EPISODE 42 เฟลิเซียเปิดประตูอย่างเบามือ ภายในบ้านเงียบกริบ เธอเดินเข้ามาจนถึงส่วนของห้องนั่งเล่น เด็กผู้ชายตัวบางกำลังเขียนอะไรยุกยิกพอหันมาเจอเธอก็ทำปากกาหลุดมือเสียงั้น ตากลมเบิกกว้าง ปากอิ่มอ้าค้าง หน้าตาเลิ่กลั่ก รีบลุกขึ้นแล้วถอยหลังไป
อะไรกันเจ้าเด็กนี่ กลัวเธอมากหรือไงเนี่ย
“เอ่อ..” หน้าตาตื่นกลัวแบบนั้นมันยิ่งน่าแกล้งนะหนูน้อย ..เฟลิเซียยกยิ้มในใจ
รู้สึกอยากแกล้งคนของน้องชายขึ้นมาอีกแล้ว อย่าว่าเธอเลย ถ้าได้มาเห็นหน้าของกระต่ายตัวขาวตอนนี้ก็คงคิดไม่ต่างจากเธอหรอก ตากลมโตบวมช้ำกับปลายจมูกแดง ๆ เพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มานั่นน่ะ มันทั้งน่าเอ็นดูและน่ารังแกในเวลาเดียวกัน
แต่ไม่เอาดีกว่า ถ้าเจ้าน้องชายของเธอรู้คงได้บีบคอเธอแน่ ๆ ไม่รู้จะหวงอะไรขนาดนั้น
“กลัวฉัน?” กอดอกเลิกคิ้วถาม กระต่ายของน้องชายส่ายหน้าหวือแล้วพยักหน้า ตกลงยังไงแน่
“ค คุณมีอะไรหรอครับ?”
“คุณ?” รู้สึกขัดใจกับสรรพนามนั้นไม่น้อย แต่ก็เลือกที่จะปล่อยผ่าน “แค่มีเรื่องจะคุยด้วย นั่งสิ”
“อ่า.. ครับ”
“ฉัน.. ไม่สิ พี่..ขอโทษ”
“...........”
“เฮ้ อย่าเงียบสิ”
“ผม.. ไม่ได้โกรธหรอกครับ” ...แค่เสียใจนิดหน่อย
“ถึงอย่างนั้นก็ต้องขอโทษอยู่ดี”
“.............” พูดไม่ออกเพราะกำลังอึ้ง ไม่คิดว่าพี่สาวไรเฟิลจะมาขอโทษแบบนี้
“จริง ๆ ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก แค่อยากแกล้งเท่านั้นแหละ ขอโทษด้วยนะที่พูดไม่คิดแบบนั้น”
“ผม.. แกล้ง..ผม..”
“อื้อฮึ เรื่องที่ไรเฟิลมีแฟนเป็นผู้ชายนั่นน่ะ เด็กยักษ์นั่นก็บอกตั้งนานแล้ว” เฟลิเซียไม่ใช่คนแก่หัวโบราณสักหน่อยที่จะรับเรื่องชายรักชายแบบนี้ไม่ได้ อีกอย่างอย่าลืมว่าเธอเป็นฝรั่งสิ เรื่องแบบนี้มันธรรมดามาก ปัจจุบันนี้มันก็มีให้เห็นเยอะแยะ ตอนที่รู้ก็แค่ช็อค ไม่คิดว่าน้องจะรักจะชอบผู้ชายด้วยกันเอง พ่อเธอแค่แสยะยิ้มตบไหล่ไรเฟิลแล้วบอกให้พามาเจอเหมือนกันรู้อยู่แล้ว และคงจะไม่ขัดขวางอะไรหรอก(และแน่นอนไม่มีใครกล้าท้าทายอำนาจมืดของคุณนายฟีโอน่า)
“ล แล้ว.. คุณรับได้หรอครับ?”
“คุณอีกแล้ว เรียกพี่สิ พี่เฟ น่ะพูดเป็นไหม” ควอทซ์ยิ้มกว้างพยักหน้าหงึก ๆ
“ครับ พี่เฟ!” เรียกขันแข็งอย่างกับทหารโดนฝึก เฟลิเซียยิ้มเอ็นดู ปรับความเข้าใจกับคนของน้องชายอยู่สักพักก็ไล่กระต่ายน้อยไปล้างหน้าล้างตา จะได้เข้าบ้านใหญ่ไปพร้อมกัน ป่านนี้น้องชายคนโตของเธอคงอกแตกตายไปแล้วมั้ง
ควอทซ์เป็นคนน่ารัก ใครเห็นก็ต้องหลงในความน่ารัก เฟลิเซียก็เป็นหนึ่งในนั้น. . .
ที่เธอร้ายมันก็แค่การแสดงเท่านั้นแหละ จำไว้
--------------------
พี่เฟจูงมือผมเข้ามาในบ้านใหญ่(มือพี่เฟนุ่มมากครับ) ตอนนี้ได้เรียกพี่เฟแทนพี่สาวไรเฟิลหรือคุณเฟแล้ว แฮ่ ดีใจมากกกกกกกกก พี่เฟแค่แกล้งโผมมมมมมมมม แกล้งแบบนั้นผมใจไม่ดีนะครับ แต่ป๊าก็แกล้งผมทำนองนี้นี่หว่า โอยยยย ชีวิตผมทำไมโดนแกล้งบ่อยขนาดนี้! T____T สรุปแล้วครอบครัวไรเฟิลไม่ได้รังเกียจผมและรับรู้เรื่องของผมกับไรเฟิลตลอด(ไรเฟิลเล่าให้คุณแม่ฟังแล้วคุณแม่ก็เล่าให้ลูก ๆ คนอื่นฟังด้วย) อยากจะร้องไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยดัง ๆ ดีใจฉิบหายเลยอ่ะ
----
-------
“ไอ้เด็กบ้า!” พี่เฟแหวใส่น้องชาย พอไรเฟิลเห็นผมกับพี่เฟเข้ามาก็เดินมาแล้วกระชากมือพี่เฟที่จับมือผมอยู่ออกซะงั้น
“ยัยบ้านั่นทำอะไรหรือเปล่า”
“เรียกพี่แบบนั้นได้ไง นิสัยไม่ดี”
“ใช่! ด่าอีกเยอะ ๆ เลย” พี่เฟพูด ... เหมือนเด็กชอบเลยครับ ไม่น่าเชื่อว่านี่คือผู้บริหาร
“น้องควอทซ์มาหาคุณแม่หน่อยสิคะ” ผมมองหน้าไรเฟิล คนตัวสูงพยักหน้า ผมจึงเข้าไปหาแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าของคุณแม่ไรเฟิล มือสวยประคองหน้าผม บอกให้ขึ้นไปนั่งข้างบน
“มีอะไรเหรอครับ?”
“มาเป็นลูกแม่อีกคน...ได้ไหมคะ?” ท่านพูดเสียงอ่อนโยนพร้อมกับรอยยิ้มใจดี ในหัวผมขาวโพลน คิดอะไรไม่ออก งงมาก ๆ ..ไรเฟิลเล่าอะไรให้ท่านฟังเหรอ..
“ผม...” ภาพตรงหน้าพร่าเลือนมองไม่ชัด น้ำตาไหลออกมาตอนไหนไม่รู้ตัว ปลายนิ้วของคุณแม่เกลี่ยหยดน้ำสีใสออกให้อย่างเบามือ
“รังเกียจคุณแม่หรอคะ?”
“ป เปล่าครับ.. แต่ผม ผม...เป็นใครก็ไม่รู้ แล้ว...”
“พี่ควอทซ์คิดอะไรมากว้าาาา” เสียงฟาโรห์แทรกเข้ามา
“ว่าไงคะ?”
“....ครับ”
“เยยยยยย้!!” เสียงน้องฟิงซ์กับฟาโรห์ร้องลั่น คุณแม่ยิ้มกว้างดึงผมเข้าไปกอด ผมกอดท่านตอบ เอียงหน้ามองเห็นไรเฟิลอมยิ้มบาง ๆ และที่เหนือความคาดหมายคือคุณพ่อไรเฟิลยื่นมือมายีผมผมเบา ๆ บนใบหน้ามีรอยยิ้มอบอุ่นประดับอยู่... ที่เคยบอกว่าท่านน่ากลัวผมขอถอนคำพูดนะครับ
และที่สำคัญที่สุดก็คือ. . .
. . . ผมมีแม่แล้วฮะ . . . ---------------------------
“คุณคะ คุณ ๆ โชติจินดามาแล้วค่ะ” คุณแม่บ้านเข้ามาบอก
“จัดโต๊ะหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ไรเฟิลพาน้องควอทซ์ไปล้างหน้าแล้วตามไปที่ห้องอาหารเลยนะคะ” ไรเฟิลพยักหน้ารับคำ พาผมไปห้องน้ำ
“ขี้้แง” ขยี้ผมผมระหว่างที่กำลังล้างหน้า ผมเงยหน้าให้คนตัวสูงซับหน้าให้แล้วโถมกอดอีกคนแน่น บี้หน้ากับไหล่กว้าง
“ขอบคุณนะ”
“เรื่อง?”
“ทุกเรื่องเลย..” เขย่างตัวจุ๊บปากคนตัวสูงเบา ๆ แล้วผละออก ไรเฟิลตีหน้านิ่งแต่หูแดงเถือก
“อยากสูบบุหรี่ไหม?” ผมกระแซะถาม ยักษ์หัวเงินกลอกตา
“มาก!”
ตรรกะแปลก ๆ ของคนตัวสูงที่ชอบสูบบุหรี่เวลามีความสุขน่ะ ผมก็รู้หรอก หึหึ
---
----
ผมชะงักเมื่อเข้ามาในห้องอาหารแล้วเจอกันใคร ดูเหมือนฝ่ายนั้นก็ตกใจที่เห็นผม ใบหน้าสวยของกรีนบูดบึ้ง ผมยกยิ้ม
ใช่ครับ.. กรีนกับครอบครัวของเธอ
เรื่องหมั้นที่ว่านั้นคือไรเฟิลกับกรีนหรอ..?
ผมนั่งลงข้างไรเฟิล ยกมือสวัสดีพ่อแม่ของกรีน ท่านรับไหว้ผมแล้วหันไปคุยกับพ่อแม่ไรเฟิล ..คุณพ่อไรเฟิลนั่งหัวโต๊ะ ฝั่งซ้ายมือคือคุณแม่ ถัดมาฝั่งเดียวกันคือฟาโรห์ ไรเฟิลแล้วก็ผม ฝั่งตรงข้ามมีคุณพ่อของกรีน แม่ของกรีน กรีน น้องฟิงซ์และพี่เฟ
“ทานไปคุยไปดีกว่านะคะ” คุณแม่พูด จากนั้นเราก็เริ่มทานอาหารกัน
“ไม่มีกุ้งทอด หึหึ” ผมยู่ปากใส่ไรเฟิล ไม่มีก็กินอย่างอื่นได้เหอะ แค่นี้ต้องแซว
“เพื่อนไรเฟิลหรอจ้ะ?” ผมมองคนพูด แม่ของกรีนนั่นเองครับ ผมยิ้มบางก่อนจะตอบครับอย่างสุภาพ
“เพื่อน
สนิทเลยนะคะ” กรีนเน้นคำว่าสนิท เหยียดยิ้มมองผม
“กรีนรู้จักน้องควอทซ์ด้วยเหรอคะ?” คุณแม่ไรเฟิลถาม
“รู้จักสิคะ ที่มหา’ลัยเขาดังจะตาย อืม.. เพราะเป็นเด็กทุนที่อยู่กลุ่มของไรเฟิลมั้งคะ” แล้วจำเป็นต้องกระแนะกระแหนขนาดนี้ไหมล่ะสังคม... ผมอยากจะกลอกตาเป็นรูปแผนที่โลกจริง ๆ
‘กลุ่มไรเฟิล’ มีสี่คน คือ ไรเฟิล ไนต์ กาย และ ฟอร์ส พวกคุณรู้อยู่แล้ว กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างดังและมีอำนาจครับ มหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่ คือของทั้งสี่ครอบครัวนี้ร่วมกันสร้างขึ้นมา ชื่อที่ใช่เรียกกลุ่มนี้มีหลายอย่างครับ สี่สหาย ที่ผมใช้เรียกบ่อย ๆ หรือ ‘สี่ขั้วอำนาจ’ ที่คนส่วนใหญ่รู้จัก
ที่ผมโดนเกลียด โดนหมั่นไส้ก็เพราะได้เป็นเพื่อนกันสี่ขั้วอำนาจนี่แหละครับ สี่คนนี้มีแต่ทายาทมหาเศรษฐีกันทั้งนั้น แล้วผม...ซึ่งเป็นเด็กทุน เด็กทุนในความคิดของเด็กเอกชนแบบนี้กรีนก็คงหมายความว่า ‘จน’ ผมในความคิดเขาคือสิ่งที่ไม่เข้าพวกสำหรับสี่ขั้วอำนาจ ดังนั้นที่ผมโดนเกลียดหรือหมั่นไส้มันก็ไม่แปลก หรือจะอิจฉาที่ผมสนิทกับสี่สหายก็ไม่รู้นะ /ถอนหายใจ
“ที่บ้านทำอาชีพอะไรเหรอจ้ะ?” คุณแม่ของกรีนถามพร้อมรอยยิ้ม(ที่ปั้นแต่ง)
“ขายของครับ”
“ลำบากหรือเปล่าจ้ะ?”
“ไม่ลำบากอะไรมากหรอกฮะ ผมเป็นเด็กทุน 100% ไม่ได้จ่ายค่าเทอมน่ะครับ”
“งี้พี่ควอทซ์ก็เก่งมากเลยสิคะ ถึงว่าสอนให้ฟาเป็นคนได้” ผมกลั้นหัวเราะ เกลียดตัวเองที่เข้าใจคำพูดน้องฟิงซ์ คนถูกพาดพิงทำหน้างงสักพักแล้วชี้หน้าน้องสาว
“ไม่เห็นรู้” ไรเฟิล
“ไม่เห็นถาม” ยิ้มยิฟงันกวนประสาทอีกคนเล่น โดนผลักศีรษะเป็นของตอบแทน โด่ววววว
“ไรเฟิลคงต้องเลือกคบเพื่อนดี ๆ หน่อยแล้วนะคะเนี่ย คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ ค่ะ” แล้วเพื่อนดี ๆ ในความคิดของคุณผู้หญิงคืออะไรหรอครับ?
----------------------
หลังจากทานอาหารเสร็จก็ย้ายไปที่ห้องนั่งเล่นครับ ผมกะว่าจะออกไปนั่งเล่นที่ริมสระว่ายน้ำไม่ก็ไปป้วนเปี้ยนในครัว แต่ถูกไรเฟิลดึงแขนเอาไว้ เลยได้อยู่ฟังเขาคุยกันด้วย
“ไรเฟิลกับน้องกรีนก็โตพอที่จะทำตามสัญญาแล้วนะคะ”
“เรื่องแบบนี้ก็ต้องเต็มใจทั้งสองฝ่ายนะคะ” คุณแม่ไรเฟิลพูดท่าทีใจเย็น
“จะลืมสัญญาระหว่างเรางั้นหรือ?” คุณพ่อของกรีน
“ดิฉันไม่ลืมค่ะ แต่นั้นมันก็แค่คำพูดของผู้ใหญ่ เด็ก ๆ ก็โตกันแล้วให้เขาตัดสินใจเองดีกว่าค่ะ
“แค่หมั้นไว้ก่อนไม่เห็นเสียหายอะไร เรียนจบจะได้แต่งกันเลยไงคะ”
“ผมว่าถามความสมัครใจเด็กก่อนดีกว่า” คุณพ่อไรเฟิลพูดหลังจากที่เงียบอยู่นาน
ผม ไรเฟิล พี่เฟ น้องฟิงซ์ ฟาโรห์ เป็นแผนกนั่งฟัง ผู้ใหญ่เขากำลังโต้เถียงเรื่องการหมั้นของไรเฟิลกับกรีน จากที่ฟัง ๆ อยู่เนี่ย ทั้งสองครอบครัวนี้เหมือนจะตกลงทำสัญญาปากเปล่ากันเอาไว้ว่าจะให้ลูกคนแรกเกี่ยวดองกันอะไรทำนองนั้นมั้งครับ ลูกคนแรงของศิริวัฒนามงคลดันเป็นผู้หญิง ส่วนกรีนเธอก็เป็นลูกคนเดียว ดังนั้นผลกรรม(?)จึงมาตกที่ไรเฟิล. . .
“ผมไม่หมั้น” ไรเฟิลพูดด้วยเสียงเรียบนิ่งและจริงจัง
“แต่เราตกลงกันแล้วนะจ้ะ”
“ถ้าต้องใช้ชีวิตกับคนที่ผมไม่ได้รัก ผมตายดีกว่า” ผมลูบหลังไรเฟิลให้ใจเย็น ครอบครัวของกรีนแสดงออกว่าไม่พอใจคำพูดไม่เฟิลชัดเจนมาก รวมทั้งกรีนที่มองผมอย่างโกรธเคือง
“อยู่ ๆ กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง”
“ตายทั้งเป็นน่ะสิ”
“ไรเฟิล” คนโดนเอ็ดไม่สนใจ เด็กเอาแต่ใจเข้าสิงหรือยังไง
‘ถือว่าสร้างความฮือฮาในวงการไฮโซเลยก็ว่าได้นะคะ กับนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่จาก Vaanische(วานิเช่)’ เสียงพิธีกรสาวรายการกอสซิปไฮโซดังแว่วมาให้ได้ยินจากโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้ ผมหันไปให้ความสนใจเพราะเชื่อแบรนด์ของมันต่างหาก!! แบรนด์ของอาณิช!
‘ในเว็บไซต์ของวานิเช่ได้ปล่อยภาพออกมาให้ได้ชมกันแล้วนะคะ นายแบบไม่คุ้นตาแต่ว่าหน้าตาน่ารักเชียว เราไปชมภาพจากวานิเช่และสัมภาษณ์ของคุณวาณิชกันค่ะ’ โอ้มายก็อด... ผมอ้าปากค้างกับภาพที่ฉายอยู่บนจอพาสม่า รูปผมประมาณสี่ห้ารูปถูกฉายขึ้น(ไม่มีภาพเซ็ทสุดท้ายนั่นถือว่าโชคดีมาก) ทำไมอาณิชไม่บอกว่าจะออกทีวีแบบนี้วะ!!! ผมกลืนน้ำลายเอือก ไรเฟิลยังไม่เคยเห็นภาพที่ผมไปถ่ายมา ถึงแม้ผมจะได้ไฟล์ภาพทั้งแล้วก็เถอะ ไม่กล้าเอาให้ดูครับ กลัว.. T____T
เหมือนทุกคนจะลืมเรื่องที่กำลังคุยกันและไปสนใจจอพาสม่านั่นแทน..
‘นายแบบคนนี้เป็นใครกันคะ’ คุณพิธีกรก็อยากรู้จั้งงงง
‘คนสำคัญครับ สำคัญยังไงนั้นขอยังไม่เฉลยนะครับ’ ฮืออออออออออ T____T และพิธีกรก็พูดอะไรอีกไม่รู้ จบประเด็นนายแบบไป ผมซบหน้ากับฝ่ามือตัวเองไม่กล้ามองคนข้าง ๆ เลยครับ
----------
------
“ดิฉันต้องการจัดงานหมั้นเร็วที่สุดค่ะ” บอกเล่าความต้องการตัวเองอย่างโจ้งแจ้ง
“จะไม่มีงานหมั้นใด ๆ เกิดขึ้นค่ะ” คุณแม่บอกกลับทันควัน
“ได้ยังไงกัน!”
“ลูกชายของดิฉันกับลูกสาวคุณไม่ได้รักชอบกัน ดิฉันจะไม่บังคับลูกค่ะ”
“แต่กรีนรักไรเฟิล”
“รักข้างเดียวไม่เรียกว่ารักกันค่ะ” อยากจะกดรีพีตคำพูดคุณแม่ซ้ำ ๆ กรีนกำมือแน่น จิกตามองผมอย่างโกรธจัดแล้วแสยะยิ้ม คิดจะทำอะไรครับคุณ...
“คุณอาทั้งสองรู้ว่าไรเฟิลมีแฟนเป็นผู้ชายหรือเปล่าคะ? แล้วยังเป็นคนที่นั่งข้างไรเฟิลตอนนี้ด้วย” โอ้โห.. เล่นแบบนี้เลยแฮะ พ่อกับแม่กรีนช็อคมากดูจากสีหน้า ..แต่ว่าคุณพลาดแล้วล่ะกรีน
“รู้สิคะ ลูกชายมีแฟนทำไมพ่อแม่จะไม่รู้ล่ะคะ”
“รับได้หรอคะ!?”
“ลูกเป็นอะไรพ่อแม่ก็รับได้ทั้งนั้นแหละค่ะ”
“เหอะ! เป็นผู้ชายด้วยกันฐานะยังต่างกันอีก ไม่คู่ควรเลยสักนิด” กรีนกอดอกเชิดหน้าจิกตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเหยียดหยาม ผมระบายยิ้มอ่อนก่อนจะพูดออกไป
“โทษนะครับ พ่อของผมเป็นนักธุรกิจ และผม...รวยมาก!” “โกหกล่ะสิ พ่อหรือเสี่ยเลี้ยงกันแน่”
“ขอโทษนะครับที่ต้องถามตรง ๆ
นอกจากปากแล้วมีอะไรดีบ้าง?”
“oh~” พี่เฟกับน้องฟิงซ์แท็กมือกัน
“หยาบคาย! ไม่มีสมบัติผู้ดีเอาเสียเลย” ผมยิ้มกับคำพูดของแม่กรีน
“ต้องดูถูกคนอื่นใช่ไหมครับ ถึงจะเป็นผู้ดี” ผมรู้..ว่าเถียงผู้ใหญ่มันไม่เหมาะสม แต่ทำไปแล้วหนิ..
“แก..!!”
“อยากตายก็สาดมา” ไรเฟิลพูดเสียงเย็น กรีนกำแก้วน้ำแน่นจนขึ้นข้อขาว
“เอาเป็นว่า การหมั้นจะไม่เกิดขึ้นนะคะ เดินทางปลอดภัยค่ะ” บอกแบบนั้นเหมือนไล่กลาย ๆ เลยแฮะ ครอบครัวของกรีนกลับไปด้วยความไม่พอใจมาก ๆ เลยนะผมว่า
-------------------------
Rifle’s ตอนเช้าวันอาทิตย์. . . ผมกำลังนอนมองหน้าคนตัวเล็กกว่าที่กำลังหลับตาพริ้ม ตอนนี้เพิ่งแปดโมงเช้า ปล่อยเขานอนไปก่อน เหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อวาน ...เดี๋ยว ผมไม่ได้ทำอะไรเขา เมื่อคืนแค่กอดเฉย ๆ เหนื่อยเพราะมีเรื่องให้คิดมาก ผมเองก็เครียด ช่วงนี้งานเยอะ เพิ่งเสร็จไป งานใหม่ก็มา ไหนจะต้องอ่านหนังสืออีก ใกล้สอบไฟนอลแล้วก็อย่างนี้ นอกจากเรื่องเรียนแล้วยังต้องช่วยงานบริษัทอีก ให้ตาย!
ครืด~
Felicia : (สติกเกอร์กระต่าย)
R. : What?
Felicia : Where are your Bunny?
R. : In my arm
Felicia : (สติกเกอร์เบ้ปาก)
Felicia : Open the door!
R. : For what?
Felicia : Don’t ask me why but you must come and open the door for me, right now! เหี้ยไรเนี่ย ผมวางมือถือไว้ที่โต๊ะข้างเตียง จับแขนกระต่ายขี้เซาที่พาดอยู่บนเอวอย่างเบามือ ขาที่ก่ายอยู่นี่อีก บันนี่ครางฮื่อแต่ไม่ตื่น ผมเป่าลมออกจากปากแล้วออกไปเปิดประตูให้เฟลิเซีย
ตรงหน้าผมคือผู้หญิงผมทองสูงกว่าร้อยเจ็ดสิบ หน้าสวยยิ้มพราว เจ้าเล่ห์สัด ๆ ในอ้อมแขนมีสัตว์หน้าขนตัวเล็กอยู่ มันคือกระต่าย
“มีอะไร” ไม่ตอบแต่เบียดผมเข้ามาในบ้าน เดินลิ่วไปที่ห้องนอนทันที เฟลิเซียวางกระต่ายตัวน้อยลงบนเตียง แล้วยิ้มพอใจ ไอ้กระต่ายสีขาวหูตกนั่นเดินดุกดิกอยู่บนเตียง จะกวนเมียกูหรือไง
ผมลากเฟลิเซียออกมาด้านนอก คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่สาวบอกว่าซื้อกระต่ายฮอลแลนด์ลอปอายุสองเดือนนั่นมาให้คนของผม บอกอีกว่าเหมือนกัน แถมต่ออีกว่ามีไอ้กระต่ายนั่นมาอยู่ด้วย บันนี่ของผมจะสนใจแต่สัตว์เลี้ยงไม่สนใจผม อืม.. ดีไหมล่ะพี่สาวผม
ชอบแกล้งนักล่ะ ตั้งแต่เมื่อวานที่แกล้งคนของผมจนร้องไห้นั่นแล้ว เล่นเหี้ยอะไรแรงแบบนั้น เรื่องนี้ผมยังไม่รู้มาก่อน เพียงแค่ตะหงิดในใจเท่านั้น เพราะตอนแรกที่มาบอกกับครอบครัวว่ามีแฟนเป็นผู้ชายก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร ก็แค่ช็อคไปแค่นั้น เอารูปมาให้ดูยังบอกว่าน่ารักเลย แล้วนี่มาทำท่ารังเกียจ ไม่ชอบกระต่ายของผม เล่นใหญ่ซะผมเขว
กลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งหลังจากไล่เฟลิเซียกลับบ้านใหญ่ไปแล้ว กระต่ายสีขาวขนฟูปีนขึ้นไปบนตัวคนของผม เท้าเล็ก ๆ ย่ำบนอกเดินขึ้นสูงจนหัวชนกับปลายคางมน แล้วฟุบนอนนิ่ง ๆ บนอกบันนี่ เออเว้ย! เหมือนกันจริง ๆ ขี้เซาฉิบหาย ผมส่ายหน้าช้า ๆ เหมือนเอือมระอา แต่คว้าโทรศัพท์มาเก็บภาพเอาไว้
“งืม... เฮ้ย!” บันนี่เด้งตัวขึ้นนั่งทำให้กระต่ายตัวกลมบนอกไหลไปกองบนตัก ตากลมสบมองผมงง ๆ ก่อนจะกลับไปสนใจฮอลแลนด์ลอปบนตัก
“กาต่ายยยยยยยยยย มาไงอ่ะ อ้ากกกกกก น่าย้ากกกกกกกกกกกกก” ถูไถจมูกกับตัวกระต่าย
“พันธุ์อะไรอ่ะ ไอ้เหี้ยยยย น่ารักมากเลย ดูดิ ตัวกลม ๆ สั้น ๆ เป็นก้อนเลย อ้ากกกกกกกกก อ้วนกลมของเราาาาาา” บ้าไปแล้ว...
“ฮอลแลนด์ลอป เฟเอามาให้”
“ให้ใคร ให้กูหรอ” ผมพยักหน้า บันนี่ร้องอ้ากดีใจ ฟัดก้อนกระต่ายไม่สนใจผม
เริ่มเห็นเค้าลางการเป็นหมาหัวเน่า...
ไอ้กระต่ายเหี้ย...!!---------------------TBC------------------------
ตอนนี้ไม่ม่าแล้วน้าาาาา
ตกใจคอมเม้นต์มาก พี่เฟโดนหนักมาก T______T

ขอบคุณทุก ๆ คนนะคะ รักน้าาาาาา
ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ
