:: CHAPTER 19 ::: ...วันนี้เป็นวันเฉลยสายรหัส
สายรหัสเป็นเรื่องที่เพื่อนทุกคนรวมถึงผมตื่นเต้นกันเป็นพิเศษเนื่องจากยังไม่เคยมีใครพูดถึงมาก่อนเลยเพราะเหมือนพี่ทุกคนพยายามเลี่ยงการพูดถึงอย่างสุดความสามารถ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาผมจะได้ยินเพื่อนมัธยมมาเล่าเรื่องพี่รหัสให้ฟังบ่อยๆ ในกลุ่มไลน์ซึ่งผมฟังแล้วก็อดคิดถึงพี่รหัสของตัวเองไม่ได้
“พี่พรต”
ผมเรียกคนที่นั่งกินข้าวผัดอยู่ตรงข้าม หลังจากวันนั้นทุกเที่ยงผมกับพี่พรตจะได้นั่งกินข้าวด้วยกันทุกวันครับ ส่วนตอนเย็นถ้ามีโอกาสหรืองานไม่เยอะผมก็จะแวะไปนั่งเล่นบ้างทำงานบ้างที่คอนโดพี่พรตเพื่อให้เขาไม่เหงาเกินไป
“ว่า?”
“พี่รหัสจับกันยังไงอ่ะ”
“ไม่บอก”
“อ้าว”
พี่พรตปฏิเสธโดยที่ไม่ละสายตาขึ้นจากจานข้าวจนเห็นได้ชัดว่าปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดเลยแม้แต่น้อย ซึ่งผมก็ไม่ได้แปลกใจมาก ยังไงเขาคงไม่บอกเพราะถือว่าเย็นนี้ก็ได้รู้อยู่แล้วแหละ จากที่ฟังเพื่อนผมเล่ามาคือพี่รหัสจะจับกันตามรหัสส่งงานในภาควิชา เลยไม่ต้องลุ้นว่าผมจะได้พี่พรตรึเปล่าเพราะไม่ได้แน่ๆ ซึ่งนั่นก็ดีแล้วล่ะ
“ตื่นเต้นอ่ะดิ”
“แหงสิ เพื่อนโรงเรียนผมมีพี่รหัสกันไปหลายคนแล้ว”
“รอดูเย็นนี้ละกัน เล่นใหญ่ๆ ด้วยล่ะ”
พี่พรตตอบยิ้มๆ ก่อนจะเลี่ยงบทสนทนาด้วยการเอาชามขึ้นไปเก็บแล้วแยกย้ายขึ้นไปสตูพร้อมโมเดลที่ผมไปช่วยทำเมื่อวันเสาร์ แต่หลังจากถูกแก้ไปมาระหว่างการตรวจแบบสองครั้งทำให้รูปลักษณ์งานดูไม่คุ้นตาและมีรอยกาวอยู่เยอะมาก
“พี่พรตส่งโมเก่าเลยเหรอ”
“อืม แก้เอาเนี่ยแหละ”
ผมมองรอยกาวที่เป็นคราบแล้วแอบรับไม่ได้ ผมนี่เปลี่ยนแบบทีก็ทำโมใหม่ทุกที
“อาจารย์ไม่ว่าเหรอครับ”
“นี่...” พี่พรตหยุดเดินแล้วหันตัวกลับมาขวางผมไว้ทำเอาผมเกือบชน “จะบอกอะไรให้ แก่แล้วเค้าไม่ทำโมกันทุกครั้งหรอก” เขายิ้มล้อเลียนพร้อมยกมือขึ้นมาจิ้มหน้าผากผมทีหนึ่ง
ผมมองโมเดลแบบร่างอันใหม่ของตัวเองที่เพิ่งทำปั่นเสร็จเมื่อเช้าเทียบกับของพี่พรต อาจจริงอย่างที่พี่พรตว่าก็ได้ อีกหน่อยเมื่อเรียนไปเรื่อยๆ ผมคงมีวิธีปรับตัวให้ชีวิตดีขึ้นมาเองบ้างละมั้ง
“เหม่ออะไร ถึงสตูแล้ว”
ผมละสายตาขึ้นมาจากโมเดลตามคำเรียกของพี่พรต เลยได้เห็นเพื่อนในเซคกับไอ้โอมมองผมอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น ผมเลยหันกลับไปโบกมือให้พี่พรต
“สรุปคืนนี้ค้างป่ะ”
“เมื่อกี้แม่แล้วครับ เดี๋ยวแม่ตอบมาแล้วจะบอกอีกที”
ตอนแรกวันนี้กะว่าจะไม่ค้างแล้วนะ แต่พี่พรตแอบมาเสี้ยมว่ากลับดึกแน่ๆ ซึ่งผมขี้เกียจกลับบ้านเองตอนดึกอยู่แล้วแถมพรุ่งนี้ก็ไม่มีเรียนด้วย สุดท้ายผมเลยจัดการไลน์ไปบอกแม่เรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเช้าและแน่นอนว่าไอ้คนชวนดีใจออกนอกหน้าจนจะกระดิกหางอยู่แล้ว
“โอเค วันนี้อย่าลืมเล่นใหญ่ๆ นะ”
“อืม ไปละนะ ขอให้อาจารย์ชอบ”
“แต้งกิ้ว”
ผมโบกมือให้พี่พรตอีกรอบก่อนจะผลักประตูกระจกของสตูเข้าไป บรรยากาศบนสตูตอนอาจารย์ยังไม่มานี่มันโคตรครึกครื้น เพื่อนผู้หญิงจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรส ส่วนเพื่อนผู้ชายก็ไถเก้าอี้เล่นกันเป็นแถวเหมือนเด็กๆ เอาจริงผมชอบสตูมากนะ มันเต็มไปด้วยสีสันและบรรยากาศที่เพื่อนทุกคนช่ยกันสร้างขึ้นมา ชอบจนบางครั้งคิดอยากเก็บช่วงเวลานี้ไว้อีกนานๆ
“ไอ้พรานนนน”
เสียงโอมดังขึ้นไม่นานผมก็ถูกดึงตัวไปที่โต๊ะตรวจแบบของเซคมันทันที พร้อมด้วยเพื่อนในเซคผมกับเซคมันที่มองผมมาตั้งแต่อยู่หน้าสตู ไม่ต้องเดาเลยครับว่ามันลากผมมาที่นี่ทำไม
“มึงกับพี่พรตแล้วเหรอวะ”
“โอ้โห เมื่อกี้เดินมาส่งกัน”
“มึงร้ายจังวะ”
“เฮ้ย หยุดเลยๆๆ ฟังไม่ทัน”
ผมรีบค้านขึ้นมาก่อนที่พวกมันจะรัวคำถามมาเพิ่มอีก ดูเหมือนว่าการกินข้าวด้วยกันทุกมื้อของผมกับพี่พรตจะไม่หลุดรอดสายตาของไอ้พวกนี้เลย ถึงผมจะยังไม่บอกโอมกับคนอื่น แต่ขนาดี้แล้วผมก็ว่ามันเดาได้เองแล้วล่ะครับ
“สรุปยังไงมึง เล่ามาเลย”
“ก็ทำนองนั้นแหละ”
“หมายความว่าไงไอ้พราน คบแล้วใช่ป่ะ?!”
“เออ”
“เชี่ย...”
หลังจากนั้นทั้งวงที่ล้อมผมอยู่ก็โห่แซวพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ทำเอาผมรู้สึกเขินๆ ไม่ได้ พอไอ้พวกนี้รู้เดี๋ยวทั้งรุ่นแม่งก็รู้แล้วครับ
“พี่เค้าขอเมื่อไหร่วะมึง”
เป็นไอ้โอมที่มีท่าทางอยากรู้อยากเห็นมากกว่าใครเพราะที่ผ่านมามันอยู่กับผมเยอะกว่าคนอื่น แต่ก็นั่นแหละครับ ผมไม่ได้เล่าอะไรให้มันฟังอยู่ดี
“วันเสาร์ ตอนกูไปช่วยตัวโม”
“โอ้โหหห มีการเรียกไปด้วย”
เสียงแซวดังขึ้นอีกระลอกหนึ่ง แค่ไปช่วยตัดโมครั้งนึงมันก็ดูฟินชิบหายแล้ว นี่ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้ไปค้างมาหลายคืนแล้ว แถมบางทีพี่พรตเป็นฝ่ายตัดโมให้ไม่รู้มันจะล้อไปอีกกี่ชาติ
“เออน่าพวกมึง อาจารย์เซคกูมาละ เจอกันตอนเย็น”
ผมรีบถือโอกาสปลีกตัวออกจากวงสนทนาทันทีที่เห็นอาจารย์เดินออกมาจากลิฟท์ ท่ามกลางเสียงโห่อย่างเสียดายของเพื่อนทั้งกลุ่ม จริงๆ ก็ไม่ต้องรีบขนาดนี้หรอกครับ ยังไงวันนี้ผมไม่ค่อยซีเรียสเรื่องคิวตรวจแบบเพราะต้องยู่ถึงเย็นอยู่แล้ว แต่ถ้านั่งในวงต่อไปผมคงถูกซักจนพรุน แล้วยิ่งถ้าเผลอไปแสดงอาการเขินขึ้นมานี่พวกมันก็จะยิ่งล้อยิ่งกว่าเดิมอีกนั่นแหละครับ
การตรวจแบบเป็นไปอย่างตื่นเต้นเพราะสมาธิผมไม่อยู่กับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นตอนเย็นเสียมากกว่า ผมจดคอมเม้นท์อาจารย์ลงแบบไปเรื่อยๆ อย่างไม่ได้คิดตามเท่าไหร่ อย่าหาว่าผมเลวเลยนะ แต่วันนี้ผมฟังคำตำหนิของอาจารย์แบบผ่านๆ ให้จบๆ ไปงั้น เดี๋ยวค่อยมาอ่าที่จดแล้วตั้งใจคิดตามละกันวะ
“ผมว่าคุณต้องเน้นทางเข้ากว่านี้นะ ระบบเซอร์คิวเลชั่นของคุณยังดูไม่มีไฮอาร์คคี่เลย”
“ครับ”
ถ้าอาจารย์เงยหน้าขึ้นจากแบบคงได้ด่าผมแน่ๆ
“นั่นแหละ ไปแก้ตรงนี้มาก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องอื่น”
“โอเคครับ ขอบคุณครับ”
ผมดึงกระดาษร่างของตัวเองออกจากโต๊ะตรวจแบบด้วยความรวดเร็ว ไม่มีการถามนู่นถามนี่หรือสงสัยอะไรเหมือนครั้งก่อนๆ ซึ่งผมจะคอยถามตลอด อาจารย์ขมวดคิ้วมองผม มองไปรอบตู ก่อนจะถามขึ้น
“อ้อ วันนี้เปิดสายใช่มั้ย”
“ใช่ครับ”
“ฮ่าๆ ก็ว่าทำไมคุณรีบจัง”
ผมหัวเราะแห้งๆ ให้อาจารย์เหมือนยอมรับความผิด แต่อาจารย์ไม่ได้อะไรอยู่แล้วครับ เป็นที่รู้กันของอาจารย์ปีหนึ่งว่ากิจกรรมรับน้องที่คณะค่อนข้างเยอะรวมถึงอาจารย์เองก็เคยผ่านมันมาก่อนเหมือนกัน เลยทำให้ทุกอย่างในวันนี้เป็นเรื่องที่ยอมรับเข้าใจได้
ในที่สุดก็ถึงเวลานัดรวมที่ลานกิจกรรม วันนี้คนนั่งเต็มลานดูเยอะผิดจากวันก่อนมาก ผมลองกะจำนวนแล้วคิดว่าน่าจะมากันทุกคนเลยล่ะครับ เพระาปกติมากันร้อยกว่าๆ ซึ่งก็นั่งได้ประมาณเกือบครึ่งลา มาวันนี้นั่งแถวกว้างขึ้นและเบียดกันไปหมด ก็อย่างว่าแหละ ใครจะไม่มาวันเฉลยพี่รหัสล่ะครับ ผมนั่งรอเรื่อยๆ มองคนนู้นคนนี้จนเมื่อพี่นำกิจกรรมนับจำนวนเสร็จแล้วก็ประกาศเปิดวันเหมือนเดิม
“เอ้า น้องครับ! วันนี้เป็นวัน เฉลยสายรหัส!”
พี่กันต์เป็นคนพูดเปิดกิจกรรมพร้อมเสียงปรบมือ
“ที่เป็นใบเขียวๆ ป่ะ”
“นั่นมันสลัด!”
“ที่ชอบส่งโปรเจกต์ไม่ทันป่ะ”
“นั่นมันไอ้จักร!”
“ที่เป็น...”
“ไอ้เหี้ยกร มึงหยุด!”
เสียงของพี่จักรที่โพล่งขึ้นมาและการต่อมุกง่ายๆ นี้เรียกเสียงฮาได้รอบด้าน ทั้งสีหน้าท่าทาง จังหวะการพูด แม่งจี้เส้นจริงครับ ผมรับรองเลยว่าลองมารับคณะน้องสักครั้งจะทำให้เส้นลึกขึ้นมากเพราะมุกมันตลกจริงๆ แล้วจะเริ่มไม่ขำกับมุกของคนทั่วไปอีกต่อไปเลยครับ
“เชิญพี่ๆ เลยครับ!”
เสียงดังขึ้นเมื่ออยู่ๆ รุ่นพี่ที่ดูจำนวนแล้วน่าจะมากกว่าสองร้อยคนค่อยๆ เดินเข้ามาล้อมลานกิจกรรมไว้จนแน่นไปหมด ผมกวาดตามองไปรอบๆ มีทั้งพี่ปีสอง ปีโต ปีแก่ ไปจนถึงพี่ที่ทำงานแล้วจำนวนมาก ผมอดทึ่งไม่ได้ เมื่อกี้ลงมากินข้าวรอเรียกรวมผมยังไม่เห็นพี่ๆ ในคณะสักคน คณะดูปกติมากจนไม่คิดว่าจะมีอะไรพิเศษด้วยซ้ำ
“เชี่ย พี่เค้าวาร์ปกันมาจากไหนวะ”
“เออ กูก็สงสัย”
เสียงไอ้โอมทักขึ้นมาทำเอาผมเห็นด้วยอย่างแรง พี่กันต์ทำสัญญาณมือให้ทุกคนเงียบ จากนั้นก็เริ่มพูดกำหนดการและสิ่งที่จะต้องทำในวันนี้
“น้องครับ! เดี๋ยวขึ้นไปดูนะว่าตัวเองต้องทำอะไร แล้วลงมารวมกันที่ลานกิจกรรม”
“เล่นใหญ่ๆ นะเว้ย พี่ๆ คาดหวัง”
จากนั้นพี่นำแถวก็เดินมาให้เพื่อนค่อยๆ ทยอยลุกขึ้นไปท่ามกลางเสียงปรบมือและโห่ร้องของพี่ๆ ที่ยืนอยู่รอบลาน
พอผมเดินขึ้นมาถึงสตูก็เห็นเพื่อนที่มาถึงก่อนแล้วยืนกันอยู่ตามโต๊ะแล้วกำลังเปิดอะไรสักอย่างอ่านกันอย่างขะมักเขม้น บางคนถึงกับหัวเราะออกมาบางคนก็ทำหน้าเครียด ผมแยกกับโอมแล้วรีบเดินไปที่โต๊ะของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้พบกับกะละมังที่ใหญ่มากหนึ่งใบวางคว่ำอยู่ ทำเอาผมต้องรีบหันไปดูโต๊ะข้างๆ ซึ่งก็จะมีแต่ของพวกกระปุกแป้ง สีทาตัว กระดาษสี เทป หมวกอบน้ำ วางอยู่เป็นชุดๆ บางคนเด็ดหน่อยก็มีเป็นชุดมาให้ใส่เลย แต่ไม่มีใครได้เป็นกะละมังสักคน
...เชี่ย ทำไมกูสังหรณ์ใจไม่ดีเลยวะ
ผมค่อยๆ หยิบกระดาษที่พับไว้ข้างๆ ขึ้นมาอ่าน
‘สวัสดีน้องพราน พี่จะให้น้อง ‘ซักผ้า’ ใส่ผ้ากันเปื้อนก่อน(แต่ไม่ต้องถอดเสื้อนะ) มัดผมขึ้น แล้วใช้ผงซักฟองที่อยู่ใต้กะละมัง ตีให้เป็นฟอง พูดซ้ำๆ ว่า ‘รับซักผ้าครับ’ จนกว่าจะมีคนเอาผ้ามาให้ซัก น้องต้องซักให้เสร็จแล้วเอาไปคืนลูกค้าด้วย’
อ่านเสร็จผมก็รีบเปิดฝากะละมังออกทันที ผมเกือบหลุดคำหยาบออกมาเมื่อเห็นผ้ากันเปื้อนสีชมพูนีออนเหมือนจะเรืองแสงได้ จากนั้นก็เป็นผงซักฟอกปกติ หนังยางเส้นเล็กๆ ทั้งถุง ผมลังเลอยู่นานมากว่าจะทำยังไงกับตัวเองดี จนกระทั่งไอ้โอมในชุดขนสัตว์กางเกงขาสั้นและปากสีแดงสดจากลิปสติกเดินเข้ามาหา
“เชี่ยโอม ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเหมือนชีวิตนี้ไม่เคยหัวเราะอะไรขนาดนี้มาก่อน ไอ้โอมดูเป็นกระเทยควายมากในชุดแบบนี้ และหลังจากวันนี้ผมว่าผมคงไม่ได้เห็นมันในสภาพแบบนี้อีกแล้วแหละ
“เออ พี่แม่งให้ไปรูดเสา กูโคตรขำ มึงโดนไรวะ”
“ซักผ้า”
“ฮ่าๆๆ เชี่ย กูอยากเห็นละ”
มันหยิบกระดาษที่ผมวางไว้บนโต๊ะขึ้นมาอ่านแล้วก็หัวเราะอีกรอบ หันไปมองกล่องหนังยางและหัวผมด้วยความสนใจ
“มา กูจะมัดผมให้มึง”
หลังจากนั้นหัวของผมก็ถูกมันยำเละเลยครับ มันจับมัดเป็นกระจุกๆ และด้วยความที่ผมไม่ได้ยาวมากเลยทำให้กลายเป็นทรงชี้ๆ แบบหมาชิสุ แต่มันทำทั้งหัวจนหนังยางหมดกล่องเลยครับ จนผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าหน้าตัวเองจะยังเหมือนคนอยู่รึเปล่า ยิ่งไอ้โอมทำไปหัวเราะไป ผมก็ยิ่งรู้สึกสยอมมากขึ้นเท่านั้นล่ะครับ
“เอ้า เสร็จละ ฮ่าๆๆ มึงใส่ผ้ากันเปื้อนด้วย”
มันไม่รอคำตอบของผม แต่ถือวิสาสะหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมให้เสร็จสรรพ แถมยังผูกเชือกด้านหลังให้เรียบร้อยจนผมแขวะในใจไม่ได้ ทีกับเรื่องแกล้งเพื่อนี่ทำเร็วเชียวนะไอ้โอม
เมื่อถูกเปลี่ยนสภาพแล้วผมเลยเดินไปหยิบผงซักฟองมาแกะกล่องแล้วเทลงไปในกะละมัง ส่วนน้ำผมว่างคงต้องลงไปเอาข้างล่างล่ะครับเพราะถ้ากะละมังใหญ่ขนาดนี้คงหนักมากถ้าน้ำไปอีก จากนั้นผมก็นั่งดูเพื่อนแต่งตัวไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มีพี่ขึ้นมาบอกว่าให้ลงไปที่ลานได้เลย ผมเลยเดินตามเพื่อนไปเรื่อยๆ โดยให้ไอ้โอมช่วยถือกะละมังด้วยอีกคน
บรรยากาศลานข้างล่างเปลี่ยนไปเหมือนไม่ใช่ที่เดิมเมื่อเต็มไปด้วยคนแต่งตัวประหลาดๆ มีทั้งสัตว์มหัศจรรย์ โปเกม่อน แม่ชี เดินปะปนกันไปหมด เมื่อกี้ตอนแต่งตัวผมว่าไอ้โอมกับผมเองก็เด่นมากแล้วนะ แต่พอมายืนรวมกันแบบนี้มันปกติไปเลย ผมหัวเราะกับภาพที่เห็น ถึงจะบ้าไปหน่อยในชีวิตนี้ผมคงไม่มีโอกาสได้แต่งตัวทำอะไรสุดโต่งแบบนี้อีกแล้วล่ะครับ เพราะฉะนั้นคืนนี้ผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้เต็มที่ให้สมกับเป็นครั้งเดียวในชีวิต
ผมลากไอ้โอมให้ไปเติมน้ำใส่กะละมังของผมก่อนแล้วค่อยช่วยกันยกไปวางไว้ในลาน ผมนั่งลงแล้วตีน้ำให้เกิดฟองฟูๆ เต็มกะละมัง ภารกิจที่ผมได้รับทำให้ผมจำเป็นต้องนั่งอยู่ที่เดิมเพราะไม่สามารถยกไปเดินรอบลานได้เหมือนเพื่อนคนอื่น ผมมองเพื่อนบางคนที่เข้าไปขายของหรือเต้นใส่หน้าพี่ที่ยืนรอบวงด้วยความสนุกสนาน เพื่อนบางคนก็เริ่มมีพี่เข้ามาทักหรือให้ทำอะไรเพิ่มบ้างแล้ว
ผมกวนฟองในกะละมังไปเรื่อยๆ พร้อมตะโดหาลูกค้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีพี่คนนึงมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้า ผมจึงเงยขึ้นไปพูดเขาอีกรอบ
“รับซักผ้าครับ!”
พี่คนนั้นมองผมอย่างพิจารณาแล้วก็หัวเราะออกมา ก่อนจะนำผ้าที่ถือไว้มือมาส่งให้ผม
“งั้นฝากตัวนี้ด้วย”
“ครับ”
ผมไม่เคยเห็นพี่คนนี้มาก่อน คุ้นหน้านิดหน่อยตามประสาคนคณะเดียวกันแต่ก็ไม่ได้เห็นบ่อยเท่าไหร่ คิดว่าเป็นพี่ปีสองแหละครับเพราะถ้าเป็นปีสามผมน่าจะคุ้นกว่านี้ แต่ถึงจะไม่รู้จักผมก็ยื่นมือมารับผ้ามาแล้วเอาไปลงอ่าง
ผมคลี่เสื้อตัวนั้นออกมาเตรียมขยี้ มันเป็นเสื้อสีเหลืองแขนยาว เนื้อผ้าหนาหน่อย รู้สึกคุ้นมืออย่างน่าอย่างประหลาด ผมเลยลองกลับด้านนอกออกมาเพื่อมองลายสกรีนตัวอักษรบนเสื้อ
...เชี่ย เสื้อพี่พรต
จะไม่ให้คุ้นได้ไงครับ เพราะผมเองเคยยืมเสื้อตัวนี้ไปใส่อยู่คืนนึง มันเป็นเสื้อที่สภาพดีสุดในคืนนั้นแล้วล่ะ ทีนี้ผมก็เริ่มคิดแล้วล่ะ ถ้าเสื้อของพี่พรตมาอยู่กับพี่รหัส แสดงว่าพี่รหัสของผมอาจเป็นเพื่อนกับพี่พรตรึเปล่า...ผมเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ แม่งร้ายมาก ขี้เกียจซักก็บอก
ผมซักต่อไปเรื่อยๆ ก็มีคนเดินเอาเสื้อมาหย่อนเพิ่มเรื่อยๆ จนตอนนี้มีเสื้อกางเกงอยู่ประมาณห้าตัวในกะละมัง ซึ่งเป็นเสื้อที่ผมคุ้นตาทั้งนั้น อย่างตัวที่สองกับสามนี่เพิ่มใส่เมื่อวันเสาร์
“น้องคะ”
ผมเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก ในใจนี่คิดว่าจะได้เสื้อเพิ่มอีก แต่พี่คนนี้ไม่ได้ถือเสื้ออยู่ในมือสักตัว
“ครับ”
“พี่รหัสฝากบอกมาว่าให้เอาเสื้อไปคืนเจ้าของแล้ว”
“โอเค ขอบคุณมากครับ”
ผมรีบเอาผ้าทั้งหมดขึ้นมาจากกะละมัง บิดให้หมาดโดยไม่ล้างฟองและไม่คิดจะเอาไปล้างให้ด้วย หมั่นไส้ครับ จากนั้นก็คว่ำกะละมังให้น้ำลงไปในท่อระบายข้างๆ ลาน ผมเดินฝ่าเข้าไปถึงใต้ถุนที่พี่ปีสามรวมตัวกันอยู่ และมันไม่ยากเลยที่จะเห็นพี่พรตนั่งอยู่บนโต๊ะ
“พี่พรต นี่เสื้อ”
ผมส่งเสื้อหมาดๆ แต่มีฟองฟ่อดให้เขาหน้าตาเฉย พี่พรตหัวเราะเสียงดังก่อนจะหยิบถุงพลาสติกมาใส่
“เก่งมากนาย”
“วันหลังซักเองเหอะพี่พรต”
ผมมองแรงใส่พี่พรตรอบนึง ก่อนจะมองรอบๆ เพื่อหาพี่รหัส เมื่อกี้พี่เขาบอกให้มาหาพี่พรตไม่ใช่เหรอวะ ผมเห็นเพื่อนหลายคนมีพี่รหัสลงไปรับจากกลางลานมาเรียบร้อยและเตรียมออกไปจากคณะกันแล้ว แต่ตัวผมยังไม่เจอพี่ในสายเลยสักคน
“พี่พรต”
“หืม”
“พี่รหัสผมล่ะ”
พี่พรตไม่พูดอะไรแต่ชี้ให้ผมหันไปมองทางฝั่งลิฟท์ ผมจึงได้เห็นพี่เจ็ดคนเดินออกมาพร้อมถือป้ายเป็นรูปหน้าผมอันใหญ่มาก มันเป็นรูปที่เอามาจากโพรไฟล์เฟซบุ๊คของผมเองล่ะครับ
“โห เล่นใหญ่มาก...แล้วไหนน้องพี่พรตอ่ะ”
“ปีสองไปรับอยู่ เดี๋ยวออกไปเจอหน้าประตู”
“อืม งั้นผมไปแล้วนะ”
“เสร็จเมื่อไหร่โทรบอกด้วย”
“โอเค เจอกันครับพี่พรต”
หลังจากคุยกันแล้วผมเลยรีบเดินเข้าไปหาสายรหัสซึ่งกำลังทำท่าเหมือนมองหาผมอยู่ และเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้พอจะเห็นหน้าพี่ปีสามแล้วก็ต้องตกใจอีกรอบครับ
เขาคือพี่ที่เช็คแถวก่อนเข้าห้องเชียร์ และผมจำได้แม่นเลยว่าเขาเป็นผู้หญิงที่โคตรโหด เป็นคนที่น่ากลัวมากในสายตาเพื่อนทั้งรุ่น
“เฮ้ยๆๆ ไอ้ว่าน นั้นน้องพรานใช่มั้ย”
...เชี่ย พี่เขาเห็นแล้ว
ผมเลยหมดเวลาลังเลแล้วเดินตรงเข้าไป ยกมือไหว้พี่อย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ พี่เขายิ้มรับอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนซึ่งนั่นทำให้กำลังใจผมดีขึ้นมาก เพราะปกติพี่เขาหน้าดุหน้านิ่งจนดูเข้มงวด ผมยังจำสีหน้าเหวี่ยงๆ ของเขาได้ดีตอนที่ผมถือถังน้ำไปชนคราวนั้น
“สวัสดีครับ”
“น้องพราน พี่ชื่อแพรนะ นี่ว่านปีสอง แล้วก็พี่หวานปีสี่ พี่ซันห้า แล้วก็พี่ที โอเค ไปกินข้าวกัน”
พี่แพรแนะนำตัวทุกคนเร็วมากจนผมแทบไม่มีเวลาจำอะไรเลยเพราะต้องเดินตามพี่เจ้าตัวซึ่งนำทุกคนออกไปทางประตูคณะแล้ว ผมยอมรับเลยว่าแปลกใจกับการคิดเร็วทำเร็วของพี่แพรมาก ปกตินอกจากดุแล้วก็ไม่มีท่าทีว่าจะเร็วเลยนะ
“ฮ่าๆ พี่แพรก็งี้แหละ”
พี่ปีสองที่ชื่อว่านลดฝีเท้ามาเดินข้างผม พี่เขาเป็นคนที่ดูน่ากลัวน้อยสุดในนี้แล้วเพราะเป็นผู้ชายตัวไม่ใหญ่มากและใส่แว่นดูคงแก่เรียน แล้วอาจด้วยความที่เป็นปีใกล้กันด้วยล่ะมั้งเลยทำให้ผมค่อนข้างรู้สึกสบายใจที่จะคุยตอบ
“ครับ แล้วเดี๋ยวเราไปที่ไหนกันอ่ะ”
“พี่ซันจองร้านสเต๊กไว้แล้วน่ะ แถวพญาไท”
“น้องพรานกินได้ป่ะ”
อยู่ๆ พี่ซันซึ่งเดินคุยอยู่กับพี่แพรข้างหน้าก็หันกลับมาถาม
“ได้ครับ กินได้หมดเลย”
“เฮ้ยพี่ซัน แต่น้องมันกินไม่ได้อยู่อย่างนึง”
แต่แล้วพี่แพรก็เอ่ยขัดขึ้น ทำเอาผมงงเลยครับว่าพี่แพรรู้ได้ยังไง ผมพยายามทบทวนว่าตัวเองกินอะไรไม่ได้บ้างแต่ก็ไม่เคยบอกใครเลยนะ
“ไรอ่ะแพร”
“ก๋วยเตี๋ยว ‘เผ็ดมาก’”
...ไอ้เหี้ยพี่พรตตตต
“สรุปคบกันแล้วใช่ป่ะ”
ผมแทบสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่เมื่อพี่แพรยิงคำถามนี้ขึ้นมากลางโต๊ะอาหารที่ห้อมล้อมไปด้วยสายรหัสทั้งสาย ผมเลยรีบคว้าทิชชู่มาเช็ดปากให้เรียบร้อยก่อนตอบ
“ก็ทำนองนั้นครับ”
“โห ไรวะ พี่ปีสี่แล้วยังไม่มีเลย นี่โสดคนเดียวในสายแล้วมั้ง”
คนถามเป็นพี่แพร แต่คนที่โวยวายขึ้นมากลับเป็นพี่หวาน ทำเอาผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ เพราะไม่รู้จะตอบกลับยังไงดี
“แล้วคือไอ้พรตมันขอก่อนเหรอ”
“ครับ”
“โอ้โห ไอ้พรตแม่งร้ายมาก”
บางทีผมก็รู้สึกฝืนๆ ในการตอบคำถามต่อหน้าคนที่ยังไม่สนิทหลายๆ คนนิดหน่อย โดยเฉพาะเรื่องพี่พรตนี่แหละครับ บอกเลยว่าโคตรเขินแต่ต้องปั้นสีหน้าให้เป็นปกติ
“ไอ้พรตชอบมาปรึกษานู่นนี่ จนสุดท้ายพี่ด่ามันให้ไปขอคบอีกรอบซะ”
ผมหัวเราะ ทำไมไม่รู้มาก่อนเลยวะ ว่าพี่พรตที่ทำตัวชิลไปวันๆ นี่จะมีโมเม้นท์มาปรึกษาเรื่องความรักให้เพื่อนสาวช่วยกับเขาด้วย คิดภาพแล้วตลกชิบหาย
“แต่นี่ก็แฮปปี้ใช่มะ”
“ก็ดีครับ”
“อือ ดีแล้วล่ะ ยินดีด้วย”
ไปๆ มาๆ ผมกับพี่แพรคุยกันเยอะที่สุดเลยล่ะครับ ไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่ว่าพี่แพรที่คุยอย่างอารมณ์ดี ดูร่างเริงคนนี้จะเป็นคนเดียวกับพี่ระเบียบที่ทั้งรุ่นกลัวและเกรงพอๆ กับพี่ว้าก...คณะผมแม่ง อะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆ นั่นแหละ
“อะไรอ่ะแพร เอาตัวน้องไปคุยอยู่คนเดียว น้องครับๆ”
ผมหันไปทางพี่ปีเก้า ซึ่งเพิ่งตรงมาจากที่ทำงานและมาเจอที่ร้านเมื่อกี้โดยไม่ได้เข้าไปคณะ พี่เขาชื่อโย เป็นคนที่พี่ว่านเล่าให้ฟังว่าเก่งมากจนถูกทาบทามไปทำงานในบริษัทสถาปนิกอันดับต้นๆ ของประเทศตั้งแต่เรียนยังไม่จบ และตอนนี้ก็เป็นถึงหัวหน้าฝ่ายดีไซน์ของบริษัทที่งานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาทำอะไรเลย
“ครับ”
“น้องพรานอยู่เซคสตูกับใคร”
“อาจารย์กิ๊กครับ”
“อ้อ...พี่เคยอยู่ๆๆ”
“เฮ้ย เค้าโหดป่ะครับ เห็นหลายคนบอกว่าเกรดโหดมาก”
“ก็ไม่ขนาดนั้นนะ...”
ผมนั่งคุยกับพี่รหัสคนนู้นที่คนนี้ทีอย่างสนุกสนาน ตอนแรกถ้าดูจากหน้าตาก็ดูน่ากลัวกันหมดนะ แต่พอเริ่มได้คุยก็พบว่าทุกคนเฟรนด์ลี่และพยายามชวนผมพูดตลอดจนผมไม่รู้สึกเกร็งอีกต่อไป ไม่ใช่แค่กับผมซึ่งเป็นน้องปีหนึ่งเท่านั้นนะครับ แต่ยิ่งเห็นพี่ๆ ปีโตในสายพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเฮฮา ทำให้ผมรู้สึกว่าสายนี้เป็นสายรหัสที่เหนียวแน่นน่ารักและให้บรรยากาศเหมือนครอบครัวมากๆ เราคุยกันต่อทั้งที่สเต๊กในจานหมดไปนานแล้ว เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงโดยไม่มีใครรู้ตัว
“พี่ๆ ร้านจะปิดแล้วนะ” พี่ทีโพล่งขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นบริกรเริ่มเก็บจานชาม
“เฮ้ย สี่ทุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“เชี่ย เม้าท์เพลินเลย...น้องพรานกลับไงอ่ะ”
“เดี๋ยวแฟนเค้ามารับ”
คนที่ตอบไม่ใช่ผมนะครับ เป็นพี่แพรที่พูดด้วยท่าทีติดจะหมั่นไส้ ทำเอาผมอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้
“อ้อ เราก็ลืม โทษๆ”
จากนั้นพี่ๆ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ บางคนที่ไม่ได้เอารถมาก็ติดรถไปลงที่สถานีบ้าง จนสุดท้ายเหลือแค่ผมที่รอพี่พรตมารับกับพี่แพรซึ่งมีคอนโดอยู่แถวนี้และกำลังจะเดินกลับไปเอง ผมยกมือไหว้พี่แพร แต่แทนที่เขาจะกลับพี่แพรกลับดึงผมเอาไว้ก่อน
“อ้อพราน ช่วงนี้ดูแลไอ้พรตมันหน่อยนะ”
“หืม ทำไมล่ะครับ”
เท่าที่ดูพี่พรตก็ปกติทุกอย่างนะ โปรเจกต์สตูก็ดูไปได้สวย มีแค่ดูเหงาๆ นิดหน่อยซึ่งผมก็จะไปค้างด้วยแล้ว
“มันกำลังปั่นโปรเจกต์ประกวดน่ะ”
“อ้าว มีงานนอกด้วยเหรอครับ”
“จริงๆ มันก็ทำอยู่บ่อยๆ นะ ช่วงที่มันให้พรานช่วยโปรเจกต์ของอาจารย์ไง”
“...”
“พ่อชอบมันให้ลงประกวดน่ะ คอยดูๆ หน่อยละกัน ครั้งนี้น่าจะโดนกดดันเยอะอยู่”
เอาจริงนอกจากขอให้ช่วยงานแล้วพี่พรตก็ไม่เคยบ่นอะไรเกี่ยวกับงานให้ผมฟังเลยซึ่งนั่นทำให้ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ คิดว่าเขาแค่เรียกไปตามประสาคนที่เดือดเป็นประจำเฉยๆ และเท่าที่ไปห้องมาหลายครั้งเรียกได้ว่าไม่เคยเห็นพี่พรตทำงานอื่นนอกจากงานคณะเลยด้วยซ้ำ
“ได้ครับ เดี๋ยวผมดูให้เอง”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
สสัสดีค่ะ ตอนนี้มาเยอะหน่อยเพราะเดี๋ยวจะไปค่าย7วันเลยค่ะและไม่มีสัญญาณอะไรใช้เลย 555
แต่จะฝากเพื่อนเข้ามาอัพให้สักประมาณคืนวันเสาร์นะคะ (น่าจะได้สัก50%ของตอนค่ะ)
ขอบคุณที่รอนะคะ ฝากพรตพรานด้วยค่ะ
