[เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]  (อ่าน 45867 ครั้ง)

ออฟไลน์ ~PopPin[Pim]~

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เข้ามารอพี่มิณน้องเจย์ :katai2-1: :katai2-1:

นับวันเจย์ยิ่งแบ๊วๆ 5555555555555

ออฟไลน์ purple

  • Aventador FC
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
มาดันกระทู้ค่าา
รออยู่น้าาา

ออฟไลน์ BlueWizard

  • Friendly & optimistic
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุนะครับ. ยังรอตอนต่อไปอยู่นะครับ  :impress2:

ออฟไลน์ IVY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Chapter 12










"รับอะไรเพิ่มรึเปล่าครับ"

ผมถามหลังจากเติมน้ำเปล่าลงในแก้วที่พร่องลงไปเกือบหมดให้กับชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของดวงตาเรียวรีแบบคนเชื้อสายจีน

คุณชินย้ายจากเคาน์เตอร์ส่วนหน้าร้านมาเป็นด้านในสุดหลังจากที่ร้านเริ่มเปิดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ยังคงไม่สั่งอะไรนอกจากน้ำเปล่าเหมือนเดิมถ้าไม่นับคุกกี้หนึ่งจานที่ผมแถมให้ แต่ทุกครั้งก็มักจะจ่ายเงินเกินจำนวนเสมอทั้งที่ต่อให้เขาไม่จ่ายเลยผมก็คงไม่ว่าอะไร....ก็เล่นไม่สั่งอะไรเลยนี่นา

"ไม่ล่ะ ขอบคุณ" ตอบทั้งๆที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากนิตยสารกีฬาฉบับล่าสุดเลยสักนิด

ผมยิ้มและหันกลับมาเช็ดแก้วต่อ อดคิดกับตัวเองไม่ได้ว่าเขาเหมือนกับเจย์ตอนที่เจอกันแรกๆ ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเขามักจะมาที่ร้านหลังจากที่เจย์ออกไปเรียนแล้วและกลับไปก่อนเวลาเลิกเรียนเสมอและไม่มีคนอื่นๆมาเพิ่ม พ่อของเจย์ก็ไม่เคยมาที่ร้านอีกเพียงแค่โทรมาหาเจย์ครั้งหนึ่งหลังจากที่ผมออกจากโรงพยาบาลเท่านั้น

ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจย์กับพ่อกำลังดีขึ้นถึงแม้ว่าจะทีละนิดก็ตาม อย่างน้อยเจย์พูดจาดีกับพ่อมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ส่วนเรื่องคุณชินที่มาเฝ้าที่ร้านทุกวันนั้นผมคิดว่าคงจะตามประสาพ่อที่ห่วงลูกแต่ไม่กล้าแสดงออกมากกว่าจะมีประสงค์ไม่ดี

"ช่วงนี้เจย์กลับช้ากว่าปกติ คุณจะอยู่ต่อถึงเย็นก็ได้นะครับ"

"...." คุณชินไม่ตอบอะไรแต่ใช้สายตาจ้องมองเป็นคำถามแทน ผมยิ้มและพูดต่อ

"ก็ช่วงเลิกเรียนรถมันรถติดนี่"

ในเมืองหลวงแบบนี้แน่นอนว่าย่อมหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรไม่พ้นแต่คงจะดีกว่าถ้าไม่ต้องมีปัญหาในการระวังเวลาเด็กๆข้ามถนนรวมถึงรถผู้ปกครองที่จอดรอรับ ตลอดหลายวันที่เขามาที่นี่ผมสังเกตเห็นเขาขับรถกลับไปทางเดียวกับโรงเรียนทุกครั้ง ไม่แน่ว่าอาจใช้เส้นทางนั้นในการเดินทางกลับทุกครั้ง

ช่วงนี้เจย์มักกลับมาช้ากว่าปกติเนื่องจากต้องอยู่ซ้อมกีฬาหลังเลิกเรียน ดูเหมือนว่าจะมีโปรแกรมการแข่งกีฬาระหว่างโรงเรียนที่ปีนี้โรงเรียนเขาเป็นเจ้าภาพในการจัดทางโรงเรียนจึงดูจะจริงจังเป็นพิเศษ ก่อนหน้านี้ที่เขามักหายตัวไปตอนเช้าก็เพราะออกไปซ้อมวิ่งเพื่อเตรียมร่างกาย ส่วนตอนเย็นก็ต้องซ้อมกีฬาต่อแต่ดูเหมือนว่าช่วงไม่กี่วันนี้เขาจะได้พัก

คุณชินไม่ได้ตอบอะไรต่อ เพียงแค่ยกแก้วน้ำขึ้นจิบเงียบๆ เห็นแบบนั้นผมก็ไม่คิดจะชวนคุยต่อ หันมาจัดการงานของตัวเองบ้างแต่เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าจากโทรศัพท์ก็ทำให้ผมหยิบขึ้นมาดู ปลายทางคือบุคคลที่สามจากหัวข้อสนทนาเมื่อครู่

'ทำอะไรอยู่'

'กำลังจะอบเค้ก อยากกินรสอะไรมั้ย'

'ช็อกโกแลต'

ผมยิ้มขณะอ่านข้อความและไม่ได้ตอบกลับไป แต่หลังจากที่เพิ่งเตรียมวัตถุดิบทำเค้กเสร็จข้อความจากปลายทางเดิมก็ถูกส่งเข้ามาอีกครั้ง

'เย็นนี้อยากกินผัดกระเพรา'

'ไข่ดาวด้วยนะ?'

'อืม กระเพราหมูนะ'

ผมเดินไปเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่ที่ตั้งไว้ด้านในสุดของห้องครัวค้นหาของที่ต้องการท่ามกลางวัตถุดิบทำขนมและอาหารที่แช่เย็นไว้ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

'กระเพราหมดแล้ว'

'...เดี๋ยวผมซื้อเข้าไป' ผมขมวดคิ้วสงสัยกับข้อความที่ได้

'เลือกเป็นรึไงน่ะ?'

หลังจากนั้นผมก็ต้องหัวเราะออกมาเสียงดังกับไอคอนใบหน้าสีแดงแสดงความรู้สึกโมโหประมาณเกือบสิบอัน

"อะ! ตกใจหมด...ต้องการอะไรเพิ่มหรือครับ" ผมถามชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสุภาพสีเข้มกำลังกอดอกยืนพิงกับประตูห้องครัวด้วยท่าทางสบายๆแต่ใบหน้าที่จ้องมองมาเรียบเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ถูก

"เปล่า"

"อ่า...ครับ"

"...."

"เอ้อ เจย์เขาส่งข้อความมาบอกว่าอยากกินผัดกระเพราน่ะ" ผมพูดออกมาอย่างเก้อๆเมื่อถูกสายตาเรียบเฉยไล่มองมาหยุดที่เครื่องมือสื่อสารในมือ

"คุณเจย์ชอบกินผัดคะน้า คุณน่าจะลองทำดู" จบคำแนะนำ ผมก็แอบสงสัยว่าผู้ชายคนนี้นอกจากใบหน้าและน้ำเสียงที่เรียบเฉยแล้วเคยมีความรู้สึกอื่นๆด้วยหรือเปล่า

"เจย์ชอบกินมะเขือเทศแต่ไม่ชอบผักคะน้าน่ะครับ คุณคงจะจำผิด" ผมยิ้มขณะเก็บโทรศัพท์เข้าในกระเป๋ากางเกงและเริ่มลงมือทำขนมเค้ก

"...คงจะอย่างนั้น" ชายหนุ่มเงียบไปอึดใจเลิกคิ้วเล็กน้อย ใช้สายตาเรียบเฉยจ้องมองมาเงียบๆก่อนจะหันหลังกลับออกไป

ผมได้แต่ถอนหายใจเบาๆกับตัวเอง คนบ้านนี้ก็จะจ้องจับผิดกันไปถึงไหนนะ...





หลังจากที่ปิดร้านได้ไม่นานเจย์ก็ผลักประตูกระจกเข้ามาด้วยท่าทางอ่อนเพลีย ในมือข้างเดียวกับบ่าที่สะพายกระเป๋ากีฬายี่ห้อดังสีดำถือถุงพลาสติกของซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆข้างในเป็นกระเพราะและมะเขือเทศลูกโตสีแดงสดจำนวนหนึ่ง ผมเดินเข้าไปหยิบถุงนั้นมาถือไว้

"พี่หมักหมูไว้แล้ว รอเดี๋ยวก็ได้กินแล้วล่ะ ไปอาบน้ำก่อนสิ"

"ถูกรึเปล่า" เขาเดินตามผมเข้ามาในครัวพร้อมกับถามถึงผักในถุง

"อ้อ...ถูกแล้วล่ะ เลือกเองเหรอ เก่งมาก"

"อะ...อืม"

"หึหึ ถามพนักงานมาล่ะสิ" ผมหัวเราะเบาๆกับท่าทางมึนๆของเขา เจย์เบิกตากว้างก่อนจะทำปากยื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

"รู้แล้วยังจะถามอีก"

"ฮ่าๆ โอเคๆ พี่ไม่ถามอะไรแล้ว ไปอาบน้ำไป"ผมรุนหลังเขาให้ขึ้นบันไดก่อนจะหันมาจัดการงานในครัวของตัวเองต่อ แกะกระเพราออกจากถุงไปแช่น้ำ จัดวัตถุดิบต่างๆที่เตรียมไว้ให้หยิบสะดวกมือ ไม่ลืมแช่มะเขือเทศลูกโตสีแดงสดไว้ให้คนซื้อมา


ไม่นานเจย์ก็กลับเข้ามาในครัวอีกครั้งด้วยสภาพผมเปียกชื้นและคล้องผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ที่ลำคอ ท่อนขายาวภายใต้กางเกงผ้าสีดำก้าวมาหยุดยืนข้างๆผมที่กำลังตักผัดกระเพราใส่จานและหยิบมะเขือเทศลูกโตขึ้นกัดคำใหญ่ เห็นแบบนั้นก็อดเปรี้ยวแทนไม่ได้ ถึงผมจะชอบกินผลไม้และมะเขือเทศก็เป็นผลไม้ แต่คงไม่กินสดๆแบบนั้นแน่นอน

"ไม่เปรี้ยวรึไง"

"ไม่...หวาน" เจย์ขมวดคิ้วเล็กน้อยและตอบออกมาราวกับเป็นเรื่องปกติ แถมยังกัดไปอีกคำใหญ่ ผมได้แต่ยิ้มขำขณะยกจานข้าวสองจานไปวางบนโต๊ะ

"คุณรอผมเหรอ"

"อืม ก็เธอบอกจะกลับมากินข้าว"

"...."

เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไรต่อผมจึงทิ้งตัวนั่งที่นั่งตรงข้ามและเริ่มลงมือตักข้าวในจานที่มีปริมาณน้อยกว่าเจย์ครึ่งหนึ่งเข้าปาก ผมเป็นคนทานน้อยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่แน่ใจว่าเป็นเหตุให้ผมผอมแห้งเป็นกุ้งแบบในปัจจุบันนี้รึเปล่าแต่เพื่อนๆมักจะบอกว่าผมทานอาหารจำพวกบุฟเฟ่ทีไรดูไม่คุ้มค่าสักที แต่ก็ยังชอบชวนผมไปบ่อยๆ สงสัยเพราะผมทานน้อยก็เลยไม่ค่อยแย่งของกินไม่ก็กะจะแกล้งผมล่ะมั้ง

เราเถียงกันสองสามคำและเริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆเรื่องที่เจย์กินไข่ดาวแต่ดันราดซอสมะเขือเทศ เป็นการกินที่ดูขัดกันสำหรับผม จริงๆแล้วไข่ดาวต้องกินกับซีอิ้วขาวสิถึงจะอร่อย เมื่อประเด็นถกเถียงสรุปไม่ได้ เราจึงแก้ปัญหาด้วยการตักไข่ดาวใส่ซอสที่ตัวเองชอบแลกกันกินคนละคำ ซึ่งได้ข้อสรุปออกมาว่า



...ถ้าชอบแบบไหนก็ทานแบบนั้นไปน่าจะดีที่สุดแล้วล่ะ....







"ใกล้สอบแล้วเหรอ" ผมถามเจย์ที่นอนคว่ำหน้ากับเตียงมีหนังสือเรียนสองสามเล่มวางกระจายอยู่ น้ำที่หยดจากปลายผมยาวของตัวเองทำให้ต้องขมวดคิ้วหน่อยๆขณะเดินไปนั่งบนเตียง
 ...สงสัยคงต้องหาเวลาไปตัดผมเสียแล้ว

"โครงการพิเศษน่ะ" ดูเหมือนจะเป็นการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เปิดสอบก่อนโครงการอื่น บางทีผมก็ลืมไปว่าเจย์เองก็อยู่ชั้นมัธยมปีสุดท้ายแล้ว ปกติจะเห็นเขานั่งเล่นไม่ก็ทำการบ้านไปกินขนมไปจนชินตาจนลืมไปว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเขาก็จะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกปีแล้ว

"ยากมั้ย"

"ไม่... เยอะมากกว่า"

"หึหึ ตั้งใจอ่านนะ เอานมอุ่นมั้ย" เจย์ส่ายหัว ถอดแว่นสายตากรอบสีดำวางบนพื้นที่ว่างข้างๆบนเตียงและพลิกตัวนอนหงายขึ้นมาจ้องตาแป๋ว เราเล่นจ้องตากันอย่างไม่จริงจังพักใหญ่ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

"เจย์ ช่วงนี้ได้คุยกับพ่อบ้างรึเปล่า"

"ก็เธอหนีออกมาแบบนี้ ที่บ้านก็ห่วงแย่สิ"ผมพูดต่อเมื่อคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจที่จู่ๆผมก็พูดเรื่องที่บ้านเขาขึ้นมา เจย์ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมพร้อมทำปากยื่นอย่างไม่รู้ตัว

"โดนไล่ต่างหาก"

"เจย์ทำอะไรผิดล่ะ ถึงได้ยอมออกมา"ผมได้แต่ยิ้มบางๆและได้เสียงกระชากห้วนเป็นคำตอบ

"ผมไม่ได้ทำอะไรผิด!"
 
"ถ้าเชื่อว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่ผิด แล้วออกจากบ้านมาทำไม หือ?"

"...."

"เธอควรจะอธิบายเหตุผลให้ผู้ใหญ่ฟังมากกว่าออกมาเฉยๆแบบนี้นะ"

"...คุณไม่เข้าใจหรอก" เจย์ที่จ้องหน้าผมเขม็งหลบสายตาไปทางอื่นอย่างที่ปกติหาได้ยาก อดไม่ได้ต้องลูบกลุ่มผมสีเข้มที่ลื่นผ่านนิ้วมือไปเหมือนขนแมวเบาๆ

"บางอย่างเราทำเพื่อความสบายใจได้ แต่เราจะทำแบบนั้นตลอดไปไม่ได้หรอกนะ"

"..."

"ทางที่เราสบายใจที่สุดมันอาจไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดนะครับ...อีกอย่าง พ่อเขาก็เป็นห่วงเธอมาก"


เจย์ไม่ตอบโต้อะไรอีกสายตานิ่งเรียบทอดมองออกไปนอนหน้าต่างที่ปกคลุมไปด้วยท้องฟ้าสีดำสนิท ความเงียบค่อยๆโรยตัวลงมาอย่างช้าๆแต่ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือลำบากใจ กลับรู้สึกได้ว่าความเงียบในครั้งนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการทบทวนความคิดและปล่อยกระแสความรู้สึกต่างๆให้ไหลเวียนไป
เจย์เด็กกว่าผมหลายปีแต่เขาก็โตพอที่จะเรียนรู้และเข้าใจถึงสิ่งต่างๆได้แล้ว เพียงแต่ฐิถิภายในใจนั้นมีมากเกินกว่าจะทำให้เขาเปิดใจรับฟัง

ท่ามกลางความเงียบที่ผมคิดว่าคงไม่มีการพูดคุยอะไรกันต่อจากนี้กลับมีเสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาแผ่วเบาแต่หนักแน่น...




"ผมไม่คิดว่าการที่ผมชอบคุณเป็นเรื่องผิดหรอกนะ"










เราไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับที่บ้านของเจย์เพิ่มเติมจากตอนนั้นและผมก็ไม่คิดจะถามอีก ส่วนหนึ่งเพราะไม่อยากก้าวก่าย อีกส่วนหนึ่งคือผมเชื่อว่าเขาสามารถจัดการเองได้ ถึงแม้จะเป็นไปอย่างช้าๆ ดูเหมือนว่าหลังซ้อมกีฬาช่วงค่ำเสร็จ เขาจะแวะไปบ้านบ้างอาทิตย์ละสองสามครั้งและมีขนม เสื้อผ้า ของใช้ติดมือกลับมาด้วยเกือบทุกครั้ง

เขาเล่าให้ฟังว่า นอกจากเขาและพ่อก็ไม่มีญาติคนไหนอยู่ที่บ้านอีก มีเพียงพ่อบ้านและแม่บ้านจำนวนหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่อยู่มากันก่อนที่เจย์จะเกิดเสียอีก... ลูกชายคนเดียวแถมยังเป็นคุณหนูที่เห็นกันมาตั้งแต่แบเบาะ เขาคงได้รับความเอ็นดูจากคนในบ้านมากทีเดียว

"คุณสนิทกับเจย์รึเปล่าครับ" ผมถามชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งหลบมุมอยู่ไม่ไกล ตอนนี้เป็นช่วงบ่ายที่ไม่ค่อยมีลูกค้าและผมก็ไล่พนักงานคนอื่นไปช่วยกันอบเค้กในครัวกันหมดถึงชวนคุณชินคุยได้อย่างสบายใจ

"...."

"เจย์ไม่ค่อยเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังเท่าไหร่" ผมยิ้มตอบใบหน้านิ่งเรียบแต่คิ้วขมวดหากันหน่อยๆอย่างประหลาดใจ

"เขาเล่าอะไรให้คุณฟัง"

"ก็...เรื่องที่บ้านน่ะครับ ส่วนใหญ่ก็เรื่องลุงวิทย์" เจย์ไม่ค่อยพูดถึงพ่อมากนัก หากจะพูดถึงก็จะพูดผ่านชื่อลุงวิทย์ ว่าถูกพ่อของเขาสั่งให้มาทำอะไรบ้าง

ลุงวิทย์เป็นพ่อบ้านเก่าแก่ที่อยู่กับบ้านมาตั้งแต่รุ่นของปู่ย่า และคอยดูแลเจย์มาตั้งแต่เด็กๆ ลุงวิทย์มีหลานชายหนึ่งคนที่อายุมากกว่าเจย์หลายปีแต่เขามักหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง หากบางเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้เขาก็จะเล่าแบบขอไปทีหรือไม่ก็แสดงความหงุดหงิดออกมาไม่ทางสีหน้าก็น้ำเสียง ไม่รู้ว่าเคยมีเรื่องผิดใจอะไรกันมาแต่เด็ก...ผมเดาได้ไม่อยากว่าคนๆนั้นเป็นใคร

"เราไม่ได้สนิทกัน" เขียนตอบเสียงเรียบและก้มลงอ่านหนังสือต่อ...ทำไมผมกลับไม่เชื่อคำพูดของพวกเขาที่บอกว่าไม่สนิทกันก็ไม่รู้แฮะ...





ผมรับสายจากเจย์ที่โทรมาบอกว่าวันนี้คงกลับช้ากว่าปกติ น้ำเสียงเลาเหมือนไม่เต็มใจทำทำให้ผมหัวเราะเบาๆและเอ่ยปลอบไปว่าจะอยู่รอและจะทำของว่างมื้อดึกไว้ให้ เราคุยกันสองสามประโยคและวางสายหลังได้ยินเสียงนกหวีดและเสียงเอะอะโวยวายลอดเข้ามา

เสียงผลักประตูดังขึ้นทั้งๆที่แขวนป้ายปิดไปแล้วพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่เรียกไม่ได้ว่าไม่คุ้นเคยค่อยๆก้าวเดินเข้ามาอย่างไม่เร่งร้อน ผมสีดอกเลาแซมดำเล็กน้อยไม่ได้ทำให้ชายผู้นี้ดูไม่ดีหรือแก่ชรา แต่กลับเป็นเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าประหลาด ชุดสูทสีเทาภูมิฐานยังคงเรียบกริบไม่เหมือนกับสภาพที่ต้องใส่มาทั้งวันรวมถึงรองเท้าหนังมันเงาจะสะท้อนภาพรอบๆได้เลือนลาง

"ยินดีต้อนรับครับ" ผมทักทายเมื่อร่างใหญ่ทิ้งตัวนั่งหน้าเคาน์เตอร์ ดวงตาเรียวคมจ้องมองผมนิ่งอย่างเดาอารมณ์ไม่ถูก

"...."

"...รับเครื่องดื่มมั้ยครับ"

"...." เขายังคงเงียบเหมือนกับพยายามจะคุยกับผมผ่านสายตา ผมได้แต่ยิ้มและลอบถอนหายใจเบาๆก่อนจะหันไปเตรียมเครื่องดื่มให้

"คุณดื่มนมได้ใช่มั้ยครับ"

"...."

"เวลานี้ดื่มชาหรือกาแฟคงไม่ดีเท่าไหร่"ว่าพลางเริ่มเตรียมอุ่นนมเงียบๆ ร่างสูงใหญ่ที่นั่งหลังตรงอย่างสง่างามสมวัยไม่คิดจะเอ่ยตอบ ยังคงใช้สายตานิ่งๆมองการกระทำของผมโดยที่ไม่ได้รู้สึกถูกคุกคามเหมือนครั้งก่อน

เป็นความเงียบที่อาจจะชวนให้อึดอัดสำหรับคนอื่นๆแต่ผมยังคงรับมือได้ ..วูบหนึ่งผมนึกถึงคำพูดเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่บอกไว้ว่า ผมมันเป็นพวกใจดีจนน่ากลัวและบางทีก็เป็นพวกหน้าทนไม่รู้สึกรู้สาจนน่าหมั่นไส้

"ลูกชายผมเป็นยังไงบ้าง" เขาพูดออกมาประโยคแรกเมื่อแก้วนมที่มีควันลอยออกมาอ่อนๆถูกวางลงตรงหน้า

"เจย์เป็นเด็กดีครับ...เขาตั้งใจเรียนและเดือนหน้านี้ทีมบาสของเขาก็กำลังจะแข่งรอบชองชนะเลิศ"

"ดูคุณรู้เรื่องของเขาดี"

"...ส่วนใหญ่เขาก็เล่าให้ฟังน่ะครับ" ผมตอบพลางวางแก้วน้ำเปล่าอีกแก้วให้ใกล้ๆกัน

"เขาเล่าให้ฟังเรื่องธุรกิจของที่บ้านหรือเปล่า"

"ครับ..." บ้านของเจย์เป็นบริษัทใหญ่เกี่ยวกับการผลิดเครื่องดื่มส่งขายภายในประเทศและต่างประเทศ พ่อและแม่ของเจย์ช่วยกันสร้องบริษัทนี้ขึ้นมากับมือ อาศัยทรัพย์สมบัติเล็กน้อยที่คนรุ่นก่อนเหลือไว้ให้ เมื่อตอนเขาเด็กๆครอบครัวมักจะไปเที่ยวทางภาคเหนือบ่อยคนั้งเนื่องจากมีไร่ผลไม้และโรงงานที่นั่น ส่วนสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองหลวง แต่หลังจากแม่ของเขาเสียเจย์ก็ไม่คิดจะไปที่นั่นอีก...

"งั้นคุณคงรู้ว่าถึงแม้จะไม่ได้ขยันออกสื่อ แต่เราก็มีหน้าตาทางสังคม"

"...."

"อีกไม่กี่ปีเจย์จะไม่ใช่แค่เด็กนักเรียน ความรับผิดชอบและจุดยืนของเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป"

"...."

"เมื่อถึงตอนนั้นคุณจะทำยังไง"

"...."

"หากคุณยังลังเล...ก็ออกจากชีวิตเขาไปเสียตอนนี้"

ผมเผลอขบกรามตัวเองแน่นโดยไม่รู้ตัว เหงื่อเม็ดโตไหลลงตามแนวสันหลังให้ความรู้สึกเย็นวาบ ความมั่นคงและอนาคตของเจย์คือสิ่งที่คนตรงหน้าห่วงมาโดยตลอด เมื่อภรรยาจากไป เขาทำทุกอย่างเพื่อประคับประคองบริษัท วางรากฐานความมั่นคงเอาไว้เพื่อวันหนึ่งจะได้ส่งต่อทุกอย่างให้กับลูกชาย...
คนเป็นพ่อย่อมรู้จักลูกของตนเองดี เจย์ไม่ใช่คนโง่ แต่เป็นเหมือนเด็กที่โหยหาความอบอุ่นที่เคยขาดหายไป การได้พบกับผมในตอนนี้อาจเป็นเรื่องที่ดี สามารถปลอบประโลมความรู้กสึกเสร้าหมองให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งและถือเหมือนกับการดึงเอาตัวตนที่เปราะบางของเขาออกมาจากความเย็นชาที่เขาสร้างขึ้นปกป้องตัวเอง แต่ในอนาคตนั้นความรู้สึกเคารพและไว้ใจจนเกือบจะไม่มีการเผื่อใจที่เจย์ให้กับผมมีความเสี่ยงมากมาย


"ในอนาคตเขามีสิ่งที่ต้องแบกรับมากมาย ผมจะไม่ยอมให้ความรักของเขาย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง"

ก้าวที่ยาวขึ้น จุดยืนที่สูงขึ้นย่อมกัดกินหัวใจคน ความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมาเปรียบเสมือนเกราะแข็งแรงห่อหุ้มความรู้สึกที่อ่อนแอจากการพบเจอโลกที่โหดร้ายเอาไว้... หากวันหนึ่งผมไม่กล้าพอที่จะเดินไปพร้อมกับกัน...การทิ้งเขาและจากมาในตอนที่เขาต้องการที่พักพิงมากที่สุดนั้น...มันก็เหมือนกับการทำลายชีวิตของเขา

"หากคุณยังไม่มั่นคงพอก็ถอยออกไป"













"...ชีวิตลูกชายผมไม่ต้องการคนที่ลังเล..."









........................................

กลับมาแล้วจ้าาาา หายไปนานนนนเลย ขอโทษด้วยนะค้า ส่วนหนึ่งก็ไปจัดการงานหลายอย่าง อีกส่วนก็เอาเวลาไปลองเขียนเรื่องใหม่ แต่ก็ยังไม่มีแพลนว่าจะลงในนี้นะคะ เนื่องจากว่า ตัวเราเองชอบที่จะเขียนนิยายไปให้ได้เยอะๆก่อน (แบบว่า มั่นใจว่าเขียนจบแน่ๆ) ถึงค่อยเอามาลง

แต่เรื่องใหม่ที่เขียนนั้นรู้สึกเขียนยากอยู่ค่ะ เพราะดันให้ตัวละครที่ไม่ค่อยพูดดำเนินเรื่อง :m20:

หากงานเขียนชิ้นนั้นไปรอด(ซึ่งไม่รับประกัน) :laugh: ก็จะนำมาลงให้ได้อ่านกันนะคะ

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามให้กำลังใจเสมอมานะคะ :L1:

ป.ล. พี่มิณน้องเจย์ใกล้จบแล้วนะคะ :heaven เป็นกำลังใจให้กับเด็กปากไม่ตรงกับใจกับผู้ใหญ่ขี้แกล้งที่ลึกๆแล้วชอบคิดมากต่อไปด้วยนะค้า

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เป็นกำลังใจให้ทุกคน รวมคุณพ่อด้วย

แล้วก็รอเรื่องใหม่อย่างมีความหวังด้วยค่ะ เกริ่นมาซะน่าสนใจขนาดนี้ 555

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
แต่ถ้าพี่มิณพร้อมก้าวไปข้างหน้าไปเจย์ คุณพ่อก็ไม่ขัดช่ายม้าาาาาาาาาาาา  :hao7:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เอาล่ะสิงานนี้คุณพ่อออกโรงมาดูตัววัดใจลูกสะใภ้ด้วยตัวเองเลย
ก็โอเคนะเพราะเราก็อยากรู้เหมือนกันว่าทั้งสองคนจริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้แค่ไหน
ถ้าพี่ไม่คิดจะปล่อยมือน้องก็ขอจากคุณพ่อเลยสิคะ โอกาสมาแล้ว ขอบคุณที่มาอัพค่ะ รออ่านจนจบ

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
จริงจังแค่ไหนจ๊ะ  :-[ :man1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2

พี่มิณจะคิดมากอีกมั้ยเนี่ยะ

ดีใจที่มาต่อแล้วนะคะ

มีคำผิดจ๊ะ

รอบชองชนะเลิศ= รอบรองชนะเลิศ

เสร้าหมอง =เศร้าหมอง

รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
พี่มิณจะตัดสินใจอย่างไรน้อ

ขอบคุณที่มาต่อจ้า :กอด1: :L1:

ออฟไลน์ purple

  • Aventador FC
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ง่ายๆเลยพี่มิณ อย่าลังเล
ถ้ามั่นใจก็ลุยโลด คุณพ่อแย้บมาขนาดนี้แล้ว ฮิฮิ
ปล.เจย์กินมะเขือเทศแบบนั้นไปได้ยังไงงงงง //เปรี้ยวแทน

ออฟไลน์ BlueWizard

  • Friendly & optimistic
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณมากครับกับตอนใหม่  :oo1:  รอฉากอัศจรรย์นะฮะ 555

ปล. มะเขือเทศลูกโตๆที่รสชาตดี ไม่เปรี้ยวก็มีนะเออ ^^

ออฟไลน์ rhrx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ BlueWizard

  • Friendly & optimistic
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ยังรออัพเดทสถานการณ์นะครับ.  :hao3:

ขอบคุณมากครับผม

ออฟไลน์ sujusaranghae

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากๆๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ IVY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Extra!!!

Merry X'mass 2016







"We wish you a merry christmas
We wish you a merry christmas
We wish you a merry christmas
And a Happy New Year~~"


ผมอดเบ้หน้าไม่ได้กับเสียงเพลงวนซ้ำๆจนเริ่มทำให้รู้สึกเบื่อและอยากจะเดินเข้าไปปิดมันซะให้รู้แล้วรู้รอดแต่ดูเหมือนผู้คนรอบตัวจะไม่ได้คิดเหมือนผมซักเท่าไหร่ตรงกันข้ามดูเหมือนจะชอบเสียด้วยซ้ำ ทำให้ผมนึกไปถึงช่วงกีฬาสีของโรงเรียนที่เอาแต่เปิดเพลงกีฬาซ้ำๆจนถ้าผมไม่ใช่นักกีฬาที่ต้องลงแข่งคงหนีกลับตั้งแต่ช่วงเช้า

"ขอบใจนะเจเจ"ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางเจ้าของผมยาวประบ่ามัดรวบไว้ครึ่งศีรษะเงยหน้ามองส่งยิ้มให้ผมที่ยืนอยู่บนเก้าอี้

ตอนนี้ภายในร้านกาแฟเล็กๆเต็มไปด้วยของประดับตกแต่งเทศการคริสมาสและวันปีใหม่โดยที่ผมเพิ่งจะติดเส้นเลื่อมระยิบระยับตรงหน้าต่างเส้นสุดท้ายเสร็จไปแต่ก็ยังเหลืออีกหลายเส้นวางกองกันอยู่ใต้ต้นคริสมาสจำลองขนาดกลางที่ตั้งไว้มุมร้านและอีกส่วนหนึ่งในมือคนตรงหน้าผม

ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว เขาอยู่ในชุดเสื้อโปโลแขนสั้น กางเกงผ้าสีเข้มและผ้ากันเปื้อนผูกเอวไว้หลวมๆเหมือนเคยแต่ใส่เสื้อคาร์ดิแกนสีเบจคลุมไว้อีกชั้นหนึ่ง มันดูแปลกตาไม่น้อยและผมก็ไม่ชอบสายตาที่คนอื่นๆมองเขา นั่นทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด ...ถึงเขาจะใส่มันแล้วดูดีจริงๆก็เถอะ

"อืม" ผมตอบรับในลำคอขณะก้าวลงจากเก้าอี้พลางมองไปรอบๆ

การตกแต่งร้านใกล้จะเสร็จแล้วเพราะเมื่อวานพนักงานคนอื่นๆช่วยกันจนเปลี่ยนร้านกาแฟให้มีบรรยากาศเหมือนงานวันคริสมาสได้อย่างรวดเร็ว

ผมเดินไปที่เคาน์เตอร์ใช้ช้อนตักเค้กรสส้มเนื้อนุ่มที่อีกคนหนึ่งเตรียมไว้ให้ขึ้นมากินคำใหญ่ ผมคิดว่าตัวเองร่างกายแข็งแรงมาตลอดจนได้มาเจอเขา ทำให้ผมคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นโรคอ้วนหรือโรคเบาหวานได้ถ้าเขายังไม่เลิกเลี้ยงผมด้วยเค้กวันละอย่างน้อยหนึ่งชิ้น

ช่วงนี้ที่ร้านมีลูกค้าเยอะเป็นพิเศษถึงแม้ปกติจะเยอะอยู่แล้วแต่ก็เป็นแค่บางช่วงเวลาไม่ใข่แทบจะตลอดทั้งวันแบบนี้ อาจเป็นเพราะช่วงสิ้นปีและเป็นเทศกาลที่เด็กๆชื่นชอบครึ่งหนึ่งของลูกค้าจึงเป็นเด็ก ตั้งแต่เด็กตัวเล็กๆจรถึงวัยรุ่น วันนี้ก็เหมือนกัน...

"นี่..พี่" ผมละสายตาจากการมองสำรวจลูกค้าก้มมองลงตามเสียงเรียกพร้อมกับแรงดึงที่ขากางเกงเบาๆ เด็กผู้ชายตัวเล็กคุ้นตาในชุดนักเรียนสวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีกรมท่ากำลังเงยหน้ามองผมคอตั้งแขนอีกข้างหอบกล่องของขวัญสีหวานเอาไว้

"อะไร" ...ผมแค่ถาม ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำท่าตกใจเหมือนโดนดุ

"พี่มิณอยู่ไหน"

"...ในครัว" เมื่อมองไปรอบๆแล้วไม่เจอเขาก็คิดได้อย่างเดียว

"อื้ม ขอบคุณนะ... พี่มิณครับบบบ" เด็กตัวเล็กวิ่งตรงเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็วและก็แทบจะในทันทีที่ผมได้ยินเสียงคนร้องทักออกมา

"อ้าว ซัน เลิกเรียนแล้วเหรอ"

"ครับ พี่มิณ คุณแม่ฝากของขวัญมาให้พี่ด้วย..." เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากในครัวแต่ผมไม่คิดจะสนใจฟังมากนัก


ซัน เจ้าหนูตัวเล็กที่ช่วงนี้มาที่ร้านบ่อยๆแถมยังสนิทกับเจ้าของร้านซะจนแทบจะรู้เรื่องไปหมดทุกอย่าง ดูเหมือนช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ครอบครัวจะมีแพลนไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งก็เลยมาที่ร้านทุกวันด้วยเหตุผลว่า "เดี๋ยวไม่ได้มาหลายวันผมคิดถึง" ดูเป็นเหตุผลซื่อๆของเด็ก แต่เพราะอะไรผมถึงรู้สึกหงุดหงิดก็ไม่รู้


คิดถึงคนหรือคิดถึงร้านน่ะ ไอ้เปี๊ยก!?


สรุปได้ว่าวันนี้ผมอารมณ์ไม่ค่อยแจ่มใสนัก ตั้งแต่ช่วงเช้าที่มีฝนตกปลอยๆทั้งที่เข้าฤดูหนาวในเดือนสุดท้ายของปีแล้วและผมก็อดกินอาหารเช้าฝีมือเจ้าของร้านกาแฟจนต้องใช้เค้กรสหวานรองท้องเพราะอากาศที่น่านอนทำให้พวกเราตื่นสายทั้งคู่และเขาก็ต้องรีบมาจัดร้าน ทำขนม ให้ทันก่อนเวลาเปิด พอเลิกเรียนกลับมาที่ร้านในช่วงบ่ายผมก็ต้องหงุดหงิดกับสายตาของทั้งผู้หญิงผู้ชายที่มองคนๆนั้น อยากเดินเข้าไปถอดเสื้อคลุมที่ทำให้เขาดูดีแบบแปลกตาออกซะให้สิ้นเรื่องแต่ก็หาข้ออ้างดีๆไม่เจอ มีหวังต้องโดนบ่นกลับมา และเรื่องล่าสุดก็คือเจ้าเด็กตัวกระเปี๊ยกที่ทำตัวสนิทสนมเกินหน้าเกินตาอยู่ในครัว


"ชิ" หงุดหงิดไปหมด

"โตจนป่านนี้ยังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ดูยังไงก็เป็นเด็กไม่รู้จักโต" เสียงทุ้มที่ไม่อยากจะนับว่าคุ้นหูดังขึ้นไม่ทันตั้งตัวทำให้ผมเผลอผงะไปเล็กน้อย

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คิ้วเข้มเหนือตาเรียวรีชั้นเดียวแบบคนเชื้อสายจีน(อายุมากขึ้นหน้าตาคงเหมือนอาแปะร้านขายของชำ)แต่จมูกกลับโด่งเป็นสันแบบคนเชื้อสายตะวันตกยืนอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ริมฝีปากปิดสนิทเป็นเส้นตรงที่อ้าปากแต่ละทีไม่เคยจะมีเรื่องดีผ่านออกมา

...โดยรวมๆแล้วคนๆนี้หน้าตาเรียบเฉยจนน่าหงุดหงิดและน่าหงุดหงิดมากขึ้นเมื่ออ้าปากพูดและจะหายหงุดหงิดง่ายมากถ้าได้ซัดปากมันซักที...

"เข้ามาได้ไง"

"ประตูไม่ได้ล็อค"

"ฉันไม่ให้แกเข้ามา"

"อ้อ ร้านนี้ไล่ลูกค้า?" มันเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์อย่างไม่ทุกข์ร้อน...เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิด

"ชาร้อนแก้วหนึ่ง"

"...." ทำหูทวนลมไปซะน่าจะดีกว่า

"นอกจากร้านนี้จะไล่ลูกค้าแล้วยังให้คนไม่มีความสามารถมารับลูกค้าอีก"

"แกว่าไงนะ?!"

"ได้ยินไม่ชัด?" ผมกัดฟันกรอด มันเท้าคางเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นแสดงความสงสัยที่ดูยังไงก็เสแสร้ง แถมยังกวนโอ๊ยสุดๆ ในขณะที่ผมกำลังคิดจะเอาเหยือกน้ำใกล้ๆสาดหน้ามันสักที เสียงหนึ่งก็ดังขัดขึ้น

"อ้าว คุณชิน สวัสดีครับ" ชายหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากในครัววางกล่องของขวัญสีลูกกวาดที่ถูกโอมด้วยแขนผอมๆลงบนเคาน์เตอร์ก่อนจะยิ้มทักทายผู้มาใหม่

"รับชาแบบเดิมนะครับ" เขายิ้มอีกครั้งเมื่อคนถูกถามพยักหน้า จัดการชงชาอะไรซักอย่างที่ผมไม่รู้จักอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานแก้วชาที่มีควันสีขาวลอยกรุ่นก็ตั้งอยู่ตรงหน้าพร้อมคุกกี้อีกหนึ่งจาน

"ขอบคุณครับ" ผมเกลียดสายตาที่มันเหลือบมองผมจริงๆให้ตาย!

ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงชอบมาที่ร้านบ่อยๆทั้งที่งานที่บริษัทก็กองท่วมหัวโดยเฉพาะช่วงสิ้นปีที่ตั้งจัดการอะไรหลายๆอย่าง แต่ก็ยังมีเวลาว่างมานั่งจิบชา แถมดูเหมือนจงใจมากวนประสาทผมด้วย...ผมต้องหาโอกาสบอกลุงวิทย์ให้ตัดเงินเดือนมันและโยนงานอีกกองใหญ่ๆให้เพิ่มจากเดิม!

...และต้องไม่ให้คนข้างๆที่กำลังแกะของขวัญอยู่รู้ ไม่อย่างนั้นผมคงถูกบ่นไปอีกหลายวัน

"เด็กที่คิดอะไรแล้วแสดงออกมาทางสีหน้านี่ดูง่ายดีนะครับคุณมิณ" อยู่ๆมันก็พูดขึ้นพลางเหยียดยิ้มมุมปากหลังจากยกชาขึ้นจิบไปหนึ่งอึกจนคนที่ถูกเอ่ยถึงอย่างไม่ทันตั้งตัวเงินหน้าขึ้นมองอย่างงุนงง

"อะไรนะครับ?"

"เปล่า...ผมพูดลอยๆ"




....เกลียดมันฉิบ!!!







"เจย์เป็นอะไรเหรอ?" ชายหนุ่มร่างผอมเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาในครัวที่ผมยึดเป็นที่นั่งเล่นเกมโทรศัพท์ชั่วคราวเพราะอยู่หน้าร้านแล้วมีแต่เรื่องให้ต้องหงุดหงิดขัดสายตาตลอดเวลา เดาว่าชินคงกลับไปแล้วเขาถึงได้แยกตัวมาหาได้

"เปล่า"

"ไม่สบายใจอะไรรึเปล่า เรื่องที่โรงเรียน?"

"...."

"ทะเลาะกับเพื่อน?" เขายังเดาไม่เลิก

"เปล่า"

เขาเงียบไปพักใหญ่จนทำให้ผมลอบแอบมอง เขากำลังพับกล่องกระดาษที่เคยเป็นกล่องของขวัญที่เพิ่งได้รับมาเมื่อช่วงบ่ายอย่างเรียบร้อยและเก็บมันไว้ในตู้เก็บของที่มักจะใช้เก็บถุงกระดาษกับกล่องรังต่างๆ แต่สีหน้ากลับจริงจังเหมือนกำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่ ก่อนจะเริ่มพูดอีกครั้ง

"...งั้นหลังปิดร้านแล้วเราไปข้างนอกกันมั้ยจะได้อารมณ์ดีขึ้น"

"คุณจะไปไหน" ผมเลิกคิ้ว ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์หันไปมองคู่สนทนาตรงๆ เขายิ้มกว้างจนตาหยีขณะบอกชื่อห้างดังไม่ไกลจากร้านมากนัก เป็นห้างที่ได้รับความนิยมมากส่วนหนึ่งคงเพราะเปิดไม่ไกลจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัย แน่นอนว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นแถมช่วงใกล้เทศกาลแบบนี้คนคงเยอะจนแทบเดินไม่ได้

ชายหนุ่มถอดผ้ากันเปื้อนที่ผูกไว้หลวมๆพาดไว้กับพนักเก้าอี้ก่อนจะหันมาตอบยิ้มๆเมื่อเห็นสีหน้าแสดงความสงสัยของผม



"พี่จะไปซื้อของแต่งร้านเพิ่มด้วยน่ะ"








ต้นคริสมาสขนาดใหญ่ถูกตั้งไว้บริเวณลานกล้างภายในห้าง เป็นจุดดึงดูดสายตาจุดแรกไม่ว่าจะเข้าหรือออก ความสูงเกือบจะถึงเพดานชั้นบนสุด ทำให้มองเป็นได้ทุกชั้น จากแผนผังของห้างที่มีลักษณะเป็นวงกลม ของประดับตกแต่งห้อยระโยงระยางจากเพดานและจากต้นคริสมาส รวามถึงป้ายลดราคาส่งท้ายปีที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เจอ โดยรวมแล้ว วันนี้เป็นวันที่คนเยอะมากกว่าปกติ อาจเพราะเป็นเย็นวันศุกร์และใกล้ช่วงเทศกาล

บ้างก็มากับครอบครัว เพื่อน คู่รัก ผมเหลือบมองคนที่เดินอยู่ข้างกาย ชายหนุ่มในชุดเสื้อโปโลแขนสั้นและกางเกงผ้าสีเข้มแบบเดิม คลุมทับเสื้อเสื้อไหมพรมคาร์ดิแกนสีเบจจดกระดุมจนถึงเม็ดบนสุดเนื่องมาจากอากาศภายในห้างที่เย็นกว่าด้านนอก
ตอนนี้ดูเขาจะอารมณ์ดีกว่าผมหลายเท่า เพราะได้ของถูกใจหลายชิ้น ทั้งการ์ดสวัสดีปีใหม่ประมาณหนึ่งโหล ป้ายแขวนสวัสดีปีใหม่อีกสองชุด เส้นดวงไฟระยิบระยับหลากสีและที่ดูจะถูกใจเขาที่สุดก็คือหมวกซานตาครอสสีแดง เขากำลังพลิกมันไปมาอย่างอารมณ์ดีและอีกจำนวนหนึ่งในถุงที่ผมหิ้วอยู่ คงกะจะเอามาให้พนักงานในร้านใส่แน่นอน

"เจย์อยากได้อะไรรึเปล่า" ดูเหมือนเขาจะเพิ่งนึกได้ว่าจุดประสงค์ของการออกมาข้างนอกครั้งนี้คือการทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้น จึงหันมาคุยกับผมหลังจากที่คุยกับหมวกซานต้าไปหลายนาที

"...ไม่ล่ะ"

"งั้น...กินไอศกรีมมั้ย" เขาชี้มือไปยังร้านไอศกรีมที่ตกแต่งสีสันสดใสไม่ไกลนัก โดยไม่ทันตอบ(ปฏิเสธ)ผมก็ถูกเขาลากมาหยุดอยู่หน้าร้านและไม่รู้ตัวในมือผมก็มีไอศกรีมโคนรสช็อกโกแลตโรยท็อปปิ้งหลากสีมาถือไว้โดยที่ผมยังไม่ทันได้เอ่ยปากสักคำ


...เมื่อไหร่เขาจะเลิกเลี้ยงผมด้วยพวกขนมและของหวานสักที...ถึงผมจะเด็กกว่าเขาสิบปีก็ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นเด็กสักหน่อย


เราเลือกม้านั่งที่คนเดินผ่านไปมาไม่พลุกพล่านเป็นที่นั่งพักหลังจากเดินรอบห้างมากว่าชั่วโมง ผมหันไปมองเขาที่กำลังดื่มด่ำกับรสหวานอมเปรี้ยวของไอศกรีมสตอเบอร์รี่แบบถ้วยโรยด้วยแอลมอลกรุบกรอบและสนุกสนานกับการค้นดูของต่างๆที่ซื้อมา


พอมานั่งข้างกันแบบนี้แล้ว ยิ่งดูเหมือนคนรุ่นเดียวกันมากกว่าคนที่อายุห่างกันเป็นสิบปีเข้าไปใหญ่ เผลอๆผมอาจดูแก่กว่าเขาด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าทำไมคนที่วันๆเอาแต่กินขนมหวานกับอาหารง่ายๆ(แถมบางอย่างไม่มีประโยชน์)ที่ตัวเองทำเป็นไม่กี่อย่างถึงได้หน้าตาอ่อนเยาว์ขนาดนี้ เขาไม่ได้โกงอายุหลอกผมแน่ๆเพราะเคยแอบดูบัตรประชาชนเขาครั้งหนึ่ง ดูจากวันเกิด...ปีหน้าเขาก็ยี่สิบเก้าแล้ว


"อารมณ์ดีขึ้นรึยัง" หลังจากจัดการกับไอศกรีมคำสุดท้ายจนหมดเขาก็หันมาถามผมอย่างอารมณ์ดี

"ผมไม่ได้หงุดหงิดอะไร" ผมตอบขณะยันตัวลุกขึ้นหยิบถุงใส่ของต่างๆมาถือไว้โดยมือข้างเดียว...จริงๆแล้วเขาเองไม่ใช่เหรอที่ดูจะอารมณ์ดีสุดๆตั้งแต่ตอนเดินไปเลือกซื้อของจนตอนนี้ยังยิ้มแย้มไม่หยุด

เขาขมวดคิ้วน้อยๆเหมือนต้องการจะพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา

"งั้นเรากลับกันเถอะ"





รถเวสป้าเก่าๆถูกขี่ออกจากลานจอดรถของห้างโดยมีผมเป็นคนซ้อน ถึงผมจะรู้สึกว่ามันดูน่าตลกแต่ก็ขัดขืนอะไรไม่ได้เพราะผมขี่เวสป้าไม่เป็น...ให้ตาย ผมต้องหาเวลากลับไปเอามอเตอร์ไซค์จากที่บ้านมาจอดทิ้งไว้ที่ร้านสักวันหนึ่ง ไม่อย่างนั้นผมคงจะบ้าตายกับท่าซ้อนรถตลกๆของตัวเองรวมถึงหมวกกันน็อคสีฟ้าสนใสที่เขาอุตส่าหามาให้ด้วยความยากลำบาก(เขาบอกมาอย่างนั้น... ซึ่งผมไม่เชื่อ)

เรากลับมาถึงร้านในเวลาเกือบสี่ทุ่ม ถึงจะไม่หนาวมากแต่อากาศก็เริ่มเย็นกว่าปกติทั้งที่ตอนกลางวันแดดจ้าจนร้อน ผมให้เขาไปอาบน้ำก่อน เพราะผมที่ยาวและนิสัยไม่ชอบเช็ดผมให้แห้งก่อนนอนแต่หลังจากผมอาบน้ำเสร็จก็ไม่เห็นเขาอยู่ในห้องแล้ว

แสงไฟสีส้มอ่อนแยงตาทันทีที่ผมเดินลงมาถึงชั้นล่างสุด ชายหนุ่มร่างผอมในชุดชุดนอนสีกรมท่าสวมทับด้วยเสื้อคาร์ดิแกนสีอ่อนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหน้าตรงคริสมาส ผ้าขนหนูสีขาวคล้องคอไว้คอยซับหยดน้ำที่ไหลลงมาจากเส้นผมที่ยังคงเปียกชื้น

ดูเหมือนเขาจะสนใจการตกแต่งร้านและเห่อของใหม่เหมือนเด็กๆเพราะเมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็สังเกตุเห็นของที่เพิ่งซื้อมาใหม่ถูกรื้อกระจัดกระจาย

"เจย์ พรุ่งนี้ใส่หมวกซานตาครอสนะ"

"ไม่มีทาง" ผมปฏิเสธแทบจะทันทีเมื่อทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขา

"ทำไมล่าา พี่ซื้อมาเผื่อเจย์ด้วยนะ"

"บอกว่าไม่"ผมตอบเสียงเนือยๆเมื่อเห็นท่าทางเหมือนเด็กของเขา มือก็ช่วยรื้อถุงกระดาษเอาของด้านในออกมา ส่วนใหญ่เป็นของตกแต่งต้นคริสมาส ทั้งลูกบอลหลากสีระยิบระยับ กล่องของขวัญขนาดเล็ก รูปนางฟ้า กวาง หัวใจ ดาวและอื่นๆที่เอาไว้ห้อยประดับรวมถึงไฟระยิบระยับที่เอาไว้พันตกแต่งเขาก็ยังซื้อมาทั้งๆที่มีอยู่ในร้านแล้วสองเส้น

"แต่มันจะคริสมาสแล้วนะ" เขายังไม่ละความพยายาม

"ผมไม่สนใจหรอก"

"ทำไมล่ะ เด็กๆชอบกันจะตาย"

"เฮ้อ...ก็ผมโตแล้ว" ผมเหนื่อยใจกับคนแก่แต่ทำตัวเป็นเด็กตรงหน้าจริงๆ เลยจัดการดึงผ้าขนหนูที่เขาคล้องเอาไว้มาเช็ดผมให้เจ้าตัว จะได้เงียบๆเลิกคะยั้นคะยอผมเรื่องนี้เสียที

"คนอื่นๆเขาก็ใส่กัน..." ผมทำเป็นไม่ได้ยินเสียงบ่นพึมพำเบาๆนั่น ...ที่คนอื่นๆเขาใส่เพราะคุณเล่นซื้อมาเตรียมไว้ให้จนกลายเป็นการบังคับทางอ้อมไม่ใช่รึไง!?




เราอยู่กันในความเงียบที่มีเสียงก๊อกแก๊กของการจับของตกแต่งที่ทำจากพลาสติกแยกกองกันเป็นระยะ ตอนซื้อผมไม่ทันได้สังเกตว่าเขาหยิบอะไรมาบ้าง ทำแค่เดินถือของตามหลังเขาเงียบๆ พอมาเห็นจำนวนชัดๆตรงหน้าแบบนี้แล้ว...ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะซื้อไว้เผื่อคริสมาสอีกกี่ปีกันแน่

"เจย์อยากได้อะไรรึเปล่า" อยู่ๆเขาก็พูดขึ้นทำลายความเงียบ

"หืม?"

"ก็ของขวัญคริสมาสกับปีใหม่ไง"

"...ก็...ไม่ได้อยากได้อะไร" ผมเลิกคิ้ว

"เอ้า ทำไมล่ะ บอกมาเถอะ ถ้าหาได้พี่จะหาให้นะ" ชายหนุ่มมองผมอย่างต้องการคำตอบ มือผอมเอื้อมมาแย่งผ้าขนหนูจากมือผมไปคล้องคอตัวเองไว้ตามเดิม ผมของเขาแห้งแล้ว ผมเส้นเล็กละเอียดล้อมกรอบใบหน้าที่พอไม่มัดผมรวบเอาไว้ก็เห็นได้ชัดว่าเหมือนจะยาวขึ้นกว่าเดิมมาก น่าจะเลยบ่าไปแล้วแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมไปตัดเสียที


ของขวัญ?


ผมเองไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย นาฬิกา รองเท้าต่างๆก็เป็นของพ่อไม่ก็ที่บ้านเตรียมเอาไว้ให้ เว้นแต่เสื้อผ้าแบบวัยรุ่นที่ผมหาซื้อเองบ้างและทุกวันนี้ผมก็มีเสื้อผ้าใส่พอแล้ว พวกเครื่องมือสื่อสารอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคก็ไม่ได้สนใจ ทุกวันนี้ผมยังใช้แอพลิเคชั่นต่างๆบนโทรศัพท์และโน๊ตบุคตัวเองไม่ครบด้วยซ้ำ อาหารการกินก็ไม่ใช่เรื่องที่สนใจ ผมให้ความสำคัญกับความอิ่มท้องมากกว่าความหรูหราและรสชาต ร้านอาหารราคาแพงที่อาหารกินคำเดียวก็หมดจึงไม่ใช่ที่ๆผมสนใจ

จริงๆแล้วผมชอบสะสมสิ่งของเกี่ยวกับกีฬาหรือนักกีฬาที่ชื่นชอบ แต่ผมชอบที่จะพยายามเก็บเงินซื้อหรือหามาเองมากกว่า


"ผมไม่อยากได้อะไรจริงๆ" ผมย้ำหลังจากนิ่งคิด "คุณจะให้ของขวัญผม?"

"ใช่สิ พี่เป็นซานต้า" เขาตอบแทบจะทันทีพร้อมทั้งหยิบหมวกซานตาครอสสีแดงขึ้นมาสวมทำให้ผมอดหัวเราะเบาๆไม่ได้

"คุณอายุเท่าไหร่แล้ว ยังจะเล่นอะไรเป็นเด็กๆ"

"อยู่กับเด็กก็ต้องทำตัวเป็นเด็กสิ"เขาตอบยียวนแล้วยิ้มกว้างจนตาแทบปิด ผมมองเขาที่หันไปสนใจตกแต่งต้นคริสมาสต่อพลางบ่นเบาๆว่า'พี่ถามแล้วนะ อย่างอแงจะเอาอะไรทีหลังแล้วกัน'






เขาคงไม่รู้ตัวหรอกว่าได้ให้ของขวัญกับผมไปแล้ว


"ผมนึกออกแล้วว่าอยากได้อะไร" เขาหันขวับมามองอย่างสนใจทันทีที่ผมพูดจบ ท่าทางตื่นเต้นนั่นทำให้ผมอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ

"แต่...คุณจะให้ผมได้รึเปล่า" ผมยิ้มขณะค่อยเอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมที่พ่นหมวกซานตาครอสสีแดงออกมาเบาๆ ชายหนุ่มหรี่ตามองผมอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะถามออกมา

"แล้ว...เจย์อยากได้อะไรล่ะ"

"คุณขี้โกง ไหนบอกว่าไม่ว่าอะไรก็จะให้"

"หืมมม พี่เปล่าพูดนะ" เขาพูดกลั้วหัวเราะส่วนผมก็ยิ้มตามขณะใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าเขาเอาไว้

"สรุปจะให้ผมรึเปล่า"

"บอกมาก่อนสิว่าอยากได้อะไร"


ผมค่อยใช้นิ้วโป้งลูบผิวแก้มเขาไปมาโดยไม่ได้ตอบอะไร หน้าเขาใหญ่กว่าฝ่ามือผมแค่นิดเดียวเท่านั้น ผิวขาวมีสีชมพูเรื่อ ส่วนหนึ่งคงเพราะแพ้อากาศ เขาเป็นคนขี้หนาว ขนาดสภาพอากาศไม่ได้เย็นมากก็ยังมีผิวบางจุดที่แห้งแตก ผมขยับเข้าไปใกล้จนเห็นรอยผิวหนังชั้นนอกที่แห้งกว่าปกติบนใบหน้าของเขา

"ผมอยากได้ซานต้า" ผมพูดเบาๆเพราะใบหน้าที่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย

"ซานต้าเหรอ?"

"อืม"

"...เธอไม่รู้เหรอว่าซานต้าไม่มีจริง"เขาพูดด้วยท่าทางที่ดูไม่ออกว่าจริงจังหรือแค่แหย่ผมเล่นกันแน่

"รู้สิ...แต่เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกว่าคุณเป็นซานตาครอสนะ"

"...."เขาเงียบไปเหมือนเพิ่งนึกได้แต่ก็ไม่วายพูดแหย่ผม "เธอจะเอาซานตาครอสไปทำไม ซานตาครอสไม่ใช่ขนม กินไม่ได้หรอกนะ"

"ผมจะเก็บซานตาครอสไว้คนเดียว"

"...."

"ไม่ให้ไปยิ้มให้คนอื่น"

"...."

"ไม่ให้ไปให้ของขวัญใครๆ"

"...."

"ไม่ให้ไปใจดีกับใครพร่ำเพรื่อ"

"...."

"เป็นของผมคนเดียว"

"....หึหึหึ ทำไมเป็นเด็กนิสัยไม่ดีแบบนี้ เจเจ" ดวงตาเขารีเล็กลงจากการหัวเราะที่น่าจะพยายามกลั้นไว้ไม่ให้ปล่อยก๊ากออกมา

"เพิ่งรู้เหรอว่าผมนิสัยไม่ดี"

"อืม...จริงๆพี่ว่าพี่รู้นานแล้วนะ" ผมประคองใบหน้าเขาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างและจ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ส่องประกายแวววาว

"แล้ว...คำตอบล่ะ?"

เราจ้องตากันนิ่งๆ โดยที่คำถามยังไม่มีคนตอบ จากตอนแรกที่ตื่นเต้นตอนนี้ผมกลับรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก ...ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นโครมครามอยู่ในอก ไอ้ท่าทางและคำพูดแบบนั้นดูเหมือนไม่ใช่ตัวผมเอาเสียเลย

ผมกะว่าถ้าเขายังไม่ปริปากพูดอะไรในไม่กี่วินาทีนี้ผมจะรีบโกยอ้าววิ่งขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว เอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงแกล้งหลับจนถึงพรุ่งนี้เช้าและค่อยทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้น

"...ตั้งแต่พี่เป็นซานต้าเธอคือเด็กคนเดียวที่มาขอพรจากพี่" เขาพูดยิ้มๆ...ก็แน่สิ เขาเพิ่งเป็นซานตาครอวได้ไม่ถึงครึ่วชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ

"...งั้น...ซานต้าจะใจดีให้ของขวัญตามที่ขอก็แล้วกัน"พูดจบเขาก็หัวเราะออกมาทำให้ผมจากที่นิ่งอึ้งเผลอยิ้มตามไปด้วย

ไม่นานเราสองคนก็เริ่มหัวเราะ...เสียงดังลั่นไปทั่วร้านกาแฟเล็กๆที่มีบรรยากาศราวกับเทสกสลคริสมาสขนาดก็แต่อากาศหนาวเหน็บและหิมะเท่านั้น



ซานตาครอสคนนี้แตกต่างจากจินตนาการวัยเด็กของผมไปมากทีเดียว

เขาไม่ได้เป็นชายแก่...แต่เป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบปลายๆที่หน้าเด็กเหมือนเพิ่งจบมัธยม

ไม่ได้รูปร่างอ้วนท้วน...แต่เป็นคนที่ผอมบางจนเหมือนขาดสารอาหาร

ไม่ได้นั่งเลื่อนหิมะให้เรนเดียร์ลาก...แต่กลับขี่รถเวสป้าสีฟ้าเก่าๆที่วันดีคืนดีก็สตาร์ทไม่ติด

ไม่ให้ของขวัญกับเด็กดี น่ารัก...แต่ให้ของขวัญเด็กที่นิสัยไม่ดีสุดๆ....


และที่สำคัญ


เขาไม่ได้เป็นซานตาครอสของใครทุกๆคน...แต่เป็นซานตาครอสของผมคนเดียว...









"ขอบคุณครับ..."




........................................

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
หายไปนนานเลย กลับมาหอมหวานชื่นใจ รออ่านตลอดนะจ๊ะ   :กอด1:

ออฟไลน์ BlueWizard

  • Friendly & optimistic
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กรี๊ซซซ มาอัพแล้ว น่ารักและอบอุ่นตามเคย

ขอบคุณนะครับ  :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
น่ารักมาก ๆ เลย เจย์กับพี่มิณน่ารักมาก


ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ purple

  • Aventador FC
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
หลังจากหายไปนาน ตอนนี้ถือว่าชุบชีวิตคนอ่านเลยทีเดียว 55
เจเจมีความซึน หวานแบบ(พยายาม)หน้านิ่ง แซ่บไปอีก
พี่มิณมีความเด็ก อยู่กับเด็กแล้วชีวิตดีนะพี่นะ ><
ขอบคุณมากๆค่ะ รอตอนต่อน้าาา คุณคนเขียนสู้ๆ

ออฟไลน์ sujusaranghae

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
พี่มิณน่ารักกกกกก
 :katai5: :katai5:

 :pig4:

ออฟไลน์ ~PopPin[Pim]~

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงพี่มิณน้องเจจจจจจจจ

เราชอบความหวานของคู่นี้มากๆเลย น้องเจย์นี่ก็ปากแข็งไปไหน

เราว่าส่วนใหญ่พี่มิณรู้ทันน้องนะ แต่แอบเงียบ5555555 :laugh:

รอตอนต่อไปนะค้าาาาา

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

ออฟไลน์ purple

  • Aventador FC
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
แอบมาดันกระทู้ รอคุณคนเขียนน้าาา เป็นกำลังใจให้จ้าาา

ออฟไลน์ brow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เค้ารักคนเขียนนะ แต่นี่สองเดือนแล้วไม่อัพ แดะกระโดดจูบเลยนิ :mew1:

ออฟไลน์ purple

  • Aventador FC
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อ่านอีกรอบ 555 ยังดีต่อใจเหมือนเดิม คู่นี้น่ารักดี
ส่วนตอนต่อไปก็ ..รออยู่น้าาาา

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
พี่มิณกับน้องเจเจน่ารัก

 :L2: :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด