กรงรัก...พันธนาการใจ(ฉบับรีเมก) : ตอนพิเศษ:(เพิ่มเติม)17/10/57- (นิยายจบแล้วค่ะ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กรงรัก...พันธนาการใจ(ฉบับรีเมก) : ตอนพิเศษ:(เพิ่มเติม)17/10/57- (นิยายจบแล้วค่ะ)  (อ่าน 95177 ครั้ง)

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4

บทที่ 12



    เช้าวันอาทิตย์ คนที่ตื่นแต่เช้าเป็นพิเศษและตั้งใจจะชวนเด็กหนุ่มสุดที่รักไปเดินเล่นกันตอนเช้า ก็พลันออกอาการร้อนรนเสียจนคนในบ้านต้องวุ่นวายไปตาม ๆ กัน   

   และต้นเหตุของเรื่องก็คือ ยูคินั้นไข้ขึ้นสูงแต่เช้าจนไม่รู้สึกตัว ริวยะที่เข้าไปปลุกก็แทบจะแบกอีกฝ่ายไปโรงพยาบาล ร้อนถึงอากิระต้องรีบห้ามเอาไว้ เพราะขืนริวยะพายูคิไปโรงพยาบาลละแวกนี้มันจะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่และเกิดข่าวลือชวนให้ยุ่งยากตามมาเป็นแน่

   "แล้วจะปล่อยให้เขานอนไข้ขึ้นแบบนั้นเรื่อย ๆ หรือไง!"

   ริวยะตวาดใส่มือขวาคนสนิท ทำเอาอากิระต้องลอบถอนหายใจ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร ทาคุก็เข้ามาหาทั้งคู่ในห้องนั่งเล่นข้างห้องคนป่วยเสียก่อน

   "ผมให้คนไปรับคุณหมอมานาเบะมาให้แล้วครับ...อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็คงมาถึง ส่วนทางนี้เดี๋ยวคุณชิโนะจะคอยดูแลให้เองครับ...เท่าที่สังเกตดูคุณยูคิเป็นไข้ธรรมดาครับ ไม่น่าจะมีอาการป่วยแทรกซ้อนอะไร"

   คำบอกเล่าของทาคุ ทำให้ริวยะสงบจิตสงบใจลงไปได้บ้าง แต่ถึงกระนั้น เจ้าตัวก็คอยเดินเข้าออกไปดูอาการของยูคิอยู่เป็นระยะ แล้วก็กลับมาบ่นหงุดหงิดให้ลูกน้องทั้งสองฟังอีกครั้ง

   "ยูคิยังตัวร้อนอยู่เลย...แล้วไอ้หมองี่เง่านั่นยังมาไม่ถึงอีกหรือไง ทาคุ! โทรไปตามหรือยัง หมอนั่นอยู่แถวไหนแล้ว ใกล้ถึงที่นี่หรือยัง!"

   ทาคุลอบถอนหายใจก่อนจะบอกออกไปตามตรง

   "เมื่อห้านาทีที่แล้วผมได้โทรไปเช็คกับคนของเราแล้วครับ ทางนั้นบอกว่าอีกราว ๆ สิบห้านาทีก็น่าจะถึง"

   "ช้าไป! ให้เร่งไวกว่านี้หน่อย!"

   ริวยะโพล่งใส่อย่างหงุดหงิด ซึ่งอากิระก็แย้งขึ้นบ้าง

   "ผมเข้าใจว่าท่านเป็นห่วงคุณยูคิ แต่ถ้าเร่งรีบเกินไป แล้วทางนั้นเกิดอุบัติเหตุเข้า มันก็คงไม่ดีทั้งทางฝ่ายนั้นและฝ่ายเราไม่ใช่หรือครับ"

   ริวยะชะงัก เขาเม้มปากแน่นก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มือเสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็สีหน้าคลายเคร่งเครียดลงกว่าเดิมไปมาก

   "ขอโทษที ฉันหงุดหงิดไปหน่อย ไว้ฉันจะไปนั่งเฝ้าอาการยูคิเขาแล้วกัน ...ถ้ามานาเบะมาถึงก็ให้พามาที่ห้องเลยนะ"

   อากิระกับทาคุโค้งให้ผู้เป็นเจ้านาย และเมื่อริวยะเข้าไปในห้องข้าง ๆ แล้ว มือขวาคนสนิทก็ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา

   "ก็รู้ว่าให้ความสำคัญอยู่หรอก แต่ไม่คิดเลยว่าจะถึงขั้นนี้ นี่ขนาดทางฝ่ายนั้นไม่ได้ให้คำตอบแน่ชัดมานะ ถ้าใจตรงกันเมื่อไหร่ แทบไม่อยากจะคิดเลยว่า ท่านริวยะจะเป็นห่วงและหวงคุณยูคิขนาดไหน"

   "อย่ามาทำปากเสียนินทากันใกล้ ๆ ขนาดนี้ ...ตอนนี้ท่านริวยะยิ่งหงุดหงิดอยู่ เดี๋ยวก็พลั้งมือลงโทษนายไป จะหาว่าไม่เตือนนะ"

   อากิระหันไปมองเพื่อนของเขาที่เตือนมา แล้วจึงยิ้มน้อย ๆ อย่างยินดี

   "ห่วงกันด้วยหรือ"

   "แค่ไม่อยากให้ท่านริวยะรู้สึกแย่ทีหลังต่างหาก"

   ทาคุแก้ตัว แต่คนฟังก็ยังรู้อยู่ดีว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นห่วงเขา แม้ว่าเจ้าตัวจะยังคงโกรธเรื่องเมื่อวานอยู่ก็ตาม

   "ท่านริวยะถึงจะหงุดหงิดขนาดไหน แต่ท่านก็ไม่ลงไม้ลงมืออย่างไร้เหตุผลหรอกน่า...แต่ก็นั่นล่ะ เพิ่งจะเคยเห็นท่านเป็นแบบนี้มาก่อน เพราะงั้นจะฟังคำเตือนของนายเอาไว้ก็แล้วกัน ...ขอบคุณนะ"

    ทาคุทำเป็นนิ่งเฉยไม่ใส่ใจ แม้จะเริ่มคลายโมโหอีกฝ่ายไปบ้างแล้วก็ตาม  เมื่อวานนี้ชายหนุ่มนั้นรู้สึกโมโหอากิระมากเรื่องที่หอมแก้มเขา แต่อากิระก็ลงทุนง้อจนเขารำคาญไปตลอดวัน พอมาวันนี้เขาก็เลยคลายความหงุดหงิดลงไปบ้าง อีกอย่างพอเห็นริวยะอาละวาด เขาก็ไม่มีอารมณ์จะไปตั้งแง่ใส่อากิระนัก สู้ร่วมมือกันคอยรองรับอารมณ์ผู้เป็นเจ้านาย ก็ดูจะสบายเสียกว่านั่นเอง

   

   ทาคุและอากิระรออยู่ได้พักใหญ่ ชายซึ่งขับรถไปรับแพทย์หนุ่มซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับริวยะก็เร่งฝีเท้านำอีกฝ่ายมา จนคนที่เดินลิ่ว ๆ มาตัวเปล่า เพราะคนนำหน้าช่วยขนเครื่องมือแพทย์ไปเสียหมด ยังแทบจะวิ่งตามไม่ทัน

   "นี่นายอย่ารีบเดินนักสิ ฉันตามไม่ทันรู้ไหม! แค่มารักษาคนไม่สบายไข้ขึ้น ต้องรีบขนาดนี้ด้วยหรือไง!"

    คนที่โวยวาย คือชายหนุ่มผมสั้น จมูกโด่ง ตาคม แม้จะมีเส้นผมและดวงตาสีดำ แต่ก็ดูโดดเด่นชนิดที่มองแล้วก็รู้ว่ามีเชื้อต่างชาติผสม เจ้าตัวสวมแว่นสายตากรอบทอง สวมใส่เสื้อผ้าตามแฟชั่นดูทันสมัย ชนิดที่ถ้าไม่ใส่หูฟังแพทย์ห้อยคอไว้ ก็คงต้องคาดเดากันว่าชายหนุ่มเป็นแพทย์หรือนายแบบกันแน่

   "ขอโทษนะครับคุณหมอ แต่คุณทาคุสั่งมาว่าให้เร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้น่ะครับ ...งั้นผมช่วยอุ้มคุณหมอไปเลยดีไหมครับ จะได้ไวหน่อย"

   ลูกน้องของริวยะทำท่าจะตรงมาอุ้มอีกฝ่ายไปด้วยกันจริง ๆ ทำเอามานาเบะ มิโนริ ถึงกับกระโดดถอยไปด้านหลัง เพราะขนาดเขาที่ว่าสูง 180 เซนติเมตรแล้ว คนตรงหน้ายังสูงกว่าเขาเกือบสิบเซนติเมตร แถมยังหุ่นล่ำเหมือนพวกนักกีฬาชนิดที่คนตัวผอมสูงเพรียวอย่างเขาไม่มีทางสู้แรงได้แน่

   "ฮึ่ย! ไม่ต้อง ๆ  นายรีบนำไปเลย เดี๋ยวฉันวิ่งตามไปเอง ... ตกลงที่นี่มันบ้านยากูซ่าหรือค่ายนักมวยปล้ำวะ ...ลูกน้องแต่ละคนหุ่นยังกับยักษ์ทั้งนั้น"

   นายแพทย์หนุ่มบ่นอุบอิบ แล้วเร่งฝีเท้าตามคนตัวใหญ่ตรงหน้าไปติด ๆ จนกระทั่งมาถึงห้องสุดทางเดิน ที่มีอากิระกับทาคุรออยู่หน้าห้อง

   "คุณหมอมานาเบะ สวัสดีครับ เอ่อ...รบกวนเชิญด้านในเลยครับ"

   ทาคุเอ่ยทักทายอีกฝ่ายกึ่งเร่งอย่างเกรงใจ ชนิดที่ทำให้คนฟังขมวดคิ้ว แต่ก็ยังคงพยักหน้า แล้วให้อีกฝ่ายเปิดประตูนำเข้าไป โดยมีชายที่ถือเครื่องมือแพทย์ตามติดไปด้วย และก็เป็นอากิระที่เข้าไปเป็นคนสุดท้าย จนตอนนี้ห้องของยูคิที่เคยกว้าง กลับดูแลคับแคบขึ้นมาถนัดตา

   "มาแล้วหรือมานาเบะ ช้ามาก! รีบ ๆ มาตรวจคนไข้เร็วเข้าสิ!"

   ริวยะหันมาออกคำสั่งเพื่อนสนิท ทำเอาคนเป็นแพทย์ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า ใครกันที่ทำให้เพื่อนของเขาออกอาการร้อนรนได้ถึงขนาดนี้

   "มาแล้ว ๆ ให้คนไปลากตัวฉันจากเตียงนอนแต่เช้าไม่พอ ยังมาวางอำนาจใส่อีก ฉันเป็นหมอนะโว้ย ไม่ใช่คนงานของนาย!"

   แพทย์หนุ่มแสร้งบ่นแล้วก็เรียกให้คนของริวยะที่หิ้วเครื่องมือของเขาอยู่มาเป็นผู้ช่วยเสียเลย 

   "หือ...เด็กคนนี้ใช่ไหม ที่ว่านายรับอุปการะเอาไว้ หน้าตาน่ารักดีนี่ เด็กผู้ชายจริง ๆ ใช่ไหมน่ะ"

   ริวยะทำเสียงในลำคออย่างไม่สบอารมณ์ที่เพื่อนฝูงซึ่งสนิทสนมกันดีของเขา ต่างรู้ถึงข่าวคราวเรื่องที่เขารับยูคิมาอุปการะกันแทบทั้งนั้น  แต่พอเขาเห็นเพื่อนเตรียมจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของร่างเล็ก เขาก็ตาโตเบิกกว้างแล้วรีบจับหมับที่ข้อมือของอีกฝ่ายทันที

   "นายจะทำอะไรน่ะ!"

   แพทย์หนุ่มสะดุ้งเฮือกแล้วหันมามองเพื่อนสนิทอย่างตกใจไม่แพ้กัน

   "อะไรของนายวะ! ฉันก็จะตรวจคนไข้น่ะสิ แล้วมาจับมือฉันทำไมเนี่ย!"

   เสียงหลุดหัวเราะของใครบางคนดังขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ แต่พอคนอื่นในห้องต่างหันมามองยังต้นเสียง อากิระก็แสร้งทำเป็นเสมองไปทางอื่นอย่างไม่รู้ไม่ชี้แทน ทางด้านแพทย์หนุ่มขมวดคิ้วนิด ๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ตามมาว่าเพราะเหตุใดเพื่อนของตนจึงมีอาการผิดปกติเช่นนั้น     

   "อ๋อ...มิน่าล่ะ ถึงได้ห่วงนักห่วงหนา จนแทบจะให้คนไปอุ้มฉันมารักษาขนาดนี้"

   คนพูดทำสีหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้จนริวยะไม่สบอารมณ์ เห็นดังนั้นอากิระจึงโค้งให้ทั้งคู่ แล้วหันไปชักชวนชิโนะออกจากห้องด้วยกัน แต่กระนั้นก็ยังไม่วายที่จะดึงแขนทาคุที่ไม่เต็มใจออกไปด้วยอีกคน ดังนั้นในห้องจึงเหลือแต่ริวยะ ยูคิที่นอนป่วย แพทย์หนุ่ม และชายผู้โชคร้ายที่จะปลีกตัวไปก็ไม่ได้ เพราะถูกบังคับให้เป็นผู้ช่วยแพทย์อยู่นั่นเอง

   "รีบ ๆ รักษาได้แล้ว!"

   ริวยะตัดบทเพราะรำคาญคนที่ยืนมองเขาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่น ซึ่งแพทย์หนุ่มเองก็ไม่ได้ถือสากับคำตวาดของอีกฝ่าย มิหนำซ้ำยังมีท่าทางอารมณ์ดีเสียจนริวยะหมั่นไส้อีกด้วย

   "ดูจากอาการแล้วน่าจะแค่เป็นไข้ตัวร้อนปกติ ฉันฉีดยาให้แล้วล่ะ รอดูอาการอีกสักครึ่งวัน ถ้ายังตัวร้อนไข้ไม่ลด ก็พามาที่คลีนิกฉันก็ได้ เดี๋ยวเปิดห้องพิเศษให้"

   "ถ้าลองนายฉีดยาให้แล้วเขายังตัวร้อนไข้ไม่ลด ฉันว่าจะพาเขาไปโรงพยาบาลแทนที่จะไปรักษาคลีนิกหมอเถื่อนอย่างนายอีกล่ะนะ"

   ริวยะบอกประชดอย่างยังคงหมั่นไส้แววตาล้อเลียนของเพื่อนสนิทไม่หาย

   "แหม! ถึงจะเป็นคลีนิกหมอเถื่อน แต่เครื่องมือเครื่องไม้การรักษาไม่แพ้โรงพยาบาลดังนะ!"

   คนฟังไม่คิดจะแย้งเรื่องที่คลีนิกของตนถูกเรียกว่าเป็นคลีนิกหมอเถื่อนสักนิด แถมยังยิ้มอารมณ์ดีตามมาเสียอีก   

    "เอาน่า! อย่าซีเรียส ถ้าไม่มีอะไรแทรกซ้อน เดี๋ยวไข้ก็ลดเองนั่นล่ะ...อ้อ ส่วนค่ารักษาเดี๋ยวจะส่งบิลมาเก็บทีหลังเหมือนเดิมนะ!"

   แพทย์หนุ่มเอ่ยปลอบเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อน ทำให้ริวยะคลายความกังวลแกมหงุดหงิดลงได้บ้าง  ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องที่อยู่ในห้องด้วยกันไปส่งเพื่อนสนิทของตน  ส่วนตัวชายหนุ่มเองเลือกที่จะนั่งเฝ้ารอดูอาการยูคิอีกสักพักก่อน  โดยที่แพทย์หนุ่มนั้นก็อมยิ้มน้อย ๆ แล้วเดินออกมานอกห้อง พลางฝากยาที่ต้องทานเพิ่มเติมให้กับชิโนะที่ยังคงรออยู่ด้านนอก

   "จะฝากริวยะ ก็เห็นเอาแต่จดจ่ออยู่กับเด็กนั่น ไม่สนใจใคร ผมก็เลยมาฝากกับคุณชิโนะแทนนี่ล่ะครับ  แหม! แล้วเมื่อครู่แต่ละคนก็ใจร้ายกันจังเลยนะครับ จู่ ๆ ก็เล่นหนีทิ้งผมกันไปเสียหมด จนแทบไม่เหลือใครให้คุยด้วยเลยแบบนั้น"

   "โถ...คุณหมอล่ะก็ ที่ไม่ได้อยู่ด้วยข้างในก็เพราะเกรงใจนั่นล่ะค่ะ เผื่อพวกคุณอยากจะสนทนาบางเรื่องเป็นการส่วนตัว มีดิฉันอยู่ด้วยก็อาจจะลำบากใจได้"

   "นั่นน่ะสิครับ พวกผมจะอยู่ด้วยก็เกรงใจ ไม่ได้คิดชิ่งหนีให้คุณหมอรับหน้าท่านริวยะคนเดียวหรอกนะครับ"

   อากิระเสริมตามมาอย่างอารมณ์ดี ซึ่งคนฟังก็หัวเราะเบา ๆ อย่างไม่ถือสา ทั้งนี้เพราะเขานั้นสนิทคุ้นเคยกับทุกคนในบ้านนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว

   "โอเค ๆ จะเชื่ออย่างนั้นแล้วกัน....ว่าแต่ มีใครจะบอกข้อมูลอะไรเป็นพิเศษของเด็กนั่นให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมล่ะ ...ถ้าบอกกันนะ รับรองว่าฉันจะยอมรักษาอะไรก็ได้ให้ฟรี ๆ สักอย่างเลยเอ้า!"

   คนอื่นแถวนั้นนอกจากอากิระต่างพากันลอบถอนหายใจ ทว่าพวกเขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงกระแอมจากริวยะดังมาจากด้านใน

   "ฮะ ๆ สงสัยมาคุยกันตรงนี้จะไม่ได้เรื่องเสียแล้ว งั้นไปคุยกันไกล ๆ แถวนี้ดีกว่า ...คุณชิโนะครับ ผมอยากทานอาหารเช้าฝีมือคุณชิโนะจังเลย พอจะมีเผื่อแผ่ให้หมอจน ๆ อย่างผมสักจานสองจานได้ไหมครับ"

   แพทย์หนุ่มหันมาอ้อนแม่บ้านประจำคฤหาสน์ ซึ่งอีกฝ่ายพอได้ยินก็ยิ้มน้อย ๆ ให้

   "ได้สิคะ คุณหมออยากทานอะไรเป็นพิเศษก็สั่งได้นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะรีบเร่งทำให้"

   "แหม! ผมน่ะถ้าเป็นฝีมือคุณชิโนะอะไรก็กินได้ทั้งนั้นล่ะครับ"

   คนฟังเอ่ยตอบ ซึ่งชิโนะก็ยิ้มรับ ก่อนจะขอตัวเดินนำไปเตรียมอาหารให้อีกฝ่ายก่อน เห็นดังนั้นแพทย์หนุ่มจึงหันไปกวักมือเรียกอากิระกับทาคุให้ตามไปด้วยกัน ทว่าทาคุนั้นกลับปฏิเสธ

   "นายไปกับคุณหมอแล้วกัน เดี๋ยวฉันเฝ้าอยู่แถวนี้เอง เผื่อท่านริวยะจะเรียกใช้อะไร จะได้สะดวกหน่อย"

   ทาคุหันไปบอกกับอากิระ แล้วโค้งศีรษะขอโทษนิด ๆ ให้แพทย์หนุ่ม ซึ่งอีกฝ่ายก็สั่นศีรษะค่อย ๆ อย่างเอือมระอา เพราะรู้ดีว่าทาคุนั้นเคร่งครัดเรื่องงานและมีความรับผิดชอบสูงในหน้าที่เพียงใด จากนั้นเขาจึงหันไปพยักหน้าชวนให้อากิระเดินตามตนไปลำพังแทน



    "จะว่าไปแบบนี้ก็ดีไปอย่างนะ ที่ทาคุเขาสนใจแต่เรื่องรับใช้ริวยะอย่างเดียวน่ะ นายจะได้ไม่ต้องเหนื่อยหรือระแวงว่าเขาจะไปชายตาแลใคร จริงไหม อากิระ"

   คำถามระหว่างที่กำลังเดินไปห้องรับแขก ทำให้อากิระสะดุ้งโหยงแล้วเหลือบมองคนพูดพลางยิ้มเจื่อน ๆ

   "ท่าทางผมดูออกขนาดนั้นเลยหรือครับ"

   "ฮ่า ๆ ก็ไม่เชิงหรอก แต่ฉันมีเซนส์เรื่องพวกนี้น่ะ...อีกอย่าง คนที่ดูดีอย่างนายแต่กลับไม่แลสาวคนไหน แถมพอฉันมาหาริวยะที่นี่ทีไร ก็เห็นนายคอยตามติดทาคุเขาตลอดประจำ ไอ้ลำพังจะคิดว่าเพราะหน้าที่ก็ได้อยู่ แต่หน้าที่หลักของนายมันเป็นผู้ช่วยเรื่องเอกสารของริวยะ มากกว่าจะมายืนเป็นบอดี้การ์ดเฝ้าหมอนั่นแบบนี้น่ะนะ"

    อากิระลอบถอนหายใจแผ่วเบา คงเพราะอยู่ที่บ้านพักก็มีแต่คนคุ้นเคย และไม่มีใครกล้าวิจารณ์เรื่องของเขากับทาคุให้ได้ยินนัก เขาจึงเผลอลืมตัวจนทำให้แขกอย่างแพทย์หนุ่มสังเกตเห็นเข้าให้จนได้

   "ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอกน่า ฉันไม่คอยไปล้อพวกนายหรอก...เพราะเป้าหมายของฉันน่ะคือเจ้าริวยะต่างหาก"

   คนพูดขยิบตาให้อย่างเจ้าเล่ห์ ซึ่งก็เรียกเสียงถอนหายใจจากคนฟัง จากนั้นอากิระจึงยิ้มน้อย ๆ และเดินตามแพทย์หนุ่มไปร่วมโต๊ะอาหารเช้าด้วยกันอย่างไม่คิดขัดคำเชิญชวนของอีกฝ่ายแต่อย่างใด



   อีกด้านหนึ่ง ริวยะที่นั่งเฝ้าร่างบนเตียงอยู่ลำพัง กำลังจ้องมองคนที่หลับเพราะพิษไข้อย่างนึกห่วง ทว่าพอเห็นเหงื่อที่เริ่มออกและตัวที่เย็นลงของอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกตามมา   

   "ดีจังนะที่เธออาการค่อยยังชั่วขึ้น ...หายไว ๆ นะยูคิ ฉันไม่ชอบที่จะเห็นเธอทรมานแบบนี้เลย"

   ริวยะพึมพำพร้อมกับชะโงกหน้าไปจูบหน้าผากของอีกฝ่ายแผ่วเบา และนั่งเฝ้าอยู่อีกพักใหญ่ ๆ จนชิโนะนั้นกลับเข้ามาช่วยเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ยูคิอีกรอบ  ก่อนที่ทาคุจะเป็นฝ่ายนำอาหารเช้ามาให้ผู้เป็นนายถึงห้องเด็กหนุ่ม เพราะริวยะนั้นไม่คิดที่จะไปกินอาหารเช้าตามปกติ

    จากนั้นพี่เลี้ยงและแม่บ้านประจำคฤหาสน์ทั้งสอง ก็ต้องช่วยกันเกลี้ยกล่อมให้ชายหนุ่มพักกินข้าวเสียก่อน โดยพากันอ้างว่า ถ้ายูคิมารู้ทีหลังว่าริวยะเอาแต่เฝ้าเขาจนไม่กินข้าวปลา เด็กหนุ่มคงจะรู้สึกผิดอยู่มากเป็นแน่ ทำให้ริวยะจำต้องยอมกินมื้อเช้าไปอย่างไม่ค่อยจะรู้รสเท่าใดนัก เพราะยังคงรู้สึกเป็นห่วงคนป่วยอยู่มากนั่นเอง



   พอตกบ่าย คนที่หลับมาตลอดก็งัวเงียตื่นขึ้น เด็กหนุ่มรู้สึกคอแห้งจนต้องเรียกหาน้ำ สักพักก็มีคนมาประคองให้เขากึ่งนั่งกึ่งเอนบนเตียง พร้อมกับป้อนน้ำให้เขาจิบทีละน้อยอย่างอ่อนโยน

   "เป็นไง...ดีขึ้นไหม ยังปวดหัวหรือครั่นเนื้อครั่นตัวอีกหรือเปล่า"

   น้ำเสียงทุ้มที่ทำให้คนฟังชะงัก ก่อนจะหันไปมองคนที่คอยช่วยเหลือเขาอย่างถนัดตากว่าเดิม

   "คุณริวยะ..."

   ใบหน้าหล่อเหลาแย้มยิ้มน้อย ๆ ให้ ทำให้คนมองต้องหลุบตาด้วยความเขิน ก่อนจะรู้สึกตัวตามมา

   "ผม...ไม่สบายหรือครับ"

   ริวยะพยักหน้าพร้อมตอบรับ ระหว่างที่เขี่ยปอยผมซึ่งตกมาบังหน้าอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู

   "ใช่ ตัวร้อนไม่รู้สึกตัวแต่เช้า ทำเอาฉันใจไม่ดีทีเดียว...แต่ฉันให้หมอมาฉีดยาเธอแล้วล่ะ แต่ถ้ายังปวดหัวหรืออาการไม่ดียังไงก็รีบบอกเลยนะ ฉันจะได้พาเธอไปโรงพยาบาลแทน"

   ยูคิรับฟังด้วยความตื้นตันใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นห่วงเขาถึงขนาดนี้ จะว่าไปเรื่องที่เขาไม่สบาย ก็ต้องโทษที่ตัวเขาเอาแต่คิดถึงเรื่องริวยะจนนอนไม่หลับเลยออกมานั่งตากน้ำค้างรับลมที่ระเบียงในตอนดึกทั้งที่ใส่เสื้อผ้าบาง ๆ จึงไม่แปลกเลยที่เขาจะมีไข้ขึ้นตามมาเช่นนี้

   "ขอโทษนะครับ...ที่ทำให้คุณริวยะต้องมาเป็นห่วง...เพราะผมดูแลตัวเองไม่ดีแท้ ๆ ...แค่ก ๆ"

   คนที่สำนึกผิดกล่าวขอโทษพร้อมกับไอตามมา ทำให้ริวยะเป็นห่วงอาการของอีกฝ่ายมากขึ้น

   "เป็นอะไรหรือเปล่ายูคิ! ฉันพาเธอไปหาหมอดีกว่า!"

   "มะ..ไม่เป็นไรครับ...แค่ไอเพราะเจ็บคอเท่านั้น"

   ยูคิรีบบอกเสียงแหบแห้ง ทำให้คนฟังนิ่วหน้าเม้มปาก แต่พอพิจารณาอาการของเด็กหนุ่มดู ก็เห็นได้ว่าสีหน้านั้นดูดีกว่าเมื่อเช้า และไข้ที่เคยสูงก็ลดลงไปมากแล้ว

    "งั้นก็แล้วไป...นี่กี่โมงแล้ว...อ๊ะ จริงสิ หิวไหม เธอยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่...เดี๋ยวฉันให้คนไปยกข้าวมาให้นะ"

   ริวยะบอกแล้วทำเหมือนจะเดินออกไปนอกห้อง ก่อนจะชะงัก แล้วถอนหายใจเพราะเขารีบร้อนจนลืมไปว่า สามารถติดต่อสายในผ่านโทรศัพท์ได้นั่นเอง

   "ชิโนะ...ยูคิตื่นแล้ว เดี๋ยวยกข้าวต้มร้อน ๆ มาให้เขาด้วยนะ  อ้อ ช่วยจัดการเรื่องยาให้ด้วยล่ะ"

   ริวยะสั่งความไปกับโทรศัพท์ภายใน โดยมีร่างเล็กคอยจ้องมองตามดูอย่างรู้สึกตื้นตันและนึกยินดีที่ริวยะให้ความสำคัญกับเขาถึงเพียงนี้ แม้ว่าตัวเขาเองจะยังไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนก็ตาม



... TBC ...



*ยังคงแจกอ้อยให้เคี้ยวประกอบตอนไม่เลิก 555 *   

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆอ่านตามทันแล้ว :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ StillLoveThem

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-10
..ตามทันแล้วเช่นกัน เป็นการอ่านครั้งแรกของพี่สำหรับเรื่องนี้
..สนุก ชอบความไร้เดียงสาของนายเอก และความขึ้หึงของพระเอก
..คู่รอง ก็น่ารักดี ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆให้อ่าน
:L2:

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ถ้าตกลงปลงใจกันจะหวงหนูยูคิขนาดไหนนะ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ในที่สุดก็ได้ฤกษ์จับลูกชายส่งเข้าเรียนสักที ขออภัยถ้าสั้นไปนิด คราวหน้าจะพยายามยาว ๆ ชดเชยนะคะ ^^"




บทที่ 13
   

   ตกเย็นในวันนั้น มีเครื่องแบบและตำราเรียนของยูคิมาส่งถึงบ้านพัก  ซึ่งเด็กหนุ่มที่อาการไข้ลดลงและพอเคลื่อนไหวได้ แม้จะนึกกลัวที่จะต้องไปย้ายในโรงเรียนใหม่ แต่พอได้เห็นเครื่องแบบเขาก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่มากเช่นเดียวกัน

   "ทำอะไรน่ะ"

   คนที่เข้ามาแวะเวียนเยี่ยมไข้ในห้องนั้นเกือบทั้งวันเอ่ยทัก เมื่อเห็นคนตัวเล็กกำลังลุกขึ้นมาจัดหนังสือตามตารางสอนที่ได้รับแนบมาพร้อมตำราตั้งนั้น

   "เอ่อ...ก็กำลังจะจัดหนังสือไว้ไปเรียนพรุ่งนี้ยังไงครับ"

   ยูคิตอบตามตรง แต่กลับทำให้คนฟังขมวดคิ้วยุ่ง เจ้าตัวเดินมาใกล้โต๊ะหนังสือของอีกฝ่ายก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใช้หน้าผากชนกับคนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้เพื่อวัดไข้ ทำเอาคนที่กำลังนิ่งอึ้งถึงกับหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที

   "...หน้าแดงเชียว แบบนี้แสดงว่ายังไม่หายไข้ เพราะงั้นนอนพักให้หายสนิทก่อนค่อยไปเรียนแล้วกัน"

   ริวยะที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายหน้าแดงเพราะอะไรแสร้งทำเป็นตีสีหน้าขรึมแล้วบอกออกไป ทำเอาคนฟังสะดุ้ง แต่พอจะประท้วง เขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของคนตรงหน้า

   "ฉันเป็นห่วงเธอนะยูคิ"

   พอได้ยินดังนั้น ยูคิก็ยิ่งหน้าแดงหนักกว่าเดิม เด็กหนุ่มรู้สึกว่าเขาเหมือนจะไข้กลับขึ้นมาอีกครั้งเอาเข้าจริง ๆ เสียแล้ว ส่วนริวยะที่พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่คิดโต้แย้งในสิ่งที่เขาสั่ง เจ้าตัวก็แย้มยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วจัดการโอบบังคับพาร่างเล็กให้ไปนอนพักที่เตียงต่อแทน โดยมีเขาคอยนั่งเฝ้าอยู่บนเตียงนั่นด้วย



   เช้าวันถัดมา ยูคิก็เริ่มรู้สึกว่าอาการไข้ที่เป็นทุเลาขึ้นมาก อาการปวดเมื่อยตัวก็บรรเทาลง จนเขาคิดว่าบางทีถ้าลองไปขอริวยะไปโรงเรียนในวันนี้ อีกฝ่ายก็อาจจะอนุญาตเป็นได้ ทว่ายังไม่ทันจะเดินไปหา ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาเสียก่อน

    "อ๊ะ! คุณริวยะ"

    "หือ...นี่เธอตื่นแล้วหรือ แล้วกำลังจะออกไปไหน อาการไข้ทุเลาแล้วหรือไง"

   คนที่เข้ามาในห้องสอบถามเป็นชุดอย่างห่วงใย จนเด็กหนุ่มนึกเขินขึ้นมานิด ๆ แต่ก็ยังคงตอบคำถามของอีกฝ่ายกลับไปตามตรง

   "เอ่อ...อาการไข้ผมค่อยยังชั่วแล้วครับ...ก็เลยตั้งใจว่าจะไปขออนุญาตคุณไปโรงเรียนวันนี้น่ะครับ"

    ริวยะขมวดคิ้วยุ่ง เขาจ้องหน้าแดงระเรื่อนิด ๆ ของเด็กหนุ่ม แล้วจึงปฏิเสธออกไปโดยไม่ต้องคิดนาน

   "ไม่ได้ ... ถึงจะดูอาการดีขึ้น แต่ก็ต้องพักฟื้นให้หายสนิทก่อน และถ้าพรุ่งนี้ฉันเห็นว่าอาการเธอยังไม่ดีขึ้น ฉันก็ยังไม่อนุญาตให้เธอไปเรียนแน่"

   ยูคิดูมีสีหน้าผิดหวังแล้วเตรียมจะค้าน ทำให้คนที่อ่านสีหน้านั้นออกยื่นมือไปลูบศีรษะของอีกฝ่ายแผ่วเบาอย่างอ่อนโยน

   "อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เธอก็รู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอขนาดไหน"

   คนที่แพ้ทางสีหน้าอ่อนโยนของอีกฝ่ายถึงกับชะงัก พลันหน้าแดงระเรื่อเป็นสีเข้มยิ่งกว่าเดิม แล้วรีบพยักหน้าหงึกหงักแถมซ้ำยังไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายด้วยความเขินอาย จนริวยะอดรนทนไม่ไหว ต้องจับคางอีกฝ่ายเชยขึ้น แล้วโน้มใบหน้าไปหอมแก้มเจ้าตัวเบา ๆ อย่างเอ็นดู

   "พักผ่อนอีกวันนะ เดี๋ยวตอนสาย ๆ ฉันจะให้หมอมาตรวจ ถ้าเขาบอกว่าเธอแข็งแรงดี แล้วฉันถึงจะยอมให้เธอไปโรงเรียนได้ เข้าใจนะ"

   "ครับ..."

   ยูคิพึมพำตอบรับด้วยใบหน้าแดงก่ำ จากนั้นเด็กหนุ่มจึงจำต้องกลับไปนอนพักผ่อนที่เตียงของตน เพราะถูกสายตาคาดคั้นพร้อมคำสั่งแกมบังคับจากร่างสูงที่ยังคงยืนมองอยู่ในห้องนั้น

   "ดีมาก...เด็กดี"

    ริวยะพึมพำแล้วจึงออกไปนอกห้องปล่อยให้เจ้าของห้องนอนพักผ่อนต่อโดยไม่รบกวนอะไรอีก



   ตกตอนสายของวันนั้น ยูคิงัวเงียตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกันหน้าห้อง เขายันกายขึ้นขยี้ตามองอย่างมึนงง ก่อนจะชะงักเมื่อได้เห็นริวยะมากับชายหนุ่มหน้าตาดีแปลกหน้าที่สวมเสื้อกาวน์ทับเสื้อผ้าของตนอีกชั้นหนึ่ง

   "อ้าว ตื่นแล้วหรือ ไหน ๆ ดูซิ หน้าตาสดใสขึ้นมากแล้วนี่ หนูน้อยของฉัน...โอ๊ย!"

   คนที่ยิ้มแย้มพร้อมยื่นหน้าเข้ามาเสียใกล้ถึงกับหลุดปากร้อง เมื่อถูกมือของใครบางคนกระชากเสื้อดึงร่างของเขาให้ออกห่างเด็กหนุ่มบนเตียงอย่างแรง

   "อะไรของนายอีกวะริวยะ! จะหึงจะหวงอะไรกันนักหนา ฉันไม่ยุ่มย่ามคนของนายต่อหน้าต่อตานายหรอกน่า!"

   "จะต่อหน้าหรือลับหลังก็ห้าม! แล้วก็ช่วยตรวจดี ๆ แบบที่หมอคนอื่นเขาทำกันได้ไหม ไม่ต้องยื่นหน้าไปชิดซะขนาดนั้นก็ได้!"

   ริวยะสวนกลับเพื่อนที่โวยวายใส่ตน ทำให้ยูคิมองทั้งคู่เลิ่กลั่กอย่างตกใจ จนทาคุที่ยืนอยู่ห่างออกไปจากทั้งสามต้องกระแอมเบา ๆ เตือน

   "เหอะ! ไปรักษาได้แล้ว จะได้รีบ ๆ กลับไปสักที!"

   ริวยะที่ได้ยินเสียงกระแอมของลูกน้องคนสนิทและหันไปเห็นสีหน้าวิตกกังวลของเด็กหนุ่มคนสำคัญเข้า จึงเอ่ยตัดบทขึ้นมา และนั่นก็ทำให้หมอหนุ่มอมยิ้มน้อย ๆ อย่างนึกขำ

   "โอเค ๆ คนอะไรวะขี้หวงชะมัด กับเพื่อนกับฝูงก็ยังไม่เว้น...เธอว่างั้นไหม หนูน้อย"

   แพทย์หนุ่มหันมาบอกกับยูคิพร้อมรอยยิ้ม ทำให้คนที่กำลังกังวลรู้สึกดีขึ้นแล้วจึงยิ้มเขิน ๆ ตอบ สร้างความไม่สบอารมณ์ ให้กับคนที่ยืนมองอยู่ข้าง ๆ ยิ่งนัก

   "ไหนดูซิ...อืม... ตัวก็ไม่ร้อน ...ชีพจรก็ปกติ ....งั้นก็วัดไข้อีกสักหน่อยแล้วกัน ...เธอนี่ร่างกายแข็งแรงดีนะเป็นไข้แล้วฟื้นไวแบบนี้  แต่ยังไงก็ระวังตัวหน่อยล่ะ เชื้อไวรัสสมัยนี้มันมีชนิดใหม่ ๆ มาอยู่เรื่อย เกิดติดเข้ามันจะรักษาลำบาก"

   แพทย์หนุ่มชวนคุยเรื่อย ๆ อย่างไม่คิดสนใจริวยะที่มองเขม่นตนอยู่ ส่วนยูคิเขาเหลือบมองริวยะแล้วก็นึกเขิน ที่อีกฝ่ายนั้นแสดงออกถึงความรู้สึกที่มีต่อเขา โดยไม่สนว่าจะมีใครอยู่ด้วยหรือไม่ เคราะห์ดีที่อีกฝ่ายเป็นเพื่อนของชายหนุ่ม มิเช่นนั้นยูคิคงนึกอายจนทำอะไรไม่ถูกแล้วก็ได้

   "ไหนดูซิ...อืม ไม่มีไข้แล้ว...พรุ่งนี้ก็ไปโรงเรียนได้สบาย ๆ แล้วล่ะ อ้อ แต่ยังไงวันนี้ก็กินยาเผื่อไว้อีกสักมื้อสองมื้อแล้วกัน จะได้ไม่ต้องกลัวไข้กลับในตอนเช้าไงล่ะ"

   แพทย์หนุ่มบอกพร้อมรอยยิ้มใจดี และนั่นจึงทำให้หลุดยูคิยิ้มหวานตอบ สร้างความไม่สบอารมณ์แกมหงุดหงิดให้กับเจ้าของบ้านเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว

   "เสร็จแล้วก็กลับไปได้ละ! ทาคุจัดการเรื่องค่ารักษาแล้วก็หาคนไปส่งหมอนี่กลับด้วยนะ!"

   ริวยะหันไปสั่งความคนของตน ทำให้แพทย์หนุ่มที่ถูกไล่กลับถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะแสร้งหันไปฉีกยิ้มกว้างให้คนบนเตียงแทน

   "...หนูน้อย เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ ขืนอยู่กับคนขี้หึงอย่างหมอนี่ มีหวังเธอประสาทกินก่อนแน่ ... ถ้าไงสนใจผู้ชายยิ้มแย้มอารมณ์ดีอ่อนโยนตลอด 24 ชั่วโมงอย่างฉันแทนไหม..."

   "มานาเบะ!"   

    เสียงริวยะตวาดขึ้นดังลั่นจนยูคิสะดุ้งโหยง ส่วนแพทย์หนุ่มนั้นยักไหล่ แล้วหันมายิ้มให้เพื่อนสนิท ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้แล้วกระซิบพึมพำกับอีกฝ่ายแผ่วเบา

   "ฉันเข้าใจนะ ว่านี่เป็นรักแรกที่ลึกซึ้งของนาย... แต่ความรักที่เต็มไปด้วยความหึงหวงและบังคับขู่เข็ญอย่างที่นายเป็นอยู่ ...มันจะยิ่งรังแต่จะทำลายความรักของเขาที่มีต่อนายให้หมดสิ้นลงทีละน้อยไม่ใช่หรือ"

     ริวยะชะงักกึก พอมองไปที่ยูคิก็เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าหวาดหวั่นเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว  ชายหนุ่มสบถเบา ๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามมา แล้วเอ่ยพึมพำตอบเพื่อนสนิท

   "ขอโทษ...ฉันลืมตัวไปหน่อย"

   "หึ ๆ แบบนี้เขาเรียกไม่หน่อยล่ะนะ ...แต่เอาเถอะ ฉันเข้าใจความรู้สึกนายนะ ...เพราะตอนนี้ฉันเองก็มีคนที่อยากจะให้มองแต่ตัวเองคนเดียว และไม่คิดจะยกให้ใครอยู่เหมือนกัน"

   แพทย์หนุ่มบอกพร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะตบบ่าอีกฝ่าย ทำให้ริวยะหันไปมองอย่างแปลกใจ

   "ใคร?"

   "ความลับ..."

   แพทย์หนุ่มบอกสั้น ๆ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอตามมา

   "ถึงบอกไปแบบนี้ เดี๋ยวนายก็สืบเองได้อยู่ดีนั่นล่ะนะ ...เอาเป็นว่าถ้ามีเวลาว่างมาดื่มสังสรรค์กันเมื่อไหร่ แล้วเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังเองแล้วกัน"

   บอกจบเจ้าตัวก็เดินโบกมือให้โดยไม่หันมามองโดยมีทาคุเดินตามไปด้วย  ซึ่งนั่นก็เรียกเสียงถอนหายใจอย่างเอือมระอาจากคนที่ยืนอยู่ ก่อนจะหันกลับมามองคนที่นั่งอยู่บนเตียงและมีสีหน้าหวาดหวั่นให้เห็น

   "ขอโทษ...กลัวฉันหรือเปล่า"

   ริวยะเดินมานั่งบนเตียงแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง จนคนฟังใจชื้น

   "กลัวนิดหน่อยครับ แต่ตกใจมากกว่า... กลัวว่าพวกคุณจะทะเลาะกันเพราะผมเป็นต้นเหตุ"

   ริวยะยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองตาเขาอย่างคลายความหวาดกลัวและกังวลก่อนหน้านั้น ชายหนุ่มลูบศีรษะอีกฝ่ายแผ่วเบา แล้วเอ่ยขึ้นตามมา

   "เจ้าหมอกวนประสาทนั่น ชอบแหย่ให้ฉันโมโหแบบนี้ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ...แต่ก็นั่นล่ะ ปกติฉันก็ควบคุมตัวเองอยู่หรอกนะ แต่พอเป็นเรื่องของเธอ มันก็อดโกรธไม่ได้... ฉันรักเธอนะยูคิ ถ้าสามารถทำได้ นอกจากฉันแล้ว ฉันไม่ต้องการให้ใครมาอยู่ใกล้เธอ พูดคุยกับเธอ ...ฉันอยากจะเก็บเธอไว้ให้เป็นของฉันคนเดียวมากกว่า"

   ยูคิหน้าแดงวาบหัวใจเต้นแรง เขาหลุบตาหลบไม่กล้าสบแววตาคมกริบฉายความปรารถนาคู่นั้น จนริวยะที่มองมาต้องสั่นศีรษะน้อย ๆ แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มประดับใบหน้าหล่อเหลานั้น

   "ฉันคงต้องกลับไปทำงานก่อน แล้วเย็นนี้เจอกันนะ" 

   ริวยะบอกพร้อมกับลุกขึ้น และเมื่อเห็นว่ายูคิยังคงไม่กล้าหันมาสบตากับเขา ชายหนุ่มก็ลอบถอนหายใจแผ่วเบา ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังแผ่วตามไล่หลังมา

   "เอ่อ...ขอให้เดินทางโดยปลอดภัยนะครับ"

   ริวยะหันมามองแล้วยิ้มน้อย ๆ ให้ ก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นไปอย่างอารมณ์ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ส่วนยูคิก็ทิ้งกายลงนอนบนเตียงด้วยความเขินอาย ยิ่งเมื่อหวนคิดถึงถ้อยคำหวานแสดงความเป็นเจ้าของในตัวเขาที่ริวยะพูดเมื่อครู่  ยูคิก็ยิ่งหน้าร้อนวูบวาบ เสียจนคิดว่าตนอาจจะมีไข้กลับขึ้นมาอีกรอบแล้วก็เป็นได้ทีเดียว

   

   เช้าวันถัดมาเด็กหนุ่มที่หายป่วยและรู้สึกแข็งแรงดีเหมือนเดิม ก็ตื่นตั้งแต่เช้า แล้วหยิบเครื่องแบบมาลองใส่อย่างตื่นเต้น เครื่องแบบของโรงเรียนเอกชนยามิคุระ เป็นเครื่องแบบที่ถูกดีไซน์ออกมามีสไตล์ส่งผลให้ใครก็ตามที่สวมใส่มัน ดูมีสง่าราศีเพิ่มขึ้นจากปกติเป็นพิเศษเลยทีเดียว

   "เนื้อผ้าดีแถมตัดเย็บประณีตชะมัด  มิน่าล่ะ ถึงมองแล้วแตกต่างจากเครื่องแบบโรงเรียนรัฐบาลของเราลิบลับ"

   เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเอง พลางมองเงาสะท้อนในกระจกของตน ที่กำลังสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้น ผูกเนคไทค์สีเขียวเข้ม สวมกางเกงขายาวสีเทาดำ อันที่จริงเครื่องแบบเต็มยศของสถาบันแห่งนี้ยังมีเสื้อสูทตัวนอก เป็นสีเทาอ่อนมีตราโรงเรียนปักอยู่ตำแหน่งอกซ้าย และมีกระเป๋าที่ชายเสื้อทั้งสองข้าง เพียงแต่ว่าตอนนี้นั้นเป็นช่วงฤดูร้อน และทางสถาบันก็อนุญาตให้นักเรียนไม่จำเป็นต้องสวมสูททับไปอีกชั้นก็ได้นั่นเอง

   เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังลองเสื้อผ้าชะงัก แล้วรีบออกจากห้องน้ำตรงไปเปิดประตูห้องทันที

   "อ๊ะ อรุณสวัสดิ์ครับคุณชิโนะ  คุณโทโมโยะ"

   เด็กหนุ่มทักทายคนทั้งสองพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งทั้งคู่ก็ยิ้มตอบ ทางด้านชิโนะนั้นพิจารณารูปลักษณ์อีกฝ่ายอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มแย้มอ่อนโยนส่งให้

   "คุณดูเหมาะกับเครื่องแบบของที่นี่มากเลยค่ะ คุณยูคิ"

   โทโมโยะที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พยักหน้าพร้อมยิ้มยืนยันตามมา ซึ่งก็ทำให้ยูคิเกาแก้มอย่างนึกเขิน

   "ขอบคุณครับ..."

   "ถ้ายังไงก็ตื่นแล้ว ไม่ลองออกไปเดินเล่นข้างนอกก่อนสักพักหรือคะ"

   ชิโนะเสนอความเห็น ซึ่งยูคิก็เห็นว่าดีตามนั้น แต่เขาก็เกรงว่าจะเผลอทำให้ชุดใหม่เปื้อนเสียก่อน

   "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวถ้าเปื้อนดิฉันก็จะซักรีดให้ใหม่ รับรองว่าใช้เวลาไม่นานแน่"

   ชิโนะบอกแล้วยิ้มหวานให้แต่ยูคิมองว่ามันเหมือนกับอีกฝ่ายนั้นบังคับเขากลาย ๆ เสียมากกว่า

   "ถ้าอย่างนั้นก็ขอตัวนะครับ"

   ยูคิบอกแล้วออกจากห้องไป เหลือแต่เพียงสองสาวต่างวัยที่เข้ามาเก็บกวาดห้องพักตามหน้าที่ปกติของตนเท่านั้น

   "ทำไมคุณชิโนะถึงอยากให้คุณยูคิไปเดินเล่นตอนนี้ล่ะคะ นี่ยังเช้าอยู่เลยไม่ใช่หรือคะ"

   โทโมโยะถามอย่างสงสัย ซึ่งคนฟังก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยตอบไปตามตรงอย่างไม่คิดปิดบัง

   "ก็เพราะนี่เป็นเวลาที่ท่านริวยะตื่นพอดีน่ะสิ  ท่านริวยะจะตื่นเวลานี้และมักจะออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ในสวนเสมอ ถ้าตื่นมาแล้วท่านได้เจอคุณยูคิในเครื่องแบบโรงเรียนที่ท่านเลือกให้แบบนั้น ..."

   ชิโนะค้างคำพูดของตนไว้แล้วยิ้มอย่างสื่อความหมาย ทำให้โทโมโยะร้องอ๋อ แล้วเอ่ยเสริมตามมา

   "อ๋อ...แบบนี้นี่เอง แหม! คุณชิโนะล่ะก็ อยากจะเป็นแม่สื่อกับเขาบ้างสินะคะ"

   "ช่วยไม่ได้นี่นะ ฉันไม่เคยเห็นคุณริวยะปักใจกับใครแบบนี้มาก่อน...ถ้ามีส่วนช่วยเสริมความรักให้เจ้านายสมหวังได้ ผู้ดูแลบ้านพักอย่างฉันก็สมควรจะช่วยอยู่แล้ว เธอว่าจริงไหมล่ะ โทโมโยะ"

   "จริงแท้แน่นอนเลยค่ะ คุณชิโนะ ...จะว่าไปแล้ว สองคนนั่นเวลาอยู่ด้วยกันก็แสนจะเหมาะสมกันนะคะ  นี่ถ้าคุณยูคิเป็นผู้หญิงล่ะก็ มีหวังพวกดิฉันกับคุณชิโนะคงจะได้ช่วยเลี้ยงคุณตัวเล็ก ๆ กันจนเหนื่อยแน่เลยค่ะ"

   "ชู่ว! ชักลามปามเกินไปแล้วนะเธอน่ะ"

    ผู้ดูแลสาวใหญ่ตำหนิเบา ๆ แต่ก็ไม่จริงจังนัก ทำเอาสาวใช้รุ่นน้องต้องแอบแลบลิ้นน้อย ๆ แล้วเอ่ยขอโทษตามมา จากนั้นพวกเธอก็ช่วยกันจัดการเก็บกวาดและจัดห้องให้สะอาดเรียบร้อยกันต่อไป

   


... TBC ...

ออฟไลน์ เอาแต่ใจจะทำไม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เย้ๆมาแล้วดีใจจัง :hao7:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ยูคิมีแต่เขินอายเนาะ อยากให้มีฤทธิ์เดชบ้างอ่ะ ฮี่ๆ o18

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4

บทที่ 14



    ยูคิลงมาเดินเล่นในสวน ดูไม้ใบเขียวร่มรื่น และปลาว่ายในธารน้ำใสอย่างเพลิดเพลินตา ก่อนจะสะดุดกับร่างสูงที่ยืนนิ่งเหม่อมองต้นไม้เบื้องหน้าคล้ายกำลังใช้ความคิดบางอย่าง เด็กหนุ่มนิ่งชะงักฝีเท้า เขาถอยหลังเตรียมเดินหลบไปเพราะเกรงใจไม่อยากรบกวน ทว่ากลับเผลอเหยียบเอาเศษใบไม้แถวนั้นจนทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์รู้สึกตัว

   "ใคร! ..."

   ริวยะค้างคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อได้เห็นเด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบเต็มยศของโรงเรียนเอกชนยามิคุระอย่างเต็มตา

   "เอ่อ...ขอโทษนะครับคุณริวยะ ที่รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ"

   ยูคิบอกแล้วโค้งให้อย่างรู้สึกผิด ทว่าชายหนุ่มนั้นกลับแย้มยิ้มน้อย ๆ ให้แทน

   "ถ้าเป็นเธอก็ไม่เป็นไร...ไหน มาให้ฉันเห็นชัด ๆ ซิ"

   ท้ายประโยคนั้นออกคำสั่งกลาย ๆ ทำให้คนฟังต้องลอบถอนหายใจ แล้วจึงเดินเข้ามาใกล้ให้ชายหนุ่มพิจารณาตัวเองใกล้ ๆ 

   "เหมาะจริง ๆ นั่นล่ะ"

   ริวยะพึมพำอย่างพึงพอใจ แล้วจึงเลิกคิ้วนิด ๆ เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงระเรื่อเรื่อย ๆ แล้วพยายามเบือนหน้าหลบไปทางอื่น

   "เป็นอะไรไป"

   ชายหนุ่มถามออกไปตามตรง ทำให้คนฟังสะดุ้ง ก่อนจะอุบอิบตอบปฏิเสธกลับไปค่อย ๆ

   "คือ...ไม่มีอะไร...หรอกครับ"

   ยูคิบอกแล้วเหลือบมองชุดยูกาตะสีดำของอีกฝ่ายที่สวมใส่ทับร่างสูงนั้นไว้หลวม ๆ จนเผยให้เห็นแผงอกกำยำล่ำสันชวนมองนั่น

   "หือ...อ้อ..."

   ริวยะที่สังเกตเห็นสายตาของอีกฝ่ายลอบยิ้มอย่างยินดี เพราะดูจากปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มแล้วแสดงให้เห็นว่า อีกไม่ช้าเขาคงจะได้รับฟังคำตอบรับรักของอีกฝ่ายในเร็ว ๆ นี้เป็นแน่

   "นี่รู้ไหม...ว่าข้างในนี่น่ะ ไม่ได้ใส่อะไรเลยล่ะนะ"

   ชายหนุ่มบอกพร้อมแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ และนั่นก็ทำให้คนฟังหน้าแดงก่ำ พร้อมกับหันมามองคนพูดอย่างตกใจ

   "ก็เห็นเธอจ้องเอา ๆ คล้ายอยากรู้  ฉันก็เลยบอกให้รู้ยังไงล่ะ"

   คำพูดของริวยะทำเอายูคิแทบอยากจะมุดแทรกแผ่นดินหนีด้วยความอาย  ส่วนชายหนุ่มก็ลอบยิ้มอย่างนึกเอ็นดู ก่อนจะเดินเข้าไปชิดร่างเล็ก พร้อมกับใช้มือเชยคางคนหน้าแดงให้ขึ้นมาสบตาเขา ทางด้านยูคินั้นชะงักนิด ๆ ก่อนจะหลุบตาหลบลงไม่กล้าสบกับแววตาคมกริบของอีกฝ่าย

   "ยูคิ...ทำไมยิ่งนับวัน เธอถึงยิ่งน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ กันนะ"

   ยูคิหน้าร้อนวูบวาบ ใบหน้านั้นแดงเข้มและแดงขึ้นเรื่อย ๆ จนลามไปถึงใบหูและลำคอของเจ้าตัว จนริวยะอมยิ้มแล้วโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากบางนั่นแผ่วเบา

   "รีบ ๆ รับรักฉันเถอะนะยูคิ...ก่อนที่ฉันจะอดทนไม่ไหวแล้วเผลอกอดเธอเข้า ...ฉันไม่อยากทำให้เธอเสียใจ ฉันต้องการให้เราทั้งคู่มีความสุขด้วยกันมากกว่า"

   คำสารภาพแสนจริงใจนั่น ทำให้คนฟังทั้งตกตะลึงและซาบซึ้งตื้นตันไปในคราเดียวกัน ...และนั่นมันทำให้เขาตระหนักได้ว่า ด้วยฐานะและสถานภาพที่ริวยะเป็นอยู่ตอนนี้ ชายหนุ่มนั้นสามารถบังคับฝืนใจให้เขาเป็นของตนเองได้โดยไม่ยากนัก หากแต่ริวยะกลับเลือกที่จะรอคอยให้เขาเป็นฝ่ายตอบรับรักทั้งที่ไม่จำเป็น

   "ขอบคุณนะครับ...ที่คิดถึงความรู้สึกของผมแบบนี้"

   ยูคิแย้มยิ้มหวานส่งให้ และนั่นก็ทำให้คนมองอดใจไม่ไหว จนต้องโน้มใบหน้าลงมาแนบชิดและลิ้มชิมรสริมฝีปากบางนั่นอีกครั้ง จนกระทั่งพอใจ และจึงยอมปล่อยให้คนตัวเล็กเป็นอิสระในที่สุด

    "ไปเตรียมตัวที่ห้องของเธอก่อนแล้วกัน...ขืนอยู่กันสองต่อสองนานกว่านี้ ฉันคงได้ควบคุมตัวเองไม่ไหวจริง ๆ เป็นแน่"

   ริวยะบอกพร้อมรอยยิ้ม ทว่าคำพูดนั้นกลับทำให้คนฟังสะดุ้ง หน้าแดงก่ำ แล้วรีบโค้งลาวิ่งตรงกลับเข้าห้องทันที โดยมีร่างสูงไล่มองตามหลังไปด้วยใบหน้าอ่อนโยน เสียจนเลขาคนสนิทที่เผอิญผ่านมาเห็นฉากสวีทหวานระหว่างทั้งคู่ได้พักใหญ่ เริ่มนึกลังเลว่าจะตรงเข้าไปพูดคุยธุระกับเจ้านายในตอนนี้ หรือถอยฉากไปตั้งหลักสักพักก่อนดี...เพราะเขาเกรงว่าหากริวยะนั้นเกิดรู้ว่าเขาแอบดูฉากหวาน ๆ กับเด็กหนุ่มสุดที่รักของเจ้าตัวอยู่ตลอดล่ะก็  ต่อให้เขาไม่ได้พูดล้อเลียนอะไรออกไป ชายหนุ่มก็น่าจะยังคงเขินจนเกิดกลายเป็นความหงุดหงิด แล้วพาลอารมณ์เสียใส่เขาเข้าให้โดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้

    "มายืนทำอะไรตรงนั้นน่ะอากิระ"

   เสียงทุ้มจากข้างหลังดังขึ้น ทำให้คนที่แอบอยู่มุมทางเดินสะดุ้งแล้วหันขวับกลับไป

   "ทาคุ!"

   อากิระเผลอเรียกอีกฝ่ายอย่างตกใจ แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อริวยะนั้นรู้สึกตัว แล้วหันมาทางพวกเขา

   "ทั้งสองคน...ยืนอยู่ตรงนั้นนานแล้วสินะ"

   ร่างในชุดยูกาตะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น ทำให้ทาคุขมวดคิ้วแล้วจึงชำเลืองเพื่อนสนิทที่ยืนยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะหันกลับไปตอบคำถามนั้น

   "ไม่ใช่หรอกครับ  พวกผมเพิ่งจะมาถึงเมื่อครู่นี้เอง"

   ริวยะจ้องมองคนพูดอย่างจับผิด ก่อนจะถอนหายใจออกมาแผ่วเบา แล้วเปรยขึ้นต่อ

   "งั้นก็ช่างเถอะ...แล้วมาแถวนี้มีอะไรหรือเปล่า หรือว่ามีธุระกับฉัน"

   อากิระสะดุ้งนิด ๆ เจ้าตัวหันไปพึมพำขอบคุณเพื่อนสนิทที่ช่วยพูดแก้ตัวให้ตน ก่อนจะหันไปตอบผู้เป็นเจ้านาย

   "คือวันนี้มีประชุมตอนสิบโมงเช้า แล้วตอนเที่ยงก็มีนัดสำคัญกับลูกค้าที่เลื่อนไม่ได้ด้วยน่ะครับ"

   อากิระรายงานกำหนดการให้อีกฝ่ายทราบ ซึ่งริวยะพอได้ฟังก็ลอบถอนหายใจอย่างนึกระอา เพราะจริง ๆ วันนี้เขานั้นตั้งใจจะเบี้ยวงานไปนั่งเฝ้ายูคิเข้าเรียนวันแรกแท้ ๆ

   "โอเค...เข้าใจแล้ว และนายล่ะทาคุ มีธุระอะไรไหม"

   "ผมเพิ่งได้ชุดคอมพิวเตอร์ที่สั่งไว้มาน่ะครับ เลยจะมาเรียนถามท่านริวยะว่า จะให้นำไปมอบให้คุณยูคิเลยดีไหม"

   ริวยะนิ่งคิด ก่อนจะเอ่ยตามมาอย่างอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม

   "เอาไปเก็บไว้ที่ห้องฉันก่อนก็แล้วกัน เย็นนี้ฉันจะได้ทำเซอร์ไพรส์ให้เขาดีใจ"

   ทาคุรับคำแล้วโค้งให้อย่างรับรู้แล้วหันหลังเดินจากไป ทางด้านอากิระเห็นดังนั้น เขาก็รีบโค้งให้ริวยะแล้วตามอีกฝ่ายไปติด ๆ



   "ขอบคุณที่ช่วยพูดให้เมื่อครู่นะทาคุ ไม่งั้นฉันคงโดนท่านริวยะเหม็นหน้า แล้วโยนงานวันนี้ทั้งหมดให้ฉันรับหน้าแทนก็ได้...เรื่องประชุมกับหุ้นส่วนสำคัญของบริษัทก็ยังพอไหว  แต่นัดคุยงานกับลูกค้าคนที่ว่านี่สิ รายนี้นี่ยิ่งจู้จี้จุกจิกไม่ยอมฟังใคร นอกจากท่านริวยะคนเดียวเสียด้วย"

   ทาคุรับฟังแล้วถอนหายใจเบา ๆ เพราะเข้าใจดีว่าลูกค้าของริวยะ แต่ละคนก็ค่อนข้างเอาใจยากกันทั้งนั้น 

   "...นายก็อย่าไปเผลอหลุดปากจนท่านริวยะรู้เรื่องที่นายแอบดูท่านอยู่ด้วยล่ะ ฉันไม่ตามไปแก้ตัวให้อีกแล้วนะคราวนี้"

    เท่าที่สังเกตดู ทาคุก็พอจะคาดเดาได้อยู่หรอกว่า ก่อนหน้านั้นริวยะก็น่าจะอยู่กันตามลำพังกับยูคิ และก็คงจะมีฉากหวาน ๆ ที่อาจจะทำให้คนแอบดูชะตาขาด หากชายหนุ่มรู้เข้าให้ก็ได้

   "รู้หรอกน่าว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด ถึงตอนนี้ท่านริวยะจะอารมณ์ดีขึ้นมากกว่าก่อนหน้านั้น แต่เรื่องอารมณ์แปรปรวนนี่สิ ยิ่งเพิ่มขึ้นเสียจนรับมือลำบากเลยทีเดียว"

   อากิระเปรยบ่นจนทำให้คนฟังขมวดคิ้วยุ่ง ซึ่งชายหนุ่มก็หันไปสังเกตเห็นเข้าพอดี จึงต้องหลุดยิ้มเจื่อนแล้วรีบยกมือขอโทษอีกฝ่าย ทำให้คนมองลอบค้อนให้อย่างนึกหมั่นไส้

   "อืม...จริงสิ วันนี้ เด็กนั่นก็ไปโรงเรียนแล้วสินะ...หน้าตาน่ารักแบบนั้นสงสัยคงจะป๊อบปูล่าได้ไม่ยาก ...แอบห่วงแทนท่านริวยะจริงน้อ"

   เงียบได้สักพักอากิระก็เปรยขึ้นตามมาอย่างอารมณ์ดีกว่าก่อนหน้านั้น ทำให้คนที่เดินมาด้วยกันนึกหมั่นไส้ขึ้นมาอีกรอบ

   "รู้งี้เมื่อครู่ปล่อยให้โดนท่านริวยะตำหนิเอาก็ดี ไม่น่าช่วยไว้เลย เผื่อจะได้รักษาอาการปากเสียให้หายได้บ้าง"

   "ฮะ ๆ ไม่เอาน่าทาคุ...ช่วยกันน่ะดีแล้ว เดี๋ยวนี้ฉันเองถ้าเจอท่านริวยะอาละวาดใส่ก็รับมือไม่ค่อยถูกเหมือนกันนา...ใครจะสู้คุณพี่เลี้ยงที่อยู่กับท่านริวยะมานานจนรู้ใจกันไปเสียหมดแบบนายได้ล่ะ"

   ท้ายประโยคอีกฝ่ายมีน้ำเสียงประชดนิด ๆ ทำให้คนฟังหันกลับไปมองแล้วจ้องอีกฝ่ายอย่างพิจารณากว่าเดิม

   "อิจฉาฉันหรือไง...นายน่ะเป็นถึงคนสนิทที่ได้รับการยอมรับให้เป็นมือขวาของท่านริวยะนะ"

   อากิระขมวดคิ้วยุ่ง เพราะบางทีทาคุนั้นก็เหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจความนัยที่เขาอยากจะสื่อให้เจ้าตัวรู้เลยสักนิด

   "ไม่ใช่สักหน่อย...ทำไมฉันต้องอิจฉานายด้วยล่ะ คนที่ฉันอิจฉาน่ะ ท่านริวยะต่างหาก"

   คนฟังชะงักก่อนจะมีสีหน้างุนงงตามมาจนคนพูดต้องถอนหายใจยาว

   "ช่างเหอะ...ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร"

    บอกจบอากิระก็เดินแยกกลับห้องพักของตัวเองไป ส่วนทาคุก็ยืนนิ่งมองตามหลังเพื่อนสักพัก แล้วจึงหันมาให้ความสนใจกับเรื่องงานของตนต่อ เมื่อคนงานในบ้านเข้ามาถามเขาว่าจะให้นำชุดคอมพิวเตอร์ที่ได้มาไปไว้ที่ไหนนั่นเอง

   

   แม้จะต้องเข้าบริษัทในวันนี้ แต่ริวยะก็ยังเจียดเวลาตามมาส่งเด็กหนุ่มสุดที่รักของตนถึงที่โรงเรียน โดยเจ้าตัวนั้นโทรย้ำให้ผู้อำนวยการหนุ่มคอยดูแลยูคิให้ดี จนคนที่ย้ายมาเรียนใหม่รู้สึกเริ่มลำบากใจขึ้นมาอีกครั้ง

   "ฉันไปละ ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็แจ้งอิชิโจเขาได้ตลอดเวลา หรือโทรมาหาฉันไม่ก็ทาคุก็ได้ เข้าใจนะ"

   ริวยะย้ำบอกกับเด็กหนุ่มอีกครั้ง ซึ่งยูคิก็รับคำเขิน ๆ และพอริวยะปลีกตัวไปทำงานแล้ว เด็กหนุ่มก็รู้สึกโหวง ๆ ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

   "ยังไงก็ต้องเข้มแข็งไว้ คุณริวยะจะได้ไม่ผิดหวังในตัวเรา"

   ยูคิพึมพำปลอบใจตัวเอง ก่อนจะตรงไปในอาคารเรียน หาห้องพักครูของชั้นปีที่เขาศึกษา เพื่อรายงานตัวกับอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาอย่างเป็นทางการนั่นเอง

   

   อาจารย์ที่ปรึกษาห้อง Z ของยูคินั้น มีชื่อว่า มิซาวะ อากิ เป็นอาจารย์หนุ่มหน้าอ่อนเหมือนนักศึกษาจบใหม่ แต่อายุจริง ๆ นั้นสามสิบกว่าปีแล้ว อีกฝ่ายเป็นคนใจดี ยิ้มง่าย ทำให้ยูคิรู้สึกโล่งอกที่ได้อาจารย์ที่ปรึกษาใจดีแบบนี้

   "ถ้ายังไงเธอก็นั่งเล่นรอที่นี่ก่อน หรือจะไปเดินเล่นชมรอบ ๆ ก่อนก็ได้ แต่พอถึงเวลาเข้าเรียน ต้องมาที่ห้องนี้นะ ครูจะได้แนะนำเธอให้กับทุกคนในห้องไงล่ะ"

   อาจารย์มิซาวะบอกพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ซึ่งยูคิก็ตัดสินใจขอไปเดินชมรอบ ๆ โรงเรียนก่อน โดยให้สัญญากับอีกฝ่ายว่า พอถึงเวลาเข้าเรียน เขาจะรีบมาพบอาจารย์หนุ่มที่ห้องนี้อีกครั้งแน่



   ยูคิเดินชมรอบ ๆ อาคารเรียนจากด้านนอกด้วยความสนอกสนใจ โรงเรียนเอกชนยามิคุระแห่งนี้ เป็นโรงเรียนชายล้วน และนั่นก็ทำให้คนที่หน้าตาน่ารักอย่างยูคิ กลายเป็นที่สะดุดตาของบรรดานักเรียนคนอื่นที่ได้เห็นตัวเด็กหนุ่ม

   "ใครกันน่ะ เด็กนั่น...ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนี่"

   เสียงพึมพำกระซิบกระซาบดังขึ้นจากนักเรียนที่นั่งเล่นอยู่แถวนั้น

   "เนคไทสีเขียว...เด็ก ม.5 อย่างนั้นหรือ แต่น่ารักแบบนั้น ถ้าได้เห็นมาก่อนก็น่าจะจำได้บ้างนะ"

   "สงสัยจะเป็นนักเรียนย้ายมาใหม่"

   "ย้ายมาปลายเทอมนี่นะ...แปลกเนอะ"

   นักเรียนอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นเด็ก ม.6 พึมพำกับเพื่อน แต่แล้วพวกเขาก็หันไปสนทนาเรื่องอื่นต่อ เพราะยูคินั้นเดินลิ่ว ๆ ไปทางอื่นเรียบร้อย

   

   เดินเที่ยวชมโรงเรียนไปได้สักพักใหญ่ คนตัวเล็กก็เหลือบมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตน เขาตัดสินใจเดินกลับไปยังห้องทำงานส่วนตัวของอาจารย์หนุ่ม ทว่าพอเคาะประตูแล้วขออนุญาตเข้าไป ยูคิก็ต้องชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นมีนักเรียนชายสวมเนคไทสีเขียวเช่นเดียวกับเขา กำลังนั่งคุยกับอาจารย์มิซาวะอยู่ในห้องนั้น

   "อ้าว...กลับมาแล้วหรือ ทานากะ เอ่อ...อารา...เอ๊ย ยามิคุระคุง นี่ก็ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว เธอกลับห้องไปได้แล้วล่ะ"

   ยูคิชะงักเมื่อได้ยินนามสกุลของเด็กหนุ่มคนนั้น ก่อนจะเผลอหลุดปากเรียกออกไปอย่างลืมตัว

   "ยามิคุระ...หรือว่าคุณจะเป็นหลานชายผู้อำนวยการ"

   เด็กหนุ่มหน้าตาคมเข้มติดดุ จ้องมองคนตัวเล็กตรงหน้านิ่ง ก่อนจะยักไหล่นิด ๆ

   "ก็ใช่...ส่วนนายก็คือนักเรียนใหม่ ที่อาบอกไว้นั่นสินะ"

   อีกฝ่ายบอกพร้อมกับเหลือบมองอาจารย์ที่ปรึกษาหนุ่มครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมามองร่างเล็กตรงหน้าตนแล้วยื่นมือไปให้จับ

   "ฉันยามิคุระ อารากิ ...ยินดีที่ได้รู้จัก"

   ยูคิชะงักก่อนจะรีบแนะนำตัวเองบ้าง

   "อ๊ะ...ผม ทานากะ ยูคิ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน..."

   ยังไม่ทันแนะนำตัวจบดี คนที่เขาจับมือด้วย ก็ขยับเข้ามาใกล้ แล้วดึงมือรั้งร่างเขามาชิดพร้อมกระซิบบอกเสียงเข้ม

    "ฉันไม่ปล่อย 'เขา' ให้นายง่าย ๆ หรอก"

   ยูคิชะงักหน้าซีดนิด ๆ เขาเข้าใจว่าอารากินั้นหมายถึงริวยะ จึงทำให้เด็กหนุ่มถึงกับนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

   "ถ้าอย่างนั้นผมไปล่ะนะครับ อาจารย์มิซาวะ...แล้วเจอกันที่ห้องนะ ทานากะ!"

   เจ้าตัวบอกแล้วยิ้มกว้าง ทว่านัยน์ตาคมนั้นฉายแววไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด

   "เด็กนั่นเข้ามาถามครูถึงเรื่องเธอตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วล่ะ ...ครูก็นึกว่าพวกเธอรู้จักกันมาก่อนเสียอีก"

   อาจารย์มิซาวะบอกกับลูกศิษย์คนใหม่ของเขา ซึ่งยูคิก็หันไปตอบคำถามนั้นตามตรง

   "เปล่าหรอกครับ พอดีคุณริวยะ...เอ่อ...ผู้ปกครองคนปัจจุบันของผม เขาเป็นเพื่อนกับท่านผู้อำนวยการ และทางคุณอารากิก็รู้จักคุ้นเคยกับผู้ปกครองของผมดีด้วยน่ะครับ..."

   ท้ายประโยคยูคิมีน้ำเสียงที่แผ่วลง เมื่อหวนคิดถึงว่าอารากินั้นคงชอบริวยะมากและเห็นเขาเป็นศัตรูหัวใจตนเองเป็นแน่

   "ผู้ปกครองของเธอ...คุณมุราคามิ  ริวยะ สินะ...สองคนนั่นก็สนิทกันดีหรอก เห็นอารากิ...เอ่อ ยามิคุระคุง ชอบพูดถึงคนคนนั้นให้ครูฟังอยู่บ่อย ๆ น่ะ"

   อาจารย์หนุ่มพึมพำกับตัวเอง และเพราะยูคิกำลังซึม ๆ กับเรื่องที่ได้รับรู้ จึงไม่ทันได้สังเกตท่าทางที่ดูแปลกไปของอาจารย์ที่ปรึกษาของตนเช่นกัน

   "อ๊ะ! เสียงสัญญาณเข้าเรียนดังแล้วนี่นะ งั้นเราก็รีบไปห้องเรียนและแนะนำตัวกันเถอะ เธอพร้อมหรือยังล่ะ ทานากะคุง"

   เสียงสัญญาณที่ดังขึ้นเรียกทั้งคู่กลับคืนจากภวังค์ อาจารย์มิซาวะหันไปหาลูกศิษย์คนใหม่ แล้วเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน

   "ครับ อาจารย์"

   ยูคิรับคำ แล้วพยายามสลัดความคิดเรื่องที่อารากิชอบริวยะทิ้งไปจากสมองของตนเสีย



   พอถึงเวลาเข้าเรียน นักเรียนทั้ง 24 คน ในห้อง z ต่างมองดูอาจารย์ที่ปรึกษาของตน พานักเรียนย้ายใหม่เข้ามาแนะนำตัวกันอย่างสนอกสนใจ

   "พวกเธอคงจะรู้จากเมื่อวานแล้ว จริง ๆ เขาจะต้องมาเรียนพร้อมพวกเธอเมื่อวานนี้ แต่ว่าเพราะป่วยจึงจำต้องเลื่อนมาเป็นวันนี้แทน"

   อาจารย์มิซาวะบอกแล้วจึงหันมาพยักหน้าให้กับเด็กหนุ่มข้างกายแนะนำตัวกับเพื่อนในชั้นเรียนต่อ

   "สวัสดีครับ ผมทานากะ ยูคิ จะมาเรียนร่วมกับทุกคนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครับ ฝากตัวด้วยนะครับ"

   สิ้นคำแนะนำตัว หลายคนพากันนิ่วหน้าแปลกใจ เพราะต่างไม่คุ้นเคยกับนามสกุลทานากะที่อีกฝ่ายแนะนำมากันสักเท่าไหร่

   "ทานากะ...ไม่เคยเห็นได้ยินมาก่อนเลย...นามสกุลพื้น ๆ ชะมัด"

   "นั่นสิ...หรือจะเป็นพวกนักการเมืองท้องถิ่นกันนะ"

   เสียงซุบซิบจากคนในห้องนั้นดังมาเข้าหูของเด็กหนุ่มและอาจารย์ที่ปรึกษาของห้อง ทางด้านอาจารย์มิซาวะหันไปทางต้นเสียงแล้วกระแอมในลำคอพร้อมส่งสายตาตำหนิไปให้ ซึ่งก็ทำให้เจ้าของเสียงนินทาห่อไหล่ แล้วรีบหลบตา ส่วนยูคิเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะตัดสินใจยิ้มหวานให้กับทุกคนในห้อง พร้อมเอ่ยต่อในสิ่งที่ทำให้คนฟังหลายคนสะดุ้ง

   "สำหรับใครที่สงสัยหรือนามสกุลของผม...ผมก็อยากจะบอกทุกคนว่า...จริง ๆ แล้วผมน่ะ ไม่ได้เป็นลูกผู้รากมากดีอะไรเหมือนกับทุกคนที่นี่หรอกครับ ...แม่ผมเป็นแม่บ้าน ส่วนพ่อผมก็เป็นนักข่าวธรรมดา แต่เพราะพวกเขาทั้งคู่เสียกันไปหมดแล้ว ผู้อุปการะคนปัจจุบันของผม จึงส่งเสียให้ผมมาเรียนที่นี่แทน ...หวังว่าทุกคนคงจะหายขุ่นข้องใจกับเรื่องนามสกุลของผมสักทีนะครับ"

   แม้คำพูดนั้นจะสุภาพ และรอยยิ้มที่มีก็แสนจะดูอ่อนโยน แต่สายตาที่แข็งกร้าวและไม่ยอมแพ้ใครนั่น ก็ทำให้หลายคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคอไปตาม ๆ กัน ขนาดอาจารย์มิซาวะเองก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่ทีเดียว

   "เอ่อ...ถ้าอย่างนั้น ที่นั่งของเธอก็เป็นที่ว่างข้างหลังนั่นแล้วกันนะ..."

   "ตัวเล็กขนาดนั้นให้นั่งเสียข้างหลังสุด แล้วจะมองเห็นหรือครับอาจารย์"

   เสียงที่ดังขัดขึ้นมานั้นเป็นเสียงของเด็กหนุ่มตัวสูงที่ยูคิจำเสียงได้แม่น แม้ว่าไม่ต้องมองหน้าคนพูดก็ตาม

   "ยามิคุระคุง!"

   อาจารย์หนุ่มเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างตำหนิ ทว่าคนฟังกลับยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ แล้วจึงหันไปหาคนที่นั่งด้านหลังของตน

   "นากาอิ นายย้ายไปนั่งหลังสุดแทนที่สิ ตัวนายสูงขนาดนี้คงไม่มีปัญหาจริงไหม"

   คนฟังยิ้มเจื่อน ๆ เพราะถึงเขาบอกว่ามีปัญหา หัวโจกประจำห้องอย่างอารากิ ก็คงไม่ยอมฟังอยู่ดี

   "เอาล่ะ...งั้นเดี๋ยวผมนั่งแทนนากาอิเอง ส่วนที่นั่งผมก็ให้ทานากะเขานั่งแทนแล้วกัน"

   คำพูดของอารากิทำให้แต่ละคนในห้องพากันนิ่งอึ้ง เพราะไม่ค่อยได้เห็นเด็กหนุ่มออกตัวกะเกณฑ์วุ่นวายกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นเช่นนี้มาก่อน

   "ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะ"

   แม้แววตานั้นจะดูไม่เป็นมิตรเช่นเดิม แต่ท่าทางแข็งกร้าวก่อนหน้านั้นดูลดลงจนยูคินึกโล่งใจ เขานั่งลงตำแหน่งโต๊ะหน้าสุดของแถวริมหน้าต่าง โดยมีสายตาของอารากิคอยจับจ้องมองอยู่จนกระทั่งหมดชั่วโมงเรียนในคาบเช้า

   "ทานากะ นายพอจะมีเวลาว่างไหม ฉันมีเรื่องส่วนตัวจะคุยกับนายน่ะ"

   พอถึงเวลาพักกลางวัน คนหน้าดุก็เข้ามาถามพร้อมยืนดักไม่ให้ยูคิหนีไปไหน และนั่นจึงทำให้คนฟังลอบถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้าค่อย ๆ รับรู้

   "ได้สิ"

   จากนั้นทั้งสองคนจึงเดินออกไปด้วยกัน โดยมีสายตาสงสัยระคนสนใจ แต่ไม่มีใครในที่นั้นที่จะกล้าเข้าไปถามหรือย่องตามทั้งคู่ไปเลยสักคน

   

   บริเวณดาดฟ้าอาคารเรียนตรงที่อารากิพายูคิมา ไร้ซึ่งเงานักเรียนคนอื่น จะมีให้เห็นบ้างก็เป็นพวกที่อยู่ห่าง ๆ ออกไป ซึ่งเด็กหนุ่มหน้าดุก็ไม่ได้คิดสนใจอะไรคนพวกนั้น

   "ฉันอยากคุยกับนายให้รู้เรื่องไปเลย เรื่องของ 'เขา' น่ะ"

   ยูคิชะงักแล้วสีหน้าซีดลง ทำให้คนมองทำเสียงในลำคอ ก่อนจะเอ่ยต่อ

   "ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเจอเขาที่ไหนหรือยังไง...แต่ฉันน่ะเฝ้ามองเขามานานแล้ว...ถ้านายคิดจะแข่งกับฉัน ก็ขอให้รู้ไว้ว่า ฉันน่ะไม่คิดจะยอมยกเขาให้คนอื่นง่าย ๆ แน่"

   อารากิบอกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเชื่อมั่น ทำให้ยูคินึกทึ่งไม่น้อย แต่พอมาหวนคิดถึงตัวเองที่ยังไม่รู้สึกแน่ชัดถึงเรื่องความรักที่มีต่อริวยะ ก็ทำให้เขามีสีหน้าเศร้าซึมลงอย่างเห็นได้ชัด

   "อะไรกัน ทำหน้าอย่างกับจะยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างนั้น ...เพราะฉันเห็นว่านายเป็นพวกมุ่งมั่นไม่ยอมให้ใครมารังแกง่าย ๆ ในห้องตอนนั้นหรอกนะ... ฉันถึงได้มาประกาศเป็นคู่แข่งกับนายอย่างเปิดเผยแบบนี้ไงล่ะ!"

   ยูคิชะงักก่อนจะเงยหน้าสบตากับอีกฝ่าย เขาเม้มปากน้อย ๆ แล้วกำมือของตัวเอง ...อารากินั้นเป็นคนที่น่านับถือ ชายหนุ่มแสดงออกถึงความจริงใจ และยอมรับเขาในฐานะคู่แข่งหัวใจ อย่างเปิดเผย ...เขาเองถ้าไม่คิดจะถอนตัวออกไป ก็ควรจะตอบรับอีกฝ่ายอย่างชัดเจนเช่นกัน

   "ผมเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้เรื่องนี้เช่นกัน...ถึงคุณจะชอบเขามากขนาดไหน แต่ผมก็ไม่ยกคุณริวยะให้คุณง่าย ๆ หรอกนะ!"

   พอยูคิบอกไปแบบนั้น เขาก็เห็นอารากิชะงัก แล้วมีสีหน้าตกตะลึงจนน่าแปลกใจ เด็กหนุ่มหน้าดุทำหน้าอึ้ง ๆ ไปพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยออกมาได้ในที่สุด

   "คุณริวยะ? ...นายพูดว่าคุณริวยะอย่างนั้นหรือ"

   พออารากิพูดแบบนั้น ยูคิก็มีสีหน้างุนงง แล้วย้อนถามกลับไป

   "ใช่สิ...ก็คุณชอบคุณริวยะไม่ใช่หรือ"

   อารากิเงียบกริบ เขานิ่งไปนานก่อนจะสบถออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดระคนขุ่นเคือง

   "ไอ้อาเฮงซวยนั่น! มาปั่นหัวกันได้นะ!"

   ยูคิยังคงมีสีหน้างุนงง อารากิเห็นเช่นนั้น เลยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเกาแก้มนิด ๆ ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นเขินแทน

   "ง่า...ขอโทษที่เข้าใจผิดนะ คือว่าฉันเข้าใจเองไปว่า นายเข้ามาเรียนที่นี่ เพราะตามคนที่ฉันสนใจมาน่ะ...ต้องโทษไอ้เจ้าอางี่เง่าของฉัน ที่ดันพูดให้ฉันเข้าใจไขว้เขวไปเองนั่นด้วย"

   พอพูดถึงผู้เป็นอาก็ทำให้อารากินึกขุ่นเคืองขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อีกฝ่ายนั้นชวนเขาคุยเรื่องคนที่เขารัก แล้วจู่ ๆ ก็ดันบอกว่า จะมีนักเรียนย้ายมาใหม่ แล้วคนนั้นก็ยังเป็นที่รักของคนที่เขาชื่นชมอีกด้วย พอเขาเซ้าซี้จะถามให้แน่ชัด อีกฝ่ายก็ทำเป็นตัดบทไม่ยอมสนทนาด้วยเสียอย่างนั้น เขาจึงเผลอเข้าใจผิดคิดไปเองว่า ยูคินั้นย้ายมาเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เขาชอบอยู่นั่นเอง

   "แล้วสรุปว่าคุณอารากิ ไม่ได้ชอบคุณริวยะหรอกหรือ"

   อารากิหันขวับกลับมามองคนถาม แล้วรีบตอบกลับไปทันที

   "เปล่านะ! ฉันรู้จักคุณริวยะ แล้วชื่นชมเขาก็จริง แต่ไม่เคยคิดชอบในลักษณะแบบนั้นเลยสักนิดเดียว!"

   ยูคิชะงัก ก่อนจะเงียบไป แล้วจึงหน้าแดงระเรื่อตามมาด้วยความเขินที่เขาเองก็เข้าใจอีกฝ่ายผิดไปเช่นกัน

   "ฮะ ๆ ไม่คิดเลยว่าพวกเราจะมาเข้าใจผิดกันเองแบบนี้นะ"

   อารากิหัวเราะอย่างนึกขำ จากนั้นเด็กหนุ่มจึงยิ้มแย้มจริงใจให้กับคนตรงหน้าพร้อมยื่นมือมาให้อีกฝ่ายจับอีกครั้ง

   "งั้นก็คงต้องขอบอกว่า ยินดีที่รู้จักอีกครั้งหนึ่งแล้วกันนะ"

   ยูคิมองมือที่ยื่นมา ก่อนจะเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย พร้อมยิ้มตอบ

   "อืม...ยินดีที่รู้จักนะคุณอารากิ"

   อารากิเลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนบอกออกไปตรง ๆ

   "ไม่ต้องเรียกคุณหรอก พูดกับฉันตามปกตินี่ล่ะ ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วนี่นะ"

   ยูคิยิ้ม แล้วจึงพยักหน้าตอบรับ ซึ่งก็ทำให้คนมองยิ้มตอบ แต่แล้วจู่ ๆ อารากิก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นจึงรีบโพล่งขึ้นตามมา

   "ว่าแต่นายกับคุณริวยะนี่คบกันอยู่หรือ! ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ! แล้วที่ว่านายเป็นที่รักของคุณริวยะน่ะ จริงหรือเปล่า!"

   คำถามพร้อมสีหน้าสนอกสนใจเสียเต็มประดาของอีกฝ่าย ทำเอายูคิถึงกับนิ่งอึ้ง ก่อนที่ใบหน้าหวานนั้นจะกลายเป็นแดงก่ำ จนคนมองนึกขำ

   "ฮ่า ๆ แบบนี้นี่เองหรอกหรือ...อืม...ก็ดีเหมือนกันนะ คุณริวยะมีคนรักแล้วอย่างนี้ คนคนนั้นของฉันเขาจะได้เลิกระแวงสักที ขนาดฉันบอกไปแล้วว่าคิดกับคุณริวยะแค่ชื่นชมเป็นไอดอล เจ้าตัวก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่"

   อารากิพึมพำกับตัวเอง ซึ่งนั่นก็ทำให้ยูคิรู้สึกสนอกสนใจในตัวเขาคนนั้นของอีกฝ่ายขึ้นมาไม่น้อย

   "อ๊ะ! มัวแต่คุยเสียเพลิน เดี๋ยวเวลาพักจะหมดพอดี! ไปเถอะยูคิ ไปกินข้าวกลางวันกัน!"

   อารากิตัดบทกะทันหัน เขาเรียกชื่อเพื่อนใหม่ตรงหน้าอย่างสนิทสนมแล้วรีบจูงมืออีกฝ่ายไปด้วยกัน จนยูคิตกใจ แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกยินดีที่เขานั้นได้เพื่อนใหม่คนแรกของโรงเรียนแห่งนี้แล้ว แม้ว่าจะเป็นเพื่อนที่เกิดการเข้าใจผิดจนเผลอเขม่นหน้ากันตั้งแต่แรกพบก็ตามที



... TBC ...

**ยูคิได้มาโรงเรียนสักทีค่ะ กว่าจะมาได้ ผ่านฉากหวาน(เลี่ยน)มาเสียหลายตอน

ใครที่บ่นว่าหนูยูคิหน้าแดงบ่อย ก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ  ก็ป๋าริวยะแกเล่นขายหนมจีบบ่อย ๆ หนูยูคิของเราก็ออกจะไร้เดียงสา ก็เลยหน้าแดงบ่อยอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ **

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :hao6: :hao6: :hao6:หวานแบบไม่เกรงใจใครรรรร :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เป็นเพื่อนกับอารากิแล้ว  :mc4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
5555 เกือบได้วางมวยกันแล้ว

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เกือบมีคู่แข่งแต่ได้เพื่อนมาซะงั้น

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4

บทที่ 15



    พอเลิกเรียน ทาคุก็มารอรับยูคิอย่างตรงเวลาและโทรมาบอกให้เด็กหนุ่มกลับบ้านพร้อมตน ทำเอาคนที่คิดจะเดินชมโรงเรียนดูชมรมต่าง ๆ ตามที่เพื่อนใหม่เสนอ รู้สึกผิดหวังนิด ๆ  หากแต่อารากินั้นก็เข้าใจความจำเป็นของอีกฝ่ายดี มิหนำซ้ำยังแซวเข้าให้อีกด้วย

   "ช่วยไม่ได้ ฉันเข้าใจดีนะเรื่องนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากอยู่ห่างคนที่เรารักนานนักหรอก"

   ยูคิหน้าแดงระเรื่อต่อคำแซวนั้น ก่อนจะรีบตัดบทขอตัวกลับบ้านเพราะกลัวจะโดนเพื่อนแซวมากไปกว่านี้

   

   และเมื่อมาถึงรถยนต์สีดำคันหรู คนที่รออยู่ก็โค้งศีรษะให้เขา แล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูด้านหลัง ทำเอายูคิถึงกับชะงักแล้วรีบบอกชายหนุ่ม

   "ผมนั่งหน้าแทนไม่ได้หรือครับ...นั่งหลังคนเดียวแบบนี้มันค่อนข้างจะ...เอ่อ..."

   เด็กหนุ่มบอกติดขัดอย่างเกรงใจ เพราะถ้ามากับริวยะเขาก็พอจะรับได้ แต่นี่กลับคนเดียวขืนนั่งหลังก็เหมือนกับว่าเขาเป็นเจ้านายของบ้านอีกคนเสียอย่างนั้น

   "คุณนั่งด้านหลังก็เหมาะสมแล้วนี่ครับ"

   ยูคิส่ายหน้าไปมาค่อย ๆ แล้วตัดสินใจแย้งกลับไปตามที่ใจคิด

   "ไม่เหมาะแน่ครับ...ผมเป็นแค่ผู้อาศัยของบ้านหลังนั้นเองนะครับคุณทาคุ ...เอาจริง ๆ แค่ที่คุณและคนอื่นปฏิบัติอย่างสุภาพด้วย ผมก็รู้สึกเกรงใจจะแย่อยู่แล้ว"

   ทาคุมองเด็กหนุ่มตรงหน้านิ่ง เขาลอบยิ้มน้อย ๆ อย่างนึกชื่นชมที่ยูคินั้นเป็นเด็กดีมีมารยาทและขี้เกรงใจผิดกับเด็กในรุ่นเดียวกัน  จริง ๆ ทาคุก็ไม่อยากบังคับเด็กหนุ่มในเรื่องพวกนี้นัก หากแต่ด้วยฐานะของอีกฝ่ายซึ่งเป็นถึงว่าที่คนรักของผู้เป็นเจ้านายตน แม้ว่าทั้งคู่จะยังไม่ตกลงปลงใจและริวยะจะยังไม่ได้ประกาศความสัมพันธ์ระหว่างกันให้คนในบ้านรับรู้ก็ตาม แต่ทว่านับจากวันที่ริวยะพายูคิมาอยู่ในบ้านหลังนี้ การแสดงออกที่เจ้าบ้านหนุ่มมีให้กับอีกฝ่าย ก็ทำให้คนงานแทบทุกคนที่นั่น ต่างก็ยกฐานะยูคิให้กลายเป็นนายน้อยของบ้านไปอีกคนเรียบร้อยแล้ว

   "ตอนนี้คุณอาจจะดูเหมือนว่าตัวเองเป็นแค่ผู้อาศัย แต่อีกไม่นานยังไงฐานะของคุณก็คงไม่แตกต่างจากเจ้านายของบ้านคนหนึ่ง...เพราะฉะนั้นทำตัวให้คุ้นเคยไว้จะดีกว่าครับ เพราะอีกไม่นานที่ผมว่านั้น มันคงไม่นานเท่าไรนักแน่"

   พอบอกจบทาคุก็เปิดประตูแล้วใช้สายตากึ่งบังคับให้คนมองต้องเกรงใจ เพราะพวกเขานั้นเริ่มเป็นเป้าสายตาให้แก่ผู้คนที่อยู่ละแวกนั้น และมีคนขับรถที่มารับบุตรหลานของเจ้านายบางคน เริ่มจำได้แล้วว่าทาคุนั้นเป็นคนของใคร

   "เฮ้อ...ก็ได้ครับ"

   ยูคิยอมจำนนในที่สุด เพราะนอกจากทาคุจะใช้สายตาบังคับเขาแล้ว อีกฝ่ายก็ยังโค้งทำความเคารพให้เขาค้างอยู่อย่างนั้นอีกด้วย

   "เชิญครับ"

   ทาคุลอบยิ้มน้อย ๆ แล้วรอจนเด็กหนุ่มขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อยเขาจึงปิดประตูรถ พลางเดินอ้อมไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับของตน ก่อนจะขับรถออกไปจากบริเวณโรงเรียนอย่างไม่รีบร้อนอันใดนัก

   

   เมื่อมาถึงบ้านพักของริวยะ ยูคิก็เดินตามสาวใช้โทโมโยะที่มารอรับเขา และนำไปส่งเขาถึงห้อง ซึ่งแม้เด็กหนุ่มจะรู้สึกเกรงใจ แต่ขืนปฏิเสธไปก็คงไม่แคล้วสร้างความลำบากใจให้กับอีกฝ่ายเป็นแน่ ยูคิจึงจำต้องเก็บงำแล้วยิ้มน้อย ๆ ส่งให้เมื่ออีกฝ่ายเดินออกจากห้องของเขาไปเท่านั้น

   "เฮ้อ! ตกลงนี่เรามาขออาศัยหรือมาเป็นเจ้านายของคนพวกนี้กันนะ...ทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลยเรา!"

   คนที่ได้อยู่เป็นอิสระลำพังในห้องโพล่งขึ้น แล้วทิ้งตัวลงนอนกับเตียงกว้างของตน สำหรับประสบการณ์ในโรงเรียนใหม่ และเพื่อนใหม่นั้น ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก อีกอย่างยูคินั้นต้องยอมรับว่า ตำราการศึกษาที่โรงเรียนแห่งนี้ใช้ ค่อนข้างเข้มข้นกว่าโรงเรียนเก่าของเขาเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว ทำให้เขาที่เคยคิดว่า บรรดาลูกคนมีเงินเหล่านี้น่าจะเรียนแบบขอไปทีต้องคิดใหม่ เพราะอารากินั้นเล่าให้เขาฟังว่า ต่อให้เป็นลูกคุณหนูมาจากไหน ถ้าสอบตกก็ต้องซ่อม ถ้าซ่อมไม่ผ่านก็ต้องซ้ำชั้นอยู่ดี

    และโดยเฉพาะห้อง z ที่รวบรวมนักเรียนที่มีความสามารถโดดเด่นด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษมารวมกัน ก็ยิ่งต้องเข้มงวดในเรื่องการเรียนเสริมที่เหมาะสมสำหรับนักเรียนแต่ละคน  อาจารย์ทุกคนที่มาสอนในแต่ละวิชาก็ต้องคัดสรรแล้วว่า เป็นอาจารย์ที่มีความสามารถพอจะจัดสรรการสอนและดูแลนักเรียนในห้องได้อย่างทั่วถึงเช่นกัน

   "ต้องปรับตัวเรื่องการเรียนกันใหม่...แล้วยังเรื่องชมรมอีก..."

   แม้โรงเรียนจะไม่บังคับเรื่องการเข้าชมรมก็ตาม แต่ยูคิเองก็นึกสนใจอยากเข้าชมรมในโรงเรียนใหม่แห่งนี้ โดยเฉพาะชมรมคอมพิวเตอร์ ที่อารากินั้นบอกเขาว่า เป็นชมรมขนาดใหญ่ชมรมหนึ่งและสมาชิกก็ยังเต็มไปด้วยพวกนักเรียนหัวกะทิทางด้านนี้มากมาย

   "อ๊ะ...อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าแฮะ"

   คนที่กลัวสูทนักเรียนจะยับรีบถอดออกแขวน แล้วถอดเสื้อผ้าใส่ตะกร้าผ้าไว้ ทว่าพอเขาออกมาจากห้องน้ำอีกที ชุดทั้งหมดก็อันตรธานไปเรียบร้อยเหมือนดังเช่นก่อนหน้านั้น ซึ่งยูคิมั่นใจว่า มันจะกลับคืนมาในสภาพถูกซักรีดใหม่เนี้ยบในวันรุ่งขึ้นแน่นอน

   "...หรือในห้องมีกล้องวงจรปิดกันแน่เนี่ย"

   ยูคิพึมพำกับตัวเองอย่างนึกสงสัย เพราะคนงานที่นี่โผล่ ๆ ผลุบ ๆ จัดการงานบ้านกันไวมาก จนเขายังนึกแปลกใจในบางครั้งเลยทีเดียว

   "อืม...ช่างเหอะ หาเสื้อผ้าใส่ก่อนดีกว่าแฮะ"

   คนที่พันผ้าขนหนูผืนเดียวรอบเอวเริ่มขี้เกียจคิดมาก ทว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อจู่ ๆ ประตูก็เปิดออกโดยไม่ได้เคาะ ซึ่งคนเข้ามาก็ชะงักฝีเท้านิ่งอึ้งไม่แพ้กับคนในห้องเลยทีเดียว

   "...ทำไมอยู่ในสภาพแบบนั้น"

   ริวยะที่ปรากฏตัวมาในชุดสูท เอ่ยถามเสียงทุ้มเข้มกึ่งตำหนิ แล้วเหลือบมองคนติดตามที่เดินมาด้วยกันด้วยหางตา ทำให้อากิระยิ้มน้อย ๆ อย่างรู้ดี เจ้าตัวโค้งศีรษะให้ผู้เป็นนายแล้วยังจัดแจงปิดประตูห้องให้อย่างเรียบร้อยอีกด้วย

   "เอ่อ...คุณริวยะ"

   ยูคิเอ่ยทักอย่างนึกเขิน เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงจ้องร่างเขาด้วยแววตาคมกริบไม่วางตา

   "...รีบ ๆ ไปแต่งตัวให้เสร็จ แล้วทีหลังถ้าจะออกมาจากห้องน้ำสภาพแบบนั้น ก็ล็อกห้องไว้ด้วย เข้าใจไหม"

   ชายหนุ่มบอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทำให้ยูคิรีบพยักหน้าหงึกหงัก เด็กหนุ่มหยิบเสื้อผ้าในตู้ของเขา วิ่งเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ใช้เวลาไม่กี่นาที เจ้าตัวก็เดินทำหน้าเขิน ๆ ออกมา

   "ถึงที่นี่จะมีแต่คนของฉันก็เถอะ...แต่ถ้าต้องให้คนอื่นมาเห็นร่างเปลือยของเธอเข้า ฉันก็ไม่พอใจสักเท่าไหร่ รู้ไหม"

   ริวยะบอกด้วยสีหน้าที่ยังคงขรึมไม่หาย แต่คำพูดนั้นยิ่งทำให้คนฟังหน้าร้อนวูบวาบ แล้วจึงรีบพยักหน้าหงึกหงักตามมา

   ""ดีแล้ว ... อา จริงสิ ฉันมาพบเธอเพื่อที่จะเอาอะไรบางอย่างมาให้นี่นะ"

   พอบอกจบริวยะก็เดินไปเปิดประตูห้องแล้วพยักหน้าให้อากิระที่รอคอยอยู่ จากนั้นอากิระจึงหันไปหาคนงานที่อยู่แถวนั้น และเพียงแค่ปรายตามอง ทั้งหมดก็รู้ดีว่าต้องทำอะไร พวกเขาขนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่วางหลบไว้ในห้องรับแขกข้าง ๆ ก่อนจะยกมาตั้งบนโต๊ะทำงานของยูคิที่กำลังตกตะลึงเพราะมองปราดเดียวก็รู้ได้ถึงราคาที่แสนแพงของเจ้าคอมพิวเตอร์ที่ริวยะหามาให้เขาใช้นั่นแล้ว

   "นอกจากแบบตั้งโต๊ะที่ไว้ใช้ประจำในห้อง ฉันก็ให้คนหาแบบพกพามาเผื่อให้เธออีก เลือกเอาแล้วกันนะว่าถนัดใช้แบบไหน ระหว่างแท็บเล็ตกับโน้ตบุค อันไหนไม่ใช้ก็เก็บไว้เผื่อแล้วกัน ถ้าเห็นว่ามันตกรุ่นเมื่อไหร่ก็บอกกับทาคุหรืออากิระก็ได้ เขาจะได้เอาไปเปลี่ยนเครื่องใหม่มาให้"

   ยูคิยิ้มเจื่อนเลือกไม่ถูกว่าจะดีใจหรือเกรงใจในกรณีนี้ดี แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงกล่าวขอบคุณออกไปแผ่วเบา และนั่นก็ทำให้ริวยะยิ้มได้

   "แล้ววันนี้ที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง... เล่าให้ฟังหน่อยซิ"

   ริวยะถามต่อ ทำให้คนที่กำลังอึ้ง ๆ ชะงัก แล้วจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้อีกฝ่ายฟังด้วยสีหน้าร่าเริงกว่าเดิม ทำให้คนอื่นนอกจากทั้งคู่ต่างพากันสบตาแล้วค่อย ๆ ทยอยออกจากห้องไป จนกระทั่งเหลือแต่ริวยะและยูคินั่งคุยกันในห้องนั้นเพียงลำพัง...



   "เอ่อ...คุณริวยะครับ ...คือว่า ผมอยากลองเข้าชมรมที่โรงเรียนใหม่ดูน่ะครับ"

    พอพูดคุยมาได้สักพัก ยูคิที่สังเกตว่าชายหนุ่มนั้นยังคงดูอารมณ์ดีอยู่ จึงตัดสินใจขอในสิ่งที่ตนสนใจออกไป ทว่านั่นก็ทำให้คนฟังชะงักแล้วมีสีหน้าเครียดน้อย ๆ ขึ้นมาแทน

   "แต่ถ้าเข้าชมรมก็ต้องกลับช้ากว่าเดิมสิ"

   "เอ่อ...เห็นอารากิบอกว่าใช้เวลาไม่น่าเกินชั่วโมงหลังเลิกเรียนน่ะครับ"

   ยูคิบอกเสียงอ่อย แล้วมีสีหน้าสลดลงจนคนมองอดใจอ่อนไม่ได้

   "อืม...มันก็คงราว ๆ นั้นนั่นล่ะ ...เฮ้อ! แล้วชมรมอะไรที่เธออยากเข้าล่ะ"

   คำถามท้ายประโยคนั่นทำให้คนที่หน้าเศร้าสะดุ้ง ก่อนจะเบิกตากว้างมองอีกฝ่ายอย่างตกใจ แล้วจึงตามมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะรีบบอกออกไป

   "ผมยังไม่รู้เลยครับ ว่าจะลองสำรวจดู แล้วก็ถามอารากิดูด้วย...แต่...เอ่อ...ก็ค่อนข้างสนใจ ชมรมคอมพิวเตอร์อยู่มากเหมือนกัน"

   พอพูดถึงชมรมคอมพิวเตอร์ ริวยะก็เลิกคิ้วนิด ๆ แล้วพึมพำแผ่วเบาในลักษณะพูดกับตัวเองเสียมากกว่า

   "ชมรมคอมพิวเตอร์?  อืม...ก็ดูเหมาะกับเธอดี ...จะว่าไปชมรมนั้นถ้าจำไม่ผิด เด็กคนนั้นเคยเป็นประธานชมรมอยู่สินะ ถึงตอนนี้จะออกจากชมรมเพราะอยู่ปีสามแล้วก็เถอะ...แต่คิดว่าคงฝากฝังกันได้อยู่ล่ะนะ"

   "เด็กคนนั้น...?"

    เสียงยูคิที่ดังขัดขึ้น ทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดชะงัก แล้วจึงแย้มยิ้มน้อย ๆ ให้กับอีกฝ่าย

   "คนรู้จักของฉันที่นั่นน่ะ เขาเป็นเด็กอัจฉริยะในแทบจะทุกด้านเลยทีเดียวล่ะนะ...จริง ๆ ฉันก็เคยเล็งตัวให้มาทำงานที่บริษัท แต่เด็กนั่นปฏิเสธแล้วบอกว่าตั้งใจว่าจบมาแล้วจะทำธุรกิจส่วนตัวแทน ...แต่ถึงตอนนี้ในบางครั้ง เราก็ยังมีติดต่องานบางอย่างกันอยู่ล่ะนะ นอกจากในบรรดางานอดิเรกมากมายที่ทำเงินได้ของเจ้าตัว เด็กนั่นเองยังเป็นถึงโปรแกรมเมอร์มือฉกาจ ที่ขนาดทาคุยังยอมรับเลยล่ะนะ"

   ริวยะบอกพร้อมรอยยิ้มเมื่อนึกถึงเด็กหนุ่มอัจฉริยะอีกคนในสถาบันยามิคุระ  ทว่ารอยยิ้มอ่อนโยนของชายหนุ่มที่มีให้คนอื่นนั้น กลับทำให้คนมองรู้สึกเจ็บแปลบในอกนิด ๆ แล้วจึงรีบหันขวับไปเมินมองทางด้านอื่น เมื่ออีกฝ่ายรู้สึกตัวว่าเขาจ้องอยู่

   "มีอะไรหรือยูคิ"

   ยูคินิ่งเงียบ แต่ใบหน้าที่เริ่มแดงระเรื่อขึ้นเรื่อย ๆ และคิ้วเรียวที่ขมวดน้อย ๆ และริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันนั่น ทำให้คนมองได้คำตอบโดยไม่ต้องถามซ้ำ

   "หรือว่า...เธอจะหึงฉัน"

   คำถามของริวยะทำให้คนหน้าแดง ยิ่งแดงหนัก เจ้าตัวพยายามหันไปมองทางอื่น แต่ริวยะนั้นกลับเชยคางมนให้หันมาสบตากับตัวเขาแทน

   "ทำไมไม่ตอบคำถามล่ะ ยูคิ"

   "ผม...ก็ผมตอบแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ...ผมยังไม่ได้ตอบรับรักคุณเลยนี่นา"

   ยูคิพึมพำทำให้คนฟังเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ตามมาอย่างนึกเอ็นดู

   "ถ้าอย่างนั้นก็ตอบรับรักฉันเสียเลยสิ...เธอจะได้มีสิทธิ์หึงหวงฉันได้อย่างเต็มที่ยังไงล่ะ"

   เด็กหนุ่มช้อนตามองคนพูดอย่างเคอะเขิน ก่อนจะย้อนถามกลับไปเสียงแผ่ว

   "...ผมมีสิทธิ์แบบนั้นได้ด้วยหรือครับ"

   "แน่นอนสิ ถ้าเราเป็นคนรักกัน เธอก็มีสิทธิ์ในตัวของฉันทุกเรื่อง และไม่ต้องเกรงใจอย่างที่เป็นอยู่นี่ยังไงล่ะ"

   ริวยะตอบพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ  และนั่นจึงทำให้ยูคิหลุบตาลง เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปสักคู่ ก่อนจะพึมพำอุบอิบบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน

   "กะ...ก็ได้ครับ...ผมยินดีคบกับคุณ...แบบ เอ่อ...คนรักกัน"

   พอบอกจบยูคิก็แปลกใจที่เห็นริวยะเงียบไป แต่พอเขาช้อนตาขึ้นสบกับใบหน้าหล่อเหลา เด็กหนุ่มก็ต้องชะงักแล้วใบหน้าแดงซ่านตามมาเมื่อเขาได้เห็นอีกฝ่ายแย้มยิ้มอ่อนโยนชวนมองเสียยิ่งกว่าครั้งใดให้กับเขา

   "ฉันดีใจจริง ๆ ที่ได้ยินคำนี้ของเธอ...ยูคิ"

   ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับโน้มใบหน้าลงมาแนบชิดใกล้ โดยที่ยูคิเองแม้จะใจเต้นแรงและตื่นเต้นสักเพียงใด แต่เด็กหนุ่มนั้นกลับหลับตาพริ้มรอคอยรสสัมผัสที่แสนนุ่มนวลระคนเร่าร้อนที่อีกฝ่ายมอบมาให้อย่างรอคอยเช่นกัน

   

   อีกด้านหนึ่งข้างนอกห้องนั้น คนงานคนอื่นต่างแยกย้ายกันไปทำงานต่อหมดแล้ว เหลือแต่อากิระกับทาคุที่ยังคงยืนรอรับคำสั่งจากผู้เป็นนายอยู่ ทว่าพอเสียงด้านในเริ่มเงียบลง และเริ่มมีเสียงครางเบา ๆ จากเด็กหนุ่มในนั้นดังขึ้น อากิระก็เผลอหลุดหัวเราะเบา ๆ แล้วเหลือบมองคนที่ยังคงตีสีหน้าเฉยชา แต่ใบหน้าขาว ๆ นั่นแดงระเรื่อนิด ๆ ให้พอได้สังเกต

   "ฉันว่าเราไปนั่งรอห้องข้าง ๆ เหอะ ขืนยืนแบบนี้ มันดูเหมือนพวกโรคจิตแอบฟังคนเขาจู๋จี๋กันยังไงไม่รู้"

   อากิระชะโงกหน้าไปกระซิบ ซึ่งก็เรียกเสียงหมั่นไส้ในลำคอเบา ๆ จากคนข้างกาย ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเงียบ ๆ ไปนั่งพักที่ห้องข้าง ๆ ตามที่เขาบอก

   "ก็มีด้านที่น่ารัก ๆ กับเขาเหมือนกันนี่นะ...หึ ๆ"

   อากิระพึมพำกับตัวเองแล้วตามไปนั่งในห้องเดียวกับอีกฝ่าย ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงริวยะก็เดินออกมาจากห้องนั้น ทำเอาคนสองคนที่นั่งคอยอยู่รีบลุกขึ้นยืนรอรับคำสั่ง หนึ่งในนั้นมีสีหน้าแปลกใจ ส่วนอีกคนยืนหน้านิ่งตามปกติ

   "ทำหน้าแบบนั้นทำไม มีปัญหาอะไรหรือไง อากิระ"

   ริวยะถามขึ้นอย่างพาล ๆ ทำเอาคนฟังสะดุ้งแล้วยิ้มเจื่อนส่งให้

   "ไม่มีอะไรหรอกครับ..แค่นึกแปลกใจว่าทำไมไวจัง..โอ๊ย!"

   ท้ายประโยคชายหนุ่มหลุดร้องเสียงหลงเพราะทาคุนั้นหยิกที่เอวของเขาเข้าเต็มแรง จนเขานึกว่าเนื้อเขาจะหลุดตามนิ้วอีกฝ่ายไปเข้าให้เสียแล้ว

   "เหอะ!"

   ริวยะทำเสียงในลำคออย่างไม่สบอารมณ์นัก เพราะอันที่จริงเมื่อครู่ที่อยู่ในห้องเขาก็เผลอเกือบจะลืมตัวมีสัมพันธ์กับเด็กหนุ่มไปแล้ว แต่เพราะอีกฝ่ายนั้นแสดงสีหน้าหวาดกลัวและเหมือนจะร้องไห้ออกมาให้เห็น ทำเอาเขาอดใจอ่อนไม่ได้  ที่สำคัญเขาไม่อยากให้ยูคิรู้สึกกลัวในเรื่องนี้จนความรักที่มีต่อเขาลดลง  ไหน ๆ เขาก็สู้ยอมอดทนเลือกหนทางความรักแบบอ้อมค้อมเช่นนี้แล้ว เขาก็คิดว่าจะรออีกสักพัก จนกว่าเด็กหนุ่มจะเป็นฝ่ายยินยอมพร้อมมอบทั้งกายและใจให้กับเขาเองดีกว่า

    "เดี๋ยวนายไปบอกชิโนะด้วยนะทาคุ ว่าตั้งแต่มื้อนี้ไป ฉันจะย้ายมากินอาหารที่ห้องนี้แทน... ยูคิจะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมาไกล ๆ อีก"

   ทาคุชะงักเล็กน้อยแต่เขาก็ยังคงโค้งรับคำสั่งของชายหนุ่ม หากแต่อากิระนั้นรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพราะกลัวจะหลุดยิ้มหรือหัวเราะให้ริวยะได้เห็น เนื่องจากเขารู้ทันในความคิดของผู้เป็นนายดีว่า เกิดความหึงหวงและไม่อยากให้ใครในบ้านพักหลังนี้ ได้เห็นตัวของเด็กหนุ่มคนรักมากไปกว่านี้นั่นเอง



   จากเหตุการณ์เปลี่ยนห้องทานอาหาร แถมทาคุยังกำชับผ่านชิโนะให้คนงานในบ้านแต่ละคนงดแสดงท่าทีสนิทสนมเล่นหัวกับยูคิจนเกินงามนั่น ทำให้แทบทุกคนในบ้านหลังนี้รู้ซึ้งทันทีเลยว่า อีกฝ่ายนั้นได้ขยับฐานะขึ้นมาเป็นนายน้อยของบ้านนี้อีกคนเป็นที่เรียบร้อย

   "พวกนายว่าฉันรับยูคิ เข้ามาอยู่ในตระกูลตอนนี้จะเร็วไปไหม ทาคุ อากิระ"

   ค่ำคืนนั้นเอง ริวยะเรียกคนสนิททั้งสองมาปรึกษาที่ห้องพักของตน ซึ่งอากิระเองนั้นแอบชะงักแต่ก็รีบซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้าแล้วแสร้งทำเป็นตีหน้าเคร่งขรึม ส่วนทาคุที่ทันเห็นสีหน้าเช่นนั้นของเพื่อน รู้สึกนึกหมั่นไส้ขึ้นมาทันที แต่เขาก็เลือกนิ่งเฉย แล้วหันไปตอบคำถามของผู้เป็นเจ้านายแทน

   "ต่อให้ไม่รับคุณยูคิเข้าตระกูลตอนนี้ ยังไงตัวท่านเองก็คงต้องรับคุณยูคิเข้ามาไม่ช้าก็เร็วอยู่ดีจริงไหมครับ และยิ่งตอนนี้คุณยูคิก็กำลังศึกษาอยู่ที่ยามิคุระ การที่เขาจะได้ใช้นามสกุลของมุราคามิที่นั่นเสียแต่เนิ่น ๆ ก็ถือเป็นเรื่องสมควรและเหมาะสม...เพียงแต่..."

   ทาคุค้างไว้แค่นั้นก่อนจะมีสีหน้าลำบากใจที่จะพูด และนั่นจึงทำให้อากิระที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ชะงักขึ้นมาแล้วนึกได้ตาม เช่นเดียวกับริวยะที่รับฟังอยู่

   "เฮ้อ...เรื่องของพ่อฉันล่ะสินะ"

   "ผมเชื่อว่าเรื่องของคุณยูคิคงจะเริ่มระแคะระคายให้ทางท่านเซอิจิรับรู้บ้างแล้ว...ซึ่งหากท่านริวยะรับคุณยูคิเข้าตระกูลเมื่อไหร่ ทางนั้นก็คงไม่ปล่อยไว้เฉย ๆ แน่ครับ"

   ริวยะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้ดีว่าพ่อของเขา เซอิจิ คงไม่ยอมรับเรื่องความรักระหว่างเขากับยูคิได้ง่าย ๆ แน่  เนื่องจากเซอิจินั้นเป็นพวกหัวเก่า และยังหวังให้เขาได้แต่งงานกระชับสัมพันธ์กับลูกสาวของตระกูลผู้ดีมีชื่อเสียงเพื่อเพิ่มบารมีของมุราคามิ ให้โด่งดังมั่นคงยิ่งขึ้นไปอีก และแม้ว่าเซอิจิจะรามือปล่อยให้เขาบริหารตระกูลแทน แต่บิดาของเขาก็ยังมีอำนาจและอิทธิพลในองค์กรอยู่มากนั่นเอง

   "ปกติฉันจะยอมฟังพ่อพูดเสมอ เพราะเข้าใจว่าเขาหวังดีกับฉัน ...แต่เรื่องของยูคิ หากตกลงกันไม่ได้จริง... ต่อให้อีกฝ่ายเป็นพ่อ เห็นทีฉันก็คงต้องลองสู้ดูด้วยสักตั้งเสียแล้ว"

   พอได้ยินริวยะเปรยเช่นนั้น ทาคุและอากิระต่างหันมาสบตากัน แล้วจึงหันไปโค้งให้กับผู้เป็นนายอย่างนอบน้อม

   "ผมจะคอยดูแลคุ้มครองคุณยูคิ ไม่ให้ทางนั้นมายุ่มย่ามได้ อย่างสุดความสามารถครับ"

   ทาคุเอ่ยขึ้น ซึ่งก็สร้างความพึงพอใจให้ริวยะเป็นยิ่งนัก

   "ส่วนผมก็จะคอยสืบหาข้อมูลความเคลื่อนไหวของทางนั้นให้เองครับ ขอให้ท่านริวยะวางใจได้"

   อากิระเอ่ยขึ้นบ้าง ซึ่งริวยะก็หันไปยิ้มแล้วพยักหน้ารับรู้ให้อีกฝ่าย

   "ขอบใจ ฉันเชื่อในตัวพวกนาย ว่าจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังแน่"

   ทาคุกับอากิระโค้งรับคำชมนั้น ก่อนที่จะขอตัวออกไปเมื่อริวยะนั้นบอกว่าต้องการพักผ่อนหลังจากนี้ และเมื่อลับร่างลูกน้องคนสนิททั้งสองแล้ว เจ้าของห้องก็ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงาน ซึ่งมีรูปภาพใบหนึ่งถูกใส่อยู่ในกรอบไม้อย่างดีตั้งไว้บนนั้น  รูปในกรอบเป็นรูปของเด็กหนุ่มที่เขารักกำลังยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่กับบิดาของเจ้าตัว ริวยะหยิบภาพนั้นขึ้นมาจ้องมองด้วยสายตาอันอ่อนโยน แล้วเอ่ยพึมพำขึ้นแผ่วเบา

   "ยูคิ...ฉันจะไม่มีวันยอมให้ใครทำร้ายเธอได้เด็ดขาด ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม!"



... TBC ...


เริ่มตบกลับมาเข้าพล็อตเดิมได้แล้วว แต่ยังไงก็แต่งใหม่หมดอยู่ดี
อ้อ มีเปลี่ยนบทตัวละครนิดหน่อยนะคะ แต่ใครจะโดนเปลี่ยนบ้าง
ก็ต้องติดตามกันค่ะ ช่วงนี้จะพยายามปั่นให้ต่อเนื่องนะคะ  ^^"

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เขาเป็นแฟนกันแล้วอ่ะ :o8:

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
บทมันนุ่มนวลกว่าเดิมมากเลย คนเขียนอัพไวดี ชอบๆ

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :mew3: :mew3: :mew3:จะแบบเก่าหรือแบบใหม่ก็ชอบที่สุดดดดดดดดดดด :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
หวานกันจังน้า


ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
บทที่ 16

   

    เช้าวันถัดมา ริวยะก็ยังคงตามมาส่งเด็กหนุ่มคนรักถึงที่โรงเรียนเช่นเคย ทว่าวันนี้มีแตกต่างจากวันก่อนหน้านั้นไปบ้างก็คือ ชายหนุ่มนั้นรั้งร่างเล็กไปจูบลาก่อนจะยอมปล่อยให้ลงจากรถยนต์ ทำเอาคนถูกจูบต้องเดินก้มหน้าก้มตาเข้าอาคารเรียน เพราะรู้สึกถึงความร้อนวูบวาบบนใบหน้าไปตลอดทางนั่นเอง

    "ถ้าอย่างนั้นวันนี้นายก็มารับยูคิเขาเลทสักหน่อยก็ได้ทาคุ เพราะเห็นว่าจะสมัครเข้าชมรม ก็คงจะกลับเย็นกว่าเดิมนั่นล่ะ"

   ริวยะบอกกับลูกน้องคนสนิทของเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าพร้อมตอบรับคำ ส่วนอากิระที่นั่งหน้าคู่คนขับ บ่นพึมพำแผ่วเบา

   "งั้นก็น่าให้ทาคุกลับไปช่วยงานบริษัทด้วยกันเหมือนเดิมนะครับ เวลาว่างออกจะเหลือเฟือแบบนี้"

   "อิจฉาทาคุหรือไง จะให้สลับหน้าที่กันไหมล่ะ"

   ริวยะเปรยแหย่ เพราะพอจะมองออกเหมือนกันว่า อากิระนั้นให้ความสนใจกับคนสนิทอีกคนของเขาเกินกว่าเพื่อนมานานแล้ว

   "เฮ้อ...แบบนั้นก็ไม่ต่างกับตอนนี้น่ะสิครับ"

   อากิระบอกพร้อมถอนหายใจ ส่วนทาคุพอได้ยินดังนั้น เขาก็นิ่งคิดแล้วจึงสบสายตากับผู้เป็นนายผ่านกระจกมองหลังรถ

   "ยังไงให้ผมไปช่วยงานที่บริษัทเหมือนเดิมอย่างที่อากิระบอกก็ดีนะครับ...พอใกล้เวลากลับบ้านของคุณยูคิ ผมก็ออกจากบริษัทมารับ แบบนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร"

   พอได้ยินเช่นนั้น เสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นจากคนนั่งคู่กัน ก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปบอกผู้เป็นนายทางด้านหลัง

   "งั้นเป็นเหมือนเดิมก็ดีแล้วล่ะครับ"

   "แต่ว่า..."

   ทาคุเตรียมจะหันไปแย้งเพื่อน ทว่าคนที่นั่งเบาะหลังนั้นยักไหล่นิด ๆ แล้วจึงเอ่ยตามมาอย่างออกคำสั่ง

   "ตอนนี้นายก็คอยดูแลยูคิอย่างที่สั่งไว้ก่อนนั่นล่ะทาคุ ไว้รอดูสถานการณ์อีกสักระยะ ค่อยมาคิดกันใหม่ว่าจะทำยังไงต่อไป"

   ทาคุชะงักก่อนจะพยักหน้ารับคำ ชายหนุ่มขับรถออกไปจากบริเวณนั้นเงียบ ๆ ด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่คนที่คุ้นเคยและสนิทรู้ใจกันดีอย่างริวยะและอากิระ ก็พอจะมองออกว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยพอใจในคำสั่งนั้นสักเท่าใดนัก

   "จริงอยู่ที่นายอาจจะไม่พอใจที่ตนเองดูเหมือนจะกินแรงคนอื่น...แต่ถ้ายูคิเกิดเรื่อง แล้วฉันกับอากิระปลีกตัวไปช่วยไม่ได้ ...ทางนี้ก็มีแต่นายเท่านั้น ที่ฉันวางใจปล่อยยูคิให้ดูแล นะทาคุ"

   ด้วยคำพูดเปรยของผู้เป็นนายที่แสดงให้เห็นว่าตนนั้นมีความจำเป็นและพึ่งพาได้ จึงทำให้คนขับที่กำลังมีสีหน้าเคร่งขรึมชะงักให้เห็นเล็กน้อย ก่อนที่ใบหน้างามจะค่อย ๆ ผ่อนคลาย แล้วมีรอยยิ้มนิด ๆ ตามมา

   "ครับ...ขอบคุณครับที่วางใจในตัวผมเช่นนี้"

   ทางด้านอากิระเหลือบมองเพื่อนและผู้เป็นเจ้านายด้วยสายตาที่แฝงไว้ด้วยความอิจฉา แม้จะรู้ดีว่าทั้งคู่นั้นเป็นนายบ่าวรู้ใจกันมานานแล้วก็ตาม

   "อืม...จริงสิ อากิระ วันนี้ที่บริษัทไม่มีงานด่วนใช่ไหม"

   ริวยะที่เหลือบมาเห็นสายตาของมือขวาคนสนิทแสร้งเปรยถามขึ้น และนั่นก็ทำให้คนฟังชะงัก ก่อนจะรีบรายงานไปตามตรง

   "ครับ ไม่มีอะไรเร่งด่วนครับ"

   "อืม...งั้นวันนี้เข้างานสายสักหน่อยก็แล้วกัน"

   พอเห็นสีหน้าสงสัยของทั้งคู่ ริวยะก็แย้มยิ้มแล้วตอบไปตามตรง

   "ฉันจะวานนายกับทาคุช่วยไปติดต่อเรื่องรับยูคิมาเป็นบุตรบุญธรรมของฉันให้หน่อย"

   ทาคุชะงักก่อนจะพยักหน้ารับคำ ส่วนอากิระแย้มยิ้มรับ พลางพึมพำขอบคุณผู้เป็นนายที่รู้ใจเปิดโอกาสให้เขากับทาคุได้ทำงานใกล้ชิดด้วยกันอีก เพราะจะว่าไปเรื่องแค่นี้ไม่เขาก็ทาคุ สามารถจัดการด้วยตนเองลำพังได้สบาย ๆ อยู่แล้ว

   

   อีกด้านหนึ่งที่โรงเรียนเอกชนมัธยมยามิคุระ พอยูคิมาถึงห้องเรียนแล้วก็ต้องแปลกใจ ที่บรรดาเพื่อนร่วมห้องต่างจ้องมองเขาด้วยสายตาสนอกสนใจเป็นพิเศษ แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้ามาสนทนาด้วย ยกเว้นอารากิที่พอมาถึงก็ยกมือทักทายยิ้มแย้มให้เพื่อนใหม่อย่างเป็นกันเอง

   "ไง! ยูคิ อรุณสวัสดิ์"

   ยูคิยิ้มแล้วทักทายตอบ และพอคนในห้องเห็นอารากินั่งคุยกับยูคิอย่างสนิทสนม พวกเขาก็พากันสบตา แล้วเดินมาสมทบทั้งคู่ด้วยเช่นกัน

   "ง่า...สวัสดี พวกเรานั่งคุยด้วยได้ไหม"

   อารากิมองเพื่อนร่วมชั้นที่มีสีหน้ากล้า ๆ กลัว ๆ อย่างนึกขำ คงเพราะเมื่อวานนี้แต่ละคนที่เข้ามาหาพวกเขานั้น ล้วนพากันเข้าหน้ายูคิไม่ติดเพราะเรื่องพลั้งปากนินทาเจ้าตัวออกไป แต่พอเห็นนิสัยของเด็กหนุ่มก็คงเกิดสะดุดใจ และอยากคบหาเช่นเขานั่นเอง

   "เห...แล้วไม่กลัวว่าจะไม่สมเกียรติพวกนายหรอกหรือ ที่มาคุยกับคนที่มาจากครอบครัวที่ฐานะต่ำกว่าน่ะ"

   คำแย้งกระเซ้าของอารากิ ทำให้แต่ละคนชะงักแล้วมีสีหน้าเจื่อน ๆ ส่วนยูคิเริ่มลำบากใจเพราะกลัวว่าเพื่อนในห้องจะมีเรื่องกันเพราะเขา

   "ก็เพราะเรื่องนั้นนั่นล่ะ ทำให้พวกเราอยากจะมาขอโทษน่ะ ...พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกฐานะครอบครัวนายหรอก...เพียงแต่ก็แค่แปลกใจว่า ใครที่ย้ายเข้ามาปลายเทอมแบบนี้ แถมเข้ามาอยู่ห้อง Z อีก ก็เลยพากันคาดเดาไปว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ตระกูลใหญ่โตมีเส้นมีสายที่ไหนกันน่ะ"

   เด็กหนุ่มตาเรียวเล็กคนหนึ่งพูดขึ้นเสียงอ่อย ซึ่งอารากิก็หลุดหัวเราะอย่างนึกขำ แล้วตบบ่าเพื่อนใหม่ที่กำลังนั่งอึ้งรับฟังอยู่เบา ๆ

   "พวกเขาก็เป็นแบบนี้ล่ะยูคิ จริง ๆ ฉันก็ตั้งใจจะบอกนายตั้งแต่เมื่อวานแล้ว  เพราะความที่เป็นลูกคุณหนูกันเสียส่วนใหญ่ พวกนี้ก็เลยติดนิสัยพูดวิจารณ์ไม่เกรงใจใครแบบนั้น พอเจอนายสวนกลับเมื่อวานก็เลยจ๋อยกันเป็นแถบ ...แต่เอาจริง ๆ แล้ว พวกเด็กห้อง Z นี่ ถ้าไม่นับนิสัยประหลาด ๆ แล้ว ส่วนใหญ่ก็คบหาได้ทั้งนั้นล่ะ นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"

   เพื่อนคนอื่นที่ถูกว่านิสัยประหลาด พร้อมใจกันเหลือบไปมองคนพูดเป็นตาเดียว ส่วนยูคินั้นมีสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะตามมาด้วยรอยยิ้มหวานเป็นมิตรให้กับทุกคนในที่นั้น

   "อืม...ฉันเองก็ต้องขอโทษที่เมื่อวานเผลอพูดจาเสียมารยาทจนเหมือนจะหาเรื่องทุกคนด้วยนะ"

   แต่ละคนพากันชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มหวานนั่น เห็นดังนั้นอารากิจึงกระแอมขึ้นเบา ๆ แล้วบอกดับความหวังของบางคนขึ้นมาเสียก่อน

   "อ้อ! ในฐานะเพื่อนร่วมชั้นกัน ขอเตือนไว้ก่อนว่า หมอนี่มีแฟนแล้ว แถมแฟนดุเสียด้วย ใครที่เตรียมจะคิดกับหมอนี่เกินเพื่อนล่ะก็ ตัดใจได้เลย ...บอกแค่นี้ล่ะ อย่าถามกันมาก ฉันไม่อยากเสี่ยงเอาคอพาดเขียงน่ะ"

   คนฟังแต่ละคนพากันอ้าปากค้าง ส่วนยูคินั้นหน้าแดงก่ำแล้วหันไปโพล่งใส่เพื่อนใหม่อย่างลืมตัว

   "จะบ้ารึอารากิ! พูดอะไรของนายน่ะ!"

   ทว่าอารากินั้นกลับยักไหล่ แล้วตอบกลับหน้าตาเฉย

   "แล้วฉันพูดผิดหรือไง เอาน่า นี่ฉันพูดเพราะหวังดีนะ ...อีกอย่างฉันก็ต้องป้องกันเพื่อนร่วมห้องไว้ก่อน เกิดมีใครเผลอไปหลงเสน่ห์นาย แล้วคนนั้นของนายรู้เข้าล่ะก็...ฉันไม่อยากให้เกิดโศกนาฏกรรมกับเพื่อนร่วมห้อง ก่อนจะเรียนจบหรอกนะ"

   พอได้ยินอารากิพูดแบบนั้น แต่ละคนก็พากันคิดไปต่าง ๆ นานา เพราะคนที่จะทำให้อารากินึกขยาดได้ ก็มีอยู่ไม่มากนัก ส่วนยูคินั้นยิ่งหน้าแดงหนักด้วยความโมโหปนอับอายมากยิ่งขึ้น

   "นายนี่มัน..."

   ยูคิไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรมาว่าเพื่อนใหม่ มาถึงตอนนี้เขาชักจะไม่แน่ใจแล้วว่า ตนเองคิดถูกหรือผิดที่เลือกมาคบหากับอีกฝ่ายเช่นนี้

   "ง่า...งั้นเรื่องแฟนอะไรนั่นก็ช่างแล้วกัน แค่คบเป็นเพื่อนก็คงไม่น่าจะมีปัญหาใช่ไหม..."

   แม้ปากจะถามยูคิ แต่สายตาคนพูดนั้นเหลือบไปมองอารากิ ซึ่งหลานชายผู้อำนวยการโรงเรียนก็แย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วยักไหล่

   "ก็ประมาณนั้น"

   และแล้วเพื่อนฝูงร่วมห้องที่ไม่อยากแขว่งเท้าหาเสี้ยน ก็ทำทีเป็นเปลี่ยนเรื่องสนทนา ซึ่งด้วยเพราะเป็นเด็กผู้ชายวัยเดียวกัน แถมยังมีความชอบคล้าย ๆ กันหลายเรื่อง ประกอบกับความมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของเด็กหนุ่มก็ทำให้ยูคิสนิทกับแต่ละคนในห้อง Z นี้ไม่ยากนัก พวกเขาคุยกันเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเรื่องชมรมในโรงเรียน...

   "เอ๋...นายสนใจชมรมคอมพิวเตอร์เหรอ งั้นก็ดีสิ เพราะฉันก็อยู่ชมรมนั้นเหมือนกัน"

   เด็กหนุ่มตาเรียวเล็กชื่อ อินุเอะ เคนจิ เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น และก่อนที่เจ้าตัวจะพูดอะไรต่อ อารากินั้นก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน   

    "หมอนี่เป็นประธานชมรมคอมพิวเตอร์น่ะ หน้าไม่ให้เลยใช่ไหมล่ะ"

   คำพูดของอารากิทำให้ยูคิเบิกตากว้างอย่างตกใจ เพราะอีกฝ่ายนั้นมองจากบุคลิกภายนอกแล้ว ดูเหมือนคนที่ไม่น่าจะเป็นผู้นำคนได้เลย

   "เหอะ! เรื่องพวกนี้มันไม่ได้อยู่ที่หน้าตาสักหน่อย"

   คนโดนพาดพิงบ่นอุบ ก่อนจะหันไปคุยกับยูคิต่อ

 "ฉันชื่ออินุเอะ เคนจิ น่ะ ถ้านายจะเข้าชมรมเรา ฉันก็ยินดีต้อนรับ...ที่ชมรมเราจะมีกิจกรรมทั้งเดี่ยวและกลุ่มเป็นระยะ ก็จำพวก เขียนโปรแกรม เกม ต่าง ๆ อะไรพวกนี้ ถ้าเป็นพวกงานกลุ่ม ก็จะจดลิขสิทธิ์ในนามของชมรม แล้วถ้าขายได้ก็จะเอาเงินเข้ามาบำรุงชมรมอีกทางหนึ่ง"

   ยูคิเบิกตามองอย่างแปลกใจ ก่อนจะถามกลับไป

   "แล้วทางโรงเรียนจะไม่ว่าหรอกหรือ เรื่องใช้ชมรมทำกิจกรรมหาเงินจากคนนอกน่ะ"

   "ไม่หรอกน่า อาของฉันเขามีนโยบาย ช่วยสนับสนุนเด็กนักเรียนให้รู้จักทำธุรกิจหาเงินด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องคอยแต่จะพึ่งเงินจากทางบ้านน่ะ แต่ก็นะเป็นความลับเฉพาะพวกเราเด็กนักเรียนกับโรงเรียนนะ ...ก็พ่อแม่บางคนเขาก็ไม่อยากเห็นลูกลำบากหาเงินเอง ทั้งที่มีเงินเป็นถุงเป็นถังเต็มบ้านอยู่แล้วจริงไหมล่ะ ...แต่การกระทำแบบนั้น มันพวกพ่อแม่รังแกฉันชัด ๆ"

   ยูคิรับฟังแนวคิดจากอารากิอย่างนึกทึ่ง เริ่มไม่แปลกใจแล้วว่า เหตุใด นักเรียนส่วนใหญ่ที่จบจากสถาบันแห่งนี้ จึงประสบความสำเร็จในหลายด้านนัก

   "นอกจากชมรมคอมพิวเตอร์แล้ว ชมรมอื่น ๆ ก็มีรายได้เสริมจากกิจกรรมของตัวเองแทบทั้งนั้น อย่างพวกขนมหวานในชมรมคหกรรมที่ฉันอยู่ก็ทำไปวางขาย ตามพวกโรงแรมหรู ไม่ก็พวกร้านค้าชื่อดังต่าง ๆ ด้วยนะ แถมอร่อยจนลูกค้าอยากขอดูหน้าเชฟเลยทีเดียว แต่แน่นอนว่าเป็นความลับอยู่แล้วล่ะ!"

   เพื่อนอีกคนหนึ่งเอ่ยเสริมขึ้นมาบ้าง ซึ่งยูคิก็มองคนพูดอย่างนึกทึ่ง เพราะด้วยหุ่นที่สูงใหญ่ใกล้เคียงอารากิของอีกฝ่ายนั้น ดูแล้วน่าจะอยู่ชมรมกีฬาประเภทต่าง ๆ มากกว่าชมรมคหกรรมด้วยซ้ำ

   "ชมรมกรีฑาที่ฉันอยู่ก็เหมือนกัน อาจจะหารายได้เสริมได้ยากกว่าพวกนี้ แต่พวกเราก็อาศัยแข่งล่าถ้วยล่าเงินรางวัลมาเข้าชมรมกันแทนน่ะ"   

     อารากิบอกยิ้ม ๆ  ซึ่งก็ทำให้ยูคิรู้สึกทึ่งมากขึ้นไปอีก

   "นึกว่าจะเน้นแค่เรื่องเรียนอย่างเดียว เรื่องกิจกรรมชมรมที่นี่ก็ดูกระตือรือร้นกันดีนะ"

   "ก็แน่ล่ะ เพราะปลายปีแต่ละชมรมก็จะมีการประเมินจากคณะกรรมการนักเรียนและคณะอาจารย์อยู่ทุกปี  ถ้าชมรมไหนมีผลงานติดหนึ่งใน 10 จากในบรรดาชมรมทั้งหมด ทางโรงเรียนก็จะมีรางวัลและงบประมาณเพิ่มเติมให้  กลับกันถ้าชมรมไหนไม่มีผลงานกระเตื้องเลย ก็จะติดใบแดงไว้ พอครบสามครั้งก็จะโดนยุบชมรมแทน ทุกคนก็เลยพากันกระตือรือร้นกันเต็มที่  นี่ดีนะที่นายเข้ามาปลายเทอมแบบนี้ ไม่งั้นหน้าตาน่ารักแบบนายมีหวังโดนรุ่นพี่ชิงตัวกันเข้าชมรม เพื่อหวังจะเอาไปเป็นมาสค็อตเรียกสมาชิกไปแล้วล่ะ!"

   อารากิตอบอธิบายยืดยาว ซ้ำยังลงท้ายด้วยถ้อยคำที่แสนจะตรงไปตรงมา สร้างความไม่สบอารมณ์ให้คนฟังอีกต่างหาก

    "แล้วตกลงนายจะเข้าชมรมคอมพิวเตอร์แน่สินะยูคิ ฉันจะได้เอาใบสมัครมาให้นายกรอก หรือจะลองแวะไปเยี่ยมชมรมของเราในเย็นนี้ก่อนก็ได้นะ"

     เด็กหนุ่มซึ่งเป็นประธานชมรมคอมพิวเตอร์ย้ำถามอีกฝ่ายและเรียกชื่อต้นของยูคิตามแบบอารากิ ซึ่งตัวยูคิเองก็ไม่ได้ถือสา ซ้ำยังพอใจที่เพื่อนใหม่ปรับตัวสนิทกับเขาได้ในแบบที่เขาอยากให้เป็นอีกด้วย

   "อือ...งั้นฉันจะแวะไปดูแล้วกัน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรฉันก็คงจะเข้าชมรมนี้นั่นล่ะ เพราะฉันอยากจะฝึกฝนความสามารถทางด้านนี้ให้มากขึ้นด้วย ...ฉันตั้งใจเอาไว้แล้วว่า จะใช้ความรู้ทางด้านนี้เพื่อช่วยงานผู้อุปการะของฉันในอนาคตน่ะ"

   พอพูดถึงริวยะยูคิก็มีรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างลืมตัว ทำให้แต่ละคนที่มองอยู่ชักเริ่มสงสัย และมีบางคนที่รู้อยู่แล้วว่าผู้อุปการะที่ว่านั้นเป็นใคร ถึงกับอมยิ้มน้อย ๆ

    "อืม...ว่าแต่ถ้าเขาเข้าชมรมคอมพิวเตอร์ไปแล้ว นายจะดูแลเขาไม่ให้คุณคาสึกะมายุ่มย่ามได้หรือเคนจิ...นายก็น่าจะรู้นะว่าหน้าตาอย่างยูคิน่ะ สเป็คเขาเลยล่ะ"

   อารากิเอ่ยตามมาอย่างนึกขึ้นได้ ทำให้หลายคนนอกจากยูคินั้นชะงัก แล้วหันไปสบตากับประธานชมรมคอมพิวเตอร์ที่มีสีหน้าลำบากใจให้ได้เห็นเด่นชัด

   "ง่า...ก็จะพยายามขอร้องแล้วกัน...ว่าแต่นายเชี่ยวชาญเรื่องคอมพวกนี้หรือเปล่าน่ะยูคิ"

   ยูคิชะงักแล้วขมวดคิ้วนิด ๆ อย่างนึกแปลกใจ

   "ก็พอไหว ...ทำไมล่ะ หรือต้องทดสอบความรู้ก่อนเข้าชมรมด้วย"

   เคนจิสั่นศีรษะปฏิเสธแล้วจึงบอกออกไปตามตรง

   "ไม่ใช่หรอก... เพียงแต่ถ้านายเก่ง ชนิดเก่งจริง ๆ ถึงคุณคาสึกะ เขาจะมายุ่มย่ามกับนาย แต่เขาก็จะมีลิมิตไม่แกล้งนายจนเกินไป เพราะไม่อยากให้นายลาออกจากชมรมยังไงล่ะ"

   ยูคิรับฟังอย่างมึนงง ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากถามกลับไปว่าคนชื่อคาสึกะนั้นเป็นใครกันแน่ เสียงออดเข้าห้องเรียนก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

   "อ๊ะ! เข้าเรียนแล้ว งั้นเดี๋ยวพักกลางวันคุยกันใหม่นะ!"

   คนอื่น ๆ พากันแยกย้ายแล้วไปนั่งเตรียมตัวที่โต๊ะของตน ทำให้ยูคิที่เตรียมคำถามออกไปชะงักแล้วจึงพยักหน้ารับรู้ แล้วพออาจารย์มิซาวะเข้ามาทำการสอนในชั่วโมงเช้า เขาก็ลืมเรื่องของคนชื่อคาสึกะไปเลย

   

   พอถึงเวลาพักกลางวัน เด็กนักเรียนห้อง z ก็จับกลุ่มกันโต๊ะใหญ่ที่โรงอาหารเพื่อร่วมรับประทานอาหารพร้อมกันกับเพื่อนใหม่ ปกติเด็กนักเรียนห้องพิเศษอย่างห้อง z นั้น แต่ละคนก็จะมีความเด่นกันไปคนละแบบอยู่แล้ว ยิ่งพอมารวมกันโดยมียูคิเพิ่มมา ก็ยิ่งกลายเป็นเป้าสายตาของเด็กนักเรียนห้องอื่นและชั้นปีอื่นยิ่งขึ้นไปอีก

   "เอาล่ะ! อิ่มแล้ว ยูคิไปห้องชมรมคอมพิวเตอร์กันเลยไหม!"

เคนจิที่กำลังเห่อเพื่อนใหม่รีบชวนอีกฝ่าย ทำเอาคนบางคนนึกหมั่นไส้และอยากแกล้งเพื่อน จึงยุให้คนอื่นเฮโลขอตามไปห้องชมรมด้วยกัน

   "เดี๋ยวสิ พวกนายจะตามมาทำไมกันน่ะ ไม่มีอะไรจะทำหรือไง!"

   ประธานชมรมคอมพิวเตอร์โวยลั่น เพราะขืนปล่อยให้เพื่อนพวกนี้บางคนที่ไม่เชี่ยวชาญเทคโนโลยี มาแกล้งเปิดคอมในชมรมของเขาใช้ มีหวังได้กดโน่นกดนี่จนต้องตามซ่อมเข้าให้อีกจนได้

   "ก็เห็นนายอุตส่าห์ได้สมาชิกใหม่ไปเป็นมัสคอตเรียกแขกไว้ล่อรุ่นน้องปีหน้าแบบนี้ทั้งที พวกเราก็เลยคิดจะไปร่วมแสดงความยินดีด้วยยังไงล่ะ"

    อารากิเอ่ยกระเซ้าระคนหมั่นไส้นิด ๆ เพราะเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ห้องเขานั้นมีเรียนพละเป็นวิชาบาสเก็ตบอล ซึ่งยูคิก็แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวนั้นเล็กแค่ตัว แต่ความสามารถในการเคลื่อนไหวแสนจะคล่องแคล่วเสียจนคนที่อยู่ชมรมกีฬาอย่างเขานึกสนใจ ยิ่งหลังจากได้ลองเลียบเคียงถามสถิติการวิ่งร้อยเมตรของอีกฝ่ายมาแล้ว ก็ทำให้เขาอดเสียดายที่ไม่ได้ทาบทามเจ้าตัวเข้าชมรมก่อนหน้านั้น   

   "ฉันไม่ได้คิดจะเป็นมัสคอตสักหน่อย!"

   ยูคิบอกอย่างไม่สบอารมณ์ แต่อารากินั้นยักไหล่อย่างไม่นึกใส่ใจ ซึ่งนั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มอดนึกถึงริวยะในบางครั้งไม่ได้

   'สงสัยคุณริวยะจะเป็นไอดอลของหมอนี่ในเรื่องความเอาแต่ใจ ไม่ค่อยสนใจความคิดคนอื่นซะละมั้งเนี่ย'

   "เอ้า! ไปก็ไป แต่ห้ามแตะคอมในชมรมมั่วซั่วนะ!!"

   เด็กหนุ่มตาตี่โพล่งขึ้นเสียงเข้ม แต่ว่าคนฟังแต่ละคนนั้นกลับอมยิ้มบ้าง ยักไหล่บ้าง อย่างไม่ใส่ใจ ทำให้เจ้าตัวต้องถอนหายใจแล้วเดินคอตกตามเพื่อนไปติด ๆ จนยูคินึกสงสารขึ้นมาทีเดียว

   "หึ ๆ ถึงหมอนั่นจะดูหงอย ๆ ไม่เข้าท่าแบบนั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับคอมหรือข้อมูลต่าง ๆ หมอนั่นนี่สุดยอดเลยนะแถมยังเป็นพวกไม่หวงวิชาตัวเองอีกต่างหาก ถ้านายสนใจจะศึกษาเรื่องพวกนี้โดยตรงล่ะก็ อยู่ชมรมกับหมอนี่มีแต่ได้กับได้แน่ ๆ"

   แม้จะเสียดายที่ยูคิเข้าชมรมอื่น แต่อารากิก็ยังคงบอกกับเพื่อนใหม่ถึงศักยภาพของประธานชมรมคอมพิวเตอร์ไปตามตรง นั่นจึงทำให้ยูคิลอบยิ้มน้อย ๆ อย่างนึกชื่นชมในตัวอีกฝ่ายที่ไม่หาเรื่องใส่ไฟเพื่อนร่วมชั้น ให้เขาเปลี่ยนใจไปเข้าชมรมของตนแทน แม้ว่าก่อนหน้านั้นอารากิจะแอบบ่นให้เขาฟังว่าอยากให้เขาเข้าร่วมชมรมกรีฑาของเจ้าตัวด้วยอยู่ก็ตาม

    "อืม...ฉันจะลองดูแล้วกัน"

   ยูคิรับคำแล้วเดินตามอารากิกับผองเพื่อน ไปยังห้องชมรมคอมพิวเตอร์อย่างไม่รีบร้อนนัก โดยที่มีสายตาสนอกสนใจของคนอื่น ๆ มองไล่ตามพวกเขาไปตลอดทางเลยทีเดียว

   

... TBC ...


ช่วงนี้ไม่เน้นยาวเหมือนตอนต้น ๆ เรื่อง แต่เน้นโพสพอประมาณแต่มาไวแทนนะคะ ^^"  อ่านไม่จุใจก็ขออภัยด้วยค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-09-2014 20:51:33 โดย Xenon »

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
จุใจค่ะ :pig4

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ขอบคุณที่มาอัพบ่อยๆ ติดตามอ่านอยู่นะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :katai5: :katai5: :katai5:ยูคิน้อยก็ยังนต่ารักเหมือนเดิม :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4


บทที่ 17



      ห้องของชมรมคอมพิวเตอร์ในตอนกลางวันนั้น ไม่อนุญาตให้สมาชิกชมรมใช้งาน และจะเข้าได้เฉพาะประธานชมรมหรือสมาชิกที่ขออนุญาตใช้ชมรมเป็นพิเศษเท่านั้น

     และสภาพในห้องชมรมคอมพิวเตอร์ที่ยูคิได้เห็น ก็ทำให้เด็กหนุ่มนึกทึ่งต่อขนาดของห้องที่กว้างพอ ๆ กับห้องเรียนของเขา  ทางด้านเคนจินั้นคุยให้ฟังอีกว่า ด้วยผลงานของชมรมที่พวกรุ่นพี่ทำไว้  จึงทำให้ห้องชมรมคอมพิวเตอร์แห่งนี้กว้างขวางและสะดวกสบายอย่างที่เห็นนั่นเอง

   "เอ่อ...จริงสิ...เห็นว่าประธานรุ่นก่อนหน้านายนี่...เขาเก่งมากเลยสินะ"

   จู่ ๆ ยูคิที่นึกถึงเรื่องคนรู้จักของริวยะขึ้นมาได้ ก็หันไปถามเพื่อนใหม่ ซึ่งก็ทำให้เคนจิและอารากิที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยกัน นึกแปลกใจ

   "หือ...ใช่ นี่แสดงว่านายก็รู้จักคุณคาสึกะมาบ้างแล้วน่ะสิ  อ้อ! คุณริวยะคงบอกสินะ เพราะสองคนนั่นค่อนข้างสนิทกันมากอยู่น่ะ"

   อารากิเป็นฝ่ายตอบคำถามนั้นแถมยังสรุปยืนยันในสิ่งที่ทำให้ยูคิแอบชะงัก นี่ถ้าไม่เพราะเขาได้คุยเรื่องนี้กับริวยะมาก่อนหน้านี้ เขาก็คงอดไม่ได้ที่จะแอบคิดมากและนึกอิจฉาคาสึกะขึ้นมาอีกแน่

   "ริวยะ...เห! อย่าบอกนะว่าผู้อุปการะนายน่ะ คือ มุราคามิ ริวยะน่ะ!"

   เคนจิโพล่งขึ้นอย่างตกใจ และทำให้เพื่อนหลายคนที่มาด้วยกันหันมามองยูคิด้วยความตกตะลึง

   "อ้าว! ฉันก็นึกว่ารู้กันแล้วเสียอีก"

   อารากิเปรยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก ทำให้เพื่อนคนอื่นหันมามองเขาเป็นตาเดียว แล้วพากันถอนหายใจเฮือกใหญ่

   "ก็ถ้าเป็นคุณริวยะคนนั้นก็ไม่น่าแปลกอะไร ที่จะพานายมาเข้าเรียนที่นี่เอาเสียตอนปลายเทอมแบบนี้อย่างสบาย ๆ ล่ะนะ"

   เคนจิสรุปตัดบท แล้วหันมาให้ความสนใจกับการสนทนาเรื่องชมรมของตนต่อ ทำเอายูคิรู้สึกโล่งอกที่ไม่โดนซักอะไรมากนัก ซึ่งเด็กหนุ่มนั้นเข้าใจว่าแม้ริวยะจะร่ำรวยและมีอำนาจสักเพียงใด แต่สำหรับสถานที่แห่งนี้ก็คงจะมีคนระดับเดียวกับชายหนุ่มอยู่อีกมายมายนั่นเอง

    "เห ๆ อะไรกัน ....ทำไมเด็กชมรมอื่นถึงมาอยู่กันเต็มชมรมเราแบบนี้ล่ะ... อ้าว! อารากิ อย่าบอกนะว่าคิดเปลี่ยนใจจะมาเข้าชมรมคอมพิวเตอร์แทนน่ะ!"

   เสียงใสทักทายดังขึ้นจากหน้าประตูทางเข้า ทำให้นักเรียนห้อง Z แต่ละคนหันขวับไปทางต้นเสียง แล้วโค้งศีรษะนิด ๆ ให้กับเด็กหนุ่มผู้มาใหม่ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มให้  ก่อนจะหันมาสะดุดตากับคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างเคนจิรุ่นน้องในชมรมของเขา

   "หือ...อืม...หึ"

   น้ำเสียงฮึมฮัมในลำคอพร้อมกับรอยยิ้มติดเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย ทำให้คนที่รู้จักนิสัยของผู้มาเยือนดีต่างลอบถอนหายใจกันถ้วนหน้า

   ทางด้านยูคิที่สังเกตเห็นเนคไทสีแดงของอีกฝ่ายที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวเรียนอยู่ชั้นปีสุดท้าย แถมคนอื่นก็ยังวางตัวสุภาพกับคนตรงหน้าเป็นพิเศษ จึงทำให้เขาตัดสินใจแนะนำตัวเองออกไปบ้าง

   "เอ่อ...สวัสดีครับ ผมชื่อทานากะ ยูคิ ครับ จะมาสมัครเข้าชมรมคอมพิวเตอร์น่ะครับ"

   เด็กหนุ่มรุ่นพี่ตรงหน้ายูคินั้น เป็นคนที่มีรูปร่างสูงโปร่งไล่เลี่ยกับอารากิ และจัดว่ามีใบหน้าสวยหวานสะดุดตา เจ้าตัวเดินยิ้มตรงเข้ามาหายูคิ ก่อนจะเอ่ยทักทายกลับ

   "สวัสดี ฉันมิยาโมโตะ คาสึกะ เป็นอดีตประธานชมรมที่นี่น่ะ...ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการสักทีนะ ทานากะ ยูคิคุง"

   ยูคิมีสีหน้างุนงงต่อคำทักทายกึ่งสนิทสนมคล้ายกับอีกฝ่ายรู้จักตนมาก่อนหน้านั้น ส่วนพวกอารากิเองก็มองอดีตประธานชมรมคอมพิวเตอร์ด้วยความสงสัยไม่แพ้กัน

   "ชู่ว! ความลับระหว่างฉันกับยูคิคุงน่ะ ...แล้วอย่าให้รู้ว่าใครไปคาดคั้นถามเขาเข้าให้ด้วยล่ะ...เข้าใจนะ"

   คนหน้าสวยยิ้มหวานหากแต่นัยน์ตาฉายแววคมกริบวาววับ ทำเอาคนอื่น ๆ ที่รู้จักนิสัยใจคอของอีกฝ่ายดี พากันยิ้มเจื่อนตอบรับ แม้แต่อารากิที่เป็นถึงหลานชายของผู้อำนวยการโรงเรียนยังแค่นยิ้มส่งให้ หนำซ้ำก็ไม่ได้โวยวายโต้เถียงอะไรกลับไปอย่างที่ควรเป็นอีกด้วย

    "เอ่อ...ผมเคยรู้จักคุณมาก่อนด้วยหรือครับ"

   ทางด้านยูคิที่กำลังงุนงงตัดสินใจถามออกไป ทำเอาคาสึกะชะงัก ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้อีกฝ่ายอย่างนึกเอ็นดู

   "หมดกันเลยน้า ยูคิคุง ...พวกนี้อุตส่าห์สับสนเรื่องของพวกเราเข้าให้แล้วเชียว"

   พอได้ยินดังนั้นแต่ละคนก็พากันขมวดคิ้วยุ่ง จากนั้นเพื่อนร่วมห้องแต่ละคนต่างรีบอ้างธุระขอตัวลากลับกันก่อน ทิ้งไว้แค่เพียงเคนจิ ยูคิ และอารากิที่ยังคงอยู่ในห้องชมรมเพียงเท่านั้น

   "เพื่อน ๆ ของนายก็ยังฉลาดในการอ่านบรรยากาศตามเคยนะ เคนจิคุง"

   คาสึกะหันมาตบบ่ารุ่นน้องร่วมชมรมของเขาอย่างนึกขำ หากแต่อีกฝ่ายนั้นไม่ได้ขำไปด้วย

   "พวกนั้นก็แค่กลัวโดนคุณลากมาเล่นสนุกด้วยเท่านั้นล่ะครับคุณคาสึกะ"

   ประธานชมรมคนปัจจุบันเปรยบ่นอย่างเอือมระอา ส่วนอารากินั้นยังคงจ้องมองคาสึกะสลับกับยูคิอย่างนึกสงสัยอยู่ไม่หาย เพราะแม้อดีตประธานชมรมคอมพิวเตอร์นั้นจะชอบแกล้งคนที่ถูกใจในแบบต่าง ๆ ก็จริง แต่สีหน้าของคาสึกะตอนพบยูคิครั้งแรก ทำให้อารากิมั่นใจว่า อีกฝ่ายนั้นพอจะรู้จักยูคิมาก่อนหน้าบ้างแน่ ๆ

   "เห...มองหน้าฉันแบบนั้นทำไมกันอารากิ...เอ...หรือว่าจะเปลี่ยนใจเลิกเล่นของสูง แล้วหันมามองคนวัยใกล้เคียงกันแทน หือ"

   คาสึกะที่หันมาเห็นสายตาสงสัยของอารากิพอดีแกล้งเอ่ยแซวพร้อมยิ้มยั่ว และนั่นจึงทำให้คนถูกแกล้งต้องหลุดโพล่งกลับไปด้วยความหงุดหงิดอย่างลืมตัว

   "หุบปากไปเลยน่า!"

    "หึ ๆ ยังอารมณ์ร้อนเหมือนเคยนะ....คิดดีแล้วหรือที่แข็งข้อกับคนอย่างฉันน่ะ...อุตส่าห์ลำบากลำบน จนได้คอเล็คชันใหม่ของใครบางคนมาเพิ่มแท้ ๆ ...สงสัยต้องเก็บไว้ดูคนเดียวแทนแล้วล่ะนะ"

   คาสึกะแสร้งทำเป็นเปรยขึ้นกับตัวเอง ทำเอาอารากิชะงักพลางเม้มปากแน่น สีหน้าเคร่งเครียดอย่างคิดหนัก  ส่วนเคนจินั้นสะกิดยูคิให้ไปกรอกใบสมัครเข้าชมรมกับตนแทน เพราะกลัวว่าเด็กหนุ่มจะเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเสียก่อน

   "เอ้า! คำขอโทษล่ะ"

   คาสึกะบอกกับรุ่นน้องตรงหน้า ทำเอาอารากิกำมือแน่น แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ต้องยอมทำตาม โค้งศีรษะแล้วขอโทษคนตรงหน้า สร้างความเอือมระอาให้กับเคนจิที่มองมา ส่วนยูคินั้นมองเพื่อนของตนและคาสึกะอย่างอึ้ง ๆ เพราะไม่คิดว่าคนแข็ง ๆ อย่างอารากิจะยอมก้มหัวขอโทษคนที่แกล้งตนเองเอาฝ่ายเดียวได้ง่ายดายขนาดนี้

   "คุณคาสึกะ...คุณกำลังทำให้เพื่อนของผมไม่กล้ากรอกใบสมัครเข้าชมรมแล้วนะครับ"

   เคนจิเปรยขึ้นเมื่อเห็นอดีตประธานชมรมแกล้งแหย่อารากิเล่นต่อ ทำเอาคนถูกเรียกชื่อชะงัก แล้วหันมามองพร้อมตั้งคำถาม

   "อ้าว! ฉันก็นึกว่านายล่อลวงเขาเข้าชมรมของเราเรียบร้อยแล้วซะอีกนะเคนจิคุง"

   "เรียกว่าชักชวนดีกว่านะครับ"

   เคนจิแก้คำพูดนั้นให้อย่างเหนื่อยใจ แล้วจึงหันมาทางยูคิ

   "เอิ่ม...ถึงจะดูน่าหนักใจไปบ้าง แต่เรื่องความสามารถของเขาก็เป็นของจริงนะ ...ตามปกติถ้าไม่นับนิสัยเสียชอบแกล้งคนที่ถูกใจนั่น ก็ถือว่าเขาเป็นสมาชิกชมรมที่น่าภูมิใจของเราคนหนึ่งเลยล่ะ"

   เคนจิบอกตามตรง เรียกเสียงกระแอมค่อย ๆ จากคนถูกนินทาซึ่งหน้าแถวนั้นขึ้นมาได้

   "เคนจิคุงล่ะก็ บางอย่างก็ไม่ต้องเล่าเสียหมดก็ได้นะ"

   "ครับ ๆ งั้นคุณก็ช่วยเงียบ ๆ ก่อนแล้วกันครับ รอให้ยูคิกรอกใบสมัครเข้าชมรมเสร็จก่อน ค่อยว่ากันใหม่"

   ยูคิมองเพื่อนใหม่ของเขาตาปริบ ๆ แล้วเหลือบไปมองอารากิ ก็เห็นอีกฝ่ายยักไหล่นิด ๆ เด็กหนุ่มจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วฝืนยิ้มเจื่อนให้กับสมาชิกชมรมคอมพิวเตอร์ทั้งคู่

   "เอาเถอะครับ...ยังไงก็หลวมตัวมาแล้วทั้งที ...แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ขออนุญาตย้ายชมรมทีหลังแล้วกันนะครับ"

   พอยูคิพูดจบแต่ละคนก็พากันชะงัก แล้วเป็นคาสึกะที่หลุดหัวเราะออกมาอย่างนึกชอบใจ

   "โอเค ๆ เอางั้นก็ได้  แต่รับรองว่านายจะชอบชมรมนี้ไม่แพ้พวกฉันหรอก...ทานากะ ยูคิคุง"

   คนพูดส่งยิ้มติดเจ้าเล่ห์มาให้ ทำเอายูคินึกแปลกใจไม่หาย เขามั่นใจว่าไม่เคยรู้จักคาสึกะมาก่อน นอกจากที่ริวยะเล่าให้ฟัง ทว่าสายตาของคาสึกะที่มองเขาในบางครั้ง มันเหมือนกับกำลังมองคนที่รู้จักคุ้นเคยกันมาแล้วในระดับหนึ่ง



   หลังจากกรอกใบสมัครเข้าชมรมเรียบร้อย คาสึกะก็เดินเข้าไปโอบบ่าร่างบาง ชักชวนให้อีกฝ่ายไปนั่งเล่นคุยกับเขาตามลำพังก่อนจะถึงเวลาเข้าเรียนในช่วงบ่าย ทำเอาอารากิชะงัก แล้วรีบห้ามออกไป

   "ไม่ได้นะครับคุณคาสึกะ...หมอนี่น่ะมีแฟนแล้วนะ!"

   คนฟังเลิกคิ้วนิด ๆ ผิดกับยูคิที่หน้าแดงระเรื่อ ส่วนเคนจิเมื่อเห็นว่าเนื้อหาที่สนทนานั้นเริ่มไม่เกี่ยวกับตัวเอง เขาก็ขอตัวชิ่งตามเพื่อนคนอื่นที่หนีไปก่อนหน้านั้นทันที

   "มีแฟน...หือ...ใครล่ะ..คุณริวยะหรือไง"

   คำถามพร้อมรอยยิ้มเย้าแหย่นั่นทำให้อารากิกับยูคิชะงัก และเป็นอารากิที่สวนกลับไปอย่างนึกสงสัย

   "แล้วคุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน!"

   คาสึกะอมยิ้ม เขาเหลือบไปมองยูคิด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหันไปตอบคำถามนั้นของอารากิต่อ

   "แปลกอะไร ก็ฉันออกจะสนิทกับคุณริวยะขนาดนั้น...แต่แหม เพิ่งจะรู้นะว่าสเป็คเขาเป็นแบบนี้...แต่ก็พอจะเข้าใจอยู่ล่ะนะ น่ารักเสียขนาดนี้ก็เอาไว้เล่นแก้เบื่อได้ดีอยู่หรอก"

   คำพูดของคาสึกะทำให้ยูคิชะงักกึก ส่วนอารากินั้นนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าคาสึกะจะกล้าพูดกับอีกฝ่ายถึงขนาดนี้ ทว่าเขายังไม่ทันแย้งอะไรก็กลับถูกสายตาห้ามปรามของเด็กหนุ่มหน้าสวยจ้องมองจนเขาชะงักนิ่งไปอีกคน

   "เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเราสองคนไปนั่งคุยอะไรเป็นการส่วนตัวกันสักหน่อยดีไหม...อารากิ นายไม่ต้องอยู่ด้วยหรอกนะ กลับห้องของนายไปได้เลย รับรองว่าฉันไม่ทำอะไรเพื่อนของนายหรอก"

   อารากิเงียบมองคนพูดอย่างพิจารณาอยู่สักครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

   "โอเค ก็ได้ครับ...อ้อ! ยูคิ ระวังล่ะ คนคนนี้น่ะเวลาเอาจริงกับแกล้งคนอื่น มันไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่ ยังไงก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองดี ๆ หน่อยนะ ไม่งั้นจะกลายเป็นของเล่นของเจ้าตัวเอาง่าย ๆ น่ะ!"

    บอกจบอารากิก็โบกมือลา แล้วออกจากห้องชมรมไป ทำเอาคาสึกะต้องหลุดหัวเราะออกมาอย่างนึกขำ แล้วจึงหันไปยิ้มให้กับคนข้างกาย

   "เอาล่ะ ไม่มีคนรบกวนแล้ว เรามาคุยกันแบบสนิทสนมแนบชิด ตามประสาคนที่มีคนสำคัญคนเดียวกันดีไหมเอ่ย"

    ยูคิจ้องมองคนพูดอย่างไม่แน่ใจนัก ว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือคิดจะแกล้งเขาเล่นอย่างอารากิเตือนมา

   "คุณชอบคุณริวยะเหมือนกันหรือครับ"

   คำถามที่หลุดออกมาทำเอาคนฟังชะงักเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งทำเป็นยิ้มตามมา

   "ก็นะ...ทีแรกตั้งใจว่าเรียนจบแล้วจะลองไปสารภาพกับเขาดู เพราะเขาเองก็ไม่ได้เกลียดอะไรฉัน...แต่ดันมีนายเข้ามาแทรกเสียก่อนนี่สิ...เฮ้อ! แต่ก็นั่นล่ะ...ฉันรู้จักคุณริวยะดีพอ เขาค่อนข้างเป็นพวกช่างเลือก ถ้ามีดีแค่น่ารัก แต่ไร้ความสามารถ ก็รั้งหัวใจเขาให้อยู่ด้วยได้ไม่นานนักหรอก"

   เด็กหนุ่มบอกแล้วชะโงกหน้ามาใกล้ก่อนจะยิ้มเยาะ ทำเอายูคินึกฉุน เขาสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนที่โอบบ่าของอีกฝ่าย แล้วโต้ตอบกลับไปอย่างจริงจัง

   "ผมชอบคุณริวยะ แล้วจะไม่มีวันยกเขาให้ใครเด็ดขาด!"

   คาสึกะนิ่งอึ้ง ก่อนจะทำเสียงในลำคอตามมาเบา ๆ แล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์น้อย ๆ

   "งั้นหรือ ...โอเค งั้นฉันขอยอมแพ้ แล้วถอนตัวมาเลยแล้วกัน"

   เด็กหนุ่มบอกพร้อมกับหยิบที่อัดเสียงพกพาออกมาเปิดย้อนประโยคที่ยูคิพูดเมื่อครู่ โดยมีสายตานิ่งอึ้งปนตกตะลึงของยูคิจ้องมองอยู่

   "ใช้ได้เลย เสียงดังชัดเจนดี...นี่ถ้าฉันเอาไปอัดใส่นาฬิกาปลุกหรู ๆ สักเรือน แล้วอัพราคาให้ขึ้นสักสิบเท่า นายคิดว่าคุณริวยะจะยอมซื้อไปไหม ยูคิคุง"

   "คะ...คุณหลอกผมหรือ!"

   คาสึกะเก็บที่อัดเสียงใส่กระเป๋าเสื้อ ก่อนจะส่งยิ้มหวานติดเจ้าเล่ห์ให้

   "ก็นะ...ฉันได้ยินข่าวว่าจะมีนักเรียนย้ายมาใหม่ปลายเทอม แถมคุณริวยะคนนั้นก็ยังฝากฝังกับผอ.ด้วยตัวเอง...ฉันก็เลยสนใจเช็คประวัติของนายเป็นพิเศษ...แล้วก็แจ็คพ็อต ไม่คิดว่าเด็กน้อยน่ารักของคุณริวยะ จะเป็นคนเดียวกับเด็กน้อยคนเก่งที่เคยเข้ากลุ่มมาช่วยงานแฮกเกอร์ลับ ๆ ของฉันกับเพื่อน ๆ อยู่ครั้งหนึ่ง แล้วขอถอนตัวไปนั่นน่ะ"

   ยูคินิ่งอึ้งเบิกตากว้างมองคนพูดอย่างไม่อยากเชื่อสายตากว่าเดิม

   "คุณเป็นพวกเดียวกับคนพวกนั้นหรอกหรือ!"

   "ใช่...ช่วงวันที่นายเข้ามาทำงาน พอดีฉันติดธุระทางบ้านไปช่วยงานที่กลุ่มไม่ได้พักใหญ่ ๆ ก็เลยไม่ได้เจอกัน แต่ก็ได้รับฟังกิตติศัพท์ของนายมาเยอะจนทำให้อยากเจอตัวนายมาตลอดเหมือนกันนะยูคิคุง"

   คาสึกะบอกพร้อมรอยยิ้มที่ดูจริงใจกว่าครั้งก่อนหน้านั้น ส่วนยูคิหวนคิดถึงตอนที่เขาไปทำงานพิเศษกับกลุ่มแฮกเกอร์เมื่อก่อน ตอนนั้นเขาแอบนึกทึ่งในฝีมือของทุกคนในกลุ่ม แต่เขาก็ยังจำเรื่องที่คนในนั้นบอกได้ดีว่าเป็นเพราะมือหนึ่งของกลุ่มติดธุระสำคัญ จนไม่สามารถมาช่วยงานได้ จึงทำให้พวกเขาจำเป็นต้องเร่งหาคนมีฝีมือมาช่วยงานเพิ่ม เพื่อไม่ต้องการให้งานสำคัญเกิดความผิดพลาดนั่นเอง

   "หึ ๆ ฉันดีใจนะ ที่เห็นคนที่ฉันสนใจ กลายมาเป็นคนรักของคุณริวยะเข้าให้แบบนี้  อ้อ! แล้วฉันก็ขอโทษที่พูดอะไรออกไปให้นายรู้สึกแย่ ฉันก็แค่อยากพิสูจน์ว่า นายจะเข้มแข็งและมั่นคงพอจะยืนอยู่เคียงข้างคนคนนั้นได้ไหมล่ะนะ"

   คาสึกะตบบ่าคนตัวเล็กที่กำลังงุนงงตรงหน้า ก่อนจะชวนเด็กหนุ่มไปนั่งเก้าอี้รับแขกมุมห้องในชมรม แล้วนั่งสนทนากัน

   "ฉันสนิทกับคุณริวยะมากก็จริง แต่ไม่เคยคิดชอบอะไรเขาในด้านนั้นหรอก ถึงฉันจะสนใจผู้ชายด้วยกันก็เถอะ...สเป็คของฉันเป็นพวกที่แกล้งได้ง่ายมากกว่า ...กับคนหัวแข็งและเป็นผู้นำคนอื่นอย่างคุณริวยะน่ะ คบหาเป็นเพื่อนสนิทและคู่ค้าในอนาคตจะสบายใจเสียมากกว่า"

   คาสึกะบอกความในใจของตนให้กับยูคิได้รับรู้ ทำเอาเด็กหนุ่มหน้าแดงระเรื่อน้อย ๆ เพราะรู้สึกผิดที่เผลอคิดไปว่าคาสึกะเองก็อาจจะสนใจในตัวริวยะบ้างเช่นกัน

   "หึ ๆ จริง ๆ อย่างนายก็สเป็คฉันเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่คิดจะไปแย่งกับคุณริวยะเขาหรอก ขี้เกียจมีชีวิตอยู่ไม่เป็นสุขไปตลอดน่ะ"

   คาสึกะบอกกึ่งขำพร้อมมองคนที่กำลังหน้าแดงตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดู ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นเรื่องอื่นแทน ทำเอายูคิตามแทบไม่ทัน

   "เอาล่ะ! มาเข้าเรื่องชมรมของเราดีกว่า ฉันยินดีเป็นอย่างมาก ที่ได้ทรัพยากรบุคคลอันล้ำค่ามาเพิ่มในชมรมแบบนี้ ...ถึงจะเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน แต่พวกเราก็ต้องคว้างบประมาณชมรมในการประเมินของโรงเรียนเป็นลำดับต้น ๆ ให้ได้  ฉันจะได้เรียนจบไปอย่างสบายใจไร้กังวลสักทีล่ะนะ!"

   "ง่า...ผมจะพยายามนะครับ"

   ยูคิบอกอย่างไม่มั่นใจนัก ซึ่งก็ทำให้คาสึกะอมยิ้มแล้วเอื้อมมือไปตบบ่าอีกฝ่ายค่อย ๆ

   "ไม่ต้องถ่อมตัวอย่างนั้นหรอกน่า นายน่ะมีฝีมือของจริงรู้ไหม เดี๋ยวให้เคนจิคุงคอยช่วยสอนเทคนิคใหม่ ๆ ให้สักนิดหน่อย รับรองว่านายจะเก่งขึ้นได้ไม่แพ้กับฉันเลยล่ะ!"

   ยูคิฟังคำชมที่คล้ายจะหลงตัวเองเล็กน้อยของคนตรงหน้าอย่างนึกทะแม่ง ทว่าพอหวนคิดถึงความจริงที่ว่าอีกฝ่ายเป็นมือหนึ่งของกลุ่มแฮกเกอร์ฝีมือเยี่ยม อีกทั้งเจ้าของบริษัทชั้นนำอย่างริวยะยังยอมรับ ก็ทำให้เด็กหนุ่มจ้องมองคนตรงหน้านิ่ง ก่อนจะพยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่น

   "ครับ! ผมจะตั้งใจศึกษาและพัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่ครับ!"

   คาสึกะยิ้มตอบอย่างยินดี แม้ตัวเขาจะเป็นคนมีฝีมืออย่างหาตัวจับได้ยาก แต่ทว่าเด็กหนุ่มนั้นเป็นคนประเภทที่ชอบส่งเสริมและพัฒนาคนเก่ง ให้เติบโตก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป เพื่อหวังจะได้ให้อีกฝ่ายมากลายเป็นคู่แข่งของตนในอนาคตนั่นเอง



    ทั้งคู่นั่งคุยกันสักพักจนเสียงออดหมดเวลาพักดังขึ้น ยูคิจึงขอตัวกลับห้อง ทว่าคาสึกะนั้นรั้งแขนร่างเล็กเอาไว้ก่อนจะเอ่ยเตือนอีกฝ่าย

   "แล้วอย่าให้ใครรู้เรื่องที่ฉันกับเธอเคยอยู่กลุ่มแฮกเกอร์ล่ะ คงไม่ต้องบอกสินะว่าเพราะอะไร ...ส่วนอารากิถ้าเขาคาดคั้นนัก ก็บอกเรื่องที่ฉันแกล้งทดสอบเธอเรื่องคุณริวยะไปก็ได้ เพราะยังไงมันก็เป็นเรื่องจริงอยู่แล้วนี่เนอะ!"

   คาสึกะที่พอจะมองออกว่าอีกฝ่ายโกหกไม่ค่อยเก่งนักเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งยูคิก็ยิ้มเจื่อน ๆ ตอบ แต่เขาก็เห็นด้วยที่ว่าไม่ควรให้ใครในโรงเรียนแห่งนี้รู้เรื่องที่เขาเคยทำมาก่อน แม้ว่าอาจจะมีคนรับได้ แต่ยังไงคนที่รับไม่ได้ และเห็นว่าสิ่งที่เขากับคาสึกะทำเป็นสิ่งผิดก็ยังมีอยู่ และเผลอ ๆ ยังอาจจะลากให้ริวยะเข้ามาพัวพันจนเดือดร้อนไปด้วยก็ได้

   จากนั้นคาสึกะก็ปล่อยตัวสมาชิกใหม่ของชมรมให้กลับห้องไป ส่วนตัวเขาก็เดินไปเข้าเรียนอย่างไม่รีบร้อนนัก จนอาจารย์บางท่านที่เดินสวนผ่านมา ต้องกระแอมเตือนให้อีกฝ่ายรีบเร่งเข้าเรียน  ด้วยความเอือมระอาด้วยซ้ำ

    

   หลังเลิกเรียน สมาชิกร่วมห้อง z แต่ละคนก็พากันแยกย้ายไปตามชมรมต่าง ๆ ทางด้านเคนจิก็ชักชวนยูคิไปห้องชมรมพร้อมตน ส่วนอารากิที่ซักถามและคาดคั้นเพื่อนใหม่เรื่องเมื่อกลางวันจนพอใจ ก็ปล่อยให้ยูคิไปเข้าชมรมได้ตามปกติ

   "หมอนั่นชักจะทำตัวเหมือนผู้ปกครองนายแทนเพื่อนแล้วล่ะนะยูคิ...แต่ฉันก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก เพราะลักษณะภายนอกของนายมันชวนให้น่าปกป้องทะนุถนอม..."

   ยูคิขมวดคิ้วฟังเพื่อนพูดถึงตนเอง ก่อนจะยิ้มเจื่อนตามมาเมื่ออีกฝ่ายพูดต่อ

   "แต่ตัวจริงนายนี่พอเวลาโมโห ก็น่ากลัวพอ ๆ กับอารากิเลยล่ะนะ นี่ถ้านายหน้าโหดพอ ๆ กัน มีหวังห้องเราคงได้สมาชิกฉายามาเฟียนักเรียน คนที่สองมาเพิ่มแน่"

   เคนจิบอกเรื่อย ๆ อย่างไม่นึกเกรงใจคนที่ตนพูดถึง ทำให้ยูคิชักนึกหวาด ๆ ว่า หากอารากิเดินตามมาแล้วได้ยินเข้า จะเกิดอะไรขึ้นตามมากันแน่ ทั้งคู่เดินคุยไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงหน้าประตูห้องชมรมคอมพิวเตอร์

   "เชิญเลยสมาชิกใหม่!"

   เคนจิหันไปยิ้มให้กับเพื่อนของเขาซึ่งยูคิก็หัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้ารับรู้

   "ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะ ประธานชมรม"

   เคนจิฉีกยิ้มกว้างจนตาเรียวหยีเล็กแทบจะเป็นขีดเส้นตรง จากนั้นคนในชมรมคอมพิวเตอร์ก็ได้รับการแนะนำตัวสมาชิกใหม่ ซึ่งก็ได้รับความสนอกสนใจจากหน้าตาที่น่ารักของเจ้าตัว และยิ่งพอยูคิเริ่มแสดงฝีมือให้คนในชมรมได้เห็น ก็ทำให้แต่ละคนไม่เว้นแม้กระทั่งผู้เป็นประธานชมรม ต่างยอมรับในฝีมือของเด็กหนุ่มจากใจจริงกันถ้วนหน้า

   "ดีล่ะ! ปีนี้ชมรมคอมพิวเตอร์จะต้องเป็นชมรมที่ติดลำดับต้น ๆ ของการประเมินให้ได้!"

   เคนจิโพล่งปลุกใจคนในชมรม ซึ่งแต่ละคนก็เฮตาม ทำเอายูคิถึงกับนึกขำ แต่เขาก็ต้องนึกทึ่งในศักยภาพของคนในชมรมแต่ละคนแห่งนี้ ที่ล้วนแต่เก่งกันไปคนละด้านคนละแบบ ทำให้เขาได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ใหม่ ๆ มากมาย โดยเฉพาะตัวเคนจินั้น สมแล้วกับที่ถูกเลือกมาเป็นประธานชมรม เพราะนอกจากจะมีฝีมือเก่งกาจแล้ว เจ้าตัวยังสามารถอธิบายให้คนที่ไม่รู้ เข้าใจในสิ่งที่พูดไปได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว

   

   และเมื่อหมดเวลาเข้าชมรม แต่ละคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน ส่วนเคนจินั้นขอตัวอยู่ต่อ เพราะต้องตรวจสอบความเรียบร้อยภายในห้องชมรมให้หมดก่อน

   "ถ้างั้นฉันกลับล่ะนะเคนจิ"

   "อือ! แล้วเจอกันพรุ่งนี้"

   เคนจิโบกมือให้เพื่อนใหม่ของเขา เด็กหนุ่มเช็คความเรียบร้อยต่อสักพัก เขาก็ต้องชะงักเมื่อมีใครบางคนโผล่หน้าเข้ามาป้วนเปี้ยนในห้อง

   "ยังไม่กลับอีกหรือครับ คุณคาสึกะ"

   "อือ...เพิ่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเสร็จเมื่อครู่น่ะ ...ว่าแต่เป็นไงบ้างล่ะเคนจิคุง เด็กใหม่ของชมรมน่ะ"

   คาสึกะเข้ามาสอบถามรุ่นน้องคนสนิท ซึ่งพอได้ยินดังนั้นคนฟังก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม แล้วตอบไปตามตรง

   "ยูคิเก่งมากเลยล่ะครับ! ทีแรกก็นึกว่าจะเข้ามาห้อง Z เพราะเก่งเรื่องกีฬาหรือไม่ก็เรียนอย่างเดียวเสียอีก นอกจากนี้ก็ยังเข้ากับคนอื่นได้ง่าย และทั้งที่เก่งขนาดนั้นแต่ก็ยังไม่หยิ่งเลยสักนิด ผมว่าทุกคนในชมรมชอบเขานะ ...น่าเสียดาย ถ้าเขาเป็นรุ่นน้องปีหนึ่ง ผมคงส่งมอบตำแหน่งประธานชมรมต่อให้แล้วล่ะ"

    คาสึกะรับฟังอย่างนึกขำและเอ็นดู เพราะเคนจินั้นชื่นชมในความสามารถของยูคิอย่างจริงใจ โดยไม่ได้แฝงไว้ด้วยความอิจฉาสักนิด และด้วยคุณสมบัติที่อีกฝ่ายมี จึงทำให้เขาตัดสินใจเลือกเด็กหนุ่มเป็นตัวแทนของเขา โดยที่คนอื่นในชมรมเมื่อตอนนั้น ก็ไม่ได้มีใครคิดคัดค้าน เพราะต่างรู้ซึ้งถึงความสามารถของเด็กหนุ่มตาตี่ผู้นี้กันเป็นอย่างดีนั่นเอง

   "ยังไงก็ฝากนายช่วยดูแลเขาด้วยนะเคนจิ...ถ้าได้นายช่วยเสริม เด็กคนนั้นจะต้องเก่งขึ้นจนน่าสนใจอย่างแน่นอน"

   "ได้เลยครับคุณคาสึกะ ...แหะ ๆ จะว่าไปผมก็อยากให้ยูคิเก่งขึ้นกว่านี้ แล้วจะได้มาแข่งกันเหมือนตอนที่เคยแข่งกับคุณมาก่อนหน้านั้นเหมือนกันล่ะครับ ...พอได้แข่งกับคนเก่ง ๆ แล้วมันทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจจะศึกษาค้นคว้าสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นไปเรื่อย ๆ ถึงจะไม่เคยชนะคุณได้เลยก็เถอะ!"

   เคนจิบอกพร้อมยิ้มตาหยี ซึ่งคาสึกะก็เอื้อมมือไปลูบศีรษะคนพูดอย่างนึกเอ็นดู

   "ก็เพราะนายเก่งจริง ฉันก็เลยต้องทุ่มสุดฝีมือเอาจริงน่ะสิ!"

   คนฟังยิ้มเขิน ๆ ที่ถูกชม  จากนั้นพวกเขาก็พูดคุยถึงแผนการที่จะช่วยเพิ่มงบประมาณชมรมกันอยู่สักพัก อารากิก็โผล่เข้ามาในชมรม เมื่อรู้ว่าเพื่อนใหม่กลับไปแล้ว เจ้าตัวก็เตรียมจะเผ่นกลับ ทว่ากลับถูกคาสึกะรั้งเอาไว้เสียก่อน

   "งั้นเราก็กลับพร้อมกันเถอะนะอารากิ....ไปล่ะเคนจิคุง ไว้พรุ่งนี้ฉันจะแวะมาหาที่ชมรมตอนเย็นนะ"

   ประธานชมรมคอมพิวเตอร์คนปัจจุบันมองดูอดีตประธานของเขา เดินเกาะติดเพื่อนร่วมชั้นไปอย่างเอือมระอา เพราะแม้จะมีของเล่นชิ้นใหม่ที่ถูกใจคาสึกะย้ายเข้ามาอย่างยูคิ แต่เขาเชื่อเหลือเกินว่า คนที่ถูกใจและเป็นที่ชวนให้กลั่นแกล้งสำหรับคาสึกะนั้น ก็ยังเป็นอารากิ หลานชายของผู้อำนวยการโรงเรียนผู้นี้อยู่ดีนั่นเอง



... TBC ...


สำหรับบทคาสึกะนั้น แต่เดิมกำหนดให้เป็นประธานนักเรียน แต่ของใหม่เปลี่ยนบทให้เป็นอดีตประธานชมรมคอมพิวเตอร์ เนื่องจากไทม์ไลน์ ของฉบับรีเมกนั้นเปลี่ยนจากเดิมที่เป็นช่วงฤดูร้อน เป็นตอนเดือนมกราคม ที่ถ้าเป็นช่วงปลายเทอม ส่วนใหญ่นักเรียนม.ปลายปี 3หรือ ม.6 จะไม่ทำกิจกรรมชมรมและอ่านหนังสือเตรียมสอบกันแทน  ดังนั้นก็เลยปรับเปลี่ยนบทอย่างที่เห็น และก็เพิ่มความแสบไปอีกนิด ๆ แต่ก็ยังเกาะติดคอยกวนอารากิอยู่ดี (จนอยากจะจับเปลี่ยนคู่ด้วยซ้ำ)

ป.ล. สำหรับคาสึกะอาจจะมีตอนพิเศษของเจ้าตัวก็ได้นะคะ อยากแยกตอนพิเศษเป็นคู่ ๆ จากตอนหลักเหมือนกัน ^^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-12-2018 18:27:38 โดย Xenon »

—`•B€NM๏R€`•—

  • บุคคลทั่วไป
มาให้กำลังใจคนเขียนคับ   :L2:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ยูคิสู้ๆนะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
   "ผมชอบคุณริวยะ แล้วจะไม่มีวันยกเขาให้ใครเด็ดขาด!"
.......ประโยคเด็ดวันนี้ 555 ถ้าอิตาริวยะได้ยินนะ งานนี้ได้ฉลองกันยกบ้าน กร๊าก

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
ได้เพื่อนใหม่เยอะแยะเลยนะ ยูคิ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4



บทที่ 18



   ในเย็นวันนั้นพอยูคิกลับมาถึงบ้านพักเขาก็ต้องนิ่งอึ้ง เมื่อริวยะเรียกตัวไปพบที่ห้องรับแขก พลางยื่นเอกสารบางอย่างให้เขาเซ็นรับรอง

   "ทำไมไม่เซ็นล่ะ หรืออยากได้เป็นทะเบียนสมรสแทน"

   คนที่มองอยู่แกล้งถามเสียงนิ่ง หากแต่คนฟังนั้นสะดุ้งโหยงแล้วรีบสั่นศีรษะไปมาแรง ๆ จนคนมองชักไม่ค่อยสบอารมณ์ขึ้นมา

   "ถ้าไม่อยากเซ็นทะเบียนสมรสมก็เซ็นเอกสารนี่แทนแล้วกัน ...หรือว่าที่ไม่อยากเซ็น เพราะรังเกียจนามสกุลของฉัน...หือ"

   น้ำเสียงในคำถามนั้นฟังดูเข้มขึ้น จนยูคิต้องลอบหายใจ ก่อนจะตอบออกไปเสียงอ่อย

   "ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกครับ...เพียงแต่ผมกลัวทางฝ่ายคุณจะลำบากใจมากกว่า...ง่า แบบว่า คนอื่นในครอบครัวของคุณรับรู้เรื่องนี้แล้วหรือครับ แล้วพวกเขาตกลงหรือครับ ที่จู่ ๆ ก็รับผมที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า มาใช้นามสกุลร่วมกับพวกเขาแบบนั้น"

   คำถามซื่อ ๆ ของยูคิ ทำให้คนฟังชะงักกึก ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นกระแอมเบา ๆ แล้วตอบตัดบทออกไป

   "เรื่องนั้นเธอไม่ต้องเป็นห่วง ลองฉันตัดสินใจแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าคิดคัดค้านหรอกนะ"

   ยูคิมองคนพูดอย่างยังคงกังวลไม่หาย ทว่าพอริวยะส่งสายตากึ่งบังคับมา เขาจึงจำต้องยอมเซ็นเอกสารเหล่านั้น และส่งมันคืนให้กับชายหนุ่ม ซึ่งริวยะก็หยิบมาตรวจสอบอย่างพึงพอใจ

   "ดีมาก ที่เหลือเดี๋ยวทางฉันจัดการต่อเอง...อืม...ถ้าอย่างไงเดี๋ยวฉันก็คงต้องไปจัดการเรื่องเอกสารเปลี่ยนนามสกุลกับทางโรงเรียนของเธอด้วยสินะ..."

   "เรื่องนั้นผมจัดการให้เองครับท่านริวยะ"

   ทาคุที่นั่งอยู่ด้วยในห้องรับแขกเอ่ยขึ้น ซึ่งริวยะก็หันมาพยักหน้ารับรู้

   "งั้นฝากนายด้วยแล้วกันทาคุ"

   เมื่อบอกจบชายหนุ่มก็หันมาทางยูคิแล้วยิ้มน้อย ๆ ให้ ซึ่งพอเห็นดังนั้นทาคุและอากิระที่นั่งคุกเข่าอยู่ ก็ลุกขึ้นโค้งคำนับ แล้วเดินออกไปจากห้องอย่างรู้ใจผู้เป็นนาย



   ทางด้านริวยะหลังจากนั่งอยู่ตามลำพังกับยูคิ ชายหนุ่มก็เริ่มซักถามถึงเรื่องราวชีวิตประจำวันภายในวันนี้ของอีกฝ่ายทันที  ซึ่งยูคิก็เล่าออกไปตามตรง ว่าวันนี้มีเพื่อนหลายคนมาแนะนำตัวปรับความเข้าใจจนเขาได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นมามากมาย และหนึ่งในนั้นก็ยังมีประธานชมรมคอมพิวเตอร์ที่เขาตั้งใจเข้าชมรมด้วย แต่พอเริ่มเล่ามาถึงเรื่องของคาสึกะ เด็กหนุ่มก็ต้องชะงัก แล้วไม่แน่ใจว่าจะเล่าเรื่องที่เจอกับอีกฝ่ายให้ริวยะรับฟังดีไหม

   "...มีอะไรหรือยูคิ ทำไมถึงเงียบไปล่ะ"

   ริวยะถามอย่างสงสัย เมื่อพอเล่าถึงเรื่องชมรมคอมพิวเตอร์อีกฝ่ายก็กลับเงียบไปเสียอย่างนั้น

   "อ่า...ก็ไม่มีอะไรครับ ที่ชมรมก็น่าสนใจดี ผมเลยสมัครเข้าชมรมไป แล้วพอตอนเย็นก็เข้าไปร่วมชมรมเป็นครั้งแรก... ทุกคนที่นั่นเก่งกันมาก ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ขึ้นอีกเยอะเลย"

   ท้ายประโยคเจ้าตัวมีรอยยิ้มและแววตาสดใสที่แสดงให้เห็นว่าพูดออกมาจากใจจริง เพียงแต่ก่อนหน้าที่เด็กหนุ่มอ้ำอึ้งไปนั้น ก็ยังคงสร้างความสงสัยให้กับคนฟังอยู่ไม่หาย

   "แล้วก่อนหน้านั้น มีอะไรหรือเปล่า...เล่าให้ฟังบ้างได้ไหม"

   ยูคิชะงักกึก เขาช้อนตามองคนพูดแล้วมีสีหน้าลังเลให้เห็น จริงอยู่ที่มันไม่ใช่เรื่องความลับอะไรมาก แต่หากริวยะรู้เรื่องที่เขาถูกหลอกให้หึงนั่น เด็กหนุ่มก็รู้สึกอายที่จะพูดขึ้นมาเหมือนกัน   

   "เราเป็นคนรักกันแล้วไม่ใช่หรือยูคิ...หรือว่าเธอแค่พูดเอาใจฉันไปก็แค่นั้น"

   น้ำเสียงที่ดูราวจะน้อยใจของคนพูดทำให้ยูคิสะดุ้ง แล้วรีบหันขวับกลับมาปฏิเสธ ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นสีหน้าตัดพ้อของอีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน

   "คุณริวยะ ...ไม่ใช่นะครับ...ผมรักคุณนะครับ...เพียงแต่..."

   ยูคิพึมพำและยังคงมีท่าทางลังเล ทำให้คนมองมีสีหน้าเคร่งขรึมลง ก่อนจะยันกายลุกขึ้นยืนหมายจะเดินออกจากห้อง

   "ถ้าเธอพร้อมเล่าเมื่อไหร่ ไว้ฉันจะมาฟังทีหลังแล้วกัน..."

   น้ำเสียงนั้นไม่ได้ผสมความขุ่นเคืองอันใดผิดจากพฤติกรรมก่อนหน้านั้นที่เขาเคยสัมผัสมา แต่นั่นกลับทำให้เด็กหนุ่มยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ เขารีบลุกตามร่างสูง ก่อนจะโผไปกอดโอบเอวอีกฝ่ายจากด้านหลังอย่างลืมตัว

   "อย่าไปนะครับ คุณริวยะ!"

   คนถูกกอดนิ่งอึ้ง แล้วจึงพลิกกายหันมาสบตากับเด็กหนุ่มที่คลายอ้อมกอดของตนลง พลางอ้ำอึ้งบอกบางอย่างกับเขา

    "...ที่ผมไม่เล่าก็เพราะ...เพราะผมรู้สึก...เอ่อ...อาย...ก็เท่านั้น"

   ใบหน้าคนพูดนั้นแดงระเรื่อน้อย ๆ ให้ได้สังเกตเห็น นั่นจึงทำให้คนฟังรู้สึกงุนงงยิ่งนัก

   "แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"

   ริวยะย้ำถามอีกครั้ง และในครั้งนี้ยูคิจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดระหว่างเขากับคาสึกะอย่างละเอียด ก่อนจะสรุปปิดท้ายเสียงค่อย

   "ผมก็แค่อาย...ที่จะให้คุณได้รู้ว่าผมโดนหลอกได้ง่าย...แล้วก็ยังแสดงท่าทีหึงหวงคุณออกไปแบบนั้น ...แต่ไม่คิดว่าคุณจะเข้าใจผิด...ถ้ารู้ว่าคุณจะโกรธแบบนี้...ผมก็คงเล่าแต่แรกไปแล้ว...ขอโทษนะครับ"

   ริวยะฟังจบก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารั้งร่างของเด็กหนุ่มผู้เป็นที่รักมาโอบกอดอย่างอ่อนโยน ก่อนจะพึมพำบอก

   "ฉันไม่ได้โกรธ...แต่ฉันแค่น้อยใจ...ไม่รู้สินะ ตั้งแต่รักเธอแล้ว ฉันก็ไม่ค่อยจะเข้าใจตัวเองในบางครั้งสักเท่าไรนักหรอก"

   คำพูดสารภาพจากใจจริงอีกฝ่าย ทำให้คนฟังนิ่งอึ้ง ก่อนจะน้ำตาซึมตามมาอย่างตื้นตัน เพราะนอกจากคนในครอบครัวแล้ว ยูคิก็ไม่นึกว่าตนจะมีอิทธิพลต่อความคิดของใครขนาดนี้มาก่อน

    "คุณริวยะ...ขอบคุณนะครับ ที่มารักคนอย่างผม"

   ยูคิพึมพำ แล้วจึงได้รับคำตอบเป็นจูบแสนหวานจากคนตรงหน้าเขา สักพักเด็กหนุ่มก็ต้องหลุดอุทานด้วยความตกใจ เมื่ออีกฝ่ายไม่อยากหยุดอยู่แค่จูบเสียแล้ว

   "นะ...ได้ไหม..." 

    น้ำเสียงทุ้มกระซิบร้องขอ ทำเอาคนฟังถึงกับหน้าร้อนวูบวาบ แต่กระนั้นความเจ็บจากก่อนหน้าที่เคยถูกล่วงล้ำแม้เพียงแค่นิ้วของอีกฝ่าย ก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกกลัวไม่หาย

   "ตะ..แต่ว่า...ผมกลัว..."

   ริวยะมองคนในอ้อมแขนอย่างรักใคร่และปรารถนา เขาโน้มใบหน้าลงมาจูบที่หน้าผากเนียนแผ่วเบา พร้อมเอ่ยปลอบ

   "ฉันจะอ่อนโยนกับเธอให้มากที่สุด...แน่นอน...ถ้าเธอเจ็บจนทนไม่ไหว...ฉันก็จะไม่ฝืนใจเธอ...นะ ยูคิ ...ขอฉันเถอะ"

   คำพูดที่อ่อนโยนเช่นเดียวกับสีหน้าของอีกฝ่าย ทำให้ยูคิต้องเผลอพยักหน้าตอบรับไปอย่างลืมตัว พลางโอบกอดร่างสูงและซุกหน้ากับแผ่นอกนั้นด้วยความเขินอายระหว่างที่ริวยะอุ้มพาตนไปยังห้องนอนของอีกฝ่าย

    ส่วนทาคุกับอากิระที่กำลังยืนคุยกันตรงทางเดิน ก็ต่างพากันชะงัก เมื่อได้เห็นผู้เป็นนายเดินอุ้มเด็กหนุ่มคนรักผ่านไปโดยไม่ใส่ใจพวกตน   

   "สงสัย เย็นนี้มื้อเย็นคุณชิโนะจะเป็นหมันเสียแล้วล่ะ"

   อากิระพึมพำ ก่อนจะชะงัก เมื่อหันไปเห็นคนข้างกายหน้าแดงระเรื่อขึ้นมานิด ๆ  ส่วนทาคุพอรู้สึกตัว เขาก็แสร้งทำเป็นเมินมองไปอีกทาง

   "เดี๋ยวฉันจะไปแจ้งคุณชิโนะแล้วกัน...บางทีท่านริวยะกับคุณยูคิ อาจจะออกมากินตอนค่ำ ๆ ก็ได้"

   ท้ายประโยคนั้นเสียงติดขัดนิด ๆ ทำให้อากิระรีบซ่อนยิ้ม เพราะเกรงว่าหากเผลอหลุดแสดงอาการออกไป คงได้ทำให้ทาคุงอนตนไปอีกนานเป็นแน่

       

   เช้าวันถัดมา ร่างเล็กงัวเงียตื่นขึ้นด้วยความอ่อนเพลีย เพราะเมื่อคืนกว่าริวยะจะยอมปล่อยให้เขาได้นอนก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนเข้าให้แล้ว  หากแต่พอภาพเบื้องหน้าของเด็กหนุ่มเริ่มชัดเจนขึ้น เจ้าตัวก็ต้องตาเบิกกว้าง แล้วจึงหน้าแดงวาบตามมา เมื่อเห็นว่าเบื้องหน้าของตนนั้นกลับกลายเป็นแผงอกเปลือยเปล่าของใครคนหนึ่ง เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอแล้วจึงค่อย ๆ ดันกายหมายจะหนีห่างออกมาจากคนที่นอนกอดเขาทั้งคืน ทว่า...

   "อืม...หืม...ตื่นแล้วหรือยูคิ"

   ริวยะลืมตาขึ้นมาส่งแย้มยิ้มอ่อนโยนให้คนมอง ทำเอายูคิหน้าร้อนวูบวาบ ยิ่งเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ภายในห้องนี้เมื่อคืนด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ใบหน้าขาวนั่นแดงเข้มขึ้นจนคนมองนึกขำ

   "มานี่สิ...มาให้กอดให้ชื่นใจหน่อยเร็ว"

   ริวยะขยับกายนอนตะแคงพร้อมออกคำสั่งโดยไม่ได้สนใจผ้าห่มผืนบางที่หลุดรุ่ยออกจากกายของตน ทว่ายูคินั้นรู้สึกอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าของอีกฝ่าย ใบหน้าหวานนั้นแดงก่ำอย่างน่าเอ็นดู จนชายหนุ่มนึกอยากจะแกล้งให้เจ้าตัวได้อายมากขึ้นไปกว่านี้

   "อะไรกัน...ไหนเมื่อคืนสัญญากันแล้วไงล่ะว่า หลังจากนี้จะยอมเชื่อฟังฉันทุกเรื่องยังไงล่ะ"

   ยูคิชะงัก ก่อนจะส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้ แต่ก็ยังคงไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้อยู่ดี จนริวยะต้องอมยิ้มน้อย ๆ แล้วเป็นฝ่ายขยับร่างเปลือยของตนขึ้นคร่อมร่างเล็ก พลางกักอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขนของตนแทน

   "ใครกันนะ...ที่เมื่อคืนอ้อนวอนร้องไห้ขอเวลาเตรียมใจ แล้วบอกว่าถ้าฉันยอมรับฟัง ก็จะยอมเชื่อฟังคำสั่งของฉันหลังจากนี้เป็นการตอบแทนน่ะ"

   ยูคิหน้าร้อนวาบขึ้นมาอีกครั้ง ทว่ายังไม่ทันได้โต้ตอบ เขาก็ต้องสะดุ้งเฮือก เพราะชายหนุ่มนั้นแกล้งขยับส่วนแข็งขึงเสียดสีไปมากับหน้าขาของเขาเล่นอย่างหยอกล้อ

   "คะ...คุณริวยะ...อย่าครับ...นี่มันเช้าแล้วนะครับ"   

   ริวยะแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะแกล้งทิ้งน้ำหนักตัวลงทาบทับร่างเปลือยเปล่าของร่างเล็กใต้ร่าง  ทำเอายูคิทั้งอึดอัดทั้งร้อนวูบวาบไปทั่วกายด้วยความอายจนทำอะไรไม่ถูก

   "...ทำโทษที่ไม่ยอมทำตามสัญญายังไงล่ะ"

   ชายหนุ่มกระซิบ ก่อนจะจูบริมฝีปากสั่นระริกนั้นอย่างรักใคร่ แล้วจึงจับร่างเล็กให้พลิกมานอนคว่ำบนร่างกำยำของตนแทน    

   "มุมแบบนี้ก็เข้าท่าดีเหมือนกัน...เธอว่าไหม"

   แววตายิ้มพรายเจ้าเล่ห์ที่มองมา ทำเอายูคิยิ่งอับอายจนทำอะไรไม่ถูก เขาพยายามยันกายลุกหนีจากร่างหนา หากแต่การขยับตัวของเขาก็ยิ่งกระตุ้นให้คนที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยแข็งขึงมากยิ่งขึ้น

   "ยูคิ...นิ่ง ๆ หน่อยสิ ...เดี๋ยวฉันทนไม่ไหวเข้า คราวนี้ต่อให้อ้อนยังไง ก็ไม่ยอมอีกแล้วนะ"

   อ้อมแขนแกร่งรั้งร่างเล็กมากระซิบบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มแหบพร่า ทำเอายูคินิ่งอึ้งตัวเกร็งไม่กล้าขยับ จนคนมองนึกขำ แม้จะรู้สึกสงสาร ทว่าร่างกายของเขาก็จำต้องได้รับการปลดปล่อย และเขาก็อยากให้คนรักตัวน้อยมีส่วนช่วย เพื่อให้ยูคิได้คุ้นชินกับร่างกายนี้ จนสามารถยอมรับมันได้โดยไม่ต่อต้านในวันข้างหน้า

   "คะ...คุณริวยะ..."

   เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงสั่นพร่า เมื่อถูกอีกฝ่ายยกร่างของเขาขึ้นพร้อมกับ ขยับจัดท่าตนเองเสียใหม่ จนตอนนี้กลายเป็นว่าเขานั้นนั่งหันหน้าเข้าหาร่างเปลือยเปล่าของร่างสูง แถมชายหนุ่มก็ยังคงแกล้งขยับตรงส่วนกลางลำตัวให้เสียดสีกันไปมากับแก่นกายน้อย ๆ ของเขาอีกด้วย

   "ช่วยฉันหน่อยได้ไหม...ยูคิ"

   ใบหน้าหล่อเหลาและแสนจะเซ็กซี่ในสายตาของเด็กหนุ่ม เอ่ยร้องขอด้วยน้ำเสียงกระเส่า ทำเอายูคิต้องเผลอกลืนน้ำลายลงคอ และแม้จะอายแสนอาย แต่เขาก็ยังอยากเห็นสีหน้าของริวยะที่แตกต่างไปจากยามปกติให้มากกว่านี้เช่นกัน

   "ดีมาก...เด็กน้อย..."

   ริวยะครางเสียงทุ้มในลำคอ เมื่ออีกฝ่ายเริ่มทำการขยับมืออย่างเงอะงะ จนชายหนุ่มเริ่มทนไม่ไหว และทำการเข้าช่วยเหลือโดยใช้มือใหญ่ของตนเกาะกุมไปบนมือเล็กอีกครั้ง พร้อมกับกระซิบสอนงานให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน จวบจนกระทั่งร่างเล็กนั้นกระตุกเฮือก แล้วซบลงบนแผ่นอกของเขา หากแต่ริวยะนั้นกลับยังเม้มปากแน่นด้วยความทรมานที่ยังคงไม่ปลดปล่อย ทว่าชายหนุ่มก็ต้องชะงักตามมา เมื่อร่างเล็กนั้นยันกายขยับออกจากร่างของเขาเล็กน้อย พลางช้อนตามองมาหวานเชื่อมระคนเอียงอาย แล้วจัดแจงใช้มืออันไร้เดียงสาทั้งสองของตนนั่น ช่วยเหลือเขาให้ถึงฝั่งฝันต่ออย่างตั้งอกตั้งใจมากยิ่งขึ้น

   "ยูคิ...อึก!"

   ริวยะปลดปล่อยตามมาหลังจากนั้นสักพัก แล้วจึงรั้งร่างเล็กมากอดแน่นอย่างรักใคร่ ซึ่งยูคิก็ยอมปล่อยตัวปล่อยใจให้อีกฝ่ายกอดตนแต่โดยดี

   "ยูคิ...ฉันรักเธอนะ"

   คนฟังแย้มยิ้มกับตัวเองอย่างเป็นสุข แล้วจึงกระซิบกลับไป

   "ผมก็รักคุณครับ... คุณริวยะ"

    จากนั้นริวยะจึงชักชวนร่างเล็กให้ไปแช่อ่างน้ำร้อนเพื่อผ่อนคลายด้วยกันกับเขา ซึ่งยูคิเองก็พยักหน้าตอบรับค่อย ๆ อย่างเอียงอาย และยอมให้ชายหนุ่มอุ้มตนเข้าไปด้วยกันทั้งร่างเปลือยเปล่าเช่นนั้น



   อาหารมื้อเช้าที่เกือบจะกลายเป็นสาย เพราะกว่าที่ริวยะจะยอมปล่อยให้เด็กหนุ่มคนรักออกจากห้องมาแต่งตัวไปโรงเรียนนั้น ก็เป็นเวลาเกือบแปดโมงเช้า ทำเอายูคิต้องรีบกินข้าวอย่างเร่งรีบ หากแต่ริวยะนั้นกลับกินอย่างไม่เร่งร้อน แถมยังไม่ยอมให้เด็กหนุ่มไปโรงเรียนก่อน โดยที่ตนไม่ได้อนุญาตอีกด้วย

   "เดี๋ยวคุณจะไปทำงานสายเอานะครับ..."

   ยูคิยกงานของอีกฝ่ายมาอ้าง ทำเอาคนที่แกล้งละเลียดกินอาหารลอบยิ้มอย่างนึกขำ

   "ไม่เป็นไร ฉันเป็นเจ้าของบริษัท เข้าสายก็ไม่มีใครว่า"

   "...แต่ผมไม่ได้เป็นเจ้าของโรงเรียนนี่ครับ ขืนสายก็แย่พอดี"

   ยูคิบ่นอุบอิบแต่คนหูดีก็ยังได้ยิน เจ้าตัวหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วทำเป็นนิ่งเฉยเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมองมา

   "คุณริวยะครับ...นะครับ...ผมจะสายแล้วจริง ๆ"

   ยูคิเรียกชื่อคนรักแล้วช้อนตามองหวานซึ้งพร้อมกับเอ่ยอ้อนวอน จนคนมองอดห้ามใจไม่ไหว เจ้าตัวกวักมือเรียกให้คนตัวเล็กมาใกล้ ก่อนจะจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากนั้น แล้วยิ้มอ่อนโยนให้

   "เห็นแก่ที่เธอทำตัวน่ารักเมื่อเช้านะ"

   เด็กหนุ่มหน้าแดงระเรื่อแล้วพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ จากนั้นริวยะก็เดินไปส่งคนรักขึ้นรถ โดยวันนี้เขายอมปล่อยให้ทาคุขับรถไปส่งยูคิตามลำพัง เนื่องจากคนสนิทนั้นเตือนว่า หากริวยะแสดงออกถึงการห่วงใยและดูแลเด็กหนุ่มมากเกินไป ก็จะยิ่งเป็นผลร้ายมากกว่าผลเสียนั่นเอง

   "ดูแลยูคิดี ๆ นะทาคุ"

   ริวยะกำชับตามมา ทำให้คนที่นั่งด้านหลังหน้าแดงด้วยความเขิน และเมื่อรถยนต์แล่นออกจากบ้านพัก เด็กหนุ่มก็ลอบถอนหายใจเบา ๆ แต่ใบหน้านั้นก็ยังคงแดงระเรื่อจนคนขับสังเกตได้อยู่ดี 

    พี่เลี้ยงคนสนิทอมยิ้มน้อย ๆ สังเกตจากยูคิก็รู้แล้วว่า เมื่อคืนนี้เจ้านายของเขานั้นคงสามารถยับยั้งชั่งใจเอาไว้ได้อีกครั้ง ทั้งที่ไม่ใช่นิสัยของคนอย่างริวยะเลย และนั่นก็ยิ่งตอกย้ำให้ทาคุได้รับรู้ว่า ความรัก มันสามารถเปลี่ยนคนเราให้กลายเป็นคนใหม่ได้จริง ๆ ไม่ว่าจะในทิศทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลงก็ตามที

 


... TBC ...


ในที่สุด...ก็ยังไม่ได้กันสักที 555   แหม ๆ ป๋าเขากลัวเด็กตื่น ก็เลยต้องค่อย ๆ ตะล่อมตอดกินเช่นนี้แล

สำหรับคู่ประกอบ อย่างคู่เพื่อน ๆ บางทีปัดอาจจะแยกไปเขียนในตอนพิเศษนะคะ อยากให้ภาคหลักของยูคิจบลงก่อน แล้วจะได้ใส่ตอนพิเศษแต่ละคู่ได้เต็มที่หน่อย






ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
ฉมนะหน้า ป๋า
แต่อดทนขนาดนี้ถึงเวลาจริงน้องหนูของมนุษย์ป้าจะไม่ช้ำไปทั้งตัวเหรออออออ?

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
ชอบเวอร์ชั่นนี้มากกกกกกกกกกก ดูอบอุ่น นุ่มนวล มีเหตุมีผล ค่อยเป็นค่อยไป อ่านเวอร์ชั่นเก่าทีไรสงกะสัยทุกทีว่ายูคิรักริวยะเข้าไปได้ไง5555555555 เอาแต่ใจเกิ๊น

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
คุณริวยะใจดีแบบนี้ แล้วยูคิจะโดนจับกดบ่อยๆ จนขาดเรียนประจำ เหมือนเวอร์ชั่นเก่าหรือเปล่าเนี่ย  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด