ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว  (อ่าน 197177 ครั้ง)

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ซันนี่น่าหมั่นไส้จริงๆให้ดิ้นตาย

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
เรื่องน่ารัก เบาๆดีฮะ ชอบ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
 
บทที่ 14

 

   หลังกลับมาจากทะเล วารีกับณรงค์ก็ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกชายพวกเขา ดังนั้นทั้งคู่จึงเรียกลูก ๆ มาคุยกันเป็นการส่วนตัว และก็ได้รับฟังคำตอบอย่างที่พอจะคาดเดาเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นั่นบ้างแล้ว

   "แม่ก็คิดอยู่ว่าถ้าลองได้ไปค้างกันแบบนี้ความสัมพันธ์ก็คงมีคืบหน้าบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้ล่ะนะ  โดยเฉพาะลูกนะมีน...ทีแรกแม่ก็คิดว่าตาเมฆเขาจะไม่สนใจจริงจังลูกเสียอีก แต่นี่เห็นกระซิบบอกแม่ว่าพรุ่งนี้เช้าจะมีเรื่องสำคัญมาคุยกับพ่อแล้วก็แม่ ถ้าให้เดาก็คงจะมาคุยเรื่องลูกนี่เองล่ะสิ"

   วารีเปรยกึ่งบ่น ทำเอามีนาที่ได้ยินหน้าแดงระเรื่อ หญิงสาวมองลูกชายคนเล็กอย่างนึกระอาแกมเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยถามตามมา

   "แน่ใจแล้วหรือมีนสำหรับเรื่องนี้"

   มีนาชะงักกึก เขาเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นจึงเงยหน้าจ้องสบตามารดานิ่ง แล้วพูดออกไปตามความรู้สึกของตน

   "แน่ใจครับ...และถึงแม้อนาคตข้างหน้ามันอาจจะไม่สวยงามอย่างที่มีนคิดหวังเอาไว้ แต่มีนก็จะไม่เสียใจ...เพราะนี่เป็นทางเลือกที่มีนได้เลือกด้วยตัวเองครับแม่"

    วารียิ้มเช่นเดียวกับณรงค์ที่มองอยู่เงียบ ๆ หญิงสาวดึงลูกชายคนเล็กมากอดแนบอก แล้วลูบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู

   "ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ มีนก็ยังมีแม่ มีพ่อ แล้วก็มีพี่ฟ้า ที่รักและพร้อมให้กำลังใจมีนอยู่เสมอนะลูก"

   "ครับแม่..."

   มีนาพึมพำอย่างตื้นตัน ส่วนณรงค์นั้นยิ้มมองบุตรชายของเขา ก่อนจะเอ่ยบางอย่างที่ทำให้คนฟังพากันสะดุ้ง

   "แต่ถ้ามีนต้องทุกข์เพราะเขา พ่อก็คงไม่ปล่อยให้พี่เมฆของลูกลอยนวลไปง่าย ๆ หรอกนะ"

   "แล้วพ่อจะทำอะไรเขาล่ะจ๊ะ"

   วารีถามอย่างแปลกใจ เพราะปกติไม่เคยเห็นสามีขู่อาฆาตคนอื่นเช่นนี้มาก่อน

   "พ่อไม่ทำด้วยตัวเองหรอก แต่จะวานลูกเขยคนโตจัดการให้แทนต่างหากล่ะ!"

   ขาดคำของณรงค์ก็เรียกเสียงหัวเราะดังขึ้นจากทั้งวารีและมีนา ยกเว้นเวหาที่หน้าแดงนิด ๆ เพราะบิดานั้นพูดแซวไปถึงรวีที่ตอนนี้ได้คบหากับเขาเป็นแฟนกันเรียบร้อย



   และพอเช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง เมฆาก็หอบเอากระเช้าผลไม้ใบโตพร้อมกับแต่งตัวด้วยชุดสูทเต็มยศ เข้ามาขอพบวารีและณรงค์ โดยมีรวีตามมาด้วยเช่นเคย  และเมื่อเข้ามานั่งรวมกันอยู่ในห้องรับแขกอย่างพร้อมเพรียงแล้ว เมฆาจึงเอ่ยปากขอคบหากับมีนาอย่างเป็นทางการทันทีเล่นเอาผู้สูงวัยทั้งสองถึงกับนิ่งอึ้งในท่าทีที่ดูจริงจังผิดเคยของชายหนุ่ม

   "ที่จริงผมอยากหมั้นไว้ก่อนเพื่อแสดงให้คุณน้าเห็นว่าผมจริงใจกับน้องมีนจริง ๆ ผมคุยกับน้องตั้งแต่ตอนที่อยู่ทะเลแล้ว แต่น้องมีนเขาห้ามผมเอาไว้ เขาบอกว่ามันเป็นทางการเกินไป แต่ผมก็ยังอยากจะให้พวกคุณน้ารับรู้ว่า ถ้าคุณน้าทั้งสองอยากให้หมั้นกันไว้ก่อนที่น้องมีนจะเรียนจบ ผมก็พร้อมเสมอครับ"

   วารีนั้นพอได้ยินก็ถอนหายใจเบา ๆ จากที่เคยคิดจะแกล้งพูดข่มแฟนของลูกชายคนเล็กก็เลยพูดไม่ออก เพราะอีกฝ่ายดันจริงจังกว่าที่เธอและสามีเคยคิดไว้เสียอีก

   "ถ้าเมฆรักลูกน้าจริง เมฆก็ไม่ต้องใช้หลักประกันอะไรมากมายนักหรอก แค่เมฆกล้ายืนยันว่าความรักของเมฆที่มีต่อมีนเป็นของจริง แค่นี้พวกน้าก็สบายใจแล้วล่ะจ้ะ"

   เมฆานิ่งอึ้งก่อนจะพนมมือไหว้วารี แล้วจึงหันไปไหว้ณรงค์ที่ส่งยิ้มจริงใจให้กับเขา ชายหนุ่มไม่นึกแปลกใจแล้วว่าเหตุใดรวีถึงได้เอ่ยชื่นชมบิดามารดาของคนรักให้ตนฟังว่า ทั้งคู่เป็นคนมีเหตุผลและเข้าใจในเรื่องความรักของลูก ๆ ได้เป็นอย่างดี

   "อย่างนี้ก็เท่ากับว่าบ้านเรามีลูกชายมาเพิ่มอีกสองคนแล้วสินะจ๊ะพ่อ"

   วารีหันไปยิ้มให้กับณรงค์ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้านิด ๆ ก่อนจะแสร้งเปรยขึ้นเบา ๆ

   "อา...จริงสิ ดูเหมือนพ่อจะลืมบอกไปนะว่า ลูกเขยบ้านนี้ต้องแต่งเข้า เพราะพ่อไม่คิดจะให้ลูกชายทั้งคู่แต่งออกหรอกนะ"

   วารีพอได้ยินที่สามีพูด เธอก็ถึงกับชะงัก ก่อนจะหลุดหัวเราะตามมาอย่างชอบใจ

   "จริงด้วยสินะ เอ้า! ว่าไงหนุ่ม ๆ คิดจะเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะจ๊ะ"

   เมฆากับรวี หันไปสบตากันชั่วครู่ จากนั้นทั้งสองคนจึงหันมายิ้มแล้วพูดแทบจะพร้อมกัน

   "พวกเราตกลงครับ!"

   คำตอบของสองหนุ่มทำเอามีนาและเวหารู้สึกเขินขึ้นมาทันที ส่วนผู้สูงวัยทั้งสองพากันนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เพราะไม่คิดว่าสองหนุ่มจะตอบตกลงโดยแทบไม่เสียเวลาคิดขนาดนี้

   "ผมน่ะยังไงก็ไม่คิดจะไปสืบทอดกิจการต่อจากพ่ออยู่แล้ว และทางนั้นเขาก็จัดหาผู้สืบทอดคนใหม่เตรียมไว้แทนแล้วล่ะครับ ผมขออยู่ใกล้ ๆ น้องฟ้าแบบนี้ไปตลอดดีกว่า อีกอย่างถ้าไม่อยู่ที่นี่ เรื่องธุรกิจที่เราคุยกันไว้ก็ลำบากแย่สิครับคุณพ่อ"

   รวีอธิบายให้ฟังพร้อมกับเปลี่ยนสรรพนามเรียกณรงค์โดยที่ไม่ได้ขอก่อนล่วงหน้า ทำเอาคนฟังลอบถอนหายใจนิด ๆ อย่างเอือมระอา แต่ก็ยังคงยิ้มรับในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาอยู่ดี

   "ส่วนผมก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วแค่พ่อกับแม่รู้ว่าผมจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แล้วจะหยุดทำตัวเจ้าชู้ หันมาตั้งใจทำมาหากินเหมือนชาวบ้านเขาสักที แค่นั้นพวกท่านก็แทบจะบินกลับมาเมืองไทยเพื่อขอดูตัวว่าที่ลูกสะใภ้กันแล้วล่ะครับ...นี่ขนาดผมบอกว่าแฟนเป็นผู้ชายก็ยังโดนสวนกลับว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย แค่ขอให้ผมทำตัวเป็นผู้เป็นคนกับเขาได้ก็พอแล้ว...คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะตามมาพบที่นี่ล่ะครับ"

   คำบอกเล่าของเมฆาทำให้แต่ละคนยกเว้นรวี ถึงกับนิ่งอึ้งไปตาม ๆ กัน เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นพวกทำตัวเสเพลเช่นนั้นมาก่อน

   "พี่เมฆเคยทำตัวเกเรขนาดนั้นเลยหรือครับ"

   มีนาถามแล้วทำหน้ามุ่ยใส่ ทำเอาเมฆาอมยิ้มแล้วบอกไปตามตรง

   "จริงครับ แต่ตอนนี้หยุดแล้วล่ะ เป็นเพราะมาเจอน้องมีนคนเดียวเลยนะครับ"

   คนฟังหน้าแดงวาบ แล้วทำเป็นเมินมองไปทางอื่น ซึ่งก็เรียกสีหน้าเอ็นดูจากคนอื่น ๆ ในห้องที่ได้เห็นกันถ้วนหน้า

   "คงเพราะผมเป็นลูกคนกลางด้วยน่ะครับ พ่อกับแม่เลยเลี้ยงแบบไม่เข้มงวดนัก...ตัวผมเองก็ใช้ชีวิตแบบผลาญเงินผลาญทองพ่อแม่ เที่ยวเตร่รักสนุกไปเรื่อย ๆ  แต่พอได้มาคบเป็นเพื่อนกับซัน ก็เลยได้มันคอยช่วยเตือนสติอะไรหลาย ๆ อย่าง แถมตอนนี้ก็มีคนสำคัญอย่างน้องมีนมาเพิ่มในชีวิต ต่อไปนี้ผมก็คงต้องตั้งใจทำงานสร้างความมั่นคงในอนาคตอย่างจริงจังสักทีล่ะนะครับ"

   ชายหนุ่มบอกจบแล้วหันมายิ้มให้กับคนรักซึ่งมีนาเองก็ยิ้มตอบอย่างปลาบปลื้มใจ  ส่วนเวหาพอได้ยินที่เมฆาเล่ามาก็ทำให้เขาหันไปเหลือบมองรวีที่ก็บังเอิญหันมาสบตากับเขาด้วยเช่นกัน จากนั้นทั้งคู่ก็ต่างมีรอยยิ้มให้อีกฝ่ายโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด หากแต่นั่นกลับดูเหมือนจะทำให้ความผูกพันของพวกเขามีมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

   และหลังจากการได้พูดคุยกันอีกพักใหญ่  วารีจึงถือโอกาสชวนทั้งสองหนุ่มให้ไปทานข้าวเช้าด้วยกัน  ซึ่งแม้ว่าพวกรวีกับเมฆานั้นจะเป็นพวกไม่ทานมื้อเช้าก็ตาม แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีใครคิดปฏิเสธ แถมยังยินดีและเต็มใจเป็นที่สุด เนื่องจากต่างรู้ฝีมือของวารีกันเป็นอย่างดีว่า อร่อยเสียจนต่อให้อิ่มมาจากข้างนอกก็ยังคงสามารถทานได้ต่ออยู่ดีนั่นเอง

   

   และเมื่อมื้อเช้าผ่านพ้นไปเรียบร้อยเวหากับมีนานั้นจึงได้ขออนุญาตบิดาและมารดามาเที่ยวเล่นที่บ้านของรวีกับเมฆาต่อ  โดยทั้งสองคู่นั้น ต่างแยกย้ายกันไปเดินเล่นพูดคุยเป็นคู่ ๆ ไป สำหรับเวหาและรวีได้เดินแยกมานั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำ เด็กหนุ่มหวนคิดถึงตอนที่อีกฝ่ายช่วยชีวิตของตนเอาไว้ แล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ขึ้นมา

   "มีอะไรหรือครับน้องฟ้า ดูอารมณ์ดีจัง"

   รวีที่สังเกตเห็นรอยยิ้มของเด็กหนุ่มเอ่ยถาม ทางด้านเวหาอมยิ้มนิด ๆ แล้วจึงบอกกับอีกฝ่ายออกไปตามตรง

    "ฟ้าคิดถึงตอนที่ฟ้าจมน้ำน่ะครับ ตอนนั้นที่ฟ้าคิดว่าตัวเองคงไม่รอดแน่...วินาทีนั้นฟ้าก็มองผ่านน้ำขึ้นไปแล้วเห็นพี่ซันว่ายลงมาช่วย...น่าแปลกที่ตาของฟ้าตอนนั้นมองอะไรมัวไปหมด แต่กลับเห็นหน้าพี่ซันชัดเจนยิ่งกว่าครั้งไหน...มาถึงตอนนี้ฟ้าคิดว่า มันคงเป็นความประทับใจที่ฟ้ามีกับพี่โดยไม่รู้ตัวก็ได้"

   รวีเบิกตากว้างแล้วเตรียมจะรวบร่างตรงหน้ามากอดอย่างยินดี ทว่าเขาก็ต้องชะงัก แล้วมีสีหน้าอดกลั้นอะไรอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

   "เราไปนั่งคุยกันในบ้านดีกว่าไหมครับ...นะครับ"

   น้ำเสียงทุ้มนั้นอ้อนวอนเช่นเดียวกับแววตา ทำให้คนฟังนึกขำปนเขิน เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นต้องการอะไร แต่การที่รวียอมอดทนไม่ทำประเจิดประเจ้อในที่โล่งแจ้งจนอาจจะมีเพื่อนบ้านมาเห็นเข้าเช่นนี้ ก็ทำให้เวหารู้สึกเห็นใจและขอบคุณชายหนุ่มเป็นยิ่งนัก

   "ไปสิครับ...พี่ซันนำไปแล้วกัน"

   รวีพยักหน้าหงึกหงัก พลางยิ้มกว้างอย่างดีใจ แล้วรีบจูงมืออีกฝ่ายไปด้วยสีหน้ายินดีเหมือนเด็ก ๆ จนเวหาที่ได้เห็นอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ เด็กหนุ่มเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างว่าง่าย จนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องนอนของรวี

   "รับรองว่าพี่จะไม่ทำอะไรที่เป็นการผิดสัญญากับคุณแม่ของน้องฟ้าแน่นอนครับ...เชื่อพี่เถอะนะ"

   รวีหยุดเดินแล้วหันมาบอกกับคนที่เขาจูงมือ ซึ่งเวหาก็พยักหน้าตอบรับค่อย ๆ แล้วยิ้มน้อย ๆ อย่างเชื่อมั่นในตัวของอีกฝ่าย

   "ครับ...ฟ้าเชื่อพี่"

   รวียิ้มกว้างแล้วรวบร่างของเด็กหนุ่มมากอดอย่างรักใคร่ เขาหอมแก้มทั้งสองข้างของเวหาก่อนจะเลื่อนมาจูบที่ริมฝีปากได้รูปนั้นอย่างดูดดื่ม จนคนถูกจูบแทบจะยืนไม่อยู่ และพอรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มก็ถูกพาไปที่เตียงและนั่งลงไปบนนั้นด้วยกัน

   "ก่อนหน้านั้นพี่เคยจูบน้องฟ้ามาแล้วตอนน้องฟ้าสามขวบ...น้องฟ้าคงจำไม่ได้สินะครับ"

   คำเฉลยของคนที่จูบเขาเมื่อสักครู่ ทำเอาเวหาถึงกับนิ่งอึ้ง แล้วเงยหน้าสบตากับอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อนัก

   "ตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรือครับ..."

   รวียิ้มรับ แล้วก้มหน้าลงไปจะจูบเด็กหนุ่มอีกรอบ แต่ก็ถูกเวหายกมือห้ามเอาไว้ก่อน

   "พอแล้วครับ...จูบอะไรบ่อย ๆ แค่นี้ก็จะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว"

   "จูบบ่อย ๆ จะได้ชินยังไงล่ะครับ"

   ชายหนุ่มบอกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่คนฟังกลับชะงักแล้วหวนคิดถึงจูบที่ดูเชี่ยวชาญของอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้ จากนั้นเด็กหนุ่มจึงตัดสินใจถามออกไปตามตรง พร้อมกับรอฟังว่าอีกฝ่ายจะแก้ตัวกับเขาว่าอย่างไรบ้าง

   "พี่ซันคงจูบมาบ่อย ๆ เสียจนชำนาญแล้วสินะครับ"

   รวีชะงักกึกเจ้าตัวเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วตอบอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ

   "พี่จะไม่โกหกน้องฟ้าหรอกนะครับ...ก่อนหน้านี้พี่ก็เคยมีสัมพันธ์กับคนอื่นบ้าง แต่ว่าคนที่อยู่ในใจของพี่นั้นมีเพียงน้องฟ้าแค่คนเดียวเสมอมานะครับ"

   เวหาจ้องมองคนตรงหน้านิ่งสักพัก ก่อนจะแย้มยิ้มอ่อนโยนตามมา

   "ครับ ฟ้าเชื่อ...ดีใจนะครับที่บอกกันตรง ๆ แบบนี้"

   "เพราะน้องฟ้าเคยบอกว่าไม่ชอบคนโกหกยังไงล่ะครับ...ถ้าเป็นสิ่งที่น้องฟ้าชอบและต้องการ พี่ก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อน้องฟ้าเสมอนั่นล่ะครับ"

   รวีบอกไปตามตรงพร้อมรอยยิ้มหวานอีกครั้ง ทำเอาเวหาพูดอะไรไม่ออก เจ้าตัวหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะแสร้งเป็นมองไปทางอื่นเพื่อแก้เขิน ทว่ากลับชะงักเมื่อเห็นกล่องช็อกโกแลตแท่งที่ถูกแกะแล้ววางอยู่บนโต๊ะหนังสือในห้องนั้น

   "อ๊ะ...พี่ซันชอบกินช็อกโกแลตด้วยหรือครับ"

   รวีสะดุ้ง แล้วจึงยิ้มเจื่อน ๆ ส่งให้อีกฝ่ายก่อนจะสารภาพความจริงตามมา

   "พี่ลองเอามากินดู เผื่อเวลาคุยเรื่องขนมกับน้องฟ้าจะได้อินมากขึ้นยังไงล่ะครับ  แต่เอาจริง ๆ ยี่ห้อนี้มันค่อนข้างหวานไปหน่อย พี่เลยกินไม่หมด เหลือทิ้งไว้ตั้งแต่วันก่อนไปทะเลแล้วล่ะครับ"

   เวหาฟังแล้วก็รู้สึกทั้งขำทั้งเห็นใจอีกฝ่าย เด็กหนุ่มเดินไปหยิบช็อกโกแลตแท่งที่เริ่มจะละลายนั้นแกะเปลือกออก แล้วจึงใช้นิ้วปาดที่เนื้อช็อกโกแลต ก่อนจะนำมาทาที่ริมฝีปากของตนบาง ๆ

   "ลองชิมอีกครั้งดูไหมครับ...บางทีคราวนี้อาจจะหวานน้อยกว่าเดิมก็ได้นะครับ"

   รวีเบิกตากว้างแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเดินตรงมาหาเด็กหนุ่มคนรัก พร้อมกับโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากเปื้อนช็อกโกแลตนั้นอย่างดูดดื่ม

   "หวาน...เป็นช็อกโกแลตที่หวาน แต่อร่อยที่สุดเท่าที่พี่เคยได้กินมาเลยล่ะครับ"

   รวีพึมพำคลอเคลียที่ริมฝีปากของเวหาหลังจากที่ได้ลิ้มรสช็อกโกแลตบนริมฝีปากนั้นอย่างหนำใจมารอบหนึ่งแล้ว

   "ขอพี่กินอีกสักคำจะได้ไหมครับ"

   รวีอ้อนต่อ ซึ่งก็ทำให้เวหาหน้าแดงระเรื่อ แล้วทำเป็นบุ้ยใบ้ไปที่ช็อกโกแลตบนโต๊ะแทน

   "คำนี้พี่กินเองแล้วกันครับ ...ฟ้าไม่ป้อนแล้ว"

   รวีลอบยิ้ม แล้วจึงแสร้งทำเป็นตีหน้าเศร้าต่อ

   "แต่กินเองกับน้องฟ้าป้อน มันอร่อยไม่เหมือนกันนี่ครับ...นะครับ ขออีกคำนะครับ"

   เวหาหน้าแดงมากยิ่งขึ้น เจ้าตัวอุบอิบบ่นเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยตามมา

   "อีกแค่คำเดียวนะครับ"

   รวีพยักหน้าหงึกหงัก ทำให้เวหาต้องทำแบบเดิมอีกครั้ง และการ 'ป้อน' ครั้งนี้ ก็ยังคงร้อนแรงและถูกใจคนกินอยู่ไม่เปลี่ยน

   "พี่ซัน...พอได้แล้วครับ"

   เวหาประท้วงคนที่ยังคงคลอเคลียตนเองไม่เลิกรา หนำซ้ำยังเริ่มมือซนจับโน่นจับนี่ไปทั่วตัวเขาอีกต่างหาก

   "พี่ว่าพี่ชักจะติดใจช็อกโกแลตหวาน ๆ เข้าให้แล้วเหมือนกันนะครับเนี่ย เพราะน้องฟ้าแท้ ๆ เลย คราวหน้าป้อนให้พี่กินแบบนี้อีกนะครับ"

   รวีอ้อนพร้อมกับหอมแก้มคนในอ้อมกอดของตนฟอดใหญ่ ทำเอาเวหาชักจะเริ่มหมั่นไส้คนที่ชอบทำหน้ามึนเอาเปรียบเขาคนนี้ขึ้นมานิด ๆ เข้าให้แล้ว

   "ไว้คราวหน้าฟ้าจะอมบอระเพ็ดแทนช็อกโกแลต แล้วมาป้อนให้พี่ซันกินแล้วกันครับ"

   เวหาประชดใส่ ทำเอาคนฟังสะดุ้ง ก่อนจะส่งยิ้มออดอ้อนชวนให้คนมองใจอ่อนตามมา

   "อย่าเลยนะครับ...ถ้าเป็นน้องฟ้าป้อนให้พี่ไม่กลัวขมหรอก แต่พี่กลัวน้องฟ้าจะขมลิ้นเสียเองมากกว่าน่ะสิครับ"

   "คนเจ้าเล่ห์..."

   เวหาพึมพำพร้อมยิ้มให้อย่างเอือมระอา ซึ่งรวีก็รีบหอมแก้มเด็กหนุ่มซ้ายขวาอย่างประจบ แล้วจึงชวนเวหาเดินไปยังที่ตั้งตู้เย็นของบ้าน ซึ่งในนั้นมีเค้กชิ้นเล็ก ๆ หน้าตาสวยงาม แพคอย่างดีแช่ไว้อยู่หลายชิ้น

   "พี่แอบแวะไปซื้อมาเมื่อเย็นนี้ พอไปถึงร้านใกล้จะปิดพอดี เกือบซื้อไม่ทันแน่ะครับ...นี่ตั้งใจจะเอาไปให้ตอนกลางวันนะครับเนี่ย แต่ไหน ๆ น้องฟ้าก็มาเที่ยวที่บ้านพี่แล้ว จะไปนั่งกินด้วยกันก่อนก็ได้นะครับ"

   บอกจบเจ้าตัวก็แย้มยิ้มติดเจ้าเล่ห์อย่างลืมตัว ทำเอาเวหาขมวดคิ้วอย่างนึกสังหรณ์ใจบางอย่าง

   "หวังว่าเค้กพวกนี้  ฟ้าคงไม่ต้อง 'ป้อน' เผื่อพี่ซันด้วยสินะครับ"

   รวีสะดุ้งโหยง ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนอาการหลุดของตนตามมาทันทีด้วยรอยยิ้มออดอ้อน

   "แหม...พี่ตั้งใจซื้อมาเพื่อน้องฟ้าโดยเฉพาะนะครับ...ส่วนน้องฟ้าจะ 'ป้อน' เค้กให้พี่กินด้วยไหม อันนี้ก็แล้วแต่ความกรุณาของน้องฟ้าแล้วกันนะครับ... แต่ถ้าน้องฟ้าไม่ 'ป้อน' พี่ยอมอดกินก็ได้ครับ"

   เวหาเผลอค้อนให้นิด ๆ อย่างนึกหมั่นไส้ เมื่อได้ยินอีกฝ่ายนั้นเน้นบางคำเป็นพิเศษ  เด็กหนุ่มได้แต่โทษตัวเองในใจว่าเขาไม่น่าจะเผลอป้อนช็อกโกแลตให้อีกฝ่ายกินแบบก่อนหน้านั้นเลย เห็นทีหลังจากนี้พอกินขนมหวานอะไรก็ตาม รวีก็คงจะขอมีส่วนร่วมช่วยเขา 'กิน' แทบทุกครั้งเป็นแน่

   "ฟ้าจะ 'ป้อน' เค้กให้พี่ซันกินด้วยก็ได้นะครับ..."

   รวีทำตาโตด้วยความยินดี ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินประโยคถัดมา

   "แต่ถ้าฟ้าป้อนให้พี่ซันกินหนึ่งครั้ง พี่ซันก็ไม่ต้องมาให้ฟ้าเห็นหน้าสักหนึ่งวันเต็ม ๆ ตกลงไหมล่ะครับ"

   เวหาลอบยิ้มแล้วทำเป็นตีหน้าตาเฉย ทำเอารวีถอนหายใจ แล้วทำหน้าสลดอย่างชวนให้น่าสงสาร

   "ก็ได้ครับ...พี่ไม่กินด้วยก็ได้ น้องฟ้ากินเถอะครับ ยังไงพี่ก็ตั้งใจซื้อมาให้น้องฟ้ากินอยู่ดี"

   เวหามองคนรักของตนแล้วจึงสั่นศีรษะไปมาอย่างเอือมระอา เขามั่นใจว่าท่าทางออดอ้อนน่าสงสารนั้นอีกฝ่ายคงจงใจทำเสียครึ่งหนึ่ง ถึงกระนั้นแม้จะรู้ทั้งรู้ แต่เขาก็ชอบที่จะเห็นเวลารวียิ้มให้อยู่ดี เพราะรอยยิ้มของชายหนุ่มนั้น ช่างเป็นรอยยิ้มแจ่มใสที่เหมือนดังแสงตะวันเจิดจ้า ทำให้คนมองมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็น

   "น้องฟ้า...น้องฟ้าจะเอาเค้กไปไหนน่ะครับ"

   รวีถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเวหาหยิบเค้กช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งออกมาจากตู้เย็น ก่อนจะเดินเลี้ยวไปหยิบช้อนในครัว แล้วทำท่าจะเดินไปที่อื่นต่อจากนั้น

   "ก็ฟ้ากลัวว่าขืน 'ป้อน' เค้กให้พี่ซันกินด้วยกันแถวนี้  มีนกับพี่เมฆจะผ่านมาเห็นเข้าพอดีน่ะสิครับ ฟ้าก็เลยว่าจะยกเค้กกลับเข้าห้องของพี่ซันแทน...แต่ถ้าพี่ซันไม่อยากกินก็ไม่ต้องตามมาก็ได้นะครับ ฟ้ากินคนเดียวก็ได้"

   เวหาบอกแล้วยิ้มให้ แต่แล้วเจ้าตัวก็ชะงักฝีเท้า แล้วหันมามองคนที่กำลังนิ่งอึ้งด้วยสีหน้าตกตะลึงแล้วจึงเอ่ยต่อเบา ๆ

   "ส่วนเรื่องทำโทษ...ฟ้ายกให้ก่อนก็ได้ครับ"

   พอบอกจบ เจ้าตัวก็รีบเดินหน้าแดงไปยังห้องพักของรวีทันที  ส่วนรวีนั้นหลังจากนิ่งอึ้งตั้งสติได้ชั่วครู่ ชายหนุ่มก็กำมือแน่นแล้วพึมพำกับตัวเองด้วยความยินดีเป็นที่สุด  จากนั้นจึงรีบเร่งฝีเท้าตามคนรักกลับเข้าห้องของตนอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกลัวว่าเวหาจะกินเค้กหมดคนเดียวและไม่เหลือเผื่อ 'ป้อน' ให้เขากินบ้างนั่นเอง



...END...


เอาตอนจบไปอ่านกันก่อนนะคะ เดี๋ยวตอนพิเศษจะมาดึก ๆ ^^"

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านเรื่องนี้มาจนจบค่ะ   :L2:


 :pig4:


สำหรับคู่น้องเจกำลังอยู่ในช่วงทดลองแต่งค่ะ ว่าจะลากไปรอดหรือไม่รอด แหะ ๆ ^^"
ถ้าเห็นแววรอด ปั่นได้เกินครึ่งจะรีบมาโพสให้อ่านทันที เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอนานและได้อ่านต่อเนื่องเหมือนเรื่องนี้นะคะ



ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
รวีหวานได้แบบน่าถีบมากกกกก โดนหนูฟ้าเอาคืนบ้างแล้วนะนี่ คึคึ  :hao3:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
โอ๊ว น้ำตาลทั้งนั้นเลย

ออฟไลน์ shijino

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
ตามอ่านรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ บอกได้เลยเค้กกับชอกโกแลตยังหวานสู้ไม่ได้  :-[
รอตอนพิเศษค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
อ๋อยยยย น้องฟ้า ไหงน่ารักขนาดนี้
แค่นี้พี่ซันเค้าก็คลั่งจะแย่แล้วลูกกกก
 :mew3:
รอตอนพิเศษจ้าา

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
แหมคู่หลักจะหวานเกินช้อคโกแลตแล้วจ้า ขอบคุณที่มาลงต่อเนื่องตลอดค่ะ  :L1:

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
อยากอ่านตอนพิเศษที่ทั้งสามครอบครัว พ่อแม่ของเมฆและพ่อแม่ของซัน
มาเมืองไทยและอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันจังเลยอ่ะครับ ขอซักตอนเถอะ พลีสสส!!!

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

meili run

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :-[ เค้กก้อนนี้หวานมากเป็นพิเศษแน่เลย

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
โอ้ย หวานยิ่งกว่าน้ำตาลรวมกันซะอีก

และก็น่าอิจฉามากๆ  พี่ซันก็หอมแก้มน้องจนช้ำไปหมดแล้ว

ถ้าคุณแม่ไม่สั่งห้ามไว้ก่อน มีหวังน้องฟ้าเสียตัวก่อนแต่งเป็นแน่ คริๆ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
โอ๊ะ ๆ ๆ โอ๊ยยยย !!! มดกัด   หว๊านนนน   หวานอ่ะ  ป้าเบาหวานจะขึ้นแล้ว 5555+

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
สวัสดีค่ะ เอาตอนพิเศษที่แต่งไว้มาให้อ่านค่ะ ทีแรกว่าจะเขียนสไตล์รวมญาติ แต่แต่งไปแต่งมาก็ดูมันไม่รวมกันสักเท่าไหร่   ...แต่หลังจากนี้ อาจจะมีตอนพิเศษของสองคู่นี้ และของครอบครัว มาให้ได้อ่านเพิ่มเติมอีกก็ได้นะคะ  / // 

ส่วนคู่น้องเจ คงต้องรอสักพักนะคะ เดือนนี้ต้องเคลียร์กรงรักฯ ให้รอดก่อน (ฉบับรีเมกอะไรไม่รู้ยิ่งแต่งยิ่งยาว--"  สงสัยจะได้หนาเป็นสองสามเท่าจากฉบับเดิมแหงม...)

ps.เริ่มนิสัยเสีย หมักดองไห(นิยาย) อีกแล้ว  ก่อนปีนี้ต้องเคลียร์ให้หมดให้ได้!!


 :hao5:



ตอนพิเศษแถมท้ายเรื่อง..



   สามวันหลังจากที่เมฆามาขอคบหากับมีนาเป็นคนรักอย่างเป็นทางการ บิดาและมารดาของชายหนุ่มก็บินจากอเมริกามาที่เมืองไทย  มารดาของเมฆานั้นเป็นสาวไทยที่มีรูปร่างบอบบางและมีหน้าตาสะสวยแม้จะอายุมากก็ตาม ส่วนบิดาก็เป็นชาวอเมริกาผมสีทองตัวสูงใหญ่หุ่นบึกบึนไม่แพ้นักกีฬาจำพวกอเมริกันฟุตบอลทั่วไปเลยทีเดียว

   "ขอบใจหนูมีนมากเลยนะจ๊ะ ที่ทำให้ลูกชายจอมเสเพลของน้า เริ่มคิดเป็นผู้เป็นคนขึ้นมากับเขาได้"

   มารตี มารดาของเมฆากล่าวขอบอกขอบใจเด็กหนุ่มยกใหญ่ หญิงสาวดูจะถูกใจมากเมื่อรู้ว่ามีนานั้นแม้จะเป็นผู้ชาย แต่นิสัยกลับเป็นแม่บ้านแม่เรือน หนำซ้ำยังมีฝีมือทางด้านทำอาหารเป็นอย่างดีอีกด้วย ที่สำคัญใบหน้าหวานแสนน่ารักนั่น ก็สะดุดสายตาเธอทันทีเมื่อแรกเห็น และนั่นจึงทำให้ทั้งเธอและ โจนาธานผู้เป็นสามีไม่แปลกใจเลยว่า เหตุใดลูกชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอย  ของสาว ๆ จึงสามารถยอมรับอีกฝ่ายที่เป็นผู้ชาย ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจเช่นนี้

   "มากไปครับแม่...เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ของน้องมีน เขาเกิดเปลี่ยนใจไม่ให้ผมคบกับน้องมีนพอดี"

   เมฆาเปรยขัดขึ้นอย่างเอือมระอา ที่มารดาย้ำนักย้ำหนาถึงเรื่องอดีตที่ไม่ค่อยน่าจดจำของเขา

   "อ๊ะ! ไม่ได้สิจ๊ะ การที่คนเราจะตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายเป็นครอบครัวเดียวกัน มันก็ต้องรู้ทั้งเรื่องดีและเรื่องเสียของทั้งสองฝ่าย  ถ้าลองรับได้แต่ด้านดี แต่รับด้านเสียซึ่งกันและกันไม่ได้ ยังไงก็คงอยู่กันไม่ยืดหรอก จริงไหมคะคุณวารี"

   มารตีหันไปยิ้มให้กับวารี ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้าค่อย ๆ พร้อมยิ้มตอบ

   "เห็นไหมล่ะเจ้าลูกตัวแสบ ...อีกอย่างยิ่งได้เห็นหนูมีนาแม่ก็ยิ่งเอ็นดู เด็กดี ๆ แบบนี้ ไม่น่ายกให้ลูกไปเลย เสียของชะมัด  อืม...หนูมีนาจ๊ะ สนใจลูกชายคนโตของป้าไหม อ๊ะ! หรือจะยกให้ตาน้ำดีคะคุณ อายุก็ใกล้เคียงกันดีด้วย"

   มารตีหันไปคุยกับสามีซึ่งพูดและฟังภาษาไทยรู้เรื่องเป็นอย่างดี ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะในลำคอ เมื่อเห็นบุตรชายคนรองทำหน้ามุ่ยใส่ต่อคำพูดล้อเล่นกึ่งจริงจังของภรรยาตน

   "ทำเป็นพูดเล่นไปได้คุณ ทั้งลมกับน้ำ เรื่องสเป็คก็ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับเมฆอยู่ไม่น้อยทีเดียว เกิดลูกติดใจหนูมีนขึ้นมาเหมือนกัน มีหวังพี่น้องได้เกิดศึกชิงนายกันแน่!"

   โจนาธานตอบกลับไปอย่างขำ ๆ  ทำให้ครอบครัวของมีนาพากันคิดตรงกันว่า โจนาธานคงต้องเชี่ยวชาญเรื่องภาษาไทยอยู่ไม่น้อย ไม่เช่นนั้นคงไม่ถึงกับใช้คำเปรียบเปรยได้เช่นนี้ แถมสำเนียงที่พูดแม้จะแปร่งไปบ้าง แต่ก็ออกคำสะกดได้อย่างถูกต้องชัดเจนทีเดียว

   "วายุ ลูกชายคนโตของดิฉัน กับธารา ลูกชายคนเล็ก ยังโสดกันทั้งคู่ค่ะ  ดิฉันเองก็อยากได้สะใภ้จริง ๆ กับเขาเหมือนกันล่ะนะคะ แต่ผู้หญิงสมัยนี้หาความเป็นแม่บ้านแม่เรือนยากเสียเหลือเกิน แถมบางคนยังชอบทำตัวไม่รู้จักกาลเทศะ เห็นผู้ใหญ่เป็นหัวหลักหัวตอ...ขืนรับเข้ามาเป็นสะใภ้ มีหวังเราเองจะต้องเป็นฝ่ายคอยบริการให้พวกเจ้าหล่อนเสียแทน ...แต่ถ้าได้แบบน้องมีนมาเป็นสะใภ้ ต่อให้เป็นผู้ชายดิฉันก็ไม่เกี่ยงหรอกนะคะ..."

   มารตีบอกกับณรงค์และวารีพร้อมยิ้มหวาน แถมยังทำเป็นเหลือบมองเวหาด้วยสายตามุ่งมั่นประหลาดเข้าให้อีกคน ทำเอารวีที่อยู่ด้วยที่นั่นและนั่งใกล้เวหาถึงกับสะดุ้งโหยง ก่อนจะเผลอโอบไหล่อีกฝ่ายมากอดหมับอย่างหวงแหน

   "ไม่ได้นะครับคุณป้า! คนนี้ของผมนะครับ!"

   มารตีอมยิ้มน้อย ๆ เพราะพอจะรู้เรื่องรวีกับเวหาจากลูกชายมาบ้างแล้ว สำหรับเธอนั้นถึงแม้ว่าเวหาจะไม่รูปร่างอรชนอ้อนแอ้นหรือมีหน้าตาน่ารักอย่างมีนา แต่ด้วยความมีมารยาทและความอ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งเด็กหนุ่มมี ก็ทำให้เธอเองรู้สึกถูกใจเวหาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

   "แหม! ป้าเองก็ลืมไปว่าหนูฟ้าน่ะซันจองไว้แล้ว"

   มารตีหัวเราะคิกคักเบา ๆ แล้วจึงหันมาสนทนากับพวกวารีและณรงค์ต่อ ส่วนเวหานั้นหยิกที่แขนคนรักเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้รวีนั้นปล่อยตนสักที ทำเอาชายหนุ่มต้องยิ้มเจื่อน ๆ แล้วยอมปล่อยคนรักเสียก่อนที่จะโดนอีกฝ่ายงอนใส่เขานั่นเอง

   "เห็นตาเมฆบอกว่าทางพวกคุณไม่ต้องการให้หมั้นหมายกันอย่างเป็นทางการ แต่ดิฉันกับสามีได้คุยปรึกษากันแล้วว่า อย่างน้อยดิฉันก็อยากจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ภายในครอบครัว เพื่อเป็นการรับขวัญว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคต...ไม่ทราบว่าทางพวกคุณจะขัดข้องไหมคะ"

   วารีกับณรงค์มองสบตากัน แล้ววารีจึงเป็นคนเปรยตอบให้แทนอย่างลังเล

   "ถ้าเป็นงานเลี้ยงภายในครอบครัวกันเอง ฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ...เพียงแต่จะจัดกันที่ไหนหรือคะ ถ้าต้องเดินทางไกลบ้าน ทางฉันกับสามีเกรงว่าจะไม่สะดวก"

   มารตีชะงักเล็กน้อย แล้วจึงหันไปปรึกษากับสามีของเธออยู่สักพัก จากนั้นจึงหันมายิ้มให้กับวารีและณรงค์ก่อนจะเอ่ยตามมา

   "ถ้าทางคุณวารีกับคุณณรงค์ไม่ว่าอะไร ดิฉันจะให้ลูกชายทั้งสองบินตามมาที่นี่ แล้วเราจะได้จัดงานเลี้ยงฉลองรับขวัญหนูมีนมาเป็นว่าที่สะใภ้ของตระกูลดิฉันกันที่นี่เสียเลย ...คุณวารีสะดวกไหมคะ"

   วารีกับณรงค์พอได้ยินเช่นนั้นทั้งคู่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นวารีจึงพยักหน้าตอบรับ พร้อมกับรับอาสาเป็นคนทำอาหารสำหรับงานเลี้ยงที่จะมาถึงด้วยตนเอง ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากทั้งมารตีและโจนาธานยิ่งนัก เพราะทั้งคู่ได้รับการยืนยันจากบุตรชายว่า หญิงสาวมีฝีมือในการทำอาหารไทยอยู่ในขั้นแนวหน้าเลยทีเดียว

   

   หลังจากการสนทนาและนัดแนะการจัดงานเลี้ยงล่วงหน้าสิ้นสุดลง มารตีกับโจนาธานจึงขอตัวกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมต่อ เนื่องจากทั้งคู่ไม่อยากรบกวนความเป็นส่วนตัวของลูกชายและเพื่อนสนิทของลูกชายเท่าใดนัก แม้ว่าชายหนุ่มทั้งสองจะยินดีให้ทั้งคู่นั้นพักอาศัยอยู่ด้วยกันก็ตามที เมื่อเป็นเช่นนั้นเมฆาและมีนาจึงตัดสินใจขับรถตามไปส่งทั้งคู่ถึงโรงแรมแทน

   "...น้องฟ้าครับ คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ  ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่พาพ่อกับแม่ของตัวเอง มารับรู้การคบหากับน้องฟ้าอย่างเป็นทางการเหมือนที่เมฆทำไม่ได้..."

   รวีบอกกับคนทั้งสามที่เหลือ หลังจากที่มารตีกับโจนาธานกลับไปแล้วด้วยสีหน้าที่เศร้าซึมและรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

   "พี่ซันล่ะก็ คิดมากไปได้ เรื่องแค่นี้ผมไม่ถือหรอกครับ... ใช่ไหมครับพ่อ แม่"

   เวหารีบบอกเมื่อเห็นใบหน้าเศร้า ๆ ของคนรัก ทางด้านณรงค์กับวารี ที่พอจะรู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องครอบครัวของชายหนุ่มมาจากเมฆาอยู่บ้าง ต่างสบตากันอย่างพอจะเข้าใจความรู้สึกของรวี จากนั้นณรงค์จึงเป็นฝ่ายพูดกับคนรักของลูกชายตนบ้าง

   "แค่สิ่งที่ซันทำเพื่อฟ้าทุกวันนี้ มันก็มากมายและยืนยันได้ว่าซันรักน้องจริง ๆ แล้วล่ะ ...ส่วนคุณพ่อคุณแม่ของซัน พ่อเองเชื่อนะว่า พวกท่านจะเข้าใจและรับรู้ได้เองว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนเป็นพ่อแม่แล้วนั้น ก็คือความสุขของลูกนั่นเองล่ะนะ"

   รวีรับฟังคำของณรงค์ด้วยความซาบซึ้ง หลังจากคบกับเวหาแล้ว ทั้งณรงค์และวารีก็ให้ความสนิทสนมกับเขาราวดังเป็นลูกชายของบ้านนี้อีกคน และรวีเองก็นับถือทั้งคู่ราวดังบิดามารดาผู้ให้กำเนิดเช่นกัน

   "แม่เองก็คิดเหมือนพ่อนั่นล่ะ เพราะฉะนั้นซันก็ไม่ต้องกังวลอะไรมาก ขืนซันทำหน้าเศร้า ๆ แบบนั้น ฟ้าเองก็คงเป็นกังวลจนทำอะไรไม่ถูกพอดี"

   ขาดคำของมารดา ก็ทำให้เวหาสะดุ้งแล้วทำเป็นเมินมองไปทางอื่นไม่กล้าสบตากับคนรักที่ตอนนี้กำลังมีสีหน้ายินดีขึ้นมาแทนเสียแล้ว

   "หึ ๆ งั้นพ่อไปดูสวนดีกว่า...แม่ล่ะ อีกนานกว่าจะถึงเวลากลางวันไม่ใช่หรือ ไปนั่งเล่นเป็นเพื่อนพ่อดีไหม"

   "ดีเหมือนกันจ้ะ แม่เองก็ชักอยากมีเวลาหวาน ๆ สวีทกับพ่อตามลำพังบ้างเหมือนกัน"

   วารีรับคำสามีแล้วหันมายิ้มแหย่บุตรชายที่ตอนนี้รู้สึกเขินและพยายามหลบตา และเมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองเดินจากไปได้สักพัก รวีก็หันมาจับมือของเวหาขึ้นจูบเบา ๆ แล้วถามพร้อมรอยยิ้ม

   "น้องฟ้าเป็นห่วงพี่จริง ๆ หรือครับ"

   "...ก็ห่วงสิครับ คนรักทั้งคนนี่นา"

   เวหาตอบเขิน ๆ ทำให้คนฟังยิ่งยิ้มกว้างแล้วรวบร่างของคนนั่งใกล้มากอดและหอมแก้มซ้ายขวาอย่างยินดีเป็นที่สุด

   "พี่ดีใจจังเลยนะครับ ที่ได้รักน้องฟ้า แล้วก็ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่แสนอบอุ่นอย่างครอบครัวของน้องฟ้า...บางทีพี่ยังเคยเผลอคิดเลยนะครับว่า นี่คงเป็นผลตอบแทนความพยายามที่พี่ทำมาตลอดสิบห้าปีนี้ ก็ได้"

   เวหามองคนรักของตนแล้วยิ้มน้อย ๆ อย่างเอ็นดู เพราะยามที่คนรักอยู่กับเขาอีกฝ่ายมักจะแสดงออกในตัวตนที่ ทั้งร่าเริง เศร้าซึม น้อยอกน้อยใจ แตกต่างจากรวีที่เมฆาเคยเล่าผ่านมีนามาให้ฟังว่า เจ้าตัวแทบจะไม่ค่อยมีรอยยิ้มให้ได้เห็นสักเท่าใดนัก ยิ่งหากอยู่ที่บ้านหรือเป็นเรื่องงานที่เกี่ยวกับครอบครัวด้วยแล้ว รวีก็ยิ่งทำตัวเย็นชานิ่งเฉย ผิดจากยามที่อยู่กับเพื่อนฝูงที่สนิทลิบลับ

   "มันก็อาจจะมีส่วนก็ได้นะครับ...เพราะแค่รู้ว่าพี่ซันยังคงรู้สึกกับฟ้าแบบเดิมทั้งที่เราไม่เคยได้เจอกันมาตลอดสิบห้าปีเลย ตอนนั้นฟ้าก็เริ่มรู้สึกหวั่นไหวเข้าให้แล้ว  ...ยิ่งเห็นที่พี่ไม่โกรธเรื่องที่ฟ้าลืมพี่ แถมพี่ยังแสดงให้เห็นถึงความจริงใจที่พี่มีต่อฟ้าอีก... ต่อให้ไม่รู้สึกอะไรเลย เจอเข้าแบบนี้ก็อดทำใจแข็งต่อไม่ลงหรอกนะครับ"

   เวหาบอกพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนให้ ซึ่งรวีก็ยิ้มตอบรับ จากนั้นทั้งคู่ก็พูดคุยหยอกล้อกันอยู่อีกพักใหญ่ ๆ พวกมีนาและเมฆาก็ตามมาสมทบ และวารีก็กลับมาเตรียมมื้อกลางวัน มีนาจึงขอตัวไปช่วยมารดาเตรียมกับข้าว โดยมีเมฆาเป็นลูกมือต่ออีกทอด  ทางด้านเวหาและรวีจึงขอตัวไปช่วยทางด้านณรงค์ดูแลต้นไม้แทน และพอถึงเวลา ทั้งหมดก็มารวมตัวกันกินมื้อกลางวันกันอย่างมีความสุขและอิ่มอร่อยดังเช่นทุกวันที่ผ่านมา



   เช้าวันรุ่งขึ้น เวหาก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อชายในชุดสูทดำสวมแว่นตาดำ ดูมีอายุแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความน่าเกรงขาม เจ้าตัวแสดงความประสงค์ว่ามาเพื่อขอพบเด็กหนุ่มโดยตรง พร้อมกับแนะนำตัวว่าเขานั้นเป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดที่ทำการอารักขารวีอยู่ที่นี่ และแม้อีกฝ่ายจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ก็สามารถพูดภาษาไทยได้คล่องแคล่วพอตัว อีกทั้งยังรู้ข้อมูลทุกอย่างของทุกคนในบ้านนี้จนพวกณรงค์และวารีค่อนข้างจะเชื่อว่าอีกฝ่ายนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับรวีจริงอย่างที่บอก จึงยอมให้ชายหนุ่มเข้ามานั่งคุยในบ้านของพวกตน

   "ทางเราได้ข่าวมาว่า ศัตรูของบอสคิดจะมาลอบเล่นงานคนรักของบอส...พวกเรากำลังสืบกันว่า ทำไมเรื่องคนรักของบอสถึงได้รั่วออกไปถึงหูศัตรูได้ แต่ปัญหาตอนนี้ก็คือ บอสเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณเวหามาก ดังนั้นจึงสั่งให้ผมมาพาคุณเวหาไปหลบที่เซฟเฮาส์ ส่วนตัวบอสเองก็ว่าจะสืบหาต้นตอที่เกิดขึ้น ว่าจะเป็นเพราะมีหนอนบ่อนไส้อยู่ในพวกเดียวกันจริง ๆ หรือไม่ จากนั้นบอสก็จะตามไปสมทบกับคุณในไม่ช้านี้"

   "จะพาพี่ฟ้าไปคนเดียวหรือครับ ผมไปเป็นเพื่อนพี่ฟ้าด้วยได้ไหม!"

   มีนาโพล่งขัดขึ้น ก่อนจะชะงักเมื่อใบหน้าใต้แว่นตาดำหันขวับมาทางตน

   "ผมเองก็รู้ดีว่าคุณห่วงพี่ชาย หากแต่เป้าหมายครั้งนี้คือคุณเวหา อีกอย่างหากมีผู้ต้องทำการอารักขาเพียงคนเดียว ทางทีมบอดี้การ์ดจะทำงานกันได้ง่ายกว่า หวังว่าคุณจะเข้าใจนะครับ"

   มีนาชะงักแล้วมีสีหน้ากังวลหวั่นวิตก ส่วนณรงค์กับวารีนั้นขมวดคิ้วนั่งเงียบครุ่นคิดหนัก ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันเช่นนี้

   "แล้วถ้าผมไปอยู่ที่โน่น แล้วทางนี้ล่ะครับ พ่อแม่กับน้องชายผมจะเป็นยังไง"

   ชายสูทดำหันมาทางเวหา แล้วจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงและสีหน้าราบเรียบเฉยดุจเคย

   "สำหรับทางนี้คุณไม่ต้องห่วง เราได้จัดทีมบอดี้การ์ดมือดีนับสิบเอาไว้คุ้มครองแล้ว ...ที่สำคัญเป้าหมายครั้งนี้คือคุณ การที่คุณแยกตัวออกไป ทางนี้จะกลายเป็นปลอดภัยเสียมากกว่า"

   "ฉันอยากคุยกับตาซันเรื่องนี้ก่อนจะส่งฟ้าไป จะได้ไหมคะ"

   วารีถามขึ้นบ้าง ทำให้คนฟังชะงักเล็กน้อย ทว่าเจ้าตัวก็เอ่ยขึ้นตามมาด้วยใบหน้าที่แทบไม่เปลี่ยน

   "ผมก็อยากทำตามประสงค์ของคุณผู้หญิง...แต่บอสกำลังจัดการปัญหาใหญ่อยู่ จนไม่อาจจะมาพบได้...เอาอย่างนี้ไหมครับ เดี๋ยวผมจะให้คุณผู้หญิงโทรติดต่อกับบอสแทนแล้วกัน"

   "อย่างนั้นก็ได้ค่ะ"

   วารีรับคำเช่นเดียวกับณรงค์ที่พยักหน้า จากนั้นบอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่ก็หยิบมือถือมาโทรออก เขารอสายสักพัก แล้วจึงพูดขึ้นเป็นภาษาอังกฤษทันทีที่ปลายสายกดรับ

   "บอสหรือครับ นี่ผมเอง...ผมอยู่บ้านคุณเวหา เตรียมจะพาเขาไปที่เซฟเฮาส์ แต่คุณแม่ของคุณเวหาอยากคุยกับบอสก่อนน่ะครับ... ครับ ๆ เดี๋ยวจะบอกให้"

   บอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่หันไปทางวารี แล้วยื่นมือถือให้อีกฝ่าย

   "คงคุยได้ไม่นานนะครับ บอสกำลังยุ่งอยู่"

   วารีพยักหน้าและเมื่อได้รับมือถือ เธอก็ได้ยินเสียงจากรวีดังมาจากปลายสาย แต่จากคลื่นสัญญาณรบกวนที่เกิดขึ้น ทำให้ได้ยินไม่ค่อยชัดนัก ซ้ำยังมีเสียงดังจากรอบด้านเหมือนกับว่าชายหนุ่มนั้นกำลังอยู่ในสถานที่ซึ่งมีคลื่นลมแรงรบกวนการสนทนาเป็นอันมากอีกด้วย

   "สวัสดีครับ! ขอโทษนะครับ...พอดีผมอยู่ข้างนอก คงได้ยินไม่ชัดนัก!"

   "ไม่เป็นไรจ้ะ ว่าแต่ซันจะให้ฟ้าไปอยู่เซฟเฮาส์อะไรนั่นคนเดียวจริง ๆ หรือจ๊ะ ...ซันว่ามันจะปลอดภัยแน่หรือจ๊ะ"

   "ปลอดภัยแน่นอนครับ! แล้วผมจะตามไปสมทบทางนั้นอีกที...อ๊ะ! ขอโทษนะครับ คงต้องตัดสายก่อนนะครับ พอดีมีเรื่องยุ่ง ๆ เข้ามา! ขอตัวนะครับ!"

   เสียงจากปลายสายหายไปพร้อมสัญญาณที่ถูกตัดทำให้วารีหันไปสบตากับสามี แล้วณรงค์จึงพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะหันไปทางบอดี้การ์ดในชุดดำตรงหน้า

   "ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้านายคุณเขาคิดอะไรกันแน่ ถึงจะแยกฟ้าออกไปคุ้มกันคนเดียว... แต่ตาซันที่ผมรู้จักนั้น เขารักลูกชายผมมาก มากจนทำให้ผมยอมรับในการตัดสินใจของเขา..."

   ชายในชุดดำนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าค่อย ๆ ตามมา

   "ผมขอให้สัญญากับทางคุณว่า ผมจะดูแลและปกป้องคุ้มครองคุณเวหาเป็นอย่างดีในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ครับ"

   ณรงค์พยักหน้าตอบรับ ส่วนวารีถอนหายใจเบา ๆ หญิงสาวดึงลูกชายคนโตมากอดอย่างเป็นห่วง เช่นเดียวกับมีนาที่มีสีหน้ากังวลไม่อยากให้พี่ชายเดินทางไปคนเดียว ทว่าเมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่เร่งมาว่าใกล้เวลาเดินทางแล้ว ก็ทำให้เวหาจำต้องตามอีกฝ่ายไปอย่างจำยอม ส่วนครอบครัวของเด็กหนุ่มก็พากันมาส่งอีกฝ่ายขึ้นรถจนกระทั่งรถยนต์ขับไปลับตา แต่พอทั้งหมดกลับเข้ามาในบ้าน ก็มีเสียงโทรศัพท์ในบ้านดังขึ้น มีนารีบวิ่งไปรับ แล้วก็ขมวดคิ้วยุ่งเมื่อได้ยินเสียงปลายสายทักทาย

   "ไง! น้องมีน ...อรุณสวัสดิ์ครับ  คิดถึงจังเลย  เช้านี้มาเที่ยวเล่นบ้านพี่ไหมครับ"

   มีนาชะงักเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ร่าเริงตามปกติของคนรัก เจ้าตัวหน้าซีดเผือด พลางหันไปมองหน้าบิดาและมารดา ก่อนจะย้อนถามปลายสายกลับไปด้วยความหวาดหวั่น

   "พี่เมฆยังอยู่บ้านหรือครับ...ไม่ได้ไปเป็นเพื่อนพี่ซันหรอกหรือ"

   ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะย้อนกลับมาด้วยน้ำเสียงงุนงง

   "ไปเป็นเพื่อนเจ้าซัน...ไปไหนหรือครับ? ซันมันก็นั่งหัวโด่อยู่ในห้องรับแขกแถวนี้นี่ล่ะครับ...นี่มันรอต่อคิวพี่โทรชวนน้องฟ้ามาเที่ยวบ้านเหมือนกันนะครับเนี่ย"

   มีนาแทบจะทรุดลงไปนั่งอย่างหมดแรง ส่วนณรงค์และวารีที่ได้ยินปลายสายสนทนาแว่ว ๆ ถึงกับนิ่งอึ้ง และเป็นณรงค์ที่รีบแย่งหูโทรศัพท์ของลูกชายคุยกับปลายสายอย่างร้อนรน

   "เมฆ! นี่พ่อเองนะ! ซันอยู่แถวนั้นหรือเปล่า เรียกมาคุยกับพ่อด่วนเดี๋ยวนี้เลย!"

   "เอ๋! คุณพ่อหรือครับ... อ๊ะ! ครับ ได้ครับเดี๋ยวตามซันมาพูดให้ เฮ้ย! ซัน!"

   เสียงโครมครามคล้ายคนรีบร้อนจนชนโน่นนี่ดังแว่วมา จากนั้นสักพักปลายสายก็เปลี่ยนเป็นรวีแทน

   "มีอะไรหรือครับคุณพ่อ เห็นเมฆบอกว่าคุณพ่อจะคุยกับผมด่วน"

   ณรงค์พยายามรวบรวมสติแล้วถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่บังคับไม่ให้สั่นเครือเต็มที่

   "ซัน...พ่อถามซันหน่อยนะ...เมื่อครู่ซันได้ส่งบอดี้การ์ดให้มารับฟ้าไปไหนหรือเปล่า..."

   รวีชะงักกึกก่อนจะทวนคำที่อีกฝ่ายพูดมา

   "บอดี้การ์ด...ไม่นี่ครับ ผมไม่ได้ส่งใครไปเลย...หรือว่ามีคนแอบอ้าง...คุณพ่อครับ! แล้วตอนนี้น้องฟ้าอยู่ไหนครับ! ยังอยู่ที่บ้านนั่นหรือเปล่า!"

    รวีที่พอจะคาดเดาความผิดปกติจากน้ำเสียงและถ้อยคำของอีกฝ่ายรีบถามกลับไปอย่างร้อนรนและตื่นตระหนก  ณรงค์พยามตั้งสติสูดลมหายใจเข้าปอด แล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้อีกฝ่ายฟังทั้งที่มือซึ่งจับโทรศัพท์ยามนี้กำลังสั่นเทาหนัก ส่วนวารีกับมีนานั้นกอดกันแน่นด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดไม่แพ้กัน

   "มีผู้ชายอ้างว่าเป็นบอดี้การ์ดของซันมาบอกว่าซันให้พาฟ้าไปหลบที่เซฟเฮาส์ เพราะมีศัตรูทางการค้าคิดร้ายกับฟ้า ทีแรกพวกพ่อก็ยังลังเลไม่กล้าส่งฟ้าไปตามลำพัง ผู้ชายคนนั้นก็เลยต่อโทรศัพท์ให้คุยกับซัน...ถึงจะคุยกันจับใจความไม่ได้ เพราะทางนั้นดูเร่งรีบร้อนรนและตัดสายไป...แต่เสียงของปลายสายก็เหมือนกับซันมาก จนพวกพ่อกับแม่ยอมเชื่อ และส่งฟ้าขึ้นรถไปกับเขา...เมื่อครู่นี้เอง"

   ขาดคำของณรงค์ รวีก็เซไปด้านหลังเล็กน้อย หน้าซีดเผือด เจ้าตัวกำโทรศัพท์แน่น ตั้งสติอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงพูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

   "ไม่ต้องห่วงนะครับคุณพ่อ...ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม ผมก็จะไม่มีวันให้มันทำร้ายน้องฟ้าได้เป็นแน่...เดี๋ยวผมจะสั่งให้คนตามหารถคันนั้นเดี๋ยวนี้...คุณพ่อพอจะจำลักษณะรถและเลขทะเบียนได้ไหมครับ"

   ณรงค์ฟังแล้วก็รีบบอกไปทันที เนื่องจากด้วยความกังวลก่อนหน้านั้น จึงทำให้เขาสังเกตรถที่บุตรชายนั่งไปได้อย่างแม่นยำ

   "ดีแล้วครับ ถ้าเพิ่งออกไปก็คงตามได้ทันไม่ยากนัก ...คุณพ่อกับคุณแม่แล้วก็น้องมีน รออยู่ที่บ้านนะครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้เอง...น้องฟ้าจะต้องปลอดภัยแน่นอนครับ ผมให้สัญญา!"

   รวีรับคำอย่างหนักแน่น ปลายสายเงียบไปแต่ยังไม่ตัดสาย สักพักเมฆาก็กลับมาสนทนากับอีกฝ่ายต่อ

   "เดี๋ยวผมจะไปหาที่บ้านนะครับ ซันมันให้ผมไปคอยอยู่ที่นั่น เผื่อพวกที่หลอกน้องฟ้าไป จะกลับมาหลอกล่อทางนั้นอีก ผมจะได้ช่วยดูให้เพราะผมเองก็รู้จักบอดี้การ์ดของซันที่นี่ทั้งหมดดี ...ส่วนเรื่องน้องฟ้าคุณพ่อไม่ต้องห่วงนะครับ ซันมันต้องพาน้องฟ้ากลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน!"

   ณรงค์รับคำแผ่วเบา และพอปลายสายตัดไป เขาก็หันมาทางภรรยาและลูกชาย ก่อนจะกอดทั้งคู่ที่กำลังเสียขวัญอย่างปลอบโยน

   "ไม่ต้องห่วงนะ ซันรับปากแล้ว เขาจะพาฟ้ากลับมา...ขนาดสัญญาเมื่อสิบห้าปีก่อนที่ให้กับฟ้าเขาก็ยังรักษาได้...เพราะฉะนั้นครั้งนี้ พ่อก็เชื่อว่าเขาจะต้องทำอย่างที่สัญญาเอาไว้ได้แน่นอน"

   วารีกับมีนาพยักหน้ารับคำ แม้จะเป็นกังวลเพียงใด แต่ทั้งคู่ก็พยายามคิดในแง่ดีอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการปลอบใจทั้งตัวเองและคนในครอบครัวด้วยกันยามนี้นั่นเอง

...
....

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
..
...



   เวหานั่งอยู่ข้าง ๆ บอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่ที่เบาะหลัง ส่วนตำแหน่งคนขับมีชายในชุดดำเช่นกันขับรถไปเงียบ ๆ จนสักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้คนด้านหลังต้องมองเบอร์มือถือพร้อมกับขมวดคิ้วยุ่ง ก่อนจะกดรับสายตามปกติ

   "บอสครับ ทางคุณรวีรู้ตัวแล้วครับ แถมยังโมโหมาก และกำลังสั่งรวบรวมคนตามท่านไปติด ๆ แล้วครับ!"

   "หือ...รู้ตัวไวกว่าที่คิดอีกนะ  โอเค...ไม่ต้องรายงานมาแล้ว เดี๋ยวฉันจัดการทางนี้เอง...หึ ๆ รับรองน่า ไม่ทำให้เขาต้องมีอันตรายแน่ เขาเป็นคนรักคนสำคัญของซันนี่นะ"

   เสียงที่สนทนากันเป็นภาษาอังกฤษ แต่เวหาก็ยังแปลได้อยู่ดี เจ้าตัวหน้าซีดเมื่อใจความที่ได้รับฟังนั้น มันช่างดูแตกต่างจากสิ่งที่คนข้างกายบอกมาก่อนหน้านั้น

   "ทำไมเขาถึงเรียกคุณว่าบอสล่ะครับ...แล้วที่พี่ซันกำลังสั่งคนตามมาหมายความว่ายังไงครับ...คงไม่ใช่ตามมาด้วยกันเฉย ๆ เหมือนที่คุณเคยบอกไว้ใช่ไหมครับ"   

   คำถามที่ได้ยินทำให้คนฟังชะงัก ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยตอบเป็นภาษาอังกฤษ

   "อืม...ฉันก็ลืมไปว่าความรู้ระดับเธอก็คงน่าจะฟังภาษาอังกฤษออกบ้าง...แต่การที่หัวไวแล้วคาดเดาสถานการณ์ได้ใกล้เคียง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมอยู่ดีล่ะนะ"

   คนพูดนั้นมีรอยยิ้ม ทว่าเวหานั้นไม่ได้ยิ้มตอบ เขาขยับตัวออกห่างแล้วพยายามจะเปิดประตูรถ ซึ่งก็ไม่เป็นผลเพราะมันเป็นล็อกอัตโนมัตินั่นเอง

   "ถ้าฉันไม่อนุญาต ยังไงเธอก็หนีไปเองไม่ได้หรอก"

   ชายวัยกลางคนเปลี่ยนภาษาที่พูดเป็นภาษาไทย พร้อมกับถอดแว่นตาออกเผยให้เห็นนัยน์ตาสีเขียว ซึ่งนั่นก็ทำให้เวหาชะงักเล็กน้อย เพราะไม่ว่าจะสีตาและโครงหน้าของอีกฝ่าย ก็ดูช่างแสนจะคุ้นชินตาคล้ายกับใครบางคนที่เขารู้จักอย่างน่าประหลาด

   "หรือว่า...คุณจะเป็น พ่อของพี่ซัน"

   คนฟังเลิกคิ้วนิด ๆ แล้วยิ้มน้อย ๆ ตามมา

   "ถูกต้อง...อืม...เธอนี่นะ นอกจากหัวไวแล้วก็ยังช่างสังเกตดีมาก...แต่ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะซันมันก็ถอดแบบตอนฉันหนุ่ม ๆ มาไม่ค่อยจะผิดเพี้ยนนักล่ะนะ"

   "แสดงว่าคุณเองก็ยังคงไม่เห็นด้วยเรื่องที่พี่ซันกับผมคบกันใช่ไหมครับ"

   เวหาถามต่อ เมื่อทราบว่าเป็นบิดาของคนรัก เขาก็ใจชื้นขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ว่าจะพอรู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นถึงมาเฟียก็ตาม

   "แน่นอน...และฉันก็เชื่อว่าไม่มีพ่อแม่คนไหน ที่จะยิ้มอย่างยินดีที่เห็นลูกชายตนเองไปคบผู้ชายด้วยกันหรอกนะ  อ้อ! คงยกเว้นพ่อแม่ของเธอที่เต็มใจยกเธอให้ลูกชายฉัน ...แต่ฉันก็เข้าใจดีอยู่หรอก เพราะทรัพย์สินเงินทองที่ลูกฉันมี มันก็ค่อนข้างมากอยู่ไม่น้อย"

   บิดาของรวีเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มเหยียดซึ่งก็ทำให้คนฟังชะงัก ก่อนจะเม้มปากน้อย ๆ แล้วกำหมัดแน่นอย่างพยายามข่มอารมณ์โกรธที่พุ่งพล่านขึ้น

   "ผมและพ่อแม่ยอมรับพี่ซัน เพราะพี่ซันแสดงให้เห็นถึงความจริงใจที่มีต่อผม...ไม่ใช่เพราะหวังทรัพย์สมบัติอะไรอย่างที่คุณพูดมานั่นสักนิด!"

   "หึ! แล้วถ้าเกิดฉันตัดหางปล่อยวัดเจ้าซัน ไม่ให้มรดกมันสักแดง แถมยังยึดเงินทองที่มันมีติดตัวกลับคืนแทนค่าตัดขาดไม่ให้ฉันเข้าไปยุ่งเรื่องของมันกับเธอล่ะ เธอยังจะยินดีรับผู้ชายที่เหลือแต่ตัวอย่างลูกชายฉันอีกหรือเปล่า...หือ?"

   คนพูดบอกพร้อมยกยิ้มหยัน แล้วมองดูรวีที่ก้มหน้านิ่งเงียบไปด้วยสีหน้ายิ้มเยาะคล้ายคนเป็นต่อ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อคนฟังเงยหน้าขึ้นมาจ้องเขา พร้อมตอบกลับไปด้วยแววตาและน้ำเสียงที่หนักแน่น

   "แน่นอนครับ ต่อให้พี่ซันจะเหลือแต่ตัว ไม่มีสมบัติติดร่างกายแม้แต่เศษเงินสักเหรียญ...ถ้าเขายังคงรักและมั่นคงต่อผมเช่นเดิม ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขาก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง...อีกอย่างต่อให้ไม่มีเงินมรดกตกทอดอะไรก็ตามนั่น ขอแค่ยังมีสองมือสองเท้ามีหนึ่งสมองที่พร้อมจะสู้ต่อไม่ยอมแพ้  ยังไงคนเราก็ไม่อดตายหรอกครับ!"

   บิดาของรวีนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจหนัก ๆ แล้วพิงกายไปกับเบาะนั่งด้วยท่าทางเหนื่อยอกเหนื่อยใจเล็กน้อย จากนั้นจึงเปรยขึ้นคล้ายพูดกับตัวเอง

   "ตอนฉันยื่นข้อเสนอเดียวกันนี้เพื่อให้เจ้าซันมันตัดใจจากเรื่องของเธอที่อเมริกานั่น...รู้ไหมว่าเจ้าลูกชายตัวดีของฉันมันทำยังไง"

   เวหาชะงักที่เห็นอีกฝ่ายพูดคล้ายชวนคุยด้วย แถมท้ายประโยคยังหันกลับมามองเขาอีก เด็กหนุ่มสั่นศีรษะค่อย ๆ ซึ่งก็ทำให้คนพูดยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยต่อ

   "ไอ้เจ้าลูกบ้านั่นมันตอบตกลงโดยไม่ลังเล มันคืนทุกสิ่งทุกอย่างที่ติดตัวมันตอนนั้น ยกเว้นเสื้อผ้า ที่บอกว่าขอใส่ติดตัวไว้ก่อนกันอนาจาร เดี๋ยวหาเงินเองแล้วได้เสื้อผ้าใหม่จะถอดสูทที่มันใส่มาคืนให้อีกที...ตอนนั้นฉันโมโหจนพูดแทบไม่ออก เลยไม่คิดสนใจมันอีก...หลังจากนั้นมันก็หายหัวไปจากบ้านสามวัน พอวันที่สี่ก็มีชุดสูทแพคใส่กล่องส่งไปรษณีย์มาคืนที่บ้าน  ฉันเลยให้ลูกน้องไปสืบดูว่ามันทำอะไรอยู่... หึ! ก็เลยได้พบว่าเจ้าลูกบ้านั่น มันกำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งเป็นเด็กเสิร์ฟในบาร์เสียอย่างนั้นแถมยังได้ทิปจากทั้งสาวทั้งหนุ่มที่คิดจะหิ้วมันกลับบ้านเสียมากอีกด้วย...ไอ้ฉันพอเห็นแบบนั้น ก็เลยต้องยอมแพ้ เพราะเจ้าซันมันทำให้ฉันเห็นว่า มันไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินของพ่ออย่างฉัน มันก็ยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้อยู่ดี... ป่านนี้มันคงสบายใจสินะที่พ้นจากพ่อที่มันเกลียดนักเกลียดหนาอย่างฉันมาได้... แถมตอนนี้ก็ยังสมหวังกับเธอแล้วอีกด้วย"

   เวหานิ่งเงียบรับฟัง เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นแลดูเหงา ๆ เวลาที่พูดถึงลูกชาย ซึ่งก็ทำให้เขาหวนคิดถึงรวีขึ้นมาบ้าง...ชายหนุ่มนั้นแม้จะชอบพูดบ่นเรื่องบิดาของเจ้าตัวเวลาที่เขาถามถึง แต่บางครั้งรวีก็มักจะเผลอมีแววตาเหงา ๆ ให้เขาได้เห็นเมื่อยามพูดถึงบิดาตนเองเช่นกัน

   "พี่ซันไม่ได้เกลียดอะไรคุณอย่างที่คุณคิดหรอกครับ...อีกอย่างไม่มีลูกคนไหนเกลียดพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดตัวเองได้ลงคอหรอกครับ...อาจจะมีกระทบกระทั่งผิดใจกันบ้าง  แต่สำหรับคนเป็นลูกแล้ว ไม่ว่าใครก็ทดแทนพ่อแม่ของตนเองไม่ได้หรอกนะครับ"

   "เขาบอกเธออย่างนั้น หรือเธอคิดเอาเองล่ะ"

   อีกฝ่ายย้อนถามเสียงเรียบ ซึ่งก็ทำให้เวหาอมยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยตอบไปตามตรง

   "ไม่ได้คิดเอาเองหรอกครับ แค่ตอบจากการที่ผมสังเกตดูเวลาที่คุยเรื่องครอบครัวกับพี่ซันน่ะครับ... คนที่เกลียดกันน่ะ เขาจะแทบไม่อยากพูดถึงเรื่องของอีกฝ่ายหรอกครับ  แต่พี่ซันกลับชอบพูดถึงคุณให้ผมฟังอยู่บ่อย ๆ ซึ่งมันอาจจะเป็นการบ่นเสียส่วนใหญ่ก็จริง แต่ผมฟังแล้วมันเหมือนคนที่น้อยใจที่พ่อตัวเองไม่เข้าใจและเห็นด้วยในสิ่งที่ตนทำ มากกว่าที่จะเป็นการเกลียดนะครับ"

   ชายวัยกลางคนนิ่งอึ้งหลังจากที่ได้ฟังเวหาพูดจบ เขาเงียบไปพักใหญ่จนเวหารู้สึกกังวล ก่อนจะชะงักเมื่ออีกฝ่ายนั้นหัวเราะขึ้นเบา ๆ ในลำคอ

   "...ฉันว่าเจ้าซันมันฉลาดเลือก และคงมีสังหรณ์ดีล่วงหน้า ถึงได้คาดเดาได้ว่า เด็กสามขวบไร้เดียงสาเมื่อสิบห้าปีก่อน จะเติบโตมาเป็นเด็กนิสัยดีแบบเธอได้ล่ะนะ... เฮ้อ! เอาเถอะ ถ้าเป็นเด็กอย่างเธอ ฉันก็คงเบาใจปล่อยลูกชายฉันอยู่กับเธอได้หรอก  ส่วนฉันหลังมอบตำแหน่งให้คนที่ฉันเลือกแล้ว ก็คงจะเกษียณออกจากองค์กร และไปหาที่สงบอยู่อาศัยกับภรรยาของฉันตามลำพังประสาคนแก่ ที่ไม่มีลูกหลานเหลียวแลล่ะนะ"

   "เอ๋!? แล้วทำไมไม่มาอยู่ด้วยกันล่ะครับ...อยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ ครึกครื้นดีออก ที่บ้านหลังปัจจุบันที่พี่ซันอยู่ก็หลังใหญ่โต มีห้องก็ตั้งหลายห้อง คุณกับคุณแม่ของพี่ซัน ก็น่าจะมาอยู่ได้สบาย ๆ อยู่แล้ว"

   เวหาสวนขึ้นทันควัน ทำให้ชายวัยกลางคนต้องจ้องมองเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่าตนนั้นลักพาตัวอีกฝ่ายมา ริมฝีปากได้รูปมีรอยยิ้มน้อย ๆ อย่างเอ็นดูเป็นครั้งแรก แล้วจึงเอ่ยตอบกลับไป

   "เธอคิดว่าซันจะยินดีให้ฉันไปอยู่กับเขาอย่างเต็มใจ หลังจากที่ฉันลักพาตัวเธอออกมาด้วยกันอย่างนี้หรือ"

   เวหาชะงัก แล้วจึงนิ่งไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยถามกลับไปด้วยสีหน้าสงสัยแกมกังวล

   "แล้วการที่คุณลักพาตัวผมมาด้วยกันนี่ เพราะอะไรล่ะครับ"

   คนฟังยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงบอกจุดประสงค์ของตนออกไปตามตรง

   "นอกจากเรื่องที่ฉันอยากจะพิสูจน์ดูว่าเธอจริงจังกับลูกชายของฉันหรือไม่...เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ ฉันต้องการให้เธอได้รับรู้ว่า หากเธอยังคิดจะอยู่เคียงข้างซันมันแบบนี้ต่อไป เธอก็คงต้องพบกับเรื่องร้าย ๆ จากศัตรูในอนาคตของเจ้าซันอีกเรื่อย ๆ"

   "ศัตรูในอนาคตหรือครับ" 

    เวหาย้อนถามกลับไปอย่างแปลกใจ ซึ่งคนฟังก็พยักหน้านิด ๆ

   "ใช่แล้ว...ฉันอยากให้เธอได้รับรู้ด้วยตัวเองว่า หากคิดจะใช้ชีวิตร่วมอยู่กับซันเช่นนี้ต่อไป บางทีตัวเธอและครอบครัว ก็อาจจะต้องพบกับเรื่องเสี่ยง ๆ แบบนี้เข้าได้ในสักวัน จริงอยู่ที่ซันวางมือไม่ยอมสืบทอดตำแหน่งองค์กรต่อจากฉัน แต่คนที่อยากให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับตระกูลของทางฝั่งฉัน แทนที่จะยกให้ทางฝั่งของทายาทคนต่อไป ก็คิดจะดึงซันให้กลับมารับตำแหน่งแทน ส่วนพวกทางฝั่งทายาทที่ฉันเตรียมไว้ ก็คิดจะกำจัดซันให้สิ้นซาก เพื่อที่จะได้ไม่มีการผิดพลาดในอนาคต ....ตัวฉันและคนที่ฉันเลือกเองก็พยายามจะเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนที่จะมีการสละตำแหน่งอยู่หรอกนะ... แต่ก็นั่นล่ะ กว่าเรื่องราวภายในของพวกเราจะเรียบร้อย จนเธอกับครอบครัวจะไม่ต้องมาเสี่ยงกับลูกชายของฉันอีก ก็คงจะเป็นราวช่วงสี่ห้าปีหลังจากนี้ ...ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคนที่ฉันเลือกให้มาสืบทอดต่อด้วยล่ะนะ"

   เวหาเงียบกริบ เรื่องหลังที่ได้ฟังแลดูหนักหนากว่าเรื่องที่อีกฝ่ายต้องการพิสูจน์ความรักของเขากับรวีเสียอีก เนื่องจากมันไม่ได้มีเพียงเขาเท่านั้นที่เกี่ยวข้อง หากแต่ครอบครัวของเขาก็อาจจะต้องถูกลากเข้ามาพัวพันอีกด้วย

   "เรื่องนี้ผมคงตัดสินใจเองไม่ได้หรอกครับ เพราะถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัว...ผมก็คงต้องฟังความเห็นของทุกคนในครอบครัวด้วย"

   เวหาเอ่ยขึ้นในที่สุดซึ่งก็ทำให้คนฟังถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็ยังนึก  ชื่นชมที่เด็กหนุ่มไม่มีสีหน้า หรือน้ำเสียงหวาดกลัวอย่างที่เขาเคยคาดคิดไว้

   "...แต่ผมเชื่อนะครับว่า ทุกคนในครอบครัวของผมก็คงให้โอกาสพี่ซันเหมือนเดิม เรื่องความกลัวความกังวลมีเอาไว้บ้างมันก็นับเป็นเรื่องดี เพราะมันทำให้เรารู้จักป้องกันและไม่ประมาท ...แต่ถ้าเราเอาแต่ปล่อยให้ความกลัวครอบงำจิตใจจนเกินไป...บางทีพอรู้สึกตัวอีกที ก็อาจจะทำให้เราเผลอปล่อยผ่านสิ่งดี ๆ ที่เรารอคอยมาตลอดชีวิต ให้หลุดมือออกไปก็เป็นได้"

   เวหาหันไปสบตากับคนที่นั่งข้างเขา แล้วยิ้มน้อย ๆ ออกมาอย่างจริงใจก่อนจะพูดต่อ

   "ผมไม่อยากเป็นคนที่เอาแต่กลัวต่ออนาคตที่ยังมาไม่ถึง แต่ผมอยากสู้และเผชิญหน้าไปพร้อมกับคนที่ผมรักมากกว่าครับ"

   ชายวัยกลางคนอึ้งเงียบไปชั่วครู่กับคำพูดนั้น ก่อนที่จะมีรอยยิ้มอ่อนโยนตามมาในที่สุด

   "อืม...บางทีการที่ลูกชายของฉัน เลือกที่จะทิ้งทุกอย่างที่ฉันสร้างมาเพื่อเขา แล้วมาอยู่กับคนจิตใจดีอย่างเธอ มันอาจจะเป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจถูกต้องแล้วก็เป็นได้ล่ะนะ"

   เวหาชะงักก่อนหน้าหน้าแดงนิด ๆ เมื่อนึกถึงคนรักที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อตนแบบนี้

   "หึ ๆ มิน่าล่ะ เรไรเมียฉันถึงได้บอกว่าเธอตอนสามขวบเป็นเด็กน่ารักมาก...ที่จริงฉันว่าเวลาเธอยิ้มนี่ก็น่ารักดีนะ เหมือนเมียฉันเลย รายนั้นน่ารักตอนยิ้มเป็นที่สุดนั่นล่ะ...น่ากลัวเจ้าซันจะติดใจรอยยิ้มของเธอตั้งแต่เธอยังเด็กแน่ล่ะนะ...หึ ๆ เหมือนพ่อมันไม่มีผิด!"

    เวหารู้สึกเขินที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนั้น สักพักคนที่นั่งข้างเขาก็สั่งให้คนขับเลี้ยวกลับรถและพาเวหาไปส่งที่บ้านแทน ก่อนที่จะยื่นโทรศัพท์ส่งให้

   "เอ้า! โทรไปบอกทางบ้านเธอสิ ป่านนี้คงห่วงกันแย่แล้ว"

   "ขอบคุณนะครับ คุณ...เอ่อ คุณพ่อของพี่ซัน"

   เวหาเลือกใช้คำเรียกอีกฝ่ายอย่างลำบาก เนื่องจากเด็กหนุ่มคิดว่าตนนั้นไม่สนิทสนมพอที่จะเรียกอีกฝ่ายอย่างกันเองนัก ซึ่งก็ทำให้คนฟังอมยิ้ม

   "อืม...ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวกับเธออย่างเป็นทางการเลยสินะ...ฉันชื่ออังเดร แต่เธอจะเรียกฉันว่าพ่อแทนก็ได้นะ และจริง ๆ มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นด้วยไม่ใช่หรือ"

   "เอ่อ...ครับ"

   เวหารับคำเขิน ๆ ซึ่งก็ทำให้คนข้างกายยิ้มน้อย ๆ และมองดูเด็กหนุ่มโทรคุยกับคนที่บ้านพลางบอกเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นย่อ ๆ ก่อนจะย้ำว่าตัวเองปลอดภัยดีอีกครั้งแล้วจึงวางสายไป

   "ฉันคงต้องไปขอโทษพ่อกับแม่เธออย่างหนักทีเดียว ที่ทำให้พวกเขาตกใจขนาดนี้  อ้อ...แล้วก็ต้องขอโทษเธอที่พูดจาดูถูกพ่อกับแม่ของเธอเมื่อก่อนหน้านั้นด้วย  ที่จริงฉันก็รู้มาจากลูกน้องของลูกชายฉันแล้วล่ะว่า ทั้งคู่เป็นคนดี ขยันทำมาหากิน ไม่เห็นแก่ทรัพย์สินเงินทองของคนอื่น...แถมเอาจริง ๆ ลูกชายฉันเองต่างหาก ที่เป็นฝ่ายไปรบกวนฝากท้องกับทางบ้านเธอแทบทุกวันด้วยซ้ำนี่นะ"

   เวหายิ้มน้อย ๆ ให้ เขารู้สึกว่าบิดาของคนรักนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด พอพวกเขาเข้าใจกันดี เจ้าตัวก็คุยง่ายเหมือนเวลาเขาคุยกับรวีด้วยซ้ำไป



   เมื่อมาถึงบ้านรวีที่ได้รับการแจ้งข่าว และกลับมารอที่บ้านของคนรัก ก็แทบจะวิ่งพรวดไปดึงตัวของเวหาทันทีที่อีกฝ่ายลงจากรถด้วยซ้ำ

   "น้องฟ้า! เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ โดนทำร้ายอะไรไหม!"

   ครอบครัวของเวหามองรวีตาปริบ ๆ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะชายหนุ่มเล่นเข้าถึงตัวเวหาเสียก่อนที่พวกเขาจะขยับเดินไปเสียอีก

   "หึ! ฉันไม่ใช่พ่อสามีใจร้าย ที่จะรังแกลูกสะใภ้ตัวเองหรอกนะ...จริงไหมหนูฟ้า"

   คนที่ก้าวลงจากรถตามมาพูดขึ้นดัง ๆ แล้วจึงหันมายิ้มน้อย ๆ ให้กับเวหา สร้างความตกตะลึงให้กับรวี เมฆา รวมถึงเหล่าบอดี้การ์ดที่รู้จักในตัวของบิดานายจ้างเป็นอย่างดี

   "คุณพ่อไม่ได้ทำอะไรฟ้าหรอกครับพี่ซัน ก็แค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง"

   เวหารีบแก้ต่างแทนให้บิดาคนรัก ทำเอารวีขมวดคิ้วยุ่ง ทว่าชายวัยกลางคนนั้นไม่คิดใส่ใจในตัวลูกชาย เขาเดินตรงไปหาณรงค์และวารี ก่อนจะยืนโค้งศีรษะให้อีกฝ่ายแล้วเงยหน้าจ้องมองทั้งคู่

   "ผมต้องขอโทษพวกคุณจริง ๆ ที่วางแผนแกล้งโกหกและลักพาตัวลูกชายของคุณไปแบบนั้น ...ผมยินดีและไม่คิดจะโต้ตอบ หากคุณต้องการจะลงมือกับผมหลังจากนี้"

   คนพูดบอกแล้วก็ยืนนิ่งทำให้ณรงค์กับวารีต่างหันมาสบตา แล้วทั้งคู่จึงถอนหายใจออกมาไล่เลี่ยกัน

   "อย่าให้ถึงขั้นลงไม้ลงมือเลยครับ แค่คุณรู้สึกผิดจากใจจริงก็พอแล้ว  อีกอย่างลูกชายผมก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรด้วย แล้วซันเองก็คงไม่สบายใจ ถ้าผมทำร้ายพ่อของเขาต่อหน้าเจ้าตัวแบบนั้น"

   รวีสะดุ้ง เขาแสร้งทำเป็นเมินมองไปทางอื่นเมื่อบิดาหันกลับมาทางตน เพราะเมื่อครู่นี้หากณรงค์หรือวารีลงมือกับบิดาของเขาจริง ๆ เขาก็คงจะไม่มีสิทธิห้ามปราม แต่นั่นก็คงทำให้เขารู้สึกแย่กับเรื่องที่จะเกิดขึ้นนั่นอยู่มากทีเดียว

   "ขอบคุณที่อภัยให้ผม...ไว้หลังจากนี้ผมจะแวะมาขอขมาพวกคุณทั้งบ้านอีกครั้ง  อ้อ...บางทีผมและภรรยาอาจจะถือโอกาสมาร่วมงานฉลองรับสะใภ้ของครอบครัวโจนาธานด้วยก็ได้ หวังว่าคุณคงจะไม่รังเกียจนะครับ"

   ท้ายประโยคนั้นทำให้เมฆาสะดุ้ง ส่วนรวีหันขวับมาจ้องบิดาเขม็ง

   "พ่อรู้เรื่องนี้ได้ไง!  ...น้องฟ้าบอกพ่อพี่หรือครับ"

   อังเดรเหลือบมองลูกชายที่ขึ้นเสียงถามตัวเองเสียงห้วน แต่พอหันไปพูดกับแฟน กลับทำเสียงอ่อนเสียงหวานจนน่าหมั่นไส้

   "ฟ้าไม่ได้บอกนะครับ  เอ่อ...แล้วคุณพ่อรู้เรื่องนี้ได้ยังไงครับ"

   เวหาหันมาถามคนที่ยืนเงียบอยู่  ซึ่งอังเดรก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วบอกไปตามตรง

   "ก็ได้ยินจากปากเจ้าตัวน่ะสิ หรือจริง ๆ ก็คือ ทั้งฉันทั้งเมียฉัน มาที่เมืองไทยพร้อมกับพ่อแม่ของเมฆเขานั่นล่ะ แต่ฉันปล่อยให้ทางนั้นมาเคลียร์เรื่องลูกชายของตัวเองก่อน  ส่วนฉันก็ครุ่นคิดหนักว่าจะลงมือพูดคุยอธิบายสถานการณ์ความจำเป็นของเจ้าซันกับครอบครัวเธอดี ๆ หรือแสดงให้เห็นเลยดี ...แล้วก็เลยกลายมาเป็นแบบนี้นั่นล่ะ  อ้อ! เจ้าซัน แม่แกบ่นถึงแกให้ฉันฟังตลอด ยิ่งมาเมืองไทยนี่ก็ยิ่งบ่นใหญ่ ถ้าไม่อยากเป็นลูกเนรคุณให้แม่ตัวเองร้องไห้ล่ะก็ ว่าง ๆ ก็แวะไปเยี่ยมแม่เขาบ้าง...ถึงกับฉันแกจะไม่อยากเจอหน้ากันนักก็เถอะ!"

   ท้ายประโยคเจ้าตัวยังไม่วายประชดประชัน เรียกเสียงถอนหายใจจากคนที่ได้ฟังอยู่แต่ละคน และเพราะเป็นเสียงถอนหายใจที่ดังในเวลาใกล้กัน แม้มันจะเบาแสนเบาทว่าพอเป็นจากหลายคน มันก็ทำให้สองพ่อลูกสะดุ้งได้เลยทีเดียว

   "เอาเถอะ! เดี๋ยวผมแวะไปหาแม่พร้อมกับพ่อตอนนี้เลยก็ได้ และอีกอย่างผมเองก็มีอะไรอยากคุยแบบเปิดอกตามประสาพ่อลูกกับพ่อด้วยอีกเยอะเลยล่ะนะครับ"

   รวีเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นสายตาของคนรักที่จับจ้องมองมายังตนอย่างร้องขอ  ซึ่งอังเดรพอได้ยินดังนั้นเจ้าตัวก็เงียบไป ก่อนจะแสร้งทำเป็นยักไหล่ด้วยความไม่ใส่ใจแทน

   "ก็แล้วแต่แกแล้วกัน ...ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ...พ่อไปละนะหนูฟ้า"

   หนุ่มใหญ่หันไปเอ่ยลาพวกณรงค์แล้วหันมายิ้มให้กับเวหา ซึ่งเด็กหนุ่มก็ยิ้มตอบ ทำให้อังเดรอารมณ์ดีจนลูกชายที่เดินไปขึ้นรถด้วยกันชักไม่ค่อยสบอารมณ์ขึ้นมาเสียแล้ว

   "พ่อ...นี่พ่อคงไม่ลืมสินะ ว่าพ่อมีแม่แล้ว และน้องฟ้าก็เป็นแฟนผมด้วย!"

   "หือ...แน่นอน พ่อรักแม่แกที่สุดอยู่แล้ว...แต่มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ ถ้าหากพ่อสามีกับลูกสะใภ้จะไปกันได้ด้วยดีและรักใคร่กลมเกลียวกันน่ะ"

   อังเดรแย้งกลับไปอย่างนึกขำ เพราะไม่คิดว่าลูกชายของตนนั้นจะเป็นคนขี้หึงถึงขนาดนี้

   "ก่อนหน้านั้นเห็นกีดกันแทบตาย! ทำไมมาเปลี่ยนง่ายดายแบบนี้ล่ะครับ!"

   รวีแย้งกลับไปอย่างเริ่มหงุดหงิด และคำพูดของชายหนุ่มที่กำลังเดินไปขึ้นรถพร้อมบิดา ก็แว่วมาถึงคนที่อยู่ในบ้านจนต้องโผล่หน้าออกมามองอย่างสงสัย

   "ก็ก่อนหน้านั้น ฉันไม่รู้ว่าแฟนแกน่ารักแบบนี้นี่...ยิ่งเวลายิ้มงี้น่ารักเหมือนแม่แกตอนสาว ๆ เลยทีเดียว แบบนี้สเป็คฉันเลยล่ะ!"

   อังเดรแย้งกลับไปกึ่งแกล้งกึ่งจริงจัง ทำให้คนเป็นลูกชายนึกอยากจะกลับไปบอกให้ณรงค์ช่วยมาต่อยพ่อของตนสักหมัดสองหมัดขึ้นมาตงิด ๆ

   "อ้าว...หนูฟ้า ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะแวะมาหาอีกนะ...เห็นว่าชอบขนมมากใช่ไหม ไว้พ่อจะซื้อมาฝากแล้วกัน"

   อังเดรที่หันมาเห็นเวหาโผล่หน้าออกมาดูพวกตนเอ่ยทัก ซึ่งเวหาก็ยิ้มกว้างตามมาก่อนจะชะงักแล้วเปลี่ยนกลับเป็นยิ้มเจื่อน ๆ เมื่อเห็นคนรักทำหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์หนักยิ่งขึ้นไปอีก

   "พ่อ! รีบไปกันได้แล้ว! เร็วสิครับ!"



   รวีรีบตะโกนบอกให้บิดาขึ้นรถ ก่อนที่คนรักของเขาจะโดนอีกฝ่ายล่อลวงมากไปกว่านี้ จะว่าไปแล้วเขาก็ดีใจหรอกนะที่อังเดรยอมรับในตัวเวหาได้สักที แต่ยอมรับแล้วเล่นมาหลงเสน่ห์คนรักของเขาด้วยแบบนี้ เห็นทีต่อไปเขาคงจะต้องกันท่าให้ทั้งคู่ไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้กันตามลำพังเสียแล้วล่ะนะ!




...END...


ยังมีตอนพิเศษต่อจากนี้อีกนิด เป็นตอนสั้น ๆ เขียนเพื่อแนะนำตัวคุณญาติของพี่ซัน ไว้จะเอามาแปะให้อ่านกันนะคะ

อยากจะบอกว่าหลังจากนี้ อีตาคุณพี่ซัน มัน เจ้าบุญทุ่มเพิ่มมากขึ้นเสียจนเวอร์จัดเลยค่ะ 555 ขนาดน้องมีนยังเซ็งทีเดียว

สุดท้ายนี้ปัดก็ต้องขอขอบคุณนักอ่านที่อ่านมาถึงตรงนี้อีกครั้งนะคะ

ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ   :pig4:



ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
คุณพ่อนี่เอง น้องฟ้าน่ารักใช่ปะล่ะะะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ลงตัวซะที จะมีบ้างไหมน้า ที่ทางครอบครัว
หน้าชื่นตาบาน รับได้กับเรื่องแบบนี้ทั้งสองฝั่ง
อิจฉาาาาาาาาาาาาาาาาา อะ

 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เหมือนเด็กเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
พอบอกอยากจะอ่านตอนครอบครัวของฝั่งเขยมาเยี่ยมเยียนสะใภ้ปุ๊บก็ได้อ่านปั๊บเลย
รักคนแต่งมากๆๆๆๆๆๆ  :mew1: มารออ่านวันงานฉลองรับสะใภ้ว่าจะสุขสันต์ขนาดไหน
เป็นกำลังใจให้คนแต่งคราฟสู้ๆ

ปล.เรื่องนี้คงเป็นอีกเรื่องที่เราประทับใจมากๆ อ่านแล้วมีแต่รอยยิ้มและความสุขนะครับ
เอาไปแนะนำในห้องแนะนำนิยายน่าอ่านให้เรียบร้อยแล้วนะคราฟ  o13 o13

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ขอบคุณครับสำหรับเรื่องน่ารักๆ ที่ไม่ต้องมีดราม่าก็สนุกได้
ขอบคุณคนแต่งแสนขยันที่มาต่อให้อย่างไม่ขาดตอน

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ฮ่าๆ คุณพ่อชอบน้องฟ้าซะขนาดนั้นเชียว

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
แอบตกใจว่าใครมาลักพาตัวน้องฟ้าไป
ที่ไหนได้พ่อพี่ซัน
พ่อพี่ซันก็มีมุมน่ารักๆนะ
พี่ซันหึงแม้กระทั่งพ่อตัวเอง 5555

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
เพิ่งได้มาอ่านหลังจากจบแล้ว

ชอบซันมาก จริงใจ มั่นคง แม้จะเจ้าเล่ห์นิดๆ ก็ไว้เพื่อหลอกล่อน้องฟ้านะเออ

น้องฟ้า ชอบนายเอกแบบนี้มากเลย มีเหตุผล หล่อ น่ารัก นิสัยดี จิตใจดี แอบมุ้งมิ้งชอบของหวานด้วย

คุณพ่อคุณแม่น่ารักทุกคนเลย  :pig4: นักเขียน


meili run

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ rule

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
ตอนของเจกับลูกพี่ลูกน้องของพี่ซันนี่จะต่อในนี้หรือเปิดเรื่องใหม่คะ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ตอนของเจกับลูกพี่ลูกน้องของพี่ซันนี่จะต่อในนี้หรือเปิดเรื่องใหม่คะ

เป็นเปิดเรื่องใหม่ค่ะ แต่ตอนพิเศษสั้น ๆ ที่เปิดตัวพระเอก จะต่อในนี้ค่ะ  บ่าย ๆ เย็น ๆ จะมาแปะให้อ่านนะคะ ^^

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
ทีแรกก็ตกใจอยู่นะ ที่น้องฟ้าโดนลักพาตัว

แต่พอรู้ว่าเป็นพ่อสามีที่วางแผนการ ล่อลูกแกะออกจากคอกเท่านั้นแหละ

ก็โล่งใจไปเลย แถมคุณพ่อนี่ก็ยังหลงเสน่ห์ความน่ารักของน้องฟ้าเข้าให้อีก

แค่นี้พี่ซันก็ไม่รู้จะหวงยังไงดีแล้ว  คุณพ่ออย่าสร้างภาระให้พี่ซันสิคะ อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด