
ตอนที่ 7
ตาณขับรถเข้าบ้านด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาดีใจที่มีลูกและมันไม่ใช่ปัญหา ปัญหาในตอนนี้อยู่ที่อังคารซึ่งยังไม่เคยปริปากบอกเขาเรื่องลูกเลยต่างหาก...แถมยังบอกว่าจะไปรับงาน แล้วก็ตั้งท่าจะหนีไปจากที่เขาอีก ทั้งๆที่มีลูกเขาอยู่ในท้องก็ยังจะไป...
“คุณจับผมขังไว้อย่างนี้ไม่ได้นะ”
ทันทีที่เดินเข้าบ้าน อังคารก็ยืนรอเขาอยู่แล้ว ตาณไม่คิดจะเถียงกับอังคารที่หน้าบ้านจึงเดินนำไปทางห้องรับแขก
“ผมมีงานต้องทำนะคุณตาณ ช่วยเข้าใจบ้างเถอะ”
ตาณยังคงนิ่งเฉย เขาไม่ได้มองไปที่อังคารเลยด้วยซ้ำ
“นี่คุณ พูดอะไรบ้างสิ!”
เสียงสะบัดอย่างเริ่มไม่พอใจ ตาณพยักหน้า ไม่ใช่ว่าเขาอยากเงียบ แต่เขายังรวบรวมความคิดไม่ได้ เขาพยายามคิดว่าสมควรจะพูดอะไรยังไงมันถึงจะไม่รุนแรงแต่ก็ต้องสื่อให้อังคารรู้ว่าเขาไม่พอใจ ตอนนี้เขายังนึกไม่ออกว่าจะพูดอย่างไร แต่เมื่ออังคารอยากให้เขาพูดเขาก็จะพูด...
“คุณจะบอกผมเมื่อไหร่ว่าคุณท้อง”
อังคารที่กำลังเตรียมจะโวยวายต่อหุบปากฉับมองหน้าตาณอย่างตกใจ ขาเผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างลืมตัว
“คุณรู้...”
ตาณหันกลับมามองหน้าอังคารถามอย่างจริงจังอีกครั้ง
“คุณคิดจะบอกผมเมื่อไหร่อัง”
สีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจ ผิดหวัง และกล่าวหา ทำเอาอังคารอ้ำอึ้ง...ตาณไม่ควรจะรู้ แล้วทำไมเขาถึงรู้ได้
“บอกผม...และอย่าโกหก”
อังคารสะดุ้งเมื่อโดนดักทาง เขากำลังคิดจะบอกตาณว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของตาณอยู่พอดี
“ต่อให้ต้องลากคุณไปตรวจที่ไหนๆผมก็จะทำ”
ตาณพูดราบเรียบ ไม่ได้ใช้น้ำเสียงคุกคามเลย แต่สำหรับอังคาร ถ้อยคำของตาณนั้นเต็มไปด้วยคำกล่าวหา แม้มันจะจริงแต่อังคารก็เริ่มโมโหขึ้นมาเสียแล้ว ทั้งโมโหที่โดนจับได้และโมโหที่เหมือนกำลังโดนขู่
“แล้วไง ลูกคุณแล้วไง ผมคงบอกคุณไปนานแล้วถ้าคุณว่างมาเจอผม ไม่มัวแต่วุ่นอยู่กับงานแต่ง แล้วพอผมรู้เรื่องงานแต่งงานของคุณ ผมจะบอกคุณไปทำไมในเมื่อคุณกำลังจะแต่งงาน”
ตาณสูดหายใจเข้าลึกอย่างระงับอารมณ์ สิ่งที่อังคารพูดมาเขาเข้าใจว่าอังคารรู้สึกอย่างไร แต่สำหรับเขา มันไม่เกี่ยวกันเลย ไม่ว่าเขาแต่งงานไปกับใคร ความจริงที่ว่าอังคารท้องลูกของเขามันก็ไม่ได้เปลี่ยน
“คุณจะแต่งงานกับใครหรืออะไรก็แล้วแต่ตามใจคุณ แต่ผมจะไม่ยอมยกลูกให้คุณหรือใครทั้งนั้น”
ตาณนวดขมับแล้วเอนพิงโซฟา เขาเหนื่อยที่ต้องพูดกับคนที่จ้องแต่จะกล่าวหา อังคารทำเหมือนเขาเป็นผู้ร้าย พูดราวกับเขาจะพรากลูกไปจากอังคารได้
“ผมเลวถึงขั้นนั้นเชียวหรืออังในความคิดคุณ”
คนโดนถามเมินหน้าหนี รู้สึกว่าตัวเองเผลอพูดอะไรแย่ๆออกไปอีกแล้ว แต่อังคารอยากแตกหัก เขาจึงเลือกที่จะไม่หยุดพูด
“ก็คุณยังนอกใจแฟนมามีผมได้เลย แล้วผมจะไว้ใจคุณว่าคุณดีได้อย่างไร...”
“แฟนผมคือคุณ”
อังคารชักสีหน้า
“อ้อ แยกแฟนกับคู่หมั้นออกจากกัน มีหลายตำแหน่งดีนะครับ”
“คุณนั่งก่อนเถอะ”
ตาณบอกด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน เขาโมโหที่อังคารปิดบังก็จริง แต่เมื่อคำนึงถึงนิสัยอีกฝ่ายก็พอเข้าใจได้ว่าที่ไม่บอก ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใดเป็นสำคัญนอกจากเพราะเขากำลังจะแต่งงานกับภาวริน
“ยืนมากๆไม่ดีเท่าไหร่หรอกมั้ง”
อังคารยอมนั่งตามที่อีกฝ่ายบอก แต่สีหน้ายังดื้อดึงอย่างไม่ยอมแพ้
“ผมจะอธิบายให้คุณฟังตั้งแต่ต้น คุณช่วยฟังอย่างเดียวโดยไม่แทรกขึ้นมาได้ไหมครับ”
คนฟังเม้มปาก หากเมื่อตาณมองอย่างขอร้องก็ยอมตกลงจะไม่แทรก
“ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวเก่าแก่ อย่างที่พวกคนข้างนอกเรียกว่าผู้ดีเก่าก็ไม่ผิด”
ตาณคิดว่าหากจะอธิบายให้อังคารเข้าใจคงต้องเริ่มตั้งแต่เรื่องของที่บ้าน
“รุ่นก่อนๆหน้าผมไม่ทราบ แต่ตั้งแต่ปู่ของผมพวกเราก็แต่งงานกับเพื่อชื่อเสียง หน้าที่ การงาน และเพื่อรักษาวงศ์ของเราไว้มาตลอด”
ไม่ใช่แค่พ่อแม่ของตาณเท่านั้น ลุง ป้า น้า อา ต่างก็แต่งงานไปเพื่อสิ่งเหล่านั้นทั้งสิ้น
“แม้จะไม่เต็มใจแต่บางคู่ก็รักกันจริงๆ บางคู่ก็อยู่ด้วยกันตามหน้าที่ พ่อกับแม่ของผมเป็นอย่างหลัง ผมกับพี่ชายและน้องชายโตมาโดยมีพี่เลี้ยงเป็นของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก”
พี่เลี้ยงที่ไม่ได้ให้ความรักความอบอุ่นอะไร พวกเขาทำตามหน้าที่ ทำตามคำสั่ง และมักไม่ค่อยอยู่ทนนัก ทำงานได้ไม่นานก็ลาออกกันไป
“พวกผมโดนสอนให้รู้ว่ามีหน้าที่อะไรบ้างมาตั้งแต่จำความได้ พอเริ่มเข้าวัยรุ่นก็มีคนสอนให้เข้าใจว่าการจะมีใครไม่ใช่เรื่องผิด แต่หากตระกูลไม่คู่ควรก็ต้องเก็บพวกเขาไว้ไม่ให้ใครรู้”
อังคารขยับตัวอย่างอึดอัด รู้สึกเหมือนตนเองเป็นอะไรสักอย่างที่โดนเก็บไว้เพื่อสนองความต้องการชั่วครู่ชั่วยาม เมื่อพอใจแล้วก็คงจะทิ้ง
“สำหรับคนอื่นการแต่งงานอาจจะเป็นการประกาศให้ทุกคนรู้ว่าพวกเขารักกัน แต่สำหรับพวกผมตามที่โดนสอนมา การแต่งงานคือการตกลงเซ็นสัญญาทางธุรกิจอย่างยั่งยืน”
ไม่มีใครในตระกูลของตาณที่มีประวัติการหย่า แต่ก็มีน้อยเหลือเกินที่มีความสุขจริงๆ
“ดังนั้นการหมั้นของผมมันก็เหมือนกับการทำข้อตกลงในธุรกิจ การแต่งงานก็เป็นเพียงเพื่อธุรกิจ”
แล้วตาณก็คงจะทำตามหน้าที่ไป หากไม่ได้เจอกับอังคาร
“แต่พวกคุณก็ดูรักกันดี”
อังคารถามอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ จากที่อ่านข่าวของตาณและภาวริน ทั้งสองคนดูรักกันดี เหมือนเป็นคู่รักธรรมดาไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเหมือนที่ตาณว่ามาสักนิด
“แม้แต่ตอนที่คุณมีผม...พวกคุณก็ยังดูรักกัน”
ตาณค่อนข้างจนใจจะอธิบาย มันเป็นอะไรที่ซับซ้อน เหมือนความเชื่อทางศาสนาที่ต่างกัน อธิบายยังไงก็คงเข้าใจกันได้ยาก แต่ตาณไม่มีทางอื่น เขาอยากให้อังคารอยู่กับเขา ไม่ใช่เพียงอยู่แต่ตัว เขาอยากให้อังคารอยู่ด้วยความเต็มใจ ดังนั้นจึงต้องพูดให้อังคารเข้าใจให้ได้
“พ่อกับแม่ผมไม่เคยมีข่าวว่าทะเลาะกันเลย”
อันที่จริงพวกเขาไม่เคยทะเลาะกันยกเว้นเถียงกันเรื่องธุรกิจ
“พวกเขาไม่ได้รักกัน ในที่สาธารณะพวกเขาจะแสดงออกอีกอย่าง แต่ในบ้านพวกเขามีแค่ความเย็นชาต่อกัน”
ผลประโยชน์เท่านั้นที่พวกเขานึกถึง สิ่งที่พวกเขาทำมันไม่ได้ผิด การแต่งงานเพื่อผลประโยชน์มีมานานตั้งแต่อดีตกาล มันก็แค่สิ่งที่ใครจะเลือกทำหรือไม่ทำ
“แต่ถ้าคุณไปพูดกับคนอื่นว่าพวกเขาไม่รักกันก็คงไม่มีใครเชื่อ เหมือนกันกับผม ภาพที่ดูเหมือนผมรักกันดีกับริน มันคือส่วนหนึ่งของหน้าที่ ผมต้องไปกินข้าวเย็นกับเธออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ผมต้องไปออกงานกับเธออย่างน้อยเดือนละครั้ง ผมและเธอต้องให้สัมภาษณ์ร่วมกันอย่างน้อยเดือนละครั้ง นี่ยังไม่นับเรื่องที่แม่ผมจัดการ ทั้งส่งของขวัญ และดอกไม้ไปให้”
ตาณรู้แค่ว่ามารดาจัดการเรื่องพวกนี้ทั้งหมด แต่เขาไม่เคยรู้ว่ามีของขวัญหรือดอกไม้ส่งไปเมื่อไหร่ และเนื่องในโอกาสอะไร พูดตามตรงคือเขามีความสนใจในตัวภาวรินน้อยมาก น้อยพอๆกับที่เธอมีความสนใจในตัวเขานั่นแหละ
“ผมโดนกรอกหูมาตั้งแต่เด็กว่าต้องทำ คุณคงนึกไม่ออกหรอกว่ามันเป็นอย่างไร”
อังคารนึกไม่ออกตั้งแต่ที่ตาณเล่าเรื่องพ่อกับแม่แล้ว แม้ตัวเขาจะเป็นเด็กกำพร้า แต่ตอนที่พ่อแม่จากไปเขาอายุเกือบสิบเอ็ดปีแล้ว ดังนั้นอังคารจึงยังจำช่วงเวลาที่อยู่กับพ่อและแม่ได้ ความรักความอบอุ่นจากบุพการีเขาไม่เคยลืม และไม่มีทางจะลืมมันไปด้วยแม้ว่าพวกท่านจะไม่อยู่แล้วก็ตาม
“ผมทำตามทางที่พ่อและแม่พยายามให้ผมเป็นมาตลอด แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง”
ครอบครัวของตาณไม่มีทางเลี้ยงลูกให้หงอแบบไม่มีความคิดอยู่แล้ว พวกเขาต้องสืบทอดกิจการ พวกเขาต้องสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงให้ตระกูล ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาคือสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าในดีตามที่ได้รับการสั่งสอนมา มันเป็นความเชื่อ เป็นการปลูกฝัง
“ผมหมั้นกับภาวรินเพราะคุณสมบัติของเธอ”
ครอบครัวของพวกเขา หากรวมกันผ่านการแต่งงานย่อมนำผลดีมาสู่ทั้งสอง แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำตามนั้น และตอนนี้ตาณได้เลือกแล้ว
“ไม่ว่ายังไง ผมก็ไม่คิดจะเป็นเมียเก็บคุณหรือยกลูกให้แน่ๆ”
“ผมไม่ได้อธิบายเพื่อขอสองอย่างนั้นจากคุณ”
ตาณมองอังคาร สบสายตานั้นเพื่อบอกให้รู้ว่าสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนี้ เขา...พูดออกมาจากใจอย่างจริงจัง
“สิ่งที่ผมอยากขอคือ ขอให้คุณแต่งงานกับผม...”
...
...
...
ความเงียบเข้าครอบคลุม อังคารอึ้งจนไปต่อไม่ถูก สิ่งที่ตาณขอมัน...มันเป็นไปได้เสียทีไหน
“คุณบ้าไปแล้วเหรอ คุณกำลังจะแต่งงานแท้ๆ จะมาแต่งกับผมอีกคนได้ไง”
ตาณส่ายหน้า ขยับลุกไปนั่งคุกเข่าอยู่ข้างหน้าอังคาร
“ผมจะไม่แต่งกับใครนอกจากคุณอัง คุณจะแต่งกับผมไหม”
อังคารมองซ้ายมองขวา หลบสายตาที่จริงจังนั้น เขาสับสนงงงวยไปหมด การแต่งงานกับตาณไม่เคยมีอยู่ในความคิด ก่อนหน้านี้เขาอาจจะอยากจะสร้างครอบครัวกับอีกฝ่ายก็จริง แต่ไม่ได้ถึงขั้นที่คิดว่าจะต้องแต่งกัน ยิ่งเมื่อรู้ว่าตาณมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เขาก็ยิ่งไม่คิด
อังคารจะไม่แทรกระหว่างใคร เขาไม่มีทางยื้อแย่งตาณมาให้เป็นของตนแค่คนเดียวอย่างเด็ดขาด
“ผมไม่รู้ว่าคุณคิดอะไร แต่ถ้าเพราะลูกละก็ มันไม่จำเป็นหรอกนะ”
ตาณจับมืออังคารมากุมไว้ ยังไม่ทันได้พูดอะไรอังคารก็เอ่ยสำทับมาอีกที
“เดี๋ยวนี้ไม่มีใครแต่งงานเพราะท้องกันแล้ว ยิ่งผมเป็นพวกรับจ้างท้องด้วยยิ่งไม่ทำเข้าไปใหญ่”
ตาณลูบมืออังคารปลอบให้ใจเย็น
“อย่าพูดอย่างนั้น ผมไม่ชอบเลย”
มันดูเหมือนอังคารคิดว่าตนเองไม่มีค่าซึ่งสำหรับตาณ อังคารมีค่าและความสำคัญมาก
“เชื่อเถอะว่าผมไม่ได้เลือกจะแต่งงานกับคุณเพราะลูก”
ตาณคิดมันก่อนที่จะรู้เรื่องอังคารท้อง เขาแค่ยอมเสียอังคารไปไม่ได้ เขายอมแลกเพื่อให้อังคารอยู่...ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้างก็ตาม
“แต่ว่าคู่หมั้นคุณ...”
“ผมจะจัดการทุกอย่างเอง คุณไม่ต้องคิดมากและคุณไม่ได้แย่งผมมาจากใคร โอเคนะ”
อันที่จริงตาณคงไม่เร่งรัดจะแต่งงานกับอังคารหากไม่ใช่เพราะอังคารท้อง เขาคิดจะรอเวลาไปอีกสักปีหรือสองปีเพราะไม่อยากให้ใครมาว่าได้ว่าอังคารเป็นมือที่สามระหว่างเขากับภาวริน
คนส่วนมากที่ไม่รู้จริงอาจจะมองเป็นอย่างนั้น แต่สำหรับเขามันไม่ใช่ ภาวรินมีสถานะเป็นคู่หมั้นเขาก็จริง แต่พูดให้ถูกเธอเป็นคู่ค้าทางธุรกิจของเขามากกว่า พวกเขาไม่มีความรักให้กัน แทบไม่รู้จักตัวตนของอีกฝ่ายและไม่ได้พยายามจะเรียนรู้ เขานับถือเธอในระดับหนึ่ง แต่ก็เป็นเพียงการชื่นชมความสามารถในการทำงาน เขายอมรับว่าเธอสวย แต่มันไม่ได้โดนใจเขาสักนิด
แน่นอนการยกเลิกการแต่งงานและถอนหมั้นย่อมทำให้เกิดความเสียหายมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวเขา แต่ตาณก็เลือกแล้ว...เลือกที่จะทำตามเสียงของหัวใจ
.................................
TBC