“มึงนี่นะ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้วันเดียวก็ต้องกลับเข้ามานอนพักรักษาตัวอีกแล้ว”
“นั่นสิ กูว่ามึงน่าจะไปทำบุญถวายสังฆทานนะ จะได้ล้างซวย”
สองหนุ่มคู่ชู้ชื่น เอ๊ย ไม่ใช่ครับ เพื่อนแสบสองคนเสกกับเกมมาเยี่ยมผมหลังจากที่เข้าโรงพยาบาลได้เพียงวันเดียว วันรุ่งขึ้นพวกมันก็มาเยี่ยมผมถึงห้องคนป่วย แต่โชคยังดีที่พวกมันไม่ได้ถามผมเรื่องที่ได้รับบาดเจ็บหนักครับ
“กูก็ว่าจะไปเหมือนกัน พวกมึงจะไปไหมล่ะ”
“ไปสิๆ แต่ต้องดูสภาพมึงซะก่อนว่าพร้อมเมื่อไหร่” เสกถามพลางมองสภาพร่างกายของผมในตอนนี้ ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บแค่ขีดข่วนจากของมีคมกับรอยเชือกที่รัดคอ ก็ไม่ได้ทำให้ผมไม่สามารถไปทำบุญที่วัดได้ เหลือแต่รอคำตอบจากคุณหมอว่าจะให้ผมออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่เท่านั้นเอง “จริงสิ มึงต้องไปขออนุญาตเจ้านายก่อนด้วยไม่ใช่รึ”
“หา?”
“ก็คุณวิน คุณสิงห์ คุณเสือนั่นไง” เกมตอบก่อนจะพูดต่อ “เมื่อวานตอนหัวค่ำพวกกูสองคนจะเข้ามาดูมึงว่าเป็นยังไงบ้าง แต่พวกเขาก็ไม่ยอมให้เข้า บอกพวกกูว่ายังไม่ให้เยี่ยมจนกว่ามึงจะฟื้น แถมนอกจากนี้ยังมีการตรวจค้นร่างกายพวกกูสองคนละเอียดถี่ยิบอย่างกับกลัวว่าพวกกูจะมาฆ่ามึงยังไงยังงั้นแหละ”
“เฮ้ยจริงดิ?!”
“จริง!” เสกตอบก่อนจะพูดต่อ “ตรวจร่างกายแบบว่าต้องแก้ผ้าต่อหน้าพวกเขาทั้งสามคน บอกตามตรงพวกกูเพิ่งเคยแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นเนี่ยแหละ แม่ง โคตรอายเลยว่ะ”
“ใช่ๆ อายจนไม่อยากมองหน้าพวกเขา ดีนะที่วันนี้ไม่โดนตรวจร่างกายด้วย ไม่งั้นพวกกูคงไม่มีหน้าจะมาเยี่ยมมึงอีกแล้วล่ะไอ้วีร์เอ๊ย” เกมพูดพลางเอามือขึ้นกุมหัวทำท่าอย่างกับจะเป็นจะตาย
“เออ กูขอโทษด้วยวะ ไว้วันหลังจะพาไปเลี้ยงส้มตำ”
“ไม่เอาเว้ย!” สองคนพูดพร้อมกันทันทีที่ผมพูดจบ “พวกกูเบื่อส้มตำ มึงนี่นะ เอะอะๆอะไรก็ส้มตำตลอด พวกกูสองคนเบื่อแล้วนะเฟ้ย”
“อ้าว แล้วจะให้กูเลี้ยงอะไรล่ะ พวกมึงก็รู้ว่ากูยากจนแค่ไหน” ผมถามกลับด้วยความสงสัย ก็ผมจนจริงๆนี่ครับ จะให้มีเงินเลี้ยงอาหารดีๆหรูๆให้พวกมันที่บ้านรวยใหญ่เท่าคฤหาสน์ได้ยังไงกัน ถึงแม้ตอนนี้ผมจะได้เจ้าวินลูกชายเป็นแบ็กอัพก็ตาม
“เออวะ พวกกูลืมไป โทษทีๆ” เสกบอกก่อนจะพูดต่อ “ว่าแต่มึงเข้าไปทำงานที่บ้านคุณวินแล้ว พวกเขาไม่ได้ให้เงินเดือนกับมึงบ้างเลยหรือวะไอ้วีร์”
“อืม ไอ้ให้มันก็ให้อยู่หรอก แต่กูต้องเก็บไว้ใช้จ่ายยามจำเป็นเผื่อแม่ข้าวไม่สบายน่ะ ยิ่งตอนนี้ท่านยังไม่ฟื้นจากเจ้าหญิงนิทรา กูยิ่งต้องเก็บ ขอโทษนะที่ทำให้ผิดหวัง” ผมบอกด้วยเหตุผลที่เลี้ยงข้าวพวกมันไม่ได้ ซึ่งเสกกับเกมก็เข้าใจผมดีครับ ไม่ได้ว่าอะไรผมเลยซักคำเดียว พวกมันอยู่คุยกับผมซักครึ่งชั่วโมงก่อนจะขอตัวไปเรียนหนังสือ เพราะเดี๋ยวจะไปเข้าแถวเคารพธงชาติไม่ทัน
..................................
“ดูเธอจะถูกโฉลกกับโรงพยาบาลเสียจริงนะวีร์ หึๆ” นี่ก็อีกคนที่แวะมาเยี่ยมเยียนผมหลังจากทราบข่าว แต่กว่าที่อีกฝ่ายจะเข้ามานั้น เห็นจะฝ่าด่านพวกลูกชายที่หน้าประตูเสียตั้งนานสองนาน
ทำอย่างกับต้องเสียค่าแป๊ะเจี๊ยะผ่านประตูเงินประตูทองมาหาเจ้าสาวงั้นแหละ!“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับคุณเฟยจิ้ง ผมก็แค่โชคร้ายนิดหน่อยเท่านั้นเอง” ผมยิ้มตอบกลับไปพลางเหลือบตามองของฝากคนไข้ ซึ่งเป็นตะกร้าที่บรรจุด้วยผลไม้รูปร่างค่อนข้างประหลาดสีชมพูสลับเขียวถึงเจ็ดลูก ก่อนจะหันสายตากลับมามองเจ้าของตะกร้าที่เป็นคนนำมาให้ “ต้องขอบคุณสำหรับของฝาก แก้วมังกรน่ะของโปรดผมเลยล่ะ”
อีกฝ่ายได้ยินที่ผมพูดก็พลันฉีกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“หึ ถ้าเธอชอบมันได้ก็ดีไป อ้อ ไม่ต้องห่วงนะ แก้วมังกรนี้ไม่มีพิษมีภัย กินได้”
“ถ้าไม่ว่าอะไรผมขอเปลี่ยนจากที่กินได้เป็นขอพรจะดีกว่า เพราะผมจะได้ขอพรอะไรก็ได้จากเทพเจ้ามังกรตั้งหนึ่งข้อน่ะครับ” ผมเถียงย้อนกลับไป ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายถึงกับอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะดังลั่นห้อง
“ฮะๆ เธอนี่นะ คิดมาได้ไงขอพรจากเทพเจ้ามังกร นี่มันเป็นโลกแห่งเป็นความจริงไม่ใช่การ์ตูนที่จะได้ขอพรแบบนั้นน่ะ” ใครว่าจะขอไม่ได้ ก็ในเมื่อผมขอพรจากพระเจ้าให้กลับชาติมาเกิดมาได้แล้ว แต่จะแตกต่างกันตรงที่พรของผมแลกกับความดี ไม่ใช่ขอพรจากลูกแก้วมังกรทั้งเจ็ดลูกก็เท่านั้นเอง “เรื่องของแม่เธอ รู้สึกตอนนี้จะมีปฏิกิริยาตอบสนองดี แต่ยังไม่ตื่นเลย ถ้ายังไงเธอก็หัดไปเยี่ยมแม่ของเธอซะบ้างนะ”
“ครับคุณเฟยจิ้ง”
“ฉันต้องขอตัวกลับก่อนนะ เพราะคนแถวนี้ให้เวลาฉันมาเยี่ยมเธอได้ไม่นาน”
“ครับ โชคดีครับ”
“อ้อ ลืมบอกไป เรื่องสาม ไม่สิ ต้องสี่พี ถ้าเธอสนใจบอกฉันได้นะ ฉันจะได้เข้าร่วมด้วยอีกคน” แล้วอีกฝ่ายก็เดินจากไปโดยที่ผมได้แต่นั่งอ้าปากค้างเพียงอย่างเดียว
..........................