ตอนที่ 24
...............
“เล่นละครเหรอครับคุณแม่?”
“ใช่แล้วจ้ะ เล่นละคร” คุณแม่ข้าวยิ้มตอบ ในขณะที่เหลือบมองลูกชายของเธอกำลังมองหน้าเธอสลับกับล้างแผลบนใบหน้าให้กับเขาอยู่ด้วยพร้อมกัน “และเพื่อความสมจริง แม่จึงต้องให้ตาหนูสลบไปก่อน ไม่งั้นละครมันจะไม่สมบูรณ์แบบ”
คงจะยอมอยู่หรอกนะ ก็เล่นเหมือนจริงซะจนพวกเราเกือบตายกันไปข้างทุกคนในห้องนี้ยกเว้นวีร์ต่างครุ่นคิดในใจพร้อมกัน พลางนึกย้อนไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วก่อนหน้าที่วีร์จะฟื้นขึ้นมา ณ วินาทีที่เข้าห้องเจอกับวีร์ที่ถูกคนแปลกหน้าซึ่งก็คือพ่อของวีร์จับเป็นตัวประกัน ไหนจะแม่ข้าวที่ถูกมัดกลางอากาศอีก ทำเอาพวกเขาหวาดหวั่นว่าจะช่วยทั้งคู่ไม่ได้ แน่นอนว่าตอนนั้นพ่อของวีร์ได้ยื่นคำขาดว่าถ้าอยากจะช่วยวีร์ ต้องฆ่ากันเอง ใครรอดก็เอาวีร์ไปได้เลย ซึ่ง ณ ตอนนั้นพวกเขาต่างมองหน้ากันด้วยความหวาดหวั่น เพราะไม่มีใครอยากจะฆ่ากันเอง
“แล้วทำไมทุกคนถึงมีแผลเยอะขนาดนี้ล่ะ” วีร์ยังคงถามต่อด้วยความสงสัย ก่อนจะหันไปมองวินที่มีบาดแผลเยอะพอสมควร “แกก็อีกคนเจ้าวิน ทำไมมีแผลเยอะขนาดนั้น วิชาที่ฉันสอนทำไมไม่รู้จักเอาออกมาใช้ล่ะ”
วินฝืนยิ้มในขณะที่ยื่นแขนให้กับอิฐทำแผลให้ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อยว่า
“ขอโทษครับคุณพ่อ พอดีตอนนั้นผมมัวแต่ห่วงคุณพ่อก็เลยลืมใช้น่ะครับ”
“ลืมเนี่ยนะ?!”
“ครับคุณพ่อ ผมลืม” วินพยักหน้าตอบก่อนจะพูดต่อ “ตอนนั้นพวกเราไม่ได้ใช้ปืน แต่ใช้หมัดสู้กันตามคำสั่งของคุณพ่อของพ่อยังไงล่ะครับ มันชุลมุนก็เลยทำให้ต้องเจ็บตัวถึงขนาดนี้”
คำตอบของวินทำเอาวีร์ถึงกับกุมขมับ
“แล้วเรื่องมันจบอีตอนไหนล่ะนั่น”
“ก็ตอนที่เหลือแฟนของลูกยังไงล่ะตาหนู” คุณพ่อของวีร์ตอบในขณะที่มือถือถ้วยชายกขึ้นจิบแก้กระหาย “คนที่รอดจากการชกต่อย ก็มีแต่คุณพยัคฆ์เท่านั้น”
“แล้วทำไมคุณถึงหน้าบวมขนาดนั้นล่ะ” ดูท่าวีร์ยังคงไม่ชอบขี้หน้าพ่อใหม่ของตัวเองที่ทอดทิ้งพวกเขาไปเป็นนับสิบปี จึงไม่ยอมเรียกอีกฝ่ายว่าพ่อเลยซักคำเดียว
“ก็โดนแฟนของลูกต่อยเอายังไงล่ะตาหนู” พ่อของวีร์ยิ้มตอบก่อนจะจับแก้มของตัวเองที่บวมเขียวม่วงด้วยฝีมือของเขาเอง “อูย หมัดหนักใช่ย่อยเลยนะคุณพยัคฆ์ ทำเอาผมเกือบน็อกเลยล่ะ”
เขายิ้มรับกับคำชมของพ่อวีร์ ก็ตอนนั้นเหลือเขาแค่คนเดียว คนอื่นสลบไปกันหมดแล้ว เขาก็เลยถลาเข้าไปต่อยพ่อของวีร์เพื่อที่จะช่วยคนรักให้จงได้ ซึ่งอีกฝ่ายไม่ทันระวังจึงโดนลูกหมัดของเขาไปเต็มๆ
“งั้นคุณลักพาตัวแม่ข้าวมาทำไม” วีร์ถามพ่อของตัวเองต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตากลับทอประกายความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด จนเขาต้องรีบบีบมือคนรักว่าให้ใจเย็นๆ ส่วนพ่อของวีร์ก็หันมาตอบคำถามกับลูกชายว่า
“เพื่อทดสอบไอคิวของลูกยังไงล่ะตาหนู”
“ทดสอบไอคิว?”
“ใช่ ทดสอบไอคิว” พ่อของวีร์ตอบก่อนจะพูดต่อ “จากที่พ่อจับตาดูเรามาโดยตลอด นับตั้งแต่เกิดจนโต ลูกเก่งกาจเกินเด็กทั่วไป จนกระทั่งมีอยู่มาวันหนึ่ง ลูกเดินเข้าตระกูลสิงห์ ไปขอทำงานกับคุณวิน ซึ่งปกติที่นั่นไม่มีใครรับเด็กอย่างลูกเข้าทำงานกันง่ายๆหรอกถ้าไม่มีเส้นสายหรือมีฝีมือพอ…”
“ที่คุณรู้แสดงว่าที่นั่นมีหนอนบ่อนไส้สินะ” วีร์พูดแทรกขึ้นมาทันที ซึ่งพ่อวีร์พยักหน้าตอบ
“งั้นผมขอเดา คนที่เป็นหนอนบ่อนไส้ให้คุณก็คือไอ้กล้าที่เป็นเด็กสวนในบ้านของวิน”
!!!!!!
ทั้งเขาทั้งวินรวมถึงทุกคนยกเว้นแม่ข้าวที่นั่งฟังถึงกับตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าเด็กสวนบ้านวินจะเป็นหนอนบ่อนไส้ ซึ่งเขาไปที่บ้านของตระกูลสิงห์แทบทุกวัน เคยเห็นเด็กคนนั้นก็จริง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นสายลับสองหน้าได้
“แล้วลูกรู้ได้ยังไงว่าเด็กคนนั้นเป็นสายลับของพ่อน่ะ”
“ทีแรกไม่รู้หรอก เพราะกล้าแสดงละครเป็นคนอ่อนแอได้เก่งมาก” วีร์หยุดมือที่ทำแผลให้เขาแล้วหันไปตอบคำถามกับพ่อตัวเอง “ถึงกล้าจะแสดงละครเก่ง แต่ก็มีจุดอ่อนเผยออกมาโดยที่เจ้าตัวเองก็ลืมไป เพราะตอนที่กล้าตัดกิ่งไม้ต้นไม้ มือของคนที่เป็นคนสวนมักจะหยาบกร้านและต้องมีรอยมีดบาดจากของมีคมบนนิ้วมือด้วย แต่นี่กลับไม่มีเลยซักนิด แถมวิธีการจับก็ไม่ใช่จับแบบคนสวน แต่เป็นการจับมีดแบบนักฆ่าต่างหากล่ะ”
!!!!!!
แล้ววีร์ก็หันไปทางกระต่ายก่อนจะพูดบางอย่างที่ทำเอาทุกคนถึงกับตกตะลึง
“เลิกปลอมตัวได้แล้วไอ้กล้า เพราะหลานสาวฉันไม่ได้หน้าอกเล็กแบนเป็นแผ่นกระดานนะเว้ย!”
!!!!!!
...................
ปล.พอดีว่าง เลยลงตอนนี้ (ไม่รอถึงกลางคืนแล้วล่ะ)
......................
สปอยล์ (พรุ่งนี้เจอกัน)
“พูดอะไรของเธอน่ะวีร์ ฉันกระต่ายนะ”นั่นคือคำพูดของไอ้กล้าที่ริอาจปลอมตัวเป็นหลานสาวของผมเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ก่อนจะโดนผมซัดด้วยวิชาของตระกูลก็คือดรรชนีเป็นตาย ทำให้มันถึงกับหน้าซีดหน้าเซียวจนวินมุ่นคิ้วถามด้วยความสงสัย
“เป็นอะไรหรือกระ...”ลูกชายผมยังถามไม่ทันจบ เจ้าตัวถึงกับวิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็วชนิดที่ผมได้แต่ยืนกุมหัวท้องหัวเราะอยู่อย่างนั้น จนไฟที่ห้ามผมไม่ทันได้แต่ส่ายหน้าเพียงอย่างเดียว