ตอนที่ ๕๗ . ๒ เปรี้ยวหวาน
กว่าหมวดเต้ยจะมาผมก็ถูกเด็กๆลากไปนั่งกินไอติมซะแล้ว ที่จริงผมก็อิ่มแล้วนะแต่ทำไงได้ โดนพวกมากลากเข้าไปก็เลยต้องนั่งด้วย เด็กๆเย้วๆกันดีครับ ส่วนใหญ่คือลูกของคนมีเงินทั้งนั้น เกิดมาพร้อมกับกองเงินกองทองความสะดวกสบายเลยไม่คิดอะไรมาก ไอ้ครั้นผมจะพูดอะไรมากเกินไปกว่านั้นเดี๋ยวเด็กไม่เข้าใจเลยนั่งยิ้มเหมือนคนบ้า
หมวดเต้ยกับหมวดบูมเดินมาหาผมพร้อมกับในมือถือถุงกระดาษซึ่งคงจะซื้ออะไรหลายชิ้นแน่เลย น้องไปป์เห็น ๒ หมวดก็ทักทายแล้วชวนคุยกันเย้วๆอยู่พักหนึ่งจึงได้แยกย้ายสลายตัว ขับรถไปส่งหมวดบูมที่บ้านแล้วก็กลับมาสู่รังรัก ฮ่าๆๆ
“ลองกางเกงดูสิตวง กูซื้อมาให้ตัวหนึ่ง”
“อ้าว ซื้อให้ทำไมอ่ะครับ ผมมีเวลาใสที่ไหนล่ะ”
“เออน่า มีเวลา ไม่มีเวลาก็ช่างเหอะ ลองดูก่อน หรือว่ามึงจะแก้ผ้าตลอดชีวิตวะ ถึงไม่อยากใส่เสื้อผ้า”
“จะแก้ผ้าตอนที่อยู่กับผู้หมวด ๒ คนเท่านั้นแหละ ดูท่าจะแพงนะผู้หมวด แล้วรู้ได้ไงว่าผมใส่ได้หรือไม่ได้”
“ถุย ไอ้หมา นอนกอดกันมากี่คืนแล้วทำไมกูจะไม่รู้ เอวมึงเอวกูเท่ากันไม่ใช่เหรอ”
“เออ จริงว่ะ หอมแก้มที”ยื่นหน้าไปหอมแก้มที่รักหนึ่งทีแล้วลองกางเกงยีนส์ ที่จริงผมก็ไม่ค่อยจะรู้หรอกว่าอะไรเท่ไม่เท่ ขอแค่ใส่ได้ก็พอ “เป็นไงครับผู้หมวด”
“อือ มึงหล่อว่ะมหา กูชักจะหวงมึงขึ้นมาตงิดๆ นี่ถ้ามึงไปแบบครึ่งท่อนแบบนี้นะ สาวๆร้องแรกแหกกระเชิงวิ่งตามมึงแน่ๆเลย”คือผมเปลือยท่อนบนนะครับแล้วมันก็มองเห็นซิกแพคบางๆ
“งั้นผมไม่ใส่ดีกว่า ใส่แบบนี้แล้ววุ่นวาย เอาแบบง่ายๆ ให้ผู้หมวดหลงผมคนเดียวก็พอ”
“ถุย อย่ามาเวอร์ใส่กู”
“อ้าว ก็พูดจริงนี่นา ที่จริงผมก็ไม่ค่อยอยากจะเป็นจุดเด่นเท่าไหร่นะ ดูอย่างไปเดินห้างดิ บางคนก็มอง บางคนก็ยิ้มให้ บางคนก็ส่งสายตา มาดีก็ว่าไปอย่างแต่ไอ้พวกที่จ้องเหมือนจะกลืนกินไปทั้งลำไส้นี่สิ บรึ๋ย เออ เอางี้ดีไหม เดี๋ยวผมไปสกรีนเสื้อดีกว่า ผมจะสกรีนคำว่า มีเมียแล้ว เมียหวงมาก อืม อันนี้สกรีนด้านหน้า ส่วนด้านหลังก็เป็น ไม่กล้าลองดีกับบารมีของเมีย ปล. รักเมียที่สุดในโลก ฮ่าๆๆ เอาแบบนี้ดีกว่า”
“แน่จริงก็ทำดิ กูกลัวว่ามึงจะไม่แน่”
“ถ้าผมทำจริง ผมได้อะไร”
“ไม่รู้ดิ อะไรของกูทุกอย่างก็เป็นของมึงแล้วนี่”
“เออ ใช่ๆ เอ้อ เรามาหวานกันดีกว่า มานี่เลยที่รัก อยากทำมานานแล้ว แต่ลืม”
“อะไร”หมวดเต้ยทำหน้างงแต่ยอมเดินมาใกล้ๆ
“เอ่อ จริงๆผมก็ไม่รู้ว่าจะโรแมนติคยังไงนะ เอาแบบนี้แล้วกัน ดิบๆ คือ เนอะ ก็เรารักกันอ่ะ ได้กันมาตั้งหลายทีแล้ว ก็แบบว่า แฮะๆ วุ้ย กูเขินว่ะ ขอจูบแก้เขินก่อน”หมวดเต้ยยังทำหน้างงไปใหญ่แต่ยอมให้ผมจูบแต่โดยดี
“ทำอะไรวะ”พอผละจูบออกมาแล้วหมวดเต้ยยังทำหน้างงต่อไปอีก
“คือว่า เพราะโชคชะตา เพราะเวรกรรม หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ผมได้พบกับผู้หมวด แล้วกลายเป็นคนรักกัน ผมอยากจะให้สิ่งแทนใจ มันอาจจะไม่มีค่ามากเท่าไหร่ แต่ครั้งหนึ่งในชีวิตลูกผู้ชายที่รับใช้ชาติ ได้สิ่งนี้มาเป็นสิ่งที่เรียกกันว่าแหวนรุ่น ผมขอมอบแหวนรุ่นวงนี้ให้กับผู้หมวด นะครับ”ผมถอดแหวนรุ่นซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของพวกผมที่ฝ่าฟันอุปสรรคกันมาตลอดระยะเวลา ๒ เดือนกว่าๆที่เราเป็นทหารใหม่ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเราผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการโดนแดก ผ่านการถูกอบรม ผ่านการฝึกจนมาเป็นทหารได้
“ใส่ให้หน่อยสิ”ผู้หมวดยื่นนิ้วนางมาให้ผม
“ก็ ผมรักผู้หมวดนะครับ มันอาจจะไม่ได้โรแมนติดเหมือนหนัง แต่ผมอยากให้ผู้หมวด มันอาจจะฉุกละหุกไม่ทันตั้งตัวแต่ผมก็ไม่อยากจะให้ไม่มีโอกาสแบบนี้ จุ๊บ โคตรรักเลยว่ะ”ผมจูบที่นิ้วมือ หมวดเต้ยหน้าแดง ที่จริงหน้าดำต่างหาก แต่อนุโลมครับ
“อืม กูเป็นของมึงทั้งตัวและหัวใจแล้ว แล้วมึงล่ะ เป็นของกูทั้งตัวและหัวใจหรือเปล่า”
“ตอบแบบไม่คิดว่า เป็นครับ”ผมยิ้มกว้าง
“อ่ะ งั้นกูก็จะให้ของกูบ้าง กูเหนื่อยเพื่อที่จะได้สิ่งนี้มา มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่กูบากบั่นกว่าจะได้มันมา มันเป็นตัวแทนอะไรหลายๆอย่างที่แสดงถึงความเป็นกู กูพูดไม่เพราะ ห้วนๆ แต่ออกมาจากใจกู กูรักมึงนะ ไอ้หมาหน้ามึน”หมวดเต้ยสวมแหวนที่นิ้วนางของผมบ้าง เป็นแหวนรุ่นครับซึ่งผมว่ามันมีค่ามากที่สุด ผมไม่กล้าที่จะรับไว้
“มันมากไปไหมอ่ะครับผู้หมวด กว่าผู้หมวดจะได้แหวนวงนี้มามันยากลำบากนะครับ”
“อือ สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่กูจะให้มึงดูแลนอกจากหัวใจกู ก็คือแหวนวงนี้แหละ”หมวดเต้ยสวมแหวนให้ผมจนสุดนิ้วจากนั้นเราก็จูบกัน จูบแบบอ้อยอิ่ง เบาๆ เคลิ้มๆ โลกสีชมพูเลยครับ แหวนที่ผมให้หมวดเต้ยเป็นแหวนรุ่นของผมเอง ซึ่งพอฝึกเสร็จก็จะมีให้สั่งครับ ผมสั่งเป็นแหวนเงินแท้ฝังทับทิม แพงเอาการอยู่เหมือนกัน ตอนสั่งนี่กัดฟันสั่งสุดๆเลยครับ แต่เพราะไอ้บอมบ์มันยุ ผมก็เลยเอาวะ เอาก็เอา อยากได้ของดีที่สุดก็ต้องแพงหน่อย พอได้มาก็รู้สึกว่าคุ้มค่า ลายมันเหมือนกันกับราคาที่ต่ำกว่านี้ก็จริง แต่ว่ามันสวยกว่า ส่วนแหวนของหมวดเต้ยนี่น่าจะเป็นแหวนเงินเหมือนกันครับ สวยมาก
พอคลายจากอ้อมกอดของกันและกัน หมวดเต้ยถอดเสื้อผ้าเหลือกางเกงในตัวเดียวแล้วเดินไปหยิบกางเกงขาสั้นมาใส่ พี่แกจะออกกำลังกาย ส่วนผมก็เอาข้าวของไปเก็บแล้วปัดกวาดนิดหน่อยครับ แล้วลงไปวอร์มกับผู้หวดไม่กี่ท่า พอให้เหงื่อออกจึงเข้าไปอาบน้ำพร้อมกัน ๒ คน ผลัดกันถูขี้ไคล บรรยากาศดีมากเลยครับ อากาศดีแบบนี้เลยปี้กันซะ ๒ ดอก ฮ่าๆๆ
ตื่นเช้ามาผมรีดชุดพรางกับชุดอ่อนให้หมวดเต้ย ไม่รู้พี่แกจะใส่ชุดไหนไปครับ ขัดรองเท้าทั้งคอมแบทและคัทชูจนมันวาบ ประมาณสัก ๖ โมงครึ่งผมจึงปลุกผู้หมวดให้ไปอาบน้ำ ส่วนผมไปซื้อของกิน ๗ โมงหมวดเต้ยไปทำงานแล้ว ผมอยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวเอกา จะว่าไปผู้หมวดก็ไม่ได้หยุดเต็มที่นะครับเพราะต้องไปเคลียร์ข้าวของหลังการฝึก เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ต้องเข้าเวรเท่านั้นเอง อยู่บ้านคนเดียวแล้วเหงา ไม่มีอะไรทำ สักครู่ไอ้น้องมิวโทรมาครับ ชวนผมไปมหาลัยของมัน ผมไม่ได้ตอบตกลงในทันทีแต่โทรไปขออนุญาตที่รักก่อน หมวดเต้ยโอเค ผมเลยโทรไปตอบตกลงว่าจะไปป่วนมหาลัยกับน้องมันด้วย ผมใส่ยีนส์ที่หมวดเต้ยซื้อให้กับเสื้อกล้ามสีขาว รองเท้าผ้าใบ ของหมวดเต้ยทั้งนั้นแหละครับ พี่ตวงตัวเปล่าเล่าเปลือย มีแค่หมอยกับรอยยิ้มหวานๆแค่นั้นเอง ล็อกบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินไปบ้านน้องมิว
“ไปแบบนี้เลยดิพี่ โคตรเท่”มันยิ้มให้ผมพลางยื่นเสื้อเชิ้ตสีขาวล้วนมาให้ ผมรับมาใส่ แต่แอบงงนิดหนึ่งว่าทำไมต้องพับแขนด้วย ไม่ปล่อยให้เป็นแขนยาวไปเลย ถ้างั้นก็ใส่แขนสั้นไปสิ “ผมว่าพี่ต้องฮอตแน่ๆ”
“ฮอตอะไรวะน้อง หัวเกรียน หน้าดำ หน้าตาห่วยแตกแบบนี้ มองตูดหมาดีกว่ามองหน้าพี่ว่ะ”
“แต่ผมว่าพี่โคตรหล่อเลยว่ะ แม่ง สเปค ป่ะพี่”น้องมันขับรถยนต์ไปครับ ระหว่างทางผมก็คุยเรื่อยเปื่อย บ้านหลังนี้แม่มันซื้อให้เป็นบ้านส่วนตัว ส่วนรถยนต์ก็เป็นของขวัญวันเกิด ไม่ต้องสืบให้ยากว่าบ้านรวยแค่ไหน ซื้อให้แบบไม่ต้องผ่อนไม่ต้องคิดมากแบบนี้ เป็นลูกคนรวยมีเงินถุงเงินถังกองเต็มบ้านชัวร์ เกือบชั่วโมงที่เดินทางมามหาลัย เอารถไปจอดที่อาคารจอดรถ ตื่นเต้นว่ะ ไม่เคยเห็นสถานที่แบบนี้ ผมเคยคิดนะว่าสักวันผมจะได้มาเรียนมหาลัยแบบนี้บ้าง นี่แค่ได้มาเยี่ยมเยียนก็ดีใจมากแล้วครับ
“โหล เออ มึงอยู่ไหน อือ กูเพิ่งมาถึง ยังว่ะ เออ เจอกันที่เดิม”น้องมันคุยโทรศัพท์ส่วนผมเดินตามหลังต้อยๆ มองซ้ายขวา เจริญตาเจริญใจจริงเลยครับ อาคารสถานที่สวยงามมาก ต้นไม้ก็เยอะ เด็กๆก็แยะ “ไปกินข้าวก่อนนะพี่ เพื่อนผมมันโทรมาตามละ”
“อือ”ผมพยักหน้าแล้วเดินตามหลังน้องมันไป ครู่หนึ่งมาถึงโรงอาหารคนเยอะพอสมควรครับ
“เฮ้ย เปิดตัวผัวใหม่เหรอไอ้มิว”พอเจอหน้าเขาทักกันแบบนี้เลยครับ ผมเองก็ตกใจดิ กูมีเมียคนเดียวเว้ย เมียน้อย เมียมากกูไม่มี ไม่คิดจะมีด้วย
“ผัวใหม่พ่อง นี่พี่กู วันนี้ว่างกูเลยชวนมาเปิดหูเปิดตา พี่กูชื่อตวง ส่วนนี่ไอ้ต้อม ไอ้แจ็ค ไอ้นิค แก้มบุ๋ม เชอรี่ อีวุ้น”ชาย ๓ หญิง ๒ ตุ๊ดอีก ๑ เออ กลุ่มใหญ่ดี
“หล่ออ่ะ มีแฟนยัง”น้องวุ้นถามผม
“แฟนไม่มี แต่เมียอ่ะมีแล้ว”
“หน้าตาแบบนี้ไม่ได้ตกถึงท้องมึงหรอกอีวุ้น อย่ามึงต้องยามหรือไม่ก็ช่างก่อสร้าง”เพื่อนร่วมกลุ่มแซว
“ฮ่าๆๆ”ขำขันก่อนจะไปสั่งอาหาร มีหลายร้านมากเลยครับ ทั้งข้าวราดแกงกับอาหารตามสั่ง ผมมาหยุดที่ร้านอาหารอีสาน แหม เปรี้ยวปากทันทีเลยครับ
“สั่งได้นะคะ”แม่ค้าพูดยิ้มแย้มแจ่มใส
“เอาขนมจีน น้ำยากะทิครับ”แม่ค้าจัดแจงให้ ผมหยิบผักใส่จาน จ่ายตังค์ พอหันหลังเจอร้านกวยจั๊บญวน สั่งไปอีกถ้วยหนึ่ง มือข้างหนึ่งถือขนมจีน มืออีกข้างถือกวยจั๊บร้อนๆ มาถึงที่นั่งบางคนก็มาแล้ว บางคนยังไม่มา นั่งรอสักครู่จึงมาครบทุกคน
“พี่แน่ใจเหรอว่าซื้อมากินอ่ะ”ไอ้มิวมองหน้างง
“อือ เห็นแล้วอดใจไม่ไหว ในกองพันหาของกินแบบนี้ยาก”ผมพยักหน้าพลางสาธยาย
“อ้าว พี่เป็นทหารเหรอ”น้องผู้หญิงถาม
“ใช่แล้ว เป็นทหารเกณฑ์น่ะ”
“เหนื่อยไหมพี่ เขาว่าโดนลงโทษหนักมาก”
“ไม่นะ มันเป็นช่วงอ่ะ มีเหนื่อยบ้าง มีผ่อนคลายบ้าง สนุกดี”เป็นทหารเป็นไม่ยากหรอกครับ อยู่ที่ใจล้วนๆ ดูอีหนูสิ มันเป็นตุ๊ดที่แกร่งมากเลยครับ เห็นมันอ้อนแอ้นวี้ดว้ายแบบนั้น มันก็ฝึกได้ดีไม่แพ้ผู้ชายทั้งแท่งนะครับ ซัดขนมจีนแล้วต่อด้วยกวยจั๊บ อิ่มแปล้เลยครับ
“พี่กินเยอะขนาดนี้ไม่เห็นจะอ้วนเลยเนอะ”
“ก็พี่เขาเป็นทหาร ออกกำลังกายทุกวันจะอ้วนได้ไง”
“พี่ว่าพี่อ้วนนะ ก่อนมาเป็นทหารน้ำหนัก ๖๐ ต้นๆ ตอนนี้ ๗๐ ปลายๆละมั้ง”กินเสร็จเอาจานมาซ้อนกันแล้วผมลุกเอาไปวาง น้องมันจะห้ามแต่ไม่ทันผมแล้วครับ โอกาสนี้ผมเลยมองพวกที่มานั่งกินข้าว มีแต่พวกหน้าตาขาวใสทั้งนั้นเลยครับ บางคนใส่เสื้อช้อป บางคนผูกไทด์ บางคนใส่ชุดวอร์ม พอมานั่งที่โต๊ะผมเลยมีโอกาสถาม น้องๆเขาก็บอกผมว่าพวกผู้ไทด์ส่วนใหญ่จะเป็นปี ๑ พวกใส่ช้อปเรียนวิศวะบ้าง หรือคณะวิทยาศาสตร์ และคณะที่เกี่ยวข้อง มีหลายคณะที่ใส่ช้อปและสีแตกต่างกันออกไป พวกใส่ชุดวอร์มมาเรียนจะเป็นพวกภาควิชาพละศึกษา เออ ได้ความรู้ใหม่ครับ จากนั้นน้องๆก็พาไปเรียน น้องๆบอกว่าไม่ใช่วิชาของคณะ เป็นวิชากลาง เขาไม่บังคับเช็คชื่อ ไม่ฟิคที่นั่ง เลยเข้าไปนั่งเนียนๆในห้องเรียน คือพวกผมเข้ามาสายสัก ๑๐ นาทีเห็นจะได้พอเปิดประตูเข้าไปก็มีแต่คนมอง โดยเฉพาะผมตัวสูงใหญ่กว่าใครในกลุ่มมันเด่นเป็นธรรมดา อาจารย์ไม่ได้ว่าอะไร เดินไปหาที่นั่งว่างๆแล้วนั่งฟังอาจารย์บรรยาย ผมมานั่งแบบจับต้นชนปลายไม่ถูกเท่าไหร่นัก พอฟังไปฟังมา อ๋อ วิชาปรัชญาเบื้องต้นนั่นเอง ผมเคยเรียนมาหมดแล้วและพอจะจำได้บ้าง