พิมพ์หน้านี้ - [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: AI.NoR ที่ 13-05-2014 23:41:44

หัวข้อ: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 13-05-2014 23:41:44
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย
หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบกรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลงหรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับนิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




https://www.facebook.com/AZI824

มาแจ้งว่า AzureICE เปิดเพจใหม่แล้วเน้อ เชิญไปกดไลค์กันได้ตามอัธยาศัย

"แค่ 1like ของท่านก็เป็นกำลังใจให้กับคนเขียนได้อื้อเลยจ้า"

     จริงๆ อันเก่าปิดไปเพราะเปลี่ยนเฟซหลัก มันเลยปิดตาม (*มีเหตุผลส่วนตัวนิดหน่อย)
     แฟนๆ #พี่ชัชน้องต้น ตามไปกดถูกใจกันใหม่ได้น้า  อยากให้ช่วยกดไลค์กันหน่อยจ้า  :hao5:
หัวข้อ: #ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ# สารบัญ ภาค1+2 & CHARACTER
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 13-05-2014 23:45:06
(http://image.ohozaa.com/i/e05/NtE1OI.gif)

ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ

เมื่อหมาป่าเจ้าอารมณ์โคจรมาพบกับเด็กเลี้ยงแกะจอมดราม่า อะไรจะเกิดขึ้น?

     เรื่องราวความรักระหว่างต้นน้ำ เด็กหนุ่มเตรียมแอดมิชชั่นอายุ 18 ที่มีปัญหาส่วนตัวเรื่องครอบครัว กับชัยชัชเซลล์ขายยาหนุ่มอายุล่วงเข้าเลข 3X ที่พึ่งจะโดนแฟนสาวบอกเลิกหนีไปคบทอม คนทั้งสองจะรักกันได้อย่างไรในเมื่อคนนึงก็แสนจะเก็บกด สตอร์เบอร์รี่เรียกพี่ อีกคนก็ขี้โมโห เลือดขึ้นหน้าทีไรละก็อย่างกับก็อตซิล่าทำลายเมือง!
     ความรักที่มีสันดานเป็นอุปสรรคจะจบลงเช่นไร? ต้นน้ำจะหลอกล่อชัยชัชด้วยวิธีไหน? แล้วชัยชัชล่ะ เขาจะเปิดใจรักต้นน้ำได้หรือไม่? โปรดติดตาม
     งานนี้ใครจะอยู่ใครจะไป? หมาป่าจะงาบลูกแกะ หรือเด็กเลี้ยงแกะจะจับหมาป่าลามโซ่ ติดตามความแหลของตัวเอกจอมดราม่าได้ ณ. บัดนี้!
     (*** นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักใสๆ มีฉากกุ๊กกิ๊กนิดหน่อย ไม่ค่อยมีฉากเรท แต่ดราม่าจัดเต็มนะเออ! )


============================================


สารบัญ

ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ปฐมบทแห่งตำนาน"หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ"(จบแล้วจ้า)

- บทนำ : - ##### ที่นี่ คือที่ไหน? ##### - 0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2707004#msg2707004)
- บทที่ 1 : - ##### ตกลงว่าเราเป็นแฟนกัน? (ไม่งั้นผมก็ต้องเป็นผู้ต้องหาคดีพรากผู้เยาว์!?) ##### - 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2707097#msg2707097) , 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2707121#msg2707121)
- บทที่ 2 : - ##### บางที การที่อยู่ๆ ก็มีน้องชายมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ ตัวก็ถือเป็นเรื่องดี ##### - 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2713597#msg2713597) , 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2720658#msg2720658)
- บทที่ 3 : - ##### เป็นเด็กพี่ เอ้ย! เป็นน้องพี่ เดี๋ยวพี่ดูแลเอง ##### - 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2722465#msg2722465) , 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2723252#msg2723252)
- บทที่ 4 : - ##### ผู้ชายที่ดีควรรับผิดชอบคำสัญญาให้ได้ทุกคำพูด (แต่การลวนลามนิดๆ หน่อยไม่ถือเป็นการทำร้ายนะครับ!) ##### - 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2748276#msg2748276) , 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2751720#msg2751720) , 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2754178#msg2754178)
- บทที่ 5 : - ##### ฉลองปีใหม่ และความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นในใจ ##### - 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2757035#msg2757035) , 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2762964#msg2762964)
- บทคั่น : - ##### หมาป่าราศีเมษและลูกแกะราศีมังกร ##### - 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2765781#msg2765781)
- บทที่ 6 : - ##### เด็กเลี้ยงแกะผู้เฝ้ามองหมาป่า ##### - 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2767482#msg2767482) , 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2768725#msg2768725) , 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2770897#msg2770897)
- บทที่ 7 : - ##### ความรักของเด็กเลี้ยงแกะ ##### - 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2799278#msg2799278) , 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2800594#msg2800594)
- บทที่ 8 : - ##### ความลับของเด็กเลี้ยงแกะ ##### - 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2805289#msg2805289) , 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2812890#msg2812890)
- บทที่ 9 : - ##### เด็กเลี้ยงแกะที่ชื่อต้นน้ำ ##### - 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2815875#msg2815875) , 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2820139#msg2820139)
- บทที่ 10 : - ##### น้ำตาของเด็กเลี้ยงแกะ ##### - 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2821883#msg2821883) , 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2821897#msg2821897)
- บทคั่น : - ##### บทเรียนชีวิตของเด็กเลี้ยงแกะ ##### - 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2824851#msg2824851)
- บทสุดท้าย : - ##### บทสรุปของความรักระหว่างหมาป่าและเด็กเลี้ยงแกะ ##### - 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2826572#msg2826572)

- ตอนพิเศษ 1 - ##### ตัวหมากที่ชื่อแม็กซ์ ##### - 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2828273#msg2828273)
- ตอนพิเศษ 2 - ##### ราชาหมาป่างี่เง่าVSเด็กเลี้ยงแกะจอมดราม่า ##### - 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2835199#msg2835199)


============================================

(http://image.ohozaa.com/i/5b1/ACjTad.gif)


Drama Queen & Dumb King ↔ The story after that.

ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ และ เรื่องราวหลังจากนั้น (จบแล้วน้า)

     เรื่องราวภาคต่อจาก "ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ" คราวนี้น้องต้นโตแล้ว กลายเป็นหนุ่มมหาลัยปี 2 และพี่ชัชก็หื่นขึ้นกว่าเดิม เป็นคุณลุงจอมลามกที่แสนเจ้าเล่ห์
     แต่เรื่องมันไม่ง่ายสิ ก็น้องต้นโตขึ้น สังคมก็กว้างขึ้น แถมยังรู้จักเปิดใจรับเพื่อนใหม่ๆ อีกเพียบ พี่ชัชที่หวงเมียยิ่งกว่าหมาหวงก้างจะทำเช่นไรดีละเนี่ย? ตัวเองก็แก่ขึ้นทุกวันๆ แต่เมียดันน่ากินมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีคนจ้องจะตีท้ายครัวอยู่เพียบ!
     เชิญพบกับเรื่องวุ่นๆ ของต้นน้ำภาคใหม่ที่ขนผองเพื่อนเด็กมหาลัยมาให้ฟินกันอื้อเลยจ้า อ้อแน่นอนว่า"เมษ"มาด้วยอยู่แล้ว ก็บอกละว่าสองคนนี้เขาแท็คทีมกัน แล้วยังมีสุดยอดชายหนุ่มผู้เสียสละแห่งปี"แม็กซ์"ที่กลับมารียูเนี่ยนกันกับต้นน้ำอีกครั้ง ร่วมป่วนไปด้วยหนุ่มKYสุดเป๋อ"อาร์ม" และหนุ่มAKYสุดซ่า"ไปป์"
     งานนี้จะวุ่น ป่วน ชวนสนุกไปกับความดราม่าขนาดไหนต้องติดตามชม หึ หึ.
     (*** นิยายเรื่องนี้ขายความดราม่านะเออ! มันจะหน่วงจิต ปวดตับ อึดอัด และมันส์กว่าเดิม คนแต่งไม่ได้เน้นฉากหื่นจริงจริ๊ง ฮารงฮาเรมไม่มี๊ เป็นนิยายรักตีแผ่ศิลปะการใช้ชีวิตคู่ การปรับตัวในสังคม และความสัมพันธ์ในหมู่เพื่อนจ้า)


============================================


Character (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2837750#msg2837750)

สารบัญ

ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ และ เรื่องราวหลังจากนั้น

STORY 1 after that. - พี่ชัชน้องต้น # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2838623#msg2838623)
STORY 2 after that. - การกลับมาของแม็กซ์ # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2839574#msg2839574)
STORY 3 after that. - เมื่อหมาป่าจะงาบลูกแกะ # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2850162#msg2850162)
STORY 4 after that. - ชีวิตของเด็กเลี้ยงแกะและหมาป่า # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2850612#msg2850612)
STORY 5 after that. - เด็กเลี้ยงแกะและผองเพื่อน # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2851247#msg2851247)
STORY 6 after that. - ดราม่าของเด็กเลี้ยงแกะ # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2854264#msg2854264)
STORY 7 after that. - เมื่อเด็กเลี้ยงแกะไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2855909#msg2855909)
STORY 8 after that. - วันรวมญาติของหมาป่า # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2861156#msg2861156)
STORY 9 after that. - เด็กเลี้ยงแกะและลูกหมาป่า # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2862960#msg2862960)
STORY 10 after that. - เด็กเลี้ยงแกะและข่าวลือ # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2864292#msg2864292)
STORY 11 after that. - มรสุมของเด็กเลี้ยงแกะ # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2864793#msg2864793)
STORY 12 after that. - วันสำคัญของเด็กเลี้ยงแกะ # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2867038#msg2867038)
STORY 13 after that. - ครอบครัวของเด็กเลี้ยงแกะ # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2869248#msg2869248)
STORY 14 after that. - ความหวาดกลัวของเด็กเลี้ยงแกะ # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2869436#msg2869436)
STORY 15 after that. - ตัวตนของเด็กเลี้ยงแกะ # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2869844#msg2869844)
STORY 16 after that. - เปิดตัวคนรักของเด็กเลี้ยงแกะ # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2871369#msg2871369)
STORY 17 after that. - ความชั่วร้ายของหมาป่า # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2872023#msg2872023)
STORY 18 after that. - ความโหดร้ายของหมาป่า # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2872767#msg2872767)
STORY 19 after that. - ความโชคร้ายของเด็กเลี้ยงแกะ # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2873424#msg2873424)
STORY 20 after that. - เรื่องเลวร้ายที่เกิด # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2873586#msg2873586)
STORY 21 after that. - ฉากจบ # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2876134#msg2876134)
STORY 22 after that. - ชีวิตที่ยังต้องเดินต่อไป # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2877240#msg2877240)
STORY 23 after that. - เรื่องราวของผม # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2884284#msg2884284)
STORY 24 after that. - แล้วเรื่องก็จบอย่างมีความสุข # 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2890785#msg2890785) -END-

STORY พิเศษ# after that.
ตอนพิเศษ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2839150#msg2839150) # เมื่อหมาป่า(ติดใจ)อยากงาบลูกแกะขี้ระแวง(อีกครั้ง)
ตอนพิเศษ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2854186#msg2854186) # สายธาร พิสุทธิจักร
ตอนพิเศษ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2855566#msg2855566) # บทสนทนาระหว่างแม็กซ์และกาย
ตอนพิเศษ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2860384#msg2860384) # "...มีปัญหา ใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่"
ตอนพิเศษ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2862850#msg2862850) # ขอบคุณที่รักกัน
ตอนพิเศษ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2863754#msg2863754) # พี่ต้น น้องเตอร์
ตอนพิเศษ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2863798#msg2863798) # เด็กเลี้ยงแกะและสาวน้อยราศีเมษ
ตอนพิเศษ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2863850#msg2863850) # ขอให้เรามีกันและกันตลอดไป
ตอนพิเศษ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2863880#msg2863880) # ขอแค่ได้รัก
ตอนพิเศษ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2864773#msg2864773) # วันธรรมดาๆ ของหมาป่ากับลูกแกะ
ตอนพิเศษ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2864970#msg2864970) # เจ้าหญิงเอาแต่ใจ Vs แม่มดร้าย
ตอนพิเศษ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2869194#msg2869194) # ลูกแมวเหมียว&พญาเหยี่ยว
ตอนพิเศษ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2869406#msg2869406) # “ข้อห้ามของเด็กดี” พ่อทูนหัว&เทวดาตัวน้อย
ตอนพิเศษ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2869462#msg2869462) # เด็กซื่อบื้อคนนั้นของธันย์
ตอนพิเศษ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2872662#msg2872662) # P1P2 ป่าน&ไปป์
ตอนพิเศษ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2887106#msg2887106) # ราชินีตัวร้าย ปะทะ เจ้าชายไซเบอร์
ตอนพิเศษ PockyDAY (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2871270#msg2871270) # ตอนพิเศษเกี่ยวกับต้นน้ำ ป็อกกี้ และ ...
อีเวนท์พิเศษ ปีใหม่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2912139#msg2912139) # สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม
อีเวนท์พิเศษ วันเกิด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.msg2950553#msg2950553) # แค่อยากให้เราได้อยู่ด้วยกัน


============================================

 

(http://image.ohozaa.com/i/f04/pz3qC0.gif)

ขอบพระคุณสำหรับการติดตามและทุกๆ กำลังใจน้า รักคนอ่านทุกคนมากๆ เลยจ้า  :hao5:

(http://image.ohozaa.com/i/e0c/ySCggk.gif)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว:ภาค1]#ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ#ปฐมบทแห่งตำนาน"หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ"
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 13-05-2014 23:46:05
เมื่อหมาป่าเจ้าอารมณ์โคจรมาพบกับเด็กเลี้ยงแกะจอมดราม่า อะไรจะเกิดขึ้น?

งานนี้ใครจะอยู่ใครจะไป? หมาป่าจะงาบลูกแกะ หรือเด็กเลี้ยงแกะจะจับหมาป่าลามโซ่ ติดตามความแหลของตัวเอกจอมดราม่าได้ ณ. บัดนี้!


เนื้อเรื่องสิ....


- บทนำ -
##### ที่นี่ คือที่ไหน? #####

     เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นกระทันหันทำให้ชัยชัชรู้สึกตัวตื่น เขาสะลึมสะลือพลิกตัวพร้อมๆ กับรับรู้ถึงคลื่นความมึนปนริ้วพะอืดพะอมเล่นงานเสียจนเขารู้สึกอยากกลับไปหลับต่อไม่อยากตื่นให้ประสาทสัมผัสต้องมารับรู้อะไรเป็นอย่างมาก แต่แล้วคิ้วเข้มเป็นแนวบนโครงหน้าได้รูปก็ต้องขมวดมุ่นเพราะสัมผัสของเตียงที่ไม่คุ้นเคยนี้ชวนให้เขารู้สึกประหลาดใจจนต้องเรียกความทรงจำขึ้นมาทบทวน

     เขาจำได้ว่าเมื่อคืนตนต้องพาลูกค้าไปเลี้ยงฉลองล่วงหน้าในวาระคริสมาสต์คูณปีใหม่ แต่ด้วยปัญหาชีวิตบางประการประกอบกับการที่ไม่ต้องไปส่งลูกค้ากลับเลยถือโอกาสปล่อยผีอยู่ดื่มต่อจนเกือบเช้า แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังพอจำได้ว่าอุตส่ากัดฟันขับรถจนกลับมาถึงคอนโดได้สำเร็จ

     ‘แล้ว... หลังจากนั้นล่ะ? เกิดอะไรขึ้น!?’

     ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ในห้องใครก็ไม่รู้เช่นนี้? แถมยังเปลือยล่อนจ้อนทั้งตัว!

     ‘แล้วเด็กผู้ชายคนนี้มันใครวะ?’

     แม้จะรู้โดยสัญชาตญาณว่าตนเมาค้างชัวร์ป๊าบ! แต่สติของชัยชัชกลับแจ่มใสที่สุดในชีวิต!

    ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย!?’

     “อืม...”

     หลังจากที่ปล่อยเสียงครางเล็กๆ ลอดออกมาจากริมฝีปาก แพขนตายาวๆ นั้นก็เริ่มกระพริบตัวเผยให้เห็นนัยน์ตาสีดำสนิทที่ดึงดูดชัยชัชให้เผลอสบตาจนลืมสถานการณ์รอบตัว

     “คุณตื่นแล้วเหรอครับ? ขอโทษที ผมตั้งนาฬิกาไว้ทุกวัน ถ้าคุณง่วงจะนอนต่อก็ได้นะครับ”

     เด็กหนุ่มนิรนามพูดพลางเอื้อมมือไปกดปุ่มปิดเสียงเผยให้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่ม ชัยชัชรู้สึกสับสนยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิต

     ‘ไม่! มันต้องไม่เป็นแบบที่กูคิด นี่มันเกิดเหี้ยอะไรขึ้นวะ นี่กูคงไม่ได้...’

     ปากและลำคอของชัยชัชแห้งผาก สมองครุ่นคิดประมวลผลอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังหาทางออกไม่ทันความปากไวที่ส่งเสียงถามออกไปอย่างห้ามใจตัวเองไม่อยู่

     “น้อง... พี่มาอยู่ที่นี่ได้ไง แล้วเมื่อคืนมันเกิดไรขึ้น? อย่าบอกนะว่าพี่กับน้อง...”

     หลังจากที่คำพูดหลุดออกจากปากจนจบประโยค เจ้าของสายตาแสนดึงดูดคู่นั้นก็เริ่มมีสีหน้าที่เรียกได้ว่าฝันสลาย รอยยิ้มที่ค้างเติ่งอยู่บนใบหน้าดูสิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าตัวทำไหล่ตกพลางเบนสายตาน้ำตาคลอไปยังหัวเตียงพูดขึ้นเบาๆ ว่า

     “คุณชัชจำอะไรไม่ได้เลยเหรอครับ เรื่องของเราสองคนเมื่อคืนนี้?”

     ‘เฮ้ย เดี๋ยวเด่ะ! ทำไมไอ้ประโยคทำนองนี้มันคุ้นๆ วะ?’

     กริ่งสัญญานแห่งความตื่นตระหนกกรีดร้องอยู่ในหัวสมองของชัยชัช

     ไอ้ประโยคพรรณนี้ถ้าหลุดออกมาจากปากสาวๆ ละก็เขาจะไม่ว่าอะไรเลย กำลังอยากหาใหม่อยู่พอดี พูดแล้วก็เจ็บใจ! เขาพร้อมจะรับผิดชอบถึงไหนต่อไหนเลยทีเดียว เผลอๆ คงชวนทบทวนความทรงจำกันซักรอบสองรอบ

     ‘แต่ให้ตายเหอะ! อีกฝ่ายเป็นผู้ชายนะ ไม่ดิ ต้องบอกว่าเด็กผู้ชายด้วยซ้ำ อายุถึงสิบแปดหรือยังก็ไม่รู้!’

     “เอ่อ... พี่จำได้ว่า เมื่อคืน พี่เมามาก ใช่มั้ยครับน้อง? พี่คงเมามากแน่ๆ เลยจำอะไรไม่ค่อยได้ ฮ่าๆ”

     ไม่แม้แต่จะแน่ใจว่าที่พูดไปคือประโยคคำถามหรือพยายามตั้งสติทบทวนตัวเอง ชัยชัชจึงหัวเราะแห้งๆ แก้เก้อก่อนจะยิงเข้าคำถามสำคัญ

     “แล้ว... ตกลงน้องเป็นใครครับ พี่มาอยู่กับน้องที่นี่ได้ยังไง แล้วเรา...?”

     ยังไม่ทันจะได้ถามคำถามโลกแตก อีกฝ่ายที่ดูท่าจะปล่อยโฮได้ตลอดเวลากลับพูดขัดขึ้นเสียก่อน แถมยังมีแอบสูดจมูกซื้ดๆ โชว์ให้เห็นปลายจมูกแดงๆ ที่เริ่มมีสีก่ำไม่แพ้ดวงตาน้ำตาคลอคู่นั้น

     “ช่างเถอะครับ ถ้าคุณชัชนึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร ผมจะถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ครับ”

     ว่าแล้วเจ้าตัวก็ตัดบท ลุกขึ้นโชว์แผ่นหลังขาวๆ กับ... กับเอ่อ... บั้นท้ายขนาดงามๆ น่าขยำยิ่งกว่าก้นแฟ่บๆ ของสาวบางคนที่เขาเคยคั่วเสียอีก ชวนให้อยากลองท่ายากชะมัด!

     แต่เอ๊ะ... ไอ้คราบที่เปื้อนอยู่ตรงต้นขาด้านในนั่นมันอะไรกัน? ปานหรือไฝ? และในขณะที่กำลังจะเพ่งให้ลงลึกถึงรายละเอียดต่อจากการสแกนด้านหลังอีกฝ่ายผ่านๆ ภายในสองวินาที นั้นก็มีเสียง(มาร)สวรรค์มาเบรคเรียกให้คนแอบมองบั้นท้ายชาวบ้านต้องเป็นผู้ฟังที่ดีเงยหน้ามองสบตาคนพูด

     “คุณชัชปวดหัวรึเปล่าครับ ผมจะได้ไปหาอะไรแก้เมาค้างให้คุณ”

     พอพูดจบก็คว้าเสื้อผ้ามาใส่เดินหนีออกไปจากห้อง ทิ้งให้เหลือแต่เพียงคนเมาค้าง ที่ตอนนี้กำลังอารมณ์ค้าง จนเผลอทำตาค้างตามอาการกับอารมณ์

     ‘เดี๋ยวสิครับน้อง อย่าตัดบทพี่แบบน้าน! แล้วไอ้“ถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”ของน้องนั่นทำไมมันถึงได้มีน้ำตาหยดแหมะๆ ไหลเป็นสายแบบนั้นละครับ? แล้วตกลงเมื่อคืนพี่ทำอาร๊าย!’

     เร็วเท่าความคิดคนเมาค้างก็พุ่งตามไป มือของชัยชัชคว้าหมับเข้าที่ข้อมือขาวๆ ของคนตรงหน้า ส่งผลให้อีกฝ่ายหันเอาดวงตาค่าแอคแทคสูงคูณโฮลลี่เทียร์มองโจมตีจนชัยชัชคิดอะไรไม่ออกได้แต่คว้าคนตรงหน้ามากอดแล้วปากก็พล่ามว่า

     “พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ ถึงพี่จะเมาแต่พี่ก็ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ พี่แค่อยากรู้ว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น!”

     ไม่รู้ทำไมพอเห็นสายตาของคนตรงหน้าแล้วเขาใจอ่อนยวบไม่อยากให้ทำสีหน้าผิดหวังแบบนั้นอีก สายตาตัดพ้อที่มีพลังทำลายรุนแรงมหาศาลของเด็กหนุ่มตรงหน้าทำเอาเขาคิดอะไรไม่ออกได้แต่ปลอบไปเรื่อย ขอแค่คนในอ้อมกอดเลิกมองโลกผ่านดวงตาเศร้าๆ คู่นี้เสียที

     และเพราะมัวแต่กอดแถมโปรโมชั่นปลอบให้กับคนในอ้อมอกชัยชัชจึงไม่เห็นสีหน้าแสยะแย้มรอยยิ้มที่สุดแสนจะชั่วร้ายของเด็กหนุ่มในอ้อมกอด และหลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ชัยชัชก็ยังคงถูกหลอกไม่รู้ถึงความร้ายกาจของคนตรงหน้าไปอีกนาน

============================================


 :mc4: ขอแนะนำให้รู้จักตัวเอกผู้เป็นที่สุดแห่ง "3ร" ร้าย/แรง/แรดสมัยยังอ่อนต่อโลก และพระเอกที่อัตราการปรากฏตัวต่ำที่สุดเท่าที่นิยายวายเคยมี "พี่ชัชน้องต้น"

ฝากตัวเอกจอมดราม่าไว้ในหัวใจนักอ่านทุกท่านด้วยนะขอรับ ส่วนพระเอก ช่างมันเหอะ!  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว:ภาค1]#ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ#ปฐมบทแห่งตำนาน"หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ"
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 14-05-2014 01:08:06
เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 1 -
##### ตกลงว่าเราเป็นแฟนกัน? (ไม่งั้นผมก็ต้องเป็นผู้ต้องหาคดีพรากผู้เยาว์!?) #####

     เด็กหนุ่มวางแก้วน้ำมะนาวเย็นเจี๊ยบให้ชายหนุ่มตรงหน้าพลางฝืนใจส่งยิ้มที่คิดว่าคงแลดูอ่อนแอที่สุดไปให้อีกฝ่าย ตอนนี้เขาบอกตัวเองไว้ว่าต้องทำตัวให้น่าสงสารที่สุด ทำยังไงก็ได้ให้คนตรงหน้าหลงกลลวงของเขาให้จงได้!

     “เอ่อ ไม่มีกาแฟเหรอครับน้อง?”

     “มีครับ แต่พี่ชัชเมาค้าง กาแฟมันมีคาเฟอีนนะครับ ไม่ดีต่อสุขภาพของพี่ชัชหรอก ดื่มน้ำมะนาวเย็นๆ จะช่วยให้พี่สร่างเมาได้ดีกว่านะครับ”

     ‘แม่ม... แม่รึเมียวะ โคตรขี้บ่นเลย เฮ้ยไม่ดิ เอ็งยอมรับน้องเขาแบบนี้ได้ไงวะไอ้ชัช! คุกนะว้อยคุก ดูยังไงก็เด็กมัธยมชัดๆ! เฮ้ยไม่ดิ ปัญหาแรกมันอยู่ที่น้องเขาเป็นผู้ชายนะว้อย!’

     “คิดอะไรอยู่เหรอครับ?”

     เสียงของคนตรงหน้าทำเอาระบบความคิดรวนๆ ที่กำลังหาเหตุผลอย่างไร้สาระของชัยชัชสะดุดกึ๊กทันที

     “เอ่อ เปล่าครับน้อง แล้วนี่ น้องรู้จักชื่อพี่ได้ไงครับ? คือ พี่ยังไม่รู้จักน้องเลย”

     “ก็ต้องรู้จักสิครับ”

     เด็กหนุ่มว่าพลางระบายรอยยิ้มแต่งแต้มสีหน้าให้เห็น

     “ก็เมื่อคืนพี่ชัชเล่าอะไรตั้งหลายอย่างให้ผมฟัง ถึงพี่ชัชจะเมาแต่พี่ชัชก็ช่วยสอนผมในหลายๆ เรื่องเลยละครับ”

     ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ยิ้มให้อีกฝ่ายเป็นครั้งที่ล้าน เขาพยายามจะเล่นมุกให้ชายหนุ่มตรงหน้าผ่อนคลาย แต่ชัยชัชกลับเกิดความรู้สึกอยากขำก็ขำไม่ออกอยากร้องไห้ก็ร้องไม่ได้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสถานการณ์ตรงหน้า

     แม้ใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนี้จะพยายามฝืนส่งยิ้มมาให้ แต่ชัยชัชรับรู้ได้ถึงความว่างเปล่าหลังรอยยิ้มนั้น อีกทั้งดวงตาสีดำสนิทดูราวกับหลุมดำที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์คู่นั้นก็ดูอัดอั้นพร้อมที่จะระเบิดออกมาทุกเมื่อ

     เขาเองก็แก่จนอายุปูนนี้แล้ว ทำงานเป็นเซลล์มาก็นานติดต่อพบปะเจอะเจอผู้คนมาตั้งเยอะทำไมจะมองคนไม่ออก เด็กคนนี้ภายนอกพยายามทำตัวเรียบร้อยดูเหมือนคนหัวอ่อนแต่จริงๆ แล้วเป็นพวกดันทุรังหัวแข็งสุดๆ แบบเดียวกับเขาชัดๆ

     “แล้วตกลง เมื่อคืนเรารู้จักกันแบบไหนละครับน้อง?”

     ‘อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ช่างมันละว้อย ขอเสี่ยงดวงดูสักที ระดับไอ้ชัชคนนี้แล้ว ไม่น่ามองพลาด!’

     ทันทีที่ได้ยินเด็กหนุ่มก็เกิดอาการหน้าชาขึ้นมาทันที ความอายที่ไม่เคยคิดว่ามีก็มาเยือนเสียเกร็งจนรู้สึกเจ็บแก้ม แต่ก็ยังอุตส่าฝืนใจตอบอีกฝ่ายออกไป

     ‘ใช่แล้ว! เราจะมามัวอายอะไรอีก ในเมื่อก็ตัดสินใจไปแล้วไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้ได้ ขอเพียงบรรลุจุดประสงค์ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็ไม่แคร์’

     “งั้นเรื่องเมื่อคืนก็ช่างมันเถอะครับ ยังไงผมก็เป็นผู้ชาย ไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว”

     เด็กหนุ่มสูดหายใจรวมรวบความกล้า พร้อมที่จะแกรนด์โอเพ่นนิ่งตัวเองให้อีกฝ่ายได้รับรู้

     “ผมชื่อต้นครับ อยู่คอนโดห้องข้างๆ พี่ชัช”

     “หือ ห้องข้างๆ?”

     ‘ห้องข้างๆ จริงดิวะ? ทำไมกูไม่เคยเห็น นี่แปลว่ากูเมาแล้วขับ กลับถึงคอนโดได้ปลอดภัย แต่มาตกม้าตายเอาอีกก้าวเดียวจะถึงห้องตัวเองเนี่ยนะ?’

     “ใช่ครับ ห้องของพี่ชัชอยู่อีกฝั่งของกำแพงนี้ยังไงละครับ เมื่อคืนพี่เมามาก ผมก็เลยพาพี่มาพักที่ห้องผมก่อน เพราะผมจำได้ว่าพี่อยู่ห้องข้างๆ ผม แต่ว่าจู่ๆ พี่ชัชก็...”

     เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกล่าวต่อ แต่ท่าทางอาการตัวสั่นน้อยๆ ประกอบกับน้ำเสียงเครือหน่อยๆ นั่นมันชวนให้เขารู้สึกผิดราวกับโดนน้ำหนักบาปพันๆ ตันกดทับ!

     “ถือซะว่าผมแค่ผ่านมาดูแลพี่ชัชตอนเมาคืนนึงก็พอครับ เรื่องอื่นน่ะ ช่างมันเถอะ”

     ท้ายประโยคเจ้าตัวยังมีแก่ใจแผ่วเสียงลงอย่างน่าสงสาร

     ‘น้องครับ นางเอกเจ้าน้ำตาช่องเจ็ดยังแพ้เลยครับน้อง!’

     “แล้วครอบครัวน้องละครับ? เอ่อ...อีกอย่าง เท่าที่พี่ดู น้องคงยังอยู่มัธยม เออน้องอายุ...”

     ‘เอาละสิเหวย! มาถึงเรื่องสำคัญที่โคตรลุ้นเลย กูจะโดนพ่อแม่เขามาเอาเรื่องมั้ยวะ?’

     ในอดีตที่ผ่านมาแม้ว่าจะรักสนุกหรือเที่ยวเตร่มากแค่ไหนแต่เขาไม่กล้าทำให้ตัวเองต้องไปเสี่ยงหมดอนาคตนอนคุกนอนตารางอีก มาบัดนี้ชัยชัชนึกไม่ออกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะมาไม้ไหนกับเขากันแน่

     “สิบเจ็ดครับ ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนเรื่องเหตุการณ์เมื่อคืน ผมอยู่คอนโดคนเดียวครับ แม่ผมเป็นแอร์ ไม่ค่อยกลับบ้านอยู่แล้ว”

     ‘เฮ้อ โล่งอก! ไม่มีใครรู้ เฮ้ย! ไม่ใช่ดิวะ ตายห่ะ น้องเขาอายุสิบเจ็ด งี้กูก็พรากผู้เยาว์ไปเต็มๆ เลยดิวะเนี่ย เกิดน้องเขาเอาเรื่อง กูไม่ติดคุกเหรอวะ!’

     “แต่พี่ชัชสบายใจได้นะครับ ผมไม่บอกใครเรื่องของเราหรอกและผมไม่เรียกร้องอะไรจากพี่ชัชด้วย”

     ชั่วแว๊บหนึ่งชัยชัชคิดว่าตัวเองตาไม่ฝาด เขาเห็นรอยยิ้มอวดดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่พยายามแต่งแต้มความเจียมตัวแลดูน่าสงสารของคนตรงหน้า โทสะของยอดเซลล์จึงก่อกำเนิด

     “น้องไม่ได้ต้องการให้พี่รับผิดชอบ งั้นแล้วน้องต้องการอะไรจากพี่ละครับ”

     “การคุยกับผมมันน่าเบื่อมากเหรอครับ?”

     เสียงเรียบๆ ที่ชัยชัชสัมผัสได้ถึงความสั่นสะเทือนแสนเศร้าในน้ำเสียงดังขึ้น

     “หือ? น้องว่าไรนะครับ”

     มาไม้นี้เล่นเอาเขางงตกม้าตายไปต่อไม่เป็นเปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน

     “การที่เรานั่งคุยกันแบบนี้มันน่าเบื่อสำหรับพี่ชัชเหรอครับ? นั่นสินะครับ พี่ชัชคงพอใจความสัมพันธ์ชั่วคราวแบบตื่นมาแล้วทางใครทางมันมากกว่าสินะครับ เหมือนผู้หญิงพวกนั้น”

     ‘เช็ด! นี่น้องเขารู้ละเอียดชะมัดเลยว้อย เผ่นกลับห้องตอนนี้เลยได้มั้ยวะเนี่ย’

     แม้จะยังงงๆ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเด็กหนุ่มตรงหน้าถึงได้รู้ข้อมูลเชิงลึกของเขาเช่นนี้ แต่ชัยชัชก็รู้สึกไม่ดีราวกับกำลังเป็นไอ้หนุ่มแสนเลวหลอกฟันสาวน้อยช่างฝันให้ต้องเปื้อนราคีคาว เสร็จแล้วก็นั่งสูบบุหรี่สบายอารมณ์ก่อนจะโบยบินทิ้งไปอย่างไม่ใยดีปล่อยให้สาวน้อยต้องร้องไห้กระซิกๆ ด่าทอบุรุษแสนเลวแต่เพียงลำพัง

     “พี่ชัชสบายใจเถอะครับ สิ่งที่ผมต้องการก็แค่อยากให้พี่ชัชรู้จักผมก็แค่นั้น ไหนๆ เราก็อยู่ห้องข้างๆ กัน เมื่อคืนก็เป็นครั้งแรกที่ผม ..... ผมก็แค่อยากจะเก็บความทรงจำนั้นเอาไว้ แต่ถ้าพี่ชัชอยากลืม ผมก็จะทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นครับ”

     ‘น้องครับ พี่ยังไม่รู้เลยครับว่าตกลงเมื่อคืนมันเกิดไรขึ้นบ้าง ไม่ใช่ว่าพี่อยากลืมครับ แต่พี่จำไม่ได้ด้วยซ้ำ!’

     “โอเคครับน้องต้น อย่าพึ่งดราม่าครับน้อง คือพี่ ..... พี่ยังงงๆ อยู่ พี่ว่าถ้ายังไงพี่ขอกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พักผ่อนให้หัวมันโล่งๆ ก่อนได้มั้ยครับ? ตอนบ่ายพี่ต้องเข้าบริษัทด้วย ถึงตอนนั้นเราค่อยมาคุยกันอีกที ดีมั้ยครับ?”

     “แล้วแต่พี่ชัชละกันครับ ผมไม่ได้กะขายห้องหนีไปไหนอยู่แล้ว”

     ‘แล้วแต่ละทำไมต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นละครับน้อง!’

     ชายหนุ่มรู้สึกมึนตึ๊บเหมือนเวลาที่จู่ๆ ก็โดนคนอื่นเหวี่ยงใส่แล้วก็นั่งร้องไห้ประหนึ่งเขาเป็นต้นเหตุทั้งๆ ที่เขาแค่บังเอิญเดินผ่าน แถมไอ้ท้ายประโยคนั่นจงใจกัดกันชัดๆ เจ้าเด็กนี่รู้ได้ยังไงว่าเขาอยากขายห้องนี้ทิ้ง

============================================

     ชัยชัชกลับห้องไปแล้ว เวลานี้ภายในห้องชุดของคอนโดขนาดสองห้องนอนเหลือเพียงต้นน้ำนั่งอยู่ เขาเก็บรอยยิ้มหยันที่เผลอทำเพราะสมเพชตัวเองกลับไปยังส่วนลึกของจิตใจพลางนั่งคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้ดีว่าการจะทำให้ชัยชัชยอมให้เขาก้าวเข้าไปในชีวิตนั้นมันไม่ง่ายเลย แต่ในเมื่อโอกาสมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!

     เขาแอบมองผู้ชายคนนี้มาตั้งกี่ปีแล้ว และบัดนี้ก็สบโอกาสในวันที่ชัยชัชไม่มีใครอยู่เคียงข้าง มันจะเป็นไรไปถ้าหากเขาจะลองทำตามที่เสียงหัวใจเรียกร้องดูอีกสักครั้ง อย่างน้อยๆ ก็ครั้งสุดท้าย และหลังจากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาจะไม่ปล่อยให้อารมณ์มาบงการจนใช้หัวใจตัดสินปัญหาชีวิตอีกต่อไป

     ‘แต่ช่างเถอะ! ปล่อยให้ปัญหามันถูกแก้หลังจากนี้ก็แล้วกัน’

     ไม่ว่ายังไงตอนนี้เขาก็ต้องการการนอนหลับพักผ่อนเป็นอันดับแรก เมื่อคืนนี้เขาแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะชัยชัช และตอนนี้เขาก็เพลียจริงๆ อีกทั้งความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจโง่ๆ ก็ยังคงสร้างความปั่นป่วนเป็นระลอกอารมณ์จนต้นน้ำรู้สึกเกลียดชังความโง่งมของตัวเอง

     ‘ต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างมัน ยังไงตอนนี้พี่ชัชก็รู้จักเราแล้ว’

     เขาไม่เชื่อว่าคนใจดีอย่างชัยชัชจะใจร้ายลืมเขาได้ลงคอ ยิ่งเรื่องราวมันเลยเถิดไปขนาดนั้นแล้ว

     ‘ยังไงพี่ชัชก็หนีเราไม่พ้น!’

     ต้นน้ำเดินเข้าไปยังห้องนอนของตัวเองพลางล้มตัวลงบนเตียงที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นกายคนขี้เหล้าเมื่อคืนนี้ นึกถึงผู้ชายซื่อบื้อคนนั้นแล้วก็อดอมยิ้มขึ้นมาไม่ได้

     เมื่อคืนนี้ต้นน้ำตั้งใจไปค้างบ้านเพื่อนด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเพราะเกิดเรื่องขึ้นทำให้เขาตัดสินใจกลับคอนโดในที่สุด เพียงแต่เวลานั้นเข็มนาฬิกาได้ชี้ไปยังเลขหนึ่งแล้ว และโดยไม่คาดคิด ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆ ทบทวนเรื่องราวทั้งหมดของตัวเองขณะเดินเข้าลิฟท์ ในช่วงที่ประตูลิฟท์ยังไม่ทันจะปิดดีชัยชัชก็ก้าวเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ นั้น ท่าทางดูเมามายไร้สติและพยายามประคองตนเองเต็มที่ นิ้วมือที่จิ้มผิดจิ้มถูกน่ารำคาญจนต้นน้ำต้องยื่นมือเข้าช่วย มิหนำซ้ำพอถึงชั้นของพวกเขา ชายตรงหน้ากลับเดินสะเปะสะปะจะล้มแหล่มิล้มแหล่พาลเอาเด็กชายข้างห้องช่วยลุ้นจนตัวโก่ง

     แต่ยังไม่ทันจะถึงห้องของเจ้าตัว ณ. บานประตูห้องพำนักของเขา ชัยชัชกลับล้วงเอากุญแจขึ้นมาไขประตูห้องอย่างเอาเป็นเอาตาย(แถมยังทำลูกบิดประตูเป็นรอย!) และท้ายที่สุดนอกจากจะบ่นเรื่องกุญแจมีปัญหา เจ้าตัวก็ยังแถมอาเจียนเอาขยะโภชนาการในกระเพาะอาหารออกมา เล่นเอาเขาแทบของขึ้นที่เห็นคนเมามาขย้อนสิ่งอัปมงคลเจิมประตูที่อยู่อาศัยให้เขาต้องเหนื่อยแรงเก็บกวาดฟรี ส่วนตัวต้นเหตุก็ล้มลงไปนอนจมกองอ้วกหลังจากปล่อยของเสียออกมาจากกระเพาะ ไอ้ครั้นจะใจดำปล่อยกองไว้มันก็ออกจะใจร้ายเกินไปกับผู้ชายที่เขา… ต้นน้ำเลยตัดสินใจว่าจะส่งผู้ชายไร้สติคนนี้กลับห้องตัวเองก่อนค่อยกลับมาจัดการกองอ้วก

     แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นดังคาด เมื่อกุญแจพวงนั้นกลับไขห้องของเจ้าตัวไม่ได้ซักดอก! พอจะค้นตัวดูก็ทำได้ยากยิ่ง มิหนำซ้ำคนก่อเหตุยังเริ่มเอะอะโวยวายเสียงดังเรื่องปัญหาหัวใจที่หมักหมมอยู่ในชีวิต เดือดร้อนเขาต้องลากเอาคนเมาตัวโตๆ เข้ามาพักยังห้องของเขาเองเพื่อความสงบสุขของเพื่อนบ้าน ไอ้ครั้นจะกองไว้ตรงโซฟาก็เสียดายเพราะผ้าหุ้มเบาะมันถอดซักยาก

     ไหนๆ ก็อุตส่าช่วยแล้วทั้งที สุดท้ายก็ได้แต่ลากเข้าคนเมาตรงหน้าไปกองไว้ในห้องนอนตัวเอง ก็แหม ถึงห้องของมารดาเขาจะว่างอยู่แต่จะให้เอาไปไว้ในห้องนั้นเลยก็...นะ แต่สารรูปของคนตรงหน้าก็ซกมกเกินกว่าที่เขาจะทำใจให้กลิ้งเกลือกบนเตียงของตัวเอง ก็เลยต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อปกป้องที่นอนหมอนและผ้าห่มของตน สุดท้ายเลยต้องมาคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวดูแลแก้ไขกลิ่นสุราเหม็นหึ่งให้คนเมา

     กว่าจะทำความสะอาดทั้งคนรวมไปถึงสิ่งของเรียบร้อยได้เข้านอนก็เกือบเช้า นอกจากนี้ระหว่างพยายามแบกชัยชัชขึ้นเตียงเขายังถูกคนเมาปล้ำ! ถูกลวนลามจากคนไร้สติจน... ทั้งๆ ที่เขารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยากพักผ่อนเต็มกำลัง แต่นาฬิกาปลุกเจ้ากรรมดันทำหน้าที่ปลุกทั้งๆ ที่เขายังนอนได้ไม่จุใจ ไหนๆ ก็ไหนๆ เลยคิดแหย่แกล้งชายหนุ่มตรงหน้าเล่น ถือซะว่าการสร้างความรู้จักการแบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบ

     ‘ไหนๆ ก็แอบมองพี่ชัชมาตั้งนาน รับสมอ้างไปเลยแบบนี้ก็ไม่เลวดีเหมือนกัน’

============================================

     ชัยชัชรีบกระโจนกลับห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะตาลีตาเหลือกเข้าบริษัท ในวันนี้มีประชุมสำคัญเรื่องการจัดสรรงบประมาณให้ผู้แทนแต่ละคนในทีม แต่ระหว่างประชุมทีมอยู่นั้น สมองของชัยชัชแทบไม่รับรู้เนื้อหาเลยแม้แต่น้อย เขาเฝ้าคิดใคร่ครวญถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

     จะว่าไงดีล่ะ? โอเค นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเมาแล้วมึนไปตามอารมณ์ ขนาดลากสังขารพาตัวเองขับรถกลับไปถึงคอนโดได้ อย่างอื่นเขาก็คงไหว แต่ว่าปัญหามันอยู่ที่อีกฝ่ายเป็นเด็กผู้ชายเนี่ยสิ เขามั่นใจว่า ประตูหลังเขายังบริสุทธิ์อยู่ แต่ถ้าเขาเป็นฝ่ายที่ประตูหลังยังบริสุทธิ์อยู่จริงๆ งั้นละก็... อย่าบอกนะว่าเขาพรากความบริสุทธิ์ประตูหลังไอ้เด็กนั่นมาแทน!?

     ‘เฮ้ย นั่นมันคุกเลยนะ!’

     แต่เขาข้องใจจริงๆ ก็เมื่อคืนเขาท่าจะเมาหนัก แล้วตกลงมันมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ รึเปล่า? เพราะเขาก็คลับคล้ายคลับคลาว่ามีช่วงเวลารู้สึกดีๆ อยู่เหมือนกัน เหมือนฝันเห็นแฟนเก่าแล้วขอคืนดีด้วยวิธีพื้นฐานยังไงอย่างงั้น

     “พี่ชัช ตื่น ประชุมจบแล้ว!”

     เสียงเรียกดังสนั่นช่วยปลดเปลื้องความคิดยุ่งเหยิงในหัว เขาหันมามองเพื่อนข้างๆ ชายหนุ่มวัยใกล้เบญจเพศแต่มีรสนิยมพึงพอใจผู้ชายด้วยกันคนนี้เป็นรุ่นน้องที่พึ่งเข้ามาทำงานร่วมเขตกับเขาได้ราวๆ สองปี ใบหน้าของเจ้าตัวส่อแววระอาปนอิจฉาอย่างนึกขันและย่ำเกรงอยู่ในที

     “แหม เฝ้าพระอินทร์เพลินเชียวนะคะ นี่ถ้าไม่ใช่ว่าทำยอดได้เยอะขนาดนั้นละก็นะ ป่านนี้พี่ตาเฉ่งไปนานแล้ว”

     “ป่าว ก็ฟังอยู่ตลอดแหละ แต่พี่ขี้เกียจออกความเห็น งบเท่าที่พี่ได้มาก็โอเคดีอยู่แล้ว”

     “ค่าๆ นี่ถ้าหนูปิดยอดได้เยอะเท่าๆ พี่ก็ดี พี่ชัชได้งบก้อนใหญ่เลย น่าอิจฉา”

     ชัยชัชนั่งยิ้มมองอีกฝ่ายอย่างนึกขำ วงการแบบนี้นี่หลีกหนีเรื่องความอิจฉาเลื่อยขาโต๊ะกันไม่ได้จริงๆ แม้จะเล็กน้อยแต่อีกฝ่ายก็ออกอาการอิจฉาตนอย่างไม่ปิดบัง

     “พี่ได้มาเยอะก็ใช้ออกไปเยอะ หมอถึงได้ติด ถึงได้ขายเยอะ ไม่ได้มุบมิบ จ่ายน้อย”

     “พี่ชัชอ่ะ ไม่คุยด้วยแล้ว!”

     พอรู้ตัวว่าเถียงไปแล้วจะแพ้เป็นภัยแก่ตัวเองเจ้าตัวก็เฉไฉตัดบทเอาดื้อๆ ว่าแล้วคู่สนทนาก็ทำหน้างอนแก้มป่องไม่สมอายุตามประสาชายไทยใจไม่แมน เมื่อมองดูอีกฝ่ายที่กำลังลุกจากโต๊ะประชุม ชัยชัชก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงตัดสินใจเรียกแสตมป์เอาไว้

     “เดี๋ยว แตม ว่างป่าว พี่มีไรจะปรึกษานิดหน่อย”

     “อะไรค้า จะถามเรื่องงานสัมนาปีใหม่เหรอ?”

     “ป่าว เรื่องส่วนตัว”

     สีหน้าสงสัยงุนงงของอีกฝ่ายช่างชวนให้ชัยชัชเริ่มคิดหนักว่าจะถามหรือไม่ถามดี แต่แล้วเขาก็เหมือนมีอะไรมาดลใจให้หาบทสรุปของเรื่อง ดีกว่าการกลับไปเผชิญหน้าในแบบที่ยังไม่แน่ใจอะไรต่อมิอะไรอย่างที่เขากังวล

     ถึงจะดูโง่ๆ ซื่อๆ ไปบ้างเมื่อเช้านี้ แต่นั่นมันก็เพราะเขายังอยู่ในสภาวะที่ตั้งตัวไม่ได้ ด้วยความช็อคซ้ำซ้อนกับความเศร้าหมอง เลยทำให้เขาดูเหมือนคนปัญญาอ่อนที่ขี้ขลาด ทั้งๆ ที่ตลอดมาเขาเป็นคนที่คิดวางแผนต่างๆ ได้อย่างรอบคอบสมกับเป็นมือวางอันดับหนึ่งที่ปิดยอดได้สูงสุดจนได้โควต้าพาหมอไปประชุมนอกเป็นนิจได้อยู่เนืองๆ

     “เรื่องส่วนตัว เรื่องไรคะพี่? พี่ชัชมีไรจะถามหนูเหรอ?”

     “คือพี่อยากรู้ว่า... แตม... แตมมีแฟนแล้วรึยัง?”

     ‘ฮึ่ย นี่กูจะเริ่มเรื่องยังไงดีวะ แล้วกูไปถามเรื่องพรรณงั้น น้องเขาจะตอบกูเหรอวะเนี่ย?’

     “ฮั่นแน่! จะมาสนใจเรื่องหนูทำไม อย่าบอกนะว่าพี่ชัชจะจีบหนู”

     “ป่าว พี่แค่... พี่แค่อยากรู้อะไรนิดหน่อย”

     ชัยชัชสะดุ้งสุดตัวกับข้อสัณนิฐานของรุ่นน้องตรงหน้า ใบหน้าอารมณ์ดีสุขุมมาดเท่ยามทำงานที่ทุกคนรู้จักเริ่มมีสีเลือดผุดขึ้นจนสังเกตได้ชัด

     “แล้วไอ้เรื่องนิดๆ หน่อยๆ นี่มันเรื่องอะไรละค้าพี่ชัช เกี่ยวไรกับการที่หนูมีแฟน”

     ถามไม่ถามเปล่าเจ้าตัวยังส่งประกายตาวิบวับชนิดต่อมเผือกทำงานสุดๆ มาให้เขาอีก ดูท่างานนี้ถ้าไม่หาทางหนีทีไล่ให้ดีเขาคงลำบาก

     “พี่... พี่แค่อยากรู้ว่า ปกติเวลาผู้ชายสองคนฟีทเจอริ่งกัน มันต่างกับชายหญิงมากมั้ย”

     “กรี๊ด พี่ชัชทะลึ่ง! อย่าบอกนะคะว่าพี่ชัชจะเปลี่ยนรสนิยม โดนผู้หญิงทิ้งหนีไปคบทอมพี่ก็เลยจะประชดเปลี่ยนมาคบเกย์แทน!”

     “เฮ้ย ไม่ใช่เว้ย!”

     ชัยชัชรีบปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนจะตัดสินใจ อธิบายความจริง(บางส่วน)พร้อมกับถามคำถามที่ตนสงสัย

     “คืองี้...”

     เมื่อได้ฟังเรื่องราวต่างๆ จากสีหน้าสอดรู้สุดๆ ก็กลายเป็นสีหน้าสมน้ำหน้าปนขำรุ่นพี่ของตนจนชัยชัชจับสังเกตได้ เล่าไปอายเด็กรุ่นน้องไปที่ต้องให้มันมารู้ความลับว่าโดนคนเด็กกว่าลบเหลี่ยม แถมยังเสียทีได้เมียใหม่เป็นเด็กผู้ชาย

     “อ๋อ... สรุปว่า ก็คือพี่ไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ทำกับเด็กนั่นจริงๆ รึเปล่า? เพราะแน่ใจว่าตัวเองเมาจนลุกไปทำไรใครไม่ไหว?”

     “อืม ก็ทำนองนั้นแหละ”

     กลัวที่สุดก็คือกลัวโดนเด็กแบล็คเมล์นี่แหละ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเด็กคนนั้นต้องการอะไรจากเขา ท่าทางอ่อนแอที่แสร้งทำมาออดอ้อนนั้นทำให้เขาใจอ่อน แต่ความอวดดีที่แสดงให้เห็นตอนหลุดในบางครั้งก็ดูช่างหยิ่งผยองเกินกว่าจะชวนให้คิดว่าคนแบบนี้จะแบล็คเมล์ใคร แล้วโดยเฉพาะผู้ชายวัยทำงานหน้าตาธรรมดาๆ มนุษย์เงินเดือนเช่นเขาที่ไม่มีเส้นมีสายตระกูลใหญ่มาจากไหนยิ่งไม่มีค่าอะไรให้อีกฝ่ายขูดรีด

     “แต่มันก็ไม่แน่นะพี่ ถึงพี่จะนอนหลับเป็นท่อนซุง ร่างกายพี่ก็อาจจะไม่ปลอดภัยก็ได้นะ”

     “เฮ้ย ยังไงวะ! แต่ตูดพี่ยังอยู่ดีไม่เจ็บนะเว้ย”

     “แหม ข้างหลังพี่รอดปลอดภัยแล้วข้างหน้าพี่ละคะ ไม่ว่าจะบ๊วบรึจะนั่งเทียน ถ้าเด็กนั่นเซียนๆ มันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละค่ะ ยังไงๆ พี่ก็ไม่รอดคุกหรอกค่ะ เผลอๆ อาจจะโดนอัดคลิปก็ได้นะคะ”

     “เฮ้ย! น้องเขาดูออกจะเรียบร้อย คงไม่... ไม่แรดขนาดนั้นหรอกมั้ง”

     “โอ้ย! น้อยไปค่ะพี่ เก้งกวางยามเด็กเนี่ยแหละค่ะ แรด! ตุ๊ดเด็กนี่แหละค่ะแร๊ง! ละพี่จะมาดีเฟ้นให้เด็กมันทำไมละคะ อย่าบอกนะคะว่าสงสาร อยากกินเด็ก”

     ยิ่งพูดก็ยิ่งมันส์ ท่าทางของชายหนุ่มรุ่นน้องตรงหน้าอยู่ในโหมดเม้าท์มอย ไม่ต่างจากพวกแม่บ้านทำความสะอาดที่คอนโดเขาเลย ให้ตายสิ!

     “เฮ้ยเปล่า! แค่... แค่อยากรู้ว่ามันมีโอกาสมั้ย ที่พี่จะทำลงไปจริงๆ ไม่ว่าเด็กมันแรดไม่แรด แต่ถ้าพี่ทำไปแล้วก็คงไม่พ้นข้อหาพรากผู้เยาว์แล้วละแตม”

     “แล้วทำไมถึงคิดว่าทำลงไปจริงๆ ล่ะคะ ไหนพี่บอกว่าเมาหนัก กรึ่มๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนฝันไง”

     “ก็...”

     ชัยชัชคิดว่าตนเองตาไม่ฝาด ถึงแม้เมื่อเช้าเขาจะค่อนข้างสติแตกแถมตกใจจนสมองสูญเสียความเยือกเย็นไปเยอะ แต่ทว่าสมองส่วนสังเกตการณ์ของเขาไม่ได้ความสามารถลดน้อยถอยลงไป เขารู้สึกว่าแว๊บๆ ที่ลุกออกจากเตียงเขาเห็น... รอยเปื้อนแดงๆ คล้ายๆ คราบอะไรซักอย่างที่ดูเหมือนรอยเลือด!

     “เออช่างเถอะ”

     เขาตัดบททันที ในตอนนี้เขารู้คำตอบที่ต้องการแล้ว ต่อให้เมาคนเราก็ยังเอากันได้อยู่ดี แม้ว่าคนสองคนนั้นจะเป็นผู้ชายทั้งคู่ก็ตาม!

     “ขอบใจมากละกัน พี่กลับก่อนนะ แล้วเรื่องวันนี้อ่ะ ..... พี่ไม่อยากให้ใครรู้”

     “ค่า แหม รับรองหนูจะปิดปากเงียบเลยค่ะ ขืนเก้งกวางตัวอื่นมันรู้ว่าพี่ชัชข้ามเส้นเดี๋ยวหนูมีคู่แข่งเพิ่มอีก แค่รบกับชะนีก็เพลียแล้วค่ะ อิๆ”

     ชัยชัชส่ายหัวขำๆ ให้กับความคิดของรุ่นน้องร่วมทีม เขาคิดว่าเขาเชื่อใจรุ่นน้องคนนี้ได้เต็มร้อย ถึงจะอิจฉากันเรื่องงานบ้าง แต่เจ้าหนุ่มคนนี้ก็จัดเป็นคนที่เขามองเห็นเป็นเพื่อนซี้คนหนึ่ง แม้แต่ในยามที่ไปต่างประเทศแล้วต้องพักห้องเดียวกัน แสตมป์ก็ไม่เคยทำรุ่มร่ามกับเขา เพราะตอนนั้นทุกคนรู้ดีว่าเขามีแฟนแล้ว และเธอก็เป็นผู้แทนอยู่บริษัทขายอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ทำให้ถือว่าเปรียบเสมือนคนในสายงานเดียวกัน ย่อมต้องคุ้นเคยได้ยินหรือรู้จักพบปะกันบ้าง แสตมป์จึงไม่เคยจาบจ้วงอะไรกับเขา จะมีก็ตอนที่พึ่งเลิกกับแฟนพักหลังๆ นี่แหละ ที่เจ้าตัวขยันมากระแซะเขามากกว่าเดิมในยามที่ตนเข้าออฟฟิส

============================================

ช่างเป็นตัวเอกที่สตรอเบอร์รี่หน้าตายจริงๆ เล้ย พระเอกของเราจะทำเช่นไรต่อไป พี่ชัชจะตกหลุมพรางน้องต้นรึเปล่าน้อ? โปรดติดตาม
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว:ภาค1]#ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ#ปฐมบทแห่งตำนาน"หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ"
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 14-05-2014 01:31:47
เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     ออกจากออฟฟิสบึ่งกลับมาถึงคอนโดได้ เท้าสองข้างก็รีบพาร่างของเขาขึ้นไปยังชั้นเจ็ดที่เป็นห้องพักทันที แต่ขาเจ้ากรรมกลับไม่เลยไปหยุดอยู่ที่ประตูหน้าห้องตัวเอง ชัยชัชยกมือซ้ายที่สวมนาฬิกาขึ้นดูเวลา

     ‘อืม พึ่งบ่ายสาม ไม่รู้เจ้าตัวจะอยู่ในห้องรึเปล่า?’

     ถูกแล้ว ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าห้องของเด็กหนุ่มตัวปัญหา ชัยชัชกดกริ่งแต่เรียกอยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าประตูห้องจะเปิด

     ‘ไหนบอกว่าไม่หนียังไงละเว้ย! นี่อะไร ออกไปไม่กี่ชั่วโมง บังอาจหายหัวไปไหน!’

     แต่ในขณะที่กำลังจะรัวกำปั้นถล่มลงไปนั้นเองบานประตูก็ส่งเสียงขยับเปิดออกเผยให้เห็นเจ้าเด็กหนุ่มตัวดีที่...

     “เฮ้ย! เป็นไรป่าวเนี่ย? สีหน้าเราดูแย่มากเลยนะ”

     ชัยชัชไม่คาดคิดว่าจากกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง เจ้าเด็กตัวปัญหาจะดูโทรมขึ้นทันตาเห็น ใบหน้าซีดๆ กับดวงตาที่ดูบวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แถมยังดูราวกับไร้เรี่ยวแรงเหมือนคนไม่สบายขนาดหนัก

     “สงสัยไข้ขึ้นนิดหน่อยมั้งครับ”

     ‘แน่ะ! ยังจะมายิ้มอีก ไอ้เด็กเวรนี่เอะอะไรก็ชอบฝืนยิ้มทำตาเศร้าๆ ตลอด’

     แล้วก็เพราะไอ้ดวงตาเศร้าๆ นี้ไม่ใช่รึไง ที่ทำให้เขาติดใจสงสารไอ้เด็กเวรนี่

     “แล้วนี่กินยายัง?”

     ต้นน้ำได้แต่ส่งยิ้มแทนคำตอบให้ชัยชัช หลังจากที่ชายหนุ่มกลับไปแล้วเขาก็นอนหลับแทบไม่รู้สึกตัวจนมาตื่นอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงกริ่งจากชัยชัชนี่แหละ

     “อย่าบอกนะว่า หลับอยู่ตลอด”

     ถามเองเดาเองแล้วก็ตอบเองเพราะคนตอบๆ ช้าไม่ทันใจ ชัยชัชกล่าวพลางเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าบวมอืดจากการนอนมากเกินไปของอีกฝ่าย แต่แล้ว…

     “เฮ้ย! ตัวร้อนจี๋เลย”

     อารามตกใจด้วยนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าของตน ต้นน้ำจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ อึ้งๆ พลางหน้าแดงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นโครมคราม

     หน้าที่แดงขึ้นและอุณหภูมิร้อนฉ่าของอีกฝ่ายส่งผลให้ชัยชัชลืมเลือนเรื่องที่ตนตั้งใจไว้เสียสนิท เขาเองก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมพอเห็นคนตรงหน้าไม่สบายแล้วใจมันหวั่นๆ ทั้งๆ ที่พึงรู้จักกันเมื่อคืน คุยกันไม่ถึงร้อยคำ แต่ในใจกลับห่วงหาอาทรกันไปมากมายซะแล้ว เขารู้แต่เพียงว่า ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมพลาดอะไรไปอีกแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม เขาจะเป็นฝ่ายทุ่มเท่ให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกขาดแคลน

     ทั้งๆ ที่เรื่องยังไม่เคลียร์ แต่ชัยชัชกลับไม่รู้เลยว่า ในใจของตัวเองได้เหมาเอาเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็น“คนของเขา”ไปเรียบร้อยแล้ว

============================================

     ผลจากการที่ตัวเองไข้ขึ้น ต้นน้ำเกือบถูกชัยชัชบังคับพาไปหาหมอ แต่ด้วยความดื้อส่วนตัวเลยบ่ายเบี่ยงขี้เกียจทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ลงท้ายชัยชัชก็ยอมแพ้อนุญาตให้ต้นน้ำไม่ต้องไปหาหมอ แต่อย่างน้อยก็ต้องทานยาให้เขาเห็น

     “กินข้าวซะสิ จะได้กินยา”

     “คุยเรื่องของเราก่อนก็ได้ครับ ผมยังไม่หิว”

     คนป่วยยวนขึ้นอย่างถือดีจนคนฟังอดเกิดความรู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ ไม่ได้

     ‘ไข้ขึ้นจนตัวร้อนจี๋ขนาดนี้ยังจะมาอวดดีอีกนะ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย!’

     “ไม่ได้ ดูท่าเราไหวซะที่ไหน ไว้ค่อยคุยก็ได้ ไม่รีบหนีไปไหนไม่ใช่รึไง?”

     เจอมุกนี้เข้าไปต้นน้ำก็หน้างอทันที ชัยชัชสะใจบวกคะแนนแต้มต่อให้ตัวเองอยู่เงียบๆ ภายในใจ

     “แล้วนี่ในบ้านมีอะไรกินบ้าง?”

     แต่คนป่วยยังไม่ทันได้ตอบอะไร คนชอบคิดเองสรุปเองตรงหน้าก็ฉุดเขาลุกขึ้นแล้วดุนหลังพาไปยังห้องน้ำ

     “พี่ว่าน้องไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวพี่พาไปหาอะไรกิน จะได้คุยเรื่องของเราไปด้วยเลย”

     แม้ว่าจะยังตั้งตัวไม่ถูก แต่ลึกๆ แล้วต้นน้ำก็อดแอบปลื้มอยู่ในใจไม่ได้ที่ชัยชัชมีทีท่าเอาใจใส่เขา เจ้าตัวพยายามลากสังขารป่วยๆ ไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างมีความสุข แต่ดูท่าคงจะเพลินไปหน่อยคนใจร้อนเลยมาเคาะประตูเร่ง

     “เฮ้ย นานไปแล้ว ไม่สบายแล้วอาบน้ำนานขนาดนี้เดี๋ยวก็น็อกหรอก”

     กว่าจะเรียบร้อยได้มานั่งอยู่ในรถของชัยชัชได้ก็ปาไปเกือบครึ่งชั่วโมง เล่นเอาชัยชัชบ่นกะปอดกะแปด ส่วนตัวต้นเรื่องก็ได้แต่ทำหน้าอมยิ้มชี้แจงแบบไม่แคร์คนรอว่าเพราะตัวเองไม่ค่อยสบาย จะหยิบจับทำอะไรก็ไม่ค่อยไหว ไม่ค่อยมีแรงเลยทำให้ช้า เพราะรู้ดีว่าถึงแม้ชัยชัชจะบ่นเขา แต่อย่างน้อยชัยชัชก็ยังทนรอเขาอยู่นั่นเอง ชัยชัชขับรถพาทั้งคู่เลี้ยวเข้าไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้ๆ คอนโด บรรยากาศร้านถือได้ว่าเงียบสงบคนบางตาไม่ค่อยมีลูกค้า เหมาะกับการสนทนาตกลงเรื่องราวของทั้งคู่

     “กินไร”

     ชัยชัชถามพลางส่งเมนูให้อีกฝ่าย เด็กหนุ่มเปิดเมนูดูผ่านๆ แล้วก็เลือกอาหารจานเดียวมารับประทาน

     “สปาเก็ตตี้ผัดเขียวหวานครับ”

     ต้นน้ำสั่งอาหารกับเด็กเสริฟก่อนจะหันไปมองหน้าคนพามาเลี้ยงอย่างแปลกใจ

     “มีอะไรเหรอครับ?”

     “เปล่า”

     ชัยชัชปฏิเสธก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับเด็กเสริฟ

     “ขอสปาเก็ตตี้ผัดเขียวหวานที่นึง ข้าวเปล่าจาน ยำเนื้อกับต้มแซ่บเอ็นหมูอย่างละที่ แล้วก็น้ำเปล่าขวดแบบไม่แช่เย็น น้ำแข็งแค่แก้วเดียวพอนะน้อง อีกแก้วไม่ต้องใส่”

     ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายอย่างชัยชัชจะใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ เรียกได้ว่าความรู้สึกภายในอกของต้นน้ำยามนี้นั้นฟูพองไปด้วยความอบอุ่นจากการเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ ของผู้ชายตรงหน้า คนที่เขาแอบหลงรักมานานหลายปี ต้นน้ำรู้ดีว่า ผู้ชายตรงหน้าเป็นคนดี เพียงแต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาต้นน้ำได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ ไม่เคยมีโอกาสได้ทำความรู้จักหรือเข้าไปชิดใกล้
 
     จากอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ที่ชัยชัชเคยช่วยเขาไว้ จนถึงเรื่องบังเอิญที่ได้มาอยู่ใกล้ๆ กัน ต้นน้ำแอบมองอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลาโดยที่ชายหนุ่มไม่เคยรู้ตัวเลยแม้แต่น้อย

     การคอยแอบมองคนตรงหน้ามาตลอดทำให้ต้นน้ำรู้จักอุปนิสัยของอีกฝ่ายพอสมควร เขารู้ดีว่าชัยชัชเป็นผู้ชายแบบแมนเต็มร้อย แม้จะใจร้อนแต่ก็มีความสุขุมอยู่ในที แถมเจ้าตัวยังถือได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จึงมีความลำพองในศักดิ์ศรีแบบลูกผู้ชาย แม้จะมีดื่มมีสังสรรคบ้างแต่ก็ไม่ใช่คนติดพันอบายมุข แต่ในเรื่องนิสัยส่วนตัวการปฏิบัติตนกับคนรักทำนองนี้นั้น ต้นน้ำไม่เคยรู้เลยจริงๆ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้สัมผัสมัน

     ‘แต่ผู้ชายดีๆ แบบนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา’

     ต้นน้ำจึงได้แต่สงสัยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับอีกฝ่าย

     ‘ผู้ชายดีๆ แบบนี้ทำไมพี่ฟ่างถึงได้ทิ้งไปนะ?’

     ทั้งสองทานอาหารไปคุยกันไปด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกันสุดขั้ว ฝ่ายหนึ่งแฮปปี้ดี๊ด้าเงียบๆ อยู่ภายในใจ ส่วนอีกฝ่ายก็สับสนไม่รู้จะห่วงตัวเองหรือห่วงอาการคนตรงหน้าดี และเมื่อกับข้าวจานหลักผ่านไปเรียบร้อยก็มาถึงเวลาที่ทั้งคู่รอคอย

     “มีไข้แล้วไอหรือเจ็บคอด้วยเปล่าน่ะเรา?”

     “ไม่ครับ แค่ปวดหัวนิดหน่อย”

     “งั้นกินยานี่ไป”

     ชัยชัชมองต้นน้ำทานยาเงียบๆ พลางตัดสินใจอะไรบางอย่าง ทางด้านฝ่ายต้นน้ำก็รู้ดีว่าชัยชัชกำลังมองตนเองอยู่ ช่วงเวลาแห่งความสุขได้ผ่านพ้นไปแล้ว ต้นน้ำรู้ดีว่าเรื่องที่จะคุยต่อไปนี้มันคงมาถึงตอนสุดท้ายของฝันหวานกลวงๆ แต่ทว่า...

     “พี่รู้สึกว่า เหมือนน้องจะรู้จักพี่ดีพอสมควรเลย ถามจริงเหอะ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยรู้จักน้องแท้ๆ ทำไมน้องถึงได้ทำเหมือนรู้จักพี่ดีนัก”

     ‘จะให้พูดว่าไงล่ะ จะบอกพี่เขาไปเลยดีรึเปล่านะว่าแอบมองพี่เขามานานแล้ว’

     ต้นน้ำคิดในใจพลางเรียบเรียงคำพูดในหัวสมอง

     ‘ไม่ได้สิ ถ้าเกิดพี่เขารังเกียจเราขึ้นมาล่ะ จะตอบยังไงดีนะให้ดูดีในสายตาพี่เขา’

     “น้องรู้ได้ยังไงว่าพี่อยากขายห้อง แถมยังรู้อีกเรื่องที่พี่... พักหลังๆ บางทีก็มีเพื่อนมาค้าง”

     ‘อ๋อ ที่แท้ก็เรื่องนี้ หึๆ’

     “ก็ไม่ยากนี่ครับ เราอยู่ห้องข้างๆ กัน แค่พี่ชัชอาจจะไม่เคยสังเกตเห็นผมก็ได้”

     “อืม ก็จริง”

     ชัยชัชคิดในใจพลางเห็นด้วยกับที่เด็กหนุ่มตอบ เนื่องจากสมัยก่อนนั้นเขามักงานยุ่งตลอด ไม่ค่อยได้ใส่ใจรอบๆ ตัวมากนักเลยจำใครไม่ค่อยได้ เพราะเรื่องต่างๆ ทั้งการประชุมผู้อยู่อาศัยรวมไปถึงการจ่ายค่าส่วนกลางเขามักให้ฟ่างแฟนสาวของเขาเป็นฝ่ายจัดการแทนด้วยอัธยาศัยช่างคุยของเธอและความเจ้าระเบียบ ส่วนตัวเขาก็มักทำแต่งานไม่ค่อยสังสรรค์กับเพื่อนบ้านเท่าไหร่นัก

     แต่อย่างหนึ่งที่เขารู้เกี่ยวกับเด็กหนุ่มข้างห้องตัวดีคนนี้ก็คือ

     ‘เจ้าเด็กนี่มันฉลาด รู้จักตอบเลี่ยงหมดทุกคำถาม ไม่ยอมแบไต๋ออกมาซักที!’

     “แล้วเรื่องของเรา น้องอยากให้พี่ทำยังไง”

     “ถ้าผมบอกแล้วพี่ชัชจะยอมตกลงแต่โดยดีทุกๆ อย่างเหรอครับ”

     “มันก็ไม่แน่หรอก ขึ้นอยู่กับว่าน้องอยากให้พี่รับผิดชอบยังไง ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงพี่ก็ทำให้ได้ แต่ไอ้ถึงขั้นจะให้พี่พาไปจดทะเบียน พี่คงทำให้ไม่ได้ว่ะไอ้น้อง เพราะประเทศนี้ยังไม่ยอมให้ผู้ชายแต่งงานกัน”

     “งั้นถ้าผมขอให้พี่ชัชพาผมไปไหว้คุณพ่อคุณแม่พี่เปิดตัวในฐานะแฟนละครับ”

     กวนมาก็กวนตอบ คำขอของต้นน้ำทำเอาชัยชัชสะอึกอ้าปากค้าง

     “เฮ้ย เอางั้นเลยเรอะ!”

     “ได้มั้ยละครับ?”

     ต้นน้ำย้อนถามกลับด้วยท่าทางทีเล่นทีจริงเสียจนชัยชัชเริ่มผวา!

     “เฮ้ย! ถามจริงเหอะ น้องเป็นเกย์เหรอ พี่ไม่ชอบผู้ชายว่ะน้อง ถ้าจะหาแฟน ไปหาผู้ชายคนอื่นเหอะ พี่ไม่ว่างมาเล่นด้วยหรอก!”

     ตอนนี้ชัยชัชเริ่มอารมณ์ปะทุแล้ว ก็ดูสิเขาอุตส่าพามาทานข้าว ไม่สบายก็หายาให้ทาน ตั้งใจจะคุยตกลงกันดีๆ แต่ไอ้เด็กนี้กลับกวนเขาไปซะชิบ! แต่ที่ชัยชัชไม่รู้ตัวก็คือ คำพูดของเขาก็ทำเอาต้นน้ำจุกไปเหมือนกัน!

     เด็กหนุ่มนิ่งไป เขาคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเอง ความสับสนฉายชัดอยู่บนใบหน้า ร่องรอยความเศร้าหมองปรากฏขึ้นในแววตา ในที่สุดต้นน้ำก็เรียบเรียงคำพูดได้

     “ผม... ผมไม่รู้หรอกครับว่าผมเป็นเกย์รึเปล่า เพราะผมไม่เคยมีความรักมาก่อน จนเกิดเรื่องเมื่อคืน ผม... ผมคิดว่าตัวเองไม่ได้รังเกียจเรื่องที่เกิดขึ้น พี่ชัชคิดว่าผมเป็นเกย์รึเปล่าละครับ? แล้วพี่รังเกียจเรื่องที่เกิดขึ้นรึเปล่า? ….. พี่เกลียดผมรึเปล่า?”

     ดวงตาที่มองตรงมาอย่าวแน่วแน่สะกดให้ชัยชัชละสายตาไปไหนไม่ได้ นัยน์ตาสีดำสนิทที่ส่องสะท้อนภาพของตัวเขาดูราวกับหลุมลึกแห่งห้วงอวกาศที่สูบตัวเขาเข้าไป สายตานี้เองที่ทำให้เขาถลำลึกจนแทบถอนสติตัวเองกลับมาไม่ได้ ความโศกเศร้าที่เฝ้าเก็บกดไว้ฉายชัดอยู่ในนั้น ตั้งแต่ครั้งแรกที่เผลอสบตา ความอ้างว้างโดดเดี่ยวก็ถาโถมเข้ามาเกาะกุมจิตใจให้เขาไม่อาจปล่อยมือ เขาอยากค้นหา อยากสัมผัส อยากค้นพบดวงดาวอันสดใสที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้น!

     “พี่ก็ไม่รู้วะ บอกตามตรง เมื่อคืนพี่จำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำไรไปบ้าง แต่อย่างนึงที่พี่บอกได้ก็คือ ตอนนี้พี่ยังไม่อยากต่อยน้องหรือรู้สึกอยากอ้วกตอนที่คิดว่าเราสองคนอาจะเคยทำอะไรกัน”

     ทันทีที่ตอบออกไปเขาก็เห็นท่าทางผ่อนคลายของเด็กหนุ่ม สีหน้าราวกับยกภูเขาออกจากอกของอีกฝ่ายทำให้เขาอดสงสารคนตรงหน้านี้ขึ้นมาไม่ได้ มือหนาจึงยื่นออกไปยีหัวอีกฝ่ายอย่างพี่ชายเอ็นดูน้อง

     “ให้พี่ทำอะไรให้ก็ได้ แต่พี่คงเป็นแฟนให้เราไม่ได้หรอก คนอย่างพี่คงไม่เหมาะจะดูแลใคร แล้วอีกอย่างนึงนะน้อง พี่พึ่งอกหักมาว่ะ บอกตามตรง พี่ยังทำใจไม่ได้ ไม่ใช่ว่าพี่รังเกียจน้อง ต่อให้เป็นผู้หญิงคนไหนพี่ก็ยังไม่พร้อมหรอกว่ะ หวังว่าน้องคงเข้าใจ พี่พึ่งเลิกกับผู้หญิงที่พี่รักมาตลอดสี่ปีได้ไม่ถึงสองเดือน พี่ยังไม่พร้อมจริงๆ”

     รอยยิ้มเศร้าๆ ปรากฏบนหน้าเด็กหนุ่ม ต้นน้ำเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนให้ชัยชัช อ่อนโยนแต่ทว่าแสนเศร้า...

     “ผมเข้าใจครับ ถ้าอย่างนั้น ให้ผมเป็นน้องชายก็ได้ใช่มั้ยครับ ขอแค่โอกาสให้ผมได้อยู่ใกล้ๆ พี่ชัช แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว”

     ‘หยั่งกับคำสารภาพรัก เจ้าเด็กคนนี้มันชอบเราขนาดนี้เลยรึไง?’

     แว๊บแรกชัยชัชรู้สึกเหมือนถูกปั่นหัว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากตนกันแน่ แต่ไปๆ มาๆ อีกฝ่ายกลับยอมเข้าใจเขาเอาง่ายๆ แถมยังพูดราวกับหลงรักเขาเข้าซะงั้น เขาเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงกับเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ดี

     “น้องพอใจแค่นั้นเหรอ? แล้วเรื่องที่พี่... เอ่อ...”

     “ครับ แค่พี่ชัชไม่รังเกียจผมก็พอแล้ว ต่อให้ผมอยากได้มากกว่านี้พี่ชัชก็ให้ผมไม่ได้อยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ ผมไม่เรียกร้องอะไรมากหรอก ไม่อยากถูกพี่เกลียดเอา”

     ต้นน้ำกล่าวพลางยกยิ้มแลบลิ้นเผล่ให้อีกฝ่ายอย่างน่ารัก ในตอนนี้เขาสบายใจสุดๆ เขาประสบความสำเร็จแล้ว เมฆหมอกทั้งหลายภายในใจเขาได้จางหายไปแล้ว ชัยชัชเปรียบเสมือนพระอาทิตย์ที่ฉายแสงขับไล่พายุฝน

     “ไว้เราค่อยทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆ ก็ได้ครับ เผื่อวันนึงพี่ชัชอาจจะใจอ่อนให้ผมก็ได้”

     รอยยิ้มของคนตรงหน้าทำให้ชัยชัชอารมณ์ดี

     ‘ดีใจกับเรื่องเล็กน้อยพรรณนี้เนี่ยนะ?’

     ใจหนึ่งทั้งเอ็นดูแต่อีกใจก็สงสาร เขาอยากบอกอีกฝ่ายเหลือเกินว่าบางครั้งกาลเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็ไม่ช่วยอะไรเลย

============================================

     เช้าวันจันทร์ ขณะที่ต้นน้ำกำลังเดินเข้าโรงเรียน

     “ต้น! เป็นไร ทำไมไม่รับโทรศัพท์แม็กซ์!”

     เสียงทักจากคนที่ต้นน้ำไม่อยากเจอมากที่สุดในตอนนี้ดังขึ้นตอกย้ำปมในใจจนต้นน้ำต้องดึงเอาความรู้สึกดีๆ ที่ชัยชัชมอบให้มาเป็นเกราะกำบังกั้นอารมณ์อ่อนไหวของตัวเอง เขาหยุดเดินหันกลับไปส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งที่กำลังเดินเข้ามา

     “เราไม่ค่อยสบายน่ะ เลยนอนทั้งวัน อยากพักผ่อน”

     “อ้าว! แล้วทำไมไม่บอกแม็กซ์อ่ะ เป็นห่วงนะรู้ป่าว อยู่ๆ ต้นก็กลับบ้านไปแบบนั้น”

     “เราขอโทษ”

     “รู้ตัวก็ดี ทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วง”

     เพราะต้นน้ำมีท่าทีโอนอ่อน แม็กซ์จึงเสียงอ่อนลง เขาพยายามบอกตัวเองให้อ่อนโยนกับอีกฝ่ายมากกว่าเดิม

     “แม็กซ์กลัวต้นจะโกรธจนไม่ยอมคุยกับแม็กซ์แล้วซะอีก ที่แม็กซ์...”

     คิ้วสวยๆ ของต้นน้ำขมวดเครียดทันทีที่แม็กซ์พูดถึงเรื่องบางอย่าง อาการต่อต้านที่เพื่อนแสดงออกมาทำให้แม็กซ์จงใจเปลี่ยนหัวข้อทันที

     “โทรไปตั้งหลายครั้งก็ไม่รับ วันศุกร์ก็หยุด หายไปแบบนี้แม็กซ์เป็นห่วงนะ ถ้าต้นเป็นไรไปแม็กซ์คงไม่ให้อภัยตัวเอง”

     สีหน้าเป็นห่วงของเพื่อนรักทำให้ต้นน้ำเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย เขารับรู้ได้ว่าเพื่อนคนนี้เป็นห่วงเขาจากใจจริง

     “ช่างมันเถอะ เราไม่ได้เป็นไร รีบไปกันดีกว่า”

     “เออ งั้นขอลอกการบ้านวิทย์หน่อยดิ แม็กซ์ลืมทำ”

     “ทุกทีแหละ แม็กซ์อ่ะ”

     “แหะๆ”

     เด็กหนุ่มชื่อแม็กซ์หัวเราะเสียงอ่อยๆ อายที่เพื่อนรู้ทัน แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักด้วยรู้ว่ายังไงเพื่อนคนนี้ก็ต้องยอมให้เขาลอกอยู่ดี เด็กหนุ่มจึงอารมณ์ดีเดินกอดคอเพื่อนรักไปตลอดทางด้วยหัวใจที่รู้สึกเติมเต็มมากกว่าครั้งไหนๆ

============================================


น้องต้นจะขายอ้อยให้พี่ชัชสำเร็จหรือไม่ หรือตัวเอกของเราจะนก? หมาป่าจะโดนเด็กเลี้ยงแกะจับใส่ปลอกคอได้อย่างไรโปรดติดตาม... :mew1:

ทำไมรู้สึกว่าตัวเอกนิยายตัวเองช่างแร้แรด ปากเก่ง อวดดี ปลูกไร่สตรอเบอร์รี่อย่างแรง
ส่วนพระเอกตั้งแต่โผล่ออกมาก็เป็นตาลุงธรรมดาๆ ไร้คุณสมบัติตามมารตราฐานเมะนิยายวายทั่วๆ ไป
จะไปรอดมั้ยนี่? นิยายเรื่องนี้จะได้เกิดมั้ย? ไม่สิ มันต้องมีช่วงเปล่งออร่าให้นักอ่านรักได้แหละน่า... ซักตอนน่ะนะ... :mew5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว:ภาค1]#ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ#ปฐมบทแห่งตำนาน"หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ"
เริ่มหัวข้อโดย: lolitar ที่ 14-05-2014 02:02:20


สู้ต่อไปน้องต้นสักวันเขาต้องหันมามองหนูแน่ :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว:ภาค1]#ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ#ปฐมบทแห่งตำนาน"หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ"
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 20-05-2014 02:36:40
 :mew5: นิยายอาจจะไม่ค่อยสนุกมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งมากนัก อาจจะจัดหนักอารมณ์ดราม่าหน่อยๆ ตัวเอกร้ายพอสมควร แต่ก็อยากให้เป็นกำลังใจให้ด้วยนะขอรับ
     แอบเหงานะเนี่ย ถึงจะพอรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แนวที่นิยมก็เถอะ แต่ร้างแบบนี้ก็เหงาอ่ะ อยากเห็นคนมาร่วมด่าน้องต้นด้วยกัน เอ๊ะยังไง? 55
     แต่ลองอ่านไปเรื่อยๆ เถอะ เชื่อว่าจะต้องมีคนอินกับ "E ต้น" ในเรื่องนี้แน่ๆ (คือ... ส่งเนื้อเรื่องให้แฟนอ่านแล้วแฟนเราเรียก"น้องต้น" ของเราว่าแบบนี้อ่ะ)
** แต่ถ้าไม่อินก็คงรับไม่ได้แหละ แถมแบบหลังดูท่าจะเยอะกว่า  :hao5:

เอาเป็นว่ามาติดตามความ"ร้าย"ของน้องต้นกันต่อก็แล้วกัน ฮีเริ่มแล้ว...

:laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:


เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 2 -
##### บางที การที่อยู่ๆ ก็มีน้องชายมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ ตัวก็ถือเป็นเรื่องดี #####

     เสียงริงโทนเพลงพิเศษที่ตั้งสายไว้สำหรับใครบางคนดังขึ้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวต้องการคุยกับเขา ชัยชัชเอื้อมมือไปกดปุ่มตอบรับบนหน้าจอของรถยนต์ก่อนจะกรอกเสียงลงไป

     “หวัดดีครับพี่ชัช ยุ่งอยู่รึเปล่าครับ?”

     “ไม่ๆ พี่ขับรถอยู่ แต่คุยได้”

     “วันนี้พี่ชัชเลิกดึกรึเปล่าครับ พอดีผมจะทำอาหารเย็นให้คุณแม่ เลยกะว่าจะทำเผื่อพี่ชัชด้วย ถ้าพี่ชัชอยากกลับมาทานข้าวเย็นด้วยกัน”

     “หือ พี่น้ำกลับมาวันนี้เหรอต้น?”

     “ครับ แม่เครื่องลงวันนี้พอดี กลับถึงห้องตั้งแต่บ่ายแล้วครับ นี่ผมว่าจะแวะซุปเปอร์ซื้อของก่อนกลับ แต่อยากโทรมาถามพี่ชัชให้แน่ใจก่อน ถ้าพี่ชัชจะมาทานข้าวด้วยกันผมจะได้ซื้อของเพิ่มครับ”

     เจ้าเด็กนี่มันสกิลแม่บ้านสูงชะมัด! นับตั้งแต่คืนที่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านไปสองอาทิตย์แล้ว ชัยชัชไม่คิดไม่ฝันว่าจู่ๆ เขาก็มีน้องชายห้องข้างๆ เข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิต

     ต้นน้ำไม่เรียกร้องอะไรเลยจริงๆ สิ่งที่เปลี่ยนไปในชีวิตเขาก็มีแค่ได้คนมาเก็บกวาดห้องหับให้ บางคราวก็มีคนทำอาหารเย็นให้ทาน เวลาหยุดอยู่บ้านมีคนมานั่งดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนช่วยให้เขาไม่ต้องใช้เวลาที่เหลือไปกับการนั่งเศร้าอีกต่อไป ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่ารอยยิ้มของไอ้เด็กอวดดีบางคนพาเอาโลกของเขาสว่างไสวขึ้นมาทันตาเห็น

     บางครั้งความรู้สึกของคนเรามันก็เหมือนเรื่องตลกที่หาตรรกะอะไรมาอธิบายไม่ได้ เขารู้สึกว่าระยะเวลาสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ทำให้เขาลืมฟ่างคนรักเก่าได้รวดเร็วกว่าตลอดสองเดือนที่เขาพยายามทำใจเสียอีก

     เขายังจำได้ดีถึงผู้หญิงที่เขารักและตั้งใจจะสร้างอนาคตด้วย บาดแผลและความเจ็บปวดที่ถูกทิ้งมันกำลังสมานตัว ในวันนี้เขาจึงสามารถคิดถึงแฟนเก่าได้อย่างสบายอารมณ์มากขึ้น แม้จะยังเฮิร์ท แต่ก็ยอมเจ็บปวดด้วยความยินยอมพร้อมใจมากขึ้นกว่าเดิม

     แฟนเก่าของเขาอายุน้อยกว่าเขาสามปี เขาพบกับฟ่างครั้งแรกสมัยที่เธอพึ่งเข้ามาเป็นผู้แทนใหม่ๆ แม้จะขายสินค้ากันคนละอย่างแต่ก็สายงานใกล้เคียงกัน เขาจึงมีโอกาสได้ช่วยเธอที่เป็นผู้แทนมือใหม่อยู่หลายครั้งในยามพบเจอ ทั้งสองได้รู้จักผูกพันกันอย่างลึกซึ้งจนกระทั่งหัวใจของเขาร่ำร้องให้เธอเข้ามาครอบครอง

     เธอเป็นผู้หญิงสวย รูปร่างเล็ก เครื่องเคราบนใบหน้าจิ้มลิ้มชวนให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความรู้สึกเอ็นดูได้ไม่ยาก ประกอบกับน้ำเสียงเล็กๆ ที่ชอบสูงขึ้นเล็กน้อยเวลาเอาแต่ใจชวนให้เขายอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อตามใจเจ้าหญิงเช่นเธอ เพียงแค่อยากเห็นรอยยิ้มของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้น

     ที่จริงคอนโดนี้เขาก็ซื้อตามใจเธอด้วยซ้ำ ใจจริงเขาอยากได้บ้านเดี่ยวย่านชานเมืองหลังเล็กๆ สักหลังไว้ให้ลูกได้มีที่เลี้ยงสัตว์ เพราะเป็นความฝันของเขามาตั้งแต่เด็กๆ แล้วที่อยากเลี้ยงสัตว์ แต่พ่อกับแม่ที่บ้านนอกไม่อนุญาต พอโตมาสอบเข้ามหาลัยในเมืองกรุงได้ก็อยู่แต่หอพักจึงอดไปตามระเบียบ เมื่อได้งานทำก็ยุ่งเกินกว่าจะไปสนใจเรื่องเลี้ยงสัตว์ที่เป็นความฝันสมัยเด็กๆ แล้ว แค่เอาปากท้องของตัวเองให้รอดปิดยอดไปวันๆ ก็แทบไม่เหลือพลังไปดูแลใครอีก กลับกันที่มีแต่จะอยากได้คนมาคอยดูแล

     แต่ฟ่างไม่ชอบความยุ่งยาก แม้จะเป็นลูกคนเล็กแต่เธอก็โตมาในครอบครัวใหญ่ จึงค่อนข้างชอบความเป็นส่วนตัว และต้องการแต่งงานแยกบ้านออกมาอยู่กับเขาโดยเร็ว แต่เมื่อสามปีก่อนเขายังไม่พร้อมสำหรับการแต่งงาน เงินจะดาวน์บ้านที่ฝันไว้ก็ยังมีไม่พอ สินสอดที่พ่อตาเรียกก็ยังหาได้ไม่ครบ รถก็ยังต้องผ่อน ฟ่างจึงเสนอว่าให้หาคอนโดสักที่แทนเพื่อที่เขาและเธอจะได้อยู่ด้วยกัน ต่างฝ่ายจะได้ไม่ต้องเช่าอพาตเม้นท์กันคนละที่ให้เปลือง เขาจึงได้ตัดสินใจกัดฟันเจียดเงินมาดาวน์ห้องไว้ใช้เป็นรังหลับนอนของเขา และเป็นสถานที่พักกายแบบไม่ต้องสนใจญาติๆ ที่บ้านให้กับเธอระหว่างรอเรือนหอหลังใหม่

     แต่ทว่า... ด้วยความที่เขากับเธอยังไม่ได้แต่งงานกัน ในสภาวะไม่พร้อมต่างฝ่ายต่างก็งานยุ่ง ทั้งๆ ที่เขาตรากตรำเก็บเงินเพื่ออนาคตของคนทั้งคู่ ทั้งๆ ที่เขาขอให้เธอรอ สิ่งที่เขามีให้เธอก็ขาดเพียงงานแต่งกับแผ่นทะเบียน  แต่เธอกลับรับไม่ได้ เธอบอกเขาว่าเขาเฉื่อยชาเกินไป ไม่กระตือรือล้นที่จะรักเธอดังเช่นวันวาร

     เธอไม่เข้าใจถึงศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่รับปากกับพ่อตาว่าจะหาเงินไปขอลูกสาวเขาให้ได้ เธอคิดว่าเขาเกิดเบื่อและลังเลขึ้นมาจนไม่อยากถูกผูกมัด รวมไปถึงเรื่องเกี่ยวพันด้านสินทรัพย์ทั้งก่อนและหลังสมรส เธอคิดว่าเขาเห็นแก่ตัว โดยไม่รู้ตัว ...ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอเริ่มไม่พอใจในสิ่งที่เขาพยายามทำเพื่อเธอ ทั้งๆ ที่เขาก็ใช้ความพยายามมากขึ้นมาโดยตลอด แต่ทำไมมันกลับส่งไปถึงเธอได้น้อยลงกว่าเดิม

     และเมื่อเขาถูกย้ายเขต จำเป็นต้องออกต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อรายได้ที่มากกว่าเดิมสำหรับการทำความฝันของเธอให้เป็นจริงในเร็ววัน เขาก็ยิ่งมีเวลาตอบสนองความต้องการของเธอได้น้อยลง เขาไม่สามารถมาอยู่ใกล้ๆ ให้ความช่วยเหลือหรือรับฟังเรื่องราวงี่เง่าปัญหาต่างๆ ของเธอได้เช่นเดิม เขาจำเป็นต้องทำงานให้หนักมากกว่าเดิม แต่ผลที่ได้รับกลับไม่เป็นไปตามที่หวัง ช่วงเวลาวุ่นๆ ที่เขาไม่สามารถดูแลเธอ ฟ่างก็เปลี่ยนไป เธอให้เหตุผลหลายๆ อย่างแม้แต่เรื่องงี่เง่าเกี่ยวกับนิสัยของเขาที่เธอพึ่งไม่ชอบหรือทนไม่ได้เอาตอนปีที่สี่ที่เขาทั้งคู่คบกัน!

     และแล้ว... เธอก็จากลาไปพร้อมกับใครคนใหม่ที่เป็นเพื่อนสนิทผู้แสนดีคอยเข้าใจเธอมาตลอด และสิ่งที่น่าขำที่สุดสำหรับชัยชัชก็คือเพื่อนสนิทสุดที่รักของเธอคนนั้นไม่มีวันให้ทะเบียนสมรสกับเธอได้! นับเป็นความอัปยศที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตเมื่อผู้หญิงที่ตนรักโดนทอมแย่งไป แต่บาดแผลนั้นก็เริ่มสมานได้เพราะความจุ้นจ้านของเด็กห้องข้างๆ คนนี้นี่แหละ

     “พี่ชัช ฟังอยู่รึเปล่าครับ?”

     “หือ!? ฟังดิ พี่ฟังอยู่ เอางี้ละกัน นี่พี่เหลืออีกที่เดียวก็เสร็จงานวันนี้แล้ว เดี๋ยวพี่ไปรับเราไปซื้อของด้วยกันดีป่ะ ต้นบอกพี่วันก่อนว่าของใช้ในบ้านพี่หมดหลายอย่างไม่ใช่เหรอ?”

     ‘ที่แท้ก็สนใจที่เราพูดไปเหมือนกันนี่นา’

     ต้นน้ำคิดในใจอย่างยินดี นับตั้งแต่วันที่เขาทำตัวเนียนขอไปเป็นน้องชายของอีกฝ่าย เขาก็อ้างหาเหตุผลเข้าไปจัดการเรื่องต่างๆ ให้ชัยชัชได้อย่างแนบเนียน สภาพของชายหนุ่มที่อยู่ตัวคนเดียว แถมยังอยู่กับงานนอกบ้านมากกว่าใช้เวลาในที่อยู่อาศัยของตัวเองนั้นดูแทบไม่ได้

     จานชามใช้แล้วก็กองทิ้งไว้ในอ่างล้างจาน เสื้อผ้าที่ใส่ก็กองระเกะระกะยังไม่ได้ซัก ส่วนผ้าผ่อนที่ส่งไปซักรีดเรียบร้อยแล้วกลับวางพาดอยู่บนราวตากผ้าเช็ดตัวแทนที่จะอยู่ในตู้เสื้อผ้า แม้จะโชคดีที่ไม่ค่อยมีฝุ่น แต่ขยะลืมถังทั้งหลายก็วางรอคนไปจัดเก็บอยู่เป็นจำนวนมาก ถุงสำหรับแจก ตัวอย่างโบรชัวร์ รวมไปถึงของจุกจิกสำหรับแจกลูกค้าอันเป็นเครื่องมือทำมาหากินวางกองรวมๆ กันสุมไว้จนเต็มห้องว่าง สมกับเป็นห้องของหนุ่มโสดโดยแท้

     แม้เขาจะวางแผนเข้าไปจัดการธุระในบ้านให้อีกฝ่ายเพื่ออวดความเป็นแม่ศรีเรือน แต่เขาก็ไม่ได้เตรียมใจเจอกับบททดสอบหนักขนาดนี้ กว่าเขาจะช่วยจัดการทุกอย่างจนลงตัวก็เดือดร้อนอุปกรณ์สามัญประจำบ้านในห้องเขาไปหลายรายการ ชัยชัชพยายามตอบแทนเขาด้วยการให้เงิน แต่... ถ้าเขายอมรับเงินนั่นมาละก็ มันก็ไม่ต่างอะไรกับแม่บ้านรับจ้างสิ! เขาต้องการสร้างบุญคุณยืดเยื้อกับอีกฝ่ายต่างหาก เขาจะต้องทำทุกวิถีทางให้ชัยชัชเคยชินกับการมีเขาอยู่ข้างๆ จนขาดไม่ได้ให้สำเร็จ!

     “อย่าดีกว่าครับพี่ชัช หน้าโรงเรียนผมรถติดจะตาย”

     “แล้วเราจะกลับยังไง ซื้อของตั้งเยอะ”

     ‘เฮ้อ ใครบอกว่าไม่อยากให้มารับ พี่ชัชนี่ชอบคิดเองเออเองจริงๆ ผมอยากไปซื้อของกับพี่จะตาย แต่ให้มารับที่หน้าโรงเรียนไม่ได้เด็ดขาด ถ้าแม็กซ์เห็นเข้าคงเป็นเรื่องแน่ๆ พักนี้ยิ่งทำตัวแปลกๆ อยู่’

     “เราไปเจอกันที่พลาซ่าใกล้ๆ โรงเรียนผมดีกว่าครับ จอดรถง่ายกว่า ผมก็ว่าจะซื้อของตรงนั้นแหละครับ”

     “เอางั้นเหรอ เออๆ เดี๋ยวเจอกัน”

     “ครับ”

     ยังไม่ทันจะลับเสียงจากปลายสายก็มีเสียงทักดังมาจากบุคคลในความคิด

     “คุยกับใครอ่ะต้น?”

     แม็กซ์เดินเข้ามาหาเด็กหนุ่มพลางวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะแล้วย่อตัวลงนั่งข้างๆ ต้นน้ำจึงปิดหนังสือที่เปิดค้างอยู่เพราะรู้ดีว่าคงไม่ได้อ่านต่อแล้วแน่ๆ

     “แม็กซ์มีไรรึเปล่า ไม่ไปเล่นบาสกับพวกเก่งเหรอ”

     ตามปกติแล้ว ช่วงเวลาพักเที่ยงหลังทานข้าวเสร็จ แม็กซ์และผู้ชายบางคนในห้องมักจะจับกลุ่มพากันไปยึดครองสนามบาสโชว์สาวตามประสาวัยรุ่น แต่พักหลังๆ นี้หลังจากที่... หลังจากเกิดเรื่องบางอย่าง แม็กซ์ก็ดูจะตัวติดกับเขามากขึ้น ... มากเกินไปจนต้นน้ำชักรำคาญ

     “ไม่อ่ะ วันนี้ปวดแขน คุยกะใครอ่ะ?”

     “คุยธุระกับที่บ้านน่ะ”

     “งั้นก็แล้วไป อย่าให้รู้นะว่าต้นมีความลับกับแม็กซ์”

     เด็กหนุ่มกล่าวคาดโทษต้นน้ำอย่างทีเล่นทีจริง แต่การพูดล้อเล่นแบบนี้ต้นน้ำไม่ขำด้วย แม้เขาจะสนิทกับอีกฝ่ายมากแต่เขาไม่ได้ไว้ใจแม็กซ์ถึงขั้นบอกความลับทุกอย่าง โดยเฉพาะไม่ชอบที่อีกฝ่ายทำตัวราวกับเป็นผู้คุมเช่นนี้

     “แม็กซ์!”

     “โอเคๆ แม็กซ์ล้อเล่น แม็กซ์ก็แค่เห็นต้นไม่ค่อยสนิทกับใคร ชอบอยู่ตัวคนเดียว ก็เลยอยากสนิทกับต้นให้มากขึ้นก็เท่านั้นแหละ”

     เป็นความจริงดังที่แม็กซ์พูด ต้นน้ำนั้นมีเพื่อนน้อยมาก เรียกได้ว่าแทบไม่สนิทสนมกับใครในโรงเรียนนี้เลย และเหตุผลนั้นก็ไม่พ้น...

     “เฮ้ยแม็กซ์ ทำไมหนีมาก่อนวะ ไม่อยู่เล่นกันให้จบเกมก่อน อ้าว! แล้วไหงมานั่งกับไอ้ตุ๊ดต้นวะ ไม่กลัวมันปล้ำเอาเหรอ! ฮ่าๆ”

     เสียงตะโกนดังสนั่นมาจากกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่เดินตรงมาทางนั้นก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นถ้อยคำเสียดสีเมื่อเห็นต้นน้ำ เขาหน้าตึงทันที แต่แม้จะรู้สึกแย่เพียงไหนต้นน้ำก็ยังอุตส่ามีแก่ใจหันไปส่งรอยยิ้มให้คนเหล่านั้น

     “เงียบไปเลยพวกมึง! ต้นไม่ใช่ตุ๊ดโว้ย แล้วก็กูมีเรื่องคุยกับต้น พวกมึงอย่าแส่!”

     แม็กซ์ขัดขึ้นก่อนนะหันมาขอโทษต้นน้ำ

     “ต้น แม็กซ์ขอโทษแทนไอ้ปาล์มมันด้วยนะ มันแซวไปงั้นแหละ ไม่ได้คิดไรหรอก”

     “ช่างเถอะแม็กซ์ เราชินแล้ว ปาล์มก็ล้อเรามาตั้งแต่ตอน ม.4 แล้ว แต่นอกจากล้อแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเรา เราไม่ถือสาหรอก”

     เป็นความจริงที่เพื่อนๆ ของเขาในโรงเรียนมักจะล้อเขาว่า“ตุ๊ด”ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยทำตัวสาวแตกหรือทำตัวตุ๊งติ้งแม้แต่น้อย เพียงแต่ด้วยบุคลิคที่เงียบๆ และติดไปทางเรียบร้อยไม่ค่อยโหวกเหวกโวยวายเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่นๆ เขาจึงมักถูกคนอื่นสงสัยอยู่เสมอว่าเป็นกระเทยรึเปล่า แต่แทนที่เขาจะปฏิเสธหรือตอบรับกับการล้อเลียน เขากลับเลือกที่จะยิ้มให้แล้วเดินหนีไปเงียบๆ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรอีกกับคนกลุ่มนั้น

     เพราะความอดทนอดกลั้นของตัวเขาเองที่ค่อนข้างมากกว่าเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน ต้นน้ำจึงไม่ใส่ใจกับการกลั่นแกล้งแบบเด็กๆ เขาวางเฉยไม่ตอบโต้และหันไปยิ้มให้แทน แทบไม่เคยเถียงกลับใส่ใครผิดวิสัยของเด็กทั้งหลายที่มักจะจบลงด้วยการทะเลาะกัน พวกเพื่อนๆ จึงมักคิดว่าเขาหยิ่งและคบยากพากันทิ้งระยะห่าง ซึ่งต้นน้ำเองก็ไม่ได้ใส่ใจ เขามาเรียนไม่ได้มาหาเพื่อน

     และแล้วกาลเวลาก็พิสูจน์คน นับตั้งแต่หกปีก่อนที่เขาพึ่งเข้า ม.1 มาจนถึงวันนี้ที่เขาอยู่ ม.6 นานวันเข้าอุปนิสัยใจคอของคนเราก็แสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็น และเนื่องด้วย ชั้นมัธยมปลายในโรงเรียนเขานั้นไม่มีการเปลี่ยนห้อง เพื่อนๆ แต่ละคนจึงค่อนข้างเข้าใจนิสัยของกันและกันเป็นอย่างดี นานวันเข้าต่างฝ่ายต่างก็เกิดความเคยชิน

     ความใจเย็นของต้นน้ำเป็นที่เลื่องลือไปทั้งระดับชั้น เขาแทบไม่เคยก่อปัญหาใดๆ และมักจะสยบฝ่ายตรงข้ามด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินหนี และด้วยการแก้ปัญหาแบบนี้หลายๆ คนจึงตั้งฉายาให้เขาว่า“ไอ้ตุ๊ด” ทั้งเป็นการล้อเลียน รวมไปถึงความหมายที่ว่าเป็นพวกชอบหนีปัญหาไม่สู้คนนั่นเอง

     แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาหาได้ใส่ใจ เพราะผลการเรียนที่โชว์ตัวเลขสวยงามบนใบประกาศผลสอบทั้งหลายนั่นต่างหากที่สำคัญ ความรู้ความสามารถทั้งการเรียนการสอบการปฏิบัติงานกลุ่มรวมไปถึงการจัดทำโครงงานต่างๆ ความเก่งของเขานี่แหละที่สยบไอ้พวกไม่เก่งแต่ไม่เจียมให้ศิโรราบกับเขาเพื่อคะแนนรวมในแต่ละเทอม ต้นน้ำจึงไม่ลำบากในการเข้าสังคมที่โรงเรียนเพราะเขาเป็นผู้ที่ถูกเลือกอยู่เสมอด้วยผลงานโดดเด่นด้านการเรียน แม็กซ์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น เพียงแต่... มันมีอะไรที่มากกว่านั้น

     แม็กซ์เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างสูงร่างกายกำยำตามประสาคนออกกำลังกาย อีกทั้งครอบครัวมีฐานะจึงไม่แปลกที่สาวๆ ทั้งโรงเรียนจะกรี๊ดคนหล่อๆ อย่างแม็กซ์ แต่ข้อเสียของแม็กซ์คือใจร้อนและไม่ตั้งใจเรียน แม้จะเป็นหนึ่งในกลุ่มหัวโจกของห้องแต่ก็ต้องแพ้อาจารย์ที่ปรึกษาผู้ที่จับให้เขาคอยทำงานกลุ่มฉุดแม็กซ์ขึ้นมาจากปากเหวอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่สมัย ม. 4

     และด้วยความที่ต้องทำงานร่วมกันบ่อย นานวันเข้าอคติในใจคนเราก็ลบเลือนไปได้ด้วยความดี แม็กซ์เปิดใจมองเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งในโรงเรียน ไม่ค่อยล้อเลียนกลั่นแกล้งเขาแบบเด็กๆ อีกต่อไป ส่วนตัวเขาเองก็รู้สึกได้ว่าเมื่อไม่ใช่เป้าหมายที่อีกฝ่ายต้องการแกล้งแล้ว แม็กซ์ค่อนข้างดีกับเพื่อนฝูงรอบตัวมากทีเดียว อีกทั้งภาวะผู้นำที่พร้อมจะอ้าแขนปกป้องเพื่อนในกลุ่ม ต้นน้ำจึงเกิดความสนิทสนมกับอีกฝ่ายเป็นธรรมดา รวมไปถึงการที่แม็กซ์เป็นตัวเชื่อมให้เพื่อนผู้ชายในห้องคนอื่นๆ เลิกอคติกับเขาด้วย

     เมื่ออยู่ด้วยกันมาถึงจุดหนึ่งของช่วงเวลาในมัธยมปลาย กลุ่มตุ๊ดเด็กทั้งหลายต่างก็พากันแสดงตัวตนให้เห็นชัด จากที่อาจจะมีแอบแอ๊บแมนบ้างระยะที่ผ่านมา แต่ละนางเริ่มเปิดตัวชัดเจนว่าใครบ้างที่อยากโตไปเป็นผู้หญิงใครบ้างที่ไม่อยากมีนมแต่ก็ยังชอบทำตัวสาวแตกชอบผู้ชายมากกว่าชะนี และต้นน้ำไม่ใช่หนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้น เขายังเป็นตัวของตัวเองแบบเดิมๆ ไม่มีความเปลี่ยนแปลง

     ถึงแม้จะเคยถูกชักชวนให้ไปเข้ากลุ่มบ้างตามประสาเพื่อนสาว แต่เขาก็ปฏิเสธไปด้วยการให้ความเงียบเป็นคำตอบ เมื่อเทียวไล้เทียวขื่ออยู่หลายครั้งแต่เป้าหมายก็ยังไม่ยอมสาวแตก เหล่าสาวน้อยขาสั้นผมเกรียนทั้งหลายจึงขีดฆ่าชื่อเขาออกจากลิสต์รายชื่อ

     เพื่อนคนอื่นๆ ก็มองเห็นตรงจุดนี้จึงให้การยอมรับเขามากขึ้น เข้าใจว่าที่เขาเงียบๆ นั่นก็เป็นเพราะนิสัยไม่ใช่คนชอบแสดงออก และที่เรียบร้อยนั่นก็เพราะไม่ชอบมีปัญหากับใคร ไม่ใช่สาวน้อยในร่างผู้ชาย เลยพากันเลิกแกล้งเขาแรงๆ โดยเฉพาะการรังแกจากบุคคลที่ทำลงไปเพราะหมั่นไส้กระเทยเป็นเหตุ เหลือเพียงแต่... การแซวกันแรงๆ นี่แหละ ที่ไม่ว่ายังไงก็แก้ไม่ได้เสียที!

     “ต้น...”

     แม็กซ์มองเด็กหนุ่มเงียบๆ เขาไม่เข้าใจจริงๆ เลยว่า เพราะอะไรต้นน้ำจึงได้เก็บกดขนาดนี้ เขารู้ดีว่าต้นน้ำนั้นมีความอดทนสูง เพียงแต่เขาไม่มั่นใจว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะความใจเย็นไม่คิดอะไรมากมองโลกในแง่บวกจริงๆ หรือ... เพราะความเก็บกดที่ซุกซ่อนเอาไว้หลังรอยยิ้มไม่ถือสาหาความคนอื่นบนหน้ากากนั้น

     เขาเคยถอดหน้ากากต้นน้ำสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง และเขาตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายเลิกใส่หน้ากากเวลาอยู่ต่อหน้าเขาให้ได้!

     “ว่าแต่ แม็กซ์บอกมีเรื่องจะคุยอ่ะ มีอะไรเหรอ?”

     แม็กซ์รีบรับคำก่อนจะพูดเสียงอ่อยๆ

     “อ๋อ... เอ่อ คือเรื่องนั้นอ่ะ แม็กซ์อยากรู้ว่า ต้นยังอยากลองอยู่อีกมั้ย”

     “แม็กซ์… เราว่า พวกเราเลิกพูดถึงเรื่องนี้เถอะ”

     “ไมอ่ะ ต้นไม่อยากแล้วเหรอ ครั้งก่อนแม็กซ์ห่วยเอง แต่ว่าคราวหนะ”

     แม็กซ์ยังพูดไม่จบก็ถูกต้นน้ำตัดบท เด็กหนุ่มเผลอใส่อารมณ์ในน้ำเสียงจนเกือบจะเป็นการตะคอก

     “ไม่เอาแล้วล่ะแม็กซ์ มันจะไม่มีคราวหน้าอีก! ละเราไม่อยากพูดถึงมันแล้วด้วย”

     เสียงกริ่งดังบอกเวลาประจำชั่วโมงดังขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ต้นน้ำตัดบทอีกฝ่าย ช่วยให้เขาหลุดจากบทสนทนาที่น่าอึดอัดนี้ได้พอดี

     “ขึ้นเรียนเหอะ”

============================================


** คุณช่ากล่าวเอาไว้ว่า "ตุ๊ดไม่ปล้ำ เพราะเป็นฝ่ายถูกแทง" ... ใครก็ได้เดินไปตบไอปาล์มที บอกมันว่าน้องต้นแทงใครไม่เป็นนะค้า!
คิดถึง เจ้แบ๊ะ ตุ๊ด ตจว.

1. ถ้าสำนวนห่วยขออภัย เพิ่งหัดเขียนขอรับ ติชมได้เน้อ
2. ถ้าพระเอกห่วย ขออภัย คนแต่งอยากได้ผู้ชายที่หาได้ทั่วไปตามท้องถนน แถมยังอาชีพแปลกประหลาดเป็นผู้แทนยาอีก เหอะๆ ไม่ใช่คนในเครื่องแบบหรืออาชีพพิมพ์นิยม ไม่มีเรื่องเท่ๆ นี่มันมนุษย์เงินเดือนชัดๆ
3. ตัวเอกเขาน่ารักจริงๆ นะ พยายามเขียนให้ได้อารมณ์ "อยากจะเกลียดแต่ก็เกลียดไม่ลง" เต็มที่ เบสออนคาแรคเตอร์ที่คิดว่าโลกนี้มันมีคนนิสัยแบบนี้เต็มไปหมด แถมแต่ละคนไม่รู้ตัวด้วยนะ หึ หึ conflict ของน้องต้นอยู่ที่ "ข้างใน&การแสดงออก" นี่แหละ

ขอบพระคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านกันขอรับ  :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว:ภาค1#2-20/5]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ-หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ(กินเด็ก)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-05-2014 08:18:44
เคยลองกับแม็กแน่ๆเลยเขาถึงตามหึงตามหวงขนาดนี้
หัวข้อ: [เรื่องยาว:ภาค1]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ#หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ ตอน2(27/5/57)
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 27-05-2014 20:33:38
หมาป่าเริ่มติดกับเด็กเลี้ยงแกะแล้ว แต่อ๊ะ! ... หรือว่าเด็กเลี้ยงแกะจะโดนหมาป่าจับกิน? เขี้ยวเล็บหมาป่าก็น่ากลัวมิใช่น้อย หึ หึ


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     “ผมถึงแล้วครับ พี่ชัชอยู่ตรงไหนเหรอครับ?”

     “อ้าว ถึงแล้วเหรอ พี่อยู่ในแมคว่ะ มาดิ”

     ต้นน้ำเดินเข้าไปในร้านอาหารฟาสฟู๊ดแห่งหนึ่งของพลาซ่าที่ตนนัดกับชัยชัช โต๊ะที่ชัยชัชนั่งอยู่นั้นสังเกตไม่ยาก ชายหนุ่มมีเอกสารกองไว้เต็มโต๊ะกับแก้วกาแฟปั่นที่ดูชืดจากน้ำแข็งละลายเหลือเพียงครึ่ง

     “มานานแล้วเหรอครับ”

     เด็กหนุ่มกล่าวทักทายพร้อมกับย่อตัวลงนั่งบนโต๊ะตัวเดียวกันกับชายหนุ่ม

     “อือ พอดีบ่ายนี้พี่ว่างว่ะ กินไรก่อนป่ะ เดี๋ยวขอพี่เคลียร์ตรงนี้อีกนิดนึง”

     “ไม่ดีกว่าครับ”

     “เฮ้ย ไปซื้อมาเหอะ เอากาแฟเย็นให้พี่อีกแก้วนึงด้วย แม่งพนักงานมองพี่ชิบหายเลย เพราะเราอ่ะแหละมาช้า!”

     ชัยชัชแหวใส่ต้นน้ำก่อนจะควักแบงค์ห้าร้อยส่งให้แล้วก็ก้มหน้าทำงานของตนต่อ

     ต้นน้ำหัวเราะน้อยๆ เพราะขำในความหน้าบางของชายหนุ่ม แหม แมคตรงนี้ใครๆ เขาก็มานั่งแช่แอร์กันทั้งนั้น พนักงานก็เที่ยวไล่เดินเช็ดโต๊ะไปทั่วน่ะแหละ เขารู้ดีเพราะเคยนัดมาติวกับเพื่อนบ่อยๆ ที่ร้านฟาสฟู๊ดแห่งนี้

     เขาซื้อกาแฟเย็นให้ชัยชัชและสั่งโฟลตให้ตัวเอง เมื่อได้ของแล้วก็เดินกลับมาที่โต๊ะเสริฟกาแฟเย็นให้เจ้ามือก่อนจะนั่งลงและหยิบการบ้านของตนขึ้นมานั่งทำเงียบๆ เคียงคู่กันไป ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ อีกฝ่ายเขาก็มีความสุขมากพอแล้ว

     เวลาผ่านไปไม่นานชัยชัชก็บิดขี้เกียจและเริ่มเก็บเอกสารงานต่างๆ ของตนลงกระเป๋า เขาเหลือบมองดูเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ ต้นน้ำกำลังคร่ำเคร่งทำการบ้านของตนอยู่ใกล้ๆ กันแค่โต๊ะคั่น สิ่งนี้แหละที่ทำให้เขาค่อนข้างชอบใจเด็กคนนี้ ไม่ทำตัวน่ารำคาญ

     ตอนแรกที่อีกฝ่ายบอกว่าอยากมาเป็นน้องชายเขา เขานึกว่าชีวิตจะยุ่งเหยิงเสียอีก แต่แล้วมันก็กลับตาลปัตรไปหมดจากที่เขาทึกทักไว้ ต้นน้ำเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเขาก็จริง แต่ก็ทำให้ชีวิตเขาเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ตอนแรกเขานึกว่าการมีเด็กผู้ชายวัยรุ่นมาคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆ คงหาความสงบสุขไม่ได้ แต่ปรากฏว่าต้นน้ำเป็นเด็กที่เงียบอย่างเหลือเชื่อ

     นอกจากเรื่องงานหยุมหยิมภายในบ้านแล้วต้นน้ำไม่ค่อยแสดงความเห็นเรื่องอื่นๆ อีก เรียกได้ว่าถ้าเขาไม่เริ่มต้นประโยคชวนคุยเจ้าตัวก็ขอแค่นั่งอยู่ใกล้ๆ เขาก็พอ ไม่เคยเรียกร้องให้เขาพาไปไหนหรือทำอะไรให้ ถ้าเขาไม่ว่างงานยุ่งหรือติดลูกค้าเจ้าตัวก็จะแค่โทรมาถามเวลาที่เขาจะสะดวกเจอะเจอกันในครั้งต่อไป แล้วก็รอเงียบๆ ให้ถึงเวลาที่เขาบอกว่าว่าง

     สีหน้ายามตั้งอกตั้งใจทำการบ้านของต้นน้ำนั้นดูจริงจังจนชัยชัชแอบขำ

     ‘มีโหมดซีเรียสเหมือนกันนี่หว่า’

     เพราะเสียงหัวเราะในลำคอที่อีกฝ่ายเผลอทำ ต้นน้ำจึงได้สติ และเมื่อเขาเห็นว่าชัยชัชเก็บงานของตัวเองหมดแล้ว เขาจึงเลิกทำการบ้านของตนบ้าง

     “อ้าวเสร็จละเหรอ”

     “ยังหรอกครับ แต่ผมไว้ค่อยทำต่อคืนนี้ก็ได้ รีบไปซื้อของกันดีกว่า เดี๋ยวแม่จะรอ”

     “เออจริงด้วย พี่ลืมไปเลย”

     ว่าแล้วทั้งสองคนก็ออกไปช็อปปิ้งในซุปเปอร์ ภาพของเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนมัธยมปลายสะพายกระเป๋าเป้เดินเข็นรถเข็นเคียงคู่มากับชายหนุ่มวัยหนุ่มออฟฟิศใส่เชิ้ตลายทางสีอ่อนพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอกกับกางเกงแสล็กทรงพอดีตัวท่าทางดูสบายๆ นั้นดูใกล้ชิดสนิทสนมราวกับคนในครอบครัว

     แม้ต้นน้ำไม่ใช่คนตัวเล็กมากเนื่องจากมีสัดส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซ็นติเมตร แต่เมื่อมาเดินอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มโตเต็มวัยมาดผู้ใหญ่สไตล์หนุ่มหนุ่มออฟฟิศที่สูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซ็นติเมตรแบบชัยชัชแล้วละก็ภาพที่ออกมานั้นแทบจะทำให้ต้นน้ำกลายเป็นเด็กหนุ่มร่างบางไปเลยทีเดียว

     เย็นวันนี้ต้นน้ำเลือกทำสปาเก็ทตี้ครีมเห็ดกับสลัดผักอาหารโปรดของผู้เป็นมารดา เจ้าตัวเดินเข็นรถเข็นตรงไปยังชั้นวางวัตถุดิบต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว เล่นเอาชัยชัชทึ่งกับสกิลการช็อปปิ้งของอีกฝ่าย

     และเมื่อถึงชั้นวางเครื่องปรุงต่างๆ

     “เฮ้ย ต้น น้ำสลัดอ่ะ”

     ชัยชัชพูดพร้อมกับยื่นขวดน้ำสลัดสำเร็จรูปมาให้

     “ไม่เอาอ่ะพี่ชัช”

     “อ้าว ไมวะ?”

     “แม่ผมไม่ชอบแบบครีมครับพี่ แม่ชอบแบบน้ำใส”

     “งั้นก็ยี่ห้อนี้? แฟนพี่เคยทำให้กิน ก็อร่อยดีนะ”

     ชัยชัชหยิบน้ำสลัดสำเร็จรูปอีกยี่ห้อส่งให้โดยไม่ทันสังเกตว่าต้นน้ำมีสีหน้าหมองลงเล็กน้อยเมื่อเขาเผลอพูดถึงแฟนเก่าของตัวเอง

     “ไม่เอาหรอกครับ ฝีมือผมไม่ต้องใช้ของสำเร็จรูปหรอกพี่ ที่บ้านมีน้ำส้มสายชูอยู่แล้ว ซื้อแต่น้ำมันมะกอกที่หมดก็พอ”

     “โห ทำเองเลยเหรอ เก่งว่ะ! แม่บ้านนะเรา”

     ชัยชัชทำตาโตแซวต้นน้ำด้วยท่าทางไม่ค่อยเชื่อแบบที่เล่นทีจริงจนต้นน้ำเผลอทำหน้างอนๆ ใส่ ก่อนจะคุยโม้เกทับไปว่า

     “ก็แล้วแม่บ้านคนไหนที่จัดรังหนูของพี่ชัชให้กลับมาสะอาดเหมือนบ้านคนละครับ”

     “อื้อหือ ลามปามนะไอ้ต้น!”

     ว่าแล้วชัยชัชก็ยกมือขึ้นตบที่ศีรษะของอีกฝ่ายเบาๆ อย่างหยอกเย้า ก่อนจะถามต่อว่า

     “เรานี่ก็เก่งงานบ้านดีนะ ทำอาหารก็เก่ง ทำไรได้ตั้งหลายอย่าง ไปหัดมาจากไหนเหรอ?”

     “ก็ช่วยไม่ได้นี่นา แม่ผมทำงานคนเดียวต้องบินหนัก ไม่มีใครดูแลผมก็ต้องดูแลตัวเอง พอแบ่งเบาภาระอะไรของแม่ได้ผมก็อยากทำ แม่เหนื่อยมามากแล้วผมอยากช่วยแม่บ้างน่ะครับ”

     “อ้าว แล้วใครสอนเราอ่ะ? หัดทำเองหมดเลยเหรอ”

     “ก็ไม่เชิงหรอกครับพี่ชัช พวกงานบ้านอะไรพวกนี้ พอหยิบๆ จับๆ หัดๆ มันก็ทำได้เองแหละครับ”

     เด็กหนุ่มเดินหยิบสินค้าต่างๆ ที่ตนต้องการใส่รถเข็นพลางอธิบายให้คนข้างๆ ฟังต่อ คล้ายสบโอกาสได้ระบายความในใจกับชัยชัช ต้นน้ำมีความรู้สึกว่าเขากล้าเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้อีกฝ่ายฟังอย่างสบายใจ  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบุคลิคที่ดูอบอุ่นเป็นกันเองของพี่ชายห้องข้างๆ คนนี้หรือเปล่าที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย

     “คนเราไม่ต้องให้ใครมาสอนหรอกครับว่าต้องล้างจานยังไง พวกงานบ้านอื่นๆ ก็ด้วย ผมก็ช่วยแม่ตอนเด็กๆ อะไรที่ทำไม่ถูกแม่ก็จะสอน โดยเฉพาะเรื่องอาหารนี่แม่ผมทำอร่อยมากเลยนะ”

     ต้นน้ำกล่าวพลางหันมายิ้มให้ชัยชัชเป็นการสำทับความเชื่อมั่นขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง รอยยิ้มหวานๆ ยามต้นน้ำอารมณ์ดีก็ชวนเชื่อให้ชัยชัยนึกถึงใบหน้าสวยๆ คุณแม่ยังสาวลูกหนึ่งที่แก่กว่าเขาหกปี แต่ยังดูปิ๊งปั๊งเหมือนสาวเลขสามต้นๆ แถมหุ่นยังฟิตเปรี๊ยะดูดีชวนมองจนเขาแทบอยากร้องเพลงสามสิบยังแจ๋วให้เจ้าหล่อนฟัง

     “ก็อย่างที่พี่ชัชเห็น แม่ผมน่ะควบคุมเรื่องแคลอรี่จะตายไป ถึงปกติไม่ค่อยเข้าครัว แต่ถ้าคุณนายสายธารลงมือเองละก็ พิถีพิถันสุดๆ อ่ะ ผมก็ครูพักลักจำบ้างแม่สอนมาบ้างน่ะแหละครับ พอเราทำไปเรื่อยๆ มันก็เป็นเอง”

     เขาเดินเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ โดยมีชัยชัชเดินตามช่วยเข็นรถเข็นพร้อมทั้งเป็นผู้ฟังที่ดี คอยซักถามพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันในเรื่องต่างๆ จนกระทั่งต้นน้ำกวาดสินค้าที่ต้องการลงรถเข็นทั้งหมดแล้ว ทั้งสองก็เดินไปที่แคชเชียร์เพื่อคิดเงิน เป็นอันว่าข้าวของเครื่องใช้และวัตถุดิบทำอาหารทั้งหมดในมื้อนี้มีชัยชัชเป็นเจ้ามือ

============================================

     เมื่อทั้งสองกลับมาถึงคอนโด ชัยชัชช่วยต้นน้ำถือของเข้ามาถึงในห้องจึงได้พบกับคุณสายธาร หรือที่เธออนุญาตให้เขาเรียกว่า“พี่น้ำ” คุณแม่ของเด็กหนุ่มข้างห้องที่เขายอมให้มาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ ตัวเป็นน้องชาย

     ‘ให้ตายเหอะ! เห็นแล้วอยากเป็นพ่อเลี้ยงไอ้ต้นชิบ! ดีนะที่พี่เขาไม่รู้เรื่องนั้น ถ้าพี่เขารู้มีหวังกูได้แม่ยายที่สวยเอ็กซ์เซ็กส์ระเบิดที่สุดในโลกแน่ๆ เลยเว้ย ไอ้ชัช!’

     เขากับพี่น้ำพบกันเป็นครั้งที่สองแล้ว ต่างฝ่ายต่างทักทายกันอย่างสนิทสนม ด้วยความที่ทั้งคู่ต่างทำงานด้านการบริการจึงมีอัธยาศัยดีเยี่ยม การพูดคุยจึงเป็นไปอย่างสนิทสนมไม่ถือตัวตามประสาสาวสวยอัธยาศัยดี(ชอบเช็คเรทติ้ง)กับหนุ่มขี้เล่น(หมาหยอกไก่)

     แม้ว่าครั้งที่แล้วจะได้พบเจอกันแค่ช่วงสั้นๆ ตอนที่คุณเธอกลับมาถึงยามดึกแล้วพบว่าลูกชายไม่อยู่ แต่มีโน้ตเขียนแปะตู้เย็นไว้ว่า “อยู่ห้องข้างๆ นี้กับเพื่อนบ้าน มีอะไรโทรตามต้นได้นะครับ” เธอจึงมาเคาะห้องเขารัวๆ ถามหาลูกชายตัวเอง ส่วนต้นน้ำตัวก่อเรื่องนั้น จากตอนแรกที่วางแผนจะมานั่งดูแผ่นดีวีดีที่ห้องเขาตอนนี้ดันหลับสนิทคาโซฟาไปเรียบร้อย

     เดือดร้อนเขาต้องอธิบายเหตุการณ์ใหญ่ว่า เหตุใดคนข้างห้องที่ตลอดสามปีที่ผ่านมาไม่เคยแม้แต่จะทักทายกันถึงได้มาสนิทกันขนาดนี้ แต่ดีที่เด็กหนุ่มได้ยินเสียงจนตื่นขึ้นมาและหัวไวอ้างว่าบังเอิญช่วยเขาไว้ โดยดัดแปลงเหตุการณ์จากเรื่องจริงนิดๆ หน่อยๆ เป็นเขาทำงานเพลินจนลืมทานข้าวแถมกลับดึกเลยเป็นลมในลิฟท์ ส่งผลให้ต้นน้ำสงสารทนเห็นอีกฝ่ายเดือดร้อนไม่ได้ต้องเข้ามาช่วยและต่างก็พบว่าที่แท้ทั้งสองเป็นเพื่อนข้างห้องกัน

     “แหม ซื้ออะไรมาซะเยอะเชียว นายชัช”

     “ของใช้คืนเจ้าต้นมันแหละครับ พี่น้ำ”

     ชายหนุ่มว่าพลางส่งยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยให้สาวแก่กว่า

     ‘ให้ตายเหอะ เจอกี่ทีก็เอ็กซ์ ปอดบวมแน่ๆ แม่คุณเอ้ย!’

     สายตาของชัยชัชแทบจะละจากกระต่ายตัวน้อยที่ถูกรั้งจนตัวพองบนเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นเสมอหูใส่สบายสไตล์อยู่บ้านของคุณแม่ไปไม่ได้ ส่งผลให้ต้นน้ำมองตาขวางจนส่งเสียงกระแอมขึ้นมาเบาๆ

     “อะแฮ่มๆ”

     “อุ๊ยตายจริง! แหมพี่ก็เผลอแต่งตัวตามสบายไปหน่อย สงสัยจะอยู่กันสองคนกับตาต้นจนชิน งั้นเดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวลูกชายพี่จะหวงแม่จนไม่ยอมไปทำกับข้าว คิกๆ”

     ว่าแล้วคุณแม่ยังสาวก็เดินนวยนาดไปยังห้องของตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ทิ้งให้ชัยชัชมองตามจนตาค้าง และก็มีต้นน้ำที่งอนจนหน้างอมองจ้องเขม็งอยู่อีกต่อหนึ่ง!

     ‘กูไม่สงสัยละว่าต้นมันได้ก้นงอนๆ มาจากไหน ที่แท้ก็คุณแม่แบ่งให้นี่เอง แถมยังขาวโบ๊ะเหมือนกันอีก แม่เจ้าประคุณเอ้ย!’

     “อะแฮ่มๆ”

     “หื หือ!”

     “พี่ชัชกลับห้องไปก่อนก็ได้ครับ ขอผมเก็บของก่อนแล้วอีกเดี๋ยวค่อยลงมือทำกับข้าว แต่ถ้าพี่ชัชอยากสังสรรค์กับแม่ผมละก็ จะอยู่ต่อเลยก็ได้นะครับ”

     เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบพลางจิกตาใส่ชายหนุ่มจนชัยชัยเผลอกลืนน้ำลายดังเอื้อกออกอาการเหมือนคนทำผิดอะไรสักอย่าง!

     “เออ พี่ว่าพี่ร้อนๆ ว่ะ พี่ขอเอาของไปเก็บที่ห้องก่อนแล้วกัน ว่าจะอาบน้ำด้วยหน่อย ไว้เดี๋ยวพี่มาใหม่นะ”

     ‘ให้ตายดิ ลิ้นพันกันจนพูดมั่วไปหมด ละทำไมกูต้องเกรงใจไอ้ต้นด้วยวะ? ตอนอยู่กับฟ่างยังไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย!’

     เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วชัยชัชก็มุ่งหน้าไปยังห้องของสองแม่ลูก ตอนที่เขาเดินเข้าไปนั้นกลิ่นหอมของอาหารลอยอบอวลจนน้ำย่อยในกระเพาะเขาเริ่มทำงาน เขามองภาพของสองแม่ลูกช่วยกันทำครัวอย่างนึกอิจฉา ถ้าเพียงแต่ฟ่างอดทนให้เวลาเขาอีกสักปีสองปี ไม่แน่วันหนึ่งข้างหน้าในอนาคตเขาอาจจะได้นั่งมองภาพลูกและภรรยาของเขาช่วยกันทำกับข้าวในบ้านหลังเล็กๆ ตามที่เขาปราถนาก็เป็นได้

     “อื้อหือ หอมจังครับพี่น้ำ”

     เวลานี้คุณสายธารได้เปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านที่มิดชิดขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว และเธอกำลังช่วยลูกชายทำสลัดผักอยู่ โดยปล่อยให้ต้นน้ำวุ่นอยู่หน้าเตาลงมือปรุงซอสสปาเก็ตตี้สูตรเด็ด

     “แหม มาได้เวลาเชียวนะ นายชัช”

     ต้องยอมรับจริงๆ เลยว่า แม่น้ำของเจ้าเด็กต้นเป็นผู้หญิงสวยรวยเสน่ห์แถมยังค่อนข้างเป็นกันเองเสียจนเขาเผลอบ่อยครั้ง เล่นเอาลูกชายสุดที่รักของพี่น้ำเข้าโหมดงอนเงียบอยู่บ่อยๆ

    ‘แน่ะ! มองพี่ด้วยหางตาอีกแล้ว ไม่รู้มันหวงแม่หรือกลัวเราเอาจริงกันแน่ หึๆ ไม่ได้การละ ต้องโอ๋มันซะหน่อย เดี๋ยวอดข้าวเย็น’

     “ยังไม่เสร็จเหรอต้น มีไรให้พี่ช่วยป่าว”

     “ถึงผมยังทำอาหารไม่เสร็จ พี่ชัชก็คงช่วยไรต้นไม่ได้หรอกครับ ถ้าจะกรุณา พี่ชัชไปช่วยคุณแม่จัดโต๊ะก็ได้ครับ”

     ‘อื้อหือ ดูมัน คนแม่นี่อัธยาศัยดีอำมุกชิงไหวชิงพริบกันสนุกสนาน แต่ไอ้คนลูกนี่มันช่างเถียงคำไม่ตกฟากประชดประชันดีเหลือเกิน!’

     “แหม ตาต้น พี่เขาอุตส่ามีน้ำใจ ทำไมไปว่าพี่เขาแบบนั้นละลูก”

     “ก็ผมคิดว่าพี่ชัชคงอยากช่วยงานคุณแม่มากกว่ามายืนร้อนๆ อยู่หน้าเตากับผมละมั้งครับ”

     เด็กหนุ่มเถียงมารดาพลางตักสปาเก็ตตี้ราดด้วยครีมซอสลงบนจาน แม้ปากจะเถียงกับมารดารวมทั้งแขวะกลับชัยชัช แต่มือของเจ้าตัวกลับทำงานคล่องแคล่ว เพียงไม่นาน สปาเก็ตตี้ร้อนๆ หอมฉุ่ยสามจานก็พร้อมเสริฟ แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังเตรียมจะนั่งลงประจำที่ คุณนายสายธารก็ชูแก้วเครื่องดื่มที่ไปฉกมาจากตู้เย็น

     “แต่นแต้น! มานายชัช มาฉลองปีใหม่กัน!”

     “โห เอามาจากไหนครับพี่?”

     ชัยชัชมองดูขวดทรงสูงและแก้วไวน์สองใบในมือของหล่อน เขาสังหรณ์ว่าดูท่าคืนนี้เขาคงต้องอยู่นานกว่าทานอาหารเย็น!

     “แหม มันก็ต้องมีบ้าง มา มาดื่มกันหน่อย นานๆ จะมีเพื่อนมานั่งดื่มด้วยกันที่บ้าน จะออกไปสังสรรค์นอกบ้านตาต้นก็หวงแม่ คิกๆ”

     “แม่ก็... เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็แฮงค์หรอกครับ”

     ต้นน้ำปรามมารดาเบาๆ ก่อนจะหันไปทำหน้าหนักใจขมุบขมิบปากขอโทษชัยชัชทำนองว่า“อย่าถือสาแม่ผมเลยนะครับ”

     ‘ดูท่าคงหวงแม่น่าดู’

     ชัยชัชหัวเราะๆ เบาๆ ก่อนจะหันไปตอบผู้หญิงคนเดียวในห้องว่า

     “ไม่ดีกว่าครับ พรุ่งนี้ผมมีงาน ผมไม่ถนัดไวน์ด้วย”

     ‘ขืนเมาอีกรอบผมเกรงจะเผลอพาลูกชายพี่ขึ้นเตียงนะคร้าบ พี่น้ำ!’

     “แหมอะไรกัน! จำไว้เลยนะนายชัช ไม่ยอมดื่มเป็นเพื่อนพี่”

     เจ้าหล่อนมองค้อนเขาพลางทำแก้มป่องเสียจนน่ารักกระชากวัยก่อนจะหันไปสั่งลูกชายที่กำลังจัดวางอาหารเย็นลงบนโต๊ะ

     “ต้น ลูกไปหยิบเบียร์ที่อยู่ในตู้เย็นมาให้พี่เขาหน่อยสิลูก แล้วก็เอาที่ยังไม่ได้แช่เข้าช่องฟรีซด้วยนะ จะได้เย็นทันใจพี่ชัชเขา”

     พอจบประโยคก็หันมายิ้มหวานให้ชัยชัชอีกรอบ ดูท่าวันนี้เขาคงไม่ได้กลับห้องตัวเองง่ายๆ นี่เจ้าหล่อนเตรียมพร้อมมอมแอลกอฮอล์เขาเลยใช่มั้ยเนี่ย! เขาหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเด็กหนุ่ม แต่ทว่า... เจ้าตัวกลับส่ายศีรษะน้อยๆ แล้วพึมพำทำนองว่า “ตัวใครตัวมัน”

     ‘เฮ้ย! ทิ้งกันแบบนี้ได้ไงวะต้น เดี๋ยวก็ได้เป็นเมียพี่อีกรอบหรอกไอ้น้อง!’

     อาหารมื้อนั้นเป็นไปอย่างสนุกสนาน ชัยชัชกับสายธารแลกเปลี่ยนความเห็นกันหลายต่อหลายเรื่อง แม้อาหารเย็นบนโต๊ะจะพร่องไปเยอะแล้ว แต่เครื่องดื่มมึนเมากลับถูกรินเติมลงในแก้วเรื่อยๆ ชัยชัชเองก็กึ่งตอบรับกึ่งปฏิเสธ แม้เขาจะไม่ดื่มมากจนเมาแต่ก็ไม่ยอมปล่อยแก้วยกขึ้นจิบอยู่เรื่อยๆ เช่นกัน ผู้ใหญ่วัยกลางคนสองคนนั่งร่ำสุรากันสนุกสนานปล่อยให้ซินเดอเรล่าของบ้านอย่างต้นน้ำเก็บโต๊ะและจัดการจานชามอยู่ในครัว

     “แม่ครับ ผมเก็บครัวเสร็จแล้ว ขอตัวไปทำการบ้านก่อนนะครับ”

     ต้นน้ำร้องบอกมารดาก่อนจะหันมาแขวะแขกห้องข้างๆ

     “พี่ชัชเองก็อย่ายอมให้คุณแม่มอมจนเยอะเกินไปนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะทำงานไม่ไหวเอา”

     “สบายมากน่าไอ้น้อง นี่พึ่งกระป๋องที่สี่เอง”

     “ให้มันจริงเถอะครับ แม่เองก็เพลาๆ หน่อยนะครับ พรุ่งนี้หยุดก็จริง แต่มะรืนมีบินแต่เช้ามืดไม่ใช่เหรอครับ เดี๋ยวจะไม่ไหวเอา”

     “รู้แล้วจ้า คุณลูกบังเกิดเกล้า ไปๆ ไปอ่านหนังสือได้แล้ว ตรงนี้ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน”

     คุณสายธารส่งเสียงที่เริ่มจะอ้อแอ้แซวลูกชาย ส่งผลให้ต้นน้ำส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความปลงกับอุปนิสัยของมารดาก่อนจะเดินเข้าห้องไป

     “อ้าว? พี่น้ำมีบินเหรอครับเนี่ย”

     “จ้า”

     “งี้ก็อดอยู่กับต้นตอนปีใหม่สิครับ”

     “ก็คงงั้น แต่ถึงปีนี้พี่ไม่อยู่ตาต้นก็คงไม่เหงาแล้วนี่ มีชัชอยู่ด้วยทั้งคน”

     ชัยชัชสะดุ้งเฮือกเพราะร้อนตัว ชายหนุ่มรีบปฏิเสธเป็นพัลวันว่า

     “โอ้ย ไม่หรอกครับ ผมก็มีไปสัมนาที่หัวหินเหมือนกัน”

     “ว้า งี้ก็น่าสงสารลูกชายพี่แย่สิ ต้องอยู่คนเดียวตอนปีใหม่อีกแล้ว”

     “อ้าว ไม่มีคนอื่นๆ แวะมาหามั่งเลยรึไงครับ รึไปต่างจังหวัดแบบกลับไปเยี่ยมญาติอะไรทำนองนั้น?”

     “แหม ไม่มีหรอกจ้า พี่น่ะ คนกรุงเทพ จะให้กลับไปไหนล่ะ ฮ่าๆ”

     “แล้วพ่อเจ้าต้นละครับ เอ่อ ขอโทษนะครับถ้ามันฟังดูละลาบละล้วง”

     ความมึนนิดๆ จากแอลกอฮอล์ส่งผลให้ความยับยั้งชั่งใจลดลง ชัยชัชจึงหลุดปากถามคำถามสำคัญที่อยากรู้ออกไป แต่เมื่อคำพูดหลุดออกจากปากตนไปแล้วถึงระลึกได้ว่าไม่สมควร แม้จะรู้สึกผิดเข้าใจว่าแต่ละคนย่อมมีเหตุผลของตัวเอง แต่เมื่อเอ่ยคำขอโทษออกไปผู้หญิงตรงหน้ากลับไม่ถือสายกมือที่ถือแก้วไวน์โบกไปมาเป็นทำนองว่าไม่ต้องไปใส่ใจ

     “โอ๊ย พี่ไม่ถือหรอก ฮ่าๆ”

     “ครับ นึกว่าเผลอพูดเรื่องไม่สมควรซะแล้ว ถ้างั้นแล้วพ่อของต้นไปไหนละครับ ผมเห็นพี่น้ำทำงานหนักตลอดเลย แล้วไหนยังจะต้องเลี้ยงลูกคนเดียวอีก หรือว่าพ่อต้นไม่อยู่แล้วครับ?”

     “พี่กับเขาไปกันไม่ได้จ้ะ เราก็เลยจบกัน พี่ก็เลี้ยงตาต้นมาคนเดียว ตามนั้น”

     “แล้วเขาไม่ติดต่อมาเลยเหรอครับ พี่น้ำบินออกบ่อย เห็นว่าต้นต้องอยู่คนเดียวตั้งแต่เด็กๆ ฝ่ายนั้นน่าจะมาช่วยดูแลลูกมั่ง”

     “แหม ก็เขาจะมาดูแลได้ยังไงละจ้ะ ฮ่าๆ ก็ในเมื่อฝ่ายนั้นเขาไม่ยอมรับว่าตาต้นเป็นลูกเขาด้วยซ้ำ คิกๆ”

     แม้เสียงที่เปล่งออกมาจากปากจะเป็นเสียงหัวเราะ แต่ท่วงทำนอนที่ได้ฟังนั้นช่างดูราวกับถ้อยคำเยาะเย้ยตัวเองเหลือเกิน ชัยชัชรู้แล้วว่าเจ้าเด็กข้างห้องของเขานั้นได้เสียงหัวเราะเศร้าๆ นี้มาจากใคร

     “ผมขอโทษครับพี่น้ำ”

     “นายชัชจะมาขอโทษพี่ทำไม๊! ชัชไม่ได้ทำอะไรผิดนี่จ้ะ แหม เรื่องพรรณนี้มันธรรมดาจะตายไป รักๆ เลิกๆ ไม่รักก็จบ เรื่องธรรมชาติ พี่ปลงแล้วล่ะจ้ะ ทุกวันนี้ชีวิตพี่กับตาต้นก็มีความสุขดี พี่ไม่เสียใจหรอก จะมีก็แต่ตาต้นนั่นแหละที่พี่ยังห่วงอยู่ เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กวันยังค่ำ ยิ่งเจอพ่อแบบนั้น... โอ๊ยตายจริง! นี่พี่ว่าพี่ชักจะเมาแล้วมั้งเนี่ย พูดเลอะเทอะไปเรื่อย”

     “คงงั้นมั้งครับ”

     ชายหนุ่มส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเห็นใจในชะตากรรม ใช่สิ! ทำไมเขาจะไม่รู้ เรื่องความรักมันไม่เข้าใครออกใคร เขาเองก็เพิ่งผ่านประสบการณ์เดียวกันมาเป๊ะ! แต่คงดีกว่าอีกฝ่ายตรงที่ว่าพวกเขาทั้งสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน

     “แต่มีชัชอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ก็ดีนะ ตาต้นจะได้มีผู้ชายใกล้ๆ ตัว พี่เองก็เป็นผู้หญิงบางอย่างก็ไม่เข้าใจผู้ชายหรอกจ้ะ ยิ่งลูกโตแล้วด้วยบางทีพี่เองก็ลำบาก ถ้ามีนายชัชมาอยู่ข้างๆ คอยช่วยดูแลเขาบ้างก็ดี ลูกพี่จะได้มีผู้ชายไว้เป็นแบบอย่าง”

     ‘กลัวแต่ไอ้ผู้ชายต้นแบบคนที่ว่าพึ่งสอนลูกพี่ให้มีเซ็กส์กับผู้ชายด้วยกันไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนนะสิคร๊าบ!’

     ชัยชัชกรีดร้องอยู่ภายในใจอย่างสมเพชตัวเอง เขานี่มันไม่เหมาะจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้ใครเอาซะเลย แถมยังมีชนัฏปักหลังอีก!

     “ครับ”

     สุดท้ายจึงได้แต่ส่งยิ้งแห้งๆ ไปให้อีกฝ่าย พร้อมกับยกเบียร์ขึ้นจิบแก้เก้อ

     “จ้า ยังไงพี่ก็ฝากลูกพี่ด้วยนะนายชัช ตาต้นน่ะเป็นเด็กเงียบๆ ไม่ค่อยชอบพูดอะไรออกมา บางครั้งแม้แต่พี่เองถามเจ้าตัวก็ไม่ยอมบอกอะไรพี่เลย แต่ถ้าเป็นชัชพี่ก็เบาใจ พี่ว่าเธอเอาลูกพี่อยู่นะ”

     พรวด!

     “ว้าย ตายละ ชัช เป็นอะไรรึเปล่าจ้ะ?”

     “แค่กๆ มะ ไม่ เป็นไรครับพี่ แค่สำลักเฉยๆ”

     “ตายแล้ว ละทำไมจู่ๆ ถึงสำลักได้ละฮึ๊!”

     สายธารลูบหลังชายหนุ่มที่สะอึกจนตัวโยนพลางส่งกระดาษทิชชู่ให้ ชัยชัชรับมาเช็ดปาก เขารู้สึกแสบในลำคอที่ถูกแอลกอฮอล์เผาเป็นอย่างมาก แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขารู้สึกแย่เท่าความระแวงที่กัดกินใจเขาอยู่

     ‘ให้ตายเหอะ กูจะต้องอยู่กับอาการสันหลังหวะแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กันวะ!’

============================================


หมาป่าบุกถึงรังของลูกแกะได้แล้ว! ระวังโดนจับกินนะต้น! แต่... รึพี่ชัชจะเล็งท่านแม่?

พี่ชัชพระเอกของเรื่องนี้เป็นแค่ตาลุงพนักงานออฟฟิสหื่นๆ คนนึง พยายามเขียนให้ดูเป็นคนธรรมดาๆ น่าจะมีคาแรคเตอร์ใกล้เคียงกับหนุ่มๆ "เป็นต่อ" ทำนองนั้น ทำงาน สังสรรค์ ปาร์ตี้ นอนอยู่บ้าน ชีวิตไม่ค่อยมีอะไรมาก
แต่ก็นะ... อยากฝากพระเอกธรรมดาๆ คนนี้ให้ช่วยเชียร์กันหน่อยเน้อ ติดตามดูกันต่อไปแล้วจะรู้ว่าพี่ชัชไม่ธรรมดา ไม่งั้นน้องต้นไม่หลงหัวปักหัวปำหรอก ฮ่าๆ

ส่วนตัวเอก ... "เยอะ" ไม่มีอะไรมากนอกจาก ฮีเยอะ! ก็แม่ฮีเป็นงั้นแล้วลูกจะเป็นแบบไหนได้ หึ หึ ฝากตัวเอกจอมดราม่าคนนี้ไว้ด้วยนะคะ อนุญาตให้หมั่นไส้ได้ เกลียดได้ ด่าได้ แต่เชื่อเถอะ จะต้องอ่านไปลุ้นไปกับความเยอะของฮีแน่ๆ
แต่ฮีมีประเด็นน้า ไม่ได้อยู่ๆ ก็เยอะ เพราะคนแต่งชอบเขียนคาแรคเตอร์ที่มีมิติหน่อยๆ เวลาได้หยิบเอานิสัยของมนุษย์มาเขียนนี่มันสนุกจริงๆ ใครมีแฟน/เพื่อนก็ลองสังเกตตัวเองดูน้า อาจจะค้นพบต้นน้ำเข้าก็ได้ ฮ่าๆ

 :mew3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #2(27/5/57)
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 29-05-2014 00:41:34
ลูกแกะวางแผนจับหมาป่า ท่าทางจะสำเร็จด้วย ร้ายใช่เล่น  :m19: :m17:
มีความรู้สึกว่าแม็กจะต้องเข้ามาป่วนแน่เลย  :a5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #3(30/5/57)
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 30-05-2014 00:37:32
ก่อนอื่นขอขอบพระคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่าน ขอกราบงามๆ ให้กับคนที่เม้นท์ ดีใจที่นิยายเรื่องนี้ทำให้คนอ่านยิ้ม ลุ้น มีความสุขได้ขอรับ
 :hao5:

แม่บอกว่า "สัตว์หน้าขน ไว้ใจไม่ได้" หมาป่าเป็นสัตว์มีขนที่หน้า แปลว่าหมาป่าไว้ใจไม่ได้...  o18 o18
น้องต้นอย่าไว้ใจหมาป่าเด็ดขาดนะ! ถ้าเผลอระวังถูกจับกินไม่รู้ด้วย!

:laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:


เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 3 -
##### เป็นเด็กพี่ เอ้ย! เป็นน้องพี่ เดี๋ยวพี่ดูแลเอง #####

     วันที่ยี่สิบเก้าเดือนธันวาคม เวลาค่ำๆ ชัยชัชพึ่งกลับจากทำงาน แม้จะเหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่เมื่อเดินผ่านห้องของคนคุ้นเคยเขาก็อดไม่ได้ที่ยกมือเคาะเรียกเจ้าตัว

     ‘ไม่รู้จะอยู่ห้องรึเปล่า อาจจะไปฉลองกับเพื่อนมันก็ได้’

     ยืนรอไม่นานนักบานประตูห้องพักก็เปิดออก เชื้อเชิญให้เขาก้าวเข้าไป

     “อ้าว? อยู่ห้องเหรอต้น”

     ต้นน้ำทำสีหน้าหน่ายใจกลอกตาขึ้นด้านบนพลางถอนหายใจ แล้วตอบว่า

     “ก็ถ้าพี่ชัชคิดว่าผมไม่อยู่แล้วจะมาเคาะห้องผมทำไมละครับ?”

     “อ้าว กวนนะไอ้นี่”

     ชายหนุ่มเขกหน้าผากคนกวนส้นเบาๆ พลางถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องของเด็กหนุ่มอย่างคุ้นเคย

     “แล้วพี่ชัชมีอะไรรึเปล่าครับ มาหาผมเอาป่านนี้”

     “เปล่า ก็ไม่มีไรหรอก เห็นพี่น้ำไม่อยู่เลยว่าจะแวะมาดูเราซะหน่อย”

     ชัยชัชว่าพลางเอนกายลงบนโซฟา จิบน้ำผลไม้เย็นชื่นใจที่เจ้าบ้านรินมาบริการ ชายหนุ่มเอี้ยวคอไปมาพลางปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดบน ใบหน้าแดงเรื่อๆ ของชายหนุ่มทำให้รู้ได้ว่าเจ้าตัวไปดื่มมาอีกแล้ว

     “ดื่มมาอีกแล้ว เมื่อไหร่พี่ชัชจะเลิกดื่มแล้วขับซะทีครับ มันอันตรายนะครับ”

     “มันจำเป็นนี่หว่าต้น งานของพี่ต้องเอนเตอร์เทนลูกค้า พาลูกค้าไปดื่ม ถ้าพี่ไม่ดื่มแล้วจะให้ทำยังไง”

     “แต่ก็ไม่เห็นต้องขับรถกลับมาเลยนี่ครับ นั่งแท็กซี่เอาก็ได้ เมาไม่ขับน่ะรู้จักมั้ยครับ”

     “เออ รู้! แต่ถ้าเมาไม่ขับละจะให้พี่กลับยังไงวะ? หึๆ”

     ต่อปากต่อคำกันพอหอมปากหอมคอ ต้นน้ำรู้ดีว่าถึงบ่นไปยังไงผู้ชายอย่างชัยชัชก็ใช่จะฟังเขา

     ‘ก็ไอ้เรื่องคืนนั้นนั่นไงเล่า ถ้าพี่ชัชเขาไม่เมาแล้วจะได้เรื่องเหรอ! ละเรายังจะคิดไปเตือนอะไรพี่เขาอีก’

     สีหน้าหงุดหงิดใจ แก้มที่ป่องขึ้นเล็กน้อยผสมกับแนวคิ้วได้รูปที่เริ่มขมวดเป็นปม สายตาที่ดูไม่สบอารมณ์ ส่วนผสมทั้งหมดของคนตรงหน้าทำให้ชัยชัชอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก เหนือสิ่งอื่นใดนั้นเขารู้สึกได้ถึงความปราถนาดีๆ ที่คอยเป็นห่วงเป็นใยกันอย่างจริงใจ ซึ่งอย่างหลังนี้แหละที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจ

     “เอาหน่า พี่จะระวังแล้วกัน นี่เห็นมั้ย วันนี้พี่ก็ดื่มนิดเดียวแล้วนะ”

     “แล้วถ้าคราวหน้าเจอด่านละครับ จะทำยังไง พักนี้ยิ่งใกล้ปีใหม่ ตำรวจตั้งด่านกันให้ควัก”

     “เออน่ะ พี่มียันต์กันผีปิงปอง”

     “พี่ชัช! ทำแบบนั้นเดี๋ยวก็”

     “เอาน่าๆ ใจคอเราจะบ่นจนไม่ฟังที่พี่จะพูดเลยรึไงเฮอะ”

     ต้นน้ำได้สติหุบปากลงแล้วนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายคงมีธุระ มิฉะนั้นคงไม่มาหาตนยามวิกาลเช่นนี้

     ‘อารมณ์ห่วงของเราจะเผลอทำให้พี่ชัชรำคาญรึเปล่าก็ไม่รู้!’

     “เอ่อ ครับ... แล้วพี่ชัชมีธุระอะไรรึเปล่าครับ?”

     ‘นั่นไง พอถูกดุก็จะหงอยทันที เจ้าเด็กนี่มัน... จริงๆ เล้ย’

     เขาก็อธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก รู้แต่ว่ามันหมั่นเขี้ยว อยากแกล้งเจ้าเด็กขี้บ่นเก็บกดไม่สมอายุตรงหน้าเพราะอยากเห็นสีหน้าหลายๆ อย่างของอีกฝ่าย

     “ก็ไม่มีไร้ เป็นห่วงเลยแวะมาดู อุตส่าปีใหม่ทั้งที แต่ต้องอยู่คนเดียวนี่นาเราอ่ะ ละนี่ทำไรอยู่?”

     พูดจบก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะมาหยุดสายตาลงทีโต๊ะรับแขกกลางบ้าน

     ‘แน่ะ! หนังสือเรียน สมุดจดงาน เจ้าเด็กนี่มันขยันจริงๆ เล้ย เด็กเรียนนี่หว่า ขาดแต่ใส่แว่นนะเนี่ย หึๆ’

     “ก็ กำลังทบทวนบทเรียนอยู่ครับ ใกล้สอบแล้ว”

     “ขยันจริงๆ เลยเรา ไม่เหงาเหรอ วันส่งท้ายปีนั่งจับเจ่าอ่านหนังสืออยู่แต่ในห้อง”

     “แล้วจะให้ทำยังไงละครับ ก็แม่ผมต้องบิน”

     “แล้วเพื่อนเราไม่ชวนไปไหนบ้างเหรอไง?”

     ได้ยินชัยชัชทักดังนั้นแล้วต้นน้ำก็อดคิดถึงเพื่อนคนสำคัญของตนขึ้นมาไม่ได้ แม็กซ์พยายามตื้อให้เขาไปฉลองปีใหม่ด้วยกันอยู่หลายรอบ แต่เขารู้ดีว่าปาร์ตี้ของแม็กซ์ก็คงไม่พ้นเพื่อนๆ แก๊งหัวโจกของแม็กซ์ที่คงชวนกันไปเมาเฮฮาไร้สาระ เผลอๆ อาจจะมีผู้หญิงด้วยซ้ำ! ต้นน้ำไม่ค่อยชอบใจสไตล์ของแม็กซ์เท่าใดนัก เรื่องนี้นี่แหละที่ทำให้เขายังคงรักษาระยะห่างกับแม็กซ์ไว้มาก… มากเสียจนแม้จะเรียกแม็กซ์ว่าเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดในโรงเรียนก็ยังไม่อาจนับได้ว่าแม็กซ์เป็นเพื่อนซี้ของตน ต้นน้ำจึงผลิรอยยิ้มบางๆ ให้คนถามก่อนจะตอบว่า

     “ไม่เอาดีกว่าครับ ผมอ่านหนังสือดีกว่า ใกล้สอบวิชาหลักแล้วด้วย”

     “อือ สู้ๆ นะ พี่เอาใจช่วย”

     ชายหนุ่มเอื้อมมือไปโยกศีรษะของเด็กหนุ่มเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

     “ไว้เดี๋ยวพี่ค่อยโทรมาแฮปปี้นิวเยียร์เราแทนละกัน ว่าแต่อยากได้ของฝากไรป่าวล่ะ พี่จะได้ซื้อมาฝาก?”

     แม้จะเป็นถ้อยคำให้กำลังใจง่ายๆ แต่ต้นน้ำกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นอัดแน่นอยู่ในอก ถ้อยคำให้กำลังใจอย่างตรงไปตรงมาที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อนพร้อมทั้งสัมผัสอันอบอุ่นที่แสนจะจริงใจ ชัยชัชปฏิบัติต่อเขาด้วยความปรารถนาดีโดยไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน ความร้อนที่แผดเผานี้ทำให้เขารู้สึกดีจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกอัดแน่นอยู่ในใจจนล้นทะลัก และโดยไม่รู้ตัว…

     “ฮึก”

     เด็กหนุ่มต้องตกใจตัวเองที่จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา ต้นน้ำใช้มือปาดมันทิ้งไปลวกๆ พลางหันหน้าหนีชัยชัช

     “อ้าว เฮ้ย! ร้องไห้ทำไม?”

     “ปะ เปล่าครับพี่”

     “มาเปล่าไรล่ะ ผงเข้าตาเป็นนางเอกหนังไทยรึไง? ไอ้เด็กปากแข็ง ไหนเป็นไรบอกพี่มา”

     ชัยชัชสวนกลับประโยคปฏิเสธของต้นน้ำพลางดึงอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ เขาฉวยเข้าเกาะกุมมือของต้นน้ำโดยอัตโนมัติก่อนจะเช็ดหลักฐานการโกหกอย่างเบามือ

     ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรในยามที่ชัยชัชปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้แทนที่เขาจะรู้สึกสงบขึ้น กลับกันกลับรู้สึกราวกับว่า กำแพงที่เขาบรรจงก่อมานานหลายปีพังทลายลงง่ายๆ ด้วยสัมผัสแผ่วเบาจากปลายนิ้วของชายหนุ่ม น้ำตาเจ้ากรรมที่ตอนเริ่มต้นนั้นแค่คลออยู่ในดวงตาตอนนี้กลับหลั่งออกมาเป็นสายประจานความอ่อนแอของตัวเอง

     “ไหนดูซิ เนี่ยนะ แล้วมาบอกพี่ว่าไม่เป็นไร เป็นไรครับต้น บอกพี่ชัชมาซิ?”

     ชัยชัชเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายเบาๆ พลางปลอบ เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมจู่ๆ ต้นน้ำถึงได้ออกอาการเขื่อนแตกแบบนี้ ปกติเห็นแต่ทำสีหน้าเย็นชา แม้เขาจะพอรู้มาบ้างแล้วว่าแท้จริงนั้นเด็กหนุ่มมิได้แข็งแกร่งอย่างที่พยายามแสดงออก มิหนำซ้ำยังติดจะเก็บกดเล็กๆ แต่ทว่าเขาเองก็คาดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มจะบอบบางถึงเพียงนี้ เรื่องในวันนี้ทำเอาเขาตกใจมากจริงๆ

     เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาใช้อ้อมกอดปลอบประโลมอีกฝ่าย ครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่แตกตื่น จิตใจของเขาจึงสับสนทำไปตามสัญชาตญาณล้วนๆ แต่ในครั้งนี้เขามีสติครบถ้วนสมบูรณ์ เขาตั้งใจใช้ร่างกายของตัวเองแบ่งปันความเข้มแข็งให้ต้นน้ำ ชัยชัชรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนน้อยๆ จากการพยายามกลั้นสะอื้น คนในอ้อมกอดซุกหน้าลงกับอกของเขา ความเปียกชื้นจากคราบน้ำตาทะลุผ่านเสื้อจนเขาสัมผัสได้

     ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงคนตรงหน้าถึงจะหยุดร้องไห้ ชัยชัชจึงได้แต่วางคางเกยไว้บนศีรษะพลางลูบหลังปลอบ ทั่วทั้งห้องไร้ซึ่งถ้อยคำใดๆ  มีเพียงแต่เสียงสูดจมูกสะอื้นฮักที่ยังคงลอยล่องมาเป็นช่วงๆ กับเสียงของมือที่เสียดสีกับเนื้อผ้าไปมาเพื่อปลอบประโลม

     ‘เจ้าเด็กนี่ตัวบางไม่เบาเหมือนกันนี่หว่า ตัวเล็กแบบนี้โอบได้สบายๆ หยั่งกะกอดสาว อื้อหืม... ผมนิ่มชะมัด กลิ่นหอมดีจัง เหมือน...เหมือนไรวะ? ลูกพีช...’

     เป็นเวลาครู่เดียวที่เหมือนจะนานจนหยุดโลกของทั้งคู่ เมื่อสยบคลื่นอารมณ์ปั่นป่วนในตัวลงได้ต้นน้ำจึงค่อยๆ ขืนตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรงของชัยชัช เด็กหนุ่มรู้สึกประหม่ากับการถูกสัมผัสเช่นนี้ ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกอดเขาแบบนี้มาก่อน ความโหยหาจากส่วนลึกของจิตใจสั่งให้เขาซึมซับไออุ่นนี้ต่อ แต่ในที่สุดความกระดากอายก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ

     “ผม ผมไม่เป็นไรแล้วครับ”

     ‘ผมก็หอม ผิวก็นิ่ม ตัวก็เล็กพอดีมือ แก้มจะนุ่มมั้ยว้า เมื่อกี้จับไปนิดเดียวเอง รู้งี้กูน่าจะเนียนให้นานกว่านั้นซักหน่อย เลื้อยตอนนี้จะทันมั้ยวะ’

     เมื่อถูกขัดจังหวะระบบความคิดของชัยชัชที่กำลังเลยเถิดไปไกลจึงสะดุดลงทันที

     “หะ! อืม อือ ต้นไม่เป็นไรก็ดีแล้ว อยู่ๆ ก็ร้องไห้ เล่นเอาพี่ตกใจ”

     “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

     “แล้วตกลง เป็นไรน่ะเรา เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า มีไรไม่สบายใจเล่าให้พี่ฟังได้นะ”

     “ผมก็แค่... ดีใจมั้งครับ ...ดีใจที่มีคนเป็นห่วง”

     เสียงของต้นน้ำนั้นทั้งเบาหวิวแถมยังฟังดูไม่มั่นใจเสียจนราวกับคนที่กำลังหลงทางอยู่ในความอ้างว้าง

     “เฮ้ย! ไม่เอาน่า อย่ามาดราม่าทำเป็นเด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่นหน่อยเลย แค่แม่ตัวเองติดงานมาฉลองปีใหม่ไม่ได้แค่เนี้ยะนะ”

     “ก็นอกจากแม่แล้ว ผมไม่เคยมีใครนี่ครับ คนอื่นๆ … ผมไม่เคยมี”

     เจอประโยคนี้เข้าไปชัยชัชก็เถียงต่อไม่ออก ได้แต่ลูบหัวอีกฝ่ายอย่างปลงๆ

     ‘เฮ้อ ทำไมกูต้องมายุ่งเรื่องครอบครัวชาวบ้านเขาด้วยวะเนี่ย เมียก็ยังหาไม่ได้ เอาวะ! ช่วยเด็กมันหน่อยละกัน เผื่อผลบุญจะส่งให้ได้เมียซะที’

     “แต่พี่น้ำก็รักเรามาก ทุ่มเทเพื่อต้นทุกอย่าง แม้ความรักของแม่จะทดแทนพ่อไม่ได้ แต่มันก็มากพอไม่ทำให้เราขาดอะไรไปนะ พี่น้ำพยายามที่สุดแล้ว เพื่อต้น”

     “ครับผมทราบดี แม่พยายามดีที่สุดแล้วที่จะให้ผมเกิดมา แถมยังเลี้ยงดูผมมาอย่างดี ทั้งๆ ที่... ตอนแรกแม่เคยไปเอาผมออกด้วยซ้ำ”

     คำพูดของต้นน้ำทำให้ชัยชัชชะงัก!

     ‘พี่น้ำนะเหรอ เคยไปเอาไอ้ต้นออก! ตกลงเรื่องมันเป็นมายังไงวะเนี่ย?’

     ไม่ได้การแล้ว! เขาจะต้องหาทางเปลี่ยนเรื่องให้เร็วที่สุด ไม่อยากให้เจ้าเด็กนี่จมอยู่ในความทุกข์เลย ให้ตายสิ! จะปล่อยไว้คนเดียวก็ไม่ได้เด็ดขาด แต่จะให้อยู่ดราม่าทั้งคืนก็คงไม่ดีไม่งั้นคืนนี้ทั้งคืนเขาคงไม่ได้นอนแน่ๆ แถมพรุ่งนี้เขายังต้องตื่นไปรับหมอแต่เช้าอีก จริงสิ!

     “ต้น ไปกับพี่นะ”

     “ไปไหนครับ?”

     เพราะจู่ๆ คนตรงหน้าก็พูดอะไรแปลกๆ ออกมา ต้นน้ำจึงยังสับสนตามไม่ทัน

     “ไปหัวหินกับพี่”

     “...ครับ?”

     เด็กหนุ่มถามเอ่ยรับพลางเอียงคอมองอย่างสงสัย

     “เร็ว! ล้างหน้าล้างตาแล้วรีบไปเก็บกระเป๋า จัดเสื้อผ้าไปซักสามวันนะ”

     “แต่... พี่ชัชมีสัมนาไม่ใช่เหรอครับ?”

     “ก็ใช่ แต่พี่จะเอาเราไปด้วยไง อยู่ที่นี่ก็อยู่คนเดียว งั้นก็ไปนอนเล่นริมทะเลเย็นๆ เปลี่ยนบรรยากาศดีกว่า ถึงจะต้องอยู่คนเดียวบ้างแต่ก็ถือซะว่าไปหาที่อ่านหนังสือดูวิวสวยๆ ไง”

     “มันจะดีเหรอครับ”

     “เอาน่า ทีพวกหมอยังพาครอบครับไปยันคนรับใช้ พี่เป็นผู้แทนแอบพาน้องชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะไปดูแลบ้าง มันจะเป็นไรไป”

     ชัยชัชยิ้มให้ต้นน้ำอย่างอารมณ์ดีพลางเร่งให้เด็กหนุ่มรีบไปจัดกระเป๋าเดินทาง

     “เร็วเข้า ต้น จะได้ไปนอนกัน พรุ่งนี้พี่ต้องตื่นแต่เช้านะว้อย!”

============================================

     สั่งให้ต้นน้ำเก็บกระเป๋าเสร็จแล้วชัยชัชก็กลับไปห้องตัวเอง เขายังไม่ได้จัดกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองเลยด้วยซ้ำ น้ำก็ยังไม่ได้อาบ แม้จะเหนื่อยจนอยากล้มตัวลงนอนแต่ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบ ชัยชัชก็ฝืนถ่างตาจัดการเคลียร์ปัญหาเผือกร้อนๆ ที่เขาพึ่งก่อไฟย่างมาเมื่อครู่

     “แล้วกัน พี่ชัช! มาบอกหนูเอาตอนนี้เนี่ยนะ ละหนูจะหารถทันเหรอ”

     “เออน่า ถือว่าช่วยพี่ซักครั้ง หมอเอกเขาไม่ว่าไรหรอก ใจดีจะตาย ซี้กันกับพี่”

     “ก็ถ้าซี้กันแล้วทำไมไม่ไปด้วยกันละคะ โยนเรื่องมาให้หนูทำไม หมอเอกใจดีคงไม่ถือเรื่องที่พี่ชัชหนีบน้องชายไปด้วยหรอก”

     “เอ้า! ก็เราต้องไปรับหมออดุลย์กับครอบครัวอยู่แล้ว ก็แบ่งๆ ที่ไปให้หมอเอกซักที่นึงไง”

     “แหม ก็อิตาหมออดุลย์กับโขยงน่ะขึ้นชื่อเรื่องเที่ยวจะตาย แกอยากใช้รถร่วมกับหมอคนอื่นซะที่ไหน น่าสงสารหมอเอกออกค่ะ กลัวแกจะรำคาญเอาน่ะสิคะ”

     “พี่ถึงได้ให้แตมหารถตู้อีกคันไปรับแกไง เราคอนเนคชั่นเยอะ หาให้พี่หน่อยน่า”

     “แต่ว่า...”

     “นะ ช่วยพี่หน่อย เดี๋ยวขาดเหลืออะไรมาเบิกเอาที่พี่ งานนี้พี่เคลียร์บิลเอง”

     “คร่า แล้วจะช่วยดูให้ละกันนะคะ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าพี่ชัชต้องติดหนี้หนูหนนึง”

     “เออ ไว้มาทวงกับพี่ได้เลย”

     “ว้ายๆ งั้น... หนูขอเป็นดินเนอร์ใต้แสงเทียนได้มะคะ?”

     “ไม่ลากพี่ไปโรงแรมเลยล่ะแตม”

     “อ๊าย! หนูเอาจริงนะคะ”

     “ฮ่าๆ”

     “เชอะ! พี่ชัชนี่ละก็ อย่ามาให้ความหวังคนอื่นเค้าสิคะ ชอบหลอกใช้หนูแบบนี้อยู่เรื่อย”

     “พี่หลอกที่ไหน เรากรี๊ดกร๊าดไปเอง เอ่ย! แต่ไม่แน่นะ ไปเอาออกเมื่อไหร่พี่อาจจะสน ฮ่าๆ”

     “โอ่ย! อยู่มาปูนนี้เฉาะไม่ทันแล้วค่ะพี่ ชอบล้อหนูอยู่เรื่อยเลยอ่ะ”

     “เอ้า ก็เห็นงานปีใหม่ปีที่แล้วสวยดีออก พี่ชอบนะครับ”

     “ไม่ๆ อย่ามาทำให้หนูไขว้เขวหน่อยเลยค่ะ พี่ชัชเป็นผู้ชายที่เชื่อไม่ได้ อันตรายที่สุดในบริษัท ท่องไว้ๆ หนูไม่หลงกลพี่หรอกค่ะ”

     “เออๆ ละจะช่วยพี่มั้ยคร้าบน้องแสตมป์คนสวย?”

     “เชอะ ก็ได้ค่ะ! แต่ติดหนี้หนูทีนึงนะคะ”

     “คร้าบๆ งั้นพี่ฝากด้วยนะ”

     “ค่า”

     “หึๆ”

     ชัยชัชหัวเราะให้กับความตลกของเพื่อนร่วมงาน เขาเอ็นดูรุ่นน้องคนนี้จริงๆ ให้ตาย!

     ‘เบาใจไปทางนึง ทีนี้ก็คุยกับไอ้เอกล่ะ’

     ว่าแล้วชัยชัชก็ต่อโทรศัพท์หาคนสำคัญในเรื่องอีกคนหนึ่ง

     “เฮ้ยว่าไง ไอหมอ”

     “มึงโทรมาทำไมป่านนี้วะเนี่ยชัช เรานัดกันพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ?”

     “เออว่ะ มีเรื่องเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย มึงช่วยกูที”

     แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีฐานะเป็นหมอหรือก็คือคู่ค้าคนสำคัญ แต่ถ้อยคำที่ฟังแล้วสนิทสนมชิดเชื้อราวกับเพื่อนสนิทนี้กลับไม่ระคายหูของกันและกันเลยแม้แต่น้อย ชัยชัชและเอกดนัยนั้นถือเป็นสหายสนิทโดยแท้ เนื่องด้วยทั้งสองเคยเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมสถาบันกันมาก่อนแม้จะเป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม แต่ด้วยความที่เป็นสายรหัสกันมาก่อนทั้งสองจึงซี้ย้ำปึ้กเมื่อโคจรมาเจอกันอีกครั้ง และแน่นอนว่าเรื่องส่วนตัวพวกนี้นั้นไม่จำเป็นต้องให้คนนอกรู้ ทั้งสองต่างถือซะว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าวิน-วินกันทั้งคู่

     “อ๋อ สรุปว่ามึงจะพาน้องมึงไปด้วย เลยมารับกูไม่ได้ จะเป็นไรไปวะกูไม่ถือ ก็ไปด้วยกันเนี่ยแหละ แบ่งๆ กันใช้”

     “ก็เออ กูรู้มึงไม่ถือ แต่น้องกู กูถือ”

     “เหอะ หวงละสิมึง สวยป่าววะ?”

     “น้องชายโว้ย! แต่... น้องกูเขาขี้อาย ไม่ค่อยกล้าพูด กลัวไปกับมึงแล้วจะพากันกร่อย”

     “มึงมีน้องงอกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่ามาแหล”

     “เอาน่า พอดีน้องเขาต้องอยู่คนเดียวตอนปีใหม่กูสงสาร เลย... เออน่ะ คือ กูจะพาคนอื่นไปด้วย ไม่สะดวกไปรับมึง”

     “งั้นกูนั่งแท็กซี่ไปหามึงที่คอนโด?”

     “อย่าเรื่องมากน่ะ กูให้รถไปรับมึงแล้ว น้องกูเขาขี้อาย ไปกับมึงเดี๋ยวจะพากันอึดอัดเปล่าๆ”

     “มึงกลัวไรมากกว่ากันวะ ระหว่างน้องมึงอึดอัด กับเกรงใจกู กูเป็นลูกค้ามึงนะโว้ย ไอ้ชัช”

     “เออ กูรู้มึงเป็นลูกค้ากู แต่... นะ ช่วยกูครั้งนี้ซักครั้งเถอะ”

     “กูก็ช่วยมึงทุกครั้งอ่ะ ... กูชักอยากเห็นหน้าน้องชายคนนี้ของมึงซะแล้วสิชัช หึๆ”

     “เฮ่ยๆ ไม่มีอะไรโว้ย กูแค่...”

     “เออๆ กูรู้แล้ว กูไปเองก็ได้ แล้วเจอกันที่หัวหินนะมึง เลี้ยงเหล้ากูด้วยล่ะ ฮ่าๆ”

     “ทำหยั่งกับกูไม่เคยเลี้ยงมึง ไอ้หมอเวร!”

     “ฮ่าๆ”

============================================


ชักไม่รู้ว่าใครหลอกใคร หึ หึ น้องต้นก็ดราม่าซะ สาบานนะนั่นไม่ได้แอ๊บ? คุณพี่ชัชก็เนียนนะนั่น พวกกินเนื้อชัดๆ แต่น้องต้นก็เป็นพวกกินพืชที่มีการวิวัฒนาการนะ! ถ้าติดพิษรักเข้าไปละก็... ถอนยากนะ!

ถ้าเป็นเราแล้วเจอพวกสำออยแบบต้นเราคงหงุดหงิดน่าดู ไม่รู้ทำไมคนพวกนี้จะคิดว่าเรื่องของตัวเองมันเศร้าแล้วก็ชอบทำตัวดราม่าเรียกร้องความสนใจทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเรื่องมันไม่ได้มีอะไรเลย แล้วสิ่งที่ทำให้เราหงุดหงิดยิ่งกว่าคือดันมีพวกแบบพี่ชัชที่เชื่อด้วยนะ! เชื่อสิ รอบๆ ตัวคุณในสังคมมันต้องมีคนคล้ายๆ แบบนี้ให้เห็นกันมั่งแหละ
นิยายเรื่องนี้ตั้งชื่อเรื่องไม่ผิดหรอก ไม่ได้แนวเกาหลีอะไรทั้งนั้น ก็มันทั้งดราม่าทั้งโง่จริงๆ นี่

แต่คิดไปคิดมา พี่ชัชไม่ได้โง่หรอก จะด่าพระเอกนิยายตัวเองได้ยังง๊าย... เฮียแกก็แค่หลง
อ้าว เอ๊ะ! ตกลงหมาป่าติดกับลูกแกะแล้วเหรอเนี่ย? แต่แน่ใจนะว่าหมาป่าติดกับ? พี่แกเล่นยิ้มยิงฟันอวดเขี้ยวรอเชียวนะ อันตรายแล้วต้น!
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #3(30/5/57)
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 30-05-2014 11:07:42
 o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #3(30/5/57)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 30-05-2014 15:30:23
ชอบหนุ่มวัยทำงานที่สู้ดดดด   :heaven
คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #3(30/5/57)
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 30-05-2014 17:22:34
และแล้วพี่ชัชก็หลงกล  :laugh:
แต่ต้นก็ชอบดราม่าจริงๆนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #3(30/5/57)
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 30-05-2014 23:45:48
แล้ว อย่างนี้จะลงเอยกันท่าไหนล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #3(31/5/57)
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 31-05-2014 00:52:23
หมาป่าลักพาตัวเด็กเลี้ยงแกะไปแล้ว! ระวังตัวด้วยนะต้น!


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     “แล้วนี่ พี่ชัชไม่ต้องไปรับหมอแล้วเหรอครับ”

     “หือ ไม่ต้องแล้ว ต้นสบายใจเถอะ พี่ว่างจนกว่าจะไปถึงหัวหินน่ะแหละ”

     ต้นน้ำถามขึ้นเบาๆ ภายในรถของชัยชัช ขณะนี้ทั้งคู่กำลังบึ่งออกจากกรุงเทพเพื่อไปหัวหิน การเดินทางแบบสองต่อสองทำให้ต้นน้ำรู้สึกประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก วันนี้ชัยชัชอยู่ในชุดเสื้อยืดโปโลกับกางเกงยีนส์ แม้จะดูสบายๆ เป็นกันเองแต่ก็ยังดูหล่อเนี๊ยบ แถมเจ้าตัวยังใส่แว่นกันแดดเตรียมขับรถระยะไกลอีก เรียกว่าชัยชัชลุคนี้นั้นต้นน้ำไม่เคยเห็นมาก่อน เล่นเอาเจ้าตัวเผลอใจเต้นไม่หยุดเมื่อต้องมานั่งคู่กันในรถเพื่อไปเที่ยวทะเล ต่างจากที่แล้วๆ มาที่ต่างฝ่ายต่างปฏิบัติต่อกันแบบพี่ข้างห้องน้องข้างบ้านติดรถกลับคอนโดถ้อยทีถ้อยอาศัยไปวันๆ

     “เป็นไรน่ะเรา เงียบเชียว ถ้าง่วงก็หลับไปก่อนก็ได้ ถึงแล้วพี่ปลุก”

     “ผมไม่ง่วงหรอกครับ พี่ชัชต่างหาก เมื่อคืนก็คงดึกกว่าผม”

     “โอ้ย พี่ชินแล้ว แค่นี้สบายมากๆ ว่าแต่อยากแวะไปเที่ยวไหนก่อนรึเปล่า? พี่จะได้พาแวะ ยังพอมีเวลานะ”

     “ไม่รู้สิครับ แล้วแต่พี่ชัชก็แล้วกัน”

     “งี้ทุกทีอ่ะเรา”

     อาการ“แล้วแต่พี่”ของต้นน้ำทำให้ชัยชัชนึกหมั่นเขี้ยว ชายหนุ่มรู้สึกว่าแม้แว๊บแรกต้นน้ำจะแสดงท่าทีเป็นเด็กหัวอ่อน แต่จริงๆ แล้วเขามั่นใจว่าต้นน้ำซ่อนความดื้อเงียบไว้ในใจ แต่พอยิ่งคบๆ กันไปเขากลับไม่เข้าใจตัวเอง อยากเห็นต้นน้ำเอาแต่ใจให้มากขึ้นสมกับที่เป็นเด็ก แต่เจ้าตัวจากเดิมที่เคยกระสันอยากเข้ามาใกล้เขาในระยะประชิดมากนักกลับเปลี่ยนไปกลายเป็นลูกช้างเดินตามหลังเขายิ่งกว่าช้างเท้าหลังเสียอีก อะไรๆ ก็แล้วแต่เขาตามใจเขาไปเสียหมด

     “ตามใจพี่ก็ดี มีทีนึงน่าแวะพอดีเลย อยู่ระหว่างทางด้วย แต่ไปแล้วอย่าบ่นว่าร้อนล่ะ ฮ่าๆ”

     หลังจากเหยียบคันเร่งมาได้ราวๆ สองสามชั่วโมง ที่ๆ ชัยชัชพาต้นน้ำมาถึงก็คือฟาร์มแกะแถวๆ ชะอำ แต่เดิมนั้นต้นน้ำก็มิใช่คนชอบเที่ยวหรือสนใจข้อมูลข่าวสารต่างๆ เรื่องกิจกรรมนอกบ้านมากนัก เมื่อมาเห็นฟาร์มเลี้ยงแกะบรรยากาศดีๆ แบบนี้เจ้าตัวจึงตื่นเต้นสุดๆ

     “มาๆ ลงมา ถึงแล้ว”

     “โอ้โห! สวยจังเลยครับ”

     “ใช่มั้ยล่ะ มาๆ พี่อยากกินสเต็กเนื้อแกะว่ะ”

     “พี่ชัชพาผมมาถึงฟาร์มเลี้ยงแกะเพราะอยากทานสเต็กเนื้อแกะเนี่ยนะ!?”

     “อ้าวทำไมล่ะ เมื่อเช้าพี่รองท้องไปนิดเดียว หิว มาเหอะ แกะน่ารักนะ”

     “น่ารักแล้วยังจะกินมันลงอยู่อีกนะ พี่ชัชก็...”

     บทสนทนาต่อปากต่อคำแบบนี้ยิ่งทำให้ต้นน้ำรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก อารมณ์เศร้าเหงาหงอยเมื่อคืนจางหายไปทันตาเห็น เพียงแค่ความใจดีนิดๆ หน่อยๆ จากผู้ชายตรงหน้า แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายทำลงไปเพราะความสงสารเอ็นดูเด็กที่มีชะตากรรมรันทดอย่างเขา แต่มันก็อดไม่ได้ที่ต้นน้ำจะคิดเข้าข้างตัวเอง

     ‘ไม่แน่ ในอนาคตเราอาจจะได้เป็นคนพิเศษของพี่ชัชจริงๆ ก็ได้!’

     ชัยชัชพาต้นน้ำมาเดินเล่นในฟาร์ม ก่อนจะพากันไปนั่ง ณ. ร้านอาหารหนึ่งเดียวที่เปิดทำการ เจ้าตัวไม่รอช้าสั่งสเต็กเนื้อแกะมาทานจริงๆ ในขณะที่ต้นน้ำเลือกไม่ถูกจึงสั่งสปาเก็ตตี้มาทาน

     “สปาเก็ตตี้อีกละ ชอบจริงๆ นะเรา พี่เห็นกี่ทีๆ ก็กินแต่สปาเก็ตตี้เนี่ย”

     “ก็มันชินมั้งครับ แม่ผมชอบทาน เวลาคิดอะไรไม่ออกผมก็เลยติดทำแต่เมนูนี้ แถมยังทำง่ายดีด้วย พอทานบ่อยๆ เข้าก็เลยชิน”

     “หือ ไฮโซนะเรา คนอื่นเขามีเมนูสิ้นคิดเป็นกระเพรา ส่วนเราดันกินสปาเก็ตตี้”

     ชัยชัชเลิกคิ้วน้อยๆ พลางส่งสายตาแซวต้นน้ำ เล่นเอาเด็กหนุ่มเผลอทำหน้างองอนแก้มป่องโดยไม่รู้ตัว

     “ไม่เห็นจะไฮโซเลยครับ ก็แค่แป้งกับซอส ไม่ต่างอะไรกับก๋วยเตี๋ยวหรอก”

     “งั้นแล้วถ้าชอบสั่งสปาเก็ตตี้เพราะชิน ละจริงๆ ต้นชอบกินไรล่ะ?”

     “ถามทำไมเหรอครับ?”

     อาจจะเพราะแปลกใจที่จู่ๆ ชายหนุ่มก็ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่างความชอบนิสัยส่วนตัวต่างๆ ต้นน้ำจึงแปลกใจนิดๆ

     “ก็ไม่ใช่ไร วันหลังพี่จะได้พาไปกินไง พี่รู้จักร้านอร่อยๆ เยอะนะ”

     ชัยชัชเงยหน้าขึ้นจากจานเสต็กเนื้อแกะพลางยิ้มยิงฟันชูสองนิ้วรับประกันเพิ่มน้ำหนักให้กับคำพูดของตน

     “พี่ชัชจะพาผมไปทานข้าวด้วยกันจริงๆ เหรอครับ!?”

     อาจจะเพราะไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ท้ายประโยคเสียงของต้นน้ำจึงสูงขึ้นอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อ

     “อ้าว? แล้วที่เราสองคนทำอยู่นี่เรียกว่านั่งดูดาวรึไงวะต้น เรานี่ก็แปลก ทำหยั่งกับพี่ไม่เคยไปกินข้าวกับเรา กินข้าวด้วยกันมาก็ตั้งหลายครั้งแล้ว”

     ‘พี่ชัชอ่ะไม่รู้หรอก การที่พี่แวะมาฝากท้องที่ห้องผมมันคนละอย่างกับการที่พี่พาผมออกไปทานข้าวข้างนอกนะครับ’

     ต้นน้ำคิดว่าหัวใจของตนต้องทำงานหนักอยู่แน่ๆ พักนี้เขามีเรื่องให้ดีใจมากเกินไปแล้ว กลัวเหลือเกิน กลัวว่าฟองความสุขสีชมพูที่รายล้อมตัวเองนี้จะสลายกลายเป็นฟองอากาศไปในสักวันเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่…

     “เอ้า! มัวแต่นั่งเอ๋ออยู่นั่นแหละ พี่ถามว่าเราชอบกินไร?”

     “ผมชอบทานแกงกะทิครับ ชอบทุกอย่างทั้งพวกแกงเขียวหวาน มัสมั่น แกงเผ็ด”

     “หือ? จริงดิ พี่ไม่เห็นเราทำเลย เห็นส่วนใหญ่ไม่พวกอาหารฝรั่งก็ทำของง่ายๆ”

     “ก็เพราะมันยากนะสิครับ แล้วแม่ผมเองก็ไม่ค่อยชอบทานด้วย ผมก็เลยไม่ค่อยทำ”

     ‘มิน่า... วันนั้นถึงสั่งเขียวหวาน อึ๋ย!’

     ชัยชัชส่ายศีรษะเบาๆ ไล่ความคิดภายในใจ ส่งผลให้ต้นน้ำสังเกตได้ถึงสิ่งผิดปกติ

     “อ้าว? ทำไมทำหน้าแบบนั้นละครับพี่ชัช”

     “เปล๊า! ก็แค่... พี่ไม่ค่อยชอบอาหารกะทิว่ะ”

     “จริงเหรอครับ ...”

     สีหน้าของต้นน้ำหมองลงทันทีที่ได้ยิน ใบหน้าที่จากเดิมเคยบานเท่ากระด้งก็หดลงเหลือสองนิ้ว

     “เฮ้ย! ไม่ต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้น พี่แค่บอกว่าไม่ชอบ ไม่ได้หมายความว่ากินไม่ได้”

     “งั้นแล้วพี่ชัชชอบทานอะไรละครับ ผมจะได้ลองทำให้ทาน”

     “อ่ะแน่ะ พูดไปแล้วเราจะทำได้แน่เร้อ บอกไว้ก่อนนะว่าลิ้นพี่ระดับเทพชิวหา ไม่อร่อยพี่ติแหลกนะเออ”

     “โธ่ พี่ชัชก็... พูดแบบนี้ผมก็ไม่กล้าทำอะไรให้พี่ชัชทานแล้วละครับ กลัวโดนติ”

     เพราะเห็นต้นน้ำออกอาหารหงอยๆ เหมือนจะสูญเสียความมั่นใจ ชัยชัชจึงเลิกแกล้ง เขาบอกอีกฝ่ายพลางยิ้มน้อยๆ

     “พี่ชอบแกงป่าเนื้อ รู้แล้วไปหัดทำไว้ด้วยล่ะ”

     ดวงตาที่พราวระยับไปด้วยแววขี้เล่นดูเจ้าเล่ห์อยู่ในทีสะกดต้นน้ำจนละสายตาไปไม่ได้ ทั้งๆ ที่สปาเก็ตตี้ที่สั่งก็ไม่ได้มีรสเผ็ดเลยแม้แต่น้อย แต่พวงแก้มทั้งสองข้างกลับรู้สึกร้อนซู่โดยไม่ทราบสาเหตุ คิดจะหลบก็หลบไม่ได้ เหมือนจิตใจมันค้านอยากเก็บภาพสายตาหวานฉ่ำคู่นี้เอาไว้ให้นานที่สุดเพื่อสลักลึกในความทรงจำ

     ‘พี่ชัชไม่เคยมองเราแบบนี้มาก่อน พี่ชัชจะรู้ตัวมั้ยน้อ สายตาพี่ตอนนี้ทำผมเขินจนแทบบ้าแล้ว!’

     ใช่ว่ามีแต่ต้นน้ำคนเดียวที่ออกอาการ แม้ชัยชัชจะไม่รู้ตัวว่าเผลอทำสายตาละลายใจใครบางคนไป แต่อย่างหนึ่งที่เขารู้แน่ๆ ละ ว่าเขาอารมณ์ดีแถมยังมีความสุขสุดๆ ไปเลยด้วย

     เมื่อทานเสร็จ ชัยชัชก็พาต้นน้ำไปเดินเล่นถ่ายรูปให้อาหารแกะย่อยเสต็กเนื้อแกะที่ทานเข้าไปเมื่อครู่ ทั้งสองรู้สึกสนุกสนานกับการป้อนหญ้าแกะเป็นพิเศษ โดยเฉพาะชัยชัชที่ดูจะตื่นเต้นสุขีสโมสรสุดๆ ตอนเล่นกับลูกแกะ เขาทั้งล่อทั้งหลอกทำท่าจะให้แล้วก็ดึงมือกลับพลางถ่ายคลิปเก็บไว้จนเจ้าลูกแกะตัวน้อยงับหญ้าไม่ถึง ผลสุดท้ายก็ทิ้งชัยชัชเดินไปทางต้นน้ำที่ถือหญ้าอ่อนรออยู่กำใหญ่ ส่งผลให้คนแก่กว่าถึงกับเซ็งปล่อยให้คนหนุ่มกว่าหัวเราะร่วนเสียงใส

     “บังอาจนะเรา เป็นเด็กเป็นเล็ก”

     ชัยชัชดุเบาๆ พลางคิดวางแผนอะไรบางอย่างจนเผลอยิ้มกรุ้มกริ่มส่งให้ต้นน้ำที่ไม่ทันระวังตัว

     “ก็พี่ชัชเอาแต่แกล้งมันนี่ครับ สงสารมันออก ผมก็แค่มีเมตตาให้อาหารสัตว์เท่านั้นเอง”

     “ชิ! ริอาจเป็นเด็กเลี้ยงแกะนะเรา แบบนี้ต้องเจอลงโทษหน่อยละ”

     ว่าแล้วคนแก่กว่าแต่หัวใจยังเด็กก็รวบข้อมืออีกฝ่าย ฉวยจังหวะที่เด็กหนุ่มตกใจแย่งหญ้าทั้งหมดมาไว้กับตัวเอง

     “พี่ชัช! นั่นของผม! คืนมาเลยนะครับ เราได้หญ้ามาคนละกำไม่ใช่เหรอครับ”

     และก็เพราะมัวแต่ยื้อยุดกันอยู่แบบนั้นนั่นเอง หญ้าอ่อนๆ ของโปรดเจ้าแกะแพะและลูกม้าทั้งหลายในคอกจึงแกว่งสไวโบกไปมา ชวนให้ฝูงสัตว์กระเหี้ยนกระหือรือเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง จนสุดท้ายทั้งสองคนก็ล้มลงไปกองกับพื้น

     “โอ๊ย!”

     สองเสียงต่างโทนครวญออกมาพร้อมๆ กันกับที่ต้นน้ำล้มลงในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอนทับอยู่บนตักของชัยชัชที่กำลังแผ่หงายอยู่บนพื้น ปล่อยให้หญ้าที่กระจายตกรอบๆ ตัวถูกเหล่าน้องผู้หิวโหยเข้ามารุม กว่าที่ทั้งคู่จะหลุดออกมาได้ก็กินเวลาหลายนาทีพอดู มิหน้ำซ้ำยังถูกคนรอบๆ ข้างมองอย่างแปลกประหลาดต่ออีกทอดโทษฐานเล่นอะไรพิเรนทร์ แต่ ณ. เวลานั้นต้นเหตุทั้งสองคนแทบไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ต่างฝ่ายต่างมองหน้าแล้วยิ้มให้แก่กันก่อนจะออกมาจากฟาร์มแกะแห่งนั้น

     ‘ในที่สุด พี่ก็เห็นต้นยิ้ม เจ้าเด็กอมทุกข์เอ้ย มันจะรู้ตัวมั้ยวะว่าเวลามันยิ้มแล้วโคตรน่ารักเลย’

     “อ่ะนี่ น้ำ”

     ชายหนุ่มว่าพลางยื่นขวดน้ำเย็นมาให้ต้นน้ำ
 
     “ขอโทษนะครับ เสื้อพี่เปื้อนหมดเลย”

     “ไม่เป็นไรน่า แถวนี้แหล่งท่องเที่ยวเดี๋ยวก็ได้ไปช็อป พี่ซื้อเสื้อใหม่มาเปลี่ยนได้ ว่าแต่เราเถอะแผลถลอกที่ขาเป็นไงมั่ง?”

     ชัยชัชถามก่อนจะก้มลงคุกเข่าพลางจับขาของต้นน้ำหันบาดแผลมาดูใกล้ๆ

     คงเพราะวันนี้ต้นน้ำสวมรองเท้าผ้าใบใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตกแต่งฮู้ดพอดีตัว และตอนที่ล้มเด็กหนุ่มไม่ทันระวังตัวเผลอปล่อยตัวลงอย่างจัง ปลีน่องจึงขูดกับพื้นดินที่มีเศษหินเข้าเต็มๆ แตกต่างกับชัยชัชที่ใส่กางเกงยีนส์ แถมตอนล้มยังโอบกอดคนใกล้ตัวเอาไว้ จึงไม่ได้รับอันตรายใดๆ นอกจากความจุกมาเยือน

     “อืม... ดีนะ แผลนิดเดียว ถ้าขาต้นมีรอยแผลเป็นเพราะพี่เป็นต้นเหตุคงน่าเสียดายน่าดูเลย”

     เขากล่าวพลางรินน้ำใส่ผ้าเช็ดหน้าแล้วเช็ดบาดแผลให้ต้นน้ำ และเนื่องจากเขากำลังง่วงอยู่กับการดูแลบาดแผลของเด็กหนุ่ม เขาจึงไม่เห็นสายตาหลงใหลที่อีกฝ่ายมองมายังตัวเอง

     “เคแหละ ใส่ยานิดหน่อยก็คงดีขึ้น ในรถพี่มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลอยู่ กลับกันเลยมั้ย? ใกล้ได้เวลาที่พวกหมอน่าจะไปถึงโรงแรมแล้วด้วย พี่ต้องไปทำงานละ”

     “แล้วแต่พี่ชัชเถอะครับ พี่ชัชว่ายังไง ผมก็ตามนั้น”

     ไม่มีคำพูดใดๆ อีก ชายหนุ่มเพียงแค่ยื่นมือไปโยกศีรษะของเด็กว่าง่ายเบาๆ ก่อนจะพากันเดินกลับไปที่รถ

============================================

     ชัยชัชพาต้นน้ำมาถึงหัวหินแล้ว ที่พักของทั้งสองคนเป็นโรงแรมใหญ่โตโอ่อ่าและหรูหราสมกับมาตราฐานระดับห้าดาว เวลานั้นกรุ๊ปแขกคุณหมอจากบริษัทยาต่างทยอยเดินทางมาถึง ชัยชัชจึงบอกให้ต้นน้ำนั่งรอเขาสักครู่หนึ่งเพื่อขอไปจัดการธุระต่างๆ รวมทั้งรับรองคุณหมอผู้มีเกียรติทั้งหลาย เด็กหนุ่มจึงเลือกมุมสงบลับสายตาคนจากแขกกรุ๊ปอื่นๆ นั่งรอชายหนุ่มพลางมองอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยเปื่อย

     ชัยชัชเวลาทำงานนั้นช่างเหลือเชื่อ บุคคลิคที่ดูกวนๆ เปิดเผยเป็นกันเองถูกเก็บกลับไปเหลือแต่ชายหนุ่มผู้นอบน้อมสุภาพนุ่มนวลเป็นกันเอง เหล่าดีเทลยาที่มาทำหน้าที่รับรองแพทย์ผู้มีเกียรติทั้งหลายนั้นมีทั้งหญิงชายรวมไปถึงคนที่ระบุเพศได้ลำบาก แต่ทุกคนมีบุคลิคแทบจะถอดแบบกันมาคือช่างบริการเอาอกเอาใจลูกค้าคนสำคัญของตนยิ่งกว่าใดๆ ทั้งหมด สีหน้าที่แต่งแต้มรอยยิ้มไว้บนใบหน้าตลอดเวลานั้นทำให้ต้นน้ำที่มองอยู่รู้สึกเมื่อยแทน

     ช่วงเวลาที่แสนวุ่นวาย ไม่มีใครหันมาสนใจเขา มีแต่เขาที่เป็นฝ่ายจ้องมองผู้อื่นอยู่เงียบๆ ไม่สิ... เขามองแต่ชัยชัชคนเดียวต่างหาก เขาเห็นชัยชัชเดินเข้าไปคุยกับคนโน้นทีคนนี้ทีเรียกได้ว่าวิ่งวุ่นไปหมด ดูท่าคงเป็นระดับหัวหน้าแน่ๆ และเมื่อส่งแขกออกไปจากล็อบบี้เกือบหมดแล้วชัยชัชก็เดินถือสมุดคีย์การ์ดเข้ามาหาเขา

     “โทษที รอนานมั้ย”

     ต้นน้ำได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าแทนความรู้สึกก่อนจะตอบว่า

     “แค่พี่ชัชพาผมมาด้วยก็ดีกับผมมากแล้วครับ รอแค่นี้ไม่นานหรอก แต่ว่า... โรงแรมระดับนี้ แพงจะตายไม่ใช่เหรอครับ? แถมหมอก็มาเยอะ เมื่อกี้เหมือนผมได้ยิน... เห็นพวกพี่คุยกันว่าห้องแทบไม่พอ แล้วงี้ผม...”

     “เฮ้ย คิดมากน่า เป็นเด็กก็มีหน้าที่มาเที่ยวเฉยๆ ที่เหลือปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาจัดการรู้มั้ย”

     “แต่ว่า ถ้าการพาผมมาด้วยทำให้พี่ชัชทำงานลำบากละครับ ผมไม่อยา”

     แต่ยังพูดไม่ทันจบ ชายหนุ่มก็ตัดบทขึ้นเสียก่อน

     “เรื่องห้องพักหมอก็ส่วนของบริษัท ห้องที่พี่พักกับต้น พี่ออกตังค์เอง ไม่เกี่ยวไรกับงานพี่ พี่แค่หาห้องพักที่มันอยู่โรงแรมเดียวกับที่กรุ๊ปยาเลือก ตรงส่วนนั้นเป็นเรื่องของงานที่เซลล์แต่ละคนต้องจัดการคอนเฟิร์มแขกของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องกังวล รู้มั้ย”

     ว่าแล้วก็โยกหัวอีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยวเบาๆ ก่อนจะโอบไหล่พากันเดินไปยังห้องพัก

     “เดี๋ยวพี่ต้องไปทำงานนะ ก็อย่างที่เห็นแหละ ต้นอยู่คนเดียวไปก่อนได้ใช่มั้ย? แต่ตอนค่ำๆ เขาจะไปทานข้าวกันที่ร้านในเมือง อาจจะมีไปเที่ยวแถวนั้นบ้าง ถึงเวลาแล้วพี่จะแวะมารับต้นอีกทีนะ”

     “ผมหาไรทานเองก็ได้ครับ ไม่อยากรบกวนพี่ชัช”

     “เฮ้ย รบกวนไรกัน นี่พี่พาเรามาเที่ยวนะ ไม่ใช่มานั่งเฝ้าห้อง ถ้าเราไม่ไปกับพี่แล้วจะกินไร ห้องอาหารโรงแรมรึไง? อย่าบอกนะว่าจะกินมาม่ากระป๋อง”

     ชัยชัชว่าพลางยิ้มอย่างรู้ทัน เขาชอบใจเจ้าเด็กข้างห้องก็ตรงนี้แหละ เพียงแต่บางครั้งความเกรงใจของเจ้าตัวก็ดูจะมีมากเกินไปสักหน่อยแบบไม่เข้ากับสถานการณ์

     “รอพี่หน่อย เข้าใจมั้ยครับ หิวก็กินขนมไปก่อน เดี๋ยวพี่เสร็จงานแล้วจะมารับ”

     ห้องพักของทั้งคู่เป็นห้องพักแบบเดอลุกซ์ลากูนแอคเซสจึงมีระเบียงติดสระว่ายน้ำ ตัวห้องพักขนาดกว้างขวาง มีกระจกกั้นระหว่างตัวห้องกับระเบียงเอาไว้ ผ้าม่านที่ถูกรูดเก็บไว้ด้านข้างเผยให้เห็นสระว่ายน้ำสีฟ้าใสกับวิวสวยแบบที่ต้นน้ำไม่เคยเห็นมาก่อน เด็กหนุ่มตื่นตะลึงจนตาค้าง และค้างยิ่งกว่าเมื่อหันไปมองเตียง...เดี่ยวขนาดคิงไซส์!

     “เอ่อ... เราจะพักกันห้องนี้เหรอครับ?”

     “เออดิ ถามทำไมวะ? เดินเอาของเข้ามาเก็บขนาดนี้แล้ว”

     “แต่... นี่มันเตียงเดี่ยวไม่ใช่เหรอครับ”

     ต้นน้ำถามชายหนุ่มที่กำลังเก็บของอยู่ด้วยน้ำเสียงอ้อมๆ แอ้มๆ พลางก้มหน้าลงต่ำไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย

     ‘ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะผมไม่เป็นอะไรหรอกนะครับพี่ชัช แต่ว่าพักนี้พี่ดีกับผมมากเหลือเกิน แค่นี้หัวใจของผมก็แทบจะระเบิดอยู่แล้ว ถ้าขืนต้องนอนข้างๆ กันแบบนี้ทั้งคืนละก็ มีหวังผมต้องหัวใจวายตายแน่ๆ เลย!’

     เพราะอีกฝ่ายเงียบๆ ไป แถมยังส่งเสียงงึมงัมๆ ในลำคอ ชัยชัชจึงหันมามอง

     ‘เฮ้ย! ไอ้ต้นหน้าแดงขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย มันเขินไรวะ’

     เมื่อชัยชัชมองตามสายตากังวลๆ ของอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ ก็ไปจบลงที่ ….. เตียง

     ‘อ๋อ เข้าใจละ! ฮ่าๆ’

     “ทำไม นอนเตียงเดียวกับพี่ไม่ได้รึไง ไหนๆ เรากับพี่ก็เคย... หึๆ”

     เสียงที่ทิ้งช่วงของชัยชัชเร่งให้เลือดสูบฉีดขึ้นมากองรวมกันอยู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่มจนแทบจะแดงไปถึงหู

     “ก็นั่นมันไม่เหมือนกันนี่ ตอนนั้นพี่ชัชเมา แถมพี่ชัชยังบอกเองด้วยว่าให้ผมเป็นแค่น้องชาย ให้ผมนอนข้างๆ ไม่กลัวผมทำอะไรพี่ชัชรึไงครับ”

     แม้จะปากเก่งเถียงกลับอย่างคนอวดดี แต่พอเจอชัยชัชย่างสามขุมเข้ามาใกล้ๆ แล้วละก็… ต้นน้ำก็หงอลงทันที เด็กหนุ่มเลี่ยงเดินหนีไปยังกระเป๋าสัมภาระของตัวเองเพื่อลงมือเก็บข้าวของ

     “ก็ทำดิ พี่ไม่ได้ห้าม ว่าแต่ แล้วเราจะทำอะไรพี่เหรอครับ?”

     ท้าไม่ท้าเปล่า ชายหนุ่มยังแกล้งกดน้ำเสียงทุ้มๆ นั่นให้ต่ำลงเป็นการขู่พลางส่งรอยยิ้มชั่วร้ายของราชาปีศาจกับสายตาวิบวับๆ ของจอมเจ้าเล่ห์ให้จนต้นน้ำเขินอายม้วนทำอะไรไม่ถูก

     “งั้นผมนอนบนโซฟาก็ได้ครับ จะได้ไม่เบียดกัน ผู้ชายสองคนนอนเตียงเดียว คงอึดอัด”

     เด็กหนุ่มว่าพลางเดินอ้อมไปยังโซฟาแต่ก็ยังสลัดหมาป่าที่กำลังตามเหยื่อไม่หลุด ลูกแกะน้อยมีภัยเสียแล้ว!

     “ละเรารู้ได้ไงว่าอึดอัด ยังไม่ได้ลองดูเลยนะ?”

     ชัยชัชกล่าวพลางอมยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะใช้น้ำเสียงขี้เล่นกระซิบใส่หูของคนขี้อาย

     “เทสเตียงกันป่ะ?”

     ว่าแล้วชายหนุ่มก็ดึงข้อมือของอีกฝ่ายอย่างแรงจนล้มลงบนเตียงด้วยกัน แถมนอกจากจะดึงจนล้มแล้วเขายังถือโอกาสพลิกตัวขึ้นทาบทับคนตัวเล็กกว่าขังไม่ให้ขยับหนีไปไหนอีกต่างหาก

     “เฮ้ยพี่ชัช!”

     “ทำไมครับ หืม?”

     เวลานี้หน้าของทั้งสองอยู่ห่างกันแค่คืบ ลมหายใจอุ่นๆ ลอยมาปะทะทำเอาหัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรงจนแทบหายใจไม่ทัน ต้นน้ำนอนนิ่งไม่กล้าขยับตัวได้แต่หลบตาหนีสายตาของนักล่าอย่างชัยชัช

     “ปะ ปะ ปล่อยผมเถอะครับ พี่ชัชต้องไปสัมนาไม่ใช่เหรอครับ”

     ‘เวลาพูดเบาๆ ทำท่าเขินๆ แบบนี้ก็น่ารักเหมือนกันนี่หว่า น่ารักกว่าวันแรกที่เจอกันอีก ดูสิ ปากสั่นเชียว ถ้าเป็นตอนนี้ละก็... เฮ้ย! คิดไรของกูวะเนี่ย?’

     “ยังเหลืออีกตั้งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลา น้องต้นคิดว่าพี่ควรทำไรดีครับ?”

     แม้จะได้สติแล้วแต่อารมณ์ขี้แกล้งของชัยชัชยังไม่จางหายไป เขาจึงกดเสียงกระเส่าให้ทุ้มกว่าเดิม แถมยังจงใจเฉียดริมฝีปากไปใกล้ๆ ใบหูที่แดงยิ่งกว่าลูกตำลึง เป่าลมร้อนๆ เข้าใส่ เล่นเอาต้นน้ำตัวแข็งทื่อหลับตาปี๋ไม่รู้จะทำเช่นไร

     “มะ มะ ไม่รู้ครับ ปล่อยผมก่อนเถอะครับ พี่ชัช ผมกลัว”

     ต้นน้ำรีบละล่ำละลักตอบ สุดท้ายชัยชัชจึง… งับเข้าที่ใบหูแดงๆ ของต้นน้ำเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า

     “แกล้งน้องต้นยังไงละครับ ฮ่าๆ บ้า คิดว่าพี่จะทำอะไรเราฮึ๊!”

     ชายหนุ่มว่าก่อนจะดันตัวลุกขึ้นแต่กลับยังไม่ปล่อยมือตัวเองออกจากข้อมือของต้นน้ำ เขาขยับท่านั่งบนเตียงก่อนจะดึงตัวต้นน้ำให้ลุกมานั่งเผชิญหน้ากัน แม้สายตาของเด็กหนุ่มจะเสมองไปทางอื่นเพราะความเขินอายผสมกับความงอน แต่ทว่ามือของทั้งสองคนกลับกุมแน่นเข้าหากันยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

     “พี่ไม่ทำอะไรเราหรอกน่า รับปากพี่น้ำแล้วว่าจะดูแลต้นให้ พี่ไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายต้นหรอกนะ พี่สัญญา”

     ถ้อยคำที่แสนจะอบอุ่นและจริงใจถูกถ่ายทอดมาสู่หัวใจของต้นน้ำ เปรียบดังเชื้อเพลิงที่เติมเต็มเร่งพาเอาหัวใจเขาพองฟูลอยละล่องยิ่งกว่าเดิม แต่แล้วความจริงบางอย่างก็แว๊บเข้ามาในสมองจนหัวใจที่กำลังโบยบินเมื่อครู่มีสภาพดั่งบอลลูนที่มีรูรั่ว

     “เพราะผมเป็นน้องชายพี่ชัชใช่มั้ยครับ”

     เด็กหนุ่มถามกลับพลางยิ้มเศร้าๆ

     แม้จะเป็นยิ้มเศร้าๆ ที่ชัยชัชเคยไม่ชอบใจ แต่ในวันนี้พอเห็นสีหน้าผิดหวังแบบนี้แล้ว เขากลับ... รู้สึกดี

     “แล้วเป็นน้องชายพี่มันไม่ดีตรงไหนล่ะ?”

     “เปล่าครับ ไม่มีอะไร”

     เด็กหนุ่มเลือกที่จะตัดบทแล้วลุกไปเก็บของต่อโดยไม่ได้สังเกตว่าพี่ชายตัวดีคนที่ว่ากำลังนั่งยิ้มอยู่บนเตียง


============================================


โอ๊ะโอ! เล่นกับหมา หมาเลียหน้า

น้องต้นปอดแหก! ชอบมากแต่พอถึงเวลาจริงๆ แล้วทำอะไรไม่ถูกสินะ หึๆ ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ พี่ชัชชอบกินแกะเป็นพิเศษนะนั่น!
 :mew3:

ฉากแกงป่านั่นน่ะ เค้าเขียนไปอมยิ้มไปเชียวนะ! เขียนเองเขินเองดูสิ สงสัยเราจะแต่งอะไรหวานๆ กุ๊กกิ๊กไม่เก่งแฮะ เขียนแค่นี้ก็เขินแล้ว มากกว่านี้มีหวัง... ไม่ถนัดฉากหวานๆ ซักเท่าไหร่แฮะ
ขออภัยจริงๆ มีแต่ฉากบ้าๆ ไร้สาระอะไรก็ไม่รู้ ทำไงได้ พระเอกดัน... แต่ลองดูลีลาหมาป่าแก่ๆ ตัวนี้ไปซักตั้งหน่า... มาลุ้นกันเถอะว่าหมาป่าจะจับลูกแกะกินด้วยวิธีไหน บอกได้ว่าคิดไม่ถึงแน่ๆ หึๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #3(31/5/57)
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 29-06-2014 02:00:50
ขออนุญาตพูดคุยสักเล็กน้อย  :katai4:


เคยลองกับแม็กแน่ๆเลยเขาถึงตามหึงตามหวงขนาดนี้

อันนี้ต้องติดตามดูกันต่อไปขอรับ แต่พล็อตเรื่องนี้จะต่างกับสูตรสำเร็จนิดหน่อยเน้อ ไม่มีเรื่อง"เข้าใจผิด"แน่ๆ
แต่ไม่รู้ทำไม ในภาค 2 แฟนคลับที่เม้นท์เกือบทุกคนเชียร์แม็กซ์  :sad4:


ลูกแกะวางแผนจับหมาป่า ท่าทางจะสำเร็จด้วย ร้ายใช่เล่น  :m19: :m17:
มีความรู้สึกว่าแม็กจะต้องเข้ามาป่วนแน่เลย  :a5:

เขาอยู่ถึงภาค 2  :hao7:


และแล้วพี่ชัชก็หลงกล  :laugh:
แต่ต้นก็ชอบดราม่าจริงๆนั่นแหละ


ใครจะหลงกลใครต้องติดตามขอรับ  :o8:
แต่ตอนแรกแอบกลัวคนอ่านรับตัวเอกเคะแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน ฉีกแนวเคะน่ารักสดใสฟุ้งฟริ้งไปเลย จะร้ายแก่นเซี้ยวน่าหยิกก็ไม่ใช่ คือแบบ... ทวิสคาแรคเตอร์โคตรๆ บางคนไม่ชอบอ่านนิยายที่ดราม่า แล้วเรื่องนี้ก็ดราม่าหนักด้วย แอบกลัว   :sad4:


แล้ว อย่างนี้จะลงเอยกันท่าไหนล่ะเนี่ย

ในภาค 2 ก็หลายท่าอยู่ขอรับ เอ้ยไม่ใช่! หมาป่ากับเด็กเลี้ยงแกะจะรักกันได้ยังไงโปรดติดตาม คู่นี้เค้าลงเอยกันง่ายขอรับ แต่จะอยู่ยืดรึเปล่าต้องดู หึ หึ


โพสนี้ขอคนแต่งอธิบายอาชีพตัวละครสักเล็กน้อย

ไม่รู้นักอ่านจะคุ้นเคยกับอาชีพนี้รึเปล่า? กลัวอ่านไปแล้วงงกับชีวิตการทำงานของพี่ชัช-พระเอกของเรื่อง
พี่ชัชเป็น ผู้แทนยา เน้อ หรืออาจจะเรียกอีกอย่างว่า ดีเทลยา ก็คือพวกเซลล์ขายยาตามโรงพยาบาลนั่นแหละ ปกติจะมีแต่สาวๆ ซะเยอะ แต่ก็มีเซลล์ที่เป็นผู้ชายอยู่บ้าง ทั้งแท้และเก้ง ส่วนใหญ่พวกเซลล์ที่วิ่งต่างจังหวัดจะเป็นผู้ชายกันเยอะ เพราะต้องอึดขับรถไกลๆ

ถ้านึกไม่ออก... อืม... เวลาเข้าโรงพยาบาลแล้วเจอพวกคนสวยๆ หล่อๆ แต่งตัวดีๆ ถือถุงพิมพ์ลายโลโก้ยา หอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง นั่นแหละใช่เลย "ขี้ข้าหมอ"
พวกเซลล์บางคนชอบแอ๊บว่าขายความรู้ ข้อมูลแน่นปึ๊ก ไม่ใช้วิธีไม่โปร่งใส แต่เซลล์เก๋าเกมเขาจะรู้ เรียกวิธีนี้ว่า "พึ่งพาอาศัย" มันต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันซะมากกว่า หมอตรวจคนไข้เหนื่อยๆ ข้าวไม่ได้กิน ผู้แทนก็ออรอจะอธิบายคุณสมบัติยา .... หมอก็คงขี้เกียจฟังเนอะ "ความเห็นใจ" ที่มาในรูปของ "สินน้ำใจ" มันช่วยให้หมอ "จดจำ" ตัวเขา สินค้า และบริษัท ได้

เซลล์พวกนี้จะทำตั้งแต่รีมายด์หมอด้วยแผ่นพับข้อมูลของสินค้าแนบไปกับของชำร่วยเล็กๆ น้อยๆ จนไปถึงอาหารว่าง ข้าวเที่ยง หรือจัดเลี้ยงมีพูดหัวข้ออะไรซักอย่างให้พวกหมอมาฟัง(ที่เหลือก็เลี้ยงข้าว) ยันสนิทจนแบบไปรับไปส่งหมอ ครอบครัวหมอ ไปทำโน่นทำนี่ให้หมอ แบบที่ไม่โปร่งใสสุดๆ ประเภทยื่นซองหรือเอาตัวเข้าแลกก็มี ที่มีข่าวคลิปหลุดหมอกับผู้แทนทำนองนั้นอ่ะนะ บางทีก็ไม่ใช่ว่าผู้แทนเอาไว้แบล็กเมล์หมออย่างเดียวหรอก บางทีก็เอาไว้อัพค่าตัวตัวเอง "ฉันทำแบบนี้ได้ จะจ้างฉันทำงานรึเปล่าล่ะ?"

แต่พวกที่ยื่นซองนี่ ถ้าไม่รู้กันเขาก็ไม่ซี้ซั้วรับ-ยื่นนะ เพราะฉะนั้นงานนี้คอนเน็คชั่นต้องแน่นหนาพอสมควร อย่างน้อยๆ ก็ต้องรู้ว่าหมอคนไหนไม่ถูกกัน เกิดเชิญไปประชุมแล้วป๊ะกันเข้า มันจะซวยเอา ต้องคอยอัพเดทข่าวมากๆ แล้วก็พูดได้เลยว่าผู้แทนมักไปออกันอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐ เพราะล็อตใหญ่กว่าด้วยจำนวนคนไข้ หมอตามโรงพยาบาลเอกชนทำไปก็ไม่ค่อยคุ้ม เขาว่ามางี้

แล้วก็จะมีพวกงานสัมนาเยอะมาก ตั้งแต่ในประเทศยันต่างประเทศ ไปทัวร์ทั้งครอบครัว บริษัทยาจ่ายให้หมดอะไรทำนองนั้น มีรถตู้มารับถึงหน้าบ้าน ผู้แทนขับรถมารับบ้าง มีของฝากของขึ้นชื่อเตรียมไว้ให้เสร็จสรรพหมอไม่ต้องไปช็อปฯเอง ระหว่างคุณหมอเข้าฟังประชุม ครอบครัวคุณหมอมีทั้งสปา นวด เที่ยวเล่น จะทำอะไรผู้แทนบริการให้ทุกอย่าง หมอบางคนพาครอบครัวไปทัวร์ทีมีทั้งเมียลูกเขยลูกสะใภ้หลานยันพี่เลี้ยงหลาน

ส่วนเรื่องการขายก็อาจจะแบ่งเป็นเขต ทีม ไม่ก็แบ่งตามยาแล้วแต่บริษัท ดูผลงานเป็นทีม มีซุปเปอร์ไวเซอร์คุมทีมอีกที ก็มีงบให้กองนึง บริหารกันเอง เซลล์บางคนที่มีพาวเวอร์ก็จะได้เค้กก้อนใหญ่กว่าชาวบ้าน มีค่าน้ำมันให้อะไรทำนองนั้น มีตัวอย่างยาให้เอาไปแจก (แต่เซลล์บางคนก็เอาไปหมุน) นอกจากนี้ยังมีวิธีเล่นแง่ของพวกเซลล์อีก เช่นปิดยอดเดือนนี้ได้แล้ว เลยดึงคำสั่งซื้อไปสะสมเดือนหน้าด้วยวิธีผูกมิตรกับรถส่งยาก็มี เซลล์บางคนเก่งมากๆ จนมีรายได้ต่อเดือนเป็นแสนก็มีเยอะนะ(คนใกล้ตัวเรานี่แหละ)

งานของชัยชัชก็จะราวๆ นี้อ่ะนะ ฮียังยึดตำแหน่งเซลล์ ไม่ใช่ซุปฯ

เรื่องรายละเอียดของงานผู้แทนนี่เราก็เขียนจากที่เรารับรู้มานะคะ คือมีโอกาสได้สัมผัสบ่อย คนใกล้ชิดเคยเป็นเซลล์บริษัทไฟเซอร์ด้วย ทำเป็นสิบปีอ่ะ มีคนใกล้ชิดเป็นหมอด้วย เลยได้เจอพวกผู้แทนบ่อยมากๆ
แบบว่าเราไปเที่ยวฟรีกับงานสัมนาของหมอบ่อยมากๆ อ่ะ เที่ยวฟรี กินหรู อยู่สบายๆ สุดๆ ก็เลยปิ๊งไอเดียขึ้นมาเป็นฉากนี้ แหะๆ

ก็เห็นมาแบบนี้ ก็เอามาเล่าแบบนี้ แหะๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #4(29/6/57)
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 29-06-2014 02:43:41
ขออภัยที่ห่างหายไปนานขอรับ แบบว่า หนีไปแต่งภาค2 อยู่ ในที่สุดก็ผ่านฉากหินของเรื่องแล้ว เย้ๆ! (เหมือนจะนั่งดีใจอยู่คนเดียว)

กลับมาแล้วขอรับ เอา #พี่ชัชน้องต้น มาเสริฟทุกคนแล้ว

น้องต้นจะอ่อยพี่ชัชอย่างไร? หรือพี่ชัชจะงาบน้องต้นวิธีไหน? บทนี้มีลุ้น

  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 4 -
##### ผู้ชายที่ดีควรรับผิดชอบคำสัญญาให้ได้ทุกคำพูด (แต่การลวนลามนิดๆ หน่อยไม่ถือเป็นการทำร้ายนะครับ!) #####

     หลังจากผ่านเหตุการณ์ลุ้นระทึกไปแล้ว ชัยชัชได้ขอตัวออกไปทำงาน ทำให้ในห้องเหลือแต่ต้นน้ำเพียงผู้เดียว แม้อีกฝ่ายจะบอกว่าสามารถไปเดินเล่นรอบๆ โรงแรมได้ แต่ต้นน้ำยังไม่อยู่ในอารมณ์อยากออกไปเดินเที่ยวที่ไหน เด็กหนุ่มต้องห้ามความรู้สึกตัวเองอีกพักใหญ่ หลังจากที่สงบจิตใจตัวเองแล้วเขาจึงเลือกสำรวจห้องพักแทน ความหรูหราของห้องพักทำให้ต้นน้ำทึ่ง อยากใช้บริการให้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ต้นน้ำตัดสินใจนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ รอเวลา จนกระทั่งชัยชัชกลับมาถึง

     ‘อ้าว หลับเหรอวะเนี่ย’

     ชัยชัชใช้คีย์การ์ดไขกุญแจเข้ามาในห้องพักโดยไม่เคาะประตู เพราะกะจะแกล้งต้นน้ำเล่น หวังดูปฏิกิริยาตอนที่อีกฝ่ายอาจจะไม่ทันระวังตัว แต่ทว่าภาพที่เห็นกลับทำให้เขาเป็นฝ่ายถูกทรมานมากกว่า เด็กหนุ่มนอนหลับตาพริ้มอยู่บนโซฟา ในมือยังมีหนังสือสรุปรวมข้อสอบวิชาสามัญ

     ‘ให้ตายเหอะ ขนาดตอนหลับยังขมวดคิ้ว จะเครียดไปถึงไหนกันครับน้องต้น’

     ชัยชัชตัดสินใจย่องเข้ามาใกล้ๆ โซฟาอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะย่อตัวลงให้ใบหน้าของตนอยู่ระดับเดียวกับคนที่กำลังหลับสบาย รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม

     ชัยชัชเพ่งมองใบหน้ายามหลับของต้นน้ำ แม้จะเคยเห็นหลายครั้งแล้ว แต่ภาพที่เห็นในวันนี้กลับดูแปลกไป จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่า ต้นน้ำในยามนี้น่ารักขึ้นเป็นกอง คิ้วที่เป็นเส้นตรงนั้นได้รูป ไม่รกเหมือนคิ้วผู้ชายทั่วไป แม้แพขนตาจะไม่หนามากเท่าฟ่างแฟนเก่าของเขา(ที่มักจะติดทับด้วยขนตาปลอม) แต่ก็เส้นยาวเสริมให้ดวงตาเรียวรีของเจ้าตัวดูมีเสน่ห์เป็นธรรมชาติ จมูกเชิดๆ ของต้นน้ำนั้นเทียบกับจมูกโด่งๆ บนหน้าหล่อๆ ของเขาไม่ได้ แต่ก็ดูรับกับใบหน้า ชวนให้นึกถึงเด็กดื้อรั้นจอมหยิ่ง รวมไปถึงรูปหน้าเรียวๆ องคาพยพทั้งหมดราวกับถอดแบบผู้เป็นมารดา ยกเว้นก็แต่ริมฝีปากของเจ้าตัวที่ดูบางอย่างคนเจ้าระเบียบ แตกต่างจากริมฝีปากอวบอิ่มของผู้ให้กำเนิด และเหนือสิ่งอื่นใดนั้น แก้มของเด็กหนุ่มที่ใสจนมองเห็นเส้นเลือดฝาด ..… ชวนให้อยากลองสัมผัส

     เพราะความเอ็นดูเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป รวดเร็วเกินกว่าสมองจะทันสั่งห้ามร่างกายหรือหาเหตุผลได้ มือของชัยชัชจึงแตะลงที่หว่างคิ้วของคนหลับผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราว เขาลูบเบาๆ เพื่อคลายปมบนหน้าผากของเด็กหนุ่ม และนั่นก็ทำให้ต้นน้ำรู้สึกตัวตื่น

     “พี่ชัช”

     ต้นน้ำลุกขึ้นขยี้ตาพลางจัดท่าทางนั่งให้ได้ระยะห่างมากพอที่หน้าของเขากับชัยชัชจะไม่อยู่ใกล้กันอย่างหมิ่นเหม่จนเกินไป

     “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”

     “พี่พึ่งมาถึงตะกี้ แอบอู้นะเรา หลับระหว่างอ่านหนังสือ อยากให้พี่ฟ้องแม่เรา หรืออนุญาตให้พี่จัดการลงโทษเราเองดีครับ?”

     ‘อีกแล้วนะพี่ชัช ทำแบบนี้กับผมอีกแล้ว!’

     ริมฝีปากของต้นน้ำเม้มเข้าหากันพลางส่งสายตาตัดพ้อไปให้ แต่ชัยชัชกลับตีความไปว่าเจ้าตัวคงโกรธที่ถูกเขาแซวเรื่องอู้ จึงไม่ติดใจอะไร ชายหนุ่มยกมือขึ้นขยี้ศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะบอกให้ต้นน้ำไปล้างหน้าล้างตา เตรียมตัวออกไปทานอาหารเย็น

     “ไปล้างหน้าไป พี่จะชวนเราไปกินข้าว เดี๋ยวเขาจะพาไปเที่ยวด้วยนะ อยากไปป่าว?”

     “อีกแล้วนะพี่ชัช! ทำไมชอบขยี้หัวผมจัง ผมยุ่งหมดแล้ว”

     ต้นน้ำว่าพลางจับมือของพี่ชายเกเรออกไปจากศีรษะของตน แต่ทว่าแทนที่ชัยชัชจะสำนึก เขากลับหาเรื่องแกล้งต้นน้ำขึ้นมาได้อีกหนึ่งกรณี

     “อ้าว ไม่ชอบให้พี่ขยี้หัวก็ไม่บอก งั้นให้พี่ทำไงดี หอมแก้มเราดีป่ะ?”
 
     เสียงของชัยชัชฟังดูทีเล่นทีจริงจนต้นน้ำเริ่มไม่มั่นใจ ว่าแล้วชัยชัชก็ใช้มืออีกข้างที่เป็นอิสระไล้แก้มของต้นน้ำเบาๆ

     สัมผัสร้อนๆ ที่แก้มทำให้ต้นน้ำรีบปล่อยมือของชัยชัชทันที เด็กหนุ่มรีบชักมือขึ้นมาเกาะกุมแก้มที่ร้อนผ่าวของตนเองไว้อย่างเคอะเขิน

     ‘พี่ชัช พี่กำลังทำให้ผม...’

     แต่ยังไม่ทันที่เขาจะทันคิดอะไรต่อก็ต้องรู้สึกเจ็บแปลบเบาๆ

     “โอ๊ย!”

     “นี่แน่ ฮ่าๆ ไปล้างหน้าได้แล้ว พี่ให้เวลาสิบนาที เร็วเข้า”

     หลังจากแกล้งหยิกแก้มหยอกอีกฝ่ายจนหนำใจแล้ว ชัยชัชก็ปล่อยให้ต้นน้ำเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าห้องน้ำไป

     ต้นน้ำเลือกหยิบกางเกงขายาวมาเปลี่ยนตามคำเตือนของชัยชัช ก่อนจะเดินออกมาพบว่าพี่ชายร่วมห้องกำลังถอดเสื้อผ้าอยู่กลางห้อง!

     “พี่ชัช!”

     “หือ?”

     “ทำอะไรน่ะครับ!”

     “เปลี่ยนเสื้อดิ เราเสร็จแล้วก็ออกมา พี่ร้อนว่ะ อยากอาบน้ำซะหน่อย”

     “ละ ละทำไมไม่ปิดม่านละครับ”

     ใจจริงนั้นต้นน้ำอยากจะพูดว่าเขาอยากให้ชายหนุ่มไปถอดเสื้อผ้าในห้องน้ำ แต่ทว่าอีกฝ่ายนั้นดูท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจอะไร เขาจึงเลือกที่จะเลี่ยงประเด็นแทน

     “คิดมากน่า ดีออก เผื่อมีแหม่มว่ายน้ำผ่านมา ฮ่าๆ”

     เนื่องด้วยเมื่อตอนบ่าย แสงข้างนอกยังสว่างอยู่ บรรยากาศค่อนข้างสงบเงียบ เขาจึงเปิดม่านในห้องเอาไว้ แล้วปล่อยให้ตนเองได้ดื่มด่ำบรรยากาศดีๆ ระหว่างนั่งอ่านหนังสือบนระเบียงริมสระน้ำ และเพราะห้องของเขาอยู่ชั้นหนึ่ง ติดกับสระว่ายน้ำที่ยาวล้อมรอบตึกห้องพักในโรงแรม ทำให้ในบางครั้งจะมีผู้คนว่ายน้ำผ่านไปมา โดยส่วนใหญ่มักเป็นครอบครัวที่มีเด็ก แต่ก็มีบ้างที่เป็นผู้ชายแถมยังหันมายิ้มให้เขาอีก จนเขาต้องแกล้งเดินหนีเข้าห้อง

     ดังนั้น ต้นน้ำจึงเดินไปปิดม่านพร้อมทั้งเปิดโคมไฟทั้งหลายในห้องเพื่อให้แสงสว่างแทน เสียงฝักบัวที่ดังซู่ซ่าในห้องน้ำผสานกับแอร์เย็นฉ่ำและแสงไฟสีส้มสลัวทำให้เขาใจสั่น ต้นน้ำรู้ดีว่าชัยชัชไม่ได้คิดอะไรกับตน แต่การหยอกล้อที่เจ้าตัวสรรหามากลั่นแกล้งเขาระยะนี้นั้นทำให้เขาไหวหวั่นอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ แม้จะเคยเกิดเรื่องราวบางอย่างระหว่างเขากับชัยชัชมาก่อน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้นมันเทียบไม่ได้เลยกับเศษเสี้ยวของความร้อนที่เผาผลาญอารมณ์เขาอยู่ในตอนนี้

     และแล้ว ชัยชัชก็สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมของชายหนุ่มแห้งแล้วบางส่วนด้วยอภิริหารจากไดร์เป่าผมที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ แต่บางส่วนแถวๆ ท้ายทอยก็ยังจับกันเป็นกลีบเปียกชื้นบ่งบอกถึงความรีบร้อน ชัยชัชใส่กางเกงยีนส์ตัวเดิมแต่เปลี่ยนเสื้อยืดตัวเก่าเป็นเชิ้ตเข้ารูปตัวใหม่โดยปล่อยชายเสื้อไว้นอกกางเกง เวลาที่เจ้าตัวเอื้อมหยิบข้าวของนั้นบางทีก็จะเห็นเข็มขัดหนังสีน้ำตาลเข้มที่คาดไว้ตรงขอบกางเกง ….. ต้นน้ำมองชัยชัชแต่งตัวอย่างเพลินตา

     “มองไร?”

     เสียงของชัยชัชนั้นทำเอาต้นน้ำสะดุ้ง

     “เปล่าครับ!”

     ชัยชัชไม่เถียงอะไรกับต้นน้ำ เขาแค่เพียงหันมายิ้มให้ จากนั้นก็หันกลับไปมองกระจกที่โต๊ะกลางห้องแล้วหวีผมต่อก่อนจะพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีว่า

     “เออ มองไปเหอะ พี่อนุญาต พี่หล่ออ่ะดิ”

     ความหลงตัวเองของชัยชัชนั้นบางครั้งก็ทำเอาต้นน้ำนึกขัน เด็กหนุ่มกลอกตาไปมาพลางกลั้นหัวเราะ

     “ไม่ต้องมาหัวเราะเลยเรา ละไม่อาบน้ำ เดี๋ยวก็ตัวเหม็นหรอก พี่ไม่นั่งกินข้าวกับคนตัวเหม็นนะว้อย”

     เพราะถูกปรามาสต้นน้ำจึงออกอาการตึงๆ ที่ใบหน้า เด็กหนุ่มกระแทกเสียงต่อปากต่อคำกลับไป

     “ผมเหงื่อไม่เยอะ ไม่เหม็นหรอกครับ ใครจะเหมือนพี่ชัช!”

     “อ้าว ไอ้นี่! ด่าพี่ตัวเหม็นนี่หว่า ไหนมาดมเดะ ไม่เหม็นจริงป่าว”

     ว่าแล้วชัยชัชก็ตรงเข้ามาคว้าคนปากดีเข้าไปใกล้ จมูกโด่งเป็นสันกดลงมาลงบนศีรษะของต้นน้ำ ก่อนที่กลิ่นหอมอ่อนๆ จะทำให้เขาเผลอจรดจมูกไปที่แก้ ..… แต่แล้วชัยชัชก็เฉไฉไปดมแถวบ่าของเด็กหนุ่มแทน

     “เออ ไม่เหม็นจริงด้วยว่ะ”

     ‘หืม... กลิ่นเหมือนพีซเลย หอมดีวุ๊ย!’

     “ตัวหอมนักนะ ไอ้ต้น”

     “ก็ผมเหงื่อไม่เยอะนี่ครับ”

     สุดท้ายเมื่อหาเรื่องจับผิดไม่ได้ชัยชัชก็ยอมเลิกราวี ปล่อยต้นน้ำไป

     “ดีว่ะ พี่ดิ เหงื่อโคตรเยอะ เลยต้องดับกลิ่นกันหน่อย ยิ่งไปกินข้าวตอนมืดๆ ค่ำๆ ยุงแม่มชอบตอมพี่ชิบหาย”

     ชัยชัชว่าพลางพรมดิโอสเปรย์ลงบนตัว กลิ่นหอมแบบสปอร์ตแต่ไม่ฉุนจนเกินไปลอยมาแตะจมูกของต้นน้ำ

     ‘กลิ่นนี้นี่เองที่พี่ชัชชอบใช้’

     “จริงๆ ก็ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งครับ พี่ชัชก็ไม่ได้กลิ่นตัวแรงขนาดนั้นซะหน่อย”

     อาจจะเพราะเห็นสีหน้าเซ็งๆ ของชัยชัชต้นน้ำจึงรีบพูดเพื่อเอาใจ แต่ชัยชัชไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเขาจึงหันมายิ้มให้ก่อนจะชวนคุยต่อ จนเมื่อชายหนุ่มแต่งตัวเสร็จทั้งคู่จึงได้ฤกษ์ออกจากห้อง ระหว่างทางนั้นชัยชัชนึกอะไรขึ้นได้จึงหันมาบอกต้นน้ำ

     “เออ เดี๋ยวรถคันที่เราจะไปนี่อ่ะ มีหมอไปด้วยนะ กับเพื่อนร่วมงานพี่อีกสองสามคน ร้านที่จอดมันน้อย เขาเลยให้เอารถตู้ไป ต้นโอเคนะ?”

     “ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วครับ จัดการตามที่พี่ชัชสะดวกเถอะ”

     “เออ ใจมาก ไอ้น้องชาย ทำตัวดีๆ แบบนี้เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าว ฮ่าๆ”

     “บริษัทเขาก็จ่ายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”

     ต้นน้ำอดขัดคอไม่ได้จริงๆ เมื่อเห็นท่าทางป๋าน่าหมั่นไส้ของชัยชัช เขาคลี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี

     “หน่า ก็ถือว่าพี่เลี้ยงเหมือนกันแหละ ฮ่าๆ”

============================================


พี่ชัชเกือบลวนลามน้องต้นซะแล้ว!

แต่น้องต้นก็ใช่ย่อย ออกอาการหลงอย่างหนัก อยากได้สุดๆ เลยนะนั่น

ขอบพระคุณสำหรับการติดตามขอรับ แค่ยังมีคนเปิดอ่านก็ดีใจแล้ว รักทุกคนจริงๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #4(29/6/57)
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 29-06-2014 07:14:52
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #4(29/6/57)
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 29-06-2014 07:58:49
ถามนิดนึงค่ะ

ดราม่าถี่ๆ แล้วจบแฮปปี้มั้ยคะ?
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #4(29/6/57)
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 03-07-2014 01:20:50
ตัวเอกเรื่องนี้น่ารำคาญเนอะ ดราม่าเยอะเกิ๊น! แล้วแบบนี้พี่ชัชจะหลงรักน้องต้นได้ยังไงละนี่?


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     เมื่อมาถึงรถ ชัยชัชแนะนำกับทุกคนว่าต้นน้ำเป็นน้องชายของตน สาวๆ เลยกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ เพราะหน้าตาน่ารักของต้นน้ำนั้นแตกต่างจากหน้าตาโหดๆ ของพี่ชายลิบลับ แต่ก็มีบางรายที่ส่งสายตาแปลกๆ มาให้ โดยเฉพาะหมอหนุ่มคนหนึ่งที่จับจ้องต้นน้ำไม่วางตา แถมยังจ้องไปอมยิ้มไปแบบเปิดเผยทุกครั้งที่ต้นน้ำหันไปสบตาอีกต่างหาก เล่นเอาต้นน้ำรู้สึกหน้าตึงๆ ประหนึ่งโดนคนจ้องจับผิดตลอดเวลา

     เพื่อตัดปัญหาต้นน้ำจึงตั้งใจว่าจะไม่หันไปมองอีกฝ่ายต่างคนต่างอยู่ แต่ดูท่าเหมือนเทวดาไม่เป็นใจ เมื่อมาถึงร้านอาหารทั้งเขาและหมอหนุ่มที่ฉายเดี่ยวไร้ครอบครัวคนนั้นถูกจัดให้นั่งฝั่งตรงข้ามกันบนโต๊ะอาหารที่กว่าครึ่งเป็นบรรดาผู้แทนฯ ซึ่งแต่ละคนต่างก็ต้องไปรับรองบรรดาคุณหมอกรุ๊ปของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่ชัยชัช จนแทบจะทิ้งให้เขาต้องนั่งเผชิญหน้ากับหมอโรคจิตนี่ตามลำพัง!

     อาหารเย็นตรงหน้าคืออาหารทะเลจัดเต็มชนิดที่เรียกได้ว่าขนมาทั้งกุ้งกั้งหอยปูปลาโคล่าเบียร์เหล้าไวน์ แถมยังมีน้ำจิ้มรสแซ่บแบบที่เห็นแค่สีก็จี๊ดไปถึงโคนลิ้น! ต้นน้ำนั่งทานอาหารเย็นเงียบๆ อย่างมีมารยาทเพราะเกรงใจสถานะของชัยชัช แต่ก็เงียบมากไม่ได้นัก เพราะระหว่างนั้นสาวๆ เพื่อนร่วมงานทั้งหลายรวมทั้งคนที่นั่งโต๊ะเดียวกับเขาต่างก็โฉบไปโฉบมาแวะมาทักทายเขาทานข้าวแล้วก็ออกไปดูแลแขกต่อ และอีกทั้ง…

     “เป็นน้องคุณชัชเหรอครับ?”

     เสียงของหมอหนุ่มเพื่อนร่วมโต๊ะดังขึ้น

     “ครับ”

     “แปลกนะครับ หมอไม่เห็นเคยได้ยินว่าคุณชัชมีน้องชาย”

     ถ้อยคำที่ฟังดูเป็นคำถามง่ายๆ แต่ใจความสารที่สื่อออกมานั้นค่อนข้างกำกวมจนต้นน้ำนึกโมโห

     “พี่ชัชคงไม่เคยบอกคุณหมอมั้งครับ”

     “โอ๊ย! ไม่หรอกครับ หมอกับไอ้ชัชสนิทกันดี ไปลงอ่างด้วยกันบ่อยๆ ไอ้นี่มันลูกคนเล็ก หมอยังเคยไปงานแต่งพี่สาวมันที่ลำปางเลย”

     สรรพนามที่เปลี่ยนไป รวมทั้งการแบไต๋ระดับความสนิทสนมเช่นนั้นทำให้ต้นน้ำรู้สึกราวกับโดนข่ม หมอนี่จงใจเกทับเขา!

     “ผมพึ่งรู้จักกับพี่ชัชได้ไม่นานครับ”

     เอกดนัยขำกับอาการปั้นปึ่งของต้นน้ำ เขายิ้มแล้วถามต่อ

     “มิน่าละ... ว่าแต่น้องเรียนที่ไหนครับเนี่ย? มัธยมหรือมหาลัยแล้ว?”

     ต้นน้ำมองเอกดนัยที่จงใจจุ้นจ้านกับชีวิตส่วนตัวของตนอย่างไม่พอใจ ใจหนึ่งอยากจะเงียบ ไม่อยากต่อปากต่อคำปฏิสัมพันธ์กับอีกฝ่าย แต่อีกใจหนึ่งก็เกรงใจ เพราะเขาเป็นลูกค้าคนสำคัญของชัยชัช ต้นน้ำเม้มปากแน่นลังเลว่าควรจะปฏิบัติตัวเช่นไร... ไม่ต้องรอนาน พระเอกขี่ม้าขาวก็ปรากฏตัวขึ้นและช่วยเด็กหนุ่มออกจากสถานการณ์อึดอัดที่น่ารำคาญ

     “น้องเขาอยู่มอไหนแล้ว ละคุณหมอเอกจะสนไปทำไมครับ ดูดิ หาเรื่องน้องผมจนเด็กมันเซ็งหมดแล้ว”

     “อ้าวๆ คุณชัช ก็คุณเล่นพาน้องเขามาทิ้งไว้แล้วก็หายไปไหนไม่รู้ หมอก็กลัวว่าน้องเขาจะเบื่อ เลยชวนคุยเท่านั้นเองครับ”

     ชัยชัชเลื่อนเก้าอี้ตัวข้างๆ ต้นน้ำออก เขาหันมายิ้มพลางลูบศีรษะเด็กหนุ่มก่อนจะนั่งลง และหลังจากนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองต่างก็โอภาปราศรัยกันอย่างสรวลเสเฮฮา คุยเรื่องที่เด็กอย่างต้นน้ำไม่เข้าใจกันอย่างสนุกสนาน และกว่าครึ่งเป็นการพูดถึงบุคคลที่สาม หรืออีกนัยหนึ่งที่ชาวบ้านตาดำๆ เรียกกันว่า“การนินทา”

     แม้บริบทของภาษาพูดจะเป็นไปอย่างสุภาพ แต่ทว่าคนฟังก็สัมผัสได้ถึงความสนิทชิดเชื้อระหว่างกัน เพราะวันนี้ไม่มีใครต้องขับรถ เนื่องจากบริษัทยาได้จ้างเอ้าซอร์ดมาเป็นทีมนันทนาการ ผู้ใหญ่ทั้งหลายจึงจิบเบียร์แกล้มอาหารกันอย่างสนุกสนาน โดยมีต้นน้ำคอยแกะซีฟู้ดทั้งหลายแหล่วางเรียงไว้บนจานให้คุณพี่ชายตัวดี

     จวบจนมื้ออาหารผ่านไป บรรดาคุณหมอแขกโต๊ะต่างๆ ก็เริ่มทะยอยลุก ส่วนใหญ่ตัดสินใจไปเที่ยวในตัวเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อดื่มดำบรรยากาศกันต่อ โต๊ะของต้นน้ำก็เช่นกัน เพียงแต่ชัยชัชต้องอยู่เคลียร์บิลทั้งหมดก่อน โดยมีหมอเอกนั่งจิบเบียร์เย็นๆ รอเนื่องจากขึ้นรถคันเดียวกันกลับ ต้นน้ำจึงขออนุญาตทั้งสองไปเข้าห้องน้ำ และระหว่างนั่นเอง ที่ทำให้เขาได้ยินบทสนทนาของผู้แทนคนอื่นเกี่ยวกับชัยชัช ด้วยเวลาที่เริ่มดึก ผู้คนจึงบางตา สรรพเสียงรอบตัวจึงมีน้อย ทำให้เขาได้ยินเสียงนินทาเหล่านั้นอย่างชัดเจน!

     “อ๊าว! แกไม่รู้เหรอ พี่ชัชพาน้องชายมาทริปด้วย ช่างกล้าเนอะ นี่ถ้าพี่ชัชไม่ใช่อันดับหนึ่งเขตหินๆ ละก็ มีหวัง”

     “แหม เค้าแค่พามากินข้าวด้วยติดรถด้วย แต่ค่าห้องก็ได้ข่าวว่าพี่แกออกเองเลยนะ ไม่ให้อยู่กับเซลล์คนอื่น สปอร์ตอ่ะ คืนตั้งเป็นหมื่น”

     “ก็งี้แหละ คงไม่รู้จะเก็บตังค์ไว้ทำไมแล้วมั้งย๊ะ โดนแฟนทิ้งไปแบบนั้นอ่ะ”

     “นั่นสิ น่าสงสารเนอะ คนอะไรหล่อก็หล่อ นิสัยก็ดี ทำงานก็เก่ง ยัยผู้แทนคนนั้นดันทิ้งพี่ชัชได้ลงคอ นี่ก็ได้ข่าวว่าเรือนหอที่ว่า พี่ชัชยังผ่อนไม่หมดเลย”

     “อ๊าว! เขาอาจจะมีลับลมคมในแบบที่พวกเราไม่รู้ก็ได้นะแก”

     “หล่อนรู้อะไรมาย๊ะ?”

     “แกรู้ไรมา”

     “อ๊าว ก็หมอเอกนั่นไง! ฉันเคยได้ยินมาว่าพี่ชัชกับหมอเอกสนิทกันมาก หมอเอกก็ช่วยพี่ชัชมาตลอด ยอดถึงได้ขึ้นเอาๆ แต่พอมาเห็นวันนี้แล้วยิ่งกว่าสนิทกันอีกอ่ะแก๊ เมื่อกี้ฉันชวนหมอเอกไปรถคันเดียวกันก็ไม่ยอมไป บอกจะไปกับพี่ชัช”

     “บ้าแล้วเธอ! หมอเอกนั่นเสือตัวพ่อเลยย่ะ ไม่มีทาง”

     สามสาวผู้แทนกำลังเม้าท์กันอย่างเมามันอยู่ที่ห้องน้ำหญิงฝั่งข้างๆ แต่โชคร้ายที่ฝั่งห้องน้ำชายกับฝั่งห้องน้ำหญิงนี้ห่างกันเพียงกำแพงคั่นต้นน้ำจึงได้ยินทุกคำนินทา และเมื่อออกมานอกห้องน้ำ ต้นน้ำก็เห็นพวกเธอถนัดตา สามสาวผู้แทนแต่งตัวเปรี๊ยวจี๊ดตั้งแต่หัวจรดเท้า เรียกได้ว่าเสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะหยั่งกับโมเดลมืออาชีพ พวกเธอกำลังล้างมืออยู่ที่อ่างล้างหน้ากันโดยมีผู้ชายคนหนึ่งที่พึ่งเดินตามหลังต้นน้ำตรงเข้าไปหาพวกเธอ

     “นี่พวกหล่อน! จะนินทากันก็เบาๆ หน่อย เสียงพวกเธอดังไปถึงห้องน้ำฝั่งโน้น คิดบ้างมั้ยถ้าพี่ชัชหรือหมอเอกเกิดเข้าห้องน้ำอยู่ จะทำยังไง! แล้วขอเถอะ ถ้าอดใจไม่ไหวจริงๆ อยากนินทาเพื่อนร่วมงาน ทำไมไม่ไปนินทากันในที่ลับย๊ะ หน๊อย! อิจฉาพี่ชัชกันละสิ รู้ไว้เถอะนะพวกหล่อน พี่ชัชน่ะเขาเข้ามาทำงานสะสมฐานลูกค้าตั้งแต่ตอนที่พวกเธอยังเรียนไม่จบกันเลยย่ะ เขาถึงได้เป็นอันดับหนึ่งแบบทุกวันนี้ ถ้าไม่เข้าใจเรื่องคอนเนคชั่นก็อย่ามาทำงานแบบนี้ให้เสียเวลาเลยย่ะ”

     ต้นน้ำจำได้ว่าชายคนนี้คือคนที่มองเขาด้วยสายตาประหลาดเมื่อตอนที่พี่ชัชแนะนำเขากับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ผู้ชายสาวแตกคนนั้นใช้น้ำเสียงจิกกัดสวดสามสาวผู้แทนเบาๆ ก่อนจะสะบัดหน้าเชิดใส่ และก็หันมาเห็นต้นน้ำเข้าพอดี

     “อุ๊ต๊ะ! คุณน้อง... มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”

     “ผมมาเข้าห้องน้ำครับ”

     ต้นน้ำตอบพลางส่งยิ้มให้อีกฝ่าย

     “แหม... คุณน้องต้นอย่าไปถือสาแม่พวกนี้เลยนะคะ พวกนี้มันขี้อิจฉาก็เม้าท์กันไปงั้นแหละค่ะ แป่ะไปที่โต๊ะกับพี่ดีกว่า ตรงนี้ยุงเยอะนะคะเนี่ย”

     ผู้ชายคนนี้พยายามกลบเกลื่อนดันไหล่เขาพาเดินออกมาจากหน้าห้องน้ำที่เกิดเหตุ ต้นน้ำรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเหมือนจะหวังดี ไม่อยากให้เขาคิดมาก

     “ซวยเลย พี่แตมมาได้ยิน พี่เขาจะไปฟ้องพี่ชัชมั้ยอ่ะแก”

     “ไม่แน่นะ ได้ข่าวว่าพี่แตมก็รอกิ๊กพี่ชัชอยู่เหมือนกัน”

     ‘เฮ้อ... คนเรานะ ตายเพราะปากยังไม่สำนึก’

     “อาหารอร่อยมั้ยคะน้องต้น”

     “ครับ อร่อยดีครับ”

     “แหม ดีจังเลยนะคะ พี่เห็นน้องต้นเงียบๆ งานพวกพี่ก็เยอะ ต้องดูแลคุณหมอ ปล่อยน้องต้นอยู่คนเดียว พี่ก็กลัวน้องต้นจะเบื่อ”

     “ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจ”

     “แหม น้องต้นนี่ดีจังเลยนะคะ มิน่า พี่ชัชถึงได้ชมใหญ่”

     “...พี่ชัชเคยพูดถึงผมให้คุณฟังเหรอครับ?”

     “อุ๊ยตาย! มาคุณเคินอะไรละคะน้อง เรียกพี่ว่าพี่แตมสิคะ”

     “ครับ”

     “พี่แตม”ของเขาจีบปากจีบคอพูดอย่างเป็นกันเองพลางส่งสายตามีเลศนัยให้ราวกับกำลังอบรมเขาด้วยความเอ็นดู

     “งานพวกเราน่ะหนักนะคะน้องต้น ก็อย่างที่น้องเห็น บางครั้งพวกเราก็แทบไม่มีเวลาแม้แต่จะดูแลตัวเอง จะกินข้าวก็ต้องรอหมอกินก่อน ถ้าหมอยังไม่ได้กินพวกเราก็อดไป งานแบบนี้ไม่ค่อยมีเวลาเหลือให้คนรอบตัวหรอกค่ะ น้องต้นต้องเข้าใจพี่ชัชนะคะ ถ้าพี่ชัชแกอาจจะไม่ค่อยว่างมากนัก แถมพี่ชัชแกน่าสงสารมากๆ เลยตอนที่แกอกหัก”

     คำพูดแปลกๆ ที่ต้นน้ำไม่เข้าใจจุดประสงค์ แต่ลึกๆ แล้วเขารู้ดีว่าตนกำลังดีใจและคิดเข้าข้างตัวเองแบบสุดๆ แม้จะไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้รู้อะไรมาบ้าง แต่ท่าทางที่แสดงว่าเขาคือคนสำคัญของชัยชัชก็ทำให้ต้นน้ำหัวใจพองฟู เด็กหนุ่มพูดอะไรไม่ออกได้แต่ใช้สายตาขอบคุณอีกฝ่าย

     “ถึงพี่จะต้องอกหักเพราะอดดามใจพี่ชัช แต่ถ้าเป็นน้องต้น พี่ยอมถอยค่ะ สู้ๆ นะคะน้อง พี่เชียร์อยู่!”

     “ผมเปล่า...”

     “คุยไรกันอ่ะสองคนนี้ แกล้งไรน้องชายพี่เฮอะ แตม?”

     ชัยชัชเดินตรงมาทางพวกเขาสองคนพอดี

     “พี่ชัช!”

     “ต๊าย! แตมเปล่านะคะ แล้วนี่เคลียร์บิลเสร็จแล้วเหรอคะ?”

     “เออ”

     ชัยชัชตอบคำถามเพื่อนร่วมงานแล้วหันมาคุยกับต้นน้ำ

     “ง่วงยังอ่ะเรา อย่าพึ่งง่วงนะ เดี๋ยวเขาจะพาไปเที่ยว”

     “ครับ”

     ต้นน้ำยิ้มให้ชัยชัชก่อนจะผละจากกองเชียร์ไปเดินเคียงข้างกัน

     และแล้ว ความดีใจของต้นน้ำก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อรถคันที่รับกรุ๊ปพวกเขาไปเที่ยวนั้นมีทั้งคุณหมอเอกสุดกวนรวมทั้งสามสาวเม้าท์มอยกลุ่มนั้นด้วย แต่โชคดีที่แขกของรถคันนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้แทนบรรยากาศจึงเป็นกันเอง คุณหมอเอกแพทย์หนึ่งเดียวของรถคันนี้ก็เลยกลายเป็นเป้าหมายให้สาวๆ ในรถขายอ้อยเช็คเรทติ้งแต่เพียงผู้ดียว จนในรถมีแต่เสียงแซวกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่

     คนทั้งหมดลงความเห็นว่าจะไปเดินช็อปชมชิลที่ตลาดนัดใกล้ๆ และเมื่อรถจอดให้คนลงเรียบร้อยแล้ว แต่ละคนต่างก็สนุกสนานเฮฮากับการถ่ายรูปกันสุดๆ และใช้เวลาเพียงไม่นานคุณหมอสุดหล่อก็ถูกสาวๆ เนียนพาหายไปท่ามกลางผู้คน

     “ไม่เป็นห่วงเหรอครับ”

     “หือ?”

     “ก็หมอเอกโดนลากไปโน่นแล้ว ลูกค้าไม่ใช่เหรอครับ”

     “โธ่ อย่างไอ้เอกนะเหรอ มันจะดีใจล่ะสิไม่ว่า รายนั้นมันชอบโดนสาวๆ รุมล้อมอยู่แล้ว ต้นไม่ต้องไปสนใจมันหรอก”

     เพราะไม่ได้อยู่กับคนอื่นแล้ว สรรพนามที่ใช้เรียกลูกค้าของชัยชัชจึงเปลี่ยนกลับมาเป็นแบบเรียบง่ายให้ความสนิทสนม

     “พี่ชัชกับหมอเอกสนิทกันจังเลยนะครับ กับหมอคนอื่นผมยังไม่เห็นซี้กันขนาดนี้เลย”

     อาจเพราะผู้คนมากหน้าหลายตาหรืออย่างไร เสียงรอบข้างจึงกลบให้เสียงเด็กหนุ่มฟังแล้วช่างเบาหวิวเป็นยิ่งนัก แถมแสงสีรอบๆ ตัวก็ยังทำให้ชัยชัชตาพร่า มองเห็นใบหน้าด้านข้างของต้นน้ำเขียนคำว่า“หึง”ตัวโตๆ ติดอยู่เต็มหน้าผาก อาการงอนนิดๆ หน่อยๆ แต่ไม่อยากแสดงออกแบบนี้ทำให้เขารู้สึกดี

     ‘นี่กูดื่มไปกี่แก้ววะเนี่ย...’

     “เออ ก็ต้องสนิทสิ ใครจะไปคิดว่าจะได้มาเจอกันอีก”

     “พี่ชัชเคยรู้จักคุณหมอมาก่อนเหรอครับ?”

     “ใช่ แกเป็นรุ่นพี่มหาลัยของพี่เอง คือพี่หมายถึง... ตอนก่อนที่พี่จะซิ่วอ่ะนะ”

     เพราะความที่พูดเบา และปลายเสียงนั้นอ้อมแอ้มๆ แบบไม่อยากจะสารภาพออกมาเท่าใดนัก ต้นน้ำจึงต้องใช้เวลาแปลสารอยู่ครู่ใหญ่

     “...พี่ชัชหมายถึง หมอเอกเป็นรุ่นพี่ แต่หมอเอกเป็นหมอ... แล้วแบบนี้ก็เท่ากับว่าพี่ชัช!”

     “อืม เห็นแบบนี้แต่พี่ก็เคยเอ็นท์ติดหมอนะ ฮ่าๆ”

     ชัยชัชลูบท้ายทอยตัวเองแก้เขินพลางหัวเราะแห้งๆ ชายหนุ่มรู้สึกเขินอายกับเรื่องราวในอดีตจนทำตัวไม่ถูก ต้นน้ำมองใบหน้าที่แดงนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แม้จะไม่รู้ว่าคนตรงหน้านั้นหน้าขึ้นสีเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะความเขิน แต่เขารู้แล้วแน่นอนว่า เวลาที่ชัยชัชออกอาการเขินนั้น พี่ชัชของเขาจะชอบยิ้มแห้งๆ และไม่กล้าสบตาตน

     ‘น่ารักจังเลยครับพี่ชัช’

     “แล้วเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”

     “ก็ไม่มีไรมาก พี่ซิ่ว เลยไปเรียนเภสัช ตอนนั้นก็คิดว่ามันคงคือๆ กันกับหมอ เพราะผู้ชายคงเป็นพยาบาลไม่ได้ แล้วพี่ก็จบออกมาได้งานเป็นผู้แทนเนี่ย”

     “ถามได้มั้ยครับ ว่าทำไมพี่ชัชถึงซิ่ว?”

     ชัยชัชเล่าไปพลางชักชวนให้ต้นน้ำเดินตาม จนเมื่อเดินมาถึงมุมพักผ่อนมุมหนึ่งที่จัดเก้าอี้ไว้คอยบริการ มีผู้คนมานั่งพักผ่อนถ่ายรูปเป็นที่ระลึกมากมาย ชัยชัชก็ดึงมือต้นน้ำให้นั่งลงข้างๆ ก่อนจะเล่าต่อ

     “อืม... พี่ไม่ได้ไปสอบหลายตัวน่ะ ก็เลยซิ่ว”

     “อ้าว? ไม่สบายเหรอครับ? เสียดายจัง”

     “โอ๊ย! ช่างมันเหอะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว”

     “แล้วที่บ้านพี่เขาว่าไงมั่งละครับ?”

     “โหย โดนด่าบรรลัยเลย! แม่พี่เขากะฉลองลูกชายได้เป็นคุณหมออวดคนในหมู่บ้านไปทั่วแล้ว ละอยู่ๆ มาโดนรีไทร์ แต่ดีว่าพี่เก่ง ปีต่อมาก็สอบเภสัชได้ ที่บ้านเลยให้อภัย”

     “ทำไมไม่เลือกทันตะละครับ?”

     “คงเพราะพี่ไม่เหมาะกับการเป็นหมอตรวจคนไข้มั้ง ฮ่าๆ พอได้เข้าไปสัมผัส เห็นชีวิตพวกพี่ๆ ปีปลายๆ ก็เลยเริ่มคิดได้ พี่ไม่ชอบบริการใคร เลยกะเป็นเภสัชวันๆ จะได้อยู่แต่ห้องยา แต่พอจบมาเห็นอาชีพผู้แทนมันเงินดีเลยมาลองสมัครดู นึกว่างานสบาย ยังไงโรงพยาบาลก็ต้องใช้ยาอยู่แล้ว เราจบเภสัชข้อมูลเป๊ะ ที่ไหนได้ ใครจะไปรู้ว่าอาชีพคนขายยามันจะเป็นแบบนี้ รู้ตัวอีกทีกลายเป็นขี้ข้าหมอไปซะแล้ว”

     “แต่พี่ชัชก็เก่งไม่ใช่เหรอครับ เห็นเขาว่าพี่ชัชทำยอดได้เยอะมากๆ”

     “ก็คนมันมีเป้าหมายนี่ต้น ก่อนหน้านั้นพี่ก็แค่ทำงานเก็บเงิน ออกรถป้ายแดงโก้ๆ แต่พอพี่มีแฟนพี่ก็ต้องเก็บตังค์สร้างครอบครัว”

     คำตอบแบบไม่ปิดบังของชัยชัชทำให้ต้นน้ำซึมไปจนชายหนุ่มสังเกตได้ เขาจึงลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ

     “ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เขาไม่อยากเป็นเมียพี่ก็แค่นั้น”

     “งั้นสมมุตินะครับ สมมุติถ้า... พี่ฟ่างกลับมาหาพี่ชัช พี่ชัชจะกลับไปคบกับพี่ฟ่างอีกมั้ยครับ?”

     แววตาลึกล้ำยิ่งกว่ามหาสมุทรใดใดสะท้อนแสงไฟเป็นประกาย ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นช้อนตามองชัยชัชด้วยสายตาวิงวอน สายตาของต้นน้ำสะกดชัยชัชจนแทบลืมหายใจ เขารับรู้ได้ถึงถ้อยคำที่ต้นน้ำได้ร้องขอผ่านแววตาคู่นั้น

     ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ก็ยังไม่มั่นใจที่จะตอบรับ ….. ชัยชัชไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไรจึงได้แต่ยืนนิ่ง

     ความเงียบบังเกิด ส่งผลให้เกิดความอึดอัดตามมา จนในที่สุด ชัยชัชก็เป็นฝ่ายหลบ ชายหนุ่มเบนสายตาหนีไปมองผู้คนรอบตัวแล้วตอบคำถาม

     “อาจจะนะ พี่เคยรักฟ่างมาก ถ้าถึงตอนนั้นพี่ยังไม่มีใครพี่ก็อาจจะให้โอกาสฟ่างดูอีกที”
     
     การกระทำและคำตอบของชัยชัชทำให้ต้นน้ำต้องเก็บความรู้สึกของตัวเองฝังไว้ยังก้นบึ้งของหัวใจเช่นเดิม เขาตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเพราะรู้ดีว่าหมดประโยชน์ที่จะเซ้าซี้ ..... คนที่ไม่รัก อย่างไรก็คือไม่รัก เช่นเดียวกับคนที่รัก ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็คงไม่ลืม

     “งั้นแล้วพี่ชัชจะขายห้องทิ้งจริงๆ หรือเปล่าครับ?”

     “หือ? เรื่องนี้นะเหรอ?”

     ชัยชัชแปลกใจกับคำถามของต้นน้ำ เขายักไหล่เหมือนไม่แคร์อะไรแล้วตอบไปตามที่คิด

     “ไม่รู้ดิ เดี๋ยวนี้คอนโดในเมืองผุดใหม่เยอะแยะ คอนโดชานเมืองแบบนี้ขายแล้วใครจะเอา ตอนแรกพี่กะซื้อไว้แล้วดาวน์บ้าน พอบ้านเสร็จก็ปล่อยห้องให้เช่า...”

     “แล้วตอนนี้ละครับ?”

     “ไม่รู้จะขายดาวน์บ้าน หรือปล่อยห้องให้เช่าดีอ่ะสิวะ แต่บ้านที่พี่จองไว้ เสาเข็มยังลงไม่หมดเลยว่ะไอ้น้อง”

     ต้นน้ำได้แต่นิ่งเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ชัยชัชเองก็รู้ดีว่าประเด็นที่คุยนั้นเปราะบางสำหรับคนข้างๆ เขาจึงจงใจสร้างบรรยากาศขึ้นมาใหม่

     “ว่าแต่ ไอ้ที่ถามแบบนี้ กลัวพี่ไม่อยู่ใกล้ๆ รึไงต้น กลัวอีกหน่อยจะไม่ได้เจอพี่แล้วคิดถึงอ่ะเด้”

     ชัยชัชว่ายิ้มๆ พลางโยกศีรษะต้นน้ำ พยายามแกล้งแหย่ แต่เจ้าเด็กข้างกายดันไม่รับมุกเอาซะนี่ ดูราวกับเจ้าตัวกำลังอยู่ในภวังค์อะไรบางอย่าง

     “ครับ อีกหน่อยถ้าไม่ได้เจอกันอีก ผมคงคิดถึงพี่ชัชน่าดู”

     ‘สายตานั่นอีกแล้ว เลิกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เถอะต้น พี่...’

     แต่ยังไม่ทันที่ชัยชัชจะได้ทำอะไรต่อ บรรดาแขกคนอื่นๆ ก็เดินมาถึงจุดพักนี้พอดี ทั้งสองจึงถือโอกาสปัดเป่าความอึมครึมที่เกิดขึ้นออกไปจากจิตใจและเดินเที่ยวร่วมกับกลุ่ม จนได้เวลาชาวคณะจึงเดินทางกลับโรงแรมพักผ่อนตามอัธยาศัย

============================================


คำตอบก็คือ ผู้ชายที่หลงตัวเอง มีพาวเวอร์ มักจะโง่ โดนจูงจมูกได้ง่ายสุดๆ เสร็จพวกจอมมารยาที่รู้ว่าทำยังไงให้ตัวเองมีคุณค่าในสายตาเขา
พูดแบบหรูๆ คือ พวกที่เกิดมาเป็นผู้นำ เขาชอบมีใครซักคนไว้ให้คอยปกป้องดูแล แบบ... ชีวิตคู่ก็เงี๊ยะ! ถ้ามีคนนึงนำ อีกคนก็ต้องคอยตาม

มีแอบดราม่าเล็กๆ ตามสไตล์น้องต้น ถ้าไม่ดราม่าก็ไม่ใช่ฮี!
คนอ่านแอบเหวอ? "นี่เรียกว่าดราม่าเล็กๆ แล้วหรือ?" คนแต่งบอกว่า "Yes!"

คือ..... มันจะมีดราม่าอีกเยอะ มีฉากกุ๊กกิ๊กแค่เล็กน้อย แต่ฉากดราม่าแรงมากๆ ด้วยเพราะคาแรคเตอร์ตัวเอกเป็นเช่นนั้น แบบ... ครึ่งแรกนี่ซอฟท์ๆ เลยแหละ คงไม่เหมาะสำหรับคนอยากหาอะไรใสๆ เบาๆ อ่าน เรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพื่อให้คนอ่านรำคาญหมั่นไส้ตัวเอกล้วนๆ แต่ลงท้ายอยากให้อ่านแล้วรู้สึกว่า "เกลียดไม่ลง" อินจนต้องเอาใจช่วย! 
แต่รับรองว่าจบแบบแฮฟปี้แน่นอน .... เอ๊ะ หรือเราจะสะกดผิด  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #4(2/7/57)
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 03-07-2014 20:23:42
พี่ชัชแอบอ่อย(หลายครั้งเลย)  :mew3:  :mew1:
ต้นก็ชอบคิดมาก ยิ้มหน่อย  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #4(2/7/57)
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 04-07-2014 18:41:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #4(6/7/57)
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 06-07-2014 02:27:30
ถ้าจบหวาน กรุณากรี๊ดดังๆ คนแต่งไม่อยากมโนว่า "ฟิน" ไปเองคนเดียว....
(แบบ... พยายามแต่งโดยไม่ใช้ฉาก MUST HAVE พิมพ์นิยมอ่ะ พยายามใส่อะไรใหม่ๆ เขียนอะไรที่มันดูธรรมดาๆ แต่แอบหวานปนอบอุ่น แต่ไม่มั่นใจว่าคนอื่นจะฟินตามมั้ย? หรือคนแต่งฟินเองคนเดียว?)


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     ทั้งสองกลับมาถึงห้องพักตอนสามทุ่มกว่าๆ ชัยชัชเลยเสียสละไล่ต้นน้ำให้เข้าไปอาบน้ำก่อนเป็นคนแรก อาจจะเพราะบรรยากาศบางอย่างที่เกิดขึ้น ต้นน้ำจึงดูเงียบเป็นพิเศษ แม้ชัยชัชพยายามเล่นมุกแหย่ไปบ้างแต่ต้นน้ำก็เพียงแค่ยิ้มบางๆ ให้เท่านั้น ไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไรมากมายตามปกติ

     จนกระทั่งเด็กหนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพสวมชุดนอนเรียบร้อย เขาจึงเป็นฝ่ายเข้าไปอาบน้ำบ้าง กลิ่นพีซจางๆ ที่หอมกรุ่นอยู่ในนั้นเป็นคนละกลิ่นกับสบู่ที่ทางโรงแรมแจกให้ ชัยชัชรู้ดีว่านี่เป็นกลิ่นของต้นน้ำ เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเด็กหนุ่มยืนเปลือยกายอยู่ ณ. ตรงนี้เอง!

     ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่ชัยชัชจะสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงได้แล้วจัดการธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย แต่เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำเขากลับไม่เห็นต้นน้ำในห้อง ชัยชัชจึงเดินมาดูที่ระเบียงเผื่อว่าต้นน้ำอาจนั่งเล่นอยู่แถวนั้น และเมื่อเลิกผ้าม่านขึ้นภาพของเด็กหนุ่มนั่งยื่นขาลงไปในสระน้ำที่ถูกอาบไล้ด้วยแสงเทียนก็ทำเอาเขาหัวใจกระตุก ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายรู้สึกตัวหันมาสบตา ดวงตาของต้นน้ำสะกดเขาได้อีกแล้ว!

     “พี่ชัช?”

     “ยังไม่นอนอีกเหรอ พี่นึกว่าเรานอนแล้วซะอีก เห็นเงียบๆ”

     “ยังหรอกครับ นั่งคิดอะไรเพลินๆ”

     “คิดไรอีกน่ะเรา ทำหน้าเครียดอีกแล้ว?”

     ชัยชัชแทรกตัวเข้ามานั่งข้างๆ แต่เพราะพื้นที่คับแคบของทางลงสระน้ำที่เชื่อมติดกับระเบียงของแต่ละห้อง จึงทำให้ตัวของเขาแทบจะเกยกับเด็กหนุ่ม แม้ว่าต้นน้ำจะเขยิบที่ให้จนตัวแทบเบียดกับเสาขอบระเบียงแล้วก็ตาม

     “นั่งลำบากว่ะ เราอ่ะ ลุกขึ้นแปปดิ”

     “ครับ?”

     แม้จะงงๆ แต่ต้นน้ำก็ยอมทำตามที่ชัยชัชบอก ชัยชัชจึงเขยิบก้นนั่งลึกเข้ามาแล้วจับตัวต้นน้ำมานั่งระหว่างขาทั้งสองข้างของเขาแทน

     “พี่ชัช!”

     “จุ๊ๆ อย่าเสียงดัง มันดึกแล้ว เดี๋ยวโดนด่า”

     “ผะ ผมไปนั่งที่เก้าอี้ก็ได้ครับ ถ้าพี่ชัชจะนั่งตรงนี้”

     ไม่มีคำตอบขี้เล่นจากชัยชัช ชายหนุ่มเงียบอยู่นานก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

     “พี่ขอโทษ”

     “ขอโทษ? เรื่องอะไรครับ พี่ชัชไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย”

     “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าน้องชายของพี่กำลังเศร้าเลยอยากขอโทษ ทั้งๆ ที่พี่สัญญาว่าจะพาต้นมาเที่ยวให้สบายใจ แต่พี่ทำไม่ได้”

     เพราะคำตอบของชัยชัชเป็นเรื่องที่ต้นน้ำไม่คาดคิดมาก่อน ต้นน้ำเลยไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรดีในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงให้ความเงียบบรรยายความรู้สึกแทน

     “คิดอะไรอยู่เหรอ”

     “ก็ คิดไปเรื่อยๆ ครับ หลายอย่าง”

     “แล้วไอ้หลายอย่างที่ว่าอ่ะ มีอะไรบ้าง?”

     “ก็... เรื่องเลือกคณะ เรื่องสอบ เรื่องเรียนต่อ แล้วก็... เรื่องของแม่มั้งครับ”

     “ทำไมล่ะ?”

     “...ไม่แน่ว่าผมอาจจะไปเรียนต่อต่างประเทศก็ได้ครับ”

     คงเพราะไม่คาดคิดว่าสิ่งที่อยู่ภายในใจของต้นน้ำจะเป็นเช่นนี้ ชัยชัชจึงตกใจพอสมควร แต่นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของคนอื่น เขาจึงไม่อาจเข้าไปยุ่งได้แม้ในใจจะกระวนกระวายมากก็ตาม

     “ต้นจะสอบชิงทุนไปเมืองนอกเหรอ?”

     “ ... “

     ต้นน้ำเอาแต่ก้มหน้าลงและนิ่งเงียบ ท่าทางกลัดกลุ้มเหมือนมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะพูด ชัยชัชรู้ดีว่าตอนนี้ต้นน้ำคงกำลังคิดหนัก แม้ไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดของต้นน้ำแต่เขาก็อยากเป็นกำลังใจให้ ชายหนุ่มจึงกระชับวงแขนที่โอบล้อมคนตรงหน้าให้แน่นขึ้นพลางกระซิบถ้อยคำเบาๆ

     “ถ้าต้นไม่พร้อมจะเล่าก็ไม่เป็นไร แต่พี่อยากให้ต้นรู้ไว้นะครับว่าต้นปรึกษาพี่ได้ทุกเรื่อง พี่จะอยู่ข้างๆ ต้นเสมอนะ”

     ต้นน้ำไม่รู้จะเริ่มบทสนทนาอย่างไรดี ส่วนชัยชัชเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายจึงได้แต่ใช้ความเงียบสนทนากันผ่านภาษากายที่ตระกองกอดกันไว้จนกระทั่งความอบอุ่นจากอ้อมกอดของชัยชัชได้จุดไฟให้จิตใจบางส่วนที่สับสนของต้นน้ำกลับมาลุกโชน! ต้นน้ำจึงตัดสินใจเปิดปาก

     “พี่ชัช ความจริงแล้ว ผมสงสารแม่”

     “หืม?”

     “ผม... ผมคิดว่าแม่มีคนรักอยู่ที่เมืองนอก แต่แม่ไม่เคยบอกกับผมตรงๆ หรอกนะครับ”

     ต้นน้ำสูดหายใจเฮือกใจก่อนจะปลดปล่อยถ้อยคำระบายความในใจให้ไหลผ่านริมฝีปาก

     “หลายปีก่อน แม่เคยพาเพื่อนฝรั่งมาเที่ยวเมืองไทย ผมเห็นแม่กับเขาสนิทกันมาก แล้วแม่ก็เคยเปรยๆ เรื่องอยากชวนผมไปอยู่เมืองนอกด้วย แต่ตอนนั้นผม...”

     สีหน้าของต้นน้ำดูกลัดกลุ้มในแบบที่ชัยชัชไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกขณะที่เล่าไปนัยน์ตาคู่สวยที่ดูราวกับหลุมดำนั้นก็เริ่มคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ชัยชัชรู้ดีว่าหลุมดำที่ไม่เคยได้รับแสงสว่างมานานปีตอนนี้มันได้ระเบิดออกมาแล้ว!

     “ผมสงสารแม่! ถ้าแม่แต่งงานใหม่ แม่ก็จะสบายแท้ๆ จะมีคนมาช่วยดูแลแม่กับผม แต่เพราะผม!”

     ดูเหมือนเด็กหนุ่มอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนคำพูดของตนเอง

     “…แต่แม่ก็ทิ้งผมไปไม่ได้ เพราะแบบนั้น แม่เลยยังต้องเหนื่อยอยู่”

     “ใจเย็นๆ นะต้น พี่น้ำเขารักต้นมาก ถ้าต้นไม่ต้องการพี่น้ำเขาก็ไม่บังคับต้น มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”

     “ผมไม่ได้ไม่อยากให้แม่แต่งงานใหม่! แม่เหนื่อยเพื่อผมมามากแล้ว แต่ว่า... แต่ว่า เป็นเพราะผมอยากอยู่เมืองไทย แม่เลยทิ้งผมไปไม่ได้”

     “งั้นแล้วทำไมต้นถึงไม่อยากไปอยู่เมืองนอกล่ะ กลัวเหรอครับ?”

     “มันไม่ใช่แบบนั้นเลยพี่ชัช ฮึก ฮึ

     พอถึงตรงนี้ ต้นน้ำก็เก็บอาการไว้ไม่อยู่ หยดน้ำตาไหลลงมาเป็นสาย

     “เพราะว่า... เพราะผมอยากแก้แค้นผู้ชายคนนั้นต่างหาก!”

     น้ำเสียงที่ต้นน้ำเปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังเหลือคณานับ! ชัยชัชได้แต่นิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก

     ‘ถึงเวลาแล้วที่เราจะเล่าเรื่องนั้นให้พี่ชัชฟัง ขออย่าให้พี่ชัชรังเกียจเราเลยนะ!’

     ต้นน้ำสูดลมหายใจก่อนจะเล่าต่อ

     “พี่ชัชรู้มั้ย ความจริงแล้ว ผมไม่ได้เกิดมาจากความรัก ผม... เกิดมาจากความใคร่”

     น้ำเสียงเย้ยหยันนั้นแสดงออกถึงความสมเพชตัวเองเสียจนชัยชัชต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเพื่อถ่ายทอดให้อีกฝ่ายรับรู้ว่า ยังมีเขาอยู่ตรงนี้!

     “ผู้ชายคนนั้น คนที่ทำให้ผมเกิด… เขาเป็นอาจารย์ของแม่ผมสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แม่ผมไม่ค่อยตั้งใจเรียน พี่ชัชจะเรียกว่าเด็กเที่ยวก็ได้ครับ แม่ผมตอนนั้นยังเด็กแม่ก็เลยคิดอะไรง่ายๆ ….. ตอนนั้นแม่ผมยอมนอนกับผู้ชายคนนั้นเพื่อเกรด ผมรู้ว่ามันผิด แม่ไม่ควรทำแบบนั้น แต่ว่า... แต่ผู้ชายคนนั้นก็ใจร้ายมาก เขาทำแม่ผมท้องทั้งๆ ที่เขามีลูกมีเมียอยู่แล้ว ทำให้แม่ผมเสียอนาคต แถมยังไม่ยอมรับผิดชอบบอกให้แม่ไปเอาผมออก ผมไม่เข้าใจ ถ้าเขาไม่ต้องการผมแล้วทำไมเขาไม่ป้องกัน!
     แม่... แม่พยายามเอาผมออก แต่ว่า ผมดื้อยา สุดท้าย… แม้แต่คุณตาคุณยายยังไล่แม่ออกจากบ้าน หาว่าทำให้ครอบครัวต้องอับอาย แม่ผมต้องลำบากมากขนาดไหนพี่ชัชรู้มั้ย แม่ต้องทำแทบทุกอย่าง แทบจะขายตัวเลยด้วยซ้ำ! กว่าแม่จะได้งานดีๆ ผมโตมากับแม่สองคนอย่างยากลำบาก แต่พอถึงวันนึง วันที่หลานชายสุดที่รักของตัวเองไม่อยู่ เขากลับอยากได้ผมไปเอาใจพ่อตัวเอง เพราะกลัวตระกูลอันยิ่งใหญ่จะไม่เหลือใคร! ทุเรศสิ้นดี!”

     เรื่องราวในชีวิตของต้นน้ำนั้นน่าใจหายเป็นอย่างมากสำหรับชายหนุ่มที่มีครอบครัวธรรมดาๆ ตามประสาคนชนชั้นกลางอย่างเขา ชัยชัชฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารต้นน้ำ

     แม้แต่ยามนี้ ในยามที่ถ้อยคำเหยียดหยามชาติกำเนิดหลุดออกมาจากปากของตนเอง ต้นน้ำก็ยังคงสะกดกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ เด็กหนุ่มไม่เคยร้องไห้ให้กับชะตากรรมของตัวเอง ต้นน้ำเก็บความแค้นทุกอย่างสุมไว้ในอกและรอมันระเบิด!

     “แต่พี่น้ำก็รักต้นมาก ดูสิ พี่น้ำเลี้ยงต้นมาอย่างดี ถึงต้นไม่ได้เกิดมาจากความรัก แต่ต้นไม่ได้ขาดความรักหรอกนะครับ”

     ชัยชัชพยายามพูดปลอบต้นน้ำ แต่คำปลอบโยนกลับกลายเป็นเชื้อไฟเพิ่มความเกลียดชังเพราะอคติที่มีต่อผู้ให้กำเนิด

     “ใช่ครับ! เพราะแบบนี้ผมถึงได้สงสารแม่! แม่ควรจะมีความสุขได้แล้ว ผมอยากให้แม่ได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ ที่พร้อมจะดูแลแม่”

     “เรื่องในอดีตมันผ่านมานานแล้ว พี่ว่าตอนนี้พี่น้ำเองก็คงไม่คิดอะไรมากแล้วล่ะ พี่ก็เห็นเธอมีความสุขออกนะ แล้วต้นล่ะ จะเก็บความทุกข์ไว้ทำไมกันครับ?”

     “ผมเกลียดเขาครับพี่ชัช! ตอนที่ผมขึ้น ม.ปลาย อยู่ๆ เขาก็โผล่เข้ามาในชีวิตของพวกผมแม่ลูก บอกว่าอยากรับผมไปเป็นลูกบุญธรรม เอาผมที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่ไม่เคยยอมรับไปจดทะเบียนรับรองบุตรบุญธรรม! พี่ชัชคิดดูสิครับ เขาเกรงใจภรรยาตัวเอง แต่กลับจะพรากผมกับแม่ออกจากกัน! เขาหาว่าแม่ผม... เขาบอกว่าผู้หญิงอย่างแม่ผมคงเลี้ยงผมให้โตขึ้นมาเป็นคนดีไม่ได้ เขาใจร้ายมากเลยครับ เขาไม่ได้เห็นผมเป็นลูกเลยสักนิด เขาแค่ต้องการเครื่องมือไปสืบทอดนามสกุลของเขาต่างหาก!”

     ต้นน้ำระบายความรู้สึกออกมาอย่างอัดอั้นตันใจพลางเหม่อมองผืนน้ำที่สะท้อนภาพของแสงไฟ เขาเกลียดชีวิตของตัวเองเหลือเกิน จริงอยู่… ต้นน้ำรู้ดีว่ามารดารักตน เพียงแต่... เขารู้สึกมาตลอดว่าความรักที่มารดามีให้ตนนั้นเป็นเพราะภาระและหน้าที่ หาใช่ความรักที่ต้องการให้เขาออกมาลืมตาดูโลกเฉกเช่นครอบครัวอื่นๆ

     ตลอดเวลาที่ผ่านมาต้นน้ำพยายามทำตัวเป็นเด็กดีมาตลอด พยายามเรียนให้เก่งๆ สอบให้ได้ที่ดีๆ พยายามทำตัวเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เรียบร้อยไม่ก่อปัญหา ไม่สร้างความเดือดร้อนทุกข์ใจให้ผู้เป็นแม่ พยายามช่วยแบ่งเบาภาระทุกอย่างของมารดาทั้งเรื่องงานบ้านและการสอบชิงทุนต่างๆ ไม่เคยอยากได้อยากมีอะไรเหมือนเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน

     ตลอดชีวิตสิบเจ็ดปีที่ผ่านมาของเขามีแค่ตื่นเช้ามาเป็นเด็กดีไปวันๆ เป็นลูกที่ดีของแม่เพื่อที่เขาจะได้เป็นที่รักของผู้เป็นมารดา ถึงแม้จะไม่ใช่เด็กที่เป็นที่ต้องการแต่ก็ไม่อยากเป็นภาระ ต้นน้ำกลัวมาตลอดว่าสักวันแม่อาจจะทอดทิ้งตนไป ดังนั้นเขาจึงพยายามเป็นเด็กดี

     แต่แล้วความพยายามทุกอย่างก็สั่นคลอน เมื่อมีพ่อบังเกิดเกล้าก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา เมื่ออีกฝ่ายต้องการอ้างสิทธิ์ เขากลัวเหลือเกินว่าผู้เป็นแม่จะปล่อยมือไปจากเขา ทั้งๆ ที่เขาหวังว่าแม่จะปฏิเสธผู้ชายคนนั้น แก้แค้นที่ไม่เคยเหลียวแลโดยการไม่ยอมให้เข้ามาอ้างสิทธิ์ในตัวเขา แต่ว่าแม่กลับยอมให้อีกฝ่ายติดต่อกับเขา อนุญาตให้ผู้ชายคนนั้นเข้ามายุ่งวุ่ยวายกับชีวิตเขาได้ แม้จะเป็นไปโดยที่ต้องถามความสมัครใจจากเขาเป็นหลัก แต่ทว่าเขาก็เจ็บปวด เจ็บปวดที่แม่ทำท่าเหมือนจะทิ้งเขาไว้ให้เผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้นตามลำพัง!

     “ต้น....”

     ด้วยความที่หลังจากเล่าจบต้นน้ำก็เอาแต่เงียบ ปล่อยให้ลมทะเลยามค่ำคืนพัดพาเอาหยาดน้ำใสๆ บนใบหน้าเหือดแห้งไปเองเงียบๆ ชัยชัชจึงดึงตัวอีกฝ่ายให้ตะแคงหันมาหาตน คราบน้ำตาที่แสดงร่องรอยของความอ่อนแอปรากฏอยู่บนใบหน้าที่พยายามทำเป็นเข้มแข็งของเด็กหนุ่ม

     ‘เฮ้อ... ไอ้เด็กคนนี้นี่…’

     นิ้วของชัยชัชปาดไปมาบนแก้มของต้นน้ำ เขาพยายามจะถูคราบความเศร้าพวกนั้นออกอย่างเบามือ

     “สบายใจขึ้นรึยังครับ?”

     อาจจะเพราะคำถามที่ฟังดูกำกวมของชายหนุ่ม ริมฝีปากของต้นน้ำจึงเม้มเข้าหากัน เด็กหนุ่มหลบสายตาก่อนจะตอบว่า

     “ขอโทษครับ ผมมัวแต่พล่ามอะไรก็ไม่รู้ พี่ชัชคงรำคาญ”

     “คิดไปเองอีกแล้ว พี่บอกตอนไหนครับว่ารำคาญ ถ้าพี่รำคาญพี่จะมานั่งเช็ดน้ำตาให้เราเหรอ?”

     “ก็พี่ชัช… “

     “ที่พี่ถามก็เพราะว่าพี่เป็นห่วงความรู้สึกของเราต่างหาก พี่ไม่อยากเห็นต้นเศร้า ไม่ชอบเห็นต้นร้องไห้...”

     ‘หัวใจพี่มันเหมือนถูกบีบไปด้วย’

     ชัยชัชเก็บงำความรู้สึกของตนเอาไว้แล้วเลือกจะพูดอย่างอื่นแทน

     “พี่อยากให้ต้นมีความสุข ยิ้ม หัวเราะ ทำตัวให้ร่าเริงสมกับเป็นวัยรุ่นธรรมดาๆ ครับ”

     คำพูดที่ถ่ายทอดออกมาพร้อมกับสายตาอันแสนอบอุ่นของชัยชัชส่องแสงเข้าไปสู่หัวใจเย็นชาของต้นน้ำได้ไม่ยาก น้ำแข็งที่ปกคลุมหัวใจของต้นน้ำถูกความอ่อนโยนของชัยชัชหลอมละลายไหลออกมาเป็นน้ำตา

     “เรื่องของผู้ใหญ่ต้นอาจจะทำอะไรไม่ได้ แต่พี่เชื่อนะว่าพี่น้ำไม่ปล่อยให้ต้นต้องอยู่อย่างไร้ความสุขหรอก ผู้หญิงอย่างพี่น้ำน่ะ ทำทุกอย่างได้เพื่อต้นไม่ใช่เหรอครับ? แล้วทำไมต้นถึงต้องกลัวผู้ชายคนนั้นด้วยล่ะ”

     ชัยชัชพูดต่อพลางใช้หัวแม่มือไล้เบาๆ บนแก้มที่ตนประคองอยู่ เขาบรรจงส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นไปให้ต้นน้ำ

     “ถ้าต้นเกลียดผู้ชายคนนั้น พี่ว่าพี่น้ำคงไม่ยอมให้ผู้ชายคนนั้นมาทำอะไรให้ต้นไม่สบายใจหรอก เผลอๆ พี่น้ำคงเกลียดเขายิ่งกว่าต้นซะอีก เพราะพี่น้ำคือคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เหรอครับ? ผู้หญิงนี่แค้นแรงนะ ฮ่าๆ ลองนึกถึงวันที่ต้นมาหลับอยู่ห้องพี่ตอนนั้นดูสิ พี่น้ำนี่นึกว่าลูกหายแทบจะพังประตูห้องพี่แล้ว จำไม่ได้เหรอครับ”

     อาจจะเพราะรอยยิ้มขี้เล่นที่ดูจริงใจและสัมผัสอันอบอุ่นที่ประทับอยู่บนแก้ม ต้นน้ำจึงรู้สึกผ่อนคลาย เด็กหนุ่มยิ้มตอบทั้งน้ำตาให้กับผู้ชายที่อยู่เคียงข้างเขาคนนี้

     “พี่ชัชก็ พูดซะผมขำเลย”

     ต้นน้ำแหวขึ้นเบาๆ พลางหันหน้าหนีเพื่อซ่อนรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะที่เกือบจะเล็ดลอดออกมา

     ‘พี่ชัช พี่รู้มั้ย พี่เป็นเหมือนกับแสงสว่างสำหรับผมเลย!’

     ต้นน้ำหันกลับไปมองภาพทิวทัศน์ของสระว่ายน้ำอีกครั้ง ภาพผืนน้ำที่สะท้อนแสงไฟยามค่ำคืนนั้นเปลี่ยนไปเมื่อมีคนช่วยปัดเป่าความทุกข์ในใจให้ สระว่ายน้ำแห่งนี้ไม่ได้ดูอ้างว้างหดหู่แบบเดิมอีกแล้วเมื่อมีผู้ชายคนนี้อยู่เคียงข้าง โดยไม่รู้ตัวเด็กหนุ่มก็เผลอเบียดกายอิงแอบแนบแผ่นหลังของตนเข้ากับอกกำยำของชัยชัช

     “อ้าว หัวเราะก็ดีแล้วนี่ จะดราม่าทำไมล่ะ หัวเราะแล้วอารมณ์ดีออก”

     ชัยชัชพูดพร้อมกับกระชับวงแขนโอบกอดต้นน้ำให้ใกล้กันมากขึ้นจนแทบไม่เหลือช่องว่างระหว่างกัน

     ทั้งสองนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศริมสระน้ำยามค่ำคืนสงัดผู้คน แม้ไม่มีพระจันทร์ดวงโตหรือหมู่ดาราดวงใด มีเพียงแค่แสงไฟจากเปลวเทียนและโคมสนามรอบสระน้ำ แต่ทั้งคู่ก็รับรู้ได้ถึงอณูแห่งความโรแมนติกที่ลอยละล่องอยู่ในอากศรอบๆ ตัว

     ชัยชัชสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมากระทบจมูกของเขาจากเด็กหนุ่มตรงหน้า

     “พี่ว่าจะถามเรานานแล้ว เราใช้น้ำหอมไรอ่ะ? กลิ่นหอมดีจัง เหมือนลูกพีซเลย”

     “ผมไม่ได้ใช้น้ำหอมหรอกครับ สงสัยคงเป็นกลิ่นสบู่”

     ต้นน้ำพาซื่อตอบไปตามตรงโดยไม่เฉลียวใจเลยแม้แต่น้อย!

     “อืม สบู่หอมดีเนอะ”

     เสียงของชัยชัชเริ่มแหบพร่าเหมือนติดอยู่ในคอ

     “ครับ พอดีแม่ผมชอบใช้ยี่ห้อนี้มาตั้งนานแล้ว ชอบซื้อมาเป็นตุนไว้เยอะๆ ผมไม่อยากเรื่องมากก็เลยใช้ตามแม่ แล้วก็เลยติดน่ะครับ เลยพกมาใช้ที่นี่ด้วย ...เพราะกลิ่นมันทำให้ผมนึกถึงแม่”

     ‘พี่ชัชจะหาว่าเราติดแม่มั้ยน้า น่าอายจัง’

     บางครั้งต้นน้ำก็มัวแต่คิดเรื่องของตัวเองมากเกินไปจนเผลอซื่อบื้อ กว่าจะรู้ตัวลูกแกะก็ถูกหมาป่า...

     “มิน่า เวลาพี่อยู่ใกล้ๆ ต้นทีไร ได้กลิ่นลูกพีซทุกที”

     ‘หวานจนน่าลองชิม...’

     พูดไม่พูดเปล่า อ้อมแขนแกร่งๆ ของคนพูดยังกระหวัดเข้ามาเสียแน่นจนหัวใจของต้นน้ำเต้นโครมครามอยู่ในอกแทบหายใจไม่ออก!

     ต้นน้ำรู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนจากร่างกายของชัยชัช ปลายคางของชายหนุ่มที่เกยอยู่บนไหล่นั้นส่งผลให้ระลอกลมหายใจร้อนๆ โลมเล้าเข้ามาใกล้จนใบหูของเขาสั่นสะท้าน เด็กหนุ่มได้แต่เกร็งไม่กล้าหายใจ

     และท่ามกลางความเงียบ ...

     “หอมได้มั้ย?”

     'พี่ชัช!'

     ใบหน้าของต้นน้ำขึ้นสีอย่างตื่นตระหนก ดวงตาเรียวรีนั้นเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง อารามตกใจในคำขอของอีกฝ่ายต้นน้ำจึงเผลอหันกลับไปหาเพื่อดูว่าชัยชัชตั้งใจจะล้อเขาเล่นหรืออย่างใด

     และแล้วริมฝีปากของชัยชัชก็ประทับลงมาอย่างแผ่วเบา ดุจดั่งผีเสื้อกระพือปีก มันคลอเคลียอย่างอ้อยอิ่งอยู่บนกลีบปากก่อนจะวนไปสูดดมกลิ่นพีซจางๆ ที่ติดอยู่บนแก้มของเขา และโผไปหยุดลงตรงหน้าผากนานสองนาน

     ต้นน้ำรู้สึกราวกับว่าหัวใจของตนหยุดเต้น!

     “จ๋อม”

     เสียงน้ำกระเพื่อมดังขึ้นส่งผลให้คนทั้งคู่ผละออกจากกันทันที!

     “ดะ ดะ ดึกแล้ว ผมว่าผมขอตัวไปนอนก่อนดีกว่าครับ ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ชัช!”

     โดยไม่รอคำตอบ คนถูกขโมยจูบก็รีบเดินหนีเข้าห้องทิ้งให้ชัยชัชยังคงนั่งบื้ออยู่คนเดียวริมสระน้ำ และทันทีที่ถึงเตียงต้นน้ำก็รีบนอนคลุมโปงดึงผ้าห่มขึ้นมาจนเกือบมิดศีรษะ นอนหันหลังให้อีกฝั่งแกล้งหลับโดยโชว์ใบหูแดงๆ ไว้เป็นหลักฐาน ด้านฝ่ายชัยชัชที่ยังงงๆ กับตัวเองก็เริ่มรู้สึกตัว เขาสำรวจพบบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไปในใจของตนเอง!

     ‘นี่กูทำอะไรลงไปวะเนี่ย!?’

============================================


ไม่รู้ว่าใครเสร็จใคร ทำไมมันได้ เอ้ย! จูบกันง่ายจัง?
บทจะเคลิ้มก็จัดหนักไม่ทันให้ตัวเอกได้เล่นตัวสะดีดสะดิ้งเลยเนอะพี่ชัช! แต่ว่า... ต้นน้ำเองก็ไม่ใช่นายเอกเคะหวานใสแสบซ่าแอ๊บเล่นตัวแต่แอบไปหน้าแดงใจเต้นเช่นกัน! เรามารอดูกันว่าบทหน้าสองคนนี้จะเอายังไงกันต่อไป
นิยายเรื่องนี้สกินชิพเยอะ เพราะหมาป่าเจ้าเล่ห์!
ลีลาอ้อนแบบหวานๆ ปนอบอุ่น ไม่หวือหวาร้อนแรง แต่นุ่มนวลหนักแน่น พี่ชัชหยอดน้องต้นแบบนี้แล้วฮีจะไปไหนเสีย ไม่หลงก็บ้าแล้ว! ยกเว้นตอนกวนนะ เพราะเวลาเฮียลุยจีบก็รุกจริงจัง คนตามไม่ทันคงเป็นแฟนเฮียแบบงงๆ ฮ่าๆ บทหน้าเคลียร์ๆ
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

เรื่องราวของน้องต้นช่างดราม่า! คนอ่านจะลองวิเคราะห์ปมด้อยน้องต้นเล่นก็ได้นะ ฮ่าๆ แต่การกระทำทุกอย่างของน้องต้นจะมีสาเหตุมาจากปมที่เขาต้องเผชิญนี่แหละ
คนแต่งไม่ได้เขียนนิยายโดยวางพล็อตจาก "อยากให้ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร" แต่ดันบ้าเขียนโดย "คนแบบนี้ เจอเรื่องแบบนั้น จะแก้ปัญหาแบบไหน" นิยายมันเลยอีรุงตุงนังคาแรคเตอร์ปวดตับประการฉะนี้แล....
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:

คนแต่งไม่บอกหรอกว่าพี่ชัชทำอะไรในห้องน้ำ ให้คนอ่านคิดต่อเอาเอง  :-[
แต่ต้องบอกกันไว้อย่าง นิยายเรื่องนี้มุกลึกกว่าที่บรรยาย บางครั้งต้องคิดตามอีกนิด บางฉากบางตอนผู้หญิงอาจจะไม่เข้าใจ แต่ผู้ชายอาจจะเก็ทได้ง่ายกว่า เช่นไอ้เรื่อง.... ทรมานจนปวดทำนองนั้น ... นะ.... (แล้วทำไมนิยายดราม่ามันมีเรื่องหื่นๆ ได้ล่ะ!)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #4(6/7/57)
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 06-07-2014 15:01:08
อร๊าย เมื่อจะรักกันเนี่ย น่าสงสารน้องต้น
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ #4(6/7/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 06-07-2014 15:25:47
I'm waiting for the next chapter naka^_^
หัวข้อ: Re: [5#9/7/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ-คนนึงก็อ่อยอีกคนก็รองาบ หมาป่าvsเด็กเลี้ยงแกะ
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-07-2014 01:51:06
สำนวนที่เหมาะกับวันนี้คือ "หมาหยอกไก่" ถึงเฮียแกจะปากแข็ง แต่ถ้าคิดจะลุยเมื่อไหร่ ล้อฟรีเชียวนะพี่ชัช!

คนแต่งเข้าใจว่าคำว่า "รัก" บางทีมันก็ไม่ต้องการเหตุผลมากมาย แต่ความรักในนิยายก็ไม่ควรจะฉาบฉวย เราอยากเขียนตัวละครที่คนอ่านสัมผัสได้ว่าผู้ชายคนนี้รักคนๆ นึงจริงๆ แต่ในอารมณ์รักก็มีความรู้สึกอื่นๆ ปะปนอยู่ อยากให้คนอ่านเก็บตกคำว่ารักจากการกระทำของตัวละคร ไม่ใช่ประโยคที่คนแต่งเขียนบอกว่า "CรักTเหลือเกิน" ก็พยายามแต่งโดยสื่อความคิดและอารมณ์ของตัวละครออกไปเพราะอยากให้ตัวละครมีมิติ .... ก็ไม่รู้จะน่าเบื่อไปมั้ย แต่ยังไงก็มือใหม่ละนะ อาจจะขาดๆ เกินๆ ไปบ้างแหละ คนอ่านติชมได้เน้อ
 :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:
แบบ... แอบเครียดอ่ะ ก็คิดว่าแต่งหวานแล้วน้า แต่ไม่มีคนเม้นทำนองนั้นเลย คือเหมือนว่ามันยังไม่ฟินพอสำหรับคนอ่านรึเปล่า? แบบนิยายก็ใช้ได้ มีคนตามอ่าน แต่ฉากหวานๆ ไม่ชวนฟินพอ(ไม่มีคนกรี๊ด) ตัวละครงั้นๆ ไม่มีเสน่ห์(คนอ่านไม่พูดถึง)

งาบกันแล้ว

:o8: :o8: :o8: :o8: :o8:


เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 5 -
##### ฉลองปีใหม่ และความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นในใจ #####

     เช้าวันรุ่งขึ้น ชัยชัชตื่นขึ้นมาแบบเบลอๆ ใช่ว่าเขาจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเขาทำอะไรลงไป เพียงแต่ ตอนนี้ …..

     ‘ให้ตายเหอะ! เสียงนาฬิกาดังขนาดนี้ ยังแกล้งหลับอีกเหรอครับน้องต้น คิดจะรอให้พี่ออกไปก่อนค่อยตื่นรึไง’

     ชัยชัชมองเด็กหนุ่มคนข้างกายที่ยังคงแกล้งนอนหลับตาปี๋ตะแคงข้างหันหลังให้เขา ต้นน้ำเลือกนอนชิดริมขอบเตียงจนเขานึกขัน อุ้งมือมารจึงเอื้อมไปหาพร้อมกับที่รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นมาบนใบหน้าของปีศาจหมาป่า ชายหนุ่มอยู่ในท่าเตรียมขย้ำลูกแกะตัวน้อยๆ ที่กำลังแกล้งนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว

     “ต้น ตื่นได้แล้วครับ เช้าแล้ว”

     ชัยชัชก้มลงกระซิบที่หูของต้นน้ำ ลมหายใจอุ่นๆ กับเสียงทุ้มๆ ทำปฏิกิริยากับใบหูบอบบางไวต่อสัมผัสจนคนแกล้งหลับสะดุ้งตื่นสุดตัว!

     “ตื่น ตื่นแล้วครับ”

     “แหม น้องต้นนี่ตื่นง่ายดีนะครับ”

     ชัยชัชนั่งยิ้มเผล่มองต้นน้ำลุกขึ้นนั่งพลางกระเถิบตัวหนีเขา ต้นน้ำเว้นระยะห่างออกไปอีกโขจนแทบจะตกเตียง ท่าทางเขินอายบ่งบอกให้รู้ว่าเด็กหนุ่มยังจำสัมผัสเมื่อคืนนี้ได้ จากเดิมที่เคยกังวลไม่เข้าใจการกระทำของตัวเอง ณ. เวลานี้ความสับสนทั้งหมดถูกโยนลงถังขยะ ชัยชัชรู้เพียงว่าขอให้ตนได้แกล้งแหย่คนตรงหน้านี้ก็พอ ขอเพียงแค่ได้เห็นใบหน้าเขินอายนั่นแต่งแต้มด้วยสีระเรื่ออีกนิดก็ยังดี ขอแค่นี้แหละ อย่างอื่นเขาขี้เกียจคิดให้มากความ

     “เอ... แต่พี่ว่าแปลกๆ นะครับ ปกติน้องต้นตื่นเช้าจะตายไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมวันนี้ตื่นช้าจัง หรือเมื่อคืนนี้พี่ทำให้น้องต้นเพลียครับ”

     คำพูดสองแง่สองง่ามทำให้ต้นน้ำหน้าแดงชนิดลมปราณแตกซ่านได้ออกกำลังกายหัวใจแต่เช้า ต้นน้ำพยายามไม่มองสบตากับชัยชัช เขาเสมองไปยังโคมไฟที่เปิดทิ้งไว้ตรงหัวเตียงพลางพูดตอบเฉไฉเบี่ยงประเด็นไปเรื่อย

     “คงเพราะเมื่อวานเที่ยวเยอะมั้งครับ ผมเลยเหนื่อยๆ ปกติผมไม่ค่อยได้ออกไปไหนน่ะครับ เลยอาจจะเพลีย นอนหลับลึกไปหน่อย”

     “งี้สงสัยพี่ต้องชวนน้องต้นออกกำลังกายบ่อยๆ แล้วมั้งครับ จะได้ไม่เหนื่อยง่าย สนใจมาออกกำลังกายรอบเช้ากับพี่ซักยกมั้ยครับ? หึๆ”

     เพราะชัยชัชยังเล่นไม่เลิก แถมยังส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้ไม่ยอมหยุด สุดท้ายต้นน้ำเลยหาเรื่องแหวใส่คุณพี่ชายตัวดีแบบจงใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

     “พี่ชัชก็! ถ้าตื่นแล้วก็รีบไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวไปช้าก็อดทานข้าวเช้ากันพอดี”

     “คร้าบๆ พี่ตื่นแล้วคร้าบ”

     ชัยชัชว่าพลางหัวเราะร่วนเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อเตรียมอาบน้ำ แม้ในครั้งนี้ชายหนุ่มจะไม่ได้แกล้งถอดผ้าถอดผ่อนโชว์เปลือยอวดกล้ามแขนได้รูปไร้ไขมันกับหน้าท้องวันแพ็คแต่เรียบไร้ส่วนเกินกลางห้องอีก แต่ก่อนเข้าห้องน้ำเขาก็ยังมิวายหันมาแกล้งต้นน้ำไปอีกหนึ่งดอก ด้วยเสียงที่จงใจดัดให้ทุ้มพร้อมกับแกล้งมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหู ขโมยหอมแก้มแดงๆ ของคนบนเตียงไปอีกฟอดใหญ่ด้วยความเร็วชนิดวอกเรียกพี่ก่อนจะเผ่นเข้าห้องน้ำ!

     “พี่ตื่นไปทั้งตัวเลยแหละต้น!”

     ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจิตใจของต้นน้ำจะสงบลง เขาไม่เคยเกิดอาการตื่นเต้นเช่นนี้จนรู้สึกปวดร้าวมาก่อนในชีวิต! เด็กหนุ่มนึกเคืองผู้ชายบางคนที่จงใจอาบน้ำแบบแง้มฉากกั้นหน่อยๆ ปล่อยให้เสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดีลอยออกมาสร้างความปั่นป่วนในตัวเขา เรียกได้ว่าต้นน้ำแทบจะขนทุกสูตรคณิตฟิสิกส์เคมีชีวะขึ้นมาท่องสงบสติอารมณ์อยู่นาน!

     ‘เฮ้อ... ในที่สุดมันก็สงบซะที!’

     ดังนั้น เมื่อชัยชัชเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาก็ต้องเซ็งเมื่อพบว่าต้นน้ำได้สวมหน้ากากสีหน้าเฉยสนิทนั่งเปิดข่าวดูรอเขาอยู่พร้อมกับเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนในมือ เจ้าตัวรีบเผ่นเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวแบบไม่อยู่รอให้เขาแซว!

     ‘ฝากไว้ก่อนเถอะต้น คอยดูเหอะ พี่ยังมีไม้เด็ดไว้ใช้แกล้งเราอีกเยอะ!’

     ชายหนุ่มจัดการคาดโทษน้องชายตัวดีไว้ในใจ

============================================

     อาหารเช้านั้นเป็นบุฟเฟ่ต์หลากหลายสัญชาติจนต้นน้ำตื่นเต้นจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เคาเตอร์อาหารนานาชนิดทั้งไทย ฝรั่ง อเมริกัน อังกฤษ จีน เด็กหนุ่มสนุกสนานกับการเดินไปมาตักอาหารตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย ทดลองชิมโน่นชิมนี่คอยวิ่งไปตักของชอบของชัยชัชมาเสริฟให้ที่โต๊ะ

     “ไปเอาออมเล็ตมาให้พี่หน่อยละกัน”

     ชัยชัชตอบขำๆ หลังจากที่ต้นน้ำถามเขาเป็นรอบที่ห้าว่า “พี่ชัยจะรับอะไรเพิ่มมั้ยครับ?” เขาขำเด็กลืมง่ายบางคนที่ตื่นเต้นกับบุฟเฟ่ต์ของโรงแรมจนหายเขิน ประกายแห่งความสุขในดวงตาของต้นน้ำทำเอาเขาอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก ความสดชื่นของต้นน้ำส่งผลให้หัวใจของชัยชัชชุ่มชื่นตามโดยไม่รู้ตัว เขามองท่าทางร่าเริงนั้นอย่างมีความสุข

     “ครับ”

     ต้นน้ำรับคำเสียงใสก่อนจะรีบวิ่งไปยืนต่อแถวกับบรรดาแขกคนอื่นๆ ตรงซุ้มบริการออมเล็ต ปล่อยให้ชัยชัชนั่งโด๊ปกาแฟแก้ง่วงแต่เช้า

     “หึๆ ซัดไข่แต่เช้าเลยเหรอ เมื่อคืนใช้แรงเยอะรึไงเพื่อน”

     เสียงกวนบาทาเอ่ยอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเลื่อนเก้าอี้นั่งร่วมโต๊ะตัวเดียวกันแบบไม่ได้รับเชิญ เอกดนัยหันไปมองต้นน้ำแล้วเริ่มยิงมุกใต้สะดือ

     “แต่... ดูท่าเด็กมันก็วิ่งปร๋อขนาดนั้น หรือว่าบ่อยจนชินแล้วล่ะ ไอ้ชัช?”

     “ไอ้หมอเวรนี่! พูดไรเกรงใจกันหน่อย น้องเขายังเด็กอยู่โว้ย”

     “ก็เห็นเอาอกเอาใจกันซะขนาดนี้ กูก็นึกว่ามึงจะเปลี่ยนรสนิยม”

     อาจจะเพราะบรรยากาศยามเช้านั้นกำลังสบาย แขกค่อนข้างบางตา รวมถึงการที่กรุ๊ปบริษัทยาคนอื่นกระจายกันอยู่ประปราย ทั้งสองคนจึงผ่อนคลายเป็นพิเศษจนหยอกเย้ากันด้วยเรื่องที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว

     หมอเอกเรียกบริกรมาเสริฟกาแฟ พลางเอ่ยถามเพื่อนสนิทต่อ

     “แล้วตกลงนี่เอาแน่แล้วเหรอวะ?”

     คำถามของเพื่อนรักเล่นงานจนชัยชัชแทบสำลัก! ความรู้สึกผิดเพราะความคิดอกุศลที่มีเล่นงานจนชายหนุ่มร้อนตัวรีบปฏิเสธ

     “เอาไรของมึ๊ง! ต้นเป็นน้องกู!”

     “น้องมากเลยนะมึง! ชอบน้องเขาก็ยอมรับมาเหอะ หวงซะขนาดนั้น กูแตะไม่ได้เนี่ย”

     “เวร กูไม่ใช่เกย์! แล้วน้องเขาก็เป็นผู้ชายด้วย”

     อาจจะเพราะศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่ระหว่างตนและเพื่อน ชัยชัชจึงแกล้งตอบเลี่ยงไปเรื่อย เขายกกาแฟขึ้นจิบแก้เก้อ ไม่ยอมสนทนากันแบบจริงจัง ชัยชัชในเวลานี้ไม่กล้าแม้แต่จะสำรวจความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง

     “ประเด็นมันอยู่ที่ว่ามึงรู้สึกยังไงกับน้องเขาต่างหาก”

     “...น้องเขายังเด็กอยู่ กูจะไปคิดอะไรได้”

     “มึงนี่แถเชียว! กูถามหน่อยเถอะ ถ้าน้องเขาไม่เด็กแล้วเป็นผู้หญิงมึงจะเอามั้ย? ถ้าเป็นแบบนั้นกูว่ามึงพาขึ้นเตียงเผลอๆ จดทะเบียนไปแล้วเสปคมึงเป๊ะ สวยใสไม่ไร้สติ มิเรื่องมาก แม่บ้านงานครัว อ้อนผัววันละสามเวลา”

     คำแดกดันของเพื่อนรักทำให้ชัยชัชรู้สึกว่ากาแฟในแก้วนี้ช่างฝืดคอเสียจริง

     “กูเตือนมึงไว้เลยนะ ถ้าไม่คิดอะไรก็อย่าไปให้ความหวัง สงสารเด็กมัน ดูก็รู้เด็กมันรักมึงหลงมึงขนาดหนัก”

     หมอเอกจ้องหน้าเพื่อนสนิทของตนอย่างจริงจัง ก่อนจะสั่นสอนหนุ่มรุ่นน้องไปอีกหนึ่งประโยค

     “มึงรู้สึกดีที่มีคนมารักมึงมาคอยเอาใจมึง อยู่ข้างๆ ช่วยให้มึงลืมฟ่าง แต่ถ้ามึงคิดจะใช้ประโยชน์จากน้องเขาแค่นั้น น้องเขาจะทำยังไงกับหัวใจที่ถูกมึงปฏิเสธ ปล่อยเด็กมันไปซะตั้งแต่ตอนนี้ไอ้ชัช กูไม่อยากเห็นมึงเผลอทำบาปกับใครอีก!”

     ทิ้งท้ายไว้แล้วคุณหมอหนุ่มสุดหล่อก็ถือแก้วกาแฟย้ายหนีไปนั่งโต๊ะอื่นกับผู้แทนสาวสวย ทิ้งให้ชัยชัชต้องรับหน้าต้นน้ำแต่เพียงผู้เดียว!

     “นั่นหมอเอกใช่มั้ยครับ?”

     “หือ… อืม ไอ้หมอมันแวะมาทักน่ะ”

     ต้นน้ำพยักหน้ารับรู้ก่อนจะวางจานออมเล็ตให้ชัยชัช

     “พี่ชัชอยากได้อะไรเพิ่มอีกรึเปล่าครับ ผมจะได้ไปตักให้”

     ดูเหมือนต้นน้ำจะลืมการหยอกเมื่อเช้าแล้ว เด็กหนุ่มมีสีหน้ายิ้มแย้มประดับอยู่บนใบหน้า เจ้าตัวกุลีกุจอบริการเขาเสียจนบนโต๊ะแทบไม่มีพื้นที่ว่าง แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ชัยชัชสัมผัสได้ถึงความรักที่ท่วมท้นออกมาจากการคอยเอาใจของต้นน้ำ

     ‘เพราะอะไรเหรอต้น ทำไมต้องรักพี่มากขนาดนี้ พี่แทบไม่เคยทำไรให้ต้นเลย ทำไมต้นถึงได้รักพี่เหลือเกิน’

     สีหน้าแปลกๆ ของชัยชัชทำให้ต้นน้ำกังวลใจ

     “เอ่อ ผมตักมาเยอะเกินไปรึเปล่าครับ? ขอโทษครับ พอดีผมเห็นมันน่ากินมาก ผมก็เลย...”

     “ไม่หรอกแค่นี้จิ๊บๆ ยังไม่ถึงครึ่งกระเพาะพี่เลย ว่าแต่เราน่ะนั่งได้แล้ว มัวแต่ตักเดี๋ยวก็ไม่ได้กินกันพอดี”

     “ครับ”

     อาหารเช้าเป็นไปอย่างเรียบง่าย พอเริ่มสาย บรรดาแขกคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยมา ชัยชัชนั้นจำต้องลุกขึ้นไปเสนอหน้าบริการคุณหมอผู้มีเกียรติและทบทวนแผนงานของวัน เมื่อทุกอย่างลงตัวเขาจึงเดินมาบอกให้ต้นน้ำกลับไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ส่วนเขาต้องต้อนหมอเข้าห้องประชุมทำกิจกรรมกันแต่เช้า ช่วงเที่ยงถึงจะออกไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารและนำเที่ยวรอบๆ หัวหิน ก่อนจะมีกิจกรรมฉลองวันสิ้นปีที่ร้านอาหารริมทะเลในตอนเย็น แล้วก็เป็นอันว่าแยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย ใครจะกลับโรงแรม ใครจะออกเที่ยวต่อก็ตามใจ แต่พรุ่งนี้เตรียมตัวกลับกันแต่เช้าตามการนัดแนะของกรุ๊ปใครกรุ๊ปมัน

     หลังมื้อเช้า ต้นน้ำจึงตัดสินใจกลับเข้าห้องพักไปหยิบกล้องถ่ายรูป เขาใช้เวลาในช่วงเช้าเดินสำรวจเที่ยวเล่นไปทั่วโรงแรมจนทะลุปรุโปร่ง แม้จะเคยไปเที่ยวกับมารดาและเพื่อนของท่านบ้าง แต่เขายังไม่เคยได้พักโรงแรมหรูหราระดับนี้มาก่อน ยังไม่รวมว่าส่วนมากแล้วเขามักเก็บตัวอยู่แต่ในคอนโด ไม่ค่อยได้ไปไหนนอกจากไปทำกิจกรรมกับทางโรงเรียน เจ้าตัวจึงเอ็นจอยสุดๆ เรียกได้ว่าเพลินจนแทบไม่ได้แตะหนังสือที่นำติดตัวมา จนกระทั่งได้ยินเสียงริงโทนโทรศัพท์คุ้นหูดังขึ้น

     “ต้น อยู่ไหนอ่ะพี่มาหาที่ห้องไม่เจอ”

     “เอ่อ ผมเดินเล่นอยู่ตรงริมหาดครับ พี่ชัชมีอะไรรึเปล่า?”

     “จะเที่ยงแล้วพี่มารับไปกินข้าวดิ”

     “อ้าว? เที่ยงแล้วเหรอครับ”

     “เพลินนะเรา”

     “ขอโทษครับ”

     “เออไม่เป็นไรหรอก มาเร็วพี่รออยู่ที่ห้อง”

     “ครับ”

     ต้นน้ำจึงรีบวิ่งกลับไปยังห้องพักเพื่อไม่ให้ชัยชัชต้องรอนาน และเมื่อถึงห้องพักเขาก็เห็นชัยชัชกำลังง่วนอยู่กับถุงของขวัญหลายถุงที่แปะป้ายโลโก้บริษัทกับชื่อยา

     “ไง ไปถึงไหนมาน่ะเรา?”

     “ก็ไปมาเกือบทั่วโรงแรมน่ะแหละครับ โรงแรมแบบนี้ผมไม่รู้จะมีโอกาสมาอีกรึเปล่า”

     ชัยชัชเงยหน้าขึ้นจากกองงานหันมายิ้มให้ต้นน้ำก่อนจะพูดทีเล่นทีจริงขำๆ ว่า

     “งั้นก็มากราบที่อกป๋าตรงนี้มา พูดเพราะๆ หวานๆ ว่า ต้นขอบคุณพี่ชัชมากๆ นะครับที่พาต้นมาเที่ยว แล้วอย่าลืมหอมแก้มขอบคุณพี่ด้วยล่ะ”

     ชัยชัชยืดตัวขึ้นอวดบารมีเสียจนต้นน้ำรู้สึกหมั่นไส้

     แต่แล้ว... สัมผัสเบาๆ ที่ข้างแก้ม ก็ถูกประทับมาพร้อมๆ กับคำพูดที่ตั้งใจบอก เล่นเอาชัยชัชแอบเหวอไปเล็กน้อย

     “ต้นขอบคุณพี่ชัชมากนะครับที่พาต้นมาเที่ยว”

     ดวงตาของต้นน้ำดูสดใสเป็นประกาย สีหน้าที่เต็มไปด้วยคำว่ารัก น้ำเสียงจริงใจที่เจ้าตัวตั้งใจถ่ายทอดออกมา ... ชัยชัชรู้สึกเหมือนจมอยู่ในบ่อลึกที่ปีนออกมาไม่ได้

     “เออ...”

     ชัยชัชตัดสินใจหันไปยุ่งกับกองของขวัญต่อพลางชวนคุย

     “เอาคืนเรื่องเมื่อคืนเหรอเรา?”

     ‘พูดถึงเรื่องเมื่อคืนจนได้นะพี่ชัช! ผมอุตส่าไม่นึกถึงแล้วแท้ๆ’

     “ใครบอกละครับ ก็พี่ชัชอยากบอกให้ผมหอมแก้มเอง ผมก็ทำแล้วไงครับ ไม่ได้เอาคืนซะหน่อย”

     แม้จะเขินแต่ก็ไม่ยอมแพ้ นิสัยต่อปากต่อคำมีอานุภาพมากกว่าคำว่าอาย ต้นน้ำแก้ตัวอย่างน่ารัก ริมฝีปากยื่นออกมาทำท่าทะเล้นอย่างน่าเอ็นดู

     “เรานี่ก็แปลกนะ พี่สั่งอะไรก็เชื่อบอกให้ทำไรก็ทำ ถ้าพี่บอกให้เราจูบพี่เราจะทำมั้ย”

     “พี่ชัช!”

     ต้นน้ำไม่แน่ใจว่าชัยชัชจะมาไม้ไหน การกระทำทุกอย่างของชัยชัช แม้จะดีกับเขามาก แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าตอบรับเขา ต้นน้ำไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปจึงระวังตัวแจ เด็กหนุ่มคิดหาคำตอบในสมองอย่างรวดเร็ว

     “ผม... ผมก็ไม่ได้ทำที่พี่สั่งทุกอย่างซะหน่อย! ถ้าพี่ชัชสั่งอะไรที่มันไม่มีเหตุผลผมก็ไม่ทำหรอกครับ”

     “ดีแล้ว พี่เองก็ไม่ใช่คนดีนักหรอก อย่าเชื่อพี่มากรู้เปล่า เดี๋ยวจะเสียคน หึๆ”

     ชัยชัชหัวเราะก่อนจะเก็บของขวัญทั้งหมดลงถุงรวบรวมไว้เตรียมขนออกจากห้อง เขาเดินไปหาต้นน้ำที่นั่งอยู่บนโซฟา ชัยชัชคุกเข่าลงพลางจับมือทั้งสองข้างของต้นน้ำ เขาสัมผัสมือขาวๆ คู่นั้นพลางคิดอะไรบางอย่าง

     ต้นน้ำตกใจจนทำอะไรไม่ถูก การกระทำของชัยชัชสร้างความปั่นป่วนขึ้นในอกเขา ต้นน้ำทั้งประหลาดใจปนเขินจนหายใจติดขัด ฝ่ามือร้อนๆ ที่เกาะกุมเขาอยู่ราวกับกุญแจมือที่จับกุมหัวใจของเขาจนไม่กล้าหนีไปไหน

     ในที่สุดชัยชัชก็เงยหน้าขึ้นสบตากับต้นน้ำแล้วถามด้วยเสียงอ่อนโยน

     “ว่าแต่ เรื่องเมื่อคืน ที่พี่ทำแบบนั้นกับต้น ... โกรธพี่รึเปล่าครับ?”

     เขาจงใจเว้นจังหวะเพื่อดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มคงไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้จึงเงียบไป

     “ถ้าต้นไม่ชอบใจที่พี่ทำแบบนั้น พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอีก ว่าไงครับโกรธพี่รึเปล่า?”

     ต้นน้ำต้านทานสายตาที่แสนจะอบอุ่นของชัยชัชไม่ได้เลย เขารู้สึกราวกับตัวเองกำลังหลอมละลาย เปรียบดังก้อนน้ำแข็งท่ามกลางแสงแดด

     “ไม่ยอมตอบ โกรธพี่เหรอครับ? หรือจะเกลียดพี่แล้ว?”

     อาจจะเพราะกลัวชัยชัชเข้าใจผิด ต้นน้ำจึงรีบปฏิเสธ

     “เปล่านะครับ! ผมไม่ได้โกรธ ผมไม่มีวันเกลียดพี่ชัชหรอกครับ”

     เมื่อได้ยินคำตอบ ริมฝีปากของชัยชัชก็ผลิรอยยิ้มอย่างอวดดี

     “ต้นไม่ได้โกรธก็แปลว่าไม่ได้ไม่ชอบ... ไม่ได้เกลียดก็คือรัก ต้นรักพี่เหรอครับ?”

     กว่าจะรู้ตัวว่าตกหลุมพรางของยอดเซลล์แมนต้นน้ำก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว เด็กหนุ่มทั้งเขินทั้งอาย แม้จะมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายระหว่างคนทั้งคู่ แต่.... ต้นน้ำยังไม่เคยปล่อยให้คำๆ นี้หลุดออกมาจากปากของตนเองเลยแม้แต่น้อย เขาไม่กล้าแม้แต่จะนึกถึงมันด้วยซ้ำ!

     “ผม...”

     “ว่ายังไงละครับ? พี่อยากรู้ว่าต้นรู้สึกยังไงกับพี่”

     “ผม... ผมยังไม่ตอบตอนนี้ได้มั้ยครับ ผมอาย ...”

     ต้นน้ำก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าขึ้นสีให้พ้นจากการจับจ้องของหมาป่า เขาเขินจนแทบทำอะไรไม่ถูก แม้จะรู้ดีว่าตนรู้สึกอย่างไรกับชัยชัชแต่เขาก็ไม่กล้าฝันถึงฉากสารภาพความในใจเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ชัยชัชกลับล่อลวงให้เขาตกหลุมพราง บังคับให้เขาต้องพูดคำๆ นี้ออกมา

     “ไม่เอาพี่อยากรู้ตอนนี้นี่ ไม่งั้นเดี๋ยวพี่ไม่มีสมาธิทำงานนะ เกิดเผลอทำพลาดมีหวังโดนไล่ออกแน่”

     ชายหนุ่มได้ทีดีดดิ้นงอแงเป็นเด็กๆ จนต้นน้ำเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย

     “หืม เวอร์ไปแล้วครับ”

     “นะครับบอกพี่หน่อย พี่ไม่อยากคิดไปเองว่าต้นรู้สึกยังไงกับพี่ ต้นไม่อยากรู้ความรู้สึกของพี่หรอกเหรอครับ?”

     สกิลการล่อลวงของชัยชัชทำให้ต้นน้ำเริ่มติดกับด้วยเหยื่อที่วางไว้ ภายในใจของต้นน้ำสับสนวุ่นวายความคิดตีกันยุ่งเหยิง ใจหนึ่งแอบเข้าข้างตัวเองแต่อีกใจก็กลัวคิดไปเอง สุดท้ายจึงเบี่ยงประเด็นประชดชัยชัชไปเรื่อย

     “แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนละครับ ไหนใครบอกตอนแรกว่ายังทำใจไม่ได้”

     “ก็แล้วมันเด็กคนไหนละครับ ที่เข้ามาป่วนชีวิตพี่จนเป็นแบบนี้ ปั่นหัวพี่ซะจนเบลอว่ารักแถบ แบบว่ารักเธอ”

     สำบัดสำนวนของชัยชัชเล่นเอาต้นน้ำหลุดขำพรืด เขากลั้นหัวเราะอมยิ้มจนแก้มป่อง ก่อนจะเถียงคืน

     “ใครว่า ผมต่างหากที่โดนปั่นหัว ใครก็ไม่รู้ชอบแกล้งแหย่ผมบ่อยๆ คนเขาอุตส่าทำใจได้”

     เพราะคำว่ารักที่ชัยชัชพูดขึ้น ต้นน้ำจึงเริ่มสบายใจ เด็กหนุ่มมีอารมณ์ต่อปากต่อคำกับคุณพี่ชายตัวดี

     “ก็แล้วน้องต้นอยากทำตัวน่ารักเวลาโดนพี่แกล้งทำไมละครับ น่ารักขนาดนั้นพี่ก็ห้ามใจไม่อยู่สิ นั่นก็นิดๆ หน่อยๆ เองนะ นอกนั้นพี่อุตส่าอดทน ไม่กล้าพรากผู้เยาว์กลัวพี่น้ำเอาตำรวจมาลากคอพี่เข้าคุก!”

     ถ้อยคำบ่งบอกความปราถนาของชัยชัชเล่นงานจนต้นน้ำหัวหมุนแทบทำอะไรไม่ถูก เด็กหนุ่มได้แต่นั่งเขินอายไม่กล้าคิดอะไรต่อ ปล่อยให้หัวใจของตนเต้นอย่างบ้าคลั่งเพราะคำพูดของคนที่ตนหลงรัก

     แต่แล้วเสียงริงโทนช่วยชีวิตต้นน้ำก็ดังขึ้น สมาร์ทโฟนของชัยชัชกำลังส่งเสียงประท้วงคนอู้งาน ทำลายบรรยากาศหวานๆ ลงราบคาบ ส่งผลให้ชายหนุ่มส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนจะหันเหความสนใจไปที่เครื่องมือสื่อสาร

     “เออ รู้แล้ว พี่กำลังจะออกไป เออไม่ลืมๆ เค เจอกันที่หน้าโรงแรม”

     ชัยชัชมองเห็นต้นน้ำถือโอกาสช่วยหิ้วถุงของขวัญพะรุงพะรัง หนีไปยืนรออยู่ตรงประตูทางออกอย่างหน้าเป็น เขาส่งยิ้มพลางชี้นิ้วคาดโทษต้นน้ำไว้

     ‘ให้ตายสิ! ไอ้ตัวแสบเอ้ย! กลับมาคืนนี้พี่จัดหนักแน่ไอ้น้อง!’

     “ไม่ๆ เดี๋ยวพี่ขับตามไป เอาของมาไว้รถพี่ดีกว่า อืมๆ ได้ๆ พี่จะรีบไป”

     ด้วยความพริ้วในการเอาตัวรอดของต้นน้ำ ชัยชัชจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจัดการดับไฟ ปิดแอร์ภายในห้อง แล้วล็อคประตูเดินตามเด็กหนุ่มออกไป

     ชัยชัชต้องขอโทษขอโพยผู้แทนสาวคนหนึ่งอยู่นาน โทษฐานที่ปล่อยให้เธอหอบของพะรุงพะรังรอ พวกเขาเป็นฝ่ายเตรียมของขวัญปีใหม่เล็กๆ น้อยๆ ให้บรรดาคุณหมอและแขกผู้มีเกียรติได้มาร่วมสนุกจับฉลากของรางวัลกันในงานฉลองปีใหม่สุดพิเศษค่ำคืนนี้!

============================================


     ชาวคณะเคลื่อนพลไปทานอาหารกลางวันกันที่ร้านอาหารทะเลขึ้นชื่อ เมื่อสำรองพลังกันเสร็จเรียบร้อยแล้วกรุ๊ปคุณหมอก็ได้ตะลอนเที่ยวกันจนเกือบทั่วหัวหิน แหล่งของดีต่างๆ บริษัทยาต่างก็พาไปทัวร์เสียเกือบทุกที่ เรียกได้ว่าเป็นวันกิจกรรมโดยแท้ ส่วนชัยชัชเองแม้จะไม่ต้องไปคอยดูแลบรรดาคุณหมอทั้งหลายมากนัก แต่ก็ต้องคอยประสานงานกับสถานที่ต่างๆ คอยวิ่งซื้อของกินของฝากเสริฟชาวคณะเสียจนหัวหมุน ต้นน้ำจึงตัดสินใจช่วยงานชายหนุ่ม เขาพยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อพี่ชัชของตนอย่างสุดความสามารถ

     ยามบ่ายคล้อย ต้นน้ำกำลังช่วยหอบหิ้วถุงขนมเค้กของร้านขึ้นชื่อแห่งหนึ่งในหัวหินมาที่รถของชัยชัช ชายหนุ่มเองก็เช่นกัน เขาถือของพะรุงพะรังไม่แพ้ต้นน้ำ แสงแดดหน้าหนาวแผดเผาร้อนจ้าเสียจนเสื้อยืดของเขาชุมโชกไปด้วยเหงื่อ ชัยชัชหันไปมองต้นน้ำที่กำลังจัดเรียงกล่องเค้กหลายกล่องไว้บนเบาะหลัง ต้นน้ำมีสีหน้าตั้งอกตั้งใจทำงานเสียจนชัยชัชนึกเอ็นดู

     'ไม่ใช่งานตัวเองแท้ๆ ขยันจริง ไอ้เด็กคนนี้'

     แม้เจ้าตัวจะเคยออกปากอวดสรรพคุณ“เหงื่อไม่เยอะ” แต่ในเวลานี้ หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่เบ้งกำลังซึมออกมาตามไรผมของต้นน้ำ ชัยชัชจึงรู้สึกตื้นตันใจสุดๆ ชายหนุ่มล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมาซับเหงื่อให้ผู้ช่วยจำเป็น

     “พี่ชัช?”

     “เหงื่อออกใหญ่แล้ว”

     ชัยชัชบรรจงซับเหงื่อให้ต้นน้ำ การกระทำที่แสดงถึงความห่วงหาอาทรนี้เรียกเอาความรู้สึกหวานๆ ขึ้นมาโอบล้อมคนทั้งสองเอาไว้เสียจนคนทั้งคู่แทบไม่รู้สึกถึงแสงแดดร้อนๆ อีกต่อไป

     “อดทนหน่อยนะครับ ไปอีกสองสามที่ก็จะได้ไปพักกินข้าวเย็นแล้ว”

     “ครับ”

     ต้นน้ำยิ้มตอบชัยชัชด้วยสีหน้าที่แสดงออกว่าพร้อมจะอดทนเพื่อพี่ชัชของตน!

============================================


พี่ชัชขี้แกล้งเน้อ... มีคนบอกว่าเมะเรื่องนี้อ่อย
เอ... พี่ชัชชอบยั่วต้นน้ำหรอกหรือนี่ ทำให้อยากแล้วเนียน แบบนี้ไม่ดีนะพี่ชัช น้องต้นเขายิ่งคิดมากอยู่
แต่เรารู้อย่างนึงว่าสิ่งที่น้องต้นกำลังเผชิญ แถวบ้านเรียก "คัน" 

แบบว่าตัวเอก(เคะ)ของเรื่องนี้ก็ใช่ย่อยเนอะ ฮ่าๆ ต่อไปฮีจะแซ่บกว่านี้อีก ส่วนอาเฮียพระเอกของเราก็แสบไม่แพ้กัน แสบจนน้องต้นน้ำตาร่วงกันเลยทีเดียว เอิ้กๆ
รักพี่ชัชมาก เพราะพี่ชัชดูเป็นผู้ชายธรรมดาๆ ดี แต่เป็นคนธรรมดาที่มีเสน่ห์นะ อยากให้มีคนหลงรักพี่ชัชไปกับเราจัง จะมีคนหลงรักเฮียแกมั้ยน้อ?

บทที่ 5 ครึ่งเรื่องแย้ว! ข่าวดีคือภาค2แต่งพล็อตไปจนจบแล้ว จบภาค1เมื่อไหร่จะต่อภาค2เลยรัวๆ เพราะลงที่อื่นไว้เยอะละ ไม่ต้องนั่งรีไรท์


รูปประกอบจ้า  :hao7:

กลัวตัวเองบรรยายห่วยเลยลองไปค้นรูปที่มีมาลงประกอบนิยาย แหะๆ อารมณ์ก็จะประมาณนี้ นอกนั้นใช้จินตนาการเมคๆ เอาเองอีกนิดหน่อย

ฉากกั้นในห้องน้ำก็ราวๆ นี้แหละ เปิดได้นะเออ
(http://image.free.in.th/v/2013/is/140709022829.jpg)
มองจากนอกห้องน้ำเข้าไปได้ถ้าเปิดฉากกั้น (แอบเซ็นเซอร์นิดหน่อยเพราะของรกมาก)
(http://image.free.in.th/v/2013/io/140709023112.jpg)

ส่วนสระว่ายน้ำที่นั่งกอดกันก็ประมาณนี้ ผู้ชายนั่งได้นะ แต่เบียด....
(http://image.free.in.th/v/2013/iu/140709023027.jpg)
สระที่นี่จะทอดยาวไปรอบโรงแรมเลย ใครอยู่โซนติดสระชั้นล่างก็กระโดดลงได้เลย มีทางขึ้นทุกห้อง
(http://image.free.in.th/v/2013/ip/140709023051.jpg)

รูปทั้งหมดเราถ่ายไว้เองแหละ ตอนไปเที่ยวอ่ะ แบบว่า... ไปฟรี กินฟรี บริษัทยาจ่าย คิกๆ สบ๊ายสบายเนอะ เชอราตัน!

แล้วจะมาต่อบทที่5 ตอน2 ให้เร็วๆ นี้น้า :bye2:
หัวข้อ: Re: [5#9/7/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ-คนนึงก็อ่อยอีกคนก็รองาบ หมาป่าvsเด็กเลี้ยงแกะ
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 09-07-2014 05:52:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [5#15/7/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ คนนึงก็อ่อยอีกคนก็รองาบหมาป่าvsเด็กเลี้ยงแกะ
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 15-07-2014 18:53:46
หมาป่ากับเด็กเลี้ยงแกะคู่นี้สมการลงตัว!
ย้ำอีกที เมะเรื่องนี้ไม่ได้อ่อยจริงจริ๊ง! แต่เคะแรดน่ะใช่เลย  :m13:


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     บริษัทได้เลือกร้านอาหารบรรยากาศชิลๆ แห่งหนึ่งเป็นสถานที่จัดเลี้ยงงานฉลองปีใหม่และรับประทานมื้อค่ำท่ามกลางบรรยากาศแดดร่มลมตก ชัยชัชติดต่อขอเหมาพื้นที่ฝั่งริมทะเลเพื่อให้ได้วิวที่สวยที่สุด ถือเป็นการคืนกำไรให้แก่ทั้งลูกค้าและพนักงานของบริษัท

     โต๊ะอาหารถูกตกแต่งด้วยดอกไม้และเทียนไขสไตล์โรแมนติก ตามต้นไม้ต่างประดับประดาไปด้วยโบว์หลากสีสัน ข้อความคำอวยพรปีใหม่กระจายอยู่ทั่วไป นอกจากนั้นยังมีเวทีเล็กๆ โต๊ะวางกองกล่องของขวัญ และชุดเครื่องเสียงเพื่อใช้สำหรับกิจกรรมของบริษัท ชัยชัชพาต้นน้ำไปนั่งยังโต๊ะตัวหนึ่งใกล้ๆ กับโต๊ะของกลุ่มผู้แทน

     กิจกรรมดำเนินไปอย่างสนุกสนาน ทีมสันทนาการได้ขนเอาเกมหลากหลายรูปแบบมาให้แขกผู้มีเกียรติได้ร่วมสนุก โดยเฉพาะกิจกรรมจับฉลากหาผู้โชคดีโดยมีของรางวัลที่บริษัทยาเตรียมมาเซอร์ไพรส์ ทำให้ภาพรวมของงานนั้นเป็นไปอย่างสนุกสนาน แม้ต้นน้ำจะไม่ค่อยได้ร่วมกิจกรรมมากนักเพราะส่วนมากเขาพอใจนั่งดูเฉยๆ เสียมากกว่า แต่เขาก็รู้สึกสนุกสนานตามบรรยากาศครื้นเครงของงาน เสียงหัวเราะอย่างชื่นมื่นดังขึ้นเป็นระยะๆ ต้นน้ำนั่งมองชัยชัชทำงานอย่างมีความสุข

     'แค่ได้มองพี่เขาไปแบบนี้เรื่อยๆ เราก็มีความสุขมากพอแล้วล่ะ'

     ต้นน้ำบอกตัวเองในใจเงียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปเดินเล่นริมหาด เนื่องจากเป็นช่วงที่งานเลี้ยงใกล้จะจบแล้ว ต้นน้ำจึงอยากออกไปเดินเล่นดูบรรยากาศริมหาดยามค่ำเสียหน่อยก่อนขึ้นรถกลับโรงแรม

     ร้านนี้เป็นร้านที่มีพื้นที่หาดส่วนตัว ทะเลช่วงหัวค่ำแม้จะมืดแต่ก็ยังพอมีแสงไฟที่ส่องมาจากร้าน รวมทั้งคบไฟที่ปักไว้ตามจุดต่างๆ คู่รักหลายคู่ต่างพากันเดินเล่นอาบแสงจันทร์ ต้นน้ำเดินเล่นพลางคิดอะไรบางอย่างในใจไปเรื่อยๆ

     ต้นน้ำยอมรับกับตัวเองว่าเขากลัว กลัวความใจดีของชัยชัช กลัวจิตใจของตัวเอง ไม่มั่นใจท่าทีของอีกฝ่าย ไม่แน่ใจว่าหัวใจของชัยชัชรู้สึกอย่างไรกันแน่ รวมทั้งไม่กล้ารับฟังเสียงจากหัวใจของตัวเอง เขาอยากหยุดทุกอย่างไว้ ไม่อยากให้ฝันดีแบบนี้ต้องจบลงเร็วเกินไป เขาไม่อยากตื่นจากความฝันนี้เลย ต้นน้ำเดินเล่นไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตามองตามตนเองอยู่

     'ถ้าพี่ชัชเขารู้เรื่องนั้น เขาจะต้องเกลียดเราแน่ๆ เป็นแค่น้องชายได้อยู่ใกล้ๆ พี่เขาตลอดไปก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ ไม่น่าเลย...'

     ต้นน้ำยืนเหม่อทำมิวสิควิดิโออยู่ตรงชายฝั่ง ปล่อยให้เกลียวคลื่นค่อยๆ ม่วนตัวเล่นอยู่รอบๆ ตัวเองนานสองนาน จึงไม่ทันรับรู้ว่าที่ด้านหลังของตนนั้นมีใครบางคนตามมา

     “เหม่อเชียว อยากเล่นน้ำเหรอ?”

     ชัยชัชนั่นเอง เขาเห็นต้นน้ำหายมานานจึงเป็นห่วงจนเดินมาตาม

     “พี่ชัช ข้างบนนั้นเสร็จแล้วเหรอครับ?”

     “เออ ก็ทยอยกลับกันแล้ว”

     “ขอโทษครับ ผมเพลินไปหน่อย”

     ต้นน้ำว่าพลางขยับตัวเดินมาหาชัยชัช ตั้งใจจะเดินกลับไปร่วมกลุ่มกับชาวคณะ

     “ก็ไม่ได้รีบอะไร เราไม่ต้องกลับกับเขาเพราะเอารถมาเอง ถ้าต้นอยากเล่นน้ำจะอยู่ต่ออีกพักนึงก็ได้”

     แต่ต้นน้ำกลับส่ายหน้าสั่นศีรษะ

     “อึ๋ย! ไม่เอาหรอกครับ ทะเลตอนกลางคืนน่ากลัวจะตาย!”

     “อ้าว พี่ก็เห็นเรายืนอยู่ตรงนี้ตั้งนาน นึกว่าอยากลงทะเลซะอีก”

     “ก็... นิดหน่อยมั้งครับ มาหัวหินทั้งทียังไม่ได้ลงทะเลเลย”

     ต้นน้ำรับคำอายๆ เขาไม่อยากให้ชัยชัชคิดมากว่าพาเขามาเที่ยวแล้วแต่ตัวเองมัวแต่ยุ่งทำแต่งานจนเขายังไม่ได้เล่นน้ำทะเลเลยแม้แต่น้อย

     “งั้นก็ลงไปดิ...”

     “ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวตัวเปียก”

     “ไรว้า คิดจะเล่นน้ำแต่กลัวเปียก ใช้ได้ที่ไหนต้น ฮ่าๆ”

     “ผมหมายถึงว่า ถ้าผมตัวเปียกน้ำทะเลแล้วพี่ชัชจะพาผมกลับยังไงต่างหาก เดี๋ยวรถพี่ชัชก็เหม็นกันพอดี เบาะผ้าด้วย...”

     ต้นน้ำบ่นอย่างขัดใจหน้างอ ส่งผลให้ชัยชัชขำกลิ้ง

     “อุ๊บ! ฮ่าๆ”

     ชัยชัชปล่อยเสียงหัวเราะดังกระหึ่มออกมาจนน้ำตาเล็ด

     “ไอ้เด็กแม่บ้านเอ้ย!”

     คำเรียกล้อเลียนของชัยชัชทำให้ต้นน้ำรู้สึกฉุนหน่อยๆ การที่เขารักความสะอาด ชอบทำอะไรให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมันผิดตรงไหน เพราะถ้าปล่อยเอาไว้จนหมักหมม ผลสุดท้ายคนที่ต้องลำบากมาเก็บกวาดทีหลังก็ไม่พ้นเขานั่นแหละ

     'กันเอาไว้ได้ก็กันเอาไว้ก่อน ไม่เห็นจะเสียหายเลย'

     “ช่างรถพี่เหอะ ว่าแต่เราเถอะ อยากเล่นน้ำรึเปล่า?”

     “ก็... อยากนิดหน่อยครับ”

     “งั้นก็ดี ไปเล่นเป็นเพื่อนพี่กัน ไหนๆ คืนส่งท้ายปีทั้งที”

     ชัยชัชว่าพลางจูงมือของต้นน้ำเดินออกไปทางลานจอดรถ

     “ไหนบอกจะพาผมไปเล่นน้ำ...”

     “ก็ใช่ แต่ไม่ใช่ที่นี่ นี่มันร้านอาหารไม่สนุกหรอก ต้นอยากว่ายน้ำไม่ใช่เหรอ? ว่าแต่... เราเอาชุดว่ายน้ำมารึเปล่า?”

     “ก็... เอามาครับ”

     “ดี งั้นตามพี่มา”

     และแล้ว... ชัยชัชก็ขับรถพาต้นน้ำกลับมาถึงโรงแรม

     “นี่มันโรงแรมไม่ใช่เหรอครับพี่ชัช?”

     “เออ ก็ใช่ดิ”

     “อ้าว ไหนบอกว่า...”

     “ก็นี่มันวันสิ้นปีที่ไหนๆ ก็คนเยอะ โรงแรมนี่แหละแจ่มสุดแล้วคนไม่ค่อยเยอะ เปียกแล้วก็เดินกลับห้องอาบน้ำนอนได้เลยไง”

     หมาป่าขี้โกงชัยชัชออกตัวดริฟจนสีข้างถลอกไม่พอ เขายังมีหน้าหันมายักคิ้วกวนๆ ส่งให้ต้นน้ำเด็กหนุ่มแสนซื่อที่ถูกหลอก!

     'พี่ชัชนะพี่ชัช!'

     ต้นน้ำได้แต่นึกระอาคุณพี่ขี้แกล้งอยู่ในใจ ลูกเล่นแพรวพราวจนเขาตามไม่ทันจริงๆ สมแล้วที่เป็นยอดผู้แทน คารมระดับราชา ล่อลวงให้เขาตายใจได้สนิท!

     'เอาเถอะ ยอมให้ก็ได้ เห็นว่าวันนี้เหนื่อยหรอกนะ'

     “ยิ้มไรอ่ะเรา”

     “เปล่าครับ”

     เพราะทั้งๆ ที่ปากตอบว่าเปล่า แต่ต้นน้ำกลับยิ่งอมยิ้มมีสีหน้าซุกซนมากกว่าเดิม ชัยชัชจึงเกิดความรู้สึกหมั่นเขี้ยวต้นน้ำขึ้นมา ชายหนุ่มเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะอีกฝ่ายอย่างเมามันพร้อมทั้งกึ่งลากกึ่งจูงเด็กหนุ่มเดินตรงไปทางห้องพัก

     “โอ๊ย! พี่ชัชอ่ะ เอาอีกแล้ว!”

     “ก็เรามันกวนนักนี่”

     เมื่อมาถึงห้องพัก ชัยชัชให้ต้นน้ำเข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ ส่วนตัวเขาจัดการถอดเสื้อผ้ามันกลางห้องแบบง่ายๆ กางเกงยีนส์กับเสื้อผ้าใช้แล้วถูกถอดวางพาดไว้ตามพนักเก้าอี้ ส่วนเจ้าตัวก็กำลังรื้อค้นหากางเกงว่ายน้ำของตนเองในกระเป๋า

     “พี่ชัชครับ?”

     “เออ มีไร”

     “เอ่อ... พี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จรึยังครับ?”

     เสียงหวั่นๆ ของต้นน้ำดังขึ้นจากในห้องน้ำ แต่ทว่าเด็กหนุ่มกลับยังไม่ยอมออกมาจากในนั้น ชัยชัชนึกขำ เขารีบใส่กางเกงว่ายน้ำที่หาเจอแล้วและนำผ้าเช็ดตัวมาพันไว้พลางตะโกนบอก

     “ยังเลย พี่หากางเกงว่ายน้ำไม่เจอว่ะ ต้นช่วยพี่หาหน่อยสิ”

     “เอ่อ จะดีเหรอครับ?”

     “เออน่า มาช่วยหน่อย เดี๋ยวก็อดว่ายน้ำกันหรอก”

     “แล้วพี่ชัช ...”

     “ไม่เป็นไร พี่นุ่งผ้าเช็ดตัวไว้แล้ว”

     ต้นน้ำจึงยอมเดินออกมาจากห้องน้ำ มาหยุดอยู่เคียงข้างชายหนุ่มและลงมือช่วยหากางเกงว่ายน้ำ ชัยชัชเหลือบมองต้นน้ำก่อนจะแกล้งทำเป็นยุ่งกับการหากางเกงว่ายน้ำต่อ

     “เอ... อยู่ไหนว้า”

     'อื้อหื้อ! ขาวชะมัดเลยว้อย ถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็เอวบางร่างน้อยเหมือนกันนี่หว่า ติดจะผอมไปหน่อยแฮะ อืม... แต่แขนขานี่แทบไม่มีขน เนียนดีจริงๆ ขนาดกางเกงว่าเอวต่ำแล้วยังไม่เห็นแพลมออกมาซักเส้น แถมยังก้นงอนชะมัด ยิ่งพอใส่กางเกงว่ายน้ำแบบนี้แล้วเซ็กซี่ชิบหาย จะว่าไปไอ้ต้นก็รูปร่างกลางๆ นี่หว่าไหล่ก็ไม่หนา เห็นไหปลาร้าเลย…'

     “พี่ชัชเก็บไว้ในกระเป๋านี้แน่เหรอครับ?”

     “อืม”

     “อยู่ใต้กองเสื้อผ้าใช้แล้วของพี่รึเปล่าครับ? ผมบอกแล้ว ให้ถอดเสื้อผ้าแล้วพับเก็บให้เป็นที่”

     “ไม่รู้ดิ”

     ชัยชัชว่าพลางยิ้มเผล่มองดูต้นน้ำรื้อกองเสื้อผ้าของเขาออกมาทีละชิ้นแล้วจัดการพับเก็บให้ ก่อนจะลงมือค้นหาต่อตามบรรดาช่องน้อยใหญ่ในกระเป๋าเดินทาง เด็กหนุ่มในชุดว่ายน้ำเคลื่อนไหวร่างกายไปมา ก้มๆ เงยๆ เอื้อมมือดันร่างตัวเองสลับกับยืดตัวขึ้นไม่หยุดอยู่กับที่ ภาพที่เห็นส่งผลกระทบทางอารมณ์กับชัยชัชคล้ายดังไฟที่ระอุด้วยท่อนฟืน แม้จะไม่ร้อนแรงแต่ก็ลุกลามอย่างเงียบเชียบและมอดไหม้ได้นานยิ่งกว่าเปลวเพลิงจากไม้ขีดไฟ ใช้เวลาสักพักต้นน้ำจึงรู้สึกผิดสังเกต

     “พี่ชัช?”

     “คร้าบ น้องต้น”

     “มองอะไรครับ ไม่หากางเกงแล้วเหรอ?”

     ต้นน้ำต่อว่าคนอู้แก้เก้อ เขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ เพราะสายตาโลมเลียของชัยชัชจนขนลุกซู่

     “ก็...กางเกงว่ายน้ำน้องต้นน่ารักดี พี่ก็เลยมองเพลิน”

     เพียงเท่านั้น ต้นน้ำก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักจะคิดผิดเสียแล้วที่ตอบตกลงไปว่ายน้ำเล่นกับชัยชัช!

     แม้กางเกงว่ายน้ำที่เขาใส่จะเป็นกางเกงว่ายน้ำขาสั้นทั่วๆ ไปแบบที่ใครๆ ก็ใส่กัน แต่เมื่อถูกมองด้วยดวงตาซุกซนแบบนี้ ต้นน้ำเองก็ชักจะประหม่าทำอะไรไม่ถูกพอสมควร

     “ก็ว่ายน้ำนี่ครับ ก็ต้องใส่แบบนี้”

     “ครับ แต่แหม เสียดายนะ น่าจะใส่แบบบิกินี่ หึๆ”

     “ถะ ถ้าพี่ชัชหากางเกงว่ายน้ำไม่เจอ งั้นผมขอตัวไปว่ายน้ำคนเดียวก็ได้ครับ ผมไปล่ะ!”

     ว่าแล้วต้นน้ำก็เดินหนีไปยังหน้าต่างริมระเบียง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอื้อมไปเปิดม่านให้ตัวเองออกไปยังระเบียงภายนอก  อ้อมแขนของชัยชัชก็กระหวัดเข้ามาซะก่อน ต้นน้ำจึงโดนอีกฝ่ายรวบตัวไว้จากด้านหลัง

     “เดี๋ยวดิครับน้องต้น ไม่รอพี่เลยอ่ะ”

     แม้ชัยชัชจะใช้เสียงในโทนออดอ้อน แต่การชิดใกล้ในระยะเนื้อแนบเนื้อแบบนี้ก็ทำให้ต้นน้ำใจสั่น เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงอาการขนลุกซ่านไปทั้งตัวแบบแปลกๆ สัมผัสแนบชิดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ชวนให้ต้นน้ำรู้สึกปั่นป่วนจนแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่

     “ก็... ก็ พี่ชัชหากางเกงว่ายน้ำไม่เจอ แล้วจะเล่นน้ำได้ยังไงละครับ”

     “อืม... งั้นพี่แก้ผ้าเล่นดีมั้ย ไหนๆ ก็ไหนๆ สี่ทุ่มกว่าแล้ว ไม่มีใครมองหรอก”

     เสียงทุ้มๆ ที่จงใจพูดอยู่ข้างหูผสานกับลมหายใจร้อนๆ เพราะความใกล้ชิดชวนให้ต้นน้ำสติแตก!

     “ไม่ดีมั้งครับ”

     แต่ทว่าชายหนุ่มกลับเฉไฉไปอีกเรื่อง

     “น้องต้นนี่ตัวผอมจังนะครับ ดูสิพี่โอบรอบเอวน้องต้นได้เลย ตัวก็เล็กนะเนี่ย”

     พูดไม่พูดเปล่าชัยชัชยังจงใจเอาคางมาเกยไว้ที่ไหล่ของเด็กหนุ่ม พอถูกหยามแบบนี้ต้นน้ำก็ฉักจะฉุนขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน อารมณ์เขินอายหายวับ!

     “ผมไม่ได้ตัวเล็กครับผมสูงตั้งร้อยเจ็ดสิบแล้ว ละก็ยังไม่หมดวัยด้วยยังสูงได้อีก พี่ชัชนั่นแหละครับตัวใหญ่เกินไป แถมยังมีพุงอีก!”

     ต้นน้ำกัดตอบไปแบบปากร้ายนิดๆ เขาสาบานเลยว่าเขาไม่ได้พูดเพราะเพียงแค่อยากจะเอาคืนชัยชัช เพราะต้นน้ำรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่แนบชิดหลังเขาอยู่จริงๆ ท้องอุ่นๆ ของชายหนุ่มนั้นนาบกับแผ่นหลังของเขาอยู่!

     'โอเค ถึงพุงพี่ชัชจะไม่มีไขมัน แต่ก็ใช่ว่าจะมีกล้ามหรอก ว่าแต่ว่า... ไอ้แข็งๆ นั่น ขอให้เป็นแค่พุงเถอะ!'

     “เออๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ เรานี่ก็...”

     ดูเหมือนว่าต้นน้ำจะไปสะกิดโดนจุดต้องห้ามของชัยชัชพอดี เขาจึงออกอาการงอนนิดๆ เป็นทีให้ต้นน้ำหาเรื่องมาเกทับแกล้งกลับได้ สองสิ่งที่ผู้ชายเลยวัยสามสิบกลัวกันมากที่สุดก็คือเรื่องลงพุงกับหัวล้านนี่แหละ!

     “เห็นมั้ยล่ะ เพราะพี่ชัชเอาแต่ดื่มเบียร์นั่นแหละครับเลยลงพุง”

     “อ้าว ก็มันช่วยไม่ได้นี่หว่ามันเป็นงานนี่นา ว่าแต่เราเถอะมาว่าพี่ลงพุง”

     ว่าแล้วชัยชัชก็จับมือของเด็กหนุ่มไปแปะอยู่บนหน้าท้องของตัวเอง

     “ไหนบอกดิ๊ว่าพี่ลงพุงตรงไหน ตรงส่วนไหนที่เป็นไขมันที่เราว่า?”

     หมาป่าแก้เกมกลับมาขย้ำลูกแกะทีเผลอ!

     “พี่ชัช!”

     ต้นน้ำไม่คิดว่าชัยชัชจะมาไม้นี้ แถมว่าแล้วชัยชัชก็ชักจะเลื่อนมือของต้นน้ำลงต่ำขึ้นเรื่อยๆ และ...

     “พี่ชัชปล่อยนะครับ”

     “ก็พี่ก็กำลังให้น้องต้นสำรวจไขมันพี่อยู่ไงครับ อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวผ้าพี่หลุดนะ!”

     พอได้ยินดังนั้นต้นน้ำก็มีสีหน้าเหวอสุดๆ ไม่กล้าขยับเขยื้อนมือตัวเองไปไหนอีก รวมไปถึงแทบจะแข็งไปทั้งตัวไม่กล้ากระดิกกระเดี้ย เล่นเอาชัยชัชหัวเราะอยู่ในลำคอจงใจแกล้งเผด็จศึกจบเกมอีกฝ่ายโดยเร็ว

     “อุ๊ยผ้าหลุด!”

     ฝ่ายหนึ่งแกล้งกระตุกผ้าเช็ดตัวของตัวเอง ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งรีบยกมือขึ้นไปปิดตาตัวเอง แต่ดูเหมือนจะช้ากว่า เพราะมืออีกข้างที่ว่างจากการกระตุกผ้าของชัยชัชนั้นแกล้งปัดมือของต้นน้ำอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองข้างที่เสร็จสิ้นภาระกิจเปลื้องผ้าตามมาช่วยง้างมือของต้นน้ำเอาไว้ ส่งผลให้เด็กหนุ่มหลับตาปี๋!

     'ไม่เอานะ ไม่อยากเห็นมังกรยักษ์ตอนนี้!'

     “ต้น ลืมตาสิครับ”

     “ไม่เอาอ่ะพี่ชัชอย่าแกล้งผม”

     ต้นน้ำเองก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองจะอายอะไร เขารู้แต่ว่าไม่อยากเห็น ไม่อยากมอง แค่นี้เขาก็แทบจะ... แทบจะคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว

     “เราจะอายอะไรเล่า ก็เห็นกันทั้งตัวมาแล้ว”

     “ก็มันไม่เหมือนกันนี่ ตอนนั้นพี่ชัชเมาหลับนี่ครับ! ปล่อยผมนะ ไปนุ่งผ้าให้เรียบร้อยเลยด้วย!”

     “อ้าว ตอนพี่หลับกับตอนที่พี่ตื่น มันไม่เหมือนกันเหรอครับ?”

     ต้นน้ำเต้นเร่าๆ อย่างดีดดิ้นพลางละลักละล่ำบอกให้ชัยชัชไปใส่เสื้อผ้า ชัยชัชเห็นอีกฝ่ายออกอาการดังนั้นก็เลยสำนึกได้ว่าครั้งนี้คงจะเผลอแกล้งแรงไปจริงๆ

     “ต้น ลืมตาได้แล้ว พี่ไม่แกล้งเราแล้วครับ”

     เมื่อเห็นว่าต้นน้ำยังไม่ยอมลืมตาเสียทีชัยชัชจึงทำเสียงเข้มๆ ดุอีกฝ่ายไป

     “ไอ้ต้น! ลืมตา!”

     คงเพราะเสียงดุๆ นั่นเองที่ทำให้ต้นน้ำเผลอสะดุ้งจนลืมตาขึ้นมาตามคำสั่งของชัยชัชทันที และเมื่อต้นน้ำลืมตาขึ้นจึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายใส่กางเกงเซิร์ฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว

     ชายหนุ่มขี้แกล้งเดินหัวเราะร่านำออกไปที่ระเบียงก่อนจะกระโจนลงน้ำและส่งเสียงท้าทายขึ้นมายั่วเด็กหนุ่ม ทิ้งให้อีกฝ่ายต้องออกอาการขัดใจอยู่เพียงผู้เดียว

     “ไปต้นไปว่ายน้ำกัน แข่งกับพี่ป๊ะ? รอบใหญ่ไหวป้าว”

     'แกล้งยั่วกันเสร็จแล้วยังมีหน้ามาหาเรื่องท้าผมอีกนะพี่ชัช คอยดูเถอะจะว่ายแซงให้ได้เลย!'

     ท้ายที่สุด คนไม่ค่อยออกกำลังกายแบบต้นน้ำก็เป็นฝ่ายแพ้ชัยชัช ชายหนุ่มทั้งแกล้งทั้งกวนจนต้นน้ำเสียสมาธิว่ายตามไม่ทัน และเมื่อถึงตอนนั้นชัยชัชก็จะชะลอตัวรอต้นน้ำพลางส่งเสียงเย้ยเบาๆ และเมื่อเด็กหนุ่มตามมาทันเขาก็จะออกตัวนำไปอีกครั้ง

     กว่าจะรู้ตัวต้นน้ำก็ตัวเปื่อยหน้าซีดปากสั่นพอสมควร ชัยชัชจึงชวนกลับห้องพัก เขาไล่ให้ต้นน้ำไปอาบน้ำก่อนเพราะอาการน่าเป็นห่วงส่วนตัวเองรออาบทีหลังเพราะอึดกว่า และเมื่อชัยชัชอาบน้ำเสร็จแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กคล้องไว้บนไหล่

     “ต้น เช็ดหัวให้พี่หน่อย”

     “ครับ?”

     อีกเพียงสิบนาทีกว่าๆ ก็จะเที่ยงคืนแล้ว ต้นน้ำที่กำลังนั่งดูรายการถ่ายทอดสดบรรยากาศเคาท์ดาวน์ปีใหม่อยู่บนเตียงหันไปทางชัยชัชที่กำลังยื่นศีรษะเปียกชื้นมาให้เขาเช็ดให้ ผิดกับตัวเขาที่จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วก่อนออกจากห้องน้ำ

     “ทำไมไม่ใช้ไดร์ในห้องน้ำละครับ”

     ชัยชัชมองหน้าต้นน้ำก่อนจะตอบเรียบๆ ว่า

     “เออน่า เช็ดให้พี่หน่อย พี่ชอบให้คนทำให้ สมัยอยู่กับฟ่างๆ ทำให้พี่ตลอดแหละ”

     เจอแบบนี้เข้าไป ต้นน้ำก็รู้สึกตื้อๆ ในอกขึ้นมาทันที

     'พี่ฟ่างอีกแล้ว....'

     ต้นน้ำขยับมือเช็ดผมให้ชัยชัชอย่างเบามือ แม้ร่างกายจะจดจ่อกับงานแต่ใจของเขากลับลอยไปไกลจมอยู่ในวังวนความอิจฉาเล็กๆ ที่ผุดขึ้นในใจ

     “นี่ ไม่ถามพี่เหรอว่าทำไมถึงให้ต้นทำให้”

     “ครับ?”

     อาจจะเพราะใจลอย ต้นน้ำจึงยังฟังไม่ได้ศัพท์

     “เอาอีกแล้วนะเรา ใจลอยอีกแล้ว พี่ถามเราว่าจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าทำไมพี่ถึงให้เรามาเช็ดหัวให้พี่”

     “แล้วเพราะอะไรล่ะครับ?”

     “ตอนเด็กๆ พี่ชอบให้คนมาลูบหัวพี่ มันสบายดี พอพี่มีเมีย พี่เลยชอบให้เมียเช็ดผมให้ ตอนนี้คนที่พี่ยอมให้โดนหัวพี่ก็มีแต่แม่กับเมียเท่านั้นแหละต้น”

     'ผมไม่เข้าใจ พี่ชัชหมายความว่ายังไง?'

     ต้นน้ำสับสนงุนงงจนพูดอะไรไม่ออก เขาไม่เข้าใจว่าการที่ชัยชัชชอบให้คนเช็ดผมมันเกี่ยวอะไรกับเมียของชายหนุ่ม

     “อ้าว! ทำหน้างงอีก ก็เราน่ะเป็นเมียพี่ไม่ใช่เหรอ?”

     ชัยชัชยิ้มขำๆ พลางนอนหนุนตักของ“เมีย”ตัวเอง

     “พี่ชัช!”

     เพราะคำพูดที่ชัยชัชใช้แซวตัวเองในครั้งนี้ตรงเกินไป ต้นน้ำจึงตกใจ ถ้อยคำเรียบง่ายนั้นมีความหมายมากมายจนเขาตั้งตัวไม่ติด!

     “ทำไมครับ? พี่พูดอะไรผิดเหรอ ก็คืนนั้น...”

     โดนแซวแค่นั้นเขาก็เขินอายจนพูดอะไรไม่ออก อารมณ์ใจลอยน้อยใจเมื่อครู่ของต้นน้ำหายไปจนเหลือแต่อาการเขินจัดไม่กล้าสบตา การที่ชัยชัชเรียกเขาเช่นนี้มันมากเกินกว่าที่เขาคาดหวังไว้จริงๆ

     'พี่เขายอมรับเราแล้ว'

     ชัยชัชจับมือของต้นน้ำมาจุมพิตเบาๆ ก่อนจะกุมไว้ที่หัวใจของตน แล้วถามบางอย่างออกไปเพื่อยืนยันในสิ่งที่ตัวเองคิด

     “ต้น สารภาพกับพี่มาตามตรงได้มั้ย คืนนั้นน่ะ ต้นยังไม่ได้เป็นของพี่ใช่มั้ยครับ?”

     แม้จะตกใจที่ชัยชัชรู้เรื่องที่ถูกเขาหลอกแล้ว แต่ต้นน้ำก็ไม่แน่ใจว่าควรจะตอบไปอย่างไรจึงได้แต่อ้ำอึ้ง

     “ดูดิ แค่พี่แซวต้นแค่นี้ก็หน้าแดง แกล้งหอมแก้มต้นไปทีต้นก็เขินจนแทบไม่กล้ามองหน้าพี่ แล้วจะให้พี่เชื่อเหรอครับว่าเด็กเรียบร้อยอย่างต้นจะแรดพอที่จะยั่วพี่ตอนเมาๆ ละถ้าพี่เมาหนักขนาดจำอะไรไม่ได้แบบนั้น พี่ว่าพี่คงไม่มีแรงไปทำไรต้นแล้วล่ะ ถึงพี่ไม่รู้ว่าต้นจะหลอกพี่ไปทำไม แต่พี่สัญญากับต้นไว้แล้วพี่ก็จะทำตาม พี่ถือว่าพี่ต้องรับผิดชอบ แล้วพี่ก็คิดไม่ผิด น้องชายพี่คนนี้เป็นเด็กดีไม่ทำให้พี่ผิดหวัง ถึงตอนแรกพี่จะสงสัยว่าต้นทำแบบนั้นไปทำไม แต่พี่ว่าพี่ได้คำตอบแล้วล่ะครับ ต้นแอบรักพี่ใช่มั้ย?”

     ชัยชัชมองใบหน้าแดงก่ำที่ขึ้นสีถึงขีดสุดของต้นน้ำแล้วรู้สึกยินดีอย่างบอกไม่ถูก

     'แม่ง น่ารักโคตรๆ ให้กูเป็นเกย์กูก็ยอมวะ ถ้าได้ไอ้ต้นทำเมีย'

     ต่อให้ต้องเป็นเกย์ก็ช่างชัยชัชไม่สนอะไรอีกแล้ว ร่างกายของเขาพร้อมจะมีเซ็กส์กับทุกคนที่เขาพึงตาต้องใจ แม้จะไม่เคยมีใจในรสสัมผัสของผู้ชายด้วยกันมาก่อน แต่กับต้นน้ำ เด็กคนนี้ทำให้เขาอยากสัมผัส ความร้อนที่แผดเผาอยู่นั้นไม่แพ้บรรดาเด็กสาวไซด์ไลน์ที่เขาเคยใช้บริการ แต่ต่างกันตรงที่เด็กคนนี้ชวนให้เกิดความรู้สึกอิ่มเอมใจอยากทะนุถนอมให้เป็นสมบัติของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว เป็นการเติมเต็มที่เขาเฝ้ารอเหมือนเมื่อตอนแรกที่เขาได้พบรักกับฟ่าง

     ตอนนี้เขาหลงรักเด็กผู้ชายคนหนึ่งหัวปักหัวปำ! เด็กคนนี้ทำให้เขารักได้อย่างง่ายดาย แม้ความรู้สึกมันจะแตกต่างกับตอนที่เขารักฟ่าง แต่ความดีและทุกๆ การกระทำของต้นน้ำที่แสดงออกว่ารักเขานั้นทำให้เกิดความเอ็นดู สายตาอมทุกข์และรอยยิ้มเศร้าๆ ทำเอาเขาใจหายอยากช่วยปัดเป่าเฆมหมอกในใจของเด็กหนุ่ม รอยยิ้มและเสียงหัวเราะนำพาให้เขามีความสุขเผลออมยิ้มตามไปด้วย สีหน้าเขินอายยามถูกแกล้งชวนเขาต้องการกลั่นแกล้งเด็กหนุ่มให้มากกว่าเดิม เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่ได้มองต้นน้ำเป็นแค่น้องชายอีกต่อไป เพราะพี่ชายจะไม่มีวันอยากครอบครองน้องชายตัวเอง!

     กับฟ่างเขาอยากเป็นสามีที่ดีของเธอ สร้างครอบครัวด้วยกัน มีเธอเป็นแม่ของลูก มีเจ้าหญิงตัวน้อยที่ถอดแบบหน้าตาจิ้มลิ้มมาจากผู้เป็นแม่ เขาอยากได้ลูกสาวน่ารักๆ ที่สุด มันคงจะดีไม่น้อยถ้าหากเป็นเช่นนั้น ฟ่างจึงเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขามุ่งมั่นแอคทีฟตัวเองเพื่ออนาคต เพื่อเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับเธอ แต่เขาก็ยังไม่ดีพอเธอจึงทิ้งเขาไป

     แต่กับต้นน้ำความรู้สึกทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง เขาไม่จำเป็นต้องพยายามอะไรมากมาย เพียงแค่เป็นตัวเองเท่าที่เป็นอยู่ เพียงแค่นั้น ต้นน้ำก็มอบความรักให้เขาอย่างไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน ราวกับพร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาทุกๆ สถานการณ์ ต้นน้ำทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย มีช่วงเวลาสบายๆ ทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ต้องกังวลว่าตนจะดีพอสำหรับเด็กหนุ่มหรือเปล่า เขาเสพติดความรู้สึกนี้จนอยากจะให้ต้นน้ำอยู่ข้างกายเขาไปตลอด เพราะต้นน้ำนั้นดีเกินพอสำหรับผู้ชายอย่างเขาแล้ว

     สายตาของชัยชัชจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทของต้นน้ำ สีหน้าจริงจังแบบที่ต้นน้ำไม่เคยเห็นมาก่อนกำลังบ่งบอกอะไรบางอย่างกับเขา

     'ในที่สุด ดวงตาของพี่ชัชมีภาพของเราสะท้อนออกมาแล้ว เรามีตัวตนในสายตาของพี่ชัชแล้ว!'

     ความรู้สึกของชัยชัชส่งผ่านความกล้ามาทางสายตา ความอบอุ่นที่แผ่จากมือของชายหนุ่มก็เพิ่มความมั่นใจให้ต้นน้ำ เวลาที่เขารอคอยมาถึงแล้ว ต้นน้ำรู้ดีว่าตนจะไม่ถูกปฏิเสธแน่นอน!

     “ผม... ผม”

     “ครับน้องต้น?”

     “ผม รักพี่ชัชครับ”

     ได้ยินแล้วชัยชัชก็ยิ้ม เขาหัวเราะน้อยๆ อย่างถูกใจ เจ้าลูกแกะตัวน้อยยอมเป็นเหยื่อของเขาแล้ว!

     “ครับพี่รู้ เราน่ะแอบรักพี่มาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ยล่ะ? หึๆ”

     อาจจะเพราะถูกจับได้ ต้นน้ำจึงออกอาการเขินอายอีกครั้ง

     “เล่าให้พี่ฟังทีสิครับว่าต้นแอบชอบพี่มาตั้งแต่ตอนไหน? เรารู้จักพี่ได้ยังไง ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเจอเราด้วยซ้ำ”

     “ต้องเล่าด้วยเหรอครับ?”

     “เล่าสิครับ ก็พี่อยากฟังนี่นา คิดดูสิ ต้นเป็นฝ่ายมาชอบพี่ก่อนแท้ๆ แต่พี่ต้องเป็นคนสารภาพรักอ่ะ ไม่ยุติธรรม เพราะงั้นต้นต้องบอกพี่มาเลยว่าต้นรักพี่ได้ยังไงตั้งแต่ตอนไหน”

     แม้จะอ้ำอึ้งอยู่นาน แต่สุดท้าย ต้นน้ำก็ยอมเปิดปาก

     “พี่ชัชอาจจะจำผมไม่ได้ แต่ว่า... ความจริงเราเจอกันครั้งแรกเมื่อราวๆ สามสี่ปีก่อนครับ”

     “หือ! นานขนาดนั้นเลยเหรอ?”

     ต้นน้ำพยักหน้าด้วยท่าทางเขินอายก่อนจะเล่าต่อไป

     “วันนั้นผมไปกับแม่สองคน แม่ผมตัดสินใจว่าจะย้ายจากอพาร์ทเม้นท์เก่ามาซื้อคอนโดอยู่ที่นี่ แต่ระหว่างที่แม่ผมกำลังจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ กับเซลล์อยู่ ผมปวดท้องเลยไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็... เอ่อ... ผมเจอ... ผมเจอกับพี่ชัชวันนั้นแหละครับ”

     ต้นน้ำอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนไม่อยากพูดอะไรต่อ เขาจึงตัดบทการเล่าแต่เพียงเท่านั้น ปล่อยให้อีกฝ่ายใช้ความคิด นึกต่อเอาเอง

     'หือ? คุ้นๆ นะ'

     “อ๋อ! พี่จำได้แล้ว! เราคือไอ้เด็กตัวเล็กๆ คนนั้นที่โดนฝรั่งลวนลามจนร้องไห้ใช่ป่ะ?”

     'โธ่! พี่ชัชอ่ะ ไม่เห็นต้องพูดออกมาก็ได้ ผมอายนะครับ'

     “ก็ตอนนั้นผมยังเด็กนี่ครับ ตัวก็ต้องเล็กเป็นธรรมดา”

     ภาพของเด็กน้อยที่ร้องไห้ตะโกนแต่คำว่า “โนๆ” ลั่นปรากฏขึ้นในความทรงจำ

     'สเปคเกย์เฒ่าหัวงูมากเลยต้น'

     “โหย... นั่นเราเหรอนั่น เรื่องนั้นมันนานมากเลยนะ พี่นึกไม่ถึงเลยว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้”
หัวข้อ: Re: [5#15/7/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ คนนึงก็อ่อยอีกคนก็รองาบหมาป่าvsเด็กเลี้ยงแกะ
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 15-07-2014 19:35:52
     เหตุการณ์ในครั้งนั้น อันที่จริงชัยชัชลืมไปหมดแล้ว ถ้าไม่ใช่ต้นน้ำพูดขึ้น เขาก็คงไม่นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก วันนั้นฟ่างชวนเขามาดูคอนโดเช่นเดียวกัน แต่เผอิญเขาปวดฉี่เลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำ และเมื่อไปถึงห้องน้ำก็เจอชายชาวต่างชาติกำลังยื้อยุดข้อมือของเด็กตัวน้อยๆ คนหนึ่งอยู่ในนั้น

     ด้วยความเป็นพลเมืองดีเขาจึงเข้าไปห้าม แต่พอเด็กน้อยคนนั้นหลุดออกจากอุ้งมือมารฝรั่งได้ก็รีบวิ่งหนีหายไป ส่วนฝรั่งคนนั้นก็อารมณ์เสียสบถใส่เขาสองสามคำแล้วก็เดินหนีออกไปเช่นกัน เขาจึงเข้าห้องน้ำต่อแบบงงๆ เรียกได้ว่าแม้แต่หน้าเด็กชัยชัชยังมองไม่ชัดเลยด้วยซ้ำ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วเสียจนเขาไม่ได้ใส่ใจจำ

     “ครับ ผมก็ไม่คิดว่าโลกมันกลมเหมือนกัน ตอนที่เห็นพี่ชัชกับพี่ฟ่างเดินออกมาจากห้องข้างๆ ห้องผมกับแม่”

     “อ้าว? แล้วเราจำพี่ได้ยังไง พี่ยังจำหน้าเราไม่ได้เลย”

     “ก็... ก็วันนั้น พอผมหนีออกมาได้แล้วตอนแรกก็ว่าจะไปขอบคุณพี่ชัชอยู่ แต่ไม่กล้าก็เลยมองตามอยู่ห่างๆ ครับ แล้วผมก็เห็นพี่ฟ่าง แต่ตอนนั้นผมกำลังตกใจแถมอายด้วยก็เลยไม่กล้าเข้าไปคุย”

     “เล่ามาแบบนี้ไม่ใช่ว่าเราแอบปิ๊งพี่มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะ! ไวไฟนะเราน่ะ หึๆ”

     เพราะกังวลว่าชัยชัชจะมองตนเว่าเป็นเด็กใจแตก ต้นน้ำจึงรีบแก้ตัว

     “มะ มะใช่นะครับ! ตอนนั้นผมประทับใจพี่ก็จริง แต่... ผมมาเริ่มชอบพี่จริงๆ จังๆ ตอนที่... ตอนที่บางทีพี่ฟ่างเขามาคุยเรื่องพี่ชัชให้ผมฟังต่างหาก ผมก็แค่รู้สึกว่า... นอกจากจะพี่จะหล่อแถมยังใจดีแล้ว พี่ชัชก็เป็นผู้ชายที่ดีมากๆ พี่ฟ่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีสุดๆ แล้วผมก็เลย... แอบอิจฉาพี่ฟ่างนิดหน่อย”

     ต้นน้ำอ้อมแอ้มตอบด้วยความเขินอาย แต่ชัยชัชกลับไม่ได้สนใจตรงจุดนั้น

     “...เรารู้จักฟ่างด้วย?”

     “ครับ”

     “ให้ตายเถอะ พี่ไม่รู้เลยนะเนี่ย!”

     ชัยชัชระบายลมหายใจอย่างเซ็ง เขาคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย ต้นน้ำเห็นท่าไม่ดีจึงรีบแก้ตัว

     “ก็... ไม่ได้รู้จักสนิทมากหรอกครับ แต่ก็เคยเจอกันบ้าง บางทีพี่ฟ่างก็ให้ขนมกับผมเพราะเธอรู้ว่าผมอยู่คนเดียว บางทีเวลาเธอไม่สบายใจก็เลยอาจจะมีหลุดๆ ปากเรื่องพี่ชัชมาบ้าง”

     “ไอ้เรื่องไม่สบายใจที่ว่านี่บ่นพี่ละสิ”

     “ก็...ก็ทำนองนั้นแหละครับ”

     ต้นน้ำรับคำเสียงอ่อยๆ เพราะในอดีตบางครั้งบางช่วงของบทสนทนาก็อาจจะมีเนื้อหาที่ข้าวฟ่างพี่สาวห้องข้างๆ เผลอระบายเรื่องที่ตนทะเลาะกับแฟนซึ่งก็คือชัยชัชให้ต้นน้ำฟัง

     “แล้วไงต่อ?”

     เสียงเข้มๆ ของชัยชัชนั้นเริ่มทำให้ต้นน้ำผวา

     “เอ่อ... แต่... ผมไม่รู้จริงๆ นะครับ เรื่องที่พี่ฟ่างเขาไปคบกับคนอื่น ผมมารู้อีกทีก็ตอนวันที่พี่ฟ่างกลับมาเก็บของแล้ว พี่เขาแวะมาตอนที่พี่ชัชไม่อยู่ แล้วก็เลยแวะเอาขนมมาให้ผม บอกว่าเลิกกับพี่ชัชแล้ว ละก็ฝากให้ผมช่วยดูห้องให้บ้าง เพื่อมีคนอยากมาดูห้อง”

     ชัยชัชถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ ว่า

     “งั้นก็แปลว่าเรารู้เรื่องพี่มาตลอด แต่พี่กลับไม่รู้จักเราเลย เฮ้อ! ทั้งๆ ที่พี่เป็นผู้ชายห่วยแตกขนาดนี้ แล้วต้นรักพี่ตรงไหนเหรอครับ?”

     ‘อย่าเอาเรื่องเซ็งๆ ของแฟนเก่ามาใส่ใจตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับแฟนใหม่สิวะไอ้ชัช!’

     พอนึกถึงวีรกรรมเด่นๆ ที่เคยทำไว้สมัยตอนยังคบกับฟ่างจนทะเลาะกันแต่ละครั้ง ชัยชัชก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา เขาไม่อยากให้ต้นน้ำรู้จักด้านเลวๆ ของเขาไปมากกว่านี้ เขาอยากให้ต้นน้ำเห็นแต่ภาพลักษณ์ของพี่ชายข้างห้องผู้แสนดีตลอดไป ชายหนุ่มจึงรีบปรับอารมณ์ของตัวเองให้กลับมาเข้าโหมดดีๆ ดังเดิม

     “ก็... ไม่รู้สิครับ พอเคยมองตามพี่ชัชไปครั้งนึงแล้วผมก็เลิกไม่ได้ ยิ่งรู้ว่าพี่เลิกกับพี่ฟ่าง ผมก็ ... แถมตอนช่วงอกหักพี่ชัชยังทำตัวเละเทะอีก ผมก็เลยอดหงุดหงิดแทนพี่ฟ่างไม่ได้มั้งครับ เพราะพี่ชัชอาการน่าเป็นห่วงมากๆ พอรู้ตัวอีกที ผมก็...”

     “จากหวงแทนคนอื่นก็กลายเป็นรักพี่แทน?”

     ชัยชัชยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางดึงข้อมือของคนแอบรักมาประทับรอยจูบ แววตาวิบวับของชัยชัชเรียกสีเลือดให้แผ่ซ่านอยู่บนแก้มของต้นน้ำ

     “สตอล์กเกอร์นะเราน่ะ หึๆ”

     “พี่ชัชก็...”

     “ขอบคุณนะครับต้น ขอบคุณที่รักและคอยเป็นห่วงพี่มาตลอด ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยรู้ตัวเลยแม้แต่น้อย”

     สายตาที่สบประสานกันนั้นหวานฉ่ำเกินบรรยาย เสียงเริ่มนับเคาท์ดาวน์ในโทรทัศน์ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงจุดพุลที่ดังสนั่นหวั่นไหว ปีเก่าผ่านพ้นไปแล้วปีใหม่กำลังก้าวเข้ามา ต้นน้ำเสมองภาพในโทรทัศน์อยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกหลายๆ อย่างได้ผลิบานในใจเขา

     “ปีใหม่แล้วครับพี่ชัช สุขสันต์วันปีใหม่นะครับ”

     ต้นน้ำพูดพลางยิ้มให้กับคนที่นอนหนุนตักอยู่

     “ครับ แฮปปี้นิวเยียร์นะครับแฟนพี่”

     “พี่ชัช ผม!”

     “ครับ? ที่รัก”

     คำพูดที่เปลี่ยนสรรพนามให้จาก“ไอ้น้องชาย”กลายเป็น“ที่รัก” เล่นงานเสียจนต้นน้ำเขินหัวใจแทบจะระเบิดออกมานอกอก

     ‘เราได้เป็นแฟนพี่ชัชแล้ว!’

     “เฮ้อ... ได้ฉลองปีใหม่กับแฟนใหม่มันก็ดีอยู่หรอก แต่พี่ชักอยากให้วันนี้เป็นวันอื่นมากกว่าวันปีใหม่ซะแล้วสิ”

     ชัยชัชทอดถอนใจบ่นขึ้นด้วยน้ำเสียงสุดเซ็งเสียจนบรรยากาศหวานๆ สลายไปหมด

     “เอะ! ทำไมละครับ พี่ชัชอยากให้วันนี้เป็นวันอะไรเหรอครับ?”

     ส่วนต้นน้ำก็พาซื่อนึกห่วง เผลอถามออกไปอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยไม่รู้เลยตัวแม้แต่น้อยว่าหมาป่าวางแผนอะไรเอาไว้

     “พี่อยากให้วันนี้เป็นวันเกิดน้องต้นครับ?”

     หมาป่าตอบพร้อมกับอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เจ้าลูกแกะแสนซื่อตัวน้อยช่างน่ารักน่ากินเหลือเกิน!

     “ผม... ไม่เข้าใจ”

     “อ้าว! ก็แฟนพี่ยังเป็นผู้เยาว์อยู่นิ่ครับ แต่ถ้าวันนี้เป็นวันเกิดต้น น้องต้นของพี่ก็จะได้อายุครบสิบแปดซะที พี่ก็... ปล้ำได้น่ะสิครับ ฮ่าๆ”

     “พี่ชัชก็!”

     ต้นน้ำหน้าแดงก่ำจนแทบทนความร้อนที่แผดเผาอยู่นี้ไม่ไหว

     “เอ... หรือว่าปล้ำเลยดีน้า เกินสิบห้าแล้ว ถือว่าสมยอมได้”

     ต้นน้ำไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว เขารู้แต่ว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงที่สุดในชีวิต! ท่ามกลางเสียงหัวใจที่ดังแข่งกับเสียงพุลฉลองปีใหม่ในโทรทัศน์นั้น ต้นน้ำรู้สึกว่าเขาได้ยินเสียงให้คำมั่นสัญญาของชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็น“แฟนคนแรก”ของตน

     “พี่ไม่ทำร้ายต้นหรอกครับพี่สัญญา พี่จะรอวันที่ต้นพร้อมนะ ไว้เมียพี่พร้อมเมื่อไหร่พี่จัดเต็มแน่”

============================================


เป็นแฟนกันแล้ว...

แล้วมันจะมีประเด็น!

เมะควรจะทำเท่ อบอุ่น สุขุมนุ่มลึก จริงจังจนเคะหวั่นไหว หรือไม่ก็แนวแบดบอย เลวสุดๆ แต่รักนี้เพื่อเธอ อ่อนโยนกันคุณคนเดียว
แต่ดูเหมือนพี่ชัชจะไม่ใช่เมะพิมพ์นิยม นี่มันตาลุงธรรมดาๆ ชัดๆ ออร่าพระเอกของแม็กซ์เจิดจ้ากว่าอีก แต่เอาหน่า เฮียแกเป็นพระเอกจริงๆ นะ

นิยายเรื่องนี้มันประหลาดอยู่อย่าง คือไม่ค่อยมีฉากซึ้งๆ หรือฉากชวนกรี๊ดแบบฟินเวอร์ คนแต่งก็พยายามๆ นะ แต่พอเขียนๆ ไปแล้วมันไม่ใช่ เพราะข้อจำกัดของคาแรคเตอร์
คือพี่ชัชเป็นแบบนั้น ผู้ชายธรรมดาๆ กวนตีนแต่เจ้าคารมลูกล่อลูกชนเยอะ เนื้อเรื่องกับบทพูดมันก็เลยออกแนวสบายๆ ไหลไปเรื่อย พระเอกไม่ต้องทำเท่อะไรอยู่ๆ ก็มีตัวเอกมาหลงรัก
มีปมมีความทรงจำที่เจ็บปวดมั้ย? มี๊!(ตอบเสียงสูง) แต่เชื่อว่าอ่านๆ ไปแล้วคนอ่านจะรู้สึกได้ว่า "สมแล้วที่โดนทิ้ง เฮียแกทำตัวเอง"
จุดเริ่มต้นของความรักมันปิ๊งปั๊งฉาบฉวย? ก็ไม่กลวงขนาดนั้น แต่ไอ้เรื่องดี๊ดีควรค่าแก่การถูกรัก พี่ชัชก็ไม่ใช่คนแบบนั้น เพราะคีย์มันอยู่ที่ต้นน้ำ แบบ... ฮีหลงของฮีอ่านะ คนนี้ปมมาเต็มจัดมาอย่างเยอะ เราเลยคิดว่าความรักของคู่นี้ก็สมเหตุสมผลอยู่นะ ต้นน้ำยังเด็กก็ยังมีอะไรหลายๆ อย่างให้เล่น เป็นคาแรคเตอร์ที่มีมิติ ดังนั้นความรักของคู่นี้ก็จะเป็นการปะทะกันของผู้ชายโคตรธรรมดากับตัวเอกสับสนชีวิต เหอๆ

ครึ่งทางแล้วสินะนักอ่านทุกท่าน
ดีใจจัง มีคนรักพี่ชัชน้องต้นเหมือนเรา ขอบคุณคนอ่านทุกคนน้า มันจะเริ่มดาร์คขึ้นเรื่อยๆ แล้วล่ะ
เมื่อคืนนั่งแต่งภาค2จบ ยังเสียดายอยู่เลย เฮ้อ... การเดินทางที่ยาวนานปีกว่าๆ ได้มา2ภาค หลายร้อยหน้าเวิร์ด ช่างเป็นตอนจบที่ต้นน้ำแรดจริงๆ แสบกว่าภาคแรกเยอะ ตั้งใจไว้ว่าพอลงภาค1จบจะเอาภาค2มาลงต่อกันเลย แต่แฟนคลับขาประจำอาจจะไม่ชอบก็ได้ เพราะโทนของเรื่องเปลี่ยนไปเยอะเลย แหะๆ

 :call:
หัวข้อ: Re: [5#15/7/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ หมาป่าvsเด็กเลี้ยงแกะ
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 15-07-2014 21:23:54
ขอบคุณค่า. รอตั้งนาน สมใจแล้วค่า
หัวข้อ: Re: [5.5#19/7/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ หมาป่าราศีเมษและลูกแกะราศีมังกร
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 19-07-2014 00:22:15
เนื้อเรื่องสิ....


- บทคั่น -
##### หมาป่าราศีเมษและลูกแกะราศีมังกร #####

     ชัยชัชและต้นน้ำอยู่ระหว่างทางกลับกรุงเทพฯ ทั้งคู่ตัดสินใจแวะทานเสต็กเนื้อแกะเป็นมื้อเที่ยงอีกรอบ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมก็คือในหนนี้สถานภาพของทั้งสองคนได้เปลี่ยนแปลงจาก“พี่ข้างห้องน้องข้างบ้าน”ไปเป็น“แฟน”กันเรียบร้อยแล้ว คนทั้งคู่จึงคลอเคลียกันกระหนุงกระหนิงมากกว่าเดิม

     และเนื่องจากอุบัติเหตุตอนมาเที่ยวรอบแรกทำให้ต้นน้ำเจ็บขา รวมทั้งภาระกิจเร่งด่วนของชัยชัช ทั้งสองจึงไม่ได้แวะร้านขายของฝากจากฟาร์มแกะ คราวนี้ชัยชัชตั้งใจจะแก้มือ นอกจากจะไม่แกล้งต้นน้ำแล้วเขายังไม่แกล้งบรรดาแกะแพะทั้งหลายในคอกตอนให้อาหารอีกด้วย และเมื่อเที่ยวซ่อมจนสำราญแล้วคนทั้งคู่ก็เข้าไปเลือกซื้อของฝากเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาส“เดทครั้งแรก ณ. สถานที่ปลูกต้นรัก”

     ชัยชัชซื้อพวงกุญแจรูปตุ๊กตาแกะหน้ากวนกับบรรดาคุณแกะอีกหลายรายการ จนต้นน้ำอดซักถามด้วยความสงสัยไม่ได้

     “พี่ชัชชอบแกะเหรอครับ? ซื้อเยอะเชียว”

     “เออ เนื้อมันอร่อยดี”

     แต่เมื่อเห็นสีหน้าตัดพ้อของต้นน้ำ ชายหนุ่มจึงรีบกลับลำทันที

     “พี่พูดเล่น กะซื้อไปฝากลูกค้าน่ะ เล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ทำให้คนประทับใจได้ ทำให้เขารู้ว่าเราไม่ลืมพวกเขาเขาจะได้ไม่ลืมเรา”

     “แหม พี่ชัชนี่สมกับเป็นผู้แทนอันดับหนึ่งเลยนะครับ ว่าแต่ทำไมไม่เลือกของกินอย่างอื่นเป็นของฝากละครับ ผมไม่ค่อยเห็นคนนิยมของจุกจิกแบบนี้ซักเท่าไหร่”

     “คงเพราะพี่เกิดเดือนเมษามั้ง”

     “พี่ชัชราศีเมษเหรอครับ”

     “ใช่ พี่เป็นแกะตัวผู้ หึๆ”

     ว่าแล้วชัยชัชก็หันมายักคิ้วกวนๆ ให้จนต้นน้ำรู้สึกว่าชายหนุ่มมาดกวนแบบนี้ช่างดูเหมือนกับเจ้าแกะหน้ากวนที่วางขายอยู่แถวนี้เหลือเกิน

     “พี่เกิดยี่บเจ็ดเมษา”

     “ครับ?”

     ต้นน้ำงงที่จู่ๆ ชัยชัชก็พูดขึ้น แต่ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะนึกว่าชัยชัชคงบอกข้อมูลตามธรรมดา แต่ทว่าชายหนุ่มกลับหันมาแยกเขี้ยวใส่

     “ยังจะมาครับอีก ต้นต้องพูดว่า ได้เลยครับ วันนั้นต้นจะทำเค้กวันเกิดให้พี่ชัชสุดฝีมือเลยครับ ดิ”

     “พี่ชัชก็...”

     ต้นน้ำโดนชัยชัชแกล้งเข้าไปอีกดอกจนได้ ให้ตายเถอะ! เขาลืมไปได้ยังไงนะว่าผู้ชายมาดกวนคนนี้ขี้บังคับชอบเอาแต่ใจมากขนาดไหน

     'แต่ก็โกรธไม่ลงซักที...'

     “ว่าแต่เราเหอะ เมื่อไหร่พี่จะปล้ำต้นได้ฮึ๊?”

     “พี่ชัช! จู่ๆ ก็พูดอะไรแบบนี้ ผมอายเขานะครับ”

     “จุ๊ๆ เรานั่นแหละเสียงดัง ดูดิคนมองเต็ม”

     “ก็ถามดีๆ สิครับ ถามดีๆ ก็ได้ว่าผมเกิดวันที่เท่าไหร่ ไม่เห็นต้องเล่นมุกแบบนั้นเลย”

     แต่มีหรือที่ผู้ชายชื่อชัยชัชจะสำนึก

     “ถ้าไม่แกล้งเราก็ไม่ใช่พี่ดิ แฟนพี่เวลาเขินโคตรน่ารักเลย พี่จะอดใจไหวได้ไง”

     ชัยชัชยักคิ้วส่งให้ต้นน้ำก่อนจะเร่งเอาคำตอบที่ตนอยากรู้ต่อ

     “เอ้า มัวแต่อายอยู่นั่นแหละ รีบๆ บอกพี่มาซะทีดิ ไม่งั้นพี่ทนไม่ไหวจัดเลยนะ”

     “สามสิบเอ็ดมกราคมครับ”

     “หืม? อีกเดือนเดียว? จริงดิ พี่ทนอีกเดือนเดียวก็จะได้ต้นเป็นเมียแล้ว ฮ่าๆ”

     ต้นน้ำรู้ดีว่าชัยชัชเพียงแค่ต้องการแหย่เขาเล่น เจ้าตัวจึงทำท่าไม่ใส่ใจ พยายามเชิดหน้าไม่ยอมทำสีหน้าเอียงอายอีก แต่ชัยชัชก็ไม่ยอมแพ้พยายามส่งสายตาวิบวับสุดกะล่อนตอบโต้ จนในที่สุดการก่อกวนของชายหนุ่มก็ได้ผล ต้นน้ำทั้งเขินทั้งขำ เด็กหนุ่มหลุดหัวเราะออกมายอมแพ้ผู้ชายกวนๆ คนนี้ในที่สุด

     “พอแล้วครับ ไม่เอาแล้ว ผมไม่อยากคุยกับพี่ชัชแล้ว”

     “แน่ะ เขินอ่าเด้ เสร็จพี่จนได้”

     “พี่ชัชอ่ะ รีบๆ ซื้อของเถอะครับ เดี๋ยวกลับช้าแล้วรถจะติดเอานะครับ”

     ต้นน้ำพยายามตัดบทไม่ต่อความยาวสาวความยืดกับผู้ชายคารมดีคนนี้อีก แถมท้ายประโยคต้นน้ำยังทำเสียงดุดูจริงจัง

     “คร้าบๆ ที่รัก เรานี่ร้ายนะต้น ดูดิเป็นแฟนกันได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ออกลายซะแล้ว ชอบข่มสามี หึๆ”

     “แต่โบราณเขาก็ว่าเชื่อเมียแล้วจะเจริญไม่ใช่รึไงครับ”

     “โห... มีเอาคืนด้วยอ่ะ ฮ่าๆ”

============================================


สกิลฮีเริ่มออกแล้ว
น้องต้นไม่ใช่เคะใสซื่อแนวแบ๊วๆ หรือพวกที่แอ๊บซึ่นไปวันๆ แน่นอน บอกแล้ว ฮี ร้าย แรง แรด!

แต่โอเค คนอ่านชอบแบบมุ้งมิ้งฟินจุงเบยใช่มั้ยล่ะ  :laugh3: ซึ่งหาได้น้อยมากแถวนี้ คนแต่งขอโทษนะ  :mew6:
ดังนั้นเราคิดว่าต่อไปอาจจะมีคนอ่านนิยายเรื่องนี้น้อยลงเพราะ "ต้นน้ำ" ก็ได้ คือ... ไม่ได้ขู่คนอ่านนะ แต่แค่อยากนำเสนอตัวเอกที่มีปมร้ายกาจในตัวดูบ้างก็เท่านั้นเอง

"แก่น" ที่เราเชื่อมั่นมาตลอดในการแต่งนิยายเรื่องนี้คือ มนุษย์ทุกคนมีความเลวร้ายในตัวเอง และบางทีคนเราก็แก้ไขนิสัยเลวๆ นั่นลำบาก แต่เราจะปรับตัวยังไงให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขล่ะ? แต่ถ้าเราปรับตัวไม่ได้ ละทิ้งนิสัยแย่ๆ ไปไม่ได้ เราจะอยู่ในสังคมไม่ได้เลยเหรอ?
ลองมองไปรอบๆ ตัวดู เชื่อว่าคนอ่านต้องเคยนึกรำคาญนิสัยเพื่อนตัวเองซักเรื่องสองเรื่อง แต่ก็"ยอมๆ ให้กัน"ได้ในบางคน/บางเรื่อง แต่กับบางกรณีอาจจะยอมไม่ได้ อคติ? เจ็บปวดเกินกว่าจะให้อภัยหรืออะไรก็ว่าไป
เราอยากหยิบแง่มุมหลายๆ อย่างมาเขียน พูดง่ายๆ คือนิยายเรื่องนี้เราใส่ทัศนคติเราลงไปไม่น้อย แล้วให้ตัวละครเป็นคนดำเนินเรื่องต่อ ซึ่งบางทีมันก็ตรง บางทีก็ขัดแย้งกับความรู้สึกของเราก็มี แต่เราไม่อยากไปตัดสินตัวละครว่าคนนั้นดี คนนี้ร้าย ไม่อยากชี้นำคนอ่านแบบนั้น เราแค่เขียนให้คนอ่านรับรู้ในมุมมองของตัวละครก็พอ ที่เหลือคนอ่านค่อยตัดสินเองว่าจะรักหรือเกลียด
บางทีพอได้รู้จักหลายๆ มุมแล้วอาจจะเกลียดไม่ลงแม้จะไม่ชอบนิสัยบางอย่าง หรือบางกรณียังไม่ได้ทำความรู้จักเลยแต่ก็แอนตี้ไปซะแล้วก็มี!
เราเขียนนิยายด้วยแนวคิดแบบนั้นแหละ ส่วงนึงก็เลยเคารพความคิดเห็นของคนอ่านด้วย "เขามีสิทธิ์" สิทธิ์ที่จะไม่เม้นนิยายงั้นๆ สิทธิ์ที่จะไม่อ่านนิยายดราม่า  :hao5:

ดังนั้น แม้ต้นน้ำจะมีปม แต่ปัญหาของเขาก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไปเหยียบย่ำความรู้สึกของคนอื่น เน้อ!
เราอยากให้คนอ่านรอลุ้นผลสรุปของเหตุการณ์นี้จัง ไม่อยากติดตามหน่อยเหรอว่าคนแบบต้นจะได้รับผลอะไรจากการกระทำของตัวเองบ้าง ฮ่าๆ แต่บอกได้เลยว่า "สมควรแล้ว!"

แล้ว "ความโง่" ล่ะ? ทิฐิก็ถือเป็นความโง่ชนิดนึงนะ "โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า" อันนี้ก็จริงเสมอมา "หลงจนโง่งมงาย" อันนี้ก็น่าเห็นใจ แล้วตกลงใครจะโง่กว่าใครละเนี่ย?
หัวข้อ: Re: [บท6#21/7/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ "ต้นเป็นชาวไร่ ขายสตรอเบอร์รี่" MAXกล่าว
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 21-07-2014 01:36:38
เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 6 -
##### เด็กเลี้ยงแกะผู้เฝ้ามองหมาป่า #####

     การเปิดเรียนวันแรกหลังหยุดยาวเทศกาลปีใหม่เริ่มแล้ว ความสุขที่อบอวลอยู่ในใจของต้นน้ำยามนี้ช่างมากมายจนเขารู้สึกว่าปีนี้ต้องเป็นปีที่เขามีความสุขมากที่สุดในชีวิตสิบเจ็ดปีของเขาแน่ แต่ทว่าความจริงช่างโหดร้าย ต้นน้ำไม่รู้เลยว่าปีนี้จะเป็นปีที่โหดร้ายสำหรับตัวเองมากขนาดไหน ปมปัญหาต่างๆ ที่เคยผูกไว้เริ่มขมวดจนตึงแล้ว และสิ่งแรกที่รอต้นน้ำอยู่ที่โรงเรียนก็คือ...

     “ต้น! แม็กซ์โทรหาตั้งหลายที ทำไมไม่รับเลยอ่ะ ไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่ จะไปไหนทำไมไม่บอกกันบ้าง!”

     ทันทีที่เห็นต้นน้ำ แม็กซ์ที่ดักรออยู่ตรงหน้าประตูโรงเรียนก็ตรงเข้าไปหาด้วยท่าทางเอาเรื่อง!

     'แม็กซ์มาที่ห้องเลยเหรอ!'

     สีหน้าตกตะลึงของต้นน้ำสร้างรอยปะทุบางอย่างขึ้นในใจของแม็กซ์ เขาสัมผัสได้ว่าต้นน้ำมีอะไรปิดบังเขาอยู่

     “แม็กซ์ นายไปหาเราที่ห้องเหรอ?”

     น้ำเสียงที่ถามอย่างระแวงระวังของต้นน้ำนั้นชวนหงุดหงิดจนแม็กซ์รู้สึกโมโห

     'กูไม่เคยต้องตามตื้อใครมากเท่ามึงเลยให้ตาย!'

     มีแค่ต้นน้ำที่คอยแต่จะผลักไสเขา ทั้งๆ ที่ตอนแรกต้นน้ำเป็นคนเข้าใกล้เขาก่อนแท้ๆ แม็กซ์พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่อยากจะกระชากตัวคนตรงหน้ามาระบายโทสะเอาไว้ เขารู้ดีว่ากับต้นน้ำนั้นห้ามเข้าใกล้อีกฝ่ายเกินกว่าที่เจ้าตัวกำหนด ต้นน้ำไม่ชอบให้ใครรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว

     “แม็กซ์กะไปเซอร์ไพรส์ต้นตอนปีใหม่ไง แต่ไม่เจอใครเลย โทรหาต้นๆ ก็ไม่รับ บางทีก็โทรไม่ติด”

     “สัญญาณไม่ดีมั้ง ช่วงปีใหม่คนคงใช้โทรศัพท์เยอะ”

     'เลี่ยงไม่ตอบอีกแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมเปิดใจซะทีวะ! ตลอดเวลาที่ผ่านมากูเข้าใกล้มึงได้แค่นี้เองเหรอ'

     “แล้วตกลงต้นไปไหนมาเหรอ?”

     “...พอดีเพื่อนแม่เราเขาพาไปเที่ยวน่ะ ก็เลยไม่อยู่ห้อง”

     “อ้าว! แล้วไม่บอก นึกว่าปีนี้ต้องอยู่คนเดียวเหมือนที่ผ่านมาซะอีก”

     คำตอบของต้นน้ำคลายความสงสัยให้แม็กซ์ เขาสบายใจจนยิ้มกว้างส่งให้ต้นน้ำ ส่วนต้นน้ำเองก็ลอบยิ้มอยู่ภายในใจ เขาดีใจที่แม็กซ์ไม่ติดใจสงสัยซักถามอะไรมากไปกว่านี้ ต้นน้ำจึงยิ้มตอบให้อีกฝ่ายก่อนจะชักชวนกันเดินเข้าโรงเรียน

     “แล้วไง ไปเที่ยวไหนมาเหรอหนุกป่าว? โหยแล้วไม่บอกแม็กซ์อ่ะ ทิ้งแม็กซ์ให้หง่าวอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวเลย”

     “เราขอโทษ”

     เด็กหนุ่มทั้งสองคนเดินคุยกันไปเรื่อยๆ จนถึงห้องเรียน

     “ต้น!”

     เสียงเรียกของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้น ต้นน้ำจึงละสายตาจากแม็กซ์หันไปมอง ไนน์นั่นเอง เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เป็นคู่เต้นตอนเรียนลีลาศกับเขาเป็นเจ้าของเสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่ แถมดูท่าว่าเธอกำลังตรงมาหาเขาด้วย แม้ว่าสาวเจ้าจะตัวเล็กสูงแค่หนึ่งร้อยห้าสิบเอ็ดเซ็นติเมตร แต่พลังเสียงของเธอช่างเกินตัว ต้นน้ำดูเธอวิ่งตรงมาทางเขาอย่างอารมณ์ดี ไนน์เป็นอีกคนที่อยู่ด้วยแล้วต้นน้ำไม่รู้สึกรังเกียจ แม้เธอจะช่างพูดตรงกันข้ามกับคนเงียบๆ แบบเขา แต่ความร่าเริงของเธอก็พลอยทำให้เขาสดชื่นตามไปด้วย แต่ทว่า เมื่อเจ้าหล่อนแลนดิ้งลงตรงหน้าเขาเรียบร้อยแล้วนั้น…

     “หลบไปยัยเตี้ย เรายังคุยกับต้นไม่เสร็จ ขัดคอชาวบ้าน ที่บ้านไม่สอนเรื่องมารยาทเหรอ”

     “ไอ้...ไอ้”

     แต่ก่อนที่ศึกน้ำลายรอบสองจะดังขึ้น กรรมการอย่างต้นน้ำก็เป็นฝ่ายเคาะระฆังเบรคทั้งคู่เอาไว้ได้พอดี

     “แม็กซ์”

     ต้นน้ำปรามเพื่อนชายเบาๆ ก่อนจะพยักเพยิดไปทางห้องเรียนให้เจ้าตัวเห็น

     “แม็กซ์ไปก่อนเถอะ ไว้ถ้าเราคุยกับไนน์เสร็จแล้วจะตามไป”

     แม็กซ์ขัดใจที่สุด แต่เขาไม่อยากมีปัญหากับต้นน้ำตอนนี้ แม็กซ์ไม่ต้องการให้ต้นน้ำโกรธเขาจึงยอมสงบศึกเดินออกไป

     “มีอะไรเหรอไนน์?”

     ต้นน้ำหันมาคุยกับเด็กสาวอย่างอารมณ์ดี

     “แฮปปี้นิวเยียร์!”

     เด็กสาวตอบกลับเขาด้วยรอยยิ้มอันเจิดจ้าพร้อมกับชูสองมืออวดของขวัญให้เด็กหนุ่ม

     “อะไรเหรอ?”

     “คืองี้น้า ที่บ้านเค้าอ่ะ พาเค้าไปเที่ยวฮ่องกงมา เค้าเห็นหนมน่ากินเพียบเยย มีเยอะแยะไปหมด เค้าก็เลยนึกถึงตะเอง แล้วก็เลยซื้อมาฝากตะเองงาย”

     แม้จะฟังดูแล้ว... ค่อนข้างฟังยากกับภาษาที่เธอใช้ เนื่องจากไนน์เป็นพวกแบ๊วๆ ติดจะโก๊ะๆ หน่อยด้วยซ้ำ แต่ต้นน้ำรู้ดีว่านั่นเป็นบุคลิคของเธอ การกระทำของเธอไม่ได้เสแสร้งในแบบที่เรียกกันว่า“แอ๊บ” แตกต่างจากคนแบบเขาที่ใส่หน้ากากตลอดเวลา

     เพราะความที่อายุน้อยกว่าใครเพื่อน แถมเป็นลูกคนเล็กของบ้านท่ามกลางพี่ชายสามคน เธอเลยค่อนข้างทำตัวราวกับเป็นน้องสาวของใครต่อใครตลอดเวลา แม้จะมีคนแสดงออกว่าหมั่นไส้เธอ แต่เธอก็หาได้สนใจคำครหาของใคร เธอมีความสุขกับโลกส่วนตัวของเธอ บรรดาหนังสือทั้งหลายแหล่เป็นเพื่อนซี้ที่เธอรักมากที่สุด เรียกได้ว่าเธอเป็นเจ้าแม่การ์ตูนของห้องเลยก็ว่าได้ เวลาพักก็มักจะหมดไปกับการอ่านหนังสือต่างๆ ทั้งพวกนิยายและการ์ตูน คล้ายกับตัวเขา เพียงแต่ต่างชนิดหนังสือก็เท่านั้น

     “ไม่เห็นต้องลำบากเลย ไนน์ก็ให้ของขวัญเราตอนวันฉลองปีใหม่เมื่ออาทิตย์ก่อนไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

     “ก็มันไม่เหมือนกันอ๊ะ!”

     เด็กสาวขึ้นเสียงสูงพลางทำแก้มป่อง เธอยัดถุงขนมถุงโตที่ผูกโบว์สวยเก๋ใส่มือของเขาก่อนจะคล้องแขนลากเขาไปยังห้องเรียน

     “อันนั้นก็ส่วนอันนั้น อันนี้ก็ส่วนอันนี้ คราวก่อนเป็นของขวัญตามธรรมเนียมกิจกรรมปีใหม่ในห้อง แต่คราวนี้เป็นของขวัญพิเศษที่เค้าอยากให้ตะเองคนเดียว”

     ต้นน้ำก้มลงมองเด็กสาวที่กำลังฉอเลาะอยู่ข้างๆ

     “จะดีเหรอ... แล้วคนอื่นๆ จะไม่ว่าเอาเหรอ”

     เขารู้ดีว่ายังไงเสียก็มีกลุ่มเพื่อนสนิทของไนน์อยู่ แล้วหลายๆ คนในนั้นก็... เห็นแก่กิน ไม่สิ! ชอบทานขนมหวาน เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องผิดใจกับเพื่อนเพราะเขาเป็นต้นเหตุ

     “อื้อ ไม่เป็นไรหรอก เค้าซื้ออย่างอื่นมากฝากพวกปลาด้วยแล้ว!”

     คนตัวเล็กกว่าตอบพร้อมกับยิ้มแฉ่งให้เขา แถมยังชูมือนิ้วแสดงท่าวิคตอรี่เป็นการบ่งบอกว่าไม่มีปัญหา ต้นน้ำกับเด็กสาวจึงพากันเดินไปยังห้องเรียน และเมื่อคนทั้งคู่เข้ามาถึงยังห้องเรียนก็ได้เห็นแม็กซ์กับแก๊งหลังห้องจ้องมองพวกเขาตาขวาง

     “วี๊ววว หวานกันแต่เช้า”

     เสียงเป่าปากแซวดังมาจากคนทั้งกลุ่มอย่างจงใจหาเรื่อง ยกเว้นแม็กซ์ที่ยังคงใช้สายตาไม่พอใจจ้องมองมายังคนทั้งคู่ แต่ดูเหมือนจะเพิ่มแรงอาฆาตส่งไปให้สาวน้อยข้างกายเขามากเป็นพิเศษ! ส่วนต้นเหตุที่กำลังคล้องแขนต้นน้ำอวดแก๊งหลังห้องอยู่นั้นก็กำลังทำหน้ายิ้มเยาะอยู่ ต้นน้ำส่ายศีรษะอย่างปลงๆ พลางวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ เขานั่งลงและกำลังจะเริ่มทบทวนบทเรียนล่วงหน้าของวันนี้ แต่ทว่าไนน์ยังคงไม่ปล่อยให้เขาเป็นอิสระ เธอยังคงชวนเขาคุยต่อ

     “นี่ๆ ต้น ปีใหม่ตะเองไปไหนมาเหรอ?”

     “ทำไมเหรอ?”

     “ก็แจนอ่าสิ บอกว่าเห็นตะเองที่หัวหินด้วยแหละ จริงป่าว ตะเองไปเที่ยวหัวหินตอนปีใหม่มาเหรอ? แปลกเนอะปกติตะเองไม่ค่อยยอมไปไหนนี่นา”

     อาการเย็นวาบแผ่กระจายออกไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่หัวใจ ต้นน้ำรู้สึกตัวชาอย่างบอกไม่ถูก เขารู้ดีว่ามีใครบางคนกำลังสนใจบทสนทนานี้ แม้ตนเองจะนั่งหันหลังให้แต่เขารู้สึกได้ถึงสายตาแข็งกร้าวที่จ้องมองมา และขณะนั้นเองพวกของแจนก็เดินมาสมทบที่โต๊ะของเขาพอดี

     “แจ แจนก็ไปเที่ยวหัวหินเหมือนกันเหรอ”

     ต้นน้ำพยายามฝืนทักออกไป เด็กหนุ่มพยายามทำตัวปกติไม่แสดงพิรุธ หารู้ไม่ว่าเสียงของตัวเองนั้นเบาหวิวและการกระทำทุกอย่างก็อยู่ในสายตาของแม็กซ์

     “ใช่ เราไปเที่ยวกับครอบครัว เจอต้นที่ตลาดนัดจั๊กจั่น ตอนแรกเราไม่แน่ใจว่าใช่นายรึเปล่า จะไปทักต้นแล้ว แต่ว่าพอดีมีคนเดินมาหาต้นเป็นกลุ่มเบ้อเร่อซะก่อน ก็เลยว่าจะรอ แต่พอหันไปอีกที ต้นก็หายไปไหนแล้วไม่รู้”

     “อืม คงงั้นแหละ พวกเพื่อนๆ แม่เราขาช็อปกันทั้งนั้น”

     “เสียดายจัง ต้นใส่ชุดไปรเวทแล้วน่ารักดี เสียดายอดถ่ายรูปด้วยกันเลย”

     ว่าแล้วสาวน้อยชื่อแจนก็ทำตาเยิ้มแสดงสีหน้าชวนฝันออกมา ชวนให้บรรยากาศมาคุในจิตใจของต้นน้ำผ่อนคลายตามไปด้วย เพราะมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้รู้สึกผิดสังเกตใดๆ

     “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ก็แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ปกติน่ะแหละ”

     ต้นน้ำตอบขำๆ พลางยิ้มน้อยๆ และเพียงแค่เห็นเด็กหนุ่มยิ้มเท่านั้นแหละ สาวๆ ในกลุ่มทั้งหลายต่างก็แย่งกันพูดขึ้นมาทันทีอย่างกับนกกระจอกแตกรัง

     “ก็แหม... ปกติเห็นต้นแต่ชุดนักเรียนนี่ แถมชอบทำหน้านิ่งๆ ใครจะไปรู้ว่าพอจับต้นแต่งตัวเข้าหน่อยแล้วต้นจะหล่อระเบิด แถมยังเล่นกีตาร์ได้อีก เท่ชะมัดเลย”

     ต้นน้ำไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรกับปฏิกิริยาของสาวช่างฝันทั้งหลายที่รุมล้อมอยู่รอบตัวเขา เขารู้แต่ว่าตอนนี้ตัวเองผ่อนคลายแล้ว เด็กหนุ่มจึงสนทนาพูดคุยกับกลุ่มสาวๆ อย่างสบายใจ

     'เฮ้อ... ดีนะที่ไม่ใช่อย่างที่เราคิด ไม่งั้นต้องมีเรื่องยุ่งๆ ตามมาแน่'

     ต้นน้ำไม่รู้ตัวหรอกว่าระหว่างที่ตัวเองกำลังลอบคิดอยู่อย่างโล่งใจนั้น สายตาของตัวเองดันเผลอเหลือบไปทางหลังห้องเพื่อดูปฏิกิริยาของแม็กซ์ แต่เด็กหนุ่มหัวโจกคนนี้รู้! เขาสังเกตต้นน้ำตลอดเวลาและฟังบทสนทนาทั้งหมดพลางคิดอะไรในใจอยู่เงียบๆ

     “แม่ง! หมั่นไส้ไอ้ต้นว่ะ แค่ได้ขึ้นเวทีเล่นกีตาร์แทนชาวบ้านเขาหน่อยเดียวก็มาทำเท่ มึงดูมันสิวะ ทำเก็กใหญ่เลย คงนึกว่าสาวๆ หลงตัวเอง ไอ้ตุ๊ดเอ้ย!”

     ปาล์มบ่นขึ้นอย่างหมั่นไส้ เขาแสดงความอิจฉาต้นน้ำอย่างไม่ปิดบัง

     “ก็ความผิดมึงนั่นแหละ ถ้ามึงหัดจำคอร์ดให้แม่นๆ ไอ้ต้นมันก็ไม่ต้องเล่นแทนมึง”

     แต่แทนที่จะได้แนวร่วมเขากลับโดนกายสวนกลับ กายไม่พอใจเพื่อนสนิทเป็นทุนอยู่แล้วที่ทำเสียเรื่อง เดิมทีนั้นวงของพวกเขามีกันสี่คน คือปาล์มเล่นตำแหน่งกีตาร์คอร์ด เขาที่เล่นเบส อาร์มเล่นกลอง และแม็กซ์กีต้าร์ลีดควบตำแหน่งร้องนำ

     เขามั่นใจว่าตนเองเท่เป็นอันดับสองรองจากแม็กซ์ ยิ่งถ้ายืนเทียบกันแล้วเขาจะต้องเด่นกว่าปาล์มแน่นอน สาวๆ ต้องหันมาสนใจเขาเพิ่มขึ้นเพราะอาร์มที่เล่นกลองนั้นถือว่าตำแหน่งไม่เด่นมาก สาวไม่ค่อยกรี๊ดถ้าเทียบกับพวกเขาที่เล่นกีตาร์ และที่สำคัญคืออาร์มมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ต่างจากพวกเขา ทั้งๆ ที่เขามั่นใจว่าเวทีนี้ต้องทำให้เขาเกิดมีสาวมากรี๊ดไม่แพ้แม็กซ์

     แต่พอถึงวันจริง ปาล์มเกิดตื่นเวทีจำคอร์ดไม่ได้ แม็กซ์จึงให้ต้นน้ำที่ไม่รู้ว่าไปแอบซุ่มมาตั้งแต่ตอนไหนขึ้นมาเล่นคอร์ดให้แทน และนั่นก็ทำให้เกิดกระแสลมปั่นป่วนพัดพาความกรี๊ดไปทางทิศที่ชื่อว่าต้นน้ำแทนเขา! อีกทั้งต้นน้ำยังเป็นเด็กเรียนทำคะแนนได้ไม่เคยตกจากสิบอันดับแรกของโรงเรียน มิหน้ำซ้ำยังมีความประพฤติดี หน้าตาจัดว่าดี(พอสมควร) มีคุณสมบัติให้สาวกรี๊ดเป็นทุนอยู่แล้ว เพียงแค่ที่ผ่านมาเจ้าตัวมักจะเงียบๆ หงิมๆ ไม่ค่อยแสดงออกเลยทำให้ไม่เด่น

     ส่วนเรื่องล้อเลียนที่ชอบพูดกันว่า“ตุ๊ด”นั้น ที่ผ่านมานอกจากต้นน้ำจะไม่แสดงอาการใดๆ ตอบโต้ต่อคำล้อเลียนแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรผิดปกติไปจากเด็กผู้ชายคนอื่นๆ ถึงแม้จะไม่เคยมีข่าวเรื่องจีบสาวให้เห็น แต่ก็ไม่เคยแสดงอาการตุ้งติ้งหรืออาการชอบพอผู้ชายด้วยกัน แถมยังดูสนิทสนมกับเด็กสาวตัวเล็กที่ชื่อไนน์ผู้กุมหัวใจเขา

     'ฮึ่ย! หมั่นไส้โว้ย รอก่อนเถอะมึงไอ้ต้น มึงทำเท่ได้ไม่นานหรอก'

     “ก็ถ้ามึงไม่ไปรับปากเล่นรอบเช้าเลยกูก็ไม่มีปัญหาหรอก ไหนตอนแรกบอกว่าวงเราเล่นรอบบ่าย มึงอ่ะเสือกไปรับปากอาจารย์ว่าจะเล่นรอบเช้า กูก็เลยเตรียมใจไม่ทันดิวะ”

     ปาล์มเถียงกลับจนกายอ้าปากจะเถียงต่อ แต่ทว่าแม็กซ์กลับขยับตัว เอ่ยปากระงับเรื่องไร้สาระนี้ หยุดสงครามน้ำลายที่กำลังจะเกิดขึ้น

     “พวงมึงเลิกเถียงกันได้แล้ว กูผิดเอง กูเป็นคนให้ต้นมาเล่นแทนมึงปาล์ม แล้วกูว่าต้นมันคงไม่แย่งสาวไปจากมึงหรอกกาย”

     “มึงมั่นใจได้ไงวะแม็กซ์ ไม่แน่ จริงๆ ไอ้ต้นอาจจะโคตรหื่นคิดจะใช้โอกาสนี้จีบสาวอยู่ก็ได้ เห็นหงิมๆ มาตลอด พอได้ทีมันทำกร่างใหญ่ เนียนเปิดฮาเร็ม!”

     “ไอ้เชี่ยนี่ เลิกด่าต้นได้แล้ว กูบอกว่าต้นมันไม่มีวันแย่งผู้หญิงของมึงยังไงละวะ!”

     “เฮ้ย! แม็กซ์ มึงเป็นไรวะ? พักหลังๆ นี่มึงเข้าข้างไอ้ต้นตลอด พวกกูเป็นเพื่อนมึงนะเว้ย!”

     “พวกมึงเพื่อนกู ไอ้ต้นก็เพื่อนกู!”

     เสียงทุ่มเถียงกันที่เริ่มดังขึ้นและจบลงที่เสียงตะโกนอย่างเหลืออดของแม็กซ์ส่งผลให้คนทั้งห้องหันมามอง รวมทั้งต้นน้ำด้วย เด็กหนุ่มหันมามองแม็กซ์ด้วยสายตาที่เดาความหมายไม่ออก แต่แม็กซ์นั้นรู้ดีว่าจิตใจของตนปวดร้าวยิ่งนัก

     “พวกเราไปเข้าแถวกันเหอะ ได้เวลาล่ะ”

     ต้นน้ำชวนเด็กสาวกลุ่มนั้นเดินออกไปแล้ว... เขาทิ้งแม็กซ์ไว้กับบรรดาเพื่อนร่วมแก๊งที่กำลังมองมาด้วยสายตาแปลกๆ

     “มึงดูเพื่อนมึงแล้วกันแม็กซ์ เดินไปโน่นแล้ว มันเลือกสาวมากกว่ามึง”

     ปาล์มพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะพากันเดินออกไปกับกาย สวนกับตัวละครของแก๊งคนสุดท้าย อาร์มที่พึ่งมาถึงห้องเรียน

     “เฮ้ย! นี่กูพลาดไรไปป่าวเนี่ย? อ้าวพวกมึงเป็นไรกัน ทำหน้าหยั่งกะไปแดกขี้มา”

     เมื่อเด็กหนุ่มผู้ลั่นล้าไม่เข้ากับสถานการณ์ปล่อยมุขผิดเวลาร่ำเวลา อาร์มจึงถูกกายกับปาล์มลากออกไปทิ้งไว้เพียงแต่แม็กซ์ที่ยังคงมีปัญหาขบคิดในใจ

     'ขอให้เป็นผู้หญิงเถอะ กูจะไม่ว่าไรเลยปาล์ม ที่กูกลัว กูกลัวอย่างอื่นมากกว่า แต่เรื่องแบบนี้กูจะกล้าพูดกับพวกมึงตรงๆ ได้ยังไง'

============================================


เอาแย้ว ตัวละครปรากฏตัวออกมาเรื่อยๆ แล้ว   :katai5:

ไม่รู้เพราะอะไร ในภาค 2 อีตาแม็กซ์นี่แฟนคลับเยอะเหลือเกิน 80% ของคนอ่านจะปลื้มอีตานี่ทั้งนั้น แต่พี่ชัชคือพระเอกนะ!
ส่วนคนแต่งนะเหรอ... ชอบหนุ่มอาร์มมากจนแอบแต่งบทที่เขี่ยคนอื่นทิ้งในใจคนเดียวเงียบๆ เพราะพ่อหนุ่มคนนี้มุ้งมิ้งดีจริงๆ นะ หึ หึ ถ้าแม็กซ์=แบดบอยสุดเลว อาร์มก็=ผู้ชายแสนดีละวะ!
แต่ก็นะ สุดท้าย คนที่จะเป็นพระเอกของนิยายเรื่องนี้ได้ก็คือคนที่ต้นเลือก เราต้องคิดแบบตัวละคร ไม่ใช่เอาแต่ใจยัดเยียดให้ใครเป็นพระเอกเพราะชอบคนๆ นั้น ชอบคาแรคเตอร์แบบนั้น เวลาแต่งต้องคิดแค่ว่าต้นจะชอบคนแบบไหน จะรู้สึกยังไงกับคนแบบนี้? เขาน่าจะไปได้ดีกับใคร? เพราะคนแต่งต้องคิดแบบนั้น ต้นก็เลย.... เฮ้อ
หัวข้อ: Re: [บท6#22/7/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ "ต้นเป็นชาวไร่ ขายสตรอเบอร์รี่" MAXกล่าว
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 22-07-2014 17:34:13
ถ้าน้องต้นจะตอฯขนาดนี้ เปิดร้านขายสตรอเบอร์รี่เลยมั้ย?


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================


     เย็นวันเดียวกัน ขณะที่ต้นน้ำกำลังจะกลับบ้าน ไนน์เดินมาหาต้นน้ำอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอเอากล่องของขวัญขนาดกลางกล่องหนึ่งมาด้วย ของขวัญถูกห่อมาด้วยอย่างดีใส่อยู่ในถุงหิ้วสกรีนลายห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง

     “ตะเอง ลุงเขาฝากมาให้”

     “ไนน์ เราว่าเราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วนะ”

     “อ้าว แต่เมื่อเช้าตะเองยังรับของขวัญจากเค้าเลยนี่?”
 
     “ก็เพราะเรากับไนน์เป็นเพื่อนกัน แต่เรากับคนพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องไม่ได้เป็นอะไรกัน เราไม่อยากรับของจากคนที่เรารู้ไม่จัก”

     “แต่ลุงเขาเป็นพ่อแท้ๆ ของต้นนะ”

     “ถ้าไนน์ยังอยากเป็นเพื่อนกับเราอยู่อย่าทำให้เราลำบากใจเลยนะ เราขอร้อง”

     “แต่ว่า...”

     “นะ ถือว่าเราขอร้อง”

     ต้นน้ำอ้อนวอนไนน์ด้วยสายตาจนไนน์ยอมแพ้ เธอต้านทานสายตาเศร้าๆ ของเขาไม่ได้จริงๆ

     “ก็ได้ ไม่เอาก็ไม่เอา …แต่ว่า ตะเองอย่าเกลียดเค้านะ เค้าไม่อยากเลิกเป็นเพื่อนกับตะเอง อย่ารำคาญเค้านะ”

     “อืม ไนน์เป็นเพื่อนคนสำคัญของเรา เราไม่รำคาญไนน์หรอก”

     ต้นน้ำพูดก่อนจะเก็บของใส่กระเป๋าและเดินออกจากห้องเรียน ทิ้งให้ไนน์ต้องมองตามแบบไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของเด็กหนุ่มสักเท่าไหร่

     “ว้า... งี้ก็ต้องเอาของให้ป๊าไปคืนลุงต้นน่ะสิเนี่ย”

     และขณะที่แจนกำลังจะกลับบ้าน เธอนึกไม่ถึงว่าจะมีคนดักรอเธออยู่ เด็กหนุ่มยิ้มให้แจนทันทีที่เธอมองมาทางเขา ภาพของหนุ่มหล่อหน้าตาดีคงจะทำให้ใครหลายๆ คนอิจฉา แม้แต่ตัวเธอเองยังแปลกใจที่คนๆ นี้มารอพบเธอ

     “แม็กซ์ มีไรป่าว?”

     “เราถามไรเธอหน่อยดิ”

     “เรื่อง?”

     “ไปเดินเล่นซีค่อนกัน เดี๋ยวเลี้ยงติม”

     แม้จะแปลกใจที่จู่ๆ หนุ่มฮอทของโรงเรียนก็มาชวนเธอไปเดท เอ้ย! ไปเที่ยวห้าง แต่ว่ามีโอกาสได้ควงหนุ่มหล่อทั้งทีใครจะไม่เอาล่ะ แม็กซ์เป็นเจ้ามือเลี้ยงไอศครีม แจนรู้สึกราวกับโชคหล่นทับ! แม้ใจจริงจะชอบแนวคุณหนูเงียบๆ แบบต้นน้ำมากกว่าลุคแบดบอยแบบแม็กซ์ แต่เธอไม่มีปัญหา!

     “ว่าแต่ แกมีไรจะถามเรา”

     “เรื่องต้น เธอเห็นต้นที่หัวหินจริงเหรอ?”

     “ก็เออสิย๊ะ ต้นก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอไงว่าไปหัวหินมา”

     “แล้วเธอเห็นรึเปล่าว่าต้นไปกับใคร”

     “โอ๊ย... คนมันตั้งเยอะ เห็นอยู่ไกลๆ แถมมากันตั้งหลายคน ใครจะไปจำได้”

     “แล้วในกลุ่มนั้นมีแม่ต้นด้วยหรือเปล่า?”

     ไม่แปลกที่เด็กทั้งสองจะรู้จักผู้เป็นมารดาของต้นน้ำ แม้คุณนายสายธารจะงานยุ่ง แต่กิจกรรมอะไรที่ผู้ปกครองจำเป็นต้องมา เธอก็พยายามแลกเวรมาได้เกือบทุกครั้ง ทำให้เพื่อนฝูงมีโอกาสได้พบเจอมารดาของต้นน้ำอยู่บ้าง

     “อืม... พูดแล้วเราก็แปลกใจเหมือนกันนะ เพราะไม่เห็นแม่ต้นเลย มีแต่สาวๆ ทั้งนั้น แถมในกลุ่มนั้นยังเรียกกันว่าคุณหมอๆ ไรนี่แหละ เรายังงงเลย ก็ต้นน่ะไม่มีพ่อใช่มั้ยล่ะ หวังว่าผู้ชายคนนั้นคงไม่ใช่พ่อต้นหรอกมั้ง ยังหนุ่มๆ อยู่เลย”

     “งั้น คนที่อยู่กับต้นตอนแรกล่ะ ลักษณะเป็นไงเหรอ?”

     “เป็นไงเหรอ? ….. อืม... ก็... สูงๆ หุ่นล่ำหยั่งกะนายแบบ คงอายุราวๆ สามสิบมั้ง แต่หล่อชะมัดเลยล่ะ”

     พอนึกถึงผู้ชายหล่อๆ คนที่อยู่กับต้นน้ำเธอก็อดใจไว้ไม่อยู่เผลอทำสีหน้าเคลิบเคลิ้ม แต่ทว่ารอบนี้แม็กซ์กลับไม่ได้สนใจจะหมั่นไส้สีหน้าของเธอแม้แต่น้อย เขากำลังคิดหนักอยู่เช่นกันจึงไม่มีอารมณ์จะไปใส่ใจสีหน้าของคนอื่น

     'ยังไม่แก่งั้นเหรอ ไม่ใช่พ่อต้นแน่ๆ มันเป็นใครกัน ต้น...'

     “เออ! เราเห็นเขาทำหน้าเครียดๆ ตอนคุยกับต้นด้วยอ่ะ แต่พอคนอื่นๆ มานะ พี่แกก็ทำเฉยๆ ต้นเองก็ทำท่าแปลกๆ เราเลยไม่กล้าเข้าไปทัก”

     “ยังไง?”

     “ก็ตอนที่เราเห็นอ่ะ ต้นกำลังนั่งคุยกับผู้ชายคนนั้นอยู่ตรงลานถ่ายรูป เราว่าจะไปหาต้นละชวนมาถ่ายรูปกันแต่ต้นอ่ะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เลย เราเลยไม่กล้าเดินไปทัก กลัวเขากำลังดราม่ากันอยู่ แต่พอคนอื่นๆ มานะ ทั้งคู่ดันยิ้มเฮฮาซะงั้น ละนายจะอยากรู้ไปทำไมเหรอ?”

     “ไม่มีไรหรอก ช่างเถอะ”

     แม็กซ์ตัดบทพลางตัดสินใจอะไรบางอย่าง

     “รีบกินเหอะ เราอยากกลับบ้านแล้ว”

     “ไรอ่ะ ชวนเรามากินติมแล้วทำงี้เหรอแก!”

     “อิ่มยังล่ะ ไม่อิ่มก็รีบสั่งรีบกินเลย เร็ว จะได้กลับบ้านซะที!”

     “อะไรกัน!”

============================================


     แม้จะได้ชื่อว่าเป็นแฟนกันแล้วแต่ต้นน้ำกับชัยชัชก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก เนื่องจากชัยชัชยังงานยุ่งเหมือนเดิม ต้นน้ำไม่อยากรบกวนเวลาของชัยชัชมากเกินไป เขาไม่อยากถูกมองว่าเอาแต่ใจหรือทำนิสัยเด็กๆ ให้ชัยชัชรำคาญ ประกอบกับการสอบวิชาหลักใกล้เข้า พวกเขาจึงตกลงกันว่าเอาไว้ต่างคนต่างเสร็จเรื่องแล้วพวกเขาค่อยมาคุยกันอีกที

     หลายวันต่อมา ต้นน้ำตื่นแต่เช้าตรู่อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปโรงเรียนตามปกติ แต่ทว่า… เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาเรียกให้เขาต้องแปลกใจ

     'ใครกันโทรมาแต่เช้า?'

     “ต้น แม็กซ์จะรออยู่ที่แมค แวะมาคุยกันหน่อยดิ”

     “คุยที่โรงเรียนไม่ได้เหรอ?”

     “อย่าเลย เรื่องนี้แม็กซ์อยากคุยกับต้นสองคน ไม่อยากให้คนอื่นเสือก”

     แม้ในใจไม่อยากเผชิญหน้ากันแต่ต้นน้ำก็รู้ดีว่าเลี่ยงไม่ได้ นับตั้งแต่ที่แม็กซ์ทำตัวแปลกไป เหมือนจะคอยตามเอาใจใส่เขาเกินเพื่อน ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขามากเกินเหตุ เขารู้ดีว่าเวลานี้ต้องมาถึงสักวัน แต่ทุกอย่างมันผิดแผนเพราะชัยชัชก้าวเข้ามาในชีวิตเขา ต้นน้ำจึงได้แต่ปลอบใจตัวเอง

     'ช่างมันเถอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด'

     ต้นน้ำไปตามคำชวน แม็กซ์นั่งรอเขาตรงโต๊ะด้านนอกของร้านอาหาร มุมข้างๆ ร้านตรงนั้นมีโต๊ะและเก้าอี้อยู่ชุดหนึ่ง และข้างๆ กันก็มีเก้าอี้ที่พี่โรนัลด์นั่งอยู่ บริเวณที่นั่งมีกระถางต้นไม้ประดับไว้ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว

     “มีธุระอะไรเหรอแม็กซ์ ทำไมไม่รอคุยกันที่โรงเรียน เรียกเรามานี่เดี๋ยวก็ไปสายหรอก”

     “แม็กซ์อยากคุยกับต้นเรื่องของเรา”

     “ถ้าเป็นเรื่องนั้นเราพูดชัดเจนแล้วนะแม็กซ์ แล้วเราก็อยากให้มันจบด้วย เราไม่อยากคุยกับแม็กซ์เรื่องนี้อีก”

     ต้นน้ำพยายามตัดบทความสัมพันธ์อย่างรวบรัด แต่ทว่าที่เขานึกไม่ถึงก็คือ...

     “แต่แม็กซ์ชอบต้นนะ”

     ต้นน้ำอึ้งไปทันทีที่ถูกสารภาพรัก แต่แล้วก็เหยียดยิ้มออกมา

     “ไม่หรอก แม็กไม่ได้ชอบเราหรอก แม็กซ์แค่อยากเอาชนะเรา แม็กซ์อยากได้เราก็แค่นั้นแหละ”

     “ไม่ใช่นะ! จริงอยู่ตอนแรกแม็กซ์อาจจะคิดง่ายๆ แบบนั้นกับต้น แต่... แต่แม็กซ์ไม่เคยแคร์ใครเท่าต้นนะ! ทำไมอะต้น? ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม็กซ์นึกว่าต้นชอบแม็กซ์ซะอีก ถึงได้ขอนอนกับแม็กซ์!”

     “แต่เราก็ไม่เคยพูดว่าชอบแม็กซ์นี่ เราแค่ขอมีอะไรด้วย เพราะแม็กซ์เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเรา แม็กซ์ก็รู้เหตุผลไม่ใช่เหรอว่าเพราะอะไร”

     เสียงของต้นน้ำราบเรียบผิดกับอารมณ์ของแม็กซ์ ภายในใจของเขาลุกเป็นไฟเมื่อเห็นความเย็นชาของต้นน้ำ

     “แล้วเรื่องที่มันเกิดขึ้นระหว่างเราละต้น แม็กซ์ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลยนะ แม็กซ์พยายามเพื่อต้นมากแค่ไหนต้นก็รู้! ต้นไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ?”

     “ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้คิดแบบนั้นกับนายจริงๆ เราเห็นนายเป็นแค่เพื่อนมาตลอดนะแม็กซ์”

     “แต่เราสองคนก็มีอะไรกันแล้วนะต้น ต้นไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ? ทำไมถึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา อย่าทำกับแม็กซ์แบบนี้ดิ ขอร้อง...”

     น้ำเสียงของแม็กซ์ช่างเจ็บปวดรวดร้าว เขาแทบจะร้องไห้อ้อนวอนคนตรงหน้าด้วยซ้ำ แต่ต้นน้ำยังคงมีสีหน้าเฉยเมยเหมือนคนไม่มีหัวใจ ใบหน้าที่เชิดคางขึ้นเล็กน้อยจ้องมองแม็กซ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาเปล่งเสียงเย็นชาออกมาจากคอที่เกร็งจนหายใจลำบาก

     “นั่นเขายังไม่เรียกว่าเซ็กส์หรอกนะแม็กซ์ เราสองคนไม่ได้จูบกันด้วยซ้ำ แถมแม็กซ์เองก็เคยนอนกับผู้หญิงที่มาปลื้มแม็กซ์ไม่ใช่เหรอ แม็กซ์ก็ไม่ได้รักคนพวกนั้นเหมือนกัน มันก็แค่การตอบสนองทางร่างกายของแม็กซ์ไม่ใช่เหรอ”

     “แต่แม็กซ์จริงจังนะ! แม็กซ์ให้ความสำคัญกับต้นยังไงต้นก็เห็น แม็กซ์อุตส่าหยุดตามที่ต้นขอ เพราะต้นพิเศษสำหรับแม็กซ์จริงๆ แม็กซ์อยากให้ต้นเต็มใจ”

     แม็กซ์ต้องหยุดเพื่อรวบรวมสติตัวเอง เขาไม่อยากโมโหใส่ต้นน้ำ เขาสูดลมหายใจก่อนจะสบตากับต้นน้ำ พยายามใช้สายตาสื่อความในใจของตน

     “แม็กซ์รักต้น”

     “แม็กซ์ก็แค่อยากให้เราเป็นของแม็กซ์จริงๆ เพราะที่ผ่านมาแม็กซ์ต้องการใครแม็กซ์ก็ได้หมด ครั้งนี้แม็กซ์แค่เจ็บใจที่มันพลาดเท่านั้นแหละ ก็เป็นแค่วิธีเอาชนะของนายเท่านั้นอย่าพูดถึงเรื่องความรักอะไรนั่นเลย มันไม่เกี่ยวกันหรอก”

     ต้นน้ำพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก สีหน้าของเด็กหนุ่มราวกับกำลังสวมหน้ากากเรียบเฉยไร้ชีวิตชีวา เขาสะกดหัวใจของตนให้ตายด้านจนสะท้อนแต่ความเย็นชาให้กับแม็กซ์

     “เข้าโรงเรียนเถอะแม็กซ์ เดี๋ยวจะไปสาย”

     “แม็กซ์รักต้นจริงๆ นะ ขอร้อง อย่าทำแบบนี้ อย่าทำเหมือนเราสองคนไม่เคยมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน”

     สีหน้าของแม็กซ์แฝงไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่าง น้ำเสียงที่แม็กซ์ใช้ก็ยิ่งบีบคั้นจนใจของต้นน้ำสั่นไหว

     “คบกันนะต้น เป็นแฟนกับแม็กซ์นะ”

     “แล้วแม็กซ์ไม่กลัวคนอื่นล้อเอารึไงว่าเป็นเกย์ แม็กซ์ทนได้เหรอ?”

     “แม็กซ์ไม่สน แม็กซ์รู้แต่ว่าแม็กซ์ต้องการต้น”

     แววตาจริงจังของแม็กซ์ทำให้ต้นน้ำจำต้องหลบสายตา

     “ขอโทษนะ แต่ว่าใกล้สอบวิชาหลักแล้วเราไม่อยากคิดเรื่องนั้นตอนนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มันรบกวนสมาธิเรา แม็กซ์เลิกพูดเรื่องนี้ซักพักได้มั้ย? พวกเรายังเด็กอยู่นะแม็กซ์ เรื่องสำคัญตอนนี้คือเรื่องเรียน ไหนจะยังเรื่องแอดมิชชั่นอีก เราไม่อยากคิดเรื่องพรรณนั้นตอนนี้ พวกเราเป็นแค่เพื่อนกันไปก่อนไม่ได้เหรอ? แม็กซ์เองก็ด้วย ครูปรัชญ์ฝากให้เราดูแลแม็กซ์ เราอยากให้เราสองคนติวหนังสือกันได้สะดวกใจกันทั้งสองฝ่าย ถ้าแม็กซ์ยังไล่ต้อนเราแบบนี้อีกเราอึดอัด เราคงวางตัวลำบากถ้าต้องอยู่ด้วยกัน”

     “โธ่ต้น...”

     “เราเลิกคุยเรื่องนี้แล้วเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ?”

     ต้นน้ำช้อนตาขึ้นมองแม็กซ์ สายตาของเขามีแต่ความกังวล แม็กซ์เห็นความกลัวแฝงอยู่ในนั้น เขายอมแพ้...

     “แล้วเมื่อไหร่ต้นถึงจะเปิดใจให้แม็กซ์ล่ะ?”

     “ขอเวลาให้เราซักพักนะ ถือว่าเราขอร้อง แต่ตอนนี้พวกเรารีบไปโรงเรียนเรียนกันก่อนเถอะ เราไม่อยากให้นายสายอีก“

     แม็กซ์มองรอยยิ้มกล้าๆ กลัวๆ กับมือที่ดึงชายเสื้อตนแล้วก็ใจอ่อน เขารู้ดีว่านี่คือวิธีบ่ายเบี่ยงของต้นน้ำ แต่เขาไม่อยากขัดใจคนที่ตัวเองรัก

     แม้จะไม่มีคำตอบจากแม็กซ์นอกจากแววตาตัดพ้อ แต่ว่าเขาก็หยิบกระเป๋านักเรียนของตนขึ้นมาและเดินนำต้นน้ำไปทางทิศที่โรงเรียนของทั้งสองตั้งอยู่ ต้นน้ำจึงแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก!

============================================


กรุณาอย่าบอกว่าสงสารแม็กซ์ นายคนนี้ถูกเขียนให้ติดสกิลพระเอก เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้!
เชื่อว่าอีตาแม็กซ์จะได้กองอวยเพียบจากฉากนี้  :hao7:

มีทั้งเย็นชา โกหกหน้าตาย พูดเองเจ็บเอง ออดอ้อน ตอแหล และล่อลวง นี่มันคุณสมบัติตัวเอกรึนี่! เคะแบบนี้คนอ่านจะปลื้มมั้ยนะ ฮ่าๆ

แต่ถ้าวิเคราะห์ตัวละครแล้วจะเห็นว่าต้นก็ไม่กล้าแตกหักกับแม็กซ์เหมือนกันนะ ชอบแม็กซ์พอสมควร ไม่อยากเสียแม็กซ์ไป แต่ความรู้สึกที่มีมันไม่ใช่แบบที่ต้นมีต่อพี่ชัช คนแต่งบอกแค่นี้เพราะที่เหลือเป็นปมของฮี ฮ่าๆ

นิสัยไม่ดีแบบนี้สมควรถูกลงโทษจริงๆ เล้ย  :katai2-1:
เป็นเคะไม่รักนวลสงวนตัวได้ไง อ่อยพระเอก วิ่งไปขอนอนกับพระรอง เหอๆ เพลียกับน้องต้นมั้ย ฮีลำไยเนอะ!
หัวข้อ: [บท6#25/7/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - แผนการณ์ของเด็กเลี้ยงแกะจอมดราม่า
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 25-07-2014 16:16:06
ยังรักกันอยู่มั้ย? อย่าเกลียดน้องต้นเลยนะ


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     'เรื่องทั้งหมดมันเริ่มต้นตรงไหนนะ?'

     ต้นน้ำคิดอย่างใจลอย

     'ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชายคนนั้น ชีวิตเราก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้!'

     ต้นน้ำกล่าวโทษโยนความผิดทุกอย่างไปให้ผู้ชายคนนั้น คนที่เขาเกลียด คนที่ทำให้เขาเกิดมาบนโลกใบนี้ คนที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันยุ่งขึ้น แม้แต่ในเวลาที่เขากำลังจะมีความสุข ผู้ชายคนนั้นก็ปรากฏตัวตามมาสร้างเรื่องยุ่งๆ ให้เขาอีกจนได้

     จริงอยู่ เรื่องทุกอย่างเขาเป็นคนลงมือกระทำเอง ไม่มีใครบังคับหรือขีดเส้นให้เขาเดิน การกระทำทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของเขาแต่เพียงผู้เดียว แต่ว่า... คนที่บังคับให้เขาต้องตัดสินใจแบบนี้ก็คือผู้ชายคนนั้น!

     แม้ต้นน้ำจะมีไม่พ่อ แต่เขาก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามประสาเด็กเงียบๆ ไม่เคยเกเร ตั้งใจเรียน พยายามเป็นลูกที่ดีเพื่อให้แม่ของตนภูมิใจ ตื่นเช้าไปโรงเรียน ตกเย็นรีบกลับบ้านทำการบ้านท่องหนังสือ ช่วยงานบ้านแล้วก็เข้านอน เป็นเช่นนี้เกือบทุกวันจนกระทั่งช่วงมัธยมศึกษาปีที่ห้า เพื่อนคนหนึ่งของเขาได้ชวนไปงานวันเกิด ไนน์บอกว่าเธอรู้สึกดีกับเขาเป็นพิเศษเพราะเขาช่วยเธอให้รอดพ้นจากข้อหาแย่งแฟนรุ่นพี่ เธออยากให้เขาไปด้วยเพราะอยากแนะนำให้ที่บ้านรู้จัก ต้นน้ำจึงขอมารดาไปงานวันเกิดเพื่อน แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะได้พบพ่อบังเกิดเกล้าที่นั่น!

     คุณต้นตระการรู้จักสนิทสนมกับครอบครัวของไนน์มาตั้งแต่รุ่นอากง จึงไม่แปลกที่งานเลี้ยงวันเกิดหลานสาวคนเล็กอายุครบสิบหกปีจะเต็มไปด้วยแขกเหรื่อรุ่นใหญ่ ในเมื่อบรรดาพี่ชายทั้งสามของเธอนั้นต่างก็ยังโสด(และรวย) งานเลี้ยงใหญ่โตโอ่อ่าของครอบครัวจึงเป็นเวทีให้พวกผู้ดีมีชาติตระกูลทั้งหลายพากันนำลูกสาวมาออกงานหวังได้ดองเครือญาติ แล้วยิ่งป้าสะใภ้ของเขาเองก็เป็นพี่สาวแท้ๆ ของคุณพ่อไนน์ ทั้งสองครอบครัวจึงสนิทกันเป็นพิเศษ

     คุณป้าท่านพึ่งเสียสามีและลูกชายไปในอุบัติเหตุจึงยังรู้สึกโศกเศร้าไม่คลาย คุณปู่ของเขาเช่นกัน ท่านต้องเสียทั้งลูกชายคนโตและหลานชายคนเดียวไปพร้อมๆ กัน คุณปู่ของเขาจึงได้เดินทางมางานวันเกิดหลานของเพื่อนซี้พร้อมกันกับลูกสะใภ้ทั้งๆ ที่ท่านเองก็สุขภาพไม่แข็งแรง และก็ได้บังคับให้คุณพ่อของเขาควงภรรยาและลูกสาวคนเดียวมาเปิดตัวพร้อมกัน เนื่องด้วยพี่ษา หรือนางสาววริษา รัตนมงคลไชย พี่สาวคนละแม่ของเขาคือผู้ที่คุณปู่วางตัวอยากให้รับช่วงดูแลกิจการทั้งหมดของครอบครัว เพราะมีแกะดำในตระกูลที่ไม่เอาถ่าน ไม่ยอมทำการทำงานดีแต่ผลาญสมบัติไปวันๆ เช่น คุณลุงรอง พี่ชายคนที่สองของคุณพ่อ จนถูกคุณปู่ขู่จะตัดหางปล่อยวัด ส่วนคุณป้าสะใภ้ของเขานั้นก็เรียกได้ว่าเป็นแม่หม้ายสามีตายไร้บุตรธิดาอยู่ดูแลพ่อสามีไปวันๆ

     ในงานนั้นต้นน้ำยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนจากโรงเรียน คุยกันเรื่อยเปื่อยรับประทานอาหารและขนมกันอย่างสนุกสนาน ไม่ได้สนใจงานเลี้ยงใส่หน้ากากของพวกผู้ใหญ่ เขาไม่ได้ใส่ใจใครเลยจนกระทั่งถึงเวลาที่เด็กๆ ควรแยกย้ายกันกลับบ้าน คุณแม่ของเขาเป็นห่วงจึงบอกว่าจะมารับ แต่เพราะความที่เขาต้องอยู่รอจนเหลือเป็นคนสุดท้ายในขณะที่คนอื่นๆ กลับกันไปหมดแล้ว ต้นน้ำจึงได้นั่งคุยกับไนน์และพี่ชายจนดึก เป็นจุดเด่นให้แขกคนอื่นๆ พากันให้ความสนใจ

     และที่นั่นเองที่แม่ของเขาได้พบกับผู้ชายคนนั้นพร้อมกันทั้งครอบครัว เมื่อแม่ของเขาก้าวเข้ามาในงาน ความสวยสง่าในชุดแอร์โฮสเตสต่างดึงดูดความสนใจจากผู้คนรวมทั้งผู้ชายคนนั้น! แม่ของเขาตกใจมากและพยายามเร่งให้เขาบอกลาทุกคนเพื่อกลับบ้าน แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ต้นน้ำก็เชื่อฟังมารดา เขาบอกลาไนน์และเดินตามผู้เป็นแม่ออกมาจากงานทันที สองแม่ลูกพากันเดินอย่างรวดเร็วจนเกือบจะเป็นวิ่งเพื่อหนีจากสายตาของคนกลุ่มนั้น เรื่องมันไม่ควรจะมีอะไรตามมาเพราะผู้ชายคนนั้นไม่ใยดีอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย

     'เขาไม่ได้ต้องการเรามาตั้งแต่แรกแท้ๆ เผลอๆ จากสีหน้าเยียดหยามอาจจะคิดไปว่าเราเป็นลูกของแม่กับผู้ชายคนอื่นก็ได้'

     แต่ทว่าเรื่องมันก็เกิดขึ้นจนได้เมื่อคนที่ติดใจสงสัยคือคุณปู่ของเขาเอง ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสืบว่าต้นน้ำเป็นใครมาจากไหน เนื่องจากเด็กมัธยมที่มาในงานนั้นมีน้อยแทบนับคนได้หากเทียบกับบรรดาแขกเหรื่อไฮโซ โดยเฉพาะเมื่อเขาเป็นเพื่อนสนิทกับไนน์เจ้าของวันเกิดนั่นเอง!

     และเพราะเหตุนั้น หัวหน้าตระกูลรัตนมงคลไชยจึงสั่งให้ลูกชายคนเล็กจัดการเรื่องรับตัวเขาไปเป็นคนของรัตนมงคลไชยให้จงได้! อีกทั้งคุณปู่ยังดูดีอกดีใจที่เห็นไนน์สนิทชิดเชื้อกับเขาราวกับต้องการเห็นหลานสองคนเกี่ยวดองกันตามรุ่นลูก

     แต่เขาไม่ใช่รัตนมงคลไชย! เขาคือนายต้นน้ำ พิสุทธิจักร ลูกของแม่สายธาร พิสุทธิจักร! และเพราะแบบนั้น เขาจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อตอกกลับคนพวกนั้น! แม้เขาจะไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ในตระกูลจะคิดยังไงกับเขา แต่เขาต้องการให้ผู้ชายคนนั้นรู้ว่า เขาจะไม่มีวันเป็น ไม่มีวันยอมรับ และไม่มีวันถ่ายทอดสายเลือดของตระกูลไปให้ใครอีกเด็ดขาด! และแล้วแผนการณ์ทุกอย่างก็เริ่มขึ้น

     'ไม่สิจริงๆ แล้ว เราแค่อยากจะทำอะไรก็ได้ให้ถูกเกลียด ให้คนพวกนั้นรังเกียจจนเลิกมายุ่งกับชีวิตเราต่างหาก'

     เรื่องราวทุกอย่างมันช่างประจวบเหมาะเหลือเกิน ก่อนหน้านั้นไม่กี่เดือน ในวันเข้าค่าย ต้นน้ำบังเอิญไปรู้ความลับของแม็กซ์กับเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งที่เป็นตุ๊ด แม็กซ์เป็นพวกเสเพล คงอยากรู้อยากลอง เรียกได้ว่าความพลุ่งพล่านมันไม่เข้าใครออกใคร

     คนทั้งสองตกใจมาก แม็กซ์ถึงขั้นข่มขู่เขาเสียด้วยซ้ำ แต่ท่าทีวางเฉยประหนึ่งไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์อะไรทั้งสิ้นของต้นน้ำก็ทำให้แม็กซ์เบาใจ เขาเลิกระแวงต้นน้ำแต่ยังไม่ไว้ใจเต็มร้อยจึงมาพูดคุยกับต้นน้ำตัวต่อตัว แต่ทว่าคำตอบที่ต้นน้ำมีให้คือ “มันไม่ใช่เรื่องของเรา เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องของนาย”

     เพียงเท่านั้นเองที่ทำให้แม็กซ์ไม่ทำอะไรเขา เจ้าตัวลดละเลิกการกลั่นแกล้งและคอยปรามเพื่อนให้ เพราะผลการเรียนห่วยๆ ของแม็กซ์นั่นแหละเป็นสาเหตุให้อาจารย์ที่ปรึกษาย้ำเขาให้คอยช่วยแม็กซ์ และเมื่อได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากๆ แม็กซ์ก็เริ่มเปิดใจให้เขาทำดีกับเขามากขึ้น แผนการทั้งหมดจึงเริ่มขึ้น...

     แต่เดิมต้นน้ำตั้งใจแค่อยากเกาะกลุ่มกับอีกฝ่าย เขาคิดว่าแม็กซ์จะเป็นคนกันไนน์ให้ห่างเขาออกไป เพราะต้นน้ำรู้ดีว่ามีเพื่อนในกลุ่มของแม็กซ์คนหนึ่งที่แอบชอบไนน์อยู่ เขาคิดว่าแม็กซ์ต้องช่วยเพื่อนแน่นอน โดยการดึงเขาให้ห่างออกมา แต่ทว่า... เหมือนเสือกับแมวปะฉะดะกันแท้ๆ ยิ่งไนน์พยายามทำตัวสนิทสนมกับเขา พยายามโน้มน้าวให้เขาใจอ่อนยอมรับบิดามากเท่าไหร่ คนที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอย่างแม็กซ์ก็ยิ่งรำคาญ และเอาเรื่องกับไนน์มากขึ้นเท่านั้น

     ต้นน้ำไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่เขารู้สึกได้ว่ายิ่งพอไนน์รู้ว่าเขาเป็นหลานอากง ไนน์ก็ยิ่งพยายามทำตัวสนิทสนมกับเขาแบบคนที่มีความเกี่ยวข้องกันมากขึ้น ทำให้คนอื่นๆ ในห้องสงสัยพากันนินทาพฤติกรรมของไนน์ แต่ก็เป็นเขาอีกนั่นแหละ ที่ขอร้องให้ไนน์ปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ให้เพื่อนๆ ของเขารู้แค่ว่าเขาไม่มีพ่อก็พอ เขาไม่อยากมีเรื่องอะไรให้คนอื่นมาสนใจโดยเฉพาะเรื่องละเอียดอ่อนอย่างเรื่องครอบครัว

     'คนอื่นจะมองแม่แบบไหน เราไม่อยากให้แม่ถูกพูดจาไม่ดีใส่...'

     เมื่อไนน์ทำตัวสนิทสนมกับเขามากขึ้นทางฝั่งผู้ใหญ่ก็ยิ่งดีใจ นายต้นตระการพยายามคุยกับเขาเรื่องรับเขาเป็นบุตรบุญธรรมบ่อยขึ้นจนน่ารำคาญ แรกๆ คุณแม่เขาก็กีดกัน แต่ต่อมาก็บอกว่าให้เขาตัดสินใจเอาเอง “แม่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นอีก ให้ลูกเป็นคนตัดสินใจ”

     และเหมือนโชคชะตาเล่นตลก เขาบังเอิญได้พบกับผู้ชายคนนั้นโดยการจัดฉากของไนน์ที่หวังจะให้พ่อลูกได้พบกันโดยมีแขกไม่ได้รับเชิญอย่างแม็กซ์เข้ามาเอี่ยวถูกลากเข้าไปเกี่ยวด้วยเต็มๆ ท่าทีดูถูกเหยียดหยามที่คุณต้นตระการมีต่อนักเรียนเกเรแบบแม็กซ์สะใจเขาที่สุด เมื่อเขารู้ว่าพ่อของเขารังเกียจคนที่มีบุคคลิคแบบใดเขาจึงคิดแผนนี้ขึ้น แผนการณ์ที่จะรวมเอาสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นเกลียดทุกๆ อย่างมาใส่ไว้ในตัวเขาให้มากที่สุด!

     เขาตัดสินใจใช้แม็กซ์เป็นเครื่องมือ ถ้าผู้ชายคนนั้นได้รู้ว่าลูกชายของตัวเองที่เกิดกับผู้หญิงที่ตนรังเกียจนั้นเป็นเกย์แถมยังคบอยู่กับเด็กเกเรแบบแม็กซ์ ผู้ชายคนนั้นจะต้องรู้สึกอับอายขายหน้าจนไม่อยากมาข้องแวะกับเขาอีกแน่ๆ เขาคิดว่าคนที่ห่วงชื่อเสียงแบบผู้ชายคนนั้นคงไม่มีทางอยากได้แกะดำครึ่งๆ กลางๆ แบบเขาไปใช้นามสกุล ต้นน้ำจึงเริ่มเดินหมากทั้งหมดเพื่อหลอกล่อให้แม็กซ์เดินตามเกมของตนเอง

     เขาคิดว่าเพลย์บอยแบบแม็กซ์คงไม่ถือสาเรื่องประสบการณ์ทางเพศแปลกใหม่ เขานึกว่าคนแบบแม็กซ์จะเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ทางกายที่ไม่ต้องการการผูกมัด ดังนั้นตอนช่วงใกล้สอบที่คะแนนเก็บของแม็กซ์ไม่ค่อยดีและรายงานที่กำลังทำอยู่ก็ยังไม่เสร็จ ความหวังสุดท้ายที่จะยื้อคะแนนเก็บจึงดูเลือนราง แม็กซ์จึงขอร้องให้เขาช่วย ต้นน้ำจึงได้ไปค้างที่ห้องของแม็กซ์เป็นครั้งแรก

     ต้นน้ำสังเกตว่าแม็กซ์ลอบมองเขาตลอดเวลา และเมื่อทำรายงานเสร็จแม็กซ์ลองหยั่งเชิงเขาด้วยการชวนดูหนังโป๊ แต่เขาปฏิเสธ อ้างว่าอยากรีบนอนเพราะกลัวตื่นไม่ทัน เกรงว่าถ้านอนไม่พอแล้วจะเรียนไม่รู้เรื่อง ทางแม็กซ์เองก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่... แม็กซ์ชวนเขาไปค้างที่ห้องบ่อยขึ้น ทั้งให้ไปช่วยทำรายงานสอนการบ้านติวหนังสือ แม้แต่ชวนไปเล่นเกม และบางครั้งแม็กซ์จะชวนเขาดูหนังโป๊ บางทีก็คุยเรื่องใต้สะดือให้ฟัง แน่นอนว่าเขาปฏิเสธทุกครั้ง เขาบอกแม็กซ์ว่าไม่อยากคุยเรื่องทำนองนั้น แสดงท่าทีให้แม็กซ์คิดว่าเขาไม่ประสีประสาและเขินอายต่อเรื่องทางเพศ เขาแกล้งถอยทิ้งระยะห่างเพื่อให้แม็กซ์ติดกับ...

     จนกระทั่งวันหนึ่ง แม็กซ์ถามเขาตรงๆ ว่าเคยช่วยตัวเองรึเปล่า? เขาจึงตอบไปตามความจริงว่าไม่เคยเพราะเขาพยายามไม่คิดถึงเรื่องแบบนั้น และ... เขาไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน เขาแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจให้แม็กซ์ว่าบางทีเขาอาจจะชอบผู้ชาย แม้ตอนแรกแม็กซ์จะอึ้ง แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจเขา และ... เขารู้สึกได้ถึงไฟปราถนาแห่งความอยากรู้อยากลองที่ปรากฏอยู่ในดวงตาของแม็กซ์!

     ในที่สุดโอกาสเหมาะที่เขาจะทอดสะพานให้แม็กซ์ก็มาถึง วันหนึ่งที่โรงเรียนมีตุ๊ดคนหนึ่งเดินสวนกับเขาและแม็กซ์ ตุ๊ดคนนั้นจิกตามองเขาแล้วพูดล้อเลียนขึ้นว่าแม็กซ์คงติดใจผู้ชายแต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่คนที่เคยแย่งปรนนิบัติให้แม็กซ์ กลายเป็นว่าแม็กซ์ดันไปติดใจตาอยู่แบบเขาแทน และได้ด่าเขาเสียๆ หายๆ ว่าไม่นึกว่าคนเงียบๆ แบบเขาที่จริงแล้วแรดเงียบ บริการแม็กซ์ได้ถึงอกถึงใจจนแม็กซ์ไม่ไปเสเพลกับใครอีก

     เหตุการณ์นี้ทำให้แม็กซ์โกรธมากจนมีเรื่องกับตุ๊ดคนนั้น แม็กซ์โมโหตุ๊ดปากพล่อยที่กุเรื่องไม่จริงขึ้นมาพูด สร้างข่าวให้ตัวเองกับเขาต้องเสียหาย เขาเลยแกล้งหยั่งเชิงแม็กซ์อีกครั้ง และ... แม็กซ์ติดกับ! เพราะแม็กซ์มีท่าทียินดีพูดแบบทีเล่นทีจริงชวนเขาลองพิสูจน์กับผู้ชายด้วยกัน

     แต่มันกลับไม่ง่ายเลย แม้แม็กซ์จะเคยมีอะไรกับผู้หญิงมามากแต่ร่างกายของผู้ชายนั้นแตกต่างออกไป แม็กซ์ไม่รู้วิธีปลุกเร้าอารมณ์เขาและเขาก็ไม่ประสีประสา การร่วมเพศกับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเป็นเรื่องสุดจะทนเกินกว่าเขาจะฝืนใจทำ เขาไม่อยากเสียจูบแรกไปกับการจูบคนที่เขาไม่ได้รัก แถมยังเป็นการทำไปเพื่อประชด เขาไม่อยากมีความทรงจำของจูบแรกโง่ๆ แบบนั้น!

     ต้นน้ำไม่รู้วิธีผ่อนคลายตัวเองมาก่อนร่างกายของเขาจึงไม่พร้อม แม็กซ์พยายามใช้กำลังถาโถมเข้ามาในตัวเขาแต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เขาเจ็บปวดราวกับร่างกายฉีกขาด เขากลัว เขาอยากกลับบ้าน เขาอยากเลิกกลางคัน เขาไม่พร้อมจะจ่ายค่าตอบแทนการเป็นเกย์ด้วยการถูกผู้ชายที่ไม่ได้รักชี้นำ และเขาไม่ได้ต้องการแม็กซ์!

     ต้นน้ำขอร้องให้แม็กซ์หยุด แม้แม็กซ์จะดูเจ้าอารมณ์และเร่งเร้าเอากับเขาในตอนแรกแต่เพราะเสียงร้องไห้ของเขาที่กรีดร้องขึ้นทำให้แม็กซ์ได้สติ แม็กซ์ยอมหยุดให้เขากลางคัน หาทิชชู่มาทำความสะอาดให้เขา หยิบเสื้อผ้ามาให้เขาใส่ และยอมปล่อยให้เขาสงบสติอารมณ์ทบทวนตัวเอง พอเขามีสติเขาจึงขอตัวกลับบ้าน จนได้พบกับชัยชัชในเวลาต่อมา

     ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดฉายชัดอยู่ในความทรงจำ ถึงเขาจะไม่ได้รักแม็กซ์ แต่แม็กซ์ก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา ชีวิตเรียบๆ ขาดสีสันมีแม็กซ์เป็นคนแต่งแต้มเรื่องราวต่างๆ ลงไป แต่เมื่อเขามีชัยชัชแล้ว แม็กซ์ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ต้นน้ำเชื่อว่าชัยชัชจะปกป้องคุ้มครองและแก้ปัญหาทุกอย่างให้เขาได้ เขาไม่จำเป็นต้องหลอกลวงใช้แม็กซ์เป็นเครื่องมืออีก แต่เขาถอยกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว แม็กซ์คิดกับเขามากกว่าเดิม

     แม้เขาจะรักชัยชัชมาก แต่เขากลับไปแก้ไขเรื่องในอดีตไม่ได้ เขากลัวชัยชัชจะรังเกียจเขา เขาไม่อยากให้หน้ากากของตนถูกถอด เขาอยากเป็นเด็กดีในสายตาของพี่ชัชสุดที่รัก เขาไม่ต้องการสูญเสียความอบอุ่นนั้น! และเขาก็ชอบแม็กซ์ ไม่อยากสูญเสียเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่มี แต่เขากลัวว่าแม็กซ์จะทำให้ความรักของเขากับชัยชัชต้องมีอุปสรรค เพราะแม็กซ์ไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่ๆ ต้นน้ำรู้จักนิสัยแม็กซ์ดี เขาควรจะทำเช่นไรดี? เขามองไม่เห็นทางออกของปัญหานี้จริงๆ 

============================================

     “มึงมีไรจะคุยกับกูวะ? โทรมาป่านนี้”

     “กูมีเรื่องจะปรึกษา ออกมาเจอกูหน่อย”

     “มึงคุยทางโทรศัพท์ไม่ได้เหรอวะ กูขี้เกียจไป”

     “เรื่องนี้สำคัญกับกูมากจริงๆ กูไม่รู้จะไปปรึกษาใครดี มึงเป็นเพื่อนที่กูสนิทที่สุด แต่กูกลัวว่าถ้าพูดไปแล้วมึงจะวางสายกู”

     “เรื่องเหี้ยไรวะแม็กซ์ ทำหยั่งกะมึงไปฆ่าใครตาย เฮ้ย! หรือว่ามึงทำผู้หญิงท้อง ฮ่าๆ”

     “เฮ่ยกูไม่ขำนะเว่ยกาย! ซีเรียสนะมึง”

     “ไรวะ แค่นี้ก็ต้องกริ้ว เรื่องห่าไรของมึง สำคัญขนาดนั้นเลย?”

     “เออ สำคัญกับกูมาก แต่ถ้าพูดไปแล้วมึงห้ามวางสายกูนะ อย่ารังเกียจกูจนเลิกเป็นเพื่อนกับกูด้วยนะมึง”

     “เหี้ย! จะดราม่าอีกนานมั้ย เป็นบ้าไรของมึง มีไรก็พูดๆ มาเหอะ กูฟังอยู่”

     “กูชอบคนๆ นึง แต่กูไม่รู้จะทำยังไงดี”

     “โห ไอ้เหี้ย! แค่เรื่องหัวใจขี้ปะติ๋ว สัส เกริ่นซะกูลุ้น! ชอบก็จีบเขาไปดิวะ หน้าอย่างมึงอ่ะ หยอดสองสามทีก็พาหญิงไปห้องได้แล้ว แม่มกูนึกว่าเรื่องอะไร”

     “กูพาเค้ามาห้องกูแล้ว แต่กูทำเค้าไม่ลง เค้าบอกเจ็บ กูเลยหยุด”

     “แล้วไง มึงจะมาขอคำแนะนำอะไรจากคนไม่เคยฟันหญิงแบบกูวะ จะเอาแผ่นกูไปศึกษาเหรอ ได้ฟันแล้วก็โอเคละนี่หว่าจะปรึกษาไรอีก”

     “ศึกษาพ่องมึงดิ! กูจะปรึกษามึงว่าจะจีบเค้ายังไงดี คนนี้กูจริงจังว่ะ ไม่ได้กะฟันเฉยๆ”

     “ทำไมวะ มึงกับเขาไม่ได้ปิ๊งกันก่อนเอาเหรอไง?”

     “เออ เขาแค่อยากลองเฉยๆ เลยชวนกู แต่มันไม่ราบรื่นว่ะ ละพอกูพยายามตื้อเขาก็ปฏิเสธกู แถมยังทำตัวห่างๆ กูไปอีก”

     “แล้วไงอีก”

     “กูอยากลุยจีบเขา แต่กูไม่กล้าว่ะ”

     “ไมวะ?”

     “กูกลัวโดนเขาเกลียด ท่าทางเขาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องระหว่างเรา กูก็เลยไม่กล้าบอกพวกมึง”

     “เค้ากลัวโดนผู้หญิงของมึงดักตบเอามั้ง ที่มึงเคยๆ มามีแต่พวกแรดๆ ทั้งนั้น ไม่ก็กลัวเป็นข่าวกับมึง ภาพลักษณ์มึงดีชิบหาย เป็นแฟนกับมึงก็เท่ากับประกาศให้คนทั้งโรงเรียนรู้ว่าโดนมึงเอาแล้ว”

     “มันไม่ใช่อ่ะดิ พูดยากว่ะกาย แม้แต่ตัวกูเองยังไม่กล้าบอกใครเลยว่ากูชอบเค้า”

     “ไอ้เหี้ย! สาวคนไหนของมึงวะ? เรื่องมากชะมัด กล้าขอนอนกับมึงแต่ไม่ยอมให้มึงจีบเนี่ยนะ กูฟังแล้วงงว่ะ คนในโรงเรียนป่ะ”

     “เออ”

     “มึงก็เดินหน้าจีบเค้าไปดิ มึงกับเขาถึงขั้นนั้นกันแล้วนี่ ถ้าเขาไม่ชอบมึงคงไม่มาให้ท่ามึงหรอก แต่มึงจีบแบบไม่ต้องแสดงออกว่ามึงกับเขาได้กันแล้วก็ได้ จะได้ดูเหมือนมึงให้เกียรติเค้าไง มึงก็จีบแบบเทคแคร์อ่ะ เค้าจะได้เห็นว่ามึงจริงจังกับเค้าจริงๆ ดีป่ะ?”

     “กูลองแล้ว กูพยายามทำทุกอย่างแล้วนะมึง กูไม่เคยเทคแคร์ใครขนาดนั้นมาก่อนเลย แถมกูสารภาพรักกับเค้าไปแล้ว แต่เค้าไม่รับรักกู กูเลยไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เลยโทรมาหามึงเนี่ย”

     “เหี้ย! กูถามจริงๆ เหอะ คราวนี้มึงไปชอบใครเข้าวะ โคตรเล่นตัวเลย เรื่องมากชิบ”

     “ถ้ากูบอกมึงแล้วมึงห้ามเกลียดกูนะ อย่าเลิกเป็นเพื่อนกับกูนะเว้ย!”

     “ไอ้เหี้ย! ตกลงมึงจะบอกไม่บอกวะ มึงไม่บอกแล้วกูจะช่วยมึงได้ยังไง”

     “กู กูชอบต้นว่ะกาย”

     “...........”

     “ …. “

     “มึงล้อกูเล่นป่าวแม็กซ์”

     “กูไม่ได้ล้อเล่น กูชอบต้นจริงๆ สงสัยกูคงเป็นเกย์แล้วว่ะ”

     “มึง… มันเกิดไรขึ้นวะ”

============================================


แต่อนุญาตให้หมั่นไส้ฮีได้!
ชั่วร้ายจริงๆ สาบานนะว่าน้องต้นเป็นตัวเอก นี่มันตัวร้ายชัดๆ ตลบแตลง แหลสารพัด หลอกแม็กซ์ แอ๊บต่อหน้าพี่ชัช โอ้ว... สาบานนะว่าเธอเป็นนายเอก!
มาถึงขั้นนี้คงไม่ต้องถามแล้วว่าชื่อเรื่องเป็นมายังไง ฮ่าๆ น้องต้นเป็นดราม่าตัวแม่เนอะ แต่คงไม่ต้องถามแล้วว่าใครคือคนโง่ พี่ชัชของเรานั่นเอง แต่ช้าก่อน เฮียแกยังจะโง่ได้เจ็บแสบกว่านี้อีก ฮ่าๆ
 :hao7:

ย้ำกันอีกครั้ง แม็กซ์ไม่ใช่พระเอก แต่เราไม่ว่าอะไรถ้าคนอ่านจะเทใจไปให้แม็กซ์ เพราะตัวละครตัวนี้เราเขียนเอาเท่เข้าว่า พระเอกนิยายวายพิมพ์นิยมเป็นยังไง เราโกยมายัดไว้ในตัวละครตัวนี้หมด หึ หึ

นิยายเรื่องนี้ตัวละครทุกตัวมีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเอง มีแนวต่างกันไปคนละแบบตามที่เราตั้งใจไว้
พี่ชัชเราจะเขียนให้ดูเป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนทำงานปกติทั่วไปคนนึง ซึ่งบังเอิญไปรักตุ๊ดเด็กผู้ชายคนนึง แต่ด้วยความเป็นมนุษย์ราศีเมษ ฮีจะไม่คิดมาก พวกแกะไฟฮีจะชัดเจนสุดๆ

น้องต้นก็จะมีปมเพียบ สับสนตัวเองนิดๆ โหยหาความอบอุ่นจากพ่อ เลยมองพี่ชัชเป็นตัวแทนของเพศชายที่เค้าวาดฝันไว้ อยากได้อยากมี ว๊อนท์นั่นแหละ
ส่วนกับแม็กซ์ก็จะแนวๆ อิจฉาริษยา เพราะแม็กซ์คือวัยรุ่นชายที่ป็อป แต่ตัวเองทำไม่ได้อย่างเค้า เพราะแตกต่างกันมาก ก็จะมองๆ แม็กซ์เป็นไอดอลทั้งชื่นชมและอิจฉาไปพร้อมๆ กัน
ซึ่งนิสัยแบบต้นมันจะไม่ใช่"ผู้ชาย"ตามนิยายวายทั่วๆ ไป แต่ก็ไม่ใช่เคะแนวหญิงจ๋าหรือออกมาเป็นสาวน้อยอะไรทำนองนั้นนะ เราตั้งใจเล่นกับปมให้มันมีที่มาที่ไปเป็นพิเศษ มันจะดูเรียลลำไยมากๆ อารมณ์แบบ คนทั้งโรงเรียนบอกฮีเป็นตุ๊ด แต่ฮีบอกฮีไม่ใช่ ฮีไม่อยากมีจิมิ๊ ไม่ได้ชอบแต่งหญิง ฮีบอกตัวเองว่าต้องแมน เพราะปมที่โดนล้อมาตั้งแต่เด็ก เก็บกดสุดๆ ทำนองนั้น (เรื่องในภาค2จะเน้นปมตรงนี้มากขึ้น)

คาแรคเตอร์หลักๆ ก็จะประมาณนี้แหละค่ะ ยังไงก็อย่าเกลียดน้องต้นเลยนะ  :sad2:
แบบ... หลังๆ ไม่มีคนเม้นเลย กลัวว่าคนอ่านจะอ่านแล้วรับไม่ได้จนพากันเลิกอ่านอ่ะ แหะๆ แต่เราก็ดีใจนะที่มียอดวิวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รักคนที่กดเข้ามาอ่านทุกคนน้า
 :c4:

มันเป็นเรื่องยากที่จะไม่ขู่คนอ่านว่า "บทหน้าน้องต้นร้ายกว่าเดิม ฮีจะอัพความแรงเพิ่มขึ้นอีกเยอะ"



---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ศัพท์ชวนดราม่าประจำวันนี้
อนึ่ง บางทีจะติดภาษาแปลกๆ เลยขอพื้นที่ไว้อธิบายสักนิด บางคำเราชอบติดมาจากคุณช่า-บันทึกของตุ๊ดอ่ะ

1.ลำไย
ลำไยก็จะใช้กับคนน่ารำคาญ แบบใช้เรียกอาการของคนที่เรื่องเยอะ หลายสิ่ง เวิ่นเว้อ รุงรัง บางกรณีก็อืดอาด ยืดยาด ชักช้า

2.จริตเวเน
ใช้กับเพศชาย เก้ง หรือตุ๊ดที่มีจริตจก้านเกินชาย เช่น แววตา งานนั่ง งานเดิน งานพูด งานจีบปากคอ งานตอแหลเกินบุรุษเพศ มักใช้กับบุคคลที่ปูพื้นฐานว่าตนนั้นแมน แต่พลาดหลุดจริตเวเนกลางที่สาธารณะ หรือ ใช้กับทุกเพศที่ดัดจริตเกินจริง
(เครดิต - คุณช่า ไม่อาจลงลิงค์ได้ เกรงใจเจ้สอง แต่คุณช่ามีเพจชื่อนี้แหละ)
หัวข้อ: Re: [บท7#28/8/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - จูบรสแอปเปิ้ลของจอมแอ๊บ
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 28-08-2014 03:22:42
ขออภัยขอรับ หายไปเป็นเดือน  :hao5:  หนีไปปั่นภาค2มาง่ะ

"ดูดปาก ไม่ใช่ การจูบ" หมาป่ากล่าว

:mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:


เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 7 -
##### ความรักของเด็กเลี้ยงแกะ #####

     การสอบวิชาหลักจบลงแล้ว แต่การสอบปลายภาคก็ใกล้เข้ามา แม้ช่วงนี้ทั้งต้นน้ำและชัยชัชเริ่มหายหัวหมุน แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าทั้งสองจะมีเวลาให้กันมากมาย เพราะงานที่ยุ่งจนกลับบ้านกลับช่องไม่เป็นเวลา ทั้งๆ ที่ห่างกันเพียงผนังห้องกั้นแต่ก็ใช่ว่าชัยชัชจะได้เจอต้นน้ำบ่อยดังใจหวัง จะออดอ้อนมากไปก็เกรงใจแถมยังไม่สามารถสวีทหวานช่วงดึกเหมือนที่เคยทำกับสาวๆ คนอื่น เพราะคราวนี้แฟนสุดที่รักดันเป็นนักเรียนมัธยมปลายปีสุดท้ายที่กำลังวุ่นวายเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยสุดชีวิต เรียกได้ว่าเป็นช่วงรีดเค้นพลังใจวัดระดับความรักที่ชัยชัชมีต่อต้นน้ำอย่างที่ไม่เคยต้องทำมาก่อนในชีวิต

     ข้างฝ่ายต้นน้ำเองก็มีสิ่งที่ต้องฝ่าฟัน เขาต้องผจญกับการสอบตัดสินชะตาชีวิตนักเรียน ม.6 รอลุ้นผลการสอบเก็บคะแนนรายการต่างๆ เครียดกับการเรียนพิเศษต้องตระเวนติวจากหลากหลายสถาบัน แถมยังมีเรื่องความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงที่ตัวเองผูกปมไว้ ทำให้ต้นน้ำแทบไม่มีเวลาพบปะกับชัยชัช

     ทั้งๆ ที่เพิ่งเป็นแฟนกันแท้ๆ แต่กลับไม่มีช่วงโปรโมชั่นเริ่มรักเหมือนคู่รักคู่อื่นๆ สิ่งที่แตกต่างไปจากความสัมพันธ์พี่น้องข้างห้องแบบเดิมก็มีแค่ระดับความหวานที่ชัยชัชเติมลงไปไม่ยั้งจนน้ำตาลตกผลึก เนื่องจากต้นน้ำเป็นพวกไม่สนใจสังคมออนไลน์ส่วนชัยชัชเองก็งานยุ่ง ทั้งสองจึงทำได้แค่โทรหากันสั้นๆ หรือบางครั้งชัยชัชก็แวะมาหาที่ห้อง

     ต้นน้ำรู้สึกดีกับสิ่งที่ชัยชัชทำให้ ไม่เคยมีใครดีแบบนี้กับเขามาก่อน สิ่งดีๆ ที่ชัยชัชมีให้กันทำให้ต้นน้ำรู้สึกราวกับตัวเองเป็นคนพิเศษ การเทคแคร์แสดงความห่วงใยคอยดูแลเอาใจใส่ทั้งหลายทำให้เขาคิดว่าตนเป็นคนที่ชัยชัชให้ความสำคัญ ต้นน้ำหลงใหลได้ปลื้มไปกับความสัมพันธ์ที่ถูกชัยชัชปรนเปรอ

     'เราเป็นคนที่พี่ชัชเลือก ต่อไปนี้เราจะไม่ใช่คนไร้ค่าไม่มีความสำคัญสำหรับใครอีกต่อไป เราเป็นคนสำคัญของพี่ชัช เราไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว'

     เย็นวันหนึ่ง ต้นน้ำเปิดประตูต้อนรับแขกขาประจำ นอกจากข้าวฟ่างแล้วห้องของเขาแทบไม่มีใครเคยแวะมาหา เพิ่งจะมีชัยชัชที่พักหลังทำตัวเป็นแขกขาประจำแวะมาบ่อยๆ

     วันนั้นชัยชัชแวะมาหาเขาตอนเกือบๆ สามทุ่มได้ ชายหนุ่มดูโทรมจนน่าสงสาร เมื่อมาถึงชัยชัชก็เล่นบทคร่ำครวญมาออดอ้อนขอข้าวเย็นฝีมือสุดที่รักทาน มีหรือที่ต้นน้ำจะปฏิเสธ สุดยอดแม่ศรีเรือนอย่างเขาจึงรีบวางมือจากตำราสรุปสุดยอดเก็งข้อสอบสายวิทย์ เดินเข้าครัวทำอาหารง่ายๆ ให้คุณพ่อบ้านรับประทานทันที

     “เฮ้อ พี่ทนไม่ไหวแล้วว่ะต้น ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้กันแค่นี้แต่เราสองคนแทบไม่ได้เจอกันเลย”

     “ทีตอนที่พี่คบพี่ฟ่าง ผมก็เห็นพี่งานยุ่งแบบนี้ตลอดเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ ผมไม่เห็นพี่ชัชจะเดือดร้อนอะไร”

     'แหม ไอ้ต้นมันรู้ละเอียดดีจังเลยโว้ย... งี้กูจะแหลยังไงดีวะเนี่ย?'

     ชัยชัชแทบสะอึก ใครจะไปนึกว่าอยู่ๆ ต้นน้ำจะพูดถึงแฟนเก่าของเขา

     “ไอ้เรื่องนั้นพี่ก็รู้ พี่ถึงได้อยากแก้ตัวอยู่นี่ไง ถ้าต้นน้อยใจพี่อีกคนพี่คงหมดปัญญาว่ะ ต้นก็รู้พี่ง้อหญิงไม่เก่ง”

     ว่าแล้วก็ทำตาเชื่อมส่งสายตาน่าสงสารแบบลูกหมาตัวโตๆ ไปอ้อนขอความรักจากพ่อครัวเอกที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตาจนไม่ได้หันมาสบสายตาเขาเลยซักนิด!

     “ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกครับผมเข้าใจดี งานของพี่ชัชมันค่อนข้างลำบากช่วยไม่ได้จริงๆ แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ใช่สาวๆ ขี้งอนด้วยครับ พี่ชัชสบายใจได้”

     ต้นน้ำพูดโดยไม่หันมามองเพราะเขากำลังตักไข่ดาวทอดจนขอบกรอบสีเหลืองทองแต่ด้านในไข่แดงยังไม่สุกดีตามแบบที่ชัยชัชชอบโปะลงบนจานข้าวผัดกระเพรา

     “เราไม่โกรธพี่แน่นะ?”

     “ครับ ไม่มีเรื่องอะไรต้องโกรธนี่”

     ต้นน้ำว่าพลางเสริฟข้าวผัดกระเพราโปะไข่ดาวร้อนๆ ให้แฟนหนุ่มที่นั่งรออยู่ตรงโต๊ะอาหาร แล้วเดินไปหยิบน้ำเย็นมารินลงในแก้วที่ชัยชัชดื่มพร่องไป

     “เฮ้อ งั้นพี่ก็ค่อยสบายใจหน่อย”

     ชัยชัชรับอาหารมื้อดึกมาทานอย่างเอร็ดอร่อย แม้ว่าฟ่างจะทำกับข้าวเป็นและเคยบริการเขาอยู่บ้าง แต่ทุกครั้งก็จะให้อารมณ์เหมือนดินเนอร์มื้อพิเศษหรือเรียกง่ายๆ ว่า “มื้อที่แฟนคุณตั้งใจอวดฝีมือ” นั่นแหละ มันเลยออกจะให้ความรู้สึกที่ต้องตื่นเต้นดีใจหรือคอยชมกันเกินเหตุหน่อยๆ ต่อให้การเห็นเธอดีใจยามเขาชมว่าอร่อยจะทำให้เขามีความสุขก็ตาม แต่ถ้าต้องอยู่กันไปนานๆ เขากลับชอบบรรยากาศเรียบง่ายเวลาต้นน้ำคอยทำกับข้าวให้เขาทานในยามหิวมากกว่า เขาชอบบรรยากาศสบายๆ ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายแบบนี้ มันให้ความรู้สึกของการกลับบ้านแล้วได้พักผ่อนที่แท้จริง

     “ว่าแต่ต้นนี่ก็คบง่ายดีเนอะ ถ้าเป็นยัยฟ่างป่านนี้โวยวายพี่ไปแล้ว อาทิตย์นึงต้องมีพาไปเดทมั่งล่ะ ดูหนังบ้างล่ะ ดินเนอร์บ้าง ไอ้ตอนจีบกันแรกๆ พี่ก็พอไหวนะ แต่พักหลังๆ นี่แทนที่จะเข้าใจกันบ้างว่าที่พี่ยุ่งๆ นี่มันเพราะอะไร ดันหาว่าพี่เปลี่ยนไปทั้งๆ ที่ตัวเองบางทีก็ต้องพาหมอไปตีกลอฟ์เหมือนกันนั่นแหละ คนสายงานเดียวกันแท้ๆ น่าจะเข้าใจกันบ้าง”

     'สาบานได้จริงๆ นะว่าพี่ไม่ได้ตอแหล ตอนนั้นพี่ก็มุ่งมั่นทำงานเก็บตังค์แต่งเมียจริงจริ๊ง แต่ตอนนี้พี่ไม่ต้องเก็บตังค์หาค่าทำคลอดกะค่าเทอมให้ลูกแล้วนี่หว่า'

     ชัยชัชรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก พอรู้เรื่องทุกอย่างจากปากต้นน้ำแล้วเขาก็เลยไม่ต้องเก็กอะไรอีก สามารถพูดได้ทุกเรื่อง อย่างไรเสียต้นน้ำก็คงรู้ปัญหาจากแฟนเก่าเขามาบ้าง แม้ตอนแรกจะหวั่นใจว่าพูดเรื่องแฟนเก่าต่อหน้าแฟนใหม่มันจะดีหรือเปล่า? แต่เปล่าเลย ต้นน้ำดูใจกว้างและไม่แคร์เรื่องนั้นสักเท่าไหร่ แถมในบางครั้งยังเข้าข้างแฟนเก่าเขาอีก การที่แฟนใหม่วิจารณ์พฤติกรรมตัวเองโดยเอนเอียงไปทางเห็นด้วยและสนับสนุนความคิดของแฟนเก่านี่มันช่าง... ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมันแย่คูณสองจริงๆ แต่อีกนัยหนึ่ง ชัยชัชพอจะรู้แล้วว่าเหตุใดแฟนเก่าของเขาถึงชอบมาระบายให้เด็กคนนี้ฟัง ต้นน้ำจะรับฟังทุกเรื่องอย่างตั้งใจโดยไม่ขัดคอและจบด้วยคำปลอบโยนอีกต่างหาก ทำให้รู้สึกว่าคนๆ นี้พร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป

     “ก็พี่ฟ่างเป็นผู้หญิงนี่ครับ แถมเพราะอยู่สายงานเดียวกันถึงได้ข่าวกันเยอะ ข่าวที่ว่าพี่ชัชไปก้อร่อก้อติกกับเซลล์สาวๆ คนอื่น แล้วไหนจะข่าวพี่ชัชพาหมอไปลงอ่างอีก”

     ต้นน้ำเดินถือแอปเปิ้ลและมีดปอกผลไม้กับจานเล็กๆ ตรงมาทางเขา เด็กหนุ่มนั่งลงฝั่งตรงกันข้ามและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เสียจนชัยชัชแอบเหวอนิดๆ ทั้งตกใจกับข้อมูลเชิงลึกของแฟนเก่าไม่แน่ใจในท่าทีสงบนิ่งของแฟนใหม่

     “มันก็... นิดหน่อยน่า งานน่ะต้น”

     “ครับ”

     ต้นน้ำสบตาแฟนของตนก่อนจะพูดต่อแบบไม่จริงจังพลางปอกแอปเปิ้ลวางลงในจานให้เป็นผลไม้ล้างปาก

     “ยังไงพี่ฟ่างก็เป็นผู้หญิง ถึงพี่ฟ่างจะเข้าใจงานของพี่ชัช แต่พี่ฟ่างก็คงอยากให้พี่ชัชแสดงให้เธอมั่นใจละมั้งครับว่าพี่ชัชยังรักเธอที่สุด อยากให้พี่ชัชเอาใจเธอเพื่อที่เธอจะได้แน่ใจว่าใจของพี่ชัชยังไม่เปลี่ยนแปลง”

     คำพูดเรียบง่ายที่ชัยชัชเคยได้ยินคำถามซ้ำๆ จากอดีตผู้หญิงที่เขาเคยรักปักเข้าตรงกลางใจเขาอย่างจัง!

     “แล้วถ้าพี่ต้องทำแบบนั้นล่ะ ต้นจะโกรธพี่มั้ย?”

     ชัยชัชล่ะหวั่นใจจริงๆ เพราะต้นน้ำเป็นคนที่เขาเดาใจไม่ถูก เขาจ้องมองดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นของคนรักที่ชะงักการปอกผลไม้ในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา

     'อย่าเอามีดมาแทงพี่นะเว้ยต้น!'

     “ไม่หรอกครับ แค่ที่พี่ชัชบอกว่ารักผมแค่นั้นผมก็ดีใจมากแล้วล่ะครับ ผมไม่กล้าเรียกร้องอะไรมากมายจากพี่หรอก ขอแค่ให้ได้อยู่ข้างๆ พี่ชัชตลอดไป ขอแค่พี่ไม่รังเกียจผมแค่นั้นผมก็พอใจแล้วล่ะครับ”

     เป็นความจริงที่กลั่นออกมาจากหัวใจอันบริสุทธิ์ของต้นน้ำ ชัยชัชรู้ดีถึงความหมายที่แฝงอยู่ในนั้น เขาเคยหลุดปากเล่าความฝันของเขาให้เด็กหนุ่มฟัง อนาคตที่เขาเคยวาดฝันไว้ บ้านหลังเล็กๆ แถบชานเมือง ครอบครัวที่อบอุ่น มีภรรยาแสนสวย มีลูกสาวน่ารักๆ เลี้ยงหมาตัวโตๆ อนาคตที่เขาเคยพยายามไขว่คว้าแต่ทุกอย่างดันพังทลาย ถึงจะพบรักครั้งใหม่มีต้นน้ำมาช่วยรักษาแผลใจให้ แต่แฟนคนนี้ก็ช่วยสานฝันของเขาให้เป็นจริงไม่ได้ ต้นน้ำคลอดลูกให้เขาไม่ได้ จดทะเบียนกับเขาก็ไม่ได้ ทำได้เพียงแค่อยู่เคียงข้างกันและกันไปเรื่อยๆ เขารู้สึกสงสารคนรักที่กดฐานะตัวเองเสียต่ำต้อย เขาอยากบอกเหลือเกินว่าเขารักต้นน้ำมากแค่ไหน

     มือที่หยุดตักอาหารเข้าปากของชัยชัชเอื้อมมาเกาะกุมมือของต้นน้ำไว้หลวมๆ พลางลูบเบาๆ สายตาของชายหนุ่มทำให้ต้นน้ำตัวลอย เขารู้สึกได้ถึงหมอกสีชมพูที่เกิดจากสายตาเคลือบน้ำตาลของชัยชัช

     “พี่ชัช? อาหารไม่อร่อยเหรอครับ?”

     “เปล่า... แต่พี่อยากกินอย่างอื่นมากกว่าว่ะ”

     “ล้อผมเล่นอีกแล้วนะครับ”

     “หน่านะ จูบหน่อยเดียวเอง”

     “ไม่เอาอ่ะ ผมไม่ชอบกระเพรา”

     “งั้นก็ป้อนแอปเปิ้ลพี่ก่อนดิ จะได้เป็นรสแอปเปิ้ล”

     “พี่ชัชก็! ไม่เอาแล้วรีบๆ ทานเลยครับ ทานเสร็จแล้วผมจะได้เก็บจานไปล้าง ดึกแล้ว ผมยังมีเรื่องต้องทำอีกตั้งเยอะ พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปเรียนแต่เช้าด้วยนะครับ”

     “ไม่เอาอ่ะ ถ้าพี่ไม่ได้จูบต้นเดี๋ยวนี้ พี่ไม่กินต่อด้วย”

     “เสียของนะครับ ผมอุตส่าทำให้”

     “จูบพี่ก่อน”

     ว่าแล้วชัยชัชก็ทำท่าหลับตาพริ้มเท้าคางลอยหน้าลอยตารอรับจูจุ๊บจากต้นน้ำ

     แม้ต้นน้ำจะเขินแต่ก็ขำมากกว่ากับลีลาอ้อนรักของชายหนุ่มตัวโตอายุสามสิบกว่าแล้วแต่ยังทำตัวเป็นเด็กคนนี้

     “ก็ได้ แค่ทีเดียวนะครับ”

     ต้นน้ำเอ่ยเสียงสั่นเพราะความประหม่า

     “ที่ปากนะต้น ไม่เอาแก้ม”

     “เกินไปแล้วนะครับพี่ชัช ได้คืบจะเอาศอก”

     ถึงแม้จะหลับตาแต่เสียงที่ได้ยินก็ทำให้ชัยชัชจินตนาการได้ไม่ยากว่าต้นน้ำต้องกำลังหน้าแดงแน่ๆ แฟนเขาช่างขี้อาย

     “ซักนิ้วพี่ก็ยังไม่เคยรุกคืบเลยต้นเอ้ย เร็วๆ พี่หิวข้าวอยากกินต่อแล้วเนี่ย”

     เพราะแบบนี้ ต้นน้ำเลยจำใจต้องเดินอ้อมโต๊ะไปใกล้ๆ ชัยชัชเพื่อก้มลงแตะริมฝีปากของตนเข้ากับริมฝีปากของอีกฝ่าย แต่จังหวะที่ต้นน้ำกำลังก้มชัยชัชกลับดึงให้เขาเสียหลักล้มลงบังคับให้เขาต้องนั่งตักอย่างช่วยไม่ได้ แถมยังใช้แขนโอบกอดเขาไว้แล้วส่งมือมาประคองหน้าของเขาให้เงยขึ้นเพื่อรับสัมผัสจากชายหนุ่มแทน

     ใช่ว่าหลังจากที่ตกลงปลงใจคบกันต้นน้ำไม่เคยถูกชัยชัชลวนลามหรือจูบ นับตั้งแต่กลับมาจากโรงแรมที่หัวหินมันก็มีบ้างที่เขาถูกแฟนหนุ่มแต๊ะอั๋ง เพียงแต่ที่ผ่านมาต้นน้ำมักจะเอาตัวรอดไปได้ทุกครั้ง ยอมให้ชัยชัชสัมผัสเพียงริมฝีปาก หรือไม่ก็ขโมยหอมแก้มกันนิดๆ หน่อยๆ โอบกอดเล็กน้อยพอให้ชุ่มชื่นหัวใจ แต่ทว่าคราวนี้เขารู้สึกถึงสัมผัสที่มากกว่านั้น เขารู้สึกได้ถึงรสเผ็ดร้อนหอมฉุนของกระเพราที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งปาก!

     ต้นน้ำถูกดันให้แหงนคอขึ้นจึงต้องเผยอปากโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้ลิ้นของชัยชัชได้โอกาสรุกล้ำเข้ามาในปากของต้นน้ำ สัมผัสของกระเพราลากไล้ไปทั่ว ริมฝีปากของเขาถูกเล็มเลียจนต้นน้ำไม่แน่ใจว่าความร้อนที่รู้สึกได้นั้นมาจากอุณหภูมิร่างกายของชัยชัชหรือกระเพราแดงที่เขาใช้ทำอาหาร ชัยชัชละเลียดจูบเขาอยู่อย่างนั้น เนิ่นนานและอ้อยอิ่งจนต้นน้ำรับรู้ถึงความตั้งใจในการย้ำสัมผัสแต่ละรอยประทับที่ชายหนุ่มจงใจ

     จากนั้นริมฝีปากของชัยชัชก็ปิดท้ายด้วยการแตะเบาๆ ไล่จากริมฝีปากของต้นน้ำเรื่อยไปถึงข้างแก้ม ใบหู และจบท้ายที่หน้าผาก ก่อนที่ชัยชัชจะยกมือของเด็กหนุ่มขึ้นมากัด ปล่อยให้ลิ้นของเขาได้สัมผัสกับนิ้วของต้นน้ำ

     “อืม แอปเปิ้ลจริงๆ ด้วย”

     “ใครบอกละครับ กระเพราทั้งนั้นเลยต่างหาก”

     แม้จะใจสั่นจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแต่ต้นน้ำก็ยังปากเก่ง

     “เป็นกระเพราน่ะดีแล้ว ผัดกระเพราไม่ใส่กระชายนะต้น ไม่งั้นต้นลำบากกว่านี้อีก”

     “พี่ชัชบ้า!”

     “อืม พี่ก็ว่างั้นแหละ พี่บ้าขึ้นเยอะเลยตั้งแต่เจอคนน่ารักน่าแกล้งแบบต้นเนี่ย”

     “ชอบแกล้งผมนักนะครับ”

     “แล้วจะยอมให้พี่แกล้งรึเปล่าล่ะ?”

     สายตาวิบวับของชัยชัชทำให้ต้นน้ำรู้สึกหวิวๆ จนสั่นสะท้านไปทั่วทั้งกาย เขาพยายามหลบสายตา แต่ก็ยังลุกหนีจากอ้อมกอดของคนขี้แกล้งไม่ได้

     “ปะ ปล่อยได้แล้วครับพี่ชัช จูบผมไปแล้วนี่ จะได้ทานข้าวให้เสร็จๆ ซะที”

     เสียงของต้นน้ำสั่นเพราะคลื่นอารมณ์บางอย่าง

     'ต้นไม่รู้ตัวหรอกว่าเวลาที่ต้นเขินมันน่ารักขนาดไหน'

     ชัยชัชมองแฟนเด็กที่ทั้งเขินทั้งอายจนหน้าแดง ริมฝีปากของต้นน้ำฉ่ำแวววาวด้วยคราบไขมันและน้ำลายจากปากเขาเอง ปากแดงๆ ที่เพิ่งผ่านปฏิบัติการจูบ! ลูกแกะน้อยพยายามก้มหน้างุดๆ หลีกหนีสายตาเร่าร้อนของหมาป่า!

     “ไม่ใช่ซักหน่อย เมื่อกี้เขาเรียกว่าดูดปากกัน แล้วที่สำคัญเมื่อกี้พี่เป็นคนทำ ต้นยังไม่ได้จูบพี่เลย”

     “พี่ชัช! แกล้งผมเยอะเกินไปแล้วนะครับ”

     ถึงจะพูดแบบนั้นแต่พอจ้องตากันซักพัก ต้นน้ำก็ตัดสินใจยืดตัวขึ้นไปประทับริมฝีปากกับแฟนหนุ่มเบาๆ ด้วยกลัวว่าถ้าขืนชักช้าอีกเขาอาจจะต้องเสียอะไรต่อมิอะไรมากกว่านี้

     “ปล่อยผมได้แล้วครับพี่ชัช”

     แม้คนพูดจะก้มหน้าส่งเสียงขอร้องเบาๆ แต่ชัยชัชก็ได้ยิน เขายิ้มแล้วตอบว่า

     “ครับ”

     ชัยชัชปล่อยให้ต้นน้ำลุกออกจากตักเขาโดยง่าย ชายหนุ่มนั่งทานอาหารค่ำต่ออย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้ต้นน้ำเดินกลับไปนั่งที่แล้วก้มหน้าลงเพ่งเป็นพิเศษกับการปอกแอปเปิ้ลอีกครึ่งลูกให้เขา

     'หน้าแดงกว่าแอปเปิ้ลอีก ต้นเอ้ย!'

     คืนนั้นจบลงที่ชัยชัชได้กำไร ทั้งอิ่มท้องอิ่มใจสบายกายได้บันเทิงหากำไรจากแฟนของตนไปเต็มๆ แต่เพื่อฉลองให้กับการคบกัน ชัยชัชจึงนัดต้นน้ำว่าวันหยุดสัปดาห์นี้เขาจะมารับต้นน้ำไปเดินเล่นห้างใกล้บ้าน เลี้ยงหนังฉลองเดทแรกกันแบบง่ายๆ

============================================


ก็หวานได้เท่าเนี๊ยะ
ขออภัยที่แต่งอะไรมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งไม่เก่ง ฉากกุ๊กกิ๊กมีแต่สถานการณ์แปลกๆ ขอรับ  :mew6:
แบบ... มันเป็นสกิลของเฮียชัชเขา ก็พระเอกไม่เก๊ก ไม่ใช่เมะขรึม มันก็เลยกะล่อนแบบนี้แหละ พยายามเขียนผู้ชายธรรมดาๆ คาแรคเตอร์แบบผู้ชายหลั่นล้าอ่ะนะ มันก็เลยได้เมะหมาหยอกไก่แบบนี้

ส่วนน้องต้น ฮีก็ไม่ใช่เคะซึนอีกเช่นกัน จะใสซื่อรึก็ไม่ใช่? จะร้ายแรดก็ไม่เชิง ...
ไม่อ่ะ ต้นน้ำไม่ใช่แบบนั้นเนอะ คิดมั้ยว่าน้องต้นประหลาด มันจะสุดทางไหนก็ไม่สุดซักทาง ยึกยักอยู่นั่นแหละ หาคำจำกัดไทป์ฮียากจริงๆ แต่มีคำนึงที่ใช้ได้คือ "แอ๊บ"
ต้นน้ำไม่ซึนเดเระ แต่ต้นน้ำแอ๊บ! หรือพูดง่ายๆ ว่าตอแหลนั่นเอง  :hao7:

แล้วคนแต่งมันแต่งอะไรมาวะนี่? เคะตอแหล เมะไม่เท่ ประหลาดแท้! นิยายแบบนี้ใครเขาจะอยากอ่าน!

รอดูตอนหน้าสิ รับรองคนอ่านหายเกลี้ยง ตอนหน้าน้องต้นแร๊ง! (ที่สุดของที่สุดอ่ะ) .... ขู่คนอ่านอีกละ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [บท7#28/8/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - จูบรสแอปเปิ้ลของจอมแอ๊บ
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 28-08-2014 05:21:56
เคยอ่านเรื่องน้องต้นน้ำ+พี่ชัชในเด็กดี ดีใจจังเลยที่เอามาลงที่นี่ด้วย   :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [บท7#28/8/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - จูบรสแอปเปิ้ลของจอมแอ๊บ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 28-08-2014 16:48:06
  :L2: 
เคยเห็นภาค ๒ ในเด็กดี  แต่ยังไม้ได้อ่าค่ะ  กลัวอ่านไไม่รู้เรื่องกะรอ  ภาค ๑ ก่อน 
 :pig4: ค่ะ ที่เอามาลงที่นี่ด้วย  (เราเนตเต่าเลยไม่ชอบเข้าเด็กดี กว่าจะโหลดได้แต่ละหน้า   :เฮ้อ:)
หัวข้อ: Re: [บท7#29/8/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ดราม่าควีนจอมแหลผู้ชอบแอ๊บสร้างภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 29-08-2014 22:08:26
นิยายเรื่องนี้ขายความดราม่านะเออ!

ฉากนี้แรงที่สุดของภาค1แล้วล่ะ  :hao5:
ถ้าอ่านตอนนี้แล้วไม่อยากลุกขึ้นมาตบนังน้องต้น ดีใจด้วยที่คุณเริ่มรักตัวละครตัวนี้แล้ว!


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     “ฮัลโหล นั่นใช่น้องต้นรึเปล่าคะ?”

     “ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับ”

     “พี่เป็นลูกสาวของคุณต้นตระการ เป็นพี่สาวของเธอ”

     ต้นน้ำเงียบไปอึดใจหนึ่งแล้วถามต่อด้วยน้ำเสียงกระด้าง!

     “คุณได้เบอร์ผมไปได้ยังไง! ถ้าไม่มีธุระอะไรคงต้องขอวางสายก่อนนะครับ ใกล้จะเข้าเรียนแล้ว”

     “อย่าวางนะต้น! เธอมาพบพี่หน่อยได้มั้ย? พี่อยากเจอเธอ”

     “เราไม่มีธุระอะไรที่ต้องพบกัน! สวัสดีครับ!”

     “เดี๋ยวสิพี่จะรอเธอนะ! ตอนเย็นพี่จะรอเธออยู่ที่หน้าโรงเรียน มาพบพี่หน่อยนะถือว่าพี่ขอร้อง พี่มีบางอย่างอยากจะคุยกับเธอ”

     อาจเพราะเสียงนั้นดูร้อนรนต้นน้ำจึงใจอ่อน เขาตัดสินใจลองไปพบ“พี่สาว”ของตัวเอง

     “... ก็ได้ครับ ผมจะไปพบคุณ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะครับ”

============================================

     “ต้น กลับด้วยกันป่าว”

     เสียงแม็กซ์ดังขึ้นทันทีที่ต้นน้ำเก็บข้าวของลงกระเป๋า แม็กซ์เดินมาหาเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ต้นน้ำสัมผัสอะไรบางอย่างได้จากรอยยิ้มของแม็กซ์โดยเฉพาะท่าทีเป็นกันเองแบบแปลกๆ ต้นน้ำเหล่ไปมองหลังห้องเพื่อดูปฏิกิริยาพรรคพวกของแม็กซ์คนอื่นๆ

     ตั้งแต่เขาตอบปฏิเสธ แม็กซ์ก็ยอมลดระดับความสัมพันธ์มาเป็นเพื่อนเหมือนกาลก่อน แม้ท่าทีที่มีต่อเขาจะยังคงความพิเศษเหมือนเดิม แต่ก็ยอมถอยเว้นที่ว่างไว้ให้เขาได้หายใจไม่บีบคั้นให้อึดอัด แม็กซ์ไม่เคยตื้อขอครอบครองเขาอีกเลยแม้แต่น้อย

     “แม็กซ์ไม่กลับกับพวกนั้นเหรอ”

     “ไม่อ่ะ อยากกลับกับต้นมากกว่า วันนี้ไปดูหนังกันป่าว แม็กซ์เลี้ยงเอง”

     ท่าทางสดใสเป็นกันเองดูแปลกไปสำหรับคนอย่างแม็กซ์จริงๆ ต้นน้ำรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ เมื่อเห็นสายตาที่มองจากกายและอาร์มแล้วยิ่งรู้สึกถึงความคลุมเครือที่เกิดขึ้น สายตาของคนพวกนั้นแม้จะลดความไม่เป็นมิตรลงแต่ก็มีนัยแห่งความสับสนฉายชัดอยู่แทน มิหน้ำซ้ำ...

     'จริงสิ วันนี้ไม่เห็นปาล์มอยู่กับพวกแม็กซ์เลย'

     “แต่เรามีเรียนพิเศษ”

     “อีกแล้วเหรอต้น เรียนพิเศษทั้งปีอ่ะ”

     “อืม โทษทีนะ”

     ว่าแล้วต้นน้ำก็เดินออกจากห้องทิ้งแม็กซ์ไว้เบื้องหลังแบบไม่ใยดี แบดบอยประจำห้องก็เลยคอตกเดินหงอยกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนฝูง

     “เฮ่ย เป็นไงมั่งวะแม็กซ์?”

     กายทักขึ้นทันทีที่เพื่อนกลับมาถึง พวกเขาทั้งสามคนรู้เรื่องที่แม็กซ์ชอบต้นแล้ว เพื่อนของเขาออกตัวว่ากำลังเดินหน้าจีบต้นน้ำอยู่ แม้เขาจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าต้นน้ำมากนัก แต่ยังไงเสียเขากับแม็กซ์ก็ถือเป็นเพื่อนสนิทกัน และมันก็ช่วยไม่ได้ถ้าเขาจะเชียร์เพื่อนตัวเองให้เผด็จศึกศัตรู ดีกว่าปล่อยให้อยู่ขวางหูขวางตาจิ๊จ๊ะกับสาวที่เขาชอบต่อไป ส่วนคนคิดน้อยแบบอาร์มไม่เคยคิดอะไรมากอยู่แล้ว ไม่ว่าเพื่อนจะเป็นตุ๊ดหรือเป็นเกย์ก็เฮฮาไปกับเขาได้หมดด้วยมนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศ แตกต่างกับปาล์มที่ดูค่อนข้างจะช็อค รับไม่ได้จนเฟดตัวเองออกจากลุ่ม

     “ต้นมีเรียนพิเศษว่ะ”

     แม็กซ์ตอบเสียงอ่อยแบบเซ็งสุดชีวิต เขาสารภาพรักไปแล้วแท้ๆ แต่ต้นน้ำก็เอาแต่บอกให้เขารอ เขาเลยได้แต่อดทนเพราะดันไปหลงรักเด็กเรียนดีเด่นแบบต้นน้ำ พอถึงช่วงที่ไม่ได้มีสอบอะไรเช่นนี้ ต้นน้ำกลับอ้างว่าติดเรียนพิเศษ ไม่ยอมไปไหนมาไหนกับเขาเหมือนเมื่อก่อน แถมพอเขาอยากจะรุกหัวใจของต้นน้ำ เจ้าตัวดันตัดบทพูดปฏิเสธย้ำว่ายังไม่อยากคิดเรื่องหัวใจ จะเป็นคนรักก็ทำได้ยากจะเป็นเพื่อนก็ยังเป็นลำบาก แม็กซ์ที่ไม่เคยต้องเหนื่อยจีบใครมาก่อนในชีวิตกำลังรู้สึกเซ็งอย่างแรง!

     “เรียนพิเศษ เรียนพิเศษไรวะ? ก็ต้นมันลงคอร์สเดียวกับกูเนี่ย ละวันนี้กูไม่มีเรียนแล้วต้นมันจะมีเรียนได้ยังไง?”

     อาร์มที่ขี้สงสัยพูดขึ้นแบบงงๆ ส่งผลให้แม็กซ์ต้องออกรับแทน

     “ต้นมันขยัน ไม่เหมือนมึง มันอาจจะลงไว้หลายคอร์สก็ได้”

     “แต่กูว่าต้นโกหกเพราะมันไม่อยากกลับบ้านกับมึงมากกว่า มึงแน่ใจเหรอวะแม็กซ์ ว่าต้นมันชอบมึง?”

     แม้ว่ากายจะไม่รังเกียจที่เพื่อนของตนชอบต้นน้ำ แต่เขาก็ยังคงเกลียดต้นน้ำอยู่เหมือนเดิม และเขาว่าเขาดูไม่ผิด ต้นน้ำไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนเขาเลยแม้แต่น้อย! มีแต่เพื่อนของเขาเองนั่นแหละที่คิดไปไกล!

    'ไม่รู้ว่าไอ้ต้นมันทำอีท่าไหน ทำไมแม็กซ์ถึงได้หน้ามืดขนาดนี้วะ!'

     “ต้นชอบไม่ชอบกูไม่รู้ กูรู้แต่ว่ากูชอบต้นก็พอ”

     แม็กซ์พูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีตามประสาคนกำลังอินเลิฟ ส่งผลให้เพื่อนอีกสองคนพากันคลื่นไส้กับอาการคลั่งรักของเขา

     “แหวะ! เลี่ยนจังมึง กูกลับล่ะ”

     กายเป็นคนแรกที่ทนไม่ไหวคว้ากระเป๋าออกจากห้องตามด้วยอาร์ม ทิ้งให้ไอ้หนุ่มคลั่งรักนั่งกระหยิ่มยิ้มย่องต่อไปเงียบๆ แม็กซ์รู้สึกโล่งใจเป็นพิเศษที่ได้บอกความจริงกับเพื่อนว่าตนชอบต้นน้ำ แม้ว่าเพื่อนคนหนึ่งจะรังเกียจที่เขาชอบผู้ชายด้วยกันแต่อย่างน้อยเพื่อนอีกสองคนก็ยังอยู่ข้างเขาคอยลุ้นให้เขาจีบต้นน้ำต่อไป

     ตอนที่กายเดินมาถึงหน้าโรงเรียน เขาเห็นเด็กผู้หญิงที่ตัวเองชอบกำลังทำลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงป้ายรถเมล์ และเมื่อเขามองไปไกลขึ้นก็เห็นว่าเด็กสาวคนนี้กำลังสะกดรอยต้นน้ำอยู่ ส่วนต้นน้ำก็กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคน ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งแวะมาจอดรับต้นน้ำ เพราะฟิล์มกรองแสงที่ค่อนข้างมืดกายจึงมองไม่เห็นคนในรถ แต่ดูท่าไนน์คงรู้ตื้นลึกหนาบางพอสมควรเพราะนอกจากจะไม่ตกใจแล้วยังออกแนวเชียร์ให้ต้นน้ำขึ้นรถอีกด้วย ต้นน้ำดูลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ในที่สุดก็ก้าวขึ้นรถไป เมื่อเห็นดังนั้นไนน์จึงพุ่งตัวออกจากที่ซ่อนรีบเรียกแท็กซี่ตามไปทันที

     “ลุง ตามรถสีฟ้าคันข้างหน้านั้นไปเลยค่ะ!”

     และทันใดนั้นเอง

     “รอด้วย!”

     กายนั่นเอง เขาเบียดขึ้นมาทางเบาะหลังติดๆ กันกับไนน์

     “เฮ้ย! ลงไปนะ มาได้ยังไงอ๊า!”

     “ไม่ลง! เธอตามไอ้ต้นมันใช่มั้ย เราก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันไปกับใคร”

     “แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องของนาย!”

     “แล้วมันใช่เรื่องของเธอตายล่ะ! ไม่งั้นเธอคงเกาะแขนไอ้ต้นไปแล้วถ้ามันยอมให้เธอเสือก”

     “ฮึ๋ย!”

     ขิงก็ราข่าก็แรง ทั้งสองทำท่าจะเถียงกันไม่เลิกจนกระทั่งคนขับแท็กซี่ขัดขึ้นมาเสียก่อน

     “เอ่อ... แล้วตกลงพวกน้องจะเอายังไง ตำรวจไล่แล้ว พี่จะได้ทำตัวถูก?”

     “ตามรถสีฟ้าคันข้างหน้าไปเลยค่ะลุง!”

     เมื่อได้ยินดังนั้น คุณพี่คนขับแท็กซี่จึงเหยียบคันเร่งแซงซ้ายป่ายขวารีบตามเป้าหมายรถสีฟ้าไปทันที

     ทั้งสองตามต้นน้ำไปจนถึงช็อปปิ้งมอลล์แห่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน รถของเป้าหมายเลี้ยวเข้าไปในนั้น ทั้งกายและไนน์ต่างแย่งกันออกค่าแท็กซี่พลางถกเถียงกันเรื่องตามหาต้นน้ำต่อ ไนน์พยายามไล่กายกลับส่วนกายก็พยายามเค้นเอาความจริงไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายเด็กสาวจึงได้แต่ยอมให้เด็กหนุ่มเดินตามไปเรื่อยๆ เพราะกลัวคลาดกับต้นน้ำ หลังจากเดินตามหาอยู่นานพวกเขาก็เห็นหญิงสาวสวยคนหนึ่งกับต้นน้ำนั่งอยู่ในร้านกาแฟเล็กๆ แถวนั้น ทั้งสองจึงรีบสวมบทบาทนักสืบต่อทันที

     “คุณควรจะพูดธุระของคุณมาได้แล้วครับ”

     ต้นน้ำพูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบเบาจนทั้งสองนักสืบแทบไม่ได้ยินบทสนทนา

     “ไม่ทราบนัดผมออกมามีอะไร”

     “ไม่เห็นต้องไร้เยื่อใยแบบนั้นเลยนี่ต้น อย่างน้อยๆ พี่ก็เป็นพี่สาวต้นนะ พี่สาวอยากพบน้องชายมันผิดด้วยเหรอ”

     “ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่มีพี่น้องที่ไหน ผมเป็นลูกคนเดียวของแม่น้ำครับ”

     ทันทีที่ได้ยินหญิงสาวปริศนาก็หน้าเจื่อน เธออุตส่าคิดตั้งนานว่าทำอย่างไรถึงจะเป็นการพบกันที่ดีที่สุด ใจจริงเธออยากมาพบต้นน้ำนานแล้ว เพียงแต่เธอได้ยินจากคุณพ่อว่าต้นน้ำไม่ค่อยให้ความร่วมมือ จนในที่สุดก็มาถึงโอกาสดีที่จะทำให้เธอมีข้ออ้างมาพบหน้าน้องชาย

     “ต้นเกลียดพี่มากเหรอ”

     “คุณพ่อคุณแม่ของคุณมากกว่ามั้งที่เกลียดผมกับแม่ คุณเองก็แปลกนะครับไม่คิดแค้นผมบ้างรึไง? ผมเป็นผลผลิตจากความสำส่อนของคุณพ่อคุณนะครับ”

     ถ้อยคำหยาบคายที่ต้นน้ำใช้ทิ่มแทงหัวใจเธอช่างโหดร้ายเหลือเกิน เธอรับรู้ถึงความเกลียดชังที่น้องชายมีต่อบุพการีของตนอย่างชัดเจน แต่เธอผ่านช่วงเวลาเป็นเด็กไร้เหตุผลมาไกลแล้ว ณ. เวลานี้เธอดีใจที่รู้ว่าตนมีน้องชาย หญิงสาวจึงไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรนอกจากได้แต่ฝืนยิ้มให้เด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นน้องของเธอด้วยเลือดครึ่งหนึ่งที่เหมือนกัน

     “พอเขาเกลี้ยกล่อมเองไม่ได้ก็ส่งคุณมาเหรอครับ? ถ้าคุณทำไม่สำเร็จอีกหน่อยเขาจะบอกให้คุณแม่ของคุณมาพูดเองเลยรึเปล่า หึๆ”

     “พอแล้วนะต้น เลิกพูดจาดูถูกตัวเองกับคนอื่นเถอะ ที่พี่ขอมาเจอต้นไม่ใช่เพราะเรื่องพวกนั้น”

     “งั้นแล้วคุณนัดเจอผมเพื่ออะไรล่ะครับ? จะบอกว่าจู่ๆ เกิดอยากเจอน้องชายร่วมสายเลือดขึ้นมาให้ซึ้งเล่นแบบนั้นรึไง?”

     ชลิษาเริ่มรู้สึกแล้วว่าเหตุใดคุณพ่อของเธอถึงได้อารมณ์เสียทุกครั้งหลังพบต้นน้ำ ทั้งยังไม่ค่อยพูดถึงน้องชายของเธอให้ใครฟัง ไม่ใช่เพราะเกรงใจคุณแม่ แต่เป็นเพราะเด็กหนุ่มคนนี้ไม่สร้างความประทับใจใดๆ ชวนให้พูดถึงต่างหาก แต่เธอก็ยังพยายามทำใจดีสู้เสือต่อ

     'เธอดีกับไนน์ได้แล้วเธอจะดีกับพี่สาวแท้ๆ หน่อยไม่ได้เลยรึไงนะต้น'

     “ก็แล้วไม่ได้หรือไงล่ะต้น พี่อยากเจอต้นจริงๆ นี่นา อีกไม่กี่วันก็วันเกิดต้นแล้วไม่ใช่เหรอ? ปีที่แล้วพี่ไม่ทันได้รู้จักต้นแต่ปีนี้ต้นจะอายุครบสิบแปดแล้วพี่ก็เลยอยากฉลองให้ พี่อยากมีน้องมาตั้งนานแล้วรู้มั้ย”

     ทั้งๆ ที่พยายามแสดงความเป็นมิตรอย่างจริงใจแล้ว แต่ชลิษากลับเห็นต้นน้ำยกยิ้มที่มุมปากแสดงสีหน้าไม่เชื่อคำพูดของเธอสุดๆ ขาดแค่พูดออกมาตรงๆ ว่า“ตอแหล”เท่านั้น

     “ถึงขนาดรู้วันเกิดผมเชียว? นี่คงได้ข้อมูลส่วนตัวผมจากไนน์ไปเยอะเลยสิครับ พวกคุณใช้เด็กผู้หญิงซื่อๆ คนนึงเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้ตัวผมไปเป็นเครื่องมือให้พวกคุณอีกทีเลยเหรอครับ? แผนซับซ้อนสมกับเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเลยนะครับ หึ คุณพ่อของคุณน่ะ ดูท่าท่านคงรักคุณมากทีเดียว อยากให้คุณได้เรียนในสายที่ตัวเองชอบต่อไป แล้วก็เอาผมไปเป็นผู้รับเคราะห์แทน”

     “ไปกันใหญ่แล้ว! เรื่องของคุณพ่อกับอากงน่ะพี่ไม่สนใจหรอก เรื่องนั้นตัวพี่เองก็มีวิธีของพี่อยู่ เพียงแต่... ทำไมล่ะต้น? ต้นไม่ดีใจเหรอที่ได้รู้ว่าเรายังมีคนที่มีสายเลือดเดียวกันกับเราเพิ่มขึ้นบนโลกนี้”

     ชลิษาเริ่มฉุนขึ้นมาแล้ว ต่อให้ไม่รักต้นน้ำก็ไม่ควรแสดงกิริยาไม่เคารพถึงเพียงนี้  เธอยอมรับว่าน้องชายของเธอนั้นเป็นเด็กมีปัญหาของแท้! ถ้าไม่ติดว่าตนไม่อยากให้เรื่องมันแย่มากไปกว่านี้ ด้วยฐานะพี่สาวเธอเองก็อยากตบเด็กหนุ่มตรงหน้านี้สักทีสองที คำพูดแต่ละคำช่างร้ายกาจ ทั้งเย่อหยิ่งและแสนเย็นชา เปิดปากแต่ละทีก็พ่นออกมาแต่ลาวาบาดหู!

     'ให้ตายเถอะ! เกิดมาไม่เคยเจอใครปากร้ายเท่านี้มาก่อนเลย!'

     วันที่ชลิษารู้ว่าตัวเองมีน้องชายพึ่งผ่านไปไม่นาน เหตุการณ์ที่เธอและครอบครัวได้พบกับผู้หญิงคนนั้นช่างบังเอิญเหลือเชื่อ เธอไม่ตกใจเรื่องคุณพ่อแอบนอกใจแม่บังเกิดเกล้าเพราะเติบโตมากับปัญหานี้จนชินชา คุณพ่อของเธอสมัยยังหนุ่มๆ ถือว่าเป็นอาจารย์ ดร. หนุ่มอนาคตไกล ลูกผู้ดีมีตระกูล จึงไม่แปลกที่มีผู้หญิงมาติดพัน คุณแม่ของเธอยอมรับการซุกซนเล็กๆ น้อยๆ นอกบ้านได้ ขอเพียงคุณพ่อไม่ซนเกินไปหรือติดพันใครเกิดเหตุจนทำอะไรให้เกิดปัญหากระทบกับชื่อเสียงครอบครัว คุณแม่ของเธอก็ทำเป็นหลับหูหลับตาอย่างละข้างมองข้ามความเจ้าชู้ของคุณพ่อปล่อยให้มันผ่านไปทุกครั้ง

     เมื่อครั้งยังเด็ก ตอนที่รู้ว่าคุณพ่อแอบไปมีกิ๊กครั้งแรกนั้นชลิษาร้องไห้อาละวาดน้อยใจคุณพ่ออยู่นานจนคุณพ่อเลิกซุกซนนอกบ้านไประยะหนึ่ง เธอทำใจไม่ได้ไม่เข้าใจว่าคุณพ่อทำเช่นนั้นได้อย่างไร และยิ่งไม่เข้าใจว่าคุณแม่ทนได้ยังไง ถ้าเป็นเธอๆ จะไม่มีวันแต่งงานกับผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวมีเมียเดียวไม่ได้เด็ดขาด!

     เธอเคยได้ยินคุณแม่บอกว่า “เรามีทะเบียนสมรสอยู่ในมือ ผู้หญิงพวกนั้นจะทำอะไรได้ ขอแค่คุณพ่อรู้จักป้องกัน ไม่ให้มีอะไรมาเดือดร้อนคนทางบ้านก็พอแล้ว” เธอทราบมาว่าคุณพ่อยอมทำหมันตามที่คุณแม่ขอเพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองคงเลิกซนไม่ได้ เธอไม่ทราบว่าคุณแม่ของเธอมีปัญหาอะไรที่ทำให้คุณพ่อต้องออกไปหาความสุขนอกบ้าน แต่เธอรู้สึกว่าคุณพ่อรักพวกเธอแม่ลูกมากที่สุดในชีวิต

     เมื่อมีผู้หญิงหน้าด้านมาระรานพวกเธอแม่ลูก คุณแม่ก็จะจัดการตอกกลับผู้หญิงพวกนั้นเสียจนไม่กล้าโผล่มาราวีพวกเธอแม่ลูกอีก และคุณพ่อก็จะเลิกยุ่งกับตุ๊กตาที่ไม่รู้จักอยู่อย่างสงบในที่ของตัวเองพวกนั้นด้วย คุณแม่เป็นผู้หญิงสมัยใหม่แบบที่รู้บทบาทของตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้คุณพ่อจะแอบไปหาเศษหาเลยนอกบ้านแต่ก็เกรงใจคุณแม่อยู่เสมอ ไม่เคยมีปัญหากวนใจ แต่ใครจะไปนึกว่าตัวปัญหาที่แท้จริงอย่างต้นน้ำจะเกิดออกมาตั้งนานแล้ว ก่อนที่เธอจะพูดคำว่าพ่อกับแม่ได้ชัดเสียอีก!

     ชลิษาตกใจมากที่รู้ว่าตัวเองมีน้องชาย แถมยังอายุห่างกันแค่ปีกว่าๆ เด็กคนนั้นต้องโตมากับมารดาสองคน รับรู้ต้นเหตุแห่งคำถามที่ว่าทำไมตัวเองไม่มีพ่อมาตลอด ถึงเธอจะสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเลี้ยงน้องชายเธอมาด้วยทัศนคติแบบไหน ต้นน้ำถึงได้กลายเป็นเด็กก้าวร้าวแบบนี้ แต่เธอมั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นเลี้ยงดูต้นน้ำมาอย่างดี เพราะน้องชายของเธอรักมารดาของตนมาก แต่ก็ขาดความอบอุ่นต้องการความรักจากคนรอบข้างมากด้วยเช่นกัน

     แม้จะนับถือผู้หญิงคนนั้นที่กัดฟันยอมให้ต้นน้ำออกมาเผชิญโลก อดทนเลี้ยงลูกมาด้วยตัวคนเดียว แต่อีกใจหนึ่งเธอก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าที่ฝังเมล็ดความเกลียดชังเอาไว้ในตัวต้นน้ำจนเป็นเช่นนี้

     อย่างไรก็ตาม ต้นน้ำคือน้องชายของเธอ น้องชายที่เป็นผู้บริสุทธิ์ท่ามกลางวังวนความใคร่ของพวกผู้ใหญ่เช่นเดียวกับเธอ ชลิษาจึงอดไม่ได้ที่จะเห็นใจน้องชายผู้เผชิญชะตากรรมแบบเดียวกัน ก่อเกิดเป็นความเอ็นดูอยากเป็นครอบครัวเดียวกันกับเด็กหนุ่มคนนี้ แม้ไม่ถึงกับอยากแย่งต้นน้ำมาอยู่ร่วมครอบครัวกับตนแต่ก็มากพอจนอยากให้ตัวเองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของต้นน้ำ เธออุตส่าหาทางเข้าใกล้น้องชายคนนี้ แต่เขากลับผลักไสเธออย่างไม่ปิดบังความรังเกียจ นี่มันอะไรกัน! ฝ่ายที่ต้องเจ็บปวดมันควรจะเป็นเธอกับแม่ไม่ใช่หรือ?

     “D.N.A. กับความรักมันคนละเรื่องกันนะครับ นอกจากผมจะไม่รักแล้วยังไร้ซึ่งความผูกพันใดๆ กับพวกคุณด้วย แล้วคุณจะให้ผมมีความรู้สึกดีๆ กับพวกคุณได้ยังไงละครับ? ในเมื่อวันนั้นพ่อของคุณยังทำสีหน้าดูถูกผมกับแม่อยู่เลย ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งคุณปู่ของคุณเขาจะยอมติดต่อผมกับแม่เหรอครับ?”

     ต้นน้ำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่แฝงแววเสียดสีเย้ยหยันลงไปในสำเนียงเสียจนชลิษาเถียงอะไรไม่ออก ต้นน้ำหยุดพูดพักจิบน้ำผลไม้ในแก้วพลางสังเกตสีหน้าของหญิงสาวอยู่เงียบๆ อย่างสะใจ! ที่มุมปากของเขามีรอยยิ้มชั่วร้ายแสยะอยู่แบบไม่ปิดบัง เมื่อใช้สายตาและท่าทางแย้มยิ้มเหยียดหยามอีกฝ่ายจนพอใจแล้วเขาก็เริ่มลงมือต่อทันที

     “ส่วนเรื่องที่เขายอมติดต่อผมกับแม่ก็เป็นเพราะเรื่องบาดหมางระหว่างเขากับคุณปู่ของคุณไม่ใช่เหรอครับ? แหม... อย่านึกแต่ว่ามีแต่พวกคุณที่รู้ข้อมูลผมฝ่ายเดียวสิครับ ไนน์เธอเป็นเด็กดีนะครับ ทั้งใส ทั้งซื่อ คุณหลอกใช้เธอได้ผมก็คุ้ยข้อมูลพวกคุณได้เหมือนกัน!”

     หญิงสาวพยายามข่มใจอดทนฟังต้นน้ำลอยหน้าลอยหน้าพล่ามต่อไป เธอได้แต่บอกตัวเองให้อดทนไว้...

     “ผู้ชายคนนั้นอีโก้สูงนะครับ เพราะเป็นลูกชายคนเล็กเลยมักถูกเปรียบกับพี่ชายอยู่บ่อยๆ กว่าจะกัดฟันหาทุนจนเรียนจบจากเมืองนอกได้ พอกลับมาเลยปีกกล้าขาแข็ง ยิ่งพอมีตำแหน่งอาจารย์พ่วงท้ายก็มัวแต่ทำวิจัยเอาหน้าเอาตา ทำเป็นหยิ่งไม่ง้อทรัพย์สมบัติพ่อตัวเองไม่อยากมีปัญหากับพี่ชายอีกสองคน
     แต่พอพี่ชายคนโตตายไปพร้อมหลานชายพี่ชายคนรองก็ดันไม่เอาถ่าน ตัวเองก็ไม่อยากยุ่งกับปัญหาธุรกิจที่ตนไม่ถนัด ครั้นจะให้คุณไปรับช่วงแทนก็ไม่อยากบังคับ เพราะเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่เป็นถึงนักศึกษาแพทย์ คณะที่โก้กว่าบริหาร แหมพูดแล้วผมปลื้มในความรักที่เขามีต่อคุณจริงๆ เลยละครับ”

     พอได้ฟังถ้อยคำเกลียดชังกันซึ่งๆ หน้าชลิษาก็จนมุมเหมือนกัน ดูท่าต้นน้ำกับเธอคงไม่สามารถเข้าใจกันได้ในเร็วๆ นี้ ก็ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงออกถึงความชิงชังมาซะขนาดนี้ เธอก็ไปต่อไปเป็นแล้ว

     'วันนี้คงไม่ได้อะไร...'

     “พี่รู้ว่าเธอเกลียดคุณพ่อมาก แต่เชื่อเถอะว่าคุณพ่อเองก็รักเธอนะต้น ไม่งั้นเธอคิดเหรอว่าคุณพ่อจะยอมรับเธอเป็นลูก คุณพ่อจะปฏิเสธเธอสองแม่ลูกก็ได้”

      “ผู้ชายคนนั้นปฏิเสธผมกับแม่มาตั้งนานแล้วครับ! ที่เขาอยากได้ผมไปเป็นลูกก็เพราะเขารักคุณมากกว่า ผมอยู่ได้โดยไม่มีเขามาตั้งนาน เขาไม่จำเป็นกับชีวิตผมหรอก!”

     ต้นน้ำกระแทกเสียงตอบหญิงสาวตรงหน้าอย่างหงุดหงิด เขาไม่ได้น้อยใจที่พ่อไม่รัก เขาไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อยที่เขาไม่ใช่คนที่ถูกเลือกให้เกิด!

     “แต่แม่ของเธอต้องทำงานหนักตลอดไม่ใช่เหรอ แทบไม่ได้อยู่บ้านเลยนี่ เธอไม่คิดเหรอว่าถ้าเธอมาอยู่กับเราเธอจะสบายขึ้น ยิ่งเรื่องมหาวิทยาลัยเธอก็จะ-”

     แม้ว่าชลิษาจะพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบชักจูงให้ต้นน้ำเห็นผลดีต่ออนาคตของตัวเอง แต่ทว่าเด็กหนุ่มกลับตัดบทอย่างรำคาญ

     “ระดับผมแล้วเรื่องเรียนมหาวิทยาลัยมันของง่ายๆ ครับ ทุนต่างๆ ก็มีตั้งเยอะแยะ แม่ผมเองก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญญาส่งลูกชายตัวเองเรียน ผมยังมีอะไรที่ต้องให้พวกคุณช่วยอีกเหรอครับ?”

     “ก็แค่คำว่าครอบครัวนะต้น ต้นไม่ดีใจเหรอที่รู้ว่าตัวเองมีพี่สาว สำหรับพี่ๆ ดีใจมากนะที่รู้ว่าตัวเองมีน้องชาย”

     พอได้ฟังต้นน้ำก็เบะปากใส่ชลิษา คนที่เติบโตมามีพร้อมทุกอย่างจะไปเข้าใจอะไรเขา!

     “แหม โชคร้ายจัง พอดีผมรู้มาตั้งแต่เกิดแล้วว่าผมมีพี่สาว ส่วนผมเป็นลูกที่เขาไม่ต้องการ เลยโตมาแบบชาตินี้ไม่คิดว่าจู่ๆ ตัวเองจะมีพี่มีพ่อเพิ่ม!”

     “ต้น! เธอพูดแรงไปแล้วนะ! ทิ้งเรื่องในอดีตไว้แล้วเริ่มต้นกันใหม่ไม่ได้เหรอ พี่อยากเป็นพี่สาวต้นจริงๆ นะ คุณแม่พี่เองก็ทำใจได้แล้วด้วย นอกจากให้อภัยคุณพ่อแล้วคุณแม่ยังบอกพี่เลยนะว่านับถือคุณแม่ของเธอที่เลี้ยงเธอมาได้ขนาดนี้ อากงเองก็ดีใจมากที่รู้ว่ามีหลานชายเพิ่ม คุณป้าเขายังดีใจจนอยากจะรับเธอเป็นลูกบุญธรรมเองเลยด้วยซ้ำเพราะรู้มาว่าเธอสนิทกับไนน์ ถึงคุณพ่อจะไม่แสดงออกแต่พี่ว่าเขาก็คงดีใจ เขาก็รักเธอเหมือนกันนะต้น คุณพ่อเองก็อยากชดเชยที่ไม่ได้ดูแลเธอนะ ทั้งๆ ที่ทุกคนมีความสุขที่รู้ว่ามีต้น อยากช่วยกันดูแลต้น แล้วทำไมเธอถึงต้องทำตัวให้จมอยู่ในความทุกข์ด้วยล่ะ”

     “ก็แล้วทุกคนมายุ่งกับชีวิตผมทำไม! ผมอยู่เฉยๆ ก็มีความสุขของผมดีอยู่แล้ว มาวุ่นวายกับผมทำไม!”

     หางเสียงท้ายประโยคที่เผลอตะคอกออกมานั้นดังจนพนักงานในร้านหันมามอง ต้นน้ำสุดจะทนแล้ว! เขาแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ อารมณ์ต่างๆ ปะทุอยู่ในอกจนใจเขาปั่นป่วนไปหมด หยาดน้ำใสๆ เริ่มเอ่อออกมา การรับมือผู้หญิงคนนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ ผู้หญิงคนนี้แตกต่างกับผู้ชายคนนั้นลิบลับ กับคนๆ นั้นเขาไม่เคยรู้สึกสับสนแบบนี้เลยแม้แต่น้อย!

     “ก็เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกันยังไงล่ะต้น เรามีสายเลือดเดียวกันนะ”

     “พวกคุณเรียกผมว่าสายเลือดเดียวกัน ยอมรับให้ผมเป็นครอบครัวของคุณ ถามผมรึยังล่ะครับว่าผมอยากด้วยรึเปล่า? แล้วผมก็ไม่คิดว่าพวกคุณจะอยากได้ผมไปเป็นคนในตระกูลหรอกครับ ก็ขนาดลุงแท้ๆ ของคุณยังร่ำๆ จะโดนตัดออกจากกองมรดกเลยไม่ใช่เหรอครับ เพราะเอาแต่เที่ยวทำงานไม่ได้เรื่อง!”

     'ไม่ได้นะ เราจะเสียความเยือกเย็นไปไม่ได้ นั่นมันไม่ใช่เราเลยแม้แต่น้อย! เราต้องทำให้พวกมันเจ็บปวดสิ! ไม่ใช่ปล่อยให้พวกมันมาทำให้เราเจ็บปวด!'

     “ใครทำตัวไม่ดีก็ต้องถูกลงโทษเป็นธรรมดา แต่ถึงอากงจะลงโทษคุณลุงแบบนั้น อากงก็ไม่ได้ใจร้ายตัดพ่อตัดลูกกับลุงไกรซักหน่อย”

     “เหมือนที่แม้จะเกลียดคนอวดดีแบบคุณพ่อของคุณ แต่ก็รักหลานสาวสุดๆ จนถอยรถใหม่ป้ายแดงให้ทันทีที่สอบติดหมอใช่มั้ยละครับ หึๆ แต่โชคร้ายนะครับที่บางทีผมอาจมีพฤติกรรมน่ารังเกียจกว่าคุณลุงของคุณก็ได้”

     อาจจะเพราะสีหน้าที่กลับมาเย็นชาเย้ยหยันตัวเองของต้นน้ำ ชลิษาจึงตกใจ

     “หมายความว่ายังไง! ต้นติดยาเหรอ?”

     “ฮ่าๆ ของแพงๆ พรรณนั้นผมจะมีปัญญาหามาเสพได้ไง อย่ามองโลกในแง่ร้ายแบบนั้นสิครับ ผมไม่ใช่พวกเด็กมีปัญหาแล้วก็พึ่งยาเสพติดซักหน่อย”

     “งั้นแล้วต้นมีปัญหาตรงไหนล่ะ? มีแต่ตัวต้นนั่นแหละที่ไม่ยอมรับพวกเรา พวกเราน่ะรอให้ต้นเปิดใจอยู่นะ”

     ถึงตรงนี้ชลิษาเองก็เริ่มมีน้ำโหแล้ว น้องชายของเธอไม่น่ารักเอาเสียเลย!

     “คุณปู่คุณรับได้เหรอครับถ้าหลายชายดันเป็นเกย์น่ะ คุณพ่อคุณคงไม่ทราบสินะครับว่าผมชอบนอนกับผู้ชายด้วยกันสุดๆ ผมเองก็คงได้เชื้อสำส่อนมาจากเขานั่นแหละครับ แต่ต่างกันที่ว่าในขณะที่เขามองหาสาวๆ มากก ผมกลับชอบให้ผู้ชายคนอื่นมาหิ้วผมไปขึ้นเตียงมากกว่ะ”

     “เพี๊ยะ!

     แรงตบที่ส่งมาจากฝ่ามือของชลิษาอย่างฉับพลันนั้นมากพอจะทำให้ต้นน้ำหน้าหัน! เขารู้สึกว่าแก้มของตนเจ็บแปลบจากแรงปะทะก่อนจะเริ่มชา ต้นน้ำเบนสายตาหันกลับมามองคนที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวของเขาเงียบๆ เขายกมือขึ้นเช็ดมุมปากตรงที่เจ็บและก็เห็นว่าตนปากแตกเพราะมีเลือดเปื้อนอยู่บนหลังมือเล็กน้อย ต้นน้ำเห็นผู้หญิงตรงหน้ามีสีหน้าซีดเผือด ชลิษากำลังสั่นเทิ้มไปทั้งตัวด้วยความโกรธ สองแก้มของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาไม่แพ้เขาเช่นกัน!

     “นี่ถือว่าเป็นการสั่งสอนเธอ! พี่ขอใช้สิทธิ์ความเป็นพี่อบรมมารยาทเธอต้นน้ำ! เธอจะเกลียดจะแค้นคุณพ่อก็ไม่เป็นไรแต่เธอห้ามไม่รักตัวเองเด็ดขาด! คนที่แม้แต่ตัวเองยังรักไม่เป็นแบบเธอน่ะน่าสมเพชนะ วันไหนที่เธอรู้จักรักตัวเองขึ้นมาวันนั้นเธอคงจะมองเห็นความรักที่พี่กับคนอื่นมีให้เธอ!”

     หลังจากทิ้งท้ายไว้กับแบงค์พันบนโต๊ะชลิษาก็ลุกออกไปทันที เธอรับไม่ไหวแล้วจริงๆ กับน้องชายปากร้ายคนนี้ ครั้งนี้เธอคงต้องขอตัวกลับไปตั้งหลักก่อน ส่วนเรื่องที่ว่าจะมีครั้งหน้าอีกหรือไม่นั้นคงต้องรอเวลาสักพักให้ตัวเองใจเย็นลงและให้ต้นน้ำปล่อยวางเสียก่อน แม้จะเตรียมใจมาแล้วว่าการเจอกันครั้งแรกคงไม่สวยงามซาบซึ้งใจเหมือนในนิยายหรือละคร แต่เธอไม่คิดเลยว่าต้นน้ำจะรับมือยากขนาดนี้!

     'เฮอะ! รักตัวเองเหรอ...'

     ต้นน้ำได้แต่สมเพชตัวเองอยู่เงียบๆ ทำไมเขาจะไม่รู้จักความรัก แม่น้ำของเขานั่นไงที่มอบความรักให้กับผู้เป็นบุตรอย่างเขา เขาเองก็รักแม่น้ำมากด้วยเช่นกัน แล้วจะบอกว่าเขาไม่รู้จักความรักได้ยังไง

     ต้นน้ำเดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์แคชเชียแบบไม่สะทกสะท้าน เขาไม่สนว่าพนักงานในร้านจะมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่หรือไม่ เขาไม่แคร์ว่าชาวบ้านจะพูดยังไง เขาเพียงแค่จ่ายเงินเงียบๆ แล้วก็นั่งรถประจำทางกลับบ้าน หาอาหารเย็นทาน ทบทวนหนังสือ นอนหลับพักผ่อนเพื่อเตรียมใช้ชีวิตในวันพรุ่งนี้ก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่จำเป็นต่อชีวิตเขาสักนิด!
หัวข้อ: Re: [บท7#29/8/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ดราม่าควีนจอมแหลผู้ชอบแอ๊บสร้างภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 29-08-2014 22:28:56

     และเพราะต้นน้ำมัวแต่ใจลอยเดินเหม่อฉาบสีหน้ายิ้มแย้มค้างไว้บนใบหน้าโดยไม่กล้ามองหน้าสบตาใครทั้งสิ้น เจ้าตัวกำลังใส่หน้ากากเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาต่อหน้าพนักงานคิดเงินและผู้คนแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ เขาจึงไม่ทันสังเกตเห็นสตอล์กเกอร์ทั้งสองที่กำลังทำตัวเป็นนักสืบ

     เมื่อต้นน้ำเดินออกจากร้านไปแล้ว หนึ่งในสองสตอล์กเกอร์ก็กำลังจะวิ่งตามไปถ้าไม่ได้สตอล์กเกอร์อีกคนที่มาด้วยกันหยุดเธอไว้

     “จะไปไหนยัยเตี้ย!”

     “ก็จะไปหาต้นน่ะสิ”

     “หยุดเลย! เรื่องของเรามันยังไม่จบ”

     กายคว้าแขนของคนตัวเล็กกว่าไว้ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขที่คุ้นเคย

     “เฮ้ย! แม็กซ์เหรอ นี่กูเอง มึงอยู่ไหน? กูมีเรื่องดีๆ จะบอก... เออๆ รอกูอยู่ที่นั่น เดี๋ยวกูเสร็จทางนี้แล้วจะตามไป”

     ว่าแล้วกายก็หันมาใช้สายตากดดันนักสืบจำเป็นอีกคนที่ร่วมขบวนการด้วยกัน

     “เรื่องมันเป็นไงมาไง เล่ามาให้หมดเลย ยัยเตี้ย!”

============================================

     “สรุปว่า เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ ไอ้เหี้ยต้นแม่งหลอกใช้มึง มันไม่ได้ชอบมึงแม้แต่น้อย แถมผลสุดท้ายยังปอดแหกไม่กล้าเอากับมึงอีก”

     แม็กซ์ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากกาย ตอนนี้เขารู้ที่มาที่ไปและสาเหตุที่ช่วงหลังๆ ต้นน้ำทำดีกับเขาเป็นพิเศษแล้วแต่เขาก็ยังอยากจะเชื่อมั่นในตนเอง

     “กูพอรู้อยู่แล้วว่าต้นแค่อยากนอนกับกู ไม่ได้ชอบกู”

     “มึงรู้อยู่แล้วละมึงไปชอบมันทำไมวะ! ผู้หญิงดีๆ มีตั้งเยอะแยะ หรือมึงจะชอบผู้ชาย? คนอื่นที่ดีกว่ามันก็ยังมี”

     “มันไม่เกี่ยวกันเว้ย! กูต้องการแค่ต้นคนเดียวเท่านั้น กูรักต้น มึงเข้าใจป่ะ?”

     “เออ กูไม่เข้าใจ! ไอ้ต้นมันแค่อยากนอนกับผู้ชาย ซึ่งมันจะเอากับใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นมึง! มึงเป็นแค่หนึ่งในตัวเลือกของมัน ละมันก็เขี่ยมึงทิ้ง มึงยังจะรักมันอีกเหรอวะ?”

     “เออ! ถึงไงกูก็ยังดีใจที่ต้นเลือกกู กูรู้อยู่แล้วว่าต้นมันแค่อยากลองนอนกับผู้ชาย กูนึกว่ามันแค่อยากรู้ว่าตัวเองเป็นเกย์รึเปล่า แค่นั้นกูก็ดีใจแล้วที่ต้นมันเลือกกู แต่กูไม่รู้ว่าต้นมันจะดราม่านี่หว่า กูรู้แค่ต้นมันไม่ถูกกับพ่อตัวเอง เป็นลูกเมียน้อยทำนองนั้น กูไม่รู้นี่ว่าต้นมันมานอนกับกูประชดพ่อมัน แล้วจะให้กูทำไงวะก็กูรักมันไปแล้ว”

     “มึงนี่ กู่ไม่กลับแล้ว!”

     “เออ! กูกู่ไม่กลับแล้ว”

     “เฮ้ยพวกมึง กูขอพูดไรหน่อยได้ป่ะ?”

     “อะไร!” / “ไรของมึงอีกอาร์ม!”

     สองเสียงสวนขึ้นมาพร้อมกันจนอาร์มสะดุ้ง เขายิ้มแหยๆ ก่อนจะตอบเสียงอ่อย

     “เอาน่ากาย มึงก็ใจเย็นๆ กูไม่เคยเห็นแม็กซ์รักใครมากเท่านี้เลยนะเว้ย มึงควรจะเชียร์เพื่อนนะ”

     “ถ้ามันเสือกไปรักคนดีๆ กูจะไม่ว่าเลย นี่แม่ง!”

     “แต่แม็กซ์มันพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้นะเว้ย มันไม่เกี่ยวว่าต้นจะมีปัญหาอะไร จุดสำคัญอยู่ที่แม็กซ์จะจีบต้นยังไงให้ติดมากกว่า ถ้าแม็กซ์มันจีบติดแค่นี้ก็หมดปัญหาไม่ใช่เหรอวะ? น้ำหยดลงหินไงมึง ต้นมันต้องใจอ่อนกับแม็กซ์บ้างแหละ”

     “ละกูจะคอยดู กูไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบไอ้ต้นจะมีหัวใจ!”

     กายส่งเสียงดูถูกไม่เชื่อคำพูดของเพื่อน ส่งผลให้อาร์มต้องส่ายหน้าเซ็งกับความเกลียดชังแค้นฝังหุ่นของกาย ส่วนแม็กซ์นั้นก็ได้แต่เงียบคิดอะไรในสมองอย่างใจลอย
 
============================================

     สุดสัปดาห์นั้นแทนที่ชัยชัชจะแวะมาหาต้นน้ำแต่เช้าตามสัญญา จนแล้วจนรอดสายโด่งจนเกือบเที่ยงชัยชัชก็ยังไม่โผล่มา ต้นน้ำที่รอแฟนมารับไปเดทแรกเลยเริ่มฉุน เขาตัดสินใจเดินไปเคาะประตูห้องข้างๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอด!

     สภาพของผู้ชายตัวโตหัวฟูที่เดินมาเปิดประตูทั้งชุดนอนทำให้ต้นน้ำเซ็งจนพูดอะไรไม่ออก

     'ให้ตายเถอะ! เราลืมไปได้ยังไงนะว่าพี่ชัชเป็นคนแบบนี้ ไม่น่าหวังไว้เลย เฮ้อ...'

     “แปปนึงนะต้น! ขอพี่อาบน้ำแต่งตัวแปปนึง!”

     “ไม่เป็นไรครับ พี่ชัชไม่ต้องรีบก็ได้ อยากทานอะไรรองท้องรึเปล่าครับ? ผมจะได้ทำให้”

     “ไม่อ่ะต้น! ไว้ไปกินที่ห้างเลย”

     ชัยชัชตะโกนตอบต้นน้ำพลางถือผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำ

     'พลาดได้ไงวะเนี่ย! กูว่ากูตั้งปลุกแล้วนะ'

     ชัยชัชใช้เวลาไม่นานจัดการตัวเอง และแล้วจากผู้ชายสภาพโทรมๆ ก็กลายเป็นผู้ชายดูดีทันตาเห็น ชัยชัชพร้อมแล้วที่จะพาแฟนใหม่ของตัวเองไปประเดิมเดทแรกด้วยกัน

     “มองไรครับ น้องต้น พี่หล่อเกินห้ามใจเหรอครับ?”

     ชัยชัชยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยใส่ต้นน้ำ แต่เด็กหนุ่มกลับยิ้มรับแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

     “ผมกำลังคิดว่าผมมารบกวนพี่ชัชรึเปล่า เมื่อคืนพี่คงกลับดึกน่าดู บางทีพี่ชัชอาจจะอยากพักผ่อนอยู่ห้องมากกว่า”

     “แหม พูดอะไรแบบนั้นกันครับน้องต้น พี่ไม่เหนื่อยเลยครับ”

     'ชิบหาย! ต้นมันเล่นกูอีกแล้ว'

     “ก็ผมเห็นตื่นซะเกือบเที่ยงเลยนี่ครับ”

     “เอ่อ... พี่ว่าเรารีบไปกันดีกว่าครับ เนาะ!”

     'เวร! เดทแรกก็ทำท่าจะไม่รอดแล้วกู ถึงไอ้ต้นมันไม่โวยวายแบบฟ่าง แต่ว่ามันกัดเจ็บชะมัดเลยโว้ย'

     ชัยชัชขับรถพาต้นน้ำไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้คอนโด ทั้งสองหาอะไรง่ายๆ ทานเป็นมื้อกลางวันกันก่อนดูหนัง แต่เหมือนบรรยากาศไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ เพราะมีแต่หนังบู๊แอคชั่นเลือดสาดไม่เหมาะกับเดทแรก มิหนำซ้ำคนยังแน่นโรงจนทั้งคู่ได้แต่ดื่มด่ำไปกับการเพ่งฉากเลือดสาดบนจอภาพยนต์ไม่มีช่วงเวลาดีๆ ให้ชัยชัยได้กุ๊กกิ๊กทำคะแนนเรียกความเชื่อมั่นให้ต้นน้ำหายงอนได้เลย แม้จะอาศัยความมืดในโรงหนังแตะอั๋งทั้งจับมือง้อหรือจุ๊บอ้อนๆ กันแล้วก็ตาม ต้นน้ำกลับแสดงออกอย่างมีวัฒนธรรมด้วยการหันมายิ้มให้อย่างสุภาพแล้วนั่งดูหนังเงียบๆ อย่างที่คนมีมารยาทพึงกระทำในโรงหนัง ชัยชัชเลยนั่งเครียดกลัวแฟนงอนตลอดทั้งเรื่อง เพราะการงอนของต้นน้ำเป็นแบบงอนเงียบ ไม่แสดงอาการใดๆ ให้ง้ออย่างเปิดเผย เล่นเอาชัยชัชจนปัญญา มีปัญหากับวิธีง้อแฟนนิสัยเงียบๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต

     เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และมีงานออกบูธสัตว์เลี้ยงกลางลานน้ำพุ ผู้คนจึงค่อนข้างมาก ชัยชัชเลยชวนต้นน้ำเดินดูบูธขายของแก้เซ็ง(แฟนงอนเงียบ)ตามประสาคนรักสัตว์ โดยหวังว่าเหล่าสัตว์ขนปุยทั้งหลายจะทำให้รอยยิ้มที่หายไปกลับคืนมาบนใบหน้าของต้นน้ำได้บ้าง แต่ลงท้ายคนที่สนุกที่สุดกลายเป็นเขาแทน ต้นน้ำทำแค่เดินตามพลางตอบรับคำสนทนาแบบแกนๆ

     “เฮ้ย! ต้นดูเด่ะ กระต่ายโครตน่ารักเลยอ่ะ”

     “ครับ”

     “เฮ้ย อย่าเอาแต่ครับดิ เบื่อเหรอ?”

     “เปล่าครับ”

     “หน่านะ รู้ว่างอนที่พี่ตื่นสาย แต่เลิกงอนได้แล้วหน่าต้น นานแล้วนะ”

     “ผมเลิกคิดเรื่องนั้นไปตั้งนานแล้วครับ”

     “อ้าว! ก็เห็นเงียบเชียว พี่ก็นึกว่างอนพี่ไม่เลิก”

     'ฮึ๊! รู้ตัวก็ดี!'

     ต้นน้ำไม่ตอบอะไรนอกจากทำสีหน้าเรียบๆ ตวัดตาขึ้นมองค้อนชัยชัช

     “ถ้าไม่ได้งอนพี่แล้วยิ้มหน่อยนะครับที่รัก นะน้าคนดี”

     พอเห็นแฟนสุดที่รักค้อนตอบ ชัยชัชก็ใส่ลูกอ้อนทันที เขาส่งนิ้วก้อยมาเกี่ยวนิ้วของต้นน้ำไม่อายสายตาประชาชีดึงเอามือขาวๆ ของแฟนหนุ่มขึ้นมาจุมพิตเสียงดังฟอดอย่างไม่ขัดเขิน เล่นเอาต้นน้ำอายม้วนต้วนเลิกงอน เด็กหนุ่มรีบเก็บสีหน้าแดงเถือกเดินหนีออกจากลานแสดงสัตว์ไปทางอื่นเพราะความอาย แต่ชัยชัชไม่ปล่อยโอกาสทองไปง่ายๆ ในเมื่อเขาชอบมองสีหน้าตอนเขินของต้นน้ำที่สุด เขาจึงรีบตามไปแหย่ทำคะแนนต่อทันที

     'ใครใช้ให้แฟนพี่หน้าแดงแล้วน่าปล้ำขนาดนี้วะ โครตน่ารักเลยต้นเอ้ย'

     ลูกแกะแสนซื่อตัวนี้ทำให้เขาคันหัวใจอยากรังแกสุดๆ เขาอยากเห็นสีหน้าเขินอายที่ถูกแต่งแต้มสีแดงระเรื่อโดยฝีมือของเขา แต่ในขณะเดียวกันก็อยากปกป้องซับน้ำตาลูกแกะน้อยตัวนี้ไม่ให้มีเรื่องทุกข์ใจใดๆ อีก เขาตั้งใจจะโอบกอดลูกแกะหลงทางตัวนี้อย่างสุดความสามารถ อยากประคับประคองลูกแกะน้อยให้อยู่ในอ้อมกอดของเขาแต่เพียงผู้เดียว

     การจู่โจมของชัยชัชทำเอาต้นน้ำเขินจนไปไม่เป็น นี่เป็นการไปข้างนอกด้วยกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เป็นแฟนกันมา แม้หลังจากที่เป็นแฟนกันแล้วเขาจะโดนพี่ชัชของเขาทำรุ่มร่ามด้วยบ้าง แต่นั่นก็อยู่ในที่ลับ ต้นน้ำไม่คิดว่าชัยชัชจะกล้าแสดงออกอย่างเปิดเผย อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้ชาย เขานึกว่าชัยชัชคงไม่สะดวกใจเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขา ที่ไหนได้ ชัยชัชยังคงมอบรอยยิ้มทะเล้นๆ ให้เขาตามปกติ ความรู้สึกอบอุ่นพองฟูอยู่ในอกทำเอาหัวใจเขาเต้นโครมคราม ต้นน้ำรักพี่ชัชคนนี้มากจริงๆ

     ตอนแรกต้นน้ำเพียงแค่ประทับใจที่ชัยชัชเคยช่วยเหลือ เด็กน้อยแอบมองตามฮีโร่ทุกครั้งที่เจอ เขาอดสนใจใคร่รู้เรื่องของพี่ชายคนนั้นไม่ได้ เวลาได้ยินข่าวคราวหรือเรื่องเล่าต่างๆ ก็เกิดอาการห่วงใยอยู่เงียบๆ ไม่กล้าเปิดเผย เมื่อเห็นสภาพของชายหนุ่มยามอกหักต้นน้ำยิ่งกระวนกระวาย พอได้รู้จักได้ใกล้ชิด ความใจดีของชัยชัชทำให้เขาหลง ความอบอุ่นอันอ่อนโยนของพี่ชายคนนี้ทำให้เขาหลงรักจนถอนตัวไม่ขึ้น เหมือนแมลงเม่าถูกดึงดูดด้วยกองไฟ

     ต้นน้ำหลงรักผู้ชายคนนี้เต็มหัวใจ ชัยชัชทำให้เขารู้สึกราวกับตัวเองเป็นสิ่งล้ำค่าที่ชายหนุ่มเฝ้าทะนุถนอม เขาชอบความรู้สึกนี้ ต้นน้ำชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเวลาเขาอยู่เคียงข้างชัยชัช

     ทั้งสองกระเซ้าเหย้าแหย่กันโดยไม่รู้เลยว่ากำลังถูกใครบางคนจับตามองอยู่!

============================================


ใครอ่านตอนนี้แล้วหมั่นไส้น้องต้นบ้าง? เอ้า! เต็มที่!  :katai2-1:
อนุญาตให้ด่าต้นน้ำได้เต็มที่ รู้นะว่าหมั่นไส้

คิดกันมั้ยว่าจริงๆ แล้วรอบๆ ตัวต้นน้ำนี่มันไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยนะ ถ้าเป็นเรื่องอื่นต้องมีทรูม่าเจ็บช้ำโน่นนี่นั่น ตัวเอกมีบาดแผลในใจใช่มะ?
เรื่องนี้คนเขียนเอากับเค้าด้วยเหมือนกาน แต่จับมันมาทวิสเล็กน้อย กลายเป็นตัวเอกนั่นแหละที่ชอบทำตัวเป็นดราม่าควีน มาม่าไปเอง น่ารำคาญสุดๆ แต่คนประเภทนี้จะไม่รู้ตัวหรอก เขาจะมองแค่ว่าชีวิตตัวเองดราม่ามว๊าก! เจ็บช้ำสุดๆ! ต้นน้ำเป็นคนแบบนั้นแหละ

ปมในวัยเด็กมีส่วน การเลี้ยงดูมีผล แต่! ถ้าต้นน้ำรู้จักคิดบวก ปล่อยวาง หัดทำตัวโลกสวยซะบ้าง ชีวิตฮีคงไม่ดราม่าขนาดนี้
แล้วนิยายเรื่องนี้ก็อาจจะได้เคะสู้ชีวิตยิ้มรับความเศร้าทุกอย่างแบบหน้าชื่นตาบาน เมะก็อาจจะติดใจความเข้มแข็งของฮีอยากเป็นพลังให้อะไรก็ว่าไป ฮ่าๆ
แต่ต้นไม่ใช่ไง น้องต้นเป็นดราม่าควีนเจ้าค่ะ(แล้วคนแต่งก็ตั้งชื่อเรื่องหลอกซะเกาหลี ฮ่าๆ) เรื่องมันก็เลยอีรุงตุงนังตามประสาจอมแอ๊บแบบนี้ เพราะแก่นของเรื่องคือกรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมสนอง ใครทำอะไรก็ได้ผลแบบนั้นแหละ

คนแบบน้องต้น น่ารำคาญ ให้มีเพื่อนแบบต้นน้ำจะเอามั้ย? เชื่อว่าหลายคนคงส่ายหน้า
แต่ในสังคมก็มีคนแบบนี้อยู่เยอะแยะ บางคนอาจจะยกมือร้องว่า "ใช่เลยฉันก็มีเพื่อนแบบนี้ โคตรรำคาญมันเลย" แล้วคุณทิ้งเพื่อนคนนี้ของคุณมั้ย? มีอะไรในตัวเขาที่ทำให้คุณยอมทนทั้งๆ ที่โคตรเบื่อ? นั่นเป็นคำตอบที่เราพยายามเขียน

เราอยากเขียนตัวเอก "เคะ" ที่เย่อหยิ่ง อวดดี ตอแหล น่ารำคาญ ชอบดราม่า ช่างแอ๊บ แอบแรด โกหกเป็นไฟ หลอกใช้คนอื่นหน้าตาย ตัวเอกแบบที่ต่อให้มีปมด้อยคนอ่านก็ยังสงสารไม่ลงจนอยากสมน้ำหน้าด้วยซ้ำว่ามันทำตัวเอง เราอยากเขียนเคะที่เป็นแบบนั้น ... แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นตัวเอกที่คนอ่านละความสนใจไม่ได้ อยากรู้ว่าชีวิตฮีจะเป็นยังไงต่อไป บางคนอาจจะรอสมน้ำหน้า บางคนอาจจะลุ้นเอาใจช่วยด้วยความสงสาร แต่ถ้ามีคนรักฮีบ้างก็คงจะดี เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่คนแบบต้นน้ำต้องการก็คือความรักความสนใจเท่านั้นเอง

แต่มันก็ลำบากนะ มันต้องปั้นพระเอกโง่ๆ มารับกับเคะดราม่าควีนให้ได้ ก็ต้องเขียนให้ต้นน้ำที่โคตรร้ายมีมุมน่ารักๆ จนคนที่อยู่ใกล้ๆ เผลอหลงรักได้ อย่างพี่ชัชอาจจะไม่แปลกเพราะเฮียมีคอนเซ็ปของเฮีย แต่กับแม็กซ์ต้นน้ำต้องมีเคมีอะไรบางอย่างที่ทำให้แม็กซ์หลงให้ได้
ไอ้อาการแสนงอนเอาแต่ใจชอบปากร้ายช่างอาละวาดแบบนั้นเราไม่นับว่าร้ายนะ ต้นน้ำต้องร้ายแบบเลวร้ายจริงๆ แต่คนเกลียดไม่ลงถึงจะเป็นเนื้อเรื่องที่เราต้องการ "ร้ายนะแต่เพราะเค้ามีปม"แบบนั้นมันธรรมดาไปหน่อย มันไม่ได้อารมณ์ แหะๆ

กรุณาอย่าจับคู่ 3P   :ling1: โอเคนะ เพื่อนคือเพื่อน กาย แม็กซ์ อาร์ม อย่าเด็ดขาด!
แต่เชื่อดิ มันต้องมีคนแอบคิดมั่งแหละ ขนาดคนแต่งยังคิดเลย ฮ่าๆ
ไนน์น่ารัก แต่กาย ปากแบบนี้จีบหญิงไม่ติดหรอกลูก... ส่วนพ่อหนุ่มโลกสวยอาร์ม อืม... ในภาคสองคิดว่าต้องมีคนเชียร์ชัวๆ สำหรับแม็กซ์ขานี้ลอยลำ คนกรี๊ดกว่าพระเอกอีก ก็แหง๋สิ! เขียนขึ้นมาเพื่อให้คนกรี๊ด ติดสกิลพระเอกเต็มขั้น หึๆ แต่แม็กซ์ไม่ใช่พระเอก งงแมะ? คิกๆ

ไม่รู้ว่าจะรับได้กับนิยายประหลาดๆ เรื่องนี้รึเปล่า แต่คนเขียนพยายามสุดๆ เลยแหละ
ก็นะ นี่เป็นภาค1 เราลองแต่งนิยายเป็นครั้งแรกเพื่อส่งประกวดอ่ะ แต่แต่งไปแต่งมามันหยุดไม่ได้เลยเขียนภาคสองต่อมาเรื่อยๆ เหมือนๆ ที่เม้นด้านบนกล่าว คือภาค2 ลงอยู่ในเด็กดีไปไกลแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงถ้าภาค1 จบเมื่อไหร่ภาค2 จะมาลงทีนี่แน่ๆ
แอบเขินเหมือนกันแฮะ มีคนรู้จักภาค2 ด้วย แบบ... นิยายเรื่องนี้ขายดราม่าจริงๆ นะเออ  :o8:
หัวข้อ: Re: [บท7#4/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - หน้ากากที่ถูกกระชาก! ต้นปะทะแม็กซ์!
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-09-2014 02:07:27
เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 8 -
##### ความลับของเด็กเลี้ยงแกะ #####

     ต้นน้ำเดินเข้าห้องเรียนตามปกติแต่ทว่า

     ‘เกิดอะไรขึ้น! ทำไมทุกคนมองเราแปลกๆ’

     ต้นน้ำรู้สึกถึงบรรยากาศผิดปกติของเพื่อนร่วมห้อง แต่คนอย่างต้นน้ำมีหรือจะสนใจ ถ้าหากไม่มาวุ่นวายกับเขาไม่ว่าจะมองเหยียดหยามจะแอบนินทาหรือด่ากันซึ่งๆ หน้าเขาไม่เคยเก็บไปใส่ใจอยู่แล้ว ต้นน้ำวางกระเป๋าลงบนโต๊ะเตรียมจะหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาทบทวน แต่ยังไม่ทันได้เปิดกระเป๋า แขนของเขาก็ถูกใครบางคนคว้าไปซะก่อน!

     “มานี่!”

     แม็กซ์นั่นเอง  เขาตรงเข้ามาคว้าแขนของต้นน้ำเอาไว้ทำท่าจะใช้กำลังลากต้นน้ำออกไป

     “มีอะไรเหรอแม็กซ์!”

     “ออกไปคุยกันข้างนอก!”

     แม็กซ์กำแขนของต้นน้ำเสียแน่น สีหน้าและแววตาที่แสดงออกมาชวนให้ต้นน้ำรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง!

     ‘แม็กซ์กำลังโมโห!’

     “แม็กซ์ ปล่อยเราก่อน พูดกันดีๆ ก็ได้ เราเจ็บ”

     ต้นน้ำจ้องตาตอบพลางพยายามแกะมือของแม็กซ์ออก เขาฉาบรอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้าเพื่อเอาใจแม็กซ์ แต่หน้ากากของต้นน้ำร้าวเสียแล้ว ต่อหน้าราชสีห์เด็กเลี้ยงแกะกลับโกหกไม่ออก!

     การพยายามทำตัวปกติกลับกลายเป็นพิรุธ! สีหน้าซีดเผือดของต้นน้ำและการไม่หลบตากลับทำให้แม็กซ์ฉุนมากกว่าเดิม แต่แล้วก็มีคนเข้ามายุ่ง

     “หยุดนะ! นายจะพาต้นไปไหน!”

     ไนน์นั่นเอง! ตอนแรกเธอตั้งใจจะเดินมาหาต้นน้ำอยู่แล้วเพื่อถามเรื่องบางอย่าง แต่ดูท่าว่าตอนนี้เธอต้องช่วยต้นน้ำให้พ้นจากหัวโจกตัวร้ายประจำห้องให้ได้เสียก่อน

     “เสือก! เรื่องของกูกับต้น มึงไม่เกี่ยว!”

     ปกติแม้แม็กซ์จะเถื่อนๆ กวนๆ หรือหาเรื่องกัดกับไนน์มากแค่ไหน แต่เขาไม่เคยหยาบคายใส่ผู้หญิงถึงขั้นนี้ ต้นน้ำรู้แล้วว่าคราวนี้แม็กซ์ฟิวส์ขาดจริงๆ เพียงแต่เขานึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายโมโหด้วยเรื่องอะไร

     “ไอ้บ้าแม็กซ์! เกินไปแล้วนะ มีสิทธิ์อะไรมาด่าเค้า ปล่อยต้นเดี๋ยวนี้!”

     โดนแม็กซ์ด่ากราดเข้าไปไนน์เองก็ไม่อยู่เฉย เธอพุ่งมายื้อแขนเด็กหนุ่มทั้งสองไว้ทันที เด็กสาวพยายามจะแกะคีมเหล็กที่งับอยู่บนข้อมือของเพื่อนเธอ

     “เอ๊ะ! อิ-”

     เมื่อเห็นดังนั้น ต้นน้ำจึงกลัวว่าแม็กซ์จะทำอะไรรุนแรง เขารีบบอกปัดไนน์แล้วหันมาใช้น้ำเย็นเข้าลูบคู่กรณี

     “พอก่อนนะไนน์เราจัดการเองได้ แม็กซ์ปล่อยเราก่อนเถอะ เราเจ็บจริงๆ นะ ไว้มีอะไรค่อยคุยกันตอนอื่นก็ได้นี่ จะเข้าแถวแล้ว”

     “สำออยว่ะ ไอ้ตุ๊ดเอ้ย!”

     เป็นกายนั่นเองที่สอดเข้ามา เขาตรงเข้ามาดึงตัวไนน์ออกไป เปิดทางให้แม็กซ์ใช้กำลังกับต้นน้ำได้เต็มที่ แถมยังวางระเบิดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามต้นน้ำ

     “เธอเองก็เหมือนกัน อย่าไปยุ่งเรื่องผัวเมียเลยน่า คนเขาจะเคลียร์กัน”

     วินาทีนั้นต้นน้ำรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว!

     'กายรู้ได้ยังไง!?!'

     ต้นน้ำหันไปมองหน้าแม็กซ์เพื่อหาคำตอบแต่สิ่งที่ได้รับมีเพียงสายตาเย็นชา

     “นายหมายความว่ายังไง!”

     ไนน์ถามขึ้นด้วยเสียงที่ดังจนเกือบเป็นเสียงกรี๊ด

     “หมายความว่ายังไงเธอไม่ลองถามเพื่อนเธอดูเองอ่ะ เธอเองก็เคยได้ยินกับหูไม่ใช่เหรอ ว่ามันชอบผู้ชาย”

     กายเยาะเย้ยกลับแถมยังประกาศข้อมูลลับนี้กลางห้องแบบกะเอาให้คนอื่นรู้กันทั่ว

     “ไอ้ต้นมันเป็นเมียแม็กซ์ตั้งนานแล้ว ตอนแรกก็นึกว่ามันไม่กล้าบอกใครเพราะอายที่เป็นเกย์ ที่ไหนได้ แม่งเห็นเงียบๆ ติ๋มๆ เสือกร่าน ลับหลังเพื่อนกูก็ให้ท่าผู้ชายคนอื่นไปทั่ว”

     “นายพูดอะไรน่ะกาย! ถึงนายจะเกลียดเราแค่ไหนก็อย่าพูดอะไรที่ทำให้เพื่อนตัวเองเสียหายสิ นายพูดแบบนี้ก็เหมือนด่าแม็กซ์ไปด้วยนะ”

     ต้นน้ำเริ่มร้อนรนจนหาเหตุผลดีๆ มาปฏิเสธคำพูดของกายไม่ออก ได้แต่พูดจาเฉไฉไปเรื่อย

     “แม็กซ์ไม่เสียหายหรอกต้น ก็มันเรื่องจริงนี่ แม็กซ์สารภาพรักกับต้นไปแล้ว เรื่องที่เราได้กันก็จริง แม็กซ์ไม่แคร์หรอก แต่เรื่องที่ต้นโกหกต่างหากที่แม็กซ์แคร์!”

     น้ำเสียงเอื่อยๆ ของแม็กซ์ที่แสดงท่าทีไม่ยี่หระได้แปรเปลี่ยนเป็นเสียงตะคอกดุดันในตอนท้าย แม็กซ์เจ็บจนจุก เขาพึ่งรู้วันนี้เองว่าการที่ถูกคนที่ตนรักเห็นเป็นของเล่นมันรู้สึกเช่นไร

     “เราโกหกอะไรนาย”

     แต่ต้นน้ำก็ยังคงเป็นต้นน้ำ เด็กหนุ่มพยายามเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเช่นเดิม เขาคิดว่าถ้าครั้งนี้ตนพยายามนิ่งเข้าไว้ ท้ายที่สุดแล้วเรื่องมันก็จะผ่านไป เดี๋ยวเรื่องมันก็จบเอง

     “โห! ยังจะเล่นบทใสซื่ออีกนะมึง! คนเขาเห็นกันทั่วแหละ เมื่อวานนี้มึงเดินอยู่กับใครล่ะ? คนรู้จักแถวบ้านมึงเขาจูบกันด้วยเหรอ”

     คำพูดของกายทำให้โลกของต้นน้ำเหมือนอุณหภูมิติดลบ! ความเย็นเยียบแผ่นขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้าไปจนจรดศีรษะ เขารู้สึกถึงรสขมปร่าที่เอ่อล้นขึ้นมาในลำคอ ในหัวมันวูบจนเกิดอาการหน้ามืดแทบยืนไม่อยู่!

     แม้จะรู้สึกแย่มากขนาดไหน แม้จะหน้าชาเพียงไร แต่ต้นน้ำก็ยังคงตีหน้าซื่อแล้วเค้นเสียงออกไปจนได้

     “นายพูดอะไรน่ะ เราไม่เข้าใจ”

     “ยังจะปฏิเสธอีกเหรอต้น ต้องให้คนอื่นเป็นพยานด้วยมั้ย? ต้นคงไม่รู้ว่าเมื่อวานอาร์มกับแฟนไปดูหนังที่เดียวกับต้นมั้ง แต่พอดีว่าแม็กซ์จริงจังกับต้นมากจนบอกพวกมันไปแล้วว่าแม็กซ์รักต้น”

     ต้นน้ำมองหน้าแม็กซ์แบบไม่อยากจะเชื่อ!

     “ใช่! แม็กซ์เล่าทุกอย่างให้พวกมันฟังแล้ว ทุกเรื่องรวมถึงเรื่องนั้นด้วย พวกมันรู้แล้วว่าแม็กซ์กำลังจีบต้นอยู่ ไอ้อาร์มมันถึงได้โทรมาบอกแม็กซ์ไง แม็กซ์เลยได้ไปเห็นต้นอยู่กับคนอื่นทั้งๆ ที่ต้นอ้างว่ายังไม่คิดจะมีใครปฏิเสธแม็กซ์มาตลอด!”

     “เรื่องนี้ไปคุยกันข้างนอกดีมั้ยแม็กซ์”

     “อายอะไรเหรอต้นจะมาอายอะไรตอนนี้! ทีต้นทำแบบนั้นกับผู้ชายคนอื่นอ่ะ ไม่อายบ้างเหรอ? จูบกันกลางห้าง! แล้วบังเอิญนะต้น เมื่อวานมีเพื่อนห้องเราหลายคนนัดไปดูหนังกันที่นั่น แต่ต้นคงไม่ได้สังเกตใครมั้ง ก็มัวแต่จู๋จี๋อยู่กับมัน!”

     ทันทีที่แม็กซ์ตวาดใส่ ต้นน้ำก็โกรธจัดจนลืมตัวเผลอตะโกนสวนกลับไปเช่นกัน ที่เขาพยายามอดทนมาตลอดไม่ใช่ว่าเขาโกรธใครไม่เป็นหรือไร้ความรู้สึกเสียหน่อย เขาก็แค่พยายามอดทนไม่อยากให้มีเรื่องมีราว แต่คนอย่างต้นน้ำถ้าถูกรุกมากๆ เขาก็ไม่มีถอยเหมือนกัน และคนอย่างเขาไม่เคยคิดจะถอยอย่างสงบเสียด้วย!

     “เราไม่ได้อาย! เราไม่แคร์อยู่แล้ว ยังไงพวกนายก็คอยแต่จะเรียกเราว่าตุ๊ดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ที่เราอยากคุยกับนายแค่สองคนเพราะนั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของเราต่างหาก!”

     “เออใช่ดิ! แม็กซ์ลืมไป! ต้นอยากเป็นเกย์ประชดพ่อตัวเองอยู่แล้วนี่ ต้นไม่แคร์ไรอยู่แล้ว เพื่อตัวเองคนอื่นจะเป็นไงก็ช่าง ต้นใช้แม็กซ์เป็นไม้กันยัยเตี้ยนั่นอยู่แล้วนี่”

     “หมายความว่าไง?”

     เมื่อถูกพาดพิง ไนน์ก็อดทนสงบปากไว้ไม่อยู่ เด็กสาวร้องถามทั้งๆ ที่ยังถูกขังอยู่ในวงแขนของกาย

     ถึงแม้เหตุการณ์ในร้านกาแฟระหว่างต้นกับพี่ษาทำให้เธอได้ยินเรื่องที่ต้นน้ำชอบผู้ชาย แต่เธอก็ยังหวังไว้ว่านั่นอาจจะเป็นการพูดประชด เธอพอจะรู้ว่าไม่มีหวังที่จะได้ไปอยู่ในใจของต้นน้ำ แต่ถ้าถึงขั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาต้นไม่ได้คิดจริงใจกับเธอในฐานะเพื่อนแล้วละก็... เธอไม่ชอบใจเลยจริงๆ

     “ก็หมายความว่าต้นไม่มีวันชอบเธอไงยัยเตี้ย! แล้วไอ้เรื่องที่เธอพยายามให้มันยอมรับพ่อตัวเองก็ด้วย แต่มันไม่กล้าบอกเธอตรงๆ ว่ารำคาญไงเลยใช้เรา เพราะเราชอบหาเรื่องเธอ ให้เราคอยกันเธอออกไปห่างๆ มัน”

     “มากเกินไปแล้วนะแม็กซ์ นั่นมันเรื่องส่วนตัวของเรา!”

     เขาไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนทุกคนพร้อมกันนะ! ทำไมแม็กซ์ถึงต้องลากไนน์เข้ามาเกี่ยวด้วย!

     “เออ! เรื่องส่วนตัวของต้นที่ลากแม็กซ์เข้าไปยุ่งด้วย พอใช้เสร็จแม็กซ์ก็ไร้ค่าแล้วใช่มั้ยต้น ทั้งๆ ที่แม็กซ์จริงจังกับต้นแต่ต้นเคยจริงใจกับแม็กซ์บ้างมั้ย? ถามจริงเหอะหัวใจต้นทำด้วยอะไร ชีวิตนี้เคยจริงใจกับใครบ้าง!”

     แม็กซ์กระชากตัวต้นน้ำมาตะคอกใส่ แรงบีบบนไหล่ทั้งสองข้างหนักมากจนต้นน้ำเจ็บ เขาตกใจทำอะไรไม่ถูก ทั้งกังวลทั้งกลัวจนรู้สึกถึงหยดน้ำที่เริ่มไหลลงมาบนโหนกแก้มของตัวเอง ต้นน้ำพยายามจะอ้าปากเอ่ยอะไรสักอย่างกับแม็กซ์ แต่เสียงของเขากลับไม่ยอมหลุดออกมาจากคอ พอพยายามเปล่งเสียงมากขึ้นก็มีแต่เสียงสะอื้นที่เล็ดรอดมาแทน

     สถานการณ์ตึงเครียดที่แม็กซ์ระเบิดออกมากลางห้องทำเอาหลายคนพูดไม่ออก ทุกคนรู้ว่าแม็กซ์เกเรอารมณ์ร้อน แต่ไม่เคยมีใครเห็นแม็กซ์มีสีหน้าเจ็บปวดราวกับจะร้องไห้เวลามีเรื่องกับคนอื่น ภาพที่เห็นตอนนี้จึงเป็นเรื่องชวนตกใจสำหรับคนในห้อง หลายคนกำลังลุ้นเรื่องชาวบ้าน และมีอีกหลายคนที่ยังสับสนงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก

     แม้จะโชคดีที่ในห้องเรียนมีคนไม่มากเพราะใกล้เวลาเข้าแถว แต่ในไม่ช้าเรื่องนี้จะต้องแพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียนแน่นอน ต่อให้ต้นน้ำไม่ใส่ใจกับข่าวเสียๆ หายๆ ที่คนอื่นอาจเอาไปนินทากันสนุกปาก แต่เรื่องที่แม็กซ์กำลังอาละวาดอยู่ตอนนี้ ต้นน้ำไม่ใส่ใจไม่ได้จริงๆ เขารู้ดีว่าแม็กซ์ไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ แน่ ต้นน้ำทั้งกลัวทั้งสงสารแม็กซ์ เขาทั้งกังวลและเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป แววตาของคนตรงหน้ามีแต่ความเจ็บปวดอย่างที่ต้นน้ำไม่เคยเห็นมาก่อน แม็กซ์ถึงขั้นหลั่งน้ำตาร้องไห้แบบไม่มีเสียง!

     เขาเผลอยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่งเข้าแล้ว! ใครจะคิดว่าแม็กซ์จะรักเขาเข้าจริงๆ ต้นน้ำได้แต่ยืนนิ่งชาไปทั้งตัว ทำอะไรไม่ถูก แม้แต่คำว่าขอโทษเขายังพูดไม่ออก

     “เฮ่ย! กูว่าพวกมึงมีอะไรค่อยๆ เคลียร์กันดีกว่ามั้ย? ต้นมันกลัวมึงจนทำไรไม่ถูกแล้วแม็กซ์ นะได้เวลาเข้าแถวแล้วด้วย”

     เป็นอาร์มนั่นเองที่สอดขึ้น เขาพยายามเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์เพราะเห็นท่าไม่ดี

     “เรื่องของพวกมึงสองคนก็ไปเคลียร์กันสองคนเหอะกูขอ พวกมึงจะเปิดเผยหรือจะแอ๊บก็แล้วแต่ กูไม่รังเกียจมึงหรอก แต่คนที่เขารักกันจริงๆ เขาไม่หักหน้ากันแบบนี้นะเว้ยแม็กซ์”

     ทั้งๆ ที่อาร์มพยายามจะเตือนสติแม็กซ์ แต่กายกลับสอดปากเข้ามาทำให้เรื่องมันแย่ไปกว่าเดิม

     “แล้วมึงเห็นที่ต้นมันตีหน้าซื่อมั้ยวะอาร์ม มึงไม่แค้นแทนเพื่อนมึงบ้างเหรอที่โดนไอ้ต้นปั่นหัว”

     'ไม่สิ เพราะมันนี่แหละปากสว่าง ถ้ากายมันไม่พูดขึ้นมา ต้นกับแม็กซ์มันคงไปคุยกันดีๆ แล้ว'

     “มึงเงียบไปเลยกาย ถึงกูกับมึงจะเป็นเพื่อนแม็กซ์แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าไปยุ่งได้นะเว้ย นั่นมันปัญหาของไอ้แม็กซ์กับต้น ให้พวกมันไปเคลียร์กันเอง มึงอ่ะอยู่เฉยๆ เลยไอ้ตัวชง คนอื่นๆ ก็ด้วย เลิกเสือกกันได้แล้ว แยกย้ายๆ เดี๋ยวสอบเสร็จจบ ม.6 ก็ไม่ได้เจอกันแล้ว พวกมึงก็รักกันไว้หน่อยดิวะ จะเกลียดกันไปถึงไหน”

     ท้ายประโยคนั้นเหมือนจงใจส่งไปให้ใครอีกคนที่ช่วงหลังหนีออกจากกลุ่มตั้งแต่ที่รู้ว่าแม็กซ์ชอบต้น และเมื่อปาล์มได้ยินอาร์มพูด สายตาขุ่นเคืองจึงถูกส่งมาปะทะกับพ่อคนอารมณ์ดีทันที แต่คราวนี้อาร์มกลับทำสีหน้าจริงจังจ้องกลับไปจนปาล์มทนไม่ไหวเดินหนีออกไปนอกห้อง

     เรื่องมันวุ่นวายจนต้นน้ำแทบรับไม่ไหว แม้จะตั้งใจว่าอยากทำให้ผู้เป็นพ่อต้องพบกับความอับอายจากการที่ลูกชายเป็นเกย์ แต่ผลที่เขาต้องการคือให้พ่อของเขาเป็นฝ่ายต้องอับอาย ไม่ใช่ตัวเขาเอง! ต้นน้ำไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจรับการถูกขุดคุ้ยเรื่องตัวเองมาแฉกลางห้องเรียนเช่นนี้ แล้วไหนจะปัญหาที่พัวพันติดค้างอยู่กับแม็กซ์อีก แม็กซ์มอบความรู้สึกให้มากเกินกว่าที่เขาต้องการ

     ต้นน้ำคิดว่าตัวเองไม่ใส่ใจสายตาดูถูกล้อเลียนที่คนอื่นๆ มองว่าตนเป็นตุ๊ด แต่สายตาที่เพื่อนในห้องส่งมาเวลานี้มันอึดอัดกว่าที่เขาคิด ต้นน้ำไม่กล้าหันไปสบตาใครและไม่รู้ว่าเพื่อนแต่ละคนคิดกับเขาแบบไหน เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างแรงกดดันมหาศาลจริงๆ 

     และทันใดนั้น จู่ๆ แม็กซ์ก็รู้สึกถึงแรงฉุดจากน้ำหนักตัวของต้นน้ำที่ร่วงลงไป ต้นน้ำเป็นลม!

     “เฮ้ย ต้น!”

============================================

     ต้นน้ำลงจากรถโดยมีสารธารช่วยพยุง เขาหน้าซีดจนสายธารนึกห่วง สองแม่ลูกช่วยประคับประคองซึ่งกันและกันไปยังห้องพักที่เปรียบเสมือนรังน้อยๆ ของตน คอนโดที่แลกมาด้วยเงินเก็บเกือบทั้งชีวิตของสายธารก็เพื่อสถานที่ๆ จะกลายเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับเธอและลูกนี่แหละ เธอทำได้เพียงวางรากฐานให้เท่านั้นที่เหลือก็เป็นเรื่องที่ต้นน้ำต้องขวนขวายต่อเอาเอง

     สายธารส่งลูกชายเข้าห้องก่อนจะหาชุดอยู่บ้านมาให้เปลี่ยน เธอบังคับให้ต้นน้ำทานยาแล้วนอนพักผ่อน แม้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแต่การที่จู่ๆ มีโทรศัพท์มาบอกว่าลูกชายเธอเป็นลมหัวฟาดโต๊ะก็ทำให้เธอตกใจ ต้นน้ำไม่ใช่เด็กขี้โรคกลับไม่สบายจนขอลาครึ่งวัน ลูกขอร้องให้เธอไปรับที่โรงเรียน แล้วเอาแต่เงียบไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ทั้งเรื่องที่ตัวเองเป็นลมหรือเรื่องที่ขอกลับก่อนครึ่งวัน แบบนี้มันผิดปกติวิสัยของเจ้าตัวชัดๆ ปกติแล้วต้นน้ำที่เธอรู้จักมักจะทำตัวประหนึ่งเข้มแข็งเสียเต็มประดา แต่ตอนนี้ต้นน้ำราวกับคนอ่อนแอไม่มีแม้แต่แรงจะเสแสร้งแกล้งทำเป็นร่าเริงตามปกติ

     “ขอโทษนะครับ เลยต้องลำบากแม่เลยทั้งๆ ที่แม่พึ่งกลับมาถึงแท้ๆ”

     “พูดไรแบบนั้นละต้น แค่ไปรับลูกกลับบ้านนี่แม่ไม่ลำบากหรอก”

     “ขอบคุณครับ”

     ต้นน้ำมองมารดาของตนพลางกล่าวขอบคุณ สายตาที่แสดงออกถึงความรักและเทิดทูนทำให้สายธารอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปลูบหัวลูกชายตัวดีเบาๆ

     “นอนซะ แล้วเดี๋ยวตื่นมาอยากทานอะไรแม่จะทำให้ แม่เองก็จะไปนอนต่อแล้วเหมือนกัน”

     “ครับ”

     ต้นน้ำรู้สึกแย่สุดๆ เขาปวดหัวมาก ดูเหมือนตอนที่เป็นลมศีรษะจะไปฟาดเข้ากับขอบโต๊ะ แม้จะโชคดีที่หัวไม่แตกแต่ว่ามันก็เจ็บเอาการ พักนี้คงถึงคราวซวยของเขาแล้วจริงๆ เขาไม่เคยเจอปัญหารุมเร้าเช่นนี้มาก่อน ไหนจะเรื่องสอบที่เขาต้องคร่ำเคร่งปวดหัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแล้วเขายังต้องผจญกับเรื่องงี่เง่าของผู้ชายคนนั้นอีก แค่นี้ก็มากจนทำให้เขาเซ็งสุดๆ แล้ว นี่เขายังมีปัญหากับเพื่อนสนิทที่โรงเรียนอีกหรือ?

     'นี่พอจะเรียกว่าเป็นการทะเลาะกับเพื่อนสนิทได้มั้ยนะ? ไม่สิเรากับแม็กซ์ไม่ได้เป็นเพื่อนกันนี่'

     ตลอดเวลาที่ผ่านมาต้นน้ำไม่กล้าเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับใครลึกซึ้งจนเรียกว่าเพื่อนสนิท เขาสูญเสียและเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธโดยผู้คนรอบข้าง นานวันเข้าต้นน้ำก็เรียนรู้ว่าคนเราต่อให้ไม่มีเพื่อนก็ยังดำเนินชีวิตอยู่ได้ เขาเก็บความเหงาของตัวเองไว้รอวันที่ใครสักคนจะมองเห็น แม็กซ์เป็นคนแรกที่เข้ามาในโลกของต้นน้ำ อย่างน้อยแม็กซ์ก็รู้อะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับเขา ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจแม็กซ์รู้ทั้งหมด รวมถึงเรื่องบางอย่างที่เขาเคยเปิดเผยให้แม็กซ์ฟังด้วยความตั้งใจของตัวเอง แต่แม็กซ์ไม่เคยรังเกียจ

     แม้สิ่งที่ต้นน้ำทำก็เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับแม็กซ์ แต่อย่างน้อยๆ นั่นก็เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เข้ามาในโลกของเขาได้ ต้นน้ำไม่คิดเลยว่าการกระทำของตนจะก่อให้เกิดผลกระทบถึงขั้นนี้ จริงอยู่เขาอาจจะหลอกใช้แม็กซ์เพื่อสนองความต้องการบางอย่าง แต่นอกจากเรื่องนั้นแล้วเขาไม่เคยโกหกหลอกลวงอะไรอีกเลย มิตรภาพดีๆ เรื่องอื่นๆ ที่เกิดขึ้น ทุกอย่างเขาทำไปโดยบริสุทธิ์ใจทั้งสิ้น เพียงแต่... ใครจะไปรู้ล่ะว่าแม็กซ์จะเกิดหลงรักเขาเข้าจริงๆ

     ต้นน้ำไม่ชอบที่แม็กซ์ทำตัวเป็นเจ้าของเจ้าของเขาเลย มันทำให้เขาอึดอัด แม้ต้นน้ำไม่ค่อยชอบแม็กซ์คนที่ชอบพูดจาห้วนๆ หยาบคายกับเขา แต่แม็กซ์ที่เว้นระยะห่างให้เขาได้หายใจคนนั้นอยู่ด้วยง่ายกว่าแม็กซ์คนที่หลงรักเขา ต้นน้ำไม่แน่ใจว่าแม็กซ์เริ่มรู้สึกเกินเลยกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะมัวแต่สนใจว่าแม็กซ์จะลงมือกับเขาเมื่อไหร่มากกว่า เขาคิดว่ามันก็แค่เล่ห์เหลี่ยมที่แม็กซ์ใช้เพื่อทำให้เขายอมนอนกับแม็กซ์ง่ายๆ เขาไม่รู้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่แม็กซ์ทำมันมาจากความรู้สึกไม่ใช่เพียงแค่ความต้องการ แต่มันไม่ใช่ความต้องการของเขา! เขาไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ เขาไม่อยากให้มันมีอะไรเกินเลยมากไปกว่านี้เพราะในตอนนี้เขามีแต่พี่ชัชอยู่เต็มหัวใจ!

     ต้นน้ำไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร เขารู้ดีว่าแม็กซ์คงโกรธมากที่โดนปั่นหัวแบบนี้ แม็กซ์ไม่ได้โกรธที่เขาหลอกใช้แต่แม็กซ์แค้นที่เขามีคนอื่น แม็กซ์ต้องการครอบครองเขา และเขารู้ดีว่าแม็กซ์จะไม่หยุดถ้ายังไม่ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ แต่เขาไม่สามารถให้ในสิ่งที่แม็กซ์ต้องการ เพราะเขาไม่ได้ชอบแม็กซ์ เขารักพี่ชัช

     หากตอนนั้นเขากล้าปฏิเสธแม็กซ์ไปตรงๆ ว่าเขารักคนอื่นแล้วมันจะดีกว่านี้หรือเปล่านะ? แม็กซ์จะได้ไม่รู้สึกว่าโดนเขาหักหลังเอาแบบนี้ เขาจะต้องหาวิธีคุยกับแม็กซ์ให้รู้เรื่อง ต้นน้ำไม่ชอบเรื่องยุ่งยากแบบนี้เลยจริงๆ ถ้าเขาไม่ได้รู้สึกดีๆ กับแม็กซ์ก็คงจะดี เขาจะได้เขี่ยอีกฝ่ายทิ้งโดยไม่ต้องใส่ใจความรู้สึกของกันและกัน…

============================================

ต้นแคร์แม็กซ์ มาก แต่ต้นไม่ได้รักแม็กซ์

อูย... ดุเดือด สิงห์ปะทะมังกร! สงสารใครมากกว่ากันเอ่ย? ระหว่างต้นกับแม็กซ์?

ต้องมีคนสะใจแน่ๆ คนแต่งเชื่อแบบนั้น มันต้องมีคนสะใจสมน้ำหน้าต้นน้ำแน่ๆ เพราะฮีร้ายซะขนาดนั้น แต่ถ้าสงสารน้องต้นก็จะดีมากๆ เลย ต้นน้ำแค่เลือกวิธีผิดเท่านั้นแหละ ก็เด็กอะนะ จะเอาไรมาก คิดอะไรง่ายๆ อยากแก้แค้น แต่พอมันเกินควบคุมก็รับไม่ไหว ซึ่งคนแบบนี้ก็มีอยู่เยอะจริงๆ ประเภท "ตอนทำไม่คิดพอทำผิดแล้วรับไม่ได้"

พยายามเขียนคาแรคเตอร์หลายๆ แบบ ทั้งกายและไนน์แล้วก็อาร์ม เป็นสีสันแก่เรื่องจริงๆ
ไม่ว่าสิ่งที่กายทำจะเพราะรักเพื่อนหรือความเกลียดชังแอบแฝง แต่มันก็ทำให้เรื่องแย่ลง คนสมัยนี้มีแบบนี้เยอะ เห็นคนที่ตัวเองเกลียดล้มแล้วต้องขอช่องเข้าไปร่วมกระทืบ มันเจ็บจี๊ดจริงๆ
ส่วนหนุ่มอาร์ม แม้จะหวังดี คิดดี แต่บางทีก็คิดน้อย แต่โดยรวมก็โอเคแหละ ...

แบบ... นิยายเรื่องนี้มีแต่ตัวละครขาดๆ เกินๆ เทาเข้มมาแทบทุกตัว คนแต่งพยายามจับคาแรคเตอร์บางอย่างในสังคมที่เราเห็นกันจนชินตาออกมาปรุงแต่งเป็นคาแรคเตอร์ในเรื่อง อย่างแม็กซ์นี่เกิดมาเพื่อเป็นพระเอก แม็กซ์จะคล้ายกับพระเอกในนิยายวายทั่วๆ ไปที่ออกแนวแบดๆ หน่อย ส่วนพี่ชัชถูกเขียนให้ดูเป็นคนธรรมดาๆ เอาตรงๆ ก็คือผู้ชายประเภทหนึ่งที่เอี๊ยเอี้ยแต่ก็ยังมีคนทนมันอยู่ได้ และคำตอบมันก็จะอยู่ในตอนท้ายของเรื่อง คิกๆ แต่แบบ... ภาคแรกตัวละครน้อย เขียนแบบแอ๊บๆ ไม่มันเท่าไหร่ ขึ้นภาค2นี่แหละสนุก คนเขียนสาดไปไม่ยั้ง ได้สร้างคาแรคเตอร์หลายๆ แบบจนสะใจเลย 55 นิยายวายมันจะกลายเป็นโชเน็นรักเพื่อนอยู่ละ แค่ตัวเอกเป็นน้องต้น เหอะๆ

ฝากผลงานบ้าๆ เรื่องนี้ไว้ในหัวใจนักอ่านทุกท่านด้วยน้า ดีใจมากๆ ที่ยังมีคนหลงเข้ามาอ่าน คนแต่งสัญญาว่าจะอัพเร็วๆ จ้า อีกไม่นานก็จะจบภาคแรกแล้วล่ะ เหอะๆ
หัวข้อ: Re: [บท7#12/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - มาถอดหน้ากากกันเถอะ ขุ่นแม่ปะทะพี่ชัช!
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 12-09-2014 13:04:33
ขุ่นแม่มาแล้ว!


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     “ก๊อกๆ”

     เสียงที่ดังมาจากหน้าห้องเรียกให้ชัยชัชไปเปิดประตู เขาพึ่งเสร็จงานกลับถึงคอนโดไม่นานนัก ต่อให้โชคดีเสร็จงานตั้งแต่เที่ยงได้กลับมาพักผ่อนแต่เขาก็ยังไม่ได้ทานข้าวกลางวัน อาหารเหลือจากการเลี้ยงหมอที่อุตส่าหอบกลับมาจึงยังวางรออยู่บนโต๊ะ ชัยชัชตั้งใจว่าจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวเสียก่อน แต่ยังไม่ทันได้อาบน้ำเสียเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น

     “คร้าบ มาแล้วครับ อ้าวพี่น้ำ?”

     แม้จะแปลกใจที่ผู้มาเยือนคือคุณแม่คนสวยของแฟนคนล่าสุด แต่ชัยชัชก็เปิดประตูให้เธอเข้ามา เขาเบี่ยงตัวหลบให้สายธารเดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยทักทาย

     “มาไงครับเนี่ย”

     “พี่เอาข้าวกลางวันมาเผื่อ”

     สายธารยกชามสลัดที่นำมาด้วยอวดชัยชัชพลางยิ้มให้อย่างน่ารัก

     “โอ้โห! ลาภปากผมแล้ว วันนี้จะได้ชิมฝีมือพี่น้ำซะที เห็นต้นมันบอกว่าพี่น้ำทำสลัดอร่อยสุดๆ ซะด้วย”

     “พอเลยนายชัชก็ ชมพี่แบบนี้เดี๋ยวถ้าไม่อร่อยขึ้นมาก็เสียหน้าแย่”

     สายธารหันไปมองค้อนชัยชัชอย่างมีจริตพลางวางชามสลัดที่เธอเอามาด้วยลงบนโต๊ะอาหาร

     “โธ่ ฝีมือลูกยังอร่อยขนาดนั้น แล้วคุณแม่ผู้ถ่ายทอดวิชาจะไม่อร่อยได้ยังไงละคร๊าบ”

     “นายนี่ก็ปากหวานจริงนะ ชอบหยอดคนอื่นแบบนี้สาวๆ คงติดตรึมล่ะสิ พี่ชักห่วงแล้วซิ”

     อาจเพราะพี่น้ำของเขาทิ้งท้ายไว้อย่างมีจริตพลางทำหน้าอมยิ้มมองเขาด้วยสายตารู้ทัน ชัยชัชจึงออกอาการงงๆ ตามไม่ทัน ได้แต่หยอดไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่รู้เลยว่าคำตอบของสายธารจะทำให้เขาสะดุ้งจนพูดอะไรไม่ออก

     “ห่วงอะไรเหรอครับ?”

     “แหม ก็ห่วงว่าลูกชายพี่จะตามคนอย่างชัชทันรึเปล่าน่ะสิ ถ้าเกิดนายแอบไปมีกิ๊กขึ้นมา น่ากลัวว่าลูกชายพี่คงตามนายไม่ทัน”

     “พะ พะ พี่น้ำก็ เหอะๆ พูดอะไรครับเนี่ย”

     “ไม่ต้องตกใจไปหรอกย่ะ! คิดว่าจะปิดพี่ไปได้นานแค่ไหนฮึ? พี่ว่าจะคุยกับนายหลายทีแล้ว แต่ไม่มีโอกาสซักที”

     'เวรแล้วไง! พี่น้ำจะฆ่ากูมั้ยวะ? แล้วพี่เค้ารู้ได้ไงวะ? หรือว่าไอต้นมันบอก?'

     “หน้าซีดเป็นไก่ต้มเลยนะ ไปๆ ไปเอาจามเอาชามมา แล้วไปช่วยพี่ยกกับข้าวที่เหลือจากห้องพี่มาด้วย วันนี้พี่จะมาทานมื้อเที่ยงที่ห้องนาย อ้อ! ตอนไปห้องพี่เบาๆ ด้วยล่ะ ตาต้นหลับอยู่”

     แม้จะกำลังตกใจกับความเผด็จการของแม่ยาย แต่ชัยชัชก็อดเงี่ยหูฟังไม่ได้ เขาแปลกใจขึ้นมาทันที

     “ต้นอยู่ห้องเหรอครับ?”

     “จ้ะ ไม่สบาย หลับอยู่ ท่าทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ตอนแรกพี่ก็นึกว่าทะเลาะกับนายซะอีก แต่เห็นชัชเขินแบบนี้ พี่เดาว่าก็คงเรื่องอื่นละมั้ง”

     สายธารยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะเงียบไป

     'ดูท่าวันนี้เราคงต้องเล่าให้นายชัชฟังซะแล้ว อย่างน้อยๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้นตาต้นจะได้มีคนช่วยดูแล พักหลังนี้ตาต้นทำแรงเกินไปแล้ว'

     ทั้งสองคนตั้งสำรับกันที่ห้องของชัยชัช แน่นอนว่าคุณนายสายธารไม่พลาดที่จะเปิดแอลกอฮอล์เย็นๆ ทานแกล้มกัน สายธารทานอาหารไปชวนคุยไปเรื่อยสร้างความคุ้นเคยกันก่อนที่จะหาจังหวะเหมาะๆ ชักชวนเข้าสู่บทสนทนาสำคัญ ด้านชัยชัชเองหลังจากที่ตื่นตกใจในตอนแรก แต่พอเห็นท่าทีที่ไม่เปลี่ยนไปของสายธารเขาก็เบาใจขึ้น ในเมื่อแม่ยายกล้าบุกมาขนาดนี้ เขาก็จะทำตัวเป็นลูกเขยที่ดีตั้งรับให้สมน้ำสมเนื้อหน่อยก็แล้วกัน!

     “ว่าแต่ พี่น้ำรู้ได้ยังไงครับเนี่ย เรื่องของผมกับต้น”

     “เฮอะ! เรื่องของนายน่ะเหรอ มันจะไปยากอะไร๊ ก็ตาต้นน่ะ ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วเงียบๆ เรียบร้อยจะตาย ไม่ค่อยสนใจใคร เพื่อนก็น้อย เพื่อนสนิทนี่แทบจะไม่มี พี่เองก็กลุ้มใจอยู่นะ ว่าเป็นเพราะพี่เลี้ยงลูกไม่ดีรึเปล่า ตาต้นถึงไม่เคยพูดถึงเพื่อนให้พี่ได้ยินบ้างเลย แต่พอช่วงหลังๆ ที่พี่เห็นเขาสนิทกับแฟนเก่านายนั่นแหละ พี่ยังนึกอยู่เลยว่าสงสัยลูกชายพี่จะชอบสาวแก่กว่า ที่ไหนได้พอลองดูดีๆ ถึงได้รู้ว่าไม่ใช่สาวแต่เป็นหนุ่ม! ตาต้นน่ะติดใจนายมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว แฟนของพี่ฟ่างอย่างโน้นแฟนของพี่ฟ่างอย่างนี้ โอ๊ย! พี่ล่ะหมั่นไส้เลยแหละ อยากเห็นหน้าแฟนของพี่ฟ่างขึ้นมาทันทีเลย แต่ใครจะไปนึกล่ะว่าในที่สุดก็ได้มารู้จักกันจริงๆ แต่ดันไม่ใช่แฟนของพี่ฟ่างซะแล้ว ดันกลายเป็นแฟนของลูกชายพี่แทน ฮึ๊!”

     “แหะๆ ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นครับ ผมยังเป็นแค่แฟนเก่าของฟ่างอยู่เลย”

     “ยอกย้อนนะนาย”

     สายธารทั้งขำทั้งฉุนกับคารมของคนตรงหน้า ลูกเขยเธอนี่แสบใช่เล่นเลย สายธารจึงเติมเครื่องดื่มลงในแก้วพลางคะยั้นคะยอให้ชัยชัชดื่มอีกเป็นการลงโทษ

     “งั้นพวกนายไปตกลงเป็นแฟนกันตอนไหนล่ะ?”

     “อ้าว! นี่ตกลงพี่น้ำยังไม่รู้หรอกเหรอครับ ผมก็นึกว่าต้น”

     “โอ๊ย! อย่างตาต้นน่ะเหรอจะกล้าพูดอะไร ถ้าไม่ใช่หลุดพูดออกมาแบบไม่รู้ตัวตอนกำลังเล่าอะไรเพลินๆ ให้พี่ฟังละก็ เจ้าตัวไม่มีทางคายความลับออกมาหรอก ต่อให้เผลอก็หาเรื่องเฉไฉไปตลอดน่ะแหละ”

     'เวรกรรมเอ้ย รู้งี้เมื่อกี้ไม่น่าร้อนตัวเลยกู'

     “งั้นพี่น้ำรู้ได้ยังไงเหรอครับ?”

     “ฮึ๊! ก็สังเกตเอาน่ะสิย๊ะ เดี๋ยวนี้พอพูดถึงนายทีไร ตาต้นก็มักจะเผลอทำหน้าแดงตลอด ลูกชายพี่หน้าแดงอย่างกับเด็กผู้หญิง บอกมาเลย นายทำอะไรลูกชายพี่ พี่จำได้ว่าเมื่อก่อนอย่างดีตาต้นก็แค่เขินๆ เวลาพูดถึงนาย ไม่ได้ออกอาการชัดแบบนี้”

     อาจจะเพราะถูกสายธารคาดโทษชัยชัชจึงไม่กล้ายอมรับความจริง ก็แหม... จะให้เขายอมรับว่าลวนลามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของอีกฝ่ายรึไง อย่างไรเสียเขากับต้นน้ำก็ยังไม่มีอะไรเกินเลยไปไกล เขาจึงยังสามารถตอบเลี่ยงๆ สายธารได้อย่างสบายใจ

     “ผมไม่ได้ไรเลยพี่”

     “จริงแน่นะนายชัช?”

     “คร๊าบพี่น้ำ ผมยังไม่ได้ทำอะไรต้นจริงๆ ครับ”

     “งั้นก็แล้วไป”

     สายธารผ่อนลมหายใจก่อนจะพูดต่อ

     “ต้นน่ะยังเด็ก ถึงแม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกชายพี่ไม่ใช่คนโลกแคบ เขาเลือกที่จะชอบนายเองก็จริง แต่พี่ก็ยังคิดว่าต้นยังเรียนรู้โลกน้อยเกินไป เขายังมีโอกาสพบเจออะไรอีกเยอะ”

     พอถูกผู้เป็นมารดาของคนรักพูดเช่นนี้ ชัยชัชก็เกิดอาการหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก สายธารจึงรีบพูดต่อทันที

     “พี่ไม่คิดว่านายจะทำลูกชายพี่เสียใจหรอกนะ แต่อะไรๆ มันไม่แน่ไม่นอน บางทีชัชกับต้นอาจไม่เหมาะจะใช้ชีวิตร่วมกันก็ได้ นายเข้าใจที่พี่พูดใช่มั้ยนายชัช ตาต้นอาจจะรักนายเพราะนายเป็นรักแรก แต่ชีวิตต้นยังอีกไกล พี่ไม่ได้บอกว่าลูกพี่จะเป็นคนหลายใจ เพียงแต่ พี่ไม่มั่นใจว่าถ้าลูกพี่กับนายรักกันแล้วนายจะดูแลลูกชายพี่ได้ดีแค่ไหน นายเองก็เป็นผู้ชายที่ดีเพียบพร้อมขนาดนี้ ถ้าวันหนึ่งนายเจอผู้หญิงดีๆ ที่พร้อมจะสร้างครอบครัวด้วยกัน แล้วนายจะเอาลูกชายพี่ไปไว้ที่ไหน? ยิ่งถ้าต้นเผลอถลำลึกไปมากๆ แล้ว พี่กลัวว่าลูกชายพี่จะถอนตัวจากเธอไม่ได้ พี่ไม่อยากเห็นลูกตัวเองเจ็บ”

     “ผมไม่เคยทิ้งใครก่อนหรอกครับพี่น้ำ สบายใจได้”

     “นายไม่ทิ้งแต่ก็ไม่ดูแล การทนอยู่ในสภาพนั้นมันเจ็บปวดกว่านะนายชัช”

     “ผมไม่ได้...”

     คำพูดของสายธารทำให้ชัยชัชนึกถึงฟ่าง เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตย้อนกลับมาทำเอาเขาพูดไม่ออก ชัยชัชไม่แน่ใจว่าสายธารรู้อะไรมาบ้าง แต่เขาไม่กล้าปฏิเสธ เป็นครั้งแรกที่ชัยชัชลองสำรวจตัวเองเพราะคำพูดของผู้หญิง เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของแฟนคนปัจจุบัน

     “งั้นแล้วเธอจะบอกว่าเธอรักลูกชายพี่หรือไงนายชัช เธอสร้างครอบครัวกับต้นได้ซะที่ไหน ตรงไหนของต้นที่เธอรักล่ะ? เธออาจจะแค่เหงาก็เลยชอบที่มีคนมาคอยอยู่ข้างๆ เธอก็ได้ แล้วที่สำคัญลูกพี่เป็นผู้ชาย เธอไม่ใช่เกย์นี่นายชัช เธอจะพอใจหยุดอยู่แค่ต้นเหรอ? ให้พี่คิดยังไงพี่ก็คิดไม่ออกว่าเธอติดใจอะไรลูกชายพี่ บอกตามตรงนะพี่เป็นห่วงลูก ต้นยังเด็กเกินไป พี่ไม่อยากให้ต้นมีปัญหาตอนนี้”

     ชัยชัชเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบออกไป

     “ครับ ผมเข้าใจ ผมกับต้นเป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมไม่เองก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน แต่ผมขอสารภาพกับพี่น้ำตามตรงว่าต้นเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้ผมมีอารมณ์ครับ แล้วมันก็ไม่ใช่อารมณ์ที่เกิดจากความใคร่เพราะถูกกระตุ้นทำนองนั้นด้วย ไม่รู้สิพี่ เวลาผมอยู่กับต้น ผมรู้สึกว่าต้นมันน่ารัก เวลาที่ผมแหย่มันแล้วมันเขินมันทำให้ผมรู้สึกดีครับ ซึ่งผมก็ไม่ได้หน้ามืดอยากปล้ำผู้หญิงทุกคนที่ผมคุยเล่นด้วย แบบนี้แปลว่าต้นมันมีความพิเศษสำหรับผมได้รึเปล่าครับ?”

     “เธอไม่เคยลอง ละถ้าถึงเวลาเธอจะทำได้เหรอ? แล้วเธอคิดว่าคำตอบแบบนี้จะทำให้พี่ไว้ใจเธอได้รึยังไง นั่นมันความหื่นของเธอล้วนๆ เลยนะ ตรงไหนกันที่หมายถึงว่าเธอรักลูกพี่”

     “ก็ผมคิดว่าพูดความจริงกับพี่น้ำคงดีกว่านี่ครับ ผมรู้สึกยังไงกับต้นก็พูดไปตามนั้น ฮ่าๆ ถ้าพี่น้ำอนุญาตให้ผมลอง เดี๋ยวก็รู้ผลเองแหละครับว่าผมทำได้จริงหรือเปล่า?”

     “ทะลึ่งแล้วนาย! ลูกชายพี่ไม่ใช่ของแจกชิมฟรีตามห้างนะยะ จะได้ขอลองชิมกันง่ายๆ แบบนี้”

     ชัยชัชหัวเราะร่วนกับมุกของสายธาร เขานั่งขำอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยเข้าประเด็น

     “เวลาผมอยู่กับต้นแล้วผมมีความสุขครับ ต้นไม่เคยขอให้ผมทำอะไรมากมาย ผมเหนื่อยกับงานผม กลับมาเจอต้น มีมันมาคอยเอาใจผมรู้สึกดีครับ เมื่อก่อนผมมีแฟนมาก็เยอะ คบเล่นๆ บ้างจีบตามสเป็คบ้าง กับฟ่างเองผมก็คิดจริงจัง ผมอยากแต่งกับเธอด้วยซ้ำ แต่ไปๆ มาๆ ดันกลายเป็นเข้ากันไม่ได้ แต่พออยู่กับต้น มันเหมือนกับไม่ต้องคิดอะไร ผมไม่ต้องปรับตัวต้นมันก็รับผมได้ ผมไม่ต้องเหนื่อยได้พักผ่อนจริงๆ ถ้าต้นเป็นผู้หญิงผมรับรองว่าจะรีบลากมันไปจดทะเบียนเลยครับกลัวตัวเองแห้วอีก เป็นเมียในอุดมคติแบบที่ผมฝันไว้เลย แต่ในเมื่อต้นมันเป็นผู้ชายผมก็ไม่รู้จะผูกมัดมันไว้ยังไง ผมเองก็รู้ตัวดีครับว่าต้นมันยังเด็กผมก็เลยไม่กล้าคิดอะไรมาก ไม่ใช่แค่พี่น้ำหรอกครับที่กลัวลูกเจ็บ ผมเองก็เหมือนกัน กลัวว่าซักวันต้นมันจะเลิกรักผม ถึงตอนนั้นผมเองก็คงเจ็บไม่แพ้กันหรอกครับ พี่น้ำจะด่าว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้ที่รักไอ้ต้นมันเพราะมันรักผม แต่ในเมื่อต้นมันทั้งรักทั้งดีกับผมขนาดนี้ คอยดูแลเทคแคร์เอาใจใส่กันขนาดนั้น ผมจะไม่ใจอ่อนได้ยังไงล่ะครับผมมันเป็นผู้ชายใจอ่อนนะ ฮ่าๆ แถมตัวมันก็น่ารักใช่เล่นถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็ทำให้ผมมีอารมณ์ได้ ผมอยู่กับมันแล้วมีความสุขครับ ยิ่งเวลาที่เห็นมันเศร้าผมยิ่งทนไม่ได้ไม่อยากเห็นมันร้องไห้ ความรักของผมที่มีให้ต้นแบบนี้พี่น้ำอาจจะมองว่าง่ายไป แต่สำหรับผม ผมคิดว่าผมโอเคกับมันนะครับ สุดท้ายแล้วผมก็แค่เลือกรักใครซักคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจก็เท่านั้นเอง”

     “เฮ้อ... พี่ล่ะ ยอมแพ้นายจริงๆ ครั้งนี้พี่จะยอมให้นายไปก่อนก็ได้ แต่นายยังไม่รู้จักลูกพี่จริงๆ หรอกนะนายชัช”

     “หมายถึงเรื่องอะไรเหรอครับ?”

     “ก็หมายถึงนิสัยจริงๆ ของต้นน่ะสิ ลูกพี่ก็ร้ายเหมือนพี่นั่นแหละ ไม่ใช่เด็กดีเรียบร้อยอะไรหรอก”

     “ผมไม่เข้าใจครับ”

     “พี่หมายถึงว่า ถ้าตาต้นของพี่มีส่วนแย่ๆ บ้าง นายจะให้อภัยและรับได้รึเปล่าล่ะ?”

     “แล้วเรื่องแย่ๆ ที่ว่านี่มันคืออะไรล่ะครับ?”

     “เด็กคนนี้เป็นคนเจ้าทิฐิน่ะ มากพอดูเลยล่ะ ซึ่งพี่เองก็ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงด้วย พี่ถึงไม่เคยห้ามปรามลูก ต้นมีสิทธิ์เต็มที่ๆ จะเกลียดใครก็ตามที่เขาเกลียด และเวลาที่ต้นเกลียดใคร ลูกชายพี่ร้ายน่าดู นายเคยเห็นมุมร้ายๆ ของต้นแล้วรึยังล่ะ?”

     “พี่น้ำหมายถึง... เรื่องพ่อของต้นน่ะเหรอครับ?”

     “ดูนายเองก็รู้อะไรเยอะเหมือนกันนี่นา ตาต้นคงเล่าให้ฟังล่ะสิ ไม่ธรรมดานะ ทำให้ต้นเปิดปากได้ขนาดนั้น”

     สีหน้าแววตาท่าทางและน้ำเสียงของสายธารตอนนี้ทำให้ชัยชัชนึกถึงต้นน้ำในวันที่ได้เจอกันครั้งแรก

     'มิน่า คนโบราณเขาถึงบอกว่า ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ไอ้ต้นแม่งถอดแบบพี่น้ำมาเปี๊ยบเลย แต่ว่า ไอ้ต้นมันนายนี่หว่า ไม่ใช่นาง เหอะๆ'

     “ก็นิดหน่อยครับ ถ้าเรื่องที่ต้นเกลียดพ่อเป็นเรื่องจริง แล้วเรื่องที่ต้นเคยบอกผมว่าพี่น้ำเคยคิดจะไม่เอาต้นไว้มันจริงรึเปล่าละครับ?”

     ชัยชัชยักคิ้วไปให้แบบกวนๆ ส่วนสายธารก็ยกยิ้มที่มุมปากไม่พูดอะไร เธอจิบเครื่องดื่มมึนเมาที่อยู่ในแก้วเฉไฉอยู่ครู่หนึ่งทิ้งช่วงให้คู่สนทนาเกิดความกระหายใคร่รู้มากขึ้นจนเริ่มอดรนทนไม่ไหว กระทั่งเครื่องดื่มหมดแก้วเธอค่อยเปิดปากพูด

     “จริง นายอยากจะรู้เรื่องของต้นมั้ยล่ะ นายชัช แลกกับที่พี่จะฝากให้นายดูแลลูกชายพี่ได้หรือเปล่าล่ะ?”

     “ถ้าพี่น้ำช่วยเล่าต้นสายปลายเหตุให้ผมฟังบ้าง ผมก็จะดูแลต้นได้ง่ายขึ้นครับ”

     สายธารจ้องมองดวงตาแน่วแน่ของชัยชัชแล้วก็ผ่อนลมหายใจระบายยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ เปิดปากเล่าเรื่องชาติกำเนิดของต้นน้ำออกมา

     “ต้นเป็นลูกที่เกิดจากอาจารย์ของพี่เอง ก็อย่างที่เธอเห็น พี่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีอะไรนักหนา พื้นเพพี่เป็นคนต่างจังหวัด พ่อพี่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นมีหน้ามีตา แม่แท้ๆ ของพี่ก็เสียตั้งแต่พี่เล็กๆ พ่อเลยแต่งงานใหม่มีน้องคนละแม่ให้พี่ทั้งน้องชายน้องสาว พ่อพี่หลงนังเมียใหม่จนโงหัวไม่ขึ้น พวกมันจะเอาอะไรก็ได้ทุกอย่าง พี่รู้สึกอย่างกับตัวเองเป็นหมาหัวเน่า ก็ทำนองเด็กมีปัญหานั่นแหละ แต่พี่ยังไม่กล้ากบฏซึ่งๆ หน้ากับพ่อตัวเองหรอกนะ คิกๆ จนกระทั่งพี่สอบติด ได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพนี่แหละ เห็นแบบนี้แต่พี่ก็เรียนเก่งน้า สอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้ด้วย มีหนุ่มๆ มารุมจีบพี่เยอะไปหมดเลยแหละ พี่เองก็รู้ตัวว่าพี่สวย ... การใช้ความสวยทำให้ผู้ชายมาหลงรักมันไม่ผิดใช่มั้ยนายชัช ในเมื่อมันทำให้พี่ได้ทุกอย่างที่ต้องการ”

     สายธารเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง และถ้าชัยชัชตาไม่ฝาดเขาว่าเขาเห็นหยดน้ำใสๆ ก่อตัวขึ้น สายธารจ้องหน้าเขาเหมือนจะขอคำตอบ

     “แต่ตอนนั้นพี่ก็แค่สนุกไปวันๆ เปลี่ยนแฟนบ่อยทำนองนั้น บางทีก็ไปอยู่กับผู้ชายที่ซัพพอร์ทพี่ได้พี่ไม่ได้ถึงกับหาเงินด้วยวิธีนั้นหรอกนะ แต่โชคร้ายตอนปีสุดท้ายที่พี่ใกล้จบ พี่เที่ยวมากไปหน่อยเลยมีบางวิชาที่เกรดไม่ถึง พี่รู้มาว่าอาจารย์คนนั้นเป็นคนยังไง เพราะเคยได้ยินเรื่องแกซื้อบริการมาจากกลุ่มเพื่อนๆ ที่ทำงานที่เดียวกัน ใครจะไปคิดว่ามันจะบังเอิญล่ะ พี่เคยเห็นแกไปคลับที่พี่เคยไปทำงานพิเศษ อ๊ะๆ อย่ามองพี่แบบนั้น ก็แค่นั่งดริ๊งค์ย่ะ พี่ไม่ได้ไปขายตัว กลัวโดนแฟนตบเอาเหมือนกันนะยะ พี่ก็เลยลองอ่อยเขาดู ไหนๆ พี่ก็รู้ความลับอาจารย์แกแล้ว แล้วก็เป็นไปตามที่นายคิดนั่นแหละนายชัช เมียแกพึ่งคลอดลูกอ่อน คงอดอยากมั้ง คิกๆ ผู้ชายความต้องการสูงแบบนั้นก็คงอยากปลดปล่อยเป็นธรรมดา เวลาแกเอากับพี่แกชอบบ่นว่าเมียสนองไม่ถึงใจ แล้วเผอิญแกดันติดใจพี่ซะด้วยสิ พี่เองก็เป็นคนเก็บความลับเก่ง อีกทั้งแกยังจ่ายค่าปิดปากรายเดือนให้พี่อย่างงาม เรื่องสอบหลังๆ ก็แทบไม่มีปัญหา พี่เก่งอยู่แล้ว แค่บอกว่าพี่ขยันขึ้นเลยไม่มีคนสงสัย  อาจเพราะพี่สะอาด แถมสนองความต้องการแกได้ทุกอย่าง พักหลังๆ แกก็ขอว่าให้พี่ไปฉีดยาคุม เพราะแกอยากทำแบบไม่ใส่ถุง พี่ก็ไปฉีดนะ แต่คงนับวันผิด แล้วมันก็พลาด ตอนแรกพี่นึกว่าตัวเองแพ้ยาคุมซะอีก พี่ท้องทั้งๆ ที่เหลืออีกไม่กี่ตัวจะจบแล้ว พี่อยู่กับแฟนแต่พักหลังแฟนพี่แทบไม่ได้มานอนที่ห้องเลย เราไม่มีอะไรกันนานมากแล้ว ละแฟนพี่นะ เวลามีอะไรกันเขาจะใส่ถุงทุกครั้ง พี่เลยมั่นใจว่าเด็กในท้องต้องเป็นลูกอาจารย์แกนั่นแหละ เรื่องที่พี่ทำอยู่พี่ไม่กล้าบอกแฟน พี่ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยไปปรึกษาอาจารย์ แต่พอพี่ไปบอกแกกลับปัดความรับผิดชอบ หาว่าพี่มั่วกับคนอื่นไปทั่ว ออกปากไล่ให้พี่ไปทำแท้ง พี่ทั้งโกรธทั้งแค้นเลย คนที่ไม่ยอมป้องกันก็คือแกนั่นแหละ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมาดันปฏิเสธความรับผิดชอบ พี่เครียดไม่รู้จะทำยังไงแถมแพ้ท้องจนแฟนสงสัย สุดท้ายก็ปิดกันไม่ได้หรอก เขาโกรธพี่มาก พี่โดนตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงร่าน โอเค พี่ไม่ได้เสียใจเท่าไหร่หรอก ก็ไม่ได้รักอะไรมากอยู่แล้ว แค่รักสบาย พี่เองก็ยอมรับว่าพี่ผิดกับเขา แต่ก็ยังดีนะ ที่เขาเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น เลยไปเอาคืนกับที่ปรึกษาตัวเองนิดๆ หน่อยๆ ด้วยการส่งบัตรสนเท่ห์ไปแสดงความยินดีที่จะได้ลูกคนที่สอง เขาบอกกับอาจารย์ว่าเขาไม่ได้นอนกับพี่ตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว ทีนี้แหละ อาจารย์แกก็เลยยิ่งเผยสันดานเลวๆ ออกมา แกบังคับขั้นเด็ดขาดให้พี่ไปทำแท้ง พี่ไม่หวังหรอกนะว่าแกจะหย่ากับเมียมาแต่งงานกับพี่ แต่พี่ยอมรับนะว่าตอนนั้นอยากเป็นเมียน้อยแก เหตุผลหลักๆ คือพี่อยากสบาย แต่ความจริงคือพี่ไม่กล้าฆ่าลูกตัวเองหรอก พี่ไม่กล้าไปคลีนิคทำแท้งนี่นานายชัช พี่กลัวมากๆ ไม่รู้จะทำยังไง แฟนก็ไล่ อาจารย์แกก็ไม่รับผิดชอบ สุดท้ายพี่เลยประชดแกกินยากะตายทั้งแม่ทั้งลูก หวังให้แกมาสนใจพี่บ้าง ที่ไหนได้ นอกจากแกจะไม่สนใจแล้วเรื่องนี้ยังทำให้ที่บ้านพี่รู้เรื่อง พ่อพี่โกรธมากถึงขั้นตัดพ่อตัดลูกสมใจนังแม่เลี้ยงนั่น ท้องพี่ก็โตขึ้นทุกวันๆ จนสุดท้ายพี่เลยบุกไปที่บ้านอาจารย์ ทีนี้แหละเป็นเรื่องเลย แกโกรธพี่มาก เล่นงานพี่กลับจนพี่โดนโทษทางวินัย ต่อหน้าคนอื่นแกก็สร้างภาพอยู่แล้ว ส่วนภาพลักษณ์พี่ก็เป็นผู้หญิงใจแตก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสังคมจะเชื่อใคร แถมทางบ้านเขา แม่ของอาจารย์แกก็ยังเอาเงินมาฟาดหัวพี่อีก ให้เงินก้อนใหญ่มาเพื่อบอกให้พี่ไปเอาเด็กออกให้จบๆ กันไป หาว่าพี่เป็นผู้หญิงหยำฉา พี่แค้นมากเลยนะนายชัช พี่เกลียดเด็กบ้าในท้องของตัวเองมากๆ จนคราวนี้พี่กล้าทำแท้งเลยแหละ พี่หายาขับเลือดมาทานจนได้ แต่ผลก็คือพี่ตกเลือดเกือบตาย ถ้าตอนนั้นพี่ไม่ได้เพื่อนคนนึงช่วยไว้พี่คงตายไปแล้ว เด็กก็ไม่ออก แถมตัวพี่เองก็เกือบไม่รอด อนาคตก็ไม่มี ชัชลองคิดดูสิว่าพี่จะเจ็บปวดมากแค่ไหน ต้องนั่งมองคนอื่นๆ เขาเรียนจบหางานทำสนุกกับชีวิต แต่พี่ต้องแบกท้องที่โตขึ้นทุกวันๆ”

     ชัยชัชเชื่อว่าความเจ็บปวดเคียดแค้นของสายธารเป็นของจริง ขนาดนั่งฟังอยู่อย่างนี้เขายังรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงสั่นๆ และสังเกตเห็นน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาคู่สวยของเธอ กับตัวเขาที่เคยถูกรีไทน์เพราะเผลอทำเรื่องงี่เง่าไปตอนปีหนี่งเขายังช้ำใจไม่หาย แต่ก็ยังโชคดีที่กลับตัวได้ทัน อย่างน้อยๆ ก็เรียนจบจน แต่กับเธอเล่า? สายธารกำลังจะมีอนาคตที่ดีกลับต้องดับวูบเพราะเด็กในท้อง ได้ฟังเช่นนี้แล้วเขารู้สึกนับถือพี่น้ำคนนี้ของเขาจริงๆ ที่กัดฟันเลี้ยงดูเด็กคนนั้นจนโตเป็นมาแฟนที่น่ารักของเขาได้

     “แล้วพี่น้ำทำยังไงต่อละครับ?”

     “ตอนนั้นพี่อาศัยอยู่กับเพื่อน เพื่อนคนนั้นของพี่เขาพูดกับพี่ว่า ถึงพี่จะไม่อยากได้ลูก แต่ไหนๆ เด็กมันก็เกิดมาแล้ว เขาขอให้พี่เก็บเด็กไว้ เพราะกลัวพี่จะทำอะไรโง่ๆ จนตายไปอีก เขาซัพพอร์ทพี่เต็มที่เลยนะบ้านเขารวยอยู่แล้ว ใครๆ ก็คิดว่าพี่กับเขาเป็นแฟนกัน แต่ไม่นานเขาก็ต้องไปเรียนต่อเมืองนอกเพราะสอบได้ทุน ถึงเขาจะยอมให้พี่อยู่ที่ห้องของเขาแบบไม่คิดค่าเงิน โกหกกับพ่อแม่เขาให้ว่าปล่อยเช่าให้พี่ แต่การเลี้ยงเด็กคนนึงมันก็ต้องใช้เงินมากอยู่ดี เพราะไม่ได้มีแค่ปากท้องเดียวอีกต่อไปแล้ว นายชัชรู้มั้ย ตอนที่ต้นเกิดมานะ พี่ถึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขของพี่เป็นสายเลือดของพี่เอง เขาไม่มีใครในโลกนี้อีกแล้วนอกจากพี่ เหมือนกับตัวพี่ที่กลายเป็นคนไร้ญาติขาดมิตร พี่เลยตั้งใจว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุด พี่ต้องทำแทบทุกอย่าง ทิ้งลูกไว้คนเดียว กัดฟันทำงานกลางคืนเป็นพริตตี้เด็กนั่งดริ๊งค์ไซด์ไลน์ อะไรที่ได้เงินพี่ไม่รังเกียจเลย จนเพื่อนพี่เรียนจบกลับมาจากเมืองนอก เขาก็มาช่วยพี่ดูแลต้น เขาให้พี่ไปสมัครเรียนทางไปรษณีย์ให้ได้วุฒิปริญญาตรีอะไรก็ได้มาสมัครงาน จนมีคนรู้จักแนะนำงานแอร์โฮสเตรทให้พี่ แถมตาต้นก็เริ่มโตพอจะดูแลตัวเองนิดๆ หน่อยๆ ได้แล้วด้วย พี่กับลูกก็เลยพอลืมตาอ้าปากกันได้บ้าง ไม่กล้ารบกวนเพื่อนอีก ถ้าไม่ใช่เพราะความสวยของพี่ๆ คงไม่ได้งานหรอกนายชัช แก่ก็แก่ไปสู้กับเด็กจบใหม่ ดีนะที่พี่สวยแล้วก็เส้น”

     สีหน้ายามพูดถึงเพื่อนสนิทของสายธารมีความสุขเสียจนชัยชัชอดยิ้มตามไม่ได้ เธอขยิบตายอมรับความสวยเล่นเส้นของตัวเองอย่างร่าเริง

     'ดูท่าเพื่อนคนนี้ของพี่น้ำคงจะเป็นคนพิเศษจริงๆ'

     “เพื่อนพี่น้ำคงรักพี่น้ำน่าดูนะครับ อุตส่าช่วยพี่ถึงขนาดนั้น”

     “ใช่แล้วล่ะนายชัช พลเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่รักพี่แล้วก็ดีกับพี่จากใจจริง เขาเคยชวนพี่แต่งงานกันด้วยซ้ำ บอกว่าจะรับต้นเป็นลูก แต่เพราะเขาดีกับพี่มากๆ พี่ถึงไม่กล้าเห็นแก่ตัว พี่อยากให้เขาเปิดใจยอมรับความจริงแล้วสนุกกับชีวิตตัวเองมากกว่า”

     อาจจะเพราะคำพูดกำกวมแปลกๆ ของสายธาร ชัยชัชจึงเผลอย่นหัวคิ้วทำหน้าสงสัย สายธารจึงหลุดหัวเราะออกมาเสียงใสกังวาน

     “ไม่ต้องทำหน้างง คือเพื่อนพี่คนนี้เป็นเกย์น่ะ แต่ตอนแรกเขายังไม่มั่นใจ เขาเป็นเพื่อนของอดีตแฟนคนนึงของพี่อยู่แล้ว เราเลยสนิทกันได้คุยกันบ้าง เพราะภายนอกเขาดูแมนมากๆ เลยไง แต่ที่บ้านเขาเข้มงวดมากๆ อยากให้เขาแต่งงานกับคู่หมายที่ทางบ้านหาไว้ให้ เขาเลยสองจิตสองใจว่าจะยอมทำตามที่ๆ บ้านต้องการดีมั้ย? จนวันหนึ่งเขามาปรึกษาพี่เรื่องนี้ ทำนองว่าเขาอยากรู้ว่าตัวเองจะตอบสนองกับผู้หญิงได้มั้ย เลยมาขอลองกับพี่ แล้วพี่ก็เลยทดสอบให้เขาเพราะตอนนั้นพี่ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คงเป็นเพราะพี่ปากหนัก ช่วยเก็บความลับเรื่องแอ๊บแมนให้เขามาตลอด เขาเลยซึ้งใจพี่มั้ง หลังๆ เราเลยสนิทกันมาก จนกระทั่งเกิดเรื่องกับพี่น่ะแหละก็ได้เขายื่นมือเข้ามาช่วย แต่ที่บ้านเขาเคร่งมาก ก็เลยไม่กล้าเปิดเผยตัวเองซะที เคยกลุ้มใจจนถึงขั้นจะแกล้งแต่งงานกับพี่เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปแต่งกับผู้หญิงคนอื่นที่พ่อแม่หาให้ด้วยนะ คิกๆ ตลกใช่มั้ยล่ะ”

     'เพราะแบบนี้รึเปล่าวะ ต้นเลย...'

     “แน่ะ! ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น เรื่องนี้พี่เองก็ไม่รู้หรอกย่ะนายชัช ว่าต้นน่ะเป็นแบบนั้นไปตั้งแต่ตอนไหน แต่พี่ไม่รังเกียจหรอก จะเป็นอะไรยังไงต้นก็ยังเป็นลูกของพี่ แถมพี่ก็เจอมากับตัวแล้วว่าเกย์บางคนยังเป็นลูกผู้ชายมากกว่าผู้ชายแท้ๆ ซะอีก คนเราจะดีจะชั่วไม่ได้ตัดสินกันที่เพศนี่นานายชัช”

     “เพราะแบบนี้พี่น้ำก็เลยไม่ตกใจที่รู้เรื่องผมกับต้นเหรอครับ?”

     “พี่ก็พอจะรู้ตัวอยู่แล้วแหละว่าต้นน่ะมีความเสี่ยง พี่ไม่เคยเห็นต้นมองผู้หญิงที่ไหนเลยนี่นา อาจจะเพราะตัวพี่เองเป็นแบบนี้ด้วยแหละ ... แต่ส่วนหนึ่งพี่เดาว่าที่ตาต้นดันไปหลงรักนายก็คงเพราะนายอบอุ่นละมั้ง ยังไงเด็กคนนี้ก็ต้องการความอบอุ่นจากพ่ออยู่ดี เพื่อนพี่ดันเป็นพวกสาวแตกเวลาอยู่กับเพื่อนซะด้วยสิ พอมาเจอนายที่แมนๆ ดีกับตัวเองเข้าหน่อยแถมยังแก่ปูนนี้ก็เลยเผลอเอาภาพนายไปซ้อนกับความต้องการลึกๆ ของตัวเองจนหลงรักนายหัวปักหัวปำ ฮึ๊!”

     'พี่น้ำต้องกำลังแก้แค้นกูอยู่แน่ๆ ด่ากูซะเสีย ฮือๆ'
หัวข้อ: Re: [บท7#12/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - มาถอดหน้ากากกันเถอะ ขุ่นแม่ปะทะพี่ชัช!
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 12-09-2014 13:06:51

     “โอ้ย พี่น้ำก็ ไม่เห็นต้องพูดกันขนาดนี้เลยคร๊าบ ผมแค่สามสิบต้นๆ เอง”

     “ก็แก่พอจะเป็นพ่อลูกพี่ได้น่ะแหละย่ะ”

     “แหม ก็แก่น้อยกว่าแม่ต้นหน่อยนึงแหละครับ ฮ่าๆ”

     “พอเลยๆ พูดแบบนี้เดี๋ยวพี่ไม่อนุญาตให้คบซะเลยดีมั้ยย๊ะ!”

     “คร้าบๆ คุณแม่ยายสุดสวย ยกลูกชายให้ผมเถอะนะครับ ฮ่าๆ”

     “ย่ะ!”

     สายธารมองชัยชัชอย่างค้อนๆ แต่แล้วก็กลับมาตีสีหน้าจริงจังอีกครั้ง เธอเปิดปากพูดเรื่องสำคัญต่อ

     “ยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่พี่อยากจะปรึกษานาย นายชัช ในฐานะที่นายรักลูกชายพี่”

     “เรื่องอะไรเหรอครับ?”

     “เรื่องพ่อตาต้น”

     “เรื่องนี้ผมเองก็พอได้ยินมาบ้าง เขากลับมาหาต้นเหรอครับ?”

     “ใช่ เธอคิดว่าพี่ควรจะทำยังไงดี นายชัช?”

     “หมายความว่ายังไงครับ?”

     “ต้นน่ะ ทิฐิแรงเหมือนพี่ พี่ล่ะกลัวใจต้นจริงๆ ความจริงแล้ว สองสามปีมานี้พี่ได้รู้จักฝรั่งคนนึง เขาเป็นกัปตันที่สายการบินที่พี่ทำอยู่ เราได้มีโอกาสเจอกัน พูดคุยกันบ่อยๆ พี่ถูกคอกับเขามากๆ จนเขาชวนพี่ไปอยู่ด้วย คือแบบว่าเขาขอพี่แต่งงานนะชัช ทั้งชีวิตพี่ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาขอพี่แต่งงานด้วยความรักมาก่อนเลย แถมเขายังไม่รังเกียจลูกพี่ ตอนที่เขามาเที่ยวแล้วพี่แนะนำให้รู้จักกัน ต้นเองก็ดูค่อนข้างโอเคกับเขาด้วย เราวางแผนกันว่าจะรอให้ต้นเรียนมัธยมที่นี่ให้จบก่อนแล้วค่อยทำเรื่องแต่งงาน ย้ายไปเมืองนอกด้วยกัน ถ้าพี่จดทะเบียนกับเขา พี่กับต้นจะสบายขึ้น พี่กับเขาว่าจะลงขันเปิดร้านอาหารกัน นี่เขาก็กำลังดูลู่ทางทางโน้นอยู่ เขาอยากให้พี่กับต้นไปอยู่ด้วย แต่จู่ๆ อีตานั่นก็โผล่มา มาตื้อจะเอาต้นไปจากพี่ให้ได้ พี่คิดว่าต้นไม่ได้อยากให้ทางนั้นมาดูแลอะไรหรอก พี่ว่าพี่ให้ลูกพี่ครบไม่ได้ขาดอะไร เพราะตอนแรกต้นก็ทำท่าจะไปเมืองนอกกับพี่แล้วด้วยซ้ำ แต่พอเกิดเรื่องขึ้น ต้นกลับบอกว่าอยากเรียนต่อที่เมืองไทย อยู่คนเดียวได้ ตั้งใจจะสมัครเข้าเรียนที่มหาลัยนั่นให้ได้ แล้วไหนจะยังนายอีกนายชัช ต้นรักนายขนาดนี้ แล้วลูกจะตามพี่ไปอยู่ที่โน่นได้ยังไง พี่น่ะอยากจบๆ เรื่องนี้ไปซะ แต่...”

     “แต่พี่น้ำก็คิดว่าต้นมันควรจะได้รับความยุติธรรมจากทางนั้นบ้าง พี่น้ำไม่อยากบังคับจิตใจลูก อยากให้ต้นมันเลือกที่จะหาทางเดินให้ชีวิตมันเองใช่มั้ยครับ”

     “ใช่! พี่ไม่อยากบังคับลูก พี่อยากให้ต้นเลือก ถ้าพี่บังคับพาต้นไป ลูกพี่ก็จะกลายเป็นเด็กที่ไม่ได้เกิดจากความรัก เป็นแค่ภาระที่พี่เอาติดตัวไปรับผิดชอบจนวันตาย ตาต้นคิดมากเรื่องนี้กลัวว่าพี่จะไม่รักจนพี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว! ... บอกตามตรงเทียบกันแล้วถ้ามีนายอยู่ข้างๆ ต้นแบบนี้ พี่ก็อยากให้ต้นอยู่ที่นี่มากกว่า นายอยากให้ต้นอยู่ข้างๆ ต้นเองก็ต้องการนาย เป็นแบบนี้มันจะดีกับต้นมากกว่า เป็นอย่างที่นายพูดนั่นแหละนายชัช สุดท้ายแล้วคนเราก็แค่อยากอยู่กับใครซักคนที่ทำให้เราสบายใจ พี่เองก็อยากอยู่กับคนที่ทำให้พี่สบายใจ แต่อีกใจนึงก็อยากให้ลูกพี่มีความสุขด้วย พี่ไม่อาจอยู่อย่างสบายใจบนความทุกข์ของลูกตัวเองหรอก ไม่ใช่ว่าพี่ไม่รักต้น แต่ตาต้นเอาแต่สงสัยความรักของพี่มาตลอด เขากลัวฝังใจเรื่องความรักที่พี่มีให้เขา ซึ่งพี่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ ตอนแรกพี่ไม่ได้อยากให้ต้นเกิดมาก็จริงแต่ในเมื่อเกิดมาแล้วพี่ก็รัก เพราะแบบนี้ความรักของพี่เลยไม่อาจเติมเต็มหัวใจของต้นได้ ถ้าจะมีใครซักคนมาช่วยเติมเต็มตรงจุดนั้นให้ลูกพี่ พี่ก็จะดีใจมากๆ พี่อยากเห็นลูกมีความสุข”

     “พี่น้ำจะลองไว้ใจผมมั้ยละครับ?”

     “แล้วพี่ไว้ใจนายได้จริงๆ หรือเปล่าล่ะ นายชัช?”

     สายธารตอกกลับไปด้วยแววตารู้ทัน ส่วนชัยชัชก็สบตากลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ ดั่งคนทั้งสองได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนคำสาบานต่อกันผ่านการประสายสายตาที่มุ่งมั่นนี้

============================================

     ต้นน้ำเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ และเมื่อเขาตื่นมาอีกทีก็ได้ยินเสียงคุยดังมาจากห้องครัว เด็กหนุ่มเดินออกมาดูก็ได้พบกับชัยชัชที่กำลังช่วยมารดาของตนเก็บอุปกรณ์ครัวอยู่

     “แม่! พี่ชัช?”

     “อ้าว ตื่นแล้วเหรอเรา”

     ชัยชัชหันมายิ้มกว้างให้อย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินมาลูบศีรษะของคนเพิ่งตื่นเล่น

     “ไหนดูดิ? หืม หน้าซีดๆ นะต้น เป็นไรมากเปล่าเห็นพี่น้ำบอกว่าต้นไม่สบายเหรอ?”

     “เอ่อ ครับ”

     ต้นน้ำแปลกใจพอสมควร เขาไม่รู้จริงๆ ว่าแม่ของเขาไปใกล้ชิดสนิทสนมกับชัยชัชตอนไหน ท่าทางของทั้งสองคนที่หัวเราะต่อกระซิกกันอยู่เมื่อครู่นี้ทำให้เขากังวล สายตาของเขาจึงยังดูงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก

     “นี่ตาต้น เย็นนี้ลูกอยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า?”

     “เอ่อ ไม่นี่ครับ”

     “ไม่ได้นะจ๊ะ ป่วยแบบนี้ต้องรีบหาของกินดีๆ มาบำรุง เมื่อกี้พี่ชัชของลูกบอกว่าจะพาพวกเราแม่ลูกไปเลี้ยงฉลองด้วยนะ”

     เพราะมุกของคุณนายสายธารที่พูดออกมาแบบไม่ทันให้คนอื่นตั้งตัว จึงทำให้เธอได้รับสายตาฉงนสองคู่มองเขม็งจ้องกลับมาเป็นการถามคำถามสื่อความไม่เข้าใจ

     “อ้าว! ยังจะทำหน้างงกันอีก ก็ถือซะว่าเป็นการฉลองวันเกิดล่วงหน้าให้ตาต้นไง แหม ลูกก็รู้นี่จ้ะว่าวันเกิดลูกแม่ติดงาน กลับมาไม่ได้ แล้วอีกอย่างปีนี้บางทีลูกอาจจะอยากฉลองกับแฟนสองคน ไหนๆ ก็ไหนๆ นายชัชก็ถือว่าเป็นว่าที่ลูกเขยแม่ไปแล้ว วันนี้เราก็ไปเลี้ยงฉลองวันเกิดล่วงหน้าให้ลูกเลยไม่ดีเหรอไงจ๊ะ?”

     คุณนายสายธารเผด็จการเอาเองแบบเสร็จสรรพ เล่นเอาต้นน้ำที่ไม่รู้เรื่องว่ามารดาแอบไปจับมือเป็นพันธมิตรกับแฟนหนุ่มของตนตอนไหนหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกเลยทันที

     “แม่ก็... รู้ได้ยังไงครับ”

     “แหม แม่เป็นแม่เรานะตาต้น คิดว่าจะปิดแม่ได้รึไง นายชัชเค้าสารภาพกับแม่มาหมดแล้ว เราไม่ต้องมาทำอายหรอก หนอยๆ แอบมีแฟนไม่ยอมบอกแม่ ดีนะพี่ชัชเขาเป็นผู้ใหญ่พอ รู้จักบอกกล่าวผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ทำอะไรลับหลังกัน”

     'หือ พี่น้ำครับ ถ้าจะพูดถึงขนาดนี้ด่าผมมาตรงๆ เลยเหอะ'

     ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่สายตาจิกๆ และคำพูดยกยอปอปั้นจนเกินจริงนั้นก็ทำให้ชัยชัชสะอึกจนได้ ทั้งสองผู้ใหญ่ต่างแลกสายตาหยั่งชั้นเชิงไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่กันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ปลาไหลตัวพ่อแบบชัยชัชจะกู้บรรยากาศกลับคืนมาเพราะไม่อยากให้แฟนเครียด

     “คือพอดีพี่เป็นพวกชอบเข้าตามตรอกออกตามประตูน่ะครับน้องต้น พี่น้ำอนุญาตพี่เต็มที่แล้วด้วย”

     ว่าแล้วชัยชัชก็หยอดสายตากรุ้มกริ่มใส่จนต้นน้ำสะท้าน เขาหันกลับไปยักคิ้วให้แม่ยายสุดสวยอย่างอวดดี!

     'น้อยๆ หน่อยย่ะนายชัช ได้คืบจะเอาศอกเชียวนะ ลูกพี่จะรอดมือนายได้นานกี่วันเนี่ย โอ้ย...'

     สายธารได้แต่ขำกับความกะล่อนของชัยชัช แต่ทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่ถลึงตาโตๆ ทำตาดุคืนกลับไป

============================================


คุณแม่แซ่บจริงๆ! พี่ชัชตอแหลไม่ออกเลยฮ่าๆ

ขอโทษนะ เขียนฉากบ้าๆ ออกมาอีกแล้ว เอาแม่ยายกับลูกเขยมานั่งคุยกัน แต่ชอบคุณแม่จริงๆ นี่นา แซ่บออก
แบบ... เห็นนิยายเรื่องอื่นก็มีพล็อตชาติกำเนิดเน่าๆ นี่นา เลยลองทำบ้าง แต่แค่ทำในแบบของเรา ให้สายธารเป็นผู้หญิงสมัยใหม่สุดมั่น แล้วก็บุกมาคุยกับลูกเขยจอมกะล่อนแบบพี่ชัช แหะๆ

สองคนนี้เค้าทันกันสุดๆ ไปเลยแหละ แถมยังเป็นคนราศีเมษเหมือนกันด้วย เลยไม่แปลกที่จะเข้ากันได้ดีสุดๆ 
หัวข้อ: Re: [บท9#15/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - เด็กเลี้ยงแกะที่ชื่อต้นน้ำ
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 15-09-2014 20:14:14
เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 9 -
##### เด็กเลี้ยงแกะที่ชื่อต้นน้ำ #####

    ชัยชัชโดนสายธารเอาคืนด้วยการมัดมือชกเป็นเจ้ามือเลี้ยงดินเนอร์ ณ. ห้องอาหารญี่ปุ่นใจกลางเมือง คนทั้งสามต่างเพลิดเพลินกับมื้อเย็นโดยเฉพาะคุณนายสายธารที่ดูจะแฮปปี้ดี๊ด๊าเป็นพิเศษ ชายหนุ่มรูปร่างสมาร์ตดูดี หญิงสาวสวยและเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก เมื่อประกอบกันกับความสนิทสนมบนโต๊ะอาหารช่างเป็นครอบครัวในฝันที่ใครๆ ต่างมองแล้วต้องอิจฉา แต่ใครเลยจะรู้ว่าแท้จริงแล้วคนทั้งสามหาใช่คุณพ่อคุณแม่ยังสาวและคุณลูกวัยรุ่น แต่กลับเป็นแม่ยายลูกชายและลูกเขยต่างหาก

     มื้ออาหารจบลงด้วยดี ชัยชัชพาสองแม่ลูกกลับถึงคอนโดพร้อมกับกระเป๋าเงินที่เบาเป็นพิเศษ และเมื่อกลับมาถึงคุณแม่ยายผู้รู้ใจก็หนีเข้าห้องนอนอ้างจะว่าอาบน้ำพักผ่อนแล้ว สายธารเปิดโอกาสให้ชัยชัชนั่งคุยอยู่กับต้นน้ำที่ดูไม่ค่อยร่าเริงเท่าที่ควร โดยหวังให้ว่าที่ลูกเขยเป็นผู้ง้างปากงัดเอาความไม่สบายใจออกไปจากตัวลูกชายของเธอเสียที

     “เป็นไรไปต้น วันนี้ดูไม่ค่อยสดชื่นเลย”

     ชัยชัชถามพลางยื่นมือรับแก้วน้ำดื่มจากต้นน้ำ เด็กหนุ่มหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ชัยชัชบนโซฟาพลางตอบปฏิเสธ เขาจะกล้าบอกชัยชัชถึงเรื่องวุ่นๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน

     “เปล่านี่ครับ สงสัยคงเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายมั้งครับ”

     “ยังปวดหัวอยู่เหรอ? พี่เห็นเราไม่ค่อยร่าเริงเลย อุตส่าพาไปดินเนอร์นะเนี่ย”

     “ก็นิดหน่อยครับ สงสัยตอนเป็นลมหัวคงฟาดกับโต๊ะแรงไปหน่อย”

     “เฮ้ย! แล้วเป็นไรมากเปล่า?”

     “ไม่แล้วละครับ ยังเจ็บๆ อยู่นิดหน่อย แต่ทานยาแล้วเดี๋ยวก็คงดีขึ้นครับ”

     “เฮ้อ... ก็ดีแล้ว ค่อยยังชั่ว พี่นึกว่าเราโกรธไรพี่ซะอีก”

     “ผมจะโกรธอะไรพี่ชัชละครับ?”

     ต้นน้ำทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจความหมายของชัยชัช ถ้าหากจะพูดกันจริงๆ แล้ว เขาต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายขอโทษ เพราะมัวแต่กังวลจนไม่สนุกกับดินเนอร์มื้อพิเศษเท่าที่ควร

     “อ้าว ก็หึงพี่กับแม่เราไง ทีเมื่อก่อนยังชอบงอนพี่เลยไม่ใช่เหรอเวลาพี่คุยกับแม่เรา”

     เพราะสายตาวิบวับที่จ้องมองมากับคำตอบที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวเองก็คอยสังเกตอาการเขามาตลอดนั่นเองที่ทำให้ต้นน้ำรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ ผู้ชายคนนี้ทำให้เขารู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันเสมอ

     “พี่ชัชก็... แล้วตกลงแม่รู้ได้ยังไงครับ พี่ชัชกล้าบอกเรื่องของเรากับแม่ด้วยเหรอครับ ไม่กลัวหรือไง”

     “ก็พี่น้ำเขาบุกมาถามพี่ตรงๆ แล้วจะให้พี่ตอบว่าไงล่ะ? จะให้พี่โกหกปิดบังหรือตอบปัดๆ ไปรึไง พี่ไม่ชอบโกหกนี่หว่าโดยเฉพาะเรื่องแบบนี้ พี่น้ำเขาถามพี่ว่าพี่คิดยังไงกับเรา ถึงต้นจะเป็นผู้ชายแต่พี่ว่ามันก็คล้ายๆ อารมณ์ไปขอลูกสาวเค้านั่นแหละ ถ้าพี่ไม่ตอบพี่ก็หน้าตัวเมียเกินไปแล้ว นอกจากจะไม่ให้เกียรติต้นแล้วพี่ยังขี้ขลาดไม่กล้ารับผิดชอบการกระทำของตัวเองอีก ถึงพี่จะทำตัวแย่ไปบ้างในบางเรื่องแต่เรื่องนี้พี่จริงจังเสมอนะ ที่สำคัญต้นยังเด็ก พี่เป็นผู้ใหญ่โตกว่าต้นตั้งเยอะ พี่ก็ควรจะทำตัวดีๆ แบบคนที่โตๆ เขาทำกันไม่ใช่เหรอ? โชคดีนะที่แม่ของต้นน่ะคุยง่าย แล้วพี่น้ำแกก็ฝากให้พี่ดูแลต้นด้วย”

     “หมายความว่ายังไงครับ?”

     “ก็หมายความว่าต่อไปนี้พี่สามารถดูแลต้นได้เต็มที่ยังไงล่ะ หึๆ อีกหน่อยถ้าพี่น้ำไม่อยู่แล้ว ต้นจะเก็บเสื้อผ้าย้ายไปอยู่ห้องพี่เลยก็ได้นะ พี่น้ำแกอนุญาต”

     “พี่ชัชก็! ใครเขาจะไปครับ ไม่เอาด้วยหรอก ห้องพี่ชัชรกจะตาย”

     “อ้าว ก็เพราะมันรกอ่ะดิ พี่เลยอยากได้แม่ศรีเรือนไปช่วยดูแล บ้านพี่ขาดคนหุงข้าวว่ะต้น”

     “เก่ามากเลยนะครับ บอกอายุเลย”

     ต้นน้ำเขินจนหน้าแดง เขาทั้งขำทั้งเขินจนทำตัวไม่ถูก

     “ทำไงได้ก็พี่แก่แล้วนี่หว่า ว่าแต่ต้นเหอะ แม่เราเขายกเราให้พี่แล้ว ยินดีแต่งมาเป็นเมียพี่มั้ยล่ะ?”

     “ผู้ชายด้วยกัน แต่งงานกันได้ที่ไหนละครับ”

     “งั้นหนีตามกันก็ได้เอ้า ฮ่าๆ”

     เจอคำหยอดกวนๆ ปนหวานของชัยชัชเข้าไป เรื่องที่ตัวเองกลุ้มใจก็พลันมลายหายวับ ต้นน้ำเขินจนต้องคว้าหมอนอิงมากอดหันหน้าหนีทำเป็นหยิบรีโมทโทรทัศน์มาเปิด

     “แน่ะๆ ยิ้มซะที ในที่สุดแฟนพี่ก็ยิ้มได้ เห็นทำหน้าซึมๆ ทั้งวัน พี่เป็นห่วงนะรู้เปล่า”

     “ขอบคุณนะครับ พี่ชัชดีกับผมที่สุดเลย”

     “ก็รักนี่ ไม่รักพี่ไม่สนหรอก”

     “แต่พี่ชัชก็ดีกับผมมาตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันเลยนี่ครับ ขนาดผมหลอกพี่ชัชเรื่องคืนนั้น พอพี่ชัชกลับมาเห็นผมไม่สบาย พี่ชัชก็ยังดูแลผมเลย”

     “อืม... งั้นเหรอ”

     ชัยชัชเก้อไปนิดหน่อย เขาไม่ได้รู้สึกว่าตนเป็นคนดีอะไรนักหนา สิ่งที่เขาทำเขาไม่ค่อยเก็บมาใส่ใจ อาจจะเพราะอาชีพที่ต้องเป็นฝ่ายบริการคนอื่นจนชิน พอนานวันเข้าเขาก็คงติดมาเป็นนิสัยกระมัง

     “กลับกันนะ พี่กลับไม่รู้สึกว่าพี่เป็นคนดีอะไรหรอก คนเราถ้าเห็นคนกำลังไม่สบายตรงหน้า เป็นใครก็ใจร้ายด้วยไม่ลงหรอกต้น แล้วที่สำคัญ ตอนนั้นก็ถือว่าพี่กับต้นรู้จักกันแล้ว จะให้พี่ปฏิเสธไม่ดูดำดูดี พี่ทำไม่ได้หรอก”

     “ผมถึงได้บอกว่าพี่ชัชเป็นคนดียังไงละครับ”

     “ชมแบบนี้ระวังพี่เหลิงนะเว้ย ยังมีอะไรอีกเยอะที่เราไม่รู้เกี่ยวกับตัวพี่ ถ้าเรารู้แล้วบางทีเราอาจจะเลิกรักพี่ก็ได้”

     เมื่อเห็นต้นน้ำนิ่วหน้าเตรียมปฏิเสธ ชัยชัชจึงพูดต่อทันที น้ำเสียงจริงจังที่เขาใช้ทำให้ต้นน้ำจำต้องหุบปากลงและนั่งฟังชายหนุ่มอย่างตั้งใจ

     “ที่พี่พูดไปเมื่อกี้พี่เอาจริงนะต้น พี่ชอบเราจริงๆ พี่เองก็แก่แล้วแม่เราก็ไฟเขียว พี่คิดว่าเท่าที่มีก็พร้อมสำหรับต้นแล้ว ที่พี่พูดว่าอยากแต่งกับต้นพี่หมายถึงพี่อยากอยู่ด้วยกันกับต้น อยากให้ต้นมาเป็นเมียพี่จริงๆ นะ”

     “เรื่องนี้ผม...”

     'เขินชะมัดเลย พี่ชัชเนี่ยพูดตรงเกินไปแล้ว นี่เรากำลังถูกพี่เขาขอแต่งงานอยู่ใช่มั้ยเนี่ย?'

     อาจจะเพราะว่าต้นน้ำมัวแต่ก้มหน้าซ่อนความเขินอยู่เงียบๆ ไม่ยอมตอบอะไรออกมา ชัยชัชจึงอดคิดในแง่ร้ายไม่ได้

     “พี่รู้ มันเหมือนเห็นแก่ตัว ต้นเองก็ยังเด็ก ยังมีโอกาสเจอคนอีกมาก พี่...”

     'ไปกันใหญ่แล้ว!'

     “ไม่ใช่นะครับ ผมไม่มีวันรักใครนอกจากพี่ชัชหรอก!”

     “อนาคตมันไม่แน่ไม่นอนนะต้น ผัวเมียกันยังมีทะเบียนสร้างพันธะ ยังมีลูกเป็นโซ่ผูกใจกันได้ แต่ผู้ชายด้วยกันมันไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวนอกจากตัวกับหัวใจล้วนๆ เลยนะ”

     “ถึงแบบนั้นผมก็จะยังมองแต่พี่ชัชคนเดียวครับ พี่ชัชดีที่สุดสำหรับผมแล้วผมไม่สนคนอื่นหรอก!”

     “พี่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ? แล้วถ้าเกิดพี่มีอะไรที่ต้นไม่ชอบขึ้นมาล่ะ มานั่งๆ นึกดูแล้วพี่กับฟ่างเองก็รักกันมาก ไอ้ตอนจีบอะไรๆ มันก็ดี แต่พอมาใช้ชีวิตด้วยกันแล้วนิสัยเราดันเข้ากันไม่ได้ เรื่องแบบนี้มันมาชัดเอาสุดๆ ก็ตอนที่อยู่ด้วยกันเนี่ยแหละ พี่บอกตามตรงนะพี่เหนื่อยว่ะ อายุพี่มันก็เยอะแล้ว ถ้าพี่จะคิดจริงจังกับใครพี่ก็อยากคบยาวๆ ขี้เกียจเล่นเกมเดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิกแล้ว มันไม่ใช่แค่เรื่องทางกาย หัวใจพี่ก็ต้องการที่ๆ จะพักใจด้วย ถ้าพี่อยากปลดปล่อยพี่ไปเที่ยวสนุกๆ เอาก็ได้ แต่ก็อย่างที่ต้นเห็นพี่เป็นผู้ชาย ร่างกายพี่ตอบสนองกับผู้หญิง พี่ชอบสาวๆ สวยๆ ชอบมองนมหื่นกับขาอ่อนขาวๆ ตามธรรมชาติของผู้ชาย แต่ต้นเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้พี่อยากมีอะไรด้วย ไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาของต้น แต่เป็นเพราะตัวของต้นนั่นแหละที่ทำให้พี่อยากกอด พี่เองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน แต่อย่างนึงที่พี่รู้แน่ๆ ถ้าต้นตกลงคบกับพี่ๆ จะดูแลเมียพี่ให้ดีที่สุด พี่จะทำให้ต้นทุกอย่างเท่าที่สามีคนนึงจะทำให้ภรรยาได้ ต้นจะยอมรับได้รึเปล่าถ้าต้นต้องอยู่ในฐานะภรรยาของพี่ตลอดไป? เรื่องนี้พี่อยากให้ต้นลองคิดทบทวนดูให้ดีๆ ก่อน”

     ต้องใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าต้นน้ำจะเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของชัยชัช เขาทั้งดีใจและรู้สึกหดหู่กับเพศของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก

     “ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงดีกว่านี้ใช่มั้ยครับ”

     “อืม ถ้าต้นเป็นผู้หญิงพี่จะดีใจมากๆ พี่เห็นภาพอนาคตที่มีเราเป็นแม่ของลูกได้เลยล่ะ จะต้องเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากแน่ๆ ต้นเป็นเมียในเสปคพี่เลย”

     “งั้นทำไมพี่ชัชไม่ไปจีบแม่ผมละครับ ใครๆ ก็ชอบบอกว่าผมกับแม่หน้าคล้ายกัน อะไรที่ผมทำได้แม่ก็ทำได้หมด”

     เสียงของต้นน้ำเบาลง ชัยชัชสังเกตได้ถึงกระแสความน้อยเนื้อต่ำใจที่เกิดขึ้น ความรู้สึกเอ็นดูจึงเอ่อล้นอยู่ในอก เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของคนรักเบาๆ พลางดึงตัวเข้ามากอด

     “พี่ยอมรับนะว่าพี่น้ำน่ะสวยแถมเซ็กส์ด้วย ผู้ชายคนไหนเห็นแล้วก็ต้องคิดอกุศลกันทั้งนั้นแหละ แต่คนที่พี่เห็นแล้วอยากอดคือต้นนะ ทั้งแค่กอดไว้เฉยๆ แบบนี้ หรือกระทั่งกอดกันอยู่บนเตียง พี่พูดแบบนี้แล้วต้นคิดว่าพี่รักใครล่ะ หึๆ”

     “แต่ผมไม่ใช่ผู้หญิง”

     “ก็ใช่ไง พี่เลยอยากถามความสมัครใจเราก่อนว่าเราจะยอมเป็นเมียพี่ไปตลอดได้รึเปล่า? พี่รับไม่ได้หรอกนะถ้าวันนึงพี่ต้องกลายเป็นเกย์แบบบางวันก็เป็นผัวบางวันก็เป็นเมีย พี่เป็นผู้ชายนะต้น พี่รับไม่ได้ว่ะ! ถ้าต้นรักพี่ต้นก็ต้องทน ต้นจะทนเพื่อพี่ได้มั้ยล่ะ? แถมพี่เองก็สามสิบแล้ว ต้นยังเด็ก ต้นยังไม่ทันจะสามสิบพี่ก็ปาไปสี่สิบแล้ว ถึงเวลานั้นพี่อาจจะเป็นแค่ตาลุงแก่ๆ คนนึง ต้นยังจะรักพี่อยู่รึเปล่าในเมื่อโลกของต้นมันกว้างกว่าตอนนี้ ถ้าต้นไม่มั่นใจพี่ก็จะปล่อยต้นไป พี่จะเป็นพี่ชายที่ดีของต้นไปเรื่อยๆ แต่ถ้าต้นพร้อมที่จะเสี่ยงกับพี่ พี่ก็สัญญาว่าจะดูแลต้นให้ดีที่สุดครับ”

     คำพูดทุกประโยคของชัยชัชพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจของต้นน้ำ ประกอบกับอ้อมแขนแข็งแกร่งอันแสนอบอุ่นที่รัดตัวเขาอยู่ ต้นน้ำได้แต่นั่งอมยิ้มละลายซบอยู่กับแผงอกกำยำ

     'พี่ชัชดีกับผมขนาดนี้แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไงละครับ ถ้าพี่ชัชยอมกอดผมแบบนี้ไปตลอดละก็ให้ผมทำอะไรก็ยอม'

     “ผมกลัวแต่พี่ชัชนั่นแหละครับ จะเบื่อผมก่อนจนทิ้งผมไปมีคนใหม่ เพราะผมเป็นแค่เด็กผู้ชายน่าเบื่อคนนึง ไม่มีอะไรน่าสนใจ ผมกลัวว่าผม...”

     ‘ยังไงเราก็เป็นผู้ชาย จะทำให้พี่ชัชมีความสุขได้เต็มที่เหรอ แถมเรื่องพรรณนั้นเรายัง...’

     “ไม่เป็นไร โบราณเขาบอกว่าคนเรียบๆ แต่งงานไปแล้วมักจะเป็นแม่บ้านที่ดี เรียบร้อยอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน สกิลแม่ศรีเรือนต้นพี่ให้สิบเต็มสิบเลย ส่วนเรื่องบนเตียงของแบบนี้มันฝึกกันได้ เดี๋ยวพี่สอนเอง หึๆ”

     “พี่ชัชก็... ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลยครับ ทีพี่ฟ่างสาวๆ สวยๆ น่ารักขนาดนั้นยังเอาพี่ชัชไม่อยู่เลย ผมรู้นะพี่แอบไปเที่ยวมาด้วยสมัยยังคบกับพี่ฟ่างอยู่ ดูๆ ไปแล้วถ้าคบกันขึ้นมาคนที่เสี่ยงกับการร้องไห้ต้องเป็นผมมากกว่าไม่ใช่เหรอครับ?”

     “โอ๊ยต้น! ไปฟังไรยัยฟ่าง เอาจริงๆ นะ ใช่ พี่ยอมรับว่าพี่ไปเที่ยวพวกนี้มาบ้าง ก็งานน่ะต้น มันก็มีบ้างที่พี่ซิกแซกพาหมอลงอ่าง แต่ว่าพี่ไม่ได้นอนกับใครจริงๆ”

     ชัยชัชรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน แต่พอเห็นสีหน้าจับผิดของต้นน้ำในที่สุดเขาก็รับคำเสียงอ่อยๆ

     “แต่ถ้าเอ่อ... แบบข้างนอกนิดๆ หน่อยๆ ผ่อนคลายตัว พี่ก็มีเผลอๆ บ้าง นวดนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง แค่สัมผัสนอกกายนี่ต้น ไม่ใช่ไปเอากับใครซักหน่อย คือ... พี่เลี่ยงไม่ได้นี่หว่า ไปถึงที่แล้วบางทีมันก็นะ... ต้องมีบ้าง”

     “พี่ชัชน่าจะพูดไปตรงๆ กับพี่ฟ่างนะครับ”

     “พูดแล้วทำให้คนฟังไม่สบายใจพี่ไม่อยากทำว่ะ แถมฟ่างยังเป็นพวกชอบฟังแต่เรื่องที่อยากฟังเท่านั้นแหละ ไม่เคยฟังอะไรที่พี่อยากพูดหรอก แต่ตอนนั้นพี่ก็ยอมเขานะ พอคิดอีกทีเลิกๆ กันไปมันก็ดี ขืนแต่งกันไปจริงๆ เลิกกันตอนมีลูกคงลำบาก ตั้งแต่พี่เจอต้นพี่รู้เลยว่าเวลาอยู่กับคนที่เรารักแล้วสบายใจมันเป็นยังไง มันทำให้พี่นึกย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับตัวเองเมื่อก่อนอยู่บ่อยๆ หลายครั้งเลยที่พี่แว๊บขึ้นมาว่าตัวเองกับฟ่างคงไปกันไม่รอด อย่างดีก็ทนกันได้อีกไม่กี่ปี”

     ชัยชัชไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของเขามีอำนาจต่อต้นน้ำมากแค่ไหน สิ่งที่ต้นน้ำปรารถนามากที่สุดในชีวิตก็คือได้เป็นที่ต้องการของใครสักคน ใครก็ได้ที่ยอมรับตัวตนที่บิดเบี้ยวนี้!

     “ผมมีค่ากับพี่ชัชมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”

     “ใช่ ต้นมีค่ากับพี่มาก ต้นดีมากจนพี่กลัวตัวเองจะดีไม่พอสำหรับต้นเลย”

     “ทำไมละครับ?”

     “ก็... พี่มีนิสัยแย่ๆ เยอะมั้ง กลัวต้นจะอยู่ด้วยกันแล้วพาลเบื่อพี่หนีไปอีกคนแบบฟ่าง”

     “ถ้าเป็นเรื่องที่ชอบทำตัวซกมก ชอบวางข้าวของระเกะระกะ แล้วก็ชอบกินข้าวแล้ววางจานชามทิ้งไว้ผมว่าผมทนไหวครับ”

     “หือ จริงอ่ะ? แต่พี่นอนดิ้นด้วยนะเว้ยต้น บางทีอยู่กับบ้านพี่ก็ชอบตดด้วยนะ แล้วถ้าอีกหน่อยพี่หัวล้าน ต้นยังจะรักพี่อยู่เปล่า?”

     “หัวล้านเลยเหรอครับ? ผมว่าพี่ชัชน่าจะลงพุงมากกว่า”

     “เออๆ ว่าพี่นะ แล้วถ้าพี่หัวล้านลงพุงล่ะ ต้นจะยังรักพี่อยู่มั้ย?”

     ต้นน้ำแกล้งไม่ตอบทำท่าคิดหนัก แต่แล้วก็หลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นคนแก่งอน ชัยชัชเอาคืนเด็กปากดีด้วยการขยี้ผมเป่าเหม่งหวังให้มีคนหัวล้านเป็นเพื่อน ต้นน้ำจึงหัวเราะคิกคักพลางปัดป้องเป็นพัลวัน

     เสียงหัวเราะต่อกระซิกยังคงดังอยู่อีกครู่ใหญ่ จนกระทั่งชัยชัชขอตัวกลับห้อง ต้นน้ำจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเข้านอน การได้ใช้เวลากับชัยชัชมันช่างรู้สึกดีเสียจนเขาแทบจะลืมปัญหาทุกอย่างในชีวิต ชายหนุ่มเปรียบเสมือนกองไฟที่ขับไล่ความมืดในจิตใจ ช่วยให้ความอบอุ่นแก่หัวใจเขา หลอมละลายความเย็นชาในโลกใบเล็ก ทำให้เขามีความสุขลืมความทุกข์ที่สะสม และมันก็ทำให้เขามีกำลังใจต่อสู้กับปัญหามากขึ้น!

     พรุ่งนี้ยังมีเรื่องบางอย่างรอเขาไปแก้ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำตัวต่อหน้าเพื่อนๆ ในห้องอย่างไร เขาไม่แน่ใจว่าข่าวเรื่องของเขาจะแพร่ไปในโรงเรียนขนาดไหน

     'ไม่หรอกมั้ง เราไม่ได้ดังอะไรขนาดนั้น ไม่มีใครสนใจเราหรอก'

     ต้นน้ำปลอบใจตัวเอง เขาเพ่งมองหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังโชว์สายเรียกเข้าด้วยระบบสั่นสะเทือนแต่ไร้เสียงพลางคิดอะไรในใจ
   
============================================

     ต้นน้ำไปโรงเรียนโดยเตรียมใจรับสถานการณ์ทุกอย่างที่อาจจะเกิดขึ้น ใบหน้าของเขายามนี้ฉาบไปด้วยหน้ากากไร้อารมณ์ที่หนากว่ายามปกติ พรุ่งนี้ก็จะวันเกิดเขาแล้ว แม้จะน่าเสียดายที่แม่ของเขาไม่สามารถอยู่ฉลองด้วยได้ แต่ชัยชัชก็สัญญาว่าจะรีบกลับแล้วพาเขาไปฉลองวันเกิดด้วยกัน

     'เราต้องเข้มแข็งไว้สิ เจอกับเรื่องแย่ๆ มามากกว่านี้ยังทนได้เลย อีกไม่นานมันก็จะต้องผ่านไป พรุ่งนี้มีเรื่องดีๆ รอเราอยู่'

     ก้าวแรกที่ย่างเท้าเข้าห้องต้นน้ำก็ถูกต้อนรับด้วยสายตาคลางแคลงใจจากเพื่อนๆ ต้นน้ำพยายามมองข้ามสายตาไม่เป็นมิตรเล่านั้นแล้วทำหน้าที่“นักเรียน”ของตนตามเดิม แต่แล้วเสียงใสๆ ของไนน์ก็ช่วยเขาไว้ได้อีกแล้ว

     “ตะเอง เป็นไรมากป่าว? เมื่อวานเค้าโทรหาทำไมตะเองไม่รับอ่า”

     “ขอโทษที เราปิดเสียงเอาไว้แถมนอนเกือบทั้งวันน่ะ เลยไม่ได้รับ”

     ในเมื่อไนน์ไม่ขุดคุ้ย เขาก็จะไม่พูด! ต้นน้ำรักสาวน้อยคนนี้จริงๆ

     “เมื่อวานตะเองไม่สบายมากเหรอ”

     “อืม ขอบคุณที่เป็นห่วงนะแล้วก็ขอโทษด้วย”

     “ก็น่าอยู่หรอกน้า ตะเองล้มลงไปหัวฟาดแร๊งแรงอ่ะ ยังเจ็บอยู่ป่าว”

     “ก็นิดหน่อย”

     บทสนทนาตามปกติกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่แสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติราวกับต้นน้ำไม่รู้สึกสะทกสะท้านใดๆ ทั้งสิ้น! ต้นน้ำเมินเฉยต่อสายตาและเสียงซุบซิบจากเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ราวกับเมื่อวานนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งไนน์ที่พยายามลากเขาไปไหนมาไหนด้วยตอนช่วงพักเที่ยงเพื่อไม่ให้ต้นน้ำต้องอยู่คนเดียวก็สะท้อนอะไรหลายๆ อย่างให้คนอื่นได้เห็น และแน่นอนว่าคนที่เห็นภาพนี้แล้วเจ็บจี๊ดในใจมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นแม็กซ์! แต่ใครเล่าจะรู้ว่าต้นน้ำกำลังพยายามทำอะไรอยู่

     “นี่ๆ พรุ่งนี้วันเกิดตะเอง พวกเราไปฉลองด้วยกันมั้ย ไปกินข้าวแล้วก็ดูหนัง นะ นะ ได้มั้ยอ่ะตะเอง”

     ไนน์เปิดประเด็นขึ้นมากลางกลุ่มส่งผลให้ต้นน้ำรู้สึกซึ้งในน้ำใจของเพื่อนสาวคนนี้ แม้จะจุ้นจ้านชอบพูดมากและในบางครั้งก็วุ่นวายไปบ้าง แต่อะไรที่เขาไม่ชอบไม่ต้องการเจ้าตัวก็ไม่แตะ และยอมทำเป็นลืมไม่ถือสาอะไรกับคนแบบเขา ต้นน้ำยิ้มบางๆ ตอบไนน์

     “ไม่ได้หรอก เรามีนัดแล้ว”

     “เอ๋! กับแม่ตะเองเหรอ? ขอเค้าไปด้วยคนสิ รับรองพวกเราไปกันเองแค่นี้ก็ได้ ตะเองไม่อยากให้ใครโผล่ไปเค้าก็จะไม่พาไปเด็ดขาด!”

     เพราะท่าทีสำนึกผิดของไนน์ที่ออดอ้อนขอร้องเขานั้นช่างน่ารักเสียจนต้นน้ำอดหัวเราะออกมาไม่ได้

     “ไม่ได้หรอก เราอยากฉลองกับคนพิเศษสองคนน่ะ”

     “หา? หมายถึงกับแฟนนายน่ะเหรอ ตกลงแล้วนายเป็นเกย์จริงๆ เหรอต้น?”

     เด็กสาวในกลุ่มที่ชื่อปลาเอ่ยถามขึ้นทันควันทำให้ได้รับตาเขียวปั๊ดจากเพื่อนร่วมกลุ่มคนอื่น เจ้าตัวจึงรู้สึกผิดกับการไม่ระวังคำพูดของตัวเอง ต้นน้ำมองดูเธอพลางสบสายตาคนอื่นๆ ในกลุ่มก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยยอมรับ

     “อืม ก็คงงั้นแหละ”

     “เอ๋... จริงอะ?”

     “พวกเธอรังเกียจเรารึเปล่าล่ะ?”

     “ถ้าพวกเราจะเกลียดก็ไม่ได้เกลียดที่นายเป็นเกย์หรอกต้น แต่บอกตามตรงนิสัยแบบนายเราโคตรเกลียดเลย นายชอบทำเหมือนหลอกใช้คนอื่นตลอดเวลา แค่เห็นนายที่ทำท่าเหมือนใส่หน้ากากตลอดเวลาเราก็หงุดหงิดละ แต่ในเมื่อไนน์ชอบนายมากๆ แล้วนายก็ยังไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับไนน์ เราก็เลยไม่อยากยุ่งเรื่องของนาย”

     เพื่อนของไนน์คนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยออกมาอย่างฉะฉานจนต้นน้ำจุกกับความจริงในสายตาเพื่อนแทบพูดอะไรไม่ออก

     “แหวน! ที่ตกลงกันมันไม่ใช่แบบนี้นี่!”

     ไนน์แหวขึ้นอย่างตกใจ แต่แหวนกลับดึงไนน์ให้นั่งลงแล้วเอามืออุดปากคนตัวเล็กกว่าอาศัยพละกำลังเข้าข่ม

     “เราดูแย่ในสายตาเธอขนาดนั้นเลยเหรอแหวน?”

     “ใช่! โดยเฉพาะเรื่องที่แม็กซ์พูดเมื่อวาน พวกเราไม่รู้หรอกว่าเรื่องจริงเป็นยังไง แต่พวกเราเองก็ไม่เคยเห็นแม็กซ์ร้องไห้เพราะใครมาก่อนเหมือนกัน ถึงเรื่องความรักมันบังคับกันไม่ได้แต่นายก็มีส่วนผิด ถ้าไม่รักก็ไม่ควรเที่ยวไปให้ความหวังคนอื่น กับยัยนี่ก็เหมือนกัน อย่านึกว่าพวกเราโง่นะต้น นายหลอกไนน์ให้ทำไรบางอย่างให้นายอยู่ใช่มั้ยล่ะ? พวกเราต้องทนฟังยัยนี่พร่ำเพ้อถึงนายมาตลอด นายไม่เคยยอมรับความรู้สึกของยัยนี่แต่ก็ไม่ยอมปฏิเสธ ปล่อยให้ยัยนี่ต้องเป็นฝ่ายตัดใจเอาเอง แล้วพอเกิดเรื่องขึ้น ยัยนี่ก็ห่วงนายจนมาขอร้องพวกเราให้ช่วยเป็นเพื่อนกับนาย แล้วนายก็ดันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอาแต่หลบอยู่หลังคนอื่นให้เขาออกหน้าปกป้อง บอกตามตรงเราไม่ชอบคนนิสัยแบบนี้”

     คำพูดตรงๆ จากปากเพื่อนที่ไม่เคยสนิทกันมาก่อนนั้นช่วยเตือนสติต้นน้ำ

     “งั้นแล้วเราควรทำยังไงดีล่ะ? เราไม่รู้จริงๆ นี่นาว่าควรทำตัวยังไง ตั้งแต่ตอนเข้าเรียนใหม่ๆ แล้วเราถูกคนอื่นแกล้งสารพัด เราไม่อยากมีเรื่องกับใครอยากเรียนอย่างสงบพอรู้ตัวอีกทีเราก็ชินกับการทำตัวแบบนี้ แค่เพราะเราพยายามอดทนไม่อยากมีเรื่องกระทบกระทั่งกับใคร มันทำให้เราดูเหมือนไม่จริงใจกับคนอื่นแบบนั้นเหรอ?”

     “การมีเรื่องกับการพูดความความรู้สึกของตัวเองมันต่างกันนะต้น นายต้องหัดเปิดใจ มันก็อาจจะจริงที่ถ้านายเปิดใจแสดงความเป็นตัวของตัวเองแล้วมันอาจจะมีคนที่ไม่ชอบนาย แต่ถ้านายไม่ยอมเปิดใจกับใครเลยแล้วก็เอาแต่เก็บความรู้สึกแบบนี้นายจะหาเพื่อนแท้ได้ยังไง ที่พวกเราพูดก็เพราะหวังดีกับนายนะต้น เห็นแก่ยัยตัวเล็กมัน”

     นี่เป็นครั้งแรกที่ต้นน้ำมีโอกาสสนทนาเปิดอกกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นนอกจากแม็กซ์ มันทำให้เขารู้สึกแย่พอๆ กับที่ทำให้รู้สึกดี แม้จะใจหนึ่งจะคิดไปว่าการชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านก็เป็นนิสัยพื้นฐานของมนุษย์ แต่คำพูดที่จริงใจไร้การปรุงแต่งไม่เสแสร้งของสาวห้าวแบบแหวนก็ทำให้เขารู้สึกดี

     “เราไม่เคยนอนกับแม็กซ์”

     “ห๊ะ?”

     คนทั้งกลุ่มร้องออกมาด้วยความประหลาดใจเพราะหัวข้อสนทนาที่เปลี่ยนกระทันหันของต้นน้ำ

     “ก็พวกเธออยากให้เราเปิดใจเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน เราก็พูดความจริงอยู่นี่ไง มันก็อาจจะจริงที่เราเกรงใจไนน์และก็... บางทีก็ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ เพราะเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง...”

     พอพูดถึงตรงนี้ต้นน้ำก็เหลือบไปสบตากับดวงตากลมโตของไนน์ เขาเห็นเธอทำหน้าเศร้าๆ แต่ก็สื่อแววตาเข้าอกเข้าใจกลับมาให้เขา

     “แล้วก็อย่างที่พวกเธอรู้ อาจารย์ให้เราจับคู่กับแม็กซ์ มันก็เลยช่วยไม่ได้ถ้าเรากับแม็กซ์จะสนิทกันมากกว่าคนอื่นๆ ในห้อง เราก็เลย... แค่อยากลองดูว่าเราเป็นเกย์รึเปล่ามันก็แค่นั้นแหละ แต่ว่าเราทำไม่ได้เราก็เลยไม่อยากพูดถึงมันอีก แต่เราไม่รู้จริงๆ ว่าแม็กซ์จะคิดกับเราแบบนั้น เราก็พยายามปฏิเสธแม็กซ์มาตลอดแล้วนะ พวกเธอก็เห็นที่ผ่านมาแม็กซ์เป็นยังไง ใครจะไปคิดว่าแม็กซ์จะชอบเราขึ้นมาจริงๆ ส่วนเรื่องที่เรามีแฟนเป็นผู้ชายเราก็พึ่งตกลงคบกับพี่เขาได้ไม่นาน แต่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวก็เลยไม่ได้บอกใคร เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้แหละ”

     ต้นน้ำเล่าอย่างสงบ น้ำเสียงของเขาราบเรียบราวกับกำลังพูดคุยเรื่องธรรมดาเช่นเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่ทุกขณะที่เล่าเขาก็คอยสบตากับเพื่อนๆ ในกลุ่มไปด้วย ท่าทางของต้นน้ำชวนให้คนอื่นใจอ่อนให้อภัยได้ไม่ยาก ถ้อยคำที่ปรุงแต่งมาอย่างดีก็ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้จนทุกคนยอมรับ ต้นน้ำตีบทแตกกระจุย!

     “เค้าขอโทษนะ ต่อไปนี้เค้าจะไม่ยุ่งวุ่นวายเรื่องของตะเองแล้ว เรื่องไรที่ตะเองไม่อยากให้เค้าพูดเค้าก็จะไม่พูด”

     ไนน์เอ่ยขอโทษอย่างน่าสงสารประหนึ่งตัวเองเป็นจำเลยของคดี พลางหันไปพยักหน้าขอความเห็นจากเพื่อนคนอื่นๆ ในโต๊ะ แต่ทว่าแหวนกลับขัดขึ้นเสียก่อน

     “เอาเหอะ คิดๆ ดูมันก็จริงอย่างที่นายพูดนะ แต่ยังไงเราว่านายก็ควรไปขอโทษแม็กซ์”

     “เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เราว่าจะไปคุยกับแม็กซ์ตอนเย็นน่ะ”

     แม้บรรยากาศระหว่างเพื่อนชายหญิงทั้งคู่จะคลี่คลายไปบ้างแล้วแต่ความเงียบมันก็น่าอึดอัดอยู่ดี ปลาและไนน์จึงสะกิดกันชวนคุยเรื่องไร้สาระต่างๆ เพื่อไกล่เกลี่ยบรรยากาศไม่ให้กลับมาอึมครึม
   
============================================

     “ต้น เย็นนี้ให้พี่ไปรับเปล่า? จะได้ไปเลือกเค้กกัน พี่กลัวพรุ่งนี้จะซื้อมาไม่ถูกใจต้นอ่ะ”

     “เอ่อ... ไม่ดีกว่าครับ ผมว่าผมอยากทำเค้กเองน่ะครับ เดี๋ยวซื้ออุปกรณ์นิดหน่อยก็พอแล้ว”

     ต้นน้ำปฏิเสธชัยชัชไปเพราะตนมีแผนอื่นในใจ

     'เราไม่ได้โกหกพี่ชัชนะ เราอยากลองทำเค้กให้พี่ชัชชิมจริงๆ แต่ว่าวันนี้เราให้พี่ชัชมารับไม่ได้เด็ดขาด ขอไปจัดการธุระก่อนแล้วผมจะรีบกลับนะครับ'

     “งั้นพี่ไปรับมั้ย? จะได้ไปซื้อของด้วยกัน”

     “ไม่ต้องหรอกครับ! คือ... ผมซื้อของนิดหน่อย กลับเองได้”

     “เอางั้นเหรอ? เอาๆ ตามใจ”

     เมื่อได้ฟังแฟนสุดที่รักยืนยันมาแบบนั้นเขาจะทำอะไรได้ ชัยชัชยอมถอยให้ต้นน้ำพลางวางแผนเซอร์ไพรสในใจ

============================================


น้องต้นก็ยังแอ๊บเหมือนเดิม โกหกหน้าตาย
ส่วนพี่ชัชก็เคลียร์ตัวเองชัดมาก
หัวข้อ: Re: [บท9#20/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - พี่ชัชปะทะแม็กซ์!
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 20-09-2014 00:27:31
เอาแล้ว ความลับแตกแล้ว!


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     เสียงออดคาบสุดท้ายดังขึ้นพร้อมกับบรรดานักเรียนที่เฮโลกันเก็บกระเป๋าเตรียมตัวแยกย้ายทางใครทางมัน บ้างก็ตรงดิ่งกลับบ้านบ้างก็ไปเถลไถลในขณะที่อีกหลายคนก็บ้าเรียนพิเศษ แม็กซ์ผู้อยู่ในกลุ่มพวกลอยชายไม่เรียนพิเศษก็เตรียมตัวเดินออกจากห้องเช่นกัน เขาดูเงียบเป็นพิเศษจนแม้แต่กายและอาร์มก็ยังเข้าหน้าไม่ติด

     แม้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานจะทำให้มีเสียงลือเล่าข่าวเรื่องของเขากับต้นน้ำลอยไปทั่วทั้งโรงเรียน แต่ความหน้าชาระหว่างข่าวเม้างี่เง่ากับความเจ็บปวดที่ถูกคนที่เขารักหลอกนั้นเทียบกันแทบไม่ได้ นาทีนี้แม็กซ์ยอมโดนคนอื่นๆ มองด้วยสายตาแปลกประหลาดยังดีกว่าที่ต้องทนเห็นสายตาเฉยชาไร้ความจริงใจมองตรงมาจากต้นน้ำ

     แม็กซ์ทั้งรักทั้งแค้น เขารักต้นน้ำแบบที่ไม่เคยรู้สึกดีๆ แบบนี้กับใครมาก่อน แต่ก็แค้นมากเพราะถูกคนที่รักทำร้ายอย่างที่ไม่เคยมีใครเคยทำไว้เช่นกัน แม็กซ์ไม่คิดว่าความรู้สึกที่ตนมีให้ต้นน้ำเป็นของปลอม ต้นน้ำเหมือนโอเอซิสในใจที่แห้งผากของเขา เพียงแค่อยู่ด้วยกันความกระหายของเขาก็ดับลงได้โดยไม่จำเป็นต้องปลดปล่อย ความรู้สึกยามที่อยู่กับต้นน้ำมันมีความอิ่มเอมที่ทำให้เขารู้จักพออยากทะนุถนอมแหล่งน้ำชั้นดีนี้เอาไว้ ต่างกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาไม่คิดจะใส่ใจ ต้นน้ำคือสายน้ำที่ดับไฟในตัวเขาทั้งเพลิงแห่งอารมณ์และไฟราคะ แม็กซ์ไม่เคยเจอใครแบบนี้มาก่อน น่าเสียดายที่ต้นน้ำเป็นผู้ชาย เขาอุตส่าทำใจยอมรับความจริง ยอมฝ่าฟันกำแพงในหัวใจของตนเพื่อหาวิธีคว้าหัวใจต้นน้ำมาครอบครอง แต่สิ่งที่เขาได้รับคืออะไร? แม้แต่ความจริงใจต้นน้ำก็ไม่เคยมีให้เขา!

     แม็กซ์เดินตรงไปเรื่อยๆ ไม่สนใจคนรอบข้าง เมื่อวานเขาคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่จนเผลออาละวาดใส่ต้นน้ำ  ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะออกไปคุยกันแค่สองคนแท้ๆ แต่พอมีคนอื่นมาร่วงวงและเห็นต้นน้ำแกล้งทำตัวใสซื่อเหมือนหน้ากากบนใบหน้าที่เจ้าตัวใส่ยามอยู่ต่อหน้าเขาตลอดเวลาแล้วมันก็หงุดหงิดจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ แม็กซ์เกิดความรู้สึกอยากจะกระชากหน้ากากของต้นน้ำออกมาทำลายเสีย ถึงแม้ต้นน้ำเคยมอบรอยยิ้มและเผยสีหน้าต่างๆ ให้เขาเห็น แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับสีหน้าในยามที่ต้นน้ำอยู่กับผู้ชายคนนั้น การกระทำทุกอย่างทั้งสีหน้าท่าทางรวมไปถึงรอยยิ้มที่คนทั้งสองมีให้แก่กันดูเป็นธรรมชาติเสียจนเขาทนไม่ไหวเพราะความอิจฉาที่เดือดดาลอยู่ในอก ทั้งๆ ที่เขาพยายามมาตั้งนาน ผู้ชายคนนั้นกลับมาแย่งต้นน้ำไปจากเขา แม็กซ์แค้นจนแทบบ้า! แต่เรื่องทั้งหมดก็จบลงที่ต้นน้ำเป็นลมไปเสียก่อน

     การที่ต้นน้ำเป็นลมอยู่เหนือความคาดหมายของแม็กซ์ แถมช่วงที่ต้นน้ำทรุดลงไปเขาตกใจเลยรับร่างเพื่อนไม่ทันจนศีรษะของต้นน้ำกระแทกเข้ากับโต๊ะอย่างแรง แม็กซ์ในเวลานี้ทั้งสับสนทั้งเป็นห่วงแต่ไม่กล้าเดินไปถามไถ่อาการของต้นน้ำเพราะความบาดหมางที่เกิดขึ้น ประกอบกับการที่ต้นน้ำเปลี่ยนสีง่ายๆ ยอมไปไหนมาไหนกับไนน์ยิ่งทำให้เขาเกลียดนิสัยของต้นน้ำมากขึ้น แม็กซ์ได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าสบตาตรงๆ กับต้นน้ำ เขาเฝ้ารอให้ต้นน้ำเห็นความสำคัญของเขา แต่กลับถูกละเลยอย่างไร้เยื่อใย ความรู้สึกนี้มันช่างเจ็บปวดเกินกว่าสายตาสอดรู้สอดเห็นของพวกชอบเสือกจะทำอะไรเขาได้

     “แม็กซ์ เราได้ข่าวเรื่องนายกับต้น จริงรึเปล่าที่เขาบอกว่านายเป็นเกย์”

     เด็กสาวคนหนึ่งที่แม็กซ์เคยจีบเมื่อตอน ม. 4 ทักขึ้นพร้อมยกพวกมาขวางทาง ท่าทางสอดรู้สอดเห็นบวกความท้าทายของเธอทำให้เขาหงุดหงิด เธอคงอยากจะเอาคืนเพราะโดนเขาทิ้งไปมีคนอื่นเมื่อสมัยก่อน อันที่จริงแม็กซ์เคยนอนกับเด็กคนมานี้แล้วเพียงแต่อีกฝ่ายก็ใช่ย่อย การคบหาดูใจกันเพราะความต้องตาต้องใจเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกจึงจืดจางลงอย่างง่ายดาย นานวันเข้าเขาก็เริ่มเบื่อของเน่าๆ สุดท้ายต่างคนเลยต่างไปมีคนใหม่ ไม่ผูกพันอะไรกันอีก

     “ยุ่งไรด้วย”

     “ก็แค่สงสัยว่าตกลงนายยังชอบผู้หญิงอยู่หรือเป็นเกย์ตามที่เขาลือน่ะสิ”

     เด็กสาวคนนั้นเชิดหน้าขึ้นท้าทายเขาอย่างถือดี แม็กซ์กำลังอารมณ์ไม่ดี เขาไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมาท้าทายแล้วปล่อยผ่านไปง่ายๆ

     “ถ้าอยากรู้ทำไมไม่ลองเองล่ะ”

     “นายทำได้เหรอ?”

     “จะไปไม่ไป ถ้าอยากรู้ก็ตามมา”

     แม็กซ์ตอบทิ้งท้ายไว้แล้วเดินนำหน้ามาอย่างไม่ใส่ใจ คำตอบของเขาเรียกเสียกรี๊ดเกรียวกราวได้จากเด็กสาวคนนั้นและเพื่อนของเธอ เด็กสาววิ่งไปหยิบกระเป๋าแล้ววิ่งกลับไปหาแม็กซ์เพื่อเดินเคียงคู่ไปด้วยกัน คนทั้งสองเรียกแท็กซี่บอกจุดหมายตรงไปยังอพาร์ทเม้นท์ของแม็กซ์ทันที และมันก็เดาได้ไม่ยากว่าแม็กซ์ตอบคำถามเธอด้วยวิธีไหน!

============================================

     ทันทีที่แม็กซ์ให้คำตอบกับเด็กสาวด้วยการให้เธอทดลองของจริงจนเสร็จการพิสูจน์คำตอบบนเตียงแล้วเขาก็ออกปากไล่เธอกลับทันที เขาเอ่ยปากทั้งที่ยังสวมกางเกงไม่เสร็จเสียด้วยซ้ำ!

     “มันจะไม่เลวไปหน่อยเหรอไงแม็กซ์ เอาเสร็จแล้วก็ไล่กลับทันทีเนี่ย!”

     “เธออยากรู้ เราก็ลองให้เธอดูแล้วไง จะเอาไรอีก”

     แม็กซ์ตอบกลับอย่างเย็นชาพลางเร่งให้เธอแต่งตัวให้เรียบร้อย ตอนแรกเด็กสาวทำท่าจะโวยวายแต่พอเห็นสายตาเอาจริงของแม็กซ์แล้วก็เริ่มกลัวจนพูดอะไรไม่ออก

     “กลับไปได้แล้ว!”

     แม็กซ์หยิบกระเป๋านักเรียนของเธอพร้อมกับยื่นแบงก์ร้อยสองใบส่งให้พร้อมกัน

     “อะไรวะ! กูไม่ใช่กะหรี่นะแม็กซ์!”

     “จะเอาไม่เอาค่ารถอ่ะ อยากนั่งรถเมลล์กลับเหรอไง?”

     เมื่อเจอกับสีหน้านิ่งๆ ไม่แคร์ใครของแม็กซ์เธอก็ทำอะไรมากไม่ได้ เธอได้แต่ขัดใจและแสดงออกด้วยการกระชากเงินในมือนั้นก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง

     คู่นอนของเขากลับไปแล้ว แม็กซ์ไม่แปลกใจที่พบว่าตนยังมีอะไรกับผู้หญิงได้ตามปกติ อันที่จริงระหว่างนั้นเขาไม่ได้รู้สึกหรือคิดอะไรเลยนอกจากทำๆ ไปตามอารมณ์ให้มันเสร็จๆ ไปก็เท่านั้น เขาใส่กางเกงเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้ใส่เสื้อ แม็กซ์คิดไม่ออกว่าตนควรอาบน้ำเลยดีหรืออยากจะทำอะไรต่อ แต่ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ความหงุดหงิดพุ่งขึ้นสู่สมองของเขาทันที

     “อะไรอีกวะ ..... ต้น!”

     “อืม เราเอง ขอเข้าไปคุยได้มั้ย?”

     แม็กซ์ตกใจ! เขาคิดไม่ถึงว่าต้นน้ำจะมาหาเขาถึงห้องแบบนี้! แม็กซ์ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดประตูอ้าออกเชิญให้ต้นน้ำเข้ามาข้างใน ต้นน้ำยังคงยิ้มให้เขาเช่นเคยขณะที่ก้าวผ่านเขาเข้ามาในห้อง

     “ไม่กลัวโดนปล้ำรึไง มาถึงที่แบบนี้”

     “แม็กซ์พึ่งทำเสร็จไปไม่ใช่เหรอ? นายไม่ได้แรงดีขนาดจะทำติดๆ กันสองรอบได้หรอกมั้ง”

     วาจาเชือดเฉือนถูกหยิบมาใช้กัดเล่นในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม็กซ์รู้ดีว่าต้นน้ำปากเก่ง แต่ที่ผ่านมาต้นน้ำไม่เคยกล้าท้าทายเขาแบบนี้

     “เดี๋ยวจัดให้ลองจริงๆ หรอกไอ้ต้น”

     “ไม่หรอกน่า แม็กซ์ไม่ทำหรอกเรารู้ แม็กซ์ไม่เคยทำอะไรบังคับจิตใจเรานี่นา”

     ต้นน้ำพูดพลางวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะหน้าโทรทัศน์กลางห้อง เขาตรงไปเก็บเสื้อนักเรียนยับยู่ยี่ที่กองอยู่ข้างเตียงส่งไปลงตะกร้าผ้าให้เจ้าของห้องอย่างคุ้นเคยภายใต้สายตาที่มองตามทุกการกระทำจากแม็กซ์ ต้นน้ำเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเกลือแร่มายื่นให้คนที่นั่งมองตัวเองอยู่บนเตียง แม็กซ์รับขวดน้ำมาเปิดดื่มพลางถามขึ้นเบาๆ

     “มาทำไม”

     “มาปรับความเข้าใจกับเพื่อน”

     แม็กซ์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ

     “กูเป็นได้แค่เพื่อนมึงเองเหรอต้น?”

     ต้นน้ำเดินมาใกล้ๆ พลางย่อตัวลงนั่งบนเตียงติดกับแม็กซ์ เพียงแต่เขาจงใจนั่งให้หลังของตนชนกับอีกฝ่าย

     “อืม ขอโทษนะ”

     “งั้นตลอดเวลาที่ผ่านมามันคือไรล่ะต้น! ต้นบอกแม็กซ์ทีดิว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีแต่แม็กซ์ที่คิดไปเอง ต้นไม่ได้รู้สึกอะไรเลย รวมทั้งเรื่องที่เราสองคนทำนั่นก็ด้วย ทั้งหมดต้นจงใจหลอกใช้แม็กซ์เฉยๆ”

     “เราขอโทษ แต่...”

     ต้นน้ำเงียบไปพักใหญ่ปล่อยให้ทั้งห้องมีเพียงเสียงสะอื้นของแม็กซ์ เขารวมรวบความคิดก่อนจะเปิดปากพูดในสิ่งที่เขาอัดอั้นออกมา

     “เราไม่ปฏิเสธหรอกว่าเราเกลียดพ่อตัวเองมาก เราก็เลยหลอกใช้นายเพื่อทำเรื่องแบบนั้น แต่นอกเหนือจากเรื่องนั้นแล้ว เราไม่ได้โกหกอะไรนายเลย เราเห็นนายเป็นเพื่อนคนนึงของเรานะแม็กซ์ เพื่อนที่สนิทที่สุดในโรงเรียน ถึงเราจะหลอกใช้นายเรื่องนั้นแต่เราก็คิดว่านายเป็นเพื่อนคนนึงของเราจริงๆ นะ ..... ที่จริง เราเจอกับพี่เขาหลังจากที่เรากับนาย... นั่นแหละ เรื่องระหว่างเรากับพี่เขาเกิดขึ้นทีหลังนาย แต่ที่เราปฏิเสธนายเป็นเพราะเราไม่ได้คิดอะไรกับนายเกินกว่าคำว่าเพื่อนจริงๆ เราไม่คิดนี่ว่านายจะคิดจริงจังกับเรา ก็แม้แต่กับผู้หญิงคนอื่นๆ เราก็ไม่เห็นนายเคยคบใครจริงจังนี่นา เราก็เลยนึกว่านายแค่อยากเอาชนะเราเฉยๆ เราไม่รู้เลยจริงๆ ว่านายจะรักเราแบบนั้น ขอโทษนะที่เราไม่ยอมพูดตรงๆ กับนายตั้งแต่แรก เรากลัวว่าถ้าเราปฏิเสธนายไปตรงๆ ว่าเรามีคนที่รักแล้วนายจะเกลียดเรา แล้วเราสองคนจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีก”

     “ทั้งๆ ที่ต้นไม่รักแม็กซ์แต่ต้นก็ยังโลภมากอยากเป็นเพื่อนกับแม็กซ์เหรอ”

     “อืม แม็กซ์อาจจะไม่รู้ตัวนะ แต่เวลาที่เราอยู่กับนายเราสนุกมากๆ ไม่เคยมีใครสนใจเรามาก่อน ถึงนายจะชอบแกล้งเราแต่นายก็สอนเราเล่นกีตาร์ บังคับให้เราหัดดื่มเหล้า พาเราไปแว๊นซ์ หึๆ โคตรบ้าเลย เรารู้ว่านายจงใจแกล้งเรา ทั้งๆ ที่นายแกล้งเราแต่นายกลับไม่เคยปล่อยให้เราอยู่ในอันตราย คอยปกป้องเราเสมอ เวลาเราเหงาก็ชวนเราเข้ากลุ่มไม่ปล่อยเราทิ้งไว้ให้ต้องอยู่คนเดียว ชวนเราไปทานข้าวด้วยกัน ตอนที่เราถูกคนอื่นหาเรื่องนายก็คอยปรามให้ นายคอยเป็นห่วงเวลาเราไม่สบาย ถึงนายจะชอบทำให้เราลำบากใจบ้างบางครั้งแต่นายก็ทำให้เรารู้สึกเสมอนะว่านายคือเพื่อนแท้คนนึงของเรา”

     “แล้วต้นรู้มั้ยว่าแม็กซ์ทำแบบนั้นก็เพราะว่าแม็กซ์รักต้น! ทำไมอ่ะต้นเป็นแม็กซ์ไม่ได้เหรอ?”

     “ขอโทษนะ เราคิดกับนายแค่เพื่อนจริงๆ”

     “แม็กซ์ไม่เข้าใจมันมีอะไรดี! มันมีไรที่แม็กซ์ไม่มี ต้นบอกมาดิ!”

     แม็กซ์ตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวัง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความริษยา เขาหันมาผลักต้นน้ำล้มลงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แม็กซ์ใช้แรงทั้งหมดของตัวเองตรึงไหล่ของต้นน้ำไว้กับเตียง เขาจ้องหน้าต้นน้ำพลางก้มลงไปช้าๆ

     “แม็กซ์! อย่าทำแบบนี้ เราไม่ชอบ ปล่อยนะ เราเจ็บ แม็กซ์ อื๊อ!

     ริมฝีปากที่ปิดลงมาอย่างไม่ยอมแพ้ทำให้ต้นน้ำเริ่มโกรธ! เขาไม่ต้องการแบบนี้! ทั้งๆ ที่เขาเห็นแม็กซ์เป็นเพื่อน ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจมาคุยกันให้รู้เรื่อง แต่แม็กซ์กลับไม่ยอมรับฟัง ทั้งๆ ที่เขาเชื่อใจแม็กซ์ แต่แม็กซ์กลับฉวยโอกาส ต้นน้ำจึงตัดสินใจชกไปที่ใบหน้าของเพื่อนสนิททันทีแล้วฉวยโอกาสดันตัวลุกขึ้นหนีคนอารมณ์ร้อน

     “พลั่ก”

     แม็กซ์ถูกต่อยจนหน้าหัน เขาหันมามองหน้าต้นน้ำช้าๆ ด้วยสายตาที่เจ็บปวด

     “ทำไมอ่ะต้น! ทีมันอ่ะ ทีไอ้นั่นมันจูบต้นๆ ยังยอมมันเลย ทั้งๆ ที่แม็กซ์มาก่อนทำไมแม็กซ์ถึงจูบต้นบ้างไม่ได้ แม็กซ์ก็รักต้นไม่แพ้ไอ้นั่นเหมือนกัน แม็กซ์มาก่อนมันด้วยซ้ำ!”

     เสียงตะโกนอย่างปวดร้าวดังออกมาจากปากแม็กซ์ เขาปลดปล่อยความเศร้าออกมาด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง

     “ก็เพราะเรารักเค้ายังไงล่ะ! เรารักพี่เค้า ไม่ได้รักนาย!”

     แม็กซ์กระชากตัวต้นน้ำเข้ามาใกล้ก่อนจะเขย่าร่างของคนที่ตนรักอย่างรุนแรง

     “งั้นบอกแม็กซ์มาดิ! ต้นรักมันเพราะอะไร? มันมีไรที่แม็กซ์ไม่มีต้นถึงได้รักมันยอมให้มันจูบ ต้นนอนกับมันแล้วใช่มั้ยล่ะมันเก่งกว่าแม็กซ์มากนักรึไง!”

     เมื่อถูกกระทำต้นน้ำก็ไม่ทนอีกต่อไป เขาผลักแม็กซ์ออกไปอย่างแรงแล้วขึ้นเสียงตะโกนสวนกลับไม่ลดละ!

     “มากไปแล้วนะแม็กซ์! ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องเราจะกลับแล้ว ทั้งๆ ที่เราตั้งใจอยากจะมาคุยให้เรื่องของเรามันจบลงด้วยดีแท้ๆ”

     “แต่แม็กซ์ไม่อยากให้มันจบ! แม็กซ์รักต้น! เลือกแม็กซ์แทนไม่ได้เหรอ”

     แม็กซ์ร้องไห้พลางพุ่งเข้ามากอดต้นน้ำเอาไว้ แบดบอยประจำห้องเวลานี้เรียกได้ว่าไร้มาดโดยสิ้นเชิง แต่ต้นน้ำในเวลานี้ก็ถูกอารมณ์ครอบงำสติไปกว่าครึ่งเช่นกัน เขาปัดอ้อมกอดของแม็กซ์ออกอย่างไม่ใยดี

     “ปล่อย! แม็กซ์ปล่อยเรานะ! ถ้านายทำแบบนี้เราจะไม่มองหน้านายอีกต่อไป แม้แต่ความเป็นเพื่อนของเราสองคนก็จะไม่เหลือ!”

     “แต่แม็กซ์ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับต้น แม็กซ์อยากเป็นแฟนต้น! ได้ยินมั้ยว่าแม็กซ์รักต้น!”

     “แต่เราไม่ได้รักนาย ไม่เคยรัก! เราเห็นนายเป็นเพื่อนมาตลอด”

     “ไม่หรอกต้น เพราะแม็กซ์ไม่ดีพอต้นเลยไม่กล้ารักแม็กซ์ใช่มั้ยล่ะ แม็กซ์สัญญานะต่อไปนี้แม็กซ์จะมีต้นคนเดียว ถ้าต้นไม่รักแม็กซ์ต้นไม่มานอนกับแม็กซ์หรอก แม็กซ์ไม่เชื่อหรอกว่าต้นจะไม่รู้สึกอะไรกับแม็กซ์ ต้นนอนกับคนที่ไม่รักไม่ได้หรอกต้นไม่เหมือนแม็กซ์ ต้นจะใช้แม็กซ์เป็นเครื่องมือประชดพ่อแบบไหนยังไงก็ได้ จะให้แม็กซ์ทำอะไรก็ได้แม็กซ์ยอมทุกอย่าง”

     แม็กซ์ฟูมฟายร้องขอความเห็นใจจากต้นน้ำ แต่คนที่ถูกขอร้องกลับรำคาญ ต้นน้ำเกลียดแม็กซ์ที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ

     “เราไม่ได้รักนายจริงๆ เรื่องนั้นเราก็บอกแล้วไงว่าเราทำไปเพราะไม่คิดว่านายจะจริงจังกับเรา เราแค่อยากประชดพ่อเราก็แค่นั้น เราเห็นนายเป็นได้แค่เพื่อนคนนึงเท่านั้น!”

     แต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะได้เถียงขึ้นเสียงใส่กันต่อเสียงเคาะประตูที่ดังมาจากหน้าห้องก็เรียกความสนใจจากทั้งคู่ แม้ในตอนแรกทั้งสองไม่อยากสนใจเสียงเพรียกนั่น แต่เมื่อมันดังรัวมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดแม็กซ์ก็หมดความอดทน เขาตะโกนออกมาอย่างหงุดหงิดตรงดิ่งไปกระชากประตูเปิดออก!

     “ใครวะ! ผัวเมียจะทะเลาะกัน อย่าเสือ-”

     เสียงของแม็กซ์ขาดห้วงลงทันทีที่เห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู! คนที่ยืนตาแดงด้วยอารมณ์คุกรุ่นอยู่หน้าห้องของเขาคือคนที่ประทับอยู่ในความทรงจำที่แผดเผาไปด้วยความริษยามาตลอดหลายวันนี้ ผู้ชายคนนี้เป็นแฟนของต้นน้ำ! และแน่นอนว่าคนที่ยังนั่งอยู่บนเตียงก็ช็อกไม่แพ้กัน ต้นน้ำตกอยู่ในภาวะตะลึงงันจนตัวแข็ง เขาแทบหายใจไม่ออก ริมฝีปากที่สั่นระริกทำได้เพียงแค่พึมพำออกมาเบาๆ

     “พี่ชัช!”

     “ใช่! พี่เองต้น”

     ชัยชัชมองเลยไปสบตาต้นน้ำที่นั่งอยู่ในห้องก่อนจะเผยรอยยิ้มเย็นเฉียบให้เด็กหนุ่ม จากนั้นก็หันมามองสบตากับเจ้าของห้องที่ยืนคั่นระหว่างเขากับต้นน้ำ

     “เผื่อน้องจะไม่รู้ อพาร์ทเม้นท์ที่นี่มันไม่เก็บเสียงนะครับ ทีหลังจะทำไรกันก็เบาๆ หน่อย”

     คำพูดเรียบง่ายเพียงประโยคเดียวแต่สั่นคลอนต้นน้ำได้ราวกับโลกกำลังทลายลงมาต่อหน้าต่อตา เขารีบวิ่งไปหาชัยชัชที่หน้าประตู

     “พี่ชัชฟังผมก่อน!”

     แต่ดูเหมือนว่าชัยชัชไม่ได้สนใจต้นน้ำเลยสักนิด เขาหันไปจ้องตากับแม็กซ์โดยไม่แลมาทางต้นน้ำเลยแม้แต่น้อย สายตาของคนที่ปวดร้าวสองคนมองสบกันอยู่นานก่อนที่ชัยชัชจะเป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นก่อน

     “พี่พึ่งรู้นะครับ ว่าแฟนพี่เป็นเมียน้อง”

     “เออ! ต้นอ่ะเมียกู!”

     ‘มาถึงขั้นนี้แล้วกูไม่ถอยให้มึงเด็ดขาด ต้นต้องเป็นของกู กูมาก่อนมึงอีก!’

     คนทั้งสองเล่นเกมจ้องตากันโดยไม่ลดราวาศอกแม้แต่น้อย โดยเฉพาะชัยชัชเขาพยายามบังคับตัวเองไม่ให้หันไปมองต้นน้ำที่กำลังใช้สายตาเว้าวอนเขาอยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาไหลเป็นทางอาบเต็มสองแก้ม

     “งั้นต้องขอโทษด้วยนะครับ พี่ไม่รู้มาก่อนจริงๆ ว่าแฟนพี่จะมีผัวอยู่ก่อนแล้ว แถมดูท่าทางน้องก็รักต้นมากด้วย พี่ผิดเองเพราะเป็นคนมาทีหลัง”

     ชัยชัชหันไปมองต้นน้ำอยู่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ทั้งรักทั้งแค้นผิดหวังและเสียใจมากเกินกว่าคำว่าช้ำ แค่คำว่าเจ็บปวดยังไม่พอ ถึงกระนั้นเขาก็ยังจงใจยิ้มให้กับคนรัก ชัยชัชยิ้มให้ต้นน้ำเสมือนคำบอกลา รอยยิ้มบนหน้าบิดเบี้ยวไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเพราะความสมเพชตัวเองหรือมอบให้คนโกหกตรงหน้า จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับแม็กซ์ด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้ฟังเหมือนยินดีด้วยกับเด็กหนุ่มทั้งคู่สุดชีวิต

     “และเพื่อให้น้องสบายใจ พี่ขอบอกว่าพี่กับเมียน้องยังไม่เคยมีอะไรกันครับ ขอให้ปรับความเข้าใจกันดีๆ นะครับพี่ไม่รบกวนพวกน้องแล้ว”

     เมื่อพูดจบชัยชัชก็หันหลังเดินจากมาทันทีทิ้งเด็กหนุ่มสองคนไว้ที่เดิม หัวใจของเขาแหลกสลายยิ่งกว่าคราวที่เลิกกับข้าวฟ่างเสียอีก แม้จะช้ำใจที่อีกฝ่ายบอกเลิกเขาไปคบทอม แต่ตอนนั้นสัญญาณแห่งความระหองระแหงก็ปรากฏออกมาเตือนเขาเป็นระยะๆ แล้ว เขาก็ได้แต่พยายามประคับประคอง เมื่อมันไปไม่รอดเขาก็ทำได้แค่ช้ำเป็นธรรมดา แต่อย่างไรเสียเธอกับเขาก็ยังได้พูดคุยตกลงเลิกกันเป็นเรื่องเป็นราว ส่วนต้นน้ำ เด็กหนุ่มทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกสวมเขา ภายใต้ท่าทีที่ใสซื่อกับใบหน้าเขินอายแอบซ่อนไว้ด้วยหัวใจของคนเลือดเย็นหลอกลวงคนอื่นได้อย่างง่ายดาย!

     'อย่างน้อยๆ ฟ่างก็บอกเลิกพี่ตรงๆ ไม่ได้หักหลังกันแบบนี้ ต้นเอ้ย... เราทำให้พี่รู้สึกว่าตัวเองโคตรโง่เลยว่ะ ฮ่าๆ'

     ชัยชัชเดินหัวเราะทั้งน้ำตาลงไปยังรถของตัวเองโดยไม่สนใจเสียงเรียกของต้นน้ำเลยแม้แต่น้อย ขายาวๆ ทั้งสองข้างของเขาเร่งทำหน้าที่พาเขาก้าวเกือบจะเป็นวิ่งเพื่อหนีเสียงร้องเรียกของคนโกหกอย่างรวดเร็ว ต้นน้ำพยายามจะวิ่งตามชัยชัชไปแต่ติดตรงที่แม็กซ์นั้นยื้อตัวเขาไว้ไม่ยอมปล่อย

     “พี่ชัช! รอผมก่อน!”

     “ต้น! อย่าไป! อย่าไปเลยนะแม็กซ์ขอร้อง”

     “ปล่อยเรา!”

     “ไม่! แม็กรักต้น”

     “แต่เราไม่ได้รักนาย! ไม่มีวัน! ได้ยินมั้ย ปล่อยเราซะที!”

     ต้นน้ำตะโกนออกมาอย่างเหลืออดพลางพลักแม็กซ์ออกไปอย่างแรง เขารีบวิ่งไปหยิบกระเป๋าก่อนจะสวมรองเท้าแล้ววิ่งตามชัยชัชทิ้งให้แม็กซ์นั่งร้องไห้อยู่ที่เดิมเพียงลำพัง ต้นน้ำพยายามวิ่งตามคนรักไปติดๆ แต่เพราะเสียเวลายื้อยุดอยู่กับแม็กซ์ประกอบกับช่วงขาที่สั้นกว่าเลยทำให้ไล่หลังชัยชัชไปไม่ทัน เมื่อเขาวิ่งมาถึงที่ลานจอดรถหน้าอพาร์ทเม้นท์ รถของชัยชัชก็เคลื่อนตัวออกไปด้วยความเร็วสูงแล้วเรียบร้อย เสียงล้อบดถนนยังคงก้องอยู่ในหูของต้นน้ำชวนให้สองขานั้นสั่นจนพยุงตัวเองไม่ไหวทรุดลงนั่งร้องไห้กับพื้น

     “พี่ชัช... ฮึก ผมขอโทษ ฟังผมก่อน ฮือๆ

============================================


กรรมตามสนองแล้วน้องต้น นี่มันจุดจบของเด็กเลี้ยงแกะชัดๆ

สงสารน้องต้นนะ แต่เมื่อดูสิ่งที่ฮีทำก็สมควรโดน
คนที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องคือแม็กซ์ต่างหาก แต่จะว่าไปแม็กซ์ก็แบดเกิน เลวอ่ะ (แต่บางคนอาจจะชอบแนวเย็นชาแบบนี้ก็ได้มั้ง)
ส่วนพี่ชัช พระเอกของเรื่อง ... เฮียคือคนที่เลวที่สุด ยันภาค2
 :hao5:

สรุปนิยายเรื่องนี้หาคนดีไม่ได้เลยใช่มั้ย? ทุกคนเล่นมีเหตุผลของตัวเอง ติสแตก เอาตัวเองเป็นที่ตั้งกันหมด เฮ้อ... เพลียจิต

นิยายเรื่องนี้ไม่เหมาะกับคนที่ใฝ่หาความมุ้งมิ้งจริงๆ
หัวข้อ: Re: [บท10#21/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - พี่ชัชปะทะน้องต้น!
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 21-09-2014 19:45:14
พี่ชัชปะทะน้องต้น!(บนเตียง)

**ไม่เหมาะกับคนหัวใจอ่อนไหว ฉากไม่รุนแรง คำบรรยายไม่เรท แต่ทำร้ายจิตใจคนอ่าน เป็นฉากได้กันที่โคตรหดหู่


เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 10 -
##### น้ำตาของเด็กเลี้ยงแกะ #####

     'ทำไมพี่ชัชไม่รับโทรศัพท์'

     ต้นน้ำพึมพำอยู่ในใจหลังจากที่กดโทรศัพท์ไปหาชัยชัชแล้วเจ้าตัวไม่ยอมรับสาย แม้เขาจะกระหน่ำโทรไปมากเท่าไหร่ชัยชัชก็ไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย ต้นน้ำจึงรีบกลับคอนโดแล้วตรงดิ่งไปยังห้องของคนรักที่อยู่ติดกัน เขาพยายามเคาะอยู่สองสามครั้งก่อนจะร้อนใจล้วงเอากุญแจสำรองที่ชัยชัชเคยให้ไว้ขึ้นมาไข ประตูห้องเปิดออกเผยให้เห็นว่าภายในไร้ร่องรอยของคนที่ตามหา

     'พี่ชัชไม่ได้กลับมาที่ห้อง'

     ภายในใจของต้นน้ำร้อนรนยิ่งกว่าไฟ เขามั่นใจว่าชัยชัชจะต้องได้ยินเสียงตะโกนทะเลาะระหว่างเขากับแม็กซ์แน่ๆ ที่เขาตัดสินใจไปเคลียร์กับแม็กซ์ก็เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเป็นขวากหนามความรักของเขากับชัยชัชแท้ๆ เขาไม่อยากให้มีอุปสรรคใดๆ เกิดขึ้นระหว่างเขากับชัยชัช เขาอยากให้เรื่องราวของเขาและแม็กซ์จบลงด้วยดีให้มันเงียบหายไปกับกาลเวลา แต่ใครจะไปคาดคิดว่าชัยชัชจะเป็นคนเดินมายุติเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยตัวเอง!

     ต้นน้ำไม่รู้ว่าชัยชัชรู้จักอพาร์ทเม้นท์ของแม็กซ์ได้อย่างไร แต่เขาคิดว่าชัยชัชอาจไปรับเขาแล้วสะกดรอยตามไปที่ห้องของแม็กซ์โดยบังเอิญ

     'พี่ชัชได้ยินตั้งแต่ตอนไหน แล้วนี่เราจะบอกกับพี่ชัชว่าอะไรดี'

     ต้นน้ำจนปัญญา เขาไม่เคยเห็นชัยชัชโกรธจัดเช่นนี้มาก่อน ท่าทีนิ่งเงียบประกอบกับสายตาตัดพ้อปนแค้นเคืองของชัยชัชทำให้ต้นน้ำผวา เขาถูกตรึงโดยดวงตาของชัยชัชจนไม่กล้าขยับตัว

     ต้นน้ำตัดสินใจรอชัยชัชอยู่ที่นี่ เขาไม่แม้แต่จะกลับไปยังห้องของตัวเองเพื่อเก็บข้าวของเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือจัดการธุระส่วนตัว เขานึกถึงแต่ชัยชัชเท่านั้น ต้นน้ำรอคอยคนรักจนเผลอหลับ

     กระทั่งเข็มนาฬิกาเลยเวลาห้าทุ่มไปพักใหญ่ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ต้นน้ำสะดุ้งตื่นรีบลุกขึ้นจากการขดตัวบนโซฟาทันที

     “พี่ชัช!”

     ชัยชัชหันมาตามเสียงเรียก ทันทีที่เห็นต้นน้ำเขาก็แค่นหัวเราะออกมาทีหนึ่งก่อนจะโยนกุญแจรถลงบนโต๊ะแล้วเดินหนี สภาพของชัยชัชโทรมยิ่งกว่าวันที่ทั้งสองเจอกันคืนนั้น ถึงแม้เนื้อตัวของชัยชัชจะแผ่กลิ่นแอลกอฮอล์ออกมาแต่ท่าทางการเดินกลับบอกว่าสติของเขายังอยู่ครบถ้วน ทว่าสีหน้าเฉยชาบนใบหน้าอิดโรยทำให้ชัยชัชราวกับคนอมทุกข์ เขาครองสติไว้ได้ด้วยโทสะโดยแท้ ชัยชัชโกรธต้นน้ำมากเหลือเกิน รักมากย่อมผิดหวังมาก และเมื่อความผิดหวังมีมาก ความโกรธจึงพุ่งเป็นทวีคูณ!

     “พี่ชัชฟังผมก่อน”

     เมื่อเห็นว่าชัยชัชไม่ยอมหันมามองตนต้นน้ำก็รวบรวมความกล้าพุ่งเข้าไปกอดชายหนุ่มจากด้านหลัง แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นการตอบสนองจากชัยชัชด้วยการแกะมือของเขาออกอย่างรังเกียจ

     “ปล่อยพี่ต้น อย่ามาแตะต้องตัวพี่ๆ ไม่ชอบเป็นชู้กับเมียใคร”

     “มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะครับ! ผมกับแม็กซ์ไม่เคยมีอะไรกันแล้วผมก็ไม่ได้รักแม็กซ์ด้วย!”

     “เหรอ? แต่ที่พี่ได้ยินมันไม่ใช่แบบนั้นนี่หว่า”

     “เรื่องนี้ผมอธิบายได้นะครับ พี่ชัชเข้าใจผิด”

     “พอเถอะต้นพี่เหนื่อย! ต้นกลับห้องไปเถอะเราไม่มีอะไรต้องพูดกันหรอก”

     เสียงตวาดของชัยชัชดังจนต้นน้ำสะท้าน ถ้อยคำตัดรอนความสัมพันธ์ทำให้เขาสิ้นหวัง ต้นน้ำไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ คลื่นอารมณ์ภายในปั่นป่วนจนเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ก่อเกิดหยดน้ำใสๆ กลั่นออกมา

     “ไม่ครับ! จนกว่าพี่ชัชจะฟังผมก่อน ฮึก

     ใบหน้าของต้นน้ำอาบไปด้วยน้ำตาเช่นเดียวกับดวงตาของชัยชัช ทั้งสองต่างหลั่งความเศร้าในใจออกมาเป็นหยดน้ำหยดเล็กๆ ที่ไหลรินจากหน้าต่างของหัวใจลงสู่ปลายคาง ต้นน้ำไม่เคยดื้อดึงกับใครเท่านี้มาก่อน แม้จะเจ็บปวดมากแค่ไหน ต้องถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามเพียงใดเขาก็ยินดีรับมัน ต้นน้ำเชื่อว่าชัยชัชจะให้อภัยเขาถ้าได้ฟังความจริงทั้งหมด

     ชัยชัชทั้งเจ็บปวดและสับสน ใจหนึ่งเขาอยากจะให้อภัยแล้วฟังเหตุผลของต้นน้ำแต่อีกใจก็แค้นแสนแค้น เขาแค้นที่ตัวเองถูกหลอก เขาแค้นเพราะต้นน้ำปั่นหัวเขา แม้ชัยชัชจะเชื่อว่าบางทีต้นน้ำอาจจะรักเขาจริงๆ แต่อีกใจเขาก็ไม่สามารถให้อภัยการกระทำของต้นน้ำได้ ศักดิ์ศรีที่มีทำให้เขารู้สึกขมขื่นกับการเป็นผู้ชายโง่ๆ เป็นเพียงตัวหมากในเกมของต้นน้ำ

     “ยังมีอะไรที่พี่ไม่รู้อีกเหรอ? พอเหอะต้นพี่ขี้เกียจฟัง ต้นจะไปทำอะไรกับใครที่ไหนก็ตามสบาย อย่าเอาความรักของพี่เข้าไปเกี่ยวกับเกมบ้าๆ ที่ทำเพียงเพราะอยากประชดใคร พี่ไม่ใช่เครื่องมือของต้น!”

     “ไม่ใช่นะครับ! ผมหลอกใช้แม็กซ์ก็จริงแต่กับพี่ชัชน่ะ ผมรักพี่ชัชจริงๆ นะครับ!”

     ถ้อยคำปฏิเสธของต้นน้ำยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดของชัยชัช เด็กคนนี้ใช้คนอื่นเป็นเครื่องมืออย่างเลือดเย็น เขาเกิดคำถามขึ้นในใจว่าคนอย่างต้นน้ำนั้นเคยจริงใจกับใครบ้างหรือไม่? ตัวตนของต้นน้ำยามที่อยู่กับเขานั้นก็เสแสร้งแกล้งทำเพื่อหลอกใช้เขาด้วยหรือเปล่า?

     “นะครับพี่ชัช เชื่อผมนะครับ ผมกับแม็กซ์ไม่มีอะไรกันจริงๆ คนที่ผมรักมีแต่พี่ชัชคนเดียวนะครับ ผมไม่เคยหลอกอะไรพี่ชัชเลยนอกจากครั้งแรกที่เราเจอกัน”

     ต้นน้ำร้องไห้พลางยื้อแขนของเขาอย่างน่าสงสาร แต่ชัยชัชกลับรู้สึกปวดใจยิ่งกว่า

     “เลิกใส่หน้ากากซะทีได้มั้ยต้น! พี่ทนกับความตอแหลของเรามามากพอแล้ว!”

     ชัยชัชตะเบ็งเสียงตะคอกต้นน้ำดังลั่น เขาเจ็บปวดมากจริงๆ ถึงได้พลั้งปากไปโดยไม่ทันคาดคิดว่าคนที่ได้ยินก็อาจเจ็บปวดไม่แพ้กัน

     “พี่ชัช...”

     ในดวงตาของต้นน้ำเต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อออกมา ถ้อยคำรุนแรงกับเสียงตะโกนของชัยชัชสร้างความร้าวรานให้กับจิตใจของต้นน้ำเป็นอย่างมาก เขายืนนิ่งตัวชากับคำบริภาษของคนรัก

     'พี่ชัชไม่เคยพูดกับเราแบบนี้มาก่อน พี่เกลียดผมแล้วเหรอครับ'

     ต้นน้ำยืนสะอื้นไห้จนตัวโยน น้ำตาของเขาไหลออกมาหยดแล้วหยดเล่า จิตใจที่ถูกบดขยี้จากถ้อยคำเย็นชานั้นกำลังรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดที่มีเพื่อถ่ายทอดออกไป เขาพยายามเรียบเรียงคำพูดที่กลั่นออกมาจากใจส่งไปให้ชัยชัช ต้นน้ำได้แต่หวังว่าชัยชัชจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่ปราศจากการหลอกลวงของเขา

     ‘ขอให้คำพูดของเราสื่อไปถึงพี่ชัชทีเถอะ’

     “ถึงผมจะชอบใส่หน้ากาก แต่พี่ชัชรู้มั้ย หน้ากากใบที่ผมใส่เวลาอยู่กับพี่เป็นหน้ากากที่ผมไม่เคยใช้เวลาอยู่กับใคร มีแต่พี่ชัชคนเดียวที่ทำให้ผมหยิบหน้ากากใบนั้นขึ้นมาใส่ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะนั่นคือตัวตนที่แท้จริงของผม หรือเพราะว่า... นั่นเป็นตัวตนที่ผมเฝ้าฝันมาตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ก็คือ... ผมมีความสุขทุกครั้งที่ใส่มัน ผมมีความสุขมากทุกครั้งที่ผมได้ใช้เวลาอยู่กับพี่ชัช”

     “เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว จะหลอกพี่ไปถึงไหน!”

     ชัยชัชยังไม่อาจทำใจยอมรับได้ เขาพยายามจ้องมองค้นหาความจริงจากดวงตาของต้นน้ำ แต่แล้วภาพของต้นน้ำกับเพื่อนคนนั้นก็ฉายผ่านเข้ามาในสมอง ความอิจฉาริษยาที่ถูกช่วงชิงของรักและความเจ็บปวดรวดร้าวจากการถูกหักหลังกำลังกระหน่ำโจมตีสติของเขาอยู่

     ลมเพชรหึงไม่เข้าใครออกใคร และผู้ชายอย่างชัยชัชก็ไม่ขอเป็นผู้แพ้เด็ดขาด!

     ชัยชัชคว้าข้อมือของต้นน้ำอย่างแรงและฉุดให้เด็กหนุ่มต้องเดินตามเขามา เขาใช้กำลังลากต้นน้ำตรงไปทางห้องนอนของตัวเอง

     “พี่ชัช ฮือๆ ผมเจ็บ”

     “เออ! ต้นเจ็บแล้วพี่เจ็บมั้ย? ต้นเคยคิดถึงหัวใจของพี่ที่ต้องเจ็บปวดเพราะต้นบ้างมั้ย? มาหลอกพี่ทำไม!”

     “ผมไม่ดะ-”

     ต้นน้ำอ้าปากจะปฏิเสธแต่เสียงเฉียบขาดของชัยชัชก็หยุดประโยคนั้นเสียก่อน

     “พอซะทีเถอะ! เลิกแก้ตัวได้แล้ว!”

     ชัยชัชเขย่าร่างของต้นน้ำอย่างไร้ปราณี เขาเก็บความรู้สึกที่แท้จริงไว้ยังส่วนลึกของจิตใจแล้วปล่อยให้ความแค้นครอบงำสติ เขาใช้ความโกรธเกรี้ยวบังหน้าเป็นข้ออ้างในการครอบครอง!

     “ดีล่ะ ในเมื่อต้นเป็นฝ่ายปั่นหัวพี่ก่อนหลอกพี่ให้โง่มาตั้งนาน งั้นคราวนี้พี่จะเป็นฝ่ายทำมันให้เป็นเรื่องจริงเอง จะได้สมใจต้นไง! อยากนอนกับผู้ชายประชดพ่อไม่ใช่เหรอ?”

     “พี่ชัช อย่า!”

     แต่หมาป่าที่กำลังโมโหไฉนเลยจะฟังคำขอร้องของเด็กเลี้ยงแกะ ชัยชัชเหวี่ยงต้นน้ำลงไปกระแทกกับเตียงอย่างแรง เด็กหนุ่มรู้สึกมึนจากแรงกระแทกจนตั้งตัวไม่ติด แต่เมื่อเขาพยายามจะลุกขึ้นตั้งสติ ร่างกายหนักๆ ของชัยชัชก็ทาบทับลงมาเสียก่อน ชายหนุ่มส่งลิ้นเข้ามาบุกรุกในปากของต้นน้ำด้วยความเกรี้ยวกราด!

     “อุ๊บ!”

     จูบครั้งนี้เต็มไปด้วยความหยาบคาย สัมผัสรุนแรงที่ได้รับชวนให้ตื่นตระหนก ต้นน้ำพยายามผลักชัยชัชออกแต่แขนที่บอบบางกว่าของเด็กอย่างเขาสู้แรงของผู้ชายวัยฉกรรจ์ที่กำลังโมโหไม่ได้ ชัยชัชรวบข้อมือผอมๆ ของต้นน้ำไว้โดยง่าย พี่ชายใจดีห้องข้างๆ กลับกลายเป็นผู้ชายกักขฬะที่กำลังยัดเยียดสัมผัสอันน่ารังเกียจให้ต้นน้ำอย่างป่าเถื่อน!

     ต้นน้ำรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก วันนี้เขาถูกรังแกเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่สิ่งที่แม็กซ์ทำก็เป็นเพียงแค่การแตะริมฝีปากกันเท่านั้น อาจเพราะเขาไม่เคยยอมให้แม็กซ์แตะต้องมาก่อน แม็กซ์คงคิดว่าถ้าหากได้จูบเขาแล้วบางทีเขาอาจจะรับรู้ความรู้สึกของตัวเอง แต่มันไม่ได้ผลและเขาก็ไม่ต้องการ เมื่อปฏิเสธแม็กซ์ไปด้วยการต่อต้านสุดกำลังแม็กซ์ก็ยอมถอยแต่โดยดี และที่สำคัญจูบของแม็กซ์ไม่ได้โหดร้ายแบบที่ชัยชัชกำลังทำ รสจูบของชัยชัชเต็มไปด้วยโทสะที่พร้อมจะบดขยี้ริมฝีปากของเขาให้แหลกราน ทั้งๆ ที่ต้นน้ำเคยคิดว่าจูบของชัยชัชช่างอบอุ่นและแสนหวาน แต่ตอนนี้เขาเกิดความรู้สึกขยะแขยงจนทนไม่ไหว ต้นน้ำตัดสินใจกัดลิ้นของชัยชัชที่พัวพันอยู่ในปากของตนทันที!

     “ไอ้ต้น!”

     แม้ต้นน้ำจะกัดลงมาไม่แรงมากแต่มันก็เจ็บจนทำให้เขาสะดุ้ง ชัยชัชเผลอปล่อยให้ต้นน้ำเป็นอิสระทันทีที่ยกมือขึ้นมาสัมผัสบาดแผลที่ปาก และเมื่อร่างกายตัวเองถูกปล่อยออกจากการเกาะกุม ต้นน้ำก็ไม่รอช้า เขารีบกระเสือกกระสนลงจากเตียง ตั้งใจจะหนีไปจากผู้ชายน่ากลัวคนนี้ ทว่าชัยชัชไวกว่า เขาไม่ปล่อยให้ต้นน้ำได้ทำเช่นนั้น ชัยชัชตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยให้ต้นน้ำหนีรอดเงื้อมมือตน เขาตั้งใจจะแก้แค้นต้นน้ำ ชัยชัชคว้าข้อเท้าของต้นน้ำไว้ได้และดึงตัวเด็กหนุ่มกลับมาสู่พายุอารมณ์ของตนอีกครั้ง!

     ต้นน้ำตกใจกลัวจนสติกระเจิดกระเจิงคิดอะไรไม่ออกอีกนอกจากความรู้สึกที่อยากหนีไปให้พ้นๆ สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานบีบให้เขาจนตรอก สองมือจึงยกขึ้นประนมด้วยหมดทางสู้ เขาได้แต่ร้องวิงวอนขอความเมตตาจากชัยชัช

     “พี่ชัยปล่อยผมไปเถอะ ผมขอร้อง ฮือๆ

     ต้นน้ำร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร แต่ชัยชัชกลับไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

     “นะครับ ปล่อยผมไปเถอะ อย่าทำไรผมเลย ผมกลัวแล้วจริงๆ”

     “ทีงี้กลัวเหรอต้น? ทีเมื่อก่อนต้นอยากเองไม่ใช่เหรอ? พี่ก็จะสนองให้แล้วไง”

     ชัยชัชคำรามด้วยเสียงทุ้มต่ำ เขาเริ่มทึ้งเสื้อผ้าชุดนักเรียนออกจากร่างของต้นน้ำพร้อมๆ กับที่ใช้น้ำหนักของร่างกายตนคร่อมกดเด็กหนุ่มเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน การซุกไซ้อย่างป่าเถื่อนนี้มิใช่การโอ้โลม แต่มันคือการย่ำยี! ชัยชัชตั้งใจย่ำยีศักดิ์ศรีของต้นน้ำให้แหลกเหมือนที่เขาถูกขยี้หัวใจ!

     ต้นน้ำรู้เพียงแต่ว่าตนต้องดิ้นรน เขาไม่อยากมีอะไรกับหมาป่าบ้าเลือดแบบนี้! เขาไม่พร้อมและไม่ต้องการ! ต้นน้ำพยายามหนีจากใต้ร่างของชัยชัชแต่ไม่มีกำลังมากพอ และในจังหวะที่กำลังยื้อยุดกันอยู่นั้นเอง นาฬิกาข้อมือที่ต้นน้ำสวมไว้ก็ถูกยื้อจนสลักคลายออก เมื่อชัยชัชเผลอปล่อยข้อมือต้นน้ำให้เป็นอิสระในจังหวะที่กระชากเสื้อนักเรียนออก ต้นน้ำก็ปัดมือไปที่หน้าของชัยชัชพลางถีบเข้าไปที่ท้องอย่างแรง!

     “โอ๊ย!”

     หยดน้ำสีแดงที่ไหลออกมาจากหางคิ้วของชัยชัชสร้างความตกใจให้กับต้นน้ำเป็นอย่างมาก บาดแผลที่เห็นมีเลือดซึมออกมาพอสมควร เขาไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้!

     ชัยชัชที่เป็นฝ่ายถูกแขนฟาดจนโดนสายนาฬิกาเกี่ยวเลือดออกแถมยังถูกถีบจนจุกหันกลับมาสบตากับต้นน้ำช้าๆ สายตาของเขาแทบฆ่าต้นน้ำทั้งเป็น!

     “ต้นกล้าทำกับพี่ขนาดนี้เลยเหรอ ต้นไม่อยากเป็นของพี่ถึงขั้นนี้เชียว?”

     น้ำเสียงแหบแห้งที่เค้นออกมาเอ่ยถามเขาเบาๆ ประหนึ่งชัยชัชกำลังรำพึงกับตนเองมากกว่าเอ่ยถามอย่างจริงจัง

     “พี่ชัช ผมขอโทษ ผม...”

     แต่ชัยชัชนั้นน็อตหลุดไปแล้ว เขาไม่ฟังคำขอโทษใดๆ ของต้นน้ำอีก ชัยชัชบดจูบลงมาอย่างรุนแรงอีกครั้งพลางใช้แขนซ้ายของตนตรึงแขนบอบบางของต้นน้ำไว้ ส่วนมือขวาข้างที่ถนัดก็กำลังปลดเปลื้องกางเกงนักเรียนของเด็กหนุ่มออกจากตัว

     แม้ต้นน้ำจะเหลือมือข้างที่เป็นอิสระอีกหนึ่งข้าง แต่น้ำหนักของร่างกายชัยชัชนั้นก็เกินกว่าที่เขาจะผลักออกได้ด้วยแรงจากแขนเพียงข้างเดียว สัมผัสจากฝ่ามือของชัยชัชในยามนี้สร้างความหวาดกลัวให้เขาทุกจุดที่ถูกแตะต้อง ฝ่ามือร้อนรุ่มรุกคืบคลานขึ้นมาตามหน้าอกเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม ชัยชัชซุกไซ้สัมผัสต้นน้ำไร้ความอ่อนโยน ต้นน้ำจึงขัดขืนสัมผัสน่ารังเกียจเหล่านั้นด้วยความขยะแขยง

     จนกระทั่งชัยชัชปลดกางเกงนักเรียนและดึงกางเกงในของเขาออกไป ต้นน้ำเย็นวาบไปทั้งตัว! เขาคู้ร่างเปลือยเปล่าของตนไว้อย่างหวาดหวั่น สีหน้าของชัยชัชไม่เหลือภาพชายหนุ่มอารมณ์ดีขี้เล่นที่เขาเคยรู้จักสร้างความหวาดกลัวให้กับเขาเป็นอย่างมาก ชัยชัชยืดตัวขึ้นพลางปลดเปลื้องพันธะของตัวเองช้าๆ ด้วยแววตาสะใจ

     “ไม่ต้องห่วงว่าพี่จะทำไม่ได้หรอกนะต้น ถึงพี่จะไม่เคยลองกับผู้ชายด้วยกันมาก่อนแต่รับรองพี่ทำได้แน่ พอดีว่าบริษัทพี่เป็นเจ้าของไวอากร้าว่ะ พี่สนองเราได้ถึงใจแน่!”

     ถ้อยคำประกาศเจตนารมณ์ของชัยชัชช่างเลือดเย็น ชายหนุ่มจงใจดูถูกเขา! ต้นน้ำเริ่มส่งเสียงร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เขาพยายามวิงวอนขอร้องชัยชัชให้ยุติการกระทำอันป่าเถื่อนนี้ เขาหมดสิ้นแล้วทั้งความหวังและเรี่ยวแรงจะขัดขืน แต่ชัยชัชกลับไม่สนใจเสียงร้องไห้อย่างน่าเวทนาของต้นน้ำเลยแม้แต่น้อย เขายังคงดำเนินบทรักอันรุนแรงต่อไปด้วยการใช้หัวเข่าดันขาของต้นน้ำให้แยกจากกันก่อนจะสอดมือขวาเข้าที่ใต้ข้อพับของเด็กหนุ่มดันขึ้นไปและชำแรกแทรกแก่นกลางของร่างกายเข้าไปอย่างรุนแรง!

     วินาทีที่ช่องทางบอบบางของตนถูกรุกล้ำเข้ามาด้วยฝีมือของคนรัก หัวใจของต้นน้ำก็แหลกสลายเหมือนแก้วที่ตกลงสู่พื้น ความรู้สึกดีๆ ทั้งหมดที่เคยมีพังทลายเป็นชิ้นๆ ด้วยน้ำมือของผู้ชายคนเดียวกันที่ก่อมันขึ้นมา!

     “อ๊า!”

     ต้นน้ำกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดสุดเสียงแล้วสะอื้นฮักไม่เป็นภาษา ทั่วทั้งร่างสั่นเทิ้มไปด้วยความเจ็บปวดทั้งรวดร้าวตรงที่ถูกทำลายและเจ็บตรงหัวใจที่ถูกย่ำยี!
 
    “ผมเจ็บ! เอามันออกไป! ฮือๆ เจ็บ ฮือ

     เสียงหวีดร้องที่ดังขึ้นอย่างแหลกสลายของต้นน้ำเรียกสติของชัยชัชให้คืนมา นาทีนั้นชัยชัชเหมือนโดนน็อคเข้าที่ศีรษะด้วยกองหิมะจากพายุถล่ม เขาชาวาบไปทั้งตัว!

     'นี่กูกำลังทำอะไรอยู่!'

     เมื่อสติสัมปชัญญะกลับคืนมา ชัยชัชเพิ่งตระหนักว่าตนได้กระทำเรื่องเลวร้ายลงไป!

     'กูข่มขืนต้น!'

     ชัยชัชมองเด็กหนุ่มคนรักที่นอนสะอื้นอยู่ใต้ร่างของตนแล้วก็เกิดความรู้สึกเวทนา สภาพของต้นน้ำน่าสลดยิ่งนัก น้ำหนักของบาปที่ก่อขึ้นทับถมจนเขาไม่รู้สึกแค้นเคืองอีกต่อไป

     'ทั้งๆ ที่พี่ตั้งใจจะถนอมต้นแท้ๆ นี่กูทำไรลงไปวะ'

     ชัยชัชที่เคยผ่านประสบการณ์มามากย่อมรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แต่เหตุการณ์เมื่อครู่เขาไม่ได้ใช้สติไตร่ตรองให้รอบคอบ ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลกระทำทุกอย่างไปตามความรู้สึก ใจเขาจึงมีแต่ไฟแค้นและความริษยาต้องการครอบครองต้นน้ำเพื่อความสะใจของตน แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าต้นน้ำไม่ต่างอะไรกับผู้บริสุทธิ์ และเขาเองที่เป็นผู้ร้ายป้ายความโสมมให้กับคนรักของตน!

     หนทางร่วมรักนั้นฝืดจนเขาขยับได้ลำบาก ต้นน้ำกัดริมฝีปากกลั้นเสียงเอาไว้จนเลือดออก ชัยชัชมองเห็นเด็กหนุ่มคนเดิมที่บอบบางใกล้แหลกสลายจนเขาอยากโอบอุ้มคอยปกป้องคนนั้นอีกครั้ง

     ความรู้สึกทั้งหวานและขมปร่าแผ่ซ่านอยู่ในอก ชัยชัชตัดสินใจก้มลงไปจูบซับน้ำตาให้ต้นน้ำ จูบในครั้งนี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ แตกต่างกับสัมผัสเมื่อครู่ลิบลับ ต้นน้ำไม่ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย เขานอนนิ่งปล่อยให้ชัยชัชทำตามอำเภอใจ จนกระทั่งริมฝีปากนั้นผละออก เสียงเล็กๆ จึงพูดขึ้นเพื่อทำให้หัวใจของชัยชัชแหลกสลายไปตามกัน

     “สะใจพี่ชัชแล้วใช่มั้ยครับ ดีใจกับพี่ด้วยนะครับที่ได้ครั้งแรกของผมไป”

     ต้นน้ำกัดฟันกลั้นเสียงสะอื้นไว้ก่อนจะเอ่ยต่อเบาๆ

     “ตอนที่ผมทำกับแม็กซ์ ฮึก... ตอนนั้นเรียกว่ามีเซ็กส์กันไม่ได้หรอกครับ เพราะแม็กซ์เขาใส่ของเขาไม่เข้า ฮึก เขาหยุดให้ผมไม่ทำต่อ แต่พี่ชัชได้ตัวผมถึงขนาดนี้แล้วนี่”

     ต้นน้ำหยุดแค่นเสียงหัวเราะจอมปลอมออกมาหนึ่งคำก่อนจะพูดต่อหวังทำร้ายความรู้สึกของผู้ชายตรงหน้าให้มากขึ้นไปอีกขั้น

     “อ้อ! แต่นี่ก็คงเรียกว่าเซ็กส์ไม่ได้อีกเหมือนกันใช่มั้ยครับ เพราะสำหรับผม ฮึก... ผมเรียกมันว่าการข่มขืน”

     สายตาที่มองตรงมาของต้นน้ำในยามที่กระซิบถ้อยคำๆ นั้นออกจากปากช่างสิ้นหวังมากกว่าครั้งไหนๆ ที่ชัยชัชเคยเห็น และทั้งหมดนี้เขาเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นเอง! เป็นเขาเองที่ทำให้ต้นน้ำมีแววตาเช่นนี้!

     “ต้นพี่ขอโทษ”

     ไม่มีอะไรจะทำให้ชัยชัชเจ็บได้มากกว่านี้อีกแล้ว สายตาเย็นชาของต้นน้ำแทบแช่แข็งหัวใจเขาให้หยุดเต้น คำพูดตัดพ้อของเด็กหนุ่มฆ่าความรู้สึกของเขาทั้งเป็น! ชัยชัชจุมพิตคนรักของตนอย่างไร้สติ

     บทเพลงรักที่บรรเลงต่อไปเป็นอย่างไรชัยชัชไม่อาจรับรู้ เขาคิดแต่เพียงว่าอยากจะกอบเอาความรักที่อาจยังหลงเหลืออยู่ในจิตใจแหลกสลายดวงนี้เอาไว้ให้มากที่สุด สิ่งที่เขาคิดฝันไว้ไม่ใช่บทเพลงหดหู่เช่นนี้ ต้นน้ำที่แตกร้าวราวกับแก้วแหลกละเอียดนี่ไม่ใช่คนที่เขาจินตนาการถึง ถึงกระนั้นต้นน้ำที่เขากอดก็คือต้นน้ำคนนี้... คนที่เขาเผลอทำลายด้วยมือตัวเอง!

     ความเจ็บปวดทางกายราวกับถูกฉีกร่างออกเป็นเสี่ยงๆ ทุกครั้งจากการขยับของชัยชัชเทียบไม่ได้เลยกับบาดแผลในใจที่เขาสร้างขึ้น ต้นน้ำเหมือนอยู่ในนรก!

     'ไหนพี่ชัชบอกว่ารักผม พี่สัญญากับผมว่าพี่จะไม่มีวันทำร้ายผม แล้วพี่ทำแบบนี้กับผมทำไม'

     ต้นน้ำรู้สึกทั้งเจ็บและจุกไปพร้อมๆ กัน เขาได้แต่นอนกัดฟันภาวนาให้ความทรมานนี้จบลงเสียที แม้เขาพยายามจะห้ามเสียงร้องไห้เอาไว้เพื่อไม่ให้ตนรู้สึกอ่อนแอมากไปกว่านี้ แต่เสียงสะอื้นก็ยังหลุดออกมาเป็นระยะผสานกับเสียงหอบหายใจหนักของชัยชัชที่กำลังดำเนินบทรักอยู่
 
    แม้ชัยชัชจะพยายามมากเพียงใดเขาก็รู้ดีว่าต้นน้ำไม่สามารถยิ้มให้เขาได้อีกแล้ว ทุกจุมพิตที่สัมผัสเต็มไปด้วยถ้อยคำรักเฝ้ากระซิบคำขอโทษรอคอยการให้อภัยจากเด็กหนุ่ม แต่สิ่งที่เขาได้รับก็มีเพียงการเฉยชาประหนึ่งเขาไร้ตัวตนต่อต้นน้ำ!

     ในยามที่เขาโกรธ ถ้อยคำวิงวอนที่เพียรพยายามขอโทษจากต้นน้ำไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา เพราะเขาโกรธแค้นเกินกว่าจะรับฟังคำอธิบาย แต่ในยามที่ต้นน้ำโกรธ แม้เขาพยายามจะร้องขอการอภัยให้จากต้นน้ำมากเท่าไหร่ เด็กหนุ่มก็เฉยชาราวกับเขาไม่มีตัวตน

     'อย่าทำกับพี่แบบนี้สิต้น มองพี่เถอะอย่าเมินพี่แบบนั้น ได้โปรดมองผู้ชายคนนี้ทีเถอะ'

     ทั้งๆ ที่อยู่ตรงหน้ากันแท้ๆ แต่สายตาเหม่อลอยของต้นน้ำปราศจากเงาของเขาในแววตา ต้นน้ำคงจะเกลียดเขาแล้วถึงได้ทำราวกับเขาไม่มีตัวตนทั้งๆ ที่กำลังสัมผัสกันอยู่อย่างชิดใกล้ ความรู้สึกที่ถูกปฏิเสธเช่นนี้เจ็บปวดยิ่งกว่าการที่เขากอดตุ๊กตาไร้ชีวิต!

     จวบจนเพลงรักดำเนินมาถึงจุดสูงสุด ชัยชัชโถมเข้าสู่ตัวต้นน้ำเป็นครั้งสุดท้ายพลางมอบจูบให้เด็กหนุ่มอย่างลึกซึ้ง ภาวนาให้ความร้อนของตนเข้าไปละลายความเย็นชาในตัวต้นน้ำ แต่ความอบอุ่นของชัยชัชที่แปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มดั่งไฟที่เผาผลาญต้นน้ำไม่สามารถฉายแสงอันงดงามมอบความรู้สึกดีๆ ให้กับเขาได้อีก

     ชัยชัชกอดต้นน้ำเอาไว้แนบอกราวกับกลัวว่าคนรักจะหายไป เขาปล่อยให้ร่างของตนทาบทับคาอยู่ในตัวของต้นน้ำแล้วซุกหน้าลงกับไหล่เล็กๆ

     “ถ้าพี่ชัชเสร็จแล้ว กรุณาเอามันออกไปจากตัวผมด้วยครับ”

     เสียงของต้นน้ำไร้ก้อนสะอื้นแล้ว มันเย็นเฉียบไม่ต่างอะไรกับก้อนน้ำแข็ง

     “ต้น...”

     เสียงของชัยชัชเบาหวิวยามเมื่อเอ่ยชื่อคนรัก

     “พี่ชัชได้ในสิ่งที่พี่ต้องการแล้วนี่ครับ ปล่อยผมได้แล้วมั้ง?”

     “พี่ขอโทษ พี่”

     ทว่าต้นน้ำกลับตัดบทด้วยคำพูดที่แสนจะเย็นชา

     “ไม่ต้องห่วงหรอกครับพี่ชัช ป่านนี้คงเลยเที่ยงคืนแล้ว ก็ถือว่าผมอายุครบสิบแปด พี่ชัชไม่ต้องห่วงเรื่องคดีพรากผู้เยาว์หรอกครับ วันนี้เป็นวันเกิดผม”

     ท้ายประโยคกลับสั่นขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ต้นน้ำพยายามสะกดกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ส่งผลให้ชัยชัชรีบขยับตัวมาสบตากับเขา แต่ต้นน้ำกลับเบือนหน้าหนีสายตาของชัยชัชและปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่เช่นนั้น ไม่ยอมรับสัมผัสจากมือของชัยชัชที่หวังจะช่วยเช็ดน้ำตาให้ สุดท้ายชัยชัชจึงก้มลงจูบเบาๆ ที่เปลือกตาของต้นน้ำ

     “พี่ขอโทษ”

     “เอาของๆ พี่ออกไปจากตัวผม!”

     เสียงของต้นน้ำเฉียบขาดจนชัยชัชต้องยอมแพ้ เขาถอดถอนร่างกายออกมาแล้วก้มลงมองคราบสกปรกที่เจือไปด้วยคราบคาวสีขาวกับเลือดสดๆ ที่ไหลเยิ้มออกมาจากตัวต้นน้ำ

     'ทั้งหมดนี่กูเป็นคนทำ กูทำให้ต้นเจ็บ!'

     แต่ยังไม่ทันที่ชัยชัชจะได้สมน้ำหน้าความเลวของตัวเองต่อ การกระทำของต้นน้ำก็เรียกความสนใจจากเขาได้เสียก่อน

     ทันทีที่เป็นอิสระต้นน้ำก็รีบดันตัวหนีจากชัยชัชทันที เขาพยายามลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ต้นน้ำเจ็บจนเผลอนิ่วหน้า เขาพยุงตัวลุกขึ้นแทบไม่ไหวจึงกัดฟันคลานโซเซไปที่ขอบเตียง
 
    สีหน้าเหยเกของต้นน้ำระหว่างที่พยายามลุกไปรวบรวมเสื้อผ้าที่ถูกเขาทึ้งทำเอาหัวใจของชัยชัชหลอมละลายยิ่งกว่าขี้ผึ้งลนไฟ เวลานี้เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญอีกแล้ว เขาตรงเข้ามากอดต้นน้ำไว้พลางเอ่ยถามเบาๆ

     “จะไปไหนครับต้น”

     “ปล่อยผม! ผมจะกลับห้อง”

     “ไม่ พี่ไม่ให้ต้นกลับ”

     “พี่ชัชยังจะเอาอะไรกับผมอีก! สมใจพี่แล้วก็ปล่อยผมไปเถอะครับ ผมมันห่วยแตกแถมยังเป็นผู้ชายสนองอารมณ์พี่ไม่ถึงใจเท่าผู้หญิงพวกนั้นหรอก!”

     ต้นน้ำตะเบ็งเสียงออกมาอย่างเจ็บปวดพลางดิ้นรนขัดขืนหนีจากอ้อมกอดของชัยชัช เขาเสียใจที่ถูกทรยศหักหลังผิดคำสัญญาอีกทั้งยังเจ็บปวดเพราะสิ่งที่ชัยชัชกระทำ ความน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกชัยชัชระบายความกราดเกรี้ยวใส่โดยไม่เห็นแก่ความรู้สึกดีๆ ในอดีตผลักดันให้เขาต่อต้านอ้อมกอดของคนรัก

     “พี่ขอโทษ พี่ขอโทษอย่าโกรธพี่เลยนะ พี่รักต้นนะ พี่รักต้นนะครับ นะคนดีของพี่”

     “ปล่อยผม ฮือๆ

     อาจเพราะน้ำเสียงที่เจ็บปวดไม่แพ้กันของชัยชัช ต้นน้ำจึงเผลอร้องไห้ตามไปด้วย แม้เขาพยายามดิ้นมากเท่าไหร่แต่อ้อมกอดหลวมๆ ที่ตระกองกอดอยู่นั้นก็แข็งแกร่งยิ่งกว่ากรงขังใดๆ เขารักชัยชัชมากเหลือเกิน! เพราะรักมากถึงได้เจ็บปวดมากเมื่อถูกคนที่รักทำลายเช่นนี้

     “พี่รักต้นนะ พี่ขอโทษ ให้อภัยพี่นะครับ”

     “ปล่อยผม!”

     ยิ่งขัดขืนแผลของเขาก็ยิ่งเปิดออก หยดเลือดที่ไหลเป็นทางลงมาตามต้นขาด้านในชวนให้ตกใจ ต้นน้ำหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ต้นน้ำแทบยืนไม่อยู่แล้ว อันที่จริงแม้แต่แรงจะยืนก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ ที่ดิ้นรนอยู่ได้ก็เพราะแรงทิฐิที่มีต่อชัยชัชล้วนๆ

     เมื่อเห็นดังนั้นชัยชัชจึงไม่พูดมากอีก เขาตัดสินใจช้อนร่างของต้นน้ำมาอุ้มไว้แนบอก ชัยชัชพาต้นน้ำไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำ
หัวข้อ: Re: [บท10#21/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - พี่ชัชปะทะน้องต้น!
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 21-09-2014 19:54:01

     ความรักของคนสองคนกำลังแตกสลาย ความเจ็บปวดที่ผลัดกันร้าวรานใจ ต้นน้ำไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ ตอนนี้ไม่ว่าชัยชัชจะรักหรือแค้นเขาอยู่ก็ตามเขาไม่สน เขารู้แต่เพียงว่าไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนี้อีก เขาไม่พร้อมที่จะอยู่ใกล้หมาป่ากระหายเลือดตัวนี้ แม้ตอนนี้เจ้าหมาป่าอาจจะดูสงบและเสียใจในสิ่งที่ตนเองได้ทำลงไป แต่ใครจะรู้ว่าหมาป่าแสนดีที่โมโหร้ายสุดๆ ตัวนี้จะเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ เขาไม่อยากต้องคอยรองรับอารมณ์ของใคร!

     แต่ชัยชัชก็ไม่ปล่อยให้เขาทำเช่นนั้น หลังจากจัดการธุระในห้องน้ำเสร็จ ต้นน้ำก็ถูกพาตัวไปที่เตียงทันที ชัยชัชประคองต้นน้ำลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลพลางอิงแอบแนบกายเข้ามานอนเคียงข้าง ท่อนแขนของชัยชัชกอดเขาเอาไว้หลวมๆ พลางลูบหัวเขาในแบบที่ชายหนุ่มชอบทำในยามปกติ

     ชัยชัชไม่ได้พร่ำคำขอโทษใดๆ อีกเลย เขานอนนิ่งๆ อยู่เคียงข้างต้นน้ำกอดเด็กหนุ่มเอาไว้แบบนั้น ไม่ยอมปล่อยแม้ว่าต้นน้ำจะขัดขืนมากเพียงใด ต้นน้ำทั้งทุบทั้งถอง แต่ชัยชัชก็นอนกอดเขานิ่งๆ ราวกับยินดีให้ต้นน้ำเอาคืนตนให้สาสม ขอเพียงแค่ต้นน้ำยังอยู่ในอ้อมกอดของตนก็พอ จนกระทั่งความเหนื่อยล้ามาเยือน ในที่สุดต้นน้ำก็ผล็อยหลับไปทั้งน้ำตา คนทั้งคู่จึงได้พักผ่อนในเวลาล่วงเข้าวันที่สามสิบเอ็ดมกราคม

============================================

     'เช้าแล้วเหรอวะ'

     แสงสว่างส่องแยงตาของชัยชัช ดูท่าเมื่อคืนคงหนักสำหรับเขาพอสมควรเขาได้ถึงหลับเป็นตายเช่นนี้ เพราะการที่แสงสว่างจะลอดผ่านม่านหนาๆ ของเขาเข้ามาได้คงต้องสายมากแล้วแน่ๆ

     'มีหวังออกสายแบบนี้รถติดชัวร์'

     อาการปวดหัวแบบมึนนิดๆ ที่คุ้นเคยทำให้เขาเซ็งจนขี้เกียจลุกจากที่นอน แต่แล้วเมื่อตั้งสติได้ ชัยชัยก็รู้ตัวว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น! อ้อมแขนที่ว่างเปล่าของเขากวาดไปทั่วเตียงพร้อมกับดวงตาที่เปิดขึ้นเพื่อพบว่า

     'ต้นหายไป!'

     ชัยชัชกระชากตัวเองลุกขึ้นนั่งทันที บนเตียงขนาดหกฟุตของเขาปราศจากร่างของต้นน้ำเหลือไว้เพียงแต่ร่องรอยความโหดร้ายฝีมือตัวเอง เขารีบวิ่งไปดูที่ห้องน้ำแต่ก็ไม่พบคนที่ตามหา

     ‘ไม่อยู่!’

     ใจของชัยชัชร้อนยิ่งกว่าไฟ เขาวิ่งโทงๆ ตามหาต้นน้ำเสียทั่วห้อง แต่ไม่มีวี่แววของต้นน้ำที่ไหนเลย แม้แต่กระเป๋านักเรียนที่วางไว้เมื่อวานก็ไม่อยู่ เขาเหลือบตาขึ้นไปมองนาฬิกาบนผนัง ตัวเลขที่เข็มชี้บ่งบอกว่าเวลาได้ล่วงผ่านเลยไปเกือบเก้าโมงแล้ว ชัยชัชเดาว่าต้นน้ำอาจจะไปโรงเรียน

     'ไม่มั้ง มันจะไปไหวได้ยังไง'

     แต่สภาพน่าสังเวชของต้นน้ำเมื่อคืนชวนให้คิดว่าคนที่พึ่งผ่านประสบการณ์ครั้งแรกรุนแรงแบบนั้นไม่น่าจะขยับลุกไปไหนไหว

     'หรือมันจะกลับห้องไปแล้ว'

     ไวเท่าที่คิด ชัยชัชรีบหยิบกางเกงขาสั้นออกจากตู้มาสวมแล้วตรงไปที่ประตูห้องทันที เขาพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของต้นน้ำ เคาะเรียกชื่อของคนรักอย่างเป็นห่วง แม้ต้นน้ำจะมีกุญแจสำรองของห้องเขา แต่เขากลับไม่มีกุญแจสำรองห้องของต้นน้ำ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจำเป็น เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาต้นน้ำมักจะเป็นฝ่ายรอเขาอยู่ที่นี่เสมอไม่ค่อยออกไปไหน แต่คราวนี้ไม่มีร่างคุ้นตาเดินมาเปิดประตูมอบรอยยิ้มให้เขาแล้ว!

     แม้จะออกแรงเคาะเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ภายในห้องไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ  ชัยชัชรีบวิ่งกลับเข้าห้องตัวเองไปหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์โทรหาต้นน้ำทันที แต่ทว่า...

     “แม่งเอ้ย! ปิดโทรศัพท์!”

     ชัยชัชโมโหจนเผลอปาเครื่องมือสื่อสารทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี เสียงสบถอย่างเดือดดาลดังออกมาจากปากของผู้ชายที่กำลังยืนทำหน้าเครียดอยู่กลางห้อง ชัยชัชเครียดจนทำอะไรไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เขาทำมันโหดร้ายมากเพียงใด เขารู้ดีว่าต้นน้ำคงโกรธเขามาก เพียงแต่... สิ่งที่เขาทำลงไปมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

     'ต้นหนีพี่ไปไหน'

     เมียคืนเดียวของเขาหายไปเสียแล้ว...

============================================

     แท้จริงแล้วต้นน้ำไม่ได้หายไปไหน เขาใช้ชีวิตที่มีแต่บ้านกับโรงเรียนมาตลอด ไม่มีเพื่อนสนิทให้ไปหา ไร้ญาติให้พึ่งพิง ดังนั้นเมื่อมีปัญหาอยากหนีจากบ้านที่ตนอยู่ ต้นน้ำจึงเลือกมาตั้งหลักที่โรงเรียน สถานที่ๆ เขาคุ้นเคย
 
    ต้นน้ำมาถึงโรงเรียนตั้งแต่ยังไม่หกโมง เขาเลือกมุมสงบไร้ผู้คนนั่งเงียบๆ ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าน้ำตาของตนกำลังทอประกายเพราะแสงอาทิตย์ที่ส่องมากระทบ

     ความจริงต้นน้ำรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ตอนรุ่งสาง เขาลอบสังเกตชัยชัชแต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะหลับเป็นตาย โชคดีที่การนอนดิ้นของชัยชัชช่วยปลดกรงขังที่ทำจากอ้อมแขนมนุษย์ออกไป ต้นน้ำกัดฟันสะกดกลั้นความเจ็บปวดฝืนขยับตัวหนีลงจากเตียงตั้งใจจะไปให้พ้นจากสถานที่ๆ มีแต่ความทรงจำเลวร้าย

     สองขาอ่อนแรงจนแทบพยุงตัวไม่ไหว ต้นน้ำปวดหน่วงๆ ในท้องจนต้องเดินตัวงอ ทุกครั้งที่ขยับก็แสบตรงช่องทางที่เคยถูกล่วงล้ำจนเผลอซี้ดปากอุทานด้วยความเจ็บปวด ต้นน้ำตกใจจนต้องหันกลับไปมองผู้ร้ายที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง เขาเกลียดเรื่องที่เกิดนี้ชะมัด!

     ต้นน้ำรีบฉวยข้าวของส่วนตัวพลางใส่เสื้อผ้าลวกๆ แล้วกะโผลกกะเผลกหนีออกจากห้องของชัยชัช เขาพยายามเงียบที่สุดเท่าที่สังขารของตนจะทำได้เพราะเขาไม่ต้องการให้ชัยชัชตื่น และทันทีที่กลับไปถึงห้องตัวเองต้นน้ำก็รีบเข้าไปในห้องน้ำอาบน้ำล้างคราบสกปรกออกจากตัวทันที แต่ว่า... แม้ต้นน้ำจะพยายามขัดถูอย่างไรความรู้สึกนั้นก็ไม่จางหาย ต้นน้ำเกลียดความจริงที่ว่าเขาถูกข่มขืมจากคนที่เขารัก!

     ต้นน้ำคิดว่าร่างกายของตนมีมลทิน และผู้ที่ตีตราไว้ก็คือชัยชัช ชายหนุ่มหาได้ประทับรอยรักไว้ด้วยเสน่หาหรือความใคร่ ต้นน้ำคิดว่าชัยชัชต้องการทำลายเขาเพราะไฟแค้นแค่นั้น การเสพสมที่ปราศจากอารมณ์รักจึงเหลือเพียงแต่คลื่นความโกรธซัดสาดเข้าสู่ตัวเขาเป็นระลอกจนสิ้นสุดลง ต้นน้ำรู้ดีว่าการร่วมรักแตกต่างกับการข่มขืน และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาก็คืออย่างหลัง ศักดิ์ศรีความเป็นคนของเขาถูกทำลายลงย่อยยับโดยฝีมือของชัยชัช ความทรมานที่ได้รับก่อให้เกิดบาดแผลในจิตใจ เขาคือผู้ชายที่ถูกคนรักข่มขืน!

     ต้นน้ำคิดว่าตัวเองสกปรกเสียแล้ว เขาต้องแปดเปื้อนเพราะผู้ชายที่เขารัก!

     'เลือดไหลอีกแล้ว'

     ต้นน้ำทั้งกลัวทั้งกังวล เขาตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนนึกกลัวชัยชัช ต้นน้ำไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชายหนุ่มที่แสนอ่อนโยนคนนั้นจะโมโหร้ายเช่นนี้ เขาทรุดลงนั่งร้องไห้ท่ามกลางสายน้ำจากฝักบัวที่โปรยปราย เขาไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้!
 
    ความคิดสับสนวนเวียนอยู่ในหัว เกิดเรื่องผิดพลาดไปเสียทุกอย่าง ต้นน้ำรู้ดีว่าโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคิดว่าบทลงโทษของชัยชัชรุนแรงเกินไป เขาไม่สมควรได้รับการปฏิบัติอย่างป่าเถื่อน! เขาร้องไห้เสียใจให้กับความรักที่ไกลเกินเอื้อม สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่เหลือใคร...

     'เราเหลือตัวคนเดียวแล้วใช่มั้ย ... ต้นต้องเข้มแข็งใช่มั้ย ห้ามร้องไห้ เป็นเด็กผู้ชายห้ามอ่อนแอ'

     ต้นน้ำสั่งตัวเองให้เข้มแข็ง เขาปาดน้ำตาแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนจะอาบน้ำตามปกติ เขายังมีหน้าที่รออยู่

     'เราจะหนีไปไหนดี… ช่างเถอะ ไปให้ไกลจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน เรายังไม่อยากเห็นหน้าพี่ชัชตอนนี้'

     ต้นน้ำคิดขณะเก็บเสื้อผ้าชุดนักเรียนและชุดลำลองลงกระเป๋า เขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ต้นน้ำอยู่ในชุดนักเรียนเตรียมตัวไปโรงเรียนตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต้นน้ำไม่ปล่อยให้สิ่งที่ชัยชัชทำมามีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ต้องทำก็คือสิ่งที่ต้องทำ เขาคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก!

     'ถ้าเรายังจะมีคุณค่าอะไรเหลืออยู่ในชีวิต ก็คงมีแต่เรื่องเรียนละมั้ง'

     ต้นน้ำนึกสมเพชตัวเองที่ดูเหมือนจะขาดแคลนทุกอย่างในชีวิตไปเสียหมด เกิดมาก็ไม่มีพ่อ แม่ก็ต้องทำงานหาเลี้ยงตนอย่างยากลำบากด้วยอาชีพที่ถูกใครต่อใครเหยียดหยาม เขาต้องทนฟังคำปรามาสตั้งแต่เล็กจนโต ถูกล้อเพราะมีลุงตุ้งติ้ง โดนรังเกียจ เข้าสังคมกับใครไม่เก่ง มองหน้าเพื่อนที่คิดว่าสนิทที่สุดไม่ได้ แถมยังถูกคนที่รักย่ำยี ชีวิตเขาจะมีอะไรบัดซบมากกว่านี้อีกไหม? ต้นน้ำได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ

     ต้นน้ำตั้งใจรอให้เลยเวลาเข้าแถวไปแล้วค่อยเข้าเรียน เขาไม่อยากตอบคำถามใคร แม้เขาจะยังไม่อยากเจอหน้าชัยชัช แต่เขาก็ยังไม่อยากมองหน้าแม็กซ์อีกเช่นกัน โชคดีที่ๆ นั่งของเขาอยู่ด้านหน้าเลยไม่ต้องเผชิญกับสายตาของแม็กซ์มากนัก

     'แค่นั่งหันหลังให้แบบนี้ก็อึดอัดจะตายอยู่แล้ว!'

     มือของต้นน้ำกำปากกาเสียแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีขาวซีด ซีดพอๆ กับใบหน้าไร้สีเลือดของเขา บนปากของต้นน้ำมีรอยแตกบวมแดงอยู่เล็กน้อย มิหนำซ้ำยังมีรอยช้ำอยู่ตามลำตัวทั่วไปหมด โดยเฉพาะรอยนิ้วที่ถูกบีบตรงข้อมือ
 
     ร่องรอยทรุดโทรมที่ปรากฏอยู่บนตัวของต้นน้ำชวนให้คนสงสัยใคร่รู้ บ้างก็ทายว่าเด็กหนุ่มอาจจะไปมีเรื่องชกต่อยมา แต่แม็กซ์รู้ดีว่าไม่ใช่ คนอย่างต้นน้ำไม่มีวันเงื้อหมัดใส่ใครถ้าไม่จำเป็น และที่สำคัญบนใบหน้าของต้นน้ำไม่มีรอยหมัดเหมือนเขา!

     ต้นน้ำหาโอกาสหลบเลี่ยงแม็กซ์ตลอดวันทั้งยังพยายามหลบสายตาไนน์อีกด้วย เขาแผ่ออร่าของคนที่อยากอยู่คนเดียวออกมาจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ จนกระทั่งพักกลางวันมาถึงต้นน้ำก็หนีออกจากห้องอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยสภาพสังขารของเขาที่อิดโรยเต็มทนเพราะไม่ได้นอนแทบทั้งคืนและความรู้สึกปวดแสบตรงแผลจากการอักเสบก็ทำให้มีไข้จนตัวรุมๆ นั้นก็ชวนให้ต้นน้ำอยากหาที่สงบๆ พักที่สุด

     'สงสัยต้องหาอะไรทานซักหน่อยแล้วไปขอยาที่ห้องพยาบาลดีกว่า เรายังไม่ได้ทานไรตอนเช้าเลยนี่นา รู้สึกแย่ชะมัด'

     ต้นน้ำเร่งฝีเท้าไปยังโรงอาหาร เขาตั้งใจจะหาอะไรทานแต่จู่ๆ ก็รู้สึกหน้ามืด ต้นน้ำไม่ทันระวังตัวจึงถูกชนจนทรุดลงไปกองกับพื้น

     “ว้าย! นาย นาย เป็นอะไรมั้ย?”

     และแล้วสติของเขาก็ดับวูบไป ต้นน้ำมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาลของโรงเรียนแล้ว เมษกำลังเอาสำลีชุบแอมโมเนียให้เขาดมอยู่ เขาปัดมือของเมษออกไปเบาๆ พลางขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง

     “เรามาอยู่ที่นี่ได้ไง?”

     “แม็กซ์มันอุ้มมา”

     เมื่อได้ฟังคำตอบนั้นต้นน้ำก็ชะงักไปทันที

     “จะ จริงเหรอ?”

     เมษมองหน้าต้นน้ำแล้วกลอกตาด้วยความเซ็ง

     “ย่ะ! คิดว่าสาวน้อยบอบบางอย่างฉันจะแบกแกมาไหวรึไงยะ”

     เมื่อเจอกับคนปากร้าย ต้นน้ำก็จำต้องสงบเสงี่ยม เขากลืนน้ำลายแล้วนั่งนิ่ง ต้นน้ำไม่สนิทกับเมษ รู้จักแค่ชื่อกับหน้าเพราะเรียนคนละห้อง เขาไม่รู้ว่าควรปฏิบัติตัวเช่นไรกับคนๆ นี้

     มองคนป่วยที่นั่งนิ่งเหมือนคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อแล้วเมษก็เพลีย ต้นน้ำเบิกตาจ้องเขาไม่พูดไม่จาเหมือนทำตัวไม่ถูก เขาตัดสินใจเริ่มบทสนทนา

     “โทรมเชียวนะแก ถามจริงไปโดนใครรุมโทรมมา”

     เมษถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจิกเล็กน้อยพลางเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเข้าที่

     “รู้ได้ไง เราอาจจะแค่ไม่ได้ทานข้าวเช้าก็เลยเป็นลมก็ได้”

     ได้ยินมือใหม่หัดแถตอแหลแล้วเมษก็เครียด ดูท่าต้นน้ำคงไม่รู้ตัวจริงๆ

     “แหม เป็นลมบ้านแกสิ โน่น! ดูกางเกงตัวเองก่อนเถอะ ขนาดนั้นไม่เรียกว่าโดนรุมโทรมก็แปลกแล้ว มีหวังอาจารย์แกคงนึกว่าชะนีที่มานอนก่อนหน้าแกเมนส์ทะลัก”

     เมื่อได้ยินดังนั้นต้นน้ำก็หน้าซีดทันที เขารีบพลิกตัวดูอย่างรวดเร็ว รอยเปื้อนเล็กๆ บนผ้าปูบ่งบอกให้เห็นว่าอาการของตนแย่เพียงใด และเมื่อเมษเห็นอาการของต้นน้ำ ต่อมขี้สงสารก็กำเริบ แม่พระออกโรง!

     “เอ้านี่”

     ต้นน้ำมองเมษที่ยื่นบางสิ่งบางอย่างมาให้แล้วทำหน้างง

     “อะไร?”

     “ผ้าอนามัย เอาไว้ซับเลือด”

     “จะดีเหรอ? นี่มันของผู้หญิง ไม่ยาอะไรที่กินหรือทาแล้วเลือดมันหยุดไหลเหรอ?”

     “โอ๊ย! อย่าเรื่องมากนักเลยหน่านังต้น! เอานี่ไปใช้ก่อน หรือแกจะเดินให้เลือดมันไหลหยั่งกับคนเป็นริดสีดวงแบบนี้”

     เมื่อได้ยินเพื่อนร่วมโรงเรียนแหวใส่ ต้นน้ำก็ไม่กล้าอิดออดอีก เขารีบเดินไปเข้าห้องน้ำด้านในห้องพยาบาลเพื่อจัดการธุระของตัวเอง โชคดีแท้ที่ขณะนี้เป็นเวลาพักกลางวันและอาจารย์ห้องพยาบาลก็ไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นเนื้อหาของบทสนทนาเมื่อครู่คงน่าอายไม่น้อย ต้นน้ำพบรอยเลือดบนกางเกงชั้นในสีขาวของเขาและสังเกตว่ามันซึมทะลุออกมายังกางเกงนักเรียน โชคดีที่กางเกงเป็นสีดำร่องรอยเลยดูไม่ชัดเท่าไหร่ เมื่อจัดการธุระเสร็จแล้วเขาก็ออกมาพบกับเมษที่ถือยาแก้ปวดรอไว้ในมือ พอเห็นต้นน้ำเมษก็ส่งยาให้ทันที

     “เอ้านี่ ละแกอย่าลืมไปหาอะไรกินด้วยนะ”

     “ขอบใจนะ”

     “เออๆ ไม่เป็นไร ฉันช่วยก็เพราะสงสารแกหรอกนะ เนี่ยแม็กซ์มันรออยู่ข้างนอก แกจะเอายังไง?”

     “นายไปบอกแม็กซ์หน่อยได้มั้ยว่าให้กลับไปก่อน เรายังไม่อยากคุยอะไรกับแม็กซ์ตอนนี้”

     พอได้ยินต้นน้ำพูด ต่อมมโนของเมษก็ทำงานเป็นตุเป็นตะ

     “แม็กซ์มันทำแกถึงขั้นนี้จริงๆ เหรอ ไหนยัยแอนห้องสี่มันคุยไปทั่วไงว่าเมื่อวานมันไปกับแม็กซ์มา”

     “เปล่า แม็กซ์ไม่ได้ทำอะไรเราหรอก”

     “อ้าว...”

     พูดถึงตรงนี้ต้นน้ำก็อดรู้สึกแย่ขึ้นมาอีกไม่ได้ เขาไม่ชอบเลยจริงๆ เขาไม่ชอบพูดคุยกับใครในเวลาแบบนี้เลย เขารู้ดีว่าตัวเองนั้นเปราะบางเกินกว่าที่จะอดทนได้เมื่อมีคนมาทำดีกับเขา

     “เอ้า! เป็นไรอีกละเนี่ย ร้องไห้ทำไมยะ”

     “เราไม่เป็นไร ฮึก

     'ทั้งๆ ที่พยายามกลั้นแล้วแต่ทำไมน้ำตามันถึงไหลไม่ยอมหยุดนะ แย่ชะมัด'

     เพราะจู่ๆ ต้นน้ำก็เกิดอาการบ่อน้ำตาตื้นกะทันหัน เมษจึงงง ต้นน้ำนั่งร้องไห้เงียบๆ พยายามกลั้นเสียงไว้สะอึกสะอื้นเสียจนตัวโยน ท่าทางเก็บกดชวนให้สงสาร เมษที่ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยนั่งลงข้างๆ พลางปลอบ

     “แกเป็นไรแกเล่าให้ฉันฟังได้นะต้น แกจะร้องไห้ออกมาก็ได้ฉันไม่ว่า ระบายกับฉันได้นะแก ถึงฉันจะไม่สนิทกับแกแต่ฉันยินดีช่วยแกนะ”

     เสียงอันอ่อนโยนปลอบเขาด้วยความเข้าอกเข้าใจ ต้นน้ำแพ้ทางคนทำดีกับเขาแบบนี้จริงๆ ไม่รวมถึงสัมผัสอุ่นๆ จากมือที่คอยลูบหลังเขาอยู่และความทุกข์ที่ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง สุดท้ายต้นน้ำจึงคายความลับทุกอย่างออกมาให้เมษฟัง

     “สรุปว่าแฟนแกเป็นคนทำแบบนี้กับแก เพราะเข้าใจผิดเรื่องแกกับแม็กซ์”

     “อื้อ”

     “แกจะโทษใครได้ล่ะนังโง่เอ้ย! ก็รู้อยู่ว่าแม็กซ์มันเป็นคนแบบไหน แล้วเล่นไปหามันถึงห้อง นี่แกไม่โดนมันปล้ำเอาก็บุญแล้ว เฮอะ! รอดจากแม็กซ์แต่กลับไปโดนแฟนตัวเองข่มขืนแทนเนี่ยนะ ฉันละปวดหัวกับแกจริงๆ”

     “ก็เราไม่อยากคุยกันที่โรงเรียนนี่เราอาย อีกอย่างเราอยากให้แม็กซ์รู้ว่าเราเชื่อใจแม็กซ์ เราเห็นแม็กซ์เป็นเพื่อนสนิทจริงๆ”

     “แต่แม็กซ์มันไม่ได้อยากเป็นเพื่อนแก มันอยากได้แกทำเมีย! นังต้นเอ้ย! แกรู้ป่าวว่านอกจากแม็กซ์แล้วมีอีกกี่คนที่มันคิดจะงาบแกอ่ะ นี่ถ้าที่ผ่านมาแกไม่ได้แอ๊บแมนแล้วก็มีแม็กซ์เป็นไม้กันหมานะ เผลอๆ แกโดนเล่นไปนานแล้ว ทั้งพวกที่ชอบแกจริงๆ กับพวกที่หมั่นไส้อยากปล้ำแกอ่ะ”

     “เรา...”

     “เอ้า! ยังมามองอีก เลิกทำหน้าโง่ได้แล้ว ก็แบบว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาแกอ่ะชอบทำท่าหยิ่งๆ ใช่มั้ยล่ะ? เลยมีคนหมั่นไส้แกเยอะพอสมควรเลย ยิ่งไอ้พวกรุ่นพี่ปีก่อนอ่ะ ที่มันเคยแซวแกไง ที่จริงอิรุ่นพี่คนนั้นก็เป็นเกย์นะ มันชอบแกจะตายแต่พอแกทำหยิ่งๆ ใส่มันแบบนั้นมันเลยแค้นแกอ่ะ แต่เพราะแม็กซ์มันกันไว้ให้แกเลยรอดมาได้นี่ไง ไม่เคยรู้ตัวเลยละสิ”

     เมษจิกตามองด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะพูดต่ออีกว่า

     “แต่แกอ่ะนะ โชคดีไปที่ดั๊นเกิดมาหน้าตาดีเลยมีชะนีชอบแกเยอะ ผิวก็ขาวไม่เตี้ยไม่สูงหุ่นกลางๆ แล้วแกก็ไม่ค่อยแสดงออกด้วย ฉันล่ะชื่นชมสกิลเก็กชงของแกจริงๆ ไหนจะยังมียัยเด็กตัวเล็กๆ ห้องเดียวกับแกอีก คนนั้นอ่ะ พวกมันเลยไม่แน่ใจว่าแกใช่รึเปล่า เลยไม่กล้าเข้ามาจีบแกตรงๆ แต่ฉันอ่ะว่าแล้ว... ว่าแกต้องใช่ แล้วแกก็ใช่จริงๆ ด้วย โอ๊ย! สูญเสียประชากรชายมาแย่งผู้ชายกับฉันไปอีกคน! หันไปทางไหนก็มีแต่พวกตั้งรับหาคนบุกไม่เจอ! เป็นไงละล่อซะตูดฉีกเลือดบานขนาดนี้ สะใจมั้ยล่ะแก”

     “เรา...”

     “พูดไรไม่ออก หึ๊! ฉันดูแกออกมาตั้งนานแล้วย่ะ แล้วแกรู้ป่าวอิแทนอ่ะ ที่มันสาวๆ หน่อยคนนั้นอ่ะ มันยังเคยบ่นว่าอยากเสียบแกเลยตอนที่มีข่าวออกมาว่าแกเป็นเมียแม็กซ์ ฉันก็พึ่งรู้นะว่าอินั่นมันเป็นสาวรุก อี๋! ผัวสาวกว่าเมีย!”

     “พอเหอะเมษ เราปวดหัว”

     “เอ๊า! ขอโทษๆ ฉันหมั่นไส้แกไปหน่อยเลยเผลอพล่ามซะเยอะ ใกล้หมดเวลาพักแล้วแกยังไม่ได้กินไรเลยนี่นา แกรีบไปเหอะฉันก็จะไปแล้วเหมือนกัน นี่ถ้าไม่ติดว่าแม็กซ์มันขอให้ฉันมาดูแกนะ แกอย่าลืมไปคุยกับมันด้วยล่ะ”

     “เดี๋ยวสิ! เรา...”

     “เออๆ ฉันรู้ว่าแกอึดอัด แต่คุยๆ ให้มันจบๆ ไปเหอะนังต้น สงสารแม็กซ์มันนะแก”

     “เราขอร้องอีกเรื่องนึงได้มั้ย?”

     “อะไรอีกย๊ะ?”

     “บ้านนาย วันนี้เราขอไปค้างบ้านนายคืนนึงได้มั้ย?”

     “เอ๊!”

     เมษลากเสียงสูงขึ้นอย่างตกใจแต่พอได้สติก็รีบตะครุบปากตัวเองทันที

     'ห้องพยาบาลไม่ควรใช้เสียง!'

     “แกจะไปนอนบ้านฉันทำไม! หนีออกจากบ้านมารึไง?”

     “อืม ทำนองนั้นแหละ ได้รึเปล่า?”

     “ไอ้ได้อ่ะมันก็ได้อยู่หรอก บ้านฉันไม่เคร่ง แต่แกเนี่ยนะ โอ้ยมายก็อด! ไม่นึกไม่ฝัน!”

     “นะ ขอร้องเถอะเมษ เราไม่รู้จะไปไหนแล้วจริงๆ เราไม่ค่อยมีเพื่อน”

     “อ้าว ก็แกเล่นไปหยิ่งกับคนอื่นซะเยอะนี่ สมน้ำหน้ามั้ยล่ะ ละถ้าฉันไม่สะดวกให้แกไปค้างแกจะไปนอนไหน?”

     “เรา... เราว่าจะไปเปิดห้องรายวันอยู่ซักสองสามวัน”

     “โอ้ย! ทำตัวน่าสงสารเกินไปละอีต้น!”

     “ก็เรายังไม่พร้อมจริงๆ นี่นา เรายังไม่อยากเห็นหน้าพี่ชัช แม่เราก็ยังไม่กลับ เราไม่อยากอยู่คนเดียว ละห้องของพี่ชัชก็อยู่ติดกันเรากลัว”

     “กลัวว่าเขาจะปล้ำแกอีกงั้นเหรอ?”

     “อื้อ”

     “เอ้า! เอาก็เอา แต่แกก็ไปคุยกับแม็กซ์มันให้เคลียร์ๆ ละกัน ฉันสงสารมัน หงอยจนไม่มีมาดแล้ว เห็นคนหล่อเล่นบทโศกแล้วฉันเศร้าใจ”

     “อืม ขอบคุณนะ”

     เมษเดินจากไปแล้ว แต่ต้นน้ำยังคงนั่งอยู่ เขารวบรวมความกล้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องพยาบาล ต้นน้ำพยายามบังคับตัวเองไม่ให้หันไปมองแม็กซ์ที่รออยู่หน้าห้อง

     “ต้น เป็นไงบ้าง?”

     แม็กซ์ถามด้วยความเป็นห่วง แต่ต้นน้ำยังคงเดินหนีเหมือนเสียงของแม็กซ์เป็นเพียงลมพัดผ่านเท่านั้น

     “ต้น”

     เมื่อเห็นอาการเฉยชาที่ต้นน้ำแสดงออกประหนึ่งเขาไม่มีตัวตน แม็กซ์ก็จับเบาๆ ที่ข้อพับแขนดึงให้ต้นน้ำหยุดเดิน แต่ต้นน้ำกลับสะบัดออกและหันมาพูดด้วยใบหน้าอาบน้ำตา

     “ขอบคุณนะที่ทำให้เราได้ประชดพ่อเราสมใจ! เราได้มีไรกับผู้ชายแล้ว ต่อไปนี้คงไม่ต้องรบกวนนายอีก!”

     ต้นน้ำคิดว่าเขาจะเห็นแม็กซ์โมโหหรืออาละวาดใส่เขาอีกเหมือนเมื่อวาน

     'เอาเลยสิ อาละวาดใส่เราเลย เหมือนที่พี่ชัชทำ!'

     แต่ว่านอกจากสายตาที่ดูปวดใจพอๆ กันจนแทบหลั่งน้ำตาแล้วแม็กซ์กลับยืนนิ่งๆ แม็กซ์ยื่นซองขนมปังสังขยาให้ต้นน้ำแทนการตอบโต้ด้วยถ้อยคำประชดประชัน น้ำเสียงที่ฝืนเอ่ยออกมาราบเรียบอย่างเสแสร้ง แต่ที่แฝงอยู่คือความเป็นห่วงที่ปิดบังกันไม่มิด

     “ต้นเป็นลม ป่านนี้โรงอาหารไม่มีไรเหลือแล้ว แม็กซ์เลยไปซื้อนี่มาให้ ต้นยังไม่ได้กินไรไม่ใช่เหรอ กินนี่ได้เปล่า? เอาน้ำไรมั้ย? เดี๋ยวแม็กซ์ไปซื้อให้”

     ท่าทีของแม็กซ์ทำให้ต้นน้ำสับสน

     “นายมาทำดีกับเราทำไม?”

     “เพราะแม็กซ์รักต้น”

     ต้นน้ำขยับปากจะพูดตัดบทแต่แม็กซ์ก็ขัดขึ้นเสียก่อน

     “แม็กซ์รู้แล้วว่าต้นไม่ได้รักแม็กซ์ แต่เห็นต้นเป็นแบบนี้แล้วแม็กซ์เป็นห่วง ต้นเห็นสภาพตัวเองมั้ย แม็กซ์โกรธต้นไม่ลงหรอก ส่วนนึงก็เพราะความผิดของแม็กซ์เอง ที่ทำให้ต้นมีปัญหากับแฟน”

     สายตาของแม็กซ์ที่มองมาในตอนนี้ดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ต้นน้ำเคยเห็นแม็กซ์มองเขาแบบนี้บ่อยๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่เขาไม่เคยใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ต้นน้ำคิดว่ามันก็เป็นแค่แววตาของคนที่เจ็บใจเพราะไม่สมหวังก็เท่านั้น แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าไม่ใช่ เพราะเมื่อเช้าตอนที่ส่องกระจก ต้นน้ำพบว่าตัวเองก็เผลอทำสายตาแบบนี้ในยามคิดถึงชัยชัชเหมือนกัน มันเป็นแววตาของคนที่ถูกคนที่ตัวเองรักหักหาญน้ำใจ!

     “มันเป็นคนทำใช่มั้ยต้น”

     “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย”

     ทั้งๆ ที่ถูกกระทำย่ำยีถึงเพียงนี้ แต่ต้นน้ำก็อดไม่ได้ที่จะปฏิเสธแม็กซ์ออกไป เขาไม่อยากให้คนตรงหน้าเข้ามาพัวพันกับปัญหานี้มากไปกว่านี้

     เมื่อแม็กซ์ได้ยินเช่นนั้นก็เกิดคลื่นอารมณ์ปั่นป่วนในช่องท้อง อารมณ์ผิดหวังตีกลับจนน้ำตาแทบหยด เขาคงต้องยอมแพ้แล้วสินะ? แม็กซ์ละสายตาจากดวงตาคู่สวยของต้นน้ำเสมองไปยังภาพบรรยากาศในโรงเรียนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับความจริงที่ตนเฝ้าปฏิเสธมาตลอด

     “มันเจ็บนะต้น ไอ้นั่นมันทำกับต้นขนาดนี้แล้วต้นยังทำท่าว่ารักมันอยู่ได้ แม็กซ์ก็ไม่รู้จะสู้ยังไงแล้ว แต่ขอเป็นห่วงกันแค่นี้คงไม่มากเกินไปใช่มั้ย? แม็กซ์ยังเป็นเพื่อนสนิทของต้นได้ใช่มั้ย?”

     คำประกาศยอมแพ้อย่างเป็นทางการของแม็กซ์ที่เค้นออกมาจากหัวใจที่หมดแรงจะยื้อสร้างผลกระทบมหาศาลกับความรู้สึกในใจของต้นน้ำ เขานิ่งไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะใช้สองมือปาดคราบน้ำตาบนใบหน้าออกไปลวกๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาๆ ลอดไรฟัน

     “เราไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณนายมากนะแม็กซ์ ขอบคุณสำหรับขนมปังด้วย นายไปเรียนเถอะ เราว่าจะไปหาไรทานแล้วกลับไปขอนอนพักต่อที่ห้องพยาบาล เรารู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ”

     “อืม ดูแลตัวเองล่ะ”

     “อืม”

     ต้นน้ำตอบรับเบาๆ พลางหันหลังเตรียมเดินจากไปแต่ทว่า...

     “ต้น”

     “อะไรเหร-”

     เร็วเกินกว่าที่ต้นน้ำจะทันระวังตัว เมื่อเขาหันกลับไปตามเสียงเรียกก็พบว่าแม็กซ์ได้เข้ามาประชิดตัวแล้ว แม็กซ์ส่งจุมพิตเบาๆ มาสัมผัสที่ริมฝีปากของเขาอย่างนุ่มนวล

     “แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะต้น”

     แม็กซ์อวยพรวันเกิดเขาด้วยจูบอย่างนุ่มนวล เมื่อแม็กซ์ผละออก เขาก็ยิ้มให้ด้วยสายตาที่อ่อนโยนเสียจนต้นน้ำใจหาย แล้วแม็กซ์ก็หันหลังเดินจากไปเงียบๆ ทิ้งให้ต้นน้ำยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างสับสน

     'ทำไมเราถึงเป็นแค่เพื่อนกันไม่ได้นะแม็กซ์'

============================================

แม็กซ์ไม่ใช่พระเอก แต่การกระทำพระเอกมาก ส่วนพระเอกอย่างพี่ชัช เอาไปเลย3คำ! "เลว เอี้ย เอี้ย!"

ฉากยกมือไหว้นั่นเคยโดนเพื่อนบอกว่าแรงไปด้วยแหละ แต่เอาจริงๆ นะ อยากใส่มากเลย มันหดหู่ดี
ข่มขืนนะเธอไม่ใช่ขายตรงจะได้เชิดหน้าให้เค้าปล้ำ! อารมณ์คนอยากรอดมันก็ต้องทำทุกอย่างแหละ จะได้เน้นความเลวของพี่ชัชด้วย ฮ่าๆ น้องต้นนอนเจ็บแทบตายเฮียแกยังมีอารมณ์ทำจนเสร็จ ไม่เอี้ยทำไม่ได้นะแบบนี้
แต่แล้วทุกอย่างก็โดนน้องเมษแย่งซีน นางโผล่มาเพื่อปราบดราม่าน้องต้น ฮ่าๆ

ไงล่ะ ชอบกันไม่ใช่เหรอ? พระเอกเลวๆ เจ้าชู้คาสโนว่า ตบจูบ ฉากข่มขืน คนเขียนเรื่องนี้ก็พยายามนะ แต่เอามาเขียนแบบตัดฉากฝันๆ พวกนั้นออกไปให้เหลือแต่ความจริงล้วนๆ แล้วมันก็จะได้ผู้ชายเต่าถุยธรรมดาๆ คนนึงนี่แหละ ฮ่าๆ
โดนคนอ่านตบแน่ๆ แฟนก็ด่าอยู่ว่าหัดใส่ความมุ้งมิ้งลงนิยายตัวเองซะบ้าง แต่ว่า... ขออีกนิดหน่า...
ชื่อเรื่องดราม่าควีนก็ต้องขายฉากดราม่าสิ ตัวละครหลักทำตัวดราม่ายังไงล่ะ! ส่วนพระเอกก็ทำตัวโง่งี่เง่าดีมั้ย? โดนคนอ่านเอาเม้าเขวี้ยงแน่ๆ โทษฐานต้มคนอ่านด้วยชื่อเรื่อง นึกว่าจะแนวเกาหลีเคะเอาแต่ใจแง๊วๆใส่เมะซื่อๆ ล่ะสิ ฮ่าๆ ขอโทษค้าบ

ติดตามตอนจบได้เร็วๆ นี้ อีก 2 ตอนก็จบแล้วล่ะ ทนๆ นิยายประหลาดเรื่องนี้กันหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: [บท10#21/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - พี่ชัชปะทะน้องต้น!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-09-2014 23:08:43
 :pig4:


ขอบคุณค่า   ไม่ได้เข้ามาหลายวัน  อัพหลายตอนแล้ว   :katai5:  ไปตามอ่านก่อนค่า   :pig4: again
หัวข้อ: Re: [บท10#21/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - พี่ชัชปะทะน้องต้น!
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 23-09-2014 00:57:18
คือขอเลยคำนี้ สมน้ำหน้าว่ะต้น ทำตัวเอง เคยจริงใจกับใครบ้างไหม สมควร อยากลองเล่นกับไฟก็ต้องยอมรับผลไหม เอาจริงเพราะทำตัวเองทั้งนั้นปะต้น สันดานเลวเอง แค้นพ่อแล้วไง หลอกคนอื่นเห็นคนอื่นเป็นของเล่น บอกเลยถ้านี่เป็นแมกซ์ คงเอาคืน ไม่ใช่ตัวตลก อีกอย่างทั้งรักทั้งแค้น ส่วนไอ้ พี่ชัชก็เหี้ยอะ ข่มขืนนะเฮ้ย แมร่งเลว ชาติชั่ว สันดาร เป็นผู้ชายปะวะ ข่มขืนแต่ไม่ทีความผิดคิดว่าต้นเป็นแฟน ไม่นานก็ให้อภัยงั้นสิ ตรรกะของคนเลวที่เห็นแก่ตัว
ส่วนนายแมกซ์ ไม่มีอะไรจะพูด เพราะนายไม่ผิดอะไรเลย คนผิดคือไอ้ต้นน้ำโดนแค่นี้น้อยไปปะ ลองนึกดูในชีวิตจริง มันมี หมั่นไส้จับรุมโทรม โลกมันโหดร้าย นี่ยังดีที่คนที่ทำยังเป็นไอ้เหี้ยพี่ชัช  แต่แมร่งก็เลวอยู่ดี แต่สมกันละ เลวกะตอแหลมาปะกัน
หัวข้อ: Re: [ภาค1#24/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - จุดเริ่มต้นของคำว่าเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 24-09-2014 21:44:45
ชีสวย ชีเริ่ด ชีเอาต้นน้ำอยู่หมัด แม้ชีจะเป็นดอกไม้ปลอม ชีคือน้องเมษ

เนื้อเรื่องสิ....


- บทคั่น -
##### บทเรียนชีวิตของเด็กเลี้ยงแกะ #####

     ต้นน้ำมาพักบ้านเพื่อนคนอื่นนอกจากแม็กซ์เป็นครั้งแรก การไปนอนค้างที่อพาร์ทเม้นท์ของแม็กซ์ไม่ทำให้รู้สึกแปลกอะไรเนื่องจากแม็กซ์เองก็อยู่คนเดียว แต่การมาค้างคืนที่บ้านของเมษสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับเขา บ้านของเพื่อนคนนี้อยู่กันเป็นครอบครัว บ้านไม้สองชั้นหลังเล็กในซอยลึกย่านชุมชนระดับล่าง หน้าบ้านเปิดเป็นร้านอาหารตามสั่ง มีแม่ของเมษเป็นแม่ครัว ส่วนผู้เป็นพ่อมีอาชีพขับรถสองแถวรับจ้าง แม้ไม่รวยมากแต่ก็ไม่ฝืดเคืองเนื่องจากพี่สาวของเมษทำงานแล้วจึงช่วยส่งเงินมาจุนเจือครอบครัว

     สภาพครอบครัวที่เป็นไปอย่างครอบครัวคนปกติควรจะเป็นสร้างความสะเทือนใจไม่น้อยสำหรับเขาที่ทะเลาะกับแฟนจนหนีจากบ้านในวันเกิดของตัวเอง ไม่ค่อยมีใครรู้มากนักว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา มีแต่ไนน์และแม็กซ์ที่รู้ แต่ด้วยสภาพของเขาที่เป็นเช่นนี้ แม้แต่ไนน์ก็ยังไม่กล้าเข้ามาทักทายตามปกติ เขาจงใจหลบสายตาและเลี่ยงไนน์ตลอดทั้งวัน

     “เอ้า เข้ามาๆ นี่ห้องฉันเอง พี่สาวฉันย้ายไปอยู่กับผัวมันละ ฉันเลยยึดห้องสบาย”

     เมษกล่าวเชื้อเชิญพลางชี้ให้ต้นน้ำดูมุมที่เขาจะวางกระเป๋าได้ ต้นน้ำมองดูห้องที่เต็มไปด้วยข้าวของสีชมพูสดใสแล้วก็เผลอทำหน้าแปลกๆ

     “แหมนังนี่! คิดว่าห้องฉันเริ่ดละสิ หน้าตาชื่นชมมากเลยนะแก”

     แม้เมษจะจีบปากจีบคอประชดใส่แต่ก็ไม่ได้โกรธจริงจัง แต่ต้นน้ำไม่รู้ใจเมษจึงทำตัวไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าควรจะวางตัวอย่างไรกับเพื่อนสาวคนนี้

     “เปล่า ก็ไม่ได้เกลียดอะไร แต่... นายแต่งห้องนี้เองเหรอ?”

     “จะพูดไรก็พูดมาตรงๆ เลยดีกว่านังต้น มีไรอยากพูดก็พูดมาเถอะถึงขั้นนี้แล้ว”

     เมษนั่งลงบนเตียงพลางเริ่มปลดเข็มขัดและปล่อยชายเสื้อออกจากางเกง

     “ก็แค่คิดว่าแม่นายดูใจดีจัง”

     “แกจะถามฉันว่าทำไมพ่อแม่ฉันไม่ตบเอาทั้งที่เป็นตุ๊ดใช่มะ? แกเห็นตู้เสื้อผ้าตรงนั้นมั้ย”

     ต้นน้ำหันไปมองตามที่เมษชี้ ตู้เสื้อผ้าสีซีดจางที่ครั้งหนึ่งคงเคยเป็นสีชมพูปรากฏสู่สายตา

     “นั่นน่ะของพี่สาวฉัน พอเกิดมาก็ต้องรับช่วงของใช้ต่อจากพี่เกือบทุกอย่าง ฉันใส่เสื้อผ้าเด็กผู้หญิงมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ แต่คนมันสวยอะนะ ยิ่งโตก็เลยยิ่งชอบ สมัยก่อนบ้านยังเป็นชั้นเดียวอยู่เลยฉันก็เลยต้องนอนกับพี่ ฉันก็ชินกับข้าวของพวกนี้ ละพอรู้ตัวฉันก็รู้สึกว่าตัวเองเกิดมาเพื่อสิ่งนี้แล้วล่ะ อารมณ์แบบว่ารู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกสาวของบ้านมาตั้งแต่เกิดละ”

     “นายเทคยาคุมด้วยใช่มั้ย?”

     “เอ๊ะ! ทำไม? แกอยากลองมั่งรึไง?”

     เมษหันมาถามพลางทำสายตาจับผิดเสียจนต้นน้ำต้องรีบปฏิเสธ

     “เปล่าไม่ใช่! แค่สงสัยว่ามันไม่อันตรายเหรอ พ่อกับแม่นายไม่ว่าอะไรรึไง”

     “ก็ฉันเห็นพี่ฉันมันสวยก็เลยอิจฉาละมั้ง ตอนเด็กๆ เคยชอบพี่ผู้ชายอยู่คนนึงแต่มันดันไปชอบพี่ฉัน ก็เลยคิดว่าถ้าฉันมีนมบ้างก็คงมีคนมาชอบเหมือนกันก็เลยแอบซื้อยามากิน มันก็ไม่ดีหรอกนะแกริกินยาคุมตั้งแต่ประถม แต่คนมันอยากสวยนี่นา กว่าพ่อกับแม่จะรู้เขาก็ทำไรไม่ได้แล้ว แต่ฉันว่าเขาก็คงพอรู้ล่ะเพราะฉันเรียบร้อยมาตั้งแต่เด็ก ขอแค่ไม่แรดจนทำให้พ่อแม่ต้องขายขี้หน้าบ้านฉันก็ไม่ว่าไรหรอก ฉันคงโชคดีละมั้งที่เกิดมาในครอบครัวนี้”

     “อืมนั้นสิ บ้านนายนี่น่าอิจฉาดีเนาะ”

     “ทำไมล่ะ? แกมีปัญหาที่บ้านเหรอนังต้น แกก็ดูบ้านรวยดีออก ใครๆ ก็บอกว่าแม่แกสวยจะตาย สมัยนี้ไม่มีพ่อหรือไม่มีแม่พวกเด็กที่ผู้ปกครองหย่าร้างกันมันธรรมดาจะตายไป แกจะมานั่งคิดมากทำไมกับเรื่องแบบนี้ย๊ะ หรือว่าแม่แกรับไม่ได้ที่แกเป็นเกย์”

     “ไม่ใช่หรอก แม่เรารู้เรื่องเรากับพี่ชัช”

     “อ้าว? ก็ดีไม่ใช่เหรอ แล้วแกจะมานั่งเครียดอะไรอีก แม่แกรับได้ก็ดีแล้ว ผัวคนนี้ไม่ดีไว้ค่อยหาใหม่ก็ได้ ไม่ก็ให้แม่แกหาผัวใหม่ให้เลยเป็นไง”

     “บ้าแล้ว หึๆ ฮ่าๆ”

     อารมณ์ขันช่างประชดประชันของเมษทำให้ต้นน้ำหัวเราะด้วยความขำ เขาไม่นึกเลยว่าเพื่อนร่วมโรงเรียนที่เคยรู้จักแค่ชื่อกับหน้าตาจะกลายมาเป็นเพื่อนคนที่สองที่เขาไปค้างด้วย แถมยังช่วยปลอบใจเขาอีกหลายเรื่อง

     “ขอบคุณนะเมษ นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในวันเกิดเราเลยแหละ”

     สีหน้ายามหัวเราะของต้นทำให้เมษชะงักไปพอสมควร

     “อ้าว! วันนี้วันเกิดแกเหรอ?”

     “อื้ม แต่ช่างมันเถอะ”

     ต้นน้ำช่างแต่เมษไม่ช่าง! เมษรู้สึกหงุดหงิดกับนิสัยของต้นน้ำ

     “แกทะเลาะกับแฟน แถมแม่แกก็ติดงานไม่อยู่ แล้วแกก็ไม่บอกใครเรื่องวันเกิด โอ๊ย... อีต้น! แกนี่จะปากหนักเกินไปแล้ว บางครั้งเรื่องในชีวิตปล่อยให้มันง่ายๆ มั่งก็ได้นะยะ แกตามฉันมาถึงบ้านขนาดนี้แล้วแค่เรื่องวันเกิดบอกกันหน่อยก็ได้”

     “เอาน่า ไม่สำคัญหรอกเราชินแล้ว แม่เราทำงานแบบนี้ตลอดแหละ ไม่มีคนฉลองด้วยอีกซักปีจะเป็นไร อีกอย่างเราเกรงใจนาย มาขอค้างบ้านนายก็เกรงใจจะแย่แล้ว”

     ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต้นน้ำก็มักจะยิ้มกลบเกลื่อน แต่อย่างน้อยคราวนี้รอยยิ้มของเขาก็ไม่ได้มาจากการกลบเกลื่อนเพียงอย่างเดียว ต้นน้ำสบายใจมากจริงๆ เขาจึงยิ้มให้เพื่อนอย่างสดใสเล่นเอาเมษมองตาค้าง

     “โอ๊ย เสียดาย”

     “หือ?”

     “เสียดายที่คนหล่อแบบแกดั๊นมีผัวไปซะแล้วน่ะสิ เฮ๊อะ! ผู้ชายแท้ๆ หายากขึ้นทุกวัน”

     น้ำเสียงดัดจริตและท่าทางที่เมษแสดงออกมาแบบโอเวอร์ชวนให้ต้นน้ำหัวเราะ เขาย้อนกลับไปเบาะๆ

     “ด่าตัวเองเหรอเมษ”

     “อีนี่!”

     “ฮ่าๆๆๆ”

     แม้จะกะทันหัน แต่อาหารเย็นมื้อพิเศษที่ประกอบด้วยเมนูโปรดของต้นน้ำ แกงเขียนหวานไก่และเค้กก้อนเล็กๆ จากร้านสะดวกซื้อที่เมษลงทุนวิ่งไปซื้อมาก็ทำให้ต้นน้ำมีความสุขมากในปีนี้ พ่อกับแม่ของเมษดีต่อเขามาก แม้ต้นน้ำจะรู้สึกไม่ค่อยดีกับสายตาของลูกพี่ลูกน้องชายที่อายุมากกว่าเมษสองปีแต่เขาก็พยายามไม่ใส่ใจ เมื่อทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้วเมษก็บอกให้ต้นน้ำไปอาบน้ำก่อนได้เลยเพราะลูกสาวคนเล็กของบ้านต้องช่วยแม่เก็บล้างจานชามอีกครู่หนึ่ง

     ต้นน้ำถือเสื้อผ้าสำหรับผลัดตรงไปยังห้องน้ำ เขาอาบน้ำอย่างสบายใจโดยไม่ทันระวังตัวเนื่องจากกำลังอิ่มเอมกับความรู้สึกอบอุ่นของคำว่าครอบครัว ต้นน้ำอาบน้ำพลางสำรวจร่างกายของตน เขารู้สึกดีขึ้นพอสมควร ร่องรอยต่างๆ แม้จะยังชัดอยู่แต่ก็ไม่ปวดมากนักเมื่อได้ทานยาและนอนหลับพักผ่อนไปตลอดช่วงบ่าย จนกระทั่งเขาเสร็จธุระในห้องน้ำ เขาตกใจเมื่อออกมาแล้วพบว่าพี่ชายของเมษยืนอยู่หน้าห้องน้ำ สายตาไม่น่าไว้ใจทำให้ต้นน้ำรู้สึกระแวง

     “จะใช้ห้องน้ำเหรอครับ? ขอโทษครับ ผมเผลออาบน้ำซะนานเลย”

     “มึงน่ะ ผัวไอ้เมษเหรอ”

     สายตาชวนขนลุกกับคำพูดน่ารังเกียจทำให้ต้นน้ำรู้สึกขยะแขยง

     “พูดจาไม่ให้เกียรติน้องตัวเองเลยนะครับ”

     “พี่ช้าง! ทำอะไรเพื่อนหนู อย่ามาแกล้งเพื่อนหนูนะ”

     เมษที่เดินผ่านมาทางหลังบ้านส่งเสียงมาแต่ไกลแล้วรีบวิ่งเข้ามาหา ชายที่ชื่อช้างทำหน้าเซ็งเล็กน้อยแต่ก็ยังอุตส่าหันมาต่อปากต่อคำกับต้นน้ำ เขาพูดขึ้นเบาๆ จงใจให้ได้ยินกันสองคน

     “แต่ดูจากที่เห็นแล้วไม่น่าจะใช่ผัวนะ สนใจอยากเป็นเมียพี่อีกคนด้วยมั้ยน้อง หึๆ ถ้ามาหาพี่ที่ห้องคืนนี้รับรองจะพาไปสวรรค์ ลีลาพี่ดีกว่าเยอะรับรองไม่มีเจ็บ”

     ต้นน้ำเกลียดคนแบบนี้ที่สุด! ความหยิ่งผยองบงการให้เขาหยิบหน้ากากออกมาใส่ ใบหน้ามึนตึงแปรเปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้ม เขาใช้สายตาเชิญชวนเอ่ยท้าทายเป้าหมายของตน

     “จะดีเหรอครับ ผมไม่รังเกียจหรอกนะครับ ชอบอยู่แล้ว แต่พอดีเมื่อวานผมพึ่งถูกเพื่อนหลอกไปโทรมมาเนี่ยสิ แถมไม่ยอมใช้ถุงด้วย ผมยังเครียดอยู่เลยครับไม่กล้าไปตรวจเลือด แต่ครั้งเดียวคงไม่เป็นไรหรอก ถ้าพี่ไม่ถือ...”

     ต้นน้ำตีบทแตกกระจุย! เขาแกล้งทำสีหน้ากลัดกลุ้มก่อนจะทำเป็นไม่ใส่ใจแล้วเอ่ยเชิญชวนต่อ แต่ยังไม่ทันจบประโยคช้างก็หน้าซีดไปทันที ชายหนุ่มเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เมษงงเป็นไก่ตาแตก

     “แกพูดไรกับมันอ่ะต้น หนีไปเลย”

     “ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่ผู้ชายคนนี้...”

     “อย่างที่แกคิดแหละ ลุงเขาฝากมาอยู่ด้วย เมื่อก่อนมันชอบทำรุ่มร่ามกับพี่สาวฉันจนพี่ฉันย้ายหนีมันไปไง ไม่กล้าบอกพ่อ แต่ถ้ามันไม่บ้าจี้ถึงขนาดปล้ำฉันๆ ก็ไม่เอาเรื่องมันหรอก ไม่อยากกัดกับหมา”

     “แล้วถ้า...”

     “โอ๊ย! แม่ฉันขายกับข้าวอยู่บ้านทุกวัน โอกาสมันไม่เกิดง่ายๆ หรอกแก ถึงฉันจะเป็นตุ๊ดฉันก็เลือกนะย๊ะ ถ้าเกิดไรขึ้นก็สู้ตายไว้ก่อนแหละ แกอาบน้ำเสร็จก็ดีละฉันจะได้อาบมั่ง ไปๆ แกไปห้องก่อนเลย ล็อกห้องไว้ด้วยละแกฉันไม่อยากนับญาติกับแกย่ะ”

     เมื่อเมษอาบน้ำเสร็จก็มาเคาะประตูห้อง ต้นน้ำเปิดประตูให้เจ้าของห้องเข้ามาก่อนจะเดินไปนั่งบนฟูกที่ปูขึ้นเพื่อใช้เป็นที่นอนของตัวเองในคืนนี้ เขามองตามเมษที่ตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้งแล้วเริ่มบรรจงทาครีมต่างๆ ลงบนตัว

     “มองไรย๊ะ เกิดอยากเปลี่ยนใจเป็นผัวฉันรึไง”

     “เฮ้อ... หลงตัวเอง”

     “ทำไมล่ะก็คนมันสวย ว่าแต่แกเถอะ แผลเป็นไงมั่ง?”

     เมษหันมาถามด้วยสีหน้าจริงจังเสียจนต้นน้ำรู้สึกกระดากอาย

     “อืม... เลือดหยุดไหลแล้ว”

     เกิดความกระอักกระอ่วนขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เมษจะตัดสินใจถามออกมา

     “ถามจริง มันเจ็บมากเลยเหรอ ครั้งแรกเนี่ย”

     ต้นน้ำมองหน้าเพื่อนพลางนิ่วหน้าสงสัย

     “นายไม่เคยหรอกเหรอเมษ ก็ตอนนั้น...”

     “โอ๊ย! กินกล้วยกับโดนแทงมันคนละเรื่องกันนะนังนี่! ตอนนั้นฉันก็ไปมุดเต็นท์ผู้ชายตามๆ พวกมันไปงั้นแหละ ใครจะไปรู้ว่าส้มจะหล่นอิแม็กซ์มันจะเลือกฉันหนีอีนนนี่ แกก็ไม่น่ามาขัดจังหวะเลย”

     “ก็เราปวดฉี่นี่... ว่าแต่ นายไม่เคยจริงๆ เหรอ เรานึกว่า...”

     “เอ๊ะนังต้น! ก็บอกว่ามันไม่เหมือนกันไง ถึงฉันจะแรดแต่ก็ไม่ร่านนะย๊ะ ยังไม่อยากมีผัวหรอกย่ะ”

     “มันไม่เหมือนกันยังไง เราถามได้มั้ย”

     “ปากแกก็ไม่เคยงั้นสิ”

     “อืม”

     ต้นน้ำตอบอย่างเอียงอาย ก็ตอนครั้งแรกของเขามันเกิดขึ้นในสถานการณ์ไม่ปกตินี่นา เลยออกจะตบจูบพิศาลมากไปหน่อย ไม่มีการเล้าโลมใดๆ ทั้งนั้น ชัยชัชนึกจะยัดก็ยัด ผลมันก็เลยแหกจนเขาต้องเจ็บตัวแบบนี้

     “ก็ฉันน่ะอยากเป็นผู้หญิงนะ แต่ฉันกลัวว่าถ้าฉันทำแบบนั้นไปแล้วฉันจะไม่ใช่ผู้หญิงอีก แกเห็นพวกเกย์สาวแตกพวกนั้นมั้ย ตอนแรกๆ ก็เป็นตุ๊ดเด็กทั้งนั้นแหละ แต่งหญิงตามโอกาส แต่ใครจะมารักตุ๊ดล่ะ? ก็เลยต้องแมนเพื่อหาผัว ไปๆ มาๆ ก็มั่วในหมู่เก้ง แยกไม่ออกใครผัวใครเมีย อิพวกตุ๊ดก็หาคนรุกไม่ได้คิดจะรักใครก็ต้องทำใจบางวันอาจจะต้องทำหน้าที่ผัว ฉันไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนั้น ฉันอยากเป็นผู้หญิงทั้งตัวและหัวใจนะแก ขอยืนหยัดเพื่อเป้าหมายสูงสุดนี้ดีกว่า เรื่องอย่างว่าฉันไม่แคร์! รอฉันเฉาะก่อนเถอะ สวยๆ ครบเครื่องอย่างฉันรับรองผู้ชายหลง แต่... แบบ... แค่ถวายบัวเนี่ย มันยกเว้นใช่มั้ยล่ะ แบบว่า... นะ ใครๆ ก็ทำกัน ฝึกไว้ก่อน เวลามีผัวจะได้เป็นงาน”

     คำตอบจากเมษทำให้ต้นน้ำอึ้ง แต่เขาก็อึ้งได้ไม่นานเมื่อโดนรุกถามคำถามกลับเช่นกัน

     “ว่าแต่แกเถอะ แล้วตกลงจะเอายังไงเรื่องแฟนแก แกยังรักเขาอยู่ป่ะ?”

     “รักสิ รักมากด้วย แล้วก็เสียใจมากๆ ด้วยที่เขาทำแบบนั้นกับเรา”

     ต้นน้ำตอบแบบไม่ต้องคิด เขาไม่อยากโกหกความรู้สึกตัวเอง ในตอนนี้เขาใจเย็นขึ้นแล้วและรู้สึกถึงอารมณ์ที่มั่นคงกว่าเดิมของตน ต้นน้ำกำลังทบทวนความรู้สึกของตัวเอง และการได้มาค้างคืนกับเมษพบเห็นภาพบรรยากาศครอบครัวที่อบอุ่นมีเพื่อนดีๆ คอยช่วยเหลือก็ทำให้เขารู้สึกเข้มแข็งมากขึ้น

     “แก อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ แกเห็นพ่อแม่ฉันมั้ย แม่ฉันเล่าว่าเมื่อก่อนพ่อติดเหล้ามากๆ มันก็มีนะบางทีที่เมาแล้วทะเลาะกันจนเผลอลงไม้ลงมือ มันก็ไม่ดีหรอก แต่สุดท้ายพ่อก็จะมาขอโทษแม่ทุกครั้ง แม่ก็ทนๆ จนเกือบจะเลิกกันแล้ว จนตอนสุดท้ายนั้นแหละที่แม่ทนไม่ไหวหอบผ้าหอบผ่อนจะพาพี่ฉันหนีกลับบ้านนอก พ่อฉันบุกไปตามถึงบ้านตาเลยนะ โดนตายิงเอาเกือบตาย แต่แม่ฉันวิ่งมาขวางไว้ สุดท้ายก็เพราะรักนั่นแหละ ตาให้พ่อสัญญาว่าจะดูแลแม่ฉันดีๆ ไม่กินเหล้าอีก แล้วพ่อฉันก็รักษาสัญญานะแก ทุกวันนี้ถึงมีดื่มบ้างก็ไม่มาก ไม่กล้าหือกับแม่ฉันด้วย ถ้าแฟนแกเป็นคนขี้โมโห แกรักเขาแกก็ต้องอดทนหน่อยแหละ เรื่องนี้แกเองก็มีส่วนผิดเต็มๆ เลยนี่นา เขาอาจจะหน้ามืดไปหน่อยก็ได้เลยปล้ำแกอ่ะ”

     “อืม... ไม่รู้สิ เราก็รู้ตัวนะว่าผิด แต่มันก็... มันเจ็บนะเมษ ถ้าเป็นคนอื่นทำมันไม่เจ็บเท่าคนที่เรารักทำเราหรอก”

     “ก็เพราะว่าแกรักเขาน่ะสิแกถึงต้องทน ยกเว้นว่าหมดรักกันแล้วก็เลิกรากันไปไม่ต้องทนแล้ว แกจะไม่ให้โอกาสเขาหน่อยเลยเหรอนังต้น เท่าที่ฟังแกเล่ามาฉันยังอิจฉาแกเลย ดูแล้วแบบว่าโรแม๊นซ์สุดๆ อ่ะ”

     “ขนาดนั้นเลยเหรอ?”

     “อื้อสิ ฉันล่ะอิจฉาอยากโดดไปแทนแกจริงๆ เลย ถ้าฉันเจอผู้ชายดีๆ แบบนั้นบ้างก็ดีสิ ว่าแต่... แกไม่ได้เป็นแบบฉันจริงๆ เหรอนังต้น”

     “หมายถึงอะไร?”

     “ก็หมายถึงว่า แกเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิงน่ะสิ”

     “เรา... เราตอบไม่ได้อ่ะ เราไม่ได้รู้สึกแย่อะไรนะที่ตัวเองเป็นผู้ชายแบบนี้ แต่ถ้าได้เกิดเป็นผู้หญิงจริงๆ มันก็คงดี ถ้าเราเป็นผู้หญิงเราก็แต่งงานมีลูกกับพี่เขาได้ ที่เราคิดแบบนั้นเพราะเรารักพี่เขาใช่มั้ยเมษ? ถ้าเราไม่เจอพี่เขาเราก็คงไม่รู้สึกอะไรแบบนี้หรอก”

     “แล้วเรื่องที่แกอยากประชดพ่อแกล่ะต้น?”

     คำถามของเมษทำให้ต้นน้ำอึ้ง เขาฉุกคิดขึ้นมาได้

     “ไม่รู้สิ บางทีเราอาจจะชอบผู้ชายมาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้มั้ง เราเลยคิดบ้าๆ แบบนั้นไปได้ ก็เราไม่มีพ่อนี่ มันก็ช่วยไม่ได้ถ้าเราจะโหยหาความอบอุ่นจากผู้ชาย เราอยากให้มีผู้ชายซักคนมารักเรา”

     “เก็บกดจริงนะแก”

     “ก็เราอยู่กับแม่สองคนนี่นา มันก็ช่วยไม่ได้ถ้าเราจะหลงรักพี่ชัช พี่เขาแมนจะตาย”
 
    “ย่ะ! แมนมว๊าก ข่มขืนแกตามตำราพระเอกไทยเป๊ะ! ขาดแคลนผู้ชายมากเหรอยะ หมั่นไส้!”

     “บ้า! ไม่ถึงขนาดนั้น อืม... ตอนเด็กๆ นะ เรามีลุงอยู่คนนึง เขามาช่วยดูแลเรากับแม่ เรายังเคยคิดอยากให้เขามาเป็นพ่อของเราเลยนะ แต่ว่าลุงเขาชอบผู้ชาย เขากับแม่เราก็เลยเป็นได้แค่เพื่อนกัน แม่เราไม่ยอมแต่งงานกับลุงเขา สุดท้ายลุงเขาไปมีแฟนเป็นผู้ชายก็จริงแต่ก็ยังปิดบังคนที่บ้านอยู่ไม่กล้าบอกใครจนพ่อแม่ลุงเขาเสียหมดแหละ”

     “เฮอะแม่แกคงกลัวแกเป็นเบี่ยงเบนมั้ง เลยไม่กล้าแต่งกับลุงแก แต่เอาเหอะสุดท้ายแกก็เป็นเกย์ตามลุงแกไปจนได้”

     “ไม่รู้สิ แต่ถึงลุงแกจะเปิดเผยว่าเป็นเกย์แล้วแต่ก็ไม่ค่อยเห็นแกมีใครนะ แกแค่แฮปปี้กับการใช้ชีวิตแบบของแกอ่ะ ทำนองว่าไม่อยากปกปิดตัวเองอีกต่อไป ส่วนเรื่องความรัก... แกบอกว่าสำหรับคนแบบแกอ่ะ หารักแท้ยาก...”

     “แกก็เลยกลัวเรื่องแกกับแฟน”

     “อืม”

     “คิดไรมากนังต้นอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มีความสุขกับวันนี้ไปก่อนสิยะ แฟนแกไม่ใช่เกย์ซะหน่อย ยังไงก็คงรักกันยืดกว่าคบเกย์ด้วยกันแหละ เพราะไม่ต้องกังวลว่าผัวตัวเองจะแอบไปเป็นเมียใคร แกก็แอ๊บๆ ละมุนนีหน่อยเค้าจะได้หลงแก ถ้ากลัวแฟนแกได้หน้าละจะลืมหลัง แกก็ปรนเปรอจนเขาลืมหลังแกไม่ลงเลยไง แกจะได้ไม่ต้องกลัวโดนเขาทิ้ง”

     “บ้า... ปรนเปรออะไร เจ็บจะตายหยั่งกับถูกฉีก”

     “แหมๆ ทำมาว่าฉัน ถ้าเมื่อคืนแฟนแกเขาไม่เมาไม่ทำรุนแรงกับแก เริ่มแบบนิ่มๆ นุ่มนวลกับแก มีบิ๊วอารมณ์ ต้นครับเป็นของพี่นะครับ แกจะตกใจหนีมาแบบนี้มั้ยยะถามจริง อ๊าย! มาทำหน้าแดง ใจจริงแกก็คิดอยากโดนแบบนั้นอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ แหมทำมาเป็นพูดดี โอ๊ยอิจฉาอ่ะ! หาผัวมั่งดีกว่ามั้ยเนี่ยฉัน”

     ต้นน้ำไม่ได้ตอบอะไรได้แต่อมยิ้มเขินหน้าแดง พลางหลบสายตาล้อเลียนของเมษ

     “บ้า! ไหนบอกไม่สนใจผู้ชายไง”

     “ใครบอกไม่สน ฉันสน แต่รอฉันสวยก่อน”

     เด็กทั้งสองแหย่กันไปมาจนกระทั่งความหมั่นไส้ของเมษพุ่งสุดขีด เมษทั้งหมั่นไส้ปนเอ็นดูต้นน้ำอย่างบอกไม่ถูก

     “โอ๊ย! พอแล้ว นอนๆ เดี๋ยวนอนดึกแล้วผิวฉันเสียหมด”

     เมษเดินไปปิดไฟก่อนจะเดินมาล้มตัวลงบนเตียงที่สีชมพูลายแมวเหมียวคิตตี้ แต่แล้วจู่ๆ เขาก็พูดขึ้น

     “นังต้น แกหลับรึยัง?”

     “อือ”

     “หลับบ้านแกสิอือได้ ... นี่แก ฉันดีใจนะที่ได้คุยกับแก มัวแต่หลงไปคบกับอีนนนี่ตั้งนานเสียเวลาชะมัด เสียดายฉันกับแกน่าจะซี้กันไวๆ กว่านี้ไม่น่ารอถึงมอหกเลยอ่ะอีกไม่กี่เดือนพวกเราก็จะจบกันละ”

     เมษชะโงกหน้ามามองต้นน้ำที่นอนอยู่ข้างเตียงพลางพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า

     “ความจริงถ้าแกไม่มัวแต่เก๊กไม่ทำตัวหยิ่งๆ แกก็คุยสนุกดีนะต้น นิสัยแกก็ดีอยู่แล้ว จำตอนมอห้าได้มั้ย ที่แกทำดีกับฉันไม่ใช่เพราะแกเป็นเกย์เลยไม่ดูถูกตุ๊ดแบบฉัน แต่แกทำดีกับฉันก็เพราะแกเป็นคนให้เกียรติคนอื่นอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ต่อให้แกโดนคนอื่นหาเรื่อง แกก็อดทนไม่ตอบโต้ใคร ฉันชอบนิสัยตรงนั้นของแกนะ แต่บางทีฟังจากที่แกเล่ามาฉันก็ว่าแกเก็บกดมากไปหน่อย แต่ไงก็เถอะฉันดีใจนะที่ได้เป็นเพื่อนกับแก”

     อาจจะเพราะสายตาจริงใจกับหน้าเงามันสะท้อนแสงไฟด้วยไนท์ครีมของเมษเลยทำให้ต้นน้ำอดกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่ไหว เขายิ้มออกมาจากใจทั้งความขำและความสบายใจ

     “อื้ม เราเองก็ดีใจที่มีโอกาสพูดคุยกับนาย นายทำให้เราอยากลองเปิดใจมีเพื่อนคนอื่นๆ เพิ่มขึ้นนะเมษ นายเป็นคนดีมาก ยอมช่วยเราทั้งๆ ที่ไม่สนิทกัน เราโชคดีมากๆ ที่ได้เป็นเพื่อนกับนาย”

     ถึงจะเกิดเรื่องแย่ๆ แต่ในความโชคร้ายก็มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น เขาได้พบเพื่อนดีๆ อย่างเมษ มีงานวันเกิดที่มีคนมาร่วมอวยพรมากกว่าสองคน ต้นน้ำยิ้มอย่างสดใส

     เพราะรอยยิ้มของต้นน้ำที่ระบายออกมาอย่างหมดกังวลนั่นเองที่ทำให้เมษเบาใจ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเกิดความรู้สึกเอ็นดูเห็นต้นน้ำเป็นน้องไปซะได้

     'อารมณ์ของคนเป็นพี่สาวคงเป็นแบบนี้ละมั้ง'

     “ย่ะ! แกอ่ะชอบอยู่คนเดียวมากเกินไปละ อีกหน่อยเข้ามหาลัยละระวังจะลำบากนะแก แกต้องหัดหาเพื่อนหากลุ่มอยู่นะรู้ป่าว”

     “อื้อๆ รู้แล้ว”

     “ละนี่แกกะเข้าที่ไหนอ่ะ?”

     “จุฬา”

     “โห! อีนี่หวังสูงนะยะ”

     เด็กทั้งสองนอนคุยกันจนกระทั่งความง่วงเข้าครอบงำ เปลือกตาของคนทั้งคู่เริ่มหนักอึ้งจนในที่สุดก็หลับไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

============================================


ตามหลัก เมะข่มขืนเคะแล้วควรจะมุ้งมิ้งดีกัน หรือไม่ก็เข้าโหมดงอนน้อยใจ แล้วนี่อะไร คนเขียนยัดฉากเพื่อนสาวเข้ามาเพื่อ? ฮ่าๆ
ถ้าจะเอาแบบมุ้งมิ้งต้นต้องหนีไปซบอกแม็กซ์ เอาแบบจบหวานๆ พี่ชัชต้องตามมาง้อขอโทษ เอาแบบโชว์สกิลคนเขียนต้องใส่สถานการณ์เท่ๆ คิดเรื่องให้น่าติดตาม แต่เขาจะเอาแบบความสัมพันธ์ของมนุษย์เลยใส่เพื่อนไปแบบนี้ ฮ่าๆ เพื่อนสาวด้วยนะเธอว์!

คนอย่างต้นน้ำให้ตายก็ไม่สำนึกหรอก คิดแต่ว่า"ฉันทำอะไรผิด" คิดแบบ "ถึงฉันจะผิดแต่ก็เพราะ..."
ส่วนพี่ชัชดีทุกอย่าง เสียที่อารมณ์ ทำดีมาตลอดเผลอหลุดหนเดียวพังเลย พี่แกโมโหได้เอี้ยมาก โหดร้ายมากด้วย(ใครมีเพื่อนราศีเมษหรือคนใจร้อนลองสังเกตดู)

เคยดูรายการเรียลริตี้รายการนึง เค้าสอนว่านักแสดงจะต้องเชื่อในสิ่งที่ตนแสดงไม่ใช่การแอ๊คติ้งเฟค มันไม่เกี่ยวกับนิยาย แต่เราเขียนนิยายที่เน้นความสัมพันธ์ของตัวละครเราเลยต้องเชื่อในตัวละครของเรา
ให้เขียนให้ต้นทิ้งพี่ชัชไปซบอกแม็กซ์เอาใจคนอ่าน ให้เขียนฉากเอาคืนพี่ชัชจะได้สะใจ เราแต่งได้ แต่ในความเป็นจริงถ้าต้นน้ำมีชีวิตจริงๆ เขาจะคิดจะทำแบบนั้นมั้ย? เราเลยต้องเขียนนิยายในสิ่งที่ต้นน้ำเป็นแม้มันจะไม่ถูกใจแฟนคลับ

ดังนั้นถ้าจะมีใครซักคนที่จะเอาต้นน้ำอยู่ ต้นจะต้องเชื่อคนๆ นั้นมากๆ เงื่อนไขของการพบกันอีก คนที่ทำให้ต้นน้ำไว้ใจ แม็กซ์ที่อยู่ข้างๆ มาตลอดยังทำไม่ได้เลย ส่วนพี่ชัชแน่อยู่แล้วว่าต้นมันหลงเค้า เมษเลยเป็นตัวเลือกที่ดี คาแรคเตอร์เมษเป็นพวกชอบเผือกอยู่แล้วแต่ก็จิตใจดี รักเพื่อน แล้วก็นิสัยแบบอาเจ้หน่อยๆ น่าจะจัดการต้นน้ำอยู่หมัด คือต้นไม่กล้าหืออ่ะ คนที่คอยเตือนคอนสอนและด่าต้นน้ำได้ทำนองนั้น ต้นจะได้คิดได้ว่าจะเอายังไงกับชีวิตมันต่อ ฮ่าๆ

ตอนหน้าก็จะจบแล้วล่ะ อวสานแล้ว จบแล้ว เย้ๆ เจอกันวันศุกร์นะ

รักคนอ่าน กราบคนเม้น คุณTennyo_Yเม้นโดนใจเรามากเลย
ใช่แล้ว เราเขียนนิยายเรื่องนี้แล้วอยากให้คนอ่านลุ้นตาม ถ้าได้ราวๆ อารมณ์เผือกกระทู้ชีวิตชาวบ้านในพันติ๊บจะดีใจมาก
เขียนเรื่องให้คนสมน้ำหน้าต้นน้ำนี่แหละ ทุกคนรู้ว่าต้นน่าสงสารแต่ต้นไม่มีสิทธิ์ไปร้ายใส่คนอื่น ไม่ใช่เคะแรงๆ ที่ร้ายเพราะมีเหตุผลก็เลยสู้คนทำนองนั้น คือเค้าร้ายเพราะตัวเค้าเองแล้วดันคิดว่าตัวเองไม่ผิดอ่ะ มันเลยชวนหมั่นไส้ใช่มั้ยฮ่าๆ
ส่วนพี่ชัชก็ตามนั้น ผู้ชายธรรมดาๆ คนนึง คนแบบที่เห็นได้ทั่วไป เราอยากได้เมะที่มันกะล่อน เจ้าคารม มีส่วนน่าหลงใหล แต่บางส่วนก็ห่วยแตก ไม่อยากได้เมะที่ข่มขืนเคะด้วยความเข้าใจผิดแล้วคนอ่านก็ยังเชียร์ขอให้เข้าใจกันเร็วๆ จริงๆ พี่ชัชก็น่าสงสารนะโดนต้นแอ๊บใส่ ก็โมโหแหละ แต่สิ่งที่ทำมันก็เอี้ยไง
เราตั้งใจมากๆ เลยแหละ พยายามเขียนฉากข่มขืนให้มันเป็นการข่มขืน "ฉากข่มขืนนิยายวาย=เมะได้เคะ" เราไม่ได้เน้นบรรยายSMขั้นตอนความโหดร้าย เราไม่ได้ขายการบรรยายฉากเซ็ก และการข่มขืนมันก็ไม่ใช่เซ็ก อยากสื่อเนื้อหาตรงนี้ ถ้ามีคนรับสารได้เราก็ปลื้มแล้ว

แล้วเจอกันตอนจบน้า...
หัวข้อ: Re: [ภาค1#24/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - จุดเริ่มต้นของคำว่าเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 26-09-2014 01:39:55
เสียดายที่เจอช้าไป รู้สึกดีที่มันไม่ชิ่งไปหาผู้ชายอีกคนมิงั้นจะรังเกียจต้นมากกว่านี้ หึหึ แต่คนแบบต้นจะเรียกความไว้ใจคืนจากพี่ชัชได้หรอ ถ้ากลับมารักกัน อีกอย่างเมษเป็นคนดีมากนะ ส่วนต้นหมดคำพูดทำตัวเองสรุปคือสำนึกไหมว่าตัวผิด หรือยังคิดว่าถูกอยู่
หัวข้อ: Re: [จบภาค1#26/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - Happy Ever After (?)
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 26-09-2014 21:48:45
ระหว่างหมาป่าเจ้าอารมณ์และเด็กเลี้ยงแกะจอมดราม่า ใครจะเป็นฝ่ายให้อภัย?

งานนี้จะง้อกันด้วยวิธีไหน จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก ติดตามบทสรุปได้ ณ. บัดนี้!


เนื้อเรื่องสิ....


- บทสุดท้าย -
##### บทสรุปความรักระหว่างหมาป่าและเด็กเลี้ยงแกะ #####

- ต้นน้ำ -

     ผมตื่นเช้าออกจากบ้านของเมษมาพร้อมๆ กัน ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าเมษตื่นมาช่วยป้าแมวเตรียมของไว้ทำอาหารตามสั่งขายด้วย เมษต้องช่วยงานที่บ้านมากกว่าที่ผมทำซะอีก ถึงผมกับแม่จะเคยลำบากแต่ตอนนี้ผมว่าผมสุขสบายกว่าเมษเยอะเลยครับ แต่ผมกลับไม่เห็นเมษท้อ เขาดูมีความสุขกับชีวิตมากๆ ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น เมษเข้มแข็งมากจริงๆ ผิดกับผมเลย ครอบครัวของเมษก็น่ารัก อาหารฝีมือป้าแมวก็อร่อยมากๆ ดูท่าผมคงต้องแวะมาขอเคล็ดลับอาหารไทยกับป้าแมวบ่อยๆ ซะแล้ว เพราะพี่ชัชชอบอาหารรสจัดแบบนี้ บ้าจริง! ผมเผลอคิดถึงพี่ชัชอีกแล้ว!

     ผมยอมรับนะครับว่ารักพี่ชัชมาก แต่ก็ไม่ปฏิเสธด้วยเช่นกันว่าผมรู้สึกแย่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

     คุณคงจะคิดว่าผมมันบ้าใช่มั้ยล่ะ? โดนผู้ชายทำถึงขนาดนั้นแล้วยังหลงหัวปักหัวปำโงหัวไม่ขึ้น แต่ถ้าคุณลองนึกถึงเด็กคนหนึ่งที่ในชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีใคร แล้วจู่ๆ วันหนึ่งก็มีคุณพ่อขายาวก้าวเข้ามาในชีวิต คุณคิดว่าเด็กน้อยคนนั้นจะหักห้ามใจไม่ให้หลงรักได้เหรอครับ?

     มิหนำซ้ำก็อย่างที่เมษพูดเมื่อวาน ผมควรจะให้โอกาสพี่ชัชได้แก้ตัว... ไม่ใช่เหรอครับ? ตอนที่ผมทำผิด ผมยังอยากให้พี่ชัชฟังคำพูดของผมเลย แต่เป็นเพราะแฟนของผมใจร้อนผมถึงควรจะเป็นคนที่เย็นกว่า ใช่มั้ยครับ? ผมคิดแบบนี้มันไม่ผิดใช่มั้ย? ก็ในเมื่อสิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดไม่ใช่การเลิกรากับพี่ชัชซักหน่อย สิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดคือการที่พี่ชัชกลับมาใจดีกับผมเหมือนเดิมต่างหาก ผมอยากเป็นที่รักของพี่ชัชเหมือนเดิมครับ

     เราสองคนนั่งรถประจำทางไปโรงเรียน นับว่าแปลกสำหรับผมพอดูเลยละครับ เพราะปกติแล้วผมมักจะออกจากคอนโดตั้งแต่เช้า ถึงโรงเรียนก่อนเจ็ดโมง แต่นี่เกือบเจ็ดโมงครึ่งแล้วเรายังไม่ถึงโรงเรียนเลยครับ ผมเริ่มจะร้อนใจแต่เมษก็ยืนยันกับผมนะครับว่าทัน อาทิตย์ที่ผ่านมาผมคงใช้ชีวิตวัยเรียนแบบเกเรได้คุ้มสุดๆ เลยละครับ ทั้งโดดกลับก่อนครึ่งวัน แอบอู้นอนตลอดคาบบ่าย นี่ถ้าวันนี้ผมไปสายอีกละก็ครบสูตรครับ ผมเหล่ตาไปมองเมษที่ยังคงนั่งสวยอยู่ท้ายรถสองแถว อ้อ! ผมเองก็นั่งนะครับ ถึงจะยังเจ็บตรงนั้นอยู่นิดหน่อยแต่ให้ผมไปยืนท้ายรถสองแถวตอนเช้าๆ ในชั่วโมงเร่งรีบนี่ผมยังไม่ไหวจริงๆ ครับ ยอมนั่งดีกว่า

     “โอ๊ย! นังต้น แกจะจิกตาใส่ฉันทำไมยะ บอกว่าทันก็ทันน่า”

     ก็ผมกลัวไม่ทันน่ะสิ แต่... เฮ้อ! ให้เถียงกับเมษไม่เอาดีกว่า นั่งลุ้นการจราจรเงียบๆ ต่อดีกว่าครับ

     ในที่สุดเราสองคนก็ไปถึงโรงเรียนจนได้ เกือบเจ็ดโมงห้าสิบแล้ว ผมกับเมษเลยรีบเดินตรงไปยังเป้าหมายของเราที่ประตูรั้วโรงเรียนทันที เนื่องจากหนทางในซอยยังอีกไกล ผมพยายามกระฉับกระเฉงเท่าที่ เอ่อ... เท่าที่ร่างกายของผมจะเอื้ออำนวย ของแบบนี้มันไม่ได้หายเจ็บภายในวันสองวันนี่ครับ แล้วพี่ชัชก็ทำแรงมากๆ ด้วย ทั้งๆ ที่แค่ขนาดอย่างเดียวผมก็จะตายอยู่แล้ว นึกแล้วยังโมโหไม่หายเลยครับ ผู้ชายอะไรตอนดีกับตอนร้ายนี่ต่างกันราวฟ้ากับเหว!

     เกือบจะถึงหน้าโรงเรียนแล้ว ผมคิดว่าพวกเราเซฟแล้วครับ ทันแน่นอน อาจจะเพราะผมกับเมษเดินคุยกันเพลินจนไม่ได้ใส่ใจรอบข้าง ผมถึงไม่เห็นรถสีแดงที่จอดอยู่ริมถนน ไม่ทันสังเกตผู้ชายในชุดทำงานสภาพยับยู่ยี่คนที่ก้าวลงมาจากรถแล้วก็กระชากแขนผมอย่างแรง!

     “ต้น!”

     ผมหันไปตามเสียงเรียกทันที เสียงๆ นี้ผมจำได้ดีไม่มีวันลืมครับ

     “พี่ชัช!”

     “เมื่อคืนเราไปไหนมา ทำไมไม่กลับห้อง หนีพี่ทำไม”

     ผมพูดอะไรไม่ออก ขอบตาผมร้อนผ่าว มันรู้สึกแย่นะครับ ผมเพิ่งจะพยายามทำใจให้หายโกรธพี่ชัชไปได้เมื่อคืน แล้วดูสิ่งที่พี่เขาทำกับผมสิครับ นี่มันอะไรกัน? คนที่ทำกับผมแบบนั้นก็คือเขาไม่ใช่เหรอครับ ทำไมถึงทำราวกับผมเป็นคนผิดแบบนี้ล่ะ? ผมรู้สึกแย่สุดๆ ไปเลยครับ อยากจะหัวเราะเยาะตัวเองจริงๆ ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้ด้วย

     แต่ดูเหมือนผมคงจะทำให้พี่ชัชโมโห พี่ชัชถึงได้กระชากแขนผมแรงขึ้นอีก ดึงตัวผมเข้าไปซะใกล้ ตอนนี้พวกเราเริ่มเป็นจุดสนใจแล้วละครับ ก็ลองมีผู้ชายวัยทำงานสภาพเหมือนเมาค้างแฮงค์โอเวอร์มายืนยื้อยุดฉุดกระชากนักเรียนมัธยมปลายที่เป็นผู้ชายอยู่แบบนี้ภาพที่ออกมาคงดูไม่ดีแน่ๆ ครับ ให้ตายสิ! เดี๋ยวได้มีข่าวผมอีกแน่ๆ

     “เอ่อ... คุณพี่ขา หนูว่ามีอะไรค่อยๆ คุยกันดีมั้ยคะ นี่มันหน้าโรงเรียนนะคะคุณพี่”

     นั่นไง! ได้สติซักที พี่ชัชเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย ผมเห็นพี่ชัชหันไปมองเมษ ส่วนเมษก็มองสบตาผม ผมพยักหน้าให้เขาหนึ่งที

     “น้อง...”

     “หนูเป็นเพื่อนต้นค่ะ เมื่อวานต้นมันไม่สบายนอนอยู่ห้องพยาบาลเกือบทั้งวัน หนูสงสารก็เลยชวนไปค้างบ้านหนูเพราะได้ยินว่าบ้านมันไม่มีใครอยู่ ละหนูกับพ่อแม่หนูก็เลยถือโอกาสฉลองวันเกิดให้มันด้วย ต้นมันไม่ได้ไปทำอะไรเสียหายนะคะคุณพี่”

     พี่ชัชหันมามองผมเหมือนจะเค้นเอาความจริง บนหน้าผมไม่มีความจริงอะไรให้เขาค้นหาหรอกครับ แล้วผมก็ไม่อยากมองหน้าเขาด้วยตอนนี้ ผมก็เลยเมินไปทางอื่นแทน เล่นเอากองเชียร์อย่างเมษร้องขึ้นมาทันทีที่เห็นอาการมึนตึงของผม

     “อีโต้น! พี่คะใจเย็นๆ นะคะ เฮ้ยแก! ไปยั่วพี่เขาทำไม!”

     “เราไม่มีอะไรจะคุยกับเขานี่ ใกล้เข้าเรียนแล้วด้วย ถ้าคุณจะกรุณาก็ปล่อยแขนผมได้แล้วครับ”

     พี่ชัชทำสีหน้าแบบจะฆ่าคนอีกแล้ว ปกติผมไม่เคยกวนใส่พี่เขาแบบนี้นะ แต่ขอทีเถอะ! ถึงผมจะรักเขาแต่ผมก็ไม่ใช่ทาสของเขานะครับ จะได้ให้เขาทำตามใจชอบกับผมแบบนี้ เอะอะก็ใช้กำลังไม่รู้จักคุยกันด้วยเหตุผล!

     “พี่คะใจเย็นๆ ก่อนนะ หนูว่ามีอะไรพี่รอคุยตอนเย็นดีมั้ยคะ นี่มันใกล้เข้าแถวแล้วพวกหนูต้องรีบเข้าโรงเรียน”

     ผมหันมาส่งสายตาท้าทายให้เขา ปากของผมเม้มเข้าหากันเล็กน้อยพลางเชิดคางขึ้นท้าทาย พอพี่ชัชเห็นสายตาของผมจู่ๆ เขาก็คลายสีหน้าฆาตกรของเขาแล้วก็ ยิ้ม... ผมบอกไม่ถูกแต่ผมรู้ว่าเขายิ้ม แต่มันเป็นยิ้มแบบที่ผมเดาอารมณ์ไม่ถูก

     “น้อง”

     จู่ๆ พี่ชัชก็หันไปเรียกเมษซะงั้น ผมงงนะครับ

     “น้องเป็นเพื่อนต้นใช่มั้ยครับ ชื่ออะไรเหรอครับ?”

     ฮึ๊! ทำเป็นเก๊ก ทีเมื่อกี้ยังทำหน้าอยากฆ่าคนอยู่เลย แล้วนั่นก็เหมือนกัน นายจะเขินทำบ้าไรนะเมษ พี่ชัชก็เหมือนกันทำไมต้องยิ้มแบบนั้นให้เมษด้วยนะ!

     “คะคุณพี่? หนูชื่อเมษค่ะ”

     “น้องเมษ ชื่อน่ารักดีนะครับ ใช่เกิดเดือนเมษารึเปล่า? พี่ก็เกิดราศีเมษพอดีเลย พี่ฝากน้องเมษไปบอกอาจารย์ให้หน่อยได้มั้ยครับว่าวันนี้ต้นลา”

     “เอ๋?”

     “พี่ชัช!”

     ผมกับเมษอุทานขึ้นพร้อมกัน แน่ละจู่ๆ ใครใช้ให้พี่ชัชพูดเองเออเองแบบนี้อีกแล้ว!

     “ฝากหน่อยนะครับน้อง พี่จะพาเมียพี่ไปเคลียร์”

     พี่ชัชพูดแบบนี้ได้ยังไง! แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พ่นคำด่าพี่ชัชออกมาพี่ชัชก็เล่นลากตัวผมไปซะก่อน ผมพยายามขัดขืนสุดแรง ใครจะไปรู้ละครับว่าพี่ชัชจะทำอะไรผมอีกรึเปล่า พี่ชัชตอนโมโหเนี่ยน่ากลัวที่สุดเลยล่ะครับ

     “จะไปกับพี่ดีๆ หรือจะให้พี่จูบเราตรงนี้แล้วอุ้มไป”

     พี่ชัชหันมาขู่ผมด้วยเสียงต่ำๆ อย่างกับเสียงคำรามของหมาป่า อีกแล้ว... ชอบขู่ผมแบบนี้อีกแล้ว ผมไม่ใช่ทาสของใครนะ!

     เจอแบบนี้เข้าไปอารมณ์ที่เริ่มจะคงที่ของผมมันก็ปั่นป่วนขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผลทันที บ้าจริง! ผมเผลอน้ำตาไหลอีกแล้ว ผมไม่รู้จะทำยังไงทั้งอายคนแถวนี้ทั้งกลัวพี่ชัช พอถูกพี่ชัชดึงแขนก็เลยจำใจต้องเดินตามไปเงียบๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองเมษด้วยซ้ำ แต่ผมได้ยินเสียงของเมษดังไล่หลังมาอยู่นะครับ

     “พี่คะ เดี๋ยวสิคะ! ต้น อีต้น โอ๊ย! ละฉันจะทำยังไงดีเนี่ย?”

     พี่ชัชบังคับเอาผมมายัดไว้ในรถจนสำเร็จ พอขึ้นรถได้พี่ชัชก็รีบบึ่งออกจากที่นั่นทันที ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะพูดอะไรทั้งนั้นแหละครับ ก้อนทิฐิในตัวผมมันก็ก่อตัวจนล้นออกมาเป็นน้ำตาเต็มไปหมด ผมพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เพราะไม่อยากให้พี่ชัชเห็นว่าผมกำลังร้องไห้ ผมไม่อยากเสียน้ำตาให้กับพฤติกรรมเอาแต่ใจของคนใจร้ายแบบนี้หรอกครับ แต่ผมก็เห็นจากภาพสะท้อนของกระจกว่าพี่ชัชหันมามองผมบ่อยๆ สุดท้ายพี่เขาคงทนไม่ไหวก็เลยยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ผม แต่พอผมไม่ยอมรับพี่ชัชก็ส่งเสียงหงุดหงิดออกมาทันที

     “จะดื้อกับพี่ไปถึงไหนห๊ะต้น!”

     พี่ชัชฉวยโอกาสตอนที่รถติดไฟแดงตรงสี่แยกเอื้อมมาจับหน้าผม บังคับให้หันไปทางพี่เขาแล้วก็ขยับตัวมาเช็ดน้ำตาให้ คิดว่าทำแบบนี้แล้วผมจะรู้สึกดีขึ้นรึไงครับพี่ชัช โอเค... มันก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยเพราะผมชอบการกระทำที่แสดงออกถึงความห่วงใยแบบนี้ของพี่ชัชมากที่สุด แต่ว่าทางที่ดีพี่ไม่ทำให้ผมรู้สึกแย่ตั้งแต่ต้นไปเลยไม่ดีกว่าเหรอครับ พี่ชัชควรจะอ่อนโยนกับผมไม่ใช่บังคับกันแบบนี้

     ตอนนี้ผมรู้ตัวดีว่าผมกำลังทิฐิล้วนๆ เลย ผมไม่ชอบพี่ชัชคนที่ชอบเอาแต่ใจและใช้กำลังบังคับผมแบบนี้ พี่ชัชเห็นท่าทางดื้อดึงของผมแล้วก็ชักสีหน้า พี่เขาผละออกไปไม่ได้พูดอะไร แต่หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันกับกรามที่ขบกันแน่นจนเป็นขึ้นสันนั้นบ่งบอกอาการได้ดี ส่วนผมเองก็ไม่มีอะไรจะพูดเลยเลือกที่จะหันหน้าหนีพี่ชัชโดยการมองออกไปนอกหน้าต่างรถแทน

     “เราจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอต้น ทำไมเราต้องมาทะเลาะกันแบบนี้ด้วย”

     โอ้โห! พูดเหมือนผมเป็นคนเริ่มก่อนเลยนะ โอเคใช่! ผมอาจจะผิดที่ทำแบบนั้น ผมหลอกแม็กซ์ปิดบังพี่ชัชก็จริง แต่นั่นเป็นเรื่องตั้งแต่ก่อนที่ผมจะรู้จักกับพี่ชัชซะอีก แล้วผมก็ไม่ได้มีอะไรกับแม็กซ์ด้วย แม็กซ์คิดไปเองคนเดียวทั้งนั้น ผมพยายามจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้พี่เขาฟังแล้วด้วยซ้ำ! แต่คนที่ไม่ยอมฟังอะไรก่อนมันก็เขาไม่ใช่หรือไง คนที่ทำแบบนั้นกับผมมันก็เขา ทำไมถึงโยนความผิดทั้งหมดมาให้ผมคนเดียวแบบนี้ล่ะ? การที่พี่เขาพูดแบบนั้นมันก็เหมือนว่าผมเป็นเด็กงี่เง่าเอาแต่ใจงอนอยู่ฝ่ายเดียวไม่ใช่เหรอครับ คิดแล้วก็พาลน้ำตาไหลออกมาอีกจนได้ เสียงตะคอกด้วยความหงุดหงิดของพี่ชัชช่างส่งผลกระทบกับอารมณ์ของผมเหลือเกิน ทำไมคำพูดของผู้ชายคนนี้ถึงมีอิทธิพลกับผมมากขนาดนี้นะ

     “ถ้าผมแย่มากขนาดนั้นพี่ชัชจะเลิกกับผมก็ได้นะครับ ผมมันไม่มีอะไรดีอยู่แล้วนี่ เป็นแค่เด็กผู้ชายใจแตกคนนึงก็เท่านั้น”

     “ต้น!”

     เสียงของพี่ชัชที่ตวาดออกมามันดังกว่าเมื่อกี้อีก แต่ช่างมันเถอะผมไม่สนใจอะไรแล้ว ผมไม่อยากเถียงอะไรกับพี่ชัชอีกแล้ว ถ้าผมไม่ดีพอก็ไม่ต้องมารักผม

     “อย่าทำตัวงี่เง่าหน่า หันมาคุยกันดีๆ มองหน้าพี่เดี๋ยวนี้ หันมา!”

     เมื่อเห็นผมยังนิ่งเฉยอยู่พี่ชัชก็ใช้กำลังกับผมอีกรอบ พี่ชัชใช้มือซ้ายดึงตัวผมให้หันกลับไปเผชิญหน้ากันจนได้ ผมเองก็สุดทนแล้วเลยเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่เขา ผมจ้องตอบอย่างไม่ลดละ

     ผมเห็นพี่ชัชเหลือบไปมองสัญญาณไฟแล้วก็หันกลับไปออกรถข้ามแยกอย่างหงุดหงิด และทันใดนั้นผมก็รู้สึกถึงแรงปะทะจากด้านข้างที่มาพร้อมกับเสียงดังที่ทำให้ผมแก้วหูแทบฉีก แล้วหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยอาการเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผมสับสนมึนงงไปหมด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเห็นแต่สีแดงๆ มีเศษกระจกร่วงลงมาจากบานหน้าต่างของรถ ผมหายใจไม่ออก มันรู้สึกแย่ไปหมดเสียงที่ผมได้ยินมันตีกันมั่วจนผมแยกไม่ออกว่ามีเสียงอะไรบ้าง ภาพตรงหน้าก็เริ่มพร่าไปเพราะเห็นแต่สีแดงของเลือด นี่เลือดผมรึเปล่า? รถเราเกิดอุบัติเหตุเหรอ? แล้วพี่ชัชล่ะ! พี่ชัชเป็นยังไงบ้าง? ผมขอร้องล่ะสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรก็ได้ในโลกนี้ ได้โปรดช่วยพี่ชัช ผมยังไม่ได้บอกพี่ชัชเลยว่าผมขอโทษ ผมอยากได้ยินเสียงพี่ชัช ผมอยากบอกพี่ชัชว่าผมให้อภัยเขาแล้ว ผมอยากบอกพี่ชัชว่าผมรักเขา ผมเจ็บจนน้ำตาไหล ให้ตายสิเหมือนอยู่ท่ามกลางนรกเลย! นี่มันผ่านมานานแค่ไหนแล้วนะ ผมคิดอยู่แบบนั้นจนกระทั่งหูของผมได้ยินเสียงพี่ชัชแว่วๆ แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ยินอะไรอีก

     “ต้น ต้น ทำใจดีๆ ไว้ต้น”

     “แม่งห่าเอ้ย! ใครก็ได้รีบช่วยแฟนผมหน่อย โทรเรียกรถพยาบาลที ต้นได้ยินเสียงพี่มั้ย ต้น!”

     “ใจเย็นๆ นะคุณ ถอยออกมาก่อน”

     “ช่วยแฟนผมด้วยครับ”

     “ต้นๆ ตื่นสิต้น ได้ยินเสียงพี่มั้ย”

============================================
หัวข้อ: Re: [จบภาค1#26/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - Happy Ever After (?)
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 26-09-2014 22:01:34

- ชัยชัช -

     ซากรถเก๋งสีแดงที่ฝั่งซ้ายถูกชนจนยับเยินไถลไปหยุดขวางช่องทางจราจรอีกฝั่งปรากฏแก่สายตาผมทันทีที่ผมคลานออกมาจากรถได้ รถมอเตอร์ไซต์ที่พุงมาชนถูกเกี่ยวลากไปไกล ช่างหัวไอ้คนขับมันเถอะ มันจะกองอยู่ตรงไหนก็เรื่องของมัน สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมตอนนี้ก็คือต้น!

     โชคดีที่ไม่มีรถคันไหนซิ่งมาซ้ำกับรถผมอีก แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มันก็แค่ไม่ทำให้แย่ลงไปมากกว่าเดิมจากที่เป็น ภาพที่ผมเห็นไม่ช่วยให้ใจชื้นเลยแม้แต่น้อย ร่างของต้นถูกชโลมไปด้วยเลือดสีแดง ผมรู้สึกแย่มากๆ ถ้าผมเป็นลมได้ผมคงล้มไปแล้ว คุณไม่รู้หรอกครับเวลาเห็นภาพของคนที่ตัวเองรักในสภาพโชกเลือดแบบนี้มันสามารถทำให้คุณเข่าอ่อนได้แค่ไหน

     นี่มันเกิดเหี้ยอะไรขึ้นกับผม! วันนี้ผมตั้งใจมาหาต้นเพื่อคุยกันให้รู้เรื่องแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าผมต้องทะเลาะกับต้น ผมทำให้มันร้องไห้อีกรอบ ผมเกลียดตัวเองชิบเป๋ง! แค่ผมข่มขืนต้นในวันเกิดมันก็ชั่วพอแล้ว ทั้งๆ ที่วันนี้ผมตั้งใจมาขอโทษแท้ๆ ถ้าต้นเป็นไรไปผมจะทำยังไง ผมยังไม่ได้ขอโทษต้นเลย แม่งเอ้ย!

     เสียงของรถกู้ชีพดังเข้าหูผม มีเจ้าหน้าที่บางคนวิ่งมาหาผม เขามาปฐมพยาบาลผม ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองหัวแตก แต่ผมไม่ได้ใส่ใจเพราะผมชาไปทั้งตัวจนถึงขั้วหัวใจ บาดแผลพวกนี้มันเทียบไม่ได้เลยกับภาพของคนที่ผมรักถูกงัดออกมาจากซากรถในสภาพทั่วทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือด

     ผมร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ผมกลัวเหลือเกิน ต้นหมดสติไปแล้ว ขออย่าให้ต้นเป็นอะไรเลย ผมไม่กล้าคิดต่อจริงๆ ว่าต้นเพียงแค่หมดสติหรือว่า... ไม่สิ! แค่หมดสติในสภาพนี้ก็อันตรายมากแล้วถ้าอาการบาดเจ็บมันรุนแรงถึงขั้นช็อกหมดสติไปแบบนี้

     ถ้าหากว่าต้นไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาอีก ผมจะทำยังไงดีครับ ผมเพิ่งรู้ตัวก็วันนี้แหละ มันไม่ใช่ว่าผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีต้น แต่ผมไม่อยากใช้ชีวิตที่เหลือโดยไม่มีมัน แค่ต้นหายไปหนึ่งวันผมยังแทบบ้าตาย แล้วถ้าต้นหายไปจากชีวิตผมถาวรล่ะ?

     ภาพของเจ้าหน้าที่กู้ชีพช่วยกันรับร่างของต้นส่งเข้ารถพยาบาล ภาพของคนที่ลากผมขึ้นรถตามไปโรงพยาบาล ภาพพวกนั้นผ่านหัวผมไปแบบเบลอๆ ผมรู้แต่ว่าต้นถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินทันที ผมกลัวจนไม่รู้จะทำยังไง ผมคงคิดถูกแล้วล่ะที่ไม่เรียนหมอต่อ ผมสู้ไม่ไหวจริงๆ กับเรื่องแบบนี้ ผมมันก็แค่คนขี้ขลาดแค่จะยอมรับความจริงยังไม่กล้าเลย

     ผมรู้ตัวดีว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดผม ความผิดของคนขี้ขลาดที่ไม่กล้ายอมรับความจริงว่าตัวเองอิจฉา ความผิดของผู้ชายขี้โมโหที่เอาความหงุดหงิดมาลงที่คนรัก เป็นความผิดของผมเองที่ไม่รู้จักขอโทษต้นดีๆ ได้แต่ใช้วิธีบังคับมัดมือชกต้นมาตลอด ไม่เคยถามความสมัครใจจากปากต้นเลยซักครั้ง เพราะผมรู้ดีว่าต้นไม่มีทางปฏิเสธผมๆ ถึงได้ใจบังคับต้นให้ยอมเดินตามเกมผมมาตลอด ผมรู้สึกดีที่เห็นต้นยอมให้ผมเป็นฝ่ายตัดสินใจในทุกๆ เรื่อง มันทำให้ผมรู้สึกถึงอำนาจบางอย่าง แต่ผมคิดผิด ความรักมันไม่ใช่การควบคุม และต้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะควบคุมได้ ต้นยอมอ่อนข้อให้ผมมาตลอด แต่ต้นไม่เคยยอมให้ผมควบคุม

     มานึกๆ ดูแล้ว เรื่องทั้งหมดมันสดใหม่ยิ่งกว่าแผลสดที่หมอเย็บให้เสียอีก ถูกแล้วครับ บาดแผลในใจผมมันยังมีเลือดไหลซิบๆ อยู่เลย ในขณะที่แผลบนหัวผมเลือดหยุดไปตั้งนานแล้วหลังจากที่หมอเย็บเสร็จ

     เมื่อวานซืนผมว่างเลยตั้งใจจะไปรับต้นเพราะอยากเซอร์ไพรส์ แต่แล้วผมก็พบว่าแฟนตัวเองทำตัวน่าสงสัย ทั้งๆ ที่ผมตั้งใจจะไปโผล่ให้ต้นตกใจตอนกำลังเดินซื้อของอยู่ในห้าง แต่กลับเป็นผมเองที่ต้องตกใจเพราะเห็นแฟนตัวเองขึ้นไปหาเด็กหนุ่มวัยเดียวกันถึงบนห้องในอพาร์ทเม้นท์

     แต่แล้วผมก็ต้องตกใจมากกว่าเดิมเมื่อสุ้มเสียงการถกเถียงกันมันดังมากพอที่จะทำให้คนแอบฟังอยู่หน้าห้องอย่างผมตัวชา ต้นเคยมีอะไรกับคนอื่นมาก่อน! แฟนที่ผมเฝ้าทะนุถนอมเคยมั่วกับผู้ชายคนอื่นแล้ว แถมยังมาตีหน้าซื่อหลอกผมเสียสนิท ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมโคตรเจ็บเลย ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นควายที่ถูกต้นสวมเขา ผมรู้สึกเหมือนต้นแกล้งทำตัวใสซื่อบริสุทธิ์ต่อหน้าผม แต่ลับหลังก็...

     แต่มันก็เป็นแค่อัตตาศักดิ์ศรีโง่ๆ ของผมที่อุปโลกน์ขึ้นมาเองก็เท่านั้น บริสุทธิ์แล้วยังไงไม่บริสุทธิ์แล้วทำไม? ผมเองก็ใช่ว่าจะดีนักหนา ตอนผมจีบฟ่างก็ใช่ว่าผมจะได้เป็นคนแรกของฟ่าง มันก็แค่ศักดิ์ศรีบ้าบอที่ผมคิดไปเองแล้วก็โมโหหงุดหงิดเมื่อพบว่าความฝันของตัวเองมันไม่มีอยู่จริงก็เท่านั้น ผมพาลต้นเพราะอิจฉาที่ตัวเองไม่ใช่คนที่ได้ครอบครองต้นเป็นคนแรก ผมอิจฉาไอ้เด็กเวรนั่น! ผมเลยทำร้ายต้นแบบนั้น ถ้าผมไม่ได้คนอื่นก็ต้องไม่ได้ ช่างเป็นความคิดที่งี่เง่าสิ้นดี ผมปล่อยให้นิสัยแย่ๆ มามีอิทธิพลกับผมได้ไงนะ ทั้งๆ ที่อายุปูนนี้แล้ว ผมคิดว่าผมเลิกนิสัยแย่ๆ พวกนั้นได้แล้วซะอีก

     ถ้าผมไม่ขืนใจต้นก็คงจะดีกว่านี้ ให้ตายเหอะ! ผมเกลียดนิสัยโมโหแล้วพาลของตัวเองชะมัด! ผมมันเป็นไอ้ชั่วที่ทำร้ายต้นได้เจ็บปวดจริงๆ ทำตอนไหนไม่ทำเสือกมาหน้ามืดเอาตอนวันเกิดมันแบบนั้น คำพูดทั้งน้ำตาของต้นทำให้ผมจุกยิ่งกว่าโดนหมัดน็อคตอนต่อยกับนักเลงสมัยเรียนมหาลัย ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าแทนที่ผมจะได้ให้ของขวัญวันเกิดต้น กลับเป็นผมเสียเองที่ได้กำไร ผมได้เป็นคนแรกของต้นสมใจ แลกกับการที่ต้นต้องเจ็บปวดทั้งกายและใจ

     ความจริงเมื่อวานนี้ผมอุตส่าวางแผนหลังจากที่ตื่นมาพบว่าต้นไม่อยู่ ผมกะจะรอเซอร์ไพรส์วันเกิดให้ต้นพร้อมกับขอโทษ ผมกะจะทำทุกอย่างให้โรแมนติกมากที่สุดเท่าที่คนอย่างผมจะคิดออกเพื่อขอให้ต้นให้อภัยคนอย่างผม แต่ต้นก็ไม่กลับห้อง ผมนั่งรอต้นจนถึงตีสอง อาหารจากร้านเจ้าอร่อยที่ผมอุตส่าซื้อมาเอาใจต้นวางอยู่บนโต๊ะจนเย็นชืด เค้กที่ผมอุตส่าปักเทียนรอไว้ ผมให้เขาเขียนไว้ด้วยนะครับว่า “พี่ขอโทษนะครับที่รัก พี่รักต้นมาก แฮปปี้เบิร์ธเดย์” โคตรอายเลยครับตอนที่ไปสั่ง แต่แล้วก็ไม่มีแม้แต่เงาของมัน ไม่ว่าผมจะกระหน่ำโทรหามากเท่าไหร่ สิ่งที่ผมได้ยินก็มีแค่ “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก” คุณคิดว่าผมจะทนใจเย็นไหวเหรอครับ ผมนั่งคิดอยู่เกือบทั้งคืน ต้นจะไปไหนได้? ผมขับรถมาเฝ้าอยู่ที่โรงเรียนต้นตั้งแต่ตีห้า คุณคงคิดว่าผมบ้า ผมเองก็ว่าผมใกล้บ้าแล้วล่ะ ในเมื่อผมไม่เคยทำกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้มาก่อน มีแค่ต้นคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ผมคลั่งได้ขนาดนี้!

     ช่างหัวมันเถอะครับว่าผมแค่หลงหรือผมรัก ผมยังเป็นผู้ชายแท้ๆ อยู่หรือผมเป็นเกย์ ผมไม่สนใจอะไรแล้ว ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าผมขาดต้นไม่ได้ ผมยินดีแลกอะไรก็ได้ทุกอย่างในชีวิตผมเพื่อขอให้แฟนผมฟื้นขึ้นมา

     “ไอ้ชัช!”

     เสียงเรียกชื่อช่วยเรียกสติของผมให้คืนมา ไอ้พี่หมอเอกดูท่าทางตกใจที่เห็นสภาพผม

     “เป็นไงบ้าง?”

     “เข้าห้องผ่าตัดไปได้สองชั่วโมงแล้ว ยังไม่ออกมาเลย”

     เสียงของผมฟังดูแหบแห้งขนาดนี้เชียวเหรอ? ไอ้เอกมันตบบ่าผมสองสามทีแล้วก็ซักฟอกผมต่อ

     “เอาหน่า ทำใจดีๆ ไว้ แฟนมึงคงไม่เป็นไรหรอก แล้วเรื่องคดีล่ะ?”

     “ตำรวจมาสอบปากคำเรียบร้อยแล้วว่ะ มอเตอร์ไซต์คันนั้นมันเสือกเร่งผ่าไฟแดงมาตอนรถทางกูปล่อยพอดี มันคงกะว่าทัน แต่พอดีกูออกตัวเร็ว ก็เลยประสานงานกัน”

     “แล้วฝั่งนั้นเป็นไงบ้าง?”

     “ไม่รู้ดิกูไม่สน กูยังไม่ได้ดูเลยเพราะไงกูก็ไม่ผิด ต่อให้มีกล้องกูก็มั่นใจว่ากูชนะแน่ๆ กูไม่มีอารมณ์จะไปดูแลใครหรอก ต้นเจ็บหนักขนาดนี้”

     “เออๆ งั้นเดี๋ยวกูไปดูเรื่องทางนั้นให้ มึงมีไรให้กูช่วยก็บอกนะชัช”

     ผมรู้นะว่ามันคงเซ็งสันดานเห็นแก่ตัวของผม แต่แฟนผมนอนผ่าตัดเจ็บหนักขนาดนั้นจะให้ผมไปสนใจไอ้คนพวกนั้นได้ไง ผมไม่พุ่งเข้าไปกระทืบพวกมันซ้ำก็บุญแล้ว!

     นานพอสมควรกว่าหมอจะออกมาจากห้องผ่าตัด อาการของต้นยังโคม่าจนต้องอยู่ในห้องไอซียู ต้นสมองบวมมีเลือดคั่งในสมองและมีเลือดออกในช่องท้องจำเป็นต้องผ่าตัดด่วน ผมมองดูต้นที่ยังไม่สามารถหายใจได้ด้วยตนเอง แขนซ้ายของต้นมีเฝือกหุ้มไว้ ร่องรอยของอุบัติเหตุกระจายอยู่ทั่วทั้งตัว นี่ผมสร้างรอยแผลเป็นให้ต้นไปกี่แผลกันแล้วนะ?

     “ชัช มึงกลับบ้านไปพักก่อนเถอะ สภาพมึงไม่ไหวแล้ว”

     “กูเป็นห่วงต้น”

     “งั้นมึงก็แอดมิดเข้าที่นี่”

     “กูไม่ได้เป็นไรมาก กูอยากเฝ้าต้น”

     “กูเป็นหมอกูสั่งมึงก็ต้องทำมึงจะเถียงหมอเหรอ มึงกลับบ้านไปพักผ่อนจัดการเคลียร์กับประกันให้ดีเหอะ ทางโน้นถึงไม่ตายแต่ก็เจ็บหนักไม่แพ้ต้นไปคนนะมึง ถ้าหลักฐานออกมาว่ามึงผิดมึงเละแน่”

     มันพ่นลมหายใจออกมาชุดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

     “เรื่องแฟนมึงเดี๋ยวกูดูให้ รับรองแฟนมึงต้องไม่เป็นอะไร ถ้ามีอะไรไม่ดีกูจะรีบโทรบอกมึงทันทีเลย”

     ผมหันไปมองหน้าไอ้เอกอยู่ครู่หนึ่ง เห็นสายตาของมันแล้วก็รู้ว่าคดีคงยุ่งยากแน่ๆ แต่ผมยังมีอะไรให้กลัวอีกเหรอครับ ไม่สิ ผมยังไม่ได้บอกพี่น้ำเลย! ถ้าพี่น้ำรู้ว่าลูกของเธอเจ็บหนักขนาดนี้เพราะผมจะเกิดอะไรขึ้น ต้นมันเป็นเด็กรักเรียน ผมต้องทำเรื่องลาป่วยที่โรงเรียนให้ต้นด้วยใช่มั้ย? ผมนึกถึงสิ่งที่ผมต้องทำเพื่อต้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าตกลง

     “เออ เดี๋ยวกูกลับบ้านไปอาบน้ำแล้วจะมาเฝ้าต้นต่อ ขอยืมกุญแจรถมึงหน่อย”

     “มึงยังจะขับอีกเหรอไอ้ชัช ไม่ต้องอ่ะ กูเรียกคนมาดูมึงแล้ว”

     “ใครวะ?”

     “เมียเก่ามึง”

     “เฮ่ย!”

     “เออนะ เมื่อกี้ฟ่างโทรบอกว่าถึงแล้ว กำลังจอดรถอยู่ มึงก็อยู่นิ่งๆ ให้เขาบริการหน่อยเหอะ อยู่คนเดียวเดี๋ยวมึงก็เละอีก”

     ผมไม่รู้จะเถียงมันยังไงดีก็เลยนั่งรอฟ่างอยู่กับมัน ผมซักมันเรื่องคู่กรณีพอสมควร ไอ้เอกรับปากผมแล้วว่าจะช่วยดูต้นให้ผมก็สบายใจ ตอนนี้ก็คงได้แต่รอปาฏิหาริย์และกำลังใจของตัวต้นเองเท่านั้น ผมรู้ดีว่าทีมแพทย์ได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว อันที่จริง ผมคุ้นเคยดีกับโรงพยาบาลเขตนี้พอสมควร ถ้าหากคุณยังไม่ลืมผมเป็นผู้แทนครับ เคยวิ่งอยู่เขตนี้จนคุ้นเคยกันดีกับบรรดาหมอและเจ้าหน้าที่ๆ นี่

     ตอนแรกที่ผมถูกพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินพร้อมกับต้น บรรดาพี่ๆ พยาบาลยังตกใจกันเลย พวกเธอไม่คิดว่าผมจะเป็นผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์รถชนกันกลางสี่แยก แล้วยิ่งไม่คาดคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเด็กหนุ่มคนเจ็บจะเป็นคนรักกัน เรื่องราวของคู่รักที่คนขับเป็นห่วงแฟนเจ็บหนักจนไม่ยอมไปทำแผลปล่อยให้เลือดไหลอาบหน้ามันคงกินใจคนฟังมั้งครับ ผมไม่ถืออยู่แล้วที่พี่ๆ เขาเม้าเรื่องนี้กันสนุกปาก ก็ในเมื่อผมเองบางทียังเผลอทำ เพียงแต่ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้มาเป็นตัวเอกในโศกนาฏกรรมเอาซะเอง ต้องมาแสดงเองกับบทที่ยังไม่รู้ว่าจะจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งหรือแบดเอ็น พี่ๆ พยาบาลพากันทำแผลไปปลอบผมไป แม้แต่อาจารย์หมอที่ผ่าตัดต้นยังเดินมาตบไหล่ให้กำลังใจผม ทุกคนให้กำลังใจผมถึงขนาดนี้ ต้นต้องไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ?

     “ชัช เป็นไงบ้าง?”

     ฟ่างตรงเข้ามาหาผมพร้อมกับสำรวจร่องรอยอุบัติเหตุบนตัวผม น่าแปลกนะครับ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เลิกกันก็จบแบบไม่ได้จากด้วยดี แต่พอรู้ว่าผมประสบอุบัติเหตุเธอก็รีบมาหาผมทันที แถมยังมีสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยผมเหมือนเมื่อตอนที่ผมไม่สบายแล้วเธอเฝ้าไข้ผมเลย ไม่ดิ เธอห่วงผมมากกว่าตอนนั้นซะอีก ผมมองหน้าฟ่างพลางยกมือขึ้นกุมฝ่ามือขาวเนียนเล็กๆ คู่นั่นที่กำลังจับผ้าพันแผลที่ปิดอยู่บนหัวของผมแล้วเอ่ยถามเธอช้าๆ

     “ฟ่างไม่ได้เกลียดชัชหรอกเหรอ?”

     “เกลียดอะไรกัน! ฟ่างไม่ได้เลิกกับชัชเพราะเกลียดชัชซักหน่อย ถึงตอนนี้ฟ่างจะรักคนอื่นมากกว่าชัช แต่ฟ่างก็ยังรักชัชเหมือนเดิมนะ”

     “งั้นฟ่างเลิกกับชัชเพราะอะไรล่ะ”

     “ห่วงตัวเองก่อนเถอะ จะมาถามอะไรตอนนี้ กลับห้องไปพักก่อนดีมั้ย”

     “ชัชก็แค่สงสัย ทั้งๆ ที่ชัชมันแย่จนฟ่างทนชัชไม่ไหว แต่ทำไมฟ่างถึงยังเป็นห่วงคนเลวๆ แบบชัชอยู่ ชัชดีใจนะที่ฟ่างบอกว่ายังรักชัชอยู่”

     “ไปๆ กลับห้องก่อนเถอะ ชัชเพ้อแล้ว ไม่สบายทีไรเพ้อทุกที พี่เอกบอกว่าเมื่อคืนก็ไม่ได้นอนใช่มั้ย ชอบทรมานตัวเองจนเดือดร้อนคนอื่นไปทั่วจริงๆ”

     “ขอโทษ”

     หลังจากนั้นเหมือนผมน็อตหลุด ผมจำอะไรไม่ค่อยได้ เท่าที่พอจำได้เลาๆ คือฟ่างพาผมกลับคอนโด เธอเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ผมประหนึ่งสมัยที่เรายังรักกัน เธอเตรียมอาหารและยาให้ผม ไล่ผมไปนอนนิ่งๆ ให้สมกับที่เป็นคนป่วย ฟ่างอาสาจะป้อนข้าวผม สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เราเคยมีด้วยกัน ผมพลาดอะไรไปนะ? รอยร้าวระหว่างผมกับฟ่างมันเกิดขึ้นตอนไหน? ทำไมเราสองคนถึงต้องเลิกกันทั้งๆ ที่เราก็รักกัน แต่พอมือเล็กๆ นั่นยกชามข้าวต้มมาป้อนผมถึงบนเตียง ผมกลับคิดถึงเจ้าของนิ้วมือเรียวยาวที่เคยทำอาหารให้ผมทาน ต้นยังไม่เคยป้อนข้าวผมซักมื้อ  ผมภาวนาให้เจ้าของมือขาวซีดคู่นั้นในห้องไอซียูรู้สึกตัวตื่นซักทีเถอะ

     ผมตื่นอีกทีตอนบ่ายแก่ๆ แผลบนหัวเริ่มระบมเพราะยาหมดฤทธิ์แล้ว ผมเดินสะโหลสะเหลอกมาจากห้องนอน มีโน้ตวางอยู่บนโต๊ะ ผมจำลายมือของฟ่างได้

     'ฟ่างไปทำงานแป๊บเดียวเดี๋ยวตอนเย็นจะหิ้วของโปรดมาฝากชัชนะคะ อย่าหนีไปโรงพยาบาลเองล่ะรอฟ่างด้วย แล้วเราไปเยี่ยมต้นพร้อมกันนะคะชัช'

     ผมไม่รู้ว่าฟ่างรู้เรื่องของผมกับต้นรึเปล่า แต่นั่นไม่สำคัญหรอกครับ ยังไงตอนนี้ก็ต้องรู้แล้วแน่ๆ ฟ่างจะคิดยังไงเรื่องของผมกับต้นนะ เธอไม่นึกแค้นผมบ้างเลยเหรอ? เธอจะคิดว่าผมประชดเลียนแบบเธอหรือเปล่า? ตอนนั้นที่ฟ่างทิ้งผมไปผมโคตรเจ็บ นึกแค้นทั้งเธอและคู่รักทอมของเธอ แล้วตอนนี้เธอคงจะรู้เรื่องผมกับต้นแล้ว ฟ่างจะคิดยังไงกับเรื่องนี้นะ จะเคืองเหมือนที่ผมเคยรู้สึกรึเปล่า? คิดไปคิดมาแล้วผมก็เป็นผู้ชายใจแคบชะมัด

     “แอ๊ด”

     เสียงเปิดประตูทำให้ผมต้องหันไปมอง ฟ่างเดินเข้ามาในห้องพลางหอบข้าวของพะรุงพะรัง ผมเดินไปช่วยฟ่างตามอัตโนมัติ

     “หอบอะไรมาเยอะเชียวครับฟ่าง”

     เธอหันมายิ้มให้ผมก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริงที่เคยทำให้ผมหลงรักว่า

     “ฟ่างซื้อข้าวเย็นมาฝากชัชไง แล้วนี่ก็กระเป๋าเสื้อผ้า ฟ่างจะย้ายกลับมาอยู่เป็นเพื่อนชัชซักระยะค่ะ”

     “จะดีเหรอ ไม่กลัวแฟนใหม่โกรธเอารึไง”

     “ฮึ๊! พี่ตาเขามีเหตุผลย่ะ! พี่เขาใจกว้างแล้วก็เข้าอกเข้าใจอะไรง่ายกว่าชัชเยอะ”

     “อ้าว ว่าชัชนี่”

     ผมถามยิ้มๆ ด้วยสีหน้าอิดโรยของคนไม่สบาย หวังว่าผมคงไม่ดูแย่เกินไปนะ ยังไงผมก็ยังอยากหล่อในสายตาแฟนเก่าอยู่ดี

     “ก็มันจริงมั้ยเล่า ชัชน่ะใจแคบจะตาย ทานนี่ก่อนเร็ว ฟ่างซื้อบะหมี่เกี๊ยวปูร้านโปรดของชัชมาฝาก กำลังร้อนๆ เลย ฟ่างไปเทใส่ชามให้นะ”

     “ครับ”

     ผมจำได้แล้วแหละว่าทำไมตอนนั้นผมถึงอยากได้ฟ่างมาเป็นแม่ของลูกผม มันคงมีความสุขไม่น้อยถ้ามีเมียช่างเอาใจแล้วก็คอยฉอเลาะเราแบบนี้ ผู้ชายคนไหนก็อยากเป็นราชาบนฮาเร็มมีสาวน้อยน่ารักมาคอยปรนนิบัติกันทั้งนั้นแหละครับ แต่ฟ่างเธอมีคุณสมบัติข้ออื่นๆ เพิ่มนอกเหนือไปจากนั้นด้วยนี่สิ ส่วนต้นถึงมันจะไม่ค่อยพูดมาก เอาใจผมไม่เก่ง พูดจาหวานๆ ไม่เป็น แต่ภาพที่มันกระวีกระวาดทำโน่นทำนี่ให้ผมก็ดูแล้วน่ารักดีไม่หยอก ผมนึกถึงสายตาเอียงอายของมันเวลาที่ผมหาเรื่องแกล้งมันแล้วก็อยากกอดมันขึ้นมาซะงั้น

     ฟ่างแกะบะหมี่ของตัวเองนั่งทานเป็นเพื่อนผมด้วย ฝนตกแน่ หรือเป็นเพราะผมไม่สบายเธอเลยดีกับผมเป็นพิเศษ? ผมยิ้มขำๆ กับนิสัยรักสวยรักงามของฟ่าง ‘งดทานอาหารหลังหกโมงเย็น!’ กฏเหล็กประจำตัว เมื่อก่อนนอกจากมื้อพิเศษแล้วถ้าผมจะได้นั่งทานข้าวเย็นกับเธอก็ต้องก่อนหกโมงเย็นเท่านั้นครับ นอกนั้นก็มีแต่ประเภทเธอลุกขึ้นไปหาอะไรให้ผมนั่งทานอยู่คนเดียว ไม่ก็บ่นเรื่องที่ผมชอบกินตอนดึกๆ ทำให้เธอพลอยหิวไปด้วย บางทีผมก็ต้องออกไปหาอะไรกินมื้อดึกรอบๆ คอนโดก็มี ผิดกับตอนที่อยู่กับต้นขอแค่ไม่ดึกจนเกินไปหรือไม่ก็ไม่ใช่วันธรรมดาที่มันต้องตื่นเช้า แค่ผมไปเคาะประตูห้องมันแล้วบ่นว่าหิว ไม่ว่าจะกินแล้วหรือยังไม่ได้กินมันจะรีบเข้าครัวทำให้ผมก่อนทันที

     เราสองคนนั่งทานอาหารเย็นกันพลางคุยเรื่องต่างๆ ในชีวิตของแต่ละคนหลังจากที่แยกกันไป น่าแปลกที่เราต่อกันติดเหมือนไม่เคยมีเรื่องผิดใจกันมาก่อน จนผมเปิดประเด็นขึ้น

     “ฟ่างไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนชัชก็ได้นะ ชัชเกรงใจ”

     “อ้าวทำไมละ? ถึงซี่โครงจะไม่หักแต่มันก็กระแทกแรงมากเลยนี่คะ ชัชเจ็บจนขยับแขนแทบไม่ไหวไม่ใช่เหรอ”

     “ชัชเกรงใจฟ่างนี่นา ฟ่างต้องทำงาน จะให้มาคอยดูแลแฟนเก่าแบบชัชได้ยังไง เราเลิกกันแล้วนะฟ่าง”

     “หัดเป็นคนคิดถึงความรู้สึกคนอื่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ ทีเมื่อก่อนฟ่างขอร้องชัชเรื่องบางอย่าง ชัชยังไม่ยอมทำให้เลย”

     เธอเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงงอนๆ น่ารักชะมัด

     “ชัชเกรงใจแฟนฟ่าง แล้วก็ไม่อยากให้ต้นคิดมาก”

     “ชัชชอบต้นจริงๆ เหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย!”

     “นั่นสิ คิดไม่ถึงเหมือนกัน”

     “ชัช สัญญากับฟ่างได้มั้ยว่าจะไม่ทำแบบที่ชัชทำกับฟ่าง ต้นเป็นเด็กดีมากนะชัช แต่ต้นเป็นเด็กขี้อายชอบเกรงใจคน ไม่ค่อยพูด ชัชต้องดูแลต้นดีๆ นะคะ อย่าทิ้งขว้างเหมือนตอนที่ทำกับฟ่าง”

     “ชัชไปทิ้งขว้างฟ่างตอนไหน! ชัชยังงงอยู่เลยว่าตัวเองทำอะไรไม่ดีจนฟ่างขอเลิกกับชัชเนี่ย”

     “ก็เพราะชัชเป็นแบบนี้ไงเล่าชอบเอาตัวเองเป็นใหญ่ ถ้าเป็นฟ่างๆ ก็ยังพอขัดชัชได้ แต่ถ้าเป็นต้นๆ ไม่มีวันขัดชัชหรอก ต่อให้ชัชรังแกต้นมากแค่ไหนก็คงมีแต่กล้ำกลืนไว้นั่นแหละ แล้วซักวันก็คงระเบิด ต้นแตกต่างกับฟ่างตรงที่ฟ่างเป็นพวกถ้ารู้ตัวว่าไม่ใช่ฟ่างก็ถอย แต่ต้นเป็นเด็กที่ยึดมั่นถือมั่นนะชัช ต้นจะไม่มีวันเลิกรักชัชง่ายๆ หรอก ฟ่างไม่อยากเห็นชัชทำบาปกับต้น ไม่งั้นคงรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ชัชกับต้นได้รู้จักกัน”

     อื้อหือ ยาวเป็นชุด! ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้สัมผัสมาตั้งนาน แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว มันก็จริงอย่างที่ฟ่างพูดนั่นแหละครับ ผมไม่มีอะไรจะเถียงเธอจริงๆ ก็เลยได้แต่ยิ้มยอมแพ้

     เราออกไปเยี่ยมต้นอีกครั้ง อาการต้นยังทรงตัวอยู่ แต่ยังไม่รู้สึกตัว พยาบาลพิเศษที่จ้างไว้ช่วยดูแลต้นแทนไอ้เอกที่กลับไปแล้ว แต่ผมยังยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องต่อ ผมคิดไปเองว่าถ้าผมยืนอยู่ตรงนี้บางทีต้นอาจจะได้ยินเสียงเรียกของผมแล้วก็กลับมาหาผมซะที ฟ่างอยู่เป็นเพื่อนผมจนดึก แล้วเธอก็กลับมาส่งผมที่คอนโด ช่วยผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบายๆ เตรียมตัวพักผ่อน เราแยกย้ายกันโดยเธอให้ผมรับปากว่าจะพรุ่งนี้ผมจะรอให้เธอหรือไอ้เอกมารับถึงจะหนีออกจากห้องไปหาต้นได้

     ผมคิดว่าทีมผมคงรู้ข่าวเรื่องผมประสบอุบัติเหตุแล้ว แต่ว่ายังไงเสียผมก็ควรจะโทรไปคุยด้วยตัวเองเสียหน่อย ผมจัดการธุระของตัวเองเสร็จแล้ว แต่พรุ่งนี้ล่ะ ถ้าพี่น้ำกลับมาแล้วไม่เจอต้น พี่น้ำจะทำยังไง?

     วันรุ่งขึ้นฟ่างมาหาผมแต่เช้า เธอช่วยผมจัดการธุระส่วนตัวก่อนจะพาผมไปทิ้งไว้ที่โรงพยาบาล ถึงผมจะขยับตัวได้ลำบากแต่ร่างกายของผมกลับไม่มีอะไรแตกหักเสียหายนอกจากรอยฟกช้ำดำเขียวไปทั้งตัว ผมเลยนั่งเฝ้าต้นอยู่ที่โรงพยาบาล ภาวนาให้ต้นฟื้นขึ้นมาเสียที มีสายเข้ามาหาผมไม่หยุด เพื่อนๆ คนรู้จักในวงการต่างโทรศัพท์มาถามข่าวคราวผม โชคดีชะมัดที่พื้นเพผมอยู่ไกลถึงลำปาง ถ้าแม่ผมรู้ผมคงลำบากมากกว่านี้ ส่วนใหญ่คนที่โทรมามักจะถามเรื่องอุบัติเหตุเป็นส่วนมาก แต่ก็มีบ้างที่กล้าถามเรื่องเด็กหนุ่มคนที่นั่งมาด้วยกันกับผม ไม่ใช่ว่าผมไม่ยอมรับต้นหรืออะไรหรอกนะครับ แต่ผมในตอนนี้ยังไม่พร้อมจะมานั่งตอบคำถามเรื่องชีวิตรักของผมให้ชาวบ้านฟังทั้งๆ ที่แฟนผมยังนอนเป็นผักอยู่แบบนี้

     แตมแวะมาหาผมตอนสายๆ มันถือส่วยติดมือมาให้ผม แต่บังเอิญผมรับของเหลือจากเลี้ยงหมอของน้องผู้แทนเขตนี้ที่แวะมาให้กำลังใจผมไปแล้วก่อนหน้าที่มันจะมาเพียงแค่แป๊บเดียว แถมผมยังเบื่อยี่ห้ออาหารกล่องที่มันเอามาเผื่อผมแล้วด้วย ไอ้นี่นิสัยมันไม่เคยเปลี่ยนชอบเอาสะดวกเข้าว่า ต่อให้หรูแค่ไหนแต่ถ้าให้หมอกินแต่ข้าวกล่อง S&P ทุกวันๆ หมอก็เบื่อนะครับ ส่วนสไตล์ผมถ้าหมอต้องการละก็ ต่อให้เป็นบะหมี่จับกังผมก็ต้องไปต่อแถวหาซื้อมาเลี้ยงหมออยู่ดี งานดีเทลยาแบบผมไม่ได้สบายหรอกนะครับ ถึงใครจะดูถูกว่าพวกเราเป็นขี้ข้าสปอยล์หมอแต่ผมก็พอใจกับอาชีพแบบนี้ มันช่วยเลี้ยงปากเลี้ยงท้องผมได้นี่ครับ

     แต่ตอนนี้ผมก็คงขอลาป่วยก่อน รออะไรๆ มันเข้าที่ก่อนล่ะครับ อู่แจ้งมาแล้วว่ารถผมสภาพค่อนข้างเยิน ถึงจะสบายใจได้เรื่องคู่กรณีเพราะผมเป็นฝ่ายถูกชนิดมีหลักฐานซัพพอร์ ทจากกล้องวงจรปิดตรงแยกก็เถอะ ลงท้ายผมก็คงต้องปวดหัวกับรถที่ยังผ่อนไม่หมดแต่ต้องขายทิ้งคันนี้อยู่ดี คู่กรณีผมก็ดูมีฐานะอยู่บ้างคงเรียกเงินได้พอสมควรแหละครับ แค่ได้รู้ว่าผมไม่ต้องซวยเป็นแพะก็สบายใจแล้ว เพราะเรื่องรถผมก็มั่นใจว่ามีประกันคอยเคลียร์ให้แล้ว ค่ารักษาคู่กรณีผมกับอื่นๆ ก็ให้เขาจ่ายกันเองแล้วกัน ผมไม่ได้ขอให้เขามารับผิดชอบต้นก็บุญแล้ว แฟนผมๆ ดูแลเองได้ ผมทำต้นเจ็บผมพร้อมจะรับผิดชอบทุกกรณีครับ

     ผมนั่งเฝ้าอยู่แบบนั้นจนกระทั่งบ่ายๆ พี่น้ำก็มาถึง ผมเดาเอาว่าพี่น้ำคงจะอ่านข้อความที่ผมส่งให้แล้ว พี่น้ำเดินตรงมาหาผมด้วยสีหน้าตื่นตกใจยิ่งกว่าตอนที่เราเจอกันครั้งแรกเสียอีก เวลาที่ผมกลัวที่สุดมาถึงแล้ว และครั้งนี้ผมก็ต้องยอมรับมันแบบลูกผู้ชายเต็มตัวด้วย ผมยังไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้พี่น้ำฟัง ผมแค่บอกเธอไปว่ารถที่ผมกับต้นนั่งประสบอุบัติเหตุ การปะทะเกิดด้านที่ต้นนั่ง ต้นเลยอาการไม่ค่อยดี เธอรู้เพียงแค่นี้

     ผมพาเธอไปดูต้น สีหน้าของพี่น้ำที่มองลูกชายตัวเองนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียูทำให้ผมรู้ว่าคำพูดที่ว่าหัวอกคนเป็นแม่แหลกสลายมันเป็นยังไง พี่น้ำเข้มแข็งมาก เธอประคองสติไว้ได้ดีพอสมควรถ้าไม่นับหยาดน้ำตาที่ไหลอาบเต็มหน้า ผมได้แต่ปลอบเธอด้วยการประคองเธอไว้ให้เธอรู้ว่าผมเองก็ยังอยู่ตรงนี้ข้างๆ เธอ เพราะผมไม่มีคำแก้ตัวใดๆ รวมทั้งไม่รู้จะสรรหาคำปลอบใจไหนมาใช้เนื่องจากว่าผมเองก็ต้องการให้คนในห้องนั้นฟื้นขึ้นมาไม่น้อยไปกว่าเธอเช่นกัน

     เธอขอให้ผมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แน่นอนผมเล่าเรื่องทุกอย่าง ผมเริ่มประโยคด้วยการบอกเธอว่าผมทะเลาะกับต้น ผมไม่กล้าปิดบังเธอหรอกครับ พี่น้ำเป็นแม่ของต้น เธอมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าผมทำระยำอะไรไว้กับลูกเธอบ้าง ผมเล่าให้เธอฟังทุกอย่าง

     ผมเตรียมใจไว้แล้วว่าเธอคงจะโกรธเกลียดผมมาก อาจจะสั่งห้ามไม่ให้ผมคบกันต้นอีก หรือไม่ก็อาจจะตบผมสักฉาดก่อนจะเรียกตำรวจมาลากคอผมเข้าคุก แต่เปล่าเลย เธอเพียงแค่พูดกับผมด้วยน้ำเสียงติดสะอื้นเล็กน้อย เธอสอนผมเรื่องความรัก เธอเตือนผมให้หยุดคิดและตั้งสติให้ดีก่อนจะทำอะไร เธอบอกว่าเธอรู้ว่าผมรักลูกของเธอ และเธอก็พอดูออกว่าผมเป็นคนอารมณ์ร้อน เธอย้ำเรื่องอายุของผม แล้วกล่าวว่าผมต้องใจเย็นให้มากกว่านี้ เพื่อที่ผมจะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาดจนเสียใจแบบนี้อีก เพราะความผิดบางประการเราสามารถขอให้คนอื่นยกโทษให้ได้ เราสามารถทำความดีชดเชยเรื่องไม่ดีที่เราก่อขึ้นได้ แต่มันก็มีที่บางครั้งเราเผลอทำในสิ่งที่เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ และมันจะทำให้เราเสียใจไปจนตาย เพราะความผิดที่เราทำมันไม่สามารถหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

     เราสองคนนั่งกอดคอกันร้องไห้อยู่พักหนึ่ง แล้วผมก็พาพี่น้ำไปหาแพทย์คนที่ผ่าตัดต้น เธอรับฟังอาการของลูกชายเงียบๆ พยักหน้าเข้าใจเป็นบางครั้ง เธอขอบคุณแพทย์เจ้าของเคส และสุดท้ายเธอหันมาขอบคุณผมที่อยู่เคียงข้างลูกชายของเธอ ผมถามเธอเรื่องเอกสารเพื่อจะไปยื่นที่โรงเรียนของต้น เพราะต้นขาดเรียนได้สองวันแล้ว เธอจึงฝากให้ผมไปจัดการแทน ผมเรียกแท็กซี่ไปยังโรงเรียนของต้น โชคดีที่โรงเรียนอยู่ไม่ไกล และก็ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนรถเลยไม่ติด

     ผมเดินเข้ามาในโรงเรียนของต้น แจ้งความจำนงว่ามายื่นใบลาป่วยให้เด็กนักเรียนที่ประสบอุบัติเหตุ เรื่องราวเรียบร้อยโดยง่าย ผมได้พบกับที่ปรึกษาของต้น เขาถามว่าผมเป็นอะไรกับนักเรียนของเขา ผมก็ได้แต่ตอบว่าผมเป็นผู้รับมอบอำนาจมาจากมารดาของต้นที่ไม่สะดวกมาเอง แล้วเขาก็ไม่ซักถามอะไรผมอีก ผมกลับไปเฝ้าต้นที่โรงพยาบาล พวกเราสองคนไม่รู้เลยว่าเย็นนั้นเองที่มันจะเกิดเรื่องซวยล้างบางขึ้นกับผมอีกครั้ง

หัวข้อ: Re: [จบภาค1#26/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - Happy Ever After (?)
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 26-09-2014 22:05:21

     ในขณะที่ผมกับพี่น้ำกำลังนั่งเฝ้าคนที่พวกเรารักอยู่เงียบๆ หน้าห้องไอซียู พวกผมก็เจอเข้ากับพายุ ผมเคยได้ยินแต่เสียงบ่นของต้นที่เคยเล่าถึงพายุลูกนี้แต่วันนี้ผมเจอเข้ากับตัว ผู้ชายวัยสี่สิบกว่าคนหนึ่งตรงมาหาพวกเราอย่างเร็ว สายตาของเขาจ้องมาที่ผมกับพี่น้ำเขม็ง และโดยที่ไม่ฟังอะไรเลยเขาก็เริ่มต้นสร้างความประทับให้ผมโดยการด่าผู้หญิงที่ผมคิดว่าเป็นแม่ที่ประเสริฐมากคนหนึ่งให้ผมฟัง

     “เธอดูลูกประสาอะไร! ทำไมถึงปล่อยให้ลูกเจอเรื่องแบบนี้ นี่ลูกนอนสลบมาสองวันแล้วเธอคิดจะบอกฉันบ้างมั้ย ถ้าหนูไนน์ไม่โทรมาบอกป่านนี้ฉันก็คงไม่รู้ว่าต้นนอนโคม่าอยู่ในห้องไอซียู!”

     ผู้ชายคนนี้ทำให้ผมเกลียดตัวเองขึ้นมาทันที ผมตอนที่อาละวาดไม่ฟังเหตุผลของต้นจะทำตัวแบบนี้รึเปล่าหนอ? ผมไม่รู้ว่าปณิธานที่ผมตั้งใจว่าจะมีสติรู้จักฟังคนอื่นให้มากขึ้นยามโกรธนั้นจะทำได้มากน้อยแค่ไหน แต่ผมรู้อย่างนึง ผมโคตรเกลียดสายตาดูถูกของไอ้หมอนี่เลย มันดูถูกทั้งผมและพี่น้ำชัดๆ

     “ถ้าไม่มีเวลาดูแลลูกก็ให้ลูกมาอยู่กับฉันได้แล้ว เธอจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้เต็มที่!”

     น่านับถือพี่น้ำนะครับที่มีความอดทนสูงขนาดนี้ เธอแค่ทำหน้าเบื่อโลกแล้วก็หันหลังหนีไปจากผู้ชายคนนี้เฉยๆ ผิดกับผมที่ชักเดือดแทน ถ้าพวกเราไม่ทำงานแล้วเงินมันจะหล่นมาจากบนฟ้ารึยังไงครับ? คนที่ไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดูอะไรต้นแบบเขาไม่มีสิทธิ์พูดจาดูถูกพี่สาวผมแบบนี้!

     แค่พี่น้ำต้องไปทำงานไม่ได้ฉลองวันเกิดให้ลูกชายตัวเองแถมยังต้องกลับมารับรู้ว่าลูกตัวเองนอนไม่ได้สติอยู่แบบนี้ผมว่ามันก็สาหัสแล้วนะ ทำไมยังต้องมาเจอกับไอ้เลวนี่อีกด้วยวะ! ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ผมไม่แปลกใจหรอกที่ต้นมันจะเกลียดเอาซะขนาดนั้น ถ้าผมมีพ่อที่ไม่เคยยอมรับกันเลยมาปรากฏตัวแล้วบังคับให้ผมไปอยู่ด้วยกันด้วยท่าทางแบบนี้แล้วละก็ ให้ตายผมก็ไม่ไป!

     “ขอโทษนะครับ แต่ดูเหมือนคุณจะเข้าใจผิด กรุณาให้เกียรติพี่น้ำด้วยครับ”

     “นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัว ผมว่าคุณอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า”

     “เกรงว่าคงไม่ได้หรอกครับ ผมถือเป็นคนใกล้ชิดของต้นกับพี่น้ำมากกว่าคุณเสียอีก”

     ผมท้าทายเขาไปแบบกวนๆ แล้วยืนขวางระหว่างพี่น้ำกับเขาเอาไว้ ส่งผลให้เขาหงุดหงิดใส่ผมทันที

     “นี่คุณ!”

     “ผมว่าตอนนี้เรื่องที่เราควรทำคือเอาใจช่วยให้ต้นฟื้นขึ้นมาอย่างปลอดภัยมากกว่ามั้งครับ ถ้าคุณยังมีสำนึกของความเป็นพ่ออยู่ก็ได้โปรดอย่าทำร้ายหัวใจของแม่คนนึงที่กำลังเศร้าเพราะลูกตัวเองนอนโคม่าอยู่ในห้องไอซียูเลยครับ”

     ผมได้แต่แขวะไปแบบนั้นแล้วก็เดินไปยืนข้างๆ พี่น้ำ เราสองคนเลิกใส่ใจกับผู้ชายคนนั้นแล้วก็มองดูร่างของบุคคลอันเป็นที่รักที่นอนหายใจแผ่วๆ อยู่ในห้องไอซียูนั้นแทน

     ผู้ชายคนนั้นฮึดฮัดอยู่พักใหญ่ก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นโทนปกติ

     “สายธาร ผมจะขอคุยกับคุณเรื่องการรักษาของต้น”

     “ฉันไม่ใช่คนจัดการเรื่องนี้ค่ะ”

     แน่ละครับ ผมไม่กล้าให้พี่น้ำต้องมาเดือดร้อนเพราะการกระทำของผมหรอก ถึงผมจะไม่ได้รวยมากแต่ก็พอจะมีวิธีหมุนเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาลต้นอยู่ เรื่องนี้ผมขอพี่น้ำรับผิดชอบเองแต่แรกแล้วครับ เพราะฉะนั้นสายตาของพี่น้ำจึงมองมาทางผมส่งผลให้ผู้ชายคนนั้นอาฆาตมาดร้ายใส่ผมมากกว่าเดิม

     “ผมขอตกลงกับคุณซักครู่”

     “ครับ”

     ผมหันไปเผชิญหน้ากับเขา

     “ไม่ทราบว่าคุณเกี่ยวข้องอะไรกับสายธารและต้น”

     “ผมก็แค่รับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำครับ รถคันที่ต้นนั่งไปจนเกิดอุบัติเหตุคือรถของผม ผมเป็นคนขับ”

     ทันทีที่ได้ยินสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากอาฆาตมาดร้ายเป็นสีหน้าของคนที่อยากจะฆ่าผมแทน

     “และผมก็เป็นคนรักของต้น ผมกับต้นเราเป็นแฟนกัน”

     ขาดคำปั๊บ หมัดขวาตรงก็เสยเข้าที่หน้าผมอย่างแรง!

     “แก!”

     ผู้ชายอารมณ์ร้ายคนนี้เป็นอาจารย์ได้ไงวะ! ถึงผมจะตั้งใจกวนตีนมันแต่ผมก็ไม่คิดว่าผมจะโดนหมัดตรงในโรงพยาบาลหน้าห้องไอซียูแบบนี้ แม่งเอ้ย! มึนเห็นดาวเลยครับ จากเดิมสังขารผมก็เดี้ยงอยู่แล้ว ทีนี้แหละผมลงไปกองกับพื้นเลย หลังจากนั้นพี่น้ำก็ออกโรงเอง ผู้ชายคนนั้นไม่มีสิทธิ์อะไรอยู่แล้วครับ เขาไม่ได้เซ็นรับรองบุตรไอ้ต้นมันด้วยซ้ำ!

     วันนี้ผมกับพี่น้ำได้คุยอะไรกันหลายๆ อย่าง พี่น้ำเล่าเรื่องชีวิตของพี่เขาให้ผมฟังอย่างหมดเปลือก คงเพราะเราสองคนคล้ายๆ กันมั้งครับ ถึงพี่น้ำแกจะเป็นสาวเซ็กซี่ แต่จริงๆ ข้างในนี่เป็นคนใจสปอร์ตพอตัวครับ แมนสุดๆ ไปเลย พี่แกเลยเตือนสติผมด้วยเรื่องราวในอดีตของแก แบบว่าผมแทบจะรู้หมดแหละครับว่าพี่น้ำแกผ่านผู้ชายมากี่คนแล้วแกต้องทำอะไรเพื่อต้นบ้าง แน่นอนครับว่าสิ่งที่แกเล่ามามันทำให้ผมรู้สึกตัวได้เลยว่าผมยังดูแลต้นได้ไม่ดีพอ มันก็เหมือนคำถามที่แฝงอยู่ในเรื่องเล่าพวกนั้นนั่นแหละครับว่าผมจะเสียสละให้ต้นได้มากแค่ไหน ถ้าผมคิดจริงจังกับต้นผมจะทุ่มเทให้ต้นได้มากเท่าที่พี่น้ำทำรึเปล่า ไม่งั้นพี่น้ำแกก็จะพาต้นไปอยู่ด้วยกันกับแฟนใหม่ที่ต่างประเทศ เพราะไม่ว่ายังไงแกก็จะไม่มีวันทิ้งลูกถ้าลูกแกไม่มีใครอยู่ข้างๆ

     ไอ้เวรนั่นโดนพี่น้ำเล่นงานจนเสียหน้า พี่น้ำเกือบจะเรียกให้รปภ.มาช่วยลากมันออกไปแล้วครับ ถ้าไม่ติดว่าเสียงๆ นึงดังขึ้นซะก่อน

     “พอเถอะ อิหนูเอ้ย ลื้อเองก็ใจเย็นๆ หน่อยเถอะอาต้น ถือซะว่าคนแก่ขอเถอะนะ”

     ผมเห็นตาแก่คนนึงเดินมากับผู้หญิงที่ใส่ชุดนักศึกษา ผมไม่รู้ว่าสองคนนั่นเป็นใครแต่ผมก็พอเดาได้หรอกครับ พี่น้ำของผมหน้าซีดไปแล้ว แต่ผมเองก็มีเรื่องตกใจไม่แพ้กัน พ่อไอ้ต้นก็ชื่อต้นเหมือนกัน ผมเคยนึกว่าชื่อของต้นมาจากชื่อของพี่น้ำซะอีก คุณแม่สายธาร คุณลูกต้นน้ำ ที่ไหนได้... ผมเดาใจพี่น้ำไม่ถูกเลยว่าเธอตั้งชื่อลูกตัวเองด้วยอารมณ์ไหน และแล้วตาแก่นั่นก็เริ่มพูดอีกครั้ง

     “อาษา พาพ่อลื้อไปสงบสติอารมณ์ที่อื่นก่อนไป กงจะคุยกับอีสองคน”

     ผมเห็นพี่น้ำทำสีหน้าไม่ค่อยดี แต่นี่เป็นเรื่องในครอบครัว ผมก็เลยไม่รู้จะทำยังไง จนกระทั่งพี่น้ำเธอเหมือนตัดสินใจได้นั่นแหละ เลยหันมาบอกผม

     “ชัช นายไปให้พยาบาลทำแผลก่อนเถอะ เหมือนเลือดมันจะซึมนะ”

     โอเคล่ะ ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าพี่น้ำไล่ผมทางอ้อม เอาเถอะ บางทีมันก็คงมีอะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวพอสมควร ผมก็เลยไปทำแผลตามที่พี่น้ำบอก บ้าเอ้ย! เลือดซึมออกมาจริงๆ ด้วย แถมตอนที่หลบเมื่อกี้ยังลื่นล้มทำผมเจ็บจนแทบไม่อยากขยับตัว คืนนี้ผมแอดมินโรงพยาบาลดีมั้ยวะเนี่ย จะได้เฝ้าไอ้ต้นใกล้ๆ ด้วย ผมนั่งอยู่ตรงร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลฆ่าเวลาเล่นเพราะยังไม่อยากไปเฝ้าต้นตอนนี้ กะรอให้แขกจากทางนั้นยกทัพกลับไปก่อน ใครจะไปคิดพี่น้ำก็มีแขกของพี่น้ำผมเองก็มีแขกของผม

     “กูขอคุยกับมึงหน่อย!”

     “อิแม็กซ์! ใจเย็นๆ”

     ความซวยมาเยือนผมแบบครบทีมเลย ไอ้เด็กเวรนั่น เพื่อนต้น แล้วก็... เด็กผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก เด็กผู้หญิงคนนั้นมองผมด้วยสายตาอยากฆ่าผมพอๆ กับไอ้เด็กเวรนั่นเลย!

     “เค้าจะไปหาต้น พี่ษาบอกว่ากงวีกับลุงต้นก็อยู่ที่นี่ด้วย เมษจะอยู่ตรงนี้หรือไปกะเค้า”

     เธอหันไปถามน้องเมษ ผมคิดว่าเด็กคนนี้น่าจะรู้จักกับบ้านใหญ่ไอ้ต้น แต่เธอไม่ถูกกับไอ้เด็กเวรนี่ และอย่างสุดท้ายเธอเกลียดผม

     “เธอไปก่อนเถอะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนแม็กซ์”

     น้องเขาไม่ใส่ใจผมกับไอ้เด็กเวรนี่เลยด้วยซ้ำ เธอเดินเชิ่ดจากไปทั้งแบบนั้น เวรเอ้ย! ผมถูกเด็กที่ไม่รู้จักเกลียดซะงั้น ผมเลยหันไปแข่งจ้องตากับไอ้เด็กเวร ท่าทางมันแทบอยากกระโจนมาฆ่าผมเต็มที่ละถ้าไม่ติดว่ามีมือน้องเมษรั้งอยู่

     “มึงทำไรต้น!”

     “พูดจากับผู้หลักผู้ใหญ่ให้มันดีๆ หน่อยไอ้น้อง”

     “เออ แกนั่งลงคุยกันดีๆ เหอะ ที่นี่โรงพยาบาลนะแม็กซ์ คนมองใหญ่แล้ว”

     “แกทำไรต้น”

     โอเค จากมึงเป็นแกก็ไม่เลว อย่าเรียกผมไอ้เหี้ยขึ้นมาก็แล้วกันไม่งั้นมีต่อยเด็กอ่ะ แค่เห็นหน้ามันผมก็โมโหแล้ว ภาพของต้นที่อาจจะเคยทำอะไรๆ กับมันโผล่ขึ้นมาในหัวผม ไม่ได้ดิวะ! ผมต้องใจเย็น ถ้าผมคุมตัวเองไม่อยู่อีกก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้เด็กเวรนี่แล้ว ผมต้องมีวุฒิภาวะให้สมกับเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้!

     “รถที่พี่กับต้นนั่งไปเกิดอุบติเหตุครับ”

     “ขับรถประสาไรวะ ถ้าต้น-”

     “ต้นไม่ได้เป็นอะไรครับ ต้นปลอดภัยดี ต้นต้องฟื้น”

     ใช่ว่าผมไม่กลัว ผมกลัวนะครับ กลัวมากๆ ด้วย แต่ทุกวันผมจะบอกกับตัวเองแบบนี้ แล้วผมก็จะไม่ยอมให้ใครมาแช่งแฟนผมด้วย

     “เออ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก แกใจเย็นๆ นะแม็กซ์”

     น้องเมษช่วยพูดให้ผม แต่ดูจากสีหน้าแล้วก็คงเคืองผมเหมือนกัน เพราะถึงจะคอยดึงเพื่อนไว้แต่น้องเค้าก็ไม่ยอมสบตาผมเลย ใช่ว่าผมไม่คิด ถ้าตอนนั้นผมไม่พาต้นมากับผม ต้นก็คงเรียนหนังสือเลิกเรียนกลับบ้านตามปกติ ทุกอย่างเป็นความผิดของผมจริงๆ นั่นแหละ

     “คนอย่างมึงอ่ะดูแลต้นไม่ได้หรอก ถึงกูจะไม่ดีเท่ามึง แต่อย่างน้อยกูก็ไม่เคยบังคับจิตใจต้น คนที่เขารักกันเขาไม่ทำเหมือนสัตว์แบบนี้หรอก!”

     ไม่ไหวแล้วครับ! ถ้าผมยังอยู่ผมต้องต่อยหน้าไอ้เด็กเวรนี่แน่ๆ ผมหนีออกมาจากโรงพยาบาลเรียกแท็กซี่กลับคอนโดทันที ใช่ว่าผมไม่รู้ตัวว่าผมผิด แต่โดนศัตรูหัวใจมาพูดเหยียดหยามกันต่อหน้าแบบนี้มันก็ไม่ไหวนะครับ ผมรู้ดีว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากใคร ผมทำอะไรไว้กับต้นบ้าง แต่ถึงแบบนั้น แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงละครับ? ผมย้อนเวลากลับไปได้ซะที่ไหน ใช่ว่าผมอยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมเองก็เจ็บเหมือนกันนะครับ เจ็บปวดกับความโง่ของตัวเอง ตอนแรกผมคิดว่าผมโง่ที่โดนต้นหลอก แต่ต่อมาผมถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วผมมันโง่งมที่สุดเลยต่างหาก ผมโง่ตรงที่ปล่อยให้ความโกรธมีอำนาจเหนือสติแล้วตัดสินใจทำอะไรไปเพียงเพื่อความสะใจแบบนั้น เป็นความโง่ในกมลสันดานที่ผมมักจะแก้ไม่หายเสียที และแทนที่ผมจะต้องเป็นฝ่ายจ่ายค่าตอบแทนให้กับผลของความโง่พวกนั้น คราวนี้ผมดันทำให้คนที่ผมรักต้องเจ็บแทนผม เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับต้นเป็นเพราะความโง่งี่เง่าของผมเอง!

============================================

- ต้นน้ำ -

     ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมๆ รู้สึกเหมือนหลับๆ ตื่นๆ ตลอดเวลา อยากจะลืมตาก็ทำไม่ได้เหมือนคนไม่มีแรง เจ็บปวดจนไม่อยากทนอยากหลับไปให้พ้นๆ จะได้ไม่ต้องรู้สึกอะไร แต่พอพยายามทบทวนความทรงจำถึงได้นึกได้ว่าผมประสบอุบัติเหตุมา ถ้าอย่างนั้นการที่ผมยังรู้สึกตัวเจ็บปวดหลับๆ ตื่นๆ คล้ายอยู่ในความฝันแบบนี้ก็คงแปลว่าผมยังไม่ตายใช่มั้ยครับ? แล้วพี่ชัชล่ะ! พี่ชัชปลอดภัยดีมั้ย? ผมเป็นห่วงพี่ชัช

     ในที่สุดผมก็มีสติจนได้ ผมรู้สึกว่ามีพยาบาลเข้ามาดูผมๆ ได้ยินเสียงของแม่ๆ ผมปลอบผมตลอดเวลา แต่ผมอยากเจอพี่ชัช! พี่ชัชเป็นยังไงบ้าง? ทำไมพี่ชัชไม่อยู่ที่นี่? หรือพี่ชัชเป็นอะไรไป? ผมรู้สึกแย่มากเจ็บไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง แต่ผมก็ดีใจที่ยังไม่ตาย การที่ผมเห็นหน้าแม่มันไม่ใช่ความฝัน ผมหลับสลับกับตื่นอยู่แบบนั้นจนกระทั่งผมแว่วๆ เสียงพี่ชัช ผมพยายามจะลืมตาขึ้นแต่รู้สึกว่าทำได้ยากเหลือเกิน มีสัมผัสอบอุ่นคอยลูบหัวผมอยู่ ผมจำได้! นั่นเป็นฝ่ามือของพี่ชัชแน่ๆ

     ทุกอย่างเหมือนความฝันเลยครับ ผมรู้ตัวดีว่าผมหลับมากกว่าตื่น หรือความจริงแล้วผมไม่ได้ตื่นเลยแม้แต่น้อย? ความรู้สึกของผมมันเบลอไปหมด ไม่แน่ใจว่าสิ่งไหนคือเรื่องจริงสิ่งไหนคือภาพหลอน เกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ รึเปล่า? ผมรอดตายจริงๆ หรือเปล่า? ผมฟื้นขึ้นมาได้ยินเสียงได้เห็นหน้าแม่ผมจริงมั้ย? แล้วไหนจะยังคนพวกนั้นอีก! พี่ชัชก็ด้วย ทำไมเวลาที่ผมคิดว่าผมกำลังตื่นอยู่ผมถึงไม่ได้เจอพี่ชัชเหมือนที่ผมเห็นแม่ผมละครับ? ตกลงพี่ชัชปลอดภัยดีจริงๆ หรือเปล่า?

     ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่วัน และแล้วผมก็ถูกย้ายตัวมาอยู่ห้องพิเศษ ผมคิดว่าผมมีสติครบถ้วนแล้วนะครับ อย่างน้อยๆ ผมก็รู้ตัวว่าแขนหัก คงมีแผลที่ท้องเพราะผมเจ็บจนขยับตัวแทบไม่ไหว ผมปวดหัวมากด้วย แต่ผมก็ยังไม่ตาย ผมถามแม่ว่าท่านมาได้ยังไง ท่านบอกว่าพี่ชัชบอก ผมเดาเอาว่าการที่แม่พูดถึงพี่ชัชสะดวกปากแบบนี้แม่คงไม่โกรธพี่ชัชหรอกครับ และมันก็คงแปลว่าพี่ชัชไม่บาดเจ็บอะไรมากด้วย ผมไม่อยากพูดอะไรอีก การที่ผมพึ่งฟื้นจากอุบัติเหตุเกือบตายมาได้ มีแม่ที่อุตส่าหยุดงานลากิจมาดูแลผมอยู่ข้างๆ ผมควรจะนอนนิ่งๆ เป็นคนป่วยลูกกตัญญูใช่มั้ยครับ ไม่ควรถามถึงคนรักที่ทำให้ผมเกือบตาย ผมไม่ควรฟื้นขึ้นมาแล้วก็คิดถึงแต่เรื่องของผู้ชาย ผมพยายามบอกตัวเองว่าผมไม่ได้แรดแบบนั้น

     ผมกำลังหลับอยู่ แต่เหมือนได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ตามมาด้วยเสียงของคนที่ผมคุ้นเคย

     “ดีครับพี่น้ำ”

     “ต้นหลับอยู่เหรอครับ?”

     “จะ ทานข้าวเย็นเสร็จก็หลับไป สงสัยคงยังเพลียอยู่น่ะ”

     “แล้วพี่ทานอะไรรึยังครับ? ผมมีข้าวหน้าเป็ดมาฝาก แต่พี่คงต้องเอาไปอุ่นหน่อยนะครับ มันหายร้อนแล้ว”

     “ไม่เป็นไรหรอก นายชัชไม่ต้องลำบากแบบนี้ก็ได้นะ โรงพยาบาลนี่ก็มีอาหารขาย”

     “ไม่เป็นไรหรอกพี่ เหลือเลี้ยงหมอเยอะเลยครับ แล้วนี่ต้นเป็นไงบ้างครับ?”

     “หลับๆ ตื่นๆ น่ะแหละจะ แต่ก็ดีขึ้นนะเพ้อน้อยลงแล้ว มีแต่บ่นปวดแผลแทน”

     อาจจะเพราะผมนอนหลับตาอยู่เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ผมได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาใกล้ๆ สัมผัสที่แผ่วเบาวางลงบนศีรษะผม ต้องเป็นพี่ชัชแน่ๆ นึกว่าเขาจะไม่มาเยี่ยมผมแล้วซะอีก ไม่รู้พี่ชัชเจ็บตรงไหนบ้าง แต่คงไม่มากเท่าไหร่มั้งครับ ก็ลองไปทำงานได้ขนาดนั้น ได้ยินแบบนี้ผมก็สบายใจแล้วละครับพี่ชัชไม่ได้เป็นอะไร แล้วผมก็หลับไปอีกด้วยหัวใจที่ปลอดโปร่ง แฟนของผมปลอดภัย

     หลายวันต่อมาพวกไนน์มาเยี่ยมผม มีเพื่อนในห้องมาด้วย อาการผมดีขึ้นมากแล้ว สามารถประคองตัวได้นิดหน่อย พูดคุยรู้เรื่องมีสติไม่เบลอเหมือนเมื่อตอนฟื้นวันแรกๆ แม่เลยอนุญาตให้ผมอยู่ตามลำพังกับพวกเพื่อนๆ ผมกังวลเรื่องสอบพอสมควร ไม่รู้ว่าตัวเองจะหายทันมั้ย? แต่ถ้าผมพลาดผมคงต้องรอไปอีกปี ผมไม่อยากเข้าเอกชนจริงๆ นะครับสงสารแม่ ผมมั่นใจว่าความสามารถของผมดีพอจะได้เข้าคณะที่ผมต้องการแน่ๆ แต่ผมเริ่มกังวลเรื่องที่ว่าผมจะได้เรียนจบพร้อมเพื่อนๆ มั้ย? แต่ผมจะทำอะไรได้ละครับ ผมขยับตัวไม่ได้แบบนี้แค่จะพูดแต่ละทีก็ยังลำบาก แต่เพื่อนๆ ที่มาก็ดูจะเข้าใจผม บางคนที่แทบไม่เคยคุยกันก็ยังอุตส่าเอาของฝากมาเยี่ยม ทุกคนอวยพรให้ผมหายเร็วๆ แต่พอพวกไนน์กลับไปก็มีแขกอีกคู่นึงเข้ามาแทน เมษกับแม็กซ์ แปลกนะครับที่คู่นี้มาด้วยกันได้ แม็กซ์ไม่ถามอะไรผมมาก แค่ใช้สายตานิ่งๆ มองมาที่ผมแล้วก็ให้กำลังใจให้ผมหายเร็วๆ แม็กซ์อยู่เพียงครู่เดียวก็กลับไป แต่เมษยังอยู่ต่อ และแล้วผมก็เห็นเมษร้องไห้

     “ร้องอะไร?”

     “ก็ฉันกลัวนี่ กลัวแกตาย”

     “บ้า”

     “แกไม่รู้หรอกแกสลบไปนานแค่ไหน พอแกฟื้นมาก็ทำท่าเบลอๆ เอ๋อๆ อีก ฉันนึกว่าแกจะเหมือนในหนังที่แบบตื่นมาแล้วจำใครไม่ได้ไม่ก็เอ๋อไปแล้วซะอีก”

     ผมยิ้มให้เมษแบบแปลกๆ คงเพราะยังเจ็บๆ ที่ศีรษะอยู่ ตึงไปทั้งหน้าเลยครับ หวังว่าแผลจะไม่ทิ้งรอยน่าเกลียดเอาไว้นะครับ หมดหล่อกันพอดี

     “แม็กซ์มันห่วงแกมากเลย ตอนที่พวกเพื่อนแกมาเป็นกลุ่ม มันก็ไม่กล้ามากับพวกนั้น แอบรออยู่จะมาหาแกคนเดียว มันแทบไม่กล้าสู้หน้าแกเลยนะ”

     “แต่เขาก็มากับนาย...”

     “ฉันตามมากับมันต่างหาก!”

     เมษขึ้นเสียงนิดหน่อยก่อนจะเอามืออุดปากแล้วก็ลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ เตียงผม เมษเปิดปากเล่าเรื่องราวหลายวันในช่วงนี้ให้ผมฟังอย่างรู้ใจ

     “ฉันกลัวมันจะเป็นบ้าขึ้นมาอีกน่ะสิ จะว่าไปแล้วก็สงสารแม็กซ์มันนะ มันคงไม่กล้าสู้หน้าแกอ่ะต้น เลยอึกๆ อักๆ อยู่ตั้งนาน เกือบไม่เข้ามาหาแกแล้ว พอมาก็เลยอยู่แป๊บเดียว”

     “ทำไม?”

     ไม่ใช่ว่าผมกลัวดอกพิกุลจะร่วงนะครับ เพราะความเจ็บปวดที่ผมเจออยู่นี่ทำให้ผมเปิดปากคุยได้แค่นี้จริงๆ แต่อวัยวะทำหน้าที่ฟังของผมยังดีอยู่ เพราะงั้นผมเลยถามน้อยๆ ฟังให้มากครับ และเมษเองก็เป็นนักเม้าชั้นหนึ่งอยู่แล้ว

     “วันก่อนมันไปด่าแฟนแกว่าสัตว์นะสิ”

     ผมตกใจ! แม็กซ์นะเหรอ? ปะทะกับพี่ชัช!

     “ฉันละกลั๊วกลัว เกือบต่อยกันแล้ว แต่แฟนแกเดินหนีไปซะก่อน พูดแล้วก็สงสารแม็กซ์ แกรู้มั้ยมันแอบมาดูแกบ่อยๆ นะ แต่ทุกครั้งก็เห็นแกเอาแต่เพ้อหาแฟนอ่ะ แล้วยิ่งบางทีเวลามันมาแล้วเห็นภาพบาดตาบาดใจที่แบบว่าแม่แกกับแฟนแกซี้กันดีอ่ะ อารมณ์เหมือนถอดใจมั้ง แต่แม่แกกับแฟนแกนี่ดีเนาะดูไม่กีดกันดี อิจฉาอ่ะ”

     ผมไม่รู้จะทำยังไงนอกจากยิ้ม แต่ยิ้มแล้วแก้มผมก็เจ็บ ผมก็เลยพยายามไม่ยิ้ม แต่คงห้ามยากแหละครับเพราะผมภูมิใจเรื่องนี้สุดๆ ไปเลย

     “แล้วนี่แกได้คุยกับแฟนแกเรื่องนั้นยัง? ยังโกรธเขาอยู่ป่าว ละมันเกิดไรขึ้นย๊ะ ฉันไม่กล้าถามเขา ทำไมจู่ๆ แกถึงรถชนละพี่เขาไม่เป็นไรเลย?”

     “มีรถมอเตอร์ไซค์ฝ่าไฟแดงมาชนตอนที่รถพี่กำลังออกตัวครับ แต่รถมันชนฝั่งคนนั่งพี่เลยไม่ค่อยเป็นอะไร”

     พูดถึงโจโฉๆ ก็มา! ผมเห็นพี่ชัชเดินเข้ามาพอดี แปลกจัง ปกติเขาจะมาตอนค่ำๆ กว่านี้ ซึ่งเป็นเวลาที่ผมมักจะหลับ วันนี้มาเอาตอนเย็นซะได้ ผมเลยแกล้งหลับไม่ทันเลย ถึงผมจะหายโกรธพี่เขาแล้วแต่ว่าผมยังไม่ได้เตรียมใจจะเจอกันจังๆ นะครับ ไม่รู้จะพูดอะไรดี นอกจากผมที่ยังเขินๆ ก็มีเมษด้วยที่ดูอึ้งๆ เมษท่าทางกระอักกระอ่วนไม่รู้จะเอายังไงต่อ

     “เอ่อ... พี่ไม่ต้องทำงานเหรอคะ”

     ผมเห็นเขาถามแล้วก็ทำท่าตบปากตัวเองเหมือนถามอะไรโง่ๆ ออกไป ผมไม่กล้ามองหน้าพี่ชัชหรอกครับ แต่ได้ยินเสียงเหมือนพี่เขากำลังกลั้นหัวเราะอยู่หน่อยๆ

     “ไม่คุยกันต่อเหรอ หัวข้อกำลังน่าสนใจเลย พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าต้นหายโกรธพี่แล้วรึยัง”

     โจโฉที่เป็นหัวข้อสนทนาเมื่อกี้เดินมาหยุดตรงข้างเตียงแล้วก็จ้องหน้าผมด้วยสายตาลึกซึ้ง ให้ตายสิครับ! แบบนี้มันโกงกันชัดๆ เล่นใช้สายตาแบบนี้มามองผม แล้วผมก็ขยับตัวหนีลำบากด้วย จะแกล้งหลับก็ไม่ทันแล้ว แต่จู่ๆ ผมที่ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีก็ถูกพี่ชัชรุกเข้าจนได้ ฝ่ามือที่แสนอบอุ่นลูบศีรษะผมเบาๆ ก่อนจะไล้มาตามข้างแก้ม นิ้วของพี่ชัชคลอเคลียอยู่ตรงนั้นตอนที่ถามผมว่า

     “เจ็บมั้ยครับ คนดีของพี่ ... เพราะพี่แท้ๆ ต้นถึงได้ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ พี่ขอโทษนะครับ ยกโทษให้พี่นะ”

     เจอแบบนี้เข้าไปต่อให้ผมยังโกรธอยู่ก็โกรธต่อไม่ลงแล้วละครับ แถมยังมีพยานมาช่วยเชียร์ผมอยู่ในระยะเผาขนแบบนี้อีก พี่ชัชก็... เล่นมาง้อกันต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ผมอายเพื่อนนะครับ เพราะสายตาที่ผมต้านทานไว้ไม่อยู่นั่นแหละ ผมถึงได้หลุดปากประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่ผมฟื้นขึ้นมาได้

     “ผมหายโกรธพี่ชัชตั้งนานแล้วครับ”

     ถึงเสียงของผมจะแหบๆ แห้งๆ กระท่อนกระแท่นตามประสาคนป่วยมากแค่ไหน แต่ปฏิกิริยาที่พี่ชัชมีต่อคำพูดของผมก็ทำราวกับเสียงของผมไพเราะที่สุดเท่าที่พี่เขาเคยได้ยินในชีวิตซะงั้น พี่ชัชทำท่าดีใจยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งซะอีก แถมเมษที่อยู่ข้างๆ นี่ก็ยังจะช่วยส่งเสียงลุ้นวี้ดว้ายแต่พองามช่วยรุมผมอีก ผมทั้งเขินทั้งอาย อยากแกล้งทำเป็นหลับให้รู้แล้วรู้รอด

     “น้องเมษทานขนมที่พี่เอามาก็ได้นะครับ บนโต๊ะมีขนมเยอะเลย จะเอากลับบ้านก็ตามสบายนะ”

     “แหม พอสวีทกันแล้วก็ไล่หนูเลยนะคะคุณพี่ งั้นหนูกลับก่อนแล้วกันค่ะ นังต้น ไว้ละฉันจะมาเยี่ยมใหม่นะ”

     เมษทิ้งท้ายไว้อย่างน่าหมั่นไส้ ส่วนพี่ชัชเองก็เนียนเข้ากันกับเพื่อนผมได้หน้าตาเฉย แถมยังเดินไปหยิบขนมส่งให้เมษติดไม้ติดมือกลับบ้านไปอีก นั่นมันของเยี่ยมผมไม่ใช่รึไงครับพี่ชัชก็...

     พอไล่กขค.ออกไปแล้ว แฟนผมก็ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จ้องผมไม่วางตา คนอะไรก็ไม่รู้เผด็จการสุดๆ เลยครับ ดูท่าผมคงต้องทำใจซะแล้วเรื่องนิสัยของพี่ชัช ผมหลบสายตาพี่ชัชไม่ได้ก็เลยมองสำรวจพี่เขาแทน ไม่ได้เห็นหน้าแฟนตัวเองชัดๆ มาตั้งหลายวัน บนศีรษะของพี่ชัชมีแผลที่ยังปิดด้วยผ้าก๊อซ ถึงภายนอกอื่นๆ ดูแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าพี่ชัชของผมดูแก่ไปอีกหลายปี ท่าทางอิดโรยยังไงก็ไม่รู้ครับ ผมหลุดปากถามไปด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างโหยหา ผมอยากสัมผัสพี่ชัชเหลือเกิน ไม่รู้พี่ชัชจะเจ็บมากแค่ไหน

     “เป็นอะไรมากมั้ยครับ?”

     “ไกลหัวใจอยู่ รถมันไม่ได้ชนข้างพี่ แค่โดนถุงลมอัดนิดๆ หน่อยๆ ไม่มีอะไรแตกหักเสียหาย แค่ต้นไม่เกลียดพี่หัวใจพี่ก็ปลอดภัยแล้ว”

     “แล้วคนชนละครับ”

     “ก็หนักหนึ่งนิดๆ หน่อยๆ หนึ่ง”

     “แล้วพี่ชัชจะติดคุกรึเปล่าครับ?”

     “จะแช่งพี่รึไงฮะเรา พี่ไม่ผิดทางนู้นหรอกผิด นี่รถพี่ก็พังยับต้นก็เจ็บ พี่ไม่เอามันเข้าคุกก็ดีแล้วต้น”

     “รถพัง?”

     “อืม ชนหนักมาก พี่เลยว่าซ่อมเสร็จคงต้องขาย พี่เป็นเซลล์ขับรถทุกวัน ไม่อยากขับรถที่ไม่ปลอดภัยไปไหนมาไหนหรอกต้น”

     “ลำบากแย่ ละนี่พี่ชัชทำงานยังไงละครับ”

     “รถประกัน ลำบากหน่อยแต่ก็พอไหวละวะ พี่ไม่ได้เป็นไรมากไม่ทำงานก็ไม่มีตังค์”

     “แม่บอกว่าพี่ชัชจ่ายค่ารักษาให้ผม”

     “ก็พี่ทำต้นเจ็บ พี่ก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องห่วงน่าพี่หาได้”

     “แต่พี่ชัชจะซื้อรถใหม่?”

     “พี่หาทางได้น่า เรารีบพักผ่อนให้หายเร็วๆ ก็พอแล้ว”

     พี่ชัชมักเก็บปัญหาทุกอย่างไว้กับตัวเสมอ ผมก็รู้อยู่ว่าผมเป็นเด็กคงช่วยอะไรพี่ชัชไม่ได้ แต่ว่าถ้าให้ผมนอนอยู่เฉยๆ ไม่คิดอะไรผมก็ทำไม่ได้ครับ ผมรู้ว่าแฟนของผมไม่ใช่คนรวยมีเงินมากพอจะถลุงเล่นได้มากมาย แค่ค่าห้องพิเศษนี่ก็คงเยอะแล้ว พี่ชัชคงเห็นสายตาเป็นห่วงของผมก็เลยอธิบายเพิ่มมากอีก

     “ไม่ต้องห่วงน่า ไม่มีไรทำให้พี่ลำบากหรอก ฝั่งโน้นผิดเต็มๆ เขาเรียกร้องไรพี่ไม่ได้ รถพี่มีประกันช่วยส่วนนึงแล้ว ตัวต้นพี่น้ำก็ทำประกันไว้ เคลมได้ส่วนหนึ่ง ที่เหลือทนายที่พี่รู้จักก็รับปากจะช่วยจัดการให้แล้ว คงได้เงินอยู่ อีกฝั่งขับบิ๊กไบต์เชียวนะต้น ไม่มีตังค์ได้ไง เพราะรถมันใหญ่เจอกระแทกไปเต็มๆ ต้นถึงได้เจ็บขนาดนี้”

     ผมไม่รู้จะทำยังไงนอกจากยิ้มให้กับพี่ชัช ถึงแม้พี่ชัชจะพยายามทำเป็นเฮฮาไม่ซีเรียสอะไร แต่ผมสัมผัสได้ถึงความเครียดที่แฝงอยู่บนใบหน้าของพี่ชัช ถ้าเพียงแต่ผมจะเป็นกำลังให้พี่ชัชได้บ้างก็คงดี... แต่ผมทำได้แค่ยิ้ม

     “เห็นต้นยิ้มให้แบบนี้พี่ก็สบายใจ พี่รู้ตัวว่าพี่ทำผิดกับต้นไว้มาก แต่จากนี้ต่อไปพี่จะพยายามปรับปรุงตัวนะ พี่คงไม่กล้าให้สัญญาอะไรอีกเพราะพี่ก็ไม่กล้ารับประกันเหมือนกัน แต่ถ้าพี่จะขอร้องต้นตรงๆ ว่าพี่อยากให้ต้นช่วยทนผู้ชายไม่ได้เรื่องคนนี้ พี่ขอความรักจากต้น ขอให้ต้นรักพี่เหมือนเดิม ต้นจะยอมตกลงมั้ยครับ เราเป็นแฟนกันเหมือนเดิมได้เปล่า?”

     ท่าทางของพี่ชัชในตอนนี้อย่างกับหมาหงอยเลยครับ เหมือนหมาตัวโตๆ ที่คอยอ้อนขอความรักจากเจ้าของชะมัด รู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าผมไม่มีวันปฏิเสธ ยังไงผมก็ไม่มีวันทิ้งเขาลงก็ยังจะอ้อนขอให้ผมลูบหัว แสดงสัญญาณว่าผมยังรักเขาอยู่ ขอเอาคืนหน่อยเถอะ คิดได้ดังนั้นแล้วผมก็ส่ายหน้าช้าๆ แล้วแกล้งทำหน้าเศร้าๆ ให้พี่ชัช ฮ่าๆ พี่ชัชหน้าเสียเลยแหละครับ ภาพพี่ชัชตอนทำหน้าเหวอๆ นี่ทำเอาผมแอบสะใจนิดๆ จนเผลอยิ้มออกมาเลย

     “ผมเป็นแฟนพี่ชัชเหมือนเดิมไม่ได้หรอกครับ”

     ผมตั้งใจกะจังหวะทิ้งช่วงให้คำพูดของผมทรมานพี่ชัชอีกนิด ก่อนจะเฉลยให้สุดที่รักของผมฟัง

     “ผมเป็นเมียพี่ชัชแล้วนะครับ แล้วหลังจากที่ผมเกือบตาย มันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมรักพี่มากแค่ไหน ยิ่งพอเห็นพี่ดีกับผมขนาดนี้ ผมคิดว่าผมรักพี่ชัชมากว่าเดิมครับ”

     หน้าของพี่ชัชจากเดิมที่ซีดยิ่งกว่าคนป่วยอย่างผมตอนนี้บานจนหุบยิ้มไม่ลงเชียวแหละครับ น่าหมั่นไส้จริงๆ ผมน่าจะให้พี่เขาตามง้อผมอีกหน่อยนะนี่

     “ไอ้ต้นเอ้ย! หลอกพี่ได้นะเรา ฮ่าๆ”

หัวข้อ: Re: [จบภาค1#26/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - Happy Ever After (?)
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 26-09-2014 22:23:06
     หลังจากนั้นคงไม่ต้องบอกนะครับว่าคนป่วยที่ได้กำลังใจดีสุดๆ แบบผมจะหายวันหายคืนขนาดไหน ก็กำลังใจดีซะขนาดนี้ แต่ว่าตอนบ่ายของวันหนึ่ง ในขณะที่ผมซึ่งเริ่มจะปรับตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงได้แล้วกำลังดูทีวี มีแขกกลุ่มนึงมาเยี่ยม และการที่ผมขยับตัวไม่ได้ต้องนอนอยู่บนเตียงก็ทำให้ผมหนีแขกกลุ่มนี้ไปไหนไม่ได้ จะแกล้งหลับก็คงไม่สมเหตุสมผลพอ บ้าชะมัดเลยครับ!

     พวกเขามากันสามคน ผู้ชายคนนั้นมากับชายชราที่นั่งอยู่บนรถเข็น แล้วก็ผู้หญิงคนนั้นที่เคยมาหาผม ดูเธอตาแดงๆ เมื่อแม่ผมเห็นแขกกลุ่มนี้ แม่ก็ขอตัวเอาผลไม้ที่แขกนำมาให้ไปจัดใส่จาน ผู้หญิงที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวคนละแม่ของผมก็แยกตัวไปช่วยแม่ผมล้างผลไม้อยู่ในห้องน้ำ ทำไมแม่ถึงล้างผลไม้นานจัง ผมควรจะแกล้งหลับเลยดีมั้ย ถ้าคนที่ยังอยู่มีแต่ผู้ชายคนนั้นละก็ผมคงแกล้งหลับไปแล้ว แต่แววตาอ่อนโยนของชายชราที่มองผมอยู่เนี่ยสิ ผมไม่กล้าเสียมารยาทกับคนแก่คนนี้ คนทั้งสองเงียบอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งผู้ชายคนที่แก่กว่าเป็นฝ่ายเปิดปากออกมา

     “อาตี๋น้อย ลื้อเกลียดอากงมากนักเหรอ อั๊วะรอให้ลื้อไปหาอั๊วะอยู่ทุกวัน แต่ลื้อก็ไม่ไปหาอั๊วะ จนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อั๊วะกลัวจะไม่ได้เห็นหน้าหลาน อากงแก่แล้วเป็นไม้ใกล้ฝั่ง ไม่เคยคิดเลยว่าลูกชายคนโตกับหลานชายคนแรกจะจากโลกนี้ไปก่อนตัวเอง ไม่ทันไรหลานชายคนเล็กของอั๊วะก็มาเจ็บหนักอีก อั๊วะก็เลยตัดสินใจมาหาลื้อเอง อั๊วะกลัวจะไม่ได้เห็นหน้าลื้อ”

     ผมได้แต่เงียบ ไม่รู้จะพูดอะไร มันทั้งอึดอัด ทั้งรำคาญ ทั้งอยากจะหนีจากสถานการณ์ตรงนี้ให้พ้นๆ แต่อีกมุมหนึ่งในใจก็มีความรู้สึกบางอย่างที่ผมอธิบายไม่ถูกระอุอยู่ข้างใน มันควบแน่นจนเกือบจะกลั่นตัวเป็นหยดที่หางตาผมแล้ว โชคดีที่พี่ชัชเข้ามาซะก่อน

     พี่ชัชคงสังเกตได้ถึงบรรยากาศบางอย่าง เขายกมือไหวคนอาวุโสกว่าก่อนจะเอาของกินที่หอบมาวางไว้บนโต๊ะแล้วเดินมายืนข้างๆ ผม ฝ่ามืออบอุ่นที่คอยลูบหัวผมไล่หมอกบางๆ ในอกให้หายไป ผมรู้สึกเข้มแข็งขึ้น นิ้วของพี่ชัชเกี่ยวกระหวัดเข้ากับนิ้วที่สั่นเทาของผม ความร้อนนั้นถ่ายทอดเข้ามาจนผมรู้สึกกล้าเผชิญหน้า

     “อาตี๋ ลื้อเป็นคนที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลหลานอั๊วะเหรอ ลื้อทำงานอะไรวะ?”

     พี่ชัชทำหน้างงๆ เล็กน้อย คงนึกไม่ถึงว่าหวยจะออกที่ตัวเอง ผมเองก็ยังนึกไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ อากงของผมจะสัมภาษณ์พี่ชัชอย่างนั้น อากงไม่ถามเรื่องที่พี่ชัชเป็นคนพาผมไปเจออุบัติเหตุซักคำ แต่กลับถามแบบนี้

     “ผมเป็นเซลล์ขายยาครับ”

     “ไอหย๊า! งานกระจอกอ่า ลื้อจะดูแลหลานชายอั๊วะไหวเหรอ”

     โดนเข้าไปแบบนี้พี่ชัชก็มีฉุนหน่อยๆ ละมั้งครับ แต่เอ๊ะ! ถ้าเมื่อกี้ผมฟังไม่ผิด? อากงถามพี่ชัชว่าจะดูแลผมไหวรึเปล่าใช่มั้ยครับ?!?

     “ครับ ผมไม่ได้รวยมาก แต่ผมคิดว่างานนี้ก็คงพอจะเลี้ยงผมกับต้นได้สบายๆ ครับ ถ้าเราสองคนอยู่กันแบบไม่ฟุ้งเฟ้อ”

     ผมหันไปมองพี่ชัชทันที! พี่ชัชครับ บทพูดแบบนั้นมันเอาไว้ใช้ตอนขอลูกสาวชาวบ้านเขาไม่ใช่เหรอครับ? แล้วที่สำคัญมันต้องบอกว่าจะดูแลอย่างดีสิครับ ไม่ใช่มีวงเล็บให้อยู่แบบพอเพียง ถึงผมจะไม่ใช่พวกสุรุ่ยสุร่ายก็เถอะ!

     นี่มันอะไรกัน? ผมนึกว่าพวกเขาจะมาคุยเรื่องของผมซะอีก เอ่อ... ไม่สิ นี่มันก็เรื่องเกี่ยวกับตัวผมเหมือนกัน แต่เป็นเรื่องของผมกับพี่ชัช คือผมหมายถึงว่าผมนึกว่าเขาจะมาคุยเรื่องการรับผมเป็นลูกอะไรนั่นซะอีก!

     “ลื้อเป็นคนหัวอ่อนนะอาตี๋เล็ก อากงกลัวลื๊อจะโดนผู้ชายไม่ดีหลอก แต่ถ้าลื้อเลือกแล้ว อั๊วะก็จะไม่บังคับลื๊ออีก อั๊วะเคยบังคับเตี่ยกับลุงลื้อมาแล้ว เตี่ยลื๊อมันหัวแข็งเลยชอบพยศอั๊วะ แต่ยังไงมันก็เป็นลูก อากงตัดมันไม่ขาด อั๊วะเลยไม่อยากบังคับลื้อ แต่ถ้าลื้ออยู่กับมันแล้วมีปัญหาอะไรหรือโดนมันทำให้ร้องไห้มาบอกอั๊วะนะ อั๊วะจะช่วยลื้อเอง ต่อให้ลื้อชอบผู้ชายอั๊วะก็จะหาผู้ชายดีๆ ให้ลื้อแต่งก็ยังได้ อั๊วะขอแค่อาตี๋เล็กไปเยี่ยมอากงแก่ๆ คนนี้บ้างได้มั้ย”

     ผมบีบมือของพี่ชัชแน่น แม่ของผมกับผู้หญิงคนนั้นออกมาจากห้องน้ำพอดี เธอเดินไปนั่งบนโชฟาข้างๆ คุณพ่อของเธอ แม่ผมเดินไปเสิร์ฟจานผลไม้ให้อากงแล้วก็เดินมายิ้มให้ผมที่อีกฟากของเตียงคนละด้านกับพี่ชัช แม่ลูบหัวผมเบาๆ ผมตัดสินใจพูดขึ้นหลังจากที่ได้บทสรุปในใจ

     “ผม... ผมเป็นลูกแม่น้ำครับ และจะเป็นตลอดไป ผมไม่คิดว่าผมมีพ่อ ถึงเรื่องของผู้ใหญ่จะเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวผม แต่ผมไม่สะดวกใจจริงๆ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยมีพ่อ ไม่รู้ว่าระหว่างพ่อกับลูกควรจะเป็นยังไง แต่สิ่งที่ผมพบเจอมันห่างไกลกับพ่อในความฝันของผมมากครับ ผมไม่คิดว่าผมจะยอมรับคนอื่นเป็นพ่อได้เพียงเพราะสายเลือด ถ้าผมจะยอมรับมันก็ต้องมาจากการกระทำ”

     แววตาของผู้ชายคนนั้นตอนที่ได้ฟังคำพูดของผมดูไหววูบอยู่ครู่หนึ่ง ผมเองก็บอกไม่ถูกว่าผมรู้สึกยังไงเมื่อเห็นสีหน้าแบบนั้นของเขา ผมก็เลยตัดสินใจพูดในสิ่งที่ผมคิดต่อ

     “แล้วผมก็รักพี่ชัชมาก แม่กับพี่ชัชเป็นคนที่ผมรักมากที่สุดสองคนบนโลกนี้ เสียดายที่ผมไม่ใช่ผู้หญิง เพราะนามสกุลที่ผมอยากใช้มากที่สุดตอนนี้คือนามสกุลของพี่ชัช ผมอยากอยู่ที่นี่กับพี่ชัชครับ ผมอยากเรียนมหาวิทยาลัยในไทยอยากอยู่เมืองไทย พี่ชัชดีกับผมมาก เพราะงั้นถึงแม่จะแต่งงานใหม่ผมก็ไม่เป็นไรครับ เพราะผมมีพี่ชัชอยู่ข้างๆ ผมแล้ว แม่ลำบากมามากควรได้พบผู้ชายดีๆ ที่ทำให้แม่มีความสุขได้ซะที แล้วผมก็ชอบเดนส์มากด้วย”

     ผมรู้สึกถึงแรงบีบเบาๆ ที่อุ้งมือ ความรู้สึกของพี่ชัชส่งผ่านมาถึงผม ขอแค่คนๆ นี้จับมือผมไว้ ไม่ว่าต่อไปต้องเจอกับอะไรผมก็ไม่กลัวครับ

     “แล้วตอนนี้ผมก็มีเพื่อนดีๆ อยู่ที่นี่เยอะด้วย ผมเลยคิดว่าผมคงไม่เหงา เพื่อนผมคนนึงเคยบอกว่าผมควรจะเปิดใจให้คนอื่นบ้าง เพื่อนอีกคนของผมก็ทำให้ผมรู้สึกว่าบางครั้งคนที่เราไม่เคยคุยกันมาก่อนก็ใช่ว่าจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้ ผมคิดว่าผมไม่มีปัญหากับการทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ ในชีวิตผมครับ รวมถึงการติดต่อพบปะผู้คนใหม่ๆ คนอื่นๆ ด้วย เพียงแต่ผมไม่เคยเข้าหาคนแก่มาก่อน ผม...”

     ได้ยินผมพูดแบบนั้นแล้วอากงของผมก็หัวเราะร่วนขึ้นมาทันที พี่สาวของผมก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ให้ตายเถอะ! บ่อน้ำตาตื้นแบบนี้ผมว่าผมคุ้นๆ นะ ส่วนผู้ชายคนนั้น ... หรือคุณพ่อของผม ท่านไม่ทำสีหน้าอะไรหรอกครับ ไม่มีทั้งรอยยิ้มเสียงหัวเราะความเศร้าหรือความหงุดหงิดตามปกติ แล้วนี่ผมอยากเห็นสีหน้าแบบไหนจากเขากันหรือ? ถึงได้มองดูผู้ชายคนนั้น การที่ผมเป็นแบบนี้นี่ไม่ใช่แปลว่าจริงๆ แล้วผมเองก็คาดหวังรอคอยอะไรบางอย่างจากเขาอยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ?

     “แก่เก่ออาไรกานอาตี๋เล็ก อั๊วะยังหนุ่มยางแน่น ฮ่าๆ”

     ผมเองก็ทั้งเขินทั้งตื่นเต้น แต่ประสบการณ์เฉียดตายของผมมันทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องอะไรที่มันไม่หนักหนาสาหัสนั้น มนุษย์เราก็ควรจะอโหสิลืมๆ มันไปเถอะครับ ดีกว่าตายไปทั้งๆ ที่คาใจ ส่วนเรื่องที่ผมเกลียดใครผมก็ควรจะตอบตัวเองให้ได้ว่าเกลียดเพราะอะไร แทนที่ผมจะมามัวแต่ทิฐิใส่แล้วก็หลับหูหลับตาเกลียด ผมควรจะบอกคนพวกนั้นไปตรงๆ ดีกว่ามั้ยครับ เผื่อเขาจะสำนึก? หรือไม่ก็จะได้ปรับตัว ถ้าปรับกันไม่ได้จะได้เลิกยุ่ง แต่ในเมื่อดูแล้วอีกฝั่งเขาก็ไม่ได้เกลียดผมซักกะหน่อย แต่แค่เผลอทำสิ่งที่ผมเกลียดก็แค่นั้นเอง ผมก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะปรับตัวนะครับ

     ผมรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าเป็นบ้า นั่งกอดความเกลียดพวกนั้นไว้กับอกตั้งนาน มันไร้สาระจริงๆ เลยใช่มั้ยละครับ? แต่ก็เอาเถอะครับ คงเป็นไปตามวัย เด็กน้อยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจะอารมณ์แปรปรวนบ้างก็เป็นธรรมดา ก็ฮอร์โมนมันพลุ่งพล่านนี่ครับ ชีวิตคนเรามันก็ดราม่าแบบนี้ไม่ใช่เหรอไง?

     บ้าจริง! ผมรู้สึกถึงหยดน้ำในจมูกทำให้หายใจลำบาก สงสัยแอร์ห้องนี้มันต้องแรงไปแน่ๆ แต่ช่างเถอะครับ เพราะตอนนี้ความเหน็บหนาวพวกนั้นไม่มีวันทำอะไรหัวใจผมได้อีกแล้ว ก็ในเมื่อตอนนี้ผมมีไฟกองย่อมๆ อยู่ข้างตัวผมนี่นา

     ผู้ชายคนนี้เป็นได้ทั้งเปลวเพลิงที่เผาผมให้ทรมาน และในบางครั้งก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นมากเหลือเกิน และตอนนี้ ไม่สิ... ตั้งแต่เมื่อตะกี้แล้ว ฝ่ามือของผู้ชายคนนี้ลูบอยู่บนศีรษะของผมมาตลอด ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว ตกลงใครเป็นเจ้านายกันแน่? เพราะมีแต่เจ้านายไม่ใช่เหรอครับที่จะคอยลูบหัวชมเชยสัตว์เลี้ยงของตัวเอง แต่ผมก็นึกขึ้นได้ว่า พวกสุนัขก็ชอบเลียออดอ้อนเจ้าของเหมือนกัน เอาเป็นว่า ฮีโร่หมาป่าของผมได้ช่วยชีวิตเด็กเลี้ยงแกะไว้ด้วยความอบอุ่นนั้นก็แล้วกันครับ แล้วผมก็เลิกผิดใจกับพวกชาวบ้านแล้วด้วย

     ผมรู้สึกดีจริงๆ นะเวลาที่พี่ชัชลูบศีรษะปลอบผมแบบนี้ ขอเพียงแต่มีเจ้าของมือคู่นี้อยู่เคียงข้างผม ไม่ว่าต่อไปวันข้างหน้าผมต้องเจอกับอะไรผมก็พร้อมทนครับ ต้นน้ำซะอย่างขึ้นชื่อเรื่องความอดทนเป็นเลิศอยู่แล้ว

=== END ===

และแล้วเด็กเลี้ยงแกะก็ครองคู่กับหมาป่าอย่างมีความสุข

Happy Ever After(?)

============================================


 :pig3: :pig3: :pig3:

อาจจะแปลกใจเล็กน้อยเพราะวิธีเล่าเปลี่ยนไป ฮ่าๆ
ลองให้ตัวละครออกมาสรุปดูน่ะ แต่พอเป็นตัวละครออกมาพล่ามแล้ว แหม๋! นิยายเรื่องนี้มีแต่คนเห็นแก่ตัว!

เอาเข้าจริงนังน้องต้นนี่ทิฐิล้วนๆ เลยนะ สมกับเป็นเด็กที่นิสัยยังเจือด้วยอารมณ์ส่วนนึง แต่ก็ชัดเจนดีว่าหลงผู้ชายมากถึงขั้นแรดแบบแอ๊บๆ
เป็นไงล่ะ วิธีการง้อเมียของเฮียชัช พระเอกของเรื่อง งี่เง่าดีมั้ยเธอ? ฉากทะเลาะในรถนั่นกรี๊ดมาก ใครเคยมีประสบการณ์จริงจะอินไม่น้อย
เราพยายามให้มันดูธรรมชาติๆ อ่ะ อยากให้คนฟินกับอะไรธรรมดาๆ แต่ไม่รู้ว่ามันจะมีคนฟินตามมั้ย ฮ่าๆ เราพยายามเค้นอารมณ์น้อยใจแฟนออกมาให้คนอ่านสัมผัสอ่ะ ถ้าทำไม่ได้ต้องขออภัย

ตั้งแต่ฉากเปิดตัว เฮียแกก็เมาแล้วขับ ดื่ม+ขับตลอด รอดมาได้ไงวะ? ใจก็ร้อน นิสัยก็เสีย ขี้หงุดหงิด มันน่าเนอะ!
ใครขับรถเป็นจะรู้เลยว่าเวลาเราอยู่หลังพวงมาลัยทุกอย่างมันแค่เสี้ยววินาทีจริงๆ บางทีเราขับดีไม่ได้แปลว่ารอด ต่อให้เราระวังแค่ไหนก็50เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคือเพื่อนร่วมถนน ตรงนี้อยากฝากคนอ่านไว้ด้วย ถ้าทุกคนช่วยกันทำ50มันก็จะกลายเป็น100ได้จ้า

เราไม่ต้องการเขียนนิยายที่สักแต่ใส่ฉากเข้ามาสักฉากเพื่อให้เนื้อเรื่องดำเนินต่อ เราอยากเขียนอะไรที่มันเป็นเหตุเป็นผล สิ่งที่เกิดก็เป็นเพราะนิสัยของพี่ชัชล้วนๆ เลย เรื่องมันยุ่งยากก็เพราะนิสัยของต้น "ถ้าxxxไม่ทำแบบนี้ เรื่องก็คงไม่เกิด" อะไรทำนองนั้นอ่ะ

แล้วพอมาดูนิสัยพี่ชัชตอนอยู่กับแฟนเก่า แบบว่า... เนอะ พูดไม่ออกกันบ้างแหละ เชื่อว่าหลายๆ คนคงส่ายหน้าถ้าให้มีแฟนแบบนี้ เข้าใจแล้วใช่มั้ยทำไมเฮียแกโดนทิ้ง ส่วนดีพี่ชัชก็มีแต่ส่วนงี่เง่ามันเยอะ!
ตรงจุดนี้เกิดมาจากการเห็นเฟซชาวบ้าน กระทู้ในพันxx ประเภทที่ชอบบ่นว่าหาแฟนไม่ได้ ไม่ก็ทำไมไม่มีใครมาจีบดีพร้อมรออยู่ หรือพวกที่คบกับแฟนแล้วไม่มีความสุขบ่นตลอด ที่ตลกสุดๆ คือพวกเลิกกับแฟนแล้วเจ็บใจว่าแฟนใหม่ของแฟนเก่าแย่กว่าตัวเองตั้งเยอะ มันทิ้งเราทำไม ถามจริงไม่เคยส่องกระจกบ้างเลยเหรอ? พี่ชัชคือตัวแทนของผู้คนแบบนั้นแหละ เฮียแกส่องกระจกซะที่ไหน! เลยเสร็จน้องต้น ฮ่าๆ

เพราะน้องต้นนี่ก็พวกขาดความอบอุ่นอย่างแรง รักฝังใจแบบไร้เหตุผล แต่ดีตรงที่ฮีมั่นคง ตัดสินใจไปแล้วคือทุ่มเททุกอย่าง อันนี้จริงๆ ก็แอบใส่ปมที่เคยได้ยินมาด้วย แต่หลักๆ ก็แค่เด็กเก็บกดขาดความอบอุ่นที่ชอบเรียกร้องความสนใจแหละ แต่ห้ามทำให้ฮีเคืองนะ ถ้าฮีไม่โอเคต่อให้รักฮีแค่ไหนฮีก็ไม่ชายตาแล สงสารแม็กซ์จริงๆ
แต่แม่ยกแม็กซ์รอกรี๊ดได้ในภาค2 (ถ้าไม่ปันใจไปหลงรักไปป์น้า ฮ่าๆ)

คนเขียนมันบ้า! ยัดฉากดราม่าทุกอย่างไว้ตอนท้ายอัดติดๆ กัน!
ถ้าเอาพล็อตดราม่าแบบปกติชน สมองบวมคือตื่นมาเอ๋อ ไม่ก็นอนเป็นเจ้าชายรอปาฏิหาร แต่ระหว่างปอดฉีกกับสมองบวม อย่างแรกอันตรายกว่า เพราะสมองบวมนี่ขึ้นกับว่าด้านไหน รุนแรงมากมั้ย? วิธีรักษาก็มีทั้งผ่าตัดและให้ยา คนผ่าตัดมะเร็งในสมองบางคนออกมาครึ่งวันก็ฟื้นนั่งเล่นเกมในมือถือได้แล้ว สามวันกลับบ้าน พี่เราเอง เหอะๆ
ดังนั้นนิยายประหลาดๆ เรื่องนี้เลยพอใจจะเขียนให้ตัวเอกโดนอุบัติเหตุโคตรแรงแต่ฟื้น ฟื้นแบบชิลๆ ด้วย ขืนใส่พล็อตดราม่าโหลๆ ก็ซ้ำชาวบ้านเขาสิ ฮ่าๆ เป็นอีกหนึ่งปมที่อยากสื่อว่าถ้าคุณเข้าถึงโอกาสทางการรักษาได้นะ จะโรคอะไรก็ไม่น่ากลัวทั้งนั้น เป็นเอดส์เดี๋ยวนี้ก็คือๆ กับเบาหวานแหละ กินยาต้านไว้ก็ไม่ตายหรอก(แต่ต้องรู้จักดูแลตัวเองด้วย)
เพราะถ้าไม่ลืม พระเอกเรื่องนี้เป็นผู้แทนฯ คอนเนคชั่นเฮียแกปึ๊กด้วยนะ ดังนั้นถึงแม้พี่ชัชไม่รวยพาต้นไปเมืองนอกต้นก็ฟื้นขึ้นมาแบบชิลๆ ได้ครบ32 ฮ่าๆ ในฐานะที่เราเป็นน้องผู้แทนมีพี่เขยเป็นหมอเราต้องฟังพี่ๆ บ่นเรื่องทำนองนี้ทุกวันเลย เลยแอบเอามาเขียนบ้างเท่านั้นเอง ฮ่าๆ หมอเรื่องอื่นคงดูดีมีสกุลหรือไม่ก็เน้นเชิดชูวิชาชีพกว่านี้เย้อ... ไหงหมอเอกกับก๊วนผู้แทนเรื่องนี้มันชิลกันจัง ทำงานตามหน้าที่ประหนึ่งมนุษย์เงินเดือน ฮ่าๆ

นิยายตอนสุดท้ายนี่เป็นอะไรที่... เราว่ามันดำเนินเรื่องประหลาดมากเลยแหละ มันก็ใช้หลักแบบนิยายทั่วไปนะ แต่การกระทำกับความคิดของตัวละครมันอาจจะอินดี้ไปเล็กน้อย เพราะนี่คือต้นกับพี่ชัช ในความรู้สึกของคนเขียนมันก็อิ่มฟินซึ้งอยู่นะ เพียงแต่ไม่ได้เขียนเอาจงใจหวานเวอร์ ไหนจะน้องเมษอีก แย่งซีนทุกคน!
มีที่ไหนตัวเอกตื่นมาแล้วคุยเรื่องประกันรถกัน แทนที่จะง้อกันก่อน ฮ่าๆ บ้าอ่ะ แต่มันก็สื่อว่าต้นห่วงพี่ชัชไม่ใช่เหรอ? อีหรอบนี้ถ้าพี่ชัชไม่โง่จนเกินไปก็น่าจะรู้แหละ แต่คำอ้อนวอนของเฮียแกก็นะ สมกับเป็นหมาป่าเห็นแก่ตัว ฮ่าๆ สะใจสุดคือฉากครอบครัว น้องต้นชัดเจน! เลิกแอ๊บแล้วนะ ฮ่าๆ

ตัวละครทุกคนได้บทเรียนนะ แต่เรียนรู้แล้วจะปรับตัวได้มากน้อยแค่ไหนก็อีกเรื่อง เราอยากสื่อแบบนั้น พี่ชัชน้องต้นจบเรื่องตรงนี้ไปแล้วก็ใช่ว่าพี่ชัชจะกลายเป็นมนุษย์ใจเย็นขึ้นมาได้ ให้น้องต้นเลิกทำนิสัยหยิ่งๆ โอ๊ย! ยาก!
ดังนั้น ด้วยความกลัดมัน คนเขียนเลยปั่นภาค2ออกมายังไงล่ะ ฮ่า แจกเทียบเชิญมาตามติดชีวิตน้องต้นล่วงหน้าเลยน้า! เพราะรับรองว่าภาค2 แซ่บกว่าเดิม! เป็นนิยายดราม่าเช่นเดิม ไม่เน้นฉากเรท แค่พระเอกมันหื่น เหอๆ

ก็ไม่รู้จะจบถูกใจมั้ย? ตัวละครจะทำในสิ่งที่ทุกคนคาดหวังไว้รึเปล่า? ไม่แน่ใจว่าคนอ่านชอบมั้ย? แต่คนเขียนชอบมาก มันบ้าดี กวน เกรียน แอ๊บ แรดนิดๆ แต่ฟินแบบแอบอมยิ้ม ถ้าอ่านแล้วแอบอมยิ้มตามคนเขียนจะดีใจมาก ฮ่าๆ

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [จบภาค1#26/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - Happy Ever After (?)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-09-2014 22:26:36
 :pig4: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [จบภาค1#28/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ตอนพิเศษ:ตัวหมากที่ชื่อแม็กซ์
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 28-09-2014 21:24:41
- ตอนพิเศษ 1 -
##### ตัวหมากที่ชื่อแม็กซ์ #####

     คืนที่ผมได้ไปเห็นความลับของแม็กซ์ผ่านมานานพอสมควร นานจนผมเกือบจะลืมไปหมดแล้ว เพราะในตอนแรกผมไม่ได้ใส่ใจจำรายละเอียดมากนัก สิ่งที่ผมพอจำได้ก็มีแค่...
 
     คืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายของการเข้าค่าย ผมลุกออกไปเข้าห้องน้ำกลางดึก แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนซี๊ดปากดังขึ้น ไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าเสียงที่ผมได้ยินเป็นกิจกรรมประเภทไหน ผมรู้อยู่แล้วว่าเรื่องทำนองนี้เป็นเรื่องปกติ ปีไหนๆ ก็มี ไม่แปลกที่พวกตุ๊ดจะลาภปากหรืออาจจะได้มากกว่านั้น ส่วนพวกรักสนุกก็ได้ลองของแปลก วิน-วินกันทั้งสองฝ่าย ขำๆ ตามประสาวัยรุ่นอยากรู้อยากลอง ผมคงจะไม่สนใจถ้าไม่ใช่เพราะเสียงพูดที่ดังขึ้นนั้นคุ้นหูผมพอสมควร

     “เหี้ย! มึงอมดีๆ หน่อย โดนฟันมึงแล้ว”

     อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไร แน่ล่ะ อะไรต่อมิอะไรมันคงจะเต็มปากจนตอบได้หรอก ผมลังเล ไม่อยากเดินเข้าไปหาเรื่องให้ตัวเองเพราะรู้ดีว่าคนๆ นั้นเป็นใครและอารมณ์ร้ายแค่ไหน ที่สำคัญเขาเรียนอยู่ห้องเดียวกับผมซะด้วย แถมยังชอบรังแก“ตุ๊ด”แบบผมอีก

     “ไม่ได้เรื่องเลยว่ะ กูอุตส่าให้โอกาสมึงได้ลองของดี แม่งเสียอารมณ์จริงๆ”

     เสียงบ่นที่ดังขึ้นเบาๆ นั้นมาจากเพลย์บอยประจำห้อง ผมได้แต่ภาวนาให้พวกเขาเสร็จกิจกรรมกันซักที เพราะผมอยากเข้าห้องน้ำเต็มแก่แล้ว และการที่ผมจะไปห้องน้ำได้นั่นก็ต้องผ่านตรงที่พวกเขาอยู่ ใช่ว่าผมเอียงอายอะไรกับเรื่องพรรณนั้น ถ้าเป็นคนอื่นที่ผมไม่รู้จัก ผมคงจะเดินผ่านไปแบบไม่แคร์แล้ว ผมก็แค่ไม่อยากถูกหมายหัวจากเพลย์บอยสุดกร่างคนนั้นนั่นแหละ ถึงได้อดทนยืนเงียบๆ ไม่ขยับอยู่แบบนี้ แต่ทว่าเสียงทำลายความสงบก็ดังมาจากด้านหลังผมเสียก่อน เสียงของเพื่อนอีกคนที่รู้จักผมดังขึ้น

     “ต้น นายมายืนทำอะไรตรงนี้”

     ทันทีที่ฟรังก์เพื่อนต่างห้องของผมทักขึ้น ผมก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรซักอย่างหล่นมาจากทางที่ผมอยากผ่านไป คงเป็นเสียงขันหล่นมั้งครับ ในมือของฟรังก์มีไฟฉาย เขาเดินมากับเพื่อนร่วมห้องของเขา ดูท่าคงจะมาเข้าห้องน้ำเหมือนกัน ผมหวังว่านะ

     “เราว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่มันมืดเราเลยกลัว”

     “ฮ่าๆ ต้นนี่ไม่ไหวเลย นายไม่ได้เอาไฟฉายมาเหรอ”

     “เราไม่คิดว่าเขาจะปิดไฟไว้น่ะ เราเลยไม่กล้าเดินเข้าไป”

     “งั้นไปกับเราก็ได้ เรามีไฟฉาย”

     “จะดีเหรอ?”

     ผมได้แต่หวังว่าสองคนด้านในคงจะเคลียร์สถานการณ์เรียบร้อยแล้วนะ เพราะผมเองก็ไม่รู้จะยื้อเวลามากไปกว่านี้ยังไงเหมือนกัน

     “อืม”

     “งั้นนายค่อยๆ เข้าไปช้าๆ นะ เรากลัว”

     “นายจะกลัวอะไรอ่ะต้น นายมีมุมขวัญอ่อนแบบนี้ด้วย?”

     ฟรังก์หันมาล้อผมนิดหน่อยก่อนจะยกขบวนไปเข้าห้องน้ำ แถมเขายังใจดีอยู่รอจนผมเสร็จธุระและเดินไปส่งผมกลับอีกต่างหาก สมกับเป็นนักเรียนตัวอย่างที่ได้รับรางวัลคุณธรรมจริงๆ เลยล่ะครับ ผมเองก็ได้แต่หวังว่าคนๆ นั้นจะมีคุณธรรมให้กับผมบ้าง แต่ดูท่า ผมคงคาดหวังมากเกินไป

     หลังจากคืนนั้น ผมก็ต้องเจอกับสายตาไม่เป็นมิตรสุดๆ ที่ส่งมาจากเพลย์บอยหลังห้อง แม็กซ์ใช้ตาขวางๆ ของเขาจ้องเขม็งมาทางผมพร้อมกับพูดขึ้นแบบไม่มีเสียงให้ผมอ่านปากได้ว่า “ถ้ามึงพูดอะไรออกมา มึงตายแน่” ดูท่าคงจะกังวลเรื่องที่เพลย์บอยอย่างเขายอมมีสัมพันธ์กับตุ๊ดมากๆ

     ถึงแม้แม็กซ์จะส่งสายตาข่มขู่มาให้ผมตลอดเวลาแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรผมเป็นพิเศษ ผมรู้ดีว่าแม็กซ์คงกำลังสับสนว่าตกลงผมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่? และคงกำลังชั่งใจว่าจะเข้ามาลุยกับผมเลยดีหรือเปล่า? เพราะผมเองก็เป็นหนึ่งในเหยื่อที่แม็กซ์กับพวกเอาไว้รังแกสนุกๆ รับเคราะห์เวลาคนกลุ่มนั้นคันปากอยากจะหาเรื่องใครซักคนเล่นมาตลอดตั้งแต่ ม.4

     อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเลยด้วยซ้ำเพราะผมไม่อยากยุ่งเรื่องของเขาอยู่แล้ว แถมเรื่องที่ว่าอีกคนเป็นใครผมก็ไม่รู้ ... ถ้าเขาไม่โง่เผยไต๋ออกมาเองละก็นะ...

     เย็นวันนั้นเองที่ผมเห็นเมษมาหาแม็กซ์ เมษมายืนแอบรออยู่ใกล้ๆ ประตูห้องเรียน และชะเง้อหน้ามองมาทางแม็กซ์ แต่เมื่อสบตากันก็โดนแม็กซ์ถลึงตาใส่จนเขากลัวต้องรีบหลบไปทันที

     เมษเป็นเพื่อนนักเรียนห้องข้างๆ ที่ดูเรียบร้อยกว่าปกติ ทั้งในแง่ของการเป็นเด็กผู้ชายและแง่ของการเป็นตุ๊ด เมษเป็นคนตัวเล็กชนิดที่ว่าตัวเล็กกว่าผมซะอีก(ทั้งๆ ที่ตอนนั้นผมสูงแค่ 168 เซ็นติเมตร) แถมยังผอมบางกว่าผมอีกด้วย แขนขาก็เรียวหยั่งกับผู้หญิง ผิวขาว หน้าตาก็กระเดียดไปทางผู้หญิง อาจจะเพราะดวงตากลมโต ปากแดงๆ กับคิ้วได้รูปที่โก่งเล็กน้อยจากการกันคิ้ว ผมรู้เลยแหละว่าเมษเทคฮอร์โมน ใช่ว่าผมอิจฉาเมษหรอกนะ ในเมื่อผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงซักหน่อย ผมเพียงแค่รู้สึกนับถือความกล้าของเขาที่เลือกตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้ได้ง่ายๆ ต่างหาก การเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงเพศตัวเองมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรอกนะครับ

     ถ้าถามว่าทำไมผมถึงจำเมษได้น่ะเหรอ? ก็เพราะการถูกล้อว่าเป็นตุ๊ดนี่แหละครับที่ทำให้มีบรรดาเพื่อนสาวหลายคนและหลายกลุ่มมาชวนผมไปเป็นพวก กลุ่มหนึ่งค่อนข้างแรงเป็นพิเศษ มีตัวแม่ชื่อนนหรือที่เจ้าตัวพอใจเรียกเองว่า“นนนี่” นนนี่เป็นตุ๊ดตัวแม่ แรงเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียนนี้เลยแหละครับ ออกตัวแรงแต่งตัวแรงทำอะไรแรงๆ ตลอดจนผมอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ว่าเขาไม่เหนื่อยที่ต้องคอยทำตัวโอเวอร์แบบนั้นหรือยังไง?

     ตอนเข้าเรียนใหม่ๆ เขาเห็นผมถูกล้อว่าเป็นตุ๊ดจากคนอื่นๆ นนนี่จึงชอบมาจิกผมให้ไปเป็นพวกด้วย นัยว่าแก๊งตุ๊ดพาวเวอร์ละมั้งครับ บางทีก็แวะมานั่งเม้าตอนพักกลางวันระหว่างที่ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่ แต่คนอย่างผมน่ะเหรอจะตอบรับ ผมมีแต่เงียบแล้วก็เดินหนีน่ะสิครับ หลังๆ พวกเขาก็เลยพากันว่าๆ ผมหยิ่งบ้างล่ะ เป็นอีแอบแอ๊บแมนบ้างล่ะ เลยทำให้นอกจากผมจะโดนพวกผู้ชายเกเรหาเรื่องแกล้งแล้ว ผมยังต้องโดนตุ๊ดแรงๆ ด่าเอาอีกต่างหาก เซ็งสุดๆ เลยละครับ

     แม้เมษจะเงียบๆ แต่ก็อยู่ร่วมกลุ่มกับนนนี่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผมว่าเมษคงถือหลักรวมกันเราอยู่มั้งครับ เพราะถ้าลำพังคนเรียบร้อยแบบตัวเมษเองแล้ว ผมไม่คิดว่าเขาจะมีปัญญาปกป้องตัวเองได้หรอก ถ้าอยู่คนเดียว คนที่เป็นเด็กเข้าใหม่ตอน ม. ปลาย ไร้เพื่อนและขี้กลัวอย่างเขาก็จะไม่มีกลุ่ม ไม่มีพื้นที่ของตัวเอง ต้องอยู่อย่างลำบากในสังคมโรงเรียน แถมเขายังไม่สามารถใช้วิธีแบบผมได้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังชอบเมษอยู่เล็กน้อย เพราะเมษเป็นคนเดียวที่เวลานนนี่จีบปากจีบคอหาเรื่องแขวะผม เมษไม่เคยเออออห่อหมกไปกับพวกนนนี่และแก๊งแรงตัวแม่

     วันนั้นผมอุตส่านึกว่าผมจะรอดแล้ว แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินขึ้นรถเมล์เพื่อกลับบ้าน แขนของผมก็ถูกกระชากอย่างแรง ตอนแรกผมนึกว่าตัวเองอาจจะโดนกระชากกระเป๋าเข้าซะแล้ว ที่ไหนได้ เจ้าหนี้ผมยืนรออยู่นี่เอง แม็กซ์...

     “มานี่กับกู!”

     แม็กซ์ลากผมขึ้นแท็กซี่ สั่งคนขับให้พาไปที่ห้างดังใกล้โรงเรียน ตอนแรกผมไม่กล้าพูดอะไรเพราะว่าแม็กซ์ตัวโตกว่าผมมาก ให้ผมไฟท์กับคนที่เหนือกว่า ผมไม่ทำหรอกครับ ผมได้แต่พยายามนิ่งเข้าไว้และจ้องมองแม็กซ์เพื่อดูท่าทีว่าเขาจะเอายังไง แม็กซ์ทำหน้าเหมือนสองจิตสองใจ มีเหลือบมาทางผมบ่อยครั้งสลับกับดูวิวข้างนอกหน้าต่าง ถนนเดิมๆ ที่รถติดตามปกติ ... จนท้ายที่สุด ความอดทนของเขาคงจะหมด เพราะแม็กซ์หันมาหาผมและพูดว่า

     “มึงใช่มั้ย ที่แอบดูกูคืนนั้น”

     “นายเข้าใจผิด เราไม่ได้แอบดู”

     “มึงกวนตีนเหรอ อยากเจอต่อยเหรอวะ!”

     ไวเท่าๆ กับที่ปากพูด มือของแม็กซ์ก็คว้าหมับเข้าที่คอเสื้อของผมซะแล้ว ท่าทีของแม็กซ์ทำให้พี่แท็กซี่เริ่มเหล่มองพวกเราจากทางกระจกมองหลัง ผมจึงส่งสายตาให้แม็กซ์มองไปทางนั้น แม็กซ์เลยเริ่มคลายมือออกจากเสื้อของผม แต่ก็ยังแสดงอาการฮึดฮัดอยู่

     “เราไม่เห็นอะไรเลย แค่ผ่านไปได้ยินเสียง ถ้านายอยากให้เรื่องของนายเป็นความลับ ทีหลังเวลาจะทำอะไรก็อย่าพูดมาก แล้วก็คิดก่อนพูดด้วย”

     “ไอ้เหี้ย! มึงจะเอาไงกับกู!”

     “เราไม่เอายังไงทั้งนั้นแหละ มันไม่ใช่เรื่องของเรา เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องของนาย”

     ดูท่าเขาก็อึ้งไปเหมือนกัน คิดว่าผมจะเอาคืนที่เขาเคยแกล้งผมไว้รึไง? ถึงได้เตรียมเปิดศึกกับผมขนาดนี้! เฮอะ เด็กชะมัด!

     “เราอยากกลับบ้านแล้ว ขอเราลงตรงป้ายหน้าได้มั้ย?”

     แม็กซ์เงียบไปครู่หนึ่ง สายตาของเขากวาดไปมาทั่วตัวผมเหมือนกำลังประเมินอะไรบางอย่าง และแล้วเขาก็พูดขึ้นว่า

     “บ้านมึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูให้แท็กซี่วนไปส่งให้”

     ผมอุตส่านึกว่าหลังจากวันนั้นแล้วผมจะหมดเคราะห์หมดโศกไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้อีก แต่ที่ไหนได้ เพราะเกรดของแม็กซ์นั้นห่วยเกินทน อาจารย์ที่ปรึกษาของห้องผมจึงได้จับคู่ให้ผมคอยช่วยดูแลรายการเก็บคะแนนต่างๆ ของแม็กซ์ ทั้งเรื่องงานและเรื่องสอบ เพราะชื่อเสียงเพลย์บอยของแม็กซ์น่ะแหละที่ทำให้อาจารย์ไม่กล้าให้เพื่อนผู้หญิงมาทำงานคู่ด้วย ประกอบกับชื่อเสียงเรื่องความประพฤติเรียบร้อยความอดทนเป็นเลิศของผมเองนั่นแหละที่คู่ควรกับคนเจ้าอารมณ์แบบแม็กซ์ มิหนำซ้ำพักหลังๆ อาจารย์ท่านยังบอกว่าเห็นแม็กซ์ยอมลงให้ผมเป็นพิเศษ ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าการที่เขาไม่แกล้งด่าทอหรือเรียกผมว่า“ไอ้ตุ๊ด”นี่มันเรียกว่ายอมลงให้ตรงไหนกัน ก็แค่ทำดีเอาหน้ากับอาจารย์ชัดๆ

     ก็ทำยังไงได้ละครับ... ในเมื่อผมมันนักเรียนทุนเรียนดี ส่วนแม็กซ์เป็นเด็กเส้นกวยจั๊บ นามสกุลใหญ่ ที่บ้านบริจาคเงินให้โรงเรียนตลอด จึงไม่แปลกที่อาจารย์จะดูแลเป็นพิเศษ ลงท้ายผมก็เลยต้องมาคอยจับคู่บัดดี้ ทำงานคู่งานกลุ่มและช่วยงานเดี่ยวนายนี่ตลอด

     แต่ผมก็สังเกตได้ว่าแม็กซ์ดูจะดีกับผมมากขึ้น ไม่ค่อยพูดกับผมด้วยน้ำเสียงตะคอกเหมือนเดิม แถมแม็กซ์ยังช่วยผมเคลียร์กับสาวๆ อีก ใจจริงแล้วผมน่ะโคตรเกลียดเรื่องตบตีสุดๆ เลยละครับ โดยเฉพาะเรื่องตบตีกันเพราะแย่งผู้ชายเนี่ย ไม่รู้ว่าเดือนนั้นเป็นช่วงดวงซวยของผมรึไง ผมถึงได้เดินไปเจอรุ่นพี่ ม.6 ที่กำลังช่วยกันรุมตบเพื่อนร่วมห้องของผมที่ชื่อไนน์อยู่ เสียงด่าทอดังขึ้นไม่หยุดพร้อมกับเสียงตวาดของไนน์ที่ดังขึ้น

     “แรดนักนะมึง มาแย่งผัวกู อีเตี้ย!”

     “ผัวพี่เป็นใครหนูยังไม่รู้เลย ปล่อยสิเว้ย อิพวกหมาหมู่!”

     “หนอย! ทำมาเป็นไม่รู้ ก็คนที่มึงไปอ่อยจนเขาเอาดอกไม้กับตุ๊กตาไปให้มึงวันนั้นไง คนนั้นแหละผัวกู!”

     “ก็ไม่ได้ไปขอซะหน่อย เขาเอามาให้เองนี่ ถึงเขาเอามาให้ก็ใช่ว่าหนูจะชอบเขาซะหน่อย”

     “ถ้ามึงไม่ชอบแล้วรับของเขาทำไม”

     “ก็ตุ๊กตามันน่ารักนี่ โอ๊ย!”

     “หนอย อิแรด!”

     “ปล่อยนะ หนูเจ็บนะ กรี๊ด!”

     ผมได้ยินเสียงก็รู้ว่าเพื่อนของผมกำลังเพลี่ยงพล้ำ ผมเองก็จนปัญญา ถึงจะเป็นผู้ชาย แต่มีตัวคนเดียว มิหนำซ้ำให้ไปตีกับผู้หญิงตอนบ้าเลือดฆ่าตัวตายชัดๆ เลยครับ ดีที่ผมคิดอุบายออก

     “อาจารย์ ทางนี้แหละครับที่ผมได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน”

     ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ไอ้กลุ่มที่กำลังรุมตีกันนัวเนียอยู่เมื่อตะกี้ตกใจสลายตัวทันที ผมเห็นสบโอกาสเลยวิ่งไปฉุดไนน์ออกมา เราสองคนวิ่งหนีจนไปถึงที่โล่ง โชคดีที่มีอาจารย์เดินผ่านมาพอดี ผมโกหกว่าไนน์ล้มและกะจะช่วยพาไปห้องพยาบาล เมื่อพวกที่ตามไนน์กับผมมาเห็นผมยืนสนทนากับอาจารย์อยู่แบบนั้น พวกเธอก็ไม่กล้าเข้ามาเอาเรื่องต่อหรอกครับ

     แต่ว่าแรงอาฆาตของผู้หญิงนี่ช่างลึกล้ำ ผมเองก็เกือบโดนดักตบเหมือนกัน แต่ดีที่แม็กซ์คอยช่วยไว้ แม็กซ์ไปเคลียร์กับพวกรุ่นพี่ให้ แถมยังช่วยเคลียร์เรื่องของไนน์ให้อีกด้วยว่าแท้จริงแล้วผัวของรุ่นพี่นั่นแหละที่เจ้าชู้เองจีบดะไม่เลือก เคยแย่งหญิงกับแม็กซ์ด้วยซ้ำ ฟังแล้วก็รู้สึกแย่นะครับ สงสารผู้หญิงที่ถูกผู้ชายหลอก แต่ช่างมันเถอะ นั่นไม่ใช่เรื่องของผม แค่ผมรอดจากการถูกตบก็พอแล้วล่ะครับ และแน่นอน ... แบดบอยระดับแม็กซ์ออกโรง ใครจะกล้าหือล่ะครับ?

     หลังจากนั้น ไนน์เข้ามาตีสนิทกับผมเป็นพิเศษ ยกให้ผมเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอ เฮ้อ... เหมือนผมได้น้องสาวแปลกๆ มาคนหนึ่ง เพื่อนผู้ชายบางคนที่ชอบพล็อตเรื่องน้องสาวขี้อ้อนคงจะชอบ แต่คนเงียบๆ แบบผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ครับ ผมชอบอยู่อย่างสงบ แต่ก็ขัดใจเธอไม่ค่อยได้หรอก ไนน์มีวิธีมัดมือชกผมเสมอ เหมือนคราวที่เธอชวนผมไปงานวันเกิด วันที่ผมได้เจอกับพ่อแท้ๆ ของตัวเอง

     ไนน์ทำตัวสนิทกับผมมากขึ้น เธอวนเวียนมาคุยกับผมบ่อยจนเพื่อนๆ ในห้องยังแปลกใจที่ไนน์เลือกเข้าใกล้คนเงียบๆ แบบผม มีหลายคนเริ่มแซวเรื่องคู่หูหนอนหนังสือ ต่างกันตรงที่คนหนึ่งอ่านแต่การ์ตูนส่วนอีกคนเอาแต่ท่องตำราเรียน อันที่จริงผมเองก็ไม่ได้เดือดร้อนรำคาญอะไรไนน์หรอกนะครับ ถ้าเพียงแต่เธอจะไม่ยกเรื่องครอบครัวของอากงสุดที่รักของเธอมาพูดกับผมบ่อยๆ ผมได้แต่บอกเธอไปว่าผมไม่อยากคุยเรื่องนี้และคอยหาวิธีหลบเลี่ยงเธอ แต่เธอก็มีวิธีเข้าใกล้ผมอยู่เรื่อย

     ในตอนแรก เธอคงเข้ามาใกล้เพราะผมทำดีกับเธอ เป็นเพราะความประทับใจ ถึงผมรำคาญแค่ไหนแต่ผมก็ไม่กล้าตัดไมตรี แต่หลังจากที่เธอรู้ว่าผมเป็นใครแล้ว นอกจากไมตรีที่มีให้แล้วมันยังฉาบความหวังดีของคนนอกที่ไม่เคยเข้าใจปัญหาอะไรเลยเอาไว้อีกชั้น! มันอึดอัดครับ เธอเคยหลอกผมให้ผู้ชายคนนั้นมารับที่โรงเรียนด้วยซ้ำ! แต่นับเป็นโชคของผมที่เห็นแม็กซ์กับสาวของเขาเดินผ่านมาพอดี ผมเลยหาข้ออ้างเอาตัวรอดไปได้ ไม่ต้องไปทนนั่งทานอาหารกับคนพรรณนั้น แต่นั่นก็แลกกับการที่แม็กซ์ได้รู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องครอบครัวของผม

     จนกระทั่งแม็กซ์เริ่มรำคาญแทนผม เขาช่วยให้ผมได้มีเวลาส่วนตัว นั่งสงบๆ พักดูไนน์เถียงกับเขาแทน แม็กซ์เลยเริ่มหนีบผมไปไหนมาไหนด้วยบ่อยขึ้น ทำนองว่าตัวเองได้ลูกน้องคนใหม่ใช้ง่ายสั่งคล่องไม่เรียกร้องไม่บ่นละมั้งครับ... คนอื่นๆ ก็พากันหัวเราะเยาะผมด้วยซ้ำ ที่ต้องกลายมาเป็นขี้ข้าจำเป็นให้แม็กซ์ แต่ผมสังเกตได้ถึงแววตาไม่เป็นมิตรจากกาย เวลาที่กายเห็นผมกับไนน์คุยกัน ผมรู้ได้ทันทีถึงสายตาฉาบความอิจฉาจากเพื่อนร่วมแก๊งของแม็กซ์คนนี้ แต่บอกตามตรง ผู้ชายคนนี้จีบไนน์ไม่ติดหรอกครับ ผู้หญิงแบบไนน์ไม่ปลื้มผู้ชายนิสัยเด็กๆ ที่ชอบแกล้งแซวผู้หญิงที่ตัวเองชอบแรงๆ หรอก

     ช่างหัววังวนของพัพพี่เลิฟไปเถอะครับ แค่ปัญหาของผมเองก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว ผมเกลียดผู้ชายคนนั้น ไม่อยากให้เขาเข้ามายุ่งวุ่นวายกับผมอีก เมื่อเขาบังคับแม่ผมไม่ได้เพราะแม่ผมทำหน้าที่แม่ที่ดีมาตลอดจนเขาไม่มีสิทธิ์จะมาเรียกร้องอะไร เขาก็หันมาบังคับผมผ่านทางไนน์ นี่แหละสาเหตุที่ทำให้ผมพยายามเลี่ยงไนน์ทุกครั้งที่เจอ ไม่อยากพูดคุยกันมากเกินความจำเป็น เรียกได้ว่าช่วงนั้นผมแทบจะหายตัวไปทุกพักกลางวันเลยแหละครับ ไปไหนก็ได้ที่ไกลจากไนน์ เลิกเรียนรีบกลับบ้าน คุยกันเฉพาะเท่าที่จำเป็น โชคดีที่แม็กซ์สามารถเป็นได้ทั้งข้ออ้างและช่วยกันไนน์ให้ผมได้

     แต่ผู้ชายหน้าหนาคนนั้นกลับยิ่งใช้ไนน์เป็นเครื่องมือ เขาให้ไนน์ช่วยหลอกผมไปเจอกับเขาเข้าจนได้ ทั้งๆ ที่พ่อควรจะใจดีและพูดคุยกันดีๆ กับลูกชายของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกชายที่ตนอยากได้เป็นบุตรบุญธรรม! หรือไม่ก็ควรจะทำดีชดเชยให้ลูกชายที่ไม่เคยเลี้ยงดูมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา แต่ทว่าคำพูดแต่ละคำที่พูดออกมามีแต่เชือดเฉือนศักดิ์ศรีของผม

     “หนูไนน์เขายอมเป็นเพื่อนสนิทด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว ทำตัวดีๆ อย่าเอาเลือดแม่มาใช้ให้ผมเสียหน้าล่ะ”

     ตอนที่เขาพูดแบบนั้นผมยังจำได้ดีถึงน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามและสายตาเย็นชาที่มองมายังตัวผม ถ้ารังเกียจเลือดแม่ผมถึงขนาดนั้นแล้วจะมาข้องแวะกับผมทำไม! ผมเองก็ไม่ได้อยากไปเป็นลูกของเขาซักหน่อย ผมอยู่ของผมสองคนกับแม่ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ถ้ากรีดเอาสายเลือดส่วนของเขาส่งคืนกลับไปได้ผมคงจะทำไปนานแล้ว ไม่อยากต้องข้องแวะกับผู้ชายคนนี้อีก คนเห็นแก่ตัว!

     และแน่นอนว่าคนอวดดีอย่างผมไม่ปล่อยให้เขาทับถมจนผมเจ็บอยู่ฝ่ายเดียวหรอกครับ ผมร่างแผนการณ์ต่างๆ ขึ้นในหัวทันที และในเมื่อเขารังเกียจสายเลือดแม่ของผมมากนัก ผมก็จะทำแบบที่เขาเกลียด! แต่ผมจะไม่ทำตัวแบบเขาหรอกครับ ผมจะไม่เอาความเห็นแก่ตัวของผมไปรังแกเพศแม่ที่ไหนเด็ดขาด! และผมเองนั่นแหละที่จะต้องเป็นฝ่ายถูกรังแก ผมจะเป็นจะทำจะพยายามก่อเรื่องอะไรก็ได้ที่มันอัปยศอดสูสุดๆ ไปเลยสำหรับ รศ.ดร. ผู้ทรงคุณวุฒิแบบเขา! ดูสิว่าเขายังจะอยากได้ผมไปใช้นามสกุลตัวเองอีกมั้ย!

     จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผมจำเป็นต้องไปช่วยแม็กซ์เพราะเขายังปั่นรายงานไม่เสร็จ คะแนนเก็บของแม็กซ์แย่มากๆ ถ้าส่งไม่ทันก็ตายแน่ครับ แม็กซ์โทรศัพท์มาขอร้องผมให้ไปช่วยเขาเป็นพิเศษ ถึงขนาดยอมออกค่าแท็กซี่ไปกลับแถมเลี้ยงข้าวกลางวันฟรีให้ผมอีกเป็นอาทิตย์ เรื่องมีแต่ได้กับได้แบบนี้เรื่องอะไรผมจะพลาดละครับ ก็ต้องยอมอยู่แล้ว

     ผมตกลงรับปากช่วยเขา แม็กซ์บอกให้ผมเก็บเสื้อผ้าไปนอนค้างที่อพาร์ทเม้นท์เขาได้เลย และเมื่อผมไปถึงงานยุ่งยากเกินระดับสมองของแม็กซ์ก็สำเร็จลงอย่างง่ายดายด้วยข้อมูลรายงานของผมนั่นแหละครับ จะเรียกว่าลอกมาและดัดแปลงก็ได้ แค่ผมสามารถบรีฟงานให้แม็กซ์เข้าใจว่าพรีเซ็นต์หน้าห้องพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้างก็พอแล้ว แต่ว่า... ในขณะที่ผมกำลังเก็บของเตรียมกระเป๋าสำหรับไปเรียนวันรุ่งขึ้น แม็กซ์กลับพูดขึ้นว่า

     “เฮ่ย มึงอยากดูหนังโป๊ป่าววะต้น?”

     ผมยอมรับว่าผมค่อนข้างตกใจนะที่อยู่ๆ แม็กซ์มาชวนผมแบบนี้ จริงอยู่ ผมรู้ดีว่าในหมู่เพื่อนผู้ชายเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยถือกันเท่าไหร่ แต่สำหรับเพลย์บอยแบบแม็กซ์ ผมได้ข่าวว่าสาวๆ ที่เขาชวนไปดูหนังที่ห้องเสร็จเขาหมดทุกคนนั่นแหละ! แล้วกับคนแบบผม... คนที่เขาชอบล้อเลียนว่าเป็นตุ๊ด ผมไม่แน่ใจว่าเขาชวนผมเพราะอยากแกล้งหรืออยากให้ผมช่วยอะไร

     ห้องของแม็กซ์เป็นห้องขนาดกลางๆ กว้างพอจะแบ่งโซนวางเตียงขนาดใหญ่กับตู้เสื้อผ้ารกๆ โต๊ะทานข้าวที่พวกผมใช้นั่งทำรายงานวางอยู่ใกล้ๆ กับตู้เย็นที่เต็มไปด้วยเบียร์ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปซื้อมาได้ยังไง มุมนั่งเล่นมีโซฟากับชั้นวางทีวี เครื่องเล่นเกมกองอยู่กับแผ่นที่วางซ้อนกันเป็นตั้งๆ ลำพังค่าเช่าต่อเดือนก็หลายพัน แต่ก็ถือว่าคุ้มกับบริการแม่บ้านทำความสะอาดและความสะดวกสบายที่มี เนื่องจากแม็กซ์เป็นลูกคนรวย ครอบครัวมีฐานะ จากเดิมที่ต้องคอยฝ่ารถติดขับรถข้ามจังหวัดมาส่งคุณหนูไปโรงเรียนแต่เช้าทุกๆ วัน เสียค่าน้ำมันค่าคนรถเดือนละหลายๆ ตังค์ ครอบครัวแม็กซ์จึงตัดสินใจเช่าอพาร์ทเม้นท์ขนาดพอเหมาะให้ลูกชายอยู่ คงไม่รู้กระมังว่าในบางครั้งลูกชายจะพาผู้หญิงมานอน!

     แต่ขอโทษทีเถอะ ผมไม่ใช่ผู้หญิงพวกนั้น ผมไม่ง่าย! ไม่ใช่ว่าผมหยิ่งหรือเพราะเหตุผลน้ำเน่าที่ว่าผมไม่ได้รักแม็กซ์ เรื่องพวกนั้นไม่ได้อยู่ในหัวผมเลยแม้แต่น้อย ความคิดของผมมีแค่ว่าจะทำยังไงให้มันไม่จบลงแบบผิวเผิน จะทำยังไงให้แม็กซ์ต้องการผมจริงๆ ต้องทำให้แม็กซ์ต้องการตัวผมจนไม่หยุดอยู่ที่ความสัมพันธ์ภายนอกแบบช่วยกันเฉยๆ ผมต้องการให้แม็กซ์ทำลายผม! ผมตัดสินใจใช้แม็กซ์เป็นเครื่องมือแก้แค้นผู้ชายคนนั้น!

     “ไม่ดีกว่า เราง่วงแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ทัน”

     “โหย เด็กดีนะมึง เออนอนก็นอนวะ”

     แม็กซ์ก็ยังเป็นแม็กซ์ เพลย์บอยแบดๆ คนเดิม ... ผมไม่ตอบอะไรเพียงแต่ใช้สายตาไม่พอใจเล็กน้อยจ้องไปทางแม็กซ์

     “มองไรกูอีกอ่ะ ไม่พอใจอะไรกู มึงนอนบนเบาะไม่ได้เหรอ”

     ดูเหมือนเขาจะคิดว่าผมงอนที่ต้องนอนเบาะเสริมบางๆ ที่ปูบนพื้นส่วนตัวเองได้นอนสบายๆ บนเตียง

     “เปล่า... ก็ไม่เชิง”

     “กูบอกไว้ก่อนเลยนะ กูนอนดิ้น มึงไม่อยากนอนเตียงเดียวกับกูหรอก แล้วกูอุตส่าไปหาเบาะมาให้มึง เชื่อกูเหอะ นอนบนเบาะข้างๆ เตียงกูดีกว่านอนบนโซฟาอีก ไม่ปวดหลังนะมึง”

     “เราก็ไม่ได้อยากนอนบนเตียงกับนาย ผู้ชายสองคนนอนเตียงเดียวกัน ไม่เอาหรอก เรายอมนอนพื้นดีกว่า”

     “อ้าว? แล้วมึงจะจ้องกูทำเหี้ยอะไร เป็นปลากัดเหรอมึง”

     “แม็กซ์ เราชื่อต้น”

     “เออกูรู้”

     “ถึงเราจะไม่สนิทกัน แต่เราก็อุตส่าช่วยงานนายขนาดนี้แล้ว อย่างน้อยๆ เวลาพูดกันก็ให้เกียรติกันหน่อยได้มั้ย”

     “สำออยจังว่ะ ให้กูเรียกมึงว่าคุณเลยมั้ย?”

     “แล้วแต่ละกัน”

     ผมได้แต่เซ็งกับนิสัยกักขฬะของแม็กซ์ ผมจะใช้หมอนี่เป็นเครื่องมือเนี่ยนะ! ไม่รู้ตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดเลยนอนหลับไปแบบขี้เกียจคิดอะไร ปล่อยให้เขานั่งดูสื่อการศึกษาทางเพศต่อไปนั่นแหละ แม็กซ์เองก็เหมือนได้ใจ แกล้งเปิดเสียงซะดังจนผมต้องนอนคลุมโปงเพราะความรำคาญ แถมตอนเช้าเขายังตื่นยากอีก จนผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขายังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ พอผมจะออกจากห้องก็ทำมาเป็นโกรธผม สั่งให้ผมรอไปโรงเรียนด้วยกัน แล้วก็แกล้งพาผมซ้อนมอเตอร์ไซค์บิดอย่างเร็วฝ่ามันทุกไฟแดง ไอ้เด็กแว๊นเอ้ย!
หัวข้อ: Re: [จบภาค1#28/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ตอนพิเศษ:ตัวหมากที่ชื่อแม็กซ์
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 28-09-2014 21:31:04
     และหลังจากนั้น แม็กซ์ยังคงมีเรื่องมารบกวนผมอยู่สม่ำเสมอ พยายามชวนผมไปห้องบ่อยขึ้น แหง๋ล่ะสิ! นอกจากผมจะช่วยเหลือเรื่องเรียนแล้วผมยังช่วยเรื่องงานบ้านจุกจิกเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างที่เขาขี้เกียจทำเองให้อีกต่างหาก ก็จะให้ผมไปนั่งทำรายงานในห้องที่มีแต่อะไรก็ไม่รู้หมักหมมไว้เต็มนะเหรอครับ พื้นก็สกปรก เสื้อผ้าใช้แล้วแม้แต่กางเกงในบางทียังวางแมะอยู่บนโซฟา น่าขยะแขยงนะครับ พักหลังๆ มานี่แม็กซ์เลยอ่อนข้อให้ผมเยอะ

     “ต้น... ช่วยกูหน่อยนะ กูทำการบ้านอิงค์ไม่ทัน”

     “เราไม่ใช่คนใช้นาย”

     “โห่ ต้นอ่ะ อย่าใจร้ายดิ เราเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?”

     “ผมจำไม่เห็นได้เลยนะครับว่าผมกับคุณสนิทกันจนเรียกว่าเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่”

     เจอมุขนี้เข้าไปแม็กซ์ก็มีเหวอบ้างแหละครับ แต่ทำไงได้ ผมก็มีความอดทนนะ ไม่ชอบโดนใครกดขี่จนไม่เห็นหัวเหมือนกัน! แต่ใครจะไปรู้ว่าผมจะโดนแก้เกม ขึ้นชื่อเรื่องจีบสาวอย่างแม็กซ์ก็ต้องมีชั้นเชิงการง้อสาวมั่งแหละครับ ถึงผมจะไม่ใช่สาวก็เถอะ

     “โอ๋... ต้นก็ อย่างอนแม็กซ์เลยนะ แม็กซ์จะไม่แกล้งไรต้นแล้ว จะไม่ตะคอกเสียงดังใส่แล้วด้วย”

     ผมหลุดขำพรืดออกมาแบบห้ามไม่อยู่

     “มุขจีบสาวจากที่ไหนเนี่ย! เวลาคุยกับผู้หญิงนายพูดแบบนี้เหรอ?”

     พอเห็นผมหลุดหัวเราะเท่านั้นแหละ เพลย์บอยมาดแบดๆ แบบนายแม็กซ์ก็รีบฉวยโอกาสทันที

     “อือ มุขที่กูเอาไว้ง้อเมีย”

     คราวนี้เป็นผมเองแหละที่เป็นฝ่ายอึ้ง ไม่รู้จะอึ้งที่แม็กซ์ดีแตกขึ้นกูขึ้นมึงกับผมเหมือนเดิมหรืออึ้ง... ประโยคหลังดี

     “เฮ้อ... พูดกับเราดีๆ หน่อยไม่ได้เหรอไงแม็กซ์ เราไม่ชอบคนพูดกูพูดมึง มันไม่สุภาพ ต่อให้สนิทกันก็เถอะ”

     “กูก็ไม่เห็นมึงจะสนิทกับใครซักที ...เออ เอาเถอะๆ ไม่ให้พูดกูพูดมึง ให้แทนตัวเองว่าแม็กซ์เลยดีมั้ย สิทธิพิเศษให้มึงคนเดียวเลยต้น”

     ตอนแรกแม็กซ์ตั้งท่าจะเถียงผมน่ะแหละครับ แต่พอเจอสายตาเย็นๆ ของผมเข้าไปยังไงก็แพ้ การบ้านอิงค์อยู่ในกำมือผมซะอย่าง สรุปว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฝ่ายที่ตกเป็นลูกไก่ในกำมือก็กลายเป็นแม็กซ์แทน และผมก็ได้ไปช่วยติวให้แม็กซ์ที่ห้องบ่อยขึ้น

     เป็นธรรมดาของผู้ชายช่วงวัยรุ่นที่คงจะสนใจเรื่องอย่างว่ามากเป็นพิเศษ และแรงขับดันภายในตัวแม็กซ์ก็คงมากพอสมควรถึงได้ขยันชวนผมดูหนังโป๊ด้วยกันบ่อยๆ ความจริงแล้วแม้ผมจะแอบวางแผนอะไรต่อมิอะไรเอาไว้ แต่... อันที่จริงแม้แต่ช่วยตัวเองซักครั้งผมยังไม่เคยทำ!

     อย่างมากผมก็เคยแค่ฝันเปียก แต่ถ้าจะให้ผมลงมือทำอย่างว่าผมยังไม่กล้าครับ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเอาแต่เรียน เลยทำให้ไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้ซักเท่าไหร่ ผมไม่เคยสนใจหรือชอบพอสาวคนไหนมาก่อน ยิ่งคุณแม่ของผมท่านก็ยังสาวยังสวยมากๆ แถมหุ่นก็ดีสุดๆ ผู้หญิงคนอื่นๆ ในสายตาผมจึงไม่มีใครให้หลงใหลเก็บเอาไปฝันได้

     ส่วนเรื่องสื่อทางเพศรูปแบบต่างๆ ผมไม่กล้าหรอกครับ กลัวว่าถ้าแม่รู้เข้าแล้วท่านจะเอ็ดเอา ผมมีเหตุผลบางอย่างที่ผม... ไม่อยากแตะต้องหัวข้อเรื่องละเอียดอ่อนพวกนี้มากนัก ผมอยากเป็นเด็กดีครับ อยากแสดงให้แม่เห็นว่า ไม่ว่าที่ผ่านมาท่านจะเป็นอย่างไร แต่ลูกชายของแม่เป็นคนดี เป็นเด็กดี ไม่ใช่เด็กเหลวแหลกใจแตกอย่างที่ผู้ชายบางคนเคยดูถูกแม่เอาไว้

     แล้วยิ่งเมื่อผมตั้งใจที่จะ ... เมื่อผมตั้งใจที่จะเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชาย ... ผมยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะคิด ให้ผมคิดถึงผู้ชายเพื่อ... เพื่อทำเรื่องแบบนั้น ผมยอมรับว่าผมกลัว ผมไม่กล้า

     การชวนดูหนังโป๊ของแม็กซ์จึงเป็นเรื่องที่ผมออกจะหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะผมเขิน แต่ผมก็ยังต้องทำเป็นเล่นตัวพอประมาณเพื่อให้แม็กซ์ติดกับสนใจหยอกผมมากขึ้น ผมต้องทำเป็นเขินอายแต่ก็ให้ท่าไปพร้อมๆ กัน การพยายามทำให้ตัวเองดูแรดอย่างสุขุมนี่มันไม่ง่ายเลยครับ เพราะความจริงแล้วผมรู้สึกอายมากจริงๆ ถึงแปดสิบเปอเซนต์!

     จนกระทั่งวันหนึ่งแม็กซ์เก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ เลยถามผมออกมาว่า

     “เฮ้ย! ต้น กูถามจริงๆ เหอะ มึงเคยช่วยตัวเองมั่งมั้ยวะ เวลากูเปิดหนังโป๊มึงก็นอนหลับซะงั้น มึงยังมีอารมณ์แบบคนปกติเขามั้ยวะ?”

     “เรา...”

     แน่ละ ผมต้องหน้าแดงพูดอะไรไม่ออก ใครจะไปนึกละครับว่าแม็กซ์จะถามอะไรตรงจนแทงใจดำผมแบบนี้!

     “ไม่รู้สิ เราไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน”

     “ซักนิดก็ไม่มีเลยรึไงวะ? ถามจริง? ตกลงมึงชอบผู้หญิง... หรือผู้ชาย”

     “...ไม่รู้สิ บางทีเราอาจจะชอบผู้ชายขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ เลิกคุยเรื่องนี้กันเถอะแม็กซ์ นายยังเหลือรายงานอีกตั้งสามหน้านะ”

     “เออ รู้แล้ว เซ็งมึงจริงๆ ให้ตายเหอะ”

     ทั้งๆ ที่ผมวางแผนและตัดสินใจไว้แล้ว แต่ผมกลับไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย ผมอดคิดไม่ได้ว่า สิ่งที่ผมทำนี่มันถูกต้องแล้วหรือ?

     แทนที่จะใช้แม็กซ์เป็นเครื่องมือ ผมควรจะคบใครซักคนเป็นแฟนเป็นตัวเป็นตนดีกว่ามั้ย? แต่คนอย่างผมจะมีใครมารักมาชอบละครับ ความรักของมนุษย์ชายหญิงยังเกิดขึ้นและจบลงได้ง่ายๆ เลย แล้วผู้ชายธรรมดาๆ ไม่เคยมีใครมาสนใจที่อยู่ๆ ก็เกิดอยากจะลองรักกับผู้ชายด้วยกันอย่างผมนี่จะมีใครมาแล ... นอกจากพวกที่หวังแต่เรื่องอย่างว่า ถ้าเป็นแบบนั้นสู้ผมเก็บหัวใจตัวเองใส่กล่องล็อกเอาไว้ไม่ยกให้ใครเลยซักคนดีกว่าไหมครับ? สนุกกับชีวิตไปวันๆ

     เทพบุตรหรือพระเอกขี่ม้าขาวในสายตาเรามันเป็นแค่มุมมองที่ขึ้นอยู่กับว่าเขาปรากฏตัวตอนไหนต่างหาก เจ้าชายใจดีที่เราเฝ้าใฝ่ฝันถึงทุกวันไม่แน่ว่าวันหนึ่งก็อาจจะกลายเป็นผู้ชายหื่นกามที่เดินสวนกับเราตอนพาสาวเข้าห้องก็ได้ และเพราะแบบนั้น ผู้ชายที่ตั้งใจจะมีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันอย่างผมจึงต้องการแค่การสัมผัสทางร่างกายเท่านั้น เพราะผมไม่รู้ว่าในโลกนี้ยังมีผู้ชายคนไหนอีกที่ดีพอที่ผมจะเชื่อใจได้!

     และแล้ว ..... โอกาสของผมก็มาถึงจนได้...

     อาจเพราะช่วงที่ผ่านมาผมแวะไปค้างที่ห้องแม็กซ์บ่อยๆ เพื่อช่วยสะสางงานต่างๆ และคอยติวหนังสือให้ เลยทำให้พักนี้มีข่าวลือแปลกๆ แพร่สะพัดออกไป เช่นเรื่องที่ว่า... ผมกินแม็กซ์แล้ว... ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องตีไข่ใส่สีกันหาว่าผมแรดเงียบแอบงาบแม็กซ์โดยอาศัยเรื่องติวเข้าล่อ ใครว่าล่ะ สิ่งที่พวกเขาพูดกันน่ะมันผิดถนัดเลย! ผมวางแผนหลอกล่อให้แม็กซ์อยากกินผมต่างหากล่ะ! และที่สำคัญเราสองคนก็ยังไม่เคยแม้แต่จะจับมือกันด้วยซ้ำ!

     ตอนเที่ยงของวัน ผมทานข้าวเสร็จแล้วก็กำลังจะปฏิบัติภารกิจซ้ำๆ ซากๆ เช่นเดิมคือหามุมสงบๆ นั่งอ่านหนังสือ แต่ดันไปเจอเข้ากับกลุ่มแม็กซ์ซะก่อน

     “ไปเว้ยต้น ไปเล่นบาสกัน”

     “ไม่อ่ะ เราขอไปอ่านหนังสือต่อดีกว่า”

     “กูสั่ง มึงก็มีหน้าที่ทำตามเหอะน่ะ ตามมานี่”

     แม็กซ์ไม่พูดเปล่าแถมยังจงใจลากคอผมให้ตามไปด้วย นี่เหรอครับกินกันแล้ว? แม็กซ์สัมผัสผมแค่สองแบบเท่านั้นแหละครับ ไม่เตะก็ผลัก นอกนั้นก็ดึงเสื้อ ทารุณกันชัดๆ

     ผมเห็นสีหน้าของเพื่อนร่วมแก๊งเขาแล้วก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่อย่ามาถามผมเลยครับ เพราะผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าแม็กซ์จะชวนผมไปเล่นบาสด้วยกันทำไม และแล้วผมก็ถึงบางอ้อ! แม็กซ์ให้ผมมาเป็นเด็กเก็บลูกนั่งเฝ้าอยู่ข้างสนาม เฝ้ากองข้าวของมีค่าอย่างพวกกระเป๋าตังค์ร้อยโซ่หนักๆ ซึ่งไม่รู้เจ้าตัวจะร้อยมาทำไมให้เกะกะเวลาวิ่งอยู่ในสนามบาส แล้วก็ใช้ให้ผมวิ่งไปซื้อน้ำมาให้ พอผมไม่ทำตามก็ขู่จะเตะผม เอาผมมาเป็นคนใช้ชัดๆ เห็นทีผมคงต้องอดทนกับนิสัยคุณชายของแม็กซ์ไปอีกนาน และอาจจะมากกว่านี้ เพราะผมตกลงใจเลือกเขาไปแล้ว

     แต่ในตอนที่พวกเรากำลังจะเดินกลับไปเรียนคาบบ่ายนั่นเอง แม็กซ์และอาร์มรวมทั้งผมสามคนเดินไปเจอเข้ากับกลุ่มตุ๊ดของนนนี่พอดี ในตอนแรกผมไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเพราะชินอยู่แล้วกับการจีบปากจีบคอแขวะชาวบ้านของพวกตุ๊ดกลุ่มนี้ แต่ผมลืมไปครับว่าแม็กซ์ไม่ใช่“ตุ๊ด”แบบผม แล้วเรื่องนี้แม็กซ์ก็โดนเอี่ยวเข้ามาเต็มๆ

     “อ๊าว... นึกว่าใคร อิต้นแอ๊บแมนนี่เอง แหม เดี๋ยวนี้เดินตามผัวทุกก้าวเลยนะย๊ะ หวงของเรอะ ฮ่าๆ แต่ระวังไว้เถอะ ถ้าเฝ้าไว้ไม่ดีระวังจะมีชะนีมาฉกไปอีกนะ เหมือนที่แกไปฉกมันมาจากอีเมษนั่นไง”

     ผมเองก็พอจะรู้อยู่ครับ เรื่องที่นนนี่กับเมษแตกคอกันเพราะเรื่องเมื่อตอนเข้าค่าย ก็แหม ใครๆ ก็คงอยากจะกินแม็กซ์กันทั้งนั้นแหละครับ ในฐานะเจ้ใหญ่ของแก๊ง ตัวเองก็คงจะหมายมั่นปั้นมือเอาไว้พอสมควรว่าต้องได้ เพราะคนอื่นในกลุ่มคงไม่กล้าแย่ง แต่ใครจะไปรู้ว่าแม็กซ์กลับปฏิเสธ แล้วไปคว้าเอาเด็กเงียบๆ ไม่แรงไม่แรดไม่ร่านแบบเมษมาแทน แม็กซ์เป็นคนเลือกเสมอๆ ไม่ใช่รอให้ใครมาเลือกแบบผม

     แต่ว่าครั้งนี้ผมเฉย ไม่ได้แปลว่าแม็กซ์จะเฉยนะครับ... แม็กซ์รักหน้าตัวเองมาก มากพอจะเผื่อแผ่มารักหน้าผมให้ด้วย!

     “มึงว่าใคร อีนน!”

     “อ้าวแหม ก็ใครจะไปรู้ล่ะ แค่บอกให้ลองเล่นๆ ครั้งเดียวแล้วแกดันติดใจผู้ชายขึ้นมา แต่เอ๊ะได้ข่าวอีเมษมันห่วยจะตายไม่ใช่เหรอ แกถึงได้ไม่เอามัน แล้วไหงถึงได้มาติดใจอีต้นได้ล่ะแม็กซ์ หรืออีต้นมันจะเก่ง เห็นเงียบๆ หงิมๆ นี่ที่จริงแรดกว่าพวกกูอีกนะเนี่ย ฮ่าๆ”

     “ไอ้ตุ๊ดเหี้ยเอ้ย มึงอย่าอยู่เลย!”

     “จำไว้ กูกับต้นไม่ได้เป็นอะไรกันเว้ย!”

     “ปากหมานักนะมึง จะอม_วยกูอมส้นตีนกูก่อนเหอะ!”

     นั่นแหละครับ แม็กซ์เพื่อนผม หยาบคาย เถื่อน และใจร้อน แถมเรียนไม่เก่ง มีดีที่รูปร่างดี หน้าหล่อ เป้าตุง บ้านรวย จีบ เอ๊ะ! ไม่สิ ... ต้องบอกว่าฟันหญิงเก่ง หญิงติดเพียบดีกว่าครับ ผมควรจะขอบคุณเขาที่ออกหน้าแก้ตัวให้ผมรึเปล่า?

     เรื่องทั้งหมดจบลงที่... แยกย้ายกันไปครับ แม้นนนี่จะโดนกระทืบไปหนึ่งทีแต่ก็ไม่ถึงกับเลือดออก ก็โชคดีที่ตอนนั้นสหายข้างกายแม็กซ์เป็นอาร์มกับผม เพราะกายกับปาล์มไปเข้าห้องน้ำ ถ้าเป็นสองคนนั้นอยู่นอกจากจะไม่ช่วยห้ามแล้วเผลอๆ คงช่วยเข้าไปกระทืบซ้ำ แต่อาร์มเป็นพวกร่าเริงแบบไม่ค่อยดูตาม้าตาเรือซักเท่าไหร่ พอเห็นแม็กซ์โกรธก็เลยทำพระเอกเข้าไปห้ามทัพแบบไม่ดูทิศทางลม ผลก็คือเจอลูกหลงโดนแม็กซ์ต่อยไปหนึ่งหมัดน่ะสิครับ แต่ถึงอาร์มจะอ่านบรรยากาศไม่เก่ง ร่าเริงเกินเหตุ และคิดน้อยไม่ค่อยสุขุม แต่ผมก็ชอบนะครับ เพราะคนแบบอาร์มไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรให้ต้องกลัว

     “อ้าว ไอ้เหี้ย! มึงต่อยกูทำไมวะ!”

     อาร์มหันมาตะโกนใส่แม็กซ์ทั้งๆ ที่เลือดกำลังไหลซิบๆ ออกจากมุมปาก

     “ถ้ามึงจะต่อยก็หัดเล็งให้มันแม่นๆ หน่อยสิโว้ย กูเพื่อนมึงนะ!”

     เจออาร์มตบมุขไปแบบนี้ ทุกคนก็ชะงักแหละครับ ผมว่าแม้แต่แม็กซ์เองยังดูงงๆ กับชีวิตเลย

     “พอได้แล้วแม็กซ์ เดี๋ยวอาจารย์มาหรอก ดูสิ อาร์มปากแตกด้วย พาไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ”

     “แต่ต้น!”

     “แม็กซ์! นะ ถือว่าเราขอร้อง พาอาร์มไปห้องพยาบาลก่อน”

     “เออ! มึงต่อยกันไปเลย กูไม่ห้ามมึงแล้ว ไอ้สัส! เพื่อนมีเรื่องกูอุตส่าห้าม เสือกต่อยผิดอีก กูปากแตก แทนที่มึงจะห่วงเพื่อน มึงเสือกห่วงมีเรื่อง ต้นเราเจ็บปากอ่ะ พาเราไปห้องพยาบาลหน่อย”

     ไม่รู้ว่าผมควรจะซีเรียสเป็นห่วงแม็กซ์ที่กำลังมีเรื่อง เป็นห่วงอาร์มที่ปากแตก หรือว่าหลุดขำดีนะครับ แต่ตอนนั้นน่ะ ผมได้แต่คิดในใจว่า“ถ้าไม่อยากเจ็บปากไปมากกว่าเดิมก็เลิกบ่นซะทีเถอะอาร์ม”

     “เออ ฝากไว้ก่อนเลยพวกมึง โดยเฉพาะมึง อีนน!”

     นั่นแหละครับ ต้องทิ้งท้ายไว้ให้สมกับเป็นแบดบอยนักเรียนนักเลง แม็กซ์ถึงได้ยอมเดินจากมากับพวกผม ไปส่งอาร์มทำแผลที่ห้องพยาบาล แล้วก็ตอแหลสดๆ กันว่าเล่นบาสแล้วพลาดเอาศอกกระแทกปากกัน อาจารย์ถึงได้พาอาร์มไปทำแผล แล้วก็ปล่อยให้ผมกับแม็กซ์ที่ยังอารมณ์กรุ่นๆ อยู่นั่งรออยู่ด้านนอก

     “ใจเย็นขึ้นรึยัง?”

     ผมถามแม็กซ์ที่กำลังนั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่

     “เออ...”

     แม็กซ์เงียบไปได้แค่ห้าวินาทีเท่านั้นแหละครับ แล้วเขาก็ต้องเปิดปากพล่ามอีกจนได้

     “เฮ้ย! ต้น ถามจริง มึงไม่รู้สึกไรมั่งเหรอไงวะ ไม่โกรธมันมั่งเหรอ”

     “ทำไมต้องโกรธล่ะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”

     บอกความจริงก็ได้ว่าผมโกรธ ผมก็คนนะมีอารมณ์เป็น แต่จะให้ผมทำยังไงครับ โกรธแล้วด่ากลับให้เป็นเรื่องแบบนั้นเหรอ? ให้ไปต่อยตีเจ็บตัวกันทั้งสองฝ่าย? ขนาดผมอดทนไม่ตอบโต้ยอมอยู่เงียบๆ แบบนี้เขายังไม่หยุดหาเรื่องผมเลย ผมก็เลยได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอีกเดี๋ยวพอเรียนจบก็ไม่ต้องเจอคนพวกนี้แล้ว ผมต้องอดทนอดกลั้นแทบตายแน่ะ!

     แต่ไม่ได้หรอกครับ ต่อหน้าแม็กซ์ ผมควรจะตอบให้ตัวเองดูดี ผมยังไม่ลืมแผนการที่จะทำให้เขาหลงรักผม!

     “ผ่านไปกับผีดิ มันคงเอาไปเม้าแหลกแล้ว”

     “ก็ปล่อยเขาพูดไป ใครจะว่าอะไรเราๆ ไม่สนอยู่แล้ว แต่ถ้าแม็กซ์กลัวเรื่องชื่อเสียงตัวเองจะเสียเพราะเรา ถ้ามีใครมาถาม เราจะแก้ข่าวให้ก็แล้วกัน”

     แม็กซ์มองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วใช้น้ำเสียงที่ฟังดูสงบสติอารมณ์มากกว่าเดิมคุยกับผม ตอนนี้หน้าที่ของผมคือยิ้ม ผมต้องยิ้มให้แม็กซ์!

     “มึงไม่โกรธพวกนั้นบ้างเหรอไง ไม่โกรธพวกกูบ้างเหรอ มึงทนได้ยังไงวะ?”

     โกรธสิ! มีใครไม่โกรธบ้างถ้าโดนเรียกว่าไอ้ตุ๊ด ผมโดนพวกเขาล้อมาตลอดเชียวนะ! แต่ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องแอ๊บ!

     “ก็... เราไม่รู้ละมั้ง ว่าควรจะโกรธดีมั้ย”

     “ไมล่ะ?”

     ก็เพราะตอนนี้เราอยากนอนกับนายน่ะสิ! ผมรู้แค่ว่าผมอยากนอนกับผู้ชาย จะใครก็ได้แต่แม็กซ์เป็นตัวเลือกที่ง่ายที่สุดที่ผมหาได้ แล้วผมก็ต้องการเป็นฝ่ายถูกกระทำจะได้สำส่อนถูกใจพ่อผม! แต่ว่า... ถ้าผมจะทำตัวแบบนั้นผมควรเรียกตัวเองว่าเกย์หรือตุ๊ดดีล่ะ? ในเมื่อผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง ผมแค่อยากถูกผู้ชายด้วยกันทำก็แค่นั้น ชายรักชายมือใหม่อย่างผมจะไปนิยามตัวเองถูกได้ยังไง

     “ก็... เราเองยังตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าเราเป็นอย่างที่พวกนายล้อจริงๆ รึเปล่า? ถ้ามันเป็นเรื่องจริง เราก็ไม่จำเป็นต้องโกรธ เพราะความจริงก็คือความจริง แต่ถ้ามันไม่จริง ก็ไม่รู้จะโกรธไปทำไม แต่นี่จริงรึไม่จริงเราก็ไม่รู้ เลยไม่รู้จะแสดงออกยังไงละมั้ง”

     “อ้าว? ยังไงกันแน่วะนี่ ถามจริง มึงเป็นตุ๊ดจริงๆ เหรอ”

     “เปล่านะ! เราไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง!”

     ข้อนี้ผมกล้ายืนยันเลยครับว่าผมไม่ได้เสแสร้งแกล้งแอ๊บหลอกแม็กซ์ แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ว่าผมพอใจกับร่างกายเดิมที่เป็นผู้ชาย และผมก็นึกภาพตัวเองที่กลายเป็นผู้หญิงไม่ออกด้วย ผมยังอยากเป็นลูกชายของแม่อยู่ครับ ไม่อยากเปลี่ยนไปถึงขนาดนั้น ผมอยากเป็นผมคนเดิมก็เท่านั้น

     “งั้นนายก็เป็นเกย์”

     “ไม่รู้สิ...”

     ผมไม่ค่อยเข้าใจคำว่าเกย์ซักเท่าไหร่ ผมไม่ได้อยากมีกล้ามลำบึก แล้วก็... ไงดีล่ะ ผม... ไม่คิดว่าผมอยากทำตัวตุ้งติ้งสาวแตกแบบนั้นด้วย ผมพอใจที่ตัวเองเป็นแบบนี้ ละผมไม่ชอบเรื่องแฟชั่นด้วยครับ ผมเลยคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายปกติมากกว่า แล้วที่สำคัญ... ผมว่าผมไม่เหมือนลุงพลนี่นา ทั้งๆ ที่ลุงพลเป็นแบบนั้นแต่ลุงพลกลับ... ไม่นะ! ผมรับไม่ได้หรอกถ้าผมจะโดนคนที่มีจริตเยอะกว่าผมมาทำอะไรด้วย! แต่ถ้าจะให้ผมเป็นฝ่ายไปทำอะไรใคร โอ้ยไม่นะ! ไม่เอาอ่ะ ผมรับไม่ได้!

     “อ่าว! ผู้หญิงก็ไม่ชอบ ผู้ชายก็ไม่ชอบ ตกลงมึงเป็นไรแน่วะ?”

     แม็กซ์จะมาคาดคั้นอะไรผม! ผมยังตอบตัวเองไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะอยากแก้แค้นผู้ชายคนนั้นผมก็คงไม่ลุกขึ้นมาทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้หรอก!

     “ก็เราจะไปรู้ได้ไงล่ะ! เราไม่เคย... เราไม่เคยนี่นา จะไปรู้ได้ยังไงว่าเราชอบแบบไหน”

     “งั้น... มึงอยากลองป่ะล่ะ”

     ผมพูดไม่ออก ... คือเอาจริงๆ นะ ผมพูดไม่ออกจริงๆ ผมไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนว่าแม็กซ์จะจู่โจมผมรวดเร็วแบบนี้ ก็เมื่อตะกี้เขายังพึ่งไปมีเรื่องกับคนอื่นมาอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมาทำตาเจ้าชู้ใส่ผมซะแล้ว ผมได้แต่จ้องหน้าแม็กซ์ ไม่รู้จะตอบอะไรเพราะความสับสน ผมรับเกย์แบบนั้นไม่ได้ แต่พอเป็นผู้ชายอย่างแม็กซ์ผมกลับ... ผมกลับไม่นึกรังเกียจ

     ทั้งๆ ที่โอกาสของผมมาถึงแล้วแท้ๆ ผมจะยังมัวลังเลอะไรอีก แต่ก่อนที่ผมจะได้ทันพูดอะไรออกไป พวกผมก็เห็นอาร์มเดินออกมาจากห้องพยาบาลเสียก่อน แม็กซ์จึงหันมาทิ้งท้ายให้ผมอีกหนึ่งประโยคพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ ให้สมกับมาดแบดบอยของตัวเอง

     “ถ้ามึงอยากลองกับผู้ชายก็บอก ถ้าเป็นมึง กูยินดีทดลองทำให้ว่ะ”

     “เหี้ย! มึงต่อยกูปากแตกแบบนี้แล้วมึงยิ้มไรวะ”

     ผมรู้ว่าแม็กซ์ไม่ได้ยิ้มให้อาร์ม เขายิ้มให้ผม แล้วผมก็สั่นเพราะรอยยิ้มนั้นด้วย แม็กซ์ติดกับผมแล้ว! ผมควรจะดีใจแต่ผมกลับกลัว!

     “กูก็ยิ้มให้มึงไงอาร์ม เสือกโง่เข้ามาขวางกูเอง สมน้ำหน้าว่ะ”

     ผมได้ยินเสียงอาร์มเถียงกับแม็กซ์ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แถมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผมเดินตามสองคนนั้นกลับมาถึงห้องเรียนได้ยังไง ก็หัวใจของผมมันเต้นแรงซะจนผมทำอะไรไม่ถูกเลยละครับ

     หลังจากนั้น ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าเวลาที่แม็กซ์คุยกับผม เขาจะแทนตัวเองว่า“แม็กซ์”แทบทุกคำ เวลาเรียกชื่อผมก็เรียกซะกองทัพมดมาตั้งแถวรอรับเศษน้ำตาล! เขาขยันป้อผมมากขึ้น ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่การจีบเพราะความรัก มันก็แค่ความอยากเอาชนะแบบเด็กๆ ของแม็กซ์ที่อยากรู้อยากลองและก็คงเกิดนึกสนุกอยากลองกับคนแบบผมก็แค่นั้น

     แต่... แม็กซ์ก็ยังคงเป็นแม็กซ์คนเดิม เรื่องเสียหน้าอย่าให้พูดเลยครับ ยอมซะที่ไหน อาการอ่อนโยนจนผิดสังเกตกับผมที่คนทั้งห้องช่วยกันจับผิดถูกแม็กซ์พลิกสถานการณ์เป็นการทำความดีเพื่อชดเชยความผิดที่เขาก่อขึ้นจนทำให้ผมต้องเดือดร้อนตามไปด้วย นัยว่าแกล้งทำเป็นกลัวว่าผมจะโกรธจนไม่ช่วยติวให้ไปซะแบบนั้น ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วชวนผมไปห้องอยู่แทบทุกวัน เห็นๆ กันอยู่ว่าแม็กซ์แค่อยากนอนกับผม ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ...

     เล่นเอาผมต้องคิดแล้วคิดอีกว่านี่ผมตัดสินใจเดินหมากดีแล้วหรือ? ผมไม่อยากเจ็บปวดเพราะหมากของตัวเอง! ถ้าคนพวกนั้นยอมถอยเมื่อไหร่เกมก็จบ ผมกับแม็กซ์ก็คงจบตาม แต่หมากตัวนี้จะยอมให้ผมใช้แล้วเขี่ยทิ้งเหรอ? ถ้าแม็กซ์รู้เขาต้องโกรธผมแน่ๆ แต่ผมจะไม่มีวันยอมถูกหมากของตัวเองล้มกระดานเด็ดขาด!

     แล้ววันที่ผมตัดสินใจไปค้างห้องแม็กซ์เพื่อทำตามแผนก็มาถึงจนได้ เรื่องน่าหงุดหงิดหลายอย่างที่ผมเจอในวันนั้นมันช่วยเร่งให้ผมตัดสินใจทำลายความบริสุทธิ์ตัวเองได้ง่ายราวกับทิ้งขยะลงถัง! ผู้ชายคนนั้นแวะมาหาผมที่คอนโดอีกแล้ว แต่เขาไม่มีบัตรผ่าน เลยเข้ามาได้แค่ล็อบบี้หน้าคอนโดเท่านั้นแหละครับ เขาขึ้นมาถึงบนห้องผมไม่ได้หรอกถ้าผมไม่ได้แจ้ง รปภ. ไว้ และที่หงุดหงิดที่สุดก็คือระหว่างที่ผมต้องนั่งฟังคำพล่ามของผู้ชายคนนั้น ผมเห็นภาพของใครบางคนเดินจูงมือโอบไหล่สาวสวยขึ้นลิฟต์ไป เขาทำแบบนี้กับพี่ฟ่างได้ยังไง! ถึงจะเลิกกันแล้วแต่พาผู้หญิงอื่นมานอนห้องที่เคยอยู่ด้วยกันทั้งๆ ที่เขากับพี่ฟ่างยังเคลียร์ห้องนั้นไม่เรียบร้อยเลยด้วยซ้ำ! มันเกินไปแล้วนะครับ สมน้ำหน้าแล้วที่โดนพี่ฟ่างทิ้ง ผู้ชายงี่เง่าแบบนี้น่ะ!
หัวข้อ: Re: [จบภาค1#28/9/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ตอนพิเศษ:ตัวหมากที่ชื่อแม็กซ์
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 28-09-2014 21:45:21
     เช้าวันต่อมาผมไปโรงเรียนด้วยหัวใจที่ด้านชา ผมพร้อมแล้วครับ ผมรอจนแม็กซ์ชวนผมไปค้างที่ห้องของเขาอีกครั้ง และเมื่อแม็กซ์หลุดปากแซวตามนิสัยผมจึงรับข้อเสนอของเขาทันที ... แล้วแม็กซ์ก็ยิ้มออกมา

     “วันนี้ยอมไปช่วยทำรายงานที่ห้องแม็กซ์สองต่อสอง ไม่กลัวโดนปล้ำเหรอต้น”

     แม็กซ์บอกอย่างอารมณ์ดีตอนไขกุญแจเข้าห้องตัวเอง แต่ผมเตรียมใจมาแล้ว ผมไม่กลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว!

     “ถ้าแม็กซ์จะทำ เราก็คงสู้แรงแม็กซ์ไม่ได้”

     ผมจำได้ว่าผมตอบไปแบบนั้น ในตอนแรกแม็กซ์หน้าเหวอพอสมควร แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าแสดงความพอใจ แม้แม็กซ์จะพยายามนิ่งไว้ แต่ประกายระยิบระยับที่พราวอยู่ในดวงตาบ่งบอกว่าแม็กซ์กำลังดีใจ ผมดูออก! ผมไม่รอดแน่!

     เราสองคนนั่งทำงานกันตามปกติจนถึงดึก ผมเองก็ตั้งรับอยู่เงียบๆ จนกระทั่งแม็กซ์พูดขึ้นว่าให้ผมไปอาบน้ำก่อน ผมถึงได้รู้ความหมายที่เขาตั้งใจแฝงมาว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผมต่อจากนั้น แม็กซ์เอาจริง!

     “อาบน้ำให้สะอาดล่ะต้น ถ้าไงก็ใช้ห้องน้ำนานๆ ได้ ไม่ต้องเกรงใจ แม็กซ์ไม่รีบ”

     ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันชาไปหมด แขนขาที่ลุกขึ้นยืนนี่แทบไม่มีแรงเลยแม้แต่น้อย ผมรู้ดีว่าแม็กซ์หมายถึงอะไร ปกติเวลาผมอาบน้ำแม็กซ์ชอบบ่นว่าผมใช้ห้องน้ำนาน แต่มาวันนี้เขากลับพูดแบบนั้น ผมอาบน้ำแบบคนหมดเรี่ยวแรง พยายามขัดถูตัวเองให้สะอาดทั้งๆ ที่มือไม้มันสั่นไปหมด ผมหวังว่าผมคงจะสะอาดพอสำหรับสิ่งที่ผมจะทำต่อไปนี้

     แต่เมื่อผมอาบน้ำเสร็จ ผม... ผมอายมากๆ ผมเกิดสับสนขึ้นมากะทันหันและคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อม ผมเลยเลือกที่จะใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ ตั้งใจจะออกมาพูดกับแม็กซ์ แต่เขากลับทำตัวปกติจนผมไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตรงไหน หรือผมจะคิดมากไปเอง? แม็กซ์อาจจะแซวผมเล่นเฉยๆ ผมก็เลยไม่รู้จะทำยังไง จนกระทั่งแม็กซ์เข้าไปอาบน้ำ ผมก็เลยแกล้งหลับ เพราะปกติผมมักนอนก่อนเขาอยู่แล้ว เขาใช้เวลาอาบน้ำพอสมควร แล้วผมก็เลยเผลอหลับไปจริงๆ

     ผมกำลังเคลิ้มๆ แต่เริ่มรู้สึกตัวเพราะสัมผัสแปลกประหลาดที่กำลังเล้าโลมผมอยู่ เหมือนจับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่แนบชิดเข้ามาทางด้านหลังของผม ผมตกใจจนสะดุ้งตื่น แต่มารู้สึกตัวเต็มที่อีกทีก็ตอนที่รู้สึกว่า มี...อะไรซักอย่างมานัวเนียกับซอกคอของผม แม็กซ์กำลังไซ้คอผมอยู่ ผมถูกผีแม็กซ์อำ!

     ผมนอนตะแคงอยู่โดยมีแม็กซ์แนบชิด มือของเขาสอดเข้าที่ใต้เอวและอีกมือก็จับคางของผมบังคับให้หันไปหาเขา แม็กซ์กำลังกอดผมอยู่ เขามีหอมผมบ้าง แต่แล้วมือของแม็กซ์ก็ขยับเข้ามาใต้เสื้อของผมพร้อมๆ กับริมฝีปากที่ก้มลงมาใกล้ แต่แม็กซ์ยังไม่ทันจะได้จูบปากผม ผมก็ขยับหนีซะก่อน ผมไม่อยากจูบเขาอ่ะ!

     “แม็กซ์!”

     “แอบหลับแบบนี้ได้ไงอ่ะต้น ไม่รอแม็กซ์เลยอ่ะ มา ขอลงโทษคนแอบหลับหน่อย”

     “ไม่เอานะแม็กซ์ ห้ามจูบ!”

     “ทำไมล่ะ?”

     “เรา... เรา เราเปลี่ยนใจแล้ว นอนเฉยๆ ได้มั้ย”

     ผมเกิดอาการติดอ่างขึ้นมาทันที ผมยอมรับว่าผมกลัวขึ้นมาจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาถึงผมจะวางแผนอะไรไปมากมาย แต่เอาเข้าจริงผมก็แค่คิดแค้นไปตามอารมณ์ และผมก็ไม่คิดว่าคนอย่างแม็กซ์จะอยากทำเรื่องแบบนั้นกับผมจริงๆ ผมคิดว่าแม็กซ์คงแค่อยากลองแต่คงไม่ได้คิดจะทำอะไรกับผม ยังไงผมก็เป็นผู้ชาย แม็กซ์ก็แค่หาเรื่องแหย่ผมไปเรื่อย แต่ว่า... ดูเหมือนผมจะรู้จักแม็กซ์น้อยเกินไป แม็กซ์คิดจริงจังกับผม เขาเอาจริง!

     “คิดว่าแม็กซ์จะยอมปล่อยให้ต้นรอดเหรอ ดูดิ ขึ้นขนาดนี้แล้วอ่ะ”

     แม็กซ์กระซิบบอกผม แล้วเขาก็คว้ามือผมไปจับที่ตรงนั้นของตัวเอง แม็กซ์นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัว ข้างใต้นั้นไม่ได้ใส่อะไรไว้ อืม... มันเป็นอะไรที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน ผมเพิ่งรู้ว่าตรงนั้นของคนเรามันแข็งได้ขนาดนี้! ตรงส่วนนั้นของแม็กซ์มันทั้งแข็งแล้วก็อุ่น แต่ขนาดมันน่ากลัวมากครับ ผมตกใจรีบชักมือกลับ!

     “ฮ่าๆ กลัวเหรอต้น ไม่ทันแล้ว”

     แม็กซ์หัวเราะแล้วหอมแก้มผม เขาขยับเอวเอาไอ้นั่นมาถูกับด้านหลังผม! อีกมือก็ล้วงใต้เสื้อผมอย่างเมามัน ผมกำลังทำบ้าอะไรอยู่!

     ผมคิดอะไรไม่ออกกลัวไปหมด ความใจเย็นที่เคยมีก็หายไปเหลือแต่ความตื่นตระหนก ผมไม่อยากมีเซ็กส์ครั้งแรกแบบนี้!

     ผมกลัวแต่ผมไม่รู้จะทำยังไง ผมวางแผนเอาไว้แต่ผม... ผมจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นจริงๆ น่ะเหรอ? แล้วถ้าแม็กซ์ไม่หยุดล่ะ? ถ้า... ถ้าเขาเกิดโมโหแล้ว... ล่ะ ผมกลัว ใครก็ได้ช่วยผมด้วย!

     เมื่อแม็กซ์เห็นว่าปลุกอารมณ์ผมไม่ได้ผล เขาเลยหันมาไซ้หน้าอกผมแทน เขาพลิกให้ผมนอนหงายแล้วขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้ มือของแม็กซ์ที่ผมเคยคิดว่ามันกว้างเหมือนกรงเล็บเหยี่ยวเวลาจับลูกบาสตอนนี้กำลังขยับอยู่ภายใต้เสื้อผม เขาทั้งบีบทั้งเค้นสลับกับดูดเลีย 

     แม็กซ์ที่ผมรู้จักเป็นคนเจ้าอารมณ์ เหลือเชื่อว่าเขาจะนุ่มนวลกับผมได้ขนาดนี้ เขาอ่อนโยนกับผมมากจนผมแปลกใจ ผมควรจะเสียวใช่มั้ย? ตามหลักแล้วถ้าถูกเล้าโลมผมต้องมีอารมณ์สินะ? ไม่เคยมีใครทำกับผมแบบนี้มาก่อน ผมคิดไม่ออกว่าควรจะรู้สึกยังไงเพราะผมมีแต่ความกลัว!

     แม็กซ์จับแขนผมยกสูงขึ้นพลางดึงเสื้อผมออกไป ลิ้นสากๆ กับนิ้วยาวๆ ของแม็กซ์เลื้อยผ่านจากหน้าอกลงไปถึงท้อง แม็กซ์ดีกับผมมาก ผมนึกว่าแม็กซ์จะทำกับผมแค่“ใส่ ทำ แล้วก็จบ” แต่เขาปฏิบัติกับผมด้วยการเอาใจใส่ แต่ยังไงผมก็ไม่พร้อม!

     ผมรู้สึกว่าตัวเองน้ำตาไหล แต่ผมไม่ได้รังเกียจหรือขยะแขยงแม็กซ์ คงเพราะผมตกใจจนคิดอะไรไม่ออกมากกว่า ผมกำลังจะมีเซ็กส์ครั้งแรกกับผู้ชายด้วยกัน! ผมกำลังจะมีเซ็กส์จริงๆ นะเหรอ?

     และแล้วแม็กซ์ก็เริ่มรุกผมมากขึ้น ดูท่าแม็กซ์คงไม่ไหวแล้วจริงๆ ที่เขาเล้าโลมผมอยู่นานสองนานนี่ก็โคตรเหลือเชื่อแล้ว แต่ผมมันห่วยเอง ผมมันด้านตายถึงได้ไม่รู้สึกอะไรจากสัมผัสของแม็กซ์นอกจากความกลัว!

     ถึงแม็กซ์จะไม่ได้จูบปากผมตามที่ผมขอร้อง แต่ร่างกายส่วนอื่นๆ ของผมก็ไม่รอดพ้นริมฝีปากของแม็กซ์ แถมตอนนี้เขายังดึงกางเกงผมลงต่ำ แม็กซ์ถอดกางเกงผมแล้ว! นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่!?! ผมไม่รอดแน่ๆ!

     “หันหลังให้แม็กซ์หน่อยนะ ต้น เข้าข้างหลังง่ายกว่า แม็กซ์ไม่อยากให้ต้นเจ็บ”

     ไม่รอให้ผมตอบแม็กซ์ก็จัดการพลิกตัวผมให้นอนคว่ำซะแล้ว ผมมีสติขึ้นมาว่าผมจะนอนกลัวอยู่แบบนี้ไม่ได้ ผมต้องทำอะไรซักอย่าง! ผมพยายามจะดันตัวขึ้นแต่ก็ไปเข้าทางของแม็กซ์พอดี กลายเป็นผมยันตัวขึ้นโก้งโค้งให้แม็กซ์ซะงั้น!

     ผมรู้สึกได้ว่ามีอะไรเย็นๆ ถูกป้ายไปที่ตรงนั้นของผม ทุกครั้งที่นิ้วของแม็กซ์สัมผัสตรงนั้นมันทำให้ผมสะดุ้ง! แม็กซ์ชโลมอะไรบางอย่างใส่จนผมรู้สึกได้ถึงของเหลวเปียกๆ ไหลไปตามต้นขาด้านในของผมเป็นทาง รู้สึกหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ ใจมันสั่นเหมือนจะเป็นลมซะให้ได้ ผมตายแน่!

     “ไม่ต้องกลัวนะต้น แม็กซ์จะทำเบาๆ”

     แม็กซ์ปลอบผมแล้วเขาก็หันไปวุ่นกับการฉีกซองถุงยาง ผมรู้เพราะได้ยินเสียงบ่นอู้อี้ของเขา

     พอผมหันไปมองแม็กซ์ ภาพที่ผมเห็นตอนนั้นก็คือ แม็กซ์คุกเข่าอยู่ข้างตัวผม เขาคาบซองถุงยางไว้ในปาก มือนึงกำลังฉีกซองถุงยาง แล้วอีกมือก็กำลังถกผ้าเช็ดตัวที่พันอยู่รอบเอวของตัวเองออก แล้วผมก็ได้เห็นไอ้นั่นของแม็กซ์ มันมีน้ำไหลเยิ้มออกมาจากหัวบานๆ โคตรน่ากลัว! จากนั้นแม็กซ์ก็ใช้มือนึงประคอง ส่วนอีกมือค่อยๆ สวมถุงยางใส่ครอบลงไปตั้งแต่หัวจรดโคนที่ขนาดมันทั้งยาวทั้งใหญ่กว่าของผมแน่ๆ แล้วผมก็หน้ามืด!

     ผมทำได้แค่ก้มหน้าซุกลงกับหมอน ในหัวสมองของผมเหมือนกับคนเสียสติ ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองกำลังจะถูกผู้ชายด้วยกันรุกล้ำในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ แรงแค้นที่ผมมีต่อผู้ชายคนนั้นมันกำลังหัวเราะอย่างสะใจ แต่ในขณะเดียวกันผมก็กำลังหวั่นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำแบบนี้จะดีแล้วเหรอ? ผมจะไม่เสียใจเพราะเรื่องนี้จริงๆ นะ? ผมกำลังจะมอบความบริสุทธิ์ของตัวเองให้กับแม็กซ์จริงๆ ใช่มั้ย? และคำถามสุดท้าย เป็นแม็กซ์น่ะ ดีแล้วเหรอ?

     แว๊บหนึ่งผมเห็นภาพของคนๆ นึงโผล่ขึ้นมาในหัว แต่ช่างเขาเถอะครับ เขาแทบไม่รู้จักผมด้วยซ้ำ มีแต่ผมที่เฝ้ามองเขาอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด ผมไม่เคยมีตัวตนในสายตาพี่เขา!

     แล้วแม็กซ์ก็เอาเจ้าสิ่งนั้นมาจ่อตรงปากทางเข้าของผม ผมคิดว่าเรื่องที่แม็กซ์เก่งเรื่องบนเตียงจนหญิงติดนั้นคงจะไม่ได้พูดเกินจริง เพราะแม็กซ์พรมจูบแทบจะทุกตารางนิ้วบนแผ่นหลังผมแล้ว แต่... เส้นขนที่ลุกชันอยู่บนตัวผมนี่มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความสยิวที่แม็กซ์มอบให้ มันเกิดขึ้นจากความกลัวในจิตใจผมล้วนๆ ผมไม่พร้อม ไม่ไหวหรอก ผมทำไม่ได้แน่ๆ!

     ผมไม่สามารถผ่อนคลายได้ แม้แม็กซ์จะเก่งเรื่องผู้หญิงแต่ผมเป็นผู้ชาย ถึงแม็กซ์จะพยายามกระตุ้นผม แต่... ผู้ชายในสภาวะตื่นกลัวถูกกระตุ้นด้วยวิธีการเดียวกับผู้หญิงบางทีมันก็ไม่เวิร์ค และอีกอย่าง... แม็กซ์ใจร้อนเสมอ รวมทั้ง... แม็กซ์อาจจะตอบสนองได้ดีกับพวกผู้หญิงแรดๆ ประเภทพร้อมตั้งแต่ผ้ายังไม่หลุดตามที่ผมได้ยินมา แต่คงไม่ชินที่จะปลอบประโลมคนอ่อนต่อโลก(ทางเพศ)เหมือนถ่านชื้นติดไฟยากแบบผม!

     “อย่าเกร็งนะต้น”

     แล้วโลกของผมก็มีแต่สีแดง!

     การโดนสอดใส่ครั้งแรกในชีวิตของผมเจ็บปวดราวกับร่างกายฉีกขาดออกจากกัน ผมกรีดร้องทันที ไม่องไม่อายอะไรอีกแล้ว เจ็บครับ! ใครจะเรียกผมว่าตุ๊ดจะด่าผมสาวแตกผมก็ยอม ขอให้แม็กซ์เอามันออกไปจากตัวผมซะที! ผมกลัวมากๆ แล้วก็กำลังสติแตกแล้วด้วย!

     “โอ๊ย! แม็กซ์ หยุดก่อน เอาออกก่อน เจ็บ!”

     ผมร้องขอให้แม็กซ์หยุด แต่แม็กซ์ไม่หยุด แม็กซ์กำลังติดลม เขาพยายามดันเข้ามาอีก แต่ผมเกร็งจนเขาดันไม่เข้า

     “แม็กซ์! เอาออก เราเจ็บ!”

     ผมขยับตัวจะหนีแต่แม็กซ์จับสะโพกของผมไว้แน่น

     “อย่าดิ้นสิต้น ตั้งสติแล้วหายใจลึกๆ”

     แม็กซ์ไม่ใช่ผมก็พูดได้สิครับ! ผมได้แต่แหกปากร้องด้วยความเจ็บปนความกลัว น้ำตาที่ตอนแรกไหลออกมาปริ่มๆ ที่หางตาก็กลายเป็นไหลทะลักสะอื้อฮักร้องขอให้แม็กซ์หยุดแบบไม่มีมาดอะไรอีกแล้ว ผมอยากรอด!

     “แม็กซ์เราขอร้อง ฮึก หยุดก่อน ...เรา ฮึก เจ็บ”

     ผมขอร้องแม็กซ์แต่เขากลับดันไอ้นั่นเข้ามาลึกขึ้น ความรู้สึกตอนที่มันค่อยๆ มุดเข้ามาในตัวนี่โคตรแสบเลย ผมรู้เลยว่ามันกำลังแทรกเข้ามาในร่างผมแน่ๆ เพราะตรงปากทางผมเจ็บทุกครั้งที่แม็กซ์ขยับ แต่พอแม็กซ์หยุดแล้วความแสบมันไม่หายไปไหน มันระดมความเจ็บปวดไปแสบอยู่ตรงที่แม็กซ์คาของเขาไว้ตรงนั้นแหละ

     “เอาออก ฮึก เจ็บ ฮือๆ หยุด!”

     แหกแน่ๆ ครับ ผมคิดว่าตรงนั้นของผมต้องฉีกแน่ๆ มันแสบไปหมด ผมต้องแย่แน่ๆ

     “ได้โปรด ฮือๆ เราขอร้อง ฮึก เจ็บ”

     แม็กซ์แช่ของเขาค้างไว้ ไม่พยายามดันเข้ามาอีก แต่ลำพังที่แช่คาไว้ก็ทำผมเจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว! เขาพยายามปลอบผม แต่ผมตอนนี้ไม่รู้เรื่องอะไรอีกแล้วนอกจากนอนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ไม่เอาแล้วครับ!

     “เอาออกก่อนนะแม็กซ์ เราขอร้อง ฮือๆ

     สุดท้ายคงเพราะเห็นผมทนไม่ไหว แม็กซ์เลยตัดสินใจถอนต้นเหตุแห่งความเจ็บปวดออกไปจากตัวผม แม็กซ์ประคองผมให้นอนราบลงกับเตียง ถอดถุงยางของตัวเองทิ้ง หันไปหยิบทิชชู่มาให้ผมที่ยังนอนร้องไห้อยู่ เราไม่ได้พูดอะไรกัน แต่พอแม็กซ์ขยับมานั่งใกล้ๆ แล้วจับขาของผมอ้าออกเท่านั้นแหละ ผมหลุดเสียงเกือบจะกรี๊ดขึ้นมาทันที ก็ผมกลัวนี่!

     จนแม็กซ์ต้องมองตาผม สีหน้าของแม็กซ์แปลกไปกว่าทุกครั้งที่ผมเคยเห็นมา เขาดูนิ่งจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นคนเดียวกันกับแม็กซ์แบดบอยที่ผมเจออยู่ทุกวันๆ ที่โรงเรียน

     “เลือดออกน่ะต้น แม็กซ์แค่จะเช็ดให้เฉยๆ”

     แม็กซ์พูดเรียบๆ พร้อมกับบรรจงเช็ดเลือดตรงแผลให้ผม

     อะไรนะ! ผมเลือดออกด้วยเหรอ? ผมไม่ใช่ผู้หญิงซักหน่อยแต่ทำไมถึงมีเลือดออก หรือมันจะฉีกอย่างที่ผมสงสัยจริงๆ ไม่ไหวหรอก ผู้ชายกับผู้ชาย เป็นไปไม่ได้แน่ๆ

     ผมรู้สึกแสบจากการฉีดขาดจนเผลอส่งเสียงครวญคราง มืออีกข้างของแม็กซ์ที่ตอนแรกจับขาข้างนึงไว้กันผมดิ้นก็ปล่อยให้ขาผมเป็นอิสระ แล้วเอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้ผมเบาๆ เขาบ่นพึมพัมกับตัวเองพอให้ผมได้ยิน

     “แม็กซ์ยังใส่เข้าไปไม่ถึงครึ่งเลยนะต้น ทนไม่ได้แบบนี้แม็กซ์ว่าคงไม่ไหวแล้วแหละ วันนี้นอนก่อนเถอะ”

     นั่นแค่ครึ่งเดียวเองเหรอครับ? ถ้าเป็นทั้งหมดผมต้องตายแน่ๆ ดีจังที่แม็กซ์ยอมหยุดให้ผม

     ว่าแล้วแม็กซ์ก็โยนทิชชู่เปื้อนเลือดนั่นทิ้งไป เขาเอนตัวลงมานอนตะแคงหันหน้ามาทางผมแทน แม็กซ์ให้ผมหนุนแขนเขา แม็กซ์มองตาผม ดวงตาของแม็กซ์เป็นประกาย สายตาก็ดูแน่วแน่มั่นคง ผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างจากแววตาของเขา แล้วแม็กซ์ก็สวมกอดผม ตัวของแม็กซ์ที่ควรจะเย็นจากการอาบน้ำเสร็จแล้วเปลือยเปล่าตากแอร์กลับร้อนระอุจนผมรู้สึกถึงอุณหภูมิอุ่นๆ ตอนที่แม็กซ์กอด

     เรานอนกอดกันอยู่แบบนั้นครู่ใหญ่ จนกระทั่งผมเริ่มรู้สึกดีขึ้น ไม่เจ็บมากเหมือนโดนฉีกทึ้งร่างกายทั้งเป็นอีก แม็กซ์ใช้สองแขนของตัวเองมอบความอบอุ่นให้ผมตลอดเวลา เขากอดผม แต่ผมกลับไม่รู้สึกถึงมันเลยแม้แต่น้อย แม้ผิวกายเปลือยเปล่าของเราจะสัมผัสกันอย่างแนบชิดแต่ตัวของผมกลับเย็นเฉียบ

     “ต้นไหวรึเปล่า โอเคมั้ย?”

     แม็กซ์พูดพร้อมกับมองหน้าผมอย่างเป็นห่วง

     “ต้นไม่ได้เกลียดแม็กซ์ใช่มั้ย?”

     ต้องตั้งสติอยู่ซักพักผมถึงจะเข้าใจว่าแม็กซ์หมายถึงอะไร

     “เราไม่ได้รังเกียจสัมผัสจากผู้ชาย แม็กซ์... แต่เราคิดว่าเราคงไม่พร้อม”

     “แค่ต้นไม่ได้รังเกียจแม็กซ์ๆ ก็ดีใจแล้วล่ะ”

     น้ำเสียงผ่อนคลายที่แม็กซ์พูดออกมามันเสียดแทงเข้าไปตรงกลางใจของผม คนที่สมควรถูกรังเกียจน่าจะเป็นผม! ผมหลอกใช้แม็กซ์ ผมทำให้ผู้ชายคนนึงต้องมาพัวพันกับคนแบบผม ผมไม่ควรมาอยู่ที่นี่เลย ผมไม่ควรทำแบบนี้!

     “เราอยากกลับแล้ว!”

     ผมว่าพลางตัดสินใจลุกขึ้น พยายามคว้าเสื้อผ้าที่ถูกแม็กซ์ถอดเหวี่ยงไปไหนแล้วก็ไม่รู้ขึ้นมาใส่อย่างยากลำบาก

     “ค้างที่นี่ก็ได้ สภาพแบบนี้จะกลับบ้านไหวเหรอ”

     “เราขอร้องล่ะแม็กซ์ เราอยากกลับบ้าน เราอยากอยู่คนเดียวซักพัก”

     ผมไม่อยากรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ ผมไม่ควรดึงแม็กซ์มาเล่นเกมนี้เลย ถ้าเขาใจร้ายกับผมเหมือนเคยผมคงไม่ต้องสับสนแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่นะที่เขาใจดีกับผมแบบนี้ นี่มันมากเกินไป ผมก็เป็นแค่ของแปลกที่เขาอยากลองไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาไม่ทำให้มันจบๆ ไปล่ะ? แล้วยิ่งสายตานั่น... ผมเริ่มกลัวแม็กซ์ขึ้นมาจริงๆ

     แม็กซ์ไม่ว่าอะไรนอกจากช่วยผมใส่เสื้อผ้า ผมเก็บข้าวของลงกระเป๋า แม็กซ์โทรเรียกแท็กซี่ให้ผม เดินลงมาส่งผมที่หน้าอพาร์ทเม้นท์ มองตามส่งผมขึ้นรถจนลับหายไป แล้วผมก็ได้อยู่คนเดียว

     นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่กันแน่? ผมได้แต่ถามตัวเองเป็นครั้งที่ร้อย จนกระทั่งรถแท็กซี่มาจอดที่หน้าคอนโด ผมเดินสะโหลสะเหลลงจากรถเดินเข้าคอนโด แต่ในขณะที่ผมกำลังเดินเข้าลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังชั้นที่ผมอาศัยอยู่ แขกที่ตามเข้าลิฟท์ตัวเดียวกันกับผมก็ทำให้ผมต้องตกใจจนลืมเรื่องที่คิดในสมองทั้งหมด ผมอยู่ในลิฟท์สองต่อสองกับพี่ชัช!

============================================


การเอาแปรงสีฟันเข้าไปในปากเฉยๆ ไม่เรียกว่าแปรงฟันฉันใดน้องต้นก็คิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ฉันนั้น

เป็นตอนพิเศษที่ตั้งใจเขียนมากๆ หวังว่าคงถูกใจคนอ่านไม่มากก็น้อย แม็กซ์มีพัฒนาการทางความรู้สึกจนจะเลยไปเพชรบุรีอยู่ละ น้องต้นก็ไม่เคยรู้ตัวเล้ย... จดจ่อกับสิ่งที่ตัวเองคิดมากไป(หรืออีกนัยเรียกว่าเห็นแก่ตัวจนไม่ใส่ใจคนรอบข้าง) แต่ก็แอบมุ้งมิ้งเล็กน้อยนะ ฮ่าๆ
แล้วก็เป็นการเฉลยไปกลายๆ ว่าทำไมแม็กซ์จีบต้นไม่ติด ทำไมต้นโคตรหลงพี่ชัช คารมล้วนๆ น้องต้นเกลียดเกรียน ฮ่าๆ ก็แหม ต้นน้ำเขาชอบผู้ชายอบอุ่นนิ เขาไม่ได้ชอบแนวหนุ่มแบดเลือดเย็นร้อนระอุเพื่อเธอ ฮ่าๆ

ตอนพิเศษหน้าเป็นของพี่ชัชแล้ว ละเจอกันน้า

 :L2:
หัวข้อ: Re: [จบภาค1#5/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ตอนพิเศษ: หมาป่าVSเด็กเลี้ยงแกะ
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-10-2014 22:28:10
- ตอนพิเศษ 2 -
##### ราชาหมาป่างี่เง่า VS เด็กเลี้ยงแกะจอมดราม่า #####

     ต้นน้ำออกจากโรงพยาบาลเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว บาดแผลบนศีรษะของต้นน้ำก็ตัดไหมออกแล้ว อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่มีผลกระทบอะไรต่อระบบสมองและอาการกระดูกซี่โครงหักของต้นน้ำก็ฟื้นตัวได้ดี จึงเหลือแต่รอให้กระดูกแขนซ้ายของเด็กหนุ่มเชื่อมติดกันภายในเฝือกที่ใส่ไว้ทำให้ต้นน้ำลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันพอสมควร นอกนั้นถือได้ว่าเขาไม่มีอาการบาดเจ็บอะไรที่น่าเป็นห่วงอีก ต้นน้ำรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานเป็นเดือนเพราะสายธารจำเป็นต้องกลับไปทำงาน เขาจึงต้องใช้ชีวิตในโรงพยาบาลในระหว่างที่ยังช่วยตัวเองไม่ไหว เพราะแม้แต่ชัยชัชเอง เขาก็ต้องทำงานเกือบทุกวันไม่สามารถมาดูแลต้นน้ำได้ตลอดเวลา

     แม้ต้นน้ำจะออกจากโรงพยาบาลแล้วแต่เขาก็ยังไม่ได้ไปโรงเรียนตามปกติ ต้นน้ำยังไม่สามารถไปไหนมาไหนไกลๆ ได้เอง แม้สภาพร่างกายจะดีขึ้นมากกว่าเดิม ไม่มีอาการเจ็บปวดตอนเคลื่อนไหวร่างกาย แต่แขนข้างซ้ายที่ยังใช้การได้ไม่เต็มที่นั้นก็เป็นอุปสรรคมากพอสมควร ชัยชัชจึงตั้งใจให้ต้นน้ำพักรักษาตัวอยู่ที่คอนโดอีกสักระยะ

     แต่ตอนนี้ต้นน้ำกำลังนั่งอยู่ในรถคันใหม่เอี่ยมของชัยชัชไปยังสนามสอบทั้งๆ ที่แขนข้างซ้ายของเขายังอยู่ในเฝือกและขยับแทบไม่ได้!

     รถป้ายแดงคันนี้ชัยชัชพึ่งถอยมาใหม่ได้ไม่ถึงสัปดาห์ เขาพาต้นน้ำไปที่โชว์รูมด้วยกันในวันออกรถนัยว่าอยากให้เป็นของขวัญเซอร์ไพรส์ที่ต้นน้ำออกจากโรงพยาบาล โดยชัยชัชทำเนียนเป็นพาขึ้นแท็กซี่กลับตอนออกจากโรงพยาบาลแล้วก็สั่งให้พาไปโชว์รูมรถเสียอย่างนั้น หลังจากนั้นก็อ้อนว่าอยากให้ต้นน้ำเลือกสีรถให้เพื่อที่เวลาขับรถจะได้นึกถึงเขาและเพื่อความเป็นศิริมงคลของชีวิตหากเชื่อคำพูดของเมีย! เล่นเอาต้นน้ำเขินหน้าแดงเพราะชัยชัชเล่นแซวกันต่อหน้าเซลล์ขายรถ

     แต่ถึงจะอายมากแค่ไหนสมองส่วนงกของเขาก็ยังทำงานอย่างเต็มที่ ต้นน้ำตกใจเป็นอย่างมากที่เห็นชัยชัชตัดสินใจซื้อรถใหม่ง่ายๆ แบบนั้น ยิ่งตอนที่เห็นชัยชัชวางเงินดาวน์หลายแสนก็ยิ่งรู้สึกหน้ามืด! เขาเป็นห่วงสภาพคล่องกระเป๋าเงินของคนรักขึ้นมาทันใด ต้นน้ำจึงนั่งนิ่วหน้าเป็นตุ๊กตาหน้างอให้แฟนหนุ่มมาตลอดทางกับการตัดสินใจแบบใจร้อนไม่คิดหน้าคิดหลังทำอะไรไม่ปรึกษากันแบบเดิมๆ จนมารู้ทีหลังว่าชัยชัชได้เทิร์นรถคันเก่าไปเรียบร้อยแล้วเลยได้เงินมาหมุน  และด้วยคำขอโทษกับคำอธิบายเรื่องการใช้ชีวิตในรถบนท้องถนนของอาชีพเซลล์ที่จำเป็นต้องมีรถยนต์เป็นปัจจัยที่ห้าของชีวิตแล้ว ต้นน้ำจึงคลายความฉุนเฉียวลงบ้าง

     “ต้น เป็นอะไรรึเปล่าครับ? นั่งหน้าเครียดเลย?”

     เสียงของชัยชัชดังขึ้นแทรกความคิดของต้นน้ำ สีหน้าของชัยชัชดูกังวลสื่อถึงความห่วงใยที่มีให้ต้นน้ำเป็นอย่างมาก ต้นน้ำกำลังเครียดเรื่องการสอบแอดมิชชั่น เพราะเขาประสบอุบัติเหตุจึงต้องหยุดเรียนไปช่วงเวลาหนึ่ง เขากังวลว่าตนจะตามคนอื่นไม่ทันและคิดมากเรื่องสอบ เขากลัวตัวเองจะพลาดจนต้องรอโอกาสใหม่ในปีถัดไป แม้คุณปู่ของเขาจะปลอบใจว่าหากสอบไม่ติดก็จะช่วยสนับสนุนทุนให้เรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำ หรือถ้าหากว่าเขาต้องการไปศึกษาต่อยังต่างประเทศท่านก็ยินดีช่วยเต็มที่ แต่ด้วยศักดิ์ศรีของเขา คนอย่างต้นน้ำไม่มีวันยอมแน่ๆ!

     แม้การที่ต้องหยุดเรียนไปช่วงหนึ่งจะทำให้เขาต้องพยายามขวนขวายเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า แต่เขาก็ตั้งความหวังกับผลการเรียนและการสอบแอดมิชชั่นมากๆ เพราะมั่นใจว่าเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดด้วยการพยายามของตัวเอง ต้นน้ำต้องการสอบติดคณะที่ตนต้องการให้ได้ภายในปีนี้เพื่อพิสูจน์ความสามารถของเขาให้ทุกคนได้รับรู้ เขาอยากชนะเกมกระดานนี้ด้วยฝีมือของตัวเอง

     “เจ็บแผลเหรอต้น หน้าบึ้งเชียว?”

     ชัยชัชยอมโดดงานขับรถพาต้นน้ำไปส่งยังศูนย์สอบ ช่วงที่ผ่านมาเรียกได้ว่าชัยชัชดูแลต้นน้ำแบบเช้าถึงเย็นถึง ส่งข้าวส่งน้ำคอยช่วยดูแลเขาทุกวัน ช่วยเขาจัดการธุระส่วนตัวที่ทำเองไม่สะดวกอย่างสุภาพ แถมยังช่วยทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ให้แบบที่ต้นน้ำเองยังต้องเผลอตบแก้มตัวเองเบาๆ ด้วยนึกว่าตนกำลังฝันไป เล่นเอาต้นน้ำรู้สึกได้กำไรกับการบาดเจ็บหนนี้พอสมควร

     ‘นี่ละมั้งที่เขาเรียกว่าฟ้าหลังฝน พอเมฆหมอกมันหายไปแล้วก็มีแต่ความสดใสของพระอาทิตย์ มีความสุขชะมัด’

     “ปวดแขนเหรอครับ?”

     “ขับรถไปดีๆ เลยครับ ไม่ต้องหันมามองหน้าผม”

     “โธ่ต้นอ่ะ ก็พี่เป็นห่วงนี่ครับ”

     “เดี๋ยวก็เกิดเรื่องอีกหรอกครับ”

     ใช่ว่าต้นน้ำไม่ดีใจที่แฟนหนุ่มเป็นห่วง เขาไม่ได้เจ้าคิดเจ้าแค้นเรื่องที่ชัยชัชทำให้เขาเจออุบัติเหตุ เพียงแต่... อย่างไรเสียต้นน้ำก็ยังกลัว เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องซ้ำสองขึ้นอีก และความกังวลเรื่องการสอบนี้เขาก็ไม่อยากบอกให้ชัยชัชฟังด้วย ต้นน้ำรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นตามธรรมชาติสำหรับเด็ก ม.6 ทุกคน และถึงบอกไปชัยชัชก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี

     ‘ถ้าเรากำลังขับรถสิ่งที่เราควรจะมองก็คือถนนไม่ใช่เหรอครับพี่ชัช ไม่ใช่หน้าแฟน!’

     “คร้าบๆ วันนี้เมียพี่ดุจัง สงสัยใกล้วันนั้นของเดือนแหง๋ๆ”

     “พี่ชัช! ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะครับจะได้มีแบบนั้นได้อ่ะ”

     ต้นน้ำขึ้นเสียงสูงใส่ชัยชัชทันที พักหลังนี้ต้นน้ำเผลอขึ้นเสียงและชักสีหน้าใส่ชัยชัชบ่อยขึ้น ต้นน้ำไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นและชัยชัชก็สังเกตเห็น แต่ชัยชัชไม่ว่าอะไรเพราะอยากให้ต้นน้ำเป็นธรรมชาติเวลาอยู่กับเขา ดังนั้นชัยชัชจึงแอบยิ้มและปล่อยให้ต้นน้ำทำหน้างอต่อไป

     ต้นน้ำไม่ชอบและไม่ขำกับมุขเปรียบเทียบเขาเป็นผู้หญิงแบบนี้ เพราะถึงเขาจะยอมเป็น"เมีย"ของชัยชัชแต่อย่างไรเสียเขาก็ยังคงเป็น"ผู้ชาย" และไม่สามารถกลายเป็นผู้หญิงจริงๆ ได้

     “คร้าบ ไม่แซวแล้วก็ได้ อย่าโกรธพี่น้า พี่ก็แค่อยากให้ต้นผ่อนคลายบ้าง”

     ชัยชัชขับรถไปพูดไปโดยไม่ได้ละสายตาจากท้องถนนตรงหน้า เขาเริ่มใช้ทักษะด้านคารมของตนหว่านล้อมต้นน้ำให้เลิกคิดมาก มีหรือที่คนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างเขาจะไม่รู้ว่าต้นน้ำกำลังคิดอะไรอยู่ อย่างน้อยเขาก็เป็นเด็กเอ็นท์มาตั้งสองครั้งเชียวนะ!

     “พี่รู้น้าว่าเราเครียดเรื่องสอบ แต่ว่าเราเตรียมตัวมาตลอดไม่ใช่เหรอต้น เราพลาดไปไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ แล้วในสิบเปอเซ็นต์ที่พลาดพี่ก็เห็นต้นทั้งลองทำแบบฝึกหัดล่วงหน้าอ่านหนังสือไปติวเตรียมตัวมาตลอด ถ้าต้นไม่พลาดในอีกเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือ พี่ว่าไงต้นก็ฉลุยน่า แฟนพี่เป็นถึงระดับท็อปของโรงเรียน ถึงจะคะแนนตกๆ ลงมาหน่อย แต่ยังไงก็อยู่ลำดับบนๆ แหละน่า ที่เราเตรียมตัวมาตลอดนั่นเผลอๆ ทำได้ดีกว่าคนที่พึ่งมาขยันเอาตอน ม.6 ซะอีก แล้วอีกอย่างถ้าต้นมัวแต่เครียดแบบนี้จะยิ่งหมดกำลังใจนะ เดี๋ยวไปเจอข้อสอบก็ตื่นเต้นจนลืมที่อ่านไปหมดหรอก ผ่อนคลายหน่อยเถอะครับคนดีของพี่ ต้นเก่งอยู่แล้วไงก็ไม่พลาดหรอก”

     ตรรกะเพี้ยนๆ ของชัยชัชทำให้ต้นน้ำสบายใจบอกไม่ถูก เขาปลื้มที่ชัยชัชมีวิธีให้กำลังใจแปลกๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหนไม่ว่าเขาจะกลุ้มใจเรื่องอะไรอารมณ์ขันและกำลังใจจากชัยชัชก็สามารถคลี่คลายปัญหาได้ทั้งหมด

     ‘ผมรักพี่ชัชชะมัด’

============================================

     เทศกาลแห่งการสอบของต้นน้ำผ่านพ้นไปแล้ว เฝือกที่แขนของเขาก็เอาออกแล้ว กระดูกที่หักก็ติดกันดีมากแต่หมอยังห้ามออกแรงมากหรือทำกิจกรรมหนักๆ แต่โรงเรียนปิดเทอมแล้วเขาจึงไม่มีปัญหาอะไรเพราะไม่ต้องโหนรถเมล์ไปไหนอีก ตอนนี้ต้นน้ำสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายแล้ว เขาได้แต่อยู่ในห้องไปวันๆ คอยเก็บกวาดคอนโดทำงานบ้านนิดๆ หน่อยๆ รอลุ้นผลสอบต่างๆ พลางศึกษาสูตรอาหารใหม่ๆ จากอินเตอร์เน็ทไว้ทดลองทำให้ชัยชัชทาน มีแอบแวะไปเที่ยวที่บ้านเมษบ้างเป็นครั้งคราว ทั้งสองคนสนิทกันมากเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนซี้ย่ำปึ๊ก จนกระทั่งล่วงเข้าเดือนเมษายน เดือนแห่งเทศกาลหยุดยาวประจำเมืองไทย

     “ต้น สงกรานต์นี้เรามีแผนจะไปไหนกับพี่น้ำป่าว?”

     “หืม? ไม่นี่ครับ แม่ผมไม่ได้หยุดหรอกครับ ตอนนั้นที่ผมอยู่โรงพยาบาลแม่ก็ลามาเฝ้าผมเกือบเดือน”

     “อ้าว เสียดายจัง งี้พี่น้ำก็ต้องทำงานเหนื่อยแย่ดิวะ สงกรานต์แท้ๆ”

     “ก็คงแบบนั้นแหละครับ แม่หวังกับโบนัสก้อนสุดท้ายนี้มาก ถ้าเรื่องมหาวิทยาลัยผมเข้าที่เข้าทาง แม่ก็คงจะลาออกปีนี้แหละครับ แล้วก็คงจะแต่งงานไปอยู่กับเดนส์ตอนปลายปี”

     “โหเร็วจัง! งี้แล้วต้นจะทำยังไงอ่ะ?”

     “ผมก็เรียนต่อที่นี่ตามแผนที่วางไว้น่ะสิครับ ยังไงก็อยู่ตัวคนเดียวมาจนชินแล้วคงไม่ลำบากอะไร แถมถ้าเหงาก็บินไปหาแม่ที่โน่นได้ ใช่ว่าจะจากกันตลอดไป”

     “พูดเหมือนทำใจได้เลยนะนั่น”

     “ก็... พอรู้เลาๆ มาซักพักแล้วครับ”

     ต้นน้ำหันมายิ้มเศร้าๆ ให้กับชัยชัชเช่นเคย เขาเอนหัวพิงเข้าที่ไหล่อันอบอุ่นของแฟนหนุ่มก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับเป็นร่าเริงว่า

     “แต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับ ผมไม่ได้อยู่คนเดียวซักหน่อย ยังมีพี่ชัชอยู่ทั้งคนอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง”

     คำพูดออดอ้อนนั้นทำให้ชัยชัชอารมณ์ดี เขาลูบศีรษะต้นน้ำเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปสูดกลิ่นหอมจางๆ

     “งั้นไปเที่ยวสงกรานต์ที่บ้านพี่ป่าว?”

     “.....”

     ‘บ้านของพี่ชัช? หมายถึงบ้านที่กำลังสร้างหรือไง?’

     “หมายถึงอะไรเหรอครับ?”

     “เอ้าๆ งง... งง ทำหน้างงอยู่นั่นแหละ พี่หมายถึงบ้านเกิดพี่ ที่พี่เคยบอกว่าเป็นคนต่างจังหวัดไง”

     ‘นั่นไม่ได้แปลว่าบ้านพ่อแม่พี่ชัชหรอกเหรอไง พี่ชัชชวนเราไปบ้านเนี่ยนะ!’

     “เอ่อ... พี่ชัชจะกลับไปเยี่ยมบ้านตอนช่วงสงกรานต์เหรอครับ?”

     “อืม ไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว ละพี่ก็คิดว่ารอบนี้พี่อยากพาเราไปด้วย”

     “ไม่ต้องก็ได้มั้งครับผมอยู่คนเดียวได้ ผมใกล้หายแล้ว”

     ต้นน้ำเริ่มปฏิบัติการเฉไฉตามสไตล์เด็กเลี้ยงแกะอีกแล้ว ชัยชัชจึงรีบขัดขึ้นพลางดึงกลับเข้าประเด็น

     “อย่าปฏิเสธนะต้น ต้นก็รู้ว่าพี่ชวนเราไปเพราะอะไร”

     น้ำเสียงจริงจังกับแขนหนักๆ ที่ย้ำน้ำหนักลงมาทำให้ต้นน้ำรู้สึกกระวนกระวาย เขายังไม่ได้เตรียมใจเลยนะ!

     “แต่ว่าถ้าเกิดที่บ้านของพี่...”

     “แล้วต้นจะอยู่แบบนี้ไปตลอดเหรอ ไหนตอนนั้นบอกว่าอยากให้พี่พาไปเปิดตัวไง”

     “นั่นผมก็แค่พูดเล่น! ผม... ถ้าที่บ้านพี่ชัชไม่ยอมรับผมละครับ แล้วถ้าที่บ้านพี่ชัชโกรธพี่ชัชมากๆ ละครับ แล้วถ้า...”

     คงเพราะดราม่าควีนเริ่มสติแตกจนตีตนไปก่อนไข้อีกแล้ว หมาป่าเจ้าอารมณ์ก็เลยใช้วิธีสงบสติอารมณ์เด็กเลี้ยงแกะด้วยการ"งับปาก"

     เพียงแต่... พักหลังนี้สัมผัสของชัยชัชดูดดื่มลึกซึ้งมากกว่าเดิมหลายเท่า ริมฝีปากที่บรรจงประทับรอยจูบอย่างละเมียดละไมชวนให้เคลิบเคลิ้มเสียจนต้นน้ำรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ปะทุอยู่ตรงแกนกลางของอารมณ์ เล่นเอาเขาแทบตั้งสติไม่อยู่!

     ลิ้นของชัยชัชสอดประสานเข้ามาด้วยจังหวะหวานซึ้ง ต้นน้ำได้กลิ่นอาฟเตอร์เชฟจางๆ ยามที่คางของทั้งสองแนบชิดกัน ชัยชัชกอดต้นน้ำเสียแน่นจนไม่เหลือช่องว่าง กลิ่นอายคุ้นเคยแผ่ออกมาจากร่างของชัยชัช กลิ่นเหงื่อที่บางวันก็ชวนให้หันหน้าหนีแต่ในยามนี้กลับปลุกเร้าให้ต้นน้ำรู้สึกถึงตัวตนของชายคนรักมากขึ้นไปอีกในยามชิดใกล้ ต้นน้ำแทบจะมอดไหม้หลอมละลายเพราะจูบนี้อยู่รอมร่อแล้ว! แต่อย่างไรก็ไม่ได้เด็ดขาด! ต้นน้ำรู้สึกถึงออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกายน้อยลงจึงผลักชัยชัชออกเบาๆ เพื่อให้สมองสั่งการไปยับยั้งหัวใจให้ระงับอารมณ์

     “พอ... พอเถอะครับพี่ชัช”

     ต้นน้ำหันใบหน้าที่แดงระเรื่อด้วยพิษจูบหนีชัยชัชอย่างเอียงอาย

     “หายนอยด์ยังครับที่รัก?”

     คิ้วของต้นน้ำขมวดขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ชอบวิธีแบบนี้เลยจริงๆ ถึงมันจะช่วยหยุดความคิดมากของเขาได้ก็เถอะ แต่มันทำให้เขาใจเต้นโครมครามไปหมด!

     “พี่ชัชก็ ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ”

     “ทำไมครับ ต้นเขิน? หึๆ เวลาเมียพี่หน้าแดงน่ารักที่สุดเลยครับ เห็นแล้วอยากแกล้งให้หน้าแดงแบบนี้ทั้งวันเลย”

     พอเจอมุขชวนคิดมากแบบนี้เข้าไป ต้นน้ำก็ใจสั่นยิ่งกว่าเดิม ถึงตลอดเวลาที่ผ่านมานับจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ชัยชัชจะไม่ได้แตะต้องเขาด้วยการบังคับฝืนใจอะไรอีก แต่เรื่องที่ชอบฉวยโอกาสจนเขาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวกลับเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม แถมยังลึกซึ้งมากขึ้นทุกครั้ง พัวพันนานขึ้นจนเขาแทบขาดใจ ความร้อนรุ่มที่ถูกปลุกเร้าก็ช่างแผดเผาเขาจนแทบครองสติไม่อยู่ แม้จะกลัวแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ และชัยชัชก็เลือกวิธีจู่โจมได้แสนสุภาพ รสสัมผัสอันอบอุ่นอ่อนหวานก็ช่างนุ่มนวลเสียเกินกว่าจะผลักไส ต้นน้ำตกเป็นเบี้ยล่างของชัยชัชในเกมนี้เห็นๆ

     “พอเลย ไหนบอกจะไม่ฝืนใจผมไงครับ”

     “ก็ไม่เห็นต้นห้ามไรนี่ พี่ก็เลย... หึๆ แต่ตอนต้นบอกให้พี่หยุดพี่ก็หยุดแล้วน้า กลัวแฟนขาดอากาศตาย ฮ่าๆ”

     ‘ก็ปากผมว่างร้องห้ามพี่ซะเมื่อไหร่ละครับ คนอะไรก็ไม่รู้จูบเก่งเป็นบ้า! ผมก็เคลิ้มเป็นนะ’

     ต้นน้ำก็ทำได้แค่คิดในใจ เขาไม่กล้าพูดออกไปเด็ดขาด ดังนั้นจึงได้แต่งอนทำหน้างอมองค้อนคนจูบเก่ง

     “หน่า... โอ๋ๆ อย่างอนพี่เลยนะครับ”

     ว่าแล้วชัยชัชก็สวมกอดต้นน้ำอย่างรักใคร่ เขาเกลี้ยกล่อมแฟนหนุ่มตัวน้อยอีกรอบ

     “นะไปกับพี่หน่อย พี่อยากพาต้นไปเที่ยวบ้านพี่จริงๆ แอ่วเมืองเหนือสนุกน้า ละรู้ป่าวที่ลำปางมีฟาร์มแกะเปิดใหม่ด้วย พี่ยังไม่เคยไปเลย”

     ชัยชัชเริ่มเล่นบทลูกหมาป่าตัวโตๆ อีกแล้ว น้ำเสียงขี้อ้อนของผู้ชายตัวโตที่กำลังไถคางหนวดหรอมแหรมไปมากับแก้มของเขาขณะโอบกอดกันอยู่นี้ทำให้ต้นน้ำหลุดหัวเราะออกมาได้ไม่ยาก

     “ชอบแกะจังนะครับ”

     “ครับ ก็บอกแล้วไงพี่ราศีเมษ แถมยังเผลอหลงรักเด็กเลี้ยงแกะด้วยเนี่ย”

     “พี่ชัชว่าผมนี่!”

     ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเป็นแฟนกันแล้วพักหลังชัยชัชชอบแซวเขาแรงขึ้น ถึงบางทีจะเป็นแค่การแซวกันขำๆ แต่ก็ทำเอาต้นน้ำจุกเหมือนกัน แต่ก็เอาเถอะเขาหลวมตัวไปถึงขนาดนี้แล้วนี่นา ก็พอรู้อยู่บ้างว่าแฟนของตนนั้นคารมไม่ธรรมดา เลยไม่ค่อยแปลกใจที่พบว่าเมื่อคบๆ กันไปแล้วชัยชัชปากเสียมากกว่าเดิมเยอะ โดยเฉพาะเวลาหยอกเขาที่ทั้งแรงและเรทมากขึ้นเรื่อยๆ

     “ทำอย่างกับตัวเองดีนักนี่ครับ เป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ชัดๆ แถมเวลาโมโหแล้วยังน่ากลัวเป็นบ้า!”

     แม้จะบ่นอุบเบาๆ แต่ต้นน้ำก็จงใจพูดในระดับเสียงที่ชัยชัชได้ยิน เขาจึงหัวเราะร่วนก่อนจะต่อปากต่อคำว่า

     “เอาน่าๆ คนเขาบอกว่าพวกราศีเมษอารมณ์ร้ายแต่รักใครรักจริงนะ แถมเป็นหมาป่าไม่ดีตรงไหน ได้จับเด็กเลี้ยงแกะกินด้วย”

     ว่าแล้วชัยชัชก็จับคางเชิ่ดๆ ของต้นน้ำหันมาสบตากัน สายตาพราวระยิบระยับแฝงไปด้วยแววเจ้าเล่ห์ชวนให้ต้นน้ำหายใจไม่ทั่วท้อง

     “อร่อย”

     ถ้อยคำสั้นๆ แต่แฝงไว้ด้วยความหมายมากมาย ต้นน้ำร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้า สีแดงจัดระบายไปจนถึงใบหูและลำคอ เขาอยากหลบสายตานี้ก็หลบไม่ได้ ผู้ชายคนนี้มีชั้นเชิงแพรวพราวมากเกินไป ต้นน้ำได้แต่ฝืนจ้องตอบ ยิ่งจ้องก็ยิ่งเขิน ยิ่งเขินก็ยิ่งหน้าแดง

     “กินอีกรอบได้ป่ะ?”

============================================
หัวข้อ: Re: [จบภาค1#5/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ตอนพิเศษ: หมาป่าVSเด็กเลี้ยงแกะ
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-10-2014 23:01:50

     ต้นน้ำมองดูกระเป๋าสัมภาระที่เตรียมไว้ ข้าวของส่วนตัวของเขาเตรียมไว้ครบแล้วสำหรับการไปต่างจังหวัดทริปนี้ แต่เขานึกเป็นห่วงคนที่ตอนนี้กำลังอาบน้ำแต่งตัวอยู่เพราะพึ่งตื่นจากการนอนกลางวัน วันนี้ชัยชัชทำงานเฉพาะช่วงเช้าและกลับมานอนตุนแรงตลอดช่วงบ่ายจนถึงเย็นเพื่อเตรียมขับรถทางไกลไปลำปางบ้านเกิดยามดึก ต้นน้ำมองนาฬิกาแล้วคิดว่ายังพอมีเวลาจึงตัดสินใจเดินเข้าครัวหาของว่างที่พอจะเตรียมไว้ให้แฟนหนุ่มรองท้องได้

     เขาไม่มั่นใจเลยจริงๆ เรื่องเดินทางไกลขับรถขึ้นเหนือตอนกลางคืนแบบนี้เขาไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่ดันมีประสบการณ์ประสบอุบัติเหตุจากการขับรถของแฟนหนุ่มแทน แถมเขายังกังวลเรื่องการไปพบครอบครัวของชัยชัชอีกด้วย เขาเครียดจัดจนเผลอเข้าครัวทำแซนวิสไว้ให้ชัยชัชเยอะเกินเหตุ จนกระทั่งคนในความคิดเดินสะพายกระเป๋าเป้เข้าห้องมานั่นแหละ ต้นน้ำถึงได้รู้สึกตัว

     “โห! ทำไรเยอะแยะเนี่ยต้น?”

     “เอ่อ... ผมกลัวพี่ชัชจะหิวนะครับ เลยกะว่าจะทำติดรถไปด้วย”

     “ไม่ต้องลำบากก็ได้ หาซื้อเอาระหว่างทางก็มี หรือถ้าต้นหิวพี่แวะพากินข้าวก่อนก็ได้”

     “จะดีเหรอครับก็พี่ชัชบอกว่าออกเร็วๆ จะได้ไม่เจอรถติด”

     “แหม พี่ไม่รีบขนาดนั้นหรอกครับ เรื่องอะไรจะทรมานให้แฟนพี่หิวท้องกิ่วล่ะ? ... ทำไมสีหน้าเราไม่ค่อยดีเลยต้น? ไม่สบายรึเปล่า?”

     “พี่ชัชแน่ใจเหรอครับ คือผมว่าขับรถไกลๆ นี่มัน...”

     “พี่ไหวครับ วางใจเถอะ ถ้าพี่ไม่ไหวเราหาโรงแรมพักระหว่างทางก็ยังได้ เชื่อใจพี่นะต้น ไม่น่ากลัวหรอก สบายๆ”

     “ครับ”

     ชัยชัชขับรถทำเวลาได้ดีเหลือเชื่อ เขาพาต้นน้ำแวะปั้มน้ำมันข้างทางทำธุระส่วนตัวพักร่างกายบ่อยครั้งในการเดินทางช่วงแรกๆ แต่หลังจากที่ต้นน้ำหลับ ชัยชัชก็สวมวิญญาณนักซิ่งเหยียบคันเร่งเครื่องยนต์ขนาดสองพันซีซีด้วยความเร็วสูงตามความเคยชินมุ่งหน้าสู่ลำปางทันที จนกระทั่งใกล้ถึงตัวเมืองเขาก็แวะปั้มน้ำมันอีกครั้งแล้วปลุกคนรักให้เตรียมตัว

     “ต้นครับ ตื่นๆ ลุกขึ้นมาได้แล้วครับ ใกล้ถึงแล้ว”

     “อืม...”

     ต้นน้ำลืมตาตื่นขึ้นมาทั้งที่ยังง่วงงุนอยู่นิดหน่อย แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังจะไปไหนเขาก็ตื่นเต็มที่ทันที

     “ถึงแล้วเหรอครับ?”

     “เปล่าครับ แต่ก็ใกล้แล้ว พี่อยากพาเราไปแวะกาดเช้าก่อน เลยแวะปั้มให้เผื่อเราอยากล้างหน้าแปรงฟัน”

     “กี่โมงแล้วครับ?”

     “ตีสี่ครึ่งแล้วครับ”

     ‘โห พี่ชัชขับรถเร็วจัง!’

     หลังจากแวะให้ต้นน้ำล้างหน้าแปรงฟันที่ปั้มน้ำมัน ชัยชัชก็พาต้นน้ำมาแวะเที่ยวกาดเช้า ชัยชัชเลือกซื้อผักบางอย่างและแกงบางชนิดที่ต้นน้ำไม่เคยเห็น ต้นน้ำจึงรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อได้ยินชัยชัชพูดด้วยสำเนียงถิ่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ต้นน้ำจึงเผลอมองตาค้างกับภาพชายหนุ่มยอดเซลล์แมนที่กำลังต่อราคาซื้อวัตถุดิบทำอาหารแปลกๆ บางอย่างกับแม่ค้าในตลาด

     “ยะหยังมันแปงแต้แปงว่าละคับ”

     “กะฤดูนี้มันหายากขะหนาดเลยหนา อย่าต่อป้าเลยเน้อ”

     “คับ งั้นบ่เป็นหยั่งคับ เอาสองขีดเน้อป้าเน้อ”

     และเมื่อเสร็จธุระแล้ว ชัยชัชก็ยังลากต้นน้ำไปยืนรอใส่บาตกับตุ๊เจ้ายามเช้าอีกด้วย และหลังใส่บาตรเสร็จเขาก็ได้เอ่ยถามต้นน้ำ

     “มองไรครับ เห็นทำหน้าแปลกๆ”

     ‘ใครจะกล้าบอกพี่ชัชว่าตกใจสำเนียงคำเมืองของพี่กันละครับ น่ารักชะมัดเลย’

     ต้นน้ำไม่กล้าพูดความจริงออกไปเลยได้แต่ยืนทำหน้านิ่งๆ ถามเฉไฉไปเรื่องอื่นทั้งๆ ที่บนใบหน้ายังมีหลักฐานเผลออมยิ้มน้อยๆ ด้วยความรักใคร่แฟนหนุ่มฉายชัดอยู่ ชัยชัชมีเรื่องทำให้เขาแปลกใจเสมอ ยามที่ต้นน้ำอยู่กับผู้ชายคนนี้แล้วเขาไม่มีเบื่อเลยแม้แต่น้อย ชีวิตราบเรียบของเขาถูกชัยชัชเติมสีสันลงไปจนเต็ม

     “เปล่าครับ ก็แค่แปลกใจ... ว่าแต่ทำไมจู่ๆ ถึงชวนผมใส่บาตรละครับ?”

     “พี่ไม่ค่อยมีโอกาสทําบุญตักบาตรน่ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ มีโอกาสทั้งทีเลยอยากใส่บาตรกับเมีย หึๆ”

     “พี่ชัชก็...”

     “แป ไปบ้านพี่ชายพี่กัน ป่านนี้พี่ชายคงตื่นแล้วล่ะ”

     “เอ๋?”

     ชัยชัชไม่ตอบอะไร เขาอมยิ้มพลางพาต้นน้ำไปยังจุดหมายปลายทาง ชัยชัชขับรถออกจากตลาดไปตามถนนในตัวเมืองอีกเล็กน้อยก่อนจะจอดลงหน้าตึกแถวสองคูหาแห่งหนึ่ง ป้ายหน้าร้านแสดงให้เห็นว่าเป็นอู่ซ่อมรถ ชัยชัชดับเครื่องยนต์ก่อนจะพาต้นน้ำลงไปกดกริ่งเรียกผู้ที่อยู่ในบ้าน คนที่มาเปิดประตูเป็นหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดี หล่อนยิ้มแย้มทันทีที่เห็นชัยชัช

     “สวัสดีคับปี้นา”

     “มาตางใดกะชัช? มาถึงเมินละก่อ?”

     “อ่อ ผมกะตึงลำปางต๋อนตี๋ห้านี่เองคับ เออปี้ดาคับ นี่ต้น ผมเอาน้องเขามาโตย”

     ว่าแล้วชัยชัชก็เรียกต้นน้ำให้เข้ามาสวัสดีหญิงวัยกลางคนแปลกหน้า

     “สวัสดีครับ”

     ต้นน้ำสวัสดีเธออย่างนอบน้อม เขาพยายามส่งยิ้มให้เธออย่างใสซื่อ ซึ่งเธอยกมือรับไหว้อย่างเป็นกันเอง รอยยิ้มอบอุ่นที่ฉายอยู่บนหน้านั้นช่วยให้ต้นน้ำใจชื้นขึ้นอีกเยอะ

     “ปี้ศักดิ์ตื่นยังคับ?”

     “อีกสักกำกะคงตื่นล่ะ เดียวปี้ไปฮ้องหื้อเน้อ”

     ว่าแล้วเธอก็เชื้อเชิญแขกทั้งสองให้นั่งรอที่โต๊ะรับแขกเล็กๆ หน้าทีวีก่อนจะหายตัวไปปลุกสามีที่บนชั้นสองของบ้าน ต้นน้ำที่เก็บความสงสัยไม่อยู่จึงได้โอกาสถามชัยชัช

     “พี่ชัชครับ คนเมื่อกี้...?”

     “อ๋อ พี่สะใภ้พี่เอง นี่บ้านพี่ชายพี่น่ะ แกเปิดอู่ซ่อมรถอยู่ในตัวเมือง บ้านแม่พี่ยังไปอีกอำเภอนึง พี่เห็นว่าไหนๆ เราก็ผ่านตัวเมืองเลยแวะมาหาแกก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวเกิดพี่ชายพี่รู้ทีหลังแล้วพี่จะโดนเตะ”

     คำตอบแบบทะเล้นๆ ของชัยชัชทำให้ต้นน้ำหลุดขำ จะมีใครกล้าเตะแฟนเขาด้วยหรือไง? ในเมื่อชัยชัชนั้นเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ไหล่บึกบึนขนาดนี้ แต่ผู้ชายที่เดินคาดผ้าขาวม้ามานั้นก็ทำให้ต้นน้ำชักจะเชื่อคำพูดของชัยชัช สายตาดุๆ ที่จ้องมาทำให้เขารู้สึกกลัว พี่ชายของชัยชัชมีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายกัน เพียงแต่มีดวงตาที่ดูดุดันและคางเหลี่ยมเป็นสันกว่า นอกจากนี้ชายวัยกลางคนผู้นี้ยังหาแววขี้เล่นแบบชัยชัชไม่เจอ แม้จะรูปร่างเตี้ยกว่าชัยชัชนิดหน่อยแต่กล้ามเนื้อลำสันบนไหล่หนาๆ นั้นก็ชวนให้ดูน่าเกรงขามไม่น้อย

     “อ่าวเห้ย! มาได้จะใดน่ะ”

     “กะปิ๊กบ้านสงกรานต์น่ะก่ะ”

     “หายหัวไปเมินแต้เมินว่าตึงสองปี่ นึกว่าต๋ายไปแล้วเลาะ”

     “โธ่ อีปี้ ก่ะงานเปิ้นยุ่งขะหนาด ถึงเปิ้นบ่ได้ปิ๊กบ้านเปิ้นกะตึงโทรหาอยู่ติ้กๆ หนา”

     ว่าแล้วชัยชัชก็ออดอ้อนขอโทษขอโพยพี่ชายตัวเองอีกหลายต่อหลายหน ก่อนจะแนะนำต้นน้ำ

     “ต้น นี่พี่ชายพี่เอง ไหว้แกซะ”

     เสร็จแล้วชัยชัชก็หันไปแยกเขี้ยวขู่ใส่พี่ชายตัวเอง แต่คำพูดคำจาที่ออกมานั้นเนื้อหาน่ากลัวกว่าคำขู่เป็นร้อยเท่า!

     “อีปี้ นี่เมียเปิ้น คนนี้เปิ้นฮักขะหนาด ห้ามแกล้งห้ามหยอกหนา”

     ต้นน้ำที่ฟังไม่ค่อยออกไม่แน่ใจนักว่าชัยชัชพูดว่าอะไร แต่ปฏิกิริยาที่สองผัวเมียหันควับมามองเขาด้วยสีหน้าตกอกตกใจดูแล้วไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ต้นน้ำจึงยกมือไหว้พี่ชายของแฟนหนุ่มอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวพลางก้มหน้าลงต่ำไม่กล้าสบตา มือของเขาบิดนิ้วเข้าหากันอย่างเป็นกังวลปล่อยให้คำสนทนาด้วยเสียงซาวด์แทร็คนั้นผ่านหูไป

     “อู้เล่นก๋า?”

     “อู้เล่นตี้ไหน อู้แต้ก่ะ”

     “แล้วไปยะจะใดมา”

     “กะเผลอยะไปแล้วเลาะ”

     “ละอีแม่ฮู้เรื่องละกะ?”

     “เออะ! ยังหนา เปิ้นยังบ่กล้าบอกเตื้อ ตี้ปามาโตยนี่ก็กะว่าจะปามาเปิดตั๋ว”

     “ละคนตี้แล้วเลาะ ไหนว่าจะแต่งงานกั๋น”

     “อ่อ ทิ้งเปิ้นไปตั้งแต่ปี๋ก่อนนู่นล่ะ บ่ดีอู้ตึงเปิ้นแหมเน้อ เจ๊บกะ”

     “หึ สมน้ำหน้าก่อ บ่าวอก!”

     ศักดิ์ชัยเงียบไปพักหนึ่งพลางจ้องหน้าน้องชายที่อายุห่างกับตัวเองเกือบสิบปี สายตามุ่งมั่นจริงจังของชัยชัชนั้นช่างเปิดเผยเสียจนเขารู้สึกได้ว่าชัยชัชไม่ได้พูดล้อเล่นแน่ๆ น้องชายของเขาเป็นคนรักใครรักจริง และเป็นคนที่คิดจะทำอะไรก็ทำจริงจังด้วยเช่นกัน เพียงแต่เขาเองก็ทำใจรับไม่ทันเหมือนกันที่จู่ๆ น้องชายดันพาว่าที่น้องสะใภ้ที่เป็นผู้ชายเข้ามาทักทายฝากตัวกับเขา มิหนำซ้ำยังเป็นเด็กผู้ชายที่ดูแล้วอายุใกล้เคียงกับลูกชายเขาเสียอีก

     น้องชายของเขาไปเรียนหนังสือหนังหาในเมืองจนกลายเป็นไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ เด็กคนนี้มีปัญหาเรื่องผู้หญิงมาตลอดตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม แต่ละคนถ้าไม่หลงคารมคมๆ ก็รักที่รูปร่างหน้าตา ยิ่งพักหลังที่เจ้าตัวทำงานมีเงินก็มีคนผ่านมาแล้วผ่านไปคับคั่ง แต่ชัยชัชก็ยังแทงกั๊กไม่เลือกคบใครจริงๆ จังๆ จนกระทั่งชัยชัชพาหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกลับมาเยี่ยมบ้านตอนช่วงฉลองขึ้นบ้านใหม่เมื่อสามปีก่อน แต่ทว่ามารดาของพวกเขากลับไม่ปลื้มสาวชาวกรุงคนนั้นสักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าแทบเข้ากันไม่ได้ แต่ชัยชัชก็ยังยืนยันรักมั่นคงอยู่ดี จนมารดาของเขาได้แต่บ่นน้อยใจที่เลี้ยงลูกได้แต่ตัว ถึงแม้ลูกชายคนเล็กจะคอยส่งเงินมาให้ตลอดทุกๆ เดือน บ้านหลังใหม่ที่สร้างก็มาจากน้ำพักน้ำแรงไอ้น้องคนนี้ แต่ว่ามารดาของพวกเขาก็ยังอยากได้ลูกสะใภ้แบบที่เข้ากับคำว่า"เครือญาติ"อยู่ดี

     “งั้นก็ตามใจ๋เต๊อะ ยะอันหยังกะยะเต๊อะ”

     เมื่อเห็นผู้เป็นพี่ยอมแพ้ทำท่าเหมือนไม่อยากยุ่งด้วยชัยชัชก็แอบตีปีกดีใจอยู่ในอก พี่ชายเขายอมถอยแล้ว พี่สาวสุดที่รักของเขาก็คงจัดการไม่ยากเท่าไหร่เพราะเธอค่อนข้างจะตามใจเขาที่เป็นน้องคนเล็ก ทีนี้ก็เหลือแต่มารดาของเขาที่ชัยชัชมั่นใจว่าต้นน้ำน่าจะฝ่าด่านได้ไม่ยาก ทั้งสองนั่งคุยกันอีกครู่หนึ่งก่อนที่ชัยชัชจะขอตัวล่วงหน้าไปที่บ้านมารดาก่อน

     ชัยชัชขับรถอย่างอารมณ์ดีแถมยังส่งเสียงผิวปากเสียจนต้นน้ำนึกสงสัยปนหมั่นไส้ แต่ภาพวิวทิวทัศน์ของทุ่งนาข้างทางตามถนนสายเล็กๆ ก็ชวนให้ต้นน้ำสนใจ ถึงจะรู้ว่าแฟนหนุ่มของตนเป็นคนต่างจังหวัด แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะเป็นต่างจังหวัดที่อยู่ในหุบเขาลึกลับซับซ้อนเช่นนี้ ถนนสองเลนเล็กๆ ที่มีบ้านของชาวบ้านสร้างตามฐานะอัตภาพขึ้นเรียงรายสลับกับทุ่งนาแตกต่างกันไปตามกำลังทรัพย์และความพอใจของเจ้าของผู้อยู่อาศัย แถมเมื่อมองไปไกลๆ ยังวิวทุ่ง ต้นน้ำยังรู้สึกเหมือนตัวเองเห็นทิวเขาในสายหมอกจางๆ ยามเช้าชวนให้นั่งคิดว่าตนตาฝาดหรือมีดอยเล็กๆ ขึ้นอยู่ไกลออกไปในทิศทางนั้นจริงๆ

     รถยนต์ป้ายแดงคันใหม่เอี่ยมทะเบียนกทม.ราคาเหยียบล้านพาคนทั้งคู่ขยับเข้าใกล้สู่จุดหมายมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งล้อรถเลี้ยวผ่านประตูรั้วที่เปิดรอไว้มาจอดสนิทหน้าบ้านหลังหนึ่ง บ้านปูนชั้นเดียวเล่นระดับขนาดสามห้องนอนที่มีรถกระบะจอดอยู่ใต้ร่มมะปรางหน้าบ้าน มีเล้าไก่อยู่เลยไปอีกทั้งยังมีแปลงผักปลูกไว้เป็นแนวใกล้กับโรงเพาะเห็ดเล็กๆ บรรยากาศความเป็นชนบทผ่านเข้ามาในสายตาของต้นน้ำ เขาขนลุกซู่เมื่อระลึกขึ้นได้ว่าต่อไปต้องเผชิญหน้ากับอะไร ต้นน้ำพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองรักษาท่าทีที่เยือกเย็นเอาไว้ภายนอก

     ชัยชัชดับเครื่องยนต์รถเรียบร้อยแล้ว เขาหันไปมองคนรักที่สูดลมหายใจเอาเป็นเอาตายเสียงดังเฮือกๆ อย่างนึกขำ

     ‘เอ้าๆ หน้าซีดเชียว จะเป็นลมไปอีกมั้ยครับแฟนพี่ น่ารักจริงๆ เลย นี่มันนาทีวิกฤตเปิดตัวแม่ผัวพบลูกสะใภ้ชัดๆ ฮ่าๆ’

     “ต้น ..... ต้นครับ”

     “ครับพี่ชัช”

     ต้นน้ำตกใจกับเสียงเรียกจนเผลอทำหน้าเหลอหลาหันไปสบตาชัยชัช แต่แล้วสายตาจริงใจกับฝ่ามืออบอุ่นที่เอื้อมมาสัมผัสให้กำลังใจกันก็ช่วยทำให้ต้นน้ำตั้งสติได้ มือที่คุ้นเคยของแฟนหนุ่มลูบหัวเขาเบาๆ ด้วยความรักใคร่ก่อนจะไล้ลงมาสัมผัสกับแก้มซีดๆ นั้น

     ชัยชัชไล้นิ้วเบาๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

     “พร้อมรึยังครับต้น เข้าไปไหว้แม่พี่กันนะ พี่จะได้แนะนำพี่สาวพี่ให้เรารู้จักด้วย ครอบครัวของพี่ก็มีอยู่เท่านี้แหละครับเพราะคุณพ่อพี่เสียไปนานแล้ว แต่นับจากที่ต้นเดินเข้าไปในนั้นแล้วต้นก็จะกลายเป็นครอบครัวของพี่อีกคนนึง แล้วพี่ก็ขอรับรองว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่จะอยู่ข้างๆ ต้นนะครับ พี่เองก็ไม่ได้บอกใครมาก่อนเหมือนกัน กลัวเหมือนกันนะเนี่ยฮ่าๆ ต้นจะเป็นกำลังใจให้พี่แนะนำตัวลูกสะใภ้ได้รึเปล่าครับ?”

     ท้ายประโยคนั้นชัยชัชเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ้อนรักพลางยกมือของเขาขึ้นมาจุมพิตเบาๆ ต้นน้ำรู้สึกได้ถึงอณูความรักของชัยชัชที่กระจายตัวเข้าห้อมล้อมรอบๆ ตัวเขาผ่านกระแสเสียงนั้น เขาบอกตัวเองให้ตั้งสติแล้วตัดสินใจก้าวเดินไปพร้อมกับชายคนรัก

     “ผมพร้อมแล้วครับ พี่ชัช”

     ชัยชัชเดินจูงมือต้นน้ำเข้าบ้านอย่างกล้าหาญ พี่สาวของเขาออกมาต้อนรับพลางสวมกอดเขาด้วยความคิดถึง ชยานันท์เขย่งตัวหอมแก้มน้องชายตัวดีไปหลายฟอดก่อนจะหันมามองต้นน้ำด้วยสายตาใคร่รู้

     “อีแม่กะปี้เขยไปตางใดเลาะ?”

     “อีแม่อยู่หลังบ้าน ก่าลังหนึ้งข้าวอยู่ ปี้รงยังหลับบ่าตื่นเตี้ยอยู่กับหลาน”

     “งั้นเปิ้นขอตั๋วไปหาอีแม่ก่อนเน้อคับ”

     แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวเท้าเข้าไปในครัว เสียงดังราวกับฟ้าผ่าก็มาถึงพร้อมๆ กับฝาหม้อบิน!

     ต้นน้ำคิดว่าตนเห็นอะไรแว๊บๆ ลอยเข้ามา มันตรงมาทางหัวของชัยชัช แต่แฟนของเขาก็เร็วพอจึงก้มตัวหลบได้เฉียดฉิว!

     ชัยชัชก้มตัวหลบจนเสียหลักล้มก้นจ้ำเบ้า แต่ยังไม่ทันลุก หญิงวัยใกล้ชรารูปร่างอวบอิ่มผู้หนึ่งเดินออกมายืนจังก้า มือซ้ายของนางเท้าสะเอวส่วนมือขวาถือไม้ตีพริก นางชี้หน้าเอ็ดตะโรใส่ชัยชัชที่กำลังนั่งกอดฝาหม้ออย่างขวัญหาย ส่วนต้นน้ำเด็กหนุ่มถูกพี่สาวผู้ใจดีจูงไปนั่งรอบนชุดรับแขกแล้วเรียบร้อย

     “ไอ่ลูกบ่าดี กลับมายะหยัง บ้านนี้บ่ต้อนฮับเอ็ง!”

     “อีแม่ นี่ลูกอีแม่หนา”

     “ข้ามีลูกจายคนเดียวคือบ่าศักดิ์โว้ย อีกคนมันต๋ายไปตางใดแล้วบ่ฮู้ตี้กรุงเทพปู๊น”

     “อีแม่ ก่ะปี๋ตี้แล้วเปิ้นงานยุ้งขะหนาด”

     ชัยชัชแก้ตัวเสียงอ่อยๆ พลางส่งเสียงอ้อนมารดาไปอีกหนึ่งประโยคอย่างกวนอารมณ์ ชวนให้ผู้เป็นแม่อยากยกอาวุธในมือขึ้นมาประทุษร้ายเป็นยิ่งนัก

     “อย่าไปเดือดนักกะ เดียวบ่งามเน้อ ดูๆ ตีนกาขึ้นแหมเลาะ”

     ว่าแล้วชัยชัชก็เสี่ยงฝ่าไม้ตีพริกในมือเข้าไปกอดเอวมารดาพลางหอมแก้มฟอดใหญ่ เขาลงไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยพลางยกมือประนมก้มลงกราบแทบเท้าผู้เป็นแม่พลางยิ้มแหยๆ ให้กับผู้ให้กำเนิดที่ยังคงตีสีหน้ายักษ์อยู่แม้จะลดระดับอาวุธในมือลงแล้วก็ตาม ภาพของชายหนุ่มตัวโตๆ ที่หมดลายสิ้นคราบหมาป่าเจ้าเล่ห์กลายเป็นลูกหมาตัวน้อยๆ นั่งกระดิกหางต่อหน้าคุณยายจอมโหดของหนูน้อยหมวกแดงนั้นช่าง... ต้นน้ำรู้สึกละเหี่ยใจกับนิสัยของแฟนหนุ่มยิ่งนัก

     ‘นี่ตกลงว่าที่พี่ชัชขอกำลังใจนี่ ขอให้เราหรือขอให้ตัวเองกันแน่เนี่ย?’

     จนเมื่อผู้เป็นมารดามีท่าทีอ่อนลงแล้ว ชัยชัชจึงได้หันมากวักมือเรียกต้นน้ำที่นั่งรอเงียบๆ ตรงเก้าอี้รับแขกกับพี่นันให้เข้าไปหา ต้นน้ำเดินค้อมตัวไปนั่งลงเคียงข้างชัยชัยแล้วก็ยกมือไหว้มารดาของคนรักอย่างนอบน้อม

     “อีแม่ เปิ้นพาลูกสะใภ้มาฝากอีแม่โตยหนา”

     พอขาดคำ มารดาของชัยชัชก็ทำท่าจะเป็นลม ก็ดูดู๊ดูสิ! ว่าที่ลูกสะใภ้คนที่ว่าที่นางเห็นเป็นเด็กผู้ชายชัดๆ

     “ไอ่จั๊ด!”

     แต่ทว่าคำพูดต่อมาของชัยชัชก็ห้ามทัพคำด่าทอของมารดาไว้ได้เสียก่อน น้ำเสียงจริงจังที่ชายหนุ่มใช้ส่งผลให้ผู้เป็นมารดายังต้องยอมหยุดฟังคำอธิบาย

     “น้องเขาเป๋นเมียเปิ้นละหนา บ้านน้องเขากะฮู้เรื่องนี้แล้วโตย เปิ้นกะเลยปามากราบอีแม่ อีแม่เมตตาเอ็นดูน้องเขาหน่อยเน้อแม่เน้อ”

     ตลอดเวลาต้นน้ำได้แต่นั่งก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นสบตาใครๆ บรรยากาศอันร้อนระอุทะลุจุดเดือดแบบนี้เขาไม่ถนัดเอาเสียเลย ชัยชัชกับมารดาเล่นเกมแข่งจ้องตากัน โดยฝ่ายหนึ่งจ้องอีกฝ่ายเสียตาแทบถลน ในขณะที่อีกคนหนึ่งก็พยายามไม่หลบสายตามองตอบไปอย่างแน่วแน่พลางเอื้อมมือมากุมมือของคนรักที่สั่นน้อยๆ เอาไว้ เสียงหายใจฟืดฟาดด้วยอารมณ์เลยทำให้เด็กหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอยู่แล้วยิ่งคอตกเข้าไปใหญ่ จนกระทั่งพี่สาวแสนดีทนไม่ไหวเอ่ยขัดขึ้น

     “อีแม่ ชัชมันมาเหนื่อยๆ ขับรถมาจากกรุงเทพไกลขะหนาด ของกะยังบ่ได้เอาขึ้นมาเฮือน อีแม่บ่ให้มันเก็บของก่อนเลาะ ไปๆ ชัช มีอะหยังมาฝากหลาน เดียวปี้จะช่วยขนเน้อ”

     เพราะแบบนั้นเกมแข่งจ้องตาจึงสิ้นสุดลงโดยที่ไร้ผลแพ้ชนะเพราะกรรมการเป่าหมดเวลาเอาเสียก่อน พี่สาวของชัยชัชแนะนำตนเองกับต้นน้ำด้วยภาษากลางสำเนียงล้านนาว่าเธอชื่อชยานันท์ ให้เขาเรียกเธอว่า"พี่นัน"ได้ตามสบายแม้ความจริงจะปรากฏว่าเธอมีอายุพอๆ กับมารดาของเขาเลยทีเดียว ทั้งสามคนพากันไปขนสัมภาระขึ้นบ้าน พี่นันพาคนทั้งคู่ไปยังห้องนอนห้องสุดท้ายที่ไม่มีเจ้าของพลางเอ่ยแขวะพร้อมกับจิกตามองชัยชัชที่ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆ

     “ต้นนอนห้องนี้เน้อ ตั๋วมาเหนื่อยๆ อาบน้ำพักผ่อนกั๋นก่อนเต๊อะ ห้องนี้ปี้ทำความสะอาดหื้อแล้ว เปิ้นอุตส่าทำห้องไว้หื้อแต่เจ้าของมันบ่ยอมกลับมานอนซักกำ”

     ว่าแล้วเธอก็จากไปปล่อยให้สองหนุ่มจัดการตัวเอง ชัยชัชจึงสบโอกาสถอนหายใจด้วยความโล่งอก

     “โอ๊ย... เกือบตาย นึกว่าพี่จะโดนแม่ตบเอาซะแล้ว”

     “พี่ชัชไม่ได้กลับบ้านนานแล้วเหรอครับ?”

     ต้นน้ำพูดพลางเก็บสัมภาระให้เข้าที่ เขารื้อข้าวของในกระเป๋าออกมาเตรียมให้ชัยชัชที่ขณะนี้ลงไปนอนแผ่หลากับเตียงแล้วเรียบร้อย ไม่ว่าเมื่อไหร่ต้นน้ำก็เอาใจชัยชัชก่อนเสมอ กระเป๋าของตัวเองยังไม่ทันได้เปิดเสียด้วยซ้ำ

     “โธ่ ก็ปีก่อนๆ พี่งานยุ่งอ่ะ ... เอาจริงๆ ก็ได้ ฟ่างเขาไม่ค่อยชอบที่นี่อ่ะเวลาพี่ชวนมาเลยไม่ยอมมา พอช่วงหยุดว่างๆ ที่พี่จะมาได้ยาวๆ ก็อืม... ไงดีอ่ะ โดนลากไปเที่ยวแบบสองต่อสองมั้ง แล้วต้นก็รู้งานแบบพี่บางทีมันยุ่งจริงๆ พี่ก็เลยไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ล่าสุดดูเหมือนจะเผลอหายหัวนานไปหน่อยเลยโดนงอนละมั้ง”

     นานไปหน่อยของชัยชัชคือเกือบสามปี เป็นเวลาสามปีเต็มที่เขาไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเพราะต้องคอยเอาใจแฟนสาว

     “ระดับนั้นไม่แค่งอนแล้วมั้งครับ ผมตกใจหมดเลย”

     “ฮ่าๆ นั่นขำๆ แล้วน่า ดีมากแล้วที่เป็นแค่ฝาหม้อ ปกติพี่เจอมาทั้งสากลอยครกบิน อีโต้บินพี่ก็เคยโดนนะ ฮ่าๆ ตอนที่พี่ซิ่วไงต้น แม่แกขนมาเกือบหมดครัว”

     ต้นน้ำส่ายหน้าพลางยิ้มให้กับความเซี้ยวของชัยชัช เขาเดินมายื่นผ้าเช็ดตัวให้กับคนที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียง

     “ไม่อาบน้ำก่อนเหรอครับ? จะได้สบายตัว”

     “ไม่เอาอ่ะ พี่เหนื่อยว่ะ ง่วงด้วย พอผ่านด่านแม่มาได้แล้วมันเพลียๆ หมดฤทธิ์อะดรีนาลีนแล้วมั้ง พี่ขอนอนก่อนนะครับ ต้นง่วงต้นก็นอนได้เลย หรือจะไปเดินเล่นทำอะไรก็ตามสบาย อยากได้ไรก็ถามพี่นันเอานะ”

     ว่าแล้วชัยชัชก็ทิ้งต้นน้ำเอาไว้ในโลกแห่งความจริงแล้วหนีไปเฝ้าพระอินทร์อย่างสบายอารมณ์ ทิ้งให้ต้นน้ำยืนถอนหายใจแสดงสีหน้าหน่ายๆ ใส่คนเอาแต่ใจบางคน พอเป็นแฟนกันแล้วต้นน้ำก็ต้องทำใจกับความเอาแต่ใจเอาตัวเองเป็นใหญ่ของชัยชัชมากกว่าเดิม เขาชักเข้าใจหัวอกพี่ฟ่างแล้วล่ะ

     ‘เอาเถอะ พี่ชัชคงเหนื่อยจริงๆ ขับรถมาทั้งคืน เราเองก็ยังง่วงๆ อยู่เลยแฮะ เก็บของแล้วนอนต่ออีกหน่อยดีกว่า’

     ต้นน้ำเก็บสัมภาระจัดวางใส่ตู้เสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบ อุปกรณ์ชำระล้างร่างกายวางรอพร้อมสรรพในห้องน้ำ เขาตระเตรียมทุกอย่างเอาไว้ก่อนจะเอนตัวลงเคียงข้างชัยชัชที่นอนดิ้นแผ่จนเกือบเต็มเตียง

     ต้นน้ำรู้สึกตัวตื่นตอนเกือบเที่ยง เสียงไม่คุ้นหูสนทนากันลอยมาให้ได้ยินแว่วๆ ช่วยให้เขาตาสว่างขึ้น เขาพลิกตัวมองคนข้างๆ แล้วตัดสินใจลุกขึ้นอาบน้ำอาบท่า เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มองดูชายคนรักที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงอีกรอบ

     ‘ปล่อยพี่ชัชให้นอนต่ออีกนิดดีกว่า’

     เมื่อตัดสินใจแล้วต้นน้ำก็เดินออกมาจากห้องอย่างเก้ๆ กังๆ และเมื่อผ่านไปที่ห้องรับแขกหน้าบ้านก็เจอเข้ากับชุมนุมขันโตกถาดสังกะสีที่กำลังล้อมวงทานอาหารกลางวันกันอยู่นั่นเอง ต้นน้ำทำตัวไม่ถูกได้เพียงแค่นาทีเดียวก็มีนางฟ้าใจดีมาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้

     “อ้าวต้นตื่นแล้วก๋า? มาเพ้มากิ๋นข้าวกัน”

     เมื่อมีผู้ใหญ่ชี้ทางให้เช่นนั้น ต้นน้ำจึงไม่รอช้าอาศัยความสามารถในการแอ๊บของตัวเองตีเนียนไปร่วมวงด้วยอย่างเป็นธรรมชาติ เขาเดินไปนั่งข้างๆ ชยานันท์พลางยกมือขึ้นสวัสดีแขกคุ้นหน้าทั้งสองอย่างศักดิ์ชัยและภรรยา ท่ามกลางสายตาของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มองมาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

     ชยานันท์ชี้ไปที่ชายแปลกหน้าที่นั่งอุ้มเด็กผู้หญิงวัยกำลังซนเอาไว้บนตัก ชายแปลกหน้าคนนั้นดูใจดีมีรอยยิ้มซื่อๆ บนหน้าใกล้เคียงกับคำว่า"คนซื่อไร้พิษภัย"ได้มากที่สุดเท่าที่ต้นน้ำจะเคยรู้จักมาทั้งชีวิต รอยยิ้มกว้างซื่อๆ นั้นชวนให้ต้นน้ำรู้สึกสบายใจ

     “ต้นนี่แฟนปี้ จื่อปี้รง ต้นฮู้จักปี้ศํกดิ์แล้วก๊ะ?”

     ต้นน้ำทำหน้างงๆ เล็กน้อยเพราะยังจับใจความไม่ค่อยทัน แต่ต่อมาเขาก็พยักหน้าพลางตอบรับ

     “ครับๆ ผมรู้จักแล้วครับ พี่ชัชพาผมไปแวะทักทายพี่ศักดิ์แล้วเมื่อเช้า”

     “ฮึ๊ บ่าวอก ปากั๋นไปแอ่วหาปี้มัน มันบ่เห็นหัวแม่มัน”

     “บ่ใจ่หรอกอีแม่ บ้านเฮามันเป๋นตางผ่านบ่ดาย”

     ว่าแล้วศักดิ์ชัยก็หันมาสนทนากับต้นน้ำด้วยสำเนียงภาคกลางที่ดีกว่าน้องสาว

     “รู้จักลูกพี่ไว้ ชื่อมอเตอร์ ปีนี้อายุสิบสามแล้ว คงเป็นน้องของเรา ละเราน่ะปีนี้อายุเท่าไหร่?”

     “สิบแปดครับ”

     สีหน้าโล่งใจของญาติโยมที่นั่งลุ้นอยู่นั้นทำให้ต้นน้ำหลุดระบายยิ้มน้อยๆ

     ‘เหมือนกันทั้งบ้าน’

     “แล้วตั๋วจบ ม.6 แล้วบ่? เข้ามหาลัยแล้วกะ?”

     “ครับ กำลังรอผลสอบอยู่ครับ”

     “เออๆ เก่งๆ ขอหื้อสอบได้ไวๆ เน้อ”

     “ครับ”

     ต้นน้ำระบายยิ้มแจกให้ครอบครัวของคนรักมากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ เขาเหลือบตามองไปยังแม่สามีที่ยังทำหน้าบอกบุญไม่รับแต่ก็เหล่ๆ ตามองกลับมายังตนด้วยสีหน้าเป็นมิตรที่สุดเท่าที่เขาจะเค้นออกมาได้ ก่อนหันไปยิ้มให้กับหลานสาวคนเล็กของชัยชัชอย่างเป็นกันเอง

     “กิ๋นๆ กิ๋นข้าวกัน ตั๋วกินได้ก่อ? อาหารเมืองเหนือหนา ถ้าตั๋วกิ๋นบ่ได้ปี้จะไปยะหื้อใหม่ ข้าวสวยก็มีหนา”

     ต้นน้ำมองดูอาหารที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าแล้วก็คิดคำนวนอยู่ในใจ เขาเห็นกับข้าวคุ้นตาอย่างไก่ย่างวางอยู่ในสำรับ แม้แกงพื้นบ้านที่เขาไม่รู้จักจะดูแปลกใหม่สำหรับเขาแถมยังโชยกลิ่นปลาร้าเสียหึ่ง แต่ต้นน้ำก็พร้อมยอมเสี่ยงเพื่อเอาใจคณะกรรมการ แม้จะฟังรู้เรื่องบ้างไม่ค่อยเข้าใจบ้าง แต่ต้นน้ำก็ตัดสินใจตอบปฏิเสธออกไป

     “ไม่เป็นไรครับ ผมพอทานได้ครับ”

     “ดีๆ จะอี้อีแม่ชอบ ฮ่าๆ”

     ว่าแล้วพี่นันก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ส่วนพี่ศักดิ์ก็ยิงคำถามต่อทันที

     “แล้วนี่ชัชมันยังไม่ตื่นหรือ?”

     “ครับ”

     “ออกจากกรุงเทพกี่โมงล่ะ?”

     “ราวๆ สามสี่ทุ่มครับ พี่ชัชมีงานตอนเช้า”

     “อืมๆ”

     อาหารมือนั้นเป็นไปอย่างออกรสออกชาติ แต่ที่ออกรสออกชาติที่ว่านั้นหมายถึงการที่สองพี่น้องพากันระดมยิงคำถามใส่ต้นน้ำ โดยมีความเห็นแทรกจากแม่สามีเป็นระยะๆ แต่ต้นน้ำก็ใช่ย่อย เขาพยายามอวดสรรพคุณตัวเองเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องทำอาหารงานบ้านงานเรือนในระหว่างการเล่าถึงเรื่องราวชีวิตแสนเศร้าของสองแม่ลูกที่ผู้เป็นแม่ต้องเลี้ยงดูลูกชายตามลำพัง แถมต้นน้ำยังถือโอกาสตีเนียนทำเป็นสนใจเรื่องอาหารเหนือถามสูตรอาหารแปลกๆ ที่ตนทาน หรือไม่ก็คุยเรื่องส่วนตัวของชัยชัช เช่นว่าชายหนุ่มชอบทานอะไร ผลัดกันเล่าผลัดกันถาม จนกระทั่งคุณแม่สามียอมใจอ่อนมอบด่านทดสอบให้กับเขา

     “อยากยะอาหารเมืองเหนือเป๋นขะหนาด? เดียวเมื่อแลงนี้จะสอนหื้อ”

     “ครับ”

     ว่าแล้วต้นน้ำก็ยิ้มรับคำท้า เอ้ย! การอบรมสั่งสอนทันที เขาแอบดีใจอยู่เงียบๆ ที่อย่างน้อยเขาก็มีสิทธิ์ทดสอบคุณสมบัติสะใภ้ของบ้านนี้แล้ว
หัวข้อ: Re: [จบภาค1#5/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ตอนพิเศษ: หมาป่าVSเด็กเลี้ยงแกะ
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-10-2014 23:16:48

     ชัยชัชฟื้นตัวตื่นตอนบ่ายๆ เขาหลับไปยาวรวดเดียวแบบนอนสต็อปจนมึนศีรษะเลยตื่นขึ้นพร้อมกับอาการปวดหัวจากการนอนกลางวัน เขาตัดสินใจลุกขึ้นไปจัดการตัวเองให้สดชื่นขึ้น ชัยชัชอาบน้ำอาบท่าพลางนึกสงสัยว่าป่านนี้ต้นน้ำจะเป็นเช่นไรบ้าง ใช่ว่าเขาใจร้ายพาแฟนมาเที่ยวบ้านแล้วก็ไม่รับผิดชอบดูแล เพียงแต่เขาเหนื่อยจริงๆ จึงได้ขอปลีกตัวมาหลับเป็นตายเช่นนี้ และอีกใจหนึ่ง เขาอยากลองทดสอบดูว่าต้นน้ำจะเอาตัวรอดได้หรือไม่เมื่อเผชิญหน้ากับครอบครัวเขาเพียงลำพัง เพราะอย่างไรเสียเขาก็ตัดขาดกับบ้านตัวเองไม่ได้ เขายังต้องส่งเสียเลี้ยงดูแม่ของเขาทุกเดือนเนื่องจากในบรรดาสามพี่น้องเขาเป็นคนที่มีรายได้มากที่สุด เนื่องจากเมื่อคราวที่แล้ว ข้าวฟ่างไม่ยอมเผชิญหน้านานเกินความจำเป็นเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวเลือกนอนพักค้างคืนที่โรงแรมในตัวเมืองและสนุกกับการเที่ยวชมบรรยากาศรอบๆ เมืองลำปางมากกว่ามาขลุกอยู่กับครอบครัวเขา ในครานั้นด้วยแรงแห่งรักเขาจึงยอมทำทุกอย่างตามใจเธอ แต่เมื่ออยู่กับต้นน้ำเขาได้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และในครั้งนี้เขาอยากลองทดสอบดูว่าต้นน้ำจะรับธาตุแท้ที่หล่อหลอมมาเป็นตัวเขาได้หรือไม่

     เมื่ออาบน้ำเสร็จชัยชัชก็หยิบเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นที่มีคนนำออกมาจัดเข้าตู้เสื้อผ้าไว้ให้ขึ้นมาใส่ ชัยชัชนึกกระหยิ่มยิ้มย่องในความช่างเอาใจของต้นน้ำ เด็กหนุ่มจัดการตระเตรียมข้าวของให้เขาทุกอย่าง ความรับผิดชอบต่างๆ เมื่อประกอบกับนิสัยช่างดูแลเอาใจใส่ของต้นน้ำและการที่คอยทำเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ให้เสียจนเขาเคยชินนั้นมันช่างหอมหวาน ชัยชัชเดินยิ้มแป้นออกจากห้องนอนอย่างอารมณ์ดี

     “อ้าว ชัช ตื่นแล้วกะ อยากข้าวบ่?”

     ชัยชัชส่ายศีรษะปฏิเสธก่อนจะเดินไปนั่งล้อมวงกับพี่ชายและพี่สาวทันที พี่เขยของเขาทักทายด้วยความคิดถึงเนื่องจากคนทั้งสองยังไม่ได้เจอกันช่วงเช้า ส่วนพี่สะใภ้คงหายไปอยู่ในครัวกับแม่จึงเหลือแต่สามพี่น้องและลูกเขยของบ้านนั่งคุยกันอยู่หน้าโทรทัศน์ ชัยชัชมองหาหลานทั้งสองกับมารดาและต้นน้ำ

     “หลานกับอีแม่ล่ะปี้?”

     “บ่ถามถึงแฟนเลยก่า?”

     พี่เขยเขาเย้าขึ้นอย่างอารมณ์ดี

     “ถ้าอีแม่บ่อยู่กะคงไปโตยอีแม่แหละคับ”

     “อยู่ในครัวปู้น ช่วยอีแม่กับปี้นายะกับข้าวกิ๋นแลงนี้อยู่ ว่าแต่สูเตอะเล่าหื้อปี้ฟังได้ก่อว่าเรื่องมันเป๋นมาจะใด”

     ว่าแล้วชัยชัชก็โดนพี่ๆ รุมซักเสียจนสะอาด เขาจำเป็นต้องเล่าให้ฟังเกือบทุกเรื่องตั้งแต่เริ่มรู้จักกันเพราะเขาโดนแฟนเก่าทิ้ง โดยดัดแปลงเนื้อหาบางส่วนเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ต้นน้ำเสียหายทั้งเรื่องที่หลอกเขาตอนแรกรวมไปถึงเรื่องที่ทั้งสองมีปากเสียงจนได้เป็นของกันและกันในที่สุด เขายอมเป็นฝ่ายโดนด่าโดยบอกปัดๆ ไปว่า"เมาและทำไปแล้ว"เพียงแค่นั้น จนกระทั่งเล่าจบชัยชัชก็ยังคงนั่งเฮฮาอยู่กับญาติอีกครู่หนึ่งก่อนจะขอตัวเดินเข้าไปดูในครัว ภาพของคนรักที่กำลังหยิบจับหั่นผักทำแกงตามเสียงบอกคำเมืองผสมศัพท์กลางนั้นแลดูน่ารักจนเขาไม่อยากเข้าไปรบกวน คิดแล้วชัยชัชก็อดเสียดายขึ้นมาแบบจริงๆ จังๆ อีกครั้งไม่ได้ เขาเสียดายเมื่อคิดว่าต้นน้ำน่าจะเกิดมาเป็นผู้หญิง เด็กหนุ่มมีคุณสมบัติทุกอย่างตามแบบที่เขาต้องการ แถมยังมีความอดทนมากพอจะยอมลงให้กับมารดาของเขา

     ‘เสียดายชะมัด ทำไมต้นไม่ใช่ผู้หญิงวะเนี่ย’

     ต้นน้ำคิดว่ามารดาของชัยชัชนั้นก็คล้ายๆ ลูกชาย แต่ออกจะเข้าหาง่ายกว่าหลายเท่าตัว เพราะถึงนางจะปากร้ายชอบทำหน้าบึ้งแต่ก็เข้าตำราปากร้ายใจดีขอให้ได้บ่นกะปอดกะแปดไปเรื่อยก็พอ ผิดกับชัยชัชที่พอโมโหแล้วค่อนข้างเก็บปากเก็บคำจนระเบิดออกมาแรงกว่า แถมนางยังค่อนข้างใจอ่อนขี้สงสารเพราะพอเขาเล่าให้ฟังว่าโตมากับแม่สองคนไม่มีพ่อไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไหน นางก็ทำท่าจะเห็นใจเขาจนลดทิฐิไปเกือบหมด แล้วยิ่งประกอบกับการที่เขาพยายามอดทนทำทุกอย่างตามที่นางสั่งอย่างไม่อิดออดนางก็มีทีท่าพอใจเขามากขึ้น และเมื่อเห็นความคล่องแคล่วในการหยิบจับอุปกรณ์ครัวทำงานบ้านได้อย่างสะอาดเรียบร้อยนางก็ยิ่งบวกคะแนนให้เขามากขึ้นไปอีก ต้นน้ำรู้สึกว่าเขาน่าจะเอาชนะใจแม่สามีคนนี้ได้ไม่ยาก ต้นน้ำพยายามปลอบใจตัวเองที่ต้องสวมบทซินเดอเรลล่าอย่างขะมักเขม้น

     ‘เอาเถอะ ถือซะว่าฝึกๆ ไป เผื่ออีกหน่อยพี่ชัชอยากทานจะได้ทำเป็น’

     จนกระทั่งมื้อเย็นที่ทุกคนได้นั่งล้อมวงทานอาหารเย็นกันอีกครั้ง ต้นน้ำก็ได้รับคำชมมากมายสำหรับการเรียนรู้ทำอาหารเหนือครั้งแรก แม้จะโดนติเรื่องรสชาติไปบ้างนิดๆ หน่อยๆ จากคุณแม่สามีช่างติก็ตาม ตลอดมื้ออาหารต้นน้ำถูกแซวจากบรรดาญาติเสียรอบวง เขาฟังออกบ้างฟังไม่ออกบ้างแต่ก็พยายามส่งยิ้มกลับไปแก้เก้อกันไว้ก่อน และพอหันไปถามคำแปลจากแฟนหนุ่มตัวดี แทนที่เขาจะได้คำตอบกลับเห็นแต่เพียงสายตาวิบวับที่คนรักเอาแต่มอง แต่เขาไม่อยากถือสาหาความใดๆ เพราะแววตาที่บ่งบอกว่ารักมันฉายชัดออกจากดวงตาของชัยชัช ต้นน้ำสัมผัสได้จนเขินอายหน้าแดงแต่ก็พยายามนิ่งไว้ไม่แสดงออก

     ทุกคนนัดแนะเวลาเพื่อรวมตัวกันไปเที่ยวสงกรานต์ในวันรุ่งขึ้น แพลนเที่ยวเล่นถูกวาดไว้โดยมีจุดหมายมุ่งตรงไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีชื่อเสียงในลำปางก่อนจะเลยต่อไปยังเชียงใหม่ และเมื่อบทสนทนาในวงอาหารจบลงก็ถึงเวลาค่ำที่แต่ละคนต่างก็มีกิจวัตรประจำตัวจึงต่างแยกย้ายกันไปทำ พี่นันแยกไปเก็บล้างสำรับส่วนพี่รงพายัยหนูนาไปอาบน้ำนอน ครอบครัวของพี่ศักดิ์เองก็ขอตัวกลับบ้าน ต้นน้ำจึงขอตัวไปอาบน้ำเตรียมตัวพักผ่อนบ้างเนื่องจากเขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ปล่อยให้ชัยชัชยังคงอยู่อ้อนมารดาต่อแต่เพียงลำพัง

     ผู้เป็นมารดามองหน้าลูกชายคนเล็กที่ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มวัยล่วงเข้าหลักสามแล้วก็ช้ำใจ ชัยชัชเกิดได้เพียงไม่กี่ปีสามีนางก็ต้องมาตาย นางสู้ลำบากลำบนเลี้ยงดูลูกชายคนนี้มาอย่างดี ส่งเสียให้มันเรียนสูงๆ จนมันอุตส่าเอ็นท์ติดจะได้เป็นหมอ แต่ก็ดันเกิดเรื่องไม่น่าให้อภัยให้ต้องออกมาเสียก่อน แม้ลูกชายของนางคนนี้จะเป็นคนเก่งแต่ก็มีข้อเสียใหญ่หลวงด้านอารมณ์ร้อนและโมโหร้าย ถึงภายหลังจะกลับกลายจากร้ายเป็นดีลูกชายนางได้งานดีๆ ทำมีรายได้เยอะแยะปลูกเรือนหลังใหม่ใหญ่โตให้นางกับพี่สาวที่เป็นครูข้าราชการและครอบครัวอยู่แต่นางก็อดเสียใจไม่ได้ หรือนางจะไม่ควรให้ลูกชายของนางไปกรุงเทพฯ ตั้งแต่ต้น เพราะไปๆ มาๆ ลูกชายของนางดันเบี่ยงเบนไปเสียนี่!

     เรื่องที่นางห่วงตอนนี้ก็แทบไม่เหลือแล้วเพราะลูกๆ แต่ละคนต่างลงหลักปักฐานมีการมีงานทำกันหมด เหลือก็แต่ไอ้เจ้าลูกชายคนเล็กที่นางเฝ้าเป็นห่วงหวังอยากเห็นมันเป็นฝังเป็นฝาไปกับคนดีๆ ที่ไหนได้นอกจากจะเจ้าชู้ไปเรื่อยแล้ว คราวก่อนก็ควงผู้หญิงหยิบหย่งไม่มีความเป็นแม่ศรีเรือนที่ดีเลยสักนิดมาทำแฟน พอเลิกกันไปคราวนี้ก็พาผู้ชายเข้าบ้านอีก ถึงคุณสมบัติของแฟนลูกคนใหม่นี่จะตรงใจนางก็เถอะ แต่ติดตรงที่เด็กหนุ่มเป็นผู้ชาย ยิ่งคิดนางก็ยิ่งเสียดายจนอดเอ่ยปากกับลูกชายไม่ได้

     “ฮักเปิ้นแต้ๆ ก๊ะ?”

     ชัยชัชที่กำลังนอนหนุนตักมารดาเพลินๆ เมื่อเจอคำถามแบบนี้เข้าไปก็ตั้งตัวไม่ติด เขาไม่แน่ใจว่ามารดาของตนคิดอะไรจึงเอ่ยถามขึ้นเช่นนี้

     “ถ้าเปิ้นบ่าฮักละจะปามาหื้ออีแม่ฮู้จักยะหยัง?”

     “บ่าวอกนี่ ไผจะฮู้ ตั๋วได้เปิ้นละกะ แม่เปิ้นเอาเรื่องก่อ?”

     “เอ่อะบ่ใจ้ แม่เปิ้นฮู้แต่บ่ว่าอะหยัง อีแม่คนนี้เปิ้นฮักขะหนาดหนา เปิ้นน่าฮักก่อ?”

     ว่าแล้วชัชชัยก็ขยับตัวลุกขึ้นหอมแก้มเอาใจผู้เป็นมารดาก่อนจะล้มตัวลงนอนตักอุ่นๆ ต่ออย่างอารมณ์ดี ด้วยความหมั่นเขี้ยวนางจึงเขกไปที่ศีรษะของชัยชัชเบาๆ ก่อนลูบหัวของลูกชายอย่างใจลอย

     “แต่เปิ้นบ่ใจ้แม่ญิง เปิ้นจะแต่งกับชัชได้จะได”

     “ก็บ่ต้องแต่งอยู่โตยกันบ่ดาย เดียวแหมกำแม่เปิ้นก็บ่อยู่ละเปิ้นจะไปเมืองนอกฝากหื้อเปิ้นดูต้นหื้อ เปิ้นฮับปากแม่ต้นไว้ละหนา”

     “กึ๊ดดีละกะ? เกิดเปิ้นทิ้งตั๋วไปแหมคนจะยะจะได บ่มีอะหยังซักอย่าง บ่ใจ้เปิ้นมาหลอกตั๋วเลาะ?”

     “แม่ญิงป้อจายเปิ้นก็หย่ากันปะเลอะปะเต๋อเลาะ เปิ้นว่าต้นบ่ใจ้คนจะอั้นหนาเจื่อเปิ้นเต๊อะ เปิ้นยะหื้อต้นไว้นักต้นยังบ่ทิ้งเปิ้นซักกำเปิ้นตึงทิ้งต้นบ่ลง อีแม่อย่าจังเปิ้นเลยเน้อ ฮับเปิ้นเป๋นลูกสะใภ้ได้ก่อ?”

     เห็นลูกชายออกตัวแรงปกป้องกันขนาดนี้นางก็ไม่รู้จะทำเช่นไร ได้แต่ทำใจยอมรับว่าที่ลูกสะใภ้เป็นผู้ชาย ก็ในเมื่อลูกนางเลือกแล้วนางเองก็คงต้องรักด้วย ถึงจะเสียดายที่เด็กหนุ่มไม่ใช่ผู้หญิงไม่สามารถจัดงานแต่งงานหรือมีหลานให้นางอุ้มได้ แต่อย่างน้อยๆ นางก็ยังแอบดีใจแฟนของลูกชายยังพอเอาถ่านอยู่บ้าง มิหนำซ้ำกิริยามารยาทก็เรียบร้อย หน้าตาก็ดูดีจัดว่าเป็นหนุ่มหล่อคนหนึ่งหาใช่เป็นพวกดูไม่ได้ แม้จะยังตะขิดตะขวงใจที่อยู่ๆ ลูกชายคนเดียวก็กลายเป็นเกย์ไปเสียอย่างนั้น แต่สมัยนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป และก็ใช่ว่านางรังเกียจเพศที่สาม เพียงแต่เรื่องบางอย่าง… อย่างไรเสียนางก็ยังอยากให้ลูกชายเป็นลูกชาย

     “เปิ้นเป๋นเมียตั๋วแต้ๆ ก๊ะ?”

     แม้จะงงๆ ในทีแรกแต่เมื่อมารดาถามย้ำขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง ชัยชัชก็เผลอหัวเราะเสียงดังลั่นบ้าน

     “แต้กะ ชัชเป๋นผัวเปิ้น ต้นเป็นเมีย อีแม่บ่ต้องห่วง เปิ้นยังเป๋นลูกชายอีแม่อยู่เน้อ”

     ว่าแล้วชัยชัชก็นอนหนุนตักมารดาเล่นอย่างอารมณ์ดี สองแม่ลูกนอนคุยกันอยู่หน้าโทรทัศน์จนกระทั่งละครจบ ชัยชัชจึงส่งมารดาเข้านอนแล้วก็เดินกลับห้องตัวเอง ภาพของเด็กหนุ่มที่นอนหลับสนิทด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อนนั้นทำให้เขาตื้นตันใจ ต้นน้ำยอมทุกอย่างเพื่อเขาเสมอ เสียสละทุกอย่าง อดทนทุกอย่างเพื่อเขา ชัยชัชให้สัญญากับตัวเองไว้ในใจ

     ‘พี่สัญญานะต้น ตราบใดที่ต้นยังอยู่ข้างๆ พี่ พี่จะไม่มีวันทิ้งต้นไปไหนเด็ดขาด ไม่สิ! พี่จะยื้อต้นไว้ให้อยู่กับพี่ตลอดไปให้ได้เลย ต่อให้ต้นมีปีกพี่ก็จะไม่ให้ต้นบินหนีพี่ไปไหนแล้ว!’

     ชัยชัชคลานขึ้นเตียงไปนอนเคียงข้างต้นน้ำที่นอนหันหลังตะแคงข้างให้ แขนแข็งแกร่งของชัยชัชสอดเข้าไปกอดต้นน้ำไว้อย่างรักใคร่

     “พี่ชัช...”

     “ครับ พี่เอง”

     แม้ต้นน้ำจะนึกแปลกใจที่จู่ๆ ชัยชัชก็มากอดเขาเช่นนี้ แต่ความง่วงมีมากกว่า เขากำลังหลับสบายๆ อยู่เชียว ต้นน้ำจึงตัดสินใจว่าจะละเลยความไม่สบายตัวจากการถูกขังในอ้อมแขนรัดๆ นี้ไปเสียแล้วจมดิ่งเข้าสู่นินทราอีกครั้ง ก็พรุ่งนี้เขามีนัดไปเที่ยวแต่เช้านี่นา

     ‘ช่างเถอะ นอนดิ้นอย่างพี่ชัชเดี๋ยวก็ปล่อยเราเอง’

     ต้นน้ำพึ่งจะเคยไปเที่ยวเป็นหมู่คณะแบบนี้เป็นครั้งแรก คำว่าไปเที่ยวเป็นหมู่คณะที่ว่านี้แตกต่างจากตอนไปกับกรุ๊ปทัวร์คุณหมอเมื่อครั้งที่ชัยชัชพาไปลิบลับอีกเช่นกัน แม้ญาติๆ ของชัยชัชจะมีรถอยู่บ้าง แต่อย่างไรเสียรถเก๋งขนาดกลางๆ กับรถกระบะอีกสองคัน ก็คงไม่พอเมื่อมันรวมถึงเพื่อนบ้านคณะข้างๆ เหล่าเด็กน้อยที่ขอติดไปเที่ยวด้วยกับผู้ปกครองอีกหลายคน เพราะฉะนั้นรถใหม่ป้ายแดงราคาแพงเหยียบล้านของชัยชัชจึงกลายเป็นรถโดยสารให้กับเด็กเล็กและผู้สูงอายุแทน ต้นน้ำนึกขำที่ชัยชัชแสดงท่าทางเป็นห่วงออกนอกหน้าเมื่อเขาตัดสินใจเสียสละไปนั่งรถกระบะของพี่ชายชัยชัชแทน แถมยังนั่งอยู่ตำแหน่งท้ายรถกระบะแบบลูกทุ่งอีกด้วย

     “เฮ้ย จะไหวเหรอต้น ตอนเที่ยงแดดมันร้อนนะ โดนสาดน้ำด้วย”

     “ก็เพราะงั้นแหละครับถึงต้องเป็นผมนั่ง ผมเป็นผู้ชายนะครับพี่ชัช”

     ต้นน้ำยิ้มให้ชัยชัชตามปกติ ใช่ว่าชัยชัชไม่รู้ว่าแฟนของตนมีนิสัยชอบเสียสละนึกถึงคนอื่นก่อนตัวเองจนชิน เพียงแต่...

     ‘เอาเหอะ กูอาจจะห่วงต้นมากไปก็ได้’

     และก็ผิดคาดเมื่อผลปรากฏว่าต้นน้ำสนุกสนานกลมกลืนไปกับเด็กๆ และหลานของเขาได้เป็นอย่างดี แม้แต่เพื่อนสมัยเด็กของเขาที่โตไล่ๆ กันมาแต่ดันมีลูกแซงหน้าเขาไปตั้งแต่ชัยชัชยังไม่จบมัธยมยังแสดงออกชัดเจนว่าเอ็นดูต้นน้ำ โดยเฉพาะเจ้าเตอร์หลานชายแท้ๆ ของเขาที่เห็นวันแรกเอาแต่หุบปากเงียบไม่กล้าคุย ในวันนี้กลับเดินตามต้นน้ำต้อยๆ เหมือนลูกเจี๊ยบที่เอาแต่เรียก"ปี้ต้นๆ"ชวนให้ชัยชัชรู้ซึ้งว่าตนเองยังมีนิสัยขี้หึงอยู่มากพอสมควร

     แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นเขาก็มองว่าต้นน้ำผ่านเข้ารอบด้วยรางวัลขวัญใจมหาชนเสียด้วยซ้ำ ต้นน้ำวางตัวดีต่อทุกๆ คน แม้จะคอยเป็นห่วงเอาใจใส่เขาเฉกเช่นคนรักอยู่เช่นเดิม แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าทุกคนต้นน้ำก็รู้จักวางตัวให้เหมาะสม หลบเลี่ยงการกระทำที่ไม่เหมาะไม่ควรจนไม่มีใครรู้สึกกระดากใจในยามที่ต้องข้องแวะกัน เขารู้แน่ๆ ล่ะว่าเพื่อนบ้านและคนอื่นๆ ต้องสงสัยสถานะของต้นน้ำแน่ๆ แต่มันยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้เขาหวังแค่ให้ต้นน้ำเปิดตัวกับที่บ้านแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งมันก็ประสบความสำเร็จแล้ว ต้นน้ำวางตัวเป็น"ปี้จายตี้มาจากกรุงเทพฯ"ได้ดีจนเหล่าทะโมนทั้งหลายยกให้เป็นลูกพี่ของกลุ่ม

     การขับรถตระเวนเที่ยวและเล่นสงกรานต์เป็นไปอย่างสนุกสนานเรื่อยไปจนถึงเชียงใหม่เมื่อยามเย็น พวกเขาเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งโดยเลือกที่พักเป็นแบบบ้านสองหลังติดกันที่ทุกคนสามารถนอนรวมกันได้ จำนวนห้องนอนย่อยๆ มีเพียงพอสำหรับผู้ที่มาเป็นครอบครัวและมีเด็ก แต่ละคนต่างพากันสลับไปอาบน้ำทำธุระพักผ่อนตามอัธยาศัย แต่พวกผู้ชายที่นานๆ จะเจอกันทีโดยเฉพาะหนุ่มกรุงเทพอย่างชัยชัชและผองเพื่อนมีหรือจะสน และคาดว่าพวกผู้ชายคงไม่นอนกันมากกว่าสำหรับคืนนี้ เนื่องจากเหล้ายาปลา(ปูกุ้ง)ปิ้งนั้นถูกเตรียมไว้พร้อมสรรพ

     แต่ละคนนั่งดื่มนั่งคุยกันอย่างออกรส เพื่อนบางคนก็ขุดปัญหาลูกปัญหาเมียขึ้นมาพูด แม้แต่พี่เขยยังยกแก้วดื่มไปยิ้มไป ส่วนพี่ชายที่ชอบเมาแล้วเงียบของเขานั้นก็นั่งดื่มพลางฟังคำสนทนาบ้างเสริมบ้างไปอย่างสนุกสนานเช่นกัน แต่ละคนถามถึงทุกข์สุขของชัยชัชโดยเฉพาะเรื่องราวอุบัติเหตุที่เจ้าตัวจงใจปกปิดไม่บอกใครตอนเกิดเรื่อง รวมไปถึงเรื่องแฟนเก่าและเริ่มมีแย็บๆ ถามถึงต้นน้ำ ดูเหมือนว่าทุกคนพอจะดูออกชัยชัชจึงเอาแต่ยิ้มตอบรับอย่างหน้าชื่นตาบานไม่ตอบปฏิเสธ แม้แต่พี่ชายของเขายังมีเผลอหลุดปากนินทาเรื่องต้นน้ำเข้าครัวทำอาหารเหนือกับแม่ผัวออกมากลางวงเหล้าจนฮาครืนทั่ววง เขาค่อนข้างพอใจอยู่มากที่ทุกคนให้การยอมรับแม้ว่ามันจะเป็นความรักที่ผิดธรรมชาติ โดยเฉพาะกับคนที่เคยเนื้อหอมสาวๆ ในหมู่บ้านแย่งกันมารุมล้อมเช่นเขา แต่ทุกคนก็ไม่ได้รังเกียจยังคงมีมิตรภาพให้เขาเหมือนเดิมอีกทั้งยังเผื่อแผ่ไปถึงต้นน้ำ จนกระทั่งเด็กหนุ่มผ่านมาพอดี

     ต้นน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาตั้งใจจะแวะมาดูสภาพแฟนของตนสักหน่อย เพราะจากสำรับที่เห็นเขากลัวชัยชัชจะดื่มหนักเกินไป แต่ในเมื่อเขาเองก็เป็นผู้ชายและก็อายุเกินสิบแปดปีแล้ว เมื่ออยู่ท่ามกลางสิงห์คอทองแดงมีหรือที่จะไม่ถูกชักชวน แต่ต้นน้ำก็ได้แต่ตอบปฏิเสธไปอย่างสุภาพและยิ้มให้กับผู้คะยั้นคะยอ ถ้อยคำจำพวก"ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ดื่ม"หรือไม่ก็"ไม่อยากดื่มครับพี่ชัชชอบดื่มหนัก ถ้าผมดื่มอีกคนใครจะดูแลกันละครับ"ถูกหยิบยกมาใช้เสียจนคนชวนต้องยกมือยอมแพ้ รวมไปถึงชัยชัชด้วยที่โดนสายตาเย็นๆ ส่งมาให้จนลดระดับความฮาร์ดคอร์ในการดื่มลงไปเยอะ

     “พึ่งสามแก้วเองครับต้น นะ วันนี้ยกให้พี่วันนึงนะ นานๆ จะได้เจอเพื่อนเก่าทั้งที”

     และก็เพราะสายตาดุๆ บนหน้านิ่งๆ กับสีหน้าแหยๆ ปนน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจของชัยชัชนี่เองที่ทำให้ทั่งวงฮาครืนพากันแซวถึงเรื่องที่ชัยชัชกลายเป็นพวกเกลียมัวไปในที่สุด แต่ละคนเริ่มลามปามถามถึงวิธีที่ต้นน้ำใช้ควบคุมชัยชัช จนท้ายที่สุดต้นน้ำก็สู้แรงแซวของสิงห์คอทองแดงไม่ไหวต้องยอมนั่งเป็นตุ๊กตาข้างกายให้ชัยชัชได้กระแซะอวดเพื่อนๆ พร้อมกับทำหน้าที่คอยเบรคสุราที่รินมาอย่างหนาในแก้วแฟนตัวเอง

     จนกระทั่งเวลาเลยไปใกล้เที่ยงคืนเหล่าสารถีทั้งหลายจึงแยกย้ายกันไปหาที่หลับที่นอนเพื่อพักผ่อนกัน เพราะพรุ่งนี้คณะทัวร์ยังต้องการคนขับรถอยู่

     ‘โชคดีชะมัดที่พี่ชัชไม่เมามาก’

     ต้นน้ำจำได้ดีถึงเวลาที่ชัยชัชเมา อาการยังไม่พูดมากเมาแล้วพล่ามแบบนี้ต้นน้ำคิดว่าชัยชัชน่าจะยังพอมีสติอยู่ ทั้งสองคนนอนห้องเดียวกับเตอร์และพี่ศักดิ์ซึ่งลุกออกจากวงไปก่อนแล้ว แต่ชัยชัชนั้นขี้เกียจไปแย่งคิวอาบน้ำในห้องเลยขอนั่งกินลมชมบรรยากาศอยู่อีกครู่หนึ่ง เขามองต้นน้ำที่ก้มๆ เงยๆ เก็บเศษซากของวงสุราลงถังขยะแล้วก็นึกขำอยู่ในใจ

     “ต้นพอเหอะ พรุ่งนี้ค่อยมาเก็บก็ได้”

     ต้นน้ำมองดูสภาพที่เคยเละเทะที่ดูดีขึ้นนิดหน่อยจากฝีมือตัวเองแล้วก็เดินไปนั่งข้างๆ ชัยชัช

     “สร่างขึ้นรึยังครับ? จะได้ไปอาบน้ำนอน พรุ่งนี้ต้องขับรถอีกนะครับ”

     ไม่รู้ทำไมเมื่อมองต้นน้ำที่กำลังส่งสายตาเป็นห่วงเป็นใยมาทางเขาแล้วชัยชัชเกิดอาการร้อนวูบวาบ ต้นน้ำที่อาบน้ำแล้วยังคงหอมกลิ่นพีชจางๆ เช่นเดิม พอปราศจากกลิ่นแอลกอฮอล์ยามนั่งอยู่กลางวงเหล้าเมื่อครู่แล้วกลิ่นพีชที่แผ่ออกมาจากร่างของต้นน้ำดูเข้มขึ้นเป็นพิเศษ กลิ่นที่เขาคุ้นเคยและไม่อยากให้เปลี่ยน ชัยชัชรู้ดีว่าตัวเองกำลังเกิดอารมณ์แต่เขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าสายตาของเขาที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และแรงปรารถนานั้นมันดูเลื่อนลอยสุดๆ

     “พี่ชัชครับ ถ้าง่วงก็ไปนอนสิครับ ดูสิเมาจะหลับอยู่แล้ว”

     อนิจา... ต้นน้ำคิดว่าเขาเมา ก็จริงเขาอาจจะเมาทั้งเหล้าและก็เมารักไปพร้อมๆ กัน ชัยชัชจึงยอมให้ต้นน้ำกึ่งจูงกึ่งลากไปยังห้องนอน

     ต้นน้ำเตรียมเสื้อผ้าให้ชัยชัชตามความเคยชิน เตอร์หลับไปนานแล้วบนเตียงเดี่ยวอีกฝั่งของห้อง ส่วนพี่ศักดิ์ก็จับจองฟูกนอนทั้งๆ ที่ยังไม่อาบน้ำ ต้นน้ำถอนหายใจให้กับกลิ่นไม่น่าพิสมัยที่กระจายอยู่ในอากาศ

     ‘อย่างน้อยๆ เราก็ไล่พี่ชัชไปอาบน้ำได้ เฮ้อ…’

     ต้นน้ำเตรียมทุกอย่างให้ชัยชัชแล้วจึงล้มตัวนอนลงอย่างไม่อยากจะสนใจ สองพ่อลูกเหลือเตียงเดี่ยวอีกเตียงไว้ให้เขา ต้นน้ำไม่คิดอะไรมากจึงรับน้ำใจนั้นไว้อย่างเต็มใจ ใช่ว่าเตียงจะเล็กมากจนนอนเบียดกันไม่ได้ แต่ต้นน้ำนั้นดันลืมไปว่า การนอนเตียงเดี่ยวขนาดสามฟุตครึ่งกับผู้ชายตัวโตๆ ที่กำลังของขึ้นแบบชัยชัชนั้นอันตราย!

     ชัยชัชออกจากห้องน้ำในสภาพสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย ต้นน้ำนอนตะแคงหันหน้าเข้าผนังห้องอีกแล้ว เขาเป็นพวกชอบนอนดิ้นกลิ้งไปกลิ้งมาส่วนต้นน้ำเป็นพวกชอบนอนตะแคงข้างคู้ตัว พี่ชายของเขาก็หลับลึกไปนานแล้ว เขารู้ดีว่าพี่ชายเขาเป็นพวกเมาแล้วเงียบยิ่งเงียบมากยิ่งเมามากยิ่งหลับลึกมาก ส่วนหลานเขาก็น่าจะหลับ... หวังว่ามันคงจะหลับ แต่ต่อให้หลับหรือไม่หลับเขาก็ไม่สนใจแล้วล่ะ

     ชัยชัชตรงเข้าไปจู่โจมคนที่นอนอยู่บนเตียงทันที!

     เพราะคืนก่อนชัยชัชก็คลานขึ้นเตียงมากอดตน ต้นน้ำจึงไม่ทันระวังตัวปล่อยเลยตามเลย จนสักพักหนึ่งนั้นแหละเขาถึงเริ่มรู้ตัวว่าครั้งนี้มันไม่ใช่แค่การกอด เพราะมือของชัยชัชนั้นเริ่มเลื้อยไปมาบนร่างกายของเขา ภายใต้ผ้าห่มที่ต้นน้ำดึงขึ้นมาคลุมจนถึงไหล่นั้นชัยชัชที่แทรกตัวเข้ามานอนแนบชิดกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่!

     มือของชัยชัชสอดเข้าไปใต้เสื้อของต้นน้ำพลางลูบไล้ไปมา ส่วนคอและใบหูของเขานั้นก็ถูกรุกรานเสียจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจกลิ่นมินท์ที่ยังคงหลงเหลือกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ จากความใกล้ชิด ต้นน้ำรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ตื่นตัวกำลังบดเบียดเข้ามาในระยะประชิดด้านหลังของเขา!

     “พี่ชัช อย่าครับ คนอื่น อุ๊!”

     ยังไม่ทันขาดคำชัยชัชก็ปิดปากต้นน้ำเสียแล้ว และเขาเองก็ไม่กล้าดิ้นขัดขืนเสียด้วย ต้นน้ำกำลังชั่งใจว่าสถานการณ์แบบไหนจะน่าอายกว่ากัน ระหว่างการที่เขายอมปล่อยให้ชัยชัชทำอะไรตามอำเภอใจโดยมีคนอื่นอยู่ร่วมห้อง หรือการที่เขาดิ้นขัดขืนจนผู้ร่วมห้องคนอื่นๆ ตื่นมาเจอเพราะเสียงที่ดังขึ้น

     “คร้าบ เมียจ๋า”

     “หยุดนะครับ เดี๋ยวคนอื่นตื่นหรอก”

     “ต้นก็เงียบๆ ดิครับ นะ”

     ระหว่างที่พูดมือของชัยชัชหาได้หยุดอยู่เฉยๆ และตอนนี้มันกำลังคืบคลานเข้าไปใต้กางเกงนอนของเขาแล้ว! สัมผัสที่ได้รับทำให้ต้นน้ำตกใจด้วยความรู้สึกแปลกใหม่จนเผลอหลุดเสียงร้อง

     “อื๊อ!

     เมื่อเห็นท่าทางบิดตัวกับเสียงครางหวานๆ ที่ต้นน้ำเผลอปล่อยให้เล็ดลอดออกมาเพียงแค่เขาสัมผัสเบาๆ ตรงส่วนปลาย ชัยชัชก็ยิ่งได้ใจ มืออันธพาลจึงรุกล้ำอย่างระรานมากกว่าเดิม ต้นน้ำที่ยังไม่ทันเตรียมใจแต่จู่ๆ ก็โดนบดขยี้แบบนี้จึงเริ่มมีอารมณ์ เขากัดริมฝีปากส่งเสียงฉุนๆ กระซิบลอดไรฟันออกมาห้าม

     “พี่ชัช อื๊อ! หยุด ไม่หยุดผมต่อยจริงๆ นะ”

     แต่มีหรือชัยชัชจะสนใจฟัง เขากระซิบกลับด้วยเสียงกวนๆ น่าหมั่นไส้ แถมยังจงใจกระซิบไปพร้อมๆ กับเล็มลิ้มชิมรสใบหูของต้นน้ำอีกต่างหาก คนเมายังคงหน้าด้านปฏิบัติการลวนลามแฟนต่ออย่างย่ามใจ

     “เบาๆ ดิ เดี๋ยวคนอื่นตื่นหรอกครับ”

     “อ๊า ไม่! หยุดนะพี่เมาแล้ว อึ๊...ฮ้า ปะไปนอนดีๆ เลยครับ”

     ต้นน้ำพยายามรวบรวมสติพูดอย่างยากลำบาก เสียงหายใจหนักๆ ของชัยชัชเริ่มกระเส่ามากขึ้นเรื่อยๆ พอๆ กับที่ต้นน้ำเริ่มหายใจได้ลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเพลิงร้อนรุมที่เผาผลาญเขาอยู่

     “ห้องน้ำครับ ฮ่า ห้องน้ำ พี่ชัช อื๊อ

     ชัยชัชมองสภาพของคนรัก ต้นน้ำนอนบิดตัวร้องขอด้วยสายตาวิงวอน ใบหน้าแดงก่ำฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตา ชัยชัชอัดอั้นจวนจะระเบิดอยู่แล้ว!

     “เอางั้นเหรอครับ ได้”

     และเมื่อชัยชัชผละออก ต้นน้ำก็รีบลุกขึ้นผลุบเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็วไม่รีรอ เขาล็อกประตูเสียหนาแน่นทิ้งให้ชัยชัชที่กำลังลุกออกจากเตียงเดินตามเขาเข้าไปไม่ทันต้องยืนเหวอเพราะงงว่าเกิดอะไรขึ้น!

     “สงบสติอารมณ์แล้วค่อยบอกผมนะครับ ไม่อย่างนั้นคืนนี้ผมจะนอนในห้องน้ำทั้งคืนจริงๆ ด้วย!”

     เสียงต้นน้ำพูดขึ้นเบาๆ ดังลอดออกมาจากประตูที่ขวางกั้นเขาอยู่ แต่ถึงจะเสียงเบาเพียงไหนเขาก็จับกระแสความเย็นเฉียบได้ในน้ำเสียงนั้น เขาเผลอทำต้นโกรธอีกแล้วสิเนี่ย?

     “อ้าว? ทำไมทำกันแบบนี้ละครับ ละจะให้พี่ทำให้มันสงบยังไงละคร้าบ มาช่วยกันหน่อยสิต้น”

     “ไม่รู้ละครับ มันขึ้นได้ก็ลงได้! พี่ชัชขึ้นเองก็ลงเองสิครับ ไม่เกี่ยวกับผม!”

     “โธ่ต้น... พี่ขอโทษครับ ออกมาเหอะ พี่ไม่ทำไรแล้ว อย่าทรมานตัวเองเลยน่า ห้องน้ำมันนอนไม่สบายหรอกคร้าบที่ร้าก”

     ชัยชัชได้แต่นั่งร้องไห้น้ำตาตกอยู่ในใจเงียบๆ คนเดียวพลางกระซิบถ้อยคำอ้อนวอนขอร้องง้อเมียให้ออกจากห้องน้ำไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ชะตากรรม

     ‘มะไหร่พี่จะได้ต้นทำเมียวะเนี่ย รอนานแล้วนะครับที่รัก สี่เดือนนี่พี่แทบจะสวมแหวนหมั้นให้มือขวาตัวเองแล้วนะเว้ยต้น!’

     สรุปว่าคืนนั้นกว่าต้นน้ำจะยอมออกจากห้องน้ำก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง ชัยชัชต้องอ้อนวอนงัดมาทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งมาปลอบ โดยดำเนินกิจกรรมทั้งหมดเบาๆ เพราะกลัวว่าพี่ชายตนเองจะตื่นขึ้นมาเตะเอาอีกต่างหาก แถมเมื่อต้นน้ำออกมาแล้วยังยื่นคำขาดไล่เขาให้ไปนอนบนพื้น แต่จะไม่ยอมก็ไม่ได้เพราะต้นน้ำท่าทางโกรธจัด รุ่งเช้าชัยชัชจึงตื่นขึ้นมาแบบปวดเมื่อยไปทั้งตัว

     แต่ต้นน้ำยังคงรักษามาตรฐานการใส่หน้ากากไว้ได้สูงเสมอต้นเสมอปลาย ชาวคณะแทบไม่มีใครรู้เรื่องเลยว่าเขากำลังทำศึกกับชัยชัชอยู่เงียบๆ แม้แต่สองพ่อลูกที่นอนห้องเดียวกัน ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลังคนอื่นต้นน้ำก็ยิ้มหวานให้ชัยชัชตามปกติ มีเพียงชัยชัชเท่านั้นที่อ่านแววตามึนตึงนั้นออก โชคร้ายที่ต้นน้ำเลือกนั่งรถคันอื่นตั้งแต่วันแรกและเป็นลูกพี่ของเด็กๆ ไปแล้ว ชัยชัชจึงไม่สามารถหาโอกาสเข้าไปง้อได้เลย จนกระทั่งการท่องเที่ยวจบลงทุกคนกลับถึงบ้าน
หัวข้อ: Re: [จบภาค1#5/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ตอนพิเศษ: หมาป่าVSเด็กเลี้ยงแกะ
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-10-2014 23:23:33

     และแล้ววันสุดท้ายของการกลับมาเยี่ยมบ้านช่วงสงกรานต์ก็มาถึง ต้นน้ำไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่าญาติๆ ของชัยชัชเตรียมพิธีผูกข้อมือไว้ให้เขา พิธีถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายมีแต่ญาติกับเพื่อนสนิทไม่กี่คนของครอบครัวเท่านั้น งานจัดขึ้นง่ายๆ มีเลี้ยงอาหารให้แขกพอเป็นพิธีให้ได้ล้อมวงทานไปสนทนากันไปมากกว่าดูเป็นการเลี้ยงแบบทางการ ชุดที่คนทั้งสองใส่ก็เป็นชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสบายๆ แม้จะไม่มีอะไรพิเศษแต่ต้นน้ำกลับรู้สึกตื้นตันใจ เขาไม่คิดว่าญาติพี่น้องของคนรักจะให้การยอมรับเขามากขนาดนี้

     มารดาของชัยชัชอวยพรให้เขา อีกทั้งยังสั่งสอนเขาให้ใจเย็นและอดทนหนักแน่นเสมือนผืนดิน รู้จักให้อภัยกันและกันเพราะธรรมชาติของชัยชัชนั้นเปรียบเสมือนไฟ แต่ถ้าชัยชัชทำอะไรที่ต้นน้ำทนไม่ไหวแม่สามีก็อนุญาตให้เขาตบได้ไม่ต้องยั้งมือ เล่นเอาต้นน้ำเผลอหัวเราะด้วยความขำ อีกทั้งยังหันไปสั่งสอนลูกชายตัวเองเสียยาวเหยียดให้รู้จักทะนุถนอมเขาไว้ให้ดี เพราะคนดีๆ แบบเขาไม่ใช่หาได้ง่ายๆ

     ‘เชื่อแล้วล่ะว่าผู้ใหญ่นี่ผ่านน้ำร้อนมาก่อนจริงๆ แม่พี่ชัชต้องรู้แน่ๆ ว่าเรากำลังงอนพี่ชัชอยู่’

     บรรดาคนหนุ่มกินเลี้ยงกันอย่างสนุกสนานจนกับแกล้มเริ่มหมด เตอร์จึงอาสาออกไปซื้อให้ ต้นน้ำจึงขอติดไปด้วย นับตั้งแต่ที่เขาสอนเตอร์เล่นกีตาร์ตัวเก่าของชัยชัช เตอร์ก็ตามติดเขาแจ แต่เพราะเด็กชายขับรถเก๋งไม่เป็นขับได้แต่รถสองล้อต้องเอามอเตอร์ไซค์คันเก่าในบ้านไป ต้นน้ำกลัวเตอร์ถือของกลับมาคนเดียวไม่ไหวจึงอาสาไปด้วย อีกทั้งเขายังอยากไปซื้ออะไรบางอย่างในร้านสะดวกซื้อ เตอร์ให้ต้นน้ำรอที่หน้าบ้านส่วนตัวเองขอตัววิ่งไปเอากุญแจรถ ต้นน้ำรออยู่ตามที่นัดแนะกันแต่คนที่เดินออกมากลับเป็นชัยชัช

     “อยากไปเซเว่นเหรอ พี่ไปด้วย ไม่ได้เห็นแถวนี้ซะนาน อยากไปขับรถเล่นหน่อย”

     ชัยชัชยืนยิ้มเผล่พลางโชว์กุญแจในมือ ต้นน้ำถอนหายใจทำสีหน้าเบื่อหน่ายใส่แฟนของตน

     “ขับไหวเหรอครับ มอเตอร์ไซค์นะ เดี๋ยวก็รถล้มหรอก”

     “โห! พี่ไม่ได้เมาถึงขนาดนั้น ไม่เชื่อใจกันบ้างเลยอ่ะ”

     ‘ยังมีหน้ามาทำหน้าแบ๊วอีก พี่ชัชไม่เคยสำนึกอะไรเลยจริงๆ ถ้าผมเชื่อพี่คืนก่อนก็คงไม่รอดแล้วครับ’

     ต้นน้ำจ้องมองแฟนหนุ่มตัวดีที่ยืนยิ้มอ้อนขอคะแนนสงสารอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ด้ายสีขาวที่ผูกอยู่บนข้อมือของคนทั้งคู่ดูแปลกตาจนเขาเผลอจ้องมองข้อมือของชัยชัชพร้อมๆ กับลูบเส้นด้ายที่ผูกอยู่บนของมือของตนไปมา เขาคิดอะไรบางอย่างในใจ... จนในที่สุดต้นน้ำก็ถอนหายใจพลางส่ายศีรษะ เขาเดินไปคว้าเอากุญแจรถมาไว้ในมือตัวเองก่อนจะพูดในสิ่งที่ทำให้ชัยชัชแปลกใจ

     “เอากุญแจมาเถอะครับผมขับเอง ขืนให้พี่ชัชขับผมกลัวตกข้างทาง”

     ว่าแล้วต้นน้ำก็เดินไปขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์พลางสตาร์ทเครื่องอย่างคล่องแคล่วท่ามกลางสายตาอึ้งๆ ของชัยชัช

     “ต้นขับมอเตอร์ไซค์เป็นด้วยเหรอ?”

     “จะไปมั้ยครับ? ถ้าพี่ชัชไม่ไปก็บอกทางมา ผมจะไปคนเดียว”

     “ไปสิครับที่รัก ดุจังอะ”

     ว่าแล้วคนตัวโตกว่าก็รีบวิ่งไปซ้อนท้ายสารถีจอมเฮี้ยบอย่างว่าง่าย ต้นน้ำขับตามคำบอกของชัยชัชไปเรื่อยๆ การขับขี่ของต้นน้ำไม่ได้อยู่ในระดับมือใหม่หัดขับเลยแม้แต่น้อย แขนของต้นน้ำประคองหน้ารถให้ทรงตัวได้อย่างมั่งคง ชัยชัชจึงวางใจจนซบลงบนไหล่ของต้นน้ำอย่างแนบชิด แต่ด้วยส่วนสูงที่มีมากกว่าจึงกลายเป็นการเกยคางไว้บนไหล่ของอีกฝ่าย แถมยังพาดสองแขนกอดเอวของต้นน้ำไว้ราวกับคนกลัวการซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์

     “พี่ชัช?”

     “ขอกอดหน่อยนะพี่เมา”

     “แล้วไหนเมื่อกี้บอกไม่เมาไงครับ”

     “น่าๆ เลิกงอนพี่ได้แล้วนะครับ”

     ชัยชัชพูดขึ้นด้วยเสียงที่ดังพอประมาณเพราะโดนลมตี เขาจึงถือโอกาสกอดต้นน้ำให้แน่นมากกว่าเดิม

     “พี่ไม่เห็นรู้เลยว่าต้นขับมอเตอร์ไซค์เป็นด้วย เก่งจังไปหัดมาจากไหนเหรอครับ”

     “แม็กซ์สอนครับ”

     ชื่อที่หลุดออกมาจากปากต้นน้ำทิ่มแทงใจของชัยชัชเสียจนเขาพูดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งเงียบๆ ไปตลอดทางจนถึงร้านสะดวกซื้อ เขามองต้นน้ำซื้อของตามใบสั่งจนเสร็จ ชัยชัชช่วยหิ้วถุงกับแกล้มมาวางไว้ให้ที่ตะกร้าหน้ารถ ขากลับนี้เขาเป็นฝ่ายขอขับกลับเอง ต้นน้ำไม่ว่าอะไรเพราะเห็นว่าชัยชัชค่อนข้างจะมีสติอีกทั้งทางก็ไม่ได้ไกลมากจึงยื่นกุญแจรถให้และเป็นฝ่ายหิ้วถุงขนมที่เหลือเอง

     ตั้งแต่กลับจากไปซื้อของชัยชัชก็ดูเงียบๆ ไป ชายหนุ่มกลับไปนั่งร่วมวงแต่ก็ดื่มน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แม้เจ้าตัวจะอ้างว่าเพราะวันรุ่งขึ้นต้องขับรถกลับแต่เช้าก็ตาม จนกระทั่งงานเลี้ยงเลิกรา ญาติสนิทมิตรสหายแยกย้ายกันกลับบ้าน ต้นน้ำช่วยมารดาของชัยชัชเก็บล้างจานชามเสร็จแล้วก็ขอตัวเข้าห้องเตรียมตัวอาบน้ำนอนหลับพักผ่อน แต่เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับแต่เช้าตรู่เขาจึงยังคงนั่งเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าและจัดข้าวจัดของอยู่โดยที่ยังไม่ได้จัดการธุระส่วนตัวจนกระทั่งชัยชัชเดินเข้าห้องมา

     “อ้าว ยังไม่ได้อาบน้ำเหรอต้น?”

     “ผมขอจัดกระเป๋าก่อนน่ะครับ นี่ชุดที่จะใส่พรุ่งนี้ผมเตรียมไว้ให้แล้ว พี่ชัชจะใช้อะไรอีกมั้ยครับ? นอกนั้นผมจะเก็บลงกระเป๋าแล้ว?”

     “เออ ตามใจต้นเหอะ งั้นพี่ขอตัวอาบน้ำก่อนแล้วกัน”

     “ครับ”

     จนกระทั่งชัยชัชอาบน้ำเสร็จต้นน้ำก็ยังวุ่นวายเก็บข้าวของไม่เสร็จ ของฝากที่มารดาของชัยชัชเตรียมให้เอากลับไปด้วยนั้นมีมากเหลือเกิน ต้นน้ำเดินเข้าเดินออกเช็คสัมภาระอย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อเข้าห้องมาแล้วจึงเห็นว่าชัยชัชนอนหลับไปแล้ว เขาจึงพยายามทำทุกอย่างให้เงียบที่สุดก่อนจะลุกไปจัดการตัวเองบ้าง เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็ได้เวลาพักผ่อน ต้นน้ำนอนลงบนตำแหน่งที่ชัยชัชเว้นว่างไว้อย่างระมัดระวังกิริยาเพราะเกรงว่าจะทำให้คนที่หลับไปแล้วสะดุ้งตื่น ทว่าชัยชัชไม่ได้หลับ! เป็นเวลาเดียวกับที่ต้นน้ำล้มตัวลงนอนชัยชัชก็หันมาคว้าเอวเขาไปกอดไว้ในอ้อมแขน

     “พี่ชัช? ยังไม่หลับเหรอครับ”

     “ยัง จะหลับได้ไงโดนเมียงอนอยู่แบบนี้”

     “ถ้ารู้ก็อย่าทำสิครับ”

     “นี่แค่กอดเฉยๆ เองนะ”

     เพราะต้นน้ำพูดขึ้นพร้อมกับตีเบาๆ ไปที่แขนปลาหมึกของเขา ชัยชัชจึงอดไม่ได้ที่จะประท้วง เขาเงียบไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมาเบาๆ

     “ต้นครับ ถามจริงๆ เถอะ ต้นเกลียดพี่เหรอ?”

     “ทำไมจู่ๆ ถึงถามแบบนี้ละครับ!?!”

     ‘ให้ตายเถอะ! ถ้าผมเกลียดพี่แล้วผมจะตามพี่มาถึงนี่หรือไงครับ พี่ชัชนะพี่ชัชถามมาได้!’

     “ก็ต้นไม่ยอมให้พี่แตะต้องอะ”

     คนทั้งสองเงียบไปพักหนึ่ง ต่างคนต่างมีเรื่องราวในใจ จนในที่สุดชัยชัชก็เริ่มเปิดปากต่อ แม้อ้อมกอดนั้นจะรัดแน่นเข้ามามากขึ้นแต่ต้นน้ำก็ไม่ขัดขืน เขาเต็มใจปล่อยให้ชัยชัชเรียกร้องเอาในสิ่งที่ควรได้

     “พี่รู้ตัวดีว่าพี่สัญญาอะไรกับต้นไว้ แต่ว่า... เมียจะปล่อยให้ผัวรอไปถึงเมื่อไหร่ครับ? เมื่อไหร่ที่ต้นจะพร้อมยอมเป็นของพี่อย่างเต็มใจซักที? พี่เป็นผู้ชายนะต้นเวลาที่พี่อยู่กับคนที่พี่รักพี่ก็อยากเป็นธรรมดา หรือว่าต้นไม่ต้องการพี่ครับ?”

     “ไม่ใช่นะครับ!”

     คงเพราะข้อหานั้นหนักเกินไปต้นน้ำจึงปฏิเสธเสียงหลง เขาคิดด้วยความอายอยู่ในใจ เรื่องแบบนี้เขาจะกล้าพูดได้อย่างไร เขาไม่กล้าบอกชัยชัชไปตรงๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ต้องการ

     ‘ใครบอกว่าผมไม่ต้องการพี่ชัชกันเล่า!’

     “งั้นมันอะไรละครับ? ถ้าต้นต้องการพี่เหมือนกันแล้วทำไมถึงปฏิเสธพี่ตลอดล่ะ?”

     คงเพราะต้นน้ำเอาแต่เงียบ นอกจากเสียงถอนหายใจอย่างอึดอัดใจแล้วก็ไม่ยอมพูดอะไร ชัยชัชจึงจับตัวอีกฝ่ายให้หันตะแคงมาหาเขาแทน เขยเชยคางของต้นน้ำเอาไว้แล้วก็ประทับสัมผัสเบาๆ ลงบนริมฝีปากที่เม้มสนิทอยู่นั้น

     “บอกพี่ไม่ได้เหรอครับต้น?”

     “ผม... ผมยังไม่พร้อมครับ ผมกลัว ขะ ขะขอโทษนะครับ”

     ต้นน้ำพูดแค่นั้นแล้วซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดของชัยชัชไม่ยอมเผชิญหน้ากัน แต่เพียงถ้อยคำสั้นๆ เพียงสองคำชัยชัชเองก็รู้ดีว่าต้นน้ำหมายถึงอะไร เขาจึงกระชับอ้อมกอดของตนด้วยความรู้สึกผิดที่กัดกินอยู่ในใจ

     “พี่ขอโทษนะ พี่ผิดเอง”

     “พี่ชัชไม่ผิดหรอกครับ ไหนๆ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว แต่ให้เวลาผมอีกหน่อยนะครับ ขอโทษนะครับที่ผมทำให้พี่ชัชมีความสุขไม่ได้”

     พอพูดแบบนั้นออกไปแล้วต้นน้ำก็เริ่มน้ำตาไหลเป็นทาง เขารู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่ตื้ออยู่ในอก แต่ชัยชัชกลับเจ็บปวดยิ่งกว่า แม้ท่าทีภายนอกจะนิ่งเฉยแต่ภายในใจนั้นเจ็บปวดกว่าร้อยเท่าพันเท่า ก็ในเมื่อคนที่ทำให้ต้นน้ำเป็นเช่นนี้คือเขาเอง ต้นน้ำไม่ผิดเลยแม้แต่น้อยที่จะกลัวคนที่เคยสร้างบาดแผลให้กับตน แม้บางครั้งคนสองคนจะรักกันแต่ในความรักนั้นก็เจือไว้ด้วยความหวาดกลัว ชัยชัชตั้งใจที่จะขจัดความกังวลของต้นน้ำออกไป เขาได้แต่สัญญากับตัวเองเงียบๆ เขารู้ซึ้งแล้วว่าการที่ไม่ยอมทะนุถนอมสิ่งสำคัญของตัวเองเป็นเช่นไร สิ่งที่เสียหายต่อให้ซ่อมแซมได้ก็ใช่ว่าจะเหมือนเดิม!

============================================
หัวข้อ: Re: [จบภาค1#5/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ตอนพิเศษ: หมาป่าVSเด็กเลี้ยงแกะ
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 06-10-2014 00:15:37

     ผลสอบประกาศออกมาแล้ว ต้นน้ำค่อนข้างได้คะแนนสูงทุกรายวิชา เขามั่นใจว่าตนต้องยื่นคะแนนผ่านแน่ๆ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เขากำลังลงมือเข้าครัวเตรียมอาหารอยู่เต็มโต๊ะแบบนี้ นอกจากอาหารไทยกลิ่นฉุนสีเข้มที่ดูท่าทางรสชาติเผ็ดร้อนแล้วก็ยังมีเค้กนมสดขนาดย่อมๆ วางเตรียมไว้ เค้กตกแต่งง่ายๆ ด้วยครีมสดสีขาวกับกีวี่ฝานบางๆ โรยเกล็ดน้ำตาลหลากสี มีเทียนตัวเลขปักไว้เด่นเป็นสง่าว่า “32” ใช่แล้ว! ต้นน้ำกำลังขะมักเขม้นทำอาหารเตรียมฉลองวันเกิดให้กับชัยชัช

   จนกระทั่งเข้มนาฬิกาชี้ไปที่เลขแปด เวลาสองทุ่มกว่าๆ ในที่สุดชัยชัชก็ฝ่ารถติดในกรุงเทพฯ กลับถึงคอนโดเพื่อฉลองวันเกิดให้ตัวเองได้ เขารู้ดีว่าต้นน้ำจัดงานฉลองเล็กๆ รออยู่ที่ห้อง เขาจึงไม่กล้าเถลไถลไปไหนแม้จะถูกตื้อพาตัวไปให้เป็นเจ้ามือเลี้ยงวันเกิดจากคนรู้จักหลายคน ชัยชัชได้แต่ปฏิเสธบอกไปตรงๆ ว่าต้องรีบกลับไปฉลองที่บ้านกับคนพิเศษ เขาทำพังเมื่อคราววันเกิดต้นน้ำมาแล้วคราวนี้เขาไม่กล้าทำพังในวันเกิดตัวเองอีกเป็นอันขาด อันที่จริงเขาเคยพยายามจะชดเชยวันเกิดย้อนหลังให้ต้นน้ำแล้ว แต่ต้นน้ำกลับตอบปฏิเสธชัยชัชจึงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ครั้งนี้เขาจึงตั้งใจเต็มที่ ชัยชัชเปิดประตูเข้ามาเห็นต้นน้ำที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์รอเขาอยู่ที่โซฟา

     “อ้าวพี่ชัช! กลับเร็วจังครับ นึกว่าจะดึกว่านี้ซะอีก?”

     ชัชชัยรีบเดินไปอ้อนต้นน้ำทันที ถ้อยคำของต้นน้ำฟังดูเหมือนเข้าใจ แต่พอฟังๆ ไปก็คล้ายจะด่าเขาอยู่กลายๆ

     “พี่โคตรหิวเลย มีไรกินบ้างครับต้น”

     “ไปอาบน้ำก่อนก็ได้ครับ ผมจะได้อุ่นอาหารให้”

     ต้นน้ำพูดพลางถือกระเป๋าเอกสารไปเก็บให้เขา ต้นน้ำเริ่มจัดแจงนำอาหารบนโต๊ะเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟให้ ชัยชัชจึงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว

     ‘โชคดีชะมัดที่คราวนี้ไม่มีเรื่องผิดพลาด ถ้านี่กูเผลอยอมไปกับพวกนั้นหน่อยนึงมีหวังต้นคงรอเก้อ คิดถูกจริงๆ ที่รีบกลับ ฉลองกับแฟนนี่มันมีความสุขกว่าจริงๆ แหละว่ะ’

     ชัชชัยนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารมองต้นน้ำค่อยๆ ทยอยอุ่นสำรับและเตรียมตักข้าวเสิร์ฟให้เขา เขาไม่แปลกใจที่เห็นเค้กแบบโฮมเมด แต่กับข้าวแบบไทยๆ หลายอย่างที่มากกว่าที่ทำให้เขาแปลกใจ ชัยชัชจ้องมองแกงป่าร้อนๆ หอมฉุยชามที่วางอยู่ตรงหน้าแล้วก็งงขึ้นมาทันที

     ‘ต้นทำแกงป่าให้กูเหรอวะ? จริงดิ!’

     “มีอะไรเหรอครับ หรือว่าพี่ชัชไม่ถูกใจอะไร?”

     “เปล่า แค่สงสัยว่าทำไมวันนี้จัดเต็มอาหารไทยให้พี่ขนาดนี้ล่ะครับ ถึงจะบอกว่าฉลองวันเกิดพี่ก็เถอะ”

     “อ้าว! ก็พี่ชัชบอกว่าชอบทานแกงป่าเนื้อไม่ใช่เหรอครับ?”

     “มันก็ใช่อะ แต่น้ำพริกกะปิผักจิ้มพวกนี้กับเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ผัดเผ็ดปลาดุกนี้ล่ะต้น? ปกติต้นไม่ชอบทานเผ็ดนี่?”

     “ก็ผมไม่รู้จะทำอะไรนี่ครับ เห็นพี่ชัชชอบอาหารไทยรสจัดๆ ก็เลยทำผัดเผ็ดให้ แต่ผมชอบทานเขียวหวานนี่นา ไหนๆ มันก็ใช้สมุนไพรคล้ายๆ กัน ประหยัดดีออกครับ พี่ชัชไม่ชอบเหรอ?”

     “ก็เปล่าหรอก...”

     ชัยชัชปฏิเสธอย่างจนใจ ความทุกข์ในใจเขาต้นน้ำคงไม่รู้หรอก เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขารวบตัวพ่อครัวหัวป่ามาประคองไว้บนตักหลวมๆ พลางพูดตัดพ้อ

     “ต้น... เฮ้อ! ไม่คิดจะให้พี่ได้นอนเลยรึไงครับที่รัก?”

     ต้นน้ำฟังแล้วไม่เข้าใจตามมุขไม่ทันก็เลยได้แต่ทำหน้างง ต้นน้ำช้อนสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามมองสบกับคนรัก

     “ก็ของพวกนี้มันรสจัดใส่กระชายทุกอย่างเลยนะต้น”

     “ใช่ครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ นี่ครับ ผมขี้เกียจซื้อวัตถุดิบมาเยอะๆ เลยเหมาทำของที่ใช้เครื่องแกงพื้นๆ ไปเลย ไม่ต้องเตรียมของเยอะ สะดวกและประหยัดดีออกครับ หรือพี่ชัชคิดว่ารสมันซ้ำกันเกินไปครับ? ผมขอโทษ”

     ต้นน้ำยังคงไม่เข้าใจอยู่เช่นเดิม สมองส่วนควบคุมความงกทำงานประสานกับส่วนดราม่า ในใจของเขาไพล่คิดเกรงแต่ชัยชัชจะตำหนิที่ทำมาแต่อาหารรสจัดซ้ำๆ กันทุกจาน

     “เฮ้อ... ต้นครับ เอาหูมานี่พี่จะบอกอะไรให้”

     เมื่อเห็นต้นน้ำยังไม่เข้าใจเสียทีชัยชัชก็เลยอ่อนอกอ่อนใจ หมาป่าอยากงาบลูกแกะแสนซื่อตัวนี้เหลือเกิน เจ้าหมาป่าวางแผนและเด็กเลี้ยงแกะก็พาซื่อก้มลงไปให้ชัยชัชกระซิบคำสารภาพให้ฟัง

     “ก็โบราณเขาว่ากันว่ากระชายเนี่ยเป็นยา กินแล้วคึกนะต้น พี่กลัวต้นจะไม่ได้นอนทั้งคืนแน่ๆ”

     “พี่ชัชก็... แล้วใครว่าผมจะค้างห้องพี่ชัชละครับ”

     คงไม่ต้องบอกว่าขณะนี้ใบหน้าของต้นน้ำนั้นแดงเถือกไปถึงใบหู เขาพยายามดันตัวเองออกจากตักของหมาป่าเจ้าเล่ห์ แต่มีหรือที่จะรอดได้ง่ายๆ

     “ทานข้าวเถอะครับ เดี๋ยวเย็นหมด ผมอุตส่าแสดงฝีมือครั้งแรกเลยนะครับ พี่ชัชจะไม่ชิมหน่อยเหรอ”

     “งั้นถ้าพี่กินข้าวเสร็จแล้วพี่ขอชิมต้นด้วยได้เปล่าล่ะ มื้อเย็นต้นแสดงฝีมือแต่เดี๋ยวมือดึกพี่ขอแสดงฝีมือเอง”

     “มะไม่รู้ครับ! ปล่อยผมเลย ไม่ปล่อยผมโกรธจริงๆ ด้วย”

     “ฮ่าๆ ไม่รู้แปลว่าไม่ได้ห้ามใช่ป่ะ แปลว่าตกลงก็ได้ใช่มั้ยต้น”

     อาหารที่อร่อยที่สุดอาจจะไม่ได้เกิดจากรสชาติของอาหารหรือหน้าตาที่สวยงามเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความใส่ใจของคนทำ ชัยชัชทานอาหารเย็นฉลองวันเกิดให้ตัวเองอย่างมีความสุขที่สุดนับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ เพียงลำพัง ในที่สุดวันนี้เขาก็ได้ฉลองวันเกิดกับครอบครัวเสียที เด็กผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้แม้จะไม่สามารถทำอะไรให้มันถูกกฎหมายได้ แต่เขาเชื่อว่าต้นน้ำจะเป็นครอบครัวของเขาตลอดไป

     หลังอาหารเย็นมีหรือที่ชัยชัชจะปล่อยต้นน้ำกลับไปง่ายๆ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็เอาด้วยคาถา ไม่ได้มากๆ ก็หน้าด้านใช้กำลังไปเลยคือคติของชัยชัชมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แม้จะตื้อบอกว่าชวนทานเค้กเป็นของหวานล้างปาก แต่เขาก็จัดแจงยกเค้กก้อนนั้นไปรอที่โซฟาบอกว่าอีกสักพักถ้าอาหารย่อยแล้วค่อยลองชิม ต้นน้ำที่รอลุ้นผลอยู่จึงต้องตกลงนั่งเป็นเพื่อนดูรายการโทรทัศน์ยามดึกด้วยกัน ต้นน้ำเฝ้ารอคำวิจารณ์จากแฟนหนุ่มด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม

     ‘ไม่รู้ว่าเราคิดมากไปรึเปล่า ทำไมวันนี้พี่ชัชดู...’

     ต้นน้ำแน่ใจว่าตนไม่ได้เสิร์ฟแอลกอฮอล์ให้และไร้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจของชัยชัช เขาคิดว่าแฟนของตนไม่น่าแวะไปฉลองที่ไหนก่อนกลับ แต่ใบหน้าแดงระเรื่อกับสายตาหวานเชื่อมนั้นช่างดูเมามายเหลือเกิน

     “ป้อนพี่หน่อยดิต้น อยากกินเค้กแล้ว”

     “ทำไมไม่กินเองละครับ”

     “โหใจร้ายอ่ะ นะๆ นะคร้าบที่รัก ป้อนพี่หน่อยนะ มือพี่กดรีโมทอยู่”

     “ก็เลือกเอาซักช่องสิครับ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่นั่นแหละ”

     ถึงจะพูดแบบนั้นแต่งต้นน้ำก็ยังตักเค้กเป็นคำเล็กๆ ส่งถึงปากของชัยชัชอยู่ดี

     ชัยชัชนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาดูโทรทัศน์อย่างสบายอารมณ์โดยมีแฟนสุดที่รักคอยป้อนเค้กเข้าปากเรื่อยๆ ลูกแกะเชื่องๆ ที่แสนซื่อตัวนี้ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์กำลังวางแผนอะไรไว้ เพราะต้นน้ำมัวแต่ลุ้นว่าเค้กของตนจะถูกปากชัยชัชหรือไม่มากจนเกินไป

     “เป็นไงบ้างครับพี่ชัช ใช้ได้รึเปล่า?”

     “ก็อร่อยดีนะ แต่พี่ว่าหวานอีกนิดน่าจะดี”

     “เอ๊ะ! ยังไม่หวานพอเหรอครับ? ผมว่าสูตรนี้ก็ใส่น้ำตาลเยอะแล้วนะ”

     “แต่พี่ว่าอีกหน่อยน่าจะดีกว่า ไม่เชื่อต้นลองชิมดูสิ”

     ว่าแล้วชัชชัยก็ดันมือที่ถือเค้กรอป้อนตนอยู่กลับไปทางต้นน้ำด้วยแรงที่คำนวณมาอย่างดี เค้กชิ้นเล็กๆ บนช้อนจึงหล่นลงบนตัวต้นน้ำ เนื้อครีมสีขาวกระจายตัวเลอะอยู่บนเสื้อ

     “อ้าว! เลอะซะแล้ว โทษทีนะ เดี๋ยวพี่เช็ดให้ละกัน”

     “พี่ชัช!”

     ถึงชัยชัชจะพูดแบบนั้นแต่สีหน้าและแววตาที่วาววับนั้นมันช่างดูหื่นกระหาย แรงผลักเบาๆ ถูกส่งมาบังคับให้ต้นน้ำต้องเอนราบลงไปตามเบาะ ชัยชัชพลิกตัวคร่อมต้นน้ำเอาไว้ทันที ข้อมือทั้งสองถูกตรึงเอาไว้ด้วยแรงจากมือที่แข็งแรงกว่าทั้งสองข้าง ช้อนคันเล็กๆ ตกจากมือของต้นน้ำกระทบพื้นส่งเสียงดังขึ้นเสมือนการประท้วงเบาๆ

     “ละ ละเล่นอะไรครับพี่ชัช?”

     “พี่ก็จะเช็ดที่พี่ทำเลอะให้ต้นไงครับ”

     “ไม่ต้องก็ได้ครับ ผมเช็ดเองดะ

     แต่ช้าไปแล้ว ปากของชัยชัชกำลังปฏิบัติการเลียคราบครีมที่เลอะอยู่บนเสื้อของเขา สัมผัสของลิ้นแรงพอจะสื่อผ่านมาถึงหน้าท้องใต้ผืนผ้า ต้นน้ำรู้สึกจั๊กกะจี้จนหลุดเสียงหัวเราะ

     “อึ๊! ฮ่ะๆ ไม่เอานะครับพี่ชัช ผมจั๊กกะจี้นะ พอแล้ว!”

     แต่ชัยชัชกลับไม่ยอมหยุดเสียทีและเสื้อเขาก็เริ่มเปียกแล้ว ชัยชัชขยับจุดสัมผัสขึ้นมาเรื่อยๆ จนใกล้หน้าอกเขามากขึ้น

     “พี่ พี่ชัช ไม่เล่นแล้วครับ!”

     ต้นน้ำเริ่มขำไม่ออกเสียแล้วสิ งานนี้เขารู้สึกได้ว่าชัยชัชเอาจริง แต่อันที่จริงการที่ชัยชัชทำกับเขาแบบนี้ก็ใช่ว่าเขาก็จะรังเกียจอะไร จริงอยู่ที่เขาเขินแต่เขาไม่ได้กลัว เขาไม่ตื่นตระหนกกับสัมผัสแบบนี้และชัยชัชในเวลานี้ก็ไม่ได้น่ากลัว ที่สำคัญวันนี้เป็นวันเกิดของชัยชัช ต้นน้ำจึงตัดสินใจที่จะเล่นไปตามเกมกับชัยชัชอีกสักพักโดยไม่รู้เลยว่าตนนั่นแหละที่จะถูกกินรวบจนหมดกระดาน!

     ริมฝีปากของชัยชัชคาบเอาชายเสื้อของต้นน้ำถลกขึ้นจนเห็นหน้าท้องขาวๆ สายตาหิวกระหายของชัยชัชดูวิงวอนเสียจนต้นน้ำไม่กล้าสบตา

     “ขอพี่ชิมอีกนิดได้มั้ยครับที่รัก”

     “ก๊ะ ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ”

     เพราะตนยังถูกจองจำอยู่นั่นเอง ต้นน้ำจึงไม่สามารถขยับตัวหนีได้แต่หลบสายตาชวนเขินอายนั่นด้วยใบหน้ากับเสียงเชิ่ดๆ

     ลิ้นที่ลากไล้ไปมาชิมรสชาติของเขาทุกพื้นที่อย่างหนักหน่วงเสียจนต้นน้ำได้แต่นอนกัดฟัน เขาไม่รู้เลยว่าจังหวะหายใจของตนกลายเป็นหอบกระชั้นถี่ๆ ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และที่สำคัญเวลานี้มือของเขาเป็นอิสระแล้ว เพราะมือที่เป็นอิสระของชัยชัชกำลังเลื่อนไปที่เป้าหมายด้านล่าง อุ้งมือของหมาป่าได้เล็ดลอดผ่านขากางเกงของต้นน้ำจนถึงต้นขาของเขาแล้ว!

     ใช่ว่าต้นน้ำไม่เคยกับประสบการณ์แบบนี้ แม้เขาจะเคยตกอยู่ในสถานการณ์ทำนองนี้กับแม็กซ์มาก่อน แต่ตราบใดที่ร่างกายไม่ได้รวมตัวกับหัวใจ ความรู้สึกของเขาก็ยังไม่ชัดเจน แต่เวลานี้ต้นน้ำผ่อนคลายมากกว่าที่เคย ความอ่อนโยนของชัยชัชทำให้ต้นน้ำลืมตัวปล่อยให้ชัยชัชรุนรานอย่างได้ใจ

     “พี่ว่าตรงอื่นของต้นก็อยากให้พี่ชิมนะครับ”

     พูดไม่พูดเปล่ามือของชัยชัชยังจับไปที่ส่วนนูนแข็งของต้นน้ำ ต้นน้ำได้สติทันที! มือของเขาได้แต่วางทาบทับฝ่ามือที่ใหญ่กว่าอย่างหยุดยั้ง แต่สายตาที่เร่าร้อนของชัยชัชก็ทำให้ต้นน้ำเป็นฝ่ายยอมแพ้ ชัยชัชรักษาสัญญาทุกอย่าง เขาเฝ้ารอให้ต้นน้ำอนุญาตอย่างซื่อสัตย์ ต้นน้ำรู้ดีแต่ก็ขลาดอายเกินกว่าจะพูดอะไร แม้จะเคยกลัวแต่ชัยชัชตอนนี้หาได้น่ากลัวเช่นเคย กลหมากเกมนี้ช่างเป็นหลุมพรางที่หลอกล่อเสียจนต้นน้ำพร้อมใจกระโดดลงไป

     “ต้นไม่เคยใช่มั้ยล่ะ พี่ว่าพี่ควรจะสอนให้นะ บางทีเราก็ควรยื่นมือเข้าช่วยธรรมชาตินะครับ”

     ลูกอ้อนแบบนี้ทำเอาต้นน้ำปฏิเสธไม่ถูกเลยทีเดียว เด็กเลี้ยงแกะจอมดราม่ากำลังจะแพ้ทางหมาป่าขี้บังคับเข้าเสียแล้ว ชัยชัชเลื่อนตัวขึ้นมาจูบต้นน้ำแทน ชัยชัชพรมจูบพร้อมคำกระซิบเบาๆ โดยที่ฝ่ามือก็เคล้นคลึงร่างกายของต้นน้ำไปพร้อมๆ กัน

     “ถ้าไม่ห้ามพี่แปลว่าตกลงนะ ถ้าไม่ตกลงก็ต้องหยุดพี่รู้เปล่า”

     ‘เอาเปรียบผมแบบนี้แล้วผมจะห้ามพี่ชัชได้ยังไงละครับ’

     ต้นน้ำได้แต่ปล่อยเลยตามเลยให้ชัยชัชชักนำเขาไป เด็กเลี้ยงแกะตกเป็นเบี้ยล่างของหมาป่าเสียแล้ว ไม่สิ! ถ้าพูดให้ถูก เขาเป็นของชัยชัชมาตั้งนานแล้ว ทั้งร่างกายและหัวใจ และตอนนี้เขาก็พร้อมที่จะมอบทั้งหมดที่เขามีให้กับชัยชัชตอบแทนสำหรับความรักที่ชายหนุ่มมีให้กับเขาเช่นกัน

     เด็กเลี้ยงแกะได้แต่หลับตาลงปล่อยให้หมาป่า“เลีย”แสดงความรักกับเขาเรื่อยๆ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ...

============================================


- ทิ้งท้ายกับชัยชัช -

     มองสีหน้าเหยเกของต้นแล้วมีความสุขชะมัด! ภาพที่ต้นนอนบิดตัวครางเบาๆ มันเร่งเร้าผมจนแทบบ้า! ต้นกำลังทรมานด้วยความสุขสมจากปลายลิ้นของผมอยู่ ไม่เคยโดนละสิไอ้น้อง หึๆ ครั้งนี้ผมยอมทุ่มทุนทุกอย่าง ไอ้ที่เคยโดนแต่ไม่เคยคิดว่าต้องทำก็จำเป็นต้องทำ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นผมคงอ้วกไปแล้ว แต่นี่เป็นไอ้ต้น เอาวะ! โดนถึงขั้นนี้แล้วมันจะใจแข็งไม่ยอมให้ผมเอาก็ใจร้ายเกินไปละ

     แรงจิกจากมือเรียวๆ ของต้นทึ้งศีรษะของผมจนเจ็บ เสียงครางงุ้งงิ้งดังขึ้นเบาๆ สายตาชุ่มฉ่ำที่หยาดเยิ้มไปด้วยน้ำตาแห่งความกระสันกำลังวิงวอนผมอย่างเอียงอาย ผมไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรมากไปกว่านี้แม้ว่าในหัวของผมจะคิดไปถึงไหนต่อไหน แต่ใครๆ ก็รู้... ในวันเกิดเรามักจะได้ของขวัญพิเศษเสมอๆ และวันนี้ก็วันเกิดผม ผมต้องได้เดะ!

     “ทำเถอะครับพี่ชัช ผมไม่ไหวแล้ว”

     เสียงร้องปนหอบของต้นดังขึ้นเบาๆ แต่มันดังชัดเจนที่สุดในชีวิตผม!

     “ว่าไงนะครับที่รัก?”

     ขอพี่ฟังให้ชัดๆ อีกทีสิครับ หึๆ

     “อย่าแกล้งผมสิครับ ผมยอมพี่ชัชแล้ว”

     สุดที่รักของผมหน้าแดงเถือก แดงไปทั่วทั้งตัวเลยนะต้น ของซิงๆ ก็งี้ เชื่อแล้วว่ามันไม่เคยเสียดสีลูกตัวเอง แดงน่ารักเชียว ฮ่าๆ เดี๋ยวพี่จะเอาให้แดงทั้งหน้าทั้งหลังเลยต้นเอ้ย! หุบไม่ลงแน่ๆ!

     “ต้นโอเคจริงๆ เหรอครับ พี่ไม่อยากฝืนใจต้นนะ”

     “ผมโอเคครับ นะ ...เลยเถอะ ผมไม่ไหวแล้ว”

     “พร้อมแล้วเหรอครับต้น แต่พี่ยังไม่ได้เตรียมอะไรเลยนะ!”

     เสียงสวรรค์! ผมใช้แค่ลิ้นเองนะครับนั่น ยังไม่ทันจะสอดนิ้วเข้าไปช่วยผ่อนคลายข้างในนั้นเลย ต้นกลับเร่งผมซะแล้ว ถึงผมจะหื่นแต่ก็ไม่อยากทารุณกับมันนะคร้าบ! หรือเมียผมติดใจแบบสดๆ ซาดิสต์ๆ วะ?

     “เดี๋ยวก็เจ็บแบบคราวที่แล้วหรอก ถ้าพี่ทำไปแล้วพี่หยุดไม่ได้ละนะ ถึงต้นจะห้ามพี่ก็หยุดไม่อยู่แล้วนะครับ”

     ผมขยับตัวขึ้นมาจูบต้นที่ขมับเบาๆ ตัวของเราทาบทับกันแบบนี้ ผมรู้ว่าต้นสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของผมแน่ๆ 

     “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถึงมันจะเจ็บแต่สุดท้ายพี่ชัชก็จะทำให้ผมมีความสุขไม่ใช่เหรอครับ ผมยอม”

     ต้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แทบจะคราง น้ำเสียงของต้นไม่ได้ล้อเล่น ผมรู้ว่าคราวนี้ต้นยอมผมแล้วจริงๆ สำเร็จแล้วครับพี่น้อง! ผมได้ฟันเมียตัวเองแล้วครับ ฮ่าๆ

     เมียผมเว้าวอนมาขนาดนี้ สามีที่ดีอย่างผมก็มีหน้าที่สนองความต้องการของเมียใช่มั้ยครับ งั้นคุณผู้อ่านช่วยมองโคมไฟหัวเตียงไปก่อนแล้วกัน ไม่ดิ! นี่มันห้องรับแขกไม่ใช่ห้องนอน เอาเป็นว่าอยากมองอะไรก็เชิญตามสบายแล้วกันครับ ผมขอตัวไปปฏิบัติภารกิจปลดเปลื้องความทุกข์ให้เมียผมก่อนล่ะ ฮ่าๆ

     พี่จัดหนัดจัดเต็มแบบนอนสต็อปทั้งคืนแน่ต้นเอ้ย...

============================================


พี่ชัชกับน้องต้น ศีลเสมอกันดีนะคู่นี้

เก็บตกจากคนเขียน
1. อิพี่ชัชเป็นเด็กเอ็นแต่น้องต้นเป็นเด็กแอดมิชชั่น ฮ่าๆ
2. พระเอกเรื่องนี้หื่นมาก
3. คนแต่งราศีเมษ ดังนั้นอย่าถามว่าเอาต้นแบบพี่ชัชมาจากใคร เห็นๆ กันอยู่ แต่รักใครรักจริงๆ นะตะเอง \(^o^)/
4. พยายามเขียนภาษาเหนือ แต่ยากอิ๋บอ๋าย คนแต่งเป็นกทม. แถมลำปางมีภาษาถิ่นกับคำลงท้ายแปลกๆ ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยชาวเหนือทุกท่าน แต่ก็คิดว่ามันน่ารักดีถ้าอิพี่ชัชมันจะแอ๊บ"เปิ้น"กับคนในครอบครัว เพราะเฮียมันกะล่อนจอมแหล
5. จริงๆ มีกฏหมายรถป้ายแดงอยู่(ห้ามวิ่งกลางคืน) แต่พี่ชัชสนที่ไหน เจอก็ยัด ไม่เจอก็ชิลๆ มีเยอะนะพวกมาทำงานในเมืองกรุงพอถอยรถได้ก็ต้องขับกลับบ้านทั้งๆ ที่ยังขับไม่แข็ง ค่านิยม?
6. ตั้งใจไว้แล้วว่าภาค1ใสๆ ไร้เรท ดังนั้นคนแต่งเลยตัดฉับ แต่ถ้าสงสัย ขอบอกว่ามีจริงๆ นะ คนที่ไม่เคยช่วยตัวเอง พวกที่บ้านเคร่งๆ อะไรแบบนี้อ่ะ ดังนั้นถึงน้องต้นจะแรดแต่ใสมาก ไม่เค๊ยไม่เคยได้แต่นอนนิ่งๆ อ่อยผู้ให้ลงมือตลอด รายที่1คือแม็กซ์ รายที่2คือพี่ชัช แต่ถ้าให้พี่ชัชเป็นคนบรรยาย อะไรๆ มันก็เสื่อมแบบนี้แหละ


จบภาค1จ้า!  เกลี้ยงแล้ว ฮ่าๆ  :laugh: :laugh:
ภาค2เนื้อเรื่องตอนต่อไปมันต้องแซ่บขึ้นอยู่แล้ว รับรองความปวดตับกว่าเดิม ดราม่าสะใจ(หรืออีกนัยนังน้องต้นขยันสร้างเรื่อง) แต่ที่พิเศษคือหนุ่มๆ อื้อ!

่่่
   AzureIce อยากขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริงๆ ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านกัน ขอบคุณสำหรับคนเม้นท์มากๆ แม้จะโคตรน้อย(ทั้งเรื่องถึง10คนป่ะวะ?) แต่คนกดเข้ามาอ่าน4พันกว่าคน ตัวเลขเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่อัพตอนใหม่ เห็นแล้วก็ปลื้มใจละ
   แอบท้อนะ คิดเสมอว่ามันอาจจะไม่สนุก เลยไม่มีใครอยากเม้นท์ แต่พอลองๆ เดาทางนักอ่านดูทำให้คิดตรรกะบ้าๆ ได้ข้อนึง "ปวดตับเกินไป"
   มันดราม่าเกินไปใช่มั้ย? หน่วง เรียลเกิน ชวนอึดอัด คนอ่านอินแต่พูดอะไรไม่ออกตามคุณน้องต้น ฮ่าๆ ดังนั้นเราก็จะก้มหน้าก้มตาทนอัพนิยายไปเรื่อยๆ เอาซี่ ถ้ายังมีคนอ่านฉันก็จะยังอัพ พวกราศีเมษมันดันทุรังสูงจริงๆ กรุณาอย่าไปเอาอะไรมากกับอิพวกแกะไฟลุก!
   เราเตรียมความพร้อมที่จะโดนโดดเดี่ยวเอาไว้ละ ภาค1ปวดตับแค่ไหน ภาค2จัดไปแบบดับเบิ้ล! ดังนั้นคนอ่านอาจจะเกลียดเรามากกว่าเดิม เหอๆ (เศร้าว่ะ)
   เราจะเขียนนิยายดราม่าที่โคตรหื่นให้ได้ แต่นิยายหื่นๆ ของเราจะไม่ใช้จุดขายเป็นฉากเซ็ก! และถ้าเราจะเขียนฉากเซ็กมันต้องเขียนให้ได้อารมณ์คนรักกันจริงๆ เราตั้งปณิธานเอาไว้แบบนี้แหละ ฮ่าๆ


ฝากตามติดชีวิตน้องต้นต่อด้วยน้า
หัวข้อ: Re: [จบภาค1#5/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ตอนพิเศษ: หมาป่าVSเด็กเลี้ยงแกะ
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 06-10-2014 06:30:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบภาค1#5/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ตอนพิเศษ: หมาป่าVSเด็กเลี้ยงแกะ
เริ่มหัวข้อโดย: mamiya ที่ 07-10-2014 07:57:16
สนุกดีค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: [จบภาค1#5/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ตอนพิเศษ: หมาป่าVSเด็กเลี้ยงแกะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 07-10-2014 09:16:32
นิสัยตัวละครทำให้เกลียด จนเราอินมาก แบบอ่านไปก็อึดอัด เกลียดมันว่ะ ไรประมาณนี้นะคะ ไม่ใช่ไม่สนุก สนุกนะ แต่หน่วงมาก บางทีเครียด ๆ มาก็นะ ยังไม่พร้อม กับอารมณ์นิยายหน่วงอะ กว่าเราจะอ่านเรื่องนี้คือ หัวโล่ง โปร่ง มันหนักหนาสาหรรถ์มากนะคะ 555 อ่านละเกลียดต้น เกลียดพี่ชัช เกลียดพ่อต้น รักอากง เกลียดต้น แบบ ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจได้นะคนเรา ภาวะความแค้นมันบีบบังคับ ยอมทำทุกอย่างเพื่อประชด ส่วนพี่ชัช นี่คือ ดีละฟ่างที่ทิ้งผู้ชายแบบนี้คบไปเสียเวลาตัวเองอะ ส่วนต้นนี่ก็บ้า ประสาท ทิฐิไม่เข้าเรื่อง เอาเถอะถึงมันจะเป็นเรื่องที่ทีอยู่จริง แต่นายก็ ทำให้ฉันเกลียดจนถึงขนาดที่โดนชัชข่มขืน แล้วฉันไม่สงสารนาย แม้จะเจ็บตัวก็ไม่สงสาร ไม่แปลกที่จะไม่ให้อภัยพ่อ เพราะพ่อต้นแม่มก็เอี้ยอะ ขอใช้คำนี้เถอะ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเอาคนประเภทนี้มาเก็บไว้ให้รกสมองไหมอะ หมดคำพูดกับต้นและพี่ชัช ส่วนแม็กซ์ รักจนประสาท หมาบ้ามากนายแม็กซ์

สรุป ขอบคุณที่อัพจนจบนะคะ จะรอติดตามภาคสอง
หัวข้อ: Re: [จบภาค1#5/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ตอนพิเศษ: หมาป่าVSเด็กเลี้ยงแกะ
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 08-10-2014 01:13:05

ขอคุณทุกกำลังใจจ้า  :mew1:

เหมือนคำว่า "หน่วง" จะกลายเป็น "ซิกเนเจอร์" ของนิยายเรื่องนี้ไปซะแล้ว ฮ่าๆ  :hao7:

ขอบคุณมากๆ เลย  :-[
เป็นคำชมที่ทำให้เรามีกำลังใจมาก ทำให้เราสบายใจว่าอย่างน้อยๆ นิยายของเราก็มีคนตามอ่านนะ แต่มันหน่วงจนคนอ่านปวดตับ ฮ่าๆ
แอบอมยิ้มภูมิใจว่าตัวเองประสบความสำเร็จ เขียนต้นน้ำออกมาได้น่าสงสาร แต่คนอ่านสามารถเข้าใจได้ว่าน้องต้นทำตัวเอง จริงๆ ชีวิตฮีก็ไม่ได้แย่แต่ฮีแก้ปัญหาห่วย ซึ่งเรามองว่าเป็นภาพสะท้อนที่ดีนะ ในสังคมยังมีคนอีกมากที่เป็นแบบฮี ส่วนพี่ชัชขออุบไว้ก่อน เฮียแกยังมีเรื่องห่วยๆ อีกเยอะ! และแน่นอนเราจะทำให้ทุกคนรักแม็กซ์มากกว่าเดิม ฮ่าๆ

เราจะตั้งใจทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด รับรองจะหน่วงมากกว่าเดิม3เท่า! เอ๊ะยังไง  :o8:

พร้อมกันแล้วใช่มั้ย มา!


(http://image.ohozaa.com/i/e0c/ySCggk.gif)

หัวข้อ: Re: [จบภาค1#5/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ตอนพิเศษ: หมาป่าVSเด็กเลี้ยงแกะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 08-10-2014 04:06:12
ปวดตับ ×3 ทำใจเกลียดต้น และพี่ชัชล่วงหน้า 555 ปล.แม็กซ์มันบ้าไปนะบางที รักจนหลอน ประสาท ถ้าเยอะไป เราอาจจะรำคาญมากกว่ารัก คือ ตอนนี้ก็แบบ เพลียๆๆกะนายแม็กซ์ เขาไม่เอาก็ยังจะยึดไว้เพื่อ
หัวข้อ: Re: [8/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - Character ในเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 08-10-2014 11:29:37
** กำลังพยายามอัพเดทคาแรคเตอร์อยู่จ้า แต่เหมือนจะใส่ตารางได้ทีละไม่กี่อัน กำลังพยายามหาทางแก้ปัญหาอยู่เน้อ
 :katai4:

Character

(http://image.ohozaa.com/i/5c5/oghOJw.jpg)  ชัยชัช พรหมโรจน์
     เซลล์ขายยาหนุ่มวัยกลางคน ในสมองมีแต่เรื่องหื่นๆ ชอบแกล้งแซวคนอื่นแต่ไม่มีพิษไม่มีภัย ปากหมาชอบหาเรื่องชาวบ้าน เจ้าอารมณ์จนถึงขั้นอาละวาด ขี้เกียจตัวเป็นขนแต่ถ้าอยู่ในโหมดทำงานจะแปลงร่างเป็นโปรเฟสชั่นนอลน่าเชื่อถือสุดๆ รักต้นน้ำมาก หวงเมียสุดๆ ขี้หึงเป็นที่หนึ่ง

(http://image.ohozaa.com/i/2cc/YzCakX.jpg)  ต้นน้ำ พิสุทธิจักร
     หนุ่มฟิสิกส์ปี2 ชอบตีหน้านิ่งเหมือนสวมหน้ากาก ทำตัวเงียบๆ แต่ใจจริงเก็บกดขี้บ่นขี้วีนอยู่ข้างใน ปากจัดกัดเจ็บแต่จะแสดงออกเฉพาะกับคนที่สนิทเท่านั้น นิสัยดราม่าเจ้าน้ำตาชอบทำเรื่องง่ายๆ ให้ยุ่งยากเพราะทิฐิตัวเอง ขี้ประชดประชัน ตอแหลถึงขั้นสตรอเบอร์รี่เรียกพี่ แอ๊บได้โล่

(http://image.ohozaa.com/i/7a5/gfqoA3.jpg)  เมษ(า)
     เมษ หรือ เมษา สาวประเภทสองเพื่อนซี้ของต้นน้ำที่บังเอิญสนิทกันเพราะเรื่องราวบางอย่าง รักต้นมากเหมือนน้องสาว(!?!) คอยดูแลและให้คำปรึกษามาตลอด รู้ความลับทุกเรื่องเพราะต้นไม่เคยปิดบังเมษ ซี้กันถึงขนาดหอบเสื้อผ้าไปนอนค้างกับต้นบ่อยๆ โดยที่พี่ชัชไม่หวง(และห่วงต้น) ชอบจิกกัด(แต่ก็ยังแพ้ต้น) ปากร้ายแต่ใจดี
     เมษเป็นลูกสาว(?)ร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ จึงตั้งใจทำงานทุกอย่างเพื่อเก็บเงินผ่าตัดแปลงเพศ พอได้รู้จักกับพี่ชัชก็ใฝ่ฝันอยากพบรักกับหมอ(หนุ่มๆ)กับเขาบ้าง
**สถานะขณะนี้** มีนม(ซิลิโคน)แล้วเรียบร้อย

(http://image.ohozaa.com/i/332/4k0oBU.jpg)  แม็กซ์
     อดีตเพื่อนรักที่เคยแอบรักเพื่อนแต่ปัจจุบันทำใจได้(บ้าง)แล้วของต้นน้ำ เป็นเพื่อนคนแรกที่ต้นน้ำเปิดใจให้ แต่แล้วก็ห่างกันไปด้วยเรื่องราวบางอย่าง แต่ทว่าตอนนี้แม็กซ์กลับมาแล้ว!
     ซี้ย่ำปึ้กกับกาย เป็นลูกพี่ประจำแก๊งค์ของอาร์มมาตั้งแต่สมัยเด็ก เคยมีประวัติพัวพันอบายมุขมาแล้วเกือบทุกชนิดเพราะเป็นพวกอยากรู้อยากลอง แต่กลับตัวเพราะอยากเอาใจต้นน้ำอีกเหตุผลหนึ่งคือกลัวที่บ้านเอาเรื่อง ครอบครัวเป็นมีฐานะ มีหน้ามีตาในสังคม

(http://image.ohozaa.com/i/766/Tx9UXR.jpg)  อาร์ม
     หนุ่ม KY อ่านบรรยากาศไม่เก่ง แต่นิสัยดีเกินร้อย ร่าเริงสดใจ รักเพื่อนมาก เป็นกันเองเข้ากับคนง่าย ชอบแจกจ่ายรอยยิ้มให้ชาวบ้าน อบอุ่นเป็นมิตรจนแม้แต่ต้นน้ำยังยอมแพ้แทบทุกครั้งไป สยบต้นน้ำด้วยรอยยิ้มและความจริงใจสถิติเจอร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แต่บางครั้งก็ตามชาวบ้านเขาไม่ทันเพราะความซื่อ ข้อเสียเพียงเรื่องเดียวคือปากสว่างเพราะคิดน้อย

(http://image.ohozaa.com/i/641/GTB4JV.jpg)  กาย
     เพื่อนสนิทร่วมแก๊งค์สมัยมัธยมของสองหนุ่มแม็กซ์และอาร์ม เป็นคนที่แม็กซ์ปรึกษาระบายปัญหาต่างๆ ด้วย พึ่งพาได้มากกว่าอาร์ม
     ไม่ชอบต้นน้ำเพราะคิดว่าขี้เก็กและสาวที่ตัวเองหลงรักดันไปชอบต้นทำให้แอบเฮิร์ทอยู่หน่อยๆ ผ่านไปหลายปีก็ยังไม่ยอมจีบใครเพราะเป็นพวกรักฝังใจ
หัวข้อ: Re: [8/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - Character ในเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-10-2014 00:32:23

ชาวแก๊ง6

(http://image.ohozaa.com/i/6f4/3uctqh.jpg)  โอม
     เพื่อนร่วมภาคที่ดูเหมือน(?)จะสนิทกับต้นน้ำมากที่สุดเพราะอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดและช้ากว่าคนอื่นอยู่เสมอ เลยมักจะไม่ค่อยมีใครสนใจ
     แอบชอบต้นน้ำอยู่เงียบๆ แต่ไม่แสดงออก เป็นคนประเภทขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ต้นน้ำก็มีความสุขแล้ว จึงมักจะถูกลืมอยู่บ่อยๆ

(http://image.ohozaa.com/i/g0a/vbjYnM.jpg)  ไปป์
     P2 จอมกวนประจำแก๊งค์ นิสัยเด็กที่สุดในรุ่น ชอบทำอะไรตามใจตัวเองไม่สนใจบรรยากาศ AKYตัวพ่อ ช่างสงสัยสอดรู้สอดเห็นไปทุกเรื่อง บ้าการ์ตูนมาก ไม่ค่อยตั้งใจเรียนเลยมักจะมาอ้อนให้ต้นน้ำติวให้บ่อยๆ ขี้อ้อนกับเฉพาะกับคนในกลุ่มแต่กับเพื่อนคนอื่นก็เฮฮาห้าวเป้งตามปกติ
     เพราะสาเหตุอะไรบางอย่างเลยรักต้นน้ำมาก ถูกตั้งฉายาว่าลูกหมา มีต้นน้ำเป็นคุณแม่ ด้วยความฉลาดเป็นกรดเลยเป็นคนที่ต้นน้ำจำเป็นต้องเปิดใจด้วยมากที่สุดในภาคเพราะต้นไม่สามารถปิดอะไรไปป์ได้เลย

(http://image.ohozaa.com/i/673/C8Vvzw.jpg)  ป่าน
     P1 คู่หูตัวป่วนคู่กับไปป์ อยากรู้อยากเห็นชอบเผือกเรื่องชาวบ้าน นิสัยออกแนวอาเจ้ขาลุย เป็นพี่สาวขี้โวยวายแต่ใจเย็นและมีสติยามเกิดปัญหาเสมอ เคยมีพี่ชายฝาแฝดเลยทำให้บางครั้งก็ออกห้าวจนคล้ายทอม มักมีตำแหน่งคล้ายๆ หัวหน้าประจำแก๊งค์ไปกลายๆ ค่อนข้างซี้กับเมย์

(http://image.ohozaa.com/i/f4a/A4MmVA.jpg)  เมย์
     สาวน้อยขาวีน เจ้าแม่ประจำภาค จอมเอาแต่ใจที่เพื่อนๆ แอบหน่ายยกเว้นต้นน้ำที่ไม่ค่อยแสดงออก เลยทำให้เธอหลงรักต้นน้ำอย่างช่วยไม่ได้ ชอบโมเมและทึกทักเอาเองว่าต้นน้ำเป็นแฟนของตน ยิ่งต้นไม่ปฏิเสธก็เลยยิ่งได้ใจ เรียนเก่งมากพอๆ กับต้นแต่เป็นเด็กแอคทีฟชอบทำกิจกรรมต่างๆ สุดชีวิต

(http://image.ohozaa.com/i/g5e/SdwvRa.jpg)  แก้ว
     สาวสวยรักสงบประจำกลุ่ม นิสัยเรียบร้อย อ่อนโยนกับทุกคน บุคคลิคแบบพี่สาวใจดี อ่อนนอกแข็งใน ใจเย็น มีเหตุผลสูง แอบชอบโอมอยู่เงียบๆ
หัวข้อ: Re: [8/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - Character ในเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-10-2014 00:38:20

ครอบครัว

(http://image.ohozaa.com/i/4a3/SU3osk.jpg)  สายธาร พิสุทธิจักร
     แม่น้ำของน้องต้น พี่น้ำของนายชัช ซิงเกิ้ลมัมสาวแกร่งที่กัดฟันเลี้ยงลูกชายเองคนเดียวจนโต อดีตพริ้ตตี้(กลางคืน)หุ่นทรมานใจชายผู้อัพเกรดตัวเองไปเป็นแอร์โอสเตรสสายการบินต่างประเทศจนได้พบรักกับชายชาวเดนมาร์ก เธอแต่งงานแล้วย้ายตามสามีไปอยู่เมืองนอกทิ้งต้นน้ำไว้ในความดูแลของชัยชัช

(http://image.ohozaa.com/i/51d/RqSIJu.jpg)  ต้นตระการ รัตนมงคลไชย
     อาจารย์ประจำภาคเคมี พ่อแท้ๆ ของต้นน้ำ รักลูกแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรกับต้นน้ำ ด้วยความรู้สึกผิดต่อตัวต้นน้ำและเกรงใจภรรยากับลูกที่บ้านเลยทำให้ปฏิบัติต่อต้นด้วยความห่างเหิน เพราะมีอคติกับสายธารเลยดีแต่ใช้คำสั่งชอบบังคับลูก เกิดเป็นปมฝังใจต้นน้ำกลายเป็นความแค้นจากความน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกทอดทิ้งจนยากประสานรอยร้าว

(http://image.ohozaa.com/i/4f7/TZky7g.jpg)  วริษา รัตนมงคลไชย
     ว่าที่แพทย์หญิง แฟชั่นนิสต้าตัวแม่ พี่สาวคนละแม่ของต้นน้ำ รับรู้ถึงความเจ้าชู้ของพ่อตัวเองมาตั้งแต่เด็กจึงชินชากับพฤติกรรมของพ่อ แต่พอรู้ตัวว่ามีน้องชายก็ดีใจไม่นึกรังเกียจ เมื่อทราบว่าน้องชายของตนต้องอยู่อย่างลำบากมาตลอดก็สงสารอยากดูแลน้อง
     รักน้องชายมาก อยากสนิทสนมกับต้นน้ำ แต่เหนื่อยใจกับนิสัยเจ้าทิฐิ เคยโมโหจนถึงขั้นลงมือกับน้องชายตัวเองด้วยความเหลืออดมาแล้ว

(http://image.ohozaa.com/i/4df/MTeADz.jpg)  ไนน์
     เพื่อนสมัยมัธยมของต้นน้ำ ไปเรียนต่อเมืองนอกตามประสาคุณหนู
     เพราะเป็นน้องสาวคนสุดท้องจึงมีนิสัยขี้อ้อน ชอบทำตัวเด็กๆ ทำให้แม้ต้นน้ำจะรำคาญแต่ก็เกลียดไม่ลง แอบชอบต้นน้ำแต่พอรู้ว่าต้นน้ำชอบผู้ชายก็เลยตัดใจแล้วเชียร์พี่ชายตนแทน ไม่กินเส้นกับแม็กซ์แต่เกลียดพี่ชัชมากที่สุด
     สนิทกับพี่ษามาก เป็นคนที่ทำให้ต้นน้ำได้เจอกับพ่อแท้ๆ ของตัวเอง และคอยเชียร์ให้พ่อลูกปรับความเข้าใจกันอยู่เสมอๆ จนถึงขั้นวุ่นวาย

(http://image.ohozaa.com/i/217/Xst9gX.jpg)  พี่ซิคซ์
     พี่ชายคนที่สามของไนน์ "เกย์ไม่ใช่แต่ไบไม่ชัวร์" รักสนุกจึงหวงความโสดจนทำให้พ่อแม่กลุ้มใจ ถูกยัดเยียดให้จับคู่กับต้นน้ำแทนน้องสาวของตนจากผู้ใหญ่
     นิสัยเจ้าเล่ห์ ชอบแกล้งคนอื่น โดยเฉพาะชอบอำต้นน้ำเล่น เอ็นดูต้นน้ำเหมือนน้องแท้ๆ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าต้นน้ำตรงสเป็กสุดๆ

(http://image.ohozaa.com/i/30f/CywwG6.jpg)  มอเตอร์
      ละอ่อนลำปางวัย14 หลานชายแท้ๆ ของชัยชัช  ลูกชายเจ้าของอู่ซ่อมรถในตัวเมือง ชอบเล่นเกมออนไลน์สุดๆ จนตื้อขอพ่อแม่มาอยู่กรุงเทพฯ ช่วงปิดเทอมเพื่อไปงานเกม-การ์ตูนกับเพื่อนในกิลด์ ลามกเหมือนน้าชาย
     ชอบอ้อนต้นน้ำเป็นพิเศษ ยกให้ต้นน้ำเป็นลูกพี่ แต่หลังๆ ชักจะรู้สึกว่าต้นน้ำเหมือนแม่คนที่สองมากกว่า มีวิชาออดอ้อนขั้นเทพไม่แพ้ชัยชัช เปรียบเสมือนน้องชายที่ต้นน้ำรักมาก แม้จะโดนเข้มงวดด้วยบ่อยๆ แต่ลงท้ายก็ถูกตามใจสุดๆ เช่นกัน
หัวข้อ: Re: [8/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - Character ในเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-10-2014 01:46:15

พลพรรคชาวฟิสิกส์

(http://image.ohozaa.com/i/211/ivCTVg.jpg)
มิวนิค
     ลูกครึ่งเยอรมันสุดหล่อ ไอ้ยักษ์บ้าพลังประจำภาคที่ไม่รู้หลุดมาอยู่ท่ามกลางดงเด็กเนิร์ดได้ยังไง ชอบคิดว่าตัวเองเจ๋งจนตั้งตนเป็นหัวหน้ามีเป้และนันเป็นลูกสมุนซ้ายขวา ทั้งๆ ที่ถูกสงสัยว่าในหัวคงมีแต่กล้ามเนื้อแทนสมองแต่กลับหลุดรอดการสอบทุกครั้งมาได้ด้วยการติวขั้นเทพของต้นน้ำ ชอบเล่นแผลงๆ ไม่รู้จักคิดแต่ก็ดีตรงที่เป็นคนไม่คิดมากและรักเพื่อน

(http://image.ohozaa.com/i/600/CWhKX9.jpg)
นัน
     สมุนซ้ายฝ่ายบู๊ของมิวนิค ชอบคิดว่าตัวเองหล่อสาวหลง เพราะคลุกคลีกับมิวนิคบ่อยๆ ได้ออกกำลังกายเยอะขึ้นเลยนึกว่าตัวเองหล่อล่ำเพิ่มขึ้นอีกอย่างทำให้รวมหัวกันเป็นแก๊งค์บ้าพลังโดยสมบรูณ์ เห็นแก่ตัวนิดหน่อยเพราะชอบเอาเงินไปเลี้ยงข้าวสาวหมดเลยมาทำงกกับเพื่อน ปากสว่างกับสาวๆ

(http://image.ohozaa.com/i/42a/W5cEqk.jpg)
เป้
     กุ้งแห้งฝ่ายบุ๋นของมิวนิค แม้จะผอมหยองกรอดใส่แว่นบุคลิคท่าทางเนิร์ดเต็มพิกัดอย่างกับศาสตราจารย์สติเฟื่องแต่ก็ไม่แคร์ เขายังคงรวมกลุ่มกับแก๊งค์บ้าพลังด้วยความสุขใจ เพราะเชื่อมั่นว่าพลังที่แท้จริงของคนเราต้องมาจากมันสมองอันชาญฉลาดเลยทำให้ร่วมหัวจมท้ายบ้ากับอีกสองสหายได้สุดโต่ง

(http://image.ohozaa.com/i/4bf/FjFHsM.jpg)
เอก
     หนุ่มหน้าดุโคตรแมนผู้มีความหลังฝังใจทำให้ออกอาการแอนตี้เกย์ แต่ใจจริงแล้วเกลียดที่เมย์ชอบต้นน้ำมากกว่าเลยหงุดหงิดต้นน้ำที่เป็นเกย์แล้วปิดบังไว้ สนิทกับนนเป็นคู่หูบ้าบอลประจำภาค ชอบสาวหน้าอกใหญ่ สนิทกับต้นน้ำเพราะชอบมาให้ต้นน้ำติวเพื่อหาเรื่องอยู่ใกล้ๆ เมย์ ปากแข็ง

(http://image.ohozaa.com/i/518/WnFnDw.jpg)
นน
     ซี้ย่ำปึ้กของเพื่อนเอก เป็นเพื่อนสนิทที่แม้จะชอบบอลเหมือนกันแต่บุคลิคต่างกันคนละขั้ว ทำให้ยอมรับต้นน้ำได้ไม่ยากต่างจากเอก หารู้ไม่ว่าที่จริงแล้วเอกพาลต้นน้ำเพราะชอบเมย์ต่างหาก เช่าหออยู่กับแฟนสองคน หรือเรียกอีกนัยว่า"มีเมียแล้ว" จึงเป็นที่อิจฉาของเพื่อนๆ
หัวข้อ: Re: [8/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - Character ในเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-10-2014 01:49:01
(http://image.ohozaa.com/i/eff/NgfNbD.jpg)
อัฐ
     พระนอนประจำรุ่น นอนได้ทุกสถานการณ์ หลับได้ทุกที่ บุคลิคเงียบๆ ดูง่วงอยู่ตลอดเวลา เป็นคนใจเย็นที่พูดตรงและมีเหตุผลจนคนอื่นยังต้องยอมถ้าอัฐเปิดปาก มีพลังงานบางอย่างที่ทำให้คนอื่นรู้สึกเกรงใจแม้แต่ต้นน้ำยังหือไม่ขึ้น มีความลับบางอย่างเลยทำให้สนใจต้นน้ำ คอยมองต้นน้ำอยู่เงียบๆ แต่ถ้าต้นน้ำมีภัยจะรีบกระโดดเข้ามาช่วยทันที

(http://image.ohozaa.com/i/6a6/zWKabV.jpg)
อาร์ท
     "เรื่องของเพื่อนคือเรื่องของกู" จอมเสือกแห่งรุ่น ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่ดันตัดสินคนอื่นด้วยมาตราฐานของตัวเอง เพราะสนิทสนมเป็นคู่ซี้กับยศจึงติดนิสัยคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าคอยคิดแทนเพื่อนคนอื่นๆ ตลอดเวลา สนิทกับอัฐมากพอๆ กับยศและวิน

(http://image.ohozaa.com/i/181/HdNiHZ.jpg)
ยศ
     ท่านหัวหน้าผู้มากความรับผิดชอบ เพราะเป็นเฮดประจำรุ่นเลยต้องเจอกับปัญหาต่างๆ ที่ชาวคณะก่อเสมอ มีอคติกับต้นน้ำเพราะรำคาญนิสัยชอบดราม่าที่ทำให้ตัวเองซวยอยู่บ่อยๆ อีกทั้งยังต้องรับความกดดันจากบรรดาอาจารย์ ไม่เข้าใจว่าทำไมบรรดาอาจารย์ถึงได้โอ๋ต้นน้ำเป็นพิเศษ

(http://image.ohozaa.com/i/426/Ol9AXI.jpg)
วิน
     หนุ่มคนสุดท้ายในแก๊งค์บ้าอำนาจ แต่ความจริงแล้วเป็นพวกง่ายๆ สบายๆ มากกว่าอีกสองคนที่เหลือ เพราะอยู่กับยศและอาร์ทมาก เลยติดนิสัยบางอย่างรวมไปถึงมีทัศนคติต่อเพื่อนๆ เหมือนสองคนนั้น ชอบเคมีมากพอๆ กับฟิสิกส์ ชื่นชมอาจารย์ต้นเพราะสอนสนุกเป็นกันเอง ลูกสาวสวย

(http://image.ohozaa.com/i/2d7/U9fxiP.jpg)
คิวว์
     ฉายามิสเตอร์ไนซ์กาย หน้าหล่อ หุ่นดี นิสัยเยี่ยม ฉลาด บ้านรวย เพอร์เฟคกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว และเพราะคุณสมบัติข้างต้นเลยทำให้ถูกแมวมองดึงเข้าโมเดลลิ่ง รับงานจนไม่มีเวลาหาแฟน ตอนปี1เคยซี้ย่ำปึ้กกับมิวนิคจนเคืองกันเพราะเรื่องผู้หญิง
หัวข้อ: Re: [8/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - Character ในเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-10-2014 01:51:21
(http://image.ohozaa.com/i/310/Yylq3G.jpg)
นอยซ์
     มนุษย์ขี้หลีประจำรุ่น จีบดะม่อไม่เลือกแต่ไม่เคยจีบหญิงติดเลยซักครั้ง พูดมากน่ารำคาญสุดๆ จนน่าสงสัยว่าถังข้าวทนได้อย่างไร

(http://image.ohozaa.com/i/g51/Xw7d9E.jpg)
ถังข้าว
     ถังขี้ผู้น่าสงสารมักจะถูกคนอื่นมองข้ามเป็นประจำเพราะติดอ่าง ถูกเพื่อนๆ ล้อเลียนเปลี่ยนชื่อซะเสีย ชอบต้นน้ำเพราะซาบซึ้งที่ไม่เคยล้อเลียนตนเอง สนิทกับนอยซ์ได้อย่างน่าประหลาด

(http://image.ohozaa.com/i/7d1/cVT6JQ.jpg)
โคโค่
     แมงหื่นประจำรุ่นเจ้าของสโลแกน"มีรูกูเอาหมด" ในหัวไม่มีคำว่าคิดมากหรือคิดเล็กคิดน้อยเพราะมีแต่คิดเรื่องใต้สะดือหื่นไปวันๆ เห็นแก่ตัวนิดๆ แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้คิดร้ายกับเพื่อน

(http://image.ohozaa.com/i/3f0/SomVTo.jpg)
พัท
     ติสตัวพ่อ อาร์ทประจำรุ่นที่ชอบนึกว่าตัวเองเป็นพระเอกมิวสิค เลยชอบเข็นเพื่อนคนอื่นๆ มาเป็นตัวประกอบฉากอารมณ์ของตัวเอง แต่ลืมไปว่าภาคฟิสิกส์มีแต่พวกเด็กเนิร์ด ไม่ก็พวกไม่เต็มบาท แต่โดยรวมก็เป็นพวกร่าเริงไม่คิดมาก เฮฮาได้กับเพื่อนทุกคน

(http://image.ohozaa.com/i/5ab/kjTkdj.jpg)
เต็ม
     มนุษย์โลกส่วนตัวสูง สมาชิกชมรมกลับบ้าน งานราษฎ์ไม่ช่วยงานหลวงไม่สน ตรูจะกลับบ้านไปเล่นเกม
หัวข้อ: Re: [8/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - Character ในเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-10-2014 01:58:16

บรรดารุ่นพี่(ฟิสิกส์)

(http://image.ohozaa.com/i/4ed/vCvrCy.jpg)
พี่เบียร์
     รุ่นพี่ที่น้องๆ ทุกคนในความเคารพ บ้าเกมมากจนถึงขั้นพกโน๊ตบุ๊คไปออนไลน์ที่ทะเลด้วย ใช้เงินกับเรื่องเกมจนกินแกลบบ่อยๆ แต่ใจใหญ่กับน้องๆ
     ใจเย็นมีเหตุผลจนถูกยกให้เป็นเฮดประจำรุ่น มีภาวะผู้นำสูง รู้จักวิธีจัดการรุ่นน้องทะโมนทั้งหลายอยู่หมัด มีศิลปะในการพูดรวมไปถึงบุคลิคอบอุ่นแบบพี่ชายคนโต เป็นที่รักของน้องๆ แต่มีปัญหาเพราะแฟนขี้หึงบ่อยๆ

(http://image.ohozaa.com/i/f35/lO1Rnx.jpg)
พี่ณต
     รุ่นพี่ที่เคยตามหลีต้นน้ำมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเฟรชชี่ปี1 แต่เพราะต้นน้ำไม่เล่นด้วยและเมย์ออกตัวอยู่เสมอๆ ว่าเป็นแฟนของต้นน้ำจึงได้ห่างหายไป จนปัจจุบันที่มีข่าวลือแปลกๆ ว่าต้นน้ำทำท่าจะเป็นเกย์เพราะมีผู้ชายมาพัวพันเยอะเลยกลับมาตามม่อต้นน้ำอีกรอบ

(http://image.ohozaa.com/i/gec/O7MLC8.jpg)
พี่โอ
     รุ่นพี่ในแก๊งค์ของพี่เบียร์และพี่ณต เป็นกันเองกับน้องๆ ทุกคนเพราะนิสัยง่ายๆ สบายๆ ไม่คิดมาก สนิทกับพี่ณตมากทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเกย์

(http://image.ohozaa.com/i/f76/leNdJC.jpg)
(พี่)ธันย์
     เพื่อนสมัยเด็กของต้นน้ำ พี่ชายร่วมอพาร์ทเม้นท์ มีแม่ขายตัวเหมือนกัน แต่พ่อแท้ๆ ติดยา พอพ่อแม่ถูกจับเข้าคุกก็ถูกส่งไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำให้ไม่ได้เจอต้นน้ำอีก
     ปัจจุบันกลับมาเป็นรุ่นน้องร่วมภาคแต่เพราะความลับบางอย่างทำให้ไม่ยอมเข้าใกล้ต้นน้ำ รักต้นน้ำมากเหมือนน้องชายแท้ๆ แต่ดุและชอบใช้กำลังกับต้นน้ำมาตั้งแต่เด็ก
หัวข้อ: Re: [8/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - Character ในเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-10-2014 02:01:14

บรรดารุ่นพี่คณะอื่น

(http://image.ohozaa.com/i/1e0/YwtnxX.jpg)
พี่เปา
     รุ่นพี่ภาคเคมี โอตาคุตัวพ่อ บ้ากันดั้ม สนิทกับเตอร์มากจึงรู้เรื่องราวของต้นน้ำเป็นอย่างดี คอยให้คำแนะนำต้นน้ำในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการวางตัวในสังคม

(http://image.ohozaa.com/i/e5d/W1MwJf.jpg)
พี่ทิง
     รุ่นพี่เด็กสถาปัตย์ พี่ชายที่น่าเคารพยกย่องในสายตาของต้นน้ำ คลั่งนิยายกำลังภายใน เกรียนผู้มีความติทส์สุดขั้ว คอยอบรมสั่งสอนต้นน้ำในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง"พ่อ"

(http://image.ohozaa.com/i/5e6/EKSVf2.jpg)
พี่บอม
     รุ่นพี่ชาววิศวะของอาร์ม หลงรักต้นน้ำมากคอยตามตื้อทุกครั้งที่มีโอกาส หมายมั่นปั้นมือว่าจะจีบเอาต้นน้ำมาทำเมียให้ได้ ชอบคิดเองเออเองว่าต้นน้ำมีใจจนออกอาการสำคัญตัวผิดอยู่บ่อยๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #1
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-10-2014 03:48:57

ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that.

บทนำ

     ผมรู้สึกตัวเพราะเสียงกุกกักที่ดังขึ้นเบาๆ ในห้อง ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในท่านอนคว่ำหน้าครับ แต่หน้าของผมมันดันหันไปทางฝั่งตู้เสื้อผ้าในห้องนอนพอดี ก็เลยทำให้ผมได้เห็นวิวดีๆ รับยามเช้า ขาอ่อนขาวๆ ของเมียผมเอง
     สุดที่รักของผมกำลังแต่งตัวอยู่ครับ ภาพของเรียวขาขาวๆ ที่โผล่วับๆ แวมๆ เลยเชิ้ตที่ถูกสวมใส่ไว้เพียงตัวเดียวโคตรแจ่ม เจ้าตัวกำลังก้มลงเพื่อยกขาสอดเข้าไปในกางเกงขายาวสีดำนั่น
     แหม พูดก็พูดเถอะ พอเห็นแฟนตัวเองยกขาใส่กางเกงแบบนี้แล้วผมก็คิดอกุศลไปไกลละ อยากช่วยยกขาแฟนเหมือนกันครับ แต่เป็นยกพาดไหล่ผมตอนฟีทเจอร์ริ่งกันบนเตียงนะ ขามันสวยจริงๆ
     สุดที่รักของผมดึงกางเกงขายาวตัวนั้นขึ้นเพื่อบดบังทัศนวิสัยของผมซะแล้ว
     เมื่อวิวดีๆ หายไปผมก็เลยหลับตานอนต่อครับ อย่างน้อยก็ขออีกซักสามนาทีห้านาทีก็ยังดี ไม่ดิ วันนี้ผมว่างนี่หว่า นอนยาวๆ ได้เลยครับ
     ผมได้ยินเสียงแฟนผมแต่งตัวทำอะไรโน่นนี่นั่นอีกนิดหน่อยก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป แฟนผมคงมีเรียนเช้ามั้งครับ
     โอ๊ะๆ อย่าอิจฉาผมเลยครับที่ได้เมียเด็ก หึๆ ของแบบนี้มันอยู่ที่ความสามารถเฉพาะตัวคร้าบ
     สุดที่รักของผมน่ารักสุดๆ ไปเลยครับ กิริยามารยาทเรียบร้อย ทำอะไรเบาๆ ตลอด(ยกเว้นตอนผมทำให้มันแหกปาก) กลัวจะรบกวนทำให้ผมตื่น เพราะรู้นิสัยขี้เซาของผมดี แถมเวลาผมนอนไม่พอแล้วจะขี้หงุดหงิดมากด้วย แต่ที่จริงที่ผมขี้เซาเป็นเพราะผมขี้เกียจลุกต่างหากละครับ ไม่ใช่เพราะหลับไม่รู้สึกตัวซักหน่อย
     ก็ผมเคยบอกพวกคุณไปแล้วว่าผมหูดี หึๆ เดาได้ไม่ยากใช่มั้ยครับ ว่าผมเป็นใคร?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


พี่ชัชน้องต้น

ชัยชัช
 
     และแล้วผมก็ต้องตื่นจริงๆ จนได้ครับ หลังจากได้งีบอีกวูบนึง คือผมไม่ชอบลุกตอนที่รู้สึกตัวแบบสะดุ้งตื่นน่ะครับ ชอบลุกขึ้นตอนตื่นเต็มตามากกว่า รู้สึกว่าร่างกายมันเฟรชกว่าอ่ะครับ ไม่รู้พวกคุณเป็นกันมั้ย?
     ในเมื่อผมตื่นแล้วผมก็ขอออกไปอ้อนเมียหน่อยล่ะ ผมลุกออกจากเตียงในสภาพเสื้อยืดย้วยๆ กับกางเกงนอนขายาวตัวเก่าเดินหัวฟูออกไปที่โต๊ะอาหาร เมียผมหันมาเห็นพอดี
     “ตื่นแล้วเหรอครับพี่ชัช”
     ต้นหันมายิ้มให้ผมแล้วก็หันกลับไปปิ้งขนมปังต่อ น่ารักสุดๆ ไปเลยครับสุดที่รักของพี่
     ใช่แล้ว ถ้าคุณยังจำพวกผมได้ ผมก็คือ"ชัยชัช พรหมโรจน์"น่ะแหละครับ ผัวน้องต้น หรือนาย"ต้นน้ำ พิสุทธิจักร" เมียสุดที่รักของผมนั่นเอง
     เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วนะ? ปีกว่าแล้วสิที่ผมกับต้นรู้จักกัน แล้วก็เกือบปีแล้วที่ต้นย้ายเข้ามาอยู่ห้องผม พี่น้ำแกแต่งงานใหม่ย้ายตามผัวไปเมืองนอกนานแล้วครับ
     ผมเห็นว่าไหนๆ ก็ไหนๆ เลยชวนต้นมาอยู่ด้วยกัน แน่นอนครับใจผมนี่อกุศลล้วนๆ แต่ต้นก็มานะครับ เก็บข้าวเก็บของมาอยู่ห้องผมเรียบร้อย ห้องตัวเองปล่อยว่างหาคนมาเช่า ไอ้งกเอ๊ย! ไม่ดิ ผมควรชมว่าเมียผมฉลาดรู้จักประหยัดมัธยัสถ์ใช่มั้ยครับ? (ซวยชิบเป๋งได้เมียงก!)
     เอาเหอะ เด็กมันบริหารเงินเก่งครับ พี่น้ำโอนคอนโดให้เป็นชื่อต้น ไอ้ต้นมันมีสิทธิ์จะทำไรกับของๆ มันก็ได้ แล้วมันก็เอาค่าเช่ารายเดือนที่ได้เก็บไว้ใช้เอง บอกไม่ให้พี่น้ำส่งค่าใช้จ่ายรายเดือนมาอีก ส่วนพวกค่าเทอม ไอ้ต้นมันได้ทุนครับ แต่ผมว่าพวกคุณคงรู้(จากภาคที่แล้ว)แล้วละครับว่าต้นมันเรียนเก่ง ไม่เก่งได้ไงอ่ะ คะแนนมันติดอันดับจนได้ไปยืนแอ๊คโฆษณาP*PT**Nเลยนะครับ แต่ถึงอย่างนั้นพี่น้ำก็ยังใส่เงินเข้าบัญชีไอ้ต้นเรื่อยๆ นั่นแหละ แล้วก็ฝากให้ผมดูแล ยังไงแม่ลูกก็ตัดกันไม่ขาด
     ส่วนไอ้ต้น ถึงจะบอกว่าฝากผมดูแล แต่พอมาอยู่ด้วยกันจริงๆ กลับกลายเป็นว่ามันต่างหากละครับที่เป็นฝ่ายดูแลผม บอกแล้วเมียผมเนี่ยแม่ศรีเรือนสุดๆ อ่ะ “สวยใสไม่ไร้สติ มิเรื่องมาก แม่บ้านงานครัว อ้อนผัววันละสามเวลา”
     อ๊ะๆ ฟังแล้วได้โปรดอย่าทำหน้างง คุณอย่าคิดว่าต้นมันไม่สวยนะคร้าบ ถึงไอ้ต้นมันจะเป็นผู้ชายแต่ผมว่ามันก็มีเสน่ห์นะ เวลาโดนมันหันมามองทีผมงี้ของขึ้นอ่ะ ตามันสวยจริงๆ ไม่งั้นผมไม่หลงมันขนาดนี้หรอก
     ยิ่งเวลาเขินนิดๆ หน้าแดงหน่อยๆ แล้วชายตาหันมามองผมแบบเอียงอาย ผมขอสองทันทีเลยครับ! เมียใครวะน่าฟัดจริงๆ
     ต้นมันแทบจะดูแลผมทุกเรื่อง งานบ้านนี่ไม่มีขาดตกบกพร่องเลย ถึงขนาดซักรีดเสื้อผ้าให้ผมด้วยนะครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนสมัยอยู่กับฟ่างผมส่งร้านตลอดอ่ะ ขี้เกียจทำเอง มันไม่ค่อยมีเวลาครับ เหนื่อย ฟ่างเองก็ไม่ชอบทำงานพวกนี้ด้วย แต่พออยู่กับต้นร้านซักรีดไม่ได้กินตังค์ผมซักแดง ต้นมันซักให้ผมหมดแถมรีดให้ด้วย ซักตั้งแต่เสื้อผ้าธรรมดายันถุงเท้าแม้แต่กางเกงในมันยังซักให้ผมไม่มีรังเกียจ อันไหนใส่เครื่องได้อันไหนต้องซักมือมันแยกหมดอ่ะ ผมนี่แทบจะกราบขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเมียแสนประเสริฐแบบนี้มาให้(ถึงต้นมันจะเป็นผู้ชายก็ตาม)
     แต่ข้อเสียมันก็มีนะครับ มีมากๆ ด้วย นั่นคือผมห้ามลืม“วัตถุอันตราย”ทุกชิ้นไว้ในกระเป๋ากางเกงหรือเสื้อเด็ดขาด! น้ำหอมห้ามผิดกลิ่น ร่องรอยอะไรนี่ห้ามมี ไม่งั้นเรื่องใหญ่ครับ เพราะถึงเราจะเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่แต่ผมก็คบกันเปิดเผยนะ แม่ไอ้ต้นมันก็ไฟเขียวฝากลูกไว้กับผม ส่วนทางบ้านผมก็โคตรจะรักไอ้ต้นเลย ความสัมพันธ์ของเราสองคนที่อยู่ด้วยกันนี่ก็คือๆ สภาพผัวเมียตามปกติแบบคู่อื่นๆ นั่นแหละครับ และนั่นก็แปลว่าผมจะซนแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้วด้วย พวกคุณยังไม่เคยเห็นต้นตอนโกรธ แม่งน่ากลัวชิบหายเลยครับ ถึงมันจะไม่ใช่คนขี้โมโหโกรธแล้วอาละวาดแบบผมแต่ผมงี้ขนลุกอ่ะ เวลาไอ้ต้นโกรธนะ อุณภูมิติดลบอ่ะ!
     เพราะงั้นอย่าซนให้มันจับได้ดีที่สุดครับ ไม่งั้นเรื่องใหญ่เรื่องยาว นามบัตรน้องๆ ผู้แทนนามบัตรอาบอบนวดเนี่ยเก็บให้ดีครับ แยกเอาไว้ว่าเป็น“งาน”ไอ้ต้นมันถึงจะไม่ยุ่ง ฮ่าๆ
     แฟนผมทำอาหารเก่งครับ เก่งที่ว่าไม่ได้หมายถึงอร่อย บางอย่างก็อร่อย บางอย่างใช้ได้ และบางอย่างก็อยู่ในระดับพอใช้ครับ แต่ต้นมันชอบทำกับข้าวให้ผมกิน มันบอกว่าเป็นหน้าที่ของมันที่ต้องทำให้ผม เพราะผมทำงานนอกบ้านมาเหนื่อยๆ น่ารักมั้ยล่ะครับ? เจอแบบนี้เข้าไปรักตายเลยเมียพี่
     อาหารการกินวันละสามมื้อ ขนม ของหวาน มื้อว่าง มื้อดึก จะเอาอะไรอยากกินตอนไหนต้นมันมีให้ผมไม่ขาดอ่ะ ข้าวของในบ้าน ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำค่าไฟ ต้นมันดูแลหมด ผมถึงได้ต้องยกให้มันคุมกระเป๋าเงินผมเนี่ย มันเช็คเงินผมทุกบัญชี!
     นอกจากที่ผมจ่ายให้ต้นทุกๆ เดือนเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านแล้ว ค่าผ่อนบ้านผ่อนรถเงินเก็บเงินออมต้นมันทำบัญชีไว้หมดเลยครับ เวลาผมจะใช้อะไรนี่แทบต้องกราบทำเรื่องขอเบิกมันอ่ะ แม่ง! โหดยิ่งกว่าแฟนเก่าคนไหนๆ ของผมเลย
     คิดแล้วก็เซ็ง แต่เอาเหอะครับ ไปขอลูกชายเขามาแล้ว ไอ้ผมก็ไม่ใช่พวกชอบทิ้งขว้าง รักแล้วก็ต้องทนครับ นอกจากเรื่องงกกับขี้บ่นแล้วนอกนั้นผมหาข้อเสียไอ้ต้นไม่ค่อยเจอหรอก
     ว่าแล้วก็เดินโซเซไปนั่งรอสัมปทานอาหารเช้าที่โต๊ะกินข้าวครับ ผมชักหิวขึ้นมาละดิ
     “ผมไม่คิดว่าพี่ชัชจะตื่นเช้า จะเอาไรหน่อยมั้ยครับ?”
     “มีเรียนเช้าเหรอต้น?”
     “เปล่าหรอกครับ วันนี้ตอนเช้ามีกิจกรรมรับน้องครับ เพื่อนให้ไปช่วย”
     มีรับน้อง? ผมเหล่ดูไอ้ต้นที่จัดเต็ม เชิ้ตขาว ขาวยาวสแล็คดำ ไม่ผูกไทด์ไปเลยละวะต้นเอ้ย เมียผมเรียบร้อยเกินไปแล้ว
     ต้นพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอก ใส่ผ้ากั้นเปื้อน แล้วก็กำลังชงกาแฟให้ผมอยู่
     “พี่ชัชอยากได้อะไรเพิ่มมั้ยครับ ไข่ดาวมั้ยผมจะทอดให้?”
     ไม่ต้องสั่ง กาแฟสอง น้ำตาลสาม น้ำร้อนครึ่งแก้วก็วางลงตรงหน้าผม ในหัวผมเริ่มคิดอกุศลทันที ก็บอกแล้วว่าผม“หิว”
     “วันนี้พี่ชัชหยุดใช่มั้ยครับ ตอนกลางวันพี่อุ่นของในตู้เย็นทานไปก่อนนะครับ เดี๋ยวตอนเย็นผมค่อยกลับมาทำให้”
     ต้นเสิร์ฟผมก่อนแล้วมันค่อยหันไปชงโกโก้ร้อนของตัวเอง ขนมปังสองแผ่นวางอยู่ในจานแล้ว ต้นกำลังพยายามทำให้เนยที่พึ่งเอาออกมาจากตู้เย็นละลายอยู่ น่ารักจริงๆ
     “กินแค่นั้นเองเหรอต้น?”
     “ผมไม่ค่อยหิวน่ะครับ แต่ถ้าพี่ชัชจะเอาอะไรเดี๋ยวผมทำให้”
     พี่เอาแน่ๆ ครับ
     สุดที่รักยิ้มหวานให้ผม
     กี่วันแล้วนะ? ครั้งสุดท้ายนั่นคืนวันเสาร์? ความคิดของผมแล่นไปจนจบกระบวนการสังเคราะห์ความชั่วในสมอง แล้วผมก็เริ่มแผนทันที
     “ที่รัก อุ่นไส้กรอกกินกันมั้ย?”
     ผมเริ่มปฏิบัติการอ้อนต้นทันที แต่เมียผมแม่งโคตรซื่อเลย!
     “ได้ครับ ในตู้เย็นน่าจะยังเหลืออยู่ เดี๋ยวผมทอดให้ รอแป๊ปนึงนะครับ”
     ต้นทำท่าจะเดินไปหยิบไส้กรอกในตู้เย็น ส่วนผมก็เดินไปกอดต้นเอาไว้ มือของผมเริ่มเกาะแกะไปตามตัวต้น
     “พี่ชัช?”
     “กินไส้กรอกพี่ป่าว? แถมนมด้วยนะเออ”
     “ทะลึ่งแล้วครับ! ถ้าไม่เอาอะไรก็ไปนั่งเฉยๆ เลย ผมรีบ”
     “น่านะ กินหน่อยดิ พักนี้เราไม่ได้เบรคฟาสต์กันเลยน้า”
     “คนที่ไม่ตื่นมันก็พี่นะครับ”
     “นี่ก็ตื่นแล้วไง ไม่เชื่อก็ดูดิ”
     ผมเอาชัชน้อยถูกับสะโพกต้นเพื่อยืนยันความจริงว่ามังกรหินกำลังตื่น เท่านั้นแหละ เมียผมก็หน้าเสียทันที ฮ่าๆ บอกแล้วว่าผมตื่น
     “กินไส้กรอกพี่หน่อยน่า อร่อยนะ”
     “เก็บไว้กินคืนนี้ไม่ได้เหรอครับ?”
     เริ่มหน้าแดงแล้วเมียผม หึๆ อีกนิด เริ่มเม้มปากแล้ว ถ้ามาเสต็ปนี้ผมได้กินไอ้ต้นแน่ๆ
     “ไม่เอาอ่ะ พี่หิวตอนนี้นี่ ต้นต้องเสิร์ฟพี่แล้วล่ะ นะครับที่รัก”
     ผมเริ่มไซ้หูมันละ ระหว่างคอกับหูนี่ผมสังเกตว่าต้นมันอ่อนไหวกับจุดสัมผัสตรงใบหูมากกว่าครับ ยิ่งถ้าผมทำเสียงทุ้มๆ ใส่มันแล้วนะ ละลายอ่ะ เสร็จผมทุกที ส่วนมือผมก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ นะ จัดการทักทายต้นน้อยไปแบบเบาะๆ ผมหน้าด้านตื้อขอกินรอบเช้ากันโต้งๆ แบบนี้แหละ ไอ้ต้นมันดิ้นได้ไม่นานหรอก โดนไปขนาดนี้แฟนผมก็เริ่มยืนไม่ติดแล้วครับ ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เริ่มตื่นตัวจากการทักทายของผม เสร็จผมแน่ต้นเอ้ย!
     “กะ ก็ได้ครับ  แค่รอบเดียวเท่านั้นนะครับ”
     “คร้าบ เมียจ๋า”
     ว่าแล้วผมก็ถลกกางเกงลงให้ต้นทาน“อาหารเช้า”ทันที อย่าถือสาผมเลยครับ จะกินไส้กรอกมันก็ต้องกินในครัวสิคร้าบ ฮ่าๆ อยู่กันมาจนป่านนี้แล้วคงไม่ต้องเขินอายอะไรกันแล้วครับ ผมพาต้นไปสำรวจห้องผมทุกซอกทุกมุมแล้วล่ะ ยืนยันว่าเก็บเสียงครับ ต่อให้แหกปากดังลั่นเพื่อนบ้านก็ไม่ด่า
     ต้นคุกเข่าลงหน้าผมแล้วเริ่มทานไส้กรอกของผมอย่างเอร็ดอร่อย ผมมองดูแฟนสุดที่รักกินมื้อเช้าแล้วยิ่งมีอารมณ์ ผมลูบหัวของต้นเบาๆ เขี่ยเอาปอยผมข้างแก้มนั่นไปทัดหูจะได้ไม่บังวิวผม ลีลาการกินนับว่าพัฒนาขึ้นนะครับ ไม่เสียแรงที่ผมสอนเกือบทุกคืน ฮ่าๆ เรื่อง“ลิ้น”เนี่ย ผมเชี่ยวชาญเลย ก็ผมเคยบอกคุณไปแล้วว่าผมน่ะ“เทพชิวหา” ต้นก็ต้องได้รับถ่ายทอดวิชาไปบ้างแหละครับ
     แต่ถ้าจะให้มันจบตรงนี้มันก็ไม่สนุกสิครับ ในเมื่อคนที่อยากกินสุดๆ มันผมนี่หว่าไม่ใช่ต้น และผมก็วางแผนจะกินอะไรที่มันอร่อยกว่านี้ด้วย ผมดันหัวของต้นออกจากไส้กรอกสุดอร่อยเบาๆ ต้นเงยหน้าขึ้นมามองเหมือนจะถามผมด้วยอาการงงเล็กน้อย ตาเริ่มเยิ้มแล้วเมียพี่ หึๆ
     “กินอยู่คนเดียวเลยนะครับ อร่อยล่ะสิ ขอพี่กินของเรามั่งได้ป่าว?”
     ยิ้มหวานเชียวครับเมียผม หน้าแดงเชียว ปากก็ชุ่มช่ำไปด้วยน้ำลายกับมันไส้กรอกที่ไหลเยิ้มของผมเอง เซ็กซี่ชะมัด แต่เดี๋ยวผมจะทำให้เอ็กซ์กว่านี้อีกคอยดู!
     “พี่ชัชอยากกินอะไรละครับ”
     “พี่หิวน้ำ”
     คงไม่ต้องบอกนะครับว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น
     ผมปลดกางเกงของต้นออกไปให้พ้นทาง แล้วก็เลิกชายเสื้อของต้นขึ้น ผมอุ้มต้นนั่งพาดหมิ่นๆ กับขอบเคาท์เตอร์แล้วก็ช่วยต้นเตรียมพร้อมตัวเองสำหรับการกินมื้อเช้า โชคดีที่เมียผมมันรักสะอาด แรกๆ ก็ไม่ราบรื่นแบบนี้หรอกครับ แต่ต้นมันเรียนรู้แล้วว่าอยู่กับผมควรเตรียมพร้อมตลอดเวลา หึๆ
     โชคดีชะมัดที่ตอนจ้างช่างมาทำห้องผมเลือกติดตั้งชุดครัวบิวท์อินที่มันแข็งแรงทนทาน ทำให้ผมฟาดเมียได้ทุกที่ไม่กลัวเคาท์เตอร์ถล่ม อย่างน้อยๆ มันก็รับน้ำหนักต้นไหว แต่เมียผมก็ไม่ได้ตัวหนักขนาดนั้นหรอกนะครับ
     ผมไม่ได้ถอดเสื้อของต้นออก แต่ไอ้ผ้ากันเปื้อนนี่มันเกะกะชะมัด ผมเลยเอาออกแล้วก็โยนทิ้งไปข้างๆ นิ้วของผมทำงานอย่างชำนาญ ไม่ว่าพวกคุณรู้อะไรมาเกี่ยวกับศึกแรกแต่ขอบอกว่าต้นน้ำสุดที่รักของผมช่ำชองมากกว่าเดิมเยอะครับ ก็ผมเทรนให้อยู่บ่อยๆ นี่หว่า ล่อกันจนต้นมันชินแล้วครับ ใช้เวลาไม่นานต้นก็พร้อมสำหรับผม
     เราจูบกันแบบขี้ฟันในปากผมนี่สะอาดแทบไม่ต้องไปแปรงซ้ำ ต้นมันเอาลิ้นทำความสะอาดให้ผมหมด บางอารมณ์ต้นมันก็ชอบอาหารจานด่วนแบบนี้ครับ เจ็บนิดหน่อยแต่มันถึงใจขอแค่ผมไม่ซาดิสมากพักซักสี่ห้าวันมันก็หาย
     ผมทำการเชื่อมต่อตัวเองเข้ากันต้นทันที ต้นร้องครวญครางออกมานิดหน่อยแบบอู้อี้เพราะกำลังดูดปากกับผมอยู่ แน่นอนว่าพอเราคอนเนคกันเรียบร้อยผมก็โยกสิครับ
     หน้าต้นไปละ เมียผมขมวดคิ้วเบะปากหลับตาซึมซับความอร่อยที่ผมมอบให้พร้อมกับเริ่มส่งเสียงหวานๆ ครางรับจังหวะการป้อนของผม ไส้กรอกพี่อร่อยละสิไอ้ต้น หึๆ
     ต้นเป็นฝ่ายใช้แขนของตัวเองรัดผมแทนแล้วเพราะมือผมไม่ว่าง รับน้ำหนักขาสองข้างของต้นที่เกี่ยวรัดรอบเอวผมอยู่ครับ ดีนะมีสลักเกี่ยวกันไว้ หึๆ ผมเกือบต้องอุ้มรับน้ำหนักทั้งตัวของแฟนผมละ
     ว่าแต่ต้นมันผอมลงรึเปล่าวะ? คราวก่อนน่าจะหนักกว่านี้อีกนิดนี่หว่า
     เราสองคนขยับเล่นกิจกรรมเข้าจังหวะด้วยกันอย่างเข้าขา เอ่อ... ไม่ดิ จริงๆ แล้วเป็นอย่างอื่นของผมมากกว่าที่กำลังเข้าๆ ออกๆ แต่ต้นก็ใช้ย่อยนะครับ เดี๋ยวนี้เริ่มมีจังหวะเป็นของตัวเองแล้ว รู้จักโอนอ่อนผ่อนตามมีแอ่นมีรับ หึๆ
     เรากินอาหารเช้ากันอย่างมูมมาม ทั่วทั้งครัวเต็มไปด้วยเสียงซี้ดปากครางด้วยความเอร็ดอร่อย บอกแล้วไส้กรอกผมอ่ะอร่อยสุดในสามโลก ฟัดกันรอบเช้าในเวลาเร่งรีบแบบนี้ก็ตื่นเต้นไปอีกแบบนะครับ ผมกระตุกนิดหน่อยเพราะใกล้แล้ว ต้นรู้สึกได้รีบผละออกจากการนัวเนียกับผมแล้วร้องห้ามทันที
     “ห้ามนะครับพี่ชัช! พี่ไม่ได้ใส่ถุง มันเลอะ! ผมรีบ ขี้เกียจล้าง”
     “ช้าไปแล้วต้น น่านะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
     แหม คนมันติดลมนะไอ้น้อง ห้ามอะไรก็ห้ามได้แต่ห้ามไม่ให้น้ำออกนี่เห็นจะยากว่ะ
     นิสัยเสียๆ นี่บางทีมันก็แก้กันยากนะครับ ผมยังเป็นไอ้เลวคนเดิมที่ชอบใช้กำลังบังคับเอาแต่ใจกับแฟนตัวเองเหมือนเดิม รู้ทั้งรู้แต่มันแก้ไม่ได้ซักที ก็แฟนผมน่ารักนี่ครับ ขอใช้กำลังกันหน่อยล่ะ
     ผมจับตัวของต้นพลิกเปลี่ยนท่าให้ต้นคว่ำหน้าเอนตัวเท้าแขนพิงบนเคาท์เตอร์แทน แล้วผมก็เริ่มอัดแบบไม่ยั้ง ต้นร้องระงมเลยครับ แหกปากดังลั่นเลย ขาสั่นเชียวเมียพี่
     ผมเอื้อมมือลงไปช่วยมันด้วยถึงได้รู้ว่าต้นเองก็กระตุกสั่นไม่แพ้กัน ต้นชอบท่านี้ครับ ฮ่าๆ เสร็จทุกทีแหละ เพราะแบบนี้ผมเลยเอามือตัวเองกลับมาประจำการที่เอวของต้นต่อ ผมสอดแขนไปดันขาข้างนึงของต้นยกขึ้นทำให้เราเชื่อมต่อกันได้ลึกกว่าเดิม ผมเน้นทุกจังหวะสุดฝีมืออ่ะ ตอนนี้ต้นเริ่มแหกปากไม่เป็นภาษาแล้วครับ ฮ่าๆ ชอบแบบนี้จัง แกล้งแฟนตัวเองนี่มันสนุกดีนะครับ
     เคาท์เตอร์ห้องครัวผมรับแรงกระแทกต่อจากต้นอีกไม่กี่ทีมันก็ได้พักครับ ผมกินไอ้ต้นรอบเช้า“เสร็จ”แล้ว และแน่นอนว่าต้นก็“อิ่ม”พร้อมผมด้วยเหมือนกัน
     แต่ผมเดาเอาว่าผมเนี่ยแหละต้องโดนไอ้ต้นด่าเช็ดหลังจากนี้ โทษฐานเป็นต้นเหตุให้มันทำนมหกเลอะเละเทะ ผมฟุบกอดมันที่กระตุกไปทั้งตัว ขาสั่นไปหมดเลยครับ แต่ต้นคงสะท้านกว่าผมเยอะ แรงจะยืนคงไม่เหลือแล้วมั้ง นั่นนะดูดิ แข้งขาอ่อนเชียวนะไอ้ต้น
     เห็นแบบนั้นผมเลยถอนสลักออกมา ปลดการเชื่อมต่อ พอผมเอาไส้กรอกออกจากเตาได้ชีสจากไส้กรอกของผมก็หยดแหมะๆ เลยครับ เลอะพื้นอีก เวรเอ้ย!
     ต้นร่วงลงไปกองกับพื้นแล้ว ภาพของแฟนผมที่กึ่งนั่งกึ่งคุกเข่าเลอะผลิตภัณฑ์นมของผมนี่เอ็กซ์ชะมัด ยิ่งภาพที่นมมันทะลักออกจากรูไอ้ต้นนี่แบบว่า โครตเซ็กซี่อ่ะ! ผมชอบภาพแบบนี้แหละ หึๆ
     ชิบหายแล้ว! ไอ้ต้นหันมาตาเขียวใส่ผมใหญ่เลย ไม่ได้การละ ต้องรีบทำหน้าสำนึกผิดซะหน่อย
     “พี่ชัชอ่ะ! ผมบอกแล้วว่าอย่า”
     ต้นมันด่าผมจริงๆ ด้วย แต่เสียงงุ้งงิ้งๆ นั่นมันโครตน่ารักเลยว่ะต้นเอ้ย!
     “ขอโทษคร้าบ พี่ไม่ไหวอ่ะ”
     ว่าแล้วก็ต้องง้อแฟนซะหน่อยครับ ทั้งกอดทั้งหอม ไม่งั้นผมโดนมันตบแน่
     อย่าคิดว่าไอ้ต้นมันอ่อนแอบอบบางเชียวนะครับ ผมเคยเผลอทำมันโกรธบ้างบางครั้ง เวลามันงอนมากๆ มันก็ตบผมเหมือนกันนะ แต่ส่วนมากมักเป็นตอนที่ผมทำตัวงี่เง่าอ่ะ แล้วมันก็ไม่ได้ตบแรงมาก
     นั่นไง! มันผลักผมออก ดันคางผมซะหน้าหันเลย
     “เช็ดเลยนะครับ เก็บให้เรียบร้อยด้วย ผมจะไปล้างตัว”
     “คร้าบ หึๆ”
     “ไม่ต้องยิ้มเลยนะครับ ผมขาสั่นไปหมดแล้ว! คนยิ่งรีบๆ อยู่ ถ้าผมออกมาแล้วพื้นไม่สะอาดเป็นเรื่องแน่!”
     “คร้าบๆ ที่รัก ว่าแต่เมียพี่เดินไหวมั้ยครับ ต้องให้อุ้มไปส่งด้วยป่าว ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชบ้า!”
     มันขู่ผมใหญ่เลยครับ พอวีนใส่ผมเสร็จแล้วก็เดินขาสั่นไปทางห้องนอน
     ผมว่ามันต้องอาบน้ำใหม่อีกรอบอยู่ดีแหละครับ ฟัดกันขนาดนั้น น้ำลายผมเต็มแหละ แล้วผมก็ยังไม่ได้แปรงฟันด้วย กลิ่นหึ่งเชียว ถึงจะใช้เดน**เต้ละก็เหอะ โฆษณาเกินจริงว่ะ หรือผมจะลองก**เตอร์ดีวะ?
     ต้นไปอาบน้ำใหม่ ส่วนผมเองก็ต้องเช็ดพื้นกับเคาท์เตอร์ดิครับ ฮ่าๆ ทำไงได้ ผมดันทำเลอะไว้ แล้วแฟนผมมันก็ดันเป็นพวกเรียบร้อย เข้าทำนองกินแล้วต้องเก็บล้างเช็ดให้สะอาด ฮ่าๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #1
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 09-10-2014 12:07:10
โคตรหื่นเลยว่ะชัช 555
อ่านจุใจมาก สนุกดีๆ  o13
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #1
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-10-2014 16:43:24
พี่ชัชน้องต้น

ชัยชัช
 
     “น้ำหน่อยต้น”
     ผมพูดพลางยื่นหน้าไปรับหลอดดูดน้ำที่มีคนส่งให้ อย่าถามนะครับว่ามือผมทำอะไรอยู่เลยไม่ว่างยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเองต้องให้ต้นมันช่วยส่งมาให้ดูดให้แบบนี้ ผมกำลังขับรถอยู่ครับ แล้วตอนนี้แซนวิซแม่งก็ติดคอผมอยู่ กลืนยากชิบหาย ไอ้ต้นแม่งแกล้งผมแน่ๆ
     โอเค ผมจะอธิบายเหตุการณ์ให้ฟังครับ หลังจากที่บริจาคนมให้ต้นแล้วต้นมันก็งอนผม ทำให้ผมต้องตามเก็บเช็ดครัวที่ผมทำเลอะเอง รู้สึกเหมือนหมาเวลาเจอเจ้าของทำโทษยังไงก็ไม่รู้ครับ นี่ผมโดนต้นมันล่ามโซ่ซะจนเชื่องเลยมั้ง ขาดแค่มันไม่ได้แบมือมาตรงหน้าแล้วพูดว่า“ขอมือ”เท่านั้นแหละครับ
     หลังจากนั้นผมก็เลยต้องชดใช้ความผิดด้วยการแหกขี้ตาขับรถมาส่งเมียที่มหาลัยนี่แหละครับ
     แต่ก็อย่างที่บอก “ศรีภรรยา”ไม่ปล่อยให้ผมหิวหรอกครับ ระหว่างที่ผมไปอาบน้ำแต่งตัว(อย่างรวดเร็ว) แซนวิซที่ทำไว้เร็วกว่าก็พร้อมอยู่ในกล่องถนอมอาหารแล้ว
     และตอนนี้ในปากผมก็มีแซนวิซชิ้นนึงที่ไอ้ต้นมันยัดเข้าปากผมแบบงอนๆ ไม่ถือให้กัดเป็นคำๆ ป้อนเหมือนตอนปกติ เล่นเอาผมต้องใช้ความสามารถกระเดือกแซนวิซให้มันขยับเข้าปากผมไปเรื่อยๆ โดนการเอาริมฝีปากเม้มไว้แล้วก็เอาฟันกัดๆ กลืนๆ ผลก็คือติดคอไงครับ กว่าจะหมดแผ่นคู่ได้
     ผมดูดน้ำที่ต้นส่งมาให้ กินไปไอไป ไอ้ต้นมันไม่ถามผมซักคำ ปกตินี่ผมไอแค่แค่กเดียวมันก็ห่วงผมจะตายอยู่ละ นั่นๆ ยังมีหน้ามาทำเม้มปากเชิ่ดคางใส่ผมอีก เดี๋ยวปั๊ดจับจูบซะนี่! เมียใครวะขี้งอนจริงๆ
     แต่ก็ยังดีนะครับที่อย่างน้อยต้นมันยังส่งน้ำให้ เหอๆ สงสัยกลัวผมคว้าเองแล้วจะอันตราย จนถึงตอนนี้ต้นยังกลัวเหตุการณ์นั่นอยู่หน่อยๆ ครับ ยังมีผวาเป็นบางครั้งเวลาผมยุกยิกๆ ไม่ได้มองหน้ารถ ต้นมันไม่รู้หรอกว่ารถคันนี้ผมเชี่ยวจนเหมือนเป็นอวัยวะที่สามสิบสี่ไปแล้ว(สำหรับอาชีพเซลล์อย่างพวกผมอันที่สามสิบสามคือโทรศัพท์ครับ ฮ่าๆ) ใช้แค่มือเดียวก็คว้าแก้วจากช่องวางแก้วมาได้แล้วครับ ก็วันๆ นึงผมอยู่ในรถติดแหง็กอยู่ในพื้นที่แคบๆ นี่เกินวันละแปดชั่วโมงอ่ะ ไม่คล่องก็ไม่รู้จะว่าไงละ อย่าเป็นเซลล์เชียวนะครับถ้าคุณไม่ได้รักการขับรถ
     แต่แหม... อยู่กับเมียก็ต้องให้เมียป้อนสิครับ หึๆ
     นี่ดีนะครับเนี่ยรถไม่ติดมาก ไม่งั้นผมคงซวยกว่านี้โดนไอ้ต้นด่าหูชา นี่ผมอุตส่าห์ซิ่งขึ้นทางด่วนมาแล้วนะครับ แต่พอเข้าใกล้สี่แยกใจกลางเมืองรถรามันก็หนาแน่นเป็นธรรมดา ว่าแต่นี่ผมจะไปจอดรถไว้ไหนดีวะ?
     มีเสียงดนตรีแปลกๆ ดังขึ้น ผมหันไปมองทันที เสียงบ้าไรวะ อ้อ! ริงโทนเมียผมเอง ว่าแต่เสียงปกติไม่ใช่เสียงนี้นี่หว่า เสียงเวลาน้องเมษโทรมาก็ไม่ใช่ แล้วก็ไม่ใช่เสียงผมแน่ๆ อ่ะเพราะผมขับรถอยู่ไม่ได้โทรหาต้น ผมคงไม่ได้นั่งทับบูลทูธตัวเองหรอกมั้ง?
     ใครมันโทรหาเมียผมวะ! แล้วที่สำคัญไอ้เหี้ยนี่มันเป็นใคร๊ เมียผมถึงได้ตั้งริงโทนพิเศษให้เนี่ย
     ผมเห็นต้นล้วงเอามือถือเครื่องใหม่ออกมารับสาย มือถือเครื่องนี้ผมพึ่งซื้อให้ต้นเป็นของขวัญสอบเข้ามหาลัยติดเมื่อปีที่แล้วเอง เพราะทนเห็นต้นมันใช้ซากมือถืออันเก่าที่เยินจากตอนโดนอัดก็อปปี้กับรถไม่ไหว ตอนแรกผมก็จะซื้อให้มันอยู่แล้ว แต่ช่วงนั้นผมรายจ่ายเยอะ ไอ้ต้นมันไม่ยอมเอาครับ พอมันเข้ามหาลัยผมเลยมีข้ออ้าง โธ่! ต้นเอ้ย ไม่รู้จักราชาเงินผ่อนซะแล้ว เครดิตพี่เยอะศูนย์เปอเซ็นต์เพียบอ่ะน้อง!
     ผมแอบเหล่มัน ก็ยังดีนะครับ ที่กล้ารับต่อหน้าผม แต่เสียงคุยนี่สิ ทำผมขัดใจจริงเชียว
     “ยังเลย ขอโทษ เราใกล้แล้ว อืมๆ อือ ได้”
     ทำไมต้องทำเสียงอ่อนเสียงหวานขนาดนั้นด้วยวะไอ้ต้น ทีกับพี่ล่ะดุเชียว!
     “ต้นคร้าบ ขอแซนวิสพี่อีกชิ้นทีดิ หิว”
     นั่นไง! ไอ้ต้นมันหันมาทำตาเขียวปั้ดใส่ผม มือซ้ายมันถือโทรศัพท์ มือขวามันคว้าแซนวิสยัดเข้าปากผมแบบไม่เกรงใจกันเลยอ่ะ แถมยังหันหน้าหนีไปนอกรถคุยอีก พี่เป็นผัวเอ็งนะเว้ยต้น!
     ผมเลยระบายความแค้นด้วยแซนวิสเคราะห์ร้ายในปากผมแทน แต่สำลัก 
     ไม่ป้อนพี่ พี่ยกแก้วมากินน้ำเองก็ได้วะ!
     “อื้ม ขอโทษนะ อีกเดี๋ยวก็ใกล้ถึงแล้วล่ะ อืม ฝากบอกโอมด้วย”
     นั่นไง คุยเสร็จแล้ว ชะอุ๋ย! ทำไมทำหน้าดุแบบนั้นละจ้ะเมียจ๋า
     “พี่ชัชสะกดคำว่ามารยาทเป็นมั้ยครับ”
     ด่าพี่ทำไมวะไอ้ต้น เดี๋ยวเหอะ! เดี๋ยวคืนนี้เอ็งโดนดีแน่
     ผมก็ฉุนหน่อยๆ นะครับ จะยังไงผมก็แก่กว่ามันตั้งเยอะ มันดันปากเสียใส่ผมแบบนี้!
     แต่ปากผมพูดไรออกไปน่ะเหรอ?
     “ขอโทษคร้าบที่รัก ก็พี่หิวอ่ะ เมื่อเช้าใช้แรงเย้อเยอะ”
     ฮ่ะฮ่า ต้นมันหน้าแดงแล้ว มีแอบยิ้มด้วย ได้ผลทุกทีอ่ะ มุขใต้สะดือของสองเราแบบนี้
     ผมจะบอกเคล็ดลับปราบเมียให้ครับ เวลาเมียงอนให้โจมตีด้วยเรื่องบนเตียง ได้ผลตลอด เชื่อดิ งอนๆ กันอยู่สะกิดเลยครับ สะกิดไปสะกิดมาหายงอนหมดทุกรายอ่ะ ผมใช้บ่อย
     “ทีหลังก็ทานอาหารเช้าก่อนสิครับไม่ใช่มัวแต่หื่น แล้วดูสิทำผมสายไปด้วยจนเพื่อนโทรมาตามแล้ว”
     “หน่านะ พี่ขอโทษนะครับคนดี นี่ไง เดี๋ยวแยกหน้าก็ถึงแล้ว ติดไฟแดงอีกนิดนะครับที่รัก”
     “ผมว่าแยกหน้าพี่ชัชเลี้ยวขวาก็ได้ครับ ผมเดินข้ามไปเองได้ใกล้คณะผมมากกว่า ขืนรอไปยูเทิรน์อีกผมกลัวจะไม่ทัน แถวนี้หาที่จอดยากนะครับ”
     ไอ้ต้นมันสั่งเป็นชุดเลยครับ แต่เอาเหอะเมียสั่ง ผมก็มีหน้าที่ทำ ขืนไม่ทำสิครับ ตาย!
     พอรถเคลื่อนตัวได้ผมก็วนรถไปจอดเทียบข้างทางตามบัญชาราชินีครับ พอรถจอดนิ่งปุ๊ป ไอ้ต้นมันแทบจะกระโดดลงปั๊ป ผมเลยต้องเรียกเอาไว้ก่อน
     “เดี๋ยวๆ ต้น ให้พี่มารับตอนเย็นมั้ย วันนี้พี่ว่าง”
     ต้นมันทำหน้าเกรงใจผมอีกละ ผมเลยตัดบทมันมั่ง
     “เดี๋ยวเสร็จแล้วโทรหาพี่นะ พี่เดินเล่นแถวนี้รอ วันนี้พี่ว่างทั้งวัน”
     “แล้วพี่จะไปจอดรถที่ไหนละครับ ค่าจอ-”
     ไอ้งก!
     “เออน่ะ เดี๋ยวพี่หาทางจัดการเอง ต้นรีบไปเหอะ”
     ขอสดุดีความงกบรรลัยของไอ้ต้นมันเลยครับ!
     ผมวนหาที่จอดรถแถวๆ นั้นแหละครับ ศูนย์หนังสือคือจุดหมายของผม เพราะกะจะไปเหล่สาวๆ แถวสยามซะหน่อย ไม่ได้มาตั้งนาน ไม่รู้สั้นขึ้นกี่คืบ หึๆ
     ถึงจะเห็นผมเป็นแบบนี้แต่ใช่ว่าผมเป็นบ้านนอกเข้ากรุงนะคร้าบ แค่พักหลังๆ ผมมักได้ทำงานเขตชานเมืองเขตต่างจังหวัดจนไม่ค่อยได้เข้าใจกลางกรุงแบบนี้ก็เท่านั้นเอง ยิ่งพอหลังจากที่ผมดันยาติดตลาดในเขตหินๆ ได้แล้ว ผมก็มักจะโดนเตะไปทำเขตอื่นๆ เพื่อดันยาตัวใหม่ตลอดเลยครับ ส่วนตัวเก่าเขตเก่าก็ให้น้องๆ ผู้แทนหน้าใหม่คอยดูแลต่อ
     แล้วที่สำคัญทาเก็จอาชีพผมไม่ใช่เจ้าถิ่นแถวนี้นี่ครับ พวกหมอแก่ๆ เขาไม่ได้ชอบให้ผมมาต่อแถวซื้อโดนัทเทพไปเฝ้าหรอกครับ โน่นอ่ะ สนามกอล์ฟโน่น ไม่ก็พวกโรงเบียร์ ลงอ่าง แต่พักหลังๆ โดนไอ้ต้นขู่ครับ เลยต้องเลี่ยงๆ สถานที่อโคจรบ้าง
     แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มีวิธีนะ ยอดขายผมไม่ตกลงด้วยเรื่องแค่นี้หรอก ถ้ามันจะมีปัญหาละก็ ด่ารัฐบาลเถิดครับท่าน พักนี้พวกดีเทลยาแบบผมทำงานกันยากชิบหาย! นโยบายก็เฮงซวย! จะเอายาดีๆ แต่เอาถูกๆ ของพรรณนั้นมันไม่มีในโลกหรอกครับ ยานะครับไม่ใช่ขนมซองละห้าบาท!
     ผมวนรถขึ้นอาคารจอดทันทีที่มาถึงจุดหมาย โชคดีชะมัด ยังเช้าอยู่เลยพอมีที่ว่าง จะว่าไปนี่ก็ถือเป็นการมาเยือนถิ่นเก่าผมเหมือนกันนะ ฮ่าๆ ถ้าหากคุณงงละก็ผมจะบอกให้ ผมมันก็อดีตเด็กเภสัชไงครับ แล้วก็เป็นรุ่นพี่มหาลัยไอ้ต้นมันด้วย แต่ต้นมันไม่รู้หรอกครับ ผมไม่ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวผมให้มันฟังมากนักหรอก คือ ผมอายุตั้งสามสิบสามแล้วนี่นะ แก่กว่าไอ้ต้นตั้งสิบสี่ปี ตอนที่ผมยังเรียนอยู่ที่นี่ไอ้ต้นมันเข้าประถมยังก็ไม่รู้ ก็เลยขี้เกียจพูดถึงอ่ะครับ
     ผมได้ที่จอดแล้วขอเดินลงไปหาอะไรเย็นๆ มากระแทกปากให้สดชื่นหน่อยเหอะ เมื่อคืนผมนอนดึกเหมือนกันนะครับ กลับมาเกือบเที่ยงคืนอ่ะ แล้วไอ้ต้นแม่งก็ตื่นตั้งแต่ยังไม่หกโมง จะมาแต่เช้าทำไมก็ไม่รู้ เมียผมนี่เด็กดีจริงๆ เล้ย
     ผมบอกพวกคุณรึยังว่าพี่น้ำยกรถคันเก่าไว้ให้ต้นใช้ แต่ต้นมันไม่ขับ จอดเอาไว้ที่คอนโดแล้วโหนรถเมลล์มาขึ้นBTSแทนอ่ะครับ ทำตัวติดดินโคตร แต่ผมว่ามันขี้เกียจมาแย่งที่จอดกับชาวบ้านมากกว่า ไอ้ต้นมันเป็นคนง่ายๆ ครับ ไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก ส่วนผัวมันก็ขับรถจนค่าน้ำมันเดือนนึงล่อไปเป็นหมื่น
     นี่ผมอุตส่าห์เลือกรุ่นที่มันไฮบริดแล้วนะครับ ไม่เห็นจะประหยัดตรงไหนเลยเพราะ“นาย ก.”เล่นขึ้นค่าน้ำมันแบบขึ้นเอาๆ จนผมชักอยากไปติดแก๊สอ่ะ แต่เดี๋ยวก็ไปต่อคิวครึ่งวันอีก ปั้มก็น้อย ไม่สะดวกกับอาชีพผมเอาซะเลย ดีนะ งบค่าน้ำมันผมแม่งเยอะ เลยได้กำไรอยู่บ้าง อาชีพผมเงินเดือนน้อยนิดแต่ทีเด็ดอยู่ตรงงบค่าน้ำมันค่าเลี้ยงหมอนี่แหละครับ ใครบริหารดีๆ ก็มีสิทธิ์รวย ยิ่งได้อัดฉีดจากยอดยิ่งเยอะครับ ตั้งตัวสบายๆ แต่ผมเก็บเงินไม่เก่งเลยยังจนอยู่นี่แหละ ทำไงได้ค่ากินค่าเที่ยวมันเยอะ แหะๆ
     ผมถือกาแฟเย็นเดินไปดูดไป ข้ามฝั่งสยามเข้ารั้วมหาลัยเก่าผมไปยังตึกคณะวิทย์ แม่ง ไกลโคตร! คนละฝั่งกันเลยครับกับคณะเก่าผม แต่ทำไงได้ ด้วยความรักที่ผมมีให้กับเมีย เลยว่าจะแอบไปดูสุดที่รักของผมทำกิจกรรมซะหน่อย ตอนที่มันอยู่ปีหนึ่ง ผมเคยไปรับมันช่วงแรกๆ เพราะตอนนั้นมันประสบอุบัติเหตุ แม้แขนจะหายแล้วแต่ออกแรงเยอะไม่ได้ผมเลยไม่อยากให้มันโหนรถเมลล์
     แต่หลังจากนั้นต้นมันไม่ค่อยยอมให้ผมไปรับ ผมไม่ว่างเองด้วยแหละ ก็งานผมมันโคตรยุ่งเลยอ่ะ ไอ้ต้นมันเลยกลับมาถึงคอนโดก่อนทำอาหารเย็นรอผมเกือบทุกวัน ไม่ค่อยมีวันที่ผมกลับมาถึงห้องก่อนต้นอ่ะ มีแต่กลับมาถึงห้องแล้วก็เจอเมียนั่งรอกินข้าวด้วยกัน อ้า มีความสุขครับ
     เอ้ย! ลืมไป ผมว่าจะเล่าถึงตอนที่ผมไปรับไอ้ต้นมันซะหน่อย ปกติช่วงนั้นเวลาผมไปส่งต้นๆ มันก็จะให้ผมจอดใกล้ๆ แล้วเดินต่อไปเองอีกอยู่ดีอ่ะครับ เพราะมันเกรงใจ ไม่ก็ขอติดรถผมไปสถานีรถไฟฟ้าก็มี ส่วนผมก็ขึ้นทางด่วนไปทำงานตามปกติ ผมเลยไม่เคยไปดูว่าต้นมันรับน้องยังไง แต่มีวันนึงที่มันอยู่ถึงเย็นช่วงหัวค่ำยันดึก ผมเป็นห่วงก็เลยบอกมันว่าจะวนไปรับเพราะพึ่งเลิกงานเหมือนกัน
     แล้วพวกคุณรู้มั้ยว่าผมเจออะไร? มีคนจ้องเมียผมตาเป็นมันอ่ะ!
     วันนั้นต้นมันรับน้องอยู่ถึงดึก ผมเลยมารับมันกลับบ้าน ตอนที่ต้นมันกำลังนั่งรอผมอยู่นี่แหละครับ เต็มๆ เลย คือเต็มจริงๆ นะครับ ไอ้พวกรุ่นพี่ชีกอมันพากันมานั่งล้อมวงต้นใหญ่เลย เด็กวิดยาทำไมแม่งเถื่อนอย่างกับวิดวะละครับ แต่ละตัวหลีเมียผมสุดๆ อ่ะ มันมาแซวเมียผมกัน ผมจำได้ไม่มีวันลืมเลยครับ
     “น้องต้นจะกลับบ้านไงครับเนี่ย ดึกแล้วบ้านไกลด้วย ให้พี่ไปส่งมั้ยครับ ถ้าให้พี่ไปส่งแถมเลี้ยงข้าวเย็นด้วยนะ ไปกับพี่ป่าว ไปกับพี่แล้วสบายนะน้องต้น เดี๋ยวพี่พาไปกิน... ข้าวครับ ฮ่าๆ”
     “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวที่บ้านผมก็มารับแล้วครับ”

     นั่นคือตอนที่ผมเดินเข้าไปได้ยินพอดีครับ แม่งจะกินตับเมียผมอ่ะ!
     ไอ้เวรเอ้ย! ข้ามศพกูไปก่อนเหอะ
     ผมจะตายตอนเจ็ดสิบอ่ะ ดูดิ ไอ้ต้นตอนห้าสิบกว่าๆ จะยังมีใครมาจีบมันอยู่มั้ย!
     ยังดีนะครับที่ไอ้ต้นมันไม่ออกอาการอะไร ไม่งั้นมีหึงอ่ะ มันแค่พูดเรียบๆ ปฏิเสธแบบนุ่มนวลตามวิธีถนัดของมัน กำลังชมอยู่เลย เมียผมไม่แรด รู้จักระมัดระวังตัว แต่ไอ้รุ่นพี่หน้าด้านนั่นแม่งก็ยังไม่เลิก
     “แหม ที่บ้านมารับด้วยเหรอครับ บ้านหวงนะเนี่ย พ่อดุแบบนี้งี้พี่ลำบากแย่”
     อย่ามาเล่นมุขน้ำเน่าแถวนี้นะว้อย! ผมได้ยินแล้วของขึ้นอ่ะ ไอ้นี่มันจีบต้นออกหน้าออกตามาก
     “ครับ ที่บ้านต้นหวงมากครับ”
     ผมเข้าไปเสือกทันทีครับ ขอช่องให้พระเอกของเรื่องโชว์แมนทีเหอะ!
     พอต้นมันหันมาเห็นผมมันก็หยิบกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน เดินหนีรุ่นพี่นั่นมาหาผมแล้วมันก็ขอตัวไปบอกเพื่อนมันก่อน
     ระหว่างนั้นเองแหละครับที่ไอ้รุ่นพี่ชีกอนั่นมันหันมาทางผม เพราะผมยังยืนอยู่ที่เดิมอยู่ โดนเมียกูสะบัดบ๊อบใส่แล้วยังไม่รู้ตัวอีกมึง แม่งไอ้ปากหมานี่หน้าด้านเล่นไม่เลิก
     “สวัสดีครับคุณพ่อ”
     คงเพราะวันนั้นผมมารับต้นหลังเลิกทำงานมั้งครับ ชุดทำงานจัดเต็มตามสไตล์เซลล์แมนแบบเชิ้ตแขนยาวกับแสล็คมันเลยดูแก่ ผมอุตส่าห์พับไทด์ยัดใส่กระเป๋ากางเกงไว้ละนะ ยังเสือกเรียกผมว่าพ่ออีก
     เฮ้ย! ไม่ดิ ผมยังไม่แก่ซะหน่อย! ไอ้นี่แม่งหาเรื่องด่าผมนี่หว่า
     “ไม่ใช่พ่อ ครับ”
     ผมยิ้มเหี้ยมให้มันพร้อมกับตอบด้วยเสียงลอดไรฟันอ่ะ นี่คงกะว่าถ้าผมเป็นพ่อจะเข้าทางพ่อเลยรึไง ไอ้เวรนี่! ผมเน้นเสียงตรงคำว่า “พ่อ” ใส่มันด้วยนะครับ อุตส่าห์แถม “มึง” ให้อ่านปากเอาเองด้วย หึๆ หน้าเหวอไปเหมือนกันนี่มึง!
     “งั้นก็คงคุณพี่ใช่มั้ยครับ มิน่า ยังหนุ่มอยู่เลย”
     ยิ้มประจบเชียวนะมึง!
     “ไม่ใช่ครับ ผมเป็นผัวต้นน่ะครับ”
     ผมเฉลยให้มันฟังแล้วก็เดินหนีทันทีครับ ไม่กล้าออกแอคเซนท์ดังมากนัก กลัวไอ้ต้นมันมีปัญหาทีหลัง แต่ตอนที่ผมเดินหนีผมก็เดินไปหาต้นแล้วโอบคอมันนะครับ ตอนนั้นต้นมันยังสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบผมเลยวางแขนพาดไหล่มันได้พอดีๆ แบบไม่ดูน่าเกลียด
     ส่วนตอนนี้เหรอครับ เป็นที่น่ายินดีว่าเมียผมสูงขึ้นอีกเซ็นฯ ครึ่ง กร๊ากๆ อย่าไปบอกมันนะครับว่าผมหัวเราะเยาะมัน ไม่งั้นมันจะชอบย้อนผมกลับมาว่า “เป็นเพราะพี่ชัชนะแหละที่ทำให้ผมแขนหัก เลยมีผลกับแคลเซี่ยมในกระดูกจนผมไม่สูงขึ้น” ฮ่าๆ
     ว่าแล้วก็ขอไปดูหน้าเมียซักหน่อยครับ ปีนี้ต้นมันเป็นรุ่นพี่แล้ว หวังว่าคงไม่โดนใครมาหลีมันอีกนะ ผมขอตัวไปเดินหาเมียผมซักครู่
     นั่นไง ผมเห็นมันแล้ว กำลังทำกิจกรรมอยู่เลย ฮ่าๆ ไอ้ต้นมันเต้นด้วยแหละครับ น่ารักชะมัดเลย
     ผมหลบมุม ตัดสินใจแอบสตอล์กเกอร์เมียตัวเองอยู่เงียบๆ เพราะของแบบนี้ไม่ได้หาดูได้ทุกวัน กลัวเข้าไปละต้นมันอายแล้วจะเลิกเต้นครับ เวลามันเต้นทำกิจกรรมใสๆ มันคนละเรื่องกับเวลามันดิ้นอยู่บนเตียงกับผมนี่หว่า ฮ่าๆ
     หือ... เมียผมนี่น่ารักจัง ยิ้มหวานให้รุ่นน้องเชียว อ้าวๆ นังหนู! เรื่องอะไรน้องแอบแตะอั๋งมือเมียพี่คร้าบ เด็กผู้หญิงสมัยนี้ไวไฟกันจังเลยครับ ต้นนี่เสน่ห์แรงจริงๆ ดึงดูดทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ผมเครียดนะเนี่ย! แปลว่าผมต้องมีคู่แข่งถึงสองเพศเชียว? ได้แต่หวังว่าต้นมันคงไม่ทิ้งผมไปกับผู้หญิงคนไหนเหมือนฟ่างนะ ไม่งั้นผมคงอกแตกตายอ่ะ
     แอบมองต้นทำกิจกรรมก็เพลินดีเหมือนกันนะครับ ผมยอมรับเลยว่าไม่ค่อยได้ใส่ใจเวลาต้นมันอยู่นอกบ้านมากนัก เพื่อนคนเดียวของไอ้ต้นที่ผมรู้จักก็คือน้องเมษที่เคยช่วยเหลือไอ้ต้นมันไว้สมัยก่อน ผมพอจะรู้มาบ้างว่าต้นมันเพื่อนน้อยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
     แล้วผมก็รู้ตัวดีแหละว่าเพื่อนสนิทต้นสมัยมัธยมแม่งเกลียดผมกันทุกคน เพราะผมเป็นคนทำให้ไอ้ต้นเจ็บ โดยเฉพาะไอ้มารหัวใจผม เจอหน้ากันแต่ละทีแทบมีเงื้อหมัดอ่ะ!
     แต่โชคดีนะครับ ที่หลังจากจบ ม. 6 แล้วคนที่ต้นยังติดต่อด้วยบ่อยๆ ก็มีแค่น้องเมษคนเดียว พอต้นเข้ามหาลัยได้โลกของต้นก็กว้างขึ้นเป็นธรรมดา ต้นคงมีเพื่อนใหม่ แต่ผมไม่ได้ใส่ใจมากนักว่าเป็นยังไงบ้าง คือไงดีละครับ ถ้าฐานะของผมเป็นแค่พี่ชายข้างบ้านมันก็คงจะสะดวกที่พูดคุยเรื่องนี้
     แต่นี่ บางทีผมมาคิดๆ ดู ผมชักเป็นห่วงว่าเพราะฐานะของผมรึเปล่าที่ทำให้ต้นมีปัญหาในการเข้าสังคมกับเพื่อน มนุษย์เราไม่ได้ยอมรับ“เกย์”ทุกสังคมนี่ครับ พวกแอนตี้เกย์ก็มี ขนาดผมเองยังเป็นเลย ตั้งแต่มีข่าวออกไปว่าผมได้แฟนใหม่เป็นเด็กผู้ชาย พวกแม่งมาอื้อเลย! พูดแล้วขนลุกอ่ะ ให้นึกภาพตัวเองกับผู้ชายคนอื่นผมก็นึกไม่ออกอยู่ดี ผมทำกับต้นได้คนเดียวเท่านั้นแหละ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงละก็บอกเลยว่าได้ทุกคน ฮ่าๆ
     ผมเป็นห่วงต้นมันนะ แต่เรื่องแบบนี้ใช่ว่าผมเข้าไปยุ่งได้ ผมเข้าไปยุ่งกับเรื่องสังคมในรั้วมหาลัยของต้นมันไม่ได้หรอกครับ แต่พอได้มาเห็นแฟนผมยืนยิ้มร่าเริงหัวเราะสดใสร้องเพลงเต้นออกท่าออกทางแบบนี้ผมก็เบาใจละ อารมณ์อย่างกับพ่อส่งลูกไปอนุบาลแล้วลูกไม่ร้องไห้เลยครับ เหอะๆ
     แต่นะครับ ขอยกเว้นไว้อย่าง! ถ้ามีไอ้เพื่อนสนิทหน้าไหนคิดไม่ซื่อกับนายต้นน้ำเมียสุดที่รักของผมละก็ ผมไม่อยู่เฉยแน่ครับ ระหว่างให้ต้นเสียเพื่อนกับผมเสียเมีย ผมตอบด้วยความเห็นแก่ตัวเลยว่าผมจะเลือกอย่างแรก ฮ่าๆ
     นั่นไง! ต้นมันเห็นผมแล้ว เผลอทำหน้าแดงด้วยอ่ะ น่ารักชะมัด! มีเขินมีหลบตาอ่ะ อู้ยเมียใครวะน่ารักจริงๆ
     เวลาต้นมันเขินมันชอบทำหน้านิ่งๆ แล้วเชิ่ดหน้าหน่อยๆ ครับ แต่ดูที่มุมปากมันดิ มันจะแอบยิ้มอยู่หน่อยๆ แล้วก็หน้าแดงเพราะต้นเป็นคนที่หน้าแดงได้ง่ายมาก แถมยังค่อนข้างขี้อายด้วย
     คงเพราะเวลาอยู่กับผมมันเรียบร้อยมั้งครับ พอโดนผมเห็นตอนมาเต้นอะไรพิลึกๆ มันเลยอาย โธ่ไอ้น้อง! กิจกรรมรับน้องมันก็ต้องเต้นอุบาทว์ๆ แบบนี้แหละที่รัก แต่ถึงผมจะพูดแบบนั้นเสต็ปไอ้ต้นแม่งก็แพ้รุ่นพี่คนอื่นๆ อยู่ดีอ่ะ เมียผมนี่หน้าบางจริงๆ น้องผู้หญิงแก้มป่องคนนั้นยังแดนซ์มันส์กว่าไอ้ต้นเล้ย หน้าอกใหญ่ดีวุ๊ย! เด้งดีชะมัด
     ชิบ สละเรือ! เผลอไปหน่อยเดียวเองนะ ไอ้ต้นมันเดินมาทางผมแล้ว แล่ว แล่ว แล่ว หาทางแถก่อนล่ะครับ
     “พี่ชัช มาทำไรตรงนี้ครับ”
     “พี่... พี่เป็นห่วงลูกหลานบุตรธิดาเพื่อนข้างบ้านจ้ะ”
     “มีผู้ปกครองมายืนดู เด็กจะอึดอัดนะครับ ถ้ายังไงรบกวนคุณผู้ปกครองไปรอไกลๆ ดีกว่าครับ”
     อื้อหือ! แม่งเน้นตรงคำว่า“ไกลๆ”ชัดมากอ่ะ หวังว่าต้นมันคงไม่รู้นะครับว่าผมแอบมองส้มโอน้องแก้มป่องคนนั้น ผมยืนทำหน้าละห้อยอ้อนมันนิดนึง แต่ไอ้ต้นตีหน้านิ่งเชียวครับ ฮือๆ แม่งโกรธผมจริงๆ ด้วยนี่หว่า รู้แหงแซะ!
     “งั้น พี่ไปเดินเล่นแถวสยามรอนะครับที่รัก ถ้าเสร็จแล้วโทรหาพี่นะ เราจะได้กลับบ้านด้วยกัน”
     แม่ง ใช้สายตาเย็นยะเยือกขับไสไล่ส่งผมอีก ... ใจร้ายชะมัด ขอผมยืนดูวิวอีกนิดก็ไม่ได้ ไอ้ต้นนะไอ้ต้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เอาพี่ชัชมาเสิร์ฟก่อน เป็นยังไงกันบ้างฟังพี่แกพล่ามแล้วรู้สึกกันมั้ยว่าเฮียแกเกรียน ฮ่าๆ
เป็นผู้ชายวัยกลางคนที่ยังใจร้อน นิสัยเสีย ปากหมา แล้วก็หื่น แม้จะมีบางมุมที่เป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้างก็เถอะ

ภาคที่แล้วเล่าแบบบรรยายอาจจะเห็นบุคลิคไม่ชัด มาภาคนี้เปลี่ยนวิธีเล่าเพราะเน้นที่ตัวละครมากขึ้น อยากให้แซ่บถึงใจมากขึ้น สะใจกันมั้ยเอ่ย?
(เราชอบอ่านนิยายแปลฝรั่งอ่ะ ตัวละครมันพล่ามเยอะ แต่อ่านแล้วมันแซ่บ มัน สะใจ สนุกกับความคิดบ้าๆ ของตัวละคร
เราเลยลองเลือกสไตล์นี้มาใช้เขียนงานของตัวเอง ก็ไม่รู้จะทำได้มั้ย ไม่แน่ใจว่าคนอ่านจะชอบรึเปล่า จะบอกว่าเวิ่นเว้อไปมั้ย?
ยังไงนักเขียนมือใหม่ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยน้า กำลังพยายามหาสไตล์ของตัวเองอยู่จ้า)


ธีมของนิยายเรื่องนี้คือ"มนุษย์" มนุษย์ที่ยังรักโลภโกรธหลงพลั้งเผลอผิดพลาดนี่แหละ ไม่ต้องใส่ประเด็นอะไรมากมายหรอก แค่โจทย์ง่ายๆ ที่ถ้าเป็นคนดีคิด/ทำปัญหาคงไม่เกิด แต่เพราะเป็นตัวละครงี่เง่าเรื่องมันเลยเกิด
คอนเซ็ปน้องต้นเรื่องเล็กๆ ก็ใหญ่ได้ถ้าถึงมือฮี ฮ่าๆ ไม่คิดว่ามันสนุกเหรอ? คนแบบน้องต้นจะปรับตัวในสังคมมหาลัยยังไงน้า? แค่คิดคนเขียนก็ตื่นเต้นแล้ว ฮ่าๆ
มาดูกันว่าภาคนี้เราจะทำให้คนอ่านทั้งหมั่นไส้ทั้งเอาใจช่วยต้นน้ำได้หรือไม่ ไม่แน่นะ พอได้รู้จักเข้าใจความคิดของต้นแล้วอาจหลงรักต้นแบบไม่รู้ตัวก็ได้

มาดำดิ่งไปกับพี่ชัช น้องต้น และตัวละครอื่นๆ(!?!) กันเถอะ! แล้วคุณจะหลงรักนิยายเรื่องนี้ (แต่ถ้าไม่รักก็จะเกลียดไปเลยนะ ฮ่าๆ)
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #1
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-10-2014 17:06:13
ต้นน้ำ

     “มีไรเหรอต้น?”
     “เปล่า ไม่มีไรหรอก ผู้ปกครองเขาเป็นห่วงเฉยๆ น่ะ”
     ผมตอบโอมที่เป็นห่วงผมจนเดินตามมา เฮ้อ... ผมได้แต่หวังว่าโอมจะไม่กลายไปเป็นเหมือนแม็กซ์นะครับ แต่เอาเถอะ เรื่องความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ แล้วในกรณีโอมก็ถือว่าดีกว่าแม็กซ์เยอะทีเดียว อย่างน้อยโอมก็ค่อนข้างขี้อายกว่า รับฟังความคิดของคนอื่นมากกว่า แล้วก็ไม่เจ้าอารมณ์แบบแม็กซ์ ติดจะเงียบๆ คล้ายผมมากกว่า
     ผมทำกิจกรรมกับเพื่อนที่คณะต่อแบบไม่อยากจะสนใจ ผมว่าผมพอรู้นิสัยพี่ชัชแล้วนะจากการแอบมองพี่เขามาตลอดหลายปี แต่พอได้มาอยู่ด้วยกันจริงๆ แล้วผมยอมแพ้เลย! รู้เลยทำไมพี่ฟ่างทนพี่ชัชไม่ได้ พี่ฟ่างเป็นผู้หญิงประเภทมั่นใจในตัวเองสูง ไม่ยอมใคร ส่วนพี่ชัชก็พอกันครับ เป็นตัวของตัวเองสูงสุดๆ ถึงบทหวานพี่ชัชจะหวานมากก็เถอะ แต่ชอบใจร้อนแล้วก็ชอบโมโหแบบไร้สาระบ่อยสุดๆ แล้วเวลาพี่ชัชโมโหก็น่ากลัวมากๆ ด้วยครับ ถึงพักหลังๆ นี่พี่ชัชไม่เคยโมโหใส่ผมอีกแต่อย่าให้ผมนับเลยว่ากี่ครั้งกันที่ผมต้องเป็นคนห้ามทัพพี่ชัชไม่ให้ไปมีเรื่องกับชาวบ้าน แถมบทขี้เกียจนี่... ผมล่ะเซ็ง! ชอบทำตัวซกมกอีเหละเขะขะ ถือว่าตัวเองงานยุ่งแล้วก็ชอบทำรกทิ้งไว้ แต่พอมีเวลาว่างก็เอาแต่นอนดูทีวีไม่ยอมจัดการให้เรียบร้อย อ้างบอกอยากพักผ่อน แล้วไหนจะยังนิสัยเอาแต่ใจอีก ชอบคิดเองเออเองมีอะไรก็ตัดสินใจคนเดียวไม่ปรึกษากันบ้างเลย เวลาที่ผมโมโหทะเลาะกันกับพี่ชัชทีไร พี่ชัชก็“คร้าบๆ”ตลอดแหละครับ รับปากส่งๆ ไปงั้น เป็นคนประเภทปากพูดครับได้ตลอดแต่เดี๋ยวก็ลืม อีกเดี๋ยวก็ไม่ใส่ใจ ต้องให้ผมพูดซ้ำๆ ซากๆ แล้วก็ไม่เคยเข็ดกับทุกๆ เรื่อง ทำผิดแล้วผิดอีกตลอด ... นี่ผมบ่นพี่ชัชไปกี่บรรทัดแล้วนะครับ?
     เฮ้อ ... เอาเป็นว่า พอได้มาอยู่ด้วยกันจริงๆ แล้วผมก็รู้ซึ้งถึงข้อเสียของพี่ชัชเพิ่มขึ้นอีกเพียบเลยละครับ แต่ทำยังไงได้ ผมรักพี่ชัชไปแล้ว รักมากด้วย แล้วข้อเสียแต่ละข้อของพี่ชัชก็ใช่ว่าผมจะทำเป็นมองข้ามไปไม่ได้ เพราะคงไม่มีข้อเสียข้อไหนที่มันเลวร้ายไปกว่าเมื่อตอนครั้งนั้นแล้วละครับ
     ผมยังจำได้ดีถึงคำขอโทษของพี่ชัช “พี่รู้ตัวว่าพี่ทำผิดกับต้นไว้มาก แต่จากนี้ต่อไปพี่จะพยายามปรับปรุงตัวนะ พี่คงไม่กล้าให้สัญญาอะไรอีกเพราะพี่ก็ไม่กล้ารับประกันเหมือนกัน แต่ถ้าพี่จะขอร้องต้นตรงๆ ว่าพี่อยากให้ต้นช่วยทนผู้ชายไม่ได้เรื่องคนนี้ พี่ขอความรักจากต้น ขอให้ต้นรักพี่เหมือนเดิม ต้นจะยอมตกลงมั้ยครับ” พอมาคิดๆ ดูแล้ว นั่นมันเห็นแก่ตัวมากเลยไม่ใช่เหรอครับ?
     พี่ชัชขอให้ผมทนเขา แล้วพี่เขาก็สมใจ! ผมเคยคิดว่าระดับความอดทนในตัวผมมีลิมิตที่สูงมาก แต่พอมาอยู่กับพี่ชัชผมชักไม่แน่ใจแล้วสิครับ โดยเฉพาะเรื่องบางเรื่อง เห็นผมไม่พูดใช่ว่าผมไม่รู้สึกนะครับ อย่าทำให้ผมหมดความอดทนก็แล้วกัน ไม่งั้นผมเอาเรื่องจริงๆ ด้วย!
     “เป็นอะไรรึเปล่าต้น หน้าเครียดเชียว”
     โอมเบรคจังหวะความคิดผมที่กำลังบ่นใครบางคนอยู่ เฮ้อ... คนเซ้าซี้แบบนี้ผมก็ไม่ชอบนะครับ
     “เปล่านี่”
     “เหรอ ดีจัง เรานึกว่าต้นโกรธเราซะอีกที่ชวนต้นลงสต๊าฟกลุ่มจนต้นต้องมาทำอะไรแบบนี้”
     “แบบนี้”ที่โอมว่าก็คือมาเป็นรุ่นพี่ในสต๊าฟเชียร์นั่นแหละครับ ใช่ว่าผมรังเกียจกิจกรรมแบบนี้ซักหน่อย ผมหงุดหงิดแฟนขี้หลีหรอก!
     “ไม่หรอก ก็สนุกดี โอมไม่ต้องคิดมากหรอก”
     พอได้ยินแบบนี้โอมก็ยิ้มให้ผมทันที ทำไมผมจะดูไม่ออกว่าโอมคิดอะไรกับผม
     “ต้น เดี๋-”
     “ต้นจ๋า”
     โอมทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างกับผมแต่โดนเมย์ตัดหน้าไปซะก่อน เมย์ก็คือคนที่บังคับยัดเยียดให้ผมใช้“ริงโทนเฉพาะกิจ”ที่ว่านี่แหละครับ เธอถือวิสาสะเอามือถือของผมไปตั้งค่าเองเลยด้วย ไม่รู้จักเกรงใจกันมั่งเลย แต่ผมไม่อยากใส่ใจให้เป็นปัญหาก็เลยยอมปล่อยเลยตามเลยครับ
     เมย์เป็นเหมือนหัวหน้ากลุ่มสต๊าฟของพวกเรา แล้วก็เป็นเพื่อนสาขาเดียวกันกับผมและโอมด้วย เมย์เป็นเด็กฟิสิกส์แปลกๆ ครับ ร่าเริง ชอบทำกิจกรรม มั่นใจ เป็นตัวของตัวเองสูง เข้าสังคมเก่ง แล้วก็เรียนเก่งมากๆ ด้วย แข่งกับผมเลยแหละ
     มันเฮิร์ทนะครับที่เราเคยมั่นใจว่าเราเก่งแต่มาเจอคนที่เก่งกว่า แล้วแถมยังเก่งกว่าเกือบทุกด้านแบบนี้ ที่สำคัญเมย์ก็คือผู้หญิงคนที่พี่ชัชยืนมองจนน้ำลายหกเมื่อตะกี้นั่นแหละครับ
     เมย์เข้ามาสั่งงานบางอย่างกับผมแล้วก็เรียกพวกสต๊าฟคนอื่นๆ ที่ต้องรับผิดชอบงานนี้เข้ามาฟังด้วย ผมพยายามทำความเข้าใจกับคำสั่งน่าปวดหัวของเมย์ เธอคิดบ้างมั้ยครับว่าคนอื่นเขาอาจจะไม่ใช่ซุเปอร์แมนนะถึงจะได้ทำให้ได้ทุกอย่างที่เธอต้องการ เอาแต่“ต้องอย่างโน้นต้องอย่างนี้” ผมไม่น่าหลวมตัวรับทำงานนี้เลย ยังไงผมก็ไม่ชอบการเข้าสังคมแบบนี้จริงๆ ผมไม่ชอบมีเรื่องยุ่งยากกับคนหมู่มากแบบนี้ครับ
     เพราะผมยังมีเรื่องติดขัดที่ต้องคุยกับเมย์ให้ได้ก่อนแยกย้ายเราสองคนเลยนั่งคุยกันอีกครู่หนึ่งจนเพื่อนๆ แยกย้ายกันเกือบหมด แต่โอมก็ยังคงนั่งรอผมอยู่
     โอมเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด เป็นเด็กเรียนธรรมดาๆ คนนึง เราสองคนนั่งติดกันตอนรับน้องวันแรก ต่อมาพอได้คุยกันแล้วรู้ว่าเรียนอยู่สาขาเดียวกันจึงไม่แปลกที่ผมกับโอมจะเกาะติดเป็นบัดดี้ แต่ถึงจะบอกว่าเป็นบัดดี้มันก็แค่เดินไปทานข้าวด้วยกันขึ้นเรียนพร้อมๆ กัน จับคู่ทำงานหรือไปไหนด้วยกันเฉพาะในมหาวิทยาลัยนี้เท่านั้นแหละครับ เราไม่เคยคุยเรื่องส่วนตัวมากไปกว่านั้น และแน่นอนว่าผมไม่เคยไปเที่ยวบ้านโอม โอมเองก็ไม่เคยมาบ้านผม เรื่องราวส่วนตัวของผมนอกเหนือไปจากเรื่องเรียนผมแทบไม่เปิดปากเล่าให้ใครฟัง คงเพราะผมยังไม่รู้สึกสนิทใจกับใครมากพอมั้งครับ
     จนถึงตอนนี้ เพื่อนที่ผมสนิทด้วยมากที่สุดและยังติดต่อกันบ่อยๆ จนถึงขั้นไปมาหาสู่กันก็มีแต่เมษเท่านั้นแหละครับ ก็จะให้คนอื่นมาที่คอนโดผมได้ยังไงล่ะครับ ในเมื่อผมอยู่กับพี่ชัช
     อย่างที่พวกคุณคิดน่ะแหละครับผมไม่ได้บอกใครเรื่องนั้น ผมยังถือคติที่ว่าเรื่องส่วนตัวของผมไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องบอกให้คนภายนอกรับรู้ ผมจึงไม่เคยบอกเรื่องพวกนั้นกับใครเลยแม้แต่น้อย ผมมีหน้าที่แค่มาเรียนแล้วก็พยายามเรียนให้จบก็พอครับ
     ก็ชีวิตของผมมันไม่ใช่ชีวิตที่น่าอวดหรือภาคภูมิใจพอจะเล่าให้ใครฟังได้สะดวกปากนี่ครับ ไม่ว่าจะเรื่องครอบครัวหรือเรื่องง่ายๆ ที่ว่า“มีพี่น้องกี่คน?” แค่คำถามชวนคุยง่ายๆ ผมก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว หรือคุณคิดว่าผมควรจะเล่าให้เพื่อนๆ ฟังครับว่าตอนนี้ผมอาศัยอยู่กับผู้ชายที่เป็นคนรักของผม และเขาก็เป็นคนให้เงินผมใช้อยู่ทุกวันนี้ ทั้งค่ากินค่าอยู่ทุกๆ อย่าง นี่ยังดีนะครับที่ผมได้ทุน ถ้าพี่ชัชออกค่าเทอมให้ผมด้วยคุณคิดว่าคนอื่นที่รู้จะมองผมด้วยสายตาแบบไหนครับ?
     แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่มีสังคมหรือไร้เพื่อนไปซะทีเดียวหรอกนะครับ ไม่เอาแล้วล่ะเข็ดแล้ว เพราะฉะนั้นมันก็เลยมีบ้างที่ผมต้องทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่น เหมือนเช่นที่ผมต้องทนเมย์อยู่อย่างตอนนี้ยังไงล่ะครับ ปกติเวลาที่ผมอยู่กับกลุ่มเพื่อน ส่วนใหญ่แล้วผมมักจะนั่งเงียบๆ ครับ ฟังเพื่อนๆ ผมคุยกัน ถ้าใครถามผมค่อยพูด ผมไม่ใช่คนประเภทเริ่มต้นสนทนาก่อน แล้วก็หาหัวข้อสนทนาไม่ค่อยเก่ง ยิ่งเมื่อผมจับกลุ่มอยู่กับเมย์ คุณคิดว่าผู้ชายเงียบๆ แบบผมจะพูดทันเธอเหรอครับ? อย่าหวังจะได้แทรก
     ในรุ่นผม พวกเรามีกันทั้งหมดยี่สิบแปดคนครับ แต่พอขึ้นปีสอง พวกเราที่เห็นนี่ดันเหลือกันแค่ยี่สิบเอ็ดคน หายไปเจ็ดครับ อย่าให้ผมพูดเลยว่าที่หายไปนี่ย้ายไปเองด้วยความสมัครใจหรือหายไปแบบไปแล้วไปลับ แต่ก็เหลือผู้หญิงอยู่สามคนครับ แล้วสามคนนั้นก็เป็นเพื่อนแก๊งเดียวกับผมและโอมมาตั้งแต่แรกแล้วด้วยสิ
     พวกเราหกคนมีแต่คนเรียนเก่งครับ แต่โอมกับไปป์จะอ่อนที่สุดในกลุ่ม โอมนี่ค่อนข้างหัวช้าครับ ต้องอธิบายกันหลายรอบ แต่ข้อดีของโอมคือจำแม่น เพราะงั้นถ้าอะไรที่โอมจำได้แล้วโอมไม่มีลืม เป็นพวกเรียนรู้ช้าแต่พื้นฐานแน่นสุดๆ ส่วนไปป์เป็นพวกน่าหมั่นไส้ครับ โดดเรียนบ่อย ขยันหลับ แต่พลังฮึดเยอะ ชอบแสดงศักยภาพความเป็นอัจฉริยะเอาตอนสอบตลอดเลยครับ น่าหมั่นไส้จริงๆ ผมน่ะต้องกลับไปห้องแล้วอ่านหนังสือทบทวนทุกคืนนะครับ เมย์กับผมเราขับเคี่ยวแย่งที่หนึ่งของภาคกันอยู่ครับ เพราะฉะนั้นผมถึงได้รู้สึกแย่มากๆ ที่เห็นเมย์ทำกิจกรรมเยอะแบบนั้นแล้วยังคะแนนสูสีกับผมได้ทั้งๆ ที่ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลย
     “เออ ต้น อาจารย์ต้นตระการเรียกแกอีกแล้วอ่ะ เมื่อกี้เราผ่านไปที่ห้องภาค แกบอกว่าให้มาบอกนายว่าให้ไปหาแกด้วย”
     เด็กเคมีที่ผมรู้จักคนนึงเดินมาทักผมครับ พอได้ยินแล้วผมที่กำลังปวดหัวกับคำสั่งของเมย์ก็ยิ่งเซ็งเข้าไปอีกขั้น
     “ทำไมจาร์ยต้นเรียกแกบ่อยจังวะ? ขนาดเด็กเคมียังไม่โดนเรียกบ่อยเท่าแกเลย”
     “ถามเราแล้วจะไปถามใครล่ะนิว”
     “เออ อย่าลืมไปหาจารย์แกด้วยนะเว้ย คราวที่แล้วแกก็ไม่ไป เราโดนจารย์ด่าเลย”
     “อย่าไปสนใจจารย์แกเลย”
     “ไม่ได้ย่ะ ที่ปรึกษาฉัน ไม่สนได้ที่ไหน”
     ผมยิ้มขำๆ ให้กับนิว แต่ก็โดนเสียงเซ็งๆ ของเมย์เบรคเข้าซะก่อน
     “คุยกันเสร็จรึยังยะ ฉันจะได้คุยกับแฟนฉันต่อ”
     วงแตกสิครับ เมย์ชอบใช้มุขนี้กับผมตลอดเลยไม่รู้ทำไม
     “อีกแล้วนะเมย์”
     “ก็ต้นไม่ยอมฟังเราอ่ะ”
     “ก็อาจารย์เรียก ... เอาเถอะ ต่อสิเราฟังอยู่”
     แล้วผมก็ต้องนั่งฟังเมย์พูดอีกราวๆ สิบนาทีครับ จนกระทั่งเสร็จ ผมเตรียมตัวจะกลับบ้างแล้วเหมือนกันเพราะพี่ชัชรอผมอยู่ พี่ชัชส่งข้อความมาบอกว่านั่งรอผมอยู่ที่ร้านกาแฟในสยามตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้วละครับ ผมว่าพี่ชัชไปนั่งเล่นเน็ทฟรีมากกว่า กาแฟอะไรก็ไม่รู้แก้วเป็นร้อย คนเราก็ยังไปนั่งทานกันอยู่ได้!
     แต่พอผมเดินออกมาผมก็เห็นโอมนั่งรออยู่ครับ
     “อ้าว ยังไม่กลับเหรอโอม?”
     “เรารอต้นอยู่น่ะ”
     “มีธุระอะไรรึเปล่า?”
     “เปล่า เราว่าจะชวนต้นไปดูหนัง”
     “โทษทีนะ วันนี้เราไม่ว่างอ่ะ”
     “อ้าวเหรอ”
     โอมทำหน้าเสียดายนิดหน่อย แต่อย่างที่บอกครับ โอมไม่ใช่แม็กซ์
     “งั้นต้นจะกลับเลยมั้ย จะได้กลับด้วยกันเลย”
     โอมถามแบบนั้นเพราะผมกับโอมมักจะเดินกลับด้วยกันบ่อยๆ ครับ ผมเดินไปขึ้นBTS ส่วนโอมก็นั่งรถเมล์หน้าสยาม แต่วันนี้คงไม่ได้เดินกลับด้วยกันหรอกครับเพราะผมต้องไปหาพี่ชัช
     “ไม่ดีกว่ามั้ง พอดีเรามีนัดที่สยามอ่ะ”
     “อ้าว งั้นเหรอ”
     ผมเห็นโอมทำหน้าเสียดายซ้ำสองและสังเกตเห็นความสงสัยในแววตาของโอมด้วย แต่มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่ผมต้องบอกโอมนี่ครับ ผมก็เลยเงียบๆ ไม่พูดอะไร ผมเดินเลี่ยงออกมาเพื่อไปหาพี่ชัช แต่แล้วโอมก็ตามมาด้วย ผมเลยหันไปมอง
     “ไปสยามเหมือนกัน ไปด้วยกันก่อนก็ได้”
     โอมพูดแล้วก็ยิ้มให้ผม เฮ้อ... เจอแบบนี้ผมอึดอัดนะครับ ไม่ชอบเลยครับเวลาที่โอมตามติดผมจนไม่เหลือระยะห่างแบบนี้ ผมเองก็ปฏิเสธโอมไม่ได้ด้วย เพราะโอมไม่เคย“พูด”อะไรกับผมตรงๆ ถ้าโอมทำเหมือนคนอื่นผมยังจะพอตอบปฏิเสธไปตรงๆ ได้ ผมรู้ดีว่าโอมกลัวอะไร ผมเองก็เคยเป็นแบบนั้น แต่ถึงโอมจะขี้ขลาดจนไม่กล้าพูดออกมา แต่วิธีการที่โอมใช้นี่ต่างกับผมลิบลับเลยครับ
     และแล้ว ผมกับโอมก็ต้องเดินด้วยกันจนถึงสยาม
     “ต้นนัดเพื่อนไว้ตรงไหนของสยามเหรอ?”
     “โอม เราไม่ได้นัดเพื่อน เรานัดแฟนไว้” ผมอยากจะบอกโอมแบบนั้นแต่ผมก็พูดออกไปไม่ได้ ใช่ว่าผมอาย ผมยอมรับความจริงได้ว่าผมชอบผู้ชาย แต่เชื่อเถอะครับ อย่าให้ผมเปิดตัวที่มหาวิทยาลัยเลยดีกว่า คือ... ผมไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไหร่ ผมบอกคุณแล้วว่าผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับผม และการที่ผมไม่แสดงออกแบบนี้มันก็ช่วยปิดโอกาสโอมไปด้วยในทางหนึ่ง หรือผมควรจะให้โอมรู้ความจริงไปเลยดีกว่า? โอมจะได้ตัดใจ
     “ที่บ้านเรามารับน่ะ นัดกันที่ร้านกาแฟ”
     พอได้ยินแบบนั้นโอมก็มีสีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่านะโอม... ที่บ้านที่ผมพูดนี่ ผมหมายถึงแฟนที่ผมอาศัยอยู่ด้วยนะ ถึงพี่ชัชจะเป็นผู้ปกครองผมอยู่กลายๆ ก็เถอะ
     เพราะนอกจากค่าเทอมแล้วทุกอย่างพี่ชัชเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้ผมเกือบทั้งหมดเลย ยกเว้นของบางอย่างนะครับ ถ้ามันแพงมากๆ ผมก็จะเจียดเงินในบัญชีไปซื้อเอง ถึงผมจะหาคนมาเช่าห้องได้ก็เถอะ รวมกับเงินที่แม่ใส่เข้ามาในบัญชีแต่ละเดือนมันก็พอประมาณหนึ่ง แต่ผมไม่คิดจะเรียนแค่ปริญญาตรีหรอกนะครับ เพราะฉะนั้นผมเลยอยากจะเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ไว้เป็นทุนสำหรับต่อโทมากกว่า แล้วก็เพราะผมไม่ได้ทำงานพิเศษอะไร ผมก็เลยไม่มีรายได้ตรงอื่นอีก ผมไม่ว่างพอจะไปทำงานพิเศษรายชั่วโมงได้แบบนั้นนี่ครับ คุณคิดว่าที่ผมกลับบ้านเร็วนี่เพื่อไปทำกับข้าวรอพี่ชัชอย่างเดียวหรือไง นอกจากที่ผมจะต้องทำงานบ้านทุกอย่างแล้วผมก็ต้องแบ่งเวลาไว้อ่านหนังสือด้วยนะครับ ความเก่งของผมไม่ได้มีที่มาง่ายๆ ด้วยพลังฮึดหน้าห้องสอบแบบไปป์นะครับ ผมต้องลำบากอ่านหนังสือแทบตาย!
     “เหรอ งั้นเราเดินไปเป็นเพื่อนนะ”
     ผมไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มให้โอม เราสองคนเดินไปเงียบๆ เพราะผมไม่ใช่คนพูดมากและโอมก็ไม่ใช่คนช่างพูด ผมไม่เข้าใจเลยทำไมโอมถึงชอบผม เพราะผมไม่เคยปฏิบัติต่อโอมเป็นพิเศษนอกเหนือไปกว่าคำว่า“เพื่อน” ผมไม่เคยทอดสะพานให้โอมเหมือนที่เคยทำกับแม็กซ์...
     ระดับความสนิทที่ผมมีให้ถึงแม้ว่าผมจะไปไหนมาไหนกับโอมบ่อยๆ แต่มันก็น้อยกว่าที่ผมมีกับเมษด้วยซ้ำ ถ้าคุณเห็นเวลาที่ผมอยู่กับเมษแล้วคุณคงตกใจ ผมเองยังตกใจเลยครับ ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะคุยเก่งได้ขนาดนั้น อาจจะเพราะเมษคุยสนุกมั้งครับ แล้วผมก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องระวังเวลาที่อยู่กับเมษ ผมเลยสบายใจแล้วสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง
     ถ้าจะบอกว่าโอมชอบผมที่หน้าตาผมก็มั่นใจว่าผมไม่ได้หน้าตาดีถึงขนาดนั้น แม้แต่ในภาคก็มีคนที่หล่อกว่าผมอยู่ตั้งเยอะ คิวว์ยังไงละครับ ดูดีสุดๆ เป็นดาราด้วย หรือถ้าชอบแบบขี้เล่นก็ต้องไปป์ ถ้าโอมชอบแบบแมนๆ มีกล้ามก็ยังมีมิวนิคให้มองถึงจะนิสัยห่วยแตกและไร้สมองไปนิด
     ผมไม่ใช่คนหล่อ ผมมันก็แค่เด็กเนิร์ด ไม่ได้สูงหุ่นนักกีฬาแบบละลายใจเก้งกวางพวกนั้น ไม่เห็นจะมีอะไรดี ถ้าผมรูปร่างหน้าตาเหมือนพี่ชัชก็ว่าไปอย่าง เฮอะ! พวกหล่อเลือกได้
     แล้วผมก็ไม่ใช่คนที่หน้าตาน่ารักแบบไปป์ด้วย ผมยังยอมรับเลยครับว่าไปป์น่ารักมากๆ เวลายิ้มมีลักยิ้มด้วย เพราะหน้าตาน่ารักกับนิสัยเด็กๆ เพื่อนในกลุ่มพวกผมถึงได้เอ็นดูไปป์มาก ผมเองก็ชอบไปป์ครับ เวลาอยู่ใกล้ๆ แล้วทำให้ผมอารมณ์ดีไปด้วย แค่นั่งฟังไปป์คุยผมก็สนุกแล้ว
     เพราะฉะนั้นผมถึงได้งงว่าโอมชอบผมที่ตรงไหน? เพราะผมก็เป็นแค่ผู้ชายปกติธรรมดาๆ คนนึงที่หน้าตาธรรมดา ไม่มีตากลมโตหรือขนตายาวหนาเป็นแพจนใช้คำว่าน่ารักมาบรรยายได้ จมูกก็ไม่ได้โด่งมาก ริมฝีปากธรรมดา รูปหน้าปกติ ไม่ได้มีคางเรียวๆ แบบดาราเกาหลีวีเชฟ พูดได้ว่าในตัวผมไม่มีอะไรที่ดูดีถึงขั้นที่เรียกว่าหล่อได้เลย พี่ชัชยังชอบล้อผมว่าตาตี่เลยครับ แล้วโอมสนใจผมตรงไหนกัน?
     โอมกับผมเราตัวเท่าๆ กันเลยแต่โอมน่าจะสูงราวๆ ร้อยเจ็ดสิบเพราะผมสูงกว่าเขานิดหน่อย ผมสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบเอ็ดครึ่งเอง เรื่องนี้ต้องโทษพี่ชัชเลยครับ แต่ถึงโอมจะเตี้ยกว่าผมหน่อยนึงแต่ผมว่าเผลอๆ โอมยังหน้าตาดูดีกว่าผมอีกนะครับ อย่างน้อยโอมก็ตาโตกว่าผม จมูกโด่งกว่าผม เวลายิ้มปากก็น่ารักกว่าผม
     ผมคิดอยู่เสมอว่าริมฝีปากของผมบางเกินไป ไม่ชอบเลยครับ เหมือนผู้ชายคนนั้น ผมน่าจะได้ปากแบบคุณแม่ของผมมา พี่ชัชชมอยู่บ่อยๆ ว่าแม่ของผมสวยมาก โดยเฉพาะปากที่อิ่มเต็มรับกับรูปหน้าดูเซ็กซี่
     ใครๆ ก็บอกว่าผมหน้าคล้ายแม่ น่าจะเหมือนกันให้หมดทั้งหน้านะครับ ผมไม่อยากมีส่วนใดส่วนหนึ่งเหมือนกับคนๆ นั้นเลย กลัวคนอื่นจะนึกสงสัย และเพราะแบบนั้นตอนที่พี่ชัชเห็นผมคร่ำเคร่งอ่านหนังสือแล้วชอบนิ่วหน้าขมวดคิ้วบ่อยๆ เลยพาผมไปวัดสายตา ปรากฏออกมาว่าผมสั้นร้อยยี่สิบครับ จะไม่ใส่แว่นก็ได้ ใส่เป็นคอนแทคเลนส์ก็ได้ แต่ผมก็เลือกที่จะใส่แว่นสายตาครับ ผมเลือกแว่นแบบเรียบๆ กรอบสีดำเพราะไม่อยากให้ตัวเองดูเด่นเป็นจุดสนใจของใคร
     แต่แล้วมันก็อยู่กับผมได้ไม่นาน หลังจากเข้ามหาวิทยาลัยได้แปปเดียว ก็มีคนทำแว่นผมก็พังครับ มีอันจากไปทั้งๆ ที่ผมพึ่งใช้ได้แค่สองเดือน แต่ก็ดีนะครับ ที่คนที่ทำหักเขารับผิดชอบพาผมไปตัดแว่นใหม่ ไม่อย่างนั้นผมคงรู้สึกแย่กว่านี้ที่รักษาของที่พี่ชัชซื้อให้ไม่ได้
     เราเดินไปจนถึงร้านกาแฟ ผมมองหาพี่ชัชได้ไม่ยาก ผู้ชายแบบพี่ชัชอยู่ที่ไหนก็เป็นจุดเด่นเสมอ ลำพังแค่รูปร่างหน้าตาก็มีมากพอจะเป็นจุดสนใจให้ใครต่อใครเหลียวหลังได้แล้ว แล้วยิ่งนิสัยอีกบางทีก็เด่นเกินไปจริงๆ ครับ แต่ผู้หญิงที่นั่งหัวเราะต่อกระซิกกับแฟนผมอยู่นี่สิ! แขกไม่ได้รับเชิญเหรอครับ?
     ผมพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองแล้วเดินไปทักพี่ชัช พี่ชัชที่พึ่งหันมาเห็นผมมีแอบผงะเล็กน้อย มันแปลว่าอะไรครับ? ผมส่งยิ้มเย็นให้พี่ชัชทันที!
     “อ้าวต้นมาแล้วเหรอ เอ่อนี่... พาใครมาด้วยน่ะต้น!”
     พี่ชัชที่ตอนแรกทำท่าเหมือนอ้ำๆ อึ้งๆ คิดไม่ตก แต่พอเห็นโอมที่เดินมากับผมก็เสียงเข้มขึ้นทันทีแบบนี้ดูแล้วน่ารักดีนะครับ หวงก้างชัดๆ
     เห็นแบบนี้แล้วผมค่อยสบายใจหน่อย อย่างน้อยพี่ชัชก็สนใจหึงผมมากกว่ากังวลเรื่องผู้หญิงที่นั่งด้วยกัน ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นจะนั่งลอยหน้าลอยตาอีกนานมั้ยครับ! โต๊ะมันนั่งได้แค่สองที่เท่านั้นนะ ผมพยายามเก็บอารมณ์แล้วยกมือไหว้สวัสดีคนทั้งสอง
     “สวัสดีครับ พี่ชัชครับ นี่โอม เพื่อนผมครับ”
     โอมสวัสดีพี่ชัชตามผมแล้วก็ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ คงเพราะหน้าซื่อๆ บุคลิคใสๆ ของโอมนี่แหละที่ทำให้พี่ชัชคลายการ์ดลง พี่ชัชยกมือรับไหว้โอมแล้วก็ทักทายโอมนิดหน่อย แต่พอเห็นผมปรายตายิ้มเย็นให้ก็เลยรีบพูดขึ้น
     “เออต้น นี่เพื่อนพี่ ชื่อพี่น้ำตาล พอดีมาเจอกันแถวนี้เลยนั่งคุยกันนิดหน่อย ต้นรีบรึเปล่า?”
     “ไม่หรอกครับ”
     “รอพี่แปปนึงได้มั้ยครับ พอดีพี่ยังมีเรื่องที่คุยค้างไว้กับเพื่อนนิดหน่อย นะต้นนะ”
     พอเห็นพี่ชัชกล้าใช้น้ำเสียงออดอ้อนผมต่อหน้ากันแบบนี้ผมก็อารมณ์ดีละครับ ผมเหลือบตาไปมองผู้หญิงคนนั้นนิดหน่อยอย่างผู้ชนะ แอบเห็นเธอหน้าเสียไปเหมือนกัน แต่ช่างเถอะ ผมอารมณ์ดีแล้ว
     “ครับ”
     “เออ หาไรกินรอพี่ก่อนก็แล้วกัน แล้วเพื่อนเราละ น้องกินไรมั้ยครับเดี๋ยวพี่เลี้ยง?”
     จริงด้วย! ผมลืมไปซะสนิทเลย ผมหันไปมองโอมที่ยืนทำหน้าเหลอหลาอยู่ ถึงแม้แฟนผมจะอัธยาศัยดีแต่ผมว่าโอมคงไม่สะดวกใจ โอมน่าจะเดาได้แล้วนะครับว่าอะไรเป็นอะไร
     “เอ่อ... งั้นเรากลับก่อนแล้วกัน ไว้พรุ่งนี้เจอกันนะ”
     “อืม”
     โอมยกมือบ๊ายบายผมแล้วก็กลับไปครับ ทีนี้ก็เหลือแต่ผมกับแฟนและส่วนเกิน ผมก็เลยยื่นมือไปตรงหน้าพี่ชัชแล้วก็แบมือออก ทำตามปกติเหมือนเวลาที่ผมทำกับพี่ชัชบ่อยๆ
     “เอาอะไรเพิ่มมั้ยครับ? ในแก้วพี่ชัชละลายเกือบหมดแล้ว?”
     ผมถามแบบนี้เพราะพี่ชัชชอบทานกาแฟเย็นครับ พี่ชัชไม่ชอบกาแฟร้อน ถ้าจะนั่งแช่ร้านแนวๆ นี้พี่ชัชสั่งกาแฟเย็นตลอด แล้วมันก็มักจะละลายเร็วกว่าที่พี่ชัชทานเสมอ พี่ชัชเหลือบมองในแก้วตัวเองแล้วส่ายหน้าให้ผม
     “ไม่อ่ะต้น เดี๋ยวคืนนี้พี่นอนไม่หลับ”
     พี่ชัชหยิบกระเป๋าเงินส่งให้ผมทั้งใบแล้วก็หันไปคุยกับ“เพื่อน”ต่อ เห็นแบบนี้น่าจะรู้ตัวแล้วก็ลุกออกไปซักทีสิครับ ยัยผู้หญิงหน้าด้านเอ้ย!
     อย่าหาว่าผมมารยาทแย่เลยนะครับ แต่ผมได้ยินแว่วๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นถามพี่ชัชเหมือนกันว่าผมเป็นใคร แต่เพราะผมเดินไปซื้อโกโก้ที่เคาท์เตอร์ซะก่อนเลยไม่ได้ยินว่าพี่ชัชตอบว่าอะไร ผมซื้อเสร็จก็เดินไปนั่งโต๊ะเดียวกัน โดยนั่งเก้าอี้ตัวที่พี่ชัชลากจากโต๊ะตัวข้างๆ มารอไว้ให้ แถมยังวางไว้ข้างพี่ชัชอีกด้วยครับ แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อยแฟนผม
     ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อยตรงมุมปากแล้วก็หันไปเผื่อแผ่อวดรอยยิ้มให้ยัยส่วนเกินมอง ก็พี่ชัชอุตส่าเทคแคร์ผมถึงขนาดนี้เชียวนี่ครับ
     ผมทำเป็นไม่สนใจหยิบหนังสือออกมาอ่านรอระหว่างที่พวกเขาคุยกัน แต่หูผมแอบฟังอยู่ตลอดแหละครับ เรื่องส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องงาน เขตนั้นเขตนี้เป็นยังไงบ้าง อัพเดทข่าวคราวหมอกับผู้แทนคนอื่น ได้ยินแบบนี้ผมค่อยวางใจหน่อย แต่ก็ไม่มากหรอกนะครับ ถึงแฟนของผมจะ“ปกติ”ไม่ได้อยู่ในระดับ“หลี” แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เล่นๆ เลย “อ่อย”แฟนผมตลอดเวลา กลิ่นน้ำหอมราคาแพงฉุนๆ นั่นก็น่าหมั่นไส้ที่สุด! ผมจำได้ว่ามันเป็นกลิ่นเดียวกับที่พี่ฟ่างเคยใช้ แต่ไม่รู้ทำไมตอนที่ผมได้กลิ่นจากตัวพี่ฟ่างผมว่ากลิ่นแนวดอกไม้พวกนั้นมันหอมมากๆ แต่พอเป็นกลิ่นที่ออกมาจากผู้หญิงคนนี้แล้วมันน่าสะอิดสะเอียนครับ ดูตอแหลชะมัด!
     ผมแกล้งทำเป็นนั่งสนใจเนื้อหาในหนังสือที่ผมอ่านแต่ผมไม่มีสมาธิแม้แต่น้อย ในหัวผมเต็มไปด้วยถ้อยคำสาปแช่งยัยนี่มากพอจะเขียนเต็มหน้ากระดาษA4แล้วครับ เมื่อไหร่จะอ่อยแฟนผมเสร็จซักที!
     “อ๊ะ! แย่ละ ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย? ชัช น้ำตาลขอตัวก่อนนะ”
     “ครับ ไม่เป็นไรหรอก ชัชเองก็ชวนคุยซะเพลินเลย โทษที”
     “นั่นสิ เราสองคนไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไว้วันหลังเราไปหาอะไรอร่อยๆ ทานมั้ยล่ะ จะได้รำลึกความหลังกันต่อไง”
     ถ้าคุณเคยได้ยินเรื่องที่ว่ามีผู้แทนบางคนยอมนอนกับหมอเพื่อยอดขายของตัวเอง ผมคิดว่าต้องเป็นผู้หญิงประเภทนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ อย่าหาว่าผมดูถูกผู้หญิงเลย แต่ท่าทางของเธอมันชวนให้ผมนึกรังเกียจจริงๆ นี่นา ผมนึกเปรียบเทียบเธอกับแม่ของผมทันที อย่างน้อยๆ แม่ผมก็ไม่ใช่คนชอบเช็คเรทติ้งขนาดนี้
     “ไว้ว่างๆ แล้วกัน ช่วงนี้ชัชยุ่ง”
     “แหม ชัชก็ยุ่งตลอดแหละ ไปละ บายจ้ะ”
     ว่าแล้วเธอก็ลุกไปครับ ตลอดเวลานั้นเธอไม่ทักทายผมซักคำ แต่ผมก็ไม่จำเป็นต้องพูดกับเธอ พอเธอออกไปแล้วพี่ชัชก็หันมาทางผมทันที มือใหญ่ๆ นั่นเล่นหัวผมอีกแล้ว
     “หึงรึเปล่าน่ะเรา?”
     ผมนึกว่าพี่ชัชจะพูดว่าอะไรเป็นประโยคแรกหลังจากอยู่ด้วยกันสองคน จะทำไม่รู้ไม่ชี้หรือเปลี่ยนเรื่อง รึรีบอธิบายเพราะกลัวผมจะเข้าใจผิด แต่พี่ชัชของผมหวานเสมอครับ เจอแบบนี้ก็เขินนะครับ ให้พี่ชัชรีบแก้ตัวมาเลยยังจะน่าอายน้อยกว่าอีก
     “ก็เพื่อนไม่ใช่เหรอครับ”
     “ครับ เหมือนที่คนเมื่อกี้ก็เพื่อนต้นไง”
     “ผมไม่ได้คิดอะไรกับโอม!”
     “พี่รู้”
     ทีแบบนี้ละก็ ยิ้มเจ้าเล่ห์อีกแล้ว ผมเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ที่สุดเลยครับ รอยยิ้มที่เบื้องหลังความขี้เล่นนั้นมีความเจ้าเล่ห์แฝงไว้ ไหนจะยังสายตาเป็นประกายนั่นอีก เพราะรอยยิ้มแบบนี้มันทำให้หัวใจของผมเต้นแรงขึ้น แล้วก็พาลทำให้ผมหน้าแดงด้วย เอาเป็นว่าผมเกลียดก็แล้วกันครับ เขินจัง...
     “เย็นนี้กินข้าวนอกบ้านกันมั้ยครับ ไม่ได้มาแถวนี้ตั้งนาน มีไรอร่อยๆ มั่งอ่ะ แนะนำพี่หน่อยสิ”
     “แพงจะตาย กลับไปทานที่บ้านไม่ดีกว่าเหรอครับ?”
     “ไม่เอาอ่ะ สงสารเมีย เมื่อเช้าก็เหนื่อยอุ่นไส้กรอกให้พี่แล้ว ไม่อยากให้ต้องเหนื่อยทำกับข้าวอีก”
     พี่ชัชบ้า! จะพูดขึ้นมาทำไมก็ไม่รู้ ผมเขินจนไม่รู้จะตอบอะไรแล้วครับ เลิกจ้องผมไปยิ้มไปซะทีเถอะ! ผมอายคนแถวนี้จะแย่!
     “งั้นอยากทานอะไรก็ตามใจเถอะครับ แล้วแต่พี่ชัชเถอะ”
     “งั้นไปพาราก้อนกัน อยากไปเปิดหูเปิดตา”
     ผมจะทำอะไรได้นอกจากปล่อยให้พี่ชัชจูงมือผมเดินข้ามฝั่งไปละครับ เชื่อเค้าเลย กล้าเดินจูงมือผมต่อหน้าคนอื่นด้วย ขนาดคนอื่นมองกันเต็มแต่ผู้ชายหน้าหนาอย่างพี่ชัชก็ไม่หวั่นครับ เดินจูงมือผมสบายอารมณ์ พี่ชัชไม่อายแต่ผมอาย ก็ผมยังผูกไทด์ที่มีตรามหาลัยติดอยู่นะครับ
     แต่นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมคิดว่าแฟนของผมหวานมากๆ เลยละครับ พี่ชัชไม่ใช่คนโรแมนติกแต่เป็นคนที่มักจะทำอะไรหวานๆ ให้กับคนที่ตัวเองรักตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว เพราะธรรมชาติของพี่ชัชที่เป็นคนชอบเทคแคร์คนอื่นอยู่แล้ว ยิ่งเวลาอยู่กับคนรัก พี่ชัชยิ่งแสดงออกทุกอย่างโดยไม่มีขัดเขินเลยแม้แต่น้อย แล้วมันก็ทำให้หัวใจของผมเต้นแรง
     เพราะแบบนี้แหละครับที่ทำให้ผมคิดว่าข้อดีของพี่ชัชมีมากกว่าข้อเสีย ก็ต่อให้ผมกำลังเซ็งอะไรอยู่ก็เถอะ เจอลูกอ้อนของพี่ชัชเข้าไปผมก็เขินจนหัวใจเต้นโครมครามลืมไอ้ที่กำลังโกรธอยู่หมดแหละครับ ก็ใครใช้ให้แฟนผมน่ารักขนาดนี้กันเล่า!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

น้องต้นร้ายได้อีก! ขี้อิจฉาเนอะ มาดูกันว่าน้องต้นจะสร้างเรื่องอะไรอีก มาตามติดชีวิตน้องต้นกันเถอะ!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ1
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-10-2014 20:09:57
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 1

เมื่อหมาป่า(ติดใจ)อยากงาบลูกแกะขี้ระแวง(อีกครั้ง)

     ต้นน้ำไม่แน่ใจว่าควรจะทำอย่างไรดี? เขาพยายามเสริชหาวิธีผูกเนคไทในอินเตอร์เน็ทแล้ว แต่พอลองทำเข้าจริงๆ กลับยากกว่าที่เห็น เขาเข้าใจวิธีการแต่กลับผูกออกมาได้ไม่สวยงามตามตัวอย่าง เนคไทที่เขาพยายามผูกดูบิดเบี้ยวผิดรูปเหมือนปมเชือก
     จนกระทั่งสัญญาณกริ่งจากหน้าประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงของคนคุ้นเคยร้องเรียก ต้นน้ำจึงได้สติ เขาคร่ำเคร่งกับการผูกเนคไทเกือบสองชั่วโมงแล้ว!
     “ทำไรอยู่ครับต้น พี่เคาะตั้งนาน”
     “ขอโทษครับ ผมยุ่งๆ อยู่นิดหน่อย”
     ต้นน้ำขอโทษพลางเบี่ยงตัวหลบให้ชัยชัชเข้ามาในห้อง
     “อ้าว? ยุ่งมากป่าว งั้นพี่ไม่กวนก็ได้นะ”
     แม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่ชัยชัชกลับเดินไปเอกเขนกบนโซฟารับแขกเสียแล้ว ต้นน้ำยิ้มให้ชัยชัชก่อนจะเดินไปรินน้ำเย็นมาเสิร์ฟแฟนของตน
     มือของชัยชัชปลดเนคไทของตนออกพลางเปลื้องกระดุมเสื้อบางเม็ดก่อนจะบ่นตามความเคยชิน โดยมีสายตาของต้นน้ำมองตามทุกการกระทำ
     “โคตรหิวเลยว่ะต้น มีไรให้พี่กินบ้างป่าว?”
     ต้นน้ำลืมไปเสียสนิท! เขาไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้ชัยชัชเพราะมัวแต่คร่ำเคร่งกับการหัดผูกเนคไทจนลืมเวลา แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่ได้ทานอาหารเย็นเช่นกัน
     “ผม... ขอโทษนะครับพี่ชัช ผมไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย”
     “เออๆ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่ไปหาไรกินร้านใกล้ๆ นี้ก็ได้ แล้วเราอ่ะ ไปนั่งกินขนมกับพี่มั้ยครับ?”
     ชัยชัชไม่โกรธต้นน้ำเลยสักนิด ต้นน้ำรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีที่มีแฟนเป็นคนง่ายๆ ไม่เรื่องมาก
     “เอ่อ ผมยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกันเลยครับ พอดีวันนี้ผมยุ่งๆ อยู่ก็เลย...”
     “เห? ยุ่งเรื่องไรอยู่ครับ เพลินจนลืมทานข้าว?”
     ชัยชัชชวนสนทนาไปตามเรื่องไม่คิดอะไรมาก แต่แล้วกลับพบว่าแฟนเด็กของตนนั่งหน้าแดงไม่ยอมตอบคำถาม อารมณ์สงสัยของเขาดิ้นรนเอาชนะความหิวจนได้ ชัยชัชรู้ดีว่ามีเรื่องสนุกๆ รอเขาอยู่
     “แอบทำไรอยู่ครับที่รัก พี่ถามทำไมไม่ตอบ ทำไรอยู่ฮึ?”
     คงเพราะคำถามถูกส่งมาพร้อมๆ กับอ้อมกอดจากชายคนรัก ต้นน้ำจึงรู้สึกประหม่าเหมือนถูกจับผิด โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงว่าตนเผลอมองชัยชัชอย่างผิดปกติก็ชวนให้ใบหน้าที่แดงระเรื่ออยู่แล้วขึ้นสีจัดมากกว่าเดิม
     “ผมไม่ได้แอบทำอะไรไม่ดีนะครับ”
     ต้นน้ำตอบพร้อมกับก้มลงซ่อนความอายไม่กล้าหันไปเผชิญหน้ากันทำให้ชัยชัชถูกใจมากกว่าเดิม เขาต้องการรุกมากกว่านี้
     “ไม่ได้แอบทำไรไม่ดีแล้วทำไมต้องหลบตาพี่ครับ ไหนสารภาพมาสิ?”
     ชัยชัชกล่าวพร้อมกับเชยคางของต้นน้ำให้มาประสานสายตากัน ใบหน้าของคนรักที่ขึ้นสีไม่กล้าสบตาช่างน่ารักเกินหักห้ามใจ แต่พอเขาก้มลงจะประทับจุมพิตให้ต้นน้ำก็ขัดขืนเบี่ยงหลบไปเสียก่อน
     “อย่าสิครับพี่ชัช”
     “ทำไมละครับ ขอหอมหน่อยไม่ได้เหรอ?”
     “ก็เมื่อกี้พี่ชัชไม่ได้จะหอมผม”
     ต้นน้ำประท้วงขึ้นด้วยความกระดากอาย ถึงแม้เขาจะเป็นของชัยชัชด้วยความเต็มใจแล้วแต่เขาก็ยังไม่ชินกับการรุกล้ำแสนหวานจากชัยชัชเลยแม้แต่น้อย
     เพียงแค่สัมผัสเบาๆ ก็ทำให้เขาเกิดความร้อนรุ่มอย่างน่าประหลาด ต้นน้ำไม่พร้อมถูกแผดเผาด้วยไฟราคะที่ไร้หนทางขัดขืนนี้
     แม้จะเป็นเพียงสัมผัสหยอกล้อเบาๆ ของชัยชัช แต่สำหรับต้นน้ำมันคือสัมผัสที่ทำให้ตัวเขาตื่นตัวเกินห้ามใจ
     “งั้นก็บอกพี่มาก่อน เมื่อกี้ทำไรอยู่ครับ? ไม่บอกพี่จูบจริงๆ ด้วย จูบแบบเฟรนช์คิสเลยเอ้า”
     ชัยชัชเรียนรู้แล้วว่าสุดที่รักของเขาก็มีอารมณ์ เพียงแต่ที่ผ่านมาต้นน้ำพยายามเก็บมันไว้ไม่ปล่อยให้ตัวเองหลอมละลายไปกับสัมผัสของเขา ทว่านับตั้งแต่ที่เขาได้สัมผัสต้นน้ำเต็มที่ในคืนนั้น ดูเหมือนต้นน้ำจะไวต่อสัมผัสของเขามากขึ้น
     ทั้งๆ ที่เป็นเช่นนั้นแต่ต้นน้ำกลับพยายามเว้นระยะห่างมากกว่าเดิม ท่าทางเขินอายบอกให้เขารู้ว่าต้นน้ำเป็นลูกแกะน้อยขี้ขลาด แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ หมาป่าจอมโฉดได้ใจเสียแล้ว เนื้อหวานๆ ของลูกแกะแสนซื่ออร่อยยิ่งนัก ลิ้มรสเพียงครั้งก็ยากจะหักห้ามใจไม่ให้กระหายอีก พาลต้องคิดหาวิธีชิมอีกจนได้
     ลูกแกะน้อยเองก็รู้ตัวจึงพยายามสุดฤทธิ์เท่าที่จะทำได้ไม่เอาตัวเองไปเสิร์ฟใส่จานให้หมาป่าจอมโฉด เจ้าแกะน้อยรู้ดีว่าหาใช่แต่หมาป่าคนเดียวที่ติดใจ!
     “ถ้า... ถ้าผมบอกแล้วพี่ชัชห้ามหัวเราะนะครับ ถ้าพี่ชัชไม่สัญญาผมไม่บอกจริงๆ ด้วย”
     “ทำไมพี่ต้องสัญญาด้วยล่ะ พี่ถามต้นก่อนนะ ไม่ยอมบอกกันแบบนี้อยากให้พี่จูบเราใช่ป่าวครับ?”
     พร้อมๆ กับที่พูดริมฝีปากของชัยชัชก็จู่โจมซุกไซ้เข้ามาจนต้นน้ำตั้งตัวไม่ติด
     “บอกแล้วๆ ครับ”
     ต้นน้ำหอบหน้าแดงก่ำทั้งอายทั้งเขิน เขาถูกผลักเอนราบกับโซฟาโดยมีชัยชัชคร่อมอยู่ สายตาวิบวับชวนละลายนั่นทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะมอง ริมฝีปากที่ชอบยิ้มกว้างนั่นก็ทำให้เขาร้อนซู่ไปทั้งหน้าเมื่อนึกถึงว่าเขาเคยถูกริมฝีปากนั้นทำอะไรเอาไว้บ้าง
     ต้นน้ำเสมองไปทางอื่นด้วยใบหน้าขึ้นสีที่พยายามทำหน้าตายให้ดูปกติที่สุดแล้วเอ่ยเสียงอ้อมแอ้มว่า
     “ผมพยายามผูกเนคไทอยู่ครับ”
     “หือ? อะไรนะครับ?”
     “ผมหัดผูกเนคไทอยู่ครับ พรุ่งนี้ผมต้องใส่ชุดนิสิตแล้ว”
     “ผูกไทด์เนี่ยนะ?”
     “ครับ”
     “แล้ว?....”
     “กำลังหัดอยู่ครับ”
     “อุ๊บ! ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ผูกไทเนี่ยนะต้น ยุ่งมาก?”
     “ก็ผมผูกไม่เป็นนี่! ไม่เคยมีใครสอนผมซักหน่อย พี่ชัชสัญญาแล้วนะครับว่าจะไม่หัวเราะ!”
     เสียงหัวเราะดังสนั่นของชัยชัชทำให้ต้นน้ำอายมากกว่าถูกลวนลามเมื่อครู่เสียอีก เขาทั้งโกรธทั้งอาย
     “โอ๋ๆ พี่ขอโทษ อย่าโกรธพี่เลยนะครับ เอาน่าๆ เรื่องแค่นี้เอง”
     “แค่นี้ที่ไหนกันละครับ! ผมพยายามตั้งนาน ไม่เห็นออกมาสวยซักที”
     คงเพราะทิฐิที่เกิดขึ้นกะทันหันต้นน้ำจึงดันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างงอนๆ แก้มที่ป่องเล็กน้อยกับหัวคิ้วที่ขมวดกันเป็นปมทำให้ชัยชัชรู้ได้ว่าแฟนของเขากำลังซีเรียส เขาโอบคนประสบการณ์น้อยกว่าไว้ในอ้อมแขนพลางเอ่ยปลอบ
     “ทำไมไม่มาถามพี่ล่ะ พี่สอนให้ก็ได้”
     “ก็มันน่าอายนี่ครับ ขนาดพี่ชัชยังผูกสวยเลย แต่ผมพยายามตั้งนานกลับทำไม่ได้ซักที”
     “ไม่มีใครทำอะไรเป็นมาแต่เกิดหรอกนะต้น พี่ก็เคยให้คนอื่นสอนมาก่อนเหมือนกัน พี่ผูกไทด์ทำงานมากี่ปีแล้วล่ะ? เราจะมาเทียบพี่ได้ไงเดี๋ยวผูกบ่อยๆ ก็ทำสวยเองแหละ”
     “แต่ผมกลัวพี่ชัชหัวเราะผมนี่ แล้วพี่ชัชก็ขำผมจริงๆ ด้วย”
     “ก็พี่ขำที่เราดันมาอายเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้น่ะสิ ถ้ามาถามพี่แต่แรกดีๆ พี่ก็ไม่ขำหรอก”
     “ก็ไทด์ที่ผมผูกมันน่าอายมากนี่ครับ ผมไม่อยากให้พี่ชัชเห็นนี่”
     ใจจริงแล้วต้นน้ำอายที่เขาผูกเนคไทไม่ได้เรื่องในขณะที่คนขี้เกียจไร้ระเบียบอย่างชัยชัชกลับผูกเนคไทไปทำงานได้สวยงามทุกวัน ทิฐิเล็กๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ต้นน้ำไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากแฟนของตน
     “ขนาดนั้นเลย?”
     ต้นน้ำไม่ตอบแต่อาการพยักหน้าน้อยๆ นั่นก็ชวนให้ชัยชัชเอ็นดู
     “งั้นไปเอามาให้พี่ดูมา พี่จะได้สอนเรา”
     “แล้วพี่ชัชไม่ไปทานข้าวเหรอครับ ไหนบอกหิว”
     “เดี๋ยวค่อยไปหาไรกินด้วยกันก็ได้ ไม่นานหรอก ไปเอามาเร็ว มาผูกให้พี่ดูพี่จะได้สอน”
     “งั้นรอผมแป๊ปนึงนะครับ ผมวางไว้ในห้องนอน เดี๋ยวผมไปเอาก่อน”
     “เออไม่ต้องละ พี่ไปสอนเราในนั้นดีกว่าจะได้มีกระจกด้วย”
     ต้นน้ำหันมามองชัยชัชด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็พาชายหนุ่มเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง เขาเริ่มผูกไนคไทตามวิธีที่เรียนรู้มาจากในอินเตอร์เน็ทให้ชัยชัชดูก่อน ปมที่ขมวดแน่นจนเบี้ยวนั้นดูประหลาดแต่ชัยชัชก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าต้นน้ำพลาดขั้นตอนไหน ชัยชัชจึงเริ่มลงมือผูกเนคไทให้ต้นน้ำดู
     ต้นน้ำพยายามทำตามชัยชัชทุกขั้นตอน แต่จนแล้วจนรอดท่าทางเก้ๆ กังๆ ปนกับหัวคิ้วยุ่งๆ ของต้นน้ำก็ชวนให้ชัยชัชเพลีย เขาเรียกต้นน้ำมาหน้ากระจกแล้วก้าวมายืนด้านหลังพลางจับสองมือของต้นน้ำผูกไทด์แบบที่เขาทำตามปกติแทน
     “ทำไมต้องสอนแบบนี้ด้วยละครับพี่ชัช”
     ต้นน้ำเอ่ยถามด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ระยะชิดใกล้กันแบบนี้ชวนให้เขาเขินอาย กลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นโคโลญจน์ของชัยชัชทำให้เขารู้สึกวาบหวิว
     “ก็พี่ถนัดแต่ผูกเองนี่นา ทำให้คนอื่นไม่เป็นว่ะ พี่ไม่รู้ด้วยว่าเราพลาดตรงไหน เชื่อพี่ทำตามพี่แบบนี้แหละเดี๋ยวก็เป็น”
     แม้ในตอนแรกต้นน้ำจะกังขากับวิธีสอนแปลกๆ ของชัยชัช แต่เขาก็ยอมให้ชัยชัชควบคุมมือของตนไปตามเสต็ปต่างๆ และเมื่อชัยชัชค่อยๆ สอนเขาทีละขั้นจนได้เนคไทที่ออกมาสวยกว่าทุกครั้งที่เขาเคยผูก ต้นน้ำก็ตาเป็นประกาย
     ชัยชัชแนะนำต้นน้ำอยู่ราวๆ สองสามรอบจนต้นน้ำเริ่มคล่อง
     แต่แล้วภาพของต้นน้ำที่ตั้งใจมองตามทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของมือเขาก็ทำให้ชัยชัชหลงใหล สายตาของลูกแกะแสนซื่อตัวนี้ช่างดึงดูดเขาได้มากเหลือเกิน โดยเฉพาะเวลาที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเช่นนี้
     ความคิดเกิดขึ้นในหัว ความต้องการเกิดกับร่าง บางส่วนจึงเกิดปฏิกิริยา
     “พะ พี่ชัชครับ?”
     ภาพของต้นน้ำที่ชะงักไปแล้วเรียกชื่อเขาด้วยเสียงสั่นๆ ทำให้ชัยชัชแทบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ แฟนของเขากำลังหน้าแดงจนถึงใบหู ต้นน้ำก้มหน้าลงไม่กล้าสบตากับภาพสะท้อนของเขาในกระจก ชัยชัชแทบคลั่งเพราะความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในร่างกาย
     “ไม่ต้องใกล้กันขนาดนี้ก็ได้มั้งครับ เอ่อ ผมพอจะเป็นแล้วด้วยขอผมลองทำเองนะครับ”
     ต้นน้ำพูดพร้อมกับขืนตัวออก แต่วงแขนที่พาดไหล่ของชัยชัชกลับตวัดรวบเอาต้นน้ำขึ้นไปนั่งตักบนเตียงด้วยกัน
     “พี่ชัช!”
     “ตรงนี้ก็เห็นกระจกครับ”
     เสียงทุ้มๆ ที่ชัยชัชกระซิบอยู่ริมหูทำให้ต้นน้ำแทบขาดใจ เขาว้าวุ่นจนคิดอะไรไม่ออก
     “แต่... ตัวผมหนักนะครับ”
     “ไม่หนักหรอก พี่ไม่ถือ”
     ต้นน้ำหน้าแดงเถือก เขาก้มหน้าลงต่ำอย่างจนใจ ชัยชัชไม่ถือแต่เขาถือ! ต้นน้ำรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่ดันสะโพกของเขาอยู่
     “ปล่อยผมลงเถอะครับ”
     “ทำไมอ่ะครับ รังเกียจพี่เหรอ ขอกอดกันแค่นี้เอง”
     ชัยชัชว่าพลางกระชับวงแขนโอบรอบเอวของต้นน้ำแน่นขึ้น
     พี่ชัชแกล้งตีหน้าซื่อใส่เขาอีกแล้ว เขาควรจะทำเช่นไรดี?
     “ผม... ผมไม่มีสมาธิครับพี่ชัช”
     “ทำไมละครับ?”
     ชัยชัชกระซิบถามต้นน้ำด้วยเสียงกระเส่าในคอ มือของเขาลูบอยู่ตรงสีข้างของต้นน้ำจนเด็กหนุ่มเผลอกัดริมฝีปาก
     “หยะ อย่าสิครับพี่ชัช!”
     ต้นน้ำพยายามขัดขืนเบี่ยงตัวออกแต่กรงแขนของชัยชัชก็กักเขาไว้จนดิ้นไม่หลุด
     “ทำไมละครับแค่กอดเอง”
     ชัยชัชประท้วงพร้อมกับจรดจมูกลงบนแผ่นหลังของต้นน้ำจนเขาสั่นไปทั้งตัว
     “ตะ แต่... แต่ตรงนั้นของพี่ชัช...”
     “ก็พี่รักต้นนี่นา เวลาเราอยู่ใกล้กันแบบนี้มันก็ตื่นของมันพี่ห้ามไม่ได้หรอก พี่รับปากเราแล้วพี่ไม่ทำอะไรเราหรอกครับ ถ้าต้นไม่อนุญาตพี่”
     ทั้งๆ ที่ปากพูดแบบนั้นแต่ชัยชัชกลับพรมจูบลงบนแผ่นหลังของต้นน้ำ สัมผัสร้อนผ่าวแผ่วเบาบริเวณหลังคอชวนให้เขาสะท้าน
     ต้นน้ำไม่เหลือสมาธิอะไรอีกแล้ว แม้แต่คำพูดโต้ตอบยังจนปัญญา ได้แต่ก้มหน้าลงซ่อนความเขินอาย ริมฝีปากเม้มเข้าหากันด้วยความอดกลั้น เขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าจังหวะหายใจของตนเปลี่ยนไป!
     ชัยชัชแย้มยิ้มอย่างสมใจ ดูท่าอาหารเย็นวันนี้เขาจะได้ทานเนื้อแกะรสเลิศเสิร์ฟถึงบนเตียง! อุ้งมือของหมาป่าค่อยๆ ซุกซนแหวกเข้าไปใต้ร่มผ้าของลูกแกะน้อย
     “พี่ชัชอย่าสิครับ!”
     “ทำไมละครับ พี่อยากสัมผัสเราไม่ได้เหรอ?”
     “แต่ แต่ว่า...”
     “กลัวพี่เหรอครับ?”
     คงเพราะชัยชัชถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อถึงหัวข้ออ่อนไหวบางอย่างต้นน้ำจึงละล่ำละลักปฏิเสธ
     “เปล่านะครับ!”
     “งั้นทำไมละครับ? หรือเพราะครั้งนั้นพี่ทำให้ต้นเจ็บ ต้นเลยไม่รักพี่แล้ว”
     เป็นความจริงที่แม้แต่ครั้งที่สองที่ชัยชัชตั้งใจเต็มที่ก็ยังพลาดเพราะเขาคุมตัวเองไม่อยู่ ความสัมพันธ์หนแรกที่เกิดจากความเต็มใจจึงจบลงด้วยเลือดเช่นเคย แม้ไม่มากเท่าครั้งแรกและสุขสันต์กันไปทั้งสองฝ่ายแต่ก็เจ็บปวดมิใช่น้อย ชัยชัชรู้ความผิดพลาดของตัวเองดี เขาคิดมาตลอดว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้นน้ำบ่ายเบี่ยงตน
     สีหน้าและแววตาสำนึกผิดของชัยชัชทำให้ต้นน้ำเกิดความอาทร เขามองหน้าคนรักของตนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขยับเบี่ยงตัวซบลงบนไหล่ของอีกฝ่าย ต้นน้ำซุกหน้าลงก่อนจะใช้แขนโอบรอบคอของชัยชัชไว้พลางกล่าวด้วยเสียงเบาหวิว
     “ผมไม่ได้กลัวพี่ชัชครับ ต่อให้เจ็บกว่านั้นผมก็ทนได้ แต่ว่า... ผม.. ผมอายครับ”
     พอได้ฟังคำสารภาพจากปากแฟนเด็ก ชัยชัชก็หลุดขำออกมา เขาลูบหลังปลอบต้นน้ำด้วยความเอ็นดู
     “อายอะไรครับ?”
     “ก็ผมเป็นผู้ชาย คงไม่เหมือนผู้หญิง แล้ว... แล้วมันก็”
     แทนที่จะพูดจนจบประโยคต้นน้ำกลับซุกหน้าลงแน่นกว่าเดิม เขาไม่กล้าพูดความในใจ
     “คิดมากน่าต้น พี่ไม่ถือหรอก พี่เองก็ห่วยพอกัน ไว้เรามาหัดด้วยกันก็ได้นี่ ค่อยๆ ฝึกไปทีละขั้นตอนดีป่ะ? หรือจะให้พี่ช่วยทำความสะอาดให้ก็ได้นะ ฮ่าๆ”
     ต้นน้ำเขินจัดจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว เขาได้แต่ซบลงบนไหล่ของชัยชัช แม้เนคไทที่กำลังหัดผูกจะห้อยอยู่บนคอแต่กลับถูกลืมเสียสนิท ในหัวของต้นน้ำตอนนี้มีแค่“พี่ชัช”เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ต้นน้ำรักชัยชัชมากเหลือเกิน
     ชัยชัชเกิดความรู้สึกอิ่มเอมใจอยากปกป้องเจ้าลูกแกะน้อยตัวนี้ เขาอยากถนอมบรรยากาศละมุนละไมไว้ให้นานกว่านี้จึงตัดสินใจสงบสติอารมณ์ของตน
     “เอาแต่เขินนะเรา ไหนๆ ดูดิ๊? ผูกไทด์ได้สวยยังครับ?”
     ชัยชัชดึงต้นน้ำกลับมาสู่หลักสูตรผูกเนคไทด้วยการแซว ต้นน้ำจึงประท้วงขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้
     “ก็พี่ชัชน่ะแหละ แกล้งผมก่อน!”
     “ใครบอกว่าพี่แกล้ง เมื่อกี้พี่เอาจริง!”
     “พี่ชัช!”
     “แต่พี่สงสารลูกแกะตาดำๆ เลยหยุดดีกว่า ฮ่าๆ”
     “ไม่เอาแล้วครับ ผมหิวข้าวแล้ว”
     ต้นน้ำตัดสินใจเบี่ยงประเด็นในตอนที่ยังมีโอกาส ใครจะไปรู้หากช้ากว่านี้อีกนิดเขาอาจจะกลายเป็นเสต็กเนื้อแกะรอบสองก็ได้ เลยยกเรื่องอาหารเย็นขึ้นมาอ้าง
     “ครับๆ แล้วเราอยากทานอะไรล่ะ ให้พี่พาไปไหนดี? ซีค่อนป่ะ? หรือพาราไดซ์?”
     “เอาใกล้ๆ ก็ได้มั้งครับ พรุ่งนี้ผมต้องไปแต่เช้า”
     “อืม งั้นร้านนั้นดีป่ะ? ที่พี่พาเราไปครั้งแรก? ใกล้ดี แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ให้พี่ไปส่งต้นนะครับ”
     ชัยชัชอ้อนขอดูแลเขาอย่างอ่อนหวานจนต้นน้ำรู้สึกตัวลอย เขาชอบเวลาที่ถูกเอาใจเช่นนี้ที่สุด ชัยชัชทำให้เขาละลายได้ด้วยความรักอันอบอุ่น ต้นน้ำจึงเผลอตอบไปตามความเคยชิน
     “แล้วแต่พี่ชัชครับ”
     “คร้าบ ที่รักของพี่”
     ชัยชัชยิ้มให้ต้นน้ำอย่างนึกขำ ทั้งขันทั้งเอ็นดู แฟนของเขาเป็นโรค“แล้วแต่พี่ชัช”ไม่เลิก อะไรๆ ก็ตามใจเขาตลอด ชัยชัชคิดว่าตนช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้ต้นน้ำมาเป็นแฟน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ย้อนอดีตกันนิดหน่อย สมัยยังเป็นลูกแกะน้อย ฮ่าๆ คิดถึงน้องต้นคนขี้อายคนนี้มั้ย? ถึงจะแอ๊บแต่ก็ใสสมเป็นเคะลูกแกะหน่อย ไม่ไหวๆ พอขึ้นภาค2 ฮีอัพสกิลราชินียังไงก็ไม่รู้ กลายเป็นอย่างที่เห็น ชอบแบบไหนมากกว่ากันเอ่ย?
แต่อย่างว่านะ คนเรามันต้องมีการเปลี่ยนแปลง เจอแฟนแบบพี่ชัชปากไม่ฉีกถึงหูให้รู้ไป ฮ่าๆ
บางทีชีวิตคู่มันจะไปรอดไม่รอดล่มหรือรุ่งก็ต้องดูกันยาวๆ ระยะที่ผ่านโหมดหวานเข้าสู่โหมดธรรมดานี่แหละช่วงวัดใจ มันหมดโปรโมชั่นแล้วไง ถ้าไม่ใช่นิสัยแบบนั้นอยู่แล้ว หรือเคยขู่เข็นสัญญาอะไรเอาไว้ รับรองมันถึงจุดที่ขี้เกียจขึ้นมาทันที ทั้งขี้เกียจเอาใจ ขี้เกียจทน บางคนอาจจะถึงขั้นเบื่อ
ก็มาดูกันว่าชีวิตคู่ของพี่ชัชน้องต้นจะเป็นเช่นไร ภาคนี้เน้นชีวิตคู่น่ะ แต่ก็รองจากดราม่าน้องต้นนะ ฮ่าๆ ยิ่งน้องต้นเป็นเด็กมหาลัย พี่ชัชก็วัยทำงาน เวลาก็ไม่ตรงกัน สนุกละซี่!

ป.ล. มันคือนิยายดราม่าจริงๆ คนเขียนไม่ได้หื่นเล้ย...  :katai2-1:
ป.ล.2 ตอนแต่งโคตรขำ คุณน้องต้นทำแท้งไม่เป็น แหมๆ มือใหม่มันจะราบรื่นได้ยังไง เจอคนใจร้อนจ้องจะยัดแบบอิพี่ชัชอีก เฮ้อ... เพลียกับพระนายคู่นี้เนอะ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#10/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน2
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 10-10-2014 02:57:59

การกลับมาของแม็กซ์

แม็กซ์

     ผมนั่งมองโทรศัพท์มาหลายวันแล้ว
     ผมกับต้นไม่ได้เจอกันนานมาก นานเป็นปี เวลามันผ่านไปเร็ว แต่ทำไมหัวใจผมมันถึงได้หยุดอยู่ที่เดิม?
     ถึงผมจะทำใจได้แต่กลับเลิกรักต้นไม่ได้ แม้ผมจะคบใครต่อใครอีกมากมาย ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นดีกับผมมากเท่าไหร่ ผมก็ทุ่มเทให้เธอได้ไม่เท่าที่ผมเคยทำให้ต้น
     ผมอาจจะรักพวกเธอ แต่ผมก็รักในความดีที่พวกเธอมีให้ผม บางคนยอมอดทนนิสัยแย่ๆ ของผม บางคนรักและเสียสละทุ่มเทยอมให้ผมทุกอย่าง บางคนก็เป็นผู้หญิงที่มีค่าเกินกว่าจะมาจมปลักอยู่กับผม
     ปีที่ผ่านมาผมไม่เคยโทรหาต้นเลย ผมรู้ดีว่าต้นคงลำบากใจ ต้นไม่ชอบผม แต่ผมยังรักต้นอยู่ ถึงผมจะอยากได้ยินเสียงของต้น แต่ถ้าเสียงของผมทำให้ต้นลำบากใจ ผมจะไม่ทำให้คนที่ผมรักเดือดร้อน
     ที่ผ่านมาสิ่งที่ผมทำก็มีแค่ส่งข้อความอวยพรต้นตอนปีใหม่กับวันเกิด แล้วก็ตอนที่ผมมีแฟนหลังจากไปเรียนที่เชียงใหม่
     ก่อนหน้านั้นเราไม่ได้ติดต่อกันเลย ครั้งสุดท้ายที่ผมเจอต้นก็คือวันสุดท้ายของการเรียนเทอมสอง ต้นยังใส่เฝือกอยู่มากับผู้ชายคนนั้น ต้นกำลังยุ่งกับเรื่องสอบเหมือนกับตัวผมๆ จึงทำได้แค่เดินเข้าไปทักทายต้นแล้วอวยพรเรื่องมหาลัยตามประสา“เพื่อน” หลังจากนั้นผมก็เลือกที่เชียงใหม่ ใช่ว่าผมอยากหนีจากมาแต่เป็นเพราะคะแนนของผมไม่ดีอยู่แล้ว
     วันเกิดผมผ่านไปก่อนที่ผมจะส่งข้อความไปหาต้นว่าผมมีแฟน ต้นรู้วันเกิดผมดี แต่ต้นเลือกที่จะไม่ติดต่อผม ใช่ว่าผมเสียใจ ผมรู้ว่าให้มันเป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้ว
     จนกระทั่งวันนึงที่ผมทำใจได้กล้าติดต่อต้นอีกครั้ง ผมบอกต้นว่าผมมีแฟนใหม่แล้วและแฟนผมน่ารักมากๆ ผมรักแฟนของผม ต้นส่งข้อความกลับมาแสดงความยินดีกับผม นอกจากนั้นผมติดต่อต้นอีกแค่ตอนปีใหม่กับวันเกิด ต้นตอบข้อความของผมด้วยคำขอบคุณง่ายๆ แล้วเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก
     ความจริงแล้วผมรู้ข่าวต้นตลอดเวลา อาร์มอยู่มหาลัยเดียวกับต้น มันเจอกันบ่อยๆ ผมก็เป็นเพื่อนสนิทกับอาร์ม เพียงแต่ผมคงเรียกว่าเป็นเพื่อนสนิทกับต้นไม่ได้ เพราะผมคิดกับต้นมากกว่านั้น
     อาร์มเล่าให้ผมฟังว่าช่วงหลังสนิทกับต้นมากขึ้น มันได้คุยกันต้นบ่อยกว่าสมัยก่อน มันเล่าให้ผมฟังว่าต้นยังป็อปอยู่เหมือนเดิม มีรุ่นพี่ในคณะมันกับพวกรุ่นพี่พากันรุมจีบต้น แต่ผมไม่มีสิทธิ์หวงต้นอีกต่อไปแล้ว ผมไม่ใช่ไม้กันหมาของต้นอีกต่อไป ต้นมีเจ้าของแล้วและคนๆ นั้นก็ไม่ใช่ผม
     ผมเกลียดผู้ชายคนนั้นและผมก็รู้ว่ามันคงเกลียดผมไม่แพ้กัน เพราะเราสองคนรักต้น แต่คนที่ต้นรักไม่ใช่ผม
     ผมนึกว่าเวลาและระยะทางจะช่วยผมได้ มันช่วยได้ก็จริง มันช่วยให้ผมทำใจแต่ไม่ได้ทำให้ผมลืมต้น ผมยังคงรักต้นอยู่เหมือนเดิม
     แต่ตอนนี้ระยะทางระหว่างผมกับต้นมันสั้นลงแล้ว ผมออกจากที่เก่าย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯ เพราะพ่อกับแม่อยากให้ผมเรียนในกรุงเทพฯ มากกว่า ผมตามใจพวกท่าน ย้ายกลับมาเรียนในกรุงเทพฯ โชคดีที่คราวนี้ผมอ่านหนังสือเตรียมตัวไว้แล้ว ผมสอบติดคณะที่ผมอยากเรียนได้ในที่สุด คงต้องขอบคุณแฟนคนปัจจุบันของผม เธอเป็นคนดี น่ารัก เธอช่วยติวให้ผม อวยพรให้ผมสอบติดคณะที่ผมต้องการแม้จะรู้ดีว่านั่นมันหมายถึงการที่เราต้องห่างกัน อาจจะรวมไปถึงการเลิกกันในที่สุด
     ผมรักแฟนของผมแต่ผมมยังไม่ลืมต้น และผมก็รักต้นมากกว่าที่ผมรักแฟน
     ผมตัดสินใจกดเบอร์โทรศัพท์หาต้นในที่สุด ผมบอกตัวเองว่าผมก็แค่อยากทักทาย“เพื่อนเก่า”
     เสียงของต้นรับสายดังขึ้น ผมดีใจที่ต้นรับโทรศัพท์ผม ผมคิดไปต่างๆ นานาว่าบางทีต้นอาจจะไม่ยอมรับโทรศัพท์ของผม เพราะทั้งผมและต้นไม่มีใครเปลี่ยนเบอร์ และผมรู้ดีว่าต้นจำเบอร์ผมได้ เหมือนที่ผมจำเบอร์ต้นได้ขึ้นใจ
     “หวัดดี ต้น”
     “แม็กซ์...”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ผมเปิดเทอมได้เดือนกว่าแล้วครับ ช่วงรับน้องก็ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว ผมได้น้องรหัสเป็นผู้หญิงชื่อน้องลูกเต๋า น่ารักมากๆ แต่เสียอยู่อย่าง น้องรหัสผมค่อนข้างจะออกตัวแรงพอสมควร พอมานึกๆ ดูแล้วในบรรดาผู้หญิงทุกคนที่ผมรู้จักมาผมชอบไนน์มากที่สุดอยู่ดีแหละครับ เพราะไนน์มักจะเว้นที่ว่างให้ผมเสมอ ทำให้ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจมากกว่า ผมชอบอยู่กับคนที่เว้นระยะให้ผมแล้วก็ไม่ทำให้ผมอึดอัด
     น้องลูกเต๋าเธอเปิดตัวว่าจีบผมตั้งแต่ที่รู้ว่าผมเป็นพี่รหัสเธอ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนรอบข้าง ท่ามกลางแหล่งข่าวที่เม้าท์กันว่า“ผมเป็นเกย์” แต่เธอก็ไม่แคร์ เธอเถียงขาดใจครับ เถียงแทนพี่รหัสของเธอว่ายังไม่มีใครเคยได้ยินผมพูดออกจากปากตัวเองว่าผมเป็นเกย์แน่รึเปล่า ที่พูดกันว่าผมเป็นเกย์ก็เพราะผมมักจะมีผู้ชายมาจีบออกหน้าออกตาก็แค่นั้น ส่วนใหญ่สาขาผมผู้หญิงน้อยอยู่แล้ว และเมย์ก็ชอบพูดเองเออเองว่าผมเป็นแฟนเมย์ด้วยเลยทำให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ไม่กล้ามาจีบผม ผมนั่งฟังแล้วก็ขำดีนะครับ น้องลูกเต๋าเธอเถียงวกไปวนมาจริงๆ ผมควรจะบอกเธอดีรึเปล่าว่าผมมีแฟนแล้ว
     ส่วนผมกับโอม เราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมครับ โอมไม่แม้แต่จะถามผมว่าผู้ชายที่มารับผมเป็นใคร โชคดีที่เราอยู่กันคนละชมรมเพราะว่าผมถูกคนรู้จักลากไปเข้าชมรมเดียวกันกับเขาซะงั้น
     ความจริงแล้ววันนั้นผมนัดกับโอมไว้ว่าจะเข้าชมรมที่รุ่นพี่ในคณะอยู่ด้วยกัน แต่โชคร้ายที่ผมไปแล้วหากันไม่เจอ ตอนนั้นผมยังไม่ค่อยรู้จักที่ทางในมหาวิทยาลัย แล้วก็เพราะคนเยอะมากๆ เสียงดังด้วยครับ ผมที่ยืนหันรีหันขวางไม่รู้จะไปทางไหนดีกำลังยืนรอโอมจู่ๆ ก็เจอเข้ากับอาร์ม
     ผมเล่าให้พวกคุณฟังแล้วรึยังครับว่าอาร์มสอบติดที่นี่ด้วย อยู่วิศวะ ไม่น่าเชื่อนะครับว่าอาร์มจะสอบเข้าวิศวะที่นี่ได้
     คือไงดีละ ... เสียความรู้สึกมั้งครับ เพราะอาร์มมักจะนั่งหลังห้องมาตลอดสามปีที่ผ่านมาแล้วก็ไม่ค่อยตั้งใจเรียนด้วย แถมคะแนนวิศวะก็สูงกว่าคณะวิทยาฯของผมด้วยครับ ถึงอย่างนั้นอาร์มก็ยัง... แต่ก็เอาเถอะครับ ใช่ว่าผมอยากเข้าวิศวะซะหน่อย
     วันนั้นผมเจอเข้ากับอาร์มครับ พออาร์มเห็นผมยืนอยู่คนเดียวก็ลากผมไปด้วยเฉยเลย คงนึกว่าผมทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะไปไหนมั้งครับ อาร์มคงพอรู้นิสัยผมบ้างเพราะเราเรียนที่เดียวกันมา แต่ถึงยังไงอาร์มก็ยังคงเป็นอาร์ม กว่าผมจะบอกอาร์มได้ว่าผมกำลังรอเพื่อนอยู่อาร์มก็จับผมเข้าชมรมเดียวกันไปแล้ว ชมรมที่ทั้งชมรมเกือบจะมีแต่เด็กวิศวะคณะเดียวกับอาร์ม แถมพอผมจะขอออกรุ่นพี่ของอาร์มก็ทำท่าจะดุอาร์มด้วยซะงั้น โทษฐานพาคนมามั่วไม่ดูตาม้าตาเรือ อาร์มคงสับสนระหว่างวิดยากับวิดวะละมั้งครับ ... ผมก็เลยต้องเลยตามเลยครับ เพราะอยู่กับอาร์มก็ไม่ได้แย่มากไหร่
     แล้วหลังจากนั้นผมก็เลยสนิทกับอาร์มมากขึ้น อาร์มใจดีกับผมเหมือนเดิม ไม่สิครับ อาร์มใจดีกับเพื่อนทุกคนอยู่แล้ว ไม่มีพิษมีภัยกับใคร จะบอกว่าผมเอานิสัยหลบหลังคนอื่นมาใช้อีกก็ได้มั้งครับ ผมขี้เกียจคิด การอยู่กับอาร์มมันไม่ได้อึดอัดนี่ครับ ว่ากันตามตรงนอกจากนิสัยอ่านบรรยากาศไม่ออกของอาร์มแล้วอย่างอื่นอาร์มถือว่าเป็นคนดีคนนึงเลยนะครับ นิสัยน่ารักแล้วก็คบง่ายคุยสนุกด้วย อาร์มชวนผมเข้าชมรมดนตรีด้วยกันซึ่งผมก็ไม่ขัดข้อง เพราะชมรมดนตรีเล็กๆ นี้ก็ถือว่าสบายดีครับ ไม่อึดอัดดี
     เพราะฉะนั้น บางเวลาที่ผมอยากมีเวลาเป็นส่วนตัวจากเพื่อนในภาคผมก็เลยเลือกที่จะมานั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ที่ห้องชมรม และผมก็มักจะเจอกับอาร์มที่นี่บ่อยๆ เหมือนอย่างเวลานี้ ผมเห็นอาร์มเดินยิ้มมาในระยะร้อยเมตรเลยครับ คนอะไรอารมณ์ดีจริงๆ
     “น้องต้นอ่ะ ไม่ได้ฟังพี่เลยอ่ะ”
     “ขอโทษครับ ผมใจลอยไปหน่อย”
     “แหม ใจลอยไปไหนครับ พี่ก็นั่งอยู่ตรงหน้าน้องต้นนี่ไง”
     ผมเซ็งนะครับ แต่แสดงออกมากไม่ได้ เขาเป็นรุ่นพี่ของอาร์ม อายุมากกว่าผม เป็นคนที่ผมต้องเคารพความอาวุโสของเขา แม้ว่าใจจริงแล้วผมจะรำคาญมุขจีบน้ำเน่าๆ ของเขามากก็ตาม
     “เมื่อกี้พี่บอมพูดว่าอะไรนะครับ”
     “พี่ชวนน้องต้นไปดูหนังครับ เนี่ยนัดกับเพื่อนไว้แล้วโดนเพื่อนเบี้ยว พี่ไม่อยากไปดูหนังคนเดียว น้องต้นไปกับพี่หน่อยนะ”
     “ผมไม่ว่างครับ”
     “โห ไม่ว่างไรอ่ะ ก็แค่นั่งอ่านหนังสือเฉยๆ เอง ไปดูหนังกับพี่ดีกว่าน่า”
     ผมควรจะตอกหน้าเขากลับไปดีมั้ยครับว่า“การอ่านหนังสือ”นี่แหละที่ทำให้ผมไม่ว่าง แต่พูดได้ซะที่ไหน ผมทำได้แค่ถอนหายใจเซ็งๆ เท่านั้นแหละครับ
     “เซ้าซี้เพื่อนผมอีกแล้วพี่บอม ต้นมันไม่ชอบผู้ชายเซ้าซี้หรอกพี่”
     นั่นไงอาร์ม พูดอะไรไม่คิดอีกแล้ว นายบอกเฉยๆ ก็ได้นะว่าเราไม่ชอบคนเซ้าซี้ ไม่ต้องใส่คำว่า“ผู้ชาย”มาให้พี่บอมมีหวังก็ได้!
     “หวัดดีอาร์ม”
     “ดีต้น”
     ผมรู้สึกว่าวันนี้อาร์มดูล่อกแล่กผิดปกติเหมือนมีอะไรอยากจะพูดกับผม ไม่รู้จะเกี่ยวกับเรื่องนั้นรึเปล่า แต่เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผมควรจะพูดคุยตอนที่มีพี่บอมอยู่ข้างๆ
     “ต้นได้ติดต่อกับเพื่อนเก่าบ้างป่า-”
     “อาร์ม ไหนนายบอกจะเลี้ยงน้ำปั่นเราไง!”
     ผมเห็นอาร์มทำหน้างงๆ แล้วก็ยืนเอ๋อครับ ให้ตายเหอะ! เข้าใจอะไรยากจริง!
     “นายบอกว่าจะเลี้ยงน้ำเราตอบแทนที่เราช่วยติวให้นายเทอมที่แล้วไง”
     ผมบอก แต่ปรับจากความจริงนิดหน่อยที่ว่าอาร์มเลี้ยงผมไปตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแล้วเรียบร้อยเป็นสัญญายืดเยื้อครับ ว่าแล้วก็ลากแขนอาร์มออกไปทันที ได้โอกาสหนีพี่บอมล่ะ!
     แต่อาร์มก็ยังคงเป็นอาร์มที่น่ารักและซื่อจนเซ่อในบางครั้งเพราะอาร์มเลี้ยงน้ำผมจริงๆ แล้วอาร์มในตอนนี้ก็กำลังยืนดูดน้ำปั่นโดยลืมเรื่องที่ตัวเองพูดค้างไว้ซะสนิท ให้ตายเถอะ! ผมต้องเริ่มก่อนจริงๆ เหรอเนี่ย?
     “มีเรื่องอะไรจะพูดกับเราเหรอ?”
     “อ้าว! ก็เห็นต้นตัดบท เลยนึกว่าไม่อยากให้พูด”
     ผมกลอกตาขึ้นอย่างเบื่อหน่าย ให้ตายเหอะ! อ่านบรรยากาศให้ถูกจังหวะหน่อยเถอะอาร์ม เพลียครับ!
     “ก็ตอนนั้นมีพี่บอมอยู่ด้วย เราไม่อยากคุยอะไรต่อหน้าพี่บอม”
     “ถามจริงเถอะ ทำไมต้นไม่ปฏิเสธพี่บอมไปตรงๆ ล่ะ”
     “แล้วคิดว่าเราไม่ปฏิเสธรึไง นายเห็นเราเคยตอบโอเคกับพี่เขามั้ยล่ะ”
     “ก็บอกไปเลยดิว่านายมีแฟนแล้ว”
     “แล้วถ้าพี่บอมถามว่าแฟนเราเป็นใครละจะให้เราตอบว่ายังไง”
     ใช่ว่าผมไม่เคยคิด ผมรำคาญและอยากจะให้พี่บอมเลิกยุ่งกับผมจะตายอยู่แล้วครับ แต่ที่ผมไม่เคยออกตัวว่าผมมีแฟนมาก่อนก็เพราะ... ถ้าผมพูดว่ามีแฟนแล้วคนอื่นๆ ก็ต้องถามอีกอยู่ดี คำถามจำพวกที่ว่าแฟนผมเป็นใครมาจากไหน? เรียนที่เดียวกันหรือต่างสถาบัน? เพื่อนสมัยเรียนเหรอ? และอื่นๆ จะให้ผมพูดออกไปได้ยังไงละครับว่าผมคบคนแก่กว่าทำงานแล้ว ถ้าผมพูดไปแบบนั้น ภาพลักษณ์ของผมจะเหลืออะไรล่ะครับ? ผู้ชายที่ยังเรียนคบกันกับผู้หญิงที่แก่กว่าและทำงานแล้ว
     ผมไม่แคร์เรื่องที่คนอื่นจะรู้ว่าผมเป็นอะไร แต่ถ้าข่าวเรื่องที่ผมชอบผู้ชายแพร่ออกไปผมรำคาญครับ ขนาดผมเฝ้าปฏิเสธคนที่มาจีบผมไปเกือบหมดจนคนอื่นเขาเลิกตื้อผมแล้วพี่บอมยังไม่ยอมถอยซะที ถ้าพี่เขารู้ว่าผมชอบผู้ชายผมกลัวครับ กลัวว่าเขาจะมายุ่งวุ่นวายกับผมมากกว่าเดิม แล้วไหนจะยังโอมอีก ผมไม่คิดว่าโอมจะเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ได้อีกถ้าโอมรู้ว่าผมชอบผู้ชาย
     จะบอกว่าผมจงใจทำให้มันคลุมเครือก็ได้ครับ เพราะการที่อะไรมันยังไม่ชัดเจนแบบนี้ก็ช่วยให้ผมมีกำแพงไว้ปกป้องตัวเองเหมือนกัน แล้วผมก็ไม่อยากโกหกใครอีกแล้วด้วย แต่การไม่พูดไม่ถือเป็นการโกหกใช่มั้ยครับ?
     “ถ้าพี่เขารู้ว่าเรามีแฟนเป็นผู้ชายเราว่าจะยิ่งไปกันใหญ่นะ”
     “ก็โกหกไปดิต้น”
     “เราไม่อยากโกหกใคร ถ้าพี่บอมเกิดไม่เชื่อให้เราพาแฟนมาให้ดู นายจะให้เราไปหาใครมายืนยันกับพี่บอมละ”
     “แย่จังว่ะ”
     ในที่สุดอาร์มก็เหมือนจะตามความคิดผมทันซะที
     “อื้ม ทางเดียวที่จะทำให้พี่บอมตัดใจคือเราต้องบอกไปว่ามีแฟนแล้วและก็ชอบผู้หญิงน่ะแหละ แต่เราไม่อยากโกหกใครอีก เราอุตส่าห์คิดว่าพอเวลาผ่านไปเดี๋ยวพี่เขาก็เลิกตื้อเราเอง ใครจะรู้ล่ะว่าพี่เขายังตื้อเราไม่เลิก”
     “ต้นนี่มีคนมาชอบเยอะเนาะ นอกจากพี่บอมก็มีอีกตั้งหลายคนมาชอบ แต่พอต้นไม่เล่นด้วยก็เริ่มหายไป มีแต่พี่บอมนี่แหละที่ยังไม่เลิกตื้อนายซะที”
     อาร์มหันมายิ้มให้ผมจนเห็นฟัน ผมชอบอาร์มนะ นิสัยไม่คิดอะไรมากแบบนี้อยู่ด้วยแล้วสบายใจดี ผมชอบที่จะอยู่กับคนที่ทำให้ผมสบายใจไม่อึดอัดแบบนี้ครับ
     “ช่างเถอะ ถ้าไม่ทำอะไรให้เราเดือดร้อนก็ไม่อยากไปว่าอะไรพี่เขาหรอก แค่รำคาญนิดๆ หน่อยๆ พอทนได้”
     “ขอโทษนะ เราไม่น่าชวนนายมาเข้าชมรมนี้เลย”
     “ไม่เป็นไรหรอก ก็สนุกดีนะ ว่าแต่ นายมีอะไรจะพูดกับเราเหรอ?”
     อาร์มเงียบไปพักหนึ่งแล้วก็หันมาถามผมด้วยเสียงขลาดๆ
     “ต้นรู้เรื่องแม็กซ์แล้วยัง?”
     “อ๋อ รู้แล้ว แม็กซ์เล่าให้ฟังแล้วละ”
     พอได้ยินว่าผมคุยกับแม็กซ์แล้ว หน้าอาร์มก็บานไม่หุบเลยครับ
     “จริงดิ งั้นนายก็หายโกรธแม็กซ์แล้ว”
     “เราไม่ได้โกรธอะไรแม็กซ์”
     ผมยังคงปฏิเสธ ผมไม่ได้โกรธหรือเกลียดอะไรแม็กซ์ เพียงแต่ ... ผมแค่อึดอัดเวลาอยู่กับแม็กซ์ก็แค่นั้น
     “ค่อยยังชั่ว เราบอกให้มันโทรหานายตั้งนานแล้วแต่มันไม่ยอม แถมความจริงมันลงมากรุงเทพได้หลายเดือนแล้วด้วย แต่มันก็บอกว่ายังไม่อยากบอกนายอีก ขอให้มันติดก่อน แล้วพอมันติด มันก็ไม่ยอมโทรหานายซะที พอเราจะบอกนาย มันก็ดันมาห้ามอีก ไม่รู้จะกลัวอะไร เราบอกมันว่านายไม่ได้โกรธมันๆ ก็ไม่เชื่อ”
     ผมฟังอาร์มพล่ามไปเรื่อยๆ เพียงแต่ในหัวผมไม่ได้ยิ้มตามใบหน้าที่กำลังส่งยิ้มให้อาร์ม ผมนึกถึงคำพูดของแม็กซ์ “มากินข้าวด้วยกันมั้ย เราเลี้ยงเอง ชวนไอ้อาร์มมาด้วยก็ได้ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
     ผมยกข้อมือขึ้นดูเวลา พึ่งบ่ายสอง ผมตัดสินใจว่าผมต้องโทรหาเมษ ผมอยากปรึกษาเมษเรื่องนี้
     ผมยังนั่งคุยกับอาร์มอีกนิดหน่อยก่อนจะบอกลาอาร์ม พอเราแยกกันแล้วผมก็โทรหาเมษทันที เมษรับสายแต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะเสียงเหมือนอยู่ในห้องเรียน ผมบอกว่าอยากเจอกันมีธุระด่วนจะปรึกษา เมษวางสายไปแต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีข้อความมาบอกผมว่าวันนี้เมษเลิกช้ามาก ถ้าผมอยากเจอไว้เดี๋ยวเมษค่อยแวะมาที่ห้องผมตอนเย็นๆ จะดีกว่า เพราะถึงอย่างไรบ้านเราก็ไม่ได้ไกลกันมาก และเมษรู้ดีว่าวันนี้ผมอยู่คนเดียว
     แต่ผมที่กำลังว่างและอยากหนีจากผู้คนที่มหาวิทยาลัยตัวเองตัดสินใจจะไปหาเมษ ผมเดินไปขึ้นรถBTSไปยังสถานีหมอชิตก่อนจะต่อรถเมล์ไปยังมหาวิทยาลัยของเมษทันที ผมเคยมาที่นี่บ่อยแล้วเพราะบางครั้งพี่ชัชก็ชวนผมมาเดินงานเกษตรเล่น พี่ชัชชอบต้นไม้ครับ แล้วก็ชอบมาเหมามะขามที่งานเกษตรมากๆ ด้วย หรือบางทีก็เป็นเมษที่ชวนผมมางานของมหาวิทยาลัย ผมจึงหาทางไปยังคณะของเมษได้ไม่ยาก
     พอมาถึงผมก็ส่งข้อความไปบอกว่าผมมาถึงแล้ว รออยู่ในร้านกาแฟที่เดิม นั่งรออยู่แถวนั้นราวๆ ชั่วโมงกว่าเมษก็เดินมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเขา สาวสวยผมยาวดัดปลายเป็นลอนสีน้ำตาลแต่งหน้าลุคใสๆ แต่งตัวเรียบร้อยตามแฟชั่นแต่พองามคนนั้นคือเพื่อนสนิทของผมเอง
     ปีนี้เมษแต่งหญิงเต็มที่ครับ แถมยังไปทำหน้าอกมาแล้วด้วยเมื่อตอนปิดเทอม พอมีหน้าอกบวกกับผมยาวๆ แต่งหน้าแบบจัดเต็มเมษก็ดูเป็นผู้หญิงคนนึงที่สวยมากๆ ครับ ดูออกแนวสาวมั่น ว่าแต่ผมบอกคุณแล้วรึยังครับว่าเมษเป็นกระเทย แล้วก็เป็นเพื่อนที่ผมสนิทด้วยมากที่สุด เวลาที่ผมมีเรื่องอะไรไม่สบายใจผมก็มักจะมาปรึกษากับเมษ เพราะเมษมักจะทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้ง แล้วก็จะสอนแง่คิดต่างๆ ให้ผม คอยปลอบผมเวลาที่ผมไม่สบายใจ อยู่ด้วยแล้วรู้สึกเหมือนอยู่กับพี่สาวเลยครับ
     พอเมษเห็นผมเราก็ยิ้มทักทายกันตามปกติ แต่พวกเพื่อนๆ ที่มากับเมษยิ้มให้ผมซะหวานสุดๆ ไปเลยครับ แต่ละคนออกท่าออกทางมากๆ ในกลุ่มมีทั้งคนที่แต่งหญิงเหมือนเมษแล้วก็คนที่ยังใส่กางเกงแบบผู้ชายอยู่
     “แกนะแก มาทำไมห๊ะ! ฉันก็บอกแกแล้วว่าวันนี้ไม่ว่าง เรียนถึงเย็น”
     “ก็เราว่าง แล้วก็อยากเจอเมษมากนี่”
     “อุ๊ยตาย! ใครอ่ะแก? เรียกชื่อเก่าแกด้วยนังเม”
     “แก๊! นังต้นนะนังต้น บอกกี่ทีแล้วว่าเวลาอยู่ข้างนอกให้เรียกฉันว่าเมษา ดูสิโดนล้อเลยฉัน!”
     “ขอโทษๆ เราลืม เรียกเมษจนชิน”
     เมษวีนใส่ผมนิดๆ หน่อยๆ พอเป็นพิธีพลางเดินเข้ามายังโต๊ะที่ผมนั่งอยู่ แต่เพื่อนๆ ของเขากลับตามมาด้วย
     “บอกกี่ทีแล้วอยู่ต่อหน้าคนอื่นให้เรียกเมษา เมเฉยๆ ก็ได้”
     “ก็ชื่อเมย์ซ้ำกับเพื่อนที่คณะเรานี่นา เราไม่ถนัดปาก”
     “นี่แก จะไม่แนะนำให้เพื่อนให้ฝูงรู้จักเลยเหรอย๊ะ ต๊าย! มีแอบคบเด็กสามย่านด้วยอ่ะ ไฮโซ”
     “โอ๊ย! อิพวกนี้ จะตามฉันมาทำไมเนี่ย ตามมาแล้วก็มาขัดคอ”
     “พวกฉันก็แค่อยากแวะมากินเค้กแล้วก็ดูหน้าผู้ชายของแกน่ะสิยะ โฮะๆ”
     นั่งฟังพวกเขาคุยกันแล้วก็ขำดีนะครับ ฮ่าๆ จิกกันได้อีกอ่ะ แถมตอนนี้แต่ละคนเริ่มมาจับจองที่นั่งข้างๆ ผมแล้วด้วย ปล่อยให้เมษยืนบ่นอยู่ที่เดิม จนเมษต้องเดินมาดึงๆ พวกเขาหรือเธอพวกนั้นออกไปให้พ้นจากตัวผม
     “น้อยๆ หน่อย อย่ามาเกาะแกะเพื่อนฉันย่ะ!”
     “แหม เพื่อนรึผัว หวงจริงนะแก แค่ลูบๆ คลำๆ แค่นี้ไม่สึกหรอหรอก แบ่งผู้ชายให้เพื่อนใช้บ้างได้บุญนะ”
     “ฉันหวังดีกับพวกแกหรอกย่ะ! กลัวแฟนนังต้นมันจะมากระทืบพวกแกเอา แฟนมันขี้หึงจะตาย”
     “โอ๊ย! มีแฟนแล้วเหรอคะเนี่ย เสียดายจังเลย อยากเปลี่ยนแฟนเมื่อไหร่บอกนะคะ จะรีบไปสมัครอ่ะ”
     “อ๊ะ! ไม่เป็นไรค่ะ ถึงมีแฟนแล้วเอมมี่ก็ไม่ถือ ได้ชั่วคราวก็เอา”
     “แหม ชื่อต้นเหรอ ชื่อเท่จังเลยอ่ะ แม๊นแมน”
     แหม ยังอุตส่าทำท่าดีดดิ้นกันได้อีกนะครับ แต่ละคนยิงคำถามมาซะผมตอบแทบไม่ทัน แล้วไหนจะแย่งกันพูดเองอีก เพื่อนของเมษนี่ตลกจังเลย ฮ่าๆ
     ดูสีหน้าเพื่อนผมสิ เมษทำหน้าเบื่อได้ขำมากอ่ะ สายตาจิกมาก เห็นแบบนั้นผมก็เลยนั่งเงียบๆ ดูโชว์สนุกๆ ของเพื่อนผมต่อไป
     “นี่พวกแก ดูปากฉันนะ! นี่เพื่อนสนิทอิฉันชื่อนังต้นค่ะ มันเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของฉันเอง ไม่ใช่ผัว! เพราะงั้นฉันไม่ได้กันซีนพวกแก แต่ที่บอกไปเนี่ยเพราะไม่อยากให้พวกแกหวังลมๆ แล้งๆ ย่ะ! ดูปากฉันให้ชัดๆ เลยนะ นังต้นมันมีผัวแล้ว!”
     โอ้ย! ขำอ่ะครับ ฮ่าๆ หน้าเพื่อนๆ ของเมษตอนนี้นี่แบบว่า... แต่ละคน! ผมขำสุดๆ จนพูดไม่ออกเลย น้ำตาเล็ดเลยครับ
     “อ้าว! พวกเดียวกันก็ไม่บอก”
     ฮ่าๆ คนนี้จิกหน้าเบะปากใส่ผมได้ตลกชะมัดเลยครับ แต่ผมว่าผมไม่สาวเท่าเขาซักหน่อย
     “อุ๊ยไม่เป็นไรค่ะ! แต่เอมมี่ยังได้อยู่นะคะ เพราะเอมมี่แก้อีมี่กลับสถานะได้คะ”
     อี๋! อย่าบอกนะว่าเพื่อนเมษคนนี้เป็น... เขาแต่งหญิงนะครับ! ไม่ๆๆ ผมรับสาวเสียบไม่ได้จริงๆ ขนลุกอ่ะ!
     “น้อยๆ หน่อยอีเอ็ม! เดี๋ยวผัวนังต้นมันก็มาตบเอาหรอก แกก็ด้วยนังต้น จะนั่งขำไปถึงเมื่อไหร่ยะ! แล้วนี่มีปัญหาอะไรถึงได้ถ่อมาหาฉันถึงนี่ บอกให้รอตอนเย็นก็ไม่รอ”
     ผมไม่ได้นั่งขำ! ผมยิ้มแหยเพราะขนลุกอยู่ต่างหาก
     “ขอโทษๆ ก็เราไม่รู้ว่าจะพูดตอนไหนดีนี่นา”
     “เห็นมั้ยเพราะพวกแกแหละ พูดมากจนเพื่อนฉันพูดไม่ทัน”
     เมษคว้าแก้วโกโก้ของผมขึ้นไปดูดก่อนจะทำตาปะหลับปะเหลือกใส่เพื่อน เนียนตลอดเลยนะเมษ
     “แล้วตกลงแกมานี่มีอะไรด่วนๆ ย่ะ มีอะไรไม่สบายใจอีกล่ะ”
     “แค่ได้เจอเมษก็หายแล้ว”
     ผมไม่ได้หยอดนะครับ แต่เมษทำให้ผมขำได้จริงๆ แล้วมันก็ทำให้ผมสบายใจมากด้วย ผมก็เลยเผลอยิ้มให้เมษไปด้วยหัวใจที่เบาขึ้น แต่ลืมไปว่ามีคนอื่นอยู่ด้วยเยอะ
     “โอ๊ยตายแล้ว! อยากได้ต้นเป็นผัวจังเลยค่ะ สมัครเป็นภรรยาไม่ได้ขอเป็นสามีแทนก็ได้ค่ะ”
     ขนลุกครับ!
     “เอ๊ะ! ยังอีกอีนี่นิ ไป๊ๆ พวกแก เพื่อนเขาจะคุยกัน”
     “แหมนังเม พอผู้มาละเทเพื่อนเชียวนะ”
     “นังต้นมันก็เพื่อนฉันย่ะ คบกันมานานกว่าพวกแกอีก”
     ว่าแล้วเมษก็จัดการไล่พวกเพื่อนๆ พวกนั้นไปด้วยการคว้ามือดึงผมออกจากร้านครับ ก็คือไล่ไม่ได้เราก็เดินหนีแทนนั่นแหละครับ แล้วพอมานั่งนึกๆ ดูแล้วผมก็พึ่งมาสนิทกับเมษก่อนคนพวกนั้นได้ไม่นานหรอกครับ เราเพิ่งมาสนิทกันตอนจะจบ ม.6 นี้เอง
     “เอ้า แกมีอะไรก็บอกมา”
     โชคดีที่รถตู้ไม่ค่อยมีคนมาก ผมกับเมษนั่งหลังสุด เราเลยคุยกันได้สบายๆ
     “พรุ่งนี้ตอนคาบบ่ายเราว่างไม่มีเรียน แต่พี่ชัชกลับมาถึงสนามบินตอนห้าทุ่ม”
     “แล้วไงย๊ะ?”
     “มีคนชวนเราไปทานข้าวด้วยกันตอนเย็น”
     “แล้วมันทำไมละย๊ะ แกถึงต้องถ่อมาหาฉันถึงที่นี่เนี่ย โทรคุยไม่ได้เหรอ หรือไม่ก็รอฉันไปหาแกคืนนี้ก็ได้”
     ผมเงียบไปพักนึงก่อนจะพูดออกมา
     “แม็กซ์กลับมากรุงเทพแล้วนะ แม็กซ์สอบใหม่ได้ที่กรุงเทพฯ”
     “แก...”
     “อืม แม็กซ์โทรมาชวนเราไปกินข้าวพรุ่งนี้ บอกว่าให้ชวนอาร์มไปด้วยก็ได้ ... แต่เราบอกแม็กซ์ไปว่าขอคิดดูก่อน เพราะว่าเราไม่แน่ใจว่าวันนี้จะทำงานเสร็จมั้ย ถ้าไม่เสร็จพรุ่งนี้ก็ไม่ว่าง แล้วเราจะโทรบอกแม็กซ์เย็นนี้”
     “โกหกอีกละสิแก”
     ผมพูดอะไรไม่ออก เมษรู้ทุกอย่าง คงเพราะคบกันมานานเมษเลยเดานิสัยของผมออกและก็ดักทางผมได้ถูกตลอด ผมคิดว่าตรงส่วนนี้เมษคล้ายๆ พี่ชัชอยู่หน่อยนึงนะครับ นอกจากนั้นเมษยังรู้เรื่องราวระหว่างผมกับแม็กซ์แล้วก็เรื่องของผมกับพี่ชัชด้วย ผมไม่มีอะไรปิดบังเมษ แม้แต่เรื่องที่แม็กซ์ส่งข้อความมาหาผมๆ ก็เล่าให้เมษฟังหมด
     “เราจะไปหาแม็กซ์ดีมั้ยอ่ะเมษ”
     “แล้วแต่แกสิ แม็กซ์มันก็ดูทำใจได้แล้วนี่”
     “อืม แต่เรา... ไม่รู้สิ เราละอายอ่ะเมษ เราไม่กล้าสู้หน้าแม็กซ์ เรา... ทำกับเขาไว้เยอะ”
     “รู้ตัวเหมือนกันนี่แก เฮ้อ... ไปจบมันซะนะนังต้น จบให้ดีๆ ล่ะ แม็กซ์มันทำเพื่อแกมาตลอดนะ”
     สายตาของเมษที่มองมามันทั้งปลอบใจแล้วก็เหนื่อยหน่ายกับนิสัยของผม แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีนะครับ เพราะเมษกล้าที่จะติผมตรงๆ แล้วก็ให้คำแนะนำที่ดีไปพร้อมๆ กัน แถมยังให้กำลังใจผมด้วย
     “อืม ก็คงต้องเป็นแบบนั้นมั้ง ขอบใจนะเมษ ถ้าไม่ได้คุยกับนาย เราคงไม่กล้าเผชิญหน้ากับแม็กซ์หรอก”
     ผมก็รู้ว่าผมผิดนะ แต่ผม... ผมอยากได้กำลังใจจากเมษนี่นา
     “ไม่เป็นไรย่ะ เพื่อนต้องช่วยเพื่อน ว่าแต่ ต้องให้ฉันตามไปเป็นกำลังสำรองมั้ยย๊ะ เผื่อมันจะฉุดแกอีกไง”
     “บ้าเหรอ! ฮ่าๆ คงนัดกันในห้างแหละ”
     “อ๊าว! ใครจะไปรู้ เผื่อมันหน้ามืดอีกไงแก แบบพอเห็นหน้าแกปุ๊ปเกิดอารมณ์ปั๊ปแล้วก็ลากแกไปอีกอ่ะ”
     ผมตอบอะไรไม่ถูกนอกจากนั่งขำ ผมบอกคุณแล้วว่าเมษทำให้ผมสบายใจได้เสมอ เมษทำให้ผมหัวเราะได้ทุกครั้งเวลาที่ผมมีเรื่องกลุ้มใจ ผมรักพี่สาวคนนี้มากครับ ทั้งๆ ที่เมษเป็นน้องเดือนผมแต่เมษเป็นผู้ใหญ่กว่าผมเยอะเลย
     เราแยกกันตรงบางกะปิครับ เมษไม่ได้มาที่ห้องกับผมเพราะผมสบายใจแล้วเมษก็ขอตัวกลับบ้าน ผมกลับคอนโดเองคนเดียว ห้องของพี่ชัชที่ผมอาศัยอยู่ด้วยเงียบเหงาไม่ต่างกันเท่าไหร่กับตอนที่ผมอยู่ห้องตัวเองคนเดียวสมัยก่อนตอนที่คุณแม่ผมยังบินอยู่บ่อยๆ
     พอจัดการหาอะไรในตู้เย็นออกมาอุ่นทานเป็นมื้อเย็นเสร็จแล้วผมก็โทรหาแม็กซ์ ผมตกลงไปทานข้าวเย็นกับแม็กซ์ ผมนัดกับแม็กซ์ที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ มหาวิทยาลัยของผมนั่นแหละครับ เราคุยกันอยู่เกือบชั่วโมงก่อนที่ผมจะขอตัวไปทำงานของผมต่อ
     แม็กซ์ยังขี้โม้เหมือนเดิม เสียงของแม็กซ์ยังคงเหมือนเดิมแต่ผมสัมผัสได้ถึงสิ่งที่แปลกไป ยังไงดีล่ะ... ถ้าผมบอกว่าจังหวะการพูดของแม็กซ์เปลี่ยนไปจะแปลกรึเปล่า?
     ผมได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้ผมคงยิ้มให้แม็กซ์ได้ซะที ผมควรจะยิ้มให้แม็กซ์ได้แล้ว ผมได้แต่บอกตัวเองอยู่แบบนั้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#10/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน2
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 10-10-2014 03:13:18
ต้นน้ำ

     ผมมีนัดกับแม็กซ์บ่ายนี้ แต่ดูท่าบางทีผมอาจจะต้องโทรไปเลื่อนนัด ใครจะไปรู้ละครับว่าอาจารย์ต้นตระการแห่งภาคเคมีจะเรียกผมไปพบด้วยเรื่องเดิมๆ แล้วครั้งนี้ผมก็เลี่ยงไม่ได้ด้วย
     “ผมบอกให้คุณลงวิชาเลือกนี้คุณก็ไม่ลง บอกให้คุณย้ายชมรมคุณก็ไม่ย้าย คุณควรจะเอาเวลาของคุณไปใช้ให้มีค่ามากกว่าอยู่ชมรมดนตรีอะไรนั่นนะ!”
     “ผมไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องทำตามที่อาจารย์บอกนี่ครับ”
     “คุณเป็นเด็กทุนนะต้นน้ำ คุณควรจะตั้งใจกับวิชาการมากกว่ากิจกรรม คุณควรจะเชื่อฟังคำสั่งของผม”
     “คำสั่งที่ไร้เหตุผลผมไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม และอาจารย์ก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งผมครับ”
     ผมเถียงด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่เน้นคำว่า“อาจารย์”เป็นพิเศษ ผู้ชายคนนี้ก็เลยหน้าแดงด้วยความโกรธเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย แต่ไม่กล้าทำอะไรมากเพราะถึงยังไงเราก็ยังเถียงกันอยู่ในห้องภาค แม้จะไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยแต่หน้าต่างมีหูประตูมีช่องเสมอครับ
     “คุณคิดว่าคุณเรียนอยู่ที่นี่ได้เพราะใคร ถึงคุณจะได้ทุนแต่คุณคิดบ้างมั้ยว่าเป็นเพราะใครช่วยคุณเอาไว้”
     “ถ้าจำไม่ผิดเป็นเพราะคะแนนของผมดีมากและคุณสมบัติของผมผ่านเกณฑ์ครับ ไม่ใช่เพราะคนอื่น ผมไม่เคยขอร้องให้ใครมาช่วยอะไรผม”
     อาจารย์ต้นตระการมีสีหน้าโกรธจัดจนเกือบระเบิดออกมา ผมยิ้มอย่างสะใจ ผมมองจ้องตรงเข้าไปในดวงตาของอาจารย์อย่างท้าทาย ถึงผมจะเซ็งที่เขาชอบเข้ามายุ่งวุ่นวายกับผมแต่ผมกลับชอบเวลาที่ได้ยั่วโมโหเขาแบบนี้ที่สุดเลยครับ มันสะใจผมสุดๆ ไปเลย ยิ่งเขาแสดงความกราดเกรี้ยวใส่ผมมากเท่าไหร่ ผมยิ่งชนะ!
     และเพราะแบบนั้น พักหลังมานี้มันถึงได้น่าเบื่อพอสมควรเพราะเขาพยายามที่จะใช้ไม้อ่อนกับผมมากกว่าเดิม และนั่นทำให้ผมไม่สามารถแก้แค้นเขาได้อย่างชอบธรรม หมดสนุกไปเยอะเลยครับ
     ก็ความรู้สึกของคนเรามันไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ นี่ครับ จะให้ผมดีกับเขาภายในระยะเวลาปีสองปีนี่มันไม่น้ำเน่าไปหน่อยเหรอ? เวลาที่ผมถูกทอดทิ้งมันคือทั้งชีวิตของผมที่ผ่านมาเชียวนะครับ ผมไม่ให้อภัยผู้ชายคนนี้ง่ายๆ หรอก!
     มีนักศึกษาผ่านมาพอดี อาจารย์ก็เลยจำเป็นต้องเก็บอารมณ์ที่แทบจะระเบิดใส่ผมอยู่รอมร่อกลับไป ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนท่าทีได้สมกับภาพลักษณ์อาจารย์แสนดีจริงๆ เลย ให้ตายสิ!
     “เอาเถอะ อย่าให้คะแนนคุณตกก็แล้วกัน ถ้ามีปัญหาอะไรให้รีบมาปรึกษาผมทันที คุณควรจะบอกผมทุกเรื่องเข้าใจมั้ยต้นน้ำ”
     อาจารย์ต้นตระการถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างจนใจ พอเห็นแบบนี้ผมก็เลยเซ็งนิดหน่อยเพราะรู้ดีว่าเวลาแห่งความสะใจของผมหมดลงแล้ว
     “ครับอาจารย์”
     ผมยกมือไหว้ขอบคุณพลางบอกลา แต่อาจารย์กลับเรียกผมไว้
     “เดี๋ยว ...”
     “ครับ?”
     “คุณขาดเหลืออะไรรึเปล่า? ถ้าคุณมีปัญหาอะไรมาบอกผมได้ทุกเมื่อ”
     จะมารับผิดชอบอะไรกันตอนนี้เหรอครับ? ได้ยินแล้วผมก็คลื่นไส้ชะมัด ผมยิ้มหวานให้ผู้ชายคนนี้ให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะเค้นออกมาได้แล้วพูดขึ้นเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคนว่า
     “ไม่จำเป็นหรอกครับอาจารย์ พี่ชัชดูแลผมดีมากครับ ผมโชคดีที่มีผู้ชายดีๆ อย่างพี่ชัชมาส่งเสียเลี้ยงดูผมทุกอย่างครับ ไม่ลำบากให้อาจารย์ต้องมาดูแลผมหรอก เก็บเงินของอาจารย์ไว้ให้ลูกเมียตามทะเบียนดีกว่านะครับ”
     ผมพูดแบบนั้นแล้วก็เดินหนีมาท่ามกลางเสียงตวาดลอดไรฟันของอาจารย์ที่เรียกชื่อผม สะใจจริงๆ เลยครับ ถ้าจะให้ผมสำนึกละก็บอกให้ผู้ชายคนนั้นสำนึกก่อนสิครับ ถ้าเขาสำนึกผิดกับผมจริงๆ เมื่อไหร่แล้วผมถึงจะยอมลดทิฐิให้!
     ผมเดินหนีมาอย่างสะใจ อ้อใช่แล้ว! ผมมีนัดกับแม็กซ์นี่นา ไม่ได้เจอแม็กซ์ตั้งนาน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรหาแม็กซ์ ผมตั้งใจจะถามเขาว่าตอนนี้เขาอยู่ไหนแล้วเพราะผมคงไปเจอเขาช้ากว่าเวลานัด
     เสียงของแม็กซ์ดูขลาดอายพิกลตอนที่รับโทรศัพท์ผม พอคุยกันแล้วผมถึงได้รู้ว่าแม็กซ์ตั้งใจแอบมาเซอร์ไพรส์ผม แม็กซ์นั่งรอผมอยู่ที่ใต้ตึกเรียนรวมคณะวิทย์แล้วครับ แม็กซ์มารับผม!
     แม็กซ์... แบบนี้ทุกที
     ผมเดินย้อนกลับไปที่ตึกนั้นทันที ให้ตายเถอะ! ขออย่าให้มีคนรู้จักผมอยู่แถวนั้นเลย!
     แต่ทันทีที่ผมเดินไปถึงผมก็สังเกตเห็นแม็กซ์ได้ไม่ยาก ใต้อาคารเรียนที่มีโต๊ะนั่งวางเรียงรายอยู่นั้นเต็มไปด้วยนิสิต แต่ผู้ชายในชุดไปรเวทที่กำลังนั่งก้มหน้าฟังเพลงจากโทรศัพท์อยู่นั้นดูขัดเขินไม่เข้ากับบรรยากาศ ผมไม่ได้เจอแม็กซ์นานเท่าไหร่แล้วนะ มากกว่าหนึ่งปีใช่มั้ย? แม็กซ์ดูคล้ำขึ้นนิดหน่อย แล้วก็ดู... เปลี่ยนไปละมั้ง?
     อารมณ์บางอย่างมันบีบรัดหัวใจผมจนลืมเรื่องงี่เง่าเมื่อตะกี้ไปหมด ขาของผมที่จ้ำมาอย่างเร่งรีบก็เหมือนหมดแรงเอาดื้อๆ ก้าวต่อไปไม่ออก ได้แต่ยืนหยุดอยู่กับที่
     แม็กซ์เงยหน้าขึ้นมาพอดี เขาเห็นผมแล้ว เขาไม่ได้ลุกขึ้นยืนหรือเดินมาทางผม ผมเห็นแม็กซ์ทำแค่เพียงดึงสายหูฟังออกแล้วก็นั่งอยู่ที่เดิมจากนั้นก็ยิ้มออกมา แม็กซ์ยกมือลูบท้ายทอยตัวเองไปมา ดูเขินๆ ที่ได้พบกับผม ผมเองก็เช่นกัน ผมเองก็ทำตัวไม่ถูกที่ได้พบกับเขา
     ผมรวบรวมสมาธิ สูดลมหายใจเข้าช้าๆ แล้วก็ออกเดินอย่างมั่นคงตรงไปหาแม็กซ์ ผมตรงไปนั่งที่โต๊ะตัวเดียวกับแม็กซ์แล้วเอ่ยปากทัก
     “มาได้ไง”
     “พอดีวันนี้เราว่าง เลยกะมารอเซอร์ไพรส์ต้น”
     สีหน้าของแม็กซ์ดูเกร็งๆ ทั้งกังวลทั้งขัดเขินอยู่ในที แม็กซ์ยังจำได้ว่าผมเกลียดเรื่องเซอร์ไพรส์จากคนที่ผมไม่ต้องการ
     “แม็กซ์ เรามีอะไรจะบอก”
     ผมทำเสียงนิ่งๆ ตามปกติ แต่เห็นแม็กซ์ทำหน้าตื่นหน่อยๆ
     “ไรเหรอ?”
     “เราไม่ได้เรียนที่ตึกนี้”
     “อ้าว?”
     สีหน้าของแม็กซ์ดูดีขึ้น ความกังวลทั้งหมดหายไปเหลือแต่อาการประหม่าที่ยังคงอยู่
     “นายมารอเซอร์ไพรส์เราผิดตึกนะ ตึกภาคฟิสิกส์อยู่ตรงโน้น”
     “อ้าว! ก็เห็นอาร์มมันบอกว่านี่เป็นตึกคณะวิทย์”
     “แล้วไปเชื่ออะไรอาร์ม เชื่อได้ด้วยเหรอ”
     “ฮ่าๆ”
     แล้วเราสองคนก็หัวเราะด้วยกันกับความงี่เง่าของอาร์ม ผมเผลอหัวเราะจนสุดเสียง แม็กซ์เป็นอีกคนที่เคยทำให้ผมหัวเราะแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุขแบบนี้ ผมรู้สึกว่าหน้าของตัวเองมันร้อนมากๆ เมื่อยแก้มไปหมดแล้วครับ เสียงหัวเราะของแม็กซ์เงียบไปแล้ว แม็กซ์นั่งจ้องหน้าผมและผมก็กำลังมองสบตากับแม็กซ์อยู่ เราสองคนสบตากันอยู่อย่างนั้น แล้วก็เป็นผมที่มักจะแพ้ก่อนทุกที
     “มองอะไร”
     “มองเพื่อน คิดถึง ไม่ได้เจอตั้งนาน ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้ต้นใส่แว่นด้วย”
     “ก็เราสายตาสั้นขึ้นพอสมควรน่ะ ช่วยไม่ได้”
     “บอกแล้วอย่าเป็นหนอนหนังสือมาก ดูดิ กินแต่หนังสือจนสายตาสั้นเลย”
     “ถ้าเราไม่อ่านหนังสือเยอะๆ แล้วใครจะคอยติวให้นาย”
     “มีทวงบุญคุณนะต้น”
     “แน่นอนอ่ะ”
     ผมยิ้มให้แม็กซ์อย่างสดใสเพราะอารมณ์ที่ปลอดโปร่งของผม ผมรู้ตัวว่าผมกำลังอารมณ์ดี ผมถึงได้หัวเราะออกมาได้อย่างมีความสุข การพบกันครั้งนี้มันไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดเลยแม้แต่น้อย ผมสบายใจมากขึ้น สายตาของแม็กซ์ที่มองมามันไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดอีกต่อไป ผมมองไม่เห็นแววตาเจ็บปวดในดวงตาของแม็กซ์แล้ว และนั่นเองเป็นสิ่งที่ทำให้ผมสามารถมองหน้า สบตา รวมทั้งพูดคุยกับแม็กซ์ได้อย่างสะดวกใจ
     “ต้นดูดีขึ้นนะ แต่ยังเนี้ยบเหมือนเดิมอ่ะ”
     “อยากให้เราชมลุคใหม่นายก็บอกมาเถอะ หล่อตายอ่ะ”
     สมัยเรียนมัธยมแม็กซ์ชอบทำตัวเกเรแหกคอกอยู่บ่อยๆ ครับ ผมรองทรงก็ไปไถสกินเฮดมาซะงั้น เจาะหูด้วย ทำตัวแบบที่พวกคุณคุ้นเคยกับคำว่า“เกรียน”นั่นแหละครับ แต่แม็กซ์ในวันนี้ที่ผมเห็นดูดีขึ้นผิดหูผิดตา แม็กซ์ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบเซอร์แต่สุภาพไม่ใช่แนวแบดบอยเฮ้วๆ แบบที่ผมเคยเห็น แต่ผมทรงตามแฟชั่นที่ซอยไล่ระดับนั่นก็ดูดีเข้ากับบุคลลิคของแม็กซ์มากๆ ดูไฮโซขึ้นเยอะเลยครับ พอเลิกเกรียนแล้วก็ดูดีขึ้นทันตาเห็นเลย
     ไม่สิ ผมควรจะบอกว่าสิ่งที่ทำให้แม็กซ์ดูดีขึ้นคือบุคลิคที่เปลี่ยนไปต่างหาก ยังไงดีละครับ แม็กซ์ดู... นิ่งขึ้นมั้ง? ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก
     “อ้าวต้นปากเสียอ่ะ หล่อไม่หล่อก็สาวหลงเยอะนะ”
     “แล้วแฟนไม่ว่าเอาเหรอ ยังเจ้าชู้เหมือนเดิมอยู่รึเปล่า?”
     ผมเห็นแม็กซ์ส่ายหน้าเล็กน้อยพลางยิ้มๆ
     “ไม่อ่ะ เดี๋ยวนี้เราคบใครเราคบทีละคน ไม่ได้มั่วแล้ว”
     “ดีแล้ว แฟนจะได้ไม่เสียใจ”
     “อื้อ”
     ผมรู้สึกดีนะครับที่เราสองคนคุยเรื่องนี้ได้สะดวกปากมากขึ้น แล้วแม็กซ์เองก็พูดถึงแฟนให้ผมฟังด้วย มันทำให้ผมสบายใจแล้วก็ไม่รู้สึกผิดอีกต่อไป
     “แล้วมาไงอ่ะ วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ?”
     “มี แต่โดด อยากกินข้าวกับเพื่อนมากกว่า”
     “บ้า! เลิกขี้เกียจได้แล้วเดี๋ยวก็ไม่จบหรอก นายช้าไปปีนึงแล้วนะ”
     “ช่าย เป็นรุ่นน้องนายแล้ว ฮ่าๆ”
     “ยังจะเล่นอีก!”
     “ก็สำหรับแม็กซ์ต้นสำคัญกว่าจริงๆ นี่นา”
     แม็กซ์หลุดปากแทนตัวเองแบบนั้นอีกแล้วพอรู้ตัวก็เลยรีบกลบเกลื่อนทันที แต่ผมไม่ถือหรอกครับ เพราะแม็กซ์ในวันนี้ไม่ใช่แม็กซ์คนที่เคยทำให้ผมรำคาญใจคนนั้นอีกต่อไป
     “คือ... เราหมายถึงต้นอุตส่ายอมตกลงไปกินข้าวด้วยกันทั้งที เราก็เลยโดดมาเลยไง กลัวมาสายแล้วต้นบ่นอีก วิชาเช้าวันนี้จารย์ไม่เข้าอยู่แล้ว แค่ให้จับกลุ่มทำงาน”
     “ประจำอ่ะแม็กซ์ โยนงานให้คนอื่นตลอด”
     “เอาน่ะๆ คนมันหล่อก็งี้อ่ะ มีคนทำแทนให้ตลอดแหละ”
     “หลงตัวเอง! แล้วนี่มารอนานยัง? โทษทีนะทั้งๆ ที่นัดกันแล้วแต่พอดีเรามีธุระด่วน อาจารย์เรียกไปพบ”
     “ก็สองชั่วโมง แต่ไม่เป็นไรหรอก นานกว่านี้ก็รอได้ ไงเราก็ว่าง”
     “แล้วไม่โทรหาอาร์มอ่ะ จะได้ไม่ต้องนั่งคนเดียว”
     “โทรแล้ว แต่มันบอกว่ามันยุ่งอยู่ ติดธุระในชมรม ไม่ยอมมาหาเรา”
     “กลัวนายเตะเอามั้ง หลอกนายมานั่งผิดตึกนี่ ไปหามั้ยล่ะ อาร์มอกหักอีกแล้วนะ”
     “จริงดิ?”
     “อื้ม โดนสาวทิ้งอีกแล้ว เราไม่แปลกใจหรอก งี่เง่าขนาดนั้น ใครเขาจะทน”
     ความจริงแล้วอาร์มโดนผู้หญิงสวมเขาต่างหาก ผมคิดว่าดีแล้วล่ะที่เลิกกันได้ ผู้ชายดีๆ อย่างอาร์มสมควรได้เจอคนที่ดีกว่านั้น
     ผมลุกขึ้นยืนทำท่าจะเดินนำแม็กซ์ไปหาอาร์มจริงๆ แม็กซ์หรี่ตามองเหมือนจะถามว่าผมจะเอาจริงเหรอ ผมก็เลยยื่นมือไปให้แม็กซ์
     “มาเถอะ เพื่อนเก่ามาถึงถิ่นทั้งที ต้องต้อนรับกันหน่อยดิ”
     แม็กซ์ยิ้มให้ผมแล้วก็ดึงมือที่ผมส่งไปให้ลุกขึ้นยืน นี่แม็กซ์สูงขึ้นอีกรึเปล่าเนี่ย? ผมเงยหน้ามองแบบหมั่นไส้เล็กน้อย น่าจะเกินร้อยแปดสิบแล้วมั้งครับ หมั่นไส้จริงๆ เมื่อก่อนยังแค่ร้อยเจ็ดสิบเก้าอยู่เลย
     “ต้น... ปีที่ผ่านมาไม่สูงขึ้นเลยเหรอ”
     แม็กซ์ถามผมแบบล้อๆ
     “ใครจะเปรตเสมอต้นเสมอปลายแบบนายละแม็กซ์”
     ผมยิ้มหวานแล้วตอกกลับไปพองาม ก็ผมไม่ชอบโดนล้อเรื่องส่วนสูงนะครับ ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองเตี้ยหรอกนะ แต่พออยู่กับพี่ชัชหรือแม็กซ์ที่“โย่ง”แบบนี้แล้ว... ให้ตายสิ! อิจฉาแม็กซ์ชะมัด
     “โหย! แรงอ่ะ! ปากร้ายขึ้นนะต้น”
     “เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่รู้เหรอ”
     “รู้ แต่ไม่คิดว่าจะโดน”
     “รู้จักเราน้อยไป”
     ผมกับแม็กซ์เดินกัดกันไปเรื่อยๆ เพื่อไปหาอาร์มที่ห้องชมรม
     สาเหตุที่เรียกว่าคุยกันไม่ได้เพราะส่วนใหญ่แล้วเรามักจะแซวกันไปแซวกันมาครับ แม็กซ์เองขึ้นชื่อเรื่องกวนตีนเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว ส่วนผมก็... ปากร้าย ไงดีล่ะ ... เมื่อก่อนถึงจะเคยปะทะคารมกันบ้างนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดกันแรงขนาดนี้ แต่พอตอนนี้ได้พูดคุยกันอย่างสบายใจแล้วผมก็เลยไม่คิดจะปิดบังอะไรแม็กซ์อีก
     “ต้นอยู่ชมรมเดียวกับอาร์มเหรอ?”
     “อืม”
     “คิดไง เข้าชมรมดนตรี?”
     “ถามเพื่อนนายสิ”
     แม็กซ์ถามผมขึ้นตอนที่เราเดินมาถึง แต่ผมก็ตอบกลับไปแบบโบ้ยความผิดไปให้บุคคลที่สาม นั่นไง ผมได้ยินเสียงแหกปากร้องเพลงของอาร์มดังอยู่ นี่แหละครับธุระยุ่งๆ ของอาร์ม และอาร์มก็ดูจะตกใจมากที่เห็นผมเดินเข้ามากับแม็กซ์
     “ยุ่งมากเลยนะมึง ปิดเครื่องหนีกูเนี่ย สัสอาร์ม”
     “ก็กูหวังดีอยากให้มึงกับต้นได้คุยกันอ๊า”
     แม็กซ์เดินไปตบหัวอาร์มจริงๆ ด้วยครับ โชคดีที่ไม่ค่อยมีรุ่นพี่คนอื่นอยู่นอกจากพวกเอกอื่นที่ผมกับอาร์มไม่ค่อยสนิท ไม่งั้นคงเป็นเรื่อง ก็แม็กซ์ดันเล่นมาตบหัวเด็กวิศวะในถิ่นขนาดนี้
     “เรื่องของเรากับแม็กซ์ไม่ต้องให้นายมาหวังดีก็ได้มั้งอาร์ม”
     “โหยทำเป็นพูดไปนะต้น ถ้าตอนนั้นเราไม่เบรคแม็กซ์ไว้ แม็กซ์มันลากนายไปแล้ว”
     “ทวงบุญคุณเหรอ อ่านหนังสือเองแล้วกันนะอาร์ม”
     “เดี๋ยวนี้โดนไอ้ต้นกดขี่ถึงขนาดนี้เลยเหรอวะมึง เสียศักดิ์ศรีอ่ะ”
     พวกเราสามคนต่อปากต่อคำกันอย่างสนุกสนาน แต่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นผมกับแม็กซ์ช่วยกันแกล้งแหย่อาร์มนะครับ แม็กซ์เองก็กวนผมก็ปากร้าย พวกเราเลยสองรุมหนึ่งกันอย่างสนุกสนาน ผมรู้สึกสนุกมากๆ ที่ได้นั่งคุยกับเพื่อนเก่าแบบนี้ และอาร์มก็ช่วยให้บรรยากาศมันสนุกขึ้นด้วยแหละครับ
     พวกเรานั่งคุยกันอยู่นานก่อนที่ผมกับแม็กซ์จะขอตัวแยกไปทานข้าวต่อด้วยกัน อาร์มไม่ยอมไปกับพวกเราจริงๆ และสาเหตุก็คงเพราะเพื่อนพี่บอมที่รั้งตัวอาร์มไว้ ผมล่ะอยากคะยั้นคะยอให้อาร์มไปด้วยกันชะมัดเลย ไม่รู้ว่าถ้าปล่อยให้อาร์มอยู่ต่อเรื่องจะกลายไปเป็นแบบไหน ผมกับแม็กซ์เลยตัดสินใจจะไปกันแล้วถ้าเพียงแต่...
     “น้องต้นจะไปไหนเหรอคร้าบ”
     พี่บอมที่วิ่งตรงมาทางพวกเราอย่างรีบร้อน ผมยกมือสวัสดีพี่บอมไปงั้นๆ แหละครับ แต่ในใจของผมนี่คิดว่าตัวปัญหาชัดๆ
     “แหมใครครับเนี่ย เพื่อนน้องต้นเหรอครับ ไม่คุ้นหน้าเลย”
     พี่บอมหวงก้างแม็กซ์น่าดู แล้วก็น่ารำคาญมากด้วยในสายตาผม แม็กซ์ก้มมาสบตาผมนิดนึงก่อนที่ผมจะพยักหน้าให้ เราเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูดอะไร
     “นี่แม็กซ์ เพื่อนสนิทผมกับอาร์มเองครับ พอดีเขาผ่านมาแถวนี้เราเลยว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน”
     “อ๋อ เพื่อนเก่าน้องต้นนี่เอง ฮ่าๆ”
     พี่บอมจงใจเน้นเสียงมาก มากจนผมเองยังอดหมั่นไส้ พี่บอมไม่มีสิทธิ์อะไรเลยด้วยซ้ำ! ผมควรจะควงพี่ชัชมาโชว์แล้วเปิดตัวไปเลยดีมั้ยนะ?
     และแล้วผมรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่มันติดลบอย่างรวดเร็ว อาร์มหน้าซีดไปแล้วครับ คงเพราะฝั่งนึงก็รุ่นพี่ที่เคารพอีกฝั่งก็เพื่อนรัก แต่คนตรงกลางจริงๆ อย่างผมนี่สิหงุดหงิดจนจะระเบิดอยู่แล้ว ผมต้องดึงมือแม็กซ์ไว้ ผมส่ายหน้าให้แม็กซ์เบาๆ แม็กซ์ฮึดฮัดเล็กน้อยก่อนจะยอมถอย ส่วนพี่บอมก็มองมาที่มือของผมที่กุมมือแม็กซ์อยู่อย่างไม่กระพริบตา ผมก็เลยต้องปล่อยมือเพราะรำคาญหมาหวงก้าง แต่ตัวผมไม่ใช่หมาที่แย่งก้างกับใครหรอกนะครับ ผมเป็นก้างที่กำลังถูกหมาหวงอยู่ทั้งๆ ที่กินไม่ได้ต่างหาก
     “ครับเพื่อนเก่าผมเองตอนสมัยมัธยม แล้วก็เป็นคนสอนให้ผมเล่นกีตาร์ด้วยครับ ไม่งั้นผมคงไม่มีโอกาสได้เข้าชมรมนี้แน่ๆ”
     ผมฉีกยิ้มให้พี่บอมตามปกติ ซึ่งปกติในที่นี้ของผมก็คือ“พยายามยิ้มเพื่อให้เรื่องมันจบๆ”น่ะแหละครับ
     “อ๋อ เล่นกีตาร์เหมือนกันเหรอไอ้น้อง”
     พี่บอมทำท่าท้าทายแม็กซ์ทันที เฮ้อ... ไม่ได้ดูตัวเองเลยครับพี่ แม็กซ์น่ะเล่นกีตาร์เก่งมากเลยนะครับ ถึงพี่บอมจะเล่นกีตาร์เป็นก็เถอะ แต่ก็อยู่ในระดับที่เล่นเป็นเพลงได้เท่านั้น เกาได้แค่คอร์ดโซโล่ไม่เก่ง แต่แม็กซ์นะโซโล่เก่งมากๆ นะครับคอร์ดก็เน้น แถมยังเป็นพวกเล่นพลิกแพลงแกะโน้ตแล้วก็แต่งทำนองเพลงได้เลยด้วยซ้ำ! เพราะแม็กซ์เคยเรียนกีตาร์คลาสสิคมาก่อน แถมยังเป็นคนสอนให้ผมเล่นกีตาร์เป็นอีกต่างหาก พี่บอมจะสู้ไหวได้ยังไงละครับ?
     ไม่งั้นคุณคิดว่านอกจากหน้าตาหล่อรูปร่างดีบ้านรวยแต่นิสัยแย่ไม่เอาอ่าวชอบเอาแต่ใจเจ้าชู้ฟันแล้วทิ้ง สรรพคุณของแม็กซ์แบบนี้จะมีอะไรให้สาวมาหลงละครับ มันก็ต้องมีมุมเท่ๆ ไว้หลอกสาวกันบ้าง และเวลาที่แม็กซ์จับกีตาร์ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนไม่มองแม็กซ์
     หลังจากนั้นก็มีการดวลกันหน่อยๆ เสียงดนตรีในห้องชมรมผมจึงดังผิดปกติ แล้วก็คงไม่ต้องบอกว่าใครจะแพ้ แน่นอนว่าแม็กซ์เป็นฝ่ายชนะ พี่บอมนี่ขี้แพ้ชวนตีชัดๆ เลยครับ แถมคนที่แวะมาดูก็เริ่มมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ ด้วย โดยเฉพาะผู้หญิง แม็กซ์นี่... มีเสน่ห์จริงๆ แถมยังเล่นไปส่งยิ้มไปแบบไม่มีเขินเลยด้วย สมาธิไม่เสียแถมยังเพิ่มลูกบ้า แม็กซ์เกิดมาเพื่อเป็นจุดสนใจจริงๆ ครับ
     ผมนั่งดูพวกเขาเล่นดนตรีอยู่เงียบๆ มีแอบยิ้มแอบหัวเราะบ้างเวลาได้ยินเสียงเพี้ยนๆ อาร์มก็เอากับเขาด้วยครับ อาร์มกับแม็กซ์ยังรู้จังหวะรับส่งกันดีเหมือนเดิมเลย เสียดายนะครับ ที่เบสไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่อย่านึกถึงนายนั่นเลยจะดีกว่า!
     สุดท้ายแม็กซ์ทนไม่ไหว คงเพราะไม่ได้เล่นดนตรีกับเพื่อนนานแล้วแม็กซ์เลยชวนผมให้ลุกไปเล่นด้วย
     อันที่จริงตอนที่ผมเข้าชมรมผมก็บอกพวกเขานะครับว่าพอเล่นกีตาร์ได้บ้าง แต่คงเพราะบุคลิคท่าทางของผมมั้งครับที่ดูเนิร์ด แถมยังไม่ค่อยพูด ผมเลยไม่ค่อยจำเป็นต้องเล่นโชว์ฝีมืออะไร มีเกาๆ คอร์ดบ้างนิดหน่อยตอนนั่งเล่นกันในห้องชมรมเล่นๆ แต่พอแม็กซ์เอ่ยปากชวนแบบนี้ ผมก็...
     ตอนแรกผมพยายามปฏิเสธครับ แต่แม็กซ์ตื้อ แล้วผมก็แพ้มุขของแม็กซ์เวลาตื้อประจำเลยด้วย ก็เลยตกลงว่าจะเล่นหนึ่งเพลง พวกเราเลือกเพลงประจำที่เคยเล่นกันในงานโรงเรียนครั้งนั้น ซึ่งมันก็เป็นเพลงที่เร็วพอสมควร พี่บอมดูจะแปลกใจมากจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเหวอที่เห็นผมเล่นกีตาร์ได้แม่นขนาดนั้น
     แหม... ที่ห้องผมก็มีกีตาร์นะครับ พอพี่ชัชรู้ว่าผมเล่นกีตาร์ได้ก็เลยไปซื้อกีตาร์มาใหม่ตัวนึง บอกว่าจะเอาไว้เล่นตอนว่างๆ เพราะตัวเก่าโดนเตอร์ยึดไปแล้ว แต่ก็ไม่เห็นจะเล่นซักที พี่ชัชซื้อให้ผมชัดๆ นั่นแหละครับ เพราะแบบนั้นผมก็เลยมีกีตาร์ไว้เล่นตอนเซ็งๆ ยังไงละครับ ผมไม่ใช่พวกหนอนหนังสือที่เอาแต่บริโภคหนังสือไม่ทำอย่างอื่นซักหน่อย
     กว่าพวกเราจะออกจากชมรมได้เวลาก็ผ่านไปเกือบๆ สองชั่วโมงครับ เย็นแล้ว และผมก็หิวแล้วด้วย ถึงแม็กซ์จะดูกวนๆ แต่แม็กซ์ก็ชนะใจคนแถวนี้ได้ไม่ยาก นอกจากพี่บอมจอมอคติแล้วแม็กซ์ชนะใจคนอื่น พี่บางคนชวนพวกเราไปหาอะไรกินต่อด้วยกัน แม็กซ์กับอาร์มหันมามองหน้าผม ผมพยักหน้าให้แม็กซ์รู้ว่าผมแล้วแต่เขาครับ
     แม็กซ์ยอมไปหาอะไรกินกับพวกพี่ๆ ในชมรม ผมค่อนข้างแปลกใจนะ ผมนึกว่าเขาจะชวนผมไปกันแค่สองคนซะอีก แม็กซ์เปลี่ยนไปจริงๆ
     แต่แม็กซ์ก็ทำให้พี่บอมแพ้อย่างหมดรูปอีกครั้งด้วยการบอกว่าเขาจะเอารถไปเองแต่ต้องขอตัวไปเอารถก่อน ไม่จำเป็นต้องให้ผมติดรถไปกับพี่บอมและผองเพื่อน แล้วรถของแม็กซ์นั่นแหละครับที่ทำให้พี่บอมแพ้หลุดลุ่ย ผมเองยังแอบตกใจเลยครับ ผมก็พอรู้อยู่นะว่าบ้านแม็กซ์รวยมาก แต่ใครจะไปคิดละครับว่าแม็กซ์ขับเบนซ์ คือรถคันนี้เนี่ยราคามันมากกว่ารถที่พี่ชัชใช้ขับไปทำงานหาเลี้ยงผมอยู่ทุกวันนี้อีก แม็กซ์นี่เกิดมาโชคดีจริงๆ
     เราไปหาอะไรกินกันง่ายๆ แถวนั้นแหละครับ ผมเลือกนั่งตรงกลางระหว่างแม็กซ์และรุ่นพี่อีกคน อาร์มนั่งตรงกันข้ามกับผม เชื่อเขาเลยมีแอลกอฮอล์อีกแล้ว ทำไมผู้ชายต้องคู่กับแอลกอฮอล์ด้วยนะครับ? ผมปฏิเสธไม่ดื่มแต่แม็กซ์ดื่มครับ แม็กซ์ดื่มมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมก็เลยต้องเตือนแม็กซ์ว่าเขายังต้องขับรถกลับอีก แม็กซ์เองก็เชื่อผมนะครับ เหมือนเขาจะพึ่งรู้ตัวนึกขึ้นได้ว่าผมกลัว เขาหน้าเสียไปนิดหน่อยก่อนจะดื่มน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
     พอตอนที่เรากินกันเสร็จจะแยกย้ายกันกลับแม็กซ์ก็บอกว่าจะไปส่งผม แม็กซ์ขัดขาพี่บอมและผมก็ยินดีให้แม็กซ์เป็นคนไปส่ง เพราะถ้าถามว่าผมเชื่อใจใครมากกว่ากันผมเชื่อแม็กซ์มากกว่าอยู่แล้ว แต่แม็กซ์เขาขอนั่งพักอีกซักครู่ให้สร่างเมาก่อน ผมเลยเดินไปหาซื้อผ้าเย็นกับเครื่องดื่มเกลือแร่แบบที่แม็กซ์ชอบมาให้ ตอนที่ผมกลับไปถึงร้านพวกเขาเช็คบิลกันเรียบร้อยแล้ว สบายกระเป๋าผมไป ผมรู้ดีอยู่แล้วว่ายังไงๆ แม็กซ์ก็ต้องเลี้ยงผม
     ตอนที่ผมยื่นซองผ้าเย็นสำเร็จรูปกับขวดเกลือแร่ให้แม็กซ์ดูแปลกใจเล็กน้อย
     “ยังจำได้ด้วยเหรอว่าเราชอบยี่ห้อนี้?”
     “ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ ก็นายใช้ให้เราไปซื้อให้นายมากี่รอบตอนสมัยเรียน ไม่เคยนับเหรอ?”
     แม็กซ์หัวเราะแล้วก็รับขวดเกลือแร่ไปดื่ม ผมส่งผ้าเย็นให้เขาด้วย แม็กซ์รับไปแล้วก็เช็คหน้าเบาๆ เรียกพลังให้สดชื่น
     แม็กซ์เป็นพวกติดเครื่องดื่มเกลือแร่ครับ หลังเล่นกีฬา หลังเล่นดนตรี หรือแม้แต่หลังใช้แรงกับกิจกรรมบนเตียงที่ต้องสูญเสียน้ำ แม็กซ์ชอบดื่มเกลือแร่ยี่ห้อนี้ ผมไม่รู้หรอกว่ามันช่วยให้สร่างเมาได้มั้ย แต่ก็หวังว่ามันคงช่วยได้ ก็พวกคนขับรถแท็กซี่ยังชอบกินกระทิงแดงเลยนี่ครับ นี่มันก็เป็นเกลือแร่คล้ายๆ กันน่าจะช่วยได้บ้างหน่า
     ผมบอกลากับพวกรุ่นพี่เพราะพรุ่งนี้ผมไม่มีเรียน คงไม่ได้แวะไปที่ชมรม อาร์มนั่งคุยกับพวกเราอีกครู่หนึ่งแล้วก็ขอตัวกลับก่อนเพราะมีเรียนเช้า เหลือแต่ผมกับแม็กซ์
     เราสองคนนั่งกันอยู่เงียบๆ ซักพัก พอแม็กซ์ดีขึ้นเขาก็ชวนผมก็กลับบ้าน แม็กซ์ขับรถกลับได้ค่อนข้างปลอดภัยครับ ผมคงต้องบอกแบบนี้ แม็กซ์ใช้ความเร็วไม่มากพารถแล่นไปบนถนนโดยที่ไม่มีช็อตใจร้อนแซงปาดคนอื่นให้ผมกลัวเลยแม้แต่น้อย ผมไม่แน่ใจว่าที่แม็กซ์ขับช้าๆ เป็นเพราะแม็กซ์เกรงใจผมหรือเพราะอะไร เราสองคนคุยกันไประหว่างทางหลายเรื่อง
     “ทำไมถึงยอมมากับพวกพี่เขาล่ะ?”
     “ก็คิดว่าต้นน่าจะชอบแบบนี้มากกว่า ต้นกับอาร์มยังต้องอยู่ที่นั่นอีกนาน”
     ผมมองแม็กซ์ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แม็กซ์เก่งเรื่องเข้าสังคมมาแต่ไหนแต่ไร แค่เมื่อก่อนแม็กซ์มักอารมณ์ร้อน แต่ตอนนี้แม็กซ์ใจเย็นมากกว่าเดิมและเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
     “แล้วอีกอย่าง อยู่ใกล้กันแค่นี้ ต่อไปถ้าเราอยากเจอต้นอีก ต้นคงไม่ปฏิเสธเราใช่มั้ย?”
     เสียงของแม็กซ์เบาหวิวเหมือนกำลังกลัว
     “อื้ม ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธนี่ ถ้าเราว่างน่ะนะ แต่ถ้าไม่ว่างก็ช่วยไม่ได้”
     ผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง สิ่งที่มันเคยทำให้ผมอึดอัด แต่ในเวลานี้มันกลับทำให้ผมสงสารจนอดใจดีกับแม็กซ์ไม่ได้
     “แค่นั้นก็ดีแล้ว เหงาจะตาย ไม่มีเพื่อนกินข้าว”
     แม็กซ์พูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
     “แล้วสาวๆ หายไปไหนหมดล่ะ”
     “บ้าดิ ขืนทำงั้นแฟนเราได้โกรธตาย”
     “งั้นก็เพื่อน”
     “ไม่เอาอ่ะ อยากไปกับเพื่อนสนิท”
     ถ้อยคำของแม็กซ์ทำให้ผมหัวใจเต้นรัว ผมดีใจนะ แม็กซ์เรียกผมว่าเพื่อนสนิทได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
     “ขอบคุณนะ”
     “ขอบคุณไรกันต้น”
     อาจจะเพราะคำขอบคุณแบบไม่มีที่มาที่ไปแม็กซ์ก็เลยงง แต่ผมอยากขอบคุณเขาจริงๆ แล้วผมก็พร้อมแล้วด้วยที่จะขอโทษแม็กซ์ ผมตัดสินใจแล้วที่จะเอ่ยปากขอโทษเขา เพราะทุกๆ สิ่งที่เขาเคยทำให้ผมลำพังแค่คำว่าขอบคุณมันคงยังไม่พอ
     “แม็กซ์... เราขอโทษนะ ขอโทษที่พึ่งจะมาขอโทษนายเอาป่านนี้ ขอโทษที่เราไม่กล้าเป็นฝ่ายขอโทษนายก่อน ขอโทษที่ผลักภาระทุกอย่างไปให้นายทั้งๆ ที่เราเป็นคนเริ่ม เรา..”
     พอได้พูดแล้วคำพูดของผมก็พรั่งพรูออกมา ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้เมา แต่ผม...
     “ช่างมันเหอะต้น เรื่องมันผ่านไปแล้ว แค่แม็กซ์ได้เพื่อนสนิทกลับมาแม็กซ์ก็ดีใจแล้ว แค่แม็กซ์ยังมีต้นเป็นเพื่อนอยู่มันก็ดีมากสำหรับแม็กซ์แล้วล่ะ”
     เสียงของแม็กซ์ฟังดูสบายๆ ในขณะที่เป็นผมเองที่เริ่มเสียงเครือๆ ผมสัมผัสได้ถึงหยดใสๆ ที่หางตาผม ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ร้องไห้มานานมากแล้วแท้ๆ
     “อืม ขอบใจนะ”
     ผมสูดจมูกเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำมูกมันหยดลงมา
     “ต้นแม่งขี้แยว่ะ!”
     “พึ่งรู้เหรอ!”
     “รู้นานแล้ว ฮ่าๆ”
     แม็กซ์ส่งกระดาษทิชชู่ให้ผม เราคุยกับเรื่องสัพเพเหระอีกหลายเรื่อง ผมสบายใจมาก ผมรู้สึกดีมากจริงๆ ผมดีใจมากๆ ที่วันนี้ผมได้เพื่อนสนิทของผมกลับคืนมา
     รถของแม็กซ์แล่นมาจอดที่หน้าคอนโด แม็กซ์ส่งผมแค่นั้นแล้วก็จากไป ผมเดินขึ้นห้องไปอย่างมีความสุข สี่ทุ่มกว่าแล้วสินะ แต่เครื่องของพี่ชัชยังไม่ลงด้วยซ้ำ แฟนของผมไปญี่ปุ่นครับ ไปสัมนาหรืออีกนัยหนึ่งก็คือพาหมอไปเที่ยวนั่นแหละครับ ผมต้องเตรียมอะไรไว้ให้พี่ชัชรึเปล่านะ? ไม่หรอกมั้ง คงทานมาบนเครื่องแล้ว ผมรีบอาบน้ำรอพี่ชัชดีกว่า วันนี้ผมมีความสุขมาก

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#21/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน3
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 21-10-2014 03:29:16
เมื่อหมาป่าจะงาบลูกแกะ

ชัยชัช

     ผมกลับมาถึงเมืองไทยแล้วครับ โคตรเหนื่อยเลยแม่ง! กว่าจะส่งหมอกลับบ้านหมดกรุ๊ป ดีนะครับที่คอนโดผมอยู่ใกล้ๆ เลยพอเรียกแท็กซี่กลับห้องได้บ้าง ผมงี้แทบต้องอ้อนวอนก้มลงกราบอ่ะ กว่าพี่คนขับแกจะ “อะๆ ไปก็ไป” แม่งเสือกจะรับแต่ฝรั่ง ไปแต่ย่านนักท่องเที่ยว ผมละไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมพวกมันไม่ติดป้ายไปเลยละครับว่า “ไม่รับคนไทย” เฮ้อ... เซ็งครับ จะให้ผมขับรถมาจอดก็ใช่ที่ ค่าที่จอดโคตรแพง จะให้เมียมารับก็เกรงใจ ลงท้ายก็เลยต้องหาทางกลับเอาเองแบบนี้เนี่ยแหละครับ
     ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาที่ผมหรือฟ่างมีบินเราจะมารับกันและกันเสมอๆ แต่ทำไงได้ ต้นมันกลัวไม่ชอบขับรถ ซึ่งก็เป็นเพราะผมเอง ผมคงไม่มีหน้าไปรบกวนมันหรอกครับ เกิดมีอะไรขึ้นมาอีกผมคงเสียใจมากกว่าเดิม
     ไอ้ที่ไปญี่ปุ่นนี่อย่านึกว่าสนุกเชียวนะครับ เหนื่อยโคตรๆ งานแบบผมต่อให้อยู่ซาฮาร่าหรือมัลดีฟส์ก็เป็นได้แค่ขี้ข้า ไม่มีเวลาสนุกส่วนตัวของตัวเองมากนักหรอก รีบกลับบ้านไปกอดเมียดีกว่า คิดถึงไอ้ต้นมันจะแย่
     ผมเดินลากกระเป๋าเดินทางขึ้นคอนโด อยากอาบน้ำนอนเต็มแก่ เกือบเที่ยงคืนแล้ว ไม่รู้ป่านนี้ต้นมันนอนแล้วรึยัง? ผมเอากุญแจห้องไปไว้ไหนวะเนี่ย ไม่อยากกดออดเลยกลัวต้นมันหลับอยู่ เกรงใจมันครับ
     ผมหากุญแจเจอละ หือ? ไฟในห้องเปิดอยู่ เสียงเมียผมดังขึ้น
     “พี่ชัช? กลับมาแล้วเหรอครับ”
     แม่เจ้า! ขาอ่อนไอ้ต้น! ภาพแรกที่ผมกลับมาเห็นหลังจากไม่ได้เจอหน้าเมียตัวเองมาห้าวันเต็มๆ คือภาพที่เมียผมใส่กางเกงนอนขาสั้นสไตล์บ็อกเซอร์กับเสื้อยืดหลวมๆ ตัวเก่าของผมเอง ต้นนั่งชันเข่าวางหนังสือไว้บนหน้าขาอยู่ตรงโซฟา ผมไม่รู้หรอกว่าทีวีที่เปิดไว้มันฉายอะไรอยู่ ผมเห็นแต่ขาอ่อนเมียผมเท่านั้นแหละ!
     ไม่ได้ว้อย ห้ามหื่น ถึงจะไฟเขียวแต่ก็ห้าม!
     “กลับมาแล้วครับที่รัก เหนื่อยจัง”
     ต้นเดินมาช่วยยกกระเป๋าเดินทางของผมเข้าห้องตามประสาเมียที่ดี
     “ของเยอะจังครับ”
     “ของเรานั่นแหละ ขนมกับของฝากเผื่อเพื่อนเราด้วยไง”
     “เปลืองนะครับนั่น”
     “เอาน่า ไปญี่ปุ่นทั้งที”
     ต้นมันรับเอาเสื้อแจ็คเก็ตกับเป้ใบเล็กของผมไปเก็บให้แล้วก็รินน้ำเย็นๆ มาเสิร์ฟผมทันที แหม ช่างเอาใจชะมัด ถึงน้ำจะชื่นใจแต่ถ้าพี่ได้อย่างอื่นด้วยจะแจ่มมากๆ เลยน้องเอ้ย เสียดายพี่ไม่มีแรง
     “พี่ชัชหิวมั้ยครับ ทานอะไรมาแล้วรึยัง?”
     “ไม่อ่ะ กินมาแล้วบนเครื่อง”
     “งั้นไปอาบน้ำก่อนเถอะครับ พี่พึ่งกลับมาถึง คงเหนื่อยแย่ เดี๋ยวผมเก็บของให้เอง”
     “เออ แล้วเราอ่ะทำไมยังไม่นอนฮะ? รอพี่เหรอครับ”
     นั่นๆ มีเขินหน้าแดงด้วยเว้ยเฮ้ย พี่ก็อยากอยู่หรอกนะแต่โคตรเหนื่อยเลย รอก่อนนะเมียจ๋า ขอผัวพักซักวัน หึๆ
     ความจริงแล้วปกติต้นชอบใส่ชุดนอนเข้าชุดกัน พวกชุดนอนแบบเชิ้ตที่ต้องติดกระดุมน่ะ พวกคุณคงนึกออก ต้นมันใส่ชุดนอนแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และถ้าอะไรที่มันยังใส่นอนได้ไม่ขาดมันก็ใส่ครับ เพราะปีที่ผ่านมาตัวมันก็ไม่ได้โตขึ้นซักเท่าไหร่ เอ่อ... ยกเว้นบางตัวน่ะนะ ที่ผมเผลอถอดแรงไปหน่อยกระดุมมันก็เลยหลุดๆ หายไปบ้างก็มี
     ส่วนพวกกางเกงขายาวกับเสื้อยืดสีพื้นๆ พวกนั้นอ่ะของผมเอง สมบัติเก่าดูดีมีสไตล์ที่แฟนเก่าผมจัดให้ พอใส่แบบนั้นนอนมาตลอดมันก็ชิน แล้วต้นมันก็พวกงก มันไม่ถือเรื่อง“ของชิ้นนั้นของแฟนเก่าพี่ซื้อไว้ ผมรับไม่ได้ต้องทิ้ง” ผมก็เลยยังใช้เสื้อผ้าพวกนั้นอยู่ ส่วนเมื่อก่อนตอนนอนคนเดียวผมใส่อะไรนอนน่ะเหรอ ก็เกงบอลกับเสื้อยืดย้วยๆ น่ะสิครับ บางทีก็ไม่ใส่เสื้อใส่แต่กางเกงตัวเดียวพอ จะเอาอะไรกับผู้ชายผมไม่แก้ผ้านอนก็บุญละ
     แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ต้นหน้าแดงน่ะเหรอครับ ผมจะใบ้ให้ก็ได้ว่าต้นมันไม่ได้ใส่บ็อกเซอร์ มันใส่กางเกงในผู้ชายแบบปกติ เพราะงั้นไอ้การที่มันใส่เสื้อยืดชุดนอนของผมกับบ็อกเซอร์สั้นๆ มานั่งโชว์ขาอ่อนรอผมอยู่เนี่ยคุณคิดว่ามันจะแปลว่าไรละคร้าบ? ฮ่าๆ
     ก็ไม่เชิงว่าเป็นรหัสลับที่เราตกลงกันไว้หรอกนะครับ เพราะต้นมันไม่เคยพูด แต่ถ้าผมสะกิดตอนมันใส่แบบนี้ทีไรมันก็ไม่เคยขัดอ่ะ ของแบบนี้ใช้เซนส์เอาก็พอครับ ดูก็รู้ ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา หึๆ
     ผมดื่มน้ำไปจ้องมองหน้าแดงๆ นั่นไป น่ารักชะมัด
     “ไปอาบน้ำก่อนเถอะครับ”
     ทำเขินแล้วเดินหนี ฮ่าๆ ต้นมันเฉไฉไปรื้อกระเป๋าผมใหญ่เลยครับ แต่มีให้รื้อไม่เยอะหรอกไอ้น้อง รอบนี้พี่ไม่ได้ซื้อไรกลับมามากมาย ฮ่าๆ
     พอเห็นแบบนี้ผมก็มีความสุขนะ คือคนเราพอกลับบ้านมาจากทำงานเหนื่อยๆ มีคนรออยู่ที่บ้าน ได้กลับมาเจออะไรแบบนี้มันอิ่มเอมใจครับ ต้นมันไม่ใช่แค่คนรักของผม แต่มันทำให้ผมสัมผัสได้ถึงคำว่าครอบครัวแม้ว่าผมกับมันจะเป็นผู้ชายกันทั้งคู่ก็ตาม
     “กระเป๋านั้นมีแต่เสื้อผ้าอ่ะต้น ใบเล็กมีของกินนิดหน่อย ต้องรีบเอาเข้าตู้เย็น เพราะมีช็อกโกแล็ตด้วย”
     “ได้ครับ”
     ต้นมันรับคำแล้วก็หันไปรื้อกระเป๋าใบเล็กเอาของออกมาเก็บให้ผม โชคดีชะมัดมีเมียแบบนี้
     “ฝากด้วยนะ พี่ไปอาบน้ำก่อนล่ะ โคตรเหนื่อยเลย”
     ผมอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณโกนหนวดโกนเคราให้สมใจกับที่ทนมาเกือบอาทิตย์เต็มๆ แม่งที่นู่นโคตรหนาวอ่ะ ถึงจะมีออนเซ็นแต่ผมไม่กล้าแช่นาน แถมมันยังทำไรไม่ค่อยสะดวกด้วยเพราะอยู่กับคนหมู่มาก ยังไงๆ กลับมาอยู่บ้านตัวเองก็สะดวกที่สุดครับ
     พอออกมาก็เห็นต้นมันลากกระเป๋าใบที่ใส่เสื้อผ้าเข้ามาในห้องนอนแล้ว พอมันเห็นผมมันก็ถามผมทันที
     “พี่ชัชมีอะไรที่ต้องรีบใช้พรุ่งนี้มั้ยครับ ผมจะได้เอาออกมาให้ก่อน”
     เมียผมนี่อะไรๆ ก็ยกให้ผมเป็นที่หนึ่งก่อนจริงๆ เลย โคตรรักเลยอ่ะ
     “ยังอ่ะ พรุ่งนี้พี่ว่าจะขอพักซักวัน แล้วเราเหอะ ป่านนี้ยังไม่นอน”
     “พรุ่งนี้ผมไม่มีเรียนครับ อาจารย์ไม่สอน”
     “เหรอ มิน่า”
     “ครับ?”
     มันเงยหน้ามามองผมด้วยดวงตาซื่อๆ ต้นมันตาไม่โตนะ ออกเรียวๆ ด้วยซ้ำ ภาษาชาวบ้านเรียกตาตี่ ภาษาจีนเรียกตาหงษ์ แต่พอมันทำหน้างงๆ แล้วโคตรน่ารักเลย เพราะคิ้วที่ชอบขมวดหน่อยๆ ของมันนั่นแหละดูอ่อนต่อโลกดี ผมคิดมาตลอดเลยว่าต้นมันตาสวย มองแล้วแทบละสายตาจากมันไม่ได้ เหมือนลูกแกะชะมัด น่างาบสุดๆ ผมบอกคุณรึยังว่าผมชอบกินแกะที่สุดอ่ะ
     ผมนั่งอยู่บนเตียงมองมันรื้อของออกมา มันเอาเสื้อผ้าใช้แล้วของผมไปใส่ตะกร้า พวกของฝากมันกองไว้ให้มุมนึง ดูแล้วเพลินตาดีครับ แต่ผมชักง่วงแล้ว
     “อีกใบเก็บแล้วเหรอต้น”
     “เรียบร้อยแล้วครับ เหลือแต่ใบนี้”
     ผมยิ้มให้มันนิดๆ แล้วกวักมือเรียก ต้นมันทำหน้างงเล็กน้อย ผมตบลงบนเตียงอีกสองทีก่อนจะอ้อนมัน
     “ไว้ค่อยเคลียร์พรุ่งนี้ก็ได้ต้น พี่ง่วงแล้ว”
     “พี่ชัชนอนก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเก็บเสร็จแล้วก็นอนเอง”
     “ไม่เอาอ่ะ อยากนอนกอดเมีย คิดถึงจะตายอยู่แล้ว ไม่เจอตั้งห้าวัน”
     ผมพูดพร้อมกับชูมือขึ้นทั้งสองข้างเหมือนเด็ก อย่าดูถูกเชียวนะครับ มุขนี้ใช้ได้ผลกับไอ้ต้นนะเออ ได้ผลเกือบทุกครั้งด้วย นั่นไง ไอ้ต้นมันหน้าแดงแล้ว มันดูลังเลอยู่นิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นไปปิดไฟแล้วก็เดินมาที่เตียง
     ต้นมันขึ้นมาบนเตียงแล้วก็ค่อยๆ กระเถิบมาซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนผม ดูมันเขินๆ หน่อยๆ เพราะปกติเวลานอนก็ตัวใครตัวมันอ่ะ ไม่ได้นอนกอดกันทุกคืนสวีทหวานหรอกนะครับ ต้นมันชอบนอนตะแคง ส่วนผมก็โคตรนอนดิ้น ต้นมันเลยไม่ชอบนอนใกล้ๆ ผม มันบอกยุกยิกจนมันหลับสนิทไม่ค่อยได้
     ผมได้กอดเมียซักที ผมคิดถึงมันชะมัดเลย คิดถึงกลิ่นพีซอ่อนๆ บนตัวมันด้วย แอบหอมมันไปหลายทีเหมือนกันครับ ผมนอนกอดต้นอยู่แบบนั้นมีลูบๆ คลำๆ บ้างนิดหน่อย แต่ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ก็บอกแล้วผมเหนื่อยจะตายอยู่ละ ไม่มีแรงแล้วครับ แค่ได้นอนกอดเมียอยู่เฉยๆ แบบนี้ก็มีความสุขสำหรับผมแล้ว เรื่องอื่นไว้ว่ากันทีหลัง ขอผมหลับซักตื่นก่อนเหอะ
     ว่าแล้วก็ชักจะง่วงๆ หนังตาจะปิดแล้วครับ ต้นมันยุกยิกขยับเข้ามาเบียดๆ ผมนิดหน่อย วันนี้อ้อนเป็นพิเศษเชียวนะ น่ารักจริงๆ เมียพี่ เพราะแบบนั้นผมก็เลยกอดต้นแน่นเป็นพิเศษ สุขโคตรๆ เลยครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ผมรู้สึกตัวตื่นเพราะสัมผัสที่กำลังลูบๆ คลำๆ อยู่แถวสะโพกของผม ให้ตายเถอะผมกำลังหลับสบายๆ อยู่เลยนะครับพี่ชัช!
     ฟ้ายังมืดอยู่ ไม่รู้ว่ากี่โมงแล้ว ที่แน่ๆ ผมยังนอนไม่เต็มอิ่มเลยครับ แต่มือที่ลูบๆ คลำๆ ผมอยู่เนี่ยสิ ผมคงไม่ได้นอนต่อแหง๋ๆ เลื้อยไปถึงขาอ่อนผมแล้ว!
     “พี่ชัช?”
     “จ๋า”
     “มาจ๋าไรละครับ ผมง่วง”
     “แต่พี่ตื่นแล้วอ่ะ”
     “นอนต่อเถอะครับ”
     ผมตัดบทแล้วพลิกตัวหนีพี่ชัช ผมเปลี่ยนท่านอนจากเดิมที่ซุกอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชัชย้ายมาเป็นนอนตะแคงตรงฝั่งขวาที่ผมนอนตามปกติ เรื่องเมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืน ตอนนี้ผมง่วงครับ
     แต่ผมคงจะไม่ได้หลับง่ายๆ พันแข้งพันขาผมสุดๆ ไปเลย ผมรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ตรงใบหู พี่ชัชเล่นมุขนี้อีกแล้ว ทุกทีเลย รู้ก็รู้ว่าผมแพ้ก็ยังจะทำอีก วิธีอ้อนของพี่ชัชนี่ทำเอาผมใจอ่อนทุกทีสิน่า
     “ตื่นหน่อยน่า ตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าร่างกายแข็งแรงนะ”
     ผมเกรงว่าไอ้ที่พี่ชวนจะไม่ใช่ออกกำลังกายน่ะสิครับ เฮ้อ...
     “กี่โมงแล้วครับ”
     “หือ? ตอนนี้อ่ะเหรอ?”
     พี่ชัชผละออกไปจากผมแล้วเอื้อมไปคว้านาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียงมาดู
     “ตีสี่ว่ะต้น”
     พี่ชัชตอบพร้อมๆ กับคลานมาจูบผม หื่นตั้งแต่ตีสี่เลยเหรอครับเนี่ย? ทีเมื่อคืนก็นะ...
     ถ้าคุณเคยเลี้ยงหมาแล้วโดนมันเลียประจบทั้งหน้าเริ่มจากปากลามไปตรงแก้มและก็เลียไล่ไปเรื่อยๆ จนถึงคอละก็ คุณจะรำคาญมั้ยครับ? นั่นแหละความรู้สึกผมในเวลานี้ ผมไม่เคยเลี้ยงหมาหรอกนะครับ เคยเห็นแต่ในโฆษณา แต่คิดว่าคงไม่ต่างกันหรอกเพราะพี่ชัชของผมน่ะ หยั่งกับหมาป่า ... ในหลายๆ ความหมายนะครับ
     “อื้อ”
     ผมพยายามผลักหมาป่าจอมหื่นตัวนี้ออกไป
     “ไม่เอานะ อึ๊ ครับพี่ชัช ฮ้า ขอต้นนอนก่อน อ๊ะ! นะครับ ต้นง่วง อื๊อ
     ผมพยายามจะอ้อนพี่ชัชแล้วนะครับ แต่ทำไมเสียงของผมมันสั่นๆ ล่ะ? ผมแพ้พี่ชัชทุกที
     “หยุดไม่ใช่เหรอครับ พี่ก็หยุด หน่านะ”
     ทีงี้ละก็...
     พี่ชัชเลื่อนตัวจากการเซ้าซี้อยู่บนตัวผมขึ้นมาจูบแก้มผมเบาๆ พร้อมส่งสายตาแบบอ้อนๆ มาให้ ถึงมันจะมืดแต่ผมเห็นประกายของไฟที่ถูกจุดอยู่ในนั้นได้เป็นอย่างดี แล้วมันก็เริ่มลุกลามมาเผาไหม้ตัวผมแล้วด้วย
     “ไม่สงสารพี่บ้างเหรอ อดทนมาตั้งห้าวันอ่ะ”
     “มากกว่านั้นพี่ชัชก็ทนมาแล้วครับ”
     “มันไม่เหมือนกันนี่ เมื่อคืนต้นอนุญาตพี่แล้วไม่ใช่เหรอ”
     “เมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืนครับ”
     “ไม่รู้อ่ะ พี่หิว ต้นไม่หิวเหรอ?”
     “ผมหิวครับ แต่นี่ไม่ใช่เวลากิน”
     พี่ชัชเถียงไม่ชนะผมหรอก ถึงพี่ชัชจะมุขเยอะแต่ผมปากร้ายกว่าหลายเท่าตัวครับ ตัดบทคนเก่งกว่าด้วย อุ๊บ!
     ทุกที... พอเถียงไม่ชนะก็ปิดปากผมทุกที
     ผมจะหายใจไม่ออกแล้วนะครับพี่ชัช
     เฮ้อ... ปล่อยผมซะที!
     ผมรีบหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างเอาเป็นเอาตาย พี่ชัชบ้า!
     “ยอมยัง?”
     “แบบนี้ทุกทีอ่ะ”
     “หน่า ต้นชักธงขึ้นเสารอพี่ช่วยร้องเพลงชาติให้ขนาดนี้แล้วเนี่ย”
     ผมละเกลียดมือของพี่ชัชจริงๆ เลย จับตรงไหนไม่จับนะ!
     “แล้วผมมีทางเลือกเหรอครับ?”
     ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะครับ ผมก็คนมีความรู้สึกนะ ยิ่งกับแฟนตัวเองผมจะหวงไปทำไมละครับ ผมก็ยอมสิ พี่ชัชทำให้ผมตื่นขนาดนี้แล้ว ตาสว่างนอนต่อไม่ได้แล้วละครับแบบนี้
     เรานัวเนียกันอยู่แบบนั้นนานพอสมควร พี่ชัชอัดอั้นมากจริงๆ นั่นแหละ ไหนๆ ก็ไหนๆ ตามใจพี่ชัชหน่อยแล้วกันครับ เสื้อผมถูกโยนไปไหนแล้วก็ไม่รู้ กางเกงก็หลุดไปอยู่ตรงข้อเท้า ส่วนพี่ชัชนี่ชุดวันเกิดรอแล้วครับ แต่ตอนที่ผมกำลังคิดว่าได้เวลาซักทีจู่ๆ พี่ชัชก็หยุดแล้วผละออกไป
     ผมมองพี่ชัชที่ย้ายตัวเองเปลี่ยนท่าไปเอนตัวลงนอนหงายกึ่งนั่งกึ่งนอนเท้าข้อศอกอยู่บนหมอนอย่างไม่เข้าใจ แต่รอยยิ้มชั่วร้ายแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ครับ
     “พี่ชัช?”
     “ที่รักคร้าบ ผัวเหนื่อยอ่ะ”
     “แล้ว?”
     “เซอร์วิสพี่หน่อยนะครับต้น”
     ในใจผมนี่โมโหจนอยากจะถีบพี่ชัชแรงๆ ซักทีสองทีแล้วครับ ถ้าง่วงแล้วทำไมไม่นอนหลับไปดีๆ ละครับ! มาปลุกผมทำไม!
     ผมต้องบอกให้ตัวเองใจเย็นๆ แล้วก็สะกดอารมณ์เอาไว้แทบตาย ผมส่งยิ้มไปให้พี่ชัช ไม่ตอบอะไรเพราะกลัวจะหลุดปากด่า คนอะไร สุดๆ อ่ะ!
     “หน่า นะครับ นานๆ ทีอยากเปลี่ยนวิวบ้างอ่ะ”
     พี่ชัชอ้อนพร้อมกับลูบๆ คลำๆ เอวผม ไอ้ขี้เกียจเอ้ย!
     “ไม่ได้เห็นหน้าต้นมาตั้งห้าวัน คิดถึง อยากมองหน้ากันนานๆ อ่ะ”
     “แล้วท่าเมื่อกี้พี่ไม่เห็นหน้าผมเหรอครับ?”
     “เห็น แต่อยากเห็นต้นทั้งตัว”
     พี่ชัชอยากเห็นอะไรไม่ทราบครับนั่น หน้าตาไม่น่าไว้ใจเลยให้ตายสิ!
     “เล่นขี่ม้าหนุกน้า เดี๋ยวพี่เป็นม้าให้เอง”
     ผมละยอมแพ้จริงๆ เลยไอ้รอยยิ้มขี้เล่นแบบนี้เนี่ย ทั้งๆ ที่โมโห หมั่นไส้ หงุดหงิดสุดๆ แต่พอผมเห็นรอยยิ้มแบบนี้ของพี่ชัช ยังไงก็โกรธไม่ลงครับ ต้องยอมทุกที
     ทำไงได้ ผมก็เลยต้องออกกำลังกายเล่นขี่ม้าตอนเช้ามืดแบบนี้น่ะสิครับ แฟนผมเป็นจอมขี้เกียจ เรื่องที่ไม่ขี้เกียจเห็นจะมีอยู่แค่เรื่องเดียวคือช่างอ้อน อ้อนให้ผมทำโน่นทำนี่ให้!
     “โยกอีกหน่อยสิครับที่รัก ม้าพี่ขี่ไม่หนุกเหรอ?”
     ผมเหลือบตาขึ้นมองคนขี้เกียจที่ส่งเสียงท้าทายผม รู้บ้างมั้ยว่าม้าตัวเองมันตัวโตขนาดไหน! ผมไม่ใช่จ๊อกกี้มืออาชีพนะครับจะได้ถนัดขี่ม้า!
     ผมพยายามแล้วนะ แต่... มันแน่นมาก คับไปหมดเลยครับ แล้วมันก็เสียวสุดๆ ไปเลยด้วย ผมหลับตาลงแล้วก็พยายามควบคุมม้าของผมอย่างยากลำบาก แต่ผมควบได้ไม่นานพี่ชัชก็ทำท่าจะผยศซะแล้ว โคตรอายเลยครับที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ เห็นสีหน้านึกสนุกของพี่ชัชแล้วขัดใจจริงๆ พี่เขาชอบแกล้งผม แล้วก็ชอบแกล้งในเวลาแบบนี้ที่ผมทำอะไรเขาไม่ได้ด้วย มันอายนะครับ อย่าจ้องแบบนั้นสิ!
     “พี่ชัช อึ๊ เบาๆ ครับ”
     “คร้าบ ที่รัก”
     “โอ๊ย! ผมบอกว่า อะ เบาๆ ครับ อย่า อึ๊ สวน ขึ้นมา อ๊า แรง”
     “พี่กลัวต้นเหนื่อยไงเลยช่วยควบ”
     เสียงพี่ชัชน่าหมั่นไส้มากอ่ะ ผมแพ้ตลอด พี่ชัชเป็นคนคุมเกมตลอด ผมสู้อะไรไม่ได้เลย แล้วมันก็น่าหงุดหงิดสุดๆ เลยด้วย ผมลืมตามองเห็นหน้าพี่ชัชแล้วขัดใจเป็นบ้า ยังไงผมก็ไม่ชินกับสายตาแบบนั้นซะที เขินชะมัด!
     “น่ารักชะมัดเลยอ่ะต้น”
     พี่ชัชที่จู่ๆ ก็พูดแบบนั้นกะทันหันลุกขึ้นมากอดผมไว้แล้วก็เริ่มคุมเกมเอง เลยกลายเป็นผมนั่งตักพี่ชัช ผมเป็นลูกแกะบนตักหมาป่า
     แฟนของผมมันบ้ากาม เจ้าเล่ห์ หื่น เป็นผีขี้เกียจ! ผมได้แต่ด่าพี่ชัชอยู่ในใจพลางหลับตาลงเพราะสู้สายตาวิบวับของพี่ชัชไม่ได้ ได้แต่ปล่อยได้หมาป่าเลียปากผมตามใจชอบ ผมว่า... ผมไม่ต้องออกแรงแล้วล่ะ
     “เมียพี่เวลาเขินน่ารักที่สุดเลยครับ”
     “เลิกล้อผมได้แล้วครับ”
     “พี่ชมหรอก”
     ผมไม่ได้ตอบอะไรเพราะอายจนไม่รู้จะอายอะไรแล้ว เวลาสบสายตากับพี่ชัชทีไรอย่างกับจะละลายทุกครั้งเลยครับ สายตาของพี่ชัชทำให้ผมรู้สึกเขินมากๆ แล้วก็... เวลาผมเขินผมมักจะ...
     “ฮ้า
     “ใกล้แล้วเหรอครับต้น? ฮื้ม?”
     เลิกกระซิบข้างๆ หูผมซะทีเถอะครับ ผมทนไม่ไหวจนเผลอโอบรอบคอพี่ชัชแน่น
     “หึๆ แฟนพี่น่ารักที่สุดเลย”
     ผมซบหน้าลงปล่อยให้พี่ชัชรังแกผมตามสบาย แต่ใครจะรู้จู่ๆ พี่ชัชก็เกิดซาดิสขึ้นมา ดันให้ผมเอนลงกับเตียงแล้วก็เลิกขี้เกียจทันตาเห็น แต่ผมไม่ไหวนะครับจู่ๆ มาขยันเอาตอนนี้ ผมเลยเผลอหลุดเสียงร้องออกไปดังลั่น ก็มันเสียวนี่... พี่ชัชโรคจิตยิ้มได้ชั่วร้ายมากๆ
     ผมถูกพี่ชัชพาเข้าเส้นชัยจนได้ แต่มันยังไม่จบหรอกครับ เพราะว่าพี่ชัชยังแข่งไม่จบ และการที่ผมถึงจุดหมายก่อนก็ไม่ได้แปลว่าผมชนะ
     “ทนหน่อยนะครับ”
     คำๆ นี้อีกแล้ว ผมตั้งใจจะประท้วงทันที! แต่พี่ชัชไวกว่า เขาจับผมหันหลังแล้วควบผมแทน ใจคอจะไม่ให้ผมพักเลยรึไง!
     “เดี๋ยวครับ อ๊ะ อ๊า พี่ชัช เบาๆ ครับ ผม อื้อ สะ เสีย อ๊า
     ผมรู้สึกถึงแรงบีบจากกรงเล็บหมาป่าลามกบนสะโพกของผม พี่ชัชระห่ำมากๆ ครับ ผมคงต้องใช้คำๆ นี้ คิดว่าตัวเองเป็นคาวบอยรึไง! ขี่ผมได้โหดมาก แต่ถึงผมจะแช่งชักพี่ชัชอยู่ในใจก็ใช่ว่าปากผมจะพูดอะไรได้นะครับ ไม่ว่าง กำลังแหกปากประท้วงอยู่ครับ
     กว่า“หน่อยนึง”ของพี่ชัชจะจบลงผมก็ไม่ไหวแล้วครับ ขาสั่นไปหมดไม่มีแรงแล้ว ตอนที่พี่ชัชขยับออกไปพี่เขาก้มลงจูบเบาๆ ตรงสะโพกของผม และนั่นก็ทำให้ผมเผลอยิ้มออกมา พี่ชัชชอบจริงๆ นั่นแหละ คิดถูกจริงๆ ที่ให้ของขวัญพี่เขาแบบนั้น
     พี่ชัชล้มตัวลงมานอนข้างๆ ผม เรากลิ้งกันอยู่บนเตียง พี่ชัชตวัดผ้านวมขึ้นมาห่มเราสองคนแต่ผมคิดในใจว่าเสาร์อาทิตย์นี้ต้องซักผ้านวมอีกแล้ว เพราะพี่ชัชทำมันเปื้อน!
     “ขี่ม้าหนุกป่ะครับที่รัก”
     น้ำเสียงกวนมากอ่ะ แถมมียักคิ้วให้ผมด้วย
     “เหนื่อยตอนถูกขี่นี่แหละครับ ม้ามันดันพยศ”
     “ฮ่าๆ”
     พอโดนผมตอกกลับไปแบบนั้นพี่ชัชก็หัวเราะร่าเลย เป็นผู้ชายที่หัวเราะได้เสียงดังมากครับ พี่ชัชจูบที่หน้าผากผมเบาๆ ผมชอบนะเวลาที่พี่ชัชอ่อนโยนกับผมแบบนี้ มันทำให้ผมลืมช่วงเวลาเลวร้ายพวกนั้นไปเลย ว่าแล้วก็ขอซุกอีกหน่อยละกันครับ
     พอผมขยับตัวเข้าไปซุกพี่ชัชก็กอดผมทันที
     “ไร? เหนื่อยแล้วเหรอ? พึ่งรอบเดียวเองนะ ไหนๆ พรุ่งนี้ก็ว่างไม่ใช่เหรอ?”
     “พักก่อนเถอะครับผมไม่ไหวแล้ว พี่ชัชเองก็เถอะ ไม่ตื่นภายในสิบยี่สิบนาทีนี้หรอกครับ”
     “โห! ดูถูกอ่ะ”
     “ก็พี่ชัชแก่แล้ว”
     “เดี๋ยวได้รู้แน่ไอ้ต้นว่าพี่แก่ไม่แก่ จะเอาให้ร้องไม่ออกเลย มานี่!”
     “ฮ่าๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#21/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน3
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 21-10-2014 04:04:13
ชัยชัช

     ไอ้ต้นปากเสียเอ้ย ชอบยั่วผมจริงๆ เลย ถึงผมจะแก่แต่ผมก็ยังเตะปี้ปไอ้ต้นไหวอยู่นะครับ แถมแรงดีกว่าเด็กอย่างมันซะด้วย ก็แหงละครับ อย่างมันจะมาเทียบชั้นกับผมได้ยังไง๊ ประสบการณ์มันต่างกันครับ ผมฝึกมาตั้งแต่มันยังไม่เกิดเลยมั้ง ฮ่าๆ
     สะใจเลยละสิ หึๆ ผมจัดน้ำทิพย์ให้มันได้กินตั้งสามแก้ว หลับสบายถึงบ่ายเลยครับ
     ผมชอบสุดๆ ตอนที่เห็นสีหน้าไอ้ต้นเวลามันทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ยิ่งเวลาเห็นมันกัดเม้มปาก เวลาที่มันหลุดเสียงร้องออกมา หรือแม้แต่เวลาที่มันทำหน้าอายๆ ตอนที่มันเขินจนหลบสายตาผมนี่แหละสุดยอด
     เพราะต่อให้เขินยังไงมันก็หนีผมไปไหนไม่ได้เนื่องจากตัวติดกันอยู่ สะใจครับ เมียผมน่ารักน่ามอง
     แล้วตอนนี้ ภาพที่มันกำลังหลับซุกอยู่ในอ้อมกอดผมก็โคตรจะน่ารักเลย ต้นมันไม่รู้ตัวหรอกว่ามันน่ารักขนาดไหน
     ไม่ได้เห็นหน้าแฟนตั้งนานพอได้กลับมาเห็นได้นอนกอดกันแบบนี้แล้วมีความสุขชิบหายเลยครับ ครั้งนึงผมเคยเกือบจะเสียต้นไป พอได้มานอนกอดมันแบบนี้ทำให้รู้เลยว่าตัวเองคงขาดมันไม่ได้ ทุกวันนี้ใช่ว่ามีแต่ไอ้ต้นที่กลัว ผมเองก็กลัว กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมันอีก ผมได้แต่สัญญากับตัวเองไว้ว่าผมจะดูแลมันให้ดีที่สุด
     ว่าแต่เมื่อคืนผมรุนแรงไปป่าวหว่า? ไอ้ต้นหลับเป็นตายเลย ปกติมันมักตื่นก่อนผม สงสัยมันคงเหนื่อยจริงๆ ถึงได้หลับยาวขนาดนี้
     ว่าแล้วก็ขอพี่หากำไรหน่อยนะครับที่รัก แก้มไอ้ต้นยังหอมอยู่เลยวุ๊ย!
     นอนมองหน้าเมียเล่น ทั้งกอดทั้งหอมมันจนเพลิน หืม? สงสัยแฟนผมจะเครียดมาก ผมก็พอรู้อยู่นะว่าต้นมันเรียนหนัก ขึ้นปีสองแล้วคงเหนื่อยกว่าเดิมเยอะ ดูดิเมียผมสิวขึ้นด้วยอ่ะ! ปกติต้นมันหน้าใสจะตาย นี่มีสิวผุดมาตรงหน้าผากด้วยตั้งสองเม็ด ถึงจะเป็นสิวเม็ดเล็กๆ ก็เหอะ ผิดกับผมอ่ะ ผมกับสิวงี้ของคู่กันเลย
     แต่เพราะงานของผมก็เลยต้องรักษาหนังหน้าตัวเองนิดนึงครับ แต่ก็ในระดับแค่ไม่ให้มันน่าเกลียดนะ ผมไม่ได้ซีเรียสถึงขนาดต้องหน้าใสไร้สิวรูขุมขนเล็กอะไรขนาดนั้นหรอก แต่แก้มเมียผมนี่ดิผิวดีมาก ได้แม่มันมาเต็มๆ เลย
     ผมจิ้มแก้มมันเล่นเพราะความหมั่นเขี้ยว
     “อื้มม
     เวรละ! ผมเผลอกวนมันรึเปล่าเนี่ย? มือผมคงซนไปนิด ใครใช้ให้แก้มเมียผมใสขนาดนี้ละครับ ผมก็ลูบเพลินดิ
     ผมนึกถึงครั้งแรกที่เราเจอกันทันที ตอนนั้นมันก็ครางออกมาแบบนี้แหละ แต่ตอนนั้นผมโคตรเหวอกับชีวิตอ่ะ เลยไม่ได้ใส่ใจ แต่ตอนนี้ยิ่งได้ฟังยิ่งติดใจครับ แทบอยากอัดเก็บไว้ฟังเล่น
     เวลาที่ไอ้ต้นใกล้ตื่นหรือรู้สึกตัวมันมักจะครางแบบนี้แหละครับ ครางเสียงหวานๆ เบาๆ ลากยาวหน่อยๆ เสียงแบบนี้หาฟังตอนอื่นไม่ได้หรอกนะครับ โคตรเซ็กซี่อ่ะเวลามันครางแบบไม่รู้ตัวอย่างนี้
     ส่วนตอนนั้นน่ะเหรอครับ คุณไม่ได้ยินเหรอไง? เสียงแหกปากร้องกระท่อนกระแทนไม่เป็นภาษาพวกนั้นอ่ะ ฮ่าๆ
     เวลาแบบนั้นต้นมันทำอยู่แค่สองแบบเท่านั้นแหละครับ ไม่มีหรอกแบบหวานๆ ถ้ามันไม่หลุดเสียงร้องอิ๊อ๊ะออกมาสั้นๆ เพราะคุมตัวเองไม่อยู่ก็แหกปากบรรลัยอ่ะครับ ต้นร้องดังมาก นี่ดีนะห้องแม่งเก็บเสียง ไม่งั้นอายชาวบ้านชิบหาย!
     ถ้าอยากเห็นไอ้ต้นตอนหวานๆ ต้องตอนที่มันไม่รู้ตัวเท่านั้นแหละครับ มันหวานเสมอเวลาที่ไม่ได้ระวังตัวแจหรือลืมตั้งกำแพงอารมณ์ นอกนั้นมันชอบเก๊กทำหน้านิ่งๆ ตลอดเวลา
     แต่เวลาที่มีอะไรกันแล้วมันปลดปล่อยออกมาก็เต็มที่ดีนะครับ สะใจผมดี มีแต่ผมคนเดียวอ่ะที่ทำให้มันแสดงออกมาได้ไม่มีกั๊กแบบนั้น เพราะถ้ากับคนไม่สนิทต้นมันไม่แสดงออกครับ แต่ถ้ามันสนิทแล้วมันร้ายใช่เล่น ไม่เชื่อถามน้องเมษก็ได้ รายนั้นปะทะฝีปากกับไอ้ต้นบ่อยๆ มีหลายครั้งด้วยที่แพ้ ฮ่าๆ
     พูดแล้วก็นึกถึงตอนวันเกิดผมที่ผ่านไปไม่กี่เดือนก่อน ต้นแม่งโคตรยั่วอ่ะ! ปกติผมจะเห็นแต่ตอนที่ไอ้ต้นมันเรียบร้อยหรือตอนที่มันปากจัดกัดผมแรงๆ แล้วก็เวลาที่มันเขินเพราะโดนผมเอาคืน แต่วันนั้นไอ้ต้นแม่ง... ผมแทบจะร้องไห้ด้วยความเสียดาย อยากอัดวีดีโอเก็บไว้ดูมากๆ เอ้ย! ไม่ใช่ดิ สมัยนี้มันต้องอัดคลิป
     คุณรู้มั้ยว่าต้นมันให้ของขวัญวันเกิดผมเป็นอะไร? ต้นมันสักครับ ผมเองยังอึ้งเลย ต้นเนี่ยนะสัก!
     แล้วลองทายดูสิครับว่าต้นมันสักตรงไหน? ต้นมันสักตรงเนินสะโพกด้านหลังอ่ะครับ แถวๆ ก้นกบอ่ะ มันสักเป็นตัว C กับ T แบบอาร์ทๆ หน่อยเกี่ยวกันไว้ในรูปหัวใจแล้วก็มีปีกสยายออกมา โคตรเซ็กซี่อ่ะ!
     วันเกิดผมที่ฉลองด้วยกันเป็นปีแรกผมได้ตัวไอ้ต้นด้วยความเต็มใจของมัน วันเกิดผมครั้งที่สองที่ได้ฉลองกับมัน ต้นแสดงให้ผมรู้ว่ามันยอมเป็นของผมโดยสมบรูณ์ โคตรฟินเลยครับ
     วันนั้นผมทำงานกลับดึกผิดแผนนิดหน่อย เพราะช่วงนั้นผมกำลังยุ่งๆ เรื่องงาน ตอนแรกยังคิดอยู่เลยครับว่าจะแก้ตัวกับไอ้ต้นยังไงดี เพราะอุตส่าห์สัญญากับมันไว้แล้วว่าจะกลับมากินเค้กฝีมือมันฉลองกันที่คอนโดสองต่อสอง แต่ดันยุ่งซะจนผิดแผนกลับมาดึกดื่นเที่ยงคืน ถึงจะโทรบอกมันแล้วก็เถอะ แต่ยังไงก็ยังเกรงใจมันอยู่ดีครับ
     แต่พอผมกลับมาถึง แบบว่าไอ้ต้นมันไม่ว่าซักคำ ยิ้มให้ผมตามปกติ เอาของไปเก็บให้ผม ไล่ผมไปอาบน้ำจะได้ออกมาทานข้าว แต่ผมไม่หิวเท่าไหร่เราสองคนก็เลยนั่งจุดเทียนเป่าเค้กฉลองกันแบบง่ายๆ ตอนแรกผมก็นึกว่าผมโดนไอ้ต้นโกรธซะแล้ว ดูมันเกร็งๆ แถมตีสีหน้านิ่งๆ ผิดปกติ ผมก็เลยง้อๆ มันนิดหน่อย แล้วก็กะว่าจะง้อมันด้วยวิธีสามัญประจำบ้านนั่นแหละ
     แต่ที่ไหนได้ ไอ้ต้นมันดันพูดขึ้นว่า “ผมยังไม่ได้ให้ของขวัญพี่ชัชเลยครับ” แล้วมันก็เดินไปเปิดไฟซะสว่างโร่ ท่าทางมันดูอายๆ แต่อยู่ๆ มันก็ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้ามันออกต่อหน้าผม ถอดทีละชิ้นแล้วค่อยๆ เดินมาหาผมนั่นแหละครับ ท่าตอนมันเดินไปแกะกระดุมไปทีละเม็ดๆ แม่ง... โคตรยั่วอ่ะ! ผมพร้อมรบตั้งแต่มันยังเดินมาไม่ถึงตัวผมแล้วครับ
     ไอ้ผมก็นึกว่ามันจะเซอร์วิสผมซะอีก ที่ไหนได้ มันค่อยๆ เดินมานั่งตักผมแล้วก็หันหลังโชว์สะโพกให้แล้วถามผมว่า “ชอบรึเปล่าครับ?” ยังต้องถามอีกเหรอครับว่าผมชอบรึเปล่า? ฟ้าเหลืองอ่ะคืนนั้น! ท่าตอนไอ้ต้นมันค่อยๆ เดินมานั่งตักผมนี่ ยั่วชิบหาย! แต่สายตามันที่แบบว่าถึงจะอายๆ แต่ก็ตั้งใจยั่วผมเต็มที่นี่ดิที่เด็ดที่สุด!
     ตอนหลังผมถามมันว่าคิดยังไงมันก็บอกผมว่าเพราะมันจดทะเบียนกับผมไม่ได้มันเลยไปสักมาซะเลย แถมยังขู่ผมอีกนะครับว่า “พี่ชัชได้ผมแล้ว ห้ามทิ้งนะ” ผมนี่แบบว่าโคตรปลื้มครับ เอ็นดูมันสุดๆ อ่ะอุตส่าห์อ้อนกันแบบนี้ แฟนผมน่ารักสุดๆ ไปเลย มันยอมให้ผมแสดงความเป็นเจ้าของมันถึงขนาดนี้เชียวน้า
     มันเล่าให้ฟังว่ามันให้น้องเมษไปดูร้านสักเป็นเพื่อนมันเพราะมันยังกลัวๆ อยู่ พอได้ร้านที่ดูน่าเชื่อถือแล้วมันก็คุยเลือกลายเองเลือกตำแหน่งที่จะสักเอง เล่นเอาน้องเมษเหวออ่ะ เพราะตอนแรกที่น้องเมษได้ยินว่าไอ้ต้นจะสักน้องเมษยังตกใจเลยครับ ยิ่งพอไปด้วยกันแล้วช่างยังนึกว่าคนที่จะสักคือน้องเมษเลย ใครจะไปคิดว่าหนุ่มเนิร์ดเรียบๆ แบบไอ้ต้นจะเป็นลูกค้า แถมยังสักตรงนั้นด้วย
     ซึ่งน้องเมษแอบมากระซิบให้ผมฟังตอนหลังว่าไอ้ต้นได้เบอร์ช่างมาด้วย มีช่างอยากลงเข็มไอ้ต้นเพียบ! ผมฟังแล้วแบบว่าแอบเคืองอ่ะ ถึงผมจะชอบรอยสักที่มันทำมาเพื่อผมก็เถอะ แต่พอคิดในใจว่ามันไปถลกกางเกงนอนให้คนอื่นสักมาแบบนั้นแล้วมันก็แอบจี๊ดนิดๆ นะ ผมหวงของๆ ผม!
     แต่พอผมเลียบๆ เคียงๆ ถามว่าเขาสักกันยังไง แล้วต้นมันต้องทำไรบ้าง ต้นมันก็หัวเราะใหญ่เลย มันรู้ทันผม มันบอกว่าแค่ปลดกางเกงให้ร่นลงไปแล้วก็นอนคว่ำไม่ได้ถอดอะไรมากมายเพราะตำแหน่งของรอยสักค่อนข้างสูง ถ้าต้นใส่กางเกงเอวต่ำนี่เห็นลายหมดเลยครับ แต่ถ้าใส่กางเกงตามปกติก็จะมีแพลมๆ ออกมานิดหน่อย
     ผมก็ถามมันนะว่าไม่เขินเหรอ ดันสักซะชัดเลย “CT” เผื่อมีคนอื่นเห็นมันจะตอบไปว่าไง มันก็บอกว่ามันไม่อายเพราะมันไม่ได้ไปแก้ผ้าโชว์รอยสักให้ใครเห็น มีแต่ผมคนเดียวนี่แหละที่จะมีโอกาสได้เห็น มันเลยไม่จำเป็นต้องไปตอบอะไรใคร แต่หลังจากนั้นผมสังเกตว่าถ้าไม่ใช่ไปกับผมหรือว่ายน้ำที่สระในคอนโดต้นมันไม่ลงสระอีกเลยครับ ฮ่าๆ น่ารักมั้ยล่ะเมียผม
     อ้าว! ไอ้ต้นรู้สึกตัวแล้วนี่หว่า นอนเมาขี้ตามองหน้าผมใหญ่เลย ขอลงโทษมันซักทีดิ โทษฐานน่ารักเกิน!
     “พี่ชัช... กี่โมงแล้วครับ?”
     ตื่นมาก็ถามเวลาเลยนะ มันไม่คิดจะอรุณสวัสดิ์ทักทายผัวให้ชื่นใจหน่อยเลยรึไงครับ ถึงนี่จะบ่ายแล้วก็เถอะ
     “บ่ายกว่าๆ แล้ว”
     มันนอนทำตาปริบๆ สองสามทีแล้วก็ทำท่าจะขยับตัวลุกขึ้นครับ
     “โอ๊ย!...
     พอต้นมันขยับลุกก็หลุดครางออกมาเลยครับ ผมเห็นมันซี๊ดปากใหญ่เลย
     “เจ็บมากป่าว? พี่ขอโทษ”
     ผมแอบต่อในใจตัวเองว่า “เมื่อคืนพี่มันไปหน่อย” แต่ไม่กล้าพูดออกไปหรอกนะครับ กลัวไอ้ต้นมันหันมาตบเอา
     “ไม่เป็นไรมากหรอกครับ”
     มันหันมายิ้มให้ผมพลางปฏิเสธ เอาตำแหน่งเมียดีเด่นไปเลยไอ้น้องเอ้ย!
     “ไหวมั้ย? นอนต่อก็ได้นะ”
     “ละพี่ชัชไม่หิวเหรอครับ ปล่อยผมนอนตั้งนาน ปลุกผมก็ได้”
     “ไม่อ่ะ เมื่อคืนพี่อิ่มละ หึๆ”
     “บ้า!”
     มันว่าแบบนั้นแล้วก็ลุกขึ้นด้วยสปิริตทันทีครับ ไอ้ต้นนี่มันรักศักดิ์ศรียิ่งชีพอ่ะ เจ้าทิฐิเป็นที่หนึ่ง อย่าเผลอทำมันเคืองเชียวนะครับ ง้อยาก ฮ่าๆ
     “ถ้าอิ่มขนาดนั้นก็ไปเตรียมอาหารเย็นให้ผมเลยครับ ผมเหนื่อย ผมจะไปอาบน้ำรอ”
     “ไม่เอา จะช่วยเมียอาบน้ำก่อน กลัวเมียล้มในห้องน้ำเพราะหมดแรง ฮ่าๆ”
     และแล้วผมก็ได้กินลูกแกะเนื้อหวานๆ อีกหนึ่งรอบในห้องน้ำ แกะมันอร่อยจริงๆ นะครับ กินแล้วติดใจอยากกินอีกทุกทีเลยสิน่า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


หายไปนานหลายอาทิตย์เพราะเอารถไปแหกมา ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่น้า รักคนอ่านทุกคนจ้า ต่อไปนี้จะพยายามขยันๆ อัพรัวๆ เน้อ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#21/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน3
เริ่มหัวข้อโดย: done_dirt_cheap ที่ 21-10-2014 08:43:38
 :katai2-1:
:3123:
เป็นกำลังใจให้น๊า
รออ่านต่อ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#21/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน4
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 21-10-2014 15:05:55
ชีวิตของเด็กเลี้ยงแกะ&หมาป่า

ต้นน้ำ

     วันนี้วันเสาร์ครับ วันเสาร์อาทิตย์สำหรับทุกคนคือวันอะไรครับ? ใช่วันพักผ่อนรึเปล่า? แต่สำหรับผมมันคือวันสะสางงานบ้านครับ
     เช้าวันนี้ผมลุกขึ้นตื่นแบบเซ็งๆ เพราะบรรดาลิสงานบ้านในหัวผม รายการที่ผมต้องทำยาวเป็นหางว่าว เริ่มตั้งแต่ซักรีดเสื้อผ้าประจำอาทิตย์แล้วไหนจะยังเสื้อผ้าใช้แล้วที่หมกอยู่ในกระเป๋าเดินทางของพี่ชัชอีก พวกผ้าปูผ้าห่มปลอกหมอนก็ด้วย แล้วยังจะต้องทำความสะอาดบ้านอีกต่างหาก ผมมักจะทำความสะอาดบ้านอาทิตย์ละครั้ง แต่ก่อนหน้านั้นบางทีมันก็มีเหตุให้ต้องเก็บกวาดกันนอกรอบอยู่บ่อยๆ
     เพราะพี่ชัชน่ะแหละ ชอบทำเลอะเทอะ...
     ไม่รู้ผมควรจะดีใจที่พี่ชัชไม่รังเกียจผมหรือควรจะเหนื่อยหน่ายใจในความซกมกของพี่ชัชดี พี่ชัช... ชอบ ชอบ ...
     พี่ชัชหื่นทุกสถานการณ์ครับ ต่อให้หาถุงยางไม่เจอหรือผมยังไม่ได้ทำความสะอาดตัวเองพี่ชัชก็ไม่เคยรังเกียจ เรียกว่าพอพี่ชัชมีอารมณ์อะไรๆ ก็ไม่สนดีกว่า
     แต่ผมน่ะลำบากนะครับ ใช่ว่าผมหมดอารมณ์หรือเกิดไม่มั่นใจขึ้นมา คือ... แรกๆ ผมก็กังวลนะ อาย แล้วก็ไม่มั่นใจ แต่เพราะคำพูดของพี่ชัชที่เคยบอกผมว่า “พี่ไม่รังเกียจของๆ เมียพี่หรอก ต่อให้ต้นไม่สบายต้องนอนเป็นผักอยู่บนเตียงตลอดเวลา พี่ก็จะดูแลทำทุกอย่างให้ต้นเหมือนกันนั่นแหละ แล้วแค่นี้ต้นจะอายพี่ทำไม”
     หลังๆ มันก็ชินขึ้นครับ ก็อยู่ด้วยกันมาเป็นปีผมเลิกเขินไปตั้งนานแล้วครับ เลยออกแนวเซ็งๆ มากกว่าเพราะสุดท้ายคนที่ต้องทำความสะอาดมันก็ผมนี่แหละ! เพราะถ้าผมไม่ได้เตรียมตัวเองไว้ก่อน มันก็... เลอะทุกทีนั่นแหละครับ มันก็เลยต้องมีเบรคๆ พี่ชัชไว้บ้าง
     เพราะงั้นไม่ใช่ว่าผมไม่ยอมร่วมมือกับพี่ชัชทำการบ้านนะครับ คือ... แค่อยากให้พี่ชัชเลือกเวลาซักหน่อย บางทีผมไม่ได้เตรียมพร้อมตัวเองนี่นา แต่ก็อย่างว่าแหละครับ พี่ชัชเคยฟังผมซะที่ไหน ลองอยากได้อะไรขึ้นมาก็... ได้หมดนั่นแหละครับ หมาป่าเจ้าเล่ห์มีวิธีร้อยแปดที่จะหลอกลูกแกะอย่างผม แต่ผมก็รับมือด้วยการพยายามเตรียมตัวเองให้สะอาด อย่างน้อยตอนอาบน้ำหรือเข้าห้องน้ำนั่นแหละครับ ก็ทำซะ ใครจะรู้ว่าแฟนผมจะหื่นขึ้นมาตอนไหน
     แล้วตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่น่ะเหรอครับ? เวลาบ่ายสามหลังจากการซักผ้ากองโตเสร็จผมก็หันมาวุ่นกับการถูบ้านครับ โดยมีขยะกองใหญ่อยู่หนึ่งกองกำลังนอนอืดอยู่บนโซฟาเกะกะการทำงานของผมพร้อมกับเบียร์กระป๋องที่วางกองไว้บนโต๊ะรับแขกทั้งที่ยังดื่มไม่หมดและกระป๋องที่ดื่มหมดแล้ว นอกจากนี้ยังมีซากถุงขนมถุงเล็กๆ ที่ซื้อมาจากญี่ปุ่นกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ แถมยังมีถุงที่ทานหมดแล้วแต่ไม่ยอมเอาไปทิ้งถังขยะตกลงมาบนพื้น ผมพยายามนับหนึ่งถึงร้อย...
     “พี่ชัชครับ ผมจะถูบ้าน”
     “เออ”
     “เอาขาขึ้นหน่อยสิครับ นั่งเกะกะแบบนี้ผมถูไม่ได้ แล้วก็อย่าเอาขาพาดโต๊ะรับแขกสิครับ”
     “โหยต้น อย่าบังดิ พี่ดูมวยอยู่”
     ว่าแล้วแฟนของผมก็ขยับตัวไปนอนเอกขเนกบนโซฟาพร้อมๆ กับหยิบรีโมทโทรทัศน์กดเร่งเสียงขึ้นอีก แต่มือของพี่น่ะเปื้อนผงวาซาบิจากถั่วอยู่นะครับ!
     “พี่ชัชอ่ะ อย่าทานขนมแล้วไปหยิบจับของอย่างอื่นสิครับ มันสกปรกนะ!”
     ผมด่าพี่ชัชทันที เรื่องแบบนี้ยอมไม่ได้นะครับ พี่ชัชเหลือบตามามองผมทีนึงก่อนจะเอารีโมทไปเช็ดกับเสื้อ ผมรู้สึกว่าเส้นความอดทนผมมันกำลังจะขาด ผู้ชายอะไร สุดๆ!
     “ต้น... ยืนเท้าสะเอวกอดไม้ถูบ้านแบบนี้เหมือนอีแก่ในขายหัวเราะเลยว่ะ ฮ่าๆ”
     “พี่ชัช!”
     พอกันที! ผมไม่ทนแล้ว!
     “ผมไม่ตลกนะครับ ช่วยคิดถึงคนที่ต้องทำความสะอาดบ้างสิครับ เสื้อนั่นผมก็ต้องซัก ถุงขนมพวกนี้หมดแล้วก็ช่วยทิ้งลงถังขยะด้วยสิครับ กองไว้แล้วมันก็ปลิวตกไปทั่ว ไหนจะผงวาซาบิพวกนั้นอีก”
     “ก็พี่ยังกินไม่เสร็จ”
     เสียงพี่ชัชประท้วงขึ้นอ่อยๆ แต่ผมยังพูดไม่เสร็จครับ ยังไม่ใช่เวลาให้พี่มาแก้ตัว!
     “ไม่ต้องมาเถียงเลยครับ ผมยังบ่นไม่จบ! เบียร์นี่ก็ด้วย อย่างน้อยๆ ก็เอาที่รองแก้วมารองหน่อยสิครับ มันละลายมีหยดน้ำเปียกไปหมดแล้ว! แล้วจะกินทำไมก็ไม่รู้ วันนี้กระป๋องที่สองแล้วนะครับ!”
     “โห เป็นชุด...”
     “พี่ชัช!”
     “โธ่ที่รักคร้าบ...”
     ทันทีที่โดนผมขึ้นเสียงใส่พี่ชัชก็เดินมากอดผม แขนสองข้างของพี่ชัชรวบตัวผมเอาไว้ ส่วนปากที่กรุ่นกลิ่นเบียร์นิดๆ นั่นก็หอมแก้มผมดังฟอด คิดจะใช้ลูกอ้อนกับผมเหรอ ฝันไปเถอะ วันนี้ผมจะไม่ยอมอีกแล้วครับ!
     “ก็กินที่บ้านอ่ะ ไม่ได้ไปกินที่ไหน ดื่มนิดๆ หน่อยๆ อยู่กับบ้านเอง นะ นะ”
     “เอาแต่กินเบียร์ทุกวันๆ ลงพุงจะตายอยู่แล้วรู้ตัวมั้ยครับ”
     “เฮ่ย ย๊าง ยัง พี่ยังไม่มีพุง”
     “ไม่มีอะไรล่ะครับ ย้วยแล้ว เคยชั่งน้ำหนักตัวเองบ้างมั้ย วันก่อนก็บ่นกางในเกงคับไม่ใช่เหรอครับ ใหญ่กว่า XL หาไซส์ยากนะครับ”
     เอ่อ... ถึงผมจะพูดแบบนั้นแต่ก็ใช่ว่าแฟนผมลงพุงมากถึงขนาดต้องใช้กางเกงในไซส์ใหญ่พิเศษหรอกนะครับ คือที่พี่ชัชใส่ไซส์ XL น่ะ เพราะอย่างอื่นต่างหาก ...
     พี่ชัชเป็นผู้ชายตัวใหญ่ครับ สูงตั้งร้อยแปดสิบห้าเซ็นฯ แล้วก็โครงร่างใหญ่ด้วย ถึงจะไม่ได้เล่นกล้ามจนมีกล้ามเป็นมัดๆ แต่ก็ล่ำพอสมควรไม่ใช่พวกผอมแห้ง ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าพี่ชัชจะหุ่นดีมีกล้ามมีซิกแพคชวนมองหรอกนะครับ พี่ชัชแค่ไม่ค่อยมีไขมันส่วนเกินก็เท่านั้นแหละ แต่ตอนนี้น่ะ... พุงมันเริ่มมาแล้วครับ
     “หือ ถ้าพี่จะลงพุงก็เพราะต้นนั่นแหละ ทำไงได้มีเมียดีทำกับข้าวให้พี่กินทุกวันพี่ก็อ้วนเอาอ้วนเอาดิ”
     “โห แถหน้าด้านๆ เลยนะครับ”
     ถึงจะรู้ว่าพี่ชัชแถหน้าด้านๆ แต่... ไม่รู้ทำไมผมเผลอยิ้มออกมา
     “ไม่ด้านนะ นิ่มจะตาย ดูดิๆ”
     นั่น! พี่ชัชเอาคางสากๆ มาไถแก้มผมด้วยอ่ะ ไม่ไหวแล้ว ผู้ชายคนนี้นี่มัน... ผมแพ้แล้ว
     “ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยเลยครับ เดี๋ยวเมษจะมากินข้าวเย็นด้วยแท้ๆ นี่สามโมงกว่าแล้ว”
     ผมมองพี่ชัชที่ใส่แต่เสื้อยืดกับกางเกงบอลตัวเก่าโดยไม่ใส่กางเกงในเพราะวันๆ เอาแต่นอนอืดดูมวยอยู่กับบ้านแล้วเซ็งจริงๆ ผมรักผู้ชายพรรณนี้เข้าไปได้ยังไงนะครับ?
     “คร้าบๆ”
     พี่ชัชหอมแก้มผมเบาๆ อีกทีหนึ่งก่อนจะเดินไปแต่งตัว
     ให้ตายสิ! ผมมองซากถุงขนมที่พี่ชัชทิ้งไว้กับกระป๋องเบียร์ที่ยังเหลืออีกครึ่งนึงแล้วก็เซ็ง คิดถูกหรือคิดผิดครับเนี่ยที่สมัครเป็นลูกสะใภ้บ้านพรหมโรจน์

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ผมเดินมาแต่งตัวให้เรียบร้อยตามที่ไอ้ต้นมันสั่ง ผมบอกแล้วเวลาไอ้ต้นมันโมโหโคตรน่ากลัวอ่ะ เป็นชุดเลย ระดับความขี้บ่นมันนี่แม้แต่ฟ่างยังแพ้ อย่างดีฟ่างก็แค่ “ชัชอ่ะ” แล้วก็ใช้จริตอ้อนๆ ดึงแขนผมให้ลุกไปทำทุกอย่างตามที่เธออยากให้ผมทำ แต่ไอ้ต้นไม่มีอ่ะ มันสั่งครับ ลองผมไม่ทำตามที่มันบอกดิ บ้านแตก!
     แต่ก็ใช่ว่าผมรำคาญมันหรือเบื่อไรหรอกนะครับ แค่บางทีก็ชอบแกล้งมันนิดๆ หน่อยๆ เวลาเห็นไอ้ต้นของขึ้นแบบนี้แล้วมันขำดีอ่ะ ต้นมันไม่รู้ตัวแต่ผมอ่ะรู้สึกได้ เพราะรู้สึกได้ผมก็เลยชอบแกล้งต้นมัน เห็นเมียตัวเองบ่นแบบนั้นแล้วมันจั๊กกะจี้หัวใจดีครับ
     วันนี้น้องเมษเพื่อนสนิทไอ้ต้นจะมาทานข้าวเย็นด้วยกัน ผมไม่ได้เจอน้องเค้านานแล้วเหมือนกัน ว่าแล้วก็เลือกเสื้อผ้าที่มันดูดีหน่อยดีกว่า ผมยังอยากรักษาภาพลักษณ์ตัวเองต่อหน้าเด็กมัน ไหนๆ ก็ร้อนขนาดนี้ละ ขอผมอาบน้ำเลยดีกว่า
     ตอนที่ผมเดินออกมาจากห้องไอ้ต้นมันก็ถูบ้านเสร็จแล้ว มันกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ครับ ไม่รู้ใครโทรมาเมียผมยิ้มด้วยอ่ะ! พอมันหันมาเห็นผมมันแอบมีหลบตานิดหน่อยแล้วก็เดินไปคุยต่อทางอื่น ผมว่ามันชักแหม่งๆ แล้วนะ ถึงนิสัยไอ้ต้นไม่ชอบให้ใครเสือกเรื่องของมันแต่ไอ้การคุยไปยิ้มไปนี่ผมว่าแปลกอ่ะ ผมเดินไปนั่งดูทีวีต่อแต่ดูแทบไม่รู้เรื่องแล้วครับ
     พอต้นคุยเสร็จมันก็เดินไปเก็บผ้า มันทำเนียนเป็นยุ่งกับงานบ้านจุกจิกแล้วก็เดินหนีเข้าห้องนอนไปรีดเสื้อผ้า โอโห! เนียนเลยนะเมียกู ไม่ยอมบอกด้วยว่าเมื่อกี้ใครโทรมา มีเคืองครับ! ถึงต้นมันไม่จำเป็นต้องมานั่งรายงานผมตลอดเวลาว่ามันคุยกับใครบ้างก็เถอะ แต่หนนี้ผมระแวงอ่ะ ก็ต้นมันเล่นคุยไปยิ้มไปแบบนั้นแล้วก็เดินหนีผมด้วย
     ผมนั่งหงุดหงิดได้อีกซักแป๊ปเสียงเคาะประตูก็ดังครับ ผมลุกขึ้นไปเปิด ใช่น้องเมษจริงๆ ด้วย น้องเมษยกมือไหว้ผมแล้วก็ถือถุงของสดเดินเข้าห้อง
     “ซื้อไรมาเยอะแยะเนี่ย?”
     “ก็นังต้นมันน่ะแหละค่ะสั่งมา บอกวันนี้จะให้หนูทำผัดผังบุ้งไฟแดงให้ แล้วมันก็อยากกินหลนปูม้าสูตรแม่หนู”
     “หือ ลาภปากพี่ดิ”
     “อ๊ะๆ ถ้าพี่ชัชอยากกินต้องมีของมาแลกนะคะ”
     “เออๆ รู้แล้ว พี่ซื้อมาให้เราหมดนั่นแหละ ตามที่สั่ง”
     ผมเดินหัวเราะในความงกของน้องเมษ ใช่เลยครับ ไอ้ของฝากที่มันกินพื้นที่ส่วนมากในกระเป๋าผมนี่ก็ใบสั่งจากเพื่อนเมียผมคนนี้แหละ แต่ก็เอาเถอะครับ ไม่ได้ลำบากอะไรมาก
     “เดี๋ยวพี่ไปเรียกต้นให้ มันรีดผ้าอยู่”
     “ค่า”
     น้องเมษมาห้องผมบ่อยจนชินแล้ว เธอเลยสบายๆ Make yourself at home สุดฤทธิ์อ่ะ ผมส่ายหัวให้กับน้องเมษที่เดินไปประจำตำแหน่งในครัวห้องผมอย่างเคยชิน
     “ต้น เมษมาแล้วนะ”
     ผมเดินไปเรียกต้นที่นั่งรีดผ้าอยู่ในห้องนอน มันเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะรีดผ้ามามองผม
     “มาละเหรอครับ?”
     “เออ ซื้อของมาเยอะเลย ต้นสั่งไรไว้อ่ะ?”
     “อ๋อ ของสดนิดหน่อยครับ พี่ชัชบอกเมษรอแป๊ปนึงนะครับเดี๋ยวขอผมรีดอีกสองตัว”
     เห็นแบบนี้ก็หายโกรธแล้วครับ ไอ้ต้นกำลังนั่งเหงื่อไหลรีดเสื้อเชิ้ตให้ผมอยู่ ไหนจะยังชุดนิสิตมันอีก สงสารมันเหมือนกันนะ บอกให้จ้างเขาทำก็ไม่ยอมบอกจะทำเอง แต่ความรู้สึกผมมันก็อิ่มใจกว่าจริงๆ นั่นแหละ เห็นมันทุ่มเททำให้ผมถึงขนาดนี้ รักต้นสุดๆ ไปเลยครับ
     ต้นกับเมษช่วยกันทำอาหารเย็นโดยมีผมนั่งดูทีวีรอกินอย่างเดียวครับ หน้าที่ในครัวปล่อยให้พวกผู้หญิงเขาทำกันไป
     เอ้ย... นี่ผมหลุดปากอะไรไปรึเปล่าครับ?
     ก็น้องเมษน่ะ ถึงจะเกิดมาเป็นผู้ชายแต่ใจรักอยากจะเป็นผู้หญิง ไอ้หน้าอกที่ไปทำมานี่ก็มาขอคำแนะนำจากผมแหละครับ ผมเองก็เลยช่วยๆ แนะนำหมอให้ เพราะพวกผู้แทนอย่างผมรู้ดีกันอยู่แล้วว่าหมอที่ไหนเป็นยังไง ถูกใจเด็กมันครับ ออกมาสวยใช่เล่นเพราะเดิมทีน้องเขาก็ดูแลตัวเองดีอยู่แล้ว ดูน้องเขามั่นใจขึ้นอีกเยอะ ปีก่อนโน้นยังใส่ขาสั้นหัวเกรียนเป็นเพื่อนไอ้ต้นมันอยู่เลย ปีนี้มีนมแต่งหญิงใส่แซกสั้นไว้ผมยาวแบบว่าสวยโคตร น้องๆ พริตตี้มอเตอร์โชว์เลยครับ
     แต่ก็ยังไม่ได้เฉาะหรอกครับ จะเฉาะทีก็ใช้เงินมากเหมือนกัน แล้วก็ต้องปรึกษาหมออีกเยอะ ไหนจะยังเรื่องผู้ปกครองอีก ผมว่าน้องเมษโชคดีมากๆ เลยนะที่บ้านเขายอมรับแถมยังช่วยสนับสนุนลูกตัวเองอีก ตอนนี้ปัญหาก็เหลือแต่เรื่องเงินนั่นแหละครับ น้องเมษเลยขยันทำงานพิเศษเยอะเลย ถึงจะเป็นงานกลางคืนเสี่ยงหน่อยๆ แต่น้องเมษนี่ซิงกว่าไอ้ต้นมันอีกครับ ก็ต้นมันโดนผมเปิดจนไม่เหลือแล้วอ่ะ
     แต่พอมองไปมองมาแบบนี้แล้ว... ก้นเมียผมสวยกว่าจริงๆ นั่นแหละ ไอ้ต้นมันเป็นผู้ชายที่มีก้นครับ สะโพกมันก็สวย ได้พี่น้ำแม่มันมาเต็มๆ ถึงเอวจะไม่คอดมากแต่ไหล่มันก็ไม่กว้างเท่าผู้ชายทั่วไป แต่ไม่ได้ดูบอบบางปลิวลมเทือกนั้น รับรองว่าถอดเสื้อออกมาเมียผมไม่ใช่พวกขี้ก้างแน่ๆ มองไปมองมาชักเริ่มมีอารมณ์ละสิครับ เหอๆ
     ไอ้ต้นมันนุ้งนิ้งๆ กับน้องเมษใหญ่เลย จะว่าไปคนที่สอนให้ไอ้ต้นมันหัดทำอาหารไทยได้เก่งขึ้นก็น้องเมษนี่แหละครับ เมื่อก่อนไอ้ต้นมันทำเป็นแต่พวกอาหารฝรั่งของง่ายๆ จำพวก สลัด สปาเก็ตตี้ เสต็ก ข้าวผัด ของทอด ของต้มอ่ะ แต่เดี๋ยวนี้ถ้าผมบอกอยากกินก๋วยเตี๋ยวราดหน้า มันตั้งกระทะทำให้ผมได้ทันทีอ่ะ อานิสงส์เพื่อนเมียแท้ๆ คงเพราะว่าบ้านน้องเมษเป็นร้านอาหารตามสั่งมั้งครับ แต่รับทำออกงานด้วย รสดีใช้ได้ ผมเคยสั่งข้าวกล่องไปเลี้ยงหมอบ้างบางครั้ง แม่น้องเมษเก่งมากทำอาหารไทยได้หลายอย่างเลยครับ ถูกปากผมด้วย
     ไม่นานสองสาวเขาก็ทำข้าวเย็นเสร็จครับ ... นี่ผมเผลออีกแล้วใช่มั้ย? ผมรู้นะว่าต้นมันเป็นผู้ชาย แต่... ไม่รู้ทำไมผมไม่รู้สึกว่าต้นแตกต่างอะไรกับผู้หญิงที่ผมเคยคบๆ มาเลย ยกเว้นเรื่องร่างกายนะครับ
     ต้นมันมีความเป็นผู้หญิงสูงมากจริงๆ นะ ถ้าไม่มองที่ร่างกายมันแล้วละก็ผมเห็นต้นเป็นผู้หญิงจริงๆ แต่ต้นมันไม่รู้ตัวหรอกครับ มันบอกผมอยู่เสมอๆ ว่ามันไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง มันไม่ได้อยากเป็นเหมือนน้องเมษ มันพอใจกับสภาพนี้ของมัน แต่ผมน่ะรู้สึกว่ามัน... ผมว่าผมมีเมียเป็นตุ๊ดว่ะ
     เอาเหอะ ตามใจเมีย! เมียผมว่าไงก็ว่าตามกันครับ ไอ้ต้นจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายผมก็รักมัน ไปสวรรค์กับมันได้ก็พอใจแล้วครับ!
     มื้อนี้น้องเมษจัดเต็ม อาหารเต็มโต๊ะน่ากินทั้งนั้น ตอบแทนของฝากที่ผมขนมาให้ เครื่องสำอางทั้งหลายที่เธอฝากมา เอาไปปล่อยขายต่อเพื่อนละสิน้อง พี่รู้ทันนะเว้ย ฮ่าๆ แต่ไม่เป็นไรครับผมไม่ถือของไม่กี่พัน เพราะเมษเองก็มีบุญคุณกับผมและต้นมิใช่น้อย ถ้าไม่มีน้องเมษป่านนี้ผมก็คงไม่ได้กอดต้นมันแล้ว
     “มีไรให้พี่กินมั่งเนี่ย หิวแล้ว”
     ผมเดินไปประจำที่นั่งรอส่วย หอมโคตรๆ เลยครับ น้องเมษกำลังวางอาหารแต่ละจานลงบนโต๊ะ ส่วนต้นก็กำลังจัดจานชามช้อมส้อมกับตักข้าวเสิร์ฟให้ผมอยู่
     “แหม ใจเย็นสิคะคุณพี่ ต้นมันยังตักข้าวไม่เสร็จเลยนะคะ”
     “คร้าบๆ”
     ผมนั่งรับคำยิ้มๆ รอกินอย่างสงบครับ สบายจริงๆ มีเมียดี เพื่อนเมียก็น่ารัก แถมกินแล้วไม่ต้องเก็บ ฮ่าๆ ชีวิตสุขีครับ มีไอ้ต้นอยู่ด้วยสบายทุกอย่างยกเว้นประสาทหู แต่นานๆ ไปเดี๋ยวก็ชิน ผมฝึกวิชาเข้าหูซ้ายทะลุหูขวามาตั้งแต่เด็กแล้วครับ แม่ผมเวลาเม้งแตกนี่โหดกว่าไอ้ต้นอีก
     อาหารอร่อยมาก ถึงผมจะไม่ค่อยชอบพวกกะทิแต่ไอ้ต้นชอบมาก แต่ก็มีเมนูสำหรับผมด้วยนะ ผัดผักบุ้งไฟแดง ผัดหอยลาย แล้วก็ซีฟู้ดนึ่งกับน้ำจิ้มแซ่บๆ อ่ะ บอกแล้วมื้อนี้น้องเมษจัดเต็ม ฮ่าๆ ผมโคตรขำท่าโขลกพริกกระเทียมทำน้ำจิ้มของน้องเมษชะมัดเลย แม่งนั่งพับเพียบด้วยอ่ะ เสียงโขลกดังกังวานจังหวะแน่นๆ แต่ละสากตำเน้นๆ สมเป็นกุลสตรีมากครับ
     ด้วยความที่ผมไม่ต้องแกะเองปากผมก็เลยว่างเพราะรอสัมปทานซีฟู้ดจากเมียอยู่ ไอ้ผมก็เลยขอแซวซะหน่อย
     “แหม ทั้งสวยทั้งมีเสน่ห์ปลายจวักขนาดนี้ ผู้ชายที่มหาลัยไม่รุมจีบน้องเมษแย่เหรอครับ”
     นั่นๆ ไอ้ต้นเหลือบมามองผมตาเขียวเชียว นี่ดีนะมันรู้ว่าผมแซวเล่นเฉยๆ เลยไม่ออกอาการมาก ใครบอกว่าผมขี้หึง ถ้าผมขี้หึงไอ้ต้นก็โคตรขี้ระแวงอ่ะ
     “แหม คุณพี่ขา พวกมันรู้ว่าหนูเป็นตุ๊ดหมดแล้วใครมันจะมาจีบละคะ เห็นกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง”
     “อ้าว แต่ตอนนี้เราสวยจะตาย ไม่มีใครมาจีบบ้างเหรอ?”
     “ถึงหนูจะสวยแต่หนูก็ยังมีอะไรๆ เหมือนพวกมันอยู่นะคะ ไอ้ที่มาก็มีแต่พวกอยากกินฟรี อยากลองของแปลก ไม่มีใครคิดจริงจังกับหนูหรอกค่ะ”
     “หืม น้องเมษนี่รักนวลสงวนตัวกว่าที่พี่คิดนะเนี่ย”
     “เอ้า! จะด่าว่าหนูแรดเหรอไงค้าคุณพี่ก็ แหม ถึงหนูจะแรดแต่ก็ไม่ร่านนะคะ!”
     น้องเมษงอนกระแทกเสียงใส่ผมหน้ามุ่ยเชียว นั่นๆ เมียผมขว้างค้อนแถมมาให้ด้วย รักกันจริงๆ สองคนนี้
     โอ้ย! ไอ้ต้นแม่งเอาเนื้อปูยัดใส่ปากผมอ่ะ!
     “ปากว่างมากนักก็ทานไปเลยครับพี่ชัช”
     “ฮ่าๆ เอาน่าๆ พี่ก็แซวไปงั้น ดีแล้วล่ะทำตัวให้มีค่า ว่าแต่ตั้งใจจะไปจัดการให้มันเรียบร้อยเมื่อไหร่ล่ะ”
     ถึงผมจะปากเสียแต่ก็เห็นกันมานานนะครับ น้องเมษแกก็เหมือนน้องสาวคนนึงของผมเหมือนกัน ก็เลยอยากถามไถ่กันไว้บ้าง เผื่อมีไรที่ผมพอช่วยได้
     “ค่าผ่าตัดไม่ใช่น้อยๆ นะคะคุณพี่ ขอหนูทำงานเก็บเงินก่อนสิคะ”
     “ก็ได้ข่าวว่าได้เยอะแล้วไม่ใช่เหรอ ต้นเล่าให้พี่ฟังว่าเราทำงานตั้งเยอะนี่ แถมพ่อแม่เรายังสนับสนุนอีก”
     “เยอะแต่ก็ยังไม่พอหรอกค่ะ”
     น้องเมษทำหน้าเซ็งๆ ไปนิดหน่อย ผมก็เข้าใจนะ ถ้าจะผ่าตัดดีๆ ให้ออกมาเรียบร้อยจริงๆ มันจำเป็นต้องใช้เงินเยอะมากๆ รวมแล้วเกินหลักแสน บ้านน้องเขาก็ไม่ได้รวยมาก ก็คงต้องให้กำลังใจกันต่อไปแหละครับ
     “ถ้ามีไรให้พี่ช่วยอีกก็บอกละกัน แต่เราเองก็เถอะ ทำงานกลางคืนแบบนั้น ระวังตัวดีๆ นะมันอันตราย”
     “แหมคุณพี่ หนูเชียร์เบียร์นะคะ ไม่ได้ขายตัว!”
     “หือ? แต่ที่พี่รู้มาเราเต้นด้วยไม่ใช่เหรอ นั่งกับแขกอีก ไอ้ต้นมันห่วงเรานะ”
     เท่านั้นแหละน้องเมษหันไปตาเขียวใส่ไอ้ต้นมันเลย ต้นมันหน้าเหวอเลยครับ
     “นังต้น!”
     “เอ่อ... เราแค่ถามพี่เขาว่าคลับนั้นเป็นยังไง ก็เราเป็นห่วง...”
     “เอาน่าๆ อย่าทะเลาะกันเลย ไงพี่ก็อยากให้เราระวังตัวไว้หน่อยนะ สังคมทุกวันนี้มันอยู่ยาก งานแบบนั้นเสี่ยงนะเมษ ยาก็เยอะ ดูแลตัวเองดีๆ นะ ถึงเราจะเป็นแบบนี้ก็เถอะ”
     “ค่าคุณพี่ ขอบพระคุณที่เป็นห่วงหนูนะคะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ระดับหนูเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว”
     น้องเมษตอบมาแบบดัดจริตหน่อยๆ แถมยังยกมือไหว้ประชดผมอีกอ่ะ ฮ่าๆ
     เอาเถอะ ผมก็เชื่อนะว่าน้องเขาคงเอาตัวรอดได้ ก็อุตส่าใจแข็งมาได้ถึงขนาดนี้นี่นา ไอ้ต้นมันเคยแอบกระซิบกับผมด้วยครับว่าน้องเมษยังซิงอยู่ ไม่กล้าปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปกับผู้ชายเพราะอยากทำให้ตัวเองเป็นผู้หญิงจริงๆ ก่อน ถึงน้องเขาจะชอบวี้ดว้ายไปหน่อยแต่ในจุดนี้ผมนับถือเลยนะ ผมไม่เคยเห็นสาวประเพศสองที่รักนวลสงวนตัวขนาดนี้มาก่อนเลย
     แต่ผลสรุปของเรื่องก็คือไอ้ต้นโดนน้องเมษสวดใหญ่เลยครับ ฮ่าๆ ผมเห็นน้องเมษคาดโทษไอ้ต้นไว้เยอะเชียว คงแอบไปทำงานไม่ได้บอกใครมั้งครับ แหงสิ ถ้าพ่อกับแม่น้องเมษรู้เข้าคงเป็นห่วงแน่ๆ ไอ้ต้นหลุดปากบอกผมน้องแกคงกลัวไอ้ต้นหลุดปากกับที่บ้านซักวันเพราะต้นเองก็ไปเที่ยวบ้านเมษอยู่บ่อยๆ
     หลังอิ่มหนำสำราญกับมื้อเย็นแล้วผมก็สบายกายสบายใจไม่ต้องทำอะไรครับ ปล่อยเด็กสองคนมันเก็บล้างไป ชีวิตที่มีไอ้ต้นอยู่ด้วยก็สบายแบบนี้แหละ ส่วนผมก็ขอตัวไปจัดการเอกสารงานของผมในห้องทำงานเปิดโอกาสให้เด็กมันเม้ากัน บางทีผมก็ต้องระลึกไว้นะครับว่าเมียผมยังเป็นวัยรุ่นอยู่ แล้วบางเวลาวัยรุ่นก็ไม่ต้องการให้ผู้ใหญ่อย่างผมเข้าไปยุ่งครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#21/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน4
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 21-10-2014 15:18:03
ต้นน้ำ

     “แกนะแก ไปบอกพี่เค้าทำไมยะ!”
     “เราไม่ได้บอก เราก็แค่... ก็เราเป็นห่วงเมษนี่ เห็นบอกว่าไปเป็นเด็กนั่งดริงค์ เราก็เลยไปถามพี่ชัช พี่ชัชก็เลยเดาได้มั้ง พี่เขาฉลาดจะตาย”
     “ย่ะ ขอบคุณในความเป็นห่วงของแก! แต่อย่าเผลอไปปากสว่างกับที่บ้านฉันเชียวนะแก ไม่งั้นพ่อฉันเอาตายแน่ๆ”
     “แต่มันไม่อันตรายจริงๆ เหรอ เมื่อกี้พี่ชัชยังเตือนเลย”
     เมษยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะใช้สก็อตไบท์ถูจานใบนั้นไปมา เราสองคนกำลังช่วยกันล้างจานอยู่ครับ พี่ชัชเข้าห้องไปทำงานแล้ว
     “ก็ช่วยไม่ได้ เงินมันดีนี่แก ฉันไม่อยากจะมีไอ้นั่นไปนานๆ หรอกนะ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะเป็นผู้หญิงทั้งตัวเร็วๆ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี ก่อนจบมหาลัยได้ก็ยิ่งเลิศ ฉันจะได้แต่งหญิงรับปริญญาไปเลย”
     “เมษ... นายแอบชอบใครอยู่รึเปล่า?”
     เมษทำหน้าตกใจก่อนจะหันมามองผม
     “บ๊า! แกนี่พูดซี้ซั้วนะนังต้น”
     อาการร้อนตัวของเมษทำให้ผมแน่ใจว่าผมเดาไม่ผิดแน่ๆ ครับ
     “หน้าแดงนะ”
     “โอ๊ย! อย่ามามัวจับผิดฉันเลย ว่าแต่แกเถอะบอกผัวแกยัง? เกิดพี่เขารู้ทีหลังเดี๋ยวก็อาละวาดอีกหรอก”
     ผมก็คิดอยู่นะ แต่มันยังไม่สบโอกาสก็เท่านั้นเอง ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังพี่ชัชหรอกนะ เพียงแต่...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     “พี่ชัชครับ?”
     เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามมาด้วยเสียงสุดที่รักของผมเอง
     “อ้าว มีไรเหรอต้น?”
     “เมษกลับไปแล้วครับ”
     “เหรอ”
     “เอ่อ...”
     ผมเงยหน้าขึ้นจากงานทันที ต้นมันทำท่าอึกอักขนาดนี้ต้องมีไรแน่ๆ ครับ
     “มีไรรึเปล่าต้น?”
     “เอ่อ พี่ชัชกำลังยุ่งอยู่รึเปล่าครับ?”
     “ไม่มาก แค่จัดเอกสาร ไว้พี่ค่อยทำต่อพรุ่งนี้ก็ได้”
     “คือผมมีเรื่องบางอย่างอยากบอกพี่ชัชน่ะครับ”
     เสียงของต้นเบาหวิวจนผมได้ยินไม่ถนัด ท่าทางต้นก็ดูแปลกๆ มีไรรึเปล่าหว่า?
     “หือ ไรเหรอ?”
     “พี่ชัชว่างคุยกับผมซักครู่มั้ยครับ?”
     ต้นมันพูดแล้วเหล่ๆ มาทางกองเอกสารของผม
     นี่มันแปลกเกินไปแล้วครับ เรื่องสำคัญอะไรต้นมันถึงได้ทำท่าแบบนี้ ผมทิ้งงานไว้ที่เดิมแล้วเดินไปจูงไอ้ต้นมานั่งคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวตรงโซฟาเบด ได้เวลาเล่นบทพี่ชายที่แสนดีแล้วครับ
     ปกติผมทำตัวเป็นผัวไอ้ต้นมันก็จริง เป็นแฟนสวีทหวานคอยเอาใจมัน ทำตัวเป็นคู่รักกันที่ต้องมีช่วงออดอ้อนทะเลาะกันบ้างงอนกันนิดหน่อยตามประสาลิ้นกับฟันที่อยู่ร่วมกันแต่มันก็มีบ้างบางเวลาครับที่ผมต้องเล่นบทอื่นด้วย บางครั้งผมก็ต้องสวมบทพ่อเป็นที่พึ่งให้ไอ้ต้น บางคราวก็ต้องเล่นบทพี่ชายใจดีที่เข้าใจมัน เหมือนในเวลานี้ยังไงละครับ หมาป่ากำลังปลอมตัวเป็นคุณย่าหลอกหนูน้อยหมวกแดงให้คายความลับ
     “ต้นมีไรรึเปล่าครับ ทำไมต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นด้วยหืม?”
     “เอ่อ... พี่ชัชสัญญากับผมก่อนนะครับว่าจะไม่ใช้อารมณ์”
     คิ้วผมกระตุกทันทีอ่ะ ได้ยินเกริ่นแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับผมแน่ๆ แต่เพื่อภาพลักษณ์ผม ผมต้องยิ้มให้ลูกแกะมันไว้ใจผมให้ได้
     “ก็ลองบอกพี่มาก่อนสิครับ”
     ต้นมันลังเลอยู่พักนึง แล้วมันก็เปิดปากจนได้ ง้างปากไอ้ต้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผม
     “พี่ชัชยังเกลียดแม็กซ์อยู่รึเปล่าครับ?”
     นั่นไงกูว่าละ! ชื่อที่ออกจากปากต้นไม่ใช่ชื่อที่ผมอยากได้ยินเลย
     “ทำไมเหรอครับ?”
     “ตอบผมมาก่อนสิครับ”
     ไอ้ต้นมันรบเร้าเอาคำตอบจากผมใหญ่เลย หน้าไอ้ต้นนี่กังวลมากคิ้วมันจะผูกโบว์ได้อยู่แล้ว เวลาที่มันทำแบบนี้แล้วเหมือนเด็กมากเลยครับ เหมือนเด็กที่กำลังอ้อนจะเอาอะไรซักอย่างจากผมแต่ก็ทั้งกลัวทั้งกังวล จะว่าไปไอ้ต้นมันก็ยังเด็กอยู่จริงๆ นั่นแหละครับ ยังไม่ถึงยี่สิบเลย แล้วผมในฐานะผู้ใหญ่ก็ต้องรับฟังอย่างมีเหตุผลใช่มั้ยครับ? ทั้งๆ ที่ใจผมนี่ลุกเป็นไฟแล้วอ่ะ!
     “ถึงพี่จะไม่ชอบที่เขาทำกับต้นแบบนั้น แต่พี่ก็ไม่ได้เกลียดไรเขาหรอก ทำไม มีไรรึเปล่า?”
     ผมตอบพร้อมๆ กับไล้นิ้วไปบนแก้มไอ้ต้นมันเล่นพลางยิ้มให้มันอย่างอ่อนโยน อย่าดูถูกอาชีพขี้ข้าของผมเชียวนะครับ ถ้าผมจะตอแหลผมก็ทำได้ไม่แพ้ดาราตุ๊กตาทองเหมือนกัน น้ำขุ่นอยู่ในน้ำใสอยู่นอกนี่ผมถนัดนักล่ะ ขึ้นอยู่แค่ว่าผมจะทำหรือไม่ทำก็แค่นั้น
     พอต้นเห็นผมเป็นแบบนี้มันก็ผ่อนคลายขึ้น ไม่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้ว แต่ผมนี่ดิอยากร้องไห้ชะมัดยาด ผมโคตรเกลียดไอ้เด็กเวรนั่นเลย ยังไงก็เกลียดขี้หน้ามันอยู่ดี
     “เรื่องตอนนั้นอันที่จริงผมเป็นคนผิดเองครับ คนที่เริ่มทุกๆ อย่างก็คือผม แม็กซ์ไม่ผิดหรอกครับ พี่ชัชอย่าเกลียดแม็กซ์เลยนะครับ”
     ไม่ให้พี่เกลียดคนที่จ้องจะตีท้ายครัวพี่เนี่ยนะต้น? ให้มันหายไปจากโลกนี้ก่อนเหอะ พี่ค่อยวางใจได้!
     “ครับ พี่ไม่ได้เกลียดไรเขาหรอก พี่เองก็ผิดที่ทำกับต้นแบบนั้น ว่าไปแล้วคนที่ทำผิดมากที่สุดก็คือพี่ แต่ต้นก็ยังให้อภัยพี่ไม่ใช่เหรอครับ”
     พอได้ยินแบบนี้ไอ้ต้นมันก็ยิ้มออกมาทันทีเลยครับ แน่ะมีซุกด้วยเว้ยเฮ้ย! ไอ้ต้นมันกอดผมก่อนอ่ะ แม่ง! ไอ้เด็กเวรเอ้ย ไอ้มารหัวใจ มึงทำไรกับเมียกูวะ!
     ผมยังต้องหลอกไอ้ต้นต่อไปด้วยความเยือกเย็นทั้งๆ ที่ในใจนี่ไฟลุกแล้วครับ
     “ว่าแต่ มีไรรึเปล่าครับ จู่ๆ ก็พูดถึงเขาขึ้นมา?”
     “คือ... ถ้าผมเล่าแล้วพี่ชัชห้ามโกรธผมนะครับ”
     “ครับ พี่ไม่โกรธเราหรอก”
     ผมจุ๊บหน้าผากไอ้ต้นไปเบาๆ หนึ่งทีแล้วก็ลูบหัวมันเล่น แต่หวังว่าเสียงของผมคงไม่เหมือนคนกำลังกัดฟันนะ
     “คือ... วันก่อน ผมไปทานข้าวกับแม็กซ์มาครับ มีพวกเพื่อนๆ คนอื่นไปด้วยอีกหลายคนเลย”
     เหมือนรู้สึกโดนน้ำเย็นๆ สาดใส่หน้าเลยครับ เมียผมหนีไปแดกข้าวกับกิ๊กเก่ามา เหอะๆ
     “เหรอครับ”
     “พี่ชัช... โกรธเหรอครับ?”
     “ปล๊าว พี่ไม่โกรธไรต้นหรอก”
     ต้นมันเงียบไปพักนึงก่อนจะอ้อนผมมากกว่าเดิมด้วยการเงยหน้ามาสบตากับผม มันทำน้ำตาคลอๆ แล้วก็ช้อนตามองผม
     ผมแพ้ทางไอ้ต้นตอนที่มันทำแบบนี้ทุกทีครับ ได้แต่นั่งถอนหายใจเฮือกแล้วลูบหลังมันเบาๆ ผมกอดมันจูบมันเพราะไม่รู้จะลงโทษมันยังไง แถมผมยังออกปากไปแล้วว่าไม่โกรธ
     ต้นมันหลับตารับสัมผัสจากผมอย่างยินยอม พอผมผละออกจากริมฝีปากมันแล้ว มันก็ก้มหน้าลงซุกอกผมต่อ แต่ผมรู้ดีว่าต้นมันกำลังแอบอมยิ้ม ก็เล่นอ้อนผมซะขนาดนี้โกรธไม่ลงแล้วครับ เข้าทางไอ้ต้นมัน เฮ้อ...
     “ขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอก พอดีตอนที่แม็กซ์โทรมาชวน พี่ชัชไปญี่ปุ่นพอดี ผมเห็นว่าแค่ทานข้าวกันก็เลยไป”
     “แล้วหนุกมั้ยครับ ไปไงมาไงถึงนัดกันได้ล่ะ?”
     ผมพยายามกัดฟันทำเสียงผู้ใหญ่ใจดีมีเหตุผลสุดฤทธิ์
     “แม็กซ์สอบใหม่ครับ คราวนี้เขาได้ในกรุงเทพ ก็เลยโทรมาชวนพวกผมแล้วก็เพื่อนเก่าไปฉลองกัน ผมเองก็ทำผิดกับแม็กซ์ไว้มาก ผมเลยอยากไปฉลองให้เขาครับ ผมอยากให้ผมกับเขาเริ่มต้นกันใหม่ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเดิม”
     แต่พี่ว่าไอ้เด็กเวรนั่นมันอยากได้ต้นทำอย่างอื่นมากกว่านะ ถึงต้นจะคิดกับมันแค่เพื่อนก็เถอะ
     ผมห่วงเมียผมนะ ต้นชอบวางเดิมพันกับคนอื่นเสมอ ผมกลัวเมียผมจะแพ้เข้าซักวัน ก็เมียผมลุคใสซื่อขนาดนี้ ใครๆ ก็อยากหลอกทั้งนั้นแหละ
     “เหรอ มันก็เก่งเหมือนกันเนาะ สอบติดซะด้วย”
     “ครับ เห็นบอกว่าโชคดีได้แฟนติวให้ เลยสอบใหม่ติด”
     “อ้าว มันมีแฟนแล้วเหรอ?”
     ได้ยินแบบนี้ผมค่อยสบายใจหน่อย ไอ้เด็กเวรนั่นมีแฟนแล้วหรอกเหรอเนี่ย โล่งอกแล้วครับ
     “ครับ แม็กซ์ไม่เคยว่างหรอกครับพี่ชัช ผู้หญิงต่อแถวอยากเป็นแฟนแม็กซ์กันทั้งนั้นแหละ ก่อนคนนี้ก็เปลี่ยนแฟนไปเยอะเหมือนกันครับ นี่ผมว่าคนนี้เดี๋ยวก็เลิกอีกแหละครับอยู่ห่างกันขนาดนั้น”
     “อ้าว งี้แล้วแฟนมันล่ะยังอยู่ที่เก่าเหรอ?”
     “ครับ แฟนแม็กซ์อยู่เชียงใหม่”
     ผมควรจะวางใจแค่ครึ่งเดียวสินะ เวรเอ้ย!
     “พี่ชัช... ครับ”
     “ครับ?”
     ผมหันไปยิ้มให้ต้นตามเสียงเรียก ตอนนี้ผมต้องเป็นผู้ใหญ่มีเหตุผล ผมควรจะมีเหตุผล!
     “ถ้าคราวหน้าผมจะขออนุญาตไปไหนกับแม็กซ์บ้าง พี่ชัชจะอนุญาตมั้ยครับ? ยังไงๆ นอกจากเมษแล้ว แม็กซ์ก็เป็นเพื่อนสนิทอีกคนที่ผมรักมากๆ ผม...”
     “ทำไมต้นต้องขออนุญาตพี่ด้วยละครับ ก็แค่ไปเที่ยวกับเพื่อน พี่ไม่ห้ามต้นหรอก”
     ต้นมันทำหน้าลังเลนิดหน่อยเหมือนไม่แน่ใจท่าทีผม ผมก็เลยได้แต่กัดฟันโกหกออกไป ถึงผมจะเกลียดไอ้เวรนั่นแค่ไหนแต่ผมควรจะเชื่อใจต้น แล้วก็ไม่บีบบังคับต้นมากจนเกินไป ผมไม่อยากทำให้ต้นอึดอัด แล้วมันก็เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่หรือคนที่มีเหตุผลโตๆ กันแล้วควรจะทำด้วยครับ คนเราจะรักกันได้ยังไงถ้ามัวแต่ระแวงกันตลอดเวลา?
     “พี่ชัชไม่ว่าอะไรจริงๆ เหรอครับ?”
     “มีอะไรให้พี่ว่าละครับ ที่รักของพี่ไม่ทำอะไรไม่ดีลับหลังพี่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ แล้วอีกอย่างต้นก็รักพี่มาก ต้นเลือกพี่ พี่ยังต้องกลัวอะไร ส่วนเพื่อนของต้น เขาก็รักต้นมากเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ เขาไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับต้นแล้วพี่จะใจร้ายทำลายมิตรภาพระหว่างต้นกับเพื่อน ได้ไง พี่เชื่อใจต้นครับแล้วก็ไว้ใจเพื่อนของต้นด้วย”
     “ผมรักพี่ชัชที่สุดเลยครับ”
     ต้นมันยิ้มให้ผมโคตรสดใสอ่ะ มันดีใจถึงขนาดจุ๊บผมแทนคำขอบคุณเลย แต่ผมนี่ดิน้ำตาตกใน ศัตรูที่ผมกลัวที่สุดแล้วก็เกลียดขี้หน้ามันสุดๆ แม่งกลับมาแล้ว ทำไมมันไปตั้งรกรากอยู่เชียงใหม่ไปเลยละเว้ย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ภาค1หน่วงจิต ภาค2ทำท่าจะออกทะเลเรียบร้อย ผ่านไปหลายบทแต่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ฮ่าๆ
คนที่ชอบความตื่นเต้นเร้าใจเดินเรื่องเร็วๆ คงไม่ปลื้มเท่าไหร่ เพราะเราเขียนแบบปูแน่นมาก ใช้วิธีเล่าไปเรื่อยๆ เดินเรื่องช้าเนิบๆ แต่รับรองว่าไม่น่าเบื่อหรอก เพราะมันจะมี"อะไรวะ!"โผล่มาเป็นระยะให้คนอ่านเขวี้ยงเม้า ฮ่าๆ
บทแรกๆ เป็นการปูน้า ใบ้ว่ามีHINTเป็นระยะ เราตั้งใจเล่าถึงชีวิตคู่อ่ะ มันก็จะชีวิตประจำวันแบบนี้แหละ แกนหลักของเรื่องคือความสัมพันเน้อ มันก็เลยไม่ใช่แนวใครทำอะไรที่ไหนยังไงรักๆตั๊บๆฟาสเลิฟทำนองนั้น อืม... ต้องบอกว่า "ตามติดชีวิตน้องต้น" มากกว่า

ฝากติดตามกันไปนานๆ น้า
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#22/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน5
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 22-10-2014 02:41:41
เด็กเลี้ยงแกะและผองเพื่อน

ต้นน้ำ

     ชีวิตนักศึกษาอย่างผมก็ต้องมาเรียนตามปกติในเช้าวันจันทร์แบบนี้ครับ ช่วงนี้ผมกำลังยุ่งๆ เพราะการสอบใกล้เข้ามาแล้วผมได้แต่หวังว่า คงไม่มีอะไรน่ารำคาญใจรอผมอยู่ที่มหาวิทยาลัยหรอกนะครับ
     พักนี้คงต้องหลบห้องชมรมซักพัก เบื่อหน้าพี่บอมครับ
     หลังจากที่เราไปทานข้าวด้วยกันวันนั้นแล้วก็ปรับความเข้าใจกัน ผมกับแม็กซ์กลับมาคุยกันเหมือนเดิมแล้วครับ แต่อันที่จริงจะบอกว่าเหมือนเดิมมันก็ไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกครับ เพราะแม็กซ์ทำตัวดีแล้วก็สุภาพกับผมมากกว่าเดิม แถมยังยอมตัดใจเว้นระยะเป็นเพื่อนกับผมอย่างที่ผมต้องการ ผมชอบแม็กซ์ที่ดีกับผมแบบนี้ครับ ไม่อึดอัดแล้วก็สบายใจ
     แต่ผมลืมนึกถึงใครบางคนไปซะสนิทใจ ผมลืมนึกถึงเมย์ครับ แล้วเมย์ก็กำลังคาดคั้นผมอยู่ ท่ามกลางสายตาสอดรู้สอดเห็นจากเพื่อนในกลุ่มของผมโดยมีโอมที่เก็บสีหน้าสงสัยไว้ไม่อยู่แต่ก็พยายามทำเฉยเว้นระยะห่างให้ผมแล้วก็ป่านที่แกล้งห้ามปรามเมย์สุดฤทธิ์
     “ตกลงผู้ชายคนนั้นที่มาหานายวันก่อนนั่นเป็นใครเหรอต้น”
     “เธอจะอยากรู้ไปทำไมล่ะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอนี่เมย์”
     “บอกเรามาเดี๋ยวนี้นะ เห็นคนอื่นบอกว่าพวกนายไปซ้อมที่ห้องชมรมแล้วก็ไปกินข้าวด้วยกันต่ออีก”
     “คนอื่นน่ะใครล่ะ”
     “เขาลือกันทั่วว่าแฟนนายมารับ แถมยังรวยมากๆ ขับเบนซ์ ผู้ชายคนนั้นใช่แฟนต้นจริงๆ รึเปล่า?”
     “ผู้ชายคนนั้นเป็นใครจะใช่แฟนเรารึเปล่ามันก็ไม่เกี่ยวกับเธอนะเมย์”
     “ทำไมจะไม่เกี่ยว ต้นก็รู้ว่าเรา! ช่างเถอะ ตกลงผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรกับนาย?”
     เมย์ขึ้นเสียงใส่ผมแรงมากและผมก็เกลียดคนแบบนี้ที่สุด! ที่ผ่านมาผมคงยอมลงให้เธอมากเกินไป แก้วที่เห็นบรรยากาศไม่ดีก็เลยช่วยห้ามทัพระหว่างผมกับเมย์ แต่มันสายไปแล้วครับ ผมคงนั่งอ่านหนังสือสงบๆ ใต้ตึกภาคไม่ได้แล้ว
     “ขอตัวซักพักนะ เราไม่อยากอยู่กับคนไม่มีเหตุผล เธอควรจะรู้จักระงับอารมณ์แล้วก็ลดความเอาแต่ใจลงบ้างนะเมย์”
     “ทำไมต้นพูดแบบนี้อ่ะ”
     “แล้วทีเธอล่ะ เธอยังพูดทุกอย่างที่อยากพูดเลย แต่ที่เราไม่เคยห้ามก็เพราะเราไม่อยากหักหน้าเพื่อน แต่ถ้ามีเพื่อนที่คบแล้วคอยทำให้เราลำบากใจตลอดเวลาเราก็ไม่อยากคบหรอกนะ”
     ถึงผมจะพูดด้วยระดับเสียงปกติ แต่เสียงของเมย์เมื่อตะกี้ก็ทำให้หลายๆ คนเริ่มหันมามองพวกเราแล้วครับ เพื่อนหลายคนนอกจากผม โอม ป่าน แก้ว แล้วก็ไปป์ กำลังมองเมย์อยู่ พวกผู้ชายบางคนทำหน้าสะใจด้วยซ้ำ บางคนก็มองมาด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางพายุอารมณ์ของเมย์หรอกครับ
     “ลองหันดูรอบๆ ตัวมั่งนะเมย์ ถึงทุกคนเขาไม่พูดใช่ว่าไม่รู้สึก แต่ลองฟังความเห็นคนอื่นดูบ้างเถอะ ก่อนที่จะไม่มีใครฟังเธออีกต่อไป”
     ผมไม่ชอบโดนคนอื่นกดดัน ผมเกลียดการถูกคนอื่นข่มขู่ ไม่ชอบถูกใครคุกคาม แล้วก็เกลียดการบังคับ เมย์ทำให้ผมหมดความอดทนแล้ว และพอได้พูดออกมาผมก็อยากให้มันจบๆ กันไปเลย ถ้าเมย์ไม่ปรับตัวมิตรภาพของเราก็คงจะจบ เพราะผมขี้เกียจทนเมย์แล้ว แต่ก่อนที่ผมจะได้ทำแบบนั้นอาร์มก็เข้ามาซะก่อน
     อาร์มเดินเข้ามากอดคอผมซะงั้น ผมที่กำลังหงุดหงิดๆ อยู่เลยหันไปมองหน้าอาร์มด้วยความตกใจ ก็ลองนึกดูนะครับ คุณกำลังวีนแตกอยู่ แต่จู่ๆ ก็มีมือใครไม่รู้มาพาดที่คอ คุณจะสะดุ้งมั้ยครับ?
     “ไม่เอาน่าต้น ผู้ชายเขาไม่โหดร้ายกับผู้หญิงแบบนี้หรอกน้า”
     อาร์มยิ้มให้เมย์อย่างประจบ คนอื่นอาจจะสงสัยที่จู่ๆ ก็มีคนนอกเข้ามาขัดจังหวะดราม่า แต่ผมรู้ดีอาร์มกำลังทำให้ดราม่ามันจบอยู่ แล้วก็ต้องจบลงอย่างสวยงามด้วย อาร์มเป็นคนไกล่เกลี่ยประจำกลุ่มของแม็กซ์มาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ
     “ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยน้า พักนี้ต้นมันมีเรื่องเครียดเยอะเลยอาจจะเผลอหงุดหงิดไปบ้าง ขอตัวมันซักครู่นะครับ”
     อาร์มดึงแขนผมพลางแจกรอยยิ้มให้ชาวบ้านอย่างอารมณ์ดี ผมถอนหายใจแล้วก็ปล่อยให้อาร์มดึงแขนผมไปครับ อาร์มลากคอผมเดินไปร้านน้ำปั่นเจ้าประจำของพวกเรา ผมนั่งดื่มน้ำฟรีที่มีคนเลี้ยงแล้วก็เปิดปากถาม
     “มาทำไม?”
     “ก็ที่ชมรมมันอยู่ยาก”
     “พวกพี่บอม?”
     “อืม”
     ผมก็กะไว้แล้วแหละครับ ถึงได้หนีจากห้องชมรมนั่งอยู่ที่ภาคตัวเอง แต่ใครจะไปคิดละครับว่าในภาคตัวเองก็มีคนรอสอบสวนผมอยู่แบบนั้น
     “ว่าแต่ พักนี้ต้นหลุดบ่อยจัง ไม่สมกับเป็นนายเลย”
     “ไม่สมกับเป็นเรา? เหอะๆ”
     ผมเหยียดยิ้มให้อาร์มแล้วก็เริ่มบ่นให้เขาฟัง
     “เราทนเขามาตั้งแต่ปีหนึ่งเลยนะอาร์ม เอาแต่ใจสุดๆ อ่ะ เพื่อนในคณะนี่แทบจะส่ายหน้ากันหมดแล้ว ดีนะว่าผู้หญิงน้อยเลยยังพอมีคนเกาะกลุ่มกับเขาบ้าง แต่คนอื่นนี่แทบไม่มีใครเอาแล้ว เรื่องอื่นเราก็พอยอมให้ได้นะแต่เรื่องส่วนตัวเรานี่ขอเถอะ ทำอย่างกับเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเราแบบนั้นอ่ะ เราไม่ไหวนะผู้หญิงแบบนั้น!”
     “ไนน์ดีกว่าล่ะสิ?”
     ผมเงยหน้าขึ้นทันทีเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินชื่อนี้จากปากอาร์ม
     “มั้ง”
     “สงสารกายเนาะ มันยังว่างอยู่เลย”
     นี่ก็เป็นเรื่องที่ผมคาดไม่ถึงเหมือนกันครับ ไนน์ไปเรียนต่อต่างประเทศ เธอเป็นคุณหนูอยู่แล้วจึงไม่แปลก แต่ที่ผมแปลกใจคือกายต่างหาก ไม่อยากจะเชื่อว่ากายยังไม่มีแฟน ถึงแม้ผมจะคิดว่านิสัยแย่ๆ แบบกายคงไม่มีผู้หญิงคนไหนหันมาสนใจก็เถอะ แต่ที่ผมแปลกใจก็คือดูเหมือนกายเองก็ยังไม่คิดจะสนใจผู้หญิงคนไหนเหมือนกัน
     “แล้วนายไม่สงสารตัวเองบ้างเหรอ อกหักตลอดเลยนี่”
     “ม่ายอ่ะ หักก็ดาม หาใหม่ อัตราส่วนผู้ชายกับผู้หญิงมันสวนทางกันจะตาย เดี๋ยวเราก็ต้องมีแฟน ซักวันนึง ฮ่าๆ”
     อาร์มตอบแบบอารมณ์ดีพลอยทำให้ผมยิ้มตามไปด้วย บอกแล้วครับว่าอยู่กับอาร์มนี่สบายใจจริงๆ
     “ว่าแต่ เมื่อคืนก่อนเป็นไงบ้าง?”
     “แม็กซ์ไม่ได้เล่าเหรอ?”
     อาร์มส่ายหน้าครับ
     “เล่า แต่เราอยากฟังจากปากต้นมากกว่า ถึงเราจะเป็นเพื่อนกับแม็กซ์แต่เราก็เป็นห่วงต้นด้วย ตอนนี้ต้นก็เป็นเพื่อนเราคนนึงเหมือนกัน”
     “ไม่เชื่อใจเพื่อนตัวเองเลยนะ”
     “ก็เห็นมันเมาๆ อ่ะ เลยเป็นห่วง กลัวมันหน้ามืดเลี้ยวรถพานายเข้าโรงแรม ฮ่าๆ”
     “บ้า! แม็กซ์ไม่ใช่คนแบบนั้น... ก็ไม่มีไรพอแม็กซ์หายเมาก็ขับรถไปส่งเราที่คอนโด แล้วก็โทรคุยกันนิดหน่อยวันเสาร์แค่นั้นแหละ”
     “แล้วแฟนนายล่ะ?”
     “พี่ชัชก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”
     “ให้จริงนะ ไม่ใช่แฟนนายมาต่อยแม็กซ์มันทีหลังนะ”
     “บ้าแฟนเราไม่ได้ไร้เหตุผลขนาดนั้นนะ!”
     “ก็ดีแล้ว ถ้านายมีความสุขดีไม่มีปัญหากับแฟนเคลียร์กับแม็กซ์ได้เราในฐานะคนกลางก็สบายใจ”
     อาร์มยิ้มให้ผมอีกแล้ว รอยยิ้มของอาร์มนี่มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้โลกทั้งโลกสดใสขึ้นได้เลยครับ จริงๆ นะ ผมชอบรอยยิ้มของอาร์มมาก ดูอย่างกับคนที่สบายใจไม่มีเรื่องกังวลใดๆ จะทำให้เขาทุกข์ใจได้
     “ทำไมต้องเป็นห่วงเราขนาดนี้ด้วย นายคอยเป็นห่วงดูแลเรามาตลอดเลยนะ ตั้งแต่ตอนปีหนึ่ง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนพวกเราไม่ได้สนิทกันซะหน่อย”
     ผมตัดสินใจถาม เพราะผมคิดว่าอาร์มไม่ได้ชอบผมแน่ๆ อาร์มชอบผู้หญิง แล้วระหว่างเราก็ไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรกันเลย แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นเพื่อนกัน ผมกับอาร์มก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ต่อให้เมื่อก่อนจะเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันมาแต่ตอนนี้เราก็อยู่กันคนละคณะ ถึงอย่างงั้นอาร์มก็ยังคอยอยู่เป็นเพื่อนผมบ่อยๆ
     อาร์มหน้าเสียไปนิดนึงครับ ดูลังเลหน่อยๆ แต่แล้วอาร์มก็พูดออกมา
     “ถ้าเราบอกว่าเพราะเรารู้สึกผิด ต้นจะโกรธเรามั้ย... เราคิดมาตลอดเลยนะ ถ้าวันนั้นเราไม่โทรบอกแม็กซ์ แม็กซ์มันก็คงไม่ไปอาละวาดกับนาย นายก็คงไม่ต้องมีปัญหากับแฟน แล้วก็ตอนที่นายรถคว่ำด้วย เรากลัวมาตลอดเลยว่าเป็นเรารึเปล่าที่เผลอเข้าไปยุ่งจนเกิดเรื่องขึ้น”
     “บ้า! นายไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ซักกะหน่อย”
     “เกี่ยวดิ! ตอนที่เห็นนายมาโรงเรียนวันนั้นนะ สภาพโครตน่าสงสารอ่ะ แม็กซ์เองก็อย่างกับคนหัวใจสลาย แล้วยิ่งตอนที่นายรถชนนะแม็กซ์มันอย่างกับศพเดินได้อ่ะ เราโครตสงสารมันเลย ถ้าเราไม่พูดมากนายกับแม็กซ์ก็คงไม่ต้องมีปัญหากัน”
     “เพราะงั้นนายก็เลยมาทำดีกับเราน่ะเหรอ?”
     “อื้อ อย่างน้อยๆ เราก็ยังดูแลนายแทนแม็กซ์ได้ตอนที่มันไม่อยู่”
     “แม็กซ์ยังไม่เห็นจะพูดไรเลย”
     “โหย! มันไม่กล้าหรอก ก็นายเล่นควงแฟนตลอดอ่ะ เราก็เลยอาสามาเข้าหานายแทนไง ฮ่าๆ”
     “แล้วก็ส่งข่าวเราให้แม็กซ์ตลอดด้วยใช่มั้ย?”
     “ใช่ๆ เอ้ย! เปล่านะ คือเรา...”
     อาร์มโดนผมหลอกจนหลุดปากออกมา พอรู้ตัวก็รีบหุบปากกลัวผมโกรธ แต่ไม่ทันแล้วละครับ ผมรู้แล้วว่าแม็กซ์รู้เรื่องของผมได้ยังไงทั้งๆ ที่ตลอดปีที่ผ่านมาเราส่งข้อความคุยกันแค่สามครั้งเท่านั้น
     “ช่างเถอะ นายนี่น้ารักแม็กซ์จริงๆ น่าอิจฉาแม็กซ์นะมีแต่เพื่อนดีๆ”
     “ไม่รักได้ไงอ่ะ เห็นกันมาตั้งแต่ประถมเลยนะเว้ย ตอนเด็กๆ เราโดนคนอื่นรังแกบ่อยๆ ก็ได้แม็กซ์นี่แหละเป็นลูกพี่ รักมันมากอ่ะ แต่เราก็รักนายเหมือนกันนะ พอได้คบกับนายจริงๆ แล้วนายเป็นคนดีมากอ่ะต้น”
     งี้แหละครับ อาร์มเพื่อนผม อารมณ์ดีร่าเริงตลอดเวลา มองอะไรๆ ในแง่ดีตลอด คิดอะไรง่ายๆ ไม่ซับซ้อน
     “ไม่ต้องยอเราขนาดนั้นก็ได้”
     “เฮ้ย ไม่ได้ยอ เราชอบนายจริงๆ อยู่ใกล้ๆ แล้วสบายใจอ่ะ”
     และครั้งนี้เช่นกันที่อาร์มทำให้ผมอารมณ์ดี ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมขอเอาอาร์มเป็นกระสอบทรายหน่อยละกัน
     “นายมากกว่าที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ยกเว้นตอนที่นายเอ๋อๆ อ่านบรรยากาศไม่ออกน่ะนะ”
     “โห ต้นอ่ะ!”
     “ฮ่าๆ”
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


โอม

     “โอเคมั้ยจ้ะเมย์?”
     แก้วถามเมย์ที่กำลังนั่งฮึดฮัดอยู่ เมย์อารมณ์เสียมาก แต่ผมคิดว่าต้นคงอารมณ์เสียมากกว่า ต้นไม่ชอบให้ใครเซ้าซี้ และไม่ชอบให้ใครยุ่งเรื่องส่วนตัว
     “ไม่ตงไม่ติวแล้ว! เรากลับก่อนนะไม่มีอารมณ์”
     “อ้าวเมย์ เดี๋ยวสิจ้ะ!”
     พอเมย์วีนออกมาเสร็จก็คว้ากระเป๋าหนีไป แก้วก็เลยรีบเก็บของแล้ววิ่งตามเมย์
     ผมเข้าใจครับว่าเมย์คงอึดอัด เมื่อกี้ตอนที่ต้นพูดถึงต้นจะไม่ได้ว่าอะไรเมย์แรงๆ แต่ต้นก็พูดความจริงแถมยังเป็นความจริงที่พวกเราเลือกจะเงียบมาตลอด เมย์จึงเหมือนถูกฉีกหน้า
     “เฮ้ย! เกิดไรขึ้นวะ?”
     พวกเพื่อนคนอื่นๆ เริ่มเข้ามาล้อมวงถามพวกเราที่ยังนั่งกันอยู่ที่เดิม
     “นั่นดิ ทำไมอยู่ๆ ต้นมันก็ด่าเมย์อ่ะ”
     “ต้นไม่ได้ด่าเมย์ซะหน่อย”
     ป่านรีบออกตัวแทนต้น ปกป้องเพื่อนในกลุ่ม
     “พวกมึงก็เล่ามาดิ เกิดไรขึ้น ทำไมอยู่ๆ ต้นกับเมย์มันถึงทะเลาะกัน”
     สายตาของพวกเพื่อนๆ จ้องมาทางผมอย่างเห็นได้ชัด เพราะผมถือเป็นคนที่อยู่กับต้นบ่อยที่สุด แต่ไม่เอาหรอกครับผมไม่อยากพูดอะไรหรอก กลัวต้นโกรธเอา
     “มึงอ่ะเล่ามาเลย โอม มึงสนิทกับไอ้ต้นที่สุดเล่ามาเลย แล้วผู้ชายคนเมื่อกี้ใครวะ? เด็กวิดวะซะด้วย กอดคอไอ้ต้นได้นี่ไม่ธรรมดาอ่ะ”
     “เราไม่ได้สนิทกับต้นมากถึงขนาดนั้น”
     “โห! ถ้ามึงเรียกไม่สนิทก็ไม่มีใครสนิทแล้ว”
     เป็นความจริงที่ต้นมักเว้นช่องว่างห่างจากพวกเพื่อนคนอื่นๆ อยู่เสมอ ต้นไม่เคยเปิดปากเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง เวลาอยู่ด้วยกันก็มักจะเงียบๆ เป็นฝ่ายฟังมากกว่าคุย และไม่ค่อยยอมตอบคำถามเรื่องส่วนตัวกับใครง่ายๆ ถึงต้นจะดูเหมือนใจดีชอบเหลือเพื่อนคนอื่นๆ เสมอ แต่ความจริงแล้วต้นเกลียดการถูกบังคับ ต้นยอมให้คนอื่นเสมอ ต้นเก็บความไม่พอใจเอาไว้แล้วก็แสดงออกมาด้วยความเฉยชาแทน ต้นเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพวกเรา แต่พวกเราในกลุ่มไม่มีใครได้เป็นส่วนหนึ่งในโลกของต้น และการที่ต้นยอมให้ผมเข้าใกล้ก็คงเพราะผมไม่เคยเรียกร้องจะเข้าไปในโลกของต้น ผมแค่... ขออยู่ข้างๆ ต้น
     “มานี่ กูเล่าเอง!”
     เพราะผมไม่กล้าเล่าไปป์ที่ไม่แคร์อะไรก็เลยเล่าแทนผม ไปป์พูดมากเสมอครับ แต่ผมเองไม่ถือหรอกครับชินกับนิสัยของไปป์แล้ว หวังว่าต้นคงไม่โกรธไปป์ไปอีกคนนะครับ
     “คืองี้ เมย์มันมาคาดคั้นเอากับต้นว่าผู้ชายที่มารอต้นอยู่ข้างล่างตึกรวมวันก่อนคือใคร เห็นเขาว่ากันว่าต้นพาไปซ้อมที่ห้องชมรมด้วยนะ พวกที่ไปดูมาเล่ากันว่าเล่นกีตาร์เทพโคตร แล้วต้นก็เล่นด้วย พวกเด็กผู้หญิงปีหนึ่งเลยเริ่มหันมาปลื้มต้นกัน อย่างเมื่อเช้าก็มีเด็กมากรี๊ดต้นกันหลายคนเลย กูก็พึ่งรู้เนี่ยว่าต้นเล่นกีตาร์ได้”
     “แล้วไงต่อวะ? เกี่ยวกับไอ้เมย์ตรงไหน?”
     “พวกมึงก็รู้ว่าเมย์มันโมเมว่าต้นเป็นแฟนมันมาตลอดอ่ะ ถึงต้นจะรำคาญแต่ก็ไม่เคยหักหน้าเมย์ไง แต่เรื่องมันเริ่มมาพีคที่ผู้ชายคนนั้น”
     “ยังไงวะ?”
     “ใครๆ ก็รู้ว่าต้นไม่สุงสิงกับใคร เวลาที่เมย์ออกตัวแรงต้นก็ไม่เคยปฏิเสธยอมเมย์มาตลอด ขนาดตอนที่น้องรหัสต้นมาจีบแล้วเกือบปีนเกลียวกับเมย์ ต้นก็เฉยๆ อยู่ตรงกลางไม่เข้าข้างใคร แต่เมื่อกี้เมย์มันดันไปคาดคั้นต้นเรื่องผู้ชายคนนั้นอ่ะ”
     “แค่นี้เนี่ยนะ แล้วทะเลาะกัน?”
     “ก็เมย์มันดันไปถามว่าผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนต้นรึเปล่าอ่ะดิ แถมขึ้นเสียงใส่ด้วยแบบทำนองว่าต้นก็รู้ว่าเมย์คิดอะไรแล้วต้นไปทำงั้นกับคนอื่นได้ไง ต้นก็เลยโมโห”
     “อ้าว งี้ก็เท่ากับด่าว่าต้นเป็นเกย์ดิวะ?”
     “เออดิ เมย์มันทึกทักเอาเองมาตลอด พอเจอแบบนี้เข้าก็มาวีนใส่ต้นทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นไรกันอ่ะ ทำเหมือนต้นเป็นคนไปหลอกมัน ต้นก็เลยโมโหเพราะเมย์มันลามปามไปคาดคั้นเรื่องส่วนตัว”
     “ถึงเรื่องนี้เมย์จะผิดแต่ไอ้ต้นก็มีส่วนนะ มันน่าจะพูดไปตรงๆ ตั้งแต่ทีแรก”
     อาร์ทพูดขึ้น แต่เขาไม่รู้หรอกครับว่าบางครั้งความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมันก็ซับซ้อนเกินกว่าจะพูดออกมา
     “ต้นไม่เคยพูดอะไรอยู่แล้ว พวกแกก็รู้ว่ามีใครขัดเมย์ได้ที่ไหน ฉันยังสงสารมันเลยตอนที่ต้นนั่งทานข้าวกับน้องรหัสมันอยู่อ่ะ แล้วเมย์ตามไปเหวี่ยง แบบว่าเหวอกันทั้งโต๊ะ บางทีเมย์ก็เกินไปจริงๆ อ่ะแก”
     “เออ แล้วตกลงต้นเป็นเกย์จริงป่าววะ?”
     “เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้ย่ะ คนเขาก็ลือกันนะ แถมมีผู้ชายมาจีบต้นเยอะด้วย แต่ก็ไม่เคยเห็นต้นแสดงท่าทีอะไรกับใครไง จนมีเรื่องผู้ชายที่มารับต้นวันก่อน คนที่เห็นเขาเล่าว่านั่งมองหน้ากันต้นยิ้มหวานให้ตลอด มีจับมงจับมือกันด้วยนะแกทั้งๆ ที่ปกติต้นไม่ชอบให้ใครโดนตัว แถมพวกที่เห็นเล่าว่าผู้ชายคนนั้นหล่อและรวยมาก เล่นเอารุ่นพี่วิศวะที่ตามจีบต้นอยู่อกหักไปเลย”
     “ใช่คนเมื่อกี้ป่าววะ?”
     “ไม่ใช่ๆ คนนั้นเพื่อนต้นไม่ใช่เหรอ? เด็กมอปลายที่เดียวกันมั้ง”
     ผมพึ่งรู้นะครับว่าต้นกับผู้ชายคนนั้นเรียน ม.ปลาย ที่เดียวกัน มิน่าล่ะต้นถึงได้สนิทด้วย ผมอยากสนิทกับต้นแบบนั้นมั่งจัง
     “ไม่แน่ ต้นมันอาจจะเป็นแฟนกับไอ้นั่นก็ได้ กูเห็นสนิทกันจะตาย อยู่ชมรมเดียวกันด้วย ต้นไปมันนั่งที่ชมรมตลอดอ่ะ ทั้งๆ ที่เกลียดพวกรุ่นพี่ในนั้นจะตาย”
     “เอ้ยไม่มั้ง? นั่นหนุ่มหล่อท็อปๆ ของวิดวะปีสองเลยนะเว้ย เคยเป็นแฟนกับน้องดาวไอดอลคณะบัญชีด้วยนะมึง”
     “ก็แบบจริงๆ แล้วเป็นเกย์เลยจีบหญิงบังหน้าไง”
     “เฮ้ย! อาร์ท ไปป์ มึงสองคนอ่ะไปไกลแล้ว กลับมาเรื่องต้นกันก่อน กูอยากรู้ว่าตกลงแล้วต้นมันเป็นเกย์ป่าววะ กูจะได้ระวังตัว”
     นั่นสิครับ ทำไมอยู่ๆ ถึงออกทะเลไปเรื่องเพื่อนต้นได้ล่ะ? ผมกำลังฟังเรื่องต้นเพลินๆ เลย
     “โหย! ดูหนังหน้าตัวเองก่อนเหอะเชี่ยมิว! ต้นมันคงเอามึงหรอก มันพูดกับมึงนับคำได้ ถ้ามันจะเล็งใครกูว่าโอมแหละ พวกนายสนิทกันที่สุดแล้ว ใช่ป่ะ?”
     จู่ๆ ไปป์ก็โยนเผือกร้อนมาให้ผม ผมก็เลยได้แต่ปฏิเสธ
     “ไม่ๆ ไม่ใช่ซักหน่อย เรากับต้นเป็นเพื่อนกัน”
     “ปฏิเสธแล้วทำไมมึงหน้าแดงวะ โอม?”
     “พวกนายก็ ไปล้อโอมกันทำไม”
     โชคดีจังครับที่ป่านออกหน้าแทนผม
     “เออๆ เรื่องที่ต้นมันเป็นรึเปล่ากูก็ไม่แน่ใจนะ แต่กูคิดว่ากูรู้อะไรอย่าง”
     “ไรวะ?”
     “กูว่าต้นมีแฟนแล้วชัวร์ๆ แต่ปิดเงียบไว้ พวกมึงว่าป่ะ?”
     “ทำไมมึงไม่ไปถามต้นมันตรงๆ เลยล่ะ?”
     “กูเคยถามแล้ว แต่ต้นไม่ตอบเอาแต่ยิ้ม”
     “ทำไมมึงคิดงั้นว่าวะ? กูว่าอย่างต้นมันไม่มีใครเอาหรอก โลกส่วนตัวสูงตัวพ่อขนาดนั้น”
     “เออ กูก็ว่างั้นอ่ะ ถ้าอย่างไอ้ต้นมีแฟนได้นี่โลกแตกอ่ะ”
     “แต่กูไม่เห็นต้นทำท่าสนใจใครซักทีเลยคิดว่าน่าจะมีคนที่ชอบแล้วไง”
     “ถ้าเรามีแฟนแล้วโลกจะแตกเลยเหรอไง? อาร์ท มิวนิค”
     “เฮ้ย ต้น!”
     ต้นแอบมาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ครับ พวกเราตกใจกันหมดเลย ต้นไม่ได้พูดอะไร แต่ต้นมากับผู้ชายคนนั้น
     “ส่งตรงนี้นะต้น เรามีเรียนต่อ ไปละ”
     เพื่อนของต้นโบกมือให้ต้น ส่วนต้นก็วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะแล้วก็นั่งลงที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อนบางคนเดินหนีไปแล้วแต่บางคนก็ยังนั่งอยู่ ต้นมองหน้าพวกเราด้วยสีหน้านิ่งๆ ไม่พูดอะไร ต้นเริ่มหยิบหนังสือของตัวเองที่วางทิ้งไว้เมื่อกี้ขึ้นมาอ่านต่อทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต้นมักจะทำแบบนี้เสมอๆ เลยครับ แต่แล้วก็มีหน่วยกล้าตายขึ้นจนได้ ความอยากรู้ของมิวนิคทำให้ผมทึ่งมากๆ เขาไม่กลัวต้นโกรธเลยรึไงนะ?
     “เอ้ย จะไม่พูดไรหน่อยเหรอวะ?”
     “จะให้พูดไรล่ะ?”
     ต้นดูดน้ำในแก้วไปพร้อมๆ กับที่ถามพวกผม ท่าทางของต้นดูนิ่งมาก ต้นไม่เคยแสดงออกว่าหวั่นไหวกับอะไรเลย เหมือนมีกำแพงขวางระหว่างพวกเรากับต้นตลอดเวลา
     “ก็มึงทะเลาะไรกับยัยเมย์”
     “ก็นึกว่าไปป์เล่าให้ฟังหมดแล้วซะอีก”
     “อุ่ย!”
     ไปป์ร้อนตัว แต่ผมกลับเห็นต้นหันไปยิ้มให้ไปป์ ทำไมต้นถึงไม่เคยโกรธอะไรไปป์เลย ไม่ว่าไปป์จะทำอะไรต้นแทบไม่เคยถือสา ผมรู้สึกอิจฉาเขานิดหน่อย
     “เออ งั้นถามใหม่ก็ได้ เรื่องที่เขาลือกันจริงป่าววะ?”
     “เรื่องไหนล่ะ? คนเขาลือกันตั้งเยอะ”
     “ต้นกวนว่ะ”
     “พึ่งรู้เหรอ?”
     แล้วต้นก็เฉไฉไปอีกจนได้ครับ ต้นไม่เคยตอบคำถามอะไรเลย ต้นมักจะเบี่ยนประเด็นและไม่ยอมให้ใครถาม แต่ถึงต้นจะเป็นคนแบบนี้ผมก็ชอบต้นมากอยู่ดี

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตัวประกอบในแก๊งมาครบแล้ว โอม แก้ว เมย์ ป่าน และไปป์ ระวังพ่อหนุ่มคนนี้ไว้ให้ดี มีแต่คนบอกว่าเขาคนนี้น่ารักสุดๆ นะ!

สำหรับคนที่ติดตามกันมาตั้งแต่ภาค1 คิดยังไงกับน้องต้นบ้าง? ดีขึ้นหรือยังแย่เช่นเดิม? แต่ฮีก็พยายามปรับตัวเข้าหาเพื่อนด้วยสกิลเข้าสังคมอันน้อยนิดของฮีละนะ ปีสองพึ่งทำได้แค่นี้ เฮ้อ... ต้นเอ้ย...

อีกสองหนุ่มที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือแม็กซ์กับอาร์ม เอาละสิคู่นี้อยู่กันยาวๆ ยันท้ายเรื่อง แต่จะเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดรึเปล่าน้า? ภาค1อาร์มอาจจะบทน้อยไม่เท่าไหร่ แต่ขอบอกว่าภาค2นี้จุใจแน่ๆ

คนแต่งจะเปลี่ยนนิยายดราม่าปวดตับเรื่องนี้เป็นนิยายฮาเรมเกมจีบหนุ่มรึ? มาดูกัน ฮ่าๆ
ภาค2 เพิ่มความแสบความซ่า ยกระดับความหื่น ใส่ลูกบ้ายัดมุกฮาเต็มพิกัด แต่รับประกันความดราม่าเหมือนเดิม ปวดตับทรมานจิตหน่วงอารมณ์เช่นเคย
 :-[
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#22/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน5
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 23-10-2014 00:33:27
ต้นน้ำ

     ผมกำลังหลับเพลินๆ อยู่เลยครับ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกถึงอ้อมกอดที่โอบผมเข้าไปรัด สงสัยพี่ชัชจะกลับมาแล้ว ช่วงนี้พี่ชัชงานยุ่งกลับดึกเกือบทุกวัน ถ้าคืนไหนที่พี่ชัชกลับดึกมากๆ ผมก็ไม่รอหรอกครับเพราะมีเรียนเช้า กลิ่นสบู่จางๆ คุ้นจมูกกับผิวเนื้อเย็นๆ จากการอาบน้ำบอกให้รู้ว่าคนที่กำลังทำตัวเป็นผีอำผมอยู่คือแฟนผมเอง
     “อื้อ พี่ชัช”
     “กลับมาแล้วครับ”
     พี่ชัชหอมผมเบาๆ แล้วก็ทำท่าจะนอนกอดผมทั้งคืนซะงั้น เอาเถอะครับปล่อยๆ ไปซักคืนก็ได้ แฟนผมอุตส่าห์อ้อนซะขนาดนี้ แต่ปกติแล้วผมไม่ชอบนอนกอดกันแบบนี้หรอกครับ พี่ชัชนอนดิ้นมาก

     ผมรู้สึกตัวตื่นราวๆ ตีห้า แต่เสียงนาฬิกาปลุกของผมทำอะไรพี่ชัชไม่ได้หรอกครับ แฟนผมนอนดิ้นเลื้อยไปไกลแล้ว โดยที่แขนข้างนึงยังอยู่ใต้หลังของผมอยู่เลย แต่ขาอีกสองข้างกับแขนข้างที่เหลือนี่ชี้ไปคนละทิศละทาง เป็นคนกอดผมก่อนแล้วก็นอนดิ้นจนมีสภาพแบบนี้ทุกที แล้วการเป็นฝ่ายถูกกอดแบบนี้ใช่ว่าจะหลับสบายนะครับ บางทีตื่นมาปวดหลังก็มี เหมือนอย่างผมตอนนี้ยังไงละครับปวดหลังเป็นบ้าเลย!
     ผมขยับตัวลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพราะกลัวจะทำให้พี่ชัชตื่น เวลาที่พี่ชัชนอนไม่พอแล้วจะนิสัยงี่เง่ามากครับ แล้วก็คว้าผ้าเช็ดตัวเตรียมตัวอาบน้ำ เช้านี้ผมมีเรียนวิชายากๆ ด้วย แค่คิดถึงหน้าอาจารย์ที่ไม่ค่อยสนใจว่าลูกศิษย์จะตามทันมั้ยผมก็เซ็งแล้ว
     ผมล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำตามปกติเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละครับ เอ๊ะแต่พอดูดีๆ แล้วโกนหนวดซักหน่อยดีกว่า ถึงผมจะไม่ค่อยมีขนหน้าแข้งหรือขนตรงส่วนอื่นมากเท่าไหร่แต่ยังไงผมก็เป็นผู้ชายนะครับ เรื่องหนวดเครามันก็ต้องมีบ้าง แต่หนวดผมเป็นเส้นเล็กๆ ขึ้นไม่หนามากแถมยังกระจุกเป็นหย่อมๆ ไม่แผ่เป็นปื้นแบบผู้ชายคนอื่นๆ เขา ถ้าปล่อยให้ยาวแล้วไม่โกนผมรู้สึกว่ามันดูไม่เรียบร้อยครับ คงไว้หนวดตามเทรนแฟชั่นไม่ได้แน่ๆ
     พอผมอาบน้ำเสร็จก็นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินกลับเข้าห้องนอนครับ  ถึงคอนโดนี้ห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวแต่มันก็เป็นห้องน้ำขนาดพอประมาณเองครับ ไม่ใหญ่มากขนาดที่มีพื้นที่ให้ยืนแต่งตัวในนั้นได้ แล้วบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเล็กๆ นั่นก็มีแต่ของใช้ของพี่ชัชกับผมเต็มไปหมด แต่ก็เอาเถอะครับ คอนโดขนาดสองห้องนอนที่พอจะมีพื้นที่กว้างขวางขนาดนี้ก็ใช่ว่าหาได้ง่ายๆ นะครับ แถมยังมีระบบสาธารณูปโภคครบด้วย
     พูดถึงเรื่องคอนโดแล้วก็นึกขึ้นได้ ห้องที่ผมเคยอยู่กับแม่เมื่อก่อนนั้นแม่โอนกรรมสิทธิ์ให้ผมแล้วครับ แต่ห้องนี้ที่ผมอยู่กับพี่ชัชเป็นห้องที่พี่ชัชกับพี่ฟ่างช่วยกันเก็บเงินซื้อ ถึงจะผ่อนหมดแล้วเป็นชื่อพี่ชัชก็จริงแต่พี่ชัชก็ต้องจ่ายเงินคืนให้พี่ฟ่างไปเหมือนกันครับ ผมไม่รู้ว่าพี่เขาตกลงกันยังไงแต่ก็คงคุยกันได้ด้วยดีมั้งครับ
     คงเพราะคิดอะไรเพลินๆ รู้ตัวอีกทีผมก็แต่งตัวเกือบเรียบร้อยแล้วเหลือแต่ผูกไทด์ จะว่าไปตอนที่ผมต้องใส่ชุดนิสิตเต็มยศแล้วผูกไทด์เองครั้งแรกพี่ชัชก็เป็นคนสอนผมครับ แต่วิธีสอนของพี่ชัชนั้นทำเอาผมใจเต้นพอสมควรเลย เพราะพี่ชัชให้ผมยืนอยู่ข้างหน้าแล้วก็สอนวิธีผูกไทด์ด้วยตัวเองให้ในระยะประชิดแบบนั้น มันเขินนะครับ
     แต่แฟนผมอ้างว่าผูกให้คนอื่นไม่เป็นๆ แต่ผูกเองเลยต้องสอนด้วยท่านั้น เล่นเอาผมไม่มีสมาธิเพราะมัวแต่อาย ก็ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่เลยนี่ครับยังไม่ชินกับความหื่นของพี่ชัชหรอก ส่วนตอนนี้นะเหรอครับ เฉยๆ แล้วครับ อยู่กับพี่ชัชนานเข้าระดับภูมิต้านทานในตัวผมมันก็สูงตามไปเอง นึกถึงตัวเองที่เมื่อก่อนขี้อายขนาดหนักแบบนั้นแล้วก็อายตัวเองชะมัดเลย
     เสียงพลิกตัวดังมาจากบนเตียงผมหันไปมองดูว่าแฟนของผมตื่นแล้วหรือยัง ปรากฏว่าพี่ชัชยังไม่ตื่นครับ แค่ดิ้นเฉยๆ แต่ใกล้หกโมงแล้ว ถ้าพี่ชัชไม่ตื่นตอนนี้ละก็อาบน้ำแต่งตัวไม่ทันแน่ๆ ครับ ออกหลังเจ็ดโมงรถติดสุดๆ เชียวนะครับ พอผมแต่งตัวเสร็จก็เลยตัดสินใจปลุกพี่ชัช
     “พี่ชัชครับ ตื่นเถอะครับ หกโมงแล้ว”
     “อือ”
     “อือก็ตื่นสิครับ”
     ผมพูดพลางเขย่าตัวพี่ชัชเบาๆ ผมรู้ดีว่าผมยังต้องใช้ความพยายามอีกเยอะครับ
     “ขออีกห้านาทีนะต้น”
     “ไม่ได้ครับ เดี๋ยวก็ไปสายหรอก”
     “ตื่นได้แล้วครับ”
     “พี่ชัชอ่ะ อย่าขี้เกียจสิครับ”
     “พี่ชัชครับ ลุกได้แล้วครับ”
     “ไม่ตื่นเดี๋ยวผมไม่อยู่ปลุกแล้วนะครับ”
     “คร้าบๆ ตื่นแล้วคร้าบ”
     เฮ้อ กว่าจะตื่น เล่นเอาผมเปลืองน้ำลายไปเยอะเหมือนกัน พอมานั่งนึกดูแล้วนี่ผมต้องเหนื่อยปลุกผู้ชายขี้เซาคนนี้มาตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมาเลยเหรอเนี่ย พี่ชัชนี่เกินเยียวยาแล้วครับ พอมีผมมาอยู่ด้วยแล้วก็ทำตัวเอื่อยเฉื่อยเกินไปแล้ว หรือเพราะผมเอาใจพี่ชัชมากเกินไปนะ? ผมควรจะเลิกบริการพี่ชัชซักอาทิตย์ดูดีมั้ยครับ?
     อ๊ะ.... เหมือนผมจะบ่นพี่ชัชอีกแล้วสินะ อย่าถือสาผมเลย คือ... คนเราอยู่ด้วยกันมันก็ต้องมีบ้างแหละครับที่เกิดเบื่อข้อเสียของกันและกันขึ้นมาแบบนี้ แต่ถึงผมจะหงุดหงิดหรือบ่นว่าพี่ชัชในใจขนาดไหนยังไงผมก็ยังทำทุกอย่างให้เขาอยู่ดีนั่นแหละ ก็ทำไงได้มันรักไปแล้ว
     พี่ชัชลุกขึ้นจากที่นอนกระเด้งตัวมาจูบผมแบบไม่ทันตั้งตัว!
     “ตื่นละครับ ต้นนี่ขี้บ่นเป็นบ้าเลยว่ะ”
     เมื่อกี้? พี่ชัช... เมื่อกี้พี่ชัชว่าผมนี่ครับ! พี่ชัชหาว่าผมขี้บ่น
     “พี่ชัชอ่ะ!”
     พี่ชัชบ้า! คิดว่าผมขี้บ่นขึ้นเพราะใครกันละครับ ใครกันที่ชอบทำให้ผมต้องบ่นปากเปียกปากแฉะ เมื่อก่อนผมไม่ใช่คนแบบนี้ซักหน่อย!
     เพราะไม่สามารถระบายอารมณ์ใส่คนที่อยู่ในห้องน้ำได้ผมก็เลยมาลงกับกาแฟในแก้วแทน ตอนที่พี่ชัชแต่งตัวเสร็จอาหารเช้าก็พร้อมแล้วครับ เหมือนพี่ชัชจะรู้ตัวว่าผมงอนก็เลยรีบมาอ้อนผมด้วยการขโมยหอมแก้ม เช้านี้ผมโดนพี่ชัชลวนลามแล้วสองที!
     “มีไรทานมั่งครับ”
     “ไส้กรอกทอด ไข่ดาวกับขนมปังปิ้งครับ แต่แยมหมดนะครับ ทานกับเนยอย่างเดียวก่อนได้มั้ยครับ?”
     “เออ งั้นเย็นนี้เราไปซื้อของกันป่ะ?”
     “อ้าว วันนี้พี่ชัชไม่ออกต่างจังหวัดเหรอครับ?”
     “ไม่อ่ะวันนี้พี่เข้าออฟฟิศ คงเลิกบ่ายๆ แหละ”
     ตารางงานพี่ชัชนี่บางทีก็เปลี่ยนเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยครับ หรือผมจะชินซะแล้วกับการที่แฟนตัวเองกลับบ้านดึกๆ หรือบางวันก็ไม่ได้กลับ แต่น่าเสียดายที่วันนี้ผมไม่ว่าง
     “เอ่อ ผม... เย็นนี้ผมมีนัดแล้วครับ”
     “เหรอ? ไปไหนอ่ะ ขากลับให้พี่ไปรับมั้ย?”
     “ไม่ต้องหรอกครับ ผมนัดกับแม็กซ์เอาไว้ เดี๋ยวแม็กซ์คงมาส่งครับ”
     พี่ชัชชะงักไปนิดหน่อยแต่แล้วก็ทานอาหารเช้าต่อเหมือนไม่ใส่ใจ พี่ชัชไม่ค่อยชอบใจที่ผมไปกับแม็กซ์เท่าไหร่ผมรู้
     “งั้นพี่หาไรกินนอกบ้านเลยละกันนะ ต้นจะได้ไม่ต้องห่วงพี่”
     “ครับ”
     พอเราจัดการมื้อเช้าเสร็จพี่ชัชก็ขับรถไปส่งผมขึ้นรถไฟฟ้าครับ ผมยกมือไหว้ลาพี่ชัชก่อนจะลงจากรถเหมือนทุกวัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อาจจะเพราะท่าทางหงอยๆ ของพี่ชัชมั้งครับผมก็เลยขยับตัวไปหอมแก้มพี่ชัชเบาๆ หนึ่งที พี่ชัชยิ้มให้ผมแล้วก็ขยี้หัวผมเป็นการบอกว่า “ไม่เป็นไร” โชคดีนะครับที่รถพี่ชัชติดฟิล์มกรองแสงค่อนข้างมืด ผมถึงได้กล้าทำอะไรแบบนี้
     การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไม่ใช่แค่ทำให้ภูมิต้านทานความลามกของผมสูงขึ้นนะครับ ยังช่วยลดความเขินอายของผมลงไปเยอะทีเดียว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเรื่องให้เป็นฝ่ายกระทำก่อนแบบนี้ผมไม่กล้าหรอกครับ แต่อยู่ด้วยกันมาขนาดนี้แล้วจะมานั่งเหนียมอายอะไรอีกก็ไม่ไหวแล้ว ถ้าผมตามพี่ชัชไม่ทันผมจะแย่เอา
     เพราะพี่ชัชขี้โมโหมาก เจ้าอารมณ์พอสมควร แล้วก็ขี้หึงสุดๆ ถึงจะเพราะสัญญาที่เคยให้ไว้กับผมพี่ชัชก็เลยไม่เคยอาละวาดใส่ผมอีก แต่บางครั้งสังเกตสีหน้าเอาก็รู้ครับว่าพี่ชัชไม่พอใจ เพียงแต่พี่ชัชไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวผมโกรธ เพราะฉะนั้นมันก็ต้องมีบ้างที่ผมต้องคอยหาวิธีเอาใจแฟน
     ละผมสังเกตดูแล้วก็พบว่าพี่ชัชชอบให้ผมอ้อนมากๆ ถ้าผมออเซาะพี่ชัชหน่อยละก็เดี๋ยวพี่ชัชใจอ่อนทุกทีนั่นแหละครับ เพราะพี่ชัชรู้ดีว่าผมทำแบบนี้กับพี่ชัชคนเดียว พอพี่ชัชรู้ว่าตัวเองสำคัญที่สุดสำหรับผมแล้วก็หายโกรธยิ้มออกมาได้ทุกทีครับ โชคดีที่แฟนผมไม่ใช่พวกคิดมาก หลอกง่ายดีครับ เหมือนด็กๆ ที่ต่อให้โมโหอะไรมาก็ตามแต่พอหายโมโหแล้วก็จะลืมทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย

     ผมไปเรียนตามปกติครับยังคงอยู่กลุ่มเดียวกับแก๊งของผมเหมือนเดิม ถึงแม้ผมกับเมย์จะมองหน้ากันน้อยลงแต่เราสองคนก็ยังนั่งโต๊ะม้าหินร่วมกันอยู่ดี ก็แค่พูดคุยกันน้อยลงมั้งครับ โชคดีที่บ่ายนี้ผมไม่มีเรียนแล้วก็นัดกับแม็กซ์ไว้แล้วพอเรียนเสร็จผมก็เลยนั่งรอแม็กซ์ไม่ได้ไปทานข้าวกลางวันกับเพื่อนคนอื่นๆ
     “ไม่ไปกินข้าวเหรอต้น?”
     ไปป์ที่ไม่ได้ไปทานข้าวกับเพื่อนคนอื่นๆ ในแก๊งเดินมาทักผมที่นั่งอยู่คนเดียว ผมว่าจะรอแม็กซ์ครับก็เลยไม่ได้ไป ส่วนไปป์นี่คงไปทานข้าวกับสาวมาแล้วมั้งครับ เพราะพอหมดคาบปุ๊ป เจ้าตัวก็หายแว๊บออกจากห้องเรียนทันที
     “ไม่อ่ะ เรารอเพื่อนเราอยู่ เดี๋ยวจะไปทานข้าวด้วยกัน”
     “ไม่หิวเหรอ?”
     “ไม่หรอก เรารองท้องแล้วนิดหน่อย”
     “รอใครอยู่อ่ะ ใช่เด็กวิดวะคนนั้นป่ะ?”
     “ยุ่งแล้ว!”
     “ก็อยากรู้นี่นาว่าใครกันที่ทำให้ต้นอุตส่าอดข้าวรอ”
     “มันใช่เรื่องของนายมั้ย? ว่างนักก็เอาเลคเชอร์เราไปลอกไป หลับตลอดคาบอีกแล้วนะนาย”
     “ก็มันง่วงนี่”
     ผมนั่งอธิบายเนื้อหาที่พวกเราเรียนวันนี้ให้ไปป์ได้อีกซักพัก พวกเพื่อนๆ เราบางคนก็เริ่มกลับมารวมตัวกันแล้วที่ใต้ตึกภาค พวกเราเรียนหนักครับ วิชาแต่ละวิชาก็ยากด้วย นอกจากการบ้านในแต่ละวันแล้วรายงานก็เยอะ ก็เลยมักจะรวมตัวกันทำให้มันเสร็จๆ ไปเลยก่อนจะกลับบ้าน แน่นอนว่าผมนะครับที่ทำ ส่วนคนอื่นรอลอก
     เพื่อนบางคนก็มาให้ผมช่วยอธิบายเรื่องเนื้อหาบางอย่างที่ตัวเองไม่เข้าใจ ใกล้สอบแล้วครับ อะไรที่ยังไม่เข้าใจก็ต้องเข้าใจให้ได้ ผมกลายเป็นสารานุกรมประจำรุ่นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จริงๆ ที่คนเก่งๆ เหมือนผมก็ยังพอมีอีกหลายคนนะครับ แต่ว่ามักจะอธิบายไม่เก่ง ส่วนเมย์ก็มักจะชอบวีนใส่ทำท่ารำคาญเวลามีคนถามเซ้าซี้ ไม่เหมือนผมที่ใจเย็นอธิบายจนกว่าเจ้าตัวจะเข้าใจ โอมยังชมผมอยู่เสมอๆ เลยครับว่าผมสอนเก่ง ผมมาคิดๆ ดูแล้วไม่แน่ผมอาจจะอยากเป็นอาจารย์ก็ได้ครับ
     ผมนั่งติวอยู่กับเพื่อนๆ อีกพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์สองล้อขนาดใหญ่ดังเข้ามาใกล้ พอหันไปดูก็เห็นผู้ชายคนนึงขับบิ๊กไบค์เข้ามา
     แม็กซ์นายกล้ามากขับเข้ามาจอดถึงตรงนี้เลย!
     ไม่มีคนอื่นอีกแล้วครับ ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าต้องเป็นแม็กซ์แน่ๆ ตั้งแต่ที่รถเลี้ยวเข้ามาใกล้ๆ จนแล่นมาจอดหน้าตึกก็ตกเป็นเป้าสายตาทันที
     ผมไม่อยากเป็นจุดสนใจให้คนในคณะมากไปกว่านี้หรอกนะ แต่ดูท่าคงเลี่ยงไม่ได้แล้ว แม็กซ์ถอดหมวกกันน็อคแล้วรูปซิบเสื้อแจ็คเก็ตออกก่อนจะลงจากรถ ได้เวลารีบหายตัวจากตรงนี้แล้วครับ
     “เอ่อ เราขอตัวก่อนนะต้องกลับแล้ว”
     “อ่าว! มึงจะไปไหนวะต้น?”
     “มีธุระน่ะ ไปก่อนนะ”
     “อ้าว แล้วโจทย์กูล่ะ?”
     ไม่ทันแล้วครับ แม็กซ์ตรงมาทางนี้แล้ว แม็กซ์เดินเข้ามาหาผมพร้อมกับเสียงทักที่ดังขึ้นในเชิงขอโทษ
     “รอนานป่าวต้น โทษทีรถติด”
     “ไม่หรอก นายไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้”
     ผมตอบแม็กซ์เสร็จแล้วก็หันมาขอโทษบรรดาฟิสิก์มุงที่กำลังรอผมติวให้อยู่ สีหน้าแต่ละคนนี่เก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่แล้วครับ
     “ขอโทษนะพวกนาย ไว้พรุ่งนี้ละกัน วันนี้เราติดธุระขอตัวก่อน”
     ผมรีบเก็บของด้วยความรวดเร็วเพราะรำคาญสายตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนๆ นี่ดีแค่ไหนแล้วที่เมย์ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้น พวกที่เหลือก็อันตรายพอกันครับ ชอบพูดไปเรื่อยทั้งนั้น พอผมเก็บของเสร็จก็เดินไปหาแม็กซ์ที่เว้นระยะรอผมอยู่ใกล้ๆ โต๊ะม้าหิน
     “โทษนะ ช้าไปเกือบชั่วโมง ต้นกินไรยัง?”
     “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เราหาอะไรรองท้องเรียบร้อยแล้วล่ะ กะอยู่แล้วว่านายคงมาช้า”
     “โหย! นี่แม็กซ์ก็บิดสุดๆ แล้วนะ ต้นใจร้ายว่ะ”
     “แล้วใครให้ซิ่งขนาดนั้น มันอันตรายนะ แล้วนี่คิดยังไงขับมอเตอร์ไซต์มา?”
     “ก็กลัวต้นรอนานเลยเอาคันนี้มากะจะได้ซิ่งมาเร็วๆ ที่ไหนได้รถโครตติดเลย”
     “ก็ขับซะคันขนาดนี้มันคงซิ่งได้หรอก ถนนในกรุงมันไม่กว้างเหมือนแถวรังสิตนะ”
     แม็กซ์ยิ้มออกมาก่อนจะตอบกลับผม
     “เออ ไอ้เด็กในเมือง ใช่ดิแม็กซ์มันพวกชานเมือง”
     “แม็กซ์ รังสิตน่ะอยู่ปทุมนะ”
     เราสองคนเดินมาถึงเจ้าสองล้อคันใหญ่ของแม็กซ์แล้วครับ นี่อย่าบอกนะว่าวันนี้ผมจะต้องซ้อนท้ายดูคาติคันนี้จริงๆ ถึงผมจะชินกับการซ้อนมอเตอร์ไซค์แม็กซ์แล้วก็เถอะ แต่บิ๊กไบค์นี่มัน... ผมยังไม่เคยแตะมาก่อนในชีวิตเลยครับ
     “เออๆ ใส่หมวกด้วย เดี๋ยวแม็กซ์โดนไถตังค์”
     แม็กซ์พูดแล้วก็ล้วงเอาหมวกกันน็อคอีกใบขึ้นมาใส่ให้ผม หมวกกันน็อคแบบเต็มใบอย่างนี้ใส่ลำบากจังครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะเหรอ แม็กซ์ไม่แตะเลยด้วยซ้ำ ขนาดเจอตำรวจจับยังยัดเงินเลยครับ ผมเห็นแบบนี้ก็เลยขำออกมานิดหน่อย
     “ขำไรต้น?”
     “เปล่า”
     “รู้นะว่าคิดไร คันนี้มันแรงใส่หมวกไว้ปลอดภัยกว่า”
     แม็กซ์พูดพลางขึ้นคร่อมรออยู่ที่ตำแหน่งคนขับเรียบร้อยแล้วครับ
     “ก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
     “เออๆ ขึ้นๆ มาได้แล้ว หิว”
     “คิดว่าหิวเป็นคนเดียวรึไงเล่า!”
     ผมพูดแบบนั้นไปแล้วก็ขึ้นคร่อมบ้าง แต่มันยากกว่าซ้อนมอเตอร์ไซต์ปกตินิดหน่อยครับด้วยความที่มันคันใหญ่กว่ากันเยอะ แถมตำแหน่งที่ซ้อนยังสูงกว่าด้วยต่างจากมอเตอร์ไซค์ปกติ
     “จับแม็กซ์ไว้ด้วย ระวังหล่นล่ะ”
     ตอนที่แม็กซ์พูดแบบนั้นผมยังไม่ทันได้เตรียมตัว แต่พอแม็กซ์สตาร์ทเครื่องเท่านั้นแหละครับผมสะดุ้งเลย ผวากอดแม็กซ์ไปเต็มที่เพราะความสูงที่นั่งอยู่
     “จับก็พอต้นไม่ต้องกอด แม็กซ์เขิน ฮ่าๆ”
     “บ้าดิ! เราตกใจนิดหน่อยหรอก”
     ผมไม่ได้ตั้งใจกอดแม็กซ์ซักหน่อย ผมพยายามปรับตำแหน่งตัวเองแล้วก็เกาะแม็กซ์เอาไว้หลวมๆ แต่แม็กซ์กลับดึงมือผมให้กอดตัวเองกระชับเข้าไปอีก และแล้วแม็กซ์ก็ควบคุมเจ้ายักษ์คันนี้ให้พาผมออกไปสู่ถนนข้างหน้าครับ วิวที่ผมเห็นวันนี้มันต่างกับวันอื่นจริงๆ ขนาดวันที่ผมนั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างยังไม่ตื่นเต้นเท่านี้เลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อา... นังน้องต้น สิ่งที่เธอทำมันเรียกว่ากิ๊กป่ะ? แต่น้องต้นบริสุทธิ์ใจจริงๆ นะนั่น ส่วนแม็กซ์ เหอๆ สองคนนี้กลับมารียูเนี่ยนกลับแย้ว!
สงสารพี่ชัชจริงๆ แต่เอาความจริงนะ มนุษย์เงินเดือนที่ไหนจะว่างไปนั่งเฝ้าเมียทั้งวันถ้าไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัทที่ชอบอู้งาน ดังนั้นพี่ชัชก็เลยต้องไปทำงาน ทิ้งน้องต้นไว้กับผองเพื่อน

อย่านิยายเรื่องนี้อย่าคาดหวังอะไรมาก มันแหกขนบนิยายวายพิมพ์นิยมสุดๆ
เริ่มตั้งแต่ตัวเมะเป็นตาลุงธรรมดาๆ นิสัยเห่ยกับเคะสาวแบบโคตรตุ๊ด มีกระเทยอี๊ก อุดมหนุ่มๆ จนเปิดฮาเรมได้แต่ไม่ใช่พล็อตผู้ชายทุกคนมะรุมมะตุ้มแย่งเคะแน่นอน(เทียบสัดส่วนแล้ว) มีตัวร้ายมั้ย? อ่านๆ ไปเดี๋ยวรู้เอง แต่ตัวร้ายเรื่องนี้มีสตอรี่นะเออ! แล้วอย่าแปลกใจถ้าอ่านๆ ไปทำไมรู้สึกตงิดบางฉากบางช็อทบางคำพูด คนเขียนตั้งใจล้วนๆ เหอๆ ไม่มีอะไรมุ้งมิ้ง ไม่มีฉากเซ็กเด็ดๆ อย่างดีมีแค่ฉากหื่นๆ ออกทะเลเพียบ แต่ถ้าชอบเรื่องราวระหว่างเพื่อน การเรียนรู้ปรับตัวในสังคม การฝ่าฟันมรสุมชีวิตคู่ จัดเต็มแน่นอน แค่ฟังพี่ชัชบ่นก็เรียลแล้ว ฮ่าๆ

อยากฟินอาจจะต้องไปเรื่องอื่น แต่ถ้าอยากอินมาทางนี้รับรองอินแน่ๆ ถึงขั้นหน่วงจิตกันเลยทีเดียว มาตามติดชีวิตน้องต้นกันเถอะ!

พล่ามเยอะเพราะบทหน้าเข้าเรื่องดราม่าแล้ว อิ อิ o18
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#24/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # พิเศษ2
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 24-10-2014 20:14:31
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 2

สายธาร พิสุทธิจักร

     สายธารเหนื่อยเหลือเกิน วันนี้เธอมีงานต้องไปออกบูธตั้งแต่เช้ากว่าจะกลับบ้านได้ก็ปาไปสามสี่ทุ่ม เธอเป็นห่วงต้นน้ำที่ต้องอยู่คนเดียว แม้ว่าลูกชายเธอจะขึ้น ป. 1 แล้ว แต่เธอก็ยังอดเป็นห่วงลูกไม่ได้ ต้นน้ำไปกลับโดยรถตู้ของโรงเรียน แม้เธอจะไม่ต้องลำบากไปรับไปส่งลูก แต่กลับมาแล้วต้นน้ำก็ต้องอยู่ในห้องพักตามลำพังเพียงคนเดียว ครั้นจะจ้างพี่เลี้ยงเด็กก็สิ้นเปลือง เธอไม่สะดวกจะให้ใครมาอยู่ในห้องตัวเอง ถึงแม้เธอจะไม่ต้องจ่ายค่าเช่าห้องที่อาศัยอยู่ แต่ค่ากินอยู่รวมถึงทุนการศึกษาสำหรับต้นน้ำก็มากโข เธอไม่ต้องการให้ลูกอยู่อย่างลำบาก แม้จะต้องเลี้ยงดูต้นน้ำตามลำพังแต่เธอก็ตั้งใจจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกเท่าที่เธอจะทำได้ เธอจึงต้องรับงานหนักเช่นนี้จนแทบไม่มีเวลาให้กับลูก
     และเมื่อเธอกลับมาถึงห้องพัก เธอก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นต้นน้ำเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าอ่างล้างจาน ต้นน้ำที่ยังสูงไม่มากกำลังยืนอยู่บนเก้าอี้ที่เอามาต่อ และกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่
     “ทำอะไรอยู่ครับน้องต้น?”
     “คุณแม่!”
     เด็กชายตัวน้อยตกใจจนรีบซ่อนหม้อหุงข้าวใบเล็กไว้ด้านหลังตนทันที เธอจึงเดินเข้าไปหาลูกชายของเธอ ต้นน้ำเองก็ยิ่งลนลานสีหน้าไม่สู้ดีนักประหนึ่งทำความผิดเอาไว้ และเมื่อเธอเดินไปถึงก็พบว่าในอ่างล้างจานมีเมล็ดข้าวเม็ดเล็กๆ หกเต็มไปหมด เด็กชายกำลังง่วงอยู่กับการเก็บเมล็ดข้าวพวกนั้นอยู่
     “ทำไมน้องต้นเอาข้าวมาเล่นแบบนี้ละครับ?”
     “ผมเปล่านะครับ!”
     เด็กชายตัวน้อยเบะปากทำท่าราวกับจะร้องไห้ น้ำใสๆ รื้นขอบตาเพราะถูกดุ เห็นดังนั้นแม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อยแต่เธอก็ทำใจดุลูกไม่ลง สายธารเดินเข้าไปหาลูกแล้วกอดต้นน้ำเอาไว้ เด็กชายได้แต่ยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับ จนกระทั่งเธอลูบหัวลูกนั่นแหละ ต้นน้ำถึงได้กอดตอบเธอแล้วก็ซุกหน้าลงกับไหล่พลางสะอื้น
     “ไหนน้องต้นลองบอกคุณแม่มาสิครับว่าทำไมถึงได้ทำข้าวหกเละเทะแบบนี้”
     ต้นน้ำอึกอักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเฉลยเบาๆ ให้เธอได้ฟัง
     “ผม... ผม ผมหิวข้าวครับคุณแม่ ผมเลยจะหุงข้าว แต่...”
     “อ้าว! ทำไมถึงหิวละครับ? ตายแล้ว น้องต้นยังไม่ได้ทานข้าวเย็นหรอกเหรอลูก!”
     “ครับ”
     “แล้วทำไมน้องต้นไม่ซื้ออะไรมาทานละครับ คุณแม่ให้เงินไว้แล้วนี่นา คุณแม่บอกน้องต้นแล้วไงครับว่าวันนี้คุณแม่กลับดึก!”
     “ผม... ฮึก ฮึก ผม แง๊!
     “โอ๋ๆ ไม่เอาครับ ไม่ร้องนะครับคนดี คุณแม่ไม่ได้ดุน้องต้นนะครับ”
     สายธารรีบปลอบลูกทันทีที่ลูกชายของเธอเริ่มร้องไห้ เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานเธอจึงเผลอใส่อารมณ์ในน้ำเสียงจนต้นน้ำตกใจ ลูกชายของเธอทั้งขี้แยและขี้กลัว ถ้าถูกเธอดุทีไรเป็นต้องร้องไห้สะอึกสะอื้นแบบนี้ทุกครั้ง
     “น้องต้นเล่าให้คุณแม่ฟังได้มั้ยครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
     “ฮือๆ
     ลูกชายของเธอร้องไห้เป็นปี่แตกซะแล้ว กว่าที่ต้นน้ำจะสงบลงได้เธอก็ลำบากพอสมควร การเลี้ยงลูกคนเดียวนี่มันไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะเด็กขี้แยอย่างต้นน้ำ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องไห้ซะแล้ว ทั้งๆ ที่เธอแทบไม่เคยร้องไห้ให้ลูกเห็นด้วยซ้ำ ลูกชายของเธอขี้แยอย่างกับเด็กผู้หญิง
     “ผมทำกระเป๋าตังค์หายครับ เงินที่คุณแม่ให้ไว้เลยหายหมดเลย ผมไม่มีเงินซื้อข้าวกิน”
     ปกติแล้วเมื่อรถโรงเรียนมาส่งต้นน้ำถึงหน้าอพาร์ทเม้นท์แล้ว ต้นน้ำจะเดินขึ้นมายังห้องพักเอง เด็กชายสามารถไขกุญแจเข้าห้องพักเองได้ และต้นน้ำจะโทรไปสั่งข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งขึ้นมาทานเป็นอาหารเย็น ลูกเธอจึงไม่ต้องออกไปไหนอยู่แต่ในห้อง เด็กชายมักจะทำการบ้านหรือดูโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ รอเธอกลับมา
     “อ้าว แล้วทำไมน้องต้นไม่ต้มบะหมี่หรือทำโจ้กกินไปก่อนละลูก”
     “มาม่ากับโจ้กหมดแล้วครับ คุณแม่ยังไม่ได้ซื้อมาเลย ผม... ผมหิวก็เลยว่าจะหุงข้าว แต่ผม..”
     พูดได้แค่นั้นแล้วเด็กชายตัวน้อยก็ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าสำนึกผิด
     เอาเถอะเธอผิดเอง เรื่องนี้เป็นความประมาทของเธอที่ไม่รู้จักดูจำนวนเสบียงฉุกเฉินไว้ให้ดี ต้นน้ำจึงเกิดความคิดว่าจะหุงข้าวทานเองแบบนี้
     ลูกชายเธอเป็นเด็กฉลาด เรียนรู้ไว และชอบที่จะแบ่งเบาภาระของเธอ โดยเฉพาะพยายามจัดการเรื่องส่วนตัวไม่ให้เป็นภาระแก่เธอ ต้นน้ำจะรีบทำทุกอย่างไม่ต้องให้เธอเอ่ยปากทั้งเรื่องอาบน้ำหรือทำการบ้าน เด็กชายยังรู้จักจัดกระเป๋าเตรียมตัวไปโรงเรียนในแต่ละวันด้วยตัวเองอีกต่างหาก
     ดูท่าวันนี้เธอต้องสอนลูกชายหุงข้าวเสียแล้วสิ คิดแล้วเธอก็หอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่
     “ทีหลังห้ามน้องต้นทำอะไรเองแบบนี้นะครับ ต้องให้คุณแม่สอนก่อนรู้มั้ย”
     “ก็ผมเห็นคุณแม่ทำตั้งหลายครั้งแล้วนี่นา ผมก็เลย”
     “น้องต้นรู้แต่ไม่ได้แปลว่าน้องต้นทำได้นะครับ จำได้มั้ยตอนที่น้องต้นใช้ไมโครเวฟครั้งแรก น้องต้นเห็นคุณแม่กดปุ่ม น้องต้นก็จะกดตามแต่น้องต้นไม่รู้ว่าต้องกดปุ่มไหน?”
     “จำได้ครับ”
     “เห็นมั้ย ถ้าคราวนั้นคุณแม่ไม่อธิบายน้องต้นก็จะไม่เข้าใจ ทีหลังห้ามทำอะไรเองก่อนแบบนี้อีกนะครับ”
     “ครับ ทีหลังผมจะให้คุณแม่สอนก่อนครับ”
     “มา งั้นเดี๋ยวคุณแม่สอนเราหุงข้าวนะ ไหนดูสิ ในตู้เย็นยังเหลืออะไรบ้าง น้องต้นอยากทานข้าวกับอะไรครับ?”
     “เอาไข่เจียวก็ได้ครับ คุณแม่ทำไข่เจียวอร่อย”
     “ครับ”
     ลูกชายตัวน้อยยิ้มให้เธออย่างสดใส แก้วตาดวงใจของเธอช่างน่ารักน่าชัง เป็นเด็กดีแม้จะซนไปบ้างแต่ก็ไม่เคยดื้อกับเธอเลยซักครั้ง เธออดคิดไม่ได้ว่าโชคดีจริงๆ ทั้งที่ตอนนั้นที่เธอตัดสินใจบ้าๆ ลงไปแต่ต้นน้ำก็รอดมาได้ เธอถึงได้มีลูกชายที่สุดแสนจะน่ารักคนนี้ไว้เป็นเพื่อนคลายเหงา แม้จะต้องทำงานหนักเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่เธอก็จะขอสู้เพื่อลูก!
   
     วันนี้สายธารพาลูกชายมาซื้อของใช้ในบ้านที่ห้างสรรพสินค้า ธนพลเพื่อนของเธอว่างจึงอาสามาขับรถให้ พลเป็นเพื่อนรักที่ช่วยเหลือเธอกับลูกไว้มากจนเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนบุญคุณเพื่อนคนนี้อย่างไรดี แต่ถ้าจะให้เธอแต่งงานกับเขาละก็เธอไม่คิดว่านั่นจะเป็นการดี แม้เพื่อนของเธอจะคะยั้นคะยอว่าเป็นทางออกที่ดีที่ต้นน้ำจะได้มีพ่อก็ตาม แต่เธอไม่คิดว่าวิธีแก้ปัญหาแบบนั้นจะดีทั้งต่อตัวธนพลเองและต่อตัวเธอกับลูก
      ต้นน้ำรับรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อเหมือนเด็กคนอื่นๆ เด็กชายเคยเอ่ยปากถามในวันวานที่ยังเป็นเด็กน้อยแล้วสงสัยว่าทำไมตนจึงไม่มีพ่อเหมือนเด็กคนอื่นๆ และเธอก็ตัดสินใจเล่าไปตรงๆ ว่าพ่อของเขาไม่ต้องการเธอกับเขา เด็กน้อยฟังแล้วไม่เข้าใจซักถามต่อ เธอจึงบอกกับลูกว่าเพราะเธอกับพ่อของเขาไม่ได้รักกัน พ่อของเขาไม่ต้องการเขาแต่เธอต้องการดังนั้นเขาจึงต้องอยู่กับเธอสองแม่ลูก ส่วนลุงธนพลก็เป็นเพื่อนรักของแม่ที่จะช่วยดูแลเขา ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องมีพ่ออีก
     สายธารปล่อยให้ต้นน้ำไปวิ่งเล่นในบ้านของเล่น ส่วนเธอกับเพื่อนก็นั่งคุยกันที่คาเฟ่ข้างๆ รอ ลูกชายของเธอวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานสมวัย แม้ว่าจะไม่ค่อยกล้าเข้าไปรวมกลุ่มกับเด็กคนอื่นๆ ที่เล่นอยู่ก่อนแล้วมากนัก แต่ไม่นานก็มีเด็กผู้หญิงที่ท่าทางโตกว่านิดหน่อยมาจูงลูกชายเธอไปวิ่งเล่นด้วยกันจนได้ ถึงลูกชายของเธอจะขี้อายแต่ก็หล่อจนสาวหลงตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก เห็นแล้วคนเป็นแม่ก็อดปลื้มไม่ได้
     “นี่น้ำ พลว่าน้ำเลิกทำอาชีพแบบนี้เถอะ”
     “เป็นพริตตี้เงินดีจะตาย”
     “จะทำได้อีกกี่ปี เธอน่ะ 26 แล้วนะ”
     สายธารยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เธอขี้เกียจโต้เถียงกับเพื่อน
     “นะน้ำ เลิกเถอะ เอาวุฒิไปสมัครงานอย่างอื่นก็ได้ หรือถ้าลำบากจะมาทำงานบริษัทป๊าพลก็ได้นะ”
     พลพูดถึงวุฒิบริหารจากมหาวิทยาลัยเปิดที่เธอไปลงเรียนจนพึ่งสำเร็จไปไม่กี่เดือนก่อน
     “ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวก็โดนจับผิดไปกันใหญ่”
     “ก็ไม่เห็นเป็นไร แต่งกับพลไปก็ไม่เสียหายนี่ ดีซะอีกต้นจะได้ไม่ลำบาก พลเห็นต้นมาตั้งแต่เกิดพลก็รักต้นเหมือนลูกแท้ๆ เลยนะ”
     “ไม่เอา น้ำไม่อยากเป็นสะใภ้บ้านพล ถ้าพ่อแม่นายตายเมื่อไหร่แล้วค่อยมาว่ากัน พลดีกับต้นรักต้นน้ำรู้ ให้แต่งกับพลน้ำก็ไม่รังเกียจ แต่ให้ไปเป็นสะใภ้แม่พลน้ำไม่เอาด้วยหรอก เขารู้อยู่แล้วว่าต้นเป็นลูกติดน้ำ เขาไม่มีทางโอเคกับต้นหรอก”
     “แต่ตาต้นเป็นเด็กดีน่ารักจะตาย ป๊ากับม้าน่าจะ”
     “พลฟังน้ำนะ ถ้าพ่อแม่พลบอกให้เรามีลูกอีกคนพลจะทำยังไง ถึงตอนนั้นต่อให้พลบ่ายเบี่ยงแค่ไหนสุดท้ายนิสัยอย่างพลก็ต้องตามใจที่บ้านอยู่ดี ทีนี้แหละตาต้นได้กลายเป็นหมาหัวเน่าแน่ๆ ให้น้ำอุ้มบุญให้พลไปเลยยังจะดีซะกว่า ละถ้าอยู่ๆ ไปแล้วลองคิดดูสิว่าถ้าลูกโตขึ้นรู้ว่าพลเป็นอะไรแล้วพลจะทำยังไง”
     ธนพลทำหน้างอ สิ่งที่สายธารพูดถูกทุกอย่างจนเขาไม่รู้จะเถียงกลับอย่างไรได้แต่จนมุม
     “เชื่อน้ำเถอะ ชิงแต่งงานก่อนไม่ใช่ทางออกของปัญหาหรอก ถ้าพลไม่ยอมบอกที่บ้านก็บ่ายเบี่ยงต่อไปแบบนี้เถอะ จะเล่นบทตามจีบแม่ม่ายลูกติดแบบน้ำต่อไปก็ได้ แต่อย่าแต่งงานกันเลย”
     “แต่ว่า... ถึงยังไงพลก็ห่วงน้ำจริงๆ นะ พลเป็นห่วงต้นด้วย น้ำทิ้งต้นไว้แบบนั้นมันอันตรายนะ ตาต้นพึ่งจะเจ็ดขวบเอง”
     “ลูกน้ำต้องอยู่ได้พล เรามีกันสองแม่ลูก ตาต้นต้องอยู่ได้ด้วยตัวเองในวันที่น้ำไปทำงาน”
     “เธอเป็นแม่สิงโตรึยังไงฮะน้ำ! บอกให้เอาต้นมาฝากไว้ที่พลก็ไม่เอา ให้หาพี่เลี้ยงเด็กก็ไม่เอา”
     “ถ้าเอาไปฝากพลมันลำบากนี่ เสียเวลาไปรับไปส่งอีก ให้กลับรถโรงเรียนอยู่แต่ในห้องน่ะดีแล้ว แล้วน้ำก็ไม่มีเงินจ้างพี่เลี้ยงเด็กหรอก ดีไม่ดีให้อยู่กับพี่เลี้ยงนั่นแหละอันตรายกว่าอีก สมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน ให้ต้นอยู่แต่ในห้องยังจะปลอดภัยซะกว่า ตาต้นไม่กล้าดื้อหรอก แล้วก็ไม่ซนด้วย น้ำอยู่นอกบ้านก็ทำงานสบายใจ”
     “เฮอะ! เชื่อเขาเลย เอาเถอะพลไม่เถียงกับน้ำแล้ว แต่ถ้าวันไหนน้ำกลับดึกหรือไปทำงานแบบนั้นอีก มาบอกพลก็ได้นะ พลจะไปอยู่เป็นเพื่อนตาต้นให้”
     “ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เกรงใจพล งานน้ำก็ดึกเกือบทุกวันน่ะแหละ”
     “ดึกเกือบทุกวันแล้วก็ยังทิ้งลูกไว้แบบนั้นทุกวัน! โอ้ยน้ำ พลฟังแล้วจะเป็นลม”
     “ช่วยไม่ได้นี่ ก็จ็อบกลางคืนเงินมันดี พอส่งตาต้นเข้านอนแล้วก็ไม่มีอะไรแล้วนี่นา น้ำทำงานได้สะดวก”
     “เธอก็เลยบังคับลูกนอนแต่หัวค่ำทุกวันแล้วก็ออกไปรับงานพิเศษทุกคืนเนี่ยนะ?”
     สายธารยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
     “ถึงไม่เป็นห่วงลูกก็เป็นห่วงตัวเองบ้างเถอะน้ำ”
     “บ้า! เราระมัดระวังอย่างดีนะ มันก็เสี่ยงพอๆ กับนายนั่นแหละพล!”
     “พลไม่ได้หมายถึงแบบนั้น แต่พลหมายถึงว่าถ้าพวกป๋าของน้ำพวกนั้นรู้ว่าน้ำมีลูกมีเต้าแล้วจะทำยังไง”
     “แขกของน้ำคุยรู้เรื่องจ้ะ น้ำทำงานของน้ำเต็มที่ มีกฏอยู่ แขกพวกนั้นเองส่วนใหญ่ก็มีครอบครัวแล้ว เขาไม่สนใจเรื่องว่าน้ำจะมีใครหรอก แค่อย่าให้มันเสียเวลารบกวนความสุขของเขาก็พอ”
     “ก็นั่นแหละ ก็เพราะน้ำมีลูกนั่นแหละ เกิดบ้านใหญ่พวกแขกพวกนั้นเกิดเข้าใจผิดว่าน้ำเป็นบ้านเล็กแล้วตาต้นเป็นลูกลับๆ ... โอ๊ย เกิดมีเรื่องยุ่งๆ ละน้ำจะทำยังไง แขกของน้ำแต่ละคนมีฐานะทั้งนั้น ถ้าบรรดาเมียๆ เขาจ้างนักสืบล่ะ เกิดเขาตามน้ำมาละแล้วเกิดมาทำอะไรตาต้นล่ะ”
     “บ้า พลนี่ฟุ้งซ่านไปใหญ่แล้ว!”
     “ก็พลเป็นห่วงน้ำกับต้นนี่ แล้วไหนจะยังเรื่องตาต้นอีก อาชีพแบบนี้ต่อให้บอกว่าทำเพื่อลูก แต่คนเป็นลูกก็ภูมิใจลำบากนะน้ำ ถึงจะบอกว่าแค่นั่งคุย ไปกินข้าว ไปเที่ยวกันเฉยๆ แต่ศักดิ์ศรีมันก็แทบไม่เหลือนะน้ำ ไหนจะยัง... บางครั้งของน้ำนั่นอีก พลเคยบอกแล้วไงว่าถ้าช็อตก็ให้มาบอกพล พลจะเป็นป๋าให้เอง”
     “พลเป็นเพื่อนน้ำนะ ให้เพื่อนเลี้ยงดูได้ยังไง แค่ลำพังให้อยู่ฟรีไม่เก็บค่าเช่ามาตลอดหลายปีนี่น้ำก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว”
     “ก็เห็นน้ำหาเงินแบบนั้นแล้วพลเป็นห่วงนี่ เลิกเถอะนะพลขอร้อง”
     “ก็แล้วมันมีงานอื่นที่เงินดีแบบนี้มั้ยล่ะ? น้ำยังสาวยังสวยอยู่ยังขายได้ก็ต้องรีบขายไว้ก่อนสิพล ก่อนที่น้ำจะไม่เหลืออะไรไว้ใช้กอบโกย เพราะน้ำรู้นั่นแหละ น้ำถึงได้ต้องรีบหาเงินในตอนที่ยังหาได้แบบนี้”
     ธนพลไม่สามารถตอบโต้อะไรได้อีก เขาเข้าใจเหตุผลของเพื่อนดี แม้อยากจะแย้งมากแค่ไหนแต่ก็จนปัญญา ได้แต่สงสารสองแม่ลูกอยู่ในใจเงียบๆ เพราะรู้ดีว่าเพื่อนรักเป็นคนเจ้าทิฐิ คงไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเขาแน่ๆ แม้ว่าเขาจะเต็มใจมากแค่ไหนก็ตาม ดูท่าคงต้องหาทางอื่นเสียแล้ว
     ชายหนุ่มได้แต่มองไปทางเด็กชายตัวน้อยๆ ที่วิ่งเล่นอยู่ในบ้านของเล่นอย่างสนุกสนาน แม้จะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาแต่ก็ผูกพันกันราวกับสายเลือดแท้ๆ โดยเฉพาะเมื่อเขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางมีครอบครัวได้เหมือนผู้ชายปกติ ธนพลนึกย้อนไปถึงเมื่อวันที่ต้นน้ำเกิด เขาเกือบจะให้ใส่ชื่อตัวเองลงในช่องบิดาแล้ว แต่สายธารกลับไม่ยอม ดังนั้นเขาจึงได้เป็นแค่คุณลุงเพื่อนของคุณแม่อยู่แบบนี้ ทั้งๆ ที่ในใจเขาเอ็นดูต้นน้ำไม่ต่างอะไรกับลูกแท้ๆ ของตัวเอง ธนพลนึกสงสารต้นน้ำเป็นยิ่งนัก

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


วายร้ายของเรื่องก็เคยมีช่วงเวลาโมเอ้ แต่แม่น้ำของน้องต้นนี่แซ่บดีจริงๆ ภาคสองนี้นางมีบทอีกแน่ๆ พี่ชัชล้างคอรอได้เลย!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#24/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน6
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 24-10-2014 21:11:56
ดราม่าของเด็กเลี้ยงแกะ

โอม

     วันนี้พวกผมมีสอบครับ พอสอบเสร็จพวกเราเลยไปกินข้าวกลางวันด้วยกันเป็นกลุ่ม เนื่องจากเรื่องผิดใจกันคราวก่อนถึงต้นจะทำตัวปกติแต่เมย์ก็ยังไม่พอใจเพราะต้นยังไม่ได้ขอโทษ ผมคิดว่าต้นคงไม่มีวันไปขอโทษหรือง้อเมย์หรอกครับ สภาพของพวกเราหกคนตอนนี้เลยเหมือนสงครามเย็นหน่อยๆ ถึงจะไปไหนมาไหนหรือนั่งติวอยู่ด้วยกันแต่บรรยากาศก็อึมครึมมากๆ
     พักหลังนอกจากที่ต้นจะไปขลุกที่ห้องชมรมแล้วมักจะมีคนมารับบ่อยๆ คนที่มาหาต้นก็คือผู้ชายคนนั้น บางวันเขาก็มารอต้นตั้งแต่เที่ยง ต้นไปกับเขาบ่อยมากจนพักนี้ไม่ค่อยกลับบ้านกับผมเลย แต่วันนี้มีแลปรวมพอเสร็จแล้วพวกเราเลยมานั่งทานข้าวกลางวันด้วยกัน
     ผู้คนในโรงอาหารพลุกพล่านเพราะเป็นช่วงเที่ยงวันพอดี โชคดีที่เราหาโต๊ะได้พอกับจำนวนคน เป็นโต๊ะแถวนอกสุดติดกับฝั่งร้านขายอาหาร ต้นนั่งอยู่ฝั่งนอกตรงข้ามกับผม ข้างๆ ไปป์กับป่าน ส่วนข้างๆ ผมก็เป็นแก้วกับเมย์ พวกเราผลัดกันเฝ้าโต๊ะแล้วเดินไปซื้ออาหารโดยมีผมนั่งเฝ้าโต๊ะกับต้น แต่ต้นฝากไปป์ไปสั่งข้าวมันไก่เหมือนกันก็เลยไม่ต้องลุกไปซื้ออาหารอีก ป่านเดินถือจานข้าวกลับมาแล้วแต่เมย์กับแก้วยังไม่มา ผมคิดว่าผมคงลุกออกไปซื้อข้าวกลางวันได้แล้วเพราะมีต้นกับไปป์อยู่ที่โต๊ะเฝ้าของให้ทุกคน พวกเราคงนั่งทานข้าวกันตามปกติถ้าไม่เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นเสียก่อน
     ตอนที่ต้นกำลังคุยกับไปป์เรื่องน้ำจิ้มข้าวมันไก่ แล้วผมก็ถามต้นว่าจะเอาน้ำอะไรมั้ยผมจะซื้อมาให้ ต้นเงยหน้ามาบอกผมว่าขอน้ำเปล่าไม่แช่เย็น ส่วนไปป์กำลังเถียงว่าต้นเรื่องมากเพราะไปป์ซื้อน้ำอัดลมกับน้ำแข็งมาให้ต้นแล้ว ทุกๆ อย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก มีผู้หญิงคนหนึ่งเธอเดินถือชามก๋วยเตี๋ยวผ่านมาข้างหลังต้น แล้วก็มีผู้ชายอีกคนเดินมาชนข้อศอกเธอ น้ำก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ก็เลยกระฉอกออกมา เธอสะดุ้ง แล้วก็ปล่อยชามก๋วยเตี๋ยวร่วงลงกลางหลังต้น!
     “โอ๊ย!
     ต้นสะดุ้งแล้วก็ร้องออกมา เสื้อแขนยาวสีขาวของต้นเปื้อนสีชมพูของซอสเย็นตาโฟเต็มไปหมด ผมตกใจทำอะไรไม่ถูกแต่ไปป์ไวว่าผม เขาคว้าแก้วที่มีน้ำแข็งราดลงไปบนหลังต้น
     “โอ้ย ร้อน!
     ต้นร้องดังมากจนคนในโรงอาหารตกใจ ป่านรีบวิ่งมาหาต้น ส่วนพี่ผู้หญิงคนนั้นก็รีบขอโทษต้นใหญ่เลยครับ เธอพยายามส่งทิชชู่ให้พวกเรา
     “ช่วยด้วย แสบ!
     ต้นร้องลั่นแถมยังดิ้นใหญ่เลยครับ
     “พี่ๆ ขอน้ำหน่อยคับ”
     ไปป์หันไปขอน้ำจากคนข้างๆ ป่านก็เลยช่วยด้วย เธอเอาน้ำเปล่าเย็นๆ ที่มีคนส่งให้ราดหลังต้น ผมเองก็พยายามช่วยหาน้ำแข็งมาให้ไปป์
     “ต้น! ถอดเสื้อออกมาก่อน โดนถึงกางเกงป่าว?”
     ไปป์บอกให้ต้นรีบถอดเสื้อออก พวกเราช่วยต้นถอดเสื้อ ตอนนี้สีหน้าต้นดูแย่มากๆ พอต้นถอดเสื้อออกมา หลังของต้นแดงมากๆ ไปป์พยายามเอาทิชชู่ซับน้ำเย็นเช็ดหลังให้ต้น ตอนนี้ต้นร้องไห้แล้วผมเห็นต้นน้ำตาไหลแล้วก็เริ่มครางออกมาเบาๆ
     “เฮ้ยแก เบาๆ อย่าทำแรงต้นมันเจ็บนะไปป์”
     เมย์กับแก้วกลับมาพอดีครับ
     “เกิดไรขึ้นอ่ะ?”
     “ต้นโดนน้ำก๋วยเตี๋ยวลวก”
     พอเมย์กับแก้วเห็นแผ่นหลังที่กลายเป็นสีแดงของต้นก็พากันหน้าถอดสี
     “อาการไม่ดีแบบนี้พาต้นไปหาหมอดีกว่ามั้ง”
     “แล้วจะไปทั้งแบบนี้เหรอ?”
     “เฮ้ย เราพาต้นไปหาหมอก่อนนะ พวกเธอเก็บของแล้วตามมาละกัน ฝากบอกอาจารย์ว่าเราลาคาบบ่ายด้วย”
     ไปป์พาต้นไปหาหมอครับ ส่วนผมก็วิ่งไปขอยืมเสื้อจากรุ่นพี่ในคณะ ผมจำได้ว่าในคณะมีรุ่นพี่บางคนที่ชอบเอาเสื้อผ้ามาทิ้งไว้ในห้องภาค โชคดีที่โรงอาหารนี้ใกล้กับตึกภาคพอสมควร พอผมได้เสื้อแล้วก็รีบไปหาต้นกับไปป์ ผมไปถึงตอนที่ต้นทำแผลเกือบเสร็จแล้ว โชคดีที่ต้นไม่เป็นอะไรมาก หมอบอกว่าเพราะไปป์ปฐมพยาบาลได้ทัน หมอทายาให้ต้นแล้วกำชับให้ต้นทายาที่แผลทุกวัน
     พอทำแผลเสร็จพวกเราประคองต้นไปเข้าห้องน้ำ กางเกงของต้นเลอะนิดหน่อยแต่ไม่มากโชคดีที่ผ้าหนา แต่เสื้อตัวที่ต้นใส่อยู่สภาพแย่มาก ผมก็เลยอาสาซักน้ำเปล่าให้ต้นก่อน ส่วนไปป์ช่วยต้นใส่เสื้อตัวใหม่เพราะต้นเจ็บหลังมากๆ ผมเห็นต้นขยับแขนด้วยความลำบาก สีหน้าของต้นดูเจ็บปวดมาก ผมช่วยอะไรต้นไม่ได้เลย ผมของต้นเปื้อนนิดหน่อย ผมก็เลยช่วยไปป์ใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำล้างด้านหลังให้ต้น
     ตอนนี้ต้นดูค่อนข้างโอเคแล้วถึงจะยังดูเจ็บแผลโดนลวกตรงหลังอยู่แต่ก็ดูมีสติและไม่ตกใจมากเหมือนก่อนหน้านี้
     เมื่อครู่ตอนที่ต้นโดนลวก ผมตกใจจริงๆ นะครับ ต้นร้องดังมากๆ และดูทุรนทุราย ผมไม่เคยเห็นต้นเป็นแบบนั้นเลย
     ต้นพยายามล้างหน้าและคราบเหนียวๆ ออกจากผมตัวเอง ตอนที่ต้นกำลังก้มตัวไปล้างหน้าอยู่เหนืออ่างล้างมือ ระหว่างนั้นเอง ไปป์ก็พูดขึ้นมา
     “ต้น นายสักด้วยเหรอ ตรงหลังอ่ะ”
     ผมเห็นต้นหันมามองหน้าไปป์ แต่เพราะต้นพึ่งร้องไห้หรือเปล่าไม่รู้ผมเลยรู้สึกว่าเหมือนเห็นต้นตาแดงๆ แต่แววตาของต้นไม่ได้ดูเศร้าหรือเสียใจแบบคนร้องไห้หรอกนะครับ มันดูลึกลับมากกว่า
     “เห็นด้วยเหรอ? เราไม่ได้สักตรงกลางหลังซักหน่อย”
     อันที่จริงผมก็เห็นครับ แต่ผมไม่กล้าถาม ผมไม่กล้าถามว่าตัว C กับตัว T ในรูปหัวใจหมายความว่าอะไร ผมเห็นรอยสักของต้นชัดมากๆ ตอนที่ช่วยเช็ดกางเกงข้างหลังให้ต้นเมื่อกี้
     “เห็น ไม่อยากจะเชื่อเลยนายสักกับเขาด้วย ลายไรอ่ะขอดูหน่อย?”
     “จะดูทำไม?”
     “ก็มันแปลกดี อยากรู้ว่าลายอะไร นายไม่กลัวเจ็บเหรอ”
     ต้นมองหน้าไปป์อยู่พักนึงแล้วก็ปลดกระดุมกางเกงเลื่อนซิบออก หันหลังให้ไปป์
     “จะดูก็ตามใจ แต่มันอยู่ต่ำนะ นายกล้าดูเหรอ?”
     “กล้า”
     ไปป์พูดพร้อมกับดึงกางเกงของต้นลงอีกนิดหน่อย ทำให้เนินสะโพกของต้นปรากฏสู่สายตาของพวกเรา ผิวของต้นขาวมากจริงๆ ผมอดรู้สึกแปลกๆ ในใจไม่ได้ แต่ไปป์กลับไม่มีอาการประหลาดเหมือนผม
     “ลายธรรมดาๆ นั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอก”
     “ไม่เห็นอ่ะ”
     ไปป์พูดพร้อมกับที่ใช้มือดึงขอบกางเกงในของต้นให้ต่ำลงไปอีก ผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงจนทนไม่ไหวแล้วครับ
     “ไปป์! นั่นมันกางเกงในเรา”
     “ก็มองไม่เห็นอ่ะ โห! สวยว่ะ!”
     รอยสักของต้นเป็นรูปหัวใจที่มีปีกอยู่ข้างๆ ครับ ข้างในหัวใจมีตัวอักษรสองตัวสลักไว้ ตลอดเวลาผมได้แต่ยืนถือเสื้อตัวเก่าของต้นไว้ ไม่กล้าพูดอะไร แค่มองบั้นท้ายของต้นอยู่ห่างๆ แบบนี้ผมก็เขินมากแล้ว
     “C T เฮ้ย หมายถึงอ่ะไรอ่ะต้น มีหัวใจล้อมรอบด้วย?”
     ไปป์ปล่อยมือจากกางเกงของต้นแล้วหันมาถามคำถามแทน เป็นคำถามที่ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน แต่ผมไม่กล้าถามออกมา
     ต้นไม่ยอมตอบอะไรอีกตามเคยครับ เอาแต่มองหน้าพวกเราแล้วก็ยิ้มไม่ยอมตอบคำถาม
     “หัวใจล้อมรอบ C T เฮ้ย! นายมีแฟนแล้วใช่มั้ยต้น?”
     ไปป์ถามแทงใจดำขึ้นอีกแล้ว ผมคิดว่าต้นคงจะไม่ยอมพูดอะไรอีก แต่ว่าในครั้งนี้ต้นกลับเอานิ้วชี้แตะที่ปากแล้วทำท่าบอกให้พวกเราเงียบๆ ไว้
     “เอ้ย! ใช่แน่ๆ ใช่มั้ยๆ บอกเรามาซะดีๆ”
     ไปป์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง อารามดีใจที่รู้ความลับของต้นไปป์ก็เลยเผลอเอาแขนไปพาดคอต้น น่าอิจฉาจังเลยครับ
     “โอ๊ย! เราเจ็บแผลนะไปป์”
     “อ๊ะขอโทษๆ เราลืมไป”
     ถึงต้นจะพูดแบบนั้น แต่ต้นก็ยิ้มให้ไปป์ ต้นไม่เคยโกรธอะไรไปป์เลย ถ้าไปป์ถาม ต่อให้ต้นไม่ยอมตอบคำถาม แต่ก็ไม่เคยทำท่ารำคาญ ผมมองดูพวกเขาสองคนยิ้มให้กันแล้วก็อิจฉาขึ้นมานิดหน่อย ทั้งๆ ที่ผมอยู่กับต้นมากกว่า แต่ต้นเปิดใจให้ไปป์มากกว่าผม คงเพราะไปป์คล้ายกับผู้ชายคนนั้น คนที่ชื่ออาร์มที่ต้นชอบไปนั่งคุยด้วยบ่อยๆ
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ผมกลับมานอนรอพี่ชัชที่ห้องภาค โชคดีที่แผลบนหลังผมไม่เป็นอะไรมาก หมอบอกว่าไม่ถึงขั้นอันตรายหรือเป็นแผลเป็นอะไร คงโชคดีที่น้ำก๋วยเตี๋ยวไม่เดือดมากและไปป์ช่วยปฐมพยาบาลผมได้ทัน ทายาทุกๆ วันก็ไม่น่ามีอะไรน่าเป็นห่วง
     ผมเข้าเรียนคาบบ่ายไม่ทันแล้วก็เลยว่าจะกลับคอนโด ผมนอนรอพี่ชัชอยู่ที่ห้องภาคเพราะตอนที่ผมโทรไปบอกให้มารับพี่เขากำลังติดพันอยู่กับงานเลยขอเวลาอีกซักพักหนึ่งแล้วจะมารับผม พี่ชัชเป็นห่วงผมมากจนผมต้องบอกว่าผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่แค่อยากกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะมันเลอะเทอะไปทั้งตัว
     ไปป์ก็เลยหาข้ออ้างโดดเรียนคาบบ่ายอยู่เป็นเพื่อนผมด้วย แต่ผมไม่ยอมให้โอมโดด โอมเป็นพวกเรียนช้าไม่ควรโดด มีคนคอยเฝ้าผมแค่คนเดียวก็พอแล้ว ไปป์เลยถือโอกาสลากับอาจารย์ได้อย่างถูกต้องแล้วก็มานอนเล่นเกมที่มีรุ่นพี่เอาเครื่องมาทิ้งไว้ในห้องภาคอย่างสนุกสนาน ไม่นานนักพวกเพื่อนๆ เราก็เรียนเสร็จ แต่พี่ชัชยังไม่เสร็จงาน ผมคงต้องรอพี่ชัชอีกซักพักใหญ่ๆ
     เพื่อนบางคนมาถามไถ่อาการของผม โดยเฉพาะเมย์ดูเป็นห่วงผมมาก แต่ผมขี้เกียจตอบคำถามคนอื่นก็เลยแกล้งหลับ ทุกคนเลยหันไปคุยกับไปป์แทน โชคดีที่ผมกำชับไปป์เรื่องรอยสักไว้แล้วไปป์เลยไม่กล้าพูดมาก ส่วนโอมผมไม่คิดว่าคนอย่างโอมจะพูดอะไร
     และในระหว่างที่ผมนอนรอพี่ชัชมารับอยู่นั่นเอง คนที่จะทำให้ผมมีข่าวลือเรื่องใหม่ก็มาถึง
     “นายต้นน้ำอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
     ผมไม่คิดว่าผมจะได้ยินเสียงเขาที่นี่ ผมคงไม่ได้หลับแล้วฝันไปจริงๆ ใช่มั้ยครับ? ผมนอนอยู่ห้องภาคฟิสิกส์ตึกเรียนของภาคตัวเอง ไม่ใช่อยู่ที่ตึกรวมหรือภาคเคมี!
     ไปป์กับพวกเพื่อนๆ ผมต้องรู้จักผู้ชายคนนี้อยู่แล้ว เขาสอนเราเมื่อปีที่แล้วนะครับ ไม่มีใครจำเขาไม่ได้หรอก อาจารย์ต้นตระการ รัตนมงคลไชย อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี!
     “เอ่อ ต้นหลับอยู่คับ”
     เสียงของไปป์ดูงงๆ แน่ละ ผมว่าใครๆ ก็คงงงที่จู่ๆ อาจารย์ภาคเคมีจะมาหาถามผมแบบนี้
     “เธอเป็นคนพาต้นน้ำไปหาหมอใช่ไหม หมอว่ายังไงบ้าง?”
     “เอ่อ หมอบอกว่าไม่เป็นไรมากคับ แค่ให้ทายาทุกวัน”
     เสียงของไปป์ดูงงกับชีวิตมากๆ โชคดีชะมัดที่ผมแกล้งหลับตั้งแต่เมื่อตะกี้เลยไม่ต้องตื่นมาคุยเอง
     “แล้วทำไมเขาถึงได้หลับแบบนี้ละ นายต้นน้ำไม่ได้เป็นอะไรหนักใช่ไหม?”
     “เอ่อ... คับ ต้นคงง่วงมั้งคับอาจารย์”
     ผมอุตส่านึกว่าเขาจะยอมถอยแล้วนะครับ มันผิดวิสัยมากๆ ที่เขาจะมายุ่งกับผมถึงขนาดนี้
     “พวกคุณเล่าเหตุการณ์ให้ผมฟังหน่อยได้ไหม มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมต้นน้ำถึงได้โดนน้ำร้อนลวกได้”
     เขาหันไปคาดคั้นเอากับเพื่อนๆ ของผม ผมไม่เข้าใจเลย เขาจะเข้ามายุ่งวุ่นวายทำไม
     “มันเป็นอุบัติเหตุค่ะ พวกหนูไปกินข้าวกัน แล้วพอดีมีคนสะดุดทำก๋วยเตี๋ยวหกใส่ต้น”
     เมย์ช่วยตอบคำถามให้เขาฟัง เพราะแบบนั้น ผู้ชายคนนี้ก็เลยซักถามรายละเอียดอื่นๆ จากพวกเพื่อนๆ ของผมอีกหลายต่อหลายอย่าง ผมเดาว่าคนอื่นคงงงพอสมควรที่จู่ๆ อาจารย์ภาคเคมีก็มาถามเรื่องส่วนตัวของเด็กภาคฟิสิกส์แบบผม
     เขาจะถามอีกนานมั้ยนะ? เลิกถามได้แล้ว ใจคอจะถามไปถึงว่าผมชอบไปนั่งกินข้าวกลางวันที่ไหนด้วยเลยรึไง!
     “เออนี่ แล้วนายต้นน้ำเขามีปัญหาอะไรไหม?”
     “อาจารย์หมายความว่ายังไงคะ?”
     “หมายถึงเขาเคยบ่นอะไรให้พวกคุณฟังบ้างรึเปล่าน่ะ”
     “ทำไมอาจารย์ดูห่วงต้นจังเลยคับ อาจารย์เป็นไรกับต้นเหรอคับ?”
     นายจะถามทำไมนะไปป์!
     “ผมเป็นลุงของเพื่อนสนิทนายต้นน้ำเขาน่ะ เห็นว่านายต้นน้ำต้องอยู่คนเดียวผมเลยเป็นห่วง เพื่อนของหลานก็เหมือนกับหลานแท้ๆ นั่นแหละ”
    “ผมไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วง!”
     ผมทนไม่ไหวแล้วครับ เขาคิดบ้างมั้ยว่าการที่เขามายุ่งวุ่นวายกับผมแบบนี้คนอื่นจะคิดยังไง ผมคงแกล้งนอนหลับต่อไปไม่ได้แล้ว และที่สำคัญผมไม่ใช่หลานของเขา!
     “อ้าว ตื่นแล้วเหรอคุณ เป็นไงบ้างล่ะ?”
     “ผมสบายดีครับ อาจารย์”
     “ผมได้ยินว่าคุณเกิดอุบัติเหตุขึ้น ผมเป็นห่วงเลยมาดู ถ้าคุณมีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะ”
     “เก็บความหวังดีของอาจารย์ไว้เถอะครับ ผมดูแลตัวเองได้!”
     “เฮ่ยต้น แรงว่ะ!”
     เหมือนผมจะหลุดอีกแล้ว แถมยัง... ต่อหน้าเพื่อนๆ ผมอีก ให้ตายเถอะ! ผู้ชายคนนี้ไม่ควรเข้ามายุ่งกับผมเลย
     “พวกคุณ ผมขอคุยกับนายต้นน้ำซักครู่นะ”
     พวกเพื่อนๆ ผมพากันเผ่นหนีทันทีครับ ผมเองก็พอเข้าใจอยู่ ผมที่เผลอตวาดใส่อาจารย์ไปแรงๆ แบบนั้น ไม่มีใครอยากเข้าใกล้หรอกครับ แล้วไหนผู้ชายคนนี้ยังเอ่ยปากไล่คนอื่นออกไปอีก ให้ตายสิ ผมไม่อยากมองหน้าเขาเลย!
     “คุณเป็นยังไงบ้าง?”
     “ผมสบายดีครับ”
     “คุณควรจะเลิกทิฐิได้แล้ว นายภาสกรบอกผมว่าคุณโดนลวกทั้งหลังไม่ใช่เหรอ”
     “งั้นอาจารย์ก็คงจะได้ยินที่เพื่อนผมบอกว่า แผลไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ทายาก็พอไม่ใช่เหรอครับ”
     “คุณไม่ได้หลับ”
     “นั่นมันเรื่องของผม!”
     ใช่แล้ว นี่มันร่างกายของผม เรื่องของผม เลิกยุ่งกับผมซะที!
     “เฮ้อ เอาเถอะ แล้วนี่ทำไมคุณยังไม่กลับบ้าน มีเรียนอีกเหรอ กลับไปพักผ่อนซะ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องลากลับให้”
     “ผมไม่มีเรียนต่อครับ คงไม่รบกวนอาจารย์ให้ทำเรื่องให้หรอกครับ”
     “อ้าว! ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมยังไม่กลับ? เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านเอง”
     “ไม่จำเป็นครับ ผมโทรบอกพี่ชัชแล้ว เดี๋ยวพี่ชัชก็มารับผมเอง”
     “ตั้งนานแล้วทำไมเขาถึงยังไม่มาอีก! รู้แล้วยังปล่อยให้คุณรออยู่แบบนี้เหรอ ใช้ไม่ได้!”
     “พี่ชัชเขาต้องทำงานหาเลี้ยงผมนะครับ ไม่ได้ว่างงาน! คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าพี่ชัชของผม!”
     “ต้นน้ำ!”
     เอาสิ ผมไม่ยอมแพ้หรอกนะ คนอย่างเขามีสิทธิ์อะไรมาว่าพี่ชัชของผม เขายังไม่เคยทำดีเท่ากับเศษเสี้ยวที่พี่ชัชเคยทำให้ผมเลยด้วยซ้ำ!
     “เก็บของเดี๋ยวนี้ ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน!”
     “ผมบอกว่าผมนัดพี่ชัชมารับผมแล้ว!”
     “ผมสั่งคุณก็ต้องทำตาม อย่าให้ผมต้องบังคับคุณนะ!”
     “คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม”
     ผมนั่งจ้องหน้ากินเลือดกินเนื้อกับเขา ผมไม่ยอมหรอก เอะอะอะไรก็บังคับ ชอบทำมาเป็นสั่ง แต่แล้วท่ามกลางความอึดอัดแบบนี้ ก็มีคนโผล่เข้ามาแทรกอีกแล้ว
     “เราว่าต้นควรจะให้อาจารย์ไปส่งนะ”
     อาร์มโผล่มาจากไหนไม่รู้ แต่เข้ามาแทรกได้จังหวะมากๆ เลยครับ ผมกำลังหาทางออกอยู่พอดี ไม่อยากอยู่กับผู้ชายคนนี้สองต่อสอง มันอึดอัด
     “ขออนุญาตครับอาจารย์”
     อาร์มก้มหัวขออนุญาตผู้ชายคนนั้นแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ ผม
     “ต้น นายให้อาจารย์ไปส่งนายกลับบ้านเหอะ”
     “แต่... นายก็รู้”
     “ตอนนี้ข้างนอกเขากำลังมุงกันใหญ่แล้ว นายคงไม่อยากเถียงกับอาจารย์ต่อหน้าคนอื่นหรอกนะ กลับไปแล้วไปเถียงกันกลางทางยังได้”
     อาร์มพูดกับผมแล้วหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้น
     “อาจารย์คร้าบ ผมว่าอาจารย์ไปถอยรถมารับต้นตรงหน้าตึกนี้เลยดีกว่าครับ ต้นจะได้ไม่ต้องเดินไกล เดี๋ยวผมพาต้นไปส่งที่รถให้เองครับ รับรอง”
     “ผมฝากคุณด้วยนะ อนพัทย์”
     เข้าข้างผู้ชายคนนั้นแบบนี้ผมไม่ปลื้มหรอกนะครับ
     “นายมายุ่งไรด้วย”
     “ก็ไม่อยากยุ่งหรอก แต่... เป็นห่วง เลยแวะมาดู พอมาดูแล้วก็เห็นนายกำลังทะเลาะกับพ่-”
     “อาร์ม!”
     “รู้แล้วๆ ไม่พูดแล้ว ไม่เห็นต้องตะโกนเลย คนอุตส่าเป็นห่วงอ๊า”
     คงเพราะครั้งนี้อาร์มประท้วงผมด้วยเสียงที่สูงขึ้นเหมือนกัน แม้ไม่ถึงกับตวาดกลับมา แต่ก็ร้องประท้วงด้วยน้ำเสียงน้อยใจพอสมควร ผมเลยได้สติ ผมไม่ควรทำแบบนี้กับอาร์ม อาร์มไม่ได้ทำอะไรผิด
     “ขอโทษ ... เราหงุดหงิดไปหน่อย”
     “ไม่เป็นไร”
     อาร์มยิ้มให้ผมเหมือนเดิม แล้วก็ช่วยผมเก็บกระเป๋า
     “กลับไปกับอาจารย์เถอะต้น ไม่งั้นต้นต้องนั่งตอบคำถามคนอื่นแน่”
     อาร์มพูดพร้อมกับบุ้ยปากไปทางหน้าห้อง ผมลืมตัวไปจริงๆ ผมควรจะตัดบทผู้ชายคนนั้นเร็วๆ ให้เรียบร้อยตั้งแต่ทีแรก ไม่ควรจะนั่งต่อล้อต่อเถียงกันให้เป็นเรื่องเป็นราว
     “แต่เราโทรบอกพี่ชัชให้มารับแล้ว”
     “โทรไปบอกใหม่ดิ บอกแฟนต้นให้ไปรอที่บ้าน ให้จารย์แกไปส่งเถอะ ถ้าแกไม่ห่วง แกไม่เดินมาถึงตึกฟิสิกส์หรอก”
     “แต่เรา...”
     “ทิฐิอีกแล้วน่ะต้น”
     อาร์มลงมานั่งอยู่ในระดับเดียวกันกับผม อาร์มจ้องผมอย่างกับงูที่กำลังจ้องกบ และผมก็เป็นกบตัวนั้น กบตัวที่กำลังโดนงูถือศีลอารมณ์ดีจ้องมองอยู่
     “ปล่อยวางบ้างเถอะต้น ถึงจะยังทำใจให้อภัยไม่ได้แต่ก็ลดทิฐิได้แล้ว เอาแต่โมโหเหวี่ยงใส่อาจารย์แบบนั้นไม่สมกับเป็นนายเลยนะ”
     สายตาของอาร์มทำให้ผมแพ้จริงๆ ผมแพ้คนมองโลกในแง่ดีแบบอาร์มมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้บางครั้งอาร์มจะดูเซ่อๆ ซ่าๆ ไปบ้าง แต่ความจริงแล้วอาร์มเป็นคนที่มองเหตุการณ์ทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง และคอยหาทางออกให้เหตุการณ์มันจบลงอย่างสวยงามทุกครั้ง อาร์มเป็นผู้ชายโลกสวยที่ผมต้องขอยอมแพ้ เพราะโลกของอาร์มสวยงามทั้งข้างนอกและข้างใน อาร์มทำให้คนที่อยู่รอบๆ ตัวได้รับความรู้สึกดีๆ จากตัวเองได้ไม่ยาก
     “นายรู้เรื่องเรากับอาจารย์ได้ยังไง”
     “ไม่รู้ก็บ้าแล้ว เขายังเคยไปหานายที่โรงเรียนบ่อยๆ”
     “บ้า! เขาไปไม่กี่ครั้งเอง นายความจำดีเกินไปแล้ว”
     “ก็มันบังเอิญเห็นพอดีนี่นา แต่ใครจะไปเชื่อเนอะ เป็นอาจารย์ที่นี่ด้วย นายจงใจเข้าที่นี่เพราะเหตุผลนี้รึเปล่าเนี่ยต้น?”
     “ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องบอกนาย”
     “โห! อีกแล้วอ่ะต้น ชอบเก็บความลับอีกละ ว่าแต่ละทำไมนายไม่เข้าเคมีไปเลยอ่ะ เข้าฟิสิกส์ทำไม”
     “แล้วนายคิดว่าระหว่าง เคมีกับฟิสิกส์เราชอบเรียนวิชาไหนมากกว่ากันล่ะ? เรามาเรียนที่นี่เพื่ออนาคตตัวเองไม่ใช่เพราะใครซักหน่อย!”
     “เออเนาะจริงด้วย ฮ่าๆ”
     ว่าแล้วผมก็ถูกอาร์มลากไปส่งที่รถของผู้ชายคนนั้นจนได้ครับ แม้ตอนที่ออกมาจากห้องภาคจะโดนเพื่อนๆ มองนิดหน่อย แต่เพราะอาร์มคอยยืนแจกรอยยิ้มอยู่ข้างๆ ผม ก็เลยไม่มีใครพูดอะไร คงเพราะหน้าหงิกๆ ของผมด้วยมั้งครับ ก็วันนี้ผมเป็นฝ่ายเหวี่ยงเองนี่นา ปกติแค่เวลาผมทะเลาะกับเมย์แล้วเป็นฝ่ายตั้งรับก็ไม่ค่อยมีคนกล้าคุยกับผมอยู่ละ วันนี้ผมเป็นฝ่ายวีนซะเอง คนอื่นคงอึ้งมั้งครับ
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ไปป์น่ารัก โบกป้ายไฟไปป์ แต่... อยากได้อาร์มเป็นแฟนจัง  :-[
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#25/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน6
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 25-10-2014 00:42:36

สหายทั้ง 5

     “ต้นกลับไปแล้วอะ”
     “ย่ะ เห็นอยู่”
     “เล่ามาเลยนะไปป์ มันเกิดไรขึ้น ทำไมต้นทะเลาะกับอาจารย์ต้นเสียงดังเลย”
     “นั่นดิ สองคนนั้นรู้จักกันมาก่อนแน่ๆ อ่ะฉันว่า”
     “ก็เมื่อกี้อาจารย์แกก็บอกว่าเป็นคนรู้จักกันกับต้นไรเนี่ยแหละ แกก็ฟังอยู่ไม่ใช่เหรอป่าน?”
     “ฟัง แต่ไม่เชื่อ ถ้าแค่คนรู้จักทำไมต้นต้องทำท่าเกลียดอาจารย์ขนาดนั้นด้วยล่ะ?”
     “จะว่าไปนะ อาจารย์ต้นแกก็ชอบเรียกต้นไปพบบ่อยๆ ด้วยนะ”
     “เฮ้ย! หรือว่า... พวกแก ฉันเคยได้ยินมานะ มีคนเคยเล่าว่าอาจารย์ต้นอ่ะ เคยแบบว่า นั่นแหละกับนักศึกษาด้วยนะแก แลกเกรดอ่ะ เกือบโดนตั้งคณะกรรมการสอบสวนอ่ะ เห็นคนเขาเม้ากัน”
     “บ้า ต้นเป็นผู้ชายนะป่าน!”
     “ก็เออดิ แต่ถ้าให้สงสัยอ่ะ ฉันว่าสงสัยไอ้เด็กวิดวะคนนั้นดีกว่านะ ต้นยอมคนๆ นั้นตลอดเลยอ่ะ”
     “เออ! พวกเธอรู้ป่าวล่ะว่าคนเมื่อกี้อ่ะชื่อจริงชื่อไร? โอม คนเมื่อกี้อ่ะชื่อเล่นชื่ออาร์มใช่ป่ะ?”
     “ใช่ ชื่ออาร์ม เพื่อนเก่าต้น ทำไมเหรอไปป์”
     “ก็หาตัว C ไง ตัว C ที่พวกเราเห็นกันวันนี้อ่ะ”
     “พวกนายสองคนไปเห็นไรมาเหรอ?”
     “ก็..”
     “จะดีเหรอไปป์ ต้นบอกว่าห้ามบอกใครไง”
     “เออจริงด้วยว่ะ โธ่เว้ย! ยุ่งยากจัง ว่าแต่ไอ้หมอนั่นชื่ออะไรน้า?”
     “เมื่อกี้เห็นอาจารย์เรียกว่า ... อนะ... อนะ ไรซักอย่างอ่ะ ใช่มั้ยแก้ว”
     “อนพัทย์ใช่มั้ยป่าน?”
     “อื้อๆ ใช่ๆ ทำไมเหรอไปป์”
     “งั้นก็ไม่ใช่ละ อาจารย์ต้นตระการก็ไม่ใช่ C ... จารย์ต้นชื่อเล่นก็ชื่อต้นเลยใช่ป่ะ... อืม ชักแหม่งๆ ละว่ะ”
     “นายพูดไรอยู่คนเดียวอ่ะ บอกกันมั่งดิอิไปป์P2”
     “เรากำลังสงสัยอะไรบางอย่างอยู่ แล้วก็คิดว่ารู้อะไรบางอย่างด้วย แต่ยังไม่แน่ใจ”
     “สงสัยอะไร ไปรู้อะไรมายะ?”
     “ก็เรื่องของต้นไง!”
     “แล้วนายคิดว่าไง”
     “ก่อนอื่นเราถามพวกเธออย่างดิ พวกเธอว่า... ต้นหน้าเหมือนอาจารย์ต้นป่ะ?”
     “เฮ่ย! ไม่มั้งแก!”
     “เอ้ยแต่ก็ไม่แน่นะ ต้นมันมีแต่แม่ใช่มั้ยล่ะ? ไม่เคยเห็นต้นมันพูดเรื่องพ่อเลย”
     “แต่อาจารย์ต้นแต่งงานแล้วนะจ้ะ!”
     “เราว่าเรื่องพวกนี้มันเรื่องส่วนตัวของต้นนะ พวกเราอย่าไปยุ่งเลย”
     “เรื่องส่วนตัวเพื่อนของพวกเราต่างหากนะโอม ไม่แปลกใจเหรอ ต้นมันกล้าขึ้นเสียงใส่อาจารย์เขาแบบนั้นอ่ะ ทั้งๆ ที่ปกติมันสงบปากสงบคำจะตาย ขนาดโดนเมย์ว่าไรแรงๆ ต้นมันยังยอมให้เลย”
     “อย่ามาพาดพิงกันสิป่าน!”
     “แต่เราเห็นด้วยนะจ้ะป่าน ไม่ว่ามันจริงหรือไม่จริง มันเกี่ยวพันกับชื่อเสียงของอาจารย์นะอย่าไปยุ่งเลย นายก็ด้วยไปป์เลิกสงสัยได้แล้ว”
     “โธ่! แก้วอ่ะ งั้นสงสัยเฉพาะเรื่องแฟนต้นก็ได้ โอเคป่ะ?”
     “อะไรนะ! ต้นมีแฟนแล้วเหรอ?”
     “จะตะโกนทำไมเนี่ย ยัยเมย์!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อาจารย์ต้นตระการ

     ผมพาต้นน้ำแวะห้างสรรพสินค้าระหว่างทางกลับบ้าน ผมตั้งใจว่าจะพยายามทำดีกับเด็กคนนี้ให้มากขึ้นแม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาต้นน้ำไม่เคยรับความหวังดีจากผมเลยก็ตาม
     “เสื้อคุณเปื้อนไปหมดแบบนั้น เปลี่ยนตัวใหม่เถอะ คุณลองไปดูสิว่าคุณใส่ไซส์ไหน”
     “ผมกลับไปซักได้ครับ”
     “เลอะขนาดนั้นจะซักออกหรือ มือคุณก็เจ็บ ซื้อใหม่ไปสักตัวเถอะถือว่าผมให้”
     ผมมองมือของต้นที่มีผ้าก็อซปิดอยู่ ผมไม่เห็นแผล ต่ผมก็แน่ใจว่าต้นคงเจ็บพอสมควร
     “แต่ผมไม่อยากได้อะไรจากคุณนี่ครับ”
     เด็กคนนี้ทิฐิเหลือเกิน แม้ผมจะเบื่อหน่ายการโต้ตอบของเด็กคนนี้แต่ผมก็รู้ตัวว่าผมไม่มีสิทธิ์เหนื่อย เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องชดใช้ให้ต้น ในฐานะที่เกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยดูแลต้นเลย
     ผมหันไปสั่งพนักงานขายแทน
     “ช่วยหาเสื้อแขนยาวสีขาวกับกางเกงสีดำไซส์เด็กคนนี้ด้วยครับ”
     “ผมไม่เอา!”
     “คุณกำลังทำให้พนักงานเขาลำบากใจ”
     พอถูกผมต่อว่าแบบนั้น เด็กคนนี้ก็หันไปมองพนักงานขายด้วยสีหน้าหนักใจก่อนที่จะแสดงท่าทางลังเล แต่พอถูกพนักงานพยักหน้าเชิญให้เดินตามไปสุดท้ายเขาก็ใจอ่อน ผมรู้ดีว่าต้นไม่ใช่เด็กเหลือขอ ต้นน้ำเป็นเด็กดี รู้จักเกรงใจคนอื่น มีสัมมาคารวะ จิตใจโอบอ้อมอารีย์ มีนิสัยอ่อนโยน แต่ทุกข้อที่กล่าวไปทั้งหมดจะไม่ปรากฏอยู่ในตัวเขายามที่สนทนาอยู่กับผม
     ต้นไม่ยอมเรียกผมด้วยคำอื่นนอกจากคำว่า“อาจารย์”หรือ“คุณ” เขาเรียกทุกๆ คนว่า“คุณ”โดยไม่ยอมลดกำแพงของตัวเองลงให้ความสนิทสนมกับใคร ยกเว้นพี่ณีพี่สะใภ้ของผม คงเพราะเธอเป็นป้าแท้ๆ ของหนูไนน์ ต้นถึงได้ยอมเรียก“ป้าณี”ตามเพื่อนของตัวเอง แต่ยังเรียกผมกับลูกว่า“คุณ”อยู่
     ผมรอต้นเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ผมซื้อให้ ตอนที่ต้นเดินออกมานั้นผมเห็นสีหน้าที่แสดงออกถึงความเจ็บปวด ต้นคงเจ็บแผล เพื่อนของเขาบอกกับผมว่าต้นแทบจะยกแขนไม่ขึ้น ผมเป็นห่วงต้นแม้รู้ดีว่าต้นคงไม่ยอมรับความเป็นห่วงใดๆ จากผมก็ตาม
     แรกเริ่มที่ผมรู้ว่าสายธารตั้งท้องต้นผมคิดว่าต้นคือตัวปัญหา ผมไม่ต้องการต้น ต้นจึงเติบโตมาโดยไม่มีผมและผมก็อยู่โดยคิดว่าต้นคงไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว เพราะตอนนั้นผมรักลูกรักเมียรวมไปถึงชื่อเสียงตัวเองมากกว่าจะสนใจต้น
     แต่ต่อมาเมื่อผมได้พบกับต้นอีกครั้ง ภาพของเด็กผู้ชายที่เก็บอารมณ์แม้จะดูสับสนงุนงงเพราะถูกผู้หญิงคนนั้นพาตัวออกไปอย่างรีบร้อนก็ทำให้ผมติดใจ ผมลืมสายตาของเด็กคนนั้นที่มองมาทางผมสลับกับแม่ของตัวเองไม่ได้ และพอผมได้รู้ความจริงผมช็อกมากที่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเธอตั้งใจเก็บเด็กไว้และเลี้ยงดูต้นน้ำมาโดยลำพัง เพียงแต่ผมเองก็มีภรรยาและลูกผมไม่สามารถทำอะไรให้มันไม่กระทบกระเทือนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้
     คงเป็นโชคดีในโชคร้ายที่พ่อของผมเองท่านก็ทราบเรื่องนี้ด้วย พ่อที่พึ่งเสียลูกกับหลานชายจึงไม่รีรอที่จะรับต้นมาเลี้ยงดู ท่านออกหน้าแทนผม แต่ทว่าผู้หญิงคนนั้นเธอก็รักลูกของเธอและผมเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ผมไม่สามารถทำอย่างที่ผมต้องการได้สะดวก จนเมื่อผมได้พบกับต้นน้ำอีกครั้ง ในดวงตาของเด็กคนนั้นก็มีแต่ความเกลียดชังผมแล้ว คงสาสมแล้วที่ลูกเกลียดผม
     ตอนที่ต้นน้ำประสบอุบัติเหตุเกือบเอาชีวิตไม่รอดผมถึงได้รู้ว่าการสูญเสียคืออะไร แม้ในอดีตผมจะไม่ต้องการต้นแต่ในวันนี้ที่ผมรู้ว่ายังมีต้นอยู่ในโลกนี้ผมไม่อยากให้ต้นหายไป แต่ผมเองก็ต้องผิดหวังเมื่อได้รู้ว่าลูกจะไม่มีวันเป็นของผม ลูกได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับผู้ชายคนอื่นแล้ว ผู้ชายที่เป็นคนรักของลูกชายผม แต่ในขณะเดียวกันก็คอยเป็นที่พึ่งทางใจให้กับต้นมาตลอด ลูกขาดความอบอุ่นจากผม เขาใช้ความรักจากผู้ชายคนอื่นมาชดเชยและปฏิเสธทุกอย่างจากผม
     สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้มีแค่การชดเชยให้ต้นเท่านั้น แต่ลูกชายของผมหัวแข็งเกินกว่าจะยอมรับความช่วยเหลือ เขายอมทุกคนยกเว้นผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเห็นแววตาสับสนอ้างว้างในตัวเขาอยู่ดี ผมได้แต่หวังว่าสักวันเขาจะเปิดใจให้ผมและเมื่อนั้นผมจะได้ถมหลุมดำนั้นให้เต็ม
     ผมไม่ใช่ผู้ชายที่ดี เป็นสามีที่เลวร้าย เป็นอาจารย์แย่ๆ คนหนึ่ง แต่อย่างน้อยผมก็อยากจะเป็นพ่อที่ดีให้กับลูกทั้งสองคนของผม ษาโชคดีที่มีแม่เข้มแข็ง เธอจึงไม่มีปัญหาอะไร เป็นเด็กผู้หญิงที่รู้จักคุณค่าในตัวเอง แต่ลูกชายของผมกลับเข้มแข็งขึ้นด้วยความเกลียดชัง เติบโตขึ้นอย่างว้าเหว่ ผมอดเป็นห่วงลูกชายของผมไม่ได้
     ต้นเดินมาทางผมที่กำลังจ่ายเงินให้กับพนักงานไปคิดเงินที่แคชเชียร์ เขาล้วงกระเป๋าเงินของตัวเองออกมาแล้วหยิบธนบัตรยื่นให้ผม
     “ค่าเสื้อกับกางเกงครับ”
     “คุณเก็บไว้เถอะ ถือว่าผมซื้อให้คุณ”
     “แต่ผมไม่ต้องการเงินของคุณ ผมมีเงินของผมเองไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณ”
     “ถ้าคุณเอาเงินให้ผมหมดแล้วเดือนนี้คุณจะอยู่ยังไง”
     ผมพาลูกมาซื้อเสื้อผ้าในแผนกเครื่องแต่งกายชาย เลือกร้านดีๆ ให้ลูก รวมแล้วทั้งเสื้อกับกางเกงที่ผมซื้อให้ก็หลายพัน พอผมพูดแบบนั้นต้นก็ทำหน้าอึดอัดใจ มือของเขากำธนบัตรกับกระเป๋าเงินไว้แน่น ลูกแทบไม่ยอมสบสายตากับผม
     “เก็บเงินของคุณไว้เถอะ”
     ผมพูด แต่ต้นยังไม่ยอมขยับ ผมดึงเงินในมือเขาใส่กลับลงไปในกระเป๋าเงินเก่าๆ ใบนั้นแล้วส่งให้เขา
     “แค่พูดคำว่าขอบคุณกับผมก็พอ”
     ลูกเงยหน้าขึ้นมามองผม ตอนที่ดวงตาของเราประสานกันผมเห็นน้ำตาคลออยู่ในนั้น ผมเห็นภาพของเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ที่รอคอยผมมาตลอด แต่ผมไม่กล้าพอที่จะแสดงความรักกับต้น ผมไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไรกับลูกที่ผมทอดทิ้ง ผมไม่สามารถกอดหรือลูบหัวลูกอย่างที่ผู้ชายคนนั้นทำได้ ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงเพื่อให้ต้นมีความสุขเหมือนตอนที่ผมเห็นสีหน้าของลูกในยามที่ถูกเอ็นดูจากผู้ชายคนนั้น
     “ขอบคุณครับ อาจารย์”
     ต้นยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณผม แต่ก็ยังเรียกผมว่าอาจารย์ ต้นยังไม่เคยเรียกผมว่า“พ่อ”เลยสักครั้ง
     ผมไปส่งต้นที่คอนโด ครั้งนี้ผมได้โอกาสขึ้นไปส่งถึงในห้อง แม่ของต้นแต่งงานใหม่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศแล้ว ต้นไม่ได้ตามไปเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่เมืองไทย ผมเคยคิดว่านี่อาจเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้ตัวต้นไปอยู่ด้วย แต่ต้นกลับเลือกที่จะอยู่กับผู้ชายคนนั้นแทน ผมจึงจำเป็นต้องเคารพการตัดสินใจของลูก
     ต้นดูอึดอัดที่ผมตามมาส่งเขาถึงข้างบน แต่ถึงกระนั้นก็ยังเชิญผมให้เข้าไปดื่มน้ำในห้องอย่างสุภาพ ผมคิดว่านี่คงจะเป็นการยอมรับผมเพิ่มอีกระดับเท่าที่ลูกจะทำได้
     “เขาบอกคุณรึเปล่าว่าเขาจะกลับมากี่โมง?”
     “อีกเดี๋ยวก็คงถึงแล้วครับ พักนี้พี่ชัชวิ่งเขตนอกเมือง ค่อนข้างกลับช้าครับ”
     “อ้าว! แบบนี้ถ้าผมไม่รับคุณกลับมาแล้วคุณจะทำยังไง จะนั่งรอเขาต่ออย่างนั้นเหรอ”
     ลูกชายของผมเชิดคางขึ้นพลางเสมองไปทางอื่น เขาไม่ชอบหน้าผม แต่เขาเกลียดเวลาที่ผมพูดจาว่าร้ายแฟนเขามากกว่า
     “เขากลับดึกทุกวันหรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วใครจะดูแลคุณ ยิ่งช่วงนี้คุณมีสอบจะหยุดก็คงลำบาก คุณจะไปมหาวิทยาลัยไหวได้ยังไง ผมว่าคุณไปพักกับผมสักระยะดีกว่า หรือจะไปอยู่กับพ่อของผมก่อนก็ได้ อย่างน้อยๆ จะได้มีคนช่วยช่วยดูแลคุณ”
     “ผมขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของอาจารย์ แต่ผมคิดว่าอาจารย์ไม่มีสิทธิ์มาวุ่นวายกับชีวิตรักของผมกับแฟนนะครับ”
     “ผมเป็นห่วงคุณในฐานะพ่อคุณก็ไม่ยอมรับ ผมถึงได้แนะนำคุณในฐานะอาจารย์หรอกนะต้นน้ำ!”
     ผมพยายามใจเย็นแล้วพูดกับลูกดีๆ แต่สีหน้าของต้นน้ำตอนที่ได้ยินคำว่า“พ่อ”จากปากผมคล้ายคนจะร้องไห้
     “ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ”
     “แต่เพื่อนคุณบอกว่าคุณเจ็บแผลที่หลังมาก และคุณก็ต้องทายาทุกวัน เขาไม่อยู่แบบนี้ ใครจะดูแลคุณ”
     “ผมยังยืนยันครับว่าผมดูแลตัวเองได้ แล้วผมก็มีเพื่อนที่ช่วยดูแลผมได้อยู่ครับ ผมโทรไปบอกเขาแล้วให้มานอนค้างเป็นเพื่อนผมตอนที่พี่ชัชไม่อยู่”
     “ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมรับความหวังดีจากผม! ผมต้องทำยังไงคุณถึงยอมรับความช่วยเหลือจากผมที่เป็นพ่อแท้ๆ ของคุณ ต้นน้ำ!”
     คงเพราะผมแก่แล้ว และการได้เห็นลูกตัวเองบาดเจ็บประสบอุบัติเหตุบ่อยๆ มันก็ทำให้ผมหมดแรง ผมเหนื่อยที่จะโต้แย้งกับเด็กคนนี้แล้ว ศักดิ์ศรีพวกนั้นจะมีอะไรสำคัญถ้าลูกของผมเป็นอะไรไป
     ต้นฟังผมพูดแล้วก็นิ่ง เขาไม่โต้ตอบอะไรนอกจากนั่งก้มหน้าไม่ยอมพูดอะไรกับผม ผมเห็นลูกพยายามกลั้นเสียงสูดหายใจเอาไว้ มือที่กำหมัดแน่นทำให้ผมรู้ว่าลูกชายของผมกำลังร้องไห้ เราสนทนากันด้วยความเงียบอยู่เนิ่นนานจนกระทั่งเขาตัดสินใจทำลายความเงียบนั้น
     “ผม... ผมจะไม่มีวันให้อภัยคุณ ผมจะไม่มีวันเลิกเกลียดคุณ ผมไม่ต้องการคุณ กรุณาเลิกวุ่นวายกับชีวิตผมเถอะครับ ถ้า... ถ้าการมีอยู่ของผมเคยทำให้คุณลำบาก ตัวตนของคุณของตอนนี้ก็ตอกย้ำความจริงที่ว่าผมเกิดมาได้ยังไง ต่อให้คุณทำดีกับผมมากเท่าไหร่ยังไงคุณก็ไม่มีวันเป็นพ่อของผมไปได้ ผมจะไม่มีวันได้เป็นคนในครอบครัวของคุณอย่างสมบรูณ์เพราะคุณเองก็มีลูกสาวและภรรยา คุณมีชื่อเสียงในสังคม ต่อให้คนอื่นเขาชื่นชมคุณ แต่สายตาที่เขามองผมละครับ? ผมก็เป็นได้แค่เด็กที่เกิดมาเพราะความผิดพลาด ไม่มีใครต้องการ ผม... ผมมีที่อยู่ของผมแล้วครับ ให้ผมอยู่ข้างๆ พี่ชัชเถอะนะครับ พี่ชัชต้องการผม เขาจะเป็นครอบครัวของผมได้ ผม... ผมแค่อยากได้ที่ๆ ผมจะยืนอยู่ได้โดยไม่อายใคร คนที่ไม่คิดว่าผมเป็นภาระหรือหน้าที่ๆ ต้องรับผิดชอบ ผมแค่อยากจะอยู่ข้างๆ คนที่ต้องการผมก็เท่านั้น”
     เป็นครั้งแรกที่ลูกพูดกับผมแบบนี้ และก็เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นลูกร้องไห้ต่อหน้าผม ลูกอ้อนวอนขอร้องผม ผมรู้ได้จากคำพูดของต้นว่าเขาไม่เชื่อมั่นในความรักของใครเลยนอกจากผู้ชายคนนั้น และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมรับรู้ได้ก็คือลูกผมขาดความอบอุ่นต้องการความรักจาก“ครอบครัว”อย่างรุนแรง ใช่ว่าพวกเราไม่รักต้นน้ำ แต่ต้นน้ำเหมือนแก้วน้ำที่ปิดฝาเอาไว้ไม่ยอมให้ใครเติมความรักลงไปนอกจากคนที่เขาเลือก เขากังขาในความรักที่คนอื่นมีให้แม้ว่าความรักนั้นจะมาจากพ่อและแม่แท้ๆ ของตัวเอง
     ผมทำอะไรไม่ถูก ลูกผมกำลังร้องไห้แต่ผมกลับไม่สามารถแม้แต่จะปลอบโยนลูกได้ ผมเป็นพ่อที่แย่มากจริงๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     “พี่กลับมาแล้ว เป็นไรมากป่าวต้น?”
     เสียงพี่ชัชทำให้ผมตื่น พี่ชัชเดินเข้ามาในห้องนอนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คลายเนคไทด์เลยแม้แต่น้อย ผมรู้ว่าพี่ชัชคงรีบมาก
     “พี่ตกใจหมดเลย ขอโทษนะครับที่พี่ไปรับเราไม่ได้”
     เตียงยวบตัวลงตามน้ำหนักของพี่ชัช แฟนของผมโน้มเข้ามาใกล้จนผมได้กลิ่นเหงื่อจางๆ ฝ่ามือที่สัมผัสอยู่ที่แก้มทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความรัก ผมได้แต่เอียงแก้มถูกับฝ่ามืออันอบอุ่นข้างนั้น ผมรักพี่ชัช
     “เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ? สีหน้าดูไม่ดีเลย ให้พี่ดูแผลหน่อยนะครับ”
     ผมพลิกตัวนอนคว่ำให้พี่ชัชเปิดเสื้อด้านหลังดูแผล
     “โห! กว้างเหมือนกันนะเนี่ย แต่ยังดีนะที่ไม่โดนลึกมาก แค่ผิวหนังชั้นนอก”
     พี่ชัชปิดเสื้อแล้วก็ก้มลงจูบบนศีรษะของผม โชคดีจังเลยครับที่แฟนของผมเป็นผู้แทนขายยาแถมยังเคยซิ่วหมอ พี่ชัชเลยพอมีความรู้เรื่องพวกนี้อยู่บ้าง
     “เจ็บมากมั้ยครับ?”
     ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
     “แล้วนี่ทานอะไรแล้วรึยังครับ หิวมั้ย?”
     “ครับ ผมหิว”
     “พี่ซื้อโจ้กติดมาด้วยฝืนกินหน่อยนะครับ เดี๋ยวพี่ไปแกะให้เรา กินข้าวแล้วจะได้กินยาอาบน้ำนอนพักผ่อนซะ แล้วพรุ่งนี้เรายังต้องไปสอบอีกด้วยใช่มั้ยครับ”
     “ครับ”
     พี่ชัชป้อนโจ้กให้ผม พี่เขาแทบจะเป่าโจ้กให้ผมเกือบทุกคำ เช็ดตัวให้ผม ทายา ช่วยผมเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามานอนอยู่ข้างๆ ผมทั้งๆ ที่พึ่งจะสองทุ่มกว่า ผมรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่จะดูแลผมไปทั้งชีวิต ขอแค่มีผู้ชายคนนี้อยู่ผมก็ไม่ต้องการใคร ขอแค่ให้ผมเป็นที่หนึ่งในสายตาพี่ชัช ขอแค่พี่ชัชรักผมด้วยใจจริง อยากอยู่เคียงข้างผมเพราะรักในตัวตนของผม ขอแค่พี่ชัชต้องการผม ผมก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจอะไรอีก ผมรักพี่ชัช
     “วันนี้เราดูแย่ๆ นะ มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่าครับ?”
     ฝ่ามือของพี่ชัชลูบหัวผมไปมาทำให้ผมอบอุ่น เรานอนกอดกันโดยที่ผมกำลังซุกตัวหนุนกล้ามแขนพี่ชัชอยู่ แผลที่หลังถึงไม่ใช่แผลเหวอะหวะ แต่มันก็เจ็บมากเวลาที่ผมนอนหงาย โชคดีที่ผมเป็นคนชอบนอนตะแคงอยู่แล้ว
     “ผมปิดพี่ชัชไม่ได้เลยสินะครับ”
     ผมพูดขึ้นเบาๆ ทั้งที่ยังนอนตะแคงหนุนแขนของพี่ชัชอยู่
     “แหง๋สิ! คิดว่าพี่เป็นใครฮึ? ทำไมพี่จะดูเราไม่ออก มีเรื่องอะไรเหรอครับต้น?”
     “พี่ชัช...”
     “ครับ?”
     “วันนี้... วันนี้พ่อมาส่งต้น”
     ไม่รู้ทำไมผมถึงใช้คำๆ นี้
     “แล้วเขาว่าไงมั่งครับ?”
     “เขามาส่งผมที่นี่แล้วก็ถามครับ ว่าทำไมพี่ชัชถึงยังไม่กลับ แล้วก็ถามว่าผมจะอยู่กับใครๆ จะดูแลผม”
     “เขาก็คงเป็นห่วงต้นละมั้ง พี่ขอโทษนะครับที่พี่กลับช้า ต้องปล่อยให้ต้นอยู่คนเดียวตั้งนาน”
     “ไม่หรอกครับ ผมรู้ว่าพี่ชัชต้องทำงาน ผมไม่ว่าอะไรพี่ชัชหรอกครับ”
     ผมพูดพลางขยับตัวเข้าไปซุกใกล้ๆ พี่ชัชมากขึ้น ไม่ใช่ว่าผมจะอ้อนหรอกนะครับ เพียงแต่ผมชอบเวลาที่พี่ชัชกอดผมแบบนี้ก็แค่นั้นแหละ ผมชอบฝ่ามือใหญ่ๆ ที่คอยลูบหัวผมอยู่แบบนี้
     “คร้าบ ต้นของพี่น่ารักเสมอแหละ”
     พี่ชัชพูดพร้อมกับจูบผมที่กระหม่อมอีกแล้ว แต่ผมชอบนะ พี่ชัชเคยพูดกับผมว่า ตอนเด็กๆ พี่ชัชชอบให้คนลูบหัวเล่น ผมพอรู้แล้วล่ะว่าทำไม เพราะตอนนี้เวลาที่พี่ชัชทำแบบนั้นกับผมๆ ก็ชอบเหมือนกัน ผมรู้สึกได้ถึงความเอ็นดูที่ถ่ายทอดมาพร้อมกับความรักที่พี่ชัชมีให้ มันอบอุ่นจนบอกไม่ถูกเลยครับ
     “วันนี้เขาพาผมไปซื้อเสื้อกับกางเกงด้วยนะครับ เพราะตัวที่ผมใส่ไปเลอะซอสเย็นตาโฟร์จนน่ากลัวจะซักไม่ออกแล้ว”
     “จริงดิ? ดีออกมีคนซื้อของให้ เราน่ะงกจะตายไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชก็! ผมไม่ได้งกขนาดนั้นนะครับ”
     ผมประท้วงพี่ชัชไปเล็กน้อย เพราะขัดใจที่พี่ชัชชอบหาว่าผมงกอยู่เสมอๆ
     “คร้าบๆ พี่ก็ล้อเล่นเฉยๆ แล้วเขาพาเราไปไหนอีกรึเปล่าครับ?”
     “เปล่าครับ ผมเจ็บหลัง เขาก็เลยพาผมกลับ”
     ผมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้พี่ชัชฟังอย่างใจลอยจนกระทั่งผมหลับไปโดยไม่รู้ตัว แต่ผมกลับรู้สึกได้ถึงความสับสนของตัวเองที่แม้แต่ในฝันมันก็ยังคอยหลอกหลอนผม ความกลัวของเด็กที่ไม่มีใครต้องการ ความกังวลที่จะถูกคนที่รักมองว่าเป็นภาระ ความว้าเหว่จากการถูกทิ้ง ความขลาดเกินกว่าที่จะเชื่อใจใคร ผมก็เป็นแค่เด็กเลี้ยงแกะที่แกล้งทำเป็นเข้มแข็ง
     แต่แล้วในฝันนั้นก็มีหมาป่าตัวใหญ่ตัวหนึ่งที่เข้ามาอยู่ข้างๆ ผม แม้ตอนแรกที่เห็นมันผมจะตกใจเพราะมันแยกเขี้ยวคำรามใส่ผมก่อนจะแลบลิ้นสากๆ นั้นออกมาเลีย แต่ทว่าพอได้ซุกตัวลงในกองขนอันอบอุ่นของหมาป่าตัวนั้นแล้วผมกลับรู้สึกเหมือนได้ค้นพบที่ของตัวเอง หมาป่าท่าทางดุร้ายตัวนั้นช่วยปกป้องผมจากอันตรายทุกอย่างที่ผมกลัว ผมหลับสบายจนถึงเช้าโดยไม่กังวลอะไรอีกเลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... ไม่ดราม่าปวดตับหน่วงจิตไม่ใช่ AzurIce น้องต้นยังร้ายอยู่ แต่ก็มีมุมน่าสงสารนะ ตรงนั้นแหละความน่ารักของน้องต้น :mew4:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#25/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน6
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 25-10-2014 01:02:09
ลงได้เรื่อยๆเลยคะชอบ ติดตามอยู่ตั้งแต่ต้นแล้วคะ :mew2:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#25/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน6
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 25-10-2014 03:59:46
เพิ่งได้อ่านนิยายดีดีอย่างนี้ เขียนดีมากลุ่นทุกตอน ครบรสมากก ไม่ซ่ำซาก ชอบที่สุด ยิ่งตอนล่าสุดมี่ต้นพูดกับพ่อคือพีคมากน้ำตาไหลเลยงะ ชอบๆคะ รอตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#25/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน6
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 25-10-2014 14:36:50

ต้นน้ำ

     ถึงผมจะบาดเจ็บที่หลังแต่ผมก็ยังต้องไปสอบ แม้มือผมจะพันผ้าก็อซแต่สมองของผมก็ยังหาคำตอบของข้อสอบได้อยู่ดี
     เช้าวันนี้พี่ชัชแวะมาส่งผมถึงในคณะ แต่เพราะพี่ชัชต้องออกต่างจังหวัดอีกแล้วเราจึงมากันแต่เช้าหกโมงกว่าๆ การฝ่ารถติดในกรุงเทพเข้ามายังสามย่านให้ถึงก่อนหกโมงนี่คงไม่ต้องบอกนะครับว่าพวกเราต้องออกจากคอนโดแถวศรีนครินท์กันกี่โมง โชคดีที่เมื่อคืนผมนอนหลับเร็วมาก คงเพราะฤทธิ์ยาด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนพี่ชัชแฟนสุดที่รักของผม ผมไม่แน่ใจว่าพี่เขานอนกี่โมง แต่รอบคล้ำใต้ดวงตากลมโตนั้นก็ทำให้ผมอิ่มเอมใจ
     วันนี้พี่ชัชจะไม่กลับมานอนที่ห้อง ผมบอกพี่ชัชว่าไม่ต้องเป็นห่วง ผมโทรบอกเมษให้มาค้างเป็นเพื่อนผมแล้ว พี่ชัชสัญญาว่าพรุ่งนี้จะรีบกลับมาหาผม แค่นั้นก็พอแล้วครับ
     ข้อสอบไม่ได้ยากอะไร อาศัยที่ผมทบทวนความรู้ความจำทั้งหมดที่ผ่านไปในเทอมนี้ผมก็พอจะตอบได้บ้าง แม้ผมจะไม่ได้อ่านหนังสือเลยแม้แต่น้อยเมื่อคืน แต่ผมก็มั่นใจว่าเกรดของผมจะไม่มีทางต่ำกว่าB เพื่อนๆ ของผมพากันทึ่งที่ผมใช้เวลาจนนาทีสุดท้ายในห้องสอบตามปกติ ด้วยท่าทางสบายๆ หลายคนจึงหาเรื่องแขวะผมอย่างหมั่นไส้
     “เฮ้ย! ขอแบ่งความรู้ในสมองมึงมามั่งดิ๊ต้น ชิลจังนะมึง”
     ผมหันไปมองด้วยหางตาก่อนจะตอกกลับแบบชิลๆ
     “แบ่งให้แล้วสมองนายจะรับไหวเร้อ เอก”
     “ปากดีนักนะมึง”
     แม้เอกจะด่าผมแต่บนหน้าของเขากลับยิ้ม เอกเป็นเพื่อนที่บังเอิญนั่งติดกับผมตอบสอบเก็บคะแนนครั้งแรกครับ แล้วผมก็โดนเขาลอกข้อสอบ ตอนนั้นผมแอบโกรธนะ เกือบจะฟ้องอาจารย์แล้ว แต่ด้วยความที่เอกหน้าดุมาก ตัวหนาๆ ไว้หนวดไว้เคราเสียงเข้มๆ ใครจะไปกล้ามีเรื่องด้วยล่ะ แต่พอสอบเสร็จเอกเขากลับเดินมาหาผม เขามาขอบคุณที่ผมยอมให้เขาลอกข้อสอบ ผมก็ยิ้มสิครับ ไม่กล้าบอกเขาหรอกว่าผมไม่ได้ยอมแต่ผมไม่กล้าฟ้องอาจารย์ แล้วเขาก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งว่าไม่เข้าใจ งง ยาก แล้วอะไรดลใจผมก็ไม่รู้ดันพูดออกไปว่า“ทีหลังไม่เข้าใจอะไรก็มาถามเราสิ” แล้วผมก็ช่วยติวให้เขามาตลอดหลังจากนั้น
     “หึๆ ก็บอกแล้ว เขียนเข้าไปเหอะอย่าส่งกระดาษเปล่า จำๆ สูตรหน่อย เขียนๆ ไปเดี๋ยวอาจารย์เขาก็ใจอ่อนให้เอง”
     มีเยอะครับ พวกชอบส่งกระดาษเปล่า พวกชอบเผ่นทันทีที่หมดเวลาเพราะตอบอะไรไม่ได้ ให้ตายเถอะ! ไม่รู้ว่ารุ่นผมตอนจบจะเหลืออยู่กี่คน?
     “ก็กูจำไม่ได้นี่หว่า ถ้าจำได้กูก็เขียนตอบไปแล้ว”
     “ก็บอกแล้วให้มาอ่านหนังสือกับพวกเรา”
     “อยากอยู่ แต่รำคาญคน”
     เอกพูดพร้อมกับบุ้ยปากไปทางเมย์ เมย์กับป่านเดินมาทางผมพอดีครับ เอกก็เลยขอตัวไปนั่งกับกลุ่มของตัวเอง ผมบอกแล้ว มนุษย์สัมพันธ์ผมดีขึ้นเยอะเลย ขอบคุณคำพูดของแหวนจริงๆ ถ้าตอนนั้นผมไม่โดนแหวนพูดแทงใจดำแบบนั้น ป่านนี้ผมอาจจะต้องมาเรียนอย่างเงียบเหงาเข้าคลาสไปวันๆ เพราะผมคงยังไม่รู้ซึ้งถึงความสำคัญของคำว่า“เพื่อน”
     มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมครับ และการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เราขาดสังคม ขาดเพื่อน ขาดกลุ่มไม่ได้เด็ดขาด ป่านกับเมย์เดินมาทางโต๊ะที่ผมกับโอมนั่งอยู่ส่วนแก้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่ไม่รู้ว่าไปป์หายหัวไปไหน เมื่อวานตอนเฝ้าผมก็เอาแต่เล่นเกม ผมล่ะห่วงเพื่อนคิดน้อยคนนี้จริงๆ
     เมื่อเช้านี้ตอนก่อนเข้าห้องสอบ เพื่อนๆ ทุกคนเดินมาถามไถ่อาการผมใหญ่เลยครับ แต่ละคนทำท่าอย่างกับผมไปรบที่สามจังหวัดชายแดนมา กับอีแค่น้ำร้อนลวกเองนะครับ ยิ่งเมย์นี่ทำท่าอย่างกับห้องที่ผมจะเดินเข้าไปเป็นโรงเชือดมากกว่าห้องสอบ จนผมต้องบอกว่าไม่เป็นไรผมยังแข่งกับเธอได้อยู่ เมย์ถึงได้วางใจครับ
   แต่ในระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งอ่านหนังสือรอสอบตอนบ่ายนั่นเอง โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมดูชื่อคนโทรเข้าแล้วก็ตกใจ “เจ้าสัววิรัตน์” อาจารย์ต้นตระการต้องเป็นคนบอกเจ้าสัวแน่ๆ ครับ ผมบอกเมย์ว่าขอตัวแปปนึงก่อนจะเดินเลี่ยงไปรับโทรศัพท์
     “ครับ ต้นน้ำพูดสายอยู่ครับ”
     “อาตี๋เล็ก ลื้อบาดเจ็บเหรอ”
     นั่นไงครับ ผมว่าแล้ว ข่าวไปไวจริงๆ
     “เจ้าสัวทราบได้ยังไงครับ?”
     “อาณีอีบอกอั๊วะ ลื้อเจ็บเป็นอาราย ลื้อไปหาหมอแล้วยัง?”
     “ผมไม่เป็นอะไรมากครับ เจ้าสัวไม่ต้องเป็นห่วง”
     “แต่อาณีอีบอกว่า อาต้นบอกว่าลื้อเจ็บแผลมากๆ เมื่อวานลื้อก็กลับบ้านไม่ไหว กลับไปก็ต้องอยู่คนเดียว ไอ้คนขายยานั่นมันทำกับลื้อแบบนี้ได้ยังไงห๊ะ! ทำไมมันไม่ดูแลลื้อ อั๊วะจะไปรับลื้อมาอยู่กับอั๊วะ!”
     “เจ้าสัวครับ ผมมีสอบนะครับ”
     “แต่ลื้อไม่มีคนดูแล แฟนลื้อมันทอดทิ้งลื้อ”
     “พี่ชัชเขาต้องทำงานครับ ช่วงนี้พี่เขางานยุ่งก็เลยกลับดึกนิดหน่อย เขาไม่ได้ทอดทิ้งผมครับ”
     ให้ตายสิ! ไปกันใหญ่แล้ว! ผมไม่อยากเถียงกับเจ้าสัวเลยครับ ผมไม่ถนัดคุยกับคนแก่จริงๆ แล้วผมก็พูดอะไรไม่ดีกับเขาเหมือนที่ทำกับผู้ชายคนนั้นไม่ได้ด้วย
     “งั้นตอนที่มันไม่อยู่ใครจาดูแลลื้อ ไม่เอาๆ อาตี๋เล็ก อั๊วะจาให้คนไปรับลื้อมาอยู่กับอั๊วะ ลื้อเก็บเสื้อผ้ามาอยู่กับอั๊วะ”
     “ไม่ได้หรอกครับ ผมนัดเพื่อนไว้แล้ว เพื่อนผมเขามาอยู่เป็นเพื่อนช่วยดูแลผมอยู่แล้วครับ ผมไม่ได้อยู่คนเดียว”
     “ไอ้หย๊า! ลื้อต้องอยู่คนเดียวด้วยเหรอ?”
     ผมรู้ได้ทันทีว่าผมเผลอหลุดปากไป เมื่อกี้ผมไม่ควรจะตอบไปแบบนั้นเลย
     “ผมอยู่กับเพื่อนครับ ไม่ได้อยู่คนเดียว”
     “เพื่อนลื้อใครห๊ะ?”
     “เมษไงครับ”
     “ไอ้หย๊า! อากระเทยคนนั้นน่ะนะ! เกิดมันปล้ำลื้อละอั๊วะจะทำยังไง”
     ผมหลุดขำทันที คิดได้ยังไงครับนี่ว่าเมษจะปล้ำผม ฮ่าๆ คุณปู่มักมีมุมแปลกๆ แบบนี้เสมอเลยครับ คราวก่อนพอรู้ว่าผมชอบผู้ชายก็บอกว่าจะหาผู้ชายดีๆ ให้ผม ขอแค่ผมไปอยู่กับแก
     เมษปล้ำผมไม่ได้หรอกครับ แล้วผมก็คงไม่ปล้ำเมษด้วย แถมผมยังถูกพี่ชัชปล้ำไปตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว คิดแล้วก็น่าขันจนผมเผลอยิ้มออกมาครับ
     “เจ้าสัวครับ เพื่อนของผมเป็นผู้หญิงนะครับ ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วคนที่จะเป็นฝ่ายเสียหายก็คงเป็นเพื่อนผมมากกว่า แล้วอีกอย่างแฟนผมยังไม่ว่าอะไรเรื่องนี้เลยครับ เขายังบอกเลยว่าดีแล้วผมจะได้มีคนดูแลช่วยทายาให้”
     “แต่อั๊วะไม่ไว้ใจอี!”
     เสียงของเจ้าสัวยังเหมือนคนยังไม่ยอมแพ้ครับ
     “นะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แผลก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ แค่ต้องทายาทุกวัน เขาจะได้เห็นแต่หลังผมเท่านั้นแหละครับ”
     “แต่อั๊วะเป็นห่วงลื้อ เมื่อวานลื้อยอมให้อาต้นอีไปส่ง แต่ลื้อไม่ยอมมาหาอั๊วะเลย”
     “ขอโทษครับ พอดีช่วงนี้ผมยุ่งๆ”
     “งั้นเสาร์อาทิตย์นี้ลื้อต้องมาหาอั๊วะ อั๊วะจะให้คนไปรับลื้อมากินข้าวที่บ้าน”
     “ครับ เจ้าสัว”
     “ลื้อสัญญาแล้วนะอาตี๋เล็ก ห้ามหลอกคนแก่นะ”
     “ครับผมสัญญา”
     ผมยืนคุยเพลินเลยครับ แต่แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อหันไปเห็นเมย์ยืนอยู่
     “เอ่อ แค่นี้ก่อนนะครับ ผมมีสอบตอนบ่าย ต้องรีบกลับไปอ่านหนังสือแล้ว”
     “เออๆ สอบเก่งๆ ล่ะอาตี๋เล็ก”
     พอเจ้าสัววางสายไป ผมก็หันไปมองเมย์ ผมรอดูว่าเธอจะพูดอะไร
     “คุยเสร็จแล้วเหรอ เห็นนายหายมานานก็เลยมาตาม ไปป์มันงอแงอ่านวิชาบ่ายไม่เข้าใจอ่ะ เรารำคาญเลยจะมาตามนายไปช่วยติวให้มัน”
     “เหรอ ได้สิ”
     แล้วผมก็เดินกลับไปกับเมย์ครับ โชคดีจังที่พักนี้คำเตือนของผมได้ผล เมย์ไม่ค่อยอาละวาดแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมแล้ว

     วิชาตอนบ่าย“ยากมากกกกก”ครับ ผมขอบอกแบบนี้เลย ไอ้ที่ยากนี่ไม่ใช่เนื้อหาวิชายากหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะเทอมที่ผ่านมาอาจารย์สอนห่วย เอ้ย! สอนเข้าใจยากมากๆ ต่างหากครับ พวกเราเรียนกันแทบไม่รู้เรื่อง จดงานกันมือเป็นระวิง ข้อสอบก็โหดหิน ผมนึกย้อนกลับไปแล้วยังงงว่าอาจารย์แกเอาตรงไหนมาออก ก็ขนาดผมยังออกปากขนาดนี้แล้วคนอื่นจะขนาดไหนคงไม่ต้องบอกนะครับ เดินร้องไห้ออกมาจากห้องสอบกันทุกคน ผมยังเซ็งเลยครับ บอกตามตรงว่าไม่มั่นใจเลย มิน่าพวกรุ่นพี่ถึงได้พูดว่าวิชานี้เป็นวิชาปราบเซียน เฉพาะเทพไร้สามัญสำนึกเท่านั้นถึงจะสอบได้Aวิชานี้!
     แต่พอผมเดินออกมาจากห้องสอบแล้วผมกลับเซ็งยิ่งกว่า พี่ซิคซ์นั่งยิ้มหน้าแป้นแล้นรอผมอยู่!
     ผมเกลียดพี่ซิคซ์ครับ ป่าวหรอกนะไม่ใช่ว่าผมเกลียดเขาแบบที่ผมเกลียดคนอื่นๆ หรอก แต่เป็นการเกลียดแบบแพ้ทางมากกว่า พี่เขามีคาแรคเตอร์แบบอาร์มแต่ดูร่าเริงสดใสกว่าหลายร้อยเท่า แต่ใจจริงนี่ข้างในเจ้าเล่ห์หน้าตายร้ายกว่าพี่ชัชเป็นพันเท่าเลยครับ!
     เดินออกมาเจอกันขนาดนี้แถมพี่ซิคซ์ยังเดินตรงมาทางผมแล้วด้วย ผมก็ต้องยกมือไหว้ครับ
     “สวัสดีครับพี่ซิคซ์”
     พี่ซิคซ์ยิ้มรับไหว้ผมแล้วก็ออกปากทักทายผมกับเพื่อน ราศีหนุ่มไฮโซของพี่ซิคซ์เปล่งออร่าจนแม้แต่ป่านยังละลายเลยครับ ป่านกระตุกแขนเสื้อผมยิกๆ แล้วกระซิบถามผมใหญ่เลยว่าใคร
     “มาหาผมมีธุระอะไรรึเปล่าครับ?”
    กับพี่ซิคซ์ พูดไปเลยตรงๆ ดีที่สุดครับ อย่าไปต่อปากต่อคำกับแก ไม่งั้นจะเจ็บเอง
     “พี่มารับต้นกลับบ้าน ทุกคนเขาเป็นห่วงต้นกัน แต่ต้นดื้อ แม้แต่อาต้นยังเอาไม่อยู่ ป้าณีเลยส่งพี่มาเป็นทัพหน้าปราบพยศต้น”
     เลิกพูดจากำกวมสองแง่สองง่ามแบบนี้ต่อหน้าผมและเพื่อนๆ ได้มั้ยครับพี่ซิคซ์ ผมเกลียดวิธีการพูดแบบนี้ที่สุดเลย ทีนี้แหละทุกคนต้องเม้าแตกแน่ๆ ว่าผมเป็นเกย์ เพราะมีแต่หนุ่มๆ มาหา!
     ให้ตายเถอะ! เมื่อไหร่ไนน์จะกลับมาซะทีนะ? ผมยอมให้ไนน์พาผมไปไหนมาไหนยังดีกว่าต้องมารับมือพี่ซิคซ์แบบนี้!
     “ใครอ่ะแก๊ ใครอ่ะต้น แนะนำหน่อยๆ”
     ยังมีหน้ามายืนยิ้มอีก ผมเกลียดพี่ซิคซ์ สายตาระริกระรี้วิบวับน่าโมโหแบบนั้นผมก็เกลียด!
     “เฮ้ย! ต้นหน้าแดงด้วยอ่ะ”
     อะไรกัน! ผมเปล่านะ!
     “พูดบ้าๆ น่ะไปป์”
     ผมด่าไปป์ไปทีนึง ก่อนจะหลบสายตาสอดรู้สอดเห็นของเพื่อนๆ
     “จะไม่แนะนำพี่ให้เพื่อนๆ ต้นรู้จักหน่อยเหรอ ถ้าต้นไม่ยอมพูดพี่จะเป็นฝ่ายพูดเองนะ”
     พี่ซิคซ์ยิ้มแบบล้อๆ ทำให้ผมตัดสินใจพูดเองทันที เชื่อเถอะครับว่าให้ผมเป็นฝ่ายเอ่ยมันออกมาเองดีกว่าให้พี่ซิคซ์เป็นคนพูดแน่ๆ
     “นี่พี่ซิคซ์ เป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทเราตอนมอปลาย”
     ผมแนะนำตัวพี่ซิคซ์ก่อนจะหันไปแนะนำเพื่อนๆ ผมทีละคน
     “พี่ซิคซ์ครับ นี่โอม ไปป์ ป่าน แก้ว แล้วก็เมย์ เพื่อนคณะเดียวกันกับผมครับ”
     “โห! ควงสาวเยอะขนาดนี้น้องสาวพี่ก็มีคู่แข่งเพียบสิ แค่ยัยไนน์ไปเมืองนอกไม่กี่ปีต้นก็มีใหม่ซะแล้ว ว้าว... ต้นนี่ทำบาปเยอะจังเลยน้า ทำให้คนอื่นหลงรักมากเกินไปแล้ว”
     เงียบใบ้กินกันทั้งแถบจริงๆ ครับ พี่ซิคซ์ปล่อยมุขได้ไม่ถูกเวลามากๆ ทุกคนหันไปมองหน้าเมย์ทันที เมย์หน้าขึ้นสีนิดหน่อย แต่คนที่หน้าเสียที่สุดคือโอมที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม และสายตาของพี่ซิคซ์ก็ยิ้มชั่วร้ายมองโอมอยู่
     “เรื่องส่วนตัวของผมกับเพื่อนครับ”
     ผมตอกกลับไปได้แค่นั้นจริงๆ กับพี่ซิคซ์นี่ขอเถอะครับ ผมตอบอะไรไม่ถูกจริงๆ แต่พี่ซิคซ์ไม่หยุดแค่นั้นครับ พี่ซิคซ์วางระเบิดอีกลูกนึงต่อทันที
     “สวัสดีครับน้องๆ พี่ชื่อซิคซ์นะ เป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทอย่างที่ต้นบอก พอดีว่าน้องสาวพี่ไปเรียนต่อต่างประเทศแต่เขาเป็นห่วงต้นที่ต้องอยู่คนเดียวพี่เลยอาสามาดูแลต้นแทนครับ เพราะที่บ้านพี่กับบ้านของต้นสนิทกันมากผู้ใหญ่ก็เลยอยากให้พวกเราดองกัน ใช่มั้ย? เนอะต้นเนอะ”
     ผมลากพี่ซิคซ์ออกจากที่นั่นทันที!
     “พี่ซิคซ์มารับผมไม่ใช่เหรอครับ รถจอดอยู่ทางไหนครับ”
     “ใจร้อนจังต้น ไม่อยู่คุยกับพวกเพื่อนๆ ก่อนเหรอ ฮ่าๆ”
     ถ้าอาร์มเป็นผู้ชายKYโลกสวยที่ทำให้คนรอบข้างมีความสุขเพราะนิสัยซื่อๆ แล้วละก็ ผมขอจัดพี่ซิคซ์เป็นผู้ชายAKYเจ้าเล่ห์หน้าตายนิสัยร้ายกาจที่ทำให้ผมอยากจะบ้าตายครับ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


โอม

     “ต้นหน้าแดงใหญ่เลยอ่ะ ดูจิแดงเถือกทั้งหน้าเลย พึ่งเคยเห็นล่ะ”
     “ต้นมีคู่หมั้นคู่หมายแล้วเหรอ? อย่างกับในละครแน่ะ!”
     “อ้าว! งี้แล้วแปลว่าต้นชอบผู้หญิงอ่ะดิ? เมื่อกี้เขาบอกว่าต้นสนิทกับน้องสาวเขาใช่ป่ะแก?”
     ผมเห็นเมย์ยืนนิ่งไม่ตอบอะไร เมย์ก็คงช็อกพอๆ กับผมละมั้งครับ ผมเองก็พึ่งจะรู้เรื่องที่บ้านของต้นจับคู่ให้ แต่แล้วเมย์ก็เริ่มพูดขึ้น
     “เมื่อกี้ ตอนที่เราไปตามต้น ต้นยืนคุยโทรศัพท์อยู่ ต้นพูดกับใครก็ไม่รู้ เรียกเจ้าสัวอะไรนี่แหละ”
     “งั้นต้นก็เป็นลูกคุณหนูจริงๆ เหรอแก?”
     “แต่ว่าต้นขอทุนนะจ้ะ”
     ผมมองแก้วที่แย้งป่าน ผมมองไปป์ที่ทำสีหน้าแปลกๆ แล้วผมก็มองเมย์ที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
     “เราได้ยินต้นเถียงกับคนที่คุยด้วยเรื่องจะมีเพื่อนผู้หญิงมาค้างที่ห้องแล้วต้นก็พูดออกมาว่าแฟนต้นยังไม่ว่าอะไรเลย ต้นคงมีแฟนจริงๆ แล้วแหละพวกแก ฮือๆ
     แล้วเมย์ก็ร้องไห้ออกมา ไปป์ไม่ได้พูดอะไร ป่านรีบกอดเมย์เอาไว้ แก้วก็ค้นหากระดาษทิชชู่ในกระเป๋า ส่วนผมก็...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



:impress2: ปลื้ม มีคนชมด้วย จะลอยแย้ว!
รักคนอ่านทุกคน ปลื้มคนเม้นเป็นพิเศษ ขอบคุณที่ติดตามกันน้า สัญญาว่าจะพยายามลงเร็วๆ ให้ทันเว็บอื่น เพราะตอนหลังๆ ฉากแรงจนกลัวที่นั่นแบน แหะๆ
แต่ความจริงแอบเกลาสำนวน+ใส่เพิ่มนิดๆ หน่อยๆ ด้วยแหละเลยแอบช้า อ่านตรงนี้จะอิ่มกว่าล่ะ หึๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#25/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน6
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 25-10-2014 16:38:33

ต้นน้ำ

     “นั่งเงียบเชียวครับน้องต้น”
     ผมอยู่บนรถของพี่ซิคซ์ครับ การรับมือพี่ซิคซ์คือการทำตามใจพี่ซิคซ์ดีกว่าอย่าไปหือกับแกเลย
     “โกรธอะไรพี่รึเปล่าครับ หน้างอเชียว”
     “ขับรถไปเถอะครับ”
     “มือชั้นนี้แล้วพี่ไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับน้องต้นหรอกครับ ไม่งั้นอากงพี่กับน้องต้นเอาพี่ตาย ยิ่งกงวีแกเหลือแต่น้องต้นเป็นหลายชายคนเดียวด้วย”
     ผมเลือกที่จะเงียบครับ การโต้ตอบที่ดีที่สุดคือการเงียบ แล้วปล่อยให้พี่ซิคซ์พล่ามไปคนเดียวครับ
     “แน่ะ เงียบอีกแล้ว ต้องโกรธพี่แน่ๆ เลยอ่ะ”
     ทั้งๆ ที่พี่ซิคซ์รู้ว่าผมโกรธ แต่กลับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง แถมยังมีหน้าเอามือมาขยี้หัวผมเล่นอีก ผมเบี่ยงตัวหลบทันทีแต่ก็เจ็บแผลที่หลัง
     “นั่นๆ เจ็บตัวเลยเห็นมั้ย ความโกรธทำให้คนเราเป็นทุกข์นะครับ ฮ่าๆ”
     “ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะพี่ซิคซ์นั่นแหละครับ!”
     “แปลว่าเราโกรธพี่จริงๆ ด้วย ฮ่าๆ ว่าแล้ว”
     เชื่อเค้าเลย! ที่ทำมาทั้งหมดนี่ก็แค่ยั่วผมให้ยอมรับว่าโกรธเขาเนี่ยนะ?
     “พี่พูดความจริงน้า ต้นไม่เห็นต้องโกรธพี่เลย”
     “แต่เรื่องบางเรื่อง เราก็ไม่จำเป็นต้องพูดนี่ครับ”
     “พี่ก็ไม่ได้พูดเรื่องที่ไม่ควรพูดนี่ ไม่ดีรึไงพี่ช่วยดับความหวังเด็กผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ปิดทางเด็กผู้ชายอีกคนไปในตัวเลยนะ แถมความลับต้นก็ยังอยู่ดีด้วย”
     “แต่พี่ก็ไม่ควรเอาไนน์มาเป็นเครื่องมือ พี่ซิคซ์พูดแบบนั้น ไนน์จะเสียหายนะครับ ผมกับไนน์เป็นแค่เพื่อนกัน”
     “พี่ก็ไม่ได้บอกว่าต้นกับไนน์เป็นอะไรกันนี่ พี่แค่บอกว่าบ้านต้นกับบ้านพี่อยากให้พวกเราดองกัน”
     ใช่แล้วครับ แม้ตอนแรกที่เจ้าสัวท่านรู้ว่าผมสนิทกับไนน์ท่านจะอยากให้พวกเรารุ่นหลานดองกันอีกคู่ แต่พอรู้ว่าผมชอบผู้ชายและมีแฟนอยู่แล้วซึ่งก็เป็นแค่เซลล์ขายยา เจ้าสัวท่านก็เกิดเป็นห่วงขึ้นมาทำท่าจะจับผมส่งให้พี่ซิคซ์แทน เพราะทางบ้านพี่ซิคซ์ก็สงสัยว่าที่พี่ซิคซ์ไม่ยอมควงสาวที่ไหนซักทีอาจจะเป็นเพราะพี่ซิคซ์ชอบผู้ชาย ทางนั้นไม่คิดมากเพราะมีลูกชายเหลืออีกสองคน แถมคนโตก็แต่งงานมีหลานให้อุ้มแล้ว
     หวยก็เลยมาลงล็อคที่ผมเพราะไม่ใช่ใครที่ไหนหลานๆ คนกันเอง นี่ถ้าเป็นสมัยก่อนผมคงถูกจับยัดใส่เกี้ยวเจ้าสาวส่งถึงมือพี่ซิคซ์ไปแล้วมั้งครับ แถมพี่ซิคซ์ก็ไม่ยอมปฏิเสธอะไรเลย ใครส่งอะไรให้พี่แกก็เล่นไปตามน้ำซะงั้น เขาจับคู่ให้กับผมก็ยิ้มขำๆ ทำหน้าระรื่นยอมรับการจับคู่ของผู้ใหญ่ ไม่มีใครถามผมซักคำ!
     แต่เรื่องนี้ผมไม่กล้าบอกพี่ชัชหรอกนะครับ บอกพี่ชัชไม่ได้เด็ดขาดไม่งั้นมีหวังอาละวาดบ้านแตกแน่ๆ ผมแค่บอกพี่ชัชว่าเจ้าสัวท่านหวงผมก็พอแล้วครับ พี่ชัชเองก็พอจะรู้เลาๆ อยู่แล้วว่าท่านไม่ชอบหน้าตัวเอง แต่พี่ชัชก็ถือดีตรงที่แม่ของผมยอมรับพี่เขา ผมไม่กล้าบอกพี่ชัชว่านอกจากเจ้าสัวจะไม่ชอบหน้าพี่เขาแล้วยังพยายามยัดเยียดผู้ชายคนอื่นให้ผมหรอกนะครับ กลัว!
     ผมเถียงอะไรพี่ซิคซ์ไม่ออกหรอกครับเลยได้แต่นั่งเงียบ แต่พี่ซิคซ์สิยิ้มขำตลอด มีความสุขนักรึไงที่ได้แกล้งผม? แถมยังชอบขยี้หัวผมแบบนี้อีก ผมอนุญาตให้พี่ชัชทำได้คนเดียวนะครับ!
     “แล้วพรุ่งนี้เราจะไปมหาลัยยังไง? ให้พี่ไปรับมั้ย?”
     “ไม่จำเป็นครับ ผมนั่งแท็กซี่เอาได้”
     “งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปรับ เอ๊ะ... หรือพี่จะค้างห้องต้นคืนนี้เลยดีน้า พี่มีเสื้อผ้าสำรองติดรถไว้อยู่แล้ว”
     “นั่นมันห้องของแฟนผมครับ ไม่ใช่ห้องผม! ละผมก็มีเพื่อนมานอนค้างด้วยแล้วให้พี่ซิคซ์ค้างด้วยไม่ได้หรอกครับ”
     “ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงใส่พี่ขนาดนั้นเลยต้น ตื่นเต้นดีออก พอแฟนไม่อยู่ก็ให้พี่ไปดูแลเราแทนไง ไม่คิดว่ามันน่าหนุกดีเหรอ”
     “สนุกอยู่บนความทุกข์ของคนอื่นน่ะสิครับ ให้ตายเถอะ! ทำไมชอบแกล้งผมจัง?”
     ผมพูดพลางปัดมือพี่ซิคซ์ที่ขยี้ซะจนผมของผมยุ่งไปหมดแล้ว
     “ก็ทีเราล่ะ ทำไมชอบยั่วโมโหลุงต้นจังเลย น่าๆ พี่ขอโทษ พี่เห็นเราชอบทำหน้าบึ้งก็เลยอยากให้ยิ้มบ้าง”
     “โดยการแกล้งผมแบบนี้เนี่ยนะครับ?”
     ผมสาบานกับตัวเองว่าผมจะทำดีกับผู้ชายคนนั้นมากขึ้น ผมรู้แล้วละครับว่าเวรกรรมสมัยนี้เขาตอบสนองรวดเร็วทันใจด้วย4G! และพี่ซิคซ์ก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรของผมโดยแท้!
 
     “ถึงแล้วคร๊าบ น้องต้น”
     ผมมองหน้าพี่ซิคซ์ที่ถอยรถเข้าจอดในซองเรียบร้อย อย่าบอกผมนะครับว่า... หลายวันที่ผ่านมานี้ผมอนุญาตให้ผู้ชายคนอื่นขึ้นห้องของผมกับพี่ชัชมากเกินไปแล้ว!
     ผมไหว้ขอบคุณพี่ซิคซ์ที่มาส่งผม แล้วก็รีบลงจากรถทันที
     นั่นไง! พี่ซิคซ์เดินตามผมมาจริงๆ ด้วย ถ้าวิ่งได้แล้วไม่เสียมารยาทผมทำไปแล้วครับ
     “พี่จะตามผมมาทำไมครับ?”
     “พี่หิวน้ำ พี่ปวดฉี่ พี่ง่วง พี่อยากไปพักผ่อนในห้องของแฟนต้น”
     แล้วผมควรจะเถียงกลับไปว่าอะไรดีครับ?
     พี่ซิคซ์ตามผมขึ้นคอนโดมาจริงๆ แถมพอเข้ามาถึงในห้องแล้วก็เดินดูจนทั่ว ค้นโน่นค้นนี่จนแทบจะไม่มีคำว่าเกรงใจ
     “ห้องสวยเหมือนกันนะนี่ กว้างดีด้วย สองห้องนอน แฟนต้นก็เก่งไม่ใช่เล่นนะเนี่ย แพงมะ?”
     “จะซื้อคอนโดบ้างหรือไงครับ?”
     “อื้อ พี่ก็ว่าอยู่ บ้านพี่หลังใหญ่ก็จริงแต่ลูกชายตั้งสามคน ลูกสาวอีกหนึ่ง พี่เป็นคนเล็กซะด้วยไม่รู้จะเหลืออะไรบ้าง ว่าจะหาเมียรวยๆ มีบ้านหลังใหญ่ๆ ไปเป็นเขยร้านเพชรก็ไม่เลว ต้นว่าป่ะ?”
     นั่น! เข้าตัวอีกแล้วครับ ผมอุตส่าชวนเขาคุยดีๆ แล้วนะทำไมถึงโยงเข้าไปเรื่องแบบนั้นอีกแล้วล่ะ?
     ผมได้แต่ภาวนาว่าขอให้เมษรีบๆ มาซะที ผมไม่อยากอยู่กับพี่ซิค์สองต่อสอง บอกตามตรงว่าเดาใจพี่ซิคซ์ไม่ถูกจริงๆ ผมไม่รู้ว่าพี่เขาชอบผู้ชายจริงหรือเปล่า? และยิ่งเดาท่าทางเขาไม่ถูกใหญ่ว่าพี่เขาจะเอายังไงกับผม? ผมได้แต่ภาวนาว่าพี่เขาคงไม่ได้บ้าจี้นึกพิศวาสผมขึ้นมาจริงๆ หรอกนะครับ
     “ส่งผมเสร็จแล้วพี่ซิคซ์ก็กลับไปได้ละครับ เดี๋ยวเพื่อนผมก็มาแล้ว”
     “เพื่อนต้นก็เหมือนเพื่อนพี่แหละ พี่ชอบมีเพื่อนเยอะๆ”
     ผมเลี่ยงเดินหนีไปโทรศัพท์ทันที!
     “เมษ นายอยู่ไหนแล้ว?”
     “เออๆ ใกล้ถึงละ อีกสองป้าย ทำไมยะ?”
     “รีบๆ มาเลย เราต้องการกำลังเสริม!”

     เมษมาแล้วครับ ในที่สุดกำลังเสริมของผมก็มาถึง! เมษสตั้นไปห้าวิกับความหล่อของพี่ซิคซ์ ก็ใครใช้ให้พี่ซิคซ์ขาวตี๋แต่ตาโต แถมยังมีรอยยิ้มอยู่บนหน้าตลอดเวลาละครับ แต่แค่ห้าวินาทีเท่านั้นแหละครับ เพราะพอพี่ซิคซ์เปิดปากออกมาเมษก็แทบถลาเข้าไปตบ
     “โว้ว! เพื่อนต้นนี่สวยจัง ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่ากระเทย”
     ผมบอกแล้วว่าพี่ซิคซ์นี่ปากเสียแบบจงใจ ต่างจากอาร์มลิบลับ
     “แล้วหนูไปเป็นกระเทยบนหัวพี่รึไงคะ!”
     “เปล่าคร้าบ พี่ก็แค่ชม เห็นคนเขาว่ายังไม่เฉาะแท้ๆ แต่สวยขนาดนี้ ซิลิโคนไซส์อะไรครับนี่ ดูเต็มไม้เต็มมือดีจัง”
     เมษเกือบแล่นเข้าไปตบพี่ซิคซ์แล้วครับถ้าไม่ได้ผมดึงไว้ก่อน พวกราศีเมษนี่เป็นแบบนี้ทุกคนเลยรึเปล่า?
     “นังต้น ปล่อยฉัน! ถ้าไม่ได้ตบไอ้บ้านี่ฉันตายตาไม่หลับ!”
     “ฮ่าๆ เพื่อนต้นนี่ตลกจัง แต่เห็นแบบนี้ก็วางใจแล้วล่ะ”
     วางใจ? วางใจอะไรกันครับ ผมตามพี่ซิคซ์ไม่ทันจริงๆ
     “เอาล่ะๆ พี่ขอโทษครับน้องคนสวย พี่ชื่อซิคซ์ครับ น้องชื่อไรเอ่ย?”
     พี่ซิคซ์ยกมือทำท่าขอโทษอย่างน่ารักแล้วก็หยอดคำหวานๆ ใส่ซะจนเมษเผลอเคลิ้ม
     “ชื่อเมษาค่ะ”
     “ชื่อเพราะจังนะครับ ใช่เดิมชื่อเมษรึเปล่าเอ่ย?”
     เลิกกวนตีนคนอื่นได้แค่สองวิเท่านั้นสินะครับพี่ซิคซ์ เมษเลยหันไปแยกเขี้ยวทำท่าอยากเข้าไปหักคอพี่ซิคซ์
     “โอเคๆ พี่ไม่แกล้งพวกเราแล้ว ขอโทษที่แหย่แรงไปครับ พี่ก็แค่อยากรู้อะไรนิดๆ หน่อยๆ อย่าถือสาพี่เลยนะ พี่เป็นพี่ชายของไนน์ ไม่รู้ว่าน้องเมษารู้จักไนน์รึเปล่า”
     เมษหันมามองผมอยู่ครู่หนึ่ง ผมเลยพยักหน้าให้
     “ก็พอรู้จักค่ะ แต่ไม่ได้สนิทมาก หนูเรียนคนละห้องกัน”
     “อ้าว! งี้ก็คนละห้องกับต้นด้วยสิ? แล้วมาสนิทกันได้ไงครับนี่?”
     “อยากรู้ทำไมไม่ถามต้นมันดูละคะ”
     เมษพูดพร้อมกับเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นทาน ส่วนผมก็เอากระเป๋าเมษเข้าไปเก็บในห้องนอนให้ ถือโอกาสหนีเลยครับ ปล่อยให้พี่ซิคซ์ตามกวนเมษไปนั่นแหละ
     “ก็ต้นไม่ยอมเล่าอะไรให้พี่ฟังเลยไง พี่เลยต้องมาถามน้องเมษาเอา น้องเมษาสวยขนาดนี้ ใจดีแน่ๆ เลยใช่มั้ยครับ”
     “ถ้าต้นมันไม่เล่าหนูก็ไม่พูดค่ะ กระเทยก็มีสัจจะนะคะ ไม่ขายความลับเพื่อน!”
     พี่ซิคซ์ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์นิด แล้วก็ยอมถอยออกไป
     “โอเค พี่สบายใจละ จะได้กลับบ้านซะที”
     “สบายใจอะไรครับ?”
     ผมตงิดๆ นะ เห็นแบบนี้ ผมสังหรณ์ใจมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
     “พี่ซิคซ์ พี่วางแผนอะไรไว้แน่ครับ?”
     “ทีตะกี้ก็ไล่พี่กลับจัง แต่พอแบบนี้แล้วก็ดันรั้งพี่ไว้ ต้นนี่เอาใจยากจัง”
     พี่ซิคซ์พูดพร้อมกับหันหลังมาเหล่มองมือผมที่ดึงเสื้อพี่เขาเอาไว้
     “พี่ทำอะไรลงไปแน่ครับ ทำไมต้องหาเรื่องเพื่อนผมขนาดนั้นด้วย?”
     ผมไม่ยอมหรอก ผมทำเสียงเข้มใส่พี่ซิคซ์ทันที มีเมษยืนกอดอกเป็นแบคอัพให้ผมอยู่อีกทาง
     “โอเคๆ เฉลยแล้ว”
     พี่ซิคซ์หันหลังกลับมาประจันหน้ากับพวกเราแล้วเริ่มสาธยายความชั่วร้ายของตัวเอง
     “ก็กงวีเขาเป็นห่วง พี่ก็เลย... เลยทดสอบดูนิดๆ หน่อยๆ ว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกันจริงรึเปล่า”
     “คุณพี่คิดว่าหนูจะทำอะไรนังต้นมันเหรอคะ!”
     เมษกรี๊ดลั่นห้องทันทีครับ ท่าทางโมโหมาก เมษเดินมายืนข้างๆ ผมประจันหน้ากับพี่ซิคซ์ทันที
     “คุณพี่คะ! ดูให้ดีนะคะ หนูเป็นกระเทยค่ะ!”
     แต่พี่ซิคซ์ยักไหล่แบบไม่ยี่หระ
     “ก็... อะไรๆ มันยังไม่เรียบร้อยนี่ กงเขาก็เลยเป็นห่วง”
     “จะบ้าเหรอคะ! ถ้าหนูขืนทำอะไรแบบนั้นผัวนังต้นมันได้มากระทืบหนูตาย! แล้วก็ดูปากหนูให้ดีๆ นะคะ กระเทยชอบรับประทานแต่ผู้ชายค่ะ!”
     “แต่ต้นก็เป็นผู้ชายนี่ บางที...”
     “ผมรักแฟนของผมนะครับ แล้วก็ไม่ได้มีนิสัยมักง่ายแบบนั้นด้วย ผมกับเมษเป็นเพื่อนกันครับ!”
     ผมเถียงกลับยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเองแล้วหันไปหาแนวร่วมอย่างเมษ แต่ว่า...
     “โอ้ยคุณพี่ขา! อย่าเอานิสัยตัวเองมาตัดสินคนอื่นสิคะ อย่างนังต้นน่ะเหรอคะจะทำอะไรใครเป็น!”
     อ้าวเมษ! ทำไมดูถูกกันแบบนั้นล่ะ? ถึงผมจะรุกพี่ชัชไม่เป็นแต่ผมก็ยั่วพี่ชัชได้นะ อย่างน้อยพักหลังผมก็เริ่มเซอร์วิสพี่ชัชเก่งขึ้นแล้วด้วย
     “ก็เพราะงั้นไงอากงเขาถึงห่วง เขากลัวว่าหลานชายเขาจะโดนปล้ำ”
     “พี่ก็เลยจะมาชิงตัดหน้าปล้ำนังต้นมันก่อนรึยังไงคะ!”
     พี่ซิคซ์หัวเราะกับคำจิดกัดของเมษเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อแบบชิลๆ แต่ผมนี่สิ เหงื่อตก ขออย่าให้พี่ซิคซ์คิดอะไรกับผมเลยครับ
     “เปล๊า! พี่ก็แค่กันท่าไว้เฉยๆ พี่จะปล้ำต้นได้ยังไง พี่ไม่กินน้องตัวเองหรอก เพื่อนน้องก็เหมือนน้องแท้ๆ นั่นแหละ ยิ่งเราสองครอบครัวก็ดองเหมือนเป็นญาติกันอยู่แล้วด้วย”
     พี่ซิคซ์พูดพร้อมกับเอามือมาขยี้หัวผมอีกแล้ว
     “แปลว่ถ้านังต้นมันไม่ใช่น้องนี่พี่ก็งาบสินะคะ”
     “มั้งนะ? เสป็กพี่เลยแหละ ฮ่าๆ ถ้าเป็นผู้หญิงพี่คงบอกเตี่ยไปสู่ขอมาละ ไปนะเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับ!”
     “พี่ซิคซ์!”
     พี่ซิคซ์เผ่นหนีออกจากห้องก่อนผมตวาดเสร็จซะอีกครับ เร็วจริงๆ เลย ผมกับเมษมองหน้ากันทันที แล้วเมษก็จิกผมไปอีกหนึ่งดอก
     “สเน่ห์แรงจริงๆ นะแก กี่คนแล้วล่ะที่มาหลงแกเนี่ย”
     “บ้า! พี่เขาคงพูดเล่นมั้ง ยิ่งกวนๆ อยู่”
     “ฉันบอกแกไว้เลยนะนังต้น ระวังตัวไว้ อีตาพี่ซิคซ์ไรของแกเนี่ยมันเป็นไบย่ะ แล้วยิ่งเป็นคนที่บ้านใหญ่เขาพยายามจับจะคู่ไว้ให้แกด้วยใช่มั้ย? ระวังเถอะอย่าไปยั่วมันมาก เกิดมันถูกใจแกไปมากกว่านี้จริงๆ แล้วแกจะร้องไม่ออก คนแบบนี้น่ากลัวนะแก กินไม่เลือกอ่ะ”
     ผมสับสนนะครับ กลัวด้วย คำขู่ของเมษทำให้ผมกลัว
     “ไม่มั้ง.....”
     “เออๆ ช่างเถอะ เย็นแล้ว จะกินไรย๊ะ? ฉันจะได้ทำให้ ละนี่แผลแกเป็นไงมั่ง มาให้ฉันดูสิ”
     ว่าแล้วเมษก็เจ้ากี้เจ้าการมาถลกเสื้อผมดูแผล พอผมเปิดเสื้อให้ดู เมษเห็นแล้วก็ทำสีหน้าโล่งใจนิดหน่อย
     “โอ้ยค่อยยังชั่ว! ฉันก็นึกว่าเหวอะหวะอะไรซะอีก เห็นแกบอกให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อน”
     “ก็มันเจ็บนี่ เราทายาเองไม่ถึง”
     “ย่ะ แล้วนี่ฉันต้องทำไรบ้าง?”
     “ก็แค่ช่วยเราทายา จะช่วยเราทำงานบ้านด้วยก็ได้นะ”
     ผมอมยิ้มแซวเมษ
     “น้อยๆ หน่อยนังนี่ ว่าแต่อยากกินไรล่ะ ไหนดูซิ ในครัวมีไรบ้าง?”
     “อยากกินต้มข่าไก่”
     เมษหันขวับมามองผมทันที
     “แกว่าอะไรนะ?”
     “อยาก กิน ต้ม ข่า ไก่”
     ผมพูดช้าๆ เน้นทีละคำชัดๆ
     “แกจะกินต้มข่า! ฝันไปเถอะย่ะอีนี่! ละฉันจะไปเสกตะไคร้ที่ไหนมาให้แกย๊ะ!”
     “น่านะ นายมาทั้งที ทำให้เรากินหน่อยสิ ก็นายทำอาหารอร่อยอ่ะ”
     “แล้วฉันจะทำได้ยังไง? แหกตาดูตู้เย็นแกก่อนสิ!”
     “ไปช็อปกัน”
     “เลี้ยงขนมฉันด้วยนะ ไม่งั้นไม่ช่วย”
     “อืม พี่ชัชให้เงินไว้อื้อเลย มีเงินช็อปแล้วล่ะ”
     “ต๊าย! นังนี่ หมกเม็ดเงินผัว!”
     “นิดหน่อยเอง ก็พี่เขาเป็นห่วงเลยให้เพิ่มไว้เผื่อเรานั่งแท็กซี่ แต่เราไม่ได้ใช้ก็เอามาช็อป ไม่เห็นเป็นไร”
     “แผนสูงนะแก เดี๋ยวพรุ่งนี้อีตานั่นก็มารับอีก”
     “บ้า! ไม่เอาแล้วน่ากลัวจะตาย ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ หรอก อยู่ด้วยแล้วอึดอัดอกจะแตกตาย”
     ผมพูดพร้อมกับเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอน ส่วนเมษคว้าเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำครับ แต่เราสองคนยังตะโกนคุยกันต่อ
     “อ้าว? งี้แล้วพรุ่งนี้แกจะไปยังไงย๊ะ ฉันมีชั่วโมงเช้าด้วยนะแก”
     “ก็ว่าจะนั่งแท็กซี่ไป แต่ตอนเย็นแม็กซ์บอกจะมาส่ง เห็นบอกว่าว่างจะมากินข้าวด้วย”
     “ผัวแกไม่ตบเอาเหรอ?”
     “ไม่หรอก พี่ชัชอนุญาตแล้ว”
     “เออๆ ทำไรก็ตามสบายเรื่องของแก แต่ฉันไม่ไปด้วยนะมีงาน คงกลับมาดึกๆ หน่อย”
     “อือไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้นายกลับเลยก็ได้นะ พี่ชัชบอกว่าถ้าเคลียร์งานได้เร็วก็คงถึงดึกๆ พรุ่งนี้เหมือนกัน แต่ถ้าไม่ได้ก็กลับอีกวันนึง”
     “พี่ชัชนี่ก็งานยุ่งดีเนอะ ขยันทำงานงกๆ หาเงินให้แกใช้ น่าอิจฉาอ่ะ”
     “ไว้เราติดต่อเพื่อนพี่ชัชให้มั้ยล่ะ?”
     “บ้า! ไม่เอาหรอกย่ะ ฉันไม่ชอบคนแก่!”
     “พี่ชัชยังไม่แก่นะ! แค่สามสิบสามเอง”
     พี่ชัชของผมยังไม่แก่ซักหน่อยครับ เพิ่งจะสามสิบสามเอง สำหรับผู้ชายถือว่าเป็นวัยกำลังภูมิฐานเลย อบอุ่นดีออก เมษมาว่าพี่ชัชของผมได้ยังไง!
     “แหมแตะต้องผัวแกไม่ได้เลยนะ เชอะ!”
     เมษเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสบายๆ ผมเองก็ใส่กางเกงขาสั้นครับ แต่ใส่กับเสื้อแขนสั้นแบบมีกระดุมนะ มันยังเจ็บแผลจนไม่อยากยกแขนใส่เสื้อยืด แล้วกางเกงขาสั้นของผมไม่ใช่แบบสั้นเสมอหูสองคืบแบบของเมษด้วย เป็นกางเกงแบบผู้ชายตามปกติน่ะแหละครับ
     เห็นแล้วทึ่งจริงๆ เพื่อนผมแต๊บได้เนียนมาก แต่เมษเคยบอกผมว่าเป็นเพราะเมษทานฮอร์โมนตั้งแต่เด็กตรงนั้นของเขาก็เลยมีสภาพคล้ายของเด็ก ทำให้แต๊บได้ง่ายเพราะเป็นแค่หนอนตัวเล็กไม่ใช่งู ไม่มีปัญหาอะไรกับการนุ่งสั้นโชว์ขาเนียนๆ นอกจากการต้องคอยแว็กซ์ขนหน้าแข้งบ่อยๆ
     เราสองคนไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้านกัน กลับมาทำอาหาร ทานข้าวเย็น ทำการบ้านไปคุยไป ก่อนต่างคนจะเข้าโหมดอ่านหนังสือเตรียมสอบ แล้วก็ต่างคนต่างก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวนอนครับ
     เมษนอนห้องนอนของผมกับพี่ชัชนี่แหละ ความจริงในห้องว่างอีกห้องที่พี่ชัชทำเป็นห้องทำงานก็มีเตียงแบบโซฟาเบดอยู่นะครับ แต่ผมกับพี่ชัชไม่ถือ ผมก็เลยชวนเมษมานอนบนเตียงนี้นี่แหละ ผมจะถือเรื่องนอนทับรอยทำไมละครับก็ในเมื่อคนที่นอนอยู่กับพี่ชัชก่อนหน้าผมก็คือพี่ฟ่างผมยังไม่รังเกียจเลย
     เมษยังขนครีมบำรุงทั้งหลายมาดูแลตัวเองเหมือนเดิม แต่ผมก็มีบ้างแล้วนะครับ หลังจากที่อยู่ด้วยกันแล้วพี่ชัชคลั่งกลิ่นพีช(จากสบู่)บนตัวผมมากๆ พอปีที่แล้วพี่เขาไปญี่ปุ่นแล้วเจอโลชั่นกลิ่นพีชยี่ห้อนึงพี่เขาก็เลยซื้อกลับมาให้ผมลองใช้ครับ บอกว่าหอมดี ผมเองใช้แล้วก็ชอบเพราะมันหอมมาก แล้วก็ทาแล้วผิวนุ่มชุ่มชื่นขึ้นจริงๆ เนื้อครีมไม่เหนอะหนะแถมผมไม่แพ้ก็เลยติดใจครับใช้มาตลอด รอบที่ผ่านมานี่พี่ชัชก็เลยเหมามาทั้งครีมอาบน้ำทั้งโลชั่นเยอะเชียวครับ ใช้ได้อีกครึ่งปีเลยแหละผมว่า
     ทำไงได้ล่ะครับถ้าขืนผมปล่อยให้ตัวเองโทรมผมกลัวพี่ชัชจะเบื่อผมนี่นา แต่พวกครีมบำรุงผิวหน้านี่ผมไม่ค่อยได้ใช้อะไรหรอกนะครับ มีเอาครีมให้ความชุ่มชื้นทาบ้างนิดหน่อย ถ้าสิวขึ้นก็เอาเจลแต้ม คนที่ใช้เยอะหน่อยก็พี่ชัชแหละครับ ก็เป็นผู้แทนนี่นาต้องดูแลหน้าตัวเองบ้างพอสมควร แต่ถึงยังไงก็ไม่เท่าเมษแน่ๆ ครีมบำรุง เซรั่ม อายครีม สารพัดเยอะไปหมดจนผมงง
     พวกเรานอนหลับกันไปทั้งๆ ที่ต่างคนต่างยังมีหนังสือคาอยู่ในมือ ผมก็นั่งท่องสูตรลองทำโจทย์คำนวน ส่วนเมษก็นั่งท่องจำวิชาอ่าน เราตื่นกันอีกทีตอนนาฬิกาปลุกดังราวๆ ตีห้า แล้วพวกเราก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกจากบ้านครับ ผมคิดว่าผมพร้อมสำหรับการสอบวันนี้นะ แต่ผมไม่พร้อมที่จะเจอพี่ซิคซ์!
     พี่ซิคซ์มายืดกดออดรอพวกเราตั้งแต่หกโมง! ทำไงได้ ก็เลยต้องให้พี่เขาไปส่งน่ะสิครับ เซ็งจริงๆ เลย...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ความจริงแล้ววันนี้ผมมีสอบบ่ายแต่ที่มาเช้าๆ คือพวกผมนัดกันมาติวนั่นแหละครับ ชีทของผมเป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับเพื่อนๆ แต่ในระหว่างที่กำลังนั่งติวกันอยู่นั่นเอง เพื่อนเด็กภาคเคมีก็เดินเข้ามาหาผมแล้วก็ยื่นถุงอะไรซักอย่างให้
     “ต้น อาจารย์ต้นฝากมาให้นายอ่ะ”
     “เธอเป็นเด็กส่งสารให้อาจารย์เขารึไงนิว?”
     “ย่ะ รับๆ ไปเหอะ เราต้องไปละ”
     นิวพูดแล้วก็วางถุงไว้บนโต๊ะ ผมจะร้องห้ามแต่นิวก็เดินหนีไปซะก่อน
     “นิวเดี๋ยวก่อน เอาไปคืนอาจารย์ให้ที ... ไปซะแล้ว”
     นิวเดินหนีผมไปอย่างรวดเร็ว คงกะมาแล้วว่ามุขนี้ได้ผล แต่ที่ผมคิดไม่ถึงคือไปป์จอมยุ่งเร็วกว่า
     “ไรอ่ะ? ไหนดูดิ๊ ห่อของขวัญด้วย”
     ไปป์เอาของที่อยู่ในถุงออกมาดูแล้วเรียบร้อยครับ
     “มารยาทน่ะสะกดเป็นมั้ยไปป์”
     ผมปรายตามองไปทางไปป์แล้วก็ด่าด้วยน้ำเสียงเย็นๆ แต่อย่างไปป์น่ะเหรอครับจะสลด
     “น่านะ ขอแกะหน่อย เราอยากรู้ว่าข้างในมีอะไร”
     “ถ้านายแกะ นายต้องเอาไปคืนอาจารย์ให้เราด้วย เอามั้ยล่ะ?”
     “ได้เลย!”
     ไปป์... บางครั้งนายก็หน้าด้านเกินไปนะ แต่เอาเถอะ ถือว่าผมได้ประโยชน์ อย่างน้อยก็มีคนเอาของไปคืนแทนผม ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมของถึงถูกแกะ ผมก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนตอบ
     ผมก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อไม่ใส่ใจปล่อยให้ไปป์นั่งแกะของขวัญของผมมันมือ ผมหันไปอธิบายตรงที่ผมพูดค้างไว้ให้โอมฟังต่อ เมย์กับแก้วก็นั่งอ่านหนังสือกันเงียบๆ มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว มีแต่ป่านที่กระตือรือล้นช่วยไปป์แกะของขวัญสุดฤทธิ์
     “โอ้โห! กระเป๋าตังค์ สวยจัง Pierre Cardin ด้วยคงแพงน่าดูเลยนะเนี่ย”
     ไปป์พูดขึ้นทันทีที่แกะของขวัญชิ้นนั้นเสร็จ ผมเหลือบตาไปมองนิดหน่อย กระเป๋าเงินใบสั้นแบบพับสองตอนสีดำเรียบๆ แต่ตัดเย็บอย่างดี ผู้ชายคนนั้นซื้อกระเป๋าเงินให้ผมเพื่ออะไรนะ?
     “อาจารย์เขาซื้อเป๋าตังค์ให้แกทำไมว... เอ้ย! ต้น...”
     เสียงของป่านที่แปลกไปกระทันหันทำให้ผมต้องเงยหน้าหันไปมอง พร้อมๆ กับที่ไปป์พูดต่อพอดี
     “มีเงินอยู่ในนี้เป็นปึกเลย!”
     ไปป์หยิบแบงค์พันปึกนั้นออกมาจากกระเป๋า ผมรีบคว้ามาดูทันที พวกเราทั้งโต๊ะพูดอะไรไม่ออก อึ้งกันหมดแล้วครับ
     “เท่าไหร่อะ? ไม่ต่ำกว่าหมื่นนึงแน่ๆ เป็นฟ่อนเลย”
     “เราจะเอาไปคืนอาจารย์! พวกนายติวกันไปก่อนนะ เดี๋ยวเรามา!”
     ผมโมโหจนทนไม่ไหวแล้วครับ เขาทำแบบนี้กับผมได้ยังไง! ผมพึ่งจะขอร้องเขาว่าไม่ต้องมายุ่งกับผมไม่ใช่เหรอ
     “เฮ้ยต้นใจเย็นๆ รอเราด้วย”
     ไปป์พูดแล้วก็วิ่งตามผมมาติดๆ ผมวิ่งไปที่ห้องภาคเคมีไม่รอช้าแต่ดันโชคร้ายเขาไม่อยู่ ผมตามหาเขาซะทั่วจนไปป์ต้องเตือนสติผม
     “ต้นๆ ใกล้เข้าสอบแล้ว ไปก่อนเหอะ เดี๋ยวค่อยเอาไปคืนอาจารย์เขาก็ได้”
     “ไม่ได้! ถ้ายังไม่ได้คืนไอ้กระเป๋ากับเงินบ้าๆ นี่เราไม่มีสมาธิสอบแน่!”
     “ต้นมีไรเปล่า?”
     เสียงของอาร์มดังขึ้น อาร์มวิ่งมาหาผมพอดีครับ
     “อาร์ม!”
     ผมโผเข้าไปหาอาร์ม ดูอาร์มตกใจนิดหน่อยก่อนจะลูบหลังปลอบผม
     “มีไร! ใจเย็นๆ เกิดไรขึ้น?”
     “ผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว! เขาทำงี้กับเราได้ไง บ้าที่สุด!”
     “ใจเย็นนะต้น”
     อาร์มหันไปส่งสายตากับไปป์ เพราะผมกำลังดราม่าไม่มีอารมณ์จะเล่าอะไร
     “มีเด็กเคมีเอาของมาให้ต้น บอกว่าอาจารย์ต้นตระการฝากมา แล้วพอแกะออกดู ก็เป็นกระเป๋าตังค์กับเงินเป็นฟ่อนอ่ะ แล้วต้นก็ของขึ้นวิ่งตามหาอาจารย์ซะทั่วอย่างที่นายเห็น”
     “ต้นใจเย็นนะ นายกลับไปสอบก่อน ไว้สอบเสร็จนายค่อยเอาของไปคืนเขาก็ได้ ไม่ต้องรีบคืนหรอก ตอนนี้เรื่องสอบสำคัญกว่านะ”
     อาร์มปลอบผมเหมือนปลอบเด็กแล้วก็ฉวยถุงใส่กระเป๋าสตางค์กับเงินพวกนั้นออกจากมือผมโยนไปให้ไปป์ อาร์มมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมสบายใจเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมไม่อายถ้าต้องร้องไห้ต่อหน้าอาร์ม เพราะผมรู้ว่าอาร์มจะเช็ดน้ำตาให้ผมได้
     “ของนี่ฝากเพื่อนนายไว้ก่อนก็ได้ ไปสอบก่อนนะ เดี๋ยวตอนเย็นพวกเรานัดกับแม็กซ์ด้วยไม่ใช่เหรอ ไว้ละไปหาไรอร่อยๆ กินให้สบายใจกัน”
     อาร์มเดินลากผมกลับไปยังตึกแล้วก็บอกให้ไปป์ช่วยดูแลผมเป็นพิเศษ มีพูดติดตลกทิ้งท้ายไว้ว่าเพราะผมอยู่ในภาวะอารมณ์ไม่มั่นคงอย่างรุนแรงแล้วก็กำชับว่าสอบเสร็จแล้วห้ามไปไหนเพราะอาร์มกับแม็กซ์จะมารอผมที่นี่
     โชคดีที่พักหลังผมหลุดบ่อยจนเพื่อนๆ เริ่มชินแล้วเลยไม่ใคร่จะถือสาหาความอะไรกับผม ทุกคนพากันเบนเข็มไปถามไปป์ด้วยสายตาแต่ไปป์ก็ฉลาดพอที่จะไม่พูดเอาตอนนี้และเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอ่านหนังสือสอบแทน ถุงของขวัญนอนนิ่งอยู่ในเป้สะพายของไปป์ๆ ไม่เอาออกมาให้ขัดตาผมเลยแม้แต่น้อย แล้วผมก็เข้าห้องสอบไปทั้งอย่างนั้น นั่งสอบแบบไม่มีสมาธิ จนหมดชั่วโมง....
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#25/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน6
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 25-10-2014 16:39:29
     ผมออกมาจากห้องสอบเป็นคนสุดท้าย แทบไม่รู้ตัวเลยว่าผมทำอะไรไปบ้าง คงไม่ได้แย่มากจนถึงขั้นตกหรอกนะครับ....
     พอออกมาถึงไปป์กับเพื่อนอีกสี่คนกำลังรวมกลุ่มเม้าเรื่องผมอย่างเมามัน พอหันมาเห็นผมทุกคนก็ทำหน้านิ่งๆ กันทันทีเปลี่ยนไปคุยเรื่องสอบ แต่ไม่ใช่ไปป์ พอผมนั่งลง ไปป์ก็ถามผมขึ้นทันที
     “เรานับดูแล้วมีตั้งสองหมื่น สาบานเลยนะว่าเราไม่ได้จิ๊กไปแม้แต่ใบเดียว ไม่เชื่อถามป่านได้ นายจะเอาไงต่อ?”
     “ก็เอาไปคืน”
     “แกจะเอาไปคืนจริงๆ เหรอ? มันเยอะนะต้น แกไม่เสียดายเหรอ?”
     “ไม่ใช่ของๆ เรานี่ป่าน”
     “งั้นแล้วอาจารย์เขาเอามาให้ต้นทำไมล่ะ?”
     ป่านยังคงเซ้าซี้ผมอยู่ แต่แก้วก็ช่วยพูดแก้ขัดให้
     “อาจจะลืมเงินไว้ในนี้รึเปล่าจ้ะ? เราเคยดูข่าวนะ แบบซื้อมาไม่ได้ใช้แล้วก็เอาเงินทิ้งไว้เป็นขวัญถุงไงจ้ะ พอเอาของไปให้คนอื่นก็ลืมหยิบเงินออก”
     “ฉันถึงได้ถามอิต้นมันไงว่าแล้วทำไมอาจารย์เขาถึงต้องให้กระเป๋าตังค์มันด้วย?”
     ป่านเถียงกลับพร้อมๆ กับหันมามองหน้าผม จะให้ผมตอบว่าอะไรละครับ ผมเองก็ไม่รู้คำตอบเหมือนกันนั่นแหละ
     “เพราะว่าถ้าให้แต่เงินต้นจะไม่ยอมรับน่ะสิ เลยต้องให้กระเป๋าเงินพร้อมเงินขวัญถุงที่มากกว่ามูลค่ากระเป๋า”
     อาร์มที่โผล่มาถูกเวลาทุกฉากพูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ผม โชคดีที่วันนี้เราสอบกันที่ตึกรวม โต๊ะตรงนี้เลยมีที่นั่งเหลือเฟือให้โอมเขยิบออกเว้นที่ว่างให้อาร์มนั่งข้างๆ ผม
     “เราจะบอกไรให้ฟัง เพื่อนเราที่ชื่อต้นน้ำอ่ะ ถึงจะดูเหมือนพวกนิ่งๆ เงียบๆ แต่จริงๆ แล้วชอบดราม่ามาก เกลียดพวกเซ้าซี้ ขี้รำคาญเป็นที่หนึ่ง เป็นพวกไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัว ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาง่ายๆ หรอก”
     “อาร์ม พูดมากไปแล้วนะ!”
     “อ่ะน้ำ ต้นพึ่งสอบเสร็จคอแห้งอ่ะดิ นี่น้ำแตงโมปั่นที่ต้นชอบด้วยนะเราอุตส่าไปซื้อมาให้”
     อาร์มพูดพร้อมกับถือแก้วน้ำแตงโมปั่นมาคะยั้นคะยอจนหลอดเกือบจะทิ่มปากผม ทำให้ผมต้องรับแก้วมาถือไว้เอง พอเห็นแบบนั้นอาร์มก็ฉีกยิ้มออกมาอย่างร่าเริง
     “แต่ก็อย่าที่เห็น ต้นมันแพ้ทางคนอยู่หนึ่งประเภท”
     อาร์มหันไปมองตากับไปป์อย่างมีความหมาย แล้วก็หันไปมองหน้าทุกคนพลางพูดต่อเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันมานานเป็นชาติ
     “ต้นแพ้คนจริงใจ ใครจะจีบจะเข้าหามันขอให้จริงใจไว้ก่อน ทำดีกับมันเยอะๆ พูดดีๆ ด้วยต่อให้จีบไม่ติดต้นมันก็ใจอ่อน แต่ต้องห้ามทำให้มันอึดอัดนะ ถ้าเผลอทำให้ต้นอึดอัดต่อให้ดีแค่ไหนต้นมันก็วิ่งหนี”
     ตอนที่อาร์มพูดประโยคนี้ อาร์มจงใจหันไปมองหน้าเมย์เป็นพิเศษ แถมยังมียักคิ้วกวนๆ ให้ด้วย เล่นเอาป่านต้องออกโรงปกป้องแทน
     “แล้วทำไมนายรู้ดีจัง เด็กวิศวะแท้ๆ หรือนายเองก็เคยจีบต้น?”
     “เปล่าหรอกเราชอบผู้หญิงไม่จีบต้นหรอก แต่เพื่อนเราเคยจีบต้นน่ะ ต้นไม่เคยบอกเหรอว่าเราอยู่มอปลายห้องเดียวกันกับต้นมาตั้งสามปี”
     “จริงดิ? มิน่านายสนิทกับต้นจัง ขนาดกับอาจารย์ยังเถียงเลย แต่เห็นถ้าถึงมือนายทีไรต้นหือไม่ออกทุกที”
     “ถ้าต้นดื้อมากๆ นายจะใช้วิธีแบบเราก็ได้นะ ฮ่าๆ”
     ผมเห็นอาร์มกับไปป์ประสานสายตากันแล้วรู้สึกแปลกๆ ชักหวั่นใจยังไงพิกลครับ
     “พวกนายหมายถึงอะไรกัน? อย่าทำอย่างกับเราเป็นเด็กนะ นายด้วยอาร์ม อย่ามาเสี้ยมเพื่อนเราหน่อยเลย”
     “ต้นใจร้ายอ่ะ! คนนั้นเพื่อนต้นแล้วเราไม่ใช่เพื่อนต้นเหรอ?”
     อาร์มพูดขึ้นพร้อมกับออดอ้อนด้วยน้ำเสียงน่าหมั่นไส้ แถมยังมีเอาหัวมาถูไหล่ผมอีก มือก็รัดคอผมซะแน่นอย่างกับงูเหลือม!
     “พอเลย! เล่นบ้าไร เราเจ็บหลังนะ”
     “อ้าว! โทษที ลืมไป”
     “งี้ทุกทีอ่ะ คิดก่อนทำซะบ้างเถอะอาร์ม!”
     “ก็คิดมาแล้วว่าทำยังไงจะทำให้ต้นลืม ฮ่าๆ”
     ผมชะงัก...
     “บ้า! ไม่ได้ลืม แต่ถูกนายพาออกทะเลต่างหาก”
     อีกแล้ว... อาร์มทำให้ผมอารมณ์ดีเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ผมมัวแต่อมยิ้มกับมุขงี่เง่าของอาร์มจนลืมความทุกข์ในใจ
     “แต่ก็ลืมได้ใช่ป่ะล่ะ ใจเย็นขึ้นยัง?”
     “อื้ม ขอบใจนะ”
     บรรยากาศแปลกๆ ชวนให้ไม่มีใครกล้าขัด ผมว่างานนี้ต่อให้อาร์มพูดออกจากปากว่าชอบผู้หญิง ผมก็คงไม่พ้นโดนนินทากับอาร์มอยู่ดีนั่นแหละ เล่นมาทำแบบนี้ต่อหน้าชาวบ้าน ผมก็เผลอซะด้วย...
     “ต้นหน้าแดงจริงๆ ด้วยอ่ะ!”
     “ไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอกนะไปป์!”
     ผมหันไปเอ็ดไปป์ทันที หน้าแดงอะไรกัน อย่ามาว่าผมแบบนั้นนะครับ!
     “อีกเรื่องลับๆ ของต้นมันก็คือ ความจริงแล้วต้นขี้อายมาก ถ้าเล่นแข่งเกมจ้องตากันนะต้นแพ้ตลอดแหละ แต่กับคนสนิทๆ ด้วยแล้วต้นมันจะขี้อ้อนมาก ถ้าต้นมันเคยอ้อนพวกนายละก็รู้ได้เลยว่าต้นมันยอมรับพวกนายแล้ว”
     “พูดมากเกินไปละ! ว่างนักรึไง?”
     ผมเอาหนังสือฟาดอาร์มไปทีนึงเบาๆ อาร์มแกล้งร้องโอดโอยออกมาพอเป็นพิธีแล้วก็ตอบผม
     “ก็พวกเรานัดกันจะไปกินข้าวไม่ใช่เหรอ? เราอุตส่ามานั่งรอเป็นเพื่อน กว่าแม็กซ์มันจะมาถึง”
     “เฮอะ! เรากับแม็กซ์นัดกัน แต่นายอ่ะส่วนเกิน!”
     “โหย! พอไอ้แม็กซ์กลับมาก็ทิ้งเราเลยนะ ลืมช่วงเวลาดีๆ ตอนปีหนึ่งที่พวกเราสองคนเคยมีด้วยกันไปละเหรอ ต้นอ้า”
     ผมจะโดนข่าวเม้าจับคู่ก็เพราะมุขปัญญาอ่อนแบบนี้ของอาร์มเนี่ยแหละครับ พูดได้ไม่อายปากไม่แคร์ชื่อเสียงตัวเองเลย แต่ผมอายคนอื่นเขานะครับ ยังอยากอยู่แบบสงบๆ ต่อ เพื่อนๆ ในกลุ่มผมนี่แบบว่าเอ๋อกันหมดแล้ว
     “ช่วงเวลาเหี้ยไรของมึง! ต้นอ่ะเป็นของกูมาตั้งนานละ อย่าโม้ไอ้อาร์ม”
     นั่น! ตัวป่วนคูณสอง แม็กซ์มาจากไหนไม่รู้เดินมาตบหัวอาร์มซะหัวทิ่มเลย สองคนนี้ยังเล่นกันแรงเหมือนเดิม
     “ไอ้เหี้ย! มึงทำกูทำไม? กูเพื่อนมึงนะเว้ย! มึงคบกูก่อนไอ้ต้นอีก”
     อาร์ม... ทำไมประโยคตัดพ้อของนายมันปัญญาอ่อนเหมือนสมการรักซ้อนซ่อนชู้ยังไงพิกล! อ๊ะ! ลืมไป ผมต้องรีบห้ามก่อนสองคนนี้จะวางมวยกัน เพราะเพื่อนผมคนอื่นๆ นี่หน้าซีดกันหมดแล้ว
     “มาเร็วจังแม็กซ์ ไหนบอกว่าวันนี้จะช้า?”
     “ก็มีหมาบางตัวมันโทรไปบอกว่าต้นมีเรื่อง เฮ่ย! มึงอ่ะลุกดิ!”
     ว่าแล้วแม็กซ์ก็ทำเกเรเอามือไปสะกิดอาร์มด้วยการผลักจนอาร์มหน้าทิ่ม เล่นเอาโอมที่นั่งข้างๆ อาร์มเหวอไปเลยครับ คือ... แม็กซ์เถื่อนได้ใจจริงๆ ถึงแม็กซ์จะดีกับผมมากขึ้น แต่กับคนอื่นแม็กซ์ก็ยังเป็นแม็กซ์แหละครับ กร่างยังไงก็กร่างหยั่งงั้น
     “นั่งตรงที่ผมก็ได้ครับ”
     ผมเห็นโอมบอกเสียงเบาๆ แล้วขยับตัวลุกอ้อมไปนั่งข้างๆ ไปป์แทน อาร์มเลยกระเถิบตัวออกไป เว้นที่ว่างไว้ให้แม็กซ์หย่อนก้นลงตรงกลางระหว่างผมกับอาร์ม พอแม็กซ์นั่งลงแล้วก็เริ่มกระพือเสื้อทันที
     “ร้อนว่ะ วิ่งมาเหนื่อยโคตร พัดให้หน่อย”
     ผมมองแม็กซ์นิ่งๆ อยู่สามวิ ใช้ใคร? พอแม็กซ์เห็นสีหน้าผมก็เลยเสียงอ่อน
     “นะครับต้น เนี่ยกว่าจะหาที่จอดได้ก็โคตรไกล อุตส่าห์วิ่งมาเพื่อต้นเลย อาร์มมันบอกว่ามีคนทำต้นร้องไห้อีกแล้ว”
     “เอารถใหญ่มา?”
     ผมถามพร้อมกับเริ่มหยิบสมุดมาพัดให้ตามความเคยชิน เรื่องอะไรจะยอมรับว่าผมร้องไห้ละครับ แม็กซ์ตอบแบบไม่ใส่ใจพร้อมกับหันไปคว้าน้ำในแก้วของอาร์มขึ้นมาดูดตามประสาคนเคยชินกับการเบี่ยงประเด็นของผม
     “อื้อ”
     “เนียนเลยนะมึง น้ำกู!”
     “ก็กูจะแดกอ่ะ”
     เพื่อนๆ ผมอึ้งกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของอาร์มเล็กน้อย เพราะอาร์มในตอนนี้แผ่รังสีแบดบอยสุดๆ แต่ก็อย่างว่านะครับ ถ้าไม่ได้เถื่อนพอๆ กับแม็กซ์จะคบกันมานานขนาดนี้ได้ไง แล้วอาร์มก็อยู่วิศวะด้วยนะครับ
     “เอ่อ... ทุกคน นี่แม็กซ์ เพื่อนสนิทของเรากับอาร์มตอนมอปลาย แม็กซ์ นี่เพื่อนเราที่คณะ นั่นไปป์ โอม แล้วนี่ก็ เมย์ ป่าน แก้ว”
     “เออ หวัดดี”
     แม็กซ์พยักหน้าให้คนอื่นแบบเก็กๆ
     “จะไปกันยังอ่ะ?”
     แม็กซ์ถามขึ้น แต่ว่าโดนไปป์ตัดหน้าเสียก่อน
     “เอ่อ คือ... ต้น แล้วนายจะทำยังไงกับไอ้นี่?”
     ไปป์พูดขึ้นพร้อมๆ กับชูถุงเจ้าปัญหาที่ทำให้ผมร้องไห้ขึ้นมา
     “ไอ้นี่เหรอ? มาเดี๋ยวกูเอาไปคืนเอง!”
     แม็กซ์พูดพร้อมกับดึงถุงมาจากไปป์อย่างแรง
     “ถ้ามันทำไรต้นอีกบอกแม็กซ์นะ จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลย พ่อแม็กซ์รู้จักคนเยอะให้เอาออกจากมหาลัยนี้ยังได้”
     “แม็กซ์ พอเถอะ เราอายเค้า”
     คือ... ผมก็ดีใจนะที่แม็กซ์เป็นห่วงผมขนาดนี้ จะว่าไปแล้วในบรรดาเพื่อนผมทุกคนแม็กซ์นี่แหละที่รู้ดีเรื่องนี้ที่สุด แม็กซ์เคยโดนมากับตัวเองด้วยซ้ำ แต่ว่า... มาโชว์เถื่อนต่อหน้าเพื่อนๆ คนอื่นแบบนี้ผมอายอ่ะ ส่วนอาร์มนั่งกลั้นยิ้มใหญ่เลยครับ ตลกมากนักรึไง? ไม่ช่วยกันห้ามแม็กซ์เลย!
     “แล้วต้นจะเอาไง?”
     “เราจะเอาไปคืนเขา”
     “งั้นแม็กซ์ไปเป็นเพื่อนเอง ไม่ต้องไปสนไอ้อาร์มมัน ไอ้เพื่อนทรยศเอ้ย!”
     แม็กซ์หันไปด่าอาร์ม แต่รอบนี้อาร์มไม่ยอมครับ
     “มึงอ่ะใจเย็นเลย เอะอะมึงก็ใจร้อน คิดดูให้ดีเหอะ กูอ่ะทำเพื่อต้นนะเว้ย ต้นก็เพื่อนกูเหมือนกัน มึงก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอทิฐิไปแล้วได้ไรวะ คุยกันดีๆ ดีกว่าน่า”
     พอโดนประโยคนี้เข้าไปผมกับแม็กซ์ก็สตั้นกันไปคนละสามจุดเจ็ดห้าวิครับ เราสองคนมองหน้ากันต่างคนต่างพูดอะไรไม่ออก แต่แม็กซ์กลับเลื่อนมือมาบีบมือผมเบาๆ ทีนึงก่อนจะปล่อย
     “แต่ยังไงก็ต้องเอาไปคืน เงินตั้งเยอะเรารับไว้ไม่ได้หรอกอาร์ม”
     “แล้วแต่นะต้น แต่คืนดีๆ ล่ะ เดี๋ยวพวกเราไปเป็นเพื่อน”
     อาร์มพูดแบบนั้นแล้วก็ลุกขึ้นรอ ผมกับแม็กซ์มองหน้ากันแล้วก็ลุกตาม ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่อาร์มกลายไปเป็นลูกพี่พวกเราซะแล้ว?
     “เอ้ยๆ ไปด้วย! เราขอไปด้วย!”
     ไปป์ส่งเสียงดังขึ้น ผมเลยหันมามองหน้าไปป์นิดนึง
     “นายจะตามไปทำไม?”
     “เอ่อ... ก็ต้นเป็นคนบอกเองว่าถ้าเราแกะเราต้องเอาไปคืนไง”
     สอดรู้ไปทุกเรื่องเลยนะไปป์! ผมได้แต่ถอนหายใจให้ความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนคนนี้ แม็กซ์หันมามองหน้าผมนิดหน่อยเหมือนจะถามว่าเอายังไง
     “ตามใจ แต่เราไม่กลับมาตรงนี้แล้วนะ เราจะกลับเลย”
     “ได้!”
     ไปป์รับคำเสียงใสแล้วเดินตามพวกผมมาโดยมีสายตาเป็นห่วงจากเพื่อนๆ ในภาค ทำอย่างกับผมจะพาไปป์ไปเชือดซะงั้น แต่พอมองแม็กซ์ที่อยู่ข้างๆ แล้วก็... วันนี้แม็กซ์ใส่ยีนส์ครับ ยีนส์ขาดๆ กับรองเท้าผ้าใบเซอร์ๆ เสื้อยืดลายแปลกๆ สีน้ำเงินเข้ม ผมที่เริ่มยาวรุงรัง แล้วก็มีหนวดหน่อยๆ สรุปว่าก็ดูเถื่อนนั่นแหละครับ เฮ้อ...
     พอถึงที่หมายอาร์มกับไปป์ก็นั่งรอหน้าห้องครับ ส่วนแม็กซ์แน่นอนว่าไม่มีทางถอยอยู่แล้ว ตามเข้าไปในห้องกับผมด้วย พอผู้ชายคนนั้นเห็นผมกับแม็กซ์มาด้วยกันก็หน้าบึ้งทันทีครับ เขาเกลียดแม็กซ์จะตายผมรู้
     “ผมขอคุยกับอาจารย์เป็นการส่วนตัวซักครู่ครับ”
     ผมบอกแล้วเดินไปห้องข้างๆ รอ ผู้ชายคนนั้นก็เดินตามมาจริงๆ ครับ แม็กซ์ยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ ผม
     “ผมคืนนี้ให้คุณครับ”
     ผมส่งถุงที่ใส่กระเป๋าเงินกับเงินจำนวนนั้นคืนให้เขาแต่เขาไม่ยอมรับกลับพูดเรื่องอื่นออกมาแทน
     “ผมไม่ยักรู้ว่าคุณกลับไปคบกับผู้ชายคนนี้”
     “ผมจะคุยกับเพื่อนคนไหนก็เป็นเรื่องของผมครับ แล้วแม็กซ์ก็เป็นเพื่อนคนสำคัญของผม ขนาดพี่ชัชยังไม่ว่าอะไรเลยแล้วคุณจะห่วงไปทำไมครับ”
     ผู้ชายคนนั้นมองไปทางแม็กซ์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาพูดกับผม
     “ยังไงผมก็อยากให้คุณดูแลตัวเองด้วย”
     “นี่ลุง! ไอ้ที่ผมมาเป็นเพื่อนมันถึงขนาดนี้ไม่เรียกว่าดูแลรึไง แล้วก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาวุ่นวายกับต้นด้วย ต้นมันไม่ชอบ เพื่อนคนเดียวผมเทคแคร์เอง”
     แม็กซ์พูดแบบกวนๆ แล้วก็เดินมากอดคอผม ส่วนผมก็ยืนนิ่งๆ ไม่พูดอะไร
     “ไม่มีสัมมาคาระวะ!”
     “ถึงผมจะไม่มีสัมมาคาระวะแต่ผมก็รักเพื่อนครับ แล้วต้นมันก็รักผมด้วย ผมกับต้นกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมแล้วต่อไปนี้คงเห็นผมบ่อยหน่อยนะลุง”
     ผมรีบตัดบทก่อนมันจะลามไปไกลกว่านี้
     “เอาของๆ คุณคืนไปเถอะครับ ผมไม่ต้องการ”
     ผมพูดพร้อมๆ กับพยายามส่งถุงนั่นให้กับเขาแต่เขาไม่ยอมยื่นมืออกมารับซักที
     “ทำไมละต้น? ทำไมคุณอภัยให้ทุกคนได้ยกเว้นผม! คุณจะอภัยให้พ่อแท้ๆ ของตัวเองไม่ได้เลยหรือไง?”
     “ผมก็บอกคุณไปแล้วนี่ครับว่าเพราะอะไร อย่าทำให้ผมลำบากใจเลยนะครับผมขอร้อง”
     เสียงของผมเริ่มเครือจนมีน้ำตาไหลออกมา ให้อภัยเหรอ? ต่อให้ผมให้อภัยเขาแล้วมันจะช่วยอะไรได้! มือของแม็กซ์ที่พาดคอผมอยู่เปลี่ยนเป็นกระชับเข้าเหมือนจะกอดผมแทน สัมผัสเบาๆ จากไหล่ที่โดนตบทำให้ผมรู้สึกกลั้นน้ำตาไว้แทบไม่ไหว
     “คิดซะมั่งเถอะลุง ไม่มีญาติห่างๆ ที่ไหนเขาทำแบบนี้หรอก เคยส่องกระจกบ้างมั้ยว่าหน้าตัวเองกับต้นคล้ายกันแค่ไหน เพราะอะไรต้นมันถึงต้องใส่แว่น ถ้าคนอื่นเขารู้เขาจะมองไอ้ต้นมันในฐานะอะไร ดีไม่ดีที่ต้นมันตั้งใจขยันมาทั้งหมดอาจโดนคนอื่นนินทาเอาอีกว่าใช้เส้นพ่อ แถมยังเป็นพ่อแบบไม่ถูกต้องตามกฏหมายด้วย ลุงชดเชยให้ต้นมันไม่ได้หรอก ไม่กลับไปถามเมียลุงดูล่ะว่าเขายินดีรับไอ้ต้นเป็นลูกมั้ย เขามองหน้าไอ้ต้นสนิทใจรึเปล่า ลุงเป็นพ่อที่ดีไม่ได้แต่อย่างน้อยก็เป็นอาจารย์ที่ดีให้ต้นมันเถอะ อย่ามาวุ่นวายเลย ต้นมันจะอยู่ลำบาก”
     เพราะแม็กซ์พูดขึ้นในเวลาที่ผมไม่กล้าพูด น้ำเสียงจริงจังกับแววตาคมกล้าในดวงตาของแม็กซ์นั้นพูดในสิ่งที่ใครก็ไม่อาจปฏิเสธ ผู้ชายคนนั้นไม่มีช่องจะเถียงอะไรได้เลย
     “แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง? ต้นไม่เคยมาหาผม ผมจะไปหาต้นบ้างต้นก็ไม่ยอม ต้นไม่เคยแม้แต่จะโทรศัพท์มาหาผม! ผมจะได้เจอต้นก็เฉพาะเวลาที่ผมใช้ฐานะอาจารย์เท่านั้น! ถ้าผมไม่ทำแบบนี้แล้วผมจะพบลูกได้ยังไง?”
     “แล้วลุงคิดว่าต้นมันสะดวกใจไปนั่งกินข้าวเป็นครอบครัวสุขสันต์กับเมียลุงรึไง? ลุงเป็นถึงอาจารย์คิดได้แค่นี้เหรอ? ลุงพึ่งรู้จักต้นมันได้ไม่กี่ปีลุงก็รอไม่ไหวอยากจะให้ต้นมันยอมรับลุง ใช้วิธีบีบบังคับมันเอาแต่พูดจาไม่ดีกับมันต้นมันคงยอมหรอก! ผมจะบอกให้นะลุง ต้นมันรอลุงมาทั้งชีวิต มันทนกับคำถามของคนอื่นมาทั้งชีวิตว่าทำไมมันถึงไม่มีพ่อ? พ่อมันไปไหน? ทั้งๆ ที่มันรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นเด็กที่ไม่มีใครต้องการ! แม้แต่แม่แท้ๆ ยังเคยคิดจะกำจัดมัน!”
     “พอเถอะแม็กซ์...”
     เสียงของผมสั่นตามน้ำตาที่เริ่มไหลอาบหน้า แต่แม็กซ์กลับไม่หยุด แม็กซ์ตบบ่าผมเบาๆ แล้วพูดต่อ
     “คุยกันให้รู้เรื่องเถอะต้น ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เหรอ คนที่ทำให้ต้นต้องเป็นแบบนี้น่ะ”
     “ผมจะเล่าไรให้ฟังนะลุง ความจริงที่ต้นมันหลงรักผู้ชายคนนั้นเพราะมันโหยหาพ่อมาตลอดยังไงล่ะ ผู้ชายคนนั้นเป็นทั้งพ่อทั้งคนรักให้มัน ลุงไม่แปลกใจเลยเหรอว่าทำไมต้นมันถึงไปชอบผู้ชายที่แก่กว่าตัวเองแบบนั้น มันโหยหาพ่อจนเผลอมองตามผู้ชายแก่คราวพ่อคนที่อยู่ใกล้ตัวมันที่สุดไง นอกจากนี้ที่มันมาสนิทกับผมก็เพราะลุงนั่นแหละ ถึงผมกับต้นจะรู้จักกันอยู่แล้วแต่ถ้าไม่เพราะมันอยากประชดลุงต้นมันไม่มาอ่อยผมหรอก สิ่งที่ต้นมันต้องการไม่ใช่พ่อหรือการชดเชย แต่ต้นมันต้องการใครซักคนที่จะรักมัน ลุงถามตัวเองก่อนเถอะว่าลุงรักมันหรือแค่สงสารเพราะรู้สึกผิดรับผิดชอบตามหน้าที่!”
     “ทำไมผมจะไม่รักลูกผม!”
     เสียงที่ตวาดสวนกลับมาทำให้ผมตกใจ ผมไม่ได้ตกใจเสียงตวาดแต่ผมตกใจคำพูดของเขามากกว่า เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินคำๆ นั้นจากปากของเขา
     “ก็แค่นั้นแหละลุง”
     แม็กซ์กระชับอ้อมกอดผมก่อนจะบอกลา
     “แม็กซ์ไปรอข้างนอกนะต้น คุยกันให้เรียบร้อยล่ะ”
     แม็กซ์เดินจากไปทิ้งผมไว้ในห้องนั้นกับเขาสองต่อสอง ผมไม่รู้จะทำยังไงกับทั้งอารมณ์และน้ำตาของผมที่มันกำลังท่วมท้นอยู่ขณะนี้
     “ต้น พ่อขอโทษ อภัยให้พ่อนะ”
     ผู้ชายคนนั้นพูดพร้อมกับดึงผมไปกอด เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้น ผมได้แต่ยืนนิ่งเพราะความ... ผมสับสนมั้งครับ?
     มันไม่อบอุ่นเหมือนอ้อมกอดของพี่ชัช แต่แรงกอดรัดจากผู้ชายคนนั้นก็สลักอยู่ในความทรงจำของผมไปอีกนาน น้ำตาของผมไหลเปื้อนไปหมด แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงหยดน้ำเปียกๆ บนศีรษะของผมด้วยเช่นกัน
     บางครั้งมันก็ไม่ต้องมีอะไรมากมาย บางครั้งแค่การกระทำง่ายๆ บางอย่าง ผมก็พร้อมจะให้อภัยคนอื่นแล้ว เหมือนคำพูดเห็นแก่ตัวของพี่ชัชที่ขอให้ผมอดทนเขา เหมือนข้อความง่ายๆ ของแม็กซ์ที่บอกว่ามีแฟนใหม่แล้ว แค่อ้อมกอดของเขากับคำขอโทษแล้วก็เสียงร้องไห้ สิ่งที่ผมรอมาทั้งชีวิตได้รับการเติมเต็มแล้วครับ
     แต่มันอึดอัด ... คือถ้าคุณยังไม่ลืม ผมโดนน้ำร้อนลวกที่หลังนะครับ แล้วเขาก็ถูหลังผมแรงมากๆ ด้วย ผมเจ็บ! ผมก็เลยขืนตัวออกมานิดหน่อย
     “ผมเจ็บหลังครับ คุณต้น”
     กระดากปากเป็นบ้าเลยครับ ทำไมแม่น้ำต้องตั้งชื่อผมให้เหมือนชื่อเขาด้วยนะ!
     “ผมขอโทษ”
     เราดูขัดเขินกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างเงียบไปซักพัก ผมก็เลยตัดสินใจยื่นถุงใบนั้นคืนให้เขาไปอีกที
     “เอามันคืนไปเถอะครับ มูลค่ามันมากไปจริงๆ ผมรับไว้ไม่ได้”
     แต่ผู้ชายคนนั้นกลับล้วงเอากระเป๋าเงินที่ใส่เงินพวกนั้นออกมาจากในถุงแล้วยัดใส่มือผมครับ
     “รับมันไว้เถอะ ผมอยากให้คุณจริงๆ ผมเห็นกระเป๋าเงินคุณเก่าแล้วผมอยากให้อะไรคุณบ้าง ส่วนเงินพวกนั้นก็ถือซะว่าเป็นขวัญถุงเถอะ”
     ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับมันไว้ แต่ผมก็เปิดกระเป๋าดึงแบงค์พวกนั้นออกมานับ แล้วพอถึงใบที่สิบแปดจนเหลืออีกสองใบผมก็ส่งคืนให้กับเขาครับ
     “งั้นผมขอรับไว้แค่นี้พอนะครับ มากกว่านี้ผมคิดว่ามันมากเกินไป”
     คราวนี้ผู้ชายคนนั้นยอมผมโดยง่าย เขารับเงินที่เหลือคืนไปแล้วก็เปิดปากพูดกับผม
     “คุณมีเพื่อนที่ดีนะต้นน้ำ ทั้งนายอนพัทย์ เด็กคนเมื่อกี้ แล้วก็คนที่เป็นกระเทยนั่นด้วย”
     “ครับ เพราะทุกคนเป็นคนดี นอกจากพวกเขาจะดีกับผมมากๆ แล้วพวกเขายังเข้าใจผม ผมถึงได้รักพวกเขามาก”
     “ดีแล้วล่ะ เพื่อนดีๆ ไม่ได้หาได้ง่ายๆ ยิ่งเพื่อนที่คอยช่วยเหลือกันแบบนี้”
     เขาดูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกต่อ
     “แต่ถ้าหากคุณมีเรื่องเดือดร้อนอะไร?”
     “ไม่เป็นไรหรอกครับ มีคนต่อคิวรออยู่เยอะเลย นอกจากพี่ชัชกับพวกเพื่อนๆ ของผมก็ยังมีเจ้าสัวกับพี่ๆ บ้านไนน์อยู่อีกครับ ผมเกรงว่าคงไม่ถึงมือ...คุณพ่อหรอกครับ”
     ท้ายประโยคผมแทบไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ผมรู้สึกไม่ดีเลยครับ อากาศในห้องนี้มันต้องร้อนมากไปแน่ๆ ผมถึงรู้สึกว่าหน้าตัวเองมันร้อนมากๆ
     เราคุยกันอีกพอสมควรก่อนที่ผมจะออกมาจากห้อง แต่พอผมออกมาก็เห็นแต่แม็กซ์นั่งรออยู่ครับ ไม่เห็นอาร์มกับไปป์
     “อาร์มกับไปป์ล่ะแม็กซ์?”
     แม็กซ์ที่นั่งฟังเพลงอยู่หันมามองหน้าผม ผมเดินไปนั่งข้างๆ แม็กซ์จ้องหน้าผมอยู่ครู่นึงแล้วก็ยิ้มออกมา
     “สบายใจแล้วอ่ะดิ”
     “สบายใจอะไร?”
     “ช่างเหอะ ปากแข็งอย่างต้นอ่ะ แม็กซ์ไม่เซ้าซี้หรอก”
     “บ้า! ปากแข็งไร ตอบเรามาก่อน สองคนนั้นหายไปไหน?”
     “ไอ้อาร์มมันพาเพื่อนนายไปส่ง วางใจเหอะเราขู่มันไปละ ความลับต้นปลอดภัยแน่ เห็นอย่างนั้นแต่ไอ้อาร์มมันก็รู้นะว่าเรื่องไหนควรพูดเรื่องไหนไม่ควรพูด”
     “บ้า! ไปป์ไม่ใช่คนแบบนั้น”
     “เป็นคนแบบไอ้อาร์มแต่ซื่อบื่อกว่าใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆ ต้นนี่แพ้ทางคนแบบนี้เนอะ”
     “แพ้ไร? เปล่าซะหน่อย!”
     ผมเฉไฉสิครับ
     “งั้นถามจริง ในกลุ่มพวกเราสี่คนอ่ะ ต้นชอบใครมากที่สุด?”
     “ถามบ้าไร?”
     “แน่ะๆ ใจจริงชอบไอ้อาร์มมันอ่ะดี้ ถ้าตอนนั้นอาร์มมันไม่ได้มีแฟน ต้นจะยั่วมันแทนเราป่ะ?”
     “บ้า!”
     “เออน่า พูดมาเหอะ สนิทกันถึงขั้นนี้แล้วจะองจะอายไรอีก”
     ผมหน้าแดงนิดหน่อยก่อนจะสารภาพออกมา ก็บอกแล้วว่าพักหลังๆ ผมคุยกับแม็กซ์บ่อย แล้วก็เคยบอกไปตั้งแต่แรกแล้วนี่ครับว่าแม็กซ์เป็นคนที่ผมคุยด้วยเยอะสุดแล้ว แม็กซ์เป็นคนตรง มักจะกล้าถามคำถามแปลกๆ กับผม ซึ่งก็ไม่รู้ทำไมว่าผมถึง... กล้าบอกคำตอบพวกนั้นให้แม็กซ์ฟัง
     “เราคงไม่ยั่วอาร์มหรอก แต่... อาจจะแอบชอบมั้ง”
     ผมตอบแม็กซ์ออกไปแบบนั้น แล้วแม็กซ์ก็พูดในบางสิ่งที่ทำให้ผมอึ้ง
     “ว่าแล้ว มิน่าเมื่อก่อนเวลามีอะไรต้นชอบเข้าข้างไอ้อาร์มมันก่อนตลอดเลย แม็กซ์สังเกตมาตั้งแต่ตอนมอสี่ละ”
     “ก็อาร์มเป็นคนร่าเริง สนุกสนานเฮฮา ใครก็ชอบกันทั้งนั้นแหละ”
     ผมพยายามเฉไฉแม้จะรู้ตัวว่าผมคงหลอกแม็กซ์ไม่สำเร็จ
     “โหย! ชอบอาร์มแต่มาอ่อยแม็กซ์นะ ใจร้ายว่ะต้น! รับผิดชอบเลยนะมาทำคนอื่นเขารักหัวปักหัวปำอ่ะ เนี่ยต้นเป็นผู้ชายคนแรกที่แม็กซ์หลงรักเลย ทำคนอื่นเขาเบี่ยงเบนอ่ะ”
     “ก็มีคนมารักษาให้แล้วนี่ จะให้เรารับผิดชอบไรอีกอ่ะ”
     ไม่รู้ทำไมเวลาที่คนเราสบายใจเรื่องที่เคยทำให้อึดอัดพูดไม่ออกเป็นบาดแผลต้องห้ามก็กลายเป็นเรื่องขำๆ ที่เราเอามาพูดล้อกันได้สนุกปาก คงเพราะผมกำลังสบายใจมั้งครับ พอเรารู้สึกปลอดโปร่งอะไรๆ มันก็เลยโล่งตาม
     “เออ กับหญิงหนุกกว่าจริงๆ นั่นแหละ”
     “ทะลึ่ง!”
     “ทะลึ่งบ้าไรเรื่องธรรมชาติ ตัวเองอ่ะ? เดี๋ยวนี้เชี่ยวชาญอ่ะดิ ได้ทำบ้างป่ะหรือโดนเขาทำอย่างเดียว?”
     “บ้าแม็กซ์! พูดไรไม่รู้ไม่คุยด้วยแล้ว ไปเลยๆ เราหิวแล้ว”
     “แน่ะๆ ทำเขินแล้วเปลี่ยนเรื่อง โดนคนอื่นเอาเปรียบอย่างเดียวอ่ะดิ ตัวเองก็มีเหมือนกัน ไม่ลองดูมั่งว้า”
     “ไม่เห็นจำเป็น ปกติก็โอเคอยู่แล้ว”
     ผมพยายามเชิดหน้าตอบกลับไป เฮอะ! โลกนี้ไม่ได้มีแต่เขาคนเดียวซักหน่อยที่เก่งเรื่องอย่างว่า แม็กซ์ชอบหลงตัวเอง ทำมาเป็นสอนผม ฮึ๊!
     “ละโอเคนี่ฟินป่ะ? หรือต้องทำเองทีหลัง”
     “ก็ฟินตลอดทุกครั้งที่โดนแหละ”
     โอ้ยเขิน! ผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนมากๆ เลยครับ แต่แบบ ... ใจจริงผมก็ไม่ได้อยากจะอวดแม็กซ์หรอกนะ แต่พี่ชัชของผมสุดๆ ไปเลยนี่นา ไม่อยากคุยว่าผมมีความสุขมาก
     “หึๆ โดนเสียบจนเสร็จงั้นอ่ะ? ต้นแม่ง... แฟนมึงเก่งหรือตูดมึงร่านวะ? เหอะๆ”
     ไอ้บ้าแม็กซ์เกรียนปากเสีย! มันหลอกด่าผม!
     “บ้า! หลอกให้เราพูดไรไม่เอาแล้ว ไม่คุยละ! แม็กซ์กวนอ่ะ”
     “โหยๆ หน้าแดงเถือกเลยต้น ฮ่าๆ”
     หลังจากนั้น อาร์มก็เดินไปรอพวกเราที่รถของแม็กซ์เลยครับ วันนั้นพวกเราไปกินชาบูกันโดยมีผมเป็นเจ้ามือ
     ครับ ฟังไม่ผิดหรอก ก็วันนี้ผมอารมณ์ดีนี่นา แถมยังเป็นเพราะเขาสองคน เราสามคนก็เลยไปนั่งกินชาบูด้วยกันสนุกสนาน โดยที่ผมไม่เข็ดกับหม้อซุปร้อนๆ เพราะมั่นใจว่าในกลุ่มพวกเราสามคนไม่มีใครซุ่มซ่ามครับ แถมแม็กซ์ยังให้ผมนั่งข้างในอีกด้วย ทำให้ผมไม่ต้องระแวงคนที่เดินผ่านไปผ่านมา แต่ก็มีข้อเสียนะครับ
     “ต้นๆ หยิบเนื้อให้แม็กซ์หน่อยดิ สัสอาร์มนั่นปลากู!”
     “ต้น ลวกไข่เส้นๆ ให้ที จะเอาไข่เป็นเส้นๆ อ่ะ”
     ทั้งมื้อครับ... แต่เอาเถอะ ก็ผมมีความสุขมากนี่นา วันนี้ยอมๆ ให้ก็ได้ครับ บริการเพื่อนรักของผมทั้งสองคนหน่อยจะเป็นไรไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



 :pighaun: อา... ความกวนตีนของแม็กซ์คนละสไตล์กับเฮียชัชเลย ถึงจะหื่นเหมือนกันแต่ระดับความรุนแรงทางคำพูดต่างกันนะ ความคมก็ต่าง
อย่างพี่ชัชจะลูกล่อลูกชนเยอะ เจ้าคารมหยอกแบบนิ่มๆ ให้เขิน แต่กับอิแม็กซ์ ถ้าไปจีบหญิงด้วยคำพูดแบบนี้ระวังมีตบกลับอ่ะ คือมันเกรียนไป หยาบโลนไป เล่นกับเพื่อนไม่เป็นไรนะ แค่เพื่อนคุยกัน คงไม่ถือสากันในหมู่เพื่อน แต่บางทีมันดูล่วงละเมิดเกินไปนิด เอ็งถึงได้จีบต้นไม่ติดไง ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#25/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน6
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 25-10-2014 17:20:11
ไปป์

     อยากรู้มั้ย ว่าอาร์มหายไปไหน? อาร์มเดินกลับไปส่งไปป์ทำไม มีแรงจูงใจอะไร อ๊ะๆ อย่าเชียร์เลย ก็บอกแล้วว่าอาร์มน่ะ “นอมอล”
     มาสิไปป์จะเล่าให้ฟัง

 
     ต้นกับแม็กซ์เดินเข้าไปในห้องพักอาจารย์แล้ว ทำไงดี? ผมอยากรู้จัง แต่ผมไม่กล้าเข้าไปเสือก เพื่อนต้นคนนั้นโคตรน่ากลัวเลย เป็นเด็กที่อื่นแต่กล้าเข้าห้องพักที่ปรึกษาตามต้นเข้าไปติดๆ ผมว่าเพื่อนต้นต้องรู้จักอาจารย์ต้นตระการมาก่อนแน่ ไม่งั้นไม่ทำท่าแบบนั้นชัวร์
     อ้าวต้นเข้าไปแล้วออกมาเร็วจัง? แต่ต้นเดินไปทางห้องว่างห้องข้างๆ แทน เพื่อนต้นคนนั้นกับอาจารย์ต้นก็ตามออกมาแล้วเข้าไปในห้องนั้นด้วย ผมอ่ะอยากตามไปด้วยจริงๆ แต่พอหันไปมองคนที่ชื่ออาร์มที่นั่งรออยู่ตรงข้างๆ ผมแล้วก็...
     “นายไม่ตามไปเหรอ?”
     “ตามไปทำไม?”
     “ไม่เป็นห่วงต้นเหรอ?”
     “ห่วงทำไม?”
     “ก็ต้นชอบโมโหใส่อาจารย์”
     “มีแม็กซ์อยู่ด้วยแล้ว เราไม่ห่วงหรอก”
     “เพื่อนนายเป็นใครอ่ะ? ท่าทางสนิทกับต้นจัง เห็นมารับกันหลายทีแล้ว เพื่อนนายเป็นแฟนต้นเหรอ?”
     “ต้นมันก็บอกไม่ใช่เหรอว่าแม็กซ์เป็นเพื่อน”
     “งั้น เราเปลี่ยนเป็น เพื่อนนายคนนี้ใช่ป่ะที่นายบอกว่าเคยจีบต้น?”
     “เซนส์ดีนี่นา ใช้ได้เลย”
     “งั้นก็แปลว่านายรู้ทุกเรื่องของต้นจริงๆ ด้วย! เล่าหน่อยดิ?”
     “จะรู้ไปทำไม ไม่รอถามต้นเอาเองอ่ะ”
     “อย่างกับต้นจะบอก! นายก็รู้นิสัยต้น”
     “ถ้านายรู้นิสัยต้นนายก็ต้องรู้ดิว่าถ้าขืนเราพูดมาก ต้นต้องโกรธเราแน่ๆ”
     “แต่เราอยากรู้นี่ ต้นบอกนายแล้วทำไมไม่บอกเรามั่งว้า อยู่กันมาตั้งสองปีแล้ว”
     ผมเห็นคนชื่ออาร์มส่ายหัวก่อนนะตอบผม
     “ต้นไม่เคยบอกอะไรเราๆ รู้เอง”
     “จริงดิ งั้นต้นก็เป็นพวกเก็บเงียบกว่าที่คิด”
     “หึๆ ต้นเป็นคนแบบนั้นแหละ”
     “แล้วนายรู้ได้ไง?”
     “เราเดาเอา แล้วพอเดาถูกต้นก็ไม่ปฏิเสธก็เท่านั้นเอง”
     “จริงดิ? เจ๋งว่ะ! เรายังเดาไม่ถูกเลยว่าเรื่องเป็นไงมาไง พอรู้เรื่องนั้นก็ไม่แน่ใจเรื่องนี้ เล่นเกมยังเดาเนื้อเรื่องไม่ยากเท่านี้เลย”
     “ขนาดนั้นเลยนะ แล้วนายเดาอะไรได้แล้วมั่งอ่ะ?”
     “เราเดาว่า ต้นมีแฟนแล้ว และแฟนต้นน่าจะเป็นผู้ชาย แล้วก็... ต้นเป็นอะไรซักอย่างกับอาจารย์ ใช่ป่ะ?”
     ผมถามแต่เขาไม่ยอมตอบผม เอาแต่ยิ้มแล้วก็ส่ายหน้า
     “เราเดาผิดเหรอ?”
     “เปล่า เราหมายถึงเราบอกนายไม่ได้”
     ผมเห็นคนที่ชื่ออาร์มองเข้าไปในห้องที่สามคนนั้นคุยกันอยู่นิดหน่อย ก่อนจะลุกขึ้นยืน
     “กลับกันเหอะ เราจะเล่าไรให้นายฟัง”
     “ทำไมอ่ะ เล่าตรงนี้ไม่ได้เหรอ?”
     “อย่าเลย นายยังต้องกลับไปเล่าให้เพื่อนๆ นายฟังอีกไม่ใช่เหรอ เดินไปคุยไปเหอะ”
     “... ก็ได้”
     ก็พอเขาพูดมาแบบนี้ผมก็อยากรู้นี่ครับ ด้วยความอยากรู้ ผมก็เลยเดินตามเขาไป
     “เมื่อก่อนนะ เราชอบพูดไม่คิด ทำอะไรโดยไม่ทันระวัง”
     “แล้วไง?”
     “เราเคยทำเรื่องผิดพลาดครั้งนึงโดยไม่คิดให้ดีก่อน เราปากสว่างบอกอะไรบางอย่างกับเพื่อนเรา”
     “แล้ว...”
     “มันทำให้ต้นกับเพื่อนเราทะเลาะกัน แล้วต้นก็ไปทะเลาะกับแฟนต้นต่อ”
     “โห! ขนาดนั้นเลย เอ้ย! งี้ก็แปลว่าต้นมีแฟนมาตั้งแต่ตอนมอปลายแล้วดิ โห! ปิดเงียบไม่เคยมีใครรู้เลยอ่ะ ว่าแต่ต้นมีแฟนแล้วจริงๆ ด้วยแฮะ อ้าว? ไมนายเงียบไปอ่ะ?”
     ผมหันไปมองอาร์มที่อยู่ๆ ก็หยุดเดินและก็เงียบไป
     “เปล่า คือเรากำลังคิดอยู่ว่าเราหลุดปากไปแบบลืมคิดอีกแล้วรึเปล่าน่ะ... เอาเถอะ ยังไงนายก็เดาได้อยู่แล้วนี่ว่าต้นมีแฟน งั้นเล่าต่อนะ”
     แล้วหมอนี่ก็เดินตามมาทันผม แล้วก็เริ่มพูดต่อ
     “นายรู้มั้ยผลของมันเป็นยังไง เพื่อนเรากับต้นอ่ะเลิกคุยกันไปเป็นปีเลยนะ ต้นโกรธเพื่อนเรามากเลย เพื่อนเราเองก็โคตรเสียใจเลย พึ่งกลับมาดีกันตอนที่เพื่อนเราสอบได้ใหม่ในกรุงเทพฯ นี่แหละ เพราะต้นเองก็พึ่งให้อภัยเพื่อนเราได้”
     “โห! เพื่อนนายทำไรให้ต้นโกรธอ่ะ? ต้นโกรธโครตนานเลย”
     ผมถามเขาแต่เขาไม่ตอบ ดันถามผมแทน
     “นายก็คิดดูละกันว่าจะเสี่ยงทำให้ต้นโกรธมั้ย? ถ้านายอยากเข้าไปในโลกของต้นอ่ะ ไม่ต้องรีบหรอก อยู่ข้างๆ ต้นไปเรื่อยๆ เดี๋ยวนายก็รู้เอง ต้นอาจจะสร้างกำแพงขึ้นมาหนาแต่หาทางเข้าไม่ยากหรอก”

     คำถามนั้นมันยังวนเวียนอยู่ในหัวผมจนผมเดินกลับมาถึงโต๊ะที่มีเพื่อนๆ นั่งอยู่ อาร์มแยกไปตั้งแต่พูดประโยคนั้นเสร็จ แต่คำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ในหัวผม
     ผมชอบต้นนะ เป็นเพื่อนกับต้นแล้วสนุกดี มีคนช่วยติวให้ด้วย แถมต้นไม่เรื่องมาก คบง่าย ผมจะเอาอะไรก็อ้อนได้หมด ต้นทำให้ผมมีความสุขมาก อืม... ผมไม่อยากโดนต้นโกรธแฮะ!
     “อิไปป์! ว่าไงๆ เล่ามาดิ๊เป็นไงมั่ง?”
     ป่านสะกิดผมยิกๆ ให้เล่า เอาละผมตัดสินใจแล้ว!
     “หึ ม่ายเล่าอ่ะ!”
     ผมส่ายหน้าปฏิเสธ เรื่องอะไรจะเสี่ยงทำให้ต้นโกรธผม ต้นโกรธน่ากลัวจะตาย ไม่เอาหรอก!
     “เฮ้ยไรวะ! อุตส่านั่งรอแกนะเนี่ย”
     “ก็ยังไม่รู้จะเล่าอะไรนี่นาต้นไม่ได้บอกอะไร แค่เอาของไปคืน”
     แล้วผมก็โดนคนอื่นโวยใส่นิดหน่อย แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่พูด ก็...ผมยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเลยนี่ครับ ต้นยังไม่ได้บอกอะไรผมเลยนี่นา เอาไว้ให้ผมรู้เรื่องให้ชัดๆ กว่านี้อีกหน่อยนึงเถอะ! ฮ่าๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เอาพ่อหนุ่มทานตะวันมาเสิร์ฟแล้ว! :oni1: จับตาดูน้องไปป์ไว้ให้ดี เด็กคนนี้คือคนที่จะทำให้คนอ่านอยากปาหมอน ฮ่าๆ

เป็นคาแรคเตอร์แนวการ์ตูนที่พยายามใส่เข้าไป เป็นตัวเบรคเรื่องตลอด ฉากไหนมีน้องไปป์ฉากนั้นมีเขวี้ยงเม้า ฮ่าๆ ถือเป็นตัวฮาของเรื่องก็ว่าได้ แต่ตอนท้ายๆ ... อุ๊บส์!

ถ้าพี่ชัชคือพระเอกที่ทุกคนด่าว่าเลว แม็กซ์คือคนที่นักอ่านเชียร์ขาดใจ น้องไปป์ก็คือเด็กที่ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าน่าร๊าก! อ่านไปเรื่อยๆ แล้วคุณจะหลงรักจอมป่วนคนนี้โดยไม่รู้ตัว ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#26/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # พิเศษ3
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 26-10-2014 00:42:44
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 3

บทสนทนาระหว่างแม็กซ์และกาย

     “ทำไรอยู่วะรับโคตรช้าเลย”
     “กูลงดันอยู่ มึงมีไรป่าววะ เดี๋ยวกูโทรกลับ”
     “เอาแต่เล่นเกมอีกแล้วอ่ะมึง น่าเบื่อว่ะ”
     “เหี้ยแม็กซ์! ตกลงมึงจะโทรมาด่ากูใช่ป่ะ? กูจะได้วาง”
     “เอ้ยๆ ฟังกูก่อน ห้ามวางนะมึง”
     “เออ แป็บๆ ถือสายรอกูก่อน ออกดันแป็บ ... โอเค ออกละ มึงมีไรว่ามา?”
     “พักนี้มึงติดเกมหนักไปป่าววะกาย”
     “ถ้ากูไม่เล่นเกมแล้วจะให้กูทำไรวะ แดกยาปาร์ตี้แบบมึงเหรอ?”
     “ไอ้สัส กูเลิกแล้ว!”
     “บ้านนอกแบบนี้มีเน็ทให้ใช้ก็บุญแล้ว กูแค่เล่นเกมแก้เซ็งนิดๆ หน่อยๆ เอง”
     “มึงเลิกเล่นเบสจริงอ่ะ?”
     “กูไม่ได้เลิก แต่มันไม่มีที่ให้กูเล่น พวกแม่งมีตัวยืนกันแล้ว ให้กูเข้าชมรมไปทำห่าไรอ่ะ เพลงก็เล่นกันคนละแนว”
     “สม! เสือกเลือกไปโน่นเอง กูบอกให้สอบใหม่เป็นเพื่อนกูก็ไม่ยอม”
     “บ้านกูไม่ได้รวยเหมือนมึงนี่หว่าแม็กซ์ เรียนไปตั้งปีนึงแล้วเกิดจะออกกลางคันแม่กูด่าตาย คะแนนกูดีเหมือนมึงซะที่ไหนได้เรียนมหาลัยรัฐก็บุญแล้ว แถมเกรดปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทุเรศมากด้วยกูไม่อยากเสี่ยงอีก ตกลงมึงโทรมาทำไมวะ? ทะเลาะกับแฟนอีกเหรอไง”
     “กาย ... กูเลิกกับฟ้าแล้วว่ะ”
     “เออ กูคิดอยู่แล้วว่าคนนี้ก็ไม่รอดหรอก ยิ่งห่างกันแบบนี้ไงมึงก็ต้องเลิก”
     “ป่าว คราวนี้กูไม่ได้บอกเลิกเขา กูโดนบอกเลิกว่ะ”
     “ฮ่าๆ มึงโดนสาวทิ้งเลยเฮิร์ทว่างั้น ฮ่าๆ สมน้ำหน้าว่ะ”
     “ไม่ใช่เว้ย! กูไม่ได้โดนเขาทิ้ง มันห่างกันตั้งแต่กูลงมาอยู่กรุงเทพฯแล้ว พอล่าสุดที่กูโทรไปหาเขา ฟ้าเลยถามกูว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่ามั้ย จากกันด้วยดีเว้ย!”
     “ก็ดีแล้วนี่หว่า ไม่ได้โดนผู้หญิงตบหน้า ไม่โดนด่า ไม่โดนมันพาผัวใหม่มากระทืบ แล้วจะโทรหามากูทำเหี้ยไร อย่าบอกนะว่ามึงเสียใจที่เลิกกัน เพราะกูรู้ว่ามึงก็ไม่ได้รักยัยฟ้าไรนี่เท่าไหร่หรอก”
     “เออ กูไม่เสียใจ กูก็แค่เสียดาย ฟ้าดีโคตรอ่ะ สำหรับกูนะ กูไม่เคยเจอใครดีเหมือนฟ้ามาก่อนเลย”
     “หลงเสน่ห์เด็กเรียนแล้วสิมึง ฮ่าๆ เป็นไงล่ะ ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงเรียบร้อยมันอร่อยสู้พวกร่านๆ ที่มึงเคยเอาได้มั้ย”
     “เหี้ย! พูดถึงแฟนเก่าคนอื่นให้มันดีๆ หน่อย เงี่ยนนักรึไงมึง ยังซิงอ่ะดิ”
     “เออกูซิง กูซิงอย่างมีศักดิ์ศรีเว่ย! ทำเป็นพูดดีไปเหอะ ถ้ามึงรักเขาจริงมึงไม่ฟันเขาหรอก ต่อให้ดีขนาดไหนมึงก็ฟันแล้วทิ้งเหมือนเดิมแหละวะ กูไม่เคยเห็นมึงจริงใจกับใครซักคน”
     “กูไม่ได้เลวขนาดนั้น”
     “ถ้ามึงไม่เลวแล้วปล่อยเขาไปทำไมวะ ไมไม่รับผิดชอบเขาอ่ะ?”
     “กู...”
     “เห็นป่ะ ฟันได้มึงก็ฟัน พอเขาขอเลิกมึงก็ไม่ยื้อ ถ้ามึงรักเขาจริงดีกับเขาจริงเขาจะขอเลิกกับมึงเหรอวะ? ไม่ใช่พวกแรดๆ ซักหน่อยจะได้ร่านไปเรื่อย เขายอมให้มึงเปิดซิงเชียวนะเว้ย เรื่องอื่นๆ ก็ดีไม่ใช่เหรอ กูฟังกูยังว่าน่ารักเลย แต่มึงก็ยังทิ้งเขาลง ไม่คิดซักนิดอ่ะว่ามึงทำเขาไปแล้ว”
     “เรื่องแบบนี้เดี๋ยวนี้เขาไม่ถือกันแล้ว เป็นสุภาพบุรุษรึไงมึง กอดความซิงมึงเข้าโลงไปเหอะ”
     “เออ! สมัยนี้เขาไม่ถือ แต่กูถือคติว่ารักจริงรอได้เว้ย ถ้ามึงรักคนนี้จริงมึงทำเขาไม่ลงหรอก เพราะมึงไม่ได้รักอ่ะดิมึงเลยทำลง แล้วมึงก็เลิกกับเขาง่ายๆ ไม่ต่างไรกับพวกแรดที่มึงเคยๆ มา ที่มึงเสียดายก็เพราะเขาเป็นคนดี มึงไม่ได้คิดถึงความผูกพันไรพวกนั้นเลย มึงก็แค่เสียดายคนดีๆ ที่ไม่ค่อยโคจรมาเจอมึง เถียงกูดิ ถ้ากูเดาใจมึงผิดเลิกเรียกกูว่าเพื่อนได้เลย!”
     “เออ มึงพูดถูก พอใจยังวะ!”
     “เหี้ยแม็กซ์เอ้ย! เมื่อไหร่มึงจะเลิกเงี่ยนครับ เหลือผู้หญิงบริสุทธิ์ไว้ให้โลกเชยชมบ้างเหอะมึง!”
     “กูไม่ได้เอาใครมาเป็นชาติแล้วสัส!”
     “ฮ่าๆ สรุปที่โทรมาหากูนี่เพราะมึงเสียดายที่ไม่ได้สั่งลากับยัยฟ้าเหรอวะ?”
     “เออ นิดหน่อยว่ะ”
     “ฮ่าๆ กูว่าแล้ว ไอ้ขี้เอาเอ้ย!”
     “สัส! ว่ากู กูขี้เอาคนเดียวที่ไหน เดี๋ยวนี้ไอ้อาร์มก็ใช่ย่อยนะมึง”
     “อ้าว? ยังไงวะ มันอกหักอยู่ไม่ใช่เหรอ? หรืออาร์มมันสำส่อนตามมึงไปแล้ว?”
     “สาวให้ท่ามันโคตรเยอะอ่ะ แจ่มๆ กันทั้งนั้น แม่งเสือกโง่ตื้อแฟนเก่ามันอยู่ได้ เป็นกูอ่ะกูเหมาหมดแล้ว สับรางสนุกเลยมึงเอ้ย”
     “มันยังรักรุ่นพี่คนนั้นของมันมั้ง? ไอ้อาร์มมันรักใครรักจริงมาตั้งนานแล้วนี่หว่า”
     “รักหรือเงี่ยน? กูแปลกใจตั้งแต่เห็นรูปที่มันส่งให้ดูแล้ว ผู้หญิงแรดจะตายไอ้อาร์มเอาไม่อยู่หรอก ไม่ใช่อีนี่รึไงที่ทำให้อาร์มมันเลิกกับแนน มันสารภาพกับกูว่ามันเคยเผลอทั้งๆ ที่ยังคบกับแนนอยู่ด้วยซ้ำ แม่งโดยผู้หญิงหลอกอ่ะดิ พอหมดสนุกโดนเขาเบื่อก็ถูกทิ้ง แล้วก็เสือกโง่ไปตามตื้อกะหรี่อยู่ได้ เป็นกูๆ หาใหม่ดีกว่าว่ะ”
     “ก็เพราะแรดไง อาร์มมันถึงได้ติดใจ ไอ้อาร์มแม่งโง่จะตาย แล้วก็เสือกไปชอบแต่พวกตัวแม่ให้ผู้หญิงจูงจมูก นิสัยอย่างมันกูว่าเหมาะกับพวกหัวอ่อนมากกว่าว่ะ จำตอนมอสี่ได้ป่ะมึง แป้งห้องหกอ่ะ คนนั้นกูว่าโคตรเหมาะกับไอ้อาร์มเลย ชอบเขาแต่ก็ไม่ยอมเข้าไปจีบ มัวแต่เขิน เสร็จหมาคาบไปแดกเลย ยัยแป้งโดนไอ้พี่วุธเจาะซะพรุนแล้วก็ทิ้ง ทำไมพวกดีๆ แม่งต้องชอบแต่พวกร้ายๆ เลวๆ ด้วยวะ แทนที่จะปล่อยให้พวกคั่วกันเองเสือกไปโง่ให้เขาคั่วแล้วก็คายทิ้ง”
     “กูก็ว่างั้นว่ะ ที่จริงก็มีดีๆ หลายคนนะที่กูเห็นแอบชอบมันอยู่ แต่พวกที่เรียบร้อยๆ หน่อยก็เสือกจีบอาร์มไม่ติดอีก แม่งโง่จนไม่รู้ว่าสาวที่คุยด้วยแอบชอบอ่ะ แล้วพอรู้ว่ากูเป็นเพื่อนอาร์ม สาวพวกนั้นก็มาเข้าทางกูอีก กูก็ไม่รู้จะช่วยยังไง”
     “ว่าแต่รู้ดีจังมึง ไปหามันบ่อยเหรอ ไหนอาร์มมันบอกว่าไม่ค่อยได้เจอมึงไง?”
     “ก็ไม่ได้ไปเจอมัน...”
     “...อย่าบอกนะว่า?”
     “...”
     “อีกแล้วเหรอมึง”
     “... เออ กูกลับไปคุยกับต้นเหมือนเดิมแล้ว”
     “เหี้ย! เมื่อไหร่มึงจะเลิกยุ่งกับไอ้เหี้ยนั่นซะทีวะ มันมีผัวไปแล้วนะโว้ย!”
     “กูก็ไม่ได้หวังไรนี่หว่า ก็แค่คุยกันเฉยๆ”
     “คุยเหี้ยไรอ่ะ หน้าอย่างมึงนี่นะไม่คิดเรื่องใต้สะดือ!”
     “เออ กูไม่ได้คิด กับต้นกูไม่ได้คิดไรแล้ว”
     “กล้าสาบานกับกูมั้ยอ่ะ?”
     “...ทำไมวะกาย กูแค่ชอบต้นเฉยๆ ก็ไม่ได้เหรอมึง”
     “มันไม่ได้ก็ตรงที่ไอ้ต้นมันไม่ได้คิดอะไรกับมึงไง แล้วมึงจะไปชอบมันให้ได้อะไรขึ้นมา มึงจะรอให้มันเลิกกับแฟนรึไงวะ?”
     “ทีมึงยังรอไนน์ได้เลย แล้วทำไมกูจะยังรักต้นของกูไม่ได้!”
     “กูไม่ได้รอไนน์! กูแค่ยังไม่เจอใครที่ถูกใจมากกว่าไนน์ ถ้ามีคนอื่นโผล่ตรงหน้ากูๆ ก็พร้อมจะตัดใจจากไนน์แล้วเปิดใจ แต่มึงอ่ะ ยึดติดกับไอ้ต้นมากไปแล้ว ถามจริงเหอะ มันมีไรดีวะ? เอามึงก็ไม่เคยเอา มันทำดีกับมึงรึก็เปล่า ตอแหลจะตาย ทำไมมึงติดใจมันจัง”
     “...”
     “แม่งเอ้ย...”
     “กูไม่รู้ว่ะ... บอกตามตรงกูยังไม่เข้าใจตัวเองเลย ทุกวันนี้กูรู้แค่ว่าเวลาที่ได้อยู่กับมัน ได้ไปส่งมันกลับบ้าน ได้นั่งแดกข้าวด้วยกันกูโคตรมีความสุขอ่ะ ตอนที่คุยกับมันแล้วเห็นมันยิ้มให้กูแค่นี้กูก็พอใจละ กูไม่ขอไรแล้ว ไม่หวังอะไรจากมันแล้วด้วย แค่ได้อยู่กับมันสภาพนี้ไปเรื่อยๆ แลกกับไรกูก็ยอม”
     “มึงนี่เกินเยียวยาแล้วว่ะแม็กซ์”
     “เออ กูรู้ ละมึงรู้ป่ะ วันนั้นที่กูไปหาต้นครั้งแรกอ่ะ ตอนที่กูนั่งเมาอยู่ต้นมันเดินไปซื้อน้ำมาให้กูอ่ะ มันจำได้ด้วยนะมึง พอกูถามว่าจำได้ด้วยเหรอว่ากูชอบแดกอะไร มันตอบว่าไงรู้ป่ะ มันบอกว่าเพราะกูใช้มันไปซื้อบ่อยๆ กูรู้นะว่ามันแขวะกู แต่ในใจกูนี่โคตรปลื้มอ่ะ ขนาดแฟนเซอร์ไพรส์วันเกิดให้กูยังไม่ดีใจเท่านี้เลย ต้นมันจำเรื่องของกูได้ทุกเรื่องเชียวนะเว้ย ทั้งๆ ที่ห่างกันไปเป็นปีแล้วอ่ะ แล้วยิ่งตอนที่กูไปส่งมันนะ ต้นมันร้องไห้แล้วก็ขอโทษกูด้วยนะมึง กูอยากกอดมันชิบหาย แต่กูไม่กล้า”
     “ลองมึงทำงั้นดิ ผัวมันได้ต่อยมึงแน่”
     “ต่างคนต่างอยู่เว้ย! กูคบกับต้นในฐานะเพื่อน ไอ้เหี้ยนั่นไม่มีสิทธิ์มาทำไรกู”
     “เพื่อนมากเลยนะมึง รักหัวปักหัวปำขนาดนี้”
     “ความรักเก็บไว้ในใจกูก็พอ กูเป็นเพื่อนกับต้นแบบบริสุทธิ์ใจเว้ย! ไม่ได้ทำไรมากกว่าที่กูทำกับพวกมึง เพื่อนกันแดกข้าวด้วยกันผิดตรงไหน กูมีรถก็ไปส่งต้นกลับบ้านดิ”
     “แล้วมึงเคยมองพวกกูด้วยสายตาอยากจะแดกลงไปทั้งตัวเหมือนที่มึงมองมันมั้ยล่ะ? มีแต่ควายอ่ะที่เชื่อว่ามึงไม่ได้คิดอะไร ... ไง เถียงไม่ออกเลยดิมึง พวกมึงนี่ก็แปลก คนนึงก็รักอยู่ได้ทั้งๆ ที่รู้ว่ายังไงก็ไม่สมหวังได้แต่เป็นเพื่อนกันไปวันๆ อีกคนก็แกล้งโง่ทำเป็นไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอะไรกับตัวเอง ใส่หน้ากากเก่งทั้งคู่ มึงจะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไรวะแม็กซ์ กับคนนิสัยอย่างไอ้ต้นกูไม่สงสัยหรอก มันเป็นงี้อยู่แล้ว แต่มึงอ่ะ ยอมทรมานตัวเองขนาดนี้ทำไม”
     “กูไม่ได้ทรมาน จริงๆ นะกาย กูไม่ได้ทุกข์อะไรแม้แต่นิดเดียว มันเหมือนกับว่ากูปลงแล้วอ่ะ แค่เห็นต้นมีความสุขก็กูพอใจแล้ว แค่ได้รักมันไปเรื่อยๆ ไม่ได้ต้องการไรจากมัน”
     “แล้วผัวมันอนุญาตให้มึงแอบรักรึเปล่าวะ? ระวังไว้เหอะมึง อย่าทำให้คนที่มึงรักเดือดร้อนเพราะมาเป็นเพื่อนกับมึงก็แล้วกัน”
     “กู... กูว่าคงไม่มีไรหรอกมั้ง กูเคยเจอแฟนมันบางครั้งเวลากูไปส่งมันที่ห้องอ่ะ ก็ไม่เห็นต้นมันผิดปกติอะไร กูกับแฟนมันต่างคนต่างอยู่อ่ะ”
     “เออ ดีแล้ว กูไม่อยากเห็นมึงทำบาปอีก ถึงกูจะเกลียดไอ้ต้นแต่เรื่องนึงที่กูยอมรับก็คือเรื่องที่มันรักแฟนมันมากนี่แหละ ถ้ามีผู้หญิงมาทนกูขนาดที่ไอ้ต้นมันยอมแฟนมันนะ กูรักตายเลย”
     “เพราะงี้มั้ง กูเลยโคตรรักมันเลย ไม่เคยมีใครทำดีกับกูเท่าดีต้นเคยทำเลยนะมึง แต่แม้ฟ้ายังทำให้กูได้ไม่เท่าครึ่งที่ต้นเคยทำเลย เสียดายว่ะถ้าต้นเป็นผู้หญิงนะ กูจะทำให้ต้นท้องแล้วบอกป๋าให้จับแต่งแม่ง”
     “เป็นหนักนะมึง”
     “เออ กูรู้ ถึงได้โทรมาหามึงนี่ไง อึดอัดจะตายห่าแล้ว ไม่อยากคุยกับอาร์มมันเดี๋ยวแม่งก็เสือกพูดมากอีก”
     “ซวยกูต้องมานั่งฟังมึงเพ้อหาไอ้ต้นมันอีก สัส! ไม่ไปเมาล่ะมึง ไม่แดกเหล้าแล้วเหรอไง?”
     “พักนี้กูไม่ค่อยดื่มแล้วว่ะ ไม่อยาก”
     “ไมวะ?”
     “ต้นมันขอ มันบอกว่าเสียสุขภาพ”
     “ไอ้เหี้ย!”
     “ฮ่าๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


สองเพื่อนซี้แต่หนึ่งคู่อาฆาต! ฮ่าๆ บางทีก็รู้สึกว่าเวลาแม็กซ์อยู่กับกายมันมุ้งมิ้ง แต่สารพัดสัตว์หลุดออกมาอื้อเลย ขออภัยจริงๆ น้อ แต่เวลาสองคนนี้คุยกันมันก็เถื่อนแบบนี้แหละ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#25/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน6
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 26-10-2014 03:59:02
ีวันนี้มาเต็มอีกแล้ว ชอบมากๆๆๆ  ฉากต้นกับพ่อคืออ่านแล้วน้ำตาไหลเลยย คือเหมือนต้นอึดอัดมานาน วันนี้มันได้ทลายไปหมด คือแบบอธิบายความรุ้สึกไม่ถูก แลัก็ฉากแม็กโทหากาย คือแบบเรียลมาก ชอบ เขียนได้ธรรมชาติมากเรยย
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#26/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 26-10-2014 12:09:53
เมื่อเด็กเลี้ยงแกะไปทะเล

ไปป์

     พวกเรากำลังจะไปเที่ยวกันคับ ภาคของเรา ปีสองทั้งยี่สิบเอ็ดคนกำลังจะไปเที่ยวกัน ... แต่เอาเข้าจริงรวมตัวกันยังได้ไม่ถึงสิบห้าคนเลย แย่จัง แต่อย่างน้อยแก๊งผมก็มาครบนะ ทั้ง ป่าน แก้ว เมย์ โอม แล้วก็ต้นด้วย พวกเรานัดกันหลังสอบเสร็จ รถตู้สองคันราคาพิเศษโดยบ้านเป้มารับพวกเราที่ตึกภาค ถึงการไปเที่ยวหนนี้พวกเราจะไปกันเองในชั้นปีแต่รุ่นพี่บางคนที่สนิทกันขอไปด้วยก็มี แต่งานนี้จะรุ่นพี่หรือรุ่นน้องก็หารเท่ากัน ฮ่าๆ
     วันนี้พวกเราแอบอึ้งกันนิดหน่อย ต้นที่มารอตั้งแต่เช้าสะพายกระเป๋ากีต้าร์มาด้วย! ต้นเท่จัง
     “ต้น นายเอากีตาร์มาด้วยเหรอ?”
     “อ้าว ก็พัทบอกว่าใครมีกีตาร์ก็ให้เอามาด้วย... ไม่ใช่เหรอ?”
     ต้นพูดพร้อมๆ กับมองไปทางพัท คือที่ต้นพูดมันก็ใช่อยู่นา แต่ว่าต้นแบกกีตาร์มาให้เนี่ย ผมนึกไม่ถึงจริงๆ
     “นายมีกีตาร์ด้วยอ่ะ เจ๋งเป้ง!”
     เอ ผมพูดไรผิดเหรอคับ? ต้นทำหน้าเซ็งๆ ใส่ผมอีกแล้ว
     “ไปป์ เราอยู่ชมรมดนตรีนะ”
     อ้าวเดินหนีผมไปซะละ ต้นโกรธอะไรผมเนี่ย?
     พอถึงตอนขึ้นรถ พวกเราสิบสี่คนกับรถตู้สองคัน ที่ว่างเหลือเยอะเลยแฮะ แต่พอไปๆ มาๆ ก็มีคนโทรมาบอกว่าจะไปด้วยอีก ไอ้อัฐจอมตื่นสาย! พวกเราก็เลยต้องรอกันเกือบชั่วโมง แล้วก็มีพวกที่พึ่งรู้ข่าวแต่ขอติดไปด้วยเพิ่มอีก เสื้อผ้าไปหาเอาข้างหน้าประมาณพกแต่ใจไปทะเล พอขึ้นรถอีกทีไหงมันถึงกลายเป็นสิบเจ็ดคนได้ก็ไม่รู้?
     แก๊งพวกผมนั่งรถตู้คันเดียวกันหมดอยู่แล้ว พวกเราปล่อยให้สามสาวนั่งหลังสุดจะได้เป็นส่วนตัวไปเลย มีเอกกับนนมานั่งด้วยที่แถวหน้า ส่วนต้น ผม แล้วก็โอมนั่งอยู่แถวกลาง โดยที่ต้นเลือกนั่งตรงกลางส่วนโอมเลือกเบาะเดี่ยว
     ไม่รู้ว่าต้นไปทำอะไรมา พอขึ้นรถได้ก็หลับเลยแฮะ แถมหลับแบบไม่สนใจอะไรด้วย พวกสามสาวก็เลยคุยจุ๊กจิ๊กอยู่ข้างหลัง ส่วนโอม พอเห็นต้นหลับก็เลยหลับตาม ผมก็เลยหงอยๆ เพราะพอหันไปสะกิดไอ้พวกคู่หน้าพวกมันก็เอาแต่คุยกันเรื่องบอล ผมเซ็งๆ ก็เลยหลับตาม สรุปว่ารถคันพวกเราเลยหลับกันหมดเกือบทั้งคัน

     ผมรู้สึกตัวอีกทีตอนที่ต้นสะกิด
     “ไปป์ พี่เขาจอดแวะปั้ม ไปเข้าห้องน้ำมั้ย?”
     “หา อือ”
     แล้วผมก็เดินตามต้นไปเข้าห้องน้ำ พวกที่อยู่รถอีกคันคงมาถึงก่อนพวกเราเพราะผมเห็นแต่ละคนถือของกินจากร้านสะดวกซื้อในปั้มแล้ว ว่าแต่เมื่อกี้ผมลืมสังเกตสาวๆ กลุ่มผมกับโอมไปเลย
     “โอมล่ะต้น”
     “หลับอยู่”
     “อ้าว แล้วทำไมไม่ปลุกโอมล่ะ?”
     “โอมเขาไม่ได้ธุระเยอะเหมือนนาย ก่อนขึ้นรถนายกินน้ำไปตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ?”
     เอ... มันแปลว่าอะไรหว่า? ช่างเถอะ ผมควรจะตั้งสมาธิให้ดี ไม่งั้นการควบคุมมันจะไม่แม่นคับ เสร็จแล้วก็ต้องสะบัดปลายซะหน่อย เรียบร้อย
     “ล้างมือด้วยล่ะไปป์ อย่าซกมก!”
     “เออๆ รู้แล้ว”
     ผมหันไปตอบต้นที่ทำธุระเรียบร้อยแล้วและกำลังล้างมืออยู่ จุกจิกจังน้า
     แต่ต้นยิงกระต่ายเร็วชะมัด ผมว่าต้องเป็นเพราะผู้ชายคนที่ยืนตรงโถฉี่ข้างต้นแน่ๆ เลยคับ ผมเห็นมันแอบมองของต้นด้วยแหละ ผมก็เลยแอบมองของต้นบ้าง ของๆ ต้นขลิบออกหมดเลยไม่เหมือนกับของผมที่ขลิบออกครึ่งเดียวเลยยังมีหนังให้รูดอยู่นิดหน่อย ไว้วันหลังผมต้องถามต้นละว่ามันต่างกันมากมั้ยตอนทำอย่างว่า
     จะว่าไปวันนี้ต้นดูเท่ไปอีกแบบแฮะ ต้นใส่เสื้อยืดสีฟ้าขาวเป็นลายเพ้นท์เท่ๆ แล้วก็กางเกงเซิร์ฟสีขาวลายกราฟฟิคดำน้ำเงิน ถ้าไม่บอกผมก็ไม่รู้จริงๆ ว่าต้นเป็นเกย์ เพราะต้นดูไม่ได้ตุ้งติ้งหรือพยายามทำตัวแมนๆ เท่ๆ เล่นกล้ามไว้หนวดทำนองนั้น ต้นดูปกติเหมือนพวกเด็กสายวิทย์ทั่วไป เสียงของต้นเวลาพูดก็ปกติติดจะเย็นเฉียบด้วยซ้ำเวลาดุผม แม้แต่บางทีต่อให้ต้นกำลังแซวคนอื่นอยู่ต้นก็ชอบปล่อยมุขหน้าตาย ผมมักจะรู้ตัวช้าเสมอว่ากำลังโดนต้นหลอกด่า ไม่รู้ทำไมต้นถึงได้ชอบแกล้งผมจัง แต่ผมไม่โกรธต้นหรอกนะเพราะต้นเป็นเพื่อนผม
     แต่เรื่องที่ต้นเป็นเกย์ ผมแค่เดาเอานะคับ ยังไม่มีหลักฐานหรือว่าเคยไปถามต้นตรงๆ หรอก กลัวต้นโกรธเอา เพื่อนของต้นที่ชื่ออาร์มบอกว่า ต้นงอนน่ากลัวมากๆ
     พอออกมาจากห้องน้ำผมเห็นโอมกับต้นกำลังยืนคุยกันอยู่เลยเดินไปหาสองคนนั้น
     “อื้อ เอาน้ำไรมั้ย?”
     “เดี๋ยวเราไปดูเองดีกว่า หิวน้ำ”
     “คุยไรกันอ่ะ?”
     “จะเอาไรมั้ยไปป์? เรากับโอมจะไปมินิมาร์ท”
     “ไปด้วย”
     พวกเราเข้าไปในร้านแล้วก็เจอเข้ากับพวกรุ่นพี่กำลังกวาดเบียร์กับเหล้าลงตระกร้ากัน ผมก็เลยเดินไปคุยกับพวกรุ่นพี่ พี่โออายุเกินยี่สิบแล้ว ซื้อเบียร์ได้ แต่ผมยังไม่ถึงคับเลยยังซื้อไม่ได้ เสียดายจัง
     “โอ้โห! ตุนไว้ขนาดนี้เลยเหรอคับ”
     “เออ สนป่าว สนก็หยิบมาไอ้น้อง”
     “ไม่ดีมั้งครับพี่ ปล่อยไอ้เด็กนี่ไปเถอะครับ”
     อ้าวๆ ทำไมต้นมาขัดคอผมแบบนี้ล่ะ แถมยังลากผมหนีพวกพี่ๆ อีก เบียร์ของผม!
     “นายลากเราออกมาทำไม”
     “นายดื่มเป็นเหรอ?”
     “ไม่เป็น”
     “งั้นก็อย่าดื่ม ถ้าจะดื่มไว้ไปดื่มกับคนที่นายไว้ใจ มาข้างนอกแบบนี้ดื่มแล้วอันตราย เกิดไรขึ้นมาจะช่วยตัวเองลำบาก”
     ผมไม่ค่อยเข้าใจความหมายของต้นซักเท่าไหร่ แต่ก็เอาเถอะคับ อ้าว! นั่นพวกพัทนี่นา มันก็หยิบเบียร์เหมือนกัน
     “ต้น พวกนั้นยังซื้อเลย ใครๆ ก็ดื่มกัน”
     “ใครๆ ก็ดื่มไม่ได้แปลว่านายต้องดื่มตาม แล้วอีกอย่างระดับพัทกับนายน่ะคนละชั้น อย่างนายอย่าดื่มเลยไปป์”
     ผมหงุดหงิดหน่อยๆ นะ คนละระดับกันนี่หมายถึงอะไร? ผมงอนต้นแล้วจริงๆ นะ เรื่องอะไรมาว่าผมแบบนี้!
     “อย่าโกรธต้นเลยไปป์ ต้นคงเป็นห่วงนายจริงๆ ช้างมันหนักนะ คออ่อนไม่เคยดื่มจะเมาเอาง่ายๆ”
     “แล้วนายรู้ได้ไงอ่ะโอม”
     “เอ่อ...”
     “สองคนนั้นอ่ะ เสร็จยัง ถึงคิวจ่ายตังค์แล้ว”
     ต้นเร่งพวกเราให้ไปจ่ายเงิน ผมกับโอมก็เลยต้องไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ เดี๋ยวค่อยไปแยกบิลกันทีหลังในรถเอาก็ได้ ไม่งั้นรอคิวอีกนานเลย
     พอขึ้นรถได้ พวกเราก็คุยกันสัพเพเหระเพราะต่างคนต่างพักเอาแรงแล้ว แต่เหมือนจะมีแต่ต้นที่หลับไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เพราะถนนที่ขรุขระมั้งคับทำให้ตัวของต้นเริ่มเอนไปเอนมาสุดท้ายก็พิงมาที่ไหล่ผมจนได้ ดูต้นเหนื่อยๆ ผมละสงสัยจริงๆ ว่าต้นไปทำอะไรมา
     คุยไปคุยมาก็ชักเริ่มง่วงเหมือนกันแฮะ อีกเกือบชั่วโมงกว่าจะถึง ผมขอหลับต่ออีกหน่อยละกัน
     พอรู้ตัวอีกที ต้นสะกิดปลุกผมอีกแล้ว ทำไมต้นถึงตื่นก่อนผมตลอดเลยนะ ทั้งๆ ที่ตอนหลับก็เห็นท่าทางเหนื่อยๆ แต่ต้นรู้ตัวตื่นเร็วชะมัด
     ที่พักของพวกเราเป็นบ้านบังกะโลสองชั้นหลังใหญ่ริมชายหาด คงเพราะพวกเรามีผู้หญิงน้อยแล้วก็ค่อนข้างสนิทกันมากเลยไม่ค่อยถือ ก็คนอยู่ตั้งเยอะคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกคับเพราะในบ้านก็แบ่งเป็นหลายห้องนอนอยู่ แถมผมยังคิดว่าไม่มีใครกล้ายุ่งอะไรกับเมย์แน่ๆ ใครๆ ก็รู้ว่าเมย์ชอบต้น
     พวกเราเอาของไปเก็บแล้วเลือกห้องพักกัน สามสาวครองห้องนอนห้องเล็กไปตามระเบียบ ส่วนพวกเราที่เหลือก็แยกย้ายกันไป ต้นกับโอมเลือกห้องนอนใหญ่ที่นอนรวมกันบนฟูกที่ปูอยู่บนพื้น แล้วก็ยกห้องที่มีเตียงให้พวกรุ่นพี่ ผมก็คิดแบบต้นแหละ นอนกับพวกเราในรุ่นสบายใจกว่ากันเยอะ
     พอเก็บของเสร็จ พวกเราบางคนก็ขอนอน สามสาวบอกว่าจะถ่ายรูปเล่นกันก่อน ส่วนต้นโดนพัทดึงตัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมตามไม่ทัน
     “โอม เห็นต้นป่ะ?”
     “เมื่อกี้พัทมาตามอ่ะ เห็นบอกว่าจะเอากีต้าร์ ต้นเลยเอาไปให้ คงอยู่หน้าบ้านมั้ง”
     “พัทนี่ก็อารมณ์ศิลปินเนอะ พอคนเราอกหักแล้วทำไมต้องมาทะเลนั่งร้องเพลงด้วย นายรู้ป่ะ?”
     โอมทำหน้ายิ้มแห้งๆ ให้ผมอีกแล้ว
     “แล้วนายไม่ตามต้นไปเหรอ”
     “ยังน่ะ ว่าจะเปลี่ยนกางเกงก่อน”
     “แล้วไมไม่เปลี่ยนอ่ะ”
     “รอห้องน้ำอยู่ เป้ใช้อยู่น่ะ”
     “แค่เปลี่ยนกางเกง อายไร ผู้ชายด้วยกันทั้งนั้น”
     ผมเห็นโอมทำหน้าแดงนิดหน่อยแล้วก็ไม่พูดอะไร ผมว่ามันชักจะยังไงๆ แล้วนะ แต่ช่างโอม ผมไปหาต้นดีกว่า
     “โห มาร์ตินด้วยอ่ะต้น โคตรเจ๋ง! เท่าไหร่วะ?”
     “ไม่รู้สิ มีคนเขาซื้อให้อ่ะ”
     “เช๊ด! ยี่ห้อนี้แพงเป็นหมื่นเลยนะ มึงนี่โชคดีจัง มีคนซื้อให้ด้วย กูงี้ อ้อนขอแม่แทบตาย กว่าได้จะกีต้าร์ถูกๆ มาเนี่ย”
     “เป็นหมื่นเลยเหรอ...?”
     “อ้าว ทำไมมึงทำหน้าแบบนั้นวะต้น?”
     “เปล่า ไม่มีอะไร แค่คิดว่าจะกลับไปจัดการกับคนโกหกที่บ้านยังไงดี”
     “คุยไรกันอยู่เหรอ”
     ต้นกับพัทหันมามองผม อ้าว? ผมทำไรผิดไปป่าวเนี่ย ทำไมต้นทำหน้าน่ากลัวจัง
     “เอ่อ เราทำไรให้นายไม่พอใจเปล่าอ่ะต้น?”
     “เปล่า ไม่ใช่นายหรอก ช่างเหอะ แล้วโอมล่ะ”
     “โอมเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่”
     ผมตอบไปแบบนั้น แล้วสองคนนั้นก็กลับไปคุยเรื่องกีต้าร์กันต่อคับ เหลือเชื่อว่าติสท์ตัวพ่อของภาคฟิสิกส์เราอย่างพัทจะเล่นกีต้าร์สู้ต้นไม่ได้ ปกติผมไม่ค่อยเห็นต้นโชว์ฝีมือเท่าไหร่ แถมใครๆ ก็หาว่าพวกเราเด็กฟิสิกส์เป็นพวกเนิร์ด มีแต่พัทนี่แหละที่บ้าดนตรีหน่อย แต่พัทไปประกวดงานแข่งดนตรีของคณะวิทย์มาเมื่อปีที่แล้วละก็แพ้ไปตามระเบียบ ผมว่าถ้าให้ต้นไปไม่แน่ปีนั้นพวกเราอาจจะชนะก็ได้นะคับ แค่ท่าทางตอนเล่นต้นก็เท่กินขาดแล้ว เพราะต้นหล่อกว่าพัทแถมต้นยังเล่นเป็นเพลงเก่งกว่าด้วย ผมยังไม่ได้ยินต้นร้องเพลง มีแต่เสียงของพัทนะแหละคับ ร้องเสียงหลงแปลกๆ
     สามสาวเดินลงมาแล้วคับ ป่านแก้วเมย์เดินลงมาจอยกลุ่มกับพวกเรา อ้าว! โอมมานั่งอยู่ข้างๆ ผมตั้งแต่เมื่อไหร่?
     ป่านเริ่มแซวอยากเห็นต้นร้องเพลง แต่ต้นบอกว่าร้องไม่เป็นปกติเล่นอย่างเดียว ผมไม่เชื่ออ่ะ สุดท้ายพอเขินๆ ก็เลยอ้อมแอ้มร้องไปหนึ่งเพลง ต้นที่ปกติเวลาพูดมักจะเสียงดุๆ แต่พอร้องเพลงแล้วเพราะมากคับ เสียงของต้นไม่ได้ทุ้มต่ำติดจะแหลมหน่อยๆ ด้วยซ้ำ ไม่อยากจะเชื่อว่าต้นจะลากขึ้นเสียงสูงได้ยาวแบบไม่เพี้ยนด้วย
     ผมว่าต้นร้องเพลงเพราะกว่าพัทจริงๆ นั่นแหละ โอ๊ะ เมย์นั่งมองต้นตาเยิ้มเลย ขนาดรู้ชัวร์ๆ ว่าต้นมีแฟนแล้วยังไม่ตัดใจอีกนะนั่น นี่ถ้ารู้ว่าต้นเป็นเกย์ เมย์จะยอมตัดใจรึเปล่านะ?
     พวกเรานั่งเล่นกีต้าร์ร้องเพลงกันอยู่เป็นชั่วโมงจนกระทั่งมิวนิคมันตื่น ไอ้มิวนิคนี่ตัวจี๊ดเลย ชอบทำคนอื่นวงแตกอยู่เรื่อย
     “เฮ้ย! พวกมึงอ่ะ มาทะเลก็ต้องเล่นน้ำดิ มานั่งทำมิวสิคไรกับไอ้พัทมันวะ”
     “หุบปากไปเลย! มึงอ่ะไม่เข้าใจคนอกหักหรอก”
     “หักก็หาใหม่ว้อย เฮ่ยเป้ จับไอ้พัทโยนทะเลดิ๊”
     แล้วพวกมันก็จับพัทโยนทะเลจริงๆ แฮะ พวกเราก็เลยเฮโลกันไปเล่นน้ำ เออจริงด้วย! ผมหันไปมองต้น
     “ต้น แผลนายหายยัง จะเล่นน้ำทะเลได้ป่าว แสบป่าว?”
     “หายแล้ว เล่นได้แหละ”
     “ดี งั้นว่ายน้ำแข่งกันป่ะ?”
     “ท้า?”
     ผมเห็นต้นหันมายิ้มแบบกวนๆ ให้ผม บางเวลาต้นก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าชอบยิ้มแบบหยิ่งๆ น่าหมั่นไส้แบบนี้ แต่ไม่รู้ทำไมผมเห็นแล้วไม่โกรธ กลับอยากท้าทายต้นต่อมากกว่า
     “กล้าป่ะ ใครแพ้คืนนี้ต้องปิ้งบาร์บีคิวเสิร์ฟอีกคน”
     ว่าแล้วผมก็ไปประกาศเรื่องแข่งว่ายน้ำ พวกเรารวบรวมคนมาแข่งได้เกือบสิบคน มีนันอาสาเป็นกรรมการจับเวลาให้ ปรากฏว่าทั้งผมและต้นต่างก็ต้องแพ้ไอ้พวกแรงควายอย่างมิวนิคน่ะสิคับ แล้วใครก็ไม่รู้เอาบอลลมมาก็เลยกลายเป็นลิงชิงบอลหมู่โคตรหนุกเลย พวกเราเล่นน้ำกันไปซักพักจนกระทั่งไอ้มิวนิคปากเสียขึ้นมานั่นแหละ
     “เฮ้ย! ต้น ทำไมมึงไม่ถอดเสื้อวะ เนี่ยทีมพวกกู ไอ้เป้ ไอ้เอก ไอ้นันถอดเสื้อกันหมดแล้ว มึงอยู่ทีมผู้หญิงเหรอ”
     คือพวกเราโอน้อยออกแบ่งทีมเล่นแชร์บอลกลางทะเลกันคับ แต่ผมดันได้อยู่ทีมกับป่านแล้วก็เมย์ นนกับพัท เพราะมีผู้หญิงอยู่ในทีม พวกเราเลยไม่ถอดเสื้อ แต่อีกทีมมีแต่พวกบ้าๆ นำโดยไอ้ขี้อวดชอบเบ่งกล้ามโชว์อย่างมิวนิค มันเลยชอบถอดเสื้อโชว์ล่ำ
     “เราไม่ล่ำแบบนาย ถอดไปก็ไม่มีไรจะโชว์หรอก”
     “เฮ้ยกูสั่งให้ถอดก็ถอด ไอ้เป้ก็กุ้งแห้งยิ่งกว่ามึงยังถอดเลย ถอดเดี๋ยวนี้ ยัยเมย์จะได้เสียสมาธิ”
     “เฮ้ยพาดพิงไรกู ถึงกูจะกุ้งแห้งก็อย่างดีโลละพันเว้ย!”
     “ไอ้บ้า!”
     ไปด่าเขาแต่ก็ทำหน้าแดงลุ้นให้ต้นถอดนะยัยเมย์ เอ้ย ไม่ดิ! ผมนึกออกละว่าทำต้นมันไม่ถอด เพราะรอยสักนั่นแน่ๆ ผมลุ้นจังแฮะ ต้นจะทำยังไงนะ อ๊ะ! มิวนิคมันชิงลงมือซะแล้ว
     “เฮ้ย สมุนของข้า จับไอ้ต้นมันแก้ผ้าดิ๊!”
     “ไม่เล่นนะ ฮ่ะๆ พวกแกเราไม่เล่น อ๊า! ฮ่าๆ เฮ้ย! ไอ้บ้า ไอ้นันอย่าดึงเสื้อเรา ฮ่าๆ
     ต้นมันดิ้นใหญ่เลยคับ เพราะพวกนั้นมันใช้แผนจับจั๊กกะจี้ให้ตั้งตัวไม่ติดก่อน ผมได้แต่ภาวนาให้ต้นโชคดีเสื้อไม่ขาด ต้นโดนนันกับมิวนิคช่วยกันจับถอดเสื้อใหญ่ พอเห็นแบบนี้ผมก็คิดอยู่ดีน่ะแหละว่าต้นนี่ขาวจริงๆ
     “ก็แค่เนี๊ยะ!”
     มิวนิคจอมเถื่อนมันหมุนเสื้อต้นในมือเยาะเย้ยใหญ่เลยคับ ต้นนี่หน้าแดงไปหมดแล้ว ตอนดิ้นนี่เล่นเอาซะทรายในน้ำที่พวกเรายืนอยู่กระจายเลยอ่ะ ล้มลงน้ำไปเมื่อกี้ด้วยไม่รู้สำลักรึเปล่า
     “ไอ้บ้า! เล่นบ้าไรฮะ แค่กๆ
     ต้นไอใหญ่ ตาแดงๆ จ้องหน้ามิวนิคอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเลย
     “เอ้ยๆ ลุกขึ้นมา อย่าสำออย แค่สำลัก เร็วๆ กูอยากเอาชนะไอ้ทีมนั้นละ”
     ต้นลุกขึ้นมาได้ก็เดินไปต่อยไหล่มิวนิคเบาๆ ทีนึง ก่อนเสยผมเปียกๆ ให้ออกไปพ้นหน้าแล้วก็เดินเอาแว่นกับเสื้อไปฝากไว้ที่โอมก่อนจะวิ่งกลับมาประจำที่
     ผมนึกว่าต้นจะงอนหนีไปซะอีกอ่ะ สปิริต! ต้นอยู่เล่นต่อด้วย
     พวกเราเล่นบอลกันหนุกหนาน ซึ่งผลก็เป็นไปตามคาด ผมแพ้อีกแล้ว ทำไมพระเจ้าต้องส่งไอ้มิวนิคมาด้วยนะ ไอ้คนบ้าพลังนี่มันไม่น่ามาอยู่สายวิทย์แบบพวกผมเลยอ่ะ
     ผมก็คิดๆ อยู่นะว่าผมลืมอะไรไป ตอนที่พวกเราเล่นกันเสร็จแล้วละกำลังจะกลับบังกะโลไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านั่นแหละถึงได้นึกออก
     “เฮ้ยต้น เห็นแว๊บๆ ว่าจะถามหลายทีละ ก้นมึงอ่ะ เป็นไรวะ อย่างกับรอยสัก สักมาเหรอ?”
     นั่นไง ผมก็ว่าละว่าผมลืมอะไร! ต้นหน้าถอดสีเลยคับ เอาล่ะสิ ยังไม่ได้ใส่เสื้อด้วย เสื้อก็อยู่กับโอมบนฝั่ง ต้นจะแถว่าอะไรน้า? ตื่นเต้นๆ
     “นายเห็นด้วยเหรอ?”
     “เออ เห็นดิ”
     “ไม่มีไรหรอก”
     “มึงว่าไงนะนัน? ต้นมันตูดดำเหรอ? ฮ่าๆ”
     “ก้นนายมากกว่ามั้งที่ดำ”
     ต้นหันไปยิ้มด่ามิวนิคด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ต้นนี่ชอบด่าคนอื่นทั้งๆ ที่ทำหน้ายิ้มจริงๆ เลย
     “เฮ้ยพวกมึงมาดู ไอ้ต้นแม่งสักด้วยเว้ย ที่ก้นอ่ะ”
     นันมันว่าพร้อมกับดึงกางเกงต้นลง ต้นปัดออกใหญ่เลย
     “เฮ้ย ทำบ้าไร!”
     “เอ้ยๆ ขอพวกกูดูหน่อย”
     พวกมันอย่างกับชายโฉดหื่นกระหายรุมลวนลามต้นเลยคับ ไอ้เป้กับนันช่วยกันจับแขนต้นไว้ ส่วนมิวนิคนี่ก็เกือบจะถอดกางเกงต้นแล้ว กางเกงเซิร์ฟของต้นที่เปียกน้ำผมว่ามันก็อยู่ต่ำมากแล้วนะ แต่ตอนนี้กางเกงของต้นโดนดึงลงไปจนเห็นครึ่งก้นของต้นอยู่แว๊บๆ แล้วอ่ะ ผมเห็นพวกผู้หญิงหน้าแดงกันใหญ่เลย
     “เฮ้ย ลายแม่งเจ๋งว่ะ!”
     “ต้นเฟี้ยวว่ะ แอบสักด้วย”
     “เอ้ย แปลว่าไรวะ CT?”
     พวกมันถกกางเกงต้นดูแล้ววิจารณ์กันแบบชิดใกล้ ต้นที่โดนฝูงแมงหื่นกอดล็อกตัวไว้แถมกางเกงยังถูกถลกลงไปเกือบครึ่งก้นหน้าแดงสุดๆ ผมเห็นต้นเม้มปากแล้วก็ตะคอกพวกบ้าซะเสียงดัง
     “ดูพอยังพวกนาย ปล่อยได้แล้ว!”
     อ้าว ต้นโกรธซะแล้ว เสียงเข้มเลย
     “เล่นบ้าอะไร! กางเกงเราจะขาดอยู่แล้ว”
     “โห ขอดูแค่นี้ทำหวง”
     มิวนิคพูดแล้วก็ปล่อยต้น
     “อยากดูก็บอกดีๆ ดิ บ้าเอ้ย!”
     “อ้าว ถ้ากูขอดูดีๆ แล้วมึงจะถอดให้กูดูเหรอ เห็นสะบัดสะบิ้งอย่างกับผู้หญิง”
     “เออ ถ้าขอดูดีๆ เราก็จะถอดให้ เราไม่ชอบโดนดึงแบบนี้นะ เสื้อผ้ายืดหมด”
     ต้นหน้ามุ่ยเลยคับ แต่พวกมิวนิคนี่หัวเราะเยาะใหญ่เลย
     “ไม่ขำนะ แถมล้มในน้ำมันแสบคอจะตาย ถ้าขอดูดีๆ เราก็ถอดให้แล้ว ไม่เชื่อถามไปป์ดูดิ”
     อ้าวทำไมโยนมาที่ผมล่ะ แต่ไม่ได้หรอกคับ ผมต้องช่วยเพื่อน
     “อื้อ ต้นเคยให้พวกเราดูแล้ว”
     “จริงดิวะ แล้ว CT หมายถึงอะไร?”
     เสือกต่อทันทีเลยนะไอ้พัท ผมหันไปมองต้น เอาล่ะสิ คราวนี้ต้นจะตอบว่าไง ผมเห็นต้นยักไหล่ก่อนจะทำสีหน้านิ่งๆ แล้วตอบหน้าตายว่า
     “ก็ไม่มีไร ชื่อแฟนกับชื่อเรา พอใจยัง?”
     “โห ต้นแม่งมีแฟนอ่ะ อุบเงียบเลยนะมึง”
     “เฮ่ยพัท เงียบๆ แบบไอ้ต้นมันมีแฟนด้วยว่ะ แต่มึงดันโดนหญิงทิ้ง!”
     “เฮ้ย เมย์! มึงได้ยินมั้ย ไอ้ต้นมีแฟนแล้วโว้ยยยยยยยยย”
     ปากเสียทันทีเลยนะมิวนิค พวกเรารุมยิงถามคำถามใส่ต้นใหญ่เลย แต่ไม่ทันซะแล้ว ต้นเดินหนีไปแล้วแฮะ ผมเห็นต้นเดินไปทางนั้นแล้วโอมกับแก้วก็ทักอะไรไม่รู้ พอพวกเราเดินกลับไปหน้าบ้าน ก็เกิดสงครามย่อมๆ ในการแย่งห้องน้ำคับ แต่ต้นหายไปไหนผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



 :m13: ตื่นเต้นแทนน้องต้น ไปทะเลกับเพื่อนในภาค โดนแกล้งด้วย น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#26/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 27-10-2014 00:05:16
เย้ มาแล้ววว กำลังรออยู่เลยย
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#26/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 27-10-2014 04:12:13
ไปป์

     กว่าผมจะแย่งห้องน้ำได้เกือบตายแน่ะ ไอ้พวกนั้นบางคนก็อาบน้ำกันนานโคตร ผมก็เลยหนีไปรอคิวห้องน้ำในห้องนอนของพวกรุ่นพี่ ตรงนี้คนมาต่อคิวกันน้อยกว่า ฮ่าๆ ฉลาดจริงๆ เลยผมเนี่ย
     พอผมลงมาเห็นบางคนข้างล่างเริ่มปิ้งบาร์บีคิวกันแล้ว โอมกับแก้วช่วยกันย่างปูกันอยู่ ส่วนเมย์กำลังตีกับมิวนิค อ้าว? ผมว่าแก๊งค์ผมหายไปไหนสองคนนะ
     “ต้นอ่ะโอม?”
     “อ๋อ พึ่งขึ้นไปอาบน้ำเมื่อกี้เอง”
     “เหรอ ละป่านอ่ะหายไปไหน”
     “อยู่ข้างบนมั้ง ทำไรอยู่ไม่รู้”
     ผมไปหาต้นหน่อยดีกว่า ไม่รู้เป็นไงบ้าง จะหายโกรธพวกมิวนิครึยังน้า? เสียงอาบน้ำดังมาจากห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ที่พวกผมพักอยู่ กลิ่นหอมหวานๆ แบบนี้ ต้นแน่ๆ คับ เพราะเป็นกลิ่นแบบเดียวกับที่ผมได้จากตัวของต้นเวลาอยู่ใกล้ๆ กัน ตอนแรกผมนึกว่าน้ำหอมซะอีก กลิ่นสบู่หรอกเหรอเนี่ย หอมโคตรเลย ต้นอาบน้ำอยู่ งั้นผมแวะไปหาป่านดีกว่า
     ห้องของพวกผู้หญิงอยู่ชั้นสอง แต่แก้วกับเมย์อยู่ข้างล่างแล้ว เพราะงั้นคงเหลือแต่ป่านแหละครับ แต่ทำไมมันเงียบจัง
     “ดี ทำไรอยู่อ่ะ?”
     ป่านนั่งเช็ดผมอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊ค รอบๆ ตัวบนเตียงมีกล้องวางเกลื่อนเลยแฮะ
     “อ้าวไปป์ ข้างล่างเค้าเริ่มกินกันยังอ่ะ?”
     “ยังเลย พึ่งเริ่มย่าง เตาพึ่งติดอ่ะ ละนี่ทำไรอยู่อ่ะ?”
     “แบคอัพรูปอ่ะสิ กลัวเมมไม่พอ คืนนี้ยังอีกยาวไกล”
     “ของใครบ้างอ่า?”
     “ของฉัน ของเมย์ แล้วก็ของต้นไง”
     “จะเสร็จยัง?”
     “ยัง เหลือของเมย์อีกสองนาทีแล้วก็ของต้น”
     “โห! เมย์มันถ่ายอะไรเยอะแยะ”
     ผมดูรูปที่อยู่ในกล้องเมย์อย่างสนุกสนาน มีวิจารณ์บ้างนิดหน่อย และแล้วก็ถึงคิวกล้องของต้น
     “รูปต้นน้อยจังแฮะ”
     “ก็มันโดนพวกแกแกล้งแบบนั้นแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปถ่ายรูปวะ”
     “เอ้ย! มีคลิปไรด้วยอ่ะ”
     เพราะป่านไม่ได้ตั้งไฟล์ให้โชว์ไอค่อนแบบเห็นรูปพวกเราเลยเห็นเป็นแค่ไฟล์นามสกุลคลิป
     “รูปตอนต้นเล่นกีต้าร์ป่ะวะ คงมีใครอัดไว้มั้ง?”
     ป่านพูดแบบนั้นแล้วก็กดดูคลิปที่ว่า แต่ภาพที่พวกเราเห็นทำให้พวกเราอึ้งกันไปนิดหน่อย
     “ฉันว่านี่ไม่ใช่ภาพตอนเที่ยวทะเลแล้วแหละแก”
     ป่านพูดอ่อยๆ เพราะภาพที่พวกเราเห็นเป็นภาพของต้นที่ใส่ผ้ากันเปื้อนยืนหันหลังอยู่ในครัว
     “เอ้ยๆ ขอดูหน่อยดิ ต้นใส่ผ้ากันเปื้อน ยิ้มให้กล้องด้วยอ่ะ”
     “ถ่ายอะไรอยู่ได้ครับพี่ชัช”
     “อ้าว ก็ลองกล้องไง ไม่ลองจะรู้เหรอครับว่าใช้ได้จริงป่าว”
     “ละถ้ามันใช้ไม่ได้จะซื้อมาทำไมตั้งแต่ทีแรกล่ะครับ”

     ต้นพูดแบบนั้นพร้อมกับทำหน้ายิ้มๆ ผมไม่เคยเห็นต้นยิ้มแบบนี้มาก่อนเลยแฮะ
     “ไม่เอาครับ หยุดถ่ายได้แล้ว”
     ต้นพูดเดินมาที่หน้ากล้องแล้วเอามือปิดที่เลนส์
     “เอ้ย อย่าโดนเลนส์ดิ เดี๋ยวมัวหมด”
     เสียงผู้ชายอีกคนในคลิปพูดขึ้นพร้อมๆ กับภาพในกล้องวูบไปมา
     “หยุดถ่ายเลยครับ”
     “ไม่หยุดแล้วจะทำไมคร้าบ”
     “อุ่ย! พี่ชัช เล่นบ้าไรครับ!”

     พวกเราเห็นภาพของต้นในมุมใกล้ๆ คับ เอ่อ... ผมว่าสถานการณ์แบบนี้เหมือนต้นนั่งอยู่บนตักของคนที่ถ่ายเลยครับ เพราะเสียงก็ใกล้กันมาก แล้วพวกเราก็เห็นจริงๆ คับ ภาพแว๊บๆ ของขาผู้ชายที่ใส่กางเกงขายาวสีออกฟ้าๆ แล้วก็ก้นของต้นที่นั่งอยู่บนนั้น เพราะผมจำกางเกงของต้นได้
     “เลิกเล่นได้แล้วครับ คืนกล้องผมมา”
     “พี่หิวอ่ะ”

     ผมว่าสถานการณ์มันชักแปลกๆ แล้วแฮะ... เสียงของผู้ชายในคลิปแปร่งมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมรู้แน่แล้วล่ะว่าคนในคลิปนี้แฟนต้นแน่นอน
     “มาหิวอะไรตอนนี้ครับ”
     “นะ ขอพี่กินหน่อยน่า”
     “ลามกแล้วครับ ล้วงอะไรผมไม่ทราบ”
     “ก็พี่หิวน้ำ หึๆ”

     เสียงสนทนาหายไป แต่พวกเราได้ยินเสียงคนจูบกันแทน มีเสียงคนครางทุ้มต่ำๆ ในคลิปด้วย ภาพในกล้องไม่เห็นอะไรหรอกคับ เหมือนอุ้งมือของคนถ่ายจะกำมันไว้อยู่
     ผมเหลือบไปมองความยาวคลิป ราวๆ ยี่สิบเจ็ดนาทีแน่ะ!
     “ถ้าจะทานก็ทานดีๆ สิครับ คืนกล้องผมมาได้แล้ว เดี๋ยวตกเจ๊ง”
     “งั้น พี่ทานบนโต๊ะนี้เลยได้ป่ะ? โคตรหิวเลยครับที่รัก”

     ภาพในคลิปกลายเป็นภาพของวิวในห้องแทน มุมของกล้องทำให้พวกเราเดาว่ามันคงถูกวางไว้บนโต๊ะอาหารแน่ๆ
     เสียงในคลิปเป็นเสียงแบบที่ผมไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดได้
     ผมหันไปมองหน้าป่านเพื่อขอความเห็น
     “นายเห็นเหมือนที่เราเห็นป่าว P1”
     ผมเห็นป่านหันมาทางผมด้วยหน้าที่ซีดพอๆ กัน
     “ฉันก็เห็นเหมือนที่แกเห็นแหละ ไอไปป์ P2”
     แล้วป่านก็เอื้อมมือไปกดปุ่ม Play X2  ภาพในกล้องสั่นไหวในระดับรุนแรงเกินห้าริกเตอร์แน่ๆ ผมไม่อยากจะเดาว่าต้นกับแฟนทำอะไรกันบนโต๊ะเลยโต๊ะมันถึงได้สั่นจนภาพในกล้องเบลอกระตุกไปกระตุกมาแบบนั้น แต่เสียงร้องครวญครางดังลั่นกับเสียงคำรามทุ้มต่ำที่แทรกออกมาเป็นระยะๆ ก็ทำให้ผมอายทั้งๆ ที่ผมเป็นผู้ชาย
     คือ... ผมไม่รู้มาก่อนจริงๆ นะว่าต้นเป็นพวกแหกปากแบบนี้ คือนึกว่าต้นจะเป็นพวกเรียบร้อยหงิมๆ ติ๋มๆ ซะอีก ถึงผมจะพอเดาได้ว่าต้นเป็นเกย์ก็เถอะ แต่... เสียงต้นในคลิปมันช่าง...
     “อ๊า พี่ชัช ไม่ไหวแล้วครับ อื้อ... ฮ้า”
     เสียงที่ปรับเป็นปกติทำให้ผมหันไปมองป่าน
     “มันเหลืออีกนิดหน่อยน่ะแก ฉันนึกว่าหมดแล้ว”
     เสียงของป่านนิ่งมากครับ แต่หน้านี่แดงเถือกแล้ว
     ผมไม่อยากมานั่งฟังเสียงของเพื่อนตอนทำกิจกรรมลับๆ แบบนี้เลย ต้นคนนั้นเนี่ยนะ? ต้นคนที่บอกให้ผมล้างมือหลังเข้าห้องน้ำเนี่ยนะ!?!
     “พี่ชัช อ๊า เบาๆ อื้ม เบาครับ”
     “เบาของเราแปลว่าแรงๆ ใช่มั้ยครับ”
     “อ๊ะ”

     ทันทีที่ผู้ชายคนนั้นพูดจบต้นก็ร้องสวนออกมาลั่นเลย ผมว่าเสียงของผู้ชายคนนั้นฟังดูชั่วร้ายมากๆ มันหื่นที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา ขนาดหนังโป๊ที่ผมเคยดูมายังไม่มีคนเสียงโรคจิตขนาดนี้ หรือเป็นเพราะว่าพวกเราได้ยินแต่เสียงกันแน่ มันถึงได้รู้สึกเขินมากแบบนี้
     “ชอบแบบเน้นๆ แบบนี้ใช่มั้ยครับ ต้นของพี่น่ารักที่สุด”
     “ฮ่า อื้อ”

     ต้นแหกปากครางไม่เป็นภาษาเลยครับ ผมเขินอ่ะ ป่านไม่เขินแต่ผมเขิน!
     “อ๊า พี่ชัช ผม”
     “แปปนึงนะครับ รอพี่ก่อนนะ”
     “อื้อ”

     แล้วก็มีเสียงเหมือนคนจูบกัน เสียงคนหอบหายใจใกล้กันมากๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อ แล้วก็เป็นภาพเหมือนกล้องโดนกระแทก เนื่องจากมุมภาพในกล้องเปลี่ยน แถมระดับความสั่นของภาพยังกระตุกถี่ๆ มากขึ้นเยอะเลย
     ผมงี้แทบต้องปิดหูตัวเองแล้ว ทนไม่ไหวละ จนในท้ายที่สุดก็มีเสียงต้นร้องยาวๆ ออกมาทีนึงแล้วก็เป็นเสียงหัวเราะของผู้ชายอีกคน
     “อร่อยมากครับ เมียพี่”
     ชัดแล้วครับ ผมรู้แล้วว่าแฟนต้นชื่ออะไร
     ผมได้ยินเหมือนเสียงตีดังเพี๊ยะเบาๆ ไปทีนึง
     “พี่ชัชบ้า ทำไมชอบทำในครัวจังครับ สกปรกอ่ะ”
     “ในครัวที่ไหน บนโต๊ะกินข้าวหรอก”
     “นั่นแหละครับ สกปรก ผมขี้เกียจเช็ด”
     “ก็เห็นใช้พี่ทุกทีอ่ะ โอ๋ๆ ไม่เอาน่า จะได้ลองดูยังไงครับว่าโต๊ะที่ซื้อมาแข็งแรงใช้ดีเปล่า หึๆ”
     “บ้าแล้วครับ! ลองแบบนี้ผมไม่เอาด้วยหรอก อ๊ะ! อย่าพึ่งเอาออกนะครับ”
     “หือ จะต่อเหรอต้น?”
     “บ้า! พี่ชัชไม่ยอมใส่ถุงอ่ะ เลอะหมด คว้าทิชชู่มาให้ผมก่อนเลยครับ”
     “คร้าบๆ”

     แล้วผมก็เห็นมือของผู้ชายคนนึงเอื้อมผ่านกล้องไป แต่แล้วก็กลับมาคว้าที่กล้อง ภาพที่เห็นทำให้เรารู้ว่าเขาพลิกกล้องไปมา แต่ถึงอย่างนั้นเราก็เห็นหน้าเขาไม่ชัดหรอก
     “เฮ้ยต้น กล้องมันยังอัดอยู่เลยว่ะ พี่ลืมปิด”
     “พี่ชัช!”

     เสียงต้นตกใจมาก ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าต้นจะตกใจเพิ่มอีกแค่ไหนถ้ารู้ว่าพวกเรา... เห็นคลิปนี้แล้วเรียบร้อย
     “น่า ขอโทษนะครับ ว่าแต่ไม่ดีเหรอ อัดคลิปไว้ดูเล่นตอนแก่ไง ฮ่าๆ”
     ผมได้ยินพูดผู้ชายคนนั้นพูดแบบนั้นแล้วก็เห็นภาพของต้นเพื่อนของผม ผู้ชายคนนั้นคว้ากล้องไปถ่ายต้นต่อ
     ผมเห็นภาพของต้นที่ถูกถลกเสื้อยืดขึ้นไปถึงคอ ผมเห็นหน้าอกต้นแว๊บๆ เลยแหละ แล้วผมก็เห็นต้นนอนหน้าแดงยิ้มให้กับคนถือกล้อง สีหน้าของต้นดูเหนื่อยหอบแต่ก็ดูเซ็กซี่สุดๆ ต่างกับต้นที่พวกเราเห็นตามปกติที่ชอบทำแต่หน้านิ่งๆ ตลอดเวลา สายตาของต้นฉ่ำไปด้วยอารมณ์จนผมรู้สึกได้ถึงความรักที่ต้นมีให้กับผู้ชายในคลิป แล้วต้นก็เอามือเอื้อมมาปิดเลนส์ คำพูดสุดท้ายที่ผมได้ยินในคลิปคือ
     “บ้า! พอได้แล้วครับพี่ชัช ลบให้ผมด้วยเลยนะ”
     มันดังขึ้นพร้อมๆ กันกับเสียงต้นแบบตัวจริงเสียงจริง สดๆ ที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง
     “พวกนายทำไรกันอยู่ ไม่ลงไปทานเหรอ?”
     ผมกับป่านสะดุ้งสุดตัวเลย ป่านรีบพับโน๊ตบุ๊คอย่างตกใจจนทำฝามันกระแทกกันเสียงดัง
     “พะ พะ พวกเรา พวกเราทำไรนะป่าน!”
     ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากป่านเพราะทำอะไรไม่ถูก แต่ป่านดันเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมตอบอะไรเลย ถ้าป่านจะดูแล้วมาเขินไอ้ต้นมันแบบนี้แล้วมันจะดูทำไมตั้งแต่ทีแรกคร้าบ ผมอ่ะอยากร้องไห้จริงๆ
     “เป็นไรกัน?”
     ต้นตัวจริงที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเรานี่ดูนิ่งมาก ใบหน้าที่มักเรียบเฉยไม่ค่อยแสดงอารมณ์อะไรนอกจากทำหน้าบึ้งกับหงุดหงิด ตอนนี้กำลังแสดงสีหน้างงๆ
     “พวกเรากำลังก็อปรูปลงคอมกันอยู่ เดี๋ยวเรากับป่านลงไปเอง นายไปก่อนก็ได้”
     “อืม อย่าช้าล่ะ เดี๋ยวหมดละจะอดทาน เราตักแบ่งไว้ให้แล้วนิดหน่อยก็จริง แต่อยากได้ไรเพิ่มนายต้องลงไปเอาเองนะ”
     แล้วต้นก็ออกไป
     “เอ้ย! ทำไมนายไม่พูดไรบ้างอ่ะป่าน?”
     “ฉันพูดไม่ออก เขินต้นมัน”
     “แล้วนายจะดูทำไม?”
     “ก็อยากรู้อ่ะ”
     พวกเราสองคนเงียบกันไปพักนึงก่อนที่ผมจะถามป่านออกมา
     “นายว่า พวกเราควรทำไงกันดีอ่ะป่าน ต้นต้องไม่รู้แน่ๆ ว่ามีคลิปอยู่ในกล้อง ลบเลยดีป่ะ?”
     “แล้วถ้าเกิดแฟนมันถ่ายเก็บไว้จริงๆ อ่ะ?”
     “แต่ต้นเหมือนไม่รู้ตัวเลยนะ ถ้าเกิดมีใครมาเล่นกล้องมันอ่ะ?”
     แต่แล้วป่านก็ทำเสียงสูงใส่ผม
     “แก๊ ... ฉันพึ่งนึกไรได้!”
     “อะไรเหรอ?”
     “เมื่อกี้ไปนนมันก็มาขอรูปจากกล้องฉันไปเหมือนกัน ตอนฉันจะอาบน้ำ ฉันก็เลยบอกว่าถ้ามันอยากได้กล้องไหนก็ให้มันหยิบไปก็อปเอาเอง”
     “เวรแล้วไง ป่าน!”
     “ทำไงดีวะแก ต้นมันต้อง...”
     “สงสัยคงต้องไปบอกต้นแล้วอ่ะ...”
     “เออ รีบไปกัน”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ผมเดินออกมาจากห้องของพวกผู้หญิงด้วยความรู้สึกแปลกๆ ไปป์กับป่านสองคนนั้นดูแปลกไปมากๆ แต่ช่างเขาเถอะครับ เพราะผมไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านซักเท่าไหร่
     “ต้น ถ่านมันดับอ่ะ”
     “แล้วทำไงให้ถ่านดับ”
     “ก็มิวนิคอ่ะสิ เราบอกมันแล้วให้สะเด็ดน้ำปูก่อน มันไม่ฟังเอาขึ้นเลย น้ำเลยหยดใส่จนถ่านชื้นดับหมด”
     เมย์ฟ้องผมเป็นฉากๆ เลยครับ ผมไม่อยู่แค่แปปเดียวเองนะ เป็นเรื่องซะละ ผมจิกสายตาเย็นๆ ไปทางมิวนิคทันที
     “ก็กูหิวอ่ะ บอกให้ปิ้งเยอะๆ คนตั้งเยอะ ปิ้งได้ทีละสองตัว!”
     แหกตาดูเตาบาร์บีคิวที่ยืมมาได้หน่อยเถอะมิวนิค! ใจจริงผมอยากจะตอบกลับไปแบบนี้นะครับ ผมยังไม่ได้กินเลยซักตัว แถมยังต้องมายืนปิ้งให้พวกมันเนี่ย!
     “ก็ทานอย่างอื่นไปก่อนสิครับ อย่ายัดทะนานเยอะนัก เหลือให้เพื่อนคนอื่นเขาบ้าง”
     “ต้นปากเสียว่ะ”
     “จะทานไม่ทานครับ?”
     ผมถือไม้ที่คีบถ่านหันไปหามิวนิคทันที
     “กินคร๊าบ”
     “ก็แค่นั้น”
     ยังไงซะไอ้พวกนี้ก็ต้องพึ่งผมครับ ทั้งๆ ที่มีคนสูบบุหรี่ เอ่อ... ก็รุ่นพี่ กับเพื่อนบางคนนั่นแหละครับ แต่กลับไม่มีใครจุดถ่านเป็น อย่างดีก็แค่เผากระดาษให้ติดไฟ ติดถ่านแดงๆ ได้แค่ก้อนสองก้อน แต่ทำให้ถ่านทั้งกองติดไปไม่ได้ แล้วก็ดันอยากทำบาร์บีคิว ถึงที่บ้านพักจะมีเตาปิ้งให้ แต่ก็ไม่ได้มีคนมายืนจุดเตาถ่านยืนปิ้งให้หรอกนะครับ ก็ผมนี่แหละที่ต้องเป็นคนทำ
     จะจุดถ่านให้ติดทั้งกองใจร้อนไม่ได้หรอกครับ ใช่ว่าอาศัยเปลวไฟแรงๆ โหมเข้าไปแล้วไฟมันจะติด ถ่านไม่ระอุนะครับถ้าทำแบบนั้น ต้องค่อยๆ เริ่มจากจุดเชื้อให้ไปติดกับถ่านชิ้นเล็กๆ พัดให้ลมมันเข้า พอได้ที่แล้วถึงค่อยๆ เติมถ่านก้อนใหญ่ๆ ต่างหาก ซึ่งคนใจร้อนมักจะอาศัยกองถ่านสุมๆ จนลมไม่เดิน แล้วถ่านมันก็จะติดไฟยากครับ ผมบอกแล้วว่าการจุดถ่านเนี่ยต้องใจเย็นๆ
     ถามว่าผมจุดถ่านเป็นได้ยังไงน่ะเหรอครับ เฮอะ! ไปขอบคุณหลักสูตรลูกสะใภ้คุณนายรัตนาแม่ของพี่ชัชเถอะครับ ปีที่ผ่านมาผมถูกลากกลับบ้านนอกของพี่ชัชที่ลำปางอีกแล้วครับ และแน่นอน ผมถูก“สอน”มาหลายอย่างเลยแหละครับ หนึ่งในนั้นก็คือการที่ต้องนั่งจุดเตาถ่านก่อไฟจี่แอ็บแบบบ้านนอกของแท้! อาหารอะไรก็ไม่รู้ ให้ตายเหอะ! ดีนะครับที่ผมเป็นผู้ชายไม่อย่างนั้นคุณป้าแกคงสอนผมนุ่งผ้าถุงห่มสไบรำผีปู่ย่าไปแล้ว
     “ต้นเก่งจัง ทำไรก็เป็นไปหมดเลย”
     เมย์ยืนชมผมอยู่ข้างๆ ผมก็เลยหันไปยิ้มให้เมย์
     “ละป่านกับไปป์ละ สองคนนั้นไปไหน”
     “ขึ้นไปตามแล้ว แต่กำลังยุ่งอยู่มั้ง ไม่รู้ทำไรกันอยู่”
     เมย์รับคำผมไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมก็ยืนร้อนอยู่หน้าเตาทำบาบีคิวปิ้งย่างซีฟูดไปเรื่อยแหละครับ จนกระทั่งไปป์มาสะกิดผม
     “ต้นๆ”
     “มีอะไรเหรอ?”
     “เอ่อ ขอคุยด้วยหน่อยดิ”
     “จะเอาไรเหรอ?”
     “เปล่าๆ คุยเรื่องอื่นอ่ะ”
     เสียงของไปป์ฟังดูแปลกๆ พยักเพยิดให้ผมเดินตามไปยังไงชอบกล ผมตัดสินใจวางมือจากการเป็นพ่อครัวหน้าเตาแล้วฝากให้แก้วช่วยดูแลแทน
     ไปป์ลากผมเข้าไปในบ้านแล้วตรงไปยังห้องนอนของพวกผู้หญิง ป่านก็รออยู่ในนั้นด้วย พอดูดีๆ ว่าไม่มีใครอยู่แล้ว ป่านก็ทำท่าพิลึกๆ สะกิดให้ไปป์เป็นคนพูด ผมไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูแล้วบรรยากาศไม่ดีเลยครับ ไปป์ดูอึกอักน้ำท่วมปากยังไงพิกล
     “มีอะไรเหรอ ลากเรามาถึงนี่ พวกนายไม่ลงไปทานอาหารเย็นเหรอ?”
     “เอ่อ ต้น ป่านเขาอยากคืนกล้องให้นาย”
     “อ้าว ก็อปรูปเสร็จแล้วเหรอ”
     ผมรับกล้องมาจากมือไปป์ไม่ได้คิดอะไร ตั้งใจว่าจะเอาไปเก็บก่อน แต่ประโยคถัดมาของไปป์นี่สิครับ ทำเอาผมชะงักไปนิดหน่อย
     “อืม ... นา... นายคงไม่รู้สินะว่าในนั้นมีภาพที่นายถ่ายก่อนที่จะมาเที่ยวนี่ด้วย”
     “เหรอ?”
     กล้องผมก็พึ่งจะซื้อใหม่นี่นา? ตอนแรกผมยังไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะคิดตามไม่ทัน ก็แค่งงๆ นิดหน่อย แต่ว่าพอตั้งสติได้แล้วมาลองนึกดูดีๆ  ผมชาวาบไปทั้งตัวเลยครับ ผมเดาได้แล้วว่าทำไมสองคนนี้ถึงได้ทำตัวผิดปกติกับผมแบบนี้
     “นายเห็นอะไรบ้าง?”
     ผมหลุดปากออกไปด้วยเสียงที่แทบเป็นโทนตะคอกหากแต่มันกลับเบาหวิวเพราะก้อนอะไรบางอย่างที่จุกขึ้นมาในลำคอ!
     “เอ้ย! พวกเราไม่เห็นอะไรนะ มันไม่มีภาพหรอกมีแต่เสียง!”
     “ไอ้บ้าไปป์ แกจะไปบอกต้นมันทำไม!”
     “พวกนายดู?”
     เสียงของผมเบาแทบไม่ต่างอะไรกับการกระซิบ ผมแทบล้มทั้งยืน เวลาดารามีข่าวภาพหลุดมันรู้สึกแบบนี้นี่เองครับ อย่างกับพื้นที่เรายืนอยู่มันหายไปในพริบตา!
     หมดกัน พวกเขาเห็น ผม... ผมพูดอะไรไม่ออกรู้แต่ว่าตอนนี้ผมโกรธพี่ชัชมากๆ อยากกลับไปตบซักสองสามทีครับ ผมบอกพี่ชัชแล้วแท้ๆ ว่าให้ลบออก พี่ชัชต้องลืมแน่ๆ!
     ผมพยายามแบกหน้ากากไว้เต็มที่ หวังว่าสีหน้าผมคงจะดูดีพอ หน้ากากใบที่หนาที่สุดถูกเรียกขึ้นมาสวมใส่กลบความอายของผมครับ ถึงผมจะไม่อายที่ผมเป็นเกย์ แต่ผมไม่ใช่พวกโรคจิตถึงจะได้ชอบโชว์ฉากอย่างว่าของตัวเองให้ใครดู!
     “ขอโทษเราไม่ได้ตั้งใจ เรานึกว่าเป็นคลิปที่นายเล่นกีต้าร์เมื่อตอนกลางวันกับพัท”
     ป่านรีบแก้ตัวกับผมทันที คงกลัวว่าผมจะโกรธมั้งครับ ผมไม่โกรธหรอก ถ้าจะมีใครที่ผมโกรธมากที่สุดก็ต้องเป็นแฟนงี่เง่าของผมนั่นแหละ!
     “ช่างเถอะ มันไม่สำคัญอะไรหรอก ขอบคุณพวกนายมากนะที่บอกให้เรารู้ตัว จะได้ลบมันทิ้งซะ”
     “งั้นตกลงนายเป็นเกย์จริงๆ ใช่ป่ะ? คนในคลิปนั่นอ่ะ แฟนนายใช่มั้ย?”
     “ไอ้ไปป์!”
     ทันทีที่ผมบอกว่าไม่เป็นไรจบประโยค ไปป์ก็แทรกขึ้นอย่างไม่ดูกาลเทศะ ส่งผลให้ป่านตบหัวไปป์ไปเบาๆ ทีนึง ผมว่ายังน้อยไปนะครับ จะมาถามอะไรเอาตอนนี้ ดูสีหน้าผมบ้างเถอะ! ถึงผมจะไม่เห็นหน้าตัวเองในกระจกแต่มันต้องแดงมากแน่ๆ ผมร้อนซู่ไปถึงใบหูเลยครับ
     ถามมาได้ว่าแฟนรึเปล่า? ถ้าไม่ใช่แฟนแล้วคนข้างบ้านรึยังไงครับ ผมไม่ได้มั่วพอที่จะทำอะไรแบบนั้นกับใครก็ได้นะ! ถึงพี่ชัชจะเคยเป็นพี่ชายห้องข้างๆ ของผมมาก่อนที่เราจะอยู่ด้วยกันก็เถอะ
     “ไหนว่าไม่เห็นไง”
     “ก็ไม่เห็นไง ได้ยินแต่เสียง เห็นนายแฟนนายไม่ชัดหรอก แต่ได้ยินเสียงนายร้องชัดมากๆ เห็นหน้านายด้วย”
     คำพูดตรงๆ ของไปป์ทำให้ผมอายมากยิ่งขึ้น ผมไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดีครับ บางครั้งความซื่อของไปป์ที่ไม่มีพิษมีภัยก็มีอำนาจทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นอย่างร้ายกาจ
     “ขอบคุณนะ แต่ทีหลังไม่ต้องบรรยายขนาดนั้นก็ได้ เราก็อายเป็นนะไปป์”
     “ต้นนี่ขี้อายจริงๆ ด้วยแฮะ เหมือนที่เพื่อนต้นบอกเลย”
     “ช่างเถอะ มีเรื่องแค่นี้ใช่มั้ยเราขอตัวก่อน”
     ผมไม่ไหวแล้วครับ ถ้าตัวเองมุดดินหนีได้คงอยากจะมุดหายไปตรงนี้เลย อายจนแทบเอาหน้าแทรกแผ่นดิน ผมอยากจะหนีไปตั้งสติตัวเองซักพักก่อน ไม่งั้นผมสู้หน้าสองคนนี้ไม่ไหวแน่ๆ ดีนะครับที่เป็นป่านกับไปป์ ถ้าเป็นคนอื่นคงเรื่องยุ่งมากกว่านี้
     แต่แล้วเสียงของป่านก็ดับความหวังผม
     “เอ่อ... ต้น คือเรายังมีเรื่องจะบอกอีกเรื่องนึงก่อน”
     “มีอะไรอีกเหรอ?”
     ผมตอบพร้อมกับเสมองหัวแม่โป้งตัวเองบนพื้น ผมไม่กล้าสู้หน้าสบตาสองคนนี้หรอกครับ แม้จะรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาอย่างมุ่งมั่นของไปป์ก็ตาม
     “คือ ก่อนหน้านี้อ่ะ เราไม่แน่ใจว่า... คือเมื่อกี้นนมันก็มาขอเซฟรูปไปเหมือนกัน เราบอกว่าอยากได้กล้องไหนก็หยิบไป คือเราไม่แน่ใจว่ามันจะเอาไฟล์ในกล้องแกไปด้วยมั้ย?”
     ผมอยากจะหลุดคำสบถแรงๆ อะไรก็ได้มาซักคำ อยากจะกรีดร้องอะไรก็ได้ออกมาซักประโยค ผม.... แต่ทำไมผมรู้สึกหน้ามืดแบบนี้นะ
     “เฮ้ย! ต้นๆ ระวังๆ”
     “ทำใจดีไว้นะต้น!”
     “ไอ้ไปป์! ต้นมันยังไม่ตาย มันแค่หน้ามืด!”
     2P คู่หูตัวป่วนช่วยกันพยุงผมไปนั่งบนเตียง ป่านรีบไปค้นหายาดมมาให้ผม แต่ผมรู้สึกแย่มากๆ ครับ พอๆ กับตอนที่ผมโดนประจานในห้องเรียนคราวก่อนเลย แต่ต่างกันตรงที่ว่าคราวนี้มันน่าอับอายกว่าและไม่ได้ดราม่าแบบคราวนั้น มิหนำซ้ำ ตัวผมยังไม่ได้เป็นลมขาดสติไปเลยต้องมานั่งมีสติรับรู้ความอับอายที่เกิดขึ้น
     ผมพยายามคิดทบทวนดูว่าผมควรจะทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรก ผมพยายามนึกถึงนน ผมคิดหาข้อแก้ตัว สมมุติเหตุการณ์ต่างๆ นานา หาสมมุติฐานที่จะเกิดขึ้น แต่นึกอะไรไม่ออกเลยครับ นึกได้แต่... คำด่าชั่วร้ายที่ผมอยากด่าพี่ชัช! พี่ชัชบ้า ทำแบบนี้ได้ยังไง! พี่ชัชงี่เง่า!
     “แกใจเย็นๆ นะ นนมันอาจจะแค่ก็อปไปเฉยๆ แล้วยังไม่ได้ดูก็ได้ ไม่ก็มันอาจจะไม่ได้เอาไฟล์จากกล้องแกไปเลยก็ได้นะ”
     ป่านพยายามปลอบใจผม ผมเองก็พยายามคิดในแง่ดี พอนั่งตั้งสติได้ซักพัก ผมก็รู้สึกดีขึ้น ผมขอตัวกับสองคนนั้น
     “แกจะไปไหนอ่ะ?”
     “ไปคุยกับนน”
     “เอ้ย! เอาจริงเหรอแก?”
     “ก็คงดีกว่าให้ใครต่อใครมาดูล่ะ”
     ดูป่านเกร็งๆ คงเพราะตอนนี้ผมทำสีหน้าแบบอยากจะฆ่าคนเต็มที่มั้งครับ
     “นายอายที่เป็นเกย์ขนาดนั้นเลยเหรอต้น?”
     “เป็นเกย์กับถูกเห็นเวลาส่วนตัวมันคนละเรื่องกันนะไปป์ เราไม่ใช่ดาราหนังโป๊ เราไม่อายที่เป็นเกย์ แต่เราอายถ้าจะมีใครมาเห็นภาพไม่เหมาะสมของเราแบบนั้น แล้วมันก็เป็นเรื่องระหว่างคนสองคนด้วย ไม่ใช่เรื่องที่ควรเอาไปเปิดเผยให้คนนอกเข้ามายุ่ง”
     ผมตอบกลับไปแบบเรียบๆ โชคดีที่ผมบังคับน้ำเสียงของตัวเองได้แล้ว เสียงของผมเลยกลับมาสงบได้เหมือนเดิม พอไปป์เจอโหมดซีเรียสของผมเข้าไปแบบนี้ ไปป์ก็ไปป์เถอะครับ มีหงอเหมือนกัน
     “เราขอโทษ”
     “ช่างเถอะ นายไม่ใช่คนผิด เราขอตัวก่อนนะ”
     ถึงผมจะพูดแบบนั้น... แต่ผมจะจัดการกับนนยังไงดีล่ะ ความเป็นไปได้มันมีเยอะนะครับ ก่อนอื่นคงต้องลองเชิงดูก่อนละมั้งครับ ผมเดินไปทางโต๊ะอาหารหน้าบ้านพัก พวกเราส่วนมากก็ยืนกินอาหารปิ้งย่างนั่งเม้าท์กันอยู่ตรงนี้แหละครับ ผมมองหานน แต่ไม่เห็นครับ แม้แต่เอกเพื่อนสนิทของนนก็ไม่เห็น
     ผมตัดสินใจเดินไปถามมิวนิค
     “มิวนิค นายเห็นนนมั้ย?”
     “ไอ้นนเหรอ ทำไมอ่ะ มีไร?”
     “เปล่าไม่มีไร พอดีมีธุระนิดหน่อย”
     “ไม่รู้ดิ ไปเข้าห้องน้ำมั้ง มึงอ่ะมาปิ้งหอยแครงให้กูต่อเลย เมย์มันย่างไม่เป็น ออกมาไม่สุกซักตัว”
     ไอ้ยักษ์นี่ก็หวงแต่กิน!
     ผมยิ้มให้มิวนิคแล้วเดินไปหานนต่อในบ้าน นนเลือกนอนคนละห้องกับผมครับ พวกผมสามคน กับมิวนิค เป้ นัน โค่ อัฐ แล้วก็พัทเลือกนอนห้องใหญ่ครับ เป็นชั้นบนสุดใต้หลังคามีระเบียงสวยๆ แบบเปิดอยู่ใต้จั่วพอดี แค่ขึ้นบันไดไปก็เจอเลย ทั้งชั้นโล่งๆ ไม่มีแอร์มีแต่พัดลม ส่วนรุ่นพี่อีกสามคนแล้วก็เอกกับนน นอนห้องเล็กครับ เบียดกันหน่อยแต่มีแอร์ อยู่ชั้นสองชั้นเดียวกับห้องสามสาว ส่วนชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่นแล้วก็ครัวกับห้องน้ำครับ
     เมื่อกี้ตอนที่อยู่ตรงโต๊ะบาบีคิวนั้น ผมไม่เห็นพี่เบียร์เหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าอยู่ในห้องรึเปล่า แต่พี่ณตกับพี่โอนั่งพ่นควันอยู่หลังบ้านกับพัท นอกนั้นพวกแก๊งมิวนิค ผมว่าน่าจะอยู่กันครบมั้งครับ ไม่ได้มอง
     ผมออกมาจากห้องของสามสาว เลยเลือกเดินไปดูในห้องตัวเองก่อน มีคนเข้าห้องน้ำอยู่ แต่เป็นอัฐครับ เหลืออยู่ห้องเดียวที่ผมจะไปดู ให้ตายสิ!
     ผมยืนขาสั่นอยู่หน้าห้องของพวกรุ่นพี่ ผมตัดสินใจยกมือขึ้นเคาะประตู สักพักหนึ่งก็มีคนเดินมาเปิดให้ผม
     “อ้าวต้น มีไรเหรอ?”
     “เอ่อ ผมมาหานนครับ นนอยู่ในห้องรึเปล่าครับพี่เบียร์”
     “เออ มันเข้าห้องน้ำอยู่ เข้ามาก่อนดิ”
     ผมเข้าไปนั่งรอในห้องครับ เอกก็อยู่ด้วย กำลังยุ่งอยู่กับสายชาร์ทโทรศัพท์อยู่ พี่เบียร์เปิดแอร์เย็นเจี๊ยบเลย ทำให้ผมที่ใส่เสื้อแขนสั้นกับกางเกงขาสั้นเริ่มรู้สึกหนาวๆ ขึ้นมานิดหน่อยจนต้องลูบผิว
     “หนาวเหรอ?”
     พี่เบียร์ถามยิ้มๆ พร้อมกับเดินไปกดลดแอร์ให้ ผมเลยส่งยิ้มตอบกลับไป ไม่นานนักนนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ผมเหล่มองแขกร่วมห้องอย่างชั่งใจ พี่เบียร์เหมือนกำลังทำอะไรซักอย่าง เพราะโน้ตบุ๊คที่กำลังเปิดคาไว้มีเสียงเอฟเฟ็คออกมาด้วยครับ คงเล่นเกมอยู่มั้ง? แต่เอาเถอะครับในเมื่อมันจำเป็น!
     “มาหากูมีไรป่ะวะ? สงสัยกูจะท้องเสียว่ะ ปวดท้อง”
     “เอายามั้ย? เรามีติดมา”
     “เออมึงมีเหรอ เอามาหน่อยดิ”
     “อยู่ข้างบนในกระเป๋าอ่ะ นายไปเอากับเราสิ”
     นนมองหน้าผมแปปนึงก่อนจะบ่นออกมานิดหน่อยพลางเดินตามผมขึ้นไปยังชั้นสาม ผมหยิบยาให้นนแล้วก็เอ่ยปากถามในที่สุด
     “เอ่อ นน นาย... ป่านบอกว่านายก็อปรูปจากกล้องคนอื่นไปเก็บรวมไว้เหรอ? นายได้แบคอัพรูปจากกล้องเราไว้มั้ย?”
     “ถามทำไมวะ?”
     นนที่กำลังรับยาไปจากมือผมหันมามองหน้าผมด้วยสายตาแปลกๆ ปนสงสัย
     “เปล่า ก็ถ้านายเก็บไว้แล้วเราจะได้ลบในกล้องทิ้งไง เหมือนเราจะเอาเมมมาไม่พอน่ะ”
     นนทำหน้างงๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า
     “เปล่าว่ะ ตอนแรกกูว่าจะก็อปลงอยู่หรอก นึกว่าโน้ตบุคไอ้เอก ปรากฏว่าเป็นของพี่เบียร์ เลยไม่ได้เอาลง”
     ผมยิ้มออกมาทันที สบายใจแล้วครับ
     “เหรอ งั้นเดี๋ยวเราบอกให้ป่านแบคอัพให้เราเอาก็ได้”
     “ไม่ใช่ป่านมันทำไปให้ละเหรอ?”
     “อ้าวเหรอ ไม่รู้สิ ช่างมันเถอะ งั้นเราไปก่อนนะ พวกข้างล่างบ่นกันใหญ่แล้ว ไปช้าเดี๋ยวไม่มีไรเหลือให้กิน”
     ไม่มีอะไรน่ากลัวสำหรับผมแล้วครับ ผมสบายใจแล้ว ผมคว้ากล้องมาแล้วกดฟอร์แมททันที ถึงยังไงรูปส่วนนึงก็อยู่ในเครื่องป่านอยู่แล้ว จะไปขอเมื่อไหร่ก็ได้ครับ ตอนนี้ผมควรรีบกำจัดไฟล์อุบาทว์ในเมโมรี่นี้ไปให้เร็วที่สุดก่อนดีกว่า
     แล้วผมก็สนุกกับมื้อค่ำ ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ริมหาดครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เวลาพวกเน็ทไอเด้าเขามีคลิปหลุดนี่รู้สึกยังไงกันน้า? ทำอะไรไม่คิดก็งี้แหละ เหอะๆ  :katai2-1:

นิยายเรื่องนี้ชอบใช้มุกเชิงเสียดสีนะเออ คนเขียนชอบเอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเขียนล้อล่ะ ฮ่าๆ :katai3:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#26/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 27-10-2014 15:35:01
จิมีคลิปหลุดมั้ยน้อออ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#27/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 27-10-2014 18:30:17
นน

     “เฮ้ยนน ต้นมันมาหามึงทำไมวะ? เมื่อกี้ข้างล่างก็ถามหามึงกับไอ้มิว”
     “กูจะไปรู้เหรอโค่”
     ผมจะไปรู้ใจไอ้ต้นได้ไง ไม่สนิทกับมันซะหน่อย พาผมไปแดกยาถึงชั้นสามเพื่อถามเรื่องกล้องเนี่ยนะ?
     “เฮ้ยเอก กล้องที่กูเอามาตอนเย็นอ่ะ ตกลงมึงได้ก็อปไฟล์ไว้ป่าววะ”
     ผมลองถามเอกดูเพราะผมไม่สนิทกับพี่เบียร์เท่าไหร่ ไม่กล้ายุ่งกับคอมพี่เขา แต่เอกมันสนิท มันบอกว่าเดี๋ยวมันทำเอง แต่ก็ไม่รู้ว่ามันได้ทำจริงๆ รึเปล่า
     “เออ อยู่ในเครื่องพี่เบียร์อ่ะ ทำไมวะ?”
     “ต้นมันทำท่าแปลกๆ กูเลยอยากดูว่าในกล้องมีไร”
     แล้วพวกเราสามคนก็ขอยืมคอมพี่เบียร์ แต่พี่เบียร์ติดเล่นเกมอยู่ เราเลยนัดกันว่าไว้พี่เขาเล่นเสร็จแล้วพวกเราค่อยมาดูอีกที
     พวกเราลงไปกินกันต่อ ถึงผมจะท้องเสียแต่อย่างอื่นนอกจากซีฟู๊ดผมก็กินได้นะ แค่ท้องเสียนี่ทำอะไรผมไม่ได้หรอก
     แน่นอนว่าพวกเราดื่ม ช่างหัวอายุมัน พวกเราซื้อเบียร์มาเป็นลังเพื่อการนี้! แต่ก็ลาภปากพวกแดกฟรีบางตัวอ่ะ แสรดตอนซื้อไม่ออกตังค์แต่หยิบกินหน้าตาเฉย มีแค่สองคนเท่านั้นที่ไม่แตะคือไอ้ต้นกับไอ้ไปป์ที่โดนห้ามแล้วก็พวกผู้หญิง
     ผมกินอยู่ซักพักพี่เบียร์ก็เดินมาสะกิด ผมกับเอกเลยมองตากันแล้วก็ถอยออกมาเงียบๆ กะขึ้นไปดูว่าไอ้ต้นมันมีความลับอะไร ไอ้นี่ความลับมันเยอะโคตรๆ
     “พวกมึงไปไหนกันวะ?”
     “กูจะไปเข้าห้องน้ำ”
     “ห้องน้ำข้างล่างก็มีขึ้นไปทำหอกไรข้างบน?”
     “เพื่อนโค่ครับ มึงไม่เสือกเรื่องของกูกับเอกซักวันได้มั้ยครับ”
     “เช็ดเข้ กูถามดีๆ นะมึง”
     “พวกกูร้อน จะไปนอนตากแอร์หน่อย เดี๋ยวลงมาใหม่”
     “เออ งั้นกูไปด้วย กูก็ร้อน รู้งี้น่าจะไปนอนห้องพวกมึง”
     มีตัวเสือกเพิ่มแล้วไง... ช่างมันเว้ย! ความลับไอ้ต้น
     ผมกับเอกเลยเดินขึ้นมากัน แต่พอเข้าห้องมาได้ อ้าว เหี้ยแล้ว! อยู่นี่กันเพียบเลยนี่หว่า นอกจากพี่ณตกับพี่โอที่ขึ้นมาอาบน้ำก่อนหน้านี้แล้วไอ้มิวนิคก็อยู่แถมพ่วงไอ้อัฐอีกหนึ่ง นอนตากแอร์สบายเลยนะมึง ผมไม่เข้าใจจริงๆ มันจะมาทะเลทำไมมาถึงก็เอาแต่นอน
     “มึงมาทำไรห้องกู?”
     “กูมายืมที่ชาร์ทพี่เบียร์ แบตกูหมด พวกมึงอ่ะ แห่มาทำไรกัน”
     “กูมาดูรูปในกล้องวันนี้”
     “เออดี เดี๋ยวมึงอย่าลืมเอากล้องลงไปกันด้วยอ่ะ แดกเสร็จละจะเล่นเกมพระราชากัน จะได้มีภาพฮาๆ ไว้”
     “เออ”
     ผมรับคำไปงั้นแล้วนั่งรอเอกที่เดินไปหยิบโน๊ตบุ๊คพี่เบียร์มาเปิด เอกมันเปิดรูปให้ผมดูแต่ก็มีตัวเสือกจนได้ ไอ้มิวนิคนั่นเอง มันยื่นหน้ามาดูด้วย
     “พวกมึงดูไรกัน?”
     “รูปกล้องไอ้ต้น”
     มิวนิคมันทำหน้าสงสัยเล็กน้อย ผมก็เลยอธิบายเพิ่มจากที่เอกมันพูด
     “ไอ้ต้นทำตัวน่าสงสัยสัสๆ อ่ะ เหมือนมีความลับ ถามกูว่าได้ก็อปไฟล์จากกล้องมันไว้รึเปล่า กูเลยโกหกไปก่อน ว่าจะแอบมาดูทีหลัง กูอยากรู้ว่ามันมีความลับไร”
     “แล้วมันมีความลับไรวะ?”
     “ก็อย่ากวนดิวะ สาส รูปรวมกันเป็นร้อยๆ กว่ารูป กล้องไอ้เมย์ก็โคตรเยอะอ่ะ เอกมันก็หาอยู่ ใจเย็น”
     “เจอแล้ว”
     สิ้นคำไอ้เอกพวกเราก็สุมหัวกันมุงอยู่หน้าจอโน๊ตบุ๊คพี่เบียร์ รูปในกล้องของไอ้ต้นที่ปรากฏออกมารูปแรกที่พวกเราเห็นเป็นรูปตอนต้นมันหลับ คือหลับที่ว่านี่หลับแบบหลับจริงๆ หลับตาพริ้มจนดูแล้วน่ารักเลย
     ต้นนอนหลับอยู่บนเตียงที่มีปลอกหมอนกับผ้าปูสีเข้มท่าทางไม่รู้เรื่องอะไร พวกเรารู้ว่าเป็นรูปแอบถ่ายแน่ๆ แต่ใครมันถ่ายไว้ล่ะ? ไอ้ต้นไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกเหรอ? ไหนมันบอกว่าแม่มันอยู่เมืองนอก?
     รูปต่อๆ ไปก็ยังคงเป็นรูปไอ้ต้นหลับ มีตั้งแต่ถ่ายซูมแบบเต็มหน้าจนเห็นแก้มใสๆ ของไอ้ต้น รูประยะครึ่งตัว จนไปถึงรูปเต็มตัวที่ต้นนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มดูท่าทางหลับสบายบนเตียงขนาดคิงไซส์ ไอ้เชี่ยนี่หน้าใสจริงๆ ผู้หญิงบางคนยังสู้มันไม่ได้เลย หน้ามันตอนหลับยังดูดีเห็นแล้วอิจฉาโว้ย!
     “ไม่เห็นมีไรเลยว่ะ ก็แค่รูปตอนหลับอ่ะ ต้นมันก็ไม่ได้หลับน้ำลายยืดซะหน่อย มึงอยากได้รูปต้นหลับไว้คืนนี้กูถ่ายให้ก็ได้”
     โค่ออกความเห็นแบบเซ็งๆ
     “เออ ดูไปก่อนน่า”
     แล้วรูปต่อไปก็ไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง เป็นรูปตอนที่ต้นตื่นแล้ว เริ่มตั้งแต่นิ่วหน้ากระพริบตาจนถึงขั้นตื่นหันมาส่งยิ้มให้กับกล้องแล้วก็ เดินไปเข้าห้องน้ำ ชุดนอนต้นโคตรคุณหนูเลย โตป่านนี้มันยังใส่ชุดนอนลายการ์ตูนอยู่ได้ ปัญญาอ่อนชิบ!
     “สารคดีตอนตื่นนอนไอ้ต้นเหรอมึง?”
     “พนันกันป่ะ กูว่าคนถ่ายอ่ะ แฟนไอ้ต้น”
     “สุมหัวดูไรกันเนี่ย?”
     พี่ณตที่พึ่งอาบน้ำเสร็จเดินมารวมตัวกับพวกเรา พี่แกตีเนียนมาดูด้วยหน้าตาเฉย
     “รูปหลุดไอ้ต้นครับพี่ เอกกับนนมันไปขโมยไฟล์ในกล้องไอ้ต้นมา พวกเราเลยแอบมาดูกัน เผื่อเอาไว้หาเรื่องแกล้ง มันชอบเก็กดีนัก ฮ่าๆ”
     “แกล้งเพื่อนไม่ดีมั้ง”
     พี่ณตหัวเราะเรียบๆ ผมเห็นท่าไม่ดีเลยรีบอธิบาย
     “ความคิดชั่วๆ แบบนั้นปล่อยมิวนิคมันทำไปคนเดียวเหอะพี่ ผมแค่ดูรูปกันเฉยๆ อันไหนไม่เกี่ยวกับทริปจะได้ลบทิ้งไม่เปลืองฮาร์ดดิสพี่เบียร์ไงพี่”
     แหม ผมนี่ โม้เก่งจริงๆ หาข้ออ้างได้เทพขิงๆ
     “เหรอ นี่กล้องต้นเหรอ เฮ้ยๆ พี่ขอรูปพวกนี้ไว้หน่อยดิ เก็บใส่โทรศัพท์ให้พี่ที”
     พี่ณตรีบบอกทันทีที่เห็นรูปไอ้ต้นใส่ผ้ากันเปื้อนยืนอยู่หน้าครัวหันมายิ้มให้กล้อง อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ แต่พี่ณตนี่ก็มีข่าวว่าเคยตามจีบต้นมันตอนอยู่ปีหนึ่งอ่ะ ผมไม่สนิทกับพี่ณตเท่าไหร่ แต่ก็พอได้ข่าวอยู่ว่าแกเป็น...
     พวกเราดูรูปไปเรื่อยๆ จนถึงคลิปสุดท้ายที่คั่นระหว่างรูปต้นยืนยิ้นในครัวกับภาพที่พวกเรากำลังยืน รอรถตู้อยู่หน้าตึกภาค ห้องครัวต้นดูดีโคตรๆ อ่ะ คุณหนูชัดๆ คอนโดมันห้องโคตรสวย ภาพที่เห็นชวนให้ผมอิจฉามันชะมัด บ้านก็มีตังค์เสือกจะขอทุนทำซากไรวะ
     “ถ่ายอะไรอยู่ได้ครับพี่ชัช”
     “อ้าว ก็ลองกล้องไง ไม่ลองจะรู้เหรอครับว่าใช้ได้จริงป่าว”

     แล้วก็มีเสียงพูดดังขึ้น ไอ้มิวนิคมันเสือกกดเล่นคลิป
     “ละถ้ามันใช้ไม่ได้จะซื้อมาทำไมตั้งแต่ทีแรกละครับ”
     “ไม่เอาครับ หยุดถ่ายได้แล้ว”

     ต้นในคลิปโคตร... ผมไม่เคยเห็นอ่ะ มันทำเสียงเล็กเสียงน้อยโคตรแอ๊บ แล้วแถมยังยิ้มแบบ... ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาปีกว่าผมไม่เคยเห็นมันยิ้มแบบนี้ให้พวกผมเห็นซักวัน!
     มันเดินเข้ามาใกล้ๆ กล้องแล้วก็เอามือมาทำท่าจะปิดหน้าเลนส์ แต่คนถ่ายคงไหวตัวทันก่อน เพราะผมเห็นภาพไหวไปมา
     “เอ้ย อย่าโดนเลนส์ดิ เดี๋ยวมัวหมด”
     “หยุดถ่ายเลยครับ!”
     “ไม่หยุดแล้วจะทำไมคร้าบ”

     เสียงไอเหี้ยนี่กวนสัสๆ โคตรหื่นอ่ะ ว่าแต่ผมเพิ่งนึกได้ คนถ่ายคลิปเป็นผู้ชาย!
     “อุ่ย! พี่ชัช เล่นบ้าไรครับ!”
     ภาพมุมที่พวกเราเห็นชักจะแปลกๆ แล้ว ผมหันไปดูสีหน้าเพื่อนแต่ละคนแล้วแบบว่า แต่ละคนใบ้แดกสนิทอ่ะ
     “เลิกเล่นได้แล้วครับ คืนกล้องผมมา”
     “พี่หิวอ่ะ”
     “มาหิวอะไรตอนนี้ครับ”
     “นะ ขอพี่กินหน่อยน่า”
     “ลามกแล้วครับ ล้วงอะไรผมไม่ทราบ”
     “ก็พี่หิวน้ำ หึๆ”

     “เฮ่ยพวกมึง กูว่าชักจะแปลกๆ แล้วนะ พอเหอะ”
     ผมชักปอดไม่อยากดูต่อแล้ว เสียงดูดปากในคลิปกับเสียงครางเบาๆ แบบนั้นเหมือนในแผ่นหนังที่ผมแอบเก็บไว้ใต้เตียงเลย แต่ไม่ใช่แผ่นชายเหนือชายแบบหนังสดไอ้ต้นที่กำลังฉายอยู่ตอนนี้แน่ๆ
     “ถ้าจะทานก็ทานดีๆ สิครับ คืนกล้องผมมาได้แล้ว เดี๋ยวตกเจ๊ง”
     “งั้น พี่ทานบนโต๊ะนี้เลยได้ป่ะ โคตรหิวเลยครับที่รัก”
     “อื้อ ไม่เอานะครับพี่ชัช อื้ม อะ อย่าสิครับ อ๊า”
     “นะครับต้น พี่ไม่ไหวแล้ว”

     อย่าว่าแต่ไอ้เหี้ยนั่นเลยที่ไม่ไหว ผมก็ไม่ไหวละ แต่ไอ้พวกที่เหลือดิ
     “เอ้ยๆ ดูก่อนดิมึง ต้นแม่งจะเอากับแฟนบนโต๊ะอ่ะ โคตรเอ็กซ์”
     “ไอ้เหี้ยโค่ มึงจะดูคลิปเพื่อนมึงเหรอ!”
     ผมพูดพร้อมๆ กับหันไปมองหน้าไอ้เอก แต่ไอ้เอกไม่ได้มองผมเลย เอกมันเบือนหน้าหนีแล้วเดินไปนั่งตรงอื่นเพราะทำอะไรฝูงแมงหื่นที่กำลังมุงอยู่หน้าจอไม่ได้ คลิปก็เลยยังเล่นต่อไปได้ท่ามกลางสายตาฟิสิกส์มุง
     “ไปที่เตียงสิครับ พี่ชัช! อย่าครับ อื้อ”
     “อ้าวเฮ้ย! ภาพหายไปไหนวะ? มาแต่เสียงว่ะ ทำไมไม่ตั้งกล้องถ่ายดีๆ วะ เสียอารมณ์เลยกู”
     เสียงไอ้โค่บ่นขึ้นเพราะภาพในคลิปกลายเป็นภาพมุมอื่นในห้อง มีเสียงเบาๆ เหมือนผ้าตกลงบนพื้นกับเสียงดังกุกกักที่เดาไม่ถูก ตอนนี้ทุกคนกำลังจ้องภาพในจออย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนหูก็ตั้งสมาธิเงี่ยฟังเสียงในคลิปกันสุดๆ บางคนหน้าแดงแล้วอย่างไอ้มิวนิค ส่วนพี่ณตนี่อย่าให้ผมบรรยายเลย ไอ้โค่นี่ก็ทำท่าตื่นเต้นอย่างกับดูหนังโป๊ เอ่อ... ก็หนังโป๊จริงๆ อ่ะ ขนาดพี่โอที่ตอนแรกนอนเล่นโทรศัพท์อยู่อีกเตียงยังเขยิบมาดูเลย มีก็แต่ไอ้อัฐที่ยังเสือกนอนได้อีก มันนอนเล่นๆ หรือหลับจริงวะนั่น?
     “อะ พี่ชัช! อือ.. อย่าพึ่ อ๊า ใจเย็นๆ สิครับ อื้ม”
     “อ้าขาอีกนิดสิครับที่รัก พี่เข้าไม่ถนัดอ่ะ”
     “พี่ชัชบ้า! เบาๆ สิครับ อื้อ อ๊า อึ๊”
     “หึ หึ”

     แสรด! เสียงคุยในคลิปโคตรลามก แฟนไอ้ต้นหื่นโคตรๆ ผมฟังยังเขินแทนเลย ต้นมันทนได้ไงวะ! ปกติเห็นเรียบร้อยจะตาย แต่เสียงไอ้ต้นในคลิปนี่ก็ใช่ย่อยครางได้สยิวมากฟังดูยั่วสุดๆ ขนาดตอนผมมีอะไรกับแฟนๆ ผมยังไม่ขนาดนี้เลย โชคดีที่มันมาแต่เสียงไม่มีภาพ ไม่งั้นผมคงมองหน้าไอ้ต้นไม่ได้อีกแหง๋
     แค่ภาพสั่นๆ จากมุมบนโต๊ะ เสียงเนื้อกระแทกเนื้อ เสียงเนื้อกระทบโต๊ะ แค่เสียงพวกนี้ก็โคตรบิ้วแล้ว! ผมไม่ยักรู้มาก่อนว่าไอ้ต้นมนุษย์น้ำแข็งของพวกเราจะเอ่อ... แหกปากได้อารมณ์ขนาดนี้ ของขึ้นเลยอ่ะ เอ้ย! เมื่อกี้ถือว่าผมไม่ได้พูดไรออกไปนะ
     “เชรี่ย กูไม่รู้มาก่อนเลยว่าต้นแหกปากครางดังขนาดนี้”
     โค่มันพูดแบบลอยๆ แล้ว เสียงมันฟังดูสติหลุดไปไกลละ กู่ไม่กลับแล้วไอ้นี่
     “ลองมึงโดนกระแทกตูดดูแรงๆ แบบนั้นมึงจะหุบปากไหวมั้ยอ่ะ”
     ไอ้มิวนิคนี่ก็พูดตรงเกินไปละ แต่... ก็จริงของมัน
     “กูคิดว่าต้นนิ่มๆ มาตลอดอ่ะ แต่นี่ เช้ด... ล่อกันบนโต๊ะกินข้าว อย่างเอ็กซ์! เคลุกเลยอ่ะกู”
     “สาด พวกมึงปิดเหอะว่ะ กูเขิน”
     ผมรีบสกัดคำอุบาทว์จากปากไอ้หื่นโค่ ไอ้สัสนี่หื่นสุดในกลุ่มพวกผมแล้ว
     “ปิดทำไม กูกำลังดูมันๆ”
     “มันบ้านมึงดิ กูเขิน”
     “มึงไม่ดูมึงก็ไป คนอื่นเขาจะดูกัน”
     มิวนิคออกปากหยุดการโต้เถียงระหว่างผมกับโค่ ผมว่าตอนนี้พวกมันแต่ละตัวมีอารมณ์ชัวร์ๆ ตางี้เริ่มเคลิ้มแล้ว ดีเท่าไหร่ที่ไอ้หื่นโค่มันไม่ควักของตัวเองออกมารูด มันเคยรูดตอนดูคลิปโป๊ทั้งๆ ที่มีคนอื่นอยู่ด้วยมาแล้ว หื่นชะมัด!
     ผมไม่ได้คิดอะไรหรอกนะถ้าคนในคลิปไม่ใช่ไอ้ต้น แล้วผมจะลงไปมองหน้ามันได้ยังไงวะเนี่ย? ไอ้เอกมันจะทำใจได้มั้ยวะ มันยิ่ง... ผมไม่กล้าเข้าหน้ามันเลยวุ้ย!
     จนกระทั่งเสียงในคลิปเงียบหายไปเรียบร้อยแล้ว ผมก็เห็นเพื่อนแต่ละตัวทำหน้าเสียดายกันซะงั้น แต่แล้วแต่ละคนก็เริ่มส่งเสียงวิจารณ์ออกมา
     “เชรี่ยต้นแม่งโดนเย็-สดแตกในด้วยอ่ะ โคตรร่านเลย”
     “เฮ่ย! พูดให้มันดีๆ หน่อยโค่ นั่นเพื่อนนะเว้ย!”
     “มึงอ่ะตัวดีเลยสัสมิว! เพื่อนแล้วมึงก็นั่งดูเพื่อนโดนเยิบหน้าตาเฉยอ่ะ”
     ผมขอด่ามันหน่อยเหอะ ทำมาเป็นพูดดี ไอ้หื่นเอ้ย!
     “หน้าต้นโคตรได้ฟิลอ่ะ มึงเห็นภาพตอนท้ายป่ะ ทำกูแข็งเลย”
     ไอ้โค่ยังไม่จบ! ดูเหมือนมันจะฟินกับต้นมากๆ ผมมองไปทางพี่ณตกับพี่โอ พี่ๆ เขาไม่ได้พูดอะไร แต่พี่ณตเดินหนีไปเข้าห้องน้ำเป็นคนแรก ชัวร์แน่ๆ
     “มึงก็ลองไปบอกไอ้ต้นให้ทำหน้าแบบนั้นให้มึงดูดิ มันได้ฆ่ามึงแน่”
     เสียงไอ้เอกดับฝันของสัสโค่ซะแล้ว ตลอดเวลาที่นั่งอยู่มันไม่ได้พูดกะซักแอะ ถึงจะลุกหนีแต่ก็ไม่ยอมออกไปนอกห้องเหมือนกัน แต่จู่ๆ มันก็พูดขึ้นมา
     “กูสงสัยมาตั้งนานแล้วว่าต้นเป็นเกย์ ทีนี้ก็ชัดแล้ว”
     “เพื่อนเป็นเกย์แล้วมันแปลกตรงไหนวะ!”
     “ป่าน!”
     “เออฉันเอง!”
     พวกเราแตกฮือกันทันที โดยเฉพาะไอ้โค่ มันรีบหันหลังเลย ไอ้มิวนิคก็ใช่เล่น รีบคว้าหมอนมากอดบังไว้ เคลุกกันล่ะสิพวกมึง!
     “พวกแกเห็นแล้วใช่มั้ย?”
     “เห็นไร เปล่า ไม่มี๊!”
     “ฉันว่าแล้วว่ามันแปลกๆ ที่พวกแกหายไปกันแบบนี้ ที่แท้มานั่งสุมหัวกัน”
     ป่านกวาดตามองพวกเราอย่างดุดัน ส่วนพวกเราก็... ตัวใครตัวมันล่ะ ถึงป่านจะไม่ได้เป็นเจ้าแม่ขาวีนแบบยัยเมย์ แต่เวลาเอาเรื่องก็โหดน่ากลัวไม่แพ้ใครเหมือนกัน
     “ไหนแกบอกต้นมันว่าไม่ได้ก็อปไว้ไงนน!”
     อ้าว! ซวยเลยผม
     “เออ ก็กูไม่รู้ว่าเอกมันก็อปไว้แล้ว”
     “แล้วทำไมมึงไม่ลบ!”
     “ก็ใครจะไปรู้อ่ะว่าเป็นคลิปต้นเอากับแฟน”
     “พวกน้องใจเย็นๆ กันก่อนดีมั้ยครับ”
     แม้ป่านจะหันมาถลึงตาใส่พี่โอ แต่ก็ยังไม่กล้าวีนแตกให้
     “ลบเลยนะแก”
     “เออ ลบอยู่เนี่ย”
     เอกตัดปัญหาด้วยการลบไฟล์ทุกอย่างโชว์สดๆ แถมยังตามไปลบในถังขยะให้อีก ทีนี้ชัวร์แน่ๆ
     “แล้วก็ห้ามไปพูดไรกับต้นมันด้วย เก็บเป็นความลับไว้เลย ต้นมันไม่รู้เรื่องนี้ มันนึกว่ามีแต่ฉันกับไปป์ที่รู้”
     “เออ พวกเราไม่กล้าพูดไรหรอก”
     “แน่นะแก!”
     “เออๆ”
     พอป่านได้ยินมิวนิครับคำแล้วก็สบายใจ แต่ก็ยังพูดต่ออีกหนึ่งประโยคทิ้งท้ายไว้
     “จะทำไรก็คิดให้ดีละกัน ต้นมันดีกับพวกแกขนาดไหน ต่อให้มันเป็นเกย์แล้วไง มันก็ไม่เคยทำไรพวกแกไม่ใช่เหรอ เรื่องไรที่ต้นมันไม่อยากให้พูดก็อย่าไปพูดล่ะ ฉันไม่อยากให้ต้นมันเสียใจ ถ้าพวกแกจะรังเกียจมันไปแกล้งมันเพราะเรื่องนี้นะ เจอฉันแน่!”
     “จะบ้าเหรอวะป่าน ต้นมันก็เพื่อนพวกเรานะเว้ย!”
     ถึงมึงจะพูดแบบนั้นแต่เมื่อกี้กูเห็นมึงยังนั่งดูคลิปไอ้ต้นอยู่เลยนะสัสมิว กูบอกให้ปิดพวกมึงก็ไม่ปิด!
     พวกเราตกลงกันไว้ว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ พี่ณตกับพี่โอก็ด้วย พวกเราสัญญากันว่าจะไม่มีใครแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ทุกคนไม่มีใครอยากโดนไอ้ป่านเอาเรื่องแน่และยิ่งไม่มีใครอยากโดนไอ้ต้นโกรธ ติวเตอร์ตัวพ่อแบบนั้นถ้ามันไร้เมตตากับพวกผมขึ้นมาพวกผมตายอย่างเขียดยกรัง แน่ๆ
     พวกเราต่างคนต่างแยกย้ายกัน ไอ้อัฐมันยังหลับเหมือนเดิม แต่ว่า .... ผมเห็นไอ้โค่กับมิวนิควิ่งไปแย่งห้องน้ำชั้นสาม อย่าบอกนะว่าพวกมัน... ช่างหัวเว้ย! ผมเองก็ต้องไปสงบสติอารมณ์ตัวเองเหมือนกัน ยังไม่รู้จะมองหน้าต้นมันยังไงเลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... เอาแล้ว หลุดแล้ว... ต้นเอ้ย ไว้อาลัยให้ต้น  :m10: 
หลุดที่ไหนไม่หลุด ดันมาหลุดกลางดงตัวจี๊ด ซวยแน่ๆ คืนนี้ระวังนอนๆ อยู่ละโดนปล้ำนะต้น หึๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#27/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 27-10-2014 18:56:30
อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#27/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 27-10-2014 19:17:36
กี๊ดดดด ๆ มีจริงๆด้วยย
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#27/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 27-10-2014 22:22:47
ต้นน้ำ

     ตอนดึกพวกเราเล่นเกมกันแต่ระหว่างนั้นไม่รู้ทำไมผมรู้สึกขนลุกแปลกๆ พวกนนกับเอกดูแปลกไป เอกไม่ยอมมองหน้าผมเลย ส่วนสายตาของโค่ที่มองมาทางผมมันก็ดู... ผมขนลุกครับ! แม้แต่มิวนิคยังไม่ค่อยยอมสบตาผม เอาแต่แอบมองละพอสบตากันทีไรก็หันหน้าหนีผมซะงั้น เกิดอะไรขึ้น?
     พวกเราตกลงกันว่าจะเล่นไพ่ครับ มีคนเอาไพ่มา แต่พอเล่นไปนานๆ ก็ชักเบื่อเลยเปลี่ยนเป็นเล่นเกมพระราชา แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ... ผมมักจะซวยโดนพระราชาสั่งแกล้งตลอดเลยครับ
     “เอ่อ... โค่ ไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้”
     ผมที่ถือเลขแปดกำลังโดนโค่ที่ถือเลขห้าเอาแป้งประหน้าอยู่ครับ แถมด้วยลิปสติกเขียนแก้มอีกนิดหน่อย แต่... ใกล้เกินไปแล้ว สัมผัสจากมือของโค่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกยังไงก็ไม่รู้ครับ
     “เอ้ยๆ มัดจุกไอ้ต้นด้วย”
     นันส่งเสียงเชียร์ใหญ่เลยครับ พวกมันเก็บกดอะไรมากันรึไง?
     “พอใจยัง?”
     ผมถามขึ้นหลังจากมีสภาพไม่ต่างอะไรกับวันรับน้อง หน้างี้เลอะเต็มเลยครับ ทั้งแป้งทั้งลิป
     “เออๆ”
     พวกมันยอมจนได้ครับ แต่เล่นๆ ไป ในที่สุด ผมก็ได้เป็นพระราชา หึๆ
     “เบอร์สอง กินวาซาบิก้อนนั้นให้หมดในคำเดียว”
     ก่อนหน้านี้ไปป์ซื้อซูชิมาทานครับ แต่ไม่ได้ทานวาซาบิ แล้วก็ไม่ยอมเอากล่องไปทิ้งด้วย ผมก็เลยปิ๊งไอเดียนี้ขึ้นมา
     “อ๊าก! ต้นโหดสัสอ่ะ”
     พัททิ้งไพ่ลงมาแบบเซ็งๆ ครับ ฮ่าๆ สมน้ำหน้า ผมนั่งอมยิ้มมองดูพัทน้ำตาไหลหน้าแดงเพราะวาซิบิมันฉุนขึ้นจมูกด้วยความสะใจที่ได้เอาคืน

     ใครมันคิดเกมบ้าๆ นี่นะ ให้ตายเหอะ! ผมเกลียดป็อกกี้! พวกเราอยู่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเราเลยไม่เคยต้องเจอกับการรับน้องทุเรศๆ ประเภทลูกอมร่วมสาบาน แต่ตอนนี้ผมต้องมาป้อนป็อกกี้โดยห้ามใช้มือให้กับคู่ของผม ให้ตายเหอะ! แต่เอาเถอะป็อกกี้ในมือผมก็คงดีกว่าเลย์แผ่นเรียบแตกๆ ในมือพี่เบียร์ ผมไม่น่ายกมือเล่นเกมนี้ด้วยเลย
     "ต้น ได้อะไรอ่า?"
     ไปป์มาสะกิดถามผมๆ เลยหันไปมองเขา ... ทาโร่แบบยาวพิเศษ ทำไมไปป์ถึงโชคดีแบบนี้นะ โค่ถือโอโจ้ ... มิวนิคถือ... ใครมันเอาปาร์ตี้มาเล่นครับ! ให้ตายเถอะ ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะเล่นยังไง อี๋ย! พัทได้กล้วยหอม แค่คิดก็สยองน้ำลายเขาแล้ว เกมนี้พวกเราจะใส่ขนมลงในกล่องเป็นคู่ๆ ครับ แล้วก็เขย่ากล่องเทขนมออกมาทีละชิ้น มีการเป่ายิ้งฉุบจัดลำดับก่อนว่าใครจะเป็นคนที่หนึ่งนับไปเรื่อยๆ ใครได้ของเหมือนกันต้องป้อนกันด้วยปากห้ามใช้มือ คู่ไหนเร็วสุดคู่นั้นชนะ แต่ว่า... เพราะมันน่าเกลียดเลยไม่มีผู้หญิงเล่น แล้วใครเป็นคู่ของผมล่ะ? ... อัฐ? จริงเหรอเนี่ย!
     "ได้ป็อกกี้ป่ะ?"
     "อืม..."
     "คู่ที่เท่าไหร่นะ? เอาคู่แรกเลยมั้ย?"
     "ขอทำใจก่อนนะ"
     "ฮ่าๆ ต้องทำใจเลยเหรอ เราแปรงฟันแล้ว"
     แล้วผมก็ดูพี่เบียร์ป้อนเลย์กับเป้
     "อี่! อันแตกอ่ะ!"
     "เฮ่ยๆ ไม่ได้นะเว้ย มึงต้องก้มลงไปเลียให้หมดนะไอ้เป้ ไม่งั้นเวลาไม่หยุด"
     นันไม่เล่นก็พูดได้สิครับ สงสารพี่เบียร์จัง เลย์มันก็แตกอยู่แล้วพอคาบแล้วเอาไปป้อนมันเลยร่วงกราวลงพื้น แต่ด้วยสปิริตพี่เบียร์ก้มลงไปเลียเลย์ที่พื้นจริงๆ ด้วยอ่ะ! รุ่นพี่ผมสุดยอด!
     คู่ต่อมา เอ่อ... พี่ณตกับพัท ผมจะอ้วก! คือกล้วยฝั่งที่พัทคาบมันชุ่มน้ำลายมากๆ ครับ นาทีนี้ผมเห็นใจพี่ณตสุดๆ
     "หืม พัท... มึงบ้วนปากบ้างนะ"
     แหวะ! ผมทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วครับ แต่แล้วคู่ต่อมาก็ทำให้ผมอิจฉา โอมได้ทาโร่เหมือนไปป์ ... ทำไมมีแต่ผมที่ดวงตกนะ! โอมกับไปป์พอต่างฝ่ายต่างคาบทาโร่แบบยาวพิเศษไว้คนละด้านแล้วก็เริ่มทานกันสบายๆ ครับ แต่พอโอมขยับปากไปได้สามทีเท่านั้นแหละไปป์กระตุกเส้นจนขาดแล้วดูดเส้นเข้าปากจนหมด ใช้เวลาค่อนข้างเร็วทีเดียว... ผมก็อยากชมไปป์นะครับ แต่ทำไมมันละเหี่ยใจยังไงพิกล
     คู่ต่อมาเป็นคู่ของมิวนิคกับนน แต่ละคนมองปาร์ตี้เคลือบคาราเมลแล้วก็กุมขมับ
     "มึงเป็นคนใส่มาใช่มั้ยโค่ กูรู้ว่าของมึง มึงใส่มาทำเชรี่ยอะไรวะ!"
     "อย่ามาโทษกูเพื่อนฝูง โทษดวงพวกมึงซะ ฮ่าๆ"
     อึ๊ย! มิวนิคกับนนแทบจะดูดปากกันแล้ว ในที่สุดหลังจากปล่อยเวลาผ่านไปกับการปรึกษากันมิวนิคก็เสนอไอเดียให้นนเอาฟันกัดปาร์ตี้เลอะขี้มือชิ้นนั้นเอาไว้ แล้วเขาจะก้มไปงับเอง แต่พลาดครับ เศษปาร์ตี้กระเด็นลงพื้น ดีที่มันมีรอยงับตรงฝั่งนนไปแล้วนิดนึงนนเลยอ้างว่าตัวเองทานแล้วทิ้งให้มิวนิคต้องลงคาบไปปาร์ตี้ที่เหลือจากพื้นทานคนเดียว แหวะ... ผมหวังว่าผมคงไม่ทำป็อกกี้ตกพื้นนะ
     ผมยังไม่ทันได้เตรียมใจเลยแต่อัฐลากมือผมออกไปซะแล้ว
     แล้วทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นเร็วมาก อัฐให้ผมคาบป็อกกี้ฝั่งขนมปังไว้แล้วเขาก็ก้มมางับป็อกกี้จากอีกด้าน กะให้ใกล้ตรงกลางแล้วก็กัดจนป็อกกี้หัก พวกเราผ่านเกมนี้แบบสบายๆ แต่ผมเหมือนรู้สึกว่าปากเราโดนกันนิดหน่อยเลยครับ ถ้าไม่ใช่ปากก็คงเป็นลมหายใจ ผมบอกไม่ถูก แต่รู้สึกมันเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้ ก็นอกจากพี่ชัชแล้วผมไม่เคยใกล้ชิดกับใครมาก่อนนี่ครับ ... ผมหมายถึงถ้าไม่นับแม็กซ์นะ ผมแอบเขินจนลืมดูคู่สุดท้าย โค่กับพี่โอโวยวายเรื่องเศษโอโจ้ร่วงเสียงดังผมก็ฟังไม่ได้ศัพท์ ผมเขินอัฐ...

     พวกเราสรรหาเกมมาเล่นไปเรื่อยๆ จนถึงเกือบเที่ยงคืน มิวนิคก็เสนอว่าไหนๆ พวกเราอุตส่ามาเที่ยวด้วยกันแล้วน่าจะสนิทกันให้มากขึ้น เลยเสนอเกมที่ว่า“คายความลับ” ถ้าหมุนขวดเบียร์แล้วมันชี้ไปทางใครคนนั้นก็ต้องเล่าความลับออกมาหนึ่งเรื่อง แล้วก็หมุนต่อคนที่โดนชี้คนต่อไปก็เล่นต่อไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าตาแรกไปป์เป็นคนซวยครับ
     “ความจริงแล้วเราแอบชอบน้องปีหนึ่งคนนึง เป็นน้องรหัสแถวๆ นี้แหละ”
     เท่านั้นแหละครับ แตกฮือกันทันทีแต่ละคนแย่งถามกันใหญ่เพราะตอนนี้ไปป์คบอยู่กับรุ่นพี่คณะบัญชี แต่กฏก็ต้องเป็นกฏครับ ความจริงผมไม่อยากเล่นเกมนี้เลย ก็ความลับผมน่ะ... เยอะ
     แล้วผมก็โดนจนได้ครับ รอบที่สิบ แต่ละคนกระเหี้ยนกระหือรือฟังความลับของผมมาก ตั้งหน้าตั้งตารอกันใหญ่เลย
     เอาเถอะ ยังไงเดี๋ยวคนอื่นก็ต้องสังเกตเห็นอยู่ดี พูดเรื่องที่เซฟที่สุดก็แล้วกันครับ
     “ความจริงแล้ว พ่อเรายังไม่ตาย พ่อเรากับแม่แค่แยกกันไปเฉยๆ เราไม่ได้มีแต่แม่คนเดียวเหมือนที่เคยบอกพวกนาย”
     “เฮ้ยไรวะ! ไม่เอาเรื่องนี้ เอาเรื่องแฟนมึงดิ”
     มิวนิคพูดแทรกผมขึ้นมาแบบนั้น ผมแปลกใจนะ ไม่คิดว่าเขาจะยังติดใจเรื่องรอยสักเมื่อตอนเย็นอยู่
     “แฟนอะไร? บ้าแล้ว แค่บอกให้พูดความลับไม่ได้บอกว่านายมีสิทธิ์ถาม”
     “ไรวะต้น ไม่แฟร์อ่ะ”
     “แต่นี่ก็ความลับเราเลยนะ”
     “ใครมันไปอยากรู้เรื่องพ่อมึงวะ กูอยากรู้เรื่องแฟนมึงที่เป็นเกย์อ่ะ”
     มิวนิครู้เรื่องนี้ได้ยังไครับ! ผมอึ้งพอสมควร ชักสังหรณ์ใจแปลกๆ
     “นายรู้ได้ยังไง แฟนเราอาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้”
     “เอ่อ...”
     “ผู้ชายเขาไม่สักตรงนั้นกันหรอกต้น ส่วนใหญ่คนที่สักตรงนั้นมีแต่ผู้หญิงกับเกย์น่ะ”
     พี่ณตครับ ไม่ต้องแสดงความเชี่ยวชาญออกมาก็ได้ครับ! ผมรู้ว่าพี่เป็นเกย์ แต่ไม่ต้องแสดงความรอบรู้ของพี่ตอนนี้เลยครับขอร้อง!
     “ปกติผู้ชายเขาก็มีแฟนเป็นผู้หญิงทั้งนั้น มึงพลาดละเพื่อนต้น”
     “แต่นั่นมันเรื่องส่วนตัวเรา! แล้วก็หมดตาแล้วด้วย”
     “งั้นถ้ามึงได้อีกตาหน้าต้องบอกเรื่องแฟนนะ”
     “เอาสิ ถ้าเราโดนอีกน่ะนะ”
     ผมยิ้มอวดดีส่งไปให้พวกแมงเม่าชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน!
     “ต้นแม่งไม่แฟร์อ่ะ เรื่องพ่อยังอยู่แค่นี้เป็นความลับตรงไหนวะ คนอื่นก็พ่อแม่หย่ากันตั้งเยอะ”
     ยังมีบ่นนะมิวนิค ผมตัดสินใจทิ้งไพ่ตายลงไป
     “งั้น ถ้าเราบอกว่าความลับนี้เราหวงยิ่งกว่าเรื่องแฟนล่ะ ตอนที่ให้ดูรอยสักเรายังยอมรับง่ายๆ เลยว่าเรามีแฟนแล้ว แต่เราไม่เคยพูดเรื่องพ่อมาก่อนไม่ใช่เหรอ”
     “จริงดิ! แล้วมันสำคัญยังไงวะ? เรื่องพ่อมึงเนี่ย ความลับตรงไหน?”
     “ก็ความลับตรงที่ว่า พ่อเราเป็นใครคนนึงที่พวกนายทุกคนรู้จักน่ะสิ”
     “เฮ้ย! พ่อมึงเป็นดาราเหรอ? หรือนักการเมือง?”
     จินตนาการไปได้นะครับ ฮ่าๆ แต่ไม่เอาหรอก ผมไม่บอกละ
     “ไม่บอก หมดตาแล้ว ไว้เดี๋ยวอีกหน่อยถ้าพวกนายสังเกตก็รู้เองแหละ ฮ่าๆ”
     เรายังเล่นเกมกันต่ออีกราวๆ ชั่วโมงนึง แต่ผมรอดมาได้เกือบทุกครั้งหลังจากนั้นครับ บางคนยังนั่งทำมิวสิคกันต่อ แต่ผมไม่ไหวแล้วเลยขอตัวเพราะต้องขึ้นมาล้างหน้าล้างตาอีก ชั้นบนไม่มีแอร์นี่ร้อนจริงๆ แต่ก็ยังโชคดีที่ยุงไม่เยอะ ผมเลยกะว่าจะอาบน้ำอีกรอบก่อนนอน

     พอผมอาบน้ำเสร็จ กะจะนอน ... พวกมิวนิคกับโค่ที่เมื่อตะกี้ยังเห็นนั่งเฮฮากันอยู่กลับขึ้นมาทำท่าจะนอนซะงั้น ผมว่ามันชักแปลกๆ แล้วครับ ลางสังหรณ์ผมมันเตือนว่าสองคนนี้มีอะไรบางอย่างแปลกไป
     ผมตรงไปที่ฟูกอันที่สองถัดจากริมด้านนอกสุดติดระเบียง ผมวางกระเป๋าไว้ตรงนั้นเป็นการจองที่ตั้งแต่ตอนที่มาถึงแล้วครับ ส่วนอันนอกสุดเป็นของโอม คิดไปคิดมาเวลาที่ผมไปค่ายหรือไปค้างคืนกิจกรรมที่ไหนก็ตาม ผมกับโอมนอนข้างๆ กันตลอด
     ผมเก็บของหยิบโลชั่นออกมาทาตามปกติของผมไป เสร็จแล้วผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นมีมิสคอลอยู่หนึ่งสายจากแม็กซ์ ผมดูเวลาแล้วยิ้มออกมา ดึกแบบนี้แม็กซ์ยังไม่นอนหรอกครับ พึ่งจะโทรหาผมเมื่อห้านาทีก่อน ยังไม่หลับง่ายๆ แน่
     ผมเลยเดินเลี่ยงออกไปตรงส่วนระเบียงเล็กๆ ด้านหน้าเพื่อคุยโทรศัพท์กับแม็กซ์ เสียงของแม็กซ์ที่รับโทรศัพท์ฟังดูหอบๆ
     “เป็นไรป่าวนั่น? เราโทรมากวนเหรอ?”
     “เปล่าๆ ไม่เลยต้น โทรมามีไรเหรอ”
     ผมเซ็งอยู่สามวิ! ก็แม็กซ์ต่างหากที่เป็นคนโทรหาผมก่อน ผมเลยย้ำเสียงเน้นทีละประโยคชัดๆ ใส่เขา
     “นายนั่นแหละ โทรหาเรา มีอะไร?”
     “โหต้นอ่ะ อย่าโกรธกันดิ แม็กซ์ก็แค่คิดถึง ไปเที่ยวไม่ชวนกันบ้างเลย”
     “ชวนได้ไง เรามากับเพื่อนเราที่มหาลัย นายก็ไปกับเพื่อนนายสิ”
     เสียงผู้หญิงร้องเรียกชื่อแม็กซ์ดังขึ้น! ผมคิดว่าแม็กซ์ไม่ได้อยู่เชียงใหม่แน่ๆ เพราะเมื่อสองวันก่อนยังบอกผมว่าอยู่กรุงเทพฯ อยู่เลย และแม็กซ์ก็บอกเองว่าแฟนยุ่งมาก ไม่มีเวลาลงมาหาเขาที่กรุงเทพฯ ส่วนแม็กซ์เองก็ยังไม่ได้จองตั๋วกลับไปเชียงใหม่หาแฟน แล้วนั่นมันใครกันครับ แม็กซ์ทำนิสัยแบบนี้อีกแล้ว!
     “นั่นไม่ใช่แฟนนายใช่มั้ย?”
     “เอ้ยต้นเข้าใจผิดแล้ว! นั่นแค่เพื่อน พอดีแม็กซ์มาเที่ยวบ้านเพื่อนนิดหน่อย มีปาร์ตี้กันอ่ะ”
     “ปาร์ตี้ที่ขาดเสียงเพลงเนี่ยนะ?”
     “ก็... จะได้คุยกับต้นรู้เรื่องไง เลยเดินมาอีกห้อง”
     “ประจำอ่ะแม็กซ์ หวังว่านายคงไม่นอนกับเพื่อนคนนั้นของนายหรอกนะ สงสารแฟนนาย”
     “โหยต้น เห็นแม็กซ์เป็นคนยังไงครับ แม็กซ์รักสนุกก็จริงแต่แม็กซ์ไม่เลวขนาดนอกใจแฟนนะ ถ้าแม็กซ์มีแฟนแล้วแม็กซ์ไม่ทำกับคนอื่นหรอก”
     ผมเงียบ ผมคบกับแม็กซ์มานานพอจะเห็นธาตุแท้ของแม็กซ์นะครับ เมื่อก่อนผมไม่เคยสน แต่ตอนนี้ผมสนครับ ผมสงสารผู้หญิงคนนั้น แม้ว่าแม็กซ์จะเป็นเพื่อนผมก็ตาม ไม่มีใครอยากเห็นแฟนตัวเองนอกใจหรอกครับ รวมทั้งตัวผมเองด้วย พอเห็นผมเงียบแม็กซ์ก็รีบพูดต่อทันที
     “ต้นเชื่อแม็กซ์นะ แม็กซ์ไม่ทำตัวแบบนั้นหรอก นี่แค่มาปาร์ตี้จริงๆ อยู่คนเดียวมันเหงาอ่ะ”
     “แม็กซ์ดื่มรึเปล่า?”
     “ก็นิดหน่อย”
     “ดื่มอย่างเดียวใช่มั้ย เรารู้ว่าแม็กซ์เลิกแล้ว แต่... แม็กซ์อย่าเล่นยานะ”
     “เฮ้ย ไปกันใหญ่แล้ว! ต้นก็รู้จักแม็กซ์ดีไม่ใช่เหรอ แม็กซ์เลิกแล้ว ไม่กลับไปเล่นหรอก ไม่งั้นพ่อแม็กซ์เอาตายเลย”
     “ก็ดีแล้วล่ะ”
     ผมพูดไม่ออก คือผมก็รู้นะครับว่าแม็กซ์เป็นยังไง แต่มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้หรอกครับ ในสังคมเพื่อนฝูงแบบนั้น พวกเด็กไฮโซที่ชอบจัดปาร์ตี้มั่วสุมกัน ทั้งเหล้า ยา เซ็กส์ เรื่องพวกนั้นมันเรื่องปกติของแม็กซ์
     ผมเห็นมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว แม็กซ์มักชวนเพื่อนไปดื่มที่ห้องประจำ มีผู้หญิงเกือบทุกครั้ง แล้วก็เคยลองเสพยาไอซ์ด้วย แต่แม็กซ์ใจแข็งครับ โชคดีที่แม็กซ์ไม่ติด บุหรี่แม็กซ์ก็ไม่ได้สูบแล้ว ผมกลัวก็แต่ว่าแม็กซ์จะตกไปอยู่ในวังวนอุบาทว์แบบนั้นอีกนั่นแหละ
     “เชื่อใจแม็กซ์นะ แม็กซ์แค่มาปาร์ตี้ พึ่งดื่มไปสองแก้วเองกลัวขับกลับไม่ไหว จะว่าไปก็เพราะต้นหนีไปเที่ยวคนเดียวอ่ะแหละ”
     “ก็ไปชวนพวกอาร์มกับกายสิ”
     “รอกายมันขึ้นมาอยู่ ว่าจะไปเที่ยวกัน ขับรถไปเอง ต้นไปด้วยกันป่าว”
     “ไม่ดีมั้ง?”
     “ทำไมอ่ะ กลัวแฟนหึงเหรอ? ทีไปกับเพื่อนที่มหาลัยยังไปได้ ไปค้างคืนกับแม็กซ์ไม่ได้เหรอ”
     “จะบ้าเหรอ พี่ชัชไม่ใช่คนไร้เหตุผลแบบนั้นซักกะหน่อย!”
     “ฮ่าๆ ครับๆ แฟนต้นอ่ะมีเหตุผลที่สุดในโลกแล้ว”
     เรื่องอะไรมาว่าแฟนผมเนี่ย แม็กซ์เมาแล้วแน่ๆ
     “นายเมาแล้วแม็กซ์ ดึกแล้ว ละเราก็จะไปนอนแล้วด้วย”
     “คร้าบๆ ฝันดีนะต้น”
     “อืมฝันดี ขับรถกลับบ้านดีๆ นะ”
     ผมยิ้มให้กับเพื่อนปลายสายแม้รู้ดีว่าเขาไม่เห็นรอยยิ้มของผมหรอก แม็กซ์ยอมผมตลอดไม่ว่าเรื่องอะไร มันทำให้ผมรู้สึกดีนิดหน่อยนะ เหมือนตัวเองมีอำนาจเล็กๆ
     ผมเดินกลับเข้ามาในห้องเตรียมตัวนอนจริงๆ จังๆ แล้วครับ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจ ไปป์กับโค่กำลังเถียงกันอยู่เรื่องที่นอน
     “กูร้อน กูอยากนอนใกล้ๆ ระเบียง”
     “อันนั้นของโอม มันจองไว้นานแล้ว”
     “ก็ใช่ไง กูเลยจะนอนถัดจากนั้น”
     “อันนั้นของต้น”
     “กูก็จะนอนถัดจากต้นแหละ มึงอ่ะเกะกะถอยไปเลยไปป์”
     “ก็ถัดจากต้นอ่ะของกู มึงอ่ะ ไปไกลๆ เลย อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงคิดไรนะสาด”
     “เถียงอะไรกันเหรอ?”
     “ไม่มีไรหรอกต้น โค่มันเรื่องมาก ไม่ยอมจองที่ไว้เองแล้วมาดิ้นอ่ะ”
     ผมมองหน้าไปป์ที่ยิ้มกวนๆ สลับกับหน้าโค่ที่ดู... ผมว่าโค่มีอะไรแปลกไปจริงๆ นั่นแหละครับ
     “ทีหลังก็จองที่ไว้แต่แรกสิโค่ ไม่ก็ไปถามโอมสิว่าจะสลับกับนายมั้ย”
     “ไม่ได้นะต้น!”
     ผมหันไปมองไปป์ที่ขึ้นเสียงสูง
     “ไอ้โค่มันนอนดิ้นจะตายไม่กลัวรำคาญมันเหรอให้มันมานอนติดๆ กัน”
     “ไม่เป็นไรหรอก เราชินแล้วกับการนอนข้างๆ คนนอนดิ้น ถีบมาก็ถีบกลับ รัดมาก็เอาศอกถอง”
     ผมพูดขำๆ ไปงั้นแหละครับ แต่ไม่รู้ว่ามุขผมแป๊กรึเปล่า โค่เลยเดินหนีผมทันที เฉไฉไปนอนซะไกลเลย เกือบสุดอีกฝั่ง เหลือแต่ไปป์นี่แหละยังพันแข้งพันขาผมอยู่
     ผมตบหมอนเบาๆ เตรียมตัวนอน ผมเป็นพวกหลับง่ายตื่นง่ายครับ สะดุ้งตื่นได้ง่ายมากๆ มักตื่นค่อนข้างเป็นเวลาด้วย ถ้าไม่ได้เจออะไรที่ทำให้ผมเพลียหรือไม่สบาย แต่... ไปป์ที่นอนตาแป๋วจ้องผมอยู่แบบนี้ ผมอึดอัดนะครับ นอนไม่หลับหรอก และในขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะพลิกตะแคงหันไปอีกข้างฝั่งโอมดีรึเปล่า เพราะโอมยังไม่ขึ้นมานอน ไปป์ก็พูดขึ้นมาซะก่อน เสียงแจ๋วๆ ของไปป์ในตอนที่กระซิบกระซาบแบบนี้ยิ่งเหมือนเด็กเข้าไปใหญ่เลยครับ นี่ผมอยู่ในค่ายลูกเสือรึยังไงเนี่ย?
     “ต้น นายใช้ครีมอาบน้ำไรอ่ะ โคตรหอมเลย”
     “ไร? กลิ่นนี้เหร-”
     ผมยังพูดไม่ทันจบไปป์ก็คว้าแขนผมไปดม คือดมจริงๆ นะครับ ดมฟุดฟิดไม่ใช่หอมหรือจูบแต่เป็นการใช้จมูกสูดกลิ่นดม
     “อ้าว คนละกลิ่นกับตอนต้นอาบน้ำนี่หว่า ตอนนั้นเราอยู่หน้าห้องน้ำกลิ่นมันฟุ้งออกมาเลย”
     นายเป็นหมาเหรอไปป์?
     “นั่นกลิ่นสบู่มั้ง นี่เราทาโลชั่น”
     “ต้นตัวหอมจัง เราว่าสบู่หอมละนะ กลิ่นโลชั่นนี่หอมกว่าอีกอ่ะ ยืมใช้มั่งดิ”
     “ขอบใจที่ชมนะ แต่เราง่วง อยากใช้ไรก็หยิบเอาเองละกัน เราจะนอนละ”
     ว่าแล้วไปป์ก็ลุกไปรื้อกระเป๋าผมจริงๆ ด้วย ไอ้คนไร้ความเกรงใจเอ้ย! ผมตัดสินใจหันไปอีกด้านแล้วนอนหันหลังให้ไปป์ทันทีครับ ก่อนที่ผมจะโมโหจนไม่มีอารมณ์นอน!

     ผมตื่นตอนเช้ามืดตามปกติ เข็มพรายน้ำบนหน้าปัดนาฬิกาบอกผมว่าเป็นเวลาตีห้ากว่าๆ แล้ว ทั่วทั้งชั้นเงียบสงบไร้ซึ่งเสียงใดๆ ยกเว้นจากเสียงกรนของเพื่อนๆ ผมเอง ผมลุกขึ้นมาหยิบเสื้อผ้าที่กองเตรียมไว้แล้วเมื่อคืนเดินไปเข้าห้องน้ำอาบ น้ำอย่างเบาเสียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสร็จแล้วก็เดินลงไปยังชั้นล่าง ตั้งใจว่าจะออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้น
     “พี่ณต พี่เบียร์”
     พี่สองคนที่ยังนั่งกันอยู่ที่ชั้นล่างหันมาทักผม ท่าทางไม่เหมือนคนพึ่งตื่นเลยครับ เหมือนคนไม่ได้นอนมากกว่า
     “อ้าว ดีต้น ตื่นเช้าจัง”
     “อย่าบอกนะครับว่าโต้รุ่ง?”
     “ฮ่าๆ”
     พี่ณตหัวเราะออกมานิดหน่อยส่วนพี่เบียร์ก็ยิ้มๆ ตามสไตล์ครับ
     “จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเหรอ?”
     “ครับ ก็ว่าจะไปเดินๆ ดูอะไรหน่อย แล้วก็จะไปดูด้วยว่าแถวนี้มีอะไรขายมั้ย เพราะถ้าพวกนั้นตื่นแล้วคงหิวกัน อาหารเช้าที่แถมมีแค่พวกกาแฟโอวัลตินกับขนมปังปิ้งใช่มั้ยครับ ไม่พอยาไส้พวกมันแน่ๆ แถมกลางวันกับเย็นนี้เราต้องหากินเอง?”
     ได้โอกาสแล้วก็ขอปรึกษาพี่เบียร์หน่อยล่ะครับ แกเหมือนเฮดของกลุ่มพวกเราเลย
     “อืม เพราะเมื่อวานเราสั่งเขาไว้ว่ามื้อเย็นอยากได้เซ็ทบาบีคิว เลยมีมา แต่พี่ว่ามันน้อยๆ ว่ะ คืนนี้เตาเราก็มีแล้ว ในครัวก็พอมีอุปกรณ์อยู่ เราน่าจะไปซื้อของสดมาลองทำกันเองดูนะ”
     “ครับ ผมว่าจะไปถามเรื่องรถด้วย เพราะที่นัดกันไว้กว่ารถตู้จะมาก็วันกลับเลย ช่วงสองวันนี้อยากหารถเช่ามาไว้ใช้ก่อน ไม่งั้นคงไม่สะดวก เผื่อต้องไปไหนมาไหน”
     “เออดี งั้นพวกพี่ไปด้วยคนดิ”
     “เอาสิครับ”
     แล้วผมกับพี่ณตพี่เบียร์ก็ออกไปเดินเล่นรับแสงตะวันยามเช้ากันครับ พวกเราเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงหน้าบ้านของเจ้าของบังกะโลที่พวกเราพักอยู่ ผมลองถามถึงเรื่องอาหาร คุณป้าบอกว่าถ้าเราจะทำอาหารก็สามารถไปซื้อของสดมาทำได้ เพราะบ้านพักหลังที่เราพักมีครัวเล็กๆ ไว้อยู่แล้ว ถึงจะเหมาะสำหรับการทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ มากกว่าแต่ถ้าหากขาดเหลืออะไรก็มีอุปกรณ์ให้ยืม ไม่คิดเงินเพิ่ม แต่ต้องทำเรื่องไว้ว่าจะยืมอุปกรณ์อะไรบ้างก็พอ
     บ้านพักแนวโฮมสเตย์มันก็ดีแบบนี้แหละครับ เรียบง่ายเป็นกันเอง แถมแกยังชี้ทางไปตลาดที่สามารถซื้อของสดให้พวกเราอีก แต่ตลาดใกล้ๆ ของแกพวกเราก็ต้องเดินกันไกลพอสมควรครับ เล่นเอาพี่เบียร์บ่นอุบ แต่ทำยังไงได้ ไปกันเกินครึ่งทางแล้วยังไงก็ต้องเดินครับ
     ตลาดที่พวกเราไปเป็นตลาดที่ขายของเกือบทั้งวันครับ พวกเราเลยเลือกที่จะซื้อเฉพาะอาหารเช้ากับอะไรง่ายๆ แบกกลับไปให้พวกลูกนกที่ป่านนี้น่าจะเริ่มตื่นกันแล้วก่อน ไม่กล้าซื้อเยอะครับ กลัวหิ้วหนัก แต่โชคดีที่พี่เบียร์ตาไว มองเห็นร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ซะก่อน พวกผมเลยไปติดต่อขอเช่ามอเตอร์ไซค์สองคันทันทีครับ ให้เดินกลับก็ไม่ไหวนะ
     พอมีรถแล้วผมกับพี่ๆ ก็เลยหอบของได้สบายขึ้นครับ แต่พี่ณตกลับเลือกนั่งซ้อนท้ายคันผมซะงั้น พี่แกอ้างว่าไม่อยากซ้อนท้ายพี่เบียร์เพราะกลัวพากันลงข้างทาง ซึ่งมันก็จริงนะครับ พี่เบียร์ยังไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ ผมล่ะเป็นห่วงจริงๆ กลัวแกจะขับรถกลับแบบไม่สวัสดิภาพ เพราะใบเช่าที่ทำไว้มันใช้บัตรประชาชนผมค้ำไว้น่ะสิครับ!
     “เอ่อ... พี่ณตครับ ไม่ต้องกอดเอวผมแน่นขนาดนั้นก็ได้ครับ”
     ผมขนลุกนะ! พอพี่ณตขึ้นซ้อนท้ายผมได้พี่แกก็เกาะผมซะแน่นเลย
     “โทษทีๆ พี่กลัวตกว่ะ”
     “ไหวมั้ยครับ? ดูพี่สองคนเกือบจะฟุบอยู่แล้วนะครับ”
     “ไหวๆ ขับนำไปได้เลยต้น”
     พี่เบียร์ส่งเสียงแจ้งสถานะตัวเองทันทีที่ผมแสดงความเป็นห่วง แต่พี่ณตกลับปากเสียแซวเพื่อนตัวเองซะงั้น ผมไม่ขำนะนั่น ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ มันจะซวยผมเอา
     “หันไปดูมันด้วยอ่ะ เดี๋ยวไอ้เบียร์มันหายระหว่างทาง ฮ่าๆ”
     ผมส่ายหน้านิดหน่อยก่อนจะขับต่อ แต่ซักพักพี่ณตก็ชวนผมคุยครับ
     “ต้นขับมอเตอร์ไซค์นิ่มดีว่ะ พี่เคยหัดอยู่แต่ยังขับไม่แข็งเลย”
     “เพื่อนสนิทผมเคยสอนไว้น่ะครับ”
     “ต้นนี่ทำไรได้หลายอย่างเลยเนอะ เห็นเงียบๆ เอาแต่อ่านหนังสือ ใครจะไปนึกว่าเราทั้งเล่นกีต้าร์ได้ จุดเตาถ่านเป็น ขับมอเตอร์ไซค์ก็ยังได้ ยังมีไรอีกป่าวที่เราทำได้”
     คำพูดของพี่ณตทำให้ผมอมยิ้ม ผมเลยตอบไปแบบอวดดีนิดๆ ว่า
     “ยังมีอะไรอีกเยอะครับที่พี่ไม่รู้ว่าผมทำได้”
     แล้วผมก็ได้พิสูจน์ทันตาเห็นเลยครับ ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา!
     เพราะพอพวกเรากลับไปถึงบ้านพักเจ้าพวกนั้นก็ทะยอยตื่นกันแล้วครับ โดยเฉพาะสามสาวที่ออกมานั่งแอคท่ารับแสงตะวันริมหาดกันสนุกสนาน
     โอมก็เช่นกันครับ ตื่นแล้วเหมือนกัน ผมไม่แน่ใจว่าเมื่อคืนโอมอยู่ถึงดึกขนาดไหนแต่โอมมักจะตื่นเช้าเป็นประจำ เวลาไปไหนด้วยกันผมไม่เคยต้องปลุกโอมเลย ผมชอบโอมก็ตรงนี้แหละครับคล้ายๆ ผมในหลายๆ เรื่อง
     “ต้น ไปไหนมาเหรอ โห ซื้อไรมาเยอะแยะอ่ะ?”
     เมย์ทักผมทันทีที่พวกเราขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาถึงหน้าบ้านพัก
     “ไปตลาดมา หิวยัง? เราซื้อน้ำเต้าหูกับปาท่องโก๋มาด้วยทานมั้ย?”
     นอกจากบรรดาแก๊งของผมที่กรูกันเข้ามาขอส่วนแบ่งแล้ว เหล่าบรรดาผีโหยที่เริ่มทยอยตื่นกันแล้วก็พากันมาขอส่วนบุญด้วยเหมือนกันครับ อย่างที่ผมคิดไว้เลยแค่ขนมปังปิ้งกับเนยและแยมชุดเล็กๆ แล้วก็โอวัลตินที่เป็นมื้อเช้าจากทางบ้านพักนั้นมันไม่พอยาไส้เพื่อนผมจริงๆ
     ยังไม่ทันจะเลยเก้าโมงดี ของกินที่ผมซื้อมาก็มีสภาพเหลือแต่ซากเท่านั้นแหละครับ พวกที่ยังไม่ตื่นก็อดไปตามระเบียบ เหลือแค่ขนมเล็กๆ น้อยๆ ไม่กี่ซองที่ยังไม่ได้แกะ พวกไม่เรื่องมากไม่บ่นอะไรหรอกครับ แต่ไอ้พวกเรื่องมากนี่สิ ทั้งขี้บ่นงอแง โวยวายหาว่าไม่เหลืออะไรไว้ให้พวกมันทาน ที่จริงมันก็เหลือนะครับ แต่ขนมปังปิ้งที่เย็นชืดแล้ววางตากลมจนแข็ง ใครมันจะไปอยากกินล่ะครับ
     คนที่ขับรถเป็นก็โชคดีหน่อยยืมมอเตอร์ไซค์ไปหาของกินกันตามสบาย บางคนก็เลือกที่จะไปเดินเล่นก็มี เรามาพักกันสี่วันสามคืนครับวันนี้เลยบรรยากาศชิลๆ ตามอัธยาศัย มีพวกที่ยังไม่ตื่นอย่างอัฐกับพัท แล้วก็พวกพี่เบียร์พี่ณตที่ขึ้นไปหลับต่อ ส่วนกลุ่มบ้าพลังอย่างพวกมิวนิค เป้ นัน วิ่งลงทะเลไปแล้วครับ เชื่อเขาเลย!
     ราวๆ สิบโมง เพื่อนร่วมแก๊งค์คนสุดท้ายของผมก็ตื่น เกือบไม่มีใครอยู่ในบ้านแล้วนอกจากพวกที่ขึ้นไปนอนต่อ ที่เหลือถ้าไม่เล่นน้ำก็นั่งชิลอยู่หน้าบ้าน ผมฝากให้โอมพาสามสาวไปตลาดครับ เพราะฉะนั้นตอนนี้เลยไม่มีมอเตอร์ไซค์แล้ว ใครอยากไปไหนต้องเดินเอง ยังดีที่แก้วกับโอมขับมอเตอร์ไซค์เป็น เด็กต่างจังหวัดอย่างแก้วสบายๆ อยู่แล้วครับ พวกเธออาสาจะไปหาวัตถุดิบทำมื้อกลางวันมาให้ กระเป๋าเงินกองกลางโดนป่านยึดไปแล้ว ผมได้แต่หวังว่าพวกนั้นจะไม่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายนะครับ ยังเหลืออีกหลายมื้อ
     “ต้น หิวจังเลย”
     มาถึงก็บ่น ผมมองไปป์ที่เดินลงมาจากชั้นบนด้วยหางตาบ่งบอกให้รู้ว่าเซ็งครับ ผมกำลังเก็บข้าวของเกลื่อนกลาดที่วางระเกะระกะตรงชั้นล่างนี่อยู่ แล้วไหนจะยังเศษทรายพวกนั้นอีก ไอ้พวกเพื่อนๆ ผมมันเดินเข้าบ้านไม่เช็ดเท้ากันเลย เลอะเทอะไปหมด ไม่เชิงว่าผมเป็นพวกรักความสะอาดหรอกนะครับ แต่พอเดินไปเดินมาแล้วเหยียบลงไปบนพื้นที่มีทรายเขรอะๆ อยู่ทั้งแบบแห้งและก็แบบคราบแฉะๆ เปียกๆ แล้วมันก็... อี๊! ทนไม่ไหวครับ
     “มีไรเหลือให้เรากินมั่งอ่า หิว”
     ผมชี้ไปบนโต๊ะแล้วก็บอกไปป์ด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ
     “มีเท่าที่เห็นนั่นแหละ ทีหลังตื่นเช้าๆ สิ ตื่นมากินก่อนก็ได้ ละค่อยไปนอน”
     “ไอ้พวกนั้นมันไม่เหลือไรไว้ให้เราเลยนี่หว่า”
     ไปป์มองดูซากของเหลือแล้วบ่นอุบทันทีครับ มันก็จริงนะ ของที่เหลือๆ อยู่นั้นหน้าตาไม่น่ากินสุดๆ ไปเลยครับ เห็นแล้วก็อดสงสารไปป์ไม่ได้ อ๊ะจริงสิ! ผมว่าผมเห็นทางออกแล้วนะ
     “ข้าวผัดมั้ย มีข้าวสวยเหลือนิดหน่อยจากเมื่อวาน ยังไม่บูด ผัดกับพวกหอยที่เหลือก็ได้ เมื่อเช้าเราซื้อไข่สดมาด้วย เดี๋ยวทำให้?”
     “จริงดิ ละจะกินได้เหรอ”
     โอ้โห! ถามกันแบบนี้ไม่ต้องกินก็ได้นะไปป์ ถ้าผมไม่มั่นใจว่าทำแล้วกินได้ผมคงไม่ถามแบบนี้หรอกครับ หน้าตาของผมคงออกอาการ เพราะไปป์รีบง้อผมทันที
    “เราแซวเล่นหน่อยเดียวเอง อย่าโกรธนะ”
     ก็ดีครับ รู้จักง้อขอโทษกันแบบนี้ ผมเองก็ใจกว้างพอ ผมให้อภัยครับ แค่เห็นหน้ายิ้มๆ ของไปป์ก็ใจอ่อนแล้ว
     “งั้นรอแปปนึงนะ ขอถูหน้าบ้านตรงนี้อีกรอบนึงก่อน ทรายเต็มเลย นายไปอาบน้ำก่อนก็ได้ แปรงฟันด้วยอ่ะ”
     “คร้าบ แม่ต้น”
     “ไปป์!”
     ไม่ทันแล้วครับ ไปป์เผ่นขึ้นบันไดไปแล้ว อย่างรวดเร็วซะด้วย ให้ตายสิ มาเรียกผมแบบนั้นได้ยังไงกัน!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


จู่ๆ อารมณ์ไหนไม่รู้ มีแอบแต่งเพิ่มนิดหน่อย หึๆ  :katai4:  สกิลน่ารักของไปป์เริ่มทำงาน :m19:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#28/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 28-10-2014 01:18:53
ต้นน้ำ

     ไปป์อาบน้ำแปรงฟันเร็วมาก ผมยังถูหน้าบ้านไม่เสร็จเลยแต่ไปป์ลงมาซะแล้ว กลิ่นโลชั่นคุ้นจมูกบ่งบอกว่าไปป์ไร้ความเกรงใจแค่ไหน แต่เอาเถอะ เมื่อวานผมเป็นคนออกปากอนุญาตไปเองนี่นา
     ผมจัดการเอาของเหลือที่พอหาได้มาทำข้าวผัดให้ไปป์ครับ เราอยู่ในครัว ไปป์คอยช่วยหยิบโน่นหยิบนี่จนผมวุ่นมากกว่าเดิม เพราะเดี๋ยวก็มีคำถามจำพวก “เอาอันไหนต่อ” “ใส่นี่ด้วยดิ” มาให้ผมรำคาญเป็นระยะๆ
     แต่มือชั้นนี้แล้วไม่มีทางเสียเรื่องหรอกครับ ผมน่ะใช้มุขผัดข้าวผัดด้วยของเหลือในตู้เย็นให้พี่ชัชบ่อย อะไรใส่ด้วยกันแล้วกินได้ไม่ได้ผมรู้ดี ยิ่งถ้าคนเราหิวๆ แล้วละก็ยังไงก็อร่อยครับ โปะไข่ดาวลงไปซักใบ แค่นี้ก็อร่อยแบบเนียนๆ แล้ว
     โชคดีที่ผมซื้อพวกซอสขวดเล็กๆ ติดมาด้วย อย่างน้อยก็เหยาะใส่ข้าวผัดปรุงรสไม่ให้ชืดจนเกินไปได้ แถมยังเหยาะใส่ไข่ดาวได้อีกด้วยนะครับ นอกนั้นพวกเครื่องปรุงรสซองเล็กๆ ผมก็ซื้อติดมากับไข่โหลนึง แล้วก็น้ำมัน กะแล้วละครับว่าต้องได้ใช้แน่ๆ แล้วก็คิดไม่ผิดจริงๆ
     กลิ่นหอมๆ ของข้าวผัดชวนให้ไปป์น้ำลายสอใหญ่เลยครับ สะกิดผมยิกๆ ว่าเสร็จแล้วรึยังอยู่นั่นแหละ
     “ต้นเก่งจัง ทำอาหารบ่อยเหรอ? ในรูปก็เห็นใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่หน้าเตา”
     จะพูดขึ้นมาทำไมนะไปป์! ผมอุตส่าลืมเรื่องนี้ไปแล้วเชียว ไอร้อนที่แผ่ซ่านอยู่บนหน้าผมนี่ไม่ได้มาจากเตาแน่ๆ ครับ ผมหวังว่าผมคงจะไม่หน้าแดงมากนะ โชคดีที่ผมยืนหันหลังให้ไปป์
     “อืม”
     “แฟนต้นนี่โชคดีเนาะ”
     “เหรอ?”
     คงเพราะผมไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดีมั้งครับเลยได้แต่เออออไปตามเรื่อง
     “ต้นจะไม่ถามเราหน่อยเหรอว่าเราคิดยังไงกับเรื่องนั้น?”
     “แล้วเราควรจะถามอะไรล่ะ?”
     ผมหันมามองหน้าไปป์อยู่พักหนึ่งครับ ใช่ว่าผมไม่อาย ผมอาย แต่เพราะเพื่อนยังทำตัวเหมือนเดิมกับผมๆ ก็เลยไม่อยากคิดอะไรมาก ไม่อยากรื้อฟื้นอะไรไม่ว่าจะเรื่องที่ผมชอบผู้ชายหรือเรื่องคลิปหลุด ผมแค่อยากจะลืมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เท่านั้น เลยเลือกที่จะเงียบไว้ครับ
     “ก็ถามว่าเราคิดยังไงที่นายเป็นเกย์อะไรทำนองนี้”
     “ก็นายก็ทำตัวเหมือนเดิมนี่ ถ้ารังเกียจเราคงไม่มาอ้อนเราแบบนี้หรอกมั้ง?”
     ผมพูดพร้อมกับยกตะหลิวกับกระทะในมือให้ไปป์ดู ไปป์หัวเราะครับ ไปป์หัวเราะร่าเริงมากๆ แล้วก็ยิ้มออกมา
     “อื้อ เราเดาได้อยู่แล้วว่านายน่าจะเป็น”
     “ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
     ผมถามพลางตักข้าวผัดที่เสร็จแล้วใส่จานไว้ มีเยอะเหมือนกันครับ ตักได้พูนจานเลยแถมยังมีเหลือในกระทะอีก สงสัยเมื่อคืนพวกนั้นไม่ได้กินข้าวกันเยอะ หรือไม่ก็สั่งมาเยอะเกินจนเหลือ เปลืองของจริงๆ เลย
     “ก็ตั้งแต่แรก สัดส่วนคนมาจีบนายส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายเยอะกว่าผู้หญิง แต่เห็นนายนิ่งๆ เลยยังไม่แน่ใจ มาแน่ใจเอาก็ตอนที่เพื่อนนายมาหาบ่อยๆ อ่ะ คิดว่าคนนั้นคงเป็นแฟนนายด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ใช่ๆ มั้ยล่ะ?”
     “ฉลาดนะไปป์”
     “แน่นอน!”
     “แต่เรากับคนนั้นก็เพื่อนกันธรรมดาๆ ทำไมนายถึงได้แน่ใจว่าเราเป็นเกย์ล่ะ ต่อให้มีผู้ชายมาจีบเรา แต่ก็ใช่ว่าเราต้องเป็นเกย์นี่”
     “เพราะผู้ชายคนนั้นแสดงออกว่ารักต้นชัดเจนมากอ่ะสิ ส่วนต้นเองก็ทำเหมือนรู้อยู่แล้วว่าคนอื่นคิดอะไรกับตัวเอง คนไหนที่ไม่ทำให้นายลำบากนายก็จะไม่ปฏิเสธ ไม่เหมือนเมย์กับโอม แต่กับคนนั้นนอกจากต้นจะไม่ปฏิเสธแล้วยังพิเศษด้วยอ่ะ”
     “ยังไง?”
     ผมถามต่อทันทีครับ ผมอยากรู้ว่าระหว่างผมกับแม็กซ์มีอะไรที่มันชัดเจนมากขนาดนั้น คราวหน้าผมจะได้ระวังตัว ไม่เผลอทำอะไรหลุดๆ แบบนั้นต่อหน้าใครอีก โดยเฉพาะต่อหน้าพี่ชัช!
     “ต้นอ้อน เหมือนที่อาร์มบอกเลย เรานึกว่าอาจจะเพราะคนนั้นเป็นแฟนเก่าหรืออะไรทำนองนั้นอ่ะ”
     ผมหันไปมองไปป์พลางล้างกระทะ เพราะผมยังต้องใช้มันทอดไข่ต่ออีก
     “แก้ข่าวนิดนึงนะ เรากับแม็กซ์ไม่เคยคบกัน”
     “แต่ก็เคยจีบต้นใช่ป่ะ? แล้วต้นก็ไม่ทำท่ารังเกียจด้วย ต้นจะยอมให้คนอื่นอ้อนไม่ก็เป็นฝ่ายอ้อนเองกับคนที่ต้นสนิทใจด้วยใช่มั้ยอ่ะ?”
     “ก็ทำนองนั้น เรื่องสมัยก่อนน่ะ ยังไงแม็กซ์ก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่เรารักมากคนนึง ก็เลยสนิทกันละมั้ง”
     ผมไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดี ผมคิดไม่ออกจริงๆ นั่นแหละครับว่าผมทำอะไรพลาดไปตรงไหน ผมเวลาที่อยู่กับแม็กซ์ไม่เหมือนเวลาที่ผมอยู่กับอาร์มรึไง? ไปป์ถึงได้สังเกตได้ถึงขนาดนี้
     “แล้วนี่เราสนิทกันยังอ่ะ? เราสู้เพื่อนเก่านายได้ป่ะ?”
     ผมตวัดหางตาไปมองเหยียดๆ ถามมาได้ ถ้าไม่สนิทผมจะยอมเล่าอะไรแบบนี้ให้ฟังเหรอครับ!
     “ง่า ถามแค่นี้ไม่เห็นต้องค้อนเลยอ่ะต้น ก็แค่อยากได้ยินจากปากต้นเท่านั้นเอง เราสนิทกันยัง?”
     ให้ตายเถอะครับ ไปป์เป็นเด็กหกขวบรึยังไง!
     “อื้อ!”
     “งั้น! ถ้าเราสนิทกันแล้วเล่าเรื่องต้นให้ฟังหน่อยดิ เราอยากรู้เรื่องของต้นมากกว่านี้อ่ะ?”
     “จะให้เราเล่าอะไรล่ะ? นายอยากรู้อะไรก็ถามมาเถอะ เผลอๆ นายอาจจะรู้หมดแล้วก็ได้”
     “นายอยู่กับแฟนนายเหรอ?”
     ผมแปลกใจนะ คำถามแรกที่ไปป์ถามเป็นเรื่องนี้หรอกเหรอครับ? แต่อย่างว่าแหละ นี่คือไปป์ ผมเดาใจอะไรไปป์ไม่ถูกหรอก
     “ใช่ เราอยู่กับแฟน”
     “แฟนนายทำงานแล้วด้วยใช่ป่ะ? แม่นายไม่ว่าไรเหรอ? เห็นนายบอกว่าแม่นายแต่งงานใหม่ไปเมืองนอก แต่นายกลับไม่ไปแล้วก็เรียนที่นี่แถมยังอยู่กับแฟนอีก”
     “แม่รู้เรื่องเรากับพี่ชัชมาตั้งนานแล้ว แม่ไม่ว่าอะไรหรอก ยังบอกเลยว่าดีซะอีกจะได้มีคนคอยดูแลเราตอนที่เขาไม่อยู่”
     “เพราะเรื่องพ่อนายใช่ป่ะ? อาจารย์ต้นเป็นพ่อนายใช่ป่ะ? นายจงใจเข้าที่นี่เพราะพ่อนายใช่ป่ะต้น?”
     ผมชะงักมือที่กำลังจะตักไข่ดาวใส่จานให้ไปป์ทันที ไปป์นี่ฉลาดมากไปแล้ว! แค่เรื่องนิดๆ หน่อยๆ ก็สามารถปะติดปะต่อออกมาได้ถูกหมด นายเป็นโคนันรึยังไงไปป์!
     “นายรู้ได้ยังไง อาจจะเป็นแค่ญาติกันก็ได้นะ”
     “ก็อาจารย์เขาวุ่นวายกับนายมาตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแล้ว ตอนแรกเรานึกว่าอาจารย์จะเลี้ยงต้อยนายซะอีก แต่พอดูไปดูมาแล้วนายกับอาจารย์หน้าคล้ายๆ กันอยู่นะ แถมนายยังไม่เคยพูดถึงเรื่องพ่ออีก ไม่ยอมให้ใครแตะหัวข้อนี้เลย นายไม่เคยพูดว่าหย่าหรือตายไปแล้วอะไรทำนองนั้นแค่บอกปัดๆ ไปว่าไม่มีพ่อ แล้วก็ยิ่งตอนที่นายเกิดเรื่องอ่ะ อาจารย์ดูห่วงนายมากแต่นายกลับต่อต้านอาจารย์ทั้งที่นายไม่เคยทำแบบนั้นกับใคร แสดงว่านายต้องเกลียดอาจารย์มากแน่ๆ เราเลยเดาเอา ยิ่งมาแน่ใจตอนที่นายกับเพื่อนไปหาอาจารย์รอบหลังสุดนี่แหละ แถมนายยังเป็นเด็กทุน แม่ไม่ได้อยู่ด้วย ถ้าไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยนายก็อยู่เมืองไทยคนเดียวไม่รอดหรอก ถึงจะขอทุนแต่นายกลับใช้ชีวิตสบายๆ ไม่เหมือนคนไม่มีตังค์ แปลว่านายต้องมีคนเลี้ยงดูอยู่ แต่คนอย่างนายไม่ใช่พวกเด็กเสี่ยแน่ๆ เพราะนายไม่ใช่พวกมักง่าย แถมบางทีนายก็โคตรงกเลย เราเลยเดาเอาว่านายน่าจะอยู่กับแฟนที่ทำงานแล้วแล้วก็ส่งเสียนายอยู่ด้วย ถูกป่ะ?”
     “วันนั้นนายแอบฟังจริงๆ ด้วยสินะ เอาเถอะ นายเดาถูกทั้งหมดนั่นแหละไปป์”
     จะให้ผมปฏิเสธอะไรอีกละครับ หลักฐานมันแน่นหนาขนาดนี้ แล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องนี้แล้วด้วย เล่นเดามาซะขนาดนั้น ไม่เหลืออะไรให้ผมต้องตอบแล้วมั้งครับ ผมว่าไปป์เลิกเรียนฟิสิกส์ไปเปิดสำนักงานนักสืบดีกว่า น่าจะรุ่ง!
     “ต้นรักแฟนมากเลยดิ มีคนมาจีบนายตั้งเยอะนายก็ไม่หวั่นไหว”
     “อื้อ รักสิ ไม่รักจะคบเหรอ”
     “เล่าให้ฟังหน่อยดิ เรื่องนายกับแฟน”
     “นายก็รู้หมดแล้วนี่ ยังจะถามไรอีก”
     ผมดันจานข้าวผัดที่โป๊ะไข่ดาวแล้วไปให้ไปป์
     “ไม่เอา อยากรู้ คบกันได้ไงไรทำนองนี้อ่ะ เล่าหน่อยๆ”
     “ไม่มีไรน่าสนใจหรอก ออกไปกินข้าวเหอะ หิวไม่ใช่รึไง?”
     “บู่! ไหนต้นสัญญาแล้วไง”
     เอาละ เริ่มงอแงเป็นเด็กแล้วไปป์น้อย ผมคว้าฝรั่งที่ซื้อมาเมื่อเช้ากับมีดติดมือเดินนำออกไปนั่งที่หน้าบ้านโดยไม่รอ ไปป์ไม่มีทางเลือกเลยเดินถือจานข้าวมานั่งฝั่งตรงข้ามผมแล้วก้มหน้ากินด้วยอาการหงอยๆ เหมือนเด็กไม่ได้ของเล่น
     “เรากับพี่ชัชรู้จักกับได้ราวๆ สองปีแล้ว”
     ไปป์เงยหน้าจากจานข้าวผัดขึ้นมามองผม เหมือนแปลกใจที่ผมเริ่มเปิดปากเล่าซะอย่างนั้น
     “จริงดิ? ละรู้จักกันได้ไงอ่ะ?”
     “ก็อยู่คอนโดห้องข้างๆ กัน พอดีเราช่วยเขาเอาไว้ พี่เขาเมา เราเลยช่วยดูแลเขา”
     “โห ละเขาก็ปิ๊งต้นเลยงั้นเหรอ? เหมือนในมังงะเลย!”
     “เปล่า”
     “อ้าว?”
     “ความจริงเราปิ๊งพี่เขามาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว แล้วเราก็รู้จักแฟนเก่าพี่เขาด้วย พอพี่ชัชอกหักเลิกกับแฟนก็ทำตัวห่วยแตก เราเลยทนไม่ไหวอ่ะ”
     “ยังไงอ่ะ?”
     “พาผู้หญิงมาค้างไม่เลือกหน้า!”
     พูดแล้วยังแอบเคืองอยู่หน่อยๆ นะครับ นึกถึงพี่ชัชตอนนั้นแล้วมันหงุดหงิดจริงๆ เลย
     “อ้าว! แฟนต้นไม่ใช่เกย์หรอกเหรอ?”
     ผมส่ายหน้าเบาๆ แทนคำตอบ
     “แฟนเก่าพี่ชัชก็เป็นผู้หญิง พี่ฟ่างเขาดีกับเรามากๆ เพราะแม่เราเป็นแอร์ไง เราเลยต้องอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วพี่ฟ่างเขาสงสารเราเวลามีขนมหรืออะไรก็เอามาแบ่งให้เราบ่อยๆ แล้วบางทีพอได้นั่งคุยกันพี่เขาก็หลุดปากเรื่องแฟนบ้าง เราก็เลยรู้จักวีรกรรมพี่ชัชเยอะ ไปๆ มาๆ พอพี่เขาเลิกกัน มันก็... ไม่รู้สิ อารมณ์แบบทนไม่ได้ละมั้งที่เห็นผู้ชายที่เป็นไอดอลของตัวเองกลายเป็นไอ้ขี้เมาทำตัวห่วยแตกไปวันๆ”
     “ต้นชอบผู้ชายแก่กว่าเพราะปมเรื่องพ่อเหรอ?”
     โอ้ย! ไปป์ นายไม่ต้องถามตรงๆ ขนาดนี้ก็ได้นะ ผมจุกนะครับ เกือบทำมีดบาดนิ้วแน่ะ!
     “นายนี่ฉลาดเกินไปแล้วนะ”
     “อื้อ เห็นมั้ยอ่ะข้อดีของการอ่านการ์ตูนเยอะๆ”
     ไปป์ทำหน้าแป้นแล้นยิ้มใส่ผมซะน่าหมั่นไส้ ใช่สิไอ้พวกบ้าที่อ่านแต่การ์ตูนจนถึงวันสอบแต่กลับไม่เคยตกมีนเอ้ย!
     “เล่าต่อดิ ต่อๆ กำลังฟังเพลินๆ เลย”
     “เราก็ไม่รู้หรอกนะว่าเพราะปมเรื่องพ่อรึเปล่า แต่รู้สึกว่าพี่เขาอบอุ่นดี พี่เขาดีกับเรามากเราก็เลยปลื้มพี่เขาละมั้ง”
     “ละเป็นแฟนกันได้ไงอ่ะ แฟนต้นไม่ใช่เกย์แล้วมาชอบต้นได้ยังไง?”
     “ไม่รู้สิ พอเราช่วยพี่เขาแล้วก็เลยเริ่มสนิทกันมั้ง เราเลยชอบพี่เขาขึ้นมาจริงๆ พี่เขาเองก็ไม่มีใคร เขาคงเหงามั้ง แล้วพอพี่เขาขอเราเป็นแฟนก็เลยเป็นแฟนกัน แม่เรากับพี่เขาก็รู้จักกันอยู่แล้วเลยปิดเรื่องนี้ไม่ได้ แต่แม่เราก็ไม่ได้ว่าอะไร พอแม่เราไปอยู่เมืองนอกเราก็เลยย้ายไปอยู่ห้องแฟนก็แค่นั้น จบ”
     “ละพ่อนายไม่ว่าเอาเหรอ?”
     “เขาไม่มีสิทธิ์หรอกไปป์ เขาจะว่าอะไรได้ ถึงเราจะรู้ตัวว่าเราไม่มีพ่อเพราะเป็นเด็กที่เขาไม่ต้องการมาตั้งแต่เกิดก็เถอะ แต่เราก็พึ่งรู้ว่าพ่อเราเป็นใครเมื่อสี่ปีก่อนนี้เอง แม่เราไม่เคยบอกเราหรอกว่าพ่อเราเป็นใคร บอกแค่ว่าเราเกิดมาได้ยังไง แล้วบังเอิญเรากับแม่ไปเจอเขาในงานวันเกิดเพื่อนเราตอนมอห้านั่นแหละเราถึงรู้ว่าพ่อเราเป็นใคร”
     “อ้าว! งี้นายก็ลำบากแย่เลยดิ? อยู่กับแม่สองคน แถมแม่เป็นแอร์อีก ละพออาจารย์เขารู้เขาไม่ช่วยไรนายเลยเหรอ?”
     “ก็เขาก็พยายามนะ แต่ไงดีล่ะ ชีวิตคนเรามันไม่ได้สวยงามเหมือนนิยายนะ เขาเองก็มีหน้ามีตาในสังคม จะยอมรับเราอย่างเปิดเผยได้ไง มันก็เลย... ก็อย่างที่นายเห็นนั่นแหละ”
     “มิน่า นายถึงได้คอยหาเรื่องอาจารย์เขาตลอด”
     “บ้า! พูดดีๆ นะ ไปป์ เราหาเรื่องอาจารย์เขาที่ไหน”
     “ก็เห็นคอยท้าทายอยู่ตลอดนี่ แต่หลังๆ นี่ดีกันแล้วดิ นายไม่ค่อยวีนใส่อาจารย์แล้วนี่นา”
     พอถูกพูดแบบนี้ผมก็เขินขึ้นมานิดๆ แฮะ ไม่คิดว่าไปป์จะสังเกตเห็น
     “สังเกตด้วยเหรอ?”
     “อื้อ เพราะงี้ใช่ป่ะ พอแม่นายไม่อยู่นายถึงเลือกที่จะอยู่กับแฟนแล้วก็ขอทุน ไม่ยอมรับความช่วยเหลืออะไรจากอาจารย์”
     “อื้ม ก็ทำนองนั้นแหละ”
     “แล้วแฟนนายอ่ะ เขาว่าไงบ้าง?”
     “พี่ชัชเขาไม่ว่าอะไรหรอก เราเป็นแฟนเขา เขาก็ต้องซัพพอร์ทเราอยู่แล้ว เพราะตอนนี้เรายังเรียนอยู่ยังช่วยอะไรเขาไม่ได้ ก็เลยต้องประหยัดๆ ไงล่ะ ไม่ใช่ว่าเราอยากจะงกซักหน่อย”
     “ฮ่าๆ นายนี่ตลกชะมัดเลยอ่ะ”
     ไปป์หัวเราะอยู่ครู่นึงแล้วก็มองหน้าผม จ้องซะผมตัวแทบทะลุ
     “ถามเรื่องนั้นด้วยได้ป่าวอ่ะ?”
     “เรื่องไหน?”
     ผมงงๆ ก็เลยถามออกไป
     “เรื่องเซ็กส์ของนายกับแฟน”
     “บ้า! มาถามไรตอนกินข้าว”
     “ไม่เป็นไรเราไม่ถือ”
     ไปป์ไม่ถือแต่ผมถือ ผมอายนะครับ ให้มาคุยอะไรแบบนี้!
     “แฟนนายชอบผู้หญิงแล้วไม่มีปัญหาเหรอ?”
     “แล้วนายคิดว่ามีปัญหามั้ยล่ะ?”
     ผมตอบปัดๆ ไป ไปป์ไม่น่าถามอะไรแบบนี้เลย ก็ได้ยินเต็มสองหูแล้วแท้ๆ ผมเขินนะครับ
     “งั้นก็แปลว่านายยอมตลอดดิ ไม่เคยเป็นฝ่ายทำบ้างเลยเหรอ? ไม่รู้สึกว่าโดนแฟนเอาเปรียบบ้างเหรอ ผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ”
     “ไม่รู้สิ มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่ ก็ไม่ได้รู้สึกแย่ซักหน่อย ชินแล้วมั้ง เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกเราก็เลย.. เฉยๆ มั้ง”
     “งี้ก็แปลว่านายไม่เคยเลยอ่ะดิ?”
     ผมรู้สึกได้ว่าหน้าของผมต้องกำลังแดงอยู่มากๆ แน่เลยครับ
     “อืม ก็ตั้งแต่ครั้งแรกก็เป็นแบบนี้มาตลอดอ่ะ”
     “โห ต้นทนได้ไง สุดยอดอ่ะ!”
     “บ้า! มันไม่ได้แย่อะไรขนาดต้องอดทนนี่ เราก็ใช่ว่าจะไม่มีความสุขซักหน่อย เรารักพี่เขาอะไรที่ยอมได้เราก็เต็มใจแหละ เราพอใจกับความสุขแบบนี้แล้ว”
     ไปป์มองผมอย่างทึ่งๆ ก่อนจะตักข้าวทานต่ออีกสองสามคำแล้วก็เริ่มซักผมต่อ
     “แฟนนายเคยเอากับผู้ชายคนอื่นมาก่อนป่ะ?”
     ผมชะงักมือไปทันที
     “ไม่หรอก พี่เขามีแต่เราคนเดียว”
     “แต่แฟนนายเล่นประตูหลังเก่งแบบนั้นนายไม่แปลกใจเหรอ? แฟนนายอาจจะเป็นไบอยู่แล้วก็ได้ไรงี้อ่ะ?”
     “ไม่มั้ง ครั้งแรกที่ทำมันก็ไม่ได้ดีอะไรมากนักหรอกไปป์ แล้วพี่เขาก็เคยบอกเราด้วยว่าเราเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้พี่เขามีอารมณ์”
     ผมอยากจะยืนยันอย่างมั่นใจแต่เสียงของผมเริ่มสั่นซะงั้น ไปป์ยักไหล่ไม่ใส่ใจก่อนจะยิงคำถามที่ทำให้ผมจุกมากกว่าเดิม
     “งั้นละถ้าพี่เขาปกติชอบผู้หญิงมาตลอดนายคิดว่าตัวเองจะหยุดเขาได้เหรอต้น ในเมื่อนายเป็นผู้ชาย”
     “เรา... ไม่รู้สิ หยุดได้ไม่ได้เราก็ไม่รู้ เรา...”
     คงเพราะผมอึ้งๆ ไป ไปป์เลยเริ่มรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมา
     “เอ้ย! อย่าคิดมากนะ เราแค่ถามไปงั้นๆ แฟนนายท่าทางรักนายจะตายคงไม่นอกใจนายหรอกมั้ง ละอีกอย่างอยู่กับนายแล้วก็คล้ายๆ กับอยู่กับผู้หญิงอยู่ละ นายไม่ต้องคิดมากหรอก”
     ถ้าจะปลอบกันแบบนี้ไม่ต้องปลอบกันเลยก็ได้นะไปป์
     “ไปป์! เราเป็นผู้ชายนะไม่ใช่ผู้หญิง”
     “ขอโทษๆ เราไม่ได้หมายความแบบนั้น”
     “ช่างเถอะ”
     ไปป์เหล่ตามองผมแล้วก็ถามคำถามงี่เง่าออกมาอีกแล้ว
     “ถามจริง ไม่มีซักนิดเลยเหรอ?”
     “อะไร?”
     “อยากเป็นผู้หญิงไง?”
     ผมถูกถามคำถามแบบนี้อีกแล้ว... ผมมองหน้าไปป์อยู่ครู่นึงก่อนจะเปิดปากพูดในสิ่งที่ผมคิด
     “ก็มีนะ ก็อย่างที่นายพูดไปเมื่อกี้แหละ เพราะเราเป็นผู้ชายมันไม่มีอะไรที่ยึดกันไว้ได้เลย แต่ถ้าเราเป็นผู้หญิง อย่างน้อยเราก็แต่งงาน จดทะเบียน มีลูกกับเขาได้ แล้ว... ไม่รู้สิ พี่ชัชเขาก็ทำให้เรามีความสุขมากๆ เราก็เลย คือบางทีน่ะนะ.. บางทีมันก็มีบ้าง แบบว่า ถ้าเราเป็นผู้หญิง เราคงแต่งงานสร้างครอบครัวมีลูกกับเขาได้ อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าช่วยกันเลี้ยงหลานอะไรทำนองนั้นอ่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นได้มันก็คงจะดี เราคงมีความสุขมากๆ แต่เราก็คิดนะว่าถ้าไม่ใช่เพราะเราเจอพี่เขาเราก็คงไม่ได้คิดแบบนี้ เพราะเรารักพี่ชัชเราเลยอยากมีลูกกับเขาละมั้ง ซึ่งเราทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเราเป็นผู้ชาย เราก็เลยคิดทำนองว่าถ้าเราเกิดมาเป็นผู้หญิงคงจะดีกว่านี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเรารับร่างกายที่เป็นผู้ชายของตัวเองไม่ได้นะ เราไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรือทนไม่ได้ที่ตัวเองเป็นผู้ชายซักหน่อย แล้วเราก็โตมาแบบนี้ด้วย จนถึงตอนนี้เราก็คิดอยู่ว่าเราเป็นผู้ชาย”
     “เข้าใจละ ต้นไม่ต้องคิดมากนะ เราถามไปงั้นแหละ ไม่ได้ตั้งใจทำให้นายไม่สบายใจ เราว่านายดีขนาดนี้อ่ะ แฟนนายไม่ทิ้งนายหรอก ต่อให้นายโดนทิ้ง เผลอๆ ก็มีคนต่อคิวจีบนายอีกเพียบ”
     “บ้า! ถ้าไม่ใช่พี่ชัชเราไม่รักใครหรอก”
     ผมยิ้มให้ไปป์ เจ้าคนขี้สงสัยประจำกลุ่ม แล้วก็เลื่อนจานใส่ฝรั่งที่ปลอกเสร็จแล้วไปให้ก่อนจะขอตัวเอามีดไปเก็บในครัว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ไปป์

     “พวกมึงจะแอบฟังกันอีกนานป่ะ?”
     “พวกกูไม่ได้แอบ มึงแหละมานั่งคุยกันตรงนี้เองทำไมวะถ้าไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน”
     เถียงกลับทันทีนะเชี่ยมิว
     “มึงได้ยินตั้งแต่ตอนไหน?”
     “ตอนที่มึงถามต้นว่าแฟนมันชอบผู้หญิง”
     “เออ แล้วไป”
     “ทำไมวะ มีความลับไรอีกรึไง?”
     “ถ้าต้นไม่ให้บอก กูก็ไม่พูด”
     “สัส รู้อยู่คนเดียวเลยนะมึง เล่ามามั่งดิวะ”
     มิวนิคมันมาเสือกผ่านทางผม แต่จะให้ผมพูดไรล่ะ นั่งกันครบแก๊งค์เลย ทั้งไอ้มิว ไอ้เป้ ไอ้นัน ผมว่าเชี่ยมิวแม่งต้องกระจายข่าวเรื่องที่ต้นชอบผู้ชายแล้วแน่ๆ ไอ้สองคนนั้นเลยดูไม่แตกตื่นเท่าไหร่ที่ได้ยินเรื่องที่ผมคุยกับต้น
     “มึงแหละ เสือกปากมาก บอกไอ้สองตัวนี่แล้วใช่มั้ย”
     “ไรอีกวะ ถึงไงไอ้สองตัวนี้มันก็เดาได้อยู่ดี เมื่อคืนพี่ณตก็พูดแล้วว่าต้นเป็นเกย์ กูบอกไม่บอกก็ไม่ต่างกันหรอก”
     ปัดสวะเชียวนะมึง!
     “ไม่ใช่เพราะมึงเหรอที่เสือกหลุดปากคนแรกอ่ะ ระวังไว้เหอะมึง ต้นรู้ขึ้นมา ชิบหายแน่”
     “ไรวะ เอาตัวรอดอ่ะ ทีมึงอ่ะ ยังถามต้นมันได้เลย ไม่เห็นต้นมันจะโกรธ”
     “ก็กูกับมึงมันต่างกันไง แล้วอย่าคิดนะว่ากูไม่รู้ว่ามึงคิดอะไร ต้นไม่ใช่คนที่มึงจะเล่นด้วยได้นะกูเตือนไว้ก่อน ไปบอกไอ้หื่นโค่ด้วยว่าเก็บหนอนมันไว้ให้ดี มาทำไรเพื่อนกูๆ เอาตายแน่!”
     “ไรว้า ทำหวงนะมึง มึงเองก็เนียนพอกันแหละ”
     “เพราะกูบริสุทธิ์ใจไม่คิดเชี่ยเหมือนมึงไง ต้นก็เลยไม่ได้ปฏิเสธกู พวกมึงดูให้ดีๆ แล้วกัน”
     ท้าทายมันไปงั้น เคืองอ่ะ เป็นเพื่อนกันมาตั้งปี พอรู้ว่าต้นไม่ปกติก็เห็นต้นเป็นของเล่นกันซะงั้น มันน่าโมโหแทนต้นที่มีเพื่อนเชี่ยๆ แบบนี้
     พอต้นเดินกลับออกมาก็ต้องแปลกใจเพราะที่นั่งตัวเองโดนยึดไปแล้ว ต้นเลยมานั่งข้างผมแทน เข้าแผนผม ผมกระแซะเอาไหล่ไปสะกิดต้นเบาๆ แล้วก็อ้อน
     “ต้น ข้าวติดคออ่ะ ขอน้ำหน่อยดิ เอาเป๊ปซี่ใส่น้ำแข็งด้วยนะ”
     ต้นมองหน้าผมเซ็งๆ แล้วก็เริ่มบ่นตามปกติ แต่ผมอ่ะไม่ได้ฟังหรอก หันไปยักคิ้วท้าทายเชี่ยมิวอยู่
     “แล้วทำไมไม่เดินไปหยิบอ่ะ ใช้คนอื่นนะไปป์”
     “ก็เดี๋ยวมีหมามาแย่งข้าวเราอ่ะ เลยต้องเฝ้าไว้”
     “สัส ว่ากู ต้นมึงอ่ะสองมาตราฐานว่ะ ทำให้ไปป์คนเดียวได้ไงวะ”
     นั่นไง ฮ่าๆ มึงพลาดแล้วมิวนิค
     “เราจำได้ว่านายเป็นคนแรกที่พุ่งมาหยิบปาท๋องโก๋กับน้ำเต้าหูไปนะมิวนิค แถมยังกินส่วนของคนอื่นไปด้วย”
     “แต่งั้นก็เหอะ มึงทำข้าวผัดให้ไปป์คนเดียวอ่ะ ไม่ยุติธรรมว่ะ เงินส่วนกลางนะว้อย”
     “ก็ไปป์เขาตื่นมาแล้วไม่มีไรกิน เราก็แค่เอาของเหลือเมื่อวานมาทำ”
     อึ้งไปเลยสิมึง อย่าแตะต้องเรื่องเงินกับต้นมันเชียว มึงพลาดละไอ้ยักษ์ แถมตอนนี้ผมเลื่อนขั้นในใจต้นแล้วด้วย ต้นเลยปกป้องผมเต็มที่ ฮ่าๆ
     “ก็... กูก็หิวไง กูกำลังโต ต้องกินเยอะๆ เมื่อเช้ามึงก็บ่นจนกูกินไม่อิ่ม พอมาเห็นไปป์มันจัดเต็ม กูก็หิวดิ”
     “อิจฉาว่างั้น? จะกินมั้ย ยังเหลืออีกนิดหน่อย”
     “เหลือ? จริงดิ?”
     “อืม แต่ไม่มาก จะเอามั้ย?”
     “เอาๆ กูเอาไข่ดาวแบบไปป์ด้วยได้ป่าว”
     ต้นหันมามองมิวนิคแบบเหยียดๆ นิดหน่อยก่อนจะเดินไปหยิบจานข้าวผัดมาให้มันแล้วก็ไม่ลืมหยิบน้ำติดมือมาให้ผมด้วย ผมเลยหันไปข่มมันต่อ
     “กูบอกแล้ว ต้นมันโอ๋กู”
     เห็นมิวนิคมองผมด้วยสายตาอิจฉาแล้วสะใจเป็นบ้าเลย ไอ้พวกนี้มันต้องเจอแบบนี้ซะมั่ง คิดไม่ดีกับต้นเหรอ ผมไม่ยอมหรอก ผมน่ะรักต้นเหมือนเป็นพี่แท้ๆ ของผมเลยนะ
     เมื่อก่อนผมมีพี่สาวที่รู้จักกันอยู่บ้านหลังข้างๆ เราสนิทกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ เพราะเวลาที่พ่อแม่ผมไม่อยู่ไปทำงาน ผมก็จะไปนั่งเล่นบ้านพี่ตา พี่ตาคอยสอนการบ้านแล้วบางครั้งก็ยังทำของอร่อยๆ ให้ผมทานด้วย แต่พอช่วงที่ผมอยู่ ป. 6 พี่ตาก็เข้ามหาลัยเลยไม่ค่อยมีเวลาให้ผมเหมือนเดิม แถมพี่ตาถูกผู้ชายเลวๆ หลอกจนเสียคนแล้วก็คิดสั้น พี่ตาจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ พ่อกับแม่ของพี่ตาทนรับความเสียใจไม่ไหว จากเดิมที่ต่างคนต่างก็เอาแต่ทำงานไม่มีเวลาให้กันอยู่แล้วก็เลยเลิกกันไปในที่สุด ต่างคนต่างโทษกันเองว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ดูแลพี่ตาให้ดีพี่ตาถึงได้โดนคนชั่วๆ หลอก
     ตั้งแต่ตอนนั้น ผมคิดว่าผมโชคดี ถึงพ่อกับแม่ผมจะทำงานหนักแต่พวกเขาก็รักผม นอกจากนี้ผมยังโชคดีที่มีพี่ตา แต่แล้วพี่ตาของผมก็ไม่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป จนกระทั่งผมได้เจอต้น ผมอาจจะคิดไปเองทั้งๆ ที่ต้นเป็นผู้ชาย แต่ผมกลับรู้สึกว่าต้นคล้ายกับพี่ตาในความทรงจำของผมมาก หรือคงเพราะแว่นกรอบสีดำสนิทเรียบๆ อันนั้น แต่แม้ต้นจะเปลี่ยนแบบแว่นไปแล้วก็ตาม ผมก็ยังคิดว่าต้นเหมือนพี่สาวคนนึงของผมอยู่ดี
     ต้นเป็นคนเดียวที่ยอมให้ผมอ้อน ถึงจะชอบเบ้หน้าใส่ผมแต่สุดท้ายต้นก็ยอมผมตลอด แม้แต่กับสามสาว ผมยังไม่กล้าอ้อนมากเท่าที่ผมทำกับต้น ผมกลัวโดนคนอื่นด่าว่าม่อ แล้วมันก็ไม่ดีด้วยถ้าผมจะไปทำแบบนั้นกับผู้หญิง รู้ตัวอีกทีผมก็โดนเมย์ข่ม เป็นลูกไล่ยัยป่าน ถึงแก้วจะดีกับผมแต่จะให้ผมไปอ้อนคนเรียบร้อยแบบแก้วก็เกรงใจ เพราะแก้วแอบชอบโอมอยู่ด้วย ต้นก็เลยเป็นคนในกลุ่มที่ผมอ้อนได้อย่างสบายใจมากที่สุด เพราะยังไงก็เป็นผู้ชายเหมือนๆ กัน แล้วผมก็รู้สึกได้ด้วยว่าต้นชอบให้ผมอ้อน
     ผมแอบยึดเอาต้นเป็นพี่สาวของผมมาตั้งแต่นั้น แต่เรื่องนี้ผมไม่กล้าบอกใครหรอกนะกลัวโดนคนอื่นล้อว่าเป็นซิสค่อน แถมต้นยังเป็นผู้ชายอีก ผมกลัวต้นโกรธเอา แต่ไปๆ มาๆ ตอนนี้ผมว่าบางที ต้นมันอาจจะเป็นประเภทคุณแม่มากกว่าพี่สาวซะแล้วสิ เพราะมันขี้บ่นสุดๆ ไปเลย
     แต่ไงก็ตาม ผมไม่ยอมให้ไอ้พวกเหลือบไรพวกนี้คิดอกุศลกับพี่สาวผมหรอก โดยเฉพาะแมงหื่นขอแค่มีรูกูเอาหมดแบบไอ้โค่ ฝันไปเหอะพวกมึง!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ว้ายๆ ที่แท้เป็นซิสค่อนนี่เอง หมาน้อยตัวนี้ท่าทางมาแรงแฮะ พ่อหนุ่มทานตะวันผู้สดใสร่าเริงมีคาแรคเตอร์แบบลูกหมา
มีมิวนิคเป็นพวกบ้าสมองกล้าม นี่มันเข้าฮาเรมรูทชัดๆ เราจะแอบเขียนนิยายดราม่าเป็นนิยายฮาเรมเนียนๆ ได้มั้ยน้อ?
หวังว่าคนอ่านคงสนุกกับคาแรคเตอร์บ้าๆ พวกนี้ ถ้าใครจำไม่ค่อยได้มีโปรไฟล์ให้ดูนะ ไปที่สารบัญหน้าแรกแล้วกดลิงค์ได้เลย
ป.ล. อย่าลืมนะ นี่มันนิยายดราม่า ไม่ใช่นิยายขายNC คนแต่งไม่หื่นเลยจริงจริ๊ง ฮ่าๆ  :-[
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#28/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 28-10-2014 22:57:20
รออยู่นะคะ วันนี้ไม่มาหรออ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#28/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 29-10-2014 19:48:02
รออยู่นะคะ วันนี้มาป่าวว
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#30/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 30-10-2014 00:28:35
ต้นน้ำ

     แค่เศษข้าวผัดไม่พอยาไส้ไอ้พวกผีโหยข้างนอกจริงๆ ครับ ตอนเช้าก็ซัดกันขนาดนั้นแท้ๆ ยังจะหิวอะไรกันอีก ผมมองจำนวนไข่ในแพ็คที่เหลืออยู่ไม่กี่ใบแล้วตัดสินใจโทรหาสาวๆ ผมฟังรายการของสดที่พวกนั้นซื้อมาแล้วก็สั่งเพิ่มไปเยอะเหมือนกัน เดาว่าอาจจะต้องเก็บกองกลางเพิ่มเพราะมีพวกกินล้างกินผลาญเยอะ ทำไงได้ ผู้ชายทั้งแก๊งค์นี่ครับ
     กว่าสามสาวจะกลับมาถึงก็เกือบบ่าย ไม่รู้ไปถึงไหนมาช้าจริงๆ เลยครับ ผมมองของที่สั่ง มื้อเที่ยงนี้คงต้องหาอะไรแบบด่วนๆ ให้พวกมันกันก่อน โชคดีที่ในกลุ่มมีคนทำอาหารเป็นอยู่บ้างเราเลยแบ่งหน้าที่กัน เมนูง่ายๆ กินกันตายอย่างผัดผัก ไก่ชุปแป้งทอด น้ำพริกกะปิกับผักชุบไข่ทอด ถูก ปรุงง่าย ได้คุณค่า ประหยัดเวลา เหมาะมากๆ กับสถานการณ์ครับ
     โชคดีนะครับที่ผมไปขอยืมครกมาแล้ว ป้าแกบอกว่าที่นี่มีคนมาพักแบบครอบครัวบ่อย บางคนก็ชอบโขลกพริกกระเทียมทำน้ำจิ้มซี้ฟู๊ดเอง แกเลยมีครกเล็กๆ ไว้ให้ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่โอถึงแนะนำมาพักที่นี่แม้จะไกลความสะดวกสบาย เดินตั้งไกลกว่าจะถึงที่เที่ยว หาดทรายก็ใช่ว่าจะสวย แต่มันสะดวกและราคาประหยัดครับ เหมาะกับแก๊งเรื่องมากแบบพวกเรา
     โอมช่วยผมหุงข้าวในขณะที่ป่านกับแก้วช่วยกันจัดการกับผัก ผมบอกสองสาวว่าอันไหนที่จะเอาชุบไข่ทอดให้พวกเธอแยกไว้เดี๋ยวผมจะทอดเอง ส่วนเมย์ก็กำลังหมักไก่กับแป้งชุบทอดอยู่ครับบอกว่ามีสูตรเด็ด ส่วนผมน่ะเหรอโขลกน้ำพริกสิครับ แล้วผมก็เขินมากๆ ด้วยเพราะมีคนแวะเวียนมาวุ่นวายในครัวพอสมควร คนที่พอมีประโยชน์ช่วยได้มันก็มีครับ แต่ไอ้พวกไร้ประโยชน์แล้วยังถ่วงแข้งถ่วงขาสิเยอะกว่า ก็พวกมันมาหาเรื่องแซวผมซะงั้น ผู้ชายทำกับข้าวมันประหลาดมากรึไงครับ แล้วใครเขาโขลกน้ำพริกบนโต๊ะกัน ผมก็ต้องนั่งกับพื้นโขลกสิ ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้นั่งพับเพียบซะหน่อย ทำไมต้องแซวกันขนาดนั้นก็ไม่รู้
     “เฮ้ยรำคาญว่ะ! เกะกะ! พวกแกออกไปก่อนเลย ครัวแคบจะตายมาอัดกันอยู่นั่นแหละ ไม่เคยเห็นคนทำกับข้าวเหรอ”
     ในที่สุดป่านก็ทนไม่ไหวครับ ไล่ตะเพิดไอ้พวกนั้นออกไปหมด แม้แต่โอมที่ไม่รู้จะช่วยอะไรแล้วยังออกไปเลยครับ เหลือแต่ผมนี่แหละ
     น้ำพริกกับผัดผักเสร็จแล้ว เหลือแต่ทอดผักชุบไข่กับทอดไก่ ผมล้างกระทะให้เมย์เพราะมีอยู่ใบเดียว แต่สงสัยเมย์คงใจร้อนเกินไป เช็ดกระทะยังไม่ทันแห้งดีก็เอาตั้งไฟใส่น้ำมัน มันก็ปะทุขึ้นมาสิครับ น้ำมันกระเด็นวี๊ดว๊ายได้แผลพองๆ ไปคนละตุ่มสองตุ่มกับป่าน
     “เมย์กับป่านไปหายาใส่เหอะ เดี๋ยวเราทำต่อเอง เหลือแต่ของทอดไม่กี่อย่าง นิดเดียว”
     “จะดีเหรอต้น นายไหวเหรอ? มันกระเด็นมากเลยนะเว้ย!”
     ป่านร้องเสียงหลงเลยครับ เฮ้อ... อนาคตขึ้นคานแน่ๆ สาวแว่นสุดห้าวเพื่อนผมคนนี้
     “อืม เราไม่เป็นไรหรอก รีบพาเมย์ไปทำแผลเหอะ”
     แล้วก็เหลือผมกับแก้วเป็นทัพหน้ารบกับน้ำมันเดือดๆ ในกระทะต่อครับ แย่ชะมัดวันนี้ผมใส่เสื้อไม่มีแขนด้วย แต่เอาเถอะ ผู้ชายนิดๆ หน่อยๆ คงไม่เป็นไรมาก ดีกว่าให้พวกผู้หญิงเจ็บตัว แล้วอีกอย่างผมชินกับน้ำมันกระเด็นพวกนี้แล้วครับ ตอนฝึกทำอาหารทานเองใหม่ๆ เจ็บกว่านี้เยอะ เพราะตอนนั้นผมยังเด็กยกกระทะไม่ค่อยไหวลำบากกว่านี้เยอะครับ
     ยังดีที่แก้วใจเย็นเราเลยช่วยกันทำเมนูที่เหลือได้ไม่ยาก ไม่นานนักไก่ทอดหอมๆ ก็สุก ส่วนสารพัดผักชุบไข่ทอดเครื่องเคียงน้ำพริกนั้นมีคนมายกไปเสิร์ฟนานแล้วครับ ตอนที่ผมยกจานไก่ทอดออกมาก็พบว่าไอ้พวกผีโหยมันตั้งวงโซ้ยกันแล้ว มันไม่รอผมเลยครับ
     พอพี่ณตเห็นผมทำหน้าเซ็งๆ ก็ยิ้มให้ผมทันที
     “เอ้าๆ แม่ครัวเอกมาแล้ว ขอที่ให้ต้นหน่อย”
     พี่ณตขยับที่ให้ผมนั่งข้างๆ พี่เขา แต่ไม่เอาหรอกครับ ผมแกล้งเดินไปวางจานตรงกลางโต๊ะก่อนจะรับจานข้าวจากไปป์ที่คงจะตักเผื่อไว้ให้ผมนานแล้วเพราะข้าวเย็นชืดมาก
     “ขอบคุณนะ”
     ผมพูดขอบคุณแล้วก็เนียนนั่งลงข้างๆ ไปป์
     “เฮ้ยต้น มึงทำอาหารอร่อยดีว่ะมาเป็นเมียกูป่าว มีแม่ศรีเรือนแบบมึงเป็นเมียคงสบายไปทั้งชาติ ทำไรก็เก่งมึงยังเป็นคนอยู่ป่าววะ?”
     จู่ๆ พัทก็แซวผม เล่นเอาขำไม่ออกกันรอบวงเลยครับ ผมรู้นะว่าพัทตั้งใจแซวเล่นๆ แต่ผมคงมีชนักปักหลังมั้งครับเลยรู้สึกข้าวมันฝืดคอพิกล
     “ขอบใจนะ แต่เรายังไม่คิดจะเปลี่ยนแฟน”
     ผมจำได้ว่าผมตอบไปแบบนั้นแล้วก็ยิ้มให้พัท หลังจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าวครับ พอทานเสร็จผมก็ขอตัวไปพักผ่อนบ้างล่ะ ผมมาเที่ยวนะไม่ได้มาเป็นคนใช้พวกมัน ให้พวกมันแบ่งเวรล้างจานเองบ้างเถอะครับ ผมตัดสินใจหนีไปเดินเล่นที่หาดเงียบๆ คนเดียว มันถึงเวลาแล้วรึเปล่านะที่ผมควรจะยอมรับกับเพื่อนคนอื่นๆ ว่าผมชอบผู้ชาย
     ใช่ว่าผมอายที่ตัวเองเป็นเกย์ เพียงแต่ผมไม่มั่นใจ ผมก็แค่กลัว ไม่รู้ว่าถ้าพูดออกไปแล้วเพื่อนๆ จะมีปฏิกิริยายังไง จะรับได้เหมือนไปป์รึเปล่า? หรือจะรังเกียจผม? บางคนอาจจะล้อเลียนเห็นผมเป็นตัวประหลาดก็ได้ แล้วไหนจะโอมอีก ผมไม่อยากให้ช่วงเวลาดีๆ ที่ผมมีเพื่อนแบบนี้จบลง ผมยังอยากมองหน้าเพื่อนๆ ทุกคนในกลุ่มของผมได้ ... ไม่สิ ผมยังอยากเป็นเพื่อนกับทุกๆ คนในภาคนั่นแหละ ถึงผมจะเคยชินกับความโดดเดี่ยว ถึงผมจะมีเมษ แม็กซ์ และอาร์ม แต่ผมก็กลัวที่จะไม่มีใคร ผมไม่ค่อยสนิทกับคนอื่นๆ มากนักแต่ถ้าวันนึงผมต้องเจอกับสายตาและท่าทีเย็นชาจากคนอื่นๆ แล้วผมคง...
     “ต้นอยู่นี่เอง”
     โอมเดินมาขัดจังหวะความคิดผม ทำให้ผมรู้สึกตัว ผมเดินมาไกลเหมือนกันแฮะ
     “ต้นหายมานาน เราเลยเป็นห่วง”
     “เดินเล่นน่ะ”
     ผมยิ้มตอบโอมแล้วก็เงียบ โอมเองก็ไม่ได้พูดอะไร เรานั่งมองทะเลกันเงียบๆ ได้พักหนึ่งเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ไปป์โทรมาตามครับ ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องยุ่งๆ ที่บ้านพักอีกแล้ว ผมเลยชวนโอมเดินกลับบ้านพัก
     “มีไรเหรอไปป์?”
     “นันมันทำจานแตกอ่ะต้น”
     “ไอ้ขี้ฟ้อง!”
     เซ็งครับ
     “เลิกเถียงกันเป็นเด็กๆ ได้แล้วน่ะ เดี๋ยวตอนเช็คเอ้าท์ก็บอกป้าเขาละหักกองกลางละกัน”
     “ไรว้า กูไม่ได้ทำอ่ะ นี่ป่านก็บอกว่ามึงจะเก็บกองกลางเพิ่มอีกเพราะตังค์ค่ากับข้าวไม่พอ มึงใช้ไรไปนักหนาวะ แถมต้องไปจ่ายค่าจานให้นันมันอีก”
     ผมขึ้นทันทีเลย โมโหนะครับ ผมหันไปทางทางโค่แล้วก็สวนกลับแบบนิ่มๆ
     “ผมก็ไปซื้อของมาให้พวกคุณเขมือบไง ดูซะมั่งสิครับว่ามีกันกี่คน ค่ากองกลางที่ผมใช้ไปจนถึงตอนนี้นอกจากค่ารถแล้วก็มีแต่ค่าอาหารที่พวกคุณทานนั่นแหละ ของแถวนี้มันไม่ได้ถูกนะครับ ป่านก็ทำรายการอยู่ ถ้าคุณคาใจจะดูก็ได้พวกเราจดไว้หมด ส่วนขนมพวกนั้นกับเบียร์ที่คุณเห็นน่ะเงินพวกพี่ณตครับ ทีคุณยังกินไม่จ่ายเลย อย่าเห็นแก่ตัวให้มันมากนักเลยโค่!”
     “โดนเลยมึง เงียบๆ ก็ดีอยู่แล้ว”
     “ไม่ตลกครับมิวนิค มีใครมีปัญหาอะไรอีกมั้ยจะได้เคลียร์กันไปเลย  ใครไม่เต็มใจจ่ายก็ตามสบายครับ เพื่อนคนอื่นๆ ที่เต็มใจจ่ายเต็มใจจะควักเนื้อเผื่อเพื่อนที่มาเที่ยวด้วยกันอยู่แล้ว!”
     ผมโมโหนะ เรื่องเงินๆ ทองๆ ทำคนตีกันมาเยอะแล้ว คนเราจะแตกคอกันได้ง่ายที่สุดก็เรื่องนี้แหละครับ เงินมันทำให้เราเห็นธาตุแท้คน!
     “แรงไปแล้วต้น พวกมันก็แค่สงสัยว่าทำไมเงินมันหมดไว”
     อัฐพูดเตือนสติผม
     “ขอโทษ เราโมโหมากไปหน่อย เดี๋ยวเราไปเอาบัญชีมาให้พวกนายดู ป่านเธอเอาส่วนที่เธอใช้เมื่อตะกี้มาด้วยนะ”
     ผมบอกป่านไปแบบนั้นแล้วเราก็ไปชั้นสองกันครับ แต่พอดีทางที่ผมจะเดินมีเอกนั่งขวางอยู่ ผมก็เลยเอามือไปสะกิดบอกให้เอกขยับ แต่เอกกลับปัดมือผมออกอย่างแรง
     “เหี้ย! อย่ามาโดนตัวกู”
     ผมช็อก! เกิดความเงียบชั่วขณะ ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก! ช่างหัวมันเถอะครับ! สิ่งที่ผมควรทำตอนนี้คือเดินขึ้นไปหยิบใบรายการบัญชีรายรับรายจ่าย ผมพยายามบอกตัวเองแล้วก็ฝืนส่งยิ้มไปขอโทษเอก
     “โทษที ขอเดินผ่านหน่อย”
     พอผมเคลียร์เรื่องบัญชีเสร็จก็ขอตัวจากคนอื่น ผมรู้สึกแย่สุดๆ เลยหนีขึ้นไปชั้นสาม เพราะห้องข้างบนนี่ร้อนคนอื่นเลยนั่งเล่นกันหน้าบ้าน ไม่ก็คงสุมกันอยู่ห้องแอร์ชั้นสอง ไม่มีใครเข้าหน้าผมติดหรอกครับในเวลาแบบนี้ นิสัยแย่ๆ ที่ชอบโมโหแล้วพูดจาแรงๆ ยังแก้ไม่หายซักที ผมไม่น่าประชดเพื่อนไปแบบนั้นเลย แล้วไหนจะยังเอกที่... เขาต้องรู้แล้วแน่ๆ ถึงตะคอกผม
     “ร้องไห้ทำไมต้น?”
     “พี่ณต”
     “เครียดไร ขำๆ น่า พวกมันก็จ่ายกันครบแล้วนี่ ต้นไม่ต้องคิดมากหรอก”
     “เปล่าครับ”
     นี่ผมเผลอน้ำตาไหลอีกแล้วเหรอเนี่ย แถมยังโดนพี่ณตเห็นด้วย อุตส่าห์หลบมาอยู่บนนี้แล้วแท้ๆ ยังจะตามขึ้นมาอีก พี่ณตเดินมานั่งข้างๆ ผม แต่เพราะระเบียงเล็กเกินไปเราเลยต้องนั่งชิดกัน วันนี้ผมใส่เสื้อไม่มีแขนซะด้วย แขนของพี่ณตก็เลยแนบอยู่กับผิวผม ขนลุกครับ
     “ข้างบนนี่ร้อนเนอะ ไม่ไปนอนห้องแอร์กับพี่อ่ะ”
     “ไม่ดีกว่าครับ ห้องนั้นเล็ก อยู่กันตั้งเยอะแล้ว เบียดกันแย่”
     ผมตอบพี่ณตไปแบบนั้นแต่ในใจกำลังคิดหาทางออกว่าจะหนียังไงดี ผมไม่อยากอยู่กับพี่ณตสองต่อสองในสถานการณ์แบบนี้ครับ มันอึดอัด น่ารำคาญ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่อยากลงไปเจอคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


โอม

     “มึงเป็นเหี้ยอะไรหมาเอก!”
     พอต้นขอตัวขึ้นไปข้างบนแล้วไปป์กับเอกก็ทะเลาะกัน เรื่องวันนี้คงทำให้ต้นไม่สบายใจมากเพราะทุกคนสงสัยเรื่องที่ต้นเป็นเกย์ มีแต่เรื่องน่าปวดหัวทั้งนั้น
     “สัส! มึงด่าใครหมา เหี้ยไปป์!”
     “มึงไง! เป็นเหี้ยอะไรวะถึงไปตะคอกใส่ต้นแบบนั้น มึงจะเกลียดอะไรก็เกลียดไปแต่ถ้ามึงไม่สำนึกบุญคุณต้นมึงก็สำรอกข้าวเที่ยงที่มึงแดกออกมา! ไหนจะยังชีทที่มึงมาขอมันอีก กูถามมึงหน่อยเหอะ ต้นมันเคยทำอะไรไม่ดีกับมึงมั้ย?”
     “ไปป์พอเหอะ แยกๆ”
     โชคดีที่ป่านยังอยู่เลยพอจะห้ามไปป์ไว้ได้ ผมไม่อยากให้พวกเราทะเลาะกันแบบนี้เลย
     “ทนไม่ไหวแล้วนะป่าน ดูที่ไอ้พวกนี่ทำกับต้นดิ ถ้ารู้ว่ามาแล้วต้นต้องเจอกับเรื่องแบบนี้เราไม่ชวนต้นมาหรอก!”
     “เอ้ย! พวกมึงใจเย็นๆ กันดิวะ ตกลงมันเกิดเชี่ยไรขึ้นวะเนี่ย? เคลียร์กันเป็นเรื่องๆ ดิ๊ คนกลางอย่างกูไม่สบายใจนะเว้ยเพราะกูเป็นคนชวนพวกมึงมา”
     “มึงอยู่เฉยๆ เหอะพัท เรื่องนี้มึงไม่เกี่ยว เฉพาะไอ้เอก ไอ้นน ไอ้โค่ ไอ้มิวเท่านั้นแหละ”
     เกิดเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้เหรอครับ?
     “อ้าว! ด่ากูเฉย!”
     “พี่ว่าแค่เรื่องเงินเอง ทุกคนก็เคลียร์แล้วนี่ ไม่น่ามีปัญหาอะไรอีกนะ ใจเย็นๆ กันหน่อย”
     “ผมไม่ได้ด่าพวกมันเรื่องเงิน พี่ไปถามพี่โอกับพี่ณตดูดิว่าเมื่อวานไอ้พวกนั้นมันสุมหัวทำอะไรกัน!”
     มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่ ระหว่างป่านไปป์แล้วก็พวกนั้น เรื่องของต้นที่ผมไม่รู้ ผมเป็นห่วงต้นจัง
     “แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นละ? พี่ไม่รู้หรอกนะ ถ้าไปป์ไม่พูด”
     “ผมพูดไม่ได้หรอกพี่”
     “ต้นมันเป็นเกย์! แล้วกูเกลียดเกย์ มีปัญหาตรงไหนวะ? ทุเรศลูกตาจะตายมัวแต่แอ๊บแมนหลอกชาวบ้าน!”
     “เราไม่เคยแอ๊บ! เพียงแต่เราคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ต้องป่าวประกาศบอกใครว่าเราเป็นอะไร!”
     ต้นพูดพร้อมกับเดินลงบันไดมา ต้นหน้าถอดสีแถมยังทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ผมอยากเข้าไปปลอบต้นจัง แต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่ผมจะไปให้กำลังใจต้น ไม่อยากเห็นเพื่อนทะเลาะกันเลย
     “ไม่แอ๊บเลยนะมึง! ตอนนั้นที่มีคนถามมึงก็ปฏิเสธ แถมมึงยังเอาเมย์บังหน้า ใครจะไปรู้ว่ามึงคิดอะไรกับพวกกู น่าขยะแขยงจะตาย”
     “อ๋อ! ตกลงที่โกรธเรา เกลียดเราเพราะเราเป็นเกย์หรือเพราะเราสนิทกับเมย์กันแน่เหรอเอก?”
     ต้นยิ้มแต่เสียงของต้นนั้นไม่ได้ยิ้มตามหน้าเลย ผมพึ่งเคยได้ยินน้ำเสียงถากถางของต้นเป็นครั้งแรก สถานการณ์แบบนี้แปลว่าต้นสุดทนแล้วแน่ๆ แย่แล้วสิ!
     “อยากให้เราไม่แอ๊บใช่มั้ย ได้! งั้นเราจะพูดในสิ่งที่เราคิดให้นายฟังก็แล้วกัน! ข้อแรกนะ การที่เราจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิงมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเรา เรื่องที่เรามีแฟนแล้วก็ไม่จำเป็นต้องรายงานให้พวกนายรู้ พวกนายไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่เราซักหน่อยนี่ เรื่องอะไรที่แม้แต่แม่เรายังไม่ว่าพวกนายมีสิทธิ์อะไรมาวุ่นวาย กับเมย์หรือเพื่อนคนอื่นๆ เราก็ว่าเราวางตัวดีมาตลอดนะ เราไม่เคยให้ความหวังใครทั้งนั้นเพราะเรามีแฟนอยู่แล้วและเราก็รักแฟนเรามาก”
     ต้นไม่เคยแรงกับเพื่อนแบบนี้ แต่วันนี้ต้นประชดเพื่อนสองครั้งแล้ว น้ำเสียงของต้นเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างจากปกติอย่างเห็นได้ชัด ผมเห็นต้นมองดูเอกด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม วันนี้ต้นแปลกไปจริงๆ
     “แล้วก่อนที่จะคิดว่าเราจะสนใจนายน่ะ ช่วยส่องกระจกดูตัวเองหน่อยเถอะ ถามหน่อยคนอย่างนายมีอะไรดีพอให้เรามองเหรอ?”
     “ไอ้ต้น!”
     “ทำไม? รับความจริงไม่ได้ อยากให้เราเลิกแอ๊บเราก็เลิกแล้วไง อยากให้เราพูดความจริงเราก็พูด แล้วยังจะเอาอะไรกับเราอีก!”
     ต้นกวาดสายตามองพวกเราทุกคนที่ยืนอึ้งกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของต้นครับ
     “ใช่! คนที่เรารักเป็นผู้ชาย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าขอแค่เป็นผู้ชายเราก็ได้หมดซักหน่อย ถึงเราจะเป็นเกย์แต่เราก็ไม่ได้ร่าน! แล้วถ้าเราจะเลือกนะ รับรองพวกนายทุกคนที่นี่ไม่มีใครมีชื่อติดลิสท์เราหรอก ไม่ว่าจะหน้าตาหรือฐานะไม่มีใครเทียบกับเพื่อนเราได้ซักคน! ขนาดคนแบบแม็กซ์เรายังไม่สนแล้วพวกนายล่ะมีอะไรเหนือกว่านั้น? เรื่องการเรียนก็ไม่ต้องพูดถึงเราเป็นคนที่เก่งที่สุดในรุ่น! ถึงนิสัยของเราจะไม่ได้ดีมากแต่อย่างน้อยตลอดเวลาที่ผ่านมาเราก็ยอมทนพวกนายมาตลอดเพราะเราเห็นพวกนายเป็นเพื่อน!”
     ต้นพูดประชดพวกเราทั้งๆ ที่น้ำตากำลังไหล ต้นที่เคยเคร่งขรึมคนนั้นหายไปแล้ว
     “แต่แล้วพวกนายก็รังเกียจเราเพราะเรื่องนี้ทั้งๆ ที่เราคบกับแฟนมาตั้งแต่ก่อนจะรู้จักพวกนายเนี่ยเหรอ? ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรนี่ แต่พอรู้เรื่องที่เราเป็นเกย์พวกนายก็ทำแบบนี้กับเรา ถามตัวเองสิว่าใครกันแน่ที่น่ารังเกียจมากกว่ากัน! เป็นเราแน่เหรอที่ทำตัวน่าเกลียด แล้วก็ขอบอกไว้เลยนะว่าพวกนายหายห่วงได้เลย เพราะเราไม่มีวันสนใจพวกนายเด็ดขาด เรารำคาญคนเซ้าซี้ เบื่อพวกที่ชอบทำให้อึดอัด แต่เกลียดที่สุดคือพวกพูดไม่รู้เรื่องแบบนายนี่แหละ!”
     ต้นร้องไห้ใหญ่แล้วครับ พวกเราได้แต่ยืนอึ้ง ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ทุกคนแทบไม่กล้ามีใครมองหน้าต้น ยกเว้นแก้ว
     “ต้นไปกับแก้วนะจ้ะ”
     แก้วเดินไปหาต้นแล้วก็ดึงแขนต้นไปด้านบน และพอต้นเดินขึ้นไปแล้ว ไปป์ก็พุ่งเข้าไปต่อยเอกโดยไม่มีใครคาดคิด เดือดร้อนพี่เบียร์กับอัฐต้องจับสองคนนั้นแยกกัน
     “สัส! มึงทำเพื่อนกู ต้นไปทำอะไรให้มึง ไอ้เลวเอ้ย!”
     “กูทำอะไรมัน มีแต่มันแหละว่ายืนด่ากูปาวๆ”
     พวกเรากระจัดกระจายกันไปเป็นกลุ่ม เมย์กับป่านตามขึ้นไปดูต้น ต้นอยู่ในห้องของพวกผู้หญิง พวกนั้นล็อกห้องเงียบผมก็เลยนั่งอยู่กับไปป์ที่ชั้นบนสุดไม่กล้าไปรบกวนพวกผู้หญิง ส่วนนนกับเอกก็หนีเข้าห้องมีพี่โอตามไปดู ซักพักพี่เบียร์ก็ขึ้นมาตามไปป์ให้ลงไปเคลียร์ข้างล่างครับ
     “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น? ไปป์พร้อมจะเล่าให้พวกเราฟังแล้วรึยัง?”
     “ต้นก็พูดไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอคับ”
     “นั่นก็ส่วนของต้น แต่ไปป์เองก็ผิดไม่ใช่เหรอ เราหาเรื่องเอกก่อนต้นจะลงมาอีก พี่อยากถามเราว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
     สมกับเป็นพี่เบียร์ครับ พี่เบียร์เป็นหัวหน้าในกลุ่มพี่ปีสาม เป็นคนคุมพวกเรารับน้อง พี่เบียร์ใจเย็นมากแล้วก็มีวิธีจัดการพวกเราด้วย
     “จะเงียบพี่ก็ไม่ว่านะ แต่พี่อยากบอกว่าพวกเราเหลือกันแค่นี้ กว่าจะถึงตอนจบก็ไม่รู้จะเหลือกันกี่คน ถ้าพวกเราไม่รักกันไว้ พี่ว่ามีหลายๆ คนนะที่จะไม่รอด เรื่องแบบนี้มันมีค่ามากพอที่ไปป์จะทนมองเพื่อนหายไปเลยเหรอ”
     “แล้วทีที่พวกมันไม่สำนึกบุญคุณต้นอ่ะคับ พี่ไม่ถามพวกมันเอาเองอ่ะว่าทำไรไว้”
     “พี่รู้คร่าวๆ แล้ว แต่เราเป็นคนที่สนิทกับต้นมากที่สุด แล้วก็เป็นคนก่อเรื่องด้วย พี่อยากฟังจากปากเรา พี่จะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้พูด”
     เพราะสายตาของพี่เบียร์รึเปล่านะที่ทำให้พวกเราเถียงไม่ออก สายตาอบอุ่นบวกกับบุคลิกใจดี พวกเราเลยยอมสยบต่อหน้าพี่เบียร์ได้ไม่ยาก ไปป์อึกอักอยู่ครู่นึงก่อนจะเล่า
     “เมื่อวาน ผมกับป่านขอกล้องต้นมาแบ็คอัพรูปไว้ แต่ต้นไม่รู้ว่าในนั้นมีภาพที่แฟนมันถ่ายเล่นๆ ไว้อยู่ แล้วก็มีคลิปด้วย ถึงจะไม่เห็นอะไรแต่ก็น่าอายพอสมควรคับ ระหว่างนั้นนนมันมาขอกล้องไปแบ็คอัพรูปไว้เหมือนกัน ผมกับป่านเลยบอกต้นๆ ก็เลยไปถาม นนมันเสือกบอกว่าไม่ได้เก็บรูปไว้ แต่พอลับหลังพวกมันก็แอบไปสุมหัวดูคลิปกัน แล้วไอ้พวกนี้มันก็มาทำรุ่มร่ามกับต้น”
     “อ้าว! เอาดีเข้าตัวเชียวนะมึง มึงอ่ะตัวดีเลย อ้อนแตะอั๋งต้นมากกว่ากูอีก”
     “กูไม่ได้ทำเพราะคิดไม่ซื่อกับเพื่อนก็แล้วกัน กูก็เป็นของกูแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ต้นมันก็ไม่เคยว่าไรกู แต่มึงอ่ะโค่ มึงคิดอะไรกับต้นมีเหรอกูจะไม่รู้ ใครวะวิ่งไปเข้าห้องน้ำหลังดูคลิป!”
     “เฮ้ย! กูคนเดียวที่ไหน ไอ้มิวนิคก็ด้วย”
     “เอ้ย! กูแค่ปวดเยี่ยว”
     “หงี่ก็บอกมาเหอะพวกมึง เรื่องธรรมชาติ แต่ที่วิปริตคือมึงคิดแบบนั้นกับต้นได้ไง ต้นเป็นเพื่อนพวกมึงนะ!”
     “หรือมึงจะบอกว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับต้น คลิปโคตรเอ็กซ์ขนาดนั้นใครๆ ก็ต้องคิดวะ”
     “เออกูไม่คิด! ถ้ากูเหี้ยเหมือนพวกมึงกูคงทำกับป่านไปแล้ว พวกกูอยู่ด้วยกันสองคนในห้องสองต่อสองนะเว้ย กูไม่เคยคิดไรกับต้นมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ต่อให้กูเห็นมากกว่านี้ต่อให้กูของขึ้นกูก็ไม่คิดจะทำเพื่อนหรอก ต้นมันไม่ได้โง่นะพวกมึง ถึงมันไม่รู้ว่าพวกมึงเห็นคลิปแต่มันก็รู้ว่าพวกมึงเห็นมันเป็นของเล่น ที่พวกมึงเคยนินทามันไว้เรื่องที่มันเป็นเด็กจารย์ต้นมันก็รู้ ทั้งๆ ที่ต้นมันขยันอ่านหนังสือแต่พวกมึงยังเสือกหาว่ามันได้เกรดมาแบบสกปรก กูถามหน่อยเหอะถ้ามันไม่อ่านมาแล้วมันจะติวพวกมึงได้เหรอ มึงเห็นชีทมันแล้วไม่คิดบ้างรึไง ต้นมันรู้หมดแหละแค่มันไม่พูด ต้นมันไม่อยากมีปัญหากับใครมันเลยไม่พูด มันรู้ทุกเรื่องแหละแต่มันเงียบไว้”
     ท้ายประโยคนั้นไปป์หันมามองผม นี่เขารู้เรื่องที่ผมชอบต้นด้วยเหรอครับเนี่ย!
     “เอาล่ะๆ พอก่อน ไปป์ พี่ถามไปป์ได้มั้ยว่าทำไมไปป์ถึงปกป้องต้นขนาดนี้”
     “ก็ต้นเป็นเพื่อนผม ผมปกป้องเพื่อนมันผิดด้วยเหรอ”
     “งั้นถ้าพี่ถามว่าทำไมเราถึงรักต้นมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ล่ะ? ต้นเป็นเพื่อนเราก็จริง แต่คนอื่นๆ ก็เพื่อนเราด้วยไม่ใช่เหรอ?”
     “ก็... ก็ต้นดีกับผมมากๆ แล้วก็นิสัยดีกว่าคนอื่นเยอะนี่คับ ผมเลยชอบต้นเป็นพิเศษ ที่ผมเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้ก็เพราะคนที่ผมรักถูกรังแก ไม่เห็นแปลก”
     “แล้วการที่เรามาปกป้องเพื่อนแบบนี้เจ้าตัวเขาเห็นด้วยรึเปล่ากับวิธีการของเรา?”
     “ผม...”
     “ไปป์ลองกลับไปคิดดูนะว่าการที่ไปป์ทำแบบนี้จะทำให้เพื่อนเข้าใจต้นมากขึ้นหรือทำให้ยิ่งมีรอยร้าวระหว่างต้นกับเพื่อนคนอื่นมากขึ้น”
     ไปป์จนคำพูดไปเลย แต่ผมก็เห็นด้วยกับพี่เบียร์นะ ไปป์ชอบใจร้อนเกินไปแล้วก็ติดนิสัยเด็กๆ อยู่เยอะมาก
     “ส่วนคนอื่นๆ พี่คิดว่าเรื่องที่เราจะคิดยังไงกับต้นเป็นสิทธิ์ของพวกเรานะ แต่ถ้าใครคิดว่าจะเล่นๆ กับต้น พี่ว่าคงได้ยินกันชัดแล้ว ต้นมันรักแฟนมันมากกก หึๆ”
     พี่เบียร์เล่นมุขลากเสียงซะจนพวกเราหลุดขำเลยครับ
     “ถ้าตัดเรื่องเป็นเกย์ออกไป พวกเราคิดว่าต้นเป็นยังไง?”
     “ขี้บ่นครับ ปากจัด กัดเจ็บ แล้วก็งก!”
     พัทแย่งคนอื่นตอบซะแล้ว
     “แล้วนิสัยอื่นๆ อ่ะ”
     “ก็ดีครับ แต่ดราม่าไปนิด”
     “ต้นมันเป็นคนดีจะตาย ถึงมันจะขี้บ่นไปหน่อยแล้วก็ชอบทำหน้าเบื่อโลกใส่พวกผม แต่มันก็คอยห่วงเทคแคร์พวกผมอยู่เสมอนะ ผมไม่ได้เกลียดต้นเพราะแค่มันเป็นเกย์หรอก”
     แม้แต่อัฐกับเป้ยังช่วยกันแสดงความเห็น เห็นแบบนี้แล้วผมก็สบายใจแทนต้นแล้วครับ
     “สรุปว่าพวกเราไม่ได้มีใครรังเกียจต้นกันใช่มั้ย?”
     “ผมอาจจะคิดเลยเถิดไปบ้าง แต่สาบานว่าผมไม่ได้รังเกียจมันนะครับ ต้นมันก็ดีกับพวกผมจะตาย ผมอาจจะแกล้งต้นหนักมือไปหน่อย ไม่คิดว่ามันจะเสียใจขนาดนี้”
     “แล้วคิดบ้างมั้ยว่าต้นเขาอาจจะกลัวเลยไม่กล้าบอกความจริงไง ถ้าต้นเปิดตัวตั้งแต่แรก พวกนายจะมองว่าต้นเป็นเพื่อนผู้ชายคนนึงได้มั้ย?”
     พี่ณตที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นครับ พวกเราเลยอึ้งกันเล็กน้อย คือพวกเราพอจะรู้แล้วว่าพี่ณตชอบผู้ชาย เพียงแต่ไม่เคยมีใครได้ยินจากปากพี่เขาตรงๆ แต่ก็รู้เรื่องเพราะรุ่นพี่คนอื่นๆ ไม่มีใครปิดบัง ตอนแรกๆ ก็มีบางคนไม่สนิทใจกับพี่เขา แต่หลังๆ พวกเราก็เลิกระแวงพี่ณต
     “อย่างพวกเราเองก็เหอะ ตอนแรกที่มีคนพูดว่าพี่เป็นอะไร พวกเราบางคนก็ทำท่ากลัวพี่อยู่เลยไม่ใช่เหรอ ตั้งนานกว่าพวกเรากับพี่จะสนิทกัน ถ้าต้นเปิดตัวตั้งแต่แรก พวกนายจะสนิทกับต้นแบบนี้มั้ย? พวกนายจะมองต้นเป็นเพื่อนผู้ชายธรรมดาๆ คนนึงในกลุ่มมั้ย?”
     คำพูดของพี่ณตทำให้ผมได้คิด ผมเองก็กลัวครับ แล้วก็ยังไม่แน่ใจด้วย เลยยังไม่กล้าพูดอะไร
     “โหย! ถึงตอนนี้จะยังไม่ใครรู้ว่าต้นมันเป็นเกย์ผมว่าทุกคนก็ไม่มีใครรู้สึกว่าต้นมันเหมือนผู้ชายหรอก นิสัยอย่างกับผู้หญิงอ่ะพี่!”
     พัททะลุกลางป้องขึ้นมาแบบนั้นทำให้คนอื่นหลุดขำขึ้นมาอีกรอบ แม้แต่ผมยังเคยแอบคิดเลยนะครับว่าต้นนี่บางครั้งก็เจ้าระเบียบกว่าแม่ของผมอีก แล้วหลังจากนั้นก็มีคนผลัดกันนินทาต้นอย่างครึกครื้น จนกระทั่งพี่เบียร์พูดสรุป
     “ถ้าเข้าใจกันแล้วก็ไปขอโทษเพื่อนซะนะ ป่านนี้ต้นมันนั่งร้องไห้แย่แล้ว เดี๋ยวเย็นนี้ไม่มีคนทำข้าวเย็นให้กินนะพวกนาย สามสาวนั่นก็อยู่ข้างต้นทั้งนั้น ถ้าพวกแม่ครัวปฏิวัติขึ้นมาแล้วจะพากันซวยยกแก๊ง”
     “เออวะ เฮ้ย! ไปดูไอ้ต้นมันเหอะ”
     “ไม่เอาอ่ะ ส่งไปป์มันไปเป็นทัพหน้าดิมันสนิทกับต้น กูกลัวไปแล้วต้นมันยังเมนส์มาอยู่ เวลาวีนแตกโคตรน่ากลัวอ่ะ”
     มิวนิคที่ห่วงเรื่องกินพูดขึ้นแต่โค่กลับชะงัก ผมก็พอเข้าใจนะครับ เพราะว่าถึงมิวนิคจะแกล้งต้นแต่ใจจริงก็ไม่ได้คิดอะไร คงเข้าหน้าต้นได้ง่ายกว่าโค่ที่คิดจริงจัง ผมเองก็ไม่ชอบนิสัยแบบนั้นของโค่เหมือนกัน อะไรจะหื่นปานนั้น
     “พวกมึงพึ่งรู้กันรึไง อย่าแหยมต้นเด็ดขาด เวลาโมโหน่ากลัวมากๆ ขอบอก!”
     “เออ ตอนนี้พวกกูรู้ละ มึงอ่ะ ไปง้อไอ้ต้นมันเลย”
     แล้วพวกเราก็ส่งไปป์ไปเป็นทัพหน้า ไปป์เดินขึ้นไปเคาะห้องนอนของพวกผู้หญิง ป่านมาเปิดให้ไปป์เข้าไป ไปป์เข้าไปอยู่ครู่หนึ่งก็ออกมาบอกพวกเราให้เข้าไปครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ก่อนอื่นเค้าขอโทษ เมื่อวานกะจะอัพแล้วนะ แต่หลับแหะๆ  :m17:
จะพยายามอัพรัวๆ ชดเชยให้น้า เพราะปลายอาทิตย์นี้จะไปโคราช ไม่แน่ใจว่าจะมีเน็ทใช้มั้ย คืนนี้จะพยายามให้จบบทเที่ยวทะเลเน้อ

ช่างเป็นนิยายวายที่แฝงพลังงานสายโชเน็นอยู่เต็มเปี่ยม(คนแต่งชอบอ่านโชเน็นแหละ)
ถ้าใครที่นิสัยเด็กหน่อยๆ ตอนเข้ามหาลัยต้องเจอเพื่อนๆ รุมสกรัมแบบนี้บ้างแหละ มันสนุกดีนะ เจอเพื่อนๆ พี่ๆ มาเปิดประชุมวิจารณ์เนี่ย
พระเอกของเรื่องพี่ชัชผัวน้องต้นหายไปไหน? ตอบ-ไปทำงานหาเงินให้เมียใช้สิ ฮ่าๆ ต้นเป็นเด็กมหาลัยมันต้องมีสังคมของเด็กบ้าง ไม่ใช่เอะอะวันๆ ก็มีแต่ปมรักๆ ใคร่ๆ อยู่กับปั๊ว
แปลกเนอะ นิยายวายบ้าอะไรมีฟีลแบบBromance(แท้)อย่างงี้ด้วย! คนแต่งมันบ้าเองแหละ อยากใส่กลิ่นอายฮาเรมนิดๆ ลงไป มีหนุ่มหลายๆ แบบราวกับเกมจีบหนุ่ม ไม่สิ! ในกรณีนี้มีหลายคาแรคเตอร์ให้ใช้จีบน้องต้นมากกว่า แต่ยกนี้ท่าทางน้องไปป์มาวิน!
คิดว่าคนอ่านคงเก็ทแล้วว่าทำไมหน้า Character มันถึงได้มีตัวละครเพียบ! ยังมีหนุ่มๆ รอเปิดตัวอีกหลายคนเลยนะเนี่ย ฮ่าๆ
อนุญาตให้ฮาปนหมั่นไส้น้องต้นตอนวีนแตกได้ คนอาไร๊ บทจะวีนยังหยิ่งหลงตัวเอง น้องต้นมั่นเรื่องเรียนมาก... ไม่หยิ่งนี่ทำไมได้นะ ฮ่าๆ

คำคมประจำตอน "ในดราม่าก็ยังมีความบ้าของไปป์!"
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#30/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 30-10-2014 01:07:48
มาแล้ววว  ไม่เสียใจที่รอ  ตอนนี้บอกเลย เกลียดคนชื่อเอกมากก น่าถีบที่สุดผู้ชายแบบนี้
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#30/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 30-10-2014 02:20:25
ไปป์

     “ต้น เป็นไงมั่ง?”
     “ไม่ได้เป็นไรนี่”
     ต้นที่ท่าทางดีขึ้นแล้วกำลังนั่งเล่นโน๊ตบุคของป่าน ส่วนแก้วกับเมย์ก็กำลังแต่งตัว ยัยเมย์แต่งหน้าด้วย! ผมงงไปหมดแล้วคับ?
     “พวกเราจะไปหาไรกินกันที่บาซ่า แกจะไปด้วยกันป่ะไปป์”
     “อ้าว? แล้ว... ของในตู้เย็นอ่ะ?”
     “เหลือไม่มากแล้วล่ะ”
     ต้นเงยหน้าขึ้นมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงปกติ ท่าทางนิ่งๆ สีหน้าราบเรียบ ต้นทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนผมงง เจอแบบนี้ผมรับมือไม่ถูกเลยอ๊า
     “โอเค เสร็จแล้ว ไปกันได้ละ”
     พอเมย์หันมาบอกว่าเสร็จแล้ว ทุกคนก็ขยับตัวหยิบสัมภาระ ต้นปิดโน๊ตบุค เตรียมตัวออกไปด้วยกัน
     “เอ้ยๆ เดี๋ยวดิ แล้วพวกนายจะไปไงอ่ะ?”
     “ก็เดินไปเรียกรถรับจ้างไง แกนี่โง่เกินไปละอิไปป์ โอ๊ยอย่าถามมาก! แกจะไปรึไม่ไป ถ้าจะไปก็ตามมาเงียบๆ”
     “เอ้ยๆ แกจะทิ้งพวกมันจริงๆ เหรอต้น แล้วพวกที่เหลืออะ มันจะทำไงกัน”
     “พวกเราอยู่มหาวิทยาลัยกันแล้วนะไปป์ ไม่ใช่อนุบาล ถ้าเขารังเกียจเรา เราก็ไม่อยากไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับเขาอีก”
     “เอ้ย เพื่อนกันทั้งนั้นน่ะต้น พวกมันผิดไปแล้ว”
     คำพูดของต้นทำให้ผมรู้ว่าต้นเจ็บมากจริงๆ แต่ถ้าผมปล่อยให้ต้นไปแบบนี้เรื่องก็จะไม่จบ ตอนนี้คนที่ผมต้องหยุดคือต้น ทิฐิในตัวต้นสูงจัง ผมมองหน้าป่านแล้วก็เข้าใจอะไรบางอย่าง ผมเปิดประตูห้องเรียกพวกนั้นให้เข้ามา มิวนิคชะโงกหน้านำเข้ามาก่อนเป็นคนแรก
     “อ้าว! มึงจะไปไหนกันวะ? แล้วข้าวเย็นพวกกูอ่ะ?”
     “หลีกไปเลยไอยักษ์ พวกฉันจะพาต้นไปไหนมันก็เรื่องของพวกฉัน!”
     เสียเรื่องเลยมั้ยละมึง! สัสมิวเอ้ย! ห่วงแต่กิน! ยัยเมย์เปิดศึกกับมิวนิคซะงั้น แถมรอบนี้ต้นไม่ยอมห้ามด้วย ต้นยืนอยู่เฉยๆ ไม่แม้แต่จะชายตาแล สมน้ำหน้าพวกมึงมั้ยอ่ะ รอบนี้คนกลางอย่างผมออกหน้าแทนไม่ได้ด้วย โอม ไม่ดิ! อย่างโอมก็มีแต่เดินตามต้นต้อยๆ แหละ ไม่เคยขัดใจ ผมต้องหาใครซักคนออกหน้าแทนผม ไอ้พัท!
     เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน ไอ้พัทนี่แหละเหมาะสุด! ผมตัดสินใจลากไอ้พัทถอยออกไปเงียบๆ ระหว่างที่ข้างในยังคงเถียงกันอยู่
     “พัท มึงมานี่”
     “หะ?”
     “มึงต้องเป็นคนไปง้อต้น”
     “อ้าว? แล้วทำไมมึงไม่ลุยเองอ่ะ”
     “กูลุยเองไม่ได้ ต้นมันไม่โกรธกูแต่ก็ไม่ฟังอะไรแล้วแบบนี้ งานนี้ผู้หญิงยังไม่กล้าพูดอะไรเลย ทุกคนตามใจต้นกันหมด ถ้ามึงปล่อยไว้นะต้นมันจะหายไปจากชีวิตพวกมึงแน่ๆ พวกกูอ่ะไม่ลำบากหรอก ไงก็เอาตัวรอดได้ อยู่กลุ่มเดียวกับต้นอยู่แล้วต้นมันคงไม่ทิ้งกู แต่พวกมึงลองคิดดูแล้วกันชีวิตพวกมึงที่จะไม่มีต้นอีกอะ มึงไม่เห็นเหรอ แม้แต่หน้าไอ้มิวต้นยังไม่มองเลย งานนี้ต้นโกรธจริงๆ ว่ะ”
     “แล้วทำไมต้องเป็นกูวะ?”
     “มีแต่มึงแล้วก็อัฐที่ไม่ได้ก่อเรื่อง ถึงเป้กับนันมันจะไม่ได้ดูแต่พวกมันก็อยู่กลุ่มมิวนิคด้วย ส่วนอัฐมันก็นิ่งๆ เหมาะเป็นคนตบปิดท้าย มึงอ่ะเหมาะเป็นคนรุก”
     “หมายความว่าไงวะ?”
     “มึงต้องอ้อนต้น”
     ทำหน้าตาตื่นเชียวนะมึง
     “เออ มึงฟังไม่ผิดหรอก มึงต้องเป็นคนอ้อนต้น วิชาที่มึงเคยเอาไว้ง้อขอคืนดีสาวอ่ะขุดมาให้หมด ถึงต้นมันจะชอบทิฐิแต่มันใจดีอยู่แล้ว แพ้ลูกอ้อนด้วย กูทำบ่อย แต่ตอนนี้กูไม่เหมาะจะเป็นทนายให้พวกมึงเพราะกูอยู่ข้างต้นอยู่แล้ว มึงต้องเป็นคนลงมือ”
     “จะดีเหรอวะ? ถ้าไอ้ต้นมันโกรธกูเพิ่มอ่ะ”
     เสียงเถียงกันในห้องดังขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ยัยเมย์แปดหลอดเอ้ย! ไอ้ยักษ์สมองกล้าม คนอื่นๆ มีผสมโรงอีกเล็กน้อย เดี๋ยวได้บานปลายอีกแน่ๆ
     “ไปเถอะเมย์ เราหิวแล้ว เมื่อตอนกลางวันทานไปนิดเดียว”
     นั่นไง! ต้นทนไม่ไหวเดินนำเมย์ออกมาละ พวกป่านกับแก้วก็ต้องตามมาด้วยอยู่แล้ว ผมเห็นโอมหันมาถามผมด้วยสายตาว่าจะเอายังไง ผมหันไปมองหน้าพัท สายตาพัทมันดูลังเลนิดหน่อยก่อนจะตอบผมว่า
     “เอาวะ! เพื่อคะแนนสอบกู ตายเป็นตาย!”
     ผมบอกให้มันง้อต้นแบบอ้อนๆ ก็จริงนะ แต่ใครจะไปคิดว่าพัทมันจะพุ่งเข้าไปกอดต้นแบบนั้น ไม่ดิ นี่มันท่าล็อคคอกันชัดๆ! แถมยังฟูมฟาย คือต้นเหวอไปแล้วอ่ะ หน้าต้นเหมือนจะงงๆ กับชีวิตมาก คงนึกไม่ออกว่าพัทจะมาไม้ไหน ขนาดผมเองยังนึกไม่ถึงเลย
     “ต้น มึงจะทิ้งกูเหรอ!”
     ต้นพยายามจะแกะแขนของพัทออกแต่สู้แรงไม่ได้ ถึงพัทมันจะสูงกว่าต้นนิดหน่อยแต่ล่ำกว่าต้นเยอะ ต้นแกะแขนมันไม่ออกหรอก
     “อย่าทิ้งกูไปดิวะ แฟนกูก็ทิ้งกูไปคนนึงแล้วนะเว้ย มึงเป็นเพื่อนกูก็ยังจะทิ้งกูไปอีกเหรอ”
     “เดี๋ยวนะพัท! ผมไปทิ้งอะไรคุณ?”
     ไม่ใช่แค่นายหรอกต้นที่เงิบ ขนาดผมยังเงิบเลย มุขน้ำเน่าแบบนี้นี่เองมันถึงง้อสาวไม่ได้ผล สมน้ำหน้าแล้วที่มันอกหักบ่อยๆ
     “ก็มึงจะหนีกูไปเดินเล่นกับยัยพวกนี้อ่ะ แล้วกูจะอยู่ยังไงวะ? จะเอาข้าวเย็นที่ไหนกิน? ใครจะนั่งดีดกีต้าร์เป็นเพื่อนกู? กูอกหักมาต้องการกำลังใจนะเว่ย! แถมพวกนั้นมันเล่นเพี้ยนจะตาย เกิดพวกมึงหนีกลับกรุงเทพไปแล้วใครจะจ่ายค่ารถ? เช่ามาตั้งสองคันนะเว้ย!”
     “ใครบอกคุณว่าผมจะหนีกลับกรุงเทพก่อน?”
     “ก็มึงเล่นล็อคห้องเงียบแบบนั้น แถมกูเห็นมึงเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วด้วย กูก็นึกว่ามึงน้อยใจจนจะหนีกลับไปก่อนดิ”
     “ผมแค่เอาเสื้อผ้าใช้แล้วใส่กระเป๋าเฉยๆ จะให้ผมวางแผ่ทิ้งไว้เกะกะเหมือนพวกคุณรึไงครับ! แล้วที่ผมจะออกไปข้างนอกนี่ก็แค่จะไปเดินเล่นกันเฉยๆ ไม่ได้หนีกลับซักหน่อย!”
     ได้ผลด้วยเว้ยเฮ้ย! ต้นมันเริ่มทำหน้าเหม็นเบื่อไอ้พัทตามปกติละ แบบนี้แปลว่าเริ่มโอเคแล้ว
     “แต่มึงไม่ทำข้าวเย็นให้พวกกูอ่ะ”
     “แล้วพี่เบียร์ไม่ได้บอกพวกคุณเหรอครับว่าคืนนี้ตกลงกันว่าต่างคนต่างไปหาอะไรทานกันเอง เพราะของที่ผมซื้อมาเผื่อมื้อเย็นโดนพวกคุณซัดเรียบไปตั้งแต่มื้อกลางวัน?”
     “เออ ขอโทษที พี่ลืมบอกไปว่ะ ฮ่าๆ”
     เสียงพี่เบียร์ที่ดังขึ้นทำเอาพวกเราวงแตกกันนิดหน่อย ส่วนต้นนี่จิกสายตาใส่พี่เบียร์เต็มที่
     “เอาน่าๆ ก็มันมีเรื่องยุ่งๆ เกิดขึ้นมาซะก่อนนี่พี่เลยลืม แหะๆ”
     “แม่ง! ก็แค่เนี๊ยะ ก็บอกกันแต่แรกดิวะ พวกกูตกใจหมด นึกว่ามึงน้อยใจพวกกู”
     อ้าว! สัสมิวทำเสียเรื่องอีกแล้ว
     “ความรู้สึกของผมไม่สำคัญหรอกครับ คุณไม่ต้องเสียเวลามาใส่ใจก็ได้!”
     “อ้าว! เยอะละต้น เพื่อนกันไม่สนใจได้ไงวะ ถ้าพวกกูไม่ห่วงพวกกูไม่มาง้อมึงหรอก”
     “ดีใจจังครับที่พวกคุณยังเห็นผมเป็นเพื่อนอยู่!”
     เงิบกันทั้งแถบ ต้นไม่เคยประชดพวกเราแบบนี้ อย่างดีก็แค่จิกกัดบ้างเวลาคุยเล่นกันขำๆ แต่สีหน้านิ่งๆ กับรอยยิ้มที่มุมปากแล้วก็น้ำเสียงเหยียดๆ พวกนั้น ผมไม่เคยเห็นต้นใช้กับใครนอกจากอาจารย์ต้น และตอนนี้ต้นกำลังใช้มันกับพวกเรา!
     “เอ้ยๆ โหย ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก ไอ้มิวมันก็ปากเสียไปงั้นแหละ อย่าไปเลยนะ ไม่มีมึงละกูจะกินอะไรอ่ะ?”
     “ก็หาทานเอาเองสิครับ ผมไม่ใช่ขี้ข้าพวกคุณนะ”
     “โหย ต้นอย่างอนดิ”
     “ผมไม่ได้งอน!”
     “มึงงอน! แล้วกูก็กำลังง้อมึงอยู่เนี่ย ไอ้พวกนั้นก็อยากง้อมึงแต่เสือกง้อไม่เป็น”
     คราวนี้ต้นอึ้งไปบ้าง ผมเห็นต้นเม้มปากขัดใจทำท่าเหมือนจะพูดอะไรซักอย่างแล้วก็เปลี่ยนใจ แต่แล้วต้นก็พูดต่อจนได้ ต้นนี่ชอบเถียงกว่าที่คิดอีกแฮะ
     “ทำไมผมจะต้องงอนพวกคุณด้วย”
     “ก็มึงเสียใจที่ไอ้เอกทำไม่ดีกับมึงไง แล้วก็น้อยใจที่พวกนั้นแกล้งมึงด้วย พวกกูเลยมาง้อมึงเนี่ย”
     อ้าว? ต้นหน้าแดงซะงั้น เฮ้ย! มึงจะกอดต้นทำไมวะสัสพัท ไอ้พัทมันกอดต้นหลวมๆ แล้วก็ตบหลังต้นสองสามทีแต่ผมหวง!
     “หายงอนพวกกูนะมึง กูหิวข้าว”
     “ปละ ปล่อยนะครับ! คุณมาง้อผมเพราะหิวข้าวเนี่ยนะ? ผมไม่ใช่คนใช้ของพวกคุณนะ”
     “มึงไม่ใช่คนใช้ แต่มึงเป็นเพื่อนกู แล้วเพื่อนก็ไม่ควรปล่อยให้เพื่อนหิวใช่มั้ยล่ะ”
     “แล้วคนที่เขาเป็นเพื่อนกันเขาควรทำร้ายความรู้สึกกันเหรอครับ?”
     ต้นถามแบบนิ่งมากๆ แต่ใครๆ ก็ฟังออกว่าต้นเจ็บ
     “ก็เพราะพวกเรารู้ตัวว่าผิดถึงได้มาขอโทษนายไงต้น”
     โห! อัฐปิดท้ายได้ดีมากๆ ต้นส่งสายตาไปทางอัฐ แต่ดูท่าคงยังนึกอะไรไม่ออก หน้ามุ่ยเชียว
     “นะ นะ หายโกรธพวกกูนะ เอ้ยพวกมึงอ่ะ! คลานมากราบขอโทษไอ้ต้นเรียงตัวเลย”
     “มากไปละเชี่ยพัท”
     ถึงปากมิวนิคจะพูดแบบนั้นแต่ก็เดินมากอดต้น มึงขอโทษเฉยๆ ก็ได้นะไม่ต้องแตะอั๋งเพื่อนกู ต้นดูตกใจเหวอๆ เล็กน้อย ก่อนจะขืนตัวออกมา
     “เอาเป็นว่าผมยกโทษให้พวกคุณ ไม่ต้องเข้ามาใกล้แบบนี้ก็ได้ครับ”
     “อ้าว? กูก็นึกว่ามึงจะชอบ จะได้หายโกรธกู เกย์ชอบผู้ชายล่ำๆ ไม่ใช่เหรอไง? กูเนี่ยหุ่นดีสุดในรุ่นละ ดูกล้ามกูซะก่อน”
     สัสมิวปากหมาเอ้ย! เสือกเบ่งกล้ามโชว์จริงๆ ด้วย ไอ้สมองกล้ามเนื้อ!
     “ผู้ชายที่มีแต่กล้ามเนื้อแล้วก็เหงื่อเหม็นๆ แบบคุณนะเหรอครับ? ถึงผมจะชอบผู้ชายด้วยกันแต่ผมก็เลือกนะ แล้วผมก็ไม่ชอบให้ใครมาถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ด้วย”
     “เอาน่า ถ้ามึงหายโกรธพวกกูจริงต้องยอมให้พวกกูกอด ผู้ชายด้วยกันกอดกันนิดๆ หน่อยๆ เขาไม่ถือ”
     ไม่ได้การละผมต้องขวาง ผมรู้แผนพวกมันนะ ยังไงต้นก็ผิวนิ่มจะตายแถมหอมด้วย
     “เอ้ยๆ ลวนลามเพื่อนกู”
     ผมพยายามจับสัสมิวแยกออกจากต้น แต่มันก็มีไอ้พวกหน้าด้านตัวอื่นๆ รุมเข้ามาแทน กลายเป็นพากันแกล้งลวนลาม แถมยังมีพวกที่แกล้งจั๊กกะจี้ต้นอีก ต้นดิ้นไปดิ้นมาบิดตัวหนีไอ้พวกเชี่ยนี่ใหญ่เลย
     อ้าวเฮ้ย! ทำไมกลายเป็นเกมแกล้งต้นไปซะงั้นอ่ะ ไอ้พวกนี้มันควรเรียงคิวเข้ามาขอโทษต้นกันไม่ใช่เหรอไง?
     “แก้มมึงนี่หอมดีเนอะ นิ่มด้วย”
     ผมหันไปมองต้นที่น่าจะอยู่ด้านหลังผม ต้นโดนไอ้โค่โอบอยู่ ไอ้โค่ยืนอยู่หลังต้น ส่วนต้นก็หันหน้าไปมองโค่ ปากไอ้โค่อยู่แทบจะชิดติดหน้าต้น ต้นดูอึ้งๆ เหมือนจะช็อก
     “ไอ้บ้า!”
     ต้นมันหันไปต่อยโค่เสียงดังพลั่กเลยคับ โค่ถึงกับทรุด!
     “เฮ้ยเพื่อนกันแค่หอมแก้มแค่นี้ทำไมต้องต่อยกูด้วยวะ! ผู้ชายด้วยกันนิดๆ หน่อยๆ ไม่สึกหรอหรอก”
     “เออ ผมไม่ถือ! เพื่อนกันโดนตัวนิดๆ หน่อยๆ ผมไม่แคร์ แต่สิ่งที่คุณทำผมเรียกว่าการลวนลาม ลองถามตัวเองดูแล้วกันว่าถ้าโดนคนอื่นมาลวนลามทั้งๆ ที่ไม่ได้เต็มใจแล้วจะรู้สึกยังไง!”
     แล้วต้นก็เดินไปหาพี่เบียร์
     “พี่เบียร์ ถ้าผมหอมแก้มพี่ๆ จะว่าอะไรมั้ยครับ?”
     พี่เบียร์ดูงงๆ แต่ก็รับมุขด้วย
     “หือ? เอาดิ แต่พี่ขอหอมเราดีกว่ามั้ง? แก้มพี่สาก แก้มต้นน่าจะนุ่มกว่า”
     “งั้นตามสบายเลยครับ”
     แล้วพี่เบียร์ก็หอมต้นจริงๆ เล่นเอาไอ้โค่ยืนตาค้าง คนอื่นๆ นี่ใบ้แดกกันหมด ต้นนี่ชอบประชดประชันชะมัด แถมประชดแรงด้วย ต้นหันมาพูดถากถางเต็มที่
     “กับคนที่ไม่ได้มีจิตอกุศลผมไม่ถือครับ แต่กับพวกคิดไม่ซื่อผมรังเกียจสุดๆ ไปเลย ไปเหอะป่าน เมย์ แก้ว”
     สะใจผมจริงๆ เลย ฮ่าๆ ต้นนี่แสบจริงๆ มาดราชินีสุดๆ
     “เอ้ย! โอม ไปหาไรกินกัน”
     “เอ่อ เราขอขึ้นไปเอากระเป๋าเงินก่อนนะ”
     “อย่าช้านะ เดี๋ยวต้นรอนาน”
     “ได้”
     ผมสะใจจริงๆ
     “เฮ้ย! ละพวกกรูละ?”
     “พวกมึงจะตามไปด้วยก็ไม่มีใครห้ามนี่ ไงมื้อนี้ก็ตัวใครตัวมันอยู่แล้ว กูจะไปกับต้น พวกมึงจะเอาไงก็ตามใจมึง”
     “เอ้ยๆ ไปด้วยๆ รอกูด้วย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ว้ายๆ ต้นโดนลวนลาม!
ประโยคง้อสุดแซ่บของพัท "กูหิวข้าว" และความน่ารักของพ่อหนุ่มกล้ามมิวนิค อา...ฮาเรมน้องต้น แต่ยังไงไปป์ก็น่ารักที่สุด ฮ่าๆ  :กอด1:
คนแต่งนิยายเรื่องนี้บ้าจริงๆ เลย ดราม่าแท้ๆ แต่ดันง้อด้วยวิธีรั่วๆ มีน้องไปป์ที่ไหน มีตัวเบรคอารมณ์ที่นั่น ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#30/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 30-10-2014 02:29:36
ต้นน้ำ

     ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะทำตัวอารมณ์ไหนดีครับ ผมไม่ชอบที่ถูกทำแบบนั้น ก็ไม่ใช่ว่าผมหวงเนื้อหวงตัวหรอกครับ แต่กับคนที่คิดอกุศลกับผมแบบนั้นผมแค่... ขยะแขยง แต่ก็เพราะรู้ดีว่าโค่น่ะนิสัยหื่นไปวันๆ นั่นแหละครับ หื่นบริสุทธิ์ไม่ได้คิดอะไร ผมถึงได้... สมเพช? ไม่สิ ขำด้วย ในสถานการณ์แบบนั้นยังจะฉวยโอกาสได้อีก น่ารังเกียจจริงๆ แต่ผมก็รู้ดีว่าถึงบ่นไปก็ใช่ว่าได้อะไรขึ้นมา เมย์เองยังเคยโดนโค่แกล้งจับหน้าอกมาแล้ว ไอ้บ้านี่ชอบลวนลามชาวบ้านเขาไปทั่ว แรกๆ พวกเรารังเกียจครับ แต่หลังๆ ก็เริ่มชิน แต่พอนึกถึงที่ตัวเองทำประชดไปแบบนั้นผมก็... ถ้าพี่ชัชรู้ต้องโกรธผมแน่ๆ 
     “ต้น นายไม่เป็นไรนะ”
     เมย์ถามผมระหว่างที่เรากำลังรอรถอยู่ สายตาของเมย์ดูเป็นห่วงผมมากๆ ตั้งแต่เกิดเรื่องผมกับเมย์ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลยครับ
     “อื้อ เราไม่เป็นไรแล้ว”
     “นายยังโกรธพวกมันอยู่ป่ะ?”
     ป่านถามขึ้นพร้อมกับพยักเพยิดไปทางด้านหลังผม พวกนั้นก็ตามมาจนได้นั่นแหละครับ แน่ล่ะ ขืนไม่มาก็ไม่มีอะไรทาน เพียงแต่พวกนั้นไม่กล้าเข้ามาใกล้ผมก็เท่านั้นเอง
     “โกรธโค่ที่ทำบ้าๆ จนลืมอย่างอื่นไปหมดแล้ว”
     “อย่าถือมันเลยน่า มันก็หื่นงี้มาแต่ไหนแต่ไร มันยังแอบจับนมฉันมาแล้วเลย จับไม่พอยังมาบอกของฉันแบนอีก จะว่าไปมันก็แกล้งเปิดกระโปรงแก้วด้วยนี่ตอนปีหนึ่งอ่ะ แต่แกต่อยมันไปแบบนั้นคงไม่กล้ามาทำไรแกแล้วล่ะ”
     “โดนผู้ชายด้วยกันลวนลามอย่างกับเราเป็นผู้หญิงเนี่ยนะ? ให้มันไปลวนลามคนอื่นๆ ในภาคบ้างเหอะ!”
     ผมเบ้ปากพลางส่ายหน้าด้วยความรู้สึกขนลุก พอเห็นผมหงุดหงิดแบบนี้ ป่านเลยจงใจชวนผมคุยเรื่องอื่น ดูท่าผมคงต้องสงบสติอารมณ์ตัวเองซักหน่อยแล้ว และการนึกย้อนไปถึงเรื่องดีๆ ที่รอผมอยู่ก็ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้น ผมนึกถึงเตอร์ครับ ไม่ได้เจอตั้งนานไม่รู้จะสูงขึ้นอีกกี่เซนฯ
     ตอนที่ผมถูกลากพาเข้าไปในห้องนั้นผมไม่ได้ร้องไห้เพียงแต่ผมหยุดน้ำตาที่มันไหลออกมาไม่ได้ก็แค่นั้น แก้วไม่ได้พูดอะไรเธอแค่วางมือบนไหล่ผมแล้วก็ปล่อยให้ผมสงบสติอารมณ์ เราคงนั่งกันอยู่แบบนั้นอีกนานถ้าหากว่าเสียงโทรศัพท์ของผมไม่ดังขึ้นซะก่อน ชื่อของคนที่โทรเข้ามาทำให้ผมต้องรีบเช็ดน้ำตาของตัวเองทันที
     ผมมองหน้าแก้วๆ ส่งทิชชู่ให้ผม ผมเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วก็เดินไปนั่งตรงมุมเตียงหันหลังให้แก้วก่อนจะรับโทรศัพท์
     “ฮัลโหล”
     “พี่ต้น ยะอะหยังเสียงเป็นตึงนั้นล่ะคับ?”
     “พี่คัดจมูกน่ะ สงสัยเป็นหวัด”
     “ไปทะเลละเป็นหวัดก๊ะ พี่ต้นนี่บ่าแข็งแฮงเลย จะอี้แหละบ่ายอมพาผมไปโตย”
     “พี่มากับเพื่อน”
     ทำไมตอนที่ผมพูดประโยคนั้นผมถึงคุมเสียงของตัวเองไม่อยู่นะ น้ำตาผมไหลอีกแล้ว ไหลจนทิชชู่แผ่นเดิมเอาไม่อยู่ต้องหันไปขอจากแก้วเพิ่มอีกแผ่น
     “พี่ต้นๆ ผมอยากไปทะเลโตย”
     “ก็เอาสิ บอกให้พี่ศักดิ์พาไปสิเตอร์”
     “บอกแล้วๆ ผมบอกฮื้อพ่อพาผมไปทะเลแล้วก็ไปแอ่วกรุงเทพฯ โตย ผมยังบ่อเคยไปคอนโดใหม่ของอาชัชเลย มีสระน้ำด้วยใช่กะ?”
     “ฮ่าๆ ตกลงนายอยากไปทะเลหรืออยากไปเล่นน้ำในสระ”
     “มันก็อยากตึงคู่ก่า ผมอยากไปห้างอยากดูหนังสามมิติละก็อยากไปกินขนมกรุงเทพแหม”
     “ขนมกรุงเทพ?”
     “ก่ะโดนัทที่คนไปต่อแถวเยอะๆ นั่นเลาะ”
     ความร่าเริงสดใสของเตอร์ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากจริงๆ เตอร์อายุน้อยกว่าผมห้าปีและเป็นหลานแท้ๆ ของพี่ชัช จากการที่พี่ชัชพาผมไปเที่ยวสงกรานต์ที่บ้านเกิดนั้น ผลของมันก็คือนอกจากผมจะได้เป็นสะใภ้ชายออกหน้าของตาของบ้านแล้วผมยังมีน้องชายที่เป็นลูกของพี่ชายพี่ชัชและหลานสาววัยกำลังซนลูกของพี่สาวพี่ชัชเพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะเตอร์ที่ติดผมมาก ผมเองก็แอบขำอยู่นิดหน่อยนะครับ เป็นเด็กกรุงเทพฯ นี่มันเท่มากขนาดนั้นเลยเหรอ?
     “มันไม่อร่อยขนาดนั้นหรอกมั้งเตอร์? พี่ว่าก็แค่โดนัทธรรมดาๆ แหละ”
     “แต่ผมอยากกินเลาะ อยากไปแอ่วห้างโตย เพื่อนผมบอกว่าจอหนังที่นั่นสูงเท่าตึกสามชั้นเชียวหนา พี่ต้นพาผมไปโตยได้ก่อ”
     “พี่จะพาเราไปได้ยังไง? แล้วเราไม่อยากไปทะเลแล้วเหรอ?”
     “ก็ผมบอกพ่อแล้วเลาะ พ่อบอกว่าจะพาผมไปแอ่วทะเล แล้วก็จะชวนย่ากับอานันไปโตย เฮาว่าจะไปกันตึงหมด จะขับรถไปละไปแวะพักคอนโดอาชัชก่อนคืนนึง”
     “ก็เอาสิ ไม่โทรไปอ้อนอาชัชของเราดูล่ะ?”
     “ปี้ต้นอู้เหมือนอีป้อขนาด!”
     เตอร์เผลอสบถจนหลุดคำเมืองออกมา ผมขำนะครับ ผมเนี่ยนะเหมือนพี่ศักดิ์? แต่ตอนที่เตอร์พูดประโยคนี้ พวกเมย์กับแก้วก็เปิดประตูห้องเข้ามาพอดี เมย์อ้าปากทันทีที่เห็นหน้าผมแต่ผมเอานิ้วแตะริมฝีปากไว้ซะก่อน ผมส่งภาษาให้สองสาวอ่านปากเบาๆ ว่า “คุยกับญาติ” พวกเธอเลยเงียบแล้วไปเปิดโน๊ตบุ๊คเล่นแทน มีเสียงกระซิบกระซาบกันนิดหน่อย ส่วนเตอร์นั้นร่ายยาวไม่หยุดเลยครับ
     “พอผมบอกพ่อหนา พ่อก็ฮื้อโทรไปขออนุญาตอาชัช ละพี่ต้นฮู้ก่อ พอผมโทรไปหาอาชัช อาชัชเปิ้นบอกผมว่าฮื้อโทรมาขออนุญาตพี่ต้นแทน โดยเฉพาะถ้าผมจะขอค้างต่อจนกว่าจะเปิดเทอมผมต้องมาขอพี่ต้น อาชัชทำงานบ่อว่างดูแลผมๆ ต้องอยู่กับพี่ต้นสองคน พี่ต้นอนุญาตผมได้ก่อ ผมอยากไปจริงๆ หนา ผมยังบ่อเคยเห็นคอนโดสวยๆ ที่มีสระว่ายน้ำเลยเลาะ มันสวยเหมือนในทีวีก่อ? ผมอยากไปเที่ยวห้างโตย”
     “ขนาดนั้นเลย? แล้วเตอร์จะอยู่ยังไง? ถ้าเกิดบางวันที่พี่ไม่ว่างล่ะ? เตอร์ต้องอยู่คนเดียวนะ?”
     เป็นเรื่องจริงที่สุดครับ เพราะหลังจากที่ผมคืนดีกับพ่อเรียบร้อย ก็มีคำขอร้องจากอากงให้ผมไปหาท่านบ่อยๆ มากขึ้น บางครั้งผมก็ต้องไปค้าง บางทีท่านก็เกิดอุตริจะพาผมออกงาน แต่ผมยังปฏิเสธไว้ได้อยู่ครับ รวมทั้งมีบ้างบางครั้งที่พี่สาวคนละแม่ของผมจะขับรถมารับผมไปทานข้าวที่บ้านเธอ ใช่แล้วครับ ทานข้าวกับคุณพ่อและภรรยาของคุณพ่อนั่นแหละครับ!
     จริงอยู่ที่มันอึดอัด ไม่สิ แรกๆ ผมอึดอัดมาก มีแต่ความกระอักกระอ่วน แต่คุณป้าเธอก็เป็นผู้ใหญ่แล้วจึงวางตัวดีครับ เธอไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจอะไรผม แต่ก็ไม่ได้แสดงออกว่ารักหรือเอ็นดูผมเหมือนอากงกับพี่ษา เราก็เลยต่างคนต่างอยู่ต่างทำหน้าที่ของตัวเองครับ เธอเป็นเจ้าบ้านที่ดีส่วนผมก็เป็นแขกที่ดี
     “อยู่ได้ก่าอยู่ได้ พี่ต้นมีคอมพิวเตอร์เลาะ ผมอยู่ได้”
     “แน่ะ ไม่ได้นะ คอมพี่ไม่มีเกมอะไรหรอก แล้วก็ห้ามเราเล่นเกมทั้งวันด้วย เราเอาแต่เล่นเกมบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ พี่ได้ยินพี่ศักดิ์บอกนะ”
     “ไปเชื่อพ่อยะหยังเปิ้นจุ๊ไปเรื่อยก่า ผมเล่นเกมแต่ก็บ่อได้เสียการเรียนเลาะ นะ นะ ฮื้อผมไปอยู่โตยนะ”
     “แล้วเรามาอยู่กับพี่คนเดียวแล้วตอนขากลับจะกลับยังไง?”
     “ก็ฮื้อพ่อมารับก่ะ”
     “นายไม่สงสารพ่อนายเหรอ ต้องขับรถไปกลับมารับนายเนี่ย? ต้องปิดอู่อีก เสียการเสียงานหมด”
     ผมรู้มุขสองพี่น้องนั่นแล้วล่ะ ทั้งคู่อนุญาตเรื่องเที่ยวทะเล ผมว่าญาติพี่น้องพี่ชัชก็คงหาโอกาสตามมาดูชีวิตส่วนตัวพี่ชัชที่นี่นานแล้ว แน่ๆ แต่สมัยที่พี่ชัชยังคบกับพี่ฟ่างคงทำไม่ได้ แต่พี่ศักดิ์ไม่ชอบใจเรื่องที่เตอร์อยากอยู่เที่ยวต่อ ส่วนพี่ชัชรายนี้ผมว่าคงขี้เกียจมีเรื่องยุ่งยากละมั้งครับ เพราะเป็นน้องเล็กเลยมักจะถูกพี่ๆ ดุอยู่เสมอ ทุกคนก็เลยส่งไม้อ่อนดื้อๆ อย่างเตอร์มาให้ผมดัดแทน เพราะเตอร์เชื่อฟังผมมาก
     “จะอั้นก็ฮื้ออาชัชมาส่ง?”
     “บ้าน่าเตอร์! พี่ชัชต้องทำงาน ไม่มีเวลาหรอก”
     “พี่ต้นนั่งรถมาส่งผมก่ะ?”
     “พี่ก็ไม่ว่าง เห็นมั้ยว่ามันลำบาก นายมาเที่ยวได้ แต่จะอยู่ต่อคนเดียวมันลำบากนะ กลับพร้อมๆ กันนั่นแหละ”
     “แต่ผมอยากไปกรุงเทพเลาะ”
     “บอกพี่มาตามตรงก่อน ว่านายจะมากรุงเทพฯ ทำไม มีอะไรที่นายอยากทำบ้าง แล้วพี่จะคิดดูอีกที”
     เตอร์อึกอักอยู่นิดหน่อย แต่ในที่สุดก็ยอมสารภาพออกมาจนได้ครับว่าอยากไปงานเกม เฮอะ! งานเกมเนี่ยนะ? แล้วก็อยากไปพวกแหล่งขายเกมแถวๆ สะพานเหล็กอะไรนี่อีก แถมยังอยากนัดไปเจอเพื่อนในเกมอีกด้วย เด็กสมัยนี้นี่ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ ผมชักเป็นห่วงหลานผมแล้วสิ คือ... หลานแฟนก็เหมือนหลานตัวเองนั่นแหละครับ
     ผมฟังจบแล้วก็ยื่นข้อเสนอไป เตอร์สัญญากับผมทุกอย่างจนผมต้องยอมแพ้
     “โอเคๆ ถ้าเตอร์สัญญากับพี่ว่าจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน แล้วก็รับปากที่พี่บอกทั้งหมดระหว่างที่อยู่กับพี่ๆ จะยอมให้อยู่ด้วย แต่ถ้าเตอร์ดื้อละก็ พี่ส่งขึ้นรถทัวร์กลับบ้านเลยจริงๆ นะ”
     “ไชโย! พี่ต้นอนุญาตแล้ว ฮักพี่ต้นขนาด!”
     “รักแล้วต้องเชื่อฟังพี่ด้วยล่ะ”
     เตอร์ยังยอผมอีกนิดหน่อยก่อนจะวางสาย ผมถอนหายใจทั้งๆ ที่ยิ้ม เด็กหนอเด็ก ตอนผมอายุสิบสี่ผมก็เป็นแบบนี้รึเปล่านะ?
     “โห! ต้น ใครอ่ะ? น้องแกเหรอ?”
     “ระงับความสงสัยไว้บ้างก็ได้นะป่าน”
     ผมตอบพร้อมกับยิ้มแล้วเขยิบไปนั่งใกล้ๆ พวกสามสาว ป่านยังคงไม่ยอมแพ้ สมกับเป็นคู่หูตัวPจริงๆ ครับ
     “น้องเหรอ?”
     “เปล่าไม่ใช่หรอก หลานชายของแฟนน่ะ”
     “ต้นสนิทกับครอบครัวแฟนด้วยเหรอ?”
     เป็นเมย์ที่ถามขึ้น ผมแปลกใจนิดหน่อยนะ คือไม่คิดว่าเมย์จะยอมรับเรื่องที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชายง่ายๆ แบบนี้
     “สนิทสิ พี่ชัชพาเรากลับไปเที่ยวที่บ้านเกิดทุกปีแหละ”
     “แหม น่าอิจฉาจังว่ะ ว่าแต่แล้วหลานแฟนมาอ้อนไรแกวะ?”
     “จะไปทะเลน่ะ ไม่รู้ๆ ข่าวจากไหนว่าเรามาเที่ยวทะเล เลยร้องอยากไปเที่ยวบ้าง”
     “อ้าว? เด็กมันอยากไปทะเลแล้วทำไมพ่อแม่มันไม่พาไปเองล่ะ มาอ้อนแกทำไม?”
     “ก็... เด็กมันติดเรามั้ง พ่อเขาเลยส่งมาให้เราปรามๆ ไว้บ้าง”
     “หา? ทั้งๆ ที่แกโคตรดุเนี่ยนะ ฉันฟังแล้วยังแอบขำเลยอ่ะ ฉันว่าแกดุอิไปป์เยอะละนะ แต่พอเห็นแกดุหลานแกแล้วแบบ... อย่างกับแม่อ่ะ”
     “บ้าป่านก็! เราไม่ได้ดุขนาดนั้น ก็แค่... เตือนๆ”
     หลังจากนั้นก็เลยโดนซักอะไรอีกนิดหน่อยครับ ผมก็เล่าบ้างไม่เล่าบ้างตามสไตล์ ผมฝังเรื่องยุ่งๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ทั้งหมดไว้ แล้วก็นึกถึงแต่เรื่องดีๆ ที่รอผมอยู่แทน ได้โปรดอย่ามีใครรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกเลย ผมเจ็บ! จนเริ่มหิวพวกเราก็เลยตกลงกันว่าจะออกไปหาอะไรทานกันเพราะขี้เกียจทำ ยังไงของสดก็มีไม่พอสำหรับทำมื้อเย็นให้คนเกือบยี่สิบคน
     เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ เพราะผมได้คุยกับเตอร์ก็เลยรู้สึกดีขึ้นเลยไม่อยากรื้อฟื้นอะไรอีก แต่ตอนที่พัทมาง้อผมก็เหวอไปเหมือนกันนะ ขอโทษได้งี่เง่ามากครับ ผมเกือบหลุดขำเลยแหละ ทั้งขำทั้งยังโกรธอยู่จนไม่รู้จะทำยังไง ยิ่งตอนที่อัฐพูดขึ้นมาโทสะผมลดฮวบเลย ผมก็รู้นะว่ามิวนิคพยายามง้อผมแล้ว แต่คงเพราะทิฐิในตัวผมมั้งครับ แก้ไม่หายซะที แต่ทุกอย่างก็มาพังตรงโค่น่ะแหละ! คนอะไรหื่นได้อีก ผมทั้งโกรธทั้งอายทั้งโมโหทั้งขำ โอ้ย! ไม่รู้จริงๆ ครับว่าควรจะอยู่ในอารมณ์ไหน!
 
     พวกเราขึ้นรถรับจ้างไปยังพลาซ่ากันครับ ผมเดินกับพวกสามสาว ส่วนไปป์กับโอมแน่นอนว่าเดินตามพวกผมมาอยู่แล้ว ที่เหลือก็ตามมาเหมือนกันครับ แต่ตามมาห่างๆ น่ะนะ ผมแอบเห็นหน้าโค่ช้ำพอดู ถือว่าหมัดผมยังแรงใช้ได้
     ไม่นานนักแผงขายของในบาซ่าก็ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้น ผมเดินดูของอย่างสนุกสนาน ก็แหมผมไม่ค่อยได้ไปไหนนี่ครับ ไหนๆ มาเที่ยวแล้วทั้งทีก็เลยไม่อยากมัวแต่โกรธจนลืมเที่ยว
     พวกสามสาวลากผมแวะหยุดตามบรรดาแผงขายเครื่องประดับบ่อยๆ โดนเฉพาะยัยเมย์ ชอบหันมาถามผมว่าอันนั้นน่ารักมั้ยอันนี้สวยรึเปล่า ผมก็พยักหน้าไปงั้นๆ แหละครับ เพราะสำหรับผมๆ คิดว่ามันสิ้นเปลืองมากกว่า แล้วผมก็เห็นแวะลองกันแทบทุกร้านแต่ก็ไม่ซื้อ ถ้าไม่คิดจะซื้อแล้วลองทำไม ไม่เข้าใจผู้หญิงจริงๆ เลยครับ ดีนะผมมีภูมิต้านทานจากการไปซื้อของกับเมษอยู่บ้างเลยพอทนไหว
     “ง่า หิวแล้วอ่า ไปหาไรกินเถอะ ช็อปนานเกินไปละ”
     นั่นไงไปป์โวยวายจนได้ แล้วพวกเราก็เลยไปหาอะไรทานกันครับ เลือกร้านแบบโอเพ่นแอร์แชร์โต๊ะกันจากร้านอาหารหลายๆ เจ้าแถวนั้น พวกเราหกคนนั่งเบียดกันก็พอดีกับจำนวนที่ผมก็เลยไม่ต้องร่วมโต๊ะกับคนที่ผมยังเหม็นหน้าอยู่ แต่พวกนั้นก็เนียนมานั่งใกล้ๆ กันนั่นแหละครับ แถมมิวนิคยังทุ่มทุนซื้อไข่นกกระทาทอดมาเสิร์ฟผมอีก ทุ่มทุนตั้งยี่สิบบาท! ค่าตัวผมมันมีค่าแค่นี้เองรึไง? ทั้งโกรธทั้งขำนะครับ
     “อ่ะ กูป้อน หายงอนพวกกูได้ละ”
     “คุณไม่อายแต่ผมอายครับ ผู้ชายบ้าไรมานั่งป้อนกันแบบนี้ แล้วถ้าซื้อมาให้ผมก็อย่าเนียนตักเข้าปากตัวเองสิครับ!”
     “ก็กูนึกว่ามึงไม่กิน กลัวเสียของดิ”
     สรุปว่าก็คงต้องหายโกรธใช่มั้ยครับ? ผมหันไปมองไปป์ แต่ดูเหมือนกุนซือประจำรุ่นจะร้อนตัว
     “เอ้ยๆ เราเปล่านะ เราไม่ได้ให้พวกมันใช้แผนนี้”
     “แล้วบอกให้ใช้แผนไหนไปล่ะ?”
     ผมยิ้มพร้อมกับถามเสียงเย็น ไปป์เหงื่อแตกเล็กน้อย ไม่รู้เพราะอากาศมันร้อน เพราะทานก๋วยเตี๋ยวน้ำ หรือเพราะร้อนตัว
     “ก็... ก็แค่... เราบอกพวกมันไปว่านายใจอ่อนกับลูกอ้อนแต่ไม่ชอบมุขขี้หลี”
     “รู้เยอะเกินไปแล้วนะไปป์ แต่เรื่องบางเรื่องรู้แล้วไม่ต้องพูดออกมาก็ได้”
     เสร็จจากมื้อเย็นพวกเราก็ไปเดินเล่นกันต่อ พวกนั้นยกขโยงเดินตามผมทั้งฝูงนั่นแหละครับ แต่พอจังหวะที่ผมกับสามสาวเดินผ่านร้านยาดองก็มีขี้เมาตะโกนแซวเมย์
     “น้องสาว! นมนั่นของจริงหรือของปลอมจ้ะ ขอพี่จับพิสูจน์หน่อยได้มั้ย”
     เขาตะโกนเสียงดังมากครับ คนที่ผ่านไปผ่านมาได้ยินกันหมด และผมคิดว่านั่นเป็นการกระทำที่ต่ำมากๆ ด้วย เมย์หน้าเสียทันที ป่านกับแก้วนี่หน้าถอดสีแล้วครับ โอมก็ดึงไปