::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17  (อ่าน 279059 ครั้ง)

ออฟไลน์ fahsida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เพื่อนพี่พรตนี่ดีจริงๆ แต่ละคนแค่ตัวเองรอดก็ไม่สนใจเพื่อนแล้วอ่ะ ปัดสวะแบบไม่สนใจความรู้สึกเพื่อนเลยอ่ะ ครอบครัวพี่พรตก็เหมือนจะคิดถึงหน้าตาตัวเองอย่างเดียวไม่คิดถึงใจลูกเลย เราว่าทุกบ้านที่มีพี่น้องต้องเป็นอ่ะไม่ชอบสุดๆ ไอเปรียบเทียบเนี่ย

ออฟไลน์ niji-fa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำผิดก็ต้องรับผิดชอบรวมกันดิ ทำไมต้องเป็นคนๆเดียวรับผิดชอบ
เสียความรู้สึกกับเพื่อนพี่พรตอะ ...
อ่านตอนนี้แล้วเข้าใจพี่พรตขึ้นมานิดๆ สงสารพี่พรตอะ  :m15:

ออฟไลน์ ToeyTato

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
เราเป็นคนไม่ซับซ้อน พอเจอแบบนี้ มึนค่ะ

ออฟไลน์ ice.sp0211

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ถึงจะเป็นแบบนี้ สงสารแค่ไหนก็เถอะ

แต่เราก็สงสารพรานมากว่าพรต

ทุกครั้งที่ไล่ รู้สึกแย่มาก

 :mew4: :mew4: :mew4:

ออฟไลน์ woodong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ค้างคา

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
นายแค่เอาพรานมาเอี่ยวกับสงครามเปล่า

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ครอบครัวกดดันมาตลอดซินะ
คงกดดันทุกเรื่องและยาวนาน
คำพูดพ่อโหดร้ายมากเลยนะ

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
พรตดูน่าสงสารบุคลิคของเค้าเหมือนคนป่วยเลย

ออฟไลน์ fangiily

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +741/-12
เหมือนจะเข้าใจพรต แต่ก็ไม่เข้าใจ

สาเหตุส่วนหนึ่งคงมาจากครอบครัวที่เหมือนจะกดลูกตัวให้ต่ำกว่าพี่ชาย ซึ่งนั่นคงทำให้พรตกดดันมาก แล้วผลกระทบนี้ทำให้พรตกลายเป็นคนมีสองบุคลิกหรือเปล่า เพราะบคุลิกของพรตยังคงเป็นปริศนา ปรับไปเปลี่ยนมา

มิวเกี่ยวข้องอะไรด้วย?? ครอบครัวบังคับให้คบกัน?? งงค่ะ

รออ่านตอนต่อไปเพื่อจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น

ออฟไลน์ ziqh.leo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เรื่องจริงคือ มิวกับพฤต โดนบังคับให้คบกันอะไรแบบนี้ป่ะ? แล้ว ผญ คนอื่นที่เข้ามาหาพฤต ก็คือมาชอบพฤตเอง ด้วยความที่พฤตอาจจะเป็นคนแบบนี้ เลยคบแบบมั่วๆซั่วๆ ประชดชีวิตไรแบบนี้ป่ะ ? 5555 เราเดานะ  แต่พฤตน่าสงสารตรงที่พ่อเอาไปเปรียบกับพี่คนโต เฮ้อ รออ่านตอนต่อไปค่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Sahrapova

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เริ่มเข้าใจพี่พรตขึ้นมานิดนึง แต่ตอนนี้จุกมากตรงเรื่องเพื่อน มันแบบสื่อให้รู้เลยว่าเพื่อนแบบนี้มันมีอยู่จริงๆ เวลามีสุขร่วมเสพกันแต่เวลาทุกข์กลับไม่เคยจะยื่นมือเข้ามาช่วย เรื่องครอบครัวก็อีกเรื่อง ไม่มีใครชอบหรอกการเปรียบเทียบอ่ะทำไมคุณพ่อทำแบบนั้นฮะ ยิ่งคำพูดที่ใช้คือสะอึกแทน เอาเป้นว่าสงสรพี่พรตแต่สงสารพรานมากกว่า  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เหมือนจะเข้าใจพรตมาแล้วนิดนึง แต่พรตไล่พรานแบบนี้ คนเค้ามีความรู้สึกนะ เสียใจเป็นเหมือนกัน แล้วจะทำไงต่อล่ะคะ
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
พรตน่าสงสารจัง แต่ดูเหมือนปมจะยังคลายไม่สุดนะ รอๆ

ออฟไลน์ Tsumsome

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เอาไงกันแน่พรต :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ROCKLOBSTER

