วันต่อมามันก็ทำเหมือนกับว่าเรื่องวุ่นวายของเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้น มันยังทำตัวเป็นปกติ..ลุกขึ้นจากเตียงแต่เช้าในวันหยุด ลากผมไปอาบน้ำพร้อมกัน..ก่อนจะพาออกไปหาอะไรกินที่ห้างประจำที่ช่วงนี้เราไปแทบจะทุกอาทิตย์
“อยากกินอะไร”
“...”
“กูถามว่าจะกินอะไร”
“อะไรก็ได้ครับ”
แล้วก็จบลงด้วยการที่มันลากผมเข้าร้านอาหารจีนที่ผมไม่เคยยอมเข้า..พอได้ที่นั่งก็จัดการสั่ง แล้วบังคับให้ผมกินเข้าไปทันทีที่มาเสิร์ฟ ผมกลืนทุกอย่างลงคอไปตามคำสั่ง..คิดเสียว่ากินไปให้มันจบๆ จะได้ไม่ต้องมาทนอายตอนถูกมันด่าตะคอกกลางร้าน
“รีบกิน..จะได้รีบไปเอาของ”
“ของ..” ผมเงยหน้าขึ้นมามองมัน “ของอะไรครับ”
“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง”
.
.
แล้วผมก็ได้รู้..เมื่อมันพาผมเข้ามาในร้านเครื่องประดับที่ขึ้นชื่อร้านหนึ่ง มันตรงเข้าไปสั่งให้พนักงานจัดแหวนทองคำขาวแบบเรียบๆ มาให้ลองเลือก..ก่อนจะดึงมือผมขึ้นจับๆ เทียบๆ กับแหวนที่วางเรียงรายพวกนั้น
“เอาแบบนี้..แต่ปรับวงเล็กให้พอดีกับนิ้วมันหน่อย” มันว่าแล้วหันมามองหน้าผม “ตอนนี้มันหลวมเกินไป”
“ครับ..แล้วจะจัดส่งไปให้ตามที่อยู่นะครับ”
“อืม..”
เสร็จธุระจากที่ร้านแหวน..มันก็พาผมไปขึ้นรถแล้วขับออกมาจากห้างทันที ผมมองข้างทางที่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนไปจากที่คุ้นเคยเรื่อยๆ มองไปแบบนั้นโดยไม่คิดจะถามมันสักคำว่าจะพาผมไปที่ไหน
.
.
“ชอบแหวนที่กูเลือกไหม”
“...”
“ทิว” ผมพยักหน้าส่งๆ ให้มันเป็นคำตอบ..มันเลยดูไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไร “ก็ดี”
“...”
“เพราะถึงไม่ชอบ..มึงก็ต้องใส่”
“...”
“เพราะฉะนั้นก็ทำใจให้ชอบๆ มันไปซะ”
“ทำไมถึงมั่นใจนักว่าผมจะใส่มันครับ” ผมถาม..ไม่ได้คิดจะสบตามัน “ผมอาจจะถอดทุกครั้งที่คุณนัทเผลอก็ได้”
“มึงไม่กล้าถอดหรอก”
ผมหันกลับไปมองมันทันทีที่ได้ยินแบบนั้น “ทำไมถึงจะต้องไม่กล้าล่ะครับ ?”
“หึ”
“ยิ่งถ้าเป็นตอนที่อยู่ลับหลังคุณ” ผมยกยิ้มมุมปาก “หรือคุณนัทจะเกาะติดตัวผมตลอดเวลา..จนผมถอดมันไม่ได้ครับ”
“กวนตีน..”
“ผมก็แค่สงสัย”
“กูมีวิธีของกู”
“...”
“แล้วมันก็จะทำให้มึงไม่กล้าที่จะถอดมันแน่ๆ”
ผมไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก..ทำแค่นั่งรถต่อไปเงียบๆ อย่างนั้น ก็ไอ้ท่าทางและสีหน้าที่ดูมั่นใจนักหนาของมันแบบนั้น..ทำให้ผมเริ่มอยากรู้แล้วว่ามันคิดจะทำอะไร และอะไรกันที่มันจะทำให้ผมไม่กล้าถอดแหวนออกอีกเลยอย่างที่มันว่า..
.
.
“ต่อไปก็ถึงตามึงนั่งรอกู..”
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่..ยังรู้สึกเจ็บๆ แสบๆ ที่โคนนิ้วไม่หาย รอยปื้นแดงๆ จากเข็มสักทำให้ผมรู้สึกทึ่งในความคิดของมันจริงๆ นี่มันคิดได้ยังไงถึงได้ลากผมมาสักชื่อตัวมันเองติดลงไปที่โคนนิ้วนางข้างซ้ายแบบนี้..แล้วขนาดลงทุนพาผมมาสักไกลถึงพัทยานี่ก็ทำผมอึ้งในความพยายามของมันอีกเหมือนกัน
.
.
ผมนั่งอมยิ้มมองมันที่ตอนนี้กำลังนั่งขบกรามแน่นระงับความเจ็บ..เพราะมันเองก็สั่งให้พี่เขาสักชื่อของผมลงไปที่โคนนิ้วนางข้างซ้ายเหมือนกัน รอยหมึกสีดำที่ถูกส่งผ่านเข็มเข้าไปในเนื้อของมันกำลังค่อยๆ ปรากฏเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษทีละตัวๆ
.
.
“ยิ้มอะไรของมึง”
“เปล่าครับ..”
“ก็กูเห็นอยู่ว่ามึงยิ้ม”
เมื่อมันทำท่าเหมือนจะหงุดหงิด..ผมเลยพยายามกลั้นยิ้มแล้วถามเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น “แล้วคิดได้ยังไงครับ..ว่าถ้าสักชื่อแล้วผมจะไม่กล้าถอดแหวนออก”
“แล้วมึงจะถอดไหม”
ผมไม่ตอบ..แต่เลือกจะถามมันกลับไปแทน “แล้วคุณนัทล่ะครับ..กล้าถอดไหม”
“หึ” มันเองก็เลือกที่จะไม่ตอบคำถามของผมเช่นกัน “กลับกันเถอะ..”
ผมลุกขึ้นเดินตามมันออกมาขึ้นรถเงียบๆ รู้สึกหงุดหงิดใจนิดหน่อย ผมไม่ชอบที่มันเงียบอย่างนี้..ทั้งที่ตัวผมเองก็ไม่ได้ตอบคำถามของมันเหมือนกันแท้ๆ แต่ที่ผ่านมาความชัดเจนของมันเคยทำให้ผมย่ามใจ..ก็ทั้งที่มันเคยพูดความคิด ความรู้สึกของตัวเองให้ผมรับรู้มาตลอด แล้วทำไมวันนี้มันกลับไม่ยอมบอก..
“เป็นอะไร”
“เปล่าครับ” ผมตอบมันด้วยน้ำเสียงติดจะเหวี่ยงๆ นิดหน่อย
“ทิว”
“ผมบอกว่าเปล่าไงครับ”
“หึ” มันหัวเราะในลำคอ “กล้าสิ”
“ครับ ?”
“กูกล้าถอดแหวนออกแน่ๆ” ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกอยากยิ้มขึ้นมาเสียเฉยๆ “เพราะมันไม่ได้มีอะไรให้กูต้องอาย..”
“...”
“แล้วมึงล่ะ..อายที่จะถอดมันออกไหม”
Ma-NuD_LaW
นี่ยาวขึ้นกว่าตอนที่แล้ว..แล้วนะ 