บทที่ 14
หลังกลับมาจากทะเล วารีกับณรงค์ก็ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกชายพวกเขา ดังนั้นทั้งคู่จึงเรียกลูก ๆ มาคุยกันเป็นการส่วนตัว และก็ได้รับฟังคำตอบอย่างที่พอจะคาดเดาเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นั่นบ้างแล้ว
"แม่ก็คิดอยู่ว่าถ้าลองได้ไปค้างกันแบบนี้ความสัมพันธ์ก็คงมีคืบหน้าบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้ล่ะนะ โดยเฉพาะลูกนะมีน...ทีแรกแม่ก็คิดว่าตาเมฆเขาจะไม่สนใจจริงจังลูกเสียอีก แต่นี่เห็นกระซิบบอกแม่ว่าพรุ่งนี้เช้าจะมีเรื่องสำคัญมาคุยกับพ่อแล้วก็แม่ ถ้าให้เดาก็คงจะมาคุยเรื่องลูกนี่เองล่ะสิ"
วารีเปรยกึ่งบ่น ทำเอามีนาที่ได้ยินหน้าแดงระเรื่อ หญิงสาวมองลูกชายคนเล็กอย่างนึกระอาแกมเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยถามตามมา
"แน่ใจแล้วหรือมีนสำหรับเรื่องนี้"
มีนาชะงักกึก เขาเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นจึงเงยหน้าจ้องสบตามารดานิ่ง แล้วพูดออกไปตามความรู้สึกของตน
"แน่ใจครับ...และถึงแม้อนาคตข้างหน้ามันอาจจะไม่สวยงามอย่างที่มีนคิดหวังเอาไว้ แต่มีนก็จะไม่เสียใจ...เพราะนี่เป็นทางเลือกที่มีนได้เลือกด้วยตัวเองครับแม่"
วารียิ้มเช่นเดียวกับณรงค์ที่มองอยู่เงียบ ๆ หญิงสาวดึงลูกชายคนเล็กมากอดแนบอก แล้วลูบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
"ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ มีนก็ยังมีแม่ มีพ่อ แล้วก็มีพี่ฟ้า ที่รักและพร้อมให้กำลังใจมีนอยู่เสมอนะลูก"
"ครับแม่..."
มีนาพึมพำอย่างตื้นตัน ส่วนณรงค์นั้นยิ้มมองบุตรชายของเขา ก่อนจะเอ่ยบางอย่างที่ทำให้คนฟังพากันสะดุ้ง
"แต่ถ้ามีนต้องทุกข์เพราะเขา พ่อก็คงไม่ปล่อยให้พี่เมฆของลูกลอยนวลไปง่าย ๆ หรอกนะ"
"แล้วพ่อจะทำอะไรเขาล่ะจ๊ะ"
วารีถามอย่างแปลกใจ เพราะปกติไม่เคยเห็นสามีขู่อาฆาตคนอื่นเช่นนี้มาก่อน
"พ่อไม่ทำด้วยตัวเองหรอก แต่จะวานลูกเขยคนโตจัดการให้แทนต่างหากล่ะ!"
ขาดคำของณรงค์ก็เรียกเสียงหัวเราะดังขึ้นจากทั้งวารีและมีนา ยกเว้นเวหาที่หน้าแดงนิด ๆ เพราะบิดานั้นพูดแซวไปถึงรวีที่ตอนนี้ได้คบหากับเขาเป็นแฟนกันเรียบร้อย
และพอเช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง เมฆาก็หอบเอากระเช้าผลไม้ใบโตพร้อมกับแต่งตัวด้วยชุดสูทเต็มยศ เข้ามาขอพบวารีและณรงค์ โดยมีรวีตามมาด้วยเช่นเคย และเมื่อเข้ามานั่งรวมกันอยู่ในห้องรับแขกอย่างพร้อมเพรียงแล้ว เมฆาจึงเอ่ยปากขอคบหากับมีนาอย่างเป็นทางการทันทีเล่นเอาผู้สูงวัยทั้งสองถึงกับนิ่งอึ้งในท่าทีที่ดูจริงจังผิดเคยของชายหนุ่ม
"ที่จริงผมอยากหมั้นไว้ก่อนเพื่อแสดงให้คุณน้าเห็นว่าผมจริงใจกับน้องมีนจริง ๆ ผมคุยกับน้องตั้งแต่ตอนที่อยู่ทะเลแล้ว แต่น้องมีนเขาห้ามผมเอาไว้ เขาบอกว่ามันเป็นทางการเกินไป แต่ผมก็ยังอยากจะให้พวกคุณน้ารับรู้ว่า ถ้าคุณน้าทั้งสองอยากให้หมั้นกันไว้ก่อนที่น้องมีนจะเรียนจบ ผมก็พร้อมเสมอครับ"
วารีนั้นพอได้ยินก็ถอนหายใจเบา ๆ จากที่เคยคิดจะแกล้งพูดข่มแฟนของลูกชายคนเล็กก็เลยพูดไม่ออก เพราะอีกฝ่ายดันจริงจังกว่าที่เธอและสามีเคยคิดไว้เสียอีก
"ถ้าเมฆรักลูกน้าจริง เมฆก็ไม่ต้องใช้หลักประกันอะไรมากมายนักหรอก แค่เมฆกล้ายืนยันว่าความรักของเมฆที่มีต่อมีนเป็นของจริง แค่นี้พวกน้าก็สบายใจแล้วล่ะจ้ะ"
เมฆานิ่งอึ้งก่อนจะพนมมือไหว้วารี แล้วจึงหันไปไหว้ณรงค์ที่ส่งยิ้มจริงใจให้กับเขา ชายหนุ่มไม่นึกแปลกใจแล้วว่าเหตุใดรวีถึงได้เอ่ยชื่นชมบิดามารดาของคนรักให้ตนฟังว่า ทั้งคู่เป็นคนมีเหตุผลและเข้าใจในเรื่องความรักของลูก ๆ ได้เป็นอย่างดี
"อย่างนี้ก็เท่ากับว่าบ้านเรามีลูกชายมาเพิ่มอีกสองคนแล้วสินะจ๊ะพ่อ"
วารีหันไปยิ้มให้กับณรงค์ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้านิด ๆ ก่อนจะแสร้งเปรยขึ้นเบา ๆ
"อา...จริงสิ ดูเหมือนพ่อจะลืมบอกไปนะว่า ลูกเขยบ้านนี้ต้องแต่งเข้า เพราะพ่อไม่คิดจะให้ลูกชายทั้งคู่แต่งออกหรอกนะ"
วารีพอได้ยินที่สามีพูด เธอก็ถึงกับชะงัก ก่อนจะหลุดหัวเราะตามมาอย่างชอบใจ
"จริงด้วยสินะ เอ้า! ว่าไงหนุ่ม ๆ คิดจะเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะจ๊ะ"
เมฆากับรวี หันไปสบตากันชั่วครู่ จากนั้นทั้งสองคนจึงหันมายิ้มแล้วพูดแทบจะพร้อมกัน
"พวกเราตกลงครับ!"
คำตอบของสองหนุ่มทำเอามีนาและเวหารู้สึกเขินขึ้นมาทันที ส่วนผู้สูงวัยทั้งสองพากันนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เพราะไม่คิดว่าสองหนุ่มจะตอบตกลงโดยแทบไม่เสียเวลาคิดขนาดนี้
"ผมน่ะยังไงก็ไม่คิดจะไปสืบทอดกิจการต่อจากพ่ออยู่แล้ว และทางนั้นเขาก็จัดหาผู้สืบทอดคนใหม่เตรียมไว้แทนแล้วล่ะครับ ผมขออยู่ใกล้ ๆ น้องฟ้าแบบนี้ไปตลอดดีกว่า อีกอย่างถ้าไม่อยู่ที่นี่ เรื่องธุรกิจที่เราคุยกันไว้ก็ลำบากแย่สิครับคุณพ่อ"
รวีอธิบายให้ฟังพร้อมกับเปลี่ยนสรรพนามเรียกณรงค์โดยที่ไม่ได้ขอก่อนล่วงหน้า ทำเอาคนฟังลอบถอนหายใจนิด ๆ อย่างเอือมระอา แต่ก็ยังคงยิ้มรับในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาอยู่ดี
"ส่วนผมก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วแค่พ่อกับแม่รู้ว่าผมจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แล้วจะหยุดทำตัวเจ้าชู้ หันมาตั้งใจทำมาหากินเหมือนชาวบ้านเขาสักที แค่นั้นพวกท่านก็แทบจะบินกลับมาเมืองไทยเพื่อขอดูตัวว่าที่ลูกสะใภ้กันแล้วล่ะครับ...นี่ขนาดผมบอกว่าแฟนเป็นผู้ชายก็ยังโดนสวนกลับว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย แค่ขอให้ผมทำตัวเป็นผู้เป็นคนกับเขาได้ก็พอแล้ว...คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะตามมาพบที่นี่ล่ะครับ"
คำบอกเล่าของเมฆาทำให้แต่ละคนยกเว้นรวี ถึงกับนิ่งอึ้งไปตาม ๆ กัน เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นพวกทำตัวเสเพลเช่นนั้นมาก่อน
"พี่เมฆเคยทำตัวเกเรขนาดนั้นเลยหรือครับ"
มีนาถามแล้วทำหน้ามุ่ยใส่ ทำเอาเมฆาอมยิ้มแล้วบอกไปตามตรง
"จริงครับ แต่ตอนนี้หยุดแล้วล่ะ เป็นเพราะมาเจอน้องมีนคนเดียวเลยนะครับ"
คนฟังหน้าแดงวาบ แล้วทำเป็นเมินมองไปทางอื่น ซึ่งก็เรียกสีหน้าเอ็นดูจากคนอื่น ๆ ในห้องที่ได้เห็นกันถ้วนหน้า
"คงเพราะผมเป็นลูกคนกลางด้วยน่ะครับ พ่อกับแม่เลยเลี้ยงแบบไม่เข้มงวดนัก...ตัวผมเองก็ใช้ชีวิตแบบผลาญเงินผลาญทองพ่อแม่ เที่ยวเตร่รักสนุกไปเรื่อย ๆ แต่พอได้มาคบเป็นเพื่อนกับซัน ก็เลยได้มันคอยช่วยเตือนสติอะไรหลาย ๆ อย่าง แถมตอนนี้ก็มีคนสำคัญอย่างน้องมีนมาเพิ่มในชีวิต ต่อไปนี้ผมก็คงต้องตั้งใจทำงานสร้างความมั่นคงในอนาคตอย่างจริงจังสักทีล่ะนะครับ"
ชายหนุ่มบอกจบแล้วหันมายิ้มให้กับคนรักซึ่งมีนาเองก็ยิ้มตอบอย่างปลาบปลื้มใจ ส่วนเวหาพอได้ยินที่เมฆาเล่ามาก็ทำให้เขาหันไปเหลือบมองรวีที่ก็บังเอิญหันมาสบตากับเขาด้วยเช่นกัน จากนั้นทั้งคู่ก็ต่างมีรอยยิ้มให้อีกฝ่ายโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด หากแต่นั่นกลับดูเหมือนจะทำให้ความผูกพันของพวกเขามีมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
และหลังจากการได้พูดคุยกันอีกพักใหญ่ วารีจึงถือโอกาสชวนทั้งสองหนุ่มให้ไปทานข้าวเช้าด้วยกัน ซึ่งแม้ว่าพวกรวีกับเมฆานั้นจะเป็นพวกไม่ทานมื้อเช้าก็ตาม แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีใครคิดปฏิเสธ แถมยังยินดีและเต็มใจเป็นที่สุด เนื่องจากต่างรู้ฝีมือของวารีกันเป็นอย่างดีว่า อร่อยเสียจนต่อให้อิ่มมาจากข้างนอกก็ยังคงสามารถทานได้ต่ออยู่ดีนั่นเอง
และเมื่อมื้อเช้าผ่านพ้นไปเรียบร้อยเวหากับมีนานั้นจึงได้ขออนุญาตบิดาและมารดามาเที่ยวเล่นที่บ้านของรวีกับเมฆาต่อ โดยทั้งสองคู่นั้น ต่างแยกย้ายกันไปเดินเล่นพูดคุยเป็นคู่ ๆ ไป สำหรับเวหาและรวีได้เดินแยกมานั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำ เด็กหนุ่มหวนคิดถึงตอนที่อีกฝ่ายช่วยชีวิตของตนเอาไว้ แล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ขึ้นมา
"มีอะไรหรือครับน้องฟ้า ดูอารมณ์ดีจัง"
รวีที่สังเกตเห็นรอยยิ้มของเด็กหนุ่มเอ่ยถาม ทางด้านเวหาอมยิ้มนิด ๆ แล้วจึงบอกกับอีกฝ่ายออกไปตามตรง
"ฟ้าคิดถึงตอนที่ฟ้าจมน้ำน่ะครับ ตอนนั้นที่ฟ้าคิดว่าตัวเองคงไม่รอดแน่...วินาทีนั้นฟ้าก็มองผ่านน้ำขึ้นไปแล้วเห็นพี่ซันว่ายลงมาช่วย...น่าแปลกที่ตาของฟ้าตอนนั้นมองอะไรมัวไปหมด แต่กลับเห็นหน้าพี่ซันชัดเจนยิ่งกว่าครั้งไหน...มาถึงตอนนี้ฟ้าคิดว่า มันคงเป็นความประทับใจที่ฟ้ามีกับพี่โดยไม่รู้ตัวก็ได้"
รวีเบิกตากว้างแล้วเตรียมจะรวบร่างตรงหน้ามากอดอย่างยินดี ทว่าเขาก็ต้องชะงัก แล้วมีสีหน้าอดกลั้นอะไรอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"เราไปนั่งคุยกันในบ้านดีกว่าไหมครับ...นะครับ"
น้ำเสียงทุ้มนั้นอ้อนวอนเช่นเดียวกับแววตา ทำให้คนฟังนึกขำปนเขิน เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นต้องการอะไร แต่การที่รวียอมอดทนไม่ทำประเจิดประเจ้อในที่โล่งแจ้งจนอาจจะมีเพื่อนบ้านมาเห็นเข้าเช่นนี้ ก็ทำให้เวหารู้สึกเห็นใจและขอบคุณชายหนุ่มเป็นยิ่งนัก
"ไปสิครับ...พี่ซันนำไปแล้วกัน"
รวีพยักหน้าหงึกหงัก พลางยิ้มกว้างอย่างดีใจ แล้วรีบจูงมืออีกฝ่ายไปด้วยสีหน้ายินดีเหมือนเด็ก ๆ จนเวหาที่ได้เห็นอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ เด็กหนุ่มเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างว่าง่าย จนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องนอนของรวี
"รับรองว่าพี่จะไม่ทำอะไรที่เป็นการผิดสัญญากับคุณแม่ของน้องฟ้าแน่นอนครับ...เชื่อพี่เถอะนะ"
รวีหยุดเดินแล้วหันมาบอกกับคนที่เขาจูงมือ ซึ่งเวหาก็พยักหน้าตอบรับค่อย ๆ แล้วยิ้มน้อย ๆ อย่างเชื่อมั่นในตัวของอีกฝ่าย
"ครับ...ฟ้าเชื่อพี่"
รวียิ้มกว้างแล้วรวบร่างของเด็กหนุ่มมากอดอย่างรักใคร่ เขาหอมแก้มทั้งสองข้างของเวหาก่อนจะเลื่อนมาจูบที่ริมฝีปากได้รูปนั้นอย่างดูดดื่ม จนคนถูกจูบแทบจะยืนไม่อยู่ และพอรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มก็ถูกพาไปที่เตียงและนั่งลงไปบนนั้นด้วยกัน
"ก่อนหน้านั้นพี่เคยจูบน้องฟ้ามาแล้วตอนน้องฟ้าสามขวบ...น้องฟ้าคงจำไม่ได้สินะครับ"
คำเฉลยของคนที่จูบเขาเมื่อสักครู่ ทำเอาเวหาถึงกับนิ่งอึ้ง แล้วเงยหน้าสบตากับอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อนัก
"ตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรือครับ..."
รวียิ้มรับ แล้วก้มหน้าลงไปจะจูบเด็กหนุ่มอีกรอบ แต่ก็ถูกเวหายกมือห้ามเอาไว้ก่อน
"พอแล้วครับ...จูบอะไรบ่อย ๆ แค่นี้ก็จะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว"
"จูบบ่อย ๆ จะได้ชินยังไงล่ะครับ"
ชายหนุ่มบอกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่คนฟังกลับชะงักแล้วหวนคิดถึงจูบที่ดูเชี่ยวชาญของอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้ จากนั้นเด็กหนุ่มจึงตัดสินใจถามออกไปตามตรง พร้อมกับรอฟังว่าอีกฝ่ายจะแก้ตัวกับเขาว่าอย่างไรบ้าง
"พี่ซันคงจูบมาบ่อย ๆ เสียจนชำนาญแล้วสินะครับ"
รวีชะงักกึกเจ้าตัวเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วตอบอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ
"พี่จะไม่โกหกน้องฟ้าหรอกนะครับ...ก่อนหน้านี้พี่ก็เคยมีสัมพันธ์กับคนอื่นบ้าง แต่ว่าคนที่อยู่ในใจของพี่นั้นมีเพียงน้องฟ้าแค่คนเดียวเสมอมานะครับ"
เวหาจ้องมองคนตรงหน้านิ่งสักพัก ก่อนจะแย้มยิ้มอ่อนโยนตามมา
"ครับ ฟ้าเชื่อ...ดีใจนะครับที่บอกกันตรง ๆ แบบนี้"
"เพราะน้องฟ้าเคยบอกว่าไม่ชอบคนโกหกยังไงล่ะครับ...ถ้าเป็นสิ่งที่น้องฟ้าชอบและต้องการ พี่ก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อน้องฟ้าเสมอนั่นล่ะครับ"
รวีบอกไปตามตรงพร้อมรอยยิ้มหวานอีกครั้ง ทำเอาเวหาพูดอะไรไม่ออก เจ้าตัวหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะแสร้งเป็นมองไปทางอื่นเพื่อแก้เขิน ทว่ากลับชะงักเมื่อเห็นกล่องช็อกโกแลตแท่งที่ถูกแกะแล้ววางอยู่บนโต๊ะหนังสือในห้องนั้น
"อ๊ะ...พี่ซันชอบกินช็อกโกแลตด้วยหรือครับ"
รวีสะดุ้ง แล้วจึงยิ้มเจื่อน ๆ ส่งให้อีกฝ่ายก่อนจะสารภาพความจริงตามมา
"พี่ลองเอามากินดู เผื่อเวลาคุยเรื่องขนมกับน้องฟ้าจะได้อินมากขึ้นยังไงล่ะครับ แต่เอาจริง ๆ ยี่ห้อนี้มันค่อนข้างหวานไปหน่อย พี่เลยกินไม่หมด เหลือทิ้งไว้ตั้งแต่วันก่อนไปทะเลแล้วล่ะครับ"
เวหาฟังแล้วก็รู้สึกทั้งขำทั้งเห็นใจอีกฝ่าย เด็กหนุ่มเดินไปหยิบช็อกโกแลตแท่งที่เริ่มจะละลายนั้นแกะเปลือกออก แล้วจึงใช้นิ้วปาดที่เนื้อช็อกโกแลต ก่อนจะนำมาทาที่ริมฝีปากของตนบาง ๆ
"ลองชิมอีกครั้งดูไหมครับ...บางทีคราวนี้อาจจะหวานน้อยกว่าเดิมก็ได้นะครับ"
รวีเบิกตากว้างแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเดินตรงมาหาเด็กหนุ่มคนรัก พร้อมกับโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากเปื้อนช็อกโกแลตนั้นอย่างดูดดื่ม
"หวาน...เป็นช็อกโกแลตที่หวาน แต่อร่อยที่สุดเท่าที่พี่เคยได้กินมาเลยล่ะครับ"
รวีพึมพำคลอเคลียที่ริมฝีปากของเวหาหลังจากที่ได้ลิ้มรสช็อกโกแลตบนริมฝีปากนั้นอย่างหนำใจมารอบหนึ่งแล้ว
"ขอพี่กินอีกสักคำจะได้ไหมครับ"
รวีอ้อนต่อ ซึ่งก็ทำให้เวหาหน้าแดงระเรื่อ แล้วทำเป็นบุ้ยใบ้ไปที่ช็อกโกแลตบนโต๊ะแทน
"คำนี้พี่กินเองแล้วกันครับ ...ฟ้าไม่ป้อนแล้ว"
รวีลอบยิ้ม แล้วจึงแสร้งทำเป็นตีหน้าเศร้าต่อ
"แต่กินเองกับน้องฟ้าป้อน มันอร่อยไม่เหมือนกันนี่ครับ...นะครับ ขออีกคำนะครับ"
เวหาหน้าแดงมากยิ่งขึ้น เจ้าตัวอุบอิบบ่นเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยตามมา
"อีกแค่คำเดียวนะครับ"
รวีพยักหน้าหงึกหงัก ทำให้เวหาต้องทำแบบเดิมอีกครั้ง และการ 'ป้อน' ครั้งนี้ ก็ยังคงร้อนแรงและถูกใจคนกินอยู่ไม่เปลี่ยน
"พี่ซัน...พอได้แล้วครับ"
เวหาประท้วงคนที่ยังคงคลอเคลียตนเองไม่เลิกรา หนำซ้ำยังเริ่มมือซนจับโน่นจับนี่ไปทั่วตัวเขาอีกต่างหาก
"พี่ว่าพี่ชักจะติดใจช็อกโกแลตหวาน ๆ เข้าให้แล้วเหมือนกันนะครับเนี่ย เพราะน้องฟ้าแท้ ๆ เลย คราวหน้าป้อนให้พี่กินแบบนี้อีกนะครับ"
รวีอ้อนพร้อมกับหอมแก้มคนในอ้อมกอดของตนฟอดใหญ่ ทำเอาเวหาชักจะเริ่มหมั่นไส้คนที่ชอบทำหน้ามึนเอาเปรียบเขาคนนี้ขึ้นมานิด ๆ เข้าให้แล้ว
"ไว้คราวหน้าฟ้าจะอมบอระเพ็ดแทนช็อกโกแลต แล้วมาป้อนให้พี่ซันกินแล้วกันครับ"
เวหาประชดใส่ ทำเอาคนฟังสะดุ้ง ก่อนจะส่งยิ้มออดอ้อนชวนให้คนมองใจอ่อนตามมา
"อย่าเลยนะครับ...ถ้าเป็นน้องฟ้าป้อนให้พี่ไม่กลัวขมหรอก แต่พี่กลัวน้องฟ้าจะขมลิ้นเสียเองมากกว่าน่ะสิครับ"
"คนเจ้าเล่ห์..."
เวหาพึมพำพร้อมยิ้มให้อย่างเอือมระอา ซึ่งรวีก็รีบหอมแก้มเด็กหนุ่มซ้ายขวาอย่างประจบ แล้วจึงชวนเวหาเดินไปยังที่ตั้งตู้เย็นของบ้าน ซึ่งในนั้นมีเค้กชิ้นเล็ก ๆ หน้าตาสวยงาม แพคอย่างดีแช่ไว้อยู่หลายชิ้น
"พี่แอบแวะไปซื้อมาเมื่อเย็นนี้ พอไปถึงร้านใกล้จะปิดพอดี เกือบซื้อไม่ทันแน่ะครับ...นี่ตั้งใจจะเอาไปให้ตอนกลางวันนะครับเนี่ย แต่ไหน ๆ น้องฟ้าก็มาเที่ยวที่บ้านพี่แล้ว จะไปนั่งกินด้วยกันก่อนก็ได้นะครับ"
บอกจบเจ้าตัวก็แย้มยิ้มติดเจ้าเล่ห์อย่างลืมตัว ทำเอาเวหาขมวดคิ้วอย่างนึกสังหรณ์ใจบางอย่าง
"หวังว่าเค้กพวกนี้ ฟ้าคงไม่ต้อง 'ป้อน' เผื่อพี่ซันด้วยสินะครับ"
รวีสะดุ้งโหยง ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนอาการหลุดของตนตามมาทันทีด้วยรอยยิ้มออดอ้อน
"แหม...พี่ตั้งใจซื้อมาเพื่อน้องฟ้าโดยเฉพาะนะครับ...ส่วนน้องฟ้าจะ 'ป้อน' เค้กให้พี่กินด้วยไหม อันนี้ก็แล้วแต่ความกรุณาของน้องฟ้าแล้วกันนะครับ... แต่ถ้าน้องฟ้าไม่ 'ป้อน' พี่ยอมอดกินก็ได้ครับ"
เวหาเผลอค้อนให้นิด ๆ อย่างนึกหมั่นไส้ เมื่อได้ยินอีกฝ่ายนั้นเน้นบางคำเป็นพิเศษ เด็กหนุ่มได้แต่โทษตัวเองในใจว่าเขาไม่น่าจะเผลอป้อนช็อกโกแลตให้อีกฝ่ายกินแบบก่อนหน้านั้นเลย เห็นทีหลังจากนี้พอกินขนมหวานอะไรก็ตาม รวีก็คงจะขอมีส่วนร่วมช่วยเขา 'กิน' แทบทุกครั้งเป็นแน่
"ฟ้าจะ 'ป้อน' เค้กให้พี่ซันกินด้วยก็ได้นะครับ..."
รวีทำตาโตด้วยความยินดี ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
"แต่ถ้าฟ้าป้อนให้พี่ซันกินหนึ่งครั้ง พี่ซันก็ไม่ต้องมาให้ฟ้าเห็นหน้าสักหนึ่งวันเต็ม ๆ ตกลงไหมล่ะครับ"
เวหาลอบยิ้มแล้วทำเป็นตีหน้าตาเฉย ทำเอารวีถอนหายใจ แล้วทำหน้าสลดอย่างชวนให้น่าสงสาร
"ก็ได้ครับ...พี่ไม่กินด้วยก็ได้ น้องฟ้ากินเถอะครับ ยังไงพี่ก็ตั้งใจซื้อมาให้น้องฟ้ากินอยู่ดี"
เวหามองคนรักของตนแล้วจึงสั่นศีรษะไปมาอย่างเอือมระอา เขามั่นใจว่าท่าทางออดอ้อนน่าสงสารนั้นอีกฝ่ายคงจงใจทำเสียครึ่งหนึ่ง ถึงกระนั้นแม้จะรู้ทั้งรู้ แต่เขาก็ชอบที่จะเห็นเวลารวียิ้มให้อยู่ดี เพราะรอยยิ้มของชายหนุ่มนั้น ช่างเป็นรอยยิ้มแจ่มใสที่เหมือนดังแสงตะวันเจิดจ้า ทำให้คนมองมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็น
"น้องฟ้า...น้องฟ้าจะเอาเค้กไปไหนน่ะครับ"
รวีถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเวหาหยิบเค้กช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งออกมาจากตู้เย็น ก่อนจะเดินเลี้ยวไปหยิบช้อนในครัว แล้วทำท่าจะเดินไปที่อื่นต่อจากนั้น
"ก็ฟ้ากลัวว่าขืน 'ป้อน' เค้กให้พี่ซันกินด้วยกันแถวนี้ มีนกับพี่เมฆจะผ่านมาเห็นเข้าพอดีน่ะสิครับ ฟ้าก็เลยว่าจะยกเค้กกลับเข้าห้องของพี่ซันแทน...แต่ถ้าพี่ซันไม่อยากกินก็ไม่ต้องตามมาก็ได้นะครับ ฟ้ากินคนเดียวก็ได้"
เวหาบอกแล้วยิ้มให้ แต่แล้วเจ้าตัวก็ชะงักฝีเท้า แล้วหันมามองคนที่กำลังนิ่งอึ้งด้วยสีหน้าตกตะลึงแล้วจึงเอ่ยต่อเบา ๆ
"ส่วนเรื่องทำโทษ...ฟ้ายกให้ก่อนก็ได้ครับ"
พอบอกจบ เจ้าตัวก็รีบเดินหน้าแดงไปยังห้องพักของรวีทันที ส่วนรวีนั้นหลังจากนิ่งอึ้งตั้งสติได้ชั่วครู่ ชายหนุ่มก็กำมือแน่นแล้วพึมพำกับตัวเองด้วยความยินดีเป็นที่สุด จากนั้นจึงรีบเร่งฝีเท้าตามคนรักกลับเข้าห้องของตนอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกลัวว่าเวหาจะกินเค้กหมดคนเดียวและไม่เหลือเผื่อ 'ป้อน' ให้เขากินบ้างนั่นเอง
...END...
เอาตอนจบไปอ่านกันก่อนนะคะ เดี๋ยวตอนพิเศษจะมาดึก ๆ ^^"
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านเรื่องนี้มาจนจบค่ะ 

สำหรับคู่น้องเจกำลังอยู่ในช่วงทดลองแต่งค่ะ ว่าจะลากไปรอดหรือไม่รอด แหะ ๆ ^^"
ถ้าเห็นแววรอด ปั่นได้เกินครึ่งจะรีบมาโพสให้อ่านทันที เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอนานและได้อ่านต่อเนื่องเหมือนเรื่องนี้นะคะ