แล้วพวกเพื่อนๆก็รุมกอดนาวา จนคนตัวเล็กในอ้อมกอดของพวกนั้นหลุดยิ้มขึ้นมาอย่างสบายใจ ผมและจอมทัพเองที่ยืนสังเกตอยู่ด้านนอกยังเผลอยิ้มตามไปด้วยเลย นั่นสินะที่เขาว่าฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ ผมเพิ่งได้เห็นความงามของ Silver lining จากรอยยิ้มของคนตรงหน้านี้เอง…




*******


 :laugh: :laugh: :laugh:





TBC.
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 08-11-2015 09:49:17
ถ้านี่เป็นละคร เราจะขอยื่นมือเข้าไปในทีวี
แล้วตบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยัยคุณวิ กับวรากร กับลูกชายคนโตซะให้จบๆ
แต่นี่เป็นนิยาย ขอยืมมือน้องนิสาตบแทนแล้วกันนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-11-2015 09:53:57
แอบหน่วงๆ แทนพี่เพชร เหมือนไม่มีตัวตน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 08-11-2015 10:31:22
ทำแบบนี้มันเหมือนไปกดดันอีกฝ่ายรึป่าวนะ ยิ่งไปโหด ไปแรงใส่เขานาวาจะยิ่งอันตรายรึป่าว เง้อออ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 08-11-2015 10:39:30
โอ้ยยย แซ่บมากๆๆๆ หวังว่าตอนต่อไปจะไม่เกิดเรื่องแย่ๆขึ้นนะ
ตอนหน้าน้องวาจัดเต็มเลยลูก เดี๋ยวป้าจะคอยเป็ย กำลังใจห่างๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 08-11-2015 11:02:04
สมน้ำหน้านังเมียน้อยนั้นสมควรไปนอนข้างถนนจริงๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-11-2015 11:06:44
นาวาสุดยอด ใจแข็งบ้างน่ะดีแล้ว
ดีใจที่เพชรขออยู่ด้วย อดเป็นห่วงวาไม่ได้
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-11-2015 11:09:04
พี่เพชรสตอได้โล่จริงๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 08-11-2015 11:18:20
น้องวา ต่อไปหนูต้องแข็งแกร่งนะ  สู้! :3125:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 08-11-2015 11:44:22
#ทีมพี่เพชร
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 08-11-2015 12:17:21
สองแม่ลูกนั่นมันสมควรจะถูกไล่ออกจากบ้านจริงๆ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 08-11-2015 13:41:26
บอกเลยว่าสะใจมากกกกก

รอดูว่าใครเป็นคนทำร้ายนาวา ยังแค้นไม่หาย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 08-11-2015 13:47:12
พี่เพชรตีบทแตกมากกก หมั่นไส้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mori406 ที่ 08-11-2015 13:50:56
 :mew1: :mew1: :mew1:

ขอบคุณๆค่ะ คนเขียน



รออ่านตอนต่อไป ความสนุกที่หยุดไม่ได้ :hao7:

รอคอยค่ะ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-11-2015 15:57:59
 :z2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 08-11-2015 18:38:29
 :hao6:  แหล่มมากนู๋วา งานนี้เอาให้หนัก จัดให้เยอะๆ แต่ระวังตัวด้วยนะ มันคงแค้นไม่ใช่น้อย

เอาจริงๆ พวกมันสองแม่ลูกควรจะออกไปตั้งแต่วันที่พินัยกรรมเปิดออกมาแล้วด้วยซ้ำ

หน้าด้านจริงๆ  ทั้งแม่ทั้งลูกเลย สมควรแล้วที่นิสาตอกให้หงาย  :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 08-11-2015 19:08:24
ยังสะใจไม่พอข่าาาาาาาาา นาวาเอาอีกๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 08-11-2015 19:22:29
สะใจจัง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 08-11-2015 23:27:27
สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 09-11-2015 00:47:47
ยกรางวัลให้พี่เพชรเลย ตีบทแตกกระจายจริงๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 09-11-2015 01:02:15
ทำโล่แปบ

จะมอบแด่เพชร
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 09-11-2015 04:14:07
ขอกอดนาวาด้วยอีกคน เดี๋ยวนี้พี่เพชรเจ้าเล่ห์ใหญ่แล้วนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 10-11-2015 10:52:16
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกพี่เพชรน่ารักจังเลย คนอาร๊ายกะล่อนเหลือเกิน

สะใจมากที่นาวาเด้งยัยแม่เลี้ยงออกไปจากบ้านสักที :katai4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 12-11-2015 12:42:41
5555 อ่านตอนนี้แล้วสะใจอ่ะ
พี่เพชรก็จะน่ารักไปไหน มันทั้งหน่วงและฟินและตลกและสะใจปนๆกันไป


รีบๆมานะคะ อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Soda.wine ที่ 14-11-2015 00:09:29
 :serius2: มาต่อให้เย็ว เย็ว น๊าาาาา เค้ารออยู่
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 14-11-2015 03:11:41
วาสายโหด มั๊กกมั่ก  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 1 [8/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 16-11-2015 13:04:59
นาวาหายไปไหน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 17-11-2015 12:42:47
Chapter 12
Ever Thine, Ever Mine, Ever Ours
Part 2.

 :L2: :กอด1: :L2:



เรื่องเล่าของคืนนี้น่าอายเหลือเกิน…

 
น่าอายจนไม่อยากยอมรับ


ละอองน้ำจากฝักบัวไม่สามารถคลายความร้อนรุมของผมได้ โชคร้ายที่ตวงพรเตรียมน้ำอุ่นไว้เต็มอ่างในขณะที่ผมจำเป็นต้องแช่น้ำเย็นจัดเพื่อดับความร้อนที่กำลังระอุ หากจะโทษว่าเป็นเพราะอากาศร้อนเห็นว่าจะเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น พายุฝนของคืนนี้เพิ่งสร่างซา ไอฉ่ำและกลิ่นฝนยังคงแฝงกายอยู่ในอากาศ แต่ความร้อนที่ผมพูดถึงนั้นมีแหล่งกำเนิดจากภายใน ร่างกายไม่รักดีของผมร้อนเหมือนเปลวแดดยามเที่ยง


ผมถ่ายน้ำอุ่นในอ่างทิ้งแล้วเปิดน้ำเย็นใส่ ระหว่างรอผมอาศัยความเย็นจากฝักบัวดับความต้องการที่กำลังพวยพุ่ง แต่กระนั้นก็ยังไม่พอ จังหวะเต้นของหัวใจที่รัวแรงกว่าปกติกับมือไม้ของผมที่ปัดป่ายราวไขว้คว้าหาอะไรสักอย่างเป็นพยานปากเอกให้การได้ว่าสายน้ำจากฝักบัวยังเย็นไม่พอที่จะชำระความกระหายไปได้


น้ำไหลรินเป็นสายออกจากขอบอ่างเมื่อผมทอดร่างลงไปในนั้น เสียงน้ำกระฉอกล้นจากอ่างสีขาวสะอาดทุกครั้งที่ผมบิดตัว ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมกระสับกระส่ายอยู่อย่างนั้น ทรมานเหลือเกิน ความต้องการที่เกินรับไหวช่างบีบรัดหัวใจ ยิ่งดิ้นยิ่งรัดรึงตรึงแน่น อาการคล้ายคนขาดอากาศหายใจ สูดลมเข้าปอดแค่ไหนก็ไม่เคยพอ


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงคนเคาะประตูห้องน้ำปลุกจิตสำนึกของผมให้มาอยู่กับปัจจุบัน


“เตี้ยเป็นอะไรหรือเปล่า นายอยู่ในนั้นเกือบชั่วโมงแล้วนะ”


ไอ้ตี๋… เจ้าของเสียงที่พักหลังผมเริ่มรู้จักมักคุ้นแต่ไม่บ่อยนักที่จะมักหน้า สายตาเจ้าเล่ห์แบบนั้น มองมาทีเหมือนจะสำรวจให้ทะลุปรุโปร่งไปทั้งตัว ผมไม่ชอบเจ้าของดวงตาเรียวรีนั่น ประกายตาแวววาวที่ทอดมองลงมาทำผมวางตัวไม่ถูกแทบทุกครั้ง
ตรีเพชรมีหนึ่งอย่างที่น้อยคนจะมีและผมเองไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก สิ่งนั้นคือรอยยิ้ม รอยยิ้มที่หยุดได้แม้กระทั่งห้วงเวลา ราวกับว่าโลกทั้งใบหลอมละลายอยู่แทบเท้าของเขา


แต่ถึงอย่างนั้น


ไอ้ตี๋… ก็เจ็บตัวเพราะผม (เตะแข้งในครั้งแรกที่เจอกัน หลังเดาะเพราะรับผมที่สะดุดล้มตอนออกจากลิฟท์ โดนเตะแข้งอีกครั้ง หรือแม้กระทั่งโดนผมถีบจนตกเตียง) และเจ็บตัวเพราะปกป้องผม เหมือนตอนโดนอิฐปาใส่และตอนนี้ที่แขนโดนกรีดเป็นแผลยาว แม้บ่อยครั้งคนคนนี้ชอบทำอะไรเอาแต่ใจตัวเอง ชอบวุ่นวายให้ชีวิตผมไม่สงบสุข แต่หลายครั้งคนคนนี้ก็อยู่ข้างๆในเวลาที่ผมอ่อนแอ ผมว่าผมสัมผัสได้ว่าเขาก็เป็นคนอ่อนโยน ตรีเพชร… อ่อนโยน นุ่มละมุนเหมือนสัมผัสจากกลีบกุหลาบ


“เตี้ย ตกส้วมหรือเปล่า เฮ้ หรือกำลังหาไรกิน”



ที่ผมว่าเขาอ่อนโยน…



ละมุนดุจกลีบกุหลาบ




ผมถอนคำพูด!


“จะออกไปแล้ว เลิกแหกปากสักที” ผมตะโกนบอกไป ได้ยินคล้ายเสียงหัวเราะแว่วมาเบาๆ


เกือบชั่วโมงเลยเหรอที่ผมกระสับกระส่ายอยู่ในนี้ ก้มมองมือเหี่ยวของตัวเองก็พลันเข้าใจว่าผมใช้เวลาแช่น้ำนานไปจริงๆ เมื่อดึง
จุกถ่ายน้ำในอ่างทิ้งผมจึงรีบลูกขึ้นคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดตัว ถ้าไม่เห็นเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกผมคงไม่เห็นร่องรอยจาบจ้วงที่คนพวกนั้นทิ้งไว้ ผมใช้ผ้าขนหนูเช็ดตรงรอยพวกนั้น ต่อให้เช็ดแรงแค่ไหนรอยบาปก็ไม่จางหายไป ผมหอบหายใจอยู่หน้ากระจก เห็นเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกบานใสแล้วไม่อยากผินหน้ามอง ผมพยายามสะกดจิตตัวเองเพื่อไม่จำเรื่องแย่ๆพวกนั้น อยากลบมันไปจากความทรงจำ


ผมสูดหายใจระงับอารมณ์ ข่มความโกรธและความอยากให้อันตรธานไป ผมจะไม่อ่อนแอให้ใครเห็นอีก หลังจากเช็ดตัวและขัดรอยน่ารังเกียจจนหนำใจแล้ว ผมก็รีบพันผ้าขนหนูไว้รอบเอว คว้าผ้าเช็ดผมผืนเล็กติดมือมา แล้วรีบออกไปจากห้องน้ำเพราะไม่อยากมองเงาสะท้อนอันน่าสมเพชของตัวเอง


ห้องนอนห้องนี้เป็นห้องมาสเตอร์ที่ใหญ่สุดของบ้าน มันเคยเป็นของคนที่สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาซึ่งนั่นก็คือพี่ชายของคุณย่า คุณย่าสอนให้ผมเรียกท่านว่าคุณปู่รวี ตอนเด็กๆคุณย่ามักจะเล่าเรื่องของตัวเองและพี่ชายให้ผมฟังเสมอ จนผมฝันอยากมีพี่ชายที่ดีเหมือนที่คุณย่ามี แต่ตอนนี้ผมตื่นจากฝันนั้นมาแล้ว คนที่เคยคิดว่าแสนดีที่แท้กลับสวมหน้ากาก


ผมถอนหายใจให้กับเรื่องแย่ๆ แล้วหันมาสำรวจห้องนอนของตัวเอง


ไม่มี


ไอ้ตี๋ไม่ได้อยู่ในห้อง


ไปไหนของเขานะ หรือว่ากลับบ้านไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีผมกลับมองหาเจ้าของดวงตาเรียวรีฉายแววเจ้าเล่ห์คนนั้น เขาต้องอยู่เป็นเพื่อนผมสิ ทิ้งให้ผมอยู่ที่นี่คนเดียวได้ไง คิดว่าเขาไม่อยู่ที่นี่ผมรู้สึกขุ่นมัวหน่อยๆ เขาต้องรอผมอยู่ในห้องนี้สิ ออกไปไหนดึกๆดื่นๆ ธุระอะไรสำคัญนักหนา


ผมวาดสายตาดุมองไปที่สร้อยข้อมือรูปผีเสื้อประดับเพชร นึกเคืองคนแต่มาลงที่สิ่งของแทน ผีเสื้อหลายสิบตัวที่ร้อยเรียงกันเป็นสายสร้อยจะรู้ตัวไหมนะว่าเจ้านายของพวกมันชอบทำให้ผมโกรธ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็หยิบสร้อยข้อมือมาสวมกับแขนข้างซ้าย


เสียงเปิดประตูเรียกให้ผมละจากสร้อยข้อมือมองไปยังธรณีประตู


ตรีเพชรยืนอยู่ตรงนั้น ในมือหอบข้าวของพะรุงพะรัง


“หายไปไหนมา” ไม่น่าเชื่อว่าเสียงที่เปล่งออกจากปากผมจะฟังดูร้อนรนมัวขุ่นได้ขนาดนี้ อย่าว่าแต่ไอ้ตี๋ที่เบิกตาประหลาดใจเลย ผมเองก็รู้สึกพิลึกกับตัวเองไม่น้อย ทำไมอารมณ์ผมแปรปรวนรุนแรงขนาดนี้ ผมเป็นอะไรไป


“ไปเอาพวกนี้มาให้” ตรีเพชรโชว์ของที่อยู่ในมือ ข้างหนึ่งเป็นถาดอาหารในนั้นมีนมอุ่นและแซนด์วิชน่าทาน มืออีกข้างถือชุดคลุมอาบน้ำตัดจากผ้าไหมเนื้อดีสีน้ำทะเลสดใส


เมื่อเข้ามาใกล้เตียงในบริเวณที่ผมยืนอยู่ตรีเพชรวางถาดลงและส่งยิ้มมาให้ อีกแล้ว สายตากับร้อยยิ้มแบบนั้นอีกแล้ว สายตาที่เหมือนจะมองทะลุไปทั้งตัว ผมรู้สึกเหมือนเสื้อผ้าหลุดไปทีละชิ้นๆเมื่อแววตาแบบนี้มองมา รอยยิ้มนั่นอีกทำให้ผมรู้สึกเปล่าเปลือยทั้งๆที่มีผ้าขนหนูพันเอวอยู่อย่างแน่นหนา


ผมสะดุ้งเมื่อปลายนิ้วของคนตรงหน้าลูบแผ่วเบาที่คอ เมื่อเงยหน้าไปมอง รอยยิ้มและประกายตาเจ้าเล่ห์หายไปแล้ว หน้าเรียบตาคมกำลังบอกว่าเขาไม่พอใจ


“กินนี่ก่อนนะ นายยังไม่ทานอะไรเลยไม่ใช่เหรอ หรือจะทานข้าวไหมจะไปบอกแม่บ้านให้” ไอ้ตี๋พูดกับผมแต่ตายังมองรอยของคนอื่นที่คอผม นิ้วโป้งของเขายังคงลูบเบาๆคล้ายว่าจะลบรอยนั้นให้หายไปกับปลายนิ้ว


“อันที่จริงไม่รู้สึกหิวเลย” ผมบอกไปตามตรง ทั้งๆที่ยังไม่ทานข้าวเย็นและนี่ก็เที่ยงคืนกว่าเข้าไปแล้วแต่กลับไม่หิว


“ทานซักหน่อยเถอะ นะ”


“อืม ก็ได้” ผมพยักหน้ารับ แล้วเลี่ยงมาทางถาดอาหาร ขืนยืนให้คุณชายบ้าอำนาจลูบอยู่นานกว่านี้ผมได้ละลายกับผ่ามือนั่นแน่


ผมรู้สึกได้ว่าบริเวณหนึ่งของเตียงใกล้กับที่ผมนั่งอยู่ยวบลง ตรีเพชรนั่งลงตรงนั้น ไขว้ขาในท่าสบายๆ ผ่ามือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวผมเป็นครั้งคราว ไม่มีอะไรทำหรือไงนะ นั่งมองคนดื่มนมอยู่ได้


“แล้วนี่ไปอาบน้ำที่ไหนมา” ผมเอ่ยถามทำลายความเงียบ เห็นอีกคนอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำผ้าไหมนุ่มพลิ้วสีมารูนขับผิวขาวให้โดดเด่น


“ไปอาบห้องเก่าของนายมา ขืนรอให้นายอาบเสร็จคงเช้าพอดี”


“ดีว่ะ ทำตัวอย่างกับเจ้าของบ้าน เข้าห้องนั่นออกห้องนี้แถมยังเอาโน่นเอานี่มาให้เหมือนบ้านตัวเองเลย ทำตัวตามสบายดีเนาะ”


“หึหึ บ้านนายก็เหมือนบ้านฉันแหละน่า”


“เหมือนยังไง บ้านฉันไม่กว้างเท่าบ้านนายซะหน่อยตี๋”


“ไม่ใช่แบบนั้น บ้านของคู่หมั้นยังไงก็เหมือนบ้านตัวเอง” ตรีเพชรกอดอกน่าหมั่นไส้ แถมยิ้มล้อผมอีกต่างหาก


“ไอ้ตี๋บ้า ย้ำอยู่นั่นแหละ” ผมรู้สึกเหมือนมดกัดที่คอและที่แก้ม แปลบปลาบไปหมด ผมเลยหันมากินแซนด์วิชแก้เขินแล้วกระดกนมตามไปจนหมด


“หรือนายจะเถียง? อ่อเตี้ย ฉันพิมพ์การ์ดงานหมั้นและก็เอาไปแจกเพื่อนแล้วนะ จัดที่โรงแรมใหม่ในเครือแถวสุขุมวิท งานนี้ต้องเชิญคนมากหน่อยคู่ค้าของบริษัทอ่ามากับของนายก็มีเยอะคงเป็นงานเล็กๆเงียบๆไม่ได้แล้วแหละ อีกอย่างจัดใหญ่ๆก็ดีคนจะได้รู้กันเยอะๆว่าเราเป็นอะไรกัน พวกมดแมลงที่หลงผิดมาป้วนเปี้ยนคนเฉิ่มๆแบบนายจะได้รู้สักทีว่าไอ้เฉิ่มเนี่ยเป็นของใคร” ไอ้ตี๋เอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากผมเพื่อเป็นการยืนยันว่าไอ้เฉิ่มที่เขาพูดถึงน่ะคือผม


กึก


ผมวางแก้มนมลงบนถาด


“พิมพ์การ์ดแต่งงานแล้ว?” ผมถามเสียงสูง


“อือๆ” ไอ้ตี๋พยักหน้ารับ


“แจกเพื่อนนายแล้ว?” ผมกำมือแน่น


“อ่าฮะ”


“แล้วจะจัดงานใหญ่โต?”


“ครับผม” ตรีเพชรยิ้มเหมือนคนถูกรางวัล ส่วนผมนี่สิ อยากจะตีอีกฝ่ายให้หัวแบะ


ผมคว้าหมอนใบที่อยู่ใกล้ แล้วจู่โจมใส่คนตัวหนาด้วยความหมั่นไส้


“โอ๊ย เตี้ยเจ็บ”


“ไม่ต้องมาสำออย หมอนแค่นี้ทำเป็นเจ็บ” ผมฟาดหมอนโดนไหล่ของไอ้ตี๋ แต่มันดันขยับหนีขึ้นเตียง หนอย อย่าคิดว่าจะหนี
นาวาพ้น ต้องสั่งสอนกันมั่งล่ะพวกชอบทำอะไรตามใจตัวเอง


“เตี้ยคร้าบ เจ็บนะ” ตรีเพชรหลบหมอนผมได้ แถมพูดเสียงออดเสียงอ้อน “เตี้ยอ่ะ แขนเค้าเจ็บอยู่นะเห็นป่าว”


“เฮ้ย โดนแผลเหรอ” ผมตกใจ ลืมตัวไปว่าอาจจะโดนแผลเขา ทั้งๆที่ทำเบาๆแล้วนะ


“เปล่า หึหึ” ตรีเพชรเอามือมาเกาคางผมเหมือนเล่นกับแมว


“ไอ้ตี๋ เจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวันแล้วนะ”


“แมวน้อยอย่าดุสิครับ ดุแล้วน่ารักนะรู้ตัวไหม ตาโตส๊วยสวย” ยัง มันยังไม่หยุดยั่วโมโหผม แล้วมือเนี่ยเอาออกไปจากคางกูได้ไหม เกาอยู่นั่นแหละ เพื่อนเล่นมึงหรือไง


“โว้ยไอ้ตี๋กวนประสาท กูไม่ใช่แมวน๊ะ” ผมตั้งใจฟาดหมอนไปเต็มแรง แต่ไอ้ตี๋ไวชะมัด หลบได้ซะงั้น แต่ก็เป็นจังหวะที่เขาล้มลงนอนแผ่บนเตียง


“ฮ่าๆ ไม่โดน มือไม่แม่นนะอิหนู” ไอ้คนที่นอนแผ่อยู่บนเตียงกำลังหัวเราะเยาะผม โดยหารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังจะเป็นรอง ตำแหน่งล่อแหลมจนผมฉีกยิ้มในใจ


“อิหนูบ้านแกสิ มึงตายซะเถอะไอ้ตี๋” ผมขึ้นไปนั่งบนหน้าท้องของอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้เขาดิ้นหนี และเหมือนจะได้ผลแม้ไอ้ตี๋จะพยายามหลบยังไง ผมฟาดหมอนไปกี่ทีก็โดน “ชอบทำอะไรไม่ปรึกษา ตามใจตัวเองตลอด”


“แต่การ์ดสวยนะ ฉันเลือกเองกับมือ”


“มันใช่เรื่องจะมาอวดมั๊ยห๊ะ” ผมหอบเหนื่อยหลังจากฟาดอีกคนด้วยหมอนจนหนำใจ ตรีเพชรใช้แขนข้างที่ไม่เจ็บกันหมอนไว้ ผมไม่ฟาดแขนเจ็บนั่นหรอกแค่อยากจะแกล้งให้ไอ้คนตัวโตรู้บ้างว่าผมไม่ยอมให้เขาบังคับเอาง่ายๆ ฉันไม่ง่ายนะเว้ยตี๋ เมื่อเหนื่อยจนต้องวางหมอนลงข้างตัวแล้วผมก็เปลี่ยนเป็นทุบอกไอ้ตี๋แทน “ไอ้ตี๋บ้าอำนาจ บีบคอให้ตายซะดีไหมเนี่ย”


แต่ไม่ทันจะเงื้อมมือออกไป


มือสองข้างของผมกลับถูกพันธนาการไว้


ข้อมือซ้ายที่มีสร้อยผีเสื้อโดนมือขวาของตรีเพชรจับไว้ มือขวาผมโดนแขนซ้ายเดี้ยงๆของเขารวบไว้ ผมนั่งอยู่บนหน้าท้องแข็งๆ
ผมนั่งทับตัวเขาโดยหารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังจะเป็นรอง ตำแหน่งล่อแหลมจนผมกรีดร้องในใจ


“นั่งทับคนอื่นแบบนี้ ตั้งใจจะยั่วกันหรือไง” ไอ้ตี๋ทำตาเจ้าเล่ห์อีกแล้ว


“ตั้งใจจะเอาหมอนฟาดให้สลบต่างหาก ปล่อยเลย”


เขาไม่ตอบกลับแต่ดันมองตาผม มือซ้ายที่มีผ้าพันแผลลูบหัวผมอีกแล้ว ท่ามกลางความเงียบเราจ้องตากัน ผมรู้สึกหายใจติดขัด คล้ายว่าความรุ่มร้อนที่ข่มไปจะหวนกลับมาอีกครั้ง มือหนาของคนตัวโตกดท้ายทอยผมให้ก้มลงไปทางเขา วินาทีนี้ดวงตาเราใกล้กันจนผมมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในตาของอีกคน เขาจะรู้ไหมว่าลมหายใจผมร้อนเหลือเกิน


สัมผัสที่ผมได้รับจากริมฝีปากบริเวณหน้าผากช่างนุ่มและอบอุ่นเหลือเกิน


“รู้ไหมว่ากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่” ตรีเพชรพูดกับผม หน้าเราใกล้กันจนผมเห็นว่าพวงแก้มไอ้ตี๋เองก็แดงเหมือนลูกตำลึงสุก ผมกระพริบตาปริบๆ คิดว่าตัวเองตาฝาดไป ตรีเพชรหน้าแดงใหญ่เมื่อผมช้อนสายตาไปมองเขา


“ก็…ทำหน้าปกติ”


“ทำตาเยิ้มขนาดนี้วาตั้งใจจะยั่วพี่เหรอ ปาก แก้ม คอ หน้าอก แดงไปหมด กำลังข่มอารณ์บางอย่างอยู่หรือเปล่า”


“ไอ้บ้า” ผมเด้งตัวออกจากเขา ไม่เอาไม่ให้เขาจับได้หรอก ไม่นะ มันน่าอาย “ใครจะไปมีอารมณ์แบบนั้นกับนายเล่า แค่ร้อนโว้ย เปิดแอร์ดีกว่า” ผมรีบลุกจากเตียงไปกดเปิดแอร์ แต่ก็โดนอีกคนลากมานั่งบนเตียงเมื่อเปิดแอร์เสร็จ


“เขิน?” เขาถาม


“เหอะ ไม่มีทาง”


“งั้นจูบ”


“อย่า” ผมเอามือดันไหล่ไอ้ตี๋หื่นกามที่กำลังยื่นหน้าเข้ามา


“ก็วากำลังยั่วพี่อ่ะ”


“ยั่วตรงไหน” ผมไม่เคยหรอกที่คิดจะยั่วมัน


“แล้วที่ไม่ยอมใส่เสื้อผ้าน่ะ ไม่ยั่วหรอกเหรอ”


“ก็เอาชุดมาสิ” ผมรีบคว้าเอาชุดคลุมสีน้ำทะเลวิ่งเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยน ผมอยู่ในห้องน้ำครู่ใหญ่ไม่ใช่เพราะเปลี่ยนเสื้อผ้านานหรอกแต่เพราะกำลังทำใจและสงบอารมณ์อยู่ต่างหาก




มีต่อด้านล่าง
.
.
.
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 17-11-2015 13:12:42
ต่อ
.
.
.


เมื่อก้าวออกมาจากห้องน้ำ ผมรู้สึกว่าไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศหายไป


“ตี๋ นายปิดแอร์ทำไม”


ไอ้ตี๋ไม่ตอบผม แต่กลับขมวดคิ้วมองมาทางผมแทน “ทำไมไม่ยอมเช็ดผมให้แห้ง เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก วันนี้โดนฝนมาด้วยนะอย่าลืมสิ”


“ยุ่งน่า” ผมว่า แล้วเดินไปที่โต๊ะตรงหัวเตียงหมายจะหยิบรีโมทแอร์มาเปิดอีกครั้งแต่กลับโดนมือใหญ่ของไอ้บ้าอำนาจแย่งไปซะก่อน


“มานี่” ไอ้ตี๋ดึงแขนผมให้นั่งลงบนขอบเตียง แล้วตัวเองก็ขึ้นเตียงมานั่งซ้อนด้านหลังผม ผ้าขนหนูผืนเล็กที่ผมหยิบมาจากห้องน้ำอยู่ในมือเขาเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีผ้าผืนนั้นกับมือของคนคนนี้กำลังเช็ดผมให้ผมอย่างนุ่มนวล ไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างเรา มีเพียงสัมผัสดูแลจากเขา และการยอมนั่งเฉยๆของผม


เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ความเงียบแบบนี้ช่างอบอุ่นเหลือเกิน


ผ้าขนหนูผืนเล็กถูกวางลงข้างตัวเป็นสัญญาณว่าเส้นผมแห้งดีแล้ว แต่ฝ่ามือของอีกคนกลับไม่ละห่างจากศีรษะผม ทันใดนั้นสองแขนของคนด้านหลังก็โอบเอวผมเอาไว้ ผมสัมผัสได้ว่าคางของเจ้าชายผู้เอาแต่ใจเกยอยู่บนไหล่ซ้ายของผม รู้สึกถึงลมหายใจของตรีเพชรระต้นคอ


“นาวา” เขาเรียก


“หืม?”


“วันนี้ตอนที่รู้ว่าวาหายไปพี่ตกใจแทบแย่ โมโหจนขาดสติ ดีที่ชาติให้คนเช็คกล้องวงจรปิดของคอนโดนิสา เลยรู้ว่ารถคันไหนขับพาคนของพี่ออกไป ตอนนั้นพี่แทบบ้า ไม่เคยรู้สึกว้าวุ่นแบบนั้นมาก่อนเลย มันร้อนในอกเหมือนใจจะขาด…”


น้ำคำของเขาเจือไปด้วยความรู้สึกที่กลั่นออกมาจากใจ


ผมวางมือของตัวเองไว้บนมือเขา


“ถ้าวันนี้วาไม่ได้พี่เพชรช่วยไว้ วาก็คง…” ผมรู้สึกจุกเหมือนมีก้อนอะไรขวางไว้ อาการคล้ายน้ำตากำลังซึมรื้นที่ขอบตา


“ชู่ว์… ไม่เอาไม่พูด” พี่เพชรจูบแผ่วเบาตรงขมับผม “ปลอดภัยแล้ว พี่อยู่ตรงนี้แล้ว”


ผมยังไม่ได้พูดสิ่งที่ผมอยากบอกเขาในวินาทีแรกที่เขาพังประตูเข้าไป เขาเป็นคนแรกที่พุ่งตัวเข้ามา เขาเป็นคนแรกที่ผมร้องเรียกออกไป


“พี่เพชร… ขอบคุณครับ”


เมื่อพูดจบตัวผมถูกดึงให้พิงอกเขา มือหนาของตรีเพชรเชยคางผมให้เงยขึ้น ริมฝีปากเราจรดกัน เรียวลิ้นของคนด้านหลังค่อยๆแทรกเข้ามา สัมผัสที่ผมได้รับอ่อนโยนแต่กลับรู้สึกหนักแน่นราวขุนเขา รสจูบนี้เหมือนคำปลอบประโลมแสนอบอุ่น ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ไม่รู้เพราะอารมณ์เต็มตื้นอะไร แต่ผมแค่รู้สึกว่าจุมพิตของคนคนนี้ไม่เคยจาบจ้วง แม้เขาจะชอบจูบตามอำเภอใจแต่รอยจูบนี้ไม่เคยตักตวงเอาอะไรจากผม ตรงกันข้าม รสจูบของเขามอบความอบอุ่นอ่อนโยน เหมือนผมเจอที่ที่ปลอดภัย รู้สึกเหมือนได้กลับบ้านหลังจากรอนแรมมาเนิ่นนาน


เขาถอนริมฝีปากออกไปแล้ว


แต่ผมยังคงสะอึกสะอื้น ผมไม่รู้น้ำตามาจากไหน แต่มันไหลราวทำนบแตก นี่ผมเก็บน้ำตาไว้มากมายขนาดนี้เชียวหรือ ผมคงกลั้นน้ำตามานานจนไม่เหลือที่พอจะให้เก็บ


“อย่ากลั้นน้ำตา ร้องออกมาเถอะ” เมื่อพี่เพชรเห็นว่าผมพยายามหยุดร้องไห้


ผมส่ายหน้า ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าใครทั้งนั้น


เหมือนพี่เพชรจะเข้าใจความรู้สึกของผม “อยู่กับพี่วาไม่ต้องข่มน้ำตาไว้หรอก ร้องไห้ออกมาเถอะ ไหล่พี่มีไว้ให้นาวาร้องไห้ อ่อนแอให้พี่เห็นได้ งอแงได้เต็มที่ พี่อยากเป็นคนเดียวที่ได้เห็นมุมนี้ของวา อยากเป็นคนที่ได้ปลอบให้วาหายเศร้า ร้องออกมาเถอะนะพี่อยู่นี่แล้ว…”


ในที่สุดผมก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว เขารวบผมเข้ากับอกผมเลยได้แต่ซบอกนั้นแล้วสะอื้นจนตัวโยน ปลดปล่อยทุกความรู้สึกออกมากับคราบน้ำตา


“กลัว… พี่เพชรวากลัว… ตอนนั้นมองไม่เห็นทางออกเลย พวกมันล็อคแขนล็อกขาไว้หมด ฮึก ทำไม… คนใจร้ายต้องทำกับวาแบบนี้ พวกเขาอยากด้ทุกอย่างของวาจนทำได้แม้กระทั่งให้วาเจ็บปวด วาผิดอะไร ฮึก วาผิดอะไร…”


ผมซุกหน้าลงกับอกเขา มือทุบไหล่คนที่กอดผมไว้ พี่เพชรลูบหลังผมไว้ เขาจูบกระหม่อมผมอยู่อย่างนั้น


“ไม่เป็นไรแล้วนะ” เสียงอบอุ่นของเขาพูดคลอเสียงสะอื้นไห้ของผม “พี่อยู่นี่แล้ว พี่ปกป้องวาเอง อย่ากลัวอย่าหวดหวั่นต่ออะไรทั้งนั้นวาไม่ได้อยู่คนเดียว”


“พี่ไม่รู้หรอก วาเหมือนอยู่คนเดียว โดดเดี่ยวมาตลอด”


อ้อมกอดของเขากระชับขึ้น ตรีเพชรจูบซ้ำตรงกระหม่อม มือเขาเกลี่ยซับน้ำตาให้ผม


“ไม่หรอก ไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว…” พี่เพชรใช้สองฝ่ามือจับหน้าผมไว้


“นาวา” เสียงของเขาเรียกชื่อผม คล่องปาก


“ต่อไปนี้ ให้พี่อยู่ข้างๆ” รอยยิ้มของเขาสวยงาม


“ให้พี่ได้ยินเสียงหัวเราะ” ดวงตาเขาใสซื่อ


“ให้พี่คอยซับน้ำตา” น้ำเสียงของเขาจริงจัง


“ต่อไปนี้… ให้พี่จีบนะ”


แก้มของเขาแดงระเรื่อ เขินอายกับคำพูดตัวเอง แต่กระนั้นก็ยังกล้าพอที่จะเอ่ยมันออกมา


ให้พี่จีบนะ


ความรู้สึกบางอย่างกระจายในอกผมรวดเร็วเหมือนประกายพลุ ความรู้สึกงดงามนั้นแตกกระจายเหมือนดอกไม้ไฟยามราตรีที่มีจุดรวมอยู่กลางใจผม ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนั้นยังไงดี มันเหมือนมีประจุไฟฟ้าวิ่งวาบในอก จุดเริ่มอยู่ที่หัวใจผมแล้วแผ่กระจายไปทั่วทรวง


ความรู้สึกแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรกันนะ


พูดจบเขาก็จรดริมฝีปากลงบนปากผมอีกครั้ง คราวนี้เนิ่นนานหวานหอมกว่าครั้งไหนๆ ผมสับสนมึนตื้อไปหมด เมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา เขาขอจีบผมใช่ไหม ตรีเพชรจะจีบผมเหรอ?


“หน้าแดงนะ” เขาพูดเมื่อละจากริมฝีปากผมไป


ผมกำลังนอนราบอยู่บนเตียงโดยที่มีเขานอนคร่อมอยู่ด้านบน


ตั้งแต่ตอนไหนกัน


“ระ.. ร้อนหรอก” ผมอ้าง “เปิดแอร์เถอะ”


“เปิดไม่ได้”


“ทำไมล่ะ”


“ให้เหงื่อมันขับออกมา สารที่มันอยู่ในร่างกายเราจะได้ขับออกมาบ้าง” ตรีเพชรลูบหัวผม


“พี่รู้…” ผมทำหน้าเหมือนโดนแม่จับได้ว่าโกหก


“รู้สิ หน้าแดงออกขนาดนี้ ตัวร้อน ลมหายใจร้อนไปหมด”


ตรีเพชรก้มลงมาใกล้หน้าผม เขาขมเม้มเบาๆตรงใบหู และลากลิ้นไล้คอผม


“อะ อื้อ” แม้จะแม้มปากแค่ไหน เสียงผมก็ยังครางเครือ น่าอาย


“กลัวพี่ไหม” เขาถาม มือหนาลูบไล้ชุดคลุมผ้าไหมแนบเนื้อ


“อ๊ะ” ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ และหลุดเสียงร้องเมื่อคนด้านบนลวงมือเข้ามาใต้เสื้อคลุมแล้วบีบคลึงตรงยอดอก


“ต้องการหรือเปล่า” เสียงถามแหบพร่า


ผมเอียงหน้าไปทางอื่น ไม่มองไปที่เขา รู้อยู่แล้วจะถามทำไม


“นาวา” เสียงแหบนั้นออดอ้อน “พูดสิว่าต้องการพี่”


“ไม่เอา อย่าทำ” ผมยังไม่อยากตกเป็นของเขา เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมยังไม่รู้สึกอะไรกับเขา อีกอย่าง…ผมไม่อยากมีหรอกความรัก


“ไม่ทำ แค่ภายนอก พี่จะลบรอยให้ นะครับ”


มือไม้ของเขายังคงลูบไล้สำรวจเรือนกานภายใต้เสื้อคลุมของผม เสื้อผ้าของเขาหลุดไปตอนไหนผมไม่รู้ แต่รับรู้ได้ถึงแก่นกางกายที่ตื่นตัวของเขาบดเบียดลงมา เขายังลงจูบพรมไปทั่วหน้าและลำคอของผม มือของผมคว้าไหล่กว้างเป็นที่ยึดเหนี่ยว คล้ายระเบิดเวลาที่จวนจะประทุ ความร้อนดุจเปลวไฟที่สั่งสมมาทำผมคลุ้มคลั่งจนทนไม่ไหว


“วา.. วาต้องการพี่ พี่เพชร”


ผมพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการออกไปแล้ว มีเพียงรอยยิ้มดีใจและเสียงหัวเราะเบาๆจากอีกฝ่าย


ไวกว่าความคิด ผมผลักให้อีกฝ่ายนอนลง แล้วเป็นผมเองที่ซุกหน้าลงไปกับซอกคอขาวๆของเขา ให้ตายเถอะผมอายเหลือเกิน แม้จะทำอย่างเขาไม่เป็น แต่ผมก็สูดเอากลิ่นหอมตรงซอกคอเขาเข้าปอด ริมฝีปากผมจูบเบาๆอย่างเงอะงะไปทั่วลำคอนั่น
ตรีเพชรช้อนหน้าผมขึ้นไปจูบ เขาถอดชุดคลุมผมออกอย่างง่ายดาย เราสองคนเปล่าเปลือยอยู่บนเตียงใหญ่


แล้วบทเพลงรักก็บรรเลงไปในท่วงทำนองที่มันควรจะเป็น


ผมไม่อยากเล่าเพราะมันน่าอาย ผมทำอะไรที่ตัวเองไม่เคย


รสรักของเราเนิ่นนานสุขสม ครั้งแล้วครั้งเล่า จนเราหอบหายใจกันอยู่บนเตียง


พี่เพชรอมยิ้มซุกอกกระเพื่อมของผม


“เอาอีกไหม” เสียงหอบของเขาถามผม


“ไม่แล้ว พอเถอะดึกละ” ตีสามแล้ว


“พี่มีความสุขจัง เมียพี่น่ารัก”


“นี่แน่ะ” ผมตีหน้าผากเขาเบาๆ “อย่ามาขี้ตู่”


“อีกหน่อยก็เป็น”


“เลิกทะลึ่งได้แล้ว นอนเถอะครับ ขอบคุณนะ” ผมเขินหน้าแดง ผมลองก้มลงไปหอมกระหม่อมเขาบ้าง รู้สึกเขินเป็นบ้า


“หึหึ เสียงหัวใจวาเต้นดังจัง” พี่เพชรเงยหน้าขึ้นมาจูบผม “งั้นนอนกันเถอะ วาครับกล่อมพี่หน่อยสิ”


เขากลับไปซุกอกผมอย่างเดิม นอนฟังเสียงใจผมเต้นไม่เป็นส่ำ ผมลูบหัวเขาแผ่วเบา


“หลับนะครับวาจะกล่อม”


Aoi Teshima - Teru no Uta (Tale from the Earthsea)
https://www.youtube.com/watch?v=gMcwwnRcxv8

               夕闇迫る雲の上         
               いつも一羽で飛んでいる       
               鷹はきっと悲しかろう                
               音も途絶えた風の中           
               空をつかんだその翼           
               休めることはできなくて              

               เหนือกลีบเมฆยามสายัณห์ตะวันรอน
               เหยี่ยวเจ้าร่อนโผบินสิ้นความหวัง
               นกเหยี่ยวโฉบผืนฟ้าเพียงลำพัง
               กลางสายลมไม่อาจฟังเสียงเพรียกใด
               สองปีกกรีดกางสยายสะบัด                   สองปีกเจ้าโอบรัดผืนฟ้าไว้
               สองปีกเจ้าโฉบบินไกลต่อไกล               ไม่อาจพักทำใจให้เหนื่อยจาง




ผมขับกล่อมเพลงที่เคยร้องอยู่ในใจ บทเพลงเหงาที่แสนโดดเดี่ยว เหมือนบทเพลงแห่งชีวิตผม ชีวิตที่ต้องเติบโตมาคนเดียว เหมือนเหยี่ยวบินร่อนอยู่บนฟ้าแต่ไม่อาจพักหรือหยุดได้ดั่งใจ 



                心を何にたとえよう        
                鷹のようなこの心        
                心を何にたとえよう        
                空を舞うよな悲しさを       

                ใจฉันเล่าจะหาสิ่งใดเปรียบ
                ใจนี้เทียบเทียมเท่าเหยี่ยวเจ้าหนา
                ใจฉันเล่าเปรียบสิ่งใดในโลกา
                ใจนี้เทียบเทียมนภาแห่งอาดูร




แม้อยู่ในเมืองใหญ่เจอผู้คนมากมาย แต่ได้ยินแค่เสียงตัวเอง มันเหงาเหลือเกิน จริงอยู่ที่ผมมีเพื่อนและผมพวกเขาเป็นเหมือนครอบครัวเพราะผมอยู่ที่นี่ผมไม่มีใคร แต่ผมก็ไม่ได้เอาเรื่องทุกข์ใจของผมไปเป็นภาระใครเขา ผมอยากให้เพื่อนที่ผมรักเห็นเพียงด้านที่ผมยิ้ม เมืองกว้างใหญ่แห่งนี้เลยอ้างว้างไปโดยปริยาย



               雨のそぼ降る岩陰に          
               いつも小さく咲いている       
              花はきっと切なかろう              
              色もかすんだ雨の中          
              薄桃色の花びらを          
              めでてくれる手もなくて             

              ใต้เงาหินยามฝนหยาดสาดละออง
              ดอกไม้ต้องเม็ดฝนทนไม่ไหว
              ไม้ดอกเล็กเบ่งบานไม่เต็มใบ
              เจ้าเจ็บปวดเพียงใดไม่รู้เลย
              กลางสายฝนทนหนาวกลีบขาวซีด               สีเคยสดถูกรีดจนหม่นหมอง
              กลางสายฝนทนหนาวใครไม่มอง                ใครไม่ป้องมือป้อนรักให้พักพิง

             心を何にたとえよう         
             花のようなこの心           
             心を何にたとえよう         
             雨に打たれる切なさを              

              ใจฉันเล่าจะหาสิ่งใดเปรียบ
              ใจนี้เทียบเปรียบได้ดอกไม้หนา
              ใจฉันเล่าเปรียบสิ่งใดในโลกา
              ใจนี้เปรียบฝนเจ็บชาและหนาวเย็น




หลายครั้งที่ชีวิตเจอกับพายุฝน ผมคงคล้ายดอกไม้ที่บอบช้ำจากหยาดฝนและแรงลม ไร้ที่กำบัง แต่ผมจะแอบดีใจได้ไหม เพราะมรสุมครั้งล่าสุด คนที่กำลังซบอกผมอยู่นี้เข้ามาปกป้องผมไม่ให้บอบช้ำ ดอกไม้เล็กๆอย่างผมจะเบ่งบานเพราะความอบอุ่นจากคนคนนี้ไหมนะ


               人影絶えた野の道を          
               私とともに歩んでる          
               貴方もきっと寂しかろう              
               虫のささやく草原を          
               ともに道行く人だけど
               絶えて物言うこともなく

               บนทางเดินรกร้างแสนว่างเปล่า               ไร้ซึ่งเงาผู้คนให้ค้นหา
               เธอร่วมเดินคู่เคียงกับฉันมา                    ฉันคิดว่าเธอเหงาเศร้าเหมือนกัน
               เราสองเดินประคองผ่านท้องทุ่ง              ผ่านภมรร่อนฟุ้งคลุ้งเวหา
               ผ่านสำเนียงถ้อยเสียงเราพูดจา               ผ่านเวลาเราสองประคองกัน

               心を何にたとえよう          
               一人道行くこの心          
               心を何にたとえよう         
               一人ぼっちの寂しさを         

               ใจฉันเล่าจะหาสิ่งใดเปรียบ
               ใจฉันเดินเงียบเชียบผ่านทางเหงา
               ใจของฉันหาสิ่งใดมาเปรียบเอา
               คล้ายความเหงาความอ้างว้างความเดียวดาย



“ฝันดีนะครับพี่เพชร”

ผมกระซิบและจูบเบาๆตรงหน้าผากเขา ปล่อยให้ความง่วงและความอบอุ่นจากอ้อมกอดของกันและกันพาเราเข้าสู่ห้วงนิทราที่ลึกที่สุด…




*******

TBC.


ตอนนี้กว่าจะคลอดได้แปลเพลงอยู่เป็นวันๆ คราวแรกก็แปลไปเฉยๆแต่ด้วยเหตุที่ต้นฉบับมันเพราะและสวยงามเหลือเกิน เลยอยากจะแปลให้เพลงนี้เป็นกลอน พยายามประณีตกับทุกตัวอักษร บทที่ 12 พาร์ทนี้เป็นตอนแรกที่เราได้เรียนรู้มุมมองของนาวา ผมพยายามแต่งคำพูดและการเล่าเรื่องต่างๆให้เป็นแบบนาวา หินอยู่พอควร ตอนเขียนก็น้ำตาร่วงตามตัวละครไปด้วย แต่หวังว่าผู้อ่านทุกคนจะเพลิดเพลินไปกับเนื่อราว และหวานซึ้งไปพร้อมๆกับตัวละครทั้งสองนะครับ


รักนักอ่านเสมอ

คิลเลี่ยน


 :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 17-11-2015 13:35:19
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 17-11-2015 13:50:51
เพลงเศร้ามาก แค่อ่านก็รู้สึกถึงความเหงาเลย ว่าแต่นี่ไม่ใช่หนูรักพี่เค้าไปแล้วหรอค่ะน้องวา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 17-11-2015 13:52:11
มุ้งมิ้งน่ารัก :-[
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 17-11-2015 16:02:47
ชอบเพลงจังค่ะ
เพราะมากๆ
น้องวากับพี่เพชรก็หวานและน่ารักมากๆ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 17-11-2015 16:52:41
มุ้งมิ้งน่ารัก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-11-2015 17:47:43
ตอนนี้หวานมากกกกก อบอุ่นดีจัง  :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 17-11-2015 19:44:56
อยากอ่านอีกเอาแบบยาวๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-11-2015 19:46:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 17-11-2015 22:23:07
หวานนนนนนเชียวววว :-[ ขอบคุณนะค้าา :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 17-11-2015 22:31:52
ตอนนี้หวานและอบอุ่นจัง :กอด1:

พี่เพชรเดินหน้าจีบวาอย่างจริงจังแล้วด้วย :-[
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-11-2015 22:56:50
พูดเพราะทำให้ดีดรีความหวานเพิ่มขึ้นสิบเท่า
เขินนนน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-11-2015 08:30:50
ขอจีบเป็นทางการแล้วสิน้ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-11-2015 08:56:59
พี่เพชรน่ารัก ขอจีบนาวาเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว
คราวนี้จะไดัปกป้องนาวาจากอันตรายทั้งหลาย
ได้เต็มหน้าที่ทั้งกายทั่งใจสักทีเนอะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 18-11-2015 10:08:27
ตอนนี้พี่เพชรทำดีมากๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 19-11-2015 10:04:20
โอ้ยยยย  หวานที่สุดอ่ะ  อิจฉา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 19-11-2015 10:12:31
ตอนใหม่เป็นอะไรที่น่าติดตามมากกกก

เราแอบซึ้งน้ำตาคลอ ไม่รู้สิเราชอบตั้งแต่ตอนที่พี่เพชรเช็ดผมให้น้องแล้ว
ตอนนี้อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

ดูรู้มากว่าคุณตั้งใจเขียน คำบรรยายของนาวาแต่ละคำดูเป็นนักเรียนภาษามากอ่ะ
ชอบหลายโมเม้นจริงๆนะคะคุณคิลเลี่ยน ที่พีคสุดก็คงจะเป็นตอนที่พี่เพชรขอจีบ เราเขินแทนนาวาโคตรๆ
และเพลง เรื่องนี้ไท่พูดไม่ได้ เห็นบอกว่าแปลเพลงเป็นวันๆ จะบอกว่าเพราะมากค่ะ ฟังแล้วเหงสเหลือเกิน กลอนที่เขียนออกมา คิดได้ไงอ่ะ ..นภาแห่งอาดูร.. มันดูจะเหงาและเศร้ามากเลยทีเดียว

แหะๆเม้นซะยาวยืดเลย แต่เพราะอยากจะชื่นชม และบอกว่าเราชอบเรื่องนี้มากจริงๆ รู้สึกว่าตัวละครทุกตัวเป็นเหมือนเพื่อนเราเหมือนพวกเขามีชีวิตจริงๆ สู้ๆต่อไปนะคะ เขียนมาอีก จะคอยอ่านและเม้น

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่ะ
 :L1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 19-11-2015 11:37:11
ตอนนี้แอบซึ้งมากเลย แอบกลัวเมื่อตอนนั้น ถ้าเพชรไปช่วยไม่ทัน จะเป็นยังไง จะยังมีนาวาในแบบนี้อีกมั้ย

ว่าแต่นู๋วาาา นู๋ยอมเฮียแกไวไปนิสสนึงนะลูก ให้รางวัลแต่พองามดีกว่า ให้เค้าคลั่งเราให้มากกว่านี้สิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกรัก ที่ 20-11-2015 16:03:49
 :katai5:

ดันๆ

รออยู่น๊ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 20-11-2015 22:46:33
เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรกคะ  ชอบภาษาเขียนวิธีการเขียน เราอ่านแล้วประทับใจคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: PJansam ที่ 21-11-2015 13:21:55
โอ้โห ชอบมากเลยค่ะ อ่านรดวดเดียวเลย ปกติไม่ค่อยคอมเมนต์นิยายแล้วนะ  เรื่องนี้ต้องยอมจริงๆ  อยากขย้ำนาวาสุดๆ  น้องวาเเบ๊วจริงจัง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 21-11-2015 13:47:16
เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรกคะ  ชอบภาษาเขียนวิธีการเขียน เราอ่านแล้วประทับใจคะ

ยินดีต้อนรับครับ ดีใจที่คุณชอบ ตั้งใจเขียนแปลและผูกเรื่องมาก ยังไงฝากเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ ^_^

โอ้โห ชอบมากเลยค่ะ อ่านรดวดเดียวเลย ปกติไม่ค่อยคอมเมนต์นิยายแล้วนะ  เรื่องนี้ต้องยอมจริงๆ  อยากขย้ำนาวาสุดๆ  น้องวาเเบ๊วจริงจัง

ขอบคุณที่ติดามนะครับ อิอิ ยินดีต้อนรับ กลับมาเม้นบ่อยๆนะครับ อยากได้ยิน feedback


 :bye2: :pig4: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: หางนกยูง ที่ 30-11-2015 14:48:36
คิดถึงพี่เพชรกับน้องวาแล้วนะคับ

รีบมาต่อได้แล้วนะ

ตอนล่าสุดทำเอายิ้มทั้งน้ำตา

เรื่องนี้ดีมาก ชอบมากนะขอบอก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 2 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 10-12-2015 17:06:58
 :sad11: :sad11:
มาต่อเถอะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 3 (50%) [26/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 26-12-2015 18:26:14
Chapter 12
Ever Thine, Ever Mine, Ever Ours
Part 3.  (50%)

 :L2: :กอด1: :L2:




รัก กับ รักเป็น




ฟังเผินๆอาจจะคล้าย แต่โดยนัยของความหมายและพฤติกรรมต่างกันโดยสิ้นเชิง คล้ายคู่แฝดที่เรามักแยกไม่ออก แต่ถ้ามองดีๆเราจะเห็นว่ามีบางอย่างที่ทำให้ทั้งสองต่างกัน อาจต้องใช้ตามองหรือใจมอง นั่นก็แล้วแต่กรณี เรื่องความรักก็เช่นกัน หากจะแยกออกมาเป็นสับเซตโดยที่ยูนิเวิร์สของมันเป็นวิธีจัดการรับมือกับความรัก เซตย่อยๆของมันก็คงจะเป็น รัก กับ รักเป็น





รักที่ว่าคือความรู้สึกล้วนๆ รักอย่างเดียว รักหัวปักหัวปำ ได้แต่รักแต่ไม่รู้วิธีบริหารจัดการกับแรงรักนั้นยังไง ส่วนรักเป็น แตกต่างกับรักแบบแรกโดยไม่มีส่วนอินเตอร์เซกชันเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นการรักเป็นจึงไม่ใช่การสักแต่จะรัก แต่มันอัพเลเวลเป็นการเอาแรงรักมาทำให้เกิดประโยชน์งอกเงยจนกลายเป็นกำไรชีวิต จะพูดง่ายๆก็คือ รักเป็นคือการทำให้รักส่งผลกระทบต่อเราในทางที่ดี





สิ่งที่ผมรักมีอยู่แค่สามอย่าง ตัวเอง ครอบครัว และรถ





ผมรักตัวเอง


และเชื่อว่าคนที่มีสติปัญญาครบถ้วนส่วนมากต่างรักตัวเองและมีคนจำนวนหนึ่งที่เฝ้าหวังว่าจะรักตัวเองเป็น น่าสงสารที่หลายคนยังไม่รู้ว่าจะต้องรักตัวเองอย่างไร แต่เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นปัจเจก บางทีเวลาและประสบการณ์ชีวิตจะเป็นครูที่ดีที่จะค่อยๆสอนให้เราเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง การรักตัวเองเป็นสิ่งดีครับ เราสามารถเปลี่ยนพลังรักอันนั้นให้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนในการทำให้ตัวเองดีขึ้นได้ แต่ได้โปรดอย่าปล่อยให้ตาพร่าเลือนจนมองการรักตัวเองเป็นการเห็นแก่ตัวไปนะครับ มันคนละอย่างกัน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ผิดอะไรนักหนา เพราะถ้าว่ากันจริงๆแล้วการเห็นแก่ตัวก็ไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว





ผมรักครอบครัว


ผมโตมาโดยมีอาม่ากับพี่สาวเป็นคนเลี้ยงดู สองคนนี้ประคบประหงมผมราวไข่ในหิน บ่อยครั้งที่ผมเอาแต่ใจไม่ใช่เพราะเขาเลี้ยงผมแบบนั้น แต่มันเป็นการเรียกร้องความสนใจในแบบของผม การที่เขาเห็นเราเป็นคนสำคัญมันช่างเป็นความสุขอย่างที่สุด จนผมแอบยิ้มกับตัวเองทุกที ทำไมผมถึงมีแค่อาม่ากับเจ้พลอย? พ่อกับแม่ได้จากผมไปตั้งแต่ผมเด็กๆแล้วละครับ หึ น่าแปลกที่ผมยังจำฝังใจกับสัญญาที่ป๊าม๊าให้ไว้ก่อนตาย





                “ป๊า… เพชรอยากไปด้วย”



            “ไม่เอาน่าตี๋เล็ก ป๊ากับม๊าไปทำงานนะครับ ไม่รักป๊าแล้วเหรอ”



            “รักสิฮะ”



            “งั้นตี๋เล็กก็อย่างอแงนะ”



            “แต่ป๊ากับม๊าทิ้งเพชรไว้คนเดียวนี่นา”



            “ป๊ากับม๊ารักเพชรจะตาย ป๊าไม่ทิ้งเพชรไว้คนเดียวหรอก ไว้ว่างๆจะพาไปหาแมวน้อยอีก”



            “สัญญานะฮะ”



            “ครับ แล้วป๊าจะรีบกลับ”




                ผมได้แต่ชะเง้อรอ รอแล้วรอเล่าทั้งคู่ก็ไม่กลับมา





เมื่อคนที่คุณรักที่สุดทิ้งคุณไป จึงไม่แปลกที่คุณไม่กล้ารักใครเพราะไม่อยากสูญเสีย ที่ผ่านมาผมจึงไม่ยี่หระกับการมอบความรักให้ใครหรือรับความรักจากใคร ต่อให้ความรักที่ใครๆอ้างอวดว่ายิ่งใหญ่เพียงใด กำแพงที่ผมก่อขึ้นมาในใจก็ยังคงตั้งตระหง่านไร้วี่แววสั่นไหว จนบางทีผมเกือบเข้าใจไปว่าผมคงด้านชากับความรู้สึกสีชมพูแบบนี้ไปเสียแล้ว ผมเคยคิดว่าจะไม่รักใครหรอกเพราะลึกๆแล้วผมกลัวว่าสักวันคนรักของผมจะหายไป





ผมรักรถ


และรสรักของผมจะดีกว่านี้มาก ไม่กระทืบเบรกจนล้อเสียดพื้นคอนกรีตเสียงดัง ไม่ปิดประตูรถโครมใหญ่ ไม่ขว้างกุญแจสลักรูปอาชาสีดำพ่วงพีอย่างไม่แยแส ถ้าพายุอารมณ์ไม่ก่อตัวขึ้นในยามเย็น…





เสียงล้อรถบดคอนกรีตดังแสบแก้วหูแต่ถ้ามันจะระบายความฉุนเฉียวออกมาได้บ้างผมยินดีจะเหยียบเบรกจนล้อสึก  ผมก้าวออกมาและปิดประตูรถโครมใหญ่ หากเป็นเวลาปกติผมจะทะนุถนอมรถกว่านี้ ผมรักในความเร็วหลายร้อยแรงม้า รักทรวดทรงปราดเปรียวของรถสปอร์ต รักความอิสระเสรีในการเดินทาง และมองเป้าหมายเป็นรางวัล แต่ตอนนี้อารมณ์ชมชื่นความเร็วและทรวดทรงปราดเปรียวของเจ้ารถสีแดงคันโปรดหายลับไปในซอกหลืบของความเดือดดาลที่ปะทุขึ้นในใจ





น่าโมโหที่สุด


ทำไมไอ้เตี้ยไม่สนใจผมเลย!





ผมกระทืบเท้าตึงตังเข้าบ้านไป เงาสะท้อนจากกระจกตู้โชว์สีขาวสไตล์ฝรั่งเศสในห้องรับแขกทำให้ผมเห็นคิ้วตัวเองขมวดเข้าหากันเป็นเส้นตรง หน้าตาบูดบึ้งงอง้ำ แก้มสองข้างออกจะแดงนิดๆไม่แน่ว่าจากพิษไข้หรือเพราะโมโหจนหน้าแดงห้อเลือด ตาขวางของผมแผ่รังสีทะมึนจนสาวใช้พากันหลบไม่กล้าสู้หน้า





พวกเมดคงรู้ว่าผมอารมณ์ไม่ดีอีกแล้ว
ถ้ารู้ก็อย่าหลบสิ เพราะมันจะทำให้ผมยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น จ้างให้มาช่วยดูแล ไม่ได้จ้างให้มาหลบหน้า





“เออคนบ้านนี้นับวันยิ่งเอาใหญ่ เห็นไหมเนี่ยกลับมาเหนื่อยๆ” ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาสีขาวครีม





“คุณเพชรจะรับอะไรดีคะ น้ำขิงหรือชาอุ่นๆดีไหม” หลิว สาวใช้ที่เด็กที่สุดในบ้านเข้ามารับหน้าผมโดยที่มีคนอื่นๆแอบผลักเธอมา





“จะต้องให้บอกกี่ล้านรอบว่าฉันไม่ชอบดื่มชา เฝื่อนตายชัก น้ำขิงก็ไม่ชอบ ทั้งเผ็ดทั้งร้อน !”





“ขะ ขอโทษค่ะคุณเพชร”





“อากาศข้างนอกร้อนจะเป็นจะตาย เธอยังคิดจะเอาของร้อนมาให้ฉันดื่มอีกหรือไง เมดบ้านนี้ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจสักคน หรือต้องหาเมดใหม่ถึงจะทำงานได้ดีกว่านี้? ไปเอาน้ำเย็นมา” ผมเบ้ปากไม่พอใจ พาดเท้าลงบนสตูลตัวโปรดด้วยท่าทีเคืองๆ





“แต่… คุณพลอยบอกว่าคุณเพชรป่วยอยู่นี่คะ” เธอขัดคอผม





“โอ๊ย ถ้าจะเรื่องมากขนาดนี้ฉันสร้างบริษัทน้ำดื่มเองเลยดีไหมล่ะ คนหิวน้ำเข้าใจหรือยัง ต้องให้ไปขออนุญาตใครอีก ปากฉันฉันดื่มเอง ป่วยหนักก็ช่างมัน เด็กใจร้ายบางคนยังไม่สนใจเลย ไปเอาน้ำเย็นมา ฟังรู้เรื่องใช่ไหม!”





หลิววิ่งงุดๆไปแล้ว
แต่อารมณ์เหวี่ยงของผมยังไม่หายไปไหน ป่วยทีไรเป็นแบบนี้ทุกที หงุดหงิด ครั่นเนื้อครั่นตัว พอไม่สบายตัวก็ยิ่งรำคาญใจ ถ้าใครทำอะไรขัดใจหน่อยเป็นได้เรื่อง เหมือนวันนี้ที่ไอ้เตี้ยขัดใจผมสุดๆ! มันน่าจับเฆี่ยนซะให้เข็ด จะตี โบย โบก เอาให้ร้องไห้หาไอ้จอมยอดชู้ไม่ทันเลยคอยดู ไอ้คนบ้านนี้ก็เหมือนกันขัดใจผมได้ตลอด เจ็บคอแทบตายแต่ต้องให้พูดเสียงดังถึงจะฟังกัน โว้ย เดือด ไม่พอใจ เซ็ง แค้น งอน โป้งแล้ว





ไม่มีเหตุผล?


ก็เรื่องของผม!





นอกจากอากาศข้างนอกจะร้อนแล้ว ตัวผมก็ร้อนเพราะไข้ ใจผมยังร้อนเพราะไอ้เด็กเฉิ่มๆคนหนึ่ง วันนี้เป็นวันที่แดดเปรี้ยงมาก ใครบอกว่าตอนนี้หน้าฝนผมคงคิดว่าเขาโกหก แดดจัดขนาดนี้ร้อนอย่างกับเป็นเนื้อแดดเดียว หากวันนี้จะเป็นวันที่ได้ดั่งใจ ผมคงไม่โมโหอารมณ์เสียขนาดนี้





หลายชั่วโมงก่อนหน้านี้
ยังมีช่วงเวลาที่ผมชอบ





สิ่งที่ผมชอบมีหลายอย่าง หากจะให้สาธยายก็คงพูดกันจนหอแห้ง เอาเป็นว่าผมจะพล่ามในความชอบที่คุณควรจะรู้เกี่ยวกับตัวผมละกัน





ผมชอบสาวเปรี้ยวหุ่นดี เอ่อเรื่องนี้ควรจะบอกหรือเปล่า? เอาเถอะไหนๆก็พูดแล้วผมจะอธิบายให้ฟัง ผู้หญิงเปรี้ยวในนิยามของผมคือผู้หญิงมั่นใจ เก่งในทางใดทางหนึ่ง เป็นคนที่แผ่รังสีของความเชื่อมั่นในตัวเอง เรื่องการแต่งตัวก็สำคัญ จะเปรี้ยวไม่จำเป็นต้องแต่งตัวโป๊ เพราะถ้าโป๊มากผมว่ามันดู slutty แต่สาวเปรี้ยวในแบบฉบับของผมคือคนที่แต่งตัวดูดี เข้ากับตัวเอง ไม่ปิดจนมิดชิดและไม่วาบหวิวจนเกินไป คือพอมีส่วนที่เหลือให้ได้ใช้จินตนาการ ส่วนหุ่นผมชอบที่ ขายาวเรียวสวย เอวบางร่างน้อย และที่สำคัญคือส่วนนั้น… ผมหมายถึงหน้าอกของผู้หญิง (ขอเช็ดน้ำลายแปป) ยอมรับว่าผมไม่ชอบแบบไม้กระดาน แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นผลส้มโอหรือแตงโมหรอก (ได้ก็ดี) แค่พอดีไม้พอดีมือก็พอแล้ว





“โอ๊ย”





ผมโดนดีดหน้าผากขณะเหล่มองผลแตงโมที่เดินผ่านไป





“จะเอาอีกทีไหม มองอยูนั่น” คราวนี้นาวายกช้อนขึ้นมา ทำท่าจะซ้ำรอยเดิม





เพราะผมชอบสาวสวยหุ่นดีบางทีก็เลยอดไม่ได้ที่จะต้องมอง อย่าแบะปากใส่ผม เป็นใครก็ต้องมองเชื่อเหอะ ผู้ชายร้อยทั้งร้อยชอบมองผู้หญิงสวย ผู้หญิงก็ชอบมองคนหล่อ ใครๆก็ชอบมองของสวยๆงามๆกันทั้งนั้น ผมแค่มองเฉยๆนะครับไม่ได้คิดอะไร (แต่ทำไมฟังดูเหมือนแก้ตัว เชื่อเหอะผมไม่คิดอะไรจริงจริ๊ง)





“ไม่ได้มองซะหน่อย” ผมโกหก ทำเป็นตักโจ๊กเข้าปาก





ตอนนี้เราสองคนอยู่ที่โรงอาหารของคณะมนุษย์ครับ กำลังทางข้าวเช้าเพราะไม่ได้รองท้องมาจากบ้าน วันนี้นาวามีเรียนเช้าผมเลยต้องรีบออกมาด้วย การถ่างตาตื่นพร้อมพระอาทิตย์เป็นอะไรที่ทรมานมากสำหรับผม





“ลิ้นห้อยเชียว ยังจะมาปฏิเสธ” นาวาขยับแว่นให้เข้าที่ วันนี้เขากลับมาสวมแว่นเหมือนเดิม ไอ้หนูวาให้เหตุผลว่าไม่อยากใส่คอนแทกเลนส์เพราะใส่ลำบาก อันตรายกลัวตาติดเชื้อ บลา บลา บลา สรุปว่าจะกลับไปเป็นไอ้เฉิ่มแว่นตัวเตี้ยตามเดิม





“เดี๋ยวนะ ลิ้นห้อย? นั่นมันหมานิ”





“เชื่องดีแฮะ ด่าตัวเองก็เป็น ไหนๆขอขาหน้าหน่อย” ไอ้แว่นยิ้มตาหยีที่หลอกด่าผมได้





“แล้วในปากที่นายเลี้ยงไว้ล่ะ ไม่เรียกว่าหมาเหมือนกันหรือไงครับไอ่เตี้ย”





“นี่แน่ะ”





“โอ๊ย” คราวนี้เป็นช้อนจริงๆครับ โดนหน้าผากผมทีนึงเต็มๆ “เถียงไม่ชนะแล้วใช้กำลังตลอด เป็นพวกชอบความรุนแรงหรือไง โรคจิตอ่อนๆนะเราเนี่ย”





“กล้าเนาะมาหาว่าฉันโรคจิต ไอ่คนจิตปกติไม่คิดอกุศลอย่างนายเนี่ย เห็นสาวนมโตหน่อยไม่ได้ น้ำลายยืดเชียวนะไอ้หื่นกาม เดี๊ยะปั๊ดตีหัวแบะ มัวแต่เหล่สาวจนไม่ได้ยินใช่ไหมที่ถามน่ะ”





“ถาม? เรื่องอะไร?”





“ฮึ่ย” นาวาทำหน้าขบเคี้ยวฟัน มือที่จับส้อมกำแน่นซะจนผมเริ่มเกรงใจ (ไม่กลัวน๊ะ) “ตกลงนัดร้านคุณวิทย์ไว้กี่โมง”

เมื่อชื่อของดีไซนเนอร์แถวหน้าหลุดออกมาจากปากนาวา ผมก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เรามีนัดวัดตัวกับดีไซน์เนอร์มากฝีมือเพื่อน(สาว)ของพี่สาวผมเอง ที่จริงผมใช้บริการห้องเสื้อนี้บ่อยจนไม่จำเป็นต้องวัดตัวอีกให้มากความ เขาคงมีจดไว้แล้ว แต่ที่จะต้องพาไปคราวนี้ก็เพราะไอ้เด็กเอ๋อแถวนี้ยังไม่เคยไปวัดตัวกับทางร้าน





“เย็นๆโน่นแหละ เดี๋ยวเรียนเสร็จจะมารับ”





“งานด่วนขนาดนี้จะทันเหรอ เราเพิ่งจะเข้าไปวันอังคาร พฤหัสหน้าก็ต้องใช้แล้ว”





“พี่วิทย์เก่งจะตาย ช่างเย็บเขาก็มีอีกเป็นกระบุง งานนี้ต้องออกมาดีแน่ๆไม่ต้องห่วงหรอก รับรองวันหมั้นไม่มีใครขโมยซีนหนูวาของเฮียได้แน่ๆ”





“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเว่ย ใครจะไปอยากเด่น ฉันแค่เป็นห่วงกลัวเขาต้องเร่งทำงานกัน กลัวคนอื่นจะหาว่าฉันเป็นคนเอาแต่ใจเหมือนนาย สั่งปุ๊บอยากได้ปั๊บ แล้วเอ็งอยากตายมากไงไอ้เฮีย(เสียงสูง) พูดออกมาได้หนูวาของเฮีย ฮึ่ย หยุดเลยไม่ต้องมายิ้ม”





“อ๊าว ยิ้มอยู่เหรอ ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย”





ที่สามนาฬิกาของผม ผลแตงโมคู่เดิมเดินผ่านมาอีกแล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจจะหันไปมองหรอกครับ แต่เหมือนมันมีอะไรสะกดจิตให้ผมหันไป แหมก็มันใหญ่โตโอฬารทิ่มตาปานนั้น





แปะ





ฝ่ามือนิ่มๆของนาวาแรงเยอะไม่เบา ฟาดกลางหน้าผากผมเป็นรอบที่สาม เหมือนไอ้เตี้ยนิ่งไปชั่วครู่เมื่อเขาก้มมองฝ่ามือตัวเอง แต่ไม่นานก็กลับมาทำหน้าบึ้งเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้ผม





“บอกคุณวิทย์ว่าตัดชุดดำดีไหมวะ ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากตายดี” นาวาทำท่าจะคว้าแขนข้างที่โดนเย็บของผมไปขยำเล่นให้สาแก่ใจ เมื่อเห็นผมหลบเลยแก้เผ็ดด้วยการเหยียบเท้าผมใต้โต๊ะ





“โอ๊ย น่วมหมดแล้ว มือหนักตีนหนักชะมัด”





“รู้ก็ดี”





“ดุขนาดนี้ไปศึกไทยไฟท์เลยไหมละ จะซื้อค่ายมวยไว้ให้”





“เอานายมาเป็นนวมด้วยก็ดีนะ พ่อจะศอกเช้าเข่าเย็นเลยคอยดู” นาวาหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า





“หึงก็พูดเถอะ” ได้ผล คำพูดแทงใจดำของผมทำอีกคนหน้าแดงขึ้นมาทันที “มองเฉยๆไม่ได้คิดอะไรน่า หึหึ ไม่ต้องหึงหรอก”





ผมชอบเวลาที่นาวาเขินจนหน้าแดง หรือเวลาที่เขาทำหน้างอแก้มป่อง ดูแล้วเหมือนเด็กๆน่าแกล้ง อย่างเช่นเวลานี้ที่นาวาทั้งเขินทั้งหน้างอ ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังยิ้มแก้มแทบปริ สำหรับผมการเขินเป็นสิ่งที่น่าดูชม คนเราจะเขินจริงๆได้ก็ต้องมาจากความรู้สึก จะเรียกว่าหน้าบาง ประสบการณ์น้อย อารมณ์ไม่ด้านชาอย่างไรก็ได้ อาจงงไปหน่อย เอาเป็นว่าถ้าคุณเป็นคนที่เจอกับผู้หญิงเปรี้ยวๆเฉี่ยวๆแบบผมมาโดยตลอด คุณจะรู้ว่าคำว่าเขินอายไม่มีในพจนานุกรมของพวกเธอ อาจมีบ้างที่บางคน(ทำเป็น)เขิน แต่ก็ไม่เนียน





การเขินของนาวาจึงดูเป็นธรรมชาติ และน่ารักที่สุดในสายตาผม





“เตี้ยรอพี่ก่อน” นาวาคว้ากระเป๋าตัวเองทำท่าจะเดินออกจากโรงอาหารไป ผมเลยต้องจัดการกับสัมภาระของตัวเองบ้าง ไอ้ตัวเล็กไวชะมัด ชอบหนีผมอยู่เรื่อย ชอบเขินแล้วเดินหนี อย่าเพิ่งไปสิเอาแก้มแดงๆมาดูก่อนเช้านี้จะได้มีแรงใจในการเรียน





“นี่เตี้ย” ผมเอาแขนตัวเองสะกิดไหล่นาวา แล้วแอบเนียนโอบไหล่อุ่นๆของเขาเอาไว้ ผมแอบยิ้มให้กับความลื่นไหลของตัวเอง ถ้าได้กอดไหล่คนน่ารักนานๆแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ สบายมือดี เหมือนไหล่ของนาวาถูกออกแบบมาเพื่อผม วางมือได้พอดี โอบได้ทั้งตัว





“มีไร” นาวากระชากเสียงดุนิดๆ





“ไม่ต้องโมโหกลบเกลื่อนก็ได้ หึงก็บอกเถอะน่า พี่ดีใจนะที่หนูวาหึง” ผมก้มลงกระซิบข้างๆหู ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเด็กน้อย เวลานี้ผมยิ้มเหมือนคนบ้าเลยละครับ





“คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปแล้วตี๋ ไม่หึงเว้ย”





“งั้นกลับไปมองผู้หญิงคนนั้นอีกดีกว่า”





“นี่แน่”





“โอ๊ย ดีดหน้าฝากอีกแล้ว เวลานายหึงเนี่ยดุชะมัด”





“ย้ำอีกครั้งนะไอ้คนหลงตัวเอง ไม่ได้หึงเว้ย แต่ถ้านายอยากไปกับผู้หญิงอกตู้มคนนั้นมากนัก ฉันจัดการให้เอง” นาวาหยุดเดิน เป็นผลให้ผมหยุดเดินไปด้วย นาวาสอดสายตามองหาใครสักคน แล้วก็เป็นไปตามคาดนาวากวักมือเรียกผู้หญิงเจ้าของผลแตงโมที่เดินโฉบผ่านหน้าผมไปหลายต่อหลายรอบ “มิกกี้ มานี่หน่อยสิ”





“ค่ะ พี่วา” เธอตอบรับด้วยรอยยิ้มที่เรียกได้ว่าแทบจะฉีกถึงใบหู





ห๊ะ! เสียง สะ..เสียงนั่น ชัดเลยครับ ชัดเจน นั่นมันผู้ชายนี่หว่า





“มิกกี้ ไอ้ตี๋นี่มันชอบน่ะ” นาวาพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ มิหนำซ้ำยังเอาซอกกระทุ้งสีข้างผมซะอีก “อ้าวถึงกับอ้าปากค้างเลยเหรอตี๋ สวยระดับขึ้นประกวดเวทีมิสทิฟฟานีได้สบายๆเลยนะ อย่ามัวอึ้งในความสวยมากนักล่ะ ขึ้นเรียนแล้วนะตี๋ มิกกี้ก็ดูแลเพื่อนพี่ดีๆนะ”





“ได้เลยค่ะพี่วา หนูจะไม่ให้คลาดสายตาเลยค่ะ”





หมับ





มิกกี้สาวเทียมหน้าอกใหญ่คนนั้นเกาะแขนผมไม่พอ แถมยังเอาผลแตงโมดันแขนผมอีก โอ้ว ไอ้เพชรมึงนะมึงไม่น่ายั่วนาวาจนได้เรื่องเลย





“นาวา รอพี่ด้วยครับ” ผมร้องออกไป แต่ดันโดนผลแตงโมซิลิโคนรั้งเอาไว้





“พี่จะรีบไปไหนคะ อยู่คุยกับมิกกี้ก่อนนะ”





“เอ่อ พี่ว่าเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย พี่ว่าพี่ไปดีกว่านะ”





“โอ๊ย เข้าใจผิดก็ไม่เป็นไรค่ะ เราไปนั่งปรับความเข้าใจกันตรงโน้นดีกว่านะคะ มุมเงียบ ปลอดคนดี” มิกกี้ทำปูไต่บนหน้าอกผม โอ๊ย แถมขยิบตาใส่ผมอีก ไอ้คนที่อยากให้ทำดันไม่เคยทำ ไอ้คนที่ทำกลับไม่ใช่แบบที่ต้องการ





“ไม่ดีกว่าครับ ไปนะ”





“ไม่ให้ไปค่ะ” เสียงห้าวและแรงกระชากของมิกกี้ทำผมแทบเซ





“นาวา ช่วยพี่ด้วย…..”







พักเที่ยง





ชีวิตนักศึกษามักวนลูปเดิม พูดง่ายๆก็คือเรียน เรียนเสร็จก็กิน กินอาหารในที่เดิมๆ อาหารหน้าตาเดิมๆ การเป็นนักศึกษาที่กินแต่ข้าวจากโรงอาหารกลางจึงเป็นอะไรที่น่าเบื่อสำหรับผม ผมเป็นคนขี้เบื่อง่าย เลยมักจะเลี่ยงการทานข้าวเที่ยงที่โรงอาหารกลางของมหาลัย(ถ้าไม่จำเป็น) วันนี้ก็เช่นกัน ผมกะจะชวนนาวาออกไปทานร้านประจำข้างนอก ตั้งแต่ที่บอกเขาว่าจะตั้งใจจีบเขาในคืนนั้น ผมยังไม่ได้เดินหน้าทำตามคำพูดที่เอ่ยออกไป มื้อเที่ยงของวันนี้เลยอยากพานาวาออกไปทานของอร่อยกันสองต่อสอง





แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้!





“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของบรรดาเพื่อนๆ หรือเรียกง่ายๆก็คือพวกมารผจญ ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ





“แล้วมันก็หนีน้องมิกกี้เข้าห้องน้ำตรงตึกบริหาร แอบอยู่ตั้งนานกว่าจะกล้าออกมา” ไอ้จอมพูดมากผิดปกติ มันเอาเรื่องเมื่อเช้ามาเผาผมกลางโต๊ะที่มีไอ้เปรม ไอ้นาย และตามใจนั่งอยู่ด้วย





“เฮียโดนพี่มิกกี้แกล้งยั่วเข้าแล้ว ที่คณะใครๆก็รู้ว่าพี่แกเพิ่งไปแปลงเพศมา สวยโดนใจไหมล่ะเฮีย” ตามใจยิ้มล้อผมจนตาหยี





“ที่เฮียโดนแกล้งเพราะรุ่นพี่ตัวดีของตามต่างหาก นาวามันจงใจแกล้งบอกน้องมิกกี้อะไรนั่นว่าเฮียชอบ แค่นั้นแหละ แม่คุณตามไม่ห่างเลย กว่าจะหนีได้แทบตาย” ผมว่า





“ก็สมน้ำหน้า อยากเหล่สาวต่อหน้าคู่หมั้นทำไม” ไอ้นายที่ใส่เสื้อช็อปวิศวะเหมือนกับไอ้เปรมทับถมผมด้วยคำพูดของมัน





“กูไม่ตั้งใจเหล่เว้ย หันมองเฉยๆ ตู้มสะดุดตาขนาดนั้น” ผมแก้ตัว





“แล้วนี่นาวาไปไหน เห็นลงรถมากับมึงแต่ยังไม่เข้าร้านมาเลย” นายถามผมที่กำลังเปิดเมนูเตรียมสั่งอาหาร





“เห็นว่าจะเข้าร้านสะดวกซื้อก่อน เดี๋ยวค่อยตามมา” ผมตอบ พลางถอนหายใจ เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมต้องหงุดหงิดสิ ไอ้พวกนี้จู่ๆก็ตามผมกับไอ้ตัวเล็กมา “ว่าแต่พวกมึงเหอะ ตามมาเป็นก้างขวางคอกูทำไมเนี่ย”





“อ้าว ตามไม่ใช่ก้างนะเฮีย” ตามใจท้วง





“เป็นสิ” ไอ้จอมพูดขึ้นลอยๆ พลางพลิกดูเมนูไปเรื่อยๆ ไม่สนใจมองคนที่มันเหน็บด้วยซ้ำ





“อ้อถ้าหมายถึงเมื่อตอนสายอ่ะใช่” ตามใจกอดอก มองไปทางจอมทัพอย่างไม่พอใจนัก “แต่ตอนนี้ไม่ใช่เว้ย”





“ตอนสาย หมวยทะเลาะอะไรกับไอ้จอมมันอีก” เปรมถามน้องตัวเอง แถมเอามือโยกหัวตามใจด้วยท่าทางเอ็นดูมากกว่าดุน้อง





“ก็ตอนนั้นตามตื่นเช้าเลยไปนอนอ่านหนังสือในห้องนั่งเล่น รอเวลาจะไปเรียน แต่สักพักเพื่อนเฮียก็โผล่มา คุยโทรศัพท์กระหนุงกระหนิงกับพี่วาคู่หมั้นเฮียเพชร ‘ครับ ครับได้ครับ วาจะให้พี่ทำอะไรอีกไหม’ สงสัยความมุ้งมิ้งมันทำให้ตามมือสั่นเลยทำหนังสือหล่น เพื่อนเฮียเลยรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่คนเดียว รีบวางโทรศัพท์แล้วหาว่าตามเป็นเด็กเก็บกด แอบฟังคนคุยโทรศัพท์ ไม่มีมารยาท”





“ถ้าไม่แอบฟังจะรู้ได้ไงว่าพูดอะไรบ้าง” จอมทัพพูดหน้าตาย วางเมนูลงข้างๆตัว





“ก็… ก็มันได้ยินเองนี่นา” ตามใจเถียงกลับอย่างไม่ยอมกัน





“นี่แหละก้างของจริง จุ้นเรื่องคนอื่นด้วยเด็กหัวเห็ด” จอมทัพล้อทรงผมของตามใจด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไอ้นายหัวเราะหึหึแต่ไม่กล้าแสดงออกมากนักเพราะกลัวพี่สุดหวงอย่างเปรมจะเล่นงานเอา





“นายแหละก้าง ไอ้ก้างพูดน้อยแต่เถียงฉอดๆเลย” ตามใจดูจะไม่ยอมแพ้





“พอๆ ไม่ต้องเถียงกันเลยทั้งสองคน” ผมปราม “ที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็เป็นก้างหมดนั่นแหละ คนจะมาทานข้าวกันสองต่อสอง”





“ก็พวกกูจะไปรับไอ้หมวยมาทานข้าว ดันไปเจอมึงไปรับน้องวาพอดี เลยคิดว่าออกมาทานด้วยกันเสียเลย หลายๆคนสนุกดี คิคิ” เปรมยกยิ้มอย่างยี่หระต่อความเป็นก้างขวางคอแต่อย่างใด





“ส่วนมึง จอม ตอนสายทำไมมึงคุยกับคู่หมั้นกู ใครโทรหาใคร” ผมถาม





“นาวาโทรมา” จอมทัพตอบ





“คุยเรื่องอะไรกัน” ผมว่าน้ำเสียงผมเริ่มห้วนนิดๆ รู้หรอกว่าเพื่อนคงไม่คิดแย่ง แต่ก็ไว้ใจไม่ได้หรอกครับ ไอ้เตี้ยมันชอบยั่วจนใครๆหลงมันกันเป็นแถว ไอ้เด็กเฉิ่มนั่นก็ไม่รู้หรอกว่าการกระทำของตัวเองเขาเรียกว่าอ่อย จะใสบ้องแบ๊วไปถึงไหน





“คุยเรื่องมึง” สีหน้าและแววตาของจอมทัพบอกว่าที่พูดเป็นความจริง





“เรื่องกู? ทำไมวะ”



“ก็ไม่ทำไม” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นข้างหลัง นาวาเดินเข้ามานั่งตรงกลางระหว่างผมกับจอมทัพ ในมือถือถุงพลาสติกเล็กๆมาด้วย “สั่งข้าวเลยดีกว่า หิวแล้ว” สิ้นคำพูดของไอ้เตี้ย เหมือนทุกคนจะไม่สนใจผม สั่งของกินกันมาอย่างกับอดอยากมาจากไหน เมื้อเที่ยงมื้อนี้เลยผ่านไปไวมาก





ตลอดทางที่ขับรถจนมาจอดหน้าคณะมนุษย์ศาสตร์ ผมพอจะรู้ว่าตัวเองหน้าบึ้งแค่ไหน อะไรกัน ห่างผมไปแปปเดียวแต่นาวาดันโทรหาเพื่อนผม แบบนี้มันน่าน้อยใจไหมละครับ ผมเริ่มหงุดหงิดเล็กๆแล้วนะ





“เดี๋ยวตอนเย็นเราต้องไปร้านคุณวิทย์ใช่ไหม อันที่จริงนะ ให้ฉันไปคนเดียวก็ได้นะตี๋ นายเคยวัดตัวที่นั่นแล้ว”





“โทรหาไอ้จอมทำไม”





“ตอนเย็นนายกลับบ้านไปเลยก็ได้นะ เอาเป็นว่าเย็นนี้ฉันจะไปเอง”





“ถามไม่ตอบ”





“อยากรู้อะไรตี๋”





“คุยอะไรกับไอ้จอม โทรหามันทำไม มีอะไรทำไมไม่โทรหาฉัน”





“โทรไปคุยเรื่องนี้ไง” นาวายื่นถุงที่ตัวเองได้มาจากร้านสะดวกซื้อ ผมรับมางงๆ “แกะดูสิ”





“ยา?” ข้างในมียาแก้ปวดและยาลดไข้





“อื้ม ก็ตอนเช้ารู้สึกหน้าผากนายร้อนๆ เลยโทรไปให้พี่จอมช่วยดูอาการให้ เผื่อไข้จะขึ้น นายเองคงเสียเลือดไปมากเพราะแผลนั่นเลยเป็นไข้แบบนี้ แถมคืนนั้น… ก็เกือบไม่ได้พักอีก ไม่ป่วยก็แปลกแล้ว” นาวาอธิบายแถมมีอาการแก้มแดงให้ผมเห็น เลยอดไม่ได้ที่จะดึงร่างบางเข้าแนบตัว แม้ตอนนี้เราสองคนจะอยู่ในรถ อาจจะทุลักทุเลไปหน่อย แต่ผมก็แอบขโมยหอมแก้มนาวามาได้สองฟอดใหญ่ๆ





“ไอ้ตี๋ ไม่ต้องมาหื่นเลย กินยาด้วยนะ ถ้ารู้ว่าไม่ได้กินนายโดนแน่”





“คร้าบผม น่ารักจัง เป็นห่วงพี่ด้วย แบบนี้จะจีบให้ติดเลยนะครับคุณคู่หมั้น”





“ฮึ่ย ให้หายเดี้ยงก่อนเถอะ ไปละ”





“คร้าบป๋ม เจอกันตอนเย็นนะเตี้ย”





ผมขับรถกลับคณะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม การมีนาวาเข้ามาในชีวิตเหมือนมียาใจ แค่รู้ว่าเขาเป็นห่วงผมก็รู้สึกหายป่วยราวปลิดทิ้ง จนผมลืมไปเลยว่าจะต้องกินยา ลืมไปเลยครับว่าการไม่ทานยาจะนำพาความซวยและเรื่องปวดหัวให้ผมมานอยเล่น เงามืดค่อยๆคืบคลานเข้าสู่ชีวิตโดยที่ผมไม่รู้ตัว…





---------------------50%--------------------

มาแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวอีกครึ่งกำลังจะตามมา

คิดถึงนักอ่านทุกคน สอบเสร็จแล้ว ได้เวลากลับมาอัพนิยายต่อ ดีใจที่คนอ่านยังไม่หนีหายไปไหน ขอบคุณทุกๆกำลังใจนะครับ ^^

 

Love Most,

Killian
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 3 (50%) [26/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-12-2015 20:17:23
สมน้ำหน้าพี่เพชร อยากมองนมดีนักเลยดีดหน้าผากไปหลายที
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 3 (50%) [26/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 26-12-2015 21:53:16
มิกกี้แซ่บมั้ยหล่ะพี่เพชร :laugh:

น้องวาน่ารักเป็นห่วงพี่เพชรด้วย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 3 (50%) [26/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 26-12-2015 22:17:17
 :impress2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 3 (50%) [26/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 26-12-2015 23:05:50
จะมีอะไรดราม่าอีกหรือเปล่าน้อออ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 3 (50%) [26/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 27-12-2015 04:07:16
รองานหมั้นเมื่อไหร่จะมาสักที
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 3 (50%) [26/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-12-2015 05:58:34
การลืมกินยาพาพี่เพชรซวยยังไงนะ
รอครึ่งหลังนะคะ มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 3 (50%) [26/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 27-12-2015 06:33:12
อีพี่เพชรนิสัยไม่ดีเลย เจ้าชู้จริงๆมันโดนมากกว่านี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 3 (50%) [26/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 27-12-2015 12:50:58
มองนมเพลินกรรมเลยตามสนองแบบนี้แหละพี่เพชร :laugh:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 3 (50%) [26/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 27-12-2015 16:38:12
ตี๋น่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 3 (50%) [26/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 30-12-2015 14:22:59
คนอ่านหายไปไหนกัน :o12:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม Ch.12 part 3 (50%) [26/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 31-12-2015 15:12:52
หึหึ หนูวาสั่งแล้วนิว่าให้กินยา
งานนี้ตี๋โดนราหู เอ้ย อำนาจมืดเล่นงานแน่
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 31-12-2015 21:50:07


ตอนพิเศษ HNY 2016: จอมทัพ ตามใจ และกรุ่นไอทะเล




1.





กลิ่นไอทะเลยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองไว้เสมอ กรุ่นเกลือจากผืนน้ำเค็มสีครามกว้างสุดลูกหูลูกตาโชยเข้าจมูก ภายใต้ท้องฟ้าสีไพลินที่ประดับประดาไปด้วยก้อนเมฆขาว หากมองไปไกลๆตรงฟากโน้นจะเห็นท้องทะเลบรรจบกับขอบฟ้าราวสรวงสวรรค์กับผืนน้ำเอื้อมมือแตะกัน





ลมทะเลพัดเอากลิ่นเค็มน้ำครามและความชื้นของไอน้ำมาด้วย เป็นผลให้ปลายผมที่เริ่มยาวของตามใจพลิ้วไหวไปตามแรงลมโบก เด็กหนุ่มสูดหายใจเอากลิ่นทะเลเข้าปอด มือป้องตากันแดดจ้ายามสายเพราะกำลังเงยมองนกนางนวลสีขาวราวหิมะที่กรีดปีกบินอยู่เหนือหัว มืออีกข้างจับราวระเบียงเรือไว้แน่น





แม้จะเคยเดินทางไปยังเกาะเล็กเกาะน้อยด้วยเรือเฟอร์รีหลายครั้งหลายครา แต่ตามใจก็ยังไม่ชินกับความโคลงเคลงของเรือ ขึ้นเรือลำไหนพาลจะคลื่นไส้ทุกที ครั้งนี้ก็เช่นกัน





เขาไม่อาจนั่งอุดอู้อยู่แต่ในห้องโดยสาร ในนั้นคนเยอะอัดแน่น รังแต่จะทำให้อาการเมาเรือกำเริบขึ้นมาก็เท่านั้น สู้ออกมาสูดอากาศข้างนอกริมระเบียงเรือที่มีทางเดินเล็กๆ ออกมาเห็นแสงแดด ท้องฟ้าและผืนน้ำ ยังจะดีเสียกว่านั่งอุดอู้อยู่ข้างใน และดียิ่งกว่าที่ไม่ต้องทนนั่งเบียดกับไอ้คนนั้น





จุดหมายของเรือเฟอร์รีโดยสารลำนี้คือเกาะพะงัน แน่นอนว่าในวันที่กำลังจะมีปาร์ตี้ฟูลมูลส่งท้ายปีอย่างเช่นวันนี้ ผู้คนมากหน้าหลายตา หลากเชื่อต่างชาติ ย่อมหลั่งไหลเข้ามาที่เกาะแห่งนี้กันอย่างเนืองแน่น วันที่ 31 ธันวาคม จึงเป็นวันที่คนไม่ชอบอยู่ท่ามกลางฝูงชนแออัดควรงดเดินทาง





แล้วเหตุใดตามใจจึงมาอยู่ที่นี่?





ต้นเรื่องอยู่ที่พี่ชายตัวดีของเด็กหนุ่ม เปรมรบเร้าเพื่อนร่วมบ้านทุกคนเพราะอยากมาปลดปล่อยสุดเหวี่ยงที่เกาะพะงันในวันสิ้นปี ยกเหตุผลของการพักผ่อนมาอ้าง ถือเป็นการคืนกำไรให้แก่ชีวิตหลังลำบากตรากตรำสู้ศึกหนักสอบไฟนอลของเทอมแรก เลยอยากให้การมาเยือนเกาะพะงันครั้งนี้เป็นการคืนความสุขให้กับตัวเอง





ข้ออ้างของพี่ชายฟังไม่ขึ้น สำหรับตามใจคงเข้าใจดีว่าแท้จริงแล้วเปรมอยากจะมาดูแหม่มฝรั่ง ตามใจยังจำคำพูดของพี่ชายที่ใช้ยกยอสาวฝรั่งอั้งม้อครั้งที่มาเที่ยวด้วยกันเมื่อสองปีก่อนได้ดี





‘สวยตั้งแต่ท่าเรือยันท้ายเกาะเลยเว้ย บิกินีแจ่มๆทั้งนั้น’





ตามใจถอนหายใจหัวเสีย เพราะไอ้คนต้นเรื่องดันหายหัวไปก่อนจะขึ้นเรือ หมอเตติดเวรขึ้นหวอด นายโดนพ่อแม่ตามตัวกลับบ้าน ส่วนเฮียเพชรก็บอกปัดตั้งแต่ถูกเอ่ยชวน แววตาวาวโรจน์ของตรีเพชรบ่งบอกว่าเขาคิดแผนสร้างช่วงเวลาพิเศษกับคู่หมั้นที่เพิ่งย้ายไปอยู่ด้วยกันประมาณสามเดือนเศษ





ทำไมเราต้องมากับหมอนี่สองคนด้วยเนี่ย





ตามใจอยากจะทึ้งหัวตัวเองให้หายโมโห แต่เพราะเรือโคลงจนต้องรีบจับราวระเบียงเลยทำให้เด็กหนุ่มทำร้ายตัวเองไม่ได้ หมวกสานทรงสวยพอดีศรีษะถูกสวมให้กับตามใจโดยไม่ทันตั้งตัว เด็กหนุ่มสะดุ้งตกใจ ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเห็นคนที่ถือวิสาสะสวมหมวกให้





“ใส่ไว้ เดี๋ยวโดนแดด” แม้จอมทัพจะพูดกับตามใจ นัยน์ตาสีรัตติกาลของชายหนุ่มกลับมองไปที่นกนางนวลกำลังโบกบิน





“ยุ่งอะไรด้วย ขอร้องสักคำเหรอว่าอยากได้หมวก” ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ตามใจก็จับหมวกกดกับหัวไว้แน่น กลัวว่าลมแรงจะทำให้หมวกสานใบสวยปลิวลอยไป





“คิดว่าอยากยุ่ง?” จอมทัพเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม คราวนี้เขาหันกลับมาจ้องหน้าตามใจ “ไอ้เปรมสั่งไว้หรอก”





“ไอ้เฮียสั่งไว้? ไปคุยกันตอนไหน อยู่ท่าเรือภูเก็ตก็ไม่เห็นมันโผล่หัวมา” ตามใจนึกแค้นพี่ชายนักเชียว ถ้ารู้ว่าต้องมาทนอยู่กับจอมทัพเพียงสองคน เขาขอไม่มาดีกว่า





“ตอนอยู่ท่าเรือมันโทรมา” จอมทัพยังคงพูดน้อย แถมคำพูดแต่ละอย่างไม่อธิบายให้ชัดเจนเอาเสียเลย ตามใจหงุดหงิดแต่กะนั้นก็ต้องทำตัวใจเย็น ถามไถ่จอมทัพจนได้ความ





“โทรมาคุยอะไรกัน มันบอกไหมว่าทำไมถึงมาไม่ได้”





“ที่รีสอร์ตมีปัญหา ต้องอยู่ช่วย” จอมทัพอธิบาย





“โถ่เอ้ย ให้ใครช่วยก็ได้ พนักงงานเยอะแยะ”





“คงเป็นเรื่องใหญ่” จอมทัพทอดสายตามองผืนน้ำสีคราม





ตามใจแยกเขี้ยวใส่คนตัวโตกว่า เพราะคิดว่าเขาไม่เห็น แต่ไหนแต่ไรแล้ว จอมทัพไม่เคยมองเขาเลย… ต่อให้พูดกัน สายตาคู่นั้นของคนข้างๆที่ยืนจับราวระเบียงด้วยท่าทีสบายก็ไม่ค่อยมองมาที่เขา นี่อาจเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ตามใจไม่ค่อยสนิทใจกับเพื่อนสนิทพี่ชายคนนี้นัก





เรือเฟอร์รีโดยสารออกเดินทางจากท่าเรือภูเก็ตประมาณสิบโมงเช้า ใช้เวลาอีกราวๆสองชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย ตอนนี้เรือออกมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว และความวิงเวียนโคลงเคลงก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น จนตามใจภาวนาขอให้เวลารีบเดินเร็วไว ให้รีบถึงที่หมายก่อนที่เขาจะสำรอกเอาความวิงเวียนออกมาเสียจนหมด





“รับลมพอยัง?” จอมทัพถามขึ้นหลังจากยืนเงียบกันมาสักพัก ตามใจทำหน้าฉงน แต่ก็อีกนั่นแหละ เด็กหนุ่คิดว่าจอมทัพไม่เห็นเพราะเขาไม่มองมาทางตัวเอง เอาแต่จ้องผืนน้ำอยู่นั่น





“เข้าไปข้างใน” เมื่อจอมทัพพูดจบก็คว้าข้อมือของตามใจ เป็นนัยว่าให้เดินไปกับเขา





“ไม่เอาไม่เข้า คนเยอะเวียนหัว” เด็กหนุ่มพยายามรั้งแขนไว้ แต่ไหนเลยจะสู้คนที่ฉุดลากเขาได้





“ตามมาเถอะน่า”



2.





ภายในห้องโดยสารที่ผู้คนแออัด สองร่างนั่งเบียดจนไหล่ชนกัน หนึ่งคนทำหน้าบู้บี้ อีกคนกำลังก้มค้นกระเป๋าไม่ยี่หระต่ออะไรทั้งนั้น ตามใจอาจทำหน้าเหยเกเพราะสองสาเหตุ ประการแรกคือเซ็งไอ้คนข้างๆที่ฉุดกระชากเขาออกมาจากระเบียงเรือ สาเหตุที่สองน่าจะเป็นเพราะอาการเมาเรือเริ่มเป็นหนัก ตามใจรู้สึกเรือโคลง เวียนหัวจนไม่อยากทน





จอมทัพควานหาของในกระเป่าใบเล็กจนในที่สุดก็เจอ ยาเม็ดจิ๋วอยู่ในฝ่ามือของชายหนุ่ม มืออีกข้างมีขวดน้ำดื่มเตรียมพร้อม





“ทานนี่ซะ” จอมทัพหงายมือให้ตามใจดู ยาเม็ดเล็กยิ่งทำให้ตามใจหน้าหงิกหน้างอ





“ไม่กินยาได้ไหม ไม่ชอบ”





“ไม่กินยาแก้เมาเรือแล้วมันจะหายไหม ยังต้องอยู่บนเรืออีกนาน” ตามใจมีข้อสังเกตอีกอย่างสำหรับจอมทัพ ถ้าได้บ่น จากคนพูดน้อยก็จะเริ่มพูดได้ยืดยาว แต่เห็นจะพูดมากที่สุดหากนั่นเป็นการเถียงกันระหว่างจอมทัพกับเขา





“เรื่องของฉันน่า ไม่ชอบกินยา ก็จะไม่กิน นายไม่ต้องมาบังคั…”





จอมทัพยัดยาเม็ดเล็กเข้าปากตาใจได้โดยง่ายเพราะอีกฝ่ายมัวแต่อ้าปากเถียงเขาอย่างไม่ยอมความ ตามใจทำหน้าราวกินของแปลกพิสดารที่รสชาติแย่ แต่จอมทัพกลับเปิดขวดน้ำอย่างใจเย็น อันที่จริงเขาตั้งใจจะแกล้งไอ้เด็กนั่น ดื้อยาดีนักอมไว้ในปากนานๆนั่นแหละจะได้จำ





ตามใจคว้าขวดน้ำจากจอมทัพมาดื่มอย่างหิวกระหาย สายตาขุ่นๆจ้องจอมทัพอย่างไม่พอใจ แต่กระนั้นก็ทำอะไรไม่ได้นัก ตามใจเลยได้แต่กระแทกไหล่ขออีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์





ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเราควรจะเรียกยาพวกนี้ว่ายาแก้เมารถเมาเรือ หรือยานอนหลับกันแน่ กินเข้าไปหลับเป็นตายทุกที ตามใจอาจจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองสัปหงกจนหัวจะทิ่มอยู่แล้ว จอมทัพที่นั่งเงียบๆสังเกตตามใจมาตลอดใช้มือช้อนศีรษะทุยๆของตามใจอย่างแผ่วเบา ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายตื่น จอมทัพมอบไหล่กว้างเป็นที่แนบศีรษะหลับต่างหมอนสำหรับตามใจ ตามใจไม่รู้หรอกว่าเวลาที่ตัวเองหลับจะใช้ไหล่ใครเป็นที่อิงแอบ และใครมอบไหล่ให้เขาแอบอิง





3.





เตียงหกฟุตหนานุ่ม หากแต่คนหนึ่งจะนั่งรื้อข้าวของอยู่มุมหนึ่งของเตียงอีกฟากไกลกันก็จะเห็นอกคนนั่งเตะสัมภาระระบายอารมณ์ ตามใจหน้าตาบอกบุญไม่รับ เท้าของเขาเหยียบอยู่บนกระเป๋าเป้เดินทาง จะอะไรอีกล่ะถ้าไม่ใช่จอมทัพคนที่ทำให้เขาอารมณ์เสีย ปลุกดีก็ไม่ได้ ไอ้พูดน้อยนั่นเกือบฉุดลากเขาลงจากเรือ





ตามใจไม่รู้หรอกว่าตัวเองปลุกยากแค่ไหน แต่ถึงรู้ก็คงไม่สนใจ ชื่อของเด็กหนุ่มก็บอกอยู่แล้วว่าโดนประคบประหงมเอาใจมากแค่ไหน แต่จอมทัพกลับไม่เคยิดจะตามใจรุ่นน้องที่ชื่อว่าตามใจเลยสักครั้ง





ห้องพักนี้สวยกว้าง บรรยากาศดี หากแต่ผู้เข้ามาอาศัยกลับทำเหมือนจะขาดใจตาย คนหนึ่งเก็บของเข้าตู้เสื้อผ้าเงียบๆ อีกคนนอนแผ่บนเตียงแลบลิ้นปลิ้นหน้าอย่างหัวเสียใส่คนที่กำลังหันหลังเก็บของ





“โอ๊ยเบื่อ ไปข้างนอกดีกว่า” ตามใจว่าดังนั้นก็รีบคว้ากระเป๋าสะตังค์เดินลิ่วๆเตรียมจะออกจากห้องไปทันที แต่เมื่อใกล้ถึงธรณีประตูเด็กหนุ่มกลับชะงักหยุดเสียดื้อๆ





จอมทัพกำลังแขวนเสื้อเข้าตู้เสื้อผ้า บนเตียงฝั่งที่จอมทัพนั่งตามใจเห็นหนังสืออ่านเล่นเล่มหนึ่งวางอยู่เหมือนเจ้าของเตรียมจะอ่าน ตามใจขมวดคิ้วสงสัย เลยถามออกไป





“นี่… จะไปข้างนอกละนะ” บอกออกไปเหมือนแจ้งให้อีกคนทราบ แต่น้ำเสียงไม่เป็นเช่นนั้นเลย





“อือ” จอมทัพรับคำโดยไม่หันมอง ยังคงแขวเสื้อของตัวเองต่อไป





“นายจะไม่ออกไปไหนเหรอ”





“อือ”





“ได้ไงกัน มาทะเลทั้งที หาดทรายสวยฟ้าใส ที่สำคัญคนเต็มหาดเลย ใครๆก็ออกไปข้างนอกกันทั้งนั้น มัวมาอุดอู้อยู่แต่ในห้องอ่านหนังสืออย่างนี้หรอก”





“ค่อยไป” จอมทัพตอบแค่นั้น





“ไม่ได้ ออกไปเลย ฉันอยากกินอาหารทะเลจะแย่” ตามใจกอดอก





“อยากกินนายก็ไปสิ รออะไร?” จอมทัพหันมาถามตามใจ





“อ๊าว ใครจะไปนั่งกินอยู่คนเดียว เขินแย่ นายน่ะ ค่อยมาจัดของก็ได้ เร็วเข้าออกไปเลย” ตามใจเดินเข้ามาประชิดจอมทัพ ชายหนุ่มงุนงง เท้าของจอมทัพถอยหลังไปสองเก้าเพราะสายตาคาดคั้นบังคับนั่น





“ฮื่อ ไม่อยากไป” จอมทัพส่ายหน้าปฏิเสธ





“มานี่” ตามใจคว้าข้อมือของอีกฝ่ายแล้วฉุดลากให้ชายหนุ่มตัวโตตามตัวเองออกมา





“ชื่อตามใจหรือบังคับใจกันแน่เนี่ย” จอมทัพบ่นอุบอิบ





“ได้ยินเว่ย”





“ก็พูดให้ได้ยินนั่นแหละ”





4.





นับว่านี่เป็นมื้อแรกที่ทั้งสองคนออกมาทานอะไรด้วยกันตามลำพัง ตามใจแอบยิ้มขำคนที่เอ่ยปากว่าไม่อยากออกมา แต่กลับสั่งโน่นสั่งนี่มากินไม่หวาดไม่ไหว





“ยิ้มอะไร” จอมทัพเงยหน้า





“ขำคนไม่อยากมา แต่เห็นกินซะอย่างกับหิว”





จอมทัพยักไหล่ไม่ยี่หระ





“อย่ากินแต่กุ้งอย่างเดียวสิ ช่วยกินหอยนี่ด้วย กินคนเดียวไม่หมด”





“ไม่กินอ่ะ”





“ทำไม ไม่ชอบหรือกินไม่ได้?”





“เปล่า กินได้ แต่ไม่อยากกิน”





“ยังไง?”





“ก็… นาวาแพ้หอย ปกติถ้ากินด้วยกันก็มักจะไม่สั่ง เลยกลายเป็นว่าฉันไม่กินหอยไปด้วย”





คำตอบของจอมทัพทำให้ความเงียบโรยตัวลงมา ตามใจมองจานอาหารของตัวเองแต่ความคิดกลับล่องลอยไปไกล ไม่ว่านานแค่ไหนผู้ชายข้างหน้าเขายังคงไม่ลืมอีกคน ทำไมเพื่อนพี่ชายคนนี้ถึงมั่นคงในความรู้สึกนักนะ หากทุกคนจะคงมั่นกับความรู้สึกของตัวเองเหมือนจอมทัพก็คงดี และหากคนที่เรารู้สึกมั่นคงไม่ผันเปลี่ยนรู้สึกเช่นเดียวกับเรา ชีวิตคงจะงดงามมากนัก แต่ชีวิตมักไม่เป็นอย่างนึกฝัน อย่างจอมทัพปะไร เป็นคนที่มั่นคงในรัก แต่ไม่อาจรักคนที่ตัวเองรักได้ เพราะเขาคนนั้นมีคู่เป็นตัวเป็นตนไปแล้ว…





ตามใจไม่รู้หรอกว่าจะใส่ใจเอาเรื่องของจอมทัพมาคิดให้รกสมองทำไม แต่หลายครั้งที่ชื่อของรุ่นพี่ร่วมคณะหลุดออกมาจากปากของผู้ชายตรงหน้า แววตาของเขาจะมีแววบางอย่าง ตรึงให้ตามใจต้องหันมอง แววตานั้นอยากจะลบมันให้อันตรธารหายไป





5.





ผู้คนแน่นขนัด ไทย จีน ฝรั่ง เบียดกันแน่นหาด





เวลานี้เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง เป็นเวลาที่เสียงเพลงกระหึ่มดังไปทั่ว ไม่เพียงแค่เสียงเพลงเท่านั้น เสียงปัง ปัง ของพลุยังดังทั่วทิศทาง ท้องฟ้าสีดำยามกลางคืนถูกประดับประดาด้วยประกายพลุงดงามจับตา แม้จะยังไม่ถึงเที่ยงคืน แต่เสียงเพลง เสียงพลุ และเสียงผู้คนกลับดังกระหน่ำไปทั่วบริเวณ





ปาร์ตี้ส่งท้ายปีบนเกาะพะงันครึกครื้นสมคำร่ำลือ นอกจากนี้ยังมีผู้คนมากหน้าหลายตาคลาคล่ำไปทั้งหาด จนอาจจะเมาคนก่อนจะเมาแอลกอฮอล์แทนก็เป็นได้





พลุสวยสดเบ่งบานบนน่านฟ้า ตามใจเงยมองพลุงามด้านบนพลันรอยยิ้มสดใสฉาบฉายบนดวงหน้า ไม่ต่างกันกับจอมทัพแต่รอยยิ้มของเขาอาจไม่กว้างและไม่ดูร่าเริ่งเท่าตามใจ





“เห็นไหมยิ้มแล้ว นายเองก็ชอบงานปาร์ตี้ใช่ไหมล่ะ” ตามใจแซะคนข้างๆด้วยท่าทีรู้ทัน





“ไม่ชอบ แค่มองว่าพลุสวยดี”





“ยังไงก็มาแล้ว มาพะงันทั้งทีไปเที่ยวให้สนุกกันเถอะ”





“แปลก”





“อะไรแปลก?”





“ไม่คิดว่าเด็กแถวนี้จะชวนเที่ยว ปกติเราไม่ญาติดีกัน” จอมทัพล้วงกระเป๋ากางเกง มองไปทางตามใจ





“เอาน่า วันนี้สงบศึกสักวัน ที่ต้องชวนนายออกมาเที่ยวเพราะไม่มีใครให้ชวนหรอกนะ บอกไว้ก่อน”





ตามใจไม่สนสีหน้าเรียบเฉยของจอมทัพ เขาลากคนตัวโตเข้าซุ้มนั้น ออกซุ้มนี้เป็นว่าเล่น ได้บัคเก็ตเครื่องดื่มมาหลายขวดทีเดียว แถมจอมทัพยังโดนบังคับเพ้นทตัวเป็นเพื่อนเด็กซนคนนั้น ตลอดเวลาเสียงหัวเราะคิกคักของตามใจดังไม่ขาดสาย จอมทัพมองว่าตามใจเหมือนเด็ก ร่าเริงเหมือนได้เที่ยวงานวัด เห็นอะไรก็ดูจะตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด





“อย่าดื่มให้มันมากนักล่ะ” จอมทัพออกปากห้ามเมื่อเห็นตามใจเริ่มหน้าแดงเพราะฤทธิ์เบียร์





“ไม่เมาง่ายหรอกน่า คอแข็ง” ก็จริงของเด็กซน ตามใจไม่เคยเบียร์ถึงขั้นไร้สติสักที เคยแต่มึนๆพอหยุดกินพักนึงก็หาย กลับมากินได้ต่อ





“เถอะ จะคอยดู”





ตามใจฉีกยิ้มให้จอมทัพก่อนที่เด็กหนุ่มจะหายไปกับฝูงชนและโยกกายไปตามเสียงดนตรี จอมทัพยืนมองน้องชายของเพื่อนอยู่ห่างๆ ต่อให้เปรมไม่ฝากฝังไว้ยังไงเขาก็ต้องดูแลไอ้ซนนี่อยู่ดี ยังไงเสียตามใจก็เป็นน้อง แม้จะกัดกันบ่อยครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยโกรธเกลียดกันจริงจังสักที





จู่ๆตามใจมาเกาะไหล่ของจอมทัพ กลิ่นเบียร์โชยมาพอประมาณ ทำให้จอมทัพรู้ว่าถึงตามใจอาจจะไม่เมา แต่เบียร์ก็คงพอจะทำให้เด็กซ่าคนนี้มึนๆได้





“ไปเต้นกันเถอะ” ตามใจพูดใกล้หูของจอมทัพ เพราะเสียงเพลงและเสียงผู้คนดังมาก





“อะไรนะ” ไม่ใช่ไม่ได้ยิน แต่จอมทัพร้องออกมาเพราะประหลาดใจ ถ้ากินเบียร์แล้วช่วยละลายพฤติกรรมของตามใจแบบนี้ ชายหนุ่มคงจับเบียร์กรอกปากเด็กแก่แดดคนนี้ไปนานแล้ว ไม่มัวทนกัดกันให้หงุดหงิดรำคาญหรอก





“ไปเต้นกัน เห็นนายไม่เต้น เต้นคนเดียวไม่สนุก”





“เต้นคนเดียวซะที่ไหน เห็นสาวเกาหลีชวนนายเต้นอยู่เมื่อกี้” จอมทัพพูดในสิ่งที่ตนสังเกตเห็น





“ไม่อยากเต้นกับคนไม่รู้จัก”





“ฉันไม่เต้น”





“เอาน่า ไปเถอะ มาๆมาเต้นกัน” ตามใจยังคงดื้อดึง ลากจอมทัพไปเต้นให้ได้ อันที่จริงเด็กหนุ่มไม่ได้เมา อันที่จริงใช่ว่าเต้นกับคนไม่รู้จักจะไม่สนุก แต่จริงๆแล้วตามใจอยากเห็นคนตรงหน้าสนุกกับเขาบ้าง แววตาของจอมทัพในร้านอาหารยามเอ่ยถึงนาวามันยังคงติดตาตามใจไม่ไปไหน ตามใจอยากเห็นจอมทัพยิ้มบ้าง แค่นั้นเองจริงๆ…





ที่ยืนอยู่ท่ามกลางคนนับพันเพราะเด็กคนนี้ลากมา ที่ต้องโยกตัวไปตามเสียงเพลงเพราะเด็กคนนี้จับไหล่เขาโยกซ้ายขวา ที่มองอยู่ตรงนี้คงเป็นแววตาสดใสและรอยยิ้มฉาบฉายความสุขของเด็กซนตรงหน้า





“หึ” จอมทัพหลุดยิ้มและขำออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ





“อ๊ะ นายยิ้มแล้ว” ตามใจกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข ยิ้มได้สักทีนะ





เสียงผู้คน เสียงดีเจ เสียงเพลง เสียงพลุยังคงดังอยู่เรื่อยๆ เวลาของศักราชใหม่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว หนึ่งปีที่ผ่านมาของทั้งสองคนต้องเจอกับอะไรต่อมิอะไรหลากหลายอย่าง บางเหตุการณ์สร้างความสุข บางเหตุการณ์เป็นเหตุแห่งความเศร้า จนคนหลายคนเลือกที่จะจำความสุขและโยนความเศร้าของปีที่ผ่านมาทิ้งไป แต่สำหรับตามใจและจอมทัพ ทั้งสองเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้ทั้งสุขและเศร้า เลือกที่จะจำมันทั้งหมด ไม่ว่าจะเข้ามาดีหรือไม่ดี เพราะทุกๆสิ่งถือเป็นเหตุการณ์ในชีวิตที่ทำให้ทั้งสองมายืนอยู่ ณ ตรงนี้ เหตุการณ์ทุกข์สุขของปีที่ผ่านมาล้วนทำให้โตขึ้น





จอมทัพมองน้องของเพื่อนไม่วางตา ตามใจยิ้มเบิกบาน ตาเรียวรีของเด็กซนมองจ้องเข้าไปนัยน์ตาของจอมทัพเช่นเดียวกัน ตามองกันแต่ไม่ได้สื่อสารอะไรกันหรอก ไม่มีถ้อยคำ ไม่มีคำพูดระหว่างกัน





เสียงของผู้คนรอบข้างเริ่มนับถอยดังกันอย่างพร้อมเพรียง แต่จอมทัพและตามใจกลับไม่อาจละสายตาออกจากกัน แม้ควาเงียบจะปกคลุมคนทั้งสอง แต่ไม่เหมือนความเงียบอย่างที่ผ่านๆมา ความกระอักกระอ่วนอึดอัดใจอันตรธานจางไปราวไม่เคยมีมาก่อน ระหว่างคลองสายตาที่สบมองกัน ความสบายใจ เบิกบาน และรอยยิ้มแทรกสอดอยู่ในนั้น





ไม่รู้เหตุผลหรอกว่าทำไม





แต่บางครั้งเหตุผลอาจไม่สำคัญเท่าความรู้สึก เรื่องบางเรื่องใช้แค่ความรู้สึกโดยไม่จำเป็นต้องหาเหตุผล เวลานี้ก็เช่นกัน แค่มีความสุข แค่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องหาเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องยืนจ้องกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องถมถึงที่มาของรอยยิ้มระบายหน้า เพราะยิ้มของทั้งสองมอบให้แก่กันโดยไม่จำเป็นต้องหาสาเหตุ ยิ้มเพราะอยากยิ้ม ยิ้มเพราะบรรยากาศและอะไรต่อมิอะไรพาไป…





…5, 4, 3, 2…





เสียงคนนับเค้าท์ดาว์นดังไปทั่ว พลุเบ่งบานส่องประกายเต็มน่านฟ้า คนรอบข้างอวยพรกอดจูบกันและกัน





ตามใจเขย่งตัวขึ้น





จอมทัพก้มหน้าลง





จังหวะนั้นทั้งสองใกล้กันเพียงระยะลมหายใจ





“แฮปปี้นิวเยียร์” สองคนพูดพร้อมกัน





ไม่รู้เพราะความชิดใกล้ หรือจังหวะที่ผิดพลาดไป





สิ้นเสียงอวยพรต้อนรับปีใหม่ วินาทีที่ใบหน้าของทั้งคู่ละออกจากกัน ณ เสี้ยววินาทีนั้น จมูกและริมผีปากของจอมทัพจรดพวงแก้มเนียนนวลของตามใจ เป็นเวลาเดียวกันกับจังหวะหัวใจของคนทั้งสองแกว่งไหวพร้อมกัน

                                                                                                                                                                                   
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 31-12-2015 22:16:03
อ๊ายยยยยยย ฟินง่ะ จอมทัพกับตามใจซินะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-12-2015 23:28:40
 HAPPY NEW YEAR 2016   :mew1:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 01-01-2016 00:32:31
HNY 2016 :))

ปีใหม่ คู่ใหม่ !!!! เคมีเข้ากั๊นเข้ากันนนน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 01-01-2016 01:40:02
มีคนมาดามใจพี่จอมแล้ว

เคมีเข้ากันสุดๆ คู่นี้น่ารัก เราจะเอา :ling1:

สวัสดีปีใหม่ค่าาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 01-01-2016 07:13:44
อุ่ย ฟินเบาๆ
ลุงจอมทัพมีเด็กมาดามใจแล้ว เลิกเศร้าได้แล้ว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-01-2016 22:48:38
อย่าให้ความฟินของ จอมทัพ-ตามใจ มาแค่ตอนพิเศษเลย มาเป็นคู่รองในเรื่องเลยเถอะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 02-01-2016 05:04:26
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากคร้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 02-01-2016 11:39:51
คู่ใหม่รับปีใหม่ :mc4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 05-01-2016 11:13:08
:)
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 08-01-2016 01:58:47
ขอได้กัน เอ้ย ได้คู่กันไวๆนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-01-2016 11:20:31
ตามใจจะกลายเป็นดามใจก็คราวนี้แหล่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 16-01-2016 23:53:44
 :impress2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 19-01-2016 07:37:48
คิดถึนาวา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 24-01-2016 01:28:37
:)
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม **ตอนพิเศษปีใหม่** [31/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 31-01-2016 12:51:20
:)
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 25-03-2016 21:05:51
 :a5:

 :z3:

เย้ยยยยย อัพตอนใหม่ของเรื่องนี้ไปหลายตอนแล้ว
แต่แอบสงสัยว่าทำไมไม่มีคอมเม้นจากเล้าเป็ดเลย

แหะๆๆๆ เพราะว่าที่แกอัพน่ะ มันเว็ปอื่นโว้ยยยยยย

55555555+

ขอโทษในความสะเพร่าของนัก(อยาก)เขียนคนนี้ด้วยนะครับ
หวังว่าจะไม่มีคนรุมมอบ  :z6: ให้กันนะ

ูู^^

 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 25-03-2016 21:18:06

Chapter 12
Ever Thine, Ever Mine, Ever Ours
Part 3.  (100%)

 :L2: :กอด1: :L2:


บ่ายวันนั้นอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศในห้องเรียนที่เคยฉ่ำเย็นกำลังดีกลับหนาวยะเยือกราวนั่งอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ ผมลูบเนื้อตัวของตัวเองเพื่อบรรเทาความหนาว อุณหภูมิแอร์ก็เท่าเดิมแต่ผมกลับหนาวจนเกือบสั่น สำเนียงภาษาอังกฤษของอาจารย์ชาวต่างชาติที่กำลังบรรยายวิชาการตลาดอย่างเมามันอยู่หน้าชั้นเรียนกลับไม่เข้าโสตประสาทผมสักนิด แม้ปกติผมจะไม่ใช่คนที่ตั้งใจเรียนอะไรมากเหมือนจอมทัพ แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่สนใจการเรียนเลย หากวันนี้ผมไม่กะจิตกะใจจดจอกับการเรียนภาคบ่ายแม้แต่น้อย ผมเริ่มรู้สึกปวดและวิงเวียนศรีษะแถมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเพราะอากาศหนาวในห้องแอร์

 

 

“เป็นอะไรหรือเปล่า” จอมทัพเงยหน้าจากสมุดจดเลคเชอร์

 

 

“หนาวๆยังไงก็ไม่รู้”

 

 

“ไข้ขึ้นละสิ นาวาให้กูจับตาดูอาการมึงอยู่ ให้กูโทรบอกน้องไหมว่ามึงอาการหนัก”

 

 

“อย่าโทร กูไม่เป็นอะไรเดี๋ยวค่อยกินยา”

 

 

“แน่ใจ?”

 

 

“เออน่า”

 

 

ความตั้งใจเดิมของผมคือจะทานยาเมื่อคาบวิชาการตลาดหมดไป แต่อุปสรรค์ที่เรียกว่างานกลุ่มกีดกันไม่ให้ผมปลีกตัวไปไหนได้ มันสมองและสติที่มีต้องเค้นออกมาเพื่อให้งานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ผมนั่งทำงานกลุ่มกับเพื่อนๆในคณะอยู่นาน นานจนลืมไปว่าต้องกินยา นานจนเวลาล่วงเลยมาถึงเย็น นานจนอาการของผมหนักขึ้น

 

 

“เพชรเป็นไม่สบายหรือเปล่าคะ” โบว์ เพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มผมถามขึ้น เธอเอามืออังหน้าผากผมโดยไม่ทันตั้งตัว “ตัวร้อนจี๋เลย”

 

 

“ป่วยนิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย” ผมบอกปัด ปัดทั้งมือและน้ำใจของเธอ ผมฉลาดพอที่จะรู้ได้ว่าใครคิดยังไงกับตัวเอง โบว์เป็นหนึ่งในเพื่อนผู้หญิงร่วมรุ่นที่คิดจะเข้ามาคบหากับผมในฐานะที่เกินกว่าคำว่าเพื่อน ครั้งหนึ่งผมเคยเล่นด้วยกับเธอ ระหว่างเราอาจจะไม่ถึงขั้นมีอะไรเกินเลย แต่นั่นก็คงมากพอที่จะทำให้เธอคิดไปว่าตัวเองพิเศษเหนือใคร

 

 

“โถ่เพชร แบบนี้ไม่นิดแล้วมั้งคะ โบว์ว่าเพชรพักเถอะค่ะ งานตรงนี้ก็ใกล้จะเสร็จแล้ว”

 

 

“ไม่เป็นไร เหลืออีกนิดเดียวทำให้เสร็จๆไปเถอะ จะได้ไม่เป็นภาระทีหลัง”

 

 

เธอพยักหน้าแล้วเดินออกไป ผมก้มหน้าทำงานในส่วนของตัวเองต่อ งานนำเสนอชิ้นนี้กำหนดส่งสัปดาห์หน้า กลุ่มผมรีบทำเพราะเห็นว่าเพื่อนหลายคนมีเวลาว่างไม่ตรงกันกลัวว่าจะปั่นงานไม่ทัน อีกประการที่ผมยอมนั่งทำงานหลังขดหลังแข็งทั้งๆที่ตัวเองก็ป่วยถึงปานนี้ เพราะอาทิตย์หน้าผมและนาวาก็จะหมั้นกันแล้ว ผมคงยุ่งเตรียมงาน ยุ่งตอบคำถามนักข่าว และคงจะดีใจจนยุ่งไม่มีเวลาทำอย่างอื่น แค่คิดว่าเรากำลังจะหมั้นกันในอีกไม่กี่วันนี้ ผมกลับยิ้มให้กับกองเอกสารและแล็ปท็อปที่กำลังใช้งานอยู่

 

 

“สงสัยป่วยจนบ้าไปแล้ว” จอมทัพนั่งลงฝั่งตรงข้ามผม “นั่งยิ้มคนเดียว”

 

 

“กลุ่มมึงเสร็จแล้วเหรอ” ผมถาม

 

 

“แบ่งงานกันไปทำ ค่อยมารวมกันอีกที”

 

 

“อืม” ผมก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อ

 

 

“นาวากำลังมา”

 

 

“มึงว่าอะไร” ผมเงยหน้าจากแล็ปท็อป

 

 

“เมื่อกี้นาวาโทรถามกูว่ามึงกินยาหรือยัง”

 

 

“มึงตอบไอ้เตี้ยไปว่าอะไร”

 

 

“ความจริง”

 

 

“ไอ้จอม มึงต่อยกูยังจะดีกว่า ไปบอกนาวาแบบนั้นมีหวังกูโดนเชือดแน่ ยิ่งดุๆอยู่ด้วย ตอนเที่ยงไอ้เตี้ยมันสั่งให้กูรีบกินยา แต่กูยุ่งไม่มีเวลากินเลย”

 

 

“กูไม่อยากโกหกให้ศัตรูหัวใจ” เพื่อนผมมันก็พูดตรงเกินไป

 

 

“เออ ไอ้ชู้ แต่กูไม่ยกเมียให้มึงหรอกนะ”

 

 

“กูไม่ได้ขอให้ยกให้”

 

 

“แน่ละสิ เดี๋ยวนี้มึงเริ่มมองคนอื่นแล้วนิ”

 

 

“กูมองใคร” จอมทัพขมวดคิ้วงุนงง

 

 

“ก็คนที่มึงชอบเถียงด้วยยังไงล่ะ จากที่กูเห็นเถียงกันตอนทานข้าวเที่ยง รู้สึกว่าพวกมึงสองคนน่าจะยังไม่ลืมเรื่องตอนนั้น”

 

 

เรื่องตอนนั้น… จอมทัพน่าจะจำได้ดี เพราะตอนนั้นพวกผมยังจำกันได้เลย เป็นเรื่องที่ฮามากสำหรับพวกเรา แต่คงจะเป็นเรื่องที่เสียหน้าและเจ็บใจมากสำหรับจอมทัพและไอ้หมวยน้องไอ้เปรม

 

 

“ลืมไปตั้งนานละเหอะ เรื่องพรรณ์นั้นใครจะไปจำ” จอมทัพปั้นหน้าเรียบภายใต้สีหน้าที่เริ่มระบายไปด้วยสีแดง

 

 

“จำอะไรกันคะหนุ่มๆ” โบว์โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง เธอนั่งลงข้างผมพลางสะบัดผ้าเช็ดหน้าของเธอ “เช็ดตัวหน่อยก็ดีนะคะเพชร ผ้าเช็ดหน้าหมาดๆคงจะช่วยลดความร้อนได้บ้าง ดูสิเนี่ยตัวร้อนเชียว”

 

 

โบว์ไม่รอให้ผมตอบรับหรือปฏิเสธ เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าลูบแก้มผม ความเย็นจากผ้าและท่าทีรุกล้ำของเธอทำเอาผมสะดุ้ง แม้จะถอยหนีแต่เจ้าหล่อนกลับขยับเข้าใกล้จนผมเกือบหลุดจากเก้ากี้

 

 

“ไม่ต้องก็ได้โบว์ เราไม่เป็นอะไร”

 

“เช็ดตัวสักหน่อยเถอะค่ะ จะได้สดชื่น โบว์ทำให้” ว่าแล้วเธอก็ไม่ฟังเสียงทักท้วงจากผมอีกเลย ตามเช็ดอยู่นั่น โบว์ใช้ผ้าหมาดๆซับซอกคอผม แม้มันจะคลายความร้อนจากพิษไข้ลงไปได้บ้าง แต่ผมรู้ว่าตอนนี้มันไม่ใช่สถานที่ที่สมควรจะมานั่งเช็ดตัวกันอยู่ เพราะนี่คือลานกว้างใต้คณะ คนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะแยะ

 

 

“ไม่ต้องหรอก”

 

 

“เพชรป่วยแล้วดื้อนะคะ มาเถอะให้โบว์ดูแลนะ” โบว์แหวกคอเสื้อของผมแล้วทำท่าราวจะล้วงเข้าไปเช็ดข้างในให้ได้

 

 

“มิกกี้ พี่ว่าแผ่นลดไข้ของเราคงเป็นหม้ายไปแล้วล่ะ” เสียงอันคุ้นเคยเรียกให้ผมหันไป “เขามีคนดูแลแล้วนิ”

 

 

“นาวา” ผมร้องเรียกชื่อคนที่ผมคิดถึงจนใจจวนจะขาด แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นแววตานิ่งเฉยของฝ่ายตรงข้าม

 

 

“พี่คะ พี่คะ พี่ผู้หญิงที่เตี้ยๆกำลังจะงับหัวพี่เพชรคนนั้นน่ะคะ” มิกกี้เจ้าของใบหน้างามหยดและเสียงแหบอย่างผู้ชายเอ่ยทักโบว์ที่กำลังจดจ่ออยู่กับคอผม “พอได้แล้วมั้งคะ มิกกี้ว่าท่าทางของคุณพี่ผู้หญิงเลยการเช็ดตัวไปหลายขุมแล้วล่ะค่ะ”

 

 

“นี่เธอ” โบว์ยอมละจากตัวผมหันไปเผชิญหน้ากับมิกกี้อกแตงโม ซึ่งผมสังเกตได้ว่าไอ้จอมก็มองแตงโมนี่เหมือนกัน ใหญ่สะดุดตาแบบนั้นใครๆก็มองเป็นเรื่องธรรมดา เนาะ เมื่อกี้ผมเองยังแอบมองเลย “ฉันกำลังดูแลเพชรอยู่ ยุ่งอะไรด้วยไม่ทราบ”

 

 

“อุตะ ทานโทษที่มิกกี้ขัดขวางการแทะโลม อุ้ย การดูแลของคุณพี่ แต่ดูแลกันถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ใต้อาคารที่คนเดินผ่านไปผ่านมา คนที่จะเสียก็คุณพี่นั่นแหละค่ะ มิกกี้เป็นห่วงกลัวคุณพี่จะโดนเม้าท์ให้อับอาย เอ…หรือว่าคุณพี่ไม่อายคะ มิกกี้จะได้ไม่สอด”

 

 

“อีนังบ้า แกว่าฉันหน้าด้านเหรอ ฉันแค่เป็นห่วงกลัวเพชรไม่สบาย” โบว์ทำท่ากระฟัดกระเฟียด ยอมละออกจากตัวผม เมื่อเหลือช่องว่าง มิกกี้นมโต เลยถือโอกาสนั่งลงตรงกลางระหว่างผมกับโบว์

 

 

“วาครับ รอพี่ทำงานอีกแปปนะ เดี๋ยวก็จะเสร็จแล้ว เราจะได้ไปร้านพี่วิทย์กัน” ผมรีบกระวีกระวาดจัดเอกสาร และพิมพ์พาวเวอร์พอยท์สไลด์สุดท้าย

 

 

“ไอ้มิกเอานี่ไป” นาวาโยนถุงที่ใส่แผ่นเจลบรรเทาไข้ให้มิกกี้ ไม่มองมาทางผมสักนิดเดียว

 

 

“พี่วาขา หนูเปลี่ยนชื่อแล้วนะคะ มิกกี้นะคะ ไม่ใช่มิก ไอ้มิกมันตายไปนานแล้วค่ะ เกิดใหม่ไฉไลกว่าเดิมเป็นมิกกี้ค่ะจำไว้”

 

 

“คร้าบ น้องมิกกี้” นาวาขยี้หัวน้องมิกกี้อย่างคนสนิทชิดเชื้อ

 

 

“ไอ้มิก?” จอมทัพร้องขึ้นด้วยสีหน้าฉงน

 

 

“ขาพี่จอม” มิกกี้ขานรับ

 

 

“ไอ้มิกที่ตอนปีหนึ่งตามติดนาวาแจเพราะโดนเพื่อนแกล้ง?” จอมทัพดูจะเคยรู้จักกับสาวสวยด้วยมีดหมอคนนี้

 

 

“บอกแล้วไงคะ ไอ้มิกมันตายไปแล้ว หนูคือมิกกี้ค่ะ มิกกี้สุดสวย”

 

 

“เปลี่ยนไปจนพี่จำไม่ได้” จอมทัพยิ้ม

 

 

“แต่พี่วาจำได้ ตอนเปิดเทอมวันแรกพี่วาโบกหัวหนู แถมดุหนูที่ใส่กระโปรงสั้นล่อเข้”

 

 

“ก็เป็นผู้หญิงแล้ว ทำอะไรต้องระวังเนื้อระวังตัว” นาวาอธิบายแล้วหันไปคุยกับจอมทัพ “เย็นนี้พี่จอมว่างไหมครับ”

 

 

“ว่างครับ วามีอะไรหรือเปล่า” ไอ้จอมยิ้มตาหยีให้ว่าที่คู่หมั้นผม

 

 

“ไปทานไอศกรีมกันไหมครับ” นาวายิ้มรับ แล้วหันมาทำหน้าบึ้งใส่ผม “วันนี้เบื่อๆ พี่จอมพาวาไปนะ”

 

 

“ได้ไงกัน วามีนัดกับพี่แล้วนะ” ผมท้วงออกมาทันที ได้ไง จะปล่อยให้นาวาไปกับไอ้จอได้ยังไง ผมไม่ยอมหรอก ไหนจะต้องพาไปวัดตัวตัดชุดอีก งานของเราใกล้เข้ามาแล้วนะ อย่าทำเหมือนมีเวลาว่างขนาดนั้นสิ

 

 

“ว่าไงครับพี่จอม วันนี้เราไปกินไอติมกันนะ” นาวาไม่สนใจผมเลย!

 

 

“ได้ครับ” จอมทัพยกยิ้มให้นาวาจนหมดใจ ไอ้ตัวดีก็ยิ้มรับด้วยท่าทางเริงร่า ผมเห็นแล้วพาลจะทำให้ตาร้อนผ่าว

 

 

“พี่ไม่ให้ไป” ผมพูด อันที่จริงผมตะคอก

 

 

นาวาปรายตาดุๆมาทางผม แววตาของเขาบ่งบอกว่าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

 

 

“ฉันจะไป”

 

 

“ไม่ให้ไป เรามีนัดกับพี่วิทย์เย็นนี้นะ” ผมคว้าข้อมือของนาวาไว้

 

 

“พูดอะไรหัดดูตัวเองบ้างนะตี๋ ให้หายป่วยมีแรงจะพาไปแล้วค่อยมาพูดกัน สั่งแล้วใช่ไหมให้กินยา ทำไมไม่กิน”

 

 

“ก็พี่…”

 

 

“อย่าพูดว่าลืม เจียดเวลาสักนิดไปกินยามันจะอะไรนักหนา เบื่อไม่อยากคุยกับนายแล้ว” นาวาให้มืออีกข้างแกะมือที่ผมจับเขาไว้ เด็กน้อยของผมหันไปคุยกับจอมทัพ สองแขนของเขาเกาะจอมทัพแน่น มันช่างต่างกับผมเหลือเกิน… ดูก็รู้นาวามีใจให้ใคร “พี่จอมเราไปกันเถอะ วาไม่อยากอยู่ตรงนี้นานๆ อ้อ มิกกี้ ฝากส่งไอ้คุณชายขึ้นรถด้วยนะ อย่าให้มันขายอ้อยให้ใครจนเขาต้องมานั่งดูแลมันอีกล่ะ”

 

 

“รับทราบค่ะพี่แว่น” มิกกี้ฉีกยิ้มพริ้มเพรา

 

 

 

เวลานั้นผมสุดแสนจะน้อยใจ ปกติผมไม่ค่อยจะรู้สึกอย่างนี้หรอก แต่คุณเข้าใจไหมครับ ตั้งเช้ามาแล้ว… วันนี้ผมป่วย คนป่วยต้องการอะไร? ผมอยากเป็นที่สนใจของนาวามากกว่านี้ ไม่ใช่มาเมินกัน จากที่น้อยใจ อยู่ๆมันก็เปลี่ยนเป็นความโกรธและงอนไปในที่สุด คนป่วยต้องการอะไร? นายจะรู้ไหมไอ้เตี้ย?





----------------------------------------------------------


หายไปนาน ขอโทษนะทุกคน
แต่เรากลับมาแล้วนะ อยากให้กลับมาอ่านกัน ^^ ต่อไปจะพยายามโพส weekละตอนนะ
ช่วยเข้ามาเป็นกำลังใจ แล้วก็คอมเม้นติชมได้เสมอเลยนะ ยินดีรับฟังครับ


Love always,

Killian
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 25-03-2016 21:51:45
หายไปนานมากกกกกกกกก แต่ก็รออยู่นะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-03-2016 22:15:47
งื้อออ หายไปนานเลยค่ะ คิดถึงงง

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-03-2016 22:47:59
เพชรน้อยใจซะแล้ว  :katai5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: paraprove ที่ 25-03-2016 23:33:40
ขอบคุณที่กลับมาต่อค่ะ คิดถึงนาวามาก แอร้ยยย พี่เพชรออกลายเกลียมัว ฮ่าๆๆ

เป็นกำลังใจให้คนเขียน :3123:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-03-2016 23:48:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 26-03-2016 03:06:48
คิดถึงอย่างสุดซึ้งดีใจจังที่กลับมา :heaven

วาไม่สนใจพี่เพชรเลย เดี๋ยวเจองอแงใส่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 26-03-2016 03:40:08
ต่างคนต่างงอนกันซะงั้น
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 26-03-2016 06:23:46
มาต่อแล้วว  :heaven
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 26-03-2016 09:30:39
มาต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Dkmine ที่ 26-03-2016 10:41:08
เบ่ กลับมาแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 26-03-2016 13:17:30
ไม่ได้ตามอ่านเรื่องนี้มานาน กลับมาอ่านทีแล้วรู้สึกปริ่ม  :กอด1:
ชอบความห่วงใยของเพื่อนๆนาวา มันดูอบอุ่นมาก

แต่ตอนล่าสุดน้องงอนไปแล้ว สมน้ำหน้าอิพี่เพชร
อุปสรรคเหลืออีกเยอะเลย ยัยคุณป้าแม่เลี้ยงมหาภัยนั่นกับน้องชาย พี่ชายนั่นอีก คิดว่าคงไม่จบแค่นี้
รอตอนต่อไปโลดละกันครับ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 26-03-2016 13:54:37
กลับมาต่อแล้ว  :mc4:
คนแก่ขี้น้อยใจ คริๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 26-03-2016 17:06:53
นาวาจัดลูก

จีดแบบโหดๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-03-2016 10:00:47
อ๋ออออ อย่างนี้นี่เอง
แค่ลืมกินยา คงไม่ทำให้นาวาคุกกรุ่น
มากเท่ากับที่พี่เพชรยอมให้สาวโบว์
ถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้นหรอกนะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 27-03-2016 10:21:32
นาวาใจร้าย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: cass-meyz ที่ 27-03-2016 13:40:05
หายไปนานมากกกกกกกกมาต่อบ่อยๆนะ คิดถึง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: AllStaRK ที่ 27-03-2016 14:38:08
 :katai2-1: :hao5:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Hypnos ที่ 28-03-2016 07:26:14
 :sad4:  มาต่อแล้วดีใจ   อย่าหายไปนานอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 06-04-2016 22:11:35
ไม่กินยาเองนิ  ไปงอนน้องทำไม  55555
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 12 (100%) [25/3/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 10-04-2016 00:57:16
:)
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 13 ในคืนฟ้าครึ้ม [20/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 20-11-2016 23:47:29
บบที่ 13 ในคืนฟ้าครึ้ม




ตัดภาพมาปัจจุบัน


เวลานี้โพล้เพล้เต็มทีแล้ว ท้องฟ้าตอนนี้เกือบจะกลายเป็นสีดำสนิท ยามตะวันใกล้ชิงพลบมีสายลมเอื่อยๆพัดพาเอาความเย็นของอากาศเข้ามาทำให้ผมห่อไหล่ ผมนั่งอยู่ตรงศาลาไม้กลางสวน ดอกไม้หลากหลายชนิดส่งกลิ่นหอมรวยริน หากกรุ่นหอมละมุนของดอกไม้ไม่สามารถคลายปมที่คิ้วผมออกได้ ผมยังคงขมวดคิ้วหงุดหงิด ในมือมีก้านมะยมที่เด็ดจากสวนหลังบ้าน ผมรูดใบออกเหลือแต่ก้านสีเขียวอ่อนเรียวยาว หวดมันไปกลางอากาศ เสียงก้านมะยมเสียดสีกับอากาศดังเข้าหูผมรอบแล้วรอบเล่า ซ้อมไว้ก่อนครับ เจอหน้าเมื่อไหร่ละน่าดู


เด็กดื้อมันต้องโดนตีซะบ้าง พรุ่งนี้จะตามไปตีถึงคณะเลย


เพราะคนป่วยอารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อย


พลันคิ้วของผมคลายปม ลู่ตก ถ้าได้ส่องกระจกผมคงเห็นสีหน้าหมาหงอยของตัวเอง ใช่สิ หมาตัวนี้มันโดนเจ้าของทิ้ง ทิ้งไปกินไอศกรีมกับคนอื่น ทั้งๆที่กำลังโมโหเขาอยู่แท้ๆแต่ผมกลับเป็นห่วงเขา ตอนนี้ไอ้เตี้ยจะอยู่ไหน ทำอะไร ทานข้าวเย็นหรือยัง นาวาจะถึงบ้านปลอดภัยหรือเปล่าก็ไม่รู้ อกผมเต้นเป็นจังหวะเบาหวิวแปลกประหลาด คล้ายว่าใจดวงนี้มันคิดถึงนาวาจนไม่เป็นอันทำอะไร


ศาลาไม้ตั้งอยู่ใกล้แปลงดอกสายหยุดที่อาม่าเพิ่งให้คนสวนลงปลูกเมื่อไม่นานมานี้ ผมไม่รู้หรอกว่าดอกสายหยุดจะมีกลิ่นแบบไหน เพราะไม่เคยตื่นเช้ามาดมกลิ่นมันได้สักครั้ง ก็คงจะเป็นอย่างที่เขาว่า


๏     สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง               ยามสาย


พอสายแล้วกลิ่นดอกไม้คงอันตรธานจางหาย คนตื่นเที่ยงแบบผมเลยไม่โอกาสได้ดอมดม กลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดนี้ประเดี๋ยวเดียวก็ขจายหายไป ต่างจากใจโหยหาคิดถึงของผมที่


สายบ่หยุดเสน่ห์หาย                  ห่างเศร้า
กี่คืนกี่วันวาย                               วางเทวษ  ราแม่
ถวิลทุกขวบค่ำเช้า                        หยุดได้ฉันใดฯ

                                       (ลิลิตตะเลงพ่าย น.๓๒)



เหมือนตอนนี้ที่ผมมัวแต่คิดถึงนาวา พอไม่ได้อยู่ด้วยแล้วมันอยากเจอเหลือเกิน ไม่รู้เพราะอะไร ตอนนี้ผมอยากเห็นดวงตาสีเฮเซิลคู่นั้น อยากได้ยินเสียงนุ่มของคนตัวเล็กเรียกผมว่าไอ้ตี๋ อยากจับไอ้เตี้ยมางับคอเล่นโทษฐานที่ทิ้งผมไป ไปกินไอติมกับไอ้จอม หึ กินกันจนอิ่มล่ะสิ! ป่านนี้ยังไม่เห็นโทรมา ผมเหลือบตามองโทรศัพท์มือถือที่ตั้งไว้ข้างตัว แอบหวังลึกๆว่านาวาจะโทรหา
ตะวันลับเหลี่ยมฟ้าไปพักใหญ่แล้ว ท้องฟ้าราตรีเวลานี้ถูกคลี่คลุมด้วยเมฆฝน ผมห่อไหล่อีกครั้งเมื่อสายลมพัดเอาความชื้นที่ลอยล่องอยู่ในอณูอากาศมาโดนตัว ใส่แค่เสื้อกล้ามกับกางเกงนอนเนื้อบางขายาวเลยไม่ค่อยจะให้ความอบอุ่นมากนัก อะไรนะครับ เดี๋ยวไข้ขึ้นเหรอ? หึ ช่างสิ ใครบางคนยังไม่สนเลย ผมจะป่วยตายมันคงไม่สนใจ!


คิดได้ดังนั้นคิ้วพลันกลับมาขมวดมุ่นดังเดิม มือหวดก้านมะยมในอากาศระบายอารมณ์ เจอเมื่อไหร่ล่ะน่าดู


      ๏   สายหยุดก็อยุดกลิ่น                   เพราะถวิลลอายใจ
เกรงกลิ่นพระทรามไวย                             วรรัตนะกานดา
       ๏   สายหยุดจะอยุดไย                       อรไทยบ่ได้มา
จักหอมพนอมกา-                                    นนบ้างก็ช่างมัน
                                                                         (พระนลคำฉันท์ น. ๒๒๕)



“ตาเพชร มาอยู่นี่เอง น้ำค้างลงแล้วนะเข้าบ้านเถอะ อาม่ารอทานข้าว” สิ้นเสียงของเจ้พลอยผมก็ลุกเข้าบ้านไปโดยไม่ลืมหยิบก้านมะยมติดมือไปด้วย


ผมวางก้านมะยมไว้ข้างถ้วยโจ๊กหมูที่มีไอน้ำลอยหมุนจนเป็นเกลียวแล้วจางหายไปในอากาศ โจ๊กร้อนๆวางอยู่ตรงที่นั่งประจำของผม ผมเบ้หน้าไม่พอใจ


“เอาก้านมะยมมาทำไมโซ้ยตี๋” อาม่าถาม


“เอามาตีเด็กดื้อ” ผมมุ่ยหน้าตอบ เอาช้อนเขี่ยของตรงหน้าแล้วหันไปบ่นสาวใช้ที่กำลังรินน้ำอุ่นให้ผม “เอาโจ๊กไปเปลี่ยน ใส่ขิงเยอะแบบนี้จะให้กินเข้าไปได้ยังไง ต้องให้บอกกี่ทีว่าฉันไม่ชอบขิง” แล้วผมก็กลับมาปั้นหน้าหงุดหงิดต่อเมื่อเมดคนนั้นยกโจ๊กของผมออกไปแล้ว


“เป็นอะไรเพชร หงุดหงิดอะไร” เจ้พลอยกอดอกนั่งมองผมด้วยสายตาสำรวจ


“เปล่า ผมสบายดี” ผมโกหกนิดหน่อยเพื่อตัดปัญหาไม่อยากให้พี่สาวเซ้าซี้ “ก็แค่ไม่อยากกินของที่ไม่ชอบ”


“สบายดี?” เจ้พลอยทวนคำ “แล้วที่ไอ้หน้าซีดๆ ตาแดงๆนี่เค้าเรียกว่าสบายเหรอ อ๋อ คงจะสบายมากสินะ สบายจนไม่ต้องดูแลตัวเอง น้องวาโทรมาบอกเจ้ว่าเพชรป่วยแล้วไม่ยอมทานยา”


“นาวาโทรหาเจ้?”


“อื้ม โทรมาเมื่อตอนเย็น บอกว่าเราน่ะมีไข้สูงแถมยังลืมทานยา ให้ช่วยดูให้หน่อย เขาไม่ว่าง”


“หึ ไม่ว่าง! หรือกำลังกระหนุงกระหนิงกับใคร แถมยังโทรหาเจ้อีก ไอ้คนที่นั่งตบยุงรอสายอยู่ไม่คิดจะโทรหาเลยใช่ไหม” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง จังหวะเดียวกับโจ๊กหมูถ้วยใหม่กลิ่นหอมกรุ่นถูกวางลงตรงหน้า

“ใส่ต้นหอมมาทำไมเยอะแยะ ใส่มาขนาดนี้ไม่เอามาทั้งสวนเลยล่ะ? ฉันไม่กินต้นหอมกลิ่นมันฉุน ไปเปลี่ยนเร็วๆเข้า ทำอะไรไม่ได้เรื่องตลอดเลย” ผมเหวี่ยงโน่นเหวี่ยงนี้ รู้หรอกว่ามันไม่ดี แต่อารมณ์ตอนนี้มันเหมือนเลือดขึ้นหน้า โมโหต้องหาที่ระบาย ใครต่อใครในบ้านต่างรู้กันดีว่าถ้าผมโมโหจะเหวี่ยงแค่ไหน ยิ่งตอนนี้ผมป่วยอยู่ด้วย ความเอาแต่ใจวีนเหวี่ยงเลยมากกว่าปกตินิดหน่อย


สาวใช้ทำหน้าสลดอาม่าเลยจัดการตัดบท “ไปเอามาใหม่ไป แล้วไม่ต้องใส่อะไรเลย แค่หมูกับโจ๊กก็พอ” อาม่าที่มองยังไงก็ยังไม่แก่หันมาพูดกับผม “เป็นอะไรตาเพชรโกรธอะไรใครมา?”


“จะมีใครซะอีกละคะอาม่า อาการแบบนี้พลอยว่าต้องงอนว่าที่คู่หมั้นของเขานั่นแหละ”


“หึหึ โซ้ยตี๋งอนหนูวาทำไม” อาม่าถาม ดวงตายิ้มหยี


“ผมเปล่างอน” ต้องปฏิเสธท่าเดียว ยอมรับทำไมให้เสียภาพพจน์ “แต่หนูวาของอาม่าทำตัวน่าตีมาก มีอย่างที่ไหนนัดกับผมไว้แต่ดันไปกับคนอื่น”


“น้อยใจที่เขาไปกับคนอื่นใช่ไหมเพชร” เจ้พลอยลอยหน้าลอยตาถาม


“ไม่มีวันหรอกเจ้ อย่างผมเนี่ยนะ ผมแค่หงุดหงิดเท่านั้นแหละ เด็กนิสัยไม่ดีนัดไม่เป็นนัด คอยดูเถอะถ้าเจอจะตีให้ช้ำ”


“ด้วยก้านมะยม?” เจ้ผมฉลาดดี แต่ชอบทำหน้ารู้ทัน แถมยังกลั้นหัวเราะ อะไรของเขานะ พอจะหันไปโน้มน้าวเอาอาม่ามาเป็น
แนวร่วมก็เห็นสีหน้าของคนที่มากไปด้วยวัยและประสบการณ์มองอยู่ก่อนแล้ว อาม่ายิ้มราวกับจะหัวเราะออกมา ผมเลยอมลมจนแก้มป่อง ชักจะงอนสองคนนี้ด้วยแล้วนะ “ขำอะไรกันนักหนา ไม่เห็นมีอะไรตลก”


“เหมือนป๊าแกไม่มีผิด” อาม่าส่ายหน้ายิ้มๆ


“เหมือนยังไงคะอาม่า” เจ้พลอยเป็นคนเอ่ยปากถามในสิ่งที่ผมสงสัย


“ก็เวลางอนม๊าลื้อทีไรนะ จะมานั่งบ่นหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างนี้แหละ แต่พอเอาเข้าจริงไม่เห็นจะทำอะไรได้ มีแต่ตามใจม๊าลื้อกว่าเก่า ผู้ชายบ้านนี้เป็นแบบนี้ทุกคนแหละ มันเป็นโรคประจำตระกูล”


“โรคอะไรคะม่า?”


“โรคกลัวเมียไง” แล้วเสียงหัวเราะของอาม่ากับเจ้พลอยก็ดังกลบเสียงโวยวายของผม


เสียงรถจอดหน้าบ้านเป็นสัญญาณบอกว่ามีแขกมาเยือน ผมพยักหน้าให้หลิวออกไปดู พลางปั้นหน้าเคืองเรื่องโรคกลัวเมียของอาม่า จริงที่อาม่าบอก ในความทรงจำสีจืดจางของผม พ่อผมเป็นคนที่เกรงใจคุณแม่มาก เรียกได้ว่าแม่พูดคำไหนก็คำนั้น ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ พ่อไม่หือไม่อือกับแม่สักอย่าง แต่ถ้าลับหลังแม่ พ่อมักจะทำเป็นดุและคาดโทษแม่สารพัด แต่ก็ไม่เห็นจะทำโทษแม่ได้สักที ประโยคเด็ดของพ่อที่ผมจำติดหูก็คือ ‘เมียผู้ชายตระกูลนี้ดื้อทุกคน’ จริงดังคำที่พ่อบอก ว่าที่ลูกสะใภ้พ่อคนนี้โคตรดื้อเลยครับ ทั้งซนทั้งดื้อ แต่ผมจะไม่ยอมเป็นโรคเดียวกับพ่อหรอก! กลัวมันทำไม กะอีแค่คนที่จะมาเป็นเมีย ต้องกำราบ อย่าให้เหิมเกริมออกคำสั่งกับเราได้ คิดแล้วแค้นในความดื้อดึงของนาวา นัดกับผมแล้วยังจะไปไหนมาไหนกับไอ้ชู้ คอยดูพ่อจะตีให้ก้นลาย! ว่าแล้วผมก็กำก้านมะยมแน่น


“คุณนาวามาค่ะ” หลิวรายงานหน้าตายิ้มแย้ม แต่ผมกลับปั้นหน้าบึ้งกว่าเก่า


“ไปเชิญคุณวามาทานข้าว” เจ้พลอยดูจะตื่นเต้นที่ได้เจอว่าที่น้องสะใภ้ ต่างกับผมที่เริ่มหายใจติดขัด เคืองจนออกนอกหน้า


“ฉันไม่ดื่มน้ำอุ่น ไปเอาน้ำเย็นมา” เมื่อคนมาใหม่ได้รับความสนจากกว่าผม ผมก็ต้องเรียกร้องความสนใจจากทุกคนในแบบของผมเอง “ไม่ได้ยินหรือไง เปลี่ยนน้ำด้วย อยากดื่มน้ำเย็น แก้วนี้ร้อนลวกปากขึ้นมาทำไง”


“สวีสดีครับอาม่า พี่พลอย” นาวายกมือไหว้ผู้ใหญ่แถมยังถือวิสาสะจะนั่งลงข้างผม ผมเหลือบมองเขาด้วยหางตาตีก้านมะยมกับขอบโต๊ะบอกเป็นนัยให้รู้ว่าอีกเดี๋ยวแกจะโดน


“ไหนเล่าน้ำ จะดื่มน้ำเย็น” ผมกอดอก มือยังถือก้านมะยมไม่ยอมวาง


“นายจะดื่มน้ำเย็นทำไม” นาวานั่งลงแล้วถามผม คิ้วกระตุกสิครับงานนี้ เหอะ เชื่อเขาเลย ยุ่งอะไรด้วยไม่ทราบ ผมทำเป็นไม่สนใจหันมาวีนระบายอารมณ์ต่อ


“แล้วเอาโจ๊กถ้วยนี้ไปเปลี่ยนอีกรอบ จืดแบบนี้ใครจะกินไหว รสชาติอย่างกับน้ำเปล่า ทำอะไรไม่ได้เรื่องตลอด ไล่ออกยกครัวเลยดีไหม”


นาวาหน้าเหวอ หึ ตกใจล่ะสิ กลัวแล้วใช่ไหม เห็นแบบนี้ก็โมโหเป็นนะขอบอก อย่าให้ผมต้องดุนะหนูวา ระวังตัวไว้เถอะ เดี๋ยวพี่จะจัดการคิดบัญชีทบต้นทบดอกเลยคอยดู


“เขาเป็นอะไรไปครับพี่พลอย” นาวาหน้างง ถามเจ้พลอยที่นั่งอมยิ้มดูสถานการณ์


“เหวี่ยงแบบนี้มาตั้งแต่เย็นแล้วค่ะน้องวา คงจะงอน”


“ผม ไม่ ได้ งอน” ย้ำชัดเจนทุกคำพูด แถมอมลมแก้มป่องเข้าไปอีก เหอะไม่ได้งอนเล๊ย ใครเชื่อบ้าง? “ไหนล่ะ โจ๊กถ้วยใหม่กับนำเย็นๆ เห็นหัวกันมั่งไหม สั่งตั้งนานแล้ว” เมดสาวทำหน้ากระอักกระอ่วนใจ


นาวาเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของบรรดาสาวใช้เลยพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าจะจัดการเอง “ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก แล้วน้ำก็ไม่ต้องเปลี่ยน ดื่มน้ำอุ่นแหละดีแล้ว” แน่ะ คิดจะลองของใช่ไหม ได้ เจอดีแน่ไอ้เตี้ย!


“ใครถามความเห็นนายไม่ทรา—” 


หมับ


สัมผัสตรงแขนตรึงให้ผมนั่งหลังตรงนิ่งไม่ไหวติง มือข้างนั้นของนาวาวางอยู่บนแขนเปลือยเปล่าของผม อบอุ่น มือข้างนั้นอุ่นเหมือนอุ้มลูกแมวตัวเล็กๆในวันฝนตก แถมมือน้อยของเขามอบสัมผัสที่นิ่มเหมือนกำลังลูบขนแมวฟูฟ่อง


วินาทีที่ผมหันไปมอง ดวงตาสีทองคู่นั้นช้อนขึ้นมาสบกับตาผม ประกายระยับของนัยน์ตาสีสวยเหมือนแสงดาวในยามค่ำคืน สวยงามจนทำให้ใจแกว่งไหว คิ้วผมที่เคยขมวดอยู่กลับคลี่ออกโดยไม่รู้ตัว


“พี่เพชร” เสียงนุ่มทำให้ผมหูอื้อ “ทานข้าวเถอะ อย่าปรุงจัดกว่านี้เลยทานจืดๆจะได้หายไวๆ ดื่มน้ำอุ่นด้วยนะ อิ่มแล้วจะได้ทานยา” นาวาเลิกคิ้วสูง บุ้ยหน้ามาทางถ้วยโจ๊กของผม บอกเป็นนัยว่าให้ผมรีบทาน


หึ คิดว่าผมจะทำอะไรเหรอครับ

ใช่ คุณคิดถูกแล้ว


ผมก็ตักโจ๊กเข้าปากโดยไม่บ่นสักคำน่ะสิ


เสียงหัวเราะของอาม่ากับเจ้พลอยดังขึ้นกลางโต๊ะอาหาร บ้านเราไม่ได้หัวเราะแบบนี้มานานแล้ว แต่ก็นะ จะมาหัวเราะผมทำไมเล่า! เคืองนะเนี่ย


“แล้วไม้นี้เอามาทำไม” นาวาดึงก้านมะยมหลุดจากมือผม


“เอ่อ… เอามา…” ผมพูดตะกุกตะกัก เหมือนแผ่นเสียงสะดุด จะให้ตอบความจริงก็เกรงว่าจะไม่ดีนัก


“เล่น?” สีหน้าฉงนของนาวามองผมสลับกับก้านมะยม


“อะ… อื้ม” ผมพยักหน้าเบาๆอย่างเกรงใจ


“สงสัยจะเป็นกรรมพันธุ์อย่างที่อาม่าว่า” เจ้พลอยยิ้มสนุก อาม่าก็พลอยหัวเราะไปกับเขาด้วย


“กรรมพันธุ์อะไรเหรอครับ” นาวาทำหน้างง แล้วอาหารค่ำมื้อนี้ก็จบลงด้วยเสียงหัวเราะ



ภายใต้หยาดน้ำค้างพร่างพราว ผมนั่งบนชิงช้าในสนามเด็กเล่น เท้าสองข้างดันพื้นเพื่อไกวชิงช้าให้เคลื่อนไหว โซ่คล้องชิงช้าเสียดสีกับที่ยึดส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด ลมหนาวพัดมาจนผมต้องห่อไหล่ เสื้อกล้ามตัวบางไม่ช่วยให้อบอุ่นขึ้นเลยแม้แต่น้อย เยื้องไปหน่อยเป็นลานบาส เห็นกลุ่มวัยรุ่นห้าหกคนกำลังผลัดกันชู้ตเข้าห่วง เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยเกทับของพวกเขาขับกล่อมสนามเด็กเล่นแห่งนี้ให้ไม่เงียบเหงานัก


ฟ้าคืนนี้มืดจนมองไม่เห็นแสงดาว อันที่จริงในกรุงเทพฯ เราไม่เคยเห็นดาวเกลื่อนฟ้าอยู่แล้ว ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งล่าสุดที่เห็นดวงดาวทอแสงระยับอยู่บนฟากฟ้าคือตอนไหน ยิ่งคืนนี้เมฆฝนปกคลุมทั่วฟ้า ยิ่งยากที่จะมองเห็นแสงจันทร์และแสงดาว
ผมถอนหายใจเบาๆและแกว่งชิงช้าด้วยขาทั้งสอง หลังทานข้าวเสร็จผมแอบหนีมานั่งทำใจอยู่ในสนามเด็กเล่นแถวๆบ้านเพราะผมยังไม่พร้อมเจอนาวาตอนนี้ ผมยังงอนเค้าอยู่และยังไม่พร้อมจะยกโทษให้ แต่ลองให้ผมอยู่ต่อหน้าเขาสิ กรรมพันธุ์ฝ่ายพ่อได้กำเริบให้เห็น ใจอ่อนยวบยาบ จากที่โกรธที่งอนกลับหายเป็นปลิดทิ้ง จะขู่จะว่าอะไรก็ไม่ได้ เพราะไม่อยากให้เสียน้ำใจกัน หรือพูดง่ายๆว่าผมไม่กล้าด่านาวานั่นเอง ผมเลยหลบมาทำใจที่นี่


“กว่าจะเจอ ปั่นวนตั้งสองรอบ” เสียงหอบเหนื่อยกับเสียงจอดจักรยานดึงผมให้ตื่นจากภวังค์ นาวายิ้มให้ผมแล้วถือวิสาสะนั่งลงบนชิงช้าข้างๆ


“อย่านั่งตรงนี้ ไปนั่งตัวอื่นเลย”


“อ้าวทำไมล่ะ” หน้านวลฉายแววงุนงง


“ไม่อยากเห็นหน้าตอนนี้”


นาวาหัวเราะเบาๆในลำคอแต่ก็ยอมลุกจากไปแต่โดยดี เจ้าเด็กดื้อนั่งตรงสไลด์เดอร์ที่หันหน้ามาทางผมในระยะไม่ใกล้ไม่ไกล ผมยังได้ยินเสียงหอบหายใจของเขา ผมทำแก้มป่องมองฟ้ามองดินไปเรื่อย ทำเหมือนเขาไม่อยู่ตรงนี้ แต่กระนั้นก็ยังแอบเหลือบมองนาวานั่นแหละ ไอ้เตี้ยนั่งกอดเข่าอยู่ตรงปลายสไลด์เดอร์ ตาสีสวยมองมาทางผม


“พี่เพชร น้ำค้างลงแล้วกลับบ้านกันเถอะ ปั่นจักรยานมารับแล้วเนี่ย ไม่น่าเชื่อจักรยานพี่พลอยจะสีชมพูหวานขนาดนี้ น่ารักชะมัด” นาวาชวนผมกลับและชวนผมคุย ผมยังคงเงียบ ความน้อยใจไม่รู้หลั่งไหลมาจากไหน แต่ตอนนี้… แค่อยากให้เขาอยู่ตรงนี้โดยที่ผมไม่ต้องพูดอะไร


“หนาวไหม” เขาคงเห็นผมห่อไหล่ เลยลุกขึ้นมายืนอยู่หน้าผม เมื่อผมเงยหน้ามองก็เห็นนาวากำลังถอดเสื้อ ผมเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ แต่ก่อนจะร้องอะไรออกมา สเว็ตเตอร์สีน้ำเงินเข้มที่นาวาสวม เจ้าตัวบรรจงคลุมไล่ให้ผม ทำอย่างกะตัวเองเป็นพระเอกละครห่มเสื้อให้นางเอก ชิไม่หายงอนหรอก แล้วพี่ไม่ได้เป็นนางเอกด้วย อย่างนี้พระเอกเท่านั้นขอบอก


“เสร็จแล้วก็ถอยกลับไปที่เดิม” ผมพยายามทำเสียงเย็นชา ไม่กล้าสบตาใสสวยคู่นั้นเพราะกลัวใจอ่อน


“ยังไปไม่ได้ เอานี่ไปก่อน” นาวายื่นกิ่งมะยมที่เสียบไว้ในกระเป๋ากางเกงมาให้ผม “เอานี่มาให้ ไม่ยึดไว้นานหรอก” เขาจับมือผมแล้วยัดก้านมะยมอันที่ผมเด็ดมาจากท้ายสวนคืนให้ ผมเบือนหน้าหนี ไม่อยากสนใจ ขอทำใจให้สงบคนเดียวลำพัง


“อื้อ” นาวาแบมือยื่นมาทางผม “เอาสิ”


ผมมองมือเปล่าๆของเขาแล้วเลิกคิ้วถาม “อะไร”


“ก็จะตีวาไม่ใช่เหรอ ตีสิ”


“รู้ด้วย?”


“ทำไมจะรู้ หน้างอซะขนาดนี้ ตีสิจะได้หายงอน ง้อไม่เป็นนะ” ผมเผลอสบตานาวาเข้า เงาสะท้อนของตัวเองบนแววตานั่นทำเอาผมไปไม่เป็น นาวากำลังจ้องตาผมอยู่ พลันใจเต้นรัวเร็วจับจังหวะไม่ถูก กาก ผมด่าตัวเองในใจ งอนให้นานกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้


“ไม่ตีหรอก เดี๋ยววาเจ็บ” ผมหักก้านมะยมทิ้ง แล้วถอนหายใจเยือกยาว


“พี่เพชร” นาวาจับหน้าผมที่นั่งอยู่ให้เงยมองเขา “วันนี้วาไปวัดตัวมาแล้วนะ ให้พี่จอมพาไป”


“หลังจากไปกินไอติมกับมันเสร็จละสิ”


“เปล่า” นาวาส่ายหน้า “ไม่ได้ไปไหนกัน ไปแค่ร้านพี่วิทย์ที่เดียว ตามใจก็ไปด้วยพอดีเจอน้องตามที่ลานจอดรถในมหาลัย”


“ไปวัดตัวชุดงานหมั้น ทำไมไม่ให้คู่หมั้นพาไป” ผมจับได้ว่าหางเสียงตัวเองเบาหวิว ความน้อยใจคงจะทะลักออกมาทางสายตาให้นาวาได้เห็น


“พี่เพชร” นาวาวางมือข้างหนึ่งไว้บนไหล่ผม “อย่าน้อยใจ วาไปกับพี่จอมเพราะเห็นว่าพี่ป่วย อยากให้พักผ่อนบ้าง”


“วันนี้วาผิด รู้ตัวไหม”


“รู้ แล้วพี่ล่ะรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองผิดอะไร”


“พี่ทำไรผิด?”


“หึ” นาวาดึงมือตัวเองกลับไป “เชื่อเขาเลย ตีหน้ามึนได้อีก”


“เดี๋ยววา” ผมคว้ามือของเด็กแว่นที่เริ่มทำหน้างอใส่ผม “พี่ทำอะไรผิด บอกสิ”


“เรื่องมิกกี้ กับผู้หญิงคนนั้นที่ใต้คณะ” นาวาตอบฉะฉาน


“วาหึง?”


“ไม่รู้ แต่ไม่ชอบ ไหนบอกว่าเป็นคู่หมั้นกันแล้วจะไม่วอแวกับคนอื่นไง วาไม่อยากให้คนอื่นเอานินทาเล่นว่าคู่หมั้นตัวเองควงสาวบริหารสลับกับสาวสองอกโต”


“หึหึ” แบบนี้เขาเรียกว่าหึง ยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง ในใจผมตอนนี้พองโตจนความสุขมันเอ่อล้นคับอก ผมฉีกยิ้มกว้างให้คนตรงหน้า


“พี่ขอโทษ กับมิกกี้พี่แค่มอง ก็.. มันสะดุดตา ส่วนโบว์คนที่วาเจอใต้คณะ ยอมรับว่าพี่แค่เคยเดตกับเขาสองครั้งละมั้ง แต่ไม่มีอะไรหรอกนะ ตอนนั้นแค่พาไปเดินห้างแก้เบื่อ”


นาวากอดอก มองไปทางอื่น หึหึ จากที่เขามาง้อผม กลายเป็นว่าผมต้องง้อเขาซะนั่น ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เชยคางคนตัวเล็กที่มีสีหน้าราบเรียบให้มองมาทางผม “นาวาครับ วันนี้พี่เองก็ผิด มัวแต่สนใจคนอื่น ไม่เชื่อฟังวา พี่ลืมทานยาเพราะมัวแต่ยุ่ง แต่รู้ไหม คนป่วยเค้าต้องการคนเอาใจใส่ วันนี้พี่อารมณ์ขึ้นๆลงๆเพราะทั้งป่วยทั้งน้อยใจ วาเองก็ดันทิ้งพี่ไปกับไอ้จอม พี่เสียใจนะที่วาทำแบบนั้น”


นาวาเงยหน้ามองผม “พี่เพชร ที่ตอนเย็นวาโกรธพี่ สาเหตุหลักมาจากที่พี่ไม่ดูแลตัวเอง เห็นแบบนี้ถึงวาไม่พูดก็ใช่ว่าวาไม่เป็นห่วง พี่ป่วยเพราะไปช่วยวา เสียเลือดมากจนไข้ขึ้น เวลาที่ได้พักผ่อนก็น้อย วารู้วาเป็นต้นเหตุทั้งนั้น ทั้งๆที่ห่วงแทบตาย ซื้อยาซื้อแผ่นลดไข้ไปให้ แต่ดูพี่ทำสิ ไม่เห็นน้ำใจกันบ้างเลย ตอนนั้นวาเองก็เสียใจมากนะ ห่วงคนที่เขาไม่ห่วงตัวเอง กลุ้มไปคนเดียวทั้งที่เขาไม่ใส่ใจดูแลตัวเองสักนิด”


ผมคลี่ยิ้มบางๆให้กับตัวเองและคนตรงหน้า วันนี้เราพูดในสิ่งที่เราต่างรู้สึก โดยไม่มีกำแพงใด ไม่มีข้อแม้อะไรมาขวางกั้น สิ่งที่ผมรู้สึกและสิ่งที่นาวาคิดได้ถ่ายทอดออกมา ต่างฝ่ายต่างรับฟัง และทำความเข้าใจ


“มานี่” ภายใต้ความมืดของค่ำคืน หยาดน้ำค้างประโปรย ผมดึงร่างแบบบางของนาวาเข้ามาในอ้อมกอด ผมสวมกอดแผ่วเบา ปล่อยให้ความอบอุ่นของร่างกายเราปลอบประโลมกันและกัน เรานิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ ปล่อยให้เสียงหัวใจที่แนบใกล้พูดคุยกันเอง


“วาครับ พี่ดีใจ” ผมซุกหน้าลงบนซอกคอหอมละมุนของอีกฝ่าย “ที่เราสองคนเป็นแบบนี้เพราะเราแคร์กันนะรู้ไหม และเราก็อยากให้อีกฝ่ายแคร์เราเหมือนกัน ต่อไปนี้มีอะไรบอกกันตรงๆเถอะนะ พี่ไม่อยากงอนไปคนเดียวแบบนี้ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้วาน้อยใจพี่อย่างนั้น เราสองคนจะพูดกันทุกเรื่อง เปิดใจคุยกันและเปิดใจให้กันและกันได้ไหม”


ผมทิ้งหางเสียงนุ่มนวล ทุกคำกลั่นออกมาจากใจจริงๆ ไม่ได้พยายามปั้นคำพูดให้ดูสวยหรูแต่อย่างใด ผมใช้ใจพูดและรับรู้ได้ว่านาวาพยักหน้ากับอกของผม เปิดใจให้กันเถอะนะคนดี


“สิ่งที่พี่รักมีอยู่สามอย่าง พี่รักตัวเอง รถ และครอบครัว สำหรับคนไม่เอาไหนแบบพี่ นาวาเป็นคนในครอบครัวที่พี่ รัก และอยากปกป้อง ตอนนี้พี่ได้แค่รักแต่ยังไม่รู้ว่าจะรักนาวายังไง พี่หมายถึงพี่อยากรักนาวาเป็น อยากรู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกที่มันล้นอกนี่ยังไง ตอนนี้เราทั้งคู่ยังมีอะไรต้องเรียนรู้กันอีกมาก อาจมีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ขออย่างเดียว อย่าเพิ่งเดินจากกันไปนะ”


“หึ พูดอย่างกับจะขอแต่งงาน” นาวาบ่นอู้อี้อยู่กับอกผม คิดว่าเขาคงหน้าแดง เพราะภายใต้แสงสลัวของหลอดไฟยามค่ำ ผมเห็นใบหูของเด็กตัวน้อยในอ้อมกอดระเรื่อเหมือนสีผลตำลึง


“ขอแต่งได้ก็ดี แต่รู้หรอกว่าอะไรเป็นอะไร รอให้ถึงวันนั้นก่อนเถอะ รักพี่ขึ้นมาเมื่อไหร่คนที่จะมาขอพี่แต่งงานคงจะเป็นวานั่นแหละ”


“ฝันไปเถอะ”


“วาครับ” ผมผละออกจากซอกคอหอม เชยคางนาวาให้มองมาทางผม แต่ไม่ได้ปล่อยมือที่สวมกอดเอวเขาอยู่ “สำหรับเรื่องที่ผ่านมาวันนี้ พี่ขอโทษนะ” ผมส่งความจริงใจผ่านสายตาให้นาวารับรู้ ยอมลดทิฐิตัวเอง ยอมเพื่อคนนี้คนเดียว


ภายใต้ความมืด นาวาหน้าแดง “วาเองก็ขอโทษที่ทำตัวไม่ดี” พูดเสร็จก็ก้มงุดๆลงที่ไหล่ผม


“หึหึ” ผมหัวเราะอย่างมีความสุข หัวใจพองโตคับอกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


“ไม่ยกโทษให้” ผมแกล้งทำหน้างอ


“จะให้วาทำไงเล่า ง้อไม่เป็นนะ” นาวาผละจากตัวผมแล้วทำแก้มป่อง น่าจิ้มแก้มจัง


“เอาดาวบนฟ้ามากองตรงหน้า พี่ถึงจะหายละกัน ฮ่าๆ”


“จะเอาดาวใช่ไหม?”


“ช่าย” ผมพยักหน้ารับ


“งั้นรอเดี๋ยว ห้ามไปไหนนะ” นาวาพูดเร็ว และรีบคว้าจักรยานสีชมพูของเจ้พลอยปั่นออกไป


สักพักเขากลับมาพร้อมอาการหอบอย่างเห็นได้ชัด เม็ดเหงื่อผุดพรายตามไรผม เห็นแล้วอยากเอาผ้าเช็ดหน้าซับให้ แต่ตอนนี้ผมมีเพียงแขนเสื้อจากสเว็ตเตอร์สีน้ำเงินเข้ม ผมซับเหงื่อให้คนตัวเล็กแผ่วเบา


“หลับตาก่อน เอาดาวมาให้แล้ว”


ผมเลิกคิ้วสงสัย เอาดาวมาจากไหน แต่รอยยิ้มของอีกฝ่ายบอกให้ผมทำตาม ผมเลยต้องหลับตาแต่โดยดี ผมนั่งอยู่ตรงปลายสไลด์เดอร์ ก่อนหลับตาผมดึงนาวานั่งลงบนตัก


“ลืมตาได้แล้ว”


ทันทีที่ลืมตา  ประกายสีทองของไฟเย็นสว่างสดในอยู่ในมือของคนที่นั่งบนตัก มองไปเหมือนดาวดาวงน้อยส่องแสงระยิบระยับ


Twinkle, twinkle, little star,
How I wonder what you are.
Up above the world so high,
Like a diamond in the sky.

ดาวดวงน้อยกะพริบระยิบตา
ฉันสงสัยเธอเป็นใครแต่ใดมา
ลอยเหนือโลกสูงเหนือนภา
งามระยับราวเพชรนิลจินดา



ผมเกยคางกับไหล่ของเจ้าตัวเล็ก มองดูไฟเย็นแล้วยิ้มเหมือนคนใกล้บ้า ความสุขเอ่อล้นจนไม่อาจหาคำพูดใดๆมาบรรยาย ผมเก็บเกี่ยวความสุขนี้เอาไว้ในใจ เก็บทุกวินาที เก็บทุกความรู้สึก ผมฝังวันนี้เอาไว้ในความทรงจำ ชัดเจนทุกชั่วขณะ โดยเฉพาะเวลานี้


“ถึงจะคว้าดาวบนฟ้ามาให้ไม่ได้ แต่เอาดาวบนดินไปดูก่อนแล้วกัน หายงอนได้แล้วนะตี๋”


As your bright and tiny spark,
Lights the traveler in the dark.
Though I know not what you are,
Twinkle, twinkle, little star.

แสงน้อยๆของเธอนั้นสำคัญมาก
ส่องนำทางคนหลงทิศไม่คิดจาก
หากฉันจะรู้แท้จริงแล้วเธอคือใคร
เจ้าดวงดาราระยับประจำใจ



ผมสวมกอดนาวาแนบแน่น ความสุขความอบอุ่นวิ่งปลาบไปทั่วกาย


“ตัวเล็กครับ” ผมกระซิบเรียกนาวาให้หันมอง เขาเอียงหน้ามาทางผมเล็กน้อย ผมหอมแก้มนาวาแผ่วเบา สูดเอากลิ่นหอมอ่อนๆเข้าปอดเนิ่นนาน ก่อนจะถอนจมูกออกแล้วกระซิบข้างหูเจ้าของดวงใจผมว่า


“รัก”




 :-[ :o8: :-[ :impress2: :-[ :impress2: :impress2:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 13 ในคืนฟ้าครึ้ม [20/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 21-11-2016 00:12:15
ตาฝาดดดด
เราต้องตาฝาดแน่ๆเลย
เพชรนี่งอนได้น่าหมั่นไส้จริงๆ น่าหยิกกก5555
หนึ่งวันในนิยาย ยาวนานราวหนึ่งปี55 โอย ดีใจอ่ะ กลับมาต่อแล้วใช่มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 14 จงรัก [22/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 22-11-2016 13:50:28
บทที่ 14 จงรัก
 o13 o13 o13



นวลแสงจันทร์คืนนี้ผุดผ่องสว่างไสว ชายหนุ่มเฝ้ามองจากริมหน้าต่างเห็นพระจันทร์ทรงกลดวงโตเด่นสง่าอยู่บนผืนฟ้ายามรัตติกาลสีดำสนิท งดงามและอิ่มเอมไปด้วยความทรงจำ ตรีเพชรเผลอยิ้มให้กับจันทร์เจ้าก่อนทอดกายลงนอนบนเตียงหนานุ่ม เขาคงนอนหลับฝันดี


แต่… ตรีเพชรดันตื่นนอนก่อนเช้า


อันที่จริงเขาไม่ได้นอนเลยต่างหาก เมื่อคืนชายหนุ่มพลิกตัวอยู่บนเตียงทั้งคืน พยายามข่มตานอน ทว่าความตื่นเต้นก็เอาชนะความง่วงได้สำเร็จ คุณเพชรตาค้างนอนไม่หลับพะว้าพะวังและจดจ่ออยู่กับงานหมั้นที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า


ก่อนตะวันขึ้นหลายชั่วโมงตรีเพชรตัดสินใจลุกขึ้นออกกำลังกายในฟิตเนสส่วนตัวที่อยู่ทางปีกซ้ายของบ้านเพื่อดับความฟุ้งซ่านในใจ บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มยิ้มระบายมุมปากด้วยความอิ่มสุข เขาสะบัดศีรษะตัวเองเรียกสติหลายครั้ง สงสัยเราจะบ้าไปแล้ว แค่หมั้นไม่ได้แต่งซะหน่อย ดีใจอะไรกันนักกันหนา เมื่อเตือนตัวเองในใจเสร็จสรรพตรีเพชรกลับคลี่ยิ้มอยู่คนเดียว ทุกครั้งที่คิดถึงหน้าคู่หมั้นชายหนุ่มพลันแก้มแดงเหมือนผลตำลึงสุก เขายิ้มอยู่อย่างนั้น ยิ้มจนหุบไม่ลง


ตรีเพชรปาดเหงื่อซับหน้าด้วยผ้าขนหนูสีขาวสะอาด การออกกำลังกายทำให้เขารู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะ วันนี้ตรีเพชรรู้สึกสบายกายสบายใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาจะได้หมั้นกับนาวาอย่างเป็นทางการเสียที อีกประการคงมาจากคำพูดของอาม่าเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมา


‘ผมมีเรื่องจะสารภาพและมีเรื่องจะถามม่าครับ’ ร่างผึ่งผายคุกเขากอดหญิงสูงวัยที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว ‘พรุ่งนี้ผมกับนาวาจะหมั้นกันแล้ว ก่อนอื่นผมต้องถามอาม่าว่าเพราะอะไร อาม่าถึงต้องการให้ผมหมั้นกับนาวา’


เหมยฮวาลูบผมหลายชายที่เธอเฝ้ารักและทะนุถนอม อาม่าเงียบอยู่เพียงครู่ก่อนจะพูดออกมา ‘เหตุผลแท้จริงของการหมั้นครั้งนี้มีเพื่อตอบแทนบุญคุณกับช่วยเหลือเพื่อนรักในยามยาก อย่างที่เพชรรู้ อาม่ากับคุณย่าของหนูวาเป็นเพื่อนรักเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก มิหนำซ้ำ อาเฮียรองของม่ากับพี่ชายของรำไพก็เป็นเพื่อนสนิทกัน คุณรวีเขามีบุญคุณกับครอบครัวเรา ที่เราทำกิจการค้าขายมั่งคั่งได้ขนาดนี้เพราะคุณรวีคอยช่วยเหลือเฮียฟงแท้ๆ’ เมื่อระลึกถึงอดีตน้ำเสียงของเหมยฮวาเจือความคิดถึง ‘ช่วงบั้นปลายชีวิตของรำไพมีปัญหามากมายให้คอยจัดการ แม้โรคจะรุมเร้าแต่สิ่งเดียวที่เธอเป็นกังวลถึงคือหนูวา หลานชายที่พลัดพรากจากอ้อมอกไปตั้งแต่เด็ก รำไพคงรู้ว่าหนูวาต้องตกอยู่ในอันตราย การยกทรัพย์สินทั้งหมดที่มีให้เพียงนาวาคนเดียว
อาจทำให้ใครบางคนไม่พอใจ ความปลอดภัยของนาวาจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ ม่าให้เพชรเข้ามาอยู่ตรงนี้เพราะอยากให้เพชรช่วยปกป้องหนูวา ดูแลน้องจนกว่าน้องจะเรียนจบและเข้าไปบริหารดรุณเอสเตส เป็นพี่ชายที่คอยปกป้องน้องเถิดนะ’


ตรีเพชรซึมซับทุกคำพูดของอาม่าและทำความเข้าใจกับเบื้อหลังเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ จริงที่นาวาตกอยู่ในอันตราย สัญชาตญาณร้องเตือนว่ายังมีอันตรายใหญ่หลวงรอคอยอยู่ เขารับรู้และอยากปกป้องคนตัวน้อย การรับมรดกและเรื่องราวของคุณรำไพยังมีเงื่อนงำ ชายหนุ่มตะขิดตะขวงใจแต่ระบุไม่ได้ว่าอะไรสะกิดใจเขาอยู่ หากแต่คำว่า ‘พี่ชาย’ ทำให้ตรีเพชรถึงกับถอนใจ


‘ผมถามอาม่าแล้ว คราวนี้ผมมีเรื่องจะสารภาพ’ เหมยฮวามองตาใสซื่อของหลานชาย แววตาคู่นั้นดูหนักแน่นขณะเดียวกัน
ประกายตาคมคร้ามกลับสั่นระริกฉายแววหม่นเศร้า ‘สำหรับนาวาแล้ว… ผมไม่อยากเป็นแค่พี่ชาย’


มือที่ลูบหัวหลานชายอยู่ชะงัก เหมยฮวานิ่ง ณ วินาทีนั้นใจของตรีเพชรเต้นไม่เป็นส่ำ ชายหนุ่มไม่อยากทำให้คนที่ตัวเองรักเสียใจ แต่กระนั้นหากไม่สารภาพความรู้สึกลึกซึ้งที่กำลังอัดแน่นจนล้นใจนี้ให้ผู้ใหญ่รับรู้ เขาเกรงว่ามันรังแต่จะก่อปัญหาต่อไปในอนาคต ตรีเพชรอยากชัดเจนกับความรู้สึก อยากทำให้มันถูกต้อง ทั้งๆที่หลายคนอาจมองว่ามันผิด


อาม่ายิ้มบาง รอยยิ้มนั้นจะบอกว่าเศร้าหรือดีใจก็ไม่ทราบได้ แต่แววตาอ่อนโยนที่มองมาของอาม่าทำให้ผู้ชายตัวโตอย่างตรีเพชรน้ำตาคลอ หญิงสูงวัยกอดหลานชายเพียงคนเดียวเอาไว้ในอ้อมแขน


‘ม่ารู้ ม่ารู้…’


สัมผัสอบอุ่นจากอ้อมกอดของคนที่เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ทำเอาตรีเพชรต้องหลั่งน้ำตา ‘ผมขอโทษ ผมไม่ดี ทำให้อาม่าผิดหวัง’


‘เพชร ฟังม่านะ  เพชรไม่เคยทำให้ม่าผิดหวัง สักครั้งก็ไม่เคย ตอนนี้ก็เหมือนกัน สายตาเราที่มองหนูวาใครๆก็ดูออกว่าเพชรคิดอะไร ม่าเคยเห็นแววตาแบบนี้มาก่อน… ม่าเข้าใจ’


ตรีเพชรเงยหน้าสบตาผู้เป็นย่า ‘ม่าไม่เสียใจเหรอครับที่ผมเป็นแบบนี้ ผมรักนาวา ผมมีเหลนให้ม่าเลี้ยงไม่ได้’


‘ม่าจะเสียใจถ้าหากม่าเป็นคนกีดกันไม่ให้เพชรได้อยู่กับคนที่เพชรรัก การพลัดพรากจากคนที่รักไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตายย่อมเจ็บปวดและเศร้าใจทั้งนั้น ม่าไม่อยากเห็นเพชรต้องเสียใจเพราะคำว่า ‘รักกันไม่ได้’ ที่คนอื่นตัดสิน ไม่อยากให้ใครต้อง
เสียใจเพราะเรื่องเช่นนี้อีก เพชรรักหนูวา ก็รักไปเถอะลูก หลังจากเฮียฟง อากงของเพชร แล้วก็ป๊าเพชรจากม่าไป ม่าก็เข้าใจ
แล้วว่าชีวิตคนเราสั้นนัก ต้องใช้เวลากับคนที่เรารักให้คุ้มค่าที่สุดจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลังอย่างที่อาม่าเป็นอยู่บ่อยครั้ง ม่าไม่เสียใจที่จะไม่มีเหลน แต่ม่าดีใจที่เพชรเจอหัวใจของตัวเองเสียที’


เพชรรักหนูวา ก็รักไปเถอะลูก


คำพูดของอาม่าแว่วก้องในหูไม่ห่างหาย ตรีเพชรหลั่งน้ำตา ใช่ว่าเพราะความเสียใจ หากเป็นน้ำตาแห่งความตื้นตัน น้ำตาที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งยอมปล่อยให้ไหลริน น้ำตาลูกผู้ชายที่ว่าหลั่งกันยากเย็นและน้อยคนที่จะเห็น บัดนี้ตรีเพชรปลดปล่อยออกมาจนสิ้น ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ รักเขาสุดหัวใจ ทำหน้าที่แทนพ่อแม่ที่จากไป เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้พักพิง ที่สำคัญเป็นคนที่บอกให้เขารัก รักนาวาได้ทั้งใจ


ตรีเพชรกอดอาม่าปล่อยน้ำตาซึมเสื้อของสตรีร่างท้วม ความรักคามอบอุ่นของย่าหลานส่งผ่านสัมผัสจากอ้อมกอดและน้ำคำปลอบประโลม อาการยกภูเขาออกจากอกเป็นเช่นนี้เอง อิสระที่ได้รักและการได้รับความเข้าใจมีรสชาติตื้นตันอย่างนี้นี่เอง ตรีเพชรสัมผัสความรักความสุขและความสบายใจอย่างอิ่มล้น สุขใดจะเท่าสายใยรักจากครอบครัว



“ตาเพชร น้องวาอยู่ที่ห้องแต่งตัวแล้วนะ” พลอยลดาเข้ามารายงานน้องชายเพราะตรีเพชรแทบนั่งไม่ติด เอาแต่ถามอยู่นั่นว่านาวามาหรือยัง เมื่อไหร่จะได้เจอ


ห้องแต่งตัวที่ทางโรงแรมจัดไว้ทำให้นาวากับตรีเพชรต้องแต่งตัวแยกกัน คุณชายแห่งวรจักรกรุ๊ปอยากจะไล่คนแยกห้องแต่งตัวออกฐานทำให้เขาต้องแยกจากคู่หมั้นของตัวเอง ทนรอมาทั้งคืนจนเช้าก็ยังไม่ได้เจอ และด้วยตารางงานหมั้นทั้งคู่จะไม่ได้เจอกันจนกว่าจะเข้าพิธี ตรีเพชรเลยร้องเร่าๆอยากจะเจอนาวาให้ได้ ตรีเพชรรีบแต่งตัว ปล่อยให้ช่างเซตผมเติมหน้านิดหน่อย เขาพร้อมเข้าพิธีแล้ว


“เจ้ครับ ผมอยากเจอนาวา” ตรีเพชรละสายตาจากกระจกมามองพี่สาวที่สวยพร้อมในชุดเดรสลูกไม้ฝรั่งเศสสีขาวพิสุทธิ์ พลอยลดาสวมรองเท้าส้นสูงสีแดงและกระเป๋าคลัชสีเดียวกันเข้ากับสีของธีมงานที่บานสะพรั่งด้วยกุหลาบแดงนับพันๆดอก  ท่าทางแบบนี้เห็นทีจะห้ามยาก พลอยลดามองดูน้องชายอย่างคนที่เข้าใจความรู้สึก


“หึหึ รอก่อนก็ได้เพชร ยังไงก็ได้เจอ”


“ไม่เอา ผมอยากเจอนาวาก่อน ผม… คิดถึง” คุณเพชรเองก็อายกับคำพูดที่หลุดปาก แก้มแดงโดยไม่ต้องสงสัย หากแต่ทุกคำพูดที่พรั่งพรูออกไปล้วนกลั่นมาจากใจจริงๆ “นะครับเจ้ พาผมไปหานาวาหน่อย”


“เฮ้อ ก็ได้ๆ แต่รอให้น้องวาแต่งตัวเสร็จก่อนนะ”


“ครับ” ตรีเพชรยิ้มรับอย่างดีใจ


เสียงเคาะประตูทำให้พลอยลดาต้องออกไปดู เมื่อเธอแง้มประตูออกจึงเห็นจอมทัพ เปรม นาย เต และตามใจ ยืนอยู่ หญิงสาวเปิดประตูเชื้อเชิญกลุ่มเพื่อนสนิทของน้องชายพลางเอ่ยทักแต่ละคนอย่างเป็นกันเองเนื่องจากเธอเองก็คุ้นเคยกับเด็กกลุ่มนี้ดี เห็นหน้ากันมาตั้งแต่เจ้าทโมนพวกนี้ยังเรียนมัธยม


“เจ้ครับไหนปิ่นโตครับ” เต นักศึกษาแพทย์ ทำหน้าระรื่นถาม


พลอยลดาเลิกคิ้วสงสัย “ปิ่นโต? จะเอาไปทำไม?”


“อ้าวผมนึกว่าเจ้จะไปวัด เห็นแต่งลูกไม้ลายพร้อยขนาดนี้ ถือปิ่นโตอีกหน่อยเหมือนชุดที่ย่าผมใส่ไปวัดเปี๊ยบเลย” เตยิ้มร่าแถมส่งเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ พอให้พลอยลดาเกิดโมโห ชายหนุ่มหลบฝ่ามือของหญิงสาวเป็นพัลวัน


“หนอยนายเต วาฉันแก่เหรอเดี๋ยวเถอะ”


“ผมยังไม่พูดว่าแก่สักคำ เจ้คิดไปเอง ผมว่าเจ้สวยต่างหาก”


“แน่สิยะ เดรสนี้ฉกมาจากรันเวย์มิลาน ชุดไปวัดของแกสิจะสวยและเซ็กซี่ขนาดนี้” พลอยลดากอดอก ทิ้งหางตาใส่นายเตคู่ปรับ เจอหน้ากันทีไร เป็นอันต้องโดนไอ้เด็กแก่แดดนี่เล่นเอาทุกที วันหลังจะเสี้ยมตาเพชรให้เลิกคบมัน เด็กอะไรชอบแกล้ง


“ไม่เอาน่า อย่าหน้างอนะครับ ผมเอาดอกไม้มาให้เจ้เลยนะเนี่ย” เตแย่งช่อดอกไม้จากมือของตามใจส่งให้พลอยลดา ว่าที่คุณหมอทำหน้าทะเล้น แต่วาดยิ้มจริงใจให้พี่สาวของเพื่อนสนิท


“น้อยหน่อยไอ้เต พี่สาวกู ห้ามมึงเต๊าะเล่น เดี๋ยวพ่อโบกลืมบ้านเลขที่” ตรีเพชรแย่งช่อดอกไม้ ชายหนุ่มทำหน้าดุ “แล้วช่อนี้น้องตามเอามาให้กู ด้านนะมึงแย่งไปต่อหน้าต่อตา”


“อ้าวตาม เห็นๆอยู่ว่าไอ้เพชรกำลังจะหมั้น” นายพาดแขนโอบไหล่ตามใจ “เอาดอกไม้มามอบให้แบบนี้ คิดอะไรกับเพื่อนพี่หรือเปล่า”


“คิด” ตามใจตอบด้วยท่าทีเบื่อหน่าย นายเลิกคิ้วประหลาดใจ “คิดว่าพี่นายตรรกะห่วยชะมัด ใครเขาจะเอาช่อดอกไม้ที่มีการ์ด
เขียนเด่นหราว่า ‘แด่ นาวา’ มาให้เฮียเพชรกัน ช่อนี้เฮียฝากตามซื้อ จะเอาไปให้คู่หมั้นเค้าโน่น” ตามใจทำหน้าบุ้ยใบ้มาทาง
ตรีเพชร พร้อมกันนั้นเสียงโห่แซวของเพื่อนก็ดังขึ้น คุณเพชรเกาท้ายทอยแก้เขิน เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มทำตัวไม่ถูก


“ฮ่าๆ กุหลาบในงานยังไม่พออีกเหรอวะเพชร สั่งมาช่อเบ้อเริ่ม” เปรมอดถามไม่ได้


“กุหลาบในงานน่ะพอ แต่นั่นมันกุหลาบแดง นาวาเหมาะกับกุหลาบขาวมากกว่า” ตรีเพชรมองดูดอกไม้ช่อสวยในมือ จะว่าไปนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาจะมอบดอกไม้ให้เด็กแสบคนนั้น


“นั่นแน่ กุหลาบขาวสื่อถึงความรักอันบริสุทธิ์ แน่ใจเร้อว่าไม่มีอะไรแอบแฝง แล้วแชมเพนขวดใหญ่ที่ให้กูกับน้องเอาไปเก็บไว้ที่คอนโดมึงล่ะ รู้ๆอยู่ว่าน้องมันเมาง่าย” เปรมดักคออย่างคนรู้ทัน


“ไอ้นี่ กูจะเอาไปทำอะไร ก็แค่ดื่มฉลอง” ตรีเพชรทำหน้าตาย หากแววตาระริกนั่นเพื่อนๆเห็นแล้วก็เป็นอันเข้าใจกัน เสือร้ายยังไงก็ไม่ยอมทิ้งลายของตัวเอง


จอมทัพตบไหล่ตรีเพชรเบาๆ “ยินดีด้วยนะ” คนพูดน้อยก็ยังคงออมปากออมคำเช่นเคย แต่แววตาและรอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้าของจอมทัพแสดงให้เห็นถึงความจริงใจที่ซ่อนแฝงอยู่ในนั้น จอมทัพยินดีกับเพื่อนรักที่ได้หมั้นหมายกับคนที่เขารัก…
“ดูแลให้ดี สมกับเป็นคนของมึงนะเพชร”


ตรีเพชรวางมือบนไหล่เพื่อน พยักหน้าเพียงครั้ง แต่แววตาของเขาฉายแว่วแน่วแน่ชัดเจน แม้ปราศจากคำพูดที่สื่อสารระหว่างกัน หากลูกผู้ชายแค่มองตาก็เข้าใจ จอมทัพแน่ใจแล้วว่าตรีเพชรจะดูแลนาวาได้ดี แรงบีบที่ไหล่เสมือนตรีเพชรส่งผ่านความมั่นใจมาให้ ย้ำกับจอมทัพว่านาวาจะปลอดภัยและเป็นสุขดีเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขา เท่านั้นจอมทัพก็หายห่วง… คงถึงเวลาที่จอมทัพจะปล่อยผีเสื้อที่ตัวเองเฝ้าฟูมฟักทะนุถนอมเพื่อให้เจ้าผีเสื้อน้อยได้กรีดปีกโบยบินล่องลอยไปตามทางที่ปีกน้อยๆจะชักพา เขาคงทำได้แค่เฝ้ามองปีกงามคู่นั้นสยายบินอย่างมีความสุข


“ตาเพชร เจ้ว่าเราไปหาน้องวากันเถอะ อยู่ในนี้นานๆเจ้จะตะบันหน้านายเตเอาเสียเปล่าๆ” พลอยลดาจูงมือน้องชายออกมาจากห้องแต่งตัว ก่อนที่เพื่อนๆของตรีเพชรจะทยอยกันเข้างาน



นิสาเป็นคนเปิดประตูให้ตรีเพชรกับพลอยลดาเข้าไป ในห้องแต่งตัวของนาวาเนืองแน่นไปด้วยเพื่อนๆเช่นเดียวกับห้องแต่งตัวของตรีเพชร แต่เห็นจะแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ ห้องนาวามีผู้หญิงราวสี่สิบต้นๆที่ยังสวยสง่า มองเค้าหน้าแล้วเห็นได้ชัดว่านาวาได้โครงหน้าและความน่ารักมาจากใคร ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นแม่ของนาวาแน่นอน ตรีเพชรยกมือไหว้คุณแม่คู่หมั้น อีกฝ่ายรับไหว้ รอยยิ้มงดงามดูใจดีส่งให้ตรีเพชร


“สวัสดีจ่ะตาเพชร ไม่เจอกันนาน โตเป็นหนุ่มแล้วนะเรา” ปรียานุชอยู่ในชุดกระโปรงแดงระเข่าเสื้อแขนกุดสีขาวมีเข็มกลัดทับทิมรูปดอกไม้สีเลือดนกอยู่ตรงอกซ้าย ผมดำขลับถูกรวบและเกล้าขึ้นเผยให้เห็นคำคองามระหง ต่างหูมุกดูเข้ากับความเรียบสวยของผู้หญิงตรงหน้า รอยยิ้มและคำทักทายอันคุ้นเคยนั้นทำให้ตรีเพชรเลิกคิ้วประหลาดใจ


“จำแม่ไม่ได้ล่ะสิ เมื่อก่อนยังมาอ้อนขอกินเค้กอยู่เลย”


“ผมเหรอคับ กินของหวานแบบนั้น”


“แม่รู้จักพี่เพชรด้วยเหรอคะ” นิสาถามขึ้นราวกับข่มความอยากรู้ไม่ไหว


“รู้สิคะน้องสา” พลอยลดาตอบแทนแม่ของนาวาที่มัวแต่มองชายหนุ่มที่กำลังจะเข้ามาเป็นคู่หมั้นของลูกชายตัวเอง “ตอนเพชรเด็กๆ อาม่าชอบพาพี่กับตาเพชรไปเยี่ยมน้ายากับคุณย่ารำไพบ่อยๆ ตาเพชรน่ะเค้าเจอกับนาวาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ดูท่าจะจำกันไม่ได้ทั้งคู่เลย”


คำพูดของพลอยลดาทำให้ตรีเพชรขมวดคิ้วแปลกใจ เขาเคยเจอกับไอ้เด็กแว่นมาก่อน? คงจะจริงอย่างที่เจ้พลอยว่า ในเมื่ออาม่ากับคุณย่าของนาวาเป็นเพื่อนสนิทกัน ทั้งสองย่อมต้องไปมาหาสู่กันบ้าง อาจมีโอกาสที่เขาได้เจอกับนาวามาก่อนหน้านี้ก็ได้ โถ่เอ๊ย ไอ้เพชร ทำไมแกถึงจำไม่ได้วะ


“แล้วนี่นาวา…” ตรีเพชรมองหาคู่หมั้นแต่ไม่เห็นเจอ


“มาถึงก็ถามหาเลยเหรอพี่เพชร” แบงค์ถามขึ้นอย่างขัดคอ สีหน้าไม่ยินดียินร้ายอะไรทั้งนั้น ดูท่าแล้วเจ้ารุ่นน้องร่วมคณะของตรีเพชรจะทำหน้าที่เป็นไม้กันหมาให้นาวาไปพักใหญ่


“แน่ะ ชะเง้อมองอีก” เก้าเดินมากอดคอแบงค์ ปั้นหน้าดุใส่ตรีเพชร “ไอ้วามันเปลี่ยนชุดอยู่ในห้องน้ำ เดี๋ยวก็ออกมา ไม่ต้องชะเง้อหาขนาดนั้นหรอก กลัวว่าคอจะเคล็ดเอาซะก่อน”


เอ็มที่ยืนอยู่ใกล้กับประตูห้องน้ำมากที่สุด เคาะประตูแก้วขุ่นกรอบไม้นั้นเบาๆแล้วตะโกนพูดกับคนที่อยู่ด้านใน “ไอ้วาเจ้าบ่าวมึงมาหา เสร็จแล้วก็รีบออกมาเฮียแกคอจะหักแล้วมัวแต่มองหามึง”


“เจ้าบ่าวแม่ยายมึงสิ กูยังไม่แต่ง” เสียงของคนในห้องน้ำตะโกนกลับมา ทำเอาคนทั้งห้องหัวเราะกันเป็นแถว


“เออนั่นแหละ คู่หมั้นมึงเค้ารอนานละ มีช่อดอกไม้มาให้มึงด้วย คงกะจะเซอร์ไพรส์มึง ออกมาก็ทำหน้าตื่นเต้นด้วยล่ะ ช่อเบ้อเร่อเลย กุหลาบขาวแบบที่มึงชอบด้วย” เอ็มหันมายักคิ้วกวนๆ ให้ตรีเพชร เป็นอย่างนี้ทุกทีสิน่า เพื่อนรักที่ทั้งรักทั้งหวงเหล่านี้ พร้อมใจกันเป็นกางขวางคอ ขัดตรีเพชรไปเสียทุกอย่าง แล้วอย่างนี้เขาจะเอาอะไรไปเซอร์ไพรส์ไอ้ตัวเล็กกันล่ะนี่


“โอ๊ยพวกแก พอทีเถอะ เห็นแล้วหงุดหงิด” นิสาเท้าสะเอวไม่พอใจ แล้วเธอจึงหันมายิ้มกับตรีเพชร “อย่าไปสนใจไอ้พวกขี้หวงพวกนี้เลยค่ะพี่เพชร พวกมันยังโสดเลยแอบอิจฉาที่คนอื่นเค้ามีคู่หมั้นคู่หมาย”


“หึหึ” ตรีเพชรยิ้มให้กับเพื่อนๆของนาวา “น้องสาครับ พี่ว่าดีซะด้วยซ้ำที่นาวามีเพื่อนรักที่ขี้หวงขนาดนี้ ไว้ว่างๆ กันคนอื่นที่เข้าหานาวาแบบนี้มั่งนะ”


“อะไรวะเฮีย” แบงค์โวย “จะให้พวกผมเป็นไม้กันหมาคอยสอดส่องดูแลแทนเฮียเหรอ ไม่มีวัน”


“ช่าย คนอย่างพวกเราไม่ทำงานให้ใครฟรีๆ หรอกขอบอก” เก้ายืดอก


“สามพัน” ตรีเพชรพูด


เอ็มโผมารวมกับเก้าและแบงค์ที่ยืนขวางตรีเพชรอยู่ “คิดว่าจะซื้อพวกเราได้ด้วยเงิน?”


“ห้าพัน” ตรีเพชรเสนอ


“ยังคิดจะซื้อพวกเราด้วยเงินเหรอเฮีย” แบงค์ทำสีหน้าไม่พอใจ


“แปดพัน” ตรีเพชรว่า


“เงินซื้อพวกเราไม่ได้หรอก” เก้าเหยียดยิ้ม


“หมื่นนึง”


“หนึ่งหมื่น? หึ เงินซื้อผมไม่ได้เว่ย” แบงค์ทำเสียงไม่พอใจ แต่พลันใบหน้าคมสันของเขาฉีกยิ้มสอพลอ “แต่จ้างได้ครับเฮีย” รุ่นน้องร่วมคณะผละจากกลุ่มเพื่อนเข้ามานวดไหล่ตรีเพชรเอาอกเอาใจ


“ไอ้เชี่ยแบงค์” เก้าร้องเมื่อเห็นเพื่อนแปรพรรค “พี่เพชรทำแบบนี้ไม่ได้นะ จะซื้อเราด้วยเงินได้ไง ซื้อไม่ได้…” เก้าผละจากเอ็มเข้าไปนวดไหล่ตรีเพชรอีกข้าง “มันซื้อไม่ได้ ถ้าไม่มากพอ ผมขอสองหมื่นนะเฮีย”


“วะไอ้พวกเวรนี่” เอ็มบ่นออกมาอย่างหัวเสีย “เฮียคร้าบ เอ็มขอสองหมื่นเหมือนไอ้เก้านะ”


เสียงโวยวายและเสียงหัวเราะของคนในห้องแว่วดังไปถึงในห้องน้ำ นาวาขมวดคิ้วสงสัย หัวเราะอะไรกัน ใจจริงอยากออกไปดู แต่ติดอยู่ที่ว่าเขาต้องสวมเจ้าชุดงานหมั้นที่ออกแบบโดยคุณวิทย์ดีไซเนอร์ชื่อดังชุดนี้ให้เสร็จเสียก่อน หนุ่มน้อยยืนหมุนอยู่หน้ากระจกบานยาวในห้องน้ำอยู่นานสองนานด้วยเพราะไม่ค่อยจะมีโอกาสได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพงระยับขนาดนี้ นาวาไม่มั่นใจว่าสูทหรูจะเข้ากับเด็กกะโปโลอย่างเขา ดวงตาสีเฮเซิลสำรวจเครื่องแต่งกายของตัวเองที่สะท้อนในกระจกเงาบานยาว นาวาสวมเชิ้ตขาวเนื้อผ้าสัมผัสละมุนบ่งบอกราคา ทับด้วยสูทสี Maroon ตัดกับเสื้อเชิ้ตตัวใน กางเกงเข้ารูปเนื้อผ้าละเอียดสีเดียวกับแจ๊คเก็ตสูท ทั้งชุดเรียบหรู นาวามองเงาสะท้อนของตัวเองตรงหน้ากระจก เงาที่ปรากฏแก่คลองสายตาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าคือตัวเอง


“เก้า เอ็ม ใครก็ได้ช่วยเอาเข็มกลัดดอกไม้มาให้หน่อย ลืมหยิบเข้ามา” นาวาตะโกนบอกคนข้างนอกที่บัดนี้ยังคงส่งเสียงหัวเราะสนุกสนาน


“เออๆ เดี๋ยวกูเอาให้” เสียงนั้นเป็นของแบงค์ เพื่อนรักตอบรับอย่างแข็งขัน


ประตูห้องน้ำเลื่อนเปิดพอให้ใครบางคนแทรกกายเข้ามาในจังหวะที่นาวาก้มหยิบนาฬิกาข้อมือที่พลอยลดาให้เป็นของขวัญหนึ่งวันก่อนหน้างานหมั้น พี่สาวของคู่หมั้นอยากให้ตรีเพชรกับนาวาใส่นาฬิกาคู่ นาฬิกายี่ห้อดังเลยต้องมาอยู่บนข้อมือซ้ายของนาวาอย่างเลี่ยงเสียไม่ได้


“คิดถึงจัง” เสียงกระซิบแหบห้าวดังใกล้ใบหูทำเอานาวารีบเงยหน้าจากข้อมือเพื่อมองเงาสะท้อนของคนที่กำลังสวมกอดเขาจากด้านหลัง ตรีเพชรยิ้มให้ ทั้งคู่ยืนอยู่หน้ากระจก มองเงาของกันและกัน


“เมื่อวานเย็นก็เจอ” นาวานึกหมั่นไส้คนที่กอดไม่ยอมปล่อย เมื่อวานไปทานข้าวเย็นที่บ้านตรีเพชรแล้วเลยไปรับแม่ที่สนามบิน อันที่จริงไอ้คนที่บอกว่าคิดถึงจะตามไปที่สนามบินด้วยแต่ทางโรงแรมดันโทรมาบอกว่าดอกไม้ในงานไม่เป็นไปตามที่ชายหนุ่มต้องการ คุณตรีเพชรเธอแอบหงุดหงิดเลยต้องลงไปคุมงานเอง เพื่อให้ทุกอย่างสำเร็จได้ดั่งใจ เช้ามาสถานที่จัดงานประดับประดาไปด้วยกุหลาบแดงนับพันๆ ดอก ส่งกรุ่นหอมขจรขจายไปในอณูอากาศ นาวาอดทึ่งในความสามารถของว่าที่นักบริหารหนุ่มคนนี้ไม่ได้ เรื่องบงการคนนี่ ไอ้ตี๋มันถนัดนัก


“ห่างกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง ทำบอกคิดถึง แสร้งพูดให้ลืมเรื่องที่นายขโมยรูปถ่ายฉันใช่ไหม”


ก่อนหน้างานหมั้นสามสี่วันตรีเพชรช่วยนาวาขนของจากหอเก่าเพื่อย้ายเข้าคอนโดใหม่ที่อาม่าซื้อให้เป็นของขวัญต้อนรับหลานสะใภ้ อันที่จริงคุณเพชรตั้งใจเรียกคอนโดห้องนั้นว่าเรือนหอนั่นแหละ ห้องนั้นกว้างอย่างกับเอาพื้นที่บ้านทั้งหลังมากางออกเพราะทั้งชั้นมีอยู่แค่สองห้อง แต่นาวากระทุ้งศอกซะจนชายหนุ่มจุก ไม่ได้แต่งงาน อย่ามาเรียกว่าเรือนหอ นาวาปั้นหน้าเคือง คุณเพชรเลยต้องสงบปากสงบคำช่วยว่าที่ภรรยาเก็บของต่อไป พลันสายตาเห็นรูปถ่ายใบเล็กของนาวา น่าจะเป็นตอนมัธยม ในรูปเด็กแว่นจอมเฉิ่มคนนั้นกำลังอุ้มลูกแมว ทำหน้าน่ารักเพราะเจ้าแมวดิ้นกระดุกกระดิกในอ้อมกอด เด็กเฉิ่มคงจั๊กจี้เลยหัวเราะออกมา


“ไม่ได้เสแสร้ง พี่คิดถึงวาจริงๆ” ตรีเพชรหมุนตัวนาวาให้หันหลังให้กระจก เชยคางคนตัวเล็กให้เงยขึ้นมามอง “เมื่อคืนนอนไม่หลับ ตื่นเต้นทั้งคืน อยากเร่งให้วันนี้มาถึงเร็วๆ แล้วมันก็มาถึง วันนี้… วาน่ารักมาก”


วินาทีแรกที่ตรีเพชรเห็นเงาสะท้อนของนาวาที่กระจก หัวใจของเขาเต้นตึกตักอย่างควบคุมไม่อยู่ ปกตินาวาอาจจะไม่ใช่คนที่สะดุดตาทุกคน แว่นหนาของเขาบดบังความผุดผ่องและดวงตางดงามอยู่เป็นประจำ ผมกระเซิงนั่นเล่านาวาไม่ค่อยสนใจทรงผมเท่าไหร่เพราะแค่ตื่นเช้าให้ทันเข้าเรียนก็ยากแล้ว คงไม่มีเวลามานั่งห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองสักเท่าไหร่ หากวันนี้ทุกอย่างที่เคยเห็นจนชินตากลับแปรเปลี่ยนไป แน่นอนว่าเมื่อเดินออกจากห้องนี้ นาวาจะสะกดสายตาทุกคู่ให้หันมอง ตาสีสวยไร้สิ่งบดบังมีแพขนตาหนาคอยขับให้ตาดูโตน่าหลงใหล เครื่องหน้าทุกอย่างงดงามชัดเจน จมูกรั้นแสดงถึงความดื้อรับกับเรียวปากบางสี
คล้ายกลีบกุหลาบชมพูน่าสัมผัส แก้มเนียนผิวพรรณผุดผ่องมีรอยระเรื่อสุขภาพดี


ตรีเพชรลูบผมสีน้ำตาลของนาวาแผ่วเบา ดวงตาเขาไม่ละไปจากนัยน์ตาสีทองอำพันของนาวาแม้แต่น้อย คุณเพชรยิ้มอย่างมีความสุข ประกายตาระยับดุจแสงดาวยามค่ำคืน


“พี่ติดให้นะ”


ชายหนุ่มบรรจงติดเข็มกลัดดอกกุหลาบขาวบนปกสูทด้านซ้าย สีขาวของกลีบกุหลาบตัดกับพื้นผ้าสีมะรูน ตรีเพชรสำรวจมองการแต่งกายของคนตรงหน้า ชุดที่ทั้งคู่สวมเหมือนกัน แต่ความน่ารักของนาวากระจายออกมาทำให้ทั้งสองแผกกัน ตรีเพชรเรือนกายผึ่งผายไหล่กว้าง แม้จะอยู่ในชุดมิดชิดแต่เสื้อเข้ารูปย่อมทำให้รู้ว่าชายหนุ่มหุ่นดี อกแกร่ง แขนกำยำ เรือนกายสูงโปร่ง สง่าสมกับเป็นชายในฝันของใครหลายๆคน คุณเพชรดูเท่ห์สมาร์ทในชุดงานหมั้น ประกอบกับรอยยิ้มและแววตาเปี่ยมสุขคู่นั้น ตรีเพชรก็ดึงดูดทุกสายตาไม่แพ้คนเคียงข้าง


“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” นาวาถามขึ้น


“เดี๋ยว ยังแต่งตัวไม่เสร็จ” ตรีเพชรคว้าข้อมือซ้ายของนาวา แล้วสวมสร้อยเพชรผีเสื้อที่นาวาวางไว้ข้างกล่องนาฬิกาลงบนข้อมือนั้น “ได้นาฬิกาเจ้พลอยแล้วลืมของของพี่เลยเหรอ”


“กำลังจะใส่ต่างหาก” นาวาว่า


“ห้ามถอด ผีเสื้อพวกนี้พี่ให้วา มันมีความหมายนะ”


“ความหมาย? ความหมายอะไรล่ะ?”


“ไว้คืนนี้จะเล่าให้ฟัง”


นาวาหน้ายู่ “แค่หมั้นนะไม่ได้แต่งงาน หมั้นเสร็จแยกย้ายกันกลับบ้าน ค่อยเจอกันที่มหา’ลัย”


“ไม่เอา” ตรีเพชรปฏิเสธทันควัน “คืนนี้ไปนอนคอนโดด้วยกัน วันอื่นค่อยกลับบ้าน อย่างที่พี่บอกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เราองคนต้องอยู่ด้วยกันที่คอนโด วันอื่นๆ วาจะกลับบ้านหรือไปบ้านพี่ก็ตามใจ ห้ามเถียงห้ามบ่ายเบี่ยงเรื่องนี้ด้วย พี่บังคับ”


“แต่วันนี้มันวันพฤหัส” นาวายังไม่ล้มเลิก เด็กหนุ่มต้องการจะหนีตรีเพชร แค่มองตาก็รู้แล้วว่าไอ้คนตัวสูงคิดอะไร ขืนเขายอมมันสิ โดนไอ้ตี๋ผิดผีขึ้นมาจะแย่เอา


“วาอ่ะ” ตรีเพชรออดอ้อน “คืนนี้ฉลองกันนะ อยู่กับพี่ พี่ไม่ยอมให้กลับบ้านหรอก ต่อให้วากลับบ้านพี่ก็จะตามไปด้วย เลือกเอาเถอะว่าจะโดนพี่จูบที่คอนโดหรือจะให้พี่หอมแก้มโชว์ที่บ้าน”


“ฮึ่ย ไอ้ตี๋บ้าอำนาจ นี่แค่หมั้นนะยังสั่งขนาดนี้ ใครแต่งกะนายคงปวดกะบานตาย”


“ได้ปวดหัวแน่ เพราะไม่ว่ายังไง พอวาเรียนจบพี่จะจับแต่งงาน อย่าได้คิดจะมองคนอื่น”


“ฮ่าๆ เจอแบบนี้วาคงจะหนี หนีไปสุดขอบโลกเลย”


“หนีไปไกลแค่ไหนพี่ก็จะตาม ตามไปลงโทษที่กล้าหนีพี่ไป แบบนี้…” ตรีเพชรบรรจงจูบแผ่วเบาบนหน้าผากนาวาปล่อยให้ความอบอุ่นจากริมฝีปากนุ่มแผ่ซ่านไปถึงดวงใจของคนในอ้อมแขน ตรีเพชรกอดกระชับร่างบางที่สั่นเล็กน้อย ทิ้งจูบไว้เช่นนั้นเนิ่นนาน นานพอที่จะทำให้นาวารับรู้ความจริงใจและความรักอันเอ่อล้นของเขา


“ใครเขาลงโทษแบบนี้กัน”


“พี่ไง ต่อไปถ้าวาดื้อกับพี่ พี่ก็จะลงโทษวาแบบนี้แหละ ลงโทษให้รู้ว่าคนที่เจ็บคนที่เสียใจคือพี่ ให้วาได้รู้ว่าคนที่จะรักและทะนุถนอมวาคือพี่คนเดียว เพราะพี่รักวา รักคนนี้ รักคู่หมั้นของพี่หมดหัวใจ”


    นาวาแก้มแดงไปจนถึงใบหู


    ก่อนจะจูงมือกันเข้าพิธี สัมผัสที่ปลายแก้มและคำพูดของตรีเพชรยังคงแว่วหวานอยู่ในความรู้สึก นาวายิ้มกับตัวเอง ยิ้มกับดอกไม้ที่บานเบ่งในงาน ยิ้มให้กับคนเดินเคียงข้างที่จับมือเขาไว้ ตรีเพชรอาจจะไม่รู้ว่ากำแพงที่นาวาก่อเอาไว้เพื่อกีดกันตัวเองจากความรักกำลังสั่นคลอน กำแพงหนาพังครืนทีละนิดโดยไม่อาจทัดทานได้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาคนเดียว ไอ้ตี๋ คนบ้าอำนาจ เจ้าของคำพูดที่ยังแว่ววนไม่จางหาย


    “รีบรับรักพี่สักทีนะตัวเล็ก”



:pig4: :pig4: :L1: :pig4: :pig4:
   
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 14 จงรัก [22/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 25-11-2016 01:08:26
หวานขึ้นเรื่อยๆแล้ววว :-[
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 14 จงรัก [22/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: ZwolfTD ที่ 01-12-2016 01:15:18
พี่เพชรกับน้องวา ตามมาอ่านในนี้อีกรอบนึง ชอบภาษาเขียนของไรท์มากๆเลยค่ะ อ่านแล้วฟินนนน:)
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 14 จงรัก [22/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: tear0313 ที่ 08-12-2016 00:44:46
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 14 จงรัก [22/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 11-01-2017 18:36:33
ตามเข้ามาในนี้ ไม่รู้คนเขียนจะยังมาต่อหรือเปล่าาาน้อออ

หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 14 จงรัก [22/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 22-01-2017 19:27:11
ละลาย ไม่น่าเชื่ออิตาคุณเพชรจะหวานได้ขนาดนี้
ฟินเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 14 จงรัก [22/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 27-01-2017 08:06:23
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม บทที่ 14 จงรัก [22/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 27-07-2017 02:33:09
 :hao4: จะลงนิยายต่อ อยากรู้ว่าจะขอย้ายไปบอร์ดปกติได้ไหม หรือให้อยู่แค่ในนี้ ใครรู้ช่วยตอบทีน้าาาา
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ความจำสีจาง 5/8/17
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 05-08-2017 19:53:37
บทที่ 14 ความทรงจำสีจาง
.....


ใจคนเราเหมือนดวงจันทร์ มีด้านสว่าง และอีกด้านที่ใครมองไม่เห็น



“ยินดีด้วยนะ”



จอมทัพยิ้มด้วยปาก ดวงตา และใจ แต่พระจันทร์อีกด้านของเขากำลังข่มก้อนบางอย่างที่มันตีบตันอยู่ในคอ



“พี่จอม...” นาวามองคนตรงหน้า ในดวงตาสีเฮเซิลมีเงาสะท้อนของจอมทัพอยู่ แววตานั้นกำลังสื่อสารบางอย่าง



“วาครับ ถ่ายรูปกับพี่นะ” ชายหนุ่มตัดบท แล้วเข้าไปโอบไหล่นาวา ก้มหน้าลงไปใกล้เกือบชิด ทั้งคู่ยิ้มให้กล้องโพลารอยด์ในมือของจอมทัพ



“รูปพี่ขอเก็บไว้นะ แต่พี่มีนี่ให้วาฟัง” เขาเสียบหูฟังเข้ากับโทรศัพท์แล้วยื่นเพลงเพลงนั้นให้นาวาได้ฟัง
อ้อมกอดครั้งสุดท้ายยาวนานจนเพลงจบ จอมทัพปลีกตัวออกมาจากงานหมั้นอย่างเงียบๆ ภายใต้สายตาของตรีเพชรและตามใจ


.....



ผมหยิบไดอารี่ปกหนังสีดำมาวางไว้บนโต๊ะริมหน้าต่าง กรีดเปิดไปยังหน้าล่าสุดเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่านั้นด้วยความรู้สึกที่ผมเก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มของวันนี้ วันที่นาวากับตรีเพชรหมั้นหมายกัน  ผมเขียนข้อความสั้นๆ กลั่นจากความรู้สึกที่มี



           They said “Home isn’t where you are but who you’re with.”

           If so, after all this time you were home to me…

มีคนกล่าวว่า บ้าน ไม่ใช่เคหะสถานที่เราอยู่ แต่บ้านคือคนที่เราอยู่ด้วยต่างหาก
ถ้าอย่างนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา นาวาคือบ้านของผม...



บ้านหลังน้อยเริ่มก่อร่างก่อตัวขึ้นมาตอนไหนผมจำไม่ได้ อาจจะเป็นตั้งแต่สมัยเด็กๆ ที่เราใช้ความไร้เดียงสาหาเรื่องเล่นซนจนเนื้อตัวมอมแมม จำได้ว่าทุกวันหยุด ผมต้องรบเร้าขอให้แม่ขับรถไปส่งที่บ้านนาวาเพื่อจะได้ใช้เวลากับเขา หรืออาจจะเป็นตอนที่เราเจอกันอีกครั้งเมื่อนาวาย้ายจากเชียงใหม่กลับมาเรียนที่กรุงเทพฯ ฟุตบาทหน้าโรงเรียนสอนพิเศษแห่งหนึ่ง ผมยังจำเด็กชายสวมแว่นคนนั้นได้ เขาทำสมุดหล่น บนปกเขียนชื่อและนามสกุลชัดเจน วินาทีนั้นหัวใจผมพองโต ปากแทบยิ้มถึงใบหู ตัวเบาหวิวราวมีปีกโบยบิน



ผมไม่รู้หรอกว่าความผูกพัน และความรู้สึก at home มันเกิดเมื่อไหร่ แต่ผมรู้แน่ชัดว่าผมตกหลุมรักเขาตอนไหน มันยังชัดเจนจนถึงทุกวันนี้...



“ทำไมรีบกลับ” เสียงหอบของใครคนหนึ่งทำให้ผมหันไปขมวดคิ้วใส่ ดูท่าคงจะรีบบึ่งกลับมาตั้งแต่ที่รู้ว่าผมออกจากงานหมั้นก่อนเวลา


“อ้าว ตามถาม ทำไมไม่ตอบ” ตามใจก็ตามใจตัวเองสมชื่อ


“นายอยากอยู่ต่อก็กลับไปที่งานสิ” ผมเดินเลี่ยงเอาสมุดบันทึกเก็บเข้าชั้นวางหนังสือ สายตาจับไปยังม่านสีครามปิดผนัง



“จะลากนายกลับไปด้วย”



“ไม่ไป”



“ทำไมไม่กลับไปล่ะ งานหมั้นของพี่เพชรทั้งทีนะ ที่สำคัญเค้ามีอาฟเตอร์ปาร์ตี้นะ after party ดื่มฟรีกินฟรี ไปสนุกกันดีกว่าน่า ไม่ต้องมาเฉาอยู่แต่ในห้องแบบนี้” ตามใจเท้าสะเอว ร่ายยาว



“เหล้าน่ะซื้อดื่มเองได้ ฉันไม่สนของฟรี”



“เฮ้อ ดื้อ”



เป็นครั้งแรกที่ได้ยินตามใจบ่นว่าผมดื้อ ทั้งที่ปกติผมจะบ่นเขาด้วยคำนี้ หากแต่คำพูดของรุ่นน้องกลับไม่ดึงความสนใจของผมได้เท่ากับภาพถ่ายจากกล้องโพลารอยด์ที่ถ่ายคู่กับนาวา ในรูปจากงานหมั้น นาวายิ้มแจ่มใส ผมยืนเคียง เราต่างยิ้มให้กล้อง รอยยิ้มของผมเป็นรอยยิ้มแห่งความยินดี แม้จะเสียใจ แต่ก็ยินดีที่คนที่ผมเรียกได้สนิทปากว่ารัก มีคนอย่างตรีเพชรมาดูแล



แสงตะวันสีส้มฉายลอดหน้าต่างห้องเข้ามา แสงนวลของอาทิตย์ยามเย็นอาบไล้บรรยากาศในห้องให้ดูละมุนตา ผ้าม่านสีครามเข้มที่คอยปิดผนังไว้ก็ดูไม่ดุเหมือนอย่างเคย ผมมองรูปใบน้อยในมืออีกครั้งก่อนจะเดินตรงไปยังม่านครามที่ปิดแทบจะตลอดเวลา



ตามใจยังคงตามใจตัวเองเสมอ ความเงียบของผมไม่เคยสลัดเขาหลุดออกไปได้เลย ไม่ว่าจะเดินไปมุมไหน ดูเหมือนเด็กคนนี้จะเดินตามผมไปทุกฝีเก้า จนกว่าจะได้ดั่งใจนั่นแหละ ถึงจะยอมเลิกราวี ในเมื่อผมทำอะไรเขาไม่ได้ ก็ปล่อยให้เขาเดินตามอยู่อย่างนั้น... เพราะผมไม่อยากกลับไปเห็นคนที่ผมรักเดินจากผมไปอีกแล้ว อยากขอเวลาพักทำใจ



พูดถึงเวลา มือข้างที่ว่างอยู่ของผมเปิดผ้าม่านสีครามเข้ม เผยให้เห็นห้วงเวลาที่ผมเก็บซ่อนเอาไว้



ตามใจอ้าปากค้างให้กับรูปนับร้อยๆ ใบที่ติดไว้เต็มผนัง รูปเหล่านั้นเป็นรูปของนาวา มีรูปผมในนั้นบ้าง แต่ส่วนมากเป็นรูปของเขา รูปของเรา ตั้งแต่วัยเด็ก จวบจนทุกวันนี้



ผมบรรจงติดรูปของวันนี้เพิ่มลงไป แล้วถอยหลังออกมามองดู รูปถ่ายภายใต้ม่านครามหนา บางรูปสีจืดจางเพราะถ่ายไว้หลายปีแล้ว ความทรงจำสีจาง แต่รสชาติไม่จืดของผม ถูกแสงอัศดงอาบไล้ส้มดูอ่อนนวลตา และอุ่นใจ



“ที่ไม่ให้ใครยุ่งกับม่านอันนี้เพราะไม่อยากให้ใครเห็นรูปพวกนี้สินะ...” ตามใจไม่ละสายตาจากรูปถ่ายของผมและนาวาสมัยเด็ก เป็นรูปถ่ายที่เราเล่นซนกัน ก่อปราสาททรายจนเนื้อตัวมอมแมม รูปนั้นผมจำได้ว่าถ่ายตอนนาวา 7 ขวบ



“ใช่ และไม่ใช่”



“ยังไง ไม่เข้าใจ”



“ใช่ที่ไม่อยากให้คนอื่นมายุ่ง และไม่ใช่ที่ต้องคอยปกปิดรูปพวกนี้ เพียงแต่... ต้องการจะเก็บรักษามันไว้ให้ดีที่สุดต่างหาก”



“พี่วาคงเป็นคนสำคัญมากๆ” ตามใจพูดแผ่วเบาราวกระซิบ



“สำคัญสิ”



“รักไหม” ตามใจหันมาสบตาผม “...หมายถึงพี่วา นายรักเขาใช่ไหม”



ผมกวาดตามองรูปทุกใบตรงหน้า ความรู้สึกบางอย่างตื้นตันขึ้นมา รูปนาวาสมัยม.ปลาย มีกีตาร์โปร่งอยู่ในอ้อมแขน ผมนั่งข้างๆ คอยสอนเขาจับคอร์ด



‘สอนวาเล่นกีตาร์หน่อยนะครับ จะไปแข่งกับไอ้เก้า’



‘ค่าสอนล่ะ’



‘งกจัง’



‘งั้นก็หัดเอาเองนะไอ้ตัวเล็ก’ ผมขยี้หัวนาวาเบาๆ



‘ก็ได้ๆ ไปเชียงใหม่ด้วยกันตอนปิดเทอมเป็นไง’



ผมยิ้มรับ ‘จะสอนสุดฝีมือเลย’



ตอนนั้นเรายิ้มให้กันและกัน รอยยิ้มของผมสดใสกว่าวันนี้



“รักสิ รักมากด้วย” คำตอบหลุดจากปากผมโดยไม่ต้องคิด



“รักแล้วทำไมต้องเจ็บ...” คำถามของตามใจทำให้ผมคิดถึงบทเพลงที่ผมยื่นให้นาวา



“เพราะรักเป็นทั้งทุกข์และสุขน่ะสิ” ผมตอบ พร้อมกับหัวใจผมแว่วเสียงบทเพลงที่ชัดในความรู้สึก


(เพลง Photograph ของ Ed Sheeran https://www.youtube.com/watch?v=nSDgHBxUbVQ (https://www.youtube.com/watch?v=nSDgHBxUbVQ))

Loving can hurt
Loving can hurt sometimes
But it's the only thing that I know
When it gets hard
You know it can get hard sometimes
It is the only thing that makes us feel alive

รักทำเราเจ็บ
บางครั้งความรักทำให้เจ็บปวด
แต่รักก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฉันรู้จัก
เมื่อความรักไม่ใช่เรื่องง่าย
เธอรู้ไหมบางทีความรักก็ยากเย็น
แต่รักเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้รู้ว่าเรายังมีลมหายใจ




“รูปพวกนี้เริ่มจากความรักนี่แหละ เมื่อก่อนแม่ชอบถ่ายรูป โตมาเลยรักการถ่ายรูปเหมือนแม่ เคยถามว่าแม่ชอบถ่ายอะไรมากที่สุด แม่บอกแค่ว่า แม่ชอบถ่ายคนที่แม่รัก พอโตขึ้น ฉันก็เลยได้เข้าใจ เราอยากจะเก็บรอยยิ้ม เก็บช่วงเวลาแห่งความสุขกับคนที่เรารักเอาไว้ให้นานแสนนาน แม้รูปถ่ายจะเป็นเพียงแค่กระดาษ แต่เป็นกระดาษที่บรรจุความทรงจำ ล้านตัวอักษร อาจไม่เท่าความรู้สึกจากภาพถ่ายหนึ่งใบ”



We keep this love in a photograph
We made these memories for ourselves
Where our eyes are never closing
Hearts are never broken
Times forever frozen still

เราบันทึกรักไว้ในรูปถ่าย
สร้างความทรงจำไว้เตือนใจตัวเอง
ถึงยามที่เรายังลืมตา
ยามที่ใจเรายังไม่แหลกสลาย
เวลาหยุดนิ่งอยู่เช่นนั้นตราบนิรันด์




“รูปตรงนี้...” ตามใจชี้ไปที่รูปถ่ายสามใบที่อยู่กึ่งกลางของรูปทั้งหมด



“เพราะภาพถ่ายสามใบนี้แหละที่ทำให้เกิดภาพถ่ายทั้งหมดนี่” ตอนเรียนอยู่ม. 2 การเจอภาพถ่ายสามใบนี้โดยบังเอิญในอัลบัมรูปเก่าที่แม่เก็บไว้ ทำให้ผมดีใจยิ่งกว่าการสอบได้ที่หนึ่ง รูปพวกนี้ไม่ว่าดูกี่ครั้งก็ยาใจ



Loving can heal
Loving can mend your soul
And it's the only thing that I know (know)
I swear it will get easier
Remember that with every piece of ya
And it's the only thing we take with us when we die

รักช่วยเยียวยา
รักสามารถรักษาเยียวยาจิตใจ
และรักเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฉันรู้จัก (เข้าใจ)
ฉันสัญญาว่าอะไรๆ จะดีขึ้น
จะจดจำทุกเศษเสี้ยวของเธอ
เพราะรักเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราเอาติดตัวไปได้เมื่อความตายมาเยือน




“มันเป็นช่วงก่อนที่นาวาจะย้ายไปเชียงใหม่ เราไม่ได้เรียนโรงเรียนเดียวกันหรอกแต่โรงเรียนเราอยู่ติดกัน ทุกเย็นฉันจะรอส่งนาวากลับบ้าน บางครั้งคุณย่าหรือพ่อของนาวาจะเป็นคนมารับที่โรงเรียน แต่วันนั้นพ่อนาวาไม่ได้ไปรับ เขาบอกแค่ว่าพ่อคงยุ่งเพราะเป็นวันเกิดของวรากร”



“พี่วาน่าสงสารจัง...”



“วันนั้นนาวาเลยต้องกลับตอนแม่มารับฉัน”



ภาพถ่ายใบแรกเป็นรูปที่เราสองคนนั่งอยู่ในรถสองแถว นาวานั่งด้านในสุด สวมเสื้อขาวกางเกงสีน้ำเงิน ดวงตาสีน้ำตาลทองของเขามองบรรยากาศริมทางอย่างไร้จุดหมาย ผมที่ตอนนั้นใส่ชุดลูกเสือสำรองกำลังลอบมองนาวาด้วยความเป็นห่วง



So you can keep me
Inside the pocket
Of your ripped jeans
Holdin' me closer
'Til our eyes meet
You won't ever be alone
Wait for me to come home

เพื่อเธอจะได้เก็บฉันไว้
ในกระเป๋ายีนส์ตัวเก่าของเธอ
เก็บฉันไว้แนบกาย
ตราบเท่าที่สายตาเราจะกลับมาสบกัน
เธอจะไม่มีวันเดียวดาย
รอฉันกลับกลับไปนะ




เมื่อกวาดตาไปยังรูปถ่ายใบที่สอง รอยยิ้มจางๆ ระบายแต้มหน้าผม ในรูปผมพยายามประคองหัวนาวาที่กำลังง่วงหลับไม่ให้โงนเงนไปฟาดราวเหล็กของรถสองแถว



              And if you hurt me
               That's OK, baby, only words bleed
               Inside these pages you just hold me
               And I won't ever let you go

               และหากเธอทำฉันเสียใจ
               ไม่เป็นไรหรอกที่รัก แค่คำพูดบาดลึก
               ในรูปแต่ละใบเธอสวมกอดฉันไว้
               และฉันก็จะไม่ปล่อยเธอไปจากอ้อมแขน



นาวาง่วงจนหลับไป ผมกลัวเจ้าตัวเล็กจะหัวฟาดคานเหล็กด้านใน เลยต้องจัดการแทรกตัวเองในที่นั่งของนาวา กลายเป็นว่าผมนั่งด้านในสุด รูปที่สามจึงเป็นรูปที่ผมนั่งตัวเข็ง นาวาหลับซบไหล่ผม วินาทีนั้นผมไม่กล้าขยับเพราะกลัวว่าจะปลุกให้นาวาตื่น ผมแก้มแดงเพราะเขินแม่ที่แอบอมยิ้ม แต่เหนือสิ่งอื่นใด แก้มผมแดงเพราะผมรู้สึกได้ หัวใจผมเต้นเก่งไหว เป็นจังหวะของคนตกหลุมรัก... วินาทีนั้นคือวินาทีที่ผมรู้ตัวว่าผมรักเขา



Oh you can fit me
Inside the necklace you got when you were 16
Next to your heartbeat
Where I should be
Keep it deep within your soul

เก็บฉันไว้ในสร้อยคอ
ที่เธอได้รับมาตอนสิบหกก็ได้นะ
เก็บฉันไว้ใกล้กับเสียงใจเธอ
สถานที่ซึ่งฉันควรอยู่
จงเก็บรักเราไว้ในส่วนลึกของใจเธอ




“นาย... ไม่เป็นไรใช่ไหม” ตามใจถามผม



“ไม่นิ ทำไม”



“ก็...”



ตามใจใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งปิดตาผม ธรรมชาติของคนเราเมื่อมือของเราหรือใครก็ตามยกขึ้นมาหมายจะปิดตาเรา เปลือกตาของเราจะกระพริบลง หลับตาก่อนมือนั้นจะเข้าใกล้ วินาทีที่หลับตาลง ผมรู้สึกได้ว่าน้ำตาอุ่นไหลรินแก้ม ผมไม่รู้เลยว่ากำลังร้องไห้อยู่



When I'm away
I will remember how you kissed me
Under the lamppost
Back on 6th street
Hearing you whisper through the phone...

เมื่อฉันต้องจากไป
ฉันจะจดจำรอยจูบที่เธอมอบไว้
ภายใต้แสงจากเสาไฟ
บนซิกส์สตรีท
ได้ยินเสียงเธอกระซิบผ่านโทรศัพท์ว่า...




“วันที่นายต่อยกับพี่เพชร ทุกคนตกใจมากเลยนะ” ตามใจลดมือลง



ผมยิ้มเยาะให้กับความทรงจำในวันนั้น



“ทำไมไม่ทำก่อนหน้านั้น...”



“ต่อยไอ้เพชร?”



“เปล่า... หมายถึงจูบ”



ผมเงียบ



“ถ้าก่อนหน้านั้น นายได้จูบ หรืออย่างน้อยบอกความรู้สึกที่มีให้พี่วาฟังก็อาจจะไม่ต้องมานั่งเสียดายเหมือนวันนี้ โอกาสมีมาตั้งนานทำไมถึงไม่...”



“เพราะฉันรู้น่ะสิว่าฉันเป็นคนสำคัญของเขา”



“ยิ่งเป็นคนที่สำคัญสิยิ่งต้องบอก”



“นายไม่เข้าใจนาวาเหมือนที่ฉันเข้าใจหรอก... เชื่อฉันเถอะ ถ้าบอกรักนาวาได้ ฉันคงบอกกับเขาเป็นล้านรอบแล้วละมั้ง”



ตามใจเมินหน้ามองไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าสีส้มยังคงแจ่มชัดท่ามกลางสายลมเย็นที่รวยรินผ่านหน้าต่าง ม่านขาวกรีดกรายแผ่วเบาเป็นฉากหลังให้ความเงียบโรยตัวลงมาครอบคลุมบรรยากาศระหว่างเราอย่างเชื่องช้า



“ดื่มเหล้ากันเถอะ” ตามใจคว้าข้อมือผม



“เดี๋ยว จะลากไปไหน”



“ห้องนั่งเล่น ฉันจะจิ๊กเหล้าฝรั่งของเฮีย เราดื่มกันเถอะ”



“ทำไม?” ผมงง



“แค่อยากเมา หรือนายไม่อยาก?”



เราชนแก้วกันแก้วแล้วแก้วเล่า แอลกอฮอล์ที่ตามใจขโมยจากพี่ชายตัวเองหมดไปสามขวด ความทรงจำสุดท้ายก่อนสติจะรางเลือกติดปีกโบยบินไป มีเพียงหน้าตามใจที่ลอยเข้ามา กับความรู้สึกวูบหนึ่งเกิดขึ้นในใจ ไม่ว่าจะยังไง ผมจะไม่เลิกรักนาวา



"Wait for me to come home."

“รอฉันกลับบ้านนะ”

 

.....



“เดินดีๆดิวะไอ้เต” นายยังคงไม่หยุดบ่นเพื่อนที่ไม่สร่างเมา “เช้าแล้วสร่างได้แล้วมึง เย็นนี้ต้องไปค่ายชมรมอาสาอีกมึงลืมแล้วหรือไง”



“ที่แน่ๆ กูว่ามึงลืมไอ้นาย เมื่อคืนมึงซดเหล้าเป็นตาย” เปรมเข้ามาช่วยประคองเต หลังจากไขเปิดประตูบ้าน



“มึงก็พอกันเหอะ” นายกล่าวความจริง



“วางมันไว้ตรงโซฟาก่อนเหอะว่ะ ขืนพาไปข้างบนหลังกูได้หักก่อนพอดี เป็นหมออะไรวะ ตัวหนักเหมือนควาย”



“หมอขี้เมาไงมึง แม่งกูต้องจัดกระเป๋าออกค่ายให้มันด้วยไหมเนี่ย เป็นหมอภาระชัดๆ” นายกับเปรมวางหมอขี้เมาลงบนโซฟา



“ดีนะ ไอ้หมวยมันขอกลับก่อน กูเลยไลน์ให้มันช่วยจัดกระเป๋า ตอนนี้ของกูกับของไอ้หมวย หายห่วง” เปรมกอดอก วางท่า



นายส่ายหัวให้กับเพื่อน ก่อนเดินเลี่ยงมาหาน้ำเย็น หมายจะดื่มให้ฉ่ำใจ



นายพ่นน้ำออกจากปาก ตาเบิกโพลงกับสิ่งที่เห็น



“มึงเป็นเมอร์ไลออนหรือไง พ่นน้ำจนพื้นเปียกหมดแล้วเนี่ย” เปรมที่เดินตามมาหาน้ำดื่มเหวให้



“กูว่ามึงต้องจัดกระเป๋าเองแล้วแหละไอ้เฮีย” นายจงใจลากเสียงคำว่าเฮียยาวจนเกือบจะเพี้ยนเป็นคำอื่น



“อะไรของมึง”



“มึงดูโน่น” นายบุ้ยปากไปทางโต๊ะทานข้าว



เปรมค่อยๆ หันไปทางที่เพื่อนบุ้ยใบ้



“เชี่ย...” คำอุทานของเปรมเราราวกระซิบ



ภาพที่ปรากฏแก่คลองสายตาของนักศึกษาวิศวะทั้งสอง คือภาพที่จอมทัพหลับลงกับโต๊ะผินหน้าไปทางตามใจที่ผลอยหลับฟุบโต๊ะเช่นเดียวกัน ใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสองหันเข้าหากัน มือข้างนั้นของตามใจยังคงพาดไหล่ของจอมทัพราวต้องการปลอบใจ ทั้งสองหลับไหลท่ามกลางแสงแดดยามเช้าและขวดเปล่าของจิน วอดก้า และวิสกี้



เปรมเดินตรงไปยังร่างสองร่างที่ผล็อยหลับ แก้มแดงของคนเมาทั้งสองคนบอกชัด



“ไม่นะ...” เปรมร่ำร้อง “หมดกัน มันสองคนแอบกินเหล้ากู!”



แล้วความโกหาหลก็เข้ามาเยือนบ้านน้อยหลังนี้ เฉกเช่นทุกเช้าที่เคยเป็นมา

.....

 

 
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ความจำสีจาง 5/8/17
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 05-08-2017 19:57:15


ในยามที่สายลมโบกรับประกายแดด




"ไอ้วา ส่งกระเป๋ามา"


แบงค์ยื่นมือรับเป้ใบเล็กของนาวา


"แค่เนี่๊ยะ?"


"เออ"


ทันทีที่แสงแรกของดวงตะวันฉายฉาบขอบฟ้า ฝูงนกพลันกรีดปีกโบยบินออกจากรวงรัง ส่งเสียงขับขานรับเช้าวันใหม่ หากวันนี้เสียงที่กลบเสียงร้องเจื้อยแจ้วของนกกา เห็นจะเป็นเสียงสนธนาของนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่กำลังทะยอยขนของใส่รถโคชและจับจองที่นั่ง


"แล้วของพี่เพชรล่ะ"


คนเป็นน้องรหัสยังมีแก่ใจถามถึงรุ่นพี่ คู่หมั้นของเพื่อนที่เพิ่งเข้าพิธีกันไปหมาดๆ


"เหอะ"


นาวากระแทกเสียง ทำหน้าเบ้ ปลีกตัวขึ้นรถโดยพลัน


ไม่พูดถึงตรีเพชรสักคำ...



ฝูงนกบินไปไกลสุดสายตา ปีกของพวกมันโบยบินด้วยแรงแห่งความหวังของวันใหม่ แม้ไม่รู้ว่าอีกด้านของฟากฟ้าจะมีสิ่งใดรอคอยอยู่ หากดวงตะวันแรกอรุณมาพร้อมกับความหวังเสมอ ฝูงนกบินตรงไปยังอีกด้านของฟากฟ้าอย่างมุ่งมาด ไม่หวาดหวั่นซึ่งพายุฝน หรือลมแรง หวังสิ่งเดียว อาหาร เพื่อกลับมาเลี้ยงลูกน้อยของมันให้ 'เติบโต'


เมื่อฝูงนกบินจากไป รถโคชคันใหญ่ก็เริ่มเคลื่อน อาจเหมือนนกจรจากรังเหล่านั้น เพราะภายใต้แสงอาทิตย์ดวงเดียวกัน ถนนที่ทอดยาวอยู่ข้างหน้า ยังมีประสบการณ์แปลกใหม่ให้ค้นหา เรียนรู้ และจดจำ เพื่อให้นักศึกษาเหล่านี้ได้ 'เติบโต'


ตราบใดที่ตะวันยังเดินทางมาเยือนขอบฟ้าของเช้าวันใหม่ ชีวิตย่อมมีความหวัง และบททดสอบรอคอยอยู่ข้างหน้าเสมอ มีเพียงตัวเราเองเท่านั้นที่จะประคองสติ เตือนใจตัวเอง ไม่ให้หลงไปกับแบบฝึกหัดของชีวิต เพื่อที่จะเติบโต งอกงาม เป็นต้นกล้าที่ดีต่อไป


'ถ้าหากฉันเกิดเป็นนกที่โผบิน ติดปีกบินไปให้ไกล ไกลแสนไกล
จะขอเป็นนกพิราบขาว เพื่อชี้นำชาวประชาสู่เสรี...'



ในรถโคชคันใหญ่ที่กำลังมุ่งไปข้างหน้า นักศึกษาเกือบสามสิบชีวิตกำลังจับกลุ่มร้องเพลง บ้างก็กำลังแบ่งขนมกันกิน บางกลุ่มกำลังพูดคุยหัวเราะร่วน ภายใต้บรรยากาศเปี่ยมชีวิตชีวาเช่นนี้ ทุกคนกำลังเดินทางผ่านถนนที่ทอดยาวเบื่องหน้า เพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ค่ายอาสาของชมรมอนุรักษ์


"รับไปสิ"


นิสายื่นขวดน้ำให้คนข้างๆ


"ยาล่ะ" เก้าถาม เริ่มรู้สึกเวียนหัวทั้ง ๆ ที่รถเพิ่งขับออกมาได้ไม่ถึงชั่วโมง


"อ้าว ที่ขอมาเมื่อกี้ล่ะ"


"ทำตกพื้นไปแล้ว"


"ให้มันได้อย่างนี้สิ มือไม้อ่อนจริงพ่อคุณ"


ถึงจะบ่นแต่นิสาก็อดห่วงคนขี้เมารถไม่ไหว แล้วเธอค่อยหันมาถามพวกพ้องที่ยึดตอนหลังของรถเป็นสถานที่แอบงีบ


"มีใครอยากได้ยาแก้เมารถอีกไหมคะ"


"น้องสา พี่ขอเม็ดนึง" จอมทัพพูดด้วยน้ำเสียงอิดโรย


"ตามขอด้วยนะครับ" ตามใจดูเพลียไม่ต่างกัน


"ค่าๆ จะจัดให้ทุกคนได้หลับจนถึงสวนผึ้งแน่นอน ระวังอาจจะเผลอไปตื่นเอาที่เมียนม่านะคะ"


หล่อนบ่นนิดหน่อยตามนิสัยคนปากไม่นิ่ง หากดูเอาเถอะ ผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียวต้องดูแลพวกผู้ชายตัวโต ทั้งคนขี้เมารถและพวกที่ยังไม่สร่างฤทธิ์แอลกอฮอล์ ใครว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวท่ามกลางกลุ่มเพื่อนผู้ชายจะสบาย คิดผิดถนัด 'มีแต่เราที่ต้องถึกและทนเพื่อดูแลพวกมัน' นิสาขบเขี้ยวเคี้ยวยฟันอยู่ในใจ



"สมน้ำหน้าไอ้หมวยกัยไอ้จอม อยากแอบจิ๊กเหล้ากูดีนัก" เปรมกอดอกมองน้องชายและเพื่อนที่ยังไม่สร่างเมา "น่าปล่อยให้มึนจนหัวทิ่ม"


"สมน้ำหน้ามึงเหมือนกันแหละ ต้องจัดกระเป๋าให้พวกมัน" นายชะโงกหน้ามาคุยกับเปรมที่อยู่ด้านหลัง


"อย่างกับมึงไม่ต้องช่วยกูจัดกระเป๋า"


"กูมีน้ำจาย"


"ถุย" เปรมถีบเก้าอี้ของนายไปที "น้ำใจ? ถ้าไอ้หมอเตไม่เร่ง คนอย่างเอ็งก็ไม่ยอมเปลืองแรงมาช่วยหร๊อก"



สรรพชีวิตที่นั่งกระจุกกันด้านหลังรถ เห็นจะเป็นกลุ่มที่มีปากมีเสียงกว่าใคร


"ไอ้วา นั่งให้ดีดิ๊" แบงค์บ่นเจ้าคนนั่งข้าง


"ง่วง จะนอน"


"มึงก็นอนดีๆ ดิ้นไปดิ้นมากับไหล่กูอยู่ได้ รำคาญ"


"เก๊าะไหล่มึงไม่พอดีกับคอกู ซบไม่สบาย ต้องหามุมอยู่นี่ไง"


"ยังมีหน้ามาบ่นอีก ซบกูมากนักเกิดเฮียเพชรเห็นเข้ากูจะซวย"


"ซวยทำไมมันไม่มา ถึงมาก็ช่างปะไร"


"แล้วทำไมพี่รหัสกูไม่มาด้วยวะ"


"มึงว่ากูปลุกมันตื่นไหมล่ะ!"


แค่คิดนาวาก็หน้าหงิก อุตส่าห์จัดกระเป๋าให้แล้ว ปลุกก็แล้ว เรียกก็แล้ว ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ปล่อยให้มันนอนอยู่อย่างนั้นแหละ ขืนรอไอ้ตี๋คงตกรถกันพอดี


"มึงเก๊าะทิ้งเฮียเพชรซะเลย?"


"เออ ทิ้ง!"


"แล้วกัน หมั้นไม่ทันไร"


"ไอ้นี่ กวนละ"


นาวาดึงหมอนรองคอของแบงค์มาหนุนเสียเอง


"นาวาเอาหมอนกูคืนมา"


"ยุ่งน่า"


"แล้วกูจานอนยังง๊าย"


"ซบไหล่กูนี่"


"เออ เอาแต่ใจเข้าไปอีก"


"จะไม่ซบ?"


"ซบ"



กว่าพวกทโมนด้านหลังจะหลับและเงียบเสียงลงได้ รถก็เดินทางออกจากกรุงเทพมาเกือบสองชั่วโมง ทิวทัศน์ตามรายทางที่เคยมีแต่ตึกและห้างร้าน บัดนี้เริ่มมีสีเขียวขจีของแมกไม้ เป็นนิมิตหมายว่าชาวค่ายเดินทางออกต่างจังหวัดเรียบร้อยแล้ว


ค่ายอาสาครั้งนี้ ไม่ใช่การออกค่ายอาสาครั้งแรกของกลุ่มนาวา แต่เป็นการรบเร้าจะไปรอบสองของเจ้าแว่น เพื่อนผู้ไม่ขัดศรัทธาเลยกระเตงกันมาครบทีม ทว่าครั้งนี้มีสมาชิกร่วมชมรมดนตรีติดสอยห้อยตามมาด้วย ความครึกครื้นและอลม่านจึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จน เปา ตัวตั้งตัวตีในการจัดค่ายครั้งนี้แอบกุมขมัน


อย่างไรเสียตัวป่วนพวกนี้ก็มีประโยชน์บ้างละน่า โดยเฉพาะเจ้าแว่นที่ตอนนี้มันถอดแว่นเก็บไว้เพื่อจะงีบเอาแรง เจ้านี่มันถนัดใช้กำลัง เห็นตัวบางอย่างนั้น มันไม่เคยบ่นเหนื่อยสักคำ


จุดหมายปลายทางของค่ายอยู่ที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี นักศึกษาร่วมสามสิบชีวิตจึงต้องมาพร้อมกันที่มหาลัยก่อนหกโมงเช้า เพื่อจะได้รีบออกเดินทาง และถึงที่หมายในเวลาไม่สายนัก สงสัยเพราะต้องตื่นกันแต่เช้ามืด เสียงที่เคยเจื้อยแจ้วเหมือนนกแตกรังของเพื่อนร่วมค่าย วินาทีนี้กลับเงียบสนิท หลายคนหลับราวอดหลับอดนอนมาทั้งคืน จนทำให้พลาดชมบรรยากาศที่สวยงามของธรรมชาติตามสองข้างทาง


สายลมเช้าหยอกล้อกับกิ่งก้านสาขาของต้นหางนกยูงใหญ่ ที่แผ่ร่มเงาอยู่หลังสัญญานไฟจราจรด้านหน้า ใบสีเขียวราวมรกตพริ้วไหว โยกไกวไปตามกระแสลม ดูคล้ายต้นหางนกยูงกำลังเต้นระบำเริงร่าต้อนรับผู้มาเยือน


รถโคชสองชั้นจอดรอสัญญานไฟอย่างใจเย็น หากไม่กี่อึดใจต่อมา รถเก๋งสีดำมันปลายตีคู่ขึ้นมาจอดรอสัญญานไฟเคียงกัน เจ้าของรถคันนั้นเบรกแรงจนล้อที่ขับมาด้วยความเร็วเสียดสีกับพื้นถนน ส่งเสียงเรียกความสนใจของผู้คนให้หันมอง


"ออดี้ใครวะ รีบอย่างกับไปตามควายที่ไหน"


นาวาหรี่ตามองรถหรูที่จอดรอไฟแดง รู้สึกขัดใจที่เสียงล้อรถบดถนนปลุกให้ตื่น บ่นเสร็จหยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลง จะได้ไม่มีเสียงใดมารบกวนการนอนของเขาอีก แล้วตาสีเฮเซิลที่ไร้แว่นกรอบหนาก็ปิดลงอีกครั้ง


สัญญานไฟจราจรเดินถอยหลัง ในขณะที่ธรรมชาติของเข็มนาฬิกาเดินรุดไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ และไม่เคยคอยใคร เจ้าของเก๋งสีดำเคาะนิ้วเรียวกับพวงมาลัยรถอย่างเร่งร้อน ริมฝีปากพ่นลมออกมาอย่างคนอดทนรออะไรนานไม่ไหว



ในเสี้ยววินาทีที่สัญญานจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ออดี้สีดำเหยีบคันเร่งพุ่งทยานออกไปเป็นคันแรก คนขับที่มือนิ่งและคุ้นชินต่อความเร็ว คุมรถให้ออกนำ เมื่อถึงช่วงถนนที่มีเงาของต้นหางนกยูงทาบทับอยู่เบื้องหน้า รถหรูกลับจอดขวางทางเอาดื้อ ๆ เป็นเหตุให้รถโคชที่ขับตามมาช้า ๆ ต้องพลอยหยุดรถไปด้วย


หางนกยูงยังคงกรีดใบเย้าหยอกกับสายลม เสียงเสียดสีกันของใบไม้ยามต้องลมพัดไหว ฟังคล้ายเพลงอันไพเราะ ภายใต้บรรยากาศยามเช้าของวันนี้ ประกายแดดดูจะเจิดจ้า สว่างไสวกว่าปกติเมื่อประตูออดี้สีดำวาววับด้านคนขับเปิดออก แล้วร่างสูงในชุดสีเข้มตัดกับผิวขาวก็ก้าวออกมา ท่ามกลางกลีบหางนกยูงสีแดงแสดหลุดร่วงพรูพรายอยู่เบื้องปฤภางค์


คนตัวสูงเจ้าของอกผึงผายก้าวขึ้นรถโคช ตาเรียวรีกวาดมองเพียงครู่ เขาก็เห็นจุดหมายของตัวเองเด่นชัดจากผู้คนที่โดยสารมากับรถคันใหญ่ ขายาวก้าวรวดเร็วเพื่อมาหยุดที่คนตัวเล็ก


"อะแฮ่ม"


ร่างสูงกระแอมเรียกความสนใจ


นาวาขมวดคิ้วบ่งบอกความรำคาญ ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมลืมตา จนหูฟังถูกนิ้วเรียวของคนมาใหม่เกี่ยวออกไปนั่นแหละ ตาสีอำพันคู่สวยจึงลืมขึ้นมองต้นไม้ข้างทาง


"แน่ะ ยังไม่หันมามองกันอีก"


นาวาพ่นลมออกมาเหมือนหงุดหงิด ก่อนจะหันมาจ้องตา ต่อว่าไอ้คนที่กำลังยืนอยู่


"มาโคตรสาย!"


"เหยียบจมเกจแล้ว"


ตรีเพชรยิ้มจนตาหยี เป็นรอยยิ้มที่น้อยคนจะเห็น หากวันนี้รอยยิ้มของเขากลับสดใสกว่าประกายแดดจ้า คนยิ้มสวยวาดรอยละไมออกมาจากใจที่มีความสุขเป็นล้นพ้น


ไม่นานขบวนรถก็เคลื่อนต่อไปอีกครั้ง แม้จะได้ยินเปรมแอบบ่น 'เปิดตัวแรงตลอด' ตรีเพชรยักไหล่ไม่สนใจ นั่งลงเบียดนาวา แบ่งหูฟังกันคนละข้าง รอยยิ้มไม่เคยจางหายไปจากใบหน้าอันเปี่ยมเสน่ห์ของเขา





(เพลง Zen zen zense โดย Radwhimp https://www.youtube.com/watch?v=PDSkFeMVNFs (https://www.youtube.com/watch?v=PDSkFeMVNFs))


ในที่สุดคุณก็ตื่นลืมตา
แล้วทำไมยังไม่หันมาสบตากัน
"นายมาสาย" คุณเง้างอน
แค่นี้ผมก็รีบสุดชีวิตแล้วนะ
ใจผมน่ะ แซงนำมาก่อนร่างกายเสียอีก





"มาแล้วนะ คิดถึงไหม"



ตรีเพชรเอียงหน้าถาม รอยแห่งความสุขประดับใบหน้า ชายหนุ่มขยี้หัวนาวาที่ทำเมิน


หากตรีเพชรรู้ ... เขาหาเป้าหมายของตัวเองเจอแล้ว



***


แค่คิดถึงเส้นผมกับสายตาคุณ  ใจผมก็ทุรนทุรายแล้ว
ขนาดหายใจเอาอากาศเดียวกันเข้าไป ก็ไม่อยากหายใจออกมา
น้ำเสียงที่ผมรู้จักมานานแสนนาน
ตอนเจอกันครั้งแรก ผมจะพูดกับเจ้าของเสียงนั้นยังไงดี


ผมออกตามหาคุณ
ตั้งแต่ชาติที่แล้ว แล้ว แล้ว ของคุณซะอีก
มายืนตรงนี้ได้
เพราะคอยเสาะหารอยยิ้มของคุณไง


ต่อให้คุณอันตรธาน กระจัดกระจายเป็นเถ้าทุลีไป
ผมก็จะไม่หวั่น เริ่มนับหนึ่งตามหาคุณอีกครั้ง
ต่อให้เริ่มจากศูนย์ ค้นหาคุณทั้งจักรวาล
ผมมั่นใจ จะไม่หลงทาง


จะเล่ายังไงดีล่ะ
เรื่องราวระหว่างที่คุณหลับไหล
ผมข้ามเวลามาหลายล้านปีแสง
เพื่อจะมาเบ่าเรื่องราวเหล่านั้นให้คุณฟัง
หากเมื่อภาพคุณสะท้อนชัดในแววตา ผมกลับ...


ผมอยากเล่นสนุกเพลิดเพลินไปกับคุณ กับตัวตนที่คุณยังไม่รู้จัก
ผมอยากรักทั้งหมดที้เป็นคุณ รักแม้กระทั่งความเจ็บปวดของคุณ
มือเราเคยแตะกันที่สุดขอบจักรวาลอันไกลโพ้น
ผมจะจับมือคุณอย่างไร ไม่ให้มันแตกสลายไป


ใครเล่าจะหยุดยั้งเรา?
นับจากคืนนี้ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไป
ผมไม่มีวันหลงทางอีก เพราะปักธงไว้ เส้นชัยอยู่ที่ใจคุณ
คุณได้ปล้นคำว่ายอมแพ้ออกไปจากใจของผมแล้ว...





หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ตอน: พยุง 10/8/17
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 10-08-2017 16:32:30


พยุง




เก้าอี้สนามที่ลงทุนขนมาถูกกางออก คนขายาวนั่งไขว่ห้างเอ้เต้ หลังตรงพิงพนัก พลางขยับปีกหมวกกว้างให้บังแดด กระดาษแจ้งตารางกิจกรรมในมือถูกม้วนเป็นท่อทรงกระบอก นิ้วเรียวขยับแว่นกันแดดยี่ห้อแพงให้เข้าที่ ก่อนใช้ม้วนกระดาษต่างไมโครโฟน ออกคำสั่งกับคนที่ทำงานมือเป็นระวิงอยู่ตรงหน้า



“เตี้ย เร่งมือเข้า อย่าอู้”



นาวาได้แต่นึกด่าในใจ เถียงไอ้ตี๋ไปก็แค่นั้น รังแต่จะทำให้เสียทั้งอารมณ์ เสียทั้งเวลา คนอื่นเค้ากางเต็นท์เสร็จ ออกไปเดินเล่นถึงไหนต่อไหน ดูซิ ต้องมาพยายามกางเต็นท์บ้านี่อยู่คนเดียว เพราะไอ้คนที่ขนมาเองกะมือมันดันกางไม่เป็น



‘เห็นว่าเป็นรุ่นใหม่ ก่อนขับรถตามมาเลยสั่งให้คนไปซื้อ แต่กางไม่เป็นหรอก ไม่เคยนอนเต็นท์’



มันแจงเหตุแค่นั้น แต่ผลเละเละยิ่งกว่า ตอนแรกมันอาสาจะช่วย แต่ยิ่งช่วยยิ่งวุ่น กางเต็นท์ทีหัวไปทางหางไปทาง สับสนยุ่งเหยิงไปหมด เลยต้องสั่งให้มันระเห็จไปนั่งนิ่ง ๆ อยู่เฉย ๆ ท่าจะมีประโยชน์กว่า คนบ้าอะไรวะ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง



“ยัง ยังอีก...”



คุณเพชรกอดอก



“ด่าในใจอยู่นั่นแหละ เร็วสิ หิวข้าวแล้ว”



ถ้าเป็นเรื่องแอบด่ามันในใจ ขอให้บอก มันรู้ทันดีนัก



“เร่งอยู่เนี่ย! เดี๋ยวต้องให้ป้อนข้าวให้ด้วยไหม”



“ใจดีจัง เอาสิ”



“กูประโช้ด”



กว่านาวาจะจัดการกับเต็นท์เจ้าปัญหาเสร็จ เวลาก็ล่วงสิบโมงมาโขแล้ว ทั้งคู่หอบสังขารไปรับข้าวกล่อง เพื่อเป็นอาหารมื้อแรกที่เพิ่งตกถึงท้องในเช้าวันนี้



“เอาละครับทุกคน กิจกรรมแรกที่เราจะทำกันนั่นก็คือ เรียนรู้วิธีการทำโป่งดิน ก่อนที่เราจะลงมือปฏิบัติจริงในช่วงบ่าย” เปา นักศึกษาชั้นไปที่สอง จากคณะเกษตรผู้เป็นรแม่งานของค่ายนี้ พูดกับทุกคนเมื่อมารวมตัวกันหลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย



“เตี้ย ไอ้โป่งที่ว่ามันคืออะไร” ตรีเพชรสะกิดถาม



“ดินที่สัตว์มากินไง” นาวาเลิกคิ้ว ประหลาดใจ



“ห๊ะ สัตว์กินดินมีซะที่ไหน มันมีแต่พวกกินหญ้า ล่าเนื้อ”



“ถามจริง เคยเข้าป่าไหมเนี่ย”



ตรีเพชรส่ายหน้าดิก



“เคยขุดดินไหม”



“ขุดทำไม” คนไม่เคย ถามใสซื่อ



“ตายแน่ตี๋เอ๊ย เชื่อหัวไอ้วาเถอะ”



***



ท่าจะตายแน่ ตามคำอวยพรของไอ้ตัวเล็กมัน



หลังจากวิทยากรซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ได้อธิบายเกี่ยวกับโป่ง แหล่งแร่ธาตุที่ขาดไม่ได้ของสัตว์ป่า ตรีเพชรได้เรียนรู้ว่า สัตว์ป่าไม่ได้ยังชีวิตอยู่ได้เพียงใบหญ้าและการไล่ล่าเท่านั้น หากแร่ธาตุก็สำคัญต่อการดำรงชีวิตไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน



โป่งดินเป็นบริเวณที่ดินอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ ที่เหล่าส่ำสัตว์มักใช้ปากขุดกิน การสร้างโป่งเทียมจึงเป็นการเพิ่มแหล่งของสารอาหารให้กับสิ่งมีชีวิตในผืนป่า



ที่ว่าแย่เห็นจะเป็นการขุดหน้าดินให้เป็นแอ่งลึกประมาณหนึ่งเมตร เกิดมาเคยจับจอบจับเสียมเสียที่ไหน



หลังจากจบชั่วโมงแห่งการเรียนรู้ ชาวค่ายพากันขึ้นรถที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้เตรียมไว้ให้ เพื่อไปยังเขตอนุรักษณ์พันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี กว่าจะถึงสถานที่ทำโป่งเทียมก็เล่นเอาคุณเพชรเกือบเหงื่อตก ขับรถในสนามแข่งยังไม่คดเคี้ยวเท่าการนั่งรถขึ้นเขาแบบนี้



“โถ่คุณชาย กรรมของเวรอันใด พาให้มึงตกระกำลำบากขนาดนี้”



หมอเต ได้ทีถากถางเจ้าคนเพอร์เฟค ที่เพื่อน ๆ เพิ่งเห็นข้อด้อยของการเติบโตแบบไข่ในหินของมัน



“กรรมที่มีเพื่อนแบบมึง”



ตรีเพชรว่าให้ แต่ไม่วายกอดบ่าไอ้เพื่อนหมอ เดินบุกป่าตามพวกหน้าหน้าไปด้วยกัน





“เราจะแบ่งกลุ่มสร้างโป่งเทียมโดยการจับฉลากนะครับ เมื่อแบ่งได้แล้วให้ตัวแทนมารับจอบและเกลือสมุทรจากเจ้าหน้าที่...”



ตรีเพชรหน้างอเมื่อไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับนาวา อันที่จริงทุกคนก็กระจัดกระจายกันไป คละกับเพื่อนร่วมค่ายคนอื่น เพื่อทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ มีแต่คนที่ไม่ยอมห่างจากคู่หมั้นที่ไม่ยอมพอใจอยู่คนเดียว



“ตี๋ สา รอเดี๋ยว”



นาวาเรียกตรีเพชรและนิสาที่กำลังจะแยกไปรวมกลุ่มกับคนอื่นให้รั้งคอย



“มีไร” นิสาถามพลางรวบผมมัดหางม้าให้ทะมัดมะแมงเหมาะกับงานที่กำลังจะทำ



“เอาไปใส่” นาวายื่นถุงมือที่เตรียมมา ส่งให้เพื่อน



“ขอบใจจ่ะ” นิสารับไว้และปลีกตัวไป



“รับไปสิ” ถุงมืออีกคู่ยื่นให้ตรีเพชร



“คนอื่นล่ะ ไม่เห็นเค้าใส่กัน”



“ก็เตรียมมาให้เฉพาะนายกับไอ้สามัน”



“เฉพาะฉันกันผู้หญิง?”



“อือ”



“ไม่บอบบางขนาดนั้นหรอกน่าเตี้ย ผมผู้ชายอกสามศอกนะครับ” แค่ขุดดิน เอาจอบสับ ๆ ลงไป คงไม่อะไรนักหนา



“โซ้ยตี๋ อดสามศอกจะเหลือคืบเดียวเก๊าะอีตอนมือแตกนี่แหละ เอาไปใส่ อย่าเรื่องมาก”



“เออ ๆ บ่นจังวะ”



“ไม่ต้องงึมงำ”



“จ้า...” คุณเพชรลากเสียง



“ถอดแหวนออกด้วย” นาวาหมายถึงแหวนทองคำขาวตรงนิ้วนางข้างซ้าย



“ถอดไม จะถอนหมั้นเรอะ ใครยอม”



“พูดเสียงดังทำไม อายเค้า!” นาวาหงุดหงิด “จะเอาแหวนไปเก็บ หรืออยากให้ผิวมันถลอก”



“แล้วไป” คนตัวโตถอดแหวนให้แต่โดยดี



นาวาสำรวจคนตรงข้าม ตบบ่าคนตัวสูงเหมือนผู้ใหญ่ทำกับเด็ก คนตัวเล็กพยักหน้าพอใจ “เอาล่ะ เรียนร้อย ไปทำงานได้”



ตรีเพชรหลุดหัวเราะออกมา



เขายิ้มให้กิ่งไม้ใบหญ้าอย่างคนมีความสุข จนนาวาฉงนอยู่ในใจ มันยิ้มอะไรของมัน หมอนี่ท่าจะฟั่นเฟือน สติไม่ดี



ไอ้เตี้ยมันน่า...



น่าอะไร ตรีเพชรก็ยังคิดไม่ออก รู้แต่อยากยีหัวมันเล่นให้ผมยุ่ง มันชอบจุ้นดีนัก ถ้าดื้อไม่ทำตามมัน ยังไงก็โดนบังคับเอาจนได้นั่นแหละ ยิ่งตอนโดนมันดุ กลับยิ่งทำให้เขายิ้มออกมาเหมือนคนบ้า ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เขากลายเป็นคนไร้เหตุผลไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ



* * *



เกลือสมุทรถูกนาวาและเพื่อนอีกคนช่วยกันแกะออกจากถุง เมื่อโรยเกลือลงไปในแอ่งที่ขุดไว้ คนที่เหลือจึงร่วมแรงร่วมใจกัน ผสมดินชื้นสีน้ำตาลแกมส้มให้เข้ากับเกล็ดเกลือสีขาวพิสุทธิ์ หลายคนช่วยกันไม่นานโป่งดินเทียมจากน้ำพักน้ำแรงก็เสร็จ



ความสามัคคีให้ผลดังนี้



แม้แดดยามบ่ายจะส่องผ่านร่มไม้ทอแสงรำไร จนมีแสงเพียงบางส่วนเท่านั้นที่เล็ดลอดผ่านช่องว่างระว่างกิ่งใบ ทอประกายลงมาเบื้องล่าง ลำแสงสีทองของดวงอาทิตย์ บวกกับความอบอ้าวที่สั่งสมมาจากการกรำงานหนัก ยิ่งทวีความร้อนให้กับคนที่เงื้อมจอบขุดดินอย่างไม่ลดละ



เม็ดเหงื่อผุดพรายจนตรีเพชรรำคาญ ต้องใช้แขนเสื้อซับเหงื่อ ตอนนี้สเวตเตอร์แขนยาวสีเข้มพิมพ์ลาย เข้าชุดกับกางเกงเดนิมสีดำยาวรัดเรียวขา มีรอยเลอะของดิน คนเพิ่งเคยขุดดินออกจะเงอะงะในตอนแรก กระนั้นที่เลอะที่สุดเห็นจะเป็นรองเท้าบู๊ตหนังสีดำหุ้มข้อแบรนด์ดังจากปารีส เจ้าตัวบ่นอุบ



ดินที่ขุดเป็นดินชื้น คุณชายจึงเลอะไม่เป็นท่า



นาวาที่ปลีกตัวออกมาจากกลุ่มของตัวเอง แอบยิ้มเมื่อเห็นคนใช้แขนเสื้อซับเหงื่อ ก้มหน้าก้มตาเริ่มลงมือผสมเกลือกับแอ่งดิน คนตัวเล็กเดินเข้าไป ปลดเป้จากบ่า และขอยืมจอบจากนักศึกษาสาวคนหนึ่งที่นั่งพักอยู่ในบริเวณนั้น



แรงเหวี่ยงจากท่อนแขนที่ดูไม่หนาเท่าไหร่ แต่กลับช่วยผสมดินอย่างคล่องแคล่ว ทำให้คนไม่สันทัดกับงานต้องเหลือบมอง ทั้งที่ดูตัวบางขนาดนั้น หากเรี่ยวแรงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคนอื่นเลย ถึงว่า... ทำไมไอ้เตี้ยมือหนักนัก



“ไม่เหนื่อยหรือไง ทำไมไม่ยอมพัก”



“นายต่างหาก กลุ่มตัวเองเสร็จไปแล้ว ยังมาทำตรงนี้อีก”



“เถอะน่า ช่วยกัน”





ไอ้เตี้ยมันน่า! ...



ชายหนุ่มยิ้มกว้างให้กับผืนดิน



***



 ตรีเพชรทิ้งตัวนั่งราบไปกับพื้นหญ้า ไม่ห่วงกังวลความเลอะอีกต่อไป เขามองผลงานที่ทุกคนช่วยกันทำ ผิวเผินมันเป็นแค่หลุมดินธรรมดา หากมองให้ลึกลงไปจะเห็นความตั้งใจดีของทุกคน ตั้งใจ... ที่จะคืนความบริบูรณ์ให้กับผืนป่า ตั้งใจ... หยิบยื่นความช่วยเหลือให้สิ่งมีชีวิตแห่งพงไพร เหนือสิ่งอื่นใด ตรีเพชรมองเห็นหัวใจที่เรียนรู้การแบ่งปันของตัวเอง



‘คนเราต้องรู้จักทำประโยนชน์ให้กับสังคมบ้าง’ อาม่าพร่ำสอนเสมอมา



คนเคยแต่บริจาคเงินเพื่อการกุศล เพิ่งเข้าใจ แท้จริงแล้วการทำประโยชน์ให้กับสังคมไม่ต้องใช้เม็ดเงินก็ย่อมได้ เม็ดเหงื่อจากแรงกายที่ไหลคืน ชโลมผืนแผ่นดิน เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว



ขวดน้ำที่มีไอเย็นระเหยจับจนเป็นฝ้า ยื่นเข้ามาในคลองสายตา



“ดื่มซะหน่อย”



เมื่อเงยขึ้น ภาพที่เคยเห็นเป็นดวงอาทิตย์กลมโตยามบ่ายคล้อย กลับมีดวงหน้าของนาวามาทาบทับ ทำให้ภาพของเด็กตัวเล็กแก้มแดงเรื่อคนนั้น ทอประกายสดใสเหมือนตะวันไม่ผิดเพี้ยน ความอิดโรยจางหายไปทันทีที่ได้สบกับสายตาสีทองคู่นั้น



“จะไปไหนอีก” ตรีเพชรคว้าข้อมือนาวาเอาไว้



“เอาน้ำไปให้คนอื่น” คนอื่นที่ว่าหมายถึงพวกเพื่อน ๆ ที่มารวมตัวกันหลังเสร็จภารกิจสร้างโป่งเทียมของกลุ่มตัวเอง



“ใครจะกินให้มันเดินมาเอาเอง นายน่ะพักซะบ้าง” ตรีเพชรดึงนาวาให้นั่งข้าง ใกล้กันจนไหล่ชิด “ดูซิร้อนจนแก้มแดงไปหมดแล้ว”



คุณเพชรเอาขวดน้ำเย็นเฉียบแนบแก้มนาวา



“แก้มนายก็แดงเหมือนกันแหละ”



“ไหน?”



“นี่ไง” คนตัวบางจิ้มจุดแดงบนแก้มของอีกฝ่าย “ไม่ได้แดงเพราะร้อน แต่แผลยุงเต็มเลย ฮ่าๆ”



“ถึงว่าทำไมคันหน้า”



“ที่คอก็มี”



“อือ” คุณเพชรถอดถุงมือ เกาแผลยุง



“อย่าเกา”



นาวาดึงมือตรีเพชรมากุมไว้... ตาใสยังคงจ้องอยู่ที่จ้ำแดงบนแก้มคุณเพชร



“ทำไม”



“ดูท่านายจะแพ้ยุง รอยแดงขนาดนี้ขืนเกาเดี๋ยวไปกันใหญ่”



“ให้ทำไง”



“รอกลับค่าย ค่อยทายา”



 “จับมือกันกลางป่ากลางเขา ไม่อายพวกกู ก็อายนางป่านางไม้บ้างนะเว้ย”



เปรมหย่อนก้นลงนั่งในวินาทีที่ตรีเพชรปากิ่งไม้ใส่ ไอ้เตี้ยมันกำลังเผลอจับมือเขาอยู่แล้วเชียว ไอ้เปรมดันปากปีจอ ขัดคอขึ้นมากลางปล้อง จนนาวารู้ตัวชิงปล่อยมือไปเสียก่อน ตรีเพชรได้แต่ถลึงตาคาดโทษไอ้เพื่อนจอมแส่ มันแส่ไม่เข้าเรื่อง



“พี่เพชร ไมมือแดงจัง” เอ็มถามหลังดื่มน้ำอึกใหญ่



“ไอ้เพชรมันมือเปราะ เคยกรำงานหนักซ้าที่หนาย” เจ้าเต ว่าที่นายแพทย์ที่ยังเรียนไม่จบวินิจฉัย



“แต่หมัดกูหนัก หรือมึงจะลอง” ตรีเพชรทำท่าชกลม



“ดูเด่พี่เต ต่อหน้าเมียทำดุ” แบงค์แซวพี่รหัส



“โอ๊ยไอ้วา ตบหัวกูทำไม”



“กูไม่ใช่เมียมัน”



“อ้าว” ทั้งพี่และน้องรหัสอุทานพร้อมกัน



“หุบปากทั้งสอบตัว เดี๋ยวกูโบกกับขวดน้ำ” นาวาชี้สองหน่อสายรหัสด้วยขวดพลาสติกเปล่าก่อนเดินหนีไป



“บอกกูทีว่ามันเคืองหรือมันเขิน” เปรมเรียกเสียงหัวเราะของทุกคน



***



กิจกรรมสุดท้ายก่อนกลับที่พักในเย็นวันนี้คือการปลูกป่า ต้นกล้าของไม้ใหญ่หลายชนิดกำลังจะได้หยุ่งรากลงดิน เพื่อนในอนาคตกิ่งก้านของมันจะได้แผ่ปกคลุมผืนป่า เป็นแหล่งพักพิงให้กับคนและสัตว์ต่อไป



“ต้นอะไรชื่อแปลก พยุง” คนตัวโตช่วยเจ้าแว่นกลบดิน ตั้งคำถาม



“เป็นชื่อไม้มงคล”



“มงคลตรงไหน เดินให้ตรงยังไม่ได้ ต้องให้พยุง”



“ตรงที่มีอะไรพยุงไว้ ไม่ให้ล้มหน้าคว่ำไง”



ตรีเพชรพยักหน้า ยอมรับตรรกะของคู่หมั้น



"งั้นถ้าฉันล้ม นายจะช่วยพยุงไหม" ตรีเพชรถามคู่หมั้น



"จะกระทืบซ้ำ" นาวายิ้มรับ แล้วหันมาสั่ง "เร็วเหอะเก็บของกันดีกว่า ตรงนี้เสร็จแล้ว"



“ได้ยินเสียงอะไรไหม” คนที่อยู่ในโอวาสถามขึ้นขณะช่วยเจ้าแว่นเก็บของ



“เสียงอะไร”



“เสียงน้ำไหล”



“เก๊าะน้ำจากลำห้วย” นาวากระชับเป้สะพายบ่า ตั้งใจจะเดินกลับไปรวมกับเพื่อน ๆ



“ตรงไหน ไม่เห็นมี” ตรีเพชรมองรอบด้าน คิดขมวดตั้งคำถาม



“ไม่ได้ฟังที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้เค้าบอกล่ะสิ ล่างไหล่เขาตรงนั้นไปหน่อยจะมีห้วยที่เป็นห้วยสาขาของแม่น้ำภาชีอยู่”



“อยากเห็นว่ะ ไปดูกันเถอะ” มือหนาจับข้อมือของคนตัวบาง เป็นเชิงเชิญชวน



“อย่าเลย”



“ได้มาทั้งที ฉันอยากเห็นนิ ปกติเคยทำอะไรแบบนี้เสียที่ไหน”



“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้ลงน้ำสร้างฝายแล้ว”



“ไม่เหมือนกันซะหน่อย”



“เค้าว่าไหล่เขามันลาด อันตราย”



นาวาหันไปมองกลุ่มเพื่อนที่อยู่ห่างออกไป ภายใต้แสงสีส้มของยามเย็น คนอื่นกำลังเริ่มทยอยเก็บของ เสียงพูดคุยของคนกลุ่มนั้นฟังไม่ได้ศัพท์เพราะอยู่ไกลออกไป



“แค่ยืนดูเอง น่านะ ไปกันเถอะ”



“เฮ้อ... ก็ได้”



“ดีมาก” คุณเพชรฉีกยิ้มเพราะโดนตามใจ



เสียงน้ำไหลเอยดังชัดขึ้นเมื่อทั้งคู่เดินเข้าใกล้ไหล่เขา ในขณะที่เสียงพูดคุยของชาวค่ายก็แว่วหายไปเช่นกัน กลิ่นน้ำและกลิ่นของความชื้นเพิ่มขึ้นในบริเวณนี้ นาวาไม่แน่ใจว่าเพราะใกล้แหล่งน้ำ หรือเพราะวันนี้เป็นวันหลังฝนตก ดินเลยอุ้มน้ำเอาไว้มากกว่าปกติ



“วิวสวยดี ว่าไหม”



คนตัวสูงเอียงหน้าหันมาคุยกับคนที่ยืนข้าง คุณเพชรได้ทีโอบไหล่เจ้าแว่นอย่างแนบเนียน แต่อย่าคิดเลยว่าเจ้าแว่นมันไม่รู้ มันแค่เบื่อจะแกะออกต่างหาก ดังนั้น... ท่ามกลางบรรยากาศวิวภูเขา แมกไม้ และสายธาร ... ทั้งสองยืนชิดกัน



“ก็ดี”



ดวงตาสีทองมองทิวไม้เขียวขจีตรงหน้า ท่ามกลางความเขียวสดของต้นไม้ มีสายน้ำสีน้ำตาลอ่อนไหลผ่าน ผิวน้ำเวลานี้สะท้อนแสงส้มของดวงอาทิตย์ จนเกิดประกายระยิบเหมือนทองคำ



“แค่ดีเฉย ๆ ได้ไง สวยมากต่างหาก”



ตรีเพชรสูดลมหายใจ เอากากาศชุ่มชื้นเข้าปอด ตาเรียวรีมองไปไกลสุดขอบฟ้า พยายามจดจำบรรยากาศแบบนี้ไว้ให้นานที่สุด เขาโอบไหล่นาวาให้แนบเข้า ทั้งสองยืนแนบชิด อาบไล้ไปด้วยแสงส้มยามอัสดง



“นายคงไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้สินะ”



“ไม่เคยหรอก ... ลำบาก แต่ก็แปลกใหม่ดี”



เขาหมายถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาของวันนี้ ตลอดทั้งวันมีแต่เรื่องยุ่งยาก ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคยสำหรับเขา กระนั้นทุกอย่างจึงดูแปลกใหม่ ภาพผืนน้ำเบื้องหน้าก็เช่นกัน



“พี่เพชร...”



คำนี้หลุดออกมาเมื่ออยู่กันสองคน



“วาพามาเหนื่อยหรือเปล่า”



คุณเพชรไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะไม่อยากพูดโกหก



“แต่ถ้าทิ้งพี่ไว้เหมือนเมื่อเช้าก็ไม่ยอมเหมือนกัน ต่อให้ลำบากกว่านี้ ก็ต้องดั้นด้นมาหาจนได้ เคยบอกวาแล้วจำได้ไหม? ไม่ว่าจะหนีพี่ไปไหน พี่จะหาวาจนเจอให้ได้ ต่อให้พลิกแผ่นดินหา หรือไกลจนเดินไม่ไหว... พี่ก็จะคลานไป”



นาวาหัวเราะให้กับกิ่งไม้ลู่ลม



รอยยิ้มที่อ่านยากนั้นมอบให้กับผืนน้ำประกายทอง



“ถ่ายรูปด้วยกันสักรูปดีกว่า”



คนคิดเองเออเองยังเป็นคุณเพชร เขาหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาถ่ายภาพ สองคนอยู่ในเฟรมเดียวกัน เบื้องหลังเป็นภาพลำห้วยยามตะวันรอน



“พี่ว่ารูปนี้ยังไม่ดี เอาใหม่นะ”



ทั้งคู่หันหลังให้ไหล่เขา คนตัวโตกว่าพยามยามหามุมสวยถ่ายรูป เป็นช่วงเย็นย่ำ ฟ้าเปลี่ยนจากสีส้มอ่อนเป็นสีแดงแสด ฝูงนกเริ่มบินกลับรวงรัง ส่งเสียงร้องกล่อมพนา หากฟังเอาเถิด... เสียงนกร้องกลับเศร้าสร้อยโหยไห้ รู้สึกใจหายวาบขึ้นมาชอบกล นาวาสังหาณ์แปลก จนได้ยินเสียงร้องของตรีเพชรนั่นแหละ



“เฮ้ย!”



ดวงตาสีเฮเวิลเบิกโพลงเมื่อเห็นอีกฝ่ายหงายหลัง ทำท่าจะหล่นลงไปจากไหล่เขา วินาทีคับขันเช่นนี้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือ ยื่นมือคว้ากันและกันเอาไว้ เจ้าตัวเล็กรู้ดี ต่อให้มีเรี่ยวแรงมากแค่ไหนก็ต้านแรงโน้มถ่วงไม่อยู่ ธรรมชาติมีชัยเหนือมนุษย์เสมอ เพราะอย่างนั้น ต่อให้รู้เต็มอกว่าต้องตกลงไป



แต่



เส้นด้ายเบาบางที่เริ่มผูกและพันในความรู้สึก... กลับสั่งให้เขาต้อง...



ยื่นมือออกไป





แม้นชีวิต                 ร่วงหล่น                  จนลำบาก

เหวลึก                    ฤาพราก                 จากกันได้

ขอเหยียดมือ             ไขว่คว้า                  มาแนบกาย

ให้วอดวาย               ทุกข์ยาก                 ไม่ทิ้งกัน





เพียงมือ                  สองมือ                    จับกันไว้

เพียงใจ                   สองใจ                     อยู่เคียงข้าง

ฟ้าสว่าง                  ฤาสลัว                     รัวราง

มือเรา                     ไม่วาง                     จากกัน...







TBC ...
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ตอน: พยุง 10/8/17
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 10-09-2017 22:45:38
 เย่กลับมาต่อ(หลายตอน)แล้วว o7 o7
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ตอน: พยุง 10/8/17
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 10-09-2017 23:10:39
เพิ่งเห็นว่ากลับมาต่อแล้วววว
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ แผ่นหลังของนาย 30/กย/60
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 30-09-2017 13:45:20
แผ่นหลังของนาย...





กา กา กา…

กาดำบินผ่านท้องฟ้าสีแดงเรืองในยามเย็น ปีกที่กระพือแรงทำให้ขนดำมันขลับขนหนึ่งร่วงหล่น จากนั้นเสียงกาตีปีกจึงค่อย ๆ ห่างออกไป

เคยเห็นขนนกร่วงไหม

ต่างจากก้อนหินหรือของหนักตกสู่เบื้องล่าง อันนั้นรวดเร็ว รุนแรง แต่ขนนกจะไปล่ปลิวลิ้วลม ทิ้งตัวลงสู่ผืนดินอย่างเชื่องช้า เหมือนเต้นระบำลงมากระนั้น

เงี่ยหูฟังเสียงป่าสิ

สรรพสำเนียงเงียบงันราวปราศจากชีวิต แม้แต่ลมยังสงบไม่ไหวติง ภายใต้ความนิ่งงันนี้มีเพียงเสียงของลำห้วยไหลเอื่อย เป็นสัญญานบอกถึงลมหายใจของผืนป่าที่ยังมีชีวิต
ขนกาดำสะบัดพลิ้วเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนร่วงลงสู่พื้นดินที่มีสองร่างนอนมองอยู่ คนตัวโตชะโงกหน้าตรวจดูคนตัวเล็กในอ้อมแขน เลนส์แว่นข้างหนึ่งร้าว แต่นัยน์ตาสีทองทอดมองท้องฟ้ายามสายันต์ นาวาพลิกตัวให้นอนราบกับพื้นดิน ตรีเพชรทิ้งศรีษะลงบนพื้นหญ้าอ่อนนุ่ม ทั้งคู่ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

กา กา กา…

อีกาบินกลับมาหัวเราะ เย้ยคนทั้งสอง




“ไหนเล่าทางขึ้นที่นายว่า”

หลังจากเดินกะเผลกอยู่นาน นาวาอดยอกย้อนเจ้าคนเดินนำไม่ได้ มันให้เหตุผล ‘มีทางลง ต้องมีทางขึ้น’ เรียกซะเพราะ ทำอย่างกับเดินลงมาดี ๆ แต่นี่อะไร กลิ้งกันจนข้อเท้าเคล็ด หน้ามอม เลอะดินอย่างกับลูกแมวมุดลังถ่าน ไอ้ตี๋ยังจะหวังให้มีทางขึ้น

“กลับที่เดิมเหอะ ตะโกนให้คนช่วย”

“แล้วไอ้ที่เราแหกปากจนคอแห้ง มีใครได้ยินไหม”

จริงของคุณเพชร สองคนช่วยกันร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีวี่แววว่าใครจะขานรับ ได้ยินเพียงเสียงตัวเองสะท้อนกลับมา

ครั้นจะโทรหาเพื่อน นาวาชูโทาศัพท์เดินหาสัญญาน เขย่งเท้าก็แล้ว คลื่นความเร็วสูงกลับส่งสัญญานไม่ถึงพื้นที่ต่ำใต้ไหล่เขา ดาวเทียมสื่อสารยังคงโคจรในห้วงอาวกาศ การรับส่งสัญญานไม่ไหวติง นิ่งงันจนคนบนพื้นพิภพกระวนกระวาย

เราพึ่งเทคโนโลยีมากไป ให้ความสำคัญเสียจนขาดมันไม่ได้ จริงแล้วเราลืมคิด มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเรา ไม่ใช่ควบคุมชี้ชะตาเรา มนุษย์ทำทุกอย่างได้ด้วยมันสมองและสองมือตน เทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้นมากลับทำให้ลืมความสามารถนั้น

“คิดออกแล้ว!”

“คิดอะไรออก” คุณเพชรยังคงเดินนำ ไม่ยอมหยุดคุยกับเจ้าแว่นหัวใส

“โทรศัพท์ให้การไม่ได้ เราเก๊าะใช้สัญญานควัน”

นาวายิ้มพอใจในไหวพริบของตัวเอง โดยไม่ทันมองว่าเจ้าของแผ่นหลังหนาผึงผายหยุดยืนนิ่งราวหลักศิลา เจ้าแว่นเลยเดินชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างอบอุ่นนั้น ขนาดเลอะเทอะคลุกดินกันมาถึงเพียงนี้ คนตัวสูงยังตัวหอมอยู่เลย

อุ่นดีจัง…

นาวารีบถอยกลับ ถอนหน้าออกจากหลังได้รูป แก้มแดงเรื่อ บ้าไปแล้ว เผลอซุกหน้ากับหลังไอตี๋ได้ไง น่าอายชะมัด

คนตรงหน้ายังคงยืนนิ่งเป็นก้อนหิน ไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ นาวาเอียงคอสงสัย เจ้าตัวเล็กเลยเดินขึ้นมาเคียงกัน หากแขนของตรีเพชรกลับกางออก กั้นไม่ได้เด็กสอดรู้ก้าวล้ำออกไป นัยน์ตาสองคู่มองไปยังพุ่มไม้ที่กำลังส่ายไหว ใบเขียวจัดของพุ่มไม้เตี้ยเสียดสีกันเป็นเสียงคุกคามน่ากลัว

ไม่นานจากนั้นสัตว์สี่เท้า ขนดำหนาบริเวณหัวชี้ไปด้านหลัง ขนตามลำตัวเป็นสีดำเทา มันก้าวออกมา ฟายใจฟึดฟัด ใช้อุ้งเท้าและเขี้ยวยาวตะกุยดิน

“โถ่ แค่หมูป่า ตกอกตกใจหมด”

คุณเพชรลดมือลง ทำสีหน้าโล่งใจ ตรงข้ามกับนาวาที่เริ่มเหงื่อตก เสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันควัน

“ตี๋… นับถึงสามแล้ววิ่งนะ” เจ้าแว่นละล่ำละลัก

“ห๊ะ” ตรีเพชรฉงน

“หนึ่ง…”

“เดี๋ยว สิ่งทำมะ..”

“สอง!”


สิ้นเสียงนับ นาวาคว้าข้อมือตรีเพชร ออกวิ่งโดยไม่รอนับจนครบสาม

“เตี้ย นายขี้โกง ยังไม่นับสามเลย”

แม้จะอุทร หากเจ้าทุกข์ก็ยอมใจง่ายวิ่งตามไอ้โจรหน้าเด๋อที่ขโมยข้อมือของเขามา มันจับข้อมือของเขาแน่น ราวไม่ยอมให้แยกจากกัน

“ขืนรอนับสาม มันได้ขวิดนายตายก่อน”

หมูป่าตัวนั้นวิ่งไล่ ตามันแดงจัด หายใจรุนแรง และเหนือสิ่งอื่นใด สีข้างของสัตว์ตัวนี้มีบาดแผลเลือดไหลเป็นทาง แต่กระนั้นผีเท้ามันดีไม่หยอก ตอนเด็กคุณเพชรเคยแต่วิ่งหนีหมาในซอยแถวบ้าน โตมาเพิ่งรู้รสการวิ่งหนีหมู

“โอ๊ย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว

คุณเพชรหันมองด้านหลัง หมูป่าตัวดียังตามมาไม่ลดละ มันส่ายหัว แยกเขี้ยว สับขาเข้าไล่จนแทบจะถึงตัวเสียด้วยซ้ำ

“ตี๋ห้ามหยุด! วิ่งโว้ย วิ่ง”

วิ่งป่าราบเป็นเช่นนี้เอง

“โว้ย!!!”

เสียงร้องและมือของคนทั้งสองประสานกัน


กระรอกน้อยถึงกับรีบไต่ขึ้นต้นไม้ใหญ่เมื่อได้ยินเสียงโวยวายของคนสองคนที่ร้องลั่นป่า มีเพียงฝูงลิงที่โผล่หน้าออกมาดูรายการวิ่งหนีหมูของหนุ่มทั้งสอง พวกมันขย่มกิ่งไม้ชอบใจใหญ่ ส่งเสียงเจี๊ยกจ๊าก ชี้ให้พากันออกมาดู บางตัวขำกลิ้งจนเกือบตกจากต้นไม้ ดีที่เอาหางเกี่ยวไว้ทัน หลายตัวถึงกับโหนกิ่งไม้ตามไปดู

เจี๊ยก เจี๊ยก เจี๊ยก เจี๊ยก

ลิงหัวเราะเกรียว

ท้องฟ้าสีแดงจัดเพราะใกล้เวลาชิงพลบเขาไปทุกที กระนั้นสองมือของพวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยจากกัน สอดประสานกันไว้เช่นนั้น เหนียวแน่น มั่นคง

หมูป่าบาดเจ็บมีแผลฉกรรจ์จนเสียเลือดมากและเริ่มอ่อนแรง สองคนใต้ฟ้าย่ำสนธยาก็ไม่ต่างกัน สภาพเยินยับดูไม่ได้เสียยิ่งกว่าตอนกลิ้งตกลงมาจากไหล่เขา

“วา…หนี…ขึ้นต้นไม้ไป” ตรีเพชรเหนื่อยหอบ “พี่จะล่อมันไปอีกทาง”

“ไม่เอา!”

เจ้าแว่นหอบยิ่งกว่าแต่ยังวิ่งไม่หยุด มันกระชับมือกุมเขาไว้ เป็นนัยว่าไม่ยอมทำตามคำสั่ง

“อย่าดื้อสิ”

“ไม่! …”

เด็กดื้อหันเสียวหน้ามามอง หน้างองอน

“รอดด้วยกัน… ตาย…ด้วยกัน”


ราวโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ


หากเป็นเวลาปกติคุณเพชรคงคว้านาวาเข้ามากอด กอดให้แนบแน่นจนร่างเล็ก ๆ จมไปในอกเขา ทว่าเวลานี้ดวงตาเรียวรีของคุณเพชรทำได้เพียงจดจำภาพแผ่นหลังของคู่หมั้นที่วิ่งนำ เขาฝังมันไว้ ชัดในความทรงจำ ขณะที่จิตใจบันทึกถ้อยคำของนาวา

‘รอดด้วยกัน ตายด้วยกัน’

ไอ้เตี้ยมันน่า…

“เตี้ย…”

ตรีเพชรกระชับมือสอดรัดมือนาวา แนบแน่น


“พี่โคตรรักนายเลยว่ะ”


นาวางันไปครู่

“ตี๋… มันใช่เวลาไหม!”

แม้จะพูดไปอย่างนั้น แต่รอยยิ้มที่ตีรเพชรไม่เห็นกลับระบายดวงหน้าของเจ้าแว่นฟอร์มจัด สถานการณ์เฉียดตายอยู่แท้ ๆ บอกรักมาได้ ไอ้ตี๋บ้า

คุณเพชรหัวเราะ สุข อย่างที่ไม่เคยสุขมาก่อน บอกรักครั้งไหน ไม่เคยล้นออกมาจากใจเท่าครั้งนี้ รอยยิ้มประดับใบหน้าที่ฉาบไล้ด้วยแสงริบหรี่ของตะวันตกดิน หากเมื่อหางตาเหลือบเห็นหมู่ป่าขนดำไล่กวดเข้ามาแทบประชิด

“ มันใกล้เข้ามาอีกแล้ว โอ๊ย เวรเอ้ย”

กลิ่นเลือดหมูป่าเริ่มคาวคลุ้ง แสดงว่ามันเสียเลือดมากขึ้น หากคิดว่ามันจะหยุดตามมาละก็คิดผิดถนัด เจ้าหมูตัวจ้อยวิ่งไล่ขึ้นมาด้วยพละกำลังที่มากกว่าเดิม ทั้งสองจึงต้องวิ่งหนีหมูหัวซุกหัวซุน อย่าถามเลยทางกลับ หลงป่าโดยสมบูรณ์แบบ

รู้จักคำว่าสู้ยิบตาไหม

ต่อมาภายหลังตรีเพชรถึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้วหมูป่าเป็นสัตว์ที่กลัวคน สัตว์ประเภทนี้สายตาและหูของมันไม่ดี แต่จมูกไวนัก ดังนั้นเมื่อได้กลิ่นคนมันจะหนี ทว่ายามใดที่มันบาดเจ็บจนถึงขั้นเลือดตกยางออก สัตว์จนตรอกจะสู้ยิบตาเพื่อปกป้องตัวเอง ไม่มันก็ศัตรูของมันที่จะล้มลง

สู้จนลมหายใจเฮือกสุดท้าย

ฉึก!

เสียงลูกดอกเสียดแทงในอากาศ ก่อนจะปักลงซ้ำที่สีข้างหมูป่าเคราะห์ร้าย มันล้มลงร้องดิ้น เสียงกรีดแหลมของมันเรียกให้คนที่วิ่งหนีหันมอง ตรีเพชรอาจไม่เคยได้ยินเสียงหมูโดนเชือด แต่เขาคิดว่าคงไม่ต่างกับหมูป่าตัวจ้อยที่โดนลูกดอกปักสีข้าง มันหวีดร้อง ทุรนทุราย

“พี่ เป็นไรหรือเปล่า”

คนถามลดหน้าไม้ลง รีบรุดเข้าหานาวาและตรีเพชรที่ยืนหอบ

“มะ ไม่เป็นไร”

นาวาให้สองแขนเท้าเข่า หอบจนตัวโยน

“เฮ้อ ผมเกือบตามไม่ทัน”

คนมาใหม่เป็นเด็ก กะจากสายตาวัยน่าจะไม่เกินสิบห้า แต่งกายด้วยชุดชนเผ่ากะเหรี่ยง ถือหน้าไม้สะพายย่ามผ้าแถมที่บ่ายังสะพายแล่งลูกซองเก่ามาหนึ่งกระบอก คุณเพชรขมวดคิ้วสงสัยเด็กแบบไหนถือปืนเดินป่า

“เจ้าหนู ถ้ายิงพลาดจะเป็นไง” ตรีเพชรพูด

“หน้าไม้ผมไม่พลาดหรอก แต่ถ้าปืน…ไม่แแน่” เด็กชายหัวเราะแหะ ๆ

อี๊ด

เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย แม้ลมหายใจรวยริน เจ้าหมูป่าตาแดงจัดพุ่งตรงมายังกลุ่มคนที่ชะล่าใจ ต้องมีใครสักคนโดนเขี้ยวของมันแทงเป็นแผลเหวอะ ยามโกรธเลือดขึ้นหน้า ว่ากันว่าหมูป่าวิ่งได้ดีไม่แพ้กวางหรือม้า

“เฮ้ยพี่มันมาโน่นแล้ว”

“เจ้าหนู ส่งปืนมา!”

ขณะที่ทุกคนเริ่มวิ่ง ตรีเพชรกลับยืนนิ่ง ออกคำสั่งเฉียบขาด

“พี่เพชร!” นาวาเบิกตาโพลงเมื่อเห็นหมูป่ารี่เข้ามาใกล้ตรีเพชรเต็มทน

เด็กชายโยนปืนให้เพราะตัวมันหนีไปหลบหลังต้นไม้

มือหนาคว้าปืนกลางอากาศ ตรีเพชรจับปืนอย่างคนคุ้นเคย แม้ปืนรุ่นเก่าไม่มีกล้องจับโฟกัสแน่นั่นไม่ใช่ปัญหา ชายหนุ่มกระชับปืนในมือ หรี่ตา ยกขึ้นเล็ง หันปลายกระบอกปืนไปที่หมูป่า เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ใจเย็นเหมือนพยัคซุ่มตะปบเหยื่อ สัตว์ขนหนาสีดำพุ่งมาใกล้จนจวนตัว หัวใจนาวาหล่นไปกองแทบเท้า


เปรี้ยง!


เสียงปืนเก่าแผดก้อง สรรพสัตว์แตกตื่น ฝูงลิงที่เคยตามมาหัวเราะเผ่นหายไปด้วยความหวาดกลัว ผืนป่าเงียบฝันราวไร้ชีวิต ร่างตระหง่านลดปืนลง เขาก้มหน้าสลัดปลอกกระสุน เบื้องหน้ามีเจ้าหมูป่าเคราะห์ร้ายนอนแน่นิ่ง กระสุนเจาะกระโหลกของมันยามความตายมาเยือน

มันสู้จนตัวตาย

ดูเอาเถิด คนไม่ถนัดจับจอบขุดดิน กลับจับปืนคล่องมืออย่างไม่น่าเชื่อ

ภายใต้ป่าเงียบและตะวันกำลังลาลับ ทุกร่างถอนหายใจออกมา นาวาซบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้างอบอุ่นนั้น สูดกลิ่นหอมอ่อนจากเจ้าของแผ่นหลังอุ่นหนา ตีหลังคนตัวสูงไปที ถ้าเกิดปืนเก่าสนิมเกรอะ เหนี่ยวไกไม่ลั่นขึ้นมาล่ะ ถ้าเกิดนายโดนหมูขวิดเข้าให้ล่ะ ถ้าเกิด….


เหมือนตรีเพชรจะรับรู้ความรู้สึกในใจของนาวาได้ อย่างที่นาวาเคยค่อนขอด ‘เรื่องด่าในใจ ไอ้ตี๋มันรู้ดีนัก’

“ไม่ต้องห่วงน่า จะอยู่ให้ด่าไปอีกนาน”

คนรู้ใจ…เอ่ยปลอบด้วยคำพูดกวน ๆ ปล่อยให้คนตัวเล็กฝังใบหน้ากับแผ่นหลังของเขาอยู่อย่างนั้น หากความอบอุ่นในน้ำเสียง และมือหนาที่กุมมือนาวาไว้ แม้ตรีเพชรไม่ได้หันหน้ามา แต่นาวารู้สึกเหมือนว่าชายหนุ่มกำลังลูบหัวเขาอยู่ แผ่วเบา ปลอบประโลม…


“ทีงี้ปากดีนัก” นาวากัดหลังของตรีเพชร

“หึหึ”


รอยยิ้ม สายตาซึ้งหวาน มอบให้แก่กัน พร้อมกับแสงสุดท้ายของวันลับหายไป


TBC......

หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ แผ่นหลังของนาย 30/กย/60
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 30-09-2017 14:23:38
ชอบๆ ชอบคู่นี้
มาต่ออีกไวๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ แผ่นหลังของนาย 30/กย/60
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 08-11-2017 02:53:32
เป็นนิยายที่ครบรสมาก ชอบมากกกกกกกก  :katai4: :really2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ แผ่นหลังของนาย 30/กย/60
เริ่มหัวข้อโดย: ThePPJ ที่ 08-11-2017 03:44:06
เข้ามาส่องทุกวันเลย คิดถึงนิยายเรื่องนี้
มาต่อเร็วนะ  :call: o19 :o11:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ แผ่นหลังของนาย 30/กย/60
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 18-11-2017 10:27:27
มาต่อเถิดจ้ะ ตามส่องอยู่  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ ดาวเหนือแห่งรัก 30/11/17
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 30-11-2017 17:06:18
ดาวเหนือแห่งรัก






พลังรักยิ่งใหญ่มหาศาล ยอดยิ่งเหนือพลังทั้งมวล เพราะยามใดที่เส้นด้ายเบาบางแห่งรัก ‘ผูกและพัน’ หัวใจ แม้นบางเบาเท่าเส้นผม ใครเลยจะถ่ายถอนรักแท้ได้?


ความรัก      ทรงพลัง      มหาศาล
นิรันดร      ฤานาน      กว่ารัก
แรงใจ      ไฟฝัน       อันประจักษ์
จริงแน่       แท้นัก      รักฤารอญ


คนบางคนสร้างความรัก


ใครคนนั้นเป็นเหตุแห่งรัก เป็นที่มาของความสุขและเสียงเต้นไม่เป็นจังหวะของหัวใจ ในเย็นวันนั้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมาจอมทัพรับรู้ถึงจังหวะที่แปลกไปของหัวใจตัวเอง วันที่ลูกเสือจอมทัพและเด็กชายนาวาตัวน้อยโดยสารรถสองแถวกลับบ้านด้วยกัน ภายใต้ผืนฟ้าตะวันรอน เด็กชายแว่นหนาในชุดนักเรียนงีบหลับ หัวทุยซบอยู่บนบ่าของเด็กชายตัวโตที่สวมชุดลูกเสือ แม้จะเกร็งและไม่กล้าขยับเพราะกลัวนาวาจะตื่น แต่จอมทัพก็รับรู้ได้ว่าตัวเขาเองกำลังยิ้ม เสียงหัวใจโครมครามอยู่ในอก เขากำลังตกหลุมรัก...


นานมาแล้วที่นาวาเป็นเสียงหัวเราะ เป็นความสุข และเป็นมุมเล็ก ๆ คอยรับฟังเขาระบายในยามทุกข์ ครั้งใดที่จอมทัพรู้สึกว่าท้องฟ้าของเขาเป็นสีเทามัวหม่น ตลอดเวลานาวาจะคอยเคียงข้างเขาเสมอ รอยยิ้มวาดกว้างจริงใจและสายตาสีทองประกายสดใสมองตรงมาให้กำลังใจ สิ่งนั้นเหมือนแสงตะวันในยามเช้า อบอุ่น เบิกบาน นุ่มนวล เปี่ยมล้นด้วยแรงใจ แล้วจะไม่ให้รักนาวาได้อย่างไร


บางครั้ง... ความรักสร้างคนบางคน


ความรักที่งอกงามหล่อเลี้ยงหัวใจนั้น ได้หล่อหลอมสร้างตัวตนของเจ้าของดวงใจแห่งรักนั้นขึ้นมา เมื่อเรามีรักที่ดี ก็ย่อมอยากจะทำตัวให้ดี ควรค่าแก่ความรักนั้น จึงไม่แปลกที่จะพูดได้เต็มปากว่า


จอมทัพคือผลผลิตของรักอันมั่นคง


แล้วใยคนที่มีรักอันคงมั่น ขณะนี้กลับไม่มั่นคง กระวนกระวายได้ถึงเพียงนี้


“พี่จอม หยุดเดินก่อนเถอะค่ะ สาเวียนหัว”


จอมทัพกอดอก เดินกลับไปกลับมาอยู่บริเวณกองไฟหน้าแคมป์ขณะที่เพื่อนและรุ่นน้องนั่งล้อมกองไฟกันอยู่ จนนิสาทักนั่นแหละ เขาจึงโดนมือของตามใจลากไปนั่งข้าง ไม่วายโดนเด็กเอาแต่ใจดุเข้าให้


“เดินวนอยู่อย่างนี้ก็ไม่ช่วยให้หาพี่วาเจอหรอก นั่งสงบสติอารมณ์เก็บแรงไว้ช่วยกันคิดดีกว่า”



“ก็มันคิดไม่ออก”


“แล้วที่เดินเนี่ยคิดออกไหม”


จอมทัพส่ายหน้า จนปัญญาจะต่อล้อต่อเถียงกับตามใจ เขาถอนหายใจยืดยาว หม่นทุกข์... หากวูบหนึ่ง...สัมผัสนั้นแผ่วบางเหลือเกิน ประหนึ่งสายลมพัดวูบอ่อนโยน สัมผัสจากฝ่ามือลูบประโลมแผ่นหลัง ฝ่ามือนั้นกำจายนุ่มนวลเหมือนสายลม แต่ก็พลิ้วหายจางจายเยี่ยงสายลมเช่นกัน ตามใจกำลังปลอบเขา? จอมทัพผินหน้าไปมอง ทว่าผิวหน้าของตามใจกลับเรียบเฉย คนเอาแต่ใจทอดมองเปลวไฟที่กำลังปะทุ ราวไม่รับรู้อะไร


แม้น้ำค้างยามราตรีพร่างพรม แต่กลุ่มคนที่ท่วมท้นด้วยความห่วงหา กังวลใจ ก็ยังคงปักหลักสุมไฟ ล้อมวงคอย ‘เพื่อน’ ให้กลับคืนมา เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนจะตกระกำลำบากอยู่ที่ไหน พวกเขาจึงก่อไฟใต้ผืนฟ้าสกาวให้ลุกโชนเหมือนความหวังที่โชติช่วงอยู่ในใจ


“ยังดีที่มันหายไปกับพี่เพชร ถ้าไอ้แว่นหายไปคนเดียว กูคงบ้ายิ่งกว้านี้” เอ็มคนที่ใจร้อนเกินใคร กลับเป็นห่วงนาวาและตรีเพชรไม่น้อยไปกว่าใคร


“ความผิดกูเองที่ปล่อยมันคลาดสายตา” เก้าเหม่อไปยังเปลวไฟ พร่ำโทษตัวเอง


“ไม่ใช่ความผิดมึงหรอก เหตุสุดวิสัยน่า”


“ไม่ใช่ได้ไง ตอนนั้นไอ้สาถามกูว่าได้ยินเสียงอะไรไหม คล้ายคนตะโกน กูยังว่ามันหูฝาดเพราะหิวข้าวเย็น”


“เอาน่าเก้า เจ้าหน้าที่ช่วยกันออกค้นหาแล้ว ไม่มีอะไรหรอกเดี๋ยวไอ้วากับพี่เพชรก็กลับมา” นิสาลูบหลังเก้าแผ่วเบา เก้าสีหน้าไม่ดีเลยหลังจากที่รับรู้ว่านาวาหายไป สิ่งที่นิสาทำได้ก็คงแค่ปลอบใจ


“จะว่าไป ห่วงไอ้วามันจังเลยเนอะ...” นิสามองออกไปยังความมืดของรัตติกาล อดีตอันยาวนานแสนไกล ตีฟุ้งขึ่นมาเหมือนตะกอนใต้ผิวน้ำเรียบใส ความทรงจำแห่งอดีตไหลหลากคืนมาเหมือนสายธารเชี่ยวกราก เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นยังฝังจำในความรู้สึก “จำที่พวกเราเข้าป่าด้วยกันตอนม.สามได้ไหม”


“ที่แกรบเร้าจะไปถ่ายรูปลงวารสารโรงเรียนแข่งกับชมรมห้องสมุด” แบงค์ทวนความจำ “แล้วพวกเราเก๊าะหลงป่า เพราะไอ้เอ็มดันทึ่มทำแผนที่หาย”


“เพราะมึงเลยไอ้แบงค์ชวนกูนั่งพัก กูจำได้ว่าปลดเป้ลง แล้ววางแผนที่ไว้ข้าง ๆ แถมเอาขวดน้ำตั้งทับไว้” เอ็มบ่น “แล้วไง พอเดินต่อก็เลยลืมทิ้งไว้ทั้งแผนที่ทั้งขวดน้ำ”


“กูจำได้” เก้าเห็นภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นชัดเจน “พวกเราไม่มีใครมีน้ำเหลือกันเลย เดินก็ไกลหาน้ำก็ไม่ได้ แต่ดีที่ไอ้วายกน้ำของมันให้พวกเราแบ่งกันกิน”


“ทั้งที่มันเองก็หิวน้ำมาก แต่ไม่ยอมบอกใคร” นิสาห่อไหล่เพราะความหนาวของน้ำค้างและความทรงจำ


“เฮ้อ... แถมกูยังมือไม่นิ่ง ปากิ่งไม้ใส่รังแตน จนไอ้วาที่อยู่ใต้กล้โดนแตนต่อย” แบงค์ส่ายหน้าให้กับความเซ่อของตัวเอง


“พวกเราวิ่งป่าราบ” เอ็มยัดฟืนใส่ไฟ สะเก็ดไฟสีส้มผลิแตกออกมาเรืองแสงระยับแล้ววับหายไป “ตอนนั้นเราหัวเราะทั้งที่สถาณการณ์มันไม่น่าขำสักขิด ไอ้แว่นหัวปูดวิ่งนำใครเพื่อน กูยังจำได้ว่าวิ่งตามมันไปหัวเราะไป”


“เรากลับทางเดิมได้เพราะไอ้วาวิ่งนำนี่แหละ สงสัยแตนต่อยหัว ความจำมันเลยดีขึ้นมากระทันหัน” แบงค์ยิ้มจาง ๆ คิดถึงเพื่อน... “วันนี้มันหลงป่า ไม่มีพวกเรา มันจะเป็นยังไงมั่งวะ”


“มันจะหิวน้ำไหม” นิสาซบหัวกับไหล่เก้า


“มันจะโดนแตนต่อยหรือเปล่า” เก้าเฝ้าถามกับฟอนไฟ


“กูน้อยใจไอ้แว่น หลงป่าทั้งทีไม่มีพวกเราได้ไง...” เอ็มว่า “มันจะคิดถึงพวกเราเหมือนที่พวกเราคิดถึงมันไหม กูคิดถึงมันจัง”


“นั่นสิ พูดกันไว้แล้วแท้ ๆ จะดูแลกันเหมือนที่หลงป่าวันนั้นตลอดไป ทำไมไม่อยู่ให้พวกเราดูแลวะ ชอบหนีไปเรื่อยไอ้เตี้ยน่ะ” แบงค์บ่นแผ่วเบากับสายลมโกรก


“กูโคตรอยากหายไปกับมัน ถ้าจะหลงไปแบบนั้น พวกเราหายไปด้วยกันทั้งหมดยังจะดีกว่า” เก้าเอียงศรีษะซบลงบนผมสลวยของนิสา


“ถึงบอกไง ถ้ามันหายไปคนเดียว กูคงบ้าตาย” เอ็มไม่คิดว่าประโยคแรกที่เขาพูดทำลายความเงียบ จะวกกลับมาเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนที่ความเงียบจะโรยตัวลงมาอีกครั้ง



ฟ้าราตรีสุกสกาว ลมเย็นพัดเรี่ยพลิ้วแผ่วเป็นระลอกต้องผิวกายให้หนาวเหน็บ แต่หลายชีวิตยังคงนั่งล้อมรอบกองไฟด้วยความหวังรองฟังข่าวจากทีมสำรวจของเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ จิตใจห่วงหานั้นรุ่มร้อนเหมือนกองเพลิง กลัวใยกับน้ำค้างที่เพียงแค่หยาดมาแล้วจางไป


ท่ามกลางความเงียบ เสียงไฟปะทุสอดเคล้าคลอเคลียกับหริดหริ่งแห่งพงพนา ขับขานท่วงทำนองของราตรี


“ดีแล้วที่มีไอ้เพชร...”


จอมทัพพูดขึ้นหลังจากนั่งฟังอยู่นาน ทุกคนพยักหน้าเห็นพ้องกัน
หากห้วงคิดของตามใจกลับตั้งคำถาม ‘แล้วจะดีกว่าหรือเปล่า ถ้าตอนนี้พี่วามีนาย...’


จริงแน่...   แท้นัก... รักฤารอญ


ความรักที่ไม่อาจถ่ายถอนได้เป็นดังนี้
ไม่ว่าจะอย่างไร ก็อดห่วงใยไม่ได้อยู่ดี


คืนนี้ดาวกระจ่างฟ้า
หากไร้คนชายตามอง...



เสียงหวานกังวาลใสของเครื่องดนตรีที่มีลักษณะคล้ายฮาร์ปขับกล่อมค่ำคืนในหมู่บ้านของชาวปกาเกอะญอที่ตั้งอยู่ในพงพนาดงไกล นันดา เด็กชายวัยสิบห้าผู้ชำนาญหน้าไม้หากไม่เชี่ยวชาญการปืนบอกว่าเครื่องดนตรีชนิดนี้มีชื่อเรียกแสนเพราะว่าเตหน่า โม่ หรือแม่ของเจ้านันดา บอกกับนาวาว่า พักนี้ลูกชายจอมซนมักจะออกมานั่งดีดเตหน่าร้องเพลงบนแคร่หน้าบ้านทุกค่ำ สงสัยจะร้องเพลงให้สาวบ้านไหนฟัง


“อ้าวพี่ ยังโทรหาเพื่อนไม่ติดเหรอ” นิ้วมือของหนุ่มน้อยหยุดดีดสายลวดที่ขึงตึง หันมาสนใจคนที่กำลังชูโทรศัพท์หาคลื่นสัญญาน



“เมื่อกี้เห็นเหมือนจะมีคลื่น แต่ตอนนี้มันหายไปซะแล้ว” นาวาเกาหัวงุนงง



“เอาน่านั่งก่อน เดี๋ยวก็มี คลื่นวิทยุยังมีเลย ผมได้ฟังเพลงบ่อย ๆ”



“ก็เลยจำเพลงมาร้องจีบสาวใช่ไหม”



“เปล่า จีบใคร ไม่มี”


“คะหยิ่น สินะ” นาวาจำเด็กสาวบ้านถัดไปได้ นันดาบอกว่าเป็นเพื่อนวัยเดียวกัน


“พี่อย่าพูดเสียงดัง” นันดา เด็กชายที่เพิ่งเข้าวัยหนุ่มแรกดรุณ หน้าแดงแข่งกับกองไฟที่ก่อไว้เพื่อสุมควันไล่ยุง


“หึหึ” นาวาหัวเราะ เขาโยกหัวนันดาจนทั้งสงคนยิ้มตลกไปด้วยกัน


“รักครั้งแรกเหรอนันดา”


“ครับ ก็ประมาณนั้น” เด็กชายเกาหัวแก้เขิน หากแววตาที่สะท้อนประกายไฟกลับเป็นประกายระยิบระยับลึกซึ้ง


“สดใสจังเลยนะ”


“ครับ?”


“ความรักไง เพราะเป็นรักครั้งแรก เพราะนันดายังเด็ก โลกของนันดายังสดใส มองอะไรก็สวยงามไปหมด คนตกหลุมรักมีสายตาแบบนี้แหละ”


“พี่พูดอย่างกับพี่กำลังตกหลุมรักใคร เอ๊ะ หรือใครตกหลุมรักพี่?”


“ห๊ะ ปะ เปล่า”


“นั่นไง จริงเสียด้วย ใครอะ” เด็กชายขี้สงสัยกระเถิบเข้าใกล้ ซ้ำยังเค้นคำตอบจากเขาอีก


“อะไร ไม่มี”


“บอกมาเถอะน่า ผมไม่บอกใครหรอก” นันดาเอียงหูเข้าใกล้


“ทำอะไรกัน”



เสียงเรียบของตรีเพชรทำให้คนสองคนที่นั่งคุยกันอยู่บนแคร่หันไปมอง ขายาวของชายหนุ่มในชุดผ้าฝ้ายสีดำแบบชาวกะเหรี่ยงไม่ต่างอันใดกับนาวา สาวเท้าเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวคนตัวเล็ก แขนแกร่งโอบเลื่อนตัวของนาวาออกจากนันดา แล้วเจ้าคนตัวโตก็นั่งแทรกลงตรงกลาง



“อาบน้ำไวจังตี๋”


“ถามว่าทำอะไรกัน” ตรีเพชรไม่ยอมให้นาวาเปลี่ยนประเด็น


“พี่วาน่ะสิ เค้ากำลังตกหลุมรัก แต่ไม่ยอมบอกสักทีว่าเป็นใคร” นันดาโพล่งขึ้นมาจนตรีเพชรเลิกคิ้ว ชายหนุ่มรูปงามผู้สวมอาภรณ์เฉกชาวบ้านหันมองนาวาที่กำลังก้มหน้าต่ำ หากใบหูกลับเป็นสีแดงสุกปลั่ง


“พอเลยนันดา อยากให้พี่ไปบอกคะหยิ่นไหมว่าเราชอบ”


“โถ่พี่ อย่าพูดเสียงดังสิ”


“ก็นายเริ่มก่อน”


“พี่เริ่มก่อน”


“เอาล่ะ ๆ หยุดเถียงกันทั้งสองคนนั่นแหละ” ตรีเพชรต้องห้ามทัพ หากไม่วายหันมาพูดแกล้งนาวา “แต่ถ้าวาบอกพี่ว่ากำลังตกหลุมรักใครก็ดี พี่จะได้ไปจัดการมัน”


“ไม่มีโว้ย” นาวาต่อยท้องของตรีเพชรเบา ๆ พลางคว้ามือถือขึ้นมาหาคลื่น


“ทำตัวน่าสงสัยนะเตี้ย มีอะไรที่ยังไม่บอกพี่หรือเปล่า”


“ยุ่งน่า คนจะโทรศัพท์”


“มีคลื่นซะที่ไหน”


“มีสิ นี่ไง เฮ้ย นี่ไงตี๋”


“เตี้ย ไม่ต้องแอคติ้งเวอร์ขนาดนั้นก็ได้”


“ไอ้บ้าตี๋โทรศัพท์มีคลื่นจริง ๆ โว้ย” นาวาต่อสายหาเพื่อนจนปลายสายรับนั่นแหละ “นี่ไงไอ้ทึ่ม”


“โทรติดจริงด้วย รอดแล้ว” ตรีเพชรร้องดีใจใหญ่ แล้วทั้งสองคนก็แทบจะกระโดดกอดกันเมื่อได้คุยกับปลายสาย



ทุกคนโล่งอกเมื่อได้รับโทรศัพท์จากนาวา เจ้าแว่นบอกว่าปลอดภัยดีและคงค้างคืนที่หมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงจะได้กลับค่ายพรุ่งนี้เช้า เพื่อนที่เฝ้าคอยกันด้วยความหวัง รู้สึกเหมือนยกผาหินออกจากอก เช่นเดียวกับตรีเพชรและนาวาที่ต่างก็รู้ดีว่ามีคนเป็นห่วงรอคอยอยู่ ภายใต้ฟ้ากระจ่างในคืนนี้ทุกคนคงจะหลับได้อย่างไร้กังวล


นันดาเปิดวิทยุทิ้งไว้ เพลงลูกกรุงเก่า ๆ คลอเบาไปกับเสียงปะทุจากกองไฟและเสียงหรีดหริ่งเรไรยามราตรี คนสองคนที่ผ่านเหตุการณ์ไม่คาดฝันมาด้วยกัน ยังคงนั่งทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรอบวันอย่างเงียบเชียบอยู่บนแคร่หน้าบ้าน วันนี้ช่างยาวนาน เหนื่อยยาก แต่ทั้งสองก็ผ่านมันมาได้ และผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมาด้วยกัน


ทั้งคู่ต่างจมอยู่ในภวังค์


นาวาได้เห็นตรีเพชรในมุมที่ไม่เคยได้เห็น


‘วา... หนีขึ้นต้นไม้ไป พี่จะล่อมันไปทางอื่น’


คนที่โดนมองว่าเป็นคุณชายขี้โวยวายคนนั้น กลับยอมเอาตัวเสี่ยงอันตราย เพียงเพื่อให้เขารอดจากเหตุการณ์เลวร้ายนั้น ตรีเพชรคว้าปืนอย่างคุ้นเคย เขายืนใจเย็น ทั้งที่มีปืนพร้อมอยู่ในมือ ไม่ยอมลั่นไกจนกว่าหมู่ป่าจะปรี่เข้ามาจนจวนตัว เมื่อได้ทบทวนดู นาวาจึงเข้าใจว่าคุณเพชรไม่ได้อยากฆ่าหมู่ป่าบาดเจ็บตัวนั้นเลย สัตว์ป่าที่สู้จนตัวตายเพื่อปกป้องตัวเอง มีศักดิ์ศรีกว่าการสอบฆ่าในจังหวะที่สบโอกาส ตรีพชรจึงสู้กับมันอย่างยุติธรรม


ชายหนุ่มไม่พูด ไม่อธิบาย ไม่ยกเรื่องการฆ่าหมูป่าขึ้นมาเอาความดีความชอบกับใคร แม้นันดาจะนำเจ้าหมู่ป่าโชคร้ายตัวนั้นกลับมาให้มารดาทำอาหาร คุณเพชรก็ไม่แตะต้องอาหารจานนั้นเลย


นาวาเผลอยิ้มให้กับความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นในหัวใจ มือข้างหนึ่งของนาวาค้างอยู่ในอากาศจังหวะเดียวกับที่ตรีเพชรหันมา


“ไม่ได้ยินที่พี่ถามเหรอ”



“ถามอะไร”



“รู้จักเพลงนี้ด้วยเหรอ เห็นฮำเพลงตาม เพลงเก่าแบบที่อาม่าชอบฟัง”



“อ๋อ รู้สิ วาก็ชอบฟัง”


“แล้วยกมือจะแอบตีหัวพี่หรือไง”



“ห๊ะ อ๊อ ไล่ยุงต่างหาก”



นาวาทำเป็นปัดมือไล่ยุง หากแท้จริงแล้ว เพราะความเผลอไผลบางอย่าง มันทำให้เขาอยากลูบปอยผมของตรีเพชรต่างหาก อยากสัมผัสให้นุ่มนวนแผ่วเบา ให้อ่อนโยน...เหมือนหัวใจอันอ่อนโยนของตรีเพชร

(เพลง Love โดย Lana Del Ray)

Look you kids with your vintage music
Comin’ through satellite while cruisin’
You’re part of the past, but now you’re the future
Signals crossing can get confusing


เด็กวันใหม่           ฟังเพลงเก่า           ของกาลก่อน
จากดาวเทียม      โคจร              ร่อนเวหา
เด็กวานวัน           ปัจจุบัน      อนาคตา
คลื่นบนฟ้า            อาจพา      ว้าวุ่นวาย


เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้ตรีเพชรได้รู้จักนาวามากขึ้น ในขณะที่นาวากำลังกระวนกระวายร้อนใจหาทางติดต่อเพื่อนอยู่นั้น เด็กแว่นแสนเฉิ่มยังมีสติพาเขาหนีออกมาจากสถาณการณ์คับขัน ตรีเพชรรู้ถึงน้ำใจและความเป็นลูกผู้ชายของคนที่ตกระกำลำบากด้วยกัน ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อน คนรัก หรือคู่หมั้น ในสถานการณ์เช่นนั้น คุณเพชรได้รู้แล้วว่านาวาจะไม่ทิ้งกัน


‘รอดด้วยกัน... ตายด้วยกัน’



“เตี้ย... พี่โคตรรักนายเลยว่ะ”



ตรีเพชรย้ำประโยคนั้นขณะทิ้งตัวลงนอน หนุนตักอุ่นของนาวา



“ได้ยินไหม”


“หูไม่หนวก”



นาวางัดหัวของคนตัวโตออกไปแต่ไม่ว่าจะออกแรงเท่าไหร่ก็สู้ไอ้คุณชายเอาแต่ใจไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยให้ตรีเพชรได้ทำตามใจ ถือว่าเป็นคำขอบคุณที่ทำตัวดีก็แล้วกัน



“พี่รักวา แล้ววาตกหลุมรักใคร”



“อะไรของนายอีกละตี๋”



“ที่เจ้าหนูนันดามันฟ้องไง”



“มันต่างหากแอบชอบน้องคะหยิ่น รักแรกของมัน”



“ถึงว่า ตกเย็นเจ้าหนูมาถามว่าใส่เสื่อตัวไหนถึงจะหล่อ ทั้งที่เสื้อมันก็คล้ายกันทั้งนั้น”



“โม่บอกว่านันดาแต่งตัวหล่อออกมาเล่นเตหน่าทุกคืน”



“จีบสาว?”



“อื้ม ความรัก มันสดใสยังงี้แหละ”



“แล้วพี่ล่ะ”



“อะไร”



“ใส่ชุดนี้หล่อหรือเปล่า”



“ถามทำไม”



“ไม่ว่าใคร ก็อยากดูดีในสายตาของคนที่เรารักด้วยกันทั้งนั้น” ตรีเพชรแหนงหน้ามองเจ้าของตักอุ่น เขาสะกิดแว่นหยอกล้อคนที่สวมแหวนหมั้นของเขาอยู่ “จริงไหมเจ้าเฉิ่ม”



“หึหึ” นาวาหัวเราะ นึกถึงเหตุการณ์ในที่วันแสงแดดปะทะสายลม วันแรกที่ทั้งสองเจอกัน “ไม่ว่าพี่เพชรจะใส่ชุดไหน วาก็ไม่เห็นว่าจะดูดีเลยสักนิด ไอ้ตี๋หน้าจืด ทรงผม เสื้อผ้า รองเท้า ดูไม่ได้สักอย่าง”


You get ready, you get all dressed up
To go nowhere in particular
Back to work or the coffee shop
Doesn’t matter ’cause it’s enough

เธอแต่งตัว           ให้ดูดี       สุดที่แต่ง
ไปในแห่ง      หนที่              ไม่ดีเหมือน
ไปทำงาน      หรือร้าน      กาแฟเยือน
มันไม่เหมือน   ไม่สำคัญ      ประการใด


เสียงหัวเราะของคนสองคนสอดประสานกัน การพบเจอในครั้งนั้นชัดเจนงดงามอีกขึ้นคราวในคืนนี้ ตรีเพชรมองเห็นแววตาสีน้ำตาลทองระยิบระยับของนาวายามหัวเราะด้วยความสุข ทำให้หัวใจของเขาฟูพองขึ้นเป็นเท่าทวี


“นั่นสินะ”



“หืม?” นาวาก้มหน้ามองคนที่หนุนหัวอยู่บนตัก



“ความรักไง ความรักมันสดใสแบบนี้แหละ ความรักของพี่... กำลังยิ้ม กำลังหัวเราะ แววตาของความรักสวยกว่าแสงเดือนแสงดาว พี่ดีใจที่ความรักของพี่กำลังมีความสุข...”


Cause it’s enough
To be young and in love… to be young and in love


แค่มีรัก      เท่านั้น      เพียงพอแล้ว
แค่มีรัก      ใยแคล้ว      หาเหตุผล
แค่มีรัก      ประดับใน           หัวใจตน
แค่มีรัก      เอ่อล้น      คนเยาว์วัย


ภายใต้ฟ้าพราวพร่างไปด้วยดาวผืนเดียวกัน อีกฟากฝั่งหนึ่ง จอมทัพก็ยังคงนั่งอยู่บริเวณกองไฟ เปลวเพลิงสีส้มทองเริงระบำในยามน้ำค้างพรายพรม ความอบอุ่นของเปลวไฟพอจะช่วยให้คนที่นั่งอยู่อย่างเดียวดายอบอุ่นขึ้นบ้างไหมหนอ เพียงแค่คิดเช่นนั้น เท้าของตามใจก็ไวกว่าความคิด เด็กหนุ่มรุ่นน้องหย่อนตัวนั่งข้างจอมทัพ จนคนที่นั่งอยู่ก่อนต้องหันกลับมามอง


“ยังไม่นอนอีกหรือไง” จอมทัพเป็นฝ่ายถาม



“ไม่ง่วง”



“ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงทำฝาย”



“ห่วงแต่คนอื่น”



“หืม? อะไร”



“นายน่ะ ห่วงแต่คนอื่น เคยห่วงตัวเองบ้างหรือเปล่า นั่งตากน้ำค้างแบบนี้เป็นหวัดไปจะทำไง”



“ฉันป่วยยาก”



“ป่วยสักทีจะหัวเราะให้”



“เป็นห่วงฉันเหรอ?”


จอมทัพถามออกไปอย่างคนใสซื่อ หากคำถามของเขากลับทำให้อีกฝ่ายตะกุกตะกัก ตามใจถอนหายใจออกมายืดยาว ควมคิดบางอย่างในใจมันอัดอั้นจนทนไม่ไหว เด็กรุ่นน้องเลยต้องถามโพล่งออกมา


“ถามจริง รักคนที่เขาไม่ได้รักเรา มันจะมีความสุขเหรอ”


ความเงียบกรายตัวมาอย่างเชื่องช้า ระหว่างคนทั้งสองมีเพียงแสงจากกองไฟและลมหนาวยามราตรีคั่นกลาง จอมทัพผันหน้ามาทางตามใจ นัยน์ตาของทั้งคู่สบกัน


“นายรู้ไหม  ที่สุดของความรักคืออิสรภาพในรัก เขารักใคร หรือใครรักเขาไม่ใช่ประเด็น หากรักเป็นเพียงการให้เมื่อลงว่ารักแล้ว จงมอบรักนั้นไปเถอะ... อย่าคาดหวังเลย”


นัยน์ตาที่ล้อประกายไฟของจอมทัพ ไม่มีแววเศร้าอยู่สักนิด รักแท้ที่มีเพียงการให้ มีความพอใจเพียงแค่ได้รัก และได้ทำให้คนที่รักมีความสุข โดยไม่คาดหวังอะไรตอบแทน


รักเพียงเพราะรัก...


ตามใจสูดอากาศชื้นฉ่ำเย็นยามค่ำคืนเข้าเต็มปอด


“นั่นสินะ...”


เด็กหนุ่มรุ่นน้องรูดซิปแจ๊กเก็ตที่สวมออก ตามใจวางมันคลุมไหล่จอมทัพ ดึงฮูดออกมาคลุมศรีษะคนที่เป็นรุ่นพี่ ก่อนจะลุกขึ้น ตามใจพูดทิ้งท้ายไว้เพียงว่า


“ฉันให้...”


อย่างน้อยเสื้อตัวนั้นคงจะทำให้คนที่นั่งอยู่อย่างเดียวดายใต้หยาดน้ำค้างอบอุ่นขึ้นมาสักนิด




“เตี้ย แหงนมองอะไรอยู่ พูดด้วยไม่ยอมพูด”


“ดูดาว” นาวาจะตอบอย่างไรว่าที่เงยหน้าเพราะไม่อยากให้คนหนุนตักเห็นว่ากำลังเขิน



“งั้นหาให้ดวงนึงสิ” ตรีเพชรลุกขึ้นนั่ง



“หาดาวอะไร”



“ดาวเหนือ”



“ไม่ยาก ทำตามนะ มองหาจากกลุ่มดาวหมีใหญ่ ตรงที่ดาวเรียงตัวกันเจ็ดดวงเป็นรูปกระบวยตักน้ำ ดาวสองดวงแรกของกระบวยตักน้ำจะชี้ไปยังดาวเหนือเสมอ”



“โคตรยาก มองยังไงให้เป็นรูปกระบวย” ตรีเพชรขยับตัวเบียดนาวา มองไปตามปลายนิ้วที่นาวาชี้ขึ้นให้ดูบนท้องฟ้า



“งั้นเอาวิธีใหม่ เขาบอกว่าถ้าเราหันหน้าสู่ทิศตะวันตก ยกแขนขวาขนานพื้น
เหยียดไปข้างลำตัว มือขวาจะชี้ไปทางทิศเหนือ แล้วค่อยเหยียดนิ้วโป้งลงตรงเส้นขอบฟ้า เหยียดนิ้วชี้ขึ้นข้างบน จะมองเห็นดาวเหนืออยู่ปลายนิ้วชี้”



“ไม่เห็นจะเข้าใจ”



“ลองทำตามสิ นี่เห็นไหม ดาวเหนืออยู่ตรงปลายนิ้วชี้”



“งั้นเหรอ อย่างนี้ใช่ไหม”



“ไม่ใช่แบบนี้ ชี้ไปที่ท้องฟ้าสิ จิ้มหน้าฝากวาทำไมเล่า”

“ก็พี่หาเจอแล้วนี่นา ดาวเหนือของพี่น่ะ”

ปลายนิ้วชี้ของตรีเพชรจรดอยู่กึ่งกลางหน้าฝากของนาวา


“ดาวเหนือก็ต้องอยู่บนท้องฟ้าสิ”


นาวารู้สึกถึงจังหวะแกว่งไหวของหัวใจ มันเต้นสั่นแบบแปลก ๆ หากเหมือนมีประจุไฟฟ้าเล่นวาบในกลางทรวง เพียงแวบเดียวเท่านั้นก็ทำให้หน้าเห่อร้อนขึ้นมาได้


“รู้หรือเปล่าว่าดาวเหนือบนท้องฟ้ามันเปลี่ยนแปลงได้” ตรีเพชรลูบหัวนาวาแผ่วเบา เขาจับให้คนตัวเล็กนั่งซุกอยู่ในตัก “ดาวเหนือปัจจุบันคือดาวโพลาริส ในกลุ่มดาวหมีเล็ก ในอดีตคือดาวทูบัน ในกลุ่มดาวมังกร ในอนาคตเมื่อแกนโลกหมุนเอียง จะเป็นดาวเวกา ในกลุ่มดาวพิณ”



“อืม...”



“ดาวเหนือของท้องฟ้ามีการเปลี่ยนแปลง แต่พี่อยากให้ดาวเหนือของพี่เป็นแค่นาวาคนเดียว เป็นให้ได้ไหม เป็นดาวเหนือ ดาวนำทางของพี่... ฟ้าทั้งผืนพี่ยกให้ ให้ดาวเหนือของพี่ครองแค่คนเดียว”



“พี่เพชร...”



“พี่รักวานะ”



รสจูบแผ่วเบาทาบทับริมฝีปาก ความหวานปานน้ำผึ้งหยาดรินในหัวใจของคนทั้งสอง จุมพิตใต้ผืนฟ้าสกาวเชื่อมหัวใจทั้งสองดวงให้สนิทแนบแน่น ดังมีด้ายเส้นบางแห่งความรักกำลังถักทอเยื่อใย ผูกและพัน หัวใจของคนทั้งคู่ให้เคียงข้างกันไปตราบชีวิตจะพาให้ทั้งสองคนแยกจากกัน...


แสงสีทองอบอุ่นฉาบขอบฟ้า บ่งบอกว่าเช้านี้เป็นวันที่ที่ชาวค่ายทุกคนได้เวลาเดินทางกลับ หลังจากนาวาและตรีเพชรกลับไปร่วมกับชาวค่ายและเพื่อน ๆ ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะแทบไม่ยอมแยกจากกัน วันนี้ทุกคนสวมเสื้อผ้าสีสันสดใส คงเพราะผ่านเรื่องทุกข์หม่นและเพราะความรู้สึกบางอย่างผลิบานในหัวใจของพวกเขาเหล่านั้น


I get ready, I get all dressed up
To go nowhere in particular
Doesn’t matter if I’m not enough
For the future or the thing to come


ฉันลุกมา      แลหน้าตา          ปรุงแต่งตัว
ไม่เคยมัว      สงสัย            ในที่หมาย
ไม่สำคัญ      ว่าฉัน            พร้อมใจกาย
อนาคต      บั้นปลาย         ไม่กังวล


เส้นทางถนนของพวกเขายังทอดยาวไปอีกไกล หากวันนี้เขาพร้อมแล้วที่จะเดินไปสู่หนทางข้างหน้า เพราะพวกเขารู้ว่าข้างกายยังมีใคร เพื่อน พี่ น้อง ทุกคนเหล่านี้ไม่ทอดทิ้งกัน ความรักที่มีให้กันเป็นเครื่องยืนยันถึงสายสัมพันธ์อันแนบแน่นตรึงใจ พวกเขาพร้อมที่จะเติบโต และเผชิญอุปสรรค์ต่าง ๆ ไปด้วยกัน


เพราะมั่นใจว่าเพียงมีรักก็พอแล้ว


Cause I’m young and in love
I’m young and in love


เพียงรักเกิด           ในดวงใจ      ก็พอแล้ว
รักเพริดแพร้ว   เติมเต็มใจ            วัยพาฝัน
กาลเวลา      ผันผ่าน       คืนและวัน
แต่รักนั้น      มั่นเนิ่นนาน           กลางรอยใจ


 :katai2-1: :hao5: :katai2-1: :hao5: :katai2-1: :mew1: :mew2: o22 :really2:

และแล้ว Mon Fiance ก็เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของเรื่องแล้วนะครับ อีกประมาณสามบทก็จะถึงบทสรุปของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนเขียนบทนี้ไม่ทราบเลยว่ามันจะลงเอยเช่นไร แต่มันคงสมควรแก่เวลา สมควรแก่ตัวละคร และใกล้ที่จะถึงจุดจบเต็มทีแล้ว ขอบคุณทุกคอมเม้น ทุกกำลังใจ ทุกคนที่ติดตาม ขอบคุณทุกความรักความปรารถนาดี และขอบคุณช่วงเวลาที่เราเติบโตไปด้วยกัน

see you until the end of this story

lots of love

yours,

Killian

ปล อ่านไปฟังเพลงไปด้วย จะเพราะมากครับ


 :mew1: :mew1: :mew1: :3123: :3123: :3123: :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :L2: :L2: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ ดาวเหนือแห่งรัก 30/11/17
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 24-12-2017 01:57:53
เพิ่งเข้ามาเห็นว่าลงนิยายต่อ
ดีใจมากค่ะคิดถึงมากจริงๆ
พี่เพชรน้องวาน่ารักมาก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ ดาวเหนือแห่งรัก 30/11/17
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 24-12-2017 02:13:37
เราชอบเรื่องนี้มากเลยยแต่เดี๋ยวจะย้อนกลับมาอ่านอีกรอบพลาดไปหลายตอนเลย :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ ดาวเหนือแห่งรัก 30/11/17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-01-2018 21:16:06
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers 14 Jan 18/ จบ ย้ายได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 14-01-2018 08:06:26



Butterfly lovers




31 ธันวาคม

อีกไม่นานเข็มนาฬิกาก็จะข้ามกาลเวลาไปสู่ปีใหม่ สู่อนาคตที่ทอดยาวไปข้างหน้า

ธันวาคม แปลว่า การมาเยือนของราศีธนู อาวุธแห่งกามเทพ ผู้สรรค์สร้างความรักให้เกิดขึ้นบนโลก ว่ากันว่า ศรแห่งกามเทพปักลงกลางหัวใจดวงใด ผู้เป็นเจ้าของดวงใจนั้นจะตกหลุมรัก

ความรักที่แย้มกลีบบานในชีวิตของคนเรานั้น ยากที่จะถ่ายถอนใช่หรือไม่?

เช่นนั้นแล้วจะเรียกว่า ตกหลุมรัก… ก็คงไม่ผิดนัก

“แหงนมองอะไรอยู่เตี้ย มาช่วยย่างดิ จะไหม้หมดแล้ว”

นาวามองผืนฟ้าคอตั้งบ่า หันมาทางตรีเพชร ไม่วายเถียงกลับไป ด้วยเพราะนิสัยเป็นคนรั้น ก่อนจะช่วยอีกฝ่ายย่างบาร์บีคิวที่ตั้งเตาไว้บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน

“มองหาราศีธนู จะได้เอาด้ามธนูฟาดหัวแก”

เทวตำนานเล่าขานเอาไว้ ปลายศรอันแหลมคมของกามเทพผู้รังสรรค์ความรักทำมาจาก… เพชร ชาวกรีกจึงเชื่อว่าเพชรเป็นของรักและตัวแทนแห่งเทพเจ้า เพชรน้ำหนึ่งเปล่งประกายสดใส เฉกผิวน้ำกระจายระลอกกว้าง สะท้อนแสงตะวันระยิบระยับ ประกายนั้น ใส ซื่อ ร่าเริง เป็นสุข

“ฮ่าๆ อาม่า อันนั้นหมวกซานตาครอสครับ หมวกปีใหม่อันนี้”

ตรีเพชรยิ้มกว้าง ประกายตาทอแสงไฟระยิบ เขาวางจานบาร์บีคิวลงบนโต๊ะ หากไม่ทันไรจานนั้นก็พร่องลงไปทันควัน

“พวกมึงเอาแต่กิน โน่น ไปช่วยนาวาย่างเลย”

วันนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เป็นครั้งแรกที่บ้านหลังใหญ่แห่งนี้รู้สึกคึกคัก อบอุ่นไปด้วยเสียงหัวเราะ ของคนที่เป็นเพื่อน พี่ น้อง และครอบครัว ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ไม่ใช่เพื่อฉลองปีใหม่ เพราะไม่ว่าจะปีนี้หรือปีไหน เข็มนาฬิกาก็จะเดินวนรอบหน้าปัดต่อไปอย่างนั้น พระอาทิตย์และพระจันทร์ยังคงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นมาประดับท้องฟ้า สรรพสิ่งคงเดิมเป็นไปของมันอย่างนั้น เฉกที่เคยเป็น

หาก ณ วันนี้ ทุกคนกำลังยิ้มให้กันและกัน กำลังหัวเราะสนุกสนาน กำลังมีความสุข เพราะลึก ๆ พวกเขากำลังฉลองให้กับความสัมพันธ์ที่มันยืดยาวขึ้นอีกปีต่างหาก
คนเราไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อจะเผชิญโลกนี้อยู่คนเดียว การมีเพื่อนที่ดี ครอบครัวที่ดี เป็นความสัมพันธ์ที่เราควรให้ค่า และรักษามัน ใช่หรือไม่

เพื่อนที่ดี… หาไม่ได้โดยง่าย
มิตรภาพ… มิได้เกิดขึ้นโดยง่าย

หากยามมีมัน เราจึงควรหมั่นรักษาดูแลไว้ เพื่อวันหนึ่งต้นกล้าเหล่านี้ จักงอกงามเติบโต คอยเป็นมือที่ยื่นมาพยุงเรา เป็นมือที่ตบบ่าให้กำลังใจ… ในยามที่โลกทั้งใบหันหลังให้เรา

ผืนฟ้าของเมืองใหญ่คลี่คลุมไปด้วยหมอกควันและไอฝุ่น จนทำให้มองไม่เห็นว่าปลายศรแห่งกามเทพชี้ไปที่ใด ทว่านาวาสามารถรับรู้ได้ด้วยหัวใจ ปลายแหลมของศรแห่งความรักกำลังชี้มาที่คนกลุ่มนี้ มณีน้ำหนึ่งสุกใสเรืองรอง ณ ปลายศาสตราวุธแห่งพระกามา เทวาแห่งความรัก กำลังชี้ตรงไปที่…

“พี่เพชร…”

ตรีเพชรเงยหน้าจากแก้วไวน์ เอี้ยวคอไปทางนาวาที่เดินขมวดคิ้วออกมาจากตัวบ้าน

“วาหากล่องใส่การ์ดไม่เจอ ไม่รู้เอาไปวางไว้ที่ไหน”

“อยู่ตรงหัวเตียงไงครับ ไม่ก็ในลิ้นชัก”

“ไม่เจอเลย ไปช่วยหาหน่อย”

ในวัยเด็ก ความตื่นเต้นของนาวาและเพื่อนร่วมห้องทุกคนที่รองมาจากการแลกของขวัญก็คือการ์ดอวยพร ส.ค.ส. อักษรย่อจากคำสามคำ ส่ง ความ สุข เป็นความสุขที่ส่งให้กันผ่านปลายปากกาและตัวอักษร แต่ก่อนนาวาจำได้ว่าทุกปีใหม่จะซื้อ ส.ค.ส. สะสมไว้ การ์ดเล็ก ๆ ใบละหนึ่งบาทจะมีรูปการ์ตูนที่ชอบและกากเพชรโรย เสมือนละอองหิมะโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ในเมืองที่หิมะไม่เคยตก ความไร้เดียงสาและจินตนาการใสซื่อในวัยเด็ก หิมะจึงสวยเหมือนกากเพชร

“พี่บอกแล้วว่าอยู่ตรงหัวเตียง”

“เก๊าะหมอนบัง ใครจะไปเห็น”

เสียงของสองคนที่เดินออกมาจากตัวบ้านเรียกทุกคนหันมอง ตรีเพชรกับนาวาไม่มีสักวันหรอกที่จะไม่หยุดเถียงกัน การลับฝีปากของสองคนนี้เป็นธรรมดาสามัญไปแล้วสำหรับคนใกล้ชิด ถ้าวันไหนเงียบนั่นเป็นสัญญานของความผิดปกติ ตรีเพชรเคยแจงเหตุผลในเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังว่า

‘ลองหาคนที่เถียงกันได้ทุกวัน แทบทุกเรื่อง แต่ไม่ทะเลาะกันดูสิ แล้วจะรู้’

คนเรายามรู้สึกเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่กับใครสักคน บางทีความเห็นที่ไม่ตรงกันบางอย่าง คำพูดบางคำ อาจไม่สำคัญเลยก็ได้ สิ่งเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ไม่สามารถทลายความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ลงได้ ตรงกันข้าม กลับยิ่งทำให้เข้าใจกันมากขึ้น
เหมือนพี่กับน้องที่อาจจะเถียงกันบ้าง แต่สุดท้ายความรัก สายสัมพันธ์แห่งครอบครัวก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ตัดไม่ขาด

‘ตัดไม่ขาด แต่สมัยนี้เค้ายิงกันตาย’ เปรมแย้ง

‘นั่นมึงกับไอ้หมวย นาวากับกูไม่ใช่แบบนั้น’

ลมหนาวพัดวูบมาจนไฟกระพริบที่แขวนอยู่กับต้นไม้ลู่ไกว สวยเหมือนฝนดาวตกที่ร่วงหล่นลงมาเป็นสาย ลมหนาวที่เลื่อนลอยผ่านไปแล้ว ถูกแทนที่ด้วยการ์ดใบเล็กที่นาวาวางไว้ตรงหน้าทุกคน

จำได้ไหม เขียนส.ค.ส.ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?

นานมากแล้วเช่นกันที่นาวาไม่ได้เขียนส่งความสุขให้ใคร

หากแต่สิ่งที่เขียนนี้ นอกจากจะเป็นความสุขที่ส่งถึงกันแล้ว ตัวอักษรจากปลายปากกาทุกตัวยังซับเอาคำขอบคุณ กระซิบให้ทุกสายตาที่เลื่อนผ่านทุกอักขระให้รู้ว่า เราทุกคนได้ร่วมเติบโตด้วยกัน ได้ส่งผ่านความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน คำทุกคำเล่าเรื่องราว มีชีวิต โลดแล่น และมีลมหายใจของตัวมันเอง อักษรเหล่านี้สร้างคุณค่า เพราะคิดเสมอว่าทุกครั้งที่ปลายปากกาตวัดบนกระดาษ จะต้องโอบอุ้มเอาสิ่งดี ๆ ส่งผ่านไป อย่างน้อยก็หวังให้มันบ่มเพาะความสุขให้บานแบ่งในหัวใจผู้คน

ตัวอักษรถ่ายทอด คำขอบคุณ ความรัก ความงดงามแห่งชีวิต คราบน้ำตา และรอยยิ้ม ลมหายใจแห่งตัวอักษรทุกตัวถักทอออกมาเป็นความรู้สึก... อบอวลอยู่ในหัวใจ…

“นาวา สารักวาที่ซู๊ด” เธอคว้าเพื่อนมากอดเต็มแรง

“กูว่าแล้ว มึงต้องบอกไอ้แบงค์ให้ตัดใจจากน้องมด”

เก้าหัวเราะ ชะโงกหน้าอ่านการ์ดของแบงค์ที่เจ้าตัวเพิ่งโดนหญิงสาวปฏิเสธรักมาหมาด ๆ

“ขอบใจนะจ๊ะหนูวา อาม่าชอบการ์ดใบนี้”

“พี่ก็ชอบค่ะ” พลอยลดายิ้มแก้มปริ

แม้คืนนี้ดาวจะไม่กระจ่างเต็มท้องฟ้า หิมะอาจไม่โปรยปรายลงมาเหมือนกากเพชร แต่เสียงหัวเราะของทุกคนเป็นคีตะสำเนียงที่มีชีวิต มันสดใส เหมือนประกายตาทุกสายตาที่มองให้กันและกัน และเพชรเม็ดนั้น… ก็ยังคงสว่างสดใส จัดจ้ากว่าดาวดวงใดบนฟ้ากว้าง

เพชรจึงเป็นตัวแทนของความรัก

มากมายแห่งผู้คนจึงมอบแหวนเพชรให้แก่กันในวันแต่งงาน

เพราะเพชรจะคงอยู่เสมอ เป็นประจักษ์พยานแห่งรัก ที่ผูกและพันแน่นหนาข้ามกาลเวลาอันยาวนาน เพื่อบอกให้โลกรับรู้ว่า ประกายแห่งรักแท้จะสดใสสุกสกาวตลอดไปตราบนิรันดร์

“นาวา มานั่งให้ดีจะเที่ยงคืนแล้ว”

ตรีเพชรเรียกเจ้าแว่นให้มานั่งใกล้ ชายหนุ่มโอบไหล่ของร่างบางไว้หลวม ๆ เขายิ้ม รอยยิ้มนั้นสวยจนไม่อาจละสายตา เพราะยามคุณเพชรยิ้มให้นาวา เขาจะยิ้มทั้งสายตาและหัวใจ ตรีเพชรเอียงหน้ามองคนที่อยู่ในอ้อมแขนสายตานั้นอบอุ่นเหมือนอ้อมกอดในฤดูหนาว

“เรามานับไปด้วยกันนะ”

“ได้สิ 9, 8, 7…”

นิ้วเรียวของตรีเพชรแตะริมฝีปากของนาวาไว้ ดวงตาสีอำพันภายใต้แว่นหนามองตรงไปยังนัยน์ตาสีรัตติกาลของอีกฝ่าย

“ไม่ใช่นับถอยหลัง… แต่… นับหนึ่งไปด้วยกันจากนี้ต่างหาก เราไปด้วยกัน… จนกว่าชีวิตจะพาให้เราพรากจากกันนะ…”

ความอ่อนโยน อ่อนหวานใด ๆ เล่นวาบเข้ามากลางทรวงอกอย่างห้ามปรามมิได้ ในวินาทีนั้น พลุในหัวใจนาวาระเบิดกึกก้องตูมตาม ประกายของมันส่องสว่าง สดใส เจิดจ้ายิ่งกว่าพลุที่จุดขึ้นบนฟ้าเสียอีก
เสียงนับถอยหลังของทุกคนดังมากหากไม่เข้าหู สิ่งที่ได้ยินมีเพียงคำพูดของตรีเพชร

“พี่เพชร…” นาวารั้งตรีเพชรเข้าใกล้ กระซิบแผ่วเบาใกล้ใบหู “…รัก”

สิ้นเสียงนับ 3 2 1 พลุชุดใหญ่ถูกจุดขึ้นเต็มท้องฟ้า นาวายิ้ม ความสุขล้นออกมาทางสายตา ทางรอยยิ้ม ปากเปล่งความปิติออกจากใจส่งผ่านไปให้ทุกคนได้รับความรู้สึกนั้น

“Happy New Year”

ขณะทุกคนต่างพูดออกมาพร้อมกันว่า

“Happy birthday!”

ไฟของบ้านทั้งหลังพลันดับสนิท หลิวเดินเข้ามา ในมือของสาวใช้ถือเค้กวันเกิด เปลวเทียนวูบไหวหยอกล้อกับสายลม

Happy birthday, happy birthday, happy birthday to you

ตรีเพชรยื่นเค้กให้ คนที่ไม่เตรียมตัวอย่างเจ้าแว่น เป่าเทียนรวดเดียวโดยไม่ขอพรอะไรทั้งนั้น

“ไม่อธิษฐานก่อนเหรอ”

“ไม่ล่ะ แค่นี้วาก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องการอะไรอีก”

ไฟทั้งลานบ้านรู้สึกจะสว่างกว่าเดิม หัวใจดวงนี้เหมือนจะเบิกบานกว่าเดิม การอยู่ท่ามกลางคนที่เรารักและรักเรา มันหาอะไรเปรียบไม่ได้จริง ๆ นะ รักษามันไว้ให้ดี เก็บเกี่ยวความสุข ความงดงามตรงนี้ไว้ให้มากที่สุดเถอะ ชีวิตของคนเราสั้นเกินกว่าจะมองข้ามคนรอบตัวเหล่านี้

“ขี้แย” จอมทัพล้อ

“เปล่าซะหน่อย” แค่น้ำตารื้น

“นี่ของขวัญของพี่กับตามใจ มีความสุขมาก ๆ นะวา”

จอมทัพลูบหัวเด็กน้อยของเขา ไม่ว่าจะอย่างไร นาวายังคงเป็นคนพิเศษสำหรับเขาเสมอ

“ตามเป็นคนเลือกเองกับมือเลยนะครับพี่วา นายขี้บ่นนี่จ่ายตังค์อย่างเดียว เค้าคิดไม่ออกหรอกจะให้อะไรเป็นของขวัญ”

“พูดมากน่า”

“ก็หรือไม่จริง”

สองคนนี้ก็เช่นกัน พักหลังเถียงกันบ่อยขึ้นจนทุกคนผิดสังเกตุ

ของขวัญมากมายหลายกล่อง นาวารับไว้ด้วยสองมือและหนึ่งใจ มีเพียงความขอบคุณจากก้นบึ้งของความรู้สึกเท่านั้นที่จะตอบแทนไปได้…

“พี่เพชรรู้ได้ไงว่าวันนี้วันเกิดวา”

“ว่าเคยบอกนี่ว่า วันเกิดวาไม่มีใครว่างมาอยู่ด้วยหรอก วันนี้พี่เลยขอให้ทุกคนมา ให้รู้ว่าวาไม่ได้อยู่คนเดียว อีกอย่าง วันเกิดแค่นี้ถ้าพี่ไม่รู้ คงเป็นแฟนที่แย่มาก”

“วาตกลงเป็นแฟนพี่ตอนไหน”

“เมื่อกี้บอกรักพี่แล้วนี่นา จริงไหม”

ทุกสรรพสิ่ง ยามมีจดเริ่มต้น ก็ต้องมีจุดสิ้นสุด

ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกรา… งานนี้ก็เช่นกัน

หากเปรียบกันการเขียนบันทึก คงจะเป็นหมึกหยดสุดท้ายที่จะใช้ในการถ่ายทอด หากเรื่องราวในชีวิตก็ยังคงดำเนินของมันต่อไป เส้นทางในชีวิตทอดยาวไปข้างหน้า เพียงแต่ถามหัวใจของเราเถิดว่า ทางที่เดินอยู่นั้นมีหัวใจของเราอยู่หรือไม่ ถ้าใช่ก็จงเดินไปเถอะ หัวใจมนุษย์นำทางตัวเองเสมอ หัวใจที่อ่อนโยนและอ่อนหวานจะขอบคุณและขอบใจทุกความรักที่ผ่านเข้ามา หัวใจนั้นจะเป็นหัวใจที่มีพลัง พาสองขาของเราก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง


1 มกราคม

เช้าวันนี้แดดจ้าและลมแรง

แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างกระจกที่มีผ้าม่านพริ้วบางกั้นไว้ ร่างบางพลิกหาความอบอุ่น มือนั้นเคลื่อนไปสัมผัสกับเตียงเย็นเฉียบ ว่างเปล่า ร่างที่ไร้อาภรณ์ปกปิดกายงัวเงียขึ้นมา สองมือขยี้ตา รำงับความง่วงงุน

“ไอ้ตี๋ไปไหนแต่เช้า… เอ๊ะ”

สัมผัสเย็นจากวัตถุที่สวมอยู่บนลำคอระหงส์ทำให้นาวาประหลาดใจ เด็กขี้เซาจึงลุกขึ้นคว้าแว่นตรงหัวเตียง ใกล้กันนั้นเป็นกระดาษโน๊ตใบเล็กเขียนด้วยลายมือของตรีเพชร

‘ห้ามถอดล่ะ สุขสันต์วันเกิดครับ
                             Yours, P’

นาวายืนตรงกระจก เห็นเงาสะท้อนของวัตถุที่อยู่ระหว่างอก สร้อยคอทองคำขาว จี้ผีเสื้อปีกสีน้ำเงินโบยบิน ไพลินน้ำงามสะท้อนประกายแดดรับอรุณ


สายลมพัดปะทะหน้ายามปั่นจักรยานผ่านต้นไม้ใหญ่ริมทาง ถนนเลนส์เดียวที่ทอดจากตัวบ้านกว่าจะถึงถนนใหญ่ยาวพอควร นาวาเลยออกมาปั่นจักรยานเล่นแก้เบื่อ เพราะคนที่บอกว่าจะพาทุกคนไปไหวะพระดันออกไปฟิตเนสแต่เช้ามืด อาม่ากับทุกคนที่บ้านเลยได้แต่คอยให้พ่อตัวดีรีบเสด็จกลับ

แสงแดดยามเช้าลอดผ่านใบเขียวชอุ่มของต้นไม้ใหญ่ พวกมันไหวลู่ลมเสียดสีกันเป็นเพลงแห่งธรรมชาติ คงแหงนมองใบไม้นานเกินไป เสียงแตรรถยนต์ถึงดังเข้า จักรยานของนาวากำลังปั่นเข้าหารถสปอร์ตสีขาว แบรกมือทำงานของมันอย่างดี ล้อจักรยานหยุดทันก่อนที่จะชนเข้ากับรถของคู่กรณี

ประตูรถสีขาวคันนั้นเปิดออก บทเพลงอันคุ้นเคยแว่วผ่านสายลมมาจากรถคันนั้น

I was a quick wet boy... ผมเคยเป็นเพียงเด็กผู้ชายตัวเปียกปอนปราดเปรียว…

…Stole me a dog-eared map, call for you everywhere… ขโมยแผนที่เก่าขาดวิ่น ออกตามหาร้องเรียกถึงคุณทุกหนแห่ง

Have I found you flightless bird? ผมเจอหรือยังนะ... นกน้อยที่ไม่ยอมบินจากไปไหน?

“เตี้ย อีกแล้วนะ ปั่นจักรยานของนายยังไงเนี่ย”

“ปั่นช้าจนจะคลานแข่งกับเต่าอยู่แล้ว นายนั่นแหละจะรีบไปตามควายที่ไหน”

“ควายตัวนี้แหละ ต่อไปนี้ห้ามปั่นจักรยานแล้วนะรู้ไหม อันตรายชะมัด เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะเป็นยังไง”

“อ้าว ไม่กลัวรถถลอกแล้วเหรอ”

“ช่างรถมันเถอะ”

“หึๆ”

“ยังจะหัวเราะอีก”

“น่ารักนะเนี่ยตี๋”

นาวายีหัวตรีเพชรจนฟู

“เดี๋ยวเถอะ เอาใหญ่ละ”

“ถามอะไรหน่อยสิ”

“เรื่องอะไร?”

ถึงจะบ่นแต่ตรีเพชรก็ยืนให้นาวาปีนเกลียวอยู่อย่างนั้น

“เคยถามครั้งนึงละ ยังไม่ได้คำตอบเลย ทำไมต้องผีเสื้อล่ะ ทั้งสร้อยข้อมือสร้อยคอ”

“โถ่ นึกว่าจะรู้ ที่แท้ก็โง่นะเนี่ย”

“อ้าว”

“เหลียงซานปั๋วกับจู้อิงไถไง”

“ใครวะ บรรพชนของนายที่เมืองจีนเหรอตี๋”

“เออ โง่แล้วไม่เจียมอีก butterfly lover ม่านประเพณีไง”
 
“หือ? นิทานเหรอ ไม่เห็นคุ้นเลย เล่าให้ฟังหน่อย”

“ไปหาอ่านเอง”

“โหย ไรวะ บอกหน่อยก็ไม่ได้”

“ไปอ่านเองเองสิ ใครจะบอกเล่า”

ตรีเพชรหน้าแดง หากสายตาคู่นั้นไม่ละไปจากใบหน้าของนาวาเลย ยามดวงตาของทั้งคู่สบกัน สายลมอ่อนพลิ้วแผ่วผ่านมา หอบเอากลิ่นหอมของดอกไม้ กลิ่นหอมหวานของความรักเจอมาด้วย

“เตี้ย..แดดแรงละ กลับบ้านเรากันเถอะ”

คุณเพชรจับมือของนาวาไว้ มือนั้นอุ่นนุ่ม มั่นคง

“…อื้ม”

‘บ้านของเรา’ คำนี้อบอุ่นเหลือเกิน


ในเช้าวันนั้นนาวาได้รู้ว่า ชาวจีนเชื่อว่าผีเสื้อเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักบริสุทธิ์ เป็นผีเสื้อที่เกิดจากรักพิสุทธิ์ของคนสองคน ที่ยอมให้ธรณีสูบหายไป เพียงเพื่อให้ได้ครองรักกัน หลังจากแผ่นดินแยกและรับร่างของคนทั้งสองเอาไว้ ปรากฏมีผีเสื้อสองตัวโบยบินออกมา เป็นตัวแทนแห่งรักและอิสรภาพในรักที่พวกเขาไม่เคยมีในยามที่ยังหายใจ

ผีเสื้อแห่งรักของเหลียงซานปั๋วกับจู้อิงไถบินเคียงกัน ไกลสุดไกล… ความรักของนาวาและตรีเพชรก็เช่นกัน ขณะนี้ผีเสื้อปีกสีน้ำเงินสองตัวกำลังสยายปีกโบยบิน เคียงคู่กันไปอย่างอิสระบนถนนที่ทอดยาวไปข้างหน้า ปีกงามกระพือผ่านสายลม คอยเคียงข้างกัน… จนกว่าชีวิตจะแยกให้เราจากกัน…


จะสลัก       ความรักนี้    ในรอยใจ
ให้ผีเสื้อ     โบยบินไป     ดังใจฝัน
ให้สองปีก   กรีดกาง       ทุกคืนวัน
ให้รักนั้น     เหนือนาน     กาลเวลา

จบ


ขอได้รับคำขอบคุณจาก Killian







หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers 14 Jan 18/ จบ ย้ายได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 14-01-2018 08:42:57
ชอบๆ ละมุนมากตอนจบ
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers 14 Jan 18/ จบ ย้ายได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 09-02-2018 20:07:38
ชอบๆ ละมุนมากตอนจบ

Thank you  :pig4:
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น...คู่หมั้นผม Ch 1 เจ้าสาวของเจ้าชาย (10/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 15-02-2018 13:23:20
5555555 ขำสองคนนี้มาก
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers 14 Jan 18/ จบ ย้ายได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 15-02-2018 13:57:36
ขอบคุณมากค่ะ  :monkeysad: มีครบเลยเรื่องนี้

จำได้ว่าเคยอ่านนานแล้ว ตั้งแต่เป็นพวกนักอ่านเงา  อิอิ

จนตอนนี้สมัครเป็นสมาชิกเล้าแล้ว แต่เหนือสิ่งใด

เราก็ปวดใจ สงสารจอมทัพ :m15: อยากให้รักตามใจเร็วๆ

อยากให้จอมทัพได้มีความสุขแบบสุขจากคนที่รักอ่ะ

แบบยังไงล่ะ อธิบายไม่ถูก ฮือ แต่อ่านพาร์ทจอมทัพทีไร

ละบีบใจตลอดเลย
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers 14 Jan 18/ จบ ย้ายได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 03-03-2018 12:27:48
ละมุนสุดๆ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers 14 Jan 18/ จบ ย้ายได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 04-03-2018 22:41:29
คิดว่าจะไม่มาต่อจนจบแล้ว ดีใจที่มีโอกาสได้อ่านเรื่องนี้แบบครบถ้วนสมบูรณ์นะคะ :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers 14 Jan 18/ จบ ย้ายได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 19-03-2018 13:20:57
ขอบคุณมากเลยเป็นเรื่องที่ละมุนอบอุ่นมาก ชอบสำนวนและเพลงในเรื่องทั้งไทย อังกฤษ และกลอน ประจำบางเรื่องเราจะไม่ค่อยอินกับเพลงแต่เรื่องนี้อ่านตามคิดตามทุกคำ มีให้ทั้งไทยอังกฤษซึ่งดีมากเพราะเราแปลเองมันก็ยังกระด้างๆไปหน่อย ชอบการผูกเรื่องที่เหมือนต้องคิดไว้ทุกอย่างแล้วก่อนแต่ง และเนื้อเรื่องต่อกันได้ลงตัว ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆของผีเสื้อสองตัวนี้นะคนเขียน
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers 14 Jan 18/ จบ ย้ายได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 19-03-2018 14:31:23
เพิ่งเห็นว่ามาต่อจนจบแล้ว มาเริ่มอ่านกันใหม่ค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers 14 Jan 18/ จบ ย้ายได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: ornonon ที่ 20-03-2018 10:58:18
ละมุน  :z3:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers 14 Jan 18/ จบ ย้ายได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 20-03-2018 21:25:40
สนุกมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers 14 Jan 18/ จบ ย้ายได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 01-04-2018 02:21:15
 :m1: หนูวาทำให้เขินตาม น่ารักมากเลยค่ะ
พี่เพชรก็ช่างแกล้ง พี่จอมก็ละมุน น้องตามก็แก่นเหลือเกิน นิสานี่มีความเป็นแม่ของหนูวาด้วย สนุกค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ   :L2:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers 14 Jan 18/ จบ ย้ายได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 07-04-2018 15:11:16
ขอบคุณสำหรับนิยายนารักๆ ค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers 14 Jan 18/ จบ ย้ายได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 10-04-2018 12:46:23
พี่เพชร - น้องวา น่ารักมาก ๆ ครับ



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers 14 Jan 18/ จบ ย้ายได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 19-09-2018 22:35:01
ช่วงนี้ฝนตก คิดถึงความอบอุ่นของตรีเพชร นาวา และผองเพื่อนเลยแวะมา อุ่นใจที่ได้กลับมาหาจุดเริ่มต้นของตัวอักษรของตัวเอง
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers 14 Jan 18/ จบ ย้ายได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 20-09-2018 09:21:56
ชอบมากเลยค่ะ ละมุนมากๆ ภาษาก็ดี

อ่านแล้วรู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้นะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers ... จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 31-12-2019 23:05:50
HNY 2020 ครับทุกคน 

วันนี้นอกจากเป็นวันปีใหม่ อันที่จริงมันก็คือคืนวันสิ้นปี และยังเป็นวันเกิดของนาวา ตัวละครที่ผมรักอีกหนึ่งตัว คิดถึงเลยแวะมา พร้อมกับมาบอกข่าวดีว่าปี 2563 นี้ นวนิยายเรื่องใหม่จะปรากฏกายสู่บรรณภิภพ ฝากติดตาม 'ธรฺมรฏฺฐคีตา' ด้วยนะครับ น่าจะประมาณครึ่งแรกของปี ไม่นานเกินรอ นิยายเรื่องนี้ค้นคว้า ก่อร่างสร้างฝันขึ้นตั้งแต่เมื่อสามสี่ปีที่แล้ว อยากให้ลองเปิดใจตามอ่านดู ขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่เคยแวะเวียนมาหาตรีเพชรและนาวา ความอบอุ่นที่มอบให้ ไม่เคยเลือนหายไปเลย....

รักเสมอ
KILLIAN
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers... END
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 02-01-2020 15:23:23
น่ารัก  :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers... END
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 04-01-2020 10:32:21
พึ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ ชอบความน่ารักมุ้งมิ้งของเพชรกับนาวา สนุกสนานกันไป :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers... END
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 14:28:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers... END
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 15-04-2020 21:04:07
 :z13: