[28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า  (อ่าน 129972 ครั้ง)

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
     กว่าจะถึงมหาวิทยาลัยได้ก็เล่นเอาผมเจ็บแก้มไปหมดเลยครับ นี่ไม่รวมที่ผมปวดเมื่อยจากเรื่องเมื่อคืนอีกนะ ใจคอพี่ชัชจะให้ผมระบมไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยรึไง!
     “ฉลองกับเพื่อนให้สนุกนะคร้าบที่รัก มีอะไรโทรหาพี่ได้นะ เผื่ออยากได้คนช่วยขนของขวัญกลับ หึๆ”
     “ไม่ต้องเลยครับ รีบไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวก็สายหรอก ดูสิผมเหลือเวลาอีกนิดเดียวแล้วเหมือนกัน”
     “หึๆ คร้าบ บายครับที่รัก”
     ผมโบกมือให้พี่ชัชได้แป๊ปเดียวก็ต้องรีบหันหลังแล้ววิ่งเข้ารั้วมหาวิทยาลัย ใช่ครับ วิ่งทั้งๆ ที่ผมเพิ่งผ่านศึกหนักมาเมื่อคืน ผมจะบ้าตาย! แทบก้าวขาไม่ออก มันแปล๊บทุกการเคลื่อนไหวเลยครับ

     ในที่สุดผมก็มาทันจนได้ อย่างฉิวเฉียดเลยครับ เพราะพอผมเข้าห้องปุ๊ปอาจารย์ผู้สอนก็เดินเข้ามาปั๊ป ผมก็เลยไม่ค่อยได้ทักทายกับเพื่อนคนอื่นๆ ในห้องเท่าไหร่ แถมพอนั่งๆ เรียนไปแล้วผมชักจะง่วงอีกต่างหาก ก็เมื่อคืนผมแทบไม่ได้นอนเลยนี่นา ชักจะไม่ไหวแล้วครับ ผมได้แต่บอกตัวเองให้ถ่างตาเข้าไว้แล้วพยายามจดเลคเชอร์ต่อ ...
     ดังนั้นพอหมดคาบลงผมก็ถือโอกาสฟุบลงกับโต๊ะ ขอผมชาร์ทพลังซักสี่ห้าวิเถอะ!
     “เป็นไรย๊ะแก วันเกิดแต่ท่าทางไม่สดชื่นเลยอ่ะ”
     “ขอเราพักแป๊ปนึงน่าป่าน ไม่ไหวแล้ว”
     “แปลกแฮะ วันนี้ต้นมาเกือบสายแถมยังแอบหลับในห้องด้วย เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ?”
     “เราไม่ได้แอบหลับ! แค่ง่วง ยังไม่ได้หลับ”
     ไปป์นะไปป์ เรื่องอะไรมาว่าผมหลับในห้องเรียน
     “อู้วว... ฟื้นคืนชีพทันตาเห็น”
     “พอเลยๆ ไปทานข้าวกันเถอะ เราหิวแล้วอ่ะ”
     “กินไรดีอ่ะแก?”
     “เที่ยงนี้เรางด! เดี๋ยวตอนเย็นมีหมูกะทะอีก พักนี้น้ำหนักขึ้นมาตั้งสองโลอ่ะ”
     “ไม่ดีมั้งจ้ะเมย์ เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก”
     ผมคุยกับแก๊งของผมตามปกติ มีเพื่อนคนอื่นๆ เดินมาอวยพรวันเกิดผมบ้าง และพอผมออกมาจากห้องเรียน ผมก็เจอพี่ทิงกับพี่เปารอผมอยู่แล้ว พี่ๆ ทั้งสองยืนรอผมอยู่ จริงสิ ผมลืมไปเลย! ผมสัญญากับพี่ๆ เขาไว้ว่าผมจะไปทานมื้อกลางวันกับพวกเขานี่นา สงสัยเที่ยงนี้ผมคงไม่ได้ไปทานข้าวกับพวกเพื่อนๆ แล้วล่ะครับ
     “เอ่อพวกนายจะว่าอะไรมั้ย ถ้า...”
     “ไปเถอะจะ”
     แปลกนะครับที่คราวนี้แก้วชิงพูดก่อนคนแรก
     “พี่เขาอุตส่าห์มารอ ไว้เดี๋ยวพวกเราค่อยไปฉลองด้วยกันตอนเย็นก็ได้จะ”
     แก้วสนับสนุนผมท่ามกลางสายตาคัดค้านจากเมย์และไปป์ ผมโบกมือบ๊ายบายด้วยความโล่งใจที่เพื่อนผมใจกว้าง
     “งั้นเราไปนะ”
     “เง้อ ต้น เดี๋ยว!”
     “อย่าซนนะไปป์ เดี๋ยวกลับมา”
     หน้าไปป์ตอนงงๆ นี่ก็น่ารักดีนะครับ ฮ่าๆ
     “ไปกันเถอะครับพี่เปาพี่ทิง”
     พี่ทิงยิ้มให้ผมก่อนจะเดินนำไป แล้วผมก็เดินตามพี่ๆ ทั้งสองไปเรื่อยๆ จนถึง ... ห้องพักอาจารย์ภาคเคมี
     “เอ่อ ผมนึกว่าจะชวนผมไปทานข้าวกลางวันซะอีก ทำไมมาที่นี่ละครับ?”
     พี่ทิงหันมายิ้มให้ผมพลางล้วงอะไรบางอย่างออกจากถุงส่งมาให้ผม
     “พวงมาลัย?”
     “วันนี้วันเกิดต้น ไม่ว่ายังไงพ่อก็คือพ่อ เขามีบุญคุณที่ทำให้เราได้เกิดมาบนโลกใบนี้ ไปขอพรอาจารย์เขาหน่อยเถอะ”
     ความจริงผมก็คิดอยู่นะ กะจะแอบมาหาคุณพ่อหลังเรียนเสร็จ แต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกพี่ทิงลากมาก่อนตอนพักเที่ยงแบบนี้
     “แต่... แต่ว่า”
     “ท่านต้นคืนดีกับอาจารย์แล้วไม่ใช่เหรอขอรับ”
     “ไม่ใช่อย่างงั้นนะครับพี่เปา! คือ... ถ้า... ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยแล้วมันจะไม่แปลกเหรอครับ”
     “แปลกตรงไหนกัน ลูกกราบพ่อ”
     “นั่นสิขอรับ กระผมว่าระดับอาจารย์ต้น ท่านมีวิธีจัดการเรื่องนี้อยู่แล้วขอรับ ไม่แน่ว่าสิ่งที่ท่านต้นกังวลอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ความลับสำหรับเพื่อนอาจารย์ด้วยกันก็เป็นได้”
     “แล้ว... แล้วถ้ามีคนอื่นนอกเหนือจากนี้ล่ะครับ”
     “ทำความดีไม่ต้องอายหรอกต้น เราบริสุทธิ์ใจเสียอย่าง แต่ถ้าต้นกังวลเดี่ยวพี่ดูต้นทางให้เอง”
     ว่าแล้วพี่ทิงก็ผลุบเข้าไปในห้องพักอาจารย์ดูต้นทางให้ ก่อนจะหันมากวักมือเรียกผม
     “มาเร็ว ไม่มีใครนอกจากพ่อเราพอดี”
     รอยยิ้มและกำลังใจจากพี่เปาสร้างแรงยุยั่วให้ผมเดินไปรับพวงมาลัยจากมือของพี่ทิง ผมค่อยๆ เดินเข้าไปในห้อง ถึงคุณพ่อของผมจะเจ้าชู้ แต่ผมก็ได้ยินมาว่าท่านทุ่มเทให้กับงานมากจึงไม่แปลกที่พวกนักศึกษาจะรักท่าน ผมไม่กล้าถามเรื่องราวต่างๆ จากท่านหรอก ผมกลัวที่จะรู้ว่านอกจากแม่ผมแล้วยังมีนักศึกษาคนอื่นอีกไหมที่... ที่ท่านทำแบบนั้นด้วย ผมเคยคิดในแง่ร้ายว่าท่านก็แค่สร้างภาพทำตัวเป็นอาจารย์ผู้สูงส่งไปงั้น แต่ภาพผู้ชายวัยใกล้ห้าสิบที่นั่งตรวจงานอยู่ตามลำพังในห้องก็ทำให้ผมภูมิใจ
     “อ้าวต้น?”
     ท่านเงยหน้าขึ้นมาสังเกตเห็นผมพอดี ผมเลยคุกเข่าลงแล้วคลานเข่าเข้าไป พอเข้าไปใกล้ๆ แล้วผมก็ก้มลงกราบบนตักท่าน
     “ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เกิดมาบนโลกใบนี้ครับ”
     คุณพ่อชะงักไปครู่หนึ่ง ท่านคงคาดไม่ถึงว่าผมจะทำแบบนี้ แต่แล้วท่านก็ลูบศีรษะของผม
     ฝ่ามือที่อบอุ่นบรรจลูบลงบนศีรษะของผม ความรู้สึกต่างๆ ถาโถมเข้าใส่จนผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าเพียงแค่ฝ่ามือของพ่อก็ทำให้ผมเกิดความรู้สึกได้มากมาย ทั้งความสุขความเศร้า สิ่งที่ผมเคยได้แต่ฝันและโหยหามันมาตลอด ผมได้สัมผัสมันในวันนี้แล้ว เหมือนดังเวทย์มนต์พิเศษที่เสกให้ความเคลือบแคลงต่างๆ นั้นมลายไป
     เพราะผมอายก็เลยไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ได้แต่ซบหน้าบนตักของคุณพ่อจนผมทำน้ำตาซึมเลอะกางเกงท่านเป็นดวงๆ
     “ร้องไห้อีกแล้ว คุณยี่สิบแล้วนะต้นน้ำ ... เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสได้อุ้มกล่อมคุณตอนร้องไห้โยเย ตอนนี้ผมคงทำได้แค่ส่งผ้าเช็ดหน้าให้คุณเวลาคุณร้องไห้ แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้ ไม่ว่าคุณอายุเท่าไหร่ ผมยินดีซับน้ำตาให้คุณเสมอ”
     คำพูดของคุณพ่อทำให้ผมตื้นตันใจครับ ผมรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่และหนักแน่นอยู่ภายใต้ถ้อยคำเหล่านั้น ผมรู้ว่าคุณพ่อเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ท่านรักผม ผมมีความสุขที่สุดเลยครับ ผมเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในดวงตาของท่าน ทั้งๆ ที่คุณพ่อว่าผมขี้แย แต่ท่านเองก็แอบน้ำตาคลอด้วยเช่นกัน ผมอดไม่ได้ที่จะโผเข้ากอดผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนที่ทำให้ผมเกิดมา
     “ผมรักคุณพ่อครับ”
     ท่านลูบหลังผมแล้วตอบ
     “พ่อก็รักลูก ขอโทษที่พ่อไม่ได้ทำหน้าที่พ่อที่ดีให้ลูกเลย ถึงต้นจะบรรลุนิติภาวะแล้วแต่ก็ให้พ่อดูแลต้นด้วยคนนะ พ่ออยากชดเชยให้ต้น”
     “ครับ”
     ผมยิมให้คุณพ่อๆ ก็ยิ้มให้ผม เราสองคนยิ้มให้แก่กันอย่างชื่นมื่น
     “คุณไปหาพวงมาลัยมาจากไหนนี่ สวยเชียว ผมไม่เห็นพวงมาลัยลายแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”
     อายจังครับแต่ผมไม่อยากโกหกท่าน
     “เอ่อไม่ใช่ของผมหรอกครับ ตอนแรกผมว่าจะมาหาคุณพ่อตอนเย็น แต่พี่เปาลากผมมาซะก่อน”
     “นายปรัชญ์น่ะเหรอ สงสัยผมต้องเพิ่มคะแนนความประพฤติให้เขาซะแล้ว ตั้งแต่คุณคบกับเขา คุณทำตัวน่ารักขึ้นมากทีเดียว”
     “คุณพ่อก็! อย่าไปเทียบกับเมื่อก่อนสิครับ คุณพ่อนั่นแหละเมื่อก่อนเอะอะก็เอาแต่ว่าผม”
     ผมหลุดปากเถียงท่านไปตามนิสัย คุณพ่อเงียบไป ผมจึงรู้สึกตัวจนต้องรีบเอามืออุดปากตัวเอง
     “เอ่อ คือขอโทษครับ ผม...”
     “ไม่เป็นไร เถียงมาเถอะ ผมรู้ว่าคุณชอบเถียง พี่คุณก็เหมือนกัน พวกคุณเหมือนผมนะ คุณคุยยังไงกับพี่ไกรคุณก็พูดแบบนั้นกับผมเถอะ”
     ผมอดยิ้มไม่ได้
     “น้อยใจเหรอครับคุณพ่อ?”
     “ยิ้มถูกใจเชียว ทำให้พ่อกับลุงทะเลาะกันน่ะบาปนะ”
     คุณพ่อผมมีมุมแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย ผมแอบทึ่งนิดๆ ผมไม่เคยเห็นด้านสบายๆ แบบนี้ของท่านมาก่อนเลย
     “วันนี้วันเกิดผมๆ ขออะไรอย่างนึงได้มั้ยครับ”
     “อยากได้อะไรล่ะ?”
     “เมื่อก่อนตอนผมเด็กๆ คุณแม่กับลุงพลชอบกอดผม ทีนี้เวลาผมอยากได้อะไร ผมก็ชอบไปหอมแก้มอ้อนพวกท่านครับ ถึงจะอ้อนคุณแม่ไม่ค่อยสำเร็จแต่ได้ผลกับลุงพลตลอด ผมอดคิดไม่ได้ว่า... ถ้าผมมีพ่อ คุณพ่อของผมจะใจดีเหมือนลุงพลมั้ย ผมขอกอดแล้วก็หอมแก้มคุณพ่อได้มั้ยครับ”
     พอคุณพ่อได้ยินคำพูดของผม ท่านก็ทำหน้าแปลกๆ จนผมหวั่นใจ แต่แล้วท่านก็เอ่ยขึ้น
     “ผมเพิ่งรู้ว่าลูกชายของผมเป็นเด็กขี้อ้อนขนาดนี้ น่าเสียดายที่ผมไม่มีโอกาสได้เห็นคุณตอนเล็กๆ คุณคงน่ารักมากทีเดียว สายธารกับธนพลช่วยกันเลี้ยงคุณได้ดีจริงๆ ผมภูมิใจในตัวคุณนะ”
     “ครับ คุณพ่อ”
     ผมกอดท่านซะแน่นก่อนจะยืดตัวไปหอมแก้มท่าน เวลาที่เราได้อ้อนพ่อแม่เนี่ยมันวิเศษจริงๆ ครับ ถึงที่ผ่านมาผมจะชอบอ้อนพี่ชัชบ่อยๆ แล้วพี่ชัชก็โอ๋ผมเช่นกัน แต่... มันเป็นความรู้สึกคนละแบบกับตอนนี้เลยครับ ความอบอุ่นคนละแบบกับความรู้สึกที่ผมได้รับจากพี่ชัช ผมไม่ได้ใจเต้นหรือรู้สึกถึงหัวใจที่พองฟูขึ้นจากอ้อมแขนของท่าน แต่มันเป็นความสงบนิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกมั่นคง อย่างกับโลกทั้งใบได้โอบกอดตัวผมเอาไว้ ความรู้สึกของการมีพ่อมันเป็นแบบนี้นี่เอง...
     “แล้วสรุปว่าผมกับลุงพลของคุณใครใจดีกว่ากันล่ะ?”
     “อืม... ไม่บอกดีกว่าครับ ผมกลัวคุณพ่อน้อยใจ ... ว่าแต่ คุณพ่อรู้จักลุงพลด้วยเหรอครับ?”
     “รู้จักสิ ผมจำลูกศิษย์ตัวเองได้อยู่แล้ว ว่าแต่คุณเถอะ ร้ายนักนะ มิน่า ขนาดพี่ไกรยังหลง”
     ผมยิ้มซะกว้างเลยล่ะครับ วันนี้มีแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้นเลย มีความสุขจัง ผมอ้อนท่านต่ออีกซักพักหนึ่งก็ขอตัว
     “งั้นผมไปทานข้าวก่อนนะครับ ป่านนี้พี่ๆ รอแย่เลย”
     “ไปเถอะ แต่ยังไงก็ตาม เย็นนี้ผมไม่อนุญาตให้คุณดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นะ”
     “ใครบอกคุณพ่อครับเนี่ย?”
     ผมอึ้งนะ! พ่อผมจะมีสายสืบเยอะเกินไปแล้วครับ แต่ท่านกลับยิ้มให้ผม ริมฝีปากได้รูปที่กำลังเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์หน่อยๆ นั้นแลดูคุ้นเคยราวกับส่องกระจก ผมเคยเกลียดปากของตัวเองนะ แต่ตอนนี้ผมอดคิดไม่ได้ว่าตอนที่ท่านยิ้ม พ่อของผมดูหล่อขึ้นเยอะเลยครับ รอยยิ้มของท่านมีเสน่ห์มากจริงๆ
     “ผมรู้เรื่องของลูกผมก็แล้วกัน ฉลองกับเพื่อนให้สนุกล่ะ”
     ผมเดินออกจากห้องพักอาจารย์ด้วยรอยยิ้ม พี่เปากับพี่ทิงแซวผมใหญ่ โดยเฉพาะพี่ทิง นอกจากจะล้อผมแล้วยังขยี้หัวผมอีกด้วยครับ พี่ทิงเรียกผมว่า“ซึนเดเระ” ผมไม่ได้ปากไม่ตรงกับใจซักหน่อย ผมพยายามจะเอาคืนแต่ก็แพ้หลุดลุ่ย ทำไงได้ละครับหนึ่งเสียงย่อมแพ้สอง พี่ๆ เขาสามัคคีแกล้งผมซะงั้น
     แล้วพี่ๆ ทั้งสองก็พาผมไปเลี้ยงมื้อกลางวัน พวกเราไม่มีเค้ก แต่พี่ทิงดันเตรียมเทียนวันเกิดมาครับ พี่ทิงสั่งผัดสปาเก็ตตี้มาให้ผมแล้วก็ปักเทียนลงในจาน
     “พี่ทิงอ๊ะ! น่าเกลียด”
     แต่พี่ๆ ทั้งสองหาได้แคร์ พวกพี่เขายังคงนั่งร้องเพลงวันเกิดให้ผมอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะพี่เปานี่เสียงดังมากด้วย บางคนหันมามองพวกเราแล้วก็หัวเราะ ผมอายชาวบ้านสุดๆ ไปเลยครับ ผัดสปาเก็ตตี้ปักเทียนเนี่ยนะ!
     “เอ้า! อธิฐานแล้วเป่าเลยต้น”
     “บ้าแล้วครับ นี่มันบ้ามากๆ เลยเนี่ย”
     “ต้นชอบสปาเก็ตตี้ พี่ก็เลี้ยงละนี่ไง อย่าเยอะๆ”
     “บ้า! ผมไม่ได้เยอะซะหน่อย หึๆ ฮ่าๆ พี่ทิงอ๊ะ หลุดโลกมากเลยครับ”
     “กระผมบอกท่านต้นแล้ว ท่านทิงเกรียนสุดๆ เลยขอรับ”
     “กูเกรียนที่ไหน นี่เขาเรียกว่าครีเอทโว้ย! เป็นการผสมผสานของชอบของต้นกับการอวยพรวันเกิดในเวลาเร่งรีบอย่างลงตัว”
     “ฮ่าๆ พี่ทิงบ้าอ่ะ”
     ผมพลอยหัวเราะไปกับพี่เปาจนปวดท้อง โอ๊ย! ขำครับ ผมขำจนน้ำตาเล็ด ผมต้องควักผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาตัวเองแล้วกดผ้าปิดปากเอาไว้เพื่อบังคับตัวเองให้หยุดหัวเราะ อุ๊บ! หึๆ ผมต้องพักหยุดหายใจลึกๆ ทางปากเพื่อตั้งสติ และแล้วผมก็อธิฐานแบบออกเสียง
     “ขอให้ผมมีพี่ชายที่น่ารักแบบนี้ตลอดไปครับ วันนี้ผมมีความสุขมาก พี่ๆ ทั้งสองนำมาแต่สิ่งดีงามในชีวิตผม ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากเป็นน้องของพวกพี่ตลอดไปครับ”
     แล้วผมก็เป่าเทียน พี่ทิงกับพี่เปายิ้มให้ผม พี่เปาดึงกล่องของขวัญออกมา มันไม่ได้ถูกห่อครับ แต่มีโบว์เล็กๆ แปะอยู่บนกล่อง ส่วนพี่ทิงก็ยื่นการ์ดทำมือให้ผม การ์ดแผ่นเล็กๆ นั่นเป็นภาพวาดตัวผมเองแต่มีเขาเหมือนแกะ น่ารักจังเลยล่ะครับ ผมชอบวิธีลงสีของพี่ทิงจัง
     “สวยจังเลยครับ ผมจะเก็บไว้อย่างดีเลย”
     “ของขวัญจากพวกพี่สองคน”
     “โอโห้! .... นี่กะจะลากผมเข้ากลุ่มให้ได้เลยใช่มั้ยครับ?”
     “แน่นอนขอรับ กันดั้มสุดยอด!”
     “ฮ่าๆ”
     “ทำเป็นหัวเราะไป อย่าดูถูกงานต่อโมเดลนะต้น คนใจร้อนขี้เบื่อกลางคันทำไม่ได้หรอก”
     “นี่เป็นแบบเรียลเกรดเลยนะขอรับ ท่านต้นลองแล้วจะติดใจ”
     “อื้อ มีขู่กันด้วย? ละอย่างผมจะทำได้เหรอครับ ผมยิ่งไม่เคยด้วย ท่าทางจะยากน่าดู”
     “ก็พี่เห็นเราไม่ค่อยไปไหน อยู่บ้านว่างๆ ก็ต่อโมเล่นไง เพลินดีนะ ต่อเสร็จตั้งโชว์ก็ภูมิใจ เอามาจัดท่าถ่ายรูปก็สนุกไปอีกแบบ”
     “ขอบคุณคร้าบ”
     ผมมีความสุขจริงๆ นะ ถึงจะไม่มีอะไรพิเศษมีแค่ผัดสปาเก็ทตี้ธรรมดาๆ หนึ่งจานแต่ผมก็มีความสุขมาก ผมมีความสุขมากจนลืมเรื่องปวดหัวที่รอผมเย็นนี้ไปเลยครับ พอเราทานอาหารกลางวันเสร็จผมก็ขอตัวแล้วแยกไปเรียนวิชาช่วงบ่ายอย่างมีความสุข พวกสาวๆ ถามอะไรผมนิดหน่อย ผมก็เล่าให้ฟังพร้อมกับอวดของขวัญวันเกิดให้ดู พอไปป์เห็นก็ร้องตะโกนอย่างดีใจราวกับได้ของขวัญนี้ซะเองแล้วแย่งไปเปิดดู ผมเลยต้องเขกกะโหลกไปป์ไปเบาๆ ก็กลัวไปป์จะซนจนทำพังนี่ครับ แผงชิ้นส่วนมันดูบอบบางจะตาย แน่นอนว่าไปป์งอนนิดหน่อย แต่พอโดนป่านเอ็ดสำทับไปอีกรอบไปป์ก็เริ่มคิดได้ เลิกงอนแล้วหันมาอ้อนขอมาช่วยผมต่อโมเดลแทน
     จนพวกผมเรียนเสร็จแล้วมารอคนอื่นๆ ที่ตึกภาค ผมก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดที่คุกรุ่น กาย!
     กายกับไนน์กำลังเถียงกันอยู่ พอพวกเขาเห็นผมไนน์ก็วิ่งมาหาผมทันที เล่นเอามีสายตาไม่เป็นมิตรจากกายส่งมาให้ผม ไนน์เกาะแขนผมไว้หลวมๆ ทำไม่รู้ไม่ชี้ ผมหยุดอยู่กับที่จนเพื่อนๆ พากันนิ่งตาม ผมพยายามมองหาแต่ไม่เห็นใครอื่นนอกจากกาย สุดท้ายกายก็เลยจำใจเดินเข้ามาหาผม
     “เออ วันเกิดมึงเหรอ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ว่ะ เดี๋ยวอาร์มมา มันใกล้เรียนเสร็จแล้ว ส่วนแม็กซ์คงอีกชั่วโมงมั้ง”
     กายทักผมตามแบบฉบับของเขา แหม ผมล่ะปลื้มจริงๆ อุตส่าอวยพรผมด้วย อันที่จริงถ้าเขาไม่เต็มใจไม่ต้องอวยพรผมก็ได้นะครับ ผมไม่ได้ขอร้องเขาซักหน่อย! ผมอยากโทรไปด่าแม็กซ์เดี๋ยวนั้นเลย แต่กลัวแม็กซ์จะเรียนอยู่ครับ เลยได้แต่ข่มอารมณ์เอาไว้ หลังจากนั้นผมก็เลยแกล้งทำเป็นยุ่งกับงานแทน พวกเพื่อนๆ เว้นระยะห่างจากผมกับสองคนนี้ไปโดยปริยาย หน้าผมมันคงฟ้องมั้งครับ เพราะแม้แต่ไปป์ยังไม่กล้าเข้ามาวุ่นวายอะไรกับผมเลย
     ไนน์ชวนผมคุยถามเรื่องเย็นนี้ ผมก็ตอบไปตามปกติพลางนั่งทำการบ้านไปด้วย แต่กายขี้อิจฉาพยายามหาทางแทรกตลอดเวลาจนน่ารำคาญ ผมเซ็งมากเลยครับแต่ต้องอดทนไว้ จนกระทั่งไนน์บ่นหิวอยากทานขนมรองท้องแต่ผมยังทำงานไม่เสร็จเลยบอกให้ไนน์รอผมอีกแป็บนึง เดี๋ยวผมจะพาไปทีหลัง แต่กายกลับหาเรื่องลากไนน์ไปเองซะงั้น ไนน์ขัดขืนหันมาให้ผมช่วย แต่... ให้ผมปะทะกับกายเนี่ยนะ ไม่เอาหรอกต่างคนต่างอยู่ได้มั้ยครับ ไม่มีคนอื่นอยู่ผมไม่อยากยุ่งกับหมอนี่โดยไม่จำเป็น ผมคงต้องขอให้ไนน์เผชิญเคราะห์กรรมของตัวเองตามลำพังแล้วล่ะครับ ยังไงกายก็ไม่ฆ่าไนน์หรอก แต่ถ้าผมไปด้วยละก็ ผมกับกายนี่แหละจะฆ่ากันเอง!
     พอสองคนนั้นไม่อยู่แล้วโล่งหูขึ้นเยอะเลยครับ ผมรีบทำงานของตัวเองให้เสร็จแล้วบอกกับเพื่อนๆ ว่าผมขอตัวเข้าไปงีบรอในห้องภาค ห้ามปลุกห้ามกวนจนกว่าจะเคลื่อนขบวน ยังไงผมก็ต้องรอแม็กซ์อีกอยู่ดี แถมเพื่อนเราบางคนก็ยังเรียนไม่เสร็จด้วยครับ พอลับตาคนอื่นแล้วผมตัดสินใจโทรหาตัวช่วย ผมชวนเมษไปเลี้ยงฉลองวันเกิดกับผมโดยเอาเพื่อนผู้ชายในคณะมาล่อ เมษตกลงอย่างง่ายดายโดยบอกว่าจะไปเจอกันที่ร้านเลยตอนเย็นเพราะติดธุระยุ่งๆ ที่มหาวิทยาลัยนิดหน่อย ผมสบายใจแล้วครับ มีคนช่วยผมรับมือกับความยุ่งเหยิงนี้แล้ว ให้ตายสิ ไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะวุ่นวายขนาดไหน!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


มีใครหมั่นไส้ปนอิจฉานังคุณน้องต้นในตอนนี้บ้าง อนุญาตให้ด่าฮีได้ค่ะ พยายามปั้นคาแรคเตอร์แบบราชินี สำเร็จมั้ย?
ใครอยากได้ของขวัญวันเกิดแบบคุณน้องต้นยกมือ!  :a1: ช่างเป็นพระเอกที่ให้ของขวัญได้วางแผนอนาคตมาก จับต้องได้สุดๆ อ่ะ แต่ขอแบบหวานๆ ไม่มีเหรอเพ่! นี่มันเมะแบบไหนกันว้า!

มีใครเคยสงสัยมั้ยว่าทำไมพวกผู้ชายแก่ๆ ชอบเปิดแต่เพลงยุคตัวเองฟัง ดังนั้นในรถพี่ชัชเลยมีแต่เพลงสากลเก่าๆ สมัยตัวเองวัยรุ่น เหอๆ  :teach:
ใครอยากฟังลองจิ้มได้นะ มี 2 เพลง When You Say Nothing At All BY Ronan Keating กะ More than words BY Westlife แต่ฟังแล้วไม่ต้องมาทายอายุคนแต่งนะ เขิน! แต่ใบ้ให้ว่าเค้าเป็นสาวก Savage Garden รัก Truly Madly Deeply มาก... ว่าแล้วชอบเสียงนาง จริตมันออกมาทางน้ำเสียง
ซุปตาร์ดังๆ ตอนแรกก็นิ่งๆ ทั้งน้าน หลังๆ เปิดตัวกันตรึม ริกกี้เงี๊ยะ เจ๊ร็อบบี้งี้ พอสังเกตตัวเองแล้วพบว่านี่เราชอบแต่แนวนี้ทั้งนั้นเลยนี่หว่า pet shop boys งี้ ป้าแชร์งี้ นี่มันตัวแม่ยุค90ทั้งน้าน... แต่ไม่ค่อยเปิดออกคลื่นสากลนะ ส่วนมากเปิดในผับนั่นแหละ แต่เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักหรอก ใครรู้จักนี่สำรวจตัวเองด่วน! คุณคือตัวแม่! เพราะเพลงพวกนี้มันไม่ใช่เพลงชาติระดับไอวิลเซอร์ไวฟ์ แต่มันก็น้องๆ กันแหละ เหอะๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2014 15:54:45 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ไปป์

     ต้นหนีไปแล้ว ผมไม่เคยเห็นต้นทำหน้าแบบนั้นมาก่อนเลย ต้นน่ากลัวมาก ผมอยากรู้จริงๆ ว่าต้นกับเพื่อนคนนั้นโกรธอะไรกันมาก่อนรึเปล่า ขนาดผมนั่งอยู่ห่างๆ ยังรู้สึกถึงไอเย็นแผ่ออกมาจนขนลุก จริงๆ นะ ขนาดตอนที่ต้นโกรธกับเอกตอนไปทะเล ต้นยังไม่ทำหน้าแบบนั้นใส่เอกเลย สายตาต้นเย็นชามาก ดูนิ่งเงียบผิดปกติ แถมยังแผ่รังสีทะมึนออกมาตลอดเวลา ผมกลัวอ๊า!
     “เฮ้ย! คนเมื่อกี้ใครวะ? เพื่อนต้นเหรอ?”
     เสือกทันทีเลยนะไอ้ยักษ์
     “ฉันจะรู้มั้ยย๊ะ!”
     “มึงก็ไปถามต้นมันดิวะ ป่าน”
     “แกอยากรู้แกก็ไปถามเองสิ เห็นหน้าต้นมั้ยล่ะ ฉันกลัวอ่ะแก”
     พวกเราผวากันทุกคนเลยแฮะ ผมว่าผมรีบลอกงานให้เสร็จแล้วตามไปดูต้นดีกว่า เป็นห่วงจัง

     “ตามมาทำไม?”
     ต้นดักคอผมทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามาหาเลยอ๊า สงสัยกำลังอารมณ์ไม่ดี....
     “อยากอยู่กับต้น”
     ผมพยายามยิ้มสู้ แต่กลัวสู้ไม่ไหวจังแฮะ...
     “อย่ากวนน่ะ เราง่วง”
     พอต้นพูดจบก็พลิกตัวหันหน้าหนีเข้ากำแพงซะงั้น ถือว่าสถานการณ์ยังใช้ได้แฮะ ผมค่อยๆ เนียนไปนั่งใกล้ๆ ต้นดีกว่า ไม่ดื้อไม่ซนต้นไม่โกรธหรอก
     “เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ?”
     “ยุ่ง!”
     “ไม่ยุ่งก็ได้ ... ต้นง่วงเหรอ จะนอนตักเราก็ได้นะ”
     “บ้า! ใครจะไปทำ”
     เง้อ! ขึ้นเสียงใส่ผมอีกแล้ว ผมแค่หวังดีเท่านั้นเอง ก็เห็นในชั่วโมงตอนเช้าก็แอบหลับอ่า....
     “ก็หวังดีอ่า เห็นมะมีหมอน ... ไม่กวนก็ได้ เรานั่งเล่นเกมเงียบๆ ก็ได้”
     “งั้นก็อย่าเสียงดังนะ ปิดเสียงเกมด้วยล่ะ”
     ต้นพูดแบบนั้นแล้วก็ขยับมานอนตักผมจริงๆ ด้วยแหละ ดีจังที่ต้นหายโมโหผมแล้ว
     “ครับผม!”
     “เงียบน่ะ!”
     ต้นเอ็ดผมแล้วก็หลับตาลงไม่รับรู้อะไร เมื่อคืนสงสัยจะไม่ได้นอนจริงๆ แฮะ เพราะไม่นานลมหายใจของต้นก็สม่ำเสมอ เนื่องจากต้นนอนตะแคงหนุนตักผม คอเสื้อของต้นก็เลยแบะออก ผมเห็นรอยฟันจางๆ ที่ไหปลาร้าต้นด้วยแหละ มิน่าล่ะ... ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง งั้นผมจะนั่งเล่นเกมเงียบๆ ไม่กวนต้นก็แล้วกัน

     คงเพราะเมื่อคืนต้นเจอศึกหนัก วันนี้ถึงได้ท่าทางเพลียมาก ปกติต้นจะรู้สึกตัวง่ายแต่วันนี้ต้นหลับลึกน่าดู ขนาดมีคนเดินเข้าออกห้องต้นยังไม่ตื่นเลย เมย์โผล่หน้าเข้ามาดูแว๊บนึง แต่พอเห็นต้นหลับก็พยักหน้าให้ผมแล้วออกไป พวกเพื่อนคนอื่นๆ น่าจะเสร็จกันแล้วน้า... แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวได้เวลายศก็มาเรียกเองนั่นแหละ

     ผมเล่นเกมได้พักใหญ่ๆ ละอาร์ทมันก็เดินมาตามพวกเราจริงๆ ด้วยล่ะ มันอ้าปากมาตั้งแต่เท้ายังไม่ก้าวเข้ามาในห้องเลย ผมเลยยกนิ้วขึ้นแตะปากแล้วทำท่าจุ๊ๆ แล้วชี้ให้มันดูต้นที่กำลังนอนหลับตาพริ้มหนุนตักผม มันถึงได้หุบปากแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะกระซิบ
     “ปลุกมันได้มั้ยนั่น?”
     “อย่าเลย”
     พวกเราคุยกันด้วยเสียงกระซิบ ผมพยายามพูดโดยให้มีเสียงน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต้นสั่งไว้ห้ามปลุกห้ามกวน!
     “มันไปทำไรมาวะ? เมื่อเช้าก็นั่งหลับ แปลก วันเกิดมันแท้ๆ ดันแอบหลบมานอนไม่รับแขกเลย”
     “เหอๆ อยากรู้เหรอ?”
     เพราะอาร์ทมันสงสัยหรอกนะ ผมถึงได้ใจดีบอก ผมค่อยๆ เขี่ยคอเสื้อของต้นให้เปิดออกแล้วชี้ให้อาร์ทดูรอยฟัน พออาร์ทมันเห็นก็หันมาส่งสายตากับผม ผมเลยพยักหน้าตอบให้ว่าเป็นอย่างที่มันเข้าใจนั่นแหละ มันเลยยอมถอยออกไป หึๆ เท่านี้ก็ไม่มีใครกวนต้นแล้ว ว่าแต่ ... อาร์ทมันเข้ามาหาพวกผมทำไมหว่า?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ยศ

     “ต้นละ?”
     “หลับดิมึง”
     “ละทำไมไม่ปลุกมันวะ”
     “อย่าเลย ท่าทางเมื่อคืนมันไม่ได้นอนทั้งคืน”
     อะไรของมันวะ ผมใช้ให้มันไปเรียกไอ้ต้นออกมาแต่ดัน...
     “เออน่า ไม่รู้เมื่อคืนมันโดนหนักขนาดไหน ถึงได้ทำท่าเพลียๆ ทั้งวัน แถมเมื่อเช้าก็เสือกมาสายอีก มึงอย่าไปกวนมันเลย”
     อ๋อ... ไอ้ต้นพักฟื้นอยู่ เวร! แล้วผมจะเอายังไงดีวะ?
     “แล้วจะเอาไงกับเรื่องนี้ดีล่ะ มึงกล้าไปเคลียร์ป่าววะ?”
     “หึ! ไม่อ่ะ กูไม่อยากมีปัญหากับเด็กต่างคณะ”
     “กูบอกให้มึงไปเรียกไอ้ต้นมามึงก็ไม่ทำ เอาไงละวะ เดี๋ยวพวกก็ต่อยกันหรอก ไอ้อัฐก็ไม่อยู่”
     ที่โต๊ะทางด้านนั้น ผู้หญิงกับผู้ชายที่เคยหาเรื่องกันก่อนหน้านี้กำลังผนึกกำลังช่วยกันต้านรุ่นพี่คณะวิศวะที่ส่อแววหลีไอ้ต้นอย่างชัดเจน ส่วนไอ้คนพามามันก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่รู้จะทำยังไง โซตัสแรงจริงๆ ว่ะ

     บรรยากาศห่วยแตกผ่านไปโคตรช้า พวกเราได้แต่ต่างคนต่างอยู่ไม่มีใครเข้าไปใกล้คู่กรณีทั้งสี่ พวกเรานัดกันตอนห้าโมงที่ตึกภาค ตอนนี้ก็สี่โมงสี่สิบแล้ว เหลือรออีกไม่กี่คนที่จะติดรถไปด้วย เพราะได้ข่าวว่าเพื่อนต้นมีรถสองคัน รวมของผมกับไอ้เป้ ถ้าอัดๆ กันก็น่าจะไปกันหมด ไอ้คิวว์เสือกมารถเสียอะไรตอนนี้ว้า เซ็ง!

     แล้วผู้ชายที่ชื่อแม็กซ์ก็มาถึง ไอ้หมอนี่ดูก็รู้ว่าหลงไอ้ต้นหัวปักหัวปำ เพื่อนต้นมาครบ ทีนี้แหละมหาสงครามบังเกิด!
     “เอ่อ แม็กซ์ พวกพี่เขาขอไปด้วยว่ะ”
     ไอ้เด็กวิศวะนั่นชิ่งไปปรึกษาเพื่อนมันทันที
     “จะไปทำไมให้เกะกะ คนเยอะจะตายห่ะ เจ้าภาพไม่เชิญยังเสนอหน้ามาเสือกอีก”
     ผมว่าไอ้ต้นปากเสียแล้วนะแต่เพื่อนไอ้ต้นที่มาใหม่นี่โคตร... มึงพูดงั้นกับเด็กวิดวะเด็กวิดยาเพื่อนต้นพูดไม่ออกอ่ะ อย่าลุกขึ้นมาต่อยกันหน้าภาคกูนะเว้ย!
     “นั่นสิ คนบางคนก็ทำอย่างกับตัวเองสำคัญนักหนา ต้นเขารังเกียจจะตายยังไม่รู้ตัวอีก”
     ยัยคนนี้ก็แรงใช่ย่อย เมื่อวานเห็นท่าทางน่ารักใสๆ ขี้อ้อน ไม่คิดเล้ย... เพื่อนต้นแต่ละคนนี่เด็ดดวง พวกเล่นพูดกันลอยๆ แต่เสียงดังพอให้ได้ยินแบบนี้มันจงใจหาเรื่องกันชัดๆ ที่สำคัญคนพูดน่ะคนนึงเมื่อวานก็พึ่งโผล่มาขอไปกะทันหันส่วนอีกคนเมื่อวานยังไม่โผล่เลยด้วยซ้ำ! เครียดจนอยากกุมขมับ...
     “กาย! ระวังปากมึงหน่อย รุ่นพี่กู”
     “โทษทีว่ะ กูไม่ได้เรียนแถวนี้”
     “เอ้ยๆ พวกมึงจะเถียงกันทำเหี้-ยไร เป็นเจ้าของวันเกิดกันเหรอ มึงไม่ไปถามต้นดูวะ”
     “กูถามหาต้นแล้ว แต่เพื่อนต้นบอกว่าต้นหลับอยู่”
     อ้าวๆ โยนมาทางพวกผมซะแล้ว ไอ้รวยนี่มันหันมามองผมแล้วก็คุยกับเพื่อนมันต่อ เก๊กโคตร
     “หลับอยู่ไหน?”
     “โน่น ในห้อง”
     “กูไปปลุกเอง”
     “เพื่อนต้นบอกว่าต้นไม่ค่อยสบาย กูเลยไม่อยากกวน ว่าจะรอให้มากับครบก่อนค่อยไปปลุก”
     “มึงปลุกตอนนั้นแล้วจะทันมั้ย”
     พอด่าเพื่อนเสร็จมันก็เดินมาหาผม
     “พวกนายมากันครบยัง ขาดอีกกี่คน?”
     “อีกสามคนอ่ะ ใกล้ละมั้ง”
     “พาเราไปหาต้นที”
     มันบอกให้ผมพามันไปหาต้น ไม่ได้บอกให้ไปเรียกต้น โอ้โห้เว้ย! ไอ้นี่มันเจ๋งจริง
     แล้วมันก็เดินตามผมมาถึงในห้องภาค ทั้งๆ ที่ในห้องมีรุ่นพี่รุ่นน้องอยู่กันประปราย ไอ้นี่มันตามเข้ามาไม่ได้กลัวอะไรเลย
     เชี่ย... ไอ้ต้นนอนหลับหนุนตักไอ้ไปป์เว้ย!
     พอมันเห็นต้นมันก็ทำท่าจะเข้าไปปลุก แต่ไอ้ไปป์ชิงยกมือขึ้นห้าม
     “ต้นบอกห้ามปลุกห้ามกวน ง่วงอยากนอนพัก”
     แล้วมึงจะกระซิบทำไมวะไปป์ ไอ้เวรนี่ปัญญาอ่อนจริง เพื่อนไอ้ต้นมองไปป์ด้วยหางตาแบบโคตรเหยียดแล้วเริ่มสะกิด
     “ต้น ... ต้น เฮ้ย ตื่นมาเปลี่ยนผ้าปูให้กูเดี๋ยวนี้ ไม่ทำเจอเตะ”
     ปลุกยังไงของมันวะนั่น มุกเชี่ยอะไร! แต่ท่าทางจะได้ผล ไอ้ต้นสะดุ้งตื่นจริงๆ ด้วย
     “อ้าว? แม็กซ์ ... มาไง”
     “ลืมแล้วรึไงว่าวันเกิดตัวเอง ฉลองไงฉลอง”
     “เออใช่...”
     “ตื่นแล้วก็มากับแม็กซ์หน่อย ไปกำจัดส่วนเกินที”
     “ไม่ใช่นายชวนกายมาเองหรอกเหรอ?”
     “นั่นอ่ะ ส่วนกู แต่ไอ้ที่เกินมาอ่ะ ส่วนไอ้อาร์ม”
     “จริงดิ?”
     “เออ จะฟาดปากกับไอ้กายอยู่แล้ว แม่งเข้ากับยัยเตี้ยเป็นปี่เป็นขลุ่ยอ่ะ โคตรขำ”
     “ไม่ขำนะ สงสารอาร์ม เราอุตส่าห์...”
     “เออๆ ไปๆ”
     เหมือนต้นมันเพิ่งจะเห็นผม เพราะมันหันมาคุยกับผม
     “พวกเรามากันครบแล้วรึยัง?”
     “เกือบละ เหลือกลุ่มไอ้นอยซ์ ถัง คิวว์”
     “งั้นก็พอดีเลย ให้สามคนนั้นไปรถเพื่อนเรา กลุ่มเราจะไปกับแม็กซ์ ที่เหลือไปกับพวกนาย”
     “เอางั้นเหรอ”
     “อืม บอกให้ไปกันเลย เดี๋ยวเรารอคนที่เหลือเอง”
     โอเค การแบ่งลงตัว งั้นผมก็เผ่นล่ะ ขี้เกียจอยู่ บรรยากาศอึมครึมสุดๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



น้องไปป์อีกแล้ว... มุ้งมิ้งจริงๆ หนุ่มลูกหมาคนนี้ เนียนตลอด!  :-[

แต่เหมือนน้องต้นจะโดนเพื่อนชิ่ง เหอะๆ คิดถึงกายกันมั้ย? แหมๆ สามหนุ่มเขาจะได้ครบทีมไง อิๆ มีไนน์ไม่มีกายได้ยังง๊าย พอกายมาต้นเลยเข้าโหมดทะมึน! แผ่ออร่ามาคุจนคนอื่นสยอง สนุกล่ะสิทีนี้ เหอะๆ ภาคแรกก็ตีกันแทบตาย ภาคนี้กายกับต้นจะเป็นไงน้า....

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     “จะให้ใครไปรถแม็กซ์บ้าง?”
     “ก็เรากับพวกผู้หญิงไง ไนน์ด้วย”
     พอได้ยินชื่อไนน์ แม็กซ์ก็ทำตาเหลือกซะงั้น
     “อย่ามาทำหน้าแบบนั้นนะ!”
     “โต้น ละเราอ่ะ เราอ่ะ”
     ไปป์... ไม่พลาดเลยนะ ผมรู้สึกอย่างกับตัวเองมีลูกติดวัยสามขวบเลยครับ แบบที่กำลังช่างจ้อนั่นแหละ
     “นายก็ไปกับอาร์มไง”
     “อ้าว แต่เมื่อกี้นายให้สามคนนั้นไปกับเพื่อนนายแล้วนี่ ไหนจะยังเพื่อนนายที่น่ากลัวๆ คนนั้นอีก ละเรากะโอมล่ะ?”
     เออจริงด้วย! ผมลืมโอมไปซะสนิท
     “ให้ไปรถแม็กซ์ก็ได้ คันใหญ่ ข้างหลังเบียดกันได้ห้า อีกคนก็ให้ไปกับอาร์ม หลังนั่งสี่”
     “อืม เอางั้นก็ได้”
     “งั้นก็ออกไปกำจัดส่วนเกินก่อนป่ะ?”
     “ยังอ่ะ รอเวลาซักนิด”
     “นี่ๆ คุยไรกันเหรอ ส่วนเกินไรเหรอ?”
     นายไม่สอดรู้ซักเรื่องจะได้มั้ยไปป์ ผมละเบื่อ
     “เล่นเกมถึงไหนแล้ว ชนะแล้วรึยัง? ยังใช่มั้ย เล่นต่อสิไปป์”
     “เง้อ ต้นอ่า ใจร้าย”
     ไปป์ประท้วงผม แต่แม็กซ์กลับหันมายิ้มให้ แล้วหัวเราะน้อยๆ ตามผม
     “เอาน่า เห็นแก่ที่วันนี้นายเชื่อง เดี๋ยวไปคันเดียวกับเราก็แล้วกัน”
     “จริงอ่ะ? ดีจัง งั้นเราไปบอกพวกสาวๆ ก่อนนะ”
     หลอกง่ายจริงๆ เลยไปป์ ฮ่าๆ พอไปป์ออกไปแล้วแม็กซ์ก็แซวผม
     “ต้นแม่ง... ร้ายว่ะ”
     “ร้ายที่ไหน”
     ผมปฏิเสธข้อกล่าวหาครับ ผมนึกว่าจะได้เถียงกับแม็กซ์ต่อ แต่แม็กซ์กลับเอื้อมมือมาแบะคอเสื้อผมออก ผมปัดมือของแม็กซ์ออกแล้วตะครุบคอเสื้อตัวเองทันที แม็กซ์ยุ่มย่ามกับชีวิตส่วนตัวผมมากเกินไปแล้ว!
     “มิน่า... แฟนต้นถึงยอมปล่อยให้มาฉลองกับเพื่อน สั่งลากันแล้วนี่เอง”
     แม็กซ์หัวเราะ แล้วถามผมต่อด้วยท่าทางกวนๆ ผมเดาอารมณ์แม็กซ์ไม่ถูกจริงๆ ครับ
     “กี่ทีอ่ะ?”
     “ยุ่งแล้ว!”
     “จะเดินไปรถไหวมั้ยเนี่ย วันนี้แม็กซ์ยิ่งจอดไกลด้วย”
     “พูดมากน่าแม็กซ์ กวนแล้ว ออกไปข้างนอกกันเหอะ”
     “ฮ่าๆ”
     ผมตัดบทแม็กซ์ แต่แม็กซ์หาได้สะทกสะท้าน แม็กซ์ผิวปากเบาๆ เดินตามหลังผมมาท่าทางกวนโอ้ยที่สุด! พอผมเดินออกมายังไม่ทันได้ไปรวมกลุ่มกับแก๊งของผม พี่บอมก็เสนอหน้ามาหาผมทันที ไนน์ก็ทำท่าจะวิ่งเข้ามาเหมือนกัน แต่มือของกายที่หนีบอยู่บนต้นแขนของไนน์ท่าทางจะเหนียวจนแกะไม่ออก ไนน์ดิ้นพยายามจะแงะมือของกายออกแต่ดูท่าจะสู้แรงไม่ไหวเพราะผมเห็นไนน์เริ่มนิ่วหน้าแล้วครับ ผมยิ้มให้พี่บอมแล้วเดินผ่านไปช่วยลูกแมวจากกรงเล็บของพ่อไก่
     “ปล่อยไนน์ได้แล้วมั้งกาย แขนเพื่อนเราช้ำหมดแล้ว”
     เพราะผมจับแขนไนน์ไว้อีกข้าง และแม็กซ์ก็พยักหน้าสำทับ กายถึงได้ยอมปล่อย
     “เจ็บมั้ย?”
     “อื้ม”
     “เดี๋ยวเราเอายาหม่องให้”
     ผมลูบหัวไนน์ปลอบพลางหันไปมองหน้ากาย เขาแทบจะสบถด่าผมออกมาเลยล่ะ สมน้ำหน้า! อิจฉาผมละสิ หึๆ ขอผมเอาคืนหน่อยเถอะ
     “นายเองก็เบามือกับเพื่อนเราหน่อยเถอะ เกิดพ่อแม่เขามาถามเราว่าทำไมลูกสาวเขามีรอยช้ำกลับไปเราตอบไม่ถูกนะ ถ้านายยังใช้โอกาสของตัวเองได้ห่วยแบบนี้ก็อย่าหวังจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย”
     ทีนี้เลยกลายเป็นแม็กซ์แทบจะต้องกดตัวกายไว้กับที่แทน สะใจผมเป็นบ้า!
     “เดี๋ยวไนน์นั่งรถคันเดียวกับเรานะ พวกเราจะไปกับแม็กซ์กัน”
     “จิ๊! ต้นไม่ได้ขับรถหรอกเหรอ”
     “น้องต้นไปรถพี่ก็ได้คร้าบ”
     แหม สอดได้จังหวะพอดีเลยครับพี่บอม ผมอุตส่าทำเป็นไม่สนแล้วนะ
     “อ้าว พี่บอมจะไปด้วยเหรอครับ?”
     “วันเกิดต้นทั้งที พี่ก็ต้องไปฉลองด้วยอยู่แล้ว”
     ผมพยายามยิ้มให้พี่บอม
     “รู้ได้ยังไงครับเนี่ย? อาร์ม นายบอกพี่เขาเหรอ?”
     ผมหันไปยิ้มให้อาร์มที่ดูเหมือนวันนี้จะยิ้มไม่ออก สีหน้าลำบากใจของอาร์มแบบนี้หาดูยากเชียวครับ
     “จริงๆ พี่บอมไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ รบกวนเปล่าๆ”
     “พี่ไม่ได้ลำบา-”
     “แต่ว่ามีแต่พวกผมในภาคไปกัน พี่บอมไปจะอึดอัดเอาเปล่าๆ ครับ นอกจากอาร์มที่ได้สังสรรค์กับเพื่อนเก่าแล้วผมเองก็ต้องดูแลเพื่อนสนิทผมด้วย จริงสิ! พี่บอมรู้จักเพื่อนของผมรึยังครับ? นั่นกาย เป็นแก๊งเดียวกับอาร์มและแม็กซ์ครับ ส่วนยัยตัวเล็กนี่ก็เพื่อนสนิทผมเอง พวกเราห้าคนเรียนมอปลายมาด้วยกันครับ อยู่ห้องเดียวกันตลอดสามปีเลย สนิทกันมากเนอะ แถมผมกับไนน์ยังเป็นญาติห่างๆ กันด้วย”
     ท้ายประโยคผมลูบหัวไนน์เล่น ส่วนไนน์ก็คล้องแขนผมอย่างสนิทสนมแถมยังแลบลิ้นให้พี่บอมอีก เจอแบบนี้เข้าไปพี่บอมก็ไปต่อไม่ถูกหรอกครับ หน้าเจื่อนๆ ของพี่บอมทำให้ผมต้องพยายามควบคุมสีหน้าตัวเองให้ดี ทั้งๆ ที่ผมสะใจเป็นบ้าแต่กลับต้องรักษาหน้ากากที่ใสซื่อนี้เอาไว้ ผมพยายามเล่นบทสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนต่อรุ่นพี่อย่างสุดความสามารถ ส่วนไนน์นี่แทบไม่รักษามาดอะไรเลยครับ สีหน้าสมน้ำหน้าของไนน์กำลังซ้ำเติมพี่บอมอยู่ ผมก็เลยลูบหัวยัยตัวเล็กของผมด้วยความรักใคร่แถมไปให้อีกที
     “งั้น... เอาไว้วันหลังน้องต้นต้องให้พี่เป็นเจ้ามือเลี้ยงเราซักมื้อนะครับ นี่ของขวัญวันเกิดครับ แฮปปี้เบิร์ธเดย์”
     พี่บอมยอมถอยแต่ก็ยังอุตส่ายื่นกล่องของขวัญเล็กๆ ให้ผม
     “ไม่เห็นต้องลำบากเลยครับ”
     ต้องรับสินะครับ? ผมจงใจรับของขวัญมาแล้วแกะมันเดี๋ยวนั้นเลย
     “เอ... อะไรเหรอครับ? อ้าว... สร้อยคอนี่นา สวยดีนะครับ แต่เสียดาย ผมไม่ค่อยชอบใส่เครื่องประดับซักเท่าไหร่...”
     “น้องต้นจะไม่ใส่หน่อยเหรอครับ”
     “ต้นไม่ใส่ของถูกๆ แบบนี้หรอก ไม่เห็นสวยเลย ถ้ากงวีเห็นตะเองใส่สร้อยเห่ยๆ แบบนี้นะ กงวีต้องร้องไห้แน่ๆ”
     “ไนน์! พูดแรงไปแล้วนะ ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้เลย”
     ถึงผมจะรำคาญพี่บอมแต่ผมก็ไม่ได้อยากแตกหักกับพี่เขานะ ผมตั้งใจจะทำแค่ปฏิเสธของขวัญที่เขาให้มาก็เท่านั้น ทำให้เขารู้ตัวว่าผมไม่ปลื้มไม่ยินดียินร้ายกับของขวัญ แต่ไนน์เล่นซะแรงเลย ผมว่าอันที่จริงมันก็ไม่ได้แย่มากขนาดนั้นด้วยซ้ำ
     “ก็มันจริงนี่ กงตะเองขายเพชรนะ ตะเองเป็นหลานชายคนเดียวก็ต้องรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์สิ”
     “เอ่อ พี่บอมครับผมขอโทษจริงๆ นะครับ เพื่อนผมเอาแต่ใจไปนิด ยังไงผมขอบคุณมากๆ นะครับ”
     ผมแทบจะภาวนาว่าขออย่าให้พี่บอมฉุนขาดเลย ผมเกรงใจอาร์มจะแย่อยู่แล้ว อาร์มหน้าเสียมากๆ เลยครับ แทบจะยกมือไหว้ขอโทษแทนไนน์เลย ผมเองก็ได้แต่ก้มหัวในเชิงขอโทษรัวๆ พี่บอมยืนนิ่งเป็นรูปปั้นเลยครับ จนในที่สุด...
     “งั้นวันนี้พี่กลับก่อนแล้วกันครับ”
     โชคดีที่พี่เขาเห็นสีหน้าสำนึกผิดของผมแล้วยอมถอย อาร์มตามไปพูดอะไรบางอย่างพลางก้มหัวปะหลกๆ พี่บอมแกส่ายหน้าประหนึ่งไม่ถือสาอะไร แต่สีหน้าเขาไม่ได้ดีนักหรอกครับ เฮ้อ... จบไปหนึ่งเรื่อง!
     “ไนน์ ทีหลังอย่าพูดแบบนั้นอีกนะ”
     “ทำไมล่ะ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”
     ถึงไนน์จะมีสีหน้าสำนึกผิดตอนโดนผมดุ แต่ปากยื่นๆ กับคางเชิ่ดๆ นั่นก็ยังรั้นอยู่นิดหน่อยครับ เฮ้อ... ผมจับไหล่ทั้งสองข้างของไนน์เอาไว้แล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของสาวน้อยเอาแต่ใจ ถึงเมื่อก่อนผมจะรำคาญไนน์พอสมควร แต่ไปๆ มาๆ ตอนนี้ผมกลับรักไนน์ราวกับน้องสาวแท้ๆ เลยครับ อาจจะมีแอบรำคาญบ้างแต่ยังไงผมก็โกรธยัยตัวเล็กของผมไม่ลงจริงๆ
     “พูดแบบนั้นกับคนที่ไม่สนิท แถมยังอาวุโสกว่า มันไม่สุภาพนะรู้มั้ย ตัวเองเป็นผู้หญิงทำแบบนั้นไม่น่ารักเลย”
     “แต่ตะเองไม่ชอบหน้าหมอนั่นไม่ใช่เหรอ?”
     “ไม่ชอบแต่ก็ต้องให้เกียรติ ไนน์จะพูดจาไม่ดีกับคนที่ไนน์ไม่ชอบหน้าทุกคนไม่ได้หรอกนะ บางอย่างก็ต้องเก็บไว้บ้าง”
     ผมลูบผมของไนน์เล่นเหมือนกำลังปลอบเด็ก ยัยตัวเล็กของผมดื้อจริงๆ เลยครับ
     “ทีกับบางคนไม่เห็นเป็นไรเลย”
     “มานี่กูเอง เพราะคนอื่นมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ ยอมให้เธอเหมือนเรากับแม็กซ์ไง”
     ผมล่ะคันปากจังเลยครับ อยากด่ากลับไปว่า “อย่างนายเนี่ยนะเรียกว่าสุภาพบุรุษ” สุดๆ ไปเลย แต่ผมขี้เกียจเปิดศึกกับกายต่อ เลยหันไปคุยกับอาร์ม
     “อาร์ม เราขอโทษนะ”
     สีหน้าของอาร์มดูเหนื่อยๆ แต่ก็ยังพยายามส่งยิ้มให้ผม
     “อืม ช่างเหอะ ไปกันเลยมั้ย? ใครจะไปรถเราบ้าง?”
     ผมสงสารอาร์มจังครับ ผมหันไปมองแม็กซ์ๆ เดินไปตบหลังอาร์มปลอบใจ กายมัวแต่เถียงกับไนน์ เฮ้อ... ผมเลยหันไปคุยกับพวกสาวๆ แทน ผมบอกเรื่องแบ่งรถกับชาวแก๊ง แล้วก็นั่งรอเพื่อนอีกสามคนที่ยังไม่มา พอทุกคนมา พวกเราก็เคลื่อนขบวนไปยังร้านหมูกะทะ

     แม็กซ์พาผมกับสามสาว ไนน์และไปป์เดินมาถึงรถจนได้ครับ แต่พอมาถึงรถก็เกิดปัญหาอีก ถึงรถแม็กซ์จะคันใหญ่ ข้างหลังเบียดกันได้ห้าคนสบายๆ แต่ผู้ชายสองคน ระหว่างผมกับไปป์ จะต้องมีใครคนหนึ่งไปนั่งเบียดกับพวกสาวๆ ทุกคนอยากให้ผมนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ แต่ผมว่าผมตัวเล็กกว่าไปป์ ไปนั่งเบียดด้านหลังน่าจะเข้าท่ากว่า ไปๆ มาๆ พวกเราเลยใช้วิธีพื้นฐานการตัดสิน เป่ายิ้งฉุบครับ และผมแพ้ ผมก็เลยต้องไปนั่งด้านหน้าคู่กับแม็กซ์ ปล่อยให้ป่านนั่งตักไปป์เบียดกับเมย์และแก้วและไนน์แทน ดีที่ได้แก้วมาคั่นกลางระหว่างไนน์กับเมย์ ไม่งั้นคงมีศึกแน่ๆ ครับ

     พอถึงร้าน พวกที่มาถึงก่อนก็บอกให้ร้านต่อโต๊ะรอพวกเราไว้แล้ว แถมบางคนก็เริ่มตักอาหารมาปิ้งโดยไม่รอเจ้าของวันเกิดอย่างผมด้วยแหละครับ เหตุการณ์เหมือนจะราบรื่นแต่ก็มีปัญหาเกิดขึ้นจนได้ ส่วนปัญหาที่ว่าก็คือกลุ่มที่มาพร้อมผมนี่แหละครับ แก๊งของผมกับไนน์เขม่นกันมาตั้งแต่ในรถ แถมยังมีแมกซ์คอยสังเกตการณ์เป็นตาอยู่อีกต่างหาก และพอมาถึงเจ้าพวกบ้าในภาคผมก็เกือบจะลากผมไปนั่งด้วยกันในกลุ่มผู้ชายแน่ะ โดยเฉพาะมิวนิคแค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วครับ ยักษ์จอมขี้เกียจ ผมไม่ใช่คนใช้นะ! แต่ละคนใครๆ ก็อยากนั่งข้างๆ เจ้าของวันเกิดกันทั้งนั้น ผมควรจะดีใจที่เพื่อนๆ รักใคร่ผมดีรึเปล่าครับ?
     แม็กซ์อาศัยความเนียนของตัวเองนั่งที่ปลายโต๊ะอีกด้านมองสงครามแย่งตัวผม ด้วยท่าทางชิลๆ แล้วก็เสนอให้เจ้าของวันเกิดอย่างผมนั่งหัวโต๊ะเพื่อตัดปัญหา เฮ้อ... อีกแล้ว ผมล่ะหมั่นไส้แม็กซ์จริงๆ แม็กซ์เป็นฝ่ายเลือกอีกแล้วครับ สร้างสถานการณ์ให้คนอื่นเดินตามเกมของตัวเองชัดๆ เลย ผมก็เลยต้องนั่งลงตรงหัวโต๊ะข้างๆ แม็กซ์ ทำให้คู่ชิงดำกลายเป็นไนน์กับไปป์ไป
     ตลอดเวลาที่ผ่านมาในรถยังตีกันไม่พอ! ใครจะไปนึกว่าไปป์ที่ถึงจะดูบ้าๆ บ๊องๆ ไปบ้างแต่ก็เป็นเด็กดีมาตลอดจะเกิดงอแงเอาตอนนี้ ไปป์ตั้งตัวเป็นศัตรูกับไนน์อย่างเห็นได้ชัดเลยครับ ไม่ว่าผมจะพูดคุยอะไรกับไนน์เขาจะคอยพูดขัดขึ้นมาตลอด แล้วแทนที่ป่านจะคอยกำราบไปป์กลับให้ท้ายกันซะงั้น ผมยิ่งสงสารไนน์จริงๆ
     “เค้าจะนั่งข้างๆ ต้น”
     “เธออ่ะมานี่เลยยัยเตี้ย”
     กายที่เพิ่งมาถึงดึงไนน์ออกไปนั่งตรงกลางระหว่างตัวเองกับอาร์มครับ โชคดีที่พวกคันของอาร์มมาถึงซักที ทั้งๆ ที่ขับมาถึงไล่ๆ กันแต่เหมือนว่าอาร์มจะซวยหาที่จอดรถไม่ได้ครับ เลยมาถึงช้ากว่าพวกผม เพราะแบบนี้แหละ ผมถึงได้ไม่ชอบขับรถ
     “อย่ามายุ่งเรื่องของเค้านะ เค้าจะนั่งกับต้น!”
     “เอ่อ... เราขอที่ข้างๆ เราได้มั้ย ความจริงแล้วเราโทรชวนเพื่อนอีกคนมาด้วยน่ะ”
     “ต้นชวนแฟนมาด้วยเหรอ?”
     “บ้าละไปป์! เพื่อนสนิทเราหรอก”
     “งั้นเรานั่งข้างๆ เพื่อนต้นก็ได้ เรารู้ที่ของเราดี ไม่ทำอะไรให้ต้นลำบากใจหรอก!”
     ผมอยากตอบไปว่า “ความจริงแล้วนายทำให้เราลำบากใจบ่อยมากๆ เลยแหละไปป์” มากเลยครับ แต่เห็นท่าทางของไปป์แล้วก็รู้สึกเพลียแทน ท่าทางไปป์ที่ยืดอกแล้วเชิดหน้าขึ้นหน่อยๆ นั่นเหมือนเด็กมากเลยครับ ทำอย่างกับทำแบบนี้แล้วผมจะให้ดาวไปติดในสมุดสะสมความดีซะอย่างนั้น และแล้วศึกแย่งที่นั่งก็จบลงด้วยประการฉะนี้แหละครับ ไนน์ถูกกายดึงไปนั่งด้วยกันอย่างเสียไม่ได้ เพราะถูกไปป์ดักคอเอาไว้เลยไม่กล้าขัดมาก ผมรู้สึกอย่างกับมีน้องชายน้องสาวฝาแฝดดื้อๆ เลยครับ!

     พอพวกเราทานไปซักพักผมก็มีโทรศัพท์เข้า“เมษ” เมษบอกผมว่ามาถึงร้านแล้ว แต่หาพวกผมไม่เจอ ให้ผมไปรับที่หน้าร้าน
     “เอ่อ ขอตัวแปปนะ”
     “อ้าวไปไหนอ่ะต้น?”
     “ไปรับเพื่อน”
     แม็กซ์พยักหน้าเข้าใจให้ผม แต่อาร์มดันมีปัญหา
     “เฮ้ย! ละปลาเราล่ะต้น?”
     “นายก็ปิ้งเองไปก่อนสิอาร์ม! ให้ตายเหอะ ทำเองซะบ้างเหอะ! ไปกินด้วยกันทีไรให้เราทำให้ตลอด เราไม่ใช่คนใช้นายนะ!”
     “ก็เราทำไหม้นี่นา ต้นทำไรก็อร่อย”
     “อ่ะ แดกของกูไป ใช้แรงงานเพื่อนกูเกินไปละ”
     “มึงแหละตัวดี ต้นมันเล่นปิ้งแต่ของชอบมึงให้ ของกูแทบไม่มีเลย!”
     ถ้าผมจำไม่ผิด วันนี้วันเกิดผม แล้วทำไมผมถึงต้องมาเป็นคนใช้ให้คนพวกนี้ด้วยครับ! นี่ไม่รวมไปป์ด้วยนะ รายนี้ก็ปิ้งไหม้จนผมเสียดายของที่ตักมา แถมยังทำเนื้อติดกระทะอีก มันหมูก็ไม่ทา! ชอบปิ้งแล้วลืมจนมันไหม้! ผมก็เลยทนไม่ไหวต้องคอยพลิกให้คือๆ กับปิ้งให้ตานี่อีกคน ชีวิตผมจะได้กินหมูกระทะสงบๆ มั้ยครับเนี่ย? นี่ยังดีนะครับ ที่ไนน์นั่งใกล้ๆ กาย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ากายเป็นพวกเทคแคร์คนที่ตัวเองรัก ถึงจะนิสัยแย่มากก็เถอะ! ในจานของไนน์เลยมีแต่ของกินเต็มจนแทบกินไม่ทัน เหอะ! แต่อย่าคิดว่าผมจะมองหมอนี่ดีขึ้นนะครับ อย่างกายน่ะให้ตายก็ทำให้ใครมีความสุขไม่ได้หรอก ดีแต่บังคับคนอื่น
     ช่างหัวพวกนั้นเถอะครับ ผมไปหาเมษดีกว่า ผมเดินออกมาจากร้านมองหาเมษ คนเยอะจริงๆ ครับ มองหาอยู่ครู่นึงก็เจอ นับวันกระโปรงเพื่อนผมจะสั้นขึ้นไปทุกที แต่นี่ก็ยังดีนะครับ ถึงจะสั้นเลยเข่าแต่ก็ไม่ใช่แนวเอวต่ำกว้างแค่คืบแบบนักศึกษาสมัยนี้บางคน พอเมษเห็นผมก็โบกมือให้ใหญ่ พอเข้าถึงตัวผมได้ก็คว้าตัวผมไปกอดซะแน่นแล้วยื่นของขวัญให้
     “แฮปปี้เบิร์ธเดย์ย่ะ”
     “ขอบใจนะ มายากมั้ย”
     “ไม่หรอกแก ว่าแต่ ยัยลูกคุณหนูของแกเอาแต่ใจมากนักรึไงถึงกับต้องตามฉันมาช่วย”
     “ก็ไม่มากหรอก... แต่... เอาเป็นว่าไปดูเองเถอะ แค่ไปป์เราก็จะบ้าตายอยู่แล้ว”
     “อ๋อเพื่อนแกที่บ้าๆ คนนั้นน่ะนะ? โอ๊ยฉันชอบ มานี่ส่งมานี่ ฉันชอบผู้ชายขี้อ้อน”
     เมษหัวเราะเสียงสูงอย่างกับนางมารร้ายแน่ะครับ แต่พอเดินไปถึงโต๊ะเท่านั้นแหละ หน้าซีดทันที แทนที่จะเดินต่อกลับดึงแขนผมให้หยุดแล้วรีบหันหลังซะงั้น
     “ทำไมแกไม่บอกฉันว่าอิแม็กซ์มาด้วย!”
     นอกจากเมษจะกระซิบกระซาบแล้วยังเอื้อมมือมาหยิกแขนผมด้วย!
     “โอ๊ย! เราเจ็บนะเมษ”
     “แกนะแก ทำไมไม่บอกว่าอิแม็กซ์มา ฉันจะได้ไม่มา!”
     “ก็มาทั้งแก๊งนั่นแหละ เราถึงได้อยากให้นายมาช่วยเราไง ทำไมล่ะ นายเกลียดแม็กซ์เหรอ ไหนนายบอกว่า...”
     “โอ๊ย! ไม่ใช่ฉันไม่ได้เกลียดมัน... แต่แบบ... แกเข้าใจมั้ยว่ามันเป็นความด่างพร้อยเรื่องเดียวในชีวิตอันบริสุทธิ์ของฉัน อ่ะ! ฉันอายไม่อยากเจอหน้ามัน”
     “...? แล้วไงล่ะ? เราไม่เข้าใจ ตอนนั้นนายก็คุยปกติกับแม็กซ์ไม่ใช่เหรอ”
     “โอ๊ย... นั่นมันช่วงแกนอนโรงพยาบาล ใครจะไปคิดเรื่องพรรณนั้น แล้วก็แบบ ... ตอนนี้ฉันแต่งหญิงนะแก”
     “ก็สวยดีออก”
     “ก็ใช่... แต่เมื่อก่อนมันไม่ใช่ไงแก แล้วก็แบบ... แบบ... นั่นแหละ เรื่องคืนนั้นอ่ะ ให้เจอกันอีกทีฉันอาย มันเหมือนอะไรหลอกหลอนว่าฉันเคยทำตัวร่าน!”
     “คิดมากไปแล้วเมษ แม็กซ์ไม่คิดมากหรอก ไปเถอะ นายสวยจะตาย ถ้าใครกล้าว่านายเราจะด่ามันให้”
     “แต่...”
     “มาน่า”
     แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด พวกเพื่อนๆ ผมพากันตาค้าง แม็กซ์เองก็มองเมษพลางหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด ผมไม่แปลกใจที่แม็กซ์มีอาการแบบนี้เพราะว่าเมษสวยขึ้นมากเลยครับ อาร์มยังกับไนน์ยังจำเมษไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ส่วนกายไม่ต้องพูด นายนี่มีตาไว้มองแต่ไนน์คนเดียวอยู่แล้ว น่าหมั่นไส้จริงๆ
     “เอ่อ ทุกคน เราขอแนะนำ นี่... เมษา เพื่อนสนิทของเรา พวกเราเรียนมัธยมมาด้วยกันน่ะ”
     ผมหันไปมองสบตากับแม็กซ์ และแม็กซ์เองก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรๆ มากขึ้นเพราะเขาพยักหน้าเลิกทำสีหน้าสงสัย ส่วนอาร์มกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็โดนแม็กซ์อุดปากไว้ ไนน์เองก็ไม่ได้พูดอะไรแต่ยังคงขมวดคิ้วอยู่ ส่วนกายหมอนี่ทำหน้าตาเป็นอยู่หน้าเดียวรึไง หน้าที่เหมือนกับกำลังดูถูกคนทั้งโลก!
     “เมษาเป็นเพื่อนที่เรารักมาก เปรียบเสมือนพี่สาวคนนึงของเราเลยล่ะ เขาช่วยเราไว้เยอะเลย คอยดูแลเราตอนที่เราไม่สบายด้วย บางทีพวกเราก็มาทำกับข้าวทานด้วยกันที่คอนโดบ่อยๆ คนนี้แหละที่สอนเราทำอาหาร”
     ไม่ได้หรอกครับ ต้องโฆษณาซะหน่อย อุตส่ามีสายตาหื่นๆ จากพวกชายโสดในภาคผมมองอยู่ตั้งเยอะ
     “สวัสดีค่ะ ชื่อเมษาค่ะ แต่จะเรียกว่าเมก็ได้นะคะ เป็นเพื่อนต้นค่ะ”
     “โหย ชื่อเมเหมือนกันแต่น่ารักกว่าเยอะเลยว่ะ คนนี้กูจอง!”
     “หุบปากไปเลยนะไอ้โค่!”
     นั่นไง! พอโค่ตะโกนมาจากหัวโต๊ะอีกฝั่ง เมย์ก็ตะโกนด่าสวนกลับไปด้วยเสียงแหลมปรี๊ด คนรอบข้างเลยหันมามองโต๊ะเรากันเพียบเลยครับ ผมละอ๊ายอายจนเผลอหันหน้าหนี เมษก็หันหน้ามาหาผม พวกเราส่งสายตาให้กันเงียบๆ “แบบนี้ใช่มั้ยแก?” เมษถามผมด้วยสายตาผมก็สบตากลับอย่างจริงจังแล้วพยักหน้า “อื้อ เพราะแบบนี้แหละ ช่วยเราที” ผมเห็นเมษแกล้งถอนหายใจเบาๆ หนึ่งทีก่อนจะพยักหน้าแล้วหันไปยิ้มเหมือนเดิม ผมว่าเมษพอรู้แล้วละครับว่าทำไมผมรับมือไม่ไหว
     “ที่นั่งข้างผมยังว่างนะคร้าบคนสวย!”
     นอยซ์ตะโกนขึ้นมาพลางผลักจานของถังไปไกลๆ ตัวเอง เล่นเอาถังทำหน้างงเลยครับ ทุเรศจริงๆ ถังทนไอ้ขี้หลีนี่ได้ยังไงนะ ถ้าเป็นผมนะผมไม่คบกับคนแบบนี้หรอก พร้อมจะทิ้งเพื่อนทันทีที่เจอสาว
     “น้อยๆ หน่อยนอยซ์ เพื่อนเราก็ต้องนั่งกับเราสิ นั่งเถอะเมษ เอ้ย! เมษา”
     ดีนะครับที่ท้ายประโยคผมพูดเบาๆ หวังว่าคงไม่มีใครได้ยินนะครับ
     “โห สวยขึ้นตั้งเยอะแน่ะเม...ษา เราจำแทบไม่ได้”
     “ขอบใจนะ พวกเราอยู่คนละห้อง ไม่สนิทกันแท้ๆ นายอุตส่าจำเราได้ด้วย”
     “ต้องรู้จักดิ ก็ตอนนั้นเธอ-”
     “แดกไปไอ้อาร์ม อ่ะ นี่ปลาของมึง”
     “ไอ้เหี้-ย!”
     แม็กซ์คีบปลาร้อนๆ ไปอุดปากอาร์มได้ทันครับ ค่อยยังชั่ว! แม้สถานการณ์จะสงบลงแล้วแต่ผมก็ยังเห็นเมษยิ้มเจื่อนๆ อยู่ ส่วนแม็กซ์นั้นทำตัวนิ่งตามปกติมากครับ ผมก็เลยแอบเตะขาแม็กซ์ใต้โต๊ะ แม็กซ์หันมามองผมนิดหน่อยแล้วก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
     “สบายดีเหรอเม?”
     “ห๊ะ? อ๋อ อืม สบายดีค่ะ”
     “ไม่เจอตั้งนานสวยขึ้นนะ”
     “ขอบใจจ้ะ”
     ไหนนายบอกไม่คิดอะไรแล้วนายจะแอบเขินหน้าแดงทำไมนะเมษ
     “ต้นบอกว่าสนิทกับเธอมาก ไปเที่ยวกับเธอบ่อยๆ งั้นเหรอ”
     “ค่ะ...”
     ทำไมนายต้องใช้น้ำเสียงโหมดตอแหลแบบนั้นด้วยนะเมษ นี่มันเป็นการแอ๊บที่สุดของที่สุดที่ผมเคยเห็นเพื่อนทำเลยครับ!
     “ดีแล้ว เราก็ห่วงมันอยู่ ต้นมันเข้าสังคมไม่เป็น นิสัยก็แย่ นิดๆ หน่อยๆ ก็ชอบคิดมาก กลัวต้นมันไม่มีใคร มีเธออยู่ข้างๆ มันก็ดี”
     “บ้าแล้วแม็กซ์! เราไม่ได้แย่ขนาดนั้น”
     “โอ๊ย! ใช่เลย ฉันนะไม่อยากจะเม้าท์ นับไม่ไหวหรอกว่าเดือนๆ นึงมันโทรมาปรึกษาฉันกี่เรื่อง”
     “บ้าแล้วเมษา! เราไม่ได้ปัญหาเยอะขนาดนั้น!”
     “หึๆ”
     “นี่ๆ เธอสนิทกับต้นจนไปนอนค้างห้องต้นบ่อยๆ ใช่ป่ะ?”
     จู่ๆ ไปป์ก็ถามแทรกขึ้นมา ผมอึ้งนะ
     “ยุ่งแล้วไปป์ นั่นมันเรื่องส่วนตัวเรานะ”
     “ต๊าย! รู้ได้ยังไงอ่ะ? ฉลาดเหมือนที่แกบอกไว้เลยนังต้น”
     “เมษา!”
     ให้ตายเหอะ! เมษพูดแบบนี้ได้ยังไง เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดสิว่าผมแอบนินทาเพื่อนให้เมษฟัง แล้วนั่นนายจะยืดอกภูมิใจทำไมห๊ะไปป์
     “ก็ตัวเธอมีกลิ่นหอมๆ แบบเดียวกับแป้งที่เราเจอในห้องน้ำของต้นเลย แต่ต้นไม่ได้ใช้แป้งกลิ่นนี้ แล้วก็เราเห็นเสื้อผ้าผู้หญิงไซส์ขนาดเธอในตู้ที่ห้องของต้นด้วย”
     “นายรื้อตู้เราตอนไหนน่ะไปป์! แย่มากเลยนะ นายทำแบบนั้นได้ยังไง”
     “ป่าวนะ เราขออนุญาตแฟนต้นแล้ว ก็ตอนนั้นแฟนต้นออกไปซื้อโจ้ก เราเลยเข้าไปเฝ้าต้นในห้องไง ละปวดท้องเราเลยเข้าห้องน้ำ พอดีทิชชู่หมด... เราเลยหาทิชชู่”
     ผมโกรธจนตัวสั่น! อย่าหวังว่านายจะได้ไปห้องเราอีกเป็นครั้งที่สองเลยไปป์!
     “ใจเย็นน่าต้น อ่ะนั่งๆ กินๆ เดี๋ยวฉันป้อน”
     ผมไม่รู้ว่าเพราะไอร้อนจากกระทะหรืออะไร แต่ผมรู้สึกว่าอุณหภูมิตัวเองร้อนมากเลยครับ ผมโกรธจนแทบจะระเบิดแน่ะ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ถ้าน้องต้นจะด่ากายทุกช็อทขนาดนี้ เปิดศึกเลยมั้ย? ถ้าเอาตามพล็อตพิมพ์นิยม ต้นต้องได้กับกายชัวร์ๆ ไม่กินเส้นอย่างแรงแบบนี้หนีไม่พ้นคู่ผัวตัวเมีย
ตอนนี้สรวลเสเฮฮาระหว่างเพื่อนอีกแล้ว  :m13: เมษแอ๊บ! แอบขำน้องเมษกับแม็กซ์ เอ... สองคนนี้เรียกว่ากิ๊กเก่าได้มั้ยน้อ?
แต่ไปป์เด็ดที่สุด มีน้องไปป์ที่ไหนเขวี้ยงเม้าที่นั่น จอมขโมยซีน อิๆ  :m7:

ออฟไลน์ Sbatandty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
มาต่ออีกเลยคะ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ไปป์

     ทำไมต้นต้องโกรธผมขนาดนั้นด้วยหว่า ผมว่าผมก็ขออนุญาตต้นแล้วน้า ถึงตอนนั้นต้นจะหลับอยู่ก็เถอะ แต่พอแฟนต้นกลับมาผมก็บอกเขาน้า แฟนต้นยังไม่เห็นจะว่าอะไรเลย แต่ผมชอบเพื่อนต้นคนนี้จังแฮะ เพราะพอเขามาก็มีคนมาช่วยปิ้งอาหารบนเตาเพิ่มขึ้น ผมก็เลยกินสบายขึ้นตั้งเยอะ ฮ่าๆ
     เพื่อนต้นคนนี้ถ่ายรูปคู่กับต้นเยอะมาก ผมเห็นรูปในอัลบั้มเยอะเลย ตั้งแต่ตอนยังผมสั้นดูเป็นผู้ชายอยู่จนถึงตอนที่เขาแต่งหญิงแล้ว แต่พอมาเห็นตัวเป็นๆ ใกล้กันแบบนี้ผมทึ่งนะ เขาเหมือนผู้หญิงสุดๆ น่ารักสุดๆ ไปเลย เสียงก็เล็กแถมยังนิสัยน่ารักมากๆ เลยด้วย เขาช่วยแกะกุ้งให้ผมด้วยแหละ ไม่เหมือนยัยป่านกับเมย์ สองคนนั้นใจร้ายกับผมตลอดเลย ส่วนแก้วกับโอมที่นั่งห่างกันก็ไม่ว่างกำลังยุ่งวุ่นวายกับไอ้พวกบ้าคนอื่นๆ
     นี่ดีนะที่ยัยคุณหนูเอาแต่ใจโดนผู้ชายหน้านิ่งๆ คนนั้นสกัดดาวรุ่งจนมาวุ่นวายกับต้นไม่ได้ นั่งทะเลาะกันเองอยู่ ผมเลยอ้อนต้นได้เต็มที่ เหอๆ อย่างน้อยๆ ผมก็มั่นใจว่าผมได้เป็นที่สามแล้วล่ะ พวกเรากินกันเกือบชั่วโมงไอ้ยศก็ทำตามแผนของมัน มันยืนขึ้นแล้วเรียกทุกคนให้หันไปฟังมัน
     “เฮ้ย! ฟังกูหน่อยพวกมึง”
     ผมหวังว่ามันคงจะไม่ทำอะไรรุนแรงน้า
     “วันนี้เป็นวันเกิดของเพื่อนพวกเราคนนึง แม้ว่ากูจะไม่ค่อยสนิทกับมันมากเท่าไหร่ รวมถึงรำคาญนิสัยบางอย่างของมันโคตรๆ แต่กูอยากบอกมันว่า กูเป็นห่วงมันนะ ในฐานะเฮดของรุ่น กูอยากเห็นเพื่อนๆ ทุกคนในภาคสามัคคีกัน มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน กูรักพวกมึงทุกคน อยากจบแบบครบคนว่ะ ไม่อยากให้ใครหายไป แล้วกูก็หวังว่ามึงอ่ะ ไอ้ต้น กูอยากให้มึงรักพวกเพื่อนคนอื่นๆ ในภาคด้วย พวกเราเพื่อนกัน มีอะไรมึงก็มาปรึกษากับพวกกูบ้างก็ได้ พวกกูจะได้ช่วยมึงทันก่อนที่เรื่องมันจะไปกันใหญ่ มึงมันเด็ก ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ปากเสีย พวกกูไม่ถือหรอกคนเรามันต้องมีอารมณ์กันบ้าง เพื่อนกันตีกันบ้างไม่แปลก แต่กูขอร้องมึงว่ามีอะไรอยากให้เคลียร์กัน เพื่อนกันคุยกันได้อยู่แล้ว กูไม่อยากให้มึงแยกออกไปคนเดียวแบบนั้น ตอนนี้มึงก็โตแล้วนะเว้ย แก้นิสัยนี้ได้ป่าววะ”
     ผมเห็นต้นอึ้ง คงเพราะไม่คิดว่าอยู่ๆ ยศมันจะพูดแบบนี้มั้ง ยังดีนะที่เอกมันพูดต่อ ไม่งั้นคงมีแต่ความเงียบทั้งโต๊ะ เพราะต้นหน้าเสียมากๆ พวกเราลงความเห็นว่าจะให้พวกเราแต่ละคนพูดกับต้นกันตรงๆ
     “มึงมันขี้งอนอย่างกับผู้หญิง แต่กูไม่เกลียดมึงหรอก เพราะมึงยังมีส่วนดีๆ อีกเยอะที่กูชอบ อะไรที่กูเคยทำให้มึงไม่พอใจมึงก็อย่าโกรธกูนะ”
     “เรื่องนั้นมันจบไปแล้วเอก เราไม่คิดอะไรแล้ว”
     “งั้นกูพูดบ้าง มึงอ่ะเด็ก ชอบดราม่า เอาแต่ใจโคตรๆ แล้วกูขอเหอะ ทำไมมึงชอบชักสีหน้าใส่เพื่อนวะ ไม่น่ารักเลย ทำกับคนที่สนิทอ่ะไม่เป็นไรหรอก แต่มึงดันติดนิสัยชอบทำกับคนอื่นเขาไปทั่ว มันดูไม่ดีนะเว้ย แถมนิดๆ หน่อยๆ มึงก็คิดมาก พวกกูตามอารมณ์มึงไม่ทันว่ะต้น เรื่องมันไม่มีอะไรมึงก็เก็บไปคิด บอกตามตรงกูโคตรเป็นห่วงมึงเลย ในสังคมอ่ะ คนเขาไม่ได้มาเข้าใจมึงแบบพวกกูนะ อีกหน่อยมึงเรียนจบไปทำงานต้องเจอสังคมข้างนอกมึงจะอยู่ยังไง มึงอยู่โดยไม่เอาใครไม่ได้หรอก มึงต้องปรับตัวหน่อยนะเว้ย เวลากูเห็นไอ้พวกนี้ไม่กล้าเข้าหน้ามึงตอนดราม่าละกูโคตรสงสารพวกมันเลย พวกมันก็ห่วงมึงโคตรๆ แต่มึงกลับไม่สนใจใคร อย่างน้อยๆ ถึงมึงไม่สนใจพวกกูที่เหลือแต่สนใจไอ้ห้าคนนี้หน่อยเหอะ”
     ไม่คิดว่าไอ้อาร์ทมันจะพูดได้ดีขนาดนี้ เจ๋งจริง!
     “เรา... แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
     พวกเราพากันเงียบหมด แม้แต่ผมยังพูดไม่ออกเลย เมย์สะกิดป่านยิกๆ ผมเองก็ส่งสายตาให้ป่านเป็นทัพหน้า
     “ก็... ก็ไม่หรอกแก... แต่แบบ... เฮ้ยแก้วพูดดิ”
     “คือ... พวกเรารู้ว่าต้นอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่อยากเล่าให้ใครฟังเยอะ แต่บางทีเรื่องบางเรื่อง เวลาที่ต้นมีอะไรไม่สบายใจ พวกเราอยากบอกว่าต้นปรึกษาพวกเราได้นะจ้ะ”
     “ถึงพวกเราจะช่วยอะไรต้นไม่ได้แต่ต้นก็ระบายให้พวกเราฟังได้นะ”
     เพราะทุกคนพูดอย่างที่ผมคิดหมดแล้วผมก็เลยส่งยิ้มให้ต้นแทน ต้นมองหน้าพวกเราทุกๆ คนแล้วก็พูดขึ้น
     “ขอบคุณนะ ขอบคุณพวกนายมากๆ เลย เรา... เราจะพยายามปรับตัวให้ดีกว่านี้นะ อะไรที่เราทำไม่ดีก็เตือนเราด้วยแล้วกัน ... คือ... เรา... เราไม่เคย... ไม่เคยมีเพื่อนมาก่อนน่ะ ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง...”
     “มึงพูดว่าไม่เคยได้ยังไง แล้วไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ มึงอ่ะ เขาก็มางานวันเกิดมึงไม่ใช่เหรอวะ มึงพูดแบบนี้ถ้ากูเป็นเพื่อนมึงกูเสียใจตายเลยต้น”
     ถึงพัทมันจะชอบพูดแทรกแต่ผมว่าคราวนี้มันพูดได้ตรงประเด็นนะ ผมเห็นต้นทำหน้าเหมือนพึ่งจะรู้ตัวแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนๆ ตัวเองทีละคน
     “โอ๊ย... ฉันไม่อยากจะเม้าเลยค่ะ นังต้นมันใช้ชีวิตด้วยการไปกินข้าวคนเดียวแล้วก็หมกตัวอยู่ในห้องสมุดตอนพักเที่ยงมาตลอดสามปีจนจบมอปลายเลยค่า ที่ฉันไปสนิทกับมันได้ก็เพราะเผลอเก็บลูกนกลูกกาตอนบาดเจ็บได้แล้วมันก็เลยติดฉันนี่แหละค่ะ ส่วนพวกนี้น่ะเขาแก๊งเดียวกันต้นมันเลยได้อานิสงค์ ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ แต่มันก็ใจแข็งมาตลอด ส่วนน้องหนูคนนี้ ญาติห่างๆ ค่ะ พยายามแก้ปัญหาครอบครัวให้ต้นอยู่ ขอบอกให้โลกรู้เลยค่ะ ต้นมันเพิ่งหัดมีเพื่อนกับเขาก็ตอนเข้ามหาลัยนี่แหละค่ะ”
     “เมษา! เกินไปแล้วนะ ไม่เห็นต้องเผากันขนาดนี้เลย”
     “ก็ฉันปลื้มนี่ย๊ะ! แหม เพื่อนคนอื่นๆ เขาอุตส่ารวมหัวกันทำเพื่อแกขนาดนี้แล้วแกเองก็หัดไปเปิดหูเปิดตาดูโลกภายนอกซะมั่งเถอะ ไม่ใช่เอาแต่หมกตัวอยู่คนเดียวในคอนโด วันๆ เอาแต่ซักผ้า รีดผ้า กวาดบ้าน ทำกับข้าว อ่านหนังสือ เข้าสังคมกับคนอื่นเข้าบ้าง จะได้ไม่ต้องนั่งเหงาอยู่คนเดียวตอนแฟนไม่อยู่ละฉันไม่ว่าง”
     “บ้า! นานๆ ทีแม็กซ์ก็พาเราไปเปิดหูเปิดตาบ้างเหมือนกันนะ!”
     มิน่าล่ะ ห้องต้นถึงได้สะอาดสุดๆ ไปเลย ผมว่าต้นต้องเป็นพวกกวาดบ้านทุกวันแน่ๆ พอเห็นต้นโดนเผาแล้วเถียงกลับสู้ไม่ได้ พวกเราบางคนก็หัวเราะครืน ผมว่าเพื่อนต้นคนนี้ต้องรู้อะไรดีๆ เยอะแน่ๆ
     “นี่ๆ มีเรื่องอะไรเผาต้นอีกมั้ย เราอยากฟังอีก”
     “เพียบเลยค่ะ อยากรู้อะไรถามมาได้เลย แต่จะบอกให้นะคะ เพื่อนอิฉันคนนี้เป็นพวกคิดมากจริงๆ นั่นแหละค่ะ เวลาฮีเผลอไปทะเลาะอะไรกับใครมานะคะ ฮีจะเก็บมาน้อยใจแล้วก็ชอบมานั่งซึมอยู่คนเดียว ไม่กล้าสู้หน้าเค้า กลัวสารพัด ละพออิฉันบอกว่าทีหลังก็อย่าทำ ฮีก็บอกว่ามันอดไม่ได้ค่ะ ถึงจะดูเหมือนคนใจเย็นแต่จริงๆ แล้วอารมณ์ร้อนสุดๆ อย่าได้ทำให้ฮีโกรธนะคะ!”
     ผมว่าเพื่อนต้นต้องหลุดแน่ๆ เลย คงเล่าเพลินจนลืมตัวแน่ๆ เพราะขนาดไอ้นอยซ์ยังแอบเหวอเลย ฮ่าๆ รู้แล้วสินะมึง
     “พอๆ เผาเราเยอะเกินไปแล้วนะ พวกเราก็ด้วยเลิกๆ กินๆ”
     “เฮ้ย วันเกิดมึง มึงต้องฟังพวกกูอวยพรดิว้า”
     “มีที่ไหน พวกนายเผาเราอยู่ต่างหาก ไม่ได้อวยพรซักหน่อย!”
     “หึๆ ทนฟังนิสัยตัวเองไม่ได้เหรอต้น”
     โอ้ว แม้แต่อัฐยังมาร่วมขบวนการแซวกับไอ้อาร์ท
     “เฮ้ยๆ พวกมึงมีใครจะเผาเอ้ย อวยพรไอ้ต้นอีกป่ะวะ”
     “กูๆ กูอยากบอกมึงว่า กูโคตรรักมึงเลย ถ้าไม่มีมึงชีวิตการเรียนกูคงพินาศ”
     “ก็มึงมันโง่ไงนน ฮ่าๆ”
     “ระ ระ เรา อยากบอกนายวะ ว่า เราชะ ชะ ชอบนาย นะ หนะ หนะ นายไม่เคย เลาะ ล้อเราเลย”
     “มึงหุบปากไปเหอะไอ้ถังขี้ พรุ่งนี้ก็ยังพูดไม่จบหรอก ตากูบ้าง”
     “ระ ระ เราชื่อ ถะ ถะ ถังข้าว มะ ไม่ใช่ ถัง ขี้!”
     “นายเงียบไปเลยโค่ เราจะฟังถังพูด!”
     ฮ่าๆ สนุกดีจัง ฟังพวกมันตีกัน ต้นนี่ใจดีจริงๆ น้า คอยปกป้องคนอื่นตลอดเลย เหมือนตอนที่ผมโดนคนอื่นๆ ว่าตอนนั้นเลย เพราะตอนนั้นต้นช่วยปกป้องผม บอกว่าถึงผมจะติดนิสัยเด็กๆ ทำตัวบ๊องๆ ไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ไม่เห็นจะเป็นอะไร เพราะต้นใจดีแบบนี้แหละ ผมถึงได้รักต้น รักต้นที่สุดเลย ฮ่าๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     เฮ้อ... อิ่มมากเลยครับ โชคดีนะเนี่ยที่ผมมีเมษมาช่วยแบ่งเบาภาระผมถึงได้ทานอาหารสบายๆ กับเขาบ้าง พูดแล้วก็แอบขำเมษนะครับ ตอนแรกๆ ก็แอ๊บดีอยู่แล้วแท้ๆ แต่ดันหลุดเอง เลยกลายเป็นเพื่อนๆ ผมพากันสงสัยจนคอยสังเกตรู้ความจริงจนได้ แต่เมษคงไม่แคร์หรอกมั้งครับ เพราะเมษไม่สนใจใครอยู่แล้ว แค่กรี๊ดผู้ชายเล่นๆ
     “ต้นกินน้อยจัง อิ่มแล้วเหรอ”
     “ไม่เอาแล้วล่ะแม็กซ์ พอแล้วนายนั่นแหละยังไม่อิ่มอีกเหรอ กินตั้งเยอะแล้ว เดี๋ยวก็อ้วนหรอก”
     “คนเขาออกกำลังกายก่อนนอนทุกคืน ไม่อ้วนหรอก”
     นายออกกำลังกายหรือทำอะไรกันแน่แม็กซ์
     “โต้น...”
     เสียงแบบนี้ ผมถอนหายใจยาวๆ ก่อนหันไปไปมองหน้าไปป์แบบเซ็งๆ ไปป์เองพอเห็นผมให้ความสนใจก็เริ่มอ้อนผมทันที แต่พูดได้ไม่กี่คำก็โดนผมเบรคซะก่อน
     “เรากินมะ”
     “รับผิดชอบตัวเองนะไปป์ เราเตือนนายแล้วว่าอย่าตักมาเยอะ”
     “ง่า ต้นใจร้ายจัง เราอุตส่าตักมาเผื่อต้นเลยนะ”
     “แล้วเราบอกให้ตักมาเผื่อเหรอ นั่นมันของชอบนายทั้งนั้น อย่ามาแถซะให้ยาก”
     พอเจอคำประกาศิตของผมไปไปป์ก็ไปป์เถอะ มีหงอ! ไปป์ก้มหน้าลงท่าทางสำนึกผิดแต่คอยแอบเงยหน้าขึ้นมาชำเลืองตาอ้อนผมเป็นระยะ คิดว่าทำท่าลูกหมาหงอยแบบนั้นแล้วผมจะใจอ่อนให้รึไง!
     “ทำไงดีอ่ะป่าน? ต้นไม่ยอมช่วยอ่ะ”
     พอไปป์เห็นผมใจแข็งก็หันไปขอความช่วยเหลือจากป่าน แต่ป่านก็ปฏิเสธด้วยเช่นกัน
     “ฉันก็ไม่ไหวละแก ส่งไปทางนั้นมะ เฮ้ยพวกแกอ่ะ มีใครยังไม่อิ่มบ้าง ตรงนี้ยังเหลืออีกเยอะเลย อีมิว?”
     “กูยังแดกของไอ้พัทที่ตักมาเหลืออยู่เลย จะอ้วกละมึง”
     “เฮ้ยๆ ส่งมาๆ กูยังไม่อิ่ม”
     “โหย ฮีโร่ว่ะเต็ม กินจุจนกูนับถือมึงเลย”
     ในระหว่างที่เพื่อนๆ ภาคฟิสิกส์ของผมกำลังช่วยกันกำจัดของเหลือ แถวๆ ทางเพื่อนเก่าผมก็กำลังมีเรื่องเช่นกันครับ แต่รอบนี้ผมเห็นด้วยกับกายนะ
     “กินผักให้หมดเลยเร็ว”
     “ยุ่งน่ะ เค้าไม่ได้ตักมาซะหน่อย”
     “เพราะไม่กินผักแบบนี้ไง ถึงได้เตี้ยไม่โตซักที เลือกกินว่ะ”
     “เงียบไปเลยนะ แม้แต่ที่บ้านเรายังไม่บ่นแบบนี้เลย”
     “โดนตามใจจนเคยตัวอ่ะเด่ะ”
     เฮ้อ... แต่ละคน นี่ดีนะครับที่แม็กซ์กับอาร์มไม่เรื่องมาก ผมหยิบของสดในจานมาปิ้งจนสุกแล้วใส่จานไว้ให้สองหนุ่มนี่ สลับกับขู่เข็ญไปป์ไปเรื่อยโดยมีเมษคอยช่วย ไม่นานโต๊ะทางฝั่งผมก็เคลียร์ครับ โล่งอกไปเปลาะนึง ทีนี้ก็เหลือแต่ฝั่งทางโน้นแล้ว ปล่อยให้ยศจัดการไปก็แล้วกันครับ
     ผมมองกองของขวัญที่วางอยู่ข้างตัว แล้วผมจะหอบมันกลับคอนโดยังไงละเนี่ย? ไม่มีถุงใส่ซะด้วย ถึงมันจะไม่ได้มากมายนัก แต่มันก็มีมากเกินจะใส่เป้ผมกลับแน่ๆ ครับ ไม่คิดเลยว่าทุกคนจะทำเพื่อผมขนาดนี้ แถมผมยังได้สมุดที่ทุกๆ คนช่วยกันเขียนคำอวยพรลงในนั้นให้ผมอีก ไม่เคยมีใครทำอะไรให้ผมแบบนี้เลยครับ ปลื้มเป็นบ้าเลย!
     “เฮ้ย ทางนั้นเรียบร้อยยังวะ?”
     “เรียบร้อยแล้วล่ะแก”
     “เออ งั้นกูเรียกเก็บตังค์เลยนะ”
     “เออ”
     “คนละเท่าไหร่อ่ะนังต้น?”
     “อืม... ไม่รู้สิ ต้องถามพวกนี้อ่ะ”
     ผมตอบเมษไปแบบนั้นเพราะผมไม่รู้จริงๆ ก็แหม วันนี้มันวันเกิดผมนี่ครับ ยังไงก็ไม่ต้องจ่ายอยู่แล้ว พวกเรานั่งรอเด็กมาเคลียร์บิล แต่พอบิลมาผมจะเป็นลมครับ! ถึงจะราคาหัวละไม่เท่าไหร่ แต่พอทานหลายๆ คนก็เล่นเอาเป็นพันเลยครับ หลายพันด้วย แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจและหมั่นไส้ที่สุดก็คือการที่แม็กซ์โชว์ป๋าควักแบงค์ พันหลายใบออกมาวางแบบไม่คิดมากแถมยังพูดว่าที่เหลือทิป แล้วเด็กเสริฟก็เดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ทันที
     “แม็กซ์... จะดีเหรอ?”
     “วันเกิดต้น แม็กซ์เลี้ยงเอง”
     “ไม่ดีมั้งนาย พวกเราเยอะแยะ”
     ยังดีที่นายมีสำนึกนะยศ!
     “ก็ถือว่าผมเป็นเจ้ามือเลี้ยงวันเกิดต้นละกัน พวกคุณก็มากินเลี้ยงงานวันเกิดต้น”
     “พวกเราก็อยากเลี้ยงฉลองให้เพื่อนเหมือนกันนะ เงินมันไม่ใช่น้อยๆ ให้นายออกคนเดียวไม่ดีหรอก”
     ดีมากยศ! อย่ายอมแพ้แม็กซ์นะ สู้เขา!
     “งั้นพวกคุณเอามาให้ผมคนละร้อยก็พอ ที่เหลือผมเลี้ยงเอง แบบนี้ง่ายดี ผมขี้เกียจคิดเลข”
     “เออ เอางั้นเหรอ ตามใจนาย”
     ผมล่ะหมั่นไส้พวกคนรวยจริงๆ เลยครับ อดไม่ได้ที่จะหันไปเบ้หน้ากับเมษ ส่วนเมษเองก็แกล้งเอามือทาบอกทำท่าปลื้มปริ่มได้โอเวอร์มาก แต่ก็ยังดีนะครับที่แม็กซ์ยอมพบกันครึ่งทาง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลี้ยงทั้งกายและอาร์ม รวมไปถึงไนน์และเมษด้วย ผมล่ะหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ คงเพราะหน้าผมมันออกอาการมาก แม็กซ์เลยหันมาตบบ่าผมแล้วแก้ตัว
     “เอาน่าต้น แม็กซ์ไปผับทีนึงจ่ายเยอะกว่านี้อีก”
     “ก็รู้ตัวนี่”
     “น่า นี่ไม่ได้ไปไหนทั้งเดือนเลย เก็บตังค์ไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยนะต้น เพื่อต้นคนเดียวเลย”
     “เออ เอาเถอะ เคลียร์เร็วๆ ละกัน อยากกลับละ”
     “งั้นเดี๋ยวแม็กซ์ไปส่งต้นเอง”
     ผมพยักหน้าให้แม็กซ์ในเชิงรับรู้ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วนี่ครับ แต่ผมห่วงไนน์มากกว่า
     “แล้วไนน์ล่ะ”
     “อ๋อ เดี๋ยวอาร์มกับกายมันจัดการเองแหละ”
     แม็กซ์ตอบแล้วยังอุตส่ามีน้ำใจหันไปถามเมษ
     “แล้วเธอล่ะ จะกลับพร้อมเราเลยรึเปล่า?”
     “อุ๊ยตาย! ใจดีจัง จะไปส่งเราด้วย นิสัยดีขึ้นเยอะเลยนะคะ”
     “อย่าลีลา จะไปไม่ไป”
     “แหม แซวเล่นนิดเดียวเอง ใจร้อนจริงพ่อคุณ เราก็ต้องกลับกับต้นอยู่แล้วล่ะ”
     เมษก็นะ... ไปเล่นกับแม็กซ์แบบนั้นเดี๋ยวก็โดนหรอก แต่ดีจังเลยครับ เพื่อนเก่าเจอหน้ากันแล้วไม่ตีกันตาย เฮ้อ...
     “โต้น”
     มาอีกแล้วเสียงน่ารำคาญ!
     “อะไรอีกล่ะไปป์”
     “เราปวดฉี่ ไปเป็นเพื่อนหน่อย”
     “ไปเองไม่เป็นเหรอไปป์”
     “น้า ไปกับเราหน่อย เราไม่รู้ห้องน้ำมันอยู่ไหน”
     นายเป็นเด็กเหรอไปป์! ไปป์ถึงขนาดมาเกาะแขนผมเลยด้วยซ้ำ แถมยังพยายามดึงผมไปด้วยกันอีก ทำไมไปป์ทำตัวแปลกจัง? เลยตามเลยก็ได้ครับ
     “อืมๆ งั้นเดี๋ยวเราไปห้องน้ำก่อนนะแม็กซ์ เมษฝากของหน่อยนะ”
     “ย่ะ”
     “อืม”

     ผมรู้แล้วว่าทำไมไปป์ถึงได้พยายามลากผมออกมาจากกลุ่มให้ได้ เพราะพอเดินออกมาแถวด้านหลังแล้วผมก็เจอเข้ากับผู้ชายวัยกลางคนรูปร่างสมาร์ทคนนึงยืนรอผมอยู่ ด้วยส่วนสูงตั้งร้อยแปดสิบห้าเซ็นติเมตรและหุ่นสมส่วนมีกล้ามพอประมาณ บุคลิคยามนิ่งแลสุขุมแต่กลับดูผ่อนคลายคล้ายคนขี้เล่นในยามยิ้มทำให้ใครต่อใครพากันจ้องมอง ทั้งๆ ที่อายุสามสิบกว่าแล้วแต่ยังดูดีอยู่เลย ผมไม่รู้ว่าพี่ชัชมายืนส่งยิ้มให้ผมอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้วรู้แต่ว่าแฟนของผมหล่อมากครับ!
     “ฝีมือนายเหรอไปป์?”
     “เง้อ เปล่านะ แฟนต้นเขาโทรมาถาม เราเลยบอก”
     “จะเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ ไปเลยไป๊”
     “ฮ่าๆ เราไม่อยู่เป็นกอขอคอกวนต้นหรอก ไปน้า”
     ผมเขินจนเก็บอาการไม่อยู่ได้แต่ยิ้มจนแก้มปริ ก็สายตาพี่ชัชน่ะหวานซะ... แม้ไปป์จะเดินหนีไปแล้ว แต่พี่ชัชกลับไม่ยอมเดินเข้ามาใกล้ผมก็เลยต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาพี่ชัชแทน
     “มาได้ไงครับ?”
     “มารับเมียสุดที่รักไงครับ”
     “ทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะครับ”
     “บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ แหมวันเกิดต้นทั้งทีพี่จะปล่อยให้เรากลับเองได้ยังไงครับ”
     “ผมไม่ได้กลับเองซะหน่อย แม็กซ์ก็อยู่”
     “หือ?”
     แย่แล้ว! ผมไม่ได้บอกพี่ชัชว่าแม็กซ์จะมากับผมด้วยวันนี้
     “เอ่อ... คือเรื่องมันยาวน่ะครับ พอดีเมื่อวานไนน์เค้า”
     “เราก็เลยชวนเพื่อนมาด้วยกันวันนี้แทน?”
     “แต่... แต่เมษก็มานะครับ พวกแม็กซ์กับเพื่อนๆ ตอน มอปลายผมมากันตั้งหลายคน เพราะไนน์เขาอยากมาด้วย ผมกลัวไนน์เหงาก็เลย...”
     ผมพยายามจะแก้ตัว ไม่รู้ว่าพี่ชัชจะเชื่อผมรึเปล่า แต่ในที่สุดพี่ชัชก็ยิ้มให้แล้วขยี้หัวผมเบาๆ
     “สุดที่รักของพี่มีแต่คนรักนะเนี่ย”
     ผมไม่รู้จะทำยังไงหรอกครับ กลัวพี่ชัชโกรธก็กลัว ผมไม่แน่ใจว่าพี่เขาไม่ว่าอะไรผมจริงๆ อย่างปากรึเปล่า ก็... นิสัยขี้หึงของพี่ชัชน่ะ ผมไม่คิดว่าพี่เขาจะยอมลงให้ไม่คิดอะไรง่ายๆ แบบนี้หรอกครับ โดยเฉพาะยิ่งถ้าเป็นแม็กซ์ด้วยแล้ว ครั้นจะอ้อนก็ติดว่านี่มันที่สาธารณะ ทำไม่ได้ ผมก็เลยได้แต่ยืนยิ้มแห้งๆ ให้หมาป่าขี้หึงของผม
     “ละนี่เราทานเสร็จรึยังครับ?”
     “เสร็จแล้วครับ พอดีผมมาเข้าห้องน้ำกับไปป์”
     “อ้าว พี่ก็ชวนเราคุยเพลินเลย ไปเข้าก่อนป่ะ?”
     “ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้ปวด ไปป์นั่นแหละลากผมมา”
     “แหม่ ไอ้เด็กคนนี้มันรู้งานดีจริงๆ พี่บอกมันว่าพี่มารอรับต้นอยู่ทางด้านหลัง มันก็พาต้นมาได้เวลาเป๊ะ”
     “เดี๋ยวนี้มีสายลับนะครับ!”
     “ทำไมละครับ กลัวพี่รู้ความลับเราเหรอ?”
     “อื้อ ผมไม่ได้มีความลับอะไรซะหน่อย!”
     ผมคงจะเล่นบทพ่อแง่แม่งอนให้พี่ชัชง้ออีกนิดหน่อยถ้าไปป์ไม่เข้ามาขัดผมซะก่อน
     “เสร็จแล้ว!”
     ไปป์พุ่งเข้ามาทำท่าจะมาจับไหล่ผมจากทางด้านหลัง แต่ขอโทษเถอะ เพราะเสียงที่นำมาก่อนผมก็เลยเบี่ยงตัวหลบไปยืนข้างหลังพี่ชัชได้ทัน
     “ล้างมือแล้วยังน่ะไปป์ ถ้าล้างแล้วก็เอาทิชชู่เช็ดสิ อย่ามาเช็ดกับเสื้อคนอื่นเขา”
     “ต้นใจร้าย เราอุตส่าบอกทางให้แฟนต้นมารับนะ!”
     “ไปเหอะ หายมานานแล้วกลับโต๊ะไปได้แล้ว”
     “อ้าวแล้วต้นล่ะ จะกลับเลยป่ะ?”
     “เอ่อ...”
     นั่นสิครับ แล้วผมจะเอายังไงดีล่ะ หวังว่าแม็กซ์คงไม่โกรธผมนะครับ
     “เดี๋ยวเราต้องไปเอาของก่อนสิ”
     “งั้นก็ไปกันหมดนี่แหละ เดี๋ยวพี่ไปช่วยถือ ได้ข่าวว่าได้ของขวัญเยอะเลยไม่ใช่เหรอครับ”
     พี่ชัชจะเดินไปที่โต๊ะกับผม!
     “เอ่อ... เอางั้นเหรอครับ”
     “ทำไมอ่ะ ไม่อยากให้พี่ไปด้วยเหรอ?”
     “คือ ไม่ใช่นะครับ! ผม...”
     จะทำยังไงดีละครับ ผมจะตอบพี่ชัชว่ายังไงดี แถมไปป์ยังอยู่ตรงนี้อีก ไปป์น่ะไม่เป็นไรหรอกครับ แต่คนอื่นๆ น่ะ...
     “ผมกลัวโดนแซวนี่นา”
     “ถ้าใครมันบังอาจแซวต้น เดี๋ยวป่านก็จัดการเองแหละ เชื่อเรา”
     “บ้าละไปป์!”
     มันไม่ใช่แค่เพื่อนในภาคผมน่ะสิครับ แม็กซ์น่ะผมไม่ห่วงหรอก คนที่ผมห่วงที่สุดน่ะ ไนน์ต่างหาก! ไนน์เกลียดพี่ชัชอย่างกับอะไรดี
     “งั้นพี่ไปรอที่รถก็ได้ รถพี่จอดอยู่ด้านหลังนะ”
     พอพี่ชัชพูดแบบนั้นแล้วทำท่าจะหันหลังเดินจากไปมือของผมก็คว้าเข้าที่แขนของพี่ชัชโดยอัตโนมัติ
     “ไปช่วยผมถือของหน่อยนะครับ”
     “คร้าบ ที่รัก”
     พี่ชัชยิ้มแล้ว เฮ้อ!
     แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด พอพวกเราเดินมาถึงโต๊ะ เพื่อนๆ แต่ละคนสะพายกระเป๋ารวมกลุ่มรอแยกย้ายกันไปอยู่แล้วล่ะครับ มีบ้างบางคนที่ไปห้องน้ำยังไม่กลับ แต่คนที่เหลือนี่มองผมกับพี่ชัชกับไม่วางตาเลย ผมชิงลงมือก่อนดีกว่า!
     “เอ่อ... ทุกคน นี่แฟนเราเอง”
     เพราะบุคลิคกับการแต่งตัวของพี่ชัชที่ดูก็รู้ว่าเป็นวัยทำงาน เพื่อนๆ ผมทุกคนเลยพร้อมใจกันยกมือไหว้ ยกเว้นแค่ไนน์ และกายที่ไม่สนใจคนอื่น ส่วนแม็กซ์... แม็กซ์มองหน้าพี่ชัชแล้วพยักหน้าให้เหมือนทุกที ผมเดินเข้าไปหาแม็กซ์ แต่แม็กซ์ชิงพูดขึ้นซะก่อน
     “เออ งั้นเดี๋ยวแม็กซ์กลับเลยละกันนะ จะไปค้างบ้านอาร์มมัน พอดีกายมันยืมรถไปส่งเพื่อนต้นอ่ะ”
     ผมกำลังคุยกับแม็กซ์ ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไรแม็กซ์ ผมว่าแม็กซ์ที่ชิงออกตัวก่อนผมน่ะเร็วแล้วนะครับ แต่ใครจะไปคิดไนน์เองก็เร็วไม่แพ้กัน
     “เอาเปรียบต้นอยู่ได้ เมื่อไหร่จะเลิกกันซะที ไม่รู้ตัวเหรอว่าที่บ้านต้นไม่มีใครเขาอยากให้ลุงคบกับต้น”
     ไนน์! ผมหันไปหาไนน์ แต่กายเข้าถึงตัวไนน์แล้วและกำลังยืนปิดปากไนน์อยู่ พี่ชัชของผม! ต้องขอบคุณที่พี่ชัชของผมเป็นผู้ใหญ่พอ แต่ผมรู้ได้เลยว่าแม้บนหน้าพี่เขาจะยิ้มแต่เส้นที่ขมับขึ้นแล้วครับ แม้แต่เมษยังตกใจจนเผลอเอามือทาบอก
     “เฮ้ยต้น กูลาล่ะ เอากุญแจรถมาดิวะ”
     แล้วผมก็เห็นอาร์มล้วงกุญแจรถโยนไปให้กายๆ รับแล้วก็รีบลากไนน์ออกไปทันทีเลยครับ ส่วนเพื่อนๆ ผมนี่ ยืนค้างพูดอะไรไม่ออกกันหมดทุกคน ผมเองยังกลัวเลย
     “ของมีแค่นี้รึเปล่าครับ? น้องเมษ”
     “คะ!”
     “กระเป๋ากับของขวัญของต้นมีแค่นี้รึเปล่าคร้าบ ใจลอยนะเรา มองหนุ่มๆ เพลินรึไง”
     “แหมคุณพี่ก็!”
     “งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวพาแฟนกลับบ้านก่อนนะครับ ละเดี๋ยวพรุ่งนี้จะส่งคืนให้ทันเข้าเรียนคาบเช้านะ”
     แฟนของผมหันไปส่งสายตาพูดกับเพื่อนๆ ผมด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีขี้เล่น ใบหน้ายิ้มแย้มนั่นผมดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่การจงใจปั้นแต่งมาแน่ๆ ครับ พี่ชัชของผมไม่ได้ใช้โหมดตอแหลเวลาทำงาน แต่ใบหน้าแบบนี้มันชอบมาพร้อมๆ กับคารมที่ทำให้ผมต้องอายม้วนทุกครั้ง พี่ชัชหันมามองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แล้วส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะพล่ามต่อ
     “ไม่ไหวอ่ะ มารอรับเมียกินบุฟเฟ่ต์ตั้งนานยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย แถมไม่รู้ว่าคืนนี้กลับไปจะมีอะไรกินรึเปล่า ต้นจะทำกับข้าวให้พี่ไหวมั้ยครับเนี่ย?”
     “พี่ชัชครับ!”
     ผมโมโหครับ พี่ชัชจงใจเล่นมุกบ้าๆ แบบนี้ได้ยังไง แล้วที่สำคัญ สายตานั่นมันไม่ได้ดูเหมือนคนหิวข้าวเลยแม้แต่น้อย!
     “ฮ่าๆ พวกน้องอยู่กับต้นทำใจหน่อยนะ แฟนพี่มันขี้โมโห แถมยังชอบบ่นได้ทุกเรื่อง ดูดิๆ ชอบขึ้นเสียงตวาดใส่คนอื่นอ่ะ”
     ผมกำหมัด! ผมได้แต่กำหมัดแล้วพยายามข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ ถ้าเป็นที่ห้องละก็ ผมจะจัดการพี่ชัชแน่ๆ แต่พี่ชัชกลับไม่สำนึก เลื้อยเอามือมาโอบไหล่ผมแทน ผมเดือดปุดๆ แล้วครับ!
     “แต่ไงพี่ฝากต้นน้ำกับพวกน้องด้วยนะครับ พี่ทำงานไม่ค่อยมีเวลาดูแลต้นเท่าไหร่ แถมพี่แก่แล้วด้วยบางครั้งก็ไม่เข้าใจวัยรุ่น พวกน้องๆ อายุเท่าๆ กันน่าจะคุยกันได้ง่ายกว่า”
     “ไม่ต้องห่วงคร้าบ ผมจะดูแลต้นให้พี่เอง! รับรองเลยคร้าบ”
     แล้วนายจะยืนตะเบ๊ะหาอะไรไม่ทราบน่ะไปป์!
     “พูดพอรึยังครับ ไหนว่าหิวไง กลับกันได้แล้วครับพี่ชัช!”
     หนนี้ผมโกรธจริงๆ นะ พี่ชัชพูดมากเกินไปแล้ว!
     “หือ งอนใหญ่แล้วอ่ะ โอเคๆ งั้นพี่กลับก่อนนะ”
     ยังมีหน้าหันไปโบกมือบ๊ายบายให้เพื่อนๆ ผมอีกนะครับ!
     “เมษ ไปกันเหอะ!”
     ผมอายครับ อายสุดๆ ไปเลย แล้วพรุ่งนี้ผมจะไปเรียนได้ยังไงละครับ เพราะไม่รู้จะทำยังไงก็เลยได้แต่คว้ามือเมษแล้วก็เดินหนีออกมาทันที
     “โอ๊ะแก นังต้น! โอ้ย คุณพี่ขา ฝากหยิบถุงคิตตี้ของหนูตามมาด้วยนะค้า แกช้าๆ ฉันเดินตามไม่ทัน นังต้น!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


น้องไปป์น่ารักสุดใจขาดดิ้น อ๊าย!  :give2:
แต่สุดท้ายพี่ชัชกินขาด เฮียแกโผล่มาแบบไม่คาดคิดชิมิ? นิยายเรื่องนี้ชอบสับขาหลอกเขียนให้พระเอกหายหัวแต่โผล่มาปิดท้ายเนอะ บางทีพี่ชัชควรจะเปลี่ยนจากอาชีพเซลล์เป็นตำรวจ อิๆ คารมพี่แกนิ่งจริงๆ

ชอบเพื่อนคนอื่นๆ ในภาคมั้ยเอ่ย? ปลื้มเหล่าทะโมนแห่งภาคฟิสิกส์กันมั้ย? ชอบใครคนไหนบ้าง
เราว่าน้องถังข้าวโมเอ้น้า หนุ่มน้อยติดอ่างคนซื่อลูกเจ้าของโรงสีใหญ่จากอยุธาแต่ดันมาจับคู่กับเสียงนรกขี้หลีอย่างนอยซ์ นี่มัน....! อย่าคิดนะอย่าคิด เชื่อสิถ้าคุณเป็นสาววาย โมเม้นแบบนี้ยังไงคุณก็ต้องคิด! :o8:

ขอบอกว่าแต่งอีพวกทะโมนพวกนี้ยากนรกแตก 21 ชีวิต! ที่ต้องมีคาแรคเตอร์ไม่ซ้ำ แถมยังต้องมานั่งจับกลุ่มพวกมันให้เป็นเซ็ทสนิทอีก การอ่านการ์ตูนและเล่นเกมช่วยได้เยอะจริงๆ มีตัวอย่างไทป์แปลกๆ มาใส่เพียบ เอะเดี๋ยวสิ... นี่มันนิยายนะไม่ใช่เกมจีบหนุ่ม! หรือควรจะเป็น เกมเอาหนุ่มๆ มาจีบน้องต้น?

ออฟไลน์ Sbatandty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
จะมาอีกมั้ย

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ผู้เห็นเหตุการณ์

     “อ้าว! ไปซะละ ละพวกเราเอาไงดีวะแม็กซ์?”
     “เอาไงล่ะมึง ก็กลับดิ จะอยู่ทำซากอะไร”
     “เออ กลับก็กลับ แต่... กูมีเรื่องจะบอกว่ะ”
     “ไรของมึงอีกเนี่ยสัสอาร์ม”
     “อย่างเพิ่งโมโหสิว้า แค่ได้มานั่งกินข้าวกับต้นในวันเกิดมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”
     “หุบปากไปเลยมึง!”
     “เออๆ กูก็แค่หวังดีอยากปลอบมึง ไม่พูดก็ได้วะ แต่ประเด็นคือกูเอากุญแจรถกูให้กายไป มึงต้องไปส่งกูก่อน”
     “อาร์ม วันนี้กูไปนอนบ้านมึง แล้วเดี๋ยวกายมันก็ต้องกลับมานอนบ้านมึง แล้วมึงคิดว่าไงวะ?”
     “อ้าว แล้วก็ไม่บอกกูแต่แรก”

     “ฉันเพิ่งเคยเห็นแฟนต้นใกล้ๆ อ่ะแก๊”
     “แล้วไงล่ะป่าน แก่จะตายอ่ะ ไม่รู้ต้นชอบเข้าไปได้ยังไง เกรียนมากอ่ะ”
     “ว่าแฟนเพื่อนแบบนั้นไม่ดีนะจ้ะเมย์ ถ้าต้นมาได้ยินเข้าจะเสียใจนะ”
     “แต่ฉันว่าแก่แต่ยังโออยู่นะแก ดูอบอุ่นอ่ะ แถมยังขี้เล่นเป็นกันเอง โอ๊ยอิจฉาต้น!”
     “ใช่ม๊า! เราบอกพวกเธอแล้วว่าแฟนต้นอ่ะสุดยอด!”

     “มิว เฮ่ย.. มิวนิค!”
     “เป็นไรวะมึง ยืนทำใจอยู่เหรอ?”
     “คนแบบนั้นมีดีตรงไหนวะ! แก่ก็แก่แถมยังหล่อสู้กูไม่ได้ พูดถึงหุ่นกูก็ล่ำกว่าเยอะ”
     “ก็ดีกว่ามึงตรงความแก่นี่แหละ ขิงแก่ไงมึง เผ็ดซี้ด! เขาอาจไปซ้าดกันบนเตียงก็ได้นะมึง ไม่เห็นเหรอ เชี่ยต้นยืนเขินจนแทบบิดอ่ะ มันหน้าแดงตลอดเวลาเลยด้วย กูเพิ่งเคยเห็นมันวีนแล้วน่ารักก็วันนี้แหละ”
     “จากการวิเคราะห์ของกู กูว่าต้นหลงคารมชัวร์! แก่เก๋าคารมดี ต้นจะไปไหนรอด เมื่อกี้มึงเห็นป่ะ ต้นแทบจะละลายอยู่แล้ว”
     “กูไม่เข้าใจรสนิยมต้นเลยจริงๆ”
     “พวกกูก็ไม่เข้าใจมึงโว้ย!”

     “พวกมึงว่าแฟนต้นจะรู้เรื่องอะไรมารึเปล่าวะ?”
     “ไม่รู้ก็บ้าแล้ว มีสายสืบอย่างไอ้ไปป์ทั้งคน”
     “มึงว่าที่พี่เขาออกตัวจะหมายถึงพวกเรารึเปล่าวะ?
     “พวกมึงสองคนคิดมากไปแล้ว พี่เขาก็แค่พูดฝากต้นธรรมดาๆ เขาคงรู้นิสัยกันแหละ พวกมึงก็เห็น ต่อหน้าเพื่อนยังไม่ไว้หน้าแฟน ไม่รวมถึงว่าแฟนมันแก่กว่ามันด้วยนะ”
     “แต่กูว่าแฟนมันก็เอาเรื่องนะ ชัดถ้อยชัดคำเลยมึง เฉลยไม่ให้พวกเราคาใจแถมยังออกอาการหวงสุดๆ”
     “ละถ้าพี่เขาธรรมดาๆ จะเอาไอ้ต้นอยู่ได้ไงวะ แต่ยอมรับนะ พอรู้แบบนี้แล้วกูสบายใจขึ้นเยอะเลย”
     “นั่นดิ กูก็คิดนะว่าอย่างไอ้ต้นคงไปปล้ำใครไม่ได้หรอก แต่วันนี้กูชัดละ มึงหัวเราะไรวะอัฐ?”
     “ฟังที่พวกมึงพูดแล้วขำดี”
     “มึงขำไรพวกกู?”
     “ใจเย็นๆ น่ะอาร์ท กูถามพวกมึงตรงๆ นะ ตอนที่มึงยังไม่แน่ใจว่าต้นเป็นแบบไหน พวกมึงระแวงต้นกันใช่มั้ย แต่พอรู้แล้วทำไมพวกมึงถึงหายกังวลล่ะ มึงไม่ได้ระแวงต้นกันแล้วเหรอ? หึ ทั้งที่ต้นมันก็ยังเป็นคนเดิม ขี้วีนเหมือนเดิม ทำไมพวกมึงเลิกเบื่อนิสัยแบบนี้ของมันแล้วล่ะวะ?”
     “มึงต้องการจะสื่ออะไรกันแน่”
     “ก็สื่อว่าพวกมึงมันอคติไง สำหรับกูต้นจะเป็นเกย์แบบไหน มันก็เป็นเพื่อนที่ชอบทำตัวดราม่าในสายตากูอยู่ดี กูคุยกับมันตามปกติ แต่พวกมึงอ่ะ เพราะระแวงเลยเผลออคติกับมัน แต่พอสบายใจแล้วอคติลดลงพวกมึงก็เลิกจับผิดมัน”
     “เออ... กูไม่ได้เป็นคนใจกว้างเหมือนมึงนี่หว่า”
     “ก็ทำซะสิวะ ไปสอนมัน แต่ไม่ทำเอง ฮ่าๆ”

     “เฮ่ยๆ เมื่อกี้มีไรกันเหรอ?”
     “แฟนต้นมารับมันกลับบ้าน”
     “เฮ้ยจริงดิ? หน้าตาเป็นไงวะ กูไม่ยังไม่เคยเห็นเลย”
     “ก็คนไงมึง จะมาถามไรกูล่ะอยากรู้มึงไปถามไอ้ไปป์ดิ”
     “กูแค่ถาม มึงจะหงุดหงิดทำไมวะ?”
     “พวกกูนั่งอยู่ตรงนี้คงเห็นหน้าชัดหรอก มึงไม่ไปถามไอ้กลุ่มโน้นมันอ่ะวะ”
     “เออๆ โทษที ลืมนึกไป ละนั่นมิวนิคเป็นไรวะ?”
     “คุณคิวว์ที่เคารพครับ กูจะไปรู้กับมันเรอะ!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     “พี่ชัชนะพี่ชัช ทำแบบนี้ได้ยังไงครับ”
     หึๆ พอเข้าห้องได้มันก็เปิดปากบ่นผมทันที ทีเมื่อกี้ตอนน้องเมษอยู่ล่ะ ทำเป็นงอนนั่งนิ่งคุยกับเพื่อนไม่สนใจผัว รักหน้ายิ่งชีพจริงๆ เมียผม
     “พี่ทำอะไรครับ?”
     “ก็... ไปพูดแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นได้ยังไง ผม... ผมอายเขา”
     “อายเรื่องอะไรครับ อายที่มีแฟนแก่ หรืออายที่เป็นเมียพี่”
     “มะชะ-
     “อายเรื่องที่พี่รู้ว่าเรามีปัญหากับเพื่อน?”
     นั่นๆ มันเม้มปากท่าทางขัดใจ เถียงไม่ออกล่ะสิที่รัก บางทีผมก็นึกขำนิสัยแบบนี้ของมันนะ จะรักศักดิ์ศรีอะไรขนาดนั้น เรื่องบางเรื่องมาปรึกษาผมบ้างก็ได้ เหมือนเด็กสอบตกแล้วพยายามซ่อนสมุดคะแนนไม่ให้พ่อแม่รู้เลยครับ
     “ไม่เอาแล้วครับไม่คุยแล้ว พรุ่งนี้ผมต้องไปเรียนแต่เช้า พี่ชัชจะทานอะไรครับ ผมจะได้ทำให้”
     พอเถียงแพ้มันก็เปลี่ยนเรื่องเนียนๆ หน้าตาเฉย หึๆ ไอ้ต้นเอ้ย ไอ้เด็กเลี้ยงแกะของผม
     “ง่วงก็ไปอาบน้ำนอนเถอะคร้าบที่รัก พี่อุ่นของในตู้เย็นกินได้”
     “ข้าวผัดใส่ไข่กับหมูสับ ทานได้นะครับ ผมจะทำให้”
     ทั้งๆ ที่ปากก็บ่นบอกจะรีบนอน แต่มันพับแขนเสื้อขึ้นเตรียมทำมื้อดึกให้ผมซะงั้น มีเมียแบบนี้รักตายเลย ขอพี่ลวนลามเราหน่อยเถอะ!
     “พี่ชัช? เอ๊ะ! อย่ามาเกะกะสิครับ ไหนว่าหิวไง?”
     “ก็พี่อยากกอดเรานี่นา ขอกอดหน่อยดิ วันนี้ยังไม่ได้ชื่นใจเมียเลย”
     “ไม่เอาอ่ะ ผมตัวเหม็น มีแต่กลิ่นควัน”
     “ต่อให้ต้นตัวเหม็นกว่านี้พี่ก็จะจูบเรา มานี่เลย มาให้พี่ชิมดิว่าเย็นนี้เรากินไรไปบ้าง”
     “อื้อ...
     ผมก็ไม่ได้กะจะจูบบิ๊วอะไรมากหรอกนะครับ แต่พอได้จูบแล้วมันก็ติดลม แต่นัวเนียกันได้แปปเดียวไอ้ต้นก็ทำท่าจะแย่ซะแล้ว
     “อุ๊บ!”
     มันผลักผมออกโคตรแรงแล้วรีบวิ่งไปห้องน้ำ เสียงโอ้กอ้ากดังมาเป็นระยะ ผมตามเข้าไปดูก็เห็นต้นนั่งคอพับคออ่อนอยู่ตรงโถส้วมกำลังอาเจียนเอามื้อเย็นของตัวเองออกมาจนหมดไส้หมดพุง ผมเลยเปิดน้ำใส่แก้วยื่นให้มันล้างปาก แต่แทนที่มันจะรับไปกลับเงยหน้าขึ้นมาด่าผม
     “ทีหลัง แฮ่ก เวลาผมกินอิ่มๆ มา แฮก ห้ามเลยนะครับ! แฮ่ก ห้ามพี่ชัชมาจูบผมแบบนี้อีกเด็ดขาด!”
     นั่นมีด่าผมอีก ฮ่าๆ
     “ขอโทษคร้าบที่รัก”
     “คนเขากินอิ่มๆ มา ใครให้มาจูบผมแบบนั้น เสียดายอ่ะ”
     อีแก่ขี้บ่นของพี่เอ้ย...
     “อาบน้ำนอนเหอะต้น พี่ดูแลตัวเองได้ครับ”
     แล้วผมก็พยุงมันให้ไปอาบน้ำนอน ระหว่างนั้นก็อุ่นอาหารแช่แข็งกินสิครับ โคตรหิวเลย คิดแล้วก็น่าเศร้านิดๆ นะครับ วันเกิดเมียแต่ต้องมานั่งอุ่นอาหารแช่แข็งกินคนเดียว หึๆ รีบกินแล้วรีบไปอาบน้ำนอนดีกว่าครับ อยากกอดเมียเต็มทนแล้ว เชื่อได้เลยว่าแม่งต้องงอนผมเพิ่มอีกคดีชัวร์ ฮ่าๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อาจบ... ตอนสุดท้ายของบทนี้แล้วจ้า เป็นไงกันบ้าง? สนุกสนานกันมั้ย ปาร์ตี้วันเกิดของต้นน้ำ ว่าแต่อิพวกนี้มันไปกินหมูกะทะเจ้าไหนกัน? เอาน่า คงอารมณ์เลี้ยงรุ่นแหละ ถ้าเป็นนิยายเรื่องอื่นปิดโรงแรมเลี้ยงไปแล้น! ปิดท้ายบทด้วยฉากพ่อแง่แม่งอนแหละ หึๆ


เรื่องในภาค2 มาครึ่งทางแล้ว อยากสอบถามคนอ่านหน่อยว่าคิดยังไงกับคุณน้องต้นและเฮียชัช?

โจทย์ต้นน้ำที่เราคิดไว้แต่แรกเลยนะคือ ตุ๊ด แต่เราก็แอบดีไซน์ว่าเป็นตุ๊ดแนวๆ กะเทยเรียบร้อยนะ คือไม่แรงตัวแม่อะไรแบบนั้น

เราไม่อยากได้นิยายโลกสวยที่มีข้ออ้างประมาณว่า คุณเป็นผู้ชายนะ แต่แค่คนที่คุณรักเป็นผู้ชายคุณเลยกลายเป็นเกย์
คือเกย์ก็เกย์อ่ะ จะชอบผู้ชายก็ชอบไปเหอะ ไม่ต้องมาแอ๊บ ความจริงแล้วเราไม่ได้แอนตี้เพศที่สามน้า ความรู้สึกเป็นเรื่องของหัวใจก็จริงแต่ถ้ามีเรื่องทางร่างกายเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วมันโอเคก็เลิกหลอกตัวเองเถอะ ต่อให้ไม่ใช่เกย์ขาข้างนึงก็เหยียบเข้ากลุ่มไบไปละ อย่าฝืนเรียกตัวเองว่าชายแท้อีกเลย
เราเลยค่อนข้างจะเบื่อนิยายแอ๊บแมน เมะชนเมะแต่โมเม้นสาวน้อย ตัวเอกแม๊นแมนนะเธอแต่นิสัยมุ้งมิ้ง เบื่อนิยายพวกนั้นมาก ชอบแปะป้ายโฆษณาเวอร์เกินทั้งที่เนื้อหามันไม่ใช่! จะเขียนตัวเอกหวานละมุนอารมณ์สาวน้อยก็เขียนไปฉันอ่านได้ จะเขียนแรดนางพญาสวนดอกไม้ก็เขียนไปชอบอ่าน แต่ขอเถอะ อย่าคิดเอาเองว่าแมน มันไม่ใจ๊อ่ะ!

ดังนั้นน้องต้นเราเลยสาวแตก แหะๆ... เหมือนเก็บกดอยากได้ตัวเอกสาวๆ สักตัวแล้วดูปฏิกิริยาคนอ่าน
แต่ในความสาวของต้นเราก็ต้องมานั่งดีไซน์คาแรคเตอร์อีกว่าควรจะสาวแบบไหน จริตฮีอีก พื้นฐานฮีโตมาแบบไหน ได้รับการอบรมเลี้ยงดูยังไง ต้นสาวแค่ไหนถึงไม่ขัดกับปูมหลัง แล้วก็สังคมรอบข้างจับไม่ได้ ที่สำคัญต้องสาวจริงแบบไม่ใช่สาวโชโจหรือสาวตามการ์ตูนบอยเลิฟด้วย เรียลจนสามารถจินตนาการว่ามีเกย์แบบนี้อยู่จริงๆ
ส่วนพี่ชัชนี่ง่ายกว่ามาก เฮียแกเป็นตัวแปรที่ไหลตามต้นน้ำเลย คำว่าผู้ชายขี้เอานี่จบได้หมดทุกปัญหา คนพวกนี้ขอแค่ได้เอาก็พอ (แอบให้อิมเมจแมงดาเกาะกะเทยนิดๆ)

แต่ต้นไม่ได้แปลงเพศ คือยังมีดุ้น ยังเป็นผู้ชาย ตรงนี้แหละปัญหา เราต้องทำยังไงให้พี่ชัชเปิดใจรักต้นน้ำที่เป็นผู้ชายให้ได้ คำตอบมันมีอย่างเดียวคือทำให้พี่ชัชรู้สึกว่าต้นไม่ต่างอะไรกับผู้หญิง แล้วพี่ชัชจะให้โอกาสต้นเอง ความดีมันชนะใจเฮียแกอยู่แล้ว แต่ผู้ชายแท้ๆ ที่ไหนจะอยากเสี่ยงกับ"เกย์" ต้นถึงต้องเป็นฝ่ายยอม ดังนั้นเมื่อต้นกลายเป็นรับออริจินัล ต้นเลยน่าจะเข้าไทป์ตุ๊ดมากกว่าเกย์
ตรงจุดนี้จะมีปมเรื่องพ่อกับเรื่องครอบครัวมาเสริมด้วย โดยเฉพาะปมเรื่องลุงที่เป็นเกย์กับปมที่โดนล้อสมัยเด็กๆ ว่าเป็นลูกตุ๊ด ไม่มีใครอยากเล่นด้วย แต่เพราะเกิดเป็นลูกชาย เลยต้องทำตัวให้เป็นลูกชายที่ดีของแม่น้ำ ไม่อยากให้แม่กับลุงผิดหวัง แต่ในภาพฝันคืออยู่กับผู้ชายที่เป็นพ่อของลูกซะงั้น อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น

ตัวละครต้นน้ำจะประมาณนั้น คือก็มีความดีกับความอดทนเป็นที่ตั้งละนะ พี่ชัชถึงได้หลงหัวปักหัวปำ แต่จะมีมุมแอบแรด แอ๊บตอแหล ใส่หน้ากาก แอบร้ายนิดๆ ตรงนี้เรามองต้นเป็นคาแรคเตอร์ไทป์ดอลมาสเตอร์ คือตีหน้าซื่อให้คนอื่นออกหน้าแทนตลอด ในความน่าหมั่นไส้ฮีจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้คนรู้สึกอยากปกป้อง ยอมตายแทนฮี แต่ในกลุ่มคนที่เกลียดก็จะเกลี๊ยดเกลียดนาง ในกลุ่มคนที่รักก็จะให้อารมณ์แบบปล่อยมือจากนางไม่ได้ คนอ่านๆ แล้วรู้สึกประมาณนี้รึเปล่าเอ่ย?

ส่วนพี่ชัช ในความแย่ของเฮียแกเราก็ต้องใส่อะไรลงไปให้ต้นยอมตายเพื่อพี่แก คือเราตั้งเป้าไว้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องมีเสน่ห์นะ ต้องอบอุ่น ขี้เล่น แล้วก็มีอะไรบางอย่างที่ตอบโจทย์ต้นน้ำ คือมีความเป็นผู้นำ ให้ภาพของพ่อบางส่วน แต่ต้องกะล่อนนิดๆ มีบุคลิคแบบเซลล์อะ พวกปลาไหล แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีนิสัยแย่ๆ แบบที่ตัวเองไม่รู้ตัวว่าแย่แต่คนรอบข้างขี้เกียจทน เช่นเรื่องความไม่ใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ พี่ชัชต้องเป็นผู้ชายแบบที่สาวๆ ยอมตายเพื่อให้ได้ครอบครอง แต่ได้มาครองแล้วจะถือไว้ได้นานรึเปล่าอีกเรื่องนึง ฮ่าๆ

ดังนั้นเวลาเราเขียนบทพี่ชัชมันเลยแอบยากนิดๆ คือถ้าเป็นเมะทั่วๆ ไปก็เขียนให้มันเท่เข้าว่า เก็กเท่ ทำอะไรเท่ๆ ได้ แต่กับพี่ชัชความเท่มันไม่ได้มาจากการเก็กอ่ะ เสน่ห์ของแกต้องมาจากธรรมชาติในตัว ต้องพยายามปั้นให้ได้แบบนั้นมันถึงจะได้อารมณ์ผู้ชายกะล่อน เราเลยมองว่าเสน่ห์ของผู้ชายแบบนี้น่าจะอยู่ที่คำพูด คนอ่านๆ แล้วรู้สึกถึงเสน่ห์ของพี่ชัชรึเปล่า?

เราตั้งใจปั้นคาแรคเตอร์ 2 ตัวนี้มากเลย ขอบอกว่าโคตรยากกกกก เป็นนิยายเรื่องแรกที่ตั้งใจมาก ตอนเขียนพี่รุกข์ง่ายกว่านี้เยอะ คือเขียนให้เก็กเท่มันง่าย ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องตีความนิสัยตัวละคร แค่ตั้งเป้าไว้ว่าตูจะเขียนนิยายที่เมะเท่ๆ แค่นั้นแล้วก็เขียนออกมา แต่กับสองตัวละครนี้เราต้องมานั่งดีไซน์อีกว่าการกระทำแต่ละอย่างมันสมเหตุสมผลมั้ย? คนนิสัยแบบนี้เจอเรื่องแบบนั้นจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะทำแบบนั้นมั้ย? ปวดหัวสุดๆ
ถ้าจะมีใครที่เขียนง่ายก็คือแม็กซ์อ่ะ แม็กซ์นี่ไม่ต้องคิดมากเลย เพ้ออะไรไว้ คิดว่าอันไหนเท่ เราสามารถใส่ไปได้เลย คือเป็นคาแรคเตอร์แบบพระเอกอยู่แล้ว ขี้เก็ก แมน หล่อ รวย เอาแต่ใจคุณชายเกาหลี เสป็กมาแบบนี้ทุกอย่างจบ ไม่ต้องถามหาเหตุผลมีความเมะเป็นที่ตั้งพอ!
พอมานั่งเขียนไปป์ คนนี้ก็แอบง่าย คิดแบบการ์ตูนๆ เวอร์ๆ เขียนให้อารมณ์แบบลูกหมาน้อย ร่าเริง ไม่คิดมาก อาร์มจะซับซ้อนขึ้นมาอีกระดับ แต่ก็ยังง่าย ที่ยากนี่คือต้นน้ำกับชัยชัชจริงๆ

ถึงตอนนี้คนอ่านคิดยังไงกับคาแรคเตอร์ในนิยายเรื่องนี้เอ่ย? มีเสน่ห์พอมั้ย?
ฉากสวีทหวานกุ๊กกิ๊กพอมั้ย? ใช้ได้รึเปล่า หรือยังหวานไม่พอ? ยังทำคนอ่านจิกหมอนไม่ได้
แล้วฉากอย่างว่าล่ะโอเคมั้ย? เขียนใช้ได้รึเปล่า? บทเข้าๆ ออกๆ ของพี่ชัชกับน้องต้นอ่านแล้วคิดยังไง เรียลมั้ย? วารีดำเนินมั้ย? ฟินมั้ย? หรือจืดชืดไร้อารมณ์

เข้าใจว่านิยายเรื่องนี้คนเม้นท์น้อยมาก แต่กราบล่ะ ช่วยตอบกันหน่อยนะ ใครไม่ชอบออกสื่อหลังไมค์ก็ได้จ้า เราจะได้เก็บข้อมูลไว้เผื่อเขียนนิยายเรื่องหน้าเราจะได้ปรับปรุงงานของเราได้
เราพยายามดีไซน์งานของเราแล้วเขียนออกมาแต่เราอยากรู้ว่าคนอ่านรับรู้ในสิ่งที่เราสื่อไปได้รึเปล่า หรือเขาอ่านสารของเราแล้วรู้สึกไปอีกอย่าง คงไม่ขอกันเกินไปใช่มั้ยอ่า...


ไหว้ละขอรับ!  o1

ออฟไลน์ Sbatandty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
เราชอบนิสัยตัวละครทั้งต้น และพี่ชัชนะมีเอกลักษณ์ดี เนื้อหาโดยรวมที่เราอ่านเราว่าสนุกดีนะ :mew1:

ออฟไลน์ patta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เราชอบนะ ทั้งบุคลิก นิสัยของต้นน้ำกับชัยชัช โดยเฉพาะพี่ชัช มันดูเป็นคนจริงๆที่เราเจอได้ทั่วไป ไม่ต้องดีอะไรมากมาย ชอบเนื้อเรื่องมากๆด้วย ชอบคนเขียนด้วยที่ถึงจะเม้นน้อยแต่ก็ยังมาอย่างสม่ำเสมอ o13  จะติดตามต่อไปนะ :mew1:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 12

ลูกแมวเหมียว&พญาเหยี่ยว

     “มานี่เลยยัยเตี้ย”
     ไนน์ถูกกายลากไปที่รถของอาร์มอย่างขัดขืนไม่ได้ เธอถูกกายจับยัดผลักเข้าไปในรถอย่างไร้การทะนุถนอมแถมชายหนุ่มยังเล่นบทโหดขึ้นรถตามมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้ด้วยท่าทางดุดัน ที่นั่งผู้โดยสารแบบเบาะรถซิ่งทำให้เธอขยับตัวลำบาก เข็มขัดนิรภัยพวกนี้ก็ไม่คุ้นเอาเสียเลย เธออาละวาดไม่ได้ดังใจนึก!
     “ปล่อยนะ ใครจะไปกับนาย เค้ากลับเองได้!”
     “อยากกลับถึงบ้านแบบครบสามสิบสองป่ะ นั่งนิ่งๆ ทำตัวดีๆ ซะ”
     สายตาจริงจังประกอบกับการที่ต้องอยู่ตามลำพังสองต่อสองในรถชวนให้ไนน์ไม่กล้าลองดี
     กายเองก็ความอดทนต่ำพอๆ กับแม็กซ์นั่นแหละ!
     “ขี้บังคับ ชอบบงการ นิสัยเสีย ปากไม่ดี”
     เมื่อสู้ไม่ได้สาวน้อยก็เปลี่ยนวิธีใหม่ เสียงบ่นลอยตามลมดังขึ้นเบาๆ
     “ปากตัวเองดีนักนี่ แทนที่จะมัวแต่บ่นไร้สาระเอาปากมาทำอะไรที่มันสร้างสรรค์กว่านั้นหน่อยดีป่ะ”
     คำพูดโต้กลับของคนขับรถชวนให้ไนน์แก้มร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์บางอย่างในอดีต
     “ไอ้ปากหมา อย่ามาพูดทุเรศๆ นะ!”
     กายงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่แล้วเมื่อนึกขึ้นได้เขาก็หลุดหัวเราะออกมา
     “เหอะๆ ถ้าจะทำแบบนั้นเลี้ยวรถเข้าโรงแรมง่ายกว่าป่ะ มัวแต่ด่าอยู่นั่นแหละ จะให้ไปส่งที่ไหนล่ะยัยเตี้ย?”
     “อ้าว! ละไหนบอกจะไปส่ง?”
     “เออ ก็จะไปส่งอยู่นี่ไง แต่เรารู้จักบ้านเธอซะที่ไหน บอกทางมาสิ”
     “เฮอะ!”
     “ดูกาลเทศะมั่ง อย่ามัวแต่ทิฐิได้ป่ะ ทำอะไรดูเวลาหน่อย”
     ประโยคสุดท้ายนั้นไนน์รู้ดีว่ากายหมายถึงเรื่องอะไรจึงอดไม่ได้ที่จะเถียง
     “พูดมาก! คิดว่าตัวเองเป็นใครมาสอนคนอื่นเค้า”
     “ก็เป็นคนที่มีมารยาทดีกว่าเธอก็แล้วกัน อย่างน้อยๆ เราก็ไม่ล้ำเส้นฉีกหน้าแฟนเพื่อนไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่”
     “ฮึ! ผู้ใหญ่แย่ๆ”
     “จะแย่ไม่แย่ก็เป็นแฟนเพื่อนเธอ คนเขารักกัน เธอจะไปสอดทำไม”
     “ทำอย่างกับเพื่อนตัวเองดีนักนี่! แล้วทีเพื่อนนายคอยตามต้นตลอดล่ะ!”
     “แล้วเธอเห็นแม็กซ์มันทำอะไรแฟนต้นมั้ย!”
     “ถึงงั้นก็เถอะ แน่จริงก็อย่าลำเอียงสิ! ด่าเพื่อนตัวเองด้วยสิเรื่องอะไรมาว่าแต่เค้า!”
     “ก็แล้วไอ้แม็กซ์มันปากเสียแบบเธอมั้ยล่ะ มันรู้จักที่ของตัวเองไม่ทำให้ต้นลำบากใจแบบเธอหรอก”
     “นายรู้ได้ยังไง แม็กซ์เกรียนจะตาย ไอ้ที่กลับมาวอแวกับต้นอาจจะคิดไม่ดีรอแทงข้างหลังแฟนต้นอยู่ก็ได้ มันก็เหมือนกันนั่นแหละ เพื่อนนายไม่ใช่คนดีซักหน่อย!”
     “เออ! แม็กซ์มันรักต้น! มันยังชอบต้นอยู่ แต่อย่างน้อยๆ มันก็รู้ดีว่าต้นรักแฟนมันมาก มันรู้ที่ของตัวเอง รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ไปยืนด่าเขา ไม่เหมือนเธอ! เธอไม่รู้หรอกมันอดทนข่มใจตัวเองเพื่อต้นขนาดไหน ทุกอย่างมันดีอยู่แล้วอย่าทำตัวให้มันมีปัญหาได้ป่ะยัยเตี้ย”
     เสียงโต้เถียงดังลั่น น้ำเสียงที่กายใช้เถียงแทนเพื่อนรักนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ นอกจากนี้เขายังนำความจริงมาตีแสกหน้าไนน์จนเถียงไม่ออก
     “แล้วอีกอย่างนะ ถึงยังไงต้นมันก็ไม่มีวันเอาเธอ! ต้นมันสนแต่ผู้ชายเข้าใจรึยัง!”
     ไนน์เถียงอะไรไม่ออก หยดน้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ จนเธอได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้รถเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ โดยไร้จุดหมายปลายทาง
     เมื่อปล่อยให้คำพูดหลุดออกจากปากไปทำร้ายไนน์แล้วกายถึงได้รู้ตัว เขาเอ่ยคำขอโทษแก่คนข้างเคียง
     “ขอโทษ เราพูดแรงไปหน่อย”
     กายเลือกที่จะจอดรถข้างทางแล้วลูบศีรษะปลอบคนตัวเล็ก เขาแพ้น้ำตาของผู้หญิงที่ตนแอบรัก
     “เฮ้ย... ไนน์”
     กายสะกิดไนน์แต่เธอไร้ปฏิกิริยาโต้ตอบ กายจึงดึงไนน์มากอด น่าแปลกที่ไนน์ยอมให้กายกอดแต่โดยดีแถมยังกอดตอบชายหนุ่มไว้เช่นกัน น้ำตาของเธอไหลลงมาเรื่อยๆ
     “เราขอโทษ”
     “เค้ารู้อยู่แล้วว่าต้นไม่มีวันชอบเค้า ต้นเห็นเค้าเป็นน้องสาวมาตั้งแต่แรก แต่เค้าชอบต้นนี่! เค้ารู้อยู่แล้วว่าเค้าไม่มีวันสมหวัง แต่เค้าก็อยากให้ต้นได้รักกับคนดีๆ นี่ เค้าผิดเหรอ! เค้าผิดเหรอที่เกลียดผู้ชายคนนั้น นายก็เห็นเค้าทำอะไรกับต้นไว้บ้าง ต้นเกือบตายก็เพราะเค้า ฮือๆ”
     “แล้วต้นมันผิดเหรอที่มันรักผู้ชายคนนั้นมากจนยอมให้อภัยทุกอย่าง มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอที่สองคนนั้นเค้ารักกัน! ทั้งเธอกับแม็กซ์ไม่มีใครผิดหรอก แต่เพื่อเห็นแก่คนที่เธอรักอย่าทำให้ต้นลำบากใจไปมากกว่านี้เลย ยิ่งเธอทำแบบนี้ต้นมันจะยิ่งไม่ชอบเธอก็รู้ เราไม่ได้ห่วงต้นแต่เราห่วงเธอ เพราะสิ่งที่เธอทำมันดูไม่ดี คนเขาไม่ได้ด่าไอ้ต้นแต่เขาจะด่าเธอ! เราไม่อยากให้ใครมาว่าเธอ”
     ถึงกายไม่พูดไนน์ก็รู้ว่าเพราะอะไร ถึงกายจะชอบบังคับคอยสั่งเธอตลอดเวลาจนน่ารำคาญ แต่กายไม่เคยบอกให้เธอเลิกรักต้น เช่นเดียวกันกับที่เขายังรู้สึกต่อเธอเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ไนน์เกลียดวังวนรักหลายเส้านี้ ช่วงเวลาดีๆ ที่แสนสั้นจึงจบลงเพราะนิสัยเอาแต่ใจไม่ยอมแพ้ของสาวน้อย
     “ก็ไม่ได้อยากให้ใครมาห่วงนี่”
     “ถ้าไม่รักก็ไม่ห่วงหรอก”
     เมื่อบรรยากาศดีๆ กำลังจะผ่านไปกายก็ไม่ยื้ออะไรไว้อีก เขาขยับตัวออกมาก่อนจะหันไปถามผู้ร่วมทาง
     “ตกลงจะให้ไปส่งที่ไหน ไม่บอกทางมาซะที เดี๋ยวก็พากลับบ้านเราหรอก”
     “ทุเรศ!”
     แต่ทว่าสาวน้อยแผดเสียงได้คำเดียวก็อ่อนลง ไนน์ยอมบอกทางแก่คนขับรถจำเป็นแต่โดยดีอย่างไม่ทิ้งลายแม่สาวน้อยปากไว
     “แถวเกษตรนวมินทร์ บ้านเค้าอยู่แถวนั้น ว่าแต่นายเหอะ จะไปถูกเหรอ มีใบขับขี่ป่ะเหอะ”
     “ถึงเราจะไม่รวยมีรถขับแบบคนอื่นแต่แค่เรื่องใบขับขี่เรามีน่ะ ไปทำพร้อมๆ ไอ้อาร์มนั่นแหละ”
     “เชอะ!”
     ในระหว่างที่รถวิ่งไปเรื่อยๆ ท่ามกลางแสงไฟบนถนน ภายในรถซึ่งไร้เสียงเพลงและเสียงสนทนามีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มเพราะแต่งท่อไอเสีย กายตัดสินใจใช้โอกาสของตนอีกครั้ง
     “แล้วจะกลับอังกฤษวันไหนอ่ะ?”
     “วันเสาร์”
     “ขอไปส่งได้ป่ะ”
     “ละไม่กลับสงขลาเหรอ”
     “สงขลาอ่ะอยู่แค่นี้ อังกฤษสำคัญกว่า”
     ถึงกายจะชอบเจ้ากี้เจ้าการ แต่นิสัยตรงไปตรงมาแบบนี้ก็ทำให้ไนน์ปลื้ม ความอบอุ่นแผ่ขึ้นมาจากส่วนลึกในจิตใจ กายถามซ้ำขึ้นอีกครั้ง
     “ไปได้ป่ะ?”
     “พ่อเค้าไปส่ง ตัวจะไปทำไม”
     น้ำเสียงกับสรรพนามที่เปลี่ยนไปไม่ได้ผ่านเข้าไปในสารบบการรับรู้ของกายเลย แม้แต่น้อย เขากังวลกับคำตอบจนลืมมองข้ามอะไรบางอย่างไป
     “ก็ให้ไปมั้ยล่ะ ถ้าไม่ให้ก็ไม่ไปหรอก คงลากันตรงนี้แหละ แต่ถ้าเธออนุญาต เราขอไปส่งได้มั้ย”
     “ละถ้าเค้าบอกว่าเค้ามีแฟนแล้วล่ะ มีคนมาขอออกเดทกะเค้าตั้งเยอะ”
     รถสะดุดกึ๊กกะทันหันพอๆ กับหัวใจที่กระตุกอย่างแรงของกาย
     “โอ้ย!”
     สายเข็มขัดนิรภัยของเบาะรถซิ่งกระตุกอย่างแรงจนไนน์เจ็บ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากกายเหนือความคาดหมาย แต่แล้วชายหนุ่มก็ประคองพวงมาลัยเข้าเกียร์ใหม่ก่อนจะขับออกไป
     “โทษที รถไอ้อาร์มมันขับยาก แม่งแต่งเครื่องไรของมันก็ไม่รู้”
     แล้วหลังจากนั้นกายก็เงียบตลอดเส้นทางจนไนน์หวั่น ถึงเธอจะไม่ชอบตาขี้เก็กนี่เท่าไหร่ แต่พอเห็นเขาเงียบไปแบบนี้ก็เริ่มรู้สึกไม่ชิน จนกระทั่งใกล้ถึงหมู่บ้านไนน์จึงบอกทางต่อให้กาย ชายหนุ่มไม่พูดอะไรได้แต่ขับตามคำบอกไปเรื่อยๆ จนไนน์รู้สึกไม่ดี
     “นี่ เค้าถามว่า ละถ้าเค้าบอกว่ามีคนมาขอเดทกะเค้าล่ะ?”
     “แล้วแต่เธอสิ มาถามไรเรา ไม่ไปถามต้นมันล่ะ”
     กายหงุดหงิดจนเริ่มพาล เขาอดไม่ได้จริงๆ แม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่ทำไปคือนิสัยแย่ๆ โคตรจะไม่แมน แถมยังไปหาเรื่องเขย่าหิ้งของไนน์อีก แต่เขาก็เผลอพาลใส่ต้นไปแล้ว
     “ก็เค้าถามตัวๆ ก็ตอบมาสิ!”
     “ก็ตอบไปแล้วไง”
     “ไม่เห็นตอบเลย”
     “จะเอาไงห๊ะยัยเตี้ย! เรามีสิทธิ์เหรอ เราถูกเธอปฏิเสธด้วยซ้ำ แถมตอนนี้เธอก็ยังชอบไอ้ต้นมันอยู่ จะให้เราไปเสือกในฐานะไหน!”
     “ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงเลย ไอ้คนขี้โมโห!”
     “เราไม่ได้โมโหแต่เราอกหักซ้ำสอง ได้ยินมั้ยว่าอกหัก มีแฟนแล้วก็บอกมาแต่แรกดิ จะได้เลิกรักเลิกรอ”
     กายเจ็บปวดเมื่อนึกถึงความทรงจำในวันวาน แม้จะรู้ดีว่าตนนั้นไม่มีหวังแต่เขาก็เลือกที่จะสารภาพกับคนที่ตัวเองแอบรักมาตลอดสามปี ไนน์เองก็สับสนเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ชวนให้ตกตะลึงเมื่อจู่ๆ ผู้ชายที่คอยปากหมาหาเรื่องเธอมาตลอดสามปีเดินมาสารภาพรักกับเธอในวันปิดภาคเรียนพร้อมกุหลาบสีแดงและตุ๊กตาหมีสีขาวแบบที่เธอชอบ แถมเขายังหอมแก้มเธออีกด้วย!
     “ไม่ได้เป็นแฟนกัน แค่เดทกันเฉยๆ ไม่ได้คบอะไรกันขนาดนั้น แค่... แค่คุยกันเฉยๆ”
     “แล้วไง เกี่ยวไรกะเราอ่ะ มันเปลี่ยนความจริงที่ว่าเราอกหักได้มั้ยล่ะ”
     “ตัว... ตัวยังชอบเค้าอยู่เหยอ?”
     “แล้วไอ้ที่ทำขนาดนี้นี่เกลียดมั้ง!”
     “ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงเลย”
     ไนน์แผดเสียงกลับไปบ้างก่อนจะยอมอ่อนข้อให้อย่างเสียไม่ได้
     “เนี่ยนะ... ชอบเค้า”
     “เออ ขอโทษ!”
     “ละตัวได้คุยกับคนอื่นป่ะ ตั้งสองปี”
     “แล้วสองปีที่ผ่านมาเธอลืมไอ้ต้นได้มั้ยล่ะ?”
     “ก็มันไม่เหมือนกันนี่ เค้ากับต้นยังติดต่อกันนี่นา”
     “ไม่มีหรอก เราชอบคนตัวเล็กๆ ชอบผู้หญิงที่นิสัยเด็กๆ หน่อย ชอบทำตัวงี่เง่าไร้เหตุผล ปากไม่ดีไม่มีคนคบ”
     “เค้าไม่ได้แย่ขนาดนั้น!”
     ไนน์งอน เธออยากจะงอนให้มากกว่านี้ แต่ระยะทางที่ใกล้เข้ามาเร่งให้เธอยิ่งสับสน เธอยอมรับกับตัวเองว่าในส่วนลึกของจิตใจเธอรู้สึกดีที่กายมั่นคงกับเธอเสมอมา แต่เธอเกลียดนิสัยหลายๆ อย่างของเขา ไม่สิเธอกับเขามักจะทะเลาะกันเสมอๆ จนเธอไม่เคยมีเวลาหยุดพิจารณาข้อดีของเขาเลยมากกว่า
     “เครื่องออกตีหนึ่งเลยนะ อยากไปส่งจริงๆ เหยอ?”
     “เออๆ ไม่ไปแม่มละ”
     “ไหนบอกว่าอยากไปส่งเค้า!”
     “นี่จะให้ความหวังกันใช่ป่ะ? จะบอกให้เราจีบเธอต่อรึไง”
     “ป่าว... เค้าก็แค่ เค้าก็แค่... เค้า... เค้าไม่รู้อ่ะ!”
     ไนน์ระเบิดความสับสนออกมาอย่างชัดเจน เธอสับสนกับความรู้สึกของตัวเองมากที่สุดในชีวิตจากการเจอเรื่องเซอร์ไพรส์เสียเองเมื่อตั้งใจกลับมาเซอร์ไพรส์วันเกิดต้น เธอประหลาดใจที่ได้พบกับกาย แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อมีโอกาสได้พิจารณาสิ่งที่เขาเคยบอก ในท่าทีหยิ่งยะโสสุดกวนที่เขาแสดงออก หมอนี่หลงรักเธอ! รักมาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้!
     “ตัวเองนั่นแหละผิด! มาบอกเค้าทำไมว่าชอบ แล้ว... แล้วหลังจากนั้น ตัวก็ไม่เคยติดต่อเค้าเลยด้วย”
     “นี่ยัยเตี้ย เธอหักอกเรานะเว้ย! ใครที่ไหนมันจะไปทนไหววะ แถมเธอยังไปเรียนต่อเมืองนอกอีก ละเราจะทำไรได้วะ!”
     “แล้วโผล่มาทำไมตอนนี้เล่า!”
     กายคูลดาวน์ตัวเองก่อนจะตอบไปตามตรง เขาทุ่มเทไปทั้งหมดก็เพราะเหตุผลโง่ๆ ประเภทใจสั่งให้ทำเพียงเท่านั้น
     “ก็แค่อยากมาเจอ คิดถึง อยากเห็นหน้า อารมณ์เดียวกับที่เธออยากมาเห็นหน้าไอ้ต้นมันนั่นแหละ”
     “อย่ามาพาลต้นนะ ไอ้คนนิสัยไม่ดี ผู้ชายอะไรขี้อิจฉา เชอะ!”
     “เออ เรามันแย่ ใครจะไปดีเหมือนต้นมันล่ะ เราก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว โทษที!”
     “ก็เป็นแบบนี้ใครจะรักลง เชอะ!”
     รั้วบ้านที่คุ้นตาปรากฏขึ้นตรงหน้า ไม่นานนักก็ถึงจุดหมาย ไนน์รู้สึกค้างคากับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทว่ารถแล่นมาจอดอย่างสงบหน้าบ้านของเธอแล้ว และ... ทุกอย่างมันกำลังจะจบ จบแบบตัดตอนไปดื้อๆ เหมือนเมื่อสองปีก่อน!
     “ตัวเอง...”
     ไนน์อยากจะพูด แต่กลับนึกไม่ออกว่าควรจะพูดอะไร
     “เธอลืมต้นได้แน่เหรอ? ไว้อีกสองปีเธอเรียนจบกลับมาแล้วเราค่อยมาคุยกันก็ได้”
     และทันใดนั้นกายก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น เพียงแต่คราวนี้เสียงของเขาดูคล้ายจะถอดใจไร้เรี่ยวแรงจนไนน์ใจเสีย
     “ก็แค่ความรักในวัยเรียน มันไม่จริงจังอะไรหรอก อนาคตจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ เราทั้งคู่อาจจะเจอหรือไม่เจอคนที่ใช่ก็ได้ เราแค่อยากบอกเธอว่าตอนนี้เรายังชอบเธออยู่ก็แค่นั้น”
     นานๆ ครั้งกายถึงจะพูดอะไรดีๆ โดยไม่ใช้น้ำเสียงตะคอก ไนน์พึ่งค้นพบว่าเวลาที่คนข้างๆ เลิกทำเสียงประชดประชันเจือโทสะในอารมณ์แล้วเสียงของเขาช่างน่าฟังขนาดไหน ปกติแล้วเขามักจะเล่นเบส แต่ไนน์ก็เคยได้ยินว่านายขี้เก็กคนนี้เคยร้องนำในวงสลับกับแม็กซ์ด้วยเช่นกัน
     “รักนะยัยเตี้ย อยู่โน่นก็ดูแลตัวเองดีๆ กินอาหารให้ครบห้าหมู่แล้วก็ตั้งใจเรียนล่ะ ส่งแค่นี้นะ”
     กายกล่าวลาพร้อมกับช่วยปลดสายเข็มขัดนิรภัยให้เธอ!
     “เดี๋ยวจิ!”
     เพราะอารมณ์ชั่ววูบ! ไนน์เบรคบรรยากาศการลาจากไว้กระทันหัน เธอดึงสารถีปากร้ายที่แอบหลงรักเธอมาตลอดห้าปีเข้ามาใกล้แล้วหลับหูหลับตาจูบ!
     “TG XXX บินตอนตีหนึ่ง วันเสาร์ อย่าลืมนะ!”
     ว่าแล้วไนน์ก็รีบเผ่นเข้าบ้านเร็วจี๋ไม่รอดูผล เธอเอาคืนที่พ่อคนปากร้ายเคยแอบขโมยหอมแก้มเธอเมื่อสองปีก่อนสำเร็จแล้ว เขาคอยหาเรื่องเธอมาตลอดสามปีแถมยังทิ้งตะกอนไว้ในใจเธออีกตั้งเกือบสองปี ทีนี้แหละเธอจะทำให้เขาต้องสับสนเพราะเธอบ้าง ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้นมันจะดำเนินไปในทิศทางไหน... อีกสองปีค่อยมาว่ากันต่อก็แล้วกัน!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เซ็ง! เป็นกระเทยแล้วเป็นนางเอกมิได้รึไง  :fire:  เชื่อสิไวน์เป็นกะเทย คุณก้องจงรักกะเทย เอ้ยไม่ใช่! ผิดเรื่อง! คืนนี้ไม่มีสงครามนางงาม อยู่กันยาวๆ เลยเพ่น้อง!

แหม ส่งคู่นอมอลมาลงบอร์ดวาย ใครจะสนคู่นี้ล่ะเนี่ย? เขาก็แต่งโชโจ้มุ้งมิ้งได้นะตัวเอง แต่ชอบเขียนแบบปวดตับมากกว่า แหะๆ

นี่มันคุณหนูเอาแต่ใจกับนายปากหมาชัดๆ! กายกับไนน์ มุ้งมิ้งมาก คิดไปคิดมาอีตานี่ก็มีความเป็นพระเอกในตัวเหมือนกันแฮะ เดี๋ยวนะ! ตกลงนิยายเรื่องนี้จะเปลี่ยนเป็นเกมจีบหนุ่มจริงๆใช่มั้ย?
ขอไล่แปป >>>เจ้าชู้-พี่ชัช , แบดบอย-แม็กซ์ , อ่อนโยน-อาร์ม , ขี้เก็ก-กาย , ร่าเริง-ไปป์ , ซื่อบื้อ-มิวนิค , สุขุม-อัฐ , เจ้าชาย-คิวว์ , พี่ชาย-พี่ธันย์ <<< เหอๆ ฮาเรมนี้น่าสนุกจัง ... เคะเรื่องนี้ก็ช่างกระไร ไม่มั่วแต่ทั่วถึงมาก.....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ครอบครัวของเด็กเลี้ยงแกะ

ต้นน้ำ

     และแล้วก็ถึงวันเสาร์ครับ ตอนแรกพี่ชัชบ่ายเบี่ยงจะไม่ยอมมาค้างกับผม บอกค่อยมารับผมวันอาทิตย์แทน แต่เพราะเรื่องเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผมคาดโทษพี่เขาเอาไว้ พี่เขาเลยต้องยอมตามใจมาค้างบ้านคุณปู่เป็นเพื่อนผม ผมล่ะเคืองพี่ชัชจริงๆ เลย ทำแบบนั้นได้ยังไงผมอายคนอื่นๆ นะครับนั่น แถมพอผมบ่นพี่เขาก็ไม่สำนึก วันนั้นผมเครียดจนนอนไม่หลับแม้พี่ชัชจะพยายามกอดปลอบผมทั้งคืน รุ่งเช้าผมล่ะอยากหาเรื่องหยุดเรียนเป็นบ้า!
     มันอายนะครับ เพื่อนๆ เขาจะคิดยังไง จะหาว่าแฟนผมเป็นพวกชอบวางอำนาจรึเปล่า? อยู่ดีๆ ไปพูดแบบนั้น เรื่องของเด็กมันไม่เหมาะที่จะให้ผู้ใหญ่มายุ่งซะหน่อย เรื่องไหนที่เด็กทะเลาะกันแล้วถึงพ่อแม่ผู้ปกครองเนี่ยจบไม่สวยซักรายครับ ผมละเครียดไปต่างๆ นานา แต่พอไปถึงมหาวิทยาลัย เพื่อนทุกคนกลับทำตัวตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีแม้แต่จะแซวเรื่องที่แฟนผมแก่กว่ามากด้วย ดีนะครับที่ไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน โล่งอกไป! ผมนึกว่าจะมีคนแกล้งมาแซวผมแรงๆ ซะอีก
     วันนี้ผมเลยบังคับให้พี่ชัชตื่นแต่เช้าเพราะจะได้ออกจากคอนโดเร็วๆ แม้คุณปู่บอกว่างานจะจัดตอนช่วงสายไปถึงบ่ายเพราะเป็นการเชิญเพื่อนฝูงคนรู้จักมาทานอาหารเที่ยงด้วยกันก็เถอะ แต่ผมไม่อยากเอ้อระเหยจนถูกมองไม่ดีนี่ครับ ผมกลัวเขาว่าผมนี่ เพราะมันเป็นการจัดฉลองวันเกิดให้ผมกลายๆ ถ้าแขกมากันแล้วแต่เจ้าภาพไม่อยู่มันจะไม่งามครับ ผมไม่อยากให้ใครมาตำหนิผมไปถึงคุณปู่ ...หรือคุณแม่
     ผมกังวลจังเลยครับ พวกเขาจะมองผมยังไงนะ... ช่างมันเถอะครับ!
     ถึงพี่ชัชจะยอมตามใจผม แต่ผมก็รู้นะว่าพี่เขาคงอึดอัด ปกติแค่ไปบ้านนั้นกับผมพี่เขาก็ลำบากใจจะตายอยู่แล้ว นี่ต้องไปค้างคืนพี่เขาคง... แต่ทำไงได้ละครับ ผมอยากให้พี่ชัชกับคุณปู่เข้ากันได้ซะทีนี่นา ผมอยากให้คุณปู่ยอมรับพี่ชัช ... ก็ผมรักพี่ชัชนี่ เราสองคนรักกันขนาดนี้ผมอยากให้ทุกๆ คนยินดีกับพวกเราซะที ดูจากที่ไนน์ทำกับพี่ชัชวันนั้นแล้วผมก็ยิ่งเครียดครับ นอกจากลุงไกรกับป้าณีแล้วไม่มีใครชอบพี่ชัชซักคน
     “ต้นครับ ถึงแล้วครับ คิดอะไรอยู่ฮึเรา?”
     “เอ่อ... ผม”
     “เอ้าๆ ชวนพี่มาเองแล้วก็สั่นเอง ไปเหอะ เข้าไปในบ้านกัน คุณหนูต้นช่วยลงไปกดกริ่งให้พี่หน่อยเร็ว”
     “พี่ชัชก็... อย่าเรียกแบบนั้นสิครับ ผมไม่ใช่คุณหนูซักหน่อย”
     “ก็เห็นป้าแม่บ้านแกเรียกเราแบบนั้นไม่ใช่เหรอ จากวันนี้ไปเดี๋ยวใครๆ ก็รู้แล้วว่าเรานี่แหละคุณหนูทายาทร้านเพชรชื่อดัง หลานชายคนเดียวของเจ้าสัววี”
     “พี่ชัช...”
     เสียงของพี่ชัชฟังดูหงุดหงิด ผมสัมผัสได้ครับ ผมก็รู้นะ... แต่มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้ซักหน่อย ผมไม่ได้อยากเป็นคุณหนูทายาทร้านเพชรอะไรนั่นซะหน่อย ผมก็ยังคงเป็นผมคนเดิมนั่นแหละ ผมไม่ลืมหรอกว่าค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของผมนั้นได้มาจากใคร ผมสุขสบายดีแล้วและไม่ได้อยากได้อะไรเพิ่มไปมากกว่านั้นด้วย สิ่งที่ผมต้องการก็แค่... ผมอยากอยู่กับพี่ชัช และก็อยากให้ทุกๆ คนยอมรับพี่ชัชก็แค่นั้น
     ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเดินลงไปกดกริ่ง ลุงเข้มรีบวิ่งมาเปิดประตูให้พวกเราเอารถเข้า ความจริงแล้วบ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่โตนักหนาหรอกครับ เทียบกับบ้านของแม็กซ์ยังไม่ได้เลย แถมยังเป็นบ้านเก่าแก่ใจกลางย่านสุขุมวิทแบบนี้อีก ยิ่งพอพี่ชัชเอารถเข้ามาจอด เนื้อที่เลยออกจะคับแคบไปซักหน่อย ผมหวังว่าคงไม่มีแขกเยอะจนเกินไปนะครับ
     “คุณต้นไม่ขึ้นรถล่ะครับ”
     “ขึ้นทำไมละครับ บ้านก็อยู่แค่นี้เอง ผมเดินเข้าไปก็ได้”
     ให้ผมไปรับหน้าพี่ชัชตอนนี้ ผมก็ไม่เอาด้วยหรอกครับ แล้วผมก็ไม่อยากเป็นพวกที่เอาแต่นั่งเชิดหน้าอยู่ในรถกดแตรเสียงดังให้คน อื่นมาเปิดประตูให้ด้วย พอพี่ชัชจอดรถเสร็จก็หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าลงมาให้ผมเรียบร้อย ผมก็เลยเดินไปบีบมือพี่ชัชพยายามจะให้กำลังใจพี่เขา พี่ชัชเองก็เหมือนจะรู้ตัว เลยพยายามหันมายิ้มกับผม แต่แล้วจู่ๆ พี่ชัชก็กอดผมซะแน่นแถมยังหอมแก้มผมอีก ถึงตรงนี้จะมีแต่ลุงเข้มแต่ผมก็อายนะครับ!
     “โอเค พี่มีกำลังใจแล้วครับ พร้อมฝ่าด่านพ่อตาสุดโหดละ”
     “พี่ชัชก็... คุณพ่อผมไม่ได้โหดขนาดนั้นซักหน่อย”
     “เออ ไม่ได้โหดเฉพาะพ่อเราแต่โหดทั้งตระกูล หึๆ”
     พี่ชัชแค่นหัวเราะออกมาอย่างที่ดูก็รู้ว่าประชด แต่ถึงอย่างนั้นพี่เขาก็ยังอุตส่าขยี้หัวผมเล่น ผมก็เลยจูงมือพี่ชัชเข้าบ้าน...

     แล้วมันก็เป็นอย่างที่รู้ๆ กันนั่นแหละครับ แต่ผมจะทำตัวติดกับพี่ชัชมากเกินไปก็ไม่ได้เสียด้วย เพราะงานนี้มีแขกที่เป็นญาติกับผมมาหลายครอบครัวเหมือนกัน กระทั่งญาติของพี่ษาแต่ไม่ใช่ญาติผมยังอุตส่ามา! แต่ก็ยังดีนะครับที่ไนน์กลับไปแล้ว ไม่งั้นถ้าไนน์มาตีกับพี่ชัชอีกผมคงปวดหัวตาย
     ในระหว่างที่ผมกำลังเดินทำความรู้จักกับญาติๆ ตามหลังพี่ษา พี่ชัชก็ถูกลุงไกรดึงตัวไปนั่งด้วย ผมก็เข้าใจนะครับพวกเขาคงไม่อยากให้มันกลายเป็นบรรยากาศแบบเปิดตัวคู่แต่งงานกันซักเท่าไหร่ มันคงยังไม่ใช่ฤกษ์ดีที่จะเปิดตัวหลานชายคนเล็กกับแฟนที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ... ผมเองก็พึ่งรู้ว่าความจริงแล้วคุณปู่มีพี่น้อง บรรดาคุณลุงคุณป้าญาติห่างๆ ถึงได้มากันเยอะเชียว แต่ละคนอยากมาดูหน้าหลานชายคนเล็กของคุณปู่กันจนตัวสั่น พี่ษาแอบเล่าให้ผมฟังว่า ญาติบางคนก็ทำตัวน่าเกลียดมาก พอรู้ว่าไม่มีใครสนใจดูแลกิจการต่อจากคุณปู่หลังจากที่คุณลุงองอาจเสียไปก็อาศัยความเป็นญาติเข้ามาหวังจะกอบโกย ทั้งๆ ที่พ่อของตัวเองได้ขอส่วนแบ่งทั้งหมดจากกองกลางไปแล้ว
     ถึงร้านเพชรนี้จะเป็นกิจการของเดิมมาตั้งแต่สมัยคุณทวด แต่คนที่รักษากิจการเอาไว้และทำให้มันรุ่งเรืองขึ้นได้ก็คือคุณปู่ พี่น้องคนอื่นๆ มีแต่ผลาญเงินกองกลางจนคุณปู่ทนไม่ไหวขอซื้อกิจการมาจากทุกคนก่อนที่มันจะล้ม และที่สำคัญเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องตั้งแต่สมัยพี่ษายังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ เพราะช่วงนั้นกิจการกำลังมีปัญหา ไหนจะต้องจ่ายเงินก้อนให้พี่น้องที่จ้องจะขายกิจการทิ้ง ต้องหาเงินมาหมุนในร้าน คุณปู่ต้องวุ่นวายกับเรื่องนี้แต่คุณพ่อของผมกลับสนใจแต่เรื่องเรียนต่อไม่สนกิจการของครอบครัว แถมยังไม่ยอมไปดูตัวกับคนที่คุณปู่อยากให้แต่งด้วยอีกต่างหาก ลงท้ายเลยทะเลาะกันแล้วพ่อของผมก็หนีไปเมืองนอกจนเจอกับแม่ของพี่ษานั่นแหละครับ ผมเองฟังแล้วก็ได้แต่คิดว่าชีวิตของพวกเจ้าสัวนี่บางทีก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบซะทีเดียว
     ญาติๆ แต่ละคนพากันเรียกผมว่าเป็นเจ้าสัวน้อย พากันถามว่าผมเรียนอะไร พอผมตอบไปว่าเรียนฟิสิกส์ ก็ถูกบอกให้ศึกษาเรื่องอัญมณีเพิ่มเตรียมตัวรับช่วงกิจการต่อ บางคนก็แซวสนุกสนานเฮฮาครับ แต่บางคนก็ใช้คำว่าหนูตกถังข้าวสารกับผม ผมอยากถามว่าผมทำอะไรผิด? ผมผิดที่เกิดมาเป็นผู้ชายหรือไงครับ ถ้าผมเป็นผู้หญิงเขาจะแสดงความริษยากันซึ่งๆ หน้าแบบนี้กับผมมั้ย? ยิ่งกับคุณป้าของพี่ษา ผมยิ่งรู้สึกแย่มากครับ สายตาของคุณป้าคนนี้มีแต่ความเกลียดชังส่งมาให้ผมอย่างไม่ปิดบัง เธออ้างเรื่องที่หลานสาวสุดที่รักของเธอมีน้องชายร่วมสายเลือดโผล่มาทั้งทีเธอก็อยากจะมาดูหน้าค่าตาทำความรู้จักกันเอาไว้ แต่พอพี่ษาเข้าไปช่วยคุณแม่ของเธอดูแลเรื่องอาหารในครัว เธอก็พูดจากระทบกระเทียบใส่ผมทันที
     “แหม เรานี่โชคดีเนอะ เพราะคุณต้นน่ะหัวแข็งยัยษาเลยลำบาก ไม่เหมือนเราเข้าทางปู่ได้เต็มที่ อีกหน่อยมรดกของเจ้าสัวแกจะไปไหนเสีย เจ้าสัวเองก็แก่แล้ว คุณไกรก็ไม่มีลูก สบายเราจริงๆ”
     ผมโกรธนะครับ โกรธมากด้วย ผมได้แต่บอกตัวเองให้พยายามอดทนไว้ทั้งๆ ที่อยากจะลุกเดินหนีจนแทบบ้า!
     “เผลอๆ จะอยู่สบายไปทั้งชาติไม่ต้องทำงานก็มีกินมีใช้ ได้ข่าวว่าต้องขอทุนเรียนด้วยไม่ใช่รึ อีกหน่อยก็สบายแล้วล่ะ อยากเรียนอะไรก็ได้เรียน เจ้าสัวแกคงส่งเสริมจะได้มีวุฒิให้คนเขานับหน้าถือตาไม่ต้องลำบากเหมือนตอนอยู่กับแม่เรา”
     “ขอตัวก่อนนะครับ ผมขอตัวเข้าไปดูในครัวซักครู่ พี่ษาหายไปนานแล้ว ผมจะเข้าไปดูเผื่อว่าจะมีอะไรที่ผมช่วยได้บ้าง”
     พูดจบผมก็ลุกหนีทันทีครับ ถ้าช้ากว่านั้นแม้แต่ก้าวเดียวผมกลัวว่าน้ำตาของผมจะหยดออกมาให้อายคนอื่นเขา! ไม่ไหวแล้ว ผมเกลียดสังคมแบบนี้ชะมัดเลย!
     ผมหนีขึ้นมาบนห้องที่คุณปู่จัดไว้ให้ผมกับพี่ชัชพัก พอเข้ามาในห้องได้ผมก็แอบนอนร้องไห้อยู่คนเดียว ตอนที่ผมขอตัวออกมาผมไม่ได้แม้แต่จะมองสบตาพี่ชัช ผมพาลจนไม่อยากมองหน้าคุณปู่กับคุณพ่อด้วยซ้ำ! งานที่พวกท่านได้พบปะกับญาติๆ สนุกสนานแต่ไม่สนุกสำหรับผมเลยซักนิด ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นใบไม้ที่มีสีสันแตกต่างจากต้นไม้ต้นอื่นๆ ในป่า!
     “ต้น...”
     เสียงพี่ชัช!
     “พี่ชัช ฮือๆ
     พอผมเปิดประตูให้พี่เขาเข้ามา พี่ชัชก็โอบผมเอาไว้ในอ้อมแขนแล้วลูบหลังปลอบผม ผมปล่อยโฮต่อหน้าพี่เขา มีแต่พี่ชัชเท่านั้นที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีที่อยู่ของตัวเอง ที่ๆ ผมจะไม่ถูกมองด้วยสายตาแปลกประหลาด!
     “ไม่เป็นไรนะ อย่าไปใส่ใจคำพูดไร้สาระพวกนั้นเลย พี่อยู่กับต้นตรงนี้แล้วนะครับ”
     “ทำไมเขาต้องมาว่าผมแบบนั้นด้วยครับ ผมไม่ได้อยากได้อะไรซักหน่อย ทำไมทุกคนต้องคิดว่าผมเป็นแบบนั้นด้วย!”
     “มันก็ไม่ใช่ทุกคนไม่ใช่เหรอ พี่ดูเราอยู่นะ มีไม่กี่คนเอง”
     “แต่ผู้หญิงคนนั้น ป้าของพี่ษา เธอร้ายมากเลยนะครับ แถมเธอยังว่าถึงแม่น้ำของผมด้วย แม่ไม่เคยสอนให้ผมอยากได้อะไรของใครซักหน่อย ถึงพวกเราจะลำบากแต่พวกเราก็ไม่เคยอยากได้อยากมีในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง!”
     ผมตัดพ้อให้พี่ชัชฟังแต่พี่ชัชกลับยิ้มแล้วขยี้หัวผมเล่น
     “โห เราเนี่ยนะลำบาก? พูดมาได้ ลำบากให้ได้เท่าพี่แล้วค่อยมาพูดเถอะ! พี่น้ำเลี้ยงเรามาสบายจะตาย ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกลหรอก เทียบกับไอ้เตอร์ก็ได้เอ้า ขอบอกว่าตอนเด็กๆ พี่ลำบากกว่ามันหลายร้อยเท่าเลย พูดมาได้ไม่อายปากเลยนะต้น อย่างเราเนี่ย แถวบ้านพี่เรียกคุณหนูเลยว่ะ”
     “ผมไม่ได้สุขสบายขนาดนั้นซักหน่อย”
     “อ้าว? งั้นแล้วจะบอกว่าเราโตมาลำบากงั้นเหรอ ขืนพี่น้ำมาได้ยินเสียใจตายเลยต้น!”
     “ผมไม่ได้...”
     พี่ชัชนะพี่ชัช ผมกำลังเศร้าแท้ๆ แทนที่จะให้กำลังใจกัน!
     “ผมไม่เถียงกับพี่ชัชแล้วครับ”
     “น่า ยิ้มหน่อยนะครับคนดี ต้นก็รู้ว่าพี่ตั้งใจแหย่เราเล่น ลืมคำพูดของคนพวกนั้นไปนะครับ ต้นก็รู้ว่าเขาไม่หวังดี พูดด้วยจุดประสงค์ร้าย แล้วต้นจะไปใส่ใจคำพูดพวกนั้นทำไมละครับ”
     “ก็ผมเสียใจนี่ครับ ทำไมเขาต้องมาพูดแบบนั้นกับผมด้วย”
     “ก็คนมันจิตใจไม่ดียังไงละครับ นะ เช็ดน้ำตาซะ ไปล้างหน้าป่ะ จะได้สดชื่น ชักช้าเดี๋ยวปู่เราขึ้นมาตามเจอว่าเราร้องไห้จะเรื่องใหญ่นะครับ เดี๋ยวหัวพี่จะแตกเอา อยู่กันสองคนเดี๋ยวแกเข้าใจผิดคิดว่าพี่ทำเราร้องไห้อีก”
     พี่ชัชพูดพร้อมกับเอามือปาดน้ำตาให้ผม ความอบอุ่นจากฝ่ามือของพี่ชัชทำให้ผมรู้สึกดีราวกับได้รับการถ่ายทอดกำลังใจ ให้ผมลุกขึ้นสู้
     “ครับ”
     ผมได้แต่บอกตัวเองให้เข้มแข็ง อย่างน้อยๆ ผมก็มีพี่ชัชอยู่เคียงข้างกัน ขอแค่มีความอบอุ่นจากมือคู่นี้คอยประคองผมอยู่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็จะพยายามยืนหยัดเอาไว้ ผมพร้อมใส่หน้ากากต่อแล้วครับ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     คิดไม่ผิดจริงๆ ครับที่มาเป็นกำลังสำรองให้ไอ้ต้นมัน ยังไม่ทันได้เสิร์ฟมื้อเที่ยง เมียผมก็เสียน้ำตาไปหนึ่งยก ไม่รู้กว่าจะจบงานวันนี้เมียผมจะนอยด์ไปอีกกี่คดี หน้ามันนี่เริ่มซีดดูไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วครับ นี่มันงานวันเกิดหรืองานสาปส่งวะเนี่ย? แต่ยังไม่ทันจะได้หยิบตะเกียบ ผมก็งานเข้า น้ำตาลโทรมา!
     “โทรศัทพ์เหรอครับ”
     ต้นมันหันมาถามผมด้วยสายตาเศร้าๆ ท่าทางของมันชวนให้สงสาร
     “ครับ”
     ผมตอบรับกะจะขอตัวลุกออกจากโต๊ะ แต่พวกเล่นมองกันอื้อเลยคร้าบ ผมเลยตัดสินใจรับมันตรงนั้นโชว์ความบริสุทธิ์ใจ
     “ครับ ชัยชัชพูดครับ”
     “ชัช น้ำตาลมีปัญหาเรื่องงานนิดหน่อย วันนี้ชัชว่างรึเปล่า?”
     “ทำไมเหรอ? ”
     “น้ำตาลต้องไปงานแต่งลูกสาวผอ.โกวิทย์ไง ชัชจำได้มั้ย แต่ยัยน้ำหวานเกิดไม่สบายขึ้นมาเนี่ย ไข้ขึ้นงอแงมากด้วย”
     “เฮ้ย ไม่ได้นะ ปล่อยให้หลุดไม่ได้นะตาล ให้เอ้ไปคนเดียวไม่ไหวหรอก”
     ดูท่าผมจะงานเข้าแล้วครับ เพราะน้ำตาลดีลกับหมอคนนี้แทนผมมาตลอด ถ้าวันนี้ผมกับยัยนี่ไม่โผล่ไปทั้งคู่ ตายแน่ๆ ครับ ผมเหลือบไปมองแขกร่วมโต๊ะด้วยความเกรงใจแล้วก้มศรีษะขอตัวก่อนจะเดินออกมา ยังไงนี่มันก็เรื่องงานส่วนตัวครับ ผมไม่อยากให้ใครมาได้ยินเท่าไหร่
     “แต่น้ำตาลไม่มีใครดูลูก ยัยน้ำหวานไข้ขึ้นสูงมาก น้ำตาลจะพาไปโรงพยาบาลยังงอแงเลย แกร้องหาแต่พ่อเนี่ย ชัชไปงานนี้แทนน้ำตาลไม่ได้เหรอ”
     “ชัชไม่สะดวกอ่ะ ตอนนี้อยู่นอกบ้าน ไม่ได้เตรียมชุดไว้ด้วย บึ่งไปกลับไม่ทันแน่ๆ อ่ะตาล ต้องไปเอาซองที่บ้านตาลอีก งานก็คนละทิศกันเลย ... เออ! เอางี้มั้ย เดี๋ยวชัชไปเฝ้ายัยหนูให้ มีไรชัชดูให้เอง ตาลก็ไปทำงานเหมือนเดิม”
     “แต่น้ำตาลอยากพาลูกไปโรงพยาบาล”
     “เออ เดี๋ยวพาไปให้”
     “แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายล่ะ แล้วยัยหวานจะยอมให้ชัชพาไปเหรอ กับตาลยังดื้อขนาดนี้เลยงอแงจะหาแต่พ่อ”
     “มีบัตรหรือพวกประกันอะไรก็วางไว้ให้ชัชแล้วกัน ชัชจะรีบไปที่บ้านตาลเดี๋ยวนี้แหละ ตาลก็ไปทำงานของตาลเถอะ คราวนี้หลุดไม่ได้เด็ดขาดเลยนะตาล ตาลก็รู้ผอ.ขี้หลีนั่นชอบตาลขนาดไหน”
     “แต่น้ำตาลห่วงลูกนี่”
     “มีชัชอยู่ไม่ต้องห่วงหรอก”
     ยัยน้ำตาลเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะยอมทำตามข้อเสนอของผม
     “ค่ะ ตกลงตามนี้ก็ได้ ขอบคุณนะชัช”
     “ครับ”
     เฮ้อ... ดูเหมือนว่าผมจะต้องไปเป็นกำลังสำรองให้ปากท้องตัวเองก่อนซะแล้วสิครับ เป็นห่วงไอ้ต้นชะมัด ห่วงมันก็ห่วงแต่งานนี้ก็สำคัญ ไม่ไปไม่ได้ งานแต่งลูกสาวผอ. จัดอย่างหรูในโรงแรมระดับห้าดาว สูทแบรนด์เนมผมก็ยังไม่ได้เอาไปซักแห้งเลยครับ ให้ขับรถไปกลับรอซักด่วนแล้วไปเอาของขวัญที่บ้านยัยน้ำตาลก่อนจะย้อนเข้ามายังโรงแรมใจกลางกรุงอีก ผมว่าไม่ทันแน่ๆ อ่ะ จะบอกว่าผมขี้เกียจก็ได้เอ้า! ตั้งแต่เลิกกับฟ่างมานี่ผมเกลียดงานแต่งทุกชนิดเลยครับ จะไทยจีนยุโรปเลี่ยงได้ก็ขอเลี่ยงเถอะ
     ตอนผมเดินกลับไปที่โต๊ะ ไอ้ต้นทำหน้าเหมือนรู้ชะตากรรม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อยู่ๆ ก็มีโทรศัพท์ด่วนมาสั่งให้ผมทำโน่นทำนี่ นอนอยู่ห้องดูทีวีกับเมียเย็นวันอาทิตย์อยู่ดีๆ มีโทรศัพท์โทรมาสั่งให้ผมขับรถไปรับหมอที่พัทยากลับบ้านยังเคยเลยครับ ดังนั้นพอผมหย่อนก้นลงประจำที่ได้เสียงไอ้ต้นก็ทักขึ้น
     “งานด่วนเหรอครับพี่ชัช”
     “ครับ ขอโทษนะ”
     ถึงจะไม่มีเสียงจากคุณปู่ที่หวงหลานชาย แต่สายตาไม่เป็นมิตรที่ส่งมาให้นี่ก็เกินพอครับ แถมยังมีสายตาสอดรู้สอดเห็นจากบรรดาญาติไอ้ต้นอีก
     “ต้องไปรึเปล่าครับ?”
     “ก็คงต้องอย่างงั้นล่ะครับ เอ่อ... เราโอเคมั้ย โกรธพี่รึเปล่า?”
     “ไม่หรอกครับก็มันจำเป็น แล้วพี่ชัชต้องไปเลยรึเปล่าครับ?”
     “ครับ ทางนั้นเขารีบ”
     “งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งที่รถครับ”
     นี่แหละเมียผม ง่ายๆ ไม่เรื่องมาก ผมมองแขกร่วมโต๊ะอันได้แก่ปู่ ป้ากับลุง พ่อมันและครอบครัว ผมก้มหัวเชิงขอโทษให้แต่ละคนแล้วยกมือไหว้ลาผู้อาวุโสในโต๊ะ งานนี้ไม่มีใครแทรกอะไรขึ้นมาด่าผมให้คนอื่นเก็บเอาไปนินทา มีก็แต่ป้าไอ้ต้นที่ถามทักผมตามปกติ
     “อ้าว คุณชัชจะไปเลยเหรอ ไม่ทานอะไรต่ออีกหน่อยรึคะ?”
     “ไม่ดีกว่าครับ พอดีเป็นงานด่วน”
     “งั้นก็ตามสบายนะ แล้วคุณชัชจะไปนานไหมคะ จะกลับมากี่โมงล่ะ”
     “เอ่อ...”
     ผมได้แต่หันไปมองไอ้ต้น นั่นดิวะ ผมเองยังตอบไม่ได้เลยว่ากี่โมงเสร็จ
     “ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันบอกตาเข้มไว้ให้แล้วกันจะได้มีคนคอยเปิดประตู”
     “ขอบคุณครับ”
     แล้วผมก็ลุกออกจากโต๊ะได้ซะที ไอ้ต้นเดินมาส่งผม ท่าทางมันหงอยซะจนผมสงสาร พอลับสายตาคนอื่นผมเลยจับมันมาดูดปากให้กำลังใจซักหน่อย
     “อื้อ!”
     แหม ปากมันแผล่บเลยนะน้อง กินหมูหันเผื่อพี่ด้วยล่ะ
     “พี่ชัช! พอแล้วครับ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
     พอไอ้ต้นมันตั้งหลักได้หายตกใจก็ผลักผมออก
     “ไม่ดีเหรอครับ จะได้เปิดตัวไปเลยไง”
     “เปิดตัวว่าผมเป็นอะไรกับแสดงพฤติกรรมหน้าไม่อายมันต่างกันนะครับ”
     หึๆ ไอ้ยอดภรรเมีย กุลเกย์ขี้บ่นของพี่เอ้ย!
     “คร้าบๆ พี่ไปนะ”
     และแล้วผมก็ต้องไปผจญเวรกรรมบนทางด่วน หิวข้าวก็หิวยังไม่มีข้าวตกถึงท้องซักเม็ด กว่าจะไปถึงบ้านยัยน้ำตาลได้ ซึ่งพอไปถึง รถของยัยเพื่อนร่วมงานผมก็ไม่อยู่แล้วครับ คงออกไปทำงานในส่วนของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ทันได้ย่างเท้าเข้าบ้านผมก็ได้ยินเสียงงอแงมาแต่ไกล
     “หนูจาหาพ่อ กรี๊ด!
     ยัยหนูน้ำหวานกำลังอาละวาดใส่พี่เลี้ยงใหญ่เลยครับ หวังว่าผมจะรับมือไหวนะ เฮ้อ!

     กว่าผมจะปลอบเจ้าหญิงน้อยองค์นี้ได้ก็เล่นเอาเหนื่อยครับ ต้องหลอกล่อสารพัดขนาดหนูรันยังไม่ฤทธิ์มากถึงขั้นนี้เลย อย่างดีก็แค่ชอบเถียงแล้วก็ซนแต่ไม่มีอาละวาดกรีดร้องแบบนี้แน่ๆ ไอ้พ่อเด็กก็ใจดำเหลือเกิน ลูกไม่สบายมันก็ไม่มาดูแลเลยซักนิด เหนื่อยผมอีก เวรเอ้ย!
     พอปลอบเสร็จผมก็ต้องพาเด็กไปโรงพยาบาล น้องไข้สูงมากจนต้องฉีดยา โรงพยาบาลแทบแตกครับ ผมถูกสังคมคุณพ่อคุณแม่แถวนั้นมองด้วยสายตาเหยียดหยามประณามว่าผมเป็นคุณพ่อไร้ความสามารถไปซะแล้ว ได้แต่หวังว่าคงไม่มีใครอุตริไปตั้งกระทู้สรรเสริญผมในโลกไซเบอร์นะหรอกครับ คนสมัยนี้อะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็ต้องเก็บไปเล่าให้ชาวโซเชี่ยลเข้ามารุมประชาทัณฑ์กันสนุกสนาน
     หลังจากนั้นผมยังต้องพาเด็กห้าขวบในชุดนอนสีชมพูลายเจ้าหญิงดิสนีย์ไปนั่งกินพิซซ่าอีก เธอถึงจะยอมกินยา ป้อนไปปล่อยเธอนั่งเล่นบาร์บี้ไป กว่าจะพากันกลับบ้านได้เกือบตายอ่ะ โคตรเหนื่อยเลย นี่ขนาดมีพี่เลี้ยงไปด้วยตลอดนะครับ ผมล่ะอดหวาดเสียวแทนยัยคุณเพื่อนของผมไม่ได้ พี่เลี้ยงสัญชาติประเทศเพื่อนบ้านเขาไม่โมโหลุกขึ้นมาฆ่าบีบคอยัยหนูน้ำหวานก็บุญแล้วครับ แม่คุณฤทธิ์มากเหลือเกิน ไม่อยากจะคิดสภาพว่าบรรดาคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนอื่นๆ เขาจะเหนื่อยขนาดไหนกัน
     และกว่ายัยน้ำตาลจะกลับก็เกือบสี่ทุ่ม แม้ตอนแรกๆ ยัยนี่จะขยันโทรมาเช็คข่าวก็เถอะครับ แต่พอรู้ว่าผมพาน้องไปตรวจที่โรงพยาบาลแถมเลี้ยงมื้อเย็นแล้วก็เบาใจไปเยอะ หายเงียบไปเลย เหลือแต่ทางผมนี่แหละอยากรู้ใจจะขาดว่าทางฝั่งเมียตัวเองเป็นไงบ้าง ดังนั้นพอยัยนี่กลับมาผมก็เลยรีบขอตัวกลับ เราทักทายถามเรื่องานกันสองสามประโยคแล้วผมก็บึ่งรถเข้าตัวเมืองกลับไปยังบ้านปู่ไอ้ต้น
     กว่าจะถึงก็สี่ทุ่มกว่า และเหลือเชื่อว่าคนที่มารอเปิดประตูให้ก็คือเมียผมเอง ต้นในชุดนอนวิ่งมาเปิดประตูให้ผมแถมยังทำท่าโล่งใจที่ผมไม่ได้เมากลับมา
     “ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”
     “จะนอนได้ยังไงล่ะครับพี่ชัชยังไม่กลับเลย”
     “แน่ะ เดี๋ยวนี้มียอกย้อนนะเรา”
     “ผมหมายถึงว่าเกิดพี่ชัชหิวกลับมาจะไม่มีคนหาอะไรให้ทานต่างหากครับ”
     “แหม รู้ใจจังเลยอ่ะ มีอะไรเหลือให้พี่ทานมั่งครับเนี่ย”
     และแล้วผมก็เดินกอดคอมันเข้าบ้าน ความจริงผมกินพิซซ่ากับหนูน้ำหวานมาแล้วครับ แต่พอเห็นเมียตัวเองมารอปรนนิบัติแบบนี้มันก็หิวขึ้นมาจนได้ แถมไอ้ที่หิวไม่ใช่มีแต่กระเพาะซะด้วยสิครับ ส่วนอื่นผมก็หิว คอยดูเหอะคืนนี้ผมจะซัดไอ้ต้นที่บ้านปู่มันนี่แหละ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


พ่อ ลูก

     “แอบดูอะไรน่ะป๊า”
     “ไอหย๊า ลื้อมาเงียบๆ ทำไมห๊ะอาไกร อั๊วะตกใจหมด!”
     “แอบดูหลานไม่ดีนะป๊า เกิดอีจะสวีทกัน ป๊าจะทำไง”
     “บัดสีบัดเถลิงอ่า ฟ้าผ่าตาย”
     “ผ่าไม่ผ่าอีก็ได้กันมาตั้งนานแล้ว”
     “... อาไกล ลื้อคิดมั้ยว่าอาตี๋เล็กน่าจะเป็นผู้หญิง เห็นอีทีไรอั๊วะได้แต่เสียดาย ทำไมอีไม่เกิดเป็นผู้หญิงให้รู้แล้วรู้รอดน้า”
     “แล้วไม่อยากได้หลานชายแล้วเหรอป๊า”
     “อยากสิ แต่อั๊วะอยากเห็นหลานมีความสุขมากกว่า ดูอีสิ กิริยามารยาทก็เรียบร้อย หน้าตาก็น่ารัก งานบ้านงานเรือนไม่เคยขาด ถ้าอีเป็นผู้หญิงน้าต่อให้จับอีใส่ตะกร้าล้างน้ำก็ยังขายออก มีคนต่อแถวซื้อยันปากซอย”
     “อีกแล้วนะป๊า ไปเกลียดอะไรคุณชัชเขานักหนา ปล่อยเด็กๆ มันรักกันไปไป๊ ต้นอีก็รักของอี”
     “หึ๊ คนแบบนั้นนะอาไกร อั๊วะจะบอกอะไรให้ คนที่ตบตีเมียตัวเองได้มันไม่มีดีหรอก อั๊วะนะอยู่กับอาม๊าลื้อมาหลายสิบปีจะว่าให้เสียใจสักคำก็ไม่เคย นิดหน่อยก็ไม่เคยลงมือ ลื้อมันไม่รู้อะไร ไอ้หมอนี่มันทำไว้กับอาตี๋เล็กตั้งเยอะ ยังไงอั๊วะก็ไม่ยอมรับผู้ชายที่ใช้กำลังกับหลานอั๊วะหรอก”
     “เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ให้มันแล้วกันไปเถอะป๊า ตอนนี้ต้นอีก็มีความสุขดีไม่ใช่เหรอ? อีเลือกของอีแล้ว”
     “หึ คอยดูน้า ลื้อเชื่ออั๊วะเถอะ สักวันอีจะทำอาตี๋เล็กเสียใจ”
     “ป๊านี่ก็แช่งหลาน”
     “อั๊วไม่ได้แช่งอาตี๋เล็ก อั๊วะแค่จะบอกว่าอีไม่น่าไว้ใจ”
     “โอย อั๊วะไม่คุยกับป๊าแล้ว อั๊วะไปนอนละนะ”
     “เออไปเลย ไอ้ลูกไม่รักดี”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     วันนี้พี่ชัชกลับมาซะดึก แต่ก็ยังดีนะครับที่กลับมา ใจหนึ่งผมกลัวพี่ชัชจะกลับไปนอนที่คอนโดด้วยซ้ำ จะโทรถามก็ไม่กล้า เกรงใจพี่ชัช กลัวพี่เขาติดงานอยู่ครับ ดังนั้นผมก็เลยอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ ก็พี่ชัชอุตส่าห์ทำเพื่อผมขนาดนี้เลยนี่ครับ ผมมีความสุขจนเกือบจะฮัมเพลงระหว่างเตรียมเสื้อผ้าให้พี่ชัชเลยล่ะ ตอนนี้พี่เขากำลังอาบน้ำอยู่ เพราะพอผมอุ่นมื้อดึกให้พี่เขาทานเสร็จแล้วเราก็ชวนกันขึ้นมาพักผ่อนบนห้อง เลยแม้ว่าปกติแล้วพี่ชัชจะชอบนอนดูทีวีจนดึกในวันหยุด ... แบบว่ายังไงผมก็ยังไม่ชินกับบ้านหลังนี้มากเท่าไหร่หรอกครับ ยิ่งคราวนี้มีพี่ชัชมาด้วย อืม... จะว่าพวกผมหนีเข้าห้องส่วนตัวก็ได้นะ
     ซักพักพี่เขาก็อาบน้ำเสร็จเพราะผมได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ แฟนของผมเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ เห็นหุ่นแฟนตัวเองชัดๆ แบบนี้แล้วมันรู้สึกเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ รู้สึกอย่างกับพี่ชัชจงใจเลย... ผมพยายามทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วยื่นชุดนอนส่งให้พี่เขา แต่พี่ชัชกลับทิ้งตัวลงทับผมล้มแผ่ไปบนเตียงด้วยกันซะงั้น!
     “พี่ชัช ผมเจ็บนะครับ!”
     “นั่นดิ เตียงแข็งว่ะ”
     กวนแล้วล่ะแฟนผม ผมเลยซัดหมัดไปที่พี่เขาตั้งใจเอาคืนแบบเบาะๆ แต่คงไม่ระคายหนังหนาๆ ของพี่ชัชหรอกครับ เพราะหมาป่าของผมยิ้มเผล่อวดฟันสวยเชียว
     “เตียงไม่เด้ง สงสัยเล่นขี่ม้าไม่ได้ว่ะ”
     แย่แล้วครับ! สถานการณ์ไม่ดีแน่ๆ ผมไม่อยากถูกจับกินที่นี่!
     “ใส่เสื้อได้แล้วครับ แอร์ห้องนี้แรง เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
     “งั้นต้นให้ความอบอุ่นพี่ทีดิ หนาวอ่ะ”
     “อื้อไม่เอานะครับ! ผม... ผมอายเขาอ่ะ”
     “อายไม่ได้แปลว่าไม่อยากใช่มั้ยครับ”
     “ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น...”
     “น่า ยอมๆ พี่หน่อยนะ อุตส่าเชื่อฟังเมียขนาดนี้แล้วอ่ะ เสร็จงานปุ๊ปรีบกลับเลยนะ”
     “แต่... แต่ผมกลัวคนอื่นเขาได้ยิน”
     “ต้นก็เงียบๆ เอาไว้สิครับ พี่ให้ยืมปากพี่ไปอุดปากเราก็ได้เอ้า!”
     “บ้า…”
     “แล้วบ้านี่แปลว่ายอมรึเปล่าครับ?”
     ใจนึงมันก็อยาก แต่อีกใจก็อาย ผมกลัวคุณปู่ดุนี่ เกิดคนอื่นในบ้านได้เสียงผมละก็... ขายหน้าตายเลย โอ๊ย! แล้วผมจะทำยังไงดีครับ?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ฮ่าๆ และแล้วไอ้ต้นมันก็เสร็จผมจนได้ แต่มันมีข้อแม้ว่ามันขอไปจัดการเตรียมความพร้อมตัวเองคนเดียว ผมก็ปล่อยนะ จะยังไงก็แล้วแต่มันเลยเพราะผมได้งาบเมียแล้วนี่ ฮ่าๆ นอนรอไม่นานสุดที่รักของผมก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ มันพร้อมสำหรับศึกรักคืนนี้แล้วครับ หึๆ ผมกระหยิ่มยิ้มย่องกะจะลุกไปรับขวัญมันซะหน่อย แต่มันดันขยับหลบแล้วยกแขนขึ้นไขว้กันเป็นกากบาทไว้ก่อนจะลดแขนลงข้างหนึ่งแล้วชูนิ้วชี้ทำท่าสั่งผม
     “ผมมีข้อแม้ว่าพี่ชัชห้ามทำเลอะเทอะนะครับ ไม่ใช่ห้องเรา... ผมอายเขา ป้าวันแกต้องเป็นคนซัก...”
     โถ... เมียคร้าบ น้ำเงี่ยนผัวจะหกซักหยดสองหยดก็ช่างมันเถ้อ... ตอนนี้พี่หงี่เต็มที่แล้วน้องเอ้ย มาให้พี่ปล้ำซะดีๆ ไม่รอให้มันบ่นต่อจนเสียอารมณ์แล้วครับ รีบจัดการลากมันขึ้นเตียงแล้วงาบดีกว่า
     “พี่ชัช!”
     “ชู่! เบาๆ ครับ ไหนบอกอย่าเสียงดังไง”
     “ละ ละ แล้วถุงยางละครับ?”
     “อยู่กับต้นพี่พกที่ไหนละคร้าบ หลังๆ พี่แทบไม่ได้ใช้ ก็เลยไม่ได้ซื้อ หมดสต็อกไปตั้งนานแล้ว”
     พอได้ยินไอ้ต้นก็หน้าเหวอได้ใจ น่ารักอ่ะ! ผมว่าหน้ามันตอนเขินนี่สุดยอดแล้วนะ แต่หน้าตอนมันงงๆ สับสนชีวิตแบบนี้ก็โคตรโดนใจเลยอ๊ะ หึๆ กระตุกผ้าเช็ดตัวมันออก ล่อนจ้อนแล้วเมียพี่
     “เดี๋ยวสิครับ ... แล้ว ... เจลหล่อลื่น...”
     พอโดนผมจับแหกขาก็ปากสั่นทันทีเลยครับ หึๆ
     “มีที่ไหนเล่า มีแต่น้ำลายพี่นี่แหละ จะเอามั้ย?”
     ฮ่าๆ เมียผมสติหลุดไปแล้ว อย่างฮาอ่ะ รักมันจริงๆ ให้ดิ้นตาย!
     “ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวพี่บริการลงลิ้นให้ รับรองชุ่มฉ่ำถึงใจไม่เจ็บ”
     สุดที่รักของผมหน้าแดงแปร๊ด แถมยังแอบเม้มปากหายใจแรงนิดหน่อย มันอาจจะไม่รู้ตัว แต่ผมรู้น่า อาการนี้มัน“อยาก”เห็นๆ ติดใจลิ้นพี่อ่ะดี้ หึๆ
     ใครจะว่าผมเลวก็ช่าง แต่นี่แหละความสุขของผม การได้แกล้งไอ้ต้นคือสุขสุดยอดของชีวิต ไม่เคยได้ใครแล้วอิ่มเอมหัวใจขนาดนี้มาก่อนเลยให้ตาย บางครั้งผมก็อยากรู้ว่าต้นมันทำอะไรกับผม มันใช้เวทมนต์คาถาบทไหนกันผมถึงได้ทั้งรักทั้งหลงมันขนาดนี้
     “เอ... หรือพี่จะให้เราเสียสละซักน้ำก่อนดี จะได้ลื่นๆ”
     “พี่ชัชบ้า... จะทำอะไรก็รีบทำเถอะครับ แกล้งแซวผมอยู่ได้”
     “อ้าวแล้วไม่ดีเหรอ ผลิตเองใช้เองไงต้น”
     จากที่ลูบๆ คลำๆ สาวให้มันเมื่อตะกี้ผมเปลี่ยนไปแหย่ร่องมันแทนครับ แทงนิ้วเพลินๆ ดูดปากสลับกับดูดนมแค่นี้ไอ้ต้นก็ไม่ว่างครางปลุกปู่มันแล้ว
     “อื้ม... พี่ชัช...
     ทีงี้น้า แอ่นก้นรับนิ้วพี่ใหญ่เชียว
     ท่าทางกระสับกระส่ายของมันบอกให้รู้ว่าอยากได้เพิ่มเป็นสองนิ้วแหง๋ๆ ทำไงดีวะ สองนิ้วแบบสดๆ งี้ไอ้ต้นมันจะรับไหวมั้ยวะเนี่ย? แต่ช่วยไม่ได้ครับยามฉุกเฉิน ก็เมียผมว้อนท์จัดแล้ว ผมเลยต้องใช้ผลผลิตจากร่างกายตัวเองถุยน้ำลายลงบนมือก่อนจะแหย่นิ้วชุ่มน้ำลายทั้งคู่เข้ารูไอ้ต้นลึกกว่าเดิม มันสะดุ้งโอบคอผมเลยแฮะ แถมยังครางด้วย
     “โอเคมั้ยครับ เอาอีกมั้ย?”
     “อื้ม”
     “อืมนี่แปลว่าอะไรครับ? เจ็บป่าว ถ้าเจ็บก็บอกพี่นะครับ”
     ตอนแรกผมก็อยากแกล้งแซวมันนะ แต่กลัวมันเจ็บมากกว่า โชคดีที่ไอ้ต้นมันส่ายหัวแทนคำตอบ แปลว่าไม่เจ็บ
     “ถ้าไม่เจ็บแล้วอยากได้อะไรเพิ่มครับ?”
     ทีงี้อ่ะทำอายไม่ตอบ แต่ผมก็รู้หรอกน่า ผมตั้งใจแทงนิ้วเร็วขึ้นแบบเน้นๆ ไอ้ต้นกัดฟันนอนครางใหญ่เลยครับ มันส่งเสียงหงิงๆ ลอดไรฟันโคตรน่ารัก แถมยังเด้งก้นรับนิ้วผมอีก สองมือที่เคยโอบรอบคอผมอยู่ก็กลับไปชักของตัวเองซะข้าง อีกไม่นานผมได้น้ำหล่อลื่นเพิ่มแน่ๆ พอมันใกล้เสร็จดันเสือกแหกปากขึ้นมาซะงั้น ผมเกือบก้มลงไปประกบปากด้วยไม่ทัน ชิบหาย! หวังว่าคงไม่มีเสียงเคาะประตูนะครับ
     เพราะมัวแต่นัวเนียกันอยู่ พวกผมเลยเผลอผลาญทรัพยากรหล่อลื่นอันมีค่าไป ของเหลวสีขาวข้นผลผลิตไอ้ต้นโดนละเลงอยู่บนหน้าอกมันกับผมนี่แหละ ผมปลดจูบปล่อยให้มันนอนหอบก่อนจะแซว
     “ต้นนี่น้า... ละจะเอาที่ไหนล่ะทีนี้?”
     “พี่ชัชบ้า! ไม่ต้องมายิ้มแบบนั้นเลยนะครับ”
     แม้จะหอบและหน้าแดง แต่เมียผมก็ยังปากดีชอบเถียงเหมือนเดิม หึๆ
     “พี่ยิ้มยังไงครับ”
     “ก็... ทำหน้าแบบสะใจ”
     ผมก็ยอมรับนะว่าผมเป็นพวกชอบความรุนแรง ยิ่งแบบซาดิสหน่อยๆ นี่โคตรชอบเลย แต่ผมไม่ยักรู้ว่าเผลอแสดงออกทางสีหน้า
     “รู้ตัวก็ดีครับ ตาพี่แล้ว มาอ้าขาให้ผัวซะดีๆ”
     ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เล่นบทโหดซะหน่อยดีกว่า ฮ่าๆ ผมลุกขึ้นคุกเข่าลากไอ้ต้นให้ขยับเข้ามาชิดผมมากขึ้นก่อนจะแหกขามันออกซะกว้างแล้วดันก้นมันลอยสูงขึ้นก่อนจะฝังลิ้นลงไป ท่านี้ผมชอบนะได้อารมณ์ตอนลงลิ้นดี ยิ่งเจอคนตัวอ่อนๆ นะ หึ๊ย!
     “อื้อ พี่ชัช! ไม่เอานะครับ!”
     “ไรอ่ะ ตาพี่มั่งดิต้น”
     พี่หงุดหงิดนะครับ ขัดขวางคนกำลังจะกินนี่บาปนะน้อง!
     “มะ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ... แต่... แต่ไม่เอาท่านี้ได้มั้ยอ่ะ ผมปวดหลัง ถ้าจะโดนท่านี้ผมยอมก้ม... ข้างหลังดีกว่า”
     หือ? นี่หูผมฟาดไปรึเปล่าครับ? วันนี้เมียผมกินอะไรผิดสำแดงมาวะ ไอ้ต้นมันกล้าคอมเม้นท์เรื่องท่าบนเตียงกับผม! แต่ไม่ได้หร้อก ยังไงก็ต้องแกล้งมัน
     “ได้ข่าวว่าหมานั่นท่าโปรดเรานะครับ ไม่ใช่พี่”
     อื้อหือ มันอายหน้าแดงใหญ่เลยวุ๊ย! โอ๊ย! เมียใครวะ น่ารักน่ากิน!
     “หมาแล้วต่อด้วยม้า?”
     ผมต่อรองแบบยิ้มๆ ไอ้ต้นมันทำท่าขัดใจแบบที่ดูก็รู้ว่ามันทำไปเพราะอายมากกว่าโกรธ แล้วก็หันหลังคุกเข่าแอ่นตัวยกก้นขึ้นให้ผมแต่โดยดี
     “ต้องงี้สิครับ เมียพี่”
     ผมจูบให้รางวัลลงบนรอยสักตรงเนินบั้นท้ายเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนจะเลื้อยไปแหย่ลิ้นลงรูเพิ่มความเปียกชุ่มให้ปากทางเข้าออก อยากรู้จริงๆ ถ้าพ่อกับปู่มันมาเห็นรอยสักนี่จะว่ายังไง ผมเดาว่าต้นคงไม่ได้บอกญาติๆ มันว่าแอบไปสักมาหรอกครับ หึๆ
     เพราะความหรรษาที่ผมมอบให้มันสยิวเกินทนทาน ไอ้ต้นเลยเอาหน้าซุกลงกับหมอน คงกลัวตัวเองหลุดเสียงร้อง มันไม่กลัวตัวเองหายใจไม่ออกรึไงวะนั่น?
     พอได้ที่แล้วผมก็จ่ออาวุธประจำตัวเข้าประจำที่ เพราะวันนี้ผมต้องเพลย์เซฟเลยต้องกระทำอย่างเชื่องช้า แต่พอยิ่งช้ามันก็เหมือนยิ่งเน้น ภาพของเมียผมที่ขยุ้มผ้าปูที่นอนซะแน่นพลางสะบัดหัวไปมานอนกัดฟันน้ำตาไหล แม่งโคตรสะใจ! สองเท้าของมันจิกเตียงจนเกร็ง แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ยังแอ่นรูรอรับการสอดใส่จากผมอยู่ดี หึๆ
     “อย่าเกร็งสิครับต้น พี่เข้าช้าๆ แล้วนะครับ ผ่อนคลายหน่อย”
     “อื้อ”
     นอกจากสูดหายใจทางปากกับครางหงุงหงิงต้นมันทำอะไรไม่ถูกแล้วครับ สัมผัสแบบเนื้อแนบเนื้อโคตรฟิตจนฟินอ่ะ ผมเสียวจนจะแตกซะให้ได้ พอใส่เข้าไปสุดด้ามผมก็แช่คาไว้เพราะอยากให้เมียปรับตัวกับขนาดของผม บอกตามตรงว่าผมต้องข่มตบะในใจตัวเองโคตรๆ เลยครับ แค่มองก้นขาวๆ งอนๆ ของมันก็เกิดอารมณ์แทบคลั่งแล้ว ยิ่งมองรอยสักที่เป็นชื่อของผมกับมันก็ยิ่งมีอารมณ์พาลอยากจับมันมากระแทกให้สะใจ อยากทะลวงให้มันแหกกันไปข้างแล้วตะโกนว่านี่แหละเมียกู แต่ทำได้ที่ไหน... ขืนทำงั้นโดนไอ้ต้นถีบตาย
     ดังนั้นพอมันเริ่มพยักหน้าให้สัญญาณผมก็เลยได้แค่สาวแบบเนิบๆ ครับ ยังไงก็ตามเมียผมมีรูเดียวทะนุถนอมไว้ก่อนดีที่สุด ของผมยิ่งใหญ่ๆ อยู่ แต่ถึงจะพูดไปแบบนั้นไอ้ต้นก็ยังไม่หลวมหรอกนะครับยังฟิตอยู่ ต่างกับวันแรกไม่มากแค่ยืดหยุ่นกว่าเดิมเพราะเริ่มชินกับขนาดของผมแถมพัก หลังๆ มันเริ่มเป็นงานไม่ได้เอาแต่เกร็งจนผมยัดไม่เข้า
     ซอยได้สักพักผมก็เปลี่ยนท่าจับไอ้ต้นมาขย่มตอผมแทน นาทีนี้มันกำลังติดลมสั่งให้ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น ผมเด้งเอวสวนขึ้นไปมันก็ร่อนเอวรับแรงกระแทกสู้กับผมเสียงดังป๊าปๆ
     มีใครเอาอะไรแปลกๆ ให้เมียผมกินตอนผมไม่อยู่รึเปล่าวะ? ทำไมวันนี้มันหลอกง่ายดีจัง ให้ทำอะไรก็ไม่ขัด เมียผมดูมีอารมณ์ร่วมมากครับ ร่างกายมันตอบสนองแบบให้ความร่วมมือกับผมเป็นจังหวะโคตรๆ
     ผมชักอยากเล่นอะไรสนุกๆ กว่าเดิมเลยจับขามันเกี่ยวเอวผมไว้แล้วบอกให้มันโอบรอบคอผมให้แน่นๆ พอได้ที่แล้วผมก็ลุกขึ้นยืน เท่านั้นแหละเมียผมลืมตัวแหกปากลั่นทันที ฮ่าๆ
     “พี่ชัช!”
     “ชู่! เบาๆ ครับ”
     “แต่อื้อ... ไหนบอกแค่ขี่ม้าไงครับ”
     “พอดีม้าอยากเปลี่ยนสปีชีส์เป็นลิงครับ”
     ผมตอบหน้าตาย ไอ้ต้นพยายามจะประท้วงผม แต่เพราะสองแขนมันไม่ว่างรัดผมไว้อยู่มันเลยทุบผมไม่ถนัด ฮ่าๆ กลัวตกล่ะสิไอ้น้อง!
     แล้วผมก็พามันเดินรอบห้องจนไปจบในห้องน้ำด้วยท่ายืน หึๆ ห้องน้ำบ้านปู่มันนี่แจ่มจริงๆ กระจกชัดแจ๋วถูกใจผมเลย เห็นทุกวินาทีกระฉูดอ่ะ สีหน้าไอ้ต้นตอนต้องมาดูลูกตัวเองจำนวนหลายล้านตัวถูกลอยแพในอากาศนี่โคตรสะใจ เพราะโดนจับแหกขาอยู่หน้ากระจกภาพเลยโคตรชัด ยิ่งตอนที่ผมอัดย้ำเข้าไปหลังเสร็จแล้วมันไหลทะลักสวนออกมานี่โคตรฟิน ผมเอาออกทั้งๆ ที่ขาไอ้ต้นยังอยู่ในมือผมข้างนึง รูมันเลยอ้าลูกผมก็เลยหยดออกมาเลอะขามันโคตรเซ็กซี่ ผมชอบภาพแบบนี้ที่สุดครับ พอเสร็จแล้วผมเลยต้องเก็บศพลูกตัวเองที่หยดกองอยู่บนพื้นก่อนจะล้างเนื้อล้างตัวกันแล้วคลานขึ้นเตียง
     โคตรเหนื่อยเลยครับวันนี้ เหนื่อยแต่คุ้มนะฮ่าๆ โคตรอิ่มเลยคร้าบ การรับประทานเมียนี่มันอร่อยจริงๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เผ่นอย่างรวดเร็วด้วยความอาย นิยายดราม่าจริงๆ นะเธอว์ คนแต่งไม่หื่นนะ แต่พี่ชัชมันหื่นเลยต้องเขียนไปตามบท  :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2014 22:45:42 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 13

“ข้อห้ามของเด็กดี” พ่อทูนหัว&เทวดาตัวน้อย

      ในระหว่างที่ธนพลกำลังคุยกับเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักกันอย่างออกรสอยู่นั่นเอง เสียงเล็กๆ ที่แผดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวก็ทำให้ทั้งคู่ตกใจ เด็กชายตัวน้อยถูกเพื่อนคนอื่นๆ ในบ้านหรรษาผลักจนล้มกลิ้ง แต่เสียงที่แผดออกมาหาใช่เสียงร้องไห้จ้าอย่างเคย
     “ไอ้สัตว์ ไอ้คนเกเร กูจะไม่เล่นกับมึงแล้ว!”
     “ขุ่นพระ! น้องต้นของแด๊ดดี้”
     ธนพลตกใจจนเผลอเอามือทาบอกลืมเก็กแมนเสียสนิท! ต้นน้ำกำลังพุ่งเข้าไปหาคู่กรณีอย่างเอาเรื่อง เทวดาตัวน้อยๆ ของเขากลายเป็นเด็กเกเรไปเสียแล้ว!

     กว่าจะเคลียร์กับพ่อแม่เด็กอีกฝ่ายได้ก็เกือบแย่ โชคดีที่ธนพลยังมีพยานคนอื่นๆ ยืนยันว่าต้นน้ำเป็นฝ่ายถูกเด็กอีกคนใช้ลูกบอลพลาสติกปาอัดใส่หน้าก่อน แก้มกลมยุ้ยบนใบหน้าที่เคยขาวกลับกลายเป็นสีแดงเถือก เทวดาตัวน้อยที่แผดถ้อยคำหยาบคายเมื่อครู่ก็หมดฤทธิ์กลับกลายมาเป็นเจ้าชายขี้แยคนที่เขาคุ้นเคย
     เขายังนึกไม่ออกเลยว่าตนจะบอกเพื่อนรักอย่างไรดี ช่วงที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยได้อยู่เมืองไทย พอกลับมาด้วยความคิดถึงเจ้าชายตัวน้อยๆ จึงได้ขันอาสาแม่เพื่อนรักขอทำหน้าที่เป็นแด๊ดดี้ขนตางอนซักวัน นึกไม่ถึงแค่เพียงไม่กี่เดือน เทวดาของเขาก็กลายเป็นเดวิลไปเสียแล้ว เผลอละสายตาหันไปสานสัมพันธ์กับพนักงานหนุ่มสุดหล่อแค่แป็บเดียว เดวิลของเขาก็แผลงอิทธิฤทธิ์!
     และดูท่าก็คงจะออกฤทธิ์จนสิ้นแรงแล้วเสียด้วย เพราะบัดนี้เจ้าชายตัวน้อยกำลังเกาะคอเขาพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวด ธนพลรีบบึ่งรถไปหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพื่อรักษาตาหนูของเขา แต่ทว่าพอเจ้าตัวเห็นโรงพยาบาลเท่านั้นแหละ! เด็กน้อยก็เริ่มดิ้นแล้วร้องไห้จ้าหนักยิ่งกว่าเดิม ทั้งเตะขาป่ายปัดจนอุตลุด ในยามที่ต้นน้ำงอแงเขาเอาไม่อยู่จริงๆ เมื่อก่อนตอนยังเล็กๆ เขาก็พอรับมือไหว แต่พอโตขึ้นเริ่มเกินวัยจะอุ้มได้ประกอบกับร่างกายวัยกลางคนของตัวเองธนพลก็แทบจะเผลอทำลูกชาย(ของเพื่อน)หลุดมือ กว่าจะปลอบเจ้าชายเอาแต่ใจให้สงบได้ก็ต้องอาศัยกัปตันแห่งดวงดาวสุดเท่ของเล่นของคุณหมอหนุ่มมาช่วยกู้สถานการณ์
     “น้องไม่ได้เป็นอะไรแล้วครับ กลับบ้านได้”
     “จะไม่เอกซเรย์สมองหน่อยเหรอครับ?”
     “น้องไม่ได้มีบาดแผลอะไรครับ แค่ฟกช้ำ ทำไปก็เปลือง”
     ธนพลแทบจะหลุดฟอร์มอยากด่าคุณหมอหนุ่มปากคาบไม้บรรทัดผู้นี้เหลือเกิน!
     “เท่าไหร่ก็เท่ากันครับ ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องเงิน เป็นห่วงน้องมากกว่า”
     “ถ้าห่วงคราวหน้าก็อย่าให้คลาดสายตาสิครับ”
     วาจาร้ายกาจของคนตรงหน้าชวนให้คุณพ่อจำเป็นต้องแอบก่นด่าอยู่ในใจ ชะรอยอีตาหมอคนนี้คงยังไม่มีครอบครัวถึงได้ไม่รู้ว่าลูกคือดวงใจของพ่อแม่ขนาดไหน ถ้าเลือกได้ใครจะไปอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
     “มันเป็นอุบัติเหตุครับ และผมก็ต้องการการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับน้อง”
     “งั้นก็หัดดูแลน้องให้ดีที่สุดสิครับ อุบัติเหตุจะได้ไม่เกิด น้องไม่ได้เป็นอะไรมาก ฟันหน้าก็ไม่แตกหักเสียหาย จมูกก็ไม่มีอะไรผิดปกติ หัวก็ไม่โน โดนแค่ตรงแก้มเฉียดๆ แรงเด็กด้วยกันเองไม่แรงพอที่จะส่งผลกระทบอะไรต่อสมองโดยตรง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกครับ น้องแกก็แค่ขี้แยเท่านั้น ที่เห็นร้องไห้แหกปากก็คงเพราะกลัวหมอไม่ใช่เจ็บแผล ไม่งั้นเขาคงไม่ซุกเกาะคุณเป็นลูกหมีแบบนั้นหรอกถ้าน้องเขาเจ็บแก้ม ถ้าคุณอยากทำซีทีแสกน น้องต้องนอนนิ่งๆ ในอุโมงค์คนเดียว จะไหวเหรอครับ? หรือต่อให้เอ็กซ์เรย์ธรรมดาๆ ก็เถอะ คุณจะปลอบไหวเหรอ? ไม่ยอมห่างตักคุณแบบนั้นจะเข้าห้องเอกซเรย์ได้ยังไง ผมมีกัปตันดวงดาวแค่ตัวเดียวนะ นั่นรุ่นลิมิเต็ดด้วย”
     เขาเถียงอีตาหมอคนนี้ไม่ชนะ! ธนพลไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย เขาขัดใจจนอยากจะด่าหมอด้วยอารมณ์ปรี๊ดแตกที่คุ้นเคย แต่ทว่าภายใต้สายตาของพยาบาลที่มองอยู่และการหลบภัยจากเจ้าชายตัวน้อยที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำมูกยืด ธนพลได้แต่บอกตัวเองว่าอย่าหลุดเก็กเสียฟอร์มเป็นอันขาด!
     “อย่างน้อยๆ ก็เอ็กเรย์หน่อยไม่ได้หรือครับ ผมกลัวน้องเขาจะได้รับอันตรายจริงๆ”
     ตาหมอปากจัดคนนี้ทำสีหน้าเบื่อหน่ายใส่เขา!
     “งั้นก็จัดไป”

     โชคดีที่ผลออกมาต้นน้ำไม่ได้เป็นอะไรมาก เด็กชายเพียงแค่ฟกช้ำบาดแผลภายนอกทายาไม่กี่วันก็หาย ธนพลกระเตงเจ้าชายตัวน้อยขึ้นห้องพักอย่างอ่อนล้า ทั้งเด็กขี้แยและผู้ใหญ่ปากจัดช่างสูบพลังไปจากตัวเขาจริงๆ เขาวางเทวดาในอ้อมอกลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลก่อนจะถอดรองเท้าผ้าใบลายฮีโร่ไปเก็บเข้าที่ เขาคุ้นเคยกับห้องนี้ราวกับเป็นห้องพักอาศัยของตนเอง
     ภาพของเด็กน้อยที่นอนหลับไม่รู้เรื่องหลังจากแสดงอิทธิฤทธิ์ทั้งวันทำให้ธนพลอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ วันนี้ต้นน้ำทำให้เขาเหนื่อยมากจริงๆ แต่ในความเหน็ดเหนื่อยนั้นมีความสุขใจอันเปรมปรีอยู่ส่วนหนึ่ง สัญชาติญาณความเป็นพ่อของเขาที่ไม่เคยคิดว่าจะมีได้มันปรากฏขึ้นมา เด็กคนนี้คือลูกชายสุดที่รักของเขา
     ธนพลมองเทวดาจอมซนที่แผลงฤทธิ์จนเหนื่อยผลอยหลับคารถลำบากให้เขาต้องอุ้มขึ้นมายังห้องพักแล้วความรู้สึกอิ่มเอมใจก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง แต่พอได้เห็นใบหน้าของเทวดาสุดที่รักที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่นั้นธนพลก็ได้แต่ทอดถอนใจในความสะเพร่าของตัวเอง แก้มที่เคยแดงระเรื่ออย่างผิวเด็กสุขภาพดีนั้นกลับกลายเป็นสีเขียวช้ำแถมยังบวมโย้อย่างเห็นได้ชัด ธนพลอดโทษตัวเองไม่ได้ว่าเป็นเพราะเขาละสายตาแท้ๆ เชียวต้นน้ำถึงได้เกิดเรื่อง
     เหตุเพราะอุบัติเหตุบ้าๆ นี่แท้ๆ เลย ทั้งสองคนพ่อลูกจึงจำเป็นต้องรีบบึ่งกลับห้องพักมาโดยไม่ทันได้ซื้อหาอะไรกลับมารอคุณแม่คนสวย ธนพลตัดสินใจสั่งอาหารจากร้านเจ้าประจำ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงเดี๋ยวเพื่อนรักของเขาก็จะกลับมาแล้ว และเขาไม่อยากทิ้งต้นน้ำไว้คนเดียว

     เมื่อนอนหลับได้หนึ่งอิ่มเทวดาตัวน้อยก็ได้เวลาตื่น ต้นน้ำที่กำลังงัวเงียฟื้นคืนชีพทันทีที่เห็นของโปรดมากมายวางเรียงรายรอบนโต๊ะ เด็กน้อยยิ้มร่าอย่างดีใจแล้วก็ต้องหลุดปากส่งเสียงแสดงความเจ็บปวดออกมาพลางยกมือขึ้นกุมแก้ม
     “โอ๊ย!”
     “เป็นอะไรครับน้องต้น”
     “ผมเจ็บจังเลยครับ”
     เด็กน้อยน้ำตาคลอแล้วเดินมานั่งข้างๆ เขาที่โซฟาเล็กๆ สามที่นั่ง ธนพลกอดลูกชายที่ไม่ได้ผูกพันทางสายเลือดเอาไว้แล้วเอ่ยปลอบ
     “เดี๋ยวทานข้าว ทานยา แล้วก็ให้ลุงพลทายาตรงนี้ หนูก็จะไม่เจ็บแล้วครับ”
     “แต่... แต่ผมไม่อยากแดกยานี่ครับ”
     “โอ้ยตายแล้ว! น้องต้นไปเอาคำพูดแบบนี้มาจากไหนครับลูก!”
     ธนพลแทบลมจับ! เทวดาตัวน้อยของเขาพูดคำว่าแดก!
     “พี่ธันย์สอนครับ บอกว่ามันแปลว่ากิน”
     รอยยิ้มไร้เดียงสายามเด็กน้อยเจื้อยแจ้วช่างขัดกับใบหน้าขมึงทึงของคนฟัง
     “แล้วทำไมถึงไปเรียนอะไรแบบนี้มาครับ! ไม่สุภาพเลยรู้มั้ย ไม่ดีนะครับแบบนี้ ที่น้องต้นตะโกนเมื่อตอนกลางวันก็ด้วย หยาบคายมากเลยรู้มั้ยครับ ลุงพลไม่ชอบเลย ไม่น่ารักสุดๆ”
     “แต่ใครๆ เขาก็พูดกันไม่ใช่เหรอครับ ผมเห็นคนอื่นๆ เขาก็พูดกันแบบนี้ ผมเลยให้พี่ธันย์สอนผมบ้าง จะได้เท่เหมือนพี่เขาละจะได้เป็นเพื่อนกับคนอื่นๆ ได้”
     “ไม่เห็นดีเลยครับ ไม่เท่เลย โน้ โน โนว์ ลุงพลไม่ปลื้มอย่างแรง! มันหยาบคายมากเลยนะครับ ไม่น่ารักเลย”
     ธนพลอยากจะบ้าตายนัก นี่เด็กกลุ่มไหนมาทำให้เทวดาตัวน้อยของเขากลายร่างเป็นเดวิลไปได้เนี่ย? ดูท่าเพื่อนของเขาควรจะต้องซีเรียสเรื่องเพื่อนของต้นน้ำให้มากกว่านี้ซะแล้ว!
     “แต่ใครๆ เขาก็พูดกัน...”
     “นี่ ฟังลุงพลนะครับน้องต้น การที่ใครๆ เขาก็ทำกันไม่ได้แปลว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่ถูกนะครับ ถ้าสิ่งที่เขาทำมันไม่น่ารัก คนที่ทำก็คือเด็กไม่น่ารัก น้องต้นอยากเป็นเด็กไม่น่ารักเหรอครับ ลุงพลไม่รักเด็กนิสัยไม่ดีที่ชอบพูดจาหยาบคายหรอกนะ”
     “ตะ แต่...”
     “ไม่มีแต่ครับ ถ้าน้องต้นพูดจาไม่เพราะแบบนั้นอีกลุงพลจะไม่รักน้องต้นแล้วนะครับ!”
     “งั้นผมไม่พูดแบบนั้นแล้วก็ได้ครับ ลุงพลอย่าไม่รักผมนะครับ!”
     “ดีมากครับ ต้องแบบนี้สิถึงจะน่ารัก น้องต้นต้องเป็นเด็กดี ต้องพูดเพราะๆ กับคนอื่นนะครับ ห้ามพูดจาหยาบคายแบบนั้นอีกนะ ไม่งั้นคนเขาจะมองว่าน้องต้นนิสัยไม่ดี”
     “ถ้าพูดแบบนั้นแล้วจะกลายเป็นเด็กไม่ดีเหรอครับ? แต่ทำไมผมเห็นคนอื่นๆ เขาก็พูดแบบนั้นกันละครับ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
     “แล้วทำไมน้องต้นต้องไปทำเรื่องไม่ดีตามเด็กพวกนั้นด้วยละครับ”
     “ก็... ก็คนอื่นๆ เขาไม่ให้ผมเล่นด้วยนี่ครับ เขาบอกว่าผมเป็นตุ๊ด ไม่ใช่ผู้ชาย เลยไม่ยอมให้เล่นด้วย ถ้าผมอยากเล่นกับพวกเขาผมต้องพิสูจน์ให้ดูก่อนว่าผมไม่ใช่ตุ๊ด ผมบอกไปว่าผมไม่ได้เป็นตุ๊ดก็ไม่มีใครเชื่อ ผมเลยให้พี่ธันย์สอนให้ ผมจะได้เท่ๆ เหมือนพี่ธันย์”
     “แล้วพี่เขาก็สอนให้น้องต้นพูดแบบนี้เหรอลูก?”
     “ครับ พี่เขาบอกว่าผู้ชายต้องเสียงดัง เวลาโดนใครรังแกห้ามร้องไห้ แล้วก็ห้ามวิ่งหนีกลับไปฟ้องแม่ แต่ต้องเอาคืนศัตรูให้ได้ พี่ธันย์บอกว่ามีแต่เด็กผู้หญิงที่โดนแกล้งแล้วร้องไห้ เด็กผู้ชายที่ทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงจะถูกเรียกว่าตุ๊ด แล้วก็จะโดนรังแก ไม่มีใครอยากเล่นด้วยเพราะน่ารำคาญ”
     ธนพลลมจับ!
     “โอ๊ยตายแล้ว! น้องต้น คุณลูกขา ต่อไปนี้ห้าม ห้าม ห้าม ห้าม ห้าม ห้ามไปฟังอะไรผิดๆ แบบนี้มาจากเด็กเหลือขอแบบนั้นอีกนะค๊ะ!”
     “เด็กเหลือขอแปลว่าอะไรครับ?”
     “ก็แปลว่าเด็กที่ไม่มีใครรักยังไงละคะ!”
     “แต่ผมรักพี่ธันย์นะครับ ตอนที่ไม่มีใครเล่นกับผมพี่ธันย์เป็นคนเดียวที่ยอมเล่นกับผม พี่ธันย์บอกว่าไม่ต้องมีเพื่อนคนอื่นๆ ก็ได้ เล่นกับผมสนุกกว่าเล่นกับคนอื่นๆ เยอะเลย ผมรักพี่ธันย์ครับ”
     ดูท่าต้นน้ำจะได้ลูกพี่เจ้าปัญหาซะแล้ว เขาล่ะอยากให้เพื่อนย้ายที่อยู่ซะจริง อาพาร์ทเม้นต์แห่งนี้สังคมชักเสื่อมโทรมลงไปมากทีเดียว มีแต่เด็กเหลือขอเต็มไปหมด!
     “แล้วทำไมพี่เขาถึงยอมมาเล่นกับหนูละลูก”
     “เพราะผมไม่ล้อพี่ธันย์ครับ คนอื่นๆ ชอบล้อพี่ธันย์ว่าเป็นลูกกะหรี่ พี่ธันย์เลยโมโหต่อยกับเด็กคนอื่นๆ บอกว่าคนอื่นนิสัยไม่ดี เล่นกับผมสนุกกว่า”
     เป็นถ้อยคำหยาบคายคำที่ห้าที่หลุดออกมาจากปากของต้นน้ำ ธนพลจะเป็นลม! เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าตัวน้อยที่กำลังยิ้มแก้มปริภูมิใจกับคำอธิบายช่างทำร้ายจิตใจคุณพ่อจำเป็นอย่างเขาเสียเหลือเกิน เขารู้สึกหน้ามืดจนต้องควานหายาดมในกระเป๋าแอร์เมสใบโปรดพลางตั้งสติสูดยาดมอยู่หลายเฮือกก่อนจะถามด้วยเสียงสั่นๆ
     “หนูไปเอาคำๆ นี้มาจากไหนกันลูก?”
     “ก็เห็นคนอื่นเขาพูดกันนี่ครับ แล้วกะหรี่มันแปลว่าอะไรเหรอครับ”
     “ตายแล้ว! ห้ามเลยนะครับ ต่อไปนี้อย่าให้ลุงพลได้ยินหนูพูดคำๆ นี้อีกเชียว ถ้าน้องต้นดื้อลุงพลจะตีจริงๆ นะครับ”
     พอเห็นธนพลดุด้วยน้ำเสียงจริงจัง เด็กน้อยก็เริ่มเบะปาก ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำใสๆ คลอ ต้นน้ำทั้งสับสนและตกใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคุณลุงต้องดุเขาขนาดนี้ด้วย เสียงอบรมที่ดังออกมาจากปากของคุณลุงผู้เป็นที่รักได้สร้างข้อห้ามที่สลักฝังลึกลงในจิตใจของเด็กน้อยคนนี้เสียแล้ว “ห้ามพูดจาหยาบคาย ถ้าเขาพูดไม่เพราะละก็คุณลุงจะดุเขา เขาไม่อยากโดนคุณลุงเกลียด เขาจะเป็นเด็กน่ารัก เขาอยากให้คุณลุงใจดีกับเขาเหมือนเดิม”
     “ทีหลังจำไว้นะครับ ถ้าน้องต้นจะพูดแทนตัวเองต้องใช้คำว่าผมเท่านั้นห้ามพูดมึงกูแบบนั้นอีก ไม่งั้นก็เรียกชื่อตัวเองไปเลยยังจะน่ารักกว่า คำว่าแดกถึงจะแปลว่ากินแต่มันไม่สุภาพ ให้พูดคำว่ารับประทานหรือทาน แล้วก็คำพูดที่คนอื่นเขาเอาไว้ด่าหรือล้อกันไม่ต้องไปสนใจนะครับ ห้ามจำมาใช้โดยเด็ดขาด! ลุงพลไม่อนุญาตให้หนูพูดแบบนั้น ถ้าลุงได้ยินอีกนะจะตีเลยคอยดู! เด็กดีห้ามว่าร้ายคนอื่นนะครับ ห้ามพูดจาหยาบคายเด็ดขาดเลย!”
     “แง๊ๆ ลุงพลเกลียดผมแล้ว ลุงพลจะตีผม ลุงพลไม่รักผมแล้ว”
     “น้องต้นก็ต้องทำตัวดีๆ สิครับ ทำตัวไม่น่ารักแล้วลุงพลจะรักลงได้ยังไง”
     “แต่ทีคนอื่นๆ ยังมาว่าผมก่อนได้เลย!”
     “แล้วเวลาหนูถูกเขาว่าหนูเสียใจมั้ยละครับ ดังนั้นเราถึงไม่ควรทำแบบนั้นกับคนอื่น”
     “แต่เขามาแกล้งผมก่อนนี่!”
     “น้องต้นก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาสิลูก หนูเดินหนีก็ได้ เป็นลูกผู้ชายต้องรู้จักอดทนนะครับ ห้ามไปรังแกคนอื่นแบบนั้น”
     “แต่ แต่ผม...”
     “แน่ะ! ไม่เชื่อฟังกันแบบนี้เดี๋ยวลุงพลไม่รักนะครับ”
     “ไม่นะครับ ลุงพลห้ามไม่รักผมนะ!”
     ว่าแล้วเด็กน้อยก็โถมตัวเข้าหาคุณลุงสุดที่รัก ต้นน้ำเริ่มร้องไห้อีกรอบแล้ว ธนพลได้แต่ปลอบเด็กน้อยพลางพยายามสรรหาคำพูดดีๆ มาอธิบาย นี่เขาจะสอนต้นน้ำยังไงดีหนอ? เขาอุตส่าคิดว่าตนเองเป็นคุณพ่อจำเป็นช่วยแบ่งเบาภาระเพื่อนสาวได้แล้วแท้ๆ แต่ดูท่าเขายังชำนาญไม่พอ เพราะตอนนี้เขาอับจนปัญญาในการอบรมมารยาทการพูดให้กับเด็กวัยหกขวบเป็นอย่างมาก สุดท้ายเขาเลยได้แต่ภาวนาให้เพื่อนสาวกลับมาเร็วๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



กรุณาอย่าจิ้นคุณหมอกับลุงพล! เพราะอีคนแต่งมันก็จิ้น!  :confuse: 
ตามข่าวที่ได้มาจากบันทึกของตุ๊ดเพจคุณช่า เขาว่ากันว่า รุกแท้ในหมู่หมอหายากยิ่งกว่าอะไร  ดังนั้นเรื่องบางเรื่องก็ปล่อยเป็นจินตนาการเนาะ หมอแกอาจจะแมนแต้ๆ ก็ได้

ถ้าคิดจะแอ็บก็อย่าแต๋วแตกสิคะคุณลุง รู้มั้ยว่าเด็กมันสับสน!
ลุงพลจะรู้มั้ยน้อว่าเผลอฝังข้อห้ามอะไรมากมายลงหัวต้นน้ำ ต้องพูดเพราะ เป็นเด็กดี ห้ามตอบโต้คนอื่น ต้องอดทน เฮ้อ... ชีวิตไอ้ต้น(ถอนหายใจแบบเฮียชัช ฮ่าๆ)

ประเด็นที่แฝงอยู่ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก ใครเป็นพ่อแม่พี่น้องมีบุตรธิดาก็อบรมดูแลกันดีๆ ละกัน บางทีเราไม่รู้ตัวหรอก แต่ถ้อยคำหรือข้อห้ามอะไรบางอย่างที่เราเคยพูดไปทั้งอาจจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี สอนในเวลาปกติหรือเผลอตวาดยามโกรธ คือ... บางอย่างมันก็สลักฝังลึกลงในใจเด็กแบบไม่น่าเชื่อได้นะ โอเค มันเป็นจิตวิทยาอีกแล้ว ... คนแต่งขอโทษ ใช้มุกนี้บ่อยไปสินะ เหอะๆ
เอาเป็นว่าใครมีเด็กวัยเรียนรู้อยู่ใกล้ตัวก็ระวังพฤติกรรมตัวเองหน่อยละกัน เพราะตอนเด็กๆ วัยอนุบาลคนเขียนถูกปล่อยให้อยู่กับลูกพี่ลูกน้องที่ฟังแต่สกอเปี้ยนเลยชอบฟังแต่เสียงเพลงที่เป็นเสียงผู้ชายแหกปาก พอเริ่มวัยประถมก็ถูกโยนไปอยู่กับพี่ชายข้างบ้านวัยมัธยมต้นที่เอาแต่เล่นเกมทวินบี... ปั้นโมเดลปูนพลาสเตอร์ แล้วพอมานั่งนึกดูดีๆ แล้วเกิดนึกออกว่าคนที่สอนตัวเองหุงข้าวคือคุณพี่ชายข้างบ้านคนนั้น ไอ้การมีพี่ชายข้างบ้านทอดไข่เจียวให้ทานแล้วมันทอดกุนเชียงโคตรเลี่ยนนี่แหละที่ทำให้เราเกลียดกุนเชียงมาก กินไม่ได้เลย อ้วกตลอด กินพวกมันหมูก็ไม่ได้ ซื้อหมูปิ้งมากินก็เลยไม่คุ้มเพราะมีมันครึ่งไม้ อา... ชีวิตฉันบัดซบจริงๆ
(นี่ถ้าเราแอ๊บตัวเองแมนๆ พูดครับตามเทรนนักแต่งนิยายวายนะ เชื่อว่าที่เล่าไปคนแม่มจิ้นกระจายอ่ะ พี่ชายข้างบ้านบางทีมันก็ไม่สวยหรูหรอก เพราะตูเกลียดทวินบี ยิงกระดิ่งไม่เคยได้!)

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ความหวาดกลัวของเด็กเลี้ยงแกะ

ต้นน้ำ

          ผมว่าผมรู้จักความอายดีนะครับ ตอนที่ผมถูกแม็กซ์ประจานกลางห้องเรียนคราวนั้นก็ทำเอาผมหน้าชาจนถึงขั้นเป็นลมเลย แต่เมื่อวันอาทิตย์ตอนก่อนจะกลับคอนโด ผมนั่งอยู่กับคุณปู่สองคน อยู่ดีๆ คุณปู่ก็ถามผมว่าผมอยากผ่าตัดแปลงเพศรึเปล่า? ผมคิดว่าผมได้รู้จักความอายอีกแบบครับ มันไม่ใช่แง่ลบในแบบที่ผมรู้สึกหน้าชา ไม่ใช่เขินอายใจเต้นตึกตักเหมือนตอนผมเขินพี่ชัช แต่มันเป็นความอายที่ผมคิดไม่ออกว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะ ไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าแบบไหนด้วยซ้ำ ผมรู้สึกราวกับว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าผมเกิดพิการขึ้นมากระทันหัน เพราะอยู่ๆ คุณปู่เชื้อสายไทยจีนที่เห่อหลานชายสุดๆ ก็ถามผมว่า
     “อาตี๋เล็ก อั๊วะถามลื้อจริงๆ น้า ลื้ออยากเป็นผู้หญิงรึเปล่า? ถ้าลื้ออยากเป็นผู้หญิงน้า อากงไม่ขัดขวางลื้อหรอก อากงจะพาลื้อไปหาหมอดีๆ ผ่าตัดให้ลื้อสวยๆ ด้วยซ้ำน้า”
     ผมได้แต่อึ้งไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไงดี ผมเหมือนตุ๊ดขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ผมไม่ได้อยากจะเป็นผู้หญิงซักหน่อย! ผมต้องตั้งสติอยู่นานกว่าจะเรียบเรียงคำพูดในสมองตัวเองได้
     “ผมไม่ได้อยากจะเป็นผู้หญิงครับ”
     ผมพยายามอธิบายตรงๆ ให้คุณปู่เข้าใจ แต่คงเพราะสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของผมมั้งครับ ท่านเลยไม่เชื่อ
     “ลื้อไม่ต้องกลัวน้าอาตี๋เล็ก ต่อให้ลื้อเป็นอาไรอากงก็รักลื้อ ลื้ออยากใส่ชุดกระโปรงสวยๆ อากงก็จะไม่ห้าม ลื้ออยากจะไปผ่าตัดอากงก็จะสนับสนุนลื้อ อากงอยากเห็นลื้อมีความสุข”
     “คุณปู่ครับ ผม... ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงครับ ผมไม่เคยอยากใส่กระโปรงเลยซักครั้งในชีวิต”
     “อ้าว แต่อั๊วะเห็น...”
     “ผมเป็นผู้ชายครับคุณปู่ ผมแค่รักพี่ชัช นอกนั้นผมเป็นผู้ชายปกติครับ ผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงจริงๆ”
     “ได้ๆ ตามใจลื้อน้าอาตี๋เล็ก ลื้ออยากเป็นอาไรก็เป็น อากงจาไม่ห้ามลื้อ”
     วันนั้นผมแอบหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ผมก็พอรู้ตัวนะครับว่าคุณปู่แกเห็นผมเป็นหลานสาวไปซะแล้วเพราะผมคบกับพี่ชัช แต่ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแกจะบอกให้ผมไปแปลงเพศแบบนั้น ใครมันจะไปทำครับ? ผมยังอยากมีอวัยวะของตัวเองครบสามสิบสองเหมือนตอนเกิดนะครับ แถมพอถึงวันจันทร์ ผมยังต้องผจญกับเรื่องงี่เง่าอีก
     ตอนที่ผมกำลังเรียนคาบเช้าอยู่ดีๆ ก็มีโทรศัพท์เข้า เบอร์ไม่คุ้นเลยครับ ตอนแรกผมไม่ได้รับกดตัดสายไป แต่เขายังโทรมาอีกเรื่อยๆ พอหมดคาบเช้าผมเลยโทรกลับไป เสียงผู้ชายที่ดัดเสียจนแหลมดังสวนมาถามว่าผมจำเขาได้รึเปล่า?
     “น้องต้นนี่พี่แตมเองนะค้า จำพี่ได้รึเปล่าเอ่ย?”
     “แตม... เอ่อ ขอโทษนะครับ แตมไหนครับ?”
     ผมเกือบจะนึกว่าเป็นพวกแอบไปเอาเบอร์ผมมาจากคนอื่นแล้วเนียนโทรมาจีบซะแล้ว แต่พอนึกดูดีๆ คนที่เข้ามาหาผมไม่ค่อยมีแบบนี้ซักเท่าไหร่หรอกครับ แล้วข้อสงสัยของผมก็ได้รับการเฉลยในประโยคถัดมา
     “ก็พี่แตมเพื่อนร่วมงานเฮียชัชยังไงล่ะค้า ที่เราเคยเจอกันที่หัวหินเมื่อสองปีก่อนไง”
     “อ๋อ... แล้วมีอะไรเหรอครับ”
     “คือแบบนี้ค่ะคุณน้อง อ๊ะ! แต่คุณน้องใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ไม่ต้องตกใจไป ตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้ว”
     ก็แล้วมันคืออะไรล่ะครับ ทำไมเขาไม่รีบๆ บอกผมมาซักที ผมใจไม่ดีเลยให้ตาย
     “คือพี่จะโทรมาบอกน้องว่าเฮียชัชอยู่โรงพยาบาลค่ะ หมอให้เฮียแกแอดมิทดูอาการค่ะคุณน้อง”
     พี่ชัชเข้าโรงพยาบาล!
     “เกิดอะไรขึ้นครับ! แล้วนี่พี่เขาเป็นอะไรมากรึเปล่า?”
     “โอ๊ยใจเย็นๆ ค่าคุณน้อง ตอนนี้แฟนคุณน้องกำลังหลับอยู่ค่ะไม่ต้องเป็นห่วง แต่เพราะเมื่อเช้าอยู่ๆ แกก็เป็นลมล้มลงไปพวกเราเลยตกใจกันไปหน่อยก็เลย... แหะๆ พาแกส่งโรงพยาบาล”
     “ที่ไหนครับ?”
     “กรุงเทพคริสเตียนค่ะ”
     “เอกชนเหรอครับ...”
     โรงพยาบาลเอกชน! ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าค่าใช้จ่ายจะขนาดไหน
     “แล้วพี่ชัชอยู่ห้องอะไรครับ”
     “คุณน้องจะมาเยี่ยมเหรอคะ เดี๋ยวพี่ขอดูที่จดไว้แป๊ปนึงก่อน”
     “ผมหมายถึงพี่ชัชพักห้องแบบไหนครับ? ถ้าเป็นห้องเดี่ยว ผมจะได้กลับไปเอาเสื้อผ้าตอนเย็นก่อนไปเฝ้าพี่เขา”
     “จะมาเฝ้าเองเลยเหรอคะคุณน้อง?”
     “ผมสะดวกครับ จะได้ไปจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลด้วย”
     แล้วพี่เขาก็บอกข้อมูลให้กับผม เป็นอันว่ายังไงคืนนี้แฟนผมก็นอนโรงพยาบาลแน่ๆ ครับ แต่พรุ่งนี้จะได้ออกจากโรงพยาบาลรึเปล่ายังไม่แน่ใจต้องรอดูอาการอีกซักระยะ ใจจริงผมอยากจะโดดคาบบ่ายไปเฝ้าพี่ชัชด้วยตัวเองซะเลย แต่ผมมีเรียนตอนบ่ายสอง... วิชานี้ไม่อยากโดดด้วยครับ ทำยังไงดีนะ... จะว่าไปโรงพยาบาลนี้ก็อยู่ในทางที่รถไฟฟ้าวิ่งผ่าน ผมขอแวะไปดูอาหารพี่ชัชซักหน่อยดีกว่า ไม่สบายใจเลยครับ
     “ต้นจะไปไหนอ่า?”
     “โทษทีนะไปป์ แฟนเราเข้าโรงพยาบาลอ่ะ เราจะขอไปดูอาการพี่เขาแปปนึง เดี๋ยวจะพยายามกลับมาให้ทันคาบบ่ายนะ”
     “อ้าว แล้วแฟนต้นเป็นไรมากมั้ยอ่ะ ละอยู่ที่ไหน ละ”
     “พอก่อนเถอะไปป์ เรารีบ แล้วเดี๋ยวกลับมาจะเล่าให้ฟังนะ”
     แล้วผมก็เปลี่ยนทิศทางจากโรงอาหารในมหาวิทยาลัยวิ่งไปนอกรั้วเพื่อขึ้นมอเตอร์ไซต์รับจ้างไปยังสถานีรถไฟฟ้า แล้วหลังจากนั้นผมก็โดยสารรถไฟฟ้าไปหาพี่ชัชที่โรงพยาบาล โชคดีที่ผมรู้ตึกและห้องพักอยู่แล้วเลยไม่เสียเวลามากนัก แต่พอเข้าไปในห้องได้ก็เห็นแฟนผมนั่งเล่นไอแพดในมืออย่างสนุกสนาน หน้าตายิ้มแย้มเชียวครับแม้จะดูซีดเซียวหน่อยๆ ก็ตาม และที่สำคัญมีทั้งสาวๆ กับผู้ชายสาวแตกนั่งเม้าอยู่ในห้องด้วย ผมจะรีบถ่อมาหาพี่ชัชไปทำไมกัน!
     “อ้าวต้น?”
     “ครับ”
     ผมตอบรับแบบที่กล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ได้ขยับเป็นรูปรอยยิ้มแน่ๆ ครับ
     “มาได้ไงครับ?”
     “เพื่อนร่วมงานพี่ชัชโทรไปบอกผมครับว่าพี่ชัชเข้าโรงพยาบาล”
     ผมปรายตาไปทางผู้ชายคนนั้นที่ผมรู้สึกเหมือนคุ้นหน้าอยู่บ้าง แล้วก็แอบมองสาวๆ สองคนในห้อง แต่ละคนดูเด็กกว่าแฟนผมมากครับ คงเป็นเพื่อนร่วมงานกัน แต่กระโปรงสั้นๆ พวกนั้นชวนให้ผมต้องแอบเบ้ปากในใจ ไม่กล้าทำต่อหน้าหรอกครับ เดี๋ยวคนจะหาว่าผมมารยาทไม่ดี
     “แหม มาเร็วนะคะคุณน้อง แหะๆ พี่ก็นึกว่าจะมาตอนเย็น”
     “ทำไมเหรอครับ? หรือตอนนี้มีอะไรไม่สะดวก?”
     ผมหันไปยิ้มให้พี่ชัช พี่ชัชเองก็ยิ้มแห้งให้ผมพลางทำมือส่งสัญญาณให้ผู้ชายคนนั้น
     “มาไงเนี่ยต้น พี่นึกว่าเรามีเรียนซะอีก”
     “ผมมีเรียนบ่ายสองครับ ก็เลยแวะมาเยี่ยมพี่ชัชก่อน พอเรียนเสร็จค่อยกลับไปเอาเสื้อผ้าที่คอนโดมาค้างอีกที”
     แล้วคุณเธอสองคนนั่นจะนั่งสอดรู้สอดเห็นอีกนานมั้ยครับนั่น ทำเป็นอ่านเอกสารในมือ เหอะ!
     “จริงๆ โทรมาถามเอาก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องลำบากไปกลับหลายรอบแบบนี้ เหนื่อยเราแย่”
     “ผมกลัวพี่ชัชหลับอยู่ครับ ถ้าพี่ตื่นแล้วทำไมไม่โทรบอกผมซักหน่อยละครับว่าเข้าโรงพยาบาล”
     “เอ่อ... ก็เห็นไอ้แตมมันบอกว่าโทรคุยกับเราแล้ว พี่ก็เลย...”
     “แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้นล่ะครับ เห็นเพื่อนพี่ชัชเล่าว่าพี่ชัชเป็นลม”
     ไม่มีใครยอมลุกออกจากโซฟาในห้องเลยครับ ผมก็เลยเลี่ยงไปยืนข้างๆ เตียงคนป่วยแทน   
     “ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่แค่ไม่สบายนิดหน่อยแล้วก็พักผ่อนน้อย สงสัยจะงานยุ่งไปหน่อย”
     “พี่ชัชไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วครับ ผมเป็นห่วง แล้วหมอบอกให้อยู่กี่คืนครับ?”
     “คงแค่คืนเดียวแหละครับ ต้นไม่ต้องลำบากมานอนค้างเป็นเพื่อนพี่ก็ได้นะ พี่ไม่อยากให้เราลำบาก พรุ่งนี้ก็เรียนเช้าอีกใช่มั้ยครับ”
     “ได้ยังไงล่ะครับ พี่ชัชไม่สบายก็เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องมาดูแลพี่ชัชสิครับ”
     พี่ชัชดึงมือผมไปจับ ส่วนผู้ชายคนนั้นก็หาเก้าอี้มาวางไว้ให้ผมใกล้ๆ เตียงคนป่วย ผมกล่าวขอบคุณเขาตามมารยาทและนั่งอยู่ข้างๆ พี่ชัช แฟนของผมคุยกับเพื่อนร่วมงานต่อด้วยท่าทางสบายๆ ไม่มีอะไรผิดปกติเลยแม้แต่น้อย ผมว่าผมสังเกตได้ถึงสีหน้าเหนื่อยอ่อนของพี่ชัช พี่ชัชไม่สบายจริงๆ และอาการหนักด้วยครับ แต่ต่อหน้าคนอื่นก็ยังทำเป็นสบายๆ ผมนั่งอยู่กับพี่ชัชได้อีกครู่ใหญ่ก็ต้องขอตัวออกมา เพราะต้องรีบกลับมาเรียนคาบบ่ายให้ทัน ผมแทบไม่มีเวลาส่วนตัวได้ไถ่ถามอะไรแฟนตัวเองมากนัก ผมได้แต่คิดผลัดไปว่าไว้ค่อยคุยกันเย็นนี้ ผมวางแผนการเดินทางไปกลับคอนโดที่รวดเร็วที่สุดเพื่อกลับไปเอาของใช้ส่วนตัวกับเสื้อผ้ามาให้พี่ชัชเปลี่ยน คิดอะไรไปเรื่อยจนในที่สุดก็นึกขึ้นได้ตอนที่กำลังจะลงรถไฟฟ้าว่าผมยังไม่ได้ทานข้าวกลางวัน!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ต้นมันงอนผมทำไมผมจะไม่รู้ แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมานั่งแนะนำแฟนหนุ่มให้น้องๆ ผู้แทนเข้าใหม่ได้รู้จัก นี่มันเวลางานและผมก็กำลังสวมมาดหัวหน้าทีมในชั่วโมงทำงาน ความจริงผมปวดหัวจะตายห่าแต่ก็ต้องอดทน จะให้ผมไล่เด็กกลับก็ใช่ที่ น้องๆ เขามีปัญหาและต้องการที่พึ่งเพื่อปรึกษาปัญหาในการทำงาน ผมเองก็ไม่ได้ใกล้ตายจนสอนงานให้ใครไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นงานด่วนที่น้องๆ เขาต้องลุยเองในยามที่ผมไม่อยู่นอนซมแบบนี้ ผมมีกาลเทศะของผม
     นี่ดีนะครับที่มีไอ้แตมมาช่วย ไม่งั้นผมคงลำบากกว่านี้ หลังไอ้ต้นออกไปไม่นาน ธุระของสาวๆ น้องใหม่ก็เสร็จ พวกเธอบอกลากับผม ปล่อยให้ผมได้พักผ่อนอย่างที่คนป่วยสมควรจะทำ ผมเอนลงนอนด้วยความลำบาก จำไม่ได้แล้วครับว่าครั้งสุดท้ายที่ถูกเจาะให้น้ำเกลือมันเมื่อไหร่ ไอ้แตมกุลีกุจอมาช่วยผม
     “แย่หน่อยนะคะ ท่าทางงอนๆ นะคะนั่น”
     “เออน่า เมียพี่เดี๋ยวพี่เคลียร์เอง เราก็ไปทำงานต่อได้แล้วล่ะแตม พี่จะนอนละว่ะ ไม่ไหวแล้ว”
     “ไม่เอาอะไรนะคะ ให้หนูช่วยไรอีกมั้ย?”
     “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวไอ้ต้นมันก็มาแล้ว ขอพี่นอนซักพักแล้วกัน ปวดหัวว่ะ”
     “ค่า งั้นหนูไปก่อนนะค้า”
     แล้วผมก็หลับครับ ใจจริงกะจะหลับยาวๆ เลย แต่ก็ดันรู้สึกตัวตื่นตอนที่ได้ยินเสียงคนมาเยี่ยมผม กลิ่นหอมกรุ่นคุ้นจมูกชวนให้ผมนึกถึงฟ่าง แต่พอผมลืมตาตื่นผมถึงได้เห็นว่าเป็นยัยน้ำตาล เธอมาเยี่ยมผมแถมยังหนีบเอาเจ้าหญิงสุดเอาแต่ใจมาอีกต่างหาก
     “เย้! ลุงชัชตื่นแล้ว”
     ผมพยายามยิ้มให้เด็ก ก่อนจะหันไปถามเพื่อน
     “มาไงเนี่ย?”
     “ได้ยินว่าซุปคนเก่งล้มกลางห้องประชุม เลยมาเยี่ยม”
     “กี่โมงแล้วอ่ะ?”
     “จะหกโมงแล้ว เมื่อกี้เขาเอาข้าวเย็นมาเสิร์ฟให้ ชัชจะกินเลยมั้ย?”
     ผมเบ้หน้าให้อาหารอ่อนในถาด
     “ขอเหอะ ตอนกลางวันแทบกระเดือกไม่ลงอ่ะ”
     จะหกโมงแล้ว ผมหลับไปนานเหมือนกันนี่หว่า
     “อิๆ งั้นจะกินบะหมี่มั้ยจ้ะ น้ำตาลซื้อมาเผื่อ ยัยน้ำหวานบอกว่าอร่อยนะ”
     “ใช่แล้วค่า หนูชอบน้ำซุปมากเลย ห๊อมหอม”
     ยัยน้ำตาลเก็บถาดอาหารอ่อนของทางโรงพยาบาลไปวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็จัดแจงแกะบะหมี่น้ำเทใส่ชามให้ผม คนแม่ก็บริการข้าวเย็นผมไป ส่วนคนลูกก็ซู้ดบะหมี่โชว์อย่างเอร็ดอร่อย มองๆ ไปก็น่ารักดีนะครับ น่าเสียดายที่ผมคงไม่มีลูก
     “ยังไม่ค่อยหิวเลยอ่ะตาล”
     “ทานหน่อยเถอะชัช เย็นแล้วนะ จะได้ทานยาเย็นแล้วเช็ดตัวไง เมื่อกี้พยาบาลจะปลุกชัชแล้วด้วยซ้ำแต่น้ำตาลห้ามไว้ กลัวชัชนอนไม่พอแล้วจะหงุดหงิด”
     “ลุงชัชสู้ๆ อร่อยน้า ดูสิดูสิ ซู้ด”
     ผมอดขำกับท่าทางโฆษณาชวนเชื่อของนักชิมตัวน้อยไม่ได้ เลยแข็งใจลุกมาทานข้าวเย็นของตัวเอง เอาวะ! อย่างน้อยๆ ก็คงอร่อยแหละ เด็กมันเชียร์ขนาดนี้
     น้ำตาลขยับมาปรับเตียงและประคองผมลุกขึ้น เธอเลื่อนถาดมาตรงหน้าและหยิบช้อนกับส้อมมาแบ่งบะหมี่เป็นคำๆ ให้ผม เธอทำท่าจะป้อนผมด้วยซ้ำ
     “ชัชกินได้น่ะตาล”
     “ไหวเหรอ ไม่เจ็บแผลเหรอ?”
     “พอไหวคร้าบ ส่งช้อนมาเหอะ ชัชยังขยับมือได้อยู่”
     ผมพยายามจะหยิบช้อนตักเส้นบะหมี่เข้าปาก แต่ไม่ถนัดเลยว่ะ มันร่วงหล่นจากช้อนตลอดเลย แถมผมยังไม่ค่อยอยากอาหารอีก พอเห็นแบบนี้ยัยหนูน้ำหวานเลยได้ทีฟ้องคุณแม่คนสวย
     “แม่ขา ลุงชัชดื้อ ไม่ยอมกินข้าว ทีตอนนั้นลุงชัชยังบังคับหนูกินพิซซ่าเลย”
     ลุงไม่ได้บังคับหนูเลยคร้าบ ลุงแค่พาหนูไปหาข้าวเย็นทาน แต่หนูเป็นคนอยากกินพิซซ่าเองนะคร้าบหนูน้ำหวาน ผมล่ะอยากร้องไห้!
     “นั่นสิชัช อายเด็กนะ อิๆ”
     “งั้นเดี๋ยวหนูป้อนให้ลุงชัชเองนะค้า”
     ว่าแล้วยัยหนูจอมเอาแต่ใจก็ปีนขึ้นมาบนเตียงผู้ป่วยแล้วเริ่มลงมือเล่นป้อนข้าวลุงชัชซะงั้น
     “ลุงชัชขา อ้ามค่า”
     “อย่าลืมเป่าด้วยสิลูก”
     น่านๆ มียุลูก
     “อย่าน่าตาล เดี๋ยวยัยน้ำหวานก็ไข้กลับหรอก กลัวมาติดไข้ชัชอีก”
     “เถอะหน่า แกอยากมาดูแลลุงชัชของแก พูดแล้วน้ำตาลก็ต้องขอโทษชัชด้วยนะ ติดไข้ยัยน้ำหวานจนซมขนาดนี้”
     ผมยิ้มกำลังจะอ้าปากตอบว่าไม่เป็นไร แต่ยัยหนูน้ำหวานกลับเร่งผมให้อ้ำก๋วยเตี๋ยวในช้อนที่เธอถือรอป้อนผม
     “ลุงชัชขา อ้าม”
     ทีเวลาแบบนี้ล่ะน่ารักจริงๆ แม่คุณ ผมชอบเด็กผู้หญิงชะมัดเลย ช่างฉอเลาะดีแท้ น่ารักสดใสดีครับ แต่ขอยกเว้นในกรณีองค์ลงนะครับ ผมรับมือไม่ไหวจริงๆ
     “อร่อยมั้ยค้าลุงชัช”
     ยัยหนูยิ้มให้ผมจนแก้มกลมปุ๊ก แกมองมาอย่างคาดหวัง ผมเลยจัดคำโกหกไปเอาใจเด็กซะหนึ่งดอก
     “หืม! มันอร่อยมากเลยนะเนี่ย ต้องเพราะคนป้อนน่ารักแน่ๆ เลย”
     “อร่อยงั้นก็กินอีกเยอะๆ เลยนะค้าลุงชัช”
     ผมกินบะหมี่โดยใช้แรงงานเด็กป้อนไปจนเกือบหมดชาม มียัยเพื่อนตัวดีคอยยุลูกเป็นระยะๆ พลางส่งทิชชู่มาให้ผมซับปากเช็ดไอ้ที่มันป้อนเลอะเลยปากผม ผมเพลินจนลืมเวลา ลืมไปว่าเย็นนี้เมียผมจะมาเฝ้าไข้ ดังนั้นตอนที่ต้นมันเปิดประตูเข้ามาเห็นฉากครอบครัวสุขสันต์มียัยน้ำตาลอยู่ข้างเตียง ส่วนบนเตียงก็มียัยหนูน้ำหวานกองอยู่บนตักผม ไอ้ต้นมันก็หน้าเสีย มันยืนตะลึงอยู่หน้าห้องอยู่หลายนาทีกว่าจะเรียกสติกลับมาได้ ผมเองก็ชะงักไปเหมือนกัน ความรู้สึกผิดบางอย่างมันพุ่งขึ้นมาในใจแบบที่ผมเองก็อธิบายไม่ถูก
     “ต้น...”
     เพราะได้ยินเสียงเรียกของผม มันถึงได้รู้สึกตัว ต้นมันแข็งใจเดินเข้ามาในห้องยกมือไหว้สวัสดีแล้วยิ้มให้น้ำตาลก่อนจะเดินไป วางกระเป๋าไว้บนมุมหนึ่งของโซฟา
     “เออตาล นี่แฟนชัช ต้น นี่พี่น้ำตาลเพื่อนร่วมงานพี่เอง ส่วนเจ้าหญิงน้อยคนนี้ลูกสาวพี่น้ำตาลเขา แนะนำตัวหน่อยสิครับ”
     “สวัสดีค่า หนูชื่อเด็กหญิงชลิวรรณ กระจ่างธารา อายุห้าขวบค่า”
     “ดีครับพี่น้ำตาล”
     ผมเห็นต้นมันส่งยิ้มให้หนูน้ำหวานแล้วหันไปทักทายยัยน้ำตาล เมียผมกำลังใส่หน้ากาก รอยยิ้มฝืนๆ แบบนั้นทำไมผมจะดูไม่ออก
     “ดีค่ะ น้องต้น”
     “เออ แฟนชัชมาแล้ว เดี๋ยวตาลพายัยน้ำหวานกลับบ้านเถอะ เย็นแล้ว”
     “จ้า ชัชมีคนมาดูแลแล้วน้ำตาลไม่ห่วงหรอก ไปค่ะน้ำหวาน กลับบ้านกันเถอะลูก”
     “แต่หนูยังป้อนบะหมี่ลุงชัชไม่หมดเลยนะค้า เหลืออีกตั้งสามคำ”
     พวกเรายิ้มให้กับความไร้เดียงสาของเด็ก แม้แต่ไอ้ต้นยังยิ้ม มันนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวในห้องพักมองดูผมอ้าปากรับบะหมี่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ถึงแม้มุมปากมันจะยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายกับกำลังยิ้มละไมตลอดเวลา แต่การสั่งตัวเองให้ทำสีหน้าค้างไว้แบบนั้นราวกับมันกำลังใส่หน้ากากต่อหน้าผม
     จนสองแม่ลูกกลับไป ต้นมันเดินมาเก็บชามออกไปไม่เปิดโอกาสให้ผมพูดอะไร พอเสร็จแล้วมันก็เดินเข้ามาหาผมถามเรื่องอาการต่างๆ พยายามทำท่าทางปกติ
     “พี่ชัชเช็ดตัวแล้วรึยังครับ?”
     ผมจับมือมันเอาไว้ แต่กลับคิดคำพูดไม่ออก ต้นมันพยายามทำสีหน้าสงสัยทั้งๆ ที่ผมเห็นน้ำใสๆ คลออยู่ในดวงตาของมัน
     “พี่รักเรานะครับ”
     มันแกล้งระบายลมหายใจออกแล้วยกริมฝีปากขึ้นยิ้มน้อยๆ เหมือนคนกำลังเขิน ผมเกือบจะเชื่อมันเลย แต่ผมอยู่กับมันมานานพอที่จะรู้ว่าเมียผมเป็นพวกคิดมากขนาดไหน ยิ่งทำตัวปกติยิ่งแปลว่ามันมีอะไรในใจ
     “พี่ชัชก็... มาหวานอะไรตอนนี้ครับ”
     ไอ้ต้นกำลังเล่นละคร แต่ผมไม่อยากเล่นตามเกมมัน ผมอยากย้ำให้มันรู้ว่าผมรักมันมากแค่ไหน ผมกลัวมันจะคิดมาก
     “พี่รักต้นนะครับ พี่กับน้ำตาลเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน”
     สีหน้าชะงักค้างของมันปรากฏขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะสวมบทไม่รู้ไม่ชี้ต่อ
     “ผมรู้แล้วครับ พี่ชัชไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย”
     “อย่าโกหกพี่สิครับต้น ทำไมพี่จะไม่รู้ว่าเมียพี่คิดอะไร เชื่อพี่นะครับ พี่รักเราที่สุด ไม่ต้องกลัวนะครับ”
     “พี่ชัชไม่สบาย พักผ่อนเถอะครับ ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ”
     ในที่สุดมันก็ยอมแพ้ผม ใบหน้าเหนื่อยอ่อนคล้ายคนจะร้องไห้อ้อนวอนให้ผมพักผ่อนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
     “เชื่อพี่ก่อนสิครับ พี่กับน้ำตาลไม่มีอะไรกันจริงๆ นะ พอดีพวกเราเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนละเขาพึ่งย้ายมาทำงานบริษัทเดียวกับพี่ พอเขารู้ว่าพี่ไม่สบายก็เลยพาลูกมาเยี่ยมเพราะเราสนิทกันมาก่อนก็แค่นั้น”
     “แล้วสนิทที่ว่านี่สนิทถึงขั้นไหนเหรอครับ? แถมท่าทางน้องเขาก็คุ้นกับลุงชัชมากซะด้วย มีอะไรที่ผมควรจะรู้รึเปล่าล่ะครับ?”
     “ไม่ใช่แล้วต้น พี่ไม่ใช่พ่อเด็กนะเว่ย! คิดไปไหนไกลแล้วครับ”
     นี่ถ้าผมสบายดีผมจะดึงมันมากอดจริงๆ นะ ไอ้ลูกแกะขี้กลัวของผม แต่เสียดายครับ ผมไม่สบายแบบนี้ขยับตัวไม่ถนัดเท่าไหร่ โดนเจาะมือข้างที่ถนัดซะด้วย โคตรเจ็บเลยอ่ะ เลยได้แต่ดึงมือมันไว้ข้างนึงแล้วยกขึ้นมาจูบ ผมอยากลูบหัวปลอบมันเป็นบ้า!
     “ก้มมาเร็ว พี่ขยับไม่ถนัด เจ็บแผลที่เจาะให้น้ำเกลือมากเลยเนี่ย เฮ้อ...ร้องไห้ใหญ่แล้ว”
     ผมพยายามจะเอื้อมมือข้างที่ไม่ได้ติดสายน้ำเกลือยืดไปเช็ดน้ำตาให้มัน ไอ้ต้นมันก้มมาใกล้ๆ แล้วกอดผมเอาไว้ สภาพทุลักทุเลแบบนี้ผมปลอบมันไม่ถนัดเลยครับ
     แล้วนางพยาบาลก็เข้ามาพอดี ได้เวลาเช็ดตัวผมแล้วครับ พวกเราถูกมองด้วยสายตาแปลกประหลาดเล็กน้อย พอมันสงบสติได้มันเลยบอกว่าจะเป็นคนเช็ดตัวให้ผมเอง แล้วมันก็ดูแลผมอย่างที่มันเคยทำมาตลอด ผมไม่รู้ว่ามันเข้าใจที่ผมพูดรึเปล่า? แต่ผมอยากให้มันเลิกคิดมาก จะให้ผมปลอบมากกว่านั้นผมก็ทำไม่ไหวแล้วด้วยครับ บรรยากาศมันถูกขัดจังหวะจนหยุดไปแล้ว แถมพิษไข้ก็ทำให้สมองผมตื้อไปหมด และต้นเองก็ทำตัวตัดบทไม่ยอมให้ขุดปัญหาขึ้นมาพูด มันเลือกที่จะเมินเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้น

     เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หมอและพยาบาลผลัดกันเข้ามาทำหน้าที่ ต้นมันนั่งอยู่บนโซฟาตัวนั้นเงียบๆ คอยประคองผมเข้าห้องน้ำ พยุงผมขึ้นบนเตียง เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ออกมานั่งอ่านตำราของมันเป็นเพื่อนผม และแล้วฤทธิ์ยาก็สะกดให้ผมหลับ แต่สิ่งที่ตกค้างในสมองของผมไปตลอดคืนก็คือใบหน้าเศร้าสร้อยของไอ้ต้น แม้แต่ผมเองยังตอบไม่ได้เลยว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกผิดเวลาเห็นสีหน้าแบบนั้น ผมไม่ได้ทำอะไรผิดไม่ใช่หรือ? ผมกับน้ำตาลไม่ได้มีอะไรกันซักหน่อย แต่ทำไมผมถึงไม่สามารถอธิบายให้ต้นเข้าใจได้เหมือนอย่างทุกที ทำไมผมถึงได้กลัวสีหน้าเศร้าสร้อยแบบนี้ของมันทั้งๆ ที่ผมไม่เคยรู้สึกหวั่นใจแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมเริ่มกลัวหลุมดำในดวงตาของมัน? ผมไม่มั่นใจที่จะถมปมในใจมันให้เต็มได้เหมือนเมื่อก่อน ผมกลัวความเศร้าสร้อยของต้น!

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     ผมต้องนอนโรงพยาบาลคืนที่สองจนได้ เพราะร่างกายยังอ่อนเพลียและมีไข้สูง ความกังวลของผมเลยพุ่งตามไข้เลยครับ แม่งผมจะเบิกได้กี่มากน้อยวะเนี่ย? คิดแล้วเคืองจริงๆ ใครมันแบกผมมาส่งเอกชนวะ! คอยดูเหอะเป็นตายร้ายดียังไงพรุ่งนี้ผมก็จะออกจากโรงเชือดให้ได้อ่ะ อีกไม่กี่วันยิ่งมีสัมนาใหญ่อยู่ ผมจะไม่ยอมพลาดงานนั้นเด็ดขาดครับ หมอที่เล็งอุตส่าไปกันตั้งเยอะ ยังไงก็จะขอไปตายในหน้าที่ให้ได้ครับ หมอทั้งงานผมคงไม่เป็นไรหรอก
     ไอ้ต้นมันก็ดี๊ดีนะครับ ศรีภรรเมียผู้รอบคอบ มันหอบเสื้อผ้ามาเผื่อสองคืนพอดีเป๊ะ มันมาค้างกับผมแล้วก็ตื่นไปเรียนจากโรงพยาบาลเลย พอเรียนเสร็จก็รีบกลับมาเฝ้าไข้ผมต่อ แต่ผมไม่คิดว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญแอบตามเมียผมมาด้วยซะงั้น ไอ้ต้นมันพึ่งวางเป้ได้ไม่ถึงสิบนาที กำลังพยุงผมขึ้นเตียงหลังจากเข้าห้องน้ำเลย เพราะผมปวดฉี่โคตรๆ แต่ผมขี้เกียจลากสังขารไปทำธุระเองรอให้ต้นมันกลับมาก่อน โคตรทรมานเลยครับเวลาเข้าห้องน้ำแล้วต้องลากสายน้ำเกลือไปด้วยนี่เจ็บสุดๆ อ่ะ
     “สวัสดีค้าบพี่!”
     ไอ้เด็กเวร! มึงจะมาทำไมวะ!
     ใบหน้าแป้นแล้นปัญญาอ่อนโผล่หัวเข้ามาในห้องเป็นคนแรกก่อนจะตามมาด้วยบรรดาสาวๆ หือ? มากันครบแก๊งเลยนี่หว่า หน้าเมียผมงี้เหวอเลยครับ
     “พอดีพวกเราเรียนเสร็จแล้วอ่ะค่ะ ได้ยินว่าพี่ไม่สบาย พวกเราเลยชวนกันมาเยี่ยม”
     เด็กสาวใส่แว่นยิ้มให้ผมพลางยื่นกระเช้าผลไม้ให้ ผมรับของไหว้จากเด็กๆ แล้วส่งยิ้มให้ เวรเอ้ย!
     “ขอบใจพวกน้องๆ นะ แล้วไปไงมาไงถึงมาได้ครับเนี่ย?”
     เมียผมใบ้กินแล้วครับ ท่าทางเม้มปากแบบนั้นแปลว่าโมโหมาก เดาเอาว่าแอบตามมาโดยไม่ได้นัดหมายชัวร์!
     “โรงบาลมันใกล้ๆ พวกเราเลยอยากมาดู เอ้ย! มาเยี่ยม”
     “พวกนายแอบตามเรามาเหรอ!”
     เมียผมเลยองค์ลงอีกแล้วครับ
     “เปล๊า! เปล่านะต้น พวกเราได้ยินต้นเล่าว่าแฟนต้นเข้าโรงพยาบาลนี้ พอดีพวกเราว่างกันก็เลยชวนกันมาเยี่ยม นี่ไง พวกเรายังแวะไปซื้อผลไม้มาฝากเยี่ยมเลย”
     ปฏิเสธได้เนียนมากเลยครับน้องแว่น เนียนเจงๆ
     “เอาน่าต้น เอาผลไม้ไปล้างให้พี่หน่อยนะครับ แล้วรู้ได้ยังไงครับว่าพี่อยู่ห้องไหน?”
     เห็นผมตัดบทให้ต้นมันก็เลยงอนหันมาจิกตาใส่ผมแทนเพื่อน ผมชวนเด็กๆ คุย แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่ผิด ไอ้เด็กเวรมันรีบยกมือพรีเซนต์ตัวเองใหญ่เลยครับ
     “ผมเองค้าบ ผมเอาชื่อพี่ไปถามประชาสัมพันธ์ค้าบ”
     อ้อ... มึงนี่เอง! ผมจะด่าก็กลัวเสียภาพลักษณ์เลยได้แต่นั่งยิ้ม เด็กแต่ละคนพากันส่งยิ้มมาให้แถมยังจ้องผมไม่วางตา บางคนยังแถมอาการเบะปากมาให้ผมอีกต่างหาก แค่เป็นผัวไอ้ต้นนี่มันน่าสนใจมากรึไงครับ? มองผมอย่างกับเห็นของแปลก
     “พวกนายกลับไปได้ละมั้ง แฟนเราจะได้พักผ่อน”
     อื้อหือ! ถึงเราจะคิดตรงกันแต่พูดตรงเกินไปก็ไม่ดีนะครับที่รัก ผมไม่แปลกใจเลยทำไมมันไม่มีเพื่อน
     “ไม่เอาหน่าต้น เพื่อนๆ เขาอุตส่ามาเยี่ยม”
     “นั่นสิ ต้นใจร้ายจังอ่า พวกเราอุตส่าตกลงกันว่าถ้ามาดูแล้วแฟนต้นป่วยหนักพวกเราจะช่วยกันจดเลคเชอร์ให้ ต้นจะได้หยุดไปเฝ้าแฟน”
     อ้าวๆ ไอ้เด็กเวรนี่ เรื่องอะไรมาแช่งกูวะ!
     “พูดมากน่ะไปป์”
     “หนูขอโทษพี่แทนมันด้วยนะคะ คือ... ไปป์มันชอบพูดไม่คิดอ่ะค่ะ แต่ใจจริงมันไม่มีอะไรหรอก”
     “โอ้ย ไม่เป็นไรหรอก เรากับพี่เขาสนิทกัน แมนๆ เขาไม่ถือเรื่องหยุมหยิมกันหรอก”
     กูแมนแต่กูโกรธว่ะ! ใครใช้ให้ไอ้เด็กนี่มันลามปามผมวะ มีการมายืนตบไหล่ผมอีก เป็นน้องผมๆ เตะไม่เลี้ยงแน่!
     “ไปป์มากไปแล้วนะ พี่เขาอายุมากกว่านายตั้งเยอะ!”
     “หน่าๆ ไม่เป็นไรครับต้น”
     ผมโมโหนะครับ แต่พอเห็นแววตาใสซื่อไม่รู้จักคิดของไอ้เด็กเวรนี่ผมก็ไม่รู้ว่าจะโกรธมันทำไม ยิ่งไอ้ต้นโกรธแทนผมแล้วผมก็เลยขอถอยทัพมาเป็นกรรมการดีกว่า แค่เสียงเมียผมไอ้เด็กเวรนี่ก็หงอแล้ว ไม่พอยังโดนน้องแว่นตบหัวอีก เห็นอนาคตมันเลยครับ เฮ้อ... เด็กพวกนี้นี่ นี่ถ้าเป็นพี่ผมน้า... โดนทั้งคู่อ่ะ อะไรควรไม่ควรพวกมันไม่รู้กันรึยังไง ถึงไอ้เด็กเวรนี่จะปัญญาอ่อน แต่เป็นผู้หญิงแล้วไปตบหัวผู้ชาย แถมยังเป็นป้าแว่น ขึ้นคานแน่ๆ น้องเอ้ย!
     แล้วผมก็ต้องนั่งรับแขกอยู่พักใหญ่ ไปๆ มาๆ ผลไม้ในกระเช้าเยี่ยมไข้ผมก็เกือบเกลี้ยง ไอ้ต้นปอกแอปเปิ้ลให้ผมแต่มีมือมากกว่าสามข้างมาหยิบ องุ่นนี่หายไปทั้งพวงครับ แถมยังมีเสียงแง๊วๆ ให้เมียผมแกะส้มให้อีก ปวดกบาลครับ เห็นใจเมียชะมัด รู้เลยว่าทำไมไอ้ต้นมันชอบหนีกลับคอนโด

     ในที่สุด เวลาพักผ่อนก็มาถึง! ผมเอนตัวลงพลางหลับตา หลังจากที่ทุกคนออกจากห้องไปไอ้ต้นมันก็รีบมาทำสีหน้าสำนึกผิดอยู่ข้างเตียง
     “พี่ชัช ผมขอโทษ”
     “ขอโทษเรื่องไรครับ?”
     “คือ ผมไม่รู้ว่า...”
     “ช่างมันเถอะต้น ต้นควบคุมอะไรไม่ได้ซะหน่อย”
     “แต่พี่ชัชคงเพลียน่าดู แทนที่จะได้พักผ่อน”
     “นิดๆ หน่อยๆ น่า พี่นอนเฉยๆ ทั้งวัน ไม่เป็นไรหรอก เรานั่นแหละที่เหนื่อยกว่าพี่”
     ผมปลอบพลางไล้แก้มมันเล่น เมียผมผิวดีครับ แก้มมันทั้งเนียนทั้งนิ่ม ผมงี้โบกมอยเจอร์ไรเซอร์หมดไปหลายขวดยังไม่ได้เท่ามันเลย ลำบากแท้ๆ ต้องใช้หน้าตาทำมาหากิน จะไม่ดูแลตัวเองก็ไม่ได้
     ผมซาบซึ้งน้ำใจมันจริงๆ นะ ต้องมานอนเฝ้าไข้ผมตั้งแต่เมื่อวาน ตื่นเช้าไปเรียน เย็นกลับมาดูแลผมต่อทั้งๆ ที่มันจะไม่ทำก็ได้ ยิ่งเมื่อคืนตอนที่ผมตื่นมากลางดึกแล้วเห็นมันนอนขดบนเก้าอี้ยาวแทนเตียงนุ่มๆ ที่ห้องแล้วผมยิ่งสงสาร ผมรู้เลยว่าผมเลือกคนไม่ผิด ต้นคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผม
     ความรู้สึกที่เอ่อล้นมันมากยิ่งกว่าความตื้นตันใจ ผมหลุดถ้อยคำออกไปจากใจจริง
     “ต้นรู้ตัวมั้ยครับ การได้เจอกับเราเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตพี่เลย”
     แทนที่พอถูกผมชมแล้วมันจะทำหน้าเขิน มันกลับดูลังเลก่อนจะปั้นหน้ายิ้ม
     “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมไม่ได้มีดีอะไรขนาดนั้น”
     “ทำไมถึงพูดแบบนั้นละครับ”
     “ก็ผมไม่ใช่ผู้หญิง ผมมีลูกให้พี่ชัชไม่ได้หรอก”
     “คิดมากอีกแล้ว ไม่มีลูกแต่พี่มีหลานตั้งสองคนนะครับ แถมยังต้องเก็บเงินส่งเมียเรียนปอเอกอีก ไหนจะยังต้องผ่อนบ้านผ่อนรถ ไม่มีเวลาคิดเรื่องลูกหรอก”
     แล้วต้นมันก็ยิ้มให้ผม ก่อนจะพุ่งเข้ามากอดผมไว้อย่างหวงแหน ลูกแกะของผมน่ารักที่สุด หึๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... เนื้อเรื่องมันจะเริ่มดราม่า... แต่ดั๊น! มีไปป์ที่ไหนเขวี้ยงเม้าที่ไหน  :oni1:

แอบขำมุมมองคนแก่ บางทีลุงแก่ๆ ก็ไม่เข้าใจเด็กสมัยนี้หรอก ป่านก็แมนเกิ๊น ไปป์ก็ง๊องแง๊ง ปล่อยสองPคู่นี้เขาซัดกันไปเหอะลุง

ป.ล. เพราะไม่รู้จะอธิบายสถานที่ยังไงให้คนอ่านเข้าใจว่าใกล้จนแว๊บไปมาได้เลยยืมชื่อโรงพยาบาลมาใช้นะเออ ถ้ามีบุคลากรแถวนั้นผ่านมาอ่านก็อย่าถือสาปากพี่ชัชเลย

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 14

เด็กซื่อบื้อคนนั้นของธันย์

      ลมหายใจของธันย์สะดุดทันทีที่เห็นรุ่นพี่คนหนึ่ง! คนตรงหน้าเรียกความคุ้นเคยจากส่วนลึกในความทรงจำของวัยเด็กให้ปรากฏ แม้เขาจะเปลี่ยนไปจากเดิมมากทั้งรูปร่างหน้าตาเพราะกาลเวลานับสิบปี แต่รอยยิ้มและสีแดงจางๆ บนพวงแก้มนั้นก็สถิตย์อยู่ในใจเสมอมา

     “มึงจะตามกูมาทำไม?”
     ไม่มีเสียงตอบจากคนข้างหลัง เด็กชายตัวน้อยได้แต่ยืนก้มหน้า เขาคร้านจะสนใจจึงออกเดินอีกครั้ง แต่แล้วคนตัวเล็กกว่าก็ก้าวเท้าตามเขาเช่นเคย ธันย์หมดความอดทนหันไปกระชากคอเสื้อของเงาผู้มีชีวิต!
     “ตามกูมาทำไม เดี๋ยวเจอต่อยแน่”
     คนตัวเล็กกว่าไม่โต้เถียงแแต่กลับเริ่มย่นคิ้วเข้าหากันก่อนจะเบะปาก และแล้วสตอล์กเกอร์ตัวน้อยก็ร้องไห้จ้า
     “แง้”
     “จะร้องทำไม จะฟ้องแม่มึงเหรอ เออไปเลยไปฟ้องแม่มึงเลย”
     “แง้ ... แม่ยัง แง แม่ยังไม่กลับ แง๊
     เด็กน้อยตอบพลางสะอื้นจนธันย์ไม่รู้จะหงุดหงิดหรือหน่ายใจกับมนุษย์เจ้าน้ำตาตรงหน้าคนนี้ดี ยังอุตส่าตอบเขา...
     “งั้นมึงจะร้องทำไม?”
     “ก็คุณจะต่อยผม”
     สรรพนามที่เด็กคนนี้ใช้ชวนให้ธันย์ขนลุก! เขาเผลอปล่อยมือโดยอัตโนมัติ
     “กูยังไม่ได้ต่อย กูไม่ทำมึงก็ได้ แต่บอกมาก่อน มึงตามมาทำไม?”
     ธันย์กลัวว่าเด็กคนนี้จะฉวยโอกาสตามมาเยาะเย้ยเขา เขาจึงตั้งใจจะแสดงท่าทีแข็งกร้าวให้รู้ว่าถึงอย่างไรก็ใช่ว่าจะมีใครมาซ้ำเติมเขาได้ง่ายๆ เขาจงใจขู่คนตัวเล็ก
     เด็กน้อยกระพริบตาปริบๆ แล้วพูดตอบ
     “ผม... ผมอยากเล่นด้วย”
     ธันย์ไม่เข้าใจ เขาคิดว่าตัวเองฟังผิด เขาไม่คิดว่ามีคนอยากจะเล่นกับเขาที่ถูกคนอื่นหมางเมินไล่ออกจากกลุ่มเหลืออยู่อีก
     แต่ทว่าความจริงแล้วตรรกะของคนตัวเล็กนั้นเรียบง่าย คนในกลุ่มนั้นไม่มีใครยอมเล่นกับเขา เมื่อเขาเห็นธันย์ไม่มีใครในกลุ่มเล่นด้วย เด็กน้อยจึงเริ่มหันความสนใจมาที่ธันย์แทน เขาคิดว่าธันย์ที่อยู่คนเดียวอาจจะยอมเล่นกับเขาได้ง่ายกว่าเด็กคนอื่นๆ เพราะความเหงาของการที่ต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครนั้นทรมาน
     “ทำไมไม่ไปเล่นกับพวกไอ้โก้”
     “เขา... เขาไม่ให้ผมเล่นด้วย”
     สีหน้าเศร้าสร้อยของคู่สนทนาชวนให้ธันย์รู้สึกสงสาร
     โก้นิสัยไม่ดี ชอบล้อปมด้อยของคนอื่น เขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์ที่โก้สั่งห้ามทุกคนไม่ให้เล่นกับเด็กคนนี้ โก้ผลักเด็กคนนี้จนล้มหงายหลัง ก่อนที่เขาและคนอื่นๆ จะพากันล้อเด็กน้อยผู้น่าสงสารว่า “ไอ้ตุ๊ด! พ่อมึงเป็นตุ๊ด ลูกก็ต้องเป็นตุ๊ด!” เด็กน้อยเลยได้แต่นั่งร้องไห้บ่อน้ำตาแตกจนมีผู้ใหญ่แถวนั้นมาพาออกไป โก้รังแกคนตรงหน้าทั้งๆ ที่เจ้าตัวเพิ่งจะเปิดปากได้เพียงประโยคเดียวว่า “ขอเล่นด้วยได้มั้ย” หลังจากแอบดูพวกเขาเล่นกันอยู่ใกล้ๆ มานานหลายวัน ความเกเรของโก้นั้นมีมากเสียจนไม่มีใครอยากขัดใจเพราะไม่ว่าใครต่างก็ไม่อยากถูกโก้รังแก
     ตอนนั้นเขาไม่ยอมช่วย กรรมเลยอาจจะคืนสนองเขาแล้ว เขาเองก็ถูกโก้เรียกว่า“ไอ้ลูกกะหรี่”เหมือนกัน และเพราะเหตุนั้นเขาจึงบันดาลโทสะเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกับโก้ปากหมาจนโดนคว่ำบาตรจากคนในกลุ่ม แต่ถึงกระนั้น ถ้าหากเขาทิ้งศักดิ์ศรียอมเล่นกับเด็กคนนี้ เขาจะต้องถูกโก้หาเรื่องอีกแน่ๆ ใครมันจะไปอยากเป็นเพื่อนกับตุ๊ด แถมตัวเล็กนิดเดียวแบบนี้ไปต่อยกับใครเขาก็แพ้ ธันย์จึงปฏิเสธ เขาอยากมีลูกสมุนไม่ได้อยากมีภาระเพิ่มสักหน่อย!
     “แต่กูไม่อยากเล่นกับมึง มึงมันไอ้ตุ๊ด”
     “ไม่ใช่นะ ผมไม่ใช่ตุ๊ด!”
     “แต่มึงชอบร้องไห้เหมือนเด็กผู้หญิง ต่อยกับใครก็ไม่ได้ ไม่เห็นเหมือนผู้ชายเลย"
     “แล้วต้องทำยังไงผมถึงจะเหมือนผู้ชายล่ะ ละ ละ แล้วถ้าผมเหมือนผู้ชายแล้วคุณจะเล่นกับผมมั้ย?”
     “ก็ได้ ถ้ามึงเลิกเป็นตุ๊ดกูจะเล่นกับมึง”

     กริ๊ง...
 
     เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นช่วยปลุกธันย์จากความฝันอันแสนหวานที่ตามมาหลอกหลอน อดีตในช่วงนั้นถือเป็นช่วงชีวิตที่เขามีความสุขที่สุดก่อนจะพบกับเรื่องเลวร้ายถาโถมเข้าใส่
     เขาชินชากับความโสมมของโลกใบนี้จนไม่กล้าจะแตะต้องความบริสุทธิ์ไม่กี่อย่างในชีวิต ความดีงามไม่เคยทำให้เขาอิ่มท้อง ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาไม่ได้ช่วยให้เขาเอาชีวิตรอด ความทรงจำดีๆ ที่เคยมีก็เป็นดั่งพิษร้ายทำให้เขาสาปแช่งเคราะห์กรรมที่ต้องเผชิญ ความสุขเหล่านั้นเปรียบเสมือนภาพลวงตาที่ผ่านเข้ามาในระยะเวลาสั้นๆ เช่น... เรื่องราวในอดีตบางอย่าง นานเข้าเขาก็ลืมเลือน แต่แล้วมันก็ถูกรื้อฟื้นอีกครั้งด้วยฝีมือของบุคคลคนเดียวกันกับในฝัน เด็กผู้ชายคนที่เคยร้องไห้โฮกอดเขาไม่ยอมปล่อยในวันที่เขาออกจากที่นั่น คนที่บังคับให้เขาสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปไม่ลืมก่อนจะมอบหนังสือสารานุกรมอวกาศสำหรับเด็กของตัวเองให้เขาเป็นที่ระลึก เด็กคนนั้นป่านนี้คงลืมเขาไปแล้ว ธันย์ได้แต่บอกตัวเองว่าเวลาสิบปีอะไรมันก็ผ่านมาเนิ่นนาน คนเราจะเปลี่ยนไปก็ไม่แปลก เขาเองยังเปลี่ยนแปลงไปตั้งมากมาย ผ่านอะไรมาตั้งเยอะ…
     ธันย์ยิ้มให้ตัวเองในกระจกอย่างนึกสมเพช เขาอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะก้าวออกจากห้องโดยภาวนาให้เด็กน้อยคนนั้นลืมเขาเสีย เขาไม่อยากจะพูดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้ว!
     แต่เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง นอกจากคำภาวนาไม่เป็นผลแล้ว คนทั้งสองยังถูกดึงดูดให้ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม ในบรรดาภาควิชาต่างๆ ของคณะวิทย์ เหตุใดรุ่นพี่หนุ่มรูปร่างบอบบางหน้าหวานใส่แว่นท่าทางเรียบร้อยขี้อายคนนั้นจะต้องมาเป็นรุ่นพี่ร่วมภาควิชาของเขาด้วยหนอ... ชื่อที่เขียนอยู่บนหน้าแรกของหนังสือสารานุกรมอวกาศสำหรับเด็กเล่มนั้นสลักฝังใจ
สุขสันต์วันเกิดแด่ลูกชายที่รักยิ่งของลุงพล เด็กชายต้นน้ำ พิสุทธิจักร
น้องต้นอายุครบหกขวบแล้ว ลุงพลขอให้หนูมีความสุขมากๆ นะครับ ขอให้เป็นเด็กดีของแม่น้ำและลุงพลตลอดไป
     และบัดนี้ นายต้นน้ำ พิสุทธิจักร ก็กลายมาเป็นรุ่นพี่ปีสองในภาควิชาฟิสิกส์!
     ธันย์นึกสาปแช่งดวงของตัวเอง เขาพยายามหลบหน้าก็แล้ว ไม่สบตาก็แล้ว แม้อีกฝ่ายจะมีสีหน้าสงสัยใคร่รู้จนเผลอนิ่วหน้ามองมาทางเขาตลอดเวลา ต่อให้เด็กน้อยเพียรพยายามมองมาที่ตนมากเท่าไหร่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ ทำประหนึ่งว่าต่างฝ่ายต่างเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน
     ในที่สุดเมื่อเขาแนะนำตัว รุ่นพี่คนนั้นก็เผลอยิ้มออกมา รอยยิ้มสดใสเช่นนั้นชวนให้ธันย์นึกถึงวันคืนเก่าๆ เด็กน้อยคนนั้นมักจะส่งยิ้มให้เขาแบบนี้เสมอ แต่ “พี่ธันย์” คนนั้นได้ตายไปแล้ว ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่มีอะไรดังเช่น “พี่ธันย์” ของเด็กซื่อบื้อบางคน ธันย์ได้แต่ภาวนาให้คนตรงหน้าเปลี่ยนไป เพราะความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเขามันช่างสกปรกเกินกว่าที่เด็กน้อยคนนั้นจะรับไหว เขาไม่อยากเห็นเด็กซื่อบื้อต้องผิดหวัง ธันย์ไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องแปดเปื้อน!
     “พี่ธันย์! พี่ธันย์ใช่มั้ยครับ”
     หลังจบปฐมนิเทศภาคธันย์อุตส่ารีบหนีออกมา แต่ทว่าคนๆ นั้นกลับตามเขามาอีกแล้ว
     ธันย์หยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ก่อนจะหันไปมองเด็กคนนั้น ... ผู้ชายตรงหน้าไม่ได้ก้มหน้างุดๆ ยืนนิ่งไม่โต้ตอบเขาอีกต่อไปแล้ว ดวงตาที่สดใสเป็นประกายคู่นั้นจับจ้องมาที่เขา
     ต้นน้ำรีบพูดต่อด้วยอารามดีใจทันทีที่เห็นธันย์หยุดเดินโดยไม่ได้สังเกตบรรยากาศของคู่สนทนา
     “ผมต้นไงครับ ที่เราเคยอยู่ด้วยกันที่อาพาร์ทเม้-”
     “ผมจำคุณได้”
     ธันย์รีบเบรคด้วยอารมณ์ไม่อยากจะรื้อฟื้นความทรงจำ
     “ใช่จริงๆ ด้วย พี่ธันย์!”
     รอยยิ้มที่สว่างสดใสช่างเจิดจ้าบาดตาเกินกว่าที่ธันย์จะทนไหว เขาละอายแก่ใจ รู้สึกว่าตนไม่คู่ควรแม้แต่จะยืนสนทนากับต้นน้ำ เขาต้องรีบหนีไปจากคนตรงหน้า ก่อนที่เขาจะใจอ่อนอีกครั้ง
     “ผมขอตัวก่อนนะ พอดีต้องไปทำงานต่อ”
     “อ้าว? งั้นพรุ่งนี้”
     “ผมรีบ”
     “เอ่อ... ไม่เป็นไรครับ ช่างเถอะ งั้นผมไม่รบกวนคุณแล้วก็ได้ครับ”
     ชั่วขณะที่คนตรงหน้าลังเลกับท่าทีของเขา ก่อนที่เด็กซื่อบื้อคนนั้นจะเผยรอยยิ้มเศร้าๆ ออกมาแล้วรีบปรับสีหน้าเปลี่ยนเป็นปกติ ธันย์สัมผัสได้ถึงสีสันที่แปดเปื้อนลงบนผ้าขาวผืนนั้น สีดำอันเป็นสัญลักษณ์ของความมืดมิดกระจายอยู่ในบรรยายกาศรอบๆ ตัวคนตรงหน้าโดยเฉพาะดวงตาสีดำสนิทที่ดูลึกล้ำสุดจะหยั่งคู่นั้น แค่ได้สบมองเพียงครู่ก็ถูกดึงดูดราวกับจะกลืนกินสติของเขาตามแต่ใจของเจ้าตัว เขาเคยใจอ่อนให้กับความไร้เดียงสาของคนตรงหน้า แต่ในวันนี้ เด็กซื่อบื้อคนนั้นกลับใช้ร่องรอยความเศร้าหมองช่วงชิงความสงสารจากใจเขาเสียแล้ว เด็กคนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว!

     คืนนั้นธันย์ฝัน เขาฝันถึงเหตุการณ์ระหว่างเขากับต้นน้ำอีกแล้ว เขาฝันถึงเหตุการณ์ตอนวันเกิดอายุครบแปดขวบของตัวเอง ธันย์ดำดิ่งสู่อดีตผ่านความฝัน เขาเห็นภาพตัวเองนั่งอยู่ในห้องของต้นน้ำ มารดาของอีกฝ่ายยังไม่กลับ ต้นน้ำจึงต้องอยู่คนเดียว ส่วนเขา... มารดาของเขาอยู่ในห้อง ... กับแขกที่มาเยี่ยม เขาโตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว ผู้เป็นมารดาออกปากให้เขาไปวิ่งเล่นกับเพื่อนสองชั่วโมง แต่จะมีใครอยากเล่นกับลูกของผู้หญิงขายตัวอย่างเขา ... นอกจาก เด็กชายตาแป๋วคนข้างๆ ที่มารดาของเขาเคยพูดไว้ว่า “อีนั่นมันก็เป็นอีตัวเหมือนกูแหละโว้ย แค่มีคนมาเหมารายเดือน มันก็ขายxีเหมือนกูนั่นแหละ ทำเป็นไฮโซ!” เขาได้ยินมารดาพูดถึงบุพการีของเด็กชายคนข้างๆ บ่อยๆ มารดาของเขาชอบนินทาคนอื่นอยู่เสมอ
     แต่ถ้าเลือกได้เขาอยากเกิดเป็นต้นน้ำ เพื่อนของเขาได้รับทั้งความรักและความเอาใจใส่จากผู้เป็นแม่ แม้ต้นน้ำจะไม่มีพ่อ มีแต่คุณลุงที่เป็นตุ๊ดคอยดูแล แต่เมื่อเทียบกับเขาที่มีพ่อแท้ๆ เป็นขี้เหล้าว่างงานและติดยาเสพติดแล้ว เขาอิจฉาต้นน้ำ!
     ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันเกิดของเขา แต่เขากลับต้องมาจับเจ่าอยู่กับเด็กน่าเบื่อบางคน ต้นน้ำดูจะดีใจมากที่มีเพื่อนมาเล่นด้วยถึงในห้อง แต่สิ่งที่เด็กชายทำก็มีแต่ชวนเขาอ่านหนังสือ ถึงต้นน้ำจะมีหนังสือที่มีรูปสวยๆ น่าสนใจหลายเล่ม แต่การที่หันไปทางไหนก็มีแต่หนังสือนั้นมันช่างน่าเบื่อสำหรับเขา ธันย์โยนรูบิคในมือทิ้งเป็นรอบที่สิบ เขาตั้งใจว่าถ้าต้นน้ำทำท่าตื่นเต้นดีใจแล้วหันหลังซ่อนก่อนจะหันมาพร้อมกับโจทย์รูบิคอันใหม่ในมืออีกละก็ เขาจะเอารูบิคปาใส่หัวต้นน้ำ! แล้วเด็กชายก็ทำเช่นนั้นจริงๆ ดังนั้นบนหน้าผากของต้นน้ำจึงมีรอยนูนสีแดงจางๆ เกิดขึ้น เด็กชายคลำหน้าผากป้อยๆ พลางเบะปากแต่ไม่กล้าร้องไห้โวยวายเพราะกลัว “พี่ธันย์” ไม่เล่นด้วย
     “โอ้ย น่าเบื่อ! ไม่มีของเล่นอื่นเหรอไง?”
     “แล้วอันนี้ไม่สนุกเหรอพี่ธันย์”
     “กูเล่นไปสิบรอบแล้วนะ”
     “ก็พี่ธันย์เก่งนี่นา มันเลยแปปเดียว เวลาต้นเล่นต้นต้องทำตั้งนานแน่ะ”
     ต้นน้ำฉีกยิ้มหน้าแป้นแล้นอย่างไร้เดียงสา มีลูกน้องที่คอยยกยอเทิดทูนเขาเช่นนี้ธันย์ก็ทำอะไรไม่ได้ เขารู้สึกภูมิใจในตัวเองอยู่ลึกๆ แม้จะเบื่อเด็กซื่อบื้อบางคนที่ดีแต่ทำตัวน่าเบื่อไปวันๆ ก็ตาม
     “รำคาญว่ะ กูจะนอนนะ ถ้าสองทุ่มแล้วปลุกกูด้วย กูจะกลับห้อง”
     “อ้าว! พี่ธันย์ไม่เล่นกับต้นแล้วเหรอ?”
     ธันย์สั่งเสร็จแล้วก็ล้มตัวลงนอนไม่สนใจต้นน้ำอีก เขาครอบครองเตียงของเพื่อนอย่างถือวิสาสะ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ทำให้เขานึกถึงน้าน้ำผสมกับกลิ่นแป้งเด็กแบบเดียวกับกลิ่นที่ได้จากคนข้างตัวชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย เขาชอบกลิ่นของห้องนี้เพราะมันให้ความรู้สึกสะอาดทำให้เขาสบายใจทุกครั้งที่ได้กลิ่น ธันย์นึกเหยียดกลิ่นอับอันโสมมของข้าวของเครื่องใช้ในห้องตนเอง
     ต้นน้ำมองพี่ธันย์ของตนหลับแล้วก็ไม่รู้จะทำเช่นไรจึงค่อยๆ ขยับไปใกล้ๆ แล้วก็เอนตัวลง“เล่นนอนหลับ”เป็นเพื่อนพี่ธันย์ มือของคนตัวเล็กกว่าแอบจับชายเสื้อของพี่ชายไว้แน่น
     ธันย์ฝันเห็นเหตุการณ์ในอดีตชัดราวกับเพิ่งผ่านมาไม่นาน ทั้งๆ ที่กาลเวลาเดินไปนับสิบปี!

     วันรุ่งขึ้นต้นน้ำเป็นฝ่ายมารอธันย์แต่เช้า สายตาของเด็กซื้อบื่อคนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว สายตาคู่นั้นสามารถส่งผ่านทั้งความเหงา... ความเศร้าของการถูกทิ้ง และความว้าเหว่สุดอ้างว้าง ... ความเจ็บปวดสื่อมาถึงเขาได้เพียงแค่การสบมองในเสี้ยววินาที สายตาที่กล้าแกร่งมองท้าทายเขาทุกย่างก้าวที่เด็กคนนั้นก้าวเดิน ต้นน้ำเดินเข้ามาหาธันย์แล้วเอื้อนเอ่ยคำขอโทษ
     “ขอโทษนะครับ เมื่อวานผมดีใจเกินไปหน่อย เลยเผลอแสดงออกกับคุณเหมือนเมื่อก่อน ผมไม่ควรทำตัวสนิทสนมกับคุณแบบนั้นเลย”
     น้ำเสียงเย็นชาเสียดแทงไปถึงส่วนลึกในจิตใจของธันย์ เด็กซื่อบื้อคนนั้นไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว!
     “ช่างเถอะ ผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนั้นหรอก ผมลืมมันไปหมดแล้ว”
     “งั้นเหรอครับ...”
     สีหน้าผิดหวังจวนเจียนจะร้องไห้ของต้นน้ำฉายชัดถึงความสับสน ต้นน้ำทั้งอยากถาม อยากพูด อยากคุยกับเขา แต่เขาไม่อยากตอบ เขาไม่อยากให้ต้นน้ำต้องมารับรู้อะไร ห่างกันได้จะดีที่สุด มือของเขาไม่ใหญ่พอจะปกป้องโลกใบเล็กของต้นน้ำแล้ว
     คนทั้งคู่มองตากันเงียบๆ โดยไร้ซึ่งคำสนทนา จนกระทั่งธันย์เห็นต้นน้ำสูดหายใจกลืนก้อนสะอื้นลงไป หางตาของคนตรงหน้าปรากฏหยดน้ำใสๆ ที่เจ้าตัวจงใจกระพริบแพขนตาไล่ความเศร้าหยดนั้นให้หายไป รุ่นพี่หนุ่มรวบรวมสติอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้น
     “ถ้ามีวิชาไหนที่ไม่เข้าใจถามผมได้นะครับ ผมยินดีช่วย”
     “ครับ ขอบคุณครับ”
     ความเงียบที่น่าอึดอัดโรยตัวเข้าครอบคลุมคนทั้งคู่เหมือนดั่งรู้ว่าต่างคน ต่างต้องการเก็บภาพนี้เอาไว้ให้นานที่สุดเพื่อเตือนสติตนเอง จนในที่สุด…
     “งั้น ผมไปก่อนนะครับ”
     แล้วเด็กซื่อบื้อคนนั้นก็เป็นฝ่ายหันหลังเดินจากเขาไป ทิ้งเขาไว้ที่เดิม...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ความจริงที่พล่ามเรื่องพี่ชายข้างบ้านเยอะๆ ไปก็มีเหตุผล เหอๆ ก็เห็นมุกนี้มันฮิต ยืมมาใช้บ้างจะเป็นไร ชอบใช่มั้ยพี่ข้างบ้าน มองอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ เอามั่ง!

น้องต้นมีพี่ชายข้างห้องด้วยล่ะ ลูกพี่ของน้องต้นปรากฏตัวแล้น!
จริงก็มาตั้งแต่ฉากต้นแอบเหล่แล้วไปป์สังเกตเห็นละนะ เด็กในรูปถ่ายคนนั้นน่ะแหละ เหอะๆ คนอ่านต้องโวยแน่ๆ ว่าเฉลยง่ายไปมั้ย? ไม่หรอก รอลุ้นว่าอีตาพี่คนนี้จะมีบทยังไงดีกว่า รับรองเดาสนุกแน่ๆ

อา... กลิ่นดราม่าหึ่ง ... พี่ธันย์นี่ตัวพ่อจริงๆ  :impress2:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ตัวตนของเด็กเลี้ยงแกะ

ต้นน้ำ

     “โทรมามีไรรึเปล่าแม็กซ์?”
     “คิดถึงเฉยๆ ไม่ได้เหรอ?”
     “บ้า!”
     ผมด่าแม็กซ์แล้วหันไปบอกคนอื่นๆ ในโต๊ะ
     “ขอตัวแป๊ปนะ”
     “รีบๆ คุยรีบๆ มาเลยมึง กูงง”
     “นายฟังเมย์ไปก่อนสิมิวนิค”
     เพราะแม็กซ์โทรมาตอนที่ผมกำลังติวกับเพื่อนๆ พอดี แล้วผมก็ไม่อยากนั่งคุยกับแม็กซ์ให้คนอื่นฟังด้วย ผมก็เลยขอตัวออกมาคุยห่างจากเพื่อนคนอื่นๆ
     “ทำไรอยู่เหรอ?”
     “ติวกับเพื่อนอยู่น่ะ”
     “อ้าว งี้แม็กซ์กวนต้นป่าว?”
     “ไม่เท่าไหร่หรอก ว่าแต่มีไรเหรอ?”
     “ก็งานบอลที่จะถึงนี้ไง แม็กซ์กะจะไปกับเพื่อน ต้นไปป่าว?”
     “อืม งั้นเหรอ...”
     “แน่ะ ทำเสียงแบบนั้นอีกละ ปีที่แล้วก็เอาแต่นอนอยู่บ้านอ่ะดิ ไอ้อาร์มมันเล่าให้แม็กซ์ฟังแล้ว”
     “ไม่ได้นอนอยู่บ้านนะ วันนั้นเรามีธุระเลยไม่ว่างไปหรอก”
     เอาความจริงก็ได้ ผมขี้เกียจไป ผมไม่ค่อยชอบกิจกรรมอะไรแบบนั้นนี่ครับ ผมไม่ถนัดทำอะไรร่วมกับคนหมู่มากนี่นา วันนั้นผมเลย... นอนอยู่บ้านกับพี่ชัช
     “ครั้งนึงในชีวิตนะต้น อุตส่าเป็นเด็กจุฬาทั้งที ไม่มาตีกับเด็กธรรมศาสตร์อย่างแม็กซ์หน่อยเหรอ?”
     “บ้า! ตีเตออะไรกัน”
     “ฮ่าๆ ว่าไงๆ ไปป่าว แล้วตอนเย็นไปหาไรกินกัน นี่แม็กซ์ชวนไอ้อาร์มไว้แล้ว”
     “อาร์มก็ไปด้วยเหรอ?”
     “เออ มีเพื่อนแม็กซ์อีกสองสามคน แม็กซ์ชวนไว้แล้ว อยากให้รู้จักกันไว้น่ะ ไอ้แมนมันเล่นเบสเก่งมากเลย เผื่อว่างๆ จะได้มาซ้อมด้วยกัน”
     “ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้จับกีตาร์เลยอ่ะ เรียนหนักมากเลย พ่อดุด้วย”
     “เฮ้ย คุยเสร็จยังวะมึง!”
     ผมปรี๊ดแตกทันที มิวนิครู้จักคำว่ามารยาทกับเขามั้ยครับ? ผมหันไปมองตัวต้นเหตุด้วยสายตาเอาเรื่อง แต่สายตาเย็นเยียบของผมคงจะทำอะไรหนังหนาๆ ของเขาไม่ได้ เพราะมิวนิคเอาแต่ลอยหน้าลอยตาเร่งผม ไปป์ก็ไม่อยู่ช่วยผมซะด้วยสิ
     “มีไรเปล่าต้น?”
     “ไม่มีไรหรอกแม็กซ์ หมาเห่าน่ะ”
     “ฮ่าๆ ต้นแม่งปากจัดว่ะ แล้วตกลงจะเอาไง ไปด้วยกันนะต้น คิดถึง”
     “อันหลังนั่นไม่เกี่ยวแล้วมั้ง?”
     “โหย คือๆ กันแหละ โอเคนะรับปากแม็กซ์แล้ว เดี๋ยวแม็กซ์ไปรับเอง”
     “บ้า! มหาวิทยาลัยเราอยู่นี่ จากรถไฟฟ้าไปสนามก็นิดเดียว นายนั่นแหละต้องถ่อเข้ากรุงมาซะไกล”
     “ก็แม็กซ์จะไปรอรับต้นที่หน้าทางลงรถไฟฟ้าเลยไง ต้นจะได้ไม่ต้องเดิน กลัวเพื่อนเหนื่อย ฮ่าๆ”
     แล้วแม็กซ์ก็ชิงวางสายไปครับ เฮ้อ... เล่นไม่ให้ผมปฏิเสธเลย แต่พูดแล้วผมก็อยากเล่นกีต้าร์เหมือนกันนะ ความจริงแล้วผมอยากไปซ้อมดนตรีกับอาร์มจะตาย แต่ติดที่พี่บอมนั่นแหละ รำคาญครับ ก็เลยไม่ค่อยโผล่ไปที่ชมรมเหมือนเคย หนีไปนั่งกับพวกพี่เปาสบายใจกว่าเยอะ เพราะแบบนั้นพักนี้ผมก็เลยไม่ค่อยได้เล่นดนตรีเลย จะไปดีมั้ยน้า...
     “เฮ้ย ใจลอยอยู่ได้อ่ะมึง รีบๆ มาเร็ว”
     “ที่บ้านนายเคยสอนเรื่องมารยาทมั้ยมิวนิค”
     เรื่องอื่นไว้ทีหลังแล้วกันครับ แต่ถ้าผมไม่ได้ด่าเจ้ายักษ์สมองกล้ามตอนนี้ล่ะก็ ผมจะอกแตกตาย!

     เย็นวันนั้นตอนนั่งทานมื้อเย็นด้วยกันผมเลยลองขออนุญาตพี่ชัชไปงานบอล
     “เอ่อ... คือพอดีเพื่อนผมเขาชวนไปงานบอลอ่ะครับ พี่ชัชอนุญาตให้ผมไปได้รึเปล่าครับ?”   
     “เหรอ? วันไหนอ่ะ ไปด้วยดิ พี่ก็ศิษย์เก่าเหมือนกัน”
     พี่ชัชบอกว่าจะไปกับผม! แย่แล้วครับ แม็กซ์อุตส่ามาชวนผมแท้ๆ ถ้าผมไปกับพี่ชัชผมก็คงไม่ได้เจอกับแม็กซ์ ต้องอดไปซ้อมดนตรีแหง๋ๆ
     “เอ่อ... เสาร์นี้อ่ะครับ”
     “อ้าว เสาร์นี้เหรอ? พี่ต้องไปภูเก็ตสุดสัปดาห์นี้อ่ะ ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะจองไฟลท์กลับได้เย็นวันจันทร์หรือเช้าวันอังคาร
     พี่ชัชต้องไปภูเก็ต! ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยครับ? พี่ชัชพึ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานแท้ๆ วันนี้พี่เขาก็ไปทำงาน แล้วนี่วันศุกร์ก็จะไปสัมมนาอีกเหรอครับ? แฟนผมจะทำงานหนักไปรึเปล่า?
     “พี่ชัชต้องไปภูเก็ตเหรอครับ?”
     เพราะเห็นสีหน้าของผม พี่ชัชเลยยิ้มแห้งๆ ให้ ท่าท่างกระตือรือล้นเมื่อกี้เปลี่ยนไปเป็นสีหน้ารู้สึกผิด... ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอกนะครับ แค่เป็นห่วงพี่เขาเฉยๆ ไม่อยากให้พี่ชัชทำงานหนักเกินไป ผม...
     “โทษทีนะต้น งานด่วนอ่ะ ช่วงนี้พี่ยุ่งๆ ก็เลยลืมบอกเราไป”
     “ไม่เป็นไรครับ”
     ผมจะทำอะไรได้ครับ พี่ชัชต้องไปทำงานนี่ ผมจะไปห้ามไม่ให้เขาไปได้ยังไง ผมควรจะมีเหตุผล ... พี่ชัชทำงานหนัก เหนื่อยจนไม่สบายเข้าโรงพยาบาลด้วยซ้ำ เมื่อวานตอนที่ออกจากโรงพยาบาลก็กลับซะค่ำทั้งๆ ที่บอกว่าจะแวะไปออฟฟิสแปปเดียว แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าพี่เขายุ่งขนาดไหน พี่เขาจะงานยุ่งจนลืมอะไรไปบ้างก็โทษเขาไม่ได้หรอกครับ
     “โกรธพี่เหรอครับคนดี?”
     “ผมไม่ได้โกรธครับ เพียงแต่... ผมนึกว่าพี่ชัชย้ายมาเขตในเมืองแล้วจะงานยุ่งน้อยลงซะอีก แต่... ช่างเถอะครับ”
     “พอดีช่วงนี้อะไรๆ ที่บริษัทมันยังไม่เข้าที่อ่ะครับ ขอเวลาพี่สักพักนะ อีกแปปพี่ก็ไม่ต้องวิ่งวุ่นขนาดนี้แล้วล่ะ”
     พี่เขาพูดกับผมแบบนี้มาสองปีแล้วนะครับ พี่ชัชก็ยุ่งตลอดนั่นแหละ มีแค่ยุ่งมากๆ หรือยุ่งๆ ก็แค่นั้น...
     “ครับ ผมเข้าใจ”
     ผมได้แต่ยิ้มให้พี่ชัช พักนี้พี่ชัชยุ่งมากกลับดึกเกือบทุกวัน พี่ชัชทำงานหนักเหนื่อยขนาดนี้ก็เพื่อผม แล้วผมจะเอาแต่ใจได้ยังไง เพียงแต่... ผมห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้นี่ครับ ผมก็แค่เหงา ถึงผมจะรู้ว่าพี่ชัชบ้างานมาแต่ไหนแต่ไรก็เถอะ แต่ว่า....

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แม็กซ์

     ผมไม่คิดจะแย่งแฟนใคร ผมแค่อยากดูแลคนที่ผมรัก ไม่ว่าใครจะมองผมยังไงผมไม่แคร์ ขอแค่ผมได้อยู่ข้างๆ ต้น ถึงต้นจะไม่เคยมองผมมากไปกว่าคำว่าเพื่อนผมก็ไม่ใส่ใจ ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มของต้นก็พอ
     แต่แล้วใบหน้าที่ผมได้เห็นกลับกลายเป็นรอยยิ้มฝืนๆ ต้นใจลอยอีกแล้ว
     “เป็นไรอีกอ่ะ”
     “เปล่านี่”
     “โกหกอีกละ”
     “ช่างมันเถอะแม็กซ์ รีบทานเหอะ”
     ต้นตัดบทบอกให้ผมรีบกิน แต่การกวาดสายตาไปรอบๆ ด้วยท่าทางไม่มั่นใจแบบนั้นชวนให้อยากแกล้งเป็นบ้า ต้นประหม่าเพราะความแปลกแยกของเราสองคน สีเสื้อที่ต่างกันของเราทั้งคู่แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่มากันเป็นกลุ่ม หน้าที่ขึ้นสีจางๆ โคตรน่ารัก
     ไม่รู้ว่าผมเริ่มคิดว่าต้นน่ารักตั้งแต่เมื่อไหร่ บางทีอาจจะเป็นวันนั้นที่ต้นเห็นผมแกล้งจูบกับผู้หญิงแล้วเขินก็ได้ ทำเป็นเชิ่ดหน้าใส่ แกล้งทำเป็นไม่สนใจแต่แอบหน้าแดง ต้นชอบปากแข็งเสมอ แต่เพียงแค่มองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นผมก็ล้วงความจริงทั้งหมดจากต้นหน้าได้
     ผมอุตส่าลงทุนไปรับต้นถึงคอนโด แทนที่ต้นจะร่าเริงกลับเอาแต่ซึม
     ไอ้หมอนั่นมันไปต่างจังหวัดอีกแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นโอกาสของผมที่จะได้ใกล้ชิดกับต้นได้เต็มที่ แต่ผมกลับอยากเห็นต้นยิ้มมากกว่า แม้ว่านั่นจะหมายถึงการที่ไอ้หมอนั่นกลับมาและแปลว่าผมจะมีเวลาได้ใกล้ชิดกับต้นน้อยลงก็ตาม
     “ถึงเพื่อนจะแทนแฟนไม่ได้แต่ก็ช่วยให้หายเหงาได้นะ อุตส่าห์มาพาเลี้ยงข้าวดันนั่งคิดถึงแฟน ใจร้ายว่ะ”
     “บ้า!”
     ผมชอบต้นก็ตรงนี้แหละ เวลาที่ต้นเขินมักจะชอบด่าผมว่าบ้าแล้วก็หลุบตาลงต่ำหลบสายตาผม แต่เพียงไม่นานต้นก็จะแอบชำเลืองกลับมาเสมอ แล้วพอเห็นว่าผมยังมองตัวเองอยู่อย่างรู้ทันต้นก็จะอมยิ้มเขินๆ ก่อนจะจ้องตาแข่งกับผมอย่างท้าทาย ผมถูกดึงดูดด้วยความอวดดีของต้น ขอแค่มีสายตาคู่นี้คอยมองผมอยู่ จะให้ผมทำอะไรก็ยอม ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงตบมุกแซวแกล้งจีบต้น แต่ต้นมีเจ้าของแล้วผมเลยทำได้แค่ยิ้มให้เท่านั้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ผมเกลียดเวลาที่แม็กซ์ยิ้มแบบนั้นเป็นบ้า! รู้สึกเหมือนถูกราชสีห์จ้องเลยครับ แม็กซ์รู้ทันผมหมดทุกอย่าง ขึ้นกับว่าเขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้หรือว่าจงใจเปิดเผยความลับของผม ผมเกลียดรอยยิ้มอวดดีแบบนั้นชะมัด!
     “ทานเร็วๆ เลย เดี๋ยวก็ไปขึ้นแสตนไม่ทันหรอก”
     “ไม่เอาอ่ะ แม็กซ์ฝากเพื่อนซื้อบัตรไว้แล้ว”
     “ขึ้นฟรีก็ได้ทำไมต้องซื้อ?”
     “ดูสีเสื้อแม็กซ์ซะก่อน จะให้แม็กซ์ไปเป็นเขยจุฬารึไง หรือต้นจะหนีตามแม็กซ์ไปนั่งฝั่งธรรมศาสตร์?”
     “บ้า!”
     “เพราะสีเสื้อต่างกัน พบกันครึ่งทางนี่แหละดีที่สุด แม็กซ์อยากดูแปรอักษรด้วย”
     “ตามใจแล้วกัน”
     ดีแต่บังคับ! ให้ตายเถอะ แต่ก็นะ... ถ้ามันไม่ได้ลำบากอะไรผมๆ ก็ไม่ว่าหรอก
     พอเลี้ยงมื้อสายผมที่พารากอนเสร็จแม็กซ์ก็พาผมไปยังสนามศุภฯ ด้วยลูกรักของเขา โชคดีที่มันเป็นแค่รถสองล้อพวกเราเลยหาที่จอดไม่ยากแม้จะเป็นบิ๊กไบค์คันใหญ่ก็ตาม แต่เสียงของเครื่องยนต์ที่กระหึ่มจนเรียกความสนใจจากผู้คนรอบข้างนี่สิครับ ผมอยากจะบ้าตาย! โคตรอายคนอื่นเขาเลย รู้สึกเหมือนถูกมองแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ผมอายจนไม่กล้าถอดหมวกกันน็อคแน่ะ แต่แม็กซ์ทำตัวปกติมากครับ ลงจากรถเรียบร้อยก็หันมายิ้มให้ผมโคตรกวน! คิดว่าตัวเองเท่นักรึไง! หมั่นไส้พวกชอบอวดรวยชะมัด!
     “เฮ้ย!”
     อยู่ๆ แม็กซ์กับคว้าข้อมือผมไปจับซะงั้น
     “คนเยอะ เดี๋ยวหลง”
     “บ้าละ มันไม่ได้หลงง่ายขนาดนั้น”
     “มาเหอะ เดี๋ยวคลาดกัน เสื้อชมพูพรืดเต็มไปหมด แม็กซ์กลัวต้นหาย”
     “บ้า!”
     ผมพยายามจะสะบัดมือของแม็กซ์ออก แต่เขากลับทำหน้ากวนตีนใส่ผมแล้วยักคิ้วใส่ ไอ้เกรียนเอ้ย!
     “ไปเร็ว เพื่อนแม็กซ์รอนานแล้ว เดี๋ยวไม่ทันหรอก”
     แล้วผมก็ถูกแม็กซ์ลากไป แต่จะว่าไปก็คนเยอะจริงๆ นั่นแหละครับ ทุกคนใส่เสื้อเหมือนกันหมดเลย ถ้าไม่ชมพูขาวก็เหลืองแดง มองไปมองมาผมก็ชักจะตาลายแฮะ ความจริงแล้วพวกแก๊งของผมก็บอกว่าจะมาเหมือนกันนะครับ เห็นบอกว่าจะมาขึ้นแสตน แต่ผมไม่รู้ว่าตกลงเขาขึ้นทันกันรึเปล่า ผมขี้เกียจโทรหาด้วย รำคาญไปป์จอมยุ่ง เดี๋ยวจะมาทะเลาะกับแม็กซ์อีก
     “ต้นทางนี้”
     พอผมหันไปตามเสียงเรียกของแม็กซ์ก็เห็นแม็กซ์นิ่วหน้าใส่ผม
     “อีกละ มองไรอยู่ได้ เดี๋ยวหลงละจะรู้สึก ตายิ่งถั่วๆ อยู่”
     ด่าผมอีกแล้วไอ้มนุษย์บ้าอำนาจเอ้ย!
     “นี่เพื่อนเรา เฮ้ยแมนนี่เมียกู แล้วเมียมึงอ่ะ?”
     “ผัวะ!”
     “ใครเมียคุณ?”
     “โหยต้น โหดว่ะ! แค่นี้ต้องต่อยกันด้วย ถ้าแม็กซ์รับหมัดต้นไม่ทันนี่กรามหักเลยนะ”
     “สม! เลาะฟันเอาหมาออกจากปากซักหน่อยป่ะ”
     “ฮ่าๆ เออๆ นี่เพื่อนรักกู ชื่อต้น แล้วหนิงอ่ะ?”
     ผมเห็นเพื่อนของแม็กซ์ก้มลงมองมาที่ผมแล้วก็ยิ้ม ไม่ชอบแบบนี้เลยครับ รู้สึกเหมือนถูกมองต่ำกว่ายังไงก็ไม่รู้ เวลาถูกคนตัวสูงกว่าเยอะๆ มองแล้วยิ้มแบบนี้ให้มันหงุดหงิดชะมัด!
     “หนิงมันไปเข้าห้องน้ำบอกให้กูเอาตั๋วมาให้มึงก่อน มันกะจะไปนั่งกับพวกอิเปิ้ล”
     “เฮ้ย กูไม่ไปด้วยนะ!”
     “เออ กูรู้ เสร็จงานค่อยเจอกันละกัน กูอยู่ห่างเมียไม่ได้ วันนี้คนเยอะกลัวเมียหาย”
     “ฮ่าๆ รีบไปเฝ้าเมียมึงไป่”
     “กูไปละ มอเมียนั้นหายาก ต้องลำบาก จีบแทบตาย ฮ่าๆ”
     ยังจะมีมุข... เพื่อนแม็กซ์คนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทำไมถึงคบกันได้ กวนพอๆ กันเลยครับ ให้ตายเหอะ!
     แล้วผมก็เข้าไปดูบอลกับแม็กซ์ บอกตามตรงว่าผมแทบไม่ได้สนใจผลบอลในสนามหรอกครับ เพราะมัวแต่ดูเขาแปรอักษรกันมากกว่า มิน่าแม็กซ์ถึงชวนผมมานั่งตรงนี้ ดูสองฝั่งแปรอักษรโต้กันไปมาแล้วก็สนุกจริงๆ นั่นแหละ ผมเพิ่งรู้ว่ามันสนุกขนาดนี้ รู้งี้ปีที่แล้วผมมาด้วยก็ดี อ๊ะ! แต่คิดอีกที ถ้าปีที่แล้วผมมาผมก็คงไม่พ้นต้องไปนั่งแปรอักษรละมั้งครับ ความจริงเกือบถูกบังคับให้ไปสมัครเป็นเชียร์ลีดเดอร์แล้ว แต่ผมหนีโดยเอาเหตุผลทางบ้านมาอ้าง เลยรอดตัวไป
     “อ่ะ”
     “อะไร?”
     “น้ำไง กลัวเหงือกแห้ง มัวแต่นั่งอ้าปากจนแมงวันบินเข้าไปสิบตัวแล้วต้น สนุกใช่มั้ยล่ะ?”
     เกลียดจัง แม็กซ์รู้ทันผมอีกแล้ว แต่ผมรู้สึกคอแห้งนิดหน่อยก็เลยรับน้ำมาดื่ม ไหนๆ เขาก็ซื้อมาแล้วอย่าให้เสียของเลยครับ
     “ออกจากกะลามาดูโลกภายนอกซะบ้าง”
     “แรงไปแล้วนะแม็กซ์”
     “โหยๆ ทำงอน ฮ่าๆ”
     “แม็กซ์เกรียนอ่ะ”
     “พึ่งรู้เหรอ?”
     “รู้ตั้งนานแล้ว”
     “งั้นก็ทนต่อไป”
     ผมเกลียดแม็กซ์!

     พอพักครึ่งแม็กซ์ก็ชวนผมไปเข้าห้องน้ำ เราสองคนเดินออกมาจากสนาม เพราะคนเยอะผมเลยไม่ทันได้สังเกต ผมเจอกับพี่บอมตรงหน้าห้องน้ำ!
     “อ้าว มาเหมือนกันเหรอคร้าบต้น”
     “เอ่อ... ครับ”
     ทำไมแม็กซ์ยังไม่ออกมาอีกนะ!
     “แล้วเราไปนั่งอยู่ตรงไหนอ่ะ พี่ไม่เห็นเราเลย ไปช่วยพี่กับอาร์มคุมแถวป่าว?”
     “เอ่อ... ไม่ดีกว่าครับ ผมมากับเพื่อน”
     “ก็ชวนเพื่อนเรามานั่งด้วยกันสิ”
     “เอ่อ...”
     โชคดีชะมัดแม็กซ์มาพอดี เฮ้อ... โล่งอก พอพี่บอมเห็นแม็กซ์ก็ทำหน้าเซ็งทันทีครับ หวังว่าพี่เขาคงจะไม่เห็นผมแอบยิ้มนะครับ แม็กซ์มาถึงก็แกล้งคล้องคอผมซะงั้น ผมอยากจะกระทืบเท้าหมอนี่เป็นบ้า! แต่นาทีนี้ขอเอาแม็กซ์เป็นโล่ก่อนแล้วกันครับ
     “อ้าว ดีครับ”
     “ดี”
     “บังเอิญชะมัดเลยเนอะต้น เจอรุ่นพี่ไอ้อาร์มด้วย”
     “พวกน้องไม่ได้ขึ้นแสตนกันหรอกเหรอ”
     “ครับ ผมกับต้นอยากดูแปรอักษร พี่จะหนีไปนั่งกับพวกผมสองคนมั้ยอ่ะ?”
     แม็กซ์! เรื่องอะไรไปชวนพี่บอมแบบนั้นเล่า ผมอยากจะด่าเขาชะมัดเลย
     “ไม่ดีกว่าวะ พี่ไม่อยากทิ้งงานกลางคัน เออ ต้น พอเสร็จงานบอลไปหาอะไรกินกับพี่มั้ย?”
     “เอ่อ... ผมแล้วแต่แม็กซ์ครับ วันนี้ผมมากับแม็กซ์”
     “ผมนัดกับเพื่อนไว้ว่าเสร็จนี่แล้วจะไปหาห้องซ้อมกัน พี่สนใจไปกับผมมั้ย?”
     นายจะไปชวนเขาทำไมล่ะนั่น ให้ตายเหอะ!
     “เออน่าสนว่ะ งั้นเดี๋ยวพี่ไปด้วย”
     “โทรหาต้นก็ได้พี่ เดี๋ยวพวกผมรอ”
     พี่บอมยิ้มแก้มปริเลยครับ แล้วพี่เขาก็ขอตัวเพราะต้องรีบกลับไปคุมแสตนต่อ พอพี่บอมไปแล้วก็ถึงเวลาเคลียร์!
     “แม็กซ์! นาย”
     “เออน่า เดี๋ยวแม็กซ์มีแผน”
     ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากด่าแม็กซ์ก็สวนขึ้นมาซะก่อน บอกว่ามีแผน ให้ตายเหอะ! ขอให้มันสำเร็จก็แล้วกันครับ
     แล้วผมก็เห็นแม็กซ์คุยโทรศัพท์ แม็กซ์โทรหาเพื่อนคนเมื่อกี้?
     “เฮ้ยแมน มึงช่วยอะไรกูหน่อย ... ทำแบบที่มึงทำในงานรับน้องทีดิวะ”
     แม็กซ์หันมามองผมด้วยสายตามีเลศนัยก่อนจะหันไปคุยโทรศัพท์ต่อ จากประสบการณ์ของผม เวลาที่แม็กซ์ยิ้มแล้วทำตาแบบนี้ แปลว่าแม็กซ์มีแผนการณ์สุดบรรเจิดในหัว และแผนพวกนั้นก็มักจะทำให้ผมซวยเกือบทุกครั้ง!
     “กูไม่ได้ล้อเล่น กูเอาจริง แล้วคราวนี้มึงต้องเล่นให้เหี้ยกว่าเดิมด้วย จัดการให้มันเลิกมายุ่งกับเพื่อนกูซะ”
     “เฮ้ยแม็กซ์!”
     ผมตกใจนะ! ถึงผมจะเกลียดพี่บอมแต่ผมไม่ได้อยากให้ถึงขั้นทำร้ายอะไรพี่เขาซักหน่อย ผมประท้วงแม็กซ์ แต่แม็กซ์กลับไม่สนใจ
     “เออน่ะต้น ห๊ะ? เปล่าๆ กูคุยกับเพื่อนกู ... เออเอาตามนั้นแหละ ขอยืมออฟชั่นเมียมึงมาก่อนไง ... กูรู้น่ายังไงหนิงมันก็ต้องพกมา บอกมันว่าขาดขนตาไปซักวันก็ไม่ทำให้โดนผัวทิ้งหรอก ... เออ บอลจบแล้วเจอกัน ฮ่าๆ”

     แล้วพอถึงเวลาผมก็เข้าใจแจ่มแจ้งเลยครับว่าแม็กซ์วางแผนอะไรเอาไว้ ก็ผู้ชายสุดแมนคนที่ชื่อแมนเมื่อตะกี้แปลงร่างจากหนุ่มหล่อล่ำกลายเป็นกระเทยควายที่สูงเกินร้อยเก้าสิบ! ใบหน้าหล่อๆ ที่เคยอมยิ้มให้ผมถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางค์ครบตั้งแต่รองพื้นยันเฉดดิ้งไล้ดั้งแถมยังติดขนตาปลอมอีก ผมสั้นๆ ก็ถูกโพกไว้ด้วยผ้าชีพองที่เอามาทำเป็นผ้าคาดผมเก๋ๆ ดูเหมือนว่าไซส์เสื้อจะเปลี่ยนไปด้วยมั้งครับ ให้ตายเหอะ! ผมเห็นแล้วอยากเดินหนีชะมัดเลยครับ คนมองกันเต็ม!
     แต่ดูเหมือนแม็กซ์จะไม่อาย แม็กซ์ยังคงยืนคุยกับแมนหน้าตาเฉย แต่... แต่แมนทำท่าเป็นกระเทยได้เหมือนมากเลยครับ ใส่จริตซะจนผมว่าแม้แต่เมษอาจจะต้องยอมแพ้! ผมอายจนอยากจะเดินหนีแต่แม็กซ์ไม่ยอมให้ผมหนีคว้าข้อมือผมไว้แน่น มีเสียงดนตรีดังแว่วมาให้ได้ยิน แมนลุกขึ้นเต้นอย่างไม่อายสายตาใคร โอ้ย ผมจะบ้าตาย! อายครับ อยากแทรกแผ่นดินหนี! ถ้าผมไม่ได้เห็นแมนเมื่อกี้ผมจะไม่เชื่อเลยนะครับว่าแมนน่ะ ... แมน
     พวกเรายืนรอพี่บอมอยู่ครู่ใหญ่กว่าพี่เขาจะมา พอแมนเห็นพี่บอมเดินตรงมาทางพวกเราก็รีบถลาเข้าไปเกาะแกะ ตะโกนแซวเสียงดังลั่น!
     “อุ๊ยตาย! สุดหล่อ สนใจรับผัวเพิ่มซักคนมั้ยค้า”
     พี่บอมเหวอไปเลยครับ แต่ก็ยังคงแข็งใจเดินเข้ามาหาผม
     “รอพี่นานมั้ย? โทษทีว่ะ มาช้าไปนิดนึง”
     ผมปล่อยให้แม็กซ์เป็นคนเจรจาเพราะกลัวตัวเองจะหลุดขำ แค่ผมพยายามเก็กหน้ายิ้มให้พี่บอมนี่ก็แทบจะทำไม่ไหวละครับ
     “ไม่นานหรอกพี่ เออ นี่เพื่อนผม มันจะไปกับเราด้วยนะพี่”
     พี่บอมสะบัดหน้าหันไปมองแมนด้วยความตกใจ ผมเห็นพี่เขาพยายามฝืนยิ้มออกมาแล้วอึ้งไปแปปนึงก่อนจะสติเข้าที่เข้าทางคุย กับพวกเราต่อได้
     “เฮ้ยแมน นี่รุ่นพี่ต้นมัน พี่เขาจะไปสนุกกับพวกเราด้วย”
     “บร้า! แม็กซ์นี่ละก็ เรียกเค้าแมนอีกแร้ว บอกกี่ทีแล้วว่าให้เรียกเค้าแมนนี่ พี่จะไปสนุกกับพวกเราด้วยเหรอคร้า”
     ให้ตายเหอะ! แมนตีบทแตกกระจุยเลยครับ ผมขอถอนคำพูดที่เคยว่าเมษว่าแรดทั้งหมดเลย ถ้าเทียบกับแมนตอนนี้แล้วเมษกลายเป็นสาวน้อยเรียบร้อยไปเลยละครับ ทั้งจริตจะก้านการชม้ายตา เทคนิคการกระพือขนตาปลอมพั่บๆ อี๋ สยองอ่ะ!
     ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่พี่บอมอึ้งจนช็อก และแมนก็ไม่ปล่อยให้โอกาสทิ้งช่วงจัดการตีบทต่ออย่างซ้ำเติมด้วยการแกล้งแต๊ะอั๋งพี่บอมก่อนจะพูดว่า
     “แหม หล๊อหล่ออ่ะตัวเอง กล้ามเนื้อต้นขาแน๊นแน่น ก้นก็แข็งดีจัง”
     ผมเห็นแมนทำสีหน้าที่ชวนขนลุกที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ผมว่าสีหน้าพี่ชัชตอนมีอารมณ์นี่หื่นแล้วนะครับ แต่ยังแพ้สีหน้าของแมนตอนนี้เลย สายตาแมนเจ้าเล่ห์มากๆ ดูเหมือนพวกโรคจิตวิปริตสุดๆ แถมยังมีการแลบลิ้นมาเลียริมฝีปากอีก
     “แมนนี่ปลื้ม ท่าทางรูคงฟิตน่าดู คอยดูเถอะแมนนี่จะทะลวงให้แหกเลยค่ะ รูซิงๆ แบบเนี๊ยะ แมนนี่ชอบ!”
     ผมทั้งขนลุกทั้งขำจนแทบกลั้นไม่อยู่
     “ไปสนุกด้วยกันกับพวกเรานะคะคุณพี่ รับรองแมนนี่จะพาไปสวรรค์ทั้งคืน ไม่แหกไม่เลิกค่ะ”
     บ้าไปแล้ว! แมนจงใจเข้าไปยืนชิดกับพี่บอม แถมยังหันหน้าเข้าหากันอีก อี๋! แมนเอาเป้าไปชนกับเป้ากางเกงของพี่บอมแล้วก็เอื้อมไปขยำก้นพี่บอม! แหวะ!
     “เฮ้ย!”
     “เฮ้ยอีแมนนี่ แรงไปแล้วมึง รุ่นพี่เพื่อนกู พี่! ผมขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยครับ มันร่านไปหน่อย ไม่ได้แดกผู้ชายแล้วเงี่ยนรึไงมึง!”
     แม็กซ์กับแมนเล่นบทด่ากันอย่างคล่องปาก ส่วนผมก็ได้แต่ก้มหน้าลงไม่กล้าเงยขึ้นมาสบตาใครเพราะกลัวจะหลุดขำ ผมไม่เห็นสีหน้าของพี่บอมหรอกครับ แต่เดาเอาว่าพี่เขาคงโกรธมากเพราะพี่บอมเงียบไปเลย แต่ผมก็เข้าใจพี่เขานะ เป็นใครๆ ก็คงอึ้งทำตัวไม่ถูกกันทั้งนั้น แมนนะแมนกล้าเล่นเข้าไปได้ยังไง คนมองเต็มเลยอ่ะ
     “วันนี้พี่คงไม่ไปด้วยละว่ะ พี่ขอตัวก่อนละกัน ต้นครับ”
     “ครับ”
     “พี่...”
     “ผม... ต้องไปกับแม็กซ์น่ะครับ เขาสัญญาว่าจะไปส่งผมกลับบ้านถ้าเราไปซ้อมกันเสร็จแล้ว พอดีผมไม่ได้เอารถมาน่ะครับ”
     ผมพยายามทำสีหน้าใสซื่อแต่ใส่แววรังเกียจแมนในดวงตา พยายามทำหน้าเหมือนจำใจเป็นเบี้ยล่างของแม็กซ์ พยายามสื่อภาษาว่าผมเห็นใจพี่บอมแต่ผมไม่อยากขัดใจแม็กซ์ ผมหวังว่าผมจะทำได้ดีนะครับ ผมพยายามตีบทให้แตกกระจุยโดยที่ไม่หลุดสีหน้าสะใจออกมาสมน้ำหน้าพี่บอม!
     พี่บอมชะงักไปครู่นึงก่อนจะตอบผม
     “โอเคครับ งั้นเราเจอกันที่มหาลัย!”
     แล้วพี่บอมก็เดินจากไป แมนยังอุตส่าตะโกนไล่หลังพี่บอมตามไปอีก
     “ว๊าย จะไปแล้วเหรอตัวเอง เอาเบอร์ตัวเองมาก่อนสิคร้า เค้ายังไม่ได้แลกไลน์กับตัวเองเลยอ่ะ พี่ขรา กลับมาก่อน อุ๊บ! ฮ่าๆ”
     พอพี่บอมเดินไปพ้นระยะแล้วพวกเราก็หลุดขำหัวเราะออกมากันยกใหญ่
     “เหี้ย โคตรฮาเลยว่ะ!”
     แมนเลิกดัดเสียงตัวเองให้แหลมกลับมาพูดด้วยโทนปกติเช่นเดิม แม็กซ์ยืนหัวเราะอย่างชั่วร้าย ผมเองก็กลั้นขำจนปวดท้อง
     “พวกนายเล่นกันแรงเกินไปแล้วมั้ง”
     “ขำๆ น่าคุณ แต่เจอแบบนี้เข้าไปน่าจะเลิกมายุ่งกับคุณแล้วมั้ง เป็นไงๆ ผมตีบทแตกกระจุยป่าว?”
     “มึงเอาออสการ์ไปเลยว่ะแมน ฮ่าๆ”
     ให้ตายเหอะ! สองคนนี้... ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีครับ

     วันนั้นผมไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ทำเรื่องผิดพลาดที่สุดในชีวิตเข้าซะแล้ว สิ่งที่ผมทำลงไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์มันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ผมไม่รู้เลยจริงๆ ...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
แม็กซ์

     ปกติแล้วผมมักจะเป็นฝ่ายเมา แต่ต้นที่กำลังโยกตัวอย่างสนุกสนานคงเมามากกว่าผมที่พึ่งดื่มไปไม่กี่แก้ว ผมรู้ว่าต้นดื่มได้ ถึงต้นไม่ได้คอทองแดงแต่ก็ไม่ใช่พวกคออ่อนที่ดื่มไม่กี่แก้วก็เมาพับ ผมรู้ดีเพราะทุกครั้งที่ต้นดื่มต้นมักจะไปกับผม ถ้าไม่โดนผมแกล้งกรอกเหล้าเจ้าตัวก็จะดื่มพอเป็นพิธีไม่กล้าดื่มหนักเพราะต้องพาผมที่เมาแอ๋กลับ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยก่อน แต่ต้นคนที่กำลังเต้นตามจังหวะเพลงในผับตรงหน้าผมนั้นกำลังเมามายด้วยความตั้งใจของตัวเอง ต้นยกแก้วเหล้าแก้วที่เท่าไหร่ไม่รู้ชนกับแขกโต๊ะข้างๆ ทั้งๆ ที่แขนของต้นพาดอยู่ที่คอผม ผมเองก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ต้นมึนเมาได้ขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะเสียงเพลง แอลกอฮอล์ หรือแม้แต่บรรยากาศ ผมแปลกใจที่คืนนี้ต้นเลือกจะปลดปล่อยความเครียดของตัวเองด้วยวิธีงี่เง่าแบบที่ผมชอบทำ
     หลังงานบอลจบผมพาต้นไปซ้อมดนตรีกับเพื่อน หนิงตามแมนมาดูพวกเราซ้อมด้วยแต่ไอ้อาร์มติดธุระเลยตามมาทีหลัง พอเสร็จแล้วพวกเราเลยชวนกันไปหาอะไรกิน ด้วยบรรยากาศยามค่ำคืนและความมึนจากเบียร์ พวกมันเลยชวนผมไปดื่มต่อ ปกติแล้วสำหรับพวกผมการเข้าผับถือเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่สำหรับต้น ผมเลยนึกว่าต้นจะปฏิเสธ ผมคิดว่าอาจจะต้องไปส่งต้นก่อนด้วยซ้ำ ที่ไหนได้ต้นกลับยอมมากับพวกผมด้วย พวกเราเลยมาต่อกันแถวๆ ผับย่านเพชรบุรี
     แล้วต้นก็ทำให้ผมแปลกใจ ต้นกระดกแก้วไม่ยั้ง แถมยังโยกตัวเต้นตามเพลงตลอดเวลา แค่เห็นความตั้งใจของต้นที่ต้องการมาเมาผมก็ไม่กล้าดื่ม ผมกลัวเอาต้นไม่อยู่ ผมรู้ดีว่าเวลาต้นเมาต้นร้ายแค่ไหน
     ในตอนแรกต้นก็แค่โยกหัวตามจังหวะชนแก้วกับไอ้แมนและหนิงไปเรื่อย ส่วนไอ้อาร์มมันก็พอๆ กับผมนั่นแหละ ถือแก้วเหล้าชูส่องหญิงไปเรื่อยชนแก้วแซวต้นบ้าง แต่พอเริ่มแก้วที่สี่ที่ห้าประกอบกับยิ่งดึกเพลงยิ่งคึกด้วยจังหวะตึ๊บที่แน่นขึ้น ต้นก็เริ่มโยกตามทั้งตัว ผมก็รู้นะว่าต้นเต้นได้ แต่ผมไม่เคยเห็นต้นเต้นยั่วขนาดนี้มาก่อน
     เพราะผมกับต้นห่างกันไปนานรึไงนะ ผมถึงได้รู้สึกว่าเพื่อนของผมเซ็กซี่ขึ้นมาก ไม่มีอีกแล้วเด็กผู้ชายหน้าตายที่ชอบหน้าแดงตอนเขินคนนั้น สายตาที่เคยดึงดูดจนผมเผลอคิดว่าผู้ชายด้วยกันน่ารักในวันวานก็เปลี่ยนเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน ต้นโยกร่างขยับสะโพกตามจังหวะเสียงเพลงอยู่ตรงหน้าผมนี่เอง มือซ้ายของต้นจับแก้วไว้อย่างท้าทาย ต้นยิ้มน้อยๆ ส่งกลับไปให้ผู้ชายโต๊ะข้างๆ ทั้งที่มือขวาเกาะอยู่บนไหล่ผมที่กำลังนั่งโยกตัวตามจังหวะเพลง
     ผมก็รู้นะว่าต้นชอบยั่วชาวบ้าน การท้าทายความอดทนคนอื่นคือเรื่องสนุกสำหรับต้น เพื่อนผมชอบวางตัวเองในเดิมพันที่รู้ว่าไม่มีความเสี่ยง และส่วนมากก็มักจะเป็นผมที่ยอมล้มมวยให้ แต่คราวนี้ต้นกลับไปท้าพนันกับคนอื่นที่ไม่ใช่ผม และผมก็ไม่มีสิทธิ์จะห้ามต้นด้วยเพราะผมไม่ใช่เจ้าของต้น ต้นไม่ใช่คนของผม ไม่ใช่ลูกไล่จำเป็นที่ผมจะแกล้งได้คนนั้นอีกแล้ว เป็นผมเองที่กลายเป็นลูกไก่ในกำมือของต้น
     ต้นปรายตามามองผมแล้วยิ้ม เหล้าในแก้วถูกยกขึ้นดื่มจนเกลี้ยงก่อนที่เจ้าตัวจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างกับผม
     “...”
     ผมได้แต่ทำหน้าไม่เข้าใจ เสียงเพลงที่ดังสนั่นกลบเสียงของต้นไปหมด ต้นเลยก้มลงมาตะโกนใส่หูของผม ลมหายของต้นเจือไปด้วยกลิ่นที่ผมคุ้นเคย เสียงที่ดังอยู่ข้างหูเหมือนดั่งเสียงกระซิบของปีศาจ ต้นโน้มคอของผมเข้าไปใกล้จนผมของต้นระกับคอของผม ความอดทนในตัวผมกำลังช่วยกันสร้างกำแพงกักขังอารมณ์ของผมเอาไว้ ผมยกแก้วของเหลวในมือขึ้นจิบเพื่อดับไฟในตัว
     “ไม่หึงเหรอ?”
     “หึงทำไมไม่ใช่แฟน”
     ผมอุตส่าเตือนตัวเองอยู่ทุกวันให้รู้ตัวว่าคนที่เป็นได้แค่เพื่อนไม่มีสิทธิ์จะหึงหวง ต้นหัวเราะก่อนจะยั่วผมต่อ
     “แล้วแม็กซ์จะไม่หวงหน่อยเหรอ?”
     ผมหวงไปแล้วได้อะไร ทำไมผมจะไม่หวง ผมทั้งหวงทั้งห่วงแต่อย่างไรเสียผมก็ไม่มีสิทธิ์หึง นาทีนี้ผมอยากรู้ว่าต้นเป็นอะไรมากกว่า เพื่อนของผมเป็นอะไรถึงได้ทำตัวประชดคนอื่นแต่มาพาลใส่ผม
     “มีอะไรให้ห่วง เมาแล้วน่ะต้น”
     “หึๆ”
     ต้นหัวเราะใส่ผมแล้วปรายตากลับไปมองผู้ชายคนนั้น
     “เราจะไปห้องน้ำนะ”
     ต้นก้มลงมาพูดกับผมแล้วก็ผละออกจากโต๊ะไปไม่สนใจใคร ผมหันไปมองผู้ชายคนนั้น ไอ้หมอนั่นมันลุกออกไปเช่นกัน ต้นเล่นเกมอันตรายอีกแล้ว ผมสะกิดหนิงบอกว่าผมจะตามต้นไปเข้าห้องน้ำก่อนลุกออกจากโต๊ะ
     ผมพยายามจะตามต้นไปแต่ก็คลาดสายตาจนได้ เพราะต้นตัวเล็กกว่าผมมากเลยเบียดฝ่าคนออกไปได้ง่ายต่างกับผม ผมขอทางคนอื่นมุ่งไปยังห้องน้ำที่เป็นจุดหมายปลายทางโดยภาวนาว่าขออย่าให้ต้นโดนใครฉุดไประหว่างทาง
     พอมาถึงห้องน้ำ ผมก็เห็นต้น เพื่อนของผมยืนพิงผนังอยู่แถวหน้าห้องน้ำ ทำท่าเหมือนรอใครสักคน ผู้ชายโต๊ะข้างๆ มันลุกตามต้นมาจริงๆ และตอนนี้มันกำลังตรงไปหาต้น
     “ตามมาจนได้”
     ต้นพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงซะจนผู้ชายคนนั้นดีใจเก้อเพราะผมรีบเดินเบียดไอ้หมอนี่ไปหาต้นได้ทันก่อนที่มันจะอ้าปากทักต้นเสียด้วยซ้ำ
     “ไม่สนุกน่ะต้น กลับยัง? เมามากแล้ว”
     “อาร์มกับแมนก็ยังไม่กลับเลย”
     ต้นทำเป็นต่อรองกับผมแต่แอบเหลือบมองผู้ชายคนนั้น สีหน้าสะใจของต้นดูซุกซนเหมือนเด็กที่ชอบเล่นกับไฟ
     “ปวดฉี่อ่ะแม็กซ์ แต่มึนอ่ะ”
     ต้นแกล้งโอบรอบคอผมแล้วโน้มผมให้ก้มลงไปใกล้ๆ ก่อนจะพูดด้วยท่าทางอ้อนๆ เขาทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติของการสนทนาในผับที่เสียงดัง แต่ทำไมผมจะไม่รู้ว่าต้นกำลังเล่นอะไรอยู่ ปกติแค่จับมือผมก็โดนต่อยแล้ว เวลาเมาทีไรนิสัยเสียทุกที!
     “สมควร เปิดไปสองขวดแล้วนะต้น”
     “พาเราไปห้องน้ำหน่อย เดินเองไม่ไหวอ่ะ มึน”
     ผมเกลียดนิสัยชอบยั่วชาวบ้านของต้น เพราะไม่ว่าต้นจะไปมีเรื่องกับใคร ลงท้ายคนที่ต้องใช้ความอดทนกับต้นมากที่สุดก็คือผม!
     ผมเลือกที่จะพยุงต้นเข้าไปทำธุระในห้องส้วมมากกว่าปล่อยให้ต้นใช้โถด้านนอก หวังว่าไอ้หมอนั่นเห็นแบบนี้แล้วคงเดินกลับโต๊ะไปแล้วนะครับ ผมปล่อยให้ต้นนั่งพักบนฝารองนั่งแล้วล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าของต้นออกมาชุบน้ำแล้วยื่นให้ ถ้าให้ต้นไปยืนก้มที่อ่างผมว่ามีหวังต้นอ้วกแน่ๆ พอต้นพยักหน้าว่าดีขึ้นแล้วผมก็ลากต้นกลับโต๊ะ แต่รอบหลังนี้ผมเบรคต้นให้ยั้งการยกแก้วในมือขึ้นดื่มด้วยการจับมือของต้นไว้แทน ต้นก็เลยยืนโยกตามเสียงเพลงด้วยสภาพมึนๆ นานๆ ครั้งผมถึงจะปล่อยมืออนุญาตให้ต้นว่างไปจับแก้ว และบางคราวที่เริ่มเมื่อยต้นก็จะเอนตัวมาพิงผม จนหลังๆ นี่ต้นแทบจะขึ้นมานั่งโยกอยู่บนตักผม ผมเลยถือโอกาสโอบเอวต้นไว้หลวมๆ กันท่าจากคนอื่นที่ขยันส่งยิ้มมาทักทายต้น ผมพยายามปกป้องต้นเท่าที่จะทำได้ แต่ต้นกลับคอยส่งสายตาท้าทายไปเชิญชวนคนนอกให้เข้ามาเล่นเกมอันตรายอยู่ร่ำไป บางครั้งเพื่อนของผมคนนี้ก็ดื้อเกินไป

     แล้วงานสังสรรค์ก็เลิกลา ไอ้อาร์มเมาไม่ขับกลับแท็กซี่ ผมเองก็ไม่ถือว่าเมา แต่คนนั่งซ้อนท้ายผมนี่ดิเมาเต็มขั้น ต้นประคองตัวบนรถสองล้อไม่ไหวแน่ๆ เมื่อไม่มีทางเลือกผมก็เลยเปิดห้องพักแถวๆ นั้นนอนแทน การพยุงต้นที่เมามากเข้าห้องไม่ยากเท่ากับการห้ามใจตนเอง ผมบอกตัวเองให้ผ่านคืนนี้ไปให้ได้ มันก็แค่การฝึกความอดทน ผมทิ้งต้นลงบนเตียงแต่ต้นกลับไม่ยอมปล่อยเสื้อผมดึงผมตามลงไปด้วยกัน ต้นคลี่ยิ้มท้าทายอย่างอวดดี
     “ปล่อย”
     แทนที่ต้นจะปล่อย ต้นกลับเผยอยิ้มใช้สายตายั่วยวนผมมากกว่าเดิม
     “เดี๋ยวปล้ำหรอก”
     “ทำสิ หึๆ”
     “เล่นสนุกพอยัง? ความอดทนแม็กซ์มีจำกัดนะต้น”
     “จิ๊!”
     ต้นเดาะลิ้นก่อนจะปล่อยเสื้อผม เพื่อนของผมพลิกตัวเข้าสู่ท่าตะแคงอย่างที่ชอบทำแล้วถอดหน้ากากออก อารมณ์เหงาๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแทนความอวดดี
     “เป็นอะไรทำไมไม่คุยกันดีๆ เล่นแบบนี้อันตรายนะ”
     “เปล่านี่ ไม่ได้เป็น”
     ต้นเมาแต่ต้นไม่ได้มึน เพื่อนของผมไม่ใช่พวกที่เมาแล้วไร้สติ เวลาที่ต้นเมามันก็แค่ปลดลิมิตตัวเอง อาจจะตอบสนองช้าหรือขาดความยับยั้งชั่งใจไปบ้าง แต่ความรู้สึกของต้นยังแจ่มชัดแน่นอน ดังนั้นผมถึงรู้ดีว่าท่าทางเมามายที่ต้นทำในผับนั้นมันก็แค่การเล่นกับไฟเพื่ออะไรบางอย่าง ต้นจงใจทำ ไม่ใช่ทำไปเพราะเมา
     “ทะเลาะกับแฟนเหรอ?”
     “บ้า! อย่ามาแช่งกันนะ”
     “ละทำไมอยู่ๆ ถึงอยากเมาขึ้นมาล่ะ?”
     ต้นไม่ตอบแต่พลิกตัวหนี แกล้งทำท่าเหมือนจะหลับ ผมเองก็มึน ทั้งเหนื่อยทั้งเมา เห็นแบบนี้เลยขยับขึ้นไปบนเตียงตั้งใจจะนอนบ้าง แต่ต้นกลับพลิกตัวมาหาผม ต้นเอาศอกมาสะกิดผมก่อนจะพูดขึ้น
     “ขอโทษ... ละก็ขอบคุณนะ”
     “เออ รู้ตัวก็ดี อันตรายนะรู้เปล่า เกิดโดนมอมยาจะทำไง”
     “ก็มีแม็กซ์อยู่ทั้งคน”
     “ละเป็นบ้าไรขึ้นมาอ่ะ”
     เกิดความเงียบชั่วอึดใจ แล้วต้นก็ตอบผม
     “ไม่รู้สิ ... อยากลองเป็นเกย์มั้ง”
     “ละไอ้ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่เหรอ อ่อยไม่เลือกแบบนั้นเขาไม่ได้เรียกเกย์หรอกนะต้น เขาเรียกร่าน”
     “นั่นแหละ อยากร่านมั่งไม่ได้รึไง”
     “ทะเลาะกับแฟนมาดิ ถามจริง?”
     “ก็บอกว่าเปล่า! เราเป็นเกย์นี่แม็กซ์ เจอผู้ชายหล่อๆ แล้วจะอ่อยก็ไม่เห็นแปลก ใครๆ ก็รู้พวกเกย์เป็นงี้ทั้งนั้น ถูกใจกันที่รูปร่างหน้าตา คบกันเพราะเรื่องความสัมพันธ์บนเตียง เราเป็นเกย์นี่ จะทำตัวแบบนั้นบ้างก็ไม่เห็นแปลก”
     ต้นพลิกตัวหนีผมพลางพล่ามเรื่องไร้สาระไม่หยุดปาก ผมโมโหจนลุกขึ้นไปคร่อมขังต้นไว้ด้วยแขนของผม
     “ไม่แปลกงั้นก็ยอมให้แม็กซ์เอาดิ อยากร่านมาหาแม็กซ์นี่มา ไหนจะไอ้คนที่ให้แมนมันไล่ไปให้เมื่อตอนเย็นอีก มันอยากได้ต้นจนตัวสั่นแล้ว อยากร่านก็ไปนอนกับมันดิ!”
     ต้นพยายามจะหันหน้าหนีผม แต่ผมจับคางของต้นเอาไว้ให้หันมาเผชิญหน้ากัน ต้นเริ่มกลัวผมแล้ว ต้นพยายามแกะมือผมออกจากหน้าตัวเอง ผมไม่รู้ว่าน้ำตาของต้นเกิดจากความกลัวหรือเพราะความกังวลในใจ แต่อย่างน้อยๆ ผมก็ดีใจที่ทำให้ต้นได้ระบายมันออกมา
     “ตกลงจะเป็นเกย์หรืออยากร่าน ถ้าอยากร่านเดี๋ยวแม็กซ์เป็นผัวเพิ่มให้อีกคน! เป็นไรก็บอกมาดิทำไมต้องทำตัวแบบนี้”
     “เราก็เป็นเกย์ไง ชัดมั้ย เราเป็นเกย์ เป็นผู้ชาย ไม่มีวันเป็นผู้หญิงได้หรอก! พยายามให้ตายยังไงเราก็ไม่ใช่ผู้หญิง!”
     ต้นแผดเสียงใส่ผมแล้วก็ร้องไห้ ผมทิ้งตัวลงทับต้น ต้นเลยกอดผม กลิ่นเหล้าลอยกรุ่นออกมาจากตัวเราทั้งคู่ คิดไว้ไม่ผิดว่าต้นมีเรื่องไม่สบายใจ ถึงต้นจะพยายามกลบเกลื่อนแต่ผมก็สัมผัสได้อยู่ดี ต้นชอบเรียกร้องความสนใจจากผมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
     “มีไรก็เล่ามาดิ แม็กซ์ห่วงต้นนะ ไอ้หมอนั่น... มันทำต้นเสียใจเหรอ?”
     “เปล่านะ!”
     ต้นรีบเช็ดน้ำตาแล้วปฏิเสธผมเสียงแข็ง ไม่ว่าเมื่อไหร่ต้นก็ปกป้องมันเสมอ ผมทั้งอิจฉาและสมเพชตัวเอง เจ็บแล้วไม่จำ!
     “พี่ชัชไม่ได้ทำอะไรหรอก เรา... เราแค่ ช่างเถอะ”
     ต้นขอร้องผมด้วยแววตาชวนสงสาร ต้นพยายามขอร้องให้ผมเชื่อ และผมก็ต้องทำใจให้เชื่อ ทั้งๆ ที่เราทั้งคู่ต่างรู้ว่ามันเป็นเรื่องโกหก ต้นโกหกเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ต้นไม่ได้โกหกเก่งจนจับไม่ได้ แต่ต้นเก่งตรงที่สามารถทำให้คนอื่นยอมเชื่อได้ทั้งๆ ที่รู้ว่าต้นกำลังโกหก เรื่องเดียวที่ต้นไม่เคยโกหกก็มีแค่ความจริงที่ว่าต้นไม่ได้รักผม
     “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ ทำไมจู่ๆ ถึงคิดมากแบบนี้ มันอันตรายนะต้นทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ อย่าประชดอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้อีก แม็กซ์ขอ”
     ผมยอมแพ้ ผมจะสู้อะไรต้นได้ ใจทั้งใจก็ให้ไปแล้ว
     “ขอโทษนะ เราใช้นายเป็นกำแพงให้เราอีกแล้ว”
     “รู้ตัวก็ดี”
     ผมพลิกตัวออกห่างจากต้น ตั้งใจหนีมานอนสบายๆ แต่ต้นกลับเบียดเข้ามาซะชิดแถมยังดึงเสื้อผมไปกำซะแน่น ผมต้องสะกดตัวเองไม่ให้เผลอใจกอดต้น เราสองคนนอนเคียงข้างกันอยู่บนเตียง ความอดทนผมจวนเจียนจะหมดอยู่รอมร่อ หลายต่อหลายครั้งที่ความคิดสกปรกผุดขึ้นมาในหัว ทำให้ต้นเป็นของผมซะ!
     แล้วไง? ผมได้ร่างกายแต่ก็ไม่ได้หัวใจของต้น ต้นไม่ใช่นางเอกละครน้ำเน่านี่ ผมทำต้นท้องให้ผูกพันกันด้วยลูกก็ไม่ได้ บังคับจดทะเบียนก็ไม่ได้ สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือรั้งต้นไว้ด้วยมิตรภาพแบบนี้ 
     “อย่าไว้ใจแม็กซ์นักเลยต้น แม็กซ์ไม่ใช่คนดี ต้นก็รู้”
     “เพราะเรารู้น่ะสิ เราถึงไว้ใจแม็กซ์ แม็กซ์ไม่ทำอะไรเราหรอก”
     “มันก็ไม่แน่เสมอไปนะต้น เกิดแม็กซ์เมาล่ะ เกิดแม็กซ์เลวจนยั้งตัวเองไม่ได้ล่ะ”
     “แม็กซ์ไม่ทำหรอกเรารู้ ถ้าแม็กซ์จะทำคงทำตั้งแต่คืนนั้นแล้ว ขนาดนั้นละแม็กซ์ยังยอมหยุดเพื่อเราเลย”
     ต้นพูดพร้อมกับขยับหัวเข้ามาใกล้จนผมสัมผัสได้ถึงกลิ่นแชมพูจางๆ เราสองคนแทบจะนอนหนุนหมอนใบเดียวกัน ผมรู้ว่าต้นติดหมอนมานานแล้ว เพราะต้นโหยหาไออุ่นเวลานอน แต่เมื่อก่อนต้นมักจะเก็กเอาไว้ไม่แสดงออก ต้นเพิ่งมาปล่อยตัวสบายๆ พักหลังนี้เอง แล้วมันก็ทำให้ผมอยากทะนุถนอมต้นมากกว่าเดิม
     “ก็ตอนนั้นมันไม่เหมือนตอนนี้ ระวังตัวไว้เหอะต้น อย่าไว้ใจใครง่ายๆ แม้แต่แม็กซ์ ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย พอเงี่ยนขึ้นมามันก็หน้ามืดเหมือนกันหมดแหละ”
     “แม็กซ์ไม่ได้เลวขนาดนั้นซะหน่อย”
     “เลวดิ แม็กซ์นี่แหละตัวเหี้ยเลย ต้นก็รู้”
     “งั้นแล้วคืนนั้นหยุดทำไมล่ะ? ทำไมไม่ทำต่อ แม็กซ์ไม่เห็นต้องว่าตัวเองขนาดนั้นเลย”
     ผมอดดีใจไม่ได้ที่ต้นพยายามเถียงเอาชนะผมเพื่อยืนยันว่าผมไว้ใจได้ ในสายตาของต้นผมเป็นคนดีขนาดนั้นเชียว?
     “อ้าว? ตกลงอยากให้ทำต่อเหรอไง ละคืนนั้นใครร้องไห้ขอร้องให้แม็กซ์หยุดล่ะ เล่นแหกปากซะดังแม็กซ์ก็หมดอารมณ์ดิ หึๆ”
     ผมตั้งใจกวนตีนเพื่อให้บรรยากาศห่วยๆ มันหายไป และดูเหมือนมันได้ผลเพราะต้นตอบผมด้วยน้ำเสียงเขินๆ
     “ก็มันเจ็บนี่!”
     “ละเกร็งทำไมอ่ะ บอกว่าอย่าเกร็งก็ไม่เชื่อ ยังไม่ทันจะเอาหัวเข้าไปเลย แหกปากซะ นอนนิ่งๆ อดทนไว้ก็ได้เป็นเมียแม็กซ์ไปละ”
     “บ้า! ลามกละ”
     “ทำมาด่าแม็กซ์นะ โทษทีของแม็กซ์มันใหญ่ไปหน่อย ของแฟนต้นเล็กอะดิเลยไม่บ่น ฮ่าๆ”
     “ทุเรศแล้ว! ของพี่ชัชใหญ่กว่านายอีก อย่ามาว่าแฟนเรานะ ไอ้คนหลงตัวเอง! แม็กซ์งี่เง่าอ่ะ ไม่คุยด้วยแล้ว!”
     “ใคร ใคร? ใครเปิดประเด็น หึๆ”
     “จิ๊!”
     “ว่าแต่ใหญ่กว่าจริงดิ? ละต้นไหวเหรอ?”
     “ไอ้บ้าแม็กซ์!”
     “ฮ่าๆ”

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     เรานอนเงียบๆ กันซักพักแล้วผมก็ชวนต้นคุยต่อ ผมถือโอกาสถามคำถามคาใจที่ผมเคยอยากรู้ ผมไม่ได้อยากซ้ำเติมตัวเอง แต่บางครั้งผมก็เฝ้าถามตัวเองมาตลอดว่าเพราะอะไร? ทำไมถึงไม่เป็นผม?
     “ต้น... ทำไมถึงเป็นแม็กซ์ไม่ได้อ่ะ?”
     ผมนึกว่าต้นจะไม่ตอบผมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ว่าต้นกลับยอมเปิดปากเล่าให้ผมฟัง
     “เพราะเราแอบรักพี่เขาอยู่แล้วละมั้ง ขอโทษนะ เราควรจะบอกนายตรงๆ แต่ว่าตอนนั้น... ไม่รู้สิ บางทีตอนนั้นเราอาจจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเรารักพี่เขา ถ้าตอนนั้นพี่เขาไม่ขอเราเป็นแฟนเราก็คงแอบปลื้มพี่เขาต่อไปเงียบๆ มั้ง”
     “แฟนต้นมีอะไรที่แม็กซ์ไม่มีเหรอ แม็กซ์ด้อยกว่าแฟนต้นตรงไหนอ่ะ แม็กซ์ว่าแม็กซ์ให้ต้นทุกอย่างเลยนะ แม็กซ์ไม่เคยทำแบบนั้นกับใครเลย ต้นเป็นคนแรกที่แม็กซ์ยอมให้หมดใจเลยอ่ะรู้ตัวป่ะ”
     “ไม่รู้ตัวจริงอ่ะ?”
     “เออดิ บอกหน่อยได้ป่ะ”
     “ก็นายมันเกรียนไง เอาแต่ใจ ชอบบังคับ ชอบสั่ง แล้วก็นิสัยแย่มากๆ ด้วย นายแกล้งเราสารพัดเลย”
     “แต่ตอนหลังๆ แม็กซ์โคตรจะเทคแคร์ต้นเลยนะ!”
     “ช้าไปแล้ว! นายหาเรื่องเรามาตลอดเลยนะ เพิ่งมาดีกับเราก่อนหน้านั้นแปปเดียวเอง ละตอนนั้นเราก็รักพี่เขาไปแล้วด้วย ถ้านายเป็นแบบนี้แต่แรกบางทีเราอาจจะชอบนายก็ได้ เป็นผู้ใหญ่ขึ้นตั้งเยอะ เท่สุดๆ อ่ะ นายตอนนี้อยู่ด้วยแล้วสบายใจกว่าเดิมเยอะเลย ไม่อึดอัดเหมือนเมื่อก่อน”
     ผมไม่ได้คาดหวังอะไรจากต้นแต่ก็อดถามไม่ได้ ถึงไงผมก็ยังอยากรู้
     “สมมุตินะต้น ถ้าตอนนี้ต้นไม่มีแฟน แล้วแม็กซ์จีบต้น ต้นจะรับรักแม็กซ์มั้ย?”
     “อาจจะมั้ง ไม่รู้สิ เรานึกไม่ออกหรอกแม็กซ์ เราชอบนายที่เป็นนายตอนนี้นะ แต่จะรักได้รึเปล่าเราไม่รู้หรอก”
     “อ้าวละต้นรักแฟนต้นได้ไงอ่ะ? เล่าให้ฟังหน่อยดิ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ? ไปแอบเป็นแฟนกันตอนไหน แม็กซ์โคตรเฮิร์ทเลย”
     “ตอนปีใหม่น่ะ แม่เราบิน เราอยู่คนเดียว พี่เขาเลยพาเราไปเที่ยวด้วย แล้วเขาก็ขอเราเป็นแฟน ก็เลยคบกัน”
     “ว่าแล้ว... หลังปีใหม่ต้นแปลกไปจริงๆ ด้วย”
     เหมือนภาพห่วยๆ ในอดีตตามมาตอกย้ำผม คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง เป็นผมเองที่ไม่รู้จักดูแลต้นให้ดีแต่แรก ต้นถึงได้ไปรักคนอื่น
     “โกรธเหรอ? ขอโทษนะ จริงๆ เราน่าจะบอกแม็กซ์ตรงๆ”
     “ช่างเหอะ มันผ่านมาแล้ว ความจริงแม็กซ์ไม่มีสิทธิ์โกรธต้นด้วยซ้ำ แม็กซ์เองก็ไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่แรก เล่าให้ฟังหน่อยได้ป่าว ไปเจอกันได้ไงเหรอ?”
     “อืม... เราเจอพี่เขาครั้งแรกตอนที่แม่เราไปดูห้องตัวอย่างตอนจะซื้อคอนโดอ่ะ พี่เขามากับแฟน เขาช่วยเราไว้จากพวกโรคจิต ตอนนั้นพี่เขาเป็นเหมือนฮีโร่เลย ละพอเรากับแม่ย้ายเข้าคอนโดก็ปรากฏว่าพี่เขาอยู่ห้องข้างๆ เรา ละแฟนพี่เขาก็น่ารักมากๆ ด้วย พี่ฟ่างเขาเห็นเราอยู่คนเดียวก็เลยเอาขนมมาฝากเราบ่อยๆ บางทีก็มานั่งคุยกับเรา แล้วก็มีเล่าเรื่องแฟนให้เราฟังบ้าง นายก็รู้ใช่มั้ยเราไม่มีพ่อ ... ไม่รู้สิ มันเลยอดปลื้มพี่เขาไม่ได้มั้ง พี่ชัชเป็นผู้ชายที่เท่ที่สุดเท่าที่เรารู้จักในตอนนั้นเลย”
     “ขนาดนั้นเลย? แม็กซ์เทียบไม่ได้เลยเหรอ?”
     “มันไม่เหมือนกันนี่ ก็ตอนนั้นเรายังเด็กอ่ะ”
     “เด็ก? เท่าไหร่อ่ะ?”
     “อืม ตั้งแต่ตอนเราอยู่ม. ต้นเลยมั้ง”
     ผมเพิ่งรู้ว่าต้นกับแฟนรู้จักกันมานานขนาดนั้น ได้ยินแล้วไม่แปลกใจที่ตัวเองแพ้ ผมแพ้ตั้งแต่ยังไม่รู้จักต้น เป็นผมเองที่มาทีหลัง และที่ต้นเข้ามาใกล้ชิดกับผมก็เพราะอยากใช้ผมเป็นเครื่องมือ ไม่ใช่เพราะรู้สึกอะไรกับผม ผมอดไม่ได้ที่จะสมเพชตัวเอง ผมมันโง่มาตลอดที่นึกไปว่าต้นอาจจะเคยรักผม ต้นไม่เคยรักผมเลย ต้นมองใครคนอื่นมาตั้งแต่แรก
     “โหย! ถ้านานขนาดนั้นแม็กซ์ก็สู้ไม่ไหวหรอก ต้นนะต้น มีคนที่ชอบอยู่แล้วก็ไม่บอก ละมาอ่อยแม็กซ์ทำไมวะ!”
     ผมจุกจนคิดอะไรไม่ออก ขนาดจะส่งเสียงหัวเราะกลบเกลื่อนยังทำไม่ได้ ผมอดไม่ได้ที่จะโมโหความโง่เง่าของตัวเอง ผมพยายามจะเล่นมุก แต่ผมคงทำได้ไม่ดีพอ
     “ไม่เกี่ยวกันซะหน่อย!”
     “เออๆ ที่มานอนกับแม็กซ์เพราะอยากประชดพ่อ รู้แล้วไม่ต้องย้ำ!”
     “มันไม่ใช่แบบนั้น! ... โอ้ย! เราก็อธิบายไม่ถูกอ่ะ”
     ต้นโวยวายกลับ ผมเพิ่งรู้ตัวว่าพวกเราคุยกันเสียงดังขึ้น ผมเผลอตะคอกใส่ต้น คงต้องลดอารมณ์ตัวเองหน่อยแล้ว ผมพยายามปรับน้ำเสียงให้ราบเรียบเหมือนเดิมทั้งๆ ที่ในใจผมคลั่งจนแทบบ้า!
     “ละมันแบบไหนอ่ะ”
     “ก็เราไม่อยากทำร้ายผู้หญิงคนไหนนี่ เราเกิดมาเพราะแบบนั้นนะแม็กซ์ เราอยากทำให้เขารู้สึกแต่เราไม่อยากทำให้ผู้หญิงคนไหนเสียใจเพราะเรา แล้วพวกยาเสพติดมันก็ไม่ดีด้วย อย่างอื่นก็อันตรายเราไม่กล้าหรอก น่ากลัวจะตาย”
     วิธีทำตัวเหลวแหลกประชดพ่อของเพื่อนผมช่างเปลืองตัวดีแท้ ถ้าวันนั้นคนที่ต้นใช้เป็นเครื่องมือไม่ใช่ผมจะเกิดอะไรขึ้นบ้างผมก็ตอบไม่ได้ ดีแล้วล่ะที่เป็นผมต้นถึงได้ไม่เป็นอะไรไม่ได้เสียคน ดีแล้วที่เป็นผม ให้ผมเจ็บไปเหอะ ถือว่าใช้กรรมให้กับผู้หญิงที่ผมเคยฟันแล้วทิ้ง เจ็บเพื่อต้น ... ไม่เป็นไร
     “แต่กล้าทำร้ายตัวเองนะต้น เอาตัวเองมาเสี่ยงเนี่ยนะ เอดส์แดกขึ้นมาจะทำไง?”
     “ไม่ได้เสี่ยงซะหน่อยถ้าทำกับคนที่รัก แล้ว... แล้วเราก็เห็นนายใช้ถุงยางทุกครั้งด้วย นายไม่เสี่ยงหรอก แล้วเราก็รู้ว่านายชอบเราด้วย”
     “แหง๋ดิ ต้นตั้งใจมายั่วแม็กซ์ขนาดนั้นแม็กซ์จะไม่รักต้นได้ไง แต่สุดท้ายต้นก็ไม่ได้รักแม็กซ์ แค่มาอ่อยแม็กซ์เพราะอยากทำตัวเหลวแหลกประชดพ่อ”
     “มัน... มันก็เหมือนพวกรักสนุกไง เป็นเกย์รักสนุก... ทำตัวเหลวแหลก เอ่อ... น่ารังเกียจ”
     เพื่อนผมเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ต้นน่ารักก็ตรงนี้แหละ ในความร้ายกาจของต้นมีความใสซื่อแบบเด็กๆ ซ่อนอยู่ และผมมักจะหามันเจอทุกครั้ง เมื่อก่อนผมก็หลงรักต้นเพราะแบบนี้เหมือนกัน เพียงแค่นี้ผมก็ยอมให้ต้นหมดใจ
     “แต่เป็นเกย์มันก็ไม่ใช่ว่าจะโดนเอาอย่างเดียวซักหน่อย”
     “ก็... ก็ถ้าเราเป็นฝ่ายทำมันก็ไม่ใช่การประชดสิ เราต้องเป็นฝ่ายถูกทำสิมันถึงจะเป็นการทำตัวเหลวแหลก เจ็บปวดกว่า เอ่อ...”
     “หึๆ ฮ่าๆ โอ๊ยขำว่ะ! ต้นแม่งโคตรซื่อเลย”
     “อย่ามาหัวเราะเรานะ! ก็ตอนนั้นมันมีแต่นายนี่ แล้วถ้าเราขอทำนายจะยอมเรารึไง มัน... มันก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ ถูกแล้ว!”
     “เออ แม็กซ์ไม่ยอมหรอก รู้ตัวก็ดี”
     ผมชันข้อศอกพลิกตัวหันไปมองต้นให้เต็มตา แก้มที่แดงเพราะฤทธิ์เหล้าตอนนี้กำลังเขินจัดจนแดงไปถึงหู หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะโกรธผม
     “ละกับแฟนอ่ะ ไม่คิดอยากบ้างเลยเหรอ? หรืออยากแต่แฟนไม่ยอม?”
     “หึ”
     ต้นส่ายหน้าให้ผมด้วยใบหน้าที่ขึ้นสี
     “เคยคิดอยากเป็นคนเอาป่ะ กับผู้ชายคนอื่นก็ได้? ในฝันไรงั้น?”
     “ไม่อ่ะ นายก็รู้เราคิดเรื่องพวกนั้นเป็นที่ไหน ก่อนหน้านั้นเราไม่กล้าคิดอะไรแบบนั้นหรอก”
     “ละหลังเจอแฟนอ่ะ ก็ยังไม่คิดเหรอ? ไม่มีอยากรู้อยากลองเลยรึไง?”
     “ก็... ก็ตอนที่พี่เขาขอเราเป็นแฟนเขาขอเราไว้นี่ เราก็เลย... ไม่คิด แล้วเราชอบให้พี่เขากอดเราด้วยมันรู้สึกดีออก อบอุ่นดีด้วย”
     “สรุปว่าชอบแบบนี้ว่างั้น?”
     “อืม... ประหลาดรึเปล่าอ่ะแม็กซ์?”
     “ไม่หรอก ในหมู่เกย์พวกที่เป็นรับอย่างเดียวก็มีเยอะจะตาย ไอ้ตุ๊ดพวกนี้ขอแค่คนมีค.วยมันก็วิ่งเข้าใส่แล้ว มันไม่สนหรอกว่าเกย์หรือผู้ชายแท้ๆ มันถึงได้มีพวกผู้ชายขายตัวไง เพื่อนแม็กซ์บางคนก็ทำทั้งๆ ที่มีเมีย มันบอกได้เงินเยอะดี”
     “แต่เราไม่ใช่นะ! กับคนอื่นเราทำไม่ได้หรอก ยิ่งให้นอกใจแฟนอ่ะ อี๋ไม่เอาด้วยหรอก! แค่ให้เราคิดอยากกับผู้ชายคนอื่นเราก็ทำไม่ได้แล้ว ที่ตอนนั้นเราเลือกนายก็เพราะเราสนิทกับนายที่สุด ไม่งั้นเราก็ไม่รู้จะไปทำแบบนั้นกับใคร มีแต่นายที่เสเพลอ่ะ ขนาดกับนายเรายังทำใจอยู่ตั้งนาน! ถึงเราจะชอบถูกกอดแบบนั้นแต่ให้เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ชัชเราก็ไม่เอาด้วยหรอก!”
     ผมอุตส่าทำใจได้แล้ว แต่พอถูกต้นพูดใส่ตรงๆ แบบนี้มันก็เจ็บนะครับ
     “ก็ต้นเป็นพวกที่ใช้ใจมั้ง ต้นไม่ต้องคิดมากหรอก จะผู้หญิงผู้ชายก็ช่าง ถ้าคนมันจะสำส่อนมันไม่เลือกเพศหรอก เป็นเกย์ก็ใช่ว่าต้องร่าน แม็กซ์เห็นเพื่อนบางคนมันก็รักเดียวใจเดียวก็มี”
     “แต่เราไม่ใช่ผู้หญิงนี่ แล้วพี่ชัชก็ไม่ใช่เกย์ด้วย เรากลัวนี่แม็กซ์”
     เสียงของต้นอ่อยลงอย่างเห็นได้ชัด มิน่าล่ะ ที่แท้ต้นก็กังวลเรื่องนี้ เพื่อนของผมเป็นพวกชอบขีดเส้นให้ตัวเองอยู่แต่ในกรอบเสร็จแล้วก็อึดอัดจนทนไม่ไหว ไม่ใช่เพราะต้นเป็นแบบนี้รึไงต้นถึงได้ขาดผมไม่ได้ เพราะต้นรู้ว่าผมจะพาเขาแหกคอกได้ ผมรู้สึกล้าจนไม่อยากรับรู้อะไรอีก ที่ต้นขาดผมไม่ได้ไม่ใช่เพราะความรัก
     “ต้นก็เลิกคิดมากเรื่องที่ตัวเองเป็นเกย์ก่อนดิ ถามจริงทำไมถึงชอบคิดว่าตัวเองเป็นเกย์วะ”
     “ก็เราชอบผู้ชาย”
     “แต่ผู้ชายคนอื่นต้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยไม่ใช่เหรอ มีเกย์มาจีบต้นก็ไม่ชอบ แค่แฟนต้นคนเดียวเท่านั้น ... แม็กซ์จะเล่าอะไรให้ฟัง เพื่อนแฟนแม็กซ์ที่เชียงใหม่อ่ะ มีอยู่คน มันโคตรสวยเลย แต่เป็นกะเทยนะ เพราะมันเรียบร้อยเหมือนผู้หญิงเลยมีคนมาจีบเยอะมาก แต่ก็โดนผู้ชายทิ้งตลอดสุดท้ายไปรักกับใครรู้ป่ะ? ทอมในกลุ่มมันเองแหละ แปลกป่ะล่ะกะเทยกับทอม แม็กซ์ว่าต้นเลิกคิดมากเรื่องผู้หญิงผู้ชายเกย์เกอไรพวกนั้นเหอะ คนมันจะรักกันเพศอะไรก็ไม่เกี่ยวหรอก ดูอย่างแม็กซ์ดิ แม็กซ์เกลียดตุ๊ดจะตายสุดท้ายยังเผลอมารักต้นเลย”
     “เราไม่ใช่ตุ๊ด! ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงซักหน่อย”
     นั่นๆ มีเถียง
     “เออรู้ แม็กซ์หมายถึงบางทีความรักมันก็ไม่เข้าใครออกใครหรอก รักก็คือรักนั่นแหละ ไม่ต้องไปคิดมากหรอก”
     ผมบอกไปแบบนั้นพร้อมกับหลับตาลง ตั้งใจจะหลับซักที ผมเหนื่อยจนท้อ แต่นอนไปได้ซักพักกำลังเคลิ้มๆ ต้นก็สะกิดผมอีกแล้ว
     “เรารู้ว่ามันแปลก แต่เราอยากมีลูกกับพี่ชัช เราอยากให้พี่ชัชเป็นพ่อของลูกเรา นายว่าเราประหลาดรึเปล่าแม็กซ์?”
     ทำไมผมจะต้องมาเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้คนที่ผมรักด้วยวะ!
     “คนรักกันที่ไหนก็อยากมีลูกด้วยกันทั้งนั้นแหละ”
     “แม็กซ์.... อื้อ”
     “ฟังอยู่”
     “อย่าพึ่งหลับดิ”
     ผมไม่ได้หลับเพราะความง่วง แต่ผมเหนื่อย ผมพยายามจะแก้ปัญหาหัวใจให้ต้น แล้วหัวใจผมล่ะ? ต้นจะให้ผมทำยังไงกับหัวใจตัวเอง...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เสียงลือและเด็กเลี้ยงแกะ

     “จะโทรมาทำเหี้ยอะไร กูเพิ่งถึงบ้าน”
     “ต้นอยู่ไหน?”
     “กูก็พาไปส่งห้องแล้วเด่ะ”
     “มึง... เมื่อคืนมึงไม่ได้พาต้นกลับบ้านหรอกเหรอ”
     “กลับเหี้ยไรล่ะ กูเมา!”
     “งั้นพวกมึงนอนที่ไหนกัน?”
     “ก็เปิดห้องนอนแถวนั้นแหละ”
     “มึงบอกกูมาตามตรง มึงฟาดต้นแล้วใช่ป่ะ!”
     “ไอ้เหี้ยอาร์ม!”
     “ไม่ต้องมาด่ากู มึงทำหรือไม่ได้ทำ?”
     “กูไม่ได้เหี้ยขนาดนั้น แล้วต่อให้กูจะทำต้นก็คงไม่ยอมกูด้วย! มึงไม่เชื่อใจกูไม่เป็นไร แต่มึงควรจะรู้นิสัยต้นนะเว้ยสัส!”
     “เพราะกูรู้นิสัยต้นน่ะสิกูถึงได้มาถามมึง แล้วกูก็รู้สันดานมึงด้วย เมื่อวานอาการต้นไม่ดีเลยนี่หว่า กูกลัวต้นจะยั่วมึงจนฟิวส์ขาด มึงแน่ใจนะว่ามึงไม่ได้แอบทำอะไรต้นตอนหลับ”
     “กูหลับก่อนต้นอีก มึงมันไม่รู้อะไร ต้นคอแข็งกว่ามึงอีกไอ้ควาย แล้วกูจะไปทำอะไรต้นได้วะ”
     “กูจะไปรู้เหรอ! ก็ห่วงต้นนี่หว่า เมื่อวาน... กูกลัวมึงตบะแตกขึ้นมา”
     “ห่วงเหี้ยไรของมึง พอเจอหญิงมึงก็ทิ้งเพื่อนยันอ่ะ ไอ้เลวเอ้ย!”
     “ตกลงมึงไม่ได้ทำอะไรต้นใช่มะ งั้นก็แล้วไป กูจะได้ไปนอนต่อ”
     “เออ! อย่างเดียวที่กูทำคือลากมันไปอ้วกในห้องน้ำกับถอดเสื้อเปื้อนอ้วกมันออกให้ พอใจยัง! ... แค่นั้นแหละ พอเช้ามาแล้วกูก็พามันไปส่งที่คอนโด”
     “มึงปิดไรกู?”
     “ปิดไรว้า เฮ้ยรำคาญว่ะ! กูจะนอนเว้ย”
     “ไอ้แม็กซ์ เล่ามา! ไหนมึงบอกกับกูว่ามึงจะรออย่างสงบ ไม่ใช้วิธีหมาๆ แย่งต้นมาไง”
     “ก็ไม่มีไรนี่หว่า”
     “เหี้ยแม็กซ์!”
     “เออๆ ต้นละเมอนอนกอดกูทั้งคืนพอใจยัง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดกูนะ ต้นมันนอนละเมออยู่แล้ว สงสัยนึกว่ากูเป็นแฟนมันมั้ง...”
     “แค่นั้นใช่ป่ะ? โธ่เอ้ย! กูก็นึกว่ามึงทำอะไร”
     “โธ่พ่องดิ! กูนอนแข็งทั้งคืนเลยนะเว้ย ดีว่ากูใส่เข็มขัดนอนไม่งั้นต้นมันได้กินน้ำกูแน่ โคตรทรมาน เกือบหลุดไปหลายทีแล้ว กว่าจะปลอบมันให้นอนสงบๆ ได้ เวลาละเมอแล้วโคตรแรด แม่งซุกจนกูนอนไม่หลับทั้งคืน แล้วมึงก็เสือกมากวนกูอีก”
     “เออๆ งั้นกูไม่กวนละ กูสบายใจละ”
     “เออ รีบๆ วางไปเลยสัส!”

     “นี่ๆ ได้ข่าวมั้ยย๊ะ?”
     “ข่าวอะไรของหล่อนอีก”
     “ก็หนุ่มหล่อ อักษรย่อตอคณะวิทย์ไงแก เปิดตัวควงแฟนหนุ่มลูกแม่โดมมานั่งสวีทกันกลางงานบอล”
     “เดี๋ยวนะ! ได้ข่าวว่าคู่นี้เขาก็เปิดตัวกันมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ? เห็นมารับมาส่งกันตั้งนานละ ผู้ชายของนางแซ่บมากอ่ะ ฉันเห็นแล้วซี๊ดเลย หล่อ รวย ล่ำ คุณสมบัติพร้อม”
     “ประเด็นคือชีกล้าฉีกหน้ารุ่นพี่วิศวะที่ตามจีบตัวเองกลางงานไงแก ตอนนี้ข่าวฮอทมาก”
     “ต๊าย! ฉีกหน้ายังไงอ่ะ?”
     “ชีให้เพื่อนรับหน้าแทน กระเทยควายหน้าเงือกมากอ่ะ แล้วชีก็แอ๊บแบ๊วไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยให้รุ่นพี่โดนแกล้งเล่นเอารุ่นพี่หน้าแตก ยับ พอรุ่นพี่ถอยกลับไปชีก็แอบหัวเราะเยาะกับแฟน”
     “ว้ายแรงอ่ะ! ฉันว่าละว่านางร้าย เป็นไงล่ะไม่เชื่อฉัน คนแบบนี้นะดูตาก็รู้ นางร้ายลึกอ่ะ”

     “นี่ๆ ทิง น้องชายนายทำเรื่องอีกแล้วอ่ะ ในเพจนี้เขียนด่าน้องนายเนี่ย”
     “เพจไหนอีกวะ ฝ้าย?”
     “เพจรวมหนุ่มหล่อประจำงานบอลอ่ะ”
     “ยังไงวะ? ผมไม่เข้าใจ”
     “คืองี้ มันเป็นเพจเฉพาะกิจรวมคนหล่อประจำงานบอลปีนี้ แล้วมันก็มีรูปน้องนายกับแฟนที่เป็นเด็กมอธอเยอะเลยอ่ะ คนก็เข้าไปชมถามๆ กันว่าใคร แต่น้องนายเปิดตัวว่าเป็นใช่มั้ยล่ะ พอมีคนบอก พวกสาววายก็เลยตามมากรี๊ดกัน ตอนแรกๆ ก็มีคนเข้ามากดไลค์คอมเม้นท์ธรรมดาแหละ ละทีนี้มีคนมาเปิดประเด็นว่าน้องนายอ่ะไปฉีกหน้ารุ่นพี่เขา ประมาณว่าถ้าไม่ชอบก็น่าจะพูดคุยกันดีๆ ไม่น่าให้เพื่อนแฟนไปแกล้งรุ่นพี่เขา”
     “เรื่องแค่นี้เอง? ไร้สาระว่ะ ผมจะบอกอะไรให้ แฟนน้องผมไม่ใช่คนนี้”
     “อ้าว? แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าแฟนน้องนายคนไหน ฟังก่อนสิ ยังเล่าไม่จบเลย ทีนี้คนก็เข้ามาตอบโต้กันแหละ ประมาณว่าเผือกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงต้องมาว่าน้องนายขนาดนั้น เขาก็เล่าว่าน้องนายให้เพื่อนแฟนที่เป็นกระเทยไปแกล้งลวนลามรุ่นพี่คนนั้น แถมยังหัวเราะใส่ลับหลัง คนเลยเริ่มด่ากัน แล้วทีนี้มันดันมีคนมาเปิดประเด็นอีกว่าความจริงแล้วกระเทยที่ตัวใหญ่ๆ คนนั้นอ่ะไม่ได้เป็นกระเทย แถมยังมีแฟนแล้ว เป็นเพื่อนสนิทกับแฟนน้องนาย เอ้ย! เพื่อนน้องนาย มันก็เลยกลายเป็นว่าน้องนายให้เพื่อนมาแกล้งรุ่นพี่เขา คือเหตุการณ์นี้คนเห็นกันเยอะแยะเลย แล้วเขาก็พูดกันว่ามันไม่เหมาะสมอ่ะ น้องนายเล่นแรงเกินไปไม่ไว้หน้ารุ่นพี่”
     “...”
     “เฮ้ยเงียบเลยเหรอทิง?”
     “ผมยังไม่ได้คุยกับต้นเลย”
     “ป่านนี้คงรู้แล้วมั้ง? ถามจริงเถอะ ตกลงน้องนายเป็นคนยังไงกันแน่ มีแต่คนบอกว่าน้องนายหยิ่ง นิสัยไม่ดีทั้งนั้นเลย รูปก็มาจากกล้องพวกมอธอทั้งนั้น เด็กจุฬาบอกหยิ่ง แต่คนรู้จักเพื่อนน้องนายบอกน่ารัก”
     “ถ้าหมายถึงพวกที่ชอบไปขอถ่ายรูปละก็ใช่ น้องผมค่อนข้างรักความเป็นส่วนตัว เป็นคุณๆ จะถ่ายรูปกับใครที่ไหนก็ไม่รู้เหรอ? น้องผมไม่ได้อยากเด่นอยากดังนิ เขาไม่ชอบโซเชียลเน็ตเวิร์ค แต่น้องผมไม่ใช่คนคุยด้วยยากหรอก แค่อาจจะเข้าสังคมไม่เก่งบ้าง”
     “ทำไมนายต้องคอยปกป้องเขาขนาดนี้ด้วยอ่ะ ถามจริงเป็นป่ะเนี่ย? พี่ชายที่รักอะไรแบบนี้?”
     “ใช่ที่ไหน! การที่เราจะรักและเอ็นดูใครซักคนมันไม่มีเหตุผลหรอกฝ้าย”
     “โห คมอ่ะ! ว่าแต่ถามจริงนายไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขาแน่นะ เห็นบอกชัดมากว่าเด็กมอธอคนนั้นไม่ใช่แฟน แล้วตกลงแฟนน้องนายคนไหนอ่ะ ตั้งแต่ข่าวที่ว่าเป็นเกย์แล้ว เราไม่เห็นเขาจะเปิดตัวใครเลยนอกจากเด็กมอธอคนนั้น น้องนายกับแฟนมีเฟซป่ะ?”
     “น้องผมไม่เล่นโซเชี่ยลหรอก แล้วคุณจะไปยุ่งอะไรกับแฟนน้องผม? เลิกบ้าไอ้พวกเพจคู่รักเกย์ได้แล้ว ยุ่งเรื่องความรักของคนอื่นแล้วสนุกเหรอฝ้าย?”
     “ก็แหม... เผื่อจะได้ตามส่องเฟซหนุ่มหล่อเล่นๆ ไม่ได้กินได้แค่แลก็ยังดี”

     “ไงวะ ได้ข่าวโดนเด็กแกล้ง ฮ่าๆ”
     “อย่าพูดได้ป่ะวะ”
     “ฮ่าๆ ดูหน้ามันดิ โคตรขำเลยอ่ะ”
     “สัส กูเฮิร์ทนะเว้ย อย่าซ้ำเติมกันได้ป่ะ”
     “เอาน่ะ กูมีอะไรเด็ดๆ ให้มึงดู รับรองว่าดูแล้วหายเฮิร์ทแน่ๆ”
     “...............................................”
     “............................................... ไง เด็ดมั้ยล่ะมึง?”
     “มึงได้คลิปนี้มาจากไหนวะ?”
     “กูไปเที่ยวกับพวกแบงค์มัน ตอนแรกกูไม่เห็นเพราะมันมืด พอดีไอ้แบงค์มันสะกิดให้กูดูถามกูว่าใช่เด็กมึงป่าว กูหันไปดูอ่ะ ใช่เลย เด็กมึงโคตรแรด อ่อยชาวบ้านไปทั่ว ท่าทางผัวหวงด้วย”
     “กูขอได้ป่ะ?”
     “เดี๋ยวกูส่งให้ ว่าแต่มึงจะเอาไงต่อวะ หึ หึ”
     “...”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     “ต้น มึงสร้างปัญหาอีกแล้วนะ”
     นี่คือคำทักทายแรกที่อาร์ทพูดขึ้น ปัญหาอะไรกัน? ผมไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจอีกรึไง? โอ้ย ไม่ไหวครับ ยังปวดหัวอยู่เลย เมื่อวันเสาร์ผมดื่มไปกี่ขวดนะ?
     “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
     ผมพยายามทำตัวบริสุทธิ์เอาไว้ก่อน บอกตามตรงว่ารำคาญครับ เอะอะก็หาว่าผมสร้างปัญหา ผมไม่ได้ชอบสร้างปัญหาซักหน่อย!
     “มึงไปทำไรไว้กับพวกวิดวะอ่ะ?”
     พี่บอม! แย่แล้ว ผมลืมเรื่องพี่บอมไปซะสนิท!
     “... เรื่องนั้น... เราไม่ได้ตั้งใจ คือ... เราไม่คิดว่าเพื่อนเราจะทำอะไรแบบนั้นนี่ เรา... เราก็รู้สึกแย่เหมือนกันนะอาร์ท น่าอายจะตายไป”
     พวกอาร์ทมองตรงมาที่ผมเขม็งเลยครับ ผมก็เลยต้องทำหน้าให้ดูละอายใจเข้าไว้ โชคดีที่พวกเขายอมเชื่อ ให้ตายสิ! หนนี้แม็กซ์คงเล่นแรงไปจริงๆ ผมไม่นึกว่าเรื่องมันจะแพร่ไปไกลขนาดนี้ คิดแล้วก็โมโหชะมัดเลยไม่เห็นยุติธรรม ถ้าเป็นแม็กซ์ละก็ไม่มีใครกล้าทักท้วงอะไรหรอกครับ แต่เพราะเป็นผมทุกคนถึงได้มาว่าผมแบบนี้ ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย แม็กซ์เป็นคนทำแท้ๆ เลย
     โชคดีที่หน้ากากของผมไม่ร้าวง่ายๆ ผมเลยตีบทแตก เล่นละครเป็นผู้เสียหายร่วมได้อย่างแนบเนียนต่อหน้าเพื่อนคนอื่นๆ โยนภาระให้แม็กซ์เป็นแพะรับบาปไปเถอะครับ ขึ้นชื่อว่าแม็กซ์ยังไงก็จัดการได้อยู่แล้ว ผมพยายามนั่งเรียนคาบเช้าอย่างมีความสุข พยายามสร้างกำลังใจให้ตัวเองพร้อมเผชิญกับปัญหาที่รอผมอยู่เย็นนี้
     วันนี้พี่ชัชยังไม่กลับครับ แต่เย็นนี้ผมต้องกลับบ้านกับคุณพ่อ ท่านสั่งให้ผมเตรียมเสื้อผ้าไปค้างที่บ้านกับท่านด้วย! ปกติผมก็แค่แวะไปทานข้าวด้วยเฉยๆ เคยแต่ไปนอนค้างที่บ้านคุณปู่ แต่คราวนี้คุณพ่อบังคับให้ผมไปค้างที่บ้านท่าน โอ้ย! ผมจะบ้าตายครับ ดูเหมือนว่าป้าสุจะได้อาหารทะเลสดๆ มาเยอะมั้งครับ แต่พี่ษาไม่อยู่ คุณพ่อเลยมาชวนผม คิดอะไรของท่านนะ จะให้ผมเข้าครัวกับป้าสุเนี่ยนะ! เรื่องนี้ผมเพิ่งรู้เมื่อวานเองครับ แถมตอนรับโทรศัพท์ผมก็กำลังเมาค้างด้วย เลยเผลอรับปากส่งๆ ไป คราวนี้ผมตายแน่ๆ
     ผมมัวแต่นั่งเครียดกับสถานการณ์ตอนเย็นจนลืมนึกถึงพี่บอมไปซะสนิท ถ้าเพียงแต่เมย์จะไม่ทักขึ้นนะครับ
     “ต้นเครียดเหรอ ไม่ต้องเครียดหรอก หมอนั่นมันชอบต้นจะตาย แค่ขอโทษก็จบละมั้ง”
     บอกตามตรงผมพึ่งคิดถึงพี่บอมก็ตอนนี้แหละ ผมไม่ได้เครียดเรื่องพี่บอมซักหน่อย!
     “อืม เราคงต้องไปขอโทษพี่เขาหน่อยแหละ”
     “งั้นละต้นเป็นอะไรอ่า ดูเงียบๆ ไปแฮะ ตาก็แดงๆ นึกว่าเครียดจนแอบร้องไห้ซะอีก”
     “บ้าละไปป์! เราปวดหัวหรอก”
     “อ้าว ต้นไม่สบายเหรอจ้ะ!”
     “ไม่เป็นไรมากหรอกแก้ว แค่... นิดหน่อยน่ะ”
     “แกไม่เป็นไรก็ดีละต้น พวกเราเป็นห่วงกลัวแกจะคิดมากอีก”
     ผมพยายามยิ้มให้เพื่อนๆ จะบอกได้ยังไงละครับว่าผมเมาค้าง ปกติผมไม่อาการหนักแบบนี้หรอกนะ แต่ว่าสงสัยจะดื่มหนักไปหน่อย แล้วผมก็นั่งเขี่ยข้าวในจานต่อด้วยความเซ็ง... มันพะอืดพะอมจนกินอะไรไม่ลงเลยครับ ไว้เรียนเสร็จแวะไปหาพี่บอมหน่อยดีกว่า อย่างน้อยๆ ก็จะได้ไปดูอาร์มให้แน่ใจด้วยครับว่าอาร์มไม่เป็นไร วันก่อนก็เมาปลิ้นเชียว ผมอาจจะทำให้อาร์มซวยก็ได้ คิดแล้วก็รู้สึกแย่นิดหน่อยครับ แต่จะว่าไปแม็กซ์ก็เจ๋งเหมือนกันนะครับ ส่งอาร์มกลับแล้วก็จัดการผมอยู่หมัดด้วย ผมเคยเห็นอาร์มเมาหลายครั้งแล้ว เอาเรื่องพอสมควรเหมือนกันครับ
     พอถึงตอนเย็นผมก็ไปที่ชมรม แต่ไม่เจออาร์มกับพี่บอมเห็นแต่รุ่นพี่คนอื่นๆ ผมก็เลยนั่งเล่นแถวนั้นซักพัก รออยู่นานก็ยังไม่เห็นพี่บอมโผล่มา ผมเลยตัดสินใจว่าเอาไว้วันอื่นดีกว่า เพราะวันนี้ผมมีธุระ เกรงว่าคุณพ่อจะรอนาน พอเดินออกมาได้แปปนึง โทรศัพท์ของผมก็โชว์ว่าพี่บอมโทรเข้า ตายยากจริงๆ ครับ
     “โหลต้นเหรอครับ? โทษที เห็นต้อมมันบอกว่าเรามารอพี่เหรอ?”
     “เอ่อ ครับ พอดีผมมีเรื่องจะ”
     “พี่กำลังไปที่ชมรมแล้ว รอแปปนะ”
     ผมยังพูดไม่จบเลย หัดฟังคนอื่นซะบ้างสิครับ!
     “เอ่อ ไม่เป็นไรครับ พอดีผมมีธุระต่อ ต้องรีบกลับน่ะครับ”
     “อ้าว... งั้นเหรอ?”
     “งั้นเอาแบบนี้ได้มั้ยครับ พรุ่งนี้เดี๋ยวผมไปหาพี่ตอนเย็นใหม่อีกที”
     พี่บอมเงียบไปสักพักก็ตอบตกลงผม
     “ได้สิ แต่เราต้องไปกินข้าวกับพี่นะ เราสัญญากับพี่ไว้แล้ว”
     “เอ่อ... ผม”
     ตอนแรกผมตั้งใจจะปฏิเสธนะ แต่คิดอีกทีมันคงไม่เสียหายอะไร จะได้จบๆ กันไปซะที ผมเลยตอบตกลง
     “โอเคครับ ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
     ผมไม่รู้เลยว่าการตอบตกลงของผมจะเป็นชนวนให้พี่บอมกับพี่ทิงทะเลาะกัน และผมต้องเป็นคนกลางในเหตุการณ์ด้วย

     ผมไปหาคุณพ่อที่ห้องพักอาจารย์ แต่ท่านไม่อยู่ในนั้น อาจารย์คนหนึ่งหันมาเห็นผม
     “มาหาอาจารย์ต้นเหรอ เขาฝากให้ผมบอกคุณว่าอาจจะช้าหน่อยนะ ให้คุณรออยู่แถวนี้ก่อน พอดีมีเด็กมาขอคำปรึกษาน่ะ”
     ผมตอบรับและยกมือไหวอาจารย์ท่านนั้นก่อนจะเดินออกมา ดูท่าเรื่องของผมคงรู้กันทั่วแล้วมั้งครับ ผมเองก็บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ชินครับ ผมเลยตัดสินใจนั่งอยู่แถวๆ นั้นรอคุณพ่อ แต่แล้วก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้น
     “กรี๊ด! พี่ต้นนี่นา”
     น้องผู้หญิงปีหนึ่งคนนึงตรงเข้ามาหาผม
     “สวัสดีค่ะพี่”
     คงเพราะเห็นผมนิ่งไปเธอเลยแนะนำตัวเพิ่มขึ้น
     “หนูเป็นรุ่นน้องพี่เปาค่ะ ที่เราเคยเจอกันวันที่พี่นั่งคุยกับพี่เปาเรื่องกันดั้มไงคะ”
     บอกตามตรงนะครับ พี่เปาแกก็คุยเรื่องกันดั้มได้ทุกครั้งนั่นแหละ และผมก็ไม่ได้สนใจจะจำใครเป็นพิเศษด้วย
     “โธ่พี่อ่ะ! หนูอุตส่าเป็นแฟนคลับพี่เลยนะ”
     แฟนคลับ! แฟนคลับอะไรกันครับ? ผมงงไปหมดแล้ว
     “เหรอ...ครับ? โทษนะพี่จำหน้าคนไม่เก่ง”
     “แหม จำหนูไม่ได้เพราะหนูเป็นผู้หญิงอ๊ะเปล่า?”
     ผมชักยั๊วะแล้วนะครับ ผมเลยพยายามยิ้มเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไงดี อดทนไว้ครับเดี๋ยวเขาก็คงไป
     “พี่มาทำอะไรแถวนี้อ่ะคะ?”
     “พี่มีธุระนิดหน่อยครับ”
     “พี่มาหาพี่เปาเหรอคะ?”
     “พี่มาทำธุระครับ”
     ผมหงุดหงิดครับ น้องเขาจะมายุ่งวุ่นวายอะไรกับเรื่องของผมกัน! ผมพยายามกดเสียงย้ำคำว่าธุระแต่น้องเขาก็ยังไม่ยอมหยุด ไม่รู้ตัวเลยรึไงครับว่าผมรำคาญ
     “พี่ต้นหนูขอเฟซพี่หน่อยสิค้า เนี่ยหนูพยายามขอจากพี่เปาแล้วแต่พี่เขาไม่ให้อ่ะ”
     “พี่ไม่มีเฟซครับ”
     ผมไม่ได้โกหกนะครับ ผมไม่เคยเล่นเฟซจริงๆ นี่นา
     “อ้าว ทำไมอะค้า”
     “พี่เล่นไม่เป็นครับ”
     “เฮ้ย! จริงอ่ะพี่ เอางี้หนูสอนให้เอาป่ะ เอาเมลล์พี่มาสิหนูสมัครให้”
     “ไม่เป็นไรครับพี่ไม่สนใจ”
     ผมพยายามปฏิเสธอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ในสภาวะอารมณ์แบบนี้
     “ทำไมอ่า สนุกดีออกพี่”
     “พี่ไม่ชอบครับ”
     “โหยสนุกจะตาย เอาไว้อัพเดทสเตตัสไงพี่ โพสรูปให้คนมากดไลค์ มีคนมากดติดตามเยอะๆ จะได้ไม่เหงา”
     “พี่ไม่ชอบถ่ายรูปครับ”
     ผมพยายามยิ้มแล้วปฏิเสธน้องเขาอีกครั้ง
     “ไม่ลองดูหน่อยอ่ะพี่ ดีออกจะได้มีเพื่อนเพิ่ม เพราะเวลาเราโพสอะไรไปจะได้มีคนมาสนใจ มันช่วยให้คนอื่นเข้าใจเราได้มากขึ้นนะพี่ พี่ต้นยิ่งมีข่าวไม่ดีบ่อยๆ อยู่ ก็จะได้ใช้ช่องทางนี้พรีเซ็นตัวเองไง คนจะได้เข้าใจพี่มากขึ้น แถมพี่กับแฟนน่ารักจะตาย ต้องมีคนมากดไลค์เพียบแน่ๆ”
     ผมชักงงแล้วนะครับ ผมกับพี่ชัช?
     “เข้าใจเรื่องอะไรเหรอครับ? ”
     “ก็เรื่องข่าวลือแย่ๆ พวกนั้นไงคะ ที่ชอบมีคนมาว่าพี่เสียๆ หายๆ อ่ะ แล้วก็เรื่องงานบอลด้วย ถ้าพี่มีเฟซพี่ก็จะได้เอาไว้อัพรูปพี่กับแฟนไงคะ คนจะได้เห็นว่าพี่สวีทกับแฟนแค่ไหน จะได้เลิกมายุ่งกับพี่ อีกอย่างตอนนี้เพจคู่รักเกย์พวกนี้กำลังฮิตเลยนะพี่ พี่ต้นกับแฟนหล่อทั้งคู่ต้องมีคนมากดไลค์เพียบแน่ๆ เผลอๆ จะได้เป็นเน็ทไอดอลด้วยนะ สาววายอย่างหนูเอาหัวเป็นประกันเลย”
     ฟังแล้วผมยิ่งโมโห! ความจริงผมก็พอเข้าใจไอ้ความชอบอะไรพวกนั้นที่น้องเขาเรียกว่าสาววายนะครับ ตอนที่ไปงานเกมกับเตอร์ผมก็เจอ มันก็คงคล้ายๆ กับนนที่บ้าฟุตบอลขนาดหนัก แต่ระยะห่างที่เขามีให้ผมมันชวนอึดอัดมากครับ ผมไม่ได้อยากให้ใครมาตามติดชีวิตซะหน่อย เน็ทไอดอลบ้าบอนั่นใครมันจะไปอยากเป็น!
     “ไม่ดีกว่าครับ พี่ไม่คิดว่าดีหรอกนะที่เราจะเปิดเผยเรื่องส่วนตัวขนาดนั้นให้คนอื่นรับรู้”
     แต่น้องเขากลับไม่เข้าใจที่ผมสื่อ
     “โอ๊ย! ไม่ต้องกลัวหรอกพี่ต้น สมัยนี้มันยุคไหนแล้ว เป็นเกย์ไม่ใช่เรื่องน่าอาย พี่มีสาววายอย่างหนูเป็นกองหนุนนะคะ เดี๋ยวนี้สาววายเยอะนะพี่ พวกเราสนับสนุนให้ผู้ชายรักกันค่ะ ฮ่าๆ”
     ผม... รู้สึกหน้าชามากครับ บอกตามตรงถึงผมจะรู้ตัวว่าเป็นเกย์ แต่ผมก็ไม่ได้ต้องการให้ใครมาพูดใส่หน้าแบบนี้นะครับ!
     ผมโกรธจนแทบระเบิด แต่ผมไม่อยากทำให้เรื่องมันแย่เลยได้แต่ยิ้ม ระหว่างที่ฝืนยิ้มให้น้องเขาผมก็คิดให้กำลังใจตัวเองว่าอีกซักพักเดี๋ยวน้องเขาก็ไป แต่น้องเขาไม่ยอมไปซะทีครับ เขายังพยายามตื้อผมอยู่นั่นแหละ
     “นะพี่เล่นเฟสนะ”
     “พี่ไม่สนจริงๆ ครับ”
     “โธ่! งั้นพี่มีอินสตาแกรม ไลน์ หรือทวิตเตอร์อะไรพวกนั้นมั้ยคะ”
     ถึงมีก็ไม่ให้ครับ! ผมยิ้มพร้อมส่ายหน้าแทนคำปฏิเสธ เธอพยายามตื้อผมต่อแต่ลงท้ายก็ยอมแพ้ แต่ใครจะไปคิด เธอไม่ยอมถอดใจครับ
     “อ่ะๆ ก็ดะ งั้นพี่ต้นถ่ายรูปกับหนูหน่อยนะคะ คนอื่นๆ ต้องกรี๊ดแน่ๆ อ่ะ”
     “พี่ไม่ชอบถ่ายรูปครับ”
     ผมปฏิเสธ แต่น้องเขากลับสวนกลับผม!
     “ไม่จริงอ่ะ หนูรู้น้าว่าพี่แอบคอสด้วย พี่โคตรน่ารักเลย เคะสุดๆ อ่ะ นะ น้า ถ่ายรูปกับหนูหน่อยน้า หนูจะเอาไปอวดเพื่อน คนอื่นต้องอิจฉาหนูแน่ๆ”
     สติผมขาดผึงทันทีครับ! มันสุดจะทนแล้ว
     “น้องเห็นพี่เป็นอะไรครับ? พี่ไม่ใช่สัตว์ในสวนสัตว์นะครับจะได้ให้น้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึก”
     “เปล่านะพี่! หนูไม่ได้คิดแบบนั้น หนูก็แค่-”
     ผมทนฟังมานานแล้วครับ ผมไม่รอให้น้องเขาพล่ามต่อหรอก ขอด่ากลับหน่อยเถอะ!
     “คลั่งเกย์? ชอบเกย์? เป็นสาววายที่ต้องการเห็นผู้ชายรักกัน บ้าทุกอย่างที่เกี่ยวกับเกย์?”
     “เกินไปแล้วพี่ หนูก็แค่เห็นพี่เป็นไอดอลเท่านั้นเอง”
     ไอดอล? ผมอยากจะขำให้ฟันร่วง!
     “ไอดอลด้านไหนครับ ด้านที่พี่เป็นเกย์? น้องรู้จักพี่กี่ด้านกัน คนหน้าตาดีกว่าพี่มีตั้งเยอะ หึ! น้องสนก็แต่เรื่องที่พี่เป็นเกย์”
     “ไม่เห็นต้องพูดแบบนั้นเลยพี่ เสียความรู้สึกอ่ะ อุตส่าปลื้ม หนูคิดว่าพี่เป็นคนดีกว่านี้ซะอีก”
     “อ้าว? นี่พี่ผิดเหรอครับที่ไม่ยอมถ่ายรูปแลกเบอร์ติดต่อกับคนแปลกหน้าที่มาถึงก็เอาแต่พล่ามเรื่องเกย์”
     “พี่ต้น!”
     ผมแสยะยิ้มให้น้องเขาด้วยความสมเพชก่อนจะพูดต่อ
     “พี่จะบอกอะไรให้นะ พี่เป็นเกย์ครับ แต่พี่ต้องการใช้ชีวิตสงบๆ พี่มาที่นี่เพื่อเรียนหนังสือ อยากคุยกับเพื่อนทำตัวปกติเหมือนคนทั่วไปไม่ได้อยากให้ใครมาจ้องจับผิด น้องช่วยทำกับพี่เหมือนที่ทำกับคนปกติได้มั้ยครับ เกย์ก็คือคนปกติเหมือนกัน พี่ไม่ใช่ดาราไม่ได้อยากได้แฟนคลับ พี่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัวครับ แล้วพี่ก็ไม่สนุกที่จะเอาเรื่องส่วนตัวไปโพนทะนาให้คนอื่นรับรู้ด้วย หวังว่าน้องคงเข้าใจ! ”
     “โหยหยิ่งอ่ะ! เสียแรงหลงชอบตั้งนาน นิสัยโคตรแย่! คนเขาอุตส่ามาคุยด้วยดีๆ”
     “อ๋อ... นี่เรียกว่าคุยดีๆ แล้วเหรอครับ? แทนที่จะมาด่าพี่ว่าหยิ่งน้องลองกลับไปส่องกระจกดีกว่ามั้ย นิสัยแบบน้องใครมันจะอยากไปทำความรู้จักด้วย!”
     “ทุเรศที่สุด!”
     “ครับ พี่เป็นคนแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”
     แล้วผมก็เดินหนีออกมาด้วยความหงุดหงิด ผมเลือกที่จะไปนั่งพักเงียบๆ ในห้องพักอาจารย์แทนจะได้ไม่ต้องเจอยัยเด็กบ้านั่น พอใครถามก็บอกว่ามาหาคุณพ่อครับ ผมรู้ดีว่าคราวนี้ผมต้องโดนอีกแน่ๆ แต่มันไม่ไหวนี่ครับ คนแบบนั้นน่ารังเกียจจะตาย คืนนี้ผมจะโทรหาพี่เปา!
 
     แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด นอกจากเรื่องเมื่อวานแล้วยังมีเรื่องที่เม้ากันว่าผมกลับบ้านกับคุณพ่ออีก พวกป่านรีบมาถามข่าวผมแต่เช้า ดีนะครับที่เมื่อคืนผมโทรคุยกับพี่เปาแล้ว พี่เปาเข้าใจผมแต่ก็ตำหนิเรื่องที่ผมใจร้อนด้วยเช่นกัน พี่เขารับปากว่าจะพูดให้แต่ก็ไม่รู้ว่าน้องเขาจะยอมจบไหม
     ผมอธิบายเหตุการณ์เล่าทุกอย่างไปตามจริง พวกเพื่อนๆ ในแก๊งเออออเข้าใจผม คนอื่นๆ ส่วนใหญ่พากันด่าเรื่องที่ผมพูดแรงแต่ไม่ได้ติอะไรมาก ก็ดีแล้วครับเพราะเย็นนี้ผมต้องไปเคลียร์กับพี่บอมอีก เฮ้อ... นี่มันช่วงเคราะห์ของผมรึไงนะ ถึงได้มีแต่เรื่องไม่หยุดหย่อน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ทิง

     ผมกับเปานัดกันไปกินข้าวเที่ยงเพื่อคุยเรื่องของต้น พวกผมเข้าใจความรู้สึกของต้น ถ้าเป็นผมๆ ก็คงโมโหเหมือนกัน แต่ผมคงไม่ทำแบบต้น ในสถานการณ์นั้นผมอาจจะเลือกเดินหนีไปตั้งแต่แรกมากกว่า
     แต่แล้วผมก็รู้ว่าตัวเองเดาผิด ผมรู้จักตัวเองน้อยกว่าที่คิด บางครั้งมนุษย์เราก็อยากจะเอาชนะในเรื่องโง่ๆ ขึ้นมาเหมือนกัน ผมรู้สัจธรรมข้อนี้ตอนที่นั่งกินข้าวกับเปาแล้วมีเสียงพูดขึ้นว่า
     “วันนี้กูอิ่มอกอิ่มใจโว้ย เดี๋ยวเย็นนี้จะไปดินเนอร์แล้วต่อด้วยของหวาน”
     “มึงไม่กินเพราะกลัวตูดมึงจะไม่สะอาดอ่ะดิ ฮ่าๆ”
     “ค.วยเหอะ! กูเป็นคนทำโว้ย น้องเขาต้องเสร็จกู ฮ่าๆ”
     ตอนที่ได้ยินผมนึกทุเรศไอ้คนพวกนี้นะ มาพูดเรื่องบนเตียงในที่สาธารณะอย่างโรงอาหารได้ยังไง ถึงตอนนี้จะไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการก็เถอะ แต่มันก็ไม่สมควรอยู่ดี ผมไม่ได้รังเกียจเพศที่สาม แต่เพศที่สามที่ทำตัวแบบนี้ผมก็ว่าไม่ไหวนะ
     “เออ เห็นว่าเด็กมึงสร้างเรื่องอีกแล้วนี่หว่า เกิดเฮี้ยนอะไรไม่รู้ไปด่าผู้หญิง น้องเขาเอาไปด่าลงเฟซแชร์กันสนุกเลยมึง”
     “เดี๋ยวคืนนี้เจอกูฉีดยาให้สักเข็มสองเข็มก็เชื่องแล้ว ยังไม่โดนก็งี้แหละว่ะ ยังไม่เชื่อง ฮ่าๆ”
     “เออ ให้ได้น้องเขาก่อนแล้วค่อยมาคุยเหอะมึง กูเห็นมึงโม้มาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นจะจีบติด”
     ผมกับเปากำลังจะลุกพอดีเพราะรำคาญคนพวกนี้ แต่ชื่อที่หลุดออกจากปากพวกมันนี่สิ ได้ยินแล้วผมกับเปาได้แต่มองหน้ากัน
     “เออ พวกมึงคอยดูเหอะ ต้นไม่รอดมือกูหรอก ฮ่าๆ คืนนี้จะเอาให้หงอเลย”
     “ไอ้เหี้ย มือหรืออะไรวะ? ฮ่าๆ”
     แล้วพวกมันก็หัวเราะกันสนุกสนานกับมุกบัดซบนั่น!
     “เออน่ะ น้องเขาได้เป็นเมียกูแน่ๆ กูจะเอาให้ติดใจจนลืมกูไม่ลงเลย ทีนี้แหละพวกมึงรอดูได้เลย จากที่หยิ่งๆ รับรองเชื่อง!”
     ระหว่างผมกับเปา เปามันใจเย็นกว่าผมเสมอ
     “ขอโทษครับ แต่ต้นที่ว่าคงไม่ได้หมายถึงต้นน้ำภาคฟิสิกส์ปีสองใช่มั้ยครับ”
     พอได้ยินเสียงของผมพวกมันก็หันมามอง ไอ้ขี้โม้มันตกใจทันทีที่สังเกตเห็นเปา แต่พอตั้งสติได้มันก็เก็กส่งยิ้มกวนตีนให้ผม
     “ใช่ไม่ใช่แล้วมึงมาเสือกอะไรด้วยวะ?”
     “พวกคุณไม่ควรพูดถึงคนอื่นแบบนั้น”
     “ทำไมวะ เรื่องของกูกับต้น คนนอกไม่เกี่ยว”
     มันยิ้มอวดดีให้ผมแต่ดูจะเขม่นเปาเป็นพิเศษเพราะมันยักคิ้วกวนๆ ส่งให้เปาด้วย
     “คนจะได้กัน ขอร้องคนนอกอย่าเสือก”
     ผมหมดความอดทนเลยเทน้ำในแก้วที่ถืออยู่ราดใส่จานข้าวของมัน!
     “แต่คนที่มึงพูดถึงอ่ะ น้องกู!”

     แล้วหลังจากนั้นอีกสิบนาที พวกผมก็ถูกยำตีนในตรอกเล็กๆ ด้านหลังสระว่ายน้ำ แต่ก่อนที่พวกมันจะกระทืบผมซ้ำที่ท้องต้นก็มาถึง ใครที่คิดว่าน้องชายผมเป็นพวกอ่อนแอน่ะลืมไปได้เลย เพราะต้นเปิดตัวด้วยการกระโดดถีบไอ้คนที่กำลังจะซ้ำผมก่อนจะหันไปปล่อยหมัด ขวาตรงใส่แก้มคนที่กำลังเงื้อหมัดหาเปา
     มันต้องแบบนี้สิน้องพี่! ฮ่าๆ
     “พวกคุณทำอะไรพี่ผม!”
     ต้นแผดเสียงใส่พวกมันด้วยคำสุภาพ
     ดูเหมือนไอ้หัวโจกปากหมามันก็อึ้งไปเหมือนกันที่เห็นต้น หึๆ
     “พี่ผมไปทำอะไรให้พวกคุณ! ทำไมต้องรุมกันแบบนี้ด้วย หมาหมู่ชัดๆ”
     ต้นตะคอกใส่พวกมันทั้งๆ ที่น้ำตานองหน้าก่อนจะรีบเข้ามาประคองเปาที่สะบักสะบอมกว่าผมเยอะ
     “พวกมันเป็นคนเข้ามาหาเรื่องพี่ก่อน”
     “แล้วพี่บอมก็เลยใช้กำลังรุมพี่ผมแบบสี่ต่อสอง?”
     “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา ถอยไปดีกว่าต้น”
     “เกี่ยวสิ พวกเขาเป็นพี่ผม!”
     “ต้นไม่รู้หรอก พวกมันมาหาเรื่องพี่ก่อน พี่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ดีๆ มันก็เอาน้ำมาราดใส่”
     เอาดีเข้าตัวชัดๆ
     “ถ้ามึงไม่พูดถึงน้องกูเสียๆ หายๆ กูก็ไม่ของขึ้นหรอก”
     “ผมจะพาพี่ผมไปหาหมอ รบกวนพี่บอมบอกเพื่อนๆ พี่ให้ถอยไปด้วยครับ ยกเว้นว่าพี่อยากต่อแบบสามต่อสี่”
     มันทำหน้าขัดใจแต่ก็ยอมเปิดทางให้พวกผม ต้นประคองผมกับเปาเดินออกมา แต่แล้วก็หันหลังไปหามันก่อนจะพูดทิ้งท้าย
     “เย็นนี้ตอนห้าโมงผมจะรอพี่บอมที่ห้องชมรมนะครับ เราจะได้เคลียร์อะไรหลายๆ อย่างซะที หวังว่าเราคงคุยกันด้วยเหตุและผลนะครับ”
     แล้วผมกับเปาก็ถูกลากออกมาปฐมพยาบาล ต้นรีบวิ่งไปหายามาทำแผลให้พวกผม พอเหลือผมกับเปาสองคน เปามันด่าผมเรื่องใจร้อนทำให้มันพลอยซวยไปด้วย แต่พอนึกถึงที่มันยอมเดินตามคนพวกนั้นไปเป็นเพื่อนผมแล้วก็ขำเป็นบ้า ไม่ใช่มันรึไงที่เปิดฉากพุ่งเข้าชนไอ้วิดวะหัวโจกนั่นเป็นคนแรก ฮ่าๆ แถมมันยังร้องว่า “ย้าก” ด้วยนะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ตอนที่มาถึงห้องชมรมผมก็เกิดใจฝ่อขึ้นมา คือ... ก็ยอมรับนะครับว่าเมื่อกี้มันเลือดขึ้นหน้า แต่ตอนนี้ผมชักไม่อยากเผชิญหน้ากับพี่บอมแล้ว ผมไม่ได้กลัวหรอกนะครับ แต่ผมโกรธต่างหาก ผมโมโหจนไม่อยากยุ่งอะไรกับพี่เขาอีก กลัวจะทนไม่ไหวครับ คนอะไรต่ำที่สุด!
     พอเข้าไปในห้องชมรม ผมก็เห็นพี่บอมกับเพื่อน อาร์มก็อยู่ด้วยเช่นกัน พอเขาเห็นผมเขาก็รีบลุกมาหาทันที คงรู้เรื่องแล้วมั้งครับ ไม่สิ... อาร์มคงรู้มาตลอดนั่นแหละ แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ลำบากชะมัดเลยครับ มิน่าล่ะเวลาที่พี่ชัชสอนผมถึงได้ย้ำเสมอๆ บอกว่าบางครั้งเราก็ต้องรู้จักเลี่ยงและเลือกเอาว่าอันไหนควรเก็บไปคิดอันไหนไม่ควรเสียเวลาใส่ใจ เพราะในสังคมของการทำงานมันโหดร้ายกว่านี้มาก ต่อให้เราเกลียดขี้หน้าลูกค้าคนนั้นมากแค่ไหน เบื่อเพื่อนร่วมงานมากเพียงไร ยังไงก็ต้องยิ้มให้แล้วรักษาสายสัมพันธ์ตามความเหมาะสม
     เฮ้อ... ผมจะพยายามนะครับพี่ชัช!
     “ต้น นาย...”
     “เราไม่เป็นไรหรอกอาร์ม เราโอเค”
     ผมไม่อยากทำให้อาร์มต้องลำบากใจไปมากกว่านี้ ผมหันไปหาพี่บอมแล้วพูดในสิ่งที่ผมคิด
     “พี่บอมครับ เราไปหาที่สงบๆ คุยกันสองคนได้มั้ยครับ ผมอยากให้มันเป็นการเคลียร์เรื่องเข้าใจผิดระหว่างเราแค่สองคน”
     “ต้น!”
     อาร์มตั้งท่าจะเบรคผม ผมเลยปฏิเสธอาร์ม
     “ไม่เป็นไรหรอกอาร์ม”
     “แล้วแฟนต้นล่ะ ถ้า...”
     อาร์มยังคิดมากเรื่องนั้นอยู่สินะ เขากลัวจะทำให้ผมมีปัญหากับพี่ชัช ผมเลยบอกกับอาร์มว่า
     “โอเคน่ะ พี่เขาไม่ว่าอะไรเราหรอก”
     ก็พี่ชัชไม่อยู่นี่ครับ... พักนี้พี่เขางานยุ่งจะตาย นี่ยังไม่รู้เลยว่าวันนี้พี่เขาจะกลับรึเปล่า... ผมคิดถึงพี่ชัชเป็นบ้า!
     “แต่...”
     อาร์มยังดูลังเล แถมยังเหล่ไปทางพี่บอมอีก ผมเลยดึงคอเสื้ออาร์มให้เขาเอียงหูมาก่อนจะกระซิบ
     “ขนาดอย่างแม็กซ์ยังทำอะไรเราไม่ได้เลย ละนายคิดว่าคนอื่นจะทำอะไรเราได้เหรอ? คนที่สอนเราให้เตะต่อยเป็นคือแม็กซ์นะ ถ้าเราเอาตัวรอดจากแม็กซ์ได้เราก็ต้องรอดจากคนอื่นได้แหละน่า”
     พอได้ยินอาร์มก็ยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าให้ผม เราสองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะเมื่อนึกถึงความหลังงี่เง่าสมัยก่อน มีอยู่พักนึงครับที่แม็กซ์บ้ามวยขึ้นมา เขาไปเรียนมวยไทยแล้วนึกยังไงไม่รู้มาซ้อมกับผม ผมถูกแม็กซ์บังคับให้เป็นตัวล่อเป้าให้เขาเชียวนะ! คนอื่นๆ ในแก๊งโดยเฉพาะปาล์มแกล้งผมหนักมาก มีแต่กายคนเดียวที่ไม่เล่น อาร์มเองยังเอากับเขาเลยครับ แต่อาร์มน่ะซ้อมปกตินะ เพราะปาล์มนี่แกล้งเตะผมแรงมากเลย เล่นเอาผมน่วมไปทั้งตัว พอผมอยากเลิกแม็กซ์ก็ขู่ว่าถ้าผมเป็นผู้ชายแท้ๆ ไม่ใช่ตุ๊ดก็ต้องหัดเตะต่อยเอาไว้บ้าง แกล้งยั่วผมให้เป็นกระสอบทรายให้พวกเขาต่อ แต่ก็ดีนะครับ เพราะเรื่องครั้งนั้นนั่นแหละผมถึงได้พอมีวิชาเอาไว้ป้องกันตัวบ้าง ไม่ใช่แค่เหวี่ยงหมัดมั่วๆ ชกได้แต่อากาศ อย่างน้อยๆ ผมก็ช่วยพี่ทั้งสองคนของผมเอาไว้ได้
     แล้วเราก็แยกกัน ผมชวนพี่บอมไปหาอะไรทานด้วยกันในห้างสรรพสินค้าแถวนั้น อ้างเรื่องทานไปคุยไปครับ ชวนพี่เขาไปในที่ๆ คนเยอะๆ จะได้ไม่ต้องถูกพาไปที่เสี่ยงๆ ผมคิดว่านั่นคงเป็นการรับประทานอาหารร่วมกันสองต่อสองครั้งแรกและครั้งสุด ท้ายระหว่างผมกับพี่บอม
     ทั้งๆ ที่ปกติพี่บอมชอบพูดมากจนน่ารำคาญแต่วันนี้พี่บอมกลับเงียบ คงเพราะเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ตามใบหน้าและแขนของพี่บอมไม่ปรากฏร่องรอยอะไร แตกต่างกับพี่ๆ ของผมที่เจ็บกันพอสมควร
     “พี่บอมเจ็บตัวรึเปล่าครับ?”
     “ไม่หรอก”
     “ก็ดีครับ พี่ๆ ผมน่วมกันพอสมควร”
     ผมอดไม่ได้ที่จะประชด แต่นี่แหละนิสัยผม
     “ต้นมีอะไรจะพูดก็พูดมาเลยดีกว่า เรื่องเมื่อตอนกลางวันพี่อารมณ์ร้อนไปหน่อย พี่ขอโทษละกัน”
     “แล้วผมจะไปบอกพี่ชายทั้งสองคนของผมให้ครับ แล้วก็นี่ ... ผมคืนให้พี่บอมครับ”
     ผมยื่นกล่องใส่สร้อยคอที่พี่บอมให้ผมเป็นของขวัญวันเกิดคืน
     “ทำไมละต้น!”
     “เพราะผมคิดว่าตัวเองไม่สมควรรับมันไว้ครับ”
     “พี่ไม่เข้าใจ กับแค่เรื่องนิดหน่อยเมื่อตอนกลางวันต้นก็คืนของขวัญพี่เหรอ!”
     เพราะพี่เขาไม่รับ ผมเลยวางกล่องนั้นลงบนโต๊ะแทน
     “พี่บอมคิดยังไงกับผมครับ”
     พี่บอมดูอึ้งๆ กับคำถามของผม เขาดูหงุดหงิดทั้งๆ ที่กำลังยิ้ม
     “พี่ทำถึงขนาดนี้ต้นจะไม่รู้ได้ยังไง พี่ว่าต้นรู้อยู่แก่ใจว่าพี่คิดยังไงกับต้นแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้มากกว่า”
     “ก็ผมไม่อยากคิดไปเองนี่ครับ พี่บอมเป็นผู้ชาย ผมก็เป็นผู้ชาย ปกติผู้ชายด้วยกันเขาไม่รักกันหรอกครับ ผมเลยไม่อยากคิดไปเอง แล้วพี่บอมก็ไม่เคยพูดอะไรตรงๆ กับผมด้วย”
     “พี่ชอบต้น”
     เป็นการสารภาพรักที่ห่วยแตกที่สุดท่ามกลางบรรยากาศเฮงซวยชวนให้ลุกขึ้นมาต่อยปากกันซะมากกว่า ผมว่ามาถึงตอนนี้พี่เขาคงไม่ได้ชอบผมแล้วละครับ พี่เขาก็แค่อยากเอาชนะผม
     “งั้นพี่บอมชอบผมตรงไหนเหรอครับ?”
     ทั้งๆ ที่ผมใช้ใจถาม แต่พี่บอมกลับทำหน้าเหมือนได้ฟังเรื่องไร้สาระ
     “ก็ต้นน่ารักพี่ก็เลยหลงรัก การที่พี่ชอบต้นเพราะแบบนี้มันผิดเหรอ พี่อุตส่าตามจีบต้นมาตั้งแต่ตอนปีหนึ่ง ความรักของพี่มันไม่มีค่าเลยรึไงต้น?”
     “ทั้งๆ ที่พี่ไม่ได้รู้จักตัวตนของผมเลย? เราสองคนนอกจากทักทายกันในชมรมแล้วเราแทบไม่รู้จักกันเลยนะครับ”
     “ต้นก็เปิดโอกาสให้พี่สิ ลองมาคบกับพี่ดูไม่ใช่เอาแต่หนี!”
     “ถ้าพี่บอมรู้ว่าผมหนีแล้วทำไมถึงยังตามผมไม่เลิกครับ เพราะพี่บอมไม่เคยพูดอะไรมาตรงๆ ผมก็เลยปฏิเสธให้มันชัดๆ ไม่ได้ ผมอึดอัดแต่ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยต้องใช้วิธีนั้น ยังไงซะพี่ก็เป็นรุ่นพี่ของอาร์ม ผมไม่อยาก...”
     “เราก็เลยปล่อยให้พี่มีความหวังลมๆ แล้งๆ มาตลอดทั้งที่ไม่เคยคิดอะไรกับพี่!”
     โอ้โห! ผมขึ้นนะครับ ผมเนี่ยนะให้ความหวังพี่เขา? ผมไปให้ความหวังเขาตอนไหนกันครับ มีแต่เขานั่นแหละที่คิดไปเองแถมยังเอาผมไปพูดซะเสีย!
     “ผม...”
     ผมพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่มันไม่ไหวแล้วครับ!
     “เรื่องที่ผมอยากบอกพี่บอมมาตลอดก็คือผมมีแฟนแล้วครับ แล้วผมก็... ไม่ชอบการที่พี่มาแซวอะไรผมแบบนั้นด้วย ... ผม ... จีบให้ตายผมก็ไม่ขึ้นเตียงกับพี่หรอกครับ!”
     ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ไม่เคยเจอใครน่ารังเกียจขนาดนี้มาก่อนเลย! พี่บอมดูจะอึ้งๆ ทันทีที่ประโยคสุดท้ายหลุดออกจากปากผม ผมพยายามข่มอารมณ์ตัวเองเช่นเดียวกับพี่บอมที่ขบกรามจนแน่น แต่จู่ๆ พี่เขาก็แค่นยิ้ม
     “แล้วต้องหล่อ รวย เฟอเฟ็คขนาดไหนล่ะ ต้นถึงจะยอม”
     สายตาดูถูกๆ ส่งมาให้ผมจากคนที่บอกว่าชอบผม แม้แต่ตอนที่ผมเล่นเกมอันตรายกับแม็กซ์ ... ยังไม่เคยมีซักครั้งที่แม็กซ์จะมองผมแบบนี้
     “ถ้าพี่หมายถึงแม็กซ์ละก็ ผมขอบอกว่าพี่เข้าใจผิดครับ อย่างที่ผมเคยบอกพี่ไป ผม แม็กซ์ และอาร์ม พวกเราเป็นเพื่อนกันมาก่อนก็เท่านั้น”
     พี่บอมมีสีหน้าคล้ายกับกำลังด่าผมอยู่ในใจ สายตาแข็งกร้าวปนสมเพชถูกส่งมาให้ผม
     “อมพระมาพูดพี่ก็ไม่เชื่อหรอกต้น เห็นกันอยู่ คิดว่าพี่โง่รึไง อย่าเล่นตัวนักเลย”
     “พี่บอมรู้จักหมาหวงก้างมั้ยครับ?”
     พี่บอมชะงักก่อนจะทำหน้าไม่เข้าใจ แต่แล้วเขาก็มีสีหน้าโกรธเคืองถ้อยคำของผม ผมเลยถือโอกาสพูดต่อ
     “แม็กซ์เขาเป็นแบบนั้นนั่นแหละครับ เป็นมาตลอดตั้งแต่สมัยที่เรายังเรียนด้วยกัน ผมไม่แคร์ว่าเขาจะคิดยังไงกับผม จะยังรักจะแอบหวังหรือตัดใจแล้วยังไงก็ช่าง ขอแค่เขาไม่ทำให้ผมลำบากใจเหมือนเมื่อก่อน ผมก็เฉยๆ ครับ”
     “หึ!”
     “หมาที่ดีเราเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านได้นะครับ หมาที่เชื่องจะปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเคร่งครัด ผมไม่ต้องระแวงว่ามันจะหันมากัดผมเมื่อไหร่”
     “นี่เพื่อนต้นเขารู้รึเปล่าว่าต้นพูดถึงเขาแบบนี้ ถ้ามันมาได้ยินคงเสียใจน่าดู”
     “ไม่หรอกครับ แม็กซ์เขารู้สถานะของตัวเองดีอยู่แล้ว ต่อให้ผมพูดแรงกว่านี้เขาก็ไม่โกรธผมหรอก เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าผมนิสัยยังไง ของแบบนี้ไม่ต้องพูดออกมาก็รู้ครับ แค่มองตาก็เข้าใจ ผมกับเขารู้จักกันดีเกินกว่าที่จะโกรธกันด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ผมถึงได้เรียกเขาว่าเพื่อนสนิท และที่สำคัญแม็กซ์ติดหนี้ผมอยู่ เขาจะไม่มีวันทำให้ผมต้องเสียใจเด็ดขาด”
     “เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อน่ะสิต้น”
     “คิดก็ส่วนคิดสิครับ ทำก็ส่วนทำ แม็กซ์ไม่มีวันทรยศผมเด็ดขาด ผมรู้ว่ามันฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ผมกับแม็กซ์ไม่เคยมีอะไรกัน ผมจะทำแบบนั้นเฉพาะกับคนที่ผมรักคนเดียวครับ แล้วแม็กซ์เขาก็รู้ตัวดี เขาไม่เคยฉวยโอกาสกับผม ผมถึงได้ไปไหนมาไหนกับเขาได้อย่างสบายใจ”
     “จะบอกว่าพี่มันไม่น่าไว้ใจงั้นสิ”
     แหง๋สิครับ! ใครจะอยากไปไหนมาไหนกับคนที่พูดไปทั่วว่าต้องลากผมขึ้นเตียงให้ได้
     “ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ เพียงแต่... มันคงดูไม่เหมาะถ้าผมจะไปไหนมาไหนกับคนที่ออกตัวว่าจีบผม คือ... ผมไม่อยากมีปัญหากับแฟนน่ะครับ”
     “อย่ามาแหลเลยต้น จะสร้างภาพว่าตัวเองใสซื่อไปถึงเมื่อไหร่ จะบอกไรให้นะ ไอ้ที่ต้นทำอ่ะ เขาเรียกกิ๊ก”
     “ผมมีเพื่อนผู้หญิงอยู่คนนึงที่สนิทกันมาก เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย บางครั้งเขาก็มาค้างกับผม ผมสนิทกับเขามากกว่าที่ผมสนิทกับแม็กซ์ซะอีก ถ้าอย่างนั้นผมก็เป็นกิ๊กกับเขาด้วยเหรอครับ? ผมห้ามความรู้สึกแม็กซ์ไม่ได้ แต่ระหว่างผมกับเขาก็ไม่มีอะไรเกินเลย ผมปฏิบัติตัวกับเขาเหมือนที่ผมทำกับอาร์ม ผมทำอะไรไม่ดีเหรอครับ?”
     “บริสุทธิ์จริงๆ นะต้น หึๆ พี่พึ่งเห็นตัวตนต้นจริงๆ ก็วันนี้เอง”
     ทำมาเป็นหัวเราะ ไม่ด่าผมออกมาตรงๆ เลยล่ะ! พอตัวเองผิดหวังก็มาโทษคนอื่นเขา โยนความผิดว่าผมสกปรก ไอ้มนุษย์โสมมเอ้ย!
     “ก็นั่นน่ะสิครับ ผมถึงได้ถามว่าพี่บอมชอบผมที่ตรงไหน? แล้วผมบอกพี่บอมตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับว่าผมเป็นแบบนั้น?”
     สะใจจังเลยครับ พี่บอมหน้าเขียวเชียว ท่าทางจะจุกจนพูดอะไรไม่ออก ฮ่าๆ
     “ถือว่าพี่ผิดเองละกันที่ดูต้นผิดไป”
     “ครับ พี่บอมน่ะแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมเลย เราสองคนถือเป็นคนแปลกหน้าต่อกันด้วยซ้ำ ให้นึกยังไงผมก็นึกไม่ออกว่าพี่บอมชอบผมตรงไหน รูปร่างหน้าตาผมก็ไม่ได้ดีอะไร  ตอนนี้เห็นตัวตนของผมแล้ว ผมว่าพี่คงปลี่ยนใจแล้วมั้งครับ ขอโทษนะครับที่ผมไม่ใช่อย่างที่คิด”
     ใจจริงผมอยากพูดว่า ‘ขอโทษนะครับที่ผมไม่ใช่ลูกแกะโง่ๆ ให้พี่ลากขึ้นเตียงได้ง่ายๆ อย่างที่คิด’ ด้วยซ้ำ!
     หึๆ พี่บอมคงจะแค้นผมมาก สีหน้าของพี่เขานี่แทบจะฆ่าผมให้ตาย!
     “แต่ผมก็ดีใจนะครับที่เกิดเรื่องขึ้น อย่างน้อยวันนี้เราก็ได้เปิดอกคุยกัน จริงสิ ผมว่าจะมาขอโทษเรื่องงานบอลแท้ๆ แต่ดันลืมซะได้ ต้องขอโทษแทนแม็กซ์กับเพื่อนด้วยนะครับ เล่นแรงไปหน่อย แม็กซ์ก็เป็นแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เกรียนจนบางครั้งผมยังแอบรำคาญ”
     อย่างน้อยๆ ผมก็ไม่ได้โกหกนะครับ เพราะแม็กซ์เป็นแบบนั้นนั่นแหละผมถึงไม่คิดจะสานสัมพันธ์แบบพิเศษด้วย แล้วเมื่อก่อนแม็กซ์บัดซบกว่านี้หลายร้อยเท่า ใครมันจะไปชอบลงละครับ!
     “เออ ช่างมันเหอะ พี่ไม่ถือว่ะ ถึงขั้นนี้แล้ว”
     เห็นสีหน้าเจ็บจนจุกแบบนี้แล้วก็สะใจเป็นบ้า! ฮ่าๆ
     “ครับ ขอบคุณพี่บอมนะครับ ใจกว้างสมกับเป็นรุ่นพี่จริงๆ เลย”
     ผมพูดขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ ฮ่าๆ สมน้ำหน้า ผมว่าผมกลับดีกว่า เรื่องที่ควรพูดก็พูดหมดแล้ว หึๆ
     “งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง ถือซะว่าเป็นคำขอโทษจากผม”
     ผมยิ้มให้พี่บอมแล้ววางเงินไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินจากมาโดยไม่หันกลับไปมอง โชคดีจังครับที่คุณพ่อให้ค่าขนมผมเพิ่ม เฮ้อ... รีบกลับบ้านไปหาพี่ชัชดีกว่า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


พี่บมพูดถูกใจ แบบนี้เขาเรียกกิ๊กชัดๆ ตัวเอกร้ายจริงๆ ตรรกะเพี้ยนนิดๆ เหอะๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชัยชัช

     ผมกลับมาถึงห้องตอนทุ่มหน่อยๆ แต่ต้นยังไม่กลับ เอ... มันโทรบอกผมว่ามันจะค้างบ้านพ่อมันแค่วันเดียวไม่ใช่เหรอครับ? แต่ตอนที่ผมสองจิตสองใจว่าจะโทรหามันดีมั้ย เมียผมก็กลับมาถึงพอดี แต่แปลกดีครับ ผมยังไม่ทันได้อ้าปากทักมันก็รีบถอดรองเท้าแล้วเดินตรงมาหาผมที่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา สีหน้ามันดูไม่ดีเลย คิ้วงี้ขมวดเป็นปมเชียว มาถึงก็มานั่งซุกผม มันฝังหน้าลงกับอกผมแล้วก็เริ่มปฏิบัติการมุด สองแขนมันโอบเอวผมไว้ซะแน่น แถมมันยังถอนหายใจเฮือกๆ จนผมงง
     “เป็นไรไปครับ?”
     “คิดถึงพี่ชัชครับ”
     ได้ยินแล้วผมก็ยิ้มสิครับ
     “กินไรมายัง พี่ซื้อของกินกลับมาเพียบเลย”
     “เรียบร้อยแล้วครับ พี่ชัช... ขอผมอยู่แบบนี้แป็บนึงนะครับ”
     ผิดปกติครับ! นี่มันไม่ใช่ไอ้ต้น! เกิดอะไรขึ้นกับเมียผมวะ!
     “จะชาร์จพลังเหรอเรา จะกอดพี่ก็ถอดเป้ออกก่อนไป”
     มันได้ยินแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองผม น่ารักจริงๆ เลยเมียพี่ ต้นมันเหมือนเด็กเลยครับเวลามันทำแบบนี้ มันเบิกตาเรียวๆ ของมันซะกว้างแล้วมองตรงมาที่ผม แถมยังเผลอเม้มปากจนแก้มป่องหน่อยๆ ด้วย ผมเลยจุ๊บเหม่งมันไปหนึ่งทีก่อนจะช่วยมันปลดเป้ออก เดาได้ว่ามันต้องไปมีเรื่องมาอีกชัวร์
     พอร่างกายเป็นอิสระแล้วทีนี้แหละ มันเกือบจะปีนขึ้นมาบนตักผมอยู่แล้ว กอดผมซะแน่นเชียว ผมเลยลูบปลอบมันไปเรื่อย ลูบหลังบ้าง ลูบหัวมันบ้าง บางทีก็วางมือไว้เฉยๆ บางครั้งก็กระชับอ้อมกอด ผมนั่งดูทีวีเงียบๆ ปล่อยให้มันชาร์จพลัง จนกระทั่งมันถอนหายใจยาวๆ ออกมา ท่าทางน้ำมันจะเต็มถังแล้วครับ
     “เกิดอะไรขึ้น? อยากเล่าอะไรให้พี่ฟังมั้ยครับ?”
     ต้นมันถอนหายใจแล้วขยับมาซุกผมหนักกว่าเดิมอีก อืม... มันอ้อนมาก นี่เมียผมอายุยี่สิบรึสองขวบกันแน่วะ?
     “มันเยอะจนไม่รู้จะเริ่มยังไงเลยครับ”
     “ขนาดนั้นเลย? ทำเรื่องอะไรมาอีกอ่ะเรา”
     “อื้อผมเปล่านะ! ผมอยู่เฉยๆ เรื่องก็วิ่งเข้ามาหาเองต่างหาก”
     แน่ะๆ มีเถียงนะครับที่รัก ฮ่าๆ
     “คร้าบๆ งั้นน้องต้นก็เล่ามามะ เดี๋ยวป๋าชัชจะฟังแล้วช่วยหาทางออกให้”
     “แก้หมดแล้วครับ”
     “หือ?”
     แก้อะไรของมันวะ? เมียผมจัดการปัญหาแล้วจริงดิ? มันจัดการปัญหาเองได้ด้วย! มิน่าท่าทางหมดพลังมาเชียว เฮ้อ... ไอ้เด็กเลี้ยงแกะของผม
     “ความจริงผมจัดการปัญหาหมดแล้วครับ แต่... ผมแค่เหนื่อย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเจอแต่เรื่องงี่เง่าแบบนั้นด้วย”
     “งั้นลองบอกมาสิครับว่าต้นเจอเรื่องงี่เง่าอะไรบ้าง”
     แล้วมันก็เล่าให้ผมฟัง เมียผมวีนแตกใส่แฟนคลับ เฮ้อ... ก็รู้นะครับว่ามันคงอึดอัด แต่ไปประชดแบบนั้นยิ่งทำให้เรื่องมันแย่ลงชัดๆ ไอ้ต้นมันรับมือกับปัญหาได้ห่วยจริงๆ นึกถึงตอนที่ต้นมันโกรธผมจนหนีไปหาน้องเมษชะมัด ตอนนั้นมันก็แรงใส่ผมแบบนี้เล้ย ผมงี้หงุดหงิดจนแทบอยากใช้กำลัง
     แต่ก็เข้าใจมันนะครับ ตอนผมวัยรุ่นก็อารมณ์ร้อนแบบนี้แหละ เรื่องการปรับตัวนี่มันมาตามอายุจริงๆ อย่างน้อยๆ การที่มันมานั่งกลุ้มใจก็แปลว่ามันคงรู้ตัวว่าผิดนั่นแหละ ถือเป็นสัญญาณที่ดีครับ เมียผมมีการพัฒนาแล้ว ฮ่าๆ
     หัวเราะได้ไม่นาน ยังไม่ทันได้ปลอบ เรื่องที่สองก็ตามมา พอได้ฟังเรื่องราว ผมก็ของขึ้นครับ! ใครอนุญาตให้มันทำแบบนั้นกับเมียผม!
     “เขาทำร้ายพี่เปากับพี่ทิง ทุเรศชะมัดเลยครับ”
     โอเค! ผมโคตรเคืองครับ แต่นาทีนี้ผมควรเป็นที่พึ่งให้ไอ้ต้นไม่ใช่ไปโมโหซะเอง ผมได้แต่กัดฟันข่มความโกรธเอาไว้ในใจแล้วสวมบทเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้ไอ้ต้น รอก่อนเถอะมึง บังอาจหยามเมียกู!
     “แต่พี่เราก็ไปทำเขาก่อนไม่ใช่เหรอ ไม่โดนต่อยคว่ำตั้งแต่ตรงนั้นก็บุญแล้ว”
     “แต่เขาพูดถึงผมไม่ดีก่อนนะครับ พี่ทิงเลยโมโห พี่ชัชอ่ะ! ไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง”
     ต้นมันจ้องหน้าผมด้วยแววตาเอาเรื่อง ความจริงผมเองก็เพิ่งจะรู้นะว่าเมียผมเป็นพวกเลือดร้อน นอกจากขี้วีน เจ้าอารมณ์ ชอบเอาชนะ มีอะไรอีกมั่งวะเนี่ย? ... อ้อ! เจ้าทิฐิเป็นที่หนึ่ง รักศักดิ์ศรียิ่งชีพ ฆ่าได้หยามไม่ได้ เฮ้อ... ผมก็เลยต้องงัดไม้ตายขึ้นมาปลอบเด็กดื้อ
     “ต้นคิดว่าพี่จะปล่อยให้เราโดนใครที่ไหนไม่รู้พาไปซั่มรึไงครับ พี่ก็รักของพี่นะ หวงด้วย”
     ต้นมันเขินจนหน้าแดงหน่อยๆ แล้วครับ น่าจะได้ผล ว่าแล้วก็จูบปลอบขวัญมันซักที นั่นไงมันขัดขืนได้แปปเดียวก็เริ่มจูบตอบผม อาจจะดูเลวไปบ้าง แต่อย่างน้อยๆ ก็ได้ผลละวะ!
     “อื้อ... พี่ชัชอ่ะ อื้ม พอแล้วครับ”
     เสียงกระเส่าเชียวนะที่รัก หึๆ พอเริ่มหายใจไม่ทันก็ผลักผมออก หน้างี้แดงเชียว ค่อยสมเป็นเด็กเลี้ยงแกะของผมหน่อย
     “ทำไมอ่ะ ชาร์จพลังไง หึๆ”
     “จะสูบพลังล่ะสิไม่ว่า ... ไม่เอาดีกว่าครับ ผมจะไปอาบน้ำนอนแล้ว”
     ว่าแล้วมันก็ลุกขึ้น ทำท่าจะหนี แต่ผมชิงจับข้อมือของมันไว้
     “เดี๋ยว”
     “อะไรครับ?”
     ต้นมันหันมามอง ทำท่างงๆ
     “อาบให้สะอาดนะครับ ไม่งั้นคืนนี้ผ้าปูเลอะจริงๆ ด้วย”
     เท่านั้นแหละ อายม้วนต้วนเลยครับ ฮ่าๆ
     “บ้า! พี่ชัชก็...”
     “ทำไมอ่ะ เราคิดถึงพี่แล้วพี่จะคิดถึงเราบ้างไม่ได้เหรอครับ”
     “นั่นเขาไม่เรียกว่าคิดถึงแล้วครับ เขาเรียกหื่น”
     “นั่นแหละ อย่างเดียวกัน ถ้าอาบไม่สะอาดเดี๋ยวพี่ไปช่วยอาบนะ หึๆ”
     มันทำปากอ่านได้ว่า “บ้า” แล้วก็เดินเข้าห้องนอนไป เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของเมีย ผมเลยเก็บของกินบนโต๊ะเข้าตู้เย็น จัดการในห้องนั่งเล่นให้เรียบร้อยจะได้ไม่ต้องลุกออกมาอีก หึๆ ยาวไปครับคืนนี้!

     เพราะวันนี้ต่างคนต่างเหนื่อยผมกับต้นเลยจัดกันแค่รอบเดียว พอเสร็จสมอารมณ์หมายมันก็คลอเคลียซุกอยู่ในอกผม กอดผมได้ซักพักมันก็ดันผลอยหลับ เสือกหลับทั้งๆ ที่ยังโป๊
     ไออุ่นจากตัวมันร้อนผ่าว แก้มใสๆ แนบอยู่กับอกผม ตางี้พริ้มเชียว สองขามันเกาะเกี่ยวก่ายตัวผมไว้อย่างกับลูกลิง หน้าแข้งที่มีขนประปรายวางพาดอยู่บนหน้าขาผมชวนให้จั๊กจี้
     เมียผมเป็นผู้ชาย ต้นมันเป็นผู้ชายทั้งทางร่างกายและจิตใจ ถึงนิสัยบางอย่างของมันจะเหมือนผู้หญิงก็เถอะ ... ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ผมนอนกับผู้ชายด้วยกันจนเป็นเรื่องปกติ? ผมเริ่มกลัวตัวเอง... แต่ช่างมันเหอะครับ คิดแล้วก็ปวดหัว เลิกคิดดีกว่า
     ผมขยับผ้าห่มมาคลุมร่างของเราสองคนเพราะโป๊กันทั้งคู่ กลัวต้นมันจะไม่สบายครับ คืนนั้นผมนอนกอดมันทั้งคืน...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ความจริงแล้วช่วงนี้หลอดลมอักเสบ กินยาแก้แพ้แล้วง่วง ดังนั้นขอหนีไปนอนก่อนล่ะ

พักนี้คนอ่านกับคนเม้นหาย แอบเศร้านิดๆ  :hao5:
ก็ยังรอคอมเม้นเรื่องคาแรคเตอร์อยู่เรื่อยๆ น้า เขาจะได้เก็บไว้ปรับปรุงเรื่องหน้า คนอ่านคนไหนอ่านเจอว่างๆ มีจิตศรัทธาก็โปรดเมตาสละเวลาช่วยตอบหน่อยเถ้อ ถือว่าเอาบุญ
รออยู่แต่ไม่รู้จะทำยังไงเลยได้แต่ลงนิยายเงียบๆ  :hao5:

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
ตัวเองเค้าขอสารภาพว่าที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ เข้ามาคอมเม้น เพราะไปตามอ่านจากอีกที่นึงมาแล้วเม้นในนั้นด้วย กำลัง รอให้เนื้อเรื่องตามทางโน้น ให้ทันอยู่ว่าจะเม้นที่เดียว แต่เห็นใจคนเขียนเนาะ ถ้ามีคนอ่าน แล้วไม่เม้น  เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
อ่า อ่านคอมเม้นท์จากท่านๆ ผู้อ่านทั้งสองเว็บแล้ว เหมือนจะเห็นภาพแฟนคลับนิยายเรื่องนี้รางๆ ส่วนใหญ่จะตามจากทางเด็กดีอยู่แล้ว มีน้อยที่เพิ่งมาตามในนี้ แต่พอตามในนี้แล้วมันขาดตอนก็จะตามไปลุยอ่านจากในเด็กดีต่อ (แต่รู้กันใช่มั้ยในเด็กดีไม่มีฉากเรทลงนะ)
แต่อย่างที่เคยพล่ามไปแหละ คือภาคแรกแต่งขึ้นมาได้เพราะโครงการประกวดของสำนักพิมพ์นึง ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ไม่ผ่าน เพราะภาษาด้วย(พอเอามาลงในนี้พบว่าขนาดแก้แล้วแก้อีกยังมีคำผิดอื้อ) พล็อตด้วย มันไม่ค่อยเป็นที่นิยมถูกจริตคนอ่านกลุ่มใหญ่ ใครเขาจะเอาไปขาย แต่หยุดเขียนต่อไม่ได้เพราะเรามีพล็อตในหัวต่ออื้อเลย เลยเป็นที่มาของภาค2ที่จัดเต็มโคตรๆ และลงให้อ่านก่อนเพราะถ้าผลไม่ออกลงภาค1ที่ไหนไม่ได้ พอมาที่นี่เราเลยลงไล่กันตั้งแต่1ไป2
ภาค2เราเขียนอย่างที่อยากเขียนจริงๆ ทั้งตัวต้นและพี่ชัชที่คงต้องบอกว่าต่างคนต่างมีมุมแย่ๆ เป็นของตัวเอง พูดง่ายๆ ว่าอยากลองนำเสนอแนวแบบที่เป็นตัวเองจริงๆ ดูน่ะ แล้วต่อไปค่อยเอาผลที่ได้ไปปรับใช้อีกที แต่จริงๆ เราเป็นคนที่มีหลายมุมนะเออ แบบโคตรรั่วก็มีนะ ฮ่าๆ

เราโคตรปลื้มที่มีคนชมว่านิยายมันเรียล ใช่เลย เราตั้งใจแบบนั้น เคยๆ บ่นไปแล้วประมาณว่าอยากให้คนอ่านนิยายเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหมือนตามเผือกเรื่องชาวบ้าน อารมณ์ประมาณเกาะกระทู้พันติ๊บ ถ้าได้แรงเผือกแนวๆ นั้นจะสะใจมาก เขาทำได้ใช่มั้ย? ทำให้คนอ่านอยากรู้อยากตาม อยากด่า หงุดหงิดแต่เลิกอ่านไม่ได้ คิดๆ ดูแล้วช่างเป็นคนแต่งที่โรคจิตและซาดิสพิกล ทรมานคนอ่านชัดๆ
แต่สังเกตว่าพักหลังยอดวิวคนอ่านขึ้นเร็วกว่าสมัยแรกๆ ที่ลงภาค1เยอะ ... ก็เม้นมันไม่มี ก็ดูยอดวิวเอาไง ขยับเร็วหรือขยับช้า ก็ดูตลอดนะ เป็นการสำรวจฟีดแบ็กของตัวเองด้วย พอเดาได้ว่าฐานคนอ่านน่าจะเป็นวัยโตๆ กันแล้วมากกว่าวัยเด็กๆ มุ้งมิ้ง เพราะเนื้อเรื่องแบบนี้มันน่าจะสะใจคนโตแล้วมากกว่า และคนพวกนี้ส่วนมากอ่านอย่างเดียว ไม่มีอะไรพิเศษจริงๆ ไม่โผล่มาเม้น (เช่นคนเขียนขู่ฆ่าตัวตายน้อยใจอะไรทำนองนั้น ฮ่าๆ) เราก็เลยไม่ค่อยดีดดิ้นไง ในเด็กดีไม่เคยขู่นักอ่านเงาเลยด้วย ไม่ใช่นักเขียนแบบยอดไม่ถึงไม่เม้นไม่อัพ เข้าใจว่าคนอ่านด่านักเขียนแบบนั้นกันเยอะ แต่ก็พอเข้าใจว่าเพราะพล่ามเยอะแบบนี้คนเม้นส่วนนึงอาจจะไม่กล้าเม้น กลัวนักเขียนกัด เหอะๆ ดูไม่ค่อยเจียมตัวไม่ค่อยน่าสงสารคนเลยไม่ค่อยเห็นใจเพราะเกรียนเกิ๊น!

ดังนั้น เพื่อเป็นการคารวะแด่คนอ่านที่ช่วยกันกดเข้ามาอ่าน  :pig4:  ขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาอ่านนิยายเรื่องยาวเยอะๆ เรื่องนี้



พึ่งแต่งสดๆ ตะกี้ นี่แหละโน้ตบุคคู่ชีพเขา อา... น้องต้นชอบสตอรเบอร์รี่แต่คนแต่งบ้ามินต์นะเออ!  :o8:

**ตอนแรกก็ว่าจะลงเนื้อหาตอนต่อไปจริงๆ นะ แต่อยู่ๆ หัวมันแล่นกลายเป็นตอนพิเศษป็อกกี้เดย์ซะได้ ไม่มีในเด็กดีนะ!



ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ Pocky Day!

**เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังตอน #ฉากจบ จ้า
“โต้น กินป็อกกี้ป่าว?”
“ไม่อ่ะ”
“กินหน่อยน้า... อร่อยน้า”
ต้นน้ำเหล่มองคู่สนทนาที่คาบป็อปปี้ไว้ในปากแล้วนั่งเท้าคางยื่นหน้ายื่นป็อกกี้มาทางเขาด้วยสายตาเพลียๆ ละเหี่ยใจ
“ไม่ เราไม่ชอบป็อกกี้ แล้วใครมันจะไปอยากทานป็อกกี้จากปากนาย”
“ง่า แผนป้อนป็อกกี้ไม่สำเร็จแฮะ”
เจ้าของป็อกกี้จอมเอาแต่ใจนั่งซึม เขานั่งแทะป็อกกี้พลางน้ำตาตก
“เล่นอะไรบ้าๆ”
“ไม่ได้เล่นน้า ก็วันนี้วันป็อกกี้เดย์ไง ก็ต้องป็อกกี้ดิ”
“ก็เห็นนายทานป็อกกี้ทุกวันนั่นแหละ”
“ไม่เหมือนกันน้า ทุกวันนั่นเรากินรสช็อกโกแลต แต่วันนี้รสช็อกโกแลตมินต์เชียวน้า”
เจ้าของป็อกกี้ยังงอแงตื้อเขาพลางอวดกล่องป็อกกี้รสชาติใหม่ให้ดู
“เฮ้อ...”

ต้นน้ำจะทำยังไงดีหนอ?

แฟนคลับล่ะ จะเลือกหนทางไหน? ทาน อ่าน1   ไม่ทาน อ่าน2


1
“ได้เอามาสิ”
“เย้ๆ อ่ะนี่ เราป้อน”
“บ้า! ใครจะไปอยากทานจากปากนาย”
ต้นน้ำดุเจ้าของป็อกกี้ที่คิดพิเรนทร์ส่งป็อกกี้ให้ด้วยปาก เขาหันหน้าหลบป็อกกี้ชุ่มน้ำลายแล้วหยิบเอาแท่งใหม่จากในกล่องไปทาน
แต่ระหว่างนั้นเอง! ..... อ่านต่อ5


2
เพราะถูกดุเจ้าของป็อกกี้เลยจ๋อย ต้นน้ำเหมือนจะเห็นภาพซ้อนเป็นหูกับหางที่ตกลู่ไม่ร่าเริงเหมือนเก่า
“มันอร่อยนักเหรอไง ป็อกกี้เนี่ย?”
“ก็อร่อย แต่อยากเล่นป็อกกี้เดย์กับต้นมากกว่า”
“ไอ้เกมที่เหมือนรับน้องเนี่ยนะ?”
“ก็... อยาก... อยากเล่นอ่ะ”
เจ้าของป็อกกี้แทะป็อกกี้พลางน้ำตาคลอ ภาพที่เห็นชวนให้สงสาร
ต้นน้ำจึง ..... เล่น อ่าน3   ไม่เล่น อ่าน4



3
ต้นน้ำจึงหยิบป็อกกี้มาคาบไว้ในปาก แล้วยื่นหน้าไปทางเจ้าของป็อกกี้
“อ่ะ อานมั้ยเอาอ้อน” (อ่ะ ทานมั้ย เราป้อน)
เจ้าของป็อกกี้เหมือนฟื้นคืนชีพดีใจจนยิ้มร่า
“เย้ รักต้นที่สุดเลย จ๊วบ!
ต้นน้ำไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเขมือบป็อกกี้เข้าไปได้อย่างไรแต่รู้ว่าริมฝีปากตัวเองถูกจ๊วบ! น้ำลายเปียกๆ ติดอยู่บนริมฝีปากเขาให้ความรู้สึกเหมือนยามถูกลูกสุนัขเลียหน้า นี่แหละหนาเล่นกับหมาๆ เลียปาก

จบ!


4
ต้นน้ำจึงเกิดความสงสาร เขาเอื้อมมือไปขยี้หัวยุ่งๆ ของเจ้าของป็อกกี้ก่อนจะเอียงตัวไปใกล้ๆ แล้วจุ๊บแก้มป่องๆ ของคนที่กำลังคาบป็อกกี้ไว้ในปากเบาๆ
“เราไม่ชอบช็อกโกแลต ทีหลังซื้อรสสตรอเบอรี่มาสิ”
“ได้ค้าบ”
เจ้าของป็อกกี้ตอบพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนน่าหมั่นไส้

จบ!



5
ระหว่างนั้นเอง มีคนผ่านมาเห็นพอดี

คิดว่าคนที่ผ่านมาเห็นคือ     มิวนิค อ่าน6   คิวว์ อ่าน7   อัฐ อ่าน8   เอก อ่าน9   โคโค่ อ่าน10



6
“มึงเล่นอะไรกัน?”
“เสือกละไอ้ยักษ์”
“มึงเล่นเกมป็อกกี้เหรอต้น มาเล่นกับกูมา”
ก่อนที่เจ้าของป็อกกี้จะทันได้ปกป้องเจ้านายที่ยังมีป็อกกี้อีกเกือบคืบในปากจนไม่ว่างด่าคนเสือก มิวนิคก็อาศัยจังหวะเนียนตีหน้ามึนงับแท่งป็อกกี้ที่ยาวพ้นปากของต้นน้ำไปแบบสบายๆ
น่าแปลกที่คราวนี้ต้นน้ำไม่โวยวาย หน้าของเขาแดงเถือกไปถึงคอ ส่วนคนเสือกก็เนียนนั่งลงข้างๆ คนหน้าแดงแล้วหยิบป็อกกี้รสพิเศษนำเข้าจากญี่ปุ่นเข้าปากแบบไม่แคร์สายตาเจ้าของ แถมยังมีการส่งป็อกกี้แท่งใหม่ไปให้คนหน้าแดงอีกต่างหาก
“มึงเอาอีกมั้ย?”
อึอื้ม!”
เจ้าของป็อกกี้มองต้นน้ำที่รับคำเสียงเบาแล้วหยิบป็อกกี้จากมือไอ้ยักษ์แล้วก็ได้แต่งง เอ... หรือว่ามนต์รักป็อกกี้เดย์จะมีจริงหนอ?

จบ!


7
“อ๊ะ ป็อกกี้ กินด้วยดิ”
แล้วเขาก็เนียนนั่งลงกินป็อกกี้ฟรีสบายอารมณ์
“นี่มันรสช็อกโกแลตมินต์นี่นา เจ๋งอ่ะ ซื้อที่ไหนอะ อร่อยดี เราชอบ”
ทั้งเจ้าของป็อกกี้และต้นน้ำมองเพื่อนที่เข้ามาเนียนกินฟรีแล้วต่างคนต่างล้วงป็อกกี้เข้าปาก ไม่ควรปล่อยให้คิวว์อยู่กับช็อกโกแลตตามลำพัง ต้องรีบกินก่อนที่มันจะเขมือบจนหมด!

จบ!


8
“อ้าวอัฐ! ทานป็อกกี้มั้ย?”
เจ้าของป็อกกี้มองต้นน้ำที่ร้องทักอัฐด้วยสีหน้าสดใส
เมื่อได้ยินเสียงทักอัฐก็เลยยกมือขอตัวกับเพื่อนในกลุ่มแล้วเดินตรงมาทางนี้แทน เขานั่งลงข้างๆ ต้นน้ำแล้วยิ้ม
“ป้อนดิ”
“บ้า!”
ทั้งๆ ที่ปากบอกว่าบ้าแต่ต้นน้ำกลับถือป็อกกี้ยื่นเข้าปากอัฐๆ ก้มลงรับป็อกกี้แท่งนั้นไว้ในปากแต่โดยดี
คนทั้งคู่กะหนุงกะหนิงจนลืมเขา เจ้าของป็อกกี้มองภาพตรงหน้าแล้วยิ่งช้ำ
“แง๊ๆ ต้นของผม ป็อกกี้ของโผม”

จบ!


9
“มึงสองคนเล่นเหี้ยไรกัน”
ต้นน้ำอยากจะเถียงเอกแทบขาดใจว่าเขาไม่ได้เล่น แต่เจ้าของป็อกกี้นั่นแหละที่พยายามตื้อชวนเขาเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ
“เราเปล่า”
“กูขอเหอะ ถึงกูไม่รังเกียจมึงแต่อย่ามาทำฉากแต๋วแตกแถวนี้”
“บ้า! นายว่าใครแต๋ว”
“มึงไงต้น ฮ่าๆ”
เอกว่าพลางนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบขนมฟรีเข้าปากอย่างสบายอารมณ์ ต้นน้ำจึงรู้ว่าเขาถูกเอกแกล้ง เอกหาได้รังเกียจเขาจริงๆ ดังปากว่า
“งั้นเชิญพวกนายสองคนแมนๆ เล่นป็อกกี้เกมไปแล้วกัน! เราไปล่ะ”
“งอนๆ ฮ่าๆ”
เอกหัวเราะเยาะแล้วดึงต้นน้ำให้นั่งลงตามเดิมก่อนจะหยิบป็อกกี้แท่งใหม่มาทิ่มแก้มคนขี้งอน เขากอดคอต้นน้ำเอาไว้แล้วพูด
“อ่ะๆ กูป้อน หรือมึงจะให้กูป้อนด้วยปาก?”
ต้นน้ำปัดออกแล้วชักสีหน้าใส่
“เมื่อไหร่จะเลิกแกล้งเราเนี่ย ไหนว่าไม่ชอบเกย์ไง?”
“เออ กูไม่ชอบเกย์ กูเกลียดตุ๊ด แต่กูชอบแกล้งมึง สนุกดีว่ะ ฮ่าๆ”

จบ!


10
“มึงสองคนเล่นป็อกกี้เกมกันเหรอ?”
เพราะมีเสียงทักต้นน้ำเลยหันไปมอง แต่นึกไม่ถึง!
“ป็อกกี้เกมมันต้องเล่นแบบนี้”
ทันทีที่พูดจบโค่ก็ประคองหน้าต้นน้ำเอาไว้แล้วก้มลงมาจูบ! ป็อกกี้ที่เหลือถูกลิ้นของโค่ม้วนเข้าปากแถมยังพาลมาขโมยซากป็อกกี้ในปากของต้นน้ำไปเคี้ยวต่ออีกด้วย!
เหมือนกาลเวลาถูกหยุด! ต้นน้ำขนลุก! พอตั้งสติได้เขาก็ผลักโค่ออกแล้วยกขาขึ้นถีบไปที่จุดสงวนของโค่ทันที!
“โอ้ย!”
“แหวะ อี๋!”
“มึงอย่าอยู่เลย!”
พอเป็นอิสระจากโค่ต้นน้ำก็รีบหันไปอ้วก เขาพยายามถ่มน้ำลายและทุกอย่างออกจากปาก ส่วนโค่ก็ถูกเจ้าของป็อกกี้ยำต่อ

จบ!


จบเห้อ ก่อนจะเสื่อมไปมากกว่านี้ .....  :really2:


ลงเนื้อหาหลักต่อละนะ  :katai4: ย้าก ไฟลุก!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2014 23:59:45 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เปิดตัวคนรักของเด็กเลี้ยงแกะ

ไปป์

     วันนี้ทุกคนคึกคักกันน่าดูแฮะ แต่ละคนพยายามทำตัวร่าเริงผิดปกติโดยเฉพาะไอ้พวกไม่มีแฟน ฮ่าๆ ตลกจังเลยอ่ะ ขนาดป่านยังตลกเป็นพิเศษเลย เอาแต่บ่นเรื่องหาแฟนไม่ได้ อยากได้ช่อดอกไม้บ้างล่ะ ส่วนเมย์ก็มีรุ่นพี่เอาช่อดอกไม้มาให้อีกแล้ว แต่มันไม่รับรักเขา น่าสงสารรุ่นพี่คนนั้นแฮะ อุตส่าห์ตามจีบทุกปี เมย์ไม่ชอบคนที่สูงเกินร้อยแปดสิบหรอก บอกว่าเดินด้วยแล้วรู้สึกมีปมด้อย ผมว่าเมย์ก็ไม่ได้เตี้ยมากซักหน่อย ร้อยหกสิบสี่นี่ก็น่ารักดีออก ผมกำลังนั่งสังเกตแก้วกับโอมเพลินๆ ก็ถูกต้นขัดจังหวะ จะว่าไปวันนี้ต้นเกือบสายอีกแล้วแฮะ ปกติจะมาแต่เช้าตรู่แท้ๆ อ๊ะ! ตัวต้นหอมจัง กลิ่นแบบนี้มัน...
     “อ่ะ”
     โอ๊ะ! ต้นวางกล่องลงตรงหน้าผม กลิ่มหอมจัง!
     “ไรอ่า?”
     “ก็เมื่อวานบ่นอยากได้ไม่ใช่เหรอ”
     ต้นตอบพร้อมกับวางเป้ลงบนเก้าอี้ เรามองหน้ากันอยู่สองวิ
     “ช็อกโกแลต!”
     “อื้อ แต่เป็นคุกกี้ช็อกโกแลตเฉยๆ นะ เราทำช็อกโกแลตไม่เป็นหรอก... เรา เฮ้อ!
     “เย้! ขอบคุณๆ”
     ผมดีใจจัง ต้นใจดีเป็นบ้าเลย เมื่อวานผมพูดไปงั้นก็จริงแต่ก็แค่อ้อนเล่นเฉยๆ ไม่คิดว่าต้นจะใจดีทำมาให้จริงๆ แต่พอผมจะเก็บกล่องคุกกี้ลงกระเป๋าต้นกลับดุผม
     “แบ่งคนอื่นด้วยสิไปป์! แล้วเก็บไว้กินตอนกลางวันนะ ห้ามแอบกินก่อนรู้ป่าว เดี๋ยวไม่เหลือให้คนอื่นพอดี”
     “เง้อ!”
     ง่า ถ้าตอนกลางวันผมต้องอยู่กับชาวแก๊งก็อดไปหาแฟนผมจิ...
     “แต่ว่า... อ้าว! ละนั่นก็มีอีกตั้งเยอะ!”
     ผมเห็นต้นหยิบคุกกี้ที่บรรจุอยู่ในถุงเล็กๆ ขึ้นมาจากเป้ตั้งหลายถุง แตกต่างกับกล่องที่ต้นเอาให้ผม ทำไมของผมได้คุกกี้ในกล่องใส่อาหารบ้านๆ ว้า
     “ส่วนนี้ไม่ใช่ของนาย”
     ต้นพูดแบบนั้นแล้วก็เอาคุกกี้พวกนั้นไปแจกให้คนอื่นๆ ที่เหลือในห้อง ไอ้มิวงี้หน้าบานเลย แต่พอต้นเอาไปให้กลุ่มไอ้ยศด้วยก็หน้าหุบทันที หือต้นยิ้มให้เอกกับนนเป็นพิเศษเลยแฮะ จะว่าไปไม่ยุติธรรมเลย กลุ่มพวกมันมีแค่สองคนแต่ได้คุกกี้ถุงขนาดเท่าคนอื่น ชิ! เฮ้ยๆ ไอ้คิวว์มันทำท่าจะหอมแก้มต้น! ไม่ได้การละผมต้องเข้าไปขวาง
     “มึงจาทำไรแม่กู!”
     “แค่แต้งกิ้วคิสน่า ไปป์”
     “มึงเป็นลูกครึ่งเหมือนกูเหรอเพื่อนคิวว์ อย่ามาเนียน”
     เสือกเชียวนะเชี่ยมิว อ๊าค! ไอ้มิวจะหอมแก้มต้น! มือไวเชียวนะมึง แต่ต้นของผมไวกว่า มิวมันเลยก้มลงมาจูบกำปั้นต้นไปเต็มๆ
     “คุณก็อย่าเนียนครับ ผมไม่ชอบให้ล้อเล่นถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้!”
     “กูแค่จะขอบคุณมึง! วันนี้เป็นวันแห่งความรักนะเว้ย”
     “ผลั่ก!”
     อุ่ย! ไอ้ยักษ์หน้าหันเลยอ่ะ
     “เมื่อกี้ผมต่อยด้านขวา ในวาระดิถีวันแห่งความรัก เอาตบเลฟท์แฮนด์ไปอีกทีก็แล้วกันครับ เพื่อคุณคนเดียวเลย แล้วทีหลังจำไว้อย่ามาเล่นบ้าๆ แบบนี้กับผมอีก!”
     “มึงมันไม่ยุติธรรม! ทีไอ้ไปป์อ่ะ เวลาไอ้ไปป์ทำมึงยังไม่ว่าไรเลย!”
     “ก็ผมชอบลูกหมานี่ครับ แต่ผมเกลียดอัลเซเชี่ยน แล้วไปป์ก็ไม่เคยอุตริมาหอมแก้มผมแบบคุณด้วย”
     “ฮ่าๆ”
     อู๊ว คิวว์มันร้ายชะมัด! มันหันไปแปะมือกับนอยซ์พลางล้วงคุกกี้ในถุงกินอย่างสนุกสนาน ผมว่าพวกมันต้องเอาคืนเรื่องวาเลนไทน์ปีที่แล้วที่ไอ้มิวมันแกล้งตัดหน้าเอาดอกกุหลาบไปให้พี่ฝ้ายไอดอลคณะวิทย์ที่พวกมันชอบกันแน่ๆ เลย น่ากลัวง่า ผมจะไม่จีบสาวคนเดียวกับมันเด็ดขาด เอ๊ะ! ว่าแต่เหมือนทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองลืมอะไรไปน้า? ... ช่างมัน! ต้นแจกขนมกระจายให้พวกเราในห้องอย่างทั่วถึงครบทุกกลุ่ม ยกเว้น...
     “เฮ้ย! แล้วของกูละต้น?”
     “นายก็ไปขอแบ่งกับคนอื่นสิโค่”
     “เฮ้ย! ไม่ยุติธรรม ทีคนอื่นยังได้ครบหมด ละของกูอ่ะ”
     ต้นทำขนมมาแจกก็ดีแค่ไหนแล้ว ปกติต้นงกจะตาย มึงนี่ไม่เจียมจริงๆ ไอ้โค่ ผมเห็นต้นถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะร่ายยาว
     “ผมแจกตามกลุ่ม คุณสนิทกับใครก็ไปกินกับคนนั้นแหละ ไปขอแบ่งกับเพื่อนคนอื่นๆ เขา ถ้าไม่มีใครแบ่งให้ก็คิดเอาเองละกัน ผมไม่รู้เรื่องด้วยละ”
     คนอื่นๆ ในห้องหัวเราะขำกลิ้งเลย ไอ้โค่เลยพุ่งไปแย่งคุกกี้กับพัท ส่วนคุกกี้ของผมก็ถูกสาวๆ ในแก๊งเปิดกล่องหยิบไปชิมทั่วทั้งแก๊งด้วยเช่นกัน ฮื่อๆ คุกกี้ช็อกโกแลตของผม ไม่น่าเลย เผลอแปปเดียวเอง
     พอเรียนเสร็จพวกเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน ตอนแรกผมว่าจะแวะไปหาแฟนซะหน่อย แต่ไว้ตอนเย็นทีเดียวเลยดีกว่า ตอนนี้ผมอยากอยู่กับต้นแฮะ ไม่งั้นยัยป่านมันต้องกินคุกกี้หมดกล่องแน่ๆ ขนาดโอมที่เงียบๆ ยังหยิบคุกกี้กินเรื่อยๆ เลย
     พวกเราต้องนั่งกินข้าวท่ามกลางสายตาไม่เป็นมิตรทั้งๆ ที่มันเป็นวันวาเลนไทน์ ทำไมบรรยากาศมันถึงไม่เข้ากับเทศกาลเลยน้า ต้องเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นแน่ๆ มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับต้นอีกแล้ว ผมสงสารต้นจัง ผมเห็นต้นพยายามยิ้มทำเหมือนไม่ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ผมคิดว่าต้นต้องกำลังอึดอัดอยู่แน่ๆ ไปไงมาไงไหงมันกลายเป็นเด็กวิศวะกับเด็กสถาปัตย์ต่อยกันแย่งต้นก็ไม่รู้
     ผมเห็นคนแอบมองมาทางต้นแล้วก็นินทาด้วยล่ะ สงสารต้นจัง แต่วันนี้ต้นเก็บอารมณ์ได้ดีเกินคาดแฮะ สงสัยได้กำลังใจดี
     “อื้ม เราสายก็เพราะมัวแต่อบคุกกี้เนี่ย อุตส่าห์ตื่นมาทำตั้งแต่ตีสี่ กะว่าคงเสร็จทัน ที่ไหนได้ พอกดแป้งออกมาแล้วมันได้คุกกี้เยอะกว่าที่คิด เตาที่ห้องเราก็อันเล็ก มันเลยอบได้ทีละไม่กี่ชิ้น กว่าจะอบหมด เกือบมาสายแน่ะ!”
     “อ๋อ แกก็เลยเอาไปแจกคนอื่นๆ ด้วย?”
     “อื้ม ก็... ไหนๆ ก็ไหนๆ นี่นา ปีนี้พวกเขาก็ช่วยเราไว้เยอะเหมือนกัน”
     แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ระหว่างที่พวกเรากำลังกินไปคุยไปก็มีผู้ชายใส่แว่นท่าทางเรียบร้อยคนนึงเดินมาหาต้น แล้วก็ยื่นดอกกุหลาบให้ โอ้ว... ฉากสารภาพรักกลางโรงอาหาร! เอาละสิต้นจะทำยังไงล่ะทีนี้?
     ผมเห็นต้นชะงักไปแล้วก็นิ่ง ... เดาอารมณ์ต้นไม่ถูกเลยแฮะ ต้นนิ่งจนผู้ชายคนนั้นเริ่มกระสับกระส่าย
     “คือ... ผมให้ครับ”
     ผู้ชายคนนั้นหน้าแดงแปร๊ดแล้วค้อมหัวพยายามยื่นดอกกุหลาบมาให้ต้น พวกผมในแก๊งเงียบกันทุกคน ต้นกระพริบตาปริบๆ แล้วก็นิ่ง...
     “คือ... ช่วยรับไว้หน่อยครับ”
     ต้นหันมามองพวกเราเหมือนจะถามว่าเอาไงดี สนุกล่ะสิงานนี้ ฮ่าๆ ต้นจะเอาไงน้า?
     “คือ... ผมมีแฟนแล้วครับ เกรงว่าจะรับไว้ไม่ได้ มันคงไม่เหมาะเท่าไหร่”
     “ผะ ผมแค่อยากให้จริงๆ ครับ คือ... ผมไม่ได้หวังอะไร แค่... อยากให้ ... คือผม... ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ ผม...”
     “เอ่อ...”
     “ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าผมชอบคุณครับ!”
     “อื้อหื้อ เลี่ยนอ่ะ!”
     “ไปป์ เงียบ!”
     เง้อ ต้นดุผมทำไมอ๊า... เพราะมึงเลยไอ้แว่น ผมโดนต้นดุเลยอ๊ะ!
     “เอ่อ... คือผม ผมไม่ได้ต้องการอะไรจริงๆ ครับ คือ... ไหนๆ ก็ไหนๆ วันวาเลนไทน์ คือ... ผม ... ผมอยากเป็นกำลังใจให้นะครับ คุณ... คุณ... เอ่อ... น้ำแตงโมอร่อยดีนะครับ ผมก็ชอบน้ำแตงโม คุณชอบมากินข้าวที่นี่กับเพื่อนๆ ผม... ผมชอบ เอ่อ...”
     ไอ้แว่นนี่ลนใหญ่เลย ตลกจัง ฮ่าๆ
     อ้าว!
     “เง้อ ต้น!”
     “ขอบคุณนะครับ”
     ต้นรับดอกไม้ซะงั้น! ทำไมอ๊า...
     “ผมชื่อจอม อยู่บัญชี ปีสามครับ”
     “ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
     “เอ่อ...”
     ไอ้หมอนั่นมันทำท่าอึกอักเหมือนมีอะไรจะพูด แต่ลงท้ายก็ไม่พูด ยืนใบ้กินอยู่พักนึงมันก็เลยก้มหัวปะลกๆ แล้วขอตัวไป
     “เดี๋ยวครับคุณจอม เอ่อ... ทานคุกกี้มั้ยครับ เหลือชิ้นสุดท้ายพอดีเลย”
     เฮ้ย! คุกกี้ของผม!
     “เง้อ ต้นอ่า”
     “หุบปากน่ะไปป์ ไว้คราวหลังจะทำมาให้อีก”
     ต้นดุผม แถมยังยื่นกล่องคุกกี้ไปให้ไอ้แว่นอีก มันทำท่าดีใจใหญ่เลย แล้วมันก็หยิบคุกกี้ชิ้นสุดท้ายในกล่องเข้าปาก แง๊ๆ คุกกี้ของผม!
     “อร่อยมากครับ”
     “ขอบคุณครับ”
     ต้นนะต้น เอาคุกกี้ของผมไปให้คนอื่นแล้วยังยิ้มหวานให้เขาอีก แต่มาดุผมนะ ฮือๆ ต้นใจร้าย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ
 
     “ทำไมถึงรับดอกไม้ล่ะต้น?”
     คราวนี้มีแต่ป่านที่ถามขึ้น ส่วนไปป์นั้นเอาแต่ทำหน้าหงิกใส่ผมครับ ผมเหล่มองไปป์แล้วสะกิด แต่ไปป์สะบัดหน้าใส่ผมด้วยท่าทางงอนๆ ซะงั้น
     “ก็เพราะเขาให้เฉยๆ ละมั้ง”
     “ท่าทางจะแอบชอบนายมานานนะ”
     “ไม่รู้สิ”
     “แล้วต้นไปรับดอกไม้เขามาแบบนั้นไม่กลัวเขาเข้าใจผิดเหรอจ้ะ? ปกติต้นไม่ทำแบบนี้กับคนที่มาจีบนี่จ้ะ?”
     “คงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ถูกจีบแบบนี้มั้ง แค่ชอบเฉยๆ แล้วก็รู้ว่าเราชอบน้ำแตงโมด้วย เขาบอกว่าแค่อยากให้เรารู้ว่าเขาชอบเรา แถมยังบอกว่าจะเป็นกำลังใจให้ แปลกดี”
     “แกมากกว่าที่แปลก ปกติเห็นเชิดใส่ตลอดนี่”
     “บ้าน่ะป่าน! แล้วพวกก่อนหน้านี้มีคนดีๆ แบบนี้มั้ยเล่า?”
     “เออว่ะ ก็จริงนะ ถ้าไม่ใช่พวกหลงตัวเองก็มีแต่พวกปากหมาขาหื่น จ้องแต่จะฟีทเจอริ่งกับแก”
     “ใช่มั้ยล่ะ อีกอย่างเขาสุภาพกับเรามาก ท่าทางจริงใจด้วย ... เราก็เลยสงสารอ่ะ”
     “แต่ก็ไม่เห็นต้องเอาคุกกี้เราไปให้เขาเลย...”
     “โอ๊ย! อิไปป์! แกก็ห่วงกินจัง”
     “หน่าๆ เอาน่าป่าน โอเคนะไปป์ เดี๋ยววันอื่นเราทำให้นายใหม่ก็ได้ ทำให้นายคนเดียวเยอะๆ เลยเป็นไง?”
     “จริงนะ?”
     พอได้ยินจากที่งอนๆ ก็หันมายิ้มหน้าระรื่นกับผมเชียวนะไปป์ หลอกล่อง่ายจริงๆ ลูกหมาน้อยของผม
     “อื้อ สัญญา”
     แล้วพวกผมก็ไปเรียนคาบบ่ายกันต่อ เพื่อนบางคนเห็นดอกกุหลาบแล้วแกล้งแซวผมก็มี ผมก็ตอบไปขำๆ นะ “จอมบัญชีปีสามให้มา” ผมตอบเขาไปแบบนั้น
     มันอาจจะฟังดูประหลาด แต่ผมอดปลื้มไม่ได้นี่นา คือ... นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนเอาดอกไม้มาให้ผมครับ ส่วนครั้งแรกที่ผมได้ของขวัญวาเลนไทน์ก็คือตอน ม.5 ไนน์เอาตุ๊กตามาให้ผม หมีสีขาวกอดหัวใจสีแดงตัวโตที่ตอนนี้คงอยู่กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไหน ซักแห่งเพราะผมบริจาคมันให้โครงการของเล่นเพื่อน้องไปแล้วเรียบร้อย
     ส่วนแม็กซ์ก็ไม่เคยหรอกครับ แม็กซ์ขี้เก็กไม่ใช่คนที่จะมาหวานอะไรแบบนั้น แล้วเราก็พึ่งมาสนิทกันตอน ม.6 เอง ช่วง ม.5 เขายังแกล้งผมอยู่เลยครับ สำหรับพี่ชัช... อืม คงต้องบอกว่าพี่ชัชโรแมนติกแบบเน้นประโยชน์ใช้สอยครับ ปีที่แล้วเป็นการฉลองวาเลนไทน์ครั้งแรกของพวกเราเพราะปีก่อนหน้านั้นผมนอนเจ็บหนักอยู่โรงพยาบาล พี่ชัชพาผมไปเที่ยวสองต่อสอง ก็ขับรถไปใกล้ๆ กรุงเทพฯ กันพัก วันเสาร์คืนนึงก่อนจะกลับวันอาทิตย์
     คนอื่นๆ นอกจากนั้น ... คนที่เอาช่อดอกไม้มาจีบผม ... คือยังไงดีล่ะ ผมเกลียดคนขี้หลีครับ ดังนั้นดอกกุหลาบสีแดงดอกนี้เลยเป็นดอกไม้ดอกแรกในชีวิตผมเลย!

     ตอนแรกผมก็คิดว่าวันนี้คงไม่มีอะไรหรอกครับ พี่ชัชบอกว่าให้ผมรีบกลับ ผมก็เลยนึกว่าคงจะพาผมไปทานข้าวเย็นเฉยๆ ที่ไหนได้พอผมเรียนเสร็จแล้วออกมาจากห้องเรียนผมก็เห็นพี่ชัชคุกเข่ารออยู่ เขินที่สุดเลยครับ!
     พี่ชัชของผมใส่เสื้อโปโลสีฟ้าตัวที่ผมช่วยเลือกให้ตอนซื้อด้วย เมื่อเช้าตอนออกจากบ้านยังเป็นชุดทำงานอยู่เลยครับ ไหงตอนนี้กลายเป็นเสื้อโปโลแขนสั้นกับยีนส์ก็ไม่รู้ แฟนใครก็ไม่รู้หล่อชะมัด!
     พอพี่ชัชเขาเห็นผมรู้ตัวแล้วว่าโดนเซอร์ไพรส์พี่เขาก็ยิ้มทะเล้นเชียว พี่ชัชนั่งคุกเข่ารอผมอยู่ ในมือมีช่อดอกมะลิขนาดเล็กด้วยครับ ถูกใจผมที่สุดเลย
     “โว้วๆ แฟนมาเซอร์ไพรส์เหรอต้นน่ารักจังว่ะ”
     ให้ตายเถอะ! ผมอุตส่าห์ดีใจที่คราวนี้ไปป์ไม่โวยวายแล้วนะ แต่พัทที่มาทีหลังดันตะโกนซะดังเลย คนก็เลยมองกันตรึม จากที่แอบๆ มองพอได้ยินว่าพี่เขาเป็นแฟนผม ทีนี้แหละแต่ละคนจ้องพี่ชัชกันใหญ่เลย โอ้ย! ผมเขิน!
     “เฮ้ยๆ! ยืนนิ่งทำไม ไปหาแฟนดิ โว้วๆ มึงหน้าแดงโคตรเลยว่ะต้น ฮ่าๆ”
     “บ้าละพัท! หุบปากไปเลย”
     “มึงก็ไปล้อต้นมัน ต้น สีแดงหกใส่หน้ามึงเหรอวะ? ฮ่าๆ”
     เออๆ แซวกันเข้าไป ไอ้พวกบ้า! โอ๊ย! ผมจะบ้าตาย! ผมยังไม่ได้เตรียมใจเลยนี่ครับ พวกสามสาวก็ดันหลังผมจัง อายคนอื่นก็อาย ... ผมแข็งใจเดินเข้าไปหาพี่ชัช
     “มาทำไมครับ ไหนบอกให้ผมรีบกลับ”
     “ก็รีบไง เลยมารับเมีย”
     “พี่ชัชอ่ะ บ้า!”
     เขินนะครับ ผมทำอะไรไม่ถูกแล้ว พี่ชัชยิ้มพลางพยักหน้าอ้อนแล้วยื่นช่อดอกมะลิให้ผม กลิ่นหอมของดอกมะลิลอยมากระทบจมูก ชื่นใจจังเลยครับ
     “ถึงมันจะช่อเล็กไปนิดแต่รับไว้หน่อยนะครับที่รัก พอดีร้านเขาบอกว่ามะลิมันจัดเข้าช่อยากอ่ะครับ เขานึกว่าพี่จะเอาไปไหว้แม่ด้วยซ้ำ เกือบได้พวงมาลัยมากราบเมียแล้ว”
     คนที่ได้ยินมุกของพี่ชัชพากันขำ บางคนงี้หัวเราะไม่เกรงใจผมเลยครับ เสียงฟิสิกส์มุงข้างหลังเชียร์ดังมา
     “สุดยอดเลยลูกพี่!”
     “รับเลยต้น รับเลย!”
     ออกหน้าออกตาเกินไปแล้วนะไปป์ ป่าน คู่หูตัว P นี่ก็น้า... ผมหันไปส่งสายตาดุๆ ให้คู่หูตัวป่วนแปปเดียว หันกลับมาอีกที ... ละลายเลยครับ พอได้กองหนุนก็ดูจะใจได้นะครับพี่ชัช มียักคิ้วยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมด้วย โอ้ยเขิน! ผมเกลียดสายตาซุกซนแบบนี้ของพี่ชัชที่สุด ประกายระยิบระยับในแววตานั่นแค่เห็นก็เข่าอ่อนแล้วครับ ผมเขินอมยิ้มจนปวดแก้มไปหมดแล้ว!
     “แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมนะครับ โบราณว่า เชื่อเมียแล้วจะเจริญ”
     พูดแล้วผมก็รับช่อดอกไม้มา แค่อยู่ใกล้ๆ ก็หอมแล้วครับ แต่พอดมก็ยิ่งหอม ถูกใจผมที่สุด!
     “โว้ว! คำคมไอ้ต้นเว้ย!”
     “สรุปนี่มึงเป็นเมียพี่เขาอย่างเดียวใช่มั้ยวะ? ไม่มีสลับกันเหรอ?”
     “ไอ้เชรี่ยนอยซ์!”
     ยังดีนะครับที่พัทตะโกนด่าแทนผมไปแล้ว นอกจากนี้คิวว์ยังแจกมะเหงกแถมให้อีกด้วย ไม่งั้นผมคงขอหาอะไรกระแทกปากหมอนี่ซักทีสองที!
     “นี่แกจะพล่ามอะไรก็ดูบรรยากาศเขาหน่อยเหอะ อิเสียงมรณะ!”
     “ก็กูอยากรู้กูผิดเหรอ ต้นสรุปมึงเป็นรับเหรอ?”
     นายยังมีหน้ามาถามเราอีกเหรอ! ผมโมโหนะครับ แต่เขินด้วย แล้วก็... โอ้ย อารมณ์มันปนเปกันจนผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว!
     “มันค้อนมึงสาวแตกขนาดนั้นคงไม่ใช่มั้ง”
     ผมล่ะเซ็ง!
     “นายไม่ต้องใจดีอธิบายซะชัดขนาดนั้นก็ได้นะพัท แล้วเราก็ไม่ได้สาวแตกด้วย!”
     “ฮ่าๆ”
     พี่ชัชหัวเราะพวกนั้นซะดังเลย หวังว่าคงหัวเราะพวกนั้นนะครับ ห้ามมาหัวเราะผมนะ... ผมไม่ได้สาวแตกซักหน่อย ฮึ๊! พอผมรับช่อดอกไม้แล้วพี่ชัชก็ยิ้มกว้างเชียวครับ แต่ยังไม่ยอมลุกซักที แถมยังมองมาที่ผมแบบแปลกๆ ด้วย ผมเลยส่งมือไปให้กะจะช่วยดึงพี่เขาขึ้นมา กลัวพี่เขานั่งคุกเข่านานๆ แล้วจะปวดขาครับ ก็แบบว่าแฟนผมแก่แล้วนี่นาผมเป็นห่วง แต่พี่ชัชกลับดึงมือผมไปจูบซะงั้น! โคตรเขินเลยครับ หวังว่าคงไม่มีใครเห็นฉากเมื่อตะกี้นะ โอ๊ย ผมอายอ่ะ!
     “พี่ชัช!”
     ผมเอ็ดพี่ชัช แต่แฟนผมรู้สึกรู้สาอะไรซะที่ไหน พี่ชัชหัวเราะร่วนก่อนจะลุกขึ้นยืน
     “นิดๆ หน่อยๆ คนเขาจะได้รู้ว่าพี่หวง”
     “ฮิ๊ว!”
     ผมเขินนะครับ พวกบ้าเอ้ย! แต่ละคนนี่สีหน้าท่าทางสนุกสนานกันยกใหญ่ หัวเราะอยู่บนความเขินอายของผมชัดๆ เป่าปากแซวผมอยู่ได้
     “กลับกันเหอะครับพี่ชัช”
     “เฮ้ยๆ จะรีบไปไหน พอแฟนมารับละรีบเชียวนะมึง อิจฉาคนมีแฟนว่ะ ฮ่าๆ”
     ผมอยากด่าอะไรกลับไปชะมัด! แต่นึกไม่ออก ก็มันเขินนี่ครับ พี่ชัชก็ไม่ช่วยผมเลย เอาแต่ยืนยิ้มอยู่ได้ แถมยังไม่ยอมปล่อยมือผมอีก ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยดุนหลังพี่ชัชให้หนี พี่ชัชหัวเราะร่วนแล้วเปลี่ยนมาโอบไหล่ผมซะงั้น! ไม่เอาแล้วครับ เขิน! ผมทนไม่ไหวเลยหนีออกมาก่อนครับ ขืนยังอยู่ตรงนั้นไม่รู้พี่ชัชจะทำอะไรอีกบ้าง ถ้าผมชิงหนีออกมาก่อนแบบนี้ ยังไงซะเดี๋ยวพี่ชัชก็ต้องตามผมมา จะไม่เดินตามเมียก็ให้มันรู้ไปสิครับ

     แล้วเราสองคนก็หนีมาได้ เฮ้อ... สงบสุขซักที ถึงจะมีคนแอบมองพวกเราอยู่บ้างแต่อย่างน้อยๆ ก็ไม่มีใครแซวอะไรละนะ ค่อยยังชั่ว ผมต้องถือช่อดอกไม้ด้วยมือซ้ายมาตลอดทางเพราะมือขวาถูกพี่ชัชยึดเอาไว้ พี่ชัชพาผมเดินไปเรื่อยจนผมต้องสะกิดถาม
     “นี่จอดรถไว้ตรงไหนครับเนี่ย?”
     “เปล่า พี่อยากกินอะไรหวานๆ เลยว่าจะไปหาขนมกิน”
     “อื้อ! นึกยังไงครับ?”
     ผมว่ามันแปลกๆ แล้วล่ะครับ
     “ก็ที่นี่มันเปลี่ยนไปตั้งเยอะ พี่เลยว่าจะให้ต้นพาทัวร์ เห็นเขาบอกมีร้านขนมอร่อยๆ เยอะเลย”
     “ผมถนัดที่ไหนละครับ อยากรู้ทำไมไม่ถามไปป์เอาล่ะ?”
     “งั้นก็ถือว่าไปเปิดหูเปิดตาพร้อมกันไงครับ”
     ผมว่าพี่ชัชต้องมีสายสืบแน่ๆ ครับ ไม่งั้นไม่โผล่ไปถูกห้องหรอก ทำเป็นเนียนนะครับ หมั่นไส้จริงๆ เลย ชักอยากรู้จริงๆ ว่าพี่ชัชกับไปป์แอบวางแผนอะไรลับหลังผมอยู่บ้าง
     แล้วผมก็ถูกพี่ชัชลากไปเปิดหูเปิดตา ... ว่าแต่ทำไมต้องเป็นร้านเค้กร้านนี้ด้วยนะ! อึ๋ย! คนเยอะเลยอ่ะ ต้องเพราะวันวาเลนไทน์แน่ๆ
     “คนเยอะว่ะต้น ซื้อกลับบ้านเอาละกันเนอะ?”
     พี่ชัชมองกลุ่มลูกค้าตรงหน้าแล้วหันมาพูดกับผม
     “ตามใจพี่ชัชสิครับ ผมยังไงก็ได้”
     “คร้าบ ... แต่เสียดายอ่ะ โต๊ะเต็ม อดเลย บรรยากาศดี๊ดี”
     เหอะ! อย่าคิดว่าผมรู้ไม่ทันนะ
     “ใช่สิ แถวนี้วิวดีนี่ครับ”
     “แหม ... มีน้อยใจนะเรา ฮ่าๆ”
     พี่ชัชขยี้หัวผมเล่นแล้วเนียนมาโอบเอวซะงั้น! ผมหันไปมองหน้าพี่ชัช แต่พี่ชัชกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ ดื้อตาใสเชียวครับ ผมพยายามจะแกะมือของพี่ชัชออก แต่พี่ชัชกลับรั้งเอวผมเข้าไปใกล้อีก
     “ต้นดูสิครับ เราจะเอาอันไหนบ้าง? เผื่อใส่ตู้เย็นไว้กินกับกาแฟพรุ่งนี้ด้วยนะ เพราะพี่คิดว่าพรุ่งนี้เราคงตื่นมาทำมื้อเช้าให้พี่ไม่ไหวอ่ะ”
     โอ้ย! อายครับ อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี พนักงานในร้านนี้หน้าเหวอเลยอ่ะ พี่ชัชนะพี่ชัช พี่ไม่อายแต่ผมอายครับ! แฟนผมเป็นหมาป่าหื่นกามที่ทำตัวเป็นคุณลุงลามกได้ทุกที่ทุกเวลา!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


บอม

     “พี่ชัชอ่ะ”
     “อย่างกต้น เร็วๆ เลย คำนึง ส่งมาๆ”
     “แต่นี่มันของผม อยากทานทำไมไม่สั่งเองอีกถ้วยละครับ”
     “สั่งอะไรล่ะ มือนึงถือเค้กอีกมือถือดอกไม้ให้เมียอยู่นะคร้าบ”
     ผมคงจะไม่สนถ้าหนึ่งในเสียงนั่นไม่ใช่เสียงที่ผมคุ้นเคย
     “ก็ผมอยากทานไอศกรีมนี่ครับ”
     น้องเขาพูดแบบนั้นแต่ก็ตักไอศกรีมในถ้วยป้อนผู้ชายที่เดินมาด้วยกัน ผมไม่เคยเห็นน้องเขาทำสายตาแบบนั้นมาก่อน ใบหน้าที่ระบายยิ้มน้อยๆ แฝงแววอ่อนโยน สายตาที่สื่ออารมณ์รักใคร่ สีแดงจางๆ บนแก้ม ท่าทางของน้องเขาดูเอียงอายแต่ก็ยังสบตากับผู้ชายคนข้างๆ ที่เรียกร้องให้น้องเขาป้อนอีก ต้นเขินแต่ก็ตักไอศกรีมป้อนอีกครั้งไม่แคร์สายตาใครต่างกับปกติ เห็นแบบนี้แล้วแค้นชะมัด!
     พวกเขาหยอกล้อกันจนผมรู้สึกขวางหูขวางตา ทั้งคู่จมอยู่ในโลกสีชมพูจนเกือบจะชนผมตอนเดินสวนกัน หึกว่าจะรู้ตัว!
     “พี่บอม!”
     ผมยืนนิ่งรอดูว่าต้นจะพูดอะไร น่าขำชะมัด น้องเขาตกใจที่เห็นผมจนหน้าซีดแต่แล้วก็รีบปรับสีหน้าแกล้งทำเป็นปกติ ที่ผ่านมาผมตาบอดมาตลอดหรือไงนะถึงได้ไม่เห็นว่าแท้จริงแล้วเด็กคนนี้มารยาแค่ไหน
     “เอ่อ ขอโทษครับผมไม่ทันระวัง”
     ต้นก้มหัวขอโทษแล้วตั้งท่าจะเดินต่อ ท่าทางไม่อยากเผชิญหน้ากับผม แต่ผมไม่ยอมให้มันจบง่ายๆ แบบนี้หรอก!
     “เดี๋ยวสิครับน้องต้น จะไม่แนะนำให้พี่รู้จักหน่อยเหรอครับ”
     ผมพอเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร ท่าทางที่ต้นแสดงออกมามันชัดเจน น้องเขาไม่เคยมีท่าทีแบบนี้กับใครมาก่อน แต่ผมเกลียดที่ต้นเมินเฉยใส่ผม! ต้นเมินผมมาตลอดสองปีนับตั้งแต่วันแรกที่ผมพยายามทำความรู้จักเขา!
     “ผมชื่อชัช เป็นคนดูแลต้นครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
     ตอนแรกผมไม่ทันได้สนใจมัน แต่พอมันพูดขึ้นผมก็รู้ดีว่ากำลังเจอกับอะไร มันมองมาที่ผมด้วยแววตาของผู้ที่อยู่เหนือกว่า แต่ผมไม่อยากแพ้นี่หว่า!
     “บอกว่าแฟนก็ได้มั้ง เห็นๆ กันอยู่”
     “ผมพูดไม่ผิดหรอกครับ เพราะผมดูแลต้นทุกอย่างจริงๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ นอกจากจะเป็นคนรักแล้วผมยังเป็นผู้ปกครองของต้นแทนแม่เขาด้วย แล้วคุณละครับ เป็นใคร?”
     ต้นไม่ยอมสบตากับผม เอาแต่ก้มหน้าแล้วกำเสื้อมันไว้แน่น เห็นแล้วโมโหชะมัด!
     “ผมก็แค่รุ่นพี่ในชมรมครับ คงไม่มีค่าอะไรให้ต้นเขาพูดถึงหรอก”
     ผมมันก็แค่รุ่นพี่น่ารำคาญที่ตามจีบน้องเขา ไม่มีค่าอะไรในสายตาต้น แต่คอยดูเถอะ ผมจะทำให้ต้นจำผมไม่มีวันลืม!
     “แต่ต้นเขาเพื่อนเยอะ คุณก็ระวังไว้หน่อยแล้วกัน บางคนเขาอาจมีความหมายกับต้นมากกว่าผม อาจมีคนที่พิเศษจนคุณนึกไม่ถึงก็ได้ ว่าไงต้น? ได้ข่าววันนี้ก็มีคนให้ดอกไม้ด้วยไม่ใช่เหรอ?”
     ฮ่าๆ ต้นเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาโกรธเคือง ยอมมองมาที่พี่แล้วสินะ ต้น
     “ขอบคุณครับ แต่ผมว่าผมรู้จักต้นดีพอ...ทุกซอกทุกมุม ผมรู้นิสัยแฟนผมดีครับ กว่าจะได้รักกับต้น...ไม่ง่าย ผมรู้ดีว่าต้นใจแข็งแค่ไหน ขนาดผมเองกว่าจะได้...ดูแลต้น ผมยังต้องฝ่าด่านแม่เขาแทบตาย อยู่กันมาหลายปีผมเชื่อใจต้นครับ เพราะผมมั่นใจว่าผมดูแลต้นทุกเรื่องไม่ขาดตกบกพร่อง ทำงานหนัก เหนื่อยทุกคืน...ทุกวัน ก็เพื่อเขา ผมเต็มที่ขนาดนี้ถ้าผมจะแพ้ใครคงแพ้ไปนานแล้ว ผมมั่นใจว่าผมเอาอยู่ครับ”
     ไอ้นี่มันเย้ยผม!
     “ขอตัวก่อนนะครับ พอดีผมจองโต๊ะที่ร้านอาหารเอาไว้ ไปช้าเดี๋ยวโต๊ะหายครับ”

     คอยดูเถอะ! สักวันกูจะต้องจัดการเมียมึงให้ได้ สักวันต้นต้องเป็นของกู เมื่อนั้นแหละ กูจะแก้แค้นให้สาสม!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     ตัวของผมกระเด้งตามแรงขยับอันหนักหน่วงของพี่ชัช ผมอดนึกถึงคำพูดของไปป์ที่บอกว่าเตียงผมเด้งดีไม่ได้ ผมกลัวว่าสปริงเตียงจะอยู่ไม่ทนสิบปีตามการรับประกันจังเลยครับ พี่ชัชใช้งานหนักเป็นบ้า!
     ผมร้องแหกปากจนเหนื่อยแต่พี่เขาก็ยังทนทายาด อึดชะมัด! พี่ชัชต้องแอบเตรียมการมาเพื่องานนี้แน่ๆ ผมรู้ดีว่าอะไรที่มันเละเทะอยู่บนหน้าท้องผมนั้นยังไม่แห้งหรอก ก็มันเพิ่งจะออกมาเมื่อตะกี้เองครับ แต่พี่ชัชไม่ยอมเสียเวลาพักมาเช็ดให้ผมเลย ตั้งหน้าตั้งตาเดินเครื่องอยู่นั่นแหละ ผมใจจะขาดอยู่แล้ว ความเสียวรอบสองยังไม่ทันจางหายก็ต้องมาโดนพี่ชัชดับเครื่องชนแบบนี้ โอ๊ยไม่ไหวครับ!
     แฟนของผมหายใจหอบแถมยังเหงื่อออกทั้งๆ ที่เราสองคนเปลือยเปล่าอยู่ในห้องแอร์ กลิ่นเหงื่อของพี่ชัชกับกลิ่นคาวของอะไรบางอย่างมันผสมกันจนแยกไม่ออกกลายเป็นกลิ่นพิเศษชวนให้ผมรู้สึกปั่นป่วน บรรยากาศคุ้นเคยที่ถูกปรุงขึ้นโดยผมกับพี่ชัชบนเตียงเดิมๆ ภายในห้องนอน ... ผมอยากให้เรามีกันและกันแบบนี้ตลอดไปจังเลยครับ
     พอเห็นผมมอง พี่ชัชก็ยิ้มแล้วก้มลงมาจูบผม พี่ชัชช้อนขาของผมไปเกี่ยวเอวพี่เขาแล้วทิ้งตัวลงมาทับผมเต็มๆ ยังดีนะครับที่พี่เขายอมเปลี่ยนไปใช้จังหวะสโลว์ ผมเกือบตายอ่ะ!
     “แอบด่าอะไรพี่คร้าบ”
     “อื้อ ผมเปล่า!”
     “เปล่าไร หน้าเรามันฟ้อง”
     เขินชะมัดเลยครับ ไม่อยากเล่นจ้องตากับพี่ชัชตอนนี้เลย ผมขอหลับตาได้มั้ยเนี่ย สบตากับพี่ชัชตอนโดนทำแบบนี้ผมจะไม่ไหวเอา!
     “เสียวเหรอ?”
     “ใจจะขาดตายแล้วครับ”
     ถามมาได้ ถ้าผมไม่รู้สึกดีจะเรียบร้อยได้ยังไงครับ เขินอ่ะ!
     “ฮ่าๆ”
     พี่ชัชหัวเราะเสียงดังก่อนจะหอมแก้มผม แต่แล้วจังหวะของพี่เขาก็เปลี่ยน!
     “นี่ไง แบบนี้โอเคป่าว?”
     “อื้ม
     “อื้มอีกละ หึๆ”
     สายตาพี่ชัชน่าหมั่นไส้ที่สุด! ชอบยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ทุกทีเลย เพราะผมเขินก็เลยโอบแขนไว้รอบคอพี่เขาแล้วดึงมาจูบ เราแลกลิ้นกันอย่างหิวกระหายในขณะที่พี่ชัชเองก็ขยับเอวเป็นจังหวะ ผมไขว้ขากอดเอวพี่ชัชให้แน่นขึ้นกัดฟันรับความเสียวแทบขาดใจ ... แต่ยังไงก็ต้องเอาให้ออกครับไม่งั้นคืนนี้ผมไม่ได้นอนแน่ๆ แล้วผมก็เหนื่อยแล้วด้วย ผมก็พยายามในส่วนของผมเต็มที่แหละ
     พี่ชัชผละออกจากการดวลลิ้นกับผมแล้วเริ่มไซ้ผมแทน ผมถูกระดมจูบไปทั้งหน้าจนถึงใบหู แถมข้างล่างนั่นพี่เขาก็เริ่มขยับเอวหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยจูบตอบพี่เขาบ้าง ผมงับคางที่ลอยเฉียดปากผมไปก่อนจะตวัดลิ้นเลียลูกกระเดือกของพี่ชัช พี่ชัชครางออกมาเบาๆ ก่อนจะเอาคืนด้วยการงับหูผม แต่ปลายลิ้นอุ่นๆ ที่แหย่เข้ามานี่สิครับ จั๊กกะจี้อ่ะ!
     ฟัดกันได้ซักพักพี่เขาก็เลิกนัวเนียกับผมเงยหน้าขึ้นแล้วเริ่มครางต่ำๆ ออกมา เพราะผมกอดตัวพี่เขาเอาไว้ตัวของเราเลยแนบกัน พี่ชัชปลดขาของผมออกจากเอวแล้วดันมันอ้าออกจนผมเริ่มเจ็บ ถูกแบะขาแบบนี้มันเจ็บนะครับ! แต่เอาเถอะ ผมบอกตัวเองให้ทน อีกไม่นานหรอก ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นพี่ชัชก็คำรามดังลั่นพร้อมๆ กับที่ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างเต้นตุ๊บๆ อยู่ในตัวผม มันกระตุกอยู่สองสามทีก่อนจะพ่นของเหลวอุ่นๆ ออกมาอย่างแรงจนผมรู้สึกได้ ... คืนนี้ผมรอดแล้วครับ!
     พี่ชัชหายใจหอบอยู่สองสามทีแล้วทิ้งตัวลงทับผมอย่างขี้เกียจ จบแล้วครับ ได้พักแล้ว!
     “เฮ้อ เหนื่อย!”
     หนอยแน่ะ ไอ้ผีขี้เกียจเอ้ย!
     “มาเหนื่อยอะไรละครับ ลุกเลย ลุกๆ ผมจะไปห้องน้ำ”
     “หึๆ ... ก็ท่านี้มันเหนื่อยอ่ะ วาเลนไทน์ทั้งทีต้นไม่บริการพี่เลย”
     “นี่ครั้งที่สี่ของอาทิตย์นี้แล้วนะครับ ยังว่าผมใจร้ายอีกเหรอ?”
     ลองมาเป็นคนโดนมั่งมั้ยครับ พี่ชัชนะพี่ชัช! ผมเองก็เหนื่อยเป็นเหมือนกันนะ ระบมด้วย กว่ามันจะเข้าที่...
     “ฮ่าๆ คร้าบๆ สุดที่รักของพี่ใจดี๊ใจดี ฮ่าๆ”
     พี่ชัชหัวเราะผมแล้วก็จุ๊บหน้าผากผมเบาๆ ก่อนจะลุกออกไปจากตัวผม
     เฮ้อ โล่ง! เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยครับ ผมยันตัวขึ้นตั้งใจจะไปห้องน้ำพลางตั้งสมาธิกับการขมิบเอาไว้ มันน่าอายออกนี่ครับ... พี่ชัชไม่ยอมใส่ถุงอีกแล้ว แถมยังปล่อยในด้วย ผมกลัวมันเลอะอ่ะ คืนนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะมานั่งเปลี่ยนผ้าปูก่อนนอน แต่พี่ชัชกลับดึงแขนผมไว้
     “เดี๋ยวดิต้น แค่นี้จริงๆ อ่ะ รอบเดียวเองเหรอครับ?”
     พี่ชัชดึงผมไปกอดซะงั้น! พี่เขานัวเนียจนผมสู้แรงไม่ไหว
     “บ้าละครับ ผมไม่ไหวแล้ว!”
     “ฮ่าๆ”
     ทั้งแกล้งกอดแกล้งหอมจนผมปัดมือปลาหมึกออกไม่ทัน ทะเล้นจริงแฟนผม!
     “อื้ม พี่ชัชอย่าสิครับ อ๊ะ!
     ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างหยดออกมา คราบของเหลวที่ไหลเปรอะผ้าปูที่นอนเป็นดวงเล็กๆ ทำให้ผมอาย ถึงมันจะไม่ได้เลอะเทอะอะไรมากแต่มันก็น่าอายนะครับ
     “พี่ชัชบ้า!”
     “คร้าบๆ”
     ในที่สุดพี่ชัชก็หยุดแกล้งผม แต่สายตาที่พี่เขามองผมก็น่าหมั่นไส้เป็นบ้า! สีหน้าดูพี่ชัชสะใจสุดๆ พี่เขาหันไปคว้าทิชชู่มาทำความสะอาดตัวเอง ส่วนผมก็ได้แต่นิ่งไม่กล้าขยับ
     “ขอทิชชู่ให้ผมด้วยครับ”
     “ไป เดี๋ยวพี่อุ้ม”
     พี่ชัชบอกผมก่อนจะโยนซากทิชชู่ที่ใช้จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วลงถังผงข้างๆ เตียง โยนแม่นชะมัด! ผมล่ะหมั่นไส้จริงๆ เลย แล้วพี่เขาก็อุ้มผมเข้าไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     เมียผมกำลังชำระล้างตัวเองอยู่ในห้องน้ำ ส่วนผมก็กำลังแบ่งเบาภาระของเมียด้วยการเก็บซากบนเตียง พอล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ มันก็ใส่ชุดนอนเตรียมพร้อมเรียบร้อย เฮ้อ... เป็นอันว่ามันเอาจริงครับ ต้นมันประกาศเจตนารมณ์ตั้งใจจะนอนสุดๆ ผมอดรอบสองชัวร์ๆ แล้วงานนี้ ด้วยความขี้เกียจผมเลยคว้ากางเกงขาสั้นมาใส่แล้วทิ้งตัวลงนอนรอมันทาครีม ไอ้ครีมนี่ทาแล้วมานอนให้ผมกอดก็หอมดีนะครับ แต่ทาก่อนกินมันนี่ผมเกลียดจริงๆ เลย ขมว่ะ!
     “ไม่อาบน้ำเหรอครับ”
     อีแก่รักสะอาดของผมหันมาถามด้วยน้ำเสียงตำหนิ
     “หึ! พี่ขี้เกียจ”
     “แต่...”
     “ไม่ได้เลอะอะไรนี่ต้น ทิชชู่เช็ดก็พอแล้ว พี่เลอะแค่เฉพาะส่วนครับ”
     “ตามใจครับ”
     ฮ่าๆ ต้นมันจิกสายตาใส่ผมโคตรน่ารักเลย ถึงมันจะทำเป็นงอนแล้วขึ้นเตียงนอนสะบัดผ้านวมห่มตามปกติก็เถอะ แต่สีแดงจางๆ บนแก้มมันนี่ชัดเป็นบ้าเลย ไอ้มนุษย์รักความสะอาดเอ้ย! ขอพี่หากำไรอีกนิดเถอะ! ผมดึงมันมาจูบด้วยความหมั่นไส้
     “แค่น้ำลายเรา พี่ไม่ถือหรอก”
     “พี่ชัชบ้า!”
     ปากมันก็ด่า มือมันก็ทุบผม แต่พอทุบเสร็จ มันก็ขยับเข้ามานอนซุกอกผมนี่แหละ ฮ่าๆ ไอ้ลูกแกะเอ้ย...
     “คิดยังไงถึงไปเซอร์ไพรส์ผมแบบนั้นครับ?”
     “หวงเมียบ้างไม่ได้เหรอ?”
     “เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะห่วงอะไร”
     แน่ะๆ มีงอนวุ๊ย!
     “ก็นั่นมันเมื่อก่อน พี่ไม่รู้นี่หว่าว่าจะมีคนจีบเราเยอะขนาดนี้ ใครจะไปรู้ว่าเดี๋ยวนี้ผู้ชายมันตามจีบกันแบบเปิดเผยเยอะโคตรๆ”
     “สรุปว่าที่หวงก็เพราะมีผู้ชายมาจีบผม?”
     “ก็ผู้ชายพวกนั้นมันทำให้เมียพี่ไม่สบายใจนี่ครับ พี่ก็ขอออกโรงเองบ้างสิ จะปล่อยให้ต้นจัดการปัญหาคนเดียวได้ไง โอกาสเหมาะๆ ทั้งที”
     ต้นมันยิ้มครับ น่ารักจริงๆ เลยที่รัก!
     “ว่าแต่แล้วพี่ชัชรู้ได้ยังไงครับว่าผมชอบดอกมะลิ? ผมไม่เคยบอกซักหน่อย”
     “ก็เคยเห็นเราไปถามร้านตอนงานเกษตรนี่ พี่จำได้ ตอนนั้นเราถามใหญ่เลย แต่สุดท้ายก็ไม่เอา”
     “ก็นี่มันไม่ใช่ห้องผมนีครับ ผมเกรงใจพี่ชัช”
     โถ... ทูนหัวของพี่ อวยผัวแบบนี้พี่รักตายเลยคร้าบ!
     “อีกแล้ว บอกแล้วไงครับ เราเป็นคนๆ เดียวกันนะต้น ไว้อีกหน่อยบ้านเสร็จแล้วพี่อนุญาตเราเต็มที่เลย จะปลูกมะลิกี่ต้นก็ตามใจ”
     “ทำเป็นพูดไป ผ่อนไหวเหรอครับ”
     “ไหวสิคร้าบ พี่ต้องไหวดิ เพื่ออนาคตของเราสองคนนะ พี่อยากเลี้ยงหมาอ่ะ หืม? ... ทำหน้าแบบนั้นทำไมครับ?”
     ต้นมันเบ้ปากใส่ผมวุ๊ย!
     “เหนื่อยผมอีกตามเคย พี่ชัชดูแลตัวเองยังไม่ค่อยจะเรียบร้อยเลยครับ เลี้ยงสัตว์น่ะลำบากนะครับ ต้องคอยให้อาหาร เก็บกวาดอึกับฉี่ แล้วก็อะไรอีกตั้งหลายอย่าง แค่เก็บข้าวของให้เป็นที่เป็นทางพี่ชัชยังทำไม่ได้เลย”
     อื้อหือ มันบ่นผมเป็นชุด! นี่มันเก็บกดอะไรรึเปล่าวะนี่?
     “น่า ... ก็ช่วยกันไง ถือซะว่าเลี้ยงแทนลูก”
     “ทุกทีอ่ะ โยนงานให้ผมทุกที”
     “ก็เมียพี่เป็นกุลสตรีนี่ครับ มีเมียเก่งงานบ้านงานเรือน พี่ก็เลยได้ใจ ฮ่าๆ”
     “มันเกี่ยวมั้ยครับนั่น! พี่ชัชนะพี่ชัช ชอบทำห้องรกตลอดอ่ะ ผมเหนื่อยนะ...”
     พี่ก็ทำงานเหนื่อยนะน้องเอ้ย แล้วพี่บอกให้เราส่งเสื้อผ้าซักเราก็ไม่ยอม บอกจะทำงานบ้านเอง พี่ผิดเหรอวะเนี่ย?
     ผมทำงานหนักพยายามหาเงินเยอะๆ เพื่อเอาเงินมาซื้อความสะดวกสบายให้ตัวเองกับมันบ้างนี่ผิดเหรอวะ? ต้นมันชอบหาว่าผมใช้เงินไม่ประหยัดซะงั้น แต่... ถามมันตรงๆ ได้ที่ไหนกันครับ ผมก็ได้แต่แอบบ่นในใจเท่านั้นแหละ ไม่กล้าพูดออกไป เกรงใจเมียครับ อิทธิฤทธิ์มนุษย์เมียมันขลังนะคร้าบ ผมไม่กล้าลองของเด็ดขาด เมียที่ชื่อฟ่างยังน่าเกรงขามน้อยกว่าเมียที่ชื่อต้นเยอะครับ!
     “หืม มีบ่น บ่นผัวมันบาปนะครับ มาให้พี่ลงโทษต่อรอบสองเร็ว!”
     “บ้าแล้ว! อ๊ะ อย่าสิครับ ... พี่ชัช ผมไม่เล่น อื้อ!
     ฮ่าๆ แกล้งไอ้ต้นสนุกชะมัดเลยครับ เอาคืนเมียขี้บ่นบนเตียงนี่แหละ มันสุดๆ แล้ว! ต้นมันมองค้อนผมใหญ่เลย ตางี้เขียวปั๊ด ผมทนไม่ไหวเลยก้มลงไปจูบมันซ้ำอีกทีทั้งๆ ที่เมื่อกี้ก็เพิ่งจะแกล้งมันแบบทั้งจูบทั้งไซ้ ฮ่าๆ
     นึกถึงที่ตัวเองลงทุนเอาช่อดอกไม้ไปให้มันถึงในมหาวิทยาลัยแล้วก็ขำครับ ผมยอมบ้าขนาดนั้นเพื่อมัน ยอมไปนั่งคุกเข่ารอเซอร์ไพรส์ผู้ชายเหมือนกันต่อหน้าสาธารณะชน ผมไม่เคยคิดว่าครั้งนึงในชีวิตผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่ผมกลับยอมทำเพื่อมัน เพื่อไอ้เด็กเลี้ยงแกะตรงหน้าคนนี้ ... อย่างน้อยๆ ตอนนี้คนก็คงรู้กันแล้วว่าต้นมีเจ้าของ หวังว่ามันคงไม่มายุ่งกับเมียผมอีกนะครับ
     “ต้นนี่แปลกเนอะ พี่ไม่เคยเจอใครแบบเราเลยอ่ะ กับคนอื่นที่พี่เคยคบก็รักนะ กับบางคนก็แค่หลง แต่ไม่รู้ทำไมกับเราพี่ทั้งรักทั้งหลงเลยว่ะ พี่ไม่เคยเป็นบ้าเพราะใครขนาดนี้มาก่อนเลย”
     ผมนึกว่ามันจะเถียง แต่มันกลับแดงเถือกไปทั้งหน้าเพราะเขินคำพูดของผม ถ้ามันหลบตาผมได้มันคงทำไปแล้ว แต่เพราะผมนอนชันศอกคร่อมมันอยู่มันถึงได้หนีผมไม่ได้ ปากที่เคยบ่นผมจนหูชาเมื่อกี้ดันติดอ่างกระทันหัน มันอ้าปากทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง ฉับพลันก็หุบแล้วเม้มปากแทน ผมนอนมองปากที่อ้าๆ หุบๆ สลับกันพลางไล้นิ้วไปบนแก้มแดงๆ นั่น มันเลยคว้ามือผมไว้แล้วก็จับไปแนบกับแก้มของตัวเอง ลูกแกะน้อยคลอเคลียอยู่กับฝ่ามือของผม น่ารักจนผมอยากจะจัดรอบสอง!
     “เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิครับ ทำไมถึงชอบดอกมะลิเหรอ?”
     อ้าว! ไอ้ต้นมันทำหน้างงซะงั้น
     “ทำไมอ่ะ บางทีก็อยากรู้เรื่องของเมียบ้างไง ไม่ได้เหรอครับ?”
     “เปล่าครับ แค่... เมื่อก่อนไม่เห็นพี่ชัชสนใจอะไรแบบนี้”
     “ก็เพราะพี่มันห่วยไง พี่ไม่เคยถามต้นเลยว่าเราชอบอะไรยังไง พี่เลยอยากใส่ใจเราให้มากขึ้น พี่อยากรู้จักเราให้มากกว่านี้นะครับ พี่อาจจะสังเกตคนเก่งเพราะมันเป็นอาชีพของพี่ แต่พอเป็นเรื่องความชอบอื่นๆ ของต้น แค่เรื่องนักร้องคนโปรด สีที่ชอบ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้เราไม่เคยคุยกันเลย พี่รู้สึกทุเรศตัวเองเป็นบ้าเวลาต้องไปถามแม่เราว่าเราชอบอะไร ยิ่งเห็นเรากับเพื่อนพี่ก็ยิ่งหึงนะบอกตามตรง ดูท่าทางคนอื่นจะรู้อะไรเกี่ยวกับเราเยอะกว่าพี่ซะอีก เพราะพออยู่ด้วยกันทีไร เรามีแต่จะเอาใจพี่ตลอดเลย ตามใจพี่ทุกอย่าง”
     “พี่ชัชก็... ไม่ถึงขนาดนั้นซักหน่อยครับ”
     “งั้นเล่าหน่อยสิ ทำไมถึงชอบมะลิล่ะครับ? ชอบกลิ่นมันเหรอ?”
     “ครับ ทำนองนั้นแหละ แต่ว่าเรื่องนี้ถ้าเล่าไปแล้วพี่ชัชห้ามหัวเราะผมนะ”
     “ครับ”
     ผมเอนตัวลงนอนพลางลากมันมากอดต่างหมอนข้าง ตั้งใจจะนอนฟังเสียงเมียเพลินๆ
     “ก็ ... ตอนเด็กๆ ผมอยากเล่นกับเด็กคนอื่นมากๆ ครับ มันมีหอพักใกล้ๆ กันเยอะเลย แล้วใกล้ๆ อพาร์ทเม้นต์ผมมีลานกว้างที่มีต้นไทรใหญ่ๆ กับศาลเล็กๆ อยู่ คงศักดิสิทธิ์มั้งครับ เพราะผมเห็นคนมากราบไหว้เยอะเลย มองลงมาจากห้องผมก็เห็น เด็กพวกนั้นเขามักจะจับกลุ่มเล่นกันอยู่แถวนั้นเพราะแม่ของเด็กที่เป็นลูกพี่ในกลุ่มร้อยพวงมาลัยขาย ผมอยากเข้าไปเล่นด้วยมากๆ แต่เขาไม่ให้เล่นด้วย ผมก็เลยได้แต่ไปนั่งอยู่แถวๆ นั้นดูพวกเขาเล่นกัน พอนั่งๆ ไปก็เลยชอบกลิ่นมะลิครับ ยิ่งพอไปโรงเรียนแล้วเขาสอนว่าดอกมะลิเป็นสัญลักษณ์ของวันแม่ผมก็เลยชอบมาก”
     ผมฟังแล้วก็แปลกใจ ทำไมเมียผมโดนสังคมรังเกียจขนาดนั้นวะ?
     “อ้าว! แล้วทำไมเด็กคนอื่นๆ ไม่ยอมเล่นกับเราอ่ะ?”
     “เอ่อ ... ผมลืมแล้วครับ มันนานมากแล้ว ผมจำไม่ได้”
     หืม... โกหกไม่เนียนเลยนะที่รัก
     “หน่านะ เล่าหน่อยนะครับ พี่อยากรู้อ่ะ”
     “แต่... แต่มันน่าอายนี่ครับ”
     “พี่สัญญาว่าจะไม่หัวเราะอ่ะ นะ นะ บอกหน่อย”
     ต้นมันดูลังเลนิดหน่อย สีแดงก่ำบนแก้มมันน่ารักโคตรๆ ยิ่งตอนนี้มันเม้มปากนิดๆ แก้มมันเลยป่องหน่อยๆ ผมจะคลั่งตาย ทำไมเมียผมน่ารักขนาดนี้วะ!
     “เขา... เขาหาว่าผมเป็นตุ๊ด เด็กพวกนั้นล้อผมว่ามีพ่อเป็นตุ๊ด ลูกก็ต้องเป็นตุ๊ด”
     พ่อ? อ๋อ! มันคงหมายถึงลุงมัน ก็สมควรอยู่หรอกต้นเอ้ย...
     “ตั้งแต่เด็กเลยเหรอต้น?”
     สงสัยน้ำเสียงผมจะหลุดขำไปนิดหน่อย ต้นมันเลยงอน ฮ่าๆ
     “โดนล้อตั้งแต่เด็กเชียวนะ”
     “ก็มันช่วยไม่ได้นี่ครับ! ผมก็ไม่ได้อยากให้ใครมาว่าผมแบบนั้นซะหน่อย”
     “งั้นแล้วตกลงเป็นตุ๊ดจริงป่ะ?”
     “พี่ชัช!”
     “ฮ่าๆ”
     “ไม่ตลกนะครับ ไหนสัญญาแล้วไง แล้วอีกอย่างผมไม่ใช่ตุ๊ด!”
     “คร้าบๆ ฮ่าๆ ไม่ใช่ตุ๊ดแต่ทุกทีก็นอนอ้าขารอพี่ใช่ป่ะ?”
     “พี่ชัช ผมโกรธจริงๆ แล้วนะครับ!”
     เสียงเขียวเชียววุ๊ย! ต้นเอ้ย ... ฮ่าๆ มันทั้งโกรธทั้งเขินผมจนหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม มันจะคิดมากไปทำไมวะ ผมไม่เข้าใจมันจริงๆ ตุ๊ดไม่ตุ๊ดมันก็เป็นเมียผมแล้ว ทีผมยังขี้เกียจคิดเลยว่าตัวเองเป็นเกย์รึเปล่า
     “ฮ่าๆ ล้อเล่นหน่า ... แต่เราเป็นแบบนี้ก็ดีนะ ถ้าเราไม่ใช่แบบนี้พี่ก็ไม่กล้าจีบเรามาทำเมียหรอก”
     แน่ะๆ มันทำงอน ฮ่าๆ แหย่มันต่อดีกว่าครับ
     “ถามจริง ตอนที่เราแอบชอบพี่อ่ะ ที่เคยเล่าว่าหวงพี่เวลาเห็นพี่กับผู้หญิงพวกนั้น ตอนนั้นเราอยากได้พี่ทำผัวหรือเรากะเอาพี่ทำเมีย?”
     “บ้า!”
     ได้ผลวุ๊ย! ฮ่าๆ ต้นมันหน้าแดงแปร๊ดลามไปจนถึงใบหู
     “ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรถึงขั้นนั้นซักหน่อย แค่เป็นห่วงพี่ชัชเฉยๆ เลิกคุยเถอะครับ ผมง่วงแล้ว”
     นั่นๆ ทำเนียนตัดบท
     “หน่า ... ตอบมาเหอะ”
     “ผม ... ผมก็แค่อยากให้พี่ชัชเลิกยุ่งกับผู้หญิงพวกนั้น...”
     “แล้วไงต่อ?”
     “ผม ... ผมแอบคิดว่าถ้าพี่ชัชมองผมบ้างก็คงจะดี แต่... แต่ตอนนั้นผมทะเลาะกับพ่ออยู่นี่ครับ เลยคิดแบบนั้น ไม่เกี่ยวกับประเด็นอะไรพวกนั้นซักหน่อย”
     ไอ้ต้นปากแข็งเอ้ย...
     “แล้วไงครับ ตอนนี้ได้เป็นเมียพี่สมใจแล้ว ถึงใจดีป่ะ?”
     “บ้า! หื่นละครับ ไม่เอาแล้ว ผมขี้เกียจคุย ง่วงแล้วครับ”
     “โธ่... ไม่มีรอบสองจริงๆ อ่ะ?”
     “บ้า!”
     ฮ่าๆ เมียผมน่ารักที่สุดครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ความเซ็งของคนมีคู่อย่างนึงที่คนไม่เคยโดนไม่เข้าใจก็คือ แม้ไม่อยากแต่ถ้ามีคนสะกิดบางทีก็ต้องยอม ขืนไม่ยอมมันหนีไปทำกับคนอื่นจะน้ำตาตกในเอา บางครั้งลำบาก ไม่อยาก ไม่เสร็จ ไม่ชอบ และอื่นๆ พูดไม่ได้ ช่วยได้ก็ต้องช่วยเหมือนให้อีกฝ่ายกินหนม เวลามีกระทู้แบบนี้ทีไร "ต้องคุยกับแฟนให้เข้าใจ" ... คือ ถ้ามันเปิดอกคุยกับแฟนได้ง่ายๆ กูคงไม่ต้องถอดล็อกอินมาตั้งกระทู้ปรึกษาพวกมึงหรอก << บางทีก็แอบคิดว่าเจ้าของกระทู้อาจจะคิดเช่นนี้อยู่ก็เป็นได้... จากใจของคนที่เล่นพันติ๊บมาสิบกว่าปี สิงPพลาซ่ามาพอๆกัน เข้าประมูลบ้างประปราย แต่ที่เข้าบ่อยสุดๆ เมื่อก่อนคือหลุดโลก ... ไอ้คนแต่งมันเป็นผู้หญิงจริงเหรอ? แน่ใจนะมันไม่ใช่กะเทยแต๊บมาเป็นชะนี แต่แหม... สมัยก่อนบอร์ดนี้ร้างเป็นป่าช้า นิยายมีไม่กี่เรื่อง มันสุดต้องอ่านบ้านพักอลเวง ถ้าอยากอ่านนิยายต้องเข้าบอร์ดPหมวดเลิฟสตอรี่นี่นา แล้วก็จะมีชะนีที่(คิดเอาเองว่าเป็นทอม)ปลอมตัวเข้าไปแอ๊บแมนแต่เรื่องเล่าแถวนั้นเยอะแยะ ... ก็อ่านเพลินดี แต่อย่าพลาดนะ โดนถล่มยับ เหอะๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     “เฮ้ยแก ฉันว่าไปเหอะ จะได้เวลาแล้วอ่ะ”
     “เดี๋ยวดิป่าน เรายังทำงานที่อาจารย์สั่งไม่เสร็จเลยอ่ะ”
     “แกทำรึแกลอกของต้นห๊ะอิไปป์”
     “เง้อป่านอ่า...”
     ผมล่ะหน่าย ผมไม่ได้อนุญาตให้ไปป์ลอกซักหน่อย ไปป์มารื้อเป้ของผมแล้วหยิบไปลอกเองต่างหาก
     “เอาเถอะ งั้นเสร็จแล้ว เอาสมุดเราไปส่งให้ด้วยนะไปป์ เราขอไปเข้าห้องน้ำแปป พวกเธอไปก่อนเลย จองที่ให้ด้วยนะ”
     “เอางั้นเหรอ?”
     “อื้อ”
     สงสัยผมจะดื่มน้ำเยอะไปหน่อย ปวดฉี่จังเลยครับ ผมเลยตัดสินใจไปห้องน้ำใกล้ๆ เพราะผมรีบทำธุระส่วนตัวก็เลยไม่ได้สนใจใคร แต่อยู่ๆ ก็มีเสียงพูดขึ้นว่า
     “เฮ้ย กูว่าพวกเราไปเข้าห้องน้ำชั้นอื่นดีกว่าว่ะ”
     “ทำไมวะ?”
     “ก็แถวนี้มีพวกอีแอบน่ะสิวะ ฮ่าๆ”
     ผมพยายามเมินเฉยกับเสียงรอบข้างแล้วทำธุระของตัวเองให้เสร็จก่อนจะไปล้างมือที่อ่างล้างหน้าโดยไม่สนใจคนพวกนั้น ผมกะจะรีบไปให้พ้นๆ จากสถานการณ์ตรงนี้
     “แหม หยิ่งจัง แซวแค่นี้เอง โกรธเหรอวะ ฮ่าๆ”
     ผมบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ อย่าไปสนใจคนพาล!
     “เค้าไม่สนมึงหรอกว่ะ ได้ข่าวว่าชอบคนแก่นี่หว่า ฮ่าๆ”
     ผมโกรธมากครับ หาเรื่องผมไม่พอยังลามปามไปว่าพี่ชัชอีก ผมพยายามบอกตัวเองให้อดทนไว้แต่พวกเขากลับไม่หยุดหาเรื่องผม นอกจากนี้ยังพากันเดินเข้ามาใกล้จนประชิดด้านหลังผม
     “มิน่าล่ะ นึกว่ามัวแต่เล่นตัว ที่ไหนได้ ชอบคนแก่ก็ไม่บอก ไม่สนใจคนวัยเดียวกันบ้างเหรอวะ แรงดีนะฮ่าๆ”
     หนึ่งในนั้นเอามือมาจับก้นผม!
     “ทำบ้าอะไรของคุณ!”
     ผมหันกลับไปปล่อยหมัดใส่ไอ้บ้านั่นแต่พลาดเป้า แถมอีกคนมันยังล็อกแขนผมไว้ได้!
     “โห โหดว่ะ แซวนิดๆ หน่อยๆ มันต่อยมึงเลยว่ะ ฮ่าๆ”
     “หัวเราะเชี่ยไร เฉี่ยวหน้ากูเลยนะมึง ถ้ากูหลบไม่ทันอ่ะ”
     “ปล่อยผม!”
     “ขืนกูปล่อยมึงก็ต่อยพวกกูดิ”
     ไอ้คนที่จับผมเอาไว้มันไม่ยอมปล่อยผมครับ นอกจากนั้นมันยังรวบแขนผมไปด้านหลังทำให้ผมดิ้นไม่ถนัด
     “ก็สมควรแล้วนี่ สันดานต่ำ! มารยาททราม!”
     “ปากดีนักนะมึง เป็นตุ๊ดก็หัดสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าทำตัวห้าว เห็นแล้วหมั่นไส้ว่ะ เจ๋งนักเหรอมึง”
     คนที่โดนผมต่อยมันยื่นมือมาบีบคางผมอย่างแรง หน้าตามันเอาเรื่องมากครับ สงสัยวันนี้ผมคงต้องเจ็บตัวซะแล้ว!
     “มีอะไรรึเปล่าต้น?”
     ผมนึกว่าตัวเองจะโดนต่อยซะแล้วเพราะเมื่อกี้มันกำลังเงื้อหมัดเลย แต่พอดีอัฐเดินเข้ามาซะก่อน
     “เพื่อนเหรอต้น?”
     ผมยอมรับว่ารู้จักสองคนนี้ พวกเขาเป็นเด็กเคมี พวกเราเคยเรียนด้วยกัน แต่ผมไม่คิดว่าพวกเรานับว่าเป็นเพื่อนกันได้หรอกครับ เพราะพวกเขาจงเกลียดจงชังอะไรผมก็ไม่รู้ เอาแต่หาเรื่องผมทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
     พวกเขามองอัฐแล้วก็ปล่อยผมก่อนจะพากันออกไปจากห้องน้ำ แล้วน้ำตาผมก็ไหล ผมเจ็บใจครับ! ระหว่างนั้นอัฐเดินมาล้างหน้าที่อ่างแล้วก็ยืนอยู่เฉยๆ ไม่พูดอะไร ผมรู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก ทำไมผมถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ!
     “เรียบร้อยมั้ยต้น ไปเถอะ จะได้เวลาเรียนแล้ว”
     อัฐไม่ได้ปลอบผม แต่คำพูดของเขาดึงสติผมกลับมาสู่ปัจจุบัน ผมควรจะสนใจเรื่องที่สำคัญกว่า ผมไม่ควรเสียเวลาไปเสียใจกับเรื่องไร้สาระ!
     “ขอเราล้างหน้าแป็บนะ”
     ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลเปื้อนแก้มแล้วก็เดินไปล้างหน้าที่อ่าง อัฐวางมือลงบนศีรษะของผม ทันใดนั้นน้ำตาของผมมันก็ไหลออกมาอีกครั้ง พวกเราเสียเวลากันนิดหน่อยเพราะผมต้องใช้เวลาในการสงบสติอารมณ์ พอผมล้างหน้าเสร็จก็เดินตามอัฐออกมา แต่ที่ใกล้ๆ กันนั้น พวกเด็กเคมีกลุ่มนึงนั่งอยู่ สองคนนั้นก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย แล้วเสียงทุเรศๆ ดังขึ้น
     “ทำไรกันอยู่วะ ช้าจัง”
     “คงปลอบกันอยู่มั้ง พวกมึงอ่ะไปแกล้งเขา ยิ่งขี้แยๆ อยู่”
     “นั่นสิวะ ไม่รู้ปลอบกันไปกี่ยก”
     “ฮ่าๆ”
     น้ำตาที่ผมพยายามเก็บกลับไปเมื่อตะกี้กำลังจะร่วงหล่นลงมาอีกรอบ อัฐกดบ่าผมไว้แล้วพูดเตือนสติ
     “ปล่อยวางนะต้น อย่าให้คำพูดของคนพาลมาทำร้ายเรา
     เป็นอัฐก็พูดได้สิครับ! อัฐไม่เจอแบบผมนี่ ผมหันไปมองหน้าอัฐๆ สบตากับผมแล้วส่ายหน้า ผมรู้สึกถึงแรงบีบที่ย้ำลงมาเบาๆ บนบ่า ผมปาดน้ำตาลแล้วเดินหนีจากตรงนั้น
     เพราะผมเดินเข้าห้องมาพร้อมกับอัฐแถมยังตาแดงๆ ทุกคนเลยพากันสงสัย แต่อัฐเบรคทุกคนไว้ ทุกคนเลยเก็บความสงสัยเอาไว้ พอเรียนเสร็จก็พากันมาซักผม
     “อะไรนะ! มึงโดนพวกมันจับก้นด้วยเหรอวะ!”
     “โหย เล่นแรงว่ะ”
     “ไม่ได้สนิทกันแท้ๆ ทำแบบนั้นมันเกินไปแล้ว”
     เพื่อนผมแต่ละคนพากันแสดงความคิดเห็น การที่เขาเป็นห่วงผมแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกดีจังเลยครับ เมื่อก่อนไม่มีใครสนใจผมแบบนี้หรอก
     “อืม เรากำลังล้างมืออยู่เลยไม่ทันระวังตัว แล้วเราตกใจก็เลยเผลอสะบัดแขนไปโดนหน้าพวกเขาๆ ก็เลยโกรธจับเราไว้ แล้วอัฐก็เข้ามาพอดี”
     “โชคดีนะแก ถ้าอัฐไม่ไปเจอละก็ไม่รู้พวกมันจะทำอะไรแกบ้าง”
     “นั่นสิ กูว่านะแค่แซวๆ นี่พอรับได้นะเว้ย แต่ถึงขั้นถึงเนื้อถึงตัวกันแบบนี้ มันเกินไปจริงๆ ว่ะ”
     “พวกมันเป็นใครวะ มึงบอกกูมาเดี๋ยวกูไปกระทืบมันคืนให้!”
     “นายแน่ใจนะว่านายไม่เคยไปทำอะไรไว้กับพวกนั้น?”
     ยศคิดว่าผมเป็นคนยังไงกัน ผมเป็นผู้เสียหายนะครับ!
     “มึงจำโค้กกับเดย์ เด็กเคมีที่ชอบแกล้งแซวต้นบ่อยๆ ตอนเรียนรวมได้มั้ย สองคนนั้นแหละ”
     ผมแปลกใจที่อัฐพูดขึ้นเลยหันไปมอง เขายิ้มให้ผมแล้วพูดต่อ
     “นายทำดีแล้วต้น บางครั้งคนพาลก็ไม่มีเหตุผลหรอก แค่อยากทำตัวเป็นอันธพาล แต่คนดีเขารู้เหตุผลว่าเพราะอะไรเขาถึงต้องอดทน เป็นคนดีมันเป็นยาก ไม่เหมือนกับเป็นอันธพาล
     อัฐตบไหล่ให้กำลังใจผม ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลยครับที่อย่างน้อยๆ ก็มีคนเข้าใจผม
     “นี่พวกมันยังตามหาเรื่องแกอีกเหรอต้น!”
     ป่านเสียงดังทันที่ที่อัฐพูดจบ
     “ไม่หรอก บังเอิญไปเจอกันในห้องน้ำพอดีน่ะ”
     ปกติผมพยายามเลี่ยงปัญหาและพวกเขาก็ไม่เคยแซวผมต่ำขนาดนี้มาก่อน
     “พวกมันพูดอะไรกับแกบ้างอ่ะต้น”
     “เอ่อ... ช่างมันเถอะ เราจำไม่ได้แล้ว”
     ผมไม่อยากให้พี่ชัชต้องถูกลากมาเกี่ยวด้วยนี่ครับ
     “จำไม่ได้หรือไม่อยากพูดวะ มึงนี่”
     “เอ๊ะ! แล้วแกจะมาคาดคั้นอะไรเอากับต้นย๊ะ เสือกจริงอิอาร์ท!”
     “อ้าว! ป่าน พูดแบบนี้”
     “เฮ้ย! พอๆ”
     ค่อยยังชั่วที่ยศเบรคป่านกับอาร์ทเอาไว้ได้ครับ เฮ้อ...
     “ต่อไปนี้มึงก็ระวังตัวไว้หน่อยละกัน มึงรู้ใช่มั้ยว่ามึงทำเรื่องไว้เยอะทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ มีคนแค้นมึงแน่ๆ ล่ะ”
     พูดอย่างกับผมอยากมีเรื่อง!
     “แต่เรายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
     “เออพวกกูรู้ แต่เรื่องมันวิ่งเข้ามาหามึงเยอะนี่หว่า ครั้งหน้ามึงอาจจะไม่โชคดีแบบวันนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้ว่าคราวต่อไปจะเป็นเรื่องเล็กๆ หรือมึงจะโดนอะไรหนักกว่านี้ ตัวมึงก็เล็กแค่นี้อย่าอวดเก่งนักเลยต้น หลายทีแล้วนะมึง”
     ผมรู้ว่ายศเขาพูดถึงเรื่องอะไร
     “แล้วนายจะให้เรายอมอยู่ฝ่ายเดียวหรือมองดูเพื่อนเราถูกคนอื่นรังแกเหรอ เราไม่ทำใครก่อนหรอกนะ แล้วเราก็ทนมามากแล้วด้วย เราถึงได้ตอบโต้!”
     “ไม่ต้องถึงมือไอ้มิวหรอก มึงงัดข้อกับไอ้เป้ให้กูดูเด๊ะ”
     ผมงงนะครับอยู่ๆ อาร์ทก็พูดอะไรไม่รู้เรื่องออกมา
     “ไอ้เป้มันผอมแห้งแรงน้อยกว่ามึงอีก แต่กูว่าเผลอๆ มึงก็เอามันลงยาก ยิ่งถ้าต่อยกันมึงคิดว่ามันจะยืนโง่ให้มึงต่อยเหรอ อาศัยลูกฟลุคทั้งนั้น ถึงมึงจะเล็งเข้าเป้าก็เถอะ แต่อย่างนึงที่มันต่างกับมึงคือเป้มันไม่ได้ฉายเดี่ยวแบบมึง ข้างๆ มันมีไอ้มิวกับไอ้นัน แล้วมึงอ่ะมีใคร? ในกลุ่มมึงไอ้ไปป์ไปทาง โอมอยู่อีกทาง ที่เหลือก็ผู้หญิง แถมมึงยังชอบไปไหนคนเดียว เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาใครจะช่วยมึง! เพื่อนต่างคณะต่างมหาลัยจะมาช่วยมึงทันมั้ย มึงจะกลับไปฟ้องแฟนมึงตอนจบเรื่องเหรอ?”
     ผม... ผมไม่ใช่คนขี้ฟ้องซักหน่อย!
     “เถียงกูไม่ออกละสิมึง ตัวบางๆ อย่างมึงอ่ะ เจอซัดซักทีสองทีก็จอดแล้ว เสือกทำเป็นอวดเก่ง”
     “พวกมึงเตือนเพื่อนดีๆ ก็ได้ พวกมันแค่อยากเตือนไม่ให้นายทำอะไรเกินกำลังน่ะต้น”
     ถึงอัฐจะพูดแบบนั้น แต่ว่า... แต่แล้วก็มีฝ่ามือลูบลงบนศีรษะของผม
     “เชื่อพวกมันเถอะต้น ระวังตัวไว้ก่อนก็ดี”
     คิวว์พูดขึ้นพลางนั่งลงข้างๆ ผม เขาโอบผมด้วยมือซ้ายแล้วตบบ่าผม ผมรู้สึกแปลกใจที่คิวว์ทำแบบนี้ ปกติถึงคิวว์จะดีกับผมมาก แต่น้อยครั้งที่คิวว์จะทำแบบนี้กับคนอื่น ผม... ผมรู้สึกเหมือนเขาพยายาม... ผมรู้สึกเหมือนเขากำลังปกป้องผมอยู่เลยครับ ไม่เฉพาะแต่คิวว์ อัฐเองเมื่อตะกี้ก็ด้วย!
     “ตอนนี้ทุกคนรู้หมดแล้วว่านายเป็นอะไร คนเขาเห็นนายเป็นเหยื่อนะต้น”
     “หมายความว่าไงอ่ะคิวว์ เรา... เราไม่เข้าใจ”
     “ก็หมายความว่าคนอื่นเขาเห็นมึงไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงไง คนที่อยากรังแกมึงก็ไม่ต้องกลัวอะไรเพราะรู้ว่ามึงมันไร้พิษสง ทุกคนเขามองว่ามึงไม่มีปัญญาปกป้องตัวเอง”
     คำพูดของเอกทำให้ผมยิ่งง มันเกี่ยวอะไรด้วย?
     “มึงก็พูดไปเลยเคลียร์ๆ ดิเอก มานี่กูแปลให้เอง เมื่อก่อนคนเขารู้แค่มึงเป็นเกย์ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามึงเป็นเกย์รับ เขาไม่กลัวโดนมึงจับตุ๋ยแล้วไง ยิ่งเห็นคนปกป้องมึงเขายิ่งรู้ว่ามึงมันโคตรไข่ในหินของแท้!”
     ผม... ผมสับสนครับ ผมเป็นเกย์รับแล้วมันผิดเหรอ? ไข่ในหินอะไร? ผมทั้งสับสน ทั้งโกรธ ผมไม่ได้โกรธนน แต่ผม...
     “จริงๆ นะต้น เมื่อก่อนคนเขาลือว่ามึงมันร่าน บางคนก็ใส่ไข่ซะมึงเหลวแหลกเลย แต่หลังจากที่มึงเปิดตัวแฟนแล้วก็มีคนคอยแก้ต่างให้มึงอ่ะ ตอนนี้มึงไม่ต่างอะไรกับเจ้าหญิงบนหอคอยงาช้างเลย มีแต่คนอยากฉุดมึงลงมา ยังไงซะเรื่องนิสัยมึงก็เรื่องจริง ที่มึงเคยทำหยิ่งใส่คนอื่นไว้ก็เรื่องจริง พูดง่ายๆ ก็คือคนอื่นรอจังหวะกระทืบซ้ำมึงอยู่”
     ผมก็ยังงงอยู่ดีครับ
     “พวกมึงไปรู้อะไรมาวะ เอก นัน?”
     เอกกับนันมองหน้ากันแล้วเอกก็สะกิดให้นันพูดต่อ
     “เมื่อวานพวกกูไปเล่นบอล มีรุ่นพี่ที่รู้จักบางคนมาถามไอ้เอกเรื่องต้นมันเพราะรู้ว่าเอกมันเกลียดเกย์ ก็เลยคุยๆ กัน เอกมันก็ปกป้องมึงแหละ แต่อยู่ดีๆ เสือกมีไอ้เหี้ยอีกคนแม่งมาเปิดประเด็นเรื่องมึง พวกกูก็ไม่รู้ว่ามันเกลียดมึงมาตั้งแต่ชาติไหน มันด่ามึงแล้วก็บอกว่าตุ๊ดอย่างมึงก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงไม่นับว่าเป็นเกย์เพราะมึงมันดัดจริตจนไม่ใช่ผู้ชาย แล้วมันก็หัวเราะบอกอย่างมึงคงไม่มีปัญญาทำอะไรใครได้นอกจาก... เอกเลยไม่เกลียด มันพูดว่าคนสันดานเสียอย่างมึงต้องเจอรุมให้หายหยิ่ง กูคงไม่ต้องบอกนะว่าหมายถึงอะไร พวกกูที่เหลือนี่วงแตกกันเลยมึง แต่ได้ยินแล้วพวกกูเป็นห่วงมึงนะ ลองมีคนด่ามึงลับหลังขนาดนี้ท่าทางมึงคงทำเรื่องไว้เยอะว่ะ”
     ผมชาไปทั้งตัว! รู้สึกเหมือนจะเป็นลมเลยครับ พวกเราที่เหลือเงียบกันหมด
     “เฮ้ยๆ พอๆ พวกแกก็ไปขู่มัน ต้นมันหน้าซีดหมดแล้ว”
     “ไหวมั้ยจ้ะต้น”
     “ต้นหิวข้าวเหรอ เลยเวลาพักมาตั้งนานแล้วอ่ะ ไปกินข้าวกันป่ะ เดี๋ยวค่อยกลับมาคุยต่อ”
     “อิไปป์!”
     “เออๆ แยกๆ แดกข้าว ช่วงนี้มึงก็อย่าพึ่งซ่าละกันต้น”
     อาร์ทพูดพลางมองมาที่ผมด้วยสายตาเป็นห่วง ผมน่ะเหรอซ่า? ผมไม่ใช่แม็กซ์นะครับ
     ผมไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น จำไม่ค่อยได้ครับ แต่สีหน้าจริงจังของเพื่อนๆ และสายตาเป็นห่วงเป็นใยจากพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องโกหก ผมขนลุกไปทั้งตัว! นี่ผมไปทำอะไรไว้ให้ใครแค้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ผมไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายกับใครซักหน่อย

     ผมไปทานข้าวแล้วก็เดินไปเรียนต่อคาบบ่ายอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นี่ผมควรจะทำยังไงดี? ผมจะต้องทำยังไงถึงจะหยุดความเกลียดชังจากคนอื่นได้? ผมแค่อยากอยู่อย่างสงบๆ ไม่อยากมีปัญหาอะไรกับใครทั้งนั้น! ผมจะขอให้ใครช่วยผมได้บ้าง? ผมจะหันหน้าไปพึ่งใครดี?
     “เฮ้ยต้นระวัง!”
     ผมรู้สึกเจ็บไปทั้งตัวโดยเฉพาะตรงแถวๆ แขนกับสะโพก ผมใจลอยจนเดินตกบันได แต่อ้อมกอดที่ช่วยปกป้องผมอยู่ก็ไม่ทำให้ผมเจ็บมาก ผมตั้งสติแล้วมองหน้าฮีโร่ของผม
     “พี่ธันย์!”
     พี่ธันย์นอนกองกับพื้นโดยมีผมทับอยู่บนตัวพี่เขาอีกที
     “ต้น ลุกก่อน ขาพี่”
     “ต้นเป็นไรป่าว!”
     เสียงเรียกด้วยความตกใจจากบรรดาเพื่อนๆ ผมแทบกลบเสียงครางของพี่ธันย์ ผมลุกขึ้นจากตัวพี่ธันย์ด้วยความลำบาก ถึงพี่ธันย์จะกันไม่ให้หัวผมกระแทกกับพื้นแต่ร่างกายส่วนอื่นของผมก็ไม่รอด ผมพยายามจะลุกขึ้น แต่ข้อมือที่ผมยันไปส่งๆ ตอนกระแทกกับพื้นก็เจ็บจนผมพยุงตัวขึ้นได้ยาก ป่านรีบวิ่งมาประคองผม ส่วนโอมก็ไปช่วยพี่ธันย์ ดูเหมือนพี่ธันย์จะเจ็บขาเพราะพี่เขาทำหน้าเบี้ยวเชียวครับตอนที่ไปป์พยุงเขาให้ลุกขึ้น
     “ต้น เป็นอะไรมากมั้ย?”
     “เราไม่เป็นไร เอ่อ... พอดีเขาช่วยเราไว้”
     “แกนี่ใจลอยจนเดินตกบันไดเลยอ่ะ”
     ผมสบตากับพี่ธันย์ แต่พี่ธันย์กลับไม่ยอมมองผมเลย พี่เขาลุกขึ้นทำท่าจะเดินหนีผม แต่พี่เขาท่าทางกะเผลกๆ ครับ
     “เอ่อ ... คุณเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ ผมขอโทษ ผมไม่ตั้งใจ”
     “ช่างเถอะ คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
     พี่ธันย์พูดเสร็จก็ทำท่าจะเดินจากไป
     “นี่ดีนะต้นที่เขามารับแกไว้ทัน ไม่งั้นแกเอ้ย หัวฟาดพื้นแน่ๆ”
     ผมไม่ได้สนใจฟังที่ป่านพูดเลยครับ เพราะพอผมเห็นพี่ธันย์ทำท่าจะเขยกๆ หนีไปผมก็เผลอโผเข้าไปคว้าเสื้อพี่เขาไว้
     “เดี๋ยวครับพี่!”
     ผมลืมตัวจนได้!
     “เอ่อ ... คือ ผม ... ผมหมายถึง ... ขอบคุณนะครับ คือ...”
     ผมพยายามจะแก้ตัวแต่แล้วก็พูดอะไรไม่ออก ตัวผมเองยังเจ็บขนาดนี้ แล้วพี่ธันย์ที่มารับผมไว้ล่ะ พวกเด็กปีหนึ่งคนอื่นๆ ไม่เห็นมีใครมาช่วยพี่ธันย์เลย ผมเป็นห่วงพี่ธันย์ อยากจะถามอาการของพี่เขา แต่ว่า ...
     ชั่วขณะที่ผมกำลังลังเลว่าจะทำอะไรต่อดี ผมควรจะตัดใจปล่อยมือจากเสื้อพี่เขาเสียทีดีมั้ย พี่ธันย์ก็เอื้อมมือมาหยิกแก้มผมอย่างแรงด้วยใบหน้านิ่งๆ แล้วพูดว่า
     “น่าเบื่อว่ะ เมื่อไหร่จะเลิกซื่อบื้อวะ รำคาญ!”
     ผมเลยได้แต่ยิ้มแล้วปล่อยมือจากเสื้อพี่ธันย์ให้เขาเดินจากไป พี่ธันย์ยังเป็นพี่ธันย์คนเดิม คนที่ชอบรังแกผมแล้วก็บ่นว่าผมน่าเบื่อ ผมรู้ว่าพี่ธันย์จำเรื่องราวทุกอย่างได้ พี่เขาไม่เคยลืมเด็กซื่อบื้อคนนี้ แล้วก็รู้ดีว่าสถานภาพของเราตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน พี่ธันย์มีเหตุผลที่ทำตัวแบบนี้ ถึงผมจะไม่รู้สาเหตุว่าทำไมแต่ผมรู้ดีว่าพี่เขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร
     “ต้น! ทำไมเขาทำกับแกแบบนั้นอ่ะ แถมยังด่าแกด้วย”
     “ช่างเถอะ เขาคงเป็นคนตรงๆ มั้ง อาจจะโกรธเราก็ได้ก็เราดันไปล้มทับเขานี่ แถมเรายังทำตัวน่ารำคาญเองแหละ ช่วยไม่ได้ ไปเรียนกันเหอะ”
     ผมรู้ว่าคนอื่นๆ คงสงสัย แต่ถ้าผมไม่พูดซะอย่างใครจะทำอะไรได้ ...
     แต่ผมคิดผิด เพราะตอนเย็นหลังจบคาบแล้วผมมานั่งรอกลับพร้อมคุณพ่อที่พอทราบข่าวก็โทรมาสั่ง ท่านอาสาขับรถไปส่งคนขาเจ็บแบบผม ไปป์มานั่งเป็นเพื่อน เขาชูรูปในมือถือให้ผมดูแล้วทำท่าดีใจที่รู้ความลับผมเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง
     “คนนี้คือรุ่นน้องคนนั้นใช่ม้า เราก็ว่าแล้วว่าคุ้นหน้าจัง แต่ตอนนั้นนึกไม่ออก”
     “ใช่แล้วไง ไม่ใช่แล้วไง”
     ป่วยการที่จะปฏิเสธไปป์ให้เหนื่อยเปล่าครับ ไปป์ไม่มีวันเลิกล้มความตั้งใจถ้าอยากรู้อะไร แถมรู้ไปก็ไม่มีพิษมีภัย ไม่จำเป็นที่ต้องปิดบังเขา
     “มิน่าล่ะ ตอนต้นจะตกบันได เขาอยู่ตั้งไกลแต่รีบวิ่งมารับต้นไว้ เป็นเพื่อนสมัยเด็กกันนี่เอง”
     “ก็แค่เคยรู้จักกัน เวลามันผ่านมาตั้งนานแล้ว ไม่ได้สนิทอะไรกันแล้ว”
     “แต่เขาห่วงนายออก เห็นรีบวิ่งมาช่วย”
     “ไม่รู้สิ ...”
     ห่วงแต่กลับไม่อยากคุยกับผมเนี่ยนะ?
     “เขาดูไม่ค่อยอยากยุ่งกับเราเท่าไหร่เลย ตอนรับน้องพอเราไปทักก็ทำไม่ค่อยสน หลบหน้าเราตลอด”
     “บาปกรรมลงโทษต้นแล้ว ฮ่าๆ”
     “บ้าแล้วไปป์”
     “ดูต้นสนิทกับเขามากเลยเนอะ แล้วทำไมเขาถึงกลายมาเป็นรุ่นน้องพวกเราได้อ่ะ”
     “เราก็ไม่รู้ เราแทบไม่ได้คุยกับเขาเลย ไม่รู้เพราะเรื่องนี้รึเปล่าที่เขาคอยหลบเราตลอด”
     “ไม่มั้ง พวกเราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเขาอายุเยอะแล้ว ต้นอยากรู้ละทำไมไม่ลองถามเขาดูล่ะ”
     “ไม่กล้าอ่ะ เรากลัวพี่เขารำคาญ พี่เขาไม่ชอบให้เราไปเซ้าซี้”
     “ต้นหงออ่ะ ฮ่าๆ”
     “บ้า! เราไม่ได้หงอ ก็แค่... ก็ ... พี่ธันย์เขาเป็นลูกพี่ของเรานี่ มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เอาแล้ว... แววมันจะมา เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยตอนที่ลงตอนนี้ในเด็กดี คนอ่านๆ ข้ามผ่านๆ ไม่ใส่ใจ ทั้งๆ ที่คนเขียนก็ใบ้ไว้โคตรจะชัดมาตลอด คือปมประเด็นนี่เขาสอดไว้เนียนๆ ในหลายตอนมากเลยน้า ฮ่าๆ ก็เพราะน้องต้นซ่าแบบนี้ไงเลยเกิดเรื่อง หุๆ

ว่าแต่อิพี่ธันย์เป็นคร๊ายยยย  :a5:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ธันย์

     วันเสาร์นี้ผมตั้งใจว่าจะนอนอยู่ในห้องเฉยๆ ไม่น่าไปช่วยไอ้เด็กซื่อบื้อนั่นเลย เจ็บตัวฟรี ซวยจริงๆ
     เด็กซื่อบื้อที่เคยเกาะติดผมกลายเป็นดราม่าตัวแม่ประจำภาคไปซะแล้ว เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนเป็นนิยามที่จริงเสียยิ่งกว่าจริง ผมเองก็ตั้งใจจะเปลี่ยนเช่นกัน สำหรับผมกับต้นแล้ว ห่างกันได้คงดีที่สุด ผมช่วยอะไรต้นไม่ได้ ยิ่งต้นมาวุ่นวายกับผมเผลอๆ ต้นอาจจะลำบากมากกว่าเดิมเพราะผม
     ผมปิดสมุดภาพสำหรับเด็กเกี่ยวกับอวกาศในมือ ตั้งใจว่าควรจะทิ้งมันเสียที แต่จนแล้วจนรอดผมก็ตัดใจไม่ได้เลยนำมันไปวางไว้บนชั้นวางของที่เดิม
     ตอนที่ผมตั้งใจจะต้มมาม่ากินเป็นมื้อเที่ยงเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมเลยต้องกะเผลกไปเปิดประตูเพื่อดูว่ามีอะไร ผมว่าผมจ่ายค่าน้ำค่าไฟของเดือนก่อนครบแล้วนะ
     “ต้น!”
     ต้นน้ำยืนอยู่หน้าห้องผม! เกิดคำถามมากมายในหัว ต้นมาที่นี่ได้ยังไง?
     “เอ่อ...”
     “มาทำไม?”
     “ผม... ผมเป็นห่วง เห็นพี่ธันย์เจ็บขา”
     ไอ้ซื่อบื้อมันเหล่มองขาที่ผมพันผ้ายืดไว้แล้วก็ช้อนตาขึ้นมามองอ้อนผม แต่พอเห็นสีหน้าผมก็รีบก้มหน้าลงยืนถือตะกร้าในมือบิดไปบิดมาทำท่าอยากเข้ามาในห้องแต่ก็ไม่กล้าพูด ผมมองปิ่นโตในตะกร้าแล้วมองมัน ตามแขนมันช้ำเป็นจ้ำๆ ตัวเองก็เจ็บแท้ๆ แต่ไม่เจียม เมื่อไหร่มันจะเลิกโง่วะ! ผมอดไม่ได้เลยตบหัวมันไปแรงๆ
     “โอ๊ย!”
     “จะเข้าก็เข้ามา”
     จากเดิมที่ยืนกุมหัวเบะหน้ามันก็รีบยิ้มเอาใจผมแล้วแทรกตัวเข้ามาในห้องตามผมมาติดๆ อย่างกับกลัวผมจะเปลี่ยนใจไล่
     “มาทำไม?”
     ผมปิดประตูห้องแล้วเขยกไปเปิดพัดลมก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียง ห้องผมมันเล็ก มีแค่เตียงกับตู้เสื้อผ้าแล้วก็ชั้นวางของเล็กๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าก็มีแต่พัดลมกับกาต้มน้ำ ห้องแคบๆ ไม่มีที่พอให้ผมวางโต๊ะกินข้าวหรือโซฟารับแขก แต่ของพวกนั้นก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นเพราะผมอยู่คนเดียว ไม่มีใครมาหาผมหรอก
     “ก็ผมเป็นห่วง”
     “ห่วงทำไม?”
     “ก็... ก็พี่ธันย์เจ็บตัวเพราะผม”
     “เออรู้ตัวก็ดี”
     ถ้าร้องไห้ได้มันคงร้องไปแล้ว มันยืนนิ่งไม่กล้าขยับอยู่กลางห้องเช่ารูหนูของผม เหมือนคนทำตัวไม่ถูก
     “ละตัวเองไม่เจ็บรึไง? หอบอะไรมาเยอะแยะ”
     “แต่ผมไม่เจ็บมากเท่าพี่นี่ครับ ผมได้ยินเขาบอกว่าพี่อยู่คนเดียว ผมเป็นห่วงเลยมาเยี่ยม ผมอยาก...”
     “แล้วรู้ที่อยู่ได้ไง?”
     “ผม... ผมถามอาจารย์เอาครับ”
     “ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก คุณกลับไปเถอะ”
     จากที่ยืนนิ่งเพราะทำตัวไม่ถูกกลายเป็นยืนซึมแข็งเป็นรูปปั้น ไอ้ซื่อบื้อ
     “พี่ธันย์... พี่ธันย์รังเกียจต้นเหรอ?”
     นั่นไง! มันร้องไห้แล้ว มันน่าจะยี่สิบแล้วนี่หว่า ยังร้องไห้ขี้แยเป็นเด็กๆ อยู่ได้
     “ผมไม่ได้เกลียดคุณ”
     “แต่พี่ธันย์ไล่ต้น! พี่ธันย์หลบต้นตลอดเลย เพราะเรื่องที่ต้นเป็น.... เพราะต้น... พี่ธันย์เกลียดต้นแล้วใช่มั้ย”
     “ผมรำคาญคุณมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ตามผมอยู่ได้ น่าเบื่อว่ะ!”
     หยดน้ำตากับเสียงสะอื้นของไอ้เด็กซื่อบื้อช่วยกันกดดันจนผมแพ้มันจนได้ ใครบอกว่ามีแต่ผู้หญิงที่ใช้น้ำตาเป็นอาวุธ ต้นมีน้ำตาเป็นอาวุธมาแต่ไหนแต่ไร
     “มานี่มา”
     ผมตบเตียงข้างๆ ตัวเองเป็นสัญญาณ มันก็เดินมานั่งข้างๆ ผมอย่างว่าง่ายแต่ยังไม่ยอมหยุด ผมเลยตบหัวมันไปอีกที
     “หยุดร้องได้แล้ว พี่รำคาญ บอกไม่จำ พี่ไม่ชอบคนขี้แย ผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอกต้น”
     “ก็พี่ธันย์ว่าต้น”
     “เช็ดซะ ทุเรศน่ะโตป่านนี้แล้ว ทำตัวเป็นเด็กไปได้ ยี่สิบแล้วไม่ใช่เหรอ”
     “อื้อ ต้นยี่สิบแล้ว พี่ธันย์ละครับ ยี่สิบสองแล้วไม่ใช่เหรอ พี่หายไปไหนมา ทำไม...?”
     “เรื่องของพี่ไม่มีอะไรที่ต้นควรสนใจหรอก”
     “ต้นไม่ถามก็ได้ … ถ้าพี่ธันย์ไม่อยากบอก ต้นก็จะไม่เซ้าซี้ ต้นแค่... ต้นคิดถึงพี่ธันย์นะ พี่ไม่รู้หรอกว่าต้นดีใจแค่ไหนที่ได้เจอพี่อีกครั้ง”
     คงเพราะผมคิดถึงเสียงเจื้อยแจ้วผมถึงปล่อยให้มันพล่ามไปเรื่อยๆ
     “แต่พี่ธันย์ทำเหมือนไม่อยากคุยกับต้น ต้นเสียใจมากเลยนะครับ ต้นนึกว่าพี่เกลียดต้นแล้ว...”
     “ต้นก็มีเพื่อนตั้งเยอะ ไม่จำเป็นต้องสนใจพี่หรอก”
     “ไม่เกี่ยวกันซักหน่อย! ไม่มีใครแทนที่ใครได้หรอกครับ มันไม่เหมือนกันหรอก พี่ธันย์ก็คือพี่ธันย์สำหรับต้นตลอดมา”
     ผมชักโมโห! ไอ้เด็กซื่อบื้อนี่ไม่รู้จักจำ!
     “พี่ธันย์! พี่ทำอะไรน่ะครับ ปล่อยต้นนะ!”
     “งั้นต้นก็ไม่น่าลืมนะว่าเมื่อก่อนพี่ทำกับต้นยังไง พี่ร้ายขนาดนั้นแล้วยังวิ่งตามพี่อยู่ได้”
     “ก็... ก็แกล้งกันนิดๆ หน่อยๆ ผมไม่ถือนี่ครับ”
     เฮ้อ... เพราะเป็นแบบนี้แหละ มันถึงได้โดนคนอื่นเอาเปรียบอยู่เรื่อย ผมจงใจก้มลงไปใกล้อีกนิด ต้นคงจะกลัวถึงได้เริ่มดิ้นแรงขึ้น แต่แขนผอมๆ นั่นไม่เคยสู้ชนะผมหรอก
     “พี่ธันย์จะทำบ้าอะไร! ต้นไม่เล่นนะพี่!”
     ต้นดิ้นหนีผมสุดชีวิต แถมยังเตะขาถีบผมเข้าที่ท้องเต็มๆ สู้คนเหมือนกันนี่หว่า
     “พี่ธันย์!”
     “เงียบน่ะ ไม่เงียบเจ็บตัวแน่!”
     “พี่ธันย์ปล่อยต้นนะ ... ต้นกลัวแล้ว ต้นขอโทษ ต้นจะไม่มายุ่งกับพี่อีกก็ได้ อย่าทำอะไรต้นเลย!”
     “กลัวเป็นเหมือนกันเหรอ ถ้ากลัวแล้วมาหาพี่ถึงห้องทำไม รู้มั้ยมันอันตราย?”
     ผมปล่อยแขนมันให้เป็นอิสระ มันรีบดันตัวหนีผมแต่ไม่ลืมเช็ดน้ำตาตัวเองแล้วนั่งก้มหน้า ใจอ่อนจนได้สิผม ผมเอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้ต้น มันเหลือบตาแดงๆ ขึ้นมามองผมแล้วนั่งปาดน้ำตาต่อ ท่าทางแบบนั้นมันขัดหูขัดตาผมจนอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มมัน
     “ชอบผู้ชายไม่ใช่เหรอ มาอ่อยพี่ถึงที่เองแล้วจะนั่งร้องไห้หาพระแสงอะไร”
     “ผมไม่ได้มาอ่อย!”
     การที่เด็กซื่อบื้อคนนั้นแผดเสียงตะคอกสวนกลับมาทำให้ผมเข้าใจ
     “ต้นเป็นห่วงพี่ธันย์จริงๆ ต่างหาก อุตส่าห์ทำกับข้าวมาให้ คิดว่าอาจเป็นโอกาสดีที่ต้นกับพี่ธันย์จะได้คุยกันดีๆ ถ้าพี่เกลียดต้นก็บอกมาสิ! ต้นจะไม่มายุ่งกับพี่อีกเลยก็ได้! ต้นน่ารังเกียจใช่มั้ยล่ะ? ถ้าพี่รับไม่ได้ก็บอกกันมาตรงๆ เลยสิ ไม่เห็นต้องแกล้งกันแบบนี้เลย ต้นมันเป็นตัวประหลาดใช่มั้ยล่ะ น่าขยะแขยง”
     “เวลาผ่านไปคนก็เปลี่ยน ไม่มีอะไรเหมือนเดิมหรอก”
     “ขอโทษแล้วกันที่ต้นกลายเป็นแบบนี้!”
     หยดน้ำตาพรั่งพรูหล่นมาไม่แพ้ถ้อยคำตัดพ้อผม
     “แต่ผมยังยืนยันคำเดิม ผมไม่ใช่ตุ๊ด! ผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง ผมแค่ชอบผู้ชาย”
     “ชอบผู้ชายแล้วจะกลัวอะไร พี่เสนอให้เราฟรีๆ ไม่ชอบเหรอไง?”
     “ผมไม่ได้-”
     ต้นตั้งหน้าจะเถียง แต่ผมก็หยุดคำพูดดูถูกตัวเองพวกนั้นไว้ด้วยประโยคต่อมา
     “เป็นผู้ชายคนอื่นต้องจ่ายเงินนะต้น”
     เหมือนต้นจะช็อค ไอ้เด็กซื่อบื้อมันอ้าปากพะงาบๆ พูดอะไรไม่ออก
     “พี่... พี่ธันย์หมายความว่ายังไง?”
     “ก็อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าพี่หายไปไหน นี่ไงคำตอบ”
     “โกหก!”
     “พี่จะโกหกต้นทำไม”
     “แต่... แต่พี่ธันย์ ... พี่ธันย์ไม่ใช่...”
     “เพื่อเงินไงต้น ลูกค้าอยากได้แบบไหนพี่ก็ต้องทำ แลกกับเงิน ขอให้ได้เงินพี่ไม่เกี่ยงหรอกว่าลูกค้าจะเป็นใคร”
     “แต่ต้นได้ข่าวว่าเขาพาพี่ไปอยู่มูลนิธิ แล้วก็มีญาติมารับพี่ไป...”
     “มันไม่มีความสุขหรอกต้น ถูกส่งไปมา ญาติๆ ก็รังเกียจ พอหนีออกมาก็ต้องนอนข้างถนนไปวันๆ ลักขโมย ขายตัว เสพยา เป็นวงจรอุบาทว์”
     “ทำไมพี่ธันย์ไม่กลับมาหาต้นกับแม่!”
     “น้าน้ำจะช่วยอะไรพี่ได้! แค่ต้นคนเดียวก็ลำบากจะตายอยู่แล้ว ต้นก็รู้ว่าแม่เรากับแม่พี่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ต่างกันก็แค่พี่มีพ่อเป็นไอ้ขี้ยา ... สุดท้ายก็โดนจับคดียาเสพติดทั้งพ่อทั้งแม่”
     จากที่กลัวผมจนตัวสั่นมันคลานเข้ามานั่งเบียดผมอีกแล้ว แถมยังกอดแขนผมไว้แน่นจนผมต้องใช้มืออีกข้างบีบมือมันให้รู้ว่าผมไม่เป็นไร
     “เล่าให้ต้นฟังหน่อยสิครับ ความจริงแล้วต้นมีเรื่องอยากเล่าให้พี่ธันย์ฟังเยอะเลย ทั้งเรื่องแฟนต้น แล้วก็เรื่องพ่อด้วยแหละ พี่ธันย์รู้มั้ยต้นเจอพ่อแล้วนะ”
     “รู้แล้ว อาจารย์ต้นตระการใช่มั้ย พี่พอเดาได้”
     “อื้ม ต้นมีพี่สาวด้วยนะ จริงๆ มีลูกพี่ลูกน้องอีกคนด้วย แต่เสียไปได้ห้าปีแล้วล่ะ เขาเสียไปก่อนที่ต้นกับพ่อจะเจอกันซะอีก”
     “ก็ดีแล้วนี่ ชีวิตต้นก็ดูมีความสุขจะตาย พี่ไม่อยากให้ต้นมาสนใจอะไรพี่อีก”
     “ต้นลืมพี่ธันย์ไม่ได้หรอก ตอนเด็กๆ นอกจากแม่กับลุงพลแล้วต้นก็ไม่มีใคร มีแต่พี่ธันย์คนเดียวที่สนใจต้น พี่ธันย์ไม่รู้หรอกวันนั้นที่พี่ธันย์ถูกพาตัวขึ้นรถตำรวจไปพร้อมลุงกับป้าต้นตกใจแค่ไหน ต้นพยายามถามแม่แล้ว แต่แม่ก็ไม่รู้ข่าวพี่ธันย์ แม่บอกว่าถามคนอื่นๆ แถวนั้นแล้วก็ไม่มีใครรู้ ต้นคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอพี่ธันย์แล้วซะอีก ... พี่ธันย์ใจร้ายมากเลย เมินต้นแบบนั้น”
     “พี่ไม่อยากให้เราต้องมาเกลือกกลั้วกับพี่ ต้นก็รู้ ประวัติอย่างพี่อยู่คนเดียวเงียบๆ จะดีที่สุด แล้วยิ่งต้นมีปัญหาแบบนั้น ถ้ามาพัวพันกับพี่อีกต้นจะยิ่งเดือดร้อน ถ้าพี่ทำตัวเงียบๆ ต่อให้มีบางคนรู้เรื่องของพี่ ยังไงพวกมันก็ไม่กล้าพูดไปหรอก อย่างดีก็แค่นินทาลับหลัง ไม่มีใครอยากยุ่งอะไรกับคนเงียบๆ แบบพี่ แต่ถ้าพี่... ถ้าต้นมายุ่งกับพี่ต้นจะมีแต่เสีย เราจะพากันต่างเสีย”
     ผมมันสกปรกอยู่แล้ว เปลี่ยนความจริงไม่ได้ จะทำอย่างไรก็ไม่มีทางลบล้างอดีตได้หมดจด ผมทำได้แค่อยู่นิ่งๆ ให้เงียบที่สุด ไม่เติมสีดำลงไปอีก แต่กับต้น เศษฝุ่นสีดำพวกนั้นสักวันมันก็ต้องตกตะกอน ขอแค่อย่ามีคนไปกวนมันให้ขุ่นก็พอ
     “แต่พี่ธันย์ขอทุนเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ ต้องทำงานด้วย... ต้นอยากช่วย”
     “จะช่วยยังไง ตัวเองยังเอาไม่รอด พี่ช่วยตัวเองได้ ตอนนี้พี่ไม่ได้ลำบากอะไรแล้ว”
     “พี่ธันย์... ไม่ได้ทำแบบนั้นแล้วใช่มั้ย?”
     “เปล่า ตอนนี้ทำงานเสิร์ฟธรรมดาๆ”
     “เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ ต้นอยากรู้”
     “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกต้น เข้าๆ ออกๆ มูลนิธิสลับกับเร่ร่อนจนช่วงนึงไปเจอฝรั่งคนนึง เขาถูกใจพี่เลยชวนพี่ไปอยู่กับเขา เขามาพักร้อนเมืองไทยน่ะ ก็อยู่ยาวหลายเดือนเหมือนกัน พี่ก็อยู่กับเขาไปเรื่อยๆ เขาสอนพี่หลายอย่างเลย ให้เงินพี่ไปเรียน กศน. ด้วย เขาเป็นครูอยู่เมืองนอกมั้ง แถมพอเขากลับไปแล้วยังช่วยฝากงานให้พี่อีก พี่ได้เป็นลูกจ้างมีที่กินนอน มีคนคอยคุ้มกะลาหัว พอได้สบายแล้วพี่ก็ไม่อยากกลับไปลำบากหรอก พี่อยู่แบบนั้นสามสี่ปีจนพี่ยี่สิบ เขาป่วยมั้งปีนั้น เขามาสั้นๆ แค่สองสามเดือน ชวนพี่ไปเที่ยวขึ้นเหนือล่องใต้ ก่อนจะกลับเขาเปิดบัญชีไว้ให้พี่แล้วก็บอกให้สอบเข้ามหาลัยให้ได้เพราะพี่ฉลาด น่าจะไปได้ดีกว่าเป็นเด็กเสิร์ฟตามบาร์ไปวันๆ พี่ก็เลยมาลองสอบดูนี่แหละ ดันติดก็เลยตั้งใจว่าจะทิ้งเรื่องพวกนั้นไว้ซะแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่”
     “แล้วคุณลุงกับคุณป้าละครับ?”
     “ตายในคุกแล้วมั้ง ไม่รู้หรอก พี่ไม่ได้ติดต่อ”
     ถึงคำพูดของผมจะฟังดูโหดร้ายแต่ผมรู้ว่าต้นเข้าใจผม เพราะต้นเลือกเอนหัวลงมาพิงกับไหล่ผมโดยไม่พูดอะไร ผมตบหัวต้นเบาๆ โลกของพวกเราสมัยเด็กคือโลกใบเดียวกัน สิ่งแวดล้อมที่หล่อหลอมผมกับต้นแทบไม่ต่างกัน เพียงแต่ต้นมีแม่ที่ดีกว่าผมก็เท่านั้น
     “แล้วต้นล่ะ? ทำไมไม่ตามน้าน้ำไปอยู่เมืองนอก”
     “เรื่องมันซับซ้อนครับ...”
     “ยังไงล่ะ?”
     “ตอนนั้นต้นทะเลาะกับพ่อ โลกมันกลมมากเลย พี่ธันย์รู้มั้ย เพื่อนสนิทต้นรู้จักกับพ่อด้วยล่ะ ต้นเลยได้เจอกับพ่อ ตอนมอห้าต้นไปงานวันเกิดเพื่อน แต่ทีนี้มันไกลแม่ต้นเลยไปรับ แล้วแม่กับพ่อก็เจอกัน ต้นถึงได้รู้”
     ผมเห็นด้วยกับเรื่องที่ต้นบอกว่าโลกมันกลม ถ้าไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้เจอต้นอีก เสียงเจื้อยแจ้วทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้กลับบ้าน เหมือนเมื่อครั้งนั้นที่ผมนั่งอยู่ในห้องกับต้นสองคนรอน้าน้ำกลับบ้าน
     “ตอนแรกต้นคิดมากเรื่องแฟนใหม่แม่ตั้งนาน ต้นกลัวแม่มีน้อง กลัวแม่ไม่รักต้นแล้ว ยิ่งมีปัญหาเรื่องพ่อเข้ามาเกี่ยวอีก ต้นกลัวแม่จะทิ้งให้ต้นอยู่กับพ่อแล้วไปอยู่เมืองนอกกับแฟนใหม่ ต้นก็เลยอยากทำให้พ่อเกลียดต้น อยากประชดพ่อด้วย แล้วต้นก็เจอกับแฟน แต่แฟนต้นเขาดีกับต้นมากเลยนะ ต้นก็เลยอยากอยู่กับเขา”
     บางทีต้นกับผมอาจจะเป็นแฝดคนละฝา เรามีอะไรคล้ายกันมาตั้งแต่สมัยก่อน รวมถึงเรื่องที่เราทั้งคู่ถูกโอบอุ้มไว้ด้วยมือของคนที่ไม่ใช่ญาติ!
     “ต้นผิดรึเปล่าอ่ะพี่ธันย์ ต้นกลัวลุงพลเสียใจพี่ต้นเป็นแบบนี้ ถึงลุงพลกับแม่จะไม่เคยว่าอะไรต้นก็เถอะ”
     “สองคนนั้นเขาไม่คิดมากกับเรื่องแบบนี้หรอก พี่ว่าเผลอๆ เขาทำใจไว้ตั้งนานแล้ว”
     “พี่ธันย์ว่าต้นอีกแล้ว ต้นยิ่งเครียดๆ อยู่ ไม่อยากให้ใครมาว่าลุงกับแม่ แล้วไหนจะเรื่องพ่ออีก ต้นกลัวพ่ออายถ้าทุกคนรู้เรื่อง ทุกวันนี้ก็อึดอัดจะตายอยู่แล้ว แค่ต้นชอบผู้ชายคนที่เขาดีกับต้นนี่มันผิดมากเลยเหรอพี่ธันย์ ทำไมคนอื่นต้องมาคอยจับผิดด้วย วันก่อนก็โดนแกล้ง”
     “ก็เรามันทำตัวเองไม่ใช่เหรอ บอกแล้วใครหาเรื่องให้ต่อยมันซะ มันจะได้ไม่กล้ามายุ่งกับเราอีก”
     “บ้าแล้วพี่ธันย์ หึๆ ขืนทำแบบนั้นก็โดนไล่ออกสิ อุตส่าห์พยายามอดทนแล้วแท้ๆ”
     “ก็ต้นครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ไง ไม่ทำอะไรให้ชัดเจน คนเขาถึงได้พูดถึงเราไม่ดี”
     “ยังไงครับ?”
     “มันชวนหมั่นไส้ไง”
     “พี่ธันย์ว่าต้นตลอดเลยอ่ะ! ไม่เอาละ ต้นไปแกะปิ่นโตให้พี่ดีกว่า”
     เด็กซื่อบื้อของผมเอาแต่ใจขึ้นเยอะแม้มันจะชอบเถียงเช่นเคย
     “ช้อนอยู่ไหนอ่ะครับ เดี๋ยวต้นหยิบให้ ตอนนี้ต้นทำอาหารเก่งแล้วนะ ไม่ทอดไข่เจียวไหม้แล้วด้วย”
     “ตรงที่คว่ำจานสีฟ้า มุมนั้นน่ะ”
     ต้นเดินตามคำบอกผม แต่แทนที่มันจะไปหยิบช้อนกลับหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชั้นวางของใกล้ๆ กัน
     “นี่มัน... พี่ธันย์ยังเก็บไว้อยู่เหรอครับ?”
     “เออ... จะเอาคืนมั้ยล่ะ?”
     ภาพของวันคืนเก่าๆ ปรากฏขึ้นในความทรงจำ เสียงอันอ่อนโยนที่ช่วยสอนผมกับต้นเรื่องดาวดวงต่างๆ ในจักรวาลอย่างใจเย็นแตกต่างกับเสียงดุดันดีแต่ตะคอกของแม่ผม เพราะเสียงนั้นละมั้งผมถึงทิ้งมันไม่ลงได้แต่เก็บมันไว้ในเป้เก่าๆ พกติดตัวตลอดเวลาต่อให้ผมต้องนอนหนาวข้างถนนก็ตาม
     “บ้า! ต้นไม่ให้แล้วเอาคืนหรอก”
     มันหันมายิ้มให้กับผม
     “ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์เก็บไว้”
     “เออ”
     ผมนึกถึงน้าน้ำ รอยยิ้มของต้นในตอนนี้ทำให้ผมนึกถึงผู้หญิงใจดีคนนั้น ต้นดีกับคนอื่นเสมอ เหมือนที่น้าน้ำดีกับผมเสมือนเป็นลูกอีกคน วันคืนเก่าๆ ที่ผมอยู่กับต้นและแม่ของมันคือช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต
     ต้นจัดสำรับให้ผมกิน กับข้าวง่ายๆ สองสามอย่าง ไข่เจียวกับหมูทอดและแกงจืดหมูสับ ทุกอย่างยังอุ่นอยู่ บ่งบอกว่าเจ้าตัวเพิ่งลงมือทำให้ผมได้ไม่นาน จนกระทั่งผมทานเสร็จ ข้าวที่หมดจานทำให้มันยิ้มแก้มปริ รอยยิ้มกับตาเป็นประกายของมันคาดหวังคำชมจากผม
     “อืม ... จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอครับพี่ธันย์”
     “ขอบใจ”
     ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้นไม่กล้าชักสีหน้าทำท่างอนใส่ผมหรอก
     “ของที่พอกินได้ก็คือพอกินได้ พี่ไม่ยอว่าอร่อยหรอก”
     “พี่ธันย์ใจร้าย”
     ต้นว่าผมก่อนจะลงมือเก็บสำรับนำจานชามไปล้าง ผมนึกว่าต้นเก็บเสร็จแล้วจะกลับ แต่มันกลับมานั่งข้างๆ ผม แถมยังคว้าหมอนผมไปกอด
     “ทำไร เสร็จแล้วก็กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวแฟนก็ว่าหรอก”
     “แฟนไม่อยู่ วันนี้ต้นจะกลับไปนอนบ้านปู่ ขอต้นอยู่กับพี่ธันย์อีกแป็บนะ ยังมีอะไรอีกตั้งเยอะที่ต้นอยากคุยกับพี่ธันย์”
     “มันไม่เหมือนเดิมหรอกต้น”
     ผมไม่ใช่เพื่อนเพียงคนเดียวของต้น และต้นก็ไม่ใช่เด็กน้อยคนนั้นแล้ว เรื่องบางเรื่องผมก็ไม่รู้ว่าจะช่วยต้นได้อย่างไร พวกเราต่างก็มีเส้นทางที่ต้องเดิน
     “ต้นรู้ พอเราเจอกันที่มหาวิทยาลัยเราก็จะกลายเป็นคนไม่รู้จักกันใช่มั้ยล่ะ เราต่างก็มีหน้ากากกับระยะปลอดภัยที่อยากรักษาเอาไว้ต่อหน้าคนอื่น แต่เรื่องบางเรื่อง... ต้น... พี่ธันย์คงได้ยินเรื่องของต้นมาเยอะแยะ ... ต้นกลัวอ่ะพี่ธันย์ ถ้าเรื่องพ่อกับแม่... ต้นไม่อยากให้ใครมาขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัว ต้นเหนื่อย อยากอยู่อย่างสงบๆ ฮึก! ต้นไม่อยากสนใจอะไรแล้ว ต้นอยากนั่งเฉยๆ อยู่ในห้องอ่านหนังสือกับพี่ธันย์เงียบๆ แค่สองคน รอว่าเมื่อไหร่แม่จะกลับมา”
     ผมยกมือขึ้นไปเขกหัวต้น หยดน้ำตาของต้นไหลอาบแก้ม แต่ต้นไม่ได้ร้องไห้เพราะผม
     “ต้นพยายามแล้วพี่ธันย์ แต่ต้นทำไม่ได้ ต้นพยายามปรับตัวแล้ว แต่ทำไมทุกคนถึงได้... ขนาดต้นจะมีพ่อเหมือนคนอื่นๆ เขาบ้างยังมีคนเกลียดต้นเลย ต้นก็แค่อยากมีใครซักคนที่รักต้นคนที่จะอยู่กับต้นตลอดไป คนที่ยอมรับต้น ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมารังเกียจต้น แต่... ฮึก แต่บังเอิญว่าคนๆ นั้นเป็นผู้ชายเหมือนกัน ฮึก ต้นกลัวพี่ธันย์ ต้นคิดถึงแม่ ต้นไม่อยากอยู่คนเดียว”
     “พี่บอกหลายทีแล้วไง ผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอก ถ้าจะอยู่กับพี่ห้ามร้องไห้ พี่รำคาญ เช็ดน้ำตาซะ”
     กาลเวลาได้ฆ่าเด็กซื่อบื้อคนนั้นไปแล้ว ทั้งต้นและตัวผมต่างก็ถูกย้อมจนกระดำกระด่าง แต่ต่างกันตรงที่ผมเริ่มปลงไม่อยากจะยึดติดกับสิ่งใดหรือใครอีก ส่วนต้น ต้นพยายามยื้อทุกอย่างไว้ด้วยแขนเล็กๆ นั่นจนสุดกำลัง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



จบตอนที่ 16 ตอนต่อไปจะเข้าพาร์ทดราม่าเฮียชัชรัวๆ  :mew5: รักคนอ่านทุกคนน้า  :mew1: พยายามรีบอัพแล้วจะได้ไปทำตัวเป็นคนอ่านกะเขามั่ง

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
pocky day สนุก อิโค่ หื่นตลอดจิงๆ แต่เค้ากะแอบจิ้นกะมิวนิคอยู่น้าาา

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ความชั่วร้ายของหมาป่า

ชัยชัช

     “แหมพี่ชัชขา ปล่อยหนูไปซักครั้งไม่ได้เหรอค้า”
     น้องผู้แทนอ้อนผมเสียงหวานหยดย้อยชนิดที่ว่าอีแก่ขี้บ่นที่คอนโดเทียบไม่ติดเลยครับ แค่เสียงก็ทำเอาผมใจอ่อนยวบแล้ว น้องเธอนั่งหมิ่นๆ ทิ้งน้ำหนักพิงอยู่บนขอบโต๊ะแต่ดันแกล้งขยับขาโชว์สามเหลี่ยมมหัศจรรย์วับๆ แวมๆ เล่นเอาใจผมสั่นระรัว ไม่รู้เดรสสมัยนี้ผ้ามันแพงหรือไง ชุดมันถึงได้สั้นเสมอหูถูกใจผมโคตรๆ นอกจากนี้เธอยังลงทุนก้มลงมาใกล้ๆ เอื้อมมือลูบต้นขาผม แล้วบังเอิญตอนนี้ไอ้ผมก็ดันนั่งไขว้ห้างแบบอเมริกันหลังพิงเบาะซะด้วยสิ เธอเลยจู่โจมผมสบายเลยครับ ผมต้องเค้นเรื่องเครียดๆ มาสะกดมังกรที่เริ่มตื่นให้หลับแทบตาย!
     แค่คอเสื้อกว้างๆ คว้านต่ำเห็นไปถึงสะดือตอนก้มพี่ก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วน้องเอ้ย! ไม่ต้องเอามือมาช่วยพี่ก็ได้
     “ไม่ได้หรอกค่ะ งานก็ต้องเป็นงานนะ”
     ปากผมก็หวาน หน้าผมก็ยิ้ม สมองผมก็คุยเรื่องงาน แต่ในใจผมนี่อดไม่ได้ที่จะถามตัวเอง นี่ผมห่างผู้หญิงไปนานหรือไงครับ? เจอการรุกรานระดับนี้ผมก็เกือบตบะแตกเหมือนคนอดยากซะแล้ว
     “แต่ว่าถึงกับให้พิจารณาตัวเองมันไม่โหดไปหน่อยเหรอคะ?”
     “แต่แป้งปิดยอดไม่ได้มาหลายเดือนแล้วนะ บริษัทไม่มีนโยบายเลี้ยงคนไว้ดูเล่นนะครับ แป้งทำไม่ได้พี่ก็ลำบากนะแป้ง ทีมถูกเพ่งเล็ง คนอื่นๆ ในทีมก็ซวย”
     “สงสารหนูเถอะนะค้า หนูยังมีรถต้องผ่อนอีกนะ”
     แหม พี่ก็มีบ้านมีรถที่ต้องผ่อน มีเมียที่ต้องส่งเสียนะน้อง ชิบหาย! น้องเขาเล่นปูไต่ได้ใกล้มากครับ! เกือบจะกึ่งกลางร่างกายผมละ อ้อนวิธีนี้เลยเหรอน้อง!
     “พี่ก็ยังต้องผ่อนรถเหมือนกันค่ะแป้ง คงช่วยอะไรไม่ได้”
     โว้วๆ สติหนอ สติหนอ อย่าพึ่งพองหนอ!
     “พี่ชัชอย่าใจร้ายสิคะ หยวนๆ ให้หนูหน่อยนะค้า”
     “เราคุยกันหลายทีแล้วนะ พี่ไม่รู้จะช่วยเรายังไงแล้ว... ทำไงได้ล่ะแป้ง ก็นโยบายบริษัทเป็นแบบนี้”
     “แต่พี่ชัชก็รู้ เขตแป้งมันแข่งขันกันสูง ยาก็เข้ายากเป็นธรรมดา”
     ไม่ไหวครับ! ผมบอกตัวเองให้ใจร้ายเข้าไว้ ผมกัดฟันข่มสติตัวเองเอาไว้ไม่ให้มันเตลิดหนีแล้วตอบน้องเขาแบบเป็นการเป็นงาน
     “ค่ะพี่รู้ พี่เห็นแป้งทำไม่ได้เลยจะหาคนอื่นมาทำแทนนี่ไง”
     “โธ่พี่ขา... ให้หนูออกแล้วหนูจะเอาอะไรกินล่ะค้า”
     “ไม่ขาแล้วแป้ง เบื้องบนเขาก็บีบพี่มาเหมือนกัน”
     อื้อหือ! นั่งตักเลยเหรอน้อง? ลงทุนไปป่าว! แถมมีการมาลูบอกผมอีก ยั่วกันชัดๆ มันสยิวนะครับน้อง!
     “แล้วพอจะมีทางไหนที่หนูไม่ต้องออกมั้ยคะ?”
     “มีสิคะ พี่ถึงเรียกเรามาคุยเป็นการส่วนตัวนี่ไง”
     “หนูต้องทำยังไงเหรอคะ? พี่ชัชอยากให้หนูทำอะไรหนูยอมทำทุกอย่างเลยค่ะ”
     ผมยิ้มให้น้องแป้งแล้วตอบเธอไปว่า
     “ก็ตั้งใจทำยอดเดือนนี้ให้ดียังไงละคะ ถ้ายังทำไม่ได้พี่คงต้องจัดการเราจริงๆ พี่ไม่ได้ขู่นะแป้ง อุตส่าใจดีมาบอกเราให้เตรียมหางานใหม่รอ”
     “พี่ชัชอ่ะ โหดจัง! ไหนคนเขาบอกว่าพี่ชัชใจดีไง”
     “ไม่ได้หรอก งานก็ส่วนงาน เรื่องงานพี่โหดนะ”
     “แหม แล้วจะหยวนๆ ให้น้องหน่อยไม่ได้เหรอคะ หนูลงทุนขนาดนี้แล้ว”
     หืม...คุณน้อง พี่ก็ไม่ได้ขอให้น้องมาเปลืองตัวกับพี่นะคร้าบ ทำตัวเองแท้ๆ
     “นี่ๆ แป้ง แทนที่จะเอาเสน่ห์มาใช้กับพี่ หาทางใช้ให้ถูกคนดีกว่ามั้ย จะได้เกิดประโยชน์ เราไม่จำเป็นต้องเปลืองตัวขนาดนี้ก็ได้ ต่อให้ไม่ได้จบเภสัชแต่เราก็เสริมทางอื่นได้นะแป้ง แต่สวยอย่างเดียวมันไม่พอหรอก งานสายนี้มันเหนื่อย ต้องอดทน ผลตอบแทนมันถึงมาก ถ้าแป้งทำไม่ไหวแป้งก็ไม่เหมาะกับอาชีพนี้หรอก”
     ความจริงผมอยากบอกน้องเขาว่าอาชีพผู้แทนมันไม่ใช่งานที่จะมาเดินสวยไปวันๆ ตามโรงพยาบาลนะครับ ที่พวกเราต้องแต่งตัวให้ดูดีก็เพราะว่ามันจะได้สะดุดตาน่ามองและเป็นที่จดจำ ไม่ใช่ทำไปเพื่ออ่อยหมอ เบื้องลึกเบื้องหลังงานมันโหดกว่านั้นเยอะครับ ต่อให้เหนื่อยแทบขาดใจยังไงก็ต้องยังดูดียินดีรับใช้พวกแพทย์ทั้งหลายอย่างเต็มใจ ข้อมูลต้องแน่นบริการต้องเพียบรู้ใจหมอราวกับเป็นเลขา ขนาดเรื่องบางเรื่องเมียที่บ้านหมอเองยังไม่รู้แต่พวกผมรู้ยังมี
     “พี่ชัชใจร้าย เมตตาหนูอีกหน่อยไม่ได้เหรอคะ เดือนหน้ามันไม่เร็วไปเหรอ? นะคะ พี่ชัชใจดี๊ใจดี”
     “พี่ก็เมตตาเรามาเยอะแล้วนะแป้ง พี่ใจดีกับคนสวยเสมอแหละ แต่เราดันประมาทเอง”
     “หนูสวยไม่พอเหรอคะ พี่ชัชถึงไม่ช่วย”
     “ต้องทั้งสวยทั้งเก่งด้วยสิแป้ง ไม่งั้นก็เจอบทโหดแบบนี้แหละ พี่ชอบคนเก่งๆ ครับ”
     เจอสีหน้าไม่ตลกด้วยของผมเข้าไปน้องเขาก็ถอย ยอมลุกออกจากตักผมซะที โชคดีที่แววตากับน้ำเสียงของผมมันซีเรียสมากพอจะทำให้น้องเขาเชื่อ ไม่งั้นอีกนิดเดียวน้องเขาคงเจอของแข็ง เกือบแล้วครับ มานั่งดีดดิ้นอยู่บนตักผมระยะประชิดแบบนี้เล่นเอาผมสติกระเจิดกระเจิงหมด
     “แหม... ทราบแล้วค่ะว่าโหดเรื่องงาน”
     น้องเขาขยับเดรสสั้นเต่อที่ร่นขึ้นเพราะการเสียดสีบนตักผมให้เข้าที่แล้วลากเสียงประชดก่อนจะเหล่มองความผิดปกติของผม
     “แล้วเรื่องอื่นจะโหดด้วยรึเปล่าคะ?”
     ยังอุตส่ามีทิ้งทวนอีกนะครับ มีท้าทายนะน้องแป้ง
     “อันนั้นก็ต้องพิสูจน์เอาเองครับ”
     “แล้วทำยังไงถึงจะได้พิสูจน์ละคะ?”
     “ก็เป็นแฟนพี่สิครับ”
     แล้วผมก็ฉีกยิ้มให้น้องเขาก่อนจะพูดต่อ
     “แต่ตอนนี้พี่ไม่ว่าง ไว้พี่แจกบัตรคิวแล้วจะบอกนะคะ”
     “แล้วเมื่อไหร่พี่ชัชจะว่างละคะ หนูอยากรอ”
     เฮ้อ... เด็กหนอเด็ก น้องแกคงมั่นใจในความสาวความสวยของตัวเองน่าดูครับ แต่ผมบอกได้เลยแรดขนาดนี้ไม่สดหรอก อ่อยได้ไร้ชั้นเชิงมากเลยน้อง ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมพาขึ้นเตียงฟันฟรีไปแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ผมยับยั้งชั่งใจได้เยอะครับ ถึงร่างกายมันจะแอบทรยศนิดหน่อยก็เถอะ ผู้หญิงแบบนี้ไม่มีค่าพอให้ชวนไปเป็นแม่ของลูกหรอกครับ แค่จะเรียกแฟนยังคิดหนักเลย เจอแบบนี้เก็บไว้เป็นคู่ขาชั่วคราวเท่านั้นแหละ อย่าหวังจะจับผมซะให้ยาก!
     “ถ้าแป้งอยากต่อคิวพี่ แป้งคงต้องรอป้าสมศรีแกก่อนนะ พอดีพี่รับปากแกไว้ก่อนแป้งอ่ะ ฮ่าๆ”
     “เชอะ! พี่ชัชอ่ะ แกล้งหนูนะคะ”
     น้องเขาสะบัดสะบิ้งคว้ากระเป๋าเตรียมตัวทำท่าจะยุติการสนทนาเลยครับ ฮ่าๆ สงสัยคงรู้แล้วว่าแผนอ่อยไม่มีผลกับผม
     “ฮ่าๆ เรื่องนี้พี่อาจจะแกล้ง แต่เรื่องงานพี่เอาจริงนะ บอกไว้ก่อน”
     “ค้า ทราบแล้วค่า หัวหน้า!”
     ว่าแล้วน้องเขาก็เล่นหูเล่นตาทิ้งท้ายไว้ยั่วผมก่อนจะเดินจากไป ผมเองก็เก็บของเตรียมจะออกจากห้องประชุมเช่นกันครับ ตั้งใจจะจิบกาแฟชืดๆ อีกซักอึกก่อนเอาแก้วไปคืนป้าสมศรี ฝากแกล้างครับ ฮ่าๆ แต่สาวสวยที่โผล่หน้าเข้ามาทักพร้อมเสียงเคาะประตูทันทีที่แป้งเดินออกไปนี่สิ ทำเอาผมแทบสำลักกาแฟ
     “หากำไรเสร็จแล้วเหรอคะ?”
     “แหม... ตาลก็พูดไป๊ กำไรที่ไหนกันคร้าบ!”
     น้ำตาลเธอไม่ตอบครับ แต่เธอยิ้มอย่างรู้ทันผม เสียวสันหลังชะมัด ทำไมฟ้าต้องส่งยัยนี่มาทำงานกับผมด้วยวะ!
     “มาหาชัชมีธุระอะไรรึเปล่า?”
     “ต้องมีธุระก่อนถึงจะแวะมาเจอชัชได้เหรอ?”
     นั่นๆ มีทำเป็นน้อยใจ ผมแพ้จริงๆ ครับ เห็นแล้วอยากโอ๋เป็นบ้า!
     “ไม่ใช่แบบน้าน กลัวตาลมีธุระด่วนไง แวะมาหาชัชถึงที่”
     “ก็พอดีตาลได้ยินว่าชัชเข้าออฟฟิส เลยแวะมาหา ว่าจะมาคุยธุระด้วยหน่อย แต่เห็นชัชกำลังเพลินตาลเลยไม่อยากขัดจังหวะ”
     “เพลินอาไร๊! คุยงานเครียดจะตายครับ ข่มตบะตัวเองแทบแย่แน่ะ หึๆ”
     “อดอยากรึไงจ้ะ”
     มุกนี้ทำผมสตั้นไปเลยครับ ผมเดาทางเธอไม่ถูกจริงๆ ผมอ่านสีหน้าน้ำตาลไม่ออกแม้เธอจะยิ้มอยู่ก็ตาม แววตาดูถูกนั่น... ผมไม่รู้ว่าเธอด่าผมหรือสะใจใคร?
     “เปล่า... แต่ชัชเป็นผู้ชายธรรมดาๆ นะตาล มีของหวานมาจ่อถึงปากมันก็ต้องมีหิวบ้างเป็นธรรมดา”
     “แล้วน้ำพริกถ้วยเก่าที่บ้านล่ะ เด็กคนนั้นรสชาติไม่ถูกปากกินไม่อิ่มเหรอ?”
     แม่ง! แค้นผมชัวร์ๆ น้ำตาลยังเกลียดผมเรื่องนั้นอยู่แน่ๆ ครับ
     “ก็ต้นไม่ใช่อาหารนี่ตาล สำหรับชัชต้นเป็นมากกว่านั้น เมื่อก่อนชัชอาจจะเป็นผู้ชายไม่ได้เรื่อง แต่ต้นคือคนที่เติมเต็มชัชให้เป็นผู้เป็นคนขึ้นมา”
     “ซึ้งจังนะ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากชัช”
     “ชัชก็ไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าตัวเองจะเปลี่ยนไปเพื่อใครได้ขนาดนี้ ต้นถึงพิเศษสำหรับชัชมากๆ ชัชอยากให้ตาลดีใจกับชัชนะ”
     “รัก...มาก ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
     “ครับ รักแบบที่ไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อน”
     ผมเล่นเกมจ้องตากับเธอ ถึงผมจะแก้ไขเรื่องในอดีตระหว่างผมกับน้ำตาลไม่ได้ แต่อย่างน้อยผมก็อยากบอกเธอว่าผมพบรักแท้ของผมแล้ว และหวังว่าเธอจะให้อภัยผม
     “น่าดีใจแทนเด็กคนนั้นนะ ทั้งๆ ที่เป็นแค่เด็กผู้ชายแท้ๆ แต่จับชัชได้อยู่หมัดเชียว เด็กคนนั้นมีอะไรพิเศษเหรอ เพื่อตาลจะลองเอาไปใช้บ้าง ถ้าจับเสืออย่างชัชได้ผู้ชายทั่วๆ ไปก็คงไม่ยาก”
     “ความดีไงตาล เพราะชัชมันเลว พอได้เจอคนดีๆ ชัชถึงได้รู้ตัว แต่ชัชมันโง่ชัชถึงได้ปล่อยให้ผู้หญิงดีๆ หลุดมือไปหลายต่อหลายครั้ง ถ้าชัชไม่เห็นต้นเกือบตายต่อหน้าต่อตาด้วยฝีมือตัวเองป่านนี้ชัชก็คงยังไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่ชัชทำกับต้นขนาดนั้น แต่ต้นก็ยังให้อภัยชัชอยู่เสมอ ยังอยู่เคียงข้างชัชมาตลอด อดทนกับความเลวของชัช คนที่รักชัชถึงขนาดนั้น ถ้าชัชยังปล่อยให้หลุดมืออีกชัชก็โคตรโง่เกินเยียวยาแล้ว”
     “งั้นคราวนี้ก็รักษาไว้ให้ดีล่ะ ตาลว่าบนโลกนี้คงหาคนที่ทนชัชได้ขนาดนั้นยากแล้วล่ะ”
     “ครับ แฟนเก่าชัชก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน”
     ผมไม่รู้ว่าน้ำตาลจะให้อภัยผมมั้ย? แต่ผมอยากให้เธอเลิกยึดติดกับอดีตเสียทีครับ การขุดเอาความทรงจำอันเจ็บปวดขึ้นมาทำร้ายกันแบบนี้มันบั่นทอนบรรยากาศชัดๆ ผมยังต้องทำงานกับเธออีกนาน ต่อให้เธอไม่ทำเพื่อผม เพื่องานของเรา ผมก็อยากให้เธอทำเพื่อตัวเอง ยิ่งน้ำตาลปล่อยวางความเกลียดชังในใจได้เมื่อไหร่เธอก็จะสบายเร็วเท่านั้น ทั้งๆ ที่น้ำตาลยังสาวยังสวย แต่เธอกลับไม่เชื่อมั่นในความรักแถมยังเกลียดผู้ชายอีก ผมไม่ได้โลกสวยคิดว่าคนเราต้องแต่งงานกันด้วยความรักเท่านั้น เพียงแต่ในโลกนี้คนที่แต่งงานกันเพราะความเหมาะสมมันก็มีอยู่อีกมาก หลายๆ คู่ไปกันไม่รอดแต่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ช่วยกันดูแลลูก แต่น้ำตาลเธอกอดความแค้นเอาไว้ ทั้งทิฐิและศักดิ์ศรีบ่มกับความแค้นจนกลายเป็นความทุกข์กัดกินจิตใจ ไหนจะต้องเหนื่อยทำงานหนักเพื่อลูก ชีวิตยังต้องมาคอยเป็นทุกข์กับเรื่องเลวร้ายที่ไม่ยอมปล่อยวางอีก ผมสงสารเธอ
     “ว่าแต่มาหาชัช ตาลมีอะไรเหรอครับ?”
     น้ำตาลที่ปรับอารมณ์ได้แล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือ มันเป็นการ์ดสีแดงพิมพ์ตัวอักษรสีทองรูปแบบแลดูคุ้นตา ผมพลิกการ์ดในมือเพื่ออ่านรายละเอียด
     “หือ? พันศักดิ์ ไอ้พันจะแต่งงาน!”
     “ใช่”
     ภาพของเพื่อนสมัยเรียนผุดขึ้นในความทรงจำ ชายรูปร่างสันทัดใบหน้าอย่างคนมีเชื้อจีนแต่ดันฟันเหยิน แถมยังใส่แว่นหนาเตอะหวีผมแสกกลางใส่เจลจัดแต่งทรงผมซะเรียบแปล้ คนที่กินแห้วไร้หญิงตลอดเวลาห้าปีที่เรียนมาด้วยกัน ในที่สุดไอ้พันคนนั้นก็จะได้แต่งงาน ฮ่าๆ
     “ตาลได้ข่าวมาจากไหนเนี่ย ชัชยังไม่รู้เลย ไม่เห็นมีใครบอก”
     หนอยๆ ไอ้เพื่อนตัวดี ถึงผมจะไม่ค่อยได้ติดต่อกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนมากเท่ากับเพื่อนในสายงานหรือไอ้เอก แต่ผมก็ยังโทรคุยกับพวกมันบางคนอยู่นะครับ เพราะเพื่อนร่วมรุ่นบางคนก็เจอกันตามห้องยาออกบ่อย ถึงจะไม่ได้ซี้ย่ำปึกกันเท่าเพื่อนในกลุ่มของผมแต่ใจคอพวกมันจะไม่มีใครส่ง ข่าวมาบอกผมเลยเหรอ ไอ้พวกเวรนั่นมันก็เสือกปิดปากเงียบไม่มาบอกผมกันซักคน!
     “ตาลก็เพิ่งรู้ค่ะ เห็นว่าการ์ดเพิ่งออกจากโรงพิมพ์สดๆ ร้อนๆ เลยมั้ง พอดีตาลรู้จักกับเพื่อนเจ้าสาวน่ะ เขารู้ว่าตาลกับพันรุ่นเดียวกันเลยเอาการ์ดมาให้ตาลก่อน”
     “เหรอ? แล้วเจ้าสาวเป็นใครล่ะ?”
     “น้องเซลล์ที่บริษัทเก่าตาลน่ะ”
     “วงการนี้มันแคบเนอะ”
     “ตาลว่าพันมากกว่า เห็นว่าวันๆ ก็เอาแต่อยู่เฝ้าร้านขายยา คงมีโอกาสเลือกหรอก ได้แต่งงานก็ดีเท่าไหร่แล้วชัช”
     “เออว่ะ ฮ่าๆ”
     ผมอดหัวเราะเมื่อนึกถึงได้ลูกชายคนเดียวของเตี่ยสุดประเสริฐคนนั้นไม่ได้ มันมุ่งมั่นเรียนเภสัชตั้งใจคว้าเกียรตินิยมเพื่อไปดูแลร้านขายยาเล็กๆ ของพ่อแม่มันเนี่ยนะ ฮ่าๆ
     “หึๆ งี้ต้องโทรไปแซวมันหน่อยแล้ว”
     “อ๊ะ อ๊ะ แน่ใจเร้อ? ระวังโดนทวงสัญญานะ”
     “หือ? สัญญาอะไรครับ?”
     “ชัชลืมจริงๆ ด้วยฮ่าๆ อย่างที่ยุทธบอกไว้เลย”
     ชื่อบุคคลที่สี่ปรากฏขึ้นในการสนทนา ยุทธ? ไอ้ยุทธ? ทำไมวะ?
     “อะไร? ไอ้ยุทธทำไมเหรอ?”
     “ก็ตาลโทรไปแสดงความยินดีกับพันมา พอดียุทธอยู่กับพันด้วยมั้ง อ๊ะ! ชัชรู้รึเปล่าว่ายุทธเป็นพ่องานครั้งนี้นะ ถ้างานนี้พันไม่ได้ยุทธก็คงจีบน้องเขาไม่ติดหรอก แล้วทีนี้ยุทธเขาก็เลยมาคุยกับตาล ย้ำว่าอย่าเพิ่งบอกชัช พวกเขาจะมาบอกชัชเอง ตาลก็เลยถามว่ามีเรื่องอะไรกัน แต่ยุทธ... อืม... ตาลไม่บอกดีกว่า เอาเป็นว่า เพื่อนๆ คิดถึงนะคะคุณชัยชัช แล้วก็... ตาลแนะนำด้วยความหวังดีนะ เตรียมตัวเตรียมเงินไว้เยอะๆ ก็แล้วกัน อย่าลืมเขียนคำร้องขออนุญาตกับคนที่บ้านด้วยล่ะ แล้วตาลจะเอาใจช่วยจากฝั่งเพื่อนเจ้าสาวค่ะ”
     ว่าแล้วเธอก็นวยนาดเดินออกจากห้องไปทิ้งผมไว้กับความงง น้ำตาลหมายความว่ายังไงวะ? ผมงงไปหมดแล้ว!

     ผมขับรถกลับคอนโดโดยละทิ้งเรื่องงี่เง่าไว้เบื้องหลัง ทั้งลูกทีมห่วยแตกกับเรื่องเพื่อนซี้กำลังจะมีครอบครัว ผมไม่อยากแบกเรื่องปวดหัวกลับไปเครียดต่อครับ ขี้เกียจ เวลาอยู่บ้านคือเวลาที่เราควรจะพักผ่อน และผมก็เหนื่อยมากด้วย อยากผ่อนคลายเต็มแก่ ผมถึงได้สงสัยมากกว่าต้นมันทำอะไรกับผม เพราะเพียงแค่ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องได้กลิ่นแกงส้มหอมๆ จากฝีมือเมียที่ยืนปรุงอยู่หน้าเตาผมก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
     “อ้าว! สวัสดีครับพี่ชัช วันนี้กลับเร็วจัง?”
     สุดที่รักของผมหันมายิ้มทักทายแล้วกลับไปง่วนอยู่กับแกงส้มในหม้อต่อ
     “วันนี้รถไม่ติดน่ะครับ”
     ผมตอบพร้อมถอดรองเท้าเก็บเข้าตู้ พอวางกระเป๋าปลดสำภาระเสร็จผมก็เดินไปหามัน
     “ทำไรครับเนี่ย? หอมจัง”
     แฟนผมเอวเล็กดีจริงๆ โอบง่ายดีครับ อดไม่ได้ที่จะขอหากำไรนิดๆ หน่อยๆ ด้วยการหอมแก้มมัน แม้แก้มใสๆ นั้นจะชื้นไอน้ำที่ระเหยจากหม้อแกงส้มก็ตาม มันยืนหน้ามันอยู่หน้าเตาก็เพื่อผม
     “แกงส้มครับ แต่เป็นแบบผักรวมใส่กุ้งนะครับ ”
     แค่ได้กลิ่นก็น้ำลายสอแล้วคร้าบ
     “นี่ใช้สำเร็จหรือพริกแกงครับเนี่ย สีดูเข้มข้นดีจัง”
     “พริกแกงเจ้าโปรดของพี่ชัชนั่นแหละครับ พอดีผมแวะตลาด ได้ไก่ต้มน้ำปลาเจ้านั้นมาให้พี่ด้วยนะครับ”
     ต้นมันหันมาตอบ ยิ้มไปทำอาหารไป มือก็คนแกงในหม้อ ท่าทีที่มันหันมายิ้มบอกผมอย่างร่าเริงว่ามันซื้อของชอบผมกลับมาได้นี่โคตร ปลื้มเลยครับ ตาเป็นประกายเชียว ผมจินตนาการถึงนิสิตหนุ่มต้องสะพายเป้ไปเดินตลาด ในมือถือทั้งถุงผักสดและเครื่องพริกแกงพะรุงพะรังด้วยถุงอาหารสำเร็จแล้วก็ชุ่มชื่นหัวใจเป็นบ้า! เมียแบบนี้จะไม่ให้รักไม่ให้หลงได้ไงคร้าบ ต้นมันแสนดีจริงๆ
     “ลาภปากพี่อีกแล้ว”
     ผมโชคดีจริงๆ ที่ได้มันเป็นเมีย
     “คร้าบ แต่ยังไม่เสร็จเลย ข้าวก็เพิ่งหุงเองครับ คงอีกซักพัก พี่ชัชไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนก็ได้ กลับมาเหนื่อยๆ”
     ผมปล่อยมือจากเอวมันตามข้อเสนอ
     “ครับ งั้นพี่ขอไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะมาช่วย”
     ต้นมันหัวเราะก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ แล้วเหล่มองผม ถึงผมจะพูดแบบนั้น แต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีอะไรเหลือให้ผมช่วยหรอก ต้นมันคงทำทุกอย่างเสร็จพอดี วันนั้นผมกินข้าวเย็นอย่างมีความสุขครับ ไม่ดิ ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้กินข้าวกับมันนั่นแหละ พอกินข้าวเสร็จผมก็ช่วยมันเก็บโต๊ะ ตอนที่มันไปอาบน้ำผมก็นั่งดูข่าวสารบ้านเมืองรอ พวกเรานั่งดูละครตบตีแย่งพระเอกกันได้ซักพักก็เบื่อ ผมเลยชวนมันไปนอน ต้นมันปิดหนังสือในมือแล้วก็เดินตามผมเข้าห้องนอน ถึงผมจะชวนมันมานอนแต่ก็ไม่ได้ง่วงอะไรนักหนา ใจจริงแค่อยากมานอนกอดมันเท่านั้นแหละครับ แต่ไอ้ต้นมันเล่นขึ้นเตียงได้ก็ทำซูชิผ้านวมกะหลับเต็มที่เลย
     “อ๊ะพี่ชัช!”
     “กอดหน่อยนะที่รัก”
     “แค่กอดจริงๆ นะครับ?”
     ฮ่าๆ เสียงของมันดูลังเล คงเพราะผมทั้งกอดทั้งรัดมันละมั้ง ใครใช้ให้มันดูแลตัวเองดีล่ะ ผิวโคตรดี ผมก็เลยลูบๆ คลำๆ เพลินดิ แก้มก็เนียนเลยโดนแถมด้วยการหอมแก้มอีกสามฟอด การได้กอดคนที่เรารักมันสบายใจแบบนี้นี่เองครับ
     “แค่กอดจริงๆ คร้าบ นอนเฉยๆ อย่างเดียวน่ะ”
     “แต่... กอดแล้วทำไมต้องจ้องผมแบบนี้ด้วยครับ?”
     “ทำไมอ่ะ อยากมองหน้าเมียไง”
     “อื้อ!”
     ต้นมันประท้วงแล้วยิ้มแปลกๆ ให้ผม สีหน้ามันดูงงๆ แต่ก็เขินอายอยู่ในที
     “อารมณ์ไหนครับเนี่ย?”
     มันอมยิ้มหน่อยๆ เหมือนกลั้นหัวเราะโดยมีสีแดงจางๆ แต้มอยู่บนแก้มบ่งบอกอาการชัดเจนว่ามันเขินผม ผมลูบหัวมันเล่นแล้วบรรจงจูบเบาๆ ลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลานั่น คนที่ทำให้ผมอยากทะนุถนอมปกป้องได้มีแต่มันคนเดียวจริงๆ นับตั้งแต่วันแรกที่ผมเผลอสบเข้ากับดวงตาสีดำสนิทอมทุกข์ของมันผมก็ละสายตาจากเด็กเลี้ยงแกะคนนี้ไม่ได้ ผมยอมตกหลุมพรางของมันทั้งๆ ที่รู้ว่าถูกหลอกเพราะผมไม่อยากเห็นมันร้องไห้หรือทำหน้าหว้าเหว่อย่างที่มันชอบทำ ถ้านี่ไม่ใช่ความรักแล้วมันคืออะไรกันล่ะครับ ความหลงทำให้ผมหน้ามืดตามัวเรียกผู้ชายด้วยกันว่าเมียไม่ได้หรอก
     “อารมณ์รักเมียครับ”
     พอได้ยินคำหยอดของผมมันก็หลุดขำออกมาพรืดใหญ่ ต้นหัวเราะน้อยๆ แล้วยิ้มให้ผม
     “ปากหวานเกินไปแล้วครับ”
     “ชิมมั้ยครับ?”
     ทั้งๆ ที่มันทุบไหล่ผมแต่มันก็ยังอุตส่าหลับตาลงแล้วเชิดคางขึ้นให้ผมก้มลงไปพิสูจน์อย่างเต็มใจ ผมพยายามคิดว่าเคยมีใครทำให้ผมอยากทะนุถนอมแบบนี้มาก่อนรึเปล่า? แต่คำตอบคือไม่ ผมรู้แล้วล่ะว่าผมรักมันเพราะอะไร ผมรักต้นเพราะตัวมันนั่นแหละ เพราะตัวตนของมัน นิสัยของมัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่หล่อหลอมมาเป็นมัน สิ่งที่มันแสดงออกกับผม ไม่เคยมีใครดีกับผมอย่างนี้มาก่อน เรื่องง่ายๆ แค่นี้แหละที่ทำให้ผมรักมันโดยไม่สนใจว่ามันเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ผมรู้แต่ว่าต้นรักผม และผมก็รักมันเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

     แล้วผมก็ได้รู้ว่าเกลอเก่าของผมมีแผนระยำอะไร! จู่ๆ วันหยุดที่แสนสงบสุขของผมก็ถูกรบกวน พวกมันนัดผมไปทานข้าว ไอ้ตอนแรกผมก็นึกว่าพวกมันคงจะบอกเรื่องงานแต่งไอ้พัน ไอ้ชิบหาย! พวกมันตั้งใจถล่มผมชัดๆ
     เรื่องมันเริ่มจากความปากดีของผมตอนเมาเมื่อห้าปีก่อน ผมเสือกไปท้าพนันกับพวกมันไว้ว่าหากใครได้แต่งงานเป็นคนสุดท้ายต้องเป็นเจ้ามือจัดปาร์ตี้สละโสดแบบสุดเหวี่ยงให้คนอื่นที่เหลือ สารภาพว่าผมกะจะสุดเหวี่ยงเองนั่นแหละ ไม่เคยคิดเลยว่าจะโดนไอ้พันตัดหน้า ก็ตอนนั้นผมกำลังไปได้ดีกับฟ่าง เป็นช่วงอินเลิฟสุดๆ เลยล่ะครับ ในกลุ่มพวกเราห้าคนก็แต่งงานไปแค่สอง อุ้มลูกหนึ่ง กำลังจะเข้าห้องหออีกหนึ่ง ผมคิดว่ายังไงผมก็ต้องได้แต่งงานเป็นคนที่สามชัวร์ ใครจะไปคิดว่าสองเดือนหลังจากนั้นไอ้ยุทธก็ต้องรีบตาลีตาเหลือกจัดงานแต่งก่อนที่ขนาดท้องของผู้หญิงจะโตเกินกว่าจะใส่ชุดเจ้าสาวเพราะมันเสือกทำถุงแตก!
     เหลือแต่ผมกับไอ้พัน การดวลกันระหว่างเสือรักความโสดกับราชาไร่แห้ว ของมันก็เห็นๆ กันอยู่ยังไงผมก็ไม่มีทางแพ้! แถมตอนนั้นผมยังคบกับฟ่าง ใครจะไปคิดว่าผมจะโดนทิ้ง กว่าจะผ่านช่วงเวลาอกหัก กว่าจะได้ปลูกต้นรักครั้งใหม่กับไอ้ต้น กาลเวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานจนผมเลยวัยสามสิบและลืมเรื่องนี้เสียสนิท ใครจะไปคิดว่าภายในระยะเวลาห้าปี ไอ้พันหาเมียได้ เวร!
     การ์ดสีแดงที่วางอยู่บนโต๊ะไม่น่าหนักใจเท่าสิ่งที่พวกมันทวงจากผม ไอ้เรื่องเงินเนี่ยไม่เท่าไหร่หรอกครับ เพื่อเพื่อนถึงไหนถึงกัน แต่ไอ้เรื่อง“สุดเหวี่ยง”นี่ดิ ... ขืนไอ้ต้นรู้ชิบหายแน่ครับ!
     “อะไรว้า เดี๋ยวนี้คุณถอดเขี้ยวเล็บแล้วเหรอคุณชัช”
     ผมได้แต่ยิ้ม พูดอะไรไม่ออก จะแกล้งปฏิเสธทำตัวโลกสวยก็ใช่ที่ ไอ้พวกนี้รู้จักไส้ผมแทบทุกขด!
     “พวกคุณไม่รู้อะไร ตอนนี้คุณชัยชัชของเราเขารักเดียวใจเดียวคร้าบ หญิงไม่ยุ่ง ฮ่าๆ”
     เออ! แซวกูเข้าไปไอ้กล้าปากหมา!
     “อะไรวะ คุณเปลี่ยนจากหลังตีนเป็นหน้ามือได้ด้วยเหรอวะ จากเจ้าชู้ฟันไม่เลือกกลายเป็นสงบเสงี่ยม เปลี่ยนกระทั่งรสนิยม”
     ได้ทีก็เอาเชียวนะมึง! ไอ้พงศ์มันแค้นผมมาตั้งแต่ชาติปางไหนวะนั่น ฉวยจังหวะกัดผมได้ทุกเรื่อง
     “เออๆ พวกคุณพูดไปเหอะ ผมยอมว่ะ”
     “กลายเป็นพวกกลัวเมียไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?”
     ใคร๊! ใครว่าผมกลัวไอ้ต้น ผมเกรงใจความดีของมันหรอก อย่างผมเนี่ยนะจะกลัวไอ้ต้น เหอะๆ ไม่มีทางครับ
     “ไม่ได้กลัว แต่ผมเกรงใจน้องเขา”
     ผมปฏิเสธแต่ไอ้ยุทธมันทำท่าไม่เชื่อ มันหัวเราะเยาะใส่ผมก่อนจะถามต่อ
     “นี่ผมบอกตามตรงนะ ตอนที่ได้ข่าวแฟนคนล่าสุดของคุณ ผมตกใจมากเลย ไม่คิดว่าคุณจะเบี่ยงเบน มันเกิดอะไรขึ้นวะคุณชัช?”
     “เห็นกันมาตั้งนาน โธ่... ไม่น่าเลยเพื่อนชัช”
     “ไอ้คุณกล้าครับ ผมยังไม่ตายครับ!”
     “ฮ่าๆ”
     “มันเริ่มได้ยังไงวะ? เฮ้ย! หรือคุณเป็นอยู่แล้วแต่แอบปิดไว้ ที่ผ่านๆ มาเคยคิดอะไรกับผมป่าววะ?”
     ไอ้หมากล้า! เอาใหญ่เชียวนะมึง! ปากหมาใส่กูไม่เลิกคอยดูเหอะกูจะแช่งให้มึงเจอลูกเขยกวนตีนแบบที่มึงทำกับพ่อตา!
     “คิดครับคุณกล้า ผมคิดมาตลอดจนถึงตอนนี้ก็ยังคิดอยู่”
     “คิดอะไรคร้าบ? ฮ่าๆ”
     ผมฉีกยิ้มให้มันแล้วตะโกนด่า!
     “คิดอยากกระทืบมึงโว้ย! กูไม่น่าช่วยมึงจีบเมียเลยไอ้เวร! ปากหมาใส่กูอยู่นั่นแหละ เลิกแซวกูได้แล้ว!”
     “ฮ่าๆ”
     ผมไม่น่าช่วยมันเล้ย! ไม่งั้นมันก็คงไม่มาปากเสียข่มผมแบบนี้หรอก อยากรู้นักถ้าตอนนั้นผมไม่ช่วยทุกวันนี้มันจะได้อุ้มลูกมั้ย เพราะเด็กคนนั้นดันมาปิ๊งผมก่อนด้วยซ้ำ ไอ้ผมก็อุตส่าเสียสละให้เพื่อน เห็นเพื่อนรักอยากได้ทำเมียจริงใจเกินร้อยผมเลยยอมถอยแถมยังช่วยมันจีบ ที่ไหนได้ กลับมาปากหมาใส่ผม!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2014 01:22:11 โดย AI.NoR »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด