ตอนที่...ห้า
เบบี๋กับวันครบรอบสุดระทึก
ไม่เจ๊อะกันนาน~* ลืมบี๋หรือยางงงงงงงง...อัง....อัง...
♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
วันที่ 8 เดือนหน้านี้จะเป็นวันเกิดของหน่อยเพื่อนรัก...
ซ้ำยังเป็นวันครบรอบ 5 ปีของผมกับป๋า
ถ้าเป็นคู่รักคู่อื่น คงจะประมาณว่า เป็นวันครบรอบเป็นแฟนกัน หรือไม่ก็เป็นวันครบรอบแต่งงาน
แต่สำหรับผม...
วันเสียไข่แดง...
ใช่ว่าผมอยากจะจำหรอกนะ การถูกเจาะมันไม่มีอะไรน่าปลื้มสักนิด ผมเมา ผมเบลอ รู้ตัวอีกทีก็เจ็บตูดซะแล้ว
แต่เพราะว่ามันเป็นวันเกิดไอ้หน่อย มันก็เลยถูกย้ำเตือนซ้ำๆทุกปีว่ากูเนี่ยเสียซิงวันนี้นะ ป๋าเลยใช้วันนั้นเป็นวันครบรอบของเราซะเลย ด้วยเพราะปลื้มจัดที่ปลุกปล้ำคร่าพรหมจรรย์ผมได้เป็นคนแรก
แต่ถึงมันจะเป็นวันครบรอบก็ใช่ว่าผมจะทำอะไรให้มันพิเศษ เจอหน้ากันทุกวัน นอนด้วยกันทุกคืน ผมอาจจะดูแลป๋าเป็นพิเศษเล็กน้อย ยอมให้ป๋าเอาแต่ใจบนเตียง รึอาจจะบนโซฟา ห้องครัว บันได โต๊ะกินข้าว หรือระเบียงยามค่ำคืน คือแบบ...มันก็ทำมาแล้วแทบจะทุกซอกทุกมุมของบ้าน จากที่หน้าผมบางเป็นตูดเด็กมันก็เริ่มจะด้านเป็นฝ่าตีน ไอ้ท่าเด็ดดวงจากหนังทุนต่ำทั้งหลาย บอกเลย! ป๋ากับบี๋จัดมาแล้วทั้งนั้น จะเหลือก็แต่ห้อยหัวตีลังกานั่นแหละ ใครทำได้ก็บอกเคล็ดลับกันบ้างแล้วกัน
เข้าเรื่องกันต่อ
ผมที่ไม่เคยให้อะไรป๋าเป็นพิเศษแต่กลับได้นู่นนี่นั่นจากป๋าบ่อยๆ แต่เฉพาะวันครบรอบเท่านั้นที่ป๋าทุ่มเป็นพิเศษ
ปีแรก... ผมได้ทองหนัก 9 บาทมาเก็บไว้ในเซฟเป็นค่าเจ็บตูด แต่สายข่าวรายงานมาว่า แม่ผมได้ไปมากกว่านั้นไม่รู้กี่เท่าเป็นค่าสินสอด
ปีที่สอง... ป๋าพาไปทัวร์ยุโรป15วัน เที่ยวกระหน่ำ ช้อปกระจาย จัดหนัก จัดเต็มทุกประเทศ ผมงี้โทรมหนักทั้งกลางวันกลางคืน
ปีที่สาม... เป็นนาฬิกายี่ห้อ(ห่าเหว)อะไรไม่รู้ แต่ราคาแม่งแพงบรรลัย ผมไม่กล้าใส่ก็เลยเก็บไว้ในเซฟตู้เดิม
ปีที่แล้ว... ป๋าซื้อ MINI Cooper Paceman สีขาวดำที่ผมอยากได้ แต่ด้วยฝีมือการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ ป๋าก็เลยอนุญาตให้ผมมีสิทธิ์นั่งข้างคนขับได้เท่านั้น
เข้าใจตรงกันแล้วใช่มั้ย ว่าทำไมผมถึงเรียกพี่นิดว่าป๋า เพราะขนาดบ้านที่อยู่ด้วยกันตอนนี้ ป๋ายังให้ผมมีชื่อครึ่งนึงเลยอ่ะ คิดดูแล้วกันว่าผมเนี่ยสามีรักสามีหลงขนาดไหน ไอ้เรื่องคุณไสยเนี่ยไม่ได้กินเงินผมหรอก
อิจฉากันล่ะซี่ อย่าวี๊ดว๊ายจนเสียจริตล่ะ ต้องโดนปล้ำกันสักครั้งสองครั้งอย่างผมนี่ไง แต่ต้องเสี่ยงกันเองนะ ผมไม่ยอมให้ป๋าไปไล่ปล้ำใครอีกแล้วเหอะ
แต่ปีนี้...ผมไม่อยากได้อะไรจากป๋าแล้ว ผมอยากจะเป็นฝ่ายให้ป๋ามากกว่า แต่ก็ไม่รู้ว่าจะให้อะไร จะทำยังไงให้ป๋าประหลาดใจดี ผมนอนคิดไปคิดมาหลายคืนแต่ก็ยังคิดไม่ออก การให้ของอะไรสักอย่างกับคนที่มีพร้อมสมบูรณ์นี่มันช่างยากจริงๆ ป๋ามีพร้อมไปหมดจนผมไม่รู้ว่าป๋าต้องการอะไร
แต่ผมจะมีเพื่อนไว้ทำไม ถ้าไม่ให้มันช่วยคิด
“หน่อยจ๋า...บี๋มีเรื่องอยากให้หน่อยช่วย” ผมกระซิบข้างหูมันในวันหนึ่ง ไอ้เพื่อนก็ทำตัวสั่นขนลุก รีบร้อนกระเถิบออกห่างผมไปเป็นเมตร
“อย่ามาทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่กู ขนลุกไปหมดแล้วเหี้ย” ไอ้หน่อยส่งเสียงเข้มจนผมเบ้หน้าอย่างหมั่นไส้ “ทั้งห้องมีแค่มึงกับกูสองคน จะกระซิบหาป๋ามึงเหรอ”
ผมยิ้มแหะๆใส่มัน ก็อย่างที่เพื่อนหน่อยของผมว่า วันนี้ผมมานั่งเล่นๆรอป๋ามารับที่บ้านใหญ่ ก็เลยขึ้นมานอนมากวนไอ้หน่อยบนห้อง หวังว่ามันคงจะพอช่วยอะไรผมได้บ้าง
“กูจะซื้ออะไรให้ป๋าดีวะ”
“ยังไม่ถึงวันเกิดพี่นิดนี่ ถามไมวะ”
“ไม่ใช่วันเกิด แบบว่า วันนั้นอ่ะ วันเกิดมึงไง -///- ” ผมก็ออกจะกระดากอยู่สักหน่อยถ้าจะพูดออกไปตรงๆ
“อ๋อ! วันที่มึงได้ผัวเป็นตัวเป็นตนน่ะเหรอ”
เชี่ย! แต่ก็จริง เลยเถียงไม่ได้
“เออ วันนั้นแหละ! กูอยากทำอะไรเซอร์ไพรส์ป๋าบ้าง” ผมบอกเจตนารมณ์อันแกร่งกล้าในปี้นี้ สีหน้ามุ่งมั่นผิดกับไอ้หน่อยที่ถามกลับด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายสองตาก็จ้องแต่หน้าจอโทรศัพท์
“อะไรล่ะ”
“อืม...ไม่รู้ดิ มึงว่ากูทำเค้กให้ป๋าดีมะ”
“-_- ซื้อเถอะไอ้บี๋ อย่าทำชีวิตตัวเองให้ยุ่งยากเลย”
“ดูถูกว่ะ! กูทอดไข่ดาวเป็นแล้วนะ” ถึงจะได้ไม่ตามอย่างใจก็เหอะ เกรียมบ้าง ไม่สุกบ้าง ทั้งขม ทั้งเลี่ยน ผมก็เห็นป๋ากินไม่มีบ่น T^T บี๋ล่ะปลื้ม
“เหรอๆ~ ทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ย” จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่ยอมตั้งใจให้คำปรึกษาผม จะเล่นเชี่ยอะไรนักหนาก็ไม่รู้ไอ้มือถือเนี่ย
“หยุดเล่นเลย” จัดการยึดของกลางมาไว้ซะ กำลังสร้างแลนด์มาร์กเลยนะนึง นี่! ปิดแม่ง
“ไอ้บี๋มึงนี่มัน! เออๆ ก็ยอม” มันจ้องเหมือนจะลุกมาตบหัวผมงั้นแหละ แต่สุดท้ายมันก็ยอมด้วยสีหน้ารำคาญแบบเต็มที่ “มึงก็ซื้อๆอะไรไปสักอย่างก็พอมั้ง พี่กูน่ะ ต่อให้ได้ยาหม่องจากมึงก็แฮปปี้แล้ว”
“ไม่ดิ! ยาหม่องเอาไปไมอ่ะ KYดิใช้บ่อย”
“
อีแรด -*- ”
“มึงก็ตั้งใจคิดหน่อยดิว้า”
“ใช่เรื่องมั้ย? ได้ข่าวว่าวันนั้นวันเกิดกูนะ ของขวัญกูอ่ะมีรึยัง” มีการทวงกลับกันอย่างหน้าด้านๆ ผมเองก็ยังไม่ได้ไปหาซื้อของขวัญให้มันหรอก แต่มันไม่ได้เลือกยากอะไร
“อย่าห่วง ของมึงกูหยิบๆจ่ายๆก็ได้แล้ว”
“งั้นมึงก็หยิบๆจ่ายๆให้พี่กูก็พอ”
“มึงเป็นเพื่อน ป๋าเป็นผัว เหมือนกันที่ไหน − 3 − ”
“สองมาตรฐานเกินไปแล้วไอ้บี๋ มึงเป็นเพื่อนกูก่อนที่จะไปเป็นเมียพี่นิดนะ”
“หน่อยอ่ะ! กูคิดไม่ออกนี่”
“มึงอยากได้ประมาณไหนล่ะ” ไอ้หน่อยทำหน้าเซ็งผมขึ้นไปอีกระดับ คาดว่าอีกไม่นานผมอาจโดนมันโบกหัวเอาได้
“ไม่ต้องแพงมาก แต่ป๋าต้องประทับใจอะไรงี้” ผมเริ่มเพ้อหน่อยๆ จินตนาการไปถึงตอนป๋าแกะของขวัญและตาวาว ยิ้มให้ผม และจุ๊บกันสักทีสองที
“แก้ผ้าผูกโบว์เลยดีมั้ย รับรองพี่กูคงฟินอ่ะ”
“มุกโบราณ ถึงไม่ผูกโบว์กูก็แก้ประจำอยู่แล้ว”
“นี่แรดโดยสันดาน หรือพี่กูเสี้ยมวะ -_- “
“แหม พูดงี้กูเขินนะ >///< ”
“ไม่ได้ชมโว้ย -*- ”
สุดท้ายก็ไม่ได้ความคิดอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ไอ้หน่อยช่วยออกความคิดเห็นแต่ล่ะอย่างอัปรีย์ที่สุด ดุ้นปลอมงี้ ตุ๊กตายางเงี๊ยะ โซ่แซ่กุญแจมือ คอสเพลย์โมเอะ เซ็กส์วิตถาร ยังมีอีกเยอะแยะที่ผมบอกออกสื่อไม่ได้ มันเซ็งผม ผมเริ่มเซ็งมัน ก็เลยต่างคนต่างอยู่ มันก็เล่นมือถือไป ผมก็นอนดิ้นไปดิ้นมาบนเตียงเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
จนตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ผมก็ยังนอนอยู่ที่เดิมโดยมีเพื่อนร่วมเตียงคือไอ้หน่อย แสงแดดยามเช้าที่ส่องเข้ามาทำให้รู้ว่ามันเริ่มวันใหม่มานานแล้ว ผมรีบคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาดู แต่หน้าจอกลับไม่มีมิสคอลขึ้นสักสาย
ป๋าไปไหนอ่ะ!? ผมรีบเขย่าคนนอนข้างๆ ไอ้หน่อยงัวเงียลุกขึ้นมาพร้อมกับชุดนอนลายหมีพูห์ที่ผมซื้อให้เมื่อปีที่แล้ว แหมมึง ปากก็บอกว่าไม่ชอบ กูเห็นใส่ไม่มีเบื่อเลยนะ ไม่!! มันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องคิดตอนนี้
“หน่อยๆ ป๋าไม่มารับอ่ะ”
“อือ~ แล้วกูจะรู้มั้ย” มันขยี้ตาไปมา มันคงจะดูดีกว่านี้ถ้าอยู่ในสภาพเปลือยอกกับกางเกงนอน ชุดนอนชุดนี้ทำให้ระดับความดูดีของมันหล่นฮวบ
“ป๋าไม่โทรมาด้วยอ่ะมึง”
“ก็โทรไปถามดิ๊”
“เออนั่นสิ” ผมดูเวลาก่อนจะโทรออก เวลา 7.35 น. บอกตรงว่าไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าป๋าจะรับสายได้ ผมรออยู่นานจนกระทั่งมีการกดรับสายแต่ไม่มีเสียงพูด ผมรอฟังอย่างแปลกใจ แต่ป๋าก็ยังเงียบ
“ป๋า!!” ผมเลยส่งเสียงดังเข้าข่มซะ
“......”
“ทำไมรับแล้วไม่พูดอ่ะ ป๋าอยู่ไหนเนี่ย”
“...เอ่อ....”
เฮ้ย!!!!! เสียงสั้นๆอย่างคนไม่ค่อยมั่นใจดังขึ้น แต่ผมสาบานด้วยขี้หูเลยว่าไม่ใช่เสียงของป๋าแน่นอน
“ใครอ่ะ”
“เอ่อ...พี่นิด...พี่นิดอาบน้ำอยู่ค่ะ”
○∆○!!O [] O!!!!!!!!!!!!!!!!!!โอ้ มาย ก็อดดดดดดดดดดดดดป๋าตื่นแล้ว แถมยังอาบน้ำอยู่ นั่นหมายความว่าต้องมีคนปลุก
แล้วใครล่ะ ใคร??? ถ้าไม่ใช่....
“คุณเป็นใครอ่ะครับ” ผมถามเสียงสั่น ไอ้หน่อยหันมามองผมอย่างแปลกใจ
“คือว่า...เมื่อคืน...”
เมื่อคืน!!!“ปริมกับพี่นิดไปธุระเรื่องงานด้วยกัน แล้ว...แล้ว...”
ใจผมงี้เต้นตุบๆ สมองมันชา หน้าแม่งเหมือนมีไฟลุกพรึบๆ หูก็รอลุ้นเสียงของผู้หญิงในโทรศัพท์ที่ผมไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
“เอ่อ...ขอโทษจริงๆนะคะ!!”
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
●□● ...
ขอโทษผมทำไม?? คุณพี่ทำอะไรผิด... แล้วพี่อยู่ที่ไหนในขณะที่ป๋าอาบน้ำ?? แล้วทำไมป๋าอาบน้ำตอนที่อยู่กับพี่??
ตอนนี้ผมโคตรงง สมองมันตื้อ สับสนไปหมด มันเป็นครั้งแรกตั้งแต่คบกับป๋าแล้วผมต้องมาเจออะไรแบบนี้
หรือว่ามันจะไม่ใช่ครั้งแรก...แค่ผมไม่เคยรู้มาก่อนรึเปล่า?
“เบบี๋!!” เสียงไอ้หน่อยดังขึ้น มันแย่งโทรศัพท์ในมือผมไปแนบหูก่อนจะวางลงบนเตียง “ร้องไห้ทำเชี่ยอะไร”
หืม? ผมร้องไห้เหรอ...เออว่ะ! ผมร้องไห้ทำไมวะเนี่ย
“พี่นิดว่าไงบ้าง”
“ป๋าอาบน้ำอยู่...” เสียงผมฟังดูเบลอๆ แม้แต่ตัวเองยังตกใจ “แต่มีใครไม่รู้รับสาย เขาอยู่ด้วยกันเมื่อคืน แล้วยังบอกขอโทษกูด้วย”
“เฮ้ย!!!” ไอ้หน่อยร้องเสียงหลง มันเด้งตัวลุกจากเตียงไปหยิบมือถือตัวเองมาโทรบ้าง แต่แค่แป็บเดียวมันก็วางกลับที่เดิม “ปิดเครื่องว่ะ”
สั้นๆ ง่ายๆ แต่กูร้องไห้โฮ...
“บี๋ใจเย็นดิวะ มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่มึงคิดก็ได้” ไอ้หน่อยเดินกลับมาปลอบใจผม ลูบหัว ตบหลัง เหมือนปลอบเด็กให้เลิกงอแง
“แต่...”
“มึงอย่าเพิ่งตัดสิน พี่นิดรักมึงจะตายห่ากูรู้ดี”
“เขาอาจจะเลิกรักกูแล้วก็ได้” ผมประมวลได้จากการที่ป๋าผิดนัดผมโดยไม่มีการบอกกล่าว แถมยังอยู่กับผู้หญิงในตอนเช้า โทรกลับไปก็ปิดเครื่องอีก จะให้ผมคิดอะไรได้วะนอกจาก...
“ป๋านอกใจกูอ่ะ โฮ~”
ไอ้หน่อยถึงกับเหวอ ผมปล่อยโฮเสียงดังแบบไม่อาย หน้าไม่ต้องล้าง ฟันไม่ต้องแปลงมันละ
“มึงคิดมาก” มันตบหลังผมแรงขึ้น
“แล้วมึงจะให้กูคิดยังไง” ผมถามมันกลับเสียงสะอึกสะอื้น
“พี่นิดอาจจะเป็นลมเลยเบี้ยวนัดมึงโดยไม่รู้ตัว แต่เดชะบุญได้เพื่อนร่วมงานดูแล แท้จริงแล้วอาจจะอยู่ในห้องที่มีคนเยอะแยะก็ได้”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นขอโทษกูทำไมอ่ะ”
“ก็แบบว่า เอ่อ...” ไอ้หน่อยเริ่มจนหนทาง
“เห็นมั้ย!? มึงยังไม่รู้เลย แล้วงี้จะไม่ให้กูคิดมากได้ไงวะ”
ผมเครียด ผมคิดมาก อีกไม่ถึงสิบวันก็จะถึงวันครบรอบ5ปีแล้ว ทำไมล่ะ
ห้าปีมันนานเกินไปแล้วอย่างนั้นเหรอ...
ผมยังไม่เบื่อป๋าเลย ยังรักป๋าสม่ำเสมอทุกวัน แล้วป๋าล่ะยังรู้สึกเหมือนกันอยู่มั้ย
“กู...กลับบ้านแล้วนะ” ผมลุกขึ้น เดินโงนเงนไปทางประตู นี่ผมกำลังเสียศูนย์เพราะรู้สึกสูญเสียอยู่รึเปล่าวะ
“บ้านไหนไอ้บี๋?”
“บ้านกูสิ ถึงจะอยู่กับพี่มึงมานานแต่กูก็มีบ้านมีช่องเหมือนกันนะ” แม่ง! พูดแล้วก็อยากจะร้องไห้ “ป๊ากับแม่คงไม่ทิ้งกูอย่างคนอื่นหรอก”
“พี่นิดไม่ได้ทิ้งมึง!!” ไอ้หน่อยเกือบๆจะตวาดผมเสียงดัง แต่ผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะมาต่อล้อต่อเถียง ก็เลยมองหน้ามันนิ่งๆรอให้มันพูดต่อ “เอ่อ...กูเชื่ออย่างนั้น มึงคุยกับพี่กูก่อนนะบี๋อย่าพึ่งทำอะไรหุนหันพลันแล่น”
“อะไรคือหุนหันพลันแล่นที่มึงว่า...เลิกกับพี่มึงน่ะหรอ?” ผมย้อนถามเสียงนิ่ง
“...กูไปส่ง” ไอ้หน่อยเดินเข้ามาหาผม เสียงอ่อนกว่าเดิมมาก
“ไม่ต้องหรอก กูนั่งแท็กซี่กลับเองได้”
ผมเดินลงไปข้างล่างอย่างเงียบเชียบ ได้ยินเสียงของคุณลุงคุณป้าดังมาจากทางห้องอาหาร แต่จิตใจผมย่ำแย่เกินกว่าจะเข้าไปกราบลาเพื่อที่จะต้องรับฟังคำถามที่ว่าป๋าไปไหน ผมก็เลยจำใจไร้มารยาทออกจากบ้านไปเงียบๆ
เดินเตาะแตะไปขึ้นแท็กซี่ เหมือนแบตจะหมด ร่างกายมันฝืดๆอืดๆเหมือนไม่ได้หยอดน้ำมัน นี่ถ้าฝนตกลงมาอีกหน่อยนะ...พระเอกโดนทิ้งชัดๆ
ในรถเงียบสนิท จนคล้ายว่าอยู่คนเดียว ทำให้ผมเปิดสวิตช่างคิดขึ้นมา คิดไปถึงตอนที่ไอ้หน่อยพาผมไปบ้านมันครั้งแรก วันที่เจอกับพี่นิด วันที่ยังเป็นแค่พี่ชายกับเพื่อนน้อง จนถึงวันที่คำเรียกมันเปลี่ยนไป ปีแล้วปีเล่า... ในความรู้สึกผมมันเหมือนเพิ่งผ่านมาไม่นานเอง
พี่นิดเป็นครั้งแรกของผมในหลายๆเรื่อง แต่ผมอาจจะลืมคิดไปว่าผมไม่ใช่ครั้งแรกในหลายเรื่องของพี่นิด
พี่แท็กพาผมมาถึงหน้าบ้าน ในเวลาอย่างนี้ผมไม่รู้ว่าจะมีใครอยู่บ้านบ้างแต่คงมีแม่คนนึงล่ะที่อยู่โยงตลอด
“อ้าว เบบี่? เกิดอะไรขึ้นลูก” ทันทีที่ผมเห็นแม่ ผมก็เดินเข้าไปกอด แม่ที่กำลังรดน้ำต้นไม้ทิ้งสายยางลงหันตัวมาโอบผมกลับ แค่มือที่ไม่ได้นุ่มนิ่มเพราะทำงานมาเยอะของแม่ลูบหัว น้ำตาผมก็เอ่อ ณ วินาทีนี้ ต่อให้เห็นหมาขี้ผมก็คงร้องไห้อ่ะ “ร้องไห้มาหรือลูก”
เท่านั้นแหละ แม่ผมก็พาเข้าบ้านมานั่งซักไซ้สาเหตุทันที จากที่สะอึกสะอื้นอยู่กับแม่เงียบๆสองคนกลายเป็นว่ามีเจ้บ๋อมมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อรวมอยู่ด้วย
“แม่... แม่ยังเก็บของที่พี่นิดให้ไว้อยู่รึเปล่า?” ผมถามเสียงเครือ
“ไอ้ที่ว่าเป็นสินสอดน่ะหรอ หูย ป๊าเขาเก็บแยกส่วนเลยนะ มีการลงบัญชีรับ ไม่มีตกหล่นแน่นอน” แม่พูดเจือแววขบขัน ป๊าผมก็งี้แหละ หวังเสมอว่าจะได้คืนของพวกนั้นให้ครอบครัวพี่นิดยามที่พวกเราเลิกกัน
“แม่เตรียมๆไว้นะ อาจจะต้องคืนให้พี่นิดก็ได้” ป๊าผมนี่มองการไกลเสมอ
“หมายความว่าไง ทะเลาะกับพี่เขาหรือลูก”
“พี่นิดเขามีคนอื่น” ถ้าตามที่ผมมโนน่ะนะ
“จริงเหรอไอ้บี๋” เจ้บ๋อมที่นั่งฟังเงียบๆ สอดขึ้นเสียงดัง หน้าตาตกใจอย่างกะเป็นเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย
“ไม่จริงมั้งลูก” แม่ก็อีกคน
“ผมได้ยินกับหู (มโนกับหัว) ผู้หญิงคนนั้นขอโทษบี๋ด้วย” ใช่! ในหูผมยังก้องไปด้วยคำขอโทษนั่นอยู่เลย ถ้าไม่ได้ตีท้ายครัวผมแล้วจะมาพูดขอโทษกันทำไมวะ
“คุยกับพี่เขาแล้วหรือยัง”
“ไอ้หน่อยโทรกลับไปอีกรอบ พี่นิดก็ปิดเครื่องไปแล้ว”
แม่กับเจ้สูดหายใจเข้า หน้าตาคล้ายยังไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ฟัง ทำไมล่ะ? พี่นิดเครดิตดีกว่าผมตรงไหน ทำไมถึงไม่เข้าข้างผม
“เล่าให้แม่ฟังที เอาแบบละเอียดนะ”
ผมก็จัดเต็ม เล่าระเอียดยิบ พร้อมกับสอดแทรกความคิดส่วนตัวเข้าไปเพื่อเพิ่มอรรถรส พอเล่าจบ แม่กับเจ้บ๋อมก็ยังมีอาการไม่ต่างจากเดิม สีหน้ายังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ตามหน่อยมาหาแม่ทีนะบี๋ แม่อยากฟังจากปากหน่อย”
ผมก็ทำตาบัญชา โทรไปหาไอ้หน่อยที่ไม่มีอิดออดบอกปัดแม้แต่น้อย ถามยังมาถึงบ้านผมด้วยเวลาอันรวดเร็วเสียด้วย มันก็คงร้อนใจไม่ต่างจากผม เพื่อนที่ดีจริงๆ
“แม่อยากรู้ว่าหน่อยเคยระแคะระคายมาก่อนมั้ย เรื่องที่พี่ชายเรามีคนอื่น” แม่ถามเข้าเป้า ตรงประเด็น เล่นเอาไอ้หน่อยอ้าปากค้าง
“พี่นิดไม่มีใครนะครับ พี่ชายผมมีบี๋คนเดียวจริงๆ”
“แล้วที่น้องพี่ได้ยินมันคืออะไรล่ะ?” เจ้บ๋อมคาดคั้นบ้าง เจ้ติดตามสถานการณ์ไม่ห่าง แม้ผมจะคิดว่าน้ำกับสบู่ยังไม่ได้ผ่านตัวเจ้ก็ตาม
“ผม...เอ่อ...”
“แม่อยากจะบอกหน่อยให้รู้ไว้ ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนใฝ่ฝันอยากให้ลูกชายตัวเองไปเป็นเมียคนอื่นหรอกนะ ในเมื่อป๊ากับแม่ยอมยกบี๋ให้ง่ายๆ แต่พี่ชายเราเขาไม่ต้องการแล้ว แม่ก็จะเอาเบบี๋คืน จะให้พี่รบกับพี่บุ๋มไปขนข้าวของบี๋กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย ส่วนไอ้เรื่องสินสอดที่พี่ชายเราให้แม่ไว้ แม่จะคืนให้ทุกอย่างไม่มีตกหล่นแน่นอน แล้วถ้าพี่เราเขาอยากจะได้อะไรคืนจากบี๋อีกก็บอก ถ้าคืนเป็นของได้แม่จะคืนให้ แต่ถ้าไม่ได้ แม่จะให้ป๊าตีเป็นเงินไปแล้วกัน จะทะเลาะอะไรกันแม่ไม่ว่า แม่ไม่สนด้วยเพราะถือว่าเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ถ้ามีมือที่สามเข้ามาเกี่ยว แม่ยอมไม่ได้ ลูกของแม่ไม่ใช่ของตายของใคร”
เจ๋งโคตร! ผมอยากจะบอกแม่อย่างนี้อ่ะนะ ไอ้หน่อยนี่นั่งอ้าปากค้างหน้าซีดไปแล้ว
“ป้าครับ คือ...” ไอ้หน่อยเหมือนคนไปไหนไม่ถูก หน้าตาดูอึ้งๆโง่ๆ ผมเองก็สงสารเพื่อนที่ต้องมารับฟังเรื่องแบบนี้แทน แต่ทำไงได้ มันเป็นน้อง อย่างน้อยข้อความจากท่านแม่ของผมคงส่งไปถึงพี่นิด
“ผมขอโทษครับ” ไอ้หน่อยแทบจะตะโกน พวกผมสามแม่ลูกก็มองมันอย่างงุนงง หน้าเข้มๆของมันก้มหน้างุดอย่างคนลุแก่โทษ “เรื่องมันเกิดจากที่ผมบอกพี่นิดเองครับ”
“พูดมาให้หมดนะหน่อย!” เจ้บ๋อมทำเสียงเข้ม
“บี๋มันมาปรึกษาผมเรื่องเซอร์ไพรส์พี่นิดเรื่องวันครบรอบ ผมก็เลยโทรไปบอกพี่เขา” ไอ้หน่อยอ้อมแอ้มสารภาพ ไม่มีใครกล้าขัดจังหวะมันสักคน “พี่นิดเขาเลยอยากเซอร์ไพรส์กลับบ้าง อยากให้บี๋มันตกใจ”
ผมหมดคำพูด กูไม่
Surpriseสักนิด กู
Shock!!ผมแม่งไม่รู้จะโกรธไอ้หน่อยดีมั้ย เพราะดูมันก็ตกใจจริงๆที่เห็นผมร้องไห้
“ไหนล่ะหลักฐาน” เจ้บ๋อมไม่ยอมแพ้ ไอ้หน่อยชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะล้วงมือถือออกมาโทรออก เสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นให้ได้ยินอย่างชัดเจน ไอ้หน่อยมองหน้าทุกคนรวมทั้งผม จนกระทั่ง...
//มีอะไรหน่อย...// ป๋ารับสาย
“เอ่อ...บี๋มันโทรหาพี่เมื่อเช้า รู้ใช่มั้ย?” ไอ้หน่อยกรอกเสียงลงไป
//รู้ หึหึ พี่ให้คุณปริมรับสายว่ะ//
“ใครอ่ะ แล้วทำไมไม่มารับบี๋เมื่อวาน”
//พี่ติดงานจริงๆ โครงการมีปัญหานิดหน่อยนี่ยังไม่ได้นอนเลย แล้วบี๋เป็นไงมั่งโกรธพี่เปล่า?//
“มันคงไม่โกรธอ่ะถ้าพี่โทรมาบอกมันเองโดยที่ไม่มีคนอื่นรับสายในตอนเช้าน่ะนะ”
//ก็ไหนแกบอกว่าบี๋อยากให้ปีนี้มันแตกต่างไง นี่พี่กะทำให้โกรธมากๆแล้วค่อยง้อนะเนี่ย เตรียมของขวัญไว้ให้แล้วด้วย//
พอถึงจุดนี้ไอ้หน่อยรีบหันมามองหน้าผม “เอ่อ...ผมไม่รู้ด้วยแล้วนะ ตามแต่พี่เหอะ”
//ดูแลบี๋ดีๆนะโว้ย ค่ำๆพี่คงถึงกรุงเทพฯ แค่นี้ก่อนนะ//
แล้วพี่นิดก็ตัดสายไป
บรรยากาศภายในห้องมันดูอึมครึมกระจุกกันเป็นมวลหนักๆ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นที่ได้ฟังคำเฉลยจะรู้สึกยังไง แต่ผมดีใจไม่ออก โล่งใจไม่หมด พี่นิดคิดว่ามันจะจบง่ายๆโดยการง้อผมงั้นเหรอ เล่นกับความรู้สึกผมจนป่นปี้อย่างนี้แล้วน่ะนะ
อยากให้ผมเซอร์ไพรส์
อยากให้มันแตกต่าง
ทำให้โกรธมากๆแล้วค่อยง้อ
เห็นว่าผมง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ...
ผัวเลว!!!
“ถ้าพี่มึงอยากจะเล่นอย่างนี้ก็ได้... ปีนี้ได้ประหลาดใจกันหนักแน่!!” ผมหมายมาด
“บี๋กูขอโทษ แต่พี่นิดไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะ”
“กลับไปเลยหน่อย ไม่อยากเห็นหน้าตอนนี้ กูงอน!” ผมปั้นหน้านิ่งใส่มัน “แล้วถ้ามึงปูดเรื่องนี้ให้พี่ชายมึงรู้นะหน่อย กูกับมึงขาดกัน”
ไอ้หน่อยเดินคอตกกลับบ้านไปตามระเบียบ ผมนี่ยังโกรธแทบระเบิดอยากจะหาทางระบายเต็มแก่
“อย่างนี้มันต้องแก้แค้น” เจ้บ๋อมจุดประกาย แต่แววตาพี่แกอย่างกับเด็กเห็นเรื่องสนุกอยู่ตรงหน้า
“แม่ก็ว่าพี่เขาเล่นแรงเกินไป ถ้าถ้าแกล้งกันไปมา คงได้เลิกกันจริงซะเปล่าๆ” ผมกับเจ้ถึงกับสลด มันก็จริงอย่างที่แม่ว่า “แต่ถ้าจะเอาคืนเล็กๆน้อยๆ แม่ก็เห็นด้วย อย่างนี้มันหยามกันชัดๆ”
ซะอย่างนั้น
ตกเย็นการชำระแค้นเล็กๆน้อยๆของผมจึงเริ่มขึ้น เมื่อพี่รบกับพี่บุ๋มกลับบ้าน เจ้บ๋อมจึงไม่รอช้าที่จะชักชวนให้มาเข้าร่วมแผนการ และต่อให้พี่รบไม่ค่อยเห็นด้วย แต่เจ้บุ๋มก็ดึงดันจนสำเร็จ
♪ ♪ ~ ♪ ♪ ~ ♪
โทรศัพท์ผมแผดเสียงร้อง จะมีใครที่โทรมาหาผมตอนสองทุ่มอย่างนี้ถ้าไม่ใช่ป๋า ผู้ร่วมขบวนการทั้งหลายมองหน้ากันเหมือนนัดแนะ และกรรมก็ตกไปที่พี่รบ
“เอ่อ...ครับ” พี่รบกดรับสาย พร้อมเปิดสปีกเกอร์โฟนให้ได้ยินทั่วกัน
//...ใครน่ะ บี๋ไปไหน// ป๋าเสียงเครียดมาเลย สงสัยคงจะจำเสียงพี่รบไม่ได้
“เบบี๋อาบน้ำอยู่” พี่รบก็ตอบตามไดอะล็อกที่ผมให้ไว้
//คุณเป็นใคร!!! ให้บี๋มารับสายผม// เสียงป๋าโคตรน่ากลัว พี่รบนี่อึกอักเหงื่อแตกไปแล้ว ศรีภรรยาเห็นท่าจะไม่ได้เรื่องเลยจัดการคว้าโทรศัพท์ไปตัดสายแล้วปิดเครื่องทันที
“โหย...ผัวแกหึงแรงน่าดูอ่ะบี๋” เจ้บุ๋มบอก ทั้งสี่คนมองมือถือที่ดับสนิทด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ ผมนี่เริ่มหวาดกลัวว่าเรื่องมันจะไปกันใหญ่ แต่ก็มีเจ้บ๋อมคอยปลุกปลอบใจ
“โดนซะมั่ง จะได้รู้ว่าแกรู้สึกยังไง”
ใช่ๆๆ ตอนนั้นผมเสียศูนย์ไม่น้อย เสียน้ำตาโดยใช่เหตุไปตั้งเยอะ
แต่เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงผ่านไปเท่านั้น ผมก็ได้ยินเสียงป๊าโวยวายมาจากหน้าประตูบ้าน
“ไม่รู้ไม่ชี้ ลูกอั๊วไม่อยากเจอลื้อจบมั้ย”
ป๊าผมทำหน้าที่ได้ดีเกินคาด เกือบยี่สิบนาทีที่ป๊ากับป๋าตั้งแง่ใส่กันอยู่หน้าบ้าน และก็เป็นป๊าที่เดินหน้าบานกลับเข้ามา ลูบหัวจุ๊บกระหม่อมผม
“ขวัญเอ๊ยขวัญมา ป๊าจะหาเมียให้นะลูก”
ผมอยากจะยิ้มรับกับโอกาสที่ป๊ามอบให้ แต่ผมก็ยังมีสามีอยู่เป็นตัวเป็นตน ไม่อยากได้ภรรยาเพิ่มแน่นอน
ป๋าไม่ได้กลับบ้าน...
ผมที่เดินออกจากบ้านกำลังจะไปเรียน เจอกับแอสตันมาติน แรพพิด เอส สีดำคุ้นตาจอดอยู่ข้างกำแพง รถหรูขนาดนี้มาจอดหน้าบ้านผมคงไม่ใช่ใครนอกจากป๋าคนเดียว ผมเดินตรงเข้าไปส่องกระจกเพื่อมองด้านในทันที พอเห็นลางๆว่าคนตัวใหญ่นอนเหยียดกายกับเบาะในพื้นที่จำกัด กระจกด้านคนขับเปิดไว้เล็กน้อยเพื่อระบายอากาศ
ผมหายโกรธป๋าทันที
แต่ผมต้องโกออนต่อไป เพื่อแผนการเซอร์ไพรส์ที่ผมคิดได้เมื่อคืน
ผมเดินไปเคาะกระจกสองสามทีป๋าก็สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมามอง ผมเดาว่าสถานที่มันคงไม่เอื้อให้ป๋าหลับลึกได้อย่างเคย ไม่ถึงครึ่งนาทีที่ป๋าพรวดพราดออกมาจากรถเพื่อเดินมาหาผม ใบหน้าป๋าดูโทรมเล็กน้อย แต่รอยยิ้มที่ส่งมาให้ผมยังดูสว่างไสวเช่นเคย ผมนี่อยากจะยิ้มรับใจจะขาด แต่ต้องเสแสร้งแกล้งเฉยชา
“พี่นิดมีอะไรกับผมเหรอ...” เริ่มด้วยการเปลี่ยนสรรพนาม ป๋าชะงักเท้า รอยยิ้มหุบลงแทนที่ด้วยใบหน้าซีดเผือด
“เบบี๋...”
“ป๊าไม่ได้บอกพี่เหรอว่าผมยังไม่อยากเจอหน้า” ผมตีเสียงเรียบหน้านิ่ง แต่ใจนี่หวั่นไหวโคตรๆ
“บี๋โกรธพี่เหรอครับ”
“แล้วพี่ทำอะไรให้ผมโกรธเหรอ...ผิดนัดแล้วไม่โทรบอก หรือว่าเรื่องผู้หญิงที่ชื่อปริม” ผมเหมือนจะเห็นป๋าจุดรอยยิ้มนิดๆ ยังนะ ยังไม่สำนึกอีก...
“ปริมคนประสานงานให้พี่น่ะครับ บี๋อย่าคิดมากนะ หายโกรธพี่นะครับ” ป๋าเดินมาจับไม้จับมือผม “แล้วเมื่อวานพี่โทรหาบี๋ มีใครที่ไหนรับสายก็ไม่รู้”
“อ๋อ...ก็แค่...เพื่อนน่ะครับ พี่อย่าคิดมากเลย” ผมย้อนเสียงเย็น ป๋าเริ่มนิ่วหน้าไม่ชอบใจ แต่ผมไม่สน “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมไปเรียนก่อนนะ”
“อย่าทำกับพี่อย่างนี้เลยนะครับ บี๋เย็นชาจนพี่กลัวแล้วนะ” น้ำเสียงป๋าที่ฟังดูออดอ้อนเริ่มจะทำให้ผมเหลวเป๋ว
“ผมว่าเราห่างกันสักพักเถอะครับ” ประโยคเด็ดถูกพ่นออกไป ป๋าตาโตอ้าปากค้างไปแล้ว
“
ไม่!!!! พี่ไม่ยอม” ป๋าเริ่มโวยวายเสียงดัง
“ผมว่าเวลาเกือบห้าปีมันคงจะนานเกินไป ต่างคนต่างอยู่จะได้คิดทบทวนกันว่าจะเอายังไงกันดี เผื่อว่าป๋า...” ผมยังพร่ำเพ้อไม่จบป๋าก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดเต็มแรง กระดูกแทบแหลก
“ไม่ๆ พี่ไม่คิดอะไรทั้งนั้นแหละ จะอยู่กับบี๋คนเดียว”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ควรจะให้โอกาสผมคิดบ้าง” ผมขืนตัวออกจนสำเร็จ หน้าตาป๋านี่บอกได้เลยว่าช็อกสุดๆ “ผมไม่อยากเจอพี่จนกว่าจะถึงวันเกิดหน่อย... แล้วผมจะบอกในสิ่งที่ผมตัดสินใจวันนั้นนะครับ”
“บี๋” ป๋าแทบจะครางชื่อผมออกมา และก่อนที่ผมจะใจอ่อนล้มพับแผนการ ผมก็ตัดสินใจเดินเข้าบ้านแม่งเลย
ตลอดหลายวันที่เหลือ ผมไม่ยอมเจอป๋าอย่างที่ปากว่า แต่ก็ยอมรับสายบ้างเพราะทนคิดถึงไม่ไหว และทุกครั้งที่ป๋าเริ่มวกกลับมาพูดให้ผมกลับไป ผมก็จะตัดสายทันที ผมไปเรียน แล้วก็ฝึกซ้อมในสิ่งที่ตั้งใจให้สำเร็จ จนกระทั่งวันแห่งการชี้ชะตาก็ดำเนินมาถึง
.
.
.
.