- 2 -“ครับ..ผมจะจัดคนดูแลนิลเอง หม่อมน้าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” คุณชายรับปาก หม่อมทับทิมจึงตั้งท่าเดินออกจากห้องพัก ซึ่งยกให้คุณนิลนอนอยู่เวลานี้
แต่หางตาหม่อมก็ยังไม่วายจิกกัดสนิม แต่ก็ต้องรีบหันกลับ
เมื่อเปลวจ้องตาวาววับตวัดใส่ไม่มียอมเช่นกัน มีแต่สนิมที่ก้มหน้างุดดูท่าไม่กล้าเงยมองตอบหม่อม
ตั้งแต่มีคนไปแจ้งข่าวกับหม่อมเธอ มาถึงก็เริ่มจิกตาใส่สนิม เหมือนเห็นเป็นตัวก่อเหตุให้ลูกชายเสียเช่นนั้น
“อย่าไปใส่ใจเลย..หนิม” เปลวกระซิบแผ่วให้ได้ยินแค่สองคน
“อืม” สนิมขานตอบเบาๆ
“หนิมครับเรื่องราวเป็นมายังไง พี่ขอฟังรายละเอียดหน่อยสิครับ”
คุณชายเมื่อสบโอกาส เห็นว่าอยู่เฉพาะคนในตำหนัก จึงได้เอ่ยปากบอกให้สนิมเล่าถึงเหตุการณ์
ที่คุณนิลมาล้มฟุบในสวน จนสนิมกับพี่กล้าต้องพากันพยุงกึ่งแบกเข้ามาในตำหนักใหญ่
“ครับพี่ชายเพชร..บลาๆๆ” แล้วสนิมก็เล่าให้ฟังอีกครั้ง
“นิลคงเครียดเรื่องของหนิม ถึงได้ลากสังขารซึ่งไม่พร้อมบุกมาถึงตำหนักเพื่อจะมาพบ
เขาคงตั้งใจมาขอโทษ ไม่อยากค้างคาใจที่หนิมเอ่ยปากบอกจะขอออกจากวัง นิลคงคิดว่าเขาเป็นต้นเหตุ”
คุณชายวิเคราะห์พร้อมรวบรัดตัดบทสรุปเสียเอง โดยยกอ้างอย่างมีน้ำหนักฟังสมเหตุผล
“แล้วทำไมถึงกินยานอนหลับ แต่ไม่ยอมพัก” หญิงมุกถามพี่ชาย
“เรื่องนี้ต้องรอฟังจากปากเจ้าตัวเขาเอง พี่ว่าพวกเราปล่อยให้เขาพักผ่อนให้เต็มที่ตื่นมาคงมีคำตอบ
ทำไมกินยาแล้วไม่ยอมนอนที่ตำหนัก” คุณชายพูดจบ พยักหน้าชวนทุกคนออกจากห้อง
ปล่อยคุณนิลพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่มีใครถามอะไรอีก สนิมเดินรั้งท้ายก่อนพ้นประตู
ยังหันกลับมามองคุณนิลที่หลับตาพริ้ม ด้วยความรู้สึกห่วงใยกังวลฉายชัดในดวงตากลม
คำถามเกิดขึ้นในหัวตีกันยุ่งเหยิงไปหมด ไม่คิดว่าคุณนิลจะฝืนสังขารมาพบตนถึงที่นี่
เป็นเพราะสนิมไม่รู้ คุณนิลเครียดและคิดไม่ตกกับเรื่องสนิม
>
>
“หนิม..เดี๋ยวพี่หญิงมุกจะพาเราไปข้างนอก”
เปลวเป็นคนเอ่ยปาก แต่รู้สึกสนิมเหมือนจะไม่ได้ฟัง มัวแต่ใจลอยคิดถึงแต่คนที่นอนหลับอยู่
“หนิม..หนิม” เปลวต้องเรียกซ้ำ สนิมถึงค่อยรู้ตัว
“ห๊ะ!..ว่าไงหรือเปลว” เปลวกับพี่หญิงมุก กระทั่งคุณชายเองก็ยังลอบสบตากัน
เมื่อเห็นว่าจิตใจของสนิมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“เปลวพูดว่า พี่หญิงมุกจะพาเราสองคนออกไปทำธุระข้างนอกไง”
ต้องย้ำกันอีกรอบ สนิมถึงพยักหน้าให้
“หนิม..พร้อมจะไปหรือยัง” เปลวอดไม่ได้ จึงเป็นคนถามสนิมเอง
หากพาออกไปในสภาพนี้ ไม่วายสนิมคงใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตลอดทาง
“ไปสิ..ไม่มีอะไรต้องทำนี่” หนิมตอบพาซื่อ ทั้งทีสีหน้าแววตายังแฝงแววกังวลจนเห็นได้ชัด
เปลวจึงเลี่ยงที่จะทัก หันไปค้นกระเป๋าตังค์แล้วหยิบเอาบัตรเครดิตออกมายื่นให้แทน
“บัตรเครดิตสำรองของเปลว บัตรหลักเปลวไว้ใช้
ส่วนใบนี้หนิมเอาไปใช้นะ วงเงินสูงสุดใช้ได้ 5 แสน” เปลวอธิบายช้าๆ
“ห๊ะ! 5 แสน ไม่เอาหรอกทำไมมันเยอะขนาดนั้นล่ะ” สนิมรีบส่ายหัวพรืด
ถือเป็นเงินก้อนโตมากมายมหาศาลในชีวิตเลยก็ว่าได้
ที่ผ่านมาไม่เคยมีหรอกที่สนิมจะมีเงินก้อนขนาดนี้ผ่านมือ
ถึงตอนนี้จะเป็นเพียงแค่บัตรเครดิตก็เถอะ แต่ฟังวงเงินในบัตรที่สนิมสามารถรูดใช้ได้ มันดูมากโข
“หนิม..มันไม่มากหรอก ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงใช่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่นะ
เราอยู่ในสังคมแบบนี้ เงินคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราดูดีขึ้นได้
ที่จะไปคือพาหนิมไปรักษาสิว ปรึกษาคุณหมอเรื่องที่เราคุยกันด้วย
จากนั้นค่อยหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ พี่หญิงมุกจะพาเราไป เข้าใจแล้วใช่ไหม
เลิกคิดเรื่องอื่นก่อน คุยกันแล้วนี่ว่าหนิมจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ไม่ใช่เพื่อใครเพื่อหนิมและก็เพื่อเปลวด้วยยังไงล่ะ..เข้าใจใช่ไหม..หนิม”
น้ำเสียงบวกแววตาของเปลวทอดมองสนิมนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย
และความมุ่งมั่นตั้งใจ เปลวจะทำให้สนิมคนที่ไม่สะดุดสายตาใคร
คนที่ใครๆ พากันมองไม่เห็นหัว กลับมามีตัวตนในสายตาผู้คนในเร็ววัน
ในเมื่อตอนนี้เงินทองเปลวมีมากเกินพอที่จะ นำไปใช้เพื่อการนี้
ไม่ต้องกังวลด้วยซ้ำว่าจะติดขัด บัตรที่เปลวให้สนิมเป็นบัตรสำรอง
ส่วนบัตรหลักของเปลววงเงิน 10 ล้าน ได้รับจากกองมรดกตามพินัยกรรม 1 ใน 4
ของทรัพย์สินตระกูลมณีรมย์ มูลค่ากว่าแสนล้านซึ่งได้นำมาแบ่งให้ทายาท
ตามลำดับที่ระบุไว้ในพินัยกรรม เปลวตอนนี้ไม่ใช่คนที่มีอาชีพนางโชว์อีกต่อไป
แต่เป็นหม่อมราชวงศ์ ทองเปลว มณีรมย์ ทายาทแสนล้านมีผลประโยชน์ในกองมรดกนับหมื่นล้าน
กับเรื่องแค่นี้มีหรือที่จะทำให้เปลวขัดสนลำบาก สนิมยังไม่รู้ว่าเปลวได้ไหว้วานให้ทนายตระกูล
รับเป็นธุระจัดสรรทรัพย์สินที่เป็นเงินสด ไม่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นหุ้น
ฝากเข้าบัญชีให้สนิมร่วมกว่าพันล้านบาท
ความประสงค์ของเปลว ทั้งคุณชายเพชรและคุณหญิงมุกที่อยู่ร่วมเป็นสักขีพยานรับรู้ลงนาม
ไม่มีใครคัดค้านแม้แต่น้อย เนื่องจากเงินในส่วนนี้คือส่วนของเปลว
พอใจจะแบ่งให้ใครย่อมเป็นสิทธิ์ของเปลวอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่เปลวเลือกให้เงินจำนวนนี้
ไม่ใช่คนอื่นไกล คือพี่น้องซึ่งนับเป็นครอบครัวของเปลวนั่นเอง
ถ้าหากคุณมัลลิกาไม่ได้แม่ของสนิมยื่นมือช่วยเหลือ ไม่แน่เปลวอาจจะไม่มีโอกาสลืมตามาดูโลกด้วยซ้ำ
นั่นยังไม่เท่ากับว่า สนิมและเปลวแต่เล็กจนโตเลี้ยงดูมาด้วยกัน
มีอะไรแบ่งปันกันดุจพี่น้องในสายเลือด แม่ของพวกเขาอบรมสั่งสอนให้รักใคร่ช่วยเหลือกัน
เมื่อเปลวมีโอกาสในวันนี้ จึงไม่แปลกที่สนิมจะได้รับโอกาสนี้ด้วยเช่นกัน
“อืม..เข้าใจแล้ว” สนิมขานตอบเปลว แววตาที่มองมาเต็มไปด้วยความตื้นตันในหัวใจ
เปลวได้ทำตามคำสัญญาทุกอย่าง ทั้งที่รับปากแม่ไว้ ว่าพวกเขาสองคนในวันข้างหน้า
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่มีวันทอดทิ้งกัน
“ถ้างั้นลงไปกันเถอะ เราหายมากันนานแล้ว ป่านนี้พี่หญิงมุกเธอคงรออยู่ข้างล่างแล้วล่ะ”
“แวะไปดูเออ” สนิมกลับไม่กล้าพูด
“เฮ้อ!..รักเขาขนาดนี้ เอาเถอะไปแวะหน่อยก็ได้ แค่แวะนะไม่ให้อยู่นานเดี๋ยวจะเสียเวลา
พี่ชายเขาให้ป้าแจ่มคอยดูแลอยู่แล้ว หนิมไม่ต้องไปห่วงเขานักหรอก
อย่างที่เปลวบอก..ถ้าหนิมอยากให้เขาสนใจจริงล่ะก็ หนิมก็ต้องดิ้นรนให้ตัวเองดูคู่ควรกับเขา”
คำพูดเปลวเป็นแรงบันดาลใจที่ดี ทำให้สนิมเกิดฮึดสู้ขึ้นมา ยิ้มกว้างจึงเผยให้เห็นเป็นครั้งแรกของวันก็ว่าได้
“ตกลง..เมื่ออยากให้เขาเห็นเรามีตัวตน ก็ต้องทำตัวให้คู่ควรและเหมาะสมใช่ไหม
ว่าไงว่าตามกันลุยโลดเลยเปลว แต่ขอไปแวะดูเขานิดนะ”
เปลวเห็นสนิมกลับมาร่าเริงยิ้มกว้างได้เต็มหน้าอีกครั้ง ก็รู้สึกโล่งใจเสียที
คืนที่ผ่านมา..หลังจากกลับขึ้นไปก็ดึกโขแล้ว แอบแวะเข้าไปดูสนิมยังนอนร้องไห้น้ำตาไหลอยู่เลย
ต้องใช้เวลาเปิดอกคุยกัน กว่าจะได้บทสรุปออกมาอย่างที่เห็น เพราะเปลวดูแล้วสนิมเสียใจมาก
เพื่อนรักไม่ได้แค่หลงใหลในตัวคุณนิลเพราะรูปหล่อหน้าตาดี แต่สนิมกับคุณนิลมีบางอย่างที่คล้ายกัน
สิ่งที่สองคนนี้คล้ายกันคือ สนิมเป็นคนมีปมด้อยไม่เคยเห็นคุณค่าในตัวเองว่ามีดียังไง
จึงกดดันขาดความเชื่อมั่นไปมาก ส่วนคุณนิลถึงแม้จะดูดีมีมาครบ ความจริงแล้วคุณนิลอ้างว้างโดดเดี่ยว
เพราะไม่ได้รับความรักความเข้าใจจากหม่อมทับทิม ต่างจากคุณมรกตที่หม่อมเธอดูรักชื่นชมจนออกนอกหน้า
คนสองคนมีปมชีวิตขาดๆ เกินๆ บังเอิญโชคชะตานำพาให้มาเจอกัน ย่อมทำให้พวกเขาเกิดไมตรีเป็นพิเศษ
เพียงแต่คุณนิลกับสนิมมีเส้นแบ่งของชนชั้น และความเท่าเทียมเป็นอุปสรรคใหญ่ทำให้ความเป็นไปได้ของสองคนนี้
ที่จะมาลงเอยคบหากันในแบบคนรัก มองไม่เห็นหนทาง ยกเว้นสนิมจะเป็นฝ่ายเปลี่ยนแปลงตัวเองเพิ่มคุณค่า
ยืนข้างคุณนิลได้อย่างไม่อายใครเลยนั่นแหละ..อุปสรรคที่มีก็จะเบาบางลงไปในที่สุด
“ไปกันเลยไหมจ๊ะ” พอลงจากชั้นบน คุณหญิงมุกดาก็ถามทันที
“ครับ..เปลวกับหนิมเราพร้อมแล้ว” เปลวเป็นคนตอบ
“ถ้างั้นมุกพาน้องๆ ไปช็อปนะคะพี่ชายเพชร ฉลองฤกษ์ชายเปลวเปิดกรุสมบัติวันแรก”
หญิงมุกยิ้มร่า หันไปขยิบตาให้คุณชายเพชรรัตน์ ซึ่งนั่งท่วงท่าดูสบายๆ
ถือหนังสือพิมพ์ในมือข้าง คุณชายยิ้มขำคำพูดน้องสาว
“ฤกษ์ชายเปลวเปิดกรุ หรือว่าฤกษ์ของมุกอยากแหกกระเป๋าตังค์”
คุณชายมีหยอกน้องสาว เปลวกับสนิมพลอยขำกับการโดนแซวไปด้วย
“แหมพี่ชายก็..ผู้หญิงเราเรื่องช็อปปิ้งมันเป็นเอกลักษณ์นะคะ”
“ครับๆ..ถ้าอย่างนั้นผู้ชายอย่างพี่ก็สมควรไปประชุมใช่ไหมคะ”
“อ้าว..อ้าว” เปลวกับสนิมร้องอ้าวพร้อมกัน แปลว่าทั้งคู่ก็ไม่ต่างกับผู้หญิงที่กำลังจะไปช็อป
“คริ..คริ..ไม่ต้องไปฟังพี่ชายหรอกหนิม..ชายเปลว พี่ชายเขาเป็นพวกบ้างาน
ทำมาอ้างว่าผู้ชายทำงาน ผู้หญิงช็อปปิ้ง เอาเถอะความจริงก็มีส่วนถูกอยู่ล่ะนะ
เพราะชายเปลวกับสนิมไม่ใช่ทั้งชายทั้งหญิงนี่เนอะ”
“เฮ้ย!!..พี่หญิงมุก” เปลวกับสนิมพร้อมใจร้องเสียงหลงกันทีเดียว
“หึหึ!..” คุณชายใช้กำปั้นอุดปาก นั่งขำในลำคอหน้าดำหน้าแดง
ส่วนหญิงมุกยกไหล่แบมือแทนการขอโทษ สองหนุ่มพอเห็นแบบนั้น
ได้แต่ส่ายหัวปลงกับความทะเล้นของหญิงมุก
แต่ก็แอบเขินคุณชายที่นั่งขำกับคำพูดวิจารณ์พาให้คิด ว่าเปลวกับสนิมไม่ใช่ชายและหญิง..
>
>
“เป็นไงบ้าง เจ็บมากไหมหน้าแดงเชียว” หญิงมุกถามสนิม
ตอนนี้นั่งเอาเจลเย็นประคบหน้า มีคุณหมอซึ่งเป็นเพื่อนคุณหญิงมุก
เปิดคลินิกศัลยกรรมเกี่ยวกับผิวพรรณความงาม เป็นคนรักษาดูแลการกดสิว
และยิงเลเซอร์กระชับรูขุมขน รวมถึงกำจัดรอยสิวด่างดำใบหน้า
จึงได้มีรอยแดงเถือกเต็มไปหมด เปลวเองเห็นเรื่องนี้มาบ่อยจากพวกนางโชว์ที่ไปรักษากัน
จึงไม่ได้วิตกกังวล ถึงแม้สีหน้าของสนิมจะดูแดงจนน่ากลัวไปแล้วก็เถอะ
หมอให้ประคบเจลเย็นไว้สักพักใหญ่ค่อยกลับ มีนัดมาทำสัปดาห์ล่ะครั้ง
พร้อมวางแผนผ่าตัดเสริมจมูก ตัดปีกจมูก ขลิบริมฝีปากตกแต่งให้ได้รูป รวมถึงเหลากรามให้ดูเป็นวีเชฟ
จากภาพแสกนกราฟฟิคตัวอย่างทุกคนพึงพอใจ รูปหน้าของสนิมได้รับการผ่าตัดตกแต่งเสร็จ
ก็จะออกมาหล่อดูดีได้อย่างน่าทึ่งน่ามองคนหนึ่งเลยทีเดียว ค่าใช้จ่ายอาจจะมากสำหรับคนทั่วไป
แต่เปลวในเวลานี้ ไม่มีผลกระทบแม้แต่น้อย
“เปลว..หนิมไม่ไปช็อปต่อได้ไหม รู้สึกแสบๆ หมอไม่ให้ถูกแดดกับแสงจ้าแรงๆ
ช่วงนี้ผิวหน้าอ่อนแอมาก ให้ระวังอยู่ในที่ร่มเสียด้วยสิ”
สนิมยื่นเงื่อนไขไม่ไปซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ซึ่งเป็นโปรแกรมต่อ
โดยอ้างใบหน้าที่เพิ่งรักษายิงเลเซอร์มา ไม่พร้อมที่จะไปเดินซื้อของต่างๆ
เปลวหันมองหน้าคุณหญิงมุกเพื่อขอความเห็น
“ตกลงจ้ะ ถ้าอย่างนั้นน้องหนิมกลับไปกับพี่กล้า ให้พี่กล้าไปส่งวังมณีรมย์เลย
แต่คงต้องแวะส่งพี่มุกกับชายเปลวก่อน จะติดไปลงห้างxxx
ส่วนขากลับค่อยให้พี่กล้ามารับพี่มุกอีกที ตกลงตามนี้นะคะ”
“ครับๆ ขอบคุณมากครับพี่หญิงมุก” สนิมรีบพยักหน้ารัวรับทันที
เปลวชำเลืองมองเพื่อน ก่อนจะลอบถอนหายใจเบาๆ
ทำไมเปลวจะดูไม่ออก ส่วนหนึ่งที่สนิมอยากจะกลับวังไปก่อนนั้น
สาเหตุมาจากห่วงใครบางคน คงอยากกลับไปดูแลเขามากกว่า
นี่คือสิ่งที่เปลวมองเพื่อนรักทะลุถึงก้นบึ้งของหัวใจ แต่เปลวก็ไม่คิดจะห้าม
สนิมไม่เคยรักใครมาก่อน พอลองชอบเขาถึงขั้นจนสนใจได้ขนาดนี้
ก็คงยากที่จะห้ามปรามบอกให้หยุดคิด นอกเสียจากช่วยทำให้สนิมได้สมรัก
ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนเปลวก็จะทำให้คุณนิลรับรักสนิมให้ได้
การเป็นนางโชว์ รู้เห็นพฤติกรรมของบรรดานางโชว์มาไม่น้อยในอารมณ์อยากครอบครอง
อยากเป็นเจ้าของหนุ่มในดวงใจ แต่ละนางมักมีกลวิธีมากมายหลากหลายมาเล่าสู่กันฟัง
เปลวเองก็ใช่จะเป็นพวกอ่อนหัด เรื่องราวเหล่านี้รู้เห็นจนชินตา
ถ้าจะให้สนิมสมรักในตัวคุณนิลก็ต้องเริ่มที่จะทำให้สนิมดูดีมีคุณค่าน่าสนใจ ที่เหลือก็คงรอติดตามผลใกล้ชิด
ซึ่งไม่ใช่มีเพียงสนิม เปลวเองก็ไม่คิดจะปล่อยให้ตัวเองผิดหวังกับรักครั้งใหม่เช่นกัน
เพียงแต่ระหว่างคุณนิลกับพี่ชายเพชร ความยากง่ายมันต่างกันตรงนี้ล่ะ
พี่ชายเพชรจะมาใช้มารยาทำตัวรุกไล่เข้าหาไม่ได้เด็ดขาด จะแสดงออกมากก็ไม่เหมาะ
ต้องมีจริตจะก้านพองาม สร้างความสนใจให้คุณชายสะสมเพิ่มพูนไปทีละนิด
แต่ก็ช้ามากไม่ได้เช่นกัน ดูแล้วไม่ว่าจะเป็นเปลวหรือสนิม ปัญหาที่มีอยู่คือเรื่องของหัวใจเป็นตัวหลัก
ประเด็นอื่นก็ต้องรอดูกันไป เปลวรู้สึกได้ว่าทุกฝีก้าวมีสายตาลึกลับ คอยตามสอดส่อง
เว้นเสียแต่อยู่ในตำหนักใหญ่ ไม่สัมผัสถึงการมีใครตามเหมือนอยู่ข้างนอก หันซ้ายขวาก็ไม่เห็นพิรุธ
พอจะบ่งบอกได้ใครสะกดรอยตามมาหรือเปล่า แต่สัญชาตญาณคงไม่หลอกแน่
เปลวรู้สึกได้ว่าตกเป็นเป้าสายตาอยู่ ซึ่งบอกไม่ได้ว่าใครกันที่ตาม พยายามจะคิดว่าระแวงไปเอง
ก็ไม่สามารถช่วยให้ความรู้สึกนี้จางหายได้ ความรู้สึกที่รับรู้นี้ เหมือนเป็นการเตือนภัยให้ระมัดระวังตัว
ออกจากคลินิกจุดหมายต่อไปก็เป็นห้างดัง ย่านเศรษฐีเดินช็อปฯ เพื่อไปซื้อเสื้อผ้าของใช้แบรนด์เนม
เมื่อสนิมขอตัวไม่มาเดินเลือก ก็ยกให้เป็นหน้าที่เปลวที่จะจัดการซื้อไปให้สนิม
ความจริงไซส์ของสนิมเปลวรู้ดี ซื้อได้ไม่ผิดแน่ ส่วนรสนิยมเลือกของเปลวเหนือล้ำกว่าสนิมจนเทียบไม่ติด
ดังนั้นถ้าเปลวจะเลือกให้ก็คงไม่เป็นปัญหา ต่อให้สนิมมาเองก็ต้องอาศัยถามความเห็นของเปลวอยู่ดี
เป็นเพราะสนิมไม่เคยเชื่อมั่นในตัวเอง จึงไม่มั่นใจที่จะเลือกแล้วคิดว่าใส่ไปจะดูดี
นอกเสียจากเปลวยืนยัน สนิมจึงจะมั่นใจ เมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่ยุ่งยาก
เปลวตั้งใจจัดเองเลือกเองหาให้เองทุกชิ้น เพื่อให้สนิมได้ยืนหยัดอยู่ในสังคมนี้ ไม่ต่างกับพวกชนขั้นสูงเช่นเดียวกัน...
ขอบคุณทุกเม้นท์ ที่ยังตามให้กำลังใจกันนะคะ