พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: IVY ที่ 19-07-2014 20:12:14

หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 19-07-2014 20:12:14
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 1 [19/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 19-07-2014 20:27:25
Chapter 1

ผมเป็นเพียงเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่งที่บังเอิญได้ทำเลดีอยู่ใจกลางย่านธุรกิจพอดิบพอดีทำให้กิจการเป็นไปได้อย่างราบรื่น มีเงินพอใช้จ่าย มีพนักงานที่เป็นเด็กดีและมีลูกค้าที่แสนจะน่ารัก…

แต่บางครั้งผมก็เจอลูกค้าแปลกๆ

ผมพบกับเขาครั้งแรกเมื่ออาทิตย์ก่อน…

วันนั้นท้องฟ้ามืดครึ้มตั้งแต่ตอนบ่ายเหมือนฝนทำท่าจะตกได้ทุกเมื่อ แล้วก็จริงตามนั้น หลังจากผมปิดร้านได้ไม่นานฝนห่าใหญ่ก็กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา พาทั้งลม ทั้งเศษใบไม้เศษฝุ่นปลิวว่อนไปหมด และที่สำคัญยิ่งกว่า ฝนในวันนั้นได้พาคนๆหนึ่งมาที่นี่ด้วย

   เพราะเพิ่งจะปิดร้านผมจึงยังไม่ทันได้ล็อกประตู เสียงผลักประตูอย่างรุนแรงทำให้ผมสะดุ้งจนเกือบทำแก้วที่กำลังเช็ดหล่น เด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนหอบอยู่ภายในร้านที่มืดสลัวเนื้อตัวเปียกปอนเหมือนเพิ่งจะวิ่งฝ่าฝนมา เขามีสีหน้าตกใจเมื่อหันมาเห็นผมอยู่ในร้านและทำท่าจะหันหลังเดินกลับออกไป

“เดี๋ยวสิ ข้างนอกฝนตกหนัก นั่งรอข้างในก่อนก็ได้” เด็กหนุ่มคนนั้นหันมาขมวดคิ้วใส่ผมพร้อมกับสายตาค้อนๆ

…เฮ้อ เด็กวัยกำลังโตก็อารมณ์ขึ้นๆลงๆแบบนี้ล่ะนะ^^

เขาทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้แต่ก็ชะงักเท้า หมุนตัวกลับไปนั่งโต๊ะชุดที่อยู่ติดกับประตูแทน แสงไฟจากหน้าร้านส่องลอดเข้ามากระทบโต๊ะชุดนั้นทำให้ผมเห็นเขาได้ชัดเจน เขายังเด็กอยู่อย่างน้อยก็เด็กกว่าผม เขาใส่ชุดนักเรียนที่ดูยังไงก็น่าจะผิดระเบียบ น่าจะมัธยมปลาย แต่รูปร่างสูงกว่าผมพอสมควร แถมยังหน้าตาดี ตอนอยู่โรงเรียนสาวๆคงกรี๊ดกร๊าดน่าดู

“อะนี่” ผมยกนมอุ่นๆกับขนมปังสองชิ้นวางลงบนโต๊ะพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กยื่นให้เขา

“ไม่ได้สั่ง!” เขาตอบเสียงห้วน

“ไม่เป็นไร พี่เลี้ยง อ่ะเช็ดตัวด้วย เดี๋ยวจะไม่สบาย”

“…”  เขาหันออกไปมองนอกหน้าต่างไม่สนใจผ้าขนหนูที่ผมยื่นให้

“…”

“เฮ้ย!! จะทำอะไร” เขาโวยวายเสียงดังเมื่อผมเดินไปยืนซ้อนข้างหลังเก้าอี้

“พี่จะเช็ดผมให้ กินไปเถอะ” เขาขยับตัวหยุกหยิกอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจแต่สุดท้ายก็ยอมนั่งนิ่งๆให้เช็ดผมให้ พร้อมกับลงมือกินขนมปังช้าๆ

เสียงฝนตกกระทบหลังคายังคงส่งเสียงดังสม่ำเสมอไม่มีทีท่าจะซาลงความชื้นและกลิ่นไอดินแผ่เข้ามาภายในร้านทำให้อากาศเย็นชื้นไปทั่ว ยิ่งในร้านที่เพิ่งจะปิดเครื่องปรับอากาศแล้วจะเรียกว่าเกือบหนาวเลยก็น่าจะไม่ผิด

“นี่ เธอชื่ออะไร” ผมถามทำลายความเงียบขณะเช็ดผมให้เขา เจ้าตัวชะงักมือที่กำลังถือแก้วนมเล็กน้อยแต่ก็ยกขึ้นดื่มต่ออย่างไม่สนใจ

“…”

“พี่ชื่อมิณนะ เรียกพี่มิณก็ได้”

“…”

“ค่ำขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่กลับบ้านล่ะ เดี๋ยวที่บ้านเป็นห่วงนะ”

“…” อืม…ผมคิดว่าเด็กๆสมัยนี้สุขุมขึ้นเยอะเลย…

“นี่…”

“เลิกยุ่งซักทีได้มั้ย!!?” อ่า… เขาคุยกับผมแล้วล่ะ แต่เสียงดังไปหน่อยนะผมว่า

“พี่ไม่ได้ยุ่ง พี่เป็นห่วง”

“เป็นลูกคนเดียว ไม่มี ‘พี่’” เขาหันกลับมามองผมหน้าบึ้ง

“อ๋อ…เธอคงเหงาใช่มั้ย มาเล่นกับพี่ที่นี่ก็ได้นะ”

“หา?...นี่หาเรื่องกันเราะ!!!” ลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วจนผมต้องผงะ เขาจ้องผมด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนจะทั้งหงุดหงิดทั้งประหลาดใจ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ส่วนผมได้แต่กระพริบตามองเขาปริบๆ

เด็กสมัยนี้เดาอารมณ์ยากนะครับ…หรือว่าผมจะแก่เกินไป??

“…กลับล่ะ!” หลังจากที่เล่นเกมส์จ้องตากันอยู่หลายนาทีเขาก็ทำท่าจะออกจากร้านพร้อมกับคว้ากระเป๋าเป้ที่สะพายติดตัวมาด้วยขึ้นพาดบ่า

“เดี๋ยวสิ”

“อะไร!? ไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารนะ!” เขาหันกลับมามองขมวดคิ้วเข้ม

   “เปล่า พี่บอกแล้วไงว่าจะเลี้ยง แต่เธอยังไม่ได้บอกชื่อเลย”

“…”

เขาเดินไปที่ประตูพร้อมกับผลักออกไป ไอเย็นธรรมชาติและความชื้นแผ่เข้ามาภายในร้าน แต่ฝนเหมือนจะหยุดตกไปนานแล้วเหลือไว้เพียงน้ำที่เจิ่งนองเต็มร่องขรุขระของพื้นถนน

“…เจย์”

“หืม? เธอว่าอะไรนะ”

“ชื่อเจย์!!!” เขาหันมาตอบเสียงดัง มองผมตาขวางเหมือนขัดใจ ก่อนจะออกวิ่งไปโดยที่ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ…








“คุณมิณผมกลับแล้วนะครับ” เสียงตะโกนจากหน้าประตูร้านทำให้ผมหันไปมอง เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาแขนสั้นยืนส่งยิ้มให้ที่หน้าร้าน บนบ่าสะพายกระเป๋ากล้องเอาไว้

“กลับบ้านดีๆนะอาร์ ...แต่พี่บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เรียกพี่มิณ” ผมขมวดคิ้วแกล้งทำเสียงดุ เด็กคนนี้บอกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมจำเลยจริงๆ

“คร้าบบบบ พี่มิณ” เขาลากเสียงยาว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหยีเล็กลงจากการยิ้มอย่างหยอกล้อก่อนจะหันหลังเดินไปตามทางเท้าหน้าร้าน



ภายในร้านกาแฟนตอนนี้เงียบสงัดหลังจากที่พนักงานคนสุดท้ายออกไป มีเพียงแสงไฟที่ประตูหน้าร้านและที่เคาน์เตอร์ให้แสงสลัว ผมหันกลับมาทำความสะอาดเคาน์เตอร์ที่มีคราบกาแฟและคุกกี้หกเลอะอยู่เล็กน้อยต่อพลางชำเรื่องมองดูเวลา


สองทุ่มแล้ว...อีกเดี๋ยวก็คงจะมา

ไม่กี่อึดใจเสียงผลักประตูอย่างแรงก็ดังขึ้นทำให้ข้อต่อของประตูส่งเสียงประท้วง ป้ายและกระดิ่งส่งเสียงอย่างรุนแรงตามแรงผลัก ตามด้วยร่างของเด็กนักเรียนชายในชุดมัธยมปลายเดินเข้ามา ผมสีดำถูกเสยไปข้างหลังอย่างลวกๆ กระดุมเสื้อปลดลงมาถึงเกือบจะกลางอก ชายเสื้อบางส่วนหลุดลุ่ยออกมาจากกางเกง คิ้วเข้มของเขาขมวดมุ่นทันทีเมื่อหันมามองผม อ่อ...แต่ส่วนตาขวางๆนั่น ผมคิดว่ามันคงเป็นธรรมชาติของเขาไปแล้ว

“เหอะ! ยังไม่เจ๊งอีกเหรอร้านนี้” เขาส่งเสียงทักทาย…เออ ผมคิดว่างั้นนะ

แต่เขาเป็นเด็กดีแน่ๆครับ ผมมั่นใจนะ!

“ยังหรอก ถ้าเจ๊งไปนายก็ไม่มีที่อยู่สิ …วันนี้รับอะไรดี” ผมยิ้ม

“บ้ารึไง มีที่อื่นให้ไปเยอะแยะ” เขากระแทกเสียงก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ทำเป็นไม่ได้ยินที่ผมถาม ผมยิ้มขำกับท่าทีของเขาก่อนจะหันมาจัดการเครื่องดื่มให้

“ไม่ได้สั่ง บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่มีตังค์จ่าย อยากให้ร้านเจ๊งไวๆรึไง” เขาว่าขณะผมวางเค้กช็อกโกแลตกับนมอุ่นๆตรงหน้า

“ไม่เป็นไร เลี้ยงเจเจคนเดียวร้านพี่ไม่เจ๊งหรอก" เห็นมั้ยครับ เขาเป็นเด็กดี ดูสิ เป็นห่วงผมด้วย

“บอกว่าชื่อเจย์เฉยๆ!”

“แต่เรียกเจเจมันน่ารักดีนี่”

“…”

   “หึหึ เอ้า! ดื่มนมด้วย อย่ากินแต่เค้กสิ”

   “ยุ่ง!” เขาหันมาค้อน แต่ก็ยอมยกแก้วนมขึ้นดื่มอย่างว่าง่าย

   

ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่กลับบ้านทั้งๆที่มืดค่ำขนาดนี้แล้ว แต่ผมก็ไม่คิดจะถาม ถ้าการมาอยู่ร้านกาแฟเล็กๆนี่จะทำให้เขาไม่ไปเที่ยวเตร่ตามสถานที่ที่เต็มไปด้วยอบายมุขได้ ผมก็ไม่อยากจะทำให้เขาไม่สบายใจจนไม่มาที่นี่อีก

   “เจเจ”

   “หืม?”

   “ออกจากร้านไปไม่ได้ไปเที่ยวต่อใช่มั้ย”

   “ถ้าไปแล้วจะทำไม” เขาขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์ก่อนจะตักเค้กคำโตเข้าปาก

   “อ๋อออ ตอบแบบนี้แสดงว่าไม่ได้ไปใช่มั้ย” ผมยิ้มกว้าง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาจะต้องพูดให้ตัวเองดูแย่ด้วยแฮะ

   “อะไร!? ไปสิ มีที่ให้ไปตั้งเยอะตั้งแยะ” เขาเบิกตากว้างละล่ำละลักตอบ

   “อ๋อๆ เข้าใจแล้วๆ คิกๆ”

   “ทำไมมองแบบนั้น แล้วนั่นหัวเราะทำไม!?” เจย์ทำท่าเหมือนจะกินผมไปทั้งตัวทั้งๆที่ในมือถือช้อนที่มีเค้กจนพูน

   “ฮ่าๆ เปล่าๆ เออ นี่ ว่างๆจะมาเมื่อไหร่ก็ได้นะ ไม่ต้องมาค่ำขนาดนี้หรอก”

“…”

   “แล้วก็ ถ้าจะอยู่ดึกกว่านี้ก็ได้นะ แต่ต้องบอกที่บ้านก่อน เดี๋ยวจะเป็นห่วงกัน”

   “…” เขาเหลือบมองผมเล็กน้อย

“…”

   “กลับล่ะ” เจย์วางช้อนลงหลังจากทานหมดแล้ว

   “อื้ม กลับบ้านดีๆนะ” ผมเท้าแขนกับเคาน์เตอร์โบกมือบ๊ายบบายเขาที่กำลังจะผลักประตูออกไป

   “…ร้านนี้เปิดทุกวันใช่มั้ย” เขาถาม สายตาจ้องกระดานไม้ที่แปะวันและเวลาเปิดร้านเอาไว้

   “ใช่ วันหยุดจะมาเล่นกับพี่ก็ได้นะ”

   “…ใครบอกว่าจะมา!” เด็กหนุ่มหันมาตอบหน้าบึ้ง เสียงแข็ง แทบจะเป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าตัวผลักประตูออกไป





   …เชื่อมั้ยล่ะ วันหยุดสุดสัปดาห์นี้เขาต้องมาที่ร้านแน่ๆ


....................To Be Continue....................


สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ :call:

ขอชี้แจงเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ซักนิดหน่อย
เนื่องจากว่าคนเขียนเคยเขียนเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งชื่อ
[เรื่องสั้น]Every time Café รับครีมกับน้ำตาลเพิ่มไหมครับ ลงในเล้า

บางคนเห็นชื่อก็ เอ๊ะ ชื่อซ้ำรึเปล่าขอบอกว่า ไม่ใช่นะค้า แล้วก็ ไม่ใช่ภาคต่อด้วยค่ะ

แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของตัวละครอีกตัวที่มีส่วนในเรื่องที่แล้ว (ตัวประกอบนั่นเอง!! :m20: ) เท่านั้นเองค่ะ

ขอบคุณนักอ่านที่ตามมาจากเรื่องที่แล้วและนักอ่านที่ "เผลอ" กดเข้ามาอ่านนะค้า :laugh: :laugh:

ป.ล. สำหรับนักอ่านที่อยากอ่านเรื่องก่อน สามารถตามได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ (โฆษณาเลยทีเดียว)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41787.0

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 1 [19/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-07-2014 21:19:03
 :กอด1:  :pig4:  เรื่องที่แล้วนั้นของน้องอาร์ สนุกมากๆเลยค่ะ เห็นชื่อคุ้นๆเลยเข้ามาเจิม ซะเลย
ที่แท้เรื่องนี้คือของเจ้าของร้านนี่เอง น่าสนุกตรงกินเด็กซึนนี่แหละค่ะ
มาลงต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 1 [19/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 19-07-2014 21:31:43
น้องเจเเด็กโหดน่าเอ็นดูจริงๆเลย :katai2-1:

รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 1 [19/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 19-07-2014 22:32:01
ติดตามค่าาา พี่มิณน่ารักจังเลย มาต่อไวๆนะจ้ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 1 [19/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: 28016 ที่ 19-07-2014 23:55:20
เข้ามารายงานตัวค่ะ :impress2:
เคยอ่านเรื่องก่อนหน้านี้อยู่แต่พึ่งมาตามหลังจบเลยยังไม่เคยเม้นเลย ขอโทษนะคะ :hao5:
แวบแรกที่เห็นเรื่องนี้ก็คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องต่อ แล้วก็จริงซะด้วย
ชอบวิธีบรรยายกับบรรยากาศในเรื่องมากเลย จะรอติดตามนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 1 [19/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 20-07-2014 17:33:06
มาตามเรื่องใหม่   น้องเจย์ พี่มิณ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 1 [19/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 21-07-2014 00:25:25
พี่มิณนี่ เอ็นดูเด็กสินะ  :hao6: ซื้อใจเด็กด้วยขนม  :impress2: เจย์นี่ดูเป็นพวกซึน ปากไม่ตรงกับใจ น่ารักเหมือนกันนะเจย์  :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 1 [19/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 22-07-2014 15:03:16
ดูท่าว่า พี่มิณ จะต้องเป็นอมตะแน่นอน

เพราะกินเด็ก 5555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 1 [19/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: +zoLoMegWoz+ ที่ 22-07-2014 17:26:20
 :katai5: กระดึ๊บๆ ตามมาอ่านของพี่มิณณณณ หลังจากถูกวิกเตอร์ครอบงำไปพักใหญ่ คราวนี้มาหลงพี่มิณบ้างแล้ว เป็นผู้ใหญ่ ใจดี ส่วนน้องเจเจก็ปากไม่ตรงกับใจ อ๊ายยยย น่ารักที่ซู้ดดดด

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 1 [19/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 24-07-2014 20:26:44
ตามมาจากน้องอาร์ค่าา
เรื่องนี้พี่มิณเป็นอมตะแน่เลยย  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 1 [19/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 26-07-2014 03:32:02
ล่อเด็กด้วยเค้กและนม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 1 [19/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Satang_P ที่ 26-07-2014 07:12:07
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 1 [19/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 26-07-2014 21:10:33
มาต่อเร็วๆนะ..แล้วจะรออ่านค่ะ :mew3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 1 [19/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 29-07-2014 12:59:02
ผมก็ชอบเหมือนกัน ทั้งเรื่องที่แล้ว อ่านแล้วอบอุ่น สบายใจ มีความสุข เมื่อได้อ่าน ถ้าในชีวิตจริงเจอแบบวิกเตอร์ กับ อาร์ คงโชคดีเป็นบ้า ส่วนเรื่องนี้๋ก็น่าสนใจ โดยเฉพาะเจย์ จะเป็นคนยังไงนะอยากรู้ ส่วนที่มิณของเรายอมรับใครได้เป็นแฟนคงโชคดีเหมือนวิกเตอร์กับอาร์แน่ๆ พี่มิณของเราเป็นนายเอกหรอเนี้ย คึคึ ก็น่ารักอ่ะ แต่ถ้ามาทำให้พี่มิณของเราเสียใจ จะตามไปตื่บมันให้โจมดินเลยค่อยดูสิ คนแต่งรีบมาต่อนะครับ :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 1 [19/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 30-07-2014 19:54:58
Chapter 2




“กริ๊งงง กริ๊งงงง” เสียงโทรศัพท์ของร้านดังขึ้น ทำให้ผมละความสนใจจากการจัดคุกกี้ใส่จานมารับโทรศัพท์แทน

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงวัน ทางเท้าหน้าร้านและบริเวณรอบๆเต็มไปด้วยพนักงานจากบริษัทต่างๆ ที่พากันออกมารับประทานอาหารกลางวันหรือซื้อเครื่องดื่ม อาหารว่างไปทานต่อยามบ่าย ร้านของผมก็เช่นกัน ถึงตอนนี้ลูกค้าจะไม่เยอะเท่ากับช่วงเช้า แต่ก็มากพอจะทำให้วุ่นวายกันได้พอสมควร

“สวัสดีครับ Every Time Café ครับ”

“…? เออ สวัสดีครับ นั่นใช่ที่บ้านของนายเจตนิพัทธ์รึเปล่าครับ” เสียงตอบกลับมาเป็นเสียงของชายสูงวัยไม่คุ้นหู แค่ฟังจากเสียงก็พอจะรู้ว่าเป็นคนเข้มงวดพอสมควร ถามถึงคนที่ผมไม่รู้จัก

“ไม่ใช่ครับ คงต่อสายผิดแล้วครับ”

“เดี๋ยวครับ แต่ที่ตัวเขามีแค่เบอร์โทรของร้านนี้เบอร์เดียวนะครับ”

“หือ??” ผมนึกประหลาดใจ ถึงแม้ว่าเบอร์โทรศัพท์ของร้านไม่ใช่ความลับอะไร แต่ผมก็นึกไม่ออกว่าใครกันจะใช้เบอร์ร้านกาแฟเป็นเบอร์โทรติดต่อ

 …แต่คนล่าสุดที่ผมหยิบนามบัตรของร้านให้ไปเหมือนจะเป็น…

“สารวัตรนักเรียนเจอนายเจตนิพัทธ์ไปเดินเล่นที่ห้างในเวลาเรียน! แถมพอถูกพามาที่ห้องปกครองยังไม่ยอมให้เบอร์ติดต่อผู้ปกครองอีก! ตอนนี้ทางโรงเรียนติดต่อคุณได้คนเดียว จะสะดวกมาที่โรงเรียนเวลานี้ได้มั้ยครับ!!?” ประโยคยาวถูกกรอกมาผ่านสายโทรศัพท์แถมยังเพิ่มระดับความดังขึ้นเรื่อยๆจนต้องยกหูโทรศัพท์ห่างออกไปเล็กน้อย ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองคุกกี้ที่ยังจัดใส่จานไม่เสร็จและลูกค้าที่ทยอยเข้ามาในร้านเรื่อยๆ


“…เออ… ตกลงครับ ผมจะรีบไป”





ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมาหลังจากที่สอบถามเรื่องที่อยู่ของโรงเรียนและรีบบึ่งมาแล้ว ผมก็พาตัวเองมานั่งอยู่ในห้องปกครองของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งที่ตอนนี้เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบจนผมรู้สึกหนาว เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนที่ถึงแม้ตอนนี้จะอยู่ในห้องปกครองก็ยังผิดระเบียบ ต้นเหตุที่ทำให้ผมมาอยู่ที่นี่ นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆพาดแขนกับพนักเก้าอี้ของผม

ไม่นึกเลยว่าตัวเองจะต้องถูกพาเข้าห้องปกครอง ฟังอาจารย์สุดเฮี๊ยบอบรมจนหูแทบชาเอาตอนอายุเกือบจะสามสิบ…

“รบกวนผู้ปกครองช่วยเซ็นเอกสารรับทราบตรงนี้ด้วยครับ ส่วนเธอ! กลับไปเรียนซะ”

ผมมองกระดาษสีขาวสะอาดที่เป็นแบบบฟอร์มเอกสารอะไรซักอย่างถูกยื่นมาตรงหน้าหลังจากกวาดสายตาอ่านจนทั่ว ผมก็จรดปากกาเซ็นลงไป

“ไม่ไป” เสียงบุคคลที่เงียบมาตลอดเหตุการณ์พูดขึ้น แต่ก็ทำให้เงียบกันไปทั้งห้อง ผมคิดว่าเสียงเครื่องปรับอากาศคงจะเป็นสิ่งเดียวที่ส่งเสียงอยู่ในตอนนี้

“เจเจ…” ผมกระซิบ แอบกระตุกชายเสื้อเขาเบาๆ

“ปวดแขน จะกลับบ้าน”

“เธอปวดแขนมันเกี่ยวอะไรกับที่เธอต้องไปนั่งเรียนฮะ!!!?” อาจารย์ประจำห้องขึ้นเสียง ดวงตาหลังกรอบแว่นหนาเตอะเบิกกว้าง สั่นระริก จ้องมองคนพูด

“ปวดขา”

“เธอปวดขาแล้วไปเดินเล่นที่ห้างได้ยังไง!”

“…ปวดหัว”

“นายเจตนิพัทธ์!!!!” อาจารย์ที่ดูเหมือนวัยใกล้เกษียณทะลึ่งตัวลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วจนผมกลัวว่าแกจะความดันขึ้น เส้นเลือดข้างขมับปูดโปนขึ้นอย่างหน้ากลัว

“เออ…เดี๋ยวครับอาจารย์ ผมขอโทษแทนเจย์ด้วย ขอผมคุยกับน้องก่อนนะครับ” ผมรีบพูดกลัวว่ากล่องเอกสารหนาเป็นนิ้วจะฟาดลงกลางหัวคนไม่รู้ร้อนรู้หนาวข้างๆเสียก่อน เขาหรี่ตามองผมกับเจย์อย่างพิจารณาก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา

“…ก็ได้ ผมจะไปรอที่ห้องข้างๆ”




“เจเจจะไปไหน” ผมเดินตามเจย์ที่รีบพุ่งตัวออกจากห้อง ก้าวฉับๆออกไปหน้าโรงเรียนทันที

“อย่ามายุ่ง! ใครขอให้มา”

“ก็ครูเธอติดต่อพี่ได้คนเดียว จะไม่ได้มาได้ยังไง…แล้วนี่ทำไมหนีเรียนไปเที่ยวแบบนั้น”

“…”

“เจย์…คราวหลังอย่าหนีเรียนแบบนี้อีกนะ เกิดมีอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไง พี่เป็นห่วงนะ”

“…” เขาชะงักเล็กน้อยแต่ก็ไม่ยอมหยุด

“เดี๋ยวก่อน หลบหน้าพี่ทำไม” ผมวิ่งเข้าไปใกล้ก่อนจะดึงแขนเขาให้หันกลับมาคุยกันดีๆ

“…!? หน้าเธอไปโดนอะไรมา?” ผมขมวดคิ้วจ้องมองเด็กหนุ่มที่สูงกว่า ตอนแรกที่มาถึงผมนึกว่าเป็นรอยผื่นแดงธรรมดา อาจเกิดจากอากาศร้อน แต่พอมามองใกล้ๆแล้วมันเป็นรอยช้ำบริเวณโหนกแก้มและหางคิ้วขวา ที่เริ่มจะช้ำ

“…” เขายืนนิ่ง เสหน้ามองไปทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจ

“เฮ้อ…รอตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่มา” ผมสั่งก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องปกครองอีกครั้ง





“คุณแน่ใจนะ”

“ครับ วันก่อนน้องเพิ่งตากฝนมา วันนี้คงไม่สบาย” ผมพูด ถึงแม้ว่าวันที่ตากฝนมันจะเป็นเมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่แล้วก็เถอะ…

“ฮึ่ม…ก็ได้ วันนี้ผมอนุญาตให้กลับก่อน ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะครับ”

ผมยกมือไหว้ลาอาจารย์ฝ่ายปกครองหลังจากขออนุญาตพาเจย์กลับบ้านก่อนเวลาเลิกเรียนได้สำเร็จ



เจย์ที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ม้าหินอ่อนหน้าตึกหันมามองผมตาขวางทันทีเมื่อก้าวออกมาจากห้อง

“ป่ะ เดี๋ยวพี่พาไปโรงพยาบาล พี่ลาครูให้แล้ว”

   “…ไม่ไป”

“หรือเธออยากกลับบ้าน เดี๋ยวพี่ไปส่งก็ได้”

“ไม่!!!” เขาตอบเสียงดัง ผุดลุกขึ้นทำท่าจะเดินหนีไปอีก

“เดี๋ยวๆ ก็ได้ๆ งั้นไปร้านพี่แล้วกัน ตกลงมั้ย”

“…”

“อื้ม เธอตกลงแล้วนะ” ผมยิ้มก่อนจะเดินนำเขาไปทางลานจอดรถ ผมเพิ่งรู้ว่าเขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนในเครือเดียวกับมหาวิทยาลัยของอาร์ ระยะทางจากร้านมาถึงที่นี่ไม่ได้ไกลกันเลยแต่เพราะผมรีบจึงต้องขี่รถมา

เรามาหยุดยืนหน้ารถมอเตอร์ไซค์เวสป้ารุ่นเก่าสีฟ้าอ่อนของผมที่จอดอยู่เกือบจะหน้าสุดของลานจอด ตอนแรกเขาอิดออดไม่ยอมซ้อนท้ายผมด้วยเหตุผลที่ว่า รถคันเล็กอย่างกับเศษเหล็ก จะรับน้ำหนักคนสองคนไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้ โถ เด็กน้อย เธอยังรู้จักปู่เวสป้าคันนี้น้อยไป… สุดท้ายเขาก็ต้องยอมมากับผมจนได้เพราะผมบอกว่าต่อไปนี้ผมจะไม่ยอมให้เค้กชอกโกแลตกับเขาอีกถ้าไม่ยอมมากับผมดีๆ …หึหึ จริงๆแล้วเขาเป็นเด็กน่ารักนะครับ




“อื้อ!”

“ไหน หันหน้ามาดีๆสิ พี่จะได้ทายาให้ถูก” ผมว่าพลางจับหน้าเขาให้หันมาใกล้

ตอนนี้ภายในร้านลูกค้าเริ่มบางตาลงแล้ว เพราะกว่าผมจะกลับมาก็เลยเวลาเข้างานช่วงบ่ายไปเยอะโข ผมพาเจย์มานั่งที่โต๊ะตัวในสุดติดกับเคาน์เตอร์ หากล่องปฐมพยาบาลเล็กๆที่จำได้ว่าเคยมีติดร้านเอาไว้มาทำแผลให้เขา

“ไปทำอะไรมาถึงมีแผลแบบนี้ หือ?”

“…ล้ม” เขาตอบหน้าบึ้ง

“ล้ม? แล้วทำไมมีแผลแค่ที่หน้า” คำแก้ตัวของเขาฟังดูไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย

“…”

“แล้วทำไมหนีเรียนไปห้างแบบนั้นล่ะ”

“…”

“…ยังไม่อยากบอกพี่ก็ไม่เป็นไร อะ! เสร็จแล้ว” ผมว่าหลังจากทายาแก้ฟกช้ำให้เขาทั่วบาดแผล เดินอ้อมโต๊ะเข้าไปในครัวลงมือแกะข้าวกล่องที่ซื้อมาด้วยระหว่างทางกลับใส่จาน

“กินข้าว แล้วก็กินยาด้วยนะ” ผมวางข้าวผัดกับยาสองเม็ดตรงหน้าเขา เจย์ไม่พูดอะไรแค่เริ่มกินอาหารอย่างเงียบๆ ผมอยู่กับเขาซักพักก่อนจะผละออกมาทำงานที่เคาน์เตอร์ต่อ


คุกกี้ที่ผมอบไว้เมื่อตอนเช้าใกล้จะหมดแล้ว ผมจึงเริ่มทำคุกกี้ใหม่เพราะตอนเย็นก็คงจะมีลูกค้าเข้ามาเยอะเหมือนเดิมโดยเฉพาะเด็กๆที่เพิ่งเลิกเรียน ผมเดินไปกลับเคาน์เตอร์กับในครัวระหว่างทำขนมหลายรอบจนลืมสนใจเจย์ไปสนิท

จริงๆแล้วร้านผมขายกาแฟและเครื่องดื่มเป็นเมนูหลัก แต่ส่วนใหญ่เครื่องดื่มก็ต้องกินคู่กับขนมผมจึงทำขนมออกไปขายบ่อยๆ ไม่ใช่เมนูหลักแถมยังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บางทีก็ไม่ซ้ำกันเลยทั้งอาทิตย์ ถ้าวันไหนผมมีเวลามาก ผมก็จะทำเค้กแต่ถ้าไม่ค่อยมีเวลาผมก็จะทำคุกกี้หรือไม่ก็ขนมอบง่ายๆแทน
ผมคิดว่าแบบนี้ก็สนุกดี แถมมันยังเป็นสีสันของร้านด้วยอีกต่างหาก ลูกค้าไม่รู้ล่วงหน้าว่าวันนี้จะได้ทานกาแฟกับขนมอะไร พอๆกับผมที่ไม่รู้ว่าตื่นเช้ามาแล้วจะมีวัตถุดิบพอให้ใช้ทำอะไรได้บ้าง


“ทำอะไร?” ผมสะดุ้งกับเสียงทุ้มต่ำที่อยู่ๆก็ดังขึ้นใกล้ๆ เจย์ยืนอยู่ข้างหลังเกือบจะชิดกับผมชะโงกมองสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่บนโต๊ะ ในมือถือจานใส่อาหารที่ว่างเปล่า

“คุกกี้ เธออยากลอกทำดูมั้ยล่ะ” ผมหันไปยิ้ม มือก็กำลังคนส่วนผสมของคุกกี้ให้เข้ากัน

“หึ ไม่ทำหรอก” เขาส่งเสียงขึ้นจมูกเดินเลยไปที่อ่างล้างจาน

ผมแอบมองเขาในมือก็คนส่วนผสมคุกกี้ไปด้วย เจ้าตัวยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าอ่างล้างจานซักพักก่อนจะเริ่มเปิดน้ำเปล่าล้างจานรอบหนึ่งและบีบน้ำยาตามลงไป ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยได้ทำงานบ้านเท่าไหร่… แล้วผมก็ตัดสินใจทักเขา ก่อนที่เขาจะทำจานของผมเป็นรอย

“เจเจ…”

“อะไร!?” เขาหันมาสีหน้าหงุดหงิด

“ไอ้นั่นมันเอาไว้ขัดหม้อนะ หึหึ” ว่าพลางชี้ไปที่สิ่งที่อยู่ในมือของเจย์ แถมต้องกลั้นขำกับสีหน้าประหลาดๆของเขาและหันมาสนใจทำคุกกี้ต่อเพราะเขาเริ่มมองค้อนจนตาแทบถลนออกมาจากเบ้า

หลังจากที่ผมปั้นส่วนผสมเป็นก้อนลงบนถาดอบเรียบร้อยแล้วจึงรู้สึกว่ามีคนมายืนตรงข้ามอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ เจย์กำลังมองสิ่งที่ผมทำอย่างตั้งใจ คิ้มเข้มๆนั้นขมวดเหมือนกำลังสงสัยอะไรซักอย่างอยู่

“อยากกินแล้วเหรอ”

“เปล่า” เขาเงยหน้าขึ้นมอง คิ้วที่ขมวดอยู่ยังไม่คลายออก

“หรืออยากลองทำ? ยังเหลืออีกถาดหนึ่งนะ”

“…แล้วไอ้นี่ เสร็จแล้วเหรอ” เขาชี้วนๆอยู่แถวถาดเหมือนไม่รู้จะอธิบายยังไง

“อื้ม ใกล้เสร็จแล้ว”

“…เป็นก้อนแบบนี้เนี่ยนะ?!” อ่า…ผมรู้แล้วล่ะว่าเขาสงสัยเรื่องอะไร

“หึหึ ไม่ใช่หรอก มานี่สิ” เจย์มีท่าทีลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินมายืนอยู่ข้างผมตามคำบอก

“ใช้ปลายส้อมกดให้ก้อนคุกกี้แบนลง แบบนี้” ผมใช้ปลายส้อมกดแป้งคุกกี้ที่ปั้นเป็นก้อนให้แบนลง

“ลองทำดูสิ” ผมยื่นส้อมให้เขา และก็เป็นอีกครั้งของวันที่เจย์มีท่าทีเก้ๆกังๆทำอะไรไม่ถูก ดูแล้วผมรู้สึกว่ามันน่ารักดี

“อ่า ใช่แล้วๆ เก่งมาก” ผมตบมือชมเขาเปาะแปะส่วนเจย์ก็หันมาทำหน้าบูดใส่ผมแบบไม่ค่อยชอบใจนัก …แต่เมื่อกี้ผมแอบเห็นเขายิ้มด้วยนะครับ ...จริงๆนะ!



หลังจากที่ส่งคุกกี้สามถาดเข้าเตาอบจนครบแล้วผมกับเจย์ก็ช่วยกันจัดใส่จานรวมทั้งจัดใส่ห่อน่ารักๆไว้ด้วย …ถึงแม้ว่าภายนอกของเขาจะดูแข็งกระด้างแต่ผมก็รู้สึกว่าจิตใจของเขาอ่อนโยนกว่าท่าทีที่แสดงออกมา เจย์ดูตั้งใจกับการจัดห่อคุกกี้เอามากๆ แทบจะลืมไปด้วยซ้ำว่าผมอยู่ด้วย แต่เขาก็ทำมันออกมาได้สวยจริงๆ

เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาเลิกงาน ลูกค้าก็ทยอยเข้ามาในร้านเยอะพอๆกับที่ผมคาดการไว้ ดูเจย์จะตกใจหน่อยๆที่เห็นคนเยอะขนาดนี้ เพราะเขาจะมาที่ร้านหลังจากปิดแล้วทุกวัน หลังจากที่ผมต้องเข้าไปอบคุกกี้เพิ่มอีกสองถาดและขายหมดอย่างรวดเร็ว ลูกค้าก็เริ่มจะบางตาลงพร้อมๆกับท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม

“เจเจ อ่ะ พี่ให้”

“…อะไร?” เขาขมวดคิ้วมองห่อกระดาษสีชมพูที่ผมยื่นให้

“คุกกี้ไง ที่เราช่วยกันทำ”

“เหอะ ใครช่วย” เขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แต่มือก็ยื่นมารับห่อขนมเอาไว้

“นี่ ถ้าอยากทำขนมอีก มาหาพี่ก็ได้นะ พี่จะสอนให้…แต่พี่ว่าวันนี้เธอรีบกลับเถอะ ฝนใกล้จะตกแล้ว” ผมมองออกไปนอกกระจกร้านที่มีท้องฟ้าสีดำสนิทปกคลุมทั่วทั้งเมือง เมฆก้อนใหญ่ลอยต่ำเมื่อช่วยเย็นทำให้วันนี้ยิ่งดูมืดครึ้ม ลมแรงพัดเข้ามาไม่หยุดราวกับเป็นการเตือนถึงพายุที่กำลังโถมเข้ามา

“อืม…” เขารับคำในลำคอก่อนจะหันไปเก็บกระเป๋าทำท่าจะเดินออกจากร้าน ผมเดินตามไปส่งเขาถึงประตู

“นี่…ที่ไปห้างวันนี้น่ะ…” เขาหันกลับมาหลังจากก้าวพ้นประตูออกไป ริมฝีปากบางเม้มติดกันแน่นเป็นเส้นตรงเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง

“อื้อ เธอไม่ได้ไปเที่ยวเล่นใช่มั้ย” ผมยิ้ม คิ้วของเขาย่นเข้ามากันเล็กน้อย ดวงตาคมโตหรี่มองผมเหมือนกำลังจะสื่ออะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไม่พูดออกมา

“…ไม่มีอะไร”

“ดะ เดี๋ยวสิ! เจเจ” ผมร้องเรียกตามแผ่นหลังที่ออกวิ่งไปโดยไม่หันกลับมา เสียงฟ้าร้องดังขึ้นเหมือนเป็นสัญญาณเตือนสุดท้ายก่อนฝนจะตก บรรณยากาศวันนี้คล้ายกับวันที่ผมเจอเจย์ครั้งแรก…แต่ผมหวังว่าคราวนี้เขาจะไม่ตากฝนจนตัวเปียกเหมือนลูกสุนัขหลงทางมาหาผมอีก…


........................................


 :call: :call: สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ!!! พี่มิณน้องเจย์กลับมาแล้ววว (คนเขียนก็กลับมาแล้วนะ เฮ่! :mc4: )

เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ไอ้เราก็เก่งคอมเกิ๊นนน เลยล่าช้าแบบนี้

ไม่รู้จะขอบคุณใครที่ข้อมูลในเครื่องยังไม่หาย :laugh: :laugh:

สุดท้ายก็ :L1: :monkeysad:ขอบคุณนักอ่านที่น่ารักทุกท่านนะคะะะะะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 2 [30/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 30-07-2014 20:12:18
เริ่มอยากรู้เรื่องของเจย์แล้ว ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลยน้า~

พี่มิณจริงใจดีมากเลย น่ารัก :mew1:

รอ่านตอนต่อไปนะจ้ะ สู้ๆน้า เคยอ่านเรื่องของเอเลยตามมาอ่านเรื่องนี้ด้วย o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 2 [30/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 30-07-2014 20:36:16
น่ารักจังเลย พี่มิณน่ารักมากๆเลย รอตอนต่อไปนะคะะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 2 [30/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-07-2014 21:45:59
 :3123: อบอุ่นจังเลย แอร๊ยย ฝนตกอีก มาต่อไวๆน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 2 [30/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ~PopPin[Pim]~ ที่ 02-08-2014 19:07:07
พี่มิณน่ารักจังเลยยยยย :-[ :-[

ส่วนน้อยเจย์ก็มีอะไรปิดบังอยู่น้าาาา มาต่อไวๆนะคะ :call: :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 2 [30/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 02-08-2014 19:49:38
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก
อยากอ่านต่อๆๆ
หนูเจย์อึนๆ นะ 55

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 2 [30/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 02-08-2014 21:04:55
หนูเจเจมึนๆๆ ส่วนมิณก็อึนซะอะนะ
คู่มึนอึนจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 2 [30/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 05-08-2014 10:18:18
พี่มิณ น่ารักจังเลย

เจย์ ตอนนี้ให้อารมณ์เหมือนเด็กที่หนีออกจากบ้านเลยอ่ะ

มาต่ออีกไวไวน้า

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 2 [30/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 05-08-2014 15:56:01
ไปทำอะไรที่ห้างน้ออ แล้วมีเรื่องกับใครหน้าถึงช้ำ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 2 [30/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 05-08-2014 18:19:50
น่ารักมากๆ
รีบมาต่ออีกนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 2 [30/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ~PopPin[Pim]~ ที่ 09-08-2014 15:18:14
แอบแวะเข้ามาส่องหลายรอบมากค่ะ  :laugh:
คิดถึงน้องเจเจ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 2 [30/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: +zoLoMegWoz+ ที่ 16-08-2014 21:54:29
ยังรอน้องเจเจอยู่เสมอ... คนเขียนจ๋ามาเถอะ มาเถอะ เพี้ยงงงง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 2 [30/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 16-08-2014 23:07:01
น่าติดตามๆ ชอบมากเลย รักในร้านกาแฟเนี่ยยย อิอิ
เรื่องเก่านี่ อ่านจบทำเอาเพ้อไปสามวัน คืออบอุ่น คือเขิน คือฟินมากกกค่ะ
เกาะหน้าจอรอตอนต่อไป สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 2 [30/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 16-08-2014 23:26:23
น้องเจมีอะไรในใจน้อ :hao4:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 2 [30/07/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 20-08-2014 20:28:49
Chapter 3





“พี่มิณรอใครอยู่คะ” พนักงานสาวหน้าตาน่ารักถามขึ้นที่หน้าเคาน์เตอร์ทำให้ผมละลายตาจากกระจกหันไปมอง เด็กสาวเจ้าของผมสีเข้มเหยียดตรงสลวยและดวงตากลมโตสีเดียวกันกำลังเอียงคอมองผมอย่างสงสัย

“เปล่า พี่ไม่ได้รอใคร น้ำยังไม่กลับเหรอ ร้านจะปิดแล้วนะ” ผมว่าเมื่อเห็นนาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง ผมให้พนักงานที่เป็นผู้หญิงเลิกงานก่อนร้านปิดได้ เพราะถ้าให้เด็กผู้หญิงเดินทางคนเดียวตอนดึกๆคงอันตรายแย่

“กำลังจะกลับพอดีเลยค่ะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะคะ” เธอยิ้มน่ารักก่อนจะเดินออกไปสวนกับชายหนุ่มสองคน ซึ่งช่วงนี้ผมคุ้นหน้าคุ้นตาดี…




“อาร์…” ชายหนุ่มชาวต่างชาติหน้าตาหล่อเหลาเดินเข้ามาในร้านยิ้มทักทายผมเล็กน้อยก่อนจะเรียกชื่อพนักงานที่เหลืองอยู่เพียงคนเดียวในร้านตอนนี้

“อ๊ะ วิคเตอร์ เลิกงานแล้วเหรอครับ” อาร์ผละมือจากการเช็ดโต๊ะเดินเข้าไปหาคนมาใหม่…อืม…ผมจะทำเป็นมองไม่เห็นตอนที่เขาหอมแก้มกันนะครับ …ชู่วววว

“สวัสดีครับ” เสียงทักจากด้านหน้าทำให้ผมหันกลับมามอง ชายหนุ่มอีกคนที่ตอนนี้ผมคุ้นหน้าคุ้นตาดีกำลังส่งยิ้มกว้างมาทางผม

“สวัสดีครับ วันนี้คุณรอนจะรับอะไรดี”

“ขอชาอุ่นๆซักแก้วก็พอครับ…เรียกผมว่ารอนเฉยๆก็ได้”

“ครับ” ผมยิ้มก่อนจะลงมือชงชา

รอนทำงานอยู่บริษัทใกล้ๆ ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่าเป็นบริษัทเดียวกับคุณวิคเตอร์ลูกค้าขาประจำของร้าน จริงๆแล้วเขาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยของอาร์แต่มีรับจ๊อบเป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงินของบริษัท…บางทีผมก็รู้สึกว่าโลกนี้มันกลมอย่างน่าประหลาดนะครับ


ผมชำเรื่องมองคนหน้าเคาน์เตอร์ที่กำลังส่งยิ้มมาทางผมเล็กน้อย รอนเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง เขามักจะใส่สูทเรียบร้อยเสมอแม้ว่าจะเลิกงานแล้ว และถึงแม้เส้นผมและดวงตาจะเป็นสีน้ำตาลเข้มแต่ก็พอจะรู้ว่ามีเชื่อสายชาวต่างชาติผสมอยู่…บริษัทนี้เขามักจะรับแต่คนต่างชาติหน้าตาดีเข้าทำงานรึยังไงกันนะ

เขาแวะเข้ามาคุยงานกับคุณวิคเตอร์เมื่ออาทิตย์ก่อนที่ร้านและหลังจากนั้นเขาก็กลายมาเป็นลูกค้าประจำอีกคนของร้านนี้ในขณะเดียวกันผมก็ไม่เคยเจอลูกค้าประจำที่มักจะชอบมาเวลาร้านปิดอีกเลยนับจากนั้น


…เด็กคนนี้มันยังไงกันน้า จู่ๆก็หายไปแบบนี้


“คุณมิณรอใครอยู่ครับ”

“หือ? เออ เปล่าครับ” ผมคุ้นๆเหมือนเพิ่งจะได้ยินคำถามนี้ไปเมื่อไม่ถึงสิบนาทีที่ผ่านมา

“ผมเห็นคุณมองออกไปนอกร้านหลายครั้งแล้ว”

“อ่อ ผม…มองหาลูกสุนัขน่ะครับ”

“สุนัข?”

“ครับ คราวก่อนมันวิ่งมาหลบฝนในร้าน …แต่ตอนนี้มันทิ้งผมไปไหนก็ไม่รู้”

“คุณคงเป็นห่วงมันมาก พันธุ์อะไรครับ”

“อืม…น่าจะเป็นร็อตไวเลอร์นะครับ หึหึ” ผมว่าพลางนึกถึงลูกสุนัขตัวนั้น อ่า…ผมจะบอกรอนดีมั้ยนะ ว่าเจ้าลูกสุนัขตัวนั้นชื่อเจเจ

“…? ไม่นึกว่าคุณจะชอบสุนัขพันธุ์ใหญ่แบบนั้นเลยนะครับ”

“อ่า ก็นะครับ ถ้าไปแกล้งมันมันจะดุเอามากๆเลยล่ะ แต่ถ้าเอาขนมให้กินล่ะก็ว่าง่ายสุดๆเลย” ผมยิ้มกว้างแถมยังหลุดหัวเราะออกมานิดๆ

“ขนม???” รอนย่นคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เชื่อหู ส่วนผมรู้สึกเหมือนหยุดตัวเองไม่ให้หัวเราะไม่ได้
ผมหวังว่าประโยคสนทนาบทนี้จะไม่ถูกนำไปเผยแพร่ที่ไหนให้รู้ถึงหูเจ้าตัวนะครับ เงียบๆไว้ เจ้าลูกสุนัขตัวนี้ฟังภาษาคนรู้เรื่องนะครับ




หลังจากปิดร้าน ผมทำความสะอาดเคาน์เตอร์อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงพลางมองออกนอกหน้าต่างไปพลาง ส่วนใหญ่แล้วผมจำลูกค้าที่มาบ่อยๆได้แทบทุกคน หรือแม้แต่คนที่มาไม่กี่ครั้ง ยิ่งคนที่มาเป็นประจำด้วยแล้ว ผมจะเป็นห่วงเป็นพิเศษถ้าพวกเขาหายไป

ถ้าหากว่าเขาหายไปเพราะไปทานร้านอื่นผมยังจะรู้สึกดีมากกว่าหากพวกเขาเป็นอะไรไปหรือต้องย้ายที่อยู่ไปที่อื่นแล้วผมไม่รู้เรื่องอะไร คนเราถึงแม้จะไม่ได้สนิทชิดเชื้อหรือรู้จักกันดี แต่ถ้าเจอกันบ่อยๆล่ะก็มันมักจะเกิดเป็นความผูกพันขึ้นมาได้ง่ายๆนะครับ …ครั้งนี้ก็เหมือนกัน

ผมรู้สึกเหมือนเจย์มีอะไรปิดบังอยู่ แต่มันก็ไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่จะต้องมาบอกเจ้าของร้านกาแฟธรรมดาๆแบบผม แต่ผมก็อดห่วงไม่ได้จริงๆสิน่า เจ้าเด็กคนนี้นี่นะ!

ผมเก็บเค้กที่เหลือไว้ให้เจย์ชิ้นหนึ่งเข้าตู้เย็นก่อนจะปิดร้านให้เรียบร้อยและขึ้นไปชั้นบนหลังจากตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง…พรุ่งนี้ผมคงจะต้องทิ้งร้านไปสักพักเพื่อทำธุระนิดหน่อย

“พี่มิณไปไหนครับ” อาร์ที่เพิ่งจะเปิดประตูเข้ามาในร้านเพื่อทำงานกะบ่ายทักผมแทบจะทันที คิ้วเรียวบางขมวดมุ่น ดวงตากลมโตสีน้ำตาลกระพริบมองผมปริบๆ บางทีผมก็ไม่ค่อยประหลาดใจเท่าไหร่ที่เด็กคนนี้ชอบถูกแกล้งประจำ หึหึ ก็ดูหน้าตาซื่อๆนั่นสิครับ

“พี่ไปธุระข้างนอก ฝากร้านด้วยนะ” ผมว่าพลางผลักประตูออกไป

“เดี๋ยวสิครับ…” ผมไม่ทันฟังว่าอาร์พูดอะไรต่อ แต่ได้ยินเสียงพนักงานสาวของร้านดังแว่วมาแต่ไกล

“ไอ้จืด!! มาถึงแล้วก็รีบทำงานเซ่!!”




ผมเดินทอดน่องอย่างไม่รีบร้อนไปตามทางเท้า ถึงแม้แสงแดดในยามบ่ายจะจัดขนาดไหน แต่ในย่านธุรกิจที่รายล้อมไปด้วยตึกสูงไม่ต่ำกว่าสิบชั้นมากมายขนาดนี้ แทบจะเรียกได้ว่าเดินในร่มเกือบจะตลอดเลยก็ว่าได้

ผมเดินผ่านป้ายหินอ่อนที่มีชื่อโรงเรียนชื่อดังสลักเอาไว้เข้ามาภายใน เวลานี้คงได้เวลาเข้าเรียนภาคบ่ายแล้ว เด็กๆถึงดูบางตาแถมบรรณยากาศภายในโรงเรียนก็เริ่มเงียบสงบ

…ผมจำไม่ได้ด้วยสิว่าเจเจอยู่ห้องอะไร ผมรู้แค่ว่าเขาเรียนอยู่ปีสุดท้ายแล้วเท่านั้น

บางทีผมก็รู้สึกรำคาญนิสัยที่อยู่ๆคิดจะทำอะไรก็ทำโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีๆก่อนของตัวเอง
ผมเดินอ้อมสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ไปตามร่มเงาของตึกและต้นไม้จนมาถึงอาคารสามชั้นสีครีมสะอาดตาที่ชั้นล่างน่าจะเป็นห้องติดต่อประชาสัมพันธ์

“ขอโทษนะครับ ผมมาตามหานักเรียนที่นี่” เจ้าหน้าที่สาวเงยหน้าจากกองเอกสารขึ้นมามองผมเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้

“นักเรียนชื่ออะไร อยู่ชั้นไหนคะ”

“เจตนิพัทธ์ ชั้นมอหกครับ”

“อืม..อยากให้ประกาศให้มาพบมั้ยคะ” เธอถามหลังจากป้อนข้อมูลบางอย่างลงในคอมพิวเตอร์

“เออ ไม่ครับไม่ ผมแค่มาดูว่าน้องยังมาโรงเรียนอยู่รึเปล่า”

“อ๋อ น้องมาโรงเรียนทุกวันค่ะ แต่บางวันมาสายนะคะ”

“อ่อ…ครับ ขอบคุณมาก” ผมกล่าวลาก่อนจะเดินออกมา

ผมสบายใจขึ้นเปราะหนึ่งหลังจากรู้ว่าเจเจยังสบายดี เขายังเด็ก เบื่อเร็วเป็นธรรมดา ตอนนี้เขาอาจเจอที่นั่งเล่นถูกใจๆที่ใหม่เข้าแล้วล่ะมั้งนะ

ระหว่างทางเดินออกจากโรงเรียนในหัวผมก็คิดถึงของที่กะจะซื้อระหว่างทางกลับ พรุ่งนี้ผมอยากทำเค้กชอกโกแลตกับคุกกี้ คงจะต้องแวะซุปเปอร์มาร์เกตใกล้ๆก่อนกลับร้าน แถมกระดาษโพสอิทที่ร้านก็ใกล้จะหมดแล้ว …

“คุณมิณ” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ผมหันกลับไปมอง ชายหนุ่มลูกครึ่งที่ช่วงนี้คุ้นหน้าคุ้นตากันดีกำลังยืนจ้องมาทางผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ” รอนถามขณะเดินเข้ามาใกล้ มุมปากเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ผมสงสัยอยู่ได้ไม่นานก็นึกถึงเหตุผลที่เขามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ เขาสอนอยู่ที่มหาลัยในเครือของโรงเรียนนี้ ทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยไม่มีรั้วกั้น ถ้าจะเจอที่นี่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

“ผมมาตามหาน้องครับ”

“น้อง? คุณมิณมีน้องเรียนที่นี้ด้วยเหรอครับ”

“เออ ก็ไม่ใช่น้องแท้ๆหรอกครับ เราแค่รู้จักกัน”

“แล้ว…ตอนนี้คุณจะกลับแล้วเหรอครับ ไปทานข้าวกับผมก่อนมั้ย”

“เออ…เดี๋ยวผมต้องแวะซื้อของระหว่างทาง” ผมตอบเลี่ยง

“ไม่เป็นไรครับ ผมมีสอนบ่ายสองโมงครึ่ง”

“…งั้นก็…”



“โครมมมมม!!!”

เสียงดังเหมือนข้าวของกระแทกกันล้มจากมุมตึกหลังใกล้ทำให้พวกเราหันไปมอง ตามด้วยเสียงเอะอะโวยวายเสียงดัง ผมเดินเข้าไปใกล้พลางรู้สึกกังวลใจกลัวว่าจะเป็นอุบัติเหตุ มุมตึกเต็มไปด้วยโต๊ะและเก้าอี้เก่าวางซ้อนกันเอาไว้สูงที่ตอนนี้ล้มระเนระนาด เมื่อเดินลึกเข้าไปทำให้ผมเห็นร่างเด็กนักเรียนชายประมาณสามคน แล้วหนึ่งในนั้น…

“เจเจ..?” เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อหันขวับมาทางผมอย่างรวดเร็วดวงตาคมโตเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจในมือกำของสิ่งหนึ่งแน่น

“…”

“เธอมาทำอะไรที่นี่ ทำไมไม่ขึ้นไปเรียน” ผมถามพลางเดินเข้าไปใกล้ในขณะที่เขายืนนิ่ง

“…” ในมือกำห่อกระดาษแน่นที่ข้างในเต็มไปด้วย…มวนกระดาษสีขาว

“เจเจ…นั่นมัน…”

“คุณมิณครับ” เสียงรอนดังแทรกเข้ามาจากด้านหลังและกำลังเดินเข้ามาใกล้ เจย์จ้องผมนิ่งขมกรามแน่นจนเห็นเป็นสันนูนแต่กลับไม่ยอมพูดอะไร

“เจย์ พี่…เจย์!!!” ผมร้องเรียกเมื่อเขาเริ่มออกวิ่ง สองขาก้าวตามไปโดนไม่ต้องคิดแต่กลับถูกมือหนึ่งดึงไว้

“คุณมิณครับ เข้ามาทำอะไรในนี้ มันอันตรายนะครับ” รอนขมวดคิ้วจ้องมองผมด้วยความสงสัย

“เออ…ขอโทษครับ ผมจำคนผิดเลยเดินตามมา”ผมตอบพลางหันไปมองทางเดินแคบๆที่ตอนนี้ว่างเปล่า

“งั้นเรากลับกันเถอะครับ ผมจะพาไปทานข้าวแล้วไปส่งคุณที่ร้าน” รอนยิ้มก่อนจะเดินนำออกไป

“…คุณรอนครับ ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ คุณกลับไปก่อนเถอะครับ”

“ธุระ? ให้ผมไปส่ง…”

“ไม่ครับ! ไม่เป็นไร” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง รอนชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวลาผมแล้วเดินจากไป โดยทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ให้ผมพร้อมกับที่อยู่ห้องทำงาน



ผมเดินออกมาจากช่องแคบของตึกสู่ลานโล่งที่มีชุดโต๊ะไม้ตั้งเรียงกันอยู่หลายสิบชุดและเลือกหนึ่งในนั้นไว้หย่อนตัวนั่งลงไป…อีกไม่นานโรงเรียนคงจะเลิก ยังไงซะผมก็อยากจะคุยกับเจย์ให้รู้เรื่อง ว่าเขามีปัญหาอะไรกันแน่

ดวงอาทิตย์ค่อยๆคล้อยจากเหนือศีรษะต่ำลงเรื่อยๆ รอบตัวผมเริ่มมีนักเรียนนักศึกษาเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เจอคนที่ผมต้องการจะคุยด้วย

“Rrrrrr” เสียงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงทำให้ผมละสายตาจากผู้คนที่เดินไปมา

“สวัสดีครับ”

“พี่มิณ? อยู่ไหนครับ ใกล้จะกลับมารึยัง” เสียงไม่สูงไม่ต่ำของเด็กหนุ่มคนหนึ่งกรอกมาตามสายอย่างร้อนรน

“พี่อยู่ใกล้ๆนี่เอง อาร์มีอะไร”

“เออ ตอนนี้คุกกี้ที่พี่ทำใกล้จะหมดแล้ว แถมลูกค้าก็เยอะขึ้น พวกผมทำคุกกี้ไม่อร่อยเหมือนที่พี่ทำอ่ะครับ โอ๊ยย! ตีผมทำไม!?” เสียงดังโวยวายตามมาทำให้ผมฟังไม่รู้เรื่อง ก่อนเสียงของอาร์จะถูกแทนที่ด้วยอีกเสียงหนึ่ง

“พี่มิณคะ น้ำเองนะ พี่มิณจะกลับมาตอนไหนคะ”

“อืม…พี่จะรีบกลับนะ อยู่ใกล้ๆนี่เอง” ผมมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะรีบผลุดลุกขึ้น เงยหน้ามองตึกเรียนสูงสี่ชั้นตรงหน้าก่อนจะถอดใจหันหลังเดินกลับออกจากโรงเรียน




เวลาสีโมงกว่าไปจนถึงหกโมงจะเป็นเวลาที่มีลูกค้าเยอะเป็นพิเศษ ผมกลับไปถึงร้านต้องรีบเข้าครัวเพื่ออบคุกกี้เพิ่งสามถาดและออกมาดูแลลูกค้าข้างนอก เมื่อรู้ตัวอีกที น้องฟ้าด้านนอกก็เริ่มเปลี่ยนสี วันนี้ฝนก็ทำท่าเหมือนจะตกอีกแล้ว…

ผมปิดร้านตรงเวลาหลังจากกล่าวลาลูกค้าประจำสองคนสุดท้ายและพนักงานคนสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ผมใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการค้นวัตถุดิบจากในครัวเพื่อจะทำขนมในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากวันนี้ไม่มีแม้แต่เวลาจะแวะซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เกตใกล้ๆ ความปวดเมื่อยเข้าจู่โจมตามกล้ามเนื้อส่วนต่างๆทำให้ผมต้องหยุดเพียงเท่านี้…พรุ่งนี้คงทำได้แค่เค้กกล้วยหอมละมั้ง…

ผมเดินมาหยุดยืนหน้าประตูกระจกใสของร้านมองออกไปยังถนนที่มีรถสัญจรไปมากับผู้คนที่เดินสวนไปมาถึงแม้จะบางตาลงมาก …แต่เจย์ก็ยังไม่มา…

ความเหนื่อยล้าทำให้ผมเลือกจะหันหลังเดินกลับขึ้นไปชั้นบนเตรียมตัวนอนเพื่อพรุ่งนี้ผมจะต้องออกจากร้านแต่เช้าไปโรงเรียนใกล้ๆนี้ ให้ทันก่อนเวลาเข้าชั้นเรียน…

เสียงฝนกระหน่ำตกลงมาบนหนังคาปลุกผมให้ตื่นกลางดึก ละอองเย็นของสายฝนถูกลมแรงพัดให้กระจายเข้ามาภายในห้องผ่านหน้าต่างที่เปิดอ้าไว้ ผมเหลือบมองนาฬิกาบนหัวเตียงที่บ่งบอกเวลาดึกมากแล้วก่อนจะค่อยๆยันตัวลุกขึ้น

ท่ามกลางความมืดสลัวผมเดินลงมาสำรวจความเรียบร้อยของร้านที่ตอนนี้บริเวณด้านหน้าถูกกระแสลมพัดเข้าใส่อย่างน่ากลัว เศษกระดาษปลิวกระจัดกระจายเล็กน้อยส่วนไฟที่หน้าร้านยังคงสว่างไสว และนั่นทำให้ผมเห็นเงาร่างหนึ่งบริเวณม้านั่งหน้าร้าน เจ้าของผมสีดำสนิทเสยลวกๆไปด้านหลังอย่างไม่ตั้งใจ…

ผมเย็นและละอองฝนกระทบเข้ากับใบหน้าเมื่อผมผลักประตูร้านออกไป เด็กหนุ่มร่างสูงเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมกับเบิกตาสองคู่ที่แดงก่ำมองผมอย่างตกใจ แขนสองข้างกอดลำตัวไว้บรรเทาความหนาวเย็น ชุดนักเรียนเปียกลู่แนบลำตัวที่ตอนนี้กำลังสั่นเทา

ผมไม่ดีใจที่ต้องมาเห็นเขาอีกครั้งในสภาพนี้ แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะบอกว่าดีใจ ที่เขากลับมาหาผม

“เจเจ…”

เจย์มองผมนิ่งด้วยสีหน้าตกใจที่ไม่คิดจะปิดบัง ริมฝีปากบางขยับไปมาเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าใบหน้าแบบนี้ของเขากำลังแสดงความดีใจอยู่นะ




… เจ้าลูกสุนัขหลงทางตัวนี้นี่น้า


........................................

 :hao5: :3123: สวัสดีและกราบบบบ ขอโทษนักอ่านทุกท่านค่ะ :3123: :3123:

ทิ้งน้องเจย์ไปซะนาน คนเขียนกลับมาแล้วนะคะ แหมมม นักอ่านยังอยู่กันมั้ยน้อออ :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 20-08-2014 20:35:54
 :L2: แอบมาส่อง

ยินดีต้อนรับกลับค้าาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 20-08-2014 21:00:59
ยังรออยู่จ้า

ชักสงสัยแล้วว่าทำไม เจย์ ถึงมาตากฝนอยู่ที่หน้าร้าน

เหมือนเด็กหนีออกจากบ้านเลย

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 20-08-2014 21:16:34
โอ้ยยย ค้างงง คิดถึงค่าอย่าหายไปนานอีกนะจ้ะะ
ลุ้นมาก เกิดอะไรขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-08-2014 23:28:59
ตามมาจากเรื่องที่แล้วค่า    ขอบคุณค่ะ   นิยายน่ารักมากอ่านแล้วอมยิ้มตลอด  ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 20-08-2014 23:43:12
น้องเจย์นี่จะกระตุ้นต่อมอยากเลี้ยงเด็กเกินไปล่ะนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 20-08-2014 23:44:29
มายั่วพี่มิณให้...แล้วก็จากไปนะน้องเจย์ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 22-08-2014 00:25:38
อ้าวทำไมมานั่งหน้าร้านละ อย่าบอกนะว่าวันอื่นๆก็ทำ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 22-08-2014 01:46:57
น้องเจย์หนูมีปัญหาอะไรคะลูกกกกก
มีแววว่าจะเป็นปัญหากับที่บ้าน
มีอะไรไม่สบายใจบอกพี่มิณเค้าได้นะคะคนดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 22-08-2014 08:16:00
คนอ่านยังอยู่ค่าาาา 555
นัองเจย์กลับมาแล้วววว ทิ้งพี่ชายไปซะนาน คิดถึงจะแย่ ><
แอบค้างเบาๆ รอตอนต่อนะค้าา
ปล. อิจฉาวิคอาร์นะเนี่ยยย หวานเว่อร์จริงๆเล้ยยย อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ~PopPin[Pim]~ ที่ 22-08-2014 20:47:58
 :mc4: :mc4:  เย่ๆๆๆ น้องเจเจกับพี่มิณกลับมาแล้ว ตอนนี้มีหลายประเด็นมากเลยค่ะ ทั้งนายรอนทั้งน้องเจ
นายรอนมีโอกาสเป็นศัตรูหัวใจน้องเจรึเปล่าน้าาาา

ปล คุณวิคเตอร์กับน้องอาร์น่ารักมากค่ะ :o8: ขอกลับไปอ่านเรื่องนั้นอีกรอบ :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 22-08-2014 21:35:01
อืม มาเป็นร่มให้น้องเจย์ดีกว่า อิอิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: +zoLoMegWoz+ ที่ 25-08-2014 19:21:45
เย่ๆ คนเขียนกลับมาแล้ว อิฉันก็ไม่ได้เข้ามาอ่านสักพักแล้วเหมือนกันเจ้าค่ะ ติดช่วงรับน้อพอดี กลับห้องแทบสลบไม่ได้อ่านนิยายเลย T^T แต่จะพยายามติดตามน้องเจเจต่อไป วะฮะฮ่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 28-08-2014 22:08:34
ชอบการบรรยายมาก ไหลลื่นสุด ๆ

สงสารเจย์ ถึงไม่รู้ว่าลำบากหรือทำอะไร

แต่อ่านแล้วพอจะเข้าใจเลยล่ะ

พี่มิณเป็คนดีมากเลย ทำเอาเจย์ไว้ใจโดยไม่รู้ตัวล่ะมั้ง

ยังไงก็มาหาพี่ ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น อยากรู้ไปหมด
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ~PopPin[Pim]~ ที่ 06-09-2014 10:27:42
กลับมาอ่านอีกรอบค่ะ จะมีมินิโมเม้นน่ารักๆมาให้อ่านแก้คิดถึงอ๊ะเป่าน้าา :heaven
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 06-09-2014 11:09:42
เหมือนสุนัขหลงทางจริงๆอะแหละ
ช่วยน้องด้วยนะะพี่มิณ
 :mew2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 3 UP! [20/08/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 14-09-2014 23:11:05
Extra - JJ





ผมกำลังมองโลกผ่านสายตาที่เห็นทุกอย่างเป็นสีขาวกับดำ รอยยิ้มที่เป็นเหมือนหน้ากาก ความห่วงใยที่เสแสร้ง การคบกับเพื่อผลประโยชน์ และ…การโกหก…

“วันนี้ครูที่โรงเรียนโทรมาบอกว่าแกไปสาย” เสียงทุ้มของผู้ชายเจ้าของผมสีดอกเลาข้างๆไม่ได้ทำให้ผมละสายตาออกไปจากวิวทิวทัศน์ของตึกสูงใหญ่รอบตัวที่ค่อยๆผ่านไปเรื่อยๆตามความเร็วของรถ ในหูทั้งสองข้างเสียบหูฟังที่ไม่ได้เปิดเพลงเอาไว้

“ฉันให้รถไปส่งแกตรงเวลา แต่ทำไมแกถึงไปเรียนสาย!?” เขาเริ่มขึ้นเสียงและผมก็ยังคงทำแบบเดิม…

“เจย์!!!!” แรงกระชากหูฟังให้หลุดออกจากหูไม่ได้ทำให้ผมสนใจเขามากนัก ตรงกันข้าม ผมรู้สึกรำคาญ

“จอด” ผมพูดเสียงเรียบขณะเก็บหูฟังยัดใส่กระเป๋าเป้ รถทั้งคันค่อยๆชะลอตัวลงก่อนจะจอดติดเครื่องไว้ริมทางเท้า ผมก้าวลงจากรถโดยไม่สนใจเสียงเรียกที่ตามหลังมา ก้าวเดินออกไปเรื่อยๆโดยไม่หันกลับไปมอง จนรู้สึกตัวอีกทีที่สนามบาสเล็กๆแห่งหนึ่ง

ปลายนิ้วของผมเริ่มเคาะลูกบาสที่ถูกวางทิ้งไว้เบาๆและเร็วขึ้นเรื่อยๆดังก้องไปทั่วสนามที่ไร้ผู้คน เสียงบาสกระทบกับพื้นและเสียงตาข่ายของห่วงเสียดสีกับลูกบาสดังสลับกัน แป้นไม้เก่าๆส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่ผมโยนลูกยางลงไป ความวุ่นวายในสมองค่อยๆถูกแทนที่ด้วยจังหวะหนักหน่วงและเสียงลมหายใจที่หอบถี่

“สวบ!” ลูกยางลอดผ่านห่วงเป็นลูกที่หนึ่งร้อยก่อนที่ผมจะหมุนมันเล่นบนปลายนิ้ว ท้องฟ้ายามพลบค่ำดูมืดครึ้มกว่าปกติ ลมเอื่อยๆพัดมากระทบร่างทำให้ผมหันไปมองรอบๆ ผมไม่ชอบความวุ่นวาย…แต่ผมก็ไม่ชอบความเงียบ…


ผมเดินออกจากสนามบาสก้าวเท้าเร็วๆไปตามทางเท้าที่ผู้คนเริ่มบางตาออกทางตรอกเล็กๆที่เชื่อมกับถนนใหญ่ ความสว่างของไฟข้างถนนทำให้ผมต้องหรี่ตาเล็กน้อยเพื่อปรับสภาพการมองเห็นแต่ก่อนที่จะได้ก้าวเดินต่อ ฝนเม็ดใหญ่ก็เริ่มตกลงมา ถึงมันจะเป็นแค่หยดน้ำเล็กๆแต่ผมกลับรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่พวกมันกระทบโดนตัว…ผมเกลียดฝน…


มีร้านเล็กๆอยู่ไม่ไกลจากนี้ ผมอ่านชื่อร้านไม่ถนัดเพราะสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักแต่เท้ารีบก้าวเดินไปให้ถึงหน้าร้าน ภายในมืดสลัวมีเพียงแสงไฟจากหน้าร้านเล็กน้อยเท่านั้น ผมไม่มีเวลาคิดอะไรมาก มือผลักประตูร้านเข้าไปอย่างเร่งร้อน กลิ่นหอมของกาแฟลอยคลุ้งไปทั่วทั้งร้าน พร้อมกับกลิ่นของขนมปัง

แล้วก็ต้องผงะไปเล็กน้อยเมื่อหันไปมองรอบร้านและเจอกับคนๆหนึ่ง ชายหนุ่ม รูปร่างผอมบางที่ดูเหมือนชีวิตนี้ไม่เคยออกกำลังกายเลยกำลังมองผมอย่างงุนงงจากมุมหนึ่งของเคาน์เตอร์ ที่เอวมีผ้ากันเปื้อนมัดไว้หลวมๆ ส่วนในมือข้างหนึ่งถือแก้วเอาไว้

“เดี๋ยวสิ ข้างนอกฝนตกหนัก นั่งรอข้างในก่อนก็ได้” เสียงนุ่มไม่คุ้นหูดังขึ้นเมื่อผมทำท่าจะเดินออกจากร้าน เมื่อหันกลับไปมอง ชายหนุ่มคนนั้นกำลังยิ้มให้ผม…มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ …ชีวิตนี้เขาไม่เคยมีเรื่องทุกข์ใจเลยรึไงนะถึงยิ้มได้แบบนั้น

“อะนี่” นมอุ่นๆกับขนมปังถูกวางลงบนโต๊ะด้วยฝีมือของคนอีกคนหนึ่งในร้านเงียบๆแห่งนี้

เมื่อผมได้มองเขาใกล้ๆถึงรู้ว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่ดูเด็กเกินกว่าจะเป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆแบบนี้ ผมยาวประบ่าถูกมัดรวบสูงไว้ที่กลางศีรษะ ปล่อยปอยผมบางส่วนให้ตกลงมาล้อมกรอบใบหน้า  ผิวขาวจัด คิ้วเรียวสวยและจมูกโด่ง เขาเป็นชายหนุ่มธรรมดาทั่วไป แต่กลับทำให้ผมรู้สึกไม่ถูกชะตาได้ตั้งแต่แรกเห็น…ผมไม่ชอบดวงตาคู่นั้นที่มองผมเหมือนเป็นเด็กๆและ…รอยยิ้มนั่นก็ด้วย…

มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่ว่าผมจะพยายามจ้องมองเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกเคลือบแคลงสงสัยเลยสักครั้ง…





ผมไม่เคยคิดจะกลับไปเหยียบร้านกาแฟนั้นอีกเป็นครั้งที่สองและคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องบอกชื่อหรือทำความรู้จักกับเจ้าของร้านท่าทางแปลกๆนั่น แต่ล่าสุดผมเพิ่งจะบอกชื่อเขาไปและตอนนี้…ปลายเท้าทั้งสองข้างก็มาหยุดยืนตรงทางเท้าหน้าร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่ง ป้ายไม้สลักตัวอักษรสีทองเรียบง่ายแขวนไว้เหนือศีรษะ ‘Every time Café’

“เจเจ” บุคคลเพียงคนเดียวในร้านร้องทักเมื่อผมผลักประตูเข้าไป…ผมบอกเขาหลายครั้งแล้วว่าไม่ชอบให้เรียกแบบนั้น…

“นี่ วันนี้พี่ทำเค้กส้มนะ เก็บไว้ให้เธอชิ้นหนึ่ง” เขายิ้มกว้างก่อนจะรีบยกมันออกมาจากตู้เย็น เค้กชิ้นขนาดกลางราดซอสสีส้มอ่อนถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับนมอุ่นๆอีกหนึ่งแก้ว …เขาไม่ยอมให้ผมดื่มกาแฟด้วยเหตุผลที่ว่าผมยังเป็นเด็ก… เหอะ! ร้านกาแฟที่บังคับลูกค้าแบบนี้ยังไม่เจ๊งได้ยังไงกัน…!?

“พรุ่งนี้เธออยากกินอะไร เค้กมะพร้าวกับเค้กชอกโกแลต อันไหนดี” เขาท้าวคางมองผมยิ้มๆ

“ไม่อยากกิน!”

“อ๋อ…ชอกโกแลตใช่มั้ยล่ะ” หัวเราะในลำคอเบาๆขณะเทนมอุ่นใส่แก้วของตัวเอง

“บอกว่าไม่อยากกินไง!!”

“อืม…เธอชอบสตรอเบอร์รี่หรือเชอร์รี่มากกว่ากันล่ะ” จิบนมก่อนจะถามผมทั้งรอยยิ้ม…เขาเป็นคนที่ชอบกวนโมโหผมมากกว่าใครๆ…น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกโมโหอย่างที่ตัวเองคิดไว้…

“…”

“หึหึ” เขาหัวเราะเบาๆก่อนจะเร่งให้ผมดื่มนมเยอะๆ ผมเหลือบมองชายหนุ่มรูปร่างผอมบางที่ดูยังไงก็เหมาะกับงานออฟฟิศมากกว่าร้านกาแฟที่กำลังเช็ดแก้วเงียบๆอยู่อีกฝั่งของเคาน์เตอร์ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ผมแวะมาที่ร้านแห่งนี้ ครั้งแรกเพราะความบังเอิญ ครั้งที่สองเพราะผมแค่เดินผ่าน และครั้งนี้...ผมก็แค่เดินผ่านอีกนั่นล่ะ…

ผมรู้สึกว่าคนตรงหน้าเป็นคนแปลกๆ เขาทำตัวสนิทกับผมตั้งแต่วันแรกทั้งๆที่เราไม่เคยรู้จักกัน แถมที่ผ่านมายังยอมให้ผมอยู่ที่ร้านทั้งๆที่ปิดแล้วอีกต่างหาก เขาไม่คิดว่าผมจะเป็นโจรมาปล้นร้านบ้างหรือยังไง!? หลายครั้งที่ผมคิดว่าคนๆนี้ใจดีจนน่ากลัว…และน่าเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก…

“นี่…ให้อยู่ตอนร้านปิดแบบนี้ไม่กลัวรึไง”

“หือ?? ไม่เป็นไรหรอก พี่เป็นเจ้าของร้านนี่ ไม่มีใครว่าหรอก” เขาละความสนใจจากแก้วในมือเงยหน้าขึ้นมาตอบผม

“…” …ให้ตาย ผมไม่ได้ห่วงเขาเรื่องนั้นซักหน่อย…

“ทำไม? เธออยากพาเพื่อนมาเหรอ” เขามองผม ทำหน้าสงสัย

“เปล่า! กลับล่ะ” ผมวางช้อนลงก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางประตู

“เดี๋ยวสิ พรุ่งนี้อย่าลืมมากินเค้กชอกโกแลตล่ะ” เขาเดินตามออกมาขณะผมผลักบานประตูกระจกให้เปิดอ้าออก ดวงตาขี้เล่นหยีเล็กลงจากรอยยิ้มที่ยิ้มกว้าง

“…”



ผมก้าวเดินออกมาโดยไม่พูดอะไรก่อนจะเลี้ยวเข้ามาในซอยตันแคบๆหลังจากเดินตามทางเท้าได้สักพัก จากตรงนี้มองเห็นร้านกาแฟที่ผมเพิ่งเดินออกมาได้ถนัด ไฟหน้าร้านเปิดสว่าง ส่วนภายในเปิดไฟไว้แค่บริเวณเคาน์เตอร์ มองเห็นเงาคนๆหนึ่งเดินไปมาภายในร้าน

วันแรกที่เจอกันผมเดินย้อนกลับมาเพราะคิดจะเอาผ้าขนหนูมาคืน ไฟหน้าร้านเปิดสว่างเหมือนวันนี้ ภายในร้านไม่มีผู้คน แต่ในห้องครัวเปิดไฟสว่าง เหมือนคนๆเดียวที่อยู่ข้างในกำลังง่วนกับงานในครัว และวันนั้นทำให้ผมได้รู้ว่ายังมีคนที่ประมาทไม่ล็อกประตูทั้งๆที่เป็นร้านอาหารทำกำไรได้มากมายและยังโชคดีไม่โดนปล้นอยู่บนโลกนี้ด้วย

ผมพลิกรังไม้เก่าๆที่เหมือนจะมีคนเอามาทิ้งไว้ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่ง นึกขอบคุณคนเอามาทิ้งที่ทำให้ผมไม่ต้องยืนจนขาแข็งเหมือนหลายวันที่ผ่านมา สายตาจ้องมองบานประตูกระจกร้านกาแฟสลับกับมองผู้คนและรถที่สัญจรไปมา

เข็มสั้นบนหน้าปัดนาฬิกาชี้อยู่กึ่งกลางระหว่างเลขเก้ากับเลขสิบ เงาคนๆหนึ่งก็เดินออกมายืนหลังประตูกระจก เขามองผ่านกระจกใสออกไปรอบๆร้านเหมือนสังเกตความเรียบร้อยก่อนจะกดล็อกประตูและเดินกลับเข้าไป เจ้าตัวเดินง่วนอยู่ภายในร้านสักพักไม่นานไฟภายในร้านก็ดับลงทีละดวงก่อนจะมืดสนิท

ผมยันตัวลุกขึ้นบิดร่างกายให้หายจากอาการเมื่อยล้าก่อนจะหันหลังก้าวเดินต่อไปตามทางที่ผมควรจะเดินไปตั้งแต่เกือบสองชั่วโมงที่แล้ว…ผมไม่คิดว่าถ้าร้านกาแฟเล็กๆร้านหนึ่งถูกปล้นมันจะเกี่ยวอะไรกับชีวิตผม แต่ผมก็ไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เช่นกัน

ผมชอบบอกเขาว่าไม่มีเงิน ทั้งๆที่ในกระเป๋ามีเงินและบัตรเครดิตมากพอจะเหมาของได้ทั้งร้าน หรือบางทีภายในร้านเล็กๆนั่นอาจจะมีสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าขนมฟรีๆล่ะมั้ง…






“Rrrrr”

“ครับ?” ผมหยิบเครื่องมือสื่อสารจากในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดรับขณะเดินออกจากโรงเรียน

“วันนี้คุณหนูจะให้ไปรับกี่โมงครับ” เสียงชายวัยกลางคนดังมาตามสาย …เป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยมากกว่าพ่อแท้ๆซะอีก

“ไม่ต้อง ผมจะกลับเอง”

“แต่ช่วงนี้คุณหนูกลับดึกทุกวัน ถ้าคุณผู้ชายรู้…”

“ไม่เป็นไร ผมดูแลตัวเองได้” ผมพูดตัดบทก่อนจะเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าสะพาย





สองขาก้าวเดินไปตามทางเท้าริมถนนเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆสู่สนามบาสที่ผมเคยมาเมื่อหลายวันก่อน มีเด็กหลายคนเล่นอยู่ที่นี่ และผมก็คิดว่ามันสนุกดีที่จะใช้เวลาช่วงเย็นไปกับการเล่นกีฬา

หลังจากผ่านไปหนึ่งเกมโดยที่แต้มนำอยู่ ผมออกมาพักข้างสนามและหยิบนาฬิกาข้อมือที่ถอดเก็บไว้ในกระเป๋าขึ้นมาดูเวลา มันบอกเวลาเกือบจะสองทุ่มแล้ว

ผมกล่าวลาเพื่อนๆที่เล่นบาสด้วยกันก่อนจะเดินออกมาสู่ทางเท้าริมถนนใหญ่ แสงไฟริมถนนและร้านค้าสว่างไสว ผมก้าวเดินอย่างไม่เร่งร้อนจะถึงร้านกาแฟเล็กๆร้านหนึ่ง มีคนๆหนึ่งเดินออกมาจากร้าน เด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมเดินยิ้มออกมาจากร้านตรงไปหาชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนรออยู่ด้านหน้า เข้ามีรูปร่างสูงใหญ่และโครงหน้าของชาวต่างชาติชัดเจนจนสะดุดตา ผมหยุดยืนรอให้ทั้งคู่เดินจากไปก่อนจะผลักประตูเข้าไปในร้าน

เค้กชอกโกแลตสีเข้มพร้อมกับสตรอเบอร์รี่ลูกโตวางทอปปิ้งอยู่ด้านบนถูกวางลงตรงหน้าผมทันทีที่หย่อนตัวลงนั่งพร้อมด้วยร้อยยิ้มกว้างของคนทำ

“เจเจ”

“หืม?”

“ออกจากร้านไปไม่ได้ไปเที่ยวต่อใช่มั้ย” ผมขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมองคนถาม

“ถ้าไปแล้วจะทำไม”

“อ๋อออ ตอบแบบนี้แสดงว่าไม่ได้ไปใช่มั้ย” แววตาจริงจังในตอนแรกเปลี่ยนเป็นแววตาขี้เล่นแบบทุกครั้ง แถมด้วยความเอ็นดูเหมือนกับผมเป็นเด็กๆ ผมรู้สึกใบหน้าร้อนขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ

“อะไร!? ไปสิ มีที่ให้ไปตั้งเยอะตั้งแยะ”

“อ๋อๆ เข้าใจแล้วๆ คิกๆ” ดวงตากลมหยีเล็กกว่าเดิมพร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดปากเหมือนพยายามจะกลั้นหัวเราะเต็มที่ แต่ผมได้ยินเสียงหัวเราะเต็มสองหู ผมได้แต่กัดฟันกรอด รู้สึกอยากเอาครีมบนเค้กนี่ป้ายหน้าเขาชะมัด !

“ทำไมมองแบบนั้น แล้วนั่นหัวเราะทำไม!?”

“ฮ่าๆ เปล่าๆ เออ นี่ ว่างๆจะมาเมื่อไหร่ก็ได้นะ ไม่ต้องมาค่ำขนาดนี้หรอก”

“…”

“แล้วก็ ถ้าจะอยู่ดึกกว่านี้ก็ได้นะ แต่ต้องบอกที่บ้านก่อน เดี๋ยวจะเป็นห่วงกัน”

“…” …ไม่มีใครห่วงซักหน่อย

“…”

“กลับล่ะ” ผมวางช้อนลงหลังจากทานหมดแล้ว

“อื้ม กลับบ้านดีๆนะ” เขายิ้ม โบกมือลาหย่อยๆ ทุกครั้งที่มาผมสังเกตเห็นป้ายบอกวันและเวลาเปิด-ปิดร้านทุกครั้ง อดแปลกใจไม่ได้ว่าร้านนี้เปิดเช้าและปิดค่ำแทบจะทุกวันแม้กระทั่งวันหยุด เพียงแค่วันหยุดสุดสัปดาห์จะเปิดแค่ครึ่งวัน ผมนึกสงสัยว่าผู้ชายรูปร่างผอมบางอย่างนี้เอาแรกทำงานเยอะแยะแบบนี้มาจากไหนกัน

“…ร้านนี้เปิดทุกวันใช่มั้ย” ผมลองถามเพื่อความแน่ใจ แต่ลึกลงไปแล้วผมรู้สึกถึงความหวังบางอย่างที่ค่อยๆก่อตัวขึ้น

“ใช่ วันหยุดจะมาเล่นกับพี่ก็ได้นะ” ผมขมวดคิ้วจ้องมองบุคคลตรงหน้า เขาเป็นคนที่นิสัยเสียสุดๆ ทั้งชอบเรียกชื่อผมแปลกๆ ทั้งชอบกวนโมโห ทั้งชอบพูดเองเออเอง


“…ใครบอกว่าจะมา!”





ผมไม่คิดจะเดินเข้าไปใกล้ร้านนั้นเมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์…ผมก็แค่จะไปเล่นบาสกับเพื่อนๆที่สนามใกล้ๆเท่านั้น ใครจะไปอยากเจอเจ้าของร้านจอมพูดมาก นิสัยเสียชอบกวนโมโหคนนั้นกัน


“กรุ้งกริ้ง~~” เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้นเมื่อผมผลักบานกระจกเข้าไป ร้านกาแฟที่เปิดครึ่งวันในวันหยุดตอนนี้ไร้ลูกค้าคนอื่นๆ ผมขมวดคิ้วกับเค้กชอกโกแลตที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์พร้อมกับนมอีกหนึ่งแก้ว

“เจเจ กะแล้วว่าเธอต้องมา พี่เก็บเค้กไว้ให้ชิ้นหนึ่งด้วยนะ” เจ้าของเสียงเดินออกมาจากในครัว เขายิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ท่าทางมั่นใจว่าผมจะต้องมา…ผมบอกแล้วว่าเขาเป็นคนนิสัยเสีย ชอบคิดเองเออเอง…





ผมก็แค่เดินผ่านมาเท่านั้น…



.........................................

 :pig2: :pig2: สวัสดีนักอ่านทุกท่าน!!! คนเขียนกลับมาแล้วค่ะ แฮ่!! :hao6:

มาพร้อมตอนพิเศษของน้องเจเจ เพราะตอนหลักยังดองอยู่ (อ่าว!?) :a5:

5 5  5 ยังไงก็ขอบคุณนักอ่านที่ยังคงรอติดตามนะคะ (แม้ว่าคนเขียนจะชอบหายแว๊บไปบ่อยๆก็ตาม)

 :pig4: :pig4: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 15-09-2014 00:27:06
อย่าแวบไปไหนบ่อยนะะะ น่ารักจังเลย เจเจนี่ปากแข็งจัง555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 15-09-2014 09:17:44
แค่เดินผ่านมาหรอ เจเจ ผ่านมาถึงร้านทุกรอบเลยนะ

55555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ~PopPin[Pim]~ ที่ 15-09-2014 20:55:21
โอ้ยยย น้องเจน่าร้ากกกก!! เป็นห่วงพี่มิณด้วยยย><!!

เลิกปากแข็งได้แล้วมั้งงง เจเจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 17-09-2014 08:17:59
แอ่ะๆ น่ารักอ่ะ ใครกันแน่ทึ่คิดเองเออเอง 555
น้องเจเจปากแข็งอ่ะ เป็นห่วงก็บอกโลดดด แหมๆ ถึงขนาดมานั่งมองกลางค่ำกลางคืนทีเดียวนะ
ส่วนพี่มิณ หลังจากอ่านตอนนี้จบ ทำให้คิดว่า พี่แกนี่กวน... จริงๆแหล่ะ กร๊ากกกก
ต่างคนก็ต่างห่วงกันเนอะ น่ารักมากๆ ดูอบอุ่นสุดๆ
ปล. คุณคนเขียนอย่าแว๊บบ่อยน้าาา คิดถึงงงง 55
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 17-09-2014 11:28:17
 :-[ น้องเจเจน่ารัก แล้วจะรออ่านต่อน๊า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 17-09-2014 15:12:04
น่ารัก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 17-09-2014 16:04:56
น่ารักกกกกกกกกกก -/////////-
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 17-09-2014 18:12:23
น้องเจเจน่ารักจังแอบมาเป็นบอดี้การ์ดให้พี่มิณซะด้วย  :eiei1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 17-09-2014 21:31:54
ฟินสุดยอดดดด. มุ้งมิ้งมาก เจย์ซึนมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 18-09-2014 01:49:19
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
น้องเจเจคนวึนนนนนนนนนนน :hao3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 18-09-2014 13:53:36
น้องเจเจ มีปมกับที่บ้านซินะ


 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: thepopper ที่ 18-09-2014 18:44:38
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 25-09-2014 00:11:25
ก๊อกๆๆ พี่มิณ น้องเจเจ อยู่ไหมเอ่ยยย อิอิ
คิดถึงจังเลยยย รออยู่นะคะ~
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 26-09-2014 22:19:09
งื่ออออ ตามมาจากอีกเรื่องจ้า ทำไมหนูเจเจมันซึน มันซึน มันซึนช่ายม๊ายยยยยยยย

พี่มิณก็คนดี๊คนดี หนูเจเจต้องตกหลุมรักแน่ๆเลย
อยากอ่านต่อ มาต่อนะคะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 27-09-2014 10:15:40
โถๆๆๆ ลูกหมาแสนซึน นี่จะทั้งเก๊กและปากไม่ตรงกับใจไปถึงไหน รู้ป่าวว่ามันน่าแกล้งมากกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Ningg.Destiny ที่ 28-09-2014 02:03:28
 :pighaun: :pighaun:

พี่มิณท์น่ารักมากกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว)
เจเจก็ปากแข็งได้อีก เป็นห่วงเค้านั่งเฝ้าหน้าร้านให้ด้วย
55555555 ลุกหมาน้อย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 06-10-2014 23:17:26
แหม แค่ตนเดินผ่านสินะ เจเจ :haun5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 08-10-2014 21:55:01
ซึนให้ได้ตลอดนะน้องเจเจ  :m4:

รอจ้าาา :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 09-10-2014 13:11:21
ชอบมากค่ะ

เมื่อไหร่จะมาต่อค่ะ

อยากอ่านมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 10-10-2014 10:12:18
อยากอ่านต่ออีกอ่า มาต่ออีกน้าาาาาาาาาา น้าาาาาาา ♥
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 10-10-2014 14:35:07
 :L2: คิดถึงน้องเจเจ คนเขียนกลับมาต่อเถอะน๊า ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - JJ [14/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 16-10-2014 17:39:52
Chapter 4





“มานั่งอยู่ข้างนอกตั้งแต่เมื่อไหร่ หือ? ทำไมไม่เรียกพี่ล่ะ” ผมว่าหลังจากพาเจย์เข้ามาในร้านและหาผ้าขนหนูผืนหนาให้เขาเช็ดตัว ริมฝีปากบางที่สีจางกว่าปกติเม้มแน่นเป็นเส้นตรง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันกับดวงตาขวางๆนั่นยังเหมือนเดิม ถึงหน้าจะซีดไปหน่อยก็ตาม

“จะเรียกทำไม ไม่ได้อยากเจอซักหน่อย” เขาว่าพลางทำหน้าบึ้งและดึงชายผ้าขนหนูขึ้นขยี้ผมที่มีหยดน้ำหยดลงมา

“อ่อออ ไม่อยากเจอ แต่มานั่งหงอยหน้าร้านเนี่ยนะ” ผมว่าเสียงสูงพร้อมกับยิ้มล้อ เจย์เป็นคนที่โกหกแล้วน่าแกล้งมาก

“นั่งหงอย!?....กลับล่ะ!” เขาเบิกตากว้างร้องทวนคำก่อนจะทำเสียงไม่สบอารมณ์

“เดี๋ยวๆ พี่ล้อเล่นๆ” ผมใช้แรงทั้งหมดรีบรั้งตัวเขาเอาไว้ …เด็กอะไรตัวโตชะมัด เล่นเอาผมเกือบปลิวแหนะ

“…”

“นี่ ดึกขนาดนี้แล้วทำไมมาอยู่นี่ล่ะ แถมมานั่งตากฝนแบบนี้อีก ไม่สบายขึ้นมาจะว่ายังไง” ถึงผมจะดีใจที่เขากลับมาที่ร้าน แต่การกลับมาในรูปแบบนี้ผมรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย

“…”

“เฮ้อ แล้วฝนตกหนักขนาดนี้จะกลับบ้านยังไงล่ะ” ผมบ่นเบาๆพลางนึกไปถึงรถเวสป้าแก่ๆของตัวเองที่พอฝนตกขึ้นมาก็หมดสถานะการเป็นพาหนะทันที

“ไม่กลับบ้าน!”

“…เจเจ ….อืม งั้นเธอตามมานี่สิ” ผมตัดสินใจกลืนประโยคคำถามกลับลงไปในคอก่อนจะเดินนำเขาเข้าไปหลังร้าน ถึงผมจะสงสัยเรื่องปัญหาของเขาขนาดไหน ผมก็อยากจะให้เขาเริ่มพูดก่อนอยู่ดี…เฮ้อ ผมชักจะทำตัวเหมือนคุณพ่อเลี้ยงลูกวัยรุ่นเข้าไปทุกทีซะแล้ว

“ไปไหน” เราหยุดยืนตรงบันไดไม้ที่กว้างพอประมาณให้คนสองคนเดินสวนกันได้ โคมไฟสีส้มด้านบนส่องแสงสว่างให้เห็นห้องโถงด้านบน

“ก็เธอไม่อยากกลับบ้านไม่ใช่เหรอ คืนนี้ก็นอนที่นี่ก่อนสิ พี่ปล่อยเธอออกไปข้างนอกคนเดียวไม่ได้หรอก” ผมว่าพลางก้าวเท้าขึ้นบันได แผ่นไม้ส่งเสียงลั่นเบาๆตามจังหวะการเดิน



ห้องโถงโล่งของชั้นสองมีชุดโซฟาเก่าๆที่ไม่ค่อยได้มานั่งตั้งอยู่พร้อมกับชุดโฮมเธียร์เตอร์(ที่ก็ไม่ค่อยจะได้ใช้เหมือนกัน) รอบๆเต็มไปด้วยกล่องรังกระดาษซึ่งตอนนี้ผมลืมไปแล้วว่าด้านในใส่อะไรอยู่ ชั้นหนังสือไม้สูงท่วมหัวที่บนนั้นมีแต่ตำราทำขนมวางชิดริมผนังฝั่งขวา ผมเดินเลี้ยวขึ้นบันไดอีกชั้นสู่ส่วนห้องนอน ก่อนจะเปิดไฟทั้งชั้นให้สว่าง

ตึกของร้านมีทั้งหมดสี่ชั้นแต่ผมปล่อยชั้นสี่ว่างไว้เพราะไม่รู้ว่าจะใช้ทำอะไร ข้าวของส่วนใหญ่ก็เก็บไว้ที่ร้านหรือไม่ก็ชั้นสอง ส่วนชั้นสามเป็นห้องนอนที่ตอนนี้มีเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งยืนขมวดคิ้วอยู่กลางห้อง

“เจเจไปอาบน้ำสิ พี่จะหาชุดให้” ผมย้ำอีกครั้งหลังจากบอกไปครั้งหนึ่งแล้วเขาก็ยังคงยืนนิ่ง

เจ้าตัวยืนเก้ๆกังๆอยู่สักพักก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป ผมเปิดประตูตู้เสื้อผ้าพร้อมกับลงมือค้นชุดเนื้อผ้าสบายๆที่ไซท์ใหญ่พอจะให้เจย์ใส่ได้ เสียงสายน้ำกระทบกับพื้นกระเบื้องดังแว่วผ่านเข้ามาในหู

ใช้เวลาสักพักผมก็เลือกชุดได้ชุดหนึ่ง มันเป็นชุดนอนลายการ์ตูนหมีที่เสื้อมีฮู้ดลักษณะคล้ายหูติดอยู่ ผมซื้อมาจากเพื่อนที่เป็นนักออกแบบเสื้อผ้า เพราะไม่คิดว่าจะใส่อยู่แล้วก็เลยเลือกไซท์เสื้อส่งๆไปจนใหญ่เกินขนาดตัว ไม่นึกเลยว่าจะได้มีวันใช้ด้วย

ในขณะที่กำลังชื่นชมกับชุดนอนที่เพิ่งจะได้มีวันใช้อยู่นั้นต้นคอสัมผัสก็ได้ถึงความเย็นของอะไรบางอย่างจนผมสะดุ้ง

เจย์ออกจากห้องน้ำมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ยืนอยู่แทบจะติดกับผม ยกปลายนิ้วเย็นๆที่สัมผัสกับต้นคอผมเมื่อกี้ไปขยี้ผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนศีรษะส่วนผ้าขนหนูผืนใหญ่อีกผืนก็พันรอบเอวเอาไว้หลวมๆ

“ระวังตัวซะบ้าง …อยู่กับคนแปลกหน้าน่ะ” เจ้าตัวว่าเสียงเรียบ

“…หือ? อะไรกัน เจเจไม่ใช่คนแปลกหน้าซะหน่อย… รีบใส่เสื้อผ้าเร็ว เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”

“…..!!!!??? นั่นมันชุดบ้าอะไร” เขาเบนสายตาไปมองชุดนอนที่แขวนไว้ที่ประตูตู้เสื้อผ้าก่อนจะหันมามองผมตาเขียว

“ชุดนอนไง น่ารักใช่มั้ยล่ะ เหมาะกับเธอเลยนะ”

“ใครมันจะไปใส่ไอ้ชุดบ้านี่!?” เจย์ร้องพร้อมกับชี้ปลายนิ้วไปยังชุดนอนลายหมีตรงหน้า

“เอ้า! แต่พี่มีชุดเดียวนะที่เธอพอจะใส่ได้ พี่อุตส่าหาให้เลยนะ” ผมพูเสียงเบา

“ก็…” เจย์ทำเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ผมก็ขัดขึ้นซะก่อน

“พี่อุตส่าหาให้แท้ๆเลย …เจเจใจร้ายมาก!” ผมว่าก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้อง (ไม่ลืมปิดประตูเสียงดังเพิ่มความสมจริง) และแอบเห็นสีหน้าตื่นตกใจของเขาผ่านหางตา หึหึ เด็กน้อย… เดี๋ยวถ้าผมกลับเข้ามา เขาจะต้องนั่งรออยู่พร้อมกับใส่ชุดนอนลายหมีแน่ๆเลย


หลังจากกลั้นขำอยู่หลังประตูห้องสักพักผมก็ลงไปจักการความเรียบร้อยด้านล่างร้านอย่างไม่รีบร้อน ลงกลอนประตูที่เพิ่งเปิดไปเมื่อกี้รวมถึงเก็บข้าวของเล็กน้อย เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็กลับเข้ามาในห้อง ตอนแรกผมกะว่าจะแกล้งทำเป็นโกรธต่อสักหน่อย แต่พอเห็นสภาพเด็กหนุ่มตัวใหญ่ในชุดนอนลายหมีแล้ว ผมก็หลุดขำพรืดออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“อุ๊บ! ฮะฮะ ฮ่าๆๆๆ เจเจ ฮ่าๆ น่ารักมากเลย” ผมหัวเราะร่าก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจใกล้ๆเจย์ที่นั่งทำหน้าบูดอยู่บนเตียง เหมือนเขาจะคิดหนักไม่น้อยก่อนจะใส่ชุดนี้

“นี่!...หลอกกันเหรอ!?”

“อะไรกัน พี่หลอกอะไรเธอตอนไหน ฮ่าๆ” ผมพูดไปหัวเราะไปจนจังหวะพูดฟังดูแปลกๆ

“ฮึ่ย!” เจย์ส่งเสียงในรำคออย่างเจ็บใจแต่ก็เหมือนจะทำอะไรได้ไม่มาก

“คิกๆ”

“หยุดหัวเราะได้แล้ว!” เขาร้อง ขมวดคิ้วมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าที่ใส่เสื้อยืดคอกว้างหลวมๆกับกางเกงสั้นประมาณเข่าด้วยสายตาแปลกๆ คงไม่ชินตากับชุดสบายๆแบบนี้ ถึงปกติผมจะไม่ใช่คนแต่งตัวเรียบร้อยอะไรก็เถอะ

“…”

“เดี๋ยวสิ เธอจะไปไหน”

“ไปนอน” เจย์ที่ผุดลุกขึ้นจากเตียงเดินห่างออกไปหันมาตอบ

“ไปนอนที่ไหน? พี่มีห้องนอนห้องเดียวนะ” ผมว่าก่อนจะเดินไปดักหน้าเขาไว้ จริงๆแล้วชั้นนี้ก็พอจะมีห้องว่างไว้ใช้ทำห้องนอนหลายห้องอยู่เหมือนกัน แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะทำให้เยอะทำไมในเมื่อผมอยู่คนเดียว

“โซฟาข้างล่าง”

“ฝุ่นเยอะจะตาย พี่ไม่ได้ใช้นานแล้ว นอนที่นี่แหละ ไม่เบียดหรอก” ผมเหลือบมองเตียงคู่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ดูยังไงก็สามารถนอนได้มากกว่าสองคนด้วยซ้ำไป

“…”

“เอาน่า เจเจอย่างอแงสิ พี่ง่วงแล้ว” ผมว่าพร้อมกับรุนหลังเขาให้เดินกลับเข้าไปในห้อง ได้ยินเสียงบ่นงึมงำเบาๆแต่ผมทำเป็นไม่ได้ยิน



“เธอต้องกินยากันไว้ก่อน เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา อืม…อยู่ไหนเนี่ย” ท้ายประโยคผมพูดกับตัวเองเพราะยังหายาแก้หวัดที่จำได้ว่าเคยมีไม่เจอสักที เสียงค้นตู้เก็บของเป็นเสียงเดียวที่กำลังดังอยู่ในห้องตอนนี้ถ้าไม่นับเสียงสายฝนจากด้านนอก แต่ทั้งห้องก็ไร้คำพูดอยู่ได้ไม่นานเมื่อเจย์เริ่มเป็นฝ่ายพูดขึ้น

“ที่โรงเรียนมีเพื่อนคนหนึ่งชอบถูกพวกเกเรรีดไถประจำ…”

“หืม…?” เขาไม่สนใจผมที่ขมวดคิ้วเป็นเครื่องหมายคำถามอย่างไม่เข้าใจ เด็กหนุ่มเอนตัวลงพิงกับหัวเตียงด้วยท่าทางสบายๆสายตาทอดมองสายฝนนอกหน้าต่างที่ดูเหมือนจะตกยาวไปตลอดทั้งคืนจนถึงเช้า

“วันนั้นเพราะไม่มีเงินให้ เลยถูกพวกนั้นเอาแหวนที่เป็นของต่างหน้าแม่ไปแล้วหนีไปเที่ยวที่ห้าง…ก็…แค่ตามไปเอาคืนให้เท่านั้นแหละ”

“เจเจ…”

“บุหรี่ที่โรงเรียนวันนั้นก็เป็นของคนอื่น แค่ผ่านไปเห็น…” เขาว่าต่อก่อนจะเหลือบมองผมนิดหน่อย

“หึ บอกไว้เฉยๆ ทนเห็นสีหน้าอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวน่ะ มันตลก” เจย์ส่งเสียงขึ้นจมูกก่อนจะมุดตัวลงไปอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา

“..เจเจ..! พี่ทำสีหน้าอยากรู้อยากเห็นตรงไหน พี่เป็นห่วงต่างหาก!” ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งที่ขอบเตียงพยายามเลิกผ้าห่มที่เขาคลุมโปงไว้ออกมา ในใจพลางนึกถึงสีหน้าตัวเองว่าจะเป็นสีหน้าอยากรู้อยากเห็นจนปิดไม่มิดแบบที่เจย์ว่ารึเปล่า

เรายื้อฉุดผ้านวมผืนใหญ่กันไปมาจนผมรู้สึกเหนื่อยและความรู้สึกเปียกชื้นจากเหงื่อที่ไหลซึมบริเวณขมับจึงเปลี่ยนมายีกลุ่มผมยุ่งๆสีดำใต้ผ้าห่มนั่นแทน …และได้ผล เจโผล่หน้าขึ้นมาจากกองผ้ามองผมตาขวางอย่างไม่ลบอารมณ์

“อย่าสิ ไม่ใช่หมานะ”

“หึหึ เจเจเด็กดี ทำไมไม่บอกพี่แต่แรกล่ะ”ผมพูดพลางลูบกลุ่มผมนุ่มนั่นเบาๆ ตอนแรกดูเหมือนเจ้าของจะไม่ชอบใจนักแต่สุดท้ายก็ยอมนอนนิ่งๆแต่โดยดี อืม…ผมว่าเขาเหมือนลูกสุนัขจริงๆนั่นแหละ

“ทำไมต้องบอก ..จะเชื่อรึไง”

“แล้วทำไมพี่จะไม่เชื่อเธอละ” ผมขมวดคิ้ว พยายามมองหน้าเขาที่ซุกลงกับหมอน

“…”

“นี่..ถ้ามีอะไรก็บอกพี่ได้นะ อืม…ถ้าไม่อยากบอก ก็มาเล่นกับพี่ก็ได้ ถ้าทำให้เจเจสบายใจขึ้น” ผมยิ้ม

บางทีอาจเพราะผมโตกว่าเขามาก เคยผ่านช่วงเวลาเดียวกับเขามาล่ะมั้ง ช่วงนั้นเป็นวัยที่กำลังสับสนและไม่มั่นคง เด็กๆจะถูกชักจูงได้ง่าย ผมไม่อยากให้เด็กดีๆแบบนี้ต้องเดินทางผิด อย่างน้อยการชักจูงให้เขามาร้านกาแฟบ่อยๆมันคงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรมั้ง…เออ…ผมคิดว่างั้นนะ…

“…ยุ่ง” เสียงตอบอู้อี้ดังมาจากในกองผ้าห่ม ผมหัวเราะเบาๆก่อนจะบังคับให้เขาลุกขึ้นมากินยานอกจากตัวใหญ่แล้วเจย์ยังแรงเยอะมาก เล่นเอาผมเหนื่อยกว่าจะทำให้เขากินยาลงไปได้


ผมทิ้งตัวลงนอนที่ว่างบนเตียงที่เหลือก่อนจะผล็อยหลับไปทันที ถึงจะเหนื่อยแต่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ผมเดินลงไปดูร้านข้างล่าง ถ้าไม่อย่างนั้นเจย์คงต้องตากฝนอยู่ด้านนอกทั้งคืน คิดได้แบบนั้นผมก็รู้สึกอยากตีเด็กข้างๆนี่ให้เข็ด มาถึงหน้าร้านแล้วแท้ๆแต่กลับไม่ยอมเรียกผม บ้าจริงๆเลย




คืนนั้นผมฝันแปลกๆโดยไม่รู้สาเหตุ จะว่าเพราะมีคนอื่นมานอนด้วยก็ไม่น่าจะใช่ ผมฝันถึงสัตว์หลายชนิด ตอนแรกผมคิดว่าน่าจะเป็นลูกสุนัขมันดมตามศีรษะและใบหน้าของผมจนจักกะจี้ไปหมดพอบ่ายหน้าหนีมันก็เริ่มซุกไซร้บริเวณซอกคอ ผมคิดว่าน่ารักดีถึงจะจักกะจี้ไปหน่อย แต่แล้วผมก็รู้สึกเหมือนโดนมดตัวใหญ่กัด ความรู้สึกเจ็บจี๊ดบริเวณต้นคอหลายครั้งทำให้ผมพยายามขืนตัวหนี แต่ก็รู้สึกถึงแรงรัดแน่นจนไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ แย่ล่ะสิ หรือผมจะโดนงูรัดเข้าแล้ว ผมรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก แถมรู้สึกถูกขบกัดตั้งแต่ซอกคอลงไปจนถึงอกแต่ขยับตัวหนีไม่ได้

“อื้ออ…” ผมครางอย่างอึดอัดพยายามพลิกตัวไปอีกทางแต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล ทันใดนั้นเองแรงรัดก็ค่อยๆคลายลง ผมขยับร่างกายให้ผ่อนคลายมากขึ้นก่อนจะรู้สึกถึงความหนักบริเวณบ่า กลุ่มขนนุ่มนิ่มคลอเคลียบริเวณข้างแก้ม …อ่า…เจ้าลูกสุนัขตัวแรกที่เข้ามาแน่ๆ ผมยกมือขึ้นไปสัมผัสกับกลุ่มเส้นขนนั้นก่อนจะขยี้เบาๆ มันขยับเล็กน้อยและเบียดตัวเข้าใกล้ผมมากขึ้น




อะไรกันล่ะเนี่ย นี่ผมจะต้องเลี้ยงลูกสุนัขตัวใหญ่ทั้งในชีวิตจริงและในฝันเลยเหรอ…!?

.........................................


สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ!!! :call: หลังจากหายไปจัดการมรสุมชีวิตซักพัก

คนเขียนกลับมาแล้วนะคะ :katai2-1: :katai2-1:

ขอไถ่โทษที่หายไปนานด้วยการแปะรูปผู้ใหญ่ขี้แกล้งนะคะ :m20: :m20:

(http://i58.tinypic.com/15gys6o.jpg)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 16-10-2014 17:53:31
คนเขียนมาแล้วววว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 16-10-2014 18:01:35
น้องหมาในฝันนั้นจะใช่ เจเจ มั้ยเนี่ย

5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 16-10-2014 20:46:37
น่ารักกก มาต่อบ่อยๆนะจ้ะ อยากอ่านต่อเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 16-10-2014 22:32:33
อั้ยย่ะ!!!  เจเจเนียนนนนนอะ
น่ารักนะเนี่ย
รอคนแต่งน้า เรื่องนี้น่ารักมากอะ ❤️
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-10-2014 22:52:17
 :hao5:  ปลื้มมม ในที่สุดก็มา
ลูกหมาขี้แกล้งหรือหื่นกันแน่ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 17-10-2014 00:12:06
ชอบ ขอปูเสื่อติดตามเรื่องนี้อีกคนนะคะ
ซึนตัวน้อย บ้านรวยแต่ไม่มีความสุข กับผู้ใหญ่ขี้แกล้งแต่เข้าใจเด็ก
อบอุ่นชะมัด  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 17-10-2014 00:37:34
แหม่ะเจเจทำอะไรคนหลับน่ะ แบบนี้เขาเรียกรัก(คน)หลับนะ (ห๊ะพิมพ์ผิดหรอ พิมพ์ถูกแล้วเหอะ!) (ฮา)

ไหนเจเจ เห่าซิ ห้าๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 17-10-2014 01:30:39
ลูกสุนัขมันน่ารักกกกกกกกกกกกกกกก
รับเลี้ยงตลอดชีวิตเลยดีกว่าเนอะะะะ :katai3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ohho99 ที่ 17-10-2014 09:04:56
ฝันหรือเรื่องจิงคะ สงสัยน้องเจเจจะเริ่มรุกแล้ว
ชอบค่าเรื่องเด็กรุกผู้ใหญ่เนี่ย 555
ลงตอนใหม่ไวๆนะคะ รออ่านอยู่ค่ะ


เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 17-10-2014 09:26:24
ค้าาาางงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 17-10-2014 09:41:08
เจเจลักหลับพี่เค้าเหรอ :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 17-10-2014 10:46:20
 :o12: ดีใจเฟว่อ น้ำตาจิไหล คนเขียนกลับมาแล้ว
แต่แหมคุณพี่คิดจริงหรอว่าที่ฝันนะไม่ใช่เรื่องจริง อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 17-10-2014 15:31:53
คนเขียนกลับมาแล้ว
รออ่านอีกครับ น่ารักมาก
หมาตัวใหญ่ซึนได้อีก คิคิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 17-10-2014 16:47:35
อร๊ายยน่ารักมากก หมาน้อยสุดซึน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: jj_girl ที่ 17-10-2014 18:43:14
เจเจ เธอลวนลามผู้ใหญ่  เธอเนียนมากกกกกกกกกกก   :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 17-10-2014 18:54:33
ทำอะไรพี่เค้าเนี่ยเจเจ :katai3:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 17-10-2014 19:09:27
 :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 17-10-2014 20:44:51
น่ารักมากกกกก
เจเจทำอะไรอ่ะ เห็นพี่เค้าหลับไม่ได้เลยนะ เลิกปากแข็งได้แล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Raiwyn ที่ 18-10-2014 00:12:35
ฮอยยยย น่ารักมากกก  :m3: :m3: :m3: :m3: เจเจเด็กซึนชัดๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ~PopPin[Pim]~ ที่ 19-10-2014 12:23:15
โอ้ยยยย น่ารักกกกกก :pighaun: :pighaun:
พี่มิณดูแลน้องหมา(?) ดีๆน้า อย่าทิ้งน้องหมาน้า :monkeysad:

ป.ล.เหมือนน้องหมาจะติดเจ้าของนะคะ นัวเนียเจ้าของซะ :z1: :z1:

ป.ล.2 อิมเมจพี่มิณน่ารักมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 19-10-2014 13:27:26
ฝันแบบนี้ตื่นเช้ามาสงสัยจะมีรอยมดกัดคอติดมาด้วยซะล่ะมั้ง 555555

มาต่อเรื่อยๆน้าคนเขียน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 20-10-2014 20:02:18
เย้~ คุณคนเขียนกลับมาแล้ววว ดีใจๆ
ตอนนี้เจเจก็ยังปากแข็งเหมือนเดิม แต่คิดภาพใส่ชุดนอนแล้ว ..น่ารักอ่ะ!
ส่วนคุณพี่ชายก็ขี้แกล้งจังนะะ อยู่กับเด็กแล้วสดชื่นอ่ะดิ กร๊าก
รอตอนหน้านะคะ
ปล. อย่าบอกนะว่าหมาน้อยในฝันก็คือ ...?!
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 21-10-2014 21:12:22
น่ารัก รอนะคะ
เจเจลักหลับปะเนี่ย
อิอิ หมาน้อยเอ้ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: whynotme ที่ 23-10-2014 16:02:50
เรื่องจริงรึว่าฝันไป  พรุ่งนี้เช้าก็รู้...   :mew3:

น่ารักดีค่ะ  รออ่านตอนต่อไปนะคะ  :L2:   :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: yogurtjung ที่ 23-10-2014 22:48:29
หมาจริงๆแกล้งรึเปล่าคะ 555 รอตอนต่อไปนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วเจ้าจอม ที่ 24-10-2014 20:44:44
รอติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: whynotme ที่ 15-11-2014 23:18:24
เรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไรหนอ... อยากอ่านจัง  :hao4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 21-11-2014 10:49:28
คนแต่งหายยยยย
รออยู่น้าาาา
ตกลงนี่มันนิยายรายเดือนป้ะเนี่ยย
ถ้าใช่ขอโควต้าเดือนนี้หน่อยค่าา จะหมดเดือนแล้วว
คิดถึงงงงอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 28-11-2014 17:37:18
คนเขียนหายไปไหนละครับผม

ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกก น่ารักมากกกกกกกกกกกกกก
ติดตามมาตั้งแต่เรื่องของอาร์แล้วครับ

โอ้ย น่ารักอะ อ่านไปยิ้มไป ชอบเรื่องเบาๆแบบนี้มากอะ
สำนวนคนแต่งก็ถูกใจผมจัง

จะรออ่านต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 4 [16/10/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 16-12-2014 17:06:28
Chapter 5






“กริ๊งงงงงงงง!!!” เสียงนาฬิกาปลุกจากโต๊ะที่หัวเตียงดังลั่นทำให้ผมต้องรีบเด้งตัวขึ้นไปปิดอย่างรวดเร็วจนรู้สึกหน้ามืดเพราะกลัวคนข้างๆจะสะดุ้งตื่น ในตอนที่ความรู้สึกเลือนรางผมรู้สึกเหมือนมีอะไรผละออกไปจากตัวผมตอนตื่น ตอนแรกผมคิดว่าเป็นเจย์ แต่เมื่อหันไปมองเขากำลังนอนหลับสนิทโดยหันหลังให้ผมอยู่…สงสัยจะคิดไปเอง

ผมค่อยๆก้าวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบาและเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำ ไม่ลืมดึงผ้าห่มที่ร่นลงไปถึงเอวขึ้นคลุมให้กับคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ ผมต้องตื่นเช้าเป็นประจำบางครั้งนาฬิกาปลุกก็ไม่ค่อยจะจำเป็นเท่าไหร่ เพราะรู้ตัวอีกทีผมก็มักจะตื่นเวลาเดิมทุกๆวันแถมส่วนใหญ่ยังตื่นก่อนนาฬิกาปลุกด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนวันนี้ผมจะหลับสนิทไปหน่อย

ผมล้างหน้าก่อนจะมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก ผมรู้สึกว่าผมเริ่มยาวขึ้นนิดหน่อย แต่ผมก็ขี้เกียจจะไปร้านตัดอยู่ดี ถึงจะอยู่ถัดไปแค่ไม่กี่ซอยก็เถอะ มือคว้าหนังยางสีดำขึ้นมารวบผมไว้ครึ่งศีรษะแบบที่ชอบทำประจำ(คาดว่าถ้าผมไม่ไปตัดเร็วๆนี้มันจะมัดรวบได้ทั่วทั้งศีรษะอย่างแน่นอน) แต่วันนี้มันทำให้ผมเห็นรอยอะไรบางอย่างบริเวณต้นคอ

ร้อนจ้ำสีแดงหลายจุดบริเวณต้นคอและหน้าอกทำให้ผมขมวดคิ้วมุ่น เพราะไม่รู้สึกคันหรือเจ็บเลยไม่รู้ตัวว่ามีรอยพวกนี้อยู่ ผมใช้ปลายนิ้วลูบบริเวณรอยพวกนั้นเบาๆ …แมลงแปลกๆต้องมาอาศัยอยู่บนที่นอนแน่ๆ ดูเหมือนผมจะต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนแล้วล่ะ



ผมเดินอย่างเงียบๆมาจนถึงห้องครัวชั้นล่างและเริ่มค้นวัตถุดิบในการทำขนมวันนี้และได้พบว่าวัตถุดิบทั้งหมดพร่องไปเกินกว่าครึ่งแล้ว โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ร้านเปิดถึงแค่ช่วงเที่ยงเท่านั้น ผมคงจะต้องออกไปซื้อของเข้ามาเพิ่มสำหรับวันต่อไปแล้วล่ะ…

“เจเจ?? ตื่นเช้าจัง” ขณะที่กำลังร่อนแป้งสายตาก็เหมือนไปเหมือนเด็กหนุ่มที่ยืนพิงประตูห้องอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“โกหก ไหนว่าไม่มีชุด” เขาตอบกลับมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ผมเพิ่งสังเกตว่าเจ้าตัวไม่ได้ใส่ชุดนอนลายหมีน่ารักแบบเมื่อคืนแล้ว แต่เป็นเสื้อยืดพอดีตัว(ที่ดูเหมือนจะคับนิดหน่อย)กับกางเกงสามส่วนที่ผมคุ้นๆว่าจะเป็นของตัวเอง

“อ๊ะ เปล่านะ พี่ไม่เคยบอกว่าไม่มีนา หึหึ หิวรึยัง พี่ทำอะไรให้กินมั้ย” ผมแก้ตัวก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องเลี่ยงความผิด(?)

เจย์บ่นงึมงำอะไรซักอย่างในลำคอก่อนจะเดินเข้ามาและลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆโต๊ะทำขนมโดยไม่พูดอะไร ดูเขาจะสนใจการทำขนมไม่น้อย ผมให้เขาช่วยทำบ้างและก็อดขำกับท่าทีของเขาไม่ได้ และเจย์จะหันมาทำตาขวางใส่ผมทุกครั้งที่หลุดขำออกไป

การทำขนมไปสอนเด็กหนุ่มที่ทำขนมไม่เป็น(แม้แต่แป้งเจย์ก็ยังจำสับสน)ไปด้วยก็สนุกดีแต่มันก็ทำให้ผมทำขนมได้ช้ากว่าปกติอยู่มากทีเดียว กว่าจะเสร็จและยกมาวางหน้าร้านได้ก็ก่อนที่ลูกค้าคนแรกจะเข้ามาแค่ไม่กี่นาที

ความวุ่นวายภายในร้านเริ่มมากขึ้นเมื่อเข็มนาฬิกาชี้เวลาเจ็ดโมงครึ่ง ถึงจะเป็นวันหยุดแต่ก็มีหลายบริษัทที่ยังทำงานอยู่รวมถึงเด็กๆที่ต้องออกมาเรียนพิเศษกันแต่เช้า ถึงคนจะน้อยกว่าวันธรรมดาแต่ก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าไม่เหนื่อย



“ไปไหน” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังเมื่อผมพลิกป้ายแสดงสถานะปิดร้านและเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก

“ไปซุปเปอร์มาร์เกตใกล้ๆนี่เอง…ไปด้วยกันมั้ย” เจย์นิ่งคิดไม่นานก็พยักหน้าเบาๆเป็นการตอบตกลง ผมเช็คความเรียบร้อยของกลอนประตูหน้าต่างตามคำบอกของเจย์เป็นรอบที่สองก่อนที่เราจะเดินออกมาจากร้านได้ ผมสังเกตว่าเจย์ดูจะหงุดหงิดเป็นพิเศษเมื่อผมละเลยการล็อกกลอนประตูหน้าต่าง แต่ก็ดีนะครับเพราะมันทำให้เขาพูดมากขึ้น…พูดมากขึ้นเพราะบ่นผมน่ะนะ…


ไม่ถึงสิบนาทีเราก็มาหยุดยืนหน้าซุปเปอร์มาร์เกตขนาดกลางมีความสูงสองชั้นที่วันนี้ดูเหมือนคนจะเยอะเป็นพิเศษ อาจเพราะเป็นวันหยุดและช่วงต้นเดือนด้วย ผมหยิบเศษกระดาษเล็กๆที่จดรายการที่ต้องการซื้อเอาไว้ขึ้นมาดู เกินกว่าครึ่งเป็นวัตถุดิบในการทำขนม ส่วนที่เหลือเป็นของสดและของใช้จำเป็นเล็กน้อย

ผมเดินตรงไปยังแผนกขายวัตถุดิบทำขนมก่อนเป็นอันดับแรกและเลือกซื้ออย่างตั้งใจจนลืมอีกคนที่มาด้วยไปเสียสนิท อาจเพราะผมมาคนเดียวเป็นประจำทำให้ผมลืมสนใจคนที่เดินตามอยู่ข้างหลัง พอรู้ตัวอีกทีเขาก็หายไปไหนก็ไม่รู้

"ไปไหนของเขา.." ผมพึมพำเบาๆขณะสอดส่ายสายตามองหาร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง แต่ก็ต้องละสายตาหันกลับไปมองตามเสียงเรียกที่ดังขึ้นด้านหลัง

"คุณมิณ"ชายหนุ่มเชื้อสายต่างชาติในชุดสูทเรียบร้อยร้องทักผม ในมือหิ้วตะกร้าใบเล็กที่ข้างในใส่ของใช้จำเป็นสองสามอย่าง

"คุณรอน?" ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ ไม่นึกว่าจะเจอเขาในที่แบบนี้

"บังเอิญจัง มาซื้อของทำขนมเหรอครับ"

"ครับ อาทิตย์ก่อนผมไม่ได้มาซื้อ คราวนี้วัตถุดิบเลยขาดน่ะครับ"

"แล้วจะทำขนมอะไรครับ" เขาชำเรืองมองของในรถเข็นของผมอย่างสนใจ แต่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจนักว่ามันคืออะไรบ้าง

"อืม พรุ่งนี้ผมกะจะอบคุกกี้ครับ ส่วนวันต่อไปผมจะทำครัวซอง อ่า... แต่ผมยังคิดเมนูวันถัดไปไม่ออกน่ะ" ผมยิ้ม ยกมือขึ้นเกาแก้มแก้เก้อเพราะผมไม่เคยคิดเมนูขนมล่วงหน้าได้เกินสองวันเลยซักครั้ง

"หึหึ คุณนี่ถ้าเป็นเรื่องขนมละก็ดูตั้งใจมากๆเลยนะครับ"

"ฮะๆ ก็ผมเป็นเจ้าของร้านขนมนี่ครับ" ผมหัวเราะตามเขาและเราก็เริ่มหัวเราะพร้อมๆกัน

ตั้งแต่ผมรู้จักกับเขามา รอนเป็นคนนิสัยดีมากเลยทีเดียว ไม่เคยถือตัวกับใครๆรวมถึงผมที่เป็นแค่เจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ เขาและคุณวิคเตอร์เป็นหนึ่งในลูกค้าประที่ผมสนิทด้วยมากที่สุด นั่นทำให้ผมรู้สึกโชคดีแทนองค์กรที่ได้คนเก่งๆแถมนิสัยดีแบบทั้งสองคนไปร่วมงานด้วย

"คุณมิณ...ขอโทษนะครับ ที่คอ..." เขาชี้มือวนๆแถวคอตัวเองพร้อมกับส่งสายตาเป็นคำถามมาให้ผม

"อ๋อ นี่เหรอครับ ผมว่าผมน่าจะโดนแมลงกัดนะ แต่ก็ไม่ยักกะคัน"

"ขอโทษนะครับ" เขาว่าพลางขยับเข้ามาใกล้ พร้อมกับมือที่ปัดปอยผมบริเวณต้นคอของผมขึ้นเบาๆ


"ฉึบ!!!!" เสียงวัตถุบางอย่างตัดผ่านอากาศเสียงดังเฉียดปลายจมูกผมไปเล็กน้อย มันคือหนังสือเตรียมสอบมหาวิทยาลัยเล่มหนาลอยกั้นระหว่างหน้าผมกับมือของรอน...ใช่ และเจ้าของก็คือคนที่เพิ่งจะทำให้ผมต้องตามหา

"เฮ่!?" รอนอุทานอย่างตกใจปนหงุดหงิดพร้อมหันไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนคั่นกลางผมและเขาอยู่

"อย่าแตะ" เจย์พูดเสียงรอดไรฟันด้วยแววตาหงุดหงิด

"นี่..!!!"

"เออ รอนครับ ใจเย็นๆก่อน นี่น้องผมเอง" ผมรีบห้ามก่อนที่พวกเราจะเป็นเป้าสายตามากกว่านี้ เพราะเสียงการพูดคุยที่ดังกว่าปกติและคนที่เป็นจุดดึงดูดสายตาคนอื่นๆถึงสองคน...แน่นอนว่าไม่รวมผม

คนสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำให้ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาดูดีจนดึงดูดสายตาลูกค้าและพนักงานหญิงเกือบค่อนซุปเปอร์มาร์เกต และยิ่งมายืนด้วยกันแบบนี้ รอนดูมีเสน่ห์แบบชายหนุ่มวัยทำงานที่ดูจริงจังแต่ก็มีแววขี้เล่น ส่วนเจย์ถึงจะอายุยังน้อยแต่เขาก็เป็นเด็กหนุ่มที่ดูดีเอามากๆ แบบที่เด็กสาวสมัยนี้ชอบเรียกว่าสไตล์เกาหลีอะไรประมาณนั้น

"น้อง? คุณมิณมีน้องด้วยเหรอครับ?"

"เออ ก็ ไม่เชิงน่ะครับ" ผมยิ้มแห้งๆตอบกลับไปหลังจากได้สายตาเป็นคำถามส่งมา

"ผมต้องขอโทษแทนน้องด้วยนะครับ ช่วงนี้เขาเครียดๆ" ผมเหลือบมองหนังสือเล่มหนาในมือของเจย์

"...ไม่เป็นไรครับ ถ้าเป็นน้องคุณมิณล่ะก็ อืม..ผมคงต้องไปแล้ว พรุ่งนี้ผมจะแวะไปกินคุกกี้นะครับ" เขาชำเรืองมองเจย์อย่างเคืองเล็กน้อย ว่าหลังจากยกนาฬิกาข้อมือเรือนแพงขึ้นมาดู ผมขอโทษเขาอีกครั้งก่อนแยกย้ายกันและหันมาให้ความสนใจเด็กหนุ่มที่ยืนทำหน้าบูดอยู่ข้างๆ

"เจเจ..."

"พอเลย หยุดบ่น!"

"หยุดอะไร พี่ยังไม่ได้เริ่มเลยนะ"

"..."

"นี่ รู้มั้ย คุณรอนเป็นลูกค้าที่ร้านนะ เธอทำอย่างนั้นมันไม่ดีรู้มั้ย แถมเขายังอายุมากกว่าเธอตั้งเยอะ แบบนั้น..."

"ไม่ฟังๆๆๆ" เจย์ร้องพร้อมกับวางของในมือลงในตะกร้ารถและยกมือขึ้นอุดหูทั้งสองข้างเหมือนเด็กเล็กๆกำลังงอแงเพราะโดนแม่ดุ ...แต่ปัญหาคือคนตรงหน้านี้ดันเป็นเด็กม.ปลายตัวโข่งน่ะสิ

"เจเจ...."

"...."

"เฮ้อ.. คราวหน้าอย่าทำแบบนั้นอีกนะ เป็นเด็กต้องเคารพผู้ใหญ่ เข้าใจมั้ย"

"...ฮึ" เขาส่งเสียงขึ้นจมูกพลางเสมองไปอีกทาง เฮ้อ นี่ผมกำลังโดนงอนอยู่รึเปล่านะ


"อะ นี่เธอซื้อเสื้อผ้ามาทำไมน่ะ ยังจะไม่กลับบ้านเหรอ" ในตะกร้ารถเข็นมีของเพิ่มมาเล็กน้อย เสื้อผ้าสองสามชุด ของใช้ส่วนตัว และถุงจากร้านหนังสือ

"อืม...ทำไม จะไม่ให้อยู่รึไง"

"เปล่าๆ เธอจะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้แหละ แต่ต้องบอกที่บ้านก่อนนะ"

"เออ โทรบอกแล้ว" เขาตอบเสียงห้วน ผมหรี่ตามองเขาอย่างพิจารณาแต่ก็โดนเขาเบียดตัวเข้ามาทำหน้าที่เข็นรถแทนซะก่อน



ผมเดินซื้อของต่อตามรายการที่จดไว้โดยมีเจย์เข็นรถตามมาเงียบๆ ผมซื้ออาหารและผักสดไปไม่มากเพราะที่ร้านยังมีอยู่ แถมวันนี้ยังเดินมา ซื้อของเยอะจะเป็นภาระเปล่าๆ

การซื้อของที่แผนกผักสดวันนี้ทำให้ผมรู้ว่าเจเจแยกความแตกต่างระหว่างผักชีกับขึ้นฉ่ายไม่ออก(ตลกมากครับ เขาบอกว่า ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่เห็นความแตกต่างอยู่ดี) แถมยังเป็นเด็กที่เกลียดการกินผักสีเขียวแทบทุกชนิดแต่แปลกที่เขาชอบกินพวกผักที่มีสีสันเช่น แครอทกับมะเขือเทศ

"เย็นนี้ทำข้าวผัดดีมั้ย ชอบกินรึเปล่า" ผมถามขณะที่เราเดินทอดน่องเอื่อยๆบนทางเท้าเพื่อกลับร้าน ในมือผมหิ้วถุงสองใบ ต่างจากเจย์ที่ของวันนี้เกือบทั้งหมดเขาเป็นคนหิ้ว แถมไม่ยอมแบ่งผมอีกต่างหาก

"...อื้อ ไข่ดาวด้วยนะ ไข่แดงไม่สุก"

"ได้สิ แต่ต้องไข่แดงสุกๆนะ"

"หา? ก็เมื่อกี้บอกว่าไม่สุกไง" เจย์หันควับมาขมวดคิ้วใส่ผมทันที

"ไม่ได้ๆ ไข่แดงไม่สุกมันอันตรายนะ"

"อันตรายอะไร"

"ก็ไข้หวัดนกไง แต่กินของไม่สุกยังไงก็ไม่ดีอยู่แล้วล่ะ"

"จะบ้ารึไง ไม่มีใครสนใจเรื่องนั้นกันหรอก"

"อื้ม ตกลงนะ ข้าวผัดกับไข่ดาวสุกๆ" ผมยิ้มกว้างและเร่งฝีเท้าให้เดินนำออกไป

"เฮ่ย! ก็บอกว่าไม่สุกไง" เสียงฝีเท้าย่ำหนักๆไล่ตามมาพร้อมเสียงบ่นงึมงำที่ผมทำเป็นไม่ได้ยิน



ตลอดทั้งเย็นเราเถียงกันเรื่องไข่ดาวสุกหรือไม่สุก ถึงแม้เจย์จะพยายามมายืนใกล้ๆตอนที่ผมทำอาหารเพื่อกดดันให้ผมทอดไข่ดาวไม่สุกก็เถอะแต่เขาก็ต้องยอมแพ้ให้กับน้ำมันร้อนๆที่แตกออกจากกระทะและยอมไปนั่งเงียบๆบนโต๊ะอาหารแต่โดยดี ลามไปถึงเถียงกันเรื่องที่เขาไม่ยอมกินผักสีเขียว เพราะเจย์เขี่ยถั่วที่ผมใส่ลงไปในข้าวผัดทิ้งทั้งหมด เขาให้เหตุผลว่าสีเขียวไม่น่าจะเป็นสีของอาหารเพราะมันดูไม่น่าอร่อย แต่สุดท้ายเขาก็ยอมกินไข่ดาวแบบสุกๆแถมกินถั่วไปอีกนิดหน่อยเพราะทนฟังผมบ่นไม่ไหว

คืนนั้นผมนอนได้สบายตัวมากขึ้น ไม่รู้สึกเหมือนมีมดมากัดเหมือนคืนก่อน แต่ความรู้สึกอึดอัดเหมือนถูกอะไรซักอย่างรัดก็ยังคงอยู่ อาจเพราะมีเจย์อยู่ด้วยก็เลยนอนเบียดกันรึเปล่าผมก็ขี้เกียจจะคิดจึงปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปและจมลึกลงในความมืดมิดของการนอนจนรุ่งสาง และผมก็ไม่คิดจะใส่ใจเรื่องแบบนั้นอีก …บางทีอาจจะเพราะผมเริ่มอายุมากขึ้นกระดูกกระเดี้ยวไม่ค่อยจะดี เลยรู้สึกอึดอัดรึเปล่านะ…?




วันนี้เป็นวันอาทิตย์ภายนอกร้านจึงดูคึกคักเป็นพิเศษทั้งครอบครัวที่พากันออกไปเที่ยวพักผ่อนและเด็กวัยรุ่นรวมกันเป็นกลุ่มเดินไปมา ตรงข้ามกับร้านอีกฟากหนึ่งของถนนเป็นตึกสูงใหญ่ของบริษัทชื่อดังแต่พื้นที่ติดกันเป็นสวนสาธารณะเล็กๆที่ได้รับความนิยมจากเด็กๆแถวนี้เป็นอย่างมาก และวันนี้ก็เต็มเหมือนทุกๆวันหยุดที่ผ่านมา

ผมเหลือบมองเจย์ที่ยึดที่นั่งติดกระจกใสหน้าร้านตั้งแต่ช่วงเช้า บนโต๊ะคือหนังสือเตรียมสอบเล่มหนาและเครื่องเขียนสองสามอย่าง สายตาเหม่อมองออกไปข้างนอกโฟกัสที่สวนสาธารณะฝั่งตรงข้าม เด็กๆกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน รอบๆตัวมีผู้ปกครองหลายคนบ้างก็ยืนคุยกันบ้างก็เล่นกับเด็กๆ เป็นภาพที่น่ารัก แต่สายตาที่เจย์มองออกไปกลับให้ความรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก

“หิวรึยัง…ตอนเช้าเธอกลับไปที่บ้านเหรอ” ผมถามพร้อมกับวางคุกกี้ลงบนโต๊ะ เจย์สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมามองผม

“อืม กลับไปเอาชุดนักเรียน”

“ที่บ้านเธอไม่ได้ว่าอะไรใช่มั้ย ที่มาค้างที่อื่นแบบนี้"

ไม่หรอก” เขาตอบเบาๆและก้มหน้าลงอ่านหนังสือที่ค้างไว้ต่อ ในขณะที่ผมกำลังจะพูดต่ออยู่นั้นเสียงกระดิ่งจากประตูร้านก็ดึงความสนใจของผมให้หันไปมอง เด็กผู้ชายตัวเล็กน่าจะอายุประมาณเจ็ดขวบเดินเข้ามาในร้านอย่างสนอกสนใจ ดวงตากลมโตใสแจ๋วจับจ้องแผ่นป้ายที่สกรีนเมนูขายดีของร้านไม่วางตา

“สวัสดีครับ อยากทานขนมอะไรเอ่ย” ผมเดินเข้าไปทัก เด็กชายไม่พูดอะไรแต่ชี้นิ้วมือเล็กๆไปที่ผ่านป้ายที่จ้องอยู่เมื่อครู่ เป็นเมนูคาปูชิโน่ปั่นโปะด้วยวิปครีมและผงกาแฟโรยหน้า เมนูขายดีประจำช่วงนี้

“ผมมีเงินเท่านี้ ผมกินได้มั้ยครับ” ในมือของเด็กชายกำธนบัตรสีแดงไว้จนยับยู่ยี่

“ได้สิ แต่เธอไม่อยากลองกินชอกโกแลตเย็นดูเหรอ” ผมยิ้มและยกตัวเด็กตัวเล็กขึ้นนั่งบนเก้าอี้หน้าบาร์ส่วนตัวเองก็เดินอ้อมไปอยู่ที่ประจำหลังเคาน์เตอร์

“ไม่ครับ ผมอยากกินกาแฟ”

“ทำไมล่ะครับ กาแฟน่ะขมมากๆเลยนะ”

“อ๊ะ..ขมเหรอ..แต่คุณแม่ผมกินทุกวันเลย ทำไมคุณแม่ไม่ขมล่ะ” ใบหน้าเล็กๆเงยหน้ามองผม คิ้วบางเหนือดวงตากลมโตขมวดลงอย่างสงสัย

“ก็เพราะคุณแม่โตแล้วไง แต่เธอยังเด็กอยู่ แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ พี่ชื่อมิณนะ”

“ชื่อซันครับ”

“อื้ม กาแฟน่ะเป็นเครื่องดื่มของผู้ใหญ่นะ เด็กๆแบบซันกินมันไม่ดี”

“ไม่ดียังไงเหรอครับ”

“เออ…มันก็…” คราวนี้เป็นผมที่เป็นฝ่ายเงียบ ถึงผมจะชอบเด็กๆแต่การรับมือกับคำถามของเด็กน้อยไร้เดียวสาเป็นอะไรที่ผมไม่ถนัดเอาเสียเลย

“นายก็จะความจำเสื่อมแถมจะโง่ด้วยน่ะสิ” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของที่กระแทกตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างๆพร้อมกับส่งสายตายียวนไปให้เด็กตัวเล็กที่ต้องแหงนหน้ามองเขาจนคอตั้ง

“เจเจ!! ทำไมพูดแบบนั้น” ผมร้องตามด้วยความรู้สึกอยากหยิบอะไรสักอย่างมาตีเขา

“อะไร ก็มันเรื่องจริง” เขายักไหล่ทำท่าไม่รู้ไม่รู้

“ไม่จริง พี่โกหก ถ้ากินแล้วความจำเสื่อม ทำไมแม่ยังจำผมได้ล่ะ” เด็กน้อยว่าอย่างไม่ยอมแพ้

“ก็เพราะนายยังเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกไง!”

“ไม่จริง ผมโตแล้ว!!”

“อ้อ เหรอ” เจย์ลากเสียงยาวพร้อมกับเหล่ตามองเด็กตัวเล็กข้างๆอย่างดูแคลน ส่งผลทำให้คนถูกมองเริ่มเบะปาก

“เหอะ ขี้แย”

“เจเจ!! อย่าแกล้งน้อง!” ผมร้องแต่คราวนี้มาพร้อมกับช้อนกาแฟที่ตีลงบนแขนเขา

“โอ๊ย! มันเจ็บนะ!” ผมเมินเจย์ที่กำลังทำหน้าบูดและยกแก้วชอกโกแลตเย็นพร้อมวิปครีมมาวางลงตรงหน้าของซัน

“โอ๋ อย่าสนใจพี่เขาเลยนะ มากินชอกโกแลตเย็นดีกว่า กาแฟน่ะเป็นเครื่องดื่มของผู้ใหญ่ เด็กๆกินมันไม่ดี อีกอย่าง มันอร่อยสู้ชอกโกแลตไม่ได้หรอก” ผมยิ้ม

“…ว้าวว อร่อยจริงๆด้วย” เด็กชายว่าหลังจากจิบชอกโกแลตไปหนึ่งอึก

“หึหึ ใช่มั้ยล่ะ วันนี้พี่เลี้ยงแล้วกันนะ เอาเงินไปหยอดกระปุกออกสินซะล่ะ” ผมลูบหัวเด็กชายเบาๆส่วนเจ้าตัวก็พยักหน้ารัวๆจนผมสีน้ำตาลเข้มนั้นสะบัดไปมา ก่อนจะวางชอกโกแลตอีกแก้วลงตรงหน้าเด็กโข่งที่อยู่ข้างๆ

“ฮื้อ ไม่เอาอ่ะ จะกินกาแฟ”

“ไม่ได้ พี่บอกแล้วไงว่าเด็กๆไม่ควรกิน”

“นี่โตแล้ว ไม่ใช่เด็ก!” เหมือนเด็กตัวโตตรงหน้าจะงอแงซะแล้วสิ

“นี่ๆ พี่มิณครับ เด็กๆกินกาแฟไม่ดีใช่รึเปล่า” ซันใช่มือกระตุกแขนเสื้อผมแล้วกระซิบเบาๆ

“อื้ม ใช่แล้ว”

“งั้นพี่ชายคนนี้ก็เป็นเด็กไม่ดีใช่มั้ยครับ” เด็กตัวเล็กยิ้มกว้างและชี้ไปทางเจเจที่ตอนนี้กำลังทำสีหน้าไม่ถูก ทั้งๆที่เป็นฝ่ายแกล้งเขาก่อนแท้ๆเลยน้า

“นี่!! ไอ้เปี๊ยก!”

“อุ๊บ! ฮ่าๆๆ เจเจเป็นเด็กไม่ดีนะที่กินกาแฟ น้องยังรู้เลย เพราะฉะนั้นกินชอกโกแลตเย็นนี่เลยนะ” ผมกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นสีหน้าของเขา

เจยกัดฟันกรอดมองผมเหมือนคาดโทษก่อนจะดึงแก้ชอกโกแลตไปดื่มอึกใหญ่ ส่งผลให้วิปครีมเนื้อนุ่มติดอยู่เต็มริมฝีปากและบางส่วนไปติดอยู่ที่ปลายจมูกโด่งนั่นด้วย

“อ๊ะ พี่กินมูมมามจัง” ซันว่าและขยับออกห่างแต่ไม่ลืมส่งกระดาษทิชชูไปให้

“ฮะๆ ฮ่าๆ เจเจตลกจัง” ผมหัวเราะจนรู้สึกปวดท้องไปหมดและรับรู้ได้ถึงน้ำตาที่ซึมอยู่บริเวณหัวตา

“นี่!! หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะ!!” เจย์ถลึกตามองมาทางผมอย่างกินเลือดกินเนื้อ



ฮะๆ เขาจะรู้มั้ยนะว่าการทำสีหน้าแบบนั้นโดยมีวิปครีมติดอยู่ที่ปลายจมูกมันดูไม่น่ากลัวเลยซักนิด


(http://i62.tinypic.com/153s582.png)

หึ!! ไม่สนใจเจเจเลยนะ พี่มิณ!! เจย์จะงอนแล้วนะ

........................................


สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะะะะะ!!! :mc4: :mc4:
จริงๆแล้วคนเขียนไม่ได้หายไปไหนนะคะ ก็ยังคงซุ่ม(ย้ำว่าซุ่ม) แต่นิยายอยู่เงียบๆนี่ล่ะค่ะ

แต่ไม่ค่อยได้เข้าบอร์ดเท่าไหร่ กะว่าจะลงก็ไม่ได้ลงซักที (อู้นั่นเอง) :hao3:

วันนี้เข้ามาถึงกับงงเลยค่ะที่มีบอร์ดเรื่องสั้นขึ้นมา ตอนแรกเข้ามาไม่ได้สนใจอะไรเลย มุ่งตรงจะอัพนิยายค่ะ สรุปหาเรื่องตัวเองไม่เจอ :sad4:

นี่รีเฟสดูอีกรอบถึงรู้ค่ะว่ามีบอร์ดใหม่ (ฮา)

ยังไงก็ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ติดตามเหนียวแน่นหนึบไม่ไปไหนนะคะ

พี่มิณกับน้องเจย์กลับมาแล้วน้าาา :mc4:

ป.ล.ทำไมรู้สึกว่า ยิ่งเขียนไป พี่มิณยิ่งขี้แกล้งขึ้นทุกวันเลยนะเนี่ย :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 5 Up!![16/12/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 16-12-2014 19:37:22
เยยยย้ มาแล้ว กำลังคิดถึงอยู่เลยค่ะ  :mc4:
ขอตัวไปอ่านแป๊บ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 5 Up!![16/12/57]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 16-12-2014 19:49:58
เกือบลืมเรื่องนี้ไปซะแระ ขอบคุณคนแต่งน้าาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 5 Up!![16/12/57]
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 17-12-2014 06:14:30
หายนานมากเลย แต่น่ารักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 5 Up!![16/12/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-12-2014 06:58:54
ยังน่ารักเหมือนเดิม. น้องเจย์นี่คงหลับสบายเนอะมีหมอข้างอุ่นๆแบบนี้. หึงแรงอีกด้วย
พี่มิณจะหลับลึกไปแล้วเค้าทำอะไรก็ไม่รู้เรื่อง 555
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ รอนะ ตอนต่อไปปีหน้าใช่ไหมเนี่ย.
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 5 Up!![16/12/57]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 18-12-2014 20:29:38
ยังไงก็น่ารัก ชอบที่สุด พี่มิณนี่ใจดีตลอด

เหตุผลของเจย์ก็เรื่องดีๆทั้งนั้นเลย

เชียร์ทั้งคู่อยู่น้า คนเขียนด้วย สู้ๆ :z7: :110011:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 5 Up!![16/12/57]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 29-12-2014 12:58:10
พี่มินหลับลึกไปแล้วว
ถ้าเจเจหน้ามืดปล้ำขึ้นมาแล้วใส่ชุดคืนเหมือนเดิม
ก้จะคิดว่าฝันอยู่รึป่าวเนี่ย
5555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 5 Up!![16/12/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ~PopPin[Pim]~ ที่ 14-01-2015 19:55:22
 :hao6: คุณมิณณณณ!!! หลับลึกไปแล้วววววว สบายน้องเจย์เลยทีนี้ :laugh:

ติดตามค่ะ! เจเจน่าร้ากกกก หึงก็บอกว่าหึงสิ อย่าพาลคุณพี่ 5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 5 Up!![16/12/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 22-01-2015 01:07:19
คุณเจ้าของร้านถ้าหากโดนเด็กปล้ำขึ้นมาจะรู้ตัวไหมคะเนี่ย ซื่อเกิ๊น!
แต่แบบนี้นี่แหละถึงได้น่ารัก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 5 Up!![16/12/57]
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 25-01-2015 06:34:10
เจเจน่ารักจังเลย  :m1:
มาต่อเร็วๆน้าา เก๊าเราอยู่  :m13: :m5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 5 Up!![16/12/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 11-02-2015 18:40:28
Chapter 6






ผมลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจหลังจากแสงไฟสีส้มอ่อนภายในร้านกาแฟดับลงก่อนจะหมุนตัวเดินทอดน่องไปตามทางเท้าที่สะท้อนแสงไฟจากถนนและร้านค้า


ถึงแม้บ้านผมจะอยู่ห่างออกไปไกลพอสมควรแต่ผมก็ชอบจะเดินมากกว่าและทุกๆครั้งมักจะจบที่ครึ่งทางและโบกแทกซี่กลับเสมอ...วันนี้ก็เช่นกัน


"ถ้าฉันไม่มีธุระด่วนให้ต้องรีบกลับมา ฉันคงไม่รู้ว่าแกกลับบ้านดึกขนาดนี้" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นด้านหลังจากโซฟารับแขกที่ปกติจะไม่มีใครนั่งอยู่

"...."

"แกไปไหนมา" ชายผมสีดอกเลาหวีจนเรียบแปร้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เสื้อผ้ายังคงเป็นสูทราคาแพงที่แทบมองไม่เห็นรอยยับ..และผมมองว่ามันน่าหงุดหงิด

"เรื่องของผม" สองเท้าของตัวเองรีบก้าวขึ้นบันไดขึ้นไปชั้นสองอย่างรวดเร็วและไม่ได้หันกลับไปมองอีก


ผมไม่ชอบคนที่หายไปจากชีวิตและอยู่ๆก็กลับมาทำเป็นรู้ไปซะทุกอย่าง เจ้ากี้เจ้าการไม่เข้าเรื่อง ..ทั้งๆที่ความจริงแล้วไม่รู้อะไรเลย และคงไม่คิดที่จะสนใจ ที่เขาทำอยู่ทุกวันนี้ ก็เป็นเพียงแค่หน้าที่ที่จำเป็นจะต้องรับผิดชอบเท่านั้น

"ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นตั้นไปชั้นจะเปลี่ยนคนขับรถ!! และแกจะต้องไปกลับตรงเวลาทุกวัน!!" เสียงตะโกนเหมือนคำรามดังไล่หลังมาพร้อมกับฝีเท้าที่ก้าวเดินลงน้ำหนักอย่างแรง



ผมปิดประตูห้องอย่างรุนแรงพร้อมกับคว้าหูฟังขึ้นมาสวมและเร่งเสียงจนสุด นั่นไม่ได้ช่วยให้เสียงทุบประตูเบาลงแต่อย่างน้อยก็ช่วยทำให้ผมไม่รู้ว่าเสียงโวยวายของคนอีกฝั่งหนึ่งพูดว่าอะไร

เสียงเพลงร็อคจังหนักหน่วงกระแทกใส่สองหูจนรู้สึกรำคาญแต่ผมก็ไม่คิดจะถอดมัน..
ไม่รู้ทำไมผมถึงนึกถึงสถานที่หนึ่ง...และคนๆหนึ่ง ...ถึงจะชอบทำตัวน่ารำคาญ ขี้บ่นแถมยังชอบกวนโมโห



...แต่ทุกครั้งที่ผมได้อยู่ที่นั่นผมกลับสบายใจทุกครั้ง...





ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยชุดเดิมของเมื่อวานแถมมาด้วยอาการปวดหูอย่างรุนแรง ผมขว้างหูฟังไปที่มุมหนึ่งของห้องอย่างไม่ใส่ใจและลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำ

วันนี้ผมไม่เห็นเงาคนที่จู่ๆก็โผล่มาตอนดึกแต่กลับมีคนขับรถคนใหม่สองคนยืนอยู่หน้าประตูบ้านแทน ผมกรอกตาขึ้นอย่างรำคาญและก้าวขึ้นไปนั่งเบาะหลังโดยมีชายฉกรรจ์สองคนนั่งอยู่ที่เบาะหน้า

แรกๆผมไม่มีปัญหากับการต้องไปและกลับบ้านตรงเวลาถึงแม้ว่าบางทีผมจะสร้างปัญหาด้วยการเอ้อระเหยอยู่ในโรงเรียน ไม่ยอมออกไปที่รถ หรืออยู่ในห้องน้ำนานๆเพื่อที่จะไม่ต้องไปโรงเรียนเช้า แต่เมื่อผ่านไปได้สามวันผมก็เริ่มหงุดหงิด และวันนี้ก็เกือบจะหนึ่งอาทิตย์แล้ว ความอดทนของผมได้หมดลง..


ผมกระโดดข้ามรั้วคอนกรีตสูงราวสองเมตรของโรงเรียนออกมาสู่ตรอกแคบๆด้านข้าง เลี่ยงที่จะออกประตูหลักทั้งสองของโรงเรียนเพราะเจ้าคนขับรถสองคนนั่นต้องยืนเฝ้าอยู่แน่นอน

ผมเดินทอดน่องไปตามริมทางเลี้ยวเข้าซอยโน้นออกซอยนี้อย่างไร้จุดหมายจนนาฬิกาบอกเวลาหกโมงเย็น ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม ผมแวะเล่นบาสที่สนามบาสเล็กๆที่ชอบมาประจำ เด็กๆกรูกันเข้ามาถามว่าผมหายไปไหนมาตั้งหลายวัน ซึ่งก็ได้รับคำตอบปัดๆกลับไป ..ผมไม่ค่อยอยากพูดถึงมันนัก

เครื่องดื่มสำหรับนักกีฬารสหวานไหลลงผ่านลำคอหลังจากผมดื่มลงไปอึกใหญ่ ความคึกคักของย่านธุรกิจนี้เริ่มเบาบางลงแต่ดูเหมือนร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่งยังคงเปิดต้อนรับลูกค้าอยู่ เงาคนหลายเงาเคลื่อนไหวอยู่ในร้าน หลากหลายอริยาบท แต่ผมกำลังจับจ้องคนๆหนึ่งที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ไม้ ชายหนุ่มผิวขาวซีดและผมยาวประบ่ามัดรวบไว้ครึ่งศีรษะ เจ้าตัวกำลังเหม่อมองออกไปข้างนอก...

ผมควรจะรีบกลับบ้านหรือไปที่ไหนก็ได้เพียงแต่ต้องออกไปจากตรงนี้ ไม่อย่างนั้นผมคงห้ามสองขาของตัวเองไม่ให้ก้าวเข้าไปในร้านนั่นไม่ไหว

บางทีชีวิตของเรานั้นคงต่างกันเกินกว่าจะรู้จักกันได้...ความจริงแล้วผมกับเขาไม่ควรเจอกันตั้งแต่แรก ถ้าไม่ใช่ความบังเอิญบ้าๆและฝนบ้าๆในคืนนั้น




รถแทกซี่หยุดลงหน้ารั้วสีขาวที่คุ้นตามาตั้งแต่เด็ก สิ่งก่อนสร้างด้านในยังคงเปิดไฟสว่างแม้ว่าตอนนี้จะดึกมากแล้ว ลมพัดแรงขึ้นจากตอนเย็นคาดว่าอีกไม่นานจะมีพายุลูกใหญ่พัดผ่านบริเวณนี้ ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะก้าวเข้าไปด้านใน

"ไปไหนมา"

"..."

"ฉันถามว่าแกไปไหนมา!!!!!"เสียงตะโกนราวกับคำรามดังขึ้น การที่เขาอยู่ตรงนี้ผมคิดไว้อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าในใจลึกๆจะไม่อยากให้เป็นแบบนั้น

"...."

"ฉันสั่งแกว่ายังไง!?"

"ผมไม่ใช่ลูกน้องที่ต้องทำตามคำสั่ง"

"อ๋อ งั้นแกคิดว่าแกเป็นลูกฉันแล้วจะทำยังไงก็ได้งั้นสิ!?"

"...."

"แกคิดว่าไอ้เด็กไร้ความรับผิดชอบไรระเบียบวินัยอย่างแกฉันจะไว้วางใจที่ทำธุรกิจต่อจากฉันรึไง!"

"เหอะ! ธุรกิจบ้าบอนั่นไม่เห็นจะอยากได้ตรงไหน หาคนทำต่อไม่ได้ก็ขายทิ้งไปเซ่!!"

"เจย์!!! แกรู้มั้ยว่าพูดอะไรอยู่!!?" เขาผุดลุกขึ้นจากโซฟาและก้าวออกมาสองก้าวจนใกล้กับผมมากขึ้น เส้นเลือดสีเขียวปูดโปนอยู่บริเวณหน้าผาก ดวงตาคมจ้องเขม็งมาทางผม

"รู้!! ก็พูดถึงธุรกิจห่วยๆของบ้านเราไง หึ! แต่มันคงไม่ห่วยเท่าไหร่มั้ง อาจสำคัญขนาดที่ปล่อยให้มีคนตายก็ไม่สนใจอะไรเลยมั้ง!!!"

"พลั๊วววว!!!" ผมรู้สึกถึงสมองที่มึนงงชั่วขณะก่อนความเจ็บจากการล้มลงกระแทกกับพื้นจะดึงสติกลับมา ในโพรงปากเจือกลิ่นคาวเลือดจางๆ เหนือตัวผมคือชายที่ยืนเผชิญหน้ากันอยู่เมื่อครู่

ความเงียบโรยตัวเข้าปกคลุมโดยที่ไม่มีใครขยับหรือพูดอะไรออกมา มีเพียงสายตาสองคู่ที่จ้องสบกัน รู้สึกเหมือนความรู้สึกหลายอย่างกำลังขมวดรวมกันและขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มปริแตก...



ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าลุกขึ้นมาเมื่อไหร่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าก้าวขาออกมาจากที่ที่เรียกว่า 'บ้าน' ตอนไหน รู้แต่เพียงว่าตอนนี้ผมกำลังวิ่งไปบนทางเท้าข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับความเปียกชื้นที่ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง

ผมหวังว่ามันจะเป็นสายฝนที่ร่วงโรยลงมาอยู่ในตอนนี้...ไม่ใช่สิ่งแสดงออกถึงความอ่อนแอของตัวเอง...



ทางเดินที่ผมไม่เคยเดินจนสุดทาง ตอนนี้ผมกลับทำได้ ผมเงยหน้ามองแผ่นไม้เก่าๆสลักชื่อร้านกาแฟที่มีหลอดไฟส่องให้พออ่านออก แต่ตอนนี้ภาพตรงหน้ามันช่างพร่าเรือนจากสายฝนตกกระหน่ำลงมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ไม่รู้ว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ แต่ขาทั้งสองข้างมันไม่ยอมก้าวต่อไป ข้างในร้านนั้นมืดสนิท...ไม่รู้ว่าผมกำลังหวังอะไรอยู่

ผมหย่อนตัวลงนั่งบนม้านั่งไม้หน้าร้านที่ถึงจะมีกันสาดยื่นออกมาแต่ก็แทบจะช่วยกันฝนไม่ได้เลย ในวันที่ฝนตก...ผมไม่ชอบที่จะอยู่คนเดียว....






"แกร็ก" เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองอย่างตกใจ ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าผม เขาเบิกตากว้างในตอนแรกก่อนจะยิ้มกว้างออกมา...

เขานั้นเป็นคนที่แสนจะแปลกประหลาด...เพราะเขาสามารถเป็นทั้งคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดและคนที่อยากเจอที่สุดได้ในเวลาเดียวกัน....




"...เจเจ"









วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนักทั้งวัน...

"แม่ฮะ เจย์อยากไปโรงเรียน"

"ไม่ได้นะจ๊ะ เจย์ไม่สบายต้องนอนพักนะ"

"...แต่...เจย์หายแล้ว เจย์อยากไปเล่นกับเพื่อนๆ.."

"หึหึ เจย์ชอบไปโรงเรียนมากเลยเหรอครับ หือ?"

"ครับ เจย์ชอบโรงเรียน เจย์มีเพื่อนเยอะแยะเลย คุณแม่ไปส่งเจย์นะครับ ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ไปทันแน่ๆ"

"โอเค ก็ได้จ่ะ แม่จะไปส่งนะ แต่เจย์ต้องกินยาก่อนน้า"

"อ้ามมมม ได้ครับ เจย์กินยาๆ"



"จับมือแม่นะครับ ข้ามถนนอันตรายนะ..อ้ะ เข้ามาในร่มอีกครับ เดี๋ยวเปียกฝนเอา"

"ครับ...คุณแม่ ทำไมคุณพ่อไม่มาส่งเจย์กับแม่ล่ะ"

"คุณพ่อทำงานอยู่ กำลังยุ่งมากๆๆเลย"

"อือ...งั้นเหรอครับ..."

"อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิครับ พ่อรักพวกเรามากนะ รู้มั้ย?"

"รู้ครับ แม่ชอบบอกเจย์ตลอด แต่ทำไมพ่อชอบทิ้งเจย์กับแม่ไว้สองคนล่ะ..."

"เปล่าซักหน่อย พ่อเขาแค่มีงานต้องทำ เป็นผู้ใหญ่ก็ต้องทำงานจ่ะ ส่วนเจย์เป็นเด็กก็ต้องตั้งใจเรียนนะ เข้าใจมั้ยครับ?? หือ??"

"ครับ! เข้าใจแล้ว เจย์จะตั้งใจเรียนนะฮะ...อ๊ะ! ไฟเขียวแล้ว รีบข้ามไปโรงเรียนกันเถอะครับ"
"ดะ เดี๋ยว! เจย์!!! ระวังลูก!!!!"


เสียงหยดฝนตกกระทบพื้นเสียงดังแต่ก็น้อยกว่าเสียงบีบแตรของรถและเสียงตะโกนโวยวายของคนรอบข้าง...

"เอี๊ยดดดดดดดด โคร่มมมมม!!!!"


ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ...ผมนั่งมองสองมือของตัวเอง...ที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด...








"เฮือกก!!" ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับหยดเหงื่อที่ไหลซึมออกมาแทบจะทั่วร่าง แม้กระทั่งแผ่นหลังก็ยังรู้สึกเปียกชื้นทั้งที่วันนี้อากาศเย็นสบาย หัวใจเต้นถี่รัวจนรู้สึกเจ็บข้างในอก รับรู้ได้ถึงม่ายตาที่เบิกกว้างและลมหายใจหอบถี่ของตัวเอง

รอบตัวคือห้องโถงชั้นสองของตึกสูงสี่ชั้นที่มีชั้นล่างเป็นร้านกาแฟส่งกลิ่นหอมขึ้นมาถึงบนนี้ ผมยันกายลุกขึ้นจากโซฟาบุนวมที่ใช้เป็นที่นอนชั่วคราว บางสิ่งที่เย็นชื้นไหลตกจากหน้าผากมาบนตัก

มันเป็นผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำหมาดๆที่คนๆหนึ่งน่าจะเอามาวางแปะไว้ ยกมือขึ้นลูบหน้าพลางเสยผมที่ยาวปรกลงมาขึ้น

...ผมไม่ได้ฝันถึงเรื่องนั้นมานานแล้วจนคิดว่าตัวเองลืมมันไปได้...แต่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น คงเพราะผมได้เจอกับคนๆหนึ่งที่เหมือนแม่มาก...และตอนนี้เขาก็กำลังเดินขึ้นบันไดมาหาผม

"ตื่นแล้วเหรอ รู้สึกดีขึ้นมั้ย" ถามและนั่งลงบนพื้นที่ว่างเล็กน้อยบนโซฟา แขนผอมบางวางถาดขนมและแก้วนมบนโต๊ะ

"ดีขึ้นอะไร ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย"

"ไม่จริง เมื่อกี้พี่ขึ้นมาเธอตัวร้อนจี๋เลย" เขาว่าอย่างรวดเร็วพร้อมยกหลังมือขึ้นแตะหน้าผากประกอบคำพูด

ผมแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ไม่ใช่เด็กๆแล้วยังจะมาทำท่าทางแบบนั้นอีก..ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ได้พักหนึ่งผมถึงได้รู้ว่าเขาอายุมากกว่าผมอยู่เยอะทีเดียว ถ้าไม่ได้ยินจากปากเจ้าตัวว่าตอนนี้เขาเกือบจะสามสิบแล้วผมคงจะคิดว่าเขาเป็นชายหนุ่มเพิ่งเรียนจบมาเปิดร้านกาแฟไปอีกนาน

"หึ!"

"หือ? ทำไมทำเสียงแบบนั้น เออ นี่ จะให้พี่ไปส่งไปโรงเรียนมั้ย?"

"หา?" จู่ๆก็ถามอะไรของเขาออกมาน่ะ

"ก็...พี่เพิ่งนึกได้ว่าผู้ปกครองต้องไปส่งเด็กที่โรงเรียนนี่นา ไปรับด้วย หลายวันมานี่เธอไปคนเดียวตลอด เพราะงั้นพี่เลยคิดว่าจะไปรับไปส่งเธอล่ะ" เขาพูดด้วยแววตามุ่งมั่นและกระตือรือร้น

"ไร้สาระ! ไม่ใช่เด็กอนุบาลซักหน่อย!"

"อ้าว แต่..."

"จะนอนแล้ว" ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้

"อะ อืม..." เขายิ้มและเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ ภาพเงาสะท้อนของเขายังคงอยู่ในสายตาผมก่อนจะค่อยๆเลือนลางไป...แต่สัมผัสอุ่นๆขอฝ่ามือนั้นยังคงอยู่ ผมรู้สึกได้แม้ว่าสติจะพร่าเรือนเต็มที...

แค่ไปโรงเรียน...มันไม่สำคัญขนาดต้องให้ใครไปส่งหรอก...




ท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทไร้แสงดวงดาวเนื่องจากทั้งเมฆฝนกลุ่มใหญ่และมลภาวะที่ชาวเมืองปล่อยออกมาตลอดทั้งวัน

เหลือบมองนาฬิกาและมันเลยเวลาที่ร้านจะปิดมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมนวดขมับเบาๆก่อนจะหยิบคุกกี้ในถาดเมื่อตอนบ่ายขึ้นมากินจนหมด ตามด้วยนมที่เคยอุ่นแต่ตอนนี้เย็นชืด

เสียงฝีเท้าย่ำลงเบาๆตามบันไดและยิ่งเดินลงไปมากเท่าไหร่เสียงพูดคุยสองเสียงก็ยิ่งแว่วเข้าหูมากขึ้น แต่ผมฟังไม่ออกว่าเรื่องอะไร ...ใครมาหาทั้งๆที่ร้านปิดแล้วแบบนี้?

เท้าเหยียบลงที่บันไดขั้นสุดท้ายแสงไฟจากในร้านทำให้ผมที่เดินมาตามทางเดินมืดสลัวต้องหรี่ตาเล็กน้อยก่อนจะเพ่งมองภาพตรงหน้า

ผมรู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก้อนอะไรบางอย่างไหลขึ้นมาจุกอยู่ที่คอจนไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ รับรู้เพียงแต่ม่านตาของตัวเองที่เบิกกว้างและเสียงพูดที่สั่นจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง

หลายวันแล้วที่ผมไม่ได้กลับไป และไม่ได้นึกถึงเรื่องของเขา

ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่เจ้าของผมสีดอกเลาที่ไม่เคยผ่านการย้อมสีดำเพื่อปกปิดเส้นผมขาวตามวัยกำลังนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ในมือถือแก้วกาแฟที่มีควันลอยอ้อยอิ่ง ดวงตาคมเข้มเบนมาทางผมเช่นเดียวกับดวงตาอีกคู่ของคนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ ต่างกันที่ชายหนุ่มอายุน้อยกว่าคนนั้นกำลังส่งยิ้มกว้างสดใสปนความเอ็นดูมาทางผม แต่อีกคนที่ส่งยิ้มมา... ดวงตานั้นกลับไม่ได้ยิ้มไปกับริมฝีปากบางเฉียบที่ยกโค้งขึ้นเล็กน้อยนั่นซักนิด







".....พ่อ....."


........................................


(http://i61.tinypic.com/140cheq.jpg)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 6 Up!![11/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 11-02-2015 20:37:11
น้องเจย์คงไม่เตลิดไปไหนอีกนะ :hao5:


 :กอด1: :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 6 Up!![11/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-02-2015 20:44:41
 :ling1:  อ้าก พ่อตามมาเจอแล้ว.

ฮือเศร้าได้อีก อย่าเลยนะคะเรื่องสั้นไม่ควรดราม่าค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 6 Up!![11/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 13-02-2015 02:40:34
คุณสะใภ้ กับคุณพ่อตา ดูเข้ากันได้ดีนะ
เจเจหมดห่วงไปได้เรื่องนึงละ 55555555
พ่อตามมาเจอแล้วแบบนี้จะทำยังไงเนี่ย
ถ้าให้เดาเจเจก้คงอยู่ต่อและไม่กลับชัวร์ๆ
....รอคอยต่อไปอย่างยาวนานนน.... 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 6 Up!![11/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 13-02-2015 15:47:08
โอ๊ยยยยย ลุ้นไปอีก เจเจสู้ๆนะหนู
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 6 Up!![11/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ~PopPin[Pim]~ ที่ 21-02-2015 23:07:04
โธ่ น้องเจย์มีปมเรื่องคุณแม่นี่เอง สู้เขานะเจเจจจจ
พี่มิณดูแลน้องด้วยน้าาา :hao7:

รอนะคะ o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 6 Up!![11/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 22-02-2015 00:35:48
ต่อสิๆๆๆ อย่าหายไปเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 6 Up!![11/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: P.PIM ที่ 23-02-2015 18:48:31
รีบๆมาต่อน้าาาาา อยากอ่านแล้ววววว คุณพ่อมาหาแล้ว เจจะทำไงเนี่ยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 6 Up!![11/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 24-02-2015 11:36:56
อยากอ่านอี๊กกก!!! รอนะคะ. :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 6 Up!![11/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 25-02-2015 18:37:14
มานอนรอเจเจค่า  :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 6 Up!![11/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: antseng ที่ 01-03-2015 22:10:10
เอาแล้วไง เอาแล้วไง


รออ่านต่อไปนะคะ...




ᆪ:ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 6 Up!![11/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 05-03-2015 19:05:35
 :impress2: ถึงยังไงคุณพี่ก็เต็มใจเลี้ยงลูกหมาอยู่แล้วไม่ใช่หรา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 6 Up!![11/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 31-03-2015 22:48:50
Extra "คุณมิณ"





"คุณมิณ"

"อาร์ พี่บอกให้เรียกพี่มิณไง" ผมหันไปดุเด็กหนุ่มที่ยืนเช็ดกระจกอยู่หน้าร้านแบบไม่จริงจังนักก่อนจะเดินไปเก็บโต๊ะกาแฟใกล้ๆที่ลูกค้าเพิ่งจะลุกออกไป


ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายที่ลูกค้าจะไม่มากนัก วันนี้ผมไม่ได้เปิดแอร์สายลมอุ่นๆยามบ่ายจึงพัดเข้ามาถึงข้างในร้าน ให้ความรู้สึกน่านอนอย่างปฏิเสธไม่ได้

ผมชื่อมิณ หรือ เรมิณ แต่ผมก็ชอบให้คนเรียกสั้นๆ รู้สึกการเรียกชื่อเต็มจะดูเป็นทางการเกินไปขัดกับบุคลิกของตัวเอง อีกอย่างที่ผมไม่ค่อยจะชอบคือการที่เด็กๆชอบเติมข้างหน้าชื่อว่า 'คุณ' .. ผมชอบให้พวกเขาเรียกว่าพี่มากกว่า

แต่ช่วงนี้ดูเหมือนว่าผมจะมีเด็กดื้อเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง...




"กรุ้งกริ้ง~"
หลังจากเข้าครัวไปอบคุกกี้เพิ่มอีกสองถาดและเค้กอีกหนึ่งก้อนเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนที่...ผิดระเบียบเหมือนเดิม

ตอนนี้เป็นเวลาก่อนเลิกเรียนเล็กน้อยและเขาจะกลับมาในเวลานี้เสมอ

"เจเจแต่งตัวไม่เรียบร้อย"ผมแกล้งพูดเสียงเข้มแต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยสนใจนักสังเกตได้จากที่เขาเหล่มองผมเล็กน้อยและเดินเข้าไปหลังเคาน์เตอร์อย่างไม่ใส่ใจ …ผมเหมือนจะได้ยินเสียงแว่วๆ

"ขี้บ่น"

เจย์มาอยู่ที่ร้านผมได้สามวันแล้วและผมก็ยังไม่ได้พูดถึงสาเหตุที่เขามาอยู่ที่นี่ เขาเป็นเด็กดีถึงแม้จะไม่ค่อยพูดและปากร้ายไปบ้างแต่เขาเป็นคนมีน้ำใจแถมยังใส่ใจคนอื่นและดูจะอ่อนไหวในบางครั้ง

ผมยิ้มขำเมื่อเห็นเขากำลังพยายามเทฟองนมที่ตีจนขึ้นฟูลงบนโกโก้เย็นอย่างเก้ๆกังๆ

"มานี่สิ พี่ช่วย" เขามองผมที่เทฟองนมลงไปอย่างตั้งใจ ตาคมโตนั้นเบิกกว้างเล็กน้อยเหมือนเด็กเล็กๆเจอของเล่นชิ้นใหม่

เจย์ให้ผมช่วยสอนวิธีชงเครื่องดื่มและทำขนมให้ แต่หลังจากที่เขาทำคุกกี้ผมไหม้ไปหนึ่งถาดและใส่เกลือลงไปแทนน้ำตาลในเค้กแล้วผมถึงคิดได้ว่าคงจะต้องเริ่มสอนเขาจากการทำเครื่องดื่มก่อน


เขายังเด็กอยู่จริงๆ...


"อื้อ! ทำอะไรของคุณ" เขาร้องเบาๆเมื่อผมยกมือขึ้นยีหัวเขาเล่น

"ก็เธอน่ารักดี" ผมยิ้ม

"...."

"แต่... พี่บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เรียกพี่มิณ ทำไมเรียกคุณล่ะ" ผมจำได้ว่าผมบอกเขาตั้งแต่วันแรก แต่ทุกวันนี้เขาก็ยังไม่เคยเรียกผมว่าพี่เลยซักครั้ง

"แล้วทำไมจะเรียกไม่ได้"เขาหน้าบึ้ง

"ก็..พี่อายุมากกว่าเธอไง อีกอย่างเรียกคุณมันดูห่างเหินนี่นา"

"..."

"แล้วก็..."




"คุณมิณ" เสียงเรียกจากประตูร้านทำให้ผมค้างคำพูดเอาไว้และหันไปมอง ชายหนุ่มลูกครึ่งกำลังยิ้มกว้างและเดินเข้ามาใกล้

"คุณรอน วันนี้เลิกงานเร็วเหรอครับ" ปกติเขาจะมาช่วงที่ร้านใกล้ปิดเสมอ

"อ๋อ เปล่าครับ ผมจะต้องไปทำงานที่ต่างประเทศน่ะ ก็เลยมาลา"ชายหนุ่มกล่าวพลางทิ้งตัวลงนั่งหน้าเคาน์เตอร์

"หือ? คุณจะไม่กลับมาแล้วเหรอครับ" ผมเบิกตากว้าง การที่อยู่ๆลูกค้าประจำจะหายไปแบบนี้ผมก็อดใจหายไม่ได้ ถึงแม้การทำงานสายธุรกิจอย่างเขาการเดินทางคงไม่ใช่เรื่องแปลก ยิ่งการย้ายที่ทำงานไปต่างประเทศนั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดา รอนได้ยินที่ผมถามก็ระล่ำระลักตอบอย่างรวดเร็ว
 
"ไม่ครับ ไม่ ผมแค่ไม่รู้กำหนดกลับน่ะ ผมติดใจกาแฟของคุณแล้วล่ะ จะไม่กลับมาได้ยังไง"

"อ๋อ ...ขอบคุณนะครับ" ผมยิ้มพลางถอนหายใจ

"หึหึ คุณมิณ คุณจะคิดถึงผมรึเปล่า"

"ฮะๆ คิดถึงสิครับ คุณมาที่นี่ประจำนี่นา" ผมหัวเราะเบาๆทำให้รอนยิ้มกว้างออกมา



"บึ้ง!!" เสียงก้นแก้วเปล่ากระแทกลงบนเคาน์เตอร์ทำให้ผมชะงัก ดวงตาคมเข้มของเจย์กำลังจ้องมองมาทางผมอย่างไม่พอใจ ในมือของเขาถือแก้วโกโก้ที่ดื่มจนหมดแล้วเอาไว้

"เจย์?" เขาเม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรงก่อนจะหันหลังเดินขึ้นบันไดไป


"หึหึ เด็กๆนี่อ่านง่ายนะครับ" ผมหันกลับมาสนใจคนหน้าเคาน์เตอร์หัวเราะในลำคอเบาๆ

"ว่าไงนะครับ?"

"เด็กคนนั้นดูเขาจะติดคุณมากๆเลยนะ"

"...."

"คุณน่าจะพูดอะไรบ้าง อย่าปล่อยให้เขาคิดไปเองสิครับ"

"ผมเหรอ? ผมต้องพูดอะไรน่ะ" ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ

"หึหึ คุณมิณ คุณเป็นคนใจดี แต่บางครั้งมันก็อาจจะทำให้คนอื่นคิดเกินเลย...อ่า ผมต้องไปแล้ว" หลังจากประโยคที่ผมไม่เข้าใจรอนก็ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก่อนทำท่าจะลุกขึ้น

"จะไปแล้วเหรอครับ ไม่ทานอะไรก่อนเหรอ"

"ผมต้องรีบไปสนามบินน่ะครับ" เขาหันมายิ้ม ผมสังเกตเห็นรถแทกซี่คันหนึ่งจอดติดเครื่องเทียบอยู่หน้าร้าน

"ครับ งั้นก็เดินทางปลอดภัยนะครับ"




หลังจากออกไปส่งรอนที่ริมถนนและยืนมองจนท้ายรถแทกซี่ลับตาไป ผมก็กลับเข้ามาในร้านอีกครั้งเพื่อเตรียมรับมือกับลูกค้าในช่วงเวลาเลิกงาน

และวันนี้ช่วงเวลาหลังสี่โมงถึงหกโมงเย็นก็ยังคงวุ่นวายเหมือนเดิม...

เข็มสั้นบนหน้าปัดนาฬิกาเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วจนตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกกลายเป็นสีเข้ม ลูกค้าในร้านเริ่มบางตาลง ทำให้ผมนึกถึงบางเรื่องที่ลืมไปชั่วขณะหนึ่ง


"เจเจ.."ผมเรียกเด็กหนุ่มที่ตอนคว่ำหน้านิ่งกับโซฟาตัวยาวบนชั้นสองของร้านแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากเจ้าตัว

"หิวรึยัง พี่จะทำอะไรให้กิน"

"...."

"ข้าวผัดดีมั้ย?"

"...."

"หรือจะกินแกงจืดกับไข่เจียวแบบที่เธอชอบดี"

"...."

"เจเจ...เป็นอะไร ทำไมไม่คุยกับพี่ล่ะ" ผมทิ้งตัวลงนั่งบนที่ว่างเล็กบนโซฟา ..รู้ว่าเขาไม่ได้หลับ
"ถ้าเธอไม่คุยกับพี่ พี่จะใส่คะน้าลงในอาหารทุกอย่าง แม้แต่ไข่เจียวเลยนะ!" ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงฉุนเล็กๆ จริงๆแล้วผมไม่ได้โกรธเขาหรอก แต่แค่อยากจะแกล้งดูเท่านั้นแหละ ..เจย์ไม่ค่อยชอบกินผักสีเขียวและที่ดูเหมือนจะเกลียดที่สุดก็คือคะน้าเทศนี่ล่ะ หึหึ

ร่างบนโซฟากระตุกเล็กน้อยก่อนจะนิ่งเงียบไปเหมือนเดิม

"เฮ้อ...งั้นพี่จะทำข้าวผัดให้กินนะ" ผมว่าและทำท่าจะลุกออกไป เขากำลังอารมณ์แปรปรวนเพราะฮอร์โมนวัยรุ่นรึเปล่านะ ผมเองก็ผ่านวัยนั้นมาหลายปีแล้วด้วยสิ

"...ไม่ชอบ" เสียงทุ้มต่ำอู้อี้จากโซฟาตอบกลับมาเป็นครั้งแรกแต่ก็เบาเกินกว่าที่ผมจะได้ยินชัดเจนทำให้ต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ

"หือ? ว่าไงนะ"

"ผมไม่ชอบ!! ทำไมใครๆก็เรียกคุณได้ แต่ทำไมผมเรียกไม่ ..อ๊ะ!" ช่วงท้ายประโยคหายเข้าไปในลำคอเมื่อเขาพลิกตัวผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและพบว่าปลายจมูกของพวกเราแทบจะชนกัน

"ขะ ขะ เข้ามาใกล้ทำไม!!?" เขาร้องก่อนจะถอยตัวไปจนติดกับที่วางแขนของโซฟา

“ก็…เธอพูดเบา พี่ไม่ได้ยิน”

"...."

"แล้วเมื่อกี้ที่เธอ.."

"ช่างเถอะ" เจย์ตัดบทและถอยห่างออกไป

"อ้าว แต่เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ"

"...."

"ที่เรียน'คุณ'เพราะบางคนพี่ไม่ค่อยสนิท อีกอย่างจะให้ผู้ใหญ่ด้วยกันมาเรียก 'พี่' มันก็แปลกๆไม่ใช่เหรอ แต่ถ้าเด็กๆเรียกล่ะก็ !น่ารักกว่าเยอะเลย" ผมพูดและหันไปยิ้มแต่อีกคนไม่ได้ยิ้มตามกลับตอบเสียงแข็ง

"...ไม่ใช่เด็ก"

"เธอเด็กกว่าพี่นี่นา"

"ผมไม่ใช่..น้องคุณ"

"ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆก็เรียกพี่ได้นี่" ผมยังเถียงต่อไม่ลดละ เห็นเจย์ทำหน้าเหมือนคนเหลืออดเต็มทีก่อนจะโพล่งออกมา

"ผมไม่ได้อยากเป็นน้องคุณ!!!"

"...."

"...."
"แล้ว..เธออยากเป็นอะไรน่ะ?" ผมขมวดคิ้ว งุนงง จะให้เขาเป็นหลานแล้วเรียกผมว่า อา หรือ น้า ผมก็ไม่ค่อยจะชอบใจกับคำนำหน้าที่แก่ลงเท่าไหร่ด้วยสิ แต่ถ้าจะให้เป็นลูกยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ใครจะไปมีลูกอายุห่างกันสิบปีกันล่ะนี่???

เจย์เงียบไปหลายอึดใจดวงตาสีดำเบิกกว้างเล็กน้อยเหมือนกำลังอึ้ง สุดท้ายเขาก็กระพริบตาสองสามครั้งก่อนจะอ้าปากพูดออกมา

"ให้ตาย...ทึ่มชะมัด"

"....ห้ะ?!"

"คุณอายุเท่าไหร่กันแน่!? ทึ่มจริงๆ" เขาพูดเน้นชัดๆก่อนจะลุกพรวดและเดินไปทางบันได
คราวนี้เป็นผมที่กระพริบตาปริบๆพูดไม่ออกแทน

"..เจย์...เจเจ!! เธอว่าพี่ทึ่มเหรอ!? กลับมานี่นะ อย่าเดินหนีสิ"

"ทึ่ม!" เสียงทุ้มแว่วมาจากในครัว






"เจย์!!!


(http://i59.tinypic.com/2e246qa.jpg)

........................................

 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

แหมมม เขียนไปเขียนมา รู้สึกว่าคุณมิณทั้งกวนทั้งขี้แกล้งเลยนะคะเนี่ย :m20:

แวะเอาตอนพิเศษมาฝาก และขอบคุณนักอ่านที่ยังติดตามเรื่อยมานะค้าาา :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 31-03-2015 23:51:34
 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 01-04-2015 01:42:25
ดีใจที่คนเขียนกลับมา
แต่เสียใจคือทำไมสั้นนนนนอะ ฮืออออออ
รอต่อไปค่ะ ...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 01-04-2015 13:01:33
รอตอนหลักต่อไปจ่ะ

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-04-2015 13:16:22
คุณน้องเจเจ ไปว่าพี่เค้าแบบนี้ทำไม จับกดเลยค่ะลูก คุยไปก็เท่านั้น ฮ่าาาาาา  :hao6: นี่ชั้นเสี้ยมเด็กให้ทำอะไรเนี่ย

มาต่ออีกนะะ รอๆๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 01-04-2015 13:32:02
มาอีกนะมาอีก  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 06-04-2015 15:15:57
ก็ไม่อยากเอาใจเด็กนะ แต่มิณทึ่มจริงๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 06-04-2015 19:34:49
รอคุณพ่อแผลงฤทธิ์ ^.^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-04-2015 21:52:34
มาต่ออีกน๊าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 07-04-2015 16:24:57
ยังรออยู่นะค่ะ  :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 07-04-2015 21:05:27
มิณไม่ได้ทึ่มหรอกแค่ซื่อบื้อเท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ~PopPin[Pim]~ ที่ 15-04-2015 02:25:53
 :hao7: :hao7: น้องเจย์เริ่มเผยความรู้สึกออกมาเรื่อยๆแล้ววว
พี่มิณรีบๆรู้ตัวน้าาา

รอตอนหลักนะคะะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 15-04-2015 13:04:43
พี่มิณขา~…พี่จะใสเกินไปแล้วน้าา ยังงี้เจเจก็แย่เลยสิคะเนี่ย เพราะจีบพี่เท่าไรก็ไม่ติดสักที :laugh: รอตอนต่อไปนะคะ >3<
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 17-04-2015 11:42:39
น่าร๊ากกกกกกก :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 18-04-2015 23:15:40
รอรอรอค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 20-04-2015 04:43:17
มาต่อที pleaseeeeeeeee
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 20-04-2015 11:54:18
 :ling1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zhangwuxie ที่ 21-04-2015 01:54:55
เจเจน่ารักอ่ะ เหมือนเด็กๆเลยเหมือนลุกหมาด้วย555

ส่วนพี่มิณนี่กวนตีนจริงๆค่ะ 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: whynotme ที่ 22-04-2015 20:25:57
รอ เจเจ   :mew3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 23-04-2015 12:27:20
คิดถึงเจเจ  :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 24-04-2015 13:22:38
อยากอ่านต่อออออ ยังค้างเรื่องที่ลงมาจากห้องแล้วน้องเจอพ่ออยู่เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra "คุณมิณ"[31/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 26-04-2015 19:59:04
Chapter 7



"กรุ้งกริ้ง" เสื้อกระดิ่งที่ประตูดังเรียกความสนใจในเวลาที่เลยเวลาปิดของร้านมาพักหนึ่งแล้ว

"ขอโทษนะครับ ร้านปิดแล้ว" ผมเงยหน้าขึ้นมองชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาในร้าน ชุดสูทราคาแพงที่ดูเหมือนจะใส่มาทั้งวันแทบจะไม่เห็นรอยยับ เช่นเดียวกับทรงผมที่หวีเรียบแปร้

ดวงตาเรียวคมกวาดมองไปทั่วทั้งร้านราวกับนักประเมิณกำลังประเมิณราคาสถานที่

"ผมมาหาคน คุณช่วยตามเจ้าของร้านมาหาผมได้มั้ย ผมมีเรื่องต้องคุยกับเธอ"

"....เธอ? เออ..คงเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ ร้านนี้ผมเป็นเจ้าของร้านน่ะ" ยิ้มกลับไปแต่กลับได้สายตาที่เป็นเหมือนเครื่องหมายคำถามส่งกลับมา ผมได้แต่ยิ้มเก้อเมื่อลูกค้าคนสุดท้ายของวันนี้ไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากจ้องจนผมทำตัวไม่ถูก คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะคลายออก ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มหน่อยๆ

"ขอโทษด้วยที่เสียมารยาท คุณดูไม่ค่อยเหมือนกับที่ผมคิดไว้"

"...ครับ?"

"ผมไม่นึกว่าคุณจะเป็นผู้ชาย...แถมร้านยังเป็นร้านเล็กๆแบบนี้" ชายวันกลางคนแปลกหน้าหรี่ตามองพร้อมกับสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้บริเวณเคาน์เตอร์

"ขอกาแฟให้ผมซักแก้วได้ไหม"

"ครับ .."

"...."

ผมเริ่มลงมือชงกาแฟเงียบๆโดยมีสายตาคู่หนึ่งคอยมองอยู่ จะคิดเท่าไหร่ผมก็คิดไม่ออกว่าเคยรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อน ยิ่งคำพูดและท่าทางแปลกๆของเขาก็ยิ่งทำให้ผมประหลาดใจ

"เออ...ที่คุณบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเจ้าของร้าน..."

"อ้อ...ครับ" เขาจิบกาแฟไปเล็กน้อยพร้อมสีหน้าพอใจในรสชาติ

"ลูกชายผมคงชอบที่นี่มาก พ่อบ้านบอกว่าเขากลับบ้านช้าทุกวันเพราะมาที่นี่"

"ลูกชาย?"

"...." ในสมองของผมนึกภาพเด็กชายหลายคนที่ชอบมาเล่นที่ร้านหลังเลิกเรียน แต่นึกเท่าไหร่ก็มั่นใจว่าผมรู้จักผู้ปกครองเด็กๆทุกคนและหนึ่งในนั้นไม่ใช่เขา ชายตรงหน้าไม่ตอบอะไรต่อแต่ใช้ดวงตาสีเข้มที่อ่านไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่จ้องมองผมนิ่ง ความรู้สึกอึดอัดเข้าจู่โจมทันทีท่ามกลางความเงียบภายในร้าน เสียงรถจากถนนด้านนอกแล่นผ่านไปคันแล้วคันเล่าไม่สามารถทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนี้ลงได้ สุดท้ายอีกฝ่ายก็หลุบตาต่ำลงที่แก้วกาแฟและยกขึ้นจิบอีกเล็กน้อย เสียงทุ้มเอ่ยออกมา

"ผมมารับลูกชายกลับบ้าน เขาคงรบกวนคุณมามากพอแล้ว...อีกอย่างหนึ่ง ..ที่แบบนี้ไม่เหมาะกับเขาเลยสักนิด"

"...."

"ไม่ว่าคุณกำลังคิดจะหวังผลประโยชน์อะไรจากเขา.. เลิกคิดซะและอยู่ให้ห่างลูกชายผม"

"คุณ..หมายความว่ายังไง" ชายตรงหน้าไม่หยุดรอฟังที่ผมพูดเขาเอ่ยแทรกขึ้นมาแทบจะทันที

"ไม่อย่างนั้น...ผมก็จะทำให้คุณเลิกยุ่งกับเขาด้วยตัวเอง"





"....พ่อ...."

ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรตอบไปเสียงทุ่มคุ้นหูก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เจย์ยืนนิ่งจ้องมองมาทางนี้ด้วยแววตาหลากหลายความรู้สึก ผมมองสลับกันระหว่างเด็กหนุ่มและชายตรงหน้า นั่นทำให้ผมหมดความสงสัยลงแทบทั้งหมด...พวกเขาเหมือนกันจนไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด

"เจย์..."

"พ่อมาทำอะไรที่นี่"เจย์เขามาแทรกกลางระหว่างผมและชายตรงหน้า ถึงแม้จะมีเคาน์เตอร์ยาวขั้นอยู่แล้วก็ตาม

"ฉันมาตามแกกลับบ้าน"

"...."

"...."

"เออ...เจย์..." ผมได้แต่อ้าปากแต่ไม่มีคำพูดเล็ดลอดออกมา

"กลับไปเถอะ..ผมไม่กลับ"

"ฉันไม่ได้ถามความเห็นแก นี่เป็นคำสั่ง"

"...."บรรยากาศในร้านเงียบจนเหมือนไม่มีคนอยู่แต่ห่างไกลจากคำว่าเงียบสงบไปมากทีเดียว
ดวงตาสีดำสนิทสองคู่จ้องประสานกันพักใหญ่ก่อนเจย์จะทำลายความเงียบลงด้วยการพูดที่เน้นทุกคำในประโยคหนักแน่น

"ผม ไม่ กลับ"

"เจย์..." ผมครางเรียกชื่อเจย์เสียงเบาพลางกระตุกชายเสื้อ


ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเจย์มากนัก ถึงพอจะมองออกว่าเขามีปัญหาปิดบังอยู่ในใจและมันคงเป็นปัญหาที่ฝังลึกและกันกินเขามากพอสมควร ถ้าไม่มีปัญหานั้นเจย์น่าจะเป็นเด็กมัธยมปลายธรรมดาที่ดูมีความสุขมากกว่านี้ แต่ถึงอยากจะช่วยเหลือยังไงผมก็ไม่อยากเห็นคนในครอบครัวต้องขัดแย้งกัน

"กริ๊ก" เสียงเครื่องแก้ววางกระทบจานรองดังขึ้นหลังจากผู้ถือดื่มของเหลวสีเข้าภายในจนหมด ชายผู้มีอายุมากที่สุดในที่นี้เอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูเนื้อบางมาซับริมฝีปากก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องมองผมดวงตาคมเข้มฉายแววที่ต่างออกไปจากเมื่อแรกพบเหมือนแววตาของคนที่กำลังข่มความไม่พอใจอย่างสุดขีด

"ในเมื่อเจ้าตัวบอกอย่างนี้วันนี้ผมคงต้องกลับ..."เขาขยำกระดาษเป็นก้อนและวางแอบไว้ข้างแก้วกาแฟ

"และผมหวังว่าคุณจะเข้าใจที่ผมพูดก่อนหน้านี้"

ผมมองตามแผ่นหลังกว้างขอกลูกค้าคนสุดท้ายที่พ้นประตูกระจกออกไป ชายชรารูปร่างผอมบางแต่งกายด้วยชุดสูทเรียบร้อยยืนรออยู่ด้านนอกตั้งแต่เขามาถึง ที่จอดเทียบอยู่ข้างๆคือรถยนต์สัญชาติยุโรปสีดำสนิทหรูหรา

ร่างสูงใหญ่หายลับเข้าไปภายในรถหลังกระจกที่ติดฟิล์มดำสนิท ก่อนจะแล่นออกไปช้าๆ
ภายในร้านกาแฟเล็กๆของผมก็กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง

"เจเจ ทำแบบนี้จะดีเหรอ"ผมหันไปถามเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ เขายังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน

"...."

"...."

"...."

"เจย์..."

"เขาพูดอะไรกับคุณ"

"หืม?...เหวอออ เจเจ!?"จู่ๆผมก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังปลิวไปตามแรงดึงมหาศาลจากเด็กหนุ่มข้างๆจนตัวผมแทบประชิดกับเขาถ้าไม่ใช้มือดันอกเจ้าตัวไว้

"ผมถาม..เขาพูดอะไร" เจย์บีบแขนผมแน่นดวงตาเรียวคมจ้องมองไม่มีแววล้อเล่น

"เออ..ก็เปล่า พ่อเธอแค่บอกว่ามาตามลูกชาย ..เขาเป็นห่วงเธอนะ เธอน่าจะ..."

"ไม่!!"

"...."

"ง่วงแล้ว" เขาเปลี่ยนเรื่องและผละออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ




คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ห้องนอนของผมเงียบเหมือนกับนอนคนเดียวทั้งที่มีเจย์อยู่ข้างๆ ถึงแม้ว่าปกติเราจะไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากมายก็ตาม...

เจย์เป็นคนพูดน้อยแต่ชอบใช้การกระทำสื่อออกมามากกว่าและปกติผมมักจะเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อนเสมอแต่คืนนี้ไม่ว่าผมจะพยายามชวนคุยยังไงเขาก็ยังนอนนิ่งไม่มีทีท่าสนใจ ...บางทีผมคงต้องปล่อยให้เขาใช้ความคิดเงียบๆ




"เจย์ เสร็จรึยัง วันนี้พี่จะไปส่ง" ผมเคาะประตูก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามาในห้องนอนและพบว่าเจย์แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว(ผิดระเบียบเหมือนเดิม)

"ว่าไงนะ?"

"พี่บอกว่าพี่จะไปส่ง"

"...ละเมออยู่รึไง" เจย์ขมวดคิ้ว

"โธ่ พี่อยากไปส่งจริงๆ ก็ตอนนี้พี่เป็นผู้ปกครองเธอชั่วคราวนะ"

"...."

"ไปเร็ว เดี๋ยวสาย" ผมเดินเข้าไปฉวยแขนข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มและกึ่งจูงกึ่งลากออกมาที่ถนนได้สำเร็จ



ระหว่างทางพวกเราเดินผ่านความวุ่นวายในยามเช้าที่เกิดขึ้นเป็นประจำ รถติดเป็นเส้นยาว เด็กๆตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงมหาวิทยาลัยเดินทางไปเรียนกันอย่างเร่งร้อนไม่รวมถึงพนักงานบริษัทที่ทำงานแถวนี้อีกมากมายที่เดินขวักไขว่เต็มทางเท้า

ตอนแรกๆผมก็คิดว่ามันดูวุ่ยวายแต่เมื่อเวลาผ่านไปผมกลับรู้สึกว่ามันดูคึกคักมีชีวิตชีวาในเวลาเดียวกันถ้าเทียบกับวันหยุดที่ทำให้ย่านนี้ดูเงียบลงไปถนัดตา

ผมเหลือบมองเด็กวัยประถมสองสามคนวิ่งไล่กันที่ถนนฝั่งตรงข้ามและยิ้มออกมา นี่คือเหตุผลที่ผมชอบเด็ก น่ารัก สดใส จริงใจแล้วก็ดูมีความสุขผิดกับผู้ใหญ่ที่ต้องแบกรับอะไรไว้มากมาย

"ยิ้มอะไร รีบไม่ใช่เหรอ" เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับแรงฉุดเบาๆที่แขน ตอนแรกผมจำได้ว่าดึงเขาออกมาจากร้านแต่กลายเป็นว่าเจย์เป็นคนเดินนำไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

"ส่งถึงแค่นี้แหละ" เจย์พูดขึ้นเมื่อเราเดินมาหยุดตรงถนนสายใหญ่หน้าโรงเรียนที่การจราจรคึกคักวุ่นวาย แต่รถบางคันก็ขับเร็วอย่างน่าตกใจ

"ทำไมล่ะ แค่ข้ามถนนไปก็ถึงแล้ว เดี๋ยวพี่เดินไปด้วย"

"ไม่!!" ผมสะดุ้งกับเสียงดังที่เด็กหนุ่มปฏิเสธออกมา

"...."

"..กลับไปได้แล้ว"

"..อื้ม งั้นตอนเย็น..."

"ไม่ต้องมารับ ผมจะกลับเอง....ระวังตัวด้วยล่ะ"เจย์พูดและหันหลังเดินข้ามถนนไป ท้ายประโยคถูกลดเสียงลงต่ำจนแทบไม่ได้ยินประกอบกับที่รถเพิ่งจะแล่นผ่านไป แต่ดูเหมือนจะเรียกเจ้าตัวมาถามตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังนั้นจนลับตาด้วยความสงสัย..




ผมกลับมาถึงร้านด้วยความรู้สึกแปลกๆเมื่อมองเข้าไปข้างใน
วันนี้ลูกค้าก็ยังแน่นร้านเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแต่ที่เปลี่ยนไปดูเหมือนจะเป็นความวุ่นวายภายในร้านที่ตอนนี้...ไม่มี?

ผมผลักบานประตูกระจกใสเข้าไปภายในร้านเสียงกระดิ่งดังขึ้นเบาๆแต่กลับได้ยินไปแทบจะทั่วทั้งร้าน เหตุเพราะตอนนี้ภายในร้านกาแฟเล็กๆเต็มไปด้วยลูกค้าชายวัยฉกรรจ์สวมชุดสูทสีดำสนิททั้งตัวนั่งครองทุกโต๊ะภายในร้าน ด้วยปริมาณคนขนาดนี้กลับทำให้ภายในเงียบได้อย่างน่าประหลาด

"เออ..." ผมรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกขึ้นมากระทันหัน ไม่รู้จะเสียใจที่ด้วยสภาพภายในร้านตอนนี้ไม่เชิญชวนให้ลูกค้าคนอื่นๆเข้ามา หรือจะดีใจที่อย่างน้อยก็มีลูกค้าอยู่เต็มร้านดี...

"พี่มิณ ทางนี้ค่ะ" ผมเดินตามเสียงกระซิบเรียกของพนักงานสาวเข้าไปในครัว

"ตกใจหมดเลย น้ำนึกว่าร้านเราจะโดนปล้นแล้ว"

"เออ..." ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลยจริงๆ

"เขาไม่สั่งอะไรเลยค่ะพี่มิณ นั่งดื่มกาแฟคนละแก้วมาซักพักแล้ว" พนักงานสาวห้าวข้างๆพูดขึ้นอีกคน ผมมองสลับในร้านและนอกร้านที่ลูกค้าคนอื่นกำลังจะเข้ามาแต่ตกใจกับสภาพ(หรืออาจจะรวมคนด้วย)ภายในร้านและรีบผละออกไปอย่างรวดเร็ว

"เออ...ก็...อย่างน้อยเขาก็สั่งกาแฟล่ะนะ"





ผมเชื่อว่าตัวเองเป็นหนึ่งในคนส่วนน้อยที่มีความอดทนระดับสูงแต่นับจากวินาทีนี้ผมก็ได้รู้แล้วว่าตนเองนั้นคิดผิด..

กลุ่มลูกค้าในชุดสูทไม่ได้ก้าวออกไปจากร้านเลยนับตั้งแต่เมื่อตอนเช้าซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาใกล้จะเลิกเรียนของเด็กๆเข้าไปเต็มที ระยะทางที่พวกเขาเคลื่อนตัวไกลที่สุดคือจากโต๊ะไปยังห้องน้ำและเคาน์เตอร์เพื่อขอเติมกาแฟ

"ตี๊ดๆ ตี๊ดๆ" เสียงสัญญาณเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบที่แสนยาวนาน
"ครับ...ได้ครับ" สิ้นเสียงตอบรับจากเจ้าของเครื่อง กลุ่มลูกค้าทั้งหมดก็พากันลุกพรึบขึ้นอย่างพร้อมเพียงกันทำให้อาร์ที่อยู่หลังเคาน์เตอร์สะดุ้งเฮือก

ผมไม่รู้ว่าจะขำหรือสงสารดีเมื่อนึกย้อนไปถึงตอนบ่ายที่อาร์เข้ามาทำงาน ดวงตากลมโตเบิกกว้างพร้อมกับสีหน้าตื่นตระหนกเหมือนลูกกระรอกทำให้ผมอดขำไม่ได้ โชคยังดีที่ผมออกไปทันก่อนที่อาร์จะกดโทรหาตำรวจเพียงไม่กี่วินาที

"พี่มิณๆ เขาลุกขึ้นแล้ว! เขาจะมาปล้นเราแล้วแน่ๆเลย" เด็กหนุ่มกระตุกชายเสื้อผมถี่ยิบเอ่ยเสียงลนลาน

"ฮะๆ อาร์ ..ถ้าเขาจะปล้นเขาจะรอจนป่านนี้ทำไมน่ะ?"

"อ้ะ...เออ! จริงด้วย" ดวงตากลมเบิกขึ้นเล็กน้อยอย่างนึกขึ้นได้ทำให้ผมต้องกลั้นขำ ขณะนั้นเองชายหนุ่มที่เพิ่งวางสายจากโทรศัพท์ก็เดินเข้ามาใกล้พร้อมวางธนบัตรสีเทาหนึ่งใบลงตรงหน้าพวกผมพร้อมพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

"ขอบคุณสำหรับกาแฟ"

"อะ..ขอบคุณที่อุดหนุนครับ" ผมก้มลงมองแผ่นกระดาษที่มูลค่าของมันคงจะมากกว่ารายได้ของร้านในวันนี้อยู่หลายบาท พวกเขาก้าวออกจากประตูทีละคนโดยไม่ได้สนใจพวกผม รถสีดำคันหรูจอดเทียบอยู่ริมถนนหน้าร้านหลายคันเป็นยี่ห้อยุโรปที่ดูก็รู้ว่าแพงลิบลับ ชายชราร่างเล็กและผอมบางยืนอยู่ข้างรถคนหนึ่งในนั้น การแต่งตัวเรียบร้อยเหมือนเครื่องแบบพ่อบ้านเด่นสดุดตาทำให้ผมจำได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น...เขาคือคนทีามากับพ่อของเจย์เมื่อวันก่อน...



บรรยากาศในร้านผ่อนคลายลงได้ไม่นานเสียงเปิดประตูที่ไม่ได้ยินมาแทบจะทั้งวันก็ดังขึ้น คราวนี้ไปใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ผมคุ้นเคย

"กลับมาแล้วเหรอเจเจ หิวอะไรมั้ย"

"...."

"เจเจ?"

"ปิดร้านแล้วเหรอ"เขาตอบคำถามผมด้วยคำถามหลังจากหันมองสำรวจรอบๆร้านไปหนึ่งรอบและนั่นทำให้ผมต้องส่งยิ้มแห้งๆตอบกลับไป

"เปล่าๆ วันนี้ไม่ค่อยมีลูกค้าน่ะ ..งั้น เดี๋ยวพี่ชงโกโก้ให้นะ"

"..อืม"



"อ่ะนี่ วันนี้มีเค้กมะพร้าวนะ" ผมวางโกโก้เย็นที่เพิ่มวิปครีมจนพูลละจานเค้กลงบนโต๊ะ เจย์กำลังเปิดสมุดหนังสือเตรียมตัวทำการบ้าน

เจย์เรียนเก่งมากผมเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้หลังจากที่ช่วยเขาเก็บหนังสือและเจอใบเกรดเข้าโดยบังเอิญ ถึงแม้ผมจะดูออกว่าเขาเป็นคนเก่งตั้งแต่แรกแล้วก็ตาม อ่า...แต่เกรดไม่เคยต่ำว่า 3.8 ทุกภาคการเรียนทำเอาผมอึ้งไปไม่น้อยเลย

"นี่..พ่อผมเขามาที่นี่อีกรึเปล่า" จู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้นมาถาม ดวงตาคมสีดำประกายเหมือนตาลูกสุนัขตัวเล็กๆกำลังอ้อนอยู่

"เปล่า ไม่ได้มาหรอก ทำไม คิดถึงบ้านขึ้นมาเหรอ"
 
"หื้อ.. ไม่ใช่ซักหน่อย"

"...." ผมยิ้มและยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมสีเข้มนั้นเบาๆ

"ถ้าเขามาหาคุณหรือให้คนมาก่อกวนล่ะก็ ..คุณต้องบอกผม" เจย์จ้องด้วยสีหน้าจริงจังทำเอาผมสะดุ้งในสมองหวนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันอย่างเลี่ยงไม่ได้

"อื้ม ได้สิ แต่คงไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก" ผมยิ้มและผละออกมาห่างจากเขาเสมองไปทางอื่น

"จริงสิ วันนี้อย่างกินอะไรล่ะ พี่จะทำให้ หมูกระเทียมดีมั้ย" ผมเดินเขามาในครัวพลางถามเจย์ไปด้วยแต่ไม่กล้าหันไปมองเขาตรงๆ

รู้สึกเหมือนมีสายตาจ้องจับผิดคอยมองตามอยู่ตลอดเวลาอย่างเงียบๆ ถึงผมจะเคยเจอพ่อของเขาแค่ครั้งเดียวแต่ผมกลับรู้สึกว่าทั้งสองคนคล้ายกันอย่างน่าประหลาดทั้งหน้าตา รูปร่างและนิสัย



...นี่ผมควรจะรับมือกับคนตระกูลนี้ยังไงดีล่ะ....?


(http://i62.tinypic.com/dpvazn.jpg)

........................................
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 26-04-2015 20:17:42
โอ้ยยยยยยยยยยย มาแล้ว
ตอนหน้าจะอีกนานไม๊ T-T
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 27-04-2015 04:40:08
เขามาอ่านพอดี มีตอนใหม่
พี่มิน น่ารัก   :mew1:

แล้วก็รอตอนต่อไป

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 27-04-2015 09:41:42
เจเจรู้แน่ว่าพ่อส่งคนมาก่อกวน

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-04-2015 10:04:00
 :pig2:  เย้ อัพตอนใหม่แล้ว ดีใจจังค่ะ
ยังรอเสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 27-04-2015 10:48:50
คุณพ่อคิดจะทำอะไรกันคะ?? ..ดูท่าเจเจจะรู้ทันคุณพ่อหมดนั่นล่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 27-04-2015 11:32:34
เจเจต้องรู้แน่ๆๆว่าพ่อส่งคนมา

 :กอด1: :L2: :pig4:



หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 27-04-2015 21:30:46
เจจะจัดการกับพ่อตัวเองยังไงล่ะ จะยอมหรือจะสู้? :ling2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 27-04-2015 22:06:49
จะไหวไหมพี่
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วเจ้าจอม ที่ 28-04-2015 14:38:51
มาแล้วววว...
 ปล. คอยตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 28-04-2015 15:44:10
พึ่งรู้ว่ามาอัพต่อแล้ว เย่
ตอนต่อไปมาไวไวนะคะ
:sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: thepopper ที่ 28-04-2015 20:03:02
กรี๊ดดดดดดด มาแล้ววว
นึกว่าตาฝาด น้ำตาจิไหล
รอตอนต่อไปจ้า สู้สู้น้า
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 29-04-2015 13:29:39
พ่อเจย์ให้คนมานั่งกินทีทำไม!!!
ไม่มีลูกค้ามาเข้าร้านเลย
แต่ก็ดีนะที่จ่ายเงินเยอะ 5555+
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 29-04-2015 15:12:27
นึกภาพแล้วขนลุกเลยอะ 55555555555 คนใส่สูทนั่งเต็มร้าน  :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 30-04-2015 13:09:48
มาต่อแล้ว รอนะ ไม่รู้สึกคุณพ่อน่ากลัวเท่าไรเหมือนครอบครัวอึนๆโหดๆเงียบๆ ก็น่ารักดี แต่คงมีปัญหากัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 30-04-2015 16:28:02
เจเจนี้ดื้อเหมือนพ่อเลยแหะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: whynotme ที่ 01-05-2015 21:50:52
คุณมิณ จะรับมือสองพ่อลูกไหวมั้ยน๊า.....   :hao4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: gwaiplay ที่ 01-05-2015 22:19:43
พี่มิณกินเด็กตำรวจจับนะเออ กิ๊วๆ  o18 o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: keinoo ที่ 01-05-2015 22:55:16
 :-[
น้องเจเจค่ะ ป้ารู้สึกอยากกินกาแฟขึ้นมาทันทีเลยคร่าา (แม้ปกติป้าจะไม่เคยแดรกก้อตาม)
วุ้ยยย น่ารักอ่ะลูกกก  :impress2:
มาต่อไวไวนะคร้า คุณมิณก้อน่าร้ากกกก คนเขียนก้อน่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 05-05-2015 16:05:19
มาต่อเร็วๆนะคะ รออยู่ค่าา 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 05-05-2015 21:17:27
อยากอ่านต่อแล้วคะ

ได้โปรดมาต่อบ่อยๆเถอะคะ

ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lionnoi ที่ 12-05-2015 01:56:30
ตามมาจากอีกเรื่องค่า
สนุกมากเลย  o13
สงสารเจเจ ... ยังไงพ่อก็รักเจเจแหละ
แต่ห่างกันนานเกินไป ทำให้ไม่เข้าใจกัน :hao5:
พี่มินน่ารักมากๆ ต้องเป็นสื่อกลางให้พ่อลูกเข้าใจกันเร็วๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 21-05-2015 12:37:09
พี่มิณสู้ๆ พ่อเจเจนี่แอบเอาเรื่องนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิงผมซอยปลาย ที่ 26-05-2015 21:50:41
มาต่อเถอะน้าาา  :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 26-05-2015 22:37:47
เรื่องสนุกมากๆครับ เสียดายแย่ถ้าไม่มาต่อให้จบ

คนแต่งหายไปไหน~
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 07-07-2015 21:35:19
สนุกมากครับ เนื้อเรื่องน่ารักดี อย่าลืมมาต่อนะครับ ........ รอนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 08-07-2015 01:59:40
ไม่ชอบหมา rottweiler ค่ะ มันตัวใหญ่ไปนิดสสส์  //  ยังรออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 08-07-2015 23:05:01
นานแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Flower ที่ 26-07-2015 19:34:32
คนเขียนรีบมาต่อเถอะค่ะ ขอร้อง :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 7 Up!![26/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 28-07-2015 12:24:58
Chapter 8





"นี่ พี่รู้นะว่าเธอตื่นอยู่"

"..."

"..."

"..."

"เจเจ..อย่าดื้อสิ!"

"...เหอะ! คำว่าดื้อมันใช้กับผู้ใหญ่ไม่ได้หรอก"

"หืม? เธออ่ะนะผู้ใหญ่?"

"ใช่!"

"ฮ่าๆ ดูสิ ดูยังไงก็เด็กอยู่ชัดๆ เอ้า! ลุกขึ้นสิ ฮึบ!" เราเถียงกันอยู่พักหนึ่งก่อนที่ผมจะขึ้นไปบนเตียงเพื่อนฉุดเด็กตัวโตให้ออกมาจากกองผ้าห่ม

เจย์ไม่ชอบไปโรงเรียนเช้าๆ เขาชอบจะไปหลังเวลาเข้าแถวเสมอถึงแม้จะตื่นตั้งแต่เช้าแล้วก็ตาม แต่ช่วงนี้เขาไปเช้าเกือบจะทุกวันเพราะถูกผมปลุก(ก่อกวน)จนแกล้งหลับต่อไม่ไหว

"ฮื้อ ม่าย อย่าดึงสิ" เจย์ส่งเสียงงึมงำอย่างขัดใจหลังจากที่ผมทั้งดึงทั้งลากกองผ้านวมผืนใหญ่ที่เขาใช้ห่อตัวเอาไว้

"ออกมาได้แล้ว เดี๋ยวก็สายหรอก พี่ปิ้งขนมปังไว้ให้แล้วด้วยนะ"

"หื้อ ไม่"

"..เจ..เจ" ผมเรียกเขาเสียงรอดไรฟันก่อนจะกระโจนขึ้นไปนั่งทับกองผ้าห่มที่มีร่างคนอยู่ข้างใต้
"อะ โอ๊ย! ทำอะไรของคุณ มันหนักนะ"

"ถ้าอย่างงั้นก็ออกมาสิ นี่แนะ!" ผมไม่สนใจเสียงบ่นอู้อี้นั่น และเราก็เริ่มยื้อผ้าห่มไปมาเหมือนชักเยอร์
"โอ๊ย เล่นอะไรเป็นเด็ก นี่คุณแก่แล้วนะ"

"หา? ว่าใครแก่ ว่าพี่เหรอ ห้ะ!?"

"โอ๊ยๆ เจ็บ! อย่าดึงผมสิ" ในที่สุดผมก็เป็นฝ่ายชนะหลังจากที่เจย์ยอมโผล่ศีรษะออกมาจากผ้าห่มแถมแขนอีกสองข้างก็ยังจับข้อมือผมที่กำลังดึงทึ้งเส้นผมสีดำสนิทของเขาเอาไว้

"ฮ่า พี่ชนะแล้ว รีบอาบน้ำแต่งตัวเร็ว"

"...."

"เจย์..ปล่อยได้แล้ว" ผมดึงข้อมือจากการเกาะกุมของคนตรงหน้าเพราะเริ่มรู้สึกอยากปาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมาจากหน้าผาก ...หรือผมจะแก่แล้วจริงๆล่ะนี่...

"คุณแกล้งผม" ทำไมผมถึงเห็นรอยยิ้มร้ายกาจภายใต้ใบหน้านิ่งๆนั่นนะ

"พี่เปล่า ก็...เธอต้องไปโรงเรียน"

"หึ"

"เจย์ ปล่อยพี่สิ เหวอออ! เจย์!" ผมร้องเสียงหลงเมื่อมือถูกปล่อยแต่กลับถูกดึงข้อเท้าจนหงายหลังลงไปบนเตียง ไม่ทันได้ร้องไปมากกว่านี้นิ้วมือหลายนิ้วก็ตรงเข้ามาจี้เอวและหน้าท้องอย่างไม่ทันตั้งตัว

"ฮะๆ ฮ่าๆๆ โอ้ย เจเจ หยุดนะ"

"คุณแกล้งผมก่อน" โอ้ย เขารู้ได้ยังไงว่าผมบ้าจี้

"โอ้ย เจย์ ฮ่าๆ พี่ยอมแล้วๆ โอ้ยยย"

"หึหึ" ผมได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะเบาๆขณะที่ตัวเองแทบจมไปกับฟูกนอน รู้สึกเหนื่อยจนหายใจแทบไม่ทัน ขยับตัวออกจากกองผ้านวมที่พันตัวอยู่อย่างยากลำบากก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มที่คล่อมทับอยู่

"ยิ้มอะไรของคุณ"

"เปล๊า แต่คิดว่าเวลาเธอยิ้ม น่ารักมากเลย ยิ้มบ่อยๆสิ" ผมว่าในขณะที่เจย์หุบยิ้มแทบจะทันที

"ผมไม่ดีใจเวลาถูกชมว่าน่ารักหรอกนะ"

"หึหึ  อย่าทำหน้าบูดสิ เอ้า! เลิกเล่นได้แล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัวเร็ว เดี๋ยวพี่ไปส่ง" ผมยิ้มและผละตัวออกมา รู้สึกถึงสายตาที่มองตามหลังอยู่เงียบๆ..






"ที่ร้านเป็นยังไงบ้าง"

"หืม ว่าไงนะ" ผมละสายตาจากทิวทัศน์ความวุ่นวายรอบๆตัวหันมามองเด็กหนุ่มร่างสูงที่เดินอยู่ข้างๆ


เวลานี้จวนเจียนจะได้เวลาเคารพธงชาติเต็มแก่แล้วแต่พวกเราก็ยังคงเดินทอดน่องอย่างสบายอารมณ์ บางทีผมก็เอื่อยเฉื่อยเกินไป ทั้งที่ผมเป็นคนเร่งเจย์แท้ๆแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขากำลังเดินนำหน้าผมอยู่ก้าวหนึ่ง

"ผมถามว่าที่ร้านเป็นยังไงบ้าง"

"อ่อ ก็เรื่อยๆน่ะ ลูกค้าก็ยังน่ารักเหมือนเดิม ไม่มีอะไรพิเศษ" ...ถ้าไม่นับลูกค้าสวมสูทดำสนิทเต็มยศที่พากันมาบุกร้านล่ะก็นะ... ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆกับคำพูดที่ไม่ได้พูดออกไป

"...."

"มีอะไรเหรอ หรือตอนเย็นอยากกินเค้ก วันนี้พี่ทำเค้กกาแฟนะ พี่ยอมให้เธอกินกาแฟได้เฉพาะเค้ก"

"...ชอบทำเหมือนเป็นเด็กอยู่เรื่อย"

"ก็เธอยังเด็กจริงๆนี่" ผมหัวเราะแล้วเร่งฝีเท้าให้เดินนำ ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงบ่นงืมงำเบาๆจากคนข้างหลัง

"วันนี้พี่ไปส่งหน้าโรงเรียนนะ"

"..ไม่ต้อง ส่งแค่ตรงถนนด้านหน้าก็พอ"

"เจย์..."

"...." ความเงียบก่อตัวขึ้นโดยที่ผมไม่ได้พูดอะไรต่อและเจย์ก็ยังคงเงียบอยู่แบบนั้น ถึงแม้ว่าผมอยากจะรู้ว่าเพราะอะไรแต่ก็ไม่กล้าจะถามออกไป ดูเหมือนเจย์จะไม่ค่อยอยากพูดถึงมันเท่าไหร่


เพราะอายที่เจ้าของร้านกาแฟธรรมดาๆแต่งตัวบ้านๆแถมหน้าตายังจืดชืดอย่างผมมาส่ง หรือไม่อยากให้ผมเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตวัยเรียนของเขามากเกินไปหรืออาจจะเป็นเหตุผลเล็กๆน้อยๆเช่น อยากเดินเข้าโรงเรียนคนเดียว ไม่อยากให้ผู้ใหญ่ไปส่ง ยังไงผมก็ได้แต่เดามั่วไป จนคร้านจะสนใจ บางทีเด็กๆก็มีเหตุผลของเขาที่ผู้ใหญ่ไม่มีทางเข้าใจ

"คิดอะไร" เสียงทุ้มทำลายความเงียบลงพร้อมกับดวงตาคมที่จ้องมา

"เปล่านี่" ผมเลิกคิ้วพรางส่งยิ้มกลับไปขณะรอสัญญาณไฟข้ามถนน

"...."

"...."

"...ไม่ว่าคุณจะคิดอะไรอยู่ มันไม่ใช่แบบที่คุณคิด" เจย์พูดขึ้นขณะสัญญาณไฟตัวเลขสีแดงเริ่มนับถอยหลัง

"พี่คิดอะไร แล้วเจเจรู้ได้ยังไง หืม?"

"รู้สิ คุณน่ะ แค่มองหน้าก็รู้หมดแล้วว่าคิดอะไรอยู่"เจย์หันมามองผมตรงๆด้วยดวงตาสีดำสนิทของเขาด้วยสายตาที่เดาไม่ออกพร้อมกับยกมุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆแต่ดูเศร้าสร้อย


ขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากเพื่อพูดอะไรซักอย่างเด็กหนุ่มก็เดินผละออกไปในตอนที่สัญญาณทางม้าลายกลายเป็นสีเขียวแม้จะพยายามเรียกเขาก็ไม่ได้หันกลับมาและที่ดูน่าตลกแต่หัวเราะไม่ออกคือผมไม่ได้ก้าวออกจากฟุตบาตไปเพื่อตามเขา เฝ้ามองแผ่นหลังกว้างภายใต้เสื้อนักเรียนสีขาวเดินห่างออกไปและหายลับเข้าไปในรั้วโรงเรียน...






"ผมไม่ได้สั่ง" เสียงทุ้มต่ำของชายชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำเอ่ยขึ้นแทบจะทันทีเมื่อผมวางถาดคุกกี้ลงบนโต๊ะ

วันนี้ภายในร้านก็ยังคงเต็มไปด้วยมนุษย์ในชุดดำที่นั่งอยู่เต็มร้านพร้อมกับกาแฟราคาถูกที่สุดตรงหน้าคนละแก้วสร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ซึ่งผมก็ทำได้แค่เพียงยิ้มแห้งๆตอบกลับไป

"ไม่เป็นไรครับ ผมเลี้ยง พวกคุณคงนั่งกันอีกนานอาจจะหิว" ชายหนุ่มชะงักนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเสหน้ามองไปทางอื่นทำให้ผมได้มีโอกาสสังเกตุเขาใกล้ๆ

เขาดูเหมือนจะเป็นคนที่เด็กที่สุดในนี้อายุยังไม่มากอาจจะพอๆกับผมหรือบวกลบไม่น่าจะเกินสามปี คิ้วหนาเข้มดวงตาชั้นเดียวเรียวรีแต่ก็ไม่หยีเล็กจนเกินไป จมูกโด่งมากจนเป็นสันและริมฝีปากบางเป็นเส้นตรง เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูดีมากทีเดียวเพียงแต่ดูเย็นชาจนรู้สึกเข้าถึงยากแค่นั้น

"เออ ..ถ้าต้องการอะไรล่ะก็เรียกผมได้นะครับ" ผมเดินกลับมาหลังเคาน์เตอร์ขณะเดียวกันกับที่ชายสูงอายุในชุดสูทวางแก้วกาแฟที่พร่องไปจนเกือบหมดตรงหน้า

"ขอเติมกาแฟด้วยครับ" ผมตอบรับพลางเทกาแฟจากกาต้มลงไปในแก้ว ผมจำเขาได้ เขาคือคนที่มากับพ่อของเจย์เมื่อหลายวันก่อน รูปร่างเล็กและท่าทางใจดีดวงตารีเล็กภายใต้ชั้นผิวหนังที่เหี่ยวย่นของเปลือกตาทำให้แทบมองไม่เห็นว่าดวงตาคู่นั้นคิดอะไรอยู่มีเพียงริมฝีปากที่มักจะยกโค้งขึ้นเสมอเหมือนกับกำลังยิ้มอยู่ตลอดเวลา

"คุณรู้จักกับคุณหนูได้ยังไงครับ" ผมไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามจากปากของเขาทำให้ชะงักสักพักก่อนจะตอบ

"เจย์บังเอิญมาหลบฝนที่ร้านน่ะครับ"

"งั้นหรือครับ คุณคงใจดีกับคุณหนูมาก เขาติดคุณขนาดนี้"

"ติด? เออ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ" ผมยิ้มแหยพลางจัดคุกกี้สามสี่ชิ้นมาวางเสริฟบนเคาน์เตอร์ แอบเห็นลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินมาทางร้านแต่ก็หันหลังเดินกลับอย่างเร่งร้อน...อ่า ถ้าผมเจอชายในสูทสีดำหลายสิบชีวิตในร้านกาแฟร้านโปรดล่ะก็ ต่อให้ชอบขนาดไหนก็ทำใจเดินเข้าไปได้ยากเย็นจริงๆ

"ช่วงนี้รายได้ของร้านคุณคงไม่ค่อยดี" คนตรงหน้าเปลี่ยนเรื่องกระทันหันพลางจิบกาแฟ

"เออ...ก็นิดหน่อยครับ" ผมเสียดายขนมที่ต้องทิ้งไปมากกว่า...

"คุณผู้ชายต้องการให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว...แต่ถ้าคุณยอมให้คุณหนูกลับบ้านล่ะก็ เราจะไม่มารบกวนอีก"

"เรื่องนั้น...ผมคงตัดสินใจแทนเจย์ไม่ได้หรอกครับ ถ้าเขาไม่อยากกลับผมคง... อ๊ะ แต่ไม่ได้
หมายความว่าผมไม่อยากให้เจย์กลับบ้านนะครับ แค่..."

"หึหึหึ ผมชอบคุณนะครับ คุณเรมิณ" ผมที่ถูกขัดกลางคันได้แต่นิ่งอึ้งกับประโยคเมื่อกี้

"หลังจากมาอยู่ที่นี่หลายวัน ผมก็ไม่แปลกใจที่คุณหนูจะชอบคุณ... คุณมีอะไรหลายอย่างคล้ายกับคุณผู้หญิง" ...แม่ของเจย์?

"เออ...คุณผู้หญิงคือแม่ของเจย์เหรอครับ ..แล้วตอนนี้..."

"ท่านเสียนานแล้วครับ ตั้งแต่คุณหนูอายุเจ็ดขวบ" ดวงตารีเล็กที่แทบมองไม่เห็นหลุบต่ำลงมองน้ำกาแฟสีเข้มภายในแก้วที่แน่นิ่ง

"ขอโทษนะครับ"

"ไม่เป็นไร ผมนึกว่าคุณหนูบอกคุณแล้วซะอีก"

"...."

"ท่านประสบอุบัติเหตุถูกรถชนตอนไปส่งคุณหนูที่โรงเรียน ...คุณหนูหยุดเรียนเพราะป่วย แต่ก็อยากไปโรงเรียน วันนั้นไม่มีใครอยู่บ้านท่านจึงไปโรงเรียนด้วยตัวเอง ขณะทั้งสองกำลังข้ามถนนรถคันหนึ่งก็วิ่งตรงเข้ามา"

น้ำเสียงค่อนข้างแหบบอกเล่าเรื่องราวไปเรื่อยๆอย่างเนิบนาบ

"คุณหนูบาดเจ็บแค่เล็กน้อย แต่คุณผู้หญิงเธออาการสาหัส...หลังจากเข้าผ่าตัดที่โรงพยาบาลไม่นานท่านก็เสีย และหลังจากนั้น คุณผู้ชายกับคุณหนูก็แทบจะไม่คุยกัน"

"ทำไมล่ะครับ" ผมในตอนนี้ลืมเรื่องการเสียมารยาทไปเสียสนิท ชายตรงหน้าเพียงยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ

"ตอนนั้นเป็นช่วงที่เศรษฐกิจกำลังตกต่ำ ธุรกิจของเรากำลังจะล้มละลาย...คุณผู้ชายพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้บริษัทอยู่รอด...แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยเวลาที่หายไปกับการทำงาน..."

"...."

"ลูกจ้างที่บ้านก็ต้องเลิกจ้างจนเหลือคนสนิทเพียงไม่กี่คน...ตอนนั้นคุณหนูยังเด็กมาก คงไม่ทันได้สังเกตว่ารอบตัวนั้นต่างไปจากเดิม ที่เด็กอายุเท่านั้นจะรับรู้ได้ก็แค่...คุณพ่อที่เอาแต่ทำงานจนไม่สนใจคุณแม่ที่กำลังป่วยหนักกับครอบครัว..."

เครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่สามตัวภายในร้านที่ถูกใช้งานอย่างหนักหน่วงส่งเสียงเพียงเสียงเดียวออกมาในขณะนี้ แม้แต่ในครัวที่พนักงานของร้านพากันไปคลุกอยู่ข้างในก็ยังมีเพียงเสียงเครื่องแก้วกระทบกับเบาๆจนแทบไม่ได้ยิน

"ผม...ไม่เคยรู้เรื่องนั้นมาก่อนเลย" ผมได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไปที่อาจจะดังกว่าเสียงกระซิบนิดหนึ่ง

"หึหึ...คุณไม่ต้องคิดมากหรอกครับ เมื่อคุณหนูพร้อม เขาจะเล่าทุกอย่างให้คุณฟังเอง...เมื่อถึงตอนนั้นโปรดอย่างทำให้คุณหนูต้องผิดหวังที่ไว้ใจคุณนะครับ" ท้ายประโยคแปลเปลี่ยนเป็นเสียงทุ้มจริงจัง ดวงตาหรี่เล็กภายใต้ผิวหนังเหี่ยวย่นจ้องมองผมนิ่งจนเริ่มรู้สึกอึดอัด

"กรุ้งกริ้งง!ๆ" เสียงกระดิ่งหน้าประตูสั่นติดกันหลายครั้งบ่นบอกว่าบานประตูกระจกถูกผลักออกอย่างรุนแรง เจ้าของร่างสูงโปร่งในชุดนักเรียนมัธยมปลายก้าวเข้ามาในร้านพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ

"ออกไป" เด็กหนุ่ยเอ่ยเสียงรอดไรฟัน

"..."

"ผมบอกให้ออกไปไง!!!!!!" ผมถึงกับสะดุ้งกับเสียงตะโกนที่ดังขึ้น

"คุณหนูครับ..."

"ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น! แค่ลุงวิทย์ต้องพาคนของลุงออกไปจากร้าน..."

"คุณหนู..."

"เดี๋ยวนี้!!!!!" ผมสะดุ้งอีกรอบพร้อมกับสังเกตเห็นชายในชุดสูทชำเรืองมองผู้ที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ ชายสูงอายุร่างเล็กที่เจย์เรียกว่า'ลุงวิทย์' ลอบถอนหายใจเบาๆก่อนจะตอบรับ

"ครับ..."



ตอนนี้ภายในร้านกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ต่างกันที่ความเงียบครั้งนี้เกิดจากการที่ไม่มีใครอยู่ในร้านเลยสักคนเดียว ควันสีขาวลอยอ้อยอิ่งขึ้นมาจากถ้วยกาแฟที่ไม่มีเจ้าของ เก้าอี้ทุกตัวถูกเลื่อนเข้าจนชิดขอบโต๊ะแทบจะเหมือนกับตอนเก็บร้านทุกอย่างต่างเพียงแค่มีขนมบนโต๊ะที่ยังทานไม่หมดอยู่เท่านั้น

"เออ...พี่มิณคะ?" ผมหันไปมองเด็กสาวหน้าตาน่ารักที่ประตูห้องครัวก่อนจะยิ้มตอบ

"เดี๋ยวน้ำเก็บโต๊ะให้พี่หน่อยนะ"

"ได้ค่ะ"





"เจย์...ทำไม.."

"...." เด็กหนุ่มไม่ตอบแต่เดินเข้ามาใกล้ฉุดมือให้เดินตามขึ้นไปชั้นบน สองขายาวๆก้าวขึ้นบันไดอย่างรวดเร็วจนผมต้องพลอยเร่งฝีเท้าไปด้วย

"เจย์ ตอนนี้มันยังไม่เลิกเรียนนี่ กลับมาได้ยังไง" ผมถามทันทีที่เราหยุดยืนอยู่กลางห้องนอน

"พวกนั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่"

"...."

"ผมถาม ว่าพวกนั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่" เด็กหนุ่มพูดเสียงรอดไรฟันเหมือนข่มกลั้นอารมณ์

"...เออ ก็สองสามวัน"

"โกหก"

"...."

"คุณมิณ" อ่า...ในที่สุดเจย์ก็เรียกชื่อผม ถึงผมอยากจะให้เรียกว่าพี่มากกว่าก็เถอะ และตอนนี้ นี่ก็อาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ผมต้องคิด

"เออ...อาทิตย์กว่า..."

"นี่คิดว่าผมโง่จนดูไม่ออกรึไง!?"

"อ๊ะ เปล่า คือพี่ไม่ได้คิดอย่างงั้น...เดี๋ยวนะ เธอ....รู้อยู่แล้ว?"

"..." ความเงียบเป็นการยืนยังสิ่งที่ผมพูดได้อย่างดี

"แล้ว...ทำไม..."

"ผมรอให้คุณบอก!!! คิดว่าผมไม่เห็นรึไงว่าที่ร้านคนน้อยลงทุกวัน ขนมที่ทำไว้ก็แทบไม่ได้ขาย!! ถ้าผมไม่มาวันนี้แล้วคุณคิดจะบอกเมื่อไหร่!!? ต้องรอให้ร้านเจ๊งไปจริงๆก่อนมั้ย!!!? ห๊า!!" ผมรู้สึกว่าตัวเองหูอื้อชั่วขณะจากเสียงตะโกนของเด็กหนุ่มตรงหน้า ดวงตาสีดำสนิทไหวระริกจากอารมณ์ ใบหน้าขาวแดงก่ำไปจนถึงใบหู ..ปกติเจย์เป็นคนเงียบขรึมชอบแสดงออกทางการกระทำมากกว่าคำพูดแถมยังเก็นอารมณ์ได้เก่ง...ผมไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อน

"เจย์ คือ..พี่ขอโทษนะ...พี่แค่ไม่อยากให้เธอมีปัญหากับพ่อ.."

"คิดอย่างงั้นจริงๆหรือคุณกำลังปกป้องเขากันแน่?!"

"...."

"ใครๆก็อยู่ข้างพ่อ! ทุกคนปกป้องเขา ทั้งแม่! ทั้งลุงวิทย์!...แล้วก็คุณ" แววตาที่จ้องมองมาเต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียใจ ผมรู้สึกเหมือนเขากำลังร้องไห้ทั้งที่ผมไม่เห็นน้ำตา

"เจย์.. ไม่มีใครอยู่ข้างใครทั้งนั้น ทุกคนรักแล้วก็หวังดีกับเธอนะ"

"...."

"คุณพ่อท่านแค่เป็นห่วงเธอนะ พี่ว่าเจย์กลับไปคุยกับคุณพ่อให้เข้าใจกันดีมั้ย ยังไงนี่ก็เป็นเรื่องของครอบครัว ...ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจกันก็...."

"เหอะ!"

"เจย์ ? ทำอะไร" ผมรีบถามเมื่อเห็นเขาเดินตรงไปที่ตู้เสื้อก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้และยัดเสื้อผ้าลงไปลวกๆ

"ออกไปจากที่นี่"

"ไป? ไปไหน เธอจะกลับบ้านเหรอ"

"ไม่" ผมที่เกือบจะยิ้มออกต้องหุบยิ้มและขมวดคิ้วมุ่น

"แล้ว..แล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหน? เจย์! คุยกับพี่ก่อนสิ" ผมฉุดแขนเจย์ไว้สุดแรงเมื่อเจ้าตัวทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง

"...."
"เจย์ พี่เป็นห่วงนะ อย่าทำแบบนี้ มาคุยกับพี่ก่อน" ผมว่าพลางจูงมือเขามานั่งบนเตียง ถึงจะไม่ได้ขัดขืนแต่หน้าก็ยังบึ้งอยู่ดี

"ถ้ายังไม่อยากกลับบ้านก็อยู่ที่นี่เถอะนะ พี่ปล่อยให้เธอไปอยู่ข้างนอกคนเดียวไม่ได้หรอก

"...."

"เออ...คือ เรื่องคุณพ่อเธอ..."

"ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้" เจย์พูดขัดขึ้นมาทันทีทั้งๆที่ยังฟังไม่จบ

"ไม่เอานะเจเจ เวลามีปัญหาเราต้องรีบสะสางสิ"

"ไม่!" ว่าพลางล้มตัวลงนอนบนเตียงแถมยังเอาผ้าห่มมาคลุมตัวจนมิด บางทีเขาก็ดื้อเงียบจนผมยากจะรับมือ


"เออ...พี่เสียใจด้วยนะเรื่องคุณแม่"

"...."

"เออ...คือ..."ร่างใต้กองผ้าห่มยังนิ่งไม่ขยับและผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ถึงอยากจะช่วยแค่ไหนแต่ลึกๆแล้วก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวที่ผมไม่ควรเข้าไปยุ่ง

"ลุงวิทย์เล่าให้ฟังเหรอ"

"...อืม"

"ลุงเล่าด้วยรึเปล่าว่าตอนนั้นพ่อไม่สนใจแม่เลย"

"...อืม...แต่ว่าเพราะตอนนั้นที่บริษัทกำลังมีปัญหา.."

"บริษัทเฮงซวยนั่นมันสำคัญกว่าแม่ตรงไหน!!!?"เจย์ขึ้นเสียงพร้อมกับขยับหนีมือของผมที่ลูบหัวเขาอยู่

"...."

"...แม่ต้องผ่าตัดเกือบทั้งวัน มีแต่ลุงวิทย์ที่อยู่ด้วย...ทั้งๆที่พ่อก็รู้แล้ว"

"...."

"พอออกมาอยู่ห้องไอซียูได้ไม่กี่ชั่วโมงอาการแม่ก็แย่ลงอีก..." เสียงทุ้มเปลี่ยนจากโวยวายมาเป็นเสียงที่เบาลงเรื่อยๆ ใบหน้าคมซุกลงกับผ้านวมผืนหน้าจนผมไม่สามารถมองเห็นว่าเขาแสดงสีหน้ายังไง

"แต่คราวนี้หมอช่วยแม่ไว้ไม่ได้แล้ว...."น้ำเสียงที่บอกเล่าเรื่องราวออกมานั้นสั้นเครือจนอดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้ๆและลูบหัวเขาเบาๆ

"พ่อมาถึงหลังจากนั้น...ทั้งๆที่มีเวลาทั้งวันพ่อก็ยังสนใจแต่งาน... วันต่อมาพ่อก็ออกไปทำงาน...เหมือนเดิม...เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!"

"...."

"...." เป็นอีกครั้งที่เกิดความเงียบขึ้นระหว่างบทสนทนา


ในตัวคนทุกคนย่อมมีความซับซ้อนอยู่ภายใน เมื่อคนมากกว่าหนึ่งคนมาอยู่ร่วมกันก็ย่อมเกิดความสัมพันธ์ที่มีความซับซ้อนอยู่ในนั้นด้วย...เป็นความซับซ้อนที่คนภายนอกยากจะเข้าใจและคนภายในยากจะอธิบาย...
ผมลูบกลุ่มผมนุ่มสีดำสนิทที่ไหลผ่านระหว่างนิ้วมือไปอย่างง่ายดายเบาๆ


"เจเจ...คนทุกคนบนโลกไม่ได้เหมือนกันไปหมด ต่างคนก็ต่างมีวิธีรับมือกับเหตุการณ์ชีวิตต่างกัน เวลาเสียใจก็เหมือนกัน...คนบางคนเลือกจะร้องไห้ บางคนเลือกเก็บตัวหรือบางคนเลือกที่จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เบื้องหลังการแสดงออกพวกนั้นก็คือความเสียใจเหมือนๆกัน"

"...."

"คุณพ่อเธอรักเธอกับแม่มากนะ..ท่านแค่แสดงออกไม่เก่ง...แต่คนที่มองอยู่ห่างๆแบบพี่รับรู้ได้ ...คนเราพอโตเป็นผู้ใหญ่ก็มีภาระหน้าที่ต้องแบกรับมีสิ่งที่ต้องคิดวางแผนถึงอนาคต บางสิ่งบางอย่างเราก็ไม่อยากจะทำแต่ก็ต้องทำเพื่อผลประโยชน์และความสุขของคนที่เรารัก...ที่พ่อเธอเอาแต่ทำงานก็เพื่อครอบครัว ถ้ากิจการมีปัญหาจนต้องล้มละลายไปคนที่ลำบากก็คือเจย์นะ..."

เจย์ที่ซ่อนตัวเองไว้ใต้กองผ้าห่มยังคงไม่ขยับหรือพูดอะไรออกมา บางทีอาจจะมีหลายอย่างที่เขาจะต้องคิดทบทวน

"บริษัทของที่บ้านคุณพ่อกับคุณแม่เธอช่วยกันสร้างขึ้นมาใช่มั้ยล่ะ? ..เธอกับบริษัทคือสิ่งที่คุณแม่เหลือเอาไว้ พ่อเธอคงอยากจะดูแลให้ดีที่สุดทั้งสองอย่างถึงเธอจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการของพ่อ... เจย์...ลองกลับไปคุยกับคุณพ่อนะพี่คิดว่าเธอโตพอที่จะยอมรับเรื่องต่างๆได้แล้ว ลองเปิดใจคุยกับท่านบ้าง คุณพ่อรัดเธอมากนะ" ผมยิ้มและแกล้งลูบหัวเขาแรงๆ

"อื้อออ" เจย์ขยับตัวเหมือนขัดใจก่อนจะโผล่หน้าออกมาจากกองผ้าห่มขึ้นมาจ้องตอบผม ตาทั้งลองข้างแดงเรื่อแต่ก็ไม่มีน้ำตาให้เห็น...ตอนแรกผมนึกว่าเขาจะร้องไห้ซะอีก

"โอ๋ๆเด็กดี หึหึ" ผมอดหัวเราะไม่ได้กับสีหน้าบูดเบี้ยวของเจย์ที่ตอบกลับมาได้ยินเสียงพึมพำเบาๆที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องนัก

"คุณนี่มัน..."

"หึหึ ดีขึ้นแล้วนะ งั้น...เธอ โดด เรียน มา ใช่มั้ย!!? หาาา" ผมตะโกนใส่หูร่างที่นอนขดอยู่บนเตียงจนเจ้าตัวต้องพลิกตัวหนี

"โอ้ยย อย่าตะโกนสิ..วะ วันนี้เลิกเร็วต่างหาก"

"เจย์โกหกพี่!"

"ฮึ" เจย์ส่งเสียงขึ้นจมูกเป็นสัญญานว่าเขาจะปิดปากเงียบไม่ว่าผมจะพูดหรือบ่นอะไรต่อ

"เฮ้อ โอเคๆ งั้นพี่ลงไปดูร้านต่อนะ" ผมยกมือสองข้างขึ้นยอมแพ้ก่อนจะเดินเข้าไปลูบหัวเขาเบาๆและลงมาชั้นล่าง



ถึงแม้ร้านจะโล่งไปหน่อยแต่ก็มีลูกค้าเข้ามาแล้วหลายคนและทยอยเข้ามาเรื่อยๆบรรยากาศเดิมๆเริ่มกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ผมไม่ได้สัมผัสมากว่าอาทิตย์ ผมเข้าครัวไปทำขนมมาหนึ่งชุดและเดินวุ่นไปทั่วร้าน รู้ตัวอีกทีตอนที่หางตาเหลือบไปเห็นร่างสูงโปร่งที่เดินลงมาจากบันไดชั้นบน



"อ้าวเจย์...จะไปไหนน่ะ?" ผมขมวดคิ้วมองเด็กหนุ่มร่างสูงที่เปลี่ยนจากชุดนักเรียนกางเกงสีน้ำเงินสดเป็นชุดเสื้อยืดคอวีสีเทาอ่อนสวมทับด้วยแจ๊คเก็ตแขนสั้นสีดำและกางเกงยีนส์สีเข้มแต่ถึงอย่างงนั้นเขาก็ยังคงดูดีราวกับนายแบบนิตยสารวัยรุ่น

"บ้าน"

"....หืม?"ผมอดขมวดคิ้วไม่ได้กับคำตอบของเขา

"ผมจะไปคุยกับพ่อ"

"...."

"...แล้วจะรีบกลับมา"เขาเดินเข้ามาใกล้และยิ้มบางๆ

"อะ อื้ม"

"หึหึ รอผมด้วยล่ะ" เจย์เป็นเด็กหนุ่มที่เวลาเงียบแล้วดูขรึมเหมือนผู้ใหญ่หรือบางทีก็น่ากลัว ส่วนเวลายิ้มเขาจะดูดีและน่ารักสมวัย...ไม่ก็จะดูเจ้าเล่ห์อย่างน่ากลัว...!!!





"กลับบ้านดีๆนะ" ผมยิ้มบอกลาอาร์ซึ่งเป็นพนักงานคนสุดท้ายที่กลับบ้านและวิคเตอร์ที่มานั่งจิบชารอเขาเลิกงานก่อนจะหันมาสนใจเก็นงานเล็กๆน้อยๆในร้านต่อ ไม่วายสายตาก็มองนาฬิกาอยู่เป็นพักๆ

เวลาล่วงเลยมาจนดึกมากแล้วแต่ก็ไร้วี่แววของคนที่บอกให้รอ จนตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนหนังตาของตัวเองหนักอึ้ง ด้วยความที่ต้องตื่นเช้าเป็นประจำทำให้ผมคุ้นชินกับการเข้านอนไม่ดึกมากนักและตอนนี้นาฬิกาขอร่างกายกำลังร้องเตือนว่าเวลานี้เลยเวลาที่ผมควรจะเข้านอนมามากแล้ว

แผ่นไม้เย็นๆของเคาน์เตอร์ที่ผมใช้ข้อศอกท้าวอยู่ทำให้รู้สึกเคลิ้มไปอีกเท่าตัวและผมก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกตัวอีกทีตอนที่เหมือนกับมีอะไรมาสัมผัสใบหน้า ผมหรี่ตาขึ้นมองจนเห็นภาพเลือนลางตรงหน้า

"เหวออ!! เจย์?!" ผมเผลอร้องอย่างตกใจเมื่อหน้าของเจย์อยู่ใกล้จนปลายจมูกแทบชนกัน ใบหน้าคมเข้มระบายรอยยิ้มบางจ้องตรงมาโดยไม่พูดอะไรและไม่ขยับไปไหนจนผมต้องผละตัวออกมาเล็กน้อย

"เออ..คุยกับคุณพ่อมาแล้วเหรอ"

"อืม เข้าใจกันมากขึ้นนิดหน่อย"

"อะ อืม ดีแล้วล่ะงั้นเธอจะกลับบะ..."

"พ่อไล่ผมออกจากบ้าน"

"...ห้ะ!?" อาจเพราะผมเพิ่งตื่นหรือเพราะถูกทำให้ตกใจกระทันหัน ตอนนี้ผมรู้สึกเบลอกับทุกคำพูดที่กำลังสนทนากันอยู่

"ผมบอกว่าพ่อไล่ผมออกจากบ้าน" เจย์ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดย้ำอีกรอบและผมได้แต่กระพริบตาปริบๆรอฟังึำพูดจากปากของเขา

"...."












"ผมถูกพ่อไล่ออกจากบ้านเพราะผมบอกพ่อว่า...ผมชอบคุณ"


(http://i58.tinypic.com/nv5v6b.png)


........................................

 :hao5: :hao5: สวัสดีและขอโทษนักอ่านทุกท่านค่ะที่หายไปนาน สาเหตุเนื่องมาจากความผิดพลาดของคนเขียนล้วนๆเลยค่ะ

เนื่องจากรู้ตารางชีวิตส่าติดภารกิจไม่ว่างเป็นเวลานานเลยเข้ามาอัพนิยายเมื่อเดือนกว่าๆที่ผ่านมา พอโพสเสร็จก็กดออกไม่ได้ติดตามผลงานตัวเองเลยค่ะ :m15:

เพิ่งกลับเข้ามาดูเมื่อไม่กี่วันก่อนปรากฏกว่าตอนใหม่ไม่ได้อัพขึ้น ตอนแรกคิดว่าโพสผิดเรื่อง
แต่หลักจากเช็คแล้วก็ทราบว่าคงเปิดจากความผิดพลาดของตัวเองล้วนๆที่ไม่ตรวจให้ดี :m15: :m15:

ต้องขอโทษนักอ่านทุกคนจริงๆนะคะที่ปล่อยให้ต้องรอนาน

สำหรับนิยายเรื่องนี้ขอแจ้งว่า "ไม่ลอยแพ" คนอ่านแน่นอนนะคะ เพราะเรื่องหลักๆได้แต่ง "จบแล้ว" น้า

เพียงแต่ว่ารอใส่รายละเอียดและแก้ไขข้อผิดพลาดเท่านั้นค่ะ คนอ่านสบายใจได้เลยนะคะ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณจริงๆที่ยังรออ่านและติดตามอยู่นะคะ และขอโทษด้วยที่คนเขียนไม่ติดตามผลงานตัวเอง

สัญญาว่าจะไม่ให้มีความผิดพลาดแบบนี้อีกค่ะ :m15: :m15: :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-07-2015 13:46:38
อ้าวเห้ย

พ่อคะ แค่นี้หยวนๆไม่ได้หรือไง

คุณลูกมาง้อทั้งที  :ling1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-07-2015 13:47:04
 :pig4:    :katai3: 

แปลว่าย้ายมาอยู่ด้วยกันสินะ เย้
คุณพ่ออย่าใจร้ายเลยนะ ตอนนี้น้องก็เหลือคนที่รักอยู่แค่ไม่กี่คนแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 28-07-2015 14:09:09
คุณพ่อคงกำลังตกใจถึงได้พลั้งปากไล่เจเจ
ออกจากบ้านไปแบบนั้น แต่เดี๋ยวสักพักพอท่านทนอยู่กับความเหงาไม่ไหวก็คิดได้เอง
นั่นล่ะค่ะ ^^ 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 28-07-2015 14:28:03
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 28-07-2015 14:55:08
น้องเจย์ กับคุณพ่อคงต้องใช้เวลาสักหน่อย :mew6:

 :กอด1: :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 28-07-2015 18:01:33
อีกไม่นานรอยร้าวคงประสานกันได้เนอะ...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 28-07-2015 18:19:39
รอบนี้อย่าหายไปนานเน้อออออออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 29-07-2015 03:36:26
 :mc4: เจเจมาแล้ว

ปล.รอนานก็จริงแต่เมื่อมาต่อแล้วเราก็ดีใจค่ะ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nice_nice ที่ 29-07-2015 17:23:02
 :monkeysad: ดีจัง คิดว่าจะไม่ได้อ่านอีกแล้วซะอีก

ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ  รออยู่นะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 30-07-2015 00:02:19
เย้ กลับมาแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 30-07-2015 10:19:10
หายไปนานเชียว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วเจ้าจอม ที่ 30-07-2015 12:29:19
เป็นการบอกชอบมิณไปด้วยสินะคะ  :impress2:  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mi.07 ที่ 30-07-2015 13:59:35
มาแล้ว ฮือ คุณคนเขียนกลับมาแล้ว :heaven
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: gamma_focus ที่ 30-07-2015 22:05:42
นึกว่าจะไม่มาต่อซะแล้ว

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 30-07-2015 22:51:45
กลับมาครั้งนี้ ก็ให้เจเจบอกความรู้สึกกับพี่มิณเลย

อยากรู้ว่าพี่มิณจะว่ายังไงน้า รออ่านจ้า สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: continued ที่ 02-08-2015 01:51:07
อ๊ากกก เพิ่งได้อ่าน สนุกมากเลยค่า  :hao5: :hao5:
คนเขียนมาต่อไวๆนะคะ คนอ่านคิดถึง  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 02-08-2015 19:34:31
อ่าวพ่อ ทำงี้ได้ไงอะ เหร่ยยยยยย  :katai4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ~PopPin[Pim]~ ที่ 11-08-2015 22:56:52
อ้าวว เพิ่งเห็นว่าน้องเจย์มาอัพต่อแล้ว :hao7:

โธ่ ถูกคุณพ่อไล่ออกจากบ้าน อย่างงี้ก็ไม่พ้นพี่มอณต้องดูแลล่ะสิ :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 12-08-2015 01:43:06
รอตอนต่อไปนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: whynotme ที่ 14-08-2015 22:04:04
อยากรู้จังว่าคุณมิณจะตอบเจเจว่าอะไร  :hao4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 17-08-2015 12:24:20
สนุกมากครับรออ่านตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 22-08-2015 16:54:44
มาอัพเร็วๆนะ ชอบเรื่องนี้ เจเจน่ารักจัง555 เขินเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 29-09-2015 02:55:10
รอลุ้นพี่มิณน้องเจเจ  :hao7: จะว่าไงน๊าาา :hao3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 29-09-2015 10:38:38
อยู่ในช่วงลุ้นสุดตัว ><
พี่มิณจะตอบว่ายังไงน้าาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 29-09-2015 16:31:32
น่ารักมากเลยค่ะ นุ้งเจญกับพี่มิณ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 29-09-2015 23:29:30
คิดเจเจกะพี่มิณอ่ะ มาต่อเร็วนะคะ :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แพรวฐา ที่ 01-10-2015 16:48:13
เย้ กลับมาแล้ววววววว รอตอนหน้าน้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 07-10-2015 11:29:46
รอค่าาาาาาาาาา

 :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Flower ที่ 14-10-2015 16:21:35
รอฉันรอเธออยู่ แต่ไม่รู้คนเขียนหายไปไหน รีบมาต่อเร็วๆเส่ :angry2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: taltal020441 ที่ 15-10-2015 20:55:50
คนแต่งหายค่าาาาารอนานแล้วน้าา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ตุ๊กตามือสังหาร ที่ 20-10-2015 22:47:36
อ่านรวดเดียวจบ!!   
ฮือออออออออออออออ   นานๆทีเจอนิยายถูกใจ อยากให้ลงต่อเร็วๆอ่ะค่ะ อิๆ
อันนี้ไม่ได้เร่งนะคะ แต่มันน่ารักจนอยากอ่านต่อจริงๆ ยิ่งได้อิมเมจมานี่ ยิ่งเพ้อเลยค่ะ พี่มิณน่าร๊ากกกกกกกก

คุณพ่อก้ใจร้ายจัง ถึงขั้นไล่ออกจากบ้านเลย
อยากรู้ว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อแล้วอ่ะค่ะ T^T

นี่ลงทุนสมัครสมาชิกเพื่อมาขอนิยายเลยนะคะเนี่ย เขินจัง :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 8 New!![28/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 21-10-2015 23:18:15
Extra






ฉันกำลังเฝ้ามองผู้ชายคนหนึ่ง...

สองปีมาแล้ว...

เขามักจะชอบนั่งหลังสุดของห้องเรียนเสมอไม่ว่าจะเป็นห้องเรียนประจำหรือห้องอื่นๆ

ฉันเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลาย ถือว่าแปลกใหม่พอสมควรสำหรับคนที่เรียนโรงเรียนหญิงล้วนมาทั้งชีวิต ไม่ต่างอะไรจากเด็กผู้ชายที่เรียนโรงเรียนชายล้วนแล้วเพิ่งจะได้มาเรียนกับผู้หญิงเป็นครั้งแรกนั่นแหละ ถึงแม้จะเคยเจอตามสถาบันกวดวิชามาบ้างแล้วก็เถอะ

แต่เด็กผู้ชายคนนั้นดูต่างออกไป...

วันนั้นเขามาเรียนสายตั้งแต่เปิดเทอมวันแรก ฉันไม่เห็นเขาตอนเข้าแถวเคารพธงชาติเพราะเขามาก่อนจะเริ่มคาบเรียกแรกเพียงไม่นาน

รูปร่างสูงโปร่งโดดเด่นกว่านักเรียนชายวัยเดียวกันผมสีดำสนิทตัดสั้นแต่ก็ดูจะยาวกว่าที่โรงเรียนกำหนดเล็กน้อย ดวงตาสีดำคมกริบให้ความรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาจดจ้องดูน่าสนใจไปหมด...แต่น่าเสียดาย ฉันไม่เคยเห็นเขาจดจ้องสิ่งใดหรือใครอย่างจริงจังเลยสักครั้ง

"เออ ขอโทษนะ ..นายชื่ออะไร" ฉันเงี่ยหูฟังกลุ่มเด็กสาวสามคนที่กำลังรวบรวมความกล้าเพื่อคุยกับเขาอยู่ที่หน้าโต๊ะ แก้มขาวๆแดงปรั่งอย่างเขินอาย

"...เจย์" เขาตอบหลังจากเงียบไปพักใหญ่ สายตายังคงไม่ละออกจากวิวนอกหน้าต่างจากชั้นสี่ของอาคารเรียน

"เออ..."

"...." ความเงียบแทนคำพูดทุกอย่าง สุดท้ายเด็กสาวกลุ่มนั้นก็ขอตัวเดินออกไปเงียบๆ



อ่า...อย่างน้อยวันแรกที่ได้เจอกันฉันก็ได้รู้ชื่อเขาโดยที่ไม่ต้องเดินเข้าไปถามเอง






ตั้งแต่วันแรกที่เจอจนกระทั่งวันนี้ วันเปิดเทอมวันแรกปีที่สามของมัธยมปลายก็ยังทำให้ฉันรู้สึกเสมอว่าเจย์ป๊อปปูล่าในหมู่สาวๆและในขณะเดียวกันก็เป็นที่น่าหมั่นไส้ให้กับพวกผู้ชาย...และฉันคิดว่าอาจเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยก่อนที่ฉันจะรู้จักเขาด้วยซ้ำ

เขาเรียนเก่งมากอย่างไม่น่าเชื่อถึงแม้ว่าฉันจะเห็นเขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างหรือไม่ก็ฟุบหลับแทบจะตลอดเวลาและเป็นดาวเด่นทางด้านกีฬาที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ เจย์เล่นกีฬาแทบทุกชนิด ได้ข่าวว่าเป็นนักกีฬามาตั้งแต่มัธยมต้น ยิ่งมัธยมปลายชมรมกีฬาต่างก็แย่งชิงตัวเขาเพื่อให้เข้าชมรม ฉันยังจำช่วงที่เหล่ารุ่นพี่ชมรมกีฬาแทบทุกชมรมมาออกันอยู่หน้าห้องหลายวันเพื่อให้เจย์ยอมเข้าชมรม สุดท้ายเขาก็เลือกเข้าชมรมบาส...และก็ไม่ทำให้ชมรมผิดหวัง

ใครๆก็บอกว่าเจย์เพอร์เฟคแต่เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับคำว่าเพอร์เฟคที่ใครๆมอบให้เท่าไหร่

เขาทั้งรวย ทั้งเก่งและโดดเด่น....แต่ก็เย็นชา...

"เออ...เจย์ เย็นนี้ช่วยติววิชาคณิตให้พวกเราหน่อยได้มั้ย" ผู้หญิงในห้องสองสามคนกำลังคุยกับเจย์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ฉันละความสนใจจากกลุ่มเพื่อนที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานและให้ความสนใจกับมุมใกล้หน้าต่างหลังห้อง

"ไม่ว่าง" ....เรียบเฉยและเย็นชาเป็นน้ำเสียงที่เขามักจะใช้ปฏิเสธคนอื่นเสมอ

"เออ แต่วันนี้เจย์ไม่มีซ้อมนี่ พวกเราไปถามที่ชมรมบาสมาแล้ว" พวกเธอยังไม่ละความพยายาม

"ครืดด" เสียงเลื่อนเก้าอี้ตามด้วยร่างสูงโปร่งที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเขาเอื้อมมือไปความกระเป๋าเป้บางๆที่ห้อยไว้กับเก้าอี้และเดินผ่านกลุ่มเด็กสาวออกมาโดยไม่มีการโต้ตอบใดๆ ฉันมองเด็กสาวเหล่านั้นที่ตอนนี้แต่ละคนหน้าเสียกันหมดอย่างเห็นใจปนชื่นชม เพราะถ้าเป็นฉันคงไม่กล้าเข้าไปคุยตรงๆแบบนั้นแน่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างสูงโปร่งยืนอยู่ตรงหน้า

จริงสิ! ฉันยืนขวางประตูอยู่นี่นา

"โทษที...เออ จะกลับแล้วเหรอ"

"....อืม" เสียงทุ้มตอบรับในลำคอก่อนจะเดินผ่านฉันออกไป ได้กลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เหมือนจะไม่ได้มาจากน้ำหอมจางๆจากตัวเขา

ฉันมองตามแผ่นหลังภายใต้เสื้อนักเรียนสีขาวค่อยๆเดินห่างออกไป ตลอดเส้นทางมีทั้งสายตาชื่นชม หลงไหล นับถือหรือแม้แต่สายตาไม่พอใจมองตามไปตลอดแต่ดูเหมือนเจย์จะไม่สนใจสายตาเหล่านั้นเลยสักนิด

ความน่าดึงดูดเป็นสิ่งที่มีในตัวเขาโดยไม่ต้องพยายามสร้างขึ้นมาแต่น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรสามารถดึงดูดเขาได้..



....แผ่นหลังที่ค่อยๆไกลออกไปนั้นดูเหงาและโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก....






ตอนนี้เป็นเวลาที่ผ่านวันเปิดเทอมวันแรกมากว่าเดือนแล้วทุกๆคนดูจะปรับตัวกับการเปิดเทอมได้อย่างไม่มีปัญหารวมถึงฉันกับการเป็นพี่ใหญ่สุดในชั้นมัธยม ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่รวมถึงฝนที่มักจะตกในช่วงเปิดเทอมทุกๆปี ดูเหมือนจะชื่นชอบการตกช่วงเช้าและเย็นซึ่งเป็นเวลาแห่งความวุ่นวายเป็นพิเศษ...วันนี้ก็เช่นกัน

ฉันสังเกตเห็นท้องฟ้ามืดครึ้มตั้งแต่ช่วงบ่ายและหลังจากเลิกเรียนก็ตามมาด้วยลมแรงที่พัดมาเป็นระยะส่งสัญญาณเตือนให้เริ่มหาที่หลบฝน การจราจรในเมืองหลวงทำให้รถที่บ้านมารับล่าช้าและฉันไม่มีทางเลือกนอกจากหาที่ร่มๆใต้อาคารเพื่อนั่งรอ

เด็กมอต้นบางกลุ่มวิ่งเล่นไปมาชวนเวียนหัว ชั้นโตขึ้นมาหน่อยก็จับกลุ่มทำการบ้านหรือไม่ก็นั่งคุยกันส่งเสียงโหวกเหวกและในระหว่างที่ความวุ่นวายภายใต้อาคารกำลังทำฉันอารมณ์เสียสายตาก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง

เขาดูอ่อนเยาว์แต่ก็น่าจะอายุมากกว่าวัยมัธยมอยู่ในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้าอ่อนและกางเกงผ้าสีเข้มนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้ใหญ่ไม่ไกลจากฉันมากนักในมือถือร่มคันใหญ่สีดำสนิทที่ยังไม่ได้ใช้งาน ผมค่อนข้างยาวมัดรวบไว้ครึ่งศีรษะปล่อยปอยผมบางส่วนยาวเคลียไหล่ผิวขาวจัดตัดกับคิ้วโค้งเรียวสีเข้มและริมฝีปากสีชมพูสดตามธรรมชาติ แต่ที่ดูเหมือนจะโดดเด่นที่สุดก็คือดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นที่ดูมีชีวิตชีวาอย่างอธิบายไม่ถูก ชายหนุ่มเฝ้ามองสิ่งต่างๆรอบตัวอย่างสนุกสนานราวกับพวกนั้นน่าสนใจไปเสียหมดแม้แต่เด็กๆที่วิ่งวนไล่จับกันชวนให้เวียนหัว แววตาดูอบอุ่นและสว่างไสวขัดกับอากาศในตอนนี้

หากมองเผินๆเขาก็เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่น่าสนใจอะไรแต่ถ้าหากลองตั้งใจมองแล้วล่ะก็...ผู้ชายคนนี้ให้ความรู้สึกว่าไม่อยากจะละสายตาออกไปอย่างน่าประหลาด เขาเองก็เหมือนจะไม่รู้ตัวเห็นได้จากที่เจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจกับสายตาของเด็กนักเรียนทั้งชายและหญิงบริเวณนั้นที่มองมา(ดูเหมือนสายตาส่วนใหญ่จะเป็นของนักเรียนชาย)

....น่าแปลกที่ทำให้ฉันนึกถึงชายอีกคนหนึ่ง คนที่ดูเหมือนจะตรงข้ามกับคนตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง

"อ๊ะ ..นั่น..." ฉันเผลออุทานเบาๆกับตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อเมื่อคนในภวังค์ความคิดกำลังก้าวยาวๆตรงมาทางนี้

เด็กหนุ่มร่างสูงโดดเด่นที่ปล่อยชายเสื้อนักเรียนออกมานอกกางเกงสีน้ำเงินยาวเหนือเข่าเล็กน้อยรองเท้าหนังมันปราบที่แค่มองผ่านก็รู้ว่าราคาแพงถูกใส่แบบเหยีบส้นอย่างไม่ใส่ใจกระเป๋าเป้สีดำห้อยผ่านบ่าข้างขวาเพียงข้างเดียวแบบที่ชอบทำเป็นประจำแต่ตอนนี้ที่ดูโดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นคิ้วเข้มที่ขมวดมุ่นและดวงตาที่ฉายแววหงุดหงิดอย่างไม่คิดปิดบัง

เจย์เดินตรงเข้ามาอย่างรวดเร็วหยุดยืนตรงหน้าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้

"มาทำไม"เสียงทุ้มเอ่ยถามเจือความหงุดหงิดหน้าตาบึ้งตึงกว่าทุกครั้งที่เคยเห็นเพราะปกติเขาแค่ทำหน้านิ่งๆคนอื่นๆก็พร้อมจะหลีกทางให้แต่ชายหนุ่มตรงหน้ากลับไม่ได้ทำอย่างนั้น เขาลุกขึ้นยืนและยิ้มกว้างจนตาหยี

"เจเจ เลิกเรียนแล้วเหรอ"

"ผมถามว่าคุณมาทำไม" เจย์ลอบถอนหายใจและพูดเสียงอ่อนลง สายตาที่ส่งมาดูหงุดหงิดแต่ก็ให้ความรู้สึกต่างออกไปจากที่มองคนอื่นๆ

...ลึกลงไปในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นราวกับกำลังยิ้มอยู่

"ฝนใกล้จะตกแล้วพี่เลยมารับ เธอไม่มีร่มใช่มั้ยล่ะ"

"...ผมหาทางกลับเองได้"

"ไม่ได้ๆ เธอต้องตากฝนกลับไปแน่ๆ"

"เหอะ" เจย์ส่งเสียงขึ้นจมูกพร้อมกับเสมองไปทางอื่น ใบหน้าบูดบึ้งแต่กลับไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนทุกครั้ง...เหมือนเด็กน้อยถูกขัดใจซะมากกว่า


ขณะเดียวกันสายฝนหยดเล็กๆก็เริ่มโปรยปรายลงมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือในมือของฉันส่งเสียงแจ้งเตื่อนข้อความ ฉันละความสนใจจากสองคนตรงหน้ามาอ่านตัวหนังสือขนาดเล็กบนหน้าจอ ....รถของที่บ้านมารอที่หน้าโรงเรียนแล้ว...

ฉันเหลือบมองสองร่างที่กำลังคุยกันอยู่ใกล้ๆ เจย์ส่งสายตาดุๆออกไปให้กับทุกคนที่มองไปทางพวกเขาพร้อมกับออกปากเร่งให้คนร่างเล็กกว่ารีบออกเดินแต่เหมือนจะไม่ได้รับความร่วมมือมากนัก

"เห็นมั้ย ฝนตกจริงๆด้วย ถ้าพี่ไม่มาแล้วเธอจะกลับยังไง หือ?"

"เรื่องของผม"

"ดื้อ" ชายหนุ่มผมยาวขมวดคิ้วและเงยหน้าขึ้นมองคนอายุน้อยแต่ตัวสูงกว่า เมื่อเทียบกันเขาสูงเลยไหล่ของเจย์มาแค่เล็กน้อยเท่านั้น

ฉันกางร่มและเริ่มออกเดินตรงไปทางประตูหน้าโรงเรียนเข้าใกล้คนสองคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างนัก

"คุณนั่นแหละ ผมบอกแล้วว่าไม่ให้มา"เจย์ว่าเสียงเข้มก่อนจะเขม่นมองกลุ่มเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่มองมาทางคนข้างๆอย่างสนใจ

"อ่ะ เข้ามาสิ" ชายหนุ่มอายุมากกว่าทำเป็นไม่สนใจเสียงบ่นนั้นและกางร่มคันใหญ่ออกมาป้องกันสายฝนที่เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เจย์พ่นลมหายใจออกมาเบาๆอย่างยอมแพ้ก่อนจะเอื้อมมือไปแย่งร่มมาถือไว้เสียเอง



"รู้แล้วน่า"


สายฝนตกหนักจนฉันเกือบลืมอากาศตอนบ่ายที่ร้อนระอุไปเสียสนิท ถึงจะไม่ได้รุนแรงแบบพายุฝน แต่ก็หนักมากพอจะทำให้น้ำเจิ่งนองทั่วบริเวณ รองเท้าและถุงเท้าเริ่มรู้สึกเปียกชื้นเพราะละอองฝน

ฉันก้าวเดินตรงไปตามทางซีเมนต์ทอดยาวไปสู่ประตูใหญ่ของโรงเรียนอย่างไม่เร่งร้อนทั้งๆที่ควรจะรีบเพราะรถที่คงจะจอดขัดขวางการจราจรอยู่ แต่ฉันก็ฝืนใจเดินเลยสองคนตรงหน้าไปไม่ได้

แผ่นหลังของคนสองคนกำลังก้าวเดินทอดน่องอยู่ตรงหน้าห่างไปไม่ถึงสิบก้าวเป็นการเดินที่เชื่องช้าแต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกว่าน่าเบื่อ

"วันนี้พี่ไปซื้อผักมาเพิ่มเจย์อยากกินอะไรมั้ย พี่ว่าจะทำแกงจืดกับทอดไข่ด้วย" เสียงนุ่มพูดไปเรื่อยๆสายตาทอดมองรอบกายก่อนจะหันมาหยุดยิ้มให้คนข้างๆ

"อืม..."

"...."

"ออกไปกับใคร"

"ไปคนเดียว แค่ใกล้ๆนี่เอง"

"...คราวหลังให้ผมไปด้วย"

"หืม? อยากได้อะไรเหรอ พี่ซื้อมาให้ก็ได้"

"....เปล่า" เจย์เม้มริมฝีปากเล็กน้อยและตอบออกไปทำให้คนข้างๆต้องหันกลับไปมอง

"มีอะไรล่ะ บอกพี่สิ"

"....เปล่า...นี่ อย่าออกไปนอกร่มสิ" เจย์เปลี่ยนหัวข้อสนทนาและขยับเข้าไปชิดอีกคนมากขึ้น คันร่มในมือถูกถือให้เอียงไปหาคนข้างๆทำให้หยดน้ำฝนจากปลายร่มหยดลงบนแขนเสื้อนักเรียนสีขาวจนเริ่มชื้นแต่เหมือนชายหนุ่มผมยาวจะไม่ทันสังเกตุเห็นการกระทำเล็กน้อยนั้น

กลับเป็นฉันเสียอีกที่เห็นทุกความใส่ใจที่เจย์มีให้คนข้างๆ...เขาดูไม่เหมือนเจย์ที่ฉันเคยรู้จักเลยจริงๆ...

"พรุ่งนี้พี่มารับอีกนะ"

"ไม่ต้อง"

"แต่ในข่าวบอกว่าฝนจะตกนะ ถ้าอย่างงั้นเธอต้องพกร่ม"

"บ้าเหรอ ใครจะไปพกร่มที่คุณซื้อให้"

"...." คนข้างกายทำหน้าสงสัย

"ก็...ลายมันประหลาด"

"ประหลาดตรงไหน น่ารักจะตาย" ชายหนุ่มว่าเสียงกลั้วหัวเราะแววตาขี้เล่นนั้นพราวระยิบเหมือนเด็กๆเจอของเล่นถูกใจ เจย์กลอกตาขึ้นสูดหายใจลึกอย่างพยายามใช้ความอดทน

"ไอ้ลายหมีพูลเนี่ยนะ!? เหอะ!"

"ฮ่าๆๆ"

"หัวเราะอะไร บอกไว้เลยว่าผมไม่มีทางใช้มันแน่ๆ"เจย์พูดเสียงหงุดหงิดพร้อมกับพยายามเดินชิดคนข้างๆที่ดูเหมือนจะคุยเพลินจนเกือบจะออกนอกร่ม

ชายหนุ่มหัวเราะจนตาหยีเล็กเอื้อมมือจนเกือบสุดปลายแขนขึ้นลูบศีรษะเจย์เบาๆอย่างเอ็นดู ตอนแรกฉันคิดว่าเจย์ต้องหงุดหงิดที่ถูกทำแบบนั้น...แต่ฉันคิดผิด

เจย์ชะงักไปเล็กน้อย เม้มริมฝีปากแน่นและเสหน้ามองไปทางอื่นพร้อมกับบ่นพึมพำเบาๆที่ฉันไม่ได้ยินแต่ทำให้คนข้างกายหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

อ่า...ฉันเห็นว่าเจย์หน้าแดงล่ะ...

"ปี๊มๆๆ" เสียแตรรถดังไปแทบทั้งถนนทำให้ฉันหันไปมองและก็พบกับรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นคุ้นตาที่ดูเหมือนจะจอดเทียบข้างทางมาได้พักหนึ่งแล้ว

ฉันอดไม่ได้ที่จะมองตามสองร่างที่เดินไปหยุดตรงทางม้าลายเพื่อรอสัญญาณข้ามถนนอย่างชั่งใจก่อนจะหันหลังและเดินมาขึ้นรถที่อุณหภูมิภายในเย็นเฉียบเพราะเครื่องปรับอากาศและหยาดฝนด้านนอก

เสียงบ่นของพี่สาวไม่ได้ผ่านเข้าหูฉันเลยสักนิด ที่ฉันทำเพียงแค่เหม่อมองผ่านฝ้ากระจกออกไปสู่บรรยากาศเบื้องนอกในใจเฝ้าคิดถึงคนสองคนที่เพิ่งจากกันมา

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันได้แต่เฝ้ามองเจย์จากมุมเดิมๆและได้เห็นเขาแค่มุมเดิมๆเหมือนที่คนอื่นเห็น...แต่เวลาไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมากลับทำให้ฉันได้เห็นอีกด้านหนึ่งของเขาที่ฉันไม่เคยรู้ว่ามีอยู่

และดูเหมือนจะไม่มีใครเคยได้รู้...นอกจากชายหนุ่มคนนั้น...






เช้าวันนี้อากาศสดใสจนค่อนไปทางร้อนแต่นั่นก็เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าไม่เกินบ่ายนี้จะต้องมีพายุฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างแน่นอน

ฉันก้าวขาไวๆหลังจากรีบลงรถจนเกือบจะลืมโทรศัพท์มือถือ วันนี้ฉันมาโรงเรียนสาย ต่อให้ไม่ใช่สายโด่ง แต่สายก็คือสายล่ะน่า!

ขณะที่ก้าวพ้นประตูใหญ่ที่โชคดียังไม่ปิดเข้ามาในเขตโรงเรียนเบื้องหน้าก็ปรากฎร่างสูงโปร่งคุ้นตาของเพื่อนร่วมชั้น...แค่ข้างหลังฉันก็จำเขาได้

"เจย์" ฉันร้องทักและเร่งฝีเท้าไปเดินตีคู่ คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจแต่ก็ทำเพียงแค่พยักหน้าทักทายเท่านั้น

"วันนี้มาสายเหรอ"

"...เปล่า...มาเช้าน่ะ" เขาตอบเบาๆพร้อมพร้อมกับยกแก้วกระดาษในมือขึ้นจรดริมฝีปาก ภายในนั้นมีของเหลวที่ส่งควันสีขาวลอยอ้อยอิ่งกลางอากาศข้างแก้วประทับโลโก้และชื่อร้านที่น่าจะเป็นร้านกาแฟสักแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก

"อ๋อ...อื้ม" จริงสิ เจย์ไม่ชอบมาโรงเรียนเช้าๆนี่นา

"...."

"...."

"อะ เออ จริงสิ วันนี้ได้เตรียมของมาทำงานรึเปล่า" เป็นฉันที่ทนอยู่กับความเงียบไม่ไหว

"ของ?" เจย์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและหันมามองฉัน

"อื้อ ก็วิชาเลือกตอนบ่ายไง" คิ้วเข้มๆนั้นขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิดก่อนจะส่งเสียงพึมพำเบาๆออกมา

"ลืมน่ะ"

วันนี้มีเรียนวิชาเลือกเสรีที่เราสามารถเลือกลงวิชาอะไรก็ได้ตามความชอบมีตั้งแต่วิชาที่เกี่ยวกับวิชาการไปจนถึงวิชากีฬาแต่ที่ฉันแปลกใจก็คือพวกผู้ชายกว่าครึ่งห้องรวมถึงเจย์พากันมาลงวิชา 'การฝีมือเบื้องต้น' ที่ไม่ว่าจะดูยังไงก็ไม่เข้ากันสักนิด และฉันเพิ่งมารู้หลังจากนั้นว่าเพราะมีรุ่นพี่ที่จบไปรุ่นก่อนๆบอกว่าวิชานี้เรียนสบายแถมเลิกเร็วและงานก็ไม่ยาก...อืม...แต่ฉันคิดว่าตอนนี้เจย์ไม่ได้คิดอย่างนั้นแล้วล่ะ

ฉันลอบมองเสี้ยวหน้าคมที่กลับมาเรียบเฉยอีกครั้งไม่ได้มีท่าทีร้อนรนกับการที่อาจจะไม่มีงานส่งในตอนบ่ายเลยสักนิด ตลอดสามปีที่เป็นเพื่อนร่วมห้องกันมา มีเรื่องมากมายเกี่ยวกับเขาที่ฉันอยากจะรู้แต่ก็ไม่กล้าถามออกไปรวมถึงเรื่องของชายหนุ่มเมื่อวันก่อนนั้น...

"เออ...แวะร้านกาแฟมาเหรอ"

"....อืม"

"..เจย์ชอบดื่มกาแฟด้วยเหรอ เราเพิ่งรู้นะเนี่ย"

"เปล่า นี่ไม่ใช่กาแฟ" เจย์ตอบและเอียงแก้วกระดาษลงให้พอมองเห็นของเหลวสีขาวนวลด้านในที่พร่องลงไปเกินครึ่ง

"เจ้าของร้านไม่ยอมขายให้"

"หะ หืม?" ฉันหันไปมองเจย์ที่ตอนนี้สีหน้าบูดบึ้งเหมือนเด็กกำลังถูกขัดใจ ริมฝีปากบางนั้นดูเหมือนจะยื่นออกมาหน่อยๆทำให้ฉันอดอมยิ้มไม่ได้

"เจ้าของร้านไม่ให้ดื่มกาแฟน่ะ"

"คิกๆ แบบนี้ก็มีด้วย ..ใช่พี่ผู้ชายที่มาวันก่อนรึเปล่า" ฉันแอบหลอกถามเขาล่ะ...หวังว่าฉันจะไม่โดนเงียบใส่นะ

"...."

"...."

"เห็น?" หลักจากเงียบไปพักใหญ่เขาก็ถามออกมาสั้นๆ

"อะ อื้ม เห็นที่หน้าโรงเรียนน่ะ" ...ฉันโกหก จะให้บอกได้ยังไงกันล่ะว่าแอบมองมาตั้งนานแล้วน่ะ

"เออ.. สนิทกันเหรอ"

"...อืม"

"... พี่เขา...ดูน่ารักดีนะ" ฉันยิ้มและพูดออกไปอย่างที่คิด

"หึ ขี้บ่นจะตาย"

"...."

"....ช่างเถอะ" เจย์ชะงักไปเหมือนเพิ่งได้สติ ก่อนจะกล่าวตัดบท ถึงฉันจะอยากรู้ขนาดไหน แต่ดูท่าทางตอนนี้เจย์คงไม่อยากตอบแน่ๆ


ฉันมองตามหลังของเด็กหนุ่มที่เดินช้าๆเยื้องไปด้านหน้าพลางคิดทบทวน


ผู้ชายคนนั้นดูเหมือนจะมีอิทธิพลกับเจย์มาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนๆนั้นหรือเปล่า แต่....ฉันเองก็ไม่ได้สังเกตว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เจย์มาโรงเรียนเช้ากว่าเดิมและรีบกลับเร็วกว่าเมื่อก่อน ทั้งๆที่บางทีมักจะอยู่เล่นบาสจนค่ำ ...เกือบทุกวันเขาจะมีขนมเล็กๆน้อยๆติดตัวมาโรงเรียนด้วยเสมอ บางวันเป็นคุกกี้ บางวันเป็นโดนัทหรือไม่ก็เค้กชิ้นเล็กๆผิดกับนิสัยของเขาที่ไม่ชอบของหวาน...แต่เจย์ก็กินมันจนหมดทุกครั้ง ไม่นับรวมกับท่าทางของเจย์ที่เปลี่ยนไปเมื่ออยู่กับชายหนุ่มคนนั้น เจ้าตัวเองก็ดูเหมือนจะไม่รู้ตัว แต่ฉันสัมผัสได้ถึงความแตกต่างกับที่เขาปฏิบัติต่อคนอื่น


...เขาดูอ่อนโยนขึ้น...



"เจย์ วันนี้จะทำอะไรส่งน่ะ" เสียงหวานใสของเด็กสาวหน้าตาน่ารักต่างห้องถามขึ้นเมื่อเจย์เดินเข้ามาในห้องเรียนวิชาสุดท้ายของวัน

งานของวันนี้คือการเตรียมวัสดุมาทำงานฝีมือง่ายๆพร้อมส่งหลังหมดชั่วโมง

"เออ..เจย์ไม่ได้เตรียมของมาใช่มั้ยล่ะ งั้นใช้ของเรามั้ยเราแบ่งให้ เราเตรียมกระดาษมาพับดอกไม้เยอะแยะเลย" สาวเจ้ายังคงไม่ละความพยายามในการชวนคุยถึงแม้จะไร้เสียงตอบรับ

"ไม่เป็นไร ขอบใจ" เขาปฏิเสธเรียบๆก่อนจะเดินเลี่ยงมานั่งเยื้องไปด้านหลังใกล้ๆกันที่นั่งของฉัน ที่ประจำของพวกผู้ชายที่จะมานั่งรวมกันอยู่หลังห้อง แต่ดูเหมือนวันนี้พวกนั้นจะไม่ได้นั่งรวมตัวกันเป็นกลุ่มเหมือนเคย

บ้างก็วิ่งวุ่นหายืมของจากพวกผู้หญิง บ้างก็ออกไปหาซื้อของจนเข้าเรียนช้าหรือไม่ก็คงจะโดดเรียนไปเลย คงมีแต่เจย์ที่ยังนั่งเฉยแม้จะมีสาวๆมากมายที่รู้ว่าว่าเจย์ไม่ได้เตรียมของมาพร้อมจะให้ความช่วยเหลือเสมอแค่เขามองไปหา

"เจย์" ฉันเรียกเบาๆทำให้เด็กหนุ่มกันมามอง

"เราให้ยืมของมั้ย" ฉันถามพลางยื่นเชือกน้ำมันเส้นเล็กไปตรงหน้า เขาเลิกคิ้วมองสิ่งของในมือฉันอย่างประหลาดใจ

"เอามาทำอะไรน่ะ"

"เอาเชือกมาถักเป็นสร้อยข้อมือน่ะ"

"...." เจย์ไม่ตอบแต่ในแววตาเรียบเฉยคู่นั้นแปรเปลี่ยนเป็นประกายวาววับเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

"เดี๋ยวเราสอนนะ" เจย์เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะตอบรับเบาๆ มุมปากบางนั้นยกขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังยิ้ม....เขาดูดีสุดๆเลย


การสอนงานฝีมือให้เจย์ไม่ง่ายนักเพราะเขาก็เป็นเหมือนเด็กผู้ชายทั่วๆไปที่มักจะไม่ถูกกับเรื่องแบบนี้แต่ก็ไม่ยากเกินไปเมื่อเทียบกับผู้ชายเกินครึ่งห้องที่กำลังเอะอะโวยวายเพราะทะเลาะกับกระดาษแข็งไม่ก็กรรไกร

"อ่า ใช่แล้ว เส้นนั้นเอามาไขว้ด้านบน...อืม ใช่ๆ" เจย์เรียนรู้ได้เร็วและเขาก็ทำมันออกมาได้ดีมากๆไม่เหมือนกันคนที่เพิ่งจะเคยทำครั้งแรก ฉันมองมือใหญ่ถือเชือกเส้นเล็กไขว้กันไปมาตรงหน้านิ้วเร็วยาวเกร็งแน่นเพื่อยึดเชือกไม่ให้หลุด เล็บเขาตัดสั้นเหมือนคนที่ดูแลตัวเองอย่างดี ฉันไล่สายตาขึ้นมองใบหน้าหมดจดคมเข้มที่ก้มหน้าลงเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดเป็นปมกับริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเป็นอาการของคนที่กำลังตั้งใจทำอะไรสักอย่างอย่างจดจ่อ

"เจย์เก่งมากเลย"ฉันยิ้มและเอ่ยชมเขา

"อืม..."

"...."

"....อ่ะ ยาวพอแล้ว" หลังจากเงียบไปพักใหญ่เขาก็ชูเส้นเชือกสีดำสนิทที่ถูกถักเรียบร้อยมาตรงหน้าฉันเพื่อนที่จะทำขั้นตอนต่อไป แต่ว่า...

"พอแล้วเหรอ? แต่เราว่ามันสั้นไปนะ เจย์ใส่ไม่ได้หรอก" ฉันพินิจมองเส้นเชือกถักตรงหน้าพลางเอ่ยทัก

"อืม ไม่ได้ใส่เองน่ะ"

"หืม?"

"ทำให้คนอื่น"เจย์ตอบก่อนจะเม้มปาก แก้มใสสองข้างเหมือนจะขึ้นสีเล็กน้อย วูบหนึ่งฉันก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา...ฉันไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้ของเขามาก่อนส่วนความรู้สึกที่มีต่อมาก็คงเป็นความอิจฉาเล็กๆ...ใครนะที่เป็นคนโชคดีคนนั้น


และใบหน้าหมดจดของชายหนุ่มร่างเล็กเมื่อวันก่อนก็ปรากฏขึ้นมาในความคิด….

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 21-10-2015 23:19:15
เสียงสัญญาณเลิกเรียนดังขึ้นแทบจะทันทีที่นักเรียนคนสุดท้ายส่งงานเสร็จ นักเรียนได้งานฝีมือที่ทำเองเป็นของติดไม้ติดมือกลับบ้านขณะแยกย้ายกันออกจากห้อง วันนี้มีเมฆครึ้มแต่ก็พอจะวางใจได้ว่าไม่น่าจะมีฝนตก…อย่างน้อยก็จนกว่าจะค่ำ

ฉันไม่ชอบนั่งรอ ดังนั้นรถที่บ้านจะมารอรับตรงเวลาเสมอ แต่ดูเหมือนวันนี้จะไม่ใช่ ฉันเพิ่งวางสายจากที่บ้านว่ารถเกิดเสียขึ้นมากะทันหันทำให้ฉันต้องนั่งรอต่อไปอีกสักพักและฉันก็ขี้เกียจเกินกว่าจะโบกแท็กซี่สักคนเพื่อกลับบ้านเอง

ฉันเลือกเดินไปหาที่นั่งร่มๆใต้อาคารที่เดิมกับวันก่อนถึงแม้จะมีเสียงดังหนวกหูจากเด็กๆไปบ้างแต่ก็เป็นสถานที่ที่ร่มละอยู่ใกล้กับประตูโรงเรียนมากที่สุด

“นี่” เสียงเรียกเบาๆจากด้านหลังทำให้ฉันหันไปมองและเจ้าของเสียงก็ทำให้ฉันต้องประหลาดใจ เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งโดดเด่นและใบหน้าคมเข้มยืนอยู่ตรงหน้า

“อ้าว เจย์ มีอะไรเหรอ”

“เปล่า…แค่มาขอบคุณ เรื่องนี่น่ะ” เขาว่าและชูเส้นเชือกสีดำที่ถูกถักเรียบร้อยมาตรงหน้า ที่ปลายทั้งสองข้างของเชือกข้อมือถูกผูกติดกันให้สามารถรูดให้ติดกันได้

“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก”

“….”

“เออ…แล้วยังไม่กลับเหรอ” ฉันเกือบจะหลุดปากถามออกไปว่าเขาจะเอาสร้อยข้อมือนั้นไปให้ใคร ถึงแม้จะมีคนที่คอดไว้อยู่แล้วแต่ฉันก็อยากมั่นใจ

"เดี๋ยวจะกลับแล้วล่ะ...ชิ" ตอนท้ายประโยคเจย์ส่งเสียงเบาๆอย่างขัดใจเมื่อมองข้ามไหล่ฉันไปบริเวณหน้าโรงเรียน คิ้วเข้มขมวดมุ่นกับดวงตาดุๆดูเหมือนไม่สบอารมณ์ เขาหันกลับมาบอกลาฉันทางสายตาก่อนจะยัดสร้อยข้อมือสีดำไว้ในกระเป๋ากางเกงและเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมองตามร่างสูงโปร่งนั้นไปก็ได้พบว่าสุดปลายทางที่เดินไปนั้นหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มคนหนึ่ง


....เจ้าของผิวขาวซีดและผมยาวประบ่ามัดรวบไว้ครึ่งศีรษะ


"บอกแล้วไงว่าไม่ให้มา"เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อคนที่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้เงยหน้าขึ้นมามองพลางยันตัวลุกขึ้น

"พี่ออกมาเอาของที่สั่งไว้เลยแวะมารับ"ชายหนุ่มร่างเล็กกว่ายิ้มตาหยี แขนผอมทั้งสองข้างกอดถุงกระดาษสีน้ำตาลใบค่อนข้างใหญ่ประทับตราซุปเปอร์มาเก็ตชื่อดังไม่ไกลจากที่นี่มากนักไว้แนบอก

"...."

"...."

"..ของอะไร"

"อุปกรณ์ทำขนมน่ะ ของหมดก็เลยต้องสั่งซื้อแล้ววันนี้ของก็มาส่งพอดี"

"อืม.."

"...เจเจเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมท่าทางแปลกๆ" คิ้วบางเรียวย่นเข้าหากันก่อนจะขยับเข้าใกล้เด็กหนุ่มตรงหน้า

ขนาดฉันที่ยืนห่างออกมายังสังเกตเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของเจย์ได้อย่างชัดเจน

"ปะ เปล่า"เจย์ตอบตะกุกตะกักก่อนจะพยายามแย่งถุงกระดาษมาถือไว้เสียเอง

"ฮะๆ ไม่เป็นไร พี่ถือเองได้ไม่หนักหรอก ขอบใจนะ"

"หึ" แต่ดูเหมือนเจย์จะยังไม่ละความพยายาม

"เจย์ พี่ถือเองได้...ฮ่าๆ เอ๊ ทำไมวันนี้ดื้อจัง..อ๊ะ?"ชายหนุ่มแกล้งดุขำๆขณะโยกหลบมือทั้งสองข้างที่ยื่นมาแย่งถุงกระดาษก่อนจะชะงักไปเมื่อเขาถูกฉวยข้อมือที่กำลังปัดป้องความช่วยเหลือจากเด็กหนุ่มเอาไว้ เส้นเชือกที่ถูกถักเรียบร้อยสีดำสนิทตัดกับสีผิวของเจ้าตัวถูกสวมเข้ามาช้าๆจากฝีมือคนอายุน้อยกว่า สีหน้าผู้ให้ยังคงเรียบเฉยเหมือนปกติเพียงแต่มุมปากบางได้รูปนั้นยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีเข้มประกายพราวยามจ้องมองเจ้าของคนใหม่ของสร้อยข้อมือนั้น

"...หืม? ให้พี่เหรอ" ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางพิศมองเครื่องประดับชิ้นใหม่

"อืม..."

"เอามาจากไหนน่ะ ซื้อมาเหรอ"

"เปล่า" คราวนี้คนที่คอยพูดเจื้อยแจ้วอยู่ตลอดเป็นฝ่ายเงียบไปบ้างแต่เปลี่ยนเป็นส่งสายตาเป็นคำถามให้แทน

"...ทำตอนวิชางานฝีมือ"เจย์ดูลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไปทำให้คนฟังตาโตด้วยความประหลาดใจอย่างไม่คิดปิดบัง

"ห๊าาา!? นี่เจย์ทำเองเหรอ โหหห เก่งมากเลย... พี่คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย"น้ำเสียงตอนแรกเป็นเพราะความประหลาดใจ แต่ตอนท้ายดูเหมือนจะเป็นน้ำเสียงหยอกล้อหน่อยๆเห็นได้จางดวงตากลมที่หรี่ลงเล็กน้อยยามจ้องมองคนให้

"อะ อะไร ทำไมต้องมองแบบนั้น จะเอาหรือไม่เอา" แก้มสองข้างของเจย์แดงปรั่งขณะพยายามแย่งของที่ให้ไปแบบไม่จริงจังนักซึ่งดูเหมือนคนอายุมากกว่าจะอารมณ์ดีที่แกล้งเขาได้

"ฮ่าๆ โอ๋ๆพี่ล้อเล่น ให้แล้วให้เลยสิ หึหึ"

"เหอะ.."

"...." ชายหนุ่มไม่พูดอะไรตอบได้แต่ยิ้มมองเจย์ตาหยี

"กะ ก็แค่จะทำไว้ใส่เองแต่มันสั้นเกินไป" เจย์หลบตาวูบก่อนจะพูดออกไป ทำให้ฉันต้องอมยิ้ม นึกถึงตอนที่เขายื่นเชือกนั้นมาตรงหน้าและบอกชัดเจนว่าทำให้คนอื่น

"หึหึ ไม่เป็นไร พี่ชอบมากเลย"ชายหนุ่มว่าหลังจากมองสำรวจของชิ้นใหม่อีกครั้ง เงยหน้าขึ้นมองและยิ้มกว้าง

"...อือ ชอบก็เก็บไว้สิ"

"ครับ ขอบใจนะ" เขายิ้มหวานลูบของประดับชิ้นใหม่อย่างถนุถนอมทำให้คนที่ยืนมองภาพนั้นอยู่แก้มแดงซ่าน

"ก็บอกว่าแค่ของทำผิด" เจย์ว่าเบาๆก่อนจะฉวยถุงกระดาษในอ้อมแขนคนตัวเล็กกว่าที่ยังไม่ทันตั้งตัวไปถือและออกเดินนำไปก่อน

"หึหึ ครับๆ ทำผิดก็ทำผิด" ชายหนุ่มรีบเร่งผีเท้าเดินตามอดเอ่ยด้วยน้ำเสียงล้อเลียนไม่ได้

"หึ" เจย์ส่งเสียงขึ้นจมูกและเสหน้ามองไปอีกทาง ซ่อนรอยยิ้มจางๆจากคนข้างกายที่ตอนนี้ดูเหมือนจะลดอายุไปเป็นเด็กช่างแกล้ง เดินอยู่ข้างๆคอยพูดจาหยอกเย้าอย่างอารมณ์ดี


แผ่นหลังของทั้งคู่ค่อยๆห่างออกไปเช่นเดียวกับเสียงพูดคุยที่เคยชัดเจนแต่ตอนนี้ภาพริมฝีปากที่ขยับไปมาเป็นเพียงสัญญาณเดียวที่บอกให้รู้ว่าทั้งคู่กำลังสนทนากันอยู่ ฉันทอดสายตามองเงียบๆโดยที่ไม่คิดจะเดินตามออกไป...

ชายหนุ่มที่ฉันไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อกลับสามารถทำให้คนที่ฉันเฝ้ามองมาหลายปีเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ มันมีทั้งความรู้สึกทึ่ง ประหลาดใจ และสนใจ แต่ลึกลงไปฉันกปฏิเสธไม่ได้ว่ากำลังรู้สึกอิจฉา...


อิจฉาคนๆนั้นที่ได้รับรอยยิ้มจากคนที่ใครๆก็คิดว่าเย็นชา
อิจฉาคนๆนั้นที่ได้รับความใส่ใจและดูแลจากเขา
อิจฉาคนๆนั้นที่ได้รับความสำคัญเหนือใครจากคนที่ไม่เคยมองใครอยู่ในสายตา


ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สุดปลายดวงตาสีดำสนิทแสนเย็นชาคู่นั้นมีใครคนหนึ่งยืนอยู่...ดวงตาที่เคยทอดมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ตอนนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว


ฉันยิ้มให้กับภาพชายสองคนกำลังถกเถียงกันด้วยเรื่องบางอย่างขณะรอสัญญาณไฟข้ามถนนและดูเหมือนจะไม่ยุติลงง่ายๆ สุดท้ายคนตัวสูงกว่าที่อยู่ในชุดนักเรียนก็เป็นฝ่ายดึงคนข้างกายให้ประชิดตัวจนเกือบจะกลายเป็นโอบและค่อยออกก้าวเดินด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาทำหน้าบึ้งแต่กลับรู้สึกได้ถึงความสุข...

แผ่นหลังกว้างที่ก้าวเดินห่างออกไปยังคงให้ความรู้สึกโดดเด่น ดึงดูดและน่ามองเหมือนเดิม...ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี


เจย์ก็คือเจย์...น่าดึงดูดแต่ก็โดดเดี่ยว...






แต่วันนี้แผ่นหลังที่ฉันเฝ้ามองมาตลอด ไม่ได้ให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนที่ผ่านมาแล้ว....



(http://i61.tinypic.com/zy6a28.jpg)

........................................
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 21-10-2015 23:33:29
รอตอนหลัก T-T
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 22-10-2015 00:09:33
โอ้ยยยย เจย์น่ารัก มุ้งมิ้งกะพี่มินสุดๆ น่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 22-10-2015 07:51:09
กรี๊ดๆๆๆๆ เจเจน่ารักมากอ่ะ

รอตอนหลักนะคะ คิดถึงมากกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 22-10-2015 16:15:56
เจเจน่ารักมากกกกกกกก

ปากแข็งที่สุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-10-2015 16:21:32
 :L2:   น่ารักมากๆค่ะ ยังรออ่านเสมอ สู้ๆนะคะคนเขียน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 22-10-2015 19:24:22
เจย์ น่ารักกกกก
ชอบอ่ะ
รอตอนต่อไปนะคะๆๆๆๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: My_yunho ที่ 23-10-2015 07:55:44
บอกไปแล้วพี่มิณจะว่าไงเนี้ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: packy ที่ 23-10-2015 09:32:31
โอยยยย น่ารักอ่ะ ทั้งเด็กดื้อ ทั้งเจ้าของร้านเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 23-10-2015 22:06:30
รู้สึกอิจฉาฉันคนนั้นเหลือเกิน   :katai2-1:

รอตอนหลักคะ :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 24-10-2015 07:29:20
รอค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-10-2015 17:42:39
ดีที่ไม่มีดราม่าชะนี :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 24-10-2015 21:40:52
เจย์ละมุนสุด ฮื่อออออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 25-10-2015 15:01:46
พี่มิณทำเจเจแก้มแดงได้ตลอดเลยเชียวน้า~ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 26-10-2015 18:04:06
เจย์น่ารักมากกกกกค่ะ
อ่านไปยิ้มไป >_____<
รอตอนหลักนะค้าาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ~PopPin[Pim]~ ที่ 09-11-2015 20:32:56
เย่ พี่มิณน้องเจย์กลับมาแล้ววว

เพิ่งเข้ามาเห็น

มาต่อไวๆนะค้าคนเขียน รออยู่น้า สู้ๆ o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 23-11-2015 00:37:07
ดันกระทู้รอตอนต่อไปจ้าาา
มาต่อไวๆนะค้าา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 25-11-2015 00:45:26
เจย์น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกก//ทุบโต๊ะรัวๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 25-11-2015 13:10:35
โอ้ยยยย มุ้งมิ้งไปนะจริงๆ ;///////;
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: packy ที่ 25-11-2015 19:06:12
ยังรอนะค้าาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 26-11-2015 13:04:32
ยังรอนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 26-11-2015 15:57:04
ตอนนี้น่าารักสุด
ขนาดเป็นคนอื่นบรรยายแต่ชอบมากกกกกก
ได้เห็นโมเม้นจากไกลๆแต่ฟินกว่าทุกตอน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: whynotme ที่ 08-02-2016 20:37:21
เจย์ในมุมที่น่ารัก^^
อยากอ่านต่อจัง ...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Extra!! - มอง [21/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 18-02-2016 22:31:59
Chapter 9







 "เจย์..."

"...ผมรู้ว่าคุณเข้าใจความหมายที่ผมบอก"

ผมได้แต่นิ่งเงียบจ้องมองลึกลงไปในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น มันสงบนิ่งและไม่มีแววล้อเล่นแต่ถึงอย่างนั้นผมก็เห็นความหวั่นไหวซ่อนอยู่ลึกๆ

เขายังเด็ก...ต่อให้ตัดสินใจไปแล้วแต่ก็ยังคงมีความไม่มั่นใจซ่อนอยู่เบื้องหลังต่างจากผู้ใหญ่แบบผมที่ไม่มีความไม่มั่นใจ...นั่นอาจเพราะ...ผมไม่กล้าตัดสินใจอะไรเลยซักอย่าง...

"...."

"...แล้วคุณล่ะ รู้สึกยังไงกับผม"

ผมรู้สึกถึงก้อนอากาศที่พุ่งขึ้นมาจุกอยู่ตรงลำคอยามจ้องมองดวงตาคู่นั้นแต่ก็ไม่สามารถพอที่จะเสหลบได้ ผมรู้ว่าตัวเองควรจะต้องพูดอะไรบางอย่าง...แต่ผมกลับไม่รู้ว่าควรต้องพูดอะไร


หลายเดือนที่ผ่านมาการที่มีเด็กหนุ่มมัธยมปลายหน้าตาดีแวะมาที่ร้านทุกวันหลังเวลาปิดร้านถือเป็นเรื่องปกติ และผมก็ชินกับการมีเขาอยู่ในชีวิตและมีความสุขกับมัน ผมคิดว่าจะใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆจนลืมคิดไปว่ามันไม่สามารถเป็นแบบนี้ไปได้ตลอด วันหนึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่ผมนึกไม่ถึงว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้และเป็นการเปลี่ยนแปลงในแบบที่ผมนึกไม่ถึง...

...ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป...

ผมไม่ได้เป็นเกย์แต่ก็ยังไม่คิดที่จะสร้างครอบครัว ส่วนหนึ่งเพราะผมรักชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวันนี้และคิดว่าไม่ต้องการอะไรนอกเหนือจากนี้แล้ว ผมไม่ได้คิดถึงความก้าวหน้าหรือการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามให้ดีขึ้น ผมแค่ชอบชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวันนี้จนบางทีก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นเอื่อยเฉื่อยและน่าเบื่อ

แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาอายุยังน้อยในช่วงชีวิตของเขาต่อจากนี้จะต้องพบเจอกับเรื่องราวอีกมากมายที่จะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต เจย์เป็นคนเรียนเก่งและมีธุรกิจของบ้านที่ประสบความสำเร็จ ไม่แปลกเลยหากอนาคตเขาจะก้าวหน้าไปกว่าที่เป็นอยู่ วันหนึ่งเด็กหนุ่มตรงหน้าผมจะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ มีทางเลือกในชีวิตมากมายให้เขาได้ก้าวเดินแตกต่างจากผมในตอนนี้

ผมอยากจะมีเจย์อยู่ในชีวิตต่อไป แต่ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะให้เขาอยู่ในชีวิตในถานะอะไร เริ่มแรกเพราะความเอ็นดูแต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาไม่มีทางเป็นเด็กแบบนี้ไปตลอด แล้วต่อจากนั้นล่ะ? ผมควรจะรู้สึกยังไงกับเขา...ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขาคือไม่อยากจะสูญเสียเขาไปแต่ก็ไม่อยากรั้งเขาเอาไว้กับคนที่ไม่มีความก้าวหน้าแบบผม ...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าชอบรึเปล่า

....ผมไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้....

เพราะอย่างที่บอก...ผมไม่ได้เป็นเกย์และเจย์ก็คงไม่ใช่

"เจย์..."

"...."

"เออ... รู้อะไรมั้ย อดัมน่ะต้องคู่กับอีฟนะ ฮะๆ" ผมได้ยินเสียงตัวเองหัวเราะแต่ไม่รู้สึกถึงมุมปากที่ยกยิ้ม คิ้วเรียวเข้มขมวดแน่นพร้อมกับร่างที่ก้าวเข้ามาประชิดจนแผ่นหลังของผมสัมผัสแนบกับเนื้อไม้ของเคาน์เตอร์

"ผมไม่สนใจเรื่องนั้น ...แล้วผมก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย"

"อะ อ้าว ..งั้น..."

"แค่คุณ ...คนเดียว" ผมรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของเด็กหนุ่มประทะเข้ากับใบหน้าเพราะระยะห่างที่เริ่มลดลง แขนทั้งสองข้างถูกกดตรึงไว้กับชั้นไม้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ร่างถูกเบียดเอนไปจนเกือบจะนอนลงกับชั้นโต๊ะของเคาน์เตอร์สูงเลยเอวขึ้นมาเล็กน้อยที่รกไปด้วยแผ่นกระดาษจดเมนูและขวดชากาแฟหลากหลายชนิด

"...."

"ผมอยากได้คำตอบ"

"...."

"...."

"...เออ เจย์ พี่ว่าเราคุยเรื่องนี้กันวันอื่นเถอะ..." ผมพูดเสียงเบาพลางบ่ายหน้าหนีแต่ก็ยังเห็นหัวคิ้มเข้มที่ขมวดเข้าหากัน

"หมายความว่ายังไง"

"คือ... คืนนี้ดึกมากแล้ว พี่ว่า...."

"คุณเกลียดผมงั้นเหรอ?"

"ฮะ? ไม่นะ พี่ไม่ได้เกลียดเจย์"

"งั้นคุณก็ชอบผม?"

"...เรื่องนั้นน่ะ มัน...."

“ก็ได้…ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว” เขาพูดพร้อมกันผละตัวออกไปหันหลังก้าวเดินออกไปทางหน้าประตูผมรีบก้าวเท้าตามไปคว้าข้อมือเขาไว้อย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยว เจย์จะไปไหน”

“ไปจากที่นี่”

“หะ? ดะได้ยังไง นี่มันดึกมากแล้ว”

“พอ!! เลิกพูดเหมือนเป็นห่วงแบบนั้นซักที!”เด็กหนุ่มตะหวาดเสียงดังทำให้ผมสะดุ้งเฮือก เจย์เม้มปากแน่นเหมือนพยายามข่มอารมณ์

“….”

“แค่คุณรู้สึกยังไงกับผมคุณยังตอบไม่ได้เลย…แล้วจะให้ผมอยู่ที่นี่ในถานะอะไร” ผมได้แต่นิ่งเงียบเพราะนั่นก็เป็นคำถามที่ลึกๆแล้วผมก็ถามตัวเองอยู่ทุกวัน ผมเคยชินกับชีวิตที่อยู่คนเดียว ไม่ได้คิดว่าการที่ไม่มีใครข้างกายเป็นเรื่องที่ต้องกังวล แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เคยคิดว่าหากมีคนดีๆเข้ามาผมก็พร้อมจะเปิดใจรับ แต่ก็ไม่ได้คิดถึงว่าจะต้องมาเจอในรูปแบบนี้

 …เขาเป็นผู้ชาย…แถมยังเด็กกว่าเกือบสิบปี เขายังมีอนาคตอีกไกล จะได้พบเจอกับคนอีกมากมายต่างจากผมที่ต่อให้อีกสิบปีข้างหน้าผมก็ยังคงจะเป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆนี้ต่อไป
ถ้าหากผมบอกเขาไป…มันจะเป็นการรั้งเขาเอาไว้กับตัวเองรึเปล่านะ…?

ถ้าหากวันหนึ่งเขาโตขึ้น…แล้วเจอกับคนที่เขาชอบมากกว่า ผมจะกล้าปล่อยเขาไปรึเปล่า…?
แล้วถ้าหากถึงวันนั้น…ผมจะกลับไปใช้ชีวิตลำพังคนเดียวได้อยู่รึเปล่า…

ผมเงยหน้าขึ้นมองดวงตาสีดำสนิทที่มองสบลงมาเห็นเงาตัวเองสะท้อนอยู่ภายใต้แววตาที่สั่นไหว

“เจย์…พี่ขอโทษนะ”

“….”

“….”

“คุณ…ไม่เคยชอบผม…ซักนิดเลยเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามเบาหวิวก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น

“…อย่าออกไปข้างนอกเลยนะ อยู่ที่นี่เถอะ” ผมเบี่ยงตัวหนีก่อนจะเดินไปลงกลอนพลางจ้องมองบานประตูกระจกที่ล้องกรอบด้วยแผ่นไม้เก่าๆสีเข้ม นึกถึงวันแรกที่เด็กหนุ่มร่างสูงไม่คุ้นหน้าผลักประตูเข้ามาในร้าน

“เจย์…” เมื่อหันกลับมาก็พบกับความว่างเปล่า เสียงย่ำฝีเท้าเบาๆจากด้านบนทำให้ผมถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกก่อนจะเดินตามขึ้นไป




เสียงน้ำจากฝักบัวตักลงกระทบพื้นห้องน้ำอย่างต่อเนื่องมาประมาณสิบนาทีตั้งแต่ผมเข้ามาในห้องนาน ผมขบริมฝีปากเบาๆขณะนั่งอยู่ปลายเตียงจ้องมองประตูห้องน้ำสีอ่อนอย่างใช้ความคิด รู้สึกละอายที่ทั้งๆที่ตัวเองโตกว่าแท้ๆแต่กลับหนีปัญหาด้วยวิธีที่ไม่เป็นผู้ใหญ่เอาเสียเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่รู้ว่าควรต้องหาทางออกยังไง ผมไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว…แต่ที่ทำอยู่นี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่ผมไม่อยากเป็นมากที่สุด

“แกร็ก” เสียงหมุนลูกบินประตูเบาๆตามมาด้วยเด็กหนุ่มร่างสูงในชุดชุดนอนสีกรมท่า เส้นผมละเอียดสีดำเปียกลู่ลงข้างแก้มส่งหยดน้ำหยดลงบนพื้นไม้ เราสบตากันเล็กน้อยก่อนที่เขาจะผละเดินไปทางตู้เสื้อผ้าและเด็กผ้าห่มกับหมอนออกมาหนึ่งชุด

“เจย์…จะไปไหน”

"ผมจะนอนข้างนอก" เจย์ตอบเบาพร้อมกับหอบหมอนและผ้าห่มหนึ่งผืนออกไปนอนห้อง ผมลังเลระหว่างจะเดินออกไปตามหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ตัดใจเดินเข้าห้องน้ำไป



ฟูกนุ่มที่รองอยู่ใต้ร่างนิ่งไม่ไหวติงทั้งๆที่ผมยังไม่ได้หลับ ไฟในห้องดับมืด ผมนอนจ้องฝ้าเพดานคุ้นตามาตั้งแต่ดับไฟและคาดว่าตอนนี้ก็คงผ่านไปนานพอสมควร ไม่ว่าจะข่มตาหลับสักกี่ครั้งมันก็ไม่ได้ผล

ผมเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงและก้าวยาวๆไปที่ประตูมือจับค้างไว้ที่ลูกบิดแต่ก็ไม่กล้าเปิดออก ไม่รู้ว่าหลังจากที่ก้าวพ้นประตูไปแล้วผมควรจะทำอย่างไร ถ้าลงไปหาเขาผมควรจะต้องพูดว่าอะไร? สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกความตั้งใจและกลับมาทิ้งตัวนอนลงที่เดิม ...

ผมอยู่คนเดียวมาตลอด คุ้นเคยกับความเงียบและผมก็ชอบมัน...แต่คราวนี้มันช่างแตกต่างจากที่ผ่านมา...





ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่นาฬิกาปลุกบนโต๊ะเล็กๆข้างเตียงส่งเสียงปลุกลั่นห้อง ผมเกือบจะลืมเสียงของมันไปแล้วเพราะมักจะตื่นมาปิดก่อนที่จะได้ร้องเตือนเสมอ

ราวกับภาพเมื่อคืนถูกฉายซ้ำผมยืนนิ่งอยู่หน้าประตูคิดวกไปวนมาว่าถ้าเจอหน้าเจย์แล้วผมควรจะพูดอะไร ผมไม่สามารถทนอยู่กับความเงียบที่เราต่างคนต่างไม่สนใจกันแบบนี้ได้แต่ผมก็ไม่สามารถจะเริ่มพูดคุยยังไงในเรื่องที่ผมยังตัดสินใจไม่ได้

ผมสูดหายในลึกและผลักประตูออกไปค่อยๆเดินลงบันไดไปที่ชั่นสองและได้พบกับโซฟาที่...ว่างเปล่า

ชุดนักเรียนหายไปชุดหนึ่งเมื่อผมกลับไปเปิดตู้เสื้อผ้าในห้องนอนและห้องน้ำยังคงมีความชื้นอยู่ เจย์คงจะเข้ามาและออกไปก่อนที่ผมจะตื่น... คิดได้แบบนั่นก็ได้แต่ขบกรามเบาๆ....ผมคงจะโดนหลบหน้าเข้าเสียแล้ว....







"พี่มิณ พี่มิณครับ คุกกี้จะหมดแล้ว"

"ห้ะ?! อะ อืม เดี๋ยวพี่ไปทำเพิ่มนะ" ผมตอบกลับเด็กหนุ่มดวงตากลมโตตรงหน้าไปเบาๆก่อนจะเดินเข้าครัวเพื่อนไปทำคุกกี้มาเพิ่ม รู้สึกมึนงงจนต้องยืนจ้องอุปกรณ์ทำขนมซักพักก่อนจะเริ่มลงมือทำ ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะเมื่อคืนนี้ผมนอนไม่ค่อยหลับ ถึงในความเป็นจริงจะรู้ว่าไม่ใช่ก็เถอะ..

"พี่มิณ ผมยกออกไปนะครับ" อาร์เดินเข้ามาในครัวพลางยิ้มกว้าง

"เออ..เดี๋ยวพี่ยกไปเอง ยังอบไม่เสร็จเลย"

"....?"

"ขอโทษนะ" ผมว่าขณะเหลือบมองเตาเอาที่เพิ่งจะใส่ขนมเข้าไปทำให้อาร์ขมวดคิ้วบางๆ

"...พี่ไม่สบายเหรอครับ"

"หืม เปล่าๆ เมื่อคืนพี่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ"

"...คุณมิณ"

"หืม?"

"...."

"อาร์มีอะไรเหรอ" ผมหันกลับไปมองเมื่อคู่สนทนาเงียบไป

"ปกติถ้าผมเรียกว่า คุณมิณ พี่จะต้องบอกให้ผมเรียกว่า พี่มิณ นี่นา ผมว่าช่วงนี้พี่ดูแปลกๆนะครับ"

"...เออ งั้นเหรอ" ผมยิ้มแห้งเกาท้ายทอยแก้เก้อเพราะจริงๆแล้วผมไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าอาร์เรียกผมว่าอะไรเพียงแค่รับรู้ว่ามีคนกำลังเรียกอยู่เท่านั้น

"....พี่มิณ ทะเลาะกับน้องเจย์เหรอครับ"

“หืม? เออ…ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ”

“ก็…ผมเห็นเจย์ท่าทางซึมๆ พี่ก็ดูเหม่อๆ แถมช่วงนี้เจย์ก็…ไม่ค่อยอยู่ร้าน” ผมเผลอขมกรามเบาๆเมื่ออาร์ตอบกลับมา …หนึ่งอาทิตย์แล้วที่เป็นแบบนี้ เจย์มักจะออกไปข้างนอกแต่เช้าตรู่ก่อนที่ผมจะตื่นมาเปิดร้านและมักจะกลับมาหลังจากที่ผมเข้านอนแล้วเสมอ …ผมแทบไม่ได้เจอหน้าเด็กหนุ่มเลยนอกจากที่บางครั้งผมตื่นขึ้นมาเร็วกว่าปกติ ไม่ก็นอนคิดเมนูขนมจนดึกกว่าทุกๆวัน ถึงแม้ว่าบางวันเขาจะแวะเข้ามาที่ร้านหลังปิดเพื่อมาเอาของบางอย่าง


เราพูดคุยกันไม่กี่คำ…ไม่ผิดหรอก ไม่กี่คำจริงๆเพราะมันแทบจะนับเป็นประโยคไม่ได้ด้วยซ้ำ ผมไม่รู้เลยว่าเขาออกไปไหนและไปทำอะไรทุกวัน… และ…ทุกครั้งที่เขาออกไปผมกลัวว่าเขาอาจจะไม่กลับมาหาผมอีกแล้ว…

เจย์เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว ผมยังจำวันที่เราเจอกันครั้งแรกได้ และนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าที่ผ่านมาตอนที่เราอยู่ด้วยกันเขาเปลี่ยนไปจากตอนนั้นขนาดไหน เขาพูดมากขึ้น ยิ้มบ่อยขึ้นถึงแม้จะแค่ผมยิ้มหรือยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เขาพูดเรื่องของตัวเองมากขึ้น บางครั้งก็เล่าให้ฟังว่าวันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง แต่ตอนนี้…มันอาจจะกำลังกลับไปสู่จุดเดิม


…จุดที่เราไม่รู้จักกัน


“อาร์เจอเจย์เหรอ”

“ครับ เมื่อวานน่ะ เจย์ไปซ้อมบาสที่สนามของมหา’ลัย” เขาตอบพลางเดินอ้อมโต๊ะมาช่วยยกถาดเก้าอี้ออกจากเตาอบ ผมส่งเสียงงึมงำในลำคอตอบกลับไปเบาๆ

“งั้นเหรอ”

“…”

“…อาร์ พี่ถามอะไรหน่อยสิ”

“ครับ?”

“เออ…อาร์กับคุณวิคเตอร์…คบกันได้ยังไงน่ะ” เด็กหนุ่มเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินคำถามไม่คาดคิดก่อนจะตอบออกมา

“เออ…ก็ ..มันก็ ออกจะงงๆหน่อยนะครับ”แก้มขาวนั้นแดงขึ้นเล็กน้อยขณะพูดทำให้ผมต้องอมยิ้ม

“คือ…วิคเขากำลังหาคอนโดอยู่แล้วผมก็กำลังหาที่พักเหมือนกัน เราก็เลยคุยกันแล้วก้เริ่มสนิทกันเรื่อยๆ”

“เหรอ แล้วตกลงเป็นแฟนกันได้ยังไงน่ะ” ผมถามยิ้มๆ จริงๆแล้วผมก็อยากจะรู้ว่าพวกเขาข้ามผ่านช่วงความรู้สึกที่มีแต่คำถามแบบนี้ไปได้ยังไง แต่อีกส่วนหนึ่งก้อยากจะแกล้งพนักงานพาทไทม์ตรงหน้าที่ดูเหมือนจะเขินอายจนแทบจะลงไปม้วนอยู่กับโต๊ะ

“อ๊า เรื่องนั้นน่ะมันก็…”

“….” ผมรู้สึกเหมือนเห็นตัวการ์ตูนตลกๆที่กำลังหน้าแดงและมีไอน้ำลอยขึ้นมารอบๆ

“คือ…วิคเตอร์เขาจูบผมน่ะ ตะ ตอนผมพาเขาไปดูคอนโดใหม่”

“ว้าว จูบเลยเหรอ หึหึหึ”

“โธ่ อย่าล้อผมสิ”

“ฮ่าๆ โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว…แล้วยังไงต่อน่ะ”

“ก็ เราก็คบกันน่ะ …ผมบอกแล้วว่ามันออกจะดูงงๆ” อาร์ย่นจมูกหน้าแดงเล็กน้อย

“อาร์ตัดสินใจได้ยังไงน่ะว่าจะคบกับเขา …เออ…คือ พี่หมายถึง…”

“เราเป็นผู้ชายทั้งคู่ใช่มั้ยล่ะ” อาร์ถามยิ้มๆ

“…อืม…”

“ตอนนั้นผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นหรอก…แค่รู้สึกว่าผมปฏิเสธเขาไม่ได้ล่ะมั้ง แบบว่า…ผมปล่อยเขาไปไม่ได้น่ะ”

“….”

“ตอนแรกผมก็กังวลเหมือนกัน ผมยังเรียนไม่จบเลย แต่เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมกับเขาก็ไม่ได้เป็นเกย์ด้วย….”

“….” เด็กหนุ่มก้มหน้าลงต่ำแต่อึดใจต่อมาเขาก็เงยหน้าขึ้นและพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง

“แต่ว่าทุกครั้งที่ผมมองเขาผมรู้สึกจริงๆนะว่าผมปล่อยเขาไปไม่ได้” ผมยิ้มบางๆกลับไปพลางครุ่นคิด ทุกๆครั้งที่ผมมองเจย์ ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่า…ไม่อยากจะเสียเขาไปจากชีวิต…

“…อีกอย่างนะ วิคเตอร์ทำให้ผมมั่นใจว่า ไม่ว่ายังไงเขาก็จะยังอยู่กับผม ผมกับเขาไม่เข้าใจกันบ่อยๆเพราะเราต่างกัน ทั้งอายุ ทั้งความชอบ ทั้งนิสัย แต่ว่า…ทุกครั้งที่เราไม่เข้าใจกัน เขาก็ยังอยู่ ถึงบางทีจะงอนจนไม่คุยกัน แต่เขาก็ยังอยู่กับผม…อยู่แบบเงียบๆนั่นแหละ” ท้ายประโยคอาร์พูดเสียงเบาพลางยิ้มแหยๆ สีหน้าเหมือนจะขบขันแต่พนันได้ว่าเขาคงไม่ชอบสถานการณ์แบบนั้นเท่าไหร่นักทำให้ผมต้องกลั้นขำ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ

“ฮ่าๆ ทำไมทำหน้าแบบนั้นฮะ แล้วคืนดีกันรึยังล่ะหือ?”

“โธ่ เราไม่ได้โกรธกันหรอกครับ แต่…แค่ผมออกไปถ่ายรูปกับเพื่อนแล้วลืมบอกเขานะ แถมมือถือก็แบตหมดติดต่อไม่ได้ กลับไปก็เลยโดนงอน…อ๊ะ เฮ้ยย! พี่มิณหลอกถามผมนี่” อาร์ยกสองมือขึ้นปิดปากเบิกตากว้างทำให้ผมหัวเราะหนักขึ้นกว่าเดิม

“ฮ่าๆๆ”

“ฮึ่ม ผมออกไปข้างนอกดีกว่า” เด็กหนุ่มร่างเล็กยู่หน้าก่อนจะยกถาดคุกกี้ถาดใหญ่วิ่งออกไปหน้าร้านอย่างรวดเร็ว

….ถึงแม้ไม่เข้าใจกันก็ยังไม่ไปไหน….?







“เจย์…” ผมเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังจะก้าวพ้นขอบประตูร้านไว้ วันนี้เจย์และกลับมาเอาของที่ร้านก่อนที่จะออกไปข้างนอกอีกครั้ง เขาแต่งกายด้วยชุดกีฬาเสื้อและกางเกงยาวจรดข้อ บนบ่าสะพายกระเป๋ากีฬาสีดำจากแบรนด์ดัง ผมปิดไฟในร้านบางส่วนแต่ก็ยังมีแสงสว่างมากพอที่จะมองบริเวณรอบๆได้อย่างชัดเจน

“เออ…จะกลับมา…” จะกลับมาหาพี่รึเปล่า?... เหมือนก้อนอากาศขึ้นมาจุกคอทำให้ผมพูดไม่ออกไปเสียดื้อๆ หากเขาจะไปจริงๆผมก็คงรั้งเขาเอาไว้ไม่ได้ ฟันคมของเด็กหนุ่มขบลงบนริมฝีปากแน่นขณะหันกลับมา คิ้วเรียวคมขมวดเล็กน้อยและแววตาที่ดูเหงาๆมองตอบกลับมา

“อืม…เดี๋ยวผมกลับมา” เสียงทุ้มตอบเบาๆก่อนจะผลักบานประตูกระจกออกไป





ผมยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบพักใหญ่ เงียบจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง คำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองที่ว่างเปล่า

‘ผมมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้?’…ผมควรต้องออกไปตามเขาไม่ใช่เหรอ?

“เจย์!!” ผมผลักบานประตูออกไปและก้าวขายาวๆไปตามทางเดิน ได้ยินเสียงกระดิ่งสั่นเสียงดังมาจากด้านหลังที่ประตูถูกผิดลงถึงแม้จะเดินออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ผมมองไปตามทางเท้าที่ทอดยาวขนาบถนนเส้นใหญ่ เห็นแผ่นหลังของคนที่ผมกำลังตามหาเลี้ยงเข้าไปในซอยด้านขวาห่างไปไม่มาก สองขารีบก้าวเดินจนแทนจะกลางเป็นวิ่ง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปลายทางนั้นจะไปที่ไหนและระยะทางที่เดินผ่านมาจะไม่คุ้นเคยหรือไม่

“เจย์” ผมร้องเรียกอีกครั้งแต่ก็ดูเหมือนจะเบาเกินไปจนต้องเร่งฝีเท้าให้ใกล้เข้าไปอีก ซอยเล็กๆตัดผ่านด้านหลังของตึกสูงสองตึกทำให้ในซอยมืดมิดจนมองเห็นแค่แสงสว่างจากปลายทางและแสงไฟจากตึกข้างๆเล็กน้อย

เบื้องหน้าเป็นถนนสายหนึ่งที่มีรถสันจรไม่มากนักส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเวลาค่ำมากแล้วและไม่ใช่ย่านท่องเที่ยงที่จะมีรถรามากมาย สองขายาวภายใต้กางเกงวอร์มสีเข้มก้าวข้ามถนนไปอย่างรวดเร็วจนไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

“เจย์” เขายังไม่ได้ยินขายาวเดินหน้าไปเรื่อยๆห่องออกไปอีกหลายเมตร

“….”

“เจย์!”ผมร้องเรียกอีกครั้งพลางพยายามเร่งฝีเท้าขึ้นเหลือบมองสัญญาณไฟจราจรฝั่งตรงข้ามที่ขึ้นสัญญาณสีเหลืองเตรียมจะข้ามไปอีกฝั่งทันทีที่รถหยุด ผมหันกลับมามองฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง เด็กหนุ่มร่างสูงหันมาตามเสียงเรียกขณะเดียวกับที่ผมก้าวข้ามทางม้าลายตัดผ่านถนนตรงหน้าหลังจากสัญญาณไฟรถยนต์เปลี่ยนเป็นสีแดง

ตอนนั้นเองที่ภาพตรงหน้าเริ่มพล่ามัวเพราะแสงไฟจ้าจากรถยนต์สาดเข้ามาที่ใบหน้า เสียงยางรถเบียดกับพื้นถนนเสียงดังแสบแก้วหูกลิ่นไหม้ของยางโชยเข้าจมูกจนรู้สึกฉุน ได้ยินเสียงคุ้นหูร้องตะโกนมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่ผมกลับมองไม่เห็นเจ้าของเสียง










“ไมมมมมมมมมมม่”

“เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!”



(http://i67.tinypic.com/sece4z.jpg)

……………………………………

 :pig2:

สวัสดีนักอ่านทุกท่าน หายไปนานเลย
จริงๆแล้วที่หายไปคนเขียนกำลังซุ่มเขียนนิยายเรื่องใหม่อยู่ค่ะ
แต่รู้สึกว่านิยายเรื่องนี้มันยากมากๆ ทั้งเรื่องของบุคลิกตัวละครและพลอตเรื่อง
ก็เลยจมอยู่กับเรื่องนั้นนานเลยค่ะ :hao5: :hao5:

ส่วนจะเอาลงในในบอร์ดมั้ยต้องขอคิดดูก่อนนะคะ :m15: :m15:
เพราะว่าที่หายไปเขียนมาก็คืบหน้าได้แค่สองตอนเองค่ะ  :z10: (ฮา)

จริงๆแล้วอยากจะลงเฉพาะนิยายที่เขียนจนจบแล้วไม่ก็มีพลอตหรือสต็อคไว้อยู่น่ะค่ะ
ไม่ค่อยอยากจะลงนิยายใหม่ที่เพิ่งเขียนเท่าไหร่ กลัวเขียนไม่จบ (ฮา) :o12: :o12:

จึงมาแจ้งว่าที่หายไปไม่ได้ทิ้งคนอ่านไปไหนน้าาา แวะเอาพี่มิณน้องเจย์มาส่งแล้ว

ส่วนเรื่องนิยายเรื่องใหม่ คาดว่าจะยังอยู่ในซีรีย์สั้นๆอยู่ค่ะ แต่ทั้งนี้ก็ขอดูเรื่องว่าจะเขียนจบมั้ยอีกทีนะคะ (ฮือๆ ยากจังเลย) :sad4: :sad4:

สุดท้ายขออภัยคนอ่านที่หายไปนาน ไม่ได้หนีไปไหนนะจ้า ยังอยู่

และขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามและให้กำลังใจเสมอมานะคะ :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 18-02-2016 22:58:16
ไม่นะ!!!!!!!!
กลับมาพร้อมตอนที่อึมครึม แล้วยังทิ้งท้ายให้ลุ้นอีก
ฮือๆๆๆๆๆ  :m15: ตอนต่อไปอย่าหายไปนานน้าา
รอๆๆๆๆๆ  :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 19-02-2016 07:42:05
พี่มิณฝันหรือเรื่องจริงล่ะ?

ขอให้เป็นฝันทีเถอะะะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-02-2016 08:40:05
 :z3:   :katai1:  ไม่น่ะ อย่าให้เป็นความจริงเลย
พี่มิณคงรู้ตัวแล้วล่ะว่าปล่อยเจย์ไปไม่ได้
ยังไงก็รอนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่มาต่อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 19-02-2016 19:32:03
ขอบคุณที่กลับมาต่อค่ะ 

พี่มิณอย่าเป็นอะไรเลยน่ะ o22

 :กอด1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 19-02-2016 20:30:21
พี่มิณ  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: packy ที่ 20-02-2016 07:02:16
มาโหมดนี้ ขอร้อง..อย่าร้องอย่าหายไปนานนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 20-02-2016 16:45:40
ยังไม่ทันเข้าใจกันเลยอ่ะ
เศร้าจังง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 21-02-2016 15:58:12
ไม่มมมมมมม
ตัดจบทำร้ายจิตใจจริงๆๆ

อยากบอกว่าคิดถึงเรื่องนี้มากๆๆ

ปล.ถานะ เขียน ฐานะ จ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ~PopPin[Pim]~ ที่ 25-02-2016 17:18:23
คิดถึงน้องเจย์กับพี่มิณจังเลยยยย

มาต่อไวๆน้า ตัดฉับทำร้ายจิตใจมาก :sad4:

อย่าให้พี่มิณเป็นอะไรเลยยยย สงสารน้องเจย์ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 01-03-2016 02:23:08
มิณ โดนชนอย่างงี้เจไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ
น้องมันยิ่งกลัวๆอยุ ความหลังฝังใจจากเรื่องแม่
ละนี่ยังจะมามิณอีกที่โดน
อึมครึมมากก รอค่ะรออออ มาต่อไวๆน้าา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 01-03-2016 08:40:10
ผมพูดตามตรง ว่า ผมลุ้นว่าคนเขียนจะมาเขียนต่อ หรือไม่ มากกว่าลุ้นนิยายอีก ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 01-03-2016 09:36:06
เย้ๆๆ พี่มิณน้องเจย์กลับมาแล้ว //ฮาา
อยู่ในช่วงหน่วง มากกกกกกกกกก
ขอให้เข้าใจกันไวๆน้าา คนอ่านปวดใจ TT
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: basanti ที่ 18-03-2016 12:20:21
ครบเดือนแล้ว คิดถึง รออยู่นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: packy ที่ 18-03-2016 12:45:13
กลับมาได้รึเปล่า ปั้บ ปา ดั้บ ปาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ้Sin.7 ที่ 20-03-2016 18:56:41
 :katai2-1: ละมุนละไม โอ้ยมินใจเย็นยิ่งกว่าขั่วโลกเหนือเสียอีก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 18-04-2016 10:29:38
ดันกระทู้จ้าาา รอคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 9!!! [18/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 26-04-2016 22:49:54
Chapter 10







....ผมได้ยินเสียงร้องไห้....จากที่ไกลๆ

"...ผม...ขอโทษ"







"อาการปกติดีครับ นอนพักอีกสักหน่อยก็คงจะกลับบ้านได้แล้ว ส่วนเรื่องแผล..." เสียงชายวัยกลางคนไม่คุ้นหูดังไม่ไกลจากผมนักกำลังพูดบางอย่างที่ผมไม่สามารถจับใจความได้ พยายามจะเปิดเปลือกตาขึ้นแต่แสงภายนอกที่สว่างจ้าก็ทำให้ผมเลือกจะปิดตาลง รู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายและศีรษะถึงแม้จะนอนอยู่บนฟูกนุ่ม ความรู้สึกไม่คุ้นเคยทำให้ผมพยายามฝืนลืมตาเพื่อสำรวจรอบๆอีกครั้ง

"พี่มิณ" เสียงเรียกดังขึ้นแทบจะทันทีที่ผมได้ยินเสียงปิดประตูเบาๆ ภาพแรกที่เห็นคือห้องสี่เหลี่ยมสีขาวสะอาดตกแต่งค่อนข้างโล่งและกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้ออ่อนๆกับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักยืนอยู่ข้างเตียง...ไม่ต้องคิดมากก็รู้ว่าตัวเองคงอยู่โรงพยาบาลซักแห่งหนึ่งไม่ไกลจาก้านมากนัก

"อาร์..?"

"ครับ พี่เป็นไงบ้าง ผมตกใจแทบแย่"อาร์รีบพูดทำให้ผมได้แต่มองตาปริบๆ

"...."

"ไปทำยังไงให้โดนรถชนล่ะครับเนี่ย" เด็กหนุ่มว่าเสียงอ่อนพลางลากเก้ากี้ใกล้ๆมานั่งข้างเตียง

"อ่า...ก็นะ" ผมพึมพำตอบทั้งๆที่ภาพเหตุการณ์ต่างๆยังคงเลือนลาง ...ผมกำลังจะข้ามถนนตรงสี่แยกถัดจากร้านประมาณสองบล็อก แต่ว่าก็มีรถพุ่งเข้ามา ...แล้วผมก็รู้สึกเจ็บ


ผมก้มลงมองสำรวจร่างกายตัวเองหลังจากคิดได้ พบว่าที่แขนซ้ายมีผ้าพันแผลสีขาวสะอาดพันยาวขึ้นมาจนถึงข้อศอกแถมรู้สึกเหมือนข้อมือจะเคล็ดเล็กน้อย ส่วนขาทั้งสองข้างก็รู้สึกถึงผิวที่ตึงบางจุด คงเป็นแผลถลอกที่ไม่ร้ายแรงมากนักและศีรษะที่มีผ้าพันแผลแปะยาวตั้งแต่ด้านซ้ายยาวมาถึงหางคิ้ว

"หมอเพิ่งเข้ามาตรวจเมื่อกี้ พี่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แต่ที่หลับไปนานเพราะอ่อนเพลียน่ะครับ เอ้อ แล้วเมื่อกี้คนอื่นๆก็มานะครับ แต่เพิ่งกลับไป"

"...อืม" ผมส่งเสียงตอบกลับไปแบบไม่มีความหมายรู้สึกเหมือนสมองยังไม่ประมวลผมต่างๆในตอนนี้
เริ่มกวาดสายตามองสำรวจรอบห้อง ห้องนี้น่าจะเป็นห้องพิเศษที่ราคาแพงพอดูเพราะมีบริเวณกว้างขวางแถมไม่ค่อยได้ยินเสียบรบกวนมากนัก มุมหนึ่งของห้องเป็นโซฟามี่สามารถปรับเอนได้และโต๊ะวางของเล็กๆที่ตอนนี้เต็มไปด้วยของเยี่ยมทั้งผลไม้สดและยาบำรุง ผมมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นภาพท้องฟ้าสีน้ำเงินไล่ระดับไปจนถึงสีขาวปลอดโปร่ง คงเป็นชั้นที่สูงพอดู...ไม่อยากจะคิดถึงราคาต่อคืนเลยจริงๆ

"อาร์..เจย์ล่ะ"ผมถามหลังจากสำรวจรอบๆแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอื่นอยู่อีก

"ออกไปตอนที่หมอมาถึงครับ...เขาอยู่เฝ้าพี่ตลอดเลยน่ะ แทบไม่ยอมไปไหนเลย"

"...น้องบาดเจ็บมั้ย" ผมถามพลางนวดคลึงขมับอีกข้างที่ปราศจากผ้าปิดแผล ดูเหมือนการนอนมากเกินไปก็ไม่ถือเป็นผลดีเสียทีเดียว

ผมจำได้เลือนลางว่ามีมือหนึงฉุดดึงผมออกจากวิถีของรถที่แล่นมาด้วยความเร็ว แต่เพราะความร้อนรนทำให้ทั้งผมและเจ้าของมือนั้นล้มลงกระแทกพื้นถนนและไถลไปตามแรง...ผมมั่นใจว่าคนๆนั้นต้องเป็นเจย์แน่นอน เสียงร้องตะโกนและสีหน้าตกใจสุดขีดจนซีดเผือดของเด็กหนุ่มยังคงฝังลึกในความทรงจำสุดท้ายก่อนหมดสติ

"ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ แค่มีแผลถลอกนิดหน่อย แต่ร่างกายพี่อ่อนเพลียก็เลยสลบไปน่ะ" ผมหลับตาลงและผ่อนลมหายใจออก ช่วงนี้ผมนอนไม่ค่อยหลับจริงๆนั่นล่ะประกอบกับต้องตื่นเช้ามาทำงาน..ผมอดขบริมฝีปากตัวเองเบาๆไม่ได้

ผมอยากคุยกับเจย์ให้รู้เรื่อง ผมไม่อยากให้ระหว่างเรามีแต่ความอึดอัดแบบนั้นแต่ดูเหมือนจะยิ่งสร้างเรื่องให้เจย์ต้องช็อคมากเข้าไปอีก

เจย์ไม่ชอบฝน ไม่ชอบการไปโรงเรียนตอนเช้าและไม่ชอบการข้ามถนน...เพราะมันคือส่วนหนึ่งของความทรงจำที่เลวร้ายในวัยเด็ก การสูญเสียคนสำคัญไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถลบเลือนหรือจางหายไปได้ มันยังคงฝังลึกในจิตใจ เป็นสะเหมือนรอยแผลเป็นที่ไม่มีวันลบและคอยย้ำเตือนทุกๆครั้งถึงช่วงเวลาที่ไม่มีวันหวนคืน... ผมรู้เรื่องนั้นดีและรู้ว่าเขารู้สึกยังไง

แต่กลับเป็นผมเองที่เข้ามาและขุดคุ้ยรอยแผลเป็นเก่าๆนั้น ซ้ำร้ายอาจจะกรีดย้ำให้แผลนั้นลึกลงไปอีก

การที่คนๆหนึ่งจะยอมรับใครอีกคนเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลในชีวิตนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ที่น่าตลกคือเราแทบไม่รู้เลยว่าคนๆหนึ่งมีความหมายต่อเรามากแค่ไหนจนกระทั้งเกือบจะสูญเสียหรือสูญเสียเขาไปแล้ว


ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วง...ผมจึงไปไหนมาไหนคนเดียวโดยไม่บอกให้เขารู้เพราะกลัวเขาเป็นกังวล
แต่ก็เพราะเขาเป็นห่วงผม...ถึงไม่ยอมให้ผมไปไหนโดยไม่มีเขา...


"อาร์ พี่จะออกโรงพยาบาลได้วันไหนน่ะ?"






แสงแดดอ่อนๆยามเย็นทำให้ไม่รู้สึกร้อนมากนักเมื่อออกมายืนภายนอกสิ่งก่อสร้าง เบื้องหลังเป็นอาคารผู้ป่วยขนาดใหญ่ที่ต้องแหงนมองจนคอแทบตั้งส่วนเบื้องหน้าเป็นถนนยางอย่างดีที่ไม่ค่อยมีรถสัญจรมากนัก อาจเพราะยังอยู่ในเขตโรงพยาบาลและตอนนี้ก็หมดเวลาเยี่ยมไปแล้วหลายชั่วโมง ผมยังรู้สึกง่วงมึนอยู่เล็กน้อยอาจเพราะตัวเลขค่ารักษาที่แพงจนชวนหน้ามืดทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก เล่นเอาผมเกือบจะเป็นลมล้มตึงไปอีกรอบไม่ติดที่ว่าฉุดคิดได้ทัน หากเป็นลมไปอีกรอบมีหวังต้องเสียเงินค่านอนเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่าหนึ่งคืนจึงพยายามประคองสติเอาไว้....อ่า ถึงแม้ว่าเงินที่จ่ายไปนั้นจะไม่ใช่เงินของผมก็เถอะ....

หลังจากปฏิเสธความหวังดีของวิคเตอร์และอาร์ที่จะพาไปส่งที่ร้านผมก็เดินเตร่เรื่อยอย่างไม่มีจุดหมาย ตลอดสองวันไม่รวมวันที่ผมหลับไม่ได้สติผมยังคงไม่เจอหน้าของเด็กหนุ่มร่างสูงคุ้นเคยที่อาร์บอกว่าเขานั่งเฝ้าอยู่ข้างๆเตียงทั้งวันทั้งคืน ...ทั้งๆที่ทำแบบนั้นแต่พอผมฟื้นกลับไม่ยอมมาเจอหน้า

ผมเผลอขบริมฝีปากตัวอย่างโดยไม่รู้ตัว จำต้องสะบัดหัวเบาๆเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านก่อนสายตาจะหันไปเห็นร้านกาแฟเล็กๆตั้งไม่ห่างไปมากนัก ถึงแม้จะเพิ่งออกจากโรงพยาบาลแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนคนป่วยมากนักถ้าไม่นับผ้าพันแผลที่อยู่บนร่างกายหลายจุดตรงกันข้ามกลับรู้สึกตาสว่างโร่ไม่อ่อนเพลียหรืออยากนอนพักสักนิด

ผมผุดลุกขึ้นแทบจะเร็วกว่าความคิดก้าวตรงไปยังเป้าหมายที่เห็นเมื่อครู่ ...ผมยังไม่อยากกลับไปที่ร้านตอนนี้...

ไม่รู้ว่าเพราะผมกลัวว่าถ้ากลับไปแล้วอาจจะเจอใครอยู่ที่นั่น
หรือ กลัวว่าถ้ากลับไปแล้ว...อาจจะไม่เจอใครอยู่ที่นั่นกันแน่....

ผมจ้องมองขนมปังปิ้งราดด้วยนมเนยหนึ่งชุดและแก้วชานมเย็นขนาดกลางที่ตั้งอยู่บนโต๊ะกระจกใสอย่างคนทำอะไรไม่ถูก เพิ่งรู้ว่าตัวเองไม่อยากอาหารก็ตอนที่ทีอาหารวางอยู่ตรงหน้า แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จำตั้งใช้ซ่อมจิ้มขนมปังที่ถูกหั่นเป็นชิ้นเข้าปากไปหนึ่งคำตามด้วยจิบชานมอีกหนึ่งอึกก่อนจะเอนหลังพิงกับพนักโซฟาหนานุ่ม

หลังจากเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเองผมก็ไม่ค่อยได้เข้าร้านกาแฟอื่นมากนัก ครั้งนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกในรอบปี
ภายในร้านตกแต่งด้วยไฟสีขาวนวลและชุดโซฟาสีเบจหน้านุ่ม ผนังโดยรอบเป็นกระจกทั้งสามด้านให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง ถึงจะเป็นร้านกาแฟเล็กๆแต่ก็ไม่ให้ความรู้สึกอึดอัด

ภายนอกร้านดูเงียบสงบแทบจะนับรถที่ผ่านไปมาได้ แต่ด้านในเปิดเพลงสากลที่ขับร้องโดยนักร้องสาวเสียงสดใสแต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยทำให้ผมอยากอาหารมากขึ้น แก้วเครื่องดื่มที่น้ำแข็งละลายจนเปลี่ยนเป็นสีอ่อนให้รสชาติแปร่งไปจากตอนแรกเล็กน้อย ส่วนขนมปังที่ต่อให้ผมจะใช้ความพยายามมากแค่ไหนก็ทานหมดไปแค่หนึ่งแผ่นเท่านั้น สุดท้ายผมก็ยอมแพ้และออกจากร้านมาทิ้งของที่สั่งแต่พร่องไปไม่ถึงครึ่งเอาไว้ ยังดีที่ผมจ่ายเงินไปตอนสั่งอาหารแล้วไม่อย่างนั้นคงรู้สึกผิดขึ้นกว่าเดิมถ้าหากเดินไปจ่ายเงินทั้งที่ยังเหลืออาหารอยู่เต็มโต๊ะ



แสงไฟสีส้มจากถนนฉาบให้บริเวณรอบๆเป็นสีแปลกตา ผมสูดหายใจลึก คิดว่าคงจะได้เวลากลับร้านได้แล้ว ตลอดเวลาที่ผมต้องนอนอยู่โรงพยาบาลร้านก็คงต้องปิดไปอย่างช่วยไม่ได้ และผมก็คิดว่าคงต้องหยุดวันพรุ่งนี้อีกหนึ่งวันเพื่อทำความสะอาดร้านและเตรียมวัตถุดิบทำขนมซึ่งผมคาดว่านมที่แช่เอาไว้ในตู้เย็นถ้าไม่หมดอายุไปแล้วก็คงจะใกล้เต็มที รวมถึงอาหารสดที่ผมต้องใช้ทำอาหารเลี้ยงชีพตัวเองด้วยอีกส่วนใหญ่ๆ


"ตึก! ตึก ตึก!" เสียงบอลที่น่าจะเป็นลูกบาสกระทบพื้นเป็นจังหวะทำให้ผมขมวดคิ้ว ไม่คิดว่ามืดค่ำขนาดนี้จะยังมีใครมาเล่นบาสอยู่อีก

ผมเปลี่ยนใจที่จะออกไปโบกแท็กซี่กลับร้านและเลี้ยวเข้าไปตามทางเดินเล็กๆข้างร้านกาแฟ พบกับอาคารที่น่าจะเป็นหอพักสูงสี่ชั้นค่อนข้างเก่า สังเกตุได้จากผนังสีขาวครีมที่ลอกออกจนเห็นเนื้อปูนหลายจุด ด้านหลังเป็นสนามบาสเก็ตบอลเล็กๆ มีเสาไฟให้ความสว่างเพียงสองจุดเท่านั้น

ร่างสูงคุ้นตากำลังวิ่งไปมาอย่างคล่องแคล่วภายในพื้นที่สนามคอนกรีด มือทั้งสองข้างบังคับลูกบาสได้ราวกับจับวางส่งลงห่วงลูกแล้วลูกเล่า

"สวบ! สวบ! สวบ!" เสียงลูกบาสถูกโยนลงห่วงลอดผ่านตาข่ายผ้าเก่าๆที่ขาดแหว่งไปบางส่วนซ้ำๆ

ผมเดินเข้าไปภายในบริเวณสนามยืนพิงกรงตาข่ายที่ใช้ล้อมรอบสนามกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากการเล่น

"ปั้ง! ตุบ ตุบ" สูงบาสสีเข้มเปื้อนฝุ่นกระแทกกับขอบห่วงกระเด็นออกมาและกลิ้งกระดอนมาตอบพื้น ก่อนจะค่อยๆกลิ้งช้าลงตามแรงเฉื่อยและหยุดลงตรงปลายเท้า ผมก้มลงไปเก็บใช้มือทั้งสองข้างประคองเอาไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับเด็กหนุ่มร่างสูงคุ้นเคยยืนอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว

เจย์อยู่ในชุดเสื้อกล้ามพอดีตัวสีดำสนิทที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อและกางเกงกีฬาขายาวสีเดียวกัน แผ่นอกที่มีมัดกล้าวแข็งแรงแบบนักกีฬาขยับขึ้นลงถี่รัวตามจังหวะการหายใจ ช่วงไหล่และตลอดลำแขนเป็นมันวาวเมื่อสะท้อนกับแสงไฟจากของเหลวที่ถูกขับออกมาทางผิวหนัง ดวงตาคมโตสีดำจ้องมองนิ่งท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด

"ทำไมมาอยู่ที่นี่"

"...พี่ออกจากโรงพยาบาลวันนี้"

"แต่ผมบอกหมอว่ายังไม่ให้กลับ"เจย์ว่าเสียงเข้มพร้อมกลับขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก

"พี่คุยกับหมอแล้ว จริงๆไม่ได้เป็นอะไรมากซักหน่อย เจย์จะให้อยู่นานๆทำไมน่ะ มันเปลืองเงิน" ผมอดบ่นต่อไม่ได้ ความรู้สึกเลวร้ายที่ได้เห็นจำนวนเลขศูนย์ต่อขบวนกันเป็นแถวในตอนชำระเงินยังคงฝังแน่นในสมอง (ถึงแม้จะเป็นเงินของคนตรงหน้านี้ก็เถอะ) ขืนผมยังจะนอนต่ออีกคงต้องจำนองร้านเพื่อมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอาก็ได้

"ผมให้หมอตรวจร่างกายคุณทั้งตัว...จะให้เข้าเครื่องเอ็กซเรย์แล้วก็ตรวจเฉพาะที่... นี่เขาตรวจสมองคุณรึยัง...."

"เจย์..." ผมเรียกขัดก่อนจะยืดยาวไปกว่านี้ รู้สึกตลกเล็กน้อยที่คนไม่ค่อยสนใจอะไรแบบเขาจะมาจู้จี้จุกจิกกับเรื่องนี้ ผมยิ้มปกปิดอาการกลั้นหัวเราะของตัวเองก่อนจะพูดต่อ

"ดูสิ พี่ไม่ได้เป็นอะไร แข็งแรงดี"

"...."

"หมอบอกว่าจริงๆกลับบ้านได้ตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว"

"...."

"...ขอบใจมากนะ"

"เรื่องอะไร" เด็กหนุ่มถามและค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น ลมหายใจที่เคยหอบถี่เพราะความเหนื่อยตอนนี้กลับคืนสู่ระดับปกติแต่ยังคงมีเหงื่อเม็ดเล็กไหลซึมออกมาจ้างข้างขมับหยดลงตรงข้างแก้มเนียน

"ก็ที่ช่วยพี่ไว้ แล้วก็ค่ารักษา... พี่จะหาเงินมาคืนให้นะ" ถึงจะเยอะพอสมควรแต่ผมก็พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง คงพอจะคืนค่ารักษาได้

"ไม่ต้องหรอก"

"หืม? ไม่ได้หรอก เงินเยอะขนาดนั้น"

"ผมติดหนี้คุณอยู่"

"หนี้?" ผมจำไม่ได้ว่าเด็กหนุ่มเคยมาหยิบยืมจำนวนมากขนาดนั้นจากผมตอนไหนยิ่งกว่าแปลกใจที่ผมมีเงินขนาดนั้นให้เขายืมได้ยังไงเสียอีก ถึงแม้เจย์จะเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยแต่เขาก็ไม่ใช่คนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สิ่งของราคาแพงหลายชนิดก็มักจะใช้ตามที่ที่บ้านจัดหามาให้แถมบางทีเจ้าตัวก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันราคาเท่าไหร่ เว้นแต่จะตั้งใจซื้อด้วยตัวเอง เด็กหนุ่มเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา

"ค่าขนมที่ร้าน"
"....หึหึ ตลกแล้ว มันไม่ได้เยอะขนาดนั้นซักหน่อย"

"...."

"อีกอย่าง พี่ไม่ดะ..." เสียงถูกกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อเจย์ที่ขยับเข้ามาประชิดตั้งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้โถมตัวลงมากอดผมเอาไว้ แขนทั้งสองข้างรัดตัวแน่นจนผมเผลอปล่อยลูกบาสที่ประคองอยู่ตกลงบนพื้น เสียงลูกบาสกระดอนไปกับพื้นคอนกรีดดังเป็นจังหวะแทบจะในขณะเดียวกับที่เด็กหนุ่มขยับประชิดจนร่างกายของเราแนบกันสนิทแทบไม่เหลือช่องว่าง

"เจย์...?" ผมพยายามหันไปพูดกับศีรษะที่ซบลงมาบนไหล่นิ่ง เส้นผมตัดสั้นสีดำสนิทเส้นเล็กละเอียดนุ่มเหมือนขนแมวเปียกชื้นเล็กน้อยกำลังคลอเคลียอยู่บริเวณข้างแก้มและลำคอ

"...นึกว่าจะเป็นอะไรไปแล้ว..." เด็กหนุ่มพูดขึ้นเหมือนพึมพำกับตัวเอง เสียงทุ้มฟังดูอู้อี้จนต้องเงี่ยหูฟัง

"...คุณเลือดออก...เต็มไปหมด"

"...."

"เรียกเท่าไหร่คุณก็ไม่ฟื้น"

"...."

"....ผมนึกว่าคุณ...." เจย์เงียบไปแต่ออกแรงรัดแขนทั้งสองเข้ามาแน่นจนผมขยับไปไหนไม่ได้ เสียงถอนหายใจเบาๆดังอยู่ข้างหูจนอดลงสารไม่ได้


ถึงเขาจะดูเป็นผู้ใหญ่ยังไงแต่ในความเป็นจริงเขาก็ยังคงเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น และยังเคยมีความทรงจำร้ายๆกับเหตุการณ์ที่คล้ายๆกัน จะเสียขวัญมากก็คงไม่แปลก


"พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว ...ไม่มีอะไรแล้วนะ" ผมลูบหลังเขาเบาๆและเปลี่ยนมากอดตอบเอาไว้

"...."

"ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง..."

ความเงียบงันค่อยๆโรยตัวลงมาอีกครั้ง ไม่มีใครส่งเสียงอะไรออกมาอีก เงียบจนได้ยินเสียงหายใจเบาๆข้างหู แผ่นอกที่แนบชิดกันทำให้รับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจอีกฝ่ายได้ชัดเจน มันเต้นเบาและเป็นจังหวะไปพร้อมๆกับหัวใจของผม


...เราเพียงแค่กอดกันไว้แบบนั้น...และปล่อยให้การกระทำอธิบายทุกอย่าง


ในตอนนี้ความเงียบไม่ได้น่าอึดอัดอีกต่อไปแล้ว....






เรากลับมาถึงร้านในเวลาเกือบจะสี่ทุ่ม ร้านค้าต่างๆปิดกันเกือบจะหมดแล้วเหลือเพียงร้านอาหารแผงลอยไม่กี่แห่งและร้านสะดวกซื้อเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงที่มีสาขาตั้งอยู่ตรงข้ามกันสองฝั่งถนน

หลังจากเดินเท้าออกจากโรงพยาบาลมาได้เกินครึ่งทางเราก็แวะร้านอาหารตามสั่งที่ยังเปิดอยู่พร้อมกับจัดการอาหารเย็นที่เมื่อตอนเย็นแทบไม่มีความรู้สึกหิว ดูเหมือนเจย์ก็ยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เย็นเหมือนกัน ดูจากที่เขาจัดการกับข้าวผัดหมูสองจานให้หายเกลี้ยงไปในพริบตา


ผมนอนหงายกระพริบตานิ่งๆมองฝ้าเพดานสีขาวกลางเก่ากลางใหม่บนห้องนอนที่คุ้นเคย เสียงน้ำจากฝักบัวกระทบพื้นไม่ขนาดสายดังลอดออกมาจากห้องน้ำ เพราะเจย์ทานข้าวเข้าไปซะเยอะผมจึงให้เขารอจนผมอาบน้ำเสร็จก่อนค่อยอาบทีหลัง ไม่อย่างนั้นคงปวดท้องแย่

พลิกตัวเอื้อมไปหยิบสมุดโน้ตเล็กๆข้างเตียงที่จดตารางในแต่ละวันไว้ขึ้นมาอ่าน หลังจากที่ตัดสินใจปิดร้านพรุ่งนี้เพิ่มอีกหนึ่งวัน ผมคงต้องทำความสะอาดร้านที่ฝุ่นเริ่มจับตัวเล็กน้อยและออกไปซื้อวัตถุดิบทำขนมและอาหารสดเพิ่ม ว่าแล้วก็อดเสียใจผักสดที่ซื้อมาตุนไว้ในตู้เย็นที่เหี่ยวจนใกล้จะเน่าพร้อมกับนมที่เลยวันหมดอายุมาแล้วเกือบสองวันอย่างเสียดาย

ผมหลับตาลงปล่อยให้สมองค่อยๆครุ่นคิดและเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ที่ควรจะทำในวันพรุ่งนี้ เสียงน้ำไหลหยุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมรู้สึกง่วงขึ้นมาจริงๆจนแทบไม่ได้สนใจแรงยุบบนเตียงฝั่งตรงข้ามจนกระทั่ง...

"อะ! เฮ้ย เจย์!" ผมตกใจตาสว่างขึ้นมาทันทีเมื่อจู่ๆเด็กหนุ่มที่ยังเนื้อตัวเปียกชื้นสวมเพียงกางเกงนอนใส่สบายสีดำสนิททิ้งตัวลงมากอดผมไว้จนเกือบจะกลายเป็นนอนทับ รู้สึกราวกับตัวเองจมหายลงไปในฟูกหนามากกว่าปกติถึงเท่าตัว

เจย์ไม่ได้ตกใจหรือเลิกล้มการกระทำที่ทำอยู่ เพียงแต่นอนนิ่งๆไม่ขยับไปไหน ผมนุ่มมีกลิ่นแชมพูแบบเดียวกับที่ผมใช้อยู่เป็นประจำเกลี่ยนอยู่ข้างแก้ม ลมหายใจร้อนเป่ารดซอกคอเป็นจังหวะ

"นึกว่าหลับไปแล้ว"เสียงทุ้มตอบกลับมาเป็นประโยคคำถามก็ไม่ใช่ประโยคบอกเล่าก็ไม่เชิงจนผมอดประชดไปไม่ได้

"ก็เกือบแล้วล่ะ ถ้าไม่มีใครก็ไม่รู้กระโดดมานอนทับน่ะ"

"อืม... งั้นผมมาเร็วไป น่าจะรอให้คุณหลับก่อน"

"หา!? นี่เจย์คิดจะทำอะไรพี่!" ผมพยายามผลักตัวหนักอึ้งด้านบนออกเพื่อนที่จะคุยกันได้ถนัดแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จยังคงรู้สึกคันยิบๆที่ต้นคอคาดว่าน่าจะเป็นไรหนวดของคนด้านบน

"ก็...ทำเหมือนทุกครั้ง"

"...."

"....หึหึหึ" ผมที่นิ่งค้างไปตั้งแต่ประโยคเมื่อครู่รู้สึกตัวอีกครั้ง คราวนี้ออกแรงทุบหลังเขาไปหนึ่งครั้ง

"หมายความว่ายังไง ที่ว่าเหมือนทุกครั้ง ห้ะ!?"

"...."

"เจย์! ถ้าไม่ตอบพี่จะออกไปนอนข้างนอก" เมื่อพูดดีๆไม่ได้ก็ต้องลองขู่

"หึหึ คุณน่ะหลับลึกชะมัด ...ขนาดทั้งกอดทั้งหอมก็ไม่รู้สึก"

"หะ..."ผมได้แต่อ้าปากค้างไม่รู้จะพูดหรือจัดการยังไงกับเด็กคนนี้ดี พยายามผลักบ่าหนาออกเพื่อจะได้สบตากันชัดๆแต่ก็ไม่เป็นผล

พลางให้ผมนึกไปถึงฝันแปลกๆอยู่ช่วงหนึ่งที่เหมือนมีสัตว์ขนนุ่มๆมาคลอเคลีย บ้างก็รู้สึกเหมือนถูกงูรัดจนหายใจไม่ออก จังหวะเดียวกับที่เด็กหนุ่มยันตัวลุกขึ้นและจ้องมองลงมาที่ผมตรงๆ ริมฝีปากบางสวยเม้มเข้ามากันแน่นจนเกือบจะเป็นเส้นตรง ยกขึ้นหน่อยๆเหมือนกำลังยิ้ม ดวงตาสีดำสนิทแวววาวเป็นประกายราวกับรู้ว่าผมนึกอะไรได้ขึ้นมา

ผมไม่เคยมีปัญหากับการใช้เตียงนอนร่วมกับคนอื่นถึงแม้ว่าจะนอนคนเดียวมาตลอด ถึงจะมีบ้างที่สมัยเด็กจะไปนอนค้างบ้านเพื่อน จนถึงตอนนี้ นานๆทีก็จะหาโอกาสนัดเจอกลุ่มเพื่อนสนิทและออกไปเที่ยวค้างคืนด้วยกันบ่อยๆ ที่ผ่านมาผมเห็นเจย์เป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่งรวมถึงความสนิทที่ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นจากวันแรก การให้ที่พักและนอนร่วมเตียงเดียวกันจึงไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับผม นั่นก็เพราะตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับผม


...แต่ตอนนี้มัน...


"ห้ามนะ! ที่ผ่านมาจะทำอะไรก็ช่าง แต่ตอนนี้ไม่ได้" ผมพูดรัวพลางพลิกตัวหนีออกมาจากวงแขนที่ครอบทับ เจย์ขยับลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิพลางใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่คล้องคอไว้เช็ดผมที่เปียกชื้น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

"ทำไม?"

"...."

"...."

"ก็...เออ...ตอนนี้มัน ..ไม่เหมือนเดิม"

"ไม่เหมือนเดิม?"

"...อืม"

เราจ้องตากันเงียบๆโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา ดวงตาสีเข้มมองลึกเข้ามาแต่ผมก็ไม่รู้ว่าเจ้าของกำลังคิดอะไรอยู่ จนกระเด็กเด็กหนุ่มค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา

เขาเป็นคนเงียบขรึมและมักแสดงความรู้สึกออกมาทางการกระทำมากกว่าคำพูด ปกติเขาไม่ค่อยยิ้มหรือหัวเราะต่อหน้าคนอื่นๆและถึงแม้ว่าจะอยู่ด้วยกันแค่สองคน มากที่สุดก็แค่ยิ้มมุมปากกับหัวเราะในลำคอเบาๆเท่านั้น แต่ตอนนี้..


เจย์กำลังยิ้ม...ยิ้มกว้างแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้ผมกำลังตะลึงกับความดูดีของคนตรงหน้า ดวงตาเรียวคมหยีเล็กจนกลายเป็นรูปครึ่งวงกลมปากบางยิ้มกว้างจนเห็นฟันสีขาวนวลเรียงตัวเป็นระเบียบตลอดแนว แก้มทั้งสองข้างเหมือนลูกซาลาเปากลมๆจนดูน่าดึงเล่น เขาเป็นคนที่ยิ้มแล้วดูดีจนคนที่เจอหน้ากันทุกวันอย่างผมยังต้องตะลึงจนกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็ต้องเงียบไปพักหนึ่ง

"..ยิ้มอะไร"

"คุณยอมรับแล้วใช่มั้ย"

"ระ เรื่องอะไร" ผมถอยหลังไปจนชิดกับหัวเตียงเมื่อเจย์ขยับเข้ามาใกล้

"เรื่องผม"

"...."

"คุณรู้สึกแบบเดียวกับผม...ใช่มั้ย"

"...."

"ผมถือว่าคุณไม่ปฎิเสธ" เจย์ยังคงยิ้มและขยับเข้ามานั่งใกล้จนขาของผมเกยอยู่บนตักของเขา

"ผมชอ..."

"พอแล้ว!" ผมร้องพลางยกมือขึ้นปิดปากเขา

"...พูดครั้งเดียวก็พอ พี่รู้แล้ว" ผมพูดเบาๆก่อนจะลดมือลง

"หึหึหึ" เจย์ยังคงหัวเราะเบาๆก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ดวงตาสีดำสนิทใสเหมือนกับแก้วอยู่ห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือ

ผมรู้แล้วว่าเขารู้สึกยังไงและรู้ว่าเขากำลังรอฟังคำพูดอะไรจากปากของผม แต่เรื่องนั้นผมคงยังบอกเขาตอนนี้ไม่ได้...

ตอนนี้เขายังเด็ก ยังมีโอกาสเจอคนดีๆอีกมาก ผมไม่อยากให้คำพูดเพียงคำเดียวของตัวเองเป็นสิ่งฉุดรั้งอนาคตของเขา...และบางที ผมอาจเป็นคนเห็นแก่ตัวเกินกว่าจะปล่อยเขาไปหากมีวันที่เขาไม่ต้องการจะอยู่กับผมแล้ว

ใครจะไปรู้ วันหนึ่งเขาอาจจะเจอคนที่น่าสนใจมากกว่าเจ้าของร้านกาแฟเก่าๆคนนี้ก็ได้




"นี่..." เสียงเรียกเบาๆจะเหมือนกระซิบดังขึ้นทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิด ดวงตาที่จ้องกลับมาของเจ้าของเสียงเรียกทอประกายอ่อนโยนพร้อมกับรอยยิ้มจางๆที่มุมปาก

"ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรคุณถึงไม่ยอมพูดออกมา..."

"แต่เมื่อคุณมีเหตุผลที่จะไม่พูด...ผมก็มีเหตุผลที่จะรอ" คำพูดของเจย์ทำให้ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ ถึงเขาจะดูเป็นผู้ใหญ่ยังไง ในเนื้อแท้ของเขาก็ยังคงเป็นเด็กจิตรใจบริสุทธิ์ไร้เดียวสาเหมือนผ้าขาว

"หึหึหึ เด็กน้อยเอ้ย!" ผมหัวเราะพลางยกมือขึ้นดึงแก้มใสนิ่มลื่นทั้งสองข้างจนยืดออก เจย์มีท่าทางตกใจเล็กน้อยกับการกระทำที่ผมไม่เคยทำมาก่อนแต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา

แต่แล้ว...ประกายตาขี้เล่นเปลี่ยนเป็นวาววับจนผมต้องยิ้มค้าง

ใบหน้าคมเข้มที่อยู่ใกล้จนได้รับไออุ่นจากลมหายใจเป่ารดใบหน้าโฉบเข้ามาใกล้จนตั้งตัวไม่ทัน ริมฝีปากบางทางประกบกับปากของผมอย่างรวดเร็วพร้อมกับลิ้นนุ่มหยุ่นที่ลอดแทรกรุกล้ำเข้ามาในโพรงปาก ลำตัวถูกกอดรัดแน่นจนขยับหนีไม่ได้แม้แต่ท้ายทอยก็ยังถูกกดเอาไว้ด้วยมืออีกข้างของเขา

ลิ้นเปียกชื้นเกี่ยวกระหวัดพัวพันกันในโพรงปากเลาะไปตามแนวฟันและพันเกี่ยวลิ้นไปมาจนผมเริ่มตาพร่า ลมหายใจขาดห้วงจนรู้สึกว่าเกือบจะเป็นลมถ้าหากคนฉวยโอกาสไม่ถอนริมฝีปากออกไปเสียก่อน

ภายในห้องเงียบได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจของตัวเองที่พยายามกอบโกยอากาสที่สูญเสียไปเข้ามาในปอด เลือดทุกจุดดูเหมือนถูกสูบฉีดขึ้นมาบนใบหน้าจนรู้สึกร้อนแทบระเบิด ผมจ้องมาเจย์นิ่งอย่างตกใจ ไม่สามารถพูดหรือแสดงอะไรออกมากับการฉวยโอกาสเมื่อครู่ได้

เด็กหนุ่มแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากเบาๆพร้อมกับคำพูดที่แทบทำให้ผมเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเด็กบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเขาเมื่อครู่ทันที









"....แต่จูบนี้...ผมไม่รอแล้วนะ"







(http://i65.tinypic.com/2mcdbpy.jpg)

.........................................

 :o8: :o8: :o8: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NineTails ที่ 27-04-2016 01:08:59
งื้ออ น่องเจน่ารักเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มมากๆเลย น่ารักกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: packy ที่ 27-04-2016 01:34:03
 :hao7: :hao7: น่ารักมากกก ก ไกล้านตัว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ~PopPin[Pim]~ ที่ 27-04-2016 21:57:57
 :o8: :o8: เขาดีกันแล้ววววว โธ่ พี่มิณนี่ก็แอบคิดมากเหมือนกันเนอะ น้องเจย์รักออกขนาดนั้น :z1: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 28-04-2016 06:24:08
จูบกันเสียที รอมาน้าาาานนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 28-04-2016 08:44:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-04-2016 09:45:28
รอสิ รอตอนต่อไป อ้ากกกกกก
 :ling1: 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: thepopper ที่ 28-04-2016 11:14:18
งื้ออออออออ
เขินนนมากกกกก
 :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 29-04-2016 03:41:10
กรี้ดดดดดดด
ไม่ต้องรอค่าาา ทั้งจูบจับกอดไม่ต้องรอออ
รุกหนักๆเลยเจย์ๆ
รอต่อไปปป
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 29-04-2016 08:02:07
อ๊ากกกกกกก เจย์ร้ายกาจจจจจจจ ><
เข้าใจกันแล้ววว ดีใจๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nalavanh ที่ 01-05-2016 12:50:35
 :katai2-1: รอนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 01-05-2016 18:29:10
น้องเจย์เจ้าเล่ห์มากกกกก

 :pig4: :กอด1: :L1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: basanti ที่ 04-05-2016 17:23:35
เขาจุ๊บกันแล้ว  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 05-05-2016 00:33:32
คุณแม่ขาาาเขาใกล้จะได้กันแล้วค่าาาา > < *แทะฟูก*
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 05-05-2016 04:59:41

บริสุทธิ์ ร้ายเดียงสานะเจย์
พี่มินแพ้ทางเด็ก  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueWizard ที่ 14-05-2016 21:01:38
 o13 เยี่ยมมากเจย์  :hao7:  และแล้วก็รอฉากต่อปายย  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 01-06-2016 22:35:03
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 10 up! [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 09-06-2016 02:31:24
Chapter 11








แสงแดดอ่อนๆส่องลอดช่องว่างของผ้าม่านสีเบจเข้ามาจนปลุกให้ผมตื่นขึ้นในเวลาที่สายกว่าปกติ รู้ได้จากแสงแดดที่อุ่นกว่าตอนเช้าตรู่และเสียงความเคลื่นไหวคึกคักจากถนนด้านนอก นาฬิกาที่บอกเวลาอีกครึ่งชั่วโมงจะได้เวลาเคารพธงชาติยามเช้ากระตุ้นให้ผมขยับตัวลุกขึ้นจากฟูกหนานุ่ม วันนี้มีอะไรต้องทำอีกมากแต่ดูเหมือนการเริ่มต้นจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

"เจย์" ผมเรียกเจ้าของท่อนแขนหนักอึ้งที่พาดผ่านลำตัวเบาๆ ใบหน้าคมซบลงกับท้ายทอยผมจนไม่กล้าขยับเพราะกลัวเขาจะตกใจตื่น

"...."

"นี่ พี่ต้องไปจัดร้านแล้ว"

"...."

"เจเจ ตื่นแล้วใช่มั้ย พี่รู้นะ" ผมพูดหลังจากลมหายใจสม่ำเสมอที่เป่ารดอยู่หายไปพร้อมกับแขนที่รัดแน่นทำให้ผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ ที่ผ่านมาถึงจะนอนเตียงเดียวกันทุกคืนเราก็แทบจะไม่แตะต้องตัวกันเลยซึ่งต่างออกไปจากตอนนี้ จริงๆแล้วถ้านับที่เจย์เป็นต้นเหตุของฝันแปลกๆของผมแล้วล่ะก็ ดูเหมือนนี้จะไม่ได้แปลกใหม่สำหรับเขามากนักแค่เปลี่ยนจากตอนที่ผมหลับเป็นตอนตื่นเท่านั้น

เฮ้อ คิดแล้วมันน่านัก!

คราวนี้พลิกตัวกลับไปแบบไม่ต้องกลัวเด็กหนุ่มจะตื่นพร้อมกับหยิกลงบนแก้มใสๆนั่นจนยืดยานติดปลายนิ้ว

"อื้อ ทำอะไร" ดวงตาเรียวคมสีดำสนิทหรี่ปรือขึ้นมองอย่างงัวเงียพร้อมกับคิ้วเข้มที่ขมวดมุ่น

"ปล่อย พี่จะลุกแล้ว"

"...ไม่"

"เจย์"

"...."

"นี่ อย่าดื้อสิ เรื่องเก่ายังไม่เคลียเลยนะ" ผมพูดเมื่อไร้การตอบสนองจากร่างข้างๆ เจย์ขยับชันตัวขึ้นใช้ข้อศอกตั้งกับเตียงและใช้มือรองศีรษะไว้

"เรื่องเก่า?"

"อาร์บอกว่าเธอไม่ไปเรียนหลายวันแล้ว"

"...ใช่"

"ทำไมไม่ไป"

"เพราะใครกันล่ะ" เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเริ่มทำหน้าบึ้งส่วนผมก็ยันตัวลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเตียง

"หืม? ใคร พี่เหรอ เกี่ยวอะไรกัน"

"ก็ต้องไปเฝ้าคุณที่โรงพยาบาลน่ะสิ!" เจย์ตอบน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อผมทำหน้าเหลอหลา

"ไม่จริง พี่ยังไม่เคยเห็นเจย์เลยซักครั้ง" ผมเถียง

"ก็...ก็คุณหลับอยู่"

"นี่อย่าบอกนะว่ารอจนดึกแล้วค่อยมาน่ะ"

"...อืม"

"แล้วทำไมไม่มาหาพี่ตอนตื่น"

"จิ๊ อย่าถามมากได้มั้ย" ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอพลางพลิกตัวหันหลังดึงผ้าห่มขึ้นคลุ่มทั้งตัว ทำท่าจะนอนต่ออีกครั้ง

"เดี๋ยวเจย์ ห้ามนอนต่อ... วันนี้ต้องไปโรงเรียนนี่!?" ผมเหลือบไปมองปฏิทินข้างนาฬิกาปลุกแล้วรีบผุดลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ วันนี้ไม่ใช่วันหยุดนี่นา ผมลืมไปเสียสนิท

"ไม่ไป"

"เจเจ ห้ามดื้อ! เป็นเด็กต้องมีหน้าที่ไปโรงเรียน" ผมว่าพร้อมกับดึงผ้าห่มสีขาวที่เขาใช้พันรอบตัวออกส่งผลให้เด็กหนุ่มต้องจำใจลุกขึ้นนั่งด้วยสภาพตาปรือแทบปิดและผมสีดำค่อนข้างยาวกว่าระเบียบของโรงเรียนที่ยุ่งเหยิงจนเด็กหนุ่มต้องยกมือขึ้นเสยส่วนที่ปรกหน้าออกแบบลวกๆก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ผมก็ไม่แน่ใจว่าหงุดหงิดหรือแค่แหย่เล่นกันแน่

"ไม่ได้เจอกันตั้งนานพอได้อยู่ด้วยกันคุณก็ไล่ผม?"

"พี่ไม่ได้ไล่ซักหน่อย ก็เธอต้องไปโรงเรียน" ผมตอบ "อีกอย่างนะ คนที่คอยแต่จะหลบหน้าพี่ก็เจย์เองไม่ใช่รึไงน่ะ!" อดว่าเขากลับไปไม่ได้ ตัวเองเป็นคนหลบหน้าผมตลอดแท้ๆ...แล้วยังจะนั่งยิ้มอีกนะ!

"ยิ้มอะไร"

"หึหึ อ้อ คุณงอนผมเรื่องนี้?"

"เปล่า ใครงอน" ผมว่าเสียงขุ่นพลางเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนักเรียนออกมาหนึ่งชุด ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า ที่รู้สึกว่ารอยยิ้มของเจย์ไม่ได้ดูน่ารักใสซื่อเหมือนเมื่อคืนอีกต่อไป แถมยังรู้สึกถูกคุกคามและครอบงำแบบแปลกๆอีกต่างหาก



"เฮ้ยย ทำอะไร" ผมสะดุ้งสุดตัวจนเผลอร้องออกมาเมื่อเด็กหนุ่มที่กำลังนินทาอยู่ในความคิดมายืนซ้อนจนชิดแผ่นหลังพร้อมกับมือที่เอื้อมมาหยิบชุดนักเรียนที่ผมถือออกไป

"คุณหยิบมาให้ผมไม่ใช่เหรอ" เจย์กระซิบเบาๆข้างหูจนผมขนลุกและผละออกไปก่อนที่ผมจะทันได้หันไปตี ทำให้ฝ่ามือที่เหวี่ยงออกไปฟาดผ่านอากาศเสียงดังวืด ตัวต้นเหตุหันมายิ้มขบขันขณะหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นพาดบ่าและเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ

ผมเริ่มมีความมั่นใจเกินครึ่งแล้วว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเพิ่มทวีความเจ้าเล่ห์ขึ้นมาจากแต่ก่อนหลายเท่าตัว เขาไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาก็ยังเป็นเจย์คนเดิมที่พูดน้อยและไม่ค่อยแสดงความรู้สึกเพียงแค่เหมือนกับถูกเปิดผนึกเท่านั้น...ล่ะมั้ง

ผมสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระออกไปก่อนจะตัดสินใจลงไปเตรียมอาหารเช้าง่ายๆให้เจย์แล้วค่อยขึ้นมาอาบน้ำไม่อย่างนั้นได้ไปโรงเรียนสายกันพอดี


"จริงสิ..." เจย์ที่เข้าไปในห้องน้ำแล้วเปิดประตูยื่นหน้าออกมาอีกครั้งและพูดต่อ "ผมไม่ได้หลบหน้าคุณ คุณต่างหากที่ไม่รู้ตัวว่าผมเข้าห้องมานอนด้วยทุกคืน" ว่าจบริมฝีปากบางก็เหยียดยิ้มก่อนปิดประตูตามด้วยเสียงน้ำไหลเอื่อยๆจากฝักบัวดังลอดออกมา…




...ผมคิดว่าข้อสงสัยต่างๆของผมข้างต้นได้รับการยืนยังร้อยเปอร์เซนต์แล้วล่ะ...!!!










ผมใช้เวลาช่วงเช้าหมดไปกับการปัดกวาดทำความสะอาดร้านที่เริ่มมีฝุ่นเกาะจากการปิดร้านไปหลายวันรวมถึงจัดการวัตถุดิบทำขนมและของสดใช้ทำอาหารที่เกินครึ่งได้เน่าเสียไปแล้ว ยังดีที่พอจะมีคุกกี้เหลือไว้ในตู้เย็น ผมจึงจัดคุกกี้และชงเครื่องดื่มสำเร็จรูปใส่แก้วกระดาษให้เจย์ติดไปกินที่โรงเรียน ไม่ลืมกำชับให้เขาเรียกใช้แท็กซี่ไปเรียนแทนที่จะเดินไปเหมือนทุกวัน ขืนให้เดินไปมีหวังเขาไปไม่ทันเรียนวิชาแรกแน่ๆคำนวณจากการเดินทอดน่องเอื่อยเฉื่อยแบบที่ผมและเขาชอบทำน่ะนะ

หลังจากยัดถุงขยะถุงสุดท้ายลงถังเรียบร้อยแล้วผมก็เข้าครัวทำอาหารเมนูไข่ง่ายๆทานเป็นอาหารกลางวันก่อนจะย้ายตัวเองและกองกระดาษออกมานั่งที่เคาน์เตอร์เพื่อตรวจเช็ควัตถุดิบและบัญชีรายรับและค่าใช้จ่ายของร้านซึ่งปกติผมมักจะดองไว้ระยะหนึ่งแล้วค่อยเอาออกมาจัดการทีเดียวเพราะความขี้เกียจ แต่หลังจากที่เริ่มเขียนของใช้ที่ต้องซื้อไปได้ไม่กี่รายการเสียงกระดิ่งที่ประตูร้านก็ดังขึ้น

“กรุ้งกริ้ง…”

“ขอโทษนะครับ วันนี้ร้า…” เสียงผมหายไปในลำคอเปลี่ยนมาเป็นเลิกคิ้วมองผู้มาใหม่อย่างประหลาดใจแทน ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แต่งกายด้วยชุดสูทเรียบร้อยตั้งแต่ทรงผมที่หวีเรียบไปจนถึงรองเท้าหนังที่ถูกขัดจนขึ้นเงา ดวงตาชั้นเดียวเรียวรีแบบคนเชื้อสายจีนภายใต้คิ้วเข้มไม่แสดงความรู้สึกใดๆเพียงแค่จ้องมองมานิ่งๆขณะก้าวขาเป็นจังหวะเข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เสียงทุ้มพูดตามมาเบาๆขณะที่เขามองตอบผม

“ผมไม่ได้มาซื้อของ”

“เออ…”

ชายหนุ่มตรงหน้าคือคนเดียวกันกับคนที่บ้านของเจย์ที่เคยมาร้านเมื่อคราวก่อน ผมจำเขาได้เพราะเขายังดูอายุน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นที่น่าจะสามสิบปลายๆถึงสี่สิบต้นๆกันแล้ว ชายหนุ่มก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อมองผมที่นั่งอยู่ทำให้เห็นจมูกที่โด่งเป็นสันชัดเจนจากแสงเงาที่ตกประทบใบหน้า

“ผมมาคนเดียว” ไม่รู้ว่าผมเผลอแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปแต่ถ้าเขาตอบมาแบบนี้เดาได้ว่าสีหน้าผมคงกำลังสงสัยสุดๆว่าจะมีกลุ่มชายชุดสูทเหมือนในนภาพยนต์ชื่อดังตามเข้ามาหรือไม่ ผมยิ้มเจื่อน รู้สึกเสียมารยาทที่แสดงสีหน้าอะไรก็แล้วแต่ที่ดูเหมือนจะหวาดระแวงเขาออกไปและเดาเหตุผลที่เขามาที่นี่

“เจย์ไปโรงเรียนน่ะครับ”

“ผมถูกส่งมาดูแล…แต่ไม่จำเป็นต้องพบเขา” เขาตอบเสียงเรียบก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาน์เตอร์

“ครับ” ผมยิ้มตอบขณะรินน้ำเปล่าจากเหยือกใส่ในแก้วเพื่อเสริฟให้แขกผู้มาใหม่ เขาคงถูกพ่อของเจย์ส่งมาคอยดูแลชีวิตความเป็นอยู่ลูกชายอย่างที่ผมไม่จำเป็นต้องเดา รู้สึกว่าทั้งพ่อและลูกนิสัยเหมือนกันไม่มีผิด ถึงจะบอกว่าไม่ห่วงไม่สนใจอย่างไรแต่ดูจากการกระทำแล้วเหมือนจะตรงกันข้ามกับที่พูดมาอย่างสิ้นเชิง

ชายหนุ่มเหลือบมองแก้วน้ำที่ผมวางให้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยและหันไปหยิบนิตยสารกีฬาบนชั้นวางขึ้นมาเปิดอ่านเงียบๆ

“เจย์สบายดี…ถ้าคุณเป็นห่วงเรื่องนั้น” ผมพูดยิ้มๆขณะจัดคุกกี้ใส่จานและวางลงตรงหน้าเขา “ขอโทษนะครับ ผมไม่มีขนมอย่างอื่น”

“ไม่เป็นไร” เขาตอบโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากตัวหนังสือในนิตยสาร เห็นแบบนั้นผมจึงไม่คิดจะกวนต่อและหันมาสนใจรายการอาหารที่จดค้างไว้ตรงหน้าแทน






ลมพัดเอื่อยๆจากพัดลมทำให้ในร้านเย็นสบายกว่าด้านนอกถึงแม้จะไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ ความเงียบสงบของยามบ่ายมีเพียงเสียงจากปลายปากกาของผมและเสียงพลิกหน้ากระดาษเท่านั้น ผมไม่ได้สนทนาอย่างอื่นเพิ่มเติมกับลูกค้าเฉพาะกิจตรงหน้ามีเพียงความเงียบที่ตอนแรกดูจะอึดอัดแต่เมื่อเวลาผ่านไปความรู้สึกนั้นก็ผ่อนคลายลง อาจเป็นเพราะชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้มีท่าทีคุกคามหรือไม่เป็นมิตร เป็นเหมือนลูกค้าคนหนึ่งที่นั่งเงียบๆอยู่มุมหนึ่งของร้านเท่านั้น

“พรึบ” เสียงปิดหนังสือดังขึ้นก่อนที่ลูกค้าคนเดียวของวันจะยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและหยิบธนบัตรใบหนึ่งออกมา ผมเหลือบมองนาฬิกาบนผนังและพบว่าใกล้จะถึงเวลาเลิกเรียนเต็มทีแล้ว ดูเหมือนเขาไม่ต้องการที่จะพบเจย์…ซึ่งเจย์ก็คงจะหงุดหงิดน่าดูที่มีคนคอยตามสอดส่องชีวิตแบบนี้ การหลีกเลี่ยงไม่ทำให้เขารู้จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

“ผมต้องกลับแล้ว”

“ครับ…ไม่เป็นไร ผมเลี้ยง”

“…ร้านคุณคงขาดทุนเข้าสักวันถ้ายังเอาแต่เลี้ยงลูกค้าไปทั่ว” ชายหนุ่มหรี่ตามองผมเล็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนแปลความหมายไม่ได้ว่ากำลังตำหนิ ตักเตือนหรือมีความหมายอะไรกันแน่แต่ผมก็เผลอหัวเราะออกไปเรียกให้หัวคิ้วเข้มนั้นขมวดเล็กน้อย

“คุณพูดเหมือนเจย์เลย ไม่เป็นไรหรอกครับผมเต็มใจ” ผมตอบเขาที่ถามคำถามมาทางสีหน้า ชายหนุ่มไม่สนใจคำตอบแต่กลับพูดประเด็นใหม่ขึ้นมาแทน คราวนี้เขาหรี่ตาเรียวรีมองผมอย่างจับผิด

“คุณไม่จำเป็นต้องทำดีกับผม ผมไม่ได้มีผลประโยชน์กับคุณเหมือนคุณเจย์”

“ผมไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไรจากเขา” ผมยิ้ม “นอกจากคุณจะมองว่าการช่วยทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆเป็นผลประโยชน์น่ะนะ”

“….” เขาไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ

“ผมชื่อเรมิณ คุณล่ะครับ” ผมแนะนำตัวตามมารยาททั้งๆที่รู้ว่าเขาคงรู้จักผมอยู่แล้ว

“…ชิน”

ผมมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินผ่านพ้นประตูออกไปและหันกลับมามองธนบัตรสีแดงที่ใช้จานใส่คุกกี้ทับไว้และยิ้มกับตัวเอง



….รู้สึกว่าคนบ้านนี้นิสัยเหมือนกันราวกับถอดแบบออกมา….









“อยากกินอะไรล่ะวันนี้” ผมเงยหน้าถามเด็กหนุ่มร่างสูงที่เปลี่ยนจากชุดนักเรียนมาเป็นชุดลำลองเดินอยู่ข้างกาย

ทั้งที่คิดว่าเมื่อตอนกลางวันจะออกไปซื้อของแต่กลับมีแขกมาหาอย่างไม่คาดคิด ถ้าออกไปซื้อของตอนนั้นก็กลัวจะเสียมารยาทสุดท้ายก็ต้องออกมาหลังจากที่เขากลับไปแล้วพอดีกับที่เจย์เพิ่งเลิกเรียนพอดี ตอนนี้ถุงใส่ของมากมายจึงถูกแย่งไปถือเกือบหมดทั้งที่บอกให้รอที่ร้านแต่เจ้าตัวก็โวยวายจะออกมาด้วยให้ได้ จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าผมออกไปซื้อของคนเดียวเมื่อตอนกลางวันเขาคงจะอาละวาดมากกว่าแค่โวยวายแบบนี้

“…ข้าวผัด” เจย์ตอบกลังจากนิ่งไปนิดหน่อย เขากินง่ายอยู่ง่ายเหมือนกับผมซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี
ผมเป็นผู้ชายธรรมดาๆที่ไม่ค่อยถูกกับการทำอาหารมากนักถึงแม้ว่าจะชอบทำขนมก็เถอะ แต่พวกอาหารคาวผมก็ทำได้ไม่กี่อย่าง ประเภทเทของใส่กระทะไม่ก็หม้อแล้วแค่รอให้สุกนั้นถือเป็นงานถนัดรวมถึงเมนูสารพัดไข่ที่ใช้ยันชีพตั้งแต่สมัยเรียนตั้งแต่มัธยมจนกระทั่งช่วงจบใหม่ๆ ไม่รู้จะขอบคุณธรรมชาติยังไงที่สรรสร้างวัตถุดิบอย่างไข่ขึ้นมา

“อืม…ทอดไข่ด้วยก็แล้วกัน” ผมพึมพำกับตัวเองขณะที่เราสองคนกำลังเดินทอดน่องอย่างไม่เร่งร้อนไปตามทางเดินคอนกรีต แสงแดดยามเย็นยังคงสว่างจ้าแต่ก็ไม่แสบผิว

“…คุณน่าจะปิดร้านซักวัน” อยู่ๆเจย์ก็พูดขึ้นทำให้ผมต้องหันไปมองอย่างประหลาดใจ

“หืม? ว่าไงนะ”

“ผมบอกว่าคุณน่าจะปิดร้านซักวัน”เจย์พูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย “เปิดทุกวันก็เหนื่อยเปล่าๆ”

“อืม งั้นเหรอ” ผมขมวดคิ้วไม่รู้จะตอบเขายังไง ที่ผ่านมาผมเปิดร้านทุกวัน แต่วันอาทิตย์จะปิดเร็วกว่าปกติเพราะต้องจัดการกับวัตถุดิบ ทั้งที่ต้องออกไปซื้อเองและที่สั่งมาเป็นประจำและก็ไม่ได้คิดว่าที่ทำอยู่นั้นเหนื่อยอะไร อาจคงเพราะชินไปเสียแล้ว

“ปิดวันอาทิตย์” เจย์หันมาพูดกับผม ไม่รู้ว่าเป็นประโยคคำถาม คำสั่งหรือพูดลอยๆกันแน่

“ทำไมอยู่ๆก็พูดเรื่องนี้ล่ะ”

“ไม่มีอะไร…” เจย์ตอบและเอื้อมมือมาจับข้อมือผมไว้ขณะจะเดินข้ามทางม้าลาย ดูเหมือนเขายังไม่หายหวาดระแวงเรื่องการข้ามถนนเพราะเดินเบียดผมเสียชิด

“คุณน่าจะว่างบ้าง” เขาพูดต่อหลังจากที่เราข้ามมาอยู่อีกฝั่งหนึ่งเรียบร้อย

“พี่ก็ว่างตลอด อยู่ร้านทั้งวันนั่นแหละ”

“ไม่ใช่”เขาถอนหายใจมองผมเคืองๆ “หมายถึงไม่ต้องทำอะไร”

“หึหึ งั้นพี่ก็ว่างแย่สิ”

“อยู่กับผม” ผมขมวดคิ้ว เจย์เป็นคนพูดน้อยและรวบรัดให้เป็นประโยคสั้นๆจนบางครั้งแทบจะเป็นวลีมากกว่าประโยค ซึ่งหลายครั้งผมก็ต้องถามย้ำเพราะสิ่งที่เขาพูดสามารถแปลออกมาได้หลายความหมายจนต้องถามเอากับเจ้าตัวให้แน่ใจ

“ผมหมายถึงคุณไม่ต้องทำงานแล้วอยู่กับผม…ทั้งวัน”

“อ้อ หึหึ งั้นพี่ก็ไม่มีเงินน่ะสิ” ผมพูดกลั้วหัวเราะ

“แค่วันเดียว เงินผมก็มี”

“เหรอ แต่เหมือนเด็กแถวนี้จะถูกตัดหางปล่อยวัดแล้วนะ”ผมพูดยิ้มๆทั้งที่รู้ว่าที่พูดมานั้นไม่จริง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีคนคอยตามดูแลเขาอย่างเมื่อกลางวันโผล่มา

“จิ๊ เดี๋ยวทำงานแล้วผมจะจ่ายให้”

“อ้อ แต่ตอนนี้เธอยังเรียนไม่จบมัธยมเลยนะ” เจย์หันมามองตาขวางอย่างขัดใจจนผมต้องหัวเราะขณะผลักประตูกระจกของร้านเข้าไปด้านใน

“ล้อเล่นนjะ”

“สรุปว่าปิดร้านวันอาทิตย์”

“เฮ้ย เดี๋ยวสิ พี่ยังไม่ได้ตกลงเลยนะ”

“คุณต้องอยู่กับผมเหมือนคู่อื่นสิ” เจย์หันมามองหน้าตางอง้ำแบบถูกขัดใจ

“คู่อื่น?”

“ใช่…คู่รักน่ะ” ผมรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาดื้อๆแถมมือไม้ยังอ่อนจนต้องรีบวางของไว้บนโต๊ะตัวที่ใกล้ที่สุด เจย์ยืนกอดอกมองผมนิ่งๆ ทั้งที่เมื่อกี้นี้ไม่ใช่ประโยคคำถามแต่เขาดูเหมือนกำลังรอคำตอบจากผมอยู่ ดวงตาสีเข้มจ้องมองผมนิ่งแต่ก็ยังสั่นไหวอยู่ลึกๆเหมือนกำลังลุ้นระทึกกับอะไรบางอย่าง
เขาคงอยากจะรู้ว่าผมมีปฏิกิริยาอย่างไรกับสถานะใหม่ของพวกเรา บางทีผมก็เข้าใจเขานะว่าการกระทำมันแสดงออกมาได้ง่ายกว่าคำพูดที่จะต้องเสียเวลาปั้นแต่งหรือนิยาม เหมือนกับสถานการณ์ตอนนี้ที่คำนิยามจะมาหลังการกระทำแล้วเสมอ

“ก็นะ…”ผมสูดหายใจลึกและผ่อนออกหยิบถุงใส่ของสดเอาไว้เตรียมเข้าครัว เดินเข้าไปใกล้เขาและยิ้มขณะเอื้อมมือขึ้นไปลูบกลุ่มผมนุ่มลื่นมือเบาๆ



“ค่อยเริ่มปิดอาทิตย์หน้าก็แล้วกัน”







ผมเบี่ยงหน้าหนีผมนุ่มจากศีรษะที่คลอเคลียอยู่บนไหล่จนเกือบจะหั่นผักพลาดไปหลายที อยากจะเอื้อมมือไปผลักออกถ้าไม่ติดว่ามือผมทั้งเปื้อนและถืออุปกรณ์ทำครัวอยู่จึงทำได้แค่พูดปรามเบาๆแต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรต่อร่างที่เกาะติดหนึบผมเป็นตังเมเลยสักนิด

“เจย์ไปนั่งรอไป ทำแบบนี้มันอันตราย”

“…”

“จะเกาะติดพี่อะไรนักหนา หือ?”

“คนรักกันก็ต้องอยู่ด้วยกัน” เจย์ตอบนิ่งๆขณะเอื้อมมือมาหยิบมะเขือเทศชิ้นเล็กที่หั่นทิ้งไว้เข้าปากทำให้ผมต้องตีหลังมือเขาไปทีหนึ่ง

“ขี้ตู่นะ ใครเป็นคนรักใคร”

“คุณกับผม คุณยอมรับแล้วเมื่อกี้”

“พี่เปล่า บอกตอนไหนน่ะ”

“คุณยอมปิดร้านอย่างที่ผมบอก” เขาพูด “เท่ากับคุณยอมรับแล้วนั่นล่ะ”

ผมแอบยิ้มบางๆขณะหยิบแครอทสีสวยมาหั่นต่อ กะว่าข้าวผัดวันนี้จะต้องใส่มะเขือเทศกับแครอทเยอะเป็นพิเศษเพราะเจย์ชอบแต่ก็กะจะทำแกงจืดไว้ด้วยฝึกให้เขาหัดกินผักใบเขียวบ้าง คิดว่าถ้าต้มจนเนื้อผักอ่อนนุ่มทานง่ายเขาคงจะยอมกิน

“คุยกับพ่อรึยังน่ะ”

“ช่างเขาสิ” เจย์ผละออกเล็กน้อยมองผมคิ้วขมวด “เขามากวนคุณอีกเหรอ”

“เปล่า พี่แค่ไม่อยากให้เธอผิดใจกับพ่อ”

“…เขาไม่สนใจหรอก” ผมยิ้มกับคำตอบของเขา คนบ้านนี้ห่วงก็ไม่บอกว่าห่วง ใส่ใจก็ไม่ยอมแสดงออก แม่ของเขาคงเหนื่อยน่าดูที่จะต้องคอยดูแลผู้ชายปากแข็งบ้านนี้

“ผมชอบคุณ…จริงๆ” เจย์พูดขึ้นมาหลังจากเราเงียบกันไปพักใหญ่ “คนอื่นจะว่ายังไงก็ช่าง”

“หึหึ แน่ใจเหรอ พี่มีลูกให้ไม่ได้นะ”

“ผมไม่ได้คบกับใครเพราะว่าอยากมีลูก” เสียงเข้มตอบกลับชิดหู เด็กหนุ่มผละตัวออกไปรั้งผมให้หันไปเผชิญหน้ากับเขาตรงๆใช้มือทั้งสองข้างกดไหล่ผมเอาไว้และจ้องมองนิ่ง แววตาไม่มีความล้อเล่นหรือเฉยชาแต่เต็มไปด้วยความจริงจังหนักแน่นจนผมไม่กล้าพูดอะไรต่อ

“ผมไม่ต้องการอะไรจากคุณทั้งนั้น…แค่อยู่กับผม” เจย์เม้มปาก “อยู่ด้วยกัน…นะ” บางทีสิ่งที่ยากที่สุดของคนไม่ชอบพูดก็คือการพยายามสรรหาคำพูดมาอธิบายความรู้สึกตัวเองและตอนนี้เจย์ก็กำลังพยายามทำแบบนั้นอยู่ รู้สึกเอ็นดูปนสงสารเขานิดๆจนต้องหยิบแครอทที่หั่นยาวเป็นแท่งยื่นจ่อริมฝีปากที่เม้มแน่นซึ่งเขาก็อ้าปากคาบไปอย่างว่าง่าย

“ไม่ต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นหรอก พี่ก็พูดไปอย่างนั้นแหละ” ผมยิ้มจางพร้อมกับหันมาเก็บอุปกรณ์เครื่องครัวที่ใช้เสร็จแล้วก่อนจะพูดหยอก

“เอาพวกนี้ไปล้างนะ อย่าทำอะไรแตกอีกล่ะ”

“จิ๊ อย่าสั่งเหมือนเป็นเด็ก”

“แต่เธอทำจานพี่แตกไปหลายใบแล้วนะ” เศษซากหลักฐานของจานแก้วและเซรามิกเพิ่งจะถูกผมยัดใส่ถุงดำและทิ้งไปเมื่อกลางวันนี้เอง เรียกสีหน้าบึ้งตึงงอง้ำจากเด็กหนุ่มที่กำลังยกจานชามหลายใบไปวางไว้เตรียมล้าง

“เดี๋ยวผมซื้อคืนให้ก็ได้”

“หืม? เธอมีเงินเหรอ เธอยัง…”

“พอ! เลิกพูดเรื่องผมไม่มีเงินได้แล้ว” เจย์ร้องขัดเสียงดังซึ้งทำให้ผมหัวเราะออกมาดังยิ่งกว่า มองร่างสูงโปร่งขณะพยายามใช้มือใหญ่ๆล้างจานอย่างทุลักทุเลพร้อมกับบ่นพึมพำเบาๆซึ่งผมไม่ได้ยิน แต่เดาว่าคงจะด่าผมไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง

“ฮ่าๆ เด็กดี ตั้งใจล้างให้เสร็จล่ะ พี่จะผัดข้าวรอไว้ เสร็จช้าก็ได้กินช้าเน้อ” ผมล้อเสียงสูงขณะยกกระทะขึ้นตั้งบนเตาและเทน้ำมันลงไป

“มันจะเสร็จเร็วกว่านี้ถ้าคุณเลิกกวนสมาธิผม!”

“เอ๋ ล้างจานนี่ต้องใช้สมาธิด้วยเหรอ”

“นี่คุณ!!!!”

ผมหัวเราะค้างหันกลับมาสนใจเทกระเทียมใส่ลงในกระทะที่น้ำมันร้อนได้ที่อย่างอารมณ์ดีพลางฮัมเพลงไปเบาๆ ทำเป็นไม่สนใจสายตาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันของคนอายุน้อยกว่าจากอีกมุมหนึ่งของห้อง ทิ้งความกังวลออกไปชั่วคราว

ถ้าผมเลือกที่จะหันหลังให้กับเขาในวันนี้ ตัวผมเองก็คงไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับอะไรอีกแล้วในอนาคต หากปล่อยสิ่งดีๆที่บังเอิญหลงเข้ามาในชีวิตสิ่งนี้ไป ไม่รู้ว่าจะต้องรอนานเท่าไหร่ถึงจะได้พบแบบนี้อีกครั้งหรือนี่อาจจะเป็นโอกาสดีๆเพียงครั้งเดียวที่ผมพอจะไขว่คว้ามันเอาไว้ได้



ดูเหมือนว่าก้าวแรกของสถานะใหม่ของผมและเขายังคงราบรื่นดี…







“เพล้งงง!!!!”







ล่ะมั้ง…









(http://i65.tinypic.com/al5kwm.jpg)


………………………………….


 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 11 NEW!!!! [9/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 09-06-2016 06:27:46
เจเจน่ารักอีกละ เห้ออออออ


แต่ทำจานแตกนี่มาได้ไงคะเนี่ย ใช้เมลามีนช่วยได้หรือเปล่า??
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 11 NEW!!!! [9/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 09-06-2016 14:19:18
ใช่ๆ เมลามีนเถอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 11 NEW!!!! [9/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 09-06-2016 15:11:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 11 NEW!!!! [9/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-06-2016 15:22:35
น่ารักแบบเนิบๆนะ. มีแฟนเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกายนะคะ อิอิ
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 11 NEW!!!! [9/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 09-06-2016 21:02:14
เจเจ...

จริงๆแล้ว นี่ตั้งใจเรียกร้องความสนใจด้วยการทำจานแตกใช่ไหม?
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 11 NEW!!!! [9/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 12-06-2016 23:36:37
อ๋อยยยย เจเจน่ารักได้อีกกกก
มีพี่ชินมาอีกคน ดูเคร่งขรึมดีนะเนี่ย รอดูว่าจะมาอีกไหม ><
ปล. ปาหัวใจใส่พี่มิณ เขินนนนน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 11 NEW!!!! [9/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 14-06-2016 15:09:24
น่ารักจังเลย มาไวไวน่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 11 NEW!!!! [9/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 15-06-2016 10:17:06
น่ารักดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 11 NEW!!!! [9/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 19-06-2016 03:00:23
ทำไมยิ่งอ่าน เจเจก็ยิ่งน่ารัก ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 11 NEW!!!! [9/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 21-06-2016 12:03:41
เจเจน่ารักก
พี่มินขี้แกล้งนะ55555
นี่มีความรู้สึกว่า ชินต้องมีคู่
รู้สึกได้555555

รอต่อไปค่าาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 11 NEW!!!! [9/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ~PopPin[Pim]~ ที่ 24-06-2016 20:50:03
เข้ามารอพี่มิณน้องเจย์ :katai2-1: :katai2-1:

นับวันเจย์ยิ่งแบ๊วๆ 5555555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 11 NEW!!!! [9/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 18-07-2016 00:55:05
มาดันกระทู้ค่าา
รออยู่น้าาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 11 NEW!!!! [9/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueWizard ที่ 19-07-2016 21:31:26
ขอบคุนะครับ. ยังรอตอนต่อไปอยู่นะครับ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 11 NEW!!!! [9/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 25-08-2016 23:55:16
Chapter 12










"รับอะไรเพิ่มรึเปล่าครับ"

ผมถามหลังจากเติมน้ำเปล่าลงในแก้วที่พร่องลงไปเกือบหมดให้กับชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของดวงตาเรียวรีแบบคนเชื้อสายจีน

คุณชินย้ายจากเคาน์เตอร์ส่วนหน้าร้านมาเป็นด้านในสุดหลังจากที่ร้านเริ่มเปิดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ยังคงไม่สั่งอะไรนอกจากน้ำเปล่าเหมือนเดิมถ้าไม่นับคุกกี้หนึ่งจานที่ผมแถมให้ แต่ทุกครั้งก็มักจะจ่ายเงินเกินจำนวนเสมอทั้งที่ต่อให้เขาไม่จ่ายเลยผมก็คงไม่ว่าอะไร....ก็เล่นไม่สั่งอะไรเลยนี่นา

"ไม่ล่ะ ขอบคุณ" ตอบทั้งๆที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากนิตยสารกีฬาฉบับล่าสุดเลยสักนิด

ผมยิ้มและหันกลับมาเช็ดแก้วต่อ อดคิดกับตัวเองไม่ได้ว่าเขาเหมือนกับเจย์ตอนที่เจอกันแรกๆ ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเขามักจะมาที่ร้านหลังจากที่เจย์ออกไปเรียนแล้วและกลับไปก่อนเวลาเลิกเรียนเสมอและไม่มีคนอื่นๆมาเพิ่ม พ่อของเจย์ก็ไม่เคยมาที่ร้านอีกเพียงแค่โทรมาหาเจย์ครั้งหนึ่งหลังจากที่ผมออกจากโรงพยาบาลเท่านั้น

ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจย์กับพ่อกำลังดีขึ้นถึงแม้ว่าจะทีละนิดก็ตาม อย่างน้อยเจย์พูดจาดีกับพ่อมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ส่วนเรื่องคุณชินที่มาเฝ้าที่ร้านทุกวันนั้นผมคิดว่าคงจะตามประสาพ่อที่ห่วงลูกแต่ไม่กล้าแสดงออกมากกว่าจะมีประสงค์ไม่ดี

"ช่วงนี้เจย์กลับช้ากว่าปกติ คุณจะอยู่ต่อถึงเย็นก็ได้นะครับ"

"...." คุณชินไม่ตอบอะไรแต่ใช้สายตาจ้องมองเป็นคำถามแทน ผมยิ้มและพูดต่อ

"ก็ช่วงเลิกเรียนรถมันรถติดนี่"

ในเมืองหลวงแบบนี้แน่นอนว่าย่อมหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรไม่พ้นแต่คงจะดีกว่าถ้าไม่ต้องมีปัญหาในการระวังเวลาเด็กๆข้ามถนนรวมถึงรถผู้ปกครองที่จอดรอรับ ตลอดหลายวันที่เขามาที่นี่ผมสังเกตเห็นเขาขับรถกลับไปทางเดียวกับโรงเรียนทุกครั้ง ไม่แน่ว่าอาจใช้เส้นทางนั้นในการเดินทางกลับทุกครั้ง

ช่วงนี้เจย์มักกลับมาช้ากว่าปกติเนื่องจากต้องอยู่ซ้อมกีฬาหลังเลิกเรียน ดูเหมือนว่าจะมีโปรแกรมการแข่งกีฬาระหว่างโรงเรียนที่ปีนี้โรงเรียนเขาเป็นเจ้าภาพในการจัดทางโรงเรียนจึงดูจะจริงจังเป็นพิเศษ ก่อนหน้านี้ที่เขามักหายตัวไปตอนเช้าก็เพราะออกไปซ้อมวิ่งเพื่อเตรียมร่างกาย ส่วนตอนเย็นก็ต้องซ้อมกีฬาต่อแต่ดูเหมือนว่าช่วงไม่กี่วันนี้เขาจะได้พัก

คุณชินไม่ได้ตอบอะไรต่อ เพียงแค่ยกแก้วน้ำขึ้นจิบเงียบๆ เห็นแบบนั้นผมก็ไม่คิดจะชวนคุยต่อ หันมาจัดการงานของตัวเองบ้างแต่เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าจากโทรศัพท์ก็ทำให้ผมหยิบขึ้นมาดู ปลายทางคือบุคคลที่สามจากหัวข้อสนทนาเมื่อครู่

'ทำอะไรอยู่'

'กำลังจะอบเค้ก อยากกินรสอะไรมั้ย'

'ช็อกโกแลต'

ผมยิ้มขณะอ่านข้อความและไม่ได้ตอบกลับไป แต่หลังจากที่เพิ่งเตรียมวัตถุดิบทำเค้กเสร็จข้อความจากปลายทางเดิมก็ถูกส่งเข้ามาอีกครั้ง

'เย็นนี้อยากกินผัดกระเพรา'

'ไข่ดาวด้วยนะ?'

'อืม กระเพราหมูนะ'

ผมเดินไปเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่ที่ตั้งไว้ด้านในสุดของห้องครัวค้นหาของที่ต้องการท่ามกลางวัตถุดิบทำขนมและอาหารที่แช่เย็นไว้ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

'กระเพราหมดแล้ว'

'...เดี๋ยวผมซื้อเข้าไป' ผมขมวดคิ้วสงสัยกับข้อความที่ได้

'เลือกเป็นรึไงน่ะ?'

หลังจากนั้นผมก็ต้องหัวเราะออกมาเสียงดังกับไอคอนใบหน้าสีแดงแสดงความรู้สึกโมโหประมาณเกือบสิบอัน

"อะ! ตกใจหมด...ต้องการอะไรเพิ่มหรือครับ" ผมถามชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสุภาพสีเข้มกำลังกอดอกยืนพิงกับประตูห้องครัวด้วยท่าทางสบายๆแต่ใบหน้าที่จ้องมองมาเรียบเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ถูก

"เปล่า"

"อ่า...ครับ"

"...."

"เอ้อ เจย์เขาส่งข้อความมาบอกว่าอยากกินผัดกระเพราน่ะ" ผมพูดออกมาอย่างเก้อๆเมื่อถูกสายตาเรียบเฉยไล่มองมาหยุดที่เครื่องมือสื่อสารในมือ

"คุณเจย์ชอบกินผัดคะน้า คุณน่าจะลองทำดู" จบคำแนะนำ ผมก็แอบสงสัยว่าผู้ชายคนนี้นอกจากใบหน้าและน้ำเสียงที่เรียบเฉยแล้วเคยมีความรู้สึกอื่นๆด้วยหรือเปล่า

"เจย์ชอบกินมะเขือเทศแต่ไม่ชอบผักคะน้าน่ะครับ คุณคงจะจำผิด" ผมยิ้มขณะเก็บโทรศัพท์เข้าในกระเป๋ากางเกงและเริ่มลงมือทำขนมเค้ก

"...คงจะอย่างนั้น" ชายหนุ่มเงียบไปอึดใจเลิกคิ้วเล็กน้อย ใช้สายตาเรียบเฉยจ้องมองมาเงียบๆก่อนจะหันหลังกลับออกไป

ผมได้แต่ถอนหายใจเบาๆกับตัวเอง คนบ้านนี้ก็จะจ้องจับผิดกันไปถึงไหนนะ...





หลังจากที่ปิดร้านได้ไม่นานเจย์ก็ผลักประตูกระจกเข้ามาด้วยท่าทางอ่อนเพลีย ในมือข้างเดียวกับบ่าที่สะพายกระเป๋ากีฬายี่ห้อดังสีดำถือถุงพลาสติกของซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆข้างในเป็นกระเพราะและมะเขือเทศลูกโตสีแดงสดจำนวนหนึ่ง ผมเดินเข้าไปหยิบถุงนั้นมาถือไว้

"พี่หมักหมูไว้แล้ว รอเดี๋ยวก็ได้กินแล้วล่ะ ไปอาบน้ำก่อนสิ"

"ถูกรึเปล่า" เขาเดินตามผมเข้ามาในครัวพร้อมกับถามถึงผักในถุง

"อ้อ...ถูกแล้วล่ะ เลือกเองเหรอ เก่งมาก"

"อะ...อืม"

"หึหึ ถามพนักงานมาล่ะสิ" ผมหัวเราะเบาๆกับท่าทางมึนๆของเขา เจย์เบิกตากว้างก่อนจะทำปากยื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

"รู้แล้วยังจะถามอีก"

"ฮ่าๆ โอเคๆ พี่ไม่ถามอะไรแล้ว ไปอาบน้ำไป"ผมรุนหลังเขาให้ขึ้นบันไดก่อนจะหันมาจัดการงานในครัวของตัวเองต่อ แกะกระเพราออกจากถุงไปแช่น้ำ จัดวัตถุดิบต่างๆที่เตรียมไว้ให้หยิบสะดวกมือ ไม่ลืมแช่มะเขือเทศลูกโตสีแดงสดไว้ให้คนซื้อมา


ไม่นานเจย์ก็กลับเข้ามาในครัวอีกครั้งด้วยสภาพผมเปียกชื้นและคล้องผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ที่ลำคอ ท่อนขายาวภายใต้กางเกงผ้าสีดำก้าวมาหยุดยืนข้างๆผมที่กำลังตักผัดกระเพราใส่จานและหยิบมะเขือเทศลูกโตขึ้นกัดคำใหญ่ เห็นแบบนั้นก็อดเปรี้ยวแทนไม่ได้ ถึงผมจะชอบกินผลไม้และมะเขือเทศก็เป็นผลไม้ แต่คงไม่กินสดๆแบบนั้นแน่นอน

"ไม่เปรี้ยวรึไง"

"ไม่...หวาน" เจย์ขมวดคิ้วเล็กน้อยและตอบออกมาราวกับเป็นเรื่องปกติ แถมยังกัดไปอีกคำใหญ่ ผมได้แต่ยิ้มขำขณะยกจานข้าวสองจานไปวางบนโต๊ะ

"คุณรอผมเหรอ"

"อืม ก็เธอบอกจะกลับมากินข้าว"

"...."

เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไรต่อผมจึงทิ้งตัวนั่งที่นั่งตรงข้ามและเริ่มลงมือตักข้าวในจานที่มีปริมาณน้อยกว่าเจย์ครึ่งหนึ่งเข้าปาก ผมเป็นคนทานน้อยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่แน่ใจว่าเป็นเหตุให้ผมผอมแห้งเป็นกุ้งแบบในปัจจุบันนี้รึเปล่าแต่เพื่อนๆมักจะบอกว่าผมทานอาหารจำพวกบุฟเฟ่ทีไรดูไม่คุ้มค่าสักที แต่ก็ยังชอบชวนผมไปบ่อยๆ สงสัยเพราะผมทานน้อยก็เลยไม่ค่อยแย่งของกินไม่ก็กะจะแกล้งผมล่ะมั้ง

เราเถียงกันสองสามคำและเริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆเรื่องที่เจย์กินไข่ดาวแต่ดันราดซอสมะเขือเทศ เป็นการกินที่ดูขัดกันสำหรับผม จริงๆแล้วไข่ดาวต้องกินกับซีอิ้วขาวสิถึงจะอร่อย เมื่อประเด็นถกเถียงสรุปไม่ได้ เราจึงแก้ปัญหาด้วยการตักไข่ดาวใส่ซอสที่ตัวเองชอบแลกกันกินคนละคำ ซึ่งได้ข้อสรุปออกมาว่า



...ถ้าชอบแบบไหนก็ทานแบบนั้นไปน่าจะดีที่สุดแล้วล่ะ....







"ใกล้สอบแล้วเหรอ" ผมถามเจย์ที่นอนคว่ำหน้ากับเตียงมีหนังสือเรียนสองสามเล่มวางกระจายอยู่ น้ำที่หยดจากปลายผมยาวของตัวเองทำให้ต้องขมวดคิ้วหน่อยๆขณะเดินไปนั่งบนเตียง
 ...สงสัยคงต้องหาเวลาไปตัดผมเสียแล้ว

"โครงการพิเศษน่ะ" ดูเหมือนจะเป็นการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เปิดสอบก่อนโครงการอื่น บางทีผมก็ลืมไปว่าเจย์เองก็อยู่ชั้นมัธยมปีสุดท้ายแล้ว ปกติจะเห็นเขานั่งเล่นไม่ก็ทำการบ้านไปกินขนมไปจนชินตาจนลืมไปว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเขาก็จะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกปีแล้ว

"ยากมั้ย"

"ไม่... เยอะมากกว่า"

"หึหึ ตั้งใจอ่านนะ เอานมอุ่นมั้ย" เจย์ส่ายหัว ถอดแว่นสายตากรอบสีดำวางบนพื้นที่ว่างข้างๆบนเตียงและพลิกตัวนอนหงายขึ้นมาจ้องตาแป๋ว เราเล่นจ้องตากันอย่างไม่จริงจังพักใหญ่ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

"เจย์ ช่วงนี้ได้คุยกับพ่อบ้างรึเปล่า"

"ก็เธอหนีออกมาแบบนี้ ที่บ้านก็ห่วงแย่สิ"ผมพูดต่อเมื่อคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจที่จู่ๆผมก็พูดเรื่องที่บ้านเขาขึ้นมา เจย์ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมพร้อมทำปากยื่นอย่างไม่รู้ตัว

"โดนไล่ต่างหาก"

"เจย์ทำอะไรผิดล่ะ ถึงได้ยอมออกมา"ผมได้แต่ยิ้มบางๆและได้เสียงกระชากห้วนเป็นคำตอบ

"ผมไม่ได้ทำอะไรผิด!"
 
"ถ้าเชื่อว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่ผิด แล้วออกจากบ้านมาทำไม หือ?"

"...."

"เธอควรจะอธิบายเหตุผลให้ผู้ใหญ่ฟังมากกว่าออกมาเฉยๆแบบนี้นะ"

"...คุณไม่เข้าใจหรอก" เจย์ที่จ้องหน้าผมเขม็งหลบสายตาไปทางอื่นอย่างที่ปกติหาได้ยาก อดไม่ได้ต้องลูบกลุ่มผมสีเข้มที่ลื่นผ่านนิ้วมือไปเหมือนขนแมวเบาๆ

"บางอย่างเราทำเพื่อความสบายใจได้ แต่เราจะทำแบบนั้นตลอดไปไม่ได้หรอกนะ"

"..."

"ทางที่เราสบายใจที่สุดมันอาจไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดนะครับ...อีกอย่าง พ่อเขาก็เป็นห่วงเธอมาก"


เจย์ไม่ตอบโต้อะไรอีกสายตานิ่งเรียบทอดมองออกไปนอนหน้าต่างที่ปกคลุมไปด้วยท้องฟ้าสีดำสนิท ความเงียบค่อยๆโรยตัวลงมาอย่างช้าๆแต่ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือลำบากใจ กลับรู้สึกได้ว่าความเงียบในครั้งนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการทบทวนความคิดและปล่อยกระแสความรู้สึกต่างๆให้ไหลเวียนไป
เจย์เด็กกว่าผมหลายปีแต่เขาก็โตพอที่จะเรียนรู้และเข้าใจถึงสิ่งต่างๆได้แล้ว เพียงแต่ฐิถิภายในใจนั้นมีมากเกินกว่าจะทำให้เขาเปิดใจรับฟัง

ท่ามกลางความเงียบที่ผมคิดว่าคงไม่มีการพูดคุยอะไรกันต่อจากนี้กลับมีเสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาแผ่วเบาแต่หนักแน่น...




"ผมไม่คิดว่าการที่ผมชอบคุณเป็นเรื่องผิดหรอกนะ"










เราไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับที่บ้านของเจย์เพิ่มเติมจากตอนนั้นและผมก็ไม่คิดจะถามอีก ส่วนหนึ่งเพราะไม่อยากก้าวก่าย อีกส่วนหนึ่งคือผมเชื่อว่าเขาสามารถจัดการเองได้ ถึงแม้จะเป็นไปอย่างช้าๆ ดูเหมือนว่าหลังซ้อมกีฬาช่วงค่ำเสร็จ เขาจะแวะไปบ้านบ้างอาทิตย์ละสองสามครั้งและมีขนม เสื้อผ้า ของใช้ติดมือกลับมาด้วยเกือบทุกครั้ง

เขาเล่าให้ฟังว่า นอกจากเขาและพ่อก็ไม่มีญาติคนไหนอยู่ที่บ้านอีก มีเพียงพ่อบ้านและแม่บ้านจำนวนหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่อยู่มากันก่อนที่เจย์จะเกิดเสียอีก... ลูกชายคนเดียวแถมยังเป็นคุณหนูที่เห็นกันมาตั้งแต่แบเบาะ เขาคงได้รับความเอ็นดูจากคนในบ้านมากทีเดียว

"คุณสนิทกับเจย์รึเปล่าครับ" ผมถามชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งหลบมุมอยู่ไม่ไกล ตอนนี้เป็นช่วงบ่ายที่ไม่ค่อยมีลูกค้าและผมก็ไล่พนักงานคนอื่นไปช่วยกันอบเค้กในครัวกันหมดถึงชวนคุณชินคุยได้อย่างสบายใจ

"...."

"เจย์ไม่ค่อยเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังเท่าไหร่" ผมยิ้มตอบใบหน้านิ่งเรียบแต่คิ้วขมวดหากันหน่อยๆอย่างประหลาดใจ

"เขาเล่าอะไรให้คุณฟัง"

"ก็...เรื่องที่บ้านน่ะครับ ส่วนใหญ่ก็เรื่องลุงวิทย์" เจย์ไม่ค่อยพูดถึงพ่อมากนัก หากจะพูดถึงก็จะพูดผ่านชื่อลุงวิทย์ ว่าถูกพ่อของเขาสั่งให้มาทำอะไรบ้าง

ลุงวิทย์เป็นพ่อบ้านเก่าแก่ที่อยู่กับบ้านมาตั้งแต่รุ่นของปู่ย่า และคอยดูแลเจย์มาตั้งแต่เด็กๆ ลุงวิทย์มีหลานชายหนึ่งคนที่อายุมากกว่าเจย์หลายปีแต่เขามักหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง หากบางเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้เขาก็จะเล่าแบบขอไปทีหรือไม่ก็แสดงความหงุดหงิดออกมาไม่ทางสีหน้าก็น้ำเสียง ไม่รู้ว่าเคยมีเรื่องผิดใจอะไรกันมาแต่เด็ก...ผมเดาได้ไม่อยากว่าคนๆนั้นเป็นใคร

"เราไม่ได้สนิทกัน" เขียนตอบเสียงเรียบและก้มลงอ่านหนังสือต่อ...ทำไมผมกลับไม่เชื่อคำพูดของพวกเขาที่บอกว่าไม่สนิทกันก็ไม่รู้แฮะ...





ผมรับสายจากเจย์ที่โทรมาบอกว่าวันนี้คงกลับช้ากว่าปกติ น้ำเสียงเลาเหมือนไม่เต็มใจทำทำให้ผมหัวเราะเบาๆและเอ่ยปลอบไปว่าจะอยู่รอและจะทำของว่างมื้อดึกไว้ให้ เราคุยกันสองสามประโยคและวางสายหลังได้ยินเสียงนกหวีดและเสียงเอะอะโวยวายลอดเข้ามา

เสียงผลักประตูดังขึ้นทั้งๆที่แขวนป้ายปิดไปแล้วพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่เรียกไม่ได้ว่าไม่คุ้นเคยค่อยๆก้าวเดินเข้ามาอย่างไม่เร่งร้อน ผมสีดอกเลาแซมดำเล็กน้อยไม่ได้ทำให้ชายผู้นี้ดูไม่ดีหรือแก่ชรา แต่กลับเป็นเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าประหลาด ชุดสูทสีเทาภูมิฐานยังคงเรียบกริบไม่เหมือนกับสภาพที่ต้องใส่มาทั้งวันรวมถึงรองเท้าหนังมันเงาจะสะท้อนภาพรอบๆได้เลือนลาง

"ยินดีต้อนรับครับ" ผมทักทายเมื่อร่างใหญ่ทิ้งตัวนั่งหน้าเคาน์เตอร์ ดวงตาเรียวคมจ้องมองผมนิ่งอย่างเดาอารมณ์ไม่ถูก

"...."

"...รับเครื่องดื่มมั้ยครับ"

"...." เขายังคงเงียบเหมือนกับพยายามจะคุยกับผมผ่านสายตา ผมได้แต่ยิ้มและลอบถอนหายใจเบาๆก่อนจะหันไปเตรียมเครื่องดื่มให้

"คุณดื่มนมได้ใช่มั้ยครับ"

"...."

"เวลานี้ดื่มชาหรือกาแฟคงไม่ดีเท่าไหร่"ว่าพลางเริ่มเตรียมอุ่นนมเงียบๆ ร่างสูงใหญ่ที่นั่งหลังตรงอย่างสง่างามสมวัยไม่คิดจะเอ่ยตอบ ยังคงใช้สายตานิ่งๆมองการกระทำของผมโดยที่ไม่ได้รู้สึกถูกคุกคามเหมือนครั้งก่อน

เป็นความเงียบที่อาจจะชวนให้อึดอัดสำหรับคนอื่นๆแต่ผมยังคงรับมือได้ ..วูบหนึ่งผมนึกถึงคำพูดเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่บอกไว้ว่า ผมมันเป็นพวกใจดีจนน่ากลัวและบางทีก็เป็นพวกหน้าทนไม่รู้สึกรู้สาจนน่าหมั่นไส้

"ลูกชายผมเป็นยังไงบ้าง" เขาพูดออกมาประโยคแรกเมื่อแก้วนมที่มีควันลอยออกมาอ่อนๆถูกวางลงตรงหน้า

"เจย์เป็นเด็กดีครับ...เขาตั้งใจเรียนและเดือนหน้านี้ทีมบาสของเขาก็กำลังจะแข่งรอบชองชนะเลิศ"

"ดูคุณรู้เรื่องของเขาดี"

"...ส่วนใหญ่เขาก็เล่าให้ฟังน่ะครับ" ผมตอบพลางวางแก้วน้ำเปล่าอีกแก้วให้ใกล้ๆกัน

"เขาเล่าให้ฟังเรื่องธุรกิจของที่บ้านหรือเปล่า"

"ครับ..." บ้านของเจย์เป็นบริษัทใหญ่เกี่ยวกับการผลิดเครื่องดื่มส่งขายภายในประเทศและต่างประเทศ พ่อและแม่ของเจย์ช่วยกันสร้องบริษัทนี้ขึ้นมากับมือ อาศัยทรัพย์สมบัติเล็กน้อยที่คนรุ่นก่อนเหลือไว้ให้ เมื่อตอนเขาเด็กๆครอบครัวมักจะไปเที่ยวทางภาคเหนือบ่อยคนั้งเนื่องจากมีไร่ผลไม้และโรงงานที่นั่น ส่วนสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองหลวง แต่หลังจากแม่ของเขาเสียเจย์ก็ไม่คิดจะไปที่นั่นอีก...

"งั้นคุณคงรู้ว่าถึงแม้จะไม่ได้ขยันออกสื่อ แต่เราก็มีหน้าตาทางสังคม"

"...."

"อีกไม่กี่ปีเจย์จะไม่ใช่แค่เด็กนักเรียน ความรับผิดชอบและจุดยืนของเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป"

"...."

"เมื่อถึงตอนนั้นคุณจะทำยังไง"

"...."

"หากคุณยังลังเล...ก็ออกจากชีวิตเขาไปเสียตอนนี้"

ผมเผลอขบกรามตัวเองแน่นโดยไม่รู้ตัว เหงื่อเม็ดโตไหลลงตามแนวสันหลังให้ความรู้สึกเย็นวาบ ความมั่นคงและอนาคตของเจย์คือสิ่งที่คนตรงหน้าห่วงมาโดยตลอด เมื่อภรรยาจากไป เขาทำทุกอย่างเพื่อประคับประคองบริษัท วางรากฐานความมั่นคงเอาไว้เพื่อวันหนึ่งจะได้ส่งต่อทุกอย่างให้กับลูกชาย...
คนเป็นพ่อย่อมรู้จักลูกของตนเองดี เจย์ไม่ใช่คนโง่ แต่เป็นเหมือนเด็กที่โหยหาความอบอุ่นที่เคยขาดหายไป การได้พบกับผมในตอนนี้อาจเป็นเรื่องที่ดี สามารถปลอบประโลมความรู้กสึกเสร้าหมองให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งและถือเหมือนกับการดึงเอาตัวตนที่เปราะบางของเขาออกมาจากความเย็นชาที่เขาสร้างขึ้นปกป้องตัวเอง แต่ในอนาคตนั้นความรู้สึกเคารพและไว้ใจจนเกือบจะไม่มีการเผื่อใจที่เจย์ให้กับผมมีความเสี่ยงมากมาย


"ในอนาคตเขามีสิ่งที่ต้องแบกรับมากมาย ผมจะไม่ยอมให้ความรักของเขาย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง"

ก้าวที่ยาวขึ้น จุดยืนที่สูงขึ้นย่อมกัดกินหัวใจคน ความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมาเปรียบเสมือนเกราะแข็งแรงห่อหุ้มความรู้สึกที่อ่อนแอจากการพบเจอโลกที่โหดร้ายเอาไว้... หากวันหนึ่งผมไม่กล้าพอที่จะเดินไปพร้อมกับกัน...การทิ้งเขาและจากมาในตอนที่เขาต้องการที่พักพิงมากที่สุดนั้น...มันก็เหมือนกับการทำลายชีวิตของเขา

"หากคุณยังไม่มั่นคงพอก็ถอยออกไป"













"...ชีวิตลูกชายผมไม่ต้องการคนที่ลังเล..."







(http://i68.tinypic.com/11sp1dy.png)

........................................

กลับมาแล้วจ้าาาา หายไปนานนนนเลย ขอโทษด้วยนะค้า ส่วนหนึ่งก็ไปจัดการงานหลายอย่าง อีกส่วนก็เอาเวลาไปลองเขียนเรื่องใหม่ แต่ก็ยังไม่มีแพลนว่าจะลงในนี้นะคะ เนื่องจากว่า ตัวเราเองชอบที่จะเขียนนิยายไปให้ได้เยอะๆก่อน (แบบว่า มั่นใจว่าเขียนจบแน่ๆ) ถึงค่อยเอามาลง

แต่เรื่องใหม่ที่เขียนนั้นรู้สึกเขียนยากอยู่ค่ะ เพราะดันให้ตัวละครที่ไม่ค่อยพูดดำเนินเรื่อง :m20:

หากงานเขียนชิ้นนั้นไปรอด(ซึ่งไม่รับประกัน) :laugh: ก็จะนำมาลงให้ได้อ่านกันนะคะ

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามให้กำลังใจเสมอมานะคะ :L1:

ป.ล. พี่มิณน้องเจย์ใกล้จบแล้วนะคะ :heaven เป็นกำลังใจให้กับเด็กปากไม่ตรงกับใจกับผู้ใหญ่ขี้แกล้งที่ลึกๆแล้วชอบคิดมากต่อไปด้วยนะค้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 12 UP!!!! [25/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 26-08-2016 01:05:35
เป็นกำลังใจให้ทุกคน รวมคุณพ่อด้วย

แล้วก็รอเรื่องใหม่อย่างมีความหวังด้วยค่ะ เกริ่นมาซะน่าสนใจขนาดนี้ 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 12 UP!!!! [25/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 26-08-2016 01:32:00
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 12 UP!!!! [25/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-08-2016 09:43:25
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 12 UP!!!! [25/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 26-08-2016 21:18:07
แต่ถ้าพี่มิณพร้อมก้าวไปข้างหน้าไปเจย์ คุณพ่อก็ไม่ขัดช่ายม้าาาาาาาาาาาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 12 UP!!!! [25/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-08-2016 21:39:19
เอาล่ะสิงานนี้คุณพ่อออกโรงมาดูตัววัดใจลูกสะใภ้ด้วยตัวเองเลย
ก็โอเคนะเพราะเราก็อยากรู้เหมือนกันว่าทั้งสองคนจริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้แค่ไหน
ถ้าพี่ไม่คิดจะปล่อยมือน้องก็ขอจากคุณพ่อเลยสิคะ โอกาสมาแล้ว ขอบคุณที่มาอัพค่ะ รออ่านจนจบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 12 UP!!!! [25/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 26-08-2016 21:52:06
จริงจังแค่ไหนจ๊ะ  :-[ :man1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 12 UP!!!! [25/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 28-08-2016 20:05:33

พี่มิณจะคิดมากอีกมั้ยเนี่ยะ

ดีใจที่มาต่อแล้วนะคะ

มีคำผิดจ๊ะ

รอบชองชนะเลิศ= รอบรองชนะเลิศ

เสร้าหมอง =เศร้าหมอง

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 12 UP!!!! [25/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 29-08-2016 18:44:10
พี่มิณจะตัดสินใจอย่างไรน้อ

ขอบคุณที่มาต่อจ้า :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 12 UP!!!! [25/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 30-08-2016 08:32:14
ง่ายๆเลยพี่มิณ อย่าลังเล
ถ้ามั่นใจก็ลุยโลด คุณพ่อแย้บมาขนาดนี้แล้ว ฮิฮิ
ปล.เจย์กินมะเขือเทศแบบนั้นไปได้ยังไงงงงง //เปรี้ยวแทน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 12 UP!!!! [25/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueWizard ที่ 03-09-2016 21:46:47
ขอบคุณมากครับกับตอนใหม่  :oo1:  รอฉากอัศจรรย์นะฮะ 555

ปล. มะเขือเทศลูกโตๆที่รสชาตดี ไม่เปรี้ยวก็มีนะเออ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 12 UP!!!! [25/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rhrx ที่ 03-10-2016 23:26:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 12 UP!!!! [25/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueWizard ที่ 06-11-2016 13:47:44
ยังรออัพเดทสถานการณ์นะครับ.  :hao3:

ขอบคุณมากครับผม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 12 UP!!!! [25/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 22-11-2016 05:31:24
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากๆๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Chapter 12 UP!!!! [25/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: IVY ที่ 26-12-2016 17:41:09
Extra!!!

Merry X'mass 2016







"We wish you a merry christmas
We wish you a merry christmas
We wish you a merry christmas
And a Happy New Year~~"


ผมอดเบ้หน้าไม่ได้กับเสียงเพลงวนซ้ำๆจนเริ่มทำให้รู้สึกเบื่อและอยากจะเดินเข้าไปปิดมันซะให้รู้แล้วรู้รอดแต่ดูเหมือนผู้คนรอบตัวจะไม่ได้คิดเหมือนผมซักเท่าไหร่ตรงกันข้ามดูเหมือนจะชอบเสียด้วยซ้ำ ทำให้ผมนึกไปถึงช่วงกีฬาสีของโรงเรียนที่เอาแต่เปิดเพลงกีฬาซ้ำๆจนถ้าผมไม่ใช่นักกีฬาที่ต้องลงแข่งคงหนีกลับตั้งแต่ช่วงเช้า

"ขอบใจนะเจเจ"ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางเจ้าของผมยาวประบ่ามัดรวบไว้ครึ่งศีรษะเงยหน้ามองส่งยิ้มให้ผมที่ยืนอยู่บนเก้าอี้

ตอนนี้ภายในร้านกาแฟเล็กๆเต็มไปด้วยของประดับตกแต่งเทศการคริสมาสและวันปีใหม่โดยที่ผมเพิ่งจะติดเส้นเลื่อมระยิบระยับตรงหน้าต่างเส้นสุดท้ายเสร็จไปแต่ก็ยังเหลืออีกหลายเส้นวางกองกันอยู่ใต้ต้นคริสมาสจำลองขนาดกลางที่ตั้งไว้มุมร้านและอีกส่วนหนึ่งในมือคนตรงหน้าผม

ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว เขาอยู่ในชุดเสื้อโปโลแขนสั้น กางเกงผ้าสีเข้มและผ้ากันเปื้อนผูกเอวไว้หลวมๆเหมือนเคยแต่ใส่เสื้อคาร์ดิแกนสีเบจคลุมไว้อีกชั้นหนึ่ง มันดูแปลกตาไม่น้อยและผมก็ไม่ชอบสายตาที่คนอื่นๆมองเขา นั่นทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด ...ถึงเขาจะใส่มันแล้วดูดีจริงๆก็เถอะ

"อืม" ผมตอบรับในลำคอขณะก้าวลงจากเก้าอี้พลางมองไปรอบๆ

การตกแต่งร้านใกล้จะเสร็จแล้วเพราะเมื่อวานพนักงานคนอื่นๆช่วยกันจนเปลี่ยนร้านกาแฟให้มีบรรยากาศเหมือนงานวันคริสมาสได้อย่างรวดเร็ว

ผมเดินไปที่เคาน์เตอร์ใช้ช้อนตักเค้กรสส้มเนื้อนุ่มที่อีกคนหนึ่งเตรียมไว้ให้ขึ้นมากินคำใหญ่ ผมคิดว่าตัวเองร่างกายแข็งแรงมาตลอดจนได้มาเจอเขา ทำให้ผมคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นโรคอ้วนหรือโรคเบาหวานได้ถ้าเขายังไม่เลิกเลี้ยงผมด้วยเค้กวันละอย่างน้อยหนึ่งชิ้น

ช่วงนี้ที่ร้านมีลูกค้าเยอะเป็นพิเศษถึงแม้ปกติจะเยอะอยู่แล้วแต่ก็เป็นแค่บางช่วงเวลาไม่ใข่แทบจะตลอดทั้งวันแบบนี้ อาจเป็นเพราะช่วงสิ้นปีและเป็นเทศกาลที่เด็กๆชื่นชอบครึ่งหนึ่งของลูกค้าจึงเป็นเด็ก ตั้งแต่เด็กตัวเล็กๆจรถึงวัยรุ่น วันนี้ก็เหมือนกัน...

"นี่..พี่" ผมละสายตาจากการมองสำรวจลูกค้าก้มมองลงตามเสียงเรียกพร้อมกับแรงดึงที่ขากางเกงเบาๆ เด็กผู้ชายตัวเล็กคุ้นตาในชุดนักเรียนสวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีกรมท่ากำลังเงยหน้ามองผมคอตั้งแขนอีกข้างหอบกล่องของขวัญสีหวานเอาไว้

"อะไร" ...ผมแค่ถาม ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำท่าตกใจเหมือนโดนดุ

"พี่มิณอยู่ไหน"

"...ในครัว" เมื่อมองไปรอบๆแล้วไม่เจอเขาก็คิดได้อย่างเดียว

"อื้ม ขอบคุณนะ... พี่มิณครับบบบ" เด็กตัวเล็กวิ่งตรงเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็วและก็แทบจะในทันทีที่ผมได้ยินเสียงคนร้องทักออกมา

"อ้าว ซัน เลิกเรียนแล้วเหรอ"

"ครับ พี่มิณ คุณแม่ฝากของขวัญมาให้พี่ด้วย..." เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากในครัวแต่ผมไม่คิดจะสนใจฟังมากนัก


ซัน เจ้าหนูตัวเล็กที่ช่วงนี้มาที่ร้านบ่อยๆแถมยังสนิทกับเจ้าของร้านซะจนแทบจะรู้เรื่องไปหมดทุกอย่าง ดูเหมือนช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ครอบครัวจะมีแพลนไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งก็เลยมาที่ร้านทุกวันด้วยเหตุผลว่า "เดี๋ยวไม่ได้มาหลายวันผมคิดถึง" ดูเป็นเหตุผลซื่อๆของเด็ก แต่เพราะอะไรผมถึงรู้สึกหงุดหงิดก็ไม่รู้


คิดถึงคนหรือคิดถึงร้านน่ะ ไอ้เปี๊ยก!?


สรุปได้ว่าวันนี้ผมอารมณ์ไม่ค่อยแจ่มใสนัก ตั้งแต่ช่วงเช้าที่มีฝนตกปลอยๆทั้งที่เข้าฤดูหนาวในเดือนสุดท้ายของปีแล้วและผมก็อดกินอาหารเช้าฝีมือเจ้าของร้านกาแฟจนต้องใช้เค้กรสหวานรองท้องเพราะอากาศที่น่านอนทำให้พวกเราตื่นสายทั้งคู่และเขาก็ต้องรีบมาจัดร้าน ทำขนม ให้ทันก่อนเวลาเปิด พอเลิกเรียนกลับมาที่ร้านในช่วงบ่ายผมก็ต้องหงุดหงิดกับสายตาของทั้งผู้หญิงผู้ชายที่มองคนๆนั้น อยากเดินเข้าไปถอดเสื้อคลุมที่ทำให้เขาดูดีแบบแปลกตาออกซะให้สิ้นเรื่องแต่ก็หาข้ออ้างดีๆไม่เจอ มีหวังต้องโดนบ่นกลับมา และเรื่องล่าสุดก็คือเจ้าเด็กตัวกระเปี๊ยกที่ทำตัวสนิทสนมเกินหน้าเกินตาอยู่ในครัว


"ชิ" หงุดหงิดไปหมด

"โตจนป่านนี้ยังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ดูยังไงก็เป็นเด็กไม่รู้จักโต" เสียงทุ้มที่ไม่อยากจะนับว่าคุ้นหูดังขึ้นไม่ทันตั้งตัวทำให้ผมเผลอผงะไปเล็กน้อย

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คิ้วเข้มเหนือตาเรียวรีชั้นเดียวแบบคนเชื้อสายจีน(อายุมากขึ้นหน้าตาคงเหมือนอาแปะร้านขายของชำ)แต่จมูกกลับโด่งเป็นสันแบบคนเชื้อสายตะวันตกยืนอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ริมฝีปากปิดสนิทเป็นเส้นตรงที่อ้าปากแต่ละทีไม่เคยจะมีเรื่องดีผ่านออกมา

...โดยรวมๆแล้วคนๆนี้หน้าตาเรียบเฉยจนน่าหงุดหงิดและน่าหงุดหงิดมากขึ้นเมื่ออ้าปากพูดและจะหายหงุดหงิดง่ายมากถ้าได้ซัดปากมันซักที...

"เข้ามาได้ไง"

"ประตูไม่ได้ล็อค"

"ฉันไม่ให้แกเข้ามา"

"อ้อ ร้านนี้ไล่ลูกค้า?" มันเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์อย่างไม่ทุกข์ร้อน...เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิด

"ชาร้อนแก้วหนึ่ง"

"...." ทำหูทวนลมไปซะน่าจะดีกว่า

"นอกจากร้านนี้จะไล่ลูกค้าแล้วยังให้คนไม่มีความสามารถมารับลูกค้าอีก"

"แกว่าไงนะ?!"

"ได้ยินไม่ชัด?" ผมกัดฟันกรอด มันเท้าคางเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นแสดงความสงสัยที่ดูยังไงก็เสแสร้ง แถมยังกวนโอ๊ยสุดๆ ในขณะที่ผมกำลังคิดจะเอาเหยือกน้ำใกล้ๆสาดหน้ามันสักที เสียงหนึ่งก็ดังขัดขึ้น

"อ้าว คุณชิน สวัสดีครับ" ชายหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากในครัววางกล่องของขวัญสีลูกกวาดที่ถูกโอมด้วยแขนผอมๆลงบนเคาน์เตอร์ก่อนจะยิ้มทักทายผู้มาใหม่

"รับชาแบบเดิมนะครับ" เขายิ้มอีกครั้งเมื่อคนถูกถามพยักหน้า จัดการชงชาอะไรซักอย่างที่ผมไม่รู้จักอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานแก้วชาที่มีควันสีขาวลอยกรุ่นก็ตั้งอยู่ตรงหน้าพร้อมคุกกี้อีกหนึ่งจาน

"ขอบคุณครับ" ผมเกลียดสายตาที่มันเหลือบมองผมจริงๆให้ตาย!

ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงชอบมาที่ร้านบ่อยๆทั้งที่งานที่บริษัทก็กองท่วมหัวโดยเฉพาะช่วงสิ้นปีที่ตั้งจัดการอะไรหลายๆอย่าง แต่ก็ยังมีเวลาว่างมานั่งจิบชา แถมดูเหมือนจงใจมากวนประสาทผมด้วย...ผมต้องหาโอกาสบอกลุงวิทย์ให้ตัดเงินเดือนมันและโยนงานอีกกองใหญ่ๆให้เพิ่มจากเดิม!

...และต้องไม่ให้คนข้างๆที่กำลังแกะของขวัญอยู่รู้ ไม่อย่างนั้นผมคงถูกบ่นไปอีกหลายวัน

"เด็กที่คิดอะไรแล้วแสดงออกมาทางสีหน้านี่ดูง่ายดีนะครับคุณมิณ" อยู่ๆมันก็พูดขึ้นพลางเหยียดยิ้มมุมปากหลังจากยกชาขึ้นจิบไปหนึ่งอึกจนคนที่ถูกเอ่ยถึงอย่างไม่ทันตั้งตัวเงินหน้าขึ้นมองอย่างงุนงง

"อะไรนะครับ?"

"เปล่า...ผมพูดลอยๆ"




....เกลียดมันฉิบ!!!







"เจย์เป็นอะไรเหรอ?" ชายหนุ่มร่างผอมเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาในครัวที่ผมยึดเป็นที่นั่งเล่นเกมโทรศัพท์ชั่วคราวเพราะอยู่หน้าร้านแล้วมีแต่เรื่องให้ต้องหงุดหงิดขัดสายตาตลอดเวลา เดาว่าชินคงกลับไปแล้วเขาถึงได้แยกตัวมาหาได้

"เปล่า"

"ไม่สบายใจอะไรรึเปล่า เรื่องที่โรงเรียน?"

"...."

"ทะเลาะกับเพื่อน?" เขายังเดาไม่เลิก

"เปล่า"

เขาเงียบไปพักใหญ่จนทำให้ผมลอบแอบมอง เขากำลังพับกล่องกระดาษที่เคยเป็นกล่องของขวัญที่เพิ่งได้รับมาเมื่อช่วงบ่ายอย่างเรียบร้อยและเก็บมันไว้ในตู้เก็บของที่มักจะใช้เก็บถุงกระดาษกับกล่องรังต่างๆ แต่สีหน้ากลับจริงจังเหมือนกำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่ ก่อนจะเริ่มพูดอีกครั้ง

"...งั้นหลังปิดร้านแล้วเราไปข้างนอกกันมั้ยจะได้อารมณ์ดีขึ้น"

"คุณจะไปไหน" ผมเลิกคิ้ว ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์หันไปมองคู่สนทนาตรงๆ เขายิ้มกว้างจนตาหยีขณะบอกชื่อห้างดังไม่ไกลจากร้านมากนัก เป็นห้างที่ได้รับความนิยมมากส่วนหนึ่งคงเพราะเปิดไม่ไกลจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัย แน่นอนว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นแถมช่วงใกล้เทศกาลแบบนี้คนคงเยอะจนแทบเดินไม่ได้

ชายหนุ่มถอดผ้ากันเปื้อนที่ผูกไว้หลวมๆพาดไว้กับพนักเก้าอี้ก่อนจะหันมาตอบยิ้มๆเมื่อเห็นสีหน้าแสดงความสงสัยของผม



"พี่จะไปซื้อของแต่งร้านเพิ่มด้วยน่ะ"








ต้นคริสมาสขนาดใหญ่ถูกตั้งไว้บริเวณลานกล้างภายในห้าง เป็นจุดดึงดูดสายตาจุดแรกไม่ว่าจะเข้าหรือออก ความสูงเกือบจะถึงเพดานชั้นบนสุด ทำให้มองเป็นได้ทุกชั้น จากแผนผังของห้างที่มีลักษณะเป็นวงกลม ของประดับตกแต่งห้อยระโยงระยางจากเพดานและจากต้นคริสมาส รวามถึงป้ายลดราคาส่งท้ายปีที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เจอ โดยรวมแล้ว วันนี้เป็นวันที่คนเยอะมากกว่าปกติ อาจเพราะเป็นเย็นวันศุกร์และใกล้ช่วงเทศกาล

บ้างก็มากับครอบครัว เพื่อน คู่รัก ผมเหลือบมองคนที่เดินอยู่ข้างกาย ชายหนุ่มในชุดเสื้อโปโลแขนสั้นและกางเกงผ้าสีเข้มแบบเดิม คลุมทับเสื้อเสื้อไหมพรมคาร์ดิแกนสีเบจจดกระดุมจนถึงเม็ดบนสุดเนื่องมาจากอากาศภายในห้างที่เย็นกว่าด้านนอก
ตอนนี้ดูเขาจะอารมณ์ดีกว่าผมหลายเท่า เพราะได้ของถูกใจหลายชิ้น ทั้งการ์ดสวัสดีปีใหม่ประมาณหนึ่งโหล ป้ายแขวนสวัสดีปีใหม่อีกสองชุด เส้นดวงไฟระยิบระยับหลากสีและที่ดูจะถูกใจเขาที่สุดก็คือหมวกซานตาครอสสีแดง เขากำลังพลิกมันไปมาอย่างอารมณ์ดีและอีกจำนวนหนึ่งในถุงที่ผมหิ้วอยู่ คงกะจะเอามาให้พนักงานในร้านใส่แน่นอน

"เจย์อยากได้อะไรรึเปล่า" ดูเหมือนเขาจะเพิ่งนึกได้ว่าจุดประสงค์ของการออกมาข้างนอกครั้งนี้คือการทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้น จึงหันมาคุยกับผมหลังจากที่คุยกับหมวกซานต้าไปหลายนาที

"...ไม่ล่ะ"

"งั้น...กินไอศกรีมมั้ย" เขาชี้มือไปยังร้านไอศกรีมที่ตกแต่งสีสันสดใสไม่ไกลนัก โดยไม่ทันตอบ(ปฏิเสธ)ผมก็ถูกเขาลากมาหยุดอยู่หน้าร้านและไม่รู้ตัวในมือผมก็มีไอศกรีมโคนรสช็อกโกแลตโรยท็อปปิ้งหลากสีมาถือไว้โดยที่ผมยังไม่ทันได้เอ่ยปากสักคำ


...เมื่อไหร่เขาจะเลิกเลี้ยงผมด้วยพวกขนมและของหวานสักที...ถึงผมจะเด็กกว่าเขาสิบปีก็ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นเด็กสักหน่อย


เราเลือกม้านั่งที่คนเดินผ่านไปมาไม่พลุกพล่านเป็นที่นั่งพักหลังจากเดินรอบห้างมากว่าชั่วโมง ผมหันไปมองเขาที่กำลังดื่มด่ำกับรสหวานอมเปรี้ยวของไอศกรีมสตอเบอร์รี่แบบถ้วยโรยด้วยแอลมอลกรุบกรอบและสนุกสนานกับการค้นดูของต่างๆที่ซื้อมา


พอมานั่งข้างกันแบบนี้แล้ว ยิ่งดูเหมือนคนรุ่นเดียวกันมากกว่าคนที่อายุห่างกันเป็นสิบปีเข้าไปใหญ่ เผลอๆผมอาจดูแก่กว่าเขาด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าทำไมคนที่วันๆเอาแต่กินขนมหวานกับอาหารง่ายๆ(แถมบางอย่างไม่มีประโยชน์)ที่ตัวเองทำเป็นไม่กี่อย่างถึงได้หน้าตาอ่อนเยาว์ขนาดนี้ เขาไม่ได้โกงอายุหลอกผมแน่ๆเพราะเคยแอบดูบัตรประชาชนเขาครั้งหนึ่ง ดูจากวันเกิด...ปีหน้าเขาก็ยี่สิบเก้าแล้ว


"อารมณ์ดีขึ้นรึยัง" หลังจากจัดการกับไอศกรีมคำสุดท้ายจนหมดเขาก็หันมาถามผมอย่างอารมณ์ดี

"ผมไม่ได้หงุดหงิดอะไร" ผมตอบขณะยันตัวลุกขึ้นหยิบถุงใส่ของต่างๆมาถือไว้โดยมือข้างเดียว...จริงๆแล้วเขาเองไม่ใช่เหรอที่ดูจะอารมณ์ดีสุดๆตั้งแต่ตอนเดินไปเลือกซื้อของจนตอนนี้ยังยิ้มแย้มไม่หยุด

เขาขมวดคิ้วน้อยๆเหมือนต้องการจะพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา

"งั้นเรากลับกันเถอะ"





รถเวสป้าเก่าๆถูกขี่ออกจากลานจอดรถของห้างโดยมีผมเป็นคนซ้อน ถึงผมจะรู้สึกว่ามันดูน่าตลกแต่ก็ขัดขืนอะไรไม่ได้เพราะผมขี่เวสป้าไม่เป็น...ให้ตาย ผมต้องหาเวลากลับไปเอามอเตอร์ไซค์จากที่บ้านมาจอดทิ้งไว้ที่ร้านสักวันหนึ่ง ไม่อย่างนั้นผมคงจะบ้าตายกับท่าซ้อนรถตลกๆของตัวเองรวมถึงหมวกกันน็อคสีฟ้าสนใสที่เขาอุตส่าหามาให้ด้วยความยากลำบาก(เขาบอกมาอย่างนั้น... ซึ่งผมไม่เชื่อ)

เรากลับมาถึงร้านในเวลาเกือบสี่ทุ่ม ถึงจะไม่หนาวมากแต่อากาศก็เริ่มเย็นกว่าปกติทั้งที่ตอนกลางวันแดดจ้าจนร้อน ผมให้เขาไปอาบน้ำก่อน เพราะผมที่ยาวและนิสัยไม่ชอบเช็ดผมให้แห้งก่อนนอนแต่หลังจากผมอาบน้ำเสร็จก็ไม่เห็นเขาอยู่ในห้องแล้ว

แสงไฟสีส้มอ่อนแยงตาทันทีที่ผมเดินลงมาถึงชั้นล่างสุด ชายหนุ่มร่างผอมในชุดชุดนอนสีกรมท่าสวมทับด้วยเสื้อคาร์ดิแกนสีอ่อนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหน้าตรงคริสมาส ผ้าขนหนูสีขาวคล้องคอไว้คอยซับหยดน้ำที่ไหลลงมาจากเส้นผมที่ยังคงเปียกชื้น

ดูเหมือนเขาจะสนใจการตกแต่งร้านและเห่อของใหม่เหมือนเด็กๆเพราะเมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็สังเกตุเห็นของที่เพิ่งซื้อมาใหม่ถูกรื้อกระจัดกระจาย

"เจย์ พรุ่งนี้ใส่หมวกซานตาครอสนะ"

"ไม่มีทาง" ผมปฏิเสธแทบจะทันทีเมื่อทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขา

"ทำไมล่าา พี่ซื้อมาเผื่อเจย์ด้วยนะ"

"บอกว่าไม่"ผมตอบเสียงเนือยๆเมื่อเห็นท่าทางเหมือนเด็กของเขา มือก็ช่วยรื้อถุงกระดาษเอาของด้านในออกมา ส่วนใหญ่เป็นของตกแต่งต้นคริสมาส ทั้งลูกบอลหลากสีระยิบระยับ กล่องของขวัญขนาดเล็ก รูปนางฟ้า กวาง หัวใจ ดาวและอื่นๆที่เอาไว้ห้อยประดับรวมถึงไฟระยิบระยับที่เอาไว้พันตกแต่งเขาก็ยังซื้อมาทั้งๆที่มีอยู่ในร้านแล้วสองเส้น

"แต่มันจะคริสมาสแล้วนะ" เขายังไม่ละความพยายาม

"ผมไม่สนใจหรอก"

"ทำไมล่ะ เด็กๆชอบกันจะตาย"

"เฮ้อ...ก็ผมโตแล้ว" ผมเหนื่อยใจกับคนแก่แต่ทำตัวเป็นเด็กตรงหน้าจริงๆ เลยจัดการดึงผ้าขนหนูที่เขาคล้องเอาไว้มาเช็ดผมให้เจ้าตัว จะได้เงียบๆเลิกคะยั้นคะยอผมเรื่องนี้เสียที

"คนอื่นๆเขาก็ใส่กัน..." ผมทำเป็นไม่ได้ยินเสียงบ่นพึมพำเบาๆนั่น ...ที่คนอื่นๆเขาใส่เพราะคุณเล่นซื้อมาเตรียมไว้ให้จนกลายเป็นการบังคับทางอ้อมไม่ใช่รึไง!?




เราอยู่กันในความเงียบที่มีเสียงก๊อกแก๊กของการจับของตกแต่งที่ทำจากพลาสติกแยกกองกันเป็นระยะ ตอนซื้อผมไม่ทันได้สังเกตว่าเขาหยิบอะไรมาบ้าง ทำแค่เดินถือของตามหลังเขาเงียบๆ พอมาเห็นจำนวนชัดๆตรงหน้าแบบนี้แล้ว...ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะซื้อไว้เผื่อคริสมาสอีกกี่ปีกันแน่

"เจย์อยากได้อะไรรึเปล่า" อยู่ๆเขาก็พูดขึ้นทำลายความเงียบ

"หืม?"

"ก็ของขวัญคริสมาสกับปีใหม่ไง"

"...ก็...ไม่ได้อยากได้อะไร" ผมเลิกคิ้ว

"เอ้า ทำไมล่ะ บอกมาเถอะ ถ้าหาได้พี่จะหาให้นะ" ชายหนุ่มมองผมอย่างต้องการคำตอบ มือผอมเอื้อมมาแย่งผ้าขนหนูจากมือผมไปคล้องคอตัวเองไว้ตามเดิม ผมของเขาแห้งแล้ว ผมเส้นเล็กละเอียดล้อมกรอบใบหน้าที่พอไม่มัดผมรวบเอาไว้ก็เห็นได้ชัดว่าเหมือนจะยาวขึ้นกว่าเดิมมาก น่าจะเลยบ่าไปแล้วแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมไปตัดเสียที


ของขวัญ?


ผมเองไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย นาฬิกา รองเท้าต่างๆก็เป็นของพ่อไม่ก็ที่บ้านเตรียมเอาไว้ให้ เว้นแต่เสื้อผ้าแบบวัยรุ่นที่ผมหาซื้อเองบ้างและทุกวันนี้ผมก็มีเสื้อผ้าใส่พอแล้ว พวกเครื่องมือสื่อสารอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคก็ไม่ได้สนใจ ทุกวันนี้ผมยังใช้แอพลิเคชั่นต่างๆบนโทรศัพท์และโน๊ตบุคตัวเองไม่ครบด้วยซ้ำ อาหารการกินก็ไม่ใช่เรื่องที่สนใจ ผมให้ความสำคัญกับความอิ่มท้องมากกว่าความหรูหราและรสชาต ร้านอาหารราคาแพงที่อาหารกินคำเดียวก็หมดจึงไม่ใช่ที่ๆผมสนใจ

จริงๆแล้วผมชอบสะสมสิ่งของเกี่ยวกับกีฬาหรือนักกีฬาที่ชื่นชอบ แต่ผมชอบที่จะพยายามเก็บเงินซื้อหรือหามาเองมากกว่า


"ผมไม่อยากได้อะไรจริงๆ" ผมย้ำหลังจากนิ่งคิด "คุณจะให้ของขวัญผม?"

"ใช่สิ พี่เป็นซานต้า" เขาตอบแทบจะทันทีพร้อมทั้งหยิบหมวกซานตาครอสสีแดงขึ้นมาสวมทำให้ผมอดหัวเราะเบาๆไม่ได้

"คุณอายุเท่าไหร่แล้ว ยังจะเล่นอะไรเป็นเด็กๆ"

"อยู่กับเด็กก็ต้องทำตัวเป็นเด็กสิ"เขาตอบยียวนแล้วยิ้มกว้างจนตาแทบปิด ผมมองเขาที่หันไปสนใจตกแต่งต้นคริสมาสต่อพลางบ่นเบาๆว่า'พี่ถามแล้วนะ อย่างอแงจะเอาอะไรทีหลังแล้วกัน'






เขาคงไม่รู้ตัวหรอกว่าได้ให้ของขวัญกับผมไปแล้ว


"ผมนึกออกแล้วว่าอยากได้อะไร" เขาหันขวับมามองอย่างสนใจทันทีที่ผมพูดจบ ท่าทางตื่นเต้นนั่นทำให้ผมอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ

"แต่...คุณจะให้ผมได้รึเปล่า" ผมยิ้มขณะค่อยเอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมที่พ่นหมวกซานตาครอสสีแดงออกมาเบาๆ ชายหนุ่มหรี่ตามองผมอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะถามออกมา

"แล้ว...เจย์อยากได้อะไรล่ะ"

"คุณขี้โกง ไหนบอกว่าไม่ว่าอะไรก็จะให้"

"หืมมม พี่เปล่าพูดนะ" เขาพูดกลั้วหัวเราะส่วนผมก็ยิ้มตามขณะใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าเขาเอาไว้

"สรุปจะให้ผมรึเปล่า"

"บอกมาก่อนสิว่าอยากได้อะไร"


ผมค่อยใช้นิ้วโป้งลูบผิวแก้มเขาไปมาโดยไม่ได้ตอบอะไร หน้าเขาใหญ่กว่าฝ่ามือผมแค่นิดเดียวเท่านั้น ผิวขาวมีสีชมพูเรื่อ ส่วนหนึ่งคงเพราะแพ้อากาศ เขาเป็นคนขี้หนาว ขนาดสภาพอากาศไม่ได้เย็นมากก็ยังมีผิวบางจุดที่แห้งแตก ผมขยับเข้าไปใกล้จนเห็นรอยผิวหนังชั้นนอกที่แห้งกว่าปกติบนใบหน้าของเขา

"ผมอยากได้ซานต้า" ผมพูดเบาๆเพราะใบหน้าที่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย

"ซานต้าเหรอ?"

"อืม"

"...เธอไม่รู้เหรอว่าซานต้าไม่มีจริง"เขาพูดด้วยท่าทางที่ดูไม่ออกว่าจริงจังหรือแค่แหย่ผมเล่นกันแน่

"รู้สิ...แต่เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกว่าคุณเป็นซานตาครอสนะ"

"...."เขาเงียบไปเหมือนเพิ่งนึกได้แต่ก็ไม่วายพูดแหย่ผม "เธอจะเอาซานตาครอสไปทำไม ซานตาครอสไม่ใช่ขนม กินไม่ได้หรอกนะ"

"ผมจะเก็บซานตาครอสไว้คนเดียว"

"...."

"ไม่ให้ไปยิ้มให้คนอื่น"

"...."

"ไม่ให้ไปให้ของขวัญใครๆ"

"...."

"ไม่ให้ไปใจดีกับใครพร่ำเพรื่อ"

"...."

"เป็นของผมคนเดียว"

"....หึหึหึ ทำไมเป็นเด็กนิสัยไม่ดีแบบนี้ เจเจ" ดวงตาเขารีเล็กลงจากการหัวเราะที่น่าจะพยายามกลั้นไว้ไม่ให้ปล่อยก๊ากออกมา

"เพิ่งรู้เหรอว่าผมนิสัยไม่ดี"

"อืม...จริงๆพี่ว่าพี่รู้นานแล้วนะ" ผมประคองใบหน้าเขาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างและจ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ส่องประกายแวววาว

"แล้ว...คำตอบล่ะ?"

เราจ้องตากันนิ่งๆ โดยที่คำถามยังไม่มีคนตอบ จากตอนแรกที่ตื่นเต้นตอนนี้ผมกลับรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก ...ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นโครมครามอยู่ในอก ไอ้ท่าทางและคำพูดแบบนั้นดูเหมือนไม่ใช่ตัวผมเอาเสียเลย

ผมกะว่าถ้าเขายังไม่ปริปากพูดอะไรในไม่กี่วินาทีนี้ผมจะรีบโกยอ้าววิ่งขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว เอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงแกล้งหลับจนถึงพรุ่งนี้เช้าและค่อยทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้น

"...ตั้งแต่พี่เป็นซานต้าเธอคือเด็กคนเดียวที่มาขอพรจากพี่" เขาพูดยิ้มๆ...ก็แน่สิ เขาเพิ่งเป็นซานตาครอวได้ไม่ถึงครึ่วชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ

"...งั้น...ซานต้าจะใจดีให้ของขวัญตามที่ขอก็แล้วกัน"พูดจบเขาก็หัวเราะออกมาทำให้ผมจากที่นิ่งอึ้งเผลอยิ้มตามไปด้วย

ไม่นานเราสองคนก็เริ่มหัวเราะ...เสียงดังลั่นไปทั่วร้านกาแฟเล็กๆที่มีบรรยากาศราวกับเทสกสลคริสมาสขนาดก็แต่อากาศหนาวเหน็บและหิมะเท่านั้น



ซานตาครอสคนนี้แตกต่างจากจินตนาการวัยเด็กของผมไปมากทีเดียว

เขาไม่ได้เป็นชายแก่...แต่เป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบปลายๆที่หน้าเด็กเหมือนเพิ่งจบมัธยม

ไม่ได้รูปร่างอ้วนท้วน...แต่เป็นคนที่ผอมบางจนเหมือนขาดสารอาหาร

ไม่ได้นั่งเลื่อนหิมะให้เรนเดียร์ลาก...แต่กลับขี่รถเวสป้าสีฟ้าเก่าๆที่วันดีคืนดีก็สตาร์ทไม่ติด

ไม่ให้ของขวัญกับเด็กดี น่ารัก...แต่ให้ของขวัญเด็กที่นิสัยไม่ดีสุดๆ....


และที่สำคัญ


เขาไม่ได้เป็นซานตาครอสของใครทุกๆคน...แต่เป็นซานตาครอสของผมคนเดียว...









"ขอบคุณครับ..."



(http://i67.tinypic.com/2j4a7t5.png)
........................................
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-12-2016 21:52:57
หายไปนนานเลย กลับมาหอมหวานชื่นใจ รออ่านตลอดนะจ๊ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueWizard ที่ 01-01-2017 21:56:38
กรี๊ซซซ มาอัพแล้ว น่ารักและอบอุ่นตามเคย

ขอบคุณนะครับ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 02-01-2017 09:09:06
น่ารักมาก ๆ เลย เจย์กับพี่มิณน่ารักมาก


ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 03-01-2017 23:26:52
หลังจากหายไปนาน ตอนนี้ถือว่าชุบชีวิตคนอ่านเลยทีเดียว 55
เจเจมีความซึน หวานแบบ(พยายาม)หน้านิ่ง แซ่บไปอีก
พี่มิณมีความเด็ก อยู่กับเด็กแล้วชีวิตดีนะพี่นะ ><
ขอบคุณมากๆค่ะ รอตอนต่อน้าาา คุณคนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 04-01-2017 17:20:32
หลงรักพี่มิณ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 04-01-2017 22:27:35
พี่มิณน่ารักกกกกก
 :katai5: :katai5:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ~PopPin[Pim]~ ที่ 10-01-2017 15:57:12
คิดถึงพี่มิณน้องเจจจจจจจจ

เราชอบความหวานของคู่นี้มากๆเลย น้องเจย์นี่ก็ปากแข็งไปไหน

เราว่าส่วนใหญ่พี่มิณรู้ทันน้องนะ แต่แอบเงียบ5555555 :laugh:

รอตอนต่อไปนะค้าาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 11-01-2017 14:28:26
ละมุนมากกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 06-02-2017 23:02:34
แอบมาดันกระทู้ รอคุณคนเขียนน้าาา เป็นกำลังใจให้จ้าาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brow ที่ 01-03-2017 00:42:16
เค้ารักคนเขียนนะ แต่นี่สองเดือนแล้วไม่อัพ แดะกระโดดจูบเลยนิ :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 08-04-2017 01:03:15
อ่านอีกรอบ 555 ยังดีต่อใจเหมือนเดิม คู่นี้น่ารักดี
ส่วนตอนต่อไปก็ ..รออยู่น้าาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 09-04-2017 22:13:22
พี่มิณกับน้องเจเจน่ารัก

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 03-08-2017 12:28:38
สวัสดีฮะตามมาอ่านจากเรื่่องที่แล้วคิดว่าอาจจะเสียมารยาทไปสักหน่อยที่ไม่ได้เขียนอะไรอยากบอกว่าชื่นชอบผลงานของคุณถึงจะพบคำผิดในเกือบทุกตอนแต่สำนวนการเขียนก็ลื่นไหลให้ความรู้สึกอบอุ่นแล้วก็นุ่มนวล อ่านแล้วนึกภาพตามไปได้ไม่ยากขอบคุณสำหรับงานเขียนที่น่ารักทั้ง2เรื่องนี้จะรออ่านผลงานเรื่องต่อไปนะฮะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 16-09-2017 16:56:24
คิดถึงน้องเจเจ :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 10-10-2017 21:38:57
 :o12: :sad4: :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 13-12-2017 23:19:51
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 31-12-2017 12:40:13
รออ่านต่อน้าาา