::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17  (อ่าน 279152 ครั้ง)

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
555 โอ้ยย อุสาห์ดองไว้ตั้งนาน
สุดท้ายก็ได้อ่าน 50%ที่เหลือ ที่เคยดองไว้
รอตอนต่อไปนะคะ
 :hao5:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Niinuii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
ถุงแตก55555555555555555555

ออฟไลน์ zzzzzz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มิสยูว  :m22: :undecided: :a11: :a12: :จุ๊บๆ:

ออฟไลน์ powl-the-2nd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1




: CHAPER 16 :

 




            “โอม ขึ้นเลคเชอร์กัน”

            ผมสะกิดเรียกไอ้โอมที่นั่งกินข้าวอยู่เมื่อเห็นว่ามันใกล้เวลาเข้าเรียนคาบเช้า ปกติแล้วเป็นคาบที่มีคนเรียนจริงๆ ไม่ถึงครึ่งห้องแต่เพราะอาจารย์เช็คชื่อทุกครั้งเลยมีความจำเป็นต้องเข้าไปตรงเวลาทุกครั้ง

            “อ้าว มึงไม่รอพี่พรตเหรอ”

            ไอ้โอมย้อนถามกลับมา

            “ทำไมต้องรออ่ะ”

            “ก็ปกติวันจันทร์เห็นเจอกันตลอด”

            มันก็จริงที่ปกติแล้วพี่พรตกับผมจะได้เจอกันก่อนเข้าเรียนในเช้าวันจันทร์เพราะตารางเรียนของปีหนึ่งกับปีสามมีคาบเช้าที่ตรงกัน แต่วันนี้พี่พรตก็ยังไม่มาและผมคงไม่รอ ...เอาจริงๆ คือ หลังจากเจอมิวเมื่อวาน ถึงเขาจะเหมือนยอมปล่อยพี่พรตแล้วแต่ผมแอบรู้สึกผิดไม่ได้เมื่อได้รู้ว่ามีผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งชอบพี่พรตมากและผมเหมือนเป็นสาเหตุทางอ้อมที่ทำให้เขาเลิกกัน

            “มึงมีปัญหาอะไรกันป่ะวะ”

            ไอ้โอมคงเห็นผมดูกังวล แต่จริงๆ มันเป็นเรื่องในความคิดของผมเท่านั้นแหละ พี่พรตไม่เกี่ยวอะไรหรอก

            “เปล่าๆ กูแค่อยากได้เวลาปรับความรู้สึกสักวัน”

            โอมพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรต่ออีกก่อนจะยกจานไปเก็บแล้วเดินขึ้นห้องเรียนไปพร้อมกัน แต่ระหว่างที่มันเดินขึ้นบันไดมันก็หันกลับมาทางผมแล้วทำหน้าเหมือนกำลังชั่งใจว่าควรพูดหรือไม่พูดดี

            “มึงระวังพี่พรตคิดมากนะเว้ย”

            “อือ ขอวันเดียวแหละ พอดีกูรู้สึกผิดนิดหน่อย”

            “กับแฟนเก่าน่ะเหรอ”

            ไม่รู้ว่าไอ้โอมแม่งเดาถูกได้ยังไง แต่เอาเหอะ ผมไม่ว่าอะไรหรอกถ้ามันจะรู้เรื่องนี้ไปด้วย ผมพยักหน้าตอบไปโดยไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรให้มันฟัง แต่ไอ้โอมคงมีประสบการณ์อะไรแบบนี้มากกว่าผมมันเลยดูไม่ค่อยแปลกใจ

            “แล้ววันนี้มึงอยู่รับน้องป่ะ”

            “อยู่ดิ”

            “อืม ดีละ เห็นพี่ย้ำนักย้ำหนาว่าอยากใหอยู่วันนี้”

            พอได้ยินไอ้โอมพูดมาแบบนี้ทำเอาผมอดลุ้นไม่ได้ว่าพี่จะให้ทำอะไร อย่างน้อยการรับน้องวันนี้ก็ดึงผมออกจากความคิดเรื่องพี่พรตได้สักนิดก็ยังดี จะว่าไปแล้วช่วงนี้เห็นเพื่อนคณะอื่นลงรูปถ่ายกับสายรหัสบ้างแล้วแต่ไม่เห็นคณะเราจะมีการเฉลยสายรหัสอะไรกันสักที

            “เออมึง พอจะรู้เรื่องสายรหัสบ้างมั้ยวะ”

            “ไม่ว่ะ แต่เดี๋ยวก็คงมีแหละ”

            “ดีๆๆ กูแอบลุ้นอยู่”

            ไอ้โอมมองผมด้วยสายตาจับผิดก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย

            “เสียใจด้วยมึง เค้าแบ่งตามภาคว่ะ มึงจะไม่ได้สายพี่พรต”

            ...เฮ้ยเดี๋ยว ทำไมมันคิดว่าผอยากได้สายรหัสไอ้พี่พรตวะ แค่นี้ผมว่ามันก็เจอกันบ่อยแล้วนะ ถ้าได้เป็นสายรหัสนี่คงเบื่อกันชิบหาย

            “กูไม่ได้อยากอยู่สายนั้นหรอก”

            “ครับๆๆ คุณน้องนาย”

            บางทีผมก็รู้สึกเกลียดมันว่ะ เดี๋ยวนี้พอรู้เรื่องผมกับพี่พรตแล้วมันก็ชอบล้ออะไรอย่างนี้มากขึ้น คือไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่ทำบ่อยๆ กูก็เขินเหมือนกันโว้ย

            “ขอให้มึงได้สายพี่จักร”

            “ฮะ พี่จักรทำไมวะ”

            “เปล๊า ก็เห็นพี่เขาเป็นเพื่อนพี่พรตไง”

            ผมหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ถ้ามันคิดจะแซวผมกับพี่พรต ผมก็ขอชงอะไรกลับไปบ้างละกัน เอาให้มันสับสนเล่นสักนาทีสองนาที อย่างน้อยกเป็นความสุขของเพื่อน

            “เออๆๆ เอาที่มึงสบายใจเลย”

 



 

            หลังเลิกจากวิชาสตูดิโอตอนบ่าย ผมกับเพื่อนก็จัดแจงเปลี่ยนชุดแล้วลงมากินข้าวเย็นกันเพื่ออยู่กิจกรรมรับน้องของวันนี้ต่อ เมื่อลงมาถึงโรงอาหารแล้วผมแอบรู้สึกดีที่ไม่เห็นพี่ปีสามอยู่ในบริเวณนี้เท่าไหร่ คิดว่าพี่ๆ คงยุ่งกับการเตรียมกิจกรรมเยอะพอสมควร และอีกอย่างผมจะได้ไม่ต้องเจอพี่พรตด้วยแหละ ยังรู้สึกไม่ค่อยพร้อมยังไงไม่รู้ ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้ววางจานข้าวลงบนโต๊ะข้างๆ โอม

            “เฮ้ยมึง ไปฉี่แปบ ฝากข้าวด้วย”

            “เออ รีบหน่อยนะมึงพี่นัดรวมห้าครึ่ง”

            ผมก้มดูนาฬิกาข้อมือแล้วเห็นว่ามันห้าโมงสิบกว่าแล้ว...โอ้โห ทำไมมันจะเหนื่อยทั้งวันเลยวะ ตั้งแต่ตรวจแบบส่งแบบจนมาถึงรับน้อง แต่ก็นั่นแหละ มันก็สนุกและคุ้มที่จะเหนื่อยแบบนี้แหละ

            ผมเดินเร็วๆ ไปถึงห้องน้ำแล้วตรงไปล้างมือเพื่อเอาพวกเศษกาวเศษกระดาษจากการตัดโมออกไป แต่แล้วเมื่อผมเงยหน้ามองกระจก คนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำทำเอาผมตกใจจนเกือบหลุดสบถอะไรออกมา

            ...เชี่ย พี่พรตจะมาปวดฉี่อะไรตอนนี้วะ


            “เฮ้ย ไอ้พรต”

            ผมนึกขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างที่ดลใจให้มีคนเข้ามาทักพี่พรตในตอนนี้ เลยทำให้หพี่พรตที่กำลังเดินเข้ามาหันไปหาต้นตอของเสียงทันทีก่อนจะสังเกตเห็นผม ผมเลยใช้โอกาสนี้รีบปิดก็อกน้ำแล้วเข้าไปหลบในห้องน้ำทันที

            ไม่กี่อึดใจต่อมาผมก็ได้ยินเสียงพูดคุยของพี่พรตและเพื่อนคนนั้นค่อยๆ ดังขึ้นเหมือนเขากำลังเข้ามาในห้องน้ำกันทั้งคู่

            “โห ละงี้ก็ชิลแล้วดิ”

            “ก็ไม่หรอกพี่ ยังต้องพัฒนาแบบต่อ”

            “แล้วช่วงนี้ชีวิตเป็นไงบ้าง”

            “ผมก็เรื่อยๆ ปกติดี”

            “แน่ใจนะ กูได้ยินไอ้พฤตมันบอกว่ามึงเพิ่งมีแฟนใหม่”

            ...เชี่ย ผมถึงกับกัดปากโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินคำถามนี้ ผมพอจะเดาได้ว่าคนที่พี่พรตกำลังคุยด้วยอาจเป็นรุ่นพี่พฤตที่จบไปสักสองสามปีได้ แล้วเรื่องของผมมันไปไกลขนาดนี้แล้วเหรอวะ

            “อย่าเรียกว่าแฟนเลยพี่ จีบยังไม่ติดเลย”

            คำพูดติดตลกของพี่พรตทำเอาผมอดยิ้มตามไม่ได้ ทำไมผมรู้สึกว่าคำปฏิเสธนี้มันน่ารักดี บางทีพี่พรตที่ดูเป็นคนง่ายๆ สบายๆ กลับดูให้เกียรติผมมากกว่าที่คิด ผมยังไม่ตกลงเขาก็บอกตามตรงว่าจีบไม่ติดไม่ใช่

            “แล้วคนนี้เป็นไง”

            “อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจดี เป็นตัวของตัวเอง...พูดอย่างนี้ก็ได้มั้ง”

            ผมเผลอยิ้มกับตัวเองเป็นครั้งที่สอง รู้สึกเขินนิดๆ ที่พี่พรตพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา ไอ้พี่พรตนี่ก็กล้าพูดนะว่าเป็นตัวของตัวเอง...แต่ผมเนี่ยแหละที่จะไม่เป็นตัวของตัวเอง ผู้ชายคนนี้มันยังไงไม่รู้ว่ะ ชอบทำให้ผมเขินกับตัวเองอยู่เรื่อย

            “เออ พี่ ผมต้องไปเตรียมรับน้องแล้ว”

            “โอเค งั้นไว้เจอกัน”

            ผมผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินเสีงผีเท้าของพี่พรตเดินออกไปจากห้องน้ำ ผมดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง...ชิบหาย นี่ห้าโมงยี่สิบห้าแล้ว ผมเลยรีบทำเป็นกดชักโครกแล้วเดินออกมาล้างมือ แต่แล้วผมก็ชะงักไปเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่ที่พี่พรตคุยด้วยเมื่อกี้ยังยือยู่

            ผมก้มหนาก้มตาล้างมือเงียบๆ ถึงจะรู้สึกได้ถึงสายตาที่กำลังมองมา ก่อนจะรีบเดินกลับออกไปด้านนอกทันที ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปรับอารมณ์ให้กลับมาเหมือนเดิม เมื่อกี้แม่งทั้งตื่นเต้นทั้งเขิน พูดไปก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ปกติผมจะไม่ใช่คนที่มีอารมณ์หลากหลายขนาดนี้เท่าไหร่ 

            “ไอ้พราน มึงตกส้วมตายหรือยังไงวะ”

            “พอดีเจออะไรนิดหน่อย”

            พอผมเดินไปถึงโต๊ะ โอมก็รีบผลักจานพร้อมส่งช้อนส้อมมาให้ทันที ผมรีบรับไว้แล้วนั่งกินทันที

            “รีบกินมึง อีกห้านาที”

           






            “น้องเข้าได้เลยครับ”

            เสียงของพี่ที่เป็นหัวหน้ากิจกรรมดังขึ้นพร้อมกับพี่ๆ เริ่มเข้ามายืนในลาน เพื่อนๆ จึงเริ่มทยอยมานั่งตรงกลางพร้อมเสียงพูดคุยที่ค่อยๆ ดังขึ้นๆ ผมกับโอมเดินเข้าไปร่วมกับเพื่อน บรรยกาศตรงนี้ครึกครื้นและสนุกแม้จะเป็นการนั่งรวมตัวกันธรรมดาก็ตาม ผมกวาดสายตามองทุกอย่างรอบตัวยิ้มๆ จะนับว่ามันเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของการรับน้องก็ว่าได้ ที่เมื่อถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนและรุ่นพี่ เมื่อวางความจริงและความเครียดไว้ที่อื่น ‘จะทำเชี่ยอะไรก็สนุก’

            น่าเสียดายที่มันเป็นสิทธิ์พิเศษสำหรับปีหนึ่งเท่านั้น

            เหลือเวลาอีกเท่าไหร่นะ...สองสัปดาห์?

            “น้องครับ เข้าแถวแบ่งภาคเรียงตามรหัสเลย”

            พี่นำกิจกรรมที่ปกติจะร่าเริงและเล่นมุกตลอดเวลา ตอนนี้กลับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทำเอาทุกคนที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานรอกิจกรรมชักจะรู้สึกไม่ชอบมาพากลจนหยุดคุยกันไปโดยปริยาย ก่อนจะเข้าแถวเรียงเหมือนตอนจะขึ้นห้องเชียร์ตามคำสั่งเมื่อครู่

            เมื่อเข้าแถวเรียบร้อยแล้ว พี่แต่ละคนก็เข้ามายืนประจำตรงหัวแถวของทุกแถว และพี่คนอื่นๆ ก็เริ่มเดินตรวจเครื่องแบบทีละคน

            “น้องผูกเนกไทค์ให้เรียบร้อยด้วยค่ะ”

            “ติดกระดุมแขนเสื้อด้วยครับ”

            ผมกวาดสายตาสำรวจชุดนักศึกษาของตัวเองทันทีเมื่อเพื่อนด้านข้างโดนให้จัดเนกไทค์ใหม่  รู้สึกกดดันขึ้นมาทันทีเหมือนครั้งแรกที่ได้ขึ้นห้องเชียร์ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นก็ไม่ได้มีโอกาสขึ้นอีกเลย

            ...แล้ววันนี้ ทำไม?

            “พี่ไลน์น้องเลยครับ”



            เมื่อแถวแรกเดินนำไปที่บันไดขึ้นห้องเชียร์ เพื่อนที่รหัสติดกันก็แอบสบตากับผมด้วยความสงสัยซึ่งผมเองก็ไม่มีคำตอบอะไรให้กับเรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่มีใครตอบได้เลยว่า ทำไมจู่ๆ พี่ก็พาเข้าห้องเชียร์ทั้งที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์เป็นเรื่องเป็นราวเมื่อหลายวันที่แล้ว จะบอกว่าพี่ไม่เข็ดก็ไม่ใช่เพราะห้องเชียร์ที่มีทุกวันก็ถึงกับหยุดไปอาทิตย์นึงเต็มๆ

            ไม่นานเกินรอ แถวของผมก็ถูกนำตามขึ้นไป ผมพยายามไม่หันมองซ้ายขวาเมื่อเห็นพี่ยืนคุมกันเป็นแถว แต่ความสงสัยของผมมีอยู่ไม่น้อยเลยเผลอแอบมองบ้างตามประสา

            “มองทำเชี่ยอะไรวะ!”

            ...ชิบหาย

            ผมถึงกับสะดุ้งแล้วรีบก้มหน้ามองทางทันที ไม่รู้ว่าพี่ว้ากอยู่ตรงไหนเพราะผมไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยสักครั้ง แต่เหมือนกับว่าจะตะโกนลงมาจากด้านบนซึ่งจะเงยหน้าขึ้นไปมองก็ยิ่งไม่ได้

            ในที่สุดผมก็เดินมาถึงบริเวณหน้าห้องเชียร์ที่มีบรรยากาศมืดๆ และกดดันเช่นเคย เพียงแต่วันนี้นอกจากเสียงตวาดห้ามเมื่อครู่ก็ไม่ได้ยินเสียงเร่งให้เดินเร็วๆ ดังเดิม ทำเอาผมแอบรู้สึกไม่ชอบมาพากลยังไงไม่รู้ มันเหมือนไม่คุ้ยเคยเอาเสียเลย  และเมื่อก้าวเข้าไปในห้องเชียร์ ผมก็ถึงกับเผลอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ


            ห้องเชียร์วันนี้...สว่าง


            แสงสว่างจากไฟนีออนเป็นเหมือนตัวประหลาดสำหรับห้องเชียร์แห่งนี้ ทุกคนที่เข้ามาใหม่ล้วนมองซ้ายขวาอย่างตกใจ แต่เมื่อโดนเสียงตวาดดังสนั่นของพี่ว้ากก็รีบก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองเสียยกใหญ่ บางทีผมก็เผลอลืมไปว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ว้าก ไม่ว่าจะเจอเรื่องแปลกประหลาดแค่ไหนก็จงทำตัวเหมือนปกติ


            “พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ!!! กูบอกให้มองตรง!!!!”


            ทุกคนเหมือนจะสะดุ้งพร้อมกันเมื่ออยู่ๆ พี่ว้ากก็ระเบิดเสียงขึ้นมาเหมือนอารมณ์เสียมากๆ รูปการณ์แบบนี้เรียกว่าไม่ค่อยดีแล้วล่ะครับ

            “วันสุดท้ายแล้ว พวกมึงทำให้กูไม่ได้เหรอวะ!!!”

            หากแต่ประโยคถัดมาทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปโดยสินเชิง ไม่มีเสียงใดๆ ดังขึ้นหลังจากคำว่า ‘วันสุดท้าย’ และผมเชื่อว่าความเงียบนี้ไม่ได้มาจากคำสั่งแต่มาจากอาการตกใจและใจหายของทุกคน

            เมื่อทุกคนเข้ามายืนเรียงแถวกับเรียบร้อยแล้ว ประตูห้องเชียร์ก็ถูกปิดลงและเสียงอันคุ้นเคยของพี่ว้ากก็ดังขึ้นสลับกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกเลยที่ผมจับได้ว่าเสียงพี่ว้ากนั้นมีทั้งหมดสี่คน

            “พวกคุณอาจสงสัย ว่าวันนี้ผมเรียกมาทำอะไร”

            ผมข่มใจอย่างที่สุดไม่ให้เงยหน้าไปมองว่าพี่ว้ากหน้าตาเป็นยังไง เพียงแต่เห็นแวบๆ ว่าเขายืนหลบมุมอยู่ใต้เงาของประตู


            “พวกผมขอรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด...”

 

            “...ด้วยการประกาศปิดห้องเชียร์”




            ทั้งห้องเงียกริบเหมือนไม่มีใครกล้าสงสัยอะไรอีกเลย ห้องที่มีแสงไฟสว่างชัดกลับให้ความรู้สึกเหมือนห้องที่มืดสนิท

            ห้องเชียร์ของรุ่นผมคงจะจบแค่ตรงนี้จริงๆ



            “และผมต้องขอบคุณพวกคุณ....”



            เสียงพี่ว้ากพูดถึงแค่นี้ เสียงของพี่ปีสามทั้งรุ่นก็ดังขึ้นพร้อมกันเป็นเพลงประจำคณะ ผมรู้สึกเหมือนทั้งตัวชาวาบ เป็นความรู้สึกเหมือนถูกห่อหุ้มอย่างทะนุถนอม ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ไล่สายตามองรุ่นพี่ที่ยืนรายล้อมรอบทั้งห้องไปทีละคนๆ เห็นหยาดเหงื่อทุกหยด เห็นความตั้งใจของทุกคนที่พยายามร้องอย่างสุดเสียง และในวินาทีนั้นริมฝีปากของผมก็เริ่มขยับตาม เสียงของนักศึกษาสองรุ่นดังผสานกันอย่างพร้อมเพรียง เป็นบทเพลงที่ร้อยเรียงคำขอบคุณของคนกว่าสี่ร้อยชีวิตไว้ด้วยกัน

     
            การร้องเพลงบูมคณะครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ผมจะจดจำไปตลอด เป็นฉากจบที่งดงามที่สุดเท่าที่กิจกรรมห้องเชียร์จะให้พวกเราได้

           

            ในที่สุดเมื่อเพลงจบลง ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบเช่นเดิม แต่ความเงียบในครั้งนี้ปะปนไปด้วยความตื้นตันและเสียงสะอื้นเบาๆ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องยืนนิ่งกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเสียงของพี่ว้ากจะดังขึ้นอีกครั้ง


            “เอาล่ะ ผมจะขอถามเป็นครั้งสุดท้าย....”

            “พวกคุณ... ยินดีรับผมเป็นรุ่นพี่รึปล่า!!”

 

            “สอถอศูนย์หนึ่ง!”

            “รับครับ!!”

            “สอถอศูนย์สอง!”

            “รับครับ!!!”

            “สอถอศูนย์สาม!”

            “รับค่ะ!!!”

            “สอถอศูนย์สี่!!”

            “รับครับ!”

            “สอถอศูนย์ห้า...”

 

            หลายคนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อพี่ว้ากตะโกนสุดเสียงขานรหัสของทุกคนไปทีละคนๆ โดยไม่สนใจว่าเสียงจะเริ่มแหบไปตั้งแต่สิบคนแรก เมื่อเสียงใกล้หมดจนตะเบ็งออกมาไม่ได้ พี่ว้ากอีกคนก็รับช่วงขานต่อไปเรื่อยๆ จนเสียงหมดเช่นกัน


            “สอนอสามสิบสี่!!!”


            เสียงของรุ่นพี่ที่แหบจนต้องเค้นออกมาอย่างยากลำบากนั้นขานรหัสผมสุดเสียง


            “รับครับ!!!!”


            ผมได้ยินเสียงตัวเองตอบไปอย่างมั่นใจและดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือผมสั่นด้วยความตื้นตั้นที่อธิบายไม่ถูก และเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิต

            หากห้องเชียร์จะจบลงทันทีหลังจากคำว่า ‘รับครับ’ ของผม ผมก็จะไม่เสียใจอะไรอีกเลย

 

 

            ช่วงเวลาในห้องเชียร์ผ่านไปในที่สุด ใบหน้าผมและเพื่อนที่ค่อยๆ เดินลงมาจากชั้นบนล้วนมีคราบน้ำตาหลงเหลืออยู่ ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ผมนึกย้อนกลับไปถึงครั้งแรกที่ผเดินลงมาจากห้องเชียร์ท่ามกลางเสียงบ่นอย่างกล้าๆ กลัวๆ ของเพื่อนร่วมรุ่น น่าแปลกที่เหตุการณ์ไม่กี่นาทีนั้นทำให้ผมรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับทุกคนมากขึ้นกว่าเดิม ราวกับว่าจะสามารถหันไปยิ้มกับเพื่อนที่ยืนข้างๆ ได้เหมือนที่ผมทำกับเพื่อนสนิท

            มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับคนเพื่อนน้อยอย่างผม

            “พราน มึงจะกลับยัง”

            ขณะที่ผมกำลังมองเพื่อนไปเรื่อยโอมก็เดินเข้ามาถาม ผมนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

            “กูยัง”

            “มึงอยู่รออะไรวะ งั้นกูกลับก่อนนะ”

            ผมพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร จนเมื่อโอมเดินออกไปสักพัก เพื่อนคนอื่นๆ ก็ทยอยกลับกันไปจนเหลืออยู่ไม่กี่คน ผมจึงเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้งว่าผมรอ ‘ใคร’


            ...ตอนนี้ยังจำเป็นอยู่รึเปล่า


            แต่เมื่อผมกำลังตัดสินใจไม่รอ เสียงของรุ่นพี่ปีสามก็ค่อยๆ ดังขึ้น ทำเอาผมหันกลับไปมองทันที จึงได้เห็นกลุ่มของพี่ๆ กำลังเดินลงมาจากชั้นบน รวมถึงกลุ่มของพี่พรต

            ผมยกมือไหว้พี่จักรและพี่ในกลุ่มโดยพยายามจะไม่สบสายตากับพี่พรตโดยตรง ด้วยยังรู้สึกไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน ซึ่งดูเหมือนว่าคนอื่นในกลุ่มพรตจะไม่ได้สังเกตเรื่องนี้และเดินเข้ามาหาผมตามปกติ

            “เป็นไงบ้างพราน”

            คำถามนี้ผมจะตอบยังไงดี

            “ก็...ดีครับ”

            ผมคิดอะไรที่นอกเหนือจากคำว่า ‘ดี’ ไม่ได้จริงๆ เพราะมันเป็นความรู้สึกที่เก็บไว้เองคนเดียวจะดีกว่า


            แต่ประโยคถัดมาของพี่จักรก็ทำให้ผมนิ่งค้างไปทันที


            “ฮ่าๆๆ ดีก็ดีแล้วล่ะ ไอ้พรตออกมาจากห้องเชียร์เสียงแหบจนไปใบ้ไปละ”


            “...”


            “กูบอกให้พอมันก็จะเอาถึงรหัสพรานให้ได้”


            “...”


            คำพูดของนี้เหมือนแทงลึกเข้าในจิตใจทันที ผมก้าวเข้าไปหาคนตัวสูงกว่า สบตากับเขาด้วยสายตาที่มีความรู้สึกหลากหลายตีกันไปหมด ก่อนจะค่อยๆ โอบรอบตัวเขา และเหมือนเขาจะรับรู้ด้วยการโอบกลับเช่นเดียวกันพร้อมกดใบหน้าลงกับไหล่ของผม



            และโดยไม่รู้ตัว ผมได้ยินเสียงของตัวเองพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา



            “ขอบคุณครับพี่พรต”










--------------------------------------------------------------------------------------
หายไปนานเป็นชาติเลย ฮื้ออ คิดถึงมากๆๆๆๆๆ จะขอชดเชยด้วยตอนนี้ละกันเนอะ
ฉากในห้องเชียร์เขียนยากเพราะต้องดึงความรู้สึกตอนนั้นมาใช้เยอะ เหมือนเราถ่ายทอดผ่านทางพรานก็ว่าได้
ตอนรับน้องนี่พีคมากๆ มีความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิตเกิดขึ้นสองที และมันอธิบายไม่ได้จริงๆ
เขียนไปก็อินไป การบูมล้อมของพี่ยังติดหูจนถึงทุกวันนี้ ประทับใจมากจริงๆ ค่ะ


ใครว่าปีสองไม่หนัก สำหรับเราก็ยังว่าหนักอยู่ดีค่ะ *หัวเราะทั้งน้ำตา*
วันนี้เป็น'วันแรกและวันเดียว' ในเทอมนี้จริงๆ ที่ได้หยุดโดยไม่มีงานด่วนเพราะมิดเทอมก็เพิ่งผ่านพ้นไป
(แต่ไม่ใช่จะไม่มีงาน วันนี้แต่งนิยาย พรุ่งนี้ใช้กรรมค่ะ ถถถถถ)

สำหรับคนที่ยังรอ ขอบคุณมากๆ นะคะ ซาบซึ้งใจจริงๆ  :hao5:

แล้วเจอกันค่า

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
มาแล้วว
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
ถ้าว่างอีกก็อย่าลืมเรื่องนี้นะคะ
.
พี่พรตก็ดูโรแมนซ์ดีเหมือนกันนะเนี้ย
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
นึกว่าตาฝาด ดีใจนะคะที่มาอัพให้อ่านค่ะ ขอบคุณมาก

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1511
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ คิดถึงพี่พรตกับพรานมากเลยย

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อ่านแล้วรู้สึกตามนายพรานไปเลย
พี่พรตก็น่ารักอ่ะ (ฉากในห้องน้ำ)
แถมยังมุ่งมั่นเรื่องนายพรานอีก

ดีใจที่มาต่อให้ได้อ่านกันนะคะ

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
มาต่ออีกนะคะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
มาต่ออีกบ่อยๆน๊าาาา

ออฟไลน์ poisongodx

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Chapter นี้ พี่พรตเอาไปเต็มสิบ

อินกับห้องเชียร์

 :a2: :a2: :a2: :a2: :a9:


..

ออฟไลน์ temaripik

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮือออออ มาต่อแล้ว

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เล่นเอาซึ้งเลยอ่ะ  :mew6:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ ดีใจมากๆเลย

คนเขียนสู้ๆน้า

ออฟไลน์ semen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :z13: :call: รอตอนต่อไปครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
อ่านแล้วอมยิ้ม
ตอนนี้มันละมุนๆเนอะ

ออฟไลน์ semen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :z13: :call: รออ่านตอนต่อไปอยู่อ่ะคร้าฟฟฟ รอๆๆๆ

ออฟไลน์ thanapontigy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
เพิ่งได้มาอ่านนน
รอนะ
พรตพรานนนน ชอบบบ
แลน้องเข้าใจทุกอย่าง
ว่าแต่พรตบอกเลิกคนทีเหลือยัง คงไม่ตามราวีนะ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ออฟไลน์ aunszMT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
มารออ คิดถึงพรตพรานน

ออฟไลน์ lllittled

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เอาตรงๆถ้าพระเอกนิสัยแบบนี้ก็ไม่อยากให้คู่กับนายเอกนะ

นายพรานดูนิสัยดีสมควรจะได้เจอคนดีๆมากกว่า

ในกรณีที่พรตเป็นพวกคบซ้อนตอแหลไม่จริงใจเจ้าชู้หมาหยอกไก่กับชาวบ้านเขาไปทั่วน่ะนะ

แต่ถ้าที่ทำอยู่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอค่อยว่ากันทีหลัง

อีกประเด็นที่คิดคือพระเอกไม่ใช่คนนี้รู้สึกเรื่องเดินช้ามาก

เหมือนโฟกัสที่ความรู้สึกแบบบางเบา

แต่เน้นหนักไปทางชีวิตมหา'ลัยมากกว่าเรื่องงานเรื่องเรียนไรงี้

เขาจะได้คู่กันไหม? สู้ๆจ้า

ออฟไลน์ lllittled

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ผิดหวังที่พอหาคนรับผิดชอบเรื่องนี้แล้วเพื่อนร่วมรุ่นต่างโยนมาให้พรตคนเดียว

ทั้งที่ตอนเริ่มก็เห็นดีเห็นงามด้วยกันหมดพอมีปัญหาก็โยนให้คนต้นคิด

ถ้าคิดว่าพอมีปัญหาแล้วตัวเองไม่อยากรับผิดชอบร่วมก็ควรจะคัดค้าน

แต่นี่ยินยอมทำตามที่พรตคิดดังนั้นถ้าจะผิดควรรับผิดชอบกันทั้งหมด

 เพราะงั้นไอ้ที่บอกให้รักกันช่วยกันมันก็เป็นแค่ลมปากที่พูดให้สวยหรู

บอกให้รุ่นน้องทำแต่ตัวรุ่นพี่เองกลับไม่เข้าใจความหมายของมันซะเอง

มันก็ไม่ประโยชน์อะไรที่จะต้องรับน้องเข้าห้องเชียร์ เมื่อตัวพวกคุณยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ปัญหาครอบครัวคือส่วนนึงด้วยใช่มั้ยที่ทำให้กลายเป็นคนมีปัญหา

เหมือนพรตมีปัญหาทางจิตด้วยเลย

ออฟไลน์ lllittled

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เฉลยมาแบบนี้ค่อยหายอึดอัดหน่อย

เป็นคนนึงที่อยากจะบอกว่าปัญหาครอบครัวเป็นปัญหาหลักๆของเด็กเลย

มีหลายเคสมากที่รู้จักก็เริ่มจะสถาบันครอบครัวนี่แหละ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด