Chapter 9
"เจย์..."
"...ผมรู้ว่าคุณเข้าใจความหมายที่ผมบอก"
ผมได้แต่นิ่งเงียบจ้องมองลึกลงไปในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น มันสงบนิ่งและไม่มีแววล้อเล่นแต่ถึงอย่างนั้นผมก็เห็นความหวั่นไหวซ่อนอยู่ลึกๆ
เขายังเด็ก...ต่อให้ตัดสินใจไปแล้วแต่ก็ยังคงมีความไม่มั่นใจซ่อนอยู่เบื้องหลังต่างจากผู้ใหญ่แบบผมที่ไม่มีความไม่มั่นใจ...นั่นอาจเพราะ...ผมไม่กล้าตัดสินใจอะไรเลยซักอย่าง...
"...."
"...แล้วคุณล่ะ รู้สึกยังไงกับผม"
ผมรู้สึกถึงก้อนอากาศที่พุ่งขึ้นมาจุกอยู่ตรงลำคอยามจ้องมองดวงตาคู่นั้นแต่ก็ไม่สามารถพอที่จะเสหลบได้ ผมรู้ว่าตัวเองควรจะต้องพูดอะไรบางอย่าง...แต่ผมกลับไม่รู้ว่าควรต้องพูดอะไร
หลายเดือนที่ผ่านมาการที่มีเด็กหนุ่มมัธยมปลายหน้าตาดีแวะมาที่ร้านทุกวันหลังเวลาปิดร้านถือเป็นเรื่องปกติ และผมก็ชินกับการมีเขาอยู่ในชีวิตและมีความสุขกับมัน ผมคิดว่าจะใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆจนลืมคิดไปว่ามันไม่สามารถเป็นแบบนี้ไปได้ตลอด วันหนึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่ผมนึกไม่ถึงว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้และเป็นการเปลี่ยนแปลงในแบบที่ผมนึกไม่ถึง...
...ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป...
ผมไม่ได้เป็นเกย์แต่ก็ยังไม่คิดที่จะสร้างครอบครัว ส่วนหนึ่งเพราะผมรักชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวันนี้และคิดว่าไม่ต้องการอะไรนอกเหนือจากนี้แล้ว ผมไม่ได้คิดถึงความก้าวหน้าหรือการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามให้ดีขึ้น ผมแค่ชอบชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวันนี้จนบางทีก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นเอื่อยเฉื่อยและน่าเบื่อ
แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาอายุยังน้อยในช่วงชีวิตของเขาต่อจากนี้จะต้องพบเจอกับเรื่องราวอีกมากมายที่จะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต เจย์เป็นคนเรียนเก่งและมีธุรกิจของบ้านที่ประสบความสำเร็จ ไม่แปลกเลยหากอนาคตเขาจะก้าวหน้าไปกว่าที่เป็นอยู่ วันหนึ่งเด็กหนุ่มตรงหน้าผมจะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ มีทางเลือกในชีวิตมากมายให้เขาได้ก้าวเดินแตกต่างจากผมในตอนนี้
ผมอยากจะมีเจย์อยู่ในชีวิตต่อไป แต่ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะให้เขาอยู่ในชีวิตในถานะอะไร เริ่มแรกเพราะความเอ็นดูแต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาไม่มีทางเป็นเด็กแบบนี้ไปตลอด แล้วต่อจากนั้นล่ะ? ผมควรจะรู้สึกยังไงกับเขา...ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขาคือไม่อยากจะสูญเสียเขาไปแต่ก็ไม่อยากรั้งเขาเอาไว้กับคนที่ไม่มีความก้าวหน้าแบบผม ...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าชอบรึเปล่า
....ผมไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้....
เพราะอย่างที่บอก...ผมไม่ได้เป็นเกย์และเจย์ก็คงไม่ใช่
"เจย์..."
"...."
"เออ... รู้อะไรมั้ย อดัมน่ะต้องคู่กับอีฟนะ ฮะๆ" ผมได้ยินเสียงตัวเองหัวเราะแต่ไม่รู้สึกถึงมุมปากที่ยกยิ้ม คิ้วเรียวเข้มขมวดแน่นพร้อมกับร่างที่ก้าวเข้ามาประชิดจนแผ่นหลังของผมสัมผัสแนบกับเนื้อไม้ของเคาน์เตอร์
"ผมไม่สนใจเรื่องนั้น ...แล้วผมก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย"
"อะ อ้าว ..งั้น..."
"แค่คุณ ...คนเดียว" ผมรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของเด็กหนุ่มประทะเข้ากับใบหน้าเพราะระยะห่างที่เริ่มลดลง แขนทั้งสองข้างถูกกดตรึงไว้กับชั้นไม้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ร่างถูกเบียดเอนไปจนเกือบจะนอนลงกับชั้นโต๊ะของเคาน์เตอร์สูงเลยเอวขึ้นมาเล็กน้อยที่รกไปด้วยแผ่นกระดาษจดเมนูและขวดชากาแฟหลากหลายชนิด
"...."
"ผมอยากได้คำตอบ"
"...."
"...."
"...เออ เจย์ พี่ว่าเราคุยเรื่องนี้กันวันอื่นเถอะ..." ผมพูดเสียงเบาพลางบ่ายหน้าหนีแต่ก็ยังเห็นหัวคิ้มเข้มที่ขมวดเข้าหากัน
"หมายความว่ายังไง"
"คือ... คืนนี้ดึกมากแล้ว พี่ว่า...."
"คุณเกลียดผมงั้นเหรอ?"
"ฮะ? ไม่นะ พี่ไม่ได้เกลียดเจย์"
"งั้นคุณก็ชอบผม?"
"...เรื่องนั้นน่ะ มัน...."
“ก็ได้…ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว” เขาพูดพร้อมกันผละตัวออกไปหันหลังก้าวเดินออกไปทางหน้าประตูผมรีบก้าวเท้าตามไปคว้าข้อมือเขาไว้อย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว เจย์จะไปไหน”
“ไปจากที่นี่”
“หะ? ดะได้ยังไง นี่มันดึกมากแล้ว”
“พอ!! เลิกพูดเหมือนเป็นห่วงแบบนั้นซักที!”เด็กหนุ่มตะหวาดเสียงดังทำให้ผมสะดุ้งเฮือก เจย์เม้มปากแน่นเหมือนพยายามข่มอารมณ์
“….”
“แค่คุณรู้สึกยังไงกับผมคุณยังตอบไม่ได้เลย…แล้วจะให้ผมอยู่ที่นี่ในถานะอะไร” ผมได้แต่นิ่งเงียบเพราะนั่นก็เป็นคำถามที่ลึกๆแล้วผมก็ถามตัวเองอยู่ทุกวัน ผมเคยชินกับชีวิตที่อยู่คนเดียว ไม่ได้คิดว่าการที่ไม่มีใครข้างกายเป็นเรื่องที่ต้องกังวล แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เคยคิดว่าหากมีคนดีๆเข้ามาผมก็พร้อมจะเปิดใจรับ แต่ก็ไม่ได้คิดถึงว่าจะต้องมาเจอในรูปแบบนี้
…เขาเป็นผู้ชาย…แถมยังเด็กกว่าเกือบสิบปี เขายังมีอนาคตอีกไกล จะได้พบเจอกับคนอีกมากมายต่างจากผมที่ต่อให้อีกสิบปีข้างหน้าผมก็ยังคงจะเป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆนี้ต่อไป
ถ้าหากผมบอกเขาไป…มันจะเป็นการรั้งเขาเอาไว้กับตัวเองรึเปล่านะ…?
ถ้าหากวันหนึ่งเขาโตขึ้น…แล้วเจอกับคนที่เขาชอบมากกว่า ผมจะกล้าปล่อยเขาไปรึเปล่า…?
แล้วถ้าหากถึงวันนั้น…ผมจะกลับไปใช้ชีวิตลำพังคนเดียวได้อยู่รึเปล่า…
ผมเงยหน้าขึ้นมองดวงตาสีดำสนิทที่มองสบลงมาเห็นเงาตัวเองสะท้อนอยู่ภายใต้แววตาที่สั่นไหว
“เจย์…พี่ขอโทษนะ”
“….”
“….”
“คุณ…ไม่เคยชอบผม…ซักนิดเลยเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามเบาหวิวก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น
“…อย่าออกไปข้างนอกเลยนะ อยู่ที่นี่เถอะ” ผมเบี่ยงตัวหนีก่อนจะเดินไปลงกลอนพลางจ้องมองบานประตูกระจกที่ล้องกรอบด้วยแผ่นไม้เก่าๆสีเข้ม นึกถึงวันแรกที่เด็กหนุ่มร่างสูงไม่คุ้นหน้าผลักประตูเข้ามาในร้าน
“เจย์…” เมื่อหันกลับมาก็พบกับความว่างเปล่า เสียงย่ำฝีเท้าเบาๆจากด้านบนทำให้ผมถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกก่อนจะเดินตามขึ้นไป
เสียงน้ำจากฝักบัวตักลงกระทบพื้นห้องน้ำอย่างต่อเนื่องมาประมาณสิบนาทีตั้งแต่ผมเข้ามาในห้องนาน ผมขบริมฝีปากเบาๆขณะนั่งอยู่ปลายเตียงจ้องมองประตูห้องน้ำสีอ่อนอย่างใช้ความคิด รู้สึกละอายที่ทั้งๆที่ตัวเองโตกว่าแท้ๆแต่กลับหนีปัญหาด้วยวิธีที่ไม่เป็นผู้ใหญ่เอาเสียเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่รู้ว่าควรต้องหาทางออกยังไง ผมไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว…แต่ที่ทำอยู่นี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่ผมไม่อยากเป็นมากที่สุด
“แกร็ก” เสียงหมุนลูกบินประตูเบาๆตามมาด้วยเด็กหนุ่มร่างสูงในชุดชุดนอนสีกรมท่า เส้นผมละเอียดสีดำเปียกลู่ลงข้างแก้มส่งหยดน้ำหยดลงบนพื้นไม้ เราสบตากันเล็กน้อยก่อนที่เขาจะผละเดินไปทางตู้เสื้อผ้าและเด็กผ้าห่มกับหมอนออกมาหนึ่งชุด
“เจย์…จะไปไหน”
"ผมจะนอนข้างนอก" เจย์ตอบเบาพร้อมกับหอบหมอนและผ้าห่มหนึ่งผืนออกไปนอนห้อง ผมลังเลระหว่างจะเดินออกไปตามหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ตัดใจเดินเข้าห้องน้ำไป
ฟูกนุ่มที่รองอยู่ใต้ร่างนิ่งไม่ไหวติงทั้งๆที่ผมยังไม่ได้หลับ ไฟในห้องดับมืด ผมนอนจ้องฝ้าเพดานคุ้นตามาตั้งแต่ดับไฟและคาดว่าตอนนี้ก็คงผ่านไปนานพอสมควร ไม่ว่าจะข่มตาหลับสักกี่ครั้งมันก็ไม่ได้ผล
ผมเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงและก้าวยาวๆไปที่ประตูมือจับค้างไว้ที่ลูกบิดแต่ก็ไม่กล้าเปิดออก ไม่รู้ว่าหลังจากที่ก้าวพ้นประตูไปแล้วผมควรจะทำอย่างไร ถ้าลงไปหาเขาผมควรจะต้องพูดว่าอะไร? สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกความตั้งใจและกลับมาทิ้งตัวนอนลงที่เดิม ...
ผมอยู่คนเดียวมาตลอด คุ้นเคยกับความเงียบและผมก็ชอบมัน...แต่คราวนี้มันช่างแตกต่างจากที่ผ่านมา...
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่นาฬิกาปลุกบนโต๊ะเล็กๆข้างเตียงส่งเสียงปลุกลั่นห้อง ผมเกือบจะลืมเสียงของมันไปแล้วเพราะมักจะตื่นมาปิดก่อนที่จะได้ร้องเตือนเสมอ
ราวกับภาพเมื่อคืนถูกฉายซ้ำผมยืนนิ่งอยู่หน้าประตูคิดวกไปวนมาว่าถ้าเจอหน้าเจย์แล้วผมควรจะพูดอะไร ผมไม่สามารถทนอยู่กับความเงียบที่เราต่างคนต่างไม่สนใจกันแบบนี้ได้แต่ผมก็ไม่สามารถจะเริ่มพูดคุยยังไงในเรื่องที่ผมยังตัดสินใจไม่ได้
ผมสูดหายในลึกและผลักประตูออกไปค่อยๆเดินลงบันไดไปที่ชั่นสองและได้พบกับโซฟาที่...ว่างเปล่า
ชุดนักเรียนหายไปชุดหนึ่งเมื่อผมกลับไปเปิดตู้เสื้อผ้าในห้องนอนและห้องน้ำยังคงมีความชื้นอยู่ เจย์คงจะเข้ามาและออกไปก่อนที่ผมจะตื่น... คิดได้แบบนั่นก็ได้แต่ขบกรามเบาๆ....ผมคงจะโดนหลบหน้าเข้าเสียแล้ว....
"พี่มิณ พี่มิณครับ คุกกี้จะหมดแล้ว"
"ห้ะ?! อะ อืม เดี๋ยวพี่ไปทำเพิ่มนะ" ผมตอบกลับเด็กหนุ่มดวงตากลมโตตรงหน้าไปเบาๆก่อนจะเดินเข้าครัวเพื่อนไปทำคุกกี้มาเพิ่ม รู้สึกมึนงงจนต้องยืนจ้องอุปกรณ์ทำขนมซักพักก่อนจะเริ่มลงมือทำ ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะเมื่อคืนนี้ผมนอนไม่ค่อยหลับ ถึงในความเป็นจริงจะรู้ว่าไม่ใช่ก็เถอะ..
"พี่มิณ ผมยกออกไปนะครับ" อาร์เดินเข้ามาในครัวพลางยิ้มกว้าง
"เออ..เดี๋ยวพี่ยกไปเอง ยังอบไม่เสร็จเลย"
"....?"
"ขอโทษนะ" ผมว่าขณะเหลือบมองเตาเอาที่เพิ่งจะใส่ขนมเข้าไปทำให้อาร์ขมวดคิ้วบางๆ
"...พี่ไม่สบายเหรอครับ"
"หืม เปล่าๆ เมื่อคืนพี่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ"
"...คุณมิณ"
"หืม?"
"...."
"อาร์มีอะไรเหรอ" ผมหันกลับไปมองเมื่อคู่สนทนาเงียบไป
"ปกติถ้าผมเรียกว่า คุณมิณ พี่จะต้องบอกให้ผมเรียกว่า พี่มิณ นี่นา ผมว่าช่วงนี้พี่ดูแปลกๆนะครับ"
"...เออ งั้นเหรอ" ผมยิ้มแห้งเกาท้ายทอยแก้เก้อเพราะจริงๆแล้วผมไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าอาร์เรียกผมว่าอะไรเพียงแค่รับรู้ว่ามีคนกำลังเรียกอยู่เท่านั้น
"....พี่มิณ ทะเลาะกับน้องเจย์เหรอครับ"
“หืม? เออ…ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ”
“ก็…ผมเห็นเจย์ท่าทางซึมๆ พี่ก็ดูเหม่อๆ แถมช่วงนี้เจย์ก็…ไม่ค่อยอยู่ร้าน” ผมเผลอขมกรามเบาๆเมื่ออาร์ตอบกลับมา …หนึ่งอาทิตย์แล้วที่เป็นแบบนี้ เจย์มักจะออกไปข้างนอกแต่เช้าตรู่ก่อนที่ผมจะตื่นมาเปิดร้านและมักจะกลับมาหลังจากที่ผมเข้านอนแล้วเสมอ …ผมแทบไม่ได้เจอหน้าเด็กหนุ่มเลยนอกจากที่บางครั้งผมตื่นขึ้นมาเร็วกว่าปกติ ไม่ก็นอนคิดเมนูขนมจนดึกกว่าทุกๆวัน ถึงแม้ว่าบางวันเขาจะแวะเข้ามาที่ร้านหลังปิดเพื่อมาเอาของบางอย่าง
เราพูดคุยกันไม่กี่คำ…ไม่ผิดหรอก ไม่กี่คำจริงๆเพราะมันแทบจะนับเป็นประโยคไม่ได้ด้วยซ้ำ ผมไม่รู้เลยว่าเขาออกไปไหนและไปทำอะไรทุกวัน… และ…ทุกครั้งที่เขาออกไปผมกลัวว่าเขาอาจจะไม่กลับมาหาผมอีกแล้ว…
เจย์เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว ผมยังจำวันที่เราเจอกันครั้งแรกได้ และนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าที่ผ่านมาตอนที่เราอยู่ด้วยกันเขาเปลี่ยนไปจากตอนนั้นขนาดไหน เขาพูดมากขึ้น ยิ้มบ่อยขึ้นถึงแม้จะแค่ผมยิ้มหรือยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เขาพูดเรื่องของตัวเองมากขึ้น บางครั้งก็เล่าให้ฟังว่าวันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง แต่ตอนนี้…มันอาจจะกำลังกลับไปสู่จุดเดิม
…จุดที่เราไม่รู้จักกัน
“อาร์เจอเจย์เหรอ”
“ครับ เมื่อวานน่ะ เจย์ไปซ้อมบาสที่สนามของมหา’ลัย” เขาตอบพลางเดินอ้อมโต๊ะมาช่วยยกถาดเก้าอี้ออกจากเตาอบ ผมส่งเสียงงึมงำในลำคอตอบกลับไปเบาๆ
“งั้นเหรอ”
“…”
“…อาร์ พี่ถามอะไรหน่อยสิ”
“ครับ?”
“เออ…อาร์กับคุณวิคเตอร์…คบกันได้ยังไงน่ะ” เด็กหนุ่มเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินคำถามไม่คาดคิดก่อนจะตอบออกมา
“เออ…ก็ ..มันก็ ออกจะงงๆหน่อยนะครับ”แก้มขาวนั้นแดงขึ้นเล็กน้อยขณะพูดทำให้ผมต้องอมยิ้ม
“คือ…วิคเขากำลังหาคอนโดอยู่แล้วผมก็กำลังหาที่พักเหมือนกัน เราก็เลยคุยกันแล้วก้เริ่มสนิทกันเรื่อยๆ”
“เหรอ แล้วตกลงเป็นแฟนกันได้ยังไงน่ะ” ผมถามยิ้มๆ จริงๆแล้วผมก็อยากจะรู้ว่าพวกเขาข้ามผ่านช่วงความรู้สึกที่มีแต่คำถามแบบนี้ไปได้ยังไง แต่อีกส่วนหนึ่งก้อยากจะแกล้งพนักงานพาทไทม์ตรงหน้าที่ดูเหมือนจะเขินอายจนแทบจะลงไปม้วนอยู่กับโต๊ะ
“อ๊า เรื่องนั้นน่ะมันก็…”
“….” ผมรู้สึกเหมือนเห็นตัวการ์ตูนตลกๆที่กำลังหน้าแดงและมีไอน้ำลอยขึ้นมารอบๆ
“คือ…วิคเตอร์เขาจูบผมน่ะ ตะ ตอนผมพาเขาไปดูคอนโดใหม่”
“ว้าว จูบเลยเหรอ หึหึหึ”
“โธ่ อย่าล้อผมสิ”
“ฮ่าๆ โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว…แล้วยังไงต่อน่ะ”
“ก็ เราก็คบกันน่ะ …ผมบอกแล้วว่ามันออกจะดูงงๆ” อาร์ย่นจมูกหน้าแดงเล็กน้อย
“อาร์ตัดสินใจได้ยังไงน่ะว่าจะคบกับเขา …เออ…คือ พี่หมายถึง…”
“เราเป็นผู้ชายทั้งคู่ใช่มั้ยล่ะ” อาร์ถามยิ้มๆ
“…อืม…”
“ตอนนั้นผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นหรอก…แค่รู้สึกว่าผมปฏิเสธเขาไม่ได้ล่ะมั้ง แบบว่า…ผมปล่อยเขาไปไม่ได้น่ะ”
“….”
“ตอนแรกผมก็กังวลเหมือนกัน ผมยังเรียนไม่จบเลย แต่เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมกับเขาก็ไม่ได้เป็นเกย์ด้วย….”
“….” เด็กหนุ่มก้มหน้าลงต่ำแต่อึดใจต่อมาเขาก็เงยหน้าขึ้นและพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง
“แต่ว่าทุกครั้งที่ผมมองเขาผมรู้สึกจริงๆนะว่าผมปล่อยเขาไปไม่ได้” ผมยิ้มบางๆกลับไปพลางครุ่นคิด ทุกๆครั้งที่ผมมองเจย์ ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่า…ไม่อยากจะเสียเขาไปจากชีวิต…
“…อีกอย่างนะ วิคเตอร์ทำให้ผมมั่นใจว่า ไม่ว่ายังไงเขาก็จะยังอยู่กับผม ผมกับเขาไม่เข้าใจกันบ่อยๆเพราะเราต่างกัน ทั้งอายุ ทั้งความชอบ ทั้งนิสัย แต่ว่า…ทุกครั้งที่เราไม่เข้าใจกัน เขาก็ยังอยู่ ถึงบางทีจะงอนจนไม่คุยกัน แต่เขาก็ยังอยู่กับผม…อยู่แบบเงียบๆนั่นแหละ” ท้ายประโยคอาร์พูดเสียงเบาพลางยิ้มแหยๆ สีหน้าเหมือนจะขบขันแต่พนันได้ว่าเขาคงไม่ชอบสถานการณ์แบบนั้นเท่าไหร่นักทำให้ผมต้องกลั้นขำ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
“ฮ่าๆ ทำไมทำหน้าแบบนั้นฮะ แล้วคืนดีกันรึยังล่ะหือ?”
“โธ่ เราไม่ได้โกรธกันหรอกครับ แต่…แค่ผมออกไปถ่ายรูปกับเพื่อนแล้วลืมบอกเขานะ แถมมือถือก็แบตหมดติดต่อไม่ได้ กลับไปก็เลยโดนงอน…อ๊ะ เฮ้ยย! พี่มิณหลอกถามผมนี่” อาร์ยกสองมือขึ้นปิดปากเบิกตากว้างทำให้ผมหัวเราะหนักขึ้นกว่าเดิม
“ฮ่าๆๆ”
“ฮึ่ม ผมออกไปข้างนอกดีกว่า” เด็กหนุ่มร่างเล็กยู่หน้าก่อนจะยกถาดคุกกี้ถาดใหญ่วิ่งออกไปหน้าร้านอย่างรวดเร็ว
….ถึงแม้ไม่เข้าใจกันก็ยังไม่ไปไหน….?
“เจย์…” ผมเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังจะก้าวพ้นขอบประตูร้านไว้ วันนี้เจย์และกลับมาเอาของที่ร้านก่อนที่จะออกไปข้างนอกอีกครั้ง เขาแต่งกายด้วยชุดกีฬาเสื้อและกางเกงยาวจรดข้อ บนบ่าสะพายกระเป๋ากีฬาสีดำจากแบรนด์ดัง ผมปิดไฟในร้านบางส่วนแต่ก็ยังมีแสงสว่างมากพอที่จะมองบริเวณรอบๆได้อย่างชัดเจน
“เออ…จะกลับมา…” จะกลับมาหาพี่รึเปล่า?... เหมือนก้อนอากาศขึ้นมาจุกคอทำให้ผมพูดไม่ออกไปเสียดื้อๆ หากเขาจะไปจริงๆผมก็คงรั้งเขาเอาไว้ไม่ได้ ฟันคมของเด็กหนุ่มขบลงบนริมฝีปากแน่นขณะหันกลับมา คิ้วเรียวคมขมวดเล็กน้อยและแววตาที่ดูเหงาๆมองตอบกลับมา
“อืม…เดี๋ยวผมกลับมา” เสียงทุ้มตอบเบาๆก่อนจะผลักบานประตูกระจกออกไป
ผมยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบพักใหญ่ เงียบจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง คำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองที่ว่างเปล่า
‘ผมมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้?’…ผมควรต้องออกไปตามเขาไม่ใช่เหรอ?
“เจย์!!” ผมผลักบานประตูออกไปและก้าวขายาวๆไปตามทางเดิน ได้ยินเสียงกระดิ่งสั่นเสียงดังมาจากด้านหลังที่ประตูถูกผิดลงถึงแม้จะเดินออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ผมมองไปตามทางเท้าที่ทอดยาวขนาบถนนเส้นใหญ่ เห็นแผ่นหลังของคนที่ผมกำลังตามหาเลี้ยงเข้าไปในซอยด้านขวาห่างไปไม่มาก สองขารีบก้าวเดินจนแทนจะกลางเป็นวิ่ง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปลายทางนั้นจะไปที่ไหนและระยะทางที่เดินผ่านมาจะไม่คุ้นเคยหรือไม่
“เจย์” ผมร้องเรียกอีกครั้งแต่ก็ดูเหมือนจะเบาเกินไปจนต้องเร่งฝีเท้าให้ใกล้เข้าไปอีก ซอยเล็กๆตัดผ่านด้านหลังของตึกสูงสองตึกทำให้ในซอยมืดมิดจนมองเห็นแค่แสงสว่างจากปลายทางและแสงไฟจากตึกข้างๆเล็กน้อย
เบื้องหน้าเป็นถนนสายหนึ่งที่มีรถสันจรไม่มากนักส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเวลาค่ำมากแล้วและไม่ใช่ย่านท่องเที่ยงที่จะมีรถรามากมาย สองขายาวภายใต้กางเกงวอร์มสีเข้มก้าวข้ามถนนไปอย่างรวดเร็วจนไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
“เจย์” เขายังไม่ได้ยินขายาวเดินหน้าไปเรื่อยๆห่องออกไปอีกหลายเมตร
“….”
“เจย์!”ผมร้องเรียกอีกครั้งพลางพยายามเร่งฝีเท้าขึ้นเหลือบมองสัญญาณไฟจราจรฝั่งตรงข้ามที่ขึ้นสัญญาณสีเหลืองเตรียมจะข้ามไปอีกฝั่งทันทีที่รถหยุด ผมหันกลับมามองฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง เด็กหนุ่มร่างสูงหันมาตามเสียงเรียกขณะเดียวกับที่ผมก้าวข้ามทางม้าลายตัดผ่านถนนตรงหน้าหลังจากสัญญาณไฟรถยนต์เปลี่ยนเป็นสีแดง
ตอนนั้นเองที่ภาพตรงหน้าเริ่มพล่ามัวเพราะแสงไฟจ้าจากรถยนต์สาดเข้ามาที่ใบหน้า เสียงยางรถเบียดกับพื้นถนนเสียงดังแสบแก้วหูกลิ่นไหม้ของยางโชยเข้าจมูกจนรู้สึกฉุน ได้ยินเสียงคุ้นหูร้องตะโกนมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่ผมกลับมองไม่เห็นเจ้าของเสียง“ไมมมมมมมมมมม่”
“เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!”……………………………………
สวัสดีนักอ่านทุกท่าน หายไปนานเลย
จริงๆแล้วที่หายไปคนเขียนกำลังซุ่มเขียนนิยายเรื่องใหม่อยู่ค่ะ
แต่รู้สึกว่านิยายเรื่องนี้มันยากมากๆ ทั้งเรื่องของบุคลิกตัวละครและพลอตเรื่อง
ก็เลยจมอยู่กับเรื่องนั้นนานเลยค่ะ
ส่วนจะเอาลงในในบอร์ดมั้ยต้องขอคิดดูก่อนนะคะ
เพราะว่าที่หายไปเขียนมาก็คืบหน้าได้แค่สองตอนเองค่ะ
(ฮา)
จริงๆแล้วอยากจะลงเฉพาะนิยายที่เขียนจนจบแล้วไม่ก็มีพลอตหรือสต็อคไว้อยู่น่ะค่ะ
ไม่ค่อยอยากจะลงนิยายใหม่ที่เพิ่งเขียนเท่าไหร่ กลัวเขียนไม่จบ (ฮา)
จึงมาแจ้งว่าที่หายไปไม่ได้ทิ้งคนอ่านไปไหนน้าาา แวะเอาพี่มิณน้องเจย์มาส่งแล้ว
ส่วนเรื่องนิยายเรื่องใหม่ คาดว่าจะยังอยู่ในซีรีย์สั้นๆอยู่ค่ะ แต่ทั้งนี้ก็ขอดูเรื่องว่าจะเขียนจบมั้ยอีกทีนะคะ (ฮือๆ ยากจังเลย)
สุดท้ายขออภัยคนอ่านที่หายไปนาน ไม่ได้หนีไปไหนนะจ้า ยังอยู่
และขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามและให้กำลังใจเสมอมานะคะ