33. เฌอเบลล์
หลังจากวันนั้นพวกเขาก็ไม่พูดกันอีกเรื่องคุณปู่ พีทได้แต่ฝากลุงฉีให้คอยไปเยี่ยมคุณปู่แทนเขาและพ่อ
หลังเลิกงานพีทแยกย้ายกับพี่โดมแล้วเดินเข้าลิฟต์สำหรับผู้บริหารตรงไปยังห้องรองประธานเหมือนที่เขาปฏิบัติอยู่ทุกวัน เลขาหน้าห้องแจ้งว่าพี่ฮั่นกำลังมีแขกแต่ให้คุณชายเข้าไปได้ทำให้พีทแปลกใจ เขาเคาะประตูอยู่สองสามทีแล้วผลักประตูบานใหญ่เข้าไป
พีทชะงักเท้าเมื่อมองเห็นคนที่นั่งอยู่ที่ชุดรับแขกมุมหนึ่งของห้อง
หญิงสาวคนหนึ่งนั่งเบียดชิดอยู่กับพี่ฮั่น ทั้งคู่หันหน้าที่กำลังคุยกันมองมาที่เขา ใบหน้าหวานยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร จากนั้นเธอจึงขยับตัวที่เบียดชิดพี่ฮั่นออกเล็กน้อย
‘ใคร?’ ได้ยินเสียงพี่ฮั่นแนะนำว่าเขาเป็นน้องชาย หญิงสาวหน้าหวานลุกขึ้น ร่างสมส่วนในชุดเดรสสีแดงรัดรูปโชว์สัดส่วนอันเย้ายวน ขาเรียวที่สวมรองเท้าส้นสูงสีเดียวกับชุดเดินตรงมา ใบหน้ารูปใข่ ดวงตากลมโต จมูกโด่งเชิดน้อย ๆ ริมฝีปากอิ่มเคลือบลิปสติกสีแดงสดคลี่ยิ้ม
“สวัสดีค่ะน้องพีท เฌอเบลล์ค่ะ”
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” พีทยิ้มตอบกลับ
รอยยิ้มนั้นทำให้หญิงสาวตรงหน้าเบิกตาโต
‘น่ารัก’ เธอรำพึงในใจ
“ได้ยินพี่ฮั่นพูดถึงมาตั้งนาน วันนี้ได้เจอตัวจริงสักที” เฌอเบลล์ยังคงยิ้มหวาน
พี่ฮั่นลุกขึ้นยืนบ้าง พี่ชายเดินมาแนะนำสาวสวยให้เขารู้จัก
“เฌอเบลล์เป็นเพื่อนพี่แล้วก็เป็นหุ้นส่วนโรงแรมเราที่โน่นด้วย มาดูงานน่ะ”
“เบลล์มาดูงานประชุมผู้นำเศรษฐกิจค่ะ เพราะครั้งหน้าเราจะต้องเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุม พี่ฮั่นหนีกลับมาทำงานที่นี่เสียแล้ว เบลล์เลยต้องมาดูงานเองไว้เผื่อปีหน้า”
เฌอเบลล์หันมาเล่าให้เขาฟัง ดวงตาคู่สวยนั้นจับจ้องที่เขา พีทยิ้มรับ
“ช่วงนี้เบลล์จะพักอยู่ที่นี่เป็นแขกของพี่ ยังไงพีทก็ช่วยดูแลด้วยนะ”
คนเป็นพี่สังเกตเห็นสายตาของเฌอเบลล์ก็คิ้วขมวด แต่ก็รีบเก็บอาการทันควันเมื่อพีทหันมา
“วันนี้คงไม่ทำงานต่อ พี่จะพาเฌอเบลล์ไปเลี้ยงต้อนรับหน่อย พีทไปด้วยกันนะ”
“ไปด้วยกันนะคะ จะได้ทำความรู้จักกันไว้ อีกหน่อยเราคงต้องทำงานร่วมกัน” เฌอเบลล์เอื้อมมือมาเกาะแขนเขาไว้ เอ่ยชวน
“ครับ” หนุ่มน้อยไม่คิดอะไรเมื่อส่งยิ้มกลับให้หุ้นส่วนของพี่ชาย
‘ยิ้มหวานตลอดเลยนะ’ คนเป็นพี่คิดอยู่ในใจ
ฮั่นนึกไปถึงคืนที่เขาไปนั่งดื่มกับแคน พีทบอกเขาว่าชอบผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แบบนี้ซะด้วย ตอนนั้นเขาไม่คิดอะไร แต่คราวนี้เขาเริ่มไม่ชอบใจนักแต่ยังเก็บท่าทีไว้ได้สนิทภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม
-----------------------------------
“น้องพีทเรียนจบแล้วเหรอคะ” เสียงหวานของสาวสวยคนเดียวในโต๊ะหันมาถาม
“ยังครับ ตอนนี้ฝึกงานอยู่ แล้วก็มาช่วยงานพี่ฮั่นครับ”
“แหม เก่งจังเลยนะคะ มาฝึกงานกับพี่ฮั่นด้วย ปกติพี่ฮั่นเฮี้ยบจะตาย ใครทำงานให้ก็ไม่ถูกใจ ตอนอยู่ที่โน่นไล่เลขาออกเป็นว่าเล่น หาว่าทำงานไม่ถูกใจบ้างล่ะ คุยงานกันไม่รู้เรื่องบ้างล่ะ บางคนแค่แอบแต่งหน้าก็โดนซะแล้ว”
คนถูกกล่าวถึงหันไปมองเฌอเบลล์ แกล้งขมวดคิ้วใส่คนที่เอาเรื่องของเขามาเล่าทำให้สาวสวยหัวเราะน้อย ๆ อย่างคนที่รู้กัน
“เอาผมมาเผาได้ไงล่ะ ต่อหน้าต่อตากันเลยนะ”
“แหม ก็เรื่องจริงนี่คะพี่ฮั่น” เฌอเบลล์เอียงหน้าไปสบตาพี่ฮั่นอย่างล้อเลียนทำให้ทั้งคู่หัวเราะให้กันอีกครั้ง
บริกรนำไวน์มาเสิร์ฟบทสนทนาจึงหยุดลง เฌอเบลล์ใช้โอกาสนี้มองไปทั่วบริเวณร้านอาหาร ทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อดังซึ่งเป็นร้านอาหารเปิดโล่งบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมสูงกว่าสามสิบชั้น บนความสูงระดับนี้จึงสามารถมองเห็นเมืองได้ทั้งเมือง แสงไฟเบื้องล่างสว่างวิบวับสวยงาม โต๊ะอาหารตั้งอยู่เรียงรายโดยรอบเพื่อให้ทุกโต๊ะสามารถมองเห็นวิวด้านล่างได้ แสงไฟประดับรอบบริเวณร้านอาหารทำให้เกิดแสงสีหลากหลาย ห้องอาหารที่นี่จึงได้รับการโหวตให้ติดอันดับร้านอาหารสุดเก๋และมักจะใช้เป็นสถานที่ขอแต่งงานบ่อยที่สุด นอกจากวิวสวยแล้ว รสชาติอาหารก็ไม่แพ้ใครจากเชฟฝีมือเยี่ยมที่ได้รับรางวัลระดับโลก แต่ละเมนูได้รับการออกแบบทั้งรสชาติและหน้าตาเป็นพิเศษ
“สวยมากเลยนะคะบนนี้ ยังกับดาวบนดินแน่ะ เข้าใจคิดนะคะพี่ฮั่น”
เฌอเบลล์ชมพลางยิ้มหวานหยด ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่แสงไฟระยิบระยับด้านล่าง สาวสวยกล่าวชื่นชมความงามของบรรยากาศและสถานที่ตั้งแต่พวกเขาขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นดาดฟ้าของโรงแรมเลยทีเดียว
“พี่ฮั่นตั้งใจทำเป็นที่ขอแต่งงานใครรึเปล่าเนี่ย ดูสิโรแมนติกชะมัด”
ใบหน้าสวยหวานนั้นหันมาสบตาพี่ฮั่น สายตาที่มีความหมายลึกซึ้ง
พีทเห็นพี่ฮั่นยิ้มให้หญิงสาวข้างกายอย่างอ่อนโยนแต่ไม่ตอบอะไร เขามองทั้งสองคนสบตากัน เหมือนเห็นสายใยบางเบาเชื่อมระหว่างหนุ่มสาวตรงหน้า เขาสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์ ‘พิเศษ’ ระหว่างทั้งสองคน แม้ว่าพวกเขาก็พูดคุยกันธรรมดาแต่กลับเหมือนมีความเข้าอกเข้าใจกันบางอย่าง สายตาที่มองกันเหมือนคนที่รู้ใจกันมานาน
‘สองคนนี้ต้องมีอะไรมากกว่าเพื่อนร่วมงานแน่’ พีทเก็บความสงสัยของเขาไว้พร้อมกับความไม่ค่อยชอบใจนักของตัวเอง
แต่อย่างไรก็ตามเฌอเบลล์เป็นแขกที่น่ารัก เธอพอใจกับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร บรรยากาศหรือไวน์ และแม้ว่าจะเพิ่งรู้จักกับเขา เฌอเบลล์ก็ช่างสรรหาเรื่องราวมาพูดคุยได้อย่างเพลิดเพลิน ระหว่างมื้ออาหารจึงมีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม โดยเฉพาะรอยยิ้มหวานของสาวสวยคนเดียวในโต๊ะ
หลังทานอาหารเสร็จ พวกเขาเดินไปส่งเฌอเบลล์ที่ห้องพักวีไอพีในโรงแรม เพราะหญิงสาวต้องการพักผ่อนและปรับตัวจากการเดินทางไกล
“ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยและสถานที่สวย ๆ นะคะ เบลล์ชอบมาก” เฌอเบลล์เปิดประตูแล้วหันมากล่าวราตรีสวัสดิ์กับสองหนุ่ม
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ พี่ฮั่น” เธอตรงเข้าไปสวมกอดพี่ฮั่นไว้ ซึ่งเจ้าตัวก็กอดตอบเช่นกัน
“ราตรีสวัสดิ์นะจ๊ะ น้องพีท”
ร่างอวบอิ่มผละจากพี่ฮั่นเข้ามาจูบราตรีสวัสดิ์เขาอย่างรวดเร็วแล้วเข้าห้องไป เสียงหัวเราะดังแว่วออกมาจากหลังประตู ทิ้งให้หนุ่มน้อยยืนนิ่งอยู่หน้าห้องอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว พีททำตาโตใส่ประตูห้องที่เพิ่งปิดลง เขาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มให้เพื่อนของพี่ชาย
“พีท” พี่ฮั่นหันมาเรียกเขา น้ำเสียงแปลก
แต่เขากลับตั้งตัวไม่ทันอีกครั้ง เมื่อพี่ฮั่นเอื้อมมือมาแตะที่หน้า ใช้นิ้วโป้งไล้อย่างเบามือบริเวณแก้มที่เฌอเบลล์เพิ่งจูบเพื่อเช็ดลิปสติกที่ติดอยู่อย่างนุ่มนวล
“เดินไปแบบนี้เดี๋ยวคนก็มองกันทั้งโรงแรม” คนเป็นพี่ยิ้มให้เหมือนจะแซวแล้วรีบหันหน้าเดินหนีไปที่ลิฟต์
พีทเผลอยกมือแตะที่แก้มตัวเอง
‘รู้สึกร้อน ๆ แฮะ พี่ฮั่นทำเขาใจเต้นอีกแล้ว บ่อยเกินไปแล้วนะ’ คิดแล้วก็ออกเดินตามพี่ฮั่นตรงไปที่ลิฟต์
“ว่าไงพี่”
พีทกอดอกพิงผนังลิฟต์ เอ่ยถามเป็นครั้งแรกหลังจากเจอแขกคนสำคัญ ใบหน้าฉายแววรู้ทันคนเป็นพี่แต่เขายังไม่พูด ไหนจะลองฟังก่อนว่าพี่ฮั่นจะว่าไง
ฮั่นมองหน้าคนน้องตั้งคำถาม หลบตาแล้วยิ้มเขินกับสายตาจับผิด ถ้าพีททำตาแบบนี้ เขามักจะถูกต้อนจนไปไม่ถูกอยู่บ่อย ๆ
“เบลล์ก็เป็นเพื่อนไง”
“ยังไงล่ะ เป็นเพื่อนแต่นั่งเบียดกันเนี่ยนะแล้วก็กอดกันกลมขนาดนั้น แบบนั้นไม่เรียกว่าเพื่อนธรรมดาหรอก” คนน้องยกมือกอดอก มองนิ่ง
“ก็กอดกันตามประสาคนคุ้นเคยไง” คนตอบเบนสายตาไปทางอื่น
‘อ้อ คนคุ้นเคยงั้นเหรอ’ ใบหน้าน้องชายบอกแบบนั้น
“ร้ายนักนะ ไม่เห็นเคยเล่าเลยว่าควงสาวเซ็กซี่ขนาดนี้”
พีทว่าเสียงเรียบ ทำไมไม่รู้เขารู้สึกไม่ค่อยชอบใจนัก อาจจะเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้เรื่องผู้หญิงของพี่ฮั่น ก็ครั้งก่อนที่เขาถาม พี่ฮั่นตอบว่าไม่มี แล้วสาวสวยที่พักห้องวีไอพีหรูของโรงแรมนี่โผล่มาได้ยังไง?
“ก็บอกแล้วไงว่าเราเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน เป็นแค่หุ้นส่วนกัน”
“แล้วทำไมไม่คบกันต่อล่ะ ท่าทางเขาก็คงยังจะอยากสานต่อกับพี่อยู่นะ ไม่งั้นคงไม่มาหาถึงนี่ ผมว่าเรื่องดูงานนั่นแค่ข้ออ้างมากกว่าใช่มั้ย” เด็กฉลาดเริ่มตั้งคำถามแล้ว
‘เด็กนี่ชักจะรู้ดีไปหน่อยแล้ว ดูออกด้วยว่าเขากับเฌอเบลล์เป็นแค่คู่ควงกันชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น’ แต่พี่ชายก็ยังไม่ยอมรับคำกล่าวหาของน้อง
“เบลล์แค่มาดูงานเท่านั้นเอง”
คนเป็นพี่ให้ข้อสรุปบทสนทนาแปลกประหลาดนี้ พีทถามอย่าง เขาตอบอีกอย่าง แต่เด็กฉลาดก็ยังจับทางได้ตลอด
“นี่พี่เป็นพวก one night stand เหรอเนี่ย”
พีทปล่อยมือที่กอดอก เลิกคิ้วหนาของตัวเอง ยิ้มมุมปากแต่สายตาน่ะกลับไปเป็นคุณชายพีทคนเดิม
สายตาแบบ ‘เอาเรื่อง’
คนเป็นพี่กลับล้วงกระเป๋ายืนนิ่ง ไม่ยอมมองหน้าน้องชาย
‘one night stand เหรอ ก็คงใช่มั้ง’ ชีวิตที่ผ่านมาเขาเรียนหนัก ทำงานหนักเพราะต้องเดินทางไปช่วยงานคุณคริสดูโรงแรมสาขาอื่นทั่วยุโรป ผู้หญิงที่เขาคบส่วนมากแค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น ไม่มีใครมีค่าพอให้จดจำ
“เคยรักใครจริง ๆ บ้างมั้ย?”
คำถามเชิงประชดนั้นทำให้ฮั่นชะงัก ไม่เคยมีใครตั้งคำถามนี้กับเขามาก่อน
‘รักเหรอ...รักสิ’ “ผมว่าแล้วว่าพี่น่ะต้องเป็นพวก กลัวความรัก” พีทสรุป
ลิฟต์เปิดออกพอดีทำให้บทสนทนาหยุดลง สองพี่น้องเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ แต่คำถามนั้นยังติดหัวพี่ชายไปตลอดทั้งคืน
------------------------------------
“พีท ใครที่เดินกับพี่ฮั่นน่ะ” พี่โดมพยักพเยิดให้เขาหันไปมองที่ทางเดินระหว่างอาคาร พวกเขากำลังจัดห้องประชุมขนาดใหญ่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสำคัญ บรรดาตัวแทนประเทศผู้นำด้านเศรษฐกิจของโลกจะเดินทางมาร่วมประชุมที่นี่ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า
“สวยมากเลย หน้าหวาน หุ่นดี เซ็กซี่สุด ๆ”
นานครั้งจะเห็นพี่โดมทำเสียงตื่นเต้นเวลาเห็นสาวสวย
“อ๋อ คุณเฌอเบลล์ เพื่อนพี่ฮั่นน่ะ” พีทตอบโดยไม่จำเป็นต้องหันไปมอง มีอยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ
“เพื่อนเหรอ เพื่อนที่ไหนควงแขนขนาดนั้นล่ะพีท ไม่ใช่มั้ง แฟนรึเปล่า” พี่โดมตั้งข้อสังเกต
คำถามนั้นทำให้พีทต้องหันไปมองอย่างตั้งใจ เขาเห็นพี่ฮั่นเดินห่างออกไปแล้วโดยมีหญิงสาวกอดแขนท่าทางสนิทสนมอยู่ข้างกาย
“เดินควงกันขนาดนี้เป็นข่าวทั้งโรงแรมแน่” โดมว่า
เรื่องทุกอย่างในโรงแรมนี้แพร่เร็วยิ่งกว่าไฟไหม้ฟางซะอีก ขนาดเรื่องพีทเป็นลูกเจ้าของโรงแรมยังรู้กันทั่วเพียงแค่วันเดียว ที่เขารู้เพราะมีเพื่อนที่ฝึกงานเป็นเชฟ อยู่ถึงในครัวยังได้ยินข่าวลือถึงกับต้องเอามาถามเขา
“สวัสดีค่ะ น้องพีท”
พีทละจากงานตรงหน้าเมื่อได้ยินเสียงทักอ่อนหวาน
“สวัสดีครับคุณเฌอเบลล์” เขาทักทายหุ้นส่วนสาวสวยอย่างแปลกใจที่เห็นเธอปรากฏตัวที่นี่ ไม่คาดคิดว่าเฌอเบลล์จะเริ่มดูงานเร็วขนาดนี้เพราะเพิ่งมาถึงเมื่อวาน
ด้านหลังของเฌอเบลล์ พี่ฮั่นยืนส่งยิ้มให้เขา ไม่ว่าอะไร
“เรียกพี่เบลล์ดีกว่านะคะ” เฌอเบลล์บอกแล้วยิ้มหวานเช่นเคย
“บ่ายนี้ขออนุญาตดูงานฝ่ายจัดประชุมนะคะ”
‘ไม่ได้ก็คงไม่ไหวล่ะ รองประธานมายืนคุมซะขนาดนี้’ โดมที่ยืนอยู่ใกล้กับพีทแอบคิดอยู่ในใจ
ท่านรองประธานพาหุ้นส่วนเข้ามาดูงานถึงแผนกจัดประชุมโดยไม่บอกล่วงหน้าทำให้หัวหน้าแผนกต้องกุลีกุจอเชิญทั้งสองคนเข้าห้องประชุม พนักงานทุกคนในแผนกทิ้งงานตรงหน้าแล้วเตรียมตัวเข้าประชุมด่วน
“พี่ฮั่นคะ เบลล์อยากให้น้องพีทเป็นคนนำเสนอค่ะ”
เฌอเบลล์หันไปขอร้องรองประธานที่นั่งเด่นอยู่ตรงกลางที่ประชุม ใบหน้าที่ตกแต่งอย่างดียิ้มหวาน จากนั้นหุ้นส่วนคนสวยก็หันกลับมาหาคนทั้งห้องประชุม
“คงไม่ว่าอะไรนะคะ”
พีทเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ หันไปมองหัวหน้าแผนกอย่างขอความเห็น หัวหน้าแผนกพยักหน้าให้แทบจะทันที
เฌอเบลล์นั่งฟังคุณชายอธิบายรายละเอียดงานทั้งหมดอย่างตั้งใจ ใบหน้าสวยที่มีรอยยิ้มอ่อนหวานอยู่เป็นนิจนั้นเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม มือเล็กจดบันทึกรายละเอียดอย่างรวดเร็ว เธอไม่ซักถามอะไร ปล่อยให้พีทอธิบายงานทั้งหมดของแผนกจัดประชุม รวมไปถึงงานประชุมผู้นำเศรษฐกิจที่กำลังจะจัดขึ้นเร็ว ๆ นี้
รองประธานก็ไม่ว่าอะไรเช่นกัน เขาตั้งใจฟังสิ่งที่พีทนำเสนอ ใบหน้าคมยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อพีทบรรยายจบ
‘เก่งไม่เบาเลยนะ เห็นทีเขาคงต้องเลื่อนตำแหน่งให้ซะแล้ว เก่งขนาดนี้’ พีทอธิบายงานทุกส่วนของแผนกอย่างคนที่เข้าใจงานทะลุปรุโปร่งทั้งที่เป็นเพียงนักศึกษาฝึกงาน ชัดเจน กระชับ น้ำเสียงกังวานมีความมั่นใจในตัวเอง
“คุณเฌอเบลล์มีคำถามอะไรหรือเปล่าครับ” พีทหันไปถามเมื่อสิ้นสุดการบรรยาย
“ห้องทำงานของนักข่าวที่จัดไว้สองห้อง ติดกับห้องประชุมเลยซึ่งเบลล์ก็คิดว่าดีเพราะสะดวกในการทำงาน แต่เราจะควบคุมคนได้อย่างไรคะ ทั้งนักข่าว ตากล้องและเจ้าหน้าที่จำนวนมากอาจจะเดินเข้าออกพลุกพล่านรบกวนการประชุมได้”
“เราจำกัดจำนวนนักข่าวที่จะเข้าไปทำข่าวในห้องประชุมแล้วครับ ตอนนี้มีการร่วมมือกันระหว่างนักข่าวทุกสำนักในประเทศ จัดส่งตัวแทนไปทำข่าวภายในห้องประชุมเพียงกลุ่มหนึ่งเท่านั้น นักข่าวที่มาทำข่าวครั้งนี้จะได้ภาพและเนื้อหาการประชุมเหมือนกันทั้งสำนักข่าวภายในประเทศและสำนักข่าวต่างประเทศ”
“เรื่องนี้ทำให้การดูแลความปลอดภัยง่ายขึ้นด้วย เพราะตัวแทนจากประเทศแถบตะวันออกกลางแจ้งว่าท่านผู้นำจะไม่เข้าร่วมประชุมถ้าเขาไม่วางใจเรื่องความปลอดภัย ตอนนี้เราได้รายชื่อนักข่าวทั้งหมดและเช็คประวัติย้อนหลังทุกคนแล้วครับ”
“อืม เก่งนะคะ ทำให้ทุกสำนักยอมรวมกันทำข่าวด้วยกันได้” เฌอเบลล์กล่าวชม
“เรื่องนี้เป็นฝีมือรองประธานครับ”
พีทตอบแต่ไม่มองไปที่เจ้าตัวเลยสักนิด กลับมองไปยังผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่นแทน เขาเหลือบไปเห็นหัวหน้าแผนกอ้าปากค้างกับคำตอบ เพราะเรื่องความปลอดภัยนี้อยู่นอกเหนือหน้าที่ความรับผิดชอบของฝ่ายจัดประชุม แต่ที่เขารู้เรื่องพวกนี้ด้วยก็เพราะเขาช่วยงานพี่ฮั่นอยู่ทุกเย็นทำให้รู้งานด้านอื่นไปโดยปริยาย
“ว้าว เบลล์นึกอยู่แล้วเชียว” ใบหน้าเรียวหันไปยิ้มให้พี่ฮั่นซึ่งก็ยิ้มรับคำชมนั้น
ทั้งคู่หันไปคุยกันเบา ๆ ครู่หนึ่ง คราวนี้พีทที่ยืนอยู่หน้าห้องประชุมจ้องเขม็งไปที่คนทั้งคู่
‘คุยอะไรกัน?’การสอบถามดำเนินไปอีกครู่ใหญ่ พีทตอบคำถามอย่างคล่องแคล่ว ส่วนเฌอเบลล์ก็จดบันทึกตลอดเวลา บางครั้งก็หันไปสอบถามหัวหน้าแผนกบ้าง
ในที่สุดการ ‘ดูงาน’ ของเฌอเบลล์ก็สิ้นสุดลง
“เบลล์ไม่มีคำถามแล้วค่ะ ขอบคุณมากสำหรับการบรรยายวันนี้”
หุ้นส่วนคนสวยกล่าวพลางหันไปขอบคุณทุกคนที่เข้าร่วมประชุม จากนั้นจึงหันไปชวนรองประธานกลับ รองประธานรับคำแล้วหันไปมองน้องชายที่กำลังยุ่งอยู่กับการปิดไฟล์เอกสารในโน้ตบุ๊ก ไม่สนใจว่าใครกำลังจะกลับแล้ว เขามองนิ่งอยู่ครู่อย่างตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเรียกดีหรือไม่ ก็พอดีเฌอเบลล์ลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปที่น้องชายของเขาเสียก่อน
“พี่ไปก่อนนะคะน้องพีท ขอบคุณสำหรับการบรรยาย”
เฌอเบลล์แตะมือนุ่มบนหลังมือหนุ่มน้อย พีทเงยหน้าขึ้นแล้วรีบเอ่ยลาพร้อมกับรอยยิ้ม
เท่านี้รองประธานก็เดินออกจากห้องประชุมทันที
ภาพรองประธานคอยเทคแคร์หุ้นส่วนสาวสวย ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องประชุมจนกระทั่งกลับออกไปทำให้คนทั้งแผนกแอบซุบซิบกัน เพราะพวกเขาได้ข่าวลือเรื่องนี้มาตั้งแต่เช้า ไม่มีใครคาดคิดว่าตอนบ่ายเจ้าตัวจะมาปรากฏตัวที่แผนก ยิ่งตอกย้ำข่าวลือให้น่าเชื่อถือขึ้นไปอีก
พี่ฮั่นกับเฌอเบลล์กลับออกจากแผนกไปตั้งนานแล้ว แต่ความรู้สึกไม่ชอบใจกลับยังติดค้างอยู่ในใจใครบางคน
พีทคิ้วขมวดอย่างไม่รู้สึกตัว มีเพียงโดมที่สังเกตเห็น
“เก่งนะคะ น้องพี่ฮั่นเนี่ย” เฌอเบลล์ชมหลังจากที่เดินออกจากแผนก สองหนุ่มสาวเดินเคียงกันเข้าไปในลิฟต์
“ครับ ขอบคุณที่ชม เดี๋ยวผมจะบอกพีทให้” คนเป็นพี่รับคำด้วยใบหน้าเรียบเฉย
‘ใช่ พีทเก่งมาก นี่แค่ฝึกงาน ถ้าทำเต็มตัวคงจะเก่งยิ่งกว่านี้’“น่าสนใจมาก”
เฌอเบลล์พูดแล้วยิ้มบาง แววตาคู่สวยมีแววซุกซนเมื่อคิดอะไรในใจ
เด็กฝึกงานหน้าตาดียืนอธิบายเรื่องงานอย่างคล่องแคล่ว ตอบคำถามฉะฉาน ฉลาด ไม่ใช่พวกลูกคนรวยที่หยิบหย่งทำอะไรไม่เป็น
พีททำให้เธอ...ประทับใจ
รองประธานหันไปมองคนที่เดินเคียงข้างเขาทันทีที่ได้ยินคำชมของเฌอเบลล์ แววตาที่เขาเห็นทำให้เขาถึงกับคิ้วขมวด คนที่รู้จักกันมานานอย่างเขากับเฌอเบลล์ ‘รู้ทาง’ กันดีอยู่แล้ว
‘ไม่เอาน่า อย่าให้เป็นอย่างที่เขาหวั่นเลย’--------------------------------
ช่วงนี้คนทั้งโรงแรมต่างก็กำลังยุ่งเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงานประชุมใหญ่ระดับประเทศ พีทกับพี่โดมก็ยุ่งกับการเตรียมการประชุม พวกเขาได้รับการกำชับจากหัวหน้าฝ่ายให้เตรียมทุกสิ่งทุกอย่างให้พร้อม ทุกคนเริ่มเครียดกันมากขึ้นเพื่อเตรียมงานให้ดีที่สุด
พี่ฮั่นก็เช่นกัน งานประชุมสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นทำให้รองประธานต้องทำงานหนักมากขึ้นเพราะต้องควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด แต่ใครต่อใครในโรงแรมก็ยังมีเวลาสังเกตเห็นว่าตอนนี้ข้างกายพี่ฮั่นกลับปรากฏร่างหุ้นส่วนคนสำคัญตลอดเวลา
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน พีทรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้งเวลาที่เห็นหรือได้ยินคนอื่นพูดถึงเรื่องที่รองประธานควงหุ้นส่วนสาวสวยไปดูงานทั่วโรงแรม
“พีท ช่วงนี้เป็นอะไรดูไม่ร่าเริงเลย”
โดมเอ่ยปากถามพีทบ่ายวันหนึ่ง หนุ่มร่างอวบไม่อยากจะเล่าต่อว่าสาว ๆ ทั้งโรงแรมอยากรู้กันทั้งนั้น เพราะอยู่ดี ๆ คุณชายยิ้มง่ายของพวกเธอเปลี่ยนเป็นคุณชายยิ้มยากเสียแล้ว พีทไม่ได้อารมณ์เสียใส่ใคร แต่ใบหน้าเรียบเฉยไม่ยิ้มแย้มของเขาทำให้ใครต่อใครก็ต้องถอยไปอยู่ห่าง ๆ
“ไม่รู้เหมือนกันพี่โดม ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเป็นอะไร หงุดหงิด”
พีทกดความรู้สึกไม่ชอบใจของตัวเองไว้ พยายามไม่คิดอะไรทั้งที่แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เพราะช่วงนี้พี่ฮั่นถูก ‘ยึด’ โดยแขกคนสำคัญตั้งแต่เช้าจรดเย็นทีเดียว
“ตั้งแต่คุณเฌอเบลล์มาดูงาน ดูพีทอารมณ์เสียบ่อยนะ”
“อืม คงงั้นมั้ง พี่ฮั่นไม่สนใจผมเลย” พีทหน้างอลงอีก คล้ายเด็กถูกขัดใจ
‘หวงพี่สินะ’ โดมคิดอยู่ในใจ ก็ออกอาการขนาดนี้
“อย่าคิดมากเลยพีท พี่ฮั่นเขาต้องดูแลแขกนี่ ทำใจให้สบายเถอะ ทำหน้าแบบนี้ไม่สมกับเป็นนายเลย” พี่โดมวางมือบนไหล่เขา บีบเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ
“แล้วผมต้องทำยังไงเหรอถึงจะเป็นผมคนเดิม”
“ก็ยิ้มสิ นายยิ้มแล้วน่ารักออก สาว ๆ เค้าหงอยกันหมดทั้งโรงแรมแล้วรู้รึเปล่า”
ท้ายประโยคแซวของพี่โดมทำให้เขายิ้มได้ พี่โดมล้อเขาเล่นสินะ
-----------------------------------
“พีท เป็นอะไร พี่เห็นเงียบไป โกรธอะไรพี่รึเปล่า”
พีทชะงักมือที่กำลังถอดเนคไท วันนี้พี่โดมก็เพิ่งถามเขาแบบนี้เหมือนกัน เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แค่ว่าไม่ชอบใจ
“พี่รู้ด้วยเหรอ ผมเห็นพี่ยุ่งตลอด โดยเฉพาะต้องพาพี่เฌอเบลล์ไปดูโน่นดูนี่”
ตอบโดยที่คิดว่าปกติที่สุดแล้ว แต่คนฟังรับรู้ทันทีว่าคนพูดกำลังไม่พอใจ พีทเผลอดึงเนคไทผิดด้านทำให้เนคไทพันแน่นกว่าเดิม เขาพยายามดึงเนคไทออกจากปมแต่ไม่เป็นผล ยิ่งเขาหงุดหงิดเนคไทเส้นนั้นก็ดูจะยิ่งรัดแน่นขึ้นจนแกะเท่าไรก็แกะไม่ออก
“โกรธพี่จริง ๆ ด้วย ก็ช่วงนี้ต้องเตรียมงานประชุมกันทั้งโรงแรม”
พี่ชายยืนมองน้องชายกำลังยื้อกับเนคไทแววตาหนักใจ หนักใจเรื่องบางอย่างที่บอกใครไม่ได้
พีทมัวแต่ก้มหน้าแกะเนคไทจึงไม่เห็นแววตาของคนเป็นพี่
“เปล่า ผมไม่ได้โกรธพี่สักหน่อย ผมบอกแล้วไงว่าผมจะไม่โกรธพี่อีก พี่จะไปทำอะไรกับใครผมไม่สนหรอก”
‘ฮึ้ย เนคไทบ้านี่ ทำไมมันแน่นแบบนี้เนี่ย’ “จริงเหรอ” พร้อมกันนั้นพี่ฮั่นก็เดินมาตรงหน้า เอื้อมมือมาช่วยแกะเนคไทที่เริ่มพันกันยุ่งเหยิงให้
“ไม่เป็นไร ผมทำเอง” พีทบอกอย่างดื้อดึง ถอยตัวออก
“อยู่เฉย ๆ เถอะน่า” พี่ฮั่นออกคำสั่ง ขยับเข้ามายืนใกล้มากขึ้น
พีทจำต้องปล่อยมือลงข้างตัวหันหน้าบูดสนิทหนีไปอีกทาง ปล่อยให้พี่ฮั่นยืนแกะเนคไทช้า ๆ
“ถ้างั้นก็ไม่พอใจสิ ใช่ไหม” ดวงตาชั้นเดียวมองหน้าคนที่คิ้วแทบจะผูกโบว์อยู่แล้ว
“เฌอเบลล์เป็นแขก อีกอย่างเขาก็มาศึกษางานโรงแรมเราด้วย พี่ก็ต้องดูแล” พี่ชายพูดเสียงอ่อนเหมือนที่เคยใช้กับ ‘เด็กชายพีท’ ไม่ใช่กับคนที่กำลังเข้าสู่วัยหนุ่มที่ยืนอยู่ต่อหน้า
“พี่ไม่มีเวลาให้ผมเลย” เด็กชายพีทว่า
“พี่เพิ่งกลับมายังไม่ทันไรจะหนีไปมีแฟน แล้วผมล่ะ พี่จะทิ้งผมอีกแล้ว ผมไม่ยอมนะ”
เสียงดื้อดึงนั้นทำให้คนเป็นพี่ยิ้มมุมปากอย่างระมัดระวังไม่ให้คนตรงหน้าเห็น นี่ถ้ากระทืบเท้าเหมือนตอนอยู่อนุบาลได้พีทคงทำไปแล้ว
“ไม่เอาน่า พี่ไม่ได้คบกับเฌอเบลล์ซะหน่อย พี่บอกแล้วไงว่าเบลล์เป็นเพื่อน เป็นแค่หุ้นส่วน”
คนที่หันหน้าหนีค่อย ๆ หันกลับมามองหน้าขาวปากแดงของพี่ชายตรงหน้า หายโกรธลงไปเกือบครึ่งแต่ใบหน้ายังคงนิ่ง
“พี่ไม่หนีไปมีแฟนที่ไหนหรอกน่า”
มือใหญ่คลายเนคไทออกจนสำเร็จ เอื้อมมือมายกปกเสื้อเชิ้ตของพีทขึ้นแล้วดึงเนคไทออก
“พี่พูดแล้วนะ ห้ามลืมด้วย แล้วถึงพี่จะมีตอนนี้ผมก็ไม่ยอมหรอก” หน้าบูดบึ้งของน้องชายเริ่มมีสีหน้าดีขึ้น
“พีทจำคำพูดของพีทให้ดีก็แล้วกัน”
ดวงตาของพี่ชายมองสบตาพีทอย่างต้องการยืนยันคำพูด รู้สึกอุ่นวาบอย่างเป็นสุขอยู่ลึกสุดในใจที่พีททำท่า ‘หวง’ เขา
ความเครียดบางอย่างที่ต้องเก็บไว้ในใจมลายไป
“พี่ฮั่น จะทำอะไร” พีทเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้พี่ฮั่นกำลังแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตเขาอยู่
“ก็แกะกระดุมให้ไง น้องพีท”
คนพูดเงยหน้ามายิ้มให้ ทอดเสียงอ่อน กระแสเสียงเจือด้วยความเอ็นดูเหมือนพีทเป็นน้องน้อยไม่แปรเปลี่ยน มือใหญ่แกะกระดุมอย่างเชื่องช้า
‘น้องพีท’ คำเรียกที่พี่ฮั่นใช้เรียกเขาตอนเด็ก เสียงอ่อนนั่นทำให้เขารู้สึกวูบวาบ ยิ่งมือพี่ฮั่นที่กำลังแกะกระดุมอยู่สัมผัสแผ่วกับผิวเขา ยิ่งทำให้เขาทำตัวไม่ถูกยิ่งขึ้น
พี่ฮั่นทำเหมือนตอนพีทยังเด็ก เวลาแต่งตัวไปโรงเรียนเขามักติดกระดุมผิดเสมอจนพี่ฮั่นต้องคอยแกะและติดให้ใหม่อยู่บ่อย ๆ
พีทเผลอคิดถึงเรื่องตอนเด็กอีกครั้ง กว่าจะรู้ตัวอีกที.....
“เอ่อ พีท แกะเองได้” เขารีบตะครุบมือตัวเองบนมือพี่ฮั่นที่กำลังแกะกระดุมเม็ดสุดท้าย
“เสร็จแล้ว” พี่ฮั่นพูดพลางผละมือออกจากเสื้อเชิ้ต เงยหน้าขึ้นมองตาเขา พี่ฮั่นยิ้ม
“เรียกตัวเองว่า พีท แบบนี้น่ารักดี พี่ชอบ” คนพี่ยิ่งยิ้มกว้างตาปิดทีเดียว
“อะไรเล่า ก็มาเรียกน้องแบบนั้นนี่นา พี่อ่า”
พีทโวยวายเสียงดังเมื่อรู้สึกเขินกับประโยคนั้น
....พี่ชอบ...
“ป่ะ ไปอาบน้ำสิ” พี่ฮั่นเอื้อมมือมาจับไหล่เขาหมุนให้เดินไปที่ห้องน้ำ
“คร้าบ” พีทรับคำ
อารมณ์หงุดหงิดตลอดหลายวันที่ผ่านมาหายไปเป็นปลิดทิ้ง
‘ดีจัง พี่ฮั่นยังเป็นพี่ฮั่นคนเดิมของเขา’ -----------------------------------
ตัดกันไปดื้อ ๆ แบบนี้แหละ 555
ขอบคุณที่ติดตามและคอมเม้นต์นะคะ สงสัยจะไม่ใช่แนวของคนในเล้าใช่ป่ะเนี่ย
ถ้าไม่ถูกใจตรงไหนก็บอกได้นะคะ ขอบคุณค่า