บทที่ 14
ยูคิลงมาเดินเล่นในสวน ดูไม้ใบเขียวร่มรื่น และปลาว่ายในธารน้ำใสอย่างเพลิดเพลินตา ก่อนจะสะดุดกับร่างสูงที่ยืนนิ่งเหม่อมองต้นไม้เบื้องหน้าคล้ายกำลังใช้ความคิดบางอย่าง เด็กหนุ่มนิ่งชะงักฝีเท้า เขาถอยหลังเตรียมเดินหลบไปเพราะเกรงใจไม่อยากรบกวน ทว่ากลับเผลอเหยียบเอาเศษใบไม้แถวนั้นจนทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์รู้สึกตัว
"ใคร! ..."
ริวยะค้างคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อได้เห็นเด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบเต็มยศของโรงเรียนเอกชนยามิคุระอย่างเต็มตา
"เอ่อ...ขอโทษนะครับคุณริวยะ ที่รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ"
ยูคิบอกแล้วโค้งให้อย่างรู้สึกผิด ทว่าชายหนุ่มนั้นกลับแย้มยิ้มน้อย ๆ ให้แทน
"ถ้าเป็นเธอก็ไม่เป็นไร...ไหน มาให้ฉันเห็นชัด ๆ ซิ"
ท้ายประโยคนั้นออกคำสั่งกลาย ๆ ทำให้คนฟังต้องลอบถอนหายใจ แล้วจึงเดินเข้ามาใกล้ให้ชายหนุ่มพิจารณาตัวเองใกล้ ๆ
"เหมาะจริง ๆ นั่นล่ะ"
ริวยะพึมพำอย่างพึงพอใจ แล้วจึงเลิกคิ้วนิด ๆ เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงระเรื่อเรื่อย ๆ แล้วพยายามเบือนหน้าหลบไปทางอื่น
"เป็นอะไรไป"
ชายหนุ่มถามออกไปตามตรง ทำให้คนฟังสะดุ้ง ก่อนจะอุบอิบตอบปฏิเสธกลับไปค่อย ๆ
"คือ...ไม่มีอะไร...หรอกครับ"
ยูคิบอกแล้วเหลือบมองชุดยูกาตะสีดำของอีกฝ่ายที่สวมใส่ทับร่างสูงนั้นไว้หลวม ๆ จนเผยให้เห็นแผงอกกำยำล่ำสันชวนมองนั่น
"หือ...อ้อ..."
ริวยะที่สังเกตเห็นสายตาของอีกฝ่ายลอบยิ้มอย่างยินดี เพราะดูจากปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มแล้วแสดงให้เห็นว่า อีกไม่ช้าเขาคงจะได้รับฟังคำตอบรับรักของอีกฝ่ายในเร็ว ๆ นี้เป็นแน่
"นี่รู้ไหม...ว่าข้างในนี่น่ะ ไม่ได้ใส่อะไรเลยล่ะนะ"
ชายหนุ่มบอกพร้อมแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ และนั่นก็ทำให้คนฟังหน้าแดงก่ำ พร้อมกับหันมามองคนพูดอย่างตกใจ
"ก็เห็นเธอจ้องเอา ๆ คล้ายอยากรู้ ฉันก็เลยบอกให้รู้ยังไงล่ะ"
คำพูดของริวยะทำเอายูคิแทบอยากจะมุดแทรกแผ่นดินหนีด้วยความอาย ส่วนชายหนุ่มก็ลอบยิ้มอย่างนึกเอ็นดู ก่อนจะเดินเข้าไปชิดร่างเล็ก พร้อมกับใช้มือเชยคางคนหน้าแดงให้ขึ้นมาสบตาเขา ทางด้านยูคินั้นชะงักนิด ๆ ก่อนจะหลุบตาหลบลงไม่กล้าสบกับแววตาคมกริบของอีกฝ่าย
"ยูคิ...ทำไมยิ่งนับวัน เธอถึงยิ่งน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ กันนะ"
ยูคิหน้าร้อนวูบวาบ ใบหน้านั้นแดงเข้มและแดงขึ้นเรื่อย ๆ จนลามไปถึงใบหูและลำคอของเจ้าตัว จนริวยะอมยิ้มแล้วโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากบางนั่นแผ่วเบา
"รีบ ๆ รับรักฉันเถอะนะยูคิ...ก่อนที่ฉันจะอดทนไม่ไหวแล้วเผลอกอดเธอเข้า ...ฉันไม่อยากทำให้เธอเสียใจ ฉันต้องการให้เราทั้งคู่มีความสุขด้วยกันมากกว่า"
คำสารภาพแสนจริงใจนั่น ทำให้คนฟังทั้งตกตะลึงและซาบซึ้งตื้นตันไปในคราเดียวกัน ...และนั่นมันทำให้เขาตระหนักได้ว่า ด้วยฐานะและสถานภาพที่ริวยะเป็นอยู่ตอนนี้ ชายหนุ่มนั้นสามารถบังคับฝืนใจให้เขาเป็นของตนเองได้โดยไม่ยากนัก หากแต่ริวยะกลับเลือกที่จะรอคอยให้เขาเป็นฝ่ายตอบรับรักทั้งที่ไม่จำเป็น
"ขอบคุณนะครับ...ที่คิดถึงความรู้สึกของผมแบบนี้"
ยูคิแย้มยิ้มหวานส่งให้ และนั่นก็ทำให้คนมองอดใจไม่ไหว จนต้องโน้มใบหน้าลงมาแนบชิดและลิ้มชิมรสริมฝีปากบางนั่นอีกครั้ง จนกระทั่งพอใจ และจึงยอมปล่อยให้คนตัวเล็กเป็นอิสระในที่สุด
"ไปเตรียมตัวที่ห้องของเธอก่อนแล้วกัน...ขืนอยู่กันสองต่อสองนานกว่านี้ ฉันคงได้ควบคุมตัวเองไม่ไหวจริง ๆ เป็นแน่"
ริวยะบอกพร้อมรอยยิ้ม ทว่าคำพูดนั้นกลับทำให้คนฟังสะดุ้ง หน้าแดงก่ำ แล้วรีบโค้งลาวิ่งตรงกลับเข้าห้องทันที โดยมีร่างสูงไล่มองตามหลังไปด้วยใบหน้าอ่อนโยน เสียจนเลขาคนสนิทที่เผอิญผ่านมาเห็นฉากสวีทหวานระหว่างทั้งคู่ได้พักใหญ่ เริ่มนึกลังเลว่าจะตรงเข้าไปพูดคุยธุระกับเจ้านายในตอนนี้ หรือถอยฉากไปตั้งหลักสักพักก่อนดี...เพราะเขาเกรงว่าหากริวยะนั้นเกิดรู้ว่าเขาแอบดูฉากหวาน ๆ กับเด็กหนุ่มสุดที่รักของเจ้าตัวอยู่ตลอดล่ะก็ ต่อให้เขาไม่ได้พูดล้อเลียนอะไรออกไป ชายหนุ่มก็น่าจะยังคงเขินจนเกิดกลายเป็นความหงุดหงิด แล้วพาลอารมณ์เสียใส่เขาเข้าให้โดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้
"มายืนทำอะไรตรงนั้นน่ะอากิระ"
เสียงทุ้มจากข้างหลังดังขึ้น ทำให้คนที่แอบอยู่มุมทางเดินสะดุ้งแล้วหันขวับกลับไป
"ทาคุ!"
อากิระเผลอเรียกอีกฝ่ายอย่างตกใจ แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อริวยะนั้นรู้สึกตัว แล้วหันมาทางพวกเขา
"ทั้งสองคน...ยืนอยู่ตรงนั้นนานแล้วสินะ"
ร่างในชุดยูกาตะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น ทำให้ทาคุขมวดคิ้วแล้วจึงชำเลืองเพื่อนสนิทที่ยืนยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะหันกลับไปตอบคำถามนั้น
"ไม่ใช่หรอกครับ พวกผมเพิ่งจะมาถึงเมื่อครู่นี้เอง"
ริวยะจ้องมองคนพูดอย่างจับผิด ก่อนจะถอนหายใจออกมาแผ่วเบา แล้วเปรยขึ้นต่อ
"งั้นก็ช่างเถอะ...แล้วมาแถวนี้มีอะไรหรือเปล่า หรือว่ามีธุระกับฉัน"
อากิระสะดุ้งนิด ๆ เจ้าตัวหันไปพึมพำขอบคุณเพื่อนสนิทที่ช่วยพูดแก้ตัวให้ตน ก่อนจะหันไปตอบผู้เป็นเจ้านาย
"คือวันนี้มีประชุมตอนสิบโมงเช้า แล้วตอนเที่ยงก็มีนัดสำคัญกับลูกค้าที่เลื่อนไม่ได้ด้วยน่ะครับ"
อากิระรายงานกำหนดการให้อีกฝ่ายทราบ ซึ่งริวยะพอได้ฟังก็ลอบถอนหายใจอย่างนึกระอา เพราะจริง ๆ วันนี้เขานั้นตั้งใจจะเบี้ยวงานไปนั่งเฝ้ายูคิเข้าเรียนวันแรกแท้ ๆ
"โอเค...เข้าใจแล้ว และนายล่ะทาคุ มีธุระอะไรไหม"
"ผมเพิ่งได้ชุดคอมพิวเตอร์ที่สั่งไว้มาน่ะครับ เลยจะมาเรียนถามท่านริวยะว่า จะให้นำไปมอบให้คุณยูคิเลยดีไหม"
ริวยะนิ่งคิด ก่อนจะเอ่ยตามมาอย่างอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม
"เอาไปเก็บไว้ที่ห้องฉันก่อนก็แล้วกัน เย็นนี้ฉันจะได้ทำเซอร์ไพรส์ให้เขาดีใจ"
ทาคุรับคำแล้วโค้งให้อย่างรับรู้แล้วหันหลังเดินจากไป ทางด้านอากิระเห็นดังนั้น เขาก็รีบโค้งให้ริวยะแล้วตามอีกฝ่ายไปติด ๆ
"ขอบคุณที่ช่วยพูดให้เมื่อครู่นะทาคุ ไม่งั้นฉันคงโดนท่านริวยะเหม็นหน้า แล้วโยนงานวันนี้ทั้งหมดให้ฉันรับหน้าแทนก็ได้...เรื่องประชุมกับหุ้นส่วนสำคัญของบริษัทก็ยังพอไหว แต่นัดคุยงานกับลูกค้าคนที่ว่านี่สิ รายนี้นี่ยิ่งจู้จี้จุกจิกไม่ยอมฟังใคร นอกจากท่านริวยะคนเดียวเสียด้วย"
ทาคุรับฟังแล้วถอนหายใจเบา ๆ เพราะเข้าใจดีว่าลูกค้าของริวยะ แต่ละคนก็ค่อนข้างเอาใจยากกันทั้งนั้น
"...นายก็อย่าไปเผลอหลุดปากจนท่านริวยะรู้เรื่องที่นายแอบดูท่านอยู่ด้วยล่ะ ฉันไม่ตามไปแก้ตัวให้อีกแล้วนะคราวนี้"
เท่าที่สังเกตดู ทาคุก็พอจะคาดเดาได้อยู่หรอกว่า ก่อนหน้านั้นริวยะก็น่าจะอยู่กันตามลำพังกับยูคิ และก็คงจะมีฉากหวาน ๆ ที่อาจจะทำให้คนแอบดูชะตาขาด หากชายหนุ่มรู้เข้าให้ก็ได้
"รู้หรอกน่าว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด ถึงตอนนี้ท่านริวยะจะอารมณ์ดีขึ้นมากกว่าก่อนหน้านั้น แต่เรื่องอารมณ์แปรปรวนนี่สิ ยิ่งเพิ่มขึ้นเสียจนรับมือลำบากเลยทีเดียว"
อากิระเปรยบ่นจนทำให้คนฟังขมวดคิ้วยุ่ง ซึ่งชายหนุ่มก็หันไปสังเกตเห็นเข้าพอดี จึงต้องหลุดยิ้มเจื่อนแล้วรีบยกมือขอโทษอีกฝ่าย ทำให้คนมองลอบค้อนให้อย่างนึกหมั่นไส้
"อืม...จริงสิ วันนี้ เด็กนั่นก็ไปโรงเรียนแล้วสินะ...หน้าตาน่ารักแบบนั้นสงสัยคงจะป๊อบปูล่าได้ไม่ยาก ...แอบห่วงแทนท่านริวยะจริงน้อ"
เงียบได้สักพักอากิระก็เปรยขึ้นตามมาอย่างอารมณ์ดีกว่าก่อนหน้านั้น ทำให้คนที่เดินมาด้วยกันนึกหมั่นไส้ขึ้นมาอีกรอบ
"รู้งี้เมื่อครู่ปล่อยให้โดนท่านริวยะตำหนิเอาก็ดี ไม่น่าช่วยไว้เลย เผื่อจะได้รักษาอาการปากเสียให้หายได้บ้าง"
"ฮะ ๆ ไม่เอาน่าทาคุ...ช่วยกันน่ะดีแล้ว เดี๋ยวนี้ฉันเองถ้าเจอท่านริวยะอาละวาดใส่ก็รับมือไม่ค่อยถูกเหมือนกันนา...ใครจะสู้คุณพี่เลี้ยงที่อยู่กับท่านริวยะมานานจนรู้ใจกันไปเสียหมดแบบนายได้ล่ะ"
ท้ายประโยคอีกฝ่ายมีน้ำเสียงประชดนิด ๆ ทำให้คนฟังหันกลับไปมองแล้วจ้องอีกฝ่ายอย่างพิจารณากว่าเดิม
"อิจฉาฉันหรือไง...นายน่ะเป็นถึงคนสนิทที่ได้รับการยอมรับให้เป็นมือขวาของท่านริวยะนะ"
อากิระขมวดคิ้วยุ่ง เพราะบางทีทาคุนั้นก็เหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจความนัยที่เขาอยากจะสื่อให้เจ้าตัวรู้เลยสักนิด
"ไม่ใช่สักหน่อย...ทำไมฉันต้องอิจฉานายด้วยล่ะ คนที่ฉันอิจฉาน่ะ ท่านริวยะต่างหาก"
คนฟังชะงักก่อนจะมีสีหน้างุนงงตามมาจนคนพูดต้องถอนหายใจยาว
"ช่างเหอะ...ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร"
บอกจบอากิระก็เดินแยกกลับห้องพักของตัวเองไป ส่วนทาคุก็ยืนนิ่งมองตามหลังเพื่อนสักพัก แล้วจึงหันมาให้ความสนใจกับเรื่องงานของตนต่อ เมื่อคนงานในบ้านเข้ามาถามเขาว่าจะให้นำชุดคอมพิวเตอร์ที่ได้มาไปไว้ที่ไหนนั่นเอง
แม้จะต้องเข้าบริษัทในวันนี้ แต่ริวยะก็ยังเจียดเวลาตามมาส่งเด็กหนุ่มสุดที่รักของตนถึงที่โรงเรียน โดยเจ้าตัวนั้นโทรย้ำให้ผู้อำนวยการหนุ่มคอยดูแลยูคิให้ดี จนคนที่ย้ายมาเรียนใหม่รู้สึกเริ่มลำบากใจขึ้นมาอีกครั้ง
"ฉันไปละ ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็แจ้งอิชิโจเขาได้ตลอดเวลา หรือโทรมาหาฉันไม่ก็ทาคุก็ได้ เข้าใจนะ"
ริวยะย้ำบอกกับเด็กหนุ่มอีกครั้ง ซึ่งยูคิก็รับคำเขิน ๆ และพอริวยะปลีกตัวไปทำงานแล้ว เด็กหนุ่มก็รู้สึกโหวง ๆ ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
"ยังไงก็ต้องเข้มแข็งไว้ คุณริวยะจะได้ไม่ผิดหวังในตัวเรา"
ยูคิพึมพำปลอบใจตัวเอง ก่อนจะตรงไปในอาคารเรียน หาห้องพักครูของชั้นปีที่เขาศึกษา เพื่อรายงานตัวกับอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาอย่างเป็นทางการนั่นเอง
อาจารย์ที่ปรึกษาห้อง Z ของยูคินั้น มีชื่อว่า มิซาวะ อากิ เป็นอาจารย์หนุ่มหน้าอ่อนเหมือนนักศึกษาจบใหม่ แต่อายุจริง ๆ นั้นสามสิบกว่าปีแล้ว อีกฝ่ายเป็นคนใจดี ยิ้มง่าย ทำให้ยูคิรู้สึกโล่งอกที่ได้อาจารย์ที่ปรึกษาใจดีแบบนี้
"ถ้ายังไงเธอก็นั่งเล่นรอที่นี่ก่อน หรือจะไปเดินเล่นชมรอบ ๆ ก่อนก็ได้ แต่พอถึงเวลาเข้าเรียน ต้องมาที่ห้องนี้นะ ครูจะได้แนะนำเธอให้กับทุกคนในห้องไงล่ะ"
อาจารย์มิซาวะบอกพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ซึ่งยูคิก็ตัดสินใจขอไปเดินชมรอบ ๆ โรงเรียนก่อน โดยให้สัญญากับอีกฝ่ายว่า พอถึงเวลาเข้าเรียน เขาจะรีบมาพบอาจารย์หนุ่มที่ห้องนี้อีกครั้งแน่
ยูคิเดินชมรอบ ๆ อาคารเรียนจากด้านนอกด้วยความสนอกสนใจ โรงเรียนเอกชนยามิคุระแห่งนี้ เป็นโรงเรียนชายล้วน และนั่นก็ทำให้คนที่หน้าตาน่ารักอย่างยูคิ กลายเป็นที่สะดุดตาของบรรดานักเรียนคนอื่นที่ได้เห็นตัวเด็กหนุ่ม
"ใครกันน่ะ เด็กนั่น...ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนี่"
เสียงพึมพำกระซิบกระซาบดังขึ้นจากนักเรียนที่นั่งเล่นอยู่แถวนั้น
"เนคไทสีเขียว...เด็ก ม.5 อย่างนั้นหรือ แต่น่ารักแบบนั้น ถ้าได้เห็นมาก่อนก็น่าจะจำได้บ้างนะ"
"สงสัยจะเป็นนักเรียนย้ายมาใหม่"
"ย้ายมาปลายเทอมนี่นะ...แปลกเนอะ"
นักเรียนอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นเด็ก ม.6 พึมพำกับเพื่อน แต่แล้วพวกเขาก็หันไปสนทนาเรื่องอื่นต่อ เพราะยูคินั้นเดินลิ่ว ๆ ไปทางอื่นเรียบร้อย
เดินเที่ยวชมโรงเรียนไปได้สักพักใหญ่ คนตัวเล็กก็เหลือบมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตน เขาตัดสินใจเดินกลับไปยังห้องทำงานส่วนตัวของอาจารย์หนุ่ม ทว่าพอเคาะประตูแล้วขออนุญาตเข้าไป ยูคิก็ต้องชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นมีนักเรียนชายสวมเนคไทสีเขียวเช่นเดียวกับเขา กำลังนั่งคุยกับอาจารย์มิซาวะอยู่ในห้องนั้น
"อ้าว...กลับมาแล้วหรือ ทานากะ เอ่อ...อารา...เอ๊ย ยามิคุระคุง นี่ก็ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว เธอกลับห้องไปได้แล้วล่ะ"
ยูคิชะงักเมื่อได้ยินนามสกุลของเด็กหนุ่มคนนั้น ก่อนจะเผลอหลุดปากเรียกออกไปอย่างลืมตัว
"ยามิคุระ...หรือว่าคุณจะเป็นหลานชายผู้อำนวยการ"
เด็กหนุ่มหน้าตาคมเข้มติดดุ จ้องมองคนตัวเล็กตรงหน้านิ่ง ก่อนจะยักไหล่นิด ๆ
"ก็ใช่...ส่วนนายก็คือนักเรียนใหม่ ที่อาบอกไว้นั่นสินะ"
อีกฝ่ายบอกพร้อมกับเหลือบมองอาจารย์ที่ปรึกษาหนุ่มครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมามองร่างเล็กตรงหน้าตนแล้วยื่นมือไปให้จับ
"ฉันยามิคุระ อารากิ ...ยินดีที่ได้รู้จัก"
ยูคิชะงักก่อนจะรีบแนะนำตัวเองบ้าง
"อ๊ะ...ผม ทานากะ ยูคิ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน..."
ยังไม่ทันแนะนำตัวจบดี คนที่เขาจับมือด้วย ก็ขยับเข้ามาใกล้ แล้วดึงมือรั้งร่างเขามาชิดพร้อมกระซิบบอกเสียงเข้ม
"ฉันไม่ปล่อย 'เขา' ให้นายง่าย ๆ หรอก"
ยูคิชะงักหน้าซีดนิด ๆ เขาเข้าใจว่าอารากินั้นหมายถึงริวยะ จึงทำให้เด็กหนุ่มถึงกับนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
"ถ้าอย่างนั้นผมไปล่ะนะครับ อาจารย์มิซาวะ...แล้วเจอกันที่ห้องนะ ทานากะ!"
เจ้าตัวบอกแล้วยิ้มกว้าง ทว่านัยน์ตาคมนั้นฉายแววไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด
"เด็กนั่นเข้ามาถามครูถึงเรื่องเธอตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วล่ะ ...ครูก็นึกว่าพวกเธอรู้จักกันมาก่อนเสียอีก"
อาจารย์มิซาวะบอกกับลูกศิษย์คนใหม่ของเขา ซึ่งยูคิก็หันไปตอบคำถามนั้นตามตรง
"เปล่าหรอกครับ พอดีคุณริวยะ...เอ่อ...ผู้ปกครองคนปัจจุบันของผม เขาเป็นเพื่อนกับท่านผู้อำนวยการ และทางคุณอารากิก็รู้จักคุ้นเคยกับผู้ปกครองของผมดีด้วยน่ะครับ..."
ท้ายประโยคยูคิมีน้ำเสียงที่แผ่วลง เมื่อหวนคิดถึงว่าอารากินั้นคงชอบริวยะมากและเห็นเขาเป็นศัตรูหัวใจตนเองเป็นแน่
"ผู้ปกครองของเธอ...คุณมุราคามิ ริวยะ สินะ...สองคนนั่นก็สนิทกันดีหรอก เห็นอารากิ...เอ่อ ยามิคุระคุง ชอบพูดถึงคนคนนั้นให้ครูฟังอยู่บ่อย ๆ น่ะ"
อาจารย์หนุ่มพึมพำกับตัวเอง และเพราะยูคิกำลังซึม ๆ กับเรื่องที่ได้รับรู้ จึงไม่ทันได้สังเกตท่าทางที่ดูแปลกไปของอาจารย์ที่ปรึกษาของตนเช่นกัน
"อ๊ะ! เสียงสัญญาณเข้าเรียนดังแล้วนี่นะ งั้นเราก็รีบไปห้องเรียนและแนะนำตัวกันเถอะ เธอพร้อมหรือยังล่ะ ทานากะคุง"
เสียงสัญญาณที่ดังขึ้นเรียกทั้งคู่กลับคืนจากภวังค์ อาจารย์มิซาวะหันไปหาลูกศิษย์คนใหม่ แล้วเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
"ครับ อาจารย์"
ยูคิรับคำ แล้วพยายามสลัดความคิดเรื่องที่อารากิชอบริวยะทิ้งไปจากสมองของตนเสีย
พอถึงเวลาเข้าเรียน นักเรียนทั้ง 24 คน ในห้อง z ต่างมองดูอาจารย์ที่ปรึกษาของตน พานักเรียนย้ายใหม่เข้ามาแนะนำตัวกันอย่างสนอกสนใจ
"พวกเธอคงจะรู้จากเมื่อวานแล้ว จริง ๆ เขาจะต้องมาเรียนพร้อมพวกเธอเมื่อวานนี้ แต่ว่าเพราะป่วยจึงจำต้องเลื่อนมาเป็นวันนี้แทน"
อาจารย์มิซาวะบอกแล้วจึงหันมาพยักหน้าให้กับเด็กหนุ่มข้างกายแนะนำตัวกับเพื่อนในชั้นเรียนต่อ
"สวัสดีครับ ผมทานากะ ยูคิ จะมาเรียนร่วมกับทุกคนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครับ ฝากตัวด้วยนะครับ"
สิ้นคำแนะนำตัว หลายคนพากันนิ่วหน้าแปลกใจ เพราะต่างไม่คุ้นเคยกับนามสกุลทานากะที่อีกฝ่ายแนะนำมากันสักเท่าไหร่
"ทานากะ...ไม่เคยเห็นได้ยินมาก่อนเลย...นามสกุลพื้น ๆ ชะมัด"
"นั่นสิ...หรือจะเป็นพวกนักการเมืองท้องถิ่นกันนะ"
เสียงซุบซิบจากคนในห้องนั้นดังมาเข้าหูของเด็กหนุ่มและอาจารย์ที่ปรึกษาของห้อง ทางด้านอาจารย์มิซาวะหันไปทางต้นเสียงแล้วกระแอมในลำคอพร้อมส่งสายตาตำหนิไปให้ ซึ่งก็ทำให้เจ้าของเสียงนินทาห่อไหล่ แล้วรีบหลบตา ส่วนยูคิเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะตัดสินใจยิ้มหวานให้กับทุกคนในห้อง พร้อมเอ่ยต่อในสิ่งที่ทำให้คนฟังหลายคนสะดุ้ง
"สำหรับใครที่สงสัยหรือนามสกุลของผม...ผมก็อยากจะบอกทุกคนว่า...จริง ๆ แล้วผมน่ะ ไม่ได้เป็นลูกผู้รากมากดีอะไรเหมือนกับทุกคนที่นี่หรอกครับ ...แม่ผมเป็นแม่บ้าน ส่วนพ่อผมก็เป็นนักข่าวธรรมดา แต่เพราะพวกเขาทั้งคู่เสียกันไปหมดแล้ว ผู้อุปการะคนปัจจุบันของผม จึงส่งเสียให้ผมมาเรียนที่นี่แทน ...หวังว่าทุกคนคงจะหายขุ่นข้องใจกับเรื่องนามสกุลของผมสักทีนะครับ"
แม้คำพูดนั้นจะสุภาพ และรอยยิ้มที่มีก็แสนจะดูอ่อนโยน แต่สายตาที่แข็งกร้าวและไม่ยอมแพ้ใครนั่น ก็ทำให้หลายคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคอไปตาม ๆ กัน ขนาดอาจารย์มิซาวะเองก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่ทีเดียว
"เอ่อ...ถ้าอย่างนั้น ที่นั่งของเธอก็เป็นที่ว่างข้างหลังนั่นแล้วกันนะ..."
"ตัวเล็กขนาดนั้นให้นั่งเสียข้างหลังสุด แล้วจะมองเห็นหรือครับอาจารย์"
เสียงที่ดังขัดขึ้นมานั้นเป็นเสียงของเด็กหนุ่มตัวสูงที่ยูคิจำเสียงได้แม่น แม้ว่าไม่ต้องมองหน้าคนพูดก็ตาม
"ยามิคุระคุง!"
อาจารย์หนุ่มเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างตำหนิ ทว่าคนฟังกลับยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ แล้วจึงหันไปหาคนที่นั่งด้านหลังของตน
"นากาอิ นายย้ายไปนั่งหลังสุดแทนที่สิ ตัวนายสูงขนาดนี้คงไม่มีปัญหาจริงไหม"
คนฟังยิ้มเจื่อน ๆ เพราะถึงเขาบอกว่ามีปัญหา หัวโจกประจำห้องอย่างอารากิ ก็คงไม่ยอมฟังอยู่ดี
"เอาล่ะ...งั้นเดี๋ยวผมนั่งแทนนากาอิเอง ส่วนที่นั่งผมก็ให้ทานากะเขานั่งแทนแล้วกัน"
คำพูดของอารากิทำให้แต่ละคนในห้องพากันนิ่งอึ้ง เพราะไม่ค่อยได้เห็นเด็กหนุ่มออกตัวกะเกณฑ์วุ่นวายกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นเช่นนี้มาก่อน
"ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะ"
แม้แววตานั้นจะดูไม่เป็นมิตรเช่นเดิม แต่ท่าทางแข็งกร้าวก่อนหน้านั้นดูลดลงจนยูคินึกโล่งใจ เขานั่งลงตำแหน่งโต๊ะหน้าสุดของแถวริมหน้าต่าง โดยมีสายตาของอารากิคอยจับจ้องมองอยู่จนกระทั่งหมดชั่วโมงเรียนในคาบเช้า
"ทานากะ นายพอจะมีเวลาว่างไหม ฉันมีเรื่องส่วนตัวจะคุยกับนายน่ะ"
พอถึงเวลาพักกลางวัน คนหน้าดุก็เข้ามาถามพร้อมยืนดักไม่ให้ยูคิหนีไปไหน และนั่นจึงทำให้คนฟังลอบถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้าค่อย ๆ รับรู้
"ได้สิ"
จากนั้นทั้งสองคนจึงเดินออกไปด้วยกัน โดยมีสายตาสงสัยระคนสนใจ แต่ไม่มีใครในที่นั้นที่จะกล้าเข้าไปถามหรือย่องตามทั้งคู่ไปเลยสักคน
บริเวณดาดฟ้าอาคารเรียนตรงที่อารากิพายูคิมา ไร้ซึ่งเงานักเรียนคนอื่น จะมีให้เห็นบ้างก็เป็นพวกที่อยู่ห่าง ๆ ออกไป ซึ่งเด็กหนุ่มหน้าดุก็ไม่ได้คิดสนใจอะไรคนพวกนั้น
"ฉันอยากคุยกับนายให้รู้เรื่องไปเลย เรื่องของ 'เขา' น่ะ"
ยูคิชะงักแล้วสีหน้าซีดลง ทำให้คนมองทำเสียงในลำคอ ก่อนจะเอ่ยต่อ
"ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเจอเขาที่ไหนหรือยังไง...แต่ฉันน่ะเฝ้ามองเขามานานแล้ว...ถ้านายคิดจะแข่งกับฉัน ก็ขอให้รู้ไว้ว่า ฉันน่ะไม่คิดจะยอมยกเขาให้คนอื่นง่าย ๆ แน่"
อารากิบอกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเชื่อมั่น ทำให้ยูคินึกทึ่งไม่น้อย แต่พอมาหวนคิดถึงตัวเองที่ยังไม่รู้สึกแน่ชัดถึงเรื่องความรักที่มีต่อริวยะ ก็ทำให้เขามีสีหน้าเศร้าซึมลงอย่างเห็นได้ชัด
"อะไรกัน ทำหน้าอย่างกับจะยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างนั้น ...เพราะฉันเห็นว่านายเป็นพวกมุ่งมั่นไม่ยอมให้ใครมารังแกง่าย ๆ ในห้องตอนนั้นหรอกนะ... ฉันถึงได้มาประกาศเป็นคู่แข่งกับนายอย่างเปิดเผยแบบนี้ไงล่ะ!"
ยูคิชะงักก่อนจะเงยหน้าสบตากับอีกฝ่าย เขาเม้มปากน้อย ๆ แล้วกำมือของตัวเอง ...อารากินั้นเป็นคนที่น่านับถือ ชายหนุ่มแสดงออกถึงความจริงใจ และยอมรับเขาในฐานะคู่แข่งหัวใจ อย่างเปิดเผย ...เขาเองถ้าไม่คิดจะถอนตัวออกไป ก็ควรจะตอบรับอีกฝ่ายอย่างชัดเจนเช่นกัน
"ผมเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้เรื่องนี้เช่นกัน...ถึงคุณจะชอบเขามากขนาดไหน แต่ผมก็ไม่ยกคุณริวยะให้คุณง่าย ๆ หรอกนะ!"
พอยูคิบอกไปแบบนั้น เขาก็เห็นอารากิชะงัก แล้วมีสีหน้าตกตะลึงจนน่าแปลกใจ เด็กหนุ่มหน้าดุทำหน้าอึ้ง ๆ ไปพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยออกมาได้ในที่สุด
"คุณริวยะ? ...นายพูดว่าคุณริวยะอย่างนั้นหรือ"
พออารากิพูดแบบนั้น ยูคิก็มีสีหน้างุนงง แล้วย้อนถามกลับไป
"ใช่สิ...ก็คุณชอบคุณริวยะไม่ใช่หรือ"
อารากิเงียบกริบ เขานิ่งไปนานก่อนจะสบถออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดระคนขุ่นเคือง
"ไอ้อาเฮงซวยนั่น! มาปั่นหัวกันได้นะ!"
ยูคิยังคงมีสีหน้างุนงง อารากิเห็นเช่นนั้น เลยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเกาแก้มนิด ๆ ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นเขินแทน
"ง่า...ขอโทษที่เข้าใจผิดนะ คือว่าฉันเข้าใจเองไปว่า นายเข้ามาเรียนที่นี่ เพราะตามคนที่ฉันสนใจมาน่ะ...ต้องโทษไอ้เจ้าอางี่เง่าของฉัน ที่ดันพูดให้ฉันเข้าใจไขว้เขวไปเองนั่นด้วย"
พอพูดถึงผู้เป็นอาก็ทำให้อารากินึกขุ่นเคืองขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อีกฝ่ายนั้นชวนเขาคุยเรื่องคนที่เขารัก แล้วจู่ ๆ ก็ดันบอกว่า จะมีนักเรียนย้ายมาใหม่ แล้วคนนั้นก็ยังเป็นที่รักของคนที่เขาชื่นชมอีกด้วย พอเขาเซ้าซี้จะถามให้แน่ชัด อีกฝ่ายก็ทำเป็นตัดบทไม่ยอมสนทนาด้วยเสียอย่างนั้น เขาจึงเผลอเข้าใจผิดคิดไปเองว่า ยูคินั้นย้ายมาเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เขาชอบอยู่นั่นเอง
"แล้วสรุปว่าคุณอารากิ ไม่ได้ชอบคุณริวยะหรอกหรือ"
อารากิหันขวับกลับมามองคนถาม แล้วรีบตอบกลับไปทันที
"เปล่านะ! ฉันรู้จักคุณริวยะ แล้วชื่นชมเขาก็จริง แต่ไม่เคยคิดชอบในลักษณะแบบนั้นเลยสักนิดเดียว!"
ยูคิชะงัก ก่อนจะเงียบไป แล้วจึงหน้าแดงระเรื่อตามมาด้วยความเขินที่เขาเองก็เข้าใจอีกฝ่ายผิดไปเช่นกัน
"ฮะ ๆ ไม่คิดเลยว่าพวกเราจะมาเข้าใจผิดกันเองแบบนี้นะ"
อารากิหัวเราะอย่างนึกขำ จากนั้นเด็กหนุ่มจึงยิ้มแย้มจริงใจให้กับคนตรงหน้าพร้อมยื่นมือมาให้อีกฝ่ายจับอีกครั้ง
"งั้นก็คงต้องขอบอกว่า ยินดีที่รู้จักอีกครั้งหนึ่งแล้วกันนะ"
ยูคิมองมือที่ยื่นมา ก่อนจะเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย พร้อมยิ้มตอบ
"อืม...ยินดีที่รู้จักนะคุณอารากิ"
อารากิเลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนบอกออกไปตรง ๆ
"ไม่ต้องเรียกคุณหรอก พูดกับฉันตามปกตินี่ล่ะ ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วนี่นะ"
ยูคิยิ้ม แล้วจึงพยักหน้าตอบรับ ซึ่งก็ทำให้คนมองยิ้มตอบ แต่แล้วจู่ ๆ อารากิก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นจึงรีบโพล่งขึ้นตามมา
"ว่าแต่นายกับคุณริวยะนี่คบกันอยู่หรือ! ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ! แล้วที่ว่านายเป็นที่รักของคุณริวยะน่ะ จริงหรือเปล่า!"
คำถามพร้อมสีหน้าสนอกสนใจเสียเต็มประดาของอีกฝ่าย ทำเอายูคิถึงกับนิ่งอึ้ง ก่อนที่ใบหน้าหวานนั้นจะกลายเป็นแดงก่ำ จนคนมองนึกขำ
"ฮ่า ๆ แบบนี้นี่เองหรอกหรือ...อืม...ก็ดีเหมือนกันนะ คุณริวยะมีคนรักแล้วอย่างนี้ คนคนนั้นของฉันเขาจะได้เลิกระแวงสักที ขนาดฉันบอกไปแล้วว่าคิดกับคุณริวยะแค่ชื่นชมเป็นไอดอล เจ้าตัวก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่"
อารากิพึมพำกับตัวเอง ซึ่งนั่นก็ทำให้ยูคิรู้สึกสนอกสนใจในตัวเขาคนนั้นของอีกฝ่ายขึ้นมาไม่น้อย
"อ๊ะ! มัวแต่คุยเสียเพลิน เดี๋ยวเวลาพักจะหมดพอดี! ไปเถอะยูคิ ไปกินข้าวกลางวันกัน!"
อารากิตัดบทกะทันหัน เขาเรียกชื่อเพื่อนใหม่ตรงหน้าอย่างสนิทสนมแล้วรีบจูงมืออีกฝ่ายไปด้วยกัน จนยูคิตกใจ แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกยินดีที่เขานั้นได้เพื่อนใหม่คนแรกของโรงเรียนแห่งนี้แล้ว แม้ว่าจะเป็นเพื่อนที่เกิดการเข้าใจผิดจนเผลอเขม่นหน้ากันตั้งแต่แรกพบก็ตามที
... TBC ...
**ยูคิได้มาโรงเรียนสักทีค่ะ กว่าจะมาได้ ผ่านฉากหวาน(เลี่ยน)มาเสียหลายตอน
ใครที่บ่นว่าหนูยูคิหน้าแดงบ่อย ก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ ก็ป๋าริวยะแกเล่นขายหนมจีบบ่อย ๆ หนูยูคิของเราก็ออกจะไร้เดียงสา ก็เลยหน้าแดงบ่อยอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ **