ตรงนั้นคือหน้าที่ ตรงนี้คือหัวใจ บทส่งท้าย จบแล้วค่ะ หน้า 12 อัพเดต 9/8/2558
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ตรงนั้นคือหน้าที่ ตรงนี้คือหัวใจ บทส่งท้าย จบแล้วค่ะ หน้า 12 อัพเดต 9/8/2558  (อ่าน 98330 ครั้ง)

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

พีทครับยอมรับตัวเองเถอะว่าชอบพี่ฮั่นไปแล้ว พี่เขาเท่นะ   :ling1:


ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
สองพี่น้องสลับกันซึน

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
พี่ฮั่นเท่จัง

ขอบคุณนักเขียนนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
33. เฌอเบลล์


หลังจากวันนั้นพวกเขาก็ไม่พูดกันอีกเรื่องคุณปู่ พีทได้แต่ฝากลุงฉีให้คอยไปเยี่ยมคุณปู่แทนเขาและพ่อ

หลังเลิกงานพีทแยกย้ายกับพี่โดมแล้วเดินเข้าลิฟต์สำหรับผู้บริหารตรงไปยังห้องรองประธานเหมือนที่เขาปฏิบัติอยู่ทุกวัน  เลขาหน้าห้องแจ้งว่าพี่ฮั่นกำลังมีแขกแต่ให้คุณชายเข้าไปได้ทำให้พีทแปลกใจ  เขาเคาะประตูอยู่สองสามทีแล้วผลักประตูบานใหญ่เข้าไป 

พีทชะงักเท้าเมื่อมองเห็นคนที่นั่งอยู่ที่ชุดรับแขกมุมหนึ่งของห้อง

หญิงสาวคนหนึ่งนั่งเบียดชิดอยู่กับพี่ฮั่น ทั้งคู่หันหน้าที่กำลังคุยกันมองมาที่เขา  ใบหน้าหวานยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร  จากนั้นเธอจึงขยับตัวที่เบียดชิดพี่ฮั่นออกเล็กน้อย

‘ใคร?’ 

ได้ยินเสียงพี่ฮั่นแนะนำว่าเขาเป็นน้องชาย  หญิงสาวหน้าหวานลุกขึ้น  ร่างสมส่วนในชุดเดรสสีแดงรัดรูปโชว์สัดส่วนอันเย้ายวน  ขาเรียวที่สวมรองเท้าส้นสูงสีเดียวกับชุดเดินตรงมา ใบหน้ารูปใข่  ดวงตากลมโต  จมูกโด่งเชิดน้อย ๆ  ริมฝีปากอิ่มเคลือบลิปสติกสีแดงสดคลี่ยิ้ม   

“สวัสดีค่ะน้องพีท  เฌอเบลล์ค่ะ” 

“สวัสดีครับ  ยินดีที่ได้รู้จักครับ”  พีทยิ้มตอบกลับ 

รอยยิ้มนั้นทำให้หญิงสาวตรงหน้าเบิกตาโต 

‘น่ารัก’  เธอรำพึงในใจ 

“ได้ยินพี่ฮั่นพูดถึงมาตั้งนาน  วันนี้ได้เจอตัวจริงสักที”  เฌอเบลล์ยังคงยิ้มหวาน

พี่ฮั่นลุกขึ้นยืนบ้าง  พี่ชายเดินมาแนะนำสาวสวยให้เขารู้จัก

“เฌอเบลล์เป็นเพื่อนพี่แล้วก็เป็นหุ้นส่วนโรงแรมเราที่โน่นด้วย  มาดูงานน่ะ”

“เบลล์มาดูงานประชุมผู้นำเศรษฐกิจค่ะ เพราะครั้งหน้าเราจะต้องเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุม  พี่ฮั่นหนีกลับมาทำงานที่นี่เสียแล้ว  เบลล์เลยต้องมาดูงานเองไว้เผื่อปีหน้า”   

เฌอเบลล์หันมาเล่าให้เขาฟัง  ดวงตาคู่สวยนั้นจับจ้องที่เขา  พีทยิ้มรับ

“ช่วงนี้เบลล์จะพักอยู่ที่นี่เป็นแขกของพี่  ยังไงพีทก็ช่วยดูแลด้วยนะ” 

คนเป็นพี่สังเกตเห็นสายตาของเฌอเบลล์ก็คิ้วขมวด  แต่ก็รีบเก็บอาการทันควันเมื่อพีทหันมา

“วันนี้คงไม่ทำงานต่อ  พี่จะพาเฌอเบลล์ไปเลี้ยงต้อนรับหน่อย  พีทไปด้วยกันนะ”

“ไปด้วยกันนะคะ จะได้ทำความรู้จักกันไว้  อีกหน่อยเราคงต้องทำงานร่วมกัน”  เฌอเบลล์เอื้อมมือมาเกาะแขนเขาไว้  เอ่ยชวน

“ครับ”  หนุ่มน้อยไม่คิดอะไรเมื่อส่งยิ้มกลับให้หุ้นส่วนของพี่ชาย

‘ยิ้มหวานตลอดเลยนะ’  คนเป็นพี่คิดอยู่ในใจ 

ฮั่นนึกไปถึงคืนที่เขาไปนั่งดื่มกับแคน  พีทบอกเขาว่าชอบผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แบบนี้ซะด้วย  ตอนนั้นเขาไม่คิดอะไร  แต่คราวนี้เขาเริ่มไม่ชอบใจนักแต่ยังเก็บท่าทีไว้ได้สนิทภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม 

-----------------------------------



“น้องพีทเรียนจบแล้วเหรอคะ” เสียงหวานของสาวสวยคนเดียวในโต๊ะหันมาถาม 

“ยังครับ  ตอนนี้ฝึกงานอยู่  แล้วก็มาช่วยงานพี่ฮั่นครับ” 

“แหม เก่งจังเลยนะคะ  มาฝึกงานกับพี่ฮั่นด้วย  ปกติพี่ฮั่นเฮี้ยบจะตาย  ใครทำงานให้ก็ไม่ถูกใจ  ตอนอยู่ที่โน่นไล่เลขาออกเป็นว่าเล่น หาว่าทำงานไม่ถูกใจบ้างล่ะ  คุยงานกันไม่รู้เรื่องบ้างล่ะ  บางคนแค่แอบแต่งหน้าก็โดนซะแล้ว”

คนถูกกล่าวถึงหันไปมองเฌอเบลล์  แกล้งขมวดคิ้วใส่คนที่เอาเรื่องของเขามาเล่าทำให้สาวสวยหัวเราะน้อย ๆ อย่างคนที่รู้กัน

“เอาผมมาเผาได้ไงล่ะ  ต่อหน้าต่อตากันเลยนะ” 

“แหม ก็เรื่องจริงนี่คะพี่ฮั่น” เฌอเบลล์เอียงหน้าไปสบตาพี่ฮั่นอย่างล้อเลียนทำให้ทั้งคู่หัวเราะให้กันอีกครั้ง

บริกรนำไวน์มาเสิร์ฟบทสนทนาจึงหยุดลง  เฌอเบลล์ใช้โอกาสนี้มองไปทั่วบริเวณร้านอาหาร  ทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อดังซึ่งเป็นร้านอาหารเปิดโล่งบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมสูงกว่าสามสิบชั้น   บนความสูงระดับนี้จึงสามารถมองเห็นเมืองได้ทั้งเมือง  แสงไฟเบื้องล่างสว่างวิบวับสวยงาม  โต๊ะอาหารตั้งอยู่เรียงรายโดยรอบเพื่อให้ทุกโต๊ะสามารถมองเห็นวิวด้านล่างได้  แสงไฟประดับรอบบริเวณร้านอาหารทำให้เกิดแสงสีหลากหลาย  ห้องอาหารที่นี่จึงได้รับการโหวตให้ติดอันดับร้านอาหารสุดเก๋และมักจะใช้เป็นสถานที่ขอแต่งงานบ่อยที่สุด  นอกจากวิวสวยแล้ว  รสชาติอาหารก็ไม่แพ้ใครจากเชฟฝีมือเยี่ยมที่ได้รับรางวัลระดับโลก  แต่ละเมนูได้รับการออกแบบทั้งรสชาติและหน้าตาเป็นพิเศษ

“สวยมากเลยนะคะบนนี้  ยังกับดาวบนดินแน่ะ  เข้าใจคิดนะคะพี่ฮั่น”

เฌอเบลล์ชมพลางยิ้มหวานหยด  ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่แสงไฟระยิบระยับด้านล่าง  สาวสวยกล่าวชื่นชมความงามของบรรยากาศและสถานที่ตั้งแต่พวกเขาขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นดาดฟ้าของโรงแรมเลยทีเดียว 

“พี่ฮั่นตั้งใจทำเป็นที่ขอแต่งงานใครรึเปล่าเนี่ย  ดูสิโรแมนติกชะมัด” 

ใบหน้าสวยหวานนั้นหันมาสบตาพี่ฮั่น  สายตาที่มีความหมายลึกซึ้ง

พีทเห็นพี่ฮั่นยิ้มให้หญิงสาวข้างกายอย่างอ่อนโยนแต่ไม่ตอบอะไร  เขามองทั้งสองคนสบตากัน  เหมือนเห็นสายใยบางเบาเชื่อมระหว่างหนุ่มสาวตรงหน้า  เขาสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์ ‘พิเศษ’ ระหว่างทั้งสองคน  แม้ว่าพวกเขาก็พูดคุยกันธรรมดาแต่กลับเหมือนมีความเข้าอกเข้าใจกันบางอย่าง  สายตาที่มองกันเหมือนคนที่รู้ใจกันมานาน 

‘สองคนนี้ต้องมีอะไรมากกว่าเพื่อนร่วมงานแน่’ พีทเก็บความสงสัยของเขาไว้พร้อมกับความไม่ค่อยชอบใจนักของตัวเอง
 
แต่อย่างไรก็ตามเฌอเบลล์เป็นแขกที่น่ารัก  เธอพอใจกับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร  บรรยากาศหรือไวน์  และแม้ว่าจะเพิ่งรู้จักกับเขา เฌอเบลล์ก็ช่างสรรหาเรื่องราวมาพูดคุยได้อย่างเพลิดเพลิน  ระหว่างมื้ออาหารจึงมีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม  โดยเฉพาะรอยยิ้มหวานของสาวสวยคนเดียวในโต๊ะ

หลังทานอาหารเสร็จ  พวกเขาเดินไปส่งเฌอเบลล์ที่ห้องพักวีไอพีในโรงแรม  เพราะหญิงสาวต้องการพักผ่อนและปรับตัวจากการเดินทางไกล

“ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยและสถานที่สวย ๆ นะคะ  เบลล์ชอบมาก”  เฌอเบลล์เปิดประตูแล้วหันมากล่าวราตรีสวัสดิ์กับสองหนุ่ม 

“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ พี่ฮั่น” เธอตรงเข้าไปสวมกอดพี่ฮั่นไว้  ซึ่งเจ้าตัวก็กอดตอบเช่นกัน 

“ราตรีสวัสดิ์นะจ๊ะ น้องพีท”

ร่างอวบอิ่มผละจากพี่ฮั่นเข้ามาจูบราตรีสวัสดิ์เขาอย่างรวดเร็วแล้วเข้าห้องไป  เสียงหัวเราะดังแว่วออกมาจากหลังประตู  ทิ้งให้หนุ่มน้อยยืนนิ่งอยู่หน้าห้องอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว  พีททำตาโตใส่ประตูห้องที่เพิ่งปิดลง  เขาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มให้เพื่อนของพี่ชาย

“พีท”  พี่ฮั่นหันมาเรียกเขา  น้ำเสียงแปลก

แต่เขากลับตั้งตัวไม่ทันอีกครั้ง  เมื่อพี่ฮั่นเอื้อมมือมาแตะที่หน้า ใช้นิ้วโป้งไล้อย่างเบามือบริเวณแก้มที่เฌอเบลล์เพิ่งจูบเพื่อเช็ดลิปสติกที่ติดอยู่อย่างนุ่มนวล

“เดินไปแบบนี้เดี๋ยวคนก็มองกันทั้งโรงแรม”  คนเป็นพี่ยิ้มให้เหมือนจะแซวแล้วรีบหันหน้าเดินหนีไปที่ลิฟต์

พีทเผลอยกมือแตะที่แก้มตัวเอง 

‘รู้สึกร้อน ๆ แฮะ พี่ฮั่นทำเขาใจเต้นอีกแล้ว บ่อยเกินไปแล้วนะ’   คิดแล้วก็ออกเดินตามพี่ฮั่นตรงไปที่ลิฟต์ 

“ว่าไงพี่” 

พีทกอดอกพิงผนังลิฟต์  เอ่ยถามเป็นครั้งแรกหลังจากเจอแขกคนสำคัญ  ใบหน้าฉายแววรู้ทันคนเป็นพี่แต่เขายังไม่พูด ไหนจะลองฟังก่อนว่าพี่ฮั่นจะว่าไง

ฮั่นมองหน้าคนน้องตั้งคำถาม  หลบตาแล้วยิ้มเขินกับสายตาจับผิด  ถ้าพีททำตาแบบนี้  เขามักจะถูกต้อนจนไปไม่ถูกอยู่บ่อย ๆ
 
“เบลล์ก็เป็นเพื่อนไง” 

“ยังไงล่ะ เป็นเพื่อนแต่นั่งเบียดกันเนี่ยนะแล้วก็กอดกันกลมขนาดนั้น  แบบนั้นไม่เรียกว่าเพื่อนธรรมดาหรอก”  คนน้องยกมือกอดอก มองนิ่ง

“ก็กอดกันตามประสาคนคุ้นเคยไง”  คนตอบเบนสายตาไปทางอื่น

‘อ้อ  คนคุ้นเคยงั้นเหรอ’
  ใบหน้าน้องชายบอกแบบนั้น

“ร้ายนักนะ ไม่เห็นเคยเล่าเลยว่าควงสาวเซ็กซี่ขนาดนี้”

พีทว่าเสียงเรียบ  ทำไมไม่รู้เขารู้สึกไม่ค่อยชอบใจนัก  อาจจะเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้เรื่องผู้หญิงของพี่ฮั่น  ก็ครั้งก่อนที่เขาถาม  พี่ฮั่นตอบว่าไม่มี  แล้วสาวสวยที่พักห้องวีไอพีหรูของโรงแรมนี่โผล่มาได้ยังไง?

“ก็บอกแล้วไงว่าเราเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน  เป็นแค่หุ้นส่วนกัน”

“แล้วทำไมไม่คบกันต่อล่ะ  ท่าทางเขาก็คงยังจะอยากสานต่อกับพี่อยู่นะ  ไม่งั้นคงไม่มาหาถึงนี่  ผมว่าเรื่องดูงานนั่นแค่ข้ออ้างมากกว่าใช่มั้ย”  เด็กฉลาดเริ่มตั้งคำถามแล้ว

‘เด็กนี่ชักจะรู้ดีไปหน่อยแล้ว  ดูออกด้วยว่าเขากับเฌอเบลล์เป็นแค่คู่ควงกันชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น’
  แต่พี่ชายก็ยังไม่ยอมรับคำกล่าวหาของน้อง

“เบลล์แค่มาดูงานเท่านั้นเอง” 

คนเป็นพี่ให้ข้อสรุปบทสนทนาแปลกประหลาดนี้  พีทถามอย่าง  เขาตอบอีกอย่าง  แต่เด็กฉลาดก็ยังจับทางได้ตลอด

“นี่พี่เป็นพวก one night stand เหรอเนี่ย”

พีทปล่อยมือที่กอดอก เลิกคิ้วหนาของตัวเอง ยิ้มมุมปากแต่สายตาน่ะกลับไปเป็นคุณชายพีทคนเดิม 

สายตาแบบ ‘เอาเรื่อง’   

คนเป็นพี่กลับล้วงกระเป๋ายืนนิ่ง  ไม่ยอมมองหน้าน้องชาย   

‘one night stand  เหรอ  ก็คงใช่มั้ง’   

ชีวิตที่ผ่านมาเขาเรียนหนัก  ทำงานหนักเพราะต้องเดินทางไปช่วยงานคุณคริสดูโรงแรมสาขาอื่นทั่วยุโรป  ผู้หญิงที่เขาคบส่วนมากแค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น  ไม่มีใครมีค่าพอให้จดจำ

“เคยรักใครจริง ๆ บ้างมั้ย?” 

คำถามเชิงประชดนั้นทำให้ฮั่นชะงัก ไม่เคยมีใครตั้งคำถามนี้กับเขามาก่อน 

‘รักเหรอ...รักสิ’

“ผมว่าแล้วว่าพี่น่ะต้องเป็นพวก  กลัวความรัก”  พีทสรุป

ลิฟต์เปิดออกพอดีทำให้บทสนทนาหยุดลง  สองพี่น้องเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่  แต่คำถามนั้นยังติดหัวพี่ชายไปตลอดทั้งคืน

------------------------------------



“พีท  ใครที่เดินกับพี่ฮั่นน่ะ”  พี่โดมพยักพเยิดให้เขาหันไปมองที่ทางเดินระหว่างอาคาร  พวกเขากำลังจัดห้องประชุมขนาดใหญ่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสำคัญ   บรรดาตัวแทนประเทศผู้นำด้านเศรษฐกิจของโลกจะเดินทางมาร่วมประชุมที่นี่ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า

“สวยมากเลย  หน้าหวาน หุ่นดี  เซ็กซี่สุด ๆ” 

นานครั้งจะเห็นพี่โดมทำเสียงตื่นเต้นเวลาเห็นสาวสวย

“อ๋อ  คุณเฌอเบลล์  เพื่อนพี่ฮั่นน่ะ” พีทตอบโดยไม่จำเป็นต้องหันไปมอง  มีอยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ

“เพื่อนเหรอ  เพื่อนที่ไหนควงแขนขนาดนั้นล่ะพีท ไม่ใช่มั้ง  แฟนรึเปล่า”  พี่โดมตั้งข้อสังเกต

คำถามนั้นทำให้พีทต้องหันไปมองอย่างตั้งใจ  เขาเห็นพี่ฮั่นเดินห่างออกไปแล้วโดยมีหญิงสาวกอดแขนท่าทางสนิทสนมอยู่ข้างกาย

“เดินควงกันขนาดนี้เป็นข่าวทั้งโรงแรมแน่”  โดมว่า

เรื่องทุกอย่างในโรงแรมนี้แพร่เร็วยิ่งกว่าไฟไหม้ฟางซะอีก  ขนาดเรื่องพีทเป็นลูกเจ้าของโรงแรมยังรู้กันทั่วเพียงแค่วันเดียว  ที่เขารู้เพราะมีเพื่อนที่ฝึกงานเป็นเชฟ  อยู่ถึงในครัวยังได้ยินข่าวลือถึงกับต้องเอามาถามเขา   




“สวัสดีค่ะ  น้องพีท” 

พีทละจากงานตรงหน้าเมื่อได้ยินเสียงทักอ่อนหวาน
 
“สวัสดีครับคุณเฌอเบลล์”  เขาทักทายหุ้นส่วนสาวสวยอย่างแปลกใจที่เห็นเธอปรากฏตัวที่นี่ ไม่คาดคิดว่าเฌอเบลล์จะเริ่มดูงานเร็วขนาดนี้เพราะเพิ่งมาถึงเมื่อวาน   

ด้านหลังของเฌอเบลล์  พี่ฮั่นยืนส่งยิ้มให้เขา ไม่ว่าอะไร

“เรียกพี่เบลล์ดีกว่านะคะ”  เฌอเบลล์บอกแล้วยิ้มหวานเช่นเคย

“บ่ายนี้ขออนุญาตดูงานฝ่ายจัดประชุมนะคะ” 

‘ไม่ได้ก็คงไม่ไหวล่ะ รองประธานมายืนคุมซะขนาดนี้’
  โดมที่ยืนอยู่ใกล้กับพีทแอบคิดอยู่ในใจ

ท่านรองประธานพาหุ้นส่วนเข้ามาดูงานถึงแผนกจัดประชุมโดยไม่บอกล่วงหน้าทำให้หัวหน้าแผนกต้องกุลีกุจอเชิญทั้งสองคนเข้าห้องประชุม  พนักงานทุกคนในแผนกทิ้งงานตรงหน้าแล้วเตรียมตัวเข้าประชุมด่วน
 
“พี่ฮั่นคะ เบลล์อยากให้น้องพีทเป็นคนนำเสนอค่ะ” 

เฌอเบลล์หันไปขอร้องรองประธานที่นั่งเด่นอยู่ตรงกลางที่ประชุม  ใบหน้าที่ตกแต่งอย่างดียิ้มหวาน  จากนั้นหุ้นส่วนคนสวยก็หันกลับมาหาคนทั้งห้องประชุม 

“คงไม่ว่าอะไรนะคะ”

พีทเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ  หันไปมองหัวหน้าแผนกอย่างขอความเห็น  หัวหน้าแผนกพยักหน้าให้แทบจะทันที 

เฌอเบลล์นั่งฟังคุณชายอธิบายรายละเอียดงานทั้งหมดอย่างตั้งใจ ใบหน้าสวยที่มีรอยยิ้มอ่อนหวานอยู่เป็นนิจนั้นเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม  มือเล็กจดบันทึกรายละเอียดอย่างรวดเร็ว  เธอไม่ซักถามอะไร  ปล่อยให้พีทอธิบายงานทั้งหมดของแผนกจัดประชุม  รวมไปถึงงานประชุมผู้นำเศรษฐกิจที่กำลังจะจัดขึ้นเร็ว ๆ นี้

รองประธานก็ไม่ว่าอะไรเช่นกัน  เขาตั้งใจฟังสิ่งที่พีทนำเสนอ ใบหน้าคมยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อพีทบรรยายจบ 

‘เก่งไม่เบาเลยนะ  เห็นทีเขาคงต้องเลื่อนตำแหน่งให้ซะแล้ว  เก่งขนาดนี้’

พีทอธิบายงานทุกส่วนของแผนกอย่างคนที่เข้าใจงานทะลุปรุโปร่งทั้งที่เป็นเพียงนักศึกษาฝึกงาน  ชัดเจน กระชับ น้ำเสียงกังวานมีความมั่นใจในตัวเอง 

“คุณเฌอเบลล์มีคำถามอะไรหรือเปล่าครับ”  พีทหันไปถามเมื่อสิ้นสุดการบรรยาย

“ห้องทำงานของนักข่าวที่จัดไว้สองห้อง  ติดกับห้องประชุมเลยซึ่งเบลล์ก็คิดว่าดีเพราะสะดวกในการทำงาน แต่เราจะควบคุมคนได้อย่างไรคะ  ทั้งนักข่าว  ตากล้องและเจ้าหน้าที่จำนวนมากอาจจะเดินเข้าออกพลุกพล่านรบกวนการประชุมได้”

“เราจำกัดจำนวนนักข่าวที่จะเข้าไปทำข่าวในห้องประชุมแล้วครับ ตอนนี้มีการร่วมมือกันระหว่างนักข่าวทุกสำนักในประเทศ จัดส่งตัวแทนไปทำข่าวภายในห้องประชุมเพียงกลุ่มหนึ่งเท่านั้น  นักข่าวที่มาทำข่าวครั้งนี้จะได้ภาพและเนื้อหาการประชุมเหมือนกันทั้งสำนักข่าวภายในประเทศและสำนักข่าวต่างประเทศ”

“เรื่องนี้ทำให้การดูแลความปลอดภัยง่ายขึ้นด้วย  เพราะตัวแทนจากประเทศแถบตะวันออกกลางแจ้งว่าท่านผู้นำจะไม่เข้าร่วมประชุมถ้าเขาไม่วางใจเรื่องความปลอดภัย  ตอนนี้เราได้รายชื่อนักข่าวทั้งหมดและเช็คประวัติย้อนหลังทุกคนแล้วครับ”

“อืม เก่งนะคะ ทำให้ทุกสำนักยอมรวมกันทำข่าวด้วยกันได้” เฌอเบลล์กล่าวชม

“เรื่องนี้เป็นฝีมือรองประธานครับ”

พีทตอบแต่ไม่มองไปที่เจ้าตัวเลยสักนิด  กลับมองไปยังผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่นแทน  เขาเหลือบไปเห็นหัวหน้าแผนกอ้าปากค้างกับคำตอบ เพราะเรื่องความปลอดภัยนี้อยู่นอกเหนือหน้าที่ความรับผิดชอบของฝ่ายจัดประชุม  แต่ที่เขารู้เรื่องพวกนี้ด้วยก็เพราะเขาช่วยงานพี่ฮั่นอยู่ทุกเย็นทำให้รู้งานด้านอื่นไปโดยปริยาย

“ว้าว  เบลล์นึกอยู่แล้วเชียว”  ใบหน้าเรียวหันไปยิ้มให้พี่ฮั่นซึ่งก็ยิ้มรับคำชมนั้น 

ทั้งคู่หันไปคุยกันเบา ๆ ครู่หนึ่ง  คราวนี้พีทที่ยืนอยู่หน้าห้องประชุมจ้องเขม็งไปที่คนทั้งคู่  ‘คุยอะไรกัน?’

การสอบถามดำเนินไปอีกครู่ใหญ่  พีทตอบคำถามอย่างคล่องแคล่ว  ส่วนเฌอเบลล์ก็จดบันทึกตลอดเวลา  บางครั้งก็หันไปสอบถามหัวหน้าแผนกบ้าง   

ในที่สุดการ ‘ดูงาน’ ของเฌอเบลล์ก็สิ้นสุดลง 

“เบลล์ไม่มีคำถามแล้วค่ะ ขอบคุณมากสำหรับการบรรยายวันนี้” 

หุ้นส่วนคนสวยกล่าวพลางหันไปขอบคุณทุกคนที่เข้าร่วมประชุม จากนั้นจึงหันไปชวนรองประธานกลับ  รองประธานรับคำแล้วหันไปมองน้องชายที่กำลังยุ่งอยู่กับการปิดไฟล์เอกสารในโน้ตบุ๊ก ไม่สนใจว่าใครกำลังจะกลับแล้ว  เขามองนิ่งอยู่ครู่อย่างตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเรียกดีหรือไม่  ก็พอดีเฌอเบลล์ลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปที่น้องชายของเขาเสียก่อน

“พี่ไปก่อนนะคะน้องพีท  ขอบคุณสำหรับการบรรยาย”   

เฌอเบลล์แตะมือนุ่มบนหลังมือหนุ่มน้อย  พีทเงยหน้าขึ้นแล้วรีบเอ่ยลาพร้อมกับรอยยิ้ม 

เท่านี้รองประธานก็เดินออกจากห้องประชุมทันที 




ภาพรองประธานคอยเทคแคร์หุ้นส่วนสาวสวย ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องประชุมจนกระทั่งกลับออกไปทำให้คนทั้งแผนกแอบซุบซิบกัน  เพราะพวกเขาได้ข่าวลือเรื่องนี้มาตั้งแต่เช้า ไม่มีใครคาดคิดว่าตอนบ่ายเจ้าตัวจะมาปรากฏตัวที่แผนก  ยิ่งตอกย้ำข่าวลือให้น่าเชื่อถือขึ้นไปอีก

พี่ฮั่นกับเฌอเบลล์กลับออกจากแผนกไปตั้งนานแล้ว  แต่ความรู้สึกไม่ชอบใจกลับยังติดค้างอยู่ในใจใครบางคน   

พีทคิ้วขมวดอย่างไม่รู้สึกตัว  มีเพียงโดมที่สังเกตเห็น




“เก่งนะคะ น้องพี่ฮั่นเนี่ย” เฌอเบลล์ชมหลังจากที่เดินออกจากแผนก  สองหนุ่มสาวเดินเคียงกันเข้าไปในลิฟต์

“ครับ  ขอบคุณที่ชม  เดี๋ยวผมจะบอกพีทให้”  คนเป็นพี่รับคำด้วยใบหน้าเรียบเฉย

‘ใช่ พีทเก่งมาก  นี่แค่ฝึกงาน  ถ้าทำเต็มตัวคงจะเก่งยิ่งกว่านี้’


“น่าสนใจมาก”

เฌอเบลล์พูดแล้วยิ้มบาง  แววตาคู่สวยมีแววซุกซนเมื่อคิดอะไรในใจ

เด็กฝึกงานหน้าตาดียืนอธิบายเรื่องงานอย่างคล่องแคล่ว  ตอบคำถามฉะฉาน  ฉลาด  ไม่ใช่พวกลูกคนรวยที่หยิบหย่งทำอะไรไม่เป็น 

พีททำให้เธอ...ประทับใจ

รองประธานหันไปมองคนที่เดินเคียงข้างเขาทันทีที่ได้ยินคำชมของเฌอเบลล์  แววตาที่เขาเห็นทำให้เขาถึงกับคิ้วขมวด  คนที่รู้จักกันมานานอย่างเขากับเฌอเบลล์ ‘รู้ทาง’ กันดีอยู่แล้ว 

‘ไม่เอาน่า  อย่าให้เป็นอย่างที่เขาหวั่นเลย’

--------------------------------



ช่วงนี้คนทั้งโรงแรมต่างก็กำลังยุ่งเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงานประชุมใหญ่ระดับประเทศ  พีทกับพี่โดมก็ยุ่งกับการเตรียมการประชุม พวกเขาได้รับการกำชับจากหัวหน้าฝ่ายให้เตรียมทุกสิ่งทุกอย่างให้พร้อม  ทุกคนเริ่มเครียดกันมากขึ้นเพื่อเตรียมงานให้ดีที่สุด

พี่ฮั่นก็เช่นกัน งานประชุมสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นทำให้รองประธานต้องทำงานหนักมากขึ้นเพราะต้องควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด  แต่ใครต่อใครในโรงแรมก็ยังมีเวลาสังเกตเห็นว่าตอนนี้ข้างกายพี่ฮั่นกลับปรากฏร่างหุ้นส่วนคนสำคัญตลอดเวลา

ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน  พีทรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้งเวลาที่เห็นหรือได้ยินคนอื่นพูดถึงเรื่องที่รองประธานควงหุ้นส่วนสาวสวยไปดูงานทั่วโรงแรม



“พีท  ช่วงนี้เป็นอะไรดูไม่ร่าเริงเลย”   

โดมเอ่ยปากถามพีทบ่ายวันหนึ่ง  หนุ่มร่างอวบไม่อยากจะเล่าต่อว่าสาว ๆ ทั้งโรงแรมอยากรู้กันทั้งนั้น  เพราะอยู่ดี ๆ คุณชายยิ้มง่ายของพวกเธอเปลี่ยนเป็นคุณชายยิ้มยากเสียแล้ว  พีทไม่ได้อารมณ์เสียใส่ใคร  แต่ใบหน้าเรียบเฉยไม่ยิ้มแย้มของเขาทำให้ใครต่อใครก็ต้องถอยไปอยู่ห่าง ๆ

“ไม่รู้เหมือนกันพี่โดม ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเป็นอะไร หงุดหงิด”

พีทกดความรู้สึกไม่ชอบใจของตัวเองไว้  พยายามไม่คิดอะไรทั้งที่แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว  เพราะช่วงนี้พี่ฮั่นถูก ‘ยึด’  โดยแขกคนสำคัญตั้งแต่เช้าจรดเย็นทีเดียว

“ตั้งแต่คุณเฌอเบลล์มาดูงาน  ดูพีทอารมณ์เสียบ่อยนะ”

“อืม  คงงั้นมั้ง  พี่ฮั่นไม่สนใจผมเลย”  พีทหน้างอลงอีก  คล้ายเด็กถูกขัดใจ

‘หวงพี่สินะ’  โดมคิดอยู่ในใจ  ก็ออกอาการขนาดนี้   

“อย่าคิดมากเลยพีท  พี่ฮั่นเขาต้องดูแลแขกนี่  ทำใจให้สบายเถอะ  ทำหน้าแบบนี้ไม่สมกับเป็นนายเลย”  พี่โดมวางมือบนไหล่เขา  บีบเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ

“แล้วผมต้องทำยังไงเหรอถึงจะเป็นผมคนเดิม” 

“ก็ยิ้มสิ  นายยิ้มแล้วน่ารักออก  สาว ๆ เค้าหงอยกันหมดทั้งโรงแรมแล้วรู้รึเปล่า” 

ท้ายประโยคแซวของพี่โดมทำให้เขายิ้มได้  พี่โดมล้อเขาเล่นสินะ

-----------------------------------



“พีท  เป็นอะไร  พี่เห็นเงียบไป โกรธอะไรพี่รึเปล่า” 

พีทชะงักมือที่กำลังถอดเนคไท  วันนี้พี่โดมก็เพิ่งถามเขาแบบนี้เหมือนกัน  เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร  รู้แค่ว่าไม่ชอบใจ

“พี่รู้ด้วยเหรอ  ผมเห็นพี่ยุ่งตลอด  โดยเฉพาะต้องพาพี่เฌอเบลล์ไปดูโน่นดูนี่” 

ตอบโดยที่คิดว่าปกติที่สุดแล้ว  แต่คนฟังรับรู้ทันทีว่าคนพูดกำลังไม่พอใจ  พีทเผลอดึงเนคไทผิดด้านทำให้เนคไทพันแน่นกว่าเดิม เขาพยายามดึงเนคไทออกจากปมแต่ไม่เป็นผล  ยิ่งเขาหงุดหงิดเนคไทเส้นนั้นก็ดูจะยิ่งรัดแน่นขึ้นจนแกะเท่าไรก็แกะไม่ออก

“โกรธพี่จริง ๆ ด้วย  ก็ช่วงนี้ต้องเตรียมงานประชุมกันทั้งโรงแรม”   

พี่ชายยืนมองน้องชายกำลังยื้อกับเนคไทแววตาหนักใจ  หนักใจเรื่องบางอย่างที่บอกใครไม่ได้ 

พีทมัวแต่ก้มหน้าแกะเนคไทจึงไม่เห็นแววตาของคนเป็นพี่

“เปล่า  ผมไม่ได้โกรธพี่สักหน่อย  ผมบอกแล้วไงว่าผมจะไม่โกรธพี่อีก  พี่จะไปทำอะไรกับใครผมไม่สนหรอก” 

‘ฮึ้ย  เนคไทบ้านี่  ทำไมมันแน่นแบบนี้เนี่ย’   

“จริงเหรอ”  พร้อมกันนั้นพี่ฮั่นก็เดินมาตรงหน้า  เอื้อมมือมาช่วยแกะเนคไทที่เริ่มพันกันยุ่งเหยิงให้

“ไม่เป็นไร  ผมทำเอง”  พีทบอกอย่างดื้อดึง  ถอยตัวออก

“อยู่เฉย ๆ เถอะน่า”  พี่ฮั่นออกคำสั่ง  ขยับเข้ามายืนใกล้มากขึ้น

พีทจำต้องปล่อยมือลงข้างตัวหันหน้าบูดสนิทหนีไปอีกทาง  ปล่อยให้พี่ฮั่นยืนแกะเนคไทช้า ๆ

“ถ้างั้นก็ไม่พอใจสิ ใช่ไหม” ดวงตาชั้นเดียวมองหน้าคนที่คิ้วแทบจะผูกโบว์อยู่แล้ว

“เฌอเบลล์เป็นแขก  อีกอย่างเขาก็มาศึกษางานโรงแรมเราด้วย  พี่ก็ต้องดูแล”  พี่ชายพูดเสียงอ่อนเหมือนที่เคยใช้กับ ‘เด็กชายพีท’ ไม่ใช่กับคนที่กำลังเข้าสู่วัยหนุ่มที่ยืนอยู่ต่อหน้า

“พี่ไม่มีเวลาให้ผมเลย”  เด็กชายพีทว่า

“พี่เพิ่งกลับมายังไม่ทันไรจะหนีไปมีแฟน  แล้วผมล่ะ  พี่จะทิ้งผมอีกแล้ว  ผมไม่ยอมนะ” 

เสียงดื้อดึงนั้นทำให้คนเป็นพี่ยิ้มมุมปากอย่างระมัดระวังไม่ให้คนตรงหน้าเห็น  นี่ถ้ากระทืบเท้าเหมือนตอนอยู่อนุบาลได้พีทคงทำไปแล้ว 

“ไม่เอาน่า  พี่ไม่ได้คบกับเฌอเบลล์ซะหน่อย  พี่บอกแล้วไงว่าเบลล์เป็นเพื่อน  เป็นแค่หุ้นส่วน”

คนที่หันหน้าหนีค่อย ๆ หันกลับมามองหน้าขาวปากแดงของพี่ชายตรงหน้า  หายโกรธลงไปเกือบครึ่งแต่ใบหน้ายังคงนิ่ง

“พี่ไม่หนีไปมีแฟนที่ไหนหรอกน่า” 

มือใหญ่คลายเนคไทออกจนสำเร็จ เอื้อมมือมายกปกเสื้อเชิ้ตของพีทขึ้นแล้วดึงเนคไทออก

“พี่พูดแล้วนะ ห้ามลืมด้วย  แล้วถึงพี่จะมีตอนนี้ผมก็ไม่ยอมหรอก” หน้าบูดบึ้งของน้องชายเริ่มมีสีหน้าดีขึ้น

“พีทจำคำพูดของพีทให้ดีก็แล้วกัน”     

ดวงตาของพี่ชายมองสบตาพีทอย่างต้องการยืนยันคำพูด  รู้สึกอุ่นวาบอย่างเป็นสุขอยู่ลึกสุดในใจที่พีททำท่า ‘หวง’ เขา
ความเครียดบางอย่างที่ต้องเก็บไว้ในใจมลายไป 

“พี่ฮั่น จะทำอะไร”  พีทเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้พี่ฮั่นกำลังแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตเขาอยู่

“ก็แกะกระดุมให้ไง น้องพีท”

คนพูดเงยหน้ามายิ้มให้ ทอดเสียงอ่อน กระแสเสียงเจือด้วยความเอ็นดูเหมือนพีทเป็นน้องน้อยไม่แปรเปลี่ยน  มือใหญ่แกะกระดุมอย่างเชื่องช้า

‘น้องพีท’  คำเรียกที่พี่ฮั่นใช้เรียกเขาตอนเด็ก  เสียงอ่อนนั่นทำให้เขารู้สึกวูบวาบ  ยิ่งมือพี่ฮั่นที่กำลังแกะกระดุมอยู่สัมผัสแผ่วกับผิวเขา  ยิ่งทำให้เขาทำตัวไม่ถูกยิ่งขึ้น 

พี่ฮั่นทำเหมือนตอนพีทยังเด็ก  เวลาแต่งตัวไปโรงเรียนเขามักติดกระดุมผิดเสมอจนพี่ฮั่นต้องคอยแกะและติดให้ใหม่อยู่บ่อย ๆ

พีทเผลอคิดถึงเรื่องตอนเด็กอีกครั้ง  กว่าจะรู้ตัวอีกที.....

“เอ่อ พีท แกะเองได้”  เขารีบตะครุบมือตัวเองบนมือพี่ฮั่นที่กำลังแกะกระดุมเม็ดสุดท้าย

“เสร็จแล้ว”  พี่ฮั่นพูดพลางผละมือออกจากเสื้อเชิ้ต  เงยหน้าขึ้นมองตาเขา พี่ฮั่นยิ้ม 

“เรียกตัวเองว่า พีท แบบนี้น่ารักดี  พี่ชอบ”  คนพี่ยิ่งยิ้มกว้างตาปิดทีเดียว

“อะไรเล่า  ก็มาเรียกน้องแบบนั้นนี่นา  พี่อ่า”   

พีทโวยวายเสียงดังเมื่อรู้สึกเขินกับประโยคนั้น

....พี่ชอบ...

“ป่ะ ไปอาบน้ำสิ”  พี่ฮั่นเอื้อมมือมาจับไหล่เขาหมุนให้เดินไปที่ห้องน้ำ 

“คร้าบ” พีทรับคำ

อารมณ์หงุดหงิดตลอดหลายวันที่ผ่านมาหายไปเป็นปลิดทิ้ง 

‘ดีจัง  พี่ฮั่นยังเป็นพี่ฮั่นคนเดิมของเขา’



-----------------------------------

ตัดกันไปดื้อ ๆ แบบนี้แหละ 555

ขอบคุณที่ติดตามและคอมเม้นต์นะคะ  สงสัยจะไม่ใช่แนวของคนในเล้าใช่ป่ะเนี่ย   :mew2:

ถ้าไม่ถูกใจตรงไหนก็บอกได้นะคะ  ขอบคุณค่า

 :mew1:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-09-2014 00:30:55 โดย Tigerintherain »

ออฟไลน์ green1313

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หวานกันขนาดนี้เลย

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
โอย น่ารักจังค่ะ  :ling1:

น้องพีทหนูมีแววว่าโตแล้วจะเป็นราชสีห์หนุ่มมากๆค่ะ น่าจะดุและหวงของด้วย โอย น่ารักน่าหยิก

ดูอุ่นๆมุ้งมิ้งแต่บางมีรัศมีน้องก็ดูคมดุแบบประหลาดมากค่ะ แบบดูมีอำนาจในตัว เราชอบ

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
34. รู้ตัว



งานประชุมสำคัญใกล้เข้ามาแล้ว  พีทกำลังคิดทบทวนงานอีกมากมายที่ยังรอการสะสางขณะที่ก้าวขาออกจากลิฟต์เมื่อเคลื่อนมาถึงชั้นสูงสุด   

ฝ่ายจัดประชุมของเขากำลังมีปัญหาเพราะนักข่าวที่จะเดินทางมามีจำนวนมากกว่าที่แจ้งไว้ตอนแรก  เขาต้องจัดห้องทำงานสำหรับนักข่าวเพิ่ม  ไหนจะเรื่องอุปกรณ์ในการรายงานข่าว  รวมไปถึงห้องพักสำหรับนักข่าว   เรื่องยุ่งเพียงเรื่องเดียวกลับทำให้มีปัญหาอื่นตามมามากมาย

เลขาหน้าห้องไม่อยู่  เขาตรงไปเคาะประตูเสียงเบาสองสามครั้งแล้วเปิดเข้าไป 

ร่างอวบอิ่มของเฌอเบลล์เบียดแนบกับพี่ฮั่นจนแทบไม่มีช่องว่าง  แขนกลมกลึงของเธอยกขึ้นโอบรอบคอของคนที่สูงกว่า ใบหน้าเงยขึ้นบดเบียดริมฝีปากกับคนตรงหน้า  ทั้งสองคนไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครอีกคนเข้ามาในห้อง

ขาที่กำลังก้าวชะงักนิ่งค้าง  เขาอยากจะหันหนีจากภาพนั้น  แต่ทำไมไม่รู้ขากลับเหมือนถูกตรึงไว้  ขยับไม่ได้  ชั่วระยะเพียงครู่แต่เขากลับรู้สึกเหมือนแสนนาน  ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองจ้องมองอยู่แบบนั้น 

‘อะไรกัน  ความรู้สึกแบบนี้  นี่มัน....’

ในที่สุด  พี่ฮั่นก็เหลือบมาเห็นเขา  ร่างสูงถอนริมฝีปากออกช้า ๆ ทำให้เฌอเบลล์งุนงงที่พี่ฮั่นหยุด  เธอหันไปมองตามสายตาของเขาแล้วจึงเข้าใจ 

พีทยืนอยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อไร....ไม่มีใครรู้

ทั้งคู่ผละออกจากกัน  เจ้าของร่างกลมกลึงสมส่วนถอยออกจากพี่ฮั่น เฌอเบลล์หันมายิ้มให้เขาด้วยท่าทีปกติราวกับว่าเรื่องที่พวกเขาทำนั้นเป็นเรื่องธรรมดา  เหมือนการหัวเราะอะไรแบบนั้น

“น้องพีทมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย  มีธุระกับพี่ฮั่นเหรอคะ  ตามสบายนะคะ”  หญิงสาวคนเดียวในห้องทักเขาแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกเหมือนปล่อยให้เขาพูดธุระกัน

“พีท  มีอะไรรึเปล่า”  เสียงพี่ฮั่นเรียก  ท่าทีปกติเช่นกัน 

พีทสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงพี่ฮั่นเรียก ดวงตาที่เหม่อลอยกลับมารับรู้อีกครั้ง  เขาพยายามปรับสีหน้าท่าทางของตัวเองให้ปกติที่สุด 

เขามาทำอะไรตรงนี้?  มาทำไมนะ? 

เขาไม่กล้ามองหน้าพี่ฮั่น  เพราะอยู่ ๆ เขาก็ลืมเรื่องที่ทำให้เขาต้องขึ้นมาหาพี่ฮั่นเสียเฉย ๆ  หัวสมองว่างเปล่า

“เอ่อ  ผมลืมไปแล้วว่ามีธุระอะไร  ผมขอตัวก่อน  ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ” 

พีทว่ารวดเร็วแล้วหมุนตัวก้าวออกจากห้องไปทันทีโดยไม่ปล่อยโอกาสให้ใครสอบถามอะไร  เขาก้าวเท้ารวดเร็วจนแทบจะวิ่งออกจากห้อง  สวนกับเลขาส่วนตัวรองประธานที่กำลังเดินออกจากห้องน้ำ  เลขากำลังจะเอ่ยทักทายแต่กลับต้องชะงัก  เพราะตอนนี้ใบหน้าของลูกชายท่านประธานขมวดมุ่นเหมือนมีอะไรในใจ  เดินผ่านเธอไปรวดเร็วเหมือนไม่เห็นเธอเสียด้วยซ้ำ

พีทมองไม่เห็นใครทั้งนั้น  ไม่รับรู้สิ่งใด  เหมือนร่างกายเคลื่อนไหวไปตามความเคยชิน  เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเดินออกจากห้องเข้าไปในลิฟต์ได้อย่างไร

เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์  จิตใจที่ว่างเปล่ากลับถูกเติมเต็มด้วยความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นชั่วขณะที่เขาเห็นพี่ฮั่นกับเฌอเบลล์ในห้อง  ไหลเข้าท่วมร่างเขา

พีทกำมือแน่น เขาเพิ่งรู้สึกตัว มันรวดเร็วราวถูกไฟช็อต เหมือนกระแสไฟฟ้าแล่นไปทั่วร่างกระตุ้นเส้นประสาทในสมองทุกเส้น
 
หัวใจเขาเต้น....แรงจนแทบทะลุออกมานอกอก

เขารู้แล้ว!

รู้แล้วว่าตัวเองเป็นอะไรช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา 

ทำไมเขาถึงใจเต้นแรงเวลาที่อยู่ใกล้พี่ฮั่น  อยากสัมผัส  อยากอยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา 

ทำไมเขาถึงหงุดหงิดที่เห็นพี่ฮั่นไปไหนมาไหนกับหุ้นส่วนคนสำคัญ  ไม่ชอบใจที่พี่ฮั่นอยู่กับคนอื่น  สนิทสนมกับคนอื่น  เขาต้องการให้พี่ฮั่นอยู่กับเขาเท่านั้น 

เมื่อกี้ที่เห็นทั้งสองคนคลอเคลียกันในห้องทำงานทันใดนั้นเขาก็รู้สึกตัว 

เขาเพิ่งรู้ว่าเขา...หวงพี่  เขาหวงพี่ฮั่น  ไม่ชอบใจ  ไม่ชอบที่เห็นพี่ฮั่นทำแบบนั้นกับใคร  แบบนี้มันเรียกว่า....

คำพูดของคุณปู่ลอยเข้ามาในหัวสมอง

‘...รักมันแล้วล่ะสิ..’

เข้าใจแล้ว! 

เขาคิดว่าเขาคงบ้าไปแล้วเพราะเขารู้สึกตัวตอนนี้เองว่า... 



เขารักพี่ชายตัวเอง!



หนุ่มน้อยออกจากลิฟต์ไม่รู้ตัวเลยว่าเดินสะเปะสะปะไปทางไหน จนกระทั่งพี่โดมโทรตามเพราะเห็นว่าเขาหายไปนาน  พีทจึงรู้สึกตัว  เดินกลับไปที่แผนกแล้วเริ่มต้นทำงานโดยที่ไม่มีสมาธิเลยแม้แต่น้อย

----------------------------------



“พีท  เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมเงียบไป” 

“เปล่าครับ  เหนื่อยนิดหน่อย” 

พีทตอบแล้วหันกลับไปดูถนนด้านหน้า  ลอบถอนหายใจ  เขาไม่กล้าสบตาพี่ฮั่นเลย  ความรู้สึกที่เกิดขึ้นยังระอุอยู่ภายในตัว   

พีทได้แต่พยายามควบคุมมันไว้เพราะตอนนี้เขาอยู่กับพี่ฮั่น  เขายังตั้งตัวไม่ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยเป็นแบบนี้....



ฮั่นแอบมองน้องอย่างไม่เชื่อเท่าไรนัก  พีทดูซึมไปตั้งแต่เห็นเขากับเฌอเบลล์ในห้องทำงาน 


“เบลล์ขอพูดตรง ๆ นะคะพี่ฮั่น”  ร่างสมส่วนของเฌอเบลล์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่เดินมาหาเขา

“เบลล์สนใจน้องชายพี่ฮั่นค่ะ พี่ฮั่นคงไม่ว่าอะไรนะคะ”

นั่นไง เขาคิดอยู่แล้ว  สายตาของเฌอเบลล์ที่มองพีทตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอทำให้เขาหวั่นใจ 

เฌอเบลล์เป็นผู้หญิงรักอิสระ  เธอสวยและฉลาด  เกิดมาในตระกูลสูง เป็นถึงหลานสาวของดยุค (Duke) ตระกูลหนึ่งที่สืบทอดกันมาของสหราชอาณาจักร  ตระกูลนี้ครอบครองที่ดินส่วนใหญ่ของสก๊อตแลนด์ ทรัพย์สินส่วนตัวของเฌอเบลล์บางชิ้นประเมินค่ามิได้  เพราะส่วนใหญ่เป็นที่ดินและปราสาทเก่าแก่และงานศิลปะที่มีชื่อเสียงของศิลปินดังในยุคเรอเนซองซ์ 

แม่ของเฌอเบลล์เคยเป็นดาราสาวลูกครึ่งอังกฤษ-จีนที่โด่งดังก่อนจะมาแต่งงานกับลูกชายท่านดยุค  เฌอเบลล์จึงได้รับถ่ายทอดความงามที่ผสมผสานเชื้ออังกฤษและเอเชียจากแม่ไว้ได้อย่างลงตัว  เธอจึงเป็นสาวสวยรวยเสน่ห์ที่ผู้ชายทุกคนต้องยอมสยบให้  ด้วยคุณสมบัติขนาดนี้ทำให้เธอเป็นฝ่ายเลือกอยู่เสมอและเธอก็มักจะได้ในสิ่งที่เธอต้องการ  เฌอเบลล์จึงไม่เคยหยุดอยู่ที่ใคร 

เขากลัวว่าพีทคงจะต้านทานสาวทรงเสน่ห์อย่างเฌอเบลล์ไม่ไหว กลัวว่าสุดท้ายแล้วคนที่จะเสียใจก็คือน้อง  ตั้งแต่ที่เขาเห็นแววตาแบบนั้นของเฌอเบลล์  เขาก็พยายามไม่ปล่อยให้เฌอเบลล์ได้มีโอกาสแวะไป ‘หว่านเสน่ห์’ ให้หนุ่มน้อยที่ฝึกงานอยู่ฝ่ายจัดประชุม  คนทั้งโรงแรมจึงเห็นเขาเดินว่อนไปไหนมาไหนกับหุ้นส่วนสาวสวย

“ผมว่าคงไม่ดีมั้ง นั่นน้องชายผมนะ แล้วเราเคย...”

“แหม พูดยังกับเราเคยมีเยื่อใยต่อกันอย่างงั้นแหละพี่ฮั่น ทั้งที่พี่เป็นคนที่ไม่สนใจเบลล์เองแท้ ๆ หวงน้องรึไงคะ”  เฌอเบลล์ขยับเข้ามาใกล้  ใช้นิ้วเขี่ยที่รังดุมเสื้อเขาไปมา

“มันไม่ใช่แบบนั้น เราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ไม่ควรมีอะไรเกินเลย” เขาหันหน้าไปทางอื่น 

“คนปากแข็ง”  นิ้วเรียวดั่งลำเทียนของเฌอเบลล์ลากไปตามสันคางของเขา จับคางเขาอย่างหมั่นไส้ 

 “เราสนิทกันขนาดนั้น ยังจะบอกว่าไม่มีอะไรเกินเลยงั้นเหรอคะพี่ฮั่น คนใจร้าย” ใบหน้าสวยหวานแหงนเงยขึ้นมองดูเขา  ดวงตาพราวระยับ ร่างอวบอิ่มขยับมายืนเบียดแนบชิด

“ถ้าคุณเหงาก็มาหาผมเถอะ แต่พีท เอ่อ  ผมไม่ พีทยังเด็ก”   เขายังคงมองตรงไปทางอื่นเมื่อเฌอเบลล์จงใจเบียดร่างเข้าหา

ไม่อยากให้ใครเห็นสายตาตัวเองเวลาพูดถึง...น้องชาย

“แหม เด็กที่ไหนกัน เบลล์จะทำให้เป็นหนุ่มเต็มตัวยังไงคะ ไม่ดีเหรอ” เสียงพูดแฝงความนัย 

“แต่พี่ฮั่นลงทุนเอาตัวเองเข้าแลกขนาดนี้ เบลล์จะรอก่อนก็ได้ค่ะ”

เฌอเบลล์ยกตัวกระซิบข้างหู  ปล่อยลมร้อนรดหูเขาซึ่งเป็นจุดอ่อนที่เฌอเบลล์รู้ดี มือนุ่มนิ่มของหญิงสาวจับใบหน้าเขาไว้ให้มองหน้าเธอ ทั้งคู่สบตากันเหมือนกำลังรื้อฟื้นความทรงจำเก่า ๆ ให้กลับมาอีกครั้ง 

คนสองคนไม่ต้องใช้คำพูดใดต่อกันอีกเมื่อริมฝีปากกำลังทำหน้าที่อื่นอยู่  เฌอเบลล์สอดมือทั้งสองข้างไปตามลำคอหนาของพี่ฮั่นแล้วคล้องไว้  เงยหน้ารับจุมพิตที่มอบให้  ริมฝีปากอวบอิ่มจูบเขากลับอย่างไม่ยอมแพ้

จนกระทั่ง...

เขายังจำใบหน้าพีทในห้องนั้นได้ดี น้องเหมือนกำลังช็อค จากนั้นก็รีบออกจากห้องไป 




มือที่กำพวงมาลัยบีบแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว  เขาแอบมองไปยังคนที่นั่งข้างกายอีกครั้ง  พีทยังคงนั่งนิ่ง  ดวงตามองตรงไปข้างหน้า

‘พีทจะคิดยังไงนะ  อยู่ ๆ ก็โผล่มาเจอบทรักระหว่างเขากับเฌอเบลล์’   


เขาไม่แน่ใจว่าน้องเป็นอะไร  เพราะสำหรับเขากับเฌอเบลล์เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดามาก  พวกเขา ‘เคย’ ยิ่งกว่านี้อีก  แต่มันก็แค่ผ่านมาและผ่านไปไม่สลักสำคัญอะไร

ทั้งสองคนไม่พูดเรื่องนี้อีกจนกระทั่งถึงบ้าน

------------------------------------




คนที่นอนขดอยู่บนเตียงค่อยขยับตัวทีละนิดเมื่อรู้สึกตัวตื่น  พีทพลิกตัวอยู่ครู่จึงลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียง  เขายกมือขึ้นลูบศีรษะตัวเองอย่างเหนื่อยใจ  เขานอนไม่หลับทั้งคืน   
 
ตอนนี้เกือบหกโมงเช้าแล้ว  แสงสว่างยามเช้าลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง  เสียงนกร้องดังเซ็งแซ่เมื่อพวกมันตื่นออกหาอาหาร  เขามองไปรอบห้องนอนสีขาวของตัวเอง   ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเงียบสงบ  รวมทั้งคนที่ยังนอนอยู่ข้างเขาที่ยังคงหลับสนิท

สิ่งที่เขารู้เมื่อวานยังคงทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน  ไม่อยากเชื่อตัวเองเลยด้วยซ้ำ 

ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไป  แล้วมันเปลี่ยนไปได้อย่างไร  พีทได้แต่ครุ่นคิด  จะแก้ไขอะไรตอนนี้คงจะไม่ทันแล้ว   ความรู้สึกมันเกิดขึ้นแล้ว

เขารู้แค่ว่า....รัก

ตอนพี่ฮั่นหายไปจากบ้าน  เขาเสียใจ เฝ้าแต่คิดถึงเรื่องราวระหว่างเขากับพี่ฮั่น แทบอยู่ไม่ได้ เขาคิดแค่ว่าเขารักพี่ฮั่นเป็นพี่ชาย พี่ฮั่นเป็นคนเดียวที่เขาต้องการตลอดสิบปีที่พวกเขาจากกัน 

แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว  เขารู้แล้วว่าความรักที่เขามีต่อพี่ฮั่นไม่ได้เป็นเพียงแค่พี่ชายกับน้องชายอีกต่อไป  มันมากกว่านั้น  มากเท่าไรไม่รู้  เขารู้แค่ว่ามันมากกว่าที่เขาเคยรู้สึก เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก

ช่างเหลือเชื่อจริง ๆ ที่เกิดความรู้สึกแบบนี้กับตัวเอง  ความรู้สึกพิเศษแบบนี้เขาก็ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน  แค่คิดเพียงเท่านี้หัวใจก็เต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้   

เขาจะทำยังไงกับความรู้สึกนี้ดี   

พีทนั่งนิ่งอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปกับความรู้สึกของตัวเอง 

มันไม่ถูกต้อง 

แล้วจะให้เขาทำอย่างไร...

ความรักที่เป็นไปไม่ได้

เขาไม่รู้ว่านั่งเหม่ออยู่นานเท่าไร  จนกระทั่งเตียงนอนสั่นเพราะพี่ฮั่นพลิกตัวทำให้เขาสะดุ้ง  คนที่นอนอยู่เปลี่ยนท่าจากที่นอนตะแคงหันหลังมานอนหงายเอียงหน้ามาทางเขา  พีทหันไปมองพี่ฮั่นที่ยังคงหลับสนิท  ลมหายใจสม่ำเสมอ  เผลอมองที่ริมฝีปากที่ปิดสนิทยามนอนของพี่ฮั่น ความคิดเรื่องเดิมโผล่เข้ามาในสมอง

คืนที่พี่ฮั่นเมา  เขามองหน้าพี่ฮั่นแล้วเกิดความคิดบ้า ๆ ขึ้น  ความคิดที่ทำให้เขาตกใจตัวเอง   

อยากสัมผัสริมฝีปากนั้น 
 
แต่เมื่อวานนี้พี่ฮั่นกลับกำลังจูบอยู่กับคนอื่น  พีทจำไม่ได้ว่าจ้องมองอยู่นานเท่าไร  พี่ฮั่นบอกเขาว่าเป็นเพื่อนกับเฌอเบลล์  แล้วที่จูบกันในห้องทำงานนี่เรียกว่าอะไร  หรือพี่ฮั่นไม่แคร์  หรือเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเขา

เฮ้อ  สับสนไปหมดแล้ว

สายตาเขาเหลือบไปมองคนที่นอนอยู่อีกครั้ง พีทจ้องใบหน้าที่หลับสนิทอยู่นาน  ในที่สุดเขาจึงขยับตัวลุกออกจากเตียงอย่างแผ่วเบา   ถ้าขืนนั่งมองพี่ฮั่นอยู่แบบนี้ต่อไป  เขาคงห้ามใจตัวเองไม่ไหวแน่




“ตึง  ตึง  ตึง”

เสียงตีกลองถี่รัวดังก้องในห้องซ้อมดนตรี  เสียงดังขึ้นทุกทีตามอารมณ์ที่สับสนของคนตี 

พีทหลบออกจากห้องนอนลงมาที่ห้องซ้อมชั้นล่างของบ้านและเริ่มต้นตีกลองตั้งแต่เข้ามาจนกระทั่งตอนนี้  เสียงกลองยังดังต่อไปอีก  หยุดเพียงแค่ชั่วขณะแล้วกลับมาตีใหม่  เขาตีกลองจนเหนื่อยหอบ  เหงื่อซึมตามใบหน้าและลำคอ  เสื้อนอนที่เขาใส่อยู่เปียกเหงื่อจนชุ่ม  เขาใช้กำลังทั้งหมดที่มีอยู่ตีกลองเพื่อระบายความรู้สึกอัดแน่นออกมา  แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไรความรู้สึกของเขายังคงอยู่และยิ่งชัดเจนมากขึ้น 
 
‘นี่เขาจะทำยังไง จะออกไปสู้หน้าพี่ฮั่นได้ยังไง’

มือที่กำไม้ตีกลองแน่นเริ่มผ่อนแรงที่กระหน่ำตีลง  เสียงกลองเบาลงทีละน้อยจนกระทั่งเงียบสนิท  เขาซบหน้ากับกลองชุดตรงหน้า 

‘จะทำยังไงดี?’

“พีท!  พีทอยู่ในนั้นใช่ไหม  ล็อกประตูทำไม  ออกมาหน่อย” 

เสียงพี่ฮั่นเรียกอยู่นอกห้องซ้อมทำให้พีทสะดุ้ง  เขาผุดลุกขึ้น   

‘พี่ฮั่นมา!  ทำไงดี’

“พีท อยู่รึเปล่า ตอบหน่อยสิ” 

พี่ฮั่นเรียกมาพร้อมกับเคาะประตูห้องซ้อมถี่ยิบทำให้เขาต้องรีบรวบรวมกำลังใจอย่างรวดเร็ว  ขายาวที่ยังอยู่ในกางเกงนอนเดินไปเปิดประตู

“ทำอะไรน่ะ พี่ตื่นแล้วก็ไม่เจอ พี่ตามหาเสียทั่วบ้านเลย” คนเป็นพี่ยืนถามอยู่หน้าประตู  คิ้วขมวดเมื่อเห็นสภาพของพีทที่ยังอยู่ในชุดนอน  เหงื่อไหลท่วมตัวจนเสื้อนอนเปียกชุ่มไปหมด

“เอ่อ...ผม  ผมมาตีกลองไง”  พีทพยายามทำตัวให้เป็นปกติทั้งที่กำลังใจเต้น  เขาก้มมองเท้าตัวเองที่โผล่ออกจากชายกางเกง  มือที่ถือไม้ตีกลองบีบแน่นกว่าเดิม

“นึกยังไงถึงมาตีกลองแต่เช้า  ดูสิเหงื่อออกเต็มไปหมด ไปอาบน้ำสิแล้วมากินข้าว  พี่หิวแล้ว”  พี่ฮั่นเอื้อมมือมาดึงแขนเขาให้ออกจากห้องซ้อมดนตรีเพื่อไปอาบน้ำ อีกมือหนึ่งก็เอื้อมมาดึงไม้ตีกลองออกจากมือเขา
 
“เป็นอะไรน่ะ หืม?”

เสียงที่อ่อนโยนเอ่ยถามเมื่อเห็นเขายังไม่ขยับ  มือใหญ่ของพี่ฮั่นยกขึ้นมาเสยผมเขาที่ปรกหน้าผากแล้ววางนิ่ง  พีทสะดุ้งที่พี่ฮั่นทำเช่นนั้น  เงยหน้ามองคนตรงหน้าแล้วก็หลบวูบ  เอียงหัวตัวเองออกจากมือใหญ่นั้นรวดเร็ว

“เอ่อ มะ ไม่  ไม่เป็นไร  ครับ” 

พี่ฮั่นชะงักไป  มือนิ่งค้าง ใบหน้างุนงง  พีทเห็นท่าทางนั้นก็รู้สึกเสียใจทันที  คิดหาคำแก้ตัวรวดเร็ว

“เอ่อ  คือ  เอ่อ  คือว่า  ผม  เหงื่อออกเต็มตัวเลย  เดี๋ยวมือพี่ฮั่นเปื้อน  ผม เอ่อ..”   เงียบไปอย่างหาคำอะไรมาพูดต่อไม่ได้ 

เขาเป็นอะไรเนี่ย  แค่พี่ฮั่นแตะนิดเดียวก็ร้อนไปหมดทั้งหน้าแล้ว  ยิ่งพี่ฮั่นยืนอยู่ต่อหน้าแบบนี้ยิ่งทำให้เขาทำตัวไม่ถูกไปใหญ่

“ไม่จริงหรอก พีทต้องคิดมากเรื่องอะไรอยู่แน่  มีปัญหาอะไรบอกพี่สิ” เสียงนุ่มนั้นยังคงถามไถ่ด้วยความห่วงใย  ขยับเข้ามาใกล้เขามากขึ้น

“ไม่ ไม่มีอะไร พี่ฮั่น ผมแค่ไม่ได้ซ้อมตีกลองมานานแล้วก็เลยมาซ้อมน่ะ”  เขาถอยหลังไปนิดหนึ่ง  หลบตาเมื่อตอบคำถามนั้น
 
จู่ ๆ พี่ฮั่นก็รวบตัวเขาเข้าไปกอด

“...พี่  พี่ฮั่น...”  พีทได้แต่เรียกพี่ฮั่นอย่างสับสน

“พี่ เอ่อ ผมเปียกทั้งตัวเลย  ปล่อยเถอะครับ”   

พีทพยายามจะดันตัวพี่ฮั่นออกเพราะตัวเขาเปียกเหงื่อจนชุ่มไปหมดแต่พี่ฮั่นกลับไม่สนใจว่าเสื้อผ้าจะเปียกเพราะเหงื่อเขา  มือใหญ่นั้นลูบหลังเขาไปมา 

“เอาล่ะ ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร  แต่พีทรู้ใช่ไหมว่าถ้ามีปัญหาอะไร พีทบอกพี่ได้ทุกเรื่อง” 

เสียงนุ่มนั้นดังสะท้อนในหู  พีทได้แต่ชะงักงัน  น้ำเสียงพี่ฮั่นช่างอ่อนโยน  เขาสัมผัสได้ถึงความห่วงใยของพี่ฮั่นที่ถ่ายทอดผ่านคำพูดและอ้อมกอดนี้

“ครับ”  เสียงตอบเบาแทบกระซิบ 

หัวใจกลับสงบลงทีละนิดเมื่อปล่อยตัวเองให้พิงอยู่กับพี่ชาย  นี่เขาบ้าไปแน่ ๆ คนคนนี้ทำให้ใจเขาเต้นรัวราวกับกลองเพล  รู้สึกพลุ่งพล่านไม่เป็นตัวของตัวเอง   แต่ก็เป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้หัวใจที่สับสนวุ่นวายของเขาสงบลงเพียงแค่ได้อยู่ใกล้  ได้รับความอบอุ่นเหมือนตอนนี้

‘พี่ฮั่น  พี่ฮั่น’   เขาพร่ำเรียกชื่อนี้อยู่ในใจ
 
แต่เขาไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับพี่ฮั่นแน่

---------------------------------



 :mew1:



ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
อ่านแล้วโมโห หมั่นไส้ทั้งคนพี่ทั้งนังชะนี :beat:
บัยยยย
เชียร์ชายพีทต่อไปปปป  :hao7:
อยากเห็นชายพีทเอาคืนบ้าง

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
ตอนนี้เขียนได้ดีมากนะคะ อ่านแล้วอินนน

ไม่ชอบใจพี่ฮั่นที่ไปจูบกับยัยนั่นเลย น้องพีทเสียใจ แต่ก็ทำให้รู้ตัวสักทีเนอะ
 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ชายพีทคะ จับคุณพี่ปล้ำเลยค่ะ

จูบคนอื่นให้น้องเห็นคืออะไรคะ ตบ :beat:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-09-2014 15:26:37 โดย JustWait »

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
นักเขียนสู้ ๆ เข้ามาให้กำลังใจอีก

มาไวๆนะคะ อยากอ่านต่อ อิอิ  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
35. ตั้งตัว



“เราไม่อ้อมค้อมละนะ”

“พีทรักพี่ฮั่นใช่ไหม”

‘เฮ้ย  ทำไมริทถึงรู้ล่ะ’   สีหน้าเขาคงบอกเช่นนั้น  ริทจึงตอบกลับมารวดเร็ว

“ไม่ต้องงงหรอก  เราสังหรณ์ใจตั้งแต่นายโทรหาเราแล้วล่ะ  ไม่มีใครจะเข้าใจเรื่องแบบนี้ได้ดีเท่ากับเราอีกแล้วใช่มั้ยล่ะ”  หนุ่มตัวเล็กว่าแล้วยิ้มให้อย่างเข้าใจ

“เราดูออกมาตั้งนานแล้วล่ะ  พีทคงสงสัยว่าทำไมเราถึงชอบเข้าไปคุยเจ๊าะแจ๊ะกับพี่ฮั่นบ่อย ๆ ใช่มั้ย”

“เราแค่อยากดูอาการนายไง  แล้วเราก็มั่นใจว่าที่เราคิดน่ะ ไม่ผิดหรอก”  ริทยิ้มอย่างผู้กำชัยชนะที่เป็นฝ่ายคิดถูก

‘อะไรนะ  ที่ริทชอบเข้าไปคุยกับพี่ฮั่นนี่แกล้งทำเหรอเนี่ย’

“เราต้องเสี่ยงให้พี่แทนโกรธตั้งหลายทีเพราะเราอยากรู้  นายน่ะเวลารักใครดูง่ายจะตาย” 

ริทคิดไปถึงวันที่พี่ฮั่นกลับมาดูพวกเขาซ้อมหลังจากที่หายไปนาน  พีทเดินมาโอบไหล่พี่ฮั่นที่ยืนคุยกับเขา  สายตาที่มองมามัน ‘หวง’ ชัด ๆ  ทั้งที่ก่อนหน้านั้น  ตั้งแต่เขาเห็นพี่ฮั่นตามมาเฝ้าพีท  ทั้งสองคนไม่เคยมีทีท่าสนิทสนมต่อกัน  พีทมักจะทำหน้าบูดตลอดเวลาและทักทายเฉพาะกับเพื่อนร่วมวงแต่กลับเมินใส่พี่ฮั่น  มีแต่พี่ฮั่นนั่นแหละที่พูดคุย ยิ้มแย้ม ทำตัวตามปกติ  แม้ว่าพีทจะไม่เคยสนใจแต่เขาเห็นพี่ฮั่นคอยดูแลพีทเสมอ  และยังเผื่อแผ่มาให้เพื่อนทุกคนของพีทด้วย
 
ดวงตาเรียวคู่นั้นไม่เคยละสายตาจากน้องชายไปไหนไกล

แล้วพอพี่ฮั่นหายไปและกลับมาอีกครั้ง  ท่าทีของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง  ทั้งคู่กลับทำท่าเหมือนสนิทกันมาตั้งนานแล้ว   ตัวติดกันตลอดเวลาจนเขาแปลกใจต้องหันไปถามพี่โดม

คราวนี้คนที่ไม่ยอมละสายตา  กลับกลายเป็นน้องชาย

ริทกลับมาคิดถึงเรื่องตัวเอง  พีทมาปรึกษาเขาแบบนี้ทำให้เขาได้ย้อนกลับไปดูหนังเรื่องเก่า  เรื่องที่เขาเองก็มีประสบการณ์แบบเดียวกัน

“ตอนนี้พีทกำลังคิดมากอยู่ล่ะสิ  ว่าจะทำยังไงดี”

พีทพยักหน้าแทนคำตอบ  เขากังวลจนไม่กล้าจะปรึกษาใคร

“มันไม่แปลกหรอกที่จะรู้สึกแบบนี้  อย่าคิดมากไปเลย  พีทไม่ใช่คนแรกและคนสุดท้ายที่มีความรักแบบนี้  เชื่อเถอะ  อยู่ที่ว่าจะกล้ายอมรับความจริงรึเปล่า”  แววตาของริทที่มองมาเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ 

“เราอยากให้พีทมีความสุขกับความรักของพีท  เราเข้าใจว่ามันยาก  เราคิดแบบนี้ตอนที่เรารักพี่แทน  เราก็รักของเราไปเรื่อย ๆ หวังแค่อยากให้คนที่เรารักมีความสุข  ความรักของพี่แทนที่ให้เรามาถือเป็นกำไรชีวิต”

“นายโชคดีนะที่พี่แทนก็รักนายด้วยน่ะ” พีทพูดเป็นครั้งแรก

ตั้งแต่ริทเดินเข้ามาที่โต๊ะก็ยิงคำพูดใส่เขาเป็นชุดทีเดียว  เขาแทบตั้งตัวไม่ทันที่ริท ‘ดูออก’ ว่าเขาจะปรึกษาเรื่องอะไร

“คงโชคดีนั่นแหละ  ทุกวันนี้ก็ขอบคุณประจำ  ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราได้เจอพี่แทน”  ริทพูดพลางยิ้ม  ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขในความรักของตน

“พีทอย่าเพิ่งท้อล่ะ   เราขออวยพรให้นายโชคดี  แต่อย่างน้อยพีทก็โชคดีอยู่แล้วที่มีพี่ชายที่รักนายขนาดนี้”

‘นายไม่ผิดหวังหรอก ขอแค่อดทนไปก่อน  แล้วนายจะต้องโชคดีเหมือนเรา’
หนุ่มร่างเล็กคิดอย่างมั่นใจในสิ่งที่เขาเห็น  แต่เขาไม่พูดหรอก  ถ้าบอกหมดมันก็ไม่สนุกน่ะสิ  ปล่อยให้พวกเขาเดินทางตามเส้นทางของพวกเขาเองจะดีกว่า  ก็กว่าที่เขาจะฝ่าฟันมาได้ก็แทบเอาตัวไม่รอดทีเดียว  พอคิดย้อนกลับไปมันก็เป็นความทรงจำที่ดี

ริทเดินออกจากร้านไปนานแล้วหลังจากพูดคุยกับเขาอยู่นาน  แต่พีทยังคงครุ่นคิดอยู่กับคำพูดของหนุ่มร่างเล็ก  เขาคิดมากมาหลายคืนแล้ว  พี่ฮั่นก็สังเกตเห็นและคอยเฝ้าถามอย่างสงสัยว่าเขาเป็นอะไร  เขาคิดอยู่นานว่าจะโทรนัดริทออกมาด้วยเหตุผลอะไร  จนกระทั่งริทรับโทรศัพท์  คนตัวเล็กไม่ถามอะไรสักคำเพียงแค่ตกลงมาเจอเขาที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้โรงแรมในช่วงพักกลางวัน   

นี่เขามีอาการอะไรตั้งแต่เมื่อไรกัน  ขนาดเขาเพิ่งรู้ตัวไม่กี่วัน  แต่ริทกลับบอกว่าดูออกมาตั้งนานแล้ว 

‘มีความสุขกับความรักงั้นเหรอ’ 

เขาคงจะยังตกใจอยู่ถึงได้คิดมากขนาดนี้ ที่ผ่านมาเขาอยู่กับพี่ฮั่น เขามีความสุขมาก  พี่ฮั่นดีกับเขามาก จะว่าไปพี่ฮั่นทำอะไรให้เขามากกว่าที่เขาทำให้พี่ฮั่นเสียอีก 

ริทคงพูดถูกที่ว่าอย่างน้อยเขาก็โชคดีที่มีพี่ชายที่รักเขามากขนาดนี้   แม้พี่ฮั่นจะรักเขาเหมือนน้องชายคนหนึ่งก็ตาม  อย่างน้อยพี่ฮั่นก็รักเขา 

เขาก็รักพี่ฮั่นแม้ว่าจะคนละแบบ 

‘พีทรักพี่ฮั่นนะ’  หนุ่มน้อยยิ้มออกมาในที่สุด

----------------------------------



“พีท! หายไปไหนมา พี่โทรไปก็ปิดเครื่อง ทำไมไปคนเดียวไม่บอกใคร  รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วง” 

พี่ฮั่นก้าวฉับเข้ามาหาทันทีที่เห็นเขากลับเข้าไปในห้องทำงาน   คิ้วขมวดทีเดียว   พี่โดมนั่งหน้าซีดอยู่ทางหนึ่งถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เห็นเขาเดินกลับมาสักที
 
“เอ่อ ผมไป...ไปซื้อกาแฟไง”  พีทคิดอะไรไม่ทัน  พี่ฮั่นมาอยู่ที่แผนกได้อย่างไร 

“แล้วไหนล่ะกาแฟ  กาแฟที่โรงแรมก็มีทำไมต้องออกไปซื้อข้างนอก นี่ไปซื้อกาแฟที่ไหนกัน  ทำไมไปนานขนาดนี้”

พี่ฮั่นคว้าแขนเขาลากออกจากห้องทำงานท่ามกลางสายตาของพนักงานที่นั่งอยู่แถวนั้นแล้วยิงคำถามยืดยาวไปด้วย  พีทอ้าปากค้างที่เห็นพี่ฮั่นซักเขาแบบนี้เป็นครั้งแรก   มองแผ่นหลังของพี่ชายที่ลากเขาไปแล้วก็ยิ้มให้ตัวเอง  อย่างน้อยพี่ฮั่นก็เป็นห่วงเขาที่สุดพอ ๆ กับพ่อและคุณโรส

“เอ้า  ตอบมาสิ”  พี่ฮั่นหยุดเดิน  หันกลับมาเร่งเอาคำตอบ

“กาแฟกินหมดแล้ว  ผมออกไปซื้อกาแฟข้างนอกแถวโรงแรมนี่แหละ กาแฟที่โรงแรมกินจนเบื่อแล้วนี่  ก็เลยไปกินที่อื่นบ้าง”

“แล้วทำไมไปคนเดียว  ทำไมไม่ชวนโดมไปด้วย  นี่เราไปไหนมาไหนคนเดียวนอกโรงแรมแบบนี้บ่อยรึเปล่า พี่เตือนเราแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ไปไหนมาไหนคนเดียว นี่ครั้งที่สองแล้วนะที่พี่รู้”  ใบหน้าคนซักเริ่มปรากฏความเครียด

“พี่ถามทำไมไม่ตอบ แล้วนี่ยิ้มอะไร” 

นาน ๆ ทีเขาจะเห็นพี่ฮั่นหัวเสียสักครั้ง  คนเป็นน้องจึงนึกขำ

“ก็ยิ้มให้พี่ขี้บ่นไง  นี่พี่หรือพ่อเนี่ย”  คนตอบก็ยังตอบไปด้วยยิ้มไปด้วย 

“พีท! พี่เป็นห่วงเรานะ” 

‘น้ำเสียงดุนี่มันคุณคริส ชัด ๆ เลย’


“คร้าบ  พีทล้อเล่น  พีทขอโทษ  พี่ฮั่นอย่าโกรธเลยน๊า” 

คนเป็นน้องเอื้อมมือมาเขย่าแขนพี่ชาย  ใช้น้ำสียงอ้อนอย่างที่รู้ว่าทำแบบนี้แล้ว  พี่ฮั่นโกรธไม่ลงสักครั้งตั้งแต่เด็กเชียวล่ะ

“พีทจะไม่ไปไหนคนเดียวอีกแล้ว จะโทรบอกพี่ฮั่นทุกครั้งดีไหม พี่ฮั่นอย่าเบื่อพีทก่อนแล้วกัน” 

เขาพูดแฝงความหมายอย่างที่รู้อยู่คนเดียว  มองพี่ฮั่นด้วยแววตาสดใส  พี่ฮั่นเป็นห่วงเขา

เขาเห็นพี่ฮั่นมีสีหน้าดีขึ้นก็ยิ้มกว้าง

“แล้วพี่มาหาผมมีเรื่องอะไรรึเปล่า”  เขาเป็นฝ่ายตั้งคำถามบ้าง

คราวนี้คนพี่กลับจนด้วยคำตอบเมื่อไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมา 

“เอ่อ ก็ ไม่มีอะไร  พี่ผ่านมาเลยแวะมาดูพอดีพีทไม่อยู่  พี่ไปทำงานล่ะนะ”  พี่ฮั่นยกมือมาตบไหล่เขาเบา ๆ แล้วก็รีบสาวเท้าเดินไปเข้าลิฟต์

พีทกลับเป็นฝ่ายงงเมื่อพี่ฮั่นรีบร้อนจากไป  เขากลับเข้ามาที่โต๊ะทำงานอีกครั้งก็พบพี่โดมรออยู่อย่างกระวนกระวาย

“พีท หายไปไหนมา  รู้ไหมว่าพี่เกือบโดนพี่ฮั่นบีบคอซะแล้ว  หูย  น่ากลัวชะมัด”  โดมว่าพลางทำหน้าสยดสยองตอนที่เขาเห็นพี่ฮั่นโมโหเป็นครั้งแรก

“โทษทีนะพี่โดม ผมไปซื้อกาแฟน่ะ” พีทหลบตาพี่โดมเพราะรู้สึกผิดที่ต้องโกหก  เขายังไม่กล้าบอกว่าเขานัดเจอริท  เกือบทำให้พี่โดมเดือดร้อนซะแล้ว

หนุ่มร่างอวบสังเกตเห็นพิรุธของพีท  พีทแอบออกไปไหนไม่รู้  ไม่บอกเขาสักคำ  แล้วพี่ฮั่นก็แวะมาหาพีทพอดี  โดมไม่เคยเห็นพี่ฮั่นเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้แค่พีทหายไป

นี่ห่วงกันเกินธรรมดาไปไหม?

--------------------------------------



เสียงกีตาร์จากห้องนอนฝั่งตรงข้ามทำให้พี่ชายที่ทำงานอยู่ในห้องตัวเองอมยิ้ม 

‘วันนี้พีทอารมณ์ดีแฮะ  เล่นกีตาร์ด้วย’ 

เขาเห็นพีททำหน้าเครียดมาหลายวันแล้ว  วันก่อนก็หนีไปตีกลองคนเดียวในห้องซ้อม  เขาตามหาจนทั่วบ้านอยู่นานกว่าจะได้ยินเสียงกลองแว่วออกมาจากห้องซ้อม  แต่เสียงกลองที่ตีออกมาไม่ได้เป็นจังหวะอะไรเลย  มันเหมือนคนที่ตั้งท่าจะตีอย่างเดียว  เหมือนตีเพื่อระบายอารมณ์อะไรสักอย่างมากกว่า   
 
เสียงแว่วของน้องชายลอยเข้ามาทำให้เขาหยุดนิ่ง  พยายามเงี่ยหูฟังเพลง


‘มันเกิดอะไรกับหัวใจ  ควบคุมอะไรไม่ได้สักอย่าง
จะห้ามยังไงก็ไม่มีทาง  ให้มันหยุดคิดถึงเธอ
จะบอกอย่างไรก็ไม่ฟัง  เมื่อใจมันยังเรียกร้องหาเธอ
คนเดียวในใจชัดเจนคือเธอ  ท่าทางมันคงจะเผลอ...รักเธอหมดใจ’


เพลงต่อมาก็ยังเป็นเพลงรัก  คนที่แอบฟังอยู่อีกห้องเริ่มคิ้วขมวด 

‘พีทร้องเพลงรัก  หรือว่า...’



หนุ่มน้อยที่นั่งเล่นกีตาร์อยู่บนเตียงหยุดร้องเมื่อเพลงจบลง เขาพลิกหน้ากระดาษไปมาเพื่อหาเพลงอื่น

“ร้องเพลงรักทั้งนั้นเลย แอบรักใครรึเปล่าพีท”

ฮั่นยืนกอดอกพิงตัวกับกรอบประตูห้องนอน  แอบฟังอยู่นานแล้ว  เขาเห็นเพียงด้านข้างของน้องชายที่นั่งเล่นกีตาร์อยู่บนเตียง  แต่เพียงเท่านี้ก็รู้ว่าน้องชายต้องร้องเพลงไปด้วยยิ้มไปด้วยแน่ ๆ   ขนาดเขายืนอยู่ข้างหลังยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ส่งออกมากับเสียงเพลง 

ความรู้สึกของคนที่กำลังมีความรัก

เสียงทักข้างหลังทำให้พีทหันมา  เขาเห็นน้องทำตาโตเหมือนตกใจ  คำถามนั้นทำให้พีทหันหน้าหนี  มือพลิกหน้ากระดาษวุ่นวาย 

“ว่าไงล่ะ” คราวนี้เขาเดินมาทิ้งตัวนั่งตรงหน้า  ถามคาดคั้นอย่างอยากรู้จริง ๆ

“เพลงรักอะไร ผมก็สุ่ม ๆ ร้องไปงั้นแหละ” 

คำตอบที่ได้ยินทำให้เขาแอบโล่งอกอยู่ในใจ

“จริงเหรอ  นึกว่าแอบรักสาวที่ไหน” 

พีทเหลือบตามองเขาเมื่อได้ยินประโยคนั้น  แล้วจ้องเขาด้วยแววตาที่ทำเอาเขาใจเต้น  รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนพุ่งมากระทบทำให้หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วกลับเต้นรัวมากขึ้น   

สายตาของน้องชาย   มันช่าง....มัน...

เขย่าหัวใจเขา

ไม่นานพีทก็ยิ้มออกมา  ยิ้มทั้งตาทั้งปาก 

‘ยิ้มแบบนี้สินะ สาว ๆ ทั้งโรงแรมถึงได้เครซี่น้องชายเขา  เห็นแล้วชักไม่อยากให้พีทไปฝึกงานที่โรงแรมต่อซะแล้วสิ’

“พี่ฮั่นอยากฟังเพลงอะไร  เดี๋ยวผมจะร้องให้ฟัง”  พีทว่า  ยื่นสมุดโน้ตเพลงทั้งปึกมาตรงหน้า

“งั้นพี่เล่นดีกว่า  พีทร้องไปแล้วกัน” 

ฮั่นคว้ากีตาร์ไปจับบ้าง  เขาต้องหาอะไรทำเพื่อกลบเกลื่อนอาการหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะของตัวเองตอนนี้  เขาก้มหน้าก้มตากดคอร์ดไล่โน้ตไปมาอยู่ครู่  กรีดนิ้วอีกสองสามทีแล้วเงยหน้ามองน้องชาย  เหมือนรอว่าพีทจะร้องเพลงอะไร

เสียงเพลงจากบ้านริมสระลอยตามลมไปถึงบ้านใหญ่  ลุงฉีที่ออกมาเดินเล่นก่อนนอนยิ้มอ่อนกับเพลงเหล่านั้น

‘เพลงรักของพวกคนหนุ่มล่ะสิ’
ชายสูงวัยพูดกับตัวเอง




พีทร้องเพลงแล้วก็แอบมองพี่ฮั่นตลอดเวลา  คนตรงหน้าเขามัวแต่ก้มหน้าดูคอร์ดเพลงในสมุดทำให้เขามีโอกาสมองพี่ฮั่นได้นาน ๆ   

พี่ฮั่นเงยหน้าขึ้นจากสมุดโน้ตก็สบตาเขาพอดี  อยู่ดี ๆ พี่ฮั่นก็เล่นผิดจังหวะ  แต่ก็รีบกลับมาเล่นจังหวะเดิมได้อย่างรวดเร็วแล้วก็หลบตาเขากลับไปมองคอร์ดในสมุดอีก 

‘ทำไมพี่ฮั่นทำตัวแปลก จับคอร์ดผิด ๆ ถูก ๆ’


ในที่สุดพี่ฮั่นก็หยุดเล่น  เมื่อเล่นผิดอีกหลายครั้ง

“อ้าวพี่ฮั่น  หยุดทำไมอ่ะ”  พีทงง  เอียงคอถามคนที่อยู่ดี ๆ ก็หยุดเล่นกลับยกมือปัดผมไปมา

“เปลี่ยนเพลง”  พี่ฮั่นว่าแล้วก็พลิกสมุดโน้ตแต่กลับไม่รู้จะเล่นเพลงอะไร

“เปลี่ยนทำไมล่ะคร้าบ  หรือว่าเล่นไม่ได้กันแน่”  พีทที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงยื่นตัวไปถามพี่ชายที่นั่งตรงข้าม  แววตาล้อเลียน

“หนอย ว่าพี่เหรอ  ว่าพี่  นี่ ๆๆ”

“โอ๊ย  พี่!  ผมหายใจไม่ออก” 

พีทดิ้นพล่านไปมาเมื่อพี่ฮั่นวางกีตาร์ลงกับพื้นข้างเตียง  หันไปคว้าหมอนมาแกล้งกดหน้าเขาไว้ 

แค่หมอนปิดหน้าไม่อึดอัดเท่าไรหรอกเพราะพี่ฮั่นไม่ได้ออกแรงมาก  แต่น้ำหนักตัวของพี่ฮั่นสิที่ทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก เมื่อหมียักษ์ทำท่าตะปบเหยื่อ  เขาจึงแก้ลำด้วยการใช้ขาทั้งสองข้างเกี่ยวเอวคนข้างบนไว้แล้วออกแรงเหวี่ยงพี่ฮั่นให้ล้มไปด้านข้าง 

หมียักษ์ล้มทำให้เตียงยุบทีเดียว  พีทเลยได้ทีคว้าหมอนไปกดหน้าพี่ฮั่นบ้าง

“ฮ่า ๆๆ”  เขาหัวเราะเสียงดังในห้องนอนเพราะดีใจที่เอาคืนพี่ฮั่นได้

“เฮ้ย  พีท  พี่หายใจไม่ออก”  เสียงอู้อี้ของคนเป็นพี่ดังลอดออกมา  พี่ฮั่นส่ายหน้าไปมาใต้หมอน

“ล้มหมีได้แล้ว”  เขาหัวเราะดังขึ้นอีก  ดีใจที่นานทีจะเอาชนะพี่ฮั่นได้

“เฮ้ย!” 

พีทหัวเราะค้างเพราะพี่ฮั่นดึงหมอนออกอย่างว่องไว  แล้วหันมาคว้าตัวเขาที่คร่อมอยู่ด้านบนให้พลิกลงมานอนบนเตียงแทน

“ไหน เมื่อกี้ใครว่าล้มหมีนะ”   พี่หมีที่ก้มอยู่เหนือเขายิ้มแค้น ๆ  ที่ถูกเขาเอาคืน 

“อ๊ากกก  พี่  ไม่เอา  อ๊ากกกก  พี่  หยุดน๊า  อ๊ากกกก” 

พีทร้องโวยวายเสียงดัง  ดีดตัวไปมา  ขาถีบกับเตียงเมื่อพี่ฮั่นแกล้งจั๊กจี๋เอวเขา  เขาพยายามปัดมือพี่ฮั่นออกแต่มือพี่ฮั่นก็ขยับอย่างรวดเร็ว นิ้วยาวจิ้มตัวเขาทางโน้นบ้าง  ทางนี้บ้าง  เสียงพี่ฮั่นหัวเราะอย่างสะใจที่ได้เอาคืนเขา

“ฮ่า ๆ โอ๊ย พี่ พอแล้ว พอ  พอแล้ว”

เขาพลิกตัวหลบไปมา  งอตัวแล้วก็สะดุ้งแรง ๆ เป็นระยะเพราะนิ้วพี่ฮั่นจี้เอวเขาไปทั่ว  เสียงหัวเราะของพี่ชายผสมกับเสียงร้องโวยวายของเขาให้หยุดดังก้องในห้องนอน  พีทพยายามจะจี้เอวพี่ฮั่นเพื่อเอาคืนบ้างแต่ไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนักเพราะพี่ฮั่นไม่บ้าจี้เหมือนเขา  เขาต้องเปลี่ยนมาพยายามรวบข้อมือหนาของพี่ฮั่นไม่ไห้แกล้งเขาอีก  พี่ฮั่นก็ไม่ยอมแพ้  ไม่ยอมให้เขาจับมือได้
 
การต่อสู่ยังคงดำเนินไปท่ามกลางเสียงโวยวายและเสียงหัวเราะ  พวกเขากลิ้งตัวไปมาบนเตียง ในที่สุดพี่ฮั่นรวบตัวเขาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง  กอดเขาไว้แน่น  มืออีกข้างจิ้มไปรอบเอว  เขาพยายามดิ้นไปมาแต่ไม่หลุดสักที

“อ๊าก  พี่ฮ่าน โอย ยอมแล้ว ๆ พีทยอมแล้ว” 

พีทตะโกนเสียงดังพร้อมทั้งหอบไปด้วย  เขาหัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้ว

“ฮ่า ๆ  พี่ชนะอีกแล้ว”  พี่ฮั่นว่า  ทิ้งตัวลงนอนตะแคงข้างเขา

พีทนอนหอบอยู่ในอ้อมแขนหลวม ๆ ของพี่ชาย  เพราะเหนื่อยจากการดิ้นหนี  เสียงพี่ฮั่นหัวเราะอยู่ใกล้ ๆ คงถูกใจที่เอาชนะเขาได้   

คนแพ้หันหน้าเคืองของตัวเองไปมองคนที่หัวเราะเสียงใส  สบตาพี่ฮั่นเข้าพอดี  ใบหน้าที่เอียงซบบนเตียงของทั้งคู่อยู่ไม่ห่างกันมากเพราะตอนนี้พี่ฮั่นกอดเขาอยู่จากการเล่นเมื่อครู่

พี่ฮั่นหยุดหัวเราะกะทันหัน  พวกเขาสบตากันนิ่ง 

ทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหวราวกับตกอยู่ในมนต์สะกดของกันและกัน 

ช่วงเวลาแสนสั้นแต่เหมือนนานแสนนานในความรู้สึกของเขา  ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ  มีเพียงเสียงหัวใจเต้นเท่านั้นที่ดังชัดเจน 

ในที่สุดพี่ฮั่นก็รวบตัวเขามากอดก่อนจะปล่อยแขนอย่างเชื่องช้า  คนตัวโตพลิกไปนอนหงาย  สอดแขนรองใต้ศีรษะของตนเอง   ดวงตาจ้องมองไปยังเพดาน 

เงียบไปครู่

“พีท  เคยรักใครไหม”

เสียงที่เอ่ยถามเต็มไปด้วยความลังเล  ไม่แน่ใจ  เหมือนคนถามก็ตัดสินใจอยู่นานก่อนจะเอ่ยออกมา 

พีทที่ยังคงนอนตะแคงมองพี่ฮั่นอยู่ทำตาโตกับคำถามนั้น  เขาได้ยินเสียงเต้นรัวที่หน้าอกตัวเองเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ฮั่นถึงอยากรู้

“อะไรเนี่ยพี่  นึกยังไงมาถามเรื่องพวกนี้อ่ะ” 

เขาตอบเสียงดัง  ทำท่าไม่สนใจกับคำถามจริงจังของพี่ชาย  พลิกตัวไปนอนหงายบ้าง 

จะให้ตอบยังไงล่ะ  เจ้าตัวนอนอยู่ข้างเขานี่

“พี่อยากรู้”   พี่ฮั่นว่าเสียงเบา  ยังคงจ้องมองไปบนเพดาน

“แล้วพี่ล่ะ  เคยรักใครรึเปล่า  อ๋อ  พี่เป็นพวกกลัวความรักนี่ใช่ไหม” 

พีทย้อนถามบ้าง  ตะแคงหน้าหันไปมองพี่ชาย  เขาเคยพูดเรื่องนี้กับพี่ฮั่นค้างไว้ตั้งแต่วันที่เจอเฌอเบลล์วันแรก 

“พีท  พี่ถามเราก่อนนะ”  พี่ฮั่นย้ำมาอีก  เหลือบตาเรียวเล็กมองเขาชั่วครู่ 

'เอาไงดีล่ะ'  หัวสมองเขาเริ่มหมุนติ้วเพื่อหาคำตอบ

“ผม  มะ ไม่ เอ่อ...เอาเป็นว่าถ้าผมรักใครแล้วผมจะบอกพี่เป็นคนแรกเลย โอเคไหมพี่ฮั่น”  เขาพูดเสียงเบา  ไม่กล้ามองหน้าพี่ชายเพราะประโยคนั้นของตัวเอง 

‘ผมรักพี่ไงล่ะ’ 

คนที่นอนเคียงข้างหันหน้ามามองน้องชายที่นอนอยู่ใกล้  แล้วหันกลับไปมองเพดานอีกครั้ง

“อืม”  พี่ฮั่นรับคำเสียงเบา 

พีทแอบมองใบหน้าด้านข้างของคนข้างกายเพราะพี่ฮั่นเงียบไปเหมือนกำลังคิดเรื่องอะไรบางอย่าง

ทำไมพี่ฮั่นถึงถามเขาเรื่องนี้  จะว่าไปแล้วพี่ฮั่นก็เคยถามเรื่องเขากับเกรซ  ดูจะสนใจเรื่องความรักของเขามากกว่าตัวเขาเองซะอีก  ทำไมนะ?

“ผมตอบคำถามพี่แล้ว   คราวนี้พี่ตอบผมบ้างสิ”   

ในที่สุดเขาก็พูดขึ้น  เขาไม่เคยรู้เลยว่าที่ผ่านมาพี่ฮั่นเคยรักใครมาบ้างหรือกำลังรักใครอยู่รึเปล่า

“พี่เคยรักใครบ้าง  เล่าให้ผมฟังบ้างสิ”

“เอ่อ ก็  ก็ไม่มีอะไรนี่  เอาเป็นว่าถ้าพี่รักใครแล้วพี่จะบอกพีทแล้วกัน” 

“อ้าว ได้ไงอ่ะพี่ มาลอกคำตอบผมได้ไงเนี่ย พี่อ่ะ ทำไมพี่ไม่เล่าเรื่องของตัวเองบ้างล่ะ”

“ก็ทีพีทยังไม่ตอบคำถามพี่เลย  พีทก็ตอบมาก่อนสิแล้วพี่จะตอบมั่ง”

“ผมตอบไปแล้วไง  พี่นั่นแหละมาลอกคำตอบผมอ่ะ  พี่ฮั่นขี้โกง ๆ” 

เขาโวยวายที่พี่ฮั่นไม่ยอมเล่าเรื่องความรักของตัวเองให้ฟัง  ทีเรื่องของเขาพี่ฮั่นยังรู้เลย 

“พี่ไม่คิดเรื่องพวกนี้หรอก  ตอนนี้พี่คิดแต่เรื่องงาน  ลุงคริสก็ปล่อยมือเรื่องธุรกิจหมดแล้ว  พี่ต้องรับผิดชอบต่อ” 

'ไม่คิดก็ดีสิ  พี่ฮั่นจะได้อยู่กับเขาแบบนี้ไปนาน ๆ'
   

คำตอบของพี่ชายทำให้เขาคิดถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมา  แค่พี่ฮั่นไปไหนมาไหนกับเฌอเบลล์เขายังทนแทบไม่ได้เลย  ถ้าวันหนึ่งพี่ฮั่นแต่งงานไป  เขาจะเป็นยังไงนะ 

พวกเขาเงียบกันไปครู่หนึ่ง  พีทจมอยู่กับความคิดของตนเอง  พี่ฮั่นก็เช่นกัน  ในที่สุดพี่ฮั่นก็ลุกขึ้น  พี่ชายเห็นสภาพเตียงแล้วก็บ่น

“ดูสิ  เตียงยับหมดเลย”  คนเป็นพี่ว่า 

พีทหันไปมองรอบเตียงบ้าง  ตอนนี้หมอน  ผ้าห่มกระจัดกระจายอยู่คนละทิศละทางบนพื้นรอบเตียง  ผ้าปูเตียงหลุดลุ่ย  ยับย่น

“เป็นเพราะพี่นั่นแหละ”  เขาบ่นบ้าง  ก็พี่ฮั่นเป็นคนเริ่มก่อนนี่

“ไปนอนห้องพี่ดีกว่า”

พี่ฮั่นว่าแล้วก็หันมาดึงแขนเขาให้ลงจากเตียงโดยไม่ยอมปล่อยแม้ว่าพีทจะโวยวายให้เก็บหมอนกับผ้าห่มให้เรียบร้อยก่อน  คนเป็นพี่ปิดไฟ  ปิดประตูแล้วลากน้องไปถึงเตียงของตัวเองเลยทีเดียว

-------------------------------------------



จุ๊บ จุ๊บ

 :mew1:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-09-2014 19:41:44 โดย Tigerintherain »

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
 :really2: :really2: :really2: :really2: :really2: :really2:  เมารักน้องพีททททททททททททททททททททท

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
พี่ฮั่น อร๊ายยยยย  :ling1:

ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
อ่านรวดเดียว ชอบบบบบบ สนุกมากอ่ะ o13 พี่กะน้องใจตรงกันแล้วรอเมื่อไหร่ใครจะบอกก่อนน๊า   :katai4:

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
 :mew1: :mew1: :mew1:....กลับมาอ่านกี่รอบก็มีความสุข .......รักน้องพีทคร้าบ

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ผมว่าเป็นนิยายที่น่าอ่านดีครับ การเขียนก็ถือว่าดีอ่านรื่นไหลดีครับไม่สะดุดเลย แต่ตามที่ผมอ่านแล้ว จากการอินในเนื้อเรื่อง มันทำให้ผมอึดอัดกับความรู้สึกของสองพี่น้องนี้ เหมือนฝ่ายนายเอกผมจะหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้น เหมือนพี่จะเห็นแก่ตัว แต่ผมก็เข้าใจอยู่นะใจจุดนี้ ส่วนผมตอนแรกเห็นชื่อเรื่องแล้วมันไม่น่าสนใจอ่ะ เหมือนมันจะดราม่าเยอะอะไรเงี้ย มันไม่สะดุดใจมั้ง แล้วเป็นคนแต่งหน้าใหม่ด้วยคนไม่รู้จักถึงทำให้คนไม่ค่อยสนใจ ที่ผมมาอ่านเนี้ย มีคนแต่งนิยายเรื่องหนึ่งที่ผมติดตามนิยายของเขาอยู่ บอกต่อนิยายเรื่องนี้ดีน่าสนใจ ผมเลยเข้ามาอ่าน แล้วก็ตามทันเรื่องนี้แล้ว ชอบนิยายเรื่องนี้นะ แต่แอบหวั่นใจกับความดราม่านะ แบบกว่ามันจะหักมุม ผมคงแย่แน่ถ้าเป็นแบบนั้น แต่ก็จะติดตามจนจบเลยละครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
มาม่ากำลังมา
คนน้องรู้ใจตัวเองแล้ว คนพี่ยังแยกไม่ออกสินะ หรือว่าก็รู้ตั้งแต่แรก

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
36. มือที่สาม



“น้องพีท เลิกงานรึยังคะ?” 

เฌอเบลล์ส่งเสียงสดใสมาตามสาย  เธอใช้โทรศัพท์ภายในโทรหาเขาที่แผนกทำให้เขาแปลกใจ

“ครับ  เลิกแล้วครับ” 

“ดีค่ะ พี่มีเรื่องปรึกษาน้องพีทเกี่ยวกับฝ่ายจัดประชุม  เจอกันหน่อยได้ไหมจ๊ะ?”

พีทแปลกใจที่เฌอเบลล์จะปรึกษาเขาเรื่องงานประชุมผู้นำเศรษฐกิจ  เพราะเขาเป็นเพียงแค่นักศึกษาฝึกงาน  คงไม่มีความรู้หรือประสบการณ์อะไรมากมายให้ปรึกษา  แต่เฌอเบลล์ก็ดึงดันจะคุยให้ได้ เธออ้างว่าพี่ฮั่นกำลังยุ่ง ไม่อยากรบกวน  และบอกว่าเขาช่วยงานพี่ฮั่นอยู่ทุกเย็นน่าจะรู้ข้อมูลดีอยู่แล้ว 

เฌอเบลล์นัดเจอเขาที่คอฟฟี่ช้อปติดกับสวนด้านทิศใต้ของโรงแรม

คอฟฟี่ช้อปของโรงแรมเป็นร้านเปิดโล่งมีแนวระเบียงไม้ฉลุสีขาว  ซึ่งจัดวางชุดรับแขกทำด้วยหวายถักเป็นลวดลายงดงามบุด้วยเบาะผ้าไหมหนานุ่มสีสันสดใส  ทำให้แขกสามารถชมสวนไปพร้อมกับการจิบเครื่องดื่มชั้นดี ตรงกลางระเบียงมีบันไดสองสามขั้นยื่นลงไปในสวนที่จัดที่นั่งไว้หลายมุม  ซึ่งจัดเป็นสวนกุหลาบที่รวบรวมกุหลาบนานาพันธุ์จากทั่วทุกมุมโลกมาปลูกไว้  ทั้งกุหลาบดอกโตก้านตรงแข็งสวยจับใจ  และซุ้มกุหลาบไม้เลื้อยปลูกคลุมหลังคาโดมสีขาว  ที่ภายในตั้งชุดเก้าอี้สนามสีขาวสำหรับนั่งจิบชาหรือกาแฟยามบ่าย  กลิ่นกุหลาบกรุ่นกำจายอยู่ทั่วไปในสวน 

สวนกุหลาบนี้จึงเป็นที่นิยมของแขกที่ชื่นชอบกุหลาบหายากหลากพันธุ์และนิยมการจิบน้ำชายามบ่ายพร้อมเค้กนานาชนิด  ซุ้มกุหลาบที่เป็นจุดเด่นคือซุ้มกุหลาบขาวที่อยู่ลึกสุดของสวน  ซึ่งเป็นจุดที่แขกนิยมมานั่งมากที่สุดเพราะปลูกกุหลาบพันธุ์ Sombreuil สีขาวซึ่งเป็นกุหลาบไม้เลื้อยพันธุ์โบราณที่สั่งนำเข้า  กุหลาบชนิดนี้มีกลีบดอกมากกว่า 200 กลีบอัดแน่นในดอกเพียงดอกเดียว  และตอนนี้กำลังออกดอกสีขาวสะพรั่งไปทั้งต้นที่เลื้อยคลุมซุ้มหลังคาโค้ง  ส่งกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นน้ำชา

พ่อเขาเป็นคนสั่งให้จัดสวนนี้ให้คุณโรส   พีทยิ้มเมื่อนึกถึง  พ่อเขาเป็นผู้ชายโรแมนติกขนาดนี้

เมื่อเขาเดินเข้าไปในสวนก็พบเฌอเบลล์นั่งอยู่ใต้ซุ้มกุหลาบสีขาวที่เป็นไฮไลท์ของสวนแห่งนี้  และบังเอิญเธอก็สวมชุดกระโปรงสีขาวด้วย  สาวสวยในชุดขาวนั่งอยู่ใต้ซุ้มกุหลาบสีขาวตัดกับสีเขียวสดของใบและหญ้าที่พื้นดูราวกับเจ้าสาวนั่งรอเจ้าบ่าวก่อนเข้าพิธีวิวาห์เลยทีเดียว

“ขอโทษที่ให้รอนะครับ  พี่เบลล์”  พีทเอ่ยทักเมื่อเดินเข้าไปใกล้

บนโต๊ะมีชาเอิร์ลเกรย์และขนมสองสามอย่าง  เฌอเบลล์วางมือที่ถือถ้วยชาลงบนจานรอง  ใบหน้าเรียวงามที่กำลังชื่นชมราชินีแห่งดอกไม้หันกลับมาทางเขา  ความงามของสาวสะพรั่งที่นั่งอยู่ท่ามกลางดอกกุหลาบแห่งนี้ราวกับสวรรค์เสกสรรขึ้นมา
 
งาม  ราวกับเฮเลนแห่งทรอย

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่กำลังเพลินกับการจิบชาชมกุหลาบอยู่ทีเดียว นั่งสิคะน้องพีท”  เฌอเบลล์ตอบเสียงอ่อนหวานส่งยิ้มสดใส
 
พีทยิ้มตอบแล้วทรุดตัวนั่ง  เฌอเบลล์จึงรินชาใส่ถ้วยกระเบื้องเคลือบอย่างดีเลื่อนให้เขาอย่างเอาใจ

“ที่นี่สวยมากเลย  พี่ชอบทุกอย่างของโรงแรมนี้  สวนนี้ก็สวยมาก  ดูสิ  กุหลาบพันธุ์นี้สวยมากเลยนะคะ  กลีบซ้อนกันสวยมากเลย   คุณพ่อน้องพีทช่างโรมานซ์...”

“...ไม่รู้ว่าลูกชายจะโรแมนติกเหมือนคุณพ่อรึเปล่า” ท้ายประโยค  เฌอเบลล์ช้อนสายตาขึ้นมองเขาพร้อมกับยิ้มหวาน  แววตามีความหมาย

“ถ้าเป็นคนพิเศษก็คงมีบ้างครับ”

พีทส่งยิ้มให้  ในใจกลับไพล่ไปคิดถึงใครอีกคนพร้อมกับแปลกใจตนเอง  ขนาดหญิงสาวงดงามนั่งอยู่ในบรรยากาศที่เป็นใจแบบนี้เขากลับคิดถึงคนอื่น

เฌอเบลล์เห็นยิ้มหวานนั้นแล้วกลับใจเต้นแรง  เธอชอบรอยยิ้มของหนุ่มน้อยตรงหน้าตั้งแต่แรกเจอทีเดียว 

“แหม อยากเป็นคนพิเศษคนนั้นบ้างจัง  น้องพีทจะรังเกียจรึเปล่าคะ” 

พีทเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่เฌอเบลล์ทำท่าเหมือนสนใจในตัวเขา เห็นไปไหนมาไหนกับพี่ฮั่นตลอดเวลา  แล้วเขายังเห็นสองคนนั้นในห้องทำงาน  เขานึกว่า....

“เอ่อ  ผมคิดว่าพี่เบลล์กับพี่ฮั่น...”  พีทอึกอัก  ภาพทั้งสองคนที่แนบชิดกันนั้นยังติดตาเขาอยู่

“โถ  น้องพีทยังจำเรื่องวันนั้นได้อีกเหรอ  ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  พี่กับพี่ฮั่นเป็นเพื่อน  เป็นหุ้นส่วนกันแค่นั้นเอง”   เฌอเบลล์ยิ้มหวานอย่างนึกเอ็นดู   แค่จูบกัน  ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับเธอ

“แต่ว่าถ้าเป็นน้องพีท  พี่ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนร่วมงานนะ  พี่อยากเป็นคนพิเศษของน้องพีท”

พร้อมกันนั้นมือเรียวเล็กก็เอื้อมมาแตะมือเขาที่วางบนโต๊ะ  เฌอเบลล์บีบมือเขาเบา ๆ อย่างต้องการยืนยัน  พีทใจเต้นไปทีเดียวที่เฌอเบลล์ทำท่าเฟลิตกับเขาเช่นนี้  แต่เขายังยิ้มให้อย่างสุภาพ 

‘เอาไงดี?’

“เอ่อ  ผมมีคนที่ชอบแล้วล่ะ”  เขาตัดสินใจบอกเฌอเบลล์ตามตรงเพื่อตัดปัญหา  นึกถึงคนพิเศษของตัวเองแล้วก็ยิ้มเศร้า  คนคนนั้นคงไม่รู้ตัวหรอก

“อะไรกันน้องพีท  พูดจริงหรือคะ  โธ่  ทำพี่อกหักเลย” 

เฌอเบลล์หน้าเสียไปเลยทีเดียว  เธอเคยถามพี่ฮั่นแล้วว่าพีทมีคนรักรึเปล่า  พี่ฮั่นตอบแบบไม่เต็มใจเท่าไรว่าพีทไม่มีใคร  นี่พีทมีคนพิเศษแล้ว  ใครกัน?

พีทเริ่มรู้สึกอึดอัด  เฌอเบลล์บอกว่าจะคุยเรื่องงานแล้วทำไมพวกเขากลับมานั่งอยู่ในสวนแล้วคุยกันเรื่อง  ความรัก?

ก่อนที่เฌอเบลล์จะมีโอกาส ‘ต้อน’ หนุ่มน้อยให้ตกหลุมของเธอ  ขายาวของใครคนหนึ่งก็ก้าวมาหยุดตรงหน้าหนุ่มสาวทั้งคู่

“อ้าวเบลล์  พีท  มาทานชากันเหรอ”  เสียงคุ้นเคยทำให้พีทเงยหน้าขึ้นมอง 

คนที่มายืนตรงหน้าทำให้เขาใจเต้นผิดจังหวะ  ก็กำลังนึกถึงพี่ฮั่นก็ปรากฏตัวพอดี

“พี่ฮั่น  มาทำอะไรที่สวนเหรอคะ”  เฌอเบลล์ถามอย่างแปลกใจ

“พี่ผ่านมาพอดี  เห็นคุยกันอยู่ก็เลยแวะมาดู”  พี่ฮั่นตอบแล้วหันไปมองน้องชาย

“พีท  เลิกงานแล้วทำไมไม่ขึ้นไปข้างบนล่ะ พี่มีงบการเงินจะให้เราดู” พี่ฮั่นว่าเสียงเรียบ

พีทสบตาพี่ฮั่นแล้วก็คิ้วขมวด  ดูออกทันทีว่าพี่ฮั่นกำลังไม่พอใจ 

เฌอเบลล์เงยหน้าพิจารณาร่างสูงตรงหน้าเมื่อได้ยินคำตอบของพี่ฮั่น  คิ้วเรียวขมวดอย่างแปลกใจเช่นกัน   เพราะตรงที่เธอนั่งอยู่นี้เป็นมุมในสุดของสวนกุหลาบ  พี่ฮั่นจะ ‘ผ่าน’ มาได้อย่างไร  ต้องตั้งใจเดินเข้ามาเท่านั้นแหละ ถึงจะเจอเธอกับหนุ่มน้อยนั่งอยู่ในสวนนี้

สัญชาตญาณของผู้หญิงทำให้เธอลอบมองคนตรงหน้า  พี่ฮั่นมองพีทสายตาดุทีเดียว 

ทำไมพี่ฮั่นถึงไม่พอใจขนาดนี้นะ  ไม่พอใจที่เธอชวนน้องชายมานั่งจิบชาในสวนงั้นหรือ  ถ้าเธอไม่รู้จักพี่ฮั่นมานานอาจจะคิดว่าพี่ฮั่นกำลังหึงเธออยู่ แต่เธอก็รู้ดีว่าระหว่างเธอกับพี่ฮั่นมันไม่มีอะไรเกินเลย  แล้วพี่ฮั่นไม่พอใจทำไม 

"...พีทยังเด็ก..."

บทสนทนาระหว่างเธอกับพี่ฮั่นในห้องทำงานลอยเข้ามา  ตอนนั้นเธอคิดว่าพี่ฮั่นหวงน้อง

ความเข้าใจอย่างหนึ่งสว่างวาบขึ้นมา  ดวงตากลมนั้นเบิกกว้างอย่างเพิ่งตระหนักถึงความจริงบางอย่างที่เธอไม่เคยสังเกต 

มิน่าล่ะ  ตั้งแต่เธอเกริ่นกับพี่ฮั่นว่าพีทนั้นน่าสนใจ  เธอกลับไม่เคยมีโอกาสได้เจอหนุ่มน้อยอีกเลย

ริมฝีปากอวบอิ่มคลี่ยิ้ม  เพราะพี่ฮั่นตาม ‘ประกบ’ เธอสินะ  ตอนนั้นเธอเข้าใจว่าพี่ฮั่นคงแค่ดูแลตามหน้าที่  เพราะเธอเป็นเพื่อนร่วมงาน  เป็นหุ้นส่วนโรงแรมที่อังกฤษ  และพวกเขาสนิทกันมาพอสมควร

‘ร้ายจริงนะ  พ่อคนหวงน้อง’

ดวงตากลมโตของเฌอเบลล์ตวัดไปมองหนุ่มน้อยตรงหน้าด้วยสายตาพินิจเป็นครั้งแรก   

ภาพพีทที่โผล่เข้ามาในห้องตอนที่เธอกับพี่ฮั่นกำลัง ‘รื้อฟื้นความหลัง’ กัน  ใบหน้าเด็กหนุ่มเหมือนคนกำลังช็อก  แค่น้องเข้ามาเห็นพี่ชายกำลังอยู่กับผู้หญิงไม่น่าจะตกใจมากขนาดนั้น

"...ผมมีคนที่ชอบแล้ว..."


เฌอเบลล์เผยยิ้มมุมปาก  เธอเริ่มเข้าใจบางสิ่งบางอย่างแล้ว  ดวงตาของแม่เสือสาวฉายแววสนุก 

---------------------------------




“พี่โกรธอะไรผมรึเปล่า”

พีทเอ่ยถามคนที่เดินดุ่มเข้าบ้านไปโดยไม่มองหน้าเขาตั้งแต่แยกจากเฌอเบลล์ที่โรงแรม  พอเฌอเบลล์เดินลับไปปุ๊บพี่ฮั่นก็หุบยิ้มทันที  ท่าทีเปลี่ยนไปจนเขาตามไม่ทัน

“เปล่า” 

เสียงพี่ฮั่นตอบกลับมาทำให้เขาขมวดคิ้วอยู่ข้างหลัง  ก็เสียงขุ่นขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่โกรธอีกเหรอ  เวลาพี่ฮั่นโกรธ เขาเห็นแล้วก็ไม่สบายใจ  เขาอยากทำอะไรก็ได้ให้พี่ฮั่นหายโกรธ

“ผมรู้นะ  พี่อย่ามาหลอกกันเลย” 

พีทพยายามจะรู้ให้ได้ว่าพี่ฮั่นโกรธเขาเรื่องอะไร  เวลาพี่ฮั่นไม่สบายใจเขามองทีเดียวก็รู้แล้ว  มันก็เหมือนตอนที่เขาไม่สบายใจนั่นแหละ  เขาไม่เคยหลอกพี่ฮั่นได้เลย  พี่ฮั่นก็รู้ทุกครั้งที่เขาไม่สบายใจ  อยู่ที่ว่าพี่ฮั่นจะเอ่ยถามหรือจะปล่อยให้เขาเล่าเอง  เหมือนคราวที่แล้วที่เขาหนีไปตีกลองคนเดียวในห้องซ้อม

“พี่โกรธที่ผมไม่ขึ้นไปทำงานตอนเย็นเหรอ  ก็พอดีพี่เบลล์โทรมา” 

“พีท  พอเถอะ!”  พี่ฮั่นพูดเสียงดัง  หยุดขาที่กำลังก้าวทำให้เขาต้องหยุดตามไปด้วย 

“พี่แค่เหนื่อยน่ะ ช่วงนี้ต้องเตรียมงานใหญ่” 

พูดแล้วพี่ชายก็ก้าวเท้ารวดเร็วเข้าไปในบ้านโดยไม่สนใจจะหันมาคุยกับเขาสักนิด

“พี่ฮั่น”   อดไม่ได้พีทจึงดึงแขนคนที่เดินอยู่ข้างหน้าให้หันมาคุยกัน 

พี่ฮั่นหยุดแต่ไม่ยอมหันกลับมา  พีทถอนหายใจ  มองแผ่นหลังของพี่ฮั่นด้วยความไม่เข้าใจ

“ถ้าผมทำอะไรให้พี่โกรธ  ผมขอโทษนะ” 

“ไม่มีอะไรจริง ๆ พีท  พี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อน”  น้ำเสียงนั้นอ่อนลงเล็กน้อย  แต่เขารู้ว่าพี่ฮั่นพูดไปอย่างนั้นเอง 

พีทจำต้องปล่อยแขนพี่ฮั่นช้า ๆ

คนเป็นพี่เดินหายลับเข้าไปในบ้าน  พีทจึงเดินไปทรุดตัวนั่งเก้าอี้ตัวโปรดที่ชานหน้าบ้าน  ถอนหายใจอีกครั้งด้วยความไม่เข้าใจ  แรมโบ้เดินออกจากบ้านมาทรุดตัวนั่งบนพื้นข้างเขาราวกับรู้ว่าเขาไม่สบายใจ   พีทหันไปลูบหัวสุนัขตัวโปรด  สอดมือไปตามเส้นขนอันอ่อนนุ่มของมัน   คิดทบทวนว่าเขาทำอะไรให้พี่ฮั่นไม่พอใจ

เสียงข้อความเข้าทำให้เขาต้องหยุดคิด  พีทเปิดอ่านข้อความนั้นแล้วก็ลุกพรวดพราดก้าวเท้ารวดเร็วเข้าไปในบ้าน  แต่เมื่อขึ้นบันไดจนใกล้ถึงชั้นบนกลับย่องอย่างเงียบกริบไปที่หน้าห้องพี่ฮั่น   

เขาแง้มประตูทีละนิด  ห้องนอนพี่ฮั่นว่างเปล่า  พีทถอนหายใจอย่างโล่งอก  มองไปที่ห้องน้ำ  ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัว   พี่ฮั่นคงกำลังอาบน้ำอยู่   เขารีบออกจากบ้านริมสระตรงไปที่บ้านใหญ่  ในใจก็เริ่มเกิดความกังวลขณะที่ขาก็ก้าวไปข้างหน้า 

มีเพียงเรื่องเดียวที่เคนจะติดต่อกับเขา 

ความปลอดภัยของพี่ฮั่น

หลังจากวันที่เขาแอบหนีพี่ฮั่นไปเยี่ยมคุณปู่  เจเจก็หายไป  เรื่องนี้ทำให้พีทคลายความกังวลใจไปได้มาก  แต่เขายังคงสั่งให้เคนและบอดี้การ์ดคนอื่นคอยเฝ้าติดตามดูแลความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลาโดยไม่บอกให้พี่ฮั่นรู้  เขารู้ดีว่าถ้าพี่ฮั่นรู้ว่ากำลังถูกติดตามอีกครั้ง  คราวนี้พี่ฮั่นต้องไม่อยู่เฉยแน่

เขาตรงเข้าไปที่ห้องออกกำลังกาย  เคนยืนรออยู่แล้ว  ท่าทางเครียด

“เคน  มีอะไร”   

“มีมือปืนตามประกบคุณฮั่นครับ  แต่พวกผมจับได้ซะก่อน  คุณชายดูนี่สิครับ” 

เคนยื่นโทรศัพท์มือถือให้เขาดู  ในนั้นมีรูปมือปืนคนที่ว่าถูกซ้อมสะบักสะบอมและอาวุธปืนหนึ่งกระบอก 

‘ปืนเก็บเสียง!’   พีทเงยหน้าขึ้นมองเคน  แววตาส่งคำถาม  เคนพยักหน้าทันทีแต่ไม่พูดอะไรต่อ

‘คุณปู่!  คุณปู่ส่งมา  นี่กะจะเอาให้ถึงตายเลยหรือ  ทำไมคุณปู่ทำแบบนี้’ 

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคุณปู่ถึงได้เกลียดพี่ฮั่นขนาดนี้

“คุณชายจะเอายังไงครับ”

เคนถามกลับพร้อมกับแววตาหนักใจ  เรื่องจะง่ายกว่านี้มากถ้าบอกให้เจ้าตัวรู้ว่ามีคนไม่ประสงค์ดีต่อชีวิต  ทั้งที่เขาต้องรายงานเรื่องนี้ให้เจ้านายตามหน้าที่  แต่เขาก็เข้าใจดีว่าทำไมคุณชายถึงอยากให้เขาปิดเรื่องนี้ไปก่อน   

คนหนึ่งก็คุณปู่  อีกคนหนึ่งก็พี่ชาย  คนกลางมีแต่หนักใจ

“เพิ่มกำลังคนอีก  ขอหน้าใหม่นะ  พี่ฮั่นจะได้ไม่รู้  ผมไม่อยากให้พี่ฮั่นเป็นกังวล  เรื่องคุณปู่ผมจะปรึกษาพ่อเอง”

พีทกลับออกจากบ้านใหญ่ด้วยหัวใจหนักอึ้ง  เฝ้าแต่คิดวนเวียนถึงเรื่องนี้ 

จะทำยังไงให้คุณปู่ยอมวางมือ  เขาจะทำยังไงดี

พี่ฮั่นยังคงเงียบไปทั้งคืน ไม่ยอมมองหน้า ไม่คุยกับเขา  พีทได้แต่คอยแอบมองไปที่พี่ฮั่น  เห็นหน้านิ่ง ๆ ของพี่ชายแล้วเขาก็ไม่กล้าซักอะไรอีกเพราะเขาก็กำลังกังวลเช่นกัน 

------------------------------------




ใบหน้าเครียดของเขาทำให้พี่โดมที่กำลังจะทักทายตามปกติเปลี่ยนคำถามทันที

“พีท  เป็นอะไร  ทำไมทำหน้าบูดตั้งแต่เช้า”   

สายตาของพี่โดมที่มองมาด้วยแววตาห่วงใยทำให้พีทปรับสีหน้าใหม่  เขาส่งยิ้มอ่อนให้พี่โดม

“พี่ฮั่นโกรธผมเรื่องอะไรไม่รู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”   

พีทบอกพี่โดมแค่ส่วนเดียวเท่านั้น  เรื่องพี่ฮั่นโกรธเขาเป็นเรื่องเล็กน้อยถ้าเทียบกับเรื่องที่พี่ฮั่นกำลังตกอยู่ในอันตราย

‘ก็คงหวงน้องละมั้ง  อยู่ดี ๆ สาวสวยสุดเปรี้ยวก็แอบโทรมานัดน้องชายไปกินชา’   โดมแอบคิดอยู่คนเดียว

เมื่อวานหลังจากที่พีทเดินออกไปพบเฌอเบลล์  เขาก็กดโทรศัพท์สายตรงหาพี่ฮั่นทันที  ตั้งแต่คราวก่อนที่พี่ฮั่นโผล่มาหาพีทที่แผนกตอนกลางวันแล้วพบว่าพีทหายไปโดยที่เขาเองก็ไม่รู้  เขาก็ถูกพี่ฮั่นขอร้องแกมบังคับให้โทรรายงานถ้าพีทไปไหนกับใคร 

จะไม่ให้เขาเชื่อฟังได้ยังไง  ก็ท่านรองประธานเล่นเอาผลการฝึกงานมาขู่เขา 

‘เฮ้อ  พี่น้องคู่นี้  ทำอะไรรู้ตัวกันบ้างรึเปล่านะ’ 




---------------------------------------

 :hao7:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2014 10:50:59 โดย Tigerintherain »

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
โอย น่ารักจังค่ะ  :ling1:

น้องพีทหนูมีแววว่าโตแล้วจะเป็นราชสีห์หนุ่มมากๆค่ะ น่าจะดุและหวงของด้วย โอย น่ารักน่าหยิก

ดูอุ่นๆมุ้งมิ้งแต่บางมีรัศมีน้องก็ดูคมดุแบบประหลาดมากค่ะ แบบดูมีอำนาจในตัว เราชอบ


ดุเรื่องของพี่ชายค่ะ  เรื่องอื่นพีทใจดี  อิ อิ

รอดูน้องพีทอีกสองสามตอนนะคะ

 :mew1:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เฌอเบลล์จะทำอะไรล่ะทีนี้
เรื่องคุณปู่อีก

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ผมว่าเป็นนิยายที่น่าอ่านดีครับ การเขียนก็ถือว่าดีอ่านรื่นไหลดีครับไม่สะดุดเลย แต่ตามที่ผมอ่านแล้ว จากการอินในเนื้อเรื่อง มันทำให้ผมอึดอัดกับความรู้สึกของสองพี่น้องนี้ เหมือนฝ่ายนายเอกผมจะหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้น เหมือนพี่จะเห็นแก่ตัว แต่ผมก็เข้าใจอยู่นะใจจุดนี้ ส่วนผมตอนแรกเห็นชื่อเรื่องแล้วมันไม่น่าสนใจอ่ะ เหมือนมันจะดราม่าเยอะอะไรเงี้ย มันไม่สะดุดใจมั้ง แล้วเป็นคนแต่งหน้าใหม่ด้วยคนไม่รู้จักถึงทำให้คนไม่ค่อยสนใจ ที่ผมมาอ่านเนี้ย มีคนแต่งนิยายเรื่องหนึ่งที่ผมติดตามนิยายของเขาอยู่ บอกต่อนิยายเรื่องนี้ดีน่าสนใจ ผมเลยเข้ามาอ่าน แล้วก็ตามทันเรื่องนี้แล้ว ชอบนิยายเรื่องนี้นะ แต่แอบหวั่นใจกับความดราม่านะ แบบกว่ามันจะหักมุม ผมคงแย่แน่ถ้าเป็นแบบนั้น แต่ก็จะติดตามจนจบเลยละครับ

ขอบคุณที่คอมเม้นต์ค่า  ฝากให้ช่วยติดตามต่อไปนะคะ

เรื่องชื่อ  อันนี้เป็นความสามารถอันต้อยต่ำของเราเอง  เราเป็นคนตั้งชื่อไม่เก่ง  คือเขียนเรื่องขึ้นมาก่อนได้ตั้งหนึ่งในสามแล้ว  ถึงมาคิดชื่อเรื่อง  สุดท้ายก็เปิดกูเกิ้ลแล้วบังเอิ้นนน  บังเอิญไปเจอชื่อเพลง "ตรงนั้นคือหน้าที่  ตรงนี้คือหัวใจ"  ของมนต์แคน  แก่นคูนขึ้นมา  ก็เลยยืมมาซะเลย   ถ้าดูจากนิยายในเล้าแล้วชื่อเรื่องก็เชยมาก 555  เนื้อเรื่องก็เชยด้วยแหละค่ะ  ไม่ใช่แนวนักศึกษา  นักเรียนอ่ะ  คือแบบว่าคนเขียนเลยวัยนั้นมาแล้ว  กร๊ากกกก  ประจานตัวเองทำไม

คุณชัดเจนกาบติดตามนักเขียนท่านไหนอยู่เหรอคะ  อยากขอบคุณจัง  อุตส่าห์แนะนำเรื่องของเราด้วย  ทำให้มีคนอ่านเพิ่ม ^^

ยังไงก็ฝากติดตามต่อไปนะคะ
 :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-09-2014 22:09:16 โดย Tigerintherain »

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
มาม่ากำลังมา
คนน้องรู้ใจตัวเองแล้ว คนพี่ยังแยกไม่ออกสินะ หรือว่าก็รู้ตั้งแต่แรก


เอิ่มมมม  แม่นมากค่ะ  มาม่ากำลังมา o13

4life

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งตามอ่านจนถึงตอนนี้ พูดเลยว่านายเอกทำตัวเป็นเด็กมากกกกก
ส่วนพระเอกก็ยังไงล่ะ..บทจะงอนก็งอน เหมือนจะฉลาดเเต่โง่
เสนอตัวนอนกับคู่ขาเก่าเพื่อไม่ให้มายุ่งกับนายเอก มันขัดๆ กับมาดบอดี้กาดคนเก่งของนยายอยู่นาาา
เหมือนหาทางออกไม่ได้ต้องเอาตัวเข้าเเรก..
ปู่ก็เเค้นไม่เข้าเรื่องเข้าราวเเก่จะตายเเล้ว ไม่ปล่อยวาง พีทเอาเเกไปทิ้งวัดซัก2-3อาทิตย์ดิ๊
ชะนีเฌอเบลล์ยัง.. ไม่รู้ดีหรือร้าย เเต่ที่เเน่ๆ หมั่นใส้ อยากให้มีคนมาดัดนิสัยมั้นจั๊ยมั้นใจของนาง
เเล้วดึงชีออกจากชีวิตสองพี่น้องซะ เพราะเเค่เรื่องคุณปู่ก็เยอะพอเเล้ว ไม่ต้องมีชะนีมาป่วน

เป็นกำลังใจให้คนเขียนเน้อ.. :pig4:

ออฟไลน์ iota

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
กำลังตามอ่าน สนุกดีแต่เพิ่งจะอ่านถึงตอนที่18
สู้สู้ :a2:

ออฟไลน์ smile_aex

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มาตามคำแนะนำของนักเขียนที่ตามอยู่ท่านนึงครับ(จากเรื่องดอกฟ้าฯ)

สนุกมาก เป็นกำลังใจให้สองพี่น้องรักกันไวๆครับ
อย่ามาม่าหนักนะ :ling3:

ตามต่อไป


ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยปู่สินะ เห็นใจปู่แต่ก็มั่นใจพี่ฮั่นว่าจะไม่ทำให้น้องพีทเสียใจ

เรื่องนี้อ่านแล้วน่ารัก ภาษาไหลลื่น อ่านแล้วรู้สึกหวานๆๆบอกไม่ถูก กลัวช่วงหลังเป็นมาม่าอย่างเดียวเลย

ยังไงก็จะติดตามอ่านต่อไปคะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ :mew1: :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด