ดีแล้วทูนหัวมีผัวเป็นทหาร ปีสองของสองคน ๒๐๐๑๒๕๖๓ ตอนที่๑๔/๒ หน้า๑๓๒
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ดีแล้วทูนหัวมีผัวเป็นทหาร ปีสองของสองคน ๒๐๐๑๒๕๖๓ ตอนที่๑๔/๒ หน้า๑๓๒  (อ่าน 1220890 ครั้ง)

ออฟไลน์ Pine_apple

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
หวานน้ำตาลเรียกพี่เลยอ่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ AGELA

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1109/-0
ตอนที่ ๔๗ น้ำท่วม (๒)

พวกผมกลุ่มเดินยังคงต้องเดินทางไปแพคของที่โกดังเก็บของอีกหลายวันครับ สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มวกฤตเข้ามาทุกวัน พวกผมฟังข่าวเองก็เครียดตามไปด้วยนะครับ ไปช่วยขนของอยู่ประมาณสัปดาห์หนึ่ง วันนี้ก็เริ่มมีรถขนทรายเข้ามาเทในกองพันแล้วครับเพราะว่าหน่วยทหารต้องเป็นหน่วยงานกรอกทราย

สัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคมแล้วรุ่นพี่ที่จะต้องปลดไปเริ่มมีความกังวลว่าจะได้ปลดหรือเปล่า เพราะว่าตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองมันย่ำแย่มากขึ้นทุกวัน กองทัพต้องการกำลังพลเอาไว้ช่วยเหลือประชาชน มีข่าวลือมาว่าบางทีรุ่นพี่อาจจะยังไม่ได้รับการปลดตามกำหนดเวลา อาจจะต้องอยู่ช่วยน้ำท่วมต่อ บางคนก็กังวลคิดไปต่างๆนานา ไม่ค่อยมีใครมีจิตใจอยากจะทำงาน

“วันนี้จะออกไปไหนเหรอ”เข้าไปหาผู้หมวดตอนเช้าเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำมาทุกวัน

“เขาจัดผมให้ไปช่วยใครไม่รู้ครับ ไป ๒ คนกับมหา”เดินเข้าไปกอดผู้หมวด หน้าพี่แกโทรมๆไปหน่อยครับเพราะว่างานหนัก “เออ จำได้แล้ว รู้สึกว่าจะไปช่วยเพื่อนของผู้หมวดเพชรอ่ะครับ”หมวดเพชรนี่คือผู้หมวดที่เพิ่งขึ้นมาจากภาคใต้นะครับ อยู่กองร้อยเดียวกับหมวดเต้ย

“อ๋อ อือ ไปทำดีๆแล้วกัน เราออกไปเราเอาชื่อเสียงหน่วยไปด้วย”

“ครับผม ผมไม่ทำให้เสียงานหรอกน่า แล้ววันนี้ผู้หมวดไปไหนครับ”

“ก็ว่าจะไปดูพื้นที่ที่เรารับผิดชอบอยู่น่ะ ไปกับผู้พัน”

“อืม”ผมพยักหน้า หอมแก้ม จูบ แล้วกูก็ล้วงของกูเหมือนเดิม ฮ่าๆๆๆๆ ผมชอบสัมผัสผู้หมวด ล่ำลากันพอเป็นพิธีผมก็ออกไปด้านนอกไปรอขึ้นรถที่โรงรถ เขาจะพาไปไหนผมไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเป็นงานนอกแล้วกัน

ยืนรอที่ศาลาน้ำอยู่ครู่หนึ่งก็มีรถมารับพวกผม แล้วเราก็เดินทาง ตัวแทนกองร้อยละ ๒ คนครับ นั่งรถกันมาร่วมชั่วโมงจนมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งครับ ลงจากรถก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินมาแล้วก็ให้พวกเราขนของขึ้นรถกันครับ ได้ยินมาว่ากลุ่มที่เราไปทำงานให้เขาเป็นลูกไฮโซ คนหนึ่งเป็นลูกนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อีกคนก็เป็นลูกนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และไฮโซอีก นอกจากนี้เขาว่ามีดาราด้วย เป็นดาราผู้หญิงครับ ผมไม่รู้จักหรอกครับ ไม่ค่อยได้ดูทีวีนานแล้ว ตั้งแต่ผมจบมัธยมต้นผมก็ไม่ค่อยได้ดูพวกข่าวคราวดารา ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใคร เขาก็ชี้ให้ดูว่าคนนี้เป็นดารา ผมได้แต่พยักหน้ารับรู้

ขนของยัดใส่รถเสร็จแล้ว กลุ่มผู้ที่จะไปบริจาคเขาเอาพวกของกินมาแจกพวกผม ผมเดินไปหลังสุดเพราะไอ้พวกรุ่นพี่ที่ไปด้วยมันเดินเข้าไปก่อน รับของเสร็จก็มากินกัน ขนมปัง นม กับอีกหลายอย่าง

“ไอ้ที่ว่าเป็นดาราเนี่ย เขาแสดงเรื่องอะไรวะบอมบ์”ไอ้มหามันไม่รู้พอๆกับผมเลยครับ

“กูไม่รู้ว่ะมหา ไม่เคยดูทีวีดูละครอะไรกับเขา”

“อ้าวกูคิดว่ามึงรู้”

“กูไม่เคยสนใจหรอกเรื่องดาราอะไรน่ะ ใครเป็นใคร ใครมาใหม่ ใครมาเก่ากูก็ไม่ค่อยรู้”

“เหรอ เออ อย่าไปสนใจมันเลย ดารามันก็คนเหมือนกัน”แล้วเรามานั่งคุยเรื่องอื่นกันต่อครับ นั่งรถไปอยู่ครู่หนึ่งก็มาจอดแห่งหนึ่ง ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร จากนั้นเขาจึงให้พวกผมเดินไปกินข้าวที่ร้านค้า เขาบอกว่าจะเลี้ยงข้าว ผมก็โอเคไม่ขัดศรัทธาสั่งกับข้าวมานั่งกินจนอิ่ม แล้วรอขึ้นรถ

“มึงว่าดาราเขากำลังมองมาที่พวกเราหรือเปล่าวะ”ไอ้มหาสะกิดผม เห็นคนหนึ่งกำลังคุยกับกลุ่ม อีกคนกำลังมองๆมาทางนี้ ผมหันไปมองแล้วยิ้มให้เขา ไม่รู้จักก็จริงแต่ยิ้มให้ก่อน ดาราคนนั้นยิ้มตอบ

“เขามองเราจริงด้วย อยากรู้จักไหม เดี๋ยวกูเข้าไปทัก”

“หมวดบูมรู้เอามึงตายนะ”

“เอาน่า เชื่อกู”ผมเดินกอดคอไอ้มหาไปหาดาราคนนั้นอย่ามั่นใจ “สวัสดีครับ”ผมทักทาย พวกที่ยืนคุยกันก็หันมามองหน้าแบบงงๆ แต่ก็ยิ้มให้ผม

“ชื่อบอมบ์ครับ คนนี้ชื่อตวง”ผมแนะนำไอ้มหากับตัวเองอยางเป็นทางการ คือกูก็ไม่รู้ว่าพวกมึงอยากรู้จักกูหรือไม่อยากรู้จัก

“เพื่อนแบงค์ป่ะ หน้าคุ้นๆ”ลูกนายทหารคนหนึ่งมองมาที่ผม

“ก็ถ้าไอ้แบงค์พี่หมวดบูมอ่ะใช่ครับ แต่ถ้าแบงค์อื่นคงไม่ใช่”ผมตอบคำถาม

“แบงค์พี่บูมอ่ะ ผมว่าผมเคยเจอนายนะ”

“ออ ครับ”ผมพยักหน้าแล้วจากนั้นก็คุยกันนิดหน่อย ลูกนายตำรวจชื่อทิว ลูกนายทหารที่ทักว่าผมเป็นเพื่อนไอ้แบงค์ชื่อบอส ถึงเวลาออกเดินทางพวกผมก็แยกออกไปนั่งรถกระบะ เป็นรถกระบะ ๖ ล้อ มีข้าวของมากมายเลยครับ ได้ยินมาว่ามีคุณนายท่านหนึ่งฝากเอาของไปแจกชาวบ้านที่โดนน้ำท่วมด้วย

นั่งรถกันอยู่เกือบ ๓ โมงกว่าจะถึงที่ที่เราจะเอาของไปช่วยเหลือชาวบ้าน พอไปเจอสภาพแล้วมันมีแต่น้ำจริงๆเลยครับ ทุ่งนาที่แต่ก่อนมีข้าวสีทองสดใสตอนนี้ก็กลายเป็นทะเลสาบไปแล้ว ทางเข้าไปที่จุดรับบริจาคยากลำบากมากเลยครับเราต้องค่อยๆขับรถเข้าไป พอไปถึงก็จะมีเจ้าหน้าที่ซึ่งประจำอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว เป็นทหารที่ออกมาช่วยเหลือชาวบ้านในแถบนั้น

มองซ้าย มองขวา ตรงที่เรามาจอดรถเพื่อจะเอาของไปบริจาคมันจะอยู่ติดแม่น้ำครับ ชาวบ้านบอกว่าเมื่อ ๒ วันก่อนน้ำท่วมเกือบถึงชั้น ๒ ของบ้าน ผมมองไปแล้วก็เห็นใจ ทิวกับบอสลงไปถามเจ้าหน้าที่อยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงให้พวกผมเอาของลง มีชาวบ้านมารอรับของบริจาคหงายคนเลยครับ ส่วนหนึ่งเราก็เอาของให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ ส่วนอีกส่วนหนึ่งเราก็เอาลงเรือเพราะมีชาวบ้านที่ไม่สามารถออกมารับของได้เราต้องนำไปให้เขา

“โห ท่วมขนาดนี้เลยเหรอวะ”ผมกับไอ้มหาบ่นพึมพำคนเดียว

“วันก่อนสูงกว่านี้อีกน้อง แต่นี่ฝนไม่ตกมา ๓ วันแล้วน้ำค่อยลดลงไปบ้าง แต่ไม่รู้ว่ามวลน้ำจากทางเหนือจะไหลลงมาอีกหรือเปล่า เพราะแถวนู้นก็หนัก”พี่ทหารอธิบายให้ผมฟัง ที่จริงแกเป็นจ่านะครับเห็นยศอยู่บนคอเสื้อ นั่งเรือไปแล้วจากนั้นก็เอาของไปแจกครับ เห็นคราบน้ำตามกำแพงบ้านมันท่วมสูงมากเลย แจกของเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กลับ จากนั้นเราจึงไปกันอีกที่หนึ่งครับ ชาวบ้านมารอรับสิ่งของบริจาคกันมากมาย มีคนมาขอถ่ายรูปกับดารา ถ่ายไปแจกไป

“เหนื่อยไหม”ทิวเดินมาถามผมระหว่างที่เอาของลงจากรถ

“สนุกดี แล้วเสร็จจากตรงนี้เราจะไปไหนต่อเหรอครับ”

“ไปกินข้าวกันน่ะ แล้วเราจะปีกที่หนึ่งจากนั้นก็กลับ”

“ครับ”ผมพยักหน้าแล้วก็เอาของลงจนเขาบอกว่าพอจึงหยุดแล้วดารากับพวกทิวบอสก็ล่ำลาชาวบ้านจากนั้นก็นั่งรถไปต่อครับ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง เขาบอกว่าพามากินข้าว ลงจากรถได้ พวกผมยังขัดๆเขินๆเลยนั่งรออยู่ด้านนอก จนเขามาเรียกจึงได้เดินตามไป

“อบต.เขาดีเนอะ มีตั้ง ๓ ชั้น”ไอ้มหาพูดพลางมองสำรวจ

“อือ คิดถึงบ้านเลยว่ะ มึงดูดิ ข้าวยังเขียวอยู่เลย”ผมชี้ไปที่ทุ่งนาซึ่งไม่โดนน้ำท่วม ข้าวออกรวงแล้ว เขียวสวยสดงดงาม มองแล้วคิดถึงบ้าน

“นี่ถ้าน้ำไม่ท่วม กูว่าทุ่งนาแถวๆที่เราเข้ามาคงจะสวยเนอะ เฮ้อ นี่แหละนะ คนเราต่อให้มีสิ่งที่เลิศเลอสมบูรณ์แบบ พัฒนาเทคโนโลยีไปก้าวไกลแต่ก็ยังแพ้ภัยธรรมชาติอยู่ดี”

“อือ ก็เหมือนกับมาเตือนเรามั้งว่า แบบว่า มีปีศาจต้นไม้ออกมาพูด พวกมนุษย์หน้าโง่ มึงไม่มีทางเอาชนะกูได้หรอก ปีนี้กูน้ำท่วม ปีหน้ากูแผ่นดินไหว ต่อให้มึงเก่งแค่ไหน มึงก็เอาชนะกูไม่ได้”

“สุดท้ายมันก็มาตายอยู่กับคำตอบของความพอดี คนเราถ้าทำอะไรแบบพอดี อยู่แบบพอดี กินแบบพอดี ทำทุกอย่างแบบพอดี มันก็จะเกิดสิ่งที่ดีๆนะกูว่า”ไอ้มหาเกาคางแบบครุ่นคิด

“อ่ะ เชิญตามสบายเลยนะครับ กับข้าวเราทำสดๆร้อนๆ ทานกันให้เต็มที่เลย”นายกอบต.พูดกับพวกผมและหัวหน้าคณะบริจาค กลุ่มนี้เขาดีนะครับในความคิดของผม เขาเป็นลูกคนรวย พอเห็นคนอื่นยากลำบากเขาก็ออกมาช่วยเหลือชาวบ้าน บางทีน้ำท่วมครั้งนี้ก็ทำให้เราเห็นว่าคนไทยยังมีน้ำใจต่อกันอยู่อีกมากมาย ที่ออกข่าวผมไม่ค่อยรู้นะครับว่าใครทำอะไรที่ไหนบ้าง แต่ผมคิดว่าคงจะมีคนรวยออกมาช่วยเหลือเยอะเหมือนกัน ส่วนตัวผมเองก็ช่วยนะแต่ผมอาจจะไม่ได้ช่วยโดยตรงแค่โอนเงินไปร่วมสมทบทุนกับโครงการต่างๆ กิจการของผมเองก็ได้รับผลกระทบอยู่เหมือนกัน

“กับข้าวเยอะแบบนี้จะกินหมดไหมวะ”รุ่นพี่ต่างกองร้อยพูดขึ้น

“ห่อกลับกองร้อยได้ไหมวะบอมบ์ กูเบื่อกับข้าวที่กองพันแล้วว่ะ”ไอ้มหาพูดขำๆ

“บอกเขาดิ เดี๋ยวกูให้เขาห่อให้”

“ไอ้สัส เสียมารยาท มาแดกฟรีแล้วยังจะให้เขาห่อให้อีก”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

ขนมจีนน้ำยา แกงไตปลา แกงเขียวหวาน ไข่เจียว หมูแดดเดียว และอีกหลายอย่าง ละลานตาไปหมด กินข้าวหมดไป ๓ จาน กูไม่สนใจอ่ะ เขาให้แดกกูก็แดก จะมัวเขินอายตามมารยาทกูขอสักวันเหอะ ขนาดว่ากินเยอะยังเหลือเลยครับ งานนี้พุงกาง แล้วตบท้ายด้วยผลไม้กับของหวาน อิ่มไปเป็นชาติเลย ฮ่าๆๆๆ

“ฮัลโหลแม่ ทำอะไรอยู่เหรอ”กินอิ่มก็โทรหาแม่สักหน่อย

“นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร แล้วนี่ได้ข่าวว่าออกไปช่วยน้ำท่วมวันนี้ไปไหนเหรอ”

“มีสายรายงานความประพฤติเหรอแม่ ฮ่าๆๆๆ บอมบ์มาช่วยน้ำท่วมที่อยุธยาน่ะ โหแม่ น้ำท่วมมิดหลังคาเลย บ้าน ๒ ชั้นนี่เหลือแต่ชั้นบน”

“อือ ดูสิ มันท่วมหนักขนาดนั้นเลยเชียว แม่ดูข่าวแล้วสงสาร”

“ใช่แม่ ข้าวเขิ้วนี่เสียหายหมดเลย ที่บ้านเราไม่เป็นไรนะแม่ ลูกยังสบายดีไหม ซ่าหายป่วยยัง”

“ยังเลย น้ำมูกยังไหลอยู่นิดหน่อย นี่ดีนะแม่นกมาช่วยเลี้ยง”แม่นกนี่ชื่อของพี่นกแม่ไอ้ซันนะครับ พี่นกเป็นลูกสาวของน้องสาวแม่ผมเอง เป็นญาติกัน แม่ผมจึงมีศักดิ์เป็นป้าของพี่นก ส่วนไอ้ซันมันมีศักดิ์เป็นหลานผมนะครับ

“กับข้าววันนี้อร่อยไหม ทานอิ่มกันหรือเปล่า”ดารากับเพื่อนผู้หญิงที่มาด้วยกันถามผม

“อร่อยครับ ผมซัดไปตั้ง ๓ จาน อิ่มมากเลยครับ เมื่อกี้เห็นขอไข่เจียวเพิ่มด้วยนี่นา ชอบเหรอครับ”ดาราเขาขอให้แม่ครัวเจียวไข่ให้อีกครับ

“ค่ะ ไม่เคยเจอไข่เจียวที่ไหนอร่อยเท่านี้มาก่อนเลยขอเพิ่มค่ะ”จากนั้นก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย คุยไปคุยมาไม่รู้คุยอีท่าไหนผมได้เบอร์ดารามาเฉยเลยครับ หึหึ เขาขอเราก็ให้ เขาให้เราก็รับ แต่ถ้าเมียรู้กูคงโดนโวยใส่

เดินทางกันเพื่อไปบริจาคของกันต่อ คราวนี้ไปที่วัด กับชุมชนอีก ๒ ชุมชนจนของหมดเราจึงได้เดินทางกลับกันครับ มาถึงกองพันก็ ๖ โมงเย็นพอดี ไปรายงานตัวกับสิบเวรแล้วเปลี่ยนชุดแล้วไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย

หลังจากที่ผมออกไปช่วยข้างนอกจากนั้นสัปดาห์ต่อมารุ่นพี่ก็ได้ทำการปลดไปตามวาระที่มารับใช้ชาติ รุ่นพี่ปลดไปแล้วภาระก็หนักมากขึ้นเนื่องจากน้ำได้ทะลักเข้ามาในปริมณฑล แถวรังสิต ลำลูกกา น้ำสูงมาก รถทรายมาเทที่กองพันผมครับ

“จะท่วมอีกนานไหมวะ กูขี้เกียจแล้วเนี่ย”เพื่อนร่วมกองร้อยมันบ่น เพราะตอนนี้เราเหนื่อยกันมากเลยครับ เราต้องไปกรอกทรายกันทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่าพันกระสอบ คนก็น้อย ไหนจะออกไปช่วยด้านนอก ไหนจะต้องมากรอกทรายอยู่ในกองพัน ผมไม่ได้ไปงานนอกกับเขาเลยครับเพราะรุ่นพี่เขาแย่งกันไป คืองานนอกมันจะสบายกว่าครับ แต่ไม่เป็นไร หนักเบาผมก็ทำหมด

“ไอ้พวกใหญ่ๆโตๆแม่งดีแต่สั่ง ไม่มากรอกเองบ้างวะ ไอ้สัส”แอบด่ากันอีกแล้วครับ

“คนเหนื่อยน่ะพวกกู แต่คนได้หน้าน่ะพวกมัน แม่งเอ๊ย”

“ทำๆไปเหอะน่า จะบ่นทำไมวะ มึงมัวแต่บ่นงานก็ไม่เสร็จ”

“บ่นดิไอ้เหี้ย มึงดูดิ เอ็มร้อยสักขวดให้กูแดกยังไม่มีเลย ใช้งานกูยิ่งกว่าควาย ไอ้สัส ให้กูแดกน้ำเปล่า เยะแม่ น้ำก็จะท่วมไปถึงไหนวะ”

“จ่าหนิงๆ เอาเงินไปซื้อเอ็มร้อยมาแจกกำลังพลหน่อยไป มา เดี๋ยวผู้พันช่วย”ผู้พันมาเองเลยครับ ผมโคตรงง ไอ้คนที่บ่นเมื่อกี้ยังอึ้งเลย จะโดนแดกไหมวะกู ผู้พันเป็นคนจับกระสอบ ส่วนทหารเป็นคนกรอกทราย กรอกเสร็จแล้วก็มัดปากถุง ส่วนที่กรอกเสร็จแล้วจะมารถมารับไปครับ คนกรอกก็กรอกไป คนโยนกระสอบทรายขึ้นรถก็ทำกันไป

“เราต้องเหนื่อยหน่อยนะทหาร ตอนนี้หน้าที่ของเราไม่ใช่แค่การรบราฆ่าฟัน แต่อะไรที่เกี่ยวข้องกับความสุขความสงบของบ้านเมือง เราต้องทำทุกอย่าง แล้วอีกอย่างถ้าทหารไม่ทำ ก็ไม่มีใครเขาทำ อย่าท้อ อย่าถอดใจนะ”ผู้พันพูดจากนั้นก็เดินไป โล่งอกไม่โดนแดกแล้วพวกกู

“ไอ้เหี้ย มึงก็พูดซะจนผู้พันต้องมาทำเองเลยวะ มึงนี่มันจังไรคนจริงๆ”

“เออ แต่กูว่าก็ดีนะ จะได้รู้ว่าพวกเราเหนื่อยแค่ไหน คนทำกับคนพูดน่ะมันเหนื่อยต่างกันเว้ย”

“นี่ถ้าโดนแดกมานะ มีเฮแน่เลยมึง”ต่างคนต่างพูดไปต่างๆนานา เรากรอกทรายจนเย็นจึงไปล้างเนื้อล้างตัว อาบน้ำแล้วไปกินข้าวกัน

สถานการณ์น้ำท่วมยิ่งหนักขึ้นทุกวัน ฝนตกลงมาอีกระลอก สัปดาห์ที่ ๒ ของเดือนพฤศจิกายนแล้ว ตอนนี้ทหารใหม่เข้ามาฝึกกันอย่างหนักหน่วง สะท้อนให้เห็นภาพตอนพวกผมเป็นทหารใหม่ พอผ่านมาแล้วอะไรมันก็เป็นแค่เรื่องขำๆ ตอนฝึกนี่ไม่อยากจะพูดลำบากมากเลยครับ แต่พอฝึกเสร็จเอามาพูดหยอกล้อกันฮาเฮ

เรายังคงกรอกทรายกันทุกวันครับ สัปดาห์นี้มีหน่วยทหารจากภาคใต้ขึ้นมาสมทบ ตอนนี้ทหารแถบจังหวัดที่ไม่โดนน้ำท่วมถูกย้ายมาช่วยน้ำท่วมกันชั่วคราว จะไปประจำอยู่ที่กองพันต่างๆตามแต่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะให้ไปช่วยแถบตรงไหนจุดไหน เมื่อมีทหารจากต่างหน่วยเข้ามาพักพวกผมก็ต้องย้ายเตียงนอนกันไปที่โรงนอนอีกฝั่งหนึ่งต้องมานอนอัดกันเป็นปลากระป๋อง เตียงจากที่เคยจัดห่างๆก็ต้องมาจัดให้มันชิดกัน เอาตู้เสื้อผ้าย้ายไปไว้ที่ปลายเตียง

๒ วันแรกที่มีหน่วยอื่นมาพักร่วมชายคากองร้อยผมก็ไม่ได้รู้หรอกครับว่าใครเป็นใครบ้างเพราะตอนเช้าเขาจะออกไปช่วยด้านนอก ส่วนพวกผมจะอยู่กรอกทรายภายในกองพันกันครับ จนมาช่วงเย็นวันหนึ่ง เราไปอาบน้ำกันครับ ก็อาบกันคนละอ่าง พวกผมที่อยู่กองร้อยต้องอาบอ่างเดียว ส่วนอีกอ่างจะเก็บไว้ให้หน่วยทหารหน่วยอื่นมาอาบน้ำครับ ผมกับไอ้มหาเดินไปอาบน้ำไปเจอหนุ่มตี๋คนหนึ่งเขากำลังอาบน้ำอยู่พอดี กางเกงในสีแดง ตัวขาวๆ หุ่นคล้ายผู้หมวดเลยครับ ผมกับไอ้มหาแก้ผ้าอาบแบบโล่งโจ้ง อาบๆไปหนุ่มตี๋คนนั้นหันมายิ้มให้ ผมก็ยิ้มตอบครับ ผูกมิตรเอาไว้

“อยู่กองร้อยนี้เหรอครับ”เขาเป็นคนทักมาก่อน

“ครับ”ผมตอบ มีคนอื่นๆอาบอยู่ด้วยนะครับ คนที่มาก่อนก็ได้อาบก่อน ส่วนผมมาทีหลัง น้ำแทบจะหมดจากอ่าง

“ตั้งแต่น้ำท่วมก็ออกไปช่วยทุกวันเลยละสิครับ”

“อ๋อ ก็แทบทุกวันครับ บางวันก็ไปแพคของ แต่ช่วงหลังกรอกทรายอย่างเดียว แล้วนี่ออกไปช่วยที่ไหนมาเหรอครับ”

“ที่.....น่ะ น้ำท่วมหนักมาก”

อาบไปก็ชวนคุยกันไปครับ จนอาบเสร็จพร้อมกันเดินขึ้นกองร้อยไปพร้อมๆกัน เจอหน้าผู้หมวดด้วย ผมยิ้มให้ผู้หมวดแต่ผู้หมวดทำหน้าเฉยๆใส่ จนพักหนึ่งผมเข้าไปในห้องผู้หมวด ไปนั่งรอ ผู้หมวดแกไปอาบน้ำ นั่งรอครึ่งชั่วโมงผู้หมวดก็ขึ้นมาบนห้อง นุ่งผ้าเช็ดตัวอีกแล้ว คนยิ่งเยอะๆกูยิ่งหวงๆมึงอยู่ด้วย

“บูมมานี่ดิ”ผมเรียกผู้หมวด

“อะไร จะแต่งตัว”ผู้หมวดยืนใส่กางเกงในหน้าตาเฉย

“ทำไมทำแบบนี้อีกแล้ว กำลังประชดพี่เหรอ”ผมคว้าข้อมือผู้หมวดไว้ พี่แกมองหน้าผม

“ทำอะไรอีกล่ะ อะไรวะเนี่ย ปล่อยดิวะ คนจะแต่งตัว”

“บูมกำลังประชดใช่ไหม เคยบอกแล้วใช่ป่ะว่าเวลาอาบน้ำเสร็จแล้วให้แต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วนี่อะไร ทำไมทำแบบนี้”

“เรื่องของกู”

“เออ งั้นกูขอทวงสิทธิ์ของกู”ผมก้มลงไปดูดตรงหน้าอกผู้หมวด

“ไอ้เหี้ย อะไรของมึงเนี่ย”ผู้หมวดพยายามดันหัวผมออกแต่กูแรงเยอะกว่า ดูดแม่ง ๓ รอย ไม่ได้ดูดแถวคอนะครับ ผมดูดแถวหน้าอก

“กูหวงมึงนะบูม ตอนนี้มีทหารต่างที่ต่างถิ่นมาอยู่ด้วย มึงจะทำตัวแบบนี้ไม่ได้”ผมกอดผู้หมวดไว้

“แล้วทีมึงกับไอ้เหี้ยหน้าตี๋นั่นล่ะ หม้อไปเรื่อยนะมึง”

“หม้ออะไร เขาชวนคุยเราก็คุย รู้จักกันเอาไว้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย”

“แต่กูมองสายตาไอ้เหี้ยนั่นมันไม่ได้แค่อยากรู้จักมึงธรรมดา มันส่งส่งตาจะแดกกูมาด้วย”

“เหรอ”

“เออดิ แล้วได้ข่าวมาว่ามึงมีกิ๊ก”

“กิ๊กไหน ไม่มีเหอะ รักผู้หมวดคนเดียว”

“อย่าให้ต้องพูดว่ามีกิ๊กเป็นดารา แค่ไปช่วยกันวันเดียวถึงกับต้องแลกเบอร์ด้วยเหรอ”

“อ้าว เขาขอผมก็ให้ เขาจีบผมหรือไม่จีบผมนั่นมันเรื่องของเขา ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกน่าที่รัก อย่าคิดไปไกล ตอนนี้ผมอยู่ตรงนี้”

“แล้วพรุ่งนี้มึงจะอยู่ตรงไหน มึงเจ้าชู้”

“พรุ่งนี้จะตรงไหนก็ช่างขอแค่มีผมกับผู้หมวด นะๆ ผมไม่คิดจะมีคนอื่นหรอก ถ้าเพื่อนน่ะผมจะหาใหม่เรื่อยๆ แต่ถ้าเมียผมไม่หาแล้ว จุ๊บ”

“เออๆ พูดได้ก็ต้องทำได้ เฮ้ย กอดเฉยๆได้ไหมทำไมต้องลูบอีกแล้ววะ ดูดิ มึงทำรอยกูเนี่ย โห บอมบ์ แดงมากเลยว่ะ มึงซาดิสต์ว่ะบอมบ์”

“เออ คราวนี้แค่ดูดให้เป็นรอย ครั้งหน้าถ้ายังทำแบบเมื่อกี้อีกผมจูบโชว์แน่”

“มึงกล้าเหรอ เฮ้ยบอมบ์ ขอแต่งตัวก่อนได้ไหม”

“ไม่ต้องแต่งแล้วมั้ง เห็นแล้วอยากเลยอ่ะ”

“อดทนหน่อยเว้ย ตอนนี้ได้แค่จูบกับลูบคลำ ห้ามเกินกว่านี้ เออ แล้วถามหน่อย มึงไม่รู้สึกเลยเหรอว่าไอ้หน้าตี๋คนนั้นมันมองมึงแบบแปลกๆ เฮ้ย กูว่ากูไม่ได้อุปทานไปเองนะเว้ย มันมองกูแวบหนึ่งมันยิ้มให้กูแบบแปลกๆว่ะ”

“ผมมองออกอยู่หรอกครับ แต่ไม่คิดจะเล่นด้วยหรอก แต่ถ้าผู้หมวดมองผมแปลกๆนี่ผมจับปล้ำหน้ากองร้อยเลย ฮ่าๆๆ”

“ไอ้สัส คนนะเว้ยไม่ใช่หมาเดือน๑๐ ขอแต่งตัวก่อนเดี๋ยวกูให้มึงกอด โอเคไหม”ผู้หมวดยายามแกะมือผมออก ผมยอมเอามืออกแต่โดยดี ผู้หมวดรีบใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีเขียวอย่างรวดเร็ว  ส่วนผมมานั่งรอที่เก้าอี้ พอแต่งชุดเสร็จก็ตบปุๆที่หว่างขา มาให้กูนั่งกอดแต่โดยดี

“โทรมไปไหม”

“อือ ช่วงนี้งานหนักไม่มีเวลามาดูแลตัวเองหรอก”

“ครับ วันนี้ผมไม่ไปรวมดีกว่า อยู่กอดผู้หมวดในห้องนี่แหละ”ที่จริงสิบเวรบอกตั้งแต่ไปกินข้าวแล้วครับว่าไม่ต้องรวม ให้รีบพักผ่อนกันเพราะเราเหนื่อยกันมาทั้งวัน แต่ฟังเวรว่าใครโดนเวรที่ไหนอะไรยังไงก็รีบปล่อยให้พักผ่อนกัน

“แล้วไม่ไปพักผ่อนล่ะ เหนื่อยๆก็ต้องพักผ่อนเยอะๆ”

“ขอกอดผู้หมวดก่อน เราไม่ได้กอดกันตั้งหลายวัน ฟอด”

“แต่เราก็เจอหน้ากันทุกวันนะ อย่าโอเวอร์ได้ป่ะ”

“ฮ่าๆๆๆ คืนนี้ผมแอบเข้ามานอนกับผู้หมวดได้ป่ะ อยากนอนกอดทั้งคืน”

“จะบ้าเหรอ นี่มึงเข้ามาห้องกูบ่อยๆเขาก็สงสัยกันแล้วมั้งว่ามึงเข้ามาทำไม กูยังไม่พร้อมจะเปิดตัวเว้ย”

“ครับผม แล้วผู้หมวดคิดว่าจะปิดไปอีกนานแค่ไหน”

“ไม่รู้ว่ะ แต่ขอให้มึงปลดก่อนกัน”

“กลัวไหมกับคำนินทา”

“อืม มันก็ ๕๐ – ๕๐ อ่ะ แต่ถ้าคิดอีกแง่หนึ่งไม่มีใครในโลกไม่ถูกนินทาหรอก ถ้าเขาเอาความจริงมาพูดมันก็เรื่องของเขา ถ้าเขาเอาความไม่จริงมาพูดมันก็เรื่องของเขาอีกนั่นแหละ ยิ่งเราใส่ใจเรื่องไม่เป็นเรื่องของคนอื่นมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งแต่จะลดความใส่ใจในตัวเองมากขึ้นเท่านั้น”

“ก็กลัวว่าจะมีพวกนายสิบนายทหารนินทาจนผู้หมวดไม่สามารถจะเป็นทหารต่อไปได้”

“บอมบ์ เราเป็นทหารจริงอยู่ที่ทั้งชีวิตในอนาคตของกูต้องอยู่กับความเป็นทหาร แต่ถ้าเราสามารถที่จะแยกแยะเรื่องหน้าที่การงานออก ทุกอย่างมันจะดีขึ้นมากเลย ที่คนในสังคมยังทะเลาะกันอยู่ทุกวันนี้เพราะเขาแยกแยะไม่ออก โอเค ยุคหนึ่งความรัก การมีคู่ครองมันต้องเป็นรูปแบบชายหญิงครองรักกัน แต่ตอนนี้กูว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว การอยู่แบบคู่ครองชายหญิงอาจจะไม่จำเป็นสำหรับใครบางคน บางคนนะเว้ยชอบอยู่คนเดียว หรืออาจจะเป็นเหมือนเราที่อาจจะรักเพศเดียวกัน กูว่าเรื่องบางเรื่องเราควรที่จะให้ชีวิตของเขาเอาไปจัดการเองดีกว่า เรามามองกันที่หน้าที่การงานดีกว่าไหม เรื่องความรักเราต้องให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง แต่คนเราแม่งชอบเสือกเกินพอดีไง ดูสิเรื่องบางอย่างของบุคคลสาธารณะ โอ้โห แม่งรู้ดีฉิบหาย คนนี้ไปเอากันกับคนนู้น คนนู้นบ้านแตกสาแหรกขาด คือกูว่าเราไปเสือกเรื่องของเขาจนเกินพอดี ทำไมเราไม่มองเขาที่หน้าที่การงานล่ะ เอาผลงานของเขามาตัดสินเขาสิว่าเขาเป็นคนยังไง เราจะสบายใจขึ้น มึงว่าไร้สาระไหมกับคนบางคนที่ชอบไปจับผิดการดำเนินชีวิตของคนอื่น”

“ไร้สาระมากเลยครับที่รัก”

“อืมนั่นแหละ ลองคิดดูง่ายๆนะบอมบ์ วันหนึ่งเรามัวแต่ไปหมกมุ่นกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำให้ชีวิตเราขาดการพัฒนานะเว้ย ลองคิดดู ๑ ชั่วโมงที่เรากำลังครุ่นคิดเรื่องบ้านแตกสาแหรกขาดของคนที่เราไม่ได้สนิทชิดเชื้ออย่างแท้จริง เรากำลังคิดเรื่องที่เขานินทาว่าร้ายเรา เท่ากับว่า เรากำลังเสีย ๑ ชั่วโมงในการพัฒนาศักยภาพของตนเอง แทนที่ว่า ๑ ชั่วโมงนั้นเราพัฒนาร่างกายของตัวเองได้มากแค่ไหน ๑ ชั่วโมงนั้นเราพัฒนาจิตใจของตัวเองได้แค่ไหน เรากลับต้องมาเสีย ๑ ชั่วโมงไปเพราะเรากลัวว่าเขาจะนินทา กูไม่ได้แคร์หรอกว่าใครจะพูดอะไรยังไงกับกู ชีวิตกู กูเป็นคนตัดสิน แต่งานที่กูทำลงไปพวกมึงต้องคอยตัดสินว่ากูทำดีหรือไม่ดี แล้วมึงล่ะบอมบ์ มึงกลัวเหรอ”

“กลัวเหรอ เรากลัวเรื่องอะไรล่ะครับผู้หมวด ผมรักผู้หมวดทำไมผมต้องกลัวด้วย ถ้ากลัวผมไม่คิดจีบตั้งแต่ทีแรกแล้ว”

“อืม”ผู้หมวดพยักหน้า

“ถ้าเรามัวแต่กลัว เราก็จะไม่ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ ถ้าเรามัวแต่มองคนอื่น บางทีเราทำให้เราลืมไปเลยว่าเราลืมมองตัวเอง จริงไหมครับ”

“ถูกต้องนะครับ หาแฟนแบบมึงนี่ยากนะบอมบ์ จุ๊บก่อน”ผู้หมวดหันหน้ามาแล้วเราก็จูบกันเบาๆ เติมความหวานด้วยการสัมผัส

“แฟนแบบผมหายากแต่ไม่ยากเหมือนของโบราณนะครับ ฮ่าๆๆๆ”

ออฟไลน์ Akikojae

  • พี่ยุนรักน้องแจ ★彡
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1137/-17
เกือบมีเรื่องแล้วไหมล่ะ บูมหวงอ่ะบอมบ์เข้าใจกันหน่อยดิ  :o8:

ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
หวานกันเบาๆ เติมแรงใจแรงกาย ^^

ออฟไลน์ GlassesgirL

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1037
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2
เสน่ห์แรงจริงนะบอมบ์ เกือบไปแล้ว 55555
ดีที่หมวดบูมเข้าใจ แม้จะประชดนิดหน่อย
แต่บอมบ์ได้กำไรนะคราวนี้ หึหึ
 :mew1: :L2:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
งานเกือบเข้าแล้วบอมบ์ เสน่ห์แรงเกิ๊น. ขนาดเป็นแค่ทหารเกณฑ์นะเนี่ยะ :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
ขี้หึงขี้หวงเหมือนกันทั้งคู่เลย
ตอนนี้มหากะหมวดเต้ยไม่ได้
โผล่มาโชว์หวานเลยอยู่คนละที่

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เห็นทหารเมื่อตอนน้ำท่วม  เขาช่วยเหลือได้เยอะจริงๆ
อะไรๆก็ทหาร

บอมบ์บูมหายงอนยังมีเวลาสวีท

ออฟไลน์ yokky34

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ขี้หวงกันทั้งคู่เลยนิ
บอมส์ก็เสน่ห์แรงเกิ๊น

ออฟไลน์ AGELA

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1109/-0
ตอนที่ ๔๘ น้ำท่วม(๓)

ภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น ถึงแม้ตอนนี้ฝนจะไม่ตกมาอีกแล้ว น้ำจะท่วมเข้ามาที่ลำลูกกาและเลยหลักสี่มาแล้วก็ตาม พวกผมก็ยังคงทำหน้าที่กรอกทรายกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ถามว่าดาราโทรมาหาผมบ้างไหม ก็โทรมาบ้างครับ ผมคุยกับเขาเรื่อยเปื่อย เขาน่ารักดี แต่ผมก็บอกเขาไปแล้วนะครับว่าผมมีเมียแล้ว เราเลยตกลงเป็นเพื่อนกัน ส่วนไอ้หน้าตี๋นั้นน่ะเหรอ ก็เจอกันนะครับ ตอนเย็นหลังจากที่มันออกไปช่วยน้ำท่วมมันก็จะมาเล่นฟิตเนส คือชีวิตมึงยังไม่เหนื่อยอีกหรือไง ว่าแต่เขา กูก็ไปเล่นเหมือนกัน เล่นเบาๆนะครับไม่ได้เล่นหนัก เอาแค่พอยืดเส้นยืดสาย

ไอ้หน้าตี๋เป็นนักเรียนนายสิบครับ ถูกเกณฑ์ให้มาช่วยน้ำท่วม มันเป็นคนที่โดดเด่นมากในกลุ่มที่มาพักอยู่ที่กองร้อยเดียวกับผม แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าไอ้อีกคนที่ชอบมาเล่นเวทกับมันจะเป็นผัวมันหรือว่าเมียมันกันแน่ คือบางทีไอ้คนนั้นมันก็มองกูแบบว่าเหมือนจะแดกกูบ้าง หรือเหมือนจะชิงชังกูบ้าง

ส่วนผู้หมวด แกบ่นทุกเช้าเลยครับเรื่องที่ผมไปทำรอยให้พี่แก เออ ก็คนมันหวงนี่หว่า คือผมก็พยายามเข้าใจนะครับว่าผู้หมวดก็ผู้ชาย ทหารในกองร้อยก็มีแต่ชายล้วนๆ แต่อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะครับ คือผิวพี่แกนี่มันขาว ผมเชื่อว่าผู้ชายมันแพ้ความขาว ต่อให้เป็นความขาวที่มาจากผู้ชายด้วยกันเองก็ตามเหอะ ร้อยทั้งร้อยมันก็ต้องมีแอบมองผิวขาวๆกันบ้าง แล้วไอ้พวกทหารเกณฑ์มันก็อดอยากปากแห้งกันทั้งนั้น เห็นขาวๆทำไมมันจะไม่มอง ผมเลยไม่ค่อยชอบที่จะให้ผู้หมวดทำแบบนั้น

“วันนี้จะกรอกทรายหรือจะไปไหนอ่ะบอมบ์”เข้าไปหาผู้หมวดในตอนเช้าเหมือนที่เคยทำ

“เขาจัดผมไปแพคของครับผู้หมวด แล้ววันนี้ผู้หมวดจะออกไปช่วยที่ไหน”

“วันนี้จะไปสำรวจแถวลำลูกกาน่ะ บางทีเราอาจจะต้องไปช่วยถึงแถวนั้น”ผู้หมวดตอบ คือทหารเขาจะมีเขตรับผิดชอบอยู่นะครับ กองพันนี้จะรับผิดชอบพื้นที่ต้องนี้ กองพันนั้นก็รับผิดชอบตรงนั้น ใครมาสมทบหน่วยไหน ก็ไปช่วยตามเขตรับผิดชอบ

“ครับ ผู้หมวดเหนื่อยไหม”

“ก็เหนื่อยนะ แต่เห็นชาวบ้านลำบากเราจะมาบ่นไม่ได้ว่าเหนื่อย มีคนลำบากกว่าเราอีกเยอะ เฮ้ย บอมบ์ จวยใหญ่แล้วชอบโชว์เหรอมึง”ผู้หมวดชี้มาที่เป้า ผมมองไปเออว่ะ อ้าซ่าเลยกู ผมจึงรีบรูดซิปทันที

“โอ๊ยๆ ไอ้สัส ซิปดึงหมอยกู เย็บเข้ อูยแม่ง”ดึงซิปขึ้นมาแม่งมาโดนหมอยเต็มๆเลย

“ไอ้สัส รูดซิปยังไงให้ซิปดึงหมอยได้วะ มึงไม่ได้ใส่กางเกงในรึไง”

“อูย ห่าเอ๊ย หมอยกู อือ ผมไม่ได้ใส่อ่ะผู้หมวด เจ็บว่ะ สงสัยต้องโกนแล้วมั้ง”

“ทำไมไม่ใส่กางเกงในวะ ไม่ได้ซักรึไง”

“เปล่า เมื่อเช้าผมรีบน่ะ โห แม่งร่วงมาเป็นกำเลย ผู้หมวดดูดิ หมอยหายไปเป็นแถบ”ผมแหวกที่เป้าให้ผู้หมวดดู

“ไอ้สัส”พี่แกค้อนผม ส่วนผมก็ขำๆ เจ็บนะ คือหมอยมันยังไม่ถึงเวลาร่วงอ่ะ แล้วมันเสือกไปพันกับซิปพอโดนดึงขึ้นมันก็เจ็บ คุณผู้หญิงผมไม่รู้ว่าเคยมีประสบการณ์แบบนี้หรือเปล่า แต่ถ้าถามผู้ชายผมว่าส่วนใหญ่เคยมีประสบการณ์หมอยติดซิปหรือซิปดึงหมอย คือผู้ชายบางคนเวลาไม่ใส่กางเกงในพอใส่กางเกงมีซิป ถ้ารูดซิปแบบไม่มีสติ หมอยมึงร่วงเป็นกำแน่ แล้วแม่งโคตรเจ็บ รากหมอยมันแข็งแรงเหมือนรากผมอ่ะ พอโดนดึงไปก็ทำเอากูปวดร้าวอยู่ไม่น้อย ดีนะที่ซิปไม่ไปติดที่ปลายจวย ถ้าติดปลายจวยนี่โหแม่งไม่ต้องสืบ จวยมึงนอกจะใช้งานไม่ได้ไปหลายวันแล้ว ความทรมานนี่ตัวพ่อเลยครับ

“ไปใส่กางเกงในไป จะเดินโตงเตงไปแบบนั้นเหรอ มึงเชื่อกูป่ะว่าถึงคนเราจะเครียดเรื่องน้ำท่วมแต่ถ้าแม่งมีทหารไปยืนโชว์ดุ้นตระหง่าน กูว่าไม่มีใครอยากให้น้ำลดหรอก”

“แล้วถ้ามันตระหง่านต่อหน้าที่รัก ที่รักจะทำไงเหรอ จะอม จะขย่ม อุก ที่รักต่อยผมทำไม”

“มึงทะลึ่ง กูจะตัดทิ้งเดี๋ยวนี้แหละ ไอ้เหี้ย”

“ที่รักบอมบ์เจ็บนะ ทำไมไม่เอาปืนมายิงเลยล่ะ ฟอด ที่รักเป่าให้หน่อยดิ เขาเจ็บตรงหมอยอ่ะ”

“เดี๋ยวกูเอาไฟเผาหมอยมึงไอ้บอมบ์ ชอบทำตัวเด็ก กูเป่าแล้วมันจะหายเหรอ ถ้าไม่อม ฮ่าๆๆๆๆ”นั่นไง มีหลุดมาบ้างแล้ว ผู้หมวดเป็นคนไม่ค่อยทะลึ่งนะครับ คือพี่แกไม่ค่อยแสดงออกเรื่องนี้แบบโดยตรง แต่ถ้าผมจะมีอะไรพี่แกยอมไหม ก็ยอมผมเสมอครับยกเว้นว่ามีเหตุจำเป็นหรอสถานที่ไม่อำนวยเท่านั้น “กูพูดจริงนะบอมบ์ ไปใส่กางเกงในเหอะ”

“ครับผม เออว่ะเพิ่งคิดได้ ว่าเขาให้ใส่ชุดวอร์มไปแพคของ เดี๋ยวขออ้อนผู้หมวดสักแปบนะ ผมไปเปลี่ยนแน่นอน จะใส่กางเกงใน ใส่แพมเพิร์ชด้วยดีมั้ย”

“เรื่องมากแบบนี้ไปตัดทิ้งซะให้หมดเรื่องหมดราวเหอะว่ะ เฮ้อ”ผู้หมวดถอนหายใจแล้วส่ายหน้า

“ถอนหายใจบ่อยแก่เร็วนะครับ”กอดเอวพี่แกเบาๆขยี้จมูกลงบนแก้มเบาๆ รักมึงว่ะ

“ไม่ชอบคนแก่ก็ไปจีบไอ้หน้าตี๋นั่นดิ นี่ไม่ได้โกนหนวดมากี่วันแล้วเนี่ย มันจักจี้อ่ะบอมบ์”

“๓ วันเอง จุ๊บ อยากไว้หนวดไว้เคราทำตัวเถื่อนๆ คงจะเซ็กซี่น่าดู”

“พอเหอะพี่บอมบ์ครับ แค่นี้น้องบูมก็ไม่รู้จะทำใจยังไงแล้ว”

“หลงรักผมจนหน้ามืดตามัวเลยเหรอครับ”

“ฮ่าๆๆๆ ก็ใช่ครึ่งหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับหน้ามืด หน้ากูใสเว้ย ถึงจะโทรมแต่กูยังหล่อ มีแฟนหล่อแบบมึงความหล่อกูยิ่งเพิ่มขึ้นเป็น ๑๐ เท่า”

“ใช่ เพราะได้น้ำดีจากผมใช่ไหมล่ะ”

“วกไปเรื่องใต้สะดืออยู่เรื่อยเลยมึง เห็นกูยอมยกขาให้หน่อยนี่ไม่ได้เลยนะ เดี๋ยวสักวันจากพาดบ่าอยู่ดีๆจะไปประทับที่หน้ามึง ไอ้สัส เดี๋ยวแปบนึง กูของอนมึงสัก ๕นาที กอดได้แต่ห้ามพูด กูของอนแปบ”ผมจึงเงียบเสียงแล้วพูดหมวดก็ยืนนิ่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ ๕ นาที จากนั้นก็ยิ้ม “หายแล้ว แต่อย่าเพิ่งวกไปใต้สะดือ เอาเรื่องบนสะดือให้รอดก่อน”

“ครับ”ผมพยักหน้า

ก๊อกๆๆ “กระผม พลทหารอภิญญ์ .... ขออนุญาตเข้าห้องผู้ฝึกครับ”เสียงอีหนูนั่นเอง ผมเปิดประตูให้แล้วอีหนูมันเข้ามา

“มีอะไรเหรอหนู”ผมถามแล้วไปยืนซ้อนหลังกอดผู้หมวด

“ว้าย บุญหมีบารมีแดด ผู้หมวดหล่อมากเลยอ่ะ แฮะๆ ผู้หมวดครับ ผู้หมวดเต้ยให้เอานี่มาให้ผู้หมวดครับ”อีหนูส่งเอกสารมาให้ผู้หมวด “พี่บอมบ์อ่ะ หนูเขินจัง คนบ้า ชอบทำตัวน่ารักอยู่เรื่อยเลย”อีหนูมันทำท่าบิดแบบเขินอายของมันไปแล้วมาตีที่แขนผม กูงงว่ะ

“เอ่อ หนู ไอ้บอมบ์มันกอดกูอยู่นะไม่ได้กอดมึง”

“ก็ ผู้หมวดอ่ะ ผู้หมวดไม่รู้อะไร พี่บอมบ์น่ะผู้ชายในฝันของตุ๊ดไทยใจรักชาติคนนี้เลยนะ ดูดิ เขินจัง กลับบ้านทีไรเจอพี่เจิดจับพาดบ่าอย่างเดียว”

“อ้าว แล้วมึงไม่ชอบหรือไงพาดบ่าอ่ะ”ผมถาม

“ก็ บ้าอ่ะพี่บอมบ์ ฮู้ เขินจริง หนูไม่สงสัยเลยนะว่าทำไมพี่บอมบ์ถึงทำงานได้ทั้งวันแบบไม่มีเหนื่อย เขามีขุมพลังงานอยู่นี่นี่เอง อิจฉาผู้หมวดจังเลย”

“ผัวมึงไม่เคยกอดมึงเหรอ”

“ก็กอดครับผู้หมวด แต่ว่า กอดทีไรเป็นเรื่องทุกที”

“ใครเป็นคนเริ่ม”

“หนูเองแหละ ว้าย พี่บอมบ์ถามอะไรก็ไม่รู้ เออ พี่บอมบ์ เดี๋ยวเขาจะเรียกรวมพวกไปแพคของแล้วนะ แล้วอย่าลืมแต่งชุดวอร์มด้วย”

“ไปทำงานได้แล้วมั้งบอมบ์ เดี๋ยวกูก็จะไปเหมือนกัน”

“นี่ถ้าหนูออกไปเขาคงจะอดสงสัยไม่ได้แน่เลยว่าหนูถูกผู้หมวดกับพี่บอมบ์กระทำชำเรา เฮ้อ เกิดมาเป็นตุ๊ดมันช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ ได้มารับใช้ชาติอยู่กลางดงชายชาตรี”

“กลางดงชายชาตรีหรือกลางดงตีนกันแน่อีหนู”ผมถาม

“ป่ะๆ มัวแต่คุยไม่ได้การได้งานกันพอดี”

“ครับผม ขอหอมที ฟอดๆๆๆๆๆ”หอมทีนี่คือกูจัดชุดใหญ่ซ้ายขวา ฮ่าๆๆๆ


ออกจากห้องผมมาเปลี่ยนชุดเป็นชุดวอร์ม จากนั้นจึงไปรวมตัวกัน ตอนนี้จะมีชุดทำงานอยู่ ๓ ชุดใหญ่ๆนะครับ ชุดแรกจะออกไปช่วยชาวบ้านตามที่กองพันได้รับมอบหมายมา ส่วนชุดที่ ๒ นี่จะกรอกทรายอยู่ในกองพัน ส่วนชุดที่ ๓ จะเป็นส่วนของพวกผมคือถ้าเขาเรียกไปแพคของเราก็จะไป จัดกันวนๆเวียนๆอยู่แบบนี้แหละครับ แต่งานนอกส่วนใหญ่รุ่นพี่จะไปกันครับ แล้วอีกอย่างก็คือเวรกองรักษาการณ์ รุ่นพี่จะแย่งกันไปถึงกับไปขู่เด็กที่ทำงานอยู่ บก.ร้อยว่าต้องจัดเวรมันไปนะครับ ก็อย่างว่าใครมีอำนาจมากกว่าก็จะพยายามหาหนทางที่จะให้ตัวเองได้สบายกว่าคนอื่น ผมมันทำได้ทุกงานอยู่แล้ว เพราะถ้าผมเหนื่อยเมื่อไหร่ผมจะมาซุกๆกอดๆผู้หมวดอยู่พักหนึ่งก็จะหายเหนื่อยแล้วครับ

ตัวแทนกองร้อยละ ๖ คนในการออกไปทำงานครั้งนี้ ไปถึงสถานที่สำคัญที่หนึ่งนะครับ ไม่ใช่ที่ที่พวกผมเคยไปขนของ แต่จะเป็นอีกที่หนึ่ง พอไปถึงพวกผมก็เดินแถวเข้าไปข้างในอย่างเรียบร้อย ไปรออยู่ครู่หนึ่ง คิดอะไรไม่ออกเขาก็มาแจกข้าวให้พวกผมกินก่อน กับข้าวดีมากเลยครับ กินกันอิ่มหมีพีมันแล้วจึงเริ่มงาน มีทหารยศพันเอกท่านหนึ่งมาควบคุมงานครั้งนี้ครับ

นอกจากทหารจากหน่วยงานของผมแล้วยังมีทหารของหน่วยงานที่นี่อีกส่วนหนึ่งนะครับ ครั้งแรกเลยเราก็มาเอาของที่แพคขึ้นรถก่อน ประมาณพันถุงเห็นจะได้ ถุงที่ว่านี้คือถุงพระราชทานนะครับ พวกผมก็ขนขึ้นในรถจีเอ็มซีของทหาร พอขนขึ้นรถเสร็จแล้วจากนั้นจึงนั่งพักครับ

“ของเยอะเนอะ”อีหนูพูด

“อือ คนเดือดร้อนกันเยอะ ป่ะ เขาเรียกแล้วมั้ง”ผมลุกขึ้นเมื่อเห็นรุ่นพี่ลุกขึ้น จากนั้นจึงไปเข้าไลน์ครับ พวกผมจะเป็นคนเอาถุงเดินไปตามแถวเพื่อที่จะให้ทหารเอาของใส่ ส่วนทหารที่เป็นคนเอาของใส่ถุงก็จะเป็นทหารของที่นี่ครับ พวกผมกับทหารของที่นี่ที่เหลือจะเป็นคนเดินรับของ

รอบสองรอบแรกก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ผมทำงานแบบเงียบๆ แต่พอหลายรอบทหารเจ้าถิ่นเข้าชวนคุย คือจะมีทหารชุดหนึ่งประมาณ ๓ คนมั้งครับเขาจะนั่งใกล้กันแล้วจริตจก้านก็คือมองออกว่าเป็นเกย์อ่ะ แล้วที่นี้พอผมไปรอรับของเขาก็จะมองมาด้วยสายตาหวานๆ ถามว่าชื่ออะไร ผมก็ตอบ

“หล่อแบบนี้มีแฟนรึยัง”เขาถามหน้าตาเยิ้มๆ จะแดกกูให้ได้ใช่ไหม

“แฟนไม่มีครับ มีแต่เมีย ตอนนี้ลูก ๒ แล้ว”ผมตอบแบบยิ้มๆ เอาดิ เมียกูก็มียศร้อยตรีซะด้วย ลูกกูก็ ๒ คนแล้ว

“ยอมเป็นน้อยก็ได้ สนใจนะ มีเบอร์ไหม”

“มีครับ แต่คงให้ไม่ได้ เมียหวง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”ผมยิ้มให้จากนั้นก็ทำงานต่อ แล้วเป้าหมายต่อไปก็เป็นไอ้มหาครับ ถูกถามชื่อถามแซ่เหมือนกัน

“หล่อจัง มีแฟนยัง”

“อ๋อ ผมไม่นิยมมีแฟนครับ ผมนิยมมีเมียมากกว่า ตอนนี้มีแล้ว รักเมียมาก เมียก็หวงมากด้วย”ไอ้มหาตอบ พวกคนที่จ้องจะงาบมองแบบหน้าเหวอ ให้มันรู้ไปว่าพวกกูบูชาเมียกัน ฮ่าๆๆๆ

“มีเมียแล้วก็เอา สนไหมเผื่อได้หลังแล้วจะลืมหน้า”เอ่อ แรดว่ะ ไอ้สัส ผมไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรอีกมายมายหรอกครับ ทำงานตามที่ได้ตั้งใจ

“กูไม่อยากเชื่อเลยว่าเป็นทหาร แม่งแรงกว่าอีหนูอีก”ไอ้มหาบ่นออกมาเบาๆ

“มันก็แบบนี้แหละมหา ตอนมีเมียแม่งเหี้ยนั่นเหี้ยนี่เข้าหาไม่ว่างเว้น ตอนไม่มีเมียนี่หมาสักตัวยังไม่หันมามองเลย ทำใจเว้ย คนมีเมียแล้วจะเป็นคนที่มีเสน่ห์ทุกคน”ไอ้ซันตบไหล่

“เออ แต่แบบนี้ก็เกินไป ทำไมคนมันเปลี่ยนไปขนาดนี้วะ อยากมีผัวจนตัวสั่นไม่สนใจว่าเขาจะมีเมียมีลูกเลยเหรอวะ พูดไปแล้วกูก็แค้น อีห่า พี่ชายกูแต่งงานลูก ๓ แล้ว มีผู้หญิงคนหนึ่งเว้ย พยายามมาทำให้พี่ชายกูร้าวฉานกับพี่สะใภ้ พี่ชายกูก็เหลือเกิน เขาชวนไปก็ไป พี่สะใภ้กูแทบจะเอาขวานไปฟันหัว”

“แล้วพี่มึงทำไงต่อไป”

“ไม่ทำอะไรหรอก พี่สะใภ้กูเอาปืนมายิงขู่พี่ชายกูหน้าบ้านเลย ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้กลัวเมียทำตัวเจี๋ยมๆ ไม่กล้าหือกล้าอือ”

“อ้าว แล้วพี่มึงเอาปืนมาจากไหน”

“ปืนพ่อกูอ่ะ พี่สะใภ้กูคงจะแค้นมาก พ่อแม่กูก็ไม่ได้ด่าพี่สะใภ้นะที่จะยิงลูกชายเขา กลับไปด่าพี่ชายกูเละ ตอนนี้อยู่ในโอวาท ว่านอนสอนง่าย ส่วนผู้หญิงคนนั้นแม่งหายไปเลย”

“โห พี่สะใภ้มึงโหดว่ะ”ผมร้องออกมา

“แล้วมีเรื่องหนึ่งเว้ย ตอนกูบวชอยู่ ห่าแม่ง มีผู้หญิงมาจีบกู ทั้งที่กูอยู่ในผ้าเหลือง ทำเป็นมานั่งคุยนั่นคุยนี่ มาถวายจังหันทุกเช้า แล้วมานั่งคุย ใหม่ๆกูก็เอ๋อ เห็นเขาชวนคุยชวนปรึกษา เออ ไอ้เราก็ในฐานะพระ ชาวบ้านเดือดร้อนอะไรที่แนะนำได้เราก็ช่วยเหลือเจือจานซึ่งกันและกัน พอคุยไปคุยมาหลายวัน มันมาถามกูว่าเมื่อไหร่กูจะสึก ถ้าสึกแล้วมันขอจองนะ แรกๆกูก็นะ เขินๆ พอหลายๆครั้งเข้า กูรำคาญ วันนั้นมันถามกูเว้ย หลวงพี่เมื่อไหร่จะสึก รู้ไหมมีคนหนึ่งที่กำลังรอคอยความรักจากหลวงพี่ กูเลยถามไปว่า ผู้ชายมันหมดหมู่บ้านแล้วเหรอ ไม่มีปัญญาหาผัวรึไงถึงได้จะมาสึกพระเอาไปทำผัว ก็เห็นอยู่ว่ากูบวชพระอยากจะเอากูไปทำผัว ผู้ชายบ้านนี้เมืองนี้มันศูนย์พันธุ์แล้วรึไง นี่มันวัดนะไม่ใช่ตลาดนัดชอปปิ้งหาผัวที่มึงถูกใจคนไหนมึงจะมาขอให้เขาสึกไปเป็นผัวมึง แล้วกูก็พูดด้วยบ่นด้วยด่าด้วยแหละอยู่พักใหญ่ จนพ่อแม่มันเกลียดกูไม่ยอมมาใส่บาตรอีกเลย”

“อ้าว แล้วชาวบ้านคนอื่นไม่พลอยเกลียดมึงไปด้วยเหรอ ที่มึงไปด่าเขาซะขนาดนั้น”ผมถาม

“บางคนก็หาว่ากูเกินไป แต่บางคนก็ยกมือสาธุว่ากูทำดีแล้ว ชาวบ้านอยากให้กูอยู่นานๆเพราะหลวงพ่อก็แก่แล้ว นี่เพิ่งมรณภาพไปก่อนกูมาเป็นทหาร พระอื่นๆก็น้อยมาก มีแต่ระดับแก่แล้วมาบวช เหลือแค่กู หลวงพี่ที่กูไปธุดงค์ด้วยกับพระรุ่นน้องของกูที่เป็นรักษาการณ์เจ้าอาวาสที่ชาวบ้านยังจะพอมีหวังให้พวกกูเป็นกำลังของพระศาสนา แต่กูก็มาโดนทหารซะก่อน วันที่กูสึกมีชาวบ้านมาร้องไห้ถึงหน้าโบสถ์ เขาเสียดายที่กูต้องมาเป็นทหาร แต่กูก็ว่ากูทำดีที่สุดแล้วละตอนที่กูบวชอยู่ ตอนนี้กูมาเป็นทหารกูก็ต้องทำดีให้มันสุดๆ เกิดมาเป็นคนทั้งทีไม่ได้ทำสิ่งดีๆ มันก็ศูนย์เปล่า”

“น่าเสียดายเนอะ ที่พี่มหาต้องสึกมา แล้วนี่จะหนีเมียไปบวชอีกไหม”

“คงไม่แล้วว่ะหนู ถึงกูบวชกายกูไม่ได้ แต่กูก็จะพยายามบวชใจ คนเราชั่วจะเลวมันไม่ได้อยู่ที่เครื่องแบบหรอก แค่ตอนนี้เราทำหน้าที่ของเราให้ดีก็เป็นพอ”

“ว้า พี่มหาน้ำใจหล่อมากเลย ทิ้งพี่เจิดแล้วเอาพี่มหาทำผัวดีไหมน้า ฮ่าๆๆๆ”อีหนูแซวขำๆ

“ก็ลองดู ถ้าอยากโดนยำตีนน่ะ มึงก็รู้นี่เมียกูตีนหนักแค่ไหน ฮ่าๆๆๆ”

“ไม่กล้าลองอ่ะ เมียพี่บอมบ์กับเมียพี่มหานี่ตีนหนักทั้งคู่”อีหนูส่ายหน้า

คุยกันพักหนึ่งเราก็ไปแพคของกันต่อตอนนี้ผมไม่ได้เป็นคนเดินแถวรับของแล้วครับแต่จะเป็นคนมัดปากถุงและเป็นคนยกถุงพระราชทานขึ้นรถ เราทำกันอยู่พักใหญ่ได้เกือบๆ ๓ พันถุง จนของมันหมดก็เลยหยุด เวลาประมาณบ่าย ๓ เราจึงเดินทางกลับกองพัน กลับมาถึงก็เป็นช่วงที่ทหารใหม่กำลังฝึกอยู่พอดีเลยครับ วิ่งกันหน้าดำหน้าแดงอยู่ที่สนามฟุตบอล อีกกลุ่มก็ยืนฝึกทำท่าซ้ายหันขวาหัน หมวดเต้ยนี่โหดนะครับ รู้สึกว่าทหารใหม่จะโดนแดกชุดใหญ่ไปแล้ว

กลับมารายงานตัวกับสิบเวรจากนั้นจึงเปลี่ยนชุดไปพักผ่อน พวกที่กรอกทรายก็กรอกเสร็จกันหมดแล้วว่างๆเราจึงมาเตะบอลกัน ถึงมันจะเครียดแต่เราก็พยายามหาอะไรที่ช่วยผ่อนคลาย จะทำตัวให้เครียดตลอดเวลาก็ไม่ได้ เพราะมีคนเครียดแทนแล้ว พวกผมต้องทำจิตใจให้ยิ้มแย้มเข้าไว้เพราะถ้าเครียดเมื่อไหร่งานจะไม่เดิน การออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆจึงเป็นสิ่งที่พวกผมต้องทำ

ช่วงนี้น้ำลดแล้วเพราะฝนไม่ตก การจัดการกับมวลน้ำก็ไปเป็นในทางของผู้บริหารประเทศตั้งใจไว้ ส่วนพวกผมเป็นหน่วยเล็กๆที่ร่วมแรงร่วมมือกันในการช่วยเหลือ เราทุกคนต่างทำงานอย่างเต็มที่ ถึงแม้เราจะบ่นบ้างจะอารมณ์เสียกันบ้างมันก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกคนที่มีเหนื่อยและมีท้อ แต่สิ่งที่ทำให้เราอยากทำงานต่อไปนั่นก็คือเวลาที่พวกผมออกไปช่วยชาวบ้านแล้วชาวบ้านชมพวกผมมา ทำให้พวกผมได้ทำงานอย่างมีความสุข เวลาที่เครียดที่เหนื่อย แต่มีกำลังใจจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่มาดูแลทหารเกณฑ์หน้าดำๆ ทำให้พวกผมทำงานต่อไปได้ ต่อให้เราเหนื่อยแค่ไหนแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ยังมีการเติมกำลังใจให้ซึ่งกันและกันต่อให้งานนั้นต้องยากลำบากสักเท่าไหร่ พวกผมก็พร้อมที่จะฟันฝ่ามันออกไป

เข้ามาสู่สัปดาห์ที่ ๔ แล้วที่เราต้องตรากตรำทำงานหนักเช้าค่ำ น้ำเริ่มลดลงและเริ่มระบายออกไปในที่ต่างๆ ถึงแม้จะยังไม่หยุดท่วมก็ตามแต่ลดลงในระดับที่น่าพอใจ จนมาถึงช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน น้ำลดลงจนเห็นพื้นดิน ไม่มีน้ำขังแล้ว การทำความสะอาดจึงเริ่มต้นขึ้น พวกผมต้องออกไปช่วยทำความสะอาดในจุดต่างๆตามที่ได้รับมอบมา สิ่งที่ทุกคนได้เห็นตอนนี้ก็คือรอยยิ้ม หลังจากที่พวกเรายิ้มด้วยความเครียดมาร่วม ๒ เดือน แต่ตอนนี้ทั้งรอยยิ้มของทหารและรอยยิ้มของประชาชนที่ได้รับผลกระทบกลับมาสู่ใบหน้าหล่อๆใบหน้าสวยๆของทุกคนแล้ว

จนถึงต้อนเดือนธันวาเมื่อทุกอย่างปกติ น้ำแห้ง การจัดการทำความสะอาดไม่จำเป็นจะต้องใช่กำลังพลพลทหารอีกต่อไป พวกเราจึงได้พักผ่อน แต่บางพื้นที่ทหารก็ยังออกไปช่วยอยู่นะครับ แต่หน่วยงานของผมก็ต้องยุติก่อนเพราะเขตพื้นที่ที่เรารับผิดชอบเราก็ได้ไปช่วยเหลือจนกลับมาเกือบเป็นปกติทุกอย่างแล้ว

เย็นวันนั้นผู้พันเรียกพวกผมไปดูวีดีโอผลงานที่พวกผมได้ทำ นอกจากหน่วยงานของพวกผมแล้วยังมีหน่วยทหารหน่วยอื่นอีก ไอ้พวกที่ทำไปบ่นไป ทำไปด่าไป พอเห็นผลงานเห็นรูปตัวเองแล้วมานั่งดีอกดีใจ

“ผู้พันดีใจนะที่พวกเราทุกคนช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ พวกเราเหนื่อยกันมาเต็มที่ตลอดระยะเวลาเกือบ ๒ เดือนเต็มๆ แต่สิ่งที่พวกเราได้รับตอบแทนกลับคืนมามันยิ่งใหญ่มหาศาล นอกจากพวกเราจะได้สร้างชื่อเสียงให้กับกองทัพแล้ว พวกเรายังสร้างชื่อเสียงให้กับตัวของเราเอง ตอนที่ผู้พันออกไปพวกเราต่างได้รับคำชมอย่างมากในการช่วยน้ำท่วมครั้งนี้ บางคนก็ร้องไห้ดีใจมากอดผู้พันและกล่าวขอบคุณ แต่สิ่งที่ผู้พันอยากจะพูดตอนนี้ก็คือ ผู้พันขอขอบคุณกำลังพลทุกนาย ตั้งแต่นายทหาร นายสิบ และพลทหารคนสุดท้าย ที่ทุกคนต่างร่วมแรงร่วมใจกัน ถ้าไม่มีพลทหาร งานเราก็ไม่เดิน ถ้าไม่มีนายสิบงานเราก็คงไม่ไปถึงไหน ถ้าขาดนายทหารไป งานเราก็คงจะไม่สำเร็จ ดังนั้นทุกคนคือองค์ประกอบของความสำเร็จ ผู้พันจะไม่พูดว่าใครสำคัญกว่าใคร แต่ผู้พันจะบอกว่าถ้าขาดใครคนใดคนหนึ่งไปงานนี้ก็อาจจะไม่สำเร็จได้ ผู้พันขอขอบคุณทุกคนด้วยใจจริง”ผู้พันพูดหลังจากที่พวกเราดูวีดีโอผลงานที่พวกเราทำกัน บางคนก็ถึงกับน้ำตาซึม ผมเองก็ได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข เอาวะ อย่างน้อยเราก็ได้สละความสุขส่วนตัวมาทำเพื่อชาติบ้านเมือง มันถือว่าคุ้มค่าที่เราได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินนี้ คนเราเกิดมาแล้วนอกจากจะทำอะไรให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองแล้ว ก็อย่าลืมทำอะไรที่ให้มันเกิดประโยชน์แก่สังคมด้วย

มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถจะเข้าถึงซึ่งทรัพยากรได้อย่างพวกเรา มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ได้แต่หวังว่าเมื่อไหร่เราจะมีโอกาสแบบนั้นบ้าง วันนี้เรามี เราเหลือเราก็เผื่อแผ่ การแบ่งปันความสุขที่เรามีอยู่ไปให้กับคนที่เขาไม่มีมันเป็นสิ่งที่ล่ำค้ามากเลยนะครับ

เลิกงานพวกเราก็กลับไปพักผ่อน ผ่านไปอีกแล้วสำหรับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ หน่วยทหารที่มาสมทบก็ย้ายกำลังกลับไปยังถิ่นที่มั่นของตนไปปฏิบัติหน้าที่ของตนต่อ ส่วนพวกผมก็ย้ายโรงนอนกันครับ โรงนอนเก่าที่พวกผมเคยนอนก็ปิดเอาไว้เนื่องจากทหารน้อยลง มีอยู่ประมาณ ๔๐ กว่าๆนอนโรงนอนโรงเดียวก็เพียงพอ ผมนอนเตียงใกล้ไอ้มหาเหมือนเดิม ส่วนอีหนูกับไอ้ซันมานอนข้างกัน ไอ้ศักดิ์ไปนอนเตียงถัดไปใกล้ๆกัน

ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ปริ๊ด ปริ๊ด ปริ๊ด ปริ๊ด เสียงนกหวีดดังขึ้นพวกผมวิ่งลงไปรวมที่หน้ากองร้อยอย่างรวดเร็ว

“ฟังนะทหาร ผู้กองมีข่าวดีจะมาบอก สัปดาห์หน้าผู้กองจะปล่อยลา”

“เฮ้”   

ออฟไลน์ AMMY★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Akikojae

  • พี่ยุนรักน้องแจ ★彡
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1137/-17
มายาวอ่านเพลินทุกทีเลยค่ะ
หมอย เหมย อะไรก็ไม่รู้พี่บอมบ์อ่ะ
 :-[

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ yokky34

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0

ออฟไลน์ GlassesgirL

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1037
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2
หนูนี่ฮาตลอด
จะได้กลับบ้านแล้ว
ไปหาแสบซ่าร์
 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ hormonesyj

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 721
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-3
ขำขันตลอดเวลานะกองนี้ 555

ออฟไลน์ AGELA

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1109/-0
ตอนที่ ๔๙ ความคิด(ครึ่งแรก)

หลังจากที่ผู้กองเรียกรวมเรียบร้อยแล้วพวกผมก็นั่งคอยด้วยใจที่ลุ้นระทึก เราเหนื่อยกับการทำงานมานาน ช่วงนี้แหละที่จะเป็นเวลาพักผ่อนของเรา ผู้กองพูดถึงเรื่องน้ำท่วมอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงแบ่งพวกที่จะลา ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันหมดไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้อง ทุกคนได้ลาเท่ากัน ครั้งนี้ผู้กองจะให้ลาคนละ ๑๐ วัน แบ่งเป็น ๓ ล็อก ทหารก็ประมาณเกือบๆ ๖๐ นายครับ ที่ผู้กองไม่ปล่อยลาทีเดียวทั้งหมดเพราะว่าเรายังต้องมีเวรยามที่จะต้องเข้า และนอกจากนี้น่าจะมีงานมาให้เราทำด้วย จึงไม่ปล่อยหมดทีเดียว ปล่อยออกไปเป็นส่วนๆก่อน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันพักผ่อน

การลาครั้งนี้ ล็อกที่ ๑ และล็อกที่ ๒ จะได้ลาในช่วงเดือนธันวาคมครับ ส่วนล็อกที่ ๓ จะได้ลาหลังจากเดือนมกราคมไปแล้ว มองซ้ายมองขวาก็มีแต่คนอยากจะลาล็อกแรกกับล็อกที่ ๒ กันทั้งนั้น รุ่นพี่ชอบพูดว่าถ้ามีการปล่อยล็อกลาเมื่อไหร่ให้ไปล็อกแรก เพราะมันแน่นอนกว่า เราไม่รู้หรอกว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ได้ลาก่อนเขามันดีกว่า แต่พอมองไปต่างคนก็ต่างอยากจะได้ล็อกลาล็อกแรกกันทั้งนั้น ผมเลยไม่ขอยกมือครับ ไปล็อกที่ ๓ น่าจะดีกว่า หลังปีใหม่

ผู้กองให้พวกผมยกมือ ใครจะลาล็อกแรกก็ให้ยกมือแล้วไปตั้งแถว ใครจะลาล็อกที่ ๒ ก็ให้แยกไปตั้งแถวอีกแถว ส่วนใครจะลาล็อกที่ ๓ ก็ให้นั่งอยู่ที่เดิม ผม ไอ้มหา อีหนู ไอ้ซัน ไอ้ศักดิ์ ที่นั่งรออยู่ล็อกที่ ๓ ส่วนคนอื่นก็ลาล็อกแรก ล็อก ๒ กันทั้งนั้น จากนั้นผู้กองก็เป็นคนจัดการต่อไปว่าใครจะได้ลาล็อกไหน จนลงตัวครับ ล็อกแรกจะได้ลาในวันรุ่งขึ้น วันนี้ให้เราเตรียมเก็บเสื้อผ้า คือให้นอนเตรียมใจก่อน ๑ คืน

รุ่งเช้าพวกที่ได้ลาต่างยิ้มแย้มแจ่มใส แต่งตัวกันเรียบร้อยจากนั้นจึงปล่อยลากัน ล็อกแรกไปทั้งหมด ๒๐ คนพอดีครับ เป็นรุ่นพี่ซะส่วนใหญ่ เผอิญว่าเงินเดือนก็เพิ่งจะออกด้วยแล้วพวกรุ่นพี่ก็อยากจะพักเร็วเลยได้ไปก่อน พอปล่อยพวกลาไปกองร้อยก็ดูจะเงียบไปพอสมควรครับ เหมือนช่วงรุ่นพี่ผลัดที่แล้วปลดใหม่ๆเลยครับ ตอนนี้ทหารใหม่ก็ยังฝึกเหมือนเดิม พวกทหารใหม่ไม่ได้ออกไปช่วยน้ำท่วมนะครับเพราะผู้พันไม่อยากจะให้เสียเวลากับการฝึก ทหารเก่าก็มีพอสมควรแล้ว จึงใช้แรงพวกทหารเก่าซะส่วนใหญ่

“ตอนเอามาก่อไม่เหนื่อยเท่าเอาออกไปเลยนะ”ไอ้ซันพูดระหว่างที่พวกผมเอากระสอบทรายที่ก่อบริเวณข้างบันไดทางขึ้นกองร้อยออก มันเหนื่อยจริงๆแหละครับเพราะดินมันแห้งแล้วมันไม่เหมือนตอนที่ดินยังเปียกๆมันจะนุ่ม นี่ดินมันแข็งมันแกะออกยาก

“ก็เหมือนตอนเอากับเมียแหละซัน ตอนเอานี่ไม่เหนื่อยหรอกพอน้ำแตกเท่านั้นแหละ กูหอบเลย”ไอ้มหาหื่นพูด

“มึงหอบแล้วมึงเอาต่ออีกป่ะล่ะ”

“แล้วแต่เมียว่ะ แต่ส่วนใหญ่กูไม่ค่อยให้เมียออกความเห็น กูจัดต่อ พอเสร็จขาสั่นพับๆ ฮ่าๆๆๆ” โพ๊ะ “อ่ะ อูย เหี้ยเตะกูทำไมวะ”ไอ้มหากำลังก้มยกกระสอบทรายโดนเตะตูดเต็มๆ

“กูเอง”ผู้หมวดพูดหน้ายิ้มๆ

“อ่ะ อ้าวผู้หมวด เอ่อ สวัสดีครับ ผู้หมวดเตะผมทำไมครับ”ไอ้มหาลูบก้นป้อยๆ

“มีเมียหน่อยไม่ได้เลยนะ ทะลึ่งตลอดพวกมึงเนี่ย”

“ก็อยากกอดเมียนี่ครับผู้หมวด ว้าว ผู้หมวดใจดีจัง ซื้อน้ำมาให้พวกเราด้วย”

“ทะลึ่งแล้วมึง กูซื้อมาแดกเอง”ในมือผู้หมวดมีน้ำอัดลมอยู่ ๑ ขวด

“ว้า อุตส่าห์คิดว่าคนหล่อเขาจะใจดีด้วย หมดแรงทำงานเลย”ไอ้มหามันทำท่าจะทรุดลงกับพื้น

“เอาคอมแบทมัยซินไหม ยาดีที่ทหารเขาใช้กัน”

“ฮ่าๆๆ ไม่เอาครับผู้หมวด ผู้หมวดจะไม่ใจดีเลี้ยงน้ำพวกผมหน่อยเหรอครับ”

“นู้น ถามเสี่ยดิ เสี่ยเงินเยอะนี่”ผู้หมวดพยักหน้ามาทางผม

“ไม่มีตังค์ครับผู้หมวด ช่วงนี้กำลังเก็บเงินขอเมีย ทองก็แพง”

“เออๆ ท่าทางจะคิดถึงเมียกันจริง อ่ะๆ เอาไปซื้อน้ำมากินกัน”ผู้หมวดควักแบงค์ร้อย ๒ ใบมาให้ ไอ้มหารีบรับอย่างรวดเร็ว “เห็นเงินนี่ไวเลยนะมึง”

“ฮ่าๆๆ ผู้หมวดรับพรก่อนไหมครับ ผมจะอนุโมทนาบุญให้”

“แล้วมึงจะเอาพรกูอีกไหมล่ะ พรกูนี่ใหญ่นะมหา เอาไหม”ผู้หมวดยกขามาลูบๆ

“อูย ไม่เอาครับ เก็บไว้ให้แฟนผู้หมวดลูบเหอะครับ ขอบคุณครับผู้หมวด”แล้วมันก็เดินหน้าบานไปซื้อน้ำ ส่วนผมทำงานต่อแต่ผู้หมวดก็ยังยืนคุมอยู่ใกล้ๆ

“มาแล้วคร้าบบบบบบบ กินน้ำดำเพื่อให้มันเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำดี”

“แต่กูว่ากินเยอะไม่ดีนะ กระเพาะมันจะพัง กรดเยอะ”ผมเสนอความเห็น

“เออว่ะ น่าจะซื้อพวกไมโล โอวัลตินมาชงดีกว่า”ประชดกูซะแล้วไอ้เวรเอ๊ย

“หนูว่าซื้อน้ำผึ้งมาเลยดีกว่ามั้ย ขวดละ ๑๔๐ กินกันคนละช้อน ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงตับไตไส้พุง เพิ่มความหล่อความสวยด้วยน้ำผึ้งธรรมชาติ มีวิตามินเอยันวิตามินแซด”อีหนูเอาบ้าง

“น้ำผึ้งบ้านไหนขวดละ ๑๔๐ วะ แถวบ้านกู ขวดละ ๒๐๐ขึ้น”ไอ้ซันพูด

“ก็น้ำผึ้งที่เขาเลี้ยงไง เฮ้อ คุยกับคนไม่เคยเดินซุปเปอร์มาเก็ตก็แบบนี้แหละ นี่มึงเคยเข้าเซเว่นยังซัน”

“ไม่อ่ะ แม่กูไม่ให้เข้า”

“ทำไมวะ”

“เดี๋ยวหมดตังค์ ฮ่าๆๆๆ เคยเข้าเว้ย เข้าไปจีบพนักงาน”น้องกูนี่เจ้าชู้จริงๆ

“มึงจีบพนักงาน กูจีบผู้จัดการสาขา สวย ขาว อวบ”ผมเอาบ้าง

“แหม ไม่ค่อยเลยน่ะพี่บอมบ์ หล่อเลือกได้นี่ แล้วทำไมถึงมาตกล่องปล่องชิ้นกับคนนี้ล่ะ”อีหนูถาม

“ก็ไม่มีอะไร คนนี้แบบว่า เอาน่า กูรักของกูแล้วกัน”

“เออ พูดถึงพนักงานเซเว่น มีสาขาใกล้ๆบ้านหนู ไม่อยากจะพูดอ่ะพี่บอมบ์ หุ่นนี่ เป๊ะมาก หน้าไม่เน่าเป้าก็เริ้ดเริด ตอนเขาคิดตังค์นี่หนูอยากจะนั่งพับเพียบแล้วปรนนิบัติเสียจริง”

“อีดอก แรดนะมึง”ไอ้ซันด่า ด่าอีดอกนี่เรื่องธรรมดานะครับ ผู้ชายในกองร้อยเขาเอามาด่ากัน

“ว้าย ไอ้ซันปากหมาอ่ะ นี่ถ้าไม่อยากปากแตกเพราะตุ๊ดก็ช่วยสำรวมหน่อยนะจ๊ะ เก็บปากไว้แตกหน้าหนาวดีกว่าไหม”

“โหดจริง มาๆ กินน้ำกันก่อนที่จะปากแตกรายตัว”ไอ้มหาเป็นคนเปิดขวดจากนั้นก็คนละแก้วสองแก้ว กินพอเป็นกระษัย น้ำอัดลมนานๆผมกินทีนะครับ แต่ก่อนอัดเหล้าอัดเบียร์ไปซะเยอะ ตั้งแต่ไอ้มหาโวยใส่หมวดเต้ยครั้งนั้นผมก็มาคิดได้ครับ เออ กูไม่อยากลำบากตอนแก่ก็เลยคิดจะเลิกมันดีกว่า กินแล้วมันก็ได้แค่ความสุขชั่วครั้งชั่วคราว สู้เอาเงินค่าเหล้าไปหาอาหารสุขภาพกินน่าจะดีกว่า อย่างน้อยก็ตายช้าลง

เราทำงานกันอยู่ครึ่งวันงานก็เสร็จเรียบร้อย ช่วงบ่ายไม่มีอะไรเลยได้พักผ่อนกัน ผมไปนั่งเล่นที่หน้าคลังอาวุธกับไอ้มหา มีพัดลมเพดานเย็นๆ ไอ้มหาเปิดธรรมะฟังครับ ผมก็นั่งนิ่งๆตั้งใจฟังไปด้วย อยู่บ้านแม่ผมชอบเปิดวิทยุธรรมะฟัง ตอนเช้าส่วนใหญ่จะลุกขึ้นมาสวดมนต์ แล้วลงไปกินหมากใต้ถุนบ้าน หุงข้าวหุงปลาให้ผมกิน สายๆหน่อยก็จะอ่านหนังสือธรรมะ แม่ผมจบแค่ป.๑ นะครับ เพราะสมัยนั้นการศึกษายังไม่ค่อยบูมเท่าไหร่ เรียนพออ่านออกเขียนได้ก็ออกจากโรงเรียนมาช่วยตากับยายทำไร่ไถนา จนมาแต่งงานกับพ่อผม แม่ผมบอกว่ามาสนใจอ่านหนังสืออีกทีตอนอายุ ๔๐ กว่าๆ ช่วงนั้นมีหวยใต้ดิน แม่ผมเลยไปหาหนังสือหวยพวกทายเลข ทำนายฝันมาอ่าน พออ่านไปอ่านมามันจะมีคอลัมน์ธรรมะเล็กๆ แม่ผมก็อ่านไปเรื่อยๆ แล้วไปๆมาๆกลายเป็นว่าเลิกเล่นหวย หันมาสนใจปฏิบัติธรรม อีกอย่างหลวงพ่อที่วัดผมก็มีโครงการบวชชีภาคฤดูร้อน แม่ผมก็ไปร่วมด้วย เป็นประจำ จนท้องผมก็พักไปช่วงหนึ่ง แล้วมาเลี้ยงผมจนโตแม่ก็หันไปเข้าวัดเข้าวาอีก

ตอนเด็กๆผมก็ได้รับการปลูกฝังให้เข้าวัดนะครับ ที่จริงผมไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก แต่เพราะว่าติดแม่ แม่ไปไหนผมก็ไปด้วย เลยไปนั่งฟัง รู้บ้างไม่รู้บ้างตามประสาเด็ก มาชีพจรแตกซ่านก็ตอนเริ่มโตแล้ว ไม่ค่อยได้เข้าวัดเข้าวา หันมาทำงานต่างๆ จนผมเรียนจบตรี เลยไปบวชอยู่ ๕ เดือน แล้วสึกมาเรียนโทต่อ แล้วก็มาได้ฟังธรรมะช่วงมาคบกับไอ้มหา วันๆเราไม่ได้คุยแค่เรื่องทะลึ่งอย่างเดียวนะครับ ก็มีเรื่องที่เป็นสาระบ้าง ความคิดผมกับความคิดไอ้มหามันใกล้เคียงกัน ผมเลยสนิทกับมันรวดเร็ว

“แหม มาหลบกันอยู่นี่เอง ปล่อยให้ตุ๊ดโดดเดี่ยวว้าเหว่อยู่กลางทะเลลึก”อีหนูมาแล้วครับ สำบัดสำนวนนี่ช่างสรรหามาจริง

“มึงคิดว่ามึงเป็นนางเงือกเหรอหนู”ผมถาม

“แหมพี่บอมบ์ ก็สวยบ้างอะไรบ้าง ฟังธรรมกันอยู่เหรอ หนูฟังด้วย”

“ไม่ร้อนเหรอมึง”ไอ้มหาถาม

“ว้าย คนนะพี่มหา ไม่ใช่ผีเปรตที่จะได้ร้อนเร่า ว่าแต่จ่าไม่อยู่เหรอ”

“ไม่อยู่ เดี๋ยวเย็นๆก็กลับมาแหละ นั่งสิ จะยืนเป็นอนุสาวรีย์หรือไง”

“จ้า”แล้วก็มานั่งฟังกัน ๓ คน ฟังจนจบ “เฮ้อ ใจเย็นสบาย หนูไม่เคยฟังได้นานเท่านี้มาก่อนเลยนะ”

“เออ ไม่เคยฟังก็หัดฟังบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นธรรมะหรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราฟังแล้วจิตใจเราเย็นสบาย ก็ควรจะฟัง อะไรที่ฟังแล้วจิตใจร้อนรุ่มก็อย่าไปฟัง เหมือนคำของคน อะไรที่มันร้อนรุ่ม หลีกได้ก็หลีก เลี่ยงได้ก็เลี่ยง แต่ถ้าเกิดได้ยินได้ฟังมาก็อย่าเอามันมาเป็นทุกข์ แค่เรื่องของเรามันก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว ไม่ต้องเอาเรื่องของคนอื่นมาทำให้ใจเราทุกข์หรอก”

“แหม แต่พี่มหา มันก็อดไม่ได้นี่นา คนมันอยากรู้อยากเห็น อยากรู้ไปซะทุกเรื่อง”

“เอ้า ก็ลองคิดใหม่สิ เรื่องนั้นเรารู้ไปเราได้ประโยชน์อะไร เหมือนหลักเศรษฐศาสตร์อ่ะ หาจุดคุ้มทุน ถ้าเรื่องนั้นเราฟังแล้วเรามีความสุขถือว่าเป็นกำไร ถ้าฟังแล้วเรามีความทุกข์เราขาดทุน”

“แต่พี่มหา บางทีฟังไปแล้วมันสะใจอ่ะ”

“อือ อันนั้นก็แล้วแต่ที่เราจะเลือกสรรเอาแล้วกัน ถ้าเราชอบเราก็ทำไป กูชอบแบบนี้กูก็เลือกแบบนี้ กูไม่คิดให้มึงเหมือนกูหรอก เพราะกูจะเป็นทุกข์ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มึงล้มลง มึงทุกข์ มึงเศร้า มึงเอาเรื่องที่มึงฟังแล้วสะใจมาช่วยได้ไหม อันนี้มึงคิดเอาเองหนู กูเอาเวลาที่ไปฟังเรื่องติฉินนินทาใส่ร้ายป้ายสีมาเป็นเวลาที่กูจะแสวงหาคนที่ทำดี คนที่ด้อยโอกาสแล้วอยากมีโอกาส กูเอาเวลาที่ใครไปฟังเรื่องผัวๆเมียๆ มาฟังเรื่องของคนที่ตกทุกข์ได้ยากดีกว่า กูคิดว่านั่นเป็นกำไรของกู แต่ถ้ากำไรของมึงคือการได้ฟังเรื่องผัวๆเมียๆก็เป็นสิทธิของมึง ยังมีคนที่ต้องดิ้นรนอีกเยอะเพื่อที่จะได้พบกับการศึกษาที่ดีๆ ยังมีคนที่ต้องดิ้นรนอีกเยอะที่จะได้พบเจอโอกาสดีๆ กูเห็นขี้กูไม่เดินไปเหยียบขี้หรอก”

“อ้าว นั่นหมายความว่าตอนนี้หนูกำลังกินขี้อยู่เหรอ”

“ไม่รู้ก็แล้วแต่มุมมองของมึง มุมมองของกูคือเรื่องผัวเมียละเหี่ยใจหรือเรื่องที่เราไม่จำเป็นต้องรู้ กูเปรียบเทียบว่าเป็นขี้ พวกมึงก็อาจจะเปรียบเทียบว่าเป็นดอกไม้ เป็นของหอม มันขึ้นอยู่กับความคิดอ่ะหนู คนเราร้อยแปดพันเก้าคิดไม่เหมือนกันหรอก สุดท้ายก็อยู่ที่ความพอใจ มึงพอใจที่จะรับรู้ในจุดนั้น มึงก็ทำไป กูพอใจที่จะรับรู้ในจุดนี้กูก็ทำของกูไป อะไรที่ทำแล้วคนอื่นไม่เดือดร้อนก็ทำไปเถอะ คนเรามีทางเดินไม่เหมือนกัน”

“ขอบคุณพี่มหามากเลยอ่ะ ความคิดก็หล่อ หน้าก็หล่อ ได้เป็นแฟนพี่มหานี่ภูมิใจตายเลย ทิ้งหมวดเต้ยมาคบกับหนูไหม”อีหนูกระซิบเบาๆ

“มึงนี่น้า ไอ้เจิดไม่ดีพอรึไง รูปหล่อพ่อรวย เป็นลูกครึ่งอีกต่างหาก การศึกษาก็น่าจะสูงแล้วตำแหน่งการงานล่ะเป็นอะไร”

“เป็นรองประธานบริษัท”

“เออ ตำแหน่งก็เพอร์เฟคนี่ หรือมึงไม่รักมัน”

“ก็ยังไม่แน่ใจเลยอ่ะพี่มหา แต่หนูก็คุยกับพี่เจิดทุกวันนะ เขาชอบถามหนูว่าวันนี้ทำอะไร เหนื่อยไหม เพื่อนเป็นไงบ้าง อยู่ได้ไหม สบายดีหรือเปล่า คิดถึงนะ ไรแบบนี้อ่ะ”

“แล้วถ้าเกิดวันหนึ่ง เขาไปควงคนอื่นมึงจะนั่งร้องไห้”

“ว้าย คนบ้า ไม่รักก็ไม่ยอมเสียตัวหรอก”

“ฮ่าๆๆ แล้วเป็นไง คงจะชอบล่ะสิ ดีกว่าผัวเก่าไหม”ผมถามบ้าง

“เทียบไม่ติดเลยอะ คนละเกรด”

“ทำไม ผัวเก่ามึงเกรดเอ ไอ้เจิดเกรดดีเหรอ”

“พี่เจิดเกรดเอยกกำลังสองจ้า เริ่ดมาก ชายในฝัน เฮ้อ เพ้อถึงผัวอีกแล้วกู คนอะไรก็ไม่รู้ หน้าก็หล่อ จิตใจก็ดี ตำแหน่งการงานก็มั่นคง แล้วสุดท้ายก็มาหลงรักตุ๊ดอย่างหนู”

“เออ มีดีๆแบบนี้ก็รีบรักษาไว้ ผู้ชายดีๆมีแต่คนต้องการไม่ว่าใครทั้งนั้นแหละ ระวังพวกลูกท่านหลานเธอจะไปจีบล่ะ เรามันอยู่ห่างไกล บางทีต่อให้อยู่ใกล้แค่ไหนก็อาจจะมีมือดีฉกจากเราเอาไปได้ แล้วมึงก็อย่าแรดไปทั่ว เห็นผู้ชายจ้องจะกินอย่างเดียวมันไม่ดี เป็นตุ๊ดก็หัดรักนวลสงวนตูด”

“ว้าย หนูไม่เคยนะ หนูแรดแต่กับพี่บอมบ์พี่มหานี่แหละ คนอื่นไม่จ้า โนๆ ไม่มีทางว่าจะได้แอ้มน้องหนูอกไม่ฟูแต่รูฟิตคนนี้”

“เออ มีคนเห็นคุณค่าของมึงก็อย่าทำตัวเองให้ด้อยคุณค่าลงแล้วกัน อย่างน้อยวันหนึ่งมึงไม่มีค่าในสายตาของใคร มึงยังมีค่าในสายตาของพ่อแม่มึงเสมอนะ พ่อแม่มึงเขาว่าอะไรไหมที่มึงเป็นตุ๊ดอ่ะ”

“อืม ก็ไม่นะ พ่อกับแม่ใจดี ก็ชอบมาถามหนูเสมอแหละว่าหนูคบกับใคร หนูก็มีแฟนคนเดียว หนูก็บอกว่าคบคนนี้คนเดียว ตอนเลิกกันหนูก็บอก หนูมีอะไรหนูบอกพ่อแม่หนูเสมออ่ะ แล้วหนูปลื้มมาก นี่ๆ วุ้ย เขิน ขอโม้เรื่องผัวสักนิด วันนั้นอ่ะพี่มหา ที่ออกจากผับกันอ่ะ ที่หนูเจอกับพี่เจิด ตอนเช้าหลังจากที่เราได้กัน พี่เจิดแกไปถึงบ้านเลยจ้า ไปขอหนูกับแม่ วุ้ย คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ ชอบให้ความหวังตุ๊ดอยู่เรื่อย”

“แล้วพ่อกับแม่ว่าไง”

“ก็ไม่ว่าไง แม่บอกว่าจะคบกันก็ดูแลกันดีๆ เฮ้อ แต่หนูก็ไม่รู้ว่าพี่เจิดเขาจะจริงจังกับหนูหรือเปล่า หนูอาจจะเป็นของเล่นเขา เวลาเขาเบื่อเขาก็เขี่ยหนูทิ้ง ไม่ต่างจากถุงยางที่ใช้แล้ว”

“หนู อะไรที่มันยังไม่เกิดก็อย่าไปคิดมันดิ เราอยู่กับปัจจุบัน อดีตที่ผ่านมาแล้วก็เอามาเป็นบทเรียน แต่อย่าไปจมอยู่กับมัน อนาคตที่มันยังมาไม่ถึงเราก็อย่าไปจินตนาการว่ามันจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราต้องถามตัวเราเองเสมอๆว่าวันนี้เราทำดีแล้วหรือยัง เราทำเต็มความสามารถของเราแล้วหรือยัง เชื่อเหอะว่า วันนี้เราทำดี พอมันกลายเป็นอดีตก็จะเป็นอดีตที่ดี อนาคตมันก็คงจะดีตามไปด้วย แต่ถ้าเรามัวแต่คิดลบ คิดหวาดระแวง มันจะทำให้เราทำวันนี้ไม่ดี แล้วอดีตกับอนาคตมันเลยไม่ดีด้วย คิดดีๆแล้วกัน”ไอ้มหาให้โอวาท

“เฮ้อ แต่มันอดคิดไม่ได้”

“อ่ะ สมมติง่ายๆนะหนู ตอนนี้มึงกำลังหวาดระแวง กูจะแทนค่าความหวาดระแวงว่ามันเป็นขี้ละกัน แล้วความคิดในหัวของมึงกูจะแทนค่าว่าเป็นการกินแล้วกัน สมการง่ายๆ มึงกำลังคิดหวาดระแวง พอแทนค่าลงไปก็เท่ากับว่ามึงกำลังกินขี้”

“ว้าย น่าเกลียด”

“เออ มันน่าเกลียด แล้วมึงยังคิดอยู่ทำไมล่ะ มันน่าขยะแขยงมึงจะคิดต่อได้อีกเหรอ”

“แหวะ พี่มหาอ่ะ หนูไม่คิดแล้วก็ได้ ว้าย พูดถึงผัว ผัวก็โทรหา สักครู่นะพี่บอมบ์พี่มหา ฮัลโหล เพิ่งเสร็จงานอ่ะ พี่เจิดทำอะไรอยู่เหรอ อืม อยู่กับพี่บอมบ์พี่มหา อ๋อ ฟังพี่มหาเล่าเรื่องให้ฟังอ่ะ ใช่ ไม่เหนื่อยอ่ะ พี่เจิดเหนื่อยไหม อือ....”แล้วมันก็คุยกับฝรั่งอยู่พักหนึ่งครับจนวางสายไป “ชื่นใจ แฟนบอกรัก”มันยิ้มหน้าบานเชียวครับ

“เออ แล้วทำไมถึงไปคิดว่ามันไม่รัก อย่าคิดอะไรไปฝ่ายเดียว”

“จ้า”

นั่งอยู่หน้าคลังอาวุธตอนนี้มองไปที่ลานรวมพลหน้ากองพัน หมวดเต้ยกำลังฝึกทหารใหม่สวนสนามเลยครับ เป็นการจัดแถว คิดถึงตอนที่เราอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น มันเหนื่อยมากเลยนะครับ แต่พอตอนนี้มันผ่านไปแล้ว เราก็รู้สึกอีกแบบหนึ่ง ก็เหมือนที่เขาเคยพูดอ่ะครับ เราต้องเจอความทุกข์ก่อนจึงมาเจอกับความสุข พอเรามีความสุขเราก็จะมองเห็นว่าความทุกข์ที่เราผ่านไปมันไม่ได้มีอะไรมาก

“ทำอะไรมหา”อยู่ๆไอ้มหาก็เดินไปที่ชิดที่ระเบียง มันไม่ตอบอะไรจนพักหนึ่งมันเดินยิ้มหน้าบานออกมา

“กูไปยิ้มให้หมวดเต้ยมา พี่แกยกนิ้วกลางให้กูด้วย สงสัยอยากได้ของกู ฮ่าๆๆๆ”

“ฮ่าๆๆๆ คิดถึงเมียล่ะซิ อ่ะ หนูให้หอมแก้มคนละที”อีหนูเอียงหน้าให้

“อีแรด”ผมกับไอ้มหาพูดพร้อมกัน

“ฮ่าๆๆๆ”

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ hormonesyj

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 721
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-3

ออฟไลน์ yokky34

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
แรดดดด กระแทกหน้า จุกมั้ยน้องหนูดอก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ papanoy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนได้ฟังธรรมะไปด้วย ได้ข้อคิดดีๆหลายอย่าง อย่างเรื่องกินเหล้านี่คิดๆดู ก็จริงอย่างที่มหาพูดนะ เงินก็เสีย สุขภาพก็เสีย เมาแล้วทำอะไรแย่ๆไปโดยไม่มีสติ เสียภาพพจน์อีกต่างหาก คิดแล้วก็น่าจะต้อง ลด ละ เลิก ซะแล้วสิ  :pig4:

                     :katai2-1:    :กอด1:  :3123:

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
มหานี่มโนได้โล่ สาระเหมือนเคยนิยายเรื่องนี้

ออฟไลน์ AGELA

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1109/-0
ตอนที่ ๔๙ ความคิด(ครึ่งหลัง)

“กอดหมอนนอนหนาว ร้าวทรวงใน...”

“หนู อัพเดตตัวเองให้เข้ากับยุคหน่อยเหอะ นี่มันปีไหนแล้ว เพลงตั้งแต่แม่กูยังยังสาว”อีหนูมันร้องเพลงอยู่บนเตียงผมกับไอ้มหา คือจะร้องไม่ว่าแต่เพลงนี่ตังแต่สมัยแม่ผมยังสาว

“เอาเพลงนี้ก็ได้ ชาตินี้ที่รัก เราคงรักกันไม่ได้ เพราะว่าหัวใจ ของเธอนั่นมีเจ้าของ ฉันนอนสะอื้น กล้ำกลืนสุดน้ำตานอง ไม่อาจจะมาเรียกร้อง...”

“กูว่ามึงร้องเพลงนี้ มึงเปิดธรณีกรรแสงให้กูฟังดีกว่าไหมหนู เอาที่มันเข้ากับยุคกับสมัยหน่อยสิ นี่อย่าบอกนะว่ามึงเป็นอดีตตุ๊ดกลับชาติมาเกิด ร้องเพลงรุ่นแม่กูซะงั้น”

“แหมพี่บอมบ์ เพลงเก่าๆฟังแล้วรื่นหูดี ไม่ค่อยเหมือนเพลงสมัยนี้ กระโชกโฮกฮาก ไม่ค่อยจรรโลงใจให้ผ่องใส เพลงเก่าๆ ดนตรีช้าๆ เนื้อหาเพลงแน่นๆ ฟังแล้วสบายอารมณ์”

“งั้นมึงเปิดปี่พาทย์มอญฟังเหอะ”

“คนบ้า ไม่ร้องแล้วก็ได้”

“กูไม่น่าเชื่อนะว่ามึงจะหัวโบราณขนาดนี้หนู”

“แหม พี่บอมบ์ก็ เปลี่ยนแนวบ้าง”

“เออ อย่าเปลี่ยนรสนิยมไปเอาผัวแก่ละกัน เพราะเดี๋ยวยังไงไอ้เจิดได้แก่แน่ๆ ฮ่าๆๆๆ”

“เฮ้อ พูดถึงความแก่แล้ว หนูไม่อยากแก่เลยอ่ะพี่บอมบ์ หนังเหี่ยวๆ หน้าก็คงเหี่ยว จะมาแต่งตัวแรดๆเหมือนตอนวัยรุ่นคงเป็นไปไม่ได้ หนูเคยเดินห้างแล้วเห็นเกย์แก่ๆบางคนแล้วมันรู้สึกยังไงไม่รู้ ถ้าเกิดวันหนึ่งหนูเป็นเกย์แก่ หนูจะเป็นยังไงนะ”

“ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามวัยดิวะ จะไปเครียดทำไม มึงแก่ก็กูแก่เหมือนมึง เราทำอะไรให้มันเหมาะสมกับวัยกับวุฒิภาวะ ใครจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของอนาคตนี่ ตอนนี้เรายังไม่แก่เราก็อย่าประมาท เพราะบางทีเราอาจจะไม่ได้เป็นคนแก่ก็ได้ ใครจะไปรู้ว่าพรุ่งนี้จะมีสำหรับอีกไหม”

“นั่นน่ะสิพี่บอมบ์ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด และจงทำอย่าหยุดเมื่อยังไม่ถึงจุดสุดยอด หนูไม่ได้ทะลึ่งนะพี่บอมบ์”

“เออ กูเข้าใจมึง คือมึงกำลังมองอีกแง่หนึ่งใช่ป่ะ”ผมว่าคนที่เขาคิดประโยคนี้มาเขาสุดยอดนะครับ ถ้ามองในแง่ของความหื่นกามก็อาจจะใช่ แต่ถ้ามองในแง่ของความพยายาม เราทำอะไรต้องทำให้มันไปถึงจุดสุดยอดของงานชิ้นนั้นๆ เรื่องบนเตียงเราก็ต้องทำให้ถึงจุดสุดยอดของความสุขในการมีเพศสัมพันธ์ เรื่องการเรียนก็ต้องทำให้ถึงจุดสุดยอดของการเรียน ได้คะแนนที่ดี เรื่องการทำงานเราก็ต้องทำให้เป็นสุดยอดของงาน อะไรก็แล้วแต่ที่เราทำจนถึงจุดสุดยอด พอเรามามองทีหลังเราก็จะไม่ช้ำ

ผมเคยเป็นนะ ตอนที่งานมันผ่านไปแล้ว เอ๊ะ ทำไมงานเราออกมาได้แค่นี้ทั้งที่ความสามารถของเรามันไม่น่าจะออกมาแค่นี้นี่นา ผมเลยย้อนคิดไปแล้วนั่งใคร่ครวญเลย อ๋อ ขึ้นมา เราไม่ได้ทำมันจนถึงจุดสุดยอดนี่เอง

๓ ทุ่มปิดไฟนอนเรียบร้อย ทุกอย่างเงียบสนิทอยู่ในความมืดมิด ใครใคร่นอนก็นอน ใครใคร่โทรหาเมียหากิ๊กหรือโทรหาใครก็ทำไป แต่อย่าเพ่นพ่านเพราะมันเป็นยามวิกาลแล้ว ผมเองไม่ได้ทำอะไร สวดมนต์บนเตียงอีกครั้งหนึ่งแล้วล้มตัวลงนอน ส่วนไอ้มหาสวดมนต์ของมันไปครู่หนึ่งจากนั้นมันเปิดเพลงแผ่เมตตาให้ฟัง

ตื่นขึ้นมาแต่เช้า ไปวิ่งออกกำลังกายตามกิจวัตรประจำวัน วิ่งรอบเดียวแล้วมาอาบน้ำ ช่วงนี้อากาศเย็นครับ ไม่รู้จะหนาวด้วยหรือเปล่า แก้ผ้าล่อนจ้อนแล้วรีบอาบน้ำกันอย่างรวดเร็ว ไม่เกิน ๑๕ นาทีก็อาบน้ำเสร็จแล้วขึ้นไปแต่งตัวบนโรงนอนครับ ใครได้ออกงานนอกก็จะต้องแต่งชุดวอร์ม ส่วนผมวันนี้ไม่ได้ไปไหนเลยแต่งชุดพราง

“เฮ้ย เร็วๆหน่อยเว้ย ชักช้านะพวกมึง”เสียงรุ่นพี่พูดเร่งพวกผม

“จะรีบไปตายที่ไหนวะ”ไอ้ซันบ่นเบาๆ ผมไม่ได้พูดอะไรรีบแต่งตัว รัดท็อป ใส่ซิ่งแล้วหยิบคอมแบทไปใส่ด้านล่าง นั่งบนขอบอ่างล้างเท้าแล้วผูกเชือกรองเท้าจากนั้นจึงวิ่งไปรวมที่สนามบาสหน้ากองร้อย เช็คยอดเสร็จแล้วก็แจกงานกันครับ ใครจะได้ไปทำงานที่ไหน แบ่งๆไปผมได้ไปกวาดที่แฟลต ส่วนที่หน้ามุขมีคนอื่นไปทำแล้วครับ จากนั้นจึงไปหยิบไม้กวาดทางมะพร้าวแล้วลากถังขยะ ไปกวาดบริเวณแฟลตครับ

“อา”ระหว่างกวาดใบไม้มีเด็กนักเรียนมัธยมปลาคนหนึ่งมาเรียกผม ผมหันไปมอง แล้วทำหน้าสงสัย

“มีอะไรเหรอ”

“อาไม่ได้เป็นผู้หมวดหรอกเหรอครับ ทำไมมากวาดใบไม้อ่ะ”

“เปล่าๆ อาเป็นทหารเกณฑ์ ไปเรียนแต่เช้าเชียว ขยันนะ”

“ยังไม่ไปครับอา ไปป์เอาของไปให้แม่ที่ตลาดมาอ่ะ ตัวอาใหญ่จัง อาเล่นกล้ามด้วยเหรอ”

“อือ ใช่”

“อาสอนไปป์บ้างได้ไหม ไปป์อยากมีกล้ามเหมือนอา อาชื่ออะไรเหรอ”

“ชื่อบอมบ์ ว่างๆก็ไปเล่นที่กองร้อยได้ มีเครื่องออกกำลังกายให้เล่นหลายอย่าง ถ้าอาว่างอาจะเทรนให้”

“ครับ เอ่อ ไปป์ขอเบอร์อาได้ไหม”ไอ้น้องไปป์มันหยิบไอโฟนมา ผมก็บอกเบอร์ผมไปแล้วมันก็ยิงมาที่มือถือผม ผมหยิบมือถือมาเมมเบอร์ ผมไม่ได้ใช้มือถือราคาแพงนะครับ มือถือ ๒ ซิม ธรรมดาๆ “อารับปากแล้วนะว่าจะเทรนให้ไปป์ งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ไปป์เลิกเรียน ไปป์จะไปหาอาที่กองร้อยนะ เดี๋ยวไปป์โทรบอกอา ว่าแต่อาอยู่กองร้อยไหน ใช่ร้อย ๑ ไหมครับ”

“อือ อาอยู่ร้อย ๑ ถ้าว่างก็โทรบอกลาแล้วกัน แต่ถ้าอาไม่ว่างก็อย่าโกรธอานะ แล้วนี่ไปป์อยู่ชั้นไหนแล้ว”

“อยู่ม.๕ แล้วครับ แล้วอามาเป็นทหารกี่ปีอ่ะ”

“๒ ปี เอ่อ โทษนะ ไปป์เป็นลูกของพันโท.....เหรอ”ผมมองชื่อนามสกุลแล้วมันคุ้นๆ เคยวิ่งผ่านที่แฟลตนายทหารแล้วด้านหน้าอ่ะมันจะมีเพิงไว้สำหรับจอดรถ แต่จะล็อกก็จะมีชื่อนายทหารว่าล็อกนี้เป็นที่จอดรถของใคร แล้วผมวิ่งผ่านผมก็จะอ่านชื่อตลอดมันเลยคุ้นๆ

“ใช่คับ อาบอมบ์รู้จักพ่อไปป์ด้วยเหรอ”

“เปล่าๆ ไม่รู้จักอ่ะ แต่อาเคยวิ่งผ่านไงแล้วที่จอดรถจะมีป้ายชื่ออยู่ มันผ่านตาน่ะ อาเลยคุ้นๆ”

“อ้าว คิดว่ารู้จักกับพ่อไปป์ซะอีก แต่ตอนนี้พ่อไปป์เลื่อนเป็นพันเอกแล้ว”โอ ระดับผู้บังคับการเลยนะนั่น

“อ้าว แล้วไปป์ไม่อยากเป็นทหารเหมือนพ่อเหรอ”

“ไม่อ่ะครับ ไปป์อยากเป็นหมอมากกว่า พี่ๆไปป์เป็นทหารไปตั้ง ๒ คนแล้ว ไปป์ไม่อยากเป็นเหมือนพี่ๆ”

“อาฮะ แล้วพ่อไม่ว่าเหรอ”

“ไม่ว่าครับ แฮะๆ ที่จริงพ่อเคยให้ไปสอบเข้าด้วยแหละ แต่ไปป์งอแง ไปป์ไม่อยากเป็น”

“ท่าทางจะเป็นลูกคนสุดท้องนะ”

“อ่าว อารู้ด้วยเหรอ”

“ฮ่าๆๆ เคยเป็นน่ะ แล้วนี่จะไปเรียนกี่โมง มัวแต่คุยกับอาเดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก”

“แหะๆ รำคาญไปป์ละเหรอ งั้นไปป์ไปก็ได้ เดี๋ยวเย็นนี้เลิกเรียนไปป์จะโทรหาอานะ ไปแล้วครับ สวัสดีครับ”ยกมือไหว้ผมแล้วเดินลัดไปที่แฟลต มองแผ่นหลังของไอ้น้องไปป์แล้วทำให้ย้อนวัยคิดถึงเมื่อตอนเรียนอยู่มัธยมปลาย ตัวของไปป์สูงน่าจะประมาณ ๑๘๐ หุ่นผอมหน่อย ผิวขาว หน้าตาถือว่าหล่อเลยครับ คิ้วเข้มๆ จมูกโด่ง ปากแดงๆ มีลักยิ้มด้านซ้าย มีหนวดขึ้นบางๆ คิดถึงหมวดบูมจัง เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก่อนจะกลับไปฟัดให้หนำใจ

“มึงรู้จักลูกผู้การแดนด้วยเหรอไอ้ยักษ์”รุ่นพี่ถามผมระหว่างที่กำลังกินข้าว

“เพิ่งรู้จักอ่ะพี่ ทำไมเหรอ”

“อย่าไปเล่นกับลูกเขาให้มากนะมึง พ่อเขาเป็นถึงผู้การ กูล่ะกลัวแทน พวกลูกคนใหญ่คนโตนี่กูไม่ค่อยอยากยุ่งเท่าไหร่”

“ผมเอาตัวรอดได้พี่”จากนั้นก็นั่งกินกันต่อ เบื่อๆกับกับข้าว คือแกงจืดทั้งชาติ วันนี้แกงจืดผักกาดใส่ลูกชิ้น คือผักกาดเต็มถ้วยแล้วลูกชิ้นกูหาไม่เจอสักลูก มีเศษหมูสับนิดหน่อยพอให้เขารู้ว่านี่คือแกงจืดผักกาดใส่ลูกชิ้นและหมูสับ ผักเป็นไร่หมูไก่บินหายไปไหนหมดวะ นั่งกินทั้งน้ำตา ฮ่าๆๆๆ ก็กินๆให้หมดจานครับ พอกินอิ่มพวกที่มาเวรเลี้ยงก็จะเก็บจานชามไปล้าง พวกที่เหลือก็จะไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมายต่อ ผมทำต่ออีกนิดหน่อยจึงลากถึงขยะกับไม้กวาดเดินกลับกองร้อย ส่วนรุ่นพี่มานั่งอู้อยู่ครับยังไม่อยากลับกองร้อยเพราะจะโดนใช้งานต่อ

ถอดคอมแบทแล้วหิ้วไปวางหน้าประตูห้องทำงานของผู้หมวด ผู้หมวดน่าจะมาแล้วมั้งครับ ผมเข้าไปด้านใจหมวดบูมกำลังนั่งดูข่าว ผมนั่งลงข้างๆแล้วจับหมวดบูมจูบทันที กูเห็นลูกผู้การแล้วกูคิดถึงมึงทันทีเลยว่ะบูม

“อะไรของมึงวะบอมบ์ มาถึงก็จูบเอาๆ”

“รักมึงอ่ะ”พูดจบก็จูบต่อ เกี่ยวลิ้นกันพัลวัน

“เฮ้ยๆ ไอ้สัส จูบอย่างเดียวพอมั้ง ไม่ต้องไซร้กูขนาดนี้หรอก ซี้ด ไอ้บอมบ์ กูเสียว อือ อูย บอมบ์ อย่าดูดดิวะ”ผมก้มลงดูหัวนมหมวดบูมแบบเต็มที่ โว้ย เมื่อไหร่จะได้ลาไปจักหนักซะทีโว้ย “อะไรของมึงวะบอมบ์”หมวดบูมทำหน้างงๆหลังจากที่ผมหยุดการกระทำ

“หึหึ หมั่นเขี้ยว ฟอด กินข้าวยัง”ระงับอารมณ์ไว้ ตั้งแต่ที่ผมกินตับหมวดบูมตอนลาครั้งนั้นผมก็ยังไม่ได้เอาน้ำออกเลยสักครั้งนะครับ ไม่ฝันเปียกด้วยเพราะมันเหนื่อยจากงาน นี่ก็เกือบ ๔ เดือนละมั้ง ฮ่าๆๆๆ

“ยัง ก็ไม่ยกมือลาล็อกแรกจะได้ไประบายให้มันเสร็จๆไป”

“หึหึ อยากด้วยเหรอครับ”

“วัวเคยขาม้าเคยขี่ อย่าถามอะไรแปลกๆ กูก็คนนะเว้ย มึงมากอดมาจูบกูทุกวันแบบนี้กูก็อยากเป็นเหมือนกัน”

“แล้วเอาน้ำออกบ้างป่ะ”

“เหนื่อยจะตายห่าเอาเวลาที่ไหนไปชักว่าววะ มึงอยากมึงก็ลงไปชักว่าวได้นะบอมบ์”

“ไม่เอาอ่ะครับ เก็บน้ำไว้แตกทีเดียวดีกว่า อีกไม่กี่วันเอง หึหึ เตรียมตัวไว้เลยนะครับ”

“ไอ้สัส เสียงมึงนี่หื่นกามฉิบหายเลยว่ะ”

“ผมไปทำงานก่อนนะครับ เดี๋ยวอดใจไม่ไหวจับผู้หมวดปล้ำในกองร้อยซะก่อน”เดินไปกอดผู้หมวดจากข้างหลังแล้วหอมแก้มทีหนึ่งจากนั้นก็ย่องออกจากห้องทำงานเบาๆลงไปด้านล่างไปเซ็นขนมกิน

หลังจากที่น้ำท่วมเนี่ยขนมนมเนยไม่มีจะขายนะครับ ของน้อยมากเรากินเท่าที่มี ชาเขียวที่แต่ก่อนเคยกินทุกวันตอนนี้ก็ไม่มีแล้วครับ เพราะโรงงานชาเขียวโดนน้ำท่วม เลยมากินน้ำอัดลมแทน แต่คาราบาวก็ยังพากันจับทุกวันครับ คนโดนก็โดนไป ผมไม่เคยเล่นกับเขานะครับ ซื้อกินเองดีกว่า ไม่ค่อยอยากจะเล่นพนันขันต่อ

สายๆหลังจากเคารพธงชาติเสร็จและรอเปลี่ยนสิบเวรประจำวัน สิบเวรที่เข้ามาใหม่เป็นจ่าคลังอาวุธ ลูกพี่ไอ้มหามันครับ วันนี้ไอ้มหาเลยสบายหน่อยมีลูกพี่คอยคุ้มครอง ในกองร้อยก็มีเส้นมีสายอยู่จางๆนะครับ อย่างไอ้หมู่อาร์ตก็จะให้ท้ายพวกเด็กคลังอาภรณ์ที่มันไปทำงานอยู่ด้วย จ่าคลังสื่อสารก็จะให้ท้ายลูกน้องของตัวเอง ผมถึงแม้จะทำงานให้ผู้หมวดผมก็ไม่เคยสนใจอะไร ผมจะเก๋าก็เก๋าด้วยตัวเอง ผมไม่อาศัยบารมีใคร แล้วผู้หมวดก็ไม่เคยออกโรงปกป้องจนเกินเหตุนะครับ ผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก ผมน่ะเป็นรุ่นน้องที่ห่ามที่สุดในกองร้อยแล้ว ความบ้าระห่ำไม่มีใครเกินไอ้บอมบ์

“อ่ะ เดี๋ยวจ่าให้พวกเอ็งไปเปลี่ยนชุด เป็นชุดเป็ดน้อย ให้เวลา ๕ นาที ไปได้ ปริ๊ด”สิ้นเสียงพวกผมก็วิ่งขึ้นไปบนโรงนอนรีบเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว

“จับคนช้า ๕ นาย”รุ่นพี่ตะโกน พวกผมต้องรีบอย่างรวดเร็วครับ ถอดเสื้อกางเกงแล้วยัดใส่ตู้หยิบกางเกงขาสั้นมาใส่คว้าผ้าใบแล้วรีบวิ่งลงไปรวมด้านล่าง

“อ่ะ มาครบยัง เดี๋ยววันนี้จะให้ตัดหญ้านะ ตัดแค่ตรงแฟลต ๔ อย่างเดียว ไหนใครตัดหญ้าเป็นออกมาเลย”

“พี่นิค ผมขอลูกน้องมาทำงานที่คลังนะพี่”เสียงหมู่อาร์ตพูดขึ้นแทรก

“เออๆ ไปเลย คลังอาภรณ์ไปนอนในคลังไป มหา ไปคลังอาวุธไป คลังสื่อสารก็แยกออกไป อ่ะ ใครตัดหญ้าเป็นบ้างออกมาเลย ตัดแค่ครึ่งวันพอ ช่วงบ่ายจ่าจะปล่อยให้พวกเอ็งนอน ออกมาเลย ถ้าไม่ออกมาจ่าจะให้ทำทั้งวัน”

“เฮ้ย ไปเว้ย ไอ้กานต์ ไอ้เฉิน มาเลยมึง อย่าเนียน”ผมพูดกับเพื่อน ผมออกมาตั้งแต่ทีแรกแล้วล่ะ จากนั้นพอได้คนตัดหญ้าแล้วที่เหลือก็จะไปถอนหญ้า ตัดแต่งกิ่งไม่และทำความสะอาดในกองร้อย

“เออ ออกมาสัก ๒ คน”มีคนยกมือออกมาด้านนอก ๒ คน “พวกเอ็ง ๒ คนนะ ไปดึงหญ้า ไอ้หญ้าประเภทหมอยแซมแต...น่ะ ที่มันขึ้นแซมชาดัด ป่ะ”ผมยืนขำอยู่คนเดียวตอนที่จ่าเปรียบเทียบหญ้าเหมือนหมอยแซม เอ่อ นั่นแหละ เห็นภาพเลยกู คือมันจะมีหญ้าขึ้นมาแซมตรงชาดัดด้านข้างกองร้อยแล้วมันรกรุงรัง ก็เหมือนหมอยมันขึ้นแซมตรงนั้น จุดกำเนิดของสรรพสิ่ง ของใครดีหน่อยก็ไร้ขน แต่ของบางคนมันรกเกินไปไม่รู้แหวกไปจะเจองูหรือเจอรู ฮ่าๆๆๆ ผมหมายถึงพงหญ้านะครับ อย่าคิดทะลึ่งไปไกล

ไปตัดหญ้ากัน ๓ คน ๒ คนใช้เครื่องร่อน อีกคนใช่รถเข็น ผมตัดได้ประมาณ ๑ ชั่วโมงก็พักให้เพื่อนมาเปลี่ยน ไอ้สัส ตัดเป็นก็ไม่ยอมยกมือ แต่พอหนีมาจากกองร้อยได้เนี่ยเป็นงานกันฉิบหาย เดินกลับมาที่กองร้อยคนเดียว ปวดขี้ว่ะ มาถึงห้องน้ำก็ตรงไปที่ห้องที่เป็นชักโครก เดินไปถึงก็ไม่ได้มองอะไรเลยครับเห็นประตูมันปิดไม่สนิทก็รีบเปิดแล้วภาพที่เห็นก็คือ

“เหี้ย เปิดหาพ่องเหรอ”รุ่นพี่กำลังนั่งชักว่าวหัวโยกหัวคลอนอยู่บนชักโครก มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ อีกข้างกำลังสไลด์หนอน ตาเยิ้ม ฮ่าๆๆๆ

“อ้าวพี่ ใครจะไปรู้ว่าพี่ชักว่าวอยู่”

“ไอ้เหี้ย ปิดประตูเลยมึง เสียอารมณ์หมด”ผมปิดประตูแล้วเข้าไปอีกห้อง นั่งขี้ไป ห้องข้างๆก็ชักว่าวไป เสียงคลิปโป้นี่ไม่อยากจะบรรยาย มันร้องเพราะญาติมันตายรึเปล่าวะ ได้ยินแต่เสียง อือๆ อ่าๆ ฟังเสียงแล้วคิดถึงหน้าหมวดบูมตอนที่พี่แกเคลิ้มๆ วู้ว กูอยากกินตับจริงโว้ย

ออกจากห้องน้ำพี่ที่ชักว่าวอยู่ก็ออกมาพอดี ผมไม่ได้พูดอะไรแต่ยิ้มแล้วเดินออกจากห้องน้ำไปทำงานต่อ ไอ้สัส คนอื่นเขาทำงานกันตัวเองมาแอบชักว่าว ตัดหญ้าอยู่ครึ่งวันก็เสร็จเรียบร้อยมากินข้าวกินลากันจากนั้นช่วงบ่ายก็พักผ่อน จ่านิคใจดีครับ แต่แกก็ไม่ค่อยชอบพวกที่เอารัดเอาเปรียบเหมือนกัน

ตอนบ่ายทุกคนต่างนอนกันอยู่ที่ใต้ถุนกองร้อยกัน ให้นอนนี่ก็คือนอนจริงๆนะครับ แต่ก็มีบางคนที่นอนดูทีวี ส่วนผมไปนั่งช่วยงานผู้หมวดอยู่ที่หน้ามุขกลาง ผู้หมวดงานเยอะนะครับ ผมก็มานั่งพิมพ์งานให้ ส่วนไอ้มหาช่วยจ่าทำความสะอาดปืนอยู่หน้าคลัง

“เสร็จงานแล้วเหรอมึง”

“เสร็จแล้วครับผู้หมวด”

“ว่างแล้วใช่ป่ะ”

“ก็ว่างครับ”

“งั้นช่วยกูทำงานสักหน่อย อ่ะ นี่ แยกให้มันเป็นชุดแล้วเย็บ ๑ ชุดมันจะมี ๕ แผ่นนะมหา เสร็จแล้วก็เย็บ”

“ครับผู้หมวด”ไอ้มหาทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย “เป็นผู้หมวดนี่ลำบากเนอะ งานเยอะมาก”

“อือ ลำบากก็ต้องทำว่ะมหา เรามาทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง อย่าทำให้ภาษีของประชาชนมันศูนย์เปล่า”

“มีเกียรติแต่ไม่มีกินก็ไม่ไหวนะผู้หมวด”อีหนูมาช่วยงานอีกคนหนึ่งครับ มันตัดสติ๊กเกอร์อยู่หน้ามุข

“เออน่า กูไม่มีกินก็ช่างแต่ขอให้ประชาชนกินดีอยู่ดี มันต้องมีคนได้และคนเสีย แต่ถ้าเราพอดี ไม่ฟุ้งเฟ้อ เราก็ไม่อด อยู่แบบพอดี พอเพียง พอใจ ใครจะยังไงก็เรื่องของเรา เราอย่าไปคิดแทนเขา”

“แต่บางคนก็กินจนอ้วนพีเลยนะผู้หมวด หนูไม่อยากจะพูด”

“เออน่า เขาอิ่มในชาตินี้แต่เขาจะอดในชาติหน้า ใช่ไหมมหา ผู้หมวดเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรมนะ เขาทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลที่เขาทำ อย่างเร็วก็ชาตินี้ อย่างช้าก็ชาติหน้า ผู้หมวดคิดว่ามันไม่นาภูมิใจหรอกที่เราได้อะไรมาด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง เราอาจจะหลอกคนอื่นได้ว่าเราเป็นคนมีฐานะ แต่เราหลอกตัวเองไม่ได้หรอกว่าสิ่งที่เราได้มามันมาจากไหน ผู้หมวดยึดความถูกต้องมากกว่าความสุขจอมปลอม ถ้าเราทำถูกต้องแล้วเราก็จะมีความสุขที่แท้จริง”

“น่ารักมากเลย ขอหอมแก้มทีได้ไหม”ผมเงยหน้าจากจอคอมมายิ้มให้ผู้หมวด

“ทะลึ่งแล้วมึง”

“เฮ้อ ถ้ามีคนที่คิดแบบผู้หมวดเยอะๆก็ดีสินะ สังคมเราคงน่าอยู่ขึ้นเยอะ”

“มันก็มีแหละหนูคนที่คิดแบบผู้หมวด เพราะผู้หมวดก็คิดแบบเขาเหมือนกัน เอาความคิดที่ดีๆของเขามาสานต่ออีกที แต่คิดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำด้วย เพราะถ้าคิดอย่างเดียวมันจะกลายเป็นเรื่องเพ้อฝัน เราต้องทำ ใครไม่เห็น เราเห็นตัวของเราเอง ทำดีไม่ต้องคิดจะป่าวประกาศให้ใครรู้หรอก เพราะถ้าเราทำดีจริงคุณความดีของเราจะแผ่กระจายไปเอง เหมือนน้ำหอมที่ดีๆ ของดีจริงอาจจะไม่ได้โฆษณาในทีวีแต่ขายดิบขายดีไม่แพ้กัน”

“ผู้หมวดเป็นทหารแล้วเคยท้อบ้างไหม”

“ก็ท้อนะ เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิดอ่ะ บางเรื่องเราเลยต้องปลง ค่อยๆทำใจ และเข้าใจมันว่ามันเป็นแบบนี้ เราทำตามความสามารถของเรา”

“แล้วผู้หมวดคิดไงที่ตุ๊ดแบบหนูมาเป็นทหาร หนูไปได้ยินมาว่าตุ๊ดแบบหนูเอามาเป็นทหารแล้วเสื่อมเสียชื่อเสียง”

“อย่าไปคิดมากสิหนู ตุ๊ดมาเป็นทหารก็ยังดีกว่าพวกผู้ชายดีๆที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่มาเป็น ผู้หมวดว่านะเราเป็นอะไรไม่สำคัญหรอก อยู่ที่ว่าเราทำตามหน้าที่ของเราได้เต็มที่หรือเปล่า แกเป็นตุ๊ดแกก็ยังมารับใช้ชาติบ้านเมือง ดีกว่าผู้ชายใจเสาะบางคนบางพวกที่หาทางเพื่อที่จะไม่ต้องมาเป็น อย่าไปน้อยใจ ถ้าใครพูดว่าเสียศักดิ์ศรีก็ท้ามันไปเลยว่ามาเป็นทหารแข่งกันไหม”

“ตอนหนูกลับบ้านนะ ตุ๊ดแถวบ้านมันชอบมาแซวว่าได้ผัวกี่คนแล้ว สบายรูล่ะสิท่า โดนคืนละกี่คน หนูแค้นมากเลย หนูเป็นตุ๊ดก็จริงแต่หนูไม่ได้เป็นกะหรี่ร่านจวยไปทั่ว บางคนก็ชอบมาพูดว่าหาผู้ชายให้หน่อยสิ เซ็ง”

“เออน่า อย่าไปฟังมันดิ เราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่าเราจะเก็บเอามาคิดทำไม”

“เฮ้อ แต่ถ้าหนูจะร่าน หนูขอร่านกับพี่บอมบ์พี่มหาดีกว่า ผู้ชายอะไร ยั่วสวาทซะไม่มี อยากให้พี่เจิดมาเป็นทหารจริง คงเข้าแก๊งค์กันน่าดู”

“ฮ่าๆๆๆ เกรงใจผู้บังคับบัญชากูหน่อยเหอะหนู”ผมพูดขึ้นมาขำๆ

“อิอิ ผู้หมวดไม่ว่าอะไรหรอก ผู้หมวดใจดีจะตาย ขนาดเงินยังแบ่งกันใช้นับประสาอะไรกับผัว”

“เฮ้ยๆ อันนี้ความสามารถเฉพาะตัวเว้ย ของใครของมัน”ผู้หมวดพูดแล้วยิ้มตาหยี “มึงชอบไอ้คู่หูนี้ตรงไหนวะหนู คือกูว่ามัน ๒ คนนี่จังไรคนซะไม่มี”

“เฮ้อ ก็บอกไม่ถูกอะ ตุ๊ดที่ไม่มีโอกาสเคยมีเพื่อนผู้ชายมันก็ย่อมจะปลื้มเป็นธรรมดา ตอนเรียนอยู่หนูไม่เคยมีเพื่อนชายเลยนะ ถ้าไม่คบกับกลุ่มเพื่อนสาวก็เป็นเพื่อนผู้หญิงมากกว่า มันเป็นความประทับใจอ่ะผู้หมวด ผู้ชายอะไร ดิบเถื่อนจังไรได้ใจหนูสุดๆ”

“เฮ้ย มึงชมกูหรือมึงด่ากูวะหนู เอาแบบชัดๆ”ไอ้มหาเงยหน้ามาถาม

“ชมจ้า ใครจะกล้าด่าพี่มหาอ่ะ เออ มีเรื่องเล่า เมื่อคืนหนูเกือบโดนกะเทยมาขอโม๊ค ดีนะที่หนูกรี๊ดใส่หน้ามันซะก่อน”

“อ้าว ทำไมไม่ให้มันโม๊คอ่ะ”

“แหม พี่บอมบ์ คือกะเทยนี่หนังหน้า หนูไม่อยากจะพูด หน้าเถื่อนๆ ผมยาว ตัวใหญ่ นี่ถ้าหนูโดนต่อยท้องแล้วลากไปทำอะไรต่อมิอะไรนี่หนูคงสู้มันไม่ได้แน่เลย หนูออกจากห้องน้ำมาใช่ป่ะ แล้วป๊ะพอดีเลย มันก็มาพูดว่า ตัวเองสนใจไหม คืออีดอก มึงไม่ได้มองหนังหน้ากูเลยว่ากูออกจะสาวขนาดนี้ หนูเลยกรี๊ดใส่แล้ววิ่งขึ้นมาบนโรงนอน หัวใจจะวายตาย”

“ฮ่าๆๆๆ”ที่กองร้อยผมจะมีกะเทยมาวนเวียนขออมจวยทหารกันบ่อยนะครับ รุ่นพี่ รุ่นเดียวกันกับผมก็ได้ไปหลายคนแล้วละ ถ้าเจอสวยหน่อยก็จะสอยตูดกะเทยในห้องน้ำ ใครทำอะไรนี่ไม่เกิน ๑ สัปดาห์จะรู้กันทั้งกองร้อยเพราะแต่ละคนจะเอามาล้อกัน เอามาเผากัน ส่วนผมเคยเจอบ้าง บางทีมาเยี่ยวก็ได้ยินเสียงกุกๆกักๆ บางครั้งก็เกือบโดนโม๊คเหมือนกันแต่เอาตัวรอดได้

“ฮัลโหลครับ อ่า ว่าไงไปป์”

“อาบอมบ์ ไปป์เลิกเรียนแล้ว อาบอมบ์ว่างไหม”

“อ๋อ อาช่วยงานผู้หมวดอยู่อ่ะ แต่มาได้ เดี๋ยวอาบอกว่าจะต้องทำอะไรบ้าง”

“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวไปป์ไปหาอาบอมบ์ที่กองร้อยนะ แค่นี้นะครับอา”

“ครับ”ผู้หมวดมองหน้าผมอย่างสงสัย “ไปป์ ลูกผู้การแดนโทรมาอ่ะครับ จะให้ผมเป็นเทรนเนอร์ให้ น้องจะฟิตกล้าม”

“เออ ไม่ได้ว่าอะไร”

“ครับที่รัก”

“ไอ้สัส เบาๆหน่อย”ผู้หมวดเอ็ด จากนั้นผมก็ทำงานต่ออีกนิดหน่อย จนน้องไปป์มา ผู้หมวดจึงให้ผมเก็บข้าวของเพราะผู้หมวดก็จะลงไปออกกำลังกายเหมือนกัน ผมลงไปด้านล่างเห็นน้องไปป์มาในชุดกีฬา

“พี่หมวดบูมสวัสดีครับ”ไปป์ยกมือไหว้ผู้หมวด ผู้หมวดก็รับไหว้ อาจจะรู้จักกันมาก่อนมั้ง ทักทายกันนิดหน่อยผมก็คุยกับน้องว่าอยากได้กล้ามส่วนไหน น้องบอกไม่ถูกเลยเหมารวมว่าอยากได้เหมือนผม โอเค พี่บอมบ์จัดให้ ผมก็เทรนให้ตามที่เคยทำมาอ่ะครับ อาจจะไม่ได้ถูกต้องที่สุดเหมือนพวกเทรนเนอร์แต่ก็พอแนะแนวทางได้ ออกกำลังกันไปเรื่อยๆต้องค่อยๆพัฒนาครับ ของแบบนี้ใจร้อนไม่ได้ ต้องอาศัยเวลา เราต้องหัดที่จะรอคอยเพื่อให้ได้อย่างใดอย่างหนึ่งมา ของที่ได้เร็วมันก็จะทำให้เสียไปง่าย ของที่ได้ช้ามันจะมีคุณและเสียไปช้า เปรียบเหมือนเงินทองอ่ะ ตอนที่เราเรียนอยู่เราขอพ่อแม่ ได้มาเร็วก็หมดไปเร็ว พอเราไปทำงานมีเงินเดือนเป็นของตัวเอง กว่าจะซื้ออะไรสักชิ้นหนึ่งก็คิดแล้วคิดอีก หรือถ้าเปรียบเทียบกับอาหารฟาสฟู้ด ทำเสร็จเร็วมันก็บั่นทอนสุขภาพเราทำให้เราตายเร็ว สุดท้ายก็ขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะเลือกสรรกันอย่างไร มีแนวทางเป็นของตน ทำอะไรคนอื่นไม่เดือดร้อนก็ทำไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด