::: SPECIAL 1 ::: “เฮ้ย ไอ้พรตมาทางนี้ๆ”
ชื่อผมที่ดังแทรกเสียงเพลงและเสียงพูดคุยฟังไม่ได้ศัพท์ทำเอาผมรีบกวาดสายตาไล่มองใบหน้าของผู้คนแต่ละโต๊ะเพื่อตามหาใบหน้าที่ผมคุ้นเคย วันนี้เป็นวันส่งโปรเจกต์มิดเทอมซึ่งเวลากำหนดส่งคือเก้าโมงเช้า เพื่อนในกลุ่มทุกคนเลยกะจะไปกินชาบูเลี้ยงฉลองจบโปรเจกต์ สำหรับพวกเราแล้วการส่งงานชิ้นหนึ่งก็เทียบได้กับการสอบเสร็จ ถึงพวกเราจะยังไม่ได้สอบเลยสักวิชาก็ตามแต่ตอนนี้ชีวิตมันเหมือนผ่านช่วงพีคไปแล้วน่ะครับ และเพราะเมื่อคืนผมไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่เลยไม่อยากถ่างตากินชาบูอีก จึงได้ตกลงกับเพื่อนในกลุ่มว่าจะเลื่อนการฉลองมาเป็นที่ร้านเหล้านั่งชิลล์แถวคอนโดแทน ซึ่งผมก็ไปนอนยาวๆ มาจนเพิ่งตื่นเมื่อกี้นั่นแหละครับ
“ไอ้พรตหันซ้าย”
เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนเรียกอีกครั้งผมเลยหันซ้ายตามที่ได้ยิน จึงได้เจอกับกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่อยู่กันพร้อมหน้า พวกมันโบกมือให้ผมด้วยท่าทางเหมือนไม่ได้เจอกันมาชาติเศษก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปนั่งทันที
“มึงสั่งไรมาแล้วบ้างวะ”
ผมปรายตามองจานเปล่าสามสี่ใบซึ่งไม่สามารถบอกได้แล้วว่ามันเคยใส่อะไรมา
“ก็เบียร์สองทาวกับข้อไก่อ่ะ”
“ทั้งหมดคือข้อไก่อ่ะนะ”
“เออ”
ผมโคลงศีรษะอย่างปลงๆ ไอ้พวกนี้ไม่ว่าจะมากินกี่ครั้งกี่หนมันก็จะสั่งข้อไก่ทอดมาหลายๆ จานและหมดทุกทีเลยครับ ความจริงผมไม่ค่อยชอบมากหรอกแต่เริ่มชินแล้วเพราะพวกมันเล่นสั่งอย่างเดียว คราวนี้ผมมาทีหลังจะถือว่าเป็นข้อเปรียบละกันครับเพราะพวกมันจัดการกันไปเรียบร้อยแล้ว เลยตัดสินใจสั่งเปาะเปี๊ยะมาจานนึงแทน แต่แล้วไอ้กรก็ดันหันมาอีกครั้ง
“ข้อไก่อีกจานด้วยครับ”
“มึงพอเลย หน้าจะเป็นไก่อยู่แล้ว”
“เออน่า เอาตามนั้นครับ”
ผมถือวิสาสะดึงแก้วช็อตมาจากหน้าไอ้โอม กดเบียร์ให้ตัวเองแล้วยกขึ้นดื่มรวดเดียวพร้อมมองเพื่อนๆ ไปด้วย ผมจึงได้เห็นไอ้น็อตเพื่อนร่วมเซคที่มาดื่มด้วยวันนี้กำลังมองไปด้านซ้ายไม่หยุด และเมื่อมันละสายตาออกมาเพื่อกดแก้วใหม่มันเลยเห็นว่าผมมองอยู่ก่อนแล้ว
“นี่ๆ ไอ้พรต” จู่ๆ มันก็โน้มตัวลงมาเพื่อให้เข้าใกล้ผมขึ้นมาอีก
“มีไร”
“น้องคนนั้นน่ารักป่ะวะ”
พอมันพูดอย่างนี้ผมเลยรีบหันไปตามทิศทางนั้นทันทีและได้เห็นว่าเป็นแกงค์ผู้ชายที่หน้าตาดูเด็กน้อยรวมถึงผมตัดสั้นอย่างทำให้ผมขอฟันธงว่าไม่น่าจะเกินม.ปลาย
“นี่มึงเอาเด็กขนาดนี้เลยเหรอวะ”
“แล้วไม่น่ารักเหรอ”
ผมหันไปมองอีกครั้ง ผมไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะว่าคำว่าน่ารักของไอ้น็อตมันเป็นแบบไหนเพราะผมไม่ได้ชอบผู้ชาย ผมมีแฟนเป็นผู้หญิงและมองไม่เป็นด้วยว่าผู้ชายที่น่ารักสำหรับผู้ชายมันเป็นยังไง ผมพิจารณาใบหน้าของน้องแต่ละคนในโต๊ะนั้น มีคนหนึ่งที่ดูคล้ายผู้หญิงที่สุดผมเลยลองเดาดู
“คนริมขวาเหรอวะ”
“เปล่า”
“อ้าว แล้วใครวะ”
“คนกลาง”
ผมหันกลับไปมองอีกครั้งก่อนจะพบว่าคนกลางที่มันพูดถึงนี่ดูยังไงก็ไม่เห็นน่ารักหรือหน้าตาดีเท่าอีกสองคนที่นั่งขนาบกันเลยสักนิด น้องเขาก็ไม่ได้หน้าตาแย่หรอกครับ เรียกได้ว่าอยู่ในระดับกลางที่ไม่ได้โดดเด่นสะดุดตาอะไรด้วยซ้ำ
“น่ารักตรงไหนวะ”
“โอ๊ยอีพรต มึงแม่งดูไม่เป็น”
“ก็เออดิ”
“มานี่ กูจะสอนให้”
มันผลักหน้าผมให้หันกลับไปอีกครั้งซึ่งผมก็ทำตามแต่โดยดี สายตาของผมจับจ้องไปที่ใบหน้าของน้องผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงกลางพลางพยายามพิจารณาไปด้วยว่าอะไรทำให้เพื่อนของผมพูดให้ฟังแบบนี้
“มึงดูดีๆ นะ เขาน่ามองไหมล่ะ”
ผมไม่รู้จะจตอบยังไงครับเพราะผมก็ต้องมองเขาอยู่ดีไม่ใช่เหรอ จึงพยักหน้าไปตามมัน
“ท่าทางการพูดุย สีหน้า รอยยิ้ม อะไรแบบนี้ก็ด้วย”
ผมจ้องมองอยู่อย่างนั้นก่อนที่จะได้เห็นเขาหัวเราะออกมา ผมจึงเริ่มเข้าใจสิ่งที่ไอ้น็อตมันพูดขึ้นมานิดหน่อย...ท่าทางตอนหัวเราะของเขาน่ารักดี แต่ผมก็แอบคิดไม่ได้ว่าคนด้านขวาหรือคนอื่นในวงก็อาจหัวเราะได้น่ารักไม่แพ้กันป่ะวะ
...แต่เอาเหอะ ขอตอบไปส่งๆ ก่อนละกันเพราะผมคงไม่เข้าใจประเด็นของมันอยู่ดีนั่นแหละ
“เออ ก็น่ารักดี”
“เห็นมะ กูมองมาตั้งแต่เข้ามาเลยเนี่ย”
เห็นเพื่อนทำสีหน้าภูมิใจขนาดนั้นผมก็ดีใจด้วยครับ ผมเลยได้แต่พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับมันไปงั้นก่อนจะหันกลับมารินเบียร์ให้ตัวเองอีกช็อตแล้วนั่งดื่มพลางเคาะเท้าตามจังหวะเพลงไปเรื่อย ผมมองไปรอบร้าน คนที่มาดื่มกันในวันนี้ดูจากหน้าตาแล้วเชื่อว่าส่วนมากก็เป็นเด็กมหาลัยแหละครับ แค่ไม่มีใครใส่ชุดนักศึกษามาก็เท่านั้น
“มึงเนี่ยนะไอ้พรต เวลามองคนให้มองจากท่าทางไม่ใช่หน้าตา เคป่ะ”
“เออๆ”
ผมตอบไปเพื่อตัดบท แต่เหมือนไอ้น็อตจะไม่ยอมให้ประเด็นนี้ไหลไปตามบนสนทนาได้ง่ายๆ เพราะมันดันหันไปคุยให้คนอื่นมาฟังด้วย
“ดูท่าทางที่เขานั่ง การจับตะเกียบ การยกแก้ว สีหน้าในแต่ละช่วง การพูดคุย สังเกตด้วยนะว่ารอยยิ้มเขาเป็นยังไง ยิ้มบ่อยแค่ไหน”
ผมพยักหน้าพลางมองไปที่ผู้ชายที่ไอ้น็อตบอกว่าน่ารัก ถึงมันจะพูดขนาดนี้และผมพยายามมองตามและสังเกตประเด็นต่างๆ ตามมันแล้ว ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรแตกต่างหรือน่ามองกว่าคนอื่นเลยสักนิด เขาก็เป็นคนธรรมดาทั่วๆ ไปนั่นแหละ
“ก็ธรรมดานี่มึง”
เหมือนไอ้กรจะรู้ใจผมดีเกินไปเสีแล้ว มันพูดขึ้นโดยไม่ไว้หน้าคำชื่นชมที่ไอ้น็อตมันพยายามอธิบายเลยสักนิด ทำเอาไอ้น็อตหันกลับมาหาไอ้กรททันที
“มึงไม่รู้อะไรซะแล้ว”
“...”
“ความธรรมดานี่แหละที่น่ารัก”
“ถุย อย่าให้เห็นมึงเปลี่ยนใจไปเต๊าะคนซ้ยแทนนะ”
“เออ เดี๋ยวทำให้ดูเลย”
คราวนี้ไอ้น็อตไม่พูดเปล่าเพราะมันยกมือเรียกบริกรที่เดินไปมาอยู่แถวนั้นเข้ามาแล้วกระซิบด้วยระดับเสียงเหมือนจงใจให้พวกผมได้ยินพร้อมกัน
“พี่ขอค็อกเทลแก้วนึง ให้คนกลางโต๊ะนั้นหน่อยครับ...ฝากบอกด้วยว่า น่ารักจัง”
บริกรคนนั้นพยักหน้ายิ้มๆ เหมือนเข้าใจก่อนจะเดินไปทางบาร์
ไม่นานหลังจากนั้นผมก็ได้เห็นบริกรคนเดิมเดินถือถาดที่มีแก้วค็อกเทลสีสวยตรงเข้าไปหาโต๊ะนั้นโดยที่มีกลุ่มเพื่อนของผมทั้งกลุ่มมองตามอย่างตั้งใจยิ่งกว่าตอนทำโปรเจกต์ แม้ตัวผมเองยังอดลุ้นไปกับไอ้น็อตไม่ได้ ผมไม่ค่อยรู้หรอกว่าเวลาจีบคนในร้านเหล้าเขาทำกันยังไงเพราะไม่ค่อยจีบใครจากในนี้เท่าไหร่ และยิ่งอีกฝ่ายเป็นผู้ชายนี่ยิ่งเป็นอะไรที่ผมคิดเสมอว่าไอ้น็อตแม่งกล้าเข้าหาได้ไงวะ
คนในโต๊ะนั้นยังคงคุยกับอย่างครื้นเครงจนกระทั่งบริกรเดินไปถึงแล้ววางค็อกเทลลงตรงหน้าเป้าหมาย และเราถือว่าโชคดีที่โต๊ะไม่ได้อยู่ห่างกันมากจึงพอจะได้ยินเสียงพูดคุยโต้ตอบได้
“ผมไม่ได้สั่งแก้วนี้ครับ”
“มีคนสั่งมาให้”
“ใครครับ”
ผมเห็นท่าทางสับสนและการมองกวาดไปรอบร้านของเขาแล้วหลุดขำออกมา ถ้าให้เดาจากลักษณะนี้คือเขาคงเป็นคนไม่เก็บอารมณ์เท่าไหร่ เรียกได้ว่าไม่สนใจภาพลักษณ์เท่าไหร่นั่นแหละ
“โต๊ะฝั่งนั้นครับ”
...ฉิบหายละ
ผมตั้งใจจะหลบสายตาแต่เหมือนจะไม่ทันเพราะเขาหันมาหาเร็วมากและการที่กลุ่มของผมทั้งกลุ่มกำลังมองไปที่โต๊ะนั้นก็ทำให้เห็นได้ไม่ยากเลย ผมก้มหน้าหลบทันทีเมื่อสายตาของเขาเลื่อนมาสบกับผม เชี่ย...ความรู้สึกแม่งเหมือนตอนนินทาเพื่อนแล้วถูกจับได้เลยครับ
“ไอ้พราน มึงตอบเขาหน่อยสิ”
“ฮิ้วว เสน่ห์แรงนะมึงน่ะ”
ผมไม่กล้าเงยหน้าไปมองที่โต๊ะนั้นอีกเลยแม้บทสนทนาที่ได้ยินแม่งชวนให้หันไปเสือกเอามากๆ ซึ่งเพื่อนทั้งหมดในโต๊ะก็หลบตากันยกใหญ่ไม่ต่างกันยกเว้นเจ้าตัว ยิ่งรวมกับคำพูดของไอ้น็อตที่บอกว่าน้องเขาน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ขาดปากแล้วใครกล้าหันไปก็หน้าด้านมากแล้วครับ...นี่ผมไม่ได้ด่าไอ้น็อตนะ ไม่ได้ด่าจริงๆ
“มึงว่าคนไหนวะ”
เสียงที่ยังดังจากโต๊ะนั้นอย่างต่อเนื่องทำเอาผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
“ไม่รู้ว่ะ”
“กูว่าคนที่นั่งริมคนที่สองจากซ้ายหล่อดีนะ มึงตอบกลับดิพราน”
“ก็แย่ละ”
ผมรู้สึกเบาใจไม่น้อยเมื่อเจ้าตัวเป็นคนตัดจบหัวข้อสนทนานี้ด้วยตนเอง ไอ้น็อตหันกลับมาเมื่อบทสนทนาของโต๊ะนั้นเปลี่ยนไปเป็นการพูดคุยสัพเพเหระตามปกติ โต๊ะเราเองเลยเริ่มพูดคุยเหมือนอย่างเดิมต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนส่วนมากก็เป็นเรื่องงานและการเรียน จะคาดหวังเรื่องอะไรได้จากวงเหล้าของเด็กถาปัดที่เพิ่งส่งโปรเจกต์ไปเมื่อเช้าล่ะครับ ผมพูดคุยกับเพื่อนพลางหัวเราะเสียงดังเมื่อใครเล่นมุกอะไรสักอย่างขึ้นมา ร้านเหล้าก็แบบนี้แหละครับ เป็นสถานที่ๆ ผมสามารถหัวเราะได้เต็มเสียงหน่อยเพราะเสียงในร้านมันดังกลบเสียงผมได้และการนั่งจิบเบียร์ไปหัวเราะไปก็ไม่เลวนักหรอก
ในระหว่างที่ผมกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศอยู่นั้น จู่ๆ เสียงในโต๊ะของผมกลับเงียบลงและทุกคนหันไปมองด้านหลังผมกับทั้งหมด ด้วยความสงสัยผมจึงหันกลับไปดูบ้างและได้เห็นบริกรถือถาดที่มีค็อกเทลแบบเดียวกับที่สั่งให้โต๊ะนั้นเข้ามา ความหน้ากลัวยิ่งกว่าคือบริกรคนนั้นเดินมาถึงแล้ววางแก้วค็อกเทลไว้ด้านหน้าของผมพอดี
“น้องครับ โต๊ะนั้นฝากมาให้”
...ไอ้ห่า กูคือคนที่สองจากซ้ายเหรอวะ
สองปีต่อมา [เห้ย ไอ้พรต อยู่ไหนแล้ววะ]
“เออๆ กูกำลังจะลงแท็กซี่แล้วรอแปป”
[เออรีบมาเร็ว ไอ้กรจะบรีฟแล้ว]
“โอเค”
ผมเก็บโทรศัพท์มือถือ หยิบเงินออกมาจ่ายค่าแท็กซี่แล้วเปิดประตูลงจากรถทันที วันนี้เป็นวันแรกพบของมหาวิทยาลัยที่จะให้น้องใหม่ของแต่ละคณะมาเจอกันก่อนวันเปิดเทอม คณะผมเลือกสถานที่เป็นลานกลางของคณะซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากคณะอื่นที่จะทำเป็นซุ้มยิ่งใหญ่ และปีนี้รุ่นผมเป็นทีมจัดงานครับเลยทำให้ทุกคนต้องช่วยกันอย่างที่ทำอยู่
ผมยัดชายเสื้อเข้ากางเกงนักเรียนพร้อมตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง รู้สึกกไม่ชินเท่าไหร่เพราะผมไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนเต็มรูปแบบมานานมากแล้ว แต่วันนี้ยังไงก็มีความจำเป็นที่จะต้องใส่เนื่องจากโดนไอ้กรมาทาบทามกึ่งบังคับให้ไปเป็นพี่เนียนและจะมีบรีฟก่อนเริ่มงานนิดหน่อยซึ่งผมมาสายแล้วครับตอนนี้ เหมือนประตูคณะเองก็ใกล้จะปิดแล้วด้วยซ้ำ ผมเลยไม่มีทางเลือกมากนอกจากจับวิกที่ใส่อยู่บนหัวให้แน่นแล้วเริ่มออกวิ่ง
ผมพยายามกวาดสายตามองหาเพื่อนที่มาเป็นพี่เนียนด้วยกันแต่ตรงนี้ไม่ค่อยมีใครเลยครับ ผมเลยเดินผ่านจุดรับส่งไปอย่างปลงตก ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของน้องผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเหมือนจะเพิ่งลงจากรถมาได้ไม่นาน
...คุ้นมาก
ผมยังคงวิ่งแต่จับจ้องอยู่ครู่ใหญ่เพราะรู้สึกเหมือนเคยเจอเขามาก่อนแน่นอน ผมลองสังเกตดูกริยาการเดิน การพูดคุยแม่งก็ยิ่งคุ้นเข้าไปอีก และโดยเฉพราะท่าทางของเขาในตอนนี้ทำให้ผมนึกไปถึงประโยคที่ไอ้น็อตพูดไว้เมื่อนานมาแล้ว
‘ความธรรมดานี่แหละที่น่ารัก’
...เชี่ย นี่มันเด็กคนนั้นป่ะ สุดท้ายมาเข้าคณะเราเหรอวะ
มีไม่กี่ครั้งหรอกที่โลกจะกลมจนน่ากลัวขนาดนี้ ผมหลบเล็กน้อยเพื่อให้ไม่วิ่งไปชนเขาแต่แล้วจู่ๆ เขาก็ชะงักฝีเท้าโดยไม่คาดคิด
‘ผลั่ก’
สุดท้ายผมก็ชนเขาอย่างแรงจนเจ้าตัวเซไปนิดนึง ผมจึงรีบเอ่ยขอโทษโดยพยายามไม่หันกลับไปสบตา แม่งเอ๊ย โคตรกลัวน้องมันจะจำได้และจับได้ตั้งแต่ครั้งแรก จากนั้นผมเลยรีบผลักประตูคณะเข้าไปแต่ภาพที่เห็นตรงหน้าคือกิจกรรมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เออ...ยังไงผมก็มาสายแล้วล่ะครับ และไอ้กรคงรู้ว่ามาถึงขั้นนี้คงจะบรีฟอะไรผมไม่ทันแน่ ดูจากรูปการณ์แล้วผมเลยตัดสินใจหันกลับไปหาน้องคนนั้นที่เดินตามเข้ามาทีหลังแล้วเริ่มทำหน้าที่เป็นพี่เนียนที่ดีอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เออนี่ ชื่ออะไร อยู่ภาคไหน”
เขาชะงักไปเล็กน้อยและมองมาด้วยสีหน้างุนงง ผมแอบดีใจไม่น้อยเมื่อมั่นใจว่าเขาคงจะจำผมไม่ได้จริงๆ ก่อนที่เขาจะบอกคำตอบที่ผมไม่เคยลืมอีกเลย
“นายพราน สถาปัตย์ภายใน”
--------------------------------------------
ตอนพิเศษตอนแรกมาแล้ววว

เรียกได้ว่ามีงานจนต้องพิมพ์วันละหน้ามาตลอดอาทิตย์จนครบเลยค่ะ งืออ

วันนี้เป็นวันแรกและวันเดียวที่ได้พักผ่อนเลยค่ะ T_T
ตอนพิเศษนี้จะลงให้2ตอน แล้วไปเจอกันในเล่มอีก5ตอนนะคะ เยย้