เนื่องจากวินไม่ไว้ใจพ่อตัวเอง จึงเรียกลูกทุกคนมาคุยปรึกษาหารือเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของวีร์ ซึ่งพวกสิงห์ก็เอะใจอยู่เหมือนกัน เพราะเห็นวีร์ซึมเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ดังนั้นพอเลยพักเที่ยงไป หลังจากที่พวกเขายืนซุ่มดูวีร์กับไฟเดินแยกทางหลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว พวกเขาก็เรียกไฟให้มาคุยกันที่ห้องประชุมอย่างลับๆ
“มีธุระอะไรถึงต้องคุยกันในห้องอย่างลับๆด้วยล่ะ” ไฟเอ่ยปากถามพวกสิงห์อย่างสงสัย เพราะในห้องประชุมตอนนี้มีวิน อิฐ สิงห์ ลีโอ จีน เหยี่ยว และกระต่ายอยู่ในห้องเท่านั้น
“มีเรื่องทะเลาะอะไรกับวีร์หรือเปล่า” วินเป็นคนเริ่มเปิดประเด็นก่อน
“ทะเลาะ?” ไฟมุ่นคิ้วก่อนจะตอบกลับไปว่า “เปล่านี่ ฉันไม่ได้ทะเลาะอะไรกับวีร์”
“แน่ใจว่าไม่ได้ทะเลาะน่ะ” สิงห์ถามอย่างคาดคั้น ซึ่งไฟส่ายหน้ากลับไปพร้อมกับพูดตอบมาว่า
“แน่ใจสิ ที่พวกเธอถามแบบนี้คงอยากจะรู้สินะว่าทำไมวีร์ถึงทำหน้าเศร้าไม่ค่อยยิ้ม”
“คุณรู้?” ทุกคนถามพร้อมกันเป็นเสียงเดียว
“ใช่ ฉันรู้” ไฟตอบเสียงหนักแน่น “คนอย่างฉันมีหรือจะไม่รู้ ฉันไม่เคยพลาดอะไรที่เป็นเกี่ยวกับวีร์ ไม่ว่าวีร์จะเป็นอะไรยังไงฉันดูออกหมด แค่แกล้งทำเป็นไม่รู้เพียงอย่างเดียว และจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะเหตุนี้ฉันถึงต้องเทียวไปเทียวมาตอนพักกลางวันเพื่อทานข้าวกับวีร์ทั้งๆที่บริษัทของพวกเธอกับของฉันมันอยู่ห่างกันเป็นสิบกิโล และฉันยอมให้วีร์มาทำงานที่นี่ก็เพราะจะได้อยู่ในความดูแลของพวกเธอด้วย”
“ถ้าเช่นนั้นวีร์เป็นอะไรไปล่ะ คุณบอกได้หรือเปล่า” กระต่ายถามต่อ
“ฉันไม่แน่ใจ แต่เท่าที่สังเกตมาหลายวัน น่าจะเป็นเพราะวีร์ได้รับข้อความปริศนาจากคนแปลกหน้า ซึ่งขอเดาว่าน่าจะเป็นพ่อคนใหม่ของวีร์ที่หายสาบสูญไป” คำพูดของไฟทำเอาทุกคนถึงกับตกใจ
“คุณรู้ได้ไงว่าเป็นพ่อของวีร์น่ะ” ลีโอเป็นฝ่ายถามบ้าง ซึ่งไฟล้วงหยิบของบางอย่างขึ้นมาให้ทุกคนดู
“กล่องดนตรีลูกแก้วมังกรกับรูปภาพบ้าน?” ทุกคนพูดโพล่งพร้อมกันเป็นเสียงเดียวทันทีที่เห็นของสิ่งนั้น รวมถึงรูปภาพที่เป็นรูปบ้านอีกด้วย
“หลายวันนี้ฉันไม่ได้อยู่เฉย ฉันสั่งให้คนในบริษัทของพวกเธอเป็นฝ่ายคอยจับตาดูวีร์ทุกฝีก้าว ดังนั้นเวลาวีร์ทำอะไรฉันรู้หมด แม้กระทั่งมือถือของวีร์ฉันก็ได้ใส่เครื่องดักฟังเอาไว้ด้วย”
!!!!!!
“คุณนี่มัน…” วินยังไม่ทันได้พูดจบ เสียงมือถือของไฟก็ดังขึ้นเสียก่อน ไฟจึงกดรับแนบหูทันที
“มีอะไร ห๊ะ ว่ายังไงนะ ดี จับตาดูอย่าให้คลาดสายตา ถ้าหากวีร์เป็นอะไรไป ฉันเอาพวกแกตายแน่” ไฟพูดเสียงเข้มจนคนฟังยังรู้สึกหนาวไปตามๆกัน แล้วไฟก็กดวางสายก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ตอนนี้พวกเราต้องเลิกคุยกันแล้วล่ะ”
“ทำไม มีอะไร?” วินถามต่อด้วยความสงสัย
“ก็จะอะไรเสียอีก ตอนนี้วีร์ไม่ได้อยู่ที่บริษัทแล้วน่ะสิ!”
“หา?!” ทุกคนถึงกับร้องอุทานออกมาพร้อมกัน
“ไม่จริง เมื่อครู่นี้ยังแยกกับคุณอยู่ไม่ใช่หรือไง” จีนถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก เพราะเมื่อครู่นี้วีร์เดินแยกออกมากับไฟ แถมยังตรงไปยังห้องถ่ายเอกสารอยู่เลยด้วยซ้ำ แถมพวกเขายืนคุยกันได้ไม่นาน วีร์ไม่น่าจะเดินออกไปจากที่นี่โดยที่พวกเขาไม่รู้ได้ (เพราะพวกเขาได้จ้างพวกบอดี้การ์ดคอยคุมวีร์อยู่ห่างๆ)
“ใช่ๆ ถ้าวีร์ออกไปจริงพวกบอดี้การ์ดที่ฉันบอกให้พวกนั้นตามวีร์ก็ต้องโทรมาแจ้งแล้วสิ” วินพูดต่อ
“คงโทรแจ้งได้หรอกนะโดนวีร์ซัดจนสลบซะขนาดนั้น”
!!!!!!
“อย่ามัวพูดมากอยู่เลย ถ้าใครเป็นห่วงวีร์ก็ตามฉันมา”
“อะ…อืม” แล้วทุกคนก็รีบวิ่งตามไฟที่ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
..........................
