:::CHAPTER 15::: ...เฮ้ย!!! ผมสะดุ้งแล้วรีบผุดลุกขึ้นนั่งทันทีที่ตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกไม่คุ้ยเคยอย่างรุนแรงพร้อมกระพริบตาสองสามที เช็ดขี้ตาออก จากนั้นก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องเพื่อนปรับอารมณ์ตัวเองสักหน่อย ผมไปค้างบ้านคนอื่นอย่างเป็นกิจจลักษณะแบบนี้ไม่บ่อย พอตื่นมาในบรรยากาศที่ไม่ชินเลยต้องตั้งสตินิดนึง
แต่เมื่อไล่สายตาไปเห็นก้อนกลมๆ ที่นอนอยู่ข้างๆ ก็ต้องเบ้ปาก อะไรวะ...เมื่อคืนผมเป็นคนนอนไปก่อนโดยที่พี่พรตบอกว่าจะไปนอนโซฟาให้ แล้วนี่หมายความว่าไง โคตรสุภาพบุรุษเลยครับ
คนที่หลับอยู่เหมือนจะรู้ว่าโดนด่า เพราะก้อนผ้าห่มกลมๆ นั่นเริ่มขยับ เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ครับ คนตัวโตเป็นควายแบบนี้กลับนอนเหมือนเด็กห้าขวบ ผมนั่งกอดเข่าพลางหันไปมองใบหน้าที่ปกติจะกวนตีนแต่ตอนนี้กลับนิ่งสงบอย่างน่าประหลาด แสงแดดยามเช้าที่อาบไล้ใบหน้าของพี่พรตเหมือนยิ่งทำให้เขาดูน่ามองผิดปกติ
มองไปมองมาอย่างนี้ พี่พรตแม่งก็หล่อใช้ได้เหมือนกันนี่หว่า ผมเลยถือโอกาสนั่งสำรวจตั้งแต่เส้นผมเหมือนจะยาวขึ้นมากจากตอนที่เจอกันครั้งแรก ขนตายาวใช้ได้ จมูกโด่งได้รูปน่าอิจฉายิ่งเป็นสันชัดเจนเมื่อมีเงาตกกระทบ และก่อนที่จะได้สำรวจอะไรเพิ่มผมก็เหลือบไปเห็นเส้นผมสองสามเส้นพาดอยู่ที่ปากของเขา
โดยไม่รู้ตัว ผมค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วปัดเบาๆ ให้เส้นผมเหล่านั้นออกไปพ้นจากใบหน้า แต่เหมือนความแผ่วเบาของปลายนิ้วผมคงไม่เพียงพอ เพราะคนที่หลับอยู่กลับลืมตาขึ้นทันที
...ชิบหายละ
พี่พรตมองหน้าผมด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้อยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ยกริมฝีปากขึ้นยิ้มอย่างมีเลศนัยแบบที่ผมเห็นแล้วนึกอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้
“แน่ะ เดี๋ยวนี้ถึงขั้นลักหลับแล้วเหรอ”
“โอ้ยพี่พรต แค่ปัดผมให้เฉยๆ”
“อยากทำมากกว่านี้ก็บอก”
พี่พรตหลิ่วตาให้อย่างน่าหมั่นไส้
“อยากมากกกก มากๆๆ”
ผมลากเสียงประชดเต็มที่ ทำเอาพี่พรตหัวเราะออกมายกใหญ่ แต่นั่นก็ดีแล้วครับเพราะเขาจะได้หยุดพูดจาล่อแหลมสักที คือถึงผมจะปล่อยให้เขาจีบได้แต่กับคำพูดพวกนี้ยังไม่ค่อยชินว่ะ
“ฮ่าๆๆ นายตลกจังวะ”
โอ้โห พูดซะเหมือนผมอยากให้ตัวเองดูตลก ผมมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของพี่พรตอย่างอ่อนใจ ทำไมรู้สึกว่าตอนเช้าๆ แบบนี้ รอยยิ้มของเขาดูสดใสเหมือนจะแข่งกับแสงตะวันเลยทีเดียว แต่ถึงจุดนี้ผมก็ไม่มีอารมณ์มาชื่นชมสุนทรียภาพของรอยยิ้มพี่พรตอะไรแบบนี้แล้วล่ะครับ ความคิดตอนนี้มีแต่ หิวข้าว และ กลับบ้าน
“พี่พรตมีไรกินป่ะเช้านี้”
“ไม่มีเลยว่ะ เดี๋ยวไปหาไรกินกัน”
ผมพยักหน้าแล้วหันไปหยิบกระเป๋าทันทีก่อนจะเดินไปที่ประตูห้องต่อโดยไม่รอเจ้าของห้อง เดี๋ยวนี้บางวันถึงผมจะไม่ทันทำอะไรก็หิวชิบหายแล้วครับ เหมือนระบบเผาผลาญของร่างกายมันพังตั้งแต่รู้จักกับการอดนอน
“ขอเปลี่ยนเสื้อแปป”
พี่พรตเดินเลี่ยงไปที่โซฟาก่อนจะหยิบเสื้อตัวนึงมาปัดๆ พลิกหน้าพลิกหลัง เห็นแล้วก็คิดถึงเสื้อที่ยืมพี่พรตใส่อยู่ตอนนี้ ตัวที่ผมใส่นี่คงสภาพดีสุดแล้วมั้ง อย่างน้อยก็ซักแล้วละกันวะ แต่ระหว่างที่ผมกำลังพยายามจินตนาการถึงการซักเสื้อครั้งสุดท้ายของพี่พรต เจ้าตัวกลับถอดเสื้อนอนแล้วใส่อีกตัวอย่างไม่ลังเล แถมยังโยนเสื้อนอนตัวเดิมลงบนโซฟา
...โอ้โห ผมว่าไอ้เสื้อที่พี่พรตเพิ่งเปลี่ยนนี่อาจเป็นเสื้อนอนของสามคืนที่แล้วที่พี่พรตโยนลงไปบนโซฟาก็ได้ เอาจริงๆ พี่เขาคงใส่ไม่กี่ตัวแล้วเวียนกันมากกว่า ถึงผมจะไม่ใช่คนรักความสะอาดมาก แต่เจอแบบนี้แค่คิดก็สยองแล้วว่ะ
“แน่ะ แอบมองเราถอดเสื้อด้วย”
“แอบไรพี่พรต ก็มองปกติ”
“อุ้ยเขินจัง”
ผมทำปากเป็นสระอิใส่พี่พรตอย่างสุดความสามารถจนเขาหัวเราะออกมา ผมไม่อยากอธิบายด้วยคำนี้เลยครับ แต่มันดูตอแหลมากจริงๆ แถมยังทำท่าทางเหมือนกลัวคนมอง น่าดูมากเลยครับ ซิกซ์แพคก็ไม่มืเสื้อก็ไม่ซัก
“ฮ่าๆ ไปๆๆๆ”
พี่พรตที่เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วเดินตรงมา ก่อนจะยกมือขึ้นพาดไหล่ผมแล้วออกแรงดึงให้ผมเดินออกจากห้องไปพร้อมกัน ผมเหลือบมองใบหน้าด้านข้างที่กำลังยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้ แต่มันก็ดีแล้วล่ะ เขาไม่ค่อยเหมาะกับดาร์กโหมดเหมือนที่เพิ่งผ่านมาเท่าไหร่
ผมค่อยๆ ยิ้มตาม
และมันเป็นภาพที่น่าจดจำมากขึ้นทันทีเมื่อเรายิ้มทั้งสองคน
แต่ระหว่างที่ผมกำลังมองรอยยิ้มของเขาอยู่เพลินๆ เจ้าตัวก็ดันหันหน้ากลับมาสบตากับผมทันที เขาขมวดคิ้วน้อยๆ เหมือนพยายามไตร่ตรองอะไรบางอย่างแบบจริงจัง
“วันนี้ ทำไม...”
“...”
“นายน่ารักจังวะ”
ผมเงียบมาตลอดทางหลังจากโดนประโยคนั้นเข้าไปจนถึงตอนนี้ที่นั่งจ้องหน้ารอคนเสิร์ฟกันอยู่ในร้านแคบๆ ร้านหนึ่ง จะว่าเขินก็ไม่เชิงหรอกแต่มันไม่ค่อยชินเวลาใครชมว่าน่ารัก และเหมือนพี่พรตจะทำตัวไม่ถูกเหมือนกันเมื่อผมเงียบไป เพราะเขาก็ไม่ได้แหย่อะไรอีกเลย เมื่อพนักงานในร้านเดินมาผมเลยถือโอกาสสั่งก๋วยเตี๋ยวก่อน
“พี่ครับ เส้นเล็กน้ำหนึ่ง...”
“เผ็ดมาก”
...เชี่ยพี่พรต
ผมหันกลับไปหาไอ้คนด้านหลังทันที พี่พรตยิ้มด้วยสีหน้าเหมือนผู้ชนะ เห็นแล้วหมั่นไส้ว่ะ ผมส่งสายตากลับไปอย่างคาดโทษก่อนจะตั้งใจสั่งก๋วยเตี๋ยวต่อ
“พี่ครับ ขอเล็กน้ำอีกชาม ต้มยำน้ำข้น เอาเผ็ดกว่าชามเมื่อกี้”
“เฮ้ยๆ”
“แค่นี้แหละครับ ขอบคุณครับ”
ผมสั่งแบบตัดจบ หันมายักคิ้วกวนประสาทให้พี่พรตที่ยังทำหน้าเหมือนตมไม่ทัน ก่อนจะรีบลากเขาเข้าไปนั่งในร้านทันที ต้องเอาให้เถียงอะไรไม่ทันครับ และเหมือนมันจะได้ผลเพราะตอนนี้พี่พรตกำลังทำหน้าเหวอ
“ฮ่าๆๆ พี่พรตลองดูนะว่ามันเผ็ดสู้ของพลูได้รึเปล่า”
ผมยังครึ้มอกครึ้มใจไม่หายเพราะคงเป็นครั้งแรกละมั้งที่ได้แกล้งพี่พรตสำเร็จในแบบที่เรียกว่าชนะใสๆ อีกอย่างคือ พอได้แกล้งแบบนี้แล้วรู้สึกว่าบรรยากาศมันค่อยเป็นธรรมชาติขึ้นมาหน่อย ไม่ใช่แบบเมื่อกี้ที่อยู่ๆ ก็จู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว
“อะไรวะ”
“แกล้งนิดเดียวเอง บ่นอะไร”
“เปล๊า แค่ไม่ค่อยเป็นฝ่ายถูกกระทำ”
“ดีเลย งั้นยิ่งสมควรโดน”
ถ้าผมได้มองกระจกในตอนนี้คงจะได้เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของตัวเองแน่ๆ แต่นี่มันก็เหมาะสมดีแล้วล่ะ ทำคนอื่นไว้เยอะก็ต้องชดใช้บ้าง
ไม่นานเกินรอ ก๋วยเตี๋ยวก็มาเสิร์ฟครับ ผมรีบชะโงกหน้าไปดูในชามทั้งสองทันที...โอเค ชามแรกมีพริกอยู่ไม่เยอะมาก แต่อีกชามเนี่ยสิ...อื้อหือ เหมือนใส่น้ำพริกนรกไปทั้งกระปุก ผมหัวเราะเบาๆ กับตัวเองก่อนจะ เอื้อมมือไปคว้าชามที่สองมาไว้ข้างตัว แต่ที่เหนือความคาดหมายคือไอ้พี่พตแม่งเร็วกว่าครับ และตอนนี้ก็เหลือแต่ชามนรกนี้ที่อยู่เบื้องหน้าของผม
“เชี่ย ไอ้พี่พรตอย่าเลว”
“ใครพี่ใครน้องครับ”
พี่พรตพูดด้วยสีหน้าจริงจังพลางใช้ตะเกียบชี้มาที่หน้าผม ตอนนี้ผมชักหัวเราะไม่ออกแล้ว ช่วงหลังบางทีพี่พรตก็ทำให้ผมลืมตัวไปเลยว่ากำลังคุยกับ ‘รุ่นพี่’ มันเหมือนพอได้คุยได้รู้จักกันมากขึ้นแล้วก็จะละเลยเรื่องนี้ไปโดยอัตโนมัติ แต่คราวนี้มันคงล้ำเส้นไปหน่อยละมั้ง ผมมองพี่พรตที่ก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป
“ขอโทษครับ”
แต่ปฏิกิริยาของพี่พรตทำให้ผมรู้เลยว่าตัวเองพลาดมาก เพราะเขาถึงกับสำลักน้ำก๋วยเตี๋ยวที่กำลังซดอยู่ เขารีบคว้าแก้วน้ำมาดื่มแล้วตั้งหน้าตั้งตาหัวเราะผมในแบบที่ดูแล้วรู้เลยว่า ‘ตั้งใจ’มากๆ
“ฮ่าๆๆ น้องนายครับอย่าเครียดดิ”
“...”
ผมมองพี่พรตอย่างเซ็งๆ อะไรวะ เล่นพูดแบบนี้จะเป็นปีหนึ่งคนไหนก็ต้องกลัวเหมือนกันนั่นแหละเพราะเรื่องการเคารพพี่เป็นเรื่องสำคัญในคณะเรา แล้วผมก็ยังไม่ได้รุ่นเลยด้วยซ้ำ และพอคิดแบบนี้เลยเริ่มรู้สึกเหมือนวางตัวไม่ถูกยังไม่ไม่รู้ แต่ระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าต่อจากนี้จะพูดสุภาพกับพี่พรตดีมั้ย เสียงของเขาก็ดังขึ้นมาก่อน
“นี่”
“...”
“กินก๋วยเตี๋ยวได้แล้วเดี๋ยวเส้นอืด”
ผมดึงความคิดเรื่องรุ่นพี่รุ่นน้องกลับมาจดจ่อกับชามก๋วยเตี๋ยวและกองพริกด้านหน้าแทน โอเค ผมไม่คิดมากเรื่องความสุภาพละ ที่สำคัญตอนนี้คือก๋วยเตี๋ยวครับ เมื่อกี้คงหน้ามืดตามัวอยากแกล้งเขามากไปหน่อยเลยสั่งมาเป็นก๋วยเตี๋ยวใส่พริกทั้งสองชาม แต่ผมเคยบอกพี่พรตยังวะ
...ว่าผมกินเผ็ดไม่เป็น
---------------------------------------------------------------------------------
งืออ ขอโทษจริงๆ ที่หายไปทั้งเดือนนะคะ งานเยอะและเหนื่อยมาก รู้สึกแก่ขึ้นมากด้วย555
ดีที่ตอนนี้แบบค่อนข้างลงตัวแล้วเลยพอหาเวลาได้บ้าง
ไม่อยากพูดเลยว่าเขียนครึ่งตอนใช้เวลาหกวันค่ะ โหดร้ายมาก เวลา24ชั่วโมงเหมือนจะไม่พอ
ขอบคุณที่ยังรอกันนะคะ ซึ้งใจมากจริงๆ
ปล.อ่านแล้วตรงไหนแปลกๆ หรือพิมพ์ผิดทักได้นะคะ สติไม่ค่อยมีแล้ว ถถถถถ