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-4
เอาเรื่องเพื่อนก่อนเลยนะ  เพื่อนแดกทั้งก๊กอะ  ใหนที่ร้านอาหารบอกว่ารักกันรู้ใจกัน โถ่..เพื่อนแท้เชี่ยๆ
นี่เลยของจริง ไอ้พ่อแม่รังแกฉัน  กดดันมันเข้าไป คงทำมาตั้งแต่พรตมันหัดเดินล่ะมั๊ง มันถึงได้ดูเหมือนเก็บจนจะกดไม่ไหวอยู่แล้ว
มิว เป็นเมียน้อยหรือกิ๊กพ่อพรตปะ  แบบให้ลูกคบบังหน้าแทนตัวเองไรงี้  แต่ก็เห็นพรตเอาอกเอาใจกันดี เลยยังไม่เข้าใจ ไว้คนเขียนมาคลายปม หรือจะผูกมากกว่าเดิมก็ไม่รู้ดีกว่า
แต่ถึงยังไงก็ไม่เห็นด้วย ที่จะดึงพรานมาเกี่ยว ทั้งที่รู้ว่าน้องมันจะซวยด้วยหรอกนะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เราเข้าใจพี่พรตนะ ไม่ว่าอะไรเลย ทีมพี่พรต

ออฟไลน์ woodong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เข้ามารออออออออออ

ออฟไลน์ woodong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
มาอีกรอบ

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
พรตชอบพรานแล้วสินะ เฮ้อ ชีวิตพระเอกดูเก็บกด


ออฟไลน์ woodong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
รอออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
แอบอ่านมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ เพิ่งจะได้กลับมาตามเมื่อไม่นานมานี้
หวังว่าพี่พรตจะเคลียร์ตัวเองนะคะ น้องพรานเองก็จะได้เข้าใจ
เพื่อนๆ และปัญหาทั้งหลาย ก็จะได้คลี่คลายลงไปบ้าง

(แต่ดูเหมือนพี่พรตจะวิ่งเข้าหาปัญหาเลยเนอะ...โดยเฉพาะกับที่บ้าน
เฮ่อ!...แม่ป้าล่ะเปลี้ย)

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ^^

ออฟไลน์ woodong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
แวะมาดัน

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ powl-the-2nd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1



:: CHAPTER 13 ::




[พรต]


           

            “พรต  เล่าให้พี่ฟังหน่อย”

            ผมเงยหน้ามองคนที่กำลังทรุดตัวลงนั่งข้างๆ หลังจากที่ผมคุยกับพ่อเสร็จและกำลังนั่งพยายามสงบสติอารมณ์อยู่

            พี่พฤต...พี่ชายผู้แสนดี เพียบพร้อมไปด้วยประวัติสวยหรู ความภาคภูมิใจของครัว ทุกอย่างเท่าที่คนๆ นี้ทำจะทำให้คนอื่นภาคภูมิใจที่ได้เกี่ยวข้องกับเขา

            พี่ชายของผมจะเป็นคนนั่งปลอบเสมอหลังจากโดนพ่อหรือแม่ดุ เพราะความ ‘แสนดี’ นี่ไง ที่ทำให้ผมทั้งรักทั้งหมั่นไส้เขาไปในตัว เกลียดที่เป็นคนเพอร์เฟ็คเพียบพร้อมและเป็นที่รักของคนทั่วไป แต่ยังรู้สึกมีบุญคุณอยู่ในฐานะที่เขาเป็นคนๆ เดียวในโลกที่จะมานั่งข้างๆ ผมและพูดคุยกันอย่างจริงจัง

            ไม่ว่ามีปัญหาอะไรพี่พฤตก็จะมา

            “พี่เห็นพ่อโกรธมากเลยนะ”

            ผมเหลือบไปมองพี่พฤต ยังไงพ่อสมควรโกรธอยู่แล้วล่ะ เขารับไม่ได้หรอกว่าลูกตัวเองทำให้น้องเป็นลม แล้วยังประโยคสุดท้าอีกล่ะ นั่นคงพอที่จะทำให้พ่อแทบเป็นบ้าไปเลย

            “รับน้องมันก็มีปัญหาแบบนี้แหละ เพื่อนพี่ก็...”

            “พี่พฤตหยุด!”

            “หยุดอะไรพรต ทำไมพูดแบบนี้”

            สิ่งหนึงที่ผมเกลียดมากที่สุดคือ คำปลอบโยนเหมือนเข้าอกเข้าใจกันของคนที่เรียกได้ว่าเป็นสาเหตุของทุกเรื่อง ถ้าพี่พฤตดีน้อยกว่านี้สักครึ่ง ถ้าไม่เก่งสักเรื่อง ทำไม่ได้สักเรื่อง ผมคงไม่โดนนำมาเปรียบเทียบและด่าทออย่างน่าสมเพชแบบนี้หรอก

            แล้วยังมีหน้ามาปลอบผมอีก

            ผมคงจะเกลียดตัวเองพอๆ กับที่เกลียดคำปลอบโยนเหล่านั้น เพราะเป็นผมเองนี่แหละที่ยอมให้ตัวเองเล่าความทุกข์ให้พี่ชายฟังตั้งแต่เด็ก ยอมให้พี่ชายเข้ามาช่วยทำการบ้านทำโปรเจกต์เพื่อให้มีผลงานที่ดีพอที่พ่อจะไม่ด่า ตั้งแต่เด็กผมก็เคยชินกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจนเพิ่งจะมารู้สึกเอาตอนนี้ว่ามันควรจบได้แล้วล่ะ

            การต่อต้านในใจของผมแรงขึ้นเรื่อยๆ และนั่นทำให้ตัวผมเริ่มสั่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมพยายามจับตัวเองไว้ให้มันหยุดอย่างที่ทำมาตลอด แต่แล้วก็มีมือหนึ่งจับลงที่ไหล่ของผมเหมือนพยายามช่วย ผมปัดออกทันที

            “ออกไป”

            “...”     

            “ผมอยากอยู่คนเดียว”

            พี่พฤตชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะระบายลมหายใจยาวๆ เขาไม่ได้เดินออกไปไหนแต่กลับนั่งเงียบๆ อยู่อย่างนั้นแทน

            คำว่า ‘อยากอยู่คนเดียว’ เป็นคำที่ผมอยากจะพูดกับพี่พฤตที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่เคยกล้าพอที่จะปัดความช่วยเหลือของพี่ให้พ้นตัวแต่แล้วผมกับ...ไปลงกับอีกคนก่อน

             คิดถึงตรงนี้ ความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้ามาหาผมเหมือนคลื่นลูกใหญ่ ผมควรจะยั้งสติให้ทันก่อนพูดอะไร แต่ดูเหมือนนาทีนั้นผมไม่ค่อยรับรู้อะไรเท่าไหร่ ถ้าหากว่าพรานไม่เข้ามาจับไหล่เหมือนที่พี่พฤตชอบทำ ผมคงไม่พูดไปแบบนั้นและพรานคงไม่วิ่งออกไปแบบนั้น

            ผมจะไม่โทษว่าการจับไหล่เพื่อปลอบมันเป็นปมในใจที่มีกับการปลอบโยนของี่ชายซึ่งเป็นตัวเปรียบเทียบอันสมบูรณ์แบบของผม จะไม่บอกว่าพรานมาอยู่ผิดที่ผิดเวลา ผมไม่มีข้ออ้างอื่นนอกเสียจากยอมรับว่าตัวเองพูดไปโดยไม่มีสติจริงๆ เลยทำให้ไประเบิดอารมณ์ใส่คนที่ผมควรจะดีด้วยที่สุด

            มันเป็นพฤติกรรมมนุษย์ที่ผมนึกรังเกียจที่สุด เมื่อเรารู้สึกสบายใจและไว้วางใครมากๆ เมื่อเราเห็นว่าเขาสำคัญ เราก็มักจะพูดจากับเขาไม่ดีเท่าเดิม ทำตัวไม่ดีกับเขา เปิดเผยด้านที่ไม่ดีของตัวเองให้เขา เหมือนกับที่หลายคนมักจะเถียงคนใกล้ตัวด้วยถ้อยคำรุนแรง ในขณะที่พูดจาอย่างดีกับคนที่เพิ่งรู้จักไม่นาน ความจริงแล้วคนที่เป็นห่วงเราที่สุดไม่ใช่หรือ ที่สมควรได้รับการปฏิบัติที่ดีกลับคืนไป

            ผมรู้ว่ามันหมายถึงการเปิดใจ การเปิดเผยพฤติกรรมที่ฝังลึกในจิตใจที่ดูดีให้ใครสักคนรับรู้ แต่ในการเปิดใจนั้น ทำไมถึงต้องมีการทำร้ายจิตใจของคนอื่นด้วย มันเหมือนกับการที่เราต้องใช้ดาบอันคมกริบกรีดลงไปเพื่อเปิดทางให้ตนเองก้าวเข้าไปอยู่ในใจของอีกคนหรือเปล่า แน่นอนว่าเขาคงจะเจ็บบ้าง แต่เมื่อเข้าไปแล้วเราจะได้เป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่จิตใจของเขา

            การที่คำพูดของผมทำร้ายพราน ผมจะถือว่ามันเป็นการเปิดทางเข้า และตอนนี้นี้ผมก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ตัวเองจะกรีดจิตใจของตัวเองให้พรานเข้ามาเช่นเดียวกัน

            “เฮ้ย ใจเย็นดิ”

            “พรตบอกว่าอยากอยู่คนเดียว”

            “เมื่อกี้คุยกับพ่อแม่น้องปีหนึ่งให้แล้ว”

            “...”

            “พี่กับแม่แทบจะไหว้เขาเลยล่ะ”

            พี่พฤตพูดแบบนี้คงคิดว่าผมจะรู้สึกผิด แต่ผมกลับไม่คิดว่ามันเป็นบุญคุณอะไรแม้แต่นิดเดียว

            “...”

            “สุดท้ายเขาโอเคว่าจะไม่ฟ้อง แต่บอกว่าให้ไปขอโทษ”

            ผมควรจะยอมขอโทษใช่ไหม อย่างน้อยก็ให้เรื่องมันจบๆ ไปโดยไม่เป็นเรื่องใหญ่ ถึงในใจจะคิดว่า ถ้าไม่เป็นพ่อแม่หรือพี่ชายตัวผมเองนั้นจะได้รับการลดหย่อนอะไรแบบนี้หรือเปล่า พวกฐานะหรือเส้นสายในสังคมช่างน่าเบื่อ

            “โอเค พรตจะทำ”

            ...อย่างน้อยก็เพื่อรุ่นละกันวะ

            พอตกลงกันได้แล้วผมเลยตั้งใจจะปลีกตัวไปบอกข่าวให้เพื่อนรู้กันก่อนว่าผมจะเคลียร์เอง แต่พอกำลังจะเดินไปเท่านั้นแหละ พี่พฤตก็คว้าแขนผมเอาไว้ก่อน

            “แล้วที่พูดกับพ่อหมายความว่าอะไร”

            “พี่พฤตได้ยินเหรอ”

            พี่พฤตพยักหน้าเบาๆ ด้วยสีหน้าเหมือนรู้ทัน ทำให้ผมนึกย้อนกลับไปถึงตอนที่ยืนคุยกับพ่อ ทั้งเรื่องปัญหารับน้อง เรื่องครอบครัว เรื่องพราน...

            พี่พฤตยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นสีหน้าเหมือนตกใจที่ห้ามไว้ไม่อยู่ของผม ตอนนั้นนอกจากพ่อแล้วผมไม่คิดว่าจะมีใครมาได้ยินอีก ตอนนี้ก็เอาแล้วไง คนอย่างพี่พฤตไม่ยอมปล่อยให้ผมมีความลับอะไรหรอก

            “มีคนที่ชอบแล้วเหรอ”

            “...”

            “พี่จะพลาดได้ไงล่ะ เรื่องใหญ่ของน้องชายเชียวนะ”

            “อือ” ผมพยักหน้ารับ

            “เฮ้ยย พี่ไม่เคยได้ยินพรตพูดว่าชอบใครเลยนะ”

            สีหน้าตื่นเต้นจนเกินเหตุของพี่พฤตทำเอาผมยิ้มออกเป็นครั้งแรกของวัน ยังไงพี่พฤตคนนี้ก็เป็นพี่ชายของผม ยังไงคนที่เป็นต้นเหตุของการเปรียบเทียบทั้งหมดก็ยังเป็นพี่ที่ดูตื่นเต้นกับเรื่องของผมราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง

            ความใส่ใจนั้นทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อย

            “เออดิ เป็นคนแรกที่พรตอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ”

            “เค้าเป็นคนยังไง”

            ถ้าจะให้ตอบว่าพรานเป็นคนยังไงงั้นเหรอ...

            “ใจดี แกล้งสนุกมาก ก็ไม่ใช่คนกว้างขวางเท่าไหร่แต่ทำกิจกรรม”

             “โห หน้าตาเคลิ้มเชียว เพิ่งชอบเค้าเหรอ”

            “ก็รู้จักกันสักพักแล้ว แต่วันนี้มีเรื่องนิดหน่อย เลยเพิ่งมาคิด”

            พี่พฤตหรี่ตาลงเหมือนพยายามจะจับผิดอะไรบางอย่างในคำพูดของผม แต่สุดท้ายกลับเอ่ยปากถามอีกคำถามขึ้นมาแทน

            “บอกชื่อได้ป่ะ”

            มีความลังเลบางอย่างเกิดขึ้นเหมือนผมไม่อยากให้ใครได้รู้ แต่เมื่อมองเห็นใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของพี่ชายแล้ว ผมเลยตัดสินใจปัดความคิดนั้นก่อนและพูดออกมา


            “เขาชื่อนายพราน เป็นน้องปีหนึ่ง”



            แต่แล้วสายตาของผมก็เผลอไปสบตากับ ‘เจ้าของชื่อ’ ที่จู่ๆ ก็เดินเลี้ยวเข้ามาในทางเดินนี้เหมือนรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเขาก็ชะงักฝีเท้าทันทีเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง และเมื่อสายตาของเราสบกันแล้ว เขาก็ถอยหลังสองสามก้าวแล้ววิ่งออกไปทันที


            ...เดี๋ยวก่อน!!!


            “พรต!”

            ในวินาทีนั้นผมก็ออกวิ่งตามเขาไปทันทีโดยไม่สนใจว่าจะยืนคุยกับพี่พฤต หรือจะมีเรื่องอะไรที่ยังพูดไม่จบ ต้องเป็นตอนนี้เท่านั้นที่ผมจะสามารถแก้ไขอะไรได้ก่อนพรานจะโกรธผมไปมากกว่านี้ ก่อนที่พรานจะเก็บคำพูดนั้นไปนั่งคิดมากคนเดียวแบบที่ชอบทำอยู่บ่อยๆ ผมยอมรับเลยว่าผมไม่เคยต้องการที่จะคุยกับพรานมากเท่าครั้งนี้

            ผมวิ่งไปจนสุดทางเดินและหักเลี้ยวไปทางขวาตามที่เห็นพรานวิ่งไป และเมื่อเลี้ยวไปผมก็เห็นแผ่นหลังไวๆ วิ่งเลี้ยวไปอีกทางพอดี ผมหอบหายใจออกมาก่อนจะเร่งฝีเท้าตามไปอีกที แต่เหมือนพรานเองก็จะไม่หยุดด้วยเช่นกันแม้จะรู้ว่าผมวิ่งตามมาเพราะเสียงฝีเท้าที่ของเขายังคงดังต่อเนื่องตามทางเดิน

            ผมยังคงเร่งความเร็วของตัวเองเรื่อยๆ แม้จะหอบเหนื่อยมากกว่าเดิม ผมเริ่มเข้าใกล้พรานมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงในระยะที่แขนผมสามารถเอื้อมไปถึงตัวของเขาได้ ผมจึงใช้สองมือรวบตัวของพรานไว้จากด้านหลังทันที


            “พรานหนีทำไม”

             คำถามของผมไม่ได้รับคำตอบอยู่สักพักหนึ่ง และเมื่อเสียงหายใจแรงๆ จากความเหน็ดเหนื่อยเบาลงบ้างแล้ว พรานก็เริ่มขยับตัวให้หลุดออกจากแขนของผมซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ยอม พรานจึงหยุดและตอบลับมาอย่างช้าๆ

            “แล้วพี่พรตตามมาทำไม”

            คำพูดนี้ทำเอาผมเป็นฝ่ายนิ่งไปเสียเอง คำตอบน่ะมีแน่นอนอยู่แล้ว แต่เหมือนอารมณ์ของพรานตอนนี้มันน่ากลัวยังไงไม่รู้ เพราะผมไม่เคยเจอพรานถามย้อนหรือมีน้ำเสียงจริงจังแบบนี้มาก่อน ผมเลยตัดสินใจคลายแรงที่กอดพรานไว้ แล้วหันตัวเขากลับมาเผชิญหน้าแทน

            และเขาไม่ยอมมองหน้าผม

            โอเค เขาอาจเกลียดผมไปแล้ว แต่อย่างน้อยผมอยากไถ่โทษเรื่องที่เคยปฏิเสธความหวังดีของเขา ไม่อยากให้มีเรื่องค้างคาใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น


            “นายพราน”


            “...”


            “เรามีเรื่องต้องคุยกัน”



 

 

[พราน]

 



            ผมนั่งลงข้างๆ พี่พรตทั้งที่ความจริงยังอดเสียใจอยู่ไม่ได้ที่เขาออกปากไล่ผมคราวก่อน ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมการพยายามจะทำให้ใครสักคนรู้สึกดีมันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วมาวันนี้หลังจากที่ผมรู้ว่าเดินสวนกับพ่อแม่พี่พรต มันคล้ายกับเป็นลางสังหรณ์น่ะครับว่าเหมือนมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น เลยรีบวิ่งลงมาข้างล่างและเดินหาอยู่นานามาก จนผมได้ไปเห็นพี่พรตกำลังพูดชื่อของผมอยู่กับใครอีกคนที่ไม่ใช่พ่อแม่

            ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมที่วิ่งหนีมาก่อนเป็นฝ่ายต้องการคำอธิบายเสียเอง

            ทั้งเรื่องพี่พรตเอง เรื่องรับน้อง เรื่องมิว และเรื่องของผม

            “มีเรื่องอะไรอยากถามมั้ย”

            ผมหันไปมองพี่พรตอย่างอึ้งๆ เหมือนเขาจะรู้ตัวดีว่าก่อความสงสัยให้ผมไม่น้อย ผมเลยพยายามเรียบเรียงความคิดไว้เป็นข้อๆ เพื่อไม่ให้คำถามตีกันมั่วเกินไป

            “คนเมื่อกี้เป็นใคร”

            “พี่พฤต เป็นพี่ชายกูเอง”

            “ผมหมายถึง มีอะไรพิเศษกว่านั้นมั้ย”

            ผมเห็นพี่พรตนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะให้คำตอบเหมือนจะระบายทุกอย่างออกมาด้วยความอัดอั้น

            “พี่พฤตห่างจากกูห้าปี จบด้วยเกรดสามจุดเก้า เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของปีนั้นแล้ว งานไม่เคยต่ำกว่าบีบวก เข้าทำงานกับบริษัทของพ่อแม่ ตอนนี้เป็นคนระดับบริหาร อ้อ...เป็นคนหล่อมีเสน่ห์ เลยได้ถ่ายละครตั้งแต่สมัยเรียน ตอนนี้ยังรับงานเดินแบบกับงานเล็กๆ น้อยๆ อยู่เพราะไม่ค่อยว่างแล้ว รู้จักคนกว้างขวาง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ทำอะไรก็ราบรื่นไม่มีปัญหา”

            “..”

            “และพ่อแม่ภูมิใจมาก”

            ยอมรับว่าประวัติของพี่พฤตทำเอาผมอึ้งและชื่นชมอยู่เหมือนกัน แต่การที่พี่พรตต่อประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลงเหมือนเจ็บปวด ผมเลยไม่กล้าจะเอ่ยปากพูดอะไร

            “ถามต่อสิ”

            เมื่อพี่พรตพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ผมก็คงจะถามต่อ ถึงมันจะเป็นอะไรที่อาจฟังดูละลาบละล้วงและเป็นส่วนตัวไปหน่อย แต่ผมรู้สึกค้างใจตั้งแต่ตอนขึ้นไปเยี่ยมน้ำแล้ว

            “คือผมรู้สึกคุ้นหน้าพ่อแม่พี่พรตมาก เลยกำลังคิดว่าอาจเคยเจอที่ไหนมาก่อน”

            “อ้อ ต้องเคยเห็นอยู่แล้วล่ะ”

            มาถึงตรงนี้ผมก็เริ่มไม่เข้าใจ หรือว่ามีตอนไหนที่เราเคยเจอกันแล้วผมจำไม่ได้หรือเปล่า

            “เด็กถาปัดส่วนใหญ่รู้จักพ่อกับแม่ เอ่อ...จริงๆ แล้วอาจทั้งครอบครัวรวมถึงกูด้วย คือพ่อกับแม่กูเป็นคนก่อตั้งบริษัท L Arch”

            ...เชี่ย

            ทำไมผมไม่รู้มาก่อนเลยวะ บริษัทนี้ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทสถาปนิกที่ได้รับการยอมรับมากมายกว้างขวางและได้ร่วมทำงานกับชาวต่างชาติอยู่หลายโปรเจกต์ ผมยังเคยไปดูนิทรรศการของบริษัทนี้อยู่ครั้งหนึ่ง เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมผมรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาพ่อแม่ของพี่พรตเหลือเกิน

            ผมหันไปมองพี่พรตอีกรอบ ไม่น่าเชื่อว่าคนขี้แกล้งที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมนี่เป็นถึงลูกชายเจ้าของบริษัทที่มีชื่อเสียง เพราะที่ผ่านมาเขาทำตัวธรรมดาและกวนตีนมาก

            “พราน กูยังเป็นคนเดิมอยู่นะ”

            ได้ยินแบบนี้ผมถึงกับยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าลูกชายเจ้าของบริษัทชื่อดังจะกลัวการมีชื่อเสียงของตัวเองเหลือเกิน

            “ก็ไม่ได้บอกว่าเปลี่ยน แค่ตกใจเฉยๆ”

            “โอเค แล้วไป”

            เขาเหมือนผ่อนคลายอย่างมากเมื่อรู้ว่าผมไม่ได้เห็นเขากลายเป็นคนอื่น และผมก็รู้สึกเหมือนได้รู้จักเขามากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็นั่นแหละ ยังเหลืออีกประเด็นนึงที่ค้างคาใจมานานกว่านั้น และคงเป็นคำถามที่คงจะละเอียดอ่อนในความรู้สึกของพี่พรตพอควร

            “พีพรต”

            “หืมม?”

            “พี่คบกับมิวจริงๆ เหรอ”

             ผมแทบกลั้นหายใจระหว่างรอคำตอบ พี่พรตเงียบไปนานมาก จนผมรู้สึกอึดอัดเหมือนอยากหายไปจากตอนนี้และแอบคิดว่าไม่น่าถามคำถามนี้เลย แต่ไม่นานหลังจากนั้น พี่พรตกลับถอนหายใจเบาๆ และหันตัวกลับมานั่งมองผมตรงๆ

            “เอ่อ...พี่พรตไม่ต้องเล่าก็ได้”

            “ไม่เป็นไร กูกะจะเล่าอยู่แล้วล่ะ”

            “...”

            “คือ อย่างที่บอกแหละว่าพ่อแม่กับพี่กูประวัติดีกันทั้งครอบครัว เหมือนมีคนรู้จักเยอะ พ่อแม่เลยเลี้ยงมากับการสร้างชื่อเสียง อธิบายไงดีวะ...เหมือนจะต้องการให้เป็นคนเพอร์เฟ็คเป็นหน้าเป็นตาในสังคม เช่นแบบ เรียนดี ทำกิจกรรมได้ดี อะไรแบบนี้”

            “...”

            “แล้วพอดีพี่พฤตก็ทำได้อย่างที่พ่อแม่ชอบ พวกเพื่อนพ่อเพื่อนแม่ คนอื่นๆ ก็ชื่นชมพฤตไปด้วย อารมณ์เหมือนลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น แต่ลูกคนที่สองอย่างกูทำไม่ได้ไงเลยโดนเปรียบเทียบตั้งแต่เด็ก อะไรก็ไม่ดีเท่าพี่พฤต จริงๆ กูเป็นคนระดับปกติทั่วไปเลยอาจไม่ดีพอสำหรับความคาดหวังของพ่อแม่มั้ง ก็มีพี่พฤตแหละที่เข้ามาปลอบมาช่วยทำงานให้เกรดมันออกมาดีพอสำหรับมาตรฐานพ่อแม่”

            “...”

            “แต่มึงเข้าใจป่ะ กูอึดอัดที่ต้นเหตุของการเปรียบเทียบแม่งเป็นคนมาปลอบกู เป็นพี่ที่ดีชิบหายจนทำให้กูรู้สึกผิด ทั้งรักทั้งเกลียดว่างั้น”

            ไม่รู้ผมรู้สึกไปเองรึเปล่าแต่เหมือนพี่พรตจะเริ่มตัวสั่นขึ้นมาอีกรอบ บางทีอาจเป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเครียดมากๆ ผมเหลือบไปมองมือของพี่พรตที่สั่นนิดๆ อย่างคุมไม่อยู่ คราวนี้ถ้าจะทำอะไรให้เขารู้สึกดีขึ้นบ้าง ผมคงไม่จับที่ไหล่เด็ดขาด

            ผมค่อยๆ เลื่อนมือไปจับมือของพี่พรตเอาไว้อย่างกล้าๆ กลัวๆ ไม่รู้ว่าเขาจะไล่ผมเหมือนที่เคยทำรึเปล่าหรือจะมองผมด้วยสายตาแบบไหน แต่ทันทีที่มือสัมผัสกัน พี่พรตก็เป็นฝ่ายรวบมือของผมไปจับไว้แน่นราวกับว่ามือของผมเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่เขามี

            “พี่พรต...”

            “กูคบกับมิวตั้งแต่ม.ห้า เป็นคนขอคบเอง ไม่มีใครมาบังคับหรอก”

            “...”

            “โอเค อาจว่ากูเลวก็ได้ ปีนั้นพี่พฤตทำงานได้ดีมากทำให้กูโดนเปรียบเทียบมากกว่าเดิม ส่วนพี่พฤตที่ทำได้ดีไปซะทุกด้านกลับเริ่มมีข้อเสียเรื่องผู้หญิง เหมือนเขาเปลี่ยนแฟนบ่อยมากในปีนั้น”

            “...”

            “ตอนนั้นกูเลยเริ่มสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองขึ้นมาใหม่ จะเป็นยังไงก็ช่างแต่พ่อกับคนภายนอกต้องมองกูว่าเป็นคนรักเดียวใจเดียวบูชาความรัก ต้องมีแฟนดี ซึ่งเป็นอย่างเดียวที่พอจะดีกว่าพี่พฤตได้”

            พี่พรตบีบมือผมแน่นขึ้นอีก

            “พอดีมิวเป็นลูกเพื่อนแม่ที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน คือกูเคยเห็นมิวมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นผู้หญิงที่อยู่ด้วยง่ายและกูคิดว่าคงจะอยู่กับเค้าหลายๆ ปีได้ คิดว่าอีกหน่อยคงชอบกันไปเอง แต่กูคิดผิดเพราะเวลามีผู้หญิงคนอื่นเข้ามากูไม่ได้รู้สึกมีภาระติดพันอะไร กูยังรู้สึกว่าอยากรู้จักอยากลองคบ อยากลองดูว่าคนไหนจะหยุดกูได้ เลยกลายเป็นว่าตอนนี้มีสามแต่กูยังไม่รู้สึกว่าใครโอเค”

            คำสารภาพอย่างตรงไปตรงมาของพี่พรตทำเอาผมคิดว่าถ้ามิวมาฟังอยู่ตรงนี้คงเจ็บเจียนตายไปเลยมั้ง คนที่คบกันนานขนาดนี้อยู่ๆ มาพูดเหมือนไม่เคยมีเยื่อใยอะไรมันก็คงเกินไปหน่อย


            “มิวรู้เรื่องนี้มั้ย”

            “มิวรู้ ทุกคนที่กูคบรู้หมด เราคุยกันแล้ว ตกลงว่าถ้ามิวมีใครที่ชอบจริงๆ ขึ้นมาก็เลิกกันได้ทุกเมื่อ เหมือนพ่อแม่มิวก็ชอบให้มีแฟนโปรไฟล์ดีๆ เหมือนกัน กูชนะพี่พฤตในเรื่องนี้ส่วนมิวไม่โดนพ่แม่ด่าเรื่องแฟน เท่านี้ก็วินวินแล้ว”

            “...”

            “มึงไม่ต้องเข้าใจก็ได้นะ ไม่ค่อยมีใครเข้าใจกูหรอก”

            “เฮ้ย ก็กำลังพยายามเข้าใจอยู่เนี่ย”

            ผมชักจะหงุดหงิดขึ้นมา ก็นั่งอยู่ตรงนี้จับมือยู่ตรงนี้เลย จะบอกว่าไม่มีใครเข้าใจก็จะเกินไปหน่อยมั้งไอ้พี่พรต

            “นายพราน”

            “อะไร”

            อยู่ๆ พี่พรตก็เผยอรอยยิ้มนิดๆ เหมือนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตามปกติของเขา แล้วจ้องลึกลงมาเหมือนจะอ่านความคิดผมให้ได้ ซึ่งนั่นทำให้ผมเขยิบถอยหลังและพยายามแกะมือออก แต่มือของพี่พรตกลับจับแน่นขึ้นกว่าเดิม


            “เมื่อกี้คุยกับพี่พฤตว่ากูรู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับมึง”


            “...”


            “และกูก็ไม่เคยเล่าเรื่องของตัวเองให้ใครฟังเยอะขนาดนี้”


            “...”


            “คือ...ลองคบกับกูได้ป่ะ”



            ผมไม่ได้งี่เง่าขนาดจะไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ โอเค...การที่ผู้ชายมาขอคบนั้นเขาคงคิดมาดีระดับนึง ผมก็รู้สึกว่าอยู่กับพี่พรตแล้วสนุกเหมือนกัน แต่ในเมื่อความชอบของพี่พรตมันปนอยู่กับความรู้สึกเหมือนผมเป็นที่พึ่ง พอถามว่าผมไว้ใจเขาแค่ไหน ผมเลยยังไม่กล้าบอกว่าไว้ใจร้อยเปอร์เซ็นต์

            “ช่วงนี้เหมือนมิวก็ห่างกูไปเหมือนกัน มิวเพิ่งเข้ามหาลัย รู้สึกว่าจะมีคนมาชอบเยอะขึ้นเรื่อยๆ คงถึงเวลาจะปล่อยเขาไปแล้ว ส่วนคนอื่นๆ กูจะไปบอกเลิก”

            “พี่พรต คือ...”

            “ส่วนเรื่องที่กูอยากให้คนอื่นมองว่ารักเดียวใจเดียว มันไม่สำคัญแล้วล่ะ”

            “เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นดิ ผมยังไม่ว่าอะไร”

            จากน้ำเสียงร้อนรนและสีหน้ากระวนกระวายใจ ดูเหมือนพี่พรตจะกลัวการปฏิเสธของผมมาก

            “แล้วคำตอบล่ะ”


            “พี่พรต...ผมยังไม่ตอบตอนนี้ได้มั้ย”


            พี่พรตนิ่งไปพักใหญ่ นิ่งเหมือนตอนที่ผมถามเรื่องมิวไม่มีผิด คิ้วที่ขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ทำเอาผมชักกังวลขึ้นมาแล้วว่าจะทำให้เขาเครียดมากกว่าเดิมรึเปล่า แต่แล้วผมก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา

 

            “โอเค ยังไม่ต้องตอบก็ได้”


            “...”


            “แต่กูจะทำให้มึงเปลี่ยนใจเอง”





-----------------------------------------------------------------------------------------
เอาแล้วว พระเอกเรา :katai5:
ตอนนี้เป็นตอนที่เขียนเหนื่อยตอนนึงเลยค่ะ5555 จริงๆ เขียนเมื่อวานแต่หมดแรงก่อนเลยเพิ่มาอัพวันนี้


ขอบคุณคนอ่านค่าา  :กอด1:

ออฟไลน์ Eangoey

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เฉลยหมดแล้ว พรานคบกับพรตเถอะน่ะๆๆๆๆ :hao6:

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
พรตรุกหนักๆไปเลย

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
ไอ้พี่พรตเอาจริงแล้วนายพรานหนีไม่รอดแน่นอนคิคิ  :hao7:

ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ฮึ!! ไรว้าพี่พรต

ออฟไลน์ fahsida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เหนื่อยแทนพี่พรตเลยอ่ะ มีพี่เก่งเกินไหนจะความคาดหวังของพ่อแม่ ไหนจะการเปรียบเทียบของคนรอบตัวอีก คบกับพี่พรตเถอะพราน รีบๆ หลง รีบๆ รักพี่พรตซะนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด