::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17  (อ่าน 278882 ครั้ง)

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
กลัวตรงนี้แหละ
กลัวคนรอเหนื่อยที่จะรอ

ออฟไลน์ AutoAngels

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารพี่พรตกับน้องพรานจัง :mew6:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เพิ่งจะเป็นแฟนกัน ก็ต้องห่างกัน
สงสารชีวิตแบบพรตเนอะ
เรื่องออกแบบพรตไม่ชอบ
แต่พราณชอบนี่นา อิอิ

ออฟไลน์ aurusma

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
ได้สิ นะๆๆๆๆๆ พรานรอพี่พรตหน่อยนะะะะะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ไม่ชอบพ่อพี่พรตเลย ทำไมต้องบังคับลูกตัวเองซะขนาดนี้ด้วย
ไม่เห็นเหรอว่าลูกตัวเองไม่ได้มีความสุขเลยกับสิ่งที่พ่อเป็นคนเลือกให้อ่ะ
ไม่รู้จะบังคับไปถึงไหน ปล่อยให้ลูกมันได้มีอิสระบ้างเหอะ อย่าบังคับกันมากเกินไปเลย

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
สตงสติไปหมดละพรตเอ้ยยยยย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พ่อพี่พรต ตั้งใจแยกพี่พรตกับพราน
ส่งไปเรียนเมืองนอก ห่างระยะทาง ไม่เจอกัน
พอห่างกัน ความสัมพันธ์ก็จืดจางได้
พบคนใหม่ๆ ก็เปลี่ยนใจกันได้
พรต พราน สู้ๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TiwAmp_90

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่พรตเป็นแบบนั้น กดดันแล้วยังควบคุมตัวเองได้ขนาดนี้ ถือว่าเก่งมากแล้วนะ สงสัยจังว่าทำไมพ่อไม่ให้พี่พรตเรียนสาขาที่ชอบ จะได้ทำให้มันดีสุดๆไปเลยงี้ เฮ้อ...ไม่เข้าใจโลกแบบนั้นเท่าไหร่ เห็นใจ แอบสงสารพี่พฤตนิดๆ 5555 พี่เขาจะรู้ตัวมั้ยหนอว่าน้องชายทั้งรักทั้งเกลียด แต่เราชอบพี่พฤตนะ น่ารักดี ต้องรอดูต่อไป อีกอย่างทั้งพ่อทั้งลูกก็แรงพอกันนะ แต่ดีที่หยวนๆให้บ้างแล้ว สงสารก็แต่น้องพราน จะยอมรอมั้ยหนอ? น้องน่ารักนะ ชอบเขินจนน่าแกล้งจริงๆ หวังว่าน้องจะหายจากอาการแขยงจูบได้เร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ Missmu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รักแท้ไม่แพ้ระยะทาง  :oo1:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
โอ่ยยยย ลุ้นด้วยคน
น้องพรานจะว่ายังไงนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ฮอลลลล รอกันไปรอกันมา

ออฟไลน์ insunhwen

  • FREEDOM!!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
อุปสรรคเรื่องเวลากับระยะทางนี่น่ากลัวนะ :o12:

ออฟไลน์ Missmu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มานั่งรอตอนต่อไป  :katai5:

ออฟไลน์ powl-the-2nd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
 



CHAPTER 23



             รอพี่ได้รึเปล่า


            “พี่พรตอยู่ไหน!”

            ผมไม่ได้ตอบคำถามที่พี่พรตพูดมาแต่เป็นฝ่ายถามกลับด้วยความร้อนรน และเหมือนพี่พรตเองก็จะไม่ใส่ใจอะไรเท่าไหร่เพราะเขาเฝ้าถามคำถามเดิมซ้ำไปมาจนผมรู้สึกผิดปกติ เสียงบีทเพลงที่ดังเป็นระยะและเสียงพูดคุยดังลอดเข้ามาทางโทรศัพท์ทำให้ผมรู้ในทันทีว่าพี่พรตไม่ได้อยู่ที่บ้านแน่ๆ และเมื่อประกอบกับคำพูดแปลกๆ แล้วเป็นไปได้อย่างมากว่าพี่พรตกำลังเมา

            ...แล้วอยู่กับใคร

            ผมเริ่มนั่งไม่ติด พี่พรตไม่เคยเมาให้ผมเห็นเลยสักครั้งแต่ถ้าให้เดาจากการพูดซ้ำไปมาแล้วถึงไม่เมาก็ต้องดื่มไประดับนึงแหละ และคงไปเครียดอะไรมาอีกแน่ๆ เขาเป็นคนประเภทไม่บอกไม่กล่าวอะไรอยู่แล้วซึ่งนั่นทำใหผมยิ่งกังวลมากขึ้น ผมจำได้ว่าเคยขอเบอร์เพื่อนพี่พรตเอาไว้ แต่หลังจากพยายามไล่เบอร์ในมือถือก็ไม่มีเบอร์ใครเลย ผมจึงลุกขึ้นมาที่โต๊ะดราฟ พยายามมองหากระดาษหรือสมุดเผื่อผมจดแล้ววางทิ้งไว้บ้าง และในจังหวะนั้นสายตาผมก็สะดุดเข้ากับกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งบนโต๊ะ

            ...ใบสายรหัส                                           

            ผมรีบหยิบกล่องนั้นขึ้นมาเปิดโดยเร็ว แล้วดึงกระดาษที่พับทบในแบบญี่ปุ่นคลี่ดูรายชื่อสมาชิกในสายไล่มาเรื่อยๆ จนถึงชื่อพี่แพรซึ่งผมจำได้ว่าเขาสนิทกับพี่พรต

            ผมกดเบอร์อย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นไม่นานปลายสายก็กดรับ

            “พี่แพร นี่พรานนะ”

            [อ้อ ว่าไง]

            “พี่พอรู้มั้ยครับว่าตอนนี้พี่พรตอยู่ไหน”

            [หือ ไม่รู้เลยอ่ะ พี่ทำสตูอยู่ที่บ้าน]

            “คือ...”

 




 

            “ไปสาทรครับ”

            ผมไม่ขับรถและไม่เคยคิดว่ามันดือดร้อนอะไรจนกระทั่งวันนี้ ผมมองแผนที่ในมือถือพลางกดให้มันนำทางไปตามเส้นทางเพื่อคอยบอกแท็กซี่เป็นระยะๆ ผมมองรูปด้านหน้าของร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งซึ่งพี่แพรบอกว่าพี่พรตชอบไปนั่งดื่มเสมอเวลามีเรื่องเครียดอะไร ซึ่งผมก็ได้แต่หวังว่าจะเจอเขาจริงๆ

            เวลายี่สิบนาทียาวนานเหมือนเป็นชาติเมื่อความคิดของผมเอาแต่วนเวียนอยู่กับพี่พรต จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไงครับ ตอนบ่ายก็บอกว่าไม่ต้องมาค้างเพราะงานใกล้เสร็จแต่ตัวเองกลับไปดื่ม ซ้ำยังไม่รู้ว่าไปคนเดียวรึเปล่าและจะกลับยังไง

            “ตรงนี้เลยครับพี่ ไม่ต้องทอนนะครับ”

            ผมยื่นธนบัตรให้แท็กซี่แล้วรีบเปิดประตูลงจากรถทันทีก่อนเดินฝ่าผู้คนเข้าไปในร้าน กลิ่นเหล้าและบุหรี่อบอวลไปทั่วพร้อมเสียงดนตรีดังจนปวดหู ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย เหมือนยิ่งดึกยิ่งคึกแหละครับ ทุกคนพยายามตะโกนคุยกันแข่งกับเสียงดนตรีทำให้ฟังไม่ได้ศัพท์เลยทั้งเสียงคุยและเสียงดนตรี

            ผมเดินฝ่าคนและพยายามหลบเลี่ยงบางคนที่เดินเข้ามาทักทายไม่หยุด จนสุดท้ายก็เดินไปถึงส่วนริมของร้านซึ่งจัดเป็นโต๊ะขนาดนั่งได้สามสี่คน ผมก็เดินไล่ดูต่อไปเรื่อยๆ จนถึงโต๊ะตัวเกือบสุดท้าย

            ...นั่นพี่พรต

            ความรู้สึกตอนนี้เหมือนถูกหวยเลยครับเพราะตอนแรกเผื่อใจไว้ว่าอาจไม่เจอ ผมยิ้มนิดๆ กับตัวเองแล้วก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นขมวดคิ้วเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินถือแก้วเหล้าเข้ามาเพื่อจะขอชนแก้วพร้อมแตะไหล่พี่พรตอย่างจงใจ ซึ่งพี่พรตซึ่งพี่พรตเองก็ทำท่าทีพอใจและหันไปชนแก้วกับผู้หญิงคนนั้นเช่นกัน ฝั่งตรงข้ามพี่พรตเป็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งผมคุ้นว่าน่าจะเป็นพี่กรเพื่อนในกลุ่มเขานั่นแหละ ทำให้ผมค่อยโล่งใจหน่อยว่าอย่างน้อยพี่กรคงช่วยดูพี่พรตได้ระดับนึง

            “พี่พรต”

            ผมเอ่ยทักขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ ทำให้พี่พรตหันกลับมามองด้วยสีหน้าที่เหมือนชะงักไปทันที พร้อมกับพี่กรที่รีบหันมามองด้านหลังเช่นเดียวกัน

            “อ้าวน้องพรานมาได้ไง”

            “พี่พรตโทรมาผมเลยถามพี่แพรครับ”

            ผมตอบพี่กรแบบไม่ค่อยตั้งใจเท่าไหร่เพราะสมาธิผมไปอยู่กับพี่พรตหมดแล้ว เขามองผมมาโดยตรงไม่หลบสายตาแต่ดวงตาดูลอยๆ ปนเศร้าอย่างบอกไม่ถูก สภาพแบบนี้พี่พรตเครียดอยู่แน่ๆ และดูทีท่าว่าบางทีอาจเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับตัวผมด้วยซ้ำ

            “เออ มาก็ดีแล้ว ตอนแรกมันบอกจะไม่เมาๆ พอคุยกับพรานเสร็จแม่งเป็นบ้าไปเลย”

            ได้ยินอย่างนี้แล้ผมยิ่งขมวดคิ้ว มองแบบนี้พี่พรตเด็กจังเลยวะ เหมือนคนคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ผมทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่ยังคงว่างอยู่ซึ่งพี่พรตก็ลากสายตามองตามไม่หยุด

            “นี่พูดรู้เรื่องป่ะครับพี่กร”

            “ไม่ค่อยว่ะ”

            ผมถอนหายใจแล้วหันกลับไปสบตากับคนที่มองผมตลอดเวลา จริงๆ ผมควรจะสงสารเขานะ แต่ในใจตอนนี้กลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก นี่ถ้าพี่กรบอกว่าพี่พรตไม่เมามากผมจะตรงเข้าไปจับตัวเขาเขย่าๆ แล้วตะคอกอัดหน้าว่าเครียดอะไรให้ระบายออกมาให้หมดแล้วล่ะครับ

            “เออพราน ไปส่งมันไหวป่ะ งานกูยังไม่เสร็จ”

            ผมนิ่งคิดครู่หนึ่ง ผมไม่มีรถก็จริงแต่การลากไอ้พี่พรตไปเรียกแท็กซี่คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงหรอกมั้ง

            “น่าจะได้นะครับ”

            แต่พี่กรเองกลับมองผมสลับกับพี่พรตที่ถึงสติจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวแต่น่าจะเดินเองได้บ้าง ก่อนจะพยักหน้าให้ผม

            “งั้นเดี๋ยวให้เบอร์กูไว้ก่อน ไม่ไหวยังไงก็โทรมา”

            “ได้ครับ”

            ผมส่งมือถือตัวเองให้พี่กรกดเบอร์เรียบร้อย  เขามองเพื่อนตัวเองด้วยสายตาติดจะเป็นกังวล

            “ขอบคุณมาก ดูแลมันหน่อยนะ”

            “ครับ”
            หลังจากพี่กรลุกออกไปแล้ว ผมก็หันกลับมอมองคนที่นั่งข้างๆ พี่พรตแม่งเหมือนเมายายังไงไม่รู้เลยว่ะ คือไม่ได้เมาเละเทะแต่สติหลุดไปหมดแล้ว ผมเอื้อมมือไปแตะเขาเบาๆ ก่อนจะถาม

            “พี่พรตเดินไหวรึเปล่า”

            “พราน”

            “...”

            “รอได้รึเปล่า”

            “รออะไรครับ”

            “...ได้ไหม”

            ต้องการจะสื่ออะไรวะ

            ผมเพิ่งเข้าใจว่าคนเมาคุยไม่รู้เรื่องมันเป็นยังไง ตั้งแต่ในโทรศัพท์เมื่อกี้พี่พรตก็ถามคำถามนี้มาครั้งหนึ่ง เสียงพี่พรตที่ถามขึ้นเหมือนมีความไม่มั่นใจและกังวลอยู่หลายส่วนแต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ผมมองคนที่นั่งหลังตรงและสงบเหมือนสภาพปกติมากๆ จนดูเหมือนไม่เมาแต่ดันคุยไม่รู้เรื่องอย่างปลงๆ จะให้มันอธิบายอะไรตอนนี้คงไม่ไหวแน่ ผมจึงตัดสินใจเอาเลยว่ายังไงต้องพาพี่พรตออกจากที่นี่ก่อน

            “เดี๋ยวกลับก่อนจะตอบ มาเร็วพี่พรต”

            ผมลุกขึ้นจากโต๊ะก่อนเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายลุกตาม แต่เขาดูไม่มีทีท่าจะทำตามเลยสักนิด

            “พี่พรตมาเร็ว”

            ... เขายังคงจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น

            ในเมื่อเขาไม่ขยับไปไหน ผมเลยจำใจต้องย่อตัวลงไป จับแขนพี่พรตพาด่าตัวเองแล้วค่อยๆ ดึงตัวเขาขึ้นมา พี่พรตไม่ขืนตัว ไม่เดินเซแต่เขาก็ไม่คิดจะเดินเองเลยสักนิด ผมนึกดีใจที่ตัวเองไม่ได้เตี้ยจนเกินไปนักเลยสามารถหิ้วปีกได้โดยไม่ลำบากอะไร แต่ลำพังตัวเองมาคนเดียวก็เบียดจะแย่อยู่แล้วการค่อยๆ พาผู้ชายทั้งคนฝ่าฝูงคนออกไปเลยย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน

            “พราน...”

            พี่พรตเริ่มงอแงขึ้นมาอีกรอบ แต่ผมไม่มีเวลามานั่งตั้งใจฟังอะไรแล้วล่ะครับ ออกไปให้ได้ก่อนเป็นพอ ผมเลยหันไปกระซิบพี่พรตถึงข้างหูด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

            “เออ หุบปากน่าพี่พรต”

            ผมตอบพลางยิ้มนิดๆ แล้วเอื้อมมือข้างที่ว่างอยู่ไปปิดปากพี่พรตอย่างหมั่นไส้ ในภาวะปกติใครจะไปกล้าสั่งให้รุ่นพี่ ‘หุบปาก’ ล่ะครับ ผมรู้ว่ามันเครียดอยู่แต่ถือเป็นการแกล้งเล็กๆ น้อยๆ ก่อนมันจะกลับมามีสติแล้วกันอย่างน้อยก็ได้ล้างแค้นที่ไอ้พี่พรตชอบแกล้งผมสักครั้งก็ยังดี ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่พรตแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าทำไมต้องมีอะไรทำให้คนๆ นี้เครียดซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ถึงสาเหตุที่จะทำให้พี่พรตเข้าโหมดดาร์กจะเป็นอะไรก็เถอะ ผมสบายใจขึ้นแล้วครับ


            เพราะอย่างน้อยพี่พรตก็อยู่กับผม






 

            การจราจรตอนเที่ยงคืนไม่เลวร้ายนักจึงทำให้แท็กซี่มาส่งหน้าคอนโดของพี่พรตได้ภายในสิบห้านาที ผมล้วงหาคียการ์ดจากกระเป๋ากางเกงพี่พรตอย่างทุลักทุเล ไม่อยากให้คนภายนอกเห็นว่าหื่นหรอกครับแต่มันจำเป็นจริงๆ และพอได้การ์ดแล้วผมก็ใช้ตัวดันประตูเข้าไป ผมปล่อยแขนพี่พรตเมื่อไปถึงโซฟาซึ่งพี่พรตก็นั่งตรงและมองผมเหมือนที่ร้านนั่นแหละ

            ผมเดินไปเช็คประตูห้องว่าล็อคหรือยังแล้วค่อยทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พี่พรตก่อนจะยกมือขึ้นอังหน้าผากเขาดูเผื่อว่าจะเป็นไข้หรือไม่สบายอะไรหรือเปล่า แต่นอกจากสภาพมึนๆ เขาก็ดูปกติดีทุกอย่าง คราวนี้ผมเลยเริ่มถามเขาก่อน

            “เกิดอะไรขึ้น”

            พี่พรตชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยคำถามเดินอีกครั้ง

            “ตอบมาก่อนว่ารอได้รึเปล่า”

            “จะตอบได้ไง รออะไรยังไม่รู้เลย”

            พี่พรตดูงอแงมากจนผมเริ่มไม่โอเคเลยตอบอย่างฉุนๆ ไป ผมไม่ใช่คนขี้รำคาญแต่อย่างน้อยก่อนจะตกลงรับปากใครผมต้องการความแน่นอน ซึ่งพี่พรตเองก็ชะงักไปและมีสีหน้าลำบากใจเหมือนกำลังใคร่ครวญอย่างหนัก ซึ่งท่าทางแบบนั้นทำเอาผมเริ่มใจอ่อนและอารมณ์เย็นลง

            “ค่อยๆ พูดก็ได้ครับ”

            “ปีหน้าพ่อจะส่งกูไปเรียกเมกา”

            ...เชี่ย

            ไม่ใช่แค่พี่พรตหรอกที่รู้สึกช็อค ผมเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เมื่อวันก่อนที่ได้ยินคุณสุวัตรมาพูดที่ห้องก็นึกว่าปิดประเด็นไปเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ ผมเหม่อมองพี่พรตอย่างลืมตัว นึกสงสารคนข้างๆ ขึ้นมาจับใจ พี่พรตนั่งห้มหน้าแต่ผมพอจะเห็นได้ว่าสีหน้าเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่

            “ต้องไปจริงๆ เหรอ”

            “อืม...พ่อบอกถ้าจบนอกก็ไม่ต้องเป็นเต็ก”

            ผมเข้าใจดีว่าการตัดสินใจมันยากเสมอ โดยเฉพาะให้เลือกการที่ไม่ต้องทำสิ่งที่ไม่ชอบกับการทิ้งเพื่อนฝูงและผู้คนซึ่งตัวเองผูกพัน แต่ยังไงผมก็เชื่อว่าพี่พรตมีคำตอบในใจที่ชัดเจนอยู่แล้ว เขาย่อมต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ไม่ต้องเป็นสถาปนิก มันเป็นการตัดสินชีวิตของตัวเองในระยะยาว เพื่อนและสังคมไม่ได้ยืนยาวเท่าตัวเขาเองอยู่แล้วซ้ำยังเป็นความสัมพันธ์ที่ถึงห่างกันไปก็ยังคงอยู่ กลับมาอีกทีก็ยังไม่เปลี่ยน แต่แน่นอนว่าเลือกทางไหนก็เจ็บปวด ผมรู้ดีว่าพี่พรตรักคณะและสังคมของพวกเรามากกว่าใครเพราะมันเป็นความสุขเดียวที่เขาจะได้รับจากการเรียนในสายอาชีพนี้

            มือของพี่พรตจับกันแน่นจนผมอดไม่ได้ที่จะแตะเบาๆ แล้วแทรกมือตัวเองลงไประหว่างมือทั้งสองข้างของพี่พรต เขาเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะคลายมือออกจากกันแล้วเปลี่ยนมาจับมือผมเอาไว้หลวมๆ

            “พรานรอได้นะ”

            ความสัมพันธ์นี้สำหรับผมเพิ่งเริ่มต้นขึ้นไม่นานแต่สำหรับพี่พรตอาจยาวนานกว่านั้น ผมขอยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเลยว่าผมอาจไม่ได้ชอบพี่พรตเท่าที่เขาชอบผม ความรู้สึกของผมไม่มากเท่าคนอื่นหรอก แต่พี่พรตก็เป็นคนแรกที่พยายามเข้าหาและทำให้ผมเปิดใจให้มากกว่าคนก่อนๆ ที่ผ่านมา อาจเพราะความกวนตีนอย่างตรงไปตรงมา การวางตัวสบายๆ หรืออะไรก็ตามทำให้ผมรู้สึกเข้าถึงเขาได้ง่ายและเข้ามาถึงผมง่ายเช่นเดียวกัน คนเรียบๆ ที่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นอย่างผมจึงรู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก เขาทำให้ชีวิตผมเหมือนมีสีสันขึ้นมาจนตัวเองยังนึกแปลกใจ

            พี่พรตเป็นคนที่เจิดจ้าสำหรับผมเสมอ ถึงแม้ตัวเขาเองอาจไม่คิดอย่างนั้น แต่สิ่งนี้ก็ทำให้ผมกล้าที่จะรอ

            “กูไม่อยากให้ฝืน”

            “พรานไม่ฝืนหรอก”

            พี่พรตถอนหายใจ ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแล้วก็หยุดไปหลายครั้ง สายตาของเขาบ่งบอกว่ากลัวและไม่กล้า แต่สุดท้ายยอมเอ่ยปากออกมาในที่สุด

            “มันยากนะพราน”

            “...”

            “ถ้าเมื่อไหร่ไม่อยากรอแล้วก็บอกได้เลยนะ”

            เสียงของพี่พรตเบาจนน่าใจหาย ผมรู้ดีว่าตัวเองจินตนาการไม่ถูกหรอกว่าเขาเจ็บปวดหรือทรมานแค่ไหนกับการเอ่ยประโยคนี้ จึงได้แต่พยักหน้ารับเงียบๆ โดยไม่ตอบอะไร แต่พี่เขาก็ยังคงมีสีหน้ากังวลเหมือนเดิม

            “พี่พรตใจเย็น สองปีพรานว่าไม่นานนะ”

            “...”

            “แต่ถ้าจะไม่รอจะบอกตรงๆ เลย”

            ถึงผมจะพูดแบบนี้พี่พรตก็ยังจะถามขึ้นมาอีกรอบ

            “ต้องบอกนะ”

            “เออน่า”

            ผมนึกถึงคำพูดของพี่กรที่บอกไว้ก่อนกลับมาว่าพี่พรตยังไม่มีสติพอจะพูดให้รู้เรื่อง ผมว่าเขาไม่ได้ไม่เข้าใจหรอกแต่เหมือนเป็นภาวะถามย้ำๆ พูดซ้ำๆ เพื่อให้ตัวเองมั่นใจขึ้นมากกว่า เหมือนคนที่กลัวความไม่แน่นอนทุกอย่าง ทั้งที่ผมจะตอบชัดเจนมากขนาดนี้แล้วเขาก็ยังมีสีหน้าเป็นกังวลเช่นเคย ผมอยากทำให้เขาเลิกกังวลเสียทีและรู้ด้วยว่าทำยังไงแต่จะให้ทำอีกครั้ง มันเหมือนที่ผมเคยปลอบเขาครั้งนั้นแต่เมื่อหันไปมองพี่พรตผมก็รู้ตัวเลยว่าคงยากเพราะแค่คิดก็กลัวแล้ว

            ...แค่กอดก็ได้มั้ง

            “พี่พรต”

            “อะไร”

            ผมเปลี่ยนจากนั่งห้อยขาปกติมาเป็นขัดสมาธิแล้วหันทั้งตัวไปทางพี่พรตโดยตรงก่อนจะจับบ่าเขาให้หันมาทางผมเช่นเดียวกัน พี่พรตมองผมเหมือนไม่เข้าใจแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เขาเปลี่ยนท่านั่งเป็นขัดสมาธิตามผมแล้วหันมาเผชิญหน้ากัน ผมจึงอ้าแขนกว้างพร้อมยิ้มให้เขา


            “มานี่”                                                             


            พี่พรตชะงักไปนิดนึงก่อนจะยิ้มตอบแล้วเอนตัวมาหาผมทั้งตัว เขาทิ้งน้ำหนักลงเต็มที่ เอาหน้าซุกลงกับไหล่ผมแล้วกอดเอวเอาไว้หลวมๆ ผมโอบรอบตัวเขาไว้แล้วลูบหลังเบาๆ ก่อนจะเริ่มโยกตัวเหมือนที่พี่พรตเคยทำตอนปลอบผมด้วยท่ากล่อมเด็ก ผมยังไม่ทิ้งคอนเสปท์กวนตีนมากวนตีนกลับไม่โกงหรอกนะครับ

            “ร้าย”

            พี่พรตหัวเราะขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามาทางผมโดยที่ยังหนุนไหล่อยู่ ทำให้จมูกของเขาแตะกับต้นคอผมอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่ให้ตายเหอะ ผมว่าไอ้พี่พรตมันจงใจแน่เลย ลมหายใจร้อนๆ ที่สัมผัสได้ทำเอาผมเริ่มหน้าร้อนตาม พี่พรตยิ้มอย่างพอใจก่อนที่จะค่อยๆ ไล้ปลายจมูกไปตามซอกคอ

            “พี่พรตอย่าซน” 

            ผมพยายามดันใบหน้าเขาออกแต่พี่พรตกลับเอามือล็อคผมไว้ได้ทัน คราวนี้เขาเลื่อนจากปลายจมูกมาเป็นริมฝีปากแทน เขาไล้ตั้งแต่ซอกคอไปตามแนวกระดูกไหปลาร้า ใช้มือข้างนึงค่อยๆ ปลดกระดุมเม็ดแรกของผมออกแล้วเลื่อนริมฝีปากตามมา อุณหภูมิบนผิวของผมกับริมฝีปากของพี่พรตตัดกันอย่างสิ้นเชิง สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ละเลียดแผ่วเบาเหมือนเว้าวอนอยู่มนตัวนั้นทำให้ผมรู้สึกวูบจนต้องพยายามดันตัวออกมาอีกรอบ                               

            “อย่าดิ้นสิ”

            “งั้นพี่พรตต้องหยุด”

            ผมไม่เคยว่าอะไรหรอกถ้าเขาอยู่อย่างสงบแต่นี่เล่นมาทำให้ผมรู้สึกปั่นป่วนไปด้วย ผมเองก็เป็นผู้ชายทำไมจะไม่รู้ว่าเขาจะสื่ออะไร พี่พรตถอนหายใจแรงเหมือนจงใจให้ผมได้ยินชัดๆ ซึ่งมันโคตรน่าหมั่นไส้ แต่เขาก็ยอมหยุดแล้วกอดผมไว้เหมือนเดิมแต่โดยดี พี่พรตยังคงซบใบหน้าลงกับไหล่ผมแล้วช้อนสายตามอง

            “พรานรู้นะว่าพี่พรตอยากทำอะไร”

            “เปล่านี่”

            “ยังไม่ใช่ตอนนี้ โอเคนะ”

            พี่พรตยิ้มให้ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ก่อนจะยกมือขึ้นมาบีบจมูกผม

            “เดี๋ยวนี้ร้ายอ่ะ”

            “ไม่เลยเหอะ ถ้าเทียบกับพี่พรตเมื่อกี้”

            เขาหัวเราะในลำคอซึ่งผมฟังแล้วมันโคตรชั่วร้าย แต่แล้วเขาก็หันกลับมามองอย่างอ้อนวอนอีกครั้ง


            “พราน”


            “อะไรอีก”


            “ขอทำต่อได้ป่ะ”








----------------------------------------------------------------------------
จริงๆ จะมาเร็วกว่านี้แล้วแต่คณะเราไม่หยุดเหมือนคณะอื่นเลยเดือดกันไป ถถถถ  :katai4:
มาถึงช่วงท้ายๆ ของเรื่องแล้ว ปริ่มม รู้สึกยาวนานมาก5555
เจอกันค่าา :กอด1:



ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อะ มาขออะไร ไม่นะ พราน ไม่นะ ไม่ปฎิเสธพี่เขานะ
 :hao6:

ออฟไลน์ Orangeship

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอ๊ะ ฟินๆ ขอมากกว่านี้ได้ป่ะะะะ

 :hao6: :m3: :m3: o22

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่พรต ขอไรพรานอะ  :katai1:
พราน ก็ให้ๆไปเถ้อ ดีกับคนอยากได้นะ
เหมือนเป็นการลงนามให้คำสัญญารัก
คนอ่านก็ชอบบบบบ  :z1: :haun4: :ling1: น้ำลายหกและ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
555 พี่พรตบอกแค่นี้ไม่พอนะนายพราณ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ขอทำต่อ ทำอะไรคะพี่พรตตตตตต

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Arzumi

  • #เจ้าหนูจาไม
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ๊ยยยยถ้าพี่พรตจะะอ้อนขนาดนี้ :katai1: แล้วพรานจะใจแข็งได้แค่ไหนเชียวว แต่ที่แน่ๆคนอ่านนนระทวยแล้วจร้าาา ฮ่าๆๆๆ :hao7:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
อยากอ่านนะ แต่อย่าพึ่งเลย ถ้าเผื่อทำไปแล้ว ละ2ปีที่พรตไปเมกา เกิดใครทนไม่ได้ก่อนขึ้นมานี่แย่เลยนะ พรานอย่าพึ่งให้พี่เค้านะลูกกกก

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
อ่านบทนี้แล้วมันอึนๆ
เหมือนเรื่องที่พ่อพี่พรตสั่งให้ไปเรียนต่อเมกามันกะทันหันเกิน
ความสัมพันธ์ของพรตกะพรานยังไม่แนบแน่นพอเลย

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ขอมาได้นะ พรต :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ powl-the-2nd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1



:: CHAPTER 24 ::







            “พรุ่งนี้พี่พรานไปค่ายเหรอ”

            ผมเงยหน้ามองใบพลูที่กำลังยืนพิงวงกบประตูห้องนอนแล้วกวาดสายตามองข้าวของที่วางกระจัดกระจายเต็มพื้นซึ่งผมกำลังพยายามยัดลงกระเป๋าหูหิ้วที่ขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ ผมออกแรงม้วนเสื้อแล้วอัดมันลงก้นกระเป๋าได้ในที่สุด ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อแพคเสื้อทุกตัวลงเรียบร้อย ยอมรับเลยว่าการจัดกระเป๋านี่ทำให้ผมบรรลุศาสตร์ของการจัดของแล้วล่ะครับ และหลังจากจัดการเสื้อตัวสุดท้ายเสร็จแล้วผมจึงเริ่มให้ความสนใจคนที่ยืนอยู่ต่อหน้า

            “อืม ออกเช้าเลย”

            ใบพลูหรี่ตามองผมเหมือนจะจับผิด คงผิดวิสัยนิดหน่อยเพราะแต่ไหนแต่ไรมาพอปิดเทอมผมก็หมกตัวอยู่บ้านตลอด

            “ไม่น่าเชื่อ อย่างพี่พรตเนี่ยนะจะไปค่าย”

            “เห็นแบบนี้ก็ทำกิจกรรมนะเว้ย”

            ผมตอบอย่างอวดๆ พร้อมส่งยิ้มให้ ทำเอาพลูถึงกับหัวเราะ

            “ไปเพราะพี่พรตมากกว่ามั้ง”

            “เบื่อคนรู้ทัน”

            ผมย่นจมูกให้พลู มันก็จริงล่ะครับ ตั้งแต่ไหนแต่ไรผมก็ไม่ค่อยทำกิจกรรมส่วนรวมอะไรเท่าไหร่หรอก ยิ่งตอนม.ปลายผมแทบจะจำศีลที่บ้าน พอเข้ามหาลัย การไปรับน้องนี่ถือว่าทำกิจกรรมสุดชีวิตผมแล้วล่ะครับ ซึ่งโดยรวมก็ชอบนะ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าไม่ติดว่านี่เป็นปิดเทอมสุดท้ายของพี่พรตก่อนไปเรียนต่อผมคงไม่ไปค่ายแน่นอน

            “พี่พรตเป็นไงบ้าง”

            “ก็ไม่เห็นอะไรเลย”

            “อือ พี่พรตคงทำใจไแล้ว”

            “คงอย่างนั้นแหละ”

            ผมพยักหน้าเห็นด้วย ผมยังรู้สึกโหวงอย่างอดไม่ได้เมื่อคิดว่าเทอมหน้าเขาก็ไม่อยู่แล้ว แต่ตัวพี่พรตเองกลับดูนิ่งกว่าผม หลังจากคืนนั้นที่ไปร้านเหล้าเขาก็ไม่เคยแสดงอาการอะไรอีกเท่าไหร่ จนถึงเมื่อวันก่อนนั่นแหละที่เขาเดินมาบอกผมว่าจะไปค่ายและอยากให้ผมไปกับเขาด้วย พูดตรงๆ คือผมขี้เกียจ แต่พี่พรตชวนขนาดนี้แล้วก็ต้องไปละครับ มันคงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ไปค่ายกับเพื่อน

            “ดูแลพี่พรตด้วยนะ”

            “อือ”

            “พี่พรตชอบดูพระอาทิตย์ตก”

            “อือๆ”

            ผมรับคำในลำคออย่างไม่ค่อยมีสมาธิในขณะที่ก้มหน้าก้มตาจัดของตามเดิม มีกางเกงอีกห้าตัวที่ผมยังไม่ได้ยัดลงไปทั้งที่กระเป๋าก็ใกล้จะเต็มแล้ว ผมเลยต้องขุดผ้าเช็ดตัวออกมาเปลี่ยนรูปแบบการจัดอีกรอบ ผมม้วนแทนพับ พับแทนม้วน สลับลองไปเรื่อย การจัดของนี่แม่งโคตรยุ่งยาก

            “พี่พรตย้ำมาว่าชอบพอๆ กับพี่พรานเลย”

            “อือ...เห้ย คุยกันอยู่เหรอ”

            “ฮ่าๆๆ ไม่อยากจะอวด แต่ช่วงนี้พี่พรตคุยกับพลูทุกวัน”

            ใบพลูหัวเราะพร้อมชูหน้าจอโทรศัพท์ให้ผมดู และด้วยความอยากรู้อยากเห็นผมก็รีบลุกไปคว้ามือถือของพลูมาเลื่อนดูเอง แชทพี่พรตในเครื่องพลูโคตรเยอะ ดีไม่ดีจะเยอะกว่าในเครื่องผมด้วยซ้ำ ผมไล่ดูไปเรื่อยๆ เกือบทุกครั้งพี่พรตเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะเริ่มอ่านผ่านๆ

            ‘น้องพลูครับ พรานชอบกินอะไรเหรอ’

            ‘ใบพลูแอบถามให้หน่อย พรุ่งนี้พี่พรานว่างรึเปล่า’

            ‘ไม่ต้องบอกพรานนะว่าพี่ถาม’

            ‘บอกพรานให้หน่อยว่าพี่พรตชอบดูพระอาทิตย์ตก’

            ผมกัดปากตัวเองเบาๆ หน้าร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ...เขินว่ะ พี่พรตแม่งมีมุมแบบนี้ด้วย

            “พี่พรตนี่ดูชอบพี่พรานมากเลยนะ”

            ใบพลูยังแซวไม่หยุดทั้งที่เห็นอยู่กับตามว่าผมหน้าแดงไปถึงหูแล้ว แม่งจงใจแกล้งผมทั้งน้องทั้งพี่พรตเลยเว้ย ผมส่งมือถือคืนพลู พยายามไม่สบสายตาที่มองมาด้วยสายตาล้อเลียนและทำเป็นจัดกระเป๋าต่อเรื่อยๆ ทั้งที่ใจเต้นเหมือนจะออกจากตัวให้ได้ ใบพลูเงียบไปครู่หนึ่งจนผมนึกว่าออกจากห้องไปแล้วด้วยซ้ำแต่แล้วน้องก็พูดขึ้นมาอีกรอบ

            “เออ เนี่ย เทอมหน้าพี่พรตก็ไปเมืองนอกแล้ว”

            “อือ รู้แล้ว”

            ทำไมพลูต้องยกประเด็นนี้ขึ้นมาอีกครั้งด้วยวะ ผมขวดคิ้วกับตัวเองอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ยังคงก้มหน้าก้มตาจัดของต่อไปตามปกติพร้อมเตือนตัวเองในใจซ้ำๆ ...ผมจะไม่เงยหน้าขึ้นไปเด็ดขาด ผมจะไม่เงยหน้าแน่นอน ผมต้องโดนล้อหนักกว่าเดิมและไม่รู้จะทำยังไงให้คนพวกนี้เลิกแกล้งผมเสียที           

            “เทอมหน้าแล้วนะ”

            “อือ”

            “เมืองนอกเลยนะ”

            “...”

            สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายยอมเงยหน้าขึ้นมาเพื่อตัดรำคาญ ไม่รู้ใบพลูเอาการพูดย้ำๆ ซ้ำๆ มาได้ยังไงแต่ผมโคตรแพ้การทำแบบนี้ ผมเลิกพันผ้าเช็ดตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมาตั้งใจฟังแทน ต้องเป็นไอ้พี่พรตคอยเสี้ยมอยู่ในไลน์แน่ๆ ไม่อย่างนั้นใบพลูคงไม่มีนิสัยร้ายกาจแบบนี้หรอก

            “อะ ว่ามา”

            ใบพลูหลุดยิ้มเมื่อได้รับความสนใจก่อนจะพิมพ์มือถืออย่างรีบร้อน นั่งไงผมว่าแล้ว พี่พรตแม่งกำลังบงการอยู่ในไลน์ชัวร์ๆ จากนั้นใบพลูเงยหน้าขึ้นมาอีกที

            ...ผมสังหรณ์ใจไม่ดีเลยว่ะ

            “ว่ามา พี่พรตพูดอะไรบ้าง”

            ใบพลูกระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที “นี่พี่พรานรู้ใจพี่พรตขนาดนี้แล้วเหรอ”

            “เออน่ะ ว่าไรบ้าง”

            “พี่พรตบอกว่า”

            “...”

            “พาไปดูพระอาทิตย์ตกด้วยนะ”

 

           






            กว่าจะมาถึงค่ายได้ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ผมยกมือขึ้นบิดขี้เกียจทันทีหลังจากวางสัมภาระและถุงนอนลง แม่งแบกมานานมากครับเพราะเป็นทางขึ้นเขาและไม่มีรถเข้าไปส่ง หลังจากมาถึงและประชุมรวมกันแล้วผมเลยได้มาเดินตรงลานกว้างซึ่งได้มีการกั้นเป็นสัดเป็นส่วนแยกออกมาจากส่วนอื่นเรียบร้อย ผมเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับเป็นที่หลับนอนไปตลอดอีกห้าวันที่เหลือ ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆ ก็นับว่าเป็นการตัดสินใจที่สำคัญอยู่เหมือนกัน

            “ตรงนี้เลยมึงๆ”

            “เออ ได้ๆ”

            ไอ้โอมรับคำก่อนจะก้มลงไปเปิดถุงเต็นท์ที่ช่วยกันหิ้วมา ผมนั่งยองๆ ลงตามมันแล้วช่วยดึงโครงเหล็กออกมาทีละท่อนก่อนจะตามด้วยผ้าใบผืนใหญ่ ชีวิตนี้ไม่เคยกางเต็นท์เองเลยครับ บอกตรงๆ ว่าโคตรตื่นเต้น ผมพยายามมองหาเต็นท์เพื่อนบ้านเพื่อจะได้ศึกษาว่าเขาเริ่มกางกันอย่างไร

            “เฮ้ยพราน โอม มึงอยู่ตรงนี้ใช่ป่ะ งั้นกูกางข้างๆ นะ”

            “เออได้ๆ มาช่วยกูกางด้วย”

            ความรู้สึกตอนนี้เหมือนมีพระมาโปรด ผมมองไอ้โจ้ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมเซคด้วยสายตาชื่นชม

            “กูก็ไม่เป็น

            “อ้าวเวร”

            สุดท้ายก็ไม่มีปฏิหารย์ใดๆ เกิดขึ้นกับผมและโอม สุดท้ายพวกเราเลยได้แต่ช่วยกันมองเต็นท์ที่อยู่ถัดไปสองสามหลังแทนเพื่อดูวิธีการตั้ง เราช่วยกันแผ่ผ้าใบเต็นท์ลงบนพื้นแล้ววางโครงเหล็กไขว้กัน ก่อนจะค่อยๆ หนีบพลาสติกริมเต็นท์ให้เข้ากับโครงเหล็กเป็นระยะๆ พอมาถึงขั้นตอนนี้ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วล่ะว่าจะประกอบต่ออย่างไร ผมกับโอมนั่งติดผ้าใบเข้ากับโครงเรื่อยๆ จนครบ แล้วเริ่มตั้งโครงขึ้นมา

            “เชือกนี้ไว้ทำไรวะ”

            ผมหยิบเชือกที่ติดตรงกลางผ้าใบขึ้นมาอย่างสงสัย มันเป็นเชือกสองเส้นเล็กๆ ไม่ยาวมาก เชื่อมกับผ้าและอยู่ในตำแหน่งเดียวกับจุดที่โครงเหล็กไขว้กันพอดี และจากการคาดเดาของผมคิดว่าด้วยความยาวเท่านี้ตำแหน่งนี้มันต้องเอาไว้ผูกยึดกลางโครงแน่ๆ

            “ไอ้โอม แบบนี้ป่ะวะ”

            ผมลองผูกเชือกนั้นเข้ากับโครงและมันก็ดูเหมือนจะถูกต้องอยู่นะครับ ไอ้โอมเดินมามองใกล้ๆ อย่างพิจารณาแล้วหันไปเทียบกับเต็นท์ข้างๆ แล้วพยักหน้า

            “กูก็คิดงั้นนะ กูไม่เห็นละพวกไอ้วินก็ตั้งเสร็จแล้ว”

            “เออๆ งั้นดัดเลยละกัน”

            ผมกับโอมจัดการเอาปลายโรงเหล็กเสียบเข้ากับตัวยึดพื้นครบทั้งสี่ด้านแล้วเอาปลยด้านหนึ่งปักยึดกับดินในขณะที่ไอ้โอมอ้อมไปฝั่งตรงข้าม แล้วดัดโค้งเพื่อเอาปลายอีกด้านหนึ่งไปปักดินเช่นกัน ผมอดจับโครงหล็กไว้ไม่ได้เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามันโค้งมากจนฝืน

            “เห้ยไอ้โอม มันจะไม่เป็นไรเหรอวะ”

            “เออ ไม่เป็นไรหรอกน่า มันก็ต้องโค้งแบบนี้”

            ผมมองไอ้โอมดัดโครงต่อ ในใจเกิดกังวลขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ก็เห็นอยู่กับตาว่ามันดูเหมือนจะฝืนมากแล้วแต่ไอ้โอมก็ยังพยายามโค้งให้ปลายโครงปักลงดินอยู่ดี

            “ไอ้โอม กูว่า...”

            ‘เป๊าะ’

            “ไอ้เชี่ย!”

            ทั้งผมและโอมอุทานออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย มองอดีตโครงเต็นท์ที่ตอนนี้กลายเป็นซากอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้ว ผมก้มลงพิจารณารอยหักของมันอยู่พักใหญ่และค้นพบว่าไม่มีวิธีเชื่อมอะไรเลยจริงๆ เนื่องจากพลาสติกแตกเป็นผง ผมแอบเข้าข้างตัวเองนิดหน่อยว่าส่วนหนึ่งที่มันหักก็คงเพราะพลาสติกเปราะเองด้วยมั้งเลยรับแรงดึงมากไม่ได้เท่าที่ควร

            “มึง กูว่าเราลองประกอบให้เสร็จกันก่อนมั้ยวะ”

            “เออได้”

            จากนั้นผมกับโอมก็ช่วยกันประกอบเต็นท์ต่อไปจนจบขั้นตอน โชคดีหน่อยที่โครงอีกเส้นไม่ได้หักไปด้วย แต่การโรงด้านหนึ่งหักก็ทำให้เต็นท์ของผมกับโอมมีรูปทรงไม่เหมือนเต็นท์สักเท่าไหร่ มันดูเป็นฟรีฟอร์มเหมือนสถาปัตยกรรมของซาฮ่า ฮาดิด ซึ่งเป็นสถาปนิกระดับเจ้าแม่ที่ทำอาคารรูปทรงแปลกตาเป็นเอกลักษณ์และมีพื้นที่ภายในที่แปลกใหม่ แต่เต็นท์ผมไม่ใช้แบบนั้นเว้ย ผมต้องการแค่ที่นอนไม่ได้ต้องการให้อลังการอะไรเลย และตอนนี้มันดูเหมือนจะนอนไม่ได้

            “มึงว่ามันนอนไหวมั้ยวะ”

            “เดี๋ยวกูเข้าไปดู”

            ไอ้โอมคลานเข้าไปภายในเต็นท์ก่อนจะตอบกลับมาว่าพอนอนไหว ผมขมวดคิ้วชั่งใจ มันดูเหมือนจะนอนไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น แต่เอาเถอะ ไอ้โอมบอว่าได้ก็คงได้แหละ และเมื่อคิดอย่างนั้นผมจึงทย­อยส่งกระเป๋าสัมภาระที่วางนอกเต็นท์เข้าไปโดยมีไอ้โอมคอยจัดพื้นที่ด้านไหนอยู่ ผมส่งของเข้าไปจนครบและรอไอ้โอมคลานกลับออกมา แต่แล้วระหว่างนั้นก็มีมือหนึ่งมาจับบ่าผมไว้

            “เต็นท์นายเป็นไรอ่ะ”

            ...ไอ้พี่พรต

            คนๆ นี้แม่งมาโคตรได้จังหวะ ผมมองใบหน้าด้านข้างของพี่พรตที่ไม่หันมาทางผมแต่กำลังมองเต็นท์แทน จากนั้นก็ต้องขมวดคิ้วเพราะเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้าเจ้าของเลยสักนิด

            “ฟอร์มแม่งโคตรเฟี้ยว ฮ่าๆๆๆ”

            “...”

            “สเปซข้างในต้องดีแน่ๆ”

            “พอเลยพี่พรต”

            ผมปรามเขาเบาๆ กูเครียดอยู่นะครับพี่พรต! ถ้าต้องย้ายไปนอนเต็นท์คนอื่นแม่งเบียดแน่ๆ เพราะทุกคนจับกลุ่มนอนกันเรียบร้อยตั้งแต่ที่กรุงเทพฯ แล้ว คงไม่มีใครเอาเต็นทำรองมากันหรอกครับ ถ้าจะต้องไปอาศัยคนอื่นจริงๆ คงต้องไปนอนกับพวกที่มีเต็นท์หลังใหญ่ๆ คนเยอะๆ นั่นแหละ

            “ไปนอนกับกูป่ะ”

            “ได้ไงล่ะ พี่พรตนอนกับพี่กรแล้ว ไปอีกก็เบียด”

            “...ก็จริง”

            พี่พรตพึมพำออกมาเป็นเชิงว่าเห็นด้วย ทำเอาผมอดโล่งใจไม่ได้ว่าอย่างน้อยเวลาที่ผมกำลังตัดสินใจเขาก็ทำตัวว่านอนสอนง่ายขึ้นมา

            “เฮ้ย เหมือนเต็นท์กูจะมีโครงสำรองอยู่อันนึง”

            ผมกับไอ้โอมหันไปมองพี่พรตทันทีอย่างมีความหวังขึ้นมา

            “แต่ต้องตอกสมอบกเอานะ ไปหาค้อนมาเดี๋ยวทำให้”

            ผมหยักหน้ารับก่อนจะไปขอค้อนจากเพื่อนที่กำลังรื้อของออกจากลังพอดี จากนั้นก็วิ่งกลับมาที่เต็นท์ทันที เลยได้เห็นพี่พรตกำลังต่อโครงใหม่ให้อย่างเชี่ยวชาญ ผมมองพี่พรตที่กำลังก้มหน้าก้มตาซ่อมอย่างขมักเขม้นก็ได้แต่ยิ้มออกมา ผมแทบไม่เคยได้เห็นพี่พรตที่โคตรกวนตีนมีท่าทางตั้งใจขนาดนี้และทำให้พี่พรตแม่งดูดีขึ้นเป็นสิบเป็นร้อยเท่า รับรองว่าพลูมาเห็นนี่คงกรี๊ดลั่นลานไปแล้ว

            พอนึกถึงใบพลูและพี่พรตในคราบผู้ชายในอุดมคติแล้วผมเลยรีบส้งค้อนไปให้ไอ้โอมถือแทนแล้วดึงมือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็แอบถ่ายรูปพี่พรตเอาไว้แบบรัวๆ เพื่อะส่งไลน์ไปอวดน้องสาวผู้คลั่งไคล้ แต่โชคคงไม่เข้าข้างผมสักเท่าไหร่เพราะไอ้พี่พรตดันเงยหน้าขึ้นมาขอค้อนพอดี ทำเอาผมต้องรีบเก็บมือถือ แต่ก็นั่นแหละครับ ยังไงก็เก็บไม่ทันสายตาเจ้าตัวอยู่ดี พี่พรตมองผมยิ้มๆ ก่อนพูดขึ้นทันที

            “เดี๋ยวนี้นายแอบถ่ายเราด้วยอ่ะ”

            “...”

            “เรามีค่าตัวนะรู้มั้ย”

            ผมถลึงตาใส่ด้วยความหมั่นไส้ เมื่อกี้ยังทำตัวหล่อๆ อยู่เลย ไม่ถึงห้านาทีก็กลับมาเป็นภาคปกติเสียแล้ว ผมส่ายหน้าอย่างเสียดายก่อนจะเอาค้อนในมือโอมส่งให้พี่พรตทันที

            “ทำงานไป”

            “จ่ายค่าตัวด้วย”

            “เออน่าๆ”

             ดูจากสีหน้าไอ้โอมแล้วมันคงรู้สึกเหมือนมาอยู่ผิดที่ผิดทางยังไงไม่รู้ ผมรู้สึกสงสารมันขึ้นมาเลยพยายามตัดบทไอ้พี่พรตให้อย่างสุดความสามารถ แต่เหมือนอีกฝ่ายกลับต่อความยาวเสียอย่างนั้น

            “คิดยังว่าจะจ่ายเป็นอะไร”

            รอยยิ้มกรุ้มกริ่มและดวงตาที่มองมาอย่างมีความหมายทำเอาผมเริ่มทำตตัวไม่ถูกอีกรอบ ผมเหลือบมองไอ้โอมที่มองมาอย่างล้อเลียนแล้วรู้สึกโคตรเสียฟอร์มที่โดนพี่พรตแกล้งอะไรแบบนี้ต่อหน้ามัน ผมจึงสูดหายใจลึกๆ เพื่อเรียกสติตัวเองกลับมาและควบคุมอารมณ์ใหกลับเป็นปกติอีกครั้ง ผมเรียบเรียงคำตอบในหัวตัวเองพักหนึ่งก่อนจะโพล่งออกไปโดยไม่ลังเล

            “เดี๋ยวพาไปดูพระอาทิตย์ตก จบนะ”









             

            ผมนัดไอ้พี่พรตเอาไว้ตอนใกล้หกโมง โชคดีหน่อยที่วันนี้เป็นวันแรกของค่ายผมเลยยังไม่ได้มีหน้าที่ทำอะไรจึงสามารถใช้การดูพระอาทิตย์ตกมาล่อพี่พรตได้เต็มที่ ค่ายนี้อยู่ติดแม่น้ำ เพราะฉะนั้นบรรยากาศมันเลยค่อนข้างดีและการมารอพี่พรตเพื่อดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันนี่แม่งเป็นอะไรที่โคตรโรแมนติกจนผมขนลุกเลยครับ เกิดมาไม่ค่อยสุนทรีย์หรือทำแบบนี้อะไรกับใครเขาสักเท่าไหร่

            “ไงนาย”

            ไม่นานนักคนเข้าปัญหาก็โผล่มาในที่สุด พี่พรตเปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อยืดเก่าๆ และขาสั้นสบายๆ ซึ่งผมคุ้นเคยดีว่าแม่งเป็นหนึ่งในเสื้อไม่ได้ซักที่กองมั่วกันอยู่บนโซฟานั่นแหละ เขาเดินเข้ามาหาแล้วก็ถือวิสาสะยกแขนพาดกับไหล่ผมไว้ด้วยท่าทางที่ไม่แนบเนียนเท่าไหร่ เขายิ้มโดยไม่พูดอะไรแล้วออกแรงดันผมให้เดินไปถึงริมแม่น้ำก่อนจะค่อยๆ นั่งลงบนพื้นดิน ผมจึงทรุดตัวลงนั่งชันเข่าอยู่ข้างๆ พร้อมกวาดสายตามองทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้า สายน้ำอยู่ใกล้แค่เอื้อม ผมพยายามเก็บทุกรายละเอียดของผิวน้ำที่ต้องลมจนเป็นลายสวยงาม ก่อนจะสูดหายใจเอาอากาศสะอาดๆ เข้าปอด ช่วงเวลาแบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อยๆ แน่นอน

            “ใกล้ตกแล้ว”

            สายตาของพี่พรตจับจ้องอยู่ที่ท้องฟ้าซึ่งบัดนี้กลายเป็นสีฟ้าขลิบชมพูสวยงามดังท้องฟ้าในภาพวาดยุคเรเนซองส์ ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ ผมละสายตาจากท้องฟ้ามามองคนข้างๆ อย่างลืมตัว แสงจากท้องฟ้าที่สะท้อนในดวงตาของพี่พรตเป็นสีประหลาด มันสวยงามและสดใสกว่าของจริงมากสำหรับผม ผมจดจ้องแสงเหล่านั้นเหมือนหยุดไม่ได้ ผมไม่เคยเห็นใครหลงใหลความเป็นไปของท้องฟ้าถึงขนาดนี้ และอีกไม่นานเขาคงได้มีโอกาสจ้องมองสิ่งเดียวกันนี้จากอีกมุมหนึ่งของโลก

            “คิดอะไรอยู่”

            แต่แล้วจู่ๆ คนตรงหน้าก็ละสายตาจากท้องฟ้าหันกลับมาสบตากับผม แสงสะท้อนในดวงตาไม่สวยเท่าตอนที่มันสะท้อนท้องฟ้า

            “เปล่า”

            “ต้องคิดอะไรอยู่แน่ๆ”

            พี่พรตเหมือนจงใจพูดให้เหมือนคำถามปลายเปิด แต่ผมไม่ตอบหรอกครับ ความคิดมันลอยไปเรื่อยๆ จนจับประเด็นไม่ได้เลยว่าคิดอะไรไปบ้างและคิดอะไรอยู่บ้าง ผมจึงหันกลับไปเงยหน้ามองฟ้าเช่นเดิม

            “พราน”                                                   

            “ว่า?”

            ผมยังไม่ทันหันกลับไปมองก็สัมผัสได้ถึงวัตถุบางอย่างที่แนบอยู่กับข้อเท้า ผมเกือบชักเท้ากลับตามสัญชาตญาณ แต่แล้วก็ได้เห็นเส้นหนังถักสีดำทาบอยู่บนข้อเท้าเรียบร้อย พี่พรตก้มลงผูกอย่างละเมียดละไมเป็นพิเศษ มองจากสีหน้าแล้วเขาใส่ความตั้งใจลงไปอย่างเต็มที่ นิ้วที่ค่อยๆ พันเชือกไปมานั้นดูแผ่วเบาเป็นพิเศษ บางครั้งปลายนิ้วของพี่พรตก็เฉียดข้อเท้าผมไปมาทำเอาผมเริ่มเขินขึ้นมาอีกรอบ การกระทำนี้ยาวนานนับนาทีแต่ผมไม่อยากให้มันจบลงเลย

            “คิดมาตลอดเลยว่านายน่าจะเหมาะกับการใส่ข้อเท้า”

            ถ้าผมบอกว่าพี่พรตโคตรน่ารักจะเป็นการขัดกับที่ผ่านมาหรือเปล่า ผมคงหน้าแดงขึ้นมาจริงๆ เพราะพี่พรตยิ้มไม่หยุด แต่ช่วยไม่ได้นี่ครับ พอคิดว่าเขาต้องไปเลือกซื้อมาเตรียมไว้และไม่รู้จงใจรึเปล่าที่เลือกเอามาให้ตรงนี้ในบรรยากาศแบบนี้

            “ชอบไหม”

            “ชอบสิ”

            ผมก้มลงมองการถักอย่างละเอียดลออของเส้นหนังสามเส้นที่ไข้วกันไปมาด้วยแพทเทิร์นแปลตาแล้ว คาดว่าพี่พรตคงใช้เวลาเลือกอยู่นานพอสมควรและเลือกระมัดระวัง ผมไม่กล้าบอกเขาหรอกว่าผมชอบและดีใจมากจริงๆ ผมไม่ทันรู้ตัวเลยว่าพี่พรตสังเกตมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใส่ใจมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

            “พี่พรต”

            “หืม?”

            “พี่พรตไม่ได้ชอบดูพระอาทิตย์ตกใช่ป่ะ”

            ถึงจะเห็นท่าทางเหมือนอินกับพระอาทิตย์มาก แต่หลังจากเขาจงใจให้กำไลข้อเท้าเส้นนี้กับผมในบรรยากาศแบบนี้ ประกอบกับนิสัยของพี่พรตเองและการโน้มน้าวเกินพอดีของใบพลู จึงทำให้ผมสรุปได้ไม่ยากเลยว่าบางทีเขาแค่อ่อยให้ผมเป็นฝ่ายพาเขามาดูดวงอาทิตย์

            “ฮ่าๆ รู้แล้วเหรอ”

            “เออดิ ลูกไม้เดิม”

            “อะไรนายงอนเหรอๆๆ”

            พี่พรตเอื้อมมือมาหยิกแก้มผม พระอาทิตย์ตกไปแล้ว รอบข้างมืดลงกว่าตอนที่เราเดินมาค่อนข้างมาก เลยทำให้ผมเห็นสีหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่

            “ก็ชอบ แต่อยากให้มากกว่า”

            “...”

            “พรานชอบพระอาทิตย์ตกป่ะ”

            “ก็ชอบนะ”

            ผมไม่ปฏิเสธว่ามันสวยจับใจในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ถึงจะเป็นการโดนหลอกมาหรือมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงอะไรก็เถอะ ผมยังถือว่าโดยรวมมันน่าประทับใจอยู่ดี


            “แล้วชอบมากขึ้นรึเปล่า”


            “ชอบอะไรมากขึ้น”


            “กูอ่ะ”








--------------------------------------------------------------
พี่พรตอ่อยขั้นสุดดด55555555
อัพไวสุดเท่าที่ปีสามเทอมสองจะทำได้แล้วค่ะ  :katai4: :katai4:
ไว้เจอกันนะะ ไม่เกินอาทิตย์แน่นอนค่า


ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ชอบมากขึ้นค่ะ ฮรือออออ  :z3:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด  เราชอบพี่พรตค่ะน้องพราน 
โรแมนติกที่สุดจ้า

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
ติดแล้วครับติดแล้ว ฮือออออ
โรแมนติกดีนะฮะ  o13

ออฟไลน์ powl-the-2nd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
++++++ แจ้งข่าว +++++

สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคนพี่พรตกับน้องพรานก็มาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ใกล้จบมากแล้ว555

มีข่าวดีจะมาแจ้งว่าพี่พรตน้องพรานจะตีพิมพ์รวมเล่มกับสำนักพิมพ์ Facai ค่ะ
จะมีการเปิดจองกลางเดือนนี้ (ประมาณวันที่14ก.พ.) รอติดตามรายละเอียดได้นะคะ ถ้าเปิดจองแล้วจะแจ้งทันทีเลยค่ะ




ในเล่มจะมีตอนพิเศษเพิ่มอีกประมาณ6ตอนนะคะ ที่วางไว้จะประกอบด้วยพรตพราน3ตอน กับคู่xxx(ยังไม่เฉลย555) อีก 3 ตอนต่อเนื่องค่ะ

ขอบคุณมากจริงๆ ที่รอคอยและสนับสนุนกันมาตลอดนะคะ เจอกันอีกสี่ตอนค่าา  :-[ :กอด1:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด