ตอนที่ ๔๗ น้ำท่วม (๒)
พวกผมกลุ่มเดินยังคงต้องเดินทางไปแพคของที่โกดังเก็บของอีกหลายวันครับ สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มวกฤตเข้ามาทุกวัน พวกผมฟังข่าวเองก็เครียดตามไปด้วยนะครับ ไปช่วยขนของอยู่ประมาณสัปดาห์หนึ่ง วันนี้ก็เริ่มมีรถขนทรายเข้ามาเทในกองพันแล้วครับเพราะว่าหน่วยทหารต้องเป็นหน่วยงานกรอกทราย
สัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคมแล้วรุ่นพี่ที่จะต้องปลดไปเริ่มมีความกังวลว่าจะได้ปลดหรือเปล่า เพราะว่าตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองมันย่ำแย่มากขึ้นทุกวัน กองทัพต้องการกำลังพลเอาไว้ช่วยเหลือประชาชน มีข่าวลือมาว่าบางทีรุ่นพี่อาจจะยังไม่ได้รับการปลดตามกำหนดเวลา อาจจะต้องอยู่ช่วยน้ำท่วมต่อ บางคนก็กังวลคิดไปต่างๆนานา ไม่ค่อยมีใครมีจิตใจอยากจะทำงาน
“วันนี้จะออกไปไหนเหรอ”เข้าไปหาผู้หมวดตอนเช้าเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำมาทุกวัน
“เขาจัดผมให้ไปช่วยใครไม่รู้ครับ ไป ๒ คนกับมหา”เดินเข้าไปกอดผู้หมวด หน้าพี่แกโทรมๆไปหน่อยครับเพราะว่างานหนัก “เออ จำได้แล้ว รู้สึกว่าจะไปช่วยเพื่อนของผู้หมวดเพชรอ่ะครับ”หมวดเพชรนี่คือผู้หมวดที่เพิ่งขึ้นมาจากภาคใต้นะครับ อยู่กองร้อยเดียวกับหมวดเต้ย
“อ๋อ อือ ไปทำดีๆแล้วกัน เราออกไปเราเอาชื่อเสียงหน่วยไปด้วย”
“ครับผม ผมไม่ทำให้เสียงานหรอกน่า แล้ววันนี้ผู้หมวดไปไหนครับ”
“ก็ว่าจะไปดูพื้นที่ที่เรารับผิดชอบอยู่น่ะ ไปกับผู้พัน”
“อืม”ผมพยักหน้า หอมแก้ม จูบ แล้วกูก็ล้วงของกูเหมือนเดิม ฮ่าๆๆๆๆ ผมชอบสัมผัสผู้หมวด ล่ำลากันพอเป็นพิธีผมก็ออกไปด้านนอกไปรอขึ้นรถที่โรงรถ เขาจะพาไปไหนผมไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเป็นงานนอกแล้วกัน
ยืนรอที่ศาลาน้ำอยู่ครู่หนึ่งก็มีรถมารับพวกผม แล้วเราก็เดินทาง ตัวแทนกองร้อยละ ๒ คนครับ นั่งรถกันมาร่วมชั่วโมงจนมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งครับ ลงจากรถก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินมาแล้วก็ให้พวกเราขนของขึ้นรถกันครับ ได้ยินมาว่ากลุ่มที่เราไปทำงานให้เขาเป็นลูกไฮโซ คนหนึ่งเป็นลูกนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อีกคนก็เป็นลูกนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และไฮโซอีก นอกจากนี้เขาว่ามีดาราด้วย เป็นดาราผู้หญิงครับ ผมไม่รู้จักหรอกครับ ไม่ค่อยได้ดูทีวีนานแล้ว ตั้งแต่ผมจบมัธยมต้นผมก็ไม่ค่อยได้ดูพวกข่าวคราวดารา ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใคร เขาก็ชี้ให้ดูว่าคนนี้เป็นดารา ผมได้แต่พยักหน้ารับรู้
ขนของยัดใส่รถเสร็จแล้ว กลุ่มผู้ที่จะไปบริจาคเขาเอาพวกของกินมาแจกพวกผม ผมเดินไปหลังสุดเพราะไอ้พวกรุ่นพี่ที่ไปด้วยมันเดินเข้าไปก่อน รับของเสร็จก็มากินกัน ขนมปัง นม กับอีกหลายอย่าง
“ไอ้ที่ว่าเป็นดาราเนี่ย เขาแสดงเรื่องอะไรวะบอมบ์”ไอ้มหามันไม่รู้พอๆกับผมเลยครับ
“กูไม่รู้ว่ะมหา ไม่เคยดูทีวีดูละครอะไรกับเขา”
“อ้าวกูคิดว่ามึงรู้”
“กูไม่เคยสนใจหรอกเรื่องดาราอะไรน่ะ ใครเป็นใคร ใครมาใหม่ ใครมาเก่ากูก็ไม่ค่อยรู้”
“เหรอ เออ อย่าไปสนใจมันเลย ดารามันก็คนเหมือนกัน”แล้วเรามานั่งคุยเรื่องอื่นกันต่อครับ นั่งรถไปอยู่ครู่หนึ่งก็มาจอดแห่งหนึ่ง ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร จากนั้นเขาจึงให้พวกผมเดินไปกินข้าวที่ร้านค้า เขาบอกว่าจะเลี้ยงข้าว ผมก็โอเคไม่ขัดศรัทธาสั่งกับข้าวมานั่งกินจนอิ่ม แล้วรอขึ้นรถ
“มึงว่าดาราเขากำลังมองมาที่พวกเราหรือเปล่าวะ”ไอ้มหาสะกิดผม เห็นคนหนึ่งกำลังคุยกับกลุ่ม อีกคนกำลังมองๆมาทางนี้ ผมหันไปมองแล้วยิ้มให้เขา ไม่รู้จักก็จริงแต่ยิ้มให้ก่อน ดาราคนนั้นยิ้มตอบ
“เขามองเราจริงด้วย อยากรู้จักไหม เดี๋ยวกูเข้าไปทัก”
“หมวดบูมรู้เอามึงตายนะ”
“เอาน่า เชื่อกู”ผมเดินกอดคอไอ้มหาไปหาดาราคนนั้นอย่ามั่นใจ “สวัสดีครับ”ผมทักทาย พวกที่ยืนคุยกันก็หันมามองหน้าแบบงงๆ แต่ก็ยิ้มให้ผม
“ชื่อบอมบ์ครับ คนนี้ชื่อตวง”ผมแนะนำไอ้มหากับตัวเองอยางเป็นทางการ คือกูก็ไม่รู้ว่าพวกมึงอยากรู้จักกูหรือไม่อยากรู้จัก
“เพื่อนแบงค์ป่ะ หน้าคุ้นๆ”ลูกนายทหารคนหนึ่งมองมาที่ผม
“ก็ถ้าไอ้แบงค์พี่หมวดบูมอ่ะใช่ครับ แต่ถ้าแบงค์อื่นคงไม่ใช่”ผมตอบคำถาม
“แบงค์พี่บูมอ่ะ ผมว่าผมเคยเจอนายนะ”
“ออ ครับ”ผมพยักหน้าแล้วจากนั้นก็คุยกันนิดหน่อย ลูกนายตำรวจชื่อทิว ลูกนายทหารที่ทักว่าผมเป็นเพื่อนไอ้แบงค์ชื่อบอส ถึงเวลาออกเดินทางพวกผมก็แยกออกไปนั่งรถกระบะ เป็นรถกระบะ ๖ ล้อ มีข้าวของมากมายเลยครับ ได้ยินมาว่ามีคุณนายท่านหนึ่งฝากเอาของไปแจกชาวบ้านที่โดนน้ำท่วมด้วย
นั่งรถกันอยู่เกือบ ๓ โมงกว่าจะถึงที่ที่เราจะเอาของไปช่วยเหลือชาวบ้าน พอไปเจอสภาพแล้วมันมีแต่น้ำจริงๆเลยครับ ทุ่งนาที่แต่ก่อนมีข้าวสีทองสดใสตอนนี้ก็กลายเป็นทะเลสาบไปแล้ว ทางเข้าไปที่จุดรับบริจาคยากลำบากมากเลยครับเราต้องค่อยๆขับรถเข้าไป พอไปถึงก็จะมีเจ้าหน้าที่ซึ่งประจำอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว เป็นทหารที่ออกมาช่วยเหลือชาวบ้านในแถบนั้น
มองซ้าย มองขวา ตรงที่เรามาจอดรถเพื่อจะเอาของไปบริจาคมันจะอยู่ติดแม่น้ำครับ ชาวบ้านบอกว่าเมื่อ ๒ วันก่อนน้ำท่วมเกือบถึงชั้น ๒ ของบ้าน ผมมองไปแล้วก็เห็นใจ ทิวกับบอสลงไปถามเจ้าหน้าที่อยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงให้พวกผมเอาของลง มีชาวบ้านมารอรับของบริจาคหงายคนเลยครับ ส่วนหนึ่งเราก็เอาของให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ ส่วนอีกส่วนหนึ่งเราก็เอาลงเรือเพราะมีชาวบ้านที่ไม่สามารถออกมารับของได้เราต้องนำไปให้เขา
“โห ท่วมขนาดนี้เลยเหรอวะ”ผมกับไอ้มหาบ่นพึมพำคนเดียว
“วันก่อนสูงกว่านี้อีกน้อง แต่นี่ฝนไม่ตกมา ๓ วันแล้วน้ำค่อยลดลงไปบ้าง แต่ไม่รู้ว่ามวลน้ำจากทางเหนือจะไหลลงมาอีกหรือเปล่า เพราะแถวนู้นก็หนัก”พี่ทหารอธิบายให้ผมฟัง ที่จริงแกเป็นจ่านะครับเห็นยศอยู่บนคอเสื้อ นั่งเรือไปแล้วจากนั้นก็เอาของไปแจกครับ เห็นคราบน้ำตามกำแพงบ้านมันท่วมสูงมากเลย แจกของเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กลับ จากนั้นเราจึงไปกันอีกที่หนึ่งครับ ชาวบ้านมารอรับสิ่งของบริจาคกันมากมาย มีคนมาขอถ่ายรูปกับดารา ถ่ายไปแจกไป
“เหนื่อยไหม”ทิวเดินมาถามผมระหว่างที่เอาของลงจากรถ
“สนุกดี แล้วเสร็จจากตรงนี้เราจะไปไหนต่อเหรอครับ”
“ไปกินข้าวกันน่ะ แล้วเราจะปีกที่หนึ่งจากนั้นก็กลับ”
“ครับ”ผมพยักหน้าแล้วก็เอาของลงจนเขาบอกว่าพอจึงหยุดแล้วดารากับพวกทิวบอสก็ล่ำลาชาวบ้านจากนั้นก็นั่งรถไปต่อครับ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง เขาบอกว่าพามากินข้าว ลงจากรถได้ พวกผมยังขัดๆเขินๆเลยนั่งรออยู่ด้านนอก จนเขามาเรียกจึงได้เดินตามไป
“อบต.เขาดีเนอะ มีตั้ง ๓ ชั้น”ไอ้มหาพูดพลางมองสำรวจ
“อือ คิดถึงบ้านเลยว่ะ มึงดูดิ ข้าวยังเขียวอยู่เลย”ผมชี้ไปที่ทุ่งนาซึ่งไม่โดนน้ำท่วม ข้าวออกรวงแล้ว เขียวสวยสดงดงาม มองแล้วคิดถึงบ้าน
“นี่ถ้าน้ำไม่ท่วม กูว่าทุ่งนาแถวๆที่เราเข้ามาคงจะสวยเนอะ เฮ้อ นี่แหละนะ คนเราต่อให้มีสิ่งที่เลิศเลอสมบูรณ์แบบ พัฒนาเทคโนโลยีไปก้าวไกลแต่ก็ยังแพ้ภัยธรรมชาติอยู่ดี”
“อือ ก็เหมือนกับมาเตือนเรามั้งว่า แบบว่า มีปีศาจต้นไม้ออกมาพูด พวกมนุษย์หน้าโง่ มึงไม่มีทางเอาชนะกูได้หรอก ปีนี้กูน้ำท่วม ปีหน้ากูแผ่นดินไหว ต่อให้มึงเก่งแค่ไหน มึงก็เอาชนะกูไม่ได้”
“สุดท้ายมันก็มาตายอยู่กับคำตอบของความพอดี คนเราถ้าทำอะไรแบบพอดี อยู่แบบพอดี กินแบบพอดี ทำทุกอย่างแบบพอดี มันก็จะเกิดสิ่งที่ดีๆนะกูว่า”ไอ้มหาเกาคางแบบครุ่นคิด
“อ่ะ เชิญตามสบายเลยนะครับ กับข้าวเราทำสดๆร้อนๆ ทานกันให้เต็มที่เลย”นายกอบต.พูดกับพวกผมและหัวหน้าคณะบริจาค กลุ่มนี้เขาดีนะครับในความคิดของผม เขาเป็นลูกคนรวย พอเห็นคนอื่นยากลำบากเขาก็ออกมาช่วยเหลือชาวบ้าน บางทีน้ำท่วมครั้งนี้ก็ทำให้เราเห็นว่าคนไทยยังมีน้ำใจต่อกันอยู่อีกมากมาย ที่ออกข่าวผมไม่ค่อยรู้นะครับว่าใครทำอะไรที่ไหนบ้าง แต่ผมคิดว่าคงจะมีคนรวยออกมาช่วยเหลือเยอะเหมือนกัน ส่วนตัวผมเองก็ช่วยนะแต่ผมอาจจะไม่ได้ช่วยโดยตรงแค่โอนเงินไปร่วมสมทบทุนกับโครงการต่างๆ กิจการของผมเองก็ได้รับผลกระทบอยู่เหมือนกัน
“กับข้าวเยอะแบบนี้จะกินหมดไหมวะ”รุ่นพี่ต่างกองร้อยพูดขึ้น
“ห่อกลับกองร้อยได้ไหมวะบอมบ์ กูเบื่อกับข้าวที่กองพันแล้วว่ะ”ไอ้มหาพูดขำๆ
“บอกเขาดิ เดี๋ยวกูให้เขาห่อให้”
“ไอ้สัส เสียมารยาท มาแดกฟรีแล้วยังจะให้เขาห่อให้อีก”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
ขนมจีนน้ำยา แกงไตปลา แกงเขียวหวาน ไข่เจียว หมูแดดเดียว และอีกหลายอย่าง ละลานตาไปหมด กินข้าวหมดไป ๓ จาน กูไม่สนใจอ่ะ เขาให้แดกกูก็แดก จะมัวเขินอายตามมารยาทกูขอสักวันเหอะ ขนาดว่ากินเยอะยังเหลือเลยครับ งานนี้พุงกาง แล้วตบท้ายด้วยผลไม้กับของหวาน อิ่มไปเป็นชาติเลย ฮ่าๆๆๆ
“ฮัลโหลแม่ ทำอะไรอยู่เหรอ”กินอิ่มก็โทรหาแม่สักหน่อย
“นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร แล้วนี่ได้ข่าวว่าออกไปช่วยน้ำท่วมวันนี้ไปไหนเหรอ”
“มีสายรายงานความประพฤติเหรอแม่ ฮ่าๆๆๆ บอมบ์มาช่วยน้ำท่วมที่อยุธยาน่ะ โหแม่ น้ำท่วมมิดหลังคาเลย บ้าน ๒ ชั้นนี่เหลือแต่ชั้นบน”
“อือ ดูสิ มันท่วมหนักขนาดนั้นเลยเชียว แม่ดูข่าวแล้วสงสาร”
“ใช่แม่ ข้าวเขิ้วนี่เสียหายหมดเลย ที่บ้านเราไม่เป็นไรนะแม่ ลูกยังสบายดีไหม ซ่าหายป่วยยัง”
“ยังเลย น้ำมูกยังไหลอยู่นิดหน่อย นี่ดีนะแม่นกมาช่วยเลี้ยง”แม่นกนี่ชื่อของพี่นกแม่ไอ้ซันนะครับ พี่นกเป็นลูกสาวของน้องสาวแม่ผมเอง เป็นญาติกัน แม่ผมจึงมีศักดิ์เป็นป้าของพี่นก ส่วนไอ้ซันมันมีศักดิ์เป็นหลานผมนะครับ
“กับข้าววันนี้อร่อยไหม ทานอิ่มกันหรือเปล่า”ดารากับเพื่อนผู้หญิงที่มาด้วยกันถามผม
“อร่อยครับ ผมซัดไปตั้ง ๓ จาน อิ่มมากเลยครับ เมื่อกี้เห็นขอไข่เจียวเพิ่มด้วยนี่นา ชอบเหรอครับ”ดาราเขาขอให้แม่ครัวเจียวไข่ให้อีกครับ
“ค่ะ ไม่เคยเจอไข่เจียวที่ไหนอร่อยเท่านี้มาก่อนเลยขอเพิ่มค่ะ”จากนั้นก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย คุยไปคุยมาไม่รู้คุยอีท่าไหนผมได้เบอร์ดารามาเฉยเลยครับ หึหึ เขาขอเราก็ให้ เขาให้เราก็รับ แต่ถ้าเมียรู้กูคงโดนโวยใส่
เดินทางกันเพื่อไปบริจาคของกันต่อ คราวนี้ไปที่วัด กับชุมชนอีก ๒ ชุมชนจนของหมดเราจึงได้เดินทางกลับกันครับ มาถึงกองพันก็ ๖ โมงเย็นพอดี ไปรายงานตัวกับสิบเวรแล้วเปลี่ยนชุดแล้วไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย
หลังจากที่ผมออกไปช่วยข้างนอกจากนั้นสัปดาห์ต่อมารุ่นพี่ก็ได้ทำการปลดไปตามวาระที่มารับใช้ชาติ รุ่นพี่ปลดไปแล้วภาระก็หนักมากขึ้นเนื่องจากน้ำได้ทะลักเข้ามาในปริมณฑล แถวรังสิต ลำลูกกา น้ำสูงมาก รถทรายมาเทที่กองพันผมครับ
“จะท่วมอีกนานไหมวะ กูขี้เกียจแล้วเนี่ย”เพื่อนร่วมกองร้อยมันบ่น เพราะตอนนี้เราเหนื่อยกันมากเลยครับ เราต้องไปกรอกทรายกันทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่าพันกระสอบ คนก็น้อย ไหนจะออกไปช่วยด้านนอก ไหนจะต้องมากรอกทรายอยู่ในกองพัน ผมไม่ได้ไปงานนอกกับเขาเลยครับเพราะรุ่นพี่เขาแย่งกันไป คืองานนอกมันจะสบายกว่าครับ แต่ไม่เป็นไร หนักเบาผมก็ทำหมด
“ไอ้พวกใหญ่ๆโตๆแม่งดีแต่สั่ง ไม่มากรอกเองบ้างวะ ไอ้สัส”แอบด่ากันอีกแล้วครับ
“คนเหนื่อยน่ะพวกกู แต่คนได้หน้าน่ะพวกมัน แม่งเอ๊ย”
“ทำๆไปเหอะน่า จะบ่นทำไมวะ มึงมัวแต่บ่นงานก็ไม่เสร็จ”
“บ่นดิไอ้เหี้ย มึงดูดิ เอ็มร้อยสักขวดให้กูแดกยังไม่มีเลย ใช้งานกูยิ่งกว่าควาย ไอ้สัส ให้กูแดกน้ำเปล่า เยะแม่ น้ำก็จะท่วมไปถึงไหนวะ”
“จ่าหนิงๆ เอาเงินไปซื้อเอ็มร้อยมาแจกกำลังพลหน่อยไป มา เดี๋ยวผู้พันช่วย”ผู้พันมาเองเลยครับ ผมโคตรงง ไอ้คนที่บ่นเมื่อกี้ยังอึ้งเลย จะโดนแดกไหมวะกู ผู้พันเป็นคนจับกระสอบ ส่วนทหารเป็นคนกรอกทราย กรอกเสร็จแล้วก็มัดปากถุง ส่วนที่กรอกเสร็จแล้วจะมารถมารับไปครับ คนกรอกก็กรอกไป คนโยนกระสอบทรายขึ้นรถก็ทำกันไป
“เราต้องเหนื่อยหน่อยนะทหาร ตอนนี้หน้าที่ของเราไม่ใช่แค่การรบราฆ่าฟัน แต่อะไรที่เกี่ยวข้องกับความสุขความสงบของบ้านเมือง เราต้องทำทุกอย่าง แล้วอีกอย่างถ้าทหารไม่ทำ ก็ไม่มีใครเขาทำ อย่าท้อ อย่าถอดใจนะ”ผู้พันพูดจากนั้นก็เดินไป โล่งอกไม่โดนแดกแล้วพวกกู
“ไอ้เหี้ย มึงก็พูดซะจนผู้พันต้องมาทำเองเลยวะ มึงนี่มันจังไรคนจริงๆ”
“เออ แต่กูว่าก็ดีนะ จะได้รู้ว่าพวกเราเหนื่อยแค่ไหน คนทำกับคนพูดน่ะมันเหนื่อยต่างกันเว้ย”
“นี่ถ้าโดนแดกมานะ มีเฮแน่เลยมึง”ต่างคนต่างพูดไปต่างๆนานา เรากรอกทรายจนเย็นจึงไปล้างเนื้อล้างตัว อาบน้ำแล้วไปกินข้าวกัน
สถานการณ์น้ำท่วมยิ่งหนักขึ้นทุกวัน ฝนตกลงมาอีกระลอก สัปดาห์ที่ ๒ ของเดือนพฤศจิกายนแล้ว ตอนนี้ทหารใหม่เข้ามาฝึกกันอย่างหนักหน่วง สะท้อนให้เห็นภาพตอนพวกผมเป็นทหารใหม่ พอผ่านมาแล้วอะไรมันก็เป็นแค่เรื่องขำๆ ตอนฝึกนี่ไม่อยากจะพูดลำบากมากเลยครับ แต่พอฝึกเสร็จเอามาพูดหยอกล้อกันฮาเฮ
เรายังคงกรอกทรายกันทุกวันครับ สัปดาห์นี้มีหน่วยทหารจากภาคใต้ขึ้นมาสมทบ ตอนนี้ทหารแถบจังหวัดที่ไม่โดนน้ำท่วมถูกย้ายมาช่วยน้ำท่วมกันชั่วคราว จะไปประจำอยู่ที่กองพันต่างๆตามแต่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะให้ไปช่วยแถบตรงไหนจุดไหน เมื่อมีทหารจากต่างหน่วยเข้ามาพักพวกผมก็ต้องย้ายเตียงนอนกันไปที่โรงนอนอีกฝั่งหนึ่งต้องมานอนอัดกันเป็นปลากระป๋อง เตียงจากที่เคยจัดห่างๆก็ต้องมาจัดให้มันชิดกัน เอาตู้เสื้อผ้าย้ายไปไว้ที่ปลายเตียง
๒ วันแรกที่มีหน่วยอื่นมาพักร่วมชายคากองร้อยผมก็ไม่ได้รู้หรอกครับว่าใครเป็นใครบ้างเพราะตอนเช้าเขาจะออกไปช่วยด้านนอก ส่วนพวกผมจะอยู่กรอกทรายภายในกองพันกันครับ จนมาช่วงเย็นวันหนึ่ง เราไปอาบน้ำกันครับ ก็อาบกันคนละอ่าง พวกผมที่อยู่กองร้อยต้องอาบอ่างเดียว ส่วนอีกอ่างจะเก็บไว้ให้หน่วยทหารหน่วยอื่นมาอาบน้ำครับ ผมกับไอ้มหาเดินไปอาบน้ำไปเจอหนุ่มตี๋คนหนึ่งเขากำลังอาบน้ำอยู่พอดี กางเกงในสีแดง ตัวขาวๆ หุ่นคล้ายผู้หมวดเลยครับ ผมกับไอ้มหาแก้ผ้าอาบแบบโล่งโจ้ง อาบๆไปหนุ่มตี๋คนนั้นหันมายิ้มให้ ผมก็ยิ้มตอบครับ ผูกมิตรเอาไว้
“อยู่กองร้อยนี้เหรอครับ”เขาเป็นคนทักมาก่อน
“ครับ”ผมตอบ มีคนอื่นๆอาบอยู่ด้วยนะครับ คนที่มาก่อนก็ได้อาบก่อน ส่วนผมมาทีหลัง น้ำแทบจะหมดจากอ่าง
“ตั้งแต่น้ำท่วมก็ออกไปช่วยทุกวันเลยละสิครับ”
“อ๋อ ก็แทบทุกวันครับ บางวันก็ไปแพคของ แต่ช่วงหลังกรอกทรายอย่างเดียว แล้วนี่ออกไปช่วยที่ไหนมาเหรอครับ”
“ที่.....น่ะ น้ำท่วมหนักมาก”
อาบไปก็ชวนคุยกันไปครับ จนอาบเสร็จพร้อมกันเดินขึ้นกองร้อยไปพร้อมๆกัน เจอหน้าผู้หมวดด้วย ผมยิ้มให้ผู้หมวดแต่ผู้หมวดทำหน้าเฉยๆใส่ จนพักหนึ่งผมเข้าไปในห้องผู้หมวด ไปนั่งรอ ผู้หมวดแกไปอาบน้ำ นั่งรอครึ่งชั่วโมงผู้หมวดก็ขึ้นมาบนห้อง นุ่งผ้าเช็ดตัวอีกแล้ว คนยิ่งเยอะๆกูยิ่งหวงๆมึงอยู่ด้วย
“บูมมานี่ดิ”ผมเรียกผู้หมวด
“อะไร จะแต่งตัว”ผู้หมวดยืนใส่กางเกงในหน้าตาเฉย
“ทำไมทำแบบนี้อีกแล้ว กำลังประชดพี่เหรอ”ผมคว้าข้อมือผู้หมวดไว้ พี่แกมองหน้าผม
“ทำอะไรอีกล่ะ อะไรวะเนี่ย ปล่อยดิวะ คนจะแต่งตัว”
“บูมกำลังประชดใช่ไหม เคยบอกแล้วใช่ป่ะว่าเวลาอาบน้ำเสร็จแล้วให้แต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วนี่อะไร ทำไมทำแบบนี้”
“เรื่องของกู”
“เออ งั้นกูขอทวงสิทธิ์ของกู”ผมก้มลงไปดูดตรงหน้าอกผู้หมวด
“ไอ้เหี้ย อะไรของมึงเนี่ย”ผู้หมวดพยายามดันหัวผมออกแต่กูแรงเยอะกว่า ดูดแม่ง ๓ รอย ไม่ได้ดูดแถวคอนะครับ ผมดูดแถวหน้าอก
“กูหวงมึงนะบูม ตอนนี้มีทหารต่างที่ต่างถิ่นมาอยู่ด้วย มึงจะทำตัวแบบนี้ไม่ได้”ผมกอดผู้หมวดไว้
“แล้วทีมึงกับไอ้เหี้ยหน้าตี๋นั่นล่ะ หม้อไปเรื่อยนะมึง”
“หม้ออะไร เขาชวนคุยเราก็คุย รู้จักกันเอาไว้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย”
“แต่กูมองสายตาไอ้เหี้ยนั่นมันไม่ได้แค่อยากรู้จักมึงธรรมดา มันส่งส่งตาจะแดกกูมาด้วย”
“เหรอ”
“เออดิ แล้วได้ข่าวมาว่ามึงมีกิ๊ก”
“กิ๊กไหน ไม่มีเหอะ รักผู้หมวดคนเดียว”
“อย่าให้ต้องพูดว่ามีกิ๊กเป็นดารา แค่ไปช่วยกันวันเดียวถึงกับต้องแลกเบอร์ด้วยเหรอ”
“อ้าว เขาขอผมก็ให้ เขาจีบผมหรือไม่จีบผมนั่นมันเรื่องของเขา ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกน่าที่รัก อย่าคิดไปไกล ตอนนี้ผมอยู่ตรงนี้”
“แล้วพรุ่งนี้มึงจะอยู่ตรงไหน มึงเจ้าชู้”
“พรุ่งนี้จะตรงไหนก็ช่างขอแค่มีผมกับผู้หมวด นะๆ ผมไม่คิดจะมีคนอื่นหรอก ถ้าเพื่อนน่ะผมจะหาใหม่เรื่อยๆ แต่ถ้าเมียผมไม่หาแล้ว จุ๊บ”
“เออๆ พูดได้ก็ต้องทำได้ เฮ้ย กอดเฉยๆได้ไหมทำไมต้องลูบอีกแล้ววะ ดูดิ มึงทำรอยกูเนี่ย โห บอมบ์ แดงมากเลยว่ะ มึงซาดิสต์ว่ะบอมบ์”
“เออ คราวนี้แค่ดูดให้เป็นรอย ครั้งหน้าถ้ายังทำแบบเมื่อกี้อีกผมจูบโชว์แน่”
“มึงกล้าเหรอ เฮ้ยบอมบ์ ขอแต่งตัวก่อนได้ไหม”
“ไม่ต้องแต่งแล้วมั้ง เห็นแล้วอยากเลยอ่ะ”
“อดทนหน่อยเว้ย ตอนนี้ได้แค่จูบกับลูบคลำ ห้ามเกินกว่านี้ เออ แล้วถามหน่อย มึงไม่รู้สึกเลยเหรอว่าไอ้หน้าตี๋คนนั้นมันมองมึงแบบแปลกๆ เฮ้ย กูว่ากูไม่ได้อุปทานไปเองนะเว้ย มันมองกูแวบหนึ่งมันยิ้มให้กูแบบแปลกๆว่ะ”
“ผมมองออกอยู่หรอกครับ แต่ไม่คิดจะเล่นด้วยหรอก แต่ถ้าผู้หมวดมองผมแปลกๆนี่ผมจับปล้ำหน้ากองร้อยเลย ฮ่าๆๆ”
“ไอ้สัส คนนะเว้ยไม่ใช่หมาเดือน๑๐ ขอแต่งตัวก่อนเดี๋ยวกูให้มึงกอด โอเคไหม”ผู้หมวดยายามแกะมือผมออก ผมยอมเอามืออกแต่โดยดี ผู้หมวดรีบใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีเขียวอย่างรวดเร็ว ส่วนผมมานั่งรอที่เก้าอี้ พอแต่งชุดเสร็จก็ตบปุๆที่หว่างขา มาให้กูนั่งกอดแต่โดยดี
“โทรมไปไหม”
“อือ ช่วงนี้งานหนักไม่มีเวลามาดูแลตัวเองหรอก”
“ครับ วันนี้ผมไม่ไปรวมดีกว่า อยู่กอดผู้หมวดในห้องนี่แหละ”ที่จริงสิบเวรบอกตั้งแต่ไปกินข้าวแล้วครับว่าไม่ต้องรวม ให้รีบพักผ่อนกันเพราะเราเหนื่อยกันมาทั้งวัน แต่ฟังเวรว่าใครโดนเวรที่ไหนอะไรยังไงก็รีบปล่อยให้พักผ่อนกัน
“แล้วไม่ไปพักผ่อนล่ะ เหนื่อยๆก็ต้องพักผ่อนเยอะๆ”
“ขอกอดผู้หมวดก่อน เราไม่ได้กอดกันตั้งหลายวัน ฟอด”
“แต่เราก็เจอหน้ากันทุกวันนะ อย่าโอเวอร์ได้ป่ะ”
“ฮ่าๆๆๆ คืนนี้ผมแอบเข้ามานอนกับผู้หมวดได้ป่ะ อยากนอนกอดทั้งคืน”
“จะบ้าเหรอ นี่มึงเข้ามาห้องกูบ่อยๆเขาก็สงสัยกันแล้วมั้งว่ามึงเข้ามาทำไม กูยังไม่พร้อมจะเปิดตัวเว้ย”
“ครับผม แล้วผู้หมวดคิดว่าจะปิดไปอีกนานแค่ไหน”
“ไม่รู้ว่ะ แต่ขอให้มึงปลดก่อนกัน”
“กลัวไหมกับคำนินทา”
“อืม มันก็ ๕๐ – ๕๐ อ่ะ แต่ถ้าคิดอีกแง่หนึ่งไม่มีใครในโลกไม่ถูกนินทาหรอก ถ้าเขาเอาความจริงมาพูดมันก็เรื่องของเขา ถ้าเขาเอาความไม่จริงมาพูดมันก็เรื่องของเขาอีกนั่นแหละ ยิ่งเราใส่ใจเรื่องไม่เป็นเรื่องของคนอื่นมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งแต่จะลดความใส่ใจในตัวเองมากขึ้นเท่านั้น”
“ก็กลัวว่าจะมีพวกนายสิบนายทหารนินทาจนผู้หมวดไม่สามารถจะเป็นทหารต่อไปได้”
“บอมบ์ เราเป็นทหารจริงอยู่ที่ทั้งชีวิตในอนาคตของกูต้องอยู่กับความเป็นทหาร แต่ถ้าเราสามารถที่จะแยกแยะเรื่องหน้าที่การงานออก ทุกอย่างมันจะดีขึ้นมากเลย ที่คนในสังคมยังทะเลาะกันอยู่ทุกวันนี้เพราะเขาแยกแยะไม่ออก โอเค ยุคหนึ่งความรัก การมีคู่ครองมันต้องเป็นรูปแบบชายหญิงครองรักกัน แต่ตอนนี้กูว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว การอยู่แบบคู่ครองชายหญิงอาจจะไม่จำเป็นสำหรับใครบางคน บางคนนะเว้ยชอบอยู่คนเดียว หรืออาจจะเป็นเหมือนเราที่อาจจะรักเพศเดียวกัน กูว่าเรื่องบางเรื่องเราควรที่จะให้ชีวิตของเขาเอาไปจัดการเองดีกว่า เรามามองกันที่หน้าที่การงานดีกว่าไหม เรื่องความรักเราต้องให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง แต่คนเราแม่งชอบเสือกเกินพอดีไง ดูสิเรื่องบางอย่างของบุคคลสาธารณะ โอ้โห แม่งรู้ดีฉิบหาย คนนี้ไปเอากันกับคนนู้น คนนู้นบ้านแตกสาแหรกขาด คือกูว่าเราไปเสือกเรื่องของเขาจนเกินพอดี ทำไมเราไม่มองเขาที่หน้าที่การงานล่ะ เอาผลงานของเขามาตัดสินเขาสิว่าเขาเป็นคนยังไง เราจะสบายใจขึ้น มึงว่าไร้สาระไหมกับคนบางคนที่ชอบไปจับผิดการดำเนินชีวิตของคนอื่น”
“ไร้สาระมากเลยครับที่รัก”
“อืมนั่นแหละ ลองคิดดูง่ายๆนะบอมบ์ วันหนึ่งเรามัวแต่ไปหมกมุ่นกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำให้ชีวิตเราขาดการพัฒนานะเว้ย ลองคิดดู ๑ ชั่วโมงที่เรากำลังครุ่นคิดเรื่องบ้านแตกสาแหรกขาดของคนที่เราไม่ได้สนิทชิดเชื้ออย่างแท้จริง เรากำลังคิดเรื่องที่เขานินทาว่าร้ายเรา เท่ากับว่า เรากำลังเสีย ๑ ชั่วโมงในการพัฒนาศักยภาพของตนเอง แทนที่ว่า ๑ ชั่วโมงนั้นเราพัฒนาร่างกายของตัวเองได้มากแค่ไหน ๑ ชั่วโมงนั้นเราพัฒนาจิตใจของตัวเองได้แค่ไหน เรากลับต้องมาเสีย ๑ ชั่วโมงไปเพราะเรากลัวว่าเขาจะนินทา กูไม่ได้แคร์หรอกว่าใครจะพูดอะไรยังไงกับกู ชีวิตกู กูเป็นคนตัดสิน แต่งานที่กูทำลงไปพวกมึงต้องคอยตัดสินว่ากูทำดีหรือไม่ดี แล้วมึงล่ะบอมบ์ มึงกลัวเหรอ”
“กลัวเหรอ เรากลัวเรื่องอะไรล่ะครับผู้หมวด ผมรักผู้หมวดทำไมผมต้องกลัวด้วย ถ้ากลัวผมไม่คิดจีบตั้งแต่ทีแรกแล้ว”
“อืม”ผู้หมวดพยักหน้า
“ถ้าเรามัวแต่กลัว เราก็จะไม่ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ ถ้าเรามัวแต่มองคนอื่น บางทีเราทำให้เราลืมไปเลยว่าเราลืมมองตัวเอง จริงไหมครับ”
“ถูกต้องนะครับ หาแฟนแบบมึงนี่ยากนะบอมบ์ จุ๊บก่อน”ผู้หมวดหันหน้ามาแล้วเราก็จูบกันเบาๆ เติมความหวานด้วยการสัมผัส
“แฟนแบบผมหายากแต่ไม่ยากเหมือนของโบราณนะครับ ฮ่าๆๆๆ”