ตอนที่ ๖ เป็นทหารต้องฝึก
“อ่า หลังจากที่เมื่อยล้ากับการฝึกมาทั้งวันแล้ว เรามาออกกำลังกายเพื่อเป็นการผ่อนคลาย เดี๋ยวผู้หมวดจะสั่งจัดแถวนะ พอสิ้นคำสั่งให้ทุกคนตบที่ข้างขาหนึ่งครั้งแล้วร้องเฮ้ ดังๆ กางแขนให้สุด ถ้าสั่งว่าเปิดระยะ ๑ ช่วงแขนก็ให้ทุกคนยกมือข้างซ้ายแตะไหล่เพื่อน แล้วรีบขยายแถวออกไป ถ้าผู้หมวดสั่งว่าเปิดระยะ ๒ ช่วงแขนให้ทุกคนตบมือซ้ายลงที่ข้างขาแล้วร้องเฮ้ เสียงดังจากนั้นก็กระจายแถวออกไป เข้าใจไหม”
“เข้าใจครับ”พวกผมตอบรับเสียงดัง
“อ่ะ ผู้หมวดเชื่อว่าคงไม่มีใครทำไม่ได้ วันนี้ทั้งวันเราฝึกกันมาแล้ว ผู้หมวดจะขอทดสอบดูก่อน แถวนี้ยกมือขึ้น”ผู้หมวดชี้ไปยังแถวๆหนึ่งของหมวดที่ ๒ พวกมันยกมือขึ้นกันทั้งแถว “แถวนี้เป็นหลักนะ อ่ะ แถวนี้เป็นหลัก สำหรับกายบริหารเปิดระยะ ๒ ช่วงแขน จัดแถว”
พรึบ เฮ้ เสียงตบที่ข้างขาถึงแม้ว่าจะยังไม่ค่อยพร้อมเพรียงกันเท่าไหร่ก็ตามที แต่มันก็ดังพอสมควร ผมรีบวิ่งออกข้างยกแขนกางขึ้นข้างหนึ่งเพราะอีกข้างไม่มีคนให้แตะ ตอนนี้ต่างคนต่างกระจายออกมากันเป็น ๒ ช่วงแขนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ยืนกันเต็มลาน
“นิ่ง”พอสั่งนิ่งทุกคนก็ลดมือลง
“เดี๋ยวผู้หมวดจะขอดูอีกทีนะ เมื่อกี้ยังไม่สะใจ พอผู้หมวดสั่งว่า จัดแถว ให้ทุกคนตบที่ข้างขาแรงๆไม่ต้องกลัวเจ็บ แล้วร้องเสียงดัง ร้องให้ได้ยินไปถึงหน้ากองพัน อ่ะ เดี๋ยวจะสั่งจัดแถวใหม่นะ”ผู้หมวดเว้นวรรคก่อนจะมองไปรอบๆ “แต่ละหมวดนะ จะสั่งจัดแถวแบบปิดระยะ วิ่งเข้ามาที่เดิมที่เรายืนเมื่อกี้ แล้วยกศอกสะบัดหน้า อ่ะ จะสั่งทั้งหมดเลยนะ แต่ละหมวดจัดแถวแบบปิดระยะ จัดแถว”
พรึบ เฮ้
ตบข้างขาแล้ววิ่งเข้าไปจัดแถวยกศอกขึ้น คนลำดับถัดไปก็สะบัดหน้ามาหาซ้ายมือ ถึงแม้จะยังทุลักทุเลไปบ้างแต่ก็ถือว่าใช่ได้อยู่นะ ผมเองใช่ว่าจะเก่ง อาศัยความมึนของตัวเองล้วนๆครับ มองแค่ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นที่ออกคำสั่งสมองมันก็จะสั่งการทันทีว่า ‘จูบเลยๆๆๆๆ’ ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นน่า
“ครั้งนี้เอาให้มันเต็มที่ไปเลยนะ ตบที่ข้างขาแล้วร้องเฮ้เสียงดัง เอาละ สำหรับกายบริหาร เปิดระยะ ๒ ช่วงแขน จัดแถว”
พรึ่บ เฮ้ ตบที่ข้างขาเสียงดัง แหกปากร้องเฮ กางแขนซ้ายขวา คนที่อยู่ขอบแถวก็กางแค่แขนเดียว “กางแขนค้างไว้นะอย่าเพิ่งเอาลง อ่ะ เอาลงได้ ต่อไปจะให้นับ ๒ คือ นับถึงแค่เลข ๒ เลขอื่นไม่ต้องนับ อย่างคนแรกนับ ๑ คนต่อไปก็นับ ๒ เข้าใจไหมทหาร”
“เข้าใจครับ”เราตอบเสียงดัง
“ทหารใหม่ นับ ๒ นับ”
“๑ ๒ ๑ ๒ ๓ ๑ ๒”มีคนนับถูกบ้างนับผิดบ้าง ผู้หมวดให้คนนับ ๒ ยกมือขึ้นแล้วก้างออกไปทางขวา ๑ ก้าว มันจะได้ยืนสลับฟันปลากัน
“อ่ะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ท่าแรกนะ สะบัดข้อมือข้อเท้า”
“มหา มึงทำเป็นรึเปล่า”ผมกระซิบถามไอ้มหาตวงที่เงอะๆงะๆ งี้แหละ บวชนานเกินไม่ค่อยทันชาวโลกเขา
“ผมกลัวอาบัติจัง”มันทำสีหน้า โอ้ว ไอ้มหาของกูกลิ่นผ้าเหลืองไม่มีเจือจางไปเลยสักนิดเดียว
“มึงเป็นโยมแล้วนะ”ผมเตือนสติ
“เออ ใช่ ขอบคุณมาก เจริญพร”มึงจะเจริญพรกูทำเพื่อ
“อ่ะ ต่อไปก็ หมุนไหล่”แล้วจากนั้นก็เริ่มไล่ตั้งแต่หัวยันเท้าครับ บริหารร่างกายเบาๆก่อนแล้วเริ่มท่ายากประเภท ลิงอุ้มแตง หนุมานขย่มต่อ กวางเหลียวหลังเอ๊ยๆๆ ไม่ใช่ๆครับ ท่ากระโดดตบ บิดตัว โยกตัวอะไรเทือกนั่น ฮ่าๆๆๆ
“อ่ะ เดี๋ยวเราจะวิ่งออกกำลังกายกัน ผู้หมวดจะสั่งปิดระยะนะ ทหารใหม่จัดแถวปิดระยะ จัดแถว”ผู้หมวดสั่งเสียงเข้มแข็ง พวกผมก็วิ่งด๊อกแด๊กเข้าไปรีบจัดแถว ตอนนี้เหงื่อไหลไคลย้อย กลิ่นไม่ต้องพูดถึง เปรี้ยวหวานมันเค็ม ตลบอบอวลกันไปหมด “เดี๋ยวให้พักแปบหนึ่งก่อน ฮึ่บ”ผู้หมวดกระโดดลงจากแสตนด์ที่ตั้งอยู่เบื้องท่า ท่วงท่าที่แข็งแรง ใบหน้าที่ดูเป็นไมตรี เหงื่อชื้นๆที่ไหลลงมาตามบริเวณของใบหน้า ร่างกายส่วนบนเปียกไปด้วยเหงื่อจนเสื้อชุ่มแนบชิดกับหุ่นของตน ชุดครึ่งท่อนที่สง่างามเหมาะกับรูปร่าง โอ๊ย กูอยากบ้าว่ะ คนหรือเทวดาวะ มองซ้ายก็มีเสน่ห์ มองขวาก็กระแทกใจ ได้แต่ยืนเพ้ออยู่คนเดียว แอบมองเขาบ้างเป็นบางครั้ง พอเขาหันมาทางนี้ก็แสร้งเป็นมองไอ้มหาตวง เฮ้อ ศึกครั้งนี้มันช่างรุนแรงและบาดหัวใจของพี่จังเลย ฮ่าๆๆๆ เพ้อแล้วๆ
“อ่ะ ทหารใหม่ฟังนะ จะสั่งจัดแถวใหม่ ไม่ต้องเป็นหมวด จะสั่งทั้งหมดให้เป็นแถวตอนเรียง ๖ นะ อ่ะ ทหารใหม่ ตอนเรียง ๖ จัดแถว”สิ้นคำสั่งตบที่ข้างขาร้องเฮ ก้าวขาออกไปข้างหน้า ผมวิ่งไปคนแรกเพื่อเป็นหลักแล้วนับ ๑ ไอ้มหาตวงนับ ๒ ไล่ลงไปจนถึง ๖ ไอ้พวกข้างหลังจัดแถว
วิ่งเหยาะๆออกกำลังกายโดยมีเพลงประกอบจังหวะของการวิ่ง อากาศร้อนๆเหงื่อไหลไคลย้อยกันเป็นว่าเล่น ตอนนี้เสื้อผมเปียกไปด้วยเหงื่อเหมือนไปวิ่งตากฝนมาก็มิปาน ไอ้มหาตวงวิ่งเหยาะๆสีหน้าเคร่งเครียด หน้ามันหล่อดีนะครับไปเป็นนายแบบได้สบายๆเลยครับ ส่วนสูงก็ให้ ฟิตอีกหน่อยนะ ให้ตัวหนาๆกว่านี้เชื่อผมเหอะ ผู้หญิงแทบมากราบกรานขอเป็นแฟน ฮ่าๆๆๆ
วิ่งเสร็จแล้ววอร์มดาวน์อีกเช่นเคย จากนั้นเคารพธงชาติแล้วนั่งคุยกัน ส่วนหมวดที่ ๓ วันนี้พวกมันไปจัดเวรเลี้ยง ก็คือจัดอาหารให้พวกที่เหลือรอไปกิน ระหว่างนี้พวกเรานั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ผู้หมวดหน้าหล่อยืนอยู่ถัดไปอีกส่วนหนึ่งคุยกับจ่า ส่วนครูนายสิบคนอื่นก็มายืนพูดคุย
“ยักษ์ รู้ชื่อผู้หมวดรึยัง”ผู้หมวดเดินมายืนอยู่ตรงหน้า ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง เซ็กซี่ว่ะ แม่งเอ๊ย กูเป็นอะไรของกูวะเนี่ย ไม่เคยชมผู้ชายคนไหน ไม่เคยมองผู้ชายคนไหนมากเท่าผู้หมวดเลยนะเว้ย
“เอ่อ ยังครับ”ผมตอบไปตามตรง ประหม่านิดหน่อยครับ
“อ้าว ๒๐ ก่อน”
“ไม่มีตังค์ครับ”ผมแบมือ
“นี่กวนตีนผู้หมวดหรือไม่รู้จริงๆ”
“ไอ้นี่มันกวนตีนครับผู้หมวด”หมู่อาร์ตเอ่ยแทรกขึ้นมา ยังจำได้มั้ยคนที่มองหน้าผมแปลกๆตอนที่ผมแนะนำตัวน่ะ
“วิดพื้น ๕๐ เลย”ผู้หมวดสั่ง ผมก็ต้องทำ แอบมองหน้าหมู่อาร์ตนิดหน่อยแล้วก้มหน้าก้มตาวิดพื้น
“๑ ๒ ๓ ๔ ...... ๔๗ ๔๘ ๔๙ ๕๐ ขอบคุณครับ”ผมทำจนครบจำนวน
“ลุก ที่ผู้หมวดสั่งไปไม่ได้สนใจอะไรเลยใช่ไหม”ผู้หมวดมองหน้าผม เออ ยอมรับก็ได้ครับสุดหล่อว่าผมลืมน่ะ แต่ผมไม่ได้ละเลยนะผมก็สนใจคุณอยู่ทั้งวัน แต่ผมลืมนึกว่าต้องถามชื่อคุณนี่หว่า หึ ไอ้แต่บ่นในใจครับ ตอนนี้ทำหน้าสำนึกผิดเข้าไว้เขาจะได้เห็นใจ
“เดี๋ยวผู้หมวดจะถามอีกครั้ง ให้โอกาส รอบหน้าตอบไม่ได้นี่หน้าหงาย”ผู้หมวดข่มขู่ก่อนจะเดินไปที่อื่น หมู่อาร์ตก็เดินเข้ามา
“เข้าตาแล้วละมึง ท่าทางจะอยู่ยากว่ะ หึหึหึ”เขาเดินมาหัวเราะเยาะแล้วเดินตามผู้หมวดไป ถามว่าผมสนใจไหม ก็นิดหน่อยครับ แต่ว่าผมไม่เคยกลัวอยู่แล้ว ถ้าผมผิดจริงผมยอมรับทุกกรณี แต่ถ้าผมไม่ผิดผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน เห็นบ้านนอกๆแบบนี้ มีแบ็คดีอยู่เหมือนกันนะ ฮ่าๆๆๆๆ
“ผู้หมวดชื่ออะไรวะมหา”ผมถามไอ้มหาที่นั่งทำหน้าเคร่ง
“ชื่อ ร้อยตรียุทธภูมิ สิทธิพัฒนกุล”ไอ้มหาตอบอย่างแม่นยำ นามสกุลคุ้นหูดีนะ เหมือนนามสกุลของคนรู้จักเลย
“อ่อ ชื่ออะไรนะ ขอทวนอีกครั้ง”
“ร้อยตรี ยุทธภูมิ สิทธิพัฒนกุล”มหาตวงทวนชื่อผู้หมวดอีกครั้ง
“แล้วชื่อเล่นละ”
“เมื่อวานผู้หมวดไม่ได้บอกแต่ผมได้ยินเขาพูดว่า ชื่อหมวดบูมน่ะ”
หมวดบูม บอมบ์ บูม บอมบ์บูม เออ คล้องจ้องกันดีว่ะ บอมบ์บูมๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ สัสเอ๊ยกูเพ้อแล้วเว้ย
“ยิ้มอะไรเหรอ”ไอ้มหาหันมามองหน้างง นี่กูแสดงออกทางสีหน้าขนาดนี้เลยเหรอวะ
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร ร้อยตรียุทธภูมิ สิทธิพัฒนกุล ใช่ไหม”ไอ้มหาพยักหน้า แล้วผมก็ท่องเบาๆหลายครั้งให้มันขึ้นสมองแล้วให้มันซึมไปยังขั้วหัวใจ กูไม่อยากเข้าข้างตัวเองเลยว่านี่เป็นลิขิตสวรรค์ ถุย ไอ้สัส เพ้อไปไกลแล้วมึง ฮ่าๆๆๆ
ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง.......
ปรี๊ด ให้เวลา ๕ นาทีในการอาบน้ำ
ปรี๊ด จับคนช้า ๕ นาย
ปรี๊ด ให้เวลาเก็บขัน ๑ นาที ปะแป้งหน้าขาวทุกนาย
ปรี๊ด หมดเวลา จับคนช้า ๕ นาย
เสียงนกหวีดดังขึ้นทำเอาประสาทส่วนหูผมต้องกระดิก สมองสั่งการมองหน้าซ้ายขวา ทุ่มกว่าๆเรามานั่งอยู่ที่ศาลาน้ำเพื่อฟังการอบรม ตอนนี้มองไปทางไหนก็มีแต่คนหน้าขาว ไม่ใช่ขาวเพราะครีม แต่ขาวเพราะแป้ง
สั่งตรง ทำความเคารพสิบเวรซึ่งยืนอยู่ด้านหน้า สิบเวรเนี่ยหมายถึงครูนายสิบที่เข้าเวรนะครับ เขาจะรับผิดชอบเกี่ยวกับยอดจำนวนของทหารและเรื่องอื่นๆในแต่ละวัน มาถึงสิบเวรก็ทำการแจกสมุด ปากกาครับ ให้พวกเราจดเพลง ซึ่งเป็นเพลงมาร์ช เราจะร้องไปด้วยและวิ่งไปด้วย จดเสร็จก็ร้องเพลงกัน ๒ รอบ จำเนื้อได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วปล่อยพักให้ไปเข้าห้องน้ำก่อนจะมานั่งฟังอบรมอีกทีหนึ่ง
“ตรง”เสียงดังฟังจากจากหมวด ๔ ซึ่งเป็นใครไม่รู้สั่งขึ้นมา พวกผมลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว สวัสดีครับ เสียงดัง อ่อ ผู้หมวดนั่นเอง เดินสง่าเข้ามาข้างในแล้วเข้าไปถามสิบเวร พวกผมนั่งลงอย่างเป็นระเบียบก่อนจะทวนชื่อผู้หมวดอีกครั้ง
บอมบ์บูมๆๆๆ เอ๊ยไม่ ใช่ๆร้อยตรียุทธภูมิ อุดมลักษณ์ เอ๊ย ร้อยตรียุทธภูมิ สิทธิพัฒนกุล ท่องเบาๆอยู่คนเดียวจากนั้นผู้หมวดหยิบไมค์แล้วกล่าวทักทาย คุยเรื่องอื่นๆให้ฟัง จนถึงเวลา ๓ ทุ่มครึ่งจึงได้สวดมนต์ โดยมีไอ้มหาตวงเป็นคนนำสวด เสียงตอนมันสวดมนต์มันดูขลังยังไงไม่รู้ผมขนลุกซู่เลยครับ สวดมนต์แผ่เมตตาเสร็จเราจึงได้ขึ้นนอนกัน
กางมุ้งเรียบร้อย เก็บข้าวของเรียบร้อย เสียงนกหวีดดังขึ้นยาวๆ ๓ ครั้ง กล่าวราตรีสวัสดิ์พร้อมกับไฟที่ดับมืดลง เลิกชายเสื้อขึ้นมากองแถวหน้าอกพับขากางเกงขึ้นมานิดหน่อย ทางแป้งเย็นบางๆ ทิ้งตัวลงนอน วันนี้เหนื่อย ร้อน คุยกับไอ้มหาตวงนิดหน่อยแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า
“เอ้าเฮละโล เฮโลเฮลา สาระพาเฮโล เราตื่นแต่เช้า เราออกมาวิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง ผู้หญิงไม่เกี่ยว มีเมียคนเดียว เอาไปฝากแม่ไว้ ค่อยไปหาเอาใหม่ ที่กทม. เอ้า ๑ กิโล เอ้า ๒ กิโล ไม่ไกลเท่าไหร่ เราลูกผู้ชาย ร่างกายเราอดทน อดทนละเพื่อใคร อดทนละเพื่อเมีย เมียอยู่ที่ไหน เมียอยู่ที่บ้าน เมียทำงานอะไร เมียขายกล้วยปิ้ง เราก็วิ่งทุกวัน เมียขายเต้าหู้ เราก็อู้ทุกวัน โอโอ้ น้องสาว มีแฟนหรือยัง ถ้ายังไม่มี ขอแนะนำตัวพี่ นักรบขี้เมา หุ่นก็ยียวน กวนตีนไม่เบา หน้าตาหล่อเหลา สาวๆแอบมอง รีบมาจองไว้เถอะน้อง เดี๋ยวกะเทยเอาไปกิน”
เพลงประกอบจังหวะการวิ่งดังกระหึ่ม โดยมีผู้ช่วยครูน้องนำเป็นวรรคแล้วให้พวกเราร้องตามกันเป็นท่อนๆ หยาดเหงื่อที่ไหลลงมารวมที่ซอกคอไหลอาบมาที่หน้าอก หัวใจที่เต้นเร็วขึ้นกว่าเดิม กลิ่นน้ำหอมของใครคนหนึ่งลอยเตะจมูกเข้ามาจางๆ ท่วงท่าและจังหวะการวิ่งที่ดูแข็งแกร่ง แอบมองด้วยสายตา แค่นี้ก็มีแรงฝึกแล้วล่ะครับ ฮ่าๆๆๆ
“ตักน้ำขึ้นมา ๑ ขัน”ฉึ่บ ต่างคนต่างตักมาเต็มขัน “บีบยาสีฟันใส่แปรง”ฟื้ดดดดดด “ให้แปรงฟันด้วยน้ำขันเดียว ปรี๊ด”สิ้นเสียงนกหวีดพวกเรารีบแปรงฟันกันอย่างรวดเร็ว ถูซ้าย ๓ที ขวา ๓ที ฟันหน้าอีกนิดหน่อย บ้วนปาก “ปรี๊ดหมดเวลา วางแปรงฟันลงแล้วบ้วนปากให้หมด”ใครทันก็ทันละงานนี้ ใครช้าก็ต้องตามน้ำไป
“ตักน้ำขึ้นมา ๑ ขัน”น้ำ ๑ขันทุกคนตักมาไว้ตรงหน้า ใครวางที่ขอบอ่างไม่ได้ก็ถือเอาไว้ “เทลงบนหัว”ชู่ น้ำไหลลงไปผ่านคอ หน้าอกแล้วเบื้องล่าง “ให้เวลาสระผม ๑ นาที เริ่มได้”บีบแชมพูลงบนฝ่ามือแล้วรีบสระ ผมเกาหัวไม่กี่ทีเสียงนกหวีดดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน “หมดเวลา ตักน้ำขึ้นมาแล้วล้างหัว เอาแค่ขันเดียว อย่าตักเกินกว่านี้ ใครไม่ฟังคนนั้นซวย”แล้วผมก็ตักน้ำค่อยๆราดเบาๆล้างหัวเกรียนๆ
“ตักน้ำขึ้นมาราดตัว ๒ ขันแล้วถูสบู่”คำสั่งใหม่มาอีกครั้ง ผมตักราดตัว ๒ ขันแล้วรีบถูสบู่อย่างรวดเร็ว ถูแค่หน้าอก รักแร้กับส่วนสำคัญ แปบเดียวเท่านั้น “พอๆ ล้างตัว อีก๒ ขันเท่านั้น”ชู่ว์ๆ ตัดราดช้าๆล้างคราบสบู่ออกจากร่างกายทุกส่วน ตอนนี้ผมได้แต่งง คือน้ำแม่งเต็มอ่าง จะมากระมิดกระเมี้ยนค่อยๆตักอาบทำไม ตักอาบให้มันโครมๆไปเลยสิวะ จะช่วยชาติประหยัดน้ำรึเปล่าวะ
“พอๆ ทหารใหม่ ไปแต่งตัวได้แล้ว จับคนช้า ๕ นายวิ่งรอบแถว”ผมรีบหยิบกางเกงในมาสวม ใส่กางเกงแล้วเสื้อยืดวิ่งออกมาด้านนอก เหงื่อแตกซกอีกแล้ว อาบน้ำก็เหมือนไม่ได้อาบ ไม่ต่างกันเลยสักนิด
“จะสั่งซ้าย หัน ดูนะทหารใหม่ ครูๆ มานี่หน่อย”ตอนนี้นั่งอยู่ใต้ร่มไม้ในยามสายของวัน กินข้าวปลาอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มาฝึกฝนกันต่อ ถึงแดดจะร้อนแต่เราก็มาฝึกกันที่ร่มๆ “ดูนะ ทหารใหม่ ถ้าซ้ายหัน หมุนตัว บิดสะโพกนิดหน่อย ยกส้นเท้าขึ้นไม่ต้องมากแล้วนับ ๑ จากนั้นนำมาชิดกับเท้าซ้ายแล้วนับ ๒”พอได้รับคำอธิบายพวกผมก็เริ่มจะทำตาม ทั้งวันเราอยู่กับท่าซ้ายหัน ขวาหัน กลับหลังหัน และท่าพื้นฐานอื่นๆอีกนิดหน่อย
“ตรง”เสียงดังฟังชัดจากไอ้มหาตวง ผมรีบลุกขึ้นยืนตรงเพื่อแสดงการเคารพบุคคลที่เดินผ่านมา
“ตามสบายๆ นั่งๆ”ผู้หมวดยิ้มให้ พวกผมก็นั่งลง
“มีปัญหากับผู้หมวดเหรอยักษ์”ผู้หมวดถามผมหน้าดุ คร้าบบบผ้มมมมม ผมมีปัญหาตลอดแหละครับ
“เปล่าครับ”หลบสายตาหันมองไอ้มหา
“ผู้หมวดแกหล่อเนอะ”ไอ้มหาพูดเสียงเบา
“อือ”ผมพยักหน้าไม่ได้ต่อความยาวสาวว่าวเอ๊ยสาวความยืด จะนินทาทั้งทีต้องระยะปลอดภัยครับ ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ใกล้ๆ เกิดได้ยินเข้าจะซวยเอา
“อาร์ต ผู้หมวดฝากนี่ไปคืนบิ๊กด้วยนะ เออ แล้วไหนว่าจะเอาเข็มขัดมาคืนล่ะ”
“อ่อ ลืมครับผู้หมวด เดี๋ยวประมาณสักเที่ยงๆเดี๋ยวผมเอามาให้ครับ”หมู่อาร์ตพูดหน้ายิ้มแย้ม
“อย่าลืมนะ ขี้เกียจทวงอีก เออ ทหารใหม่ มีใครใช้คอมเป็นบ้าง”คุยกับหมู่อาร์ตแล้วหันมาถามพวกผม คอมก็มีคนใช้เป็นเกือบทุกคนล่ะครับผู้หมวด ผมมองหน้าแต่ไม่กล้ายกมือ
“ไอ้ดำ ใช้คอมเป็นไหม”ผู้หมวดชี้ไปยังใครคนหนึ่งซึ่งแกตั้งชื่อให้ใหม่ว่าดำ เออ แต่มันก็ดำสมชื่อจริงๆครับ
“ไม่เป็นครับ”ไอ้ดำลุกขึ้นตอบ
“ใครเป็นยกมือขึ้น ว่าไงมหา ระดับมหาเนี่ยใช้คอมไม่เป็นก็เกินไป”
“เอ่อ ผมพอเป็นนิดหน่อยครับผู้หมวด นี่ครับ ไอ้บอมบ์ครับ มันใช้เป็น”อ้าว ไอ้เวร โยนขี้มาให้กูเลยนี่หว่า
“ไอ้ยักษ์เหรอ เออ ไอ้ยักษ์มันจบสูงนี่นา อย่าบอกนะว่าใช้คอมไม่เป็น ใช้ไม่เป็นนี่ส้นตีนเลยนะครับน้อง”ผู้หมวดทำหน้ากวนตีนใส่
“ใช้เป็นครับ”ผมตอบอย่างปฏิเสธไม่ได้
“ทำไมไม่ตอบแต่ทีแรกวะ ลีลานะมึง”หมู่อาร์ตจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่อง ลางสังหรณ์ผมว่าไม่ค่อยจะดีแล้วล่ะครับ
“เดี๋ยวตอนเที่ยงหลังจากกินข้าวเสร็จเดี๋ยวผู้หมวดจะเรียกแล้วกัน ไปละๆ”ผู้หมวดเดินไป พวกเราสั่งตรง จากนั้นก็มาฝึกกันต่อ
กว่าจะได้กินข้าวก็แทบไส้ขาด ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย นี่ขนาดว่าฝึกในร่มยังเท่านี้ ถ้ายืนตากแดดคงได้เกรียมกันเป็นแถบๆแน่เลย
“ไอ้ยักษ์ผู้หมวดเรียก”น้ำเสียงห้วนๆกระแทกใส่ ใบหน้าดูบึ้งตึงไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่นัก ผมลุกขึ้นกล่าวรับคำเบาๆ “เอาดีๆนะมึง ผู้หมวดเรียกใช้งานไม่ใช่มึงจะกวนส้นตีนเล่นเส้นเล่นสายนะมึง”ขู่สำทับสกัดดาวรุ่งเอาไว้ก่อน
“ครับ”ผมรับคำทำเป็นไม่สนใจ นี่เขาแสดงออกมาขนาดนี้แสดงว่าจะเป็นศัตรูกับผมให้ได้เลย ก็งงนะ กูไปทำอะไรให้มัน งงสัส
ก๊อกๆๆ ผมเคาะห้อง
“ใคร”เสียงดังมาจากข้างใน ตอนนี้พวกทหารใหม่อย่างพวกผมกำลังพักผ่อนรอเวลาฝึกนะครับ กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ สิบเวรสั่งให้เหยียดแข้งเหยียดขาตามสบายแต่ห้ามคุยกันเสียงดัง
“ทหารใหม่ครับ”ผมตอบแบบซื่อๆ
“รู้ว่าทหารใหม่ แต่ชื่อแซ่น่ะอะไร เคาะห้องแล้วไม่รายงานยศชื่อล่ะ เมื่อวานก็พูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ”เสียงดุครับ อ้าว ผิดกู
“กระผมพลทหาร”ยังไม่พูดชื่อเลย เสียงตะโกนจากข้างในดังขัดก่อน
“เข้ามา”เออเนอะ แล้วจะให้กูทำทำไม งงครับ
“ใครให้นั่ง”เข้าไปในห้องแอร์เย็นๆ ผมกำลังจะหย่อนตัวนั่งลง อ้าว ผิดอีกแล้วครับ ผมยืนเงียบๆอยู่ข้างโต๊ะ “พิมพ์งานให้หน่อยนะ เดี๋ยวผู้หมวดมา”ผู้หมวดชี้เอกสารบนโต๊ะแล้วเดินออกไปจากห้อง ผมเดินไปแล้วยืนก้มๆพิมพ์ตามที่ผู้หมวดสั่ง พิมพ์ไปได้แผ่นหนึ่ง ผู้หมวดก็เข้ามา ทำหน้างงใส่ผม
“ทำไมไม่นั่งล่ะ”ผมหันไปมองหน้านิดหน่อย
“ก็ผู้หมวดไม่ได้สั่ง”ผมตอบตามตรง เออ ไม่ได้สั่งให้ผมนั่งนี่นา สั่งแค่ให้ผมพิมพ์งานเท่านั้นเอง
“แค่นี้คิดเองไม่ได้เหรอ นั่งดิ”
“ครับ”ไม่ต่อปากต่อคำแต่ในใจนี่เริ่มกรุ่นๆแล้วครับ อดทนเอาไว้ ผู้บังคับบัญชานะเว้ย ถ้าทนไม่ไหวก็จับจูบเลย เอ๊ย ไม่ใช่ครับ
“ถึงไหนแล้ว”ผู้หมวดลากเก้าอี้มานั่งข้างๆชะโงกหน้ามาดูที่คอมมืออีกข้างวางที่ไหล่ผม มือไม่หยาบและไม่นิ่ม กำลังพอดีเลยว่ะ
“ได้ ๑ หน้าแล้วครับ”ผมตอบแล้วก็อ่านไปด้วยพิมพ์ไปด้วยอย่างรวดเร็ว
“เล่นกล้ามเหรอ ตัวใหญ่ชิบ”ผู้หมวดมองมาลำตัวของผม
“ครับ เล่นตั้งแต่ ม.๕ แต่ผมไม่ได้เล่นเวทอย่างเดียว ผมทำงานด้วยครับ”ผมหันไปตอบคำถามก่อนจะสนใจกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ไม่อยากจะมองหน้า เพราะใบหน้าที่ไร้เสียวเสี้ยนไม่นวลมากแต่ก็เนียน กลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นเหงื่อจางๆ น้ำเสียงที่ฟังแล้วชวนสยิวที่ข้างใบหู แบบนี้ ฆ่ากูให้ตายซะเลยดีมั้ย ทรมานกันเปล่าๆ
“ผู้หมวดผอมๆแบบนี้กล้ามมันจะขึ้นป่าววะ”ผู้หมวดบีบที่ต้นแขนของตัวเองพูดพึมพำเบาๆ ผมหันไปมองที่ต้นแขนลึกเข้าไปยันรักแร้ ความขาวที่ซ่อนอยู่ภายในทำให้สายตาผมพร่ามัว เฮ้ย เปล่าๆ ผมไม่ได้หื่น แค่หน้ามืดเฉยๆ ฮ่าๆๆๆ
“ขึ้นสิครับ เมื่อก่อนผมก็ผอมๆ ผอมกว่าผู้หมวดอีก แต่อยากกล้ามโตผมเลยกินเยอะๆ ออกแรงเยอะๆ”แต่ถ้าอยากออกแรงเบาๆแล้วเผาผลาญพลังงานเยอะๆ มาออกกับผมบนเตียงก็ได้นะคร้าบบบบบบบบบบ ฮิ้วววววววว
ตามที่เจ้สองรณรงค์ให้ใช้ไหม แทน มั้ย เจ้เมฆก็เปลี่ยนแล้ว ส่วนในเรื่องความถูกต้องด้านภาษาด้านอื่นๆ จะพยายามปรับปรุงให้ถูกหลักภาษาไทยครับ เป็นคนไทยใช้ให้ถูกต้อง จะเป็นเสน่ห์กับตัวเอง สำหรับตอนที่แล้วๆ เดี๋ยวจะไปปรับเปลี่ยนให้ครับ