กรงรัก...พันธนาการใจ
บทที่ 1
นัยน์ตาคมกริบจับจ้องมองห้องที่ว่างเปล่าไร้เงาผู้คนตรงหน้า และแม้เจ้าตัวจะยังคงนิ่งเฉย แต่คนที่อยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มนั้นย่อมรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกขุ่นเคืองมากสักเพียงใด
"คงมีใครเตือนพวกมันก่อนหน้าที่พวกเราจะมา...พวกมันเลยไหวตัวหนีได้ทันน่ะครับ"
ชายหนุ่มใส่สูทผู้มีใบหน้าคมคายดูดีไม่แพ้คนที่กำลังยืนเงียบขรึมอยู่กลางห้อง เอ่ยขึ้นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่กำลังอึมครึมในห้องนี้ให้เบาบางลง ทว่าพอได้ฟัง ร่างสูงของชายในวัยยี่สิบต้นก็หันกลับมามองแล้วขมวดคิ้วยุ่งน้อย ๆ
"นายกำลังจะบอกว่า มีหนอนบ่อนไส้ ในหมู่พวกเราอย่างนั้นหรือ..."
คนฟังโค้งศีรษะน้อย ๆ แล้วจึงเอ่ยต่อ
"ครับ...เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราพลาด...ที่สำคัญครั้งนี้มีแค่พวกผมและทาคุ กับทีมบอดี้การ์ดอีกห้าคนเท่านั้นที่รู้เรื่อง ก็เท่ากับเรามีผู้ต้องสงสัยเจ็ดคนให้สืบค้นเท่านั้น"
คนฟังเหยียดยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก ก่อนจะเปรยตามมา
"ไม่ใช่เจ็ด แต่แค่ห้าต่างหาก ...ฉันเชื่อมั่นว่านายกับทาคุจะไม่มีวันทรยศหักหลังฉันแน่"
"หึ ๆ คิดเผื่อไว้ก็ดีนะครับท่านริวยะ เพราะโลกนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้...แต่ผมก็ดีใจนะครับที่คุณไว้วางใจในตัวผมเช่นนี้"
ชายคนเดิมบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มชวนยั่วโมโห ทำให้คนฟังต้องสั่นศีรษะอย่างเอือมระอา อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่เริ่มจางลงกว่าเดิม จนคนที่อยู่ด้วยยิ้มออก สักพักชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างโปร่งบาง แต่แลดูท่าทางคล่องแคล่วทะมัดทะแมง ก็เดินเข้ามาสมทบในห้องด้วย
"ท่านริวยะครับ ที่ชั้นสามก็ไม่มีทั้งของและคนเหลือเลยครับ ดูจากสภาพในห้อง น่าจะเพิ่งรีบร้อนเก็บของหนีไปก่อนเราจะมาถึงไม่น่าจะนานนักนะครับ"
"อืม...เพราะครั้งนี้เรารู้สถานที่ก็ออกมาเลยนี่นะ ถ้ามีหนอนบ่อนไส้แฝงอยู่จริง พวกมันก็คงหนีกันไปได้หวุดหวิดพอดู"
คนฟังพึมพำ ทำให้ชายอีกคนที่อยู่ด้วยเหลือบไปมองชายหนุ่มหน้าสวยผู้มาใหม่ เจ้าตัวยกยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก แล้วจึงเดินไปหาคนที่เพิ่งเข้ามา ก่อนจะจัดแจงดึงแขนกึ่งจูงกึ่งลากให้อีกฝ่ายออกมานอกห้องด้วยกัน
"จริงสิทาคุเรื่องนั้นที่เราคุยกัน ตกลงเอาไงดีจะบอกเขาเลยดีไหม"
คำถามนั้นถูกถามด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบเพื่อไม่ต้องการให้คนในห้องรู้ตัว ทว่ากับทำให้คนที่ได้ยินขมวดคิ้วยุ่ง
"ฉันว่าฉันเคยให้คำตอบนายไปก่อนล่วงหน้านั้นแล้วนะอากิระ..."
"มันก็ใช่! แต่ถ้าไม่เสี่ยงก็คงหาตัวหนอนบ่อนไส้ไม่ได้ นายก็รู้นี่นา"
อีกฝ่ายสวนตอบทันควัน ทำให้ชายอีกคนเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะเถียงโต้กลับไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
"ถ้าเป็นฉันหรือนายที่จะเป็นตัวล่อ เรื่องนี้ฉันจะไม่มีวันค้าน แต่ต้องไม่ใช่เขา ...อากิระ นายเป็นที่ปรึกษาที่ดีมากก็จริง แต่เพื่อแผนการของตัวเองแล้ว ต่อให้ต้องมีใครต้องเสี่ยงนายก็ไม่ค่อยแคร์นักหรอก ต่อให้คนเสี่ยงนั้นเป็นเจ้านายของนายก็ตาม จริงไหมล่ะ!"
คนฟังเลิกคิ้วนิด ๆ พร้อมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจถือสาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
"หึ ๆ มากไปทาคุ ยังไงสำหรับฉันแล้วท่านริวยะก็สำคัญกับฉันมากเหมือนกันนั่นล่ะ... อีกอย่างฉันก็เคยรับปากเขาไว้แล้วว่า จะทำให้เขาขึ้นไปยืนสู่จุดสูงสุดของนักธุรกิจแถวหน้าให้ได้ ไม่ว่าจะแลกด้วยวิธีไหนก็ตาม... และฉันก็เชื่อมั่นในสายตาตัวเองว่า ฉันเลือกเจ้านายไม่ผิด...คนอย่างท่านริวยะจะต้องยิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีก และจะไม่มีวันมาดับสิ้นเพราะหนอนกระจอกตัวสองตัวแค่นี้หรอก"
ทาคุชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น แม้อยากจะโต้เถียงกลับไป แต่เขาก็ต้องยอมรับว่า ที่อีกฝ่ายนั้นพูดก็มีส่วนถูก เพราะเมื่อ มุราคามิ เซอิจิ วางมือเมื่อไหร่ ผู้นำตระกูลคนถัดไปก็ต้องเป็น มุราคามิ ริวยะ เจ้านายของพวกเขาคนนี้นั่นเอง
ในฐานะผู้นำธุรกิจตระกูลใหญ่ ที่มีเครือข่ายมากมายทั้งด้านหน้าและเบื้องหลังของญี่ปุ่น คนซึ่งเป็นผู้นำนั้นจะต้องมีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊อย่างแท้จริง มิใช่จะคอยแต่พึ่งพาความสามารถของลูกน้องไปตลอด และริวยะเองก็ถือว่าเป็นคนที่มีคุณสมบัติในฐานะผู้นำครบถ้วนคนหนึ่ง
"ฉันละเกลียดนิสัยแบบนี้ของนายจริง ๆ อากิระ...ถ้านายคิดว่าตัวเองเป็นมือขวาและมันสมองของท่านริวยะเขาล่ะก็ ช่วยคิดวิธีที่จะลากหนอนบ่อนไส้ออกมาได้ โดยไม่ทำให้เจ้านายต้องเสี่ยงมากกว่านี้จะดีกว่าไหม!"
อากิระมองคนที่ใช้สายตาเรียวสวยคมกริบนั่นตวัดใส่ตนก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องด้วยรอยยิ้มขำ เขาไม่แปลกใจเมื่อเห็นเพื่อนสนิทโมโหใส่ เพราะอีกฝ่ายนั้นจงรักภักดีกับริวยะเสียยิ่งกว่าลูกน้องคนใดของชายหนุ่มนั่นเอง
"โดนคุณพี่เลี้ยงโกรธให้อีกแล้วสินะฉัน... อืม..."
อากิระพึมพำกับตนเอง ก่อนจะลอบยิ้มน้อย ๆ เมื่อเหล่าบอดี้การ์ดทั้งห้าคนที่แยกย้ายไปตรวจตราตามห้องต่าง ๆ มารวมตัวกันตรงหน้าเขา
"เจออะไรบ้างไหม"
ชายหนุ่มถามพร้อมกับลอบสังเกตสีหน้าของแต่ละคน ที่ก็ดูเรียบเฉยไร้แววพิรุธให้จับได้
"พวกเราไม่เจออะไรเลยครับคุณอากิระ พวกมันเล่นเก็บหลักฐานสำคัญหนีไปด้วยกันจนหมด...น่าเจ็บใจจริง ๆ ดูจากสภาพแล้ว พวกมันน่าจะหนีไปก่อนหน้านั้นได้ไม่นานแน่!"
หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดรายงานด้วยความหงุดหงิด ซึ่งอากิระก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงเปรยตามมา
"ก็ไม่ใช่ว่าครั้งนี้จะมาเสียเที่ยวเสมอไปหรอกน่า..."
บอดี้การ์ดทั้งห้าคนชะงัก พลางจ้องมองคนสนิทของผู้เป็นเจ้านายนิ่ง เพราะต่างก็อยากรู้ว่าเหตุใดอากิระจึงได้พูดเช่นนั้น
"...จริง ๆ ครั้งนี้เราก็ค่อนข้างจะโชคดีไม่น้อยเลยล่ะ เพราะฉันกับท่านริวยะรื้อหาจนเจอหลักฐานบางอย่าง ที่จะบ่งชี้ได้ว่าทำไมพวกมันถึงได้หนีไปได้ทันก่อนที่พวกเราจะบุกเข้ามา"
บอดี้การ์ดทั้งห้าต่างพากันชะงักแล้วสบตากันไปมา ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเอ่ยถามออกไปอย่างสงสัย
"หลักฐานหรือครับ...มันคืออะไรหรือครับ"
"อืม...ฉันก็อยากจะบอกพวกนายหรอกนะ แต่เรื่องนี้ท่านริวยะสั่งห้ามไว้ ว่าไม่ให้ปริปากบอกใครจนกว่าจะพิสูจน์ได้แน่ชัดน่ะ"
คนฟังแต่ละคนพอได้ยินคำตอบพวกเขาก็พากันขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความสงสัย แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงพยักหน้าตอบรับในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะสะดุ้งโหยงไปตาม ๆ กัน เมื่อได้ยินเสียงกระแอมจากใครบางคนที่เดินเงียบ ๆ ออกมาจากห้อง
"...เรียบร้อยแล้วใช่ไหม ฉันจะได้กลับไปตรวจสอบหลักฐานที่เจอนี่สักที...คราวนี้ล่ะจะได้รู้กันเสียทีว่า ทำไมเจ้าพวกนั้นถึงได้หนีกันได้หวุดหวิดไปเสียทุกครั้งล่ะนะ...จริงไหม อากิระ"
อากิระชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มกึ่งขำ ให้กับคนที่ทำสีหน้าเอือมระอา เขามั่นใจว่าริวยะคงได้ยินบทสนทนาของเขาเมื่อครู่นี้ แล้วก็รู้ด้วยตนเองทันทีว่า เขากำลังใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ โดยใช้ตัวริวยะเป็นเหยื่อล่อนั่นเอง
"ท่านริวยะครับ ผมว่า..."
ทาคุเตรียมตัวจะแย้ง หากแต่ก็ถูกอีกฝ่ายยกมือเป็นสัญญาณให้เงียบลงเสียก่อน ส่วนบอดี้การ์ดทั้งห้าต่างพากันจ้องมองผู้เป็นเจ้านายอย่างนึกสงสัย ว่าหลักฐานที่เจ้าตัวพูดถึงนั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งใดกันแน่
"นายไม่ต้องเป็นห่วงฉันนักหรอกน่าทาคุ ฉันดูแลตัวเองได้...นายกับอากิระ เอาคนของเราแยกกันไปตระเวนตามหาพวกมันแถวนี้สักพัก เผื่อมันจะย้อนกลับมาที่นี่ ...ส่วนฉันจะเอาหลักฐานที่ได้มากลับที่พักคนเดียวเอง..."
"อ๊ะ! ถ้าอย่างนั้นผมจะตามท่านริวยะกลับไปด้วยกันเองครับ คุณทาคุเองจะได้ไม่ต้องกังวลด้วย รับรองได้เลยว่าผมจะดูแลความปลอดภัยของท่านริวยะด้วยชีวิตตัวเองเลยครับ!"
ยังไม่ทันที่ริวยะจะพูดจบดี หัวหน้าบอดี้การ์ดกลุ่มอารักขาก็รีบเสนอตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำให้อากิระ ริวยะรวมไปถึงทาคุชะงักเล็กน้อย ทว่าทั้งสามก็ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิมจนไม่มีใครในที่นั้นจับผิดสังเกตได้
"อืม...ก็ดีเหมือนกันนะครับ มีคุณโกโต้ไปด้วย ผมเองก็ค่อนข้างหมดห่วง....นายว่างั้นไหมทาคุ"
ทาคุนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แล้วจึงพยักหน้าค่อย ๆ ตามมา ก่อนจะหันไปทางชายหนุ่มอีกคน
"ระวังตัวด้วยนะครับท่านริวยะ"
"อืม..." อีกฝ่ายรับคำสั้น ๆ อย่างไม่มีทีท่าวิตกกังวลแต่อย่างใด ทำให้ทาคุหันไปลอบถอนหายใจ ส่วนอากิระนั้นลอบยิ้มกับตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะทำเป็นชะงักเมื่อเจ้านายหนุ่มเดินผ่าน
"อ๊ะ...เดี๋ยวครับท่านริวยะ"
"หือ?"
ริวยะหันกลับมามอง ซึ่งอากิระก็ยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้และจับเนคไทของอีกฝ่ายขยับนิด ๆ
"เนคไทเบี้ยวน่ะครับ ...เอาล่ะ เรียบร้อยแล้วครับ"
"หึ...ขอบใจ"
ริวยะยกยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก จากนั้นจึงเดินไปต่อโดยไม่หันหลังกลับมองใครจนกระทั่งลับตาของคนที่เหลือ
"เอาล่ะ ...งั้นพวกเราที่เหลือก็เตรียมตัวสะกดรอยกันเถอะ"
อากิระหันมาบอกกับคนอื่น ๆ ซึ่งก็พากันงุนงงเมื่อได้ยิน
"สะกดรอยอะไรหรือครับ"
หนึ่งในทีมบอดี้การ์ดถามกับชายหนุ่มด้วยความสงสัย ซึ่งอากิระนั้นก็หันมายิ้มให้กับคนถาม แล้วบอกกับเจ้าตัว
"ก็สะกดรอยตามพวกศัตรูของเรายังไงล่ะ...อ้อ แต่ก็ต้องจับตัวปล่อยข่าวให้ได้คาหนังคาเขาเสียก่อนล่ะนะ"
ทั้งสี่มีสีหน้างุนงง ซึ่งนั่นก็สร้างความพอใจให้กับคนที่ลอบสังเกตอยู่ยิ่งนัก
"ถ้าฉันบอกว่า ฉันสงสัยว่าหนอนบ่อนไส้จะซ่อนอยู่ในกลุ่มพวกนายแล้วพวกนายจะว่ายังไงล่ะ"
คนทั้งสี่ต่างพากันสะดุ้งโหยง แล้วรีบปฏิเสธกันยกใหญ่
"ไม่ใช่ผมนะครับ! สาบานได้เลย! แล้วก็ไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น ผมเชื่อว่าพวกเราทีมบอดี้การ์ดทุกคน ไม่มีใครกล้าทรยศท่านริวยะได้หรอกครับ!"
ชายคนหนึ่งที่ดูอาวุโสกว่าอีกสามคนพูดขึ้นด้วยสีหน้าและแววตาจริงจัง ซึ่งอากิระกับทาคุก็สบตากัน แล้วอากิระจึงเป็นฝ่ายพูดเปรยขึ้นแทน
"พวกนายรู้ไหม ว่าหลักฐานที่ฉันกับท่านริวยะนั้นเจอคืออะไร"
แต่ละคนพากันสบตาแล้วต่างหันมามองคนถาม ก่อนจะสั่นหน้าไปตาม ๆ กัน
"หึ ๆ สิ่งที่ฉันเจอนั่น จริง ๆ แล้วก็คือมือถือเครื่องนึงในหมู่เจ้าพวกนั้น ที่ทำตกไว้ระหว่างหนี...และบังเอิญมือถือเครื่องนั้นกลับมีเบอร์ที่แสนคุ้นเคยของใครบางคนที่ฉันรู้จักโชว์อยู่ในเครื่องนั่นเสียได้...พวกนายอยากรู้ไหมล่ะว่า มันเป็นเบอร์ของใคร"
อากิระเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น และใช้แววตาคมกริบกวาดไปยังคนทั้งสี่ที่พากันกลืนน้ำลายลงคออย่างลืมตัว ทว่าพวกเขายังคงจ้องมองตอบกลับไปอย่างไม่หวั่นไหวเพื่อแสดงให้ถึงความบริสุทธิ์ใจของพวกตน
"อืม...ถ้าใครอยากสารภาพผิดก็รีบพูดมาแล้วกัน เพราะถ้าฉันใช้เบอร์ที่ได้กดโทรออก แล้วเกิดเสียงมือถือดังขึ้นที่เครื่องใครล่ะก็...ฉันจะไม่ให้โอกาสกับคนนั้นอีกแล้วล่ะนะ"
อากิระบอกพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมา เขากวาดสายตามองบอดี้การ์ดแต่ละคนพร้อมกับมือที่กดปุ่มทีละปุ่ม จนกระทั่งค้างนิ้วเอาไว้ที่ปุ่มกดส่ง
"ฉันจะให้โอกาสอีกครั้ง...ใครที่เป็นหนอนบ่อนไส้ สารภาพมาซะ แล้วฉันจะเว้นโทษตายให้"
ทั้งสี่คนกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง แต่ก็ต่างยืนนิ่งเงียบกริบ ซึ่งก็ทำให้อากิระนั้นยกยิ้มที่มุมปากแล้วจึงหันไปทางคนที่อยู่ใกล้ ๆ
"ทาคุ...ฝากด้วยนะ"
คนหน้าสวยพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ แล้วหยิบปืนขึ้นมาส่องด้านหน้า เหนี่ยวไกรอ ทำเอาทั้งสี่หน้าซีดเผือด แต่ก็ไม่มีใครขยับหรือพูดจาใด ๆ จนกระทั่งอากิระนั้นยกมือถือหันจอให้ทั้งสี่ดู นิ้วที่จ่อรอเตรียมกดที่ปุ่มโทรให้พวกเขาเห็น ทั้งสี่ยืนเหงื่อตกกำมือแน่น และเมื่ออากิระกดปุ่มลงไป พวกเขาก็พากันลุ้นระทึกว่า เสียงโทรศัพท์นั้นจะดังขึ้นที่ใครกันแน่
"หึ ๆ ลุ้นกันน่าดูเลยเนอะทาคุ..."
อากิระบอกกับเพื่อนสนิท ซึ่งอีกฝ่ายก็ลดปืนลง แล้วบอกกับทั้งสี่
"ฉันดีใจนะ ที่ไม่มีคนทรยศในหมู่ของพวกนายทุกคน"
"อื้อ! ฉันก็ดีใจเหมือนกัน...อ๊ะ รับแล้ว ชู่ว! ทุกคนเงียบ ๆ นะ"
อากิระใช้นิ้วมือจ่อริมฝีปากในขณะที่เหล่าบอดี้การ์ดกำลังตั้งคำถาม ทำให้ทุกคนชะงักแล้วพากันจ้องมองว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังคุยกับใครกัน
"ท่านริวยะหรือครับ! ทางผมกับทาคุเคลียร์พื้นที่แถวนี้เรียบร้อยแล้วนะครับ ...ไว้สักพักผมจะตามไปสมทบที่นั่นนะครับ...พอดีได้หลักฐานใหม่เพิ่มเติมด้วย ลองได้ไปรวมกับหลักฐานที่คุณมี คราวนี้ล่ะครับ พวกเราคงจะได้รับคำตอบที่สงสัยกันสักที!"
คนพูดเน้นเสียงดังฟังชัด และเมื่อริวยะวางสายไป บอดี้การ์ดทั้งสี่ต่างก็จ้องมองคนสนิทของผู้เป็นเจ้านายด้วยสายตาตั้งคำถาม ทำให้อากิระนั้นอมยิ้มนิด ๆ แล้วจึงบอกกับทุกคนตามตรง
"จริง ๆ แล้วเรื่องเบอร์โทรที่ว่านั่นเป็นเรื่องแต่งขึ้นน่ะ...ฉันก็แค่อยากพิสูจน์ว่าพวกนายจะมีใครเป็นหนอนบ่อนไส้คนที่สองหรือสามหรือทั้งหมดไหมล่ะนะ..."
ทั้งสี่คนพอได้ยินที่อีกฝ่ายพูดมาก็พากันถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกด้วยความลืมตัว ทว่าสักพักก็มีหนึ่งในนั้นนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ แล้วจึงตัดสินใจถามคนตรงหน้าออกไป
"เอ่อ...แล้วเรื่องหลักฐานที่ท่านริวยะนำกลับไปด้วยนั่นล่ะครับ เป็นของจริงหรือเป็นเรื่องแต่งขึ้นด้วยหรือเปล่า"
อากิระหันไปมองคนตั้งคำถาม เขายกยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ ก่อนเอ่ยตอบ
"ถ้าสมมุติว่านั่นเป็นหลักฐานจริง ๆ แล้วตัวนายเป็นสายให้กับศัตรูของพวกเรา...และเกิดหลักฐานนั่นสามารถบ่งบอกตัวตนที่แท้จริงของนายให้พวกเราได้รับรู้...เป็นนายจะทำยังไงหากท่านริวยะแยกไปพร้อมหลักฐานคนเดียวแบบนั้นน่ะ"
ทั้งสี่พากันชะงักนิ่ง ก่อนจะตาเบิกค้างตามมา เมื่อนึกถึงอาการร้อนรนผิดเคยของหัวหน้าตนที่อาสาตามผู้เป็นเจ้านายกลับที่พักด้วยกันก่อนหน้านั้น
"หรือว่าหัวหน้าโกโต้...ไม่จริงน่า...เขารับใช้ท่านริวยะมาตั้งหลายปีเชียวนะ!"
"หึ...ฉันก็ไม่ได้ฟันธงว่าเขาจะเป็นหนอนบ่อนไส้ตัวจริงเสียหน่อยนี่นะ...และสำหรับเรื่องนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ท่านริวยะได้ตรวจสอบด้วยตัวเขาเองดีกว่า หากคุณโกโต้เป็นหนอนตัวจริง ท่านริวยะก็คงมีวิธีกระชากหน้ากากจอมปลอมที่เสแสร้งทำเป็นจงรักภักดีนั่นออกมาได้เองนั่นล่ะ"
ทาคุเหลือบมองเพื่อนสนิทอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก ก่อนจะเปรยขึ้นบ้างหลังจากที่อากิระพูดจบ
"ฉันรู้นะว่าเมื่อครู่นี้นายไม่ได้แค่จะจัดเนคไทของท่านริวยะเฉย ๆ ถ้านายเตรียมเครื่องมือเอาไว้ล่วงหน้าขนาดนั้น...นายคงจะรับประกันความปลอดภัยของท่านริวยะได้ระดับหนึ่งใช่ไหม"
อากิระหันมามองเพื่อนของเขา แล้วยักไหล่นิด ๆ แต่ก็ยังคงยิ้มให้อย่างถูกใจที่เห็นทาคุรู้เท่าทันการกระทำของตนได้เช่นเดียวกัน
"ไม่ต้องห่วงน่า ...ลองเป้าหมายร้อนรนแสดงตัวเองขนาดนี้ อีกเดี๋ยวท่านริวยะก็คงไล่ต้อนให้เผยตัวได้เอง...พวกเราก็ตามไปคอยอารักขาห่าง ๆ ไว้ท่านริวยะให้สัญญาณกลับมาเมื่อไหร่ ค่อยบุกจับตัวหมอนั่นทีหลัง"
อากิระพูดจบก็หันไปนัดแนะกับอีกสี่คน เขาแบ่งทีมบอดี้การ์ดเป็นอย่างละสอง ให้ตามเขาและทาคุไปที่รถยนต์ทีมละคัน ซึ่งบอดี้การ์ดที่แยกไปกับทาคุนั้นเหลือบมองรถที่ขับนำไปก่อน แล้วจึงเอ่ยถามคนหน้าสวยที่นั่งนิ่งเงียบอยู่เบาะหลังด้วยความสงสัย
"ดูคุณอากิระจะมั่นใจ ว่าหัวหน้าโกโต้เป็นสายให้เจ้าพวกนั้นมากเลยนะครับคุณทาคุ"
ทาคุมองสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลังรถ แล้วจึงเปรยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"อากิระสงสัยคุณโกโต้มาได้สักพักแล้ว แต่เขาเห็นว่าคุณโกโต้เป็นคนเก่าคนแก่ของท่านริวยะ เลยยังไม่กล้าวู่วามตั้งข้อสงสัยอะไรออกไป...แต่ก็คิดวางแผนจะจับให้มั่นคั้นให้ตายอยู่ตลอด ...จริง ๆ แผนการจู่โจมในวันนี้ ก็เพื่อเป็นการพิสูจน์ดูว่าเขาน่ะคิดถูกไหม...เพราะฉะนั้นเมื่อกลางวันนี้จึงได้มีการเรียกประชุมด่วนเฉพาะทีมของพวกนายเท่านั้นยังไงล่ะ เพราะอากิระเขาไม่แน่ใจว่า คุณโกโต้เป็นสายให้ศัตรูเราคนเดียว หรือมีพวกนายใครคนใดคนหนึ่งร่วมมือด้วยหรือไม่กันแน่"
คนฟังทั้งสองนิ่งอึ้ง ก่อนจะหลุดพึมพำออกมาเมื่อนึกถึงหัวหน้าที่ทำงานร่วมกันมาหลายปี
"แต่ผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับว่าหัวหน้าโกโต้จะทรยศท่านริวยะได้แบบนี้"
ทาคุเหลือบมองคนพูดอีกครั้ง แล้วจึงเปรยตอบด้วยใบหน้าเฉยชาดุจเดิม
"คนเราต่างคนต่างความคิด... แต่ไม่ว่าใครจะมีเหตุผลอะไร สำหรับฉันแล้ว จะไม่มีที่ยืนในตระกูลมุราคามิ ให้กับคนที่ทรยศท่านริวยะอย่างแน่นอน"
ท้ายประโยคใบหน้าสวยนั้นยิ่งดูเย็นชาเป็นเท่าตัว จนคนถามถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดหวั่น แล้วก็พากันเงียบไป บอดี้การ์ดทั้งสองต่างนึกสยองแทนโกโต้ หากอีกฝ่ายโดนจับได้ และตัวโกโต้นั้นเกิดเป็นสายลับสองหน้าเข้าให้จริง ๆ
ทางด้านริวยะหลังจากวางสายไปแล้ว ชายหนุ่มก็ยิ้มน้อย ๆ กับมือถือของตน แล้วจึงนั่งนิ่งเฉยโดยทำเป็นไม่ใส่ใจคนขับที่ทำตาหลุกหลิกเหลือบมองตนจากกระจกส่องด้านหลังเป็นระยะ
"เอ่อ...ท่านริวยะครับ เมื่อครู่นี้คุณอากิระโทรมาว่าได้หลักฐานเพิ่มเติมหรือครับ"
"หือ...อืม...ก็ประมาณนั้น ไว้ถ้าเขาเอาของที่ว่ามารวมกับของที่ฉันมีทีหลัง คราวนี้พวกเราก็คงจะได้รู้กันสักที ว่าทำไมพวกเราถึงได้พลาดแล้วพลาดอีกแบบนี้เสมอ"
คนฟังกลืนน้ำลายลงคอ เจ้าตัวแสร้งทำเป็นยิ้มแล้วเอ่ยตอบกลับไป
"นั่นสิครับ จะได้รู้สักทีว่าใครเป็นสายคอยรายงานข่าวให้กับเจ้าพวกนั้นสักที"
ริวยะยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก ก่อนจะเปรยขึ้นเรียบ ๆ
"นั่นสินะ...แต่ฉันบอกนายแล้วหรือโกโต้ ว่าฉันสงสัยเรื่องที่ว่าพวกเราอาจจะมีสายของศัตรูแฝงตัวอยู่ในกลุ่มด้วยน่ะ"
หัวหน้าบอดี้การ์ดสะดุ้งเฮือก ก่อนจะแสร้งทำเป็นยิ้มแล้วแก้ตัวกลบเกลื่อนทันที
"ผมเดาเอาน่ะครับ! ก็พวกเราพลาดกันหวุดหวิดบ่อยครั้ง ผมก็เลยคิดว่า งานนี้อาจจะมีสายอยู่ในกลุ่มพวกเราก็เป็นได้"
ริวยะซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้า ชายหนุ่มทำเสียงฮึมฮัมในลำคอ แล้วจึงเปรยขึ้นเรียบ ๆ
"อืม...ที่นายพูดเองก็มีเหตุผลดีนะ ...จริงสิโกโต้ นายคิดว่าในหมู่พวกเรา ใครกันที่จะมีสิทธิ์เป็นสายลับได้มากที่สุดน่ะ"
บอดี้การ์ดวัยกลางคนสะดุ้งนิด ๆ ก่อนจะเผลอยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของผู้เป็นนาย เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าริวยะนั้นไม่ได้คิดสงสัยในตัวของเขานั่นเอง
"อืม...ถ้าไม่นับผมกับคุณทาคุที่อยู่กับคุณมานานแล้ว พวกลูกน้องอีกสี่คนของผมก็อาจจะมีสิทธิ์เป็นสายให้ศัตรูได้ทั้งนั้น...เอ่อ...แล้วก็ยังมีอีกคนที่ดูน่าสงสัยเหมือนกัน...แต่ว่า..."
ริวยะเลิกคิ้วนิด ๆ แล้วจึงเอ่ยถึงชื่อบางคนที่อีกฝ่ายไม่กล้าพูดถึง
"นายจะหมายถึงอากิระอย่างนั้นน่ะหรือ...หึ ทำไมถึงคิดว่าหมอนั่นจะเป็นคนทรยศได้ล่ะ"
โกโต้เหลือบมองสีหน้าของคนพูด เมื่อเห็นว่าริวยะนั้นดูไม่ขุ่นเคือง หนำซ้ำยังดูแย้มยิ้มอารมณ์ดีผิดเคย เจ้าตัวจึงรีบบอกออกไป
"ก็เพราะคุณอากิระเพิ่งมาอยู่กับท่านริวยะได้แค่สามปี...มิหนำซ้ำเวลาแสดงความเห็นอะไรก็มักจะขัดแย้งกับท่านริวยะอยู่บ่อย ๆ ...บางทีก็หายตัวไประหว่างที่ต้องคอยอารักขาท่าน...ผมว่าเขาก็ดูน่าสงสัยไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวนะครับ"
ริวยะซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้า ก่อนจะแสร้งทำเป็นตีหน้าเคร่งขรึมแทน
"อาจจะเป็นอากิระก็ได้อย่างนั้นหรือ...แต่ถ้าเป็นเขา ทำไมเขาถึงต้องรายงานเรื่องหลักฐานอีกชิ้นให้ฉันรู้เมื่อครู่ด้วยล่ะ"
คนขับรถชะงักเจ้าตัวมีสีหน้าครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะรีบเอ่ยตามมาอย่างร้อนรน
"ผมว่าเขาอาจจะใช้อุบายหลอกท่านว่าเจอหลักฐานอีกชิ้น เพื่อจะให้ท่านนำหลักฐานที่ท่านมีมอบให้เขา แล้วจะได้นำมันไปทำลายในภายหลังก็ได้นะครับ"
ริวยะเลิกคิ้วนิด ๆ แล้วจึงทำเสียงฮึมฮัมในลำคอเบา ๆ
"อืม...มันก็อาจจะเป็นไปได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะเอาหลักฐานที่ว่าเก็บไว้กับตัวก่อน...แล้วพรุ่งนี้ฉันจะเรียกประชุมพรรคพวกของเราทั้งหมด...จากนั้นฉันก็จะโชว์หลักฐานที่ได้มา แล้วให้ทุกคนช่วยกันวิเคราะห์ ...ฉันเชื่อว่า ด้วยศักยภาพของหัวหน้าสาขาแต่ละแห่งขององค์กรเรา รับรองว่าจะต้องลากตัวคนร้ายออกมาได้ภายในวันนั้นเป็นแน่"
คนฟังกลืนน้ำลายลงคอ เจ้าตัวเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นในที่สุด
"เอ่อ...ท่านริวยะครับ ถ้ายังไงผมขอดูหลักฐานที่ว่านั่นสักหน่อยได้ไหมครับ ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าหลักฐานอะไรกัน ถึงสามารถมัดตัวสายของเราได้แน่นอนเช่นนั้น"
ริวยะยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก ก่อนจะเอ่ยตอบอีกฝ่าย
"ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่ไว้ใจนายหรอกนะโกโต้...แต่ขนาดมือขวาของฉันอย่างอากิระ ก็ยังมีสิทธิ์เป็นผู้ต้องสงสัยได้...ฉันก็เลยตั้งใจว่าจะเก็บมันเอาไว้กับตัวจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้นั่นล่ะ อ้อ...นายไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันรับรองว่า มันจะใช้มัดตัวหนอนบ่อนไส้ตัวนี้ให้ดิ้นไม่หลุดได้แน่... หึ ๆ"
หัวหน้าบอดี้การ์ดวัยกลางคนนิ่งเงียบรับฟัง แต่ก็ยังเผลอกลืนน้ำลายลงคอ และมือสั่นให้คนนั่งด้านหลังสังเกตเห็นได้ ยิ่งขับรถมาใกล้เขตคฤหาสนต์ส่วนตัวของริวยะ โกโต้ก็ยิ่งมีเหงื่อซึมตามใบหน้าให้เห็น จนกระทั่งในที่สุด เจ้าตัวก็ตัดสินใจเลี้ยวไปทางฝั่งตรงข้าม แล้วขับห่างออกไป
"หือ...ผิดทางแล้วไม่ใช่หรือโกโต้ แยกเมื่อครู่ต้องเลี้ยวขวาไม่ใช่หรือ"
"เอ่อ...ครับ แต่ทางซ้ายเป็นทางลัดน่ะครับ พอดีผมเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เอง"
โกโต้แก้ตัวกลับไป ซึ่งริวยะก็ยักไหล่ แล้วจึงเปรยตอบเนือย ๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก
"อืม...อย่างนั้นหรอกหรือ งั้นก็แล้วแต่นายจะพาไปแล้วกัน ถ้าใกล้กว่าเดิมก็ยิ่งดี ฉันจะได้เอาเจ้าหลักฐานของร้อนนี่ไปเก็บไว้ในเซฟที่ห้องนอนฉัน ...เพราะที่นั่นมันปลอดภัยที่สุดในบ้าน นายว่าจริงไหม"
โกโต้ฝืนยิ้มตอบผ่านกระจกมองหลังรถ เจ้าตัวยิ่งเครียดหนัก เพราะหากหลักฐานถูกเก็บไว้ในนั้น ก็ย่อมไม่มีใครเข้าไปเอาได้ นอกจากตัวริวยะเองเท่านั้น
"นี่โกโต้...ดูเหมือนทางลัดของนายกำลังจะพาฉันออกห่างจากบ้านตัวเองไปมากกว่านะนั่น"
ริวยะมองป้ายบอกทางบนถนนที่แสดงให้เห็นว่ากำลังมุ่งไปคนละทิศกับบ้านพักของตนแล้วเอ่ยทักขึ้นมาเสียงเรียบ ทำให้โกโต้ชะงักก่อนจะรีบหันกลับไปแก้ตัว
"มะ..มันเป็นทางลัดจริง ๆ นะครับ...อ๊ะ! เหวอ!"
บอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่ร้องเสียงหลง เมื่อจู่ ๆ รถยนต์สีดำคันหนึ่งก็แล่นมาปราดหน้าของตน ซึ่งคนที่นั่งเบาะหลังในรถคันนั้นก็รีบเปิดประตูลงมายืน พร้อมกับจ้องปืนมายังรถคันที่ริวยะนั่งอยู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
"รู้สึกว่าคุณจะขับรถออกนอกเส้นทางไปหน่อยนะคุณโกโต้..."
"คุณอากิระ! ...พวกนาย!"
โกโต้หลุดโพล่งออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นลูกน้องกับอากิระลงมาถือปืนจ้องใส่เขา เหลือบไปมองริวยะก็เห็นอีกฝ่ายนั่งนิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวอย่างน่าประหลาดใจ
"หรือว่าท่านกับพวกนั้นรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว!"
โกโต้ชะงักก่อนจะคิดขึ้นได้ เจ้าตัวกัดฟันกรอดพร้อมกับหยิบปืนขึ้นมาแล้วยกจ่อไปที่หน้าของริวยะที่นั่งอยู่ด้านหลัง
"อย่าเข้ามานะโว้ย! ไม่งั้นฉันยิงเขาหัวกระจุยแน่!"
โกโต้ตะโกนบอกกับคนนอกรถ ทำให้อากิระและอีกสองคนชะงัก อาศัยจังหวะที่คนบนถนนเผลอ บอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่ก็ถอยรถไปด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะหักเลี้ยวรถแล้วขับหายเข้าไปในซอยเล็ก ๆ แถวนั้นแทน เพราะตรงถนนใหญ่มีรถของพวกอากิระจอดขวางอยู่ และนั่นก็ทำให้ทาคุซึ่งอยู่ในรถอีกคันและขับตามไล่หลังมาเห็นภาพนั้นพอดี ถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิดแกมโมโห แต่ก็ยังคงสั่งให้คนขับตามจี้ติดรถของริวยะไปในทันที
...
...