::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17  (อ่าน 278981 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lavo mai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่าาา  :z3: :hao5: :katai4:

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ tnkgif

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แง๊งงง อยากอ่านต่อเเล้ววว โลกให้อภัยเเล้วกลับมาต่อนะคะ555555555555  :katai1:

ออฟไลน์ .hnk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-2
เอ่า .. แบบนี้เลย กรี๊สสส ค้างค่าาา รอต่อนะคะ ><

ออฟไลน์ Bangzazazall

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นังพี่พรต บทจะแย่ก็แย่ บทจะน่ารักนี่ก็เล่นเกิ๊น ชักจะเอาใหญ่555555

ออฟไลน์ powl-the-2nd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1






:CHAPTER 18:





 

            “อะไรนะ”


            ถ้าถามว่าเรื่องไหนในโลกที่คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด ผมคงตอบว่าเรื่องที่อยู่ตรงหน้านี่แหละครับ จะว่าไม่น่าเป็นไปได้ก็อาจไม่ถูกนักหรอก แต่มันเป็นไปได้เร็วกว่าที่ผมคิดมากจนรู้สึกอยากต่อยหน้าตัวเองสักครั้งเผื่อจะตื่นขึ้นมา

            “ลองดูก็ได้”

            ผมเขยิบตัวออกเล็กน้อยเพื่อจะสบตากับคนตรงหน้าได้เต็มที่ แต่แล้วผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเขาตอบด้วยเสียงที่เบาลงและเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีไปก่อน ทุกท่าทางที่เขาแสดงออกมาดูเป็นธรรมชาติมากเสียจนผมเองยังรู้สึกอิจฉาอยู่ลึกๆ

...ผมบอกแล้วว่าเขา ‘น่ารัก’

            “จริงจัง?”

            “เออดิ ก็ตอบแล้วไงพี่พรตจะเอาไร”

            ผมหัวเราะเบาๆ ดีใจจนแทบบ้าเมื่อได้ยินปลายเสียงห้วนซึ่งตรงข้ามกับแก้มที่เริ่มแดงและการไม่กล้าสบตา ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเห็นนายพรานเขิน แต่รอบนี้เหมือนเจ้าตัวจะเขินจนไม่รู้จะหนีไปไหน ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้แม่งกระตุ้นความปากหมาของผมเอามากๆ

            “น่ะ เขินอ่ะดิ”

            “...”

            นายพรานไม่ตอบ และยิ่งเขาไม่ตอบผมยิ่งอยากแกล้ง ผมเขยิบเข้าไปใกล้เขากว่าเดิมแล้วเอี้ยวตัวไปเพื่อสบกับสายตาที่เบือนหนีไปเมื่อครู่

            “เขินเหรอๆๆๆ”

 

            “...”

และเมื่อโดนบังคับมากๆ เข้า คราวนี้ขาเลยเปลี่ยนใจจ้องตาผมกลับแทน

            “โอ๊ยพี่พรตอย่าแกล้ง” พรานโวยวายขึ้นมาทั้งที่หน้ายังคงแดงอยู่ เขาก้มลงไปแปปนึงเพื่อรวบรวมสติแล้วเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ “ถามขนาดนี้ รู้จักเขินบ้างป่ะเนี่ย”

            ให้ตายเหอะ ผมโคตรชอบความตรงไปตรงมาของคนๆ นี้เลย

            “ไม่อ่ะ เคยถามไปแล้วนี่ ตอนนั้นก็เขินอยู่นะ แต่ตอนนี้ชินแล้ว”

            ผมไม่เคยนึกขอบคุณความสามารถเขินหลบในของตัวเองมากเท่าวันนี้เลย ไม่รู้สึกอะไรก็ก็แย่แล้วเว้ย ทำท่าทางน่ารักขนาดนี้ ผมยังคงมองอีกฝ่ายไม่วางตา เขินก็จริงแต่สิ่งที่มากกว่าคือความดีใจที่ทำให้ผมยิ้มไม่หยุดเหมือนคนบ้ามาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

 นายพรานค้อนใส่ผม แต่ทำได้ไม่กี่วินาทีก็หลุดยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจผมเต้นเร็วขึ้นหนึ่งจังหวะ เพราะนี่คือนายพรานในมุมที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เขาไม่เคยยิ้มกับตัวเองแบบนี้ต่อหน้าผมเลยสักครั้ง และหากจะถามผมอีกว่าอะไรที่ทำให้หัวใจของผมรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาได้ ผมขอตอบโดยไม่ลังเลเลยว่ารอยยิ้มแบบนี้แหละครับ

            ผมค่อยๆ ดึงตัวนายพรานเข้ามากอดอีกรอบ กดใบหน้าลงเพื่อสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ เข้าไปเต็มปอด และเขามอบความรู้สึกดีให้ผมได้เสมอ การอยู่กับเขา ได้ยินเสียง ได้กลิ่น ทุกอย่างนี้ทำให้ผมสบายใจพอที่เป็นตัวของตัวเองได้ในทุกๆ ครั้ง รวมถึงความเป็นคนเรียบๆ ตรงไปตรงมา ทำให้ผมไม่ต้องคอยกังวลหรือคิดมากอะไรเลย

            “พี่พรต”

            “หืม?”

            ผมกดใบหน้าให้แน่นขึ้นอีกแล้วไล้ไปถึงต้นคอของอีกฝ่าย ผมจะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไงดีนะ ดีใจมาก ดีใจโคตรๆ ดีใจชิบหาย...เหมือนฝัน...ละมั้ง


            “นี่ๆ พี่พรต”


            “...”


            “พี่พรต”


            “อือ รู้แล้ว”


            “...โมยังไม่เสร็จนะ”

 


 

 

 

            ...โคตรโรแมนติกเลยครับ

            ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังทากาวกระดาษชานอ้อยมือเป็นระวิงอยู่ข้างหน้าแล้วแอบรู้สึกสมน้ำหน้าขึ้นมาไม่ได้ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นวะ ไอ้พี่พรตขอผมคบรอบที่สองท่ามกลางเศษซากโมเดลกับเสื้อที่ไม่ได้ซักเหล่านี้น่ะเหรอ

            ...โคตรโรแมนติก

            แต่ที่ผมบอกว่า ‘ลองดู’ นี่คือหมายความตามตัวอักษรทุกตัวนะ ผมไม่ได้ตกลงใจแน่นอนแต่ผมก็ไม่ต้องการปฏิเสธว่ารู้สึกดีเมื่อได้อยู่กับพี่พรตเหมือนกัน เขาเคยขอคบตรงๆ รอบนึง ซึ่งตอนนั้นด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างทำให้ผมยังไม่กล้าพอ แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเลย ไปกินข้าว ช่วยตัดโม หยอกล้อกัน เหมือนอะไรที่ทำให้รู้สึกดีเราทั้งคู่ก็ทำตามความรู้สึกไปเรื่อยๆ จนบางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่าบางทีการคบกันของผมกับพี่พรตคือการที่ความสัมพันธ์ยังคงเหมือนเดิม แค่มีชื่อเรียกเท่านั้นเอง

            “น่ะ แอบมองอีกละ”

             ผมมองพี่พรตอย่างหมั่นไส้ แม่งเป็นคนที่ชอบทำลายความโรแมนติกในใจของผมทุกที ถึงเขาจะดูง่ายๆ กวนตีนแบบนี้ แต่ในความคิดผมเขาเป็นคนโคตรซับซ้อนเลย

             “จะเอามั้ยโมเดลอ่ะ”

             ผมชูชิ้นผนังที่กำลังจะติดขึ้นมาขู่แต่เหมือนจะไม่เวิร์คเพราะเขายังคงหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน

             “ทำไมเวลาเขินต้องโหดด้วยอ่ะ”

             “เปล่านี่”

            ผมตัดสินใจเงียบแล้วตัดโมต่อไปเรื่อยๆ ก่อนที่มันจะเข้าตัวมากกว่านี้ ผมไม่มองพี่พรตแล้วแต่กลายเป็นว่าพี่พรตเป็นฝ่ายจ้องผมแทน จ้องจนผมคิดว่าเขาอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดขึ้นมาสักที ซึ่งผมก็ทำเนียนเหมือนไม่รู้เรื่องจนเขาเลิกมองไปเอง

            ผมกับพี่พรตนั่งตัดโมโดยไม่พูดอะไรกันอีก เชื่อผมสิว่าเขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคนแบบพี่พรตไม่มีทางนั่งเงียบๆ ได้เกินครึ่งชั่วโมงแน่ ผมรวบรวมความกล้าอีกรอบหลังจากยังคงใจเต้นกับเหตุการณ์เมื่อกี้อยู่

            “พี่พรตกินข้าวกันป่ะ”

            พอถามไปแบบนี้พี่พรตถึงกับชะงักจนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้...เหอะ เมื่อกี้ใครเป็นคนเริ่มเปิดประเด็นนี้ ใครเป็นคนบอกว่าไม่เขินๆๆ ผมยิ้มล้อเลียนเมื่อเห็นพี่พรตไม่ตอบสักคำ ก่อนจะตัดสินใจเอาเองโดยไม่ถามต่อ

            “พี่พรต เที่ยงแล้ว ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวหน้าคอนโดกัน”

            “ไหนว่าเดือด”

            “ก็เดือดครับ แต่มีพรุ่งนี้อีกวัน”

            พี่พรตหัวเราะเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาปัดเศษกระดาษที่ติดอยู่ตามตัวออก ก่อนจะลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจนิดหน่อยแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าตังกับมือถือจากเคาน์เตอร์มาเตรียม

            “งั้นก็มาดิ อย่าสั่งเผ็ดอีกล่ะ”

            ผมกำลังจะลุกขึ้นบ้างแต่เมื่อสำรวจการแต่งตัวของพี่พรตแล้วก็ต้องส่ายหน้า เสื้อตัวที่ใหม่ที่สุดที่ผมหยิบให้ไม่ได้เข้าอะไรกับกางเกงนอนย้วยๆ เลยสักนิด พี่พรตแม่งเป็นคนหน้าตาดีที่โคตรเสียเปล่า ในวันปกติเขาก็ดูจะใส่ใจกับภาพลักษณ์ประมาณนึงนะ แต่พอเป็นตอนทำงานแบบนี้เรียกได้ว่าไม่สนเชี่ยไรเลย

            “พี่พรตเปลี่ยนกางเกงก่อนมั้ย”

            พี่พรตก้มลงมองกางเกงเหมือนเพิ่งรู้ตัว

            “ไม่ต้องหรอก แค่นี้เอง”

            “หยิบให้เอาป่ะ”

            ผมเสนอขึ้นมา เผื่อเขาแค่ขี้เกียจหากางเกงหรืออะไรแบบนี้ แต่ก่อนจะได้ทำอะไรพี่พรตก็เอ่ยแทรกขึ้นมาพร้อมสายตากรุ้มกริ่มเสียก่อน

            “ถ้าเปลี่ยนให้ด้วยจะยอม”

            “ฝันไปเหอะ”

            ผมกรอกตามองบน ล้มเลิกความตั้งใจทันที เลยตรงไปหยิบของแล้วเดินไปที่ประตูห้องท่ามกลางเสียงบ่นกระปอดกระแปดของคนข้างๆ ที่เอามือมาจิ้มๆ แขนผมไปตลอดทาง

            “ทำไมต้องโหดด้วยอ่ะ”

            ผมไม่ตอบอะไรแต่หันกลับมาพูดเสียงเรียบแทน

            “พี่พรตครับ งั้นผมสั่งก๋วยเตี๋ยวเผ็ดให้นะ”

 


           

            การกินก๋วยเตี๋ยวครั้งนี้ถือว่าผ่านไปได้อย่างราบรื่นถ้าเทียบกับการกินครั้งแรก ที่ว่าราบรื่นคือไม่มีส่วนไหนของก๋วยเตี๋ยวที่เผ็ดเลย และพี่พรตก็ไม่ได้แกล้งอะไรเหมือนครั้งแรกๆ ด้วย การลงไปกินข้าวทำให้บรรยกาศที่อึดอัดหลังขอคบกลับมาเป็นปกติขึ้นนิดนึง แต่ก็นั่นแหละครับ มันก็ยังแปลกอยู่นิดหน่อย

            “ซื้อขนมไปกินมั้ย”

            ผมถามเมื่อเดินผ่านเซเว่น พี่พรตไม่ตอบแต่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าไปเลยสักนิด ผมเลยไม่พูดอะไรแล้วเดินต่อ บรรยกาศเริ่มอึดอัดอีกแล้ว ผมเสมองข้างทาง ดูรถวิ่งไปมาและความวุ่นวายบนท้องถนนเพลินๆ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีอีกมือดึงมือของผมไว้ ประสานนิ้วเข้ามาแล้วกระชับให้แน่น ผมสะดุ้งตกใจจนเกือบดึงมือกลับ เชี่ย...พี่พรตแม่ง... อยู่ๆ มาจับมือ จะใครก็ต้องมีตกใจบ้างล่ะวะ

            “พรานมือไม่นิ่ม”

            เขาลูบไปมาแล้วยกมือผมขึ้นมาดูเหมือนพิจารณา เออ จะไปนิ่มเหมือนก่อนเข้าคณะได้ไงวะ วันๆ จับไม้ จับคัตเตอร์ กระดาษนู่นนี่

            “โห มือตัวเองนี่โคตรรรนิ่ม”

            ผมลากเสียงประชด มาหาว่าผมมือไม่นิ่ม มือตัวเองยิ่งกว่าผมอีกครับ พี่พรตหัวเราะกับคำประชด เขาจับมือผมแกว่งไปมาอย่างอารมณ์ดี กับแค่การจับมือกันไว้หลวมๆ บรรยากาศรอบตัวที่คุ้นเคยก็เหมือนจะสวยงามราวภาพวาด ผมมองความวุ่นวายของท้องถนนด้วยสายตาที่อ่อนลง ผมไม่เคยเชื่อในการสัมผัส ไม่เคยเชื่อว่าการจับมือจะทำให้ความสัมพันธ์ของคนสองคนชัดเจนขึ้นจนกระทั่งเมื่อครู่ และผมจะจดจำมันเอาไว้ว่า


            ...นี่เป็นครั้งแรกที่เราจับมือกัน


            เสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่พรตมีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่ แต่ผมกลับไม่แน่ใจเลยว่ารอยยิ้มของเขาหรือผมตอนนี้อ่อนโยนกว่ากัน


            “ดีมั้ย”


            “อะไรดี”


            “ที่เป็นแฟนกันอ่ะ”


            “อืม”


            พี่พรตแม่ง ถามแบบนี้ใครจะกล้าตอบวะ!


            “นายน่ารักอ่ะ”


            นี่กะจะให้ผมระเบิดตัวตายตรงนี้เลยป่ะวะ แล้วทำไมอีพี่พรตก็หน้านิ่งเหมือนพูดออกมาได้ง่ายๆ ขนาดนี้ เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ผมพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติแล้วหันไปบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ทั้งที่พยายามคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ให้หลุดยิ้มอย่างสุดความสามารถ


            “เออๆ รู้แล้วน่า”

           

 




             ผมกับพี่พรตมีช่วงพักผ่อนได้แค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นแหละ หลังจากขึ้นไปถึงห้องแล้วเราสองคนก็กลับมาเป็นปกติ มีงานต้องส่งวันจันทร์ก็แบบนี้แหละครับ ถึงจะเพิ่งเป็นแฟนหรืออะไรแต่เราสองคนก็ต้องช่วยกันทำโมเดลต่ออยู่ดีและคิดว่าต้องยาวๆ กันไปนั่นแหละ เราตกลงกันว่าข้าวเย็นจะกินบนห้องเลยจะได้ไม่เสียเวลาเดินลงไปอีก แล้วพี่พรตก็จัดแจงไลน์ไปบอกใบพลูเองเสร็จสรรพว่าผมจะค้างอีกคืนโดยไม่ถามความเห็นของผมเลยว่ารู้สึกยังไงที่ต้องมาใส่ชุดนอนไม่ได้ซักของมัน

             “นายมาค้างบ่อยๆ ก็ดีนะ”

            เขาละสายตาจากโปรแกรมแชทหลังจากที่ใบพลูตอบกลับมา ก่อนจะโยนมือถือขึ้นไปบนโซฟาอย่างไม่ค่อยระวังเท่าไหร่

            “จะบ้าเหรอพี่ ผมต้องกลับบ้าน”

            “ก็จริง”

            พี่พรตตอบรับเบาๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติที่เพิ่งนึกขึ้นได้ เขาไม่แสดงความเห็นอะไรแล้วนั่งตัดโมต่อแต่ทำไมผมรู้สึกว่าเขาดูเหงาจังเลยวะ

            “แล้วพี่พรตไม่กลับ...เอ่อ ขอโทษครับ”

            เชี่ย ผมพลาด ผมพลาดมากๆ เมื่อหลุดถามไปถึงกลางประโยคแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงเหตุผลที่เขาไม่ชอบอยู่บ้านเท่าไหร่ ถึงผมจะรู้เพียงผิวเผินแต่มันก็ดูหนักสำหรับเขาเหมือนกัน

            “ไม่เป็นไร”

            “...”

            “อย่าคิดมากน่า”

            พี่พรตคงเห็นผมเงียบไปเลยตบหัวผมเบาๆ สองสามทีเหมือนจะปลอบ พี่พรตก็พูดแบบนี้ตลอดแหละ พูดเหมือนไม่เป็นอะไร ไม่ซีเรียส แต่ผมว่าเมื่อกี้ผมเห็นความเหงาของเขาชัดเจน

            “อือ ไว้จะมาบ่อยๆ ละกัน แต่อาจค้างไม่ได้นะ”

            “ครับ”

            พี่พรตตอบแค่นั้นแล้วยิ้มให้ผม จากนั้นผมก็นั่งประกอบผนังของชั้นสุดท้ายไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายมันก็เสร็จสมบูรณ์ ผมหันไปมองพี่พรตที่ยังทำดีเทลแผ่นหลังคายังไม่เสร็จ เลยฆ่าเวลาด้วยการลองเอาแมสของแต่ละชั้นมาลองวางซ้อนกันแล้วหมุนดู เรียนมาไม่ถึงเทอม ผมอาจยังไม่ค่อยเข้าใจความงามของที่ว่างเชิงสถาปัตยกรรมสักเท่าไหร่ แต่ในสายตาของผมแล้วถือว่าเป็นแบบที่ดีมากเลยที่ทีเดียว

            “สวยว่ะพี่พรต"

            “ผู้ชายเขาต้องชมว่าหล่อ”

            ผมหันไปมองทันทีเพราะรับไม่ได้ แต่ปรากฎไอ้พี่พรตมันยังคงนั่งติดระแนงหลังคาแบบละเอียดละไมอยู่ครับ นี่ขนาดไม่ได้ใช้สมาธิยังตอบกลับได้น่าถีบมาก ถุย!

            “ผมพูดถึงโมเดลเว้ยพี่พรต”

            “อ้าวๆ เดี๋ยวนี้ขึ้น เว้ย เลยเหรอ”

            พี่พรตละสายตามามองผมโดยที่มือยังจับไม้ระแนงอยู่ ผมถอนหายใจยาวอย่างปลงตกแล้วพูดช้าๆ ชัดๆ ดูกวนตีนไม่แพ้กัน

            “ผมพูดถึงโมเดล ‘ครับ’ พี่พรต”

            “ฮ่าๆๆ นายตลกจัง”

            ผมอยากจะย้อนไปว่า ‘ตลกพ่อง’ แต่ยังไงไอ้พี่พรตนี่ก็แก่กว่าผมสองปี และด้วยความที่ผ่านรับน้องมาเป็นระบบห้องเชียร์ ทำให้ผมค่อนข้างเกรงอยู่บ้างถึงเขากับผมจะสนิทกันแล้วก็เหอะ รอไว้ผ่านไปอีกหน่อยผมจะตอกทุกประโยคเลยคอยดู

            “ทำหน้างี้ด่าในใจแน่ๆ”

            พี่พรตหรี่ตามองผมอย่างล้อเลียน โอเค กล้าถามก็กล้ายอมรับครับ

            “ก็เออดิ”

            “อ้าว ยอมรับเฉย”

            “เป็นคนไม่ปากหนักไง”

            “ไหน เบาอย่างที่เคลมรึเปล่า”

            พี่พรตใช้เวลาไม่นานเลยกับการวางทุกอย่างในมือแล้วเคลื่อนตัวมาหาผม ทำเอาผมที่กำลังหมุนโมเดลอยู่ต้องรีบผลักมันออกไปให้พ้นทางด้วยสัญชาตญาณ เกิดอะไรขึ้นโมเดลต้องรอดก่อนครับ แต่เมื่อผหันกลับมาพี่พรตก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเข้ามา ผมเลยรีบกระเถิบไปด้านหลังเรื่อยๆ จนหลังชนกำแพง พี่พรตหยุดตามเมื่อเขาเข้ามาชิดกับขาของผมที่นั่งขัดสมาธิอยู่ แต่กระนั้นแล้วเขายังคงค้อมตัวลงมาต่ออยู่ดี

            “เฮ้ย พี่พรตทำไร”

            “ชู่วว”

            เขาไม่ตอบแต่สั่งให้ผมเงียบแทน ผมจ้องตาเขาแต่เขากลับไม่สบตาเลยแม้แต่น้อย เขามองริมฝีปากของผมเหมือนพิจารณาอย่างหนัก ทำเอาผมเข้าใจทุกอย่างและเตรียมจะยกมือขึ้นปิดปาก แต่พี่พรตไวกว่า เขารวบมือของผมไว้ทันทีและยิ่งเข้ามาใกล้อีก จนตอนนี้ใบหน้าของเขากับผมอยู่ห่างกันไม่กี่เซนติเมตร ผมกำลังจะโวยขึ้นมาแต่สติสัมปชัญญะของผมเตือนว่าในสถานการณ์แบบนี้ห้ามเปิดปากเด็ดขาด ผมเลยยังคงนั่งนิ่งและจ้องเขาอยู่อย่างนั้น

            แต่พี่พรตเหมือนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป ริมฝีปากของเขาเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หัวใจของผมเต้นราวกับจะหลุดออกมาให้ได้ ผมหลับตาลงเพื่อข่มมันไว้แต่เหมือนจะไม่เกิดผลอะไรเลย และทันทีที่ริมฝีปากของผมรู้สึกถึงความนุ่มหยุ่นนั้น ตัวผมเองถึงกับสะบัดมือหลุดแล้วผลักตัวพี่พรตออกไปทันที

             พี่พรตที่โดนผลักออกไปอย่างรุนแรงจนเซถึงกับแสดงความสงสัยออกมาอย่างไม่ผิดบัง ผมก้มลงมองมือตัวเองอย่างตกใจ มันสั่นนิดๆ อย่างควบคุมไม่อยู่ ผมสาบานเลยว่าผมไม่ได้ต้องการจะทำแบบนี้ ตอนแรกใจของผมยอมให้เขาจูบแล้ว แต่พอสัมผัสจริงๆ บางอย่างในตัวผมกลับตีขึ้นมาและปฏิเสธโดยสิ้นเชิง 


            “ไม่ชอบเหรอ”


            “เปล่า”


            “...”


            “พรานก็ไม่รู้เหมือนกัน”


            ผมพึมพำเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า ผมไม่ได้รังเกียจ... ไม่เคยรังเกียจอยู่แล้วล่ะ เต็มใจอยู่แล้วในเมื่อเราเพิ่งคบกัน แต่ไม่รู้ทำไมร่างกายของผมถึงต่อต้านอย่างควบคุมไม่ได้ขึ้นมาเอง


            “อืม...แต่พี่ชอบให้พรานเรียกตัวเองแบบนี้นะ”

 


            พี่พรตยิ้มให้เหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร



            และหัวใจผมก็กระตุกอีกหนึ่งที








----------------------------------------------------------------
สวัสดีค่า ไม่ได้เจอนานมากกกก ปีสามนี่หนักจริงอย่างที่พี่ๆ ขูู่เอาไว้เลย
มีงานให้ปั่นคืนต่อคืนเลยค่ะ เดือดเป็นขี้หมา เพิ่งเป็นไทจากทุกอย่างก็วันนี้เอง ถถถถถ
หลายคนมาทวงและเมนชั่นมาหาด้วย รู้สึกปริ่มมากๆ ดีใจมากจริงๆ ขอบคุณที่ยังรอนะคะ

มีข่าวดีมาแจ้งว่า มีสำนักพิมพ์ติดต่อรวมเล่มมาค่ะ ปกยังไม่ออกแต่เข้าไปส่องได้นะคะ
>>> https://www.facebook.com/Facai.Publishing

(เลยทำให้ต้องปั่นสุดชีวิตเพื่อให้ทันเดดไลน์ เดือนนี้เราเจอกันบ่อยแน่ๆ ค่ะ555555555  :katai4: :katai4: :katai4:)
ยังไงก็ขอฝากพี่พรตน้องพรานไว้ด้วยนะคะ

ปล.แฮชแทค#พรตพราน ยังอยู่นะะ เข้าไปคุยกันได้ค่า

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พรต พราน คบกันละ :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ kail

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
กำลังหวานๆ 'โมยังไม่เสร็จนะ' คำเดียวจบ 55555 ตอนนี้น่ารักกกกกก

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ขอสารภาพว่าลืมอ่ะ มาอ่านต่อแบบมึนๆและพยายามมโนตอนแล้วววววววววววววววววววววววววเอาอ่ะ 5555555

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ตกใจหรืออะไรนะพราน
แล้วพี่พรตจะคิดมากมั้ยนี่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Missmu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอ รอ รอ ตอนต่อไป  :o12:

ออฟไลน์ Missmu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เข้ามาส่องมารึยังตอนต่อไป  :hao5:

ออฟไลน์ powl-the-2nd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1





:: CHAPTER 19 :::





            ...วันนี้เป็นวันเฉลยสายรหัส


            สายรหัสเป็นเรื่องที่เพื่อนทุกคนรวมถึงผมตื่นเต้นกันเป็นพิเศษเนื่องจากยังไม่เคยมีใครพูดถึงมาก่อนเลยเพราะเหมือนพี่ทุกคนพยายามเลี่ยงการพูดถึงอย่างสุดความสามารถ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาผมจะได้ยินเพื่อนมัธยมมาเล่าเรื่องพี่รหัสให้ฟังบ่อยๆ ในกลุ่มไลน์ซึ่งผมฟังแล้วก็อดคิดถึงพี่รหัสของตัวเองไม่ได้

            “พี่พรต”

            ผมเรียกคนที่นั่งกินข้าวผัดอยู่ตรงข้าม หลังจากวันนั้นทุกเที่ยงผมกับพี่พรตจะได้นั่งกินข้าวด้วยกันทุกวันครับ ส่วนตอนเย็นถ้ามีโอกาสหรืองานไม่เยอะผมก็จะแวะไปนั่งเล่นบ้างทำงานบ้างที่คอนโดพี่พรตเพื่อให้เขาไม่เหงาเกินไป

            “ว่า?”

            “พี่รหัสจับกันยังไงอ่ะ”

            “ไม่บอก”

            “อ้าว”

            พี่พรตปฏิเสธโดยที่ไม่ละสายตาขึ้นจากจานข้าวจนเห็นได้ชัดว่าปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดเลยแม้แต่น้อย ซึ่งผมก็ไม่ได้แปลกใจมาก ยังไงเขาคงไม่บอกเพราะถือว่าเย็นนี้ก็ได้รู้อยู่แล้วแหละ จากที่ฟังเพื่อนผมเล่ามาคือพี่รหัสจะจับกันตามรหัสส่งงานในภาควิชา เลยไม่ต้องลุ้นว่าผมจะได้พี่พรตรึเปล่าเพราะไม่ได้แน่ๆ ซึ่งนั่นก็ดีแล้วล่ะ

            “ตื่นเต้นอ่ะดิ”

            “แหงสิ เพื่อนโรงเรียนผมมีพี่รหัสกันไปหลายคนแล้ว”

            “รอดูเย็นนี้ละกัน เล่นใหญ่ๆ ด้วยล่ะ”

            พี่พรตตอบยิ้มๆ ก่อนจะเลี่ยงบทสนทนาด้วยการเอาชามขึ้นไปเก็บแล้วแยกย้ายขึ้นไปสตูพร้อมโมเดลที่ผมไปช่วยทำเมื่อวันเสาร์ แต่หลังจากถูกแก้ไปมาระหว่างการตรวจแบบสองครั้งทำให้รูปลักษณ์งานดูไม่คุ้นตาและมีรอยกาวอยู่เยอะมาก

            “พี่พรตส่งโมเก่าเลยเหรอ”

            “อืม แก้เอาเนี่ยแหละ”

            ผมมองรอยกาวที่เป็นคราบแล้วแอบรับไม่ได้ ผมนี่เปลี่ยนแบบทีก็ทำโมใหม่ทุกที

            “อาจารย์ไม่ว่าเหรอครับ”

            “นี่...” พี่พรตหยุดเดินแล้วหันตัวกลับมาขวางผมไว้ทำเอาผมเกือบชน “จะบอกอะไรให้ แก่แล้วเค้าไม่ทำโมกันทุกครั้งหรอก” เขายิ้มล้อเลียนพร้อมยกมือขึ้นมาจิ้มหน้าผากผมทีหนึ่ง

            ผมมองโมเดลแบบร่างอันใหม่ของตัวเองที่เพิ่งทำปั่นเสร็จเมื่อเช้าเทียบกับของพี่พรต อาจจริงอย่างที่พี่พรตว่าก็ได้ อีกหน่อยเมื่อเรียนไปเรื่อยๆ ผมคงมีวิธีปรับตัวให้ชีวิตดีขึ้นมาเองบ้างละมั้ง

            “เหม่ออะไร ถึงสตูแล้ว”

            ผมละสายตาขึ้นมาจากโมเดลตามคำเรียกของพี่พรต เลยได้เห็นเพื่อนในเซคกับไอ้โอมมองผมอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น ผมเลยหันกลับไปโบกมือให้พี่พรต

            “สรุปคืนนี้ค้างป่ะ”

            “เมื่อกี้แม่แล้วครับ เดี๋ยวแม่ตอบมาแล้วจะบอกอีกที”

            ตอนแรกวันนี้กะว่าจะไม่ค้างแล้วนะ แต่พี่พรตแอบมาเสี้ยมว่ากลับดึกแน่ๆ ซึ่งผมขี้เกียจกลับบ้านเองตอนดึกอยู่แล้วแถมพรุ่งนี้ก็ไม่มีเรียนด้วย สุดท้ายผมเลยจัดการไลน์ไปบอกแม่เรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเช้าและแน่นอนว่าไอ้คนชวนดีใจออกนอกหน้าจนจะกระดิกหางอยู่แล้ว

            “โอเค วันนี้อย่าลืมเล่นใหญ่ๆ นะ”

            “อืม ไปละนะ ขอให้อาจารย์ชอบ”

            “แต้งกิ้ว”

            ผมโบกมือให้พี่พรตอีกรอบก่อนจะผลักประตูกระจกของสตูเข้าไป บรรยากาศบนสตูตอนอาจารย์ยังไม่มานี่มันโคตรครึกครื้น เพื่อนผู้หญิงจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรส ส่วนเพื่อนผู้ชายก็ไถเก้าอี้เล่นกันเป็นแถวเหมือนเด็กๆ  เอาจริงผมชอบสตูมากนะ มันเต็มไปด้วยสีสันและบรรยากาศที่เพื่อนทุกคนช่ยกันสร้างขึ้นมา ชอบจนบางครั้งคิดอยากเก็บช่วงเวลานี้ไว้อีกนานๆ

            “ไอ้พรานนนน”

            เสียงโอมดังขึ้นไม่นานผมก็ถูกดึงตัวไปที่โต๊ะตรวจแบบของเซคมันทันที พร้อมด้วยเพื่อนในเซคผมกับเซคมันที่มองผมมาตั้งแต่อยู่หน้าสตู ไม่ต้องเดาเลยครับว่ามันลากผมมาที่นี่ทำไม

            “มึงกับพี่พรตแล้วเหรอวะ”

            “โอ้โห เมื่อกี้เดินมาส่งกัน”

            “มึงร้ายจังวะ”

            “เฮ้ย หยุดเลยๆๆ ฟังไม่ทัน”

            ผมรีบค้านขึ้นมาก่อนที่พวกมันจะรัวคำถามมาเพิ่มอีก ดูเหมือนว่าการกินข้าวด้วยกันทุกมื้อของผมกับพี่พรตจะไม่หลุดรอดสายตาของไอ้พวกนี้เลย ถึงผมจะยังไม่บอกโอมกับคนอื่น แต่ขนาดี้แล้วผมก็ว่ามันเดาได้เองแล้วล่ะครับ

            “สรุปยังไงมึง เล่ามาเลย”

            “ก็ทำนองนั้นแหละ”

             “หมายความว่าไงไอ้พราน คบแล้วใช่ป่ะ?!”

            “เออ”

            “เชี่ย...”

            หลังจากนั้นทั้งวงที่ล้อมผมอยู่ก็โห่แซวพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ทำเอาผมรู้สึกเขินๆ ไม่ได้ พอไอ้พวกนี้รู้เดี๋ยวทั้งรุ่นแม่งก็รู้แล้วครับ

            “พี่เค้าขอเมื่อไหร่วะมึง”

            เป็นไอ้โอมที่มีท่าทางอยากรู้อยากเห็นมากกว่าใครเพราะที่ผ่านมามันอยู่กับผมเยอะกว่าคนอื่น แต่ก็นั่นแหละครับ ผมไม่ได้เล่าอะไรให้มันฟังอยู่ดี

            “วันเสาร์ ตอนกูไปช่วยตัวโม”

            “โอ้โหหห มีการเรียกไปด้วย”

            เสียงแซวดังขึ้นอีกระลอกหนึ่ง แค่ไปช่วยตัดโมครั้งนึงมันก็ดูฟินชิบหายแล้ว นี่ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้ไปค้างมาหลายคืนแล้ว แถมบางทีพี่พรตเป็นฝ่ายตัดโมให้ไม่รู้มันจะล้อไปอีกกี่ชาติ

            “เออน่าพวกมึง อาจารย์เซคกูมาละ เจอกันตอนเย็น”

            ผมรีบถือโอกาสปลีกตัวออกจากวงสนทนาทันทีที่เห็นอาจารย์เดินออกมาจากลิฟท์ ท่ามกลางเสียงโห่อย่างเสียดายของเพื่อนทั้งกลุ่ม จริงๆ ก็ไม่ต้องรีบขนาดนี้หรอกครับ ยังไงวันนี้ผมไม่ค่อยซีเรียสเรื่องคิวตรวจแบบเพราะต้องยู่ถึงเย็นอยู่แล้ว แต่ถ้านั่งในวงต่อไปผมคงถูกซักจนพรุน แล้วยิ่งถ้าเผลอไปแสดงอาการเขินขึ้นมานี่พวกมันก็จะยิ่งล้อยิ่งกว่าเดิมอีกนั่นแหละครับ

           







            การตรวจแบบเป็นไปอย่างตื่นเต้นเพราะสมาธิผมไม่อยู่กับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นตอนเย็นเสียมากกว่า ผมจดคอมเม้นท์อาจารย์ลงแบบไปเรื่อยๆ อย่างไม่ได้คิดตามเท่าไหร่ อย่าหาว่าผมเลวเลยนะ แต่วันนี้ผมฟังคำตำหนิของอาจารย์แบบผ่านๆ ให้จบๆ ไปงั้น เดี๋ยวค่อยมาอ่าที่จดแล้วตั้งใจคิดตามละกันวะ

            “ผมว่าคุณต้องเน้นทางเข้ากว่านี้นะ ระบบเซอร์คิวเลชั่นของคุณยังดูไม่มีไฮอาร์คคี่เลย”           

            “ครับ”

            ถ้าอาจารย์เงยหน้าขึ้นจากแบบคงได้ด่าผมแน่ๆ

            “นั่นแหละ ไปแก้ตรงนี้มาก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องอื่น”

            “โอเคครับ ขอบคุณครับ”

            ผมดึงกระดาษร่างของตัวเองออกจากโต๊ะตรวจแบบด้วยความรวดเร็ว ไม่มีการถามนู่นถามนี่หรือสงสัยอะไรเหมือนครั้งก่อนๆ ซึ่งผมจะคอยถามตลอด อาจารย์ขมวดคิ้วมองผม มองไปรอบตู ก่อนจะถามขึ้น

            “อ้อ วันนี้เปิดสายใช่มั้ย”

            “ใช่ครับ”

            “ฮ่าๆ ก็ว่าทำไมคุณรีบจัง”

            ผมหัวเราะแห้งๆ ให้อาจารย์เหมือนยอมรับความผิด แต่อาจารย์ไม่ได้อะไรอยู่แล้วครับ เป็นที่รู้กันของอาจารย์ปีหนึ่งว่ากิจกรรมรับน้องที่คณะค่อนข้างเยอะรวมถึงอาจารย์เองก็เคยผ่านมันมาก่อนเหมือนกัน เลยทำให้ทุกอย่างในวันนี้เป็นเรื่องที่ยอมรับเข้าใจได้

           



 

            ในที่สุดก็ถึงเวลานัดรวมที่ลานกิจกรรม วันนี้คนนั่งเต็มลานดูเยอะผิดจากวันก่อนมาก ผมลองกะจำนวนแล้วคิดว่าน่าจะมากันทุกคนเลยล่ะครับ เพระาปกติมากันร้อยกว่าๆ ซึ่งก็นั่งได้ประมาณเกือบครึ่งลา มาวันนี้นั่งแถวกว้างขึ้นและเบียดกันไปหมด ก็อย่างว่าแหละ ใครจะไม่มาวันเฉลยพี่รหัสล่ะครับ ผมนั่งรอเรื่อยๆ มองคนนู้นคนนี้จนเมื่อพี่นำกิจกรรมนับจำนวนเสร็จแล้วก็ประกาศเปิดวันเหมือนเดิม

            “เอ้า น้องครับ! วันนี้เป็นวัน เฉลยสายรหัส!”

            พี่กันต์เป็นคนพูดเปิดกิจกรรมพร้อมเสียงปรบมือ

            “ที่เป็นใบเขียวๆ ป่ะ”

            “นั่นมันสลัด!”

            “ที่ชอบส่งโปรเจกต์ไม่ทันป่ะ”

            “นั่นมันไอ้จักร!”

            “ที่เป็น...”

            “ไอ้เหี้ยกร มึงหยุด!”

            เสียงของพี่จักรที่โพล่งขึ้นมาและการต่อมุกง่ายๆ นี้เรียกเสียงฮาได้รอบด้าน ทั้งสีหน้าท่าทาง จังหวะการพูด แม่งจี้เส้นจริงครับ ผมรับรองเลยว่าลองมารับคณะน้องสักครั้งจะทำให้เส้นลึกขึ้นมากเพราะมุกมันตลกจริงๆ แล้วจะเริ่มไม่ขำกับมุกของคนทั่วไปอีกต่อไปเลยครับ

            “เชิญพี่ๆ เลยครับ!”

            เสียงดังขึ้นเมื่ออยู่ๆ รุ่นพี่ที่ดูจำนวนแล้วน่าจะมากกว่าสองร้อยคนค่อยๆ เดินเข้ามาล้อมลานกิจกรรมไว้จนแน่นไปหมด ผมกวาดตามองไปรอบๆ มีทั้งพี่ปีสอง ปีโต ปีแก่ ไปจนถึงพี่ที่ทำงานแล้วจำนวนมาก ผมอดทึ่งไม่ได้ เมื่อกี้ลงมากินข้าวรอเรียกรวมผมยังไม่เห็นพี่ๆ ในคณะสักคน คณะดูปกติมากจนไม่คิดว่าจะมีอะไรพิเศษด้วยซ้ำ

            “เชี่ย พี่เค้าวาร์ปกันมาจากไหนวะ”

            “เออ กูก็สงสัย”

            เสียงไอ้โอมทักขึ้นมาทำเอาผมเห็นด้วยอย่างแรง พี่กันต์ทำสัญญาณมือให้ทุกคนเงียบ จากนั้นก็เริ่มพูดกำหนดการและสิ่งที่จะต้องทำในวันนี้

            “น้องครับ! เดี๋ยวขึ้นไปดูนะว่าตัวเองต้องทำอะไร แล้วลงมารวมกันที่ลานกิจกรรม”

            “เล่นใหญ่ๆ นะเว้ย พี่ๆ คาดหวัง”

            จากนั้นพี่นำแถวก็เดินมาให้เพื่อนค่อยๆ ทยอยลุกขึ้นไปท่ามกลางเสียงปรบมือและโห่ร้องของพี่ๆ ที่ยืนอยู่รอบลาน

           




            พอผมเดินขึ้นมาถึงสตูก็เห็นเพื่อนที่มาถึงก่อนแล้วยืนกันอยู่ตามโต๊ะแล้วกำลังเปิดอะไรสักอย่างอ่านกันอย่างขะมักเขม้น บางคนถึงกับหัวเราะออกมาบางคนก็ทำหน้าเครียด ผมแยกกับโอมแล้วรีบเดินไปที่โต๊ะของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้พบกับกะละมังที่ใหญ่มากหนึ่งใบวางคว่ำอยู่ ทำเอาผมต้องรีบหันไปดูโต๊ะข้างๆ ซึ่งก็จะมีแต่ของพวกกระปุกแป้ง สีทาตัว กระดาษสี เทป หมวกอบน้ำ วางอยู่เป็นชุดๆ บางคนเด็ดหน่อยก็มีเป็นชุดมาให้ใส่เลย แต่ไม่มีใครได้เป็นกะละมังสักคน

            ...เชี่ย ทำไมกูสังหรณ์ใจไม่ดีเลยวะ             

            ผมค่อยๆ หยิบกระดาษที่พับไว้ข้างๆ ขึ้นมาอ่าน

          ‘สวัสดีน้องพราน พี่จะให้น้อง ‘ซักผ้า’ ใส่ผ้ากันเปื้อนก่อน(แต่ไม่ต้องถอดเสื้อนะ) มัดผมขึ้น แล้วใช้ผงซักฟองที่อยู่ใต้กะละมัง ตีให้เป็นฟอง พูดซ้ำๆ ว่า ‘รับซักผ้าครับ’ จนกว่าจะมีคนเอาผ้ามาให้ซัก น้องต้องซักให้เสร็จแล้วเอาไปคืนลูกค้าด้วย’

            อ่านเสร็จผมก็รีบเปิดฝากะละมังออกทันที ผมเกือบหลุดคำหยาบออกมาเมื่อเห็นผ้ากันเปื้อนสีชมพูนีออนเหมือนจะเรืองแสงได้ จากนั้นก็เป็นผงซักฟอกปกติ หนังยางเส้นเล็กๆ ทั้งถุง ผมลังเลอยู่นานมากว่าจะทำยังไงกับตัวเองดี จนกระทั่งไอ้โอมในชุดขนสัตว์กางเกงขาสั้นและปากสีแดงสดจากลิปสติกเดินเข้ามาหา

            “เชี่ยโอม ฮ่าๆๆๆๆๆ”

            ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเหมือนชีวิตนี้ไม่เคยหัวเราะอะไรขนาดนี้มาก่อน ไอ้โอมดูเป็นกระเทยควายมากในชุดแบบนี้ และหลังจากวันนี้ผมว่าผมคงไม่ได้เห็นมันในสภาพแบบนี้อีกแล้วแหละ

            “เออ พี่แม่งให้ไปรูดเสา กูโคตรขำ มึงโดนไรวะ”

            “ซักผ้า”

            “ฮ่าๆๆ เชี่ย กูอยากเห็นละ”

            มันหยิบกระดาษที่ผมวางไว้บนโต๊ะขึ้นมาอ่านแล้วก็หัวเราะอีกรอบ หันไปมองกล่องหนังยางและหัวผมด้วยความสนใจ

            “มา กูจะมัดผมให้มึง”

            หลังจากนั้นหัวของผมก็ถูกมันยำเละเลยครับ มันจับมัดเป็นกระจุกๆ และด้วยความที่ผมไม่ได้ยาวมากเลยทำให้กลายเป็นทรงชี้ๆ แบบหมาชิสุ แต่มันทำทั้งหัวจนหนังยางหมดกล่องเลยครับ จนผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าหน้าตัวเองจะยังเหมือนคนอยู่รึเปล่า ยิ่งไอ้โอมทำไปหัวเราะไป ผมก็ยิ่งรู้สึกสยอมมากขึ้นเท่านั้นล่ะครับ

            “เอ้า เสร็จละ ฮ่าๆๆ มึงใส่ผ้ากันเปื้อนด้วย”

            มันไม่รอคำตอบของผม แต่ถือวิสาสะหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมให้เสร็จสรรพ แถมยังผูกเชือกด้านหลังให้เรียบร้อยจนผมแขวะในใจไม่ได้ ทีกับเรื่องแกล้งเพื่อนี่ทำเร็วเชียวนะไอ้โอม

            เมื่อถูกเปลี่ยนสภาพแล้วผมเลยเดินไปหยิบผงซักฟองมาแกะกล่องแล้วเทลงไปในกะละมัง ส่วนน้ำผมว่างคงต้องลงไปเอาข้างล่างล่ะครับเพราะถ้ากะละมังใหญ่ขนาดนี้คงหนักมากถ้าน้ำไปอีก จากนั้นผมก็นั่งดูเพื่อนแต่งตัวไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มีพี่ขึ้นมาบอกว่าให้ลงไปที่ลานได้เลย ผมเลยเดินตามเพื่อนไปเรื่อยๆ โดยให้ไอ้โอมช่วยถือกะละมังด้วยอีกคน

           







            บรรยากาศลานข้างล่างเปลี่ยนไปเหมือนไม่ใช่ที่เดิมเมื่อเต็มไปด้วยคนแต่งตัวประหลาดๆ มีทั้งสัตว์มหัศจรรย์ โปเกม่อน แม่ชี เดินปะปนกันไปหมด เมื่อกี้ตอนแต่งตัวผมว่าไอ้โอมกับผมเองก็เด่นมากแล้วนะ แต่พอมายืนรวมกันแบบนี้มันปกติไปเลย ผมหัวเราะกับภาพที่เห็น ถึงจะบ้าไปหน่อยในชีวิตนี้ผมคงไม่มีโอกาสได้แต่งตัวทำอะไรสุดโต่งแบบนี้อีกแล้วล่ะครับ เพราะฉะนั้นคืนนี้ผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้เต็มที่ให้สมกับเป็นครั้งเดียวในชีวิต

            ผมลากไอ้โอมให้ไปเติมน้ำใส่กะละมังของผมก่อนแล้วค่อยช่วยกันยกไปวางไว้ในลาน ผมนั่งลงแล้วตีน้ำให้เกิดฟองฟูๆ เต็มกะละมัง ภารกิจที่ผมได้รับทำให้ผมจำเป็นต้องนั่งอยู่ที่เดิมเพราะไม่สามารถยกไปเดินรอบลานได้เหมือนเพื่อนคนอื่น ผมมองเพื่อนบางคนที่เข้าไปขายของหรือเต้นใส่หน้าพี่ที่ยืนรอบวงด้วยความสนุกสนาน เพื่อนบางคนก็เริ่มมีพี่เข้ามาทักหรือให้ทำอะไรเพิ่มบ้างแล้ว

            ผมกวนฟองในกะละมังไปเรื่อยๆ พร้อมตะโดหาลูกค้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีพี่คนนึงมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้า ผมจึงเงยขึ้นไปพูดเขาอีกรอบ

            “รับซักผ้าครับ!”

            พี่คนนั้นมองผมอย่างพิจารณาแล้วก็หัวเราะออกมา ก่อนจะนำผ้าที่ถือไว้มือมาส่งให้ผม

            “งั้นฝากตัวนี้ด้วย”

            “ครับ”

            ผมไม่เคยเห็นพี่คนนี้มาก่อน คุ้นหน้านิดหน่อยตามประสาคนคณะเดียวกันแต่ก็ไม่ได้เห็นบ่อยเท่าไหร่ คิดว่าเป็นพี่ปีสองแหละครับเพราะถ้าเป็นปีสามผมน่าจะคุ้นกว่านี้ แต่ถึงจะไม่รู้จักผมก็ยื่นมือมารับผ้ามาแล้วเอาไปลงอ่าง           

            ผมคลี่เสื้อตัวนั้นออกมาเตรียมขยี้ มันเป็นเสื้อสีเหลืองแขนยาว เนื้อผ้าหนาหน่อย รู้สึกคุ้นมืออย่างน่าอย่างประหลาด ผมเลยลองกลับด้านนอกออกมาเพื่อมองลายสกรีนตัวอักษรบนเสื้อ

            ...เชี่ย เสื้อพี่พรต

            จะไม่ให้คุ้นได้ไงครับ เพราะผมเองเคยยืมเสื้อตัวนี้ไปใส่อยู่คืนนึง มันเป็นเสื้อที่สภาพดีสุดในคืนนั้นแล้วล่ะ ทีนี้ผมก็เริ่มคิดแล้วล่ะ ถ้าเสื้อของพี่พรตมาอยู่กับพี่รหัส แสดงว่าพี่รหัสของผมอาจเป็นเพื่อนกับพี่พรตรึเปล่า...ผมเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ แม่งร้ายมาก ขี้เกียจซักก็บอก

                    ผมซักต่อไปเรื่อยๆ ก็มีคนเดินเอาเสื้อมาหย่อนเพิ่มเรื่อยๆ จนตอนนี้มีเสื้อกางเกงอยู่ประมาณห้าตัวในกะละมัง ซึ่งเป็นเสื้อที่ผมคุ้นตาทั้งนั้น อย่างตัวที่สองกับสามนี่เพิ่มใส่เมื่อวันเสาร์

            “น้องคะ”

            ผมเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก ในใจนี่คิดว่าจะได้เสื้อเพิ่มอีก แต่พี่คนนี้ไม่ได้ถือเสื้ออยู่ในมือสักตัว

            “ครับ”

            “พี่รหัสฝากบอกมาว่าให้เอาเสื้อไปคืนเจ้าของแล้ว”

            “โอเค ขอบคุณมากครับ”

             ผมรีบเอาผ้าทั้งหมดขึ้นมาจากกะละมัง บิดให้หมาดโดยไม่ล้างฟองและไม่คิดจะเอาไปล้างให้ด้วย หมั่นไส้ครับ จากนั้นก็คว่ำกะละมังให้น้ำลงไปในท่อระบายข้างๆ ลาน ผมเดินฝ่าเข้าไปถึงใต้ถุนที่พี่ปีสามรวมตัวกันอยู่ และมันไม่ยากเลยที่จะเห็นพี่พรตนั่งอยู่บนโต๊ะ

            “พี่พรต นี่เสื้อ”

            ผมส่งเสื้อหมาดๆ แต่มีฟองฟ่อดให้เขาหน้าตาเฉย พี่พรตหัวเราะเสียงดังก่อนจะหยิบถุงพลาสติกมาใส่

            “เก่งมากนาย”

            “วันหลังซักเองเหอะพี่พรต”

            ผมมองแรงใส่พี่พรตรอบนึง ก่อนจะมองรอบๆ เพื่อหาพี่รหัส เมื่อกี้พี่เขาบอกให้มาหาพี่พรตไม่ใช่เหรอวะ ผมเห็นเพื่อนหลายคนมีพี่รหัสลงไปรับจากกลางลานมาเรียบร้อยและเตรียมออกไปจากคณะกันแล้ว แต่ตัวผมยังไม่เจอพี่ในสายเลยสักคน

            “พี่พรต”

            “หืม”

            “พี่รหัสผมล่ะ”

            พี่พรตไม่พูดอะไรแต่ชี้ให้ผมหันไปมองทางฝั่งลิฟท์ ผมจึงได้เห็นพี่เจ็ดคนเดินออกมาพร้อมถือป้ายเป็นรูปหน้าผมอันใหญ่มาก มันเป็นรูปที่เอามาจากโพรไฟล์เฟซบุ๊คของผมเองล่ะครับ

            “โห เล่นใหญ่มาก...แล้วไหนน้องพี่พรตอ่ะ”

            “ปีสองไปรับอยู่ เดี๋ยวออกไปเจอหน้าประตู”

            “อืม งั้นผมไปแล้วนะ”

            “เสร็จเมื่อไหร่โทรบอกด้วย”

            “โอเค เจอกันครับพี่พรต”

            หลังจากคุยกันแล้วผมเลยรีบเดินเข้าไปหาสายรหัสซึ่งกำลังทำท่าเหมือนมองหาผมอยู่ และเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้พอจะเห็นหน้าพี่ปีสามแล้วก็ต้องตกใจอีกรอบครับ

            เขาคือพี่ที่เช็คแถวก่อนเข้าห้องเชียร์ และผมจำได้แม่นเลยว่าเขาเป็นผู้หญิงที่โคตรโหด เป็นคนที่น่ากลัวมากในสายตาเพื่อนทั้งรุ่น

            “เฮ้ยๆๆ ไอ้ว่าน นั้นน้องพรานใช่มั้ย”

            ...เชี่ย พี่เขาเห็นแล้ว

            ผมเลยหมดเวลาลังเลแล้วเดินตรงเข้าไป ยกมือไหว้พี่อย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ พี่เขายิ้มรับอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนซึ่งนั่นทำให้กำลังใจผมดีขึ้นมาก เพราะปกติพี่เขาหน้าดุหน้านิ่งจนดูเข้มงวด ผมยังจำสีหน้าเหวี่ยงๆ ของเขาได้ดีตอนที่ผมถือถังน้ำไปชนคราวนั้น

            “สวัสดีครับ”

            “น้องพราน พี่ชื่อแพรนะ นี่ว่านปีสอง แล้วก็พี่หวานปีสี่ พี่ซันห้า แล้วก็พี่ที โอเค ไปกินข้าวกัน”

            พี่แพรแนะนำตัวทุกคนเร็วมากจนผมแทบไม่มีเวลาจำอะไรเลยเพราะต้องเดินตามพี่เจ้าตัวซึ่งนำทุกคนออกไปทางประตูคณะแล้ว ผมยอมรับเลยว่าแปลกใจกับการคิดเร็วทำเร็วของพี่แพรมาก ปกตินอกจากดุแล้วก็ไม่มีท่าทีว่าจะเร็วเลยนะ

            “ฮ่าๆ พี่แพรก็งี้แหละ”

            พี่ปีสองที่ชื่อว่านลดฝีเท้ามาเดินข้างผม พี่เขาเป็นคนที่ดูน่ากลัวน้อยสุดในนี้แล้วเพราะเป็นผู้ชายตัวไม่ใหญ่มากและใส่แว่นดูคงแก่เรียน แล้วอาจด้วยความที่เป็นปีใกล้กันด้วยล่ะมั้งเลยทำให้ผมค่อนข้างรู้สึกสบายใจที่จะคุยตอบ

            “ครับ แล้วเดี๋ยวเราไปที่ไหนกันอ่ะ”

            “พี่ซันจองร้านสเต๊กไว้แล้วน่ะ แถวพญาไท”

            “น้องพรานกินได้ป่ะ”

            อยู่ๆ พี่ซันซึ่งเดินคุยอยู่กับพี่แพรข้างหน้าก็หันกลับมาถาม

            “ได้ครับ กินได้หมดเลย”

            “เฮ้ยพี่ซัน แต่น้องมันกินไม่ได้อยู่อย่างนึง”

            แต่แล้วพี่แพรก็เอ่ยขัดขึ้น ทำเอาผมงงเลยครับว่าพี่แพรรู้ได้ยังไง ผมพยายามทบทวนว่าตัวเองกินอะไรไม่ได้บ้างแต่ก็ไม่เคยบอกใครเลยนะ

            “ไรอ่ะแพร”

            “ก๋วยเตี๋ยว ‘เผ็ดมาก’”

            ...ไอ้เหี้ยพี่พรตตตต

 

 


 

            “สรุปคบกันแล้วใช่ป่ะ”

            ผมแทบสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่เมื่อพี่แพรยิงคำถามนี้ขึ้นมากลางโต๊ะอาหารที่ห้อมล้อมไปด้วยสายรหัสทั้งสาย ผมเลยรีบคว้าทิชชู่มาเช็ดปากให้เรียบร้อยก่อนตอบ

            “ก็ทำนองนั้นครับ”

            “โห ไรวะ พี่ปีสี่แล้วยังไม่มีเลย นี่โสดคนเดียวในสายแล้วมั้ง”

            คนถามเป็นพี่แพร แต่คนที่โวยวายขึ้นมากลับเป็นพี่หวาน ทำเอาผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ เพราะไม่รู้จะตอบกลับยังไงดี

            “แล้วคือไอ้พรตมันขอก่อนเหรอ”

            “ครับ”

            “โอ้โห ไอ้พรตแม่งร้ายมาก”

            บางทีผมก็รู้สึกฝืนๆ ในการตอบคำถามต่อหน้าคนที่ยังไม่สนิทหลายๆ คนนิดหน่อย โดยเฉพาะเรื่องพี่พรตนี่แหละครับ บอกเลยว่าโคตรเขินแต่ต้องปั้นสีหน้าให้เป็นปกติ

            “ไอ้พรตชอบมาปรึกษานู่นนี่ จนสุดท้ายพี่ด่ามันให้ไปขอคบอีกรอบซะ”

            ผมหัวเราะ ทำไมไม่รู้มาก่อนเลยวะ ว่าพี่พรตที่ทำตัวชิลไปวันๆ นี่จะมีโมเม้นท์มาปรึกษาเรื่องความรักให้เพื่อนสาวช่วยกับเขาด้วย คิดภาพแล้วตลกชิบหาย

            “แต่นี่ก็แฮปปี้ใช่มะ”

            “ก็ดีครับ”

            “อือ ดีแล้วล่ะ ยินดีด้วย”

            ไปๆ มาๆ ผมกับพี่แพรคุยกันเยอะที่สุดเลยล่ะครับ ไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่ว่าพี่แพรที่คุยอย่างอารมณ์ดี ดูร่างเริงคนนี้จะเป็นคนเดียวกับพี่ระเบียบที่ทั้งรุ่นกลัวและเกรงพอๆ กับพี่ว้าก...คณะผมแม่ง อะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆ นั่นแหละ

            “อะไรอ่ะแพร เอาตัวน้องไปคุยอยู่คนเดียว น้องครับๆ”

            ผมหันไปทางพี่ปีเก้า ซึ่งเพิ่งตรงมาจากที่ทำงานและมาเจอที่ร้านเมื่อกี้โดยไม่ได้เข้าไปคณะ พี่เขาชื่อโย เป็นคนที่พี่ว่านเล่าให้ฟังว่าเก่งมากจนถูกทาบทามไปทำงานในบริษัทสถาปนิกอันดับต้นๆ ของประเทศตั้งแต่เรียนยังไม่จบ และตอนนี้ก็เป็นถึงหัวหน้าฝ่ายดีไซน์ของบริษัทที่งานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาทำอะไรเลย

            “ครับ”

            “น้องพรานอยู่เซคสตูกับใคร”

            “อาจารย์กิ๊กครับ”

            “อ้อ...พี่เคยอยู่ๆๆ”

            “เฮ้ย เค้าโหดป่ะครับ เห็นหลายคนบอกว่าเกรดโหดมาก”

            “ก็ไม่ขนาดนั้นนะ...”

            ผมนั่งคุยกับพี่รหัสคนนู้นที่คนนี้ทีอย่างสนุกสนาน ตอนแรกถ้าดูจากหน้าตาก็ดูน่ากลัวกันหมดนะ แต่พอเริ่มได้คุยก็พบว่าทุกคนเฟรนด์ลี่และพยายามชวนผมพูดตลอดจนผมไม่รู้สึกเกร็งอีกต่อไป ไม่ใช่แค่กับผมซึ่งเป็นน้องปีหนึ่งเท่านั้นนะครับ แต่ยิ่งเห็นพี่ๆ ปีโตในสายพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเฮฮา ทำให้ผมรู้สึกว่าสายนี้เป็นสายรหัสที่เหนียวแน่นน่ารักและให้บรรยากาศเหมือนครอบครัวมากๆ เราคุยกันต่อทั้งที่สเต๊กในจานหมดไปนานแล้ว เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงโดยไม่มีใครรู้ตัว

            “พี่ๆ ร้านจะปิดแล้วนะ” พี่ทีโพล่งขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นบริกรเริ่มเก็บจานชาม

            “เฮ้ย สี่ทุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

            “เชี่ย เม้าท์เพลินเลย...น้องพรานกลับไงอ่ะ”

            “เดี๋ยวแฟนเค้ามารับ”

            คนที่ตอบไม่ใช่ผมนะครับ เป็นพี่แพรที่พูดด้วยท่าทีติดจะหมั่นไส้ ทำเอาผมอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้

            “อ้อ เราก็ลืม โทษๆ”

            จากนั้นพี่ๆ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ บางคนที่ไม่ได้เอารถมาก็ติดรถไปลงที่สถานีบ้าง จนสุดท้ายเหลือแค่ผมที่รอพี่พรตมารับกับพี่แพรซึ่งมีคอนโดอยู่แถวนี้และกำลังจะเดินกลับไปเอง ผมยกมือไหว้พี่แพร แต่แทนที่เขาจะกลับพี่แพรกลับดึงผมเอาไว้ก่อน

            “อ้อพราน ช่วงนี้ดูแลไอ้พรตมันหน่อยนะ”

            “หืม ทำไมล่ะครับ”

            เท่าที่ดูพี่พรตก็ปกติทุกอย่างนะ โปรเจกต์สตูก็ดูไปได้สวย มีแค่ดูเหงาๆ นิดหน่อยซึ่งผมก็จะไปค้างด้วยแล้ว

            “มันกำลังปั่นโปรเจกต์ประกวดน่ะ”

            “อ้าว มีงานนอกด้วยเหรอครับ”

            “จริงๆ มันก็ทำอยู่บ่อยๆ นะ ช่วงที่มันให้พรานช่วยโปรเจกต์ของอาจารย์ไง”

            “...”                                                       

            “พ่อชอบมันให้ลงประกวดน่ะ คอยดูๆ หน่อยละกัน ครั้งนี้น่าจะโดนกดดันเยอะอยู่”

            เอาจริงนอกจากขอให้ช่วยงานแล้วพี่พรตก็ไม่เคยบ่นอะไรเกี่ยวกับงานให้ผมฟังเลยซึ่งนั่นทำให้ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ คิดว่าเขาแค่เรียกไปตามประสาคนที่เดือดเป็นประจำเฉยๆ และเท่าที่ไปห้องมาหลายครั้งเรียกได้ว่าไม่เคยเห็นพี่พรตทำงานอื่นนอกจากงานคณะเลยด้วยซ้ำ




            “ได้ครับ เดี๋ยวผมดูให้เอง”





-----------------------------------------------------------------------------------------------------
สสัสดีค่ะ ตอนนี้มาเยอะหน่อยเพราะเดี๋ยวจะไปค่าย7วันเลยค่ะและไม่มีสัญญาณอะไรใช้เลย 555
แต่จะฝากเพื่อนเข้ามาอัพให้สักประมาณคืนวันเสาร์นะคะ (น่าจะได้สัก50%ของตอนค่ะ)

ขอบคุณที่รอนะคะ ฝากพรตพรานด้วยค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พราน ชุดแจ๋วซักผ้า น่าจะน่ารักนะ
โดนพี่พรต แกล้งอีก
พราน โชคดีได้สายรหัสที่ดี เหนียวแน่น :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ pizza2011

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
คบกันเพราะจะหลอกน้องพรานมาตัดโมป่าวเนี่ยพรต 5555  นี่มันโรงงานตัดโมนรกนี่  ตอนนี้ก็คบกัน รออ่านดราม่าบ้านพรตค่ะ  ดุเดือดเเน่นอน
ปล. อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะ เราว่าตัวเรื่องยังมีจุดงงๆหลายจุด เหมือนคนเขียนจะทิ้งปมทิ้งตัวละครไว้ให้สงสัย  คนเขียนอย่าลืมนะ  แล้วก็ตอนช่วงรับน้อง ที่มีคนหัวแตกในหัวเชียร์ เราว่าเรื่องดำเนินแปลกๆนะ ดูไม่สมจริงเท่าไร timing สับสน  ( อันนี้เราอาจคิดมาก 555) แต่ละตอนมันยาวโอเคนะ เราชอบแต่ความก้าวหน้าในแต่ละตอนน้อย  เราว่าสิบกว่าตอนผ่านมา พรตกับพรานยังดูมีความประทับใจต่อกันน้อย  มันยังไม่กร๊าวใจเลย 5555 ถือว่าพรานใจอ่อนมาที่ยอมคบกับพรต เป็นเรา เรายังไม่สนใจพรตเลย 555
เป็นกำลังใจให้แต่งจนจบนะค่ะ  จะรออ่านเหมือนกัน  อย่าทึ้งกันไปนาน กลัวจะลืมแล้วก็หาทางมาอ่านกันไม่เจอ 5555

ออฟไลน์ Missmu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :z1:พรตพราน พรตพราน

ออฟไลน์ kail

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
พี่พรานเนียนโคตร แผนเอาผ้ามาให้ซักใช่มะ 555555

ออฟไลน์ virgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เพิ่งเห็นว่าพี่พรตน้องพรานกลับมาแล้ว เย้ๆๆๆๆๆๆ อย่าหายไปอีกน้า

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
แหมๆ พี่พรตเนียนเลยนะ
ไม่ทีขัดหรอกเรื่องเสื้อน่ะ
แล้วก็นะพี่พรตกับพี่แพรเขาสนิทกัน

ออฟไลน์ Missmu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Missmu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนใหม่ยังไม่มา  :hao5:

ออฟไลน์ powl-the-2nd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1


::: CHAPTER 20 :::





         ตอนที่พี่พรตขับรถมารับผมที่ร้านสเต๊กก็เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มซึ่งสายของเขากินเสร็จกันสักพักแล้ว พี่พรตเลยขับรถมาจอดรอแถวพญาไทเพื่อคอยรับพอดี ทำให้ผมเลยไม่ต้องยืนคอยนานเท่าไหร่ก่อนจะเห็นรถสีขาวคันหนึ่งจอดเทียบบริเวณฟุตบาธที่ผมยืนอยู่ และเมื่อมองเห็นพี่พรตแล้วผมก็รีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งทันที

            “เลี้ยงสายเป็นไงครับ”

            “ดีนะ น้องรหัสเป็นผู้หญิงชื่อน้ำ พรานรู้จักป่ะ”

            “อ้อ รู้ครับ แต่ไม่ค่อยสนิท”

            เพื่อนที่ชื่อน้ำคนนี้เป็นคนที่ไม่ได้มารับน้องบ่อยเท่าไหร่เลยไม่ค่อยรู้จักกันครับ แต่ผมก็เคยทำงานกลุ่มด้วยครั้งหนึ่งซึ่งเขาก็เป็นคนนิสัยโอเคเลย

            “แล้วไอ้แพรเป็นไง”

            “โหพี่พรต ผมนึกว่าพี่เขาจะดุ ตอนแรกกลัวนะแต่กลายเป็นว่าเฟรนด์ลี่มาก คุยกับผมตลอดเลยอ่ะ”

            ผมรัวใส่พี่พรตเหมือนได้ระบายความอัดอั้นออกมาจนหมด และพอพี่พรตได้ยินก็หัวเราะออกมาทั้งที่สายตายังคงจับจ้องไปบนถนน

            “ฮ่าๆ แพรก็งี้แหละ สายมันตื่นเต้นมาก เสิร์ชหาเฟซบุ๊คพรานกันตั้งแต่ปิดเทอม”

            “จริงป่ะเนี่ย ผมก็กลัวอยู่ตั้งนาน ตอนนั้นเคยถือน้ำไปชนทีนึงโคตรน่ากลัวอ่ะ”

            “มันคงตั้งใจโหดใส่”

            “ไม่น่าล่ะ...”

            ผมยังจำได้ดีว่าวันนั้นพี่แพรเหวี่ยงจนผมงงเลยว่าทำไมจะต้องชักสีหน้าใส่กันขนาดนี้ ตอนนี้ทุกอย่างเคลียร์เลยครับ ปีหนึ่งแม่งเป็นช่วงเวลาที่ถูกหลอกง่ายมากๆ คงเป็นเพราะจากโตสุดในโรงเรียนกลายเป็นน้องเล็กสุดในมหาวิทยาลัยทำให้สกิลการวางตัวเป็นผู้นำนั้นลดลงไปค่อนข้างมาก เหมือนทำอะไรก็จะเกรงๆ นี่ก็โดนหลอกมาหลายเรื่องแล้วตั้งแต่เฉลยพี่เนียน และผมว่ายังมีอีกหลายเรื่องเลยที่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น

            อีกเรื่องที่ผมคาใจมากในวันนี้คือเรื่องงานประกวดของพี่พรต จะนับว่ามันป็นอีกเรื่องที่ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นก็ว่าได้ ผมเชื่อมาตลอดจริงๆ ว่าพี่พรตเป็นคนขี้เดือด หมายถึงเป็นบุคคลที่จะเดือดอยู่บ่อยๆ จนต้องเรียกผมมาช่วย ไม่คิดเลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่พรตจะต้องทนทำสองโปรเจกต์ไปพร้อมกันแบบนี้

            “พี่พรต”

            “ว่า?”

            “พี่พรตทำประกวดแบบอยู่เหรอ”

            สายตาของพี่พรตยังคงจ้องมองไปด้านหน้าแต่ท่าทางเขาเหมือนชะงักไปนิกนึง ก่อนจะพยักหน้ายอมรับในที่สุด

            “อืม ก็ทำเรื่อยๆ แหละ”

            “เสร็จยัง ให้ช่วยไรมั้ย”

            “ยังไม่เสร็จ แต่ไม่ต้องหรอก”

            ...พี่พรตก็เป็นแบบนี้ตลอด เขาไม่ชอบเล่าอะไรให้ใครฟังเท่าไหร่ เขาไม่เคยเอาเรื่องเครียดๆ ของครอบครัวหรือเพื่อนมาปรึกษาของผมเลย ครั้งเดียวที่ผมได้รับรู้คือเรื่องตั้งแต่ที่โรงพยาบาลคราวนั้น แต่หลังจากนั้นเขาก็ทำตัวเหมือนโอเคมาตลอด รวมถึงที่เขามีทีท่าอยากให้ผมมาค้างคอนโดด้วยบ่อยๆ อาจเพราะต้องการให้ช่วยเหลือรึเปล่า



            “พี่พรต เหนื่อยก็บอกว่าเหนื่อยดิ”



            พี่พรตถอนหายใจแล้วเงียบไปอีกแล้ว เขาไม่ตอบหรือพูดอะไรอีกเลย จนในที่สุดก็มาถึงหน้าคอนโดที่คุ้นเคย เขาหักเลี้ยวเข้าที่จอดแล้วดับเครื่องลง


             “ถึงแล้ว”

             




             
              ผมไม่แปลกใจเลยเมื่อพี่พรตเปิดประตูห้องมาแล้วได้เห็นกระดาษร่างหลายแผ่นวางเกลื่อนอยู่บนพื้น ผมไล่สายตามองแต่ละแผ่นก็พบว่ามันไม่ใช่แบบร่างของงานชิ้นที่ผมมาตัดโมเดลให้ แต่มันคงเป็นโปรเจกต์ประกวดที่เขากำลังทำอยู่

            “อันนี้งานประกวดใช่ป่ะ”

            “ใช่ เดี๋ยวคืนนี้ต้องทำต่อน่ะ”

            ผมหันกลับไปมองสีหน้าเซ็งๆ ของพี่พรตแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ถึงผมจะช่วยอะไรมากไม่ได้แต่อย่างน้อยก็อยากให้เขาไม่รู้สึกแย่กับมัน

            “เดือดมั้ย”                                               

            “จะว่าไงดีอ่ะ...คืนนี้คงยาวแหละแต่เสร็จแน่ๆ นายนอนก่อนได้นะ”

            “เฮ้ย งั้นเดี๋ยวช่วย พรุ่งนี้พรานไม่มีเรียน”

            ผมรีบสวนกลับด้วยความติ่นเต้น รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยที่พี่พรตไม่มีท่าทางเหมือนอยากปิดบังเหมือนอยู่บนรถเมื่อกี้

            “เรียกตัวเองว่าพรานอีกแล้ว”

            ...เชี่ย เมื่อกี้ผมไม่ได้สังเกตตัวเองเลย

            แต่ผมก็นึกชมตัวเองว่าอย่างน้อยมันก็ทำให้พี่พรตหัวเราะออกมาเบาๆ เขาดูอารมณ์ดีขึ้นมาก และยกมือขึ้นมายีหัวของผมจนยุ่งไปหมด ผมรู้สึกเขินขึ้นมาทันทีแต่ก็แสร้งทำเป็นโวยวายจนเขาเอามือออกไป

            “น่ารักจัง มากอดทีดิ”

            “เล่นงี้เลยเหรอ”

            ผมโวยขึ้นอีกทีเมื่อพี่พรตจับตัวผมให้หันเข้าไปหา เขาจ้องผมอย่างจริงจังจนทำให้ผมไม่กล้าสบตากลับ แต่แล้วเสียงงอแงที่เป็นเอกลักษณ์ของพี่พรตก็ดังขึ้น พี่พรตแม่ง...เดี๋ยวก็ซีเรียสเดี๋ยวก็เหมือนเด็ก ผมชักเอาใจตามไม่ถูกแล้ว

            “เดี๋ยวนี้นายไม่ยอมให้กอดแล้วเหรอ ทำไมอ่ะๆๆ”

            “เออ งั้นมาดิ”

            ผมเลยจำใจเป็นฝ่ายโอบแขนรอบตัวพี่พรตก่อนอย่างหลวมๆ ซึ่งเหมือนจะไม่ค่อยถูกใจเขาเท่าไหร่ เพราะยังไม่ทันโอบรอบพี่พรตก็เป็นฝ่ายดึงผมเข้าอ้อมกอดของเขาเสียเอง หัวใจพี่พรตเต้นแรงไม่แพ้ของผม สักพักเขาก็ค่อยๆ กดหน้าลงกับไหล่ข้างนึงแล้วค้างไว้อย่างนั้นแล้วเริ่มต่อรอง

            “ขอห้านาที”

            “นานไป พรานเมื่อย”

            “งั้นสี่นาที”

            “ให้สาม”

            เขาไม่ต่อรองอะไรอีกแต่ยังคงกอดค้างไว้อย่างนั้นจนผมว่ายังไงมันน่าจะเกินสามนาทีชัวร์ๆ ผมเริ่มรู้สึกเมื่อยขึ้นมาจริงๆ เลยพยายามจะดันตัวเองออกมา แต่ก็นั่นแหละครับ พี่พรตก็ยังไม่ยอมอยู่ดี ซ้ำยังออกแรงมากขึ้นด้วย จนในที่สุดเขาก็คลายอ้อมแขนแต่ก็ยังไม่ปล่อยตัวผม


            “นี่”

            “อะไรอีก พรานเมื่อยแล้วนะ”

            “เมื่อกี้ซักเสื้อไม่สะอาดเลยอ่ะ”

           

            สุดท้ายคืนนี้ผมกับพี่พรตก็ลงมานั่งบนพื้นทำงานกัน แบบประกวดดีอย่างครับคือไม่ขอดูโมเดล งานส่วนมากเลยเป็นงานที่ทำในคอมพิวเตอร์ซึ่งผมยังทำไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ พี่พรตเลยให้ผมทำงานที่ไม่ต้องใช้โปรกแกรมเฉพาะทางแต่ให้ทำโฟโต้ช็อปแทน นี่ยังดีหน่อยที่ผมยังพอตัดต่อรูปเป็นเลยได้เอารูปทัศนียภาพที่เรนเดอร์ขึ้นมาในโปรแกรมไปแต่งให้ดูสมบูรณ์ขึ้น ถึงผมทำแล้วจะไม่เชี่ยวชาญหรือคุณภาพดีเท่าที่พี่พรตทำเองแต่ก็ยังดีกว่าถ้างานจะลดลงแหละครับ

            พี่พรตนั่งทำงานไปฮัมเพลงที่เปิดคลอไว้ไป ผมเห็นท่าทางของเขาดูอารมณ์ดีขึ้นก็ค่อยสบายใจหน่อย นี่ถ้าผมไม่ดึงดันจะช่วยทำ มีหวังเขาจะต้องทำคนเดียวแล้วเครียดอีกแน่ ผมคิดนู่นคิดนี่พลางแปะต้นไม้ต้นสุดท้ายลงบนรูป ปรับความเข้มของเลเยอร์แล้วย่อขยายให้ได้รูปทรงและตำแหน่งที่ต้องการ

            “หืม สวยนิ”

            อยู่ๆ พี่พรตก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมเบี่ยงหลบเกือบไม่ทัน  ประเด็นคือไม่ใช่ใกล้หน้าจอคอมพ์นะครับแต่ใกล้หน้าผมเนี่ยแหละ


            “นี่ ขอกำลังใจหน่อย”

            อยู่ๆ พี่พรตก็หันมาพร้อมสายตากุ้มกริ่มทำเอาผมทำอะไรไม่ถูกเลยครับ ผมเลยต้องทำใจดีสู้เสือแล้วถามเอง


            “กอดเหรอ”


           “ขอมากกว่านั้นได้ป่ะ”



            แรงสะกิดที่เพิ่มขึ้นทำให้ผมจำใจต้องละสายตาจากงานที่ทำอยู่แล้วหันไปสบตากับเขา


           
           “จะขออะไร”



            “จูบ”









--------------------------------------------------------------------

เดี๋ยวมาต่ออีก 50ให้หลังลงจากค่ายนะะ

เจอกันค่าา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2016 23:12:40 โดย powl-the-2nd »

ออฟไลน์ jejiiee

  • cannot open this page
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
แง้งงง รอค่าา

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
งื่อออออออออออออออออออออ รอออออออออออออออออออออออออ :monkeysad:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
แอร๊ยยยยยยย ค้างค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
รอต่อน้าาาาา
T^T
 :mew6:

ออฟไลน์ ตะวันฉาย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-5
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกดีครับ
รอติดตามอยู่นะครับ

ออฟไลน์ lazysheep

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-2
พี่พรต เนียนนะเนียนนมากกกก งุ้ย ขอเติมพลังแบบนี้

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
น่ารักกกกอะ รอพี่พรตน้องพรานค่าาา

ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เอาแล้วๆ พี่พรต...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด