13. นายเป็นใคร?
“นายเป็นใคร ทำไมถึงมาทำงานกับพ่อ” พีทถามขณะพวกเขาเดินทางไปยังสถานที่ตั้งของผับดังด้วยออดี้คันเดิมที่พลิ้วผ่านรถคันอื่นด้วยความเร็วสูง
“หืม นึกไงถึงถามล่ะ” คนขับที่ทำหน้านิ่ง ๆ มาตั้งแต่เย็นลดความเร็วลงเล็กน้อย หันมาถามคนที่นั่งเคียงกันมาในรถ
นายหมีกำลังครุ่นคิดอยู่เหมือนกัน เรื่องท่าทีที่เปลี่ยนไปของคุณชายของเขา วันก่อนยังดื้อกับเขาทุกเรื่องอยู่เลย วันนี้กลับทำตามที่เขาบอกทุกเรื่องจนเขาแปลกใจ แล้วเมื่อตอนเย็นอีก ภาพพีทที่มองมา สายตาคู่นั้นเหมือนรู้ความจริงบางอย่าง ความจริงที่เขายังไม่ได้บอก ไม่กล้าบอก จากนั้นพีทก็เฉยไป ดวงตาเหม่อลอยเหมือนคนกำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ภายใน
“ก็ไม่มีอะไร แค่อยากรู้ นายต้องเก่งมากเลยนะพ่อถึงได้ไว้ใจขนาดนี้”
พีทยังคงถามต่อ ท่าทางเหมือนคนกำลังมีเรื่องในใจ ใบหน้าเรียวนั้นมองตรงไปยังถนนข้างหน้า ชั่วแวบหนึ่งดวงตาของหนุ่มน้อยหันมามองคนขับ ใบหน้าด้านข้างที่เขาเห็นนั้นราวรูปปั้น จมูกโด่งชัดเป็นสันตรงยาวจากหว่างคิ้วเข้มที่พาดเหนือดวงตาชั้นเดียว ริมฝีปากบางนั้นเม้มเล็กน้อยเหมือนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง ลังเล? สับสน?
“เอ่อ ผมก็มาสมัครงานกับบริษัทพ่อคุณที่อังกฤษไง ท่านคงเห็นประวัติผมแล้วเลยชวนมาทำงานที่นี่”
“แล้วประวัตินายเป็นยังไงล่ะ พ่อถึงได้สนใจ” พีทยังคงถามต่อ
“ผมเรียนจบธุรกิจระหว่างประเทศ เคยทำงานกับเครือโรงแรมฮิลตันที่นิวยอร์กอยู่พักหนึ่ง เบื่อก็เลยลาออกมาสมัครกับโรงแรมพ่อคุณ ก็เรียนรู้งานได้เกือบปี พ่อคุณเลยให้มาช่วยดูแลคุณ ผมก็เลยมา”
คำตอบนั้นเป็นการบอกเล่าชีวประวัติคร่าว ๆ ไม่ลงรายละเอียดอะไร
“แล้วครอบครัวล่ะ พ่อแม่ พี่น้องเป็นใครอยู่ที่ไหน”
พีทถามอีก ไม่รู้เพราะอะไรเขาจึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยกับการรอคอยคำตอบ
“เอ่อ ผม คือ พ่อผมเสียแล้วตั้งแต่ผมเด็ก ๆ เหลือแม่คนเดียว ตอนนี้แม่อยู่อังกฤษ” เสียงคนขับตอบมาแผ่วเบาเหมือนไม่ค่อยมั่นใจ
พีทหันกลับไปมองคนข้างตัวใหม่อีกครั้ง
‘คล้ายพี่ฮั่นเลย...'“แล้วไงต่อล่ะ” เขาถามอีก ดวงตาจ้องตรงไปที่ใบหน้าด้านข้างของคนที่ขับรถอย่างตั้งใจเกินความจำเป็นเพราะนายหมีไม่หันกลับมามองที่เขาเลย ดวงตานั้นจ้องตรงไปที่ถนนอย่างแน่วแน่
“หมดแล้ว ผมตอบได้เท่านี้ เรื่องอื่นผมขอเก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัว”
“ทำไมถึงบอกไม่ได้ล่ะ ทีเรื่องชั้นนายยังรู้ทุกเรื่อง ขนาดพี่โดม เกรซ นายก็รู้จักพวกเขาแล้วทำไมชั้นจะรู้เรื่องนายบ้างไม่ได้” ไม่ยุติธรรมเลย นายหมีรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเขา แต่เขาไม่เคยรู้เรื่องอะไรนายนี่เลยสักอย่าง ชื่อจริงเขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
“ผมต้องรู้เรื่องคุณเพราะมันเป็นงาน แต่เรื่องของผม เอ่อ ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”
“ไม่มีอะไรก็เล่ามาสิ ทำไมต้องเป็นความลับด้วย....”
“ผมขอโทษ ถ้าคุณอยากรู้อะไร คุณถามพ่อคุณเองก็แล้วกัน แต่ผมตอบได้เท่านี้จริง ๆ” น้ำเสียงตอบกลับอ่อนโยนราวกับว่าคนตอบก็ลำบากใจที่ให้คำตอบได้เพียงเท่านี้
“เท่านี้เองเหรอ” พีทย้ำ
“แค่นี้แหละ คุณมีอะไรรึเปล่า” ท้ายคำถามนายหมีหันมาถามพลางมองมา
“ไม่มีอะไรแล้ว” พีทหันหน้ามองออกไปยังวิวภายนอก
เขาเงียบไปเพราะความคิดกำลังหมุนเปลี่ยนไปมา ทั้งสับสนปนเปจากข้อมูลที่ได้รับ มีบางอย่างที่มีเชื่อมกันอยู่ ถ้านายหมีไม่ใช่คนที่เขาคิดก็ไม่มีอะไรน่าสนใจอีกต่อไป แต่ถ้าใช่ล่ะ...เขารู้สึกเจ็บหนึบ ๆ ตรงอกด้านซ้าย
‘อะไรกันความรู้สึกคล้ายความผิดหวังแบบนี้’ นายหมีไม่ยอมบอกอะไรเขาสักอย่าง ทำไมต้องปิดบัง เขาอยากจะโกรธที่นายหมีไม่ยอมตอบคำถาม แต่ความสับสนที่เกิดขึ้นมีมากกว่า เขาเหมือนคนกำลังจมอยู่ในธารน้ำวนแห่งความไม่เข้าใจ จมดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ
ความคิดเขาต้องหยุดชะงักลงเพราะรถจอดสนิท นายหมีปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออกแล้วรออยู่ พีทเปิดประตูลงไปด้วยหัวใจที่เริ่มเหนื่อยล้า ไม่เข้าใจเรื่องอะไรสักอย่างเดียว ใบหน้าเขายามนี้จึงดูไม่สดใสเหมือนเคย เขาเดินเข้าร้านไป ไม่สนใจใคร
นายหมีมองตามหลังหนุ่มน้อย ในใจก็เริ่มคิดกังวลถึงเรื่องที่คุยกันในรถเมื่อครู่
ตั้งแต่วันนั้นพีทก็ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาในสิ่งที่เขาสงสัย เขาพยายามโทรหาพ่อ แต่พ่อมักจะทำงานยุ่งเสมอเวลาเขาโทรไปจนเขาอ่อนใจ ไม่อยากโทรไปรบกวนพ่ออีก เมื่อไม่ได้คำตอบจากพ่อ พีทจึงไปที่บ้านใหญ่เพื่อหาหลักฐาน เขาตรงไปที่ห้องนอนของพี่ฮั่นซึ่งอยู่ตรงข้ามห้องนอนเขาในบ้านใหญ่ ห้องที่เขาไม่เคยย่างกรายเข้าไปอีกเลยตั้งแต่เจ้าของห้องทิ้งไป เขาอยากจะเข้าไปดูรูปพี่ฮั่นที่ถ่ายก่อนที่จะไปอังกฤษเพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง และคาดหวังว่าบางทีอาจจะมีรูปพี่ฮั่นตอนที่อยู่อังกฤษเก็บไว้บ้าง
พีทหยุดยืนตรงหน้าห้องอยู่นาน เกิดอาการลังเล เขากลัวว่าถ้าไม่ใช่พี่ฮั่นก็คงเป็นแค่คนหน้าคล้าย แต่ถ้าเป็นพี่ฮั่นจริง ๆ เขาจะทำยังไง?
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจจะเปิดเข้าไปดู เขายื่นมือไปจับลูกบิดหมุนแต่กลับเปิดออกไม่ได้ เขาเขย่าลูกบิดอย่างขัดใจเพราะห้องล็อกอยู่
“ลุงฉี ลุงฉีครับ” พีทเดินตามหาจนพบลุงฉีกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องส่วนตัวชั้นล่างของบ้านใหญ่
“ลุงฉี เอ่อ มีกุญแจห้อง เอ่อ ห้องตรงข้ามห้องนอนของผมรึเปล่า” รู้สึกแปลกที่ไม่กล้าเอ่ยชื่อนั้นออกมา
ลุงฉีคิดไปพักหนึ่งจึงตอบเขา
“กุญแจห้องนั้นไม่ได้อยู่ที่ลุงแล้วครับ น่าจะอยู่ที่คุณโรส”
แววตาสงสัยของลุงฉีมองมาทำให้พีททำตัวไม่ถูก ลุงฉีจะต้องสงสัยอยู่แล้วเพราะเขาไม่เคยสนใจจะเข้าไปดูอะไรในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าของห้องทิ้งไป
“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรครับ” พีทขอบคุณลุงฉีแล้วเดินออกมา
‘โธ่ ถ้าอยู่ที่คุณโรสแล้วตอนนี้อยู่ไหนละนี่ คุณโรสก็ไม่อยู่เสียด้วย’ พีทคิดอย่างเสียดาย เขาเดินกลับไปที่บ้านหลังเล็กริมสระอย่างหมดหวัง
ท่าทีที่แปลกไปของพีททำให้นายหมีต้องจับตามองเงียบ ๆ ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาพีทเปลี่ยนไป ไม่ดื้อดึงเหมือนเก่า กลับเงียบขรึม ไม่ร่าเริง บางครั้งบางคราวนายหมีก็จับได้ว่าพีทมองมาที่เขาด้วยดวงตาที่แปลกไป พีทไม่ได้มองเขาด้วยแววตาไม่ชอบใจหรือต่อต้านเหมือนเดิม แต่กลับมีแววตาเศร้า บางครั้งพีทก็มองเขาตรง ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยคำถามทำให้เขาต้องคอยหลบตาอยู่เสมอ เขาคิดว่าเขาดูออกว่าพีทคิดมากเรื่องอะไร แต่เขาทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ กลัวเหลือเกินว่าถ้าพีทรู้ความจริงเขาอาจจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่ได้
“อ้าว พีท มาแล้วเหรอ” เพื่อนร่วมวงหันมาทักทายหนุ่มน้อยนักร้องนำของวงที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องพักหลังเวที แต่พีทเพียงแค่ยิ้มกลับไป
“เฮ้ยพีท เมื่อกี้คุณเกรซเขาถามหานายแน่ะ” เสียงพี่ร็อกกี้ร้องบอก
มีเสียงล้อเลียน เป่าปากกันเกรียวกราวหลังคำบอกเล่านั้น พีทส่ายหน้าอย่างระอา ทุกคนในวงชอบแซวเขากับเกรซว่าแอบคบกันอยู่ พีทอธิบายว่าพวกเขาเป็นแค่เพื่อนกันจนอ่อนใจ ดูเหมือนว่าคำพูดเขาเป็นเพียงลมพัดแล้วผ่านไปไม่มีใครเชื่อสักคน แต่ต่อหน้าเกรซพวกพี่เขาก็ไม่กล้ากันหรอก พีทมองไปที่วงอย่างเหวี่ยง ๆ
‘คนยิ่งกลุ้มอยู่’“พี่ร๊อกกี้วันนี้ฝากลิสต์รายชื่อเพลงให้พีทด้วยนะครับ เดี๋ยวขอไปหาเกรซหน่อย”
นั่นไง ไม่ทันขาดคำคนแก่ทั้งวงก็ส่งเสียงวี้ดวิ้วกันเซ็งแซ่ พีทเกาหัวทำหน้ายุ่งแล้วเดินออกไป เขาตามหาเกรซไม่เจอจึงลองโทรหา เสียงดนตรีแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ เกรซตะโกนมาตามสาย
“พีท เราอยู่ที่โต๊ะวีไอพีแวะมาหน่อย” เสียงเกรซกลืนหายไปกับเสียงเพลงแดนซ์ที่เปิดกระหน่ำ
พีทวางสายแล้วออกเดินไปยังโต๊ะวีไอพี พบเกรซนั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มสาว ๆ แปลกหน้า เขาตรงเข้าไปทักทาย เกรซจึงแนะนำเขาให้เพื่อนของเธอรู้จัก
“พวกนี้เป็นเพื่อนที่คณะน่ะ เขาอยากมาฟังนายร้องเพลง”
เกรซว่าก่อนหันไปแซวเพื่อนตัวเองที่พากันจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียวพีทยิ้มกว้างให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร ทำเอากลุ่มเพื่อนของเกรซอายม้วนกันไปหลายคน บางคนกรี๊ดเบา ๆ ในลำคอ เขาทำหน้าเหวอจนเกรซรีบแซว
“นายไม่รู้ตัวรึไงว่าเวลานายยิ้มส่งสายตาแบบนี้มันหวานซะจนทำเอาสาว ๆ แทบละลาย นี่พวกเธออย่าเขินมากเพื่อนชั้นไม่ใช่ดารา” ท้ายประโยคเกรซหันไปแซวเพื่อนตัวเอง เพื่อน ๆ ส่งค้อนกลับมาให้กันใหญ่ เรียกเสียงหัวเราะของเธอและชายหนุ่มคนเดียวในกลุ่ม
หนุ่มหล่อที่อยู่ท่ามกลางสาวสวยกลุ่มใหญ่ดูโดดเด่นท่ามกลางผู้คน ใครที่นั่งตรงนั้นก็เด่นอยู่แล้วเพราะเป็นที่วีไอพี แต่นี่มีนักร้องสุดหล่อประจำร้านแวดล้อมไปด้วยสาวสวยแต่งตัวเปรี้ยว ยิ่งทำให้ทั้งกลุ่มตกเป็นเป้าสนใจ
ไม่เว้นใครบางคนที่เฝ้ามองอยู่นานแล้ว
Yeah baby make me crazy girl
Don't move don't move girl Don't move don't move closer girl yeah
อย่าเขยิบมาใกล้ ช่วยขยับไปไกลไกล ขอได้ไหมหัวใจผมวายวอดกันพอดี
My heart beats coz you make it crazy
หยุดเดี๋ยวนี้นะก่อนที่หัวใจผมมันจะวาย
เสียงเพลงสุดท้ายจบลงพร้อมกับท่าเต้นสุดเร้าใจจากนักร้องหนุ่มร่างสูง เวลายิ้มดวงตาส่องประกายวิบวับดึงดูดสายตา เรียกเสียงกรี๊ดกระหึ่มราวกับอยู่ในคอนเสิร์ตก็ไม่ปาน พีทหอบเล็กน้อยเพราะร้องและเต้นติดต่อกันหลายเพลง เกรซและกลุ่มเพื่อนสาวส่งเสียงกรี๊ดให้นักร้องฮิปฮอปมาดคุณชายกันอย่างสนุกสนาน หลังวงเล่นแล้วยังมีดีเจเปิดแผ่นต่อ กลุ่มสาว ๆ จึงออกสเต็ปแดนซ์กันอย่างไม่มีใครยอมใคร พีทออกมาจากห้องพักหลังเวทีแล้วจึงเข้าไปร่วมวงด้วย
“เกรซไหวป่าวเนี่ย ดูสิ ทำไมกินเยอะขนาดนี้ เดี๋ยวเธอจะกลับบ้านไหวเหรอ เราจะกลับแล้วนะ ให้เราไปส่งไหม” ก่อนกลับพีทหันไปถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“หือ พีท เราม่ายเป็นไร เรายังไหว เดี๋ยวกลับกับแจน” เสียงเกรซอ้อแอ้ดูเหมือนจะเมาแล้วแต่ยังยืนยันว่ายังไหว
“แน่นะ” พีทย้ำ
“เฮ้ย นาย เรายังไหว”
แม่คุณหนูทำท่ามือ ‘โย่ว’ ใส่พีทให้ดูว่าเธอยังโอเค เขาจึงหันไปเอ่ยลาเพื่อนของเกรซแต่แทนที่สาว ๆ จะหันมาลาเขา สายตาทุกคู่กลับมองผ่านเขาทางด้านหลังเหมือนตกตะลึงอะไรบางอย่าง เสียงกรี๊ดดังขึ้นเมื่อหนุ่มหล่ออีกคนโผล่มายืนเคียงข้างเด็กฮิปมาดคุณชาย
“เราต้องกลับแล้ว เดี๋ยวนี้เลย!”
เสียงคุ้นหูกระซิบอยู่ใกล้มาก มือแข็งแรงสอดเข้ามาจับแขนเขาไว้
“ฮึ๊ย อะไรของนาย” พีทหันไปมองคนที่พรวดพราดเข้ามาตาขุ่น
‘อะไรเนี่ย ทำไมนายนี่เสียมารยาทแบบนี้’ “มีคนแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยนหน้าร้านสักพักแล้ว มาเยอะด้วย เราต้องรีบแล้ว” คราวนี้น้ำเสียงนั้นร้อนรนมากขึ้น มือที่จับอยู่บีบเล็กน้อยเหมือนเตือนให้รู้ถึงอันตราย
เท่านี้พีทก็เข้าใจ เขารีบหันไปลาเกรซกับเพื่อน ก่อนที่นายหมีจะลากเขาออกไปทันที แต่พวกเขากลับเคลื่อนตัวไปได้ไม่เร็วนักเพราะคนในผับหนาแน่นเนื่องจากคืนนี้เป็นคืนวันเสาร์ นายหมีเดินนำไปอยู่ข้างหน้ามือที่จับแขนเขาแน่นกระชับ พีทอยากจะบอกหลายครั้งว่าเขาเดินเองได้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่สนใจ ก่อนออกจากร้านนายหมีแวะเข้าไปคุยอะไรบางอย่างกับแคน ลากเขาไปด้วย
“แคนฝากดูแล....ด้วย แล้วก็ระวังตัวด้วย” นายหมีพยักพเยิดไปทางโต๊ะวีไอพี คุยสองสามประโยคแล้วก็ลากเขาออกมานอกร้าน เขาแทบจะถูกยัดเข้าไปในรถ นายหมีรีบขับออกไปทันทีด้วยความรวดเร็ว
“นายแน่ใจเหรอว่าเป็นพวกมัน อาจจะเป็นแขกในร้านก็ได้” พีทหันไปถาม
ไม่ทันขาดคำ เสียงรถแต่งท่อก็ดังกระหึ่มอยู่ข้างหลัง เขาใจหายวาบรีบหันไปมองทันที
‘เฮ้ย! คราวนี้มากันเป็นฝูง เต็มถนนไปหมด’ เขาอ้าปากค้าง
“พีท! นั่งดี ๆ แล้วคาดเข็มขัดด้วย”
น้ำเสียงเฉียบขาดทำให้พีทต้องเชื่อฟังทันที เหมือนเตือนว่า
คราวนี้ของจริง!!!
-----------------------------------------
ลงมาหลายตอนแล้วไม่รู้มีใครอ่านอยู่รึเปล่า ตอนแรกก็ไม่มั่นใจว่าในเล้าเป็ดจะชอบอ่านแนวนี้กันไหม เพราะออกแนวคุณชาย ดูเว่อร์ ๆ คงไม่ใช่แนวของหนุ่ม ๆ น่าจะเหมาะกับสาววายมากกว่า ตอนแรกกะจะขึ้นหัวกระทู้ว่าเหมาะสำหรับสาววายด้วยซ้ำ แต่เรื่องนี้มีบทบู๊นะคะ ตอนหน้านี่แหละ
ชอบไม่ชอบยังไงติชมได้นะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