เมื่อถึงวันเกิดของตัวเอง อัตสึโตะไม่ยอมออกไปไหนหรือทำอะไรทั้งนั้น แต่เปิดสไกป์รอตั้งแต่หัววันทีเดียว มายะที่เอาเค้กวันเกิดมาให้ที่ห้องได้แต่เบ้ปากอย่างหมั่นไส้
“เปิดกล้องรอตั้งแต่ไก่โห่ ป่านนี้ไอ้หมียักษ์นั่นมันจะตื่นนอนรึยังก็ไม่รู้ นัดกันตอนดึก ๆ ไม่ใช่เหรอ ปิดก่อนก็ได้”
อัตสึโตะไม่ยอมปิดกล้องอยู่ดีและยังอดทนไม่กินเค้กที่มายะเอามาให้ด้วย แต่รอจนเห็นสัญญาณออนไลน์จากมานูเอลและเมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่ายปรากฏบนหน้าจอ อัตสึโตะก็ยิ้มกว้างทันที
“มานู สุขสันต์วันเกิด!”
มานูเอลยิ้มตอบเช่นกัน รอยยิ้มของเขาสดใสกว่าทุกครั้งที่อัตสึโตะเคยเห็น
“สุขสันต์วันเกิดเช่นกันอัตสึโตะ”
อัตสึโตะเลื่อนกล้องไปให้มายะอวยพรให้มานูเอลบ้างซึ่งอีกฝ่ายก็อวยพรสั้น ๆ อย่างเสียไม่ได้ จากนั้นก็เป็นตาของมานูเอลเลื่อนกล้องให้อัตสึโตะกับมายะเห็นเพื่อนคนอื่น ๆ เสียงโธมัสดังลั่นกว่าใครเมื่ออวยพรวันเกิดอัตสึโตะและทักทายมายะ
“ไอ้เวรนี่ก็เอะอะมะเทิ่งไม่มีเปลี่ยน” มายะส่ายหน้าเมื่อได้ยินเสียงล้งเล้งของโธมัสดังออกมาจากลำโพง
อัตสึโตะมองไปทั่ว ๆ แต่ก็ไม่เห็นใครอีกคนที่ควรจะอยู่ในงานด้วย ชายหนุ่มจึงตัดสินใจถาม
“แล้วคาธี่ล่ะ ไม่มาร่วมงานด้วยเหรอ”
“ชวนแล้ว แต่คาธี่ไม่รับปาก อาจจะมาหรือแค่แวะเอาของขวัญมาให้” มานูเอลตอบ แล้วเขาก็เปลี่ยนเรื่องไปเป็นเรื่องอื่นทันที อัตสึโตะที่ยังอยากจะถามต่อจึงไม่มีโอกาสได้ทำ
มายะหรี่ตาและเขาสาบานจริงจริ๊งว่าเขาไม่มีความตั้งใจจะไซโคอะไรอัตสึโตะทั้งนั้นเมื่อพึมพำออกมาว่า
“ไอ้มานูเอลมันทำท่าแปลก ๆ แฮะ มันต้องมีอะไรแน่ ๆ เลย”
อัตสึโตะฟังแล้วชักคิดมากขึ้นมาเหมือนกัน
งานวันเกิดที่เลี้ยงฉลองกันในครอบครัวไม่มีอะไรมาก ทุกคนพูดคุยกินดื่มกันอย่างสนุกสนาน แล้วก็ตัดเค้กวันเกิดก้อนใหญ่ฉลองให้มานูเอลและอัตสึโตะ
อัตสึโตะมองเค้กวันเกิดส่วนของเขาที่มานูเอลตัดมาวางให้เห็นด้วยสายตาละห้อย เค้กวันเกิดฝีมือคุณแม่ของมานูเอลมันน่าอร่อยมากจนเขาอยากพุ่งทะลุจอเข้าไปชิมเลยจริง ๆ แต่เขาก็ยังมีเค้กวันเกิดที่มายะหอบมาให้เป็นของแก้ขัด
ทุกคนดื่มอวยพรมานูเอลกับอัตสึโตะกันอีกรอบหนึ่งแล้วจากนั้นก็ถึงเวลาเลิกงาน
มายะกลับไปที่ห้องของตัวเองแล้ว แต่อัตสึโตะยังคุยกับมานูเอลอยู่ ฝ่ายหลังหอบเอาคอมพิวเตอร์กลับไปที่ห้องส่วนตัวของตัวเอง แต่คุยกันได้สักพักก็มีเสียงเคาะประตู มานูเอลหันไปมองก็เห็นคัธรินยืนอยู่ที่ประตูห้อง เขาหันมาบอกอัตสึโตะว่า
“รอแป๊บนึงนะอัตสึโตะ คาธี่น่ะ”
อัตสึโตะชะงักไปนิด แต่ก็ไม่ว่าอะไร เมื่อมานูเอลลุกเดินไปที่ประตู จากจอคอมพิวเตอร์ที่หันไปทางหน้าห้อง อัตสึโตะเห็นไม่ค่อยชัดหรอก แต่เขาเห็นมานูเอลเดินตรงเข้าไปกอดคัธรินไว้ ทั้งสองคนคุยอะไรกันก็ไม่รู้ แต่มันนานมากในความคิดของอัตสึโตะ จากนั้นคัธรินก็ส่งกล่องของขวัญให้มานูเอล แล้วก็กอดกันอีกรอบ
อัตสึโตะเม้มปากแน่น แต่เมื่อมานูเอลกลับมาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ชายหนุ่มก็ไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้นเกี่ยวกับคัธรินอยู่ดี แค่บอกสั้น ๆ ว่า
“คาธี่เอาของขวัญวันเกิดมาให้”
อัตสึโตะอยากจะซักต่อ เพราะเขาชักทนความอยากรู้ไม่ไหวแล้ว มันอึดอัดอยู่ข้างในอกเหลือเกิน แต่อัตสึโตะก็ไม่ได้ซักฟอกมานูเอลอยู่ดีเนื่องจากเรื่องที่มานูเอลพูดต่อจากนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับชินจิ
“ฉันโทรคุยกับยูเลี่ยนแล้วนะ ได้ข่าวเควินมานิดหน่อย”
“อะไรเหรอ” อัตสึโตะถามทันทีและทำให้สามารถเบี่ยงเบนความสนใจออกจากเรื่องของตัวเองไปได้
“ยูเลี่ยนบอกว่ามันเป็นแค่ข้อสันนิษฐานนะ ยังไม่ชัดเจน แต่ก็มีอะไรแปลกหูแปลกตาอยู่เหมือนกัน”
“อะไรล่ะ” อัตสึโตะเร่ง
“ได้ข่าวว่าเควินกำลังสนิทสนมกับเพื่อนร่วมฟลอร์คนใหม่มาก คุยกันถูกคอในปาร์ตี้ ตัวติดกันตลอด ผู้ชายคนนี้มาอยู่ห้องที่ชินจิเคยอยู่ เพิ่งมาได้สักพัก”
“นี่ไอ้เควินมันนอกใจชินจิเหรอ!” อัตสึโตะตาโต
“มันยังไม่ชัดเจนนะอัตสึโตะ นายก็รู้ว่าเชื่อยูเลี่ยนมากนักไม่ได้หรอก คำพูดไอ้หมอนั่นบางทีต้องเอาสิบหาร สองคนนั้นอาจจะแค่สนิทกันเฉย ๆ ก็ได้ ยังไงเขาก็อยู่ห้องข้าง ๆ กันน่ะ”
“แต่ฉันว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่นอน” อัตสึโตะกัดฟันกรอด “ฉันไม่ไว้ใจไอ้เควิน พรุ่งนี้ฉันจะไปหาชินจิ ไม่รู้ว่าหมอนั่นระแคะระคายอะไรแล้วรึยัง”
“มันจะดีเหรออัตสึโตะ เผื่อชินจิยังไม่รู้ รู้แล้วเดี๋ยวจะกังวลเปล่า ๆ นะ”
“ฉันไปเยี่ยมเฉย ๆ ก็ได้ ถ้าชินจิยังไม่รู้ ฉันก็จะไม่บอกอะไร” อัตสึโตะตัดสินใจ แล้วเขาก็ตัดสัญญาณสไกป์ไปโดยที่ลืมไปเสียสนิทว่าเขามีเรื่องที่ยังต้องคุยกับมานูเอลอยู่เหมือนกัน ชายหนุ่มตรงไปเคาะห้องมายะทันที เมื่อเพื่อนไม่ยอมเปิดให้เร็วอย่างใจ ชายหนุ่มก็ยิ่งเคาะดังขึ้นเรื่อย ๆ
“มาแล้ว ๆ นายจะเคาะให้ประตูห้องฉันหลุดออกมาเลยรึไงวะอัตสึโตะ” มายะเปิดประตูรับหน้ามุ่ย และชายหนุ่มเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขาถึงมาเปิดช้า
“อาบน้ำอะไรตอนดึก ๆ วะ” อัตสึโตะบ่น
“เศร้ามั่งสิ เห็นนายคุยกับไอ้หมียักษ์นั่นหงุงหงิงแล้วมันเศร้าจนต้องไปร้องไห้ในห้องน้ำไง ร้องไห้เสร็จก็เลยอาบน้ำไปเลย” มายะพูดหน้าตาเฉย
อัตสึโตะกลอกตา แต่ไม่ด่าอะไรเพราะเขามีเรื่องสำคัญกว่านั้นต้องพูด
“เมื่อกี้คุยกับมานู หมอนั่นบอกว่าเควินสนิทสนมกับเพื่อนข้างห้องคนใหม่อยู่คนหนึ่งตอนนี้”
“อ้าว รู้เหมือนกันเหรอ ตะกี้ไอ้ยูเลี่ยนมันก็โทรมาบอกเรื่องนี้หมือนกัน ฉันว่าพรุ่งนี้จะไปคุยกับนายอยู่พอดีเลย”
“พรุ่งนี้ไม่ทันแล้ว เราไปหาชินจิกันดีกว่า ฉันร้อนใจ ฉันอยากรู้ว่าชินจิระแคะระคายเรื่องนี้บ้างแล้วรึยัง ฉันเป็นห่วงมัน”
“ถ้าจู่ ๆ ก็ไปแบบนี้ เผื่อหมอนั่นไม่รู้จะตกใจน่ะสิ” มายะพูด
“งั้นเอางี้ เราก็ซื้อของไปทำกับข้าวที่ห้องของชินจิกันไง บอกว่าเรามาเยี่ยม อยากมากินข้าวด้วย”
มายะไม่มีปัญหาเมื่อตกลงจะไปเยี่ยมชินจิด้วยกันกับอัตสึโตะซึ่งพวกเขาก็รู้สึกดีใจที่ตัดสินใจทำแบบนั้นเพราะชินจิไม่เพียงแต่จะระแคะระคาย หากเขาเป็นมากกว่านั้น
ชินจิโทรคุยกับเควินเหมือนเคย แต่ครั้งนี้เมื่อเขาขอสไกป์ เควินกลับไม่ยอมเปิดสไกป์ แต่ใช้วิธีพิมพ์ข้อความคุยกันแทน เมื่อชายหนุ่มถาม เควินก็พิมพ์ตอบกลับมาสั้น ๆ ว่า
“ไม่มีอารมณ์”
ชินจิถึงกับอึ้งไปนิด เขาสงสัยว่าแค่เปิดสไกป์คุยกับแฟนนี่มันต้องใช้อารมณ์ด้วยอย่างนั้นเหรอ
“นายทำอะไรอยู่น่ะ ยุ่งอยู่รึเปล่า”
“อยู่กับเพื่อน ไม่ยุ่งหรอก”
“เจอโรมรึเปล่า ขอฉันทักหน่อยได้ไหม”
“ไม่ใช่เจอโรม เพื่อนคนอื่น นายไม่รู้จักหรอก แล้วนี่มีอะไรรึเปล่า”
ชินจิอึ้งอีกรอบ การโทรมาคุยกับแฟนนี่ต้องมีเรื่องด้วยเหรอ
“เปล่าหรอก แค่อยากคุยกับนาย อยากได้ยินเสียงนาย ฉันคิดถึงนาย เควิน”
เควินเงียบไปนานจนชินจิชักกังวลว่าเขาพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า
“ชินจิ ฉันกำลังสับสน”
ข้อความของเควินทำให้ชินจิตัวชาจนแทบอ่านข้อความถัดมาของเควินไม่รู้เรื่องเลย
เควิน: ฉันสับสน ไม่มีนายอยู่กับฉันแล้วมันรู้สึกแปลก ๆ ฉันทนไม่ได้ ฉันทนความรู้สึกที่ไม่มีใครแบบนี้ไม่ได้
เควิน: ขอโทษนะ แต่ฉันคิดว่า เราเลิกกันเถอะ
เควิน: เราไปด้วยกันไม่ได้แล้วล่ะ
ชินจิต้องอ่านทวนประโยคที่เควินเขียนซ้ำ ๆ อยู่หลายรอบเพราะคิดว่าตัวเองอ่านแล้วตีความผิดไป
มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ มันต้องไม่ใช่
ชินจิพยายามจะขอเปิดกล้องสไกป์ เขาอยากเห็นหน้าเควิน เขาอยากคุยกับเควิน แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเปิดกล้องและไม่ยอมรับโทรศัพท์จากเขาด้วย สุดท้ายชายหนุ่มก็ต้องกลับมาพิมพ์ข้อความอีกครั้ง
ชินจิ: ไม่นะเควิน ฉันไม่เลิกกับนายนะ ฉันทำอะไรผิด นายบอกฉันมาสิ
ชินจิ: เควิน ฉันรักนาย เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกจริง ๆ เหรอ
ชินจิ: แล้วที่ผ่านมาของเรา มันไม่มีความหมายอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ
ชินจิ: นายบอกว่ารักฉันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ นี่จริง ๆ แล้วนายรักฉันบ้างรึเปล่า
ประโยคหลายประโยคที่พิมพ์ไป มีตัวอักษรเล็ก ๆ ขึ้นด้านล่างว่า ‘gelesen’ ทุกประโยค แต่ไม่มีคำตอบจากเควินจนชินจิพิมพ์ประโยคสุดท้ายประโยคนั้นไป
Kevin: Ich liebte dich, aber jetzt nicht mehr. Leb’ wohl.
ชินจิปล่อยโทรศัพท์หลุดจากมือ
เคยรัก แต่ตอนนี้ไม่ได้รักแล้ว...
ทำไมเควินถึงได้ใจร้ายขนาดนี้ ทำไมเขาถึงเปลี่ยนใจได้ง่าย ๆ ขนาดนี้ ก็ไหนบอกว่ารักกัน ก็ไหนสัญญาว่าจะมาหา
ชินจิไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ มันเหมือนกับเส้นทางที่เขาเดินอยู่ดี ๆ ก็ขาดลงกลางคันแล้วตัวของเขาก็ก้าวตกลงไปในเหวลึก
ชายหนุ่มคิดว่าเขาน่าจะร้องไห้โฮออกมา กรีดร้องฟูมฟายอาละวาดขว้างปาข้าวของ แต่ชายหนุ่มก็เพียงแต่ทรุดตัวลงนั่งที่พื้นหน้าเตียง ศีรษะของเขาเอนซบลงบนที่นอนและน้ำตาก็ไหลออกมาเงียบ ๆ
ชินจินิ่งอยู่ในท่านั้นนาน... นานเท่าไรเขาเองก็ไม่รู้
หัวใจของชายหนุ่มแตกสลายไปหมดแล้ว