[เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Every time Café โทษที! ไม่มีตังค์จ่าย Merry X'mas2016!!! [26/12/59]  (อ่าน 45724 ครั้ง)

ออฟไลน์ ้Sin.7

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai2-1: ละมุนละไม โอ้ยมินใจเย็นยิ่งกว่าขั่วโลกเหนือเสียอีก

ออฟไลน์ purple

  • Aventador FC
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ดันกระทู้จ้าาา รอคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ IVY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Chapter 10







....ผมได้ยินเสียงร้องไห้....จากที่ไกลๆ

"...ผม...ขอโทษ"







"อาการปกติดีครับ นอนพักอีกสักหน่อยก็คงจะกลับบ้านได้แล้ว ส่วนเรื่องแผล..." เสียงชายวัยกลางคนไม่คุ้นหูดังไม่ไกลจากผมนักกำลังพูดบางอย่างที่ผมไม่สามารถจับใจความได้ พยายามจะเปิดเปลือกตาขึ้นแต่แสงภายนอกที่สว่างจ้าก็ทำให้ผมเลือกจะปิดตาลง รู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายและศีรษะถึงแม้จะนอนอยู่บนฟูกนุ่ม ความรู้สึกไม่คุ้นเคยทำให้ผมพยายามฝืนลืมตาเพื่อสำรวจรอบๆอีกครั้ง

"พี่มิณ" เสียงเรียกดังขึ้นแทบจะทันทีที่ผมได้ยินเสียงปิดประตูเบาๆ ภาพแรกที่เห็นคือห้องสี่เหลี่ยมสีขาวสะอาดตกแต่งค่อนข้างโล่งและกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้ออ่อนๆกับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักยืนอยู่ข้างเตียง...ไม่ต้องคิดมากก็รู้ว่าตัวเองคงอยู่โรงพยาบาลซักแห่งหนึ่งไม่ไกลจาก้านมากนัก

"อาร์..?"

"ครับ พี่เป็นไงบ้าง ผมตกใจแทบแย่"อาร์รีบพูดทำให้ผมได้แต่มองตาปริบๆ

"...."

"ไปทำยังไงให้โดนรถชนล่ะครับเนี่ย" เด็กหนุ่มว่าเสียงอ่อนพลางลากเก้ากี้ใกล้ๆมานั่งข้างเตียง

"อ่า...ก็นะ" ผมพึมพำตอบทั้งๆที่ภาพเหตุการณ์ต่างๆยังคงเลือนลาง ...ผมกำลังจะข้ามถนนตรงสี่แยกถัดจากร้านประมาณสองบล็อก แต่ว่าก็มีรถพุ่งเข้ามา ...แล้วผมก็รู้สึกเจ็บ


ผมก้มลงมองสำรวจร่างกายตัวเองหลังจากคิดได้ พบว่าที่แขนซ้ายมีผ้าพันแผลสีขาวสะอาดพันยาวขึ้นมาจนถึงข้อศอกแถมรู้สึกเหมือนข้อมือจะเคล็ดเล็กน้อย ส่วนขาทั้งสองข้างก็รู้สึกถึงผิวที่ตึงบางจุด คงเป็นแผลถลอกที่ไม่ร้ายแรงมากนักและศีรษะที่มีผ้าพันแผลแปะยาวตั้งแต่ด้านซ้ายยาวมาถึงหางคิ้ว

"หมอเพิ่งเข้ามาตรวจเมื่อกี้ พี่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แต่ที่หลับไปนานเพราะอ่อนเพลียน่ะครับ เอ้อ แล้วเมื่อกี้คนอื่นๆก็มานะครับ แต่เพิ่งกลับไป"

"...อืม" ผมส่งเสียงตอบกลับไปแบบไม่มีความหมายรู้สึกเหมือนสมองยังไม่ประมวลผมต่างๆในตอนนี้
เริ่มกวาดสายตามองสำรวจรอบห้อง ห้องนี้น่าจะเป็นห้องพิเศษที่ราคาแพงพอดูเพราะมีบริเวณกว้างขวางแถมไม่ค่อยได้ยินเสียบรบกวนมากนัก มุมหนึ่งของห้องเป็นโซฟามี่สามารถปรับเอนได้และโต๊ะวางของเล็กๆที่ตอนนี้เต็มไปด้วยของเยี่ยมทั้งผลไม้สดและยาบำรุง ผมมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นภาพท้องฟ้าสีน้ำเงินไล่ระดับไปจนถึงสีขาวปลอดโปร่ง คงเป็นชั้นที่สูงพอดู...ไม่อยากจะคิดถึงราคาต่อคืนเลยจริงๆ

"อาร์..เจย์ล่ะ"ผมถามหลังจากสำรวจรอบๆแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอื่นอยู่อีก

"ออกไปตอนที่หมอมาถึงครับ...เขาอยู่เฝ้าพี่ตลอดเลยน่ะ แทบไม่ยอมไปไหนเลย"

"...น้องบาดเจ็บมั้ย" ผมถามพลางนวดคลึงขมับอีกข้างที่ปราศจากผ้าปิดแผล ดูเหมือนการนอนมากเกินไปก็ไม่ถือเป็นผลดีเสียทีเดียว

ผมจำได้เลือนลางว่ามีมือหนึงฉุดดึงผมออกจากวิถีของรถที่แล่นมาด้วยความเร็ว แต่เพราะความร้อนรนทำให้ทั้งผมและเจ้าของมือนั้นล้มลงกระแทกพื้นถนนและไถลไปตามแรง...ผมมั่นใจว่าคนๆนั้นต้องเป็นเจย์แน่นอน เสียงร้องตะโกนและสีหน้าตกใจสุดขีดจนซีดเผือดของเด็กหนุ่มยังคงฝังลึกในความทรงจำสุดท้ายก่อนหมดสติ

"ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ แค่มีแผลถลอกนิดหน่อย แต่ร่างกายพี่อ่อนเพลียก็เลยสลบไปน่ะ" ผมหลับตาลงและผ่อนลมหายใจออก ช่วงนี้ผมนอนไม่ค่อยหลับจริงๆนั่นล่ะประกอบกับต้องตื่นเช้ามาทำงาน..ผมอดขบริมฝีปากตัวเองเบาๆไม่ได้

ผมอยากคุยกับเจย์ให้รู้เรื่อง ผมไม่อยากให้ระหว่างเรามีแต่ความอึดอัดแบบนั้นแต่ดูเหมือนจะยิ่งสร้างเรื่องให้เจย์ต้องช็อคมากเข้าไปอีก

เจย์ไม่ชอบฝน ไม่ชอบการไปโรงเรียนตอนเช้าและไม่ชอบการข้ามถนน...เพราะมันคือส่วนหนึ่งของความทรงจำที่เลวร้ายในวัยเด็ก การสูญเสียคนสำคัญไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถลบเลือนหรือจางหายไปได้ มันยังคงฝังลึกในจิตใจ เป็นสะเหมือนรอยแผลเป็นที่ไม่มีวันลบและคอยย้ำเตือนทุกๆครั้งถึงช่วงเวลาที่ไม่มีวันหวนคืน... ผมรู้เรื่องนั้นดีและรู้ว่าเขารู้สึกยังไง

แต่กลับเป็นผมเองที่เข้ามาและขุดคุ้ยรอยแผลเป็นเก่าๆนั้น ซ้ำร้ายอาจจะกรีดย้ำให้แผลนั้นลึกลงไปอีก

การที่คนๆหนึ่งจะยอมรับใครอีกคนเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลในชีวิตนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ที่น่าตลกคือเราแทบไม่รู้เลยว่าคนๆหนึ่งมีความหมายต่อเรามากแค่ไหนจนกระทั้งเกือบจะสูญเสียหรือสูญเสียเขาไปแล้ว


ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วง...ผมจึงไปไหนมาไหนคนเดียวโดยไม่บอกให้เขารู้เพราะกลัวเขาเป็นกังวล
แต่ก็เพราะเขาเป็นห่วงผม...ถึงไม่ยอมให้ผมไปไหนโดยไม่มีเขา...


"อาร์ พี่จะออกโรงพยาบาลได้วันไหนน่ะ?"






แสงแดดอ่อนๆยามเย็นทำให้ไม่รู้สึกร้อนมากนักเมื่อออกมายืนภายนอกสิ่งก่อสร้าง เบื้องหลังเป็นอาคารผู้ป่วยขนาดใหญ่ที่ต้องแหงนมองจนคอแทบตั้งส่วนเบื้องหน้าเป็นถนนยางอย่างดีที่ไม่ค่อยมีรถสัญจรมากนัก อาจเพราะยังอยู่ในเขตโรงพยาบาลและตอนนี้ก็หมดเวลาเยี่ยมไปแล้วหลายชั่วโมง ผมยังรู้สึกง่วงมึนอยู่เล็กน้อยอาจเพราะตัวเลขค่ารักษาที่แพงจนชวนหน้ามืดทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก เล่นเอาผมเกือบจะเป็นลมล้มตึงไปอีกรอบไม่ติดที่ว่าฉุดคิดได้ทัน หากเป็นลมไปอีกรอบมีหวังต้องเสียเงินค่านอนเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่าหนึ่งคืนจึงพยายามประคองสติเอาไว้....อ่า ถึงแม้ว่าเงินที่จ่ายไปนั้นจะไม่ใช่เงินของผมก็เถอะ....

หลังจากปฏิเสธความหวังดีของวิคเตอร์และอาร์ที่จะพาไปส่งที่ร้านผมก็เดินเตร่เรื่อยอย่างไม่มีจุดหมาย ตลอดสองวันไม่รวมวันที่ผมหลับไม่ได้สติผมยังคงไม่เจอหน้าของเด็กหนุ่มร่างสูงคุ้นเคยที่อาร์บอกว่าเขานั่งเฝ้าอยู่ข้างๆเตียงทั้งวันทั้งคืน ...ทั้งๆที่ทำแบบนั้นแต่พอผมฟื้นกลับไม่ยอมมาเจอหน้า

ผมเผลอขบริมฝีปากตัวอย่างโดยไม่รู้ตัว จำต้องสะบัดหัวเบาๆเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านก่อนสายตาจะหันไปเห็นร้านกาแฟเล็กๆตั้งไม่ห่างไปมากนัก ถึงแม้จะเพิ่งออกจากโรงพยาบาลแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนคนป่วยมากนักถ้าไม่นับผ้าพันแผลที่อยู่บนร่างกายหลายจุดตรงกันข้ามกลับรู้สึกตาสว่างโร่ไม่อ่อนเพลียหรืออยากนอนพักสักนิด

ผมผุดลุกขึ้นแทบจะเร็วกว่าความคิดก้าวตรงไปยังเป้าหมายที่เห็นเมื่อครู่ ...ผมยังไม่อยากกลับไปที่ร้านตอนนี้...

ไม่รู้ว่าเพราะผมกลัวว่าถ้ากลับไปแล้วอาจจะเจอใครอยู่ที่นั่น
หรือ กลัวว่าถ้ากลับไปแล้ว...อาจจะไม่เจอใครอยู่ที่นั่นกันแน่....

ผมจ้องมองขนมปังปิ้งราดด้วยนมเนยหนึ่งชุดและแก้วชานมเย็นขนาดกลางที่ตั้งอยู่บนโต๊ะกระจกใสอย่างคนทำอะไรไม่ถูก เพิ่งรู้ว่าตัวเองไม่อยากอาหารก็ตอนที่ทีอาหารวางอยู่ตรงหน้า แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จำตั้งใช้ซ่อมจิ้มขนมปังที่ถูกหั่นเป็นชิ้นเข้าปากไปหนึ่งคำตามด้วยจิบชานมอีกหนึ่งอึกก่อนจะเอนหลังพิงกับพนักโซฟาหนานุ่ม

หลังจากเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเองผมก็ไม่ค่อยได้เข้าร้านกาแฟอื่นมากนัก ครั้งนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกในรอบปี
ภายในร้านตกแต่งด้วยไฟสีขาวนวลและชุดโซฟาสีเบจหน้านุ่ม ผนังโดยรอบเป็นกระจกทั้งสามด้านให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง ถึงจะเป็นร้านกาแฟเล็กๆแต่ก็ไม่ให้ความรู้สึกอึดอัด

ภายนอกร้านดูเงียบสงบแทบจะนับรถที่ผ่านไปมาได้ แต่ด้านในเปิดเพลงสากลที่ขับร้องโดยนักร้องสาวเสียงสดใสแต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยทำให้ผมอยากอาหารมากขึ้น แก้วเครื่องดื่มที่น้ำแข็งละลายจนเปลี่ยนเป็นสีอ่อนให้รสชาติแปร่งไปจากตอนแรกเล็กน้อย ส่วนขนมปังที่ต่อให้ผมจะใช้ความพยายามมากแค่ไหนก็ทานหมดไปแค่หนึ่งแผ่นเท่านั้น สุดท้ายผมก็ยอมแพ้และออกจากร้านมาทิ้งของที่สั่งแต่พร่องไปไม่ถึงครึ่งเอาไว้ ยังดีที่ผมจ่ายเงินไปตอนสั่งอาหารแล้วไม่อย่างนั้นคงรู้สึกผิดขึ้นกว่าเดิมถ้าหากเดินไปจ่ายเงินทั้งที่ยังเหลืออาหารอยู่เต็มโต๊ะ



แสงไฟสีส้มจากถนนฉาบให้บริเวณรอบๆเป็นสีแปลกตา ผมสูดหายใจลึก คิดว่าคงจะได้เวลากลับร้านได้แล้ว ตลอดเวลาที่ผมต้องนอนอยู่โรงพยาบาลร้านก็คงต้องปิดไปอย่างช่วยไม่ได้ และผมก็คิดว่าคงต้องหยุดวันพรุ่งนี้อีกหนึ่งวันเพื่อทำความสะอาดร้านและเตรียมวัตถุดิบทำขนมซึ่งผมคาดว่านมที่แช่เอาไว้ในตู้เย็นถ้าไม่หมดอายุไปแล้วก็คงจะใกล้เต็มที รวมถึงอาหารสดที่ผมต้องใช้ทำอาหารเลี้ยงชีพตัวเองด้วยอีกส่วนใหญ่ๆ


"ตึก! ตึก ตึก!" เสียงบอลที่น่าจะเป็นลูกบาสกระทบพื้นเป็นจังหวะทำให้ผมขมวดคิ้ว ไม่คิดว่ามืดค่ำขนาดนี้จะยังมีใครมาเล่นบาสอยู่อีก

ผมเปลี่ยนใจที่จะออกไปโบกแท็กซี่กลับร้านและเลี้ยวเข้าไปตามทางเดินเล็กๆข้างร้านกาแฟ พบกับอาคารที่น่าจะเป็นหอพักสูงสี่ชั้นค่อนข้างเก่า สังเกตุได้จากผนังสีขาวครีมที่ลอกออกจนเห็นเนื้อปูนหลายจุด ด้านหลังเป็นสนามบาสเก็ตบอลเล็กๆ มีเสาไฟให้ความสว่างเพียงสองจุดเท่านั้น

ร่างสูงคุ้นตากำลังวิ่งไปมาอย่างคล่องแคล่วภายในพื้นที่สนามคอนกรีด มือทั้งสองข้างบังคับลูกบาสได้ราวกับจับวางส่งลงห่วงลูกแล้วลูกเล่า

"สวบ! สวบ! สวบ!" เสียงลูกบาสถูกโยนลงห่วงลอดผ่านตาข่ายผ้าเก่าๆที่ขาดแหว่งไปบางส่วนซ้ำๆ

ผมเดินเข้าไปภายในบริเวณสนามยืนพิงกรงตาข่ายที่ใช้ล้อมรอบสนามกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากการเล่น

"ปั้ง! ตุบ ตุบ" สูงบาสสีเข้มเปื้อนฝุ่นกระแทกกับขอบห่วงกระเด็นออกมาและกลิ้งกระดอนมาตอบพื้น ก่อนจะค่อยๆกลิ้งช้าลงตามแรงเฉื่อยและหยุดลงตรงปลายเท้า ผมก้มลงไปเก็บใช้มือทั้งสองข้างประคองเอาไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับเด็กหนุ่มร่างสูงคุ้นเคยยืนอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว

เจย์อยู่ในชุดเสื้อกล้ามพอดีตัวสีดำสนิทที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อและกางเกงกีฬาขายาวสีเดียวกัน แผ่นอกที่มีมัดกล้าวแข็งแรงแบบนักกีฬาขยับขึ้นลงถี่รัวตามจังหวะการหายใจ ช่วงไหล่และตลอดลำแขนเป็นมันวาวเมื่อสะท้อนกับแสงไฟจากของเหลวที่ถูกขับออกมาทางผิวหนัง ดวงตาคมโตสีดำจ้องมองนิ่งท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด

"ทำไมมาอยู่ที่นี่"

"...พี่ออกจากโรงพยาบาลวันนี้"

"แต่ผมบอกหมอว่ายังไม่ให้กลับ"เจย์ว่าเสียงเข้มพร้อมกลับขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก

"พี่คุยกับหมอแล้ว จริงๆไม่ได้เป็นอะไรมากซักหน่อย เจย์จะให้อยู่นานๆทำไมน่ะ มันเปลืองเงิน" ผมอดบ่นต่อไม่ได้ ความรู้สึกเลวร้ายที่ได้เห็นจำนวนเลขศูนย์ต่อขบวนกันเป็นแถวในตอนชำระเงินยังคงฝังแน่นในสมอง (ถึงแม้จะเป็นเงินของคนตรงหน้านี้ก็เถอะ) ขืนผมยังจะนอนต่ออีกคงต้องจำนองร้านเพื่อมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอาก็ได้

"ผมให้หมอตรวจร่างกายคุณทั้งตัว...จะให้เข้าเครื่องเอ็กซเรย์แล้วก็ตรวจเฉพาะที่... นี่เขาตรวจสมองคุณรึยัง...."

"เจย์..." ผมเรียกขัดก่อนจะยืดยาวไปกว่านี้ รู้สึกตลกเล็กน้อยที่คนไม่ค่อยสนใจอะไรแบบเขาจะมาจู้จี้จุกจิกกับเรื่องนี้ ผมยิ้มปกปิดอาการกลั้นหัวเราะของตัวเองก่อนจะพูดต่อ

"ดูสิ พี่ไม่ได้เป็นอะไร แข็งแรงดี"

"...."

"หมอบอกว่าจริงๆกลับบ้านได้ตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว"

"...."

"...ขอบใจมากนะ"

"เรื่องอะไร" เด็กหนุ่มถามและค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น ลมหายใจที่เคยหอบถี่เพราะความเหนื่อยตอนนี้กลับคืนสู่ระดับปกติแต่ยังคงมีเหงื่อเม็ดเล็กไหลซึมออกมาจ้างข้างขมับหยดลงตรงข้างแก้มเนียน

"ก็ที่ช่วยพี่ไว้ แล้วก็ค่ารักษา... พี่จะหาเงินมาคืนให้นะ" ถึงจะเยอะพอสมควรแต่ผมก็พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง คงพอจะคืนค่ารักษาได้

"ไม่ต้องหรอก"

"หืม? ไม่ได้หรอก เงินเยอะขนาดนั้น"

"ผมติดหนี้คุณอยู่"

"หนี้?" ผมจำไม่ได้ว่าเด็กหนุ่มเคยมาหยิบยืมจำนวนมากขนาดนั้นจากผมตอนไหนยิ่งกว่าแปลกใจที่ผมมีเงินขนาดนั้นให้เขายืมได้ยังไงเสียอีก ถึงแม้เจย์จะเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยแต่เขาก็ไม่ใช่คนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สิ่งของราคาแพงหลายชนิดก็มักจะใช้ตามที่ที่บ้านจัดหามาให้แถมบางทีเจ้าตัวก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันราคาเท่าไหร่ เว้นแต่จะตั้งใจซื้อด้วยตัวเอง เด็กหนุ่มเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา

"ค่าขนมที่ร้าน"
"....หึหึ ตลกแล้ว มันไม่ได้เยอะขนาดนั้นซักหน่อย"

"...."

"อีกอย่าง พี่ไม่ดะ..." เสียงถูกกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อเจย์ที่ขยับเข้ามาประชิดตั้งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้โถมตัวลงมากอดผมเอาไว้ แขนทั้งสองข้างรัดตัวแน่นจนผมเผลอปล่อยลูกบาสที่ประคองอยู่ตกลงบนพื้น เสียงลูกบาสกระดอนไปกับพื้นคอนกรีดดังเป็นจังหวะแทบจะในขณะเดียวกับที่เด็กหนุ่มขยับประชิดจนร่างกายของเราแนบกันสนิทแทบไม่เหลือช่องว่าง

"เจย์...?" ผมพยายามหันไปพูดกับศีรษะที่ซบลงมาบนไหล่นิ่ง เส้นผมตัดสั้นสีดำสนิทเส้นเล็กละเอียดนุ่มเหมือนขนแมวเปียกชื้นเล็กน้อยกำลังคลอเคลียอยู่บริเวณข้างแก้มและลำคอ

"...นึกว่าจะเป็นอะไรไปแล้ว..." เด็กหนุ่มพูดขึ้นเหมือนพึมพำกับตัวเอง เสียงทุ้มฟังดูอู้อี้จนต้องเงี่ยหูฟัง

"...คุณเลือดออก...เต็มไปหมด"

"...."

"เรียกเท่าไหร่คุณก็ไม่ฟื้น"

"...."

"....ผมนึกว่าคุณ...." เจย์เงียบไปแต่ออกแรงรัดแขนทั้งสองเข้ามาแน่นจนผมขยับไปไหนไม่ได้ เสียงถอนหายใจเบาๆดังอยู่ข้างหูจนอดลงสารไม่ได้


ถึงเขาจะดูเป็นผู้ใหญ่ยังไงแต่ในความเป็นจริงเขาก็ยังคงเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น และยังเคยมีความทรงจำร้ายๆกับเหตุการณ์ที่คล้ายๆกัน จะเสียขวัญมากก็คงไม่แปลก


"พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว ...ไม่มีอะไรแล้วนะ" ผมลูบหลังเขาเบาๆและเปลี่ยนมากอดตอบเอาไว้

"...."

"ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง..."

ความเงียบงันค่อยๆโรยตัวลงมาอีกครั้ง ไม่มีใครส่งเสียงอะไรออกมาอีก เงียบจนได้ยินเสียงหายใจเบาๆข้างหู แผ่นอกที่แนบชิดกันทำให้รับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจอีกฝ่ายได้ชัดเจน มันเต้นเบาและเป็นจังหวะไปพร้อมๆกับหัวใจของผม


...เราเพียงแค่กอดกันไว้แบบนั้น...และปล่อยให้การกระทำอธิบายทุกอย่าง


ในตอนนี้ความเงียบไม่ได้น่าอึดอัดอีกต่อไปแล้ว....






เรากลับมาถึงร้านในเวลาเกือบจะสี่ทุ่ม ร้านค้าต่างๆปิดกันเกือบจะหมดแล้วเหลือเพียงร้านอาหารแผงลอยไม่กี่แห่งและร้านสะดวกซื้อเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงที่มีสาขาตั้งอยู่ตรงข้ามกันสองฝั่งถนน

หลังจากเดินเท้าออกจากโรงพยาบาลมาได้เกินครึ่งทางเราก็แวะร้านอาหารตามสั่งที่ยังเปิดอยู่พร้อมกับจัดการอาหารเย็นที่เมื่อตอนเย็นแทบไม่มีความรู้สึกหิว ดูเหมือนเจย์ก็ยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เย็นเหมือนกัน ดูจากที่เขาจัดการกับข้าวผัดหมูสองจานให้หายเกลี้ยงไปในพริบตา


ผมนอนหงายกระพริบตานิ่งๆมองฝ้าเพดานสีขาวกลางเก่ากลางใหม่บนห้องนอนที่คุ้นเคย เสียงน้ำจากฝักบัวกระทบพื้นไม่ขนาดสายดังลอดออกมาจากห้องน้ำ เพราะเจย์ทานข้าวเข้าไปซะเยอะผมจึงให้เขารอจนผมอาบน้ำเสร็จก่อนค่อยอาบทีหลัง ไม่อย่างนั้นคงปวดท้องแย่

พลิกตัวเอื้อมไปหยิบสมุดโน้ตเล็กๆข้างเตียงที่จดตารางในแต่ละวันไว้ขึ้นมาอ่าน หลังจากที่ตัดสินใจปิดร้านพรุ่งนี้เพิ่มอีกหนึ่งวัน ผมคงต้องทำความสะอาดร้านที่ฝุ่นเริ่มจับตัวเล็กน้อยและออกไปซื้อวัตถุดิบทำขนมและอาหารสดเพิ่ม ว่าแล้วก็อดเสียใจผักสดที่ซื้อมาตุนไว้ในตู้เย็นที่เหี่ยวจนใกล้จะเน่าพร้อมกับนมที่เลยวันหมดอายุมาแล้วเกือบสองวันอย่างเสียดาย

ผมหลับตาลงปล่อยให้สมองค่อยๆครุ่นคิดและเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ที่ควรจะทำในวันพรุ่งนี้ เสียงน้ำไหลหยุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมรู้สึกง่วงขึ้นมาจริงๆจนแทบไม่ได้สนใจแรงยุบบนเตียงฝั่งตรงข้ามจนกระทั่ง...

"อะ! เฮ้ย เจย์!" ผมตกใจตาสว่างขึ้นมาทันทีเมื่อจู่ๆเด็กหนุ่มที่ยังเนื้อตัวเปียกชื้นสวมเพียงกางเกงนอนใส่สบายสีดำสนิททิ้งตัวลงมากอดผมไว้จนเกือบจะกลายเป็นนอนทับ รู้สึกราวกับตัวเองจมหายลงไปในฟูกหนามากกว่าปกติถึงเท่าตัว

เจย์ไม่ได้ตกใจหรือเลิกล้มการกระทำที่ทำอยู่ เพียงแต่นอนนิ่งๆไม่ขยับไปไหน ผมนุ่มมีกลิ่นแชมพูแบบเดียวกับที่ผมใช้อยู่เป็นประจำเกลี่ยนอยู่ข้างแก้ม ลมหายใจร้อนเป่ารดซอกคอเป็นจังหวะ

"นึกว่าหลับไปแล้ว"เสียงทุ้มตอบกลับมาเป็นประโยคคำถามก็ไม่ใช่ประโยคบอกเล่าก็ไม่เชิงจนผมอดประชดไปไม่ได้

"ก็เกือบแล้วล่ะ ถ้าไม่มีใครก็ไม่รู้กระโดดมานอนทับน่ะ"

"อืม... งั้นผมมาเร็วไป น่าจะรอให้คุณหลับก่อน"

"หา!? นี่เจย์คิดจะทำอะไรพี่!" ผมพยายามผลักตัวหนักอึ้งด้านบนออกเพื่อนที่จะคุยกันได้ถนัดแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จยังคงรู้สึกคันยิบๆที่ต้นคอคาดว่าน่าจะเป็นไรหนวดของคนด้านบน

"ก็...ทำเหมือนทุกครั้ง"

"...."

"....หึหึหึ" ผมที่นิ่งค้างไปตั้งแต่ประโยคเมื่อครู่รู้สึกตัวอีกครั้ง คราวนี้ออกแรงทุบหลังเขาไปหนึ่งครั้ง

"หมายความว่ายังไง ที่ว่าเหมือนทุกครั้ง ห้ะ!?"

"...."

"เจย์! ถ้าไม่ตอบพี่จะออกไปนอนข้างนอก" เมื่อพูดดีๆไม่ได้ก็ต้องลองขู่

"หึหึ คุณน่ะหลับลึกชะมัด ...ขนาดทั้งกอดทั้งหอมก็ไม่รู้สึก"

"หะ..."ผมได้แต่อ้าปากค้างไม่รู้จะพูดหรือจัดการยังไงกับเด็กคนนี้ดี พยายามผลักบ่าหนาออกเพื่อจะได้สบตากันชัดๆแต่ก็ไม่เป็นผล

พลางให้ผมนึกไปถึงฝันแปลกๆอยู่ช่วงหนึ่งที่เหมือนมีสัตว์ขนนุ่มๆมาคลอเคลีย บ้างก็รู้สึกเหมือนถูกงูรัดจนหายใจไม่ออก จังหวะเดียวกับที่เด็กหนุ่มยันตัวลุกขึ้นและจ้องมองลงมาที่ผมตรงๆ ริมฝีปากบางสวยเม้มเข้ามากันแน่นจนเกือบจะเป็นเส้นตรง ยกขึ้นหน่อยๆเหมือนกำลังยิ้ม ดวงตาสีดำสนิทแวววาวเป็นประกายราวกับรู้ว่าผมนึกอะไรได้ขึ้นมา

ผมไม่เคยมีปัญหากับการใช้เตียงนอนร่วมกับคนอื่นถึงแม้ว่าจะนอนคนเดียวมาตลอด ถึงจะมีบ้างที่สมัยเด็กจะไปนอนค้างบ้านเพื่อน จนถึงตอนนี้ นานๆทีก็จะหาโอกาสนัดเจอกลุ่มเพื่อนสนิทและออกไปเที่ยวค้างคืนด้วยกันบ่อยๆ ที่ผ่านมาผมเห็นเจย์เป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่งรวมถึงความสนิทที่ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นจากวันแรก การให้ที่พักและนอนร่วมเตียงเดียวกันจึงไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับผม นั่นก็เพราะตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับผม


...แต่ตอนนี้มัน...


"ห้ามนะ! ที่ผ่านมาจะทำอะไรก็ช่าง แต่ตอนนี้ไม่ได้" ผมพูดรัวพลางพลิกตัวหนีออกมาจากวงแขนที่ครอบทับ เจย์ขยับลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิพลางใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่คล้องคอไว้เช็ดผมที่เปียกชื้น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

"ทำไม?"

"...."

"...."

"ก็...เออ...ตอนนี้มัน ..ไม่เหมือนเดิม"

"ไม่เหมือนเดิม?"

"...อืม"

เราจ้องตากันเงียบๆโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา ดวงตาสีเข้มมองลึกเข้ามาแต่ผมก็ไม่รู้ว่าเจ้าของกำลังคิดอะไรอยู่ จนกระเด็กเด็กหนุ่มค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา

เขาเป็นคนเงียบขรึมและมักแสดงความรู้สึกออกมาทางการกระทำมากกว่าคำพูด ปกติเขาไม่ค่อยยิ้มหรือหัวเราะต่อหน้าคนอื่นๆและถึงแม้ว่าจะอยู่ด้วยกันแค่สองคน มากที่สุดก็แค่ยิ้มมุมปากกับหัวเราะในลำคอเบาๆเท่านั้น แต่ตอนนี้..


เจย์กำลังยิ้ม...ยิ้มกว้างแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้ผมกำลังตะลึงกับความดูดีของคนตรงหน้า ดวงตาเรียวคมหยีเล็กจนกลายเป็นรูปครึ่งวงกลมปากบางยิ้มกว้างจนเห็นฟันสีขาวนวลเรียงตัวเป็นระเบียบตลอดแนว แก้มทั้งสองข้างเหมือนลูกซาลาเปากลมๆจนดูน่าดึงเล่น เขาเป็นคนที่ยิ้มแล้วดูดีจนคนที่เจอหน้ากันทุกวันอย่างผมยังต้องตะลึงจนกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็ต้องเงียบไปพักหนึ่ง

"..ยิ้มอะไร"

"คุณยอมรับแล้วใช่มั้ย"

"ระ เรื่องอะไร" ผมถอยหลังไปจนชิดกับหัวเตียงเมื่อเจย์ขยับเข้ามาใกล้

"เรื่องผม"

"...."

"คุณรู้สึกแบบเดียวกับผม...ใช่มั้ย"

"...."

"ผมถือว่าคุณไม่ปฎิเสธ" เจย์ยังคงยิ้มและขยับเข้ามานั่งใกล้จนขาของผมเกยอยู่บนตักของเขา

"ผมชอ..."

"พอแล้ว!" ผมร้องพลางยกมือขึ้นปิดปากเขา

"...พูดครั้งเดียวก็พอ พี่รู้แล้ว" ผมพูดเบาๆก่อนจะลดมือลง

"หึหึหึ" เจย์ยังคงหัวเราะเบาๆก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ดวงตาสีดำสนิทใสเหมือนกับแก้วอยู่ห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือ

ผมรู้แล้วว่าเขารู้สึกยังไงและรู้ว่าเขากำลังรอฟังคำพูดอะไรจากปากของผม แต่เรื่องนั้นผมคงยังบอกเขาตอนนี้ไม่ได้...

ตอนนี้เขายังเด็ก ยังมีโอกาสเจอคนดีๆอีกมาก ผมไม่อยากให้คำพูดเพียงคำเดียวของตัวเองเป็นสิ่งฉุดรั้งอนาคตของเขา...และบางที ผมอาจเป็นคนเห็นแก่ตัวเกินกว่าจะปล่อยเขาไปหากมีวันที่เขาไม่ต้องการจะอยู่กับผมแล้ว

ใครจะไปรู้ วันหนึ่งเขาอาจจะเจอคนที่น่าสนใจมากกว่าเจ้าของร้านกาแฟเก่าๆคนนี้ก็ได้




"นี่..." เสียงเรียกเบาๆจะเหมือนกระซิบดังขึ้นทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิด ดวงตาที่จ้องกลับมาของเจ้าของเสียงเรียกทอประกายอ่อนโยนพร้อมกับรอยยิ้มจางๆที่มุมปาก

"ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรคุณถึงไม่ยอมพูดออกมา..."

"แต่เมื่อคุณมีเหตุผลที่จะไม่พูด...ผมก็มีเหตุผลที่จะรอ" คำพูดของเจย์ทำให้ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ ถึงเขาจะดูเป็นผู้ใหญ่ยังไง ในเนื้อแท้ของเขาก็ยังคงเป็นเด็กจิตรใจบริสุทธิ์ไร้เดียวสาเหมือนผ้าขาว

"หึหึหึ เด็กน้อยเอ้ย!" ผมหัวเราะพลางยกมือขึ้นดึงแก้มใสนิ่มลื่นทั้งสองข้างจนยืดออก เจย์มีท่าทางตกใจเล็กน้อยกับการกระทำที่ผมไม่เคยทำมาก่อนแต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา

แต่แล้ว...ประกายตาขี้เล่นเปลี่ยนเป็นวาววับจนผมต้องยิ้มค้าง

ใบหน้าคมเข้มที่อยู่ใกล้จนได้รับไออุ่นจากลมหายใจเป่ารดใบหน้าโฉบเข้ามาใกล้จนตั้งตัวไม่ทัน ริมฝีปากบางทางประกบกับปากของผมอย่างรวดเร็วพร้อมกับลิ้นนุ่มหยุ่นที่ลอดแทรกรุกล้ำเข้ามาในโพรงปาก ลำตัวถูกกอดรัดแน่นจนขยับหนีไม่ได้แม้แต่ท้ายทอยก็ยังถูกกดเอาไว้ด้วยมืออีกข้างของเขา

ลิ้นเปียกชื้นเกี่ยวกระหวัดพัวพันกันในโพรงปากเลาะไปตามแนวฟันและพันเกี่ยวลิ้นไปมาจนผมเริ่มตาพร่า ลมหายใจขาดห้วงจนรู้สึกว่าเกือบจะเป็นลมถ้าหากคนฉวยโอกาสไม่ถอนริมฝีปากออกไปเสียก่อน

ภายในห้องเงียบได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจของตัวเองที่พยายามกอบโกยอากาสที่สูญเสียไปเข้ามาในปอด เลือดทุกจุดดูเหมือนถูกสูบฉีดขึ้นมาบนใบหน้าจนรู้สึกร้อนแทบระเบิด ผมจ้องมาเจย์นิ่งอย่างตกใจ ไม่สามารถพูดหรือแสดงอะไรออกมากับการฉวยโอกาสเมื่อครู่ได้

เด็กหนุ่มแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากเบาๆพร้อมกับคำพูดที่แทบทำให้ผมเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเด็กบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเขาเมื่อครู่ทันที









"....แต่จูบนี้...ผมไม่รอแล้วนะ"









.........................................

 :o8: :o8: :o8: :pig4:

ออฟไลน์ NineTails

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งื้ออ น่องเจน่ารักเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มมากๆเลย น่ารักกก

ออฟไลน์ packy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :hao7: :hao7: น่ารักมากกก ก ไกล้านตัว

ออฟไลน์ ~PopPin[Pim]~

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :o8: :o8: เขาดีกันแล้ววววว โธ่ พี่มิณนี่ก็แอบคิดมากเหมือนกันเนอะ น้องเจย์รักออกขนาดนั้น :z1: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
จูบกันเสียที รอมาน้าาาานนนนนนนนนนนนนนนน

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
รอสิ รอตอนต่อไป อ้ากกกกกก
 :ling1: 

ออฟไลน์ thepopper

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
งื้ออออออออ
เขินนนมากกกกก
 :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
กรี้ดดดดดดด
ไม่ต้องรอค่าาา ทั้งจูบจับกอดไม่ต้องรอออ
รุกหนักๆเลยเจย์ๆ
รอต่อไปปป

ออฟไลน์ purple

  • Aventador FC
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อ๊ากกกกกกก เจย์ร้ายกาจจจจจจจ ><
เข้าใจกันแล้ววว ดีใจๆ

ออฟไลน์ nalavanh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
น้องเจย์เจ้าเล่ห์มากกกกก

 :pig4: :กอด1: :L1:


ออฟไลน์ basanti

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เขาจุ๊บกันแล้ว  :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ cinnsin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คุณแม่ขาาาเขาใกล้จะได้กันแล้วค่าาาา > < *แทะฟูก*

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2

บริสุทธิ์ ร้ายเดียงสานะเจย์
พี่มินแพ้ทางเด็ก  :-[

ออฟไลน์ BlueWizard

  • Friendly & optimistic
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 o13 เยี่ยมมากเจย์  :hao7:  และแล้วก็รอฉากต่อปายย  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ IVY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Chapter 11








แสงแดดอ่อนๆส่องลอดช่องว่างของผ้าม่านสีเบจเข้ามาจนปลุกให้ผมตื่นขึ้นในเวลาที่สายกว่าปกติ รู้ได้จากแสงแดดที่อุ่นกว่าตอนเช้าตรู่และเสียงความเคลื่นไหวคึกคักจากถนนด้านนอก นาฬิกาที่บอกเวลาอีกครึ่งชั่วโมงจะได้เวลาเคารพธงชาติยามเช้ากระตุ้นให้ผมขยับตัวลุกขึ้นจากฟูกหนานุ่ม วันนี้มีอะไรต้องทำอีกมากแต่ดูเหมือนการเริ่มต้นจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

"เจย์" ผมเรียกเจ้าของท่อนแขนหนักอึ้งที่พาดผ่านลำตัวเบาๆ ใบหน้าคมซบลงกับท้ายทอยผมจนไม่กล้าขยับเพราะกลัวเขาจะตกใจตื่น

"...."

"นี่ พี่ต้องไปจัดร้านแล้ว"

"...."

"เจเจ ตื่นแล้วใช่มั้ย พี่รู้นะ" ผมพูดหลังจากลมหายใจสม่ำเสมอที่เป่ารดอยู่หายไปพร้อมกับแขนที่รัดแน่นทำให้ผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ ที่ผ่านมาถึงจะนอนเตียงเดียวกันทุกคืนเราก็แทบจะไม่แตะต้องตัวกันเลยซึ่งต่างออกไปจากตอนนี้ จริงๆแล้วถ้านับที่เจย์เป็นต้นเหตุของฝันแปลกๆของผมแล้วล่ะก็ ดูเหมือนนี้จะไม่ได้แปลกใหม่สำหรับเขามากนักแค่เปลี่ยนจากตอนที่ผมหลับเป็นตอนตื่นเท่านั้น

เฮ้อ คิดแล้วมันน่านัก!

คราวนี้พลิกตัวกลับไปแบบไม่ต้องกลัวเด็กหนุ่มจะตื่นพร้อมกับหยิกลงบนแก้มใสๆนั่นจนยืดยานติดปลายนิ้ว

"อื้อ ทำอะไร" ดวงตาเรียวคมสีดำสนิทหรี่ปรือขึ้นมองอย่างงัวเงียพร้อมกับคิ้วเข้มที่ขมวดมุ่น

"ปล่อย พี่จะลุกแล้ว"

"...ไม่"

"เจย์"

"...."

"นี่ อย่าดื้อสิ เรื่องเก่ายังไม่เคลียเลยนะ" ผมพูดเมื่อไร้การตอบสนองจากร่างข้างๆ เจย์ขยับชันตัวขึ้นใช้ข้อศอกตั้งกับเตียงและใช้มือรองศีรษะไว้

"เรื่องเก่า?"

"อาร์บอกว่าเธอไม่ไปเรียนหลายวันแล้ว"

"...ใช่"

"ทำไมไม่ไป"

"เพราะใครกันล่ะ" เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเริ่มทำหน้าบึ้งส่วนผมก็ยันตัวลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเตียง

"หืม? ใคร พี่เหรอ เกี่ยวอะไรกัน"

"ก็ต้องไปเฝ้าคุณที่โรงพยาบาลน่ะสิ!" เจย์ตอบน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อผมทำหน้าเหลอหลา

"ไม่จริง พี่ยังไม่เคยเห็นเจย์เลยซักครั้ง" ผมเถียง

"ก็...ก็คุณหลับอยู่"

"นี่อย่าบอกนะว่ารอจนดึกแล้วค่อยมาน่ะ"

"...อืม"

"แล้วทำไมไม่มาหาพี่ตอนตื่น"

"จิ๊ อย่าถามมากได้มั้ย" ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอพลางพลิกตัวหันหลังดึงผ้าห่มขึ้นคลุ่มทั้งตัว ทำท่าจะนอนต่ออีกครั้ง

"เดี๋ยวเจย์ ห้ามนอนต่อ... วันนี้ต้องไปโรงเรียนนี่!?" ผมเหลือบไปมองปฏิทินข้างนาฬิกาปลุกแล้วรีบผุดลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ วันนี้ไม่ใช่วันหยุดนี่นา ผมลืมไปเสียสนิท

"ไม่ไป"

"เจเจ ห้ามดื้อ! เป็นเด็กต้องมีหน้าที่ไปโรงเรียน" ผมว่าพร้อมกับดึงผ้าห่มสีขาวที่เขาใช้พันรอบตัวออกส่งผลให้เด็กหนุ่มต้องจำใจลุกขึ้นนั่งด้วยสภาพตาปรือแทบปิดและผมสีดำค่อนข้างยาวกว่าระเบียบของโรงเรียนที่ยุ่งเหยิงจนเด็กหนุ่มต้องยกมือขึ้นเสยส่วนที่ปรกหน้าออกแบบลวกๆก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ผมก็ไม่แน่ใจว่าหงุดหงิดหรือแค่แหย่เล่นกันแน่

"ไม่ได้เจอกันตั้งนานพอได้อยู่ด้วยกันคุณก็ไล่ผม?"

"พี่ไม่ได้ไล่ซักหน่อย ก็เธอต้องไปโรงเรียน" ผมตอบ "อีกอย่างนะ คนที่คอยแต่จะหลบหน้าพี่ก็เจย์เองไม่ใช่รึไงน่ะ!" อดว่าเขากลับไปไม่ได้ ตัวเองเป็นคนหลบหน้าผมตลอดแท้ๆ...แล้วยังจะนั่งยิ้มอีกนะ!

"ยิ้มอะไร"

"หึหึ อ้อ คุณงอนผมเรื่องนี้?"

"เปล่า ใครงอน" ผมว่าเสียงขุ่นพลางเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนักเรียนออกมาหนึ่งชุด ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า ที่รู้สึกว่ารอยยิ้มของเจย์ไม่ได้ดูน่ารักใสซื่อเหมือนเมื่อคืนอีกต่อไป แถมยังรู้สึกถูกคุกคามและครอบงำแบบแปลกๆอีกต่างหาก



"เฮ้ยย ทำอะไร" ผมสะดุ้งสุดตัวจนเผลอร้องออกมาเมื่อเด็กหนุ่มที่กำลังนินทาอยู่ในความคิดมายืนซ้อนจนชิดแผ่นหลังพร้อมกับมือที่เอื้อมมาหยิบชุดนักเรียนที่ผมถือออกไป

"คุณหยิบมาให้ผมไม่ใช่เหรอ" เจย์กระซิบเบาๆข้างหูจนผมขนลุกและผละออกไปก่อนที่ผมจะทันได้หันไปตี ทำให้ฝ่ามือที่เหวี่ยงออกไปฟาดผ่านอากาศเสียงดังวืด ตัวต้นเหตุหันมายิ้มขบขันขณะหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นพาดบ่าและเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ

ผมเริ่มมีความมั่นใจเกินครึ่งแล้วว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเพิ่มทวีความเจ้าเล่ห์ขึ้นมาจากแต่ก่อนหลายเท่าตัว เขาไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาก็ยังเป็นเจย์คนเดิมที่พูดน้อยและไม่ค่อยแสดงความรู้สึกเพียงแค่เหมือนกับถูกเปิดผนึกเท่านั้น...ล่ะมั้ง

ผมสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระออกไปก่อนจะตัดสินใจลงไปเตรียมอาหารเช้าง่ายๆให้เจย์แล้วค่อยขึ้นมาอาบน้ำไม่อย่างนั้นได้ไปโรงเรียนสายกันพอดี


"จริงสิ..." เจย์ที่เข้าไปในห้องน้ำแล้วเปิดประตูยื่นหน้าออกมาอีกครั้งและพูดต่อ "ผมไม่ได้หลบหน้าคุณ คุณต่างหากที่ไม่รู้ตัวว่าผมเข้าห้องมานอนด้วยทุกคืน" ว่าจบริมฝีปากบางก็เหยียดยิ้มก่อนปิดประตูตามด้วยเสียงน้ำไหลเอื่อยๆจากฝักบัวดังลอดออกมา…




...ผมคิดว่าข้อสงสัยต่างๆของผมข้างต้นได้รับการยืนยังร้อยเปอร์เซนต์แล้วล่ะ...!!!










ผมใช้เวลาช่วงเช้าหมดไปกับการปัดกวาดทำความสะอาดร้านที่เริ่มมีฝุ่นเกาะจากการปิดร้านไปหลายวันรวมถึงจัดการวัตถุดิบทำขนมและของสดใช้ทำอาหารที่เกินครึ่งได้เน่าเสียไปแล้ว ยังดีที่พอจะมีคุกกี้เหลือไว้ในตู้เย็น ผมจึงจัดคุกกี้และชงเครื่องดื่มสำเร็จรูปใส่แก้วกระดาษให้เจย์ติดไปกินที่โรงเรียน ไม่ลืมกำชับให้เขาเรียกใช้แท็กซี่ไปเรียนแทนที่จะเดินไปเหมือนทุกวัน ขืนให้เดินไปมีหวังเขาไปไม่ทันเรียนวิชาแรกแน่ๆคำนวณจากการเดินทอดน่องเอื่อยเฉื่อยแบบที่ผมและเขาชอบทำน่ะนะ

หลังจากยัดถุงขยะถุงสุดท้ายลงถังเรียบร้อยแล้วผมก็เข้าครัวทำอาหารเมนูไข่ง่ายๆทานเป็นอาหารกลางวันก่อนจะย้ายตัวเองและกองกระดาษออกมานั่งที่เคาน์เตอร์เพื่อตรวจเช็ควัตถุดิบและบัญชีรายรับและค่าใช้จ่ายของร้านซึ่งปกติผมมักจะดองไว้ระยะหนึ่งแล้วค่อยเอาออกมาจัดการทีเดียวเพราะความขี้เกียจ แต่หลังจากที่เริ่มเขียนของใช้ที่ต้องซื้อไปได้ไม่กี่รายการเสียงกระดิ่งที่ประตูร้านก็ดังขึ้น

“กรุ้งกริ้ง…”

“ขอโทษนะครับ วันนี้ร้า…” เสียงผมหายไปในลำคอเปลี่ยนมาเป็นเลิกคิ้วมองผู้มาใหม่อย่างประหลาดใจแทน ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แต่งกายด้วยชุดสูทเรียบร้อยตั้งแต่ทรงผมที่หวีเรียบไปจนถึงรองเท้าหนังที่ถูกขัดจนขึ้นเงา ดวงตาชั้นเดียวเรียวรีแบบคนเชื้อสายจีนภายใต้คิ้วเข้มไม่แสดงความรู้สึกใดๆเพียงแค่จ้องมองมานิ่งๆขณะก้าวขาเป็นจังหวะเข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เสียงทุ้มพูดตามมาเบาๆขณะที่เขามองตอบผม

“ผมไม่ได้มาซื้อของ”

“เออ…”

ชายหนุ่มตรงหน้าคือคนเดียวกันกับคนที่บ้านของเจย์ที่เคยมาร้านเมื่อคราวก่อน ผมจำเขาได้เพราะเขายังดูอายุน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นที่น่าจะสามสิบปลายๆถึงสี่สิบต้นๆกันแล้ว ชายหนุ่มก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อมองผมที่นั่งอยู่ทำให้เห็นจมูกที่โด่งเป็นสันชัดเจนจากแสงเงาที่ตกประทบใบหน้า

“ผมมาคนเดียว” ไม่รู้ว่าผมเผลอแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปแต่ถ้าเขาตอบมาแบบนี้เดาได้ว่าสีหน้าผมคงกำลังสงสัยสุดๆว่าจะมีกลุ่มชายชุดสูทเหมือนในนภาพยนต์ชื่อดังตามเข้ามาหรือไม่ ผมยิ้มเจื่อน รู้สึกเสียมารยาทที่แสดงสีหน้าอะไรก็แล้วแต่ที่ดูเหมือนจะหวาดระแวงเขาออกไปและเดาเหตุผลที่เขามาที่นี่

“เจย์ไปโรงเรียนน่ะครับ”

“ผมถูกส่งมาดูแล…แต่ไม่จำเป็นต้องพบเขา” เขาตอบเสียงเรียบก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาน์เตอร์

“ครับ” ผมยิ้มตอบขณะรินน้ำเปล่าจากเหยือกใส่ในแก้วเพื่อเสริฟให้แขกผู้มาใหม่ เขาคงถูกพ่อของเจย์ส่งมาคอยดูแลชีวิตความเป็นอยู่ลูกชายอย่างที่ผมไม่จำเป็นต้องเดา รู้สึกว่าทั้งพ่อและลูกนิสัยเหมือนกันไม่มีผิด ถึงจะบอกว่าไม่ห่วงไม่สนใจอย่างไรแต่ดูจากการกระทำแล้วเหมือนจะตรงกันข้ามกับที่พูดมาอย่างสิ้นเชิง

ชายหนุ่มเหลือบมองแก้วน้ำที่ผมวางให้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยและหันไปหยิบนิตยสารกีฬาบนชั้นวางขึ้นมาเปิดอ่านเงียบๆ

“เจย์สบายดี…ถ้าคุณเป็นห่วงเรื่องนั้น” ผมพูดยิ้มๆขณะจัดคุกกี้ใส่จานและวางลงตรงหน้าเขา “ขอโทษนะครับ ผมไม่มีขนมอย่างอื่น”

“ไม่เป็นไร” เขาตอบโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากตัวหนังสือในนิตยสาร เห็นแบบนั้นผมจึงไม่คิดจะกวนต่อและหันมาสนใจรายการอาหารที่จดค้างไว้ตรงหน้าแทน






ลมพัดเอื่อยๆจากพัดลมทำให้ในร้านเย็นสบายกว่าด้านนอกถึงแม้จะไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ ความเงียบสงบของยามบ่ายมีเพียงเสียงจากปลายปากกาของผมและเสียงพลิกหน้ากระดาษเท่านั้น ผมไม่ได้สนทนาอย่างอื่นเพิ่มเติมกับลูกค้าเฉพาะกิจตรงหน้ามีเพียงความเงียบที่ตอนแรกดูจะอึดอัดแต่เมื่อเวลาผ่านไปความรู้สึกนั้นก็ผ่อนคลายลง อาจเป็นเพราะชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้มีท่าทีคุกคามหรือไม่เป็นมิตร เป็นเหมือนลูกค้าคนหนึ่งที่นั่งเงียบๆอยู่มุมหนึ่งของร้านเท่านั้น

“พรึบ” เสียงปิดหนังสือดังขึ้นก่อนที่ลูกค้าคนเดียวของวันจะยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและหยิบธนบัตรใบหนึ่งออกมา ผมเหลือบมองนาฬิกาบนผนังและพบว่าใกล้จะถึงเวลาเลิกเรียนเต็มทีแล้ว ดูเหมือนเขาไม่ต้องการที่จะพบเจย์…ซึ่งเจย์ก็คงจะหงุดหงิดน่าดูที่มีคนคอยตามสอดส่องชีวิตแบบนี้ การหลีกเลี่ยงไม่ทำให้เขารู้จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

“ผมต้องกลับแล้ว”

“ครับ…ไม่เป็นไร ผมเลี้ยง”

“…ร้านคุณคงขาดทุนเข้าสักวันถ้ายังเอาแต่เลี้ยงลูกค้าไปทั่ว” ชายหนุ่มหรี่ตามองผมเล็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนแปลความหมายไม่ได้ว่ากำลังตำหนิ ตักเตือนหรือมีความหมายอะไรกันแน่แต่ผมก็เผลอหัวเราะออกไปเรียกให้หัวคิ้วเข้มนั้นขมวดเล็กน้อย

“คุณพูดเหมือนเจย์เลย ไม่เป็นไรหรอกครับผมเต็มใจ” ผมตอบเขาที่ถามคำถามมาทางสีหน้า ชายหนุ่มไม่สนใจคำตอบแต่กลับพูดประเด็นใหม่ขึ้นมาแทน คราวนี้เขาหรี่ตาเรียวรีมองผมอย่างจับผิด

“คุณไม่จำเป็นต้องทำดีกับผม ผมไม่ได้มีผลประโยชน์กับคุณเหมือนคุณเจย์”

“ผมไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไรจากเขา” ผมยิ้ม “นอกจากคุณจะมองว่าการช่วยทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆเป็นผลประโยชน์น่ะนะ”

“….” เขาไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ

“ผมชื่อเรมิณ คุณล่ะครับ” ผมแนะนำตัวตามมารยาททั้งๆที่รู้ว่าเขาคงรู้จักผมอยู่แล้ว

“…ชิน”

ผมมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินผ่านพ้นประตูออกไปและหันกลับมามองธนบัตรสีแดงที่ใช้จานใส่คุกกี้ทับไว้และยิ้มกับตัวเอง



….รู้สึกว่าคนบ้านนี้นิสัยเหมือนกันราวกับถอดแบบออกมา….









“อยากกินอะไรล่ะวันนี้” ผมเงยหน้าถามเด็กหนุ่มร่างสูงที่เปลี่ยนจากชุดนักเรียนมาเป็นชุดลำลองเดินอยู่ข้างกาย

ทั้งที่คิดว่าเมื่อตอนกลางวันจะออกไปซื้อของแต่กลับมีแขกมาหาอย่างไม่คาดคิด ถ้าออกไปซื้อของตอนนั้นก็กลัวจะเสียมารยาทสุดท้ายก็ต้องออกมาหลังจากที่เขากลับไปแล้วพอดีกับที่เจย์เพิ่งเลิกเรียนพอดี ตอนนี้ถุงใส่ของมากมายจึงถูกแย่งไปถือเกือบหมดทั้งที่บอกให้รอที่ร้านแต่เจ้าตัวก็โวยวายจะออกมาด้วยให้ได้ จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าผมออกไปซื้อของคนเดียวเมื่อตอนกลางวันเขาคงจะอาละวาดมากกว่าแค่โวยวายแบบนี้

“…ข้าวผัด” เจย์ตอบกลังจากนิ่งไปนิดหน่อย เขากินง่ายอยู่ง่ายเหมือนกับผมซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี
ผมเป็นผู้ชายธรรมดาๆที่ไม่ค่อยถูกกับการทำอาหารมากนักถึงแม้ว่าจะชอบทำขนมก็เถอะ แต่พวกอาหารคาวผมก็ทำได้ไม่กี่อย่าง ประเภทเทของใส่กระทะไม่ก็หม้อแล้วแค่รอให้สุกนั้นถือเป็นงานถนัดรวมถึงเมนูสารพัดไข่ที่ใช้ยันชีพตั้งแต่สมัยเรียนตั้งแต่มัธยมจนกระทั่งช่วงจบใหม่ๆ ไม่รู้จะขอบคุณธรรมชาติยังไงที่สรรสร้างวัตถุดิบอย่างไข่ขึ้นมา

“อืม…ทอดไข่ด้วยก็แล้วกัน” ผมพึมพำกับตัวเองขณะที่เราสองคนกำลังเดินทอดน่องอย่างไม่เร่งร้อนไปตามทางเดินคอนกรีต แสงแดดยามเย็นยังคงสว่างจ้าแต่ก็ไม่แสบผิว

“…คุณน่าจะปิดร้านซักวัน” อยู่ๆเจย์ก็พูดขึ้นทำให้ผมต้องหันไปมองอย่างประหลาดใจ

“หืม? ว่าไงนะ”

“ผมบอกว่าคุณน่าจะปิดร้านซักวัน”เจย์พูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย “เปิดทุกวันก็เหนื่อยเปล่าๆ”

“อืม งั้นเหรอ” ผมขมวดคิ้วไม่รู้จะตอบเขายังไง ที่ผ่านมาผมเปิดร้านทุกวัน แต่วันอาทิตย์จะปิดเร็วกว่าปกติเพราะต้องจัดการกับวัตถุดิบ ทั้งที่ต้องออกไปซื้อเองและที่สั่งมาเป็นประจำและก็ไม่ได้คิดว่าที่ทำอยู่นั้นเหนื่อยอะไร อาจคงเพราะชินไปเสียแล้ว

“ปิดวันอาทิตย์” เจย์หันมาพูดกับผม ไม่รู้ว่าเป็นประโยคคำถาม คำสั่งหรือพูดลอยๆกันแน่

“ทำไมอยู่ๆก็พูดเรื่องนี้ล่ะ”

“ไม่มีอะไร…” เจย์ตอบและเอื้อมมือมาจับข้อมือผมไว้ขณะจะเดินข้ามทางม้าลาย ดูเหมือนเขายังไม่หายหวาดระแวงเรื่องการข้ามถนนเพราะเดินเบียดผมเสียชิด

“คุณน่าจะว่างบ้าง” เขาพูดต่อหลังจากที่เราข้ามมาอยู่อีกฝั่งหนึ่งเรียบร้อย

“พี่ก็ว่างตลอด อยู่ร้านทั้งวันนั่นแหละ”

“ไม่ใช่”เขาถอนหายใจมองผมเคืองๆ “หมายถึงไม่ต้องทำอะไร”

“หึหึ งั้นพี่ก็ว่างแย่สิ”

“อยู่กับผม” ผมขมวดคิ้ว เจย์เป็นคนพูดน้อยและรวบรัดให้เป็นประโยคสั้นๆจนบางครั้งแทบจะเป็นวลีมากกว่าประโยค ซึ่งหลายครั้งผมก็ต้องถามย้ำเพราะสิ่งที่เขาพูดสามารถแปลออกมาได้หลายความหมายจนต้องถามเอากับเจ้าตัวให้แน่ใจ

“ผมหมายถึงคุณไม่ต้องทำงานแล้วอยู่กับผม…ทั้งวัน”

“อ้อ หึหึ งั้นพี่ก็ไม่มีเงินน่ะสิ” ผมพูดกลั้วหัวเราะ

“แค่วันเดียว เงินผมก็มี”

“เหรอ แต่เหมือนเด็กแถวนี้จะถูกตัดหางปล่อยวัดแล้วนะ”ผมพูดยิ้มๆทั้งที่รู้ว่าที่พูดมานั้นไม่จริง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีคนคอยตามดูแลเขาอย่างเมื่อกลางวันโผล่มา

“จิ๊ เดี๋ยวทำงานแล้วผมจะจ่ายให้”

“อ้อ แต่ตอนนี้เธอยังเรียนไม่จบมัธยมเลยนะ” เจย์หันมามองตาขวางอย่างขัดใจจนผมต้องหัวเราะขณะผลักประตูกระจกของร้านเข้าไปด้านใน

“ล้อเล่นนjะ”

“สรุปว่าปิดร้านวันอาทิตย์”

“เฮ้ย เดี๋ยวสิ พี่ยังไม่ได้ตกลงเลยนะ”

“คุณต้องอยู่กับผมเหมือนคู่อื่นสิ” เจย์หันมามองหน้าตางอง้ำแบบถูกขัดใจ

“คู่อื่น?”

“ใช่…คู่รักน่ะ” ผมรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาดื้อๆแถมมือไม้ยังอ่อนจนต้องรีบวางของไว้บนโต๊ะตัวที่ใกล้ที่สุด เจย์ยืนกอดอกมองผมนิ่งๆ ทั้งที่เมื่อกี้นี้ไม่ใช่ประโยคคำถามแต่เขาดูเหมือนกำลังรอคำตอบจากผมอยู่ ดวงตาสีเข้มจ้องมองผมนิ่งแต่ก็ยังสั่นไหวอยู่ลึกๆเหมือนกำลังลุ้นระทึกกับอะไรบางอย่าง
เขาคงอยากจะรู้ว่าผมมีปฏิกิริยาอย่างไรกับสถานะใหม่ของพวกเรา บางทีผมก็เข้าใจเขานะว่าการกระทำมันแสดงออกมาได้ง่ายกว่าคำพูดที่จะต้องเสียเวลาปั้นแต่งหรือนิยาม เหมือนกับสถานการณ์ตอนนี้ที่คำนิยามจะมาหลังการกระทำแล้วเสมอ

“ก็นะ…”ผมสูดหายใจลึกและผ่อนออกหยิบถุงใส่ของสดเอาไว้เตรียมเข้าครัว เดินเข้าไปใกล้เขาและยิ้มขณะเอื้อมมือขึ้นไปลูบกลุ่มผมนุ่มลื่นมือเบาๆ



“ค่อยเริ่มปิดอาทิตย์หน้าก็แล้วกัน”







ผมเบี่ยงหน้าหนีผมนุ่มจากศีรษะที่คลอเคลียอยู่บนไหล่จนเกือบจะหั่นผักพลาดไปหลายที อยากจะเอื้อมมือไปผลักออกถ้าไม่ติดว่ามือผมทั้งเปื้อนและถืออุปกรณ์ทำครัวอยู่จึงทำได้แค่พูดปรามเบาๆแต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรต่อร่างที่เกาะติดหนึบผมเป็นตังเมเลยสักนิด

“เจย์ไปนั่งรอไป ทำแบบนี้มันอันตราย”

“…”

“จะเกาะติดพี่อะไรนักหนา หือ?”

“คนรักกันก็ต้องอยู่ด้วยกัน” เจย์ตอบนิ่งๆขณะเอื้อมมือมาหยิบมะเขือเทศชิ้นเล็กที่หั่นทิ้งไว้เข้าปากทำให้ผมต้องตีหลังมือเขาไปทีหนึ่ง

“ขี้ตู่นะ ใครเป็นคนรักใคร”

“คุณกับผม คุณยอมรับแล้วเมื่อกี้”

“พี่เปล่า บอกตอนไหนน่ะ”

“คุณยอมปิดร้านอย่างที่ผมบอก” เขาพูด “เท่ากับคุณยอมรับแล้วนั่นล่ะ”

ผมแอบยิ้มบางๆขณะหยิบแครอทสีสวยมาหั่นต่อ กะว่าข้าวผัดวันนี้จะต้องใส่มะเขือเทศกับแครอทเยอะเป็นพิเศษเพราะเจย์ชอบแต่ก็กะจะทำแกงจืดไว้ด้วยฝึกให้เขาหัดกินผักใบเขียวบ้าง คิดว่าถ้าต้มจนเนื้อผักอ่อนนุ่มทานง่ายเขาคงจะยอมกิน

“คุยกับพ่อรึยังน่ะ”

“ช่างเขาสิ” เจย์ผละออกเล็กน้อยมองผมคิ้วขมวด “เขามากวนคุณอีกเหรอ”

“เปล่า พี่แค่ไม่อยากให้เธอผิดใจกับพ่อ”

“…เขาไม่สนใจหรอก” ผมยิ้มกับคำตอบของเขา คนบ้านนี้ห่วงก็ไม่บอกว่าห่วง ใส่ใจก็ไม่ยอมแสดงออก แม่ของเขาคงเหนื่อยน่าดูที่จะต้องคอยดูแลผู้ชายปากแข็งบ้านนี้

“ผมชอบคุณ…จริงๆ” เจย์พูดขึ้นมาหลังจากเราเงียบกันไปพักใหญ่ “คนอื่นจะว่ายังไงก็ช่าง”

“หึหึ แน่ใจเหรอ พี่มีลูกให้ไม่ได้นะ”

“ผมไม่ได้คบกับใครเพราะว่าอยากมีลูก” เสียงเข้มตอบกลับชิดหู เด็กหนุ่มผละตัวออกไปรั้งผมให้หันไปเผชิญหน้ากับเขาตรงๆใช้มือทั้งสองข้างกดไหล่ผมเอาไว้และจ้องมองนิ่ง แววตาไม่มีความล้อเล่นหรือเฉยชาแต่เต็มไปด้วยความจริงจังหนักแน่นจนผมไม่กล้าพูดอะไรต่อ

“ผมไม่ต้องการอะไรจากคุณทั้งนั้น…แค่อยู่กับผม” เจย์เม้มปาก “อยู่ด้วยกัน…นะ” บางทีสิ่งที่ยากที่สุดของคนไม่ชอบพูดก็คือการพยายามสรรหาคำพูดมาอธิบายความรู้สึกตัวเองและตอนนี้เจย์ก็กำลังพยายามทำแบบนั้นอยู่ รู้สึกเอ็นดูปนสงสารเขานิดๆจนต้องหยิบแครอทที่หั่นยาวเป็นแท่งยื่นจ่อริมฝีปากที่เม้มแน่นซึ่งเขาก็อ้าปากคาบไปอย่างว่าง่าย

“ไม่ต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นหรอก พี่ก็พูดไปอย่างนั้นแหละ” ผมยิ้มจางพร้อมกับหันมาเก็บอุปกรณ์เครื่องครัวที่ใช้เสร็จแล้วก่อนจะพูดหยอก

“เอาพวกนี้ไปล้างนะ อย่าทำอะไรแตกอีกล่ะ”

“จิ๊ อย่าสั่งเหมือนเป็นเด็ก”

“แต่เธอทำจานพี่แตกไปหลายใบแล้วนะ” เศษซากหลักฐานของจานแก้วและเซรามิกเพิ่งจะถูกผมยัดใส่ถุงดำและทิ้งไปเมื่อกลางวันนี้เอง เรียกสีหน้าบึ้งตึงงอง้ำจากเด็กหนุ่มที่กำลังยกจานชามหลายใบไปวางไว้เตรียมล้าง

“เดี๋ยวผมซื้อคืนให้ก็ได้”

“หืม? เธอมีเงินเหรอ เธอยัง…”

“พอ! เลิกพูดเรื่องผมไม่มีเงินได้แล้ว” เจย์ร้องขัดเสียงดังซึ้งทำให้ผมหัวเราะออกมาดังยิ่งกว่า มองร่างสูงโปร่งขณะพยายามใช้มือใหญ่ๆล้างจานอย่างทุลักทุเลพร้อมกับบ่นพึมพำเบาๆซึ่งผมไม่ได้ยิน แต่เดาว่าคงจะด่าผมไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง

“ฮ่าๆ เด็กดี ตั้งใจล้างให้เสร็จล่ะ พี่จะผัดข้าวรอไว้ เสร็จช้าก็ได้กินช้าเน้อ” ผมล้อเสียงสูงขณะยกกระทะขึ้นตั้งบนเตาและเทน้ำมันลงไป

“มันจะเสร็จเร็วกว่านี้ถ้าคุณเลิกกวนสมาธิผม!”

“เอ๋ ล้างจานนี่ต้องใช้สมาธิด้วยเหรอ”

“นี่คุณ!!!!”

ผมหัวเราะค้างหันกลับมาสนใจเทกระเทียมใส่ลงในกระทะที่น้ำมันร้อนได้ที่อย่างอารมณ์ดีพลางฮัมเพลงไปเบาๆ ทำเป็นไม่สนใจสายตาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันของคนอายุน้อยกว่าจากอีกมุมหนึ่งของห้อง ทิ้งความกังวลออกไปชั่วคราว

ถ้าผมเลือกที่จะหันหลังให้กับเขาในวันนี้ ตัวผมเองก็คงไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับอะไรอีกแล้วในอนาคต หากปล่อยสิ่งดีๆที่บังเอิญหลงเข้ามาในชีวิตสิ่งนี้ไป ไม่รู้ว่าจะต้องรอนานเท่าไหร่ถึงจะได้พบแบบนี้อีกครั้งหรือนี่อาจจะเป็นโอกาสดีๆเพียงครั้งเดียวที่ผมพอจะไขว่คว้ามันเอาไว้ได้



ดูเหมือนว่าก้าวแรกของสถานะใหม่ของผมและเขายังคงราบรื่นดี…







“เพล้งงง!!!!”







ล่ะมั้ง…












………………………………….


 :laugh: :laugh: :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เจเจน่ารักอีกละ เห้ออออออ


แต่ทำจานแตกนี่มาได้ไงคะเนี่ย ใช้เมลามีนช่วยได้หรือเปล่า??

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ใช่ๆ เมลามีนเถอะ

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
น่ารักแบบเนิบๆนะ. มีแฟนเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกายนะคะ อิอิ
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เจเจ...

จริงๆแล้ว นี่ตั้งใจเรียกร้องความสนใจด้วยการทำจานแตกใช่ไหม?

ออฟไลน์ purple

  • Aventador FC
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อ๋อยยยย เจเจน่ารักได้อีกกกก
มีพี่ชินมาอีกคน ดูเคร่งขรึมดีนะเนี่ย รอดูว่าจะมาอีกไหม ><
ปล. ปาหัวใจใส่พี่มิณ เขินนนนน

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
น่ารักจังเลย มาไวไวน่ะ

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9
ทำไมยิ่งอ่าน เจเจก็ยิ่งน่ารัก ^^

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
เจเจน่ารักก
พี่มินขี้แกล้งนะ55555
นี่มีความรู้สึกว่า ชินต้องมีคู่
รู้สึกได้555555

รอต่อไปค่าาาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-07-2016 17:48:51 โดย MSeraph »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด