นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่สิงห์บอกรักกับผม สิงห์ก็แทบจะไม่โผล่หน้ามาเลยด้วยซ้ำ ซึ่งผมว่ามันเป็นเรื่องดีเพราะไม่อยากจะเผชิญหน้ากับหลานชายตัวเองในตอนนี้ ผมไม่ได้ชอบหรือรักหลานชายเสมือนผู้ชายคนหนึ่งอย่างที่อีกฝ่ายคิดกับผม ผมรักสิงห์ในฐานะที่เขาเป็นลูกหลานของตระกูลสิงห์เท่านั้น ส่วนเรื่องที่สิงห์บอกรักผมนั้น ผมไม่คิดจะไปบอกวินลูกชายผมหรอกครับ เพราะเกรงว่าหากอีกฝ่ายรู้เข้า คงจะช็อกน่าดูที่ลูกชายของตัวเองมาบอกรักผม
“ไปเดทกันเถอะวีร์” ผมอึ้งกับคำพูดของเสือ ที่อยู่ๆก็มาชวนผมถึงบ้าน แต่ก็ไม่เท่ากับอีกฝ่ายที่มาในสภาพชุดไปรเวท ราวกับจะไปเดินเที่ยวตามตลาดนัดแบกะดินยังไงยังงั้น “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ มีอะไรติดที่หน้าฉันอยู่รึไง”
“อะ…อ๋อเปล่าครับ ไม่มีอะไรติดที่หน้าเลย ผมก็แค่แปลกใจที่เห็นคุณ…”
“ใส่เสื้อผ้าสบายๆสินะ หึๆ” อีกฝ่ายพูดพลางหัวเราะในลำคอ “ฉันไม่อยากให้เธอต้องเกร็งเวลาอยู่กับฉันน่ะ ว่าแต่เธออยากไปเที่ยวที่ไหนบ้างล่ะ ฉันจะพาเธอไปทุกที่ อ้อ ไม่ต้องห่วงว่าคุณวินจะไม่ยอมให้เธอไป เพราะฉันได้ขอเขาไว้เรียบร้อยแล้ว”
เล่นมาแบบนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะ เพราะด้วยเหตุนี้ผมกับเสือถึงได้มายืนอยู่หน้าทางเข้าสวนสนุก ส่วนที่ผมเลือกมาเดทที่นี่ก็เพราะไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหน ซึ่งเสือก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะพาผมมาที่นี่ แถมเจ้าตัวกลับบอกว่าชอบเสียด้วยซ้ำไป
“ดูท่าคนที่นี่จะกลัวฉันกันนะ” เสือพูดขำๆหลังจากซื้อตั๋วเดินเข้ามาพร้อมกับผม แน่นอนว่ามีลูกน้องตามหลังมาอีกเป็นขบวน ซึ่งทำเอาผมคิดแล้วคิดอีก ว่านี่มันเป็นการออกเดทสองคนแน่หรือ “สงสัยคงเป็นเพราะมีลูกน้องตามฉันมาแน่เลย เธอคิดว่าไหมล่ะวีร์”
“ฮะ คงงั้นมั้งครับ” แล้วเสือก็ไล่ลูกน้องตัวเองให้แยกย้ายกันกระจัดกระจาย ไม่ใช่เดินตามหลังมาเหมือนเดิม ซึ่งทำเอาผมถึงกับหายใจโล่งคอ เพราะขี้เกียจเป็นเป้าสายตาของพวกชาวบ้านน่ะครับ
“ว่าแต่เธออยากเล่นเครื่องเล่นอะไรล่ะวีร์” อีกฝ่ายถามพลางจับมือผมไปด้วยพร้อมกัน ทำเอาผมมุ่นคิ้วก้มมองมือหนานั้น แต่ก็ไม่คิดจะขัดขืนจึงเงยหน้าขึ้นมองเสือที่ฉีกยิ้มหวานรอคำตอบ
“แล้วแต่คุณเสือล่ะกันครับ เพราะผมไม่เคยมาที่นี่มาก่อน” ผมตอบตามความเป็นจริง เพราะตอนสมัยเป็นวีรวัฒน์นั้นมุ่งแต่เรียนกับทำงานเพียงอย่างเดียว ไม่เคยมีโอกาสเที่ยวสวนสนุกเหมือนกับชาวบ้านเลยซักครั้ง พอเกิดใหม่เป็นกมลวีร์ ก็ไม่ได้ไปเที่ยวอย่างที่ตั้งใจไว้เพราะความจนครับ
“อืม ฉันเองก็เพิ่งจะมาครั้งแรกซะด้วยสิ” อีกฝ่ายพูดพลางทำท่าครุ่นคิดในใจ “เอาเป็นว่าเดินดูไปก่อน ชอบใจอันไหนก็เข้าไปเล่นอันไหนเลย ตกลงไหม”
“ตกลงครับคุณเสือ” แล้วเสือก็จูงมือผมออกเดินทันที
...............
ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นได้สอนผมมากพอสมควร ก็เลยทำให้ผมแอบสะกดรอยตามวีร์มาโดยตลอด แน่นอนว่าเจ้าตัวไม่เคยรู้ไม่เคยรับทราบ และวันนี้ผมก็ได้แอบสะกดรอยตามวีร์ ซึ่งเจ้าตัวออกเดทกับเสือที่อุตส่าห์มาชวนถึงบ้าน ถามว่าทำไมผมถึงรู้ได้ แหม แค่ถามไอ้กล้าเด็กสวนที่บ้านก็รู้แล้วล่ะครับ
“เด็กบ้า มาเที่ยวกับเสือทำไมต้องยิ้มด้วยฟะ ไหนจะจับมือกันอีก ไม่อายคนอื่นบ้างรึไงนะ” ผมบ่นอย่างหัวเสียเมื่อเห็นสองคนนั้นเดินจูงมือไปตลอดทาง พอผมจะเดินตามไปก็ต้องหลบพวกบอดี้การ์ดของเสือที่เดินเพ่นพ่านแถวนี้ด้วยครับ “ทำไมต้องพาคนมาเยอะด้วยนะ แม่งเดินตามยากฉิบหาย”
ผมบ่นก่อนจะเดินตามสองคนนั้นไปห่างๆ ไม่นานนักวีร์กับเสือก็หยุดแวะเครื่องเล่นรถไฟเหาะ
เฮ้ย อย่าบอกนะว่าจะเล่นเจ้าเครื่องนั้นน่ะ?!และสิ่งที่ผมคิดไว้ก็เป็นจริง เพราะทั้งคู่เดินขึ้นเครื่องไป ทำให้ผมจำใจต้องรีบวิ่งขึ้นตามไป แต่ก็ต้องเว้นระยะห่างด้วยครับ ไม่งั้นสองคนนั้นจะรู้ตัวเอาได้ พอได้ขึ้นแล้วผมก็รีบเกาะแน่นๆด้วยความกลัว เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาสวนสนุกเหมือนกัน โชคดีที่นั่งของผมห่างจากสองคนนั้นไปแค่สามแถว ก็เลยพอมองเห็นได้อยู่บ้าง
แหม คุยกระหนุงกระหนิงใหญ่เชียวนะไอ้เด็กแสบ!ผมกัดฟันกรอดเมื่อเห็นวีร์กับเสือคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ครั้นรถไฟเหาะเริ่มเคลื่อนที่ ผมก็เริ่มจับที่นั่งให้แน่น ความกลัวเริ่มแผ่เข้ามา พอรถไฟเหาะขึ้นที่สูงแล้วก็พลันหยุดชะงัก ทำเอาผมถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่…
หวืด!พอรถไฟทิ้งตัวลงตามรางด้วยความเร็วตามแรงโน้มถ่วงของโลกแล้ว ผมก็พลันกรีดร้องเสียงดังลั่นทันที
“กรี๊ดดด!!”
..............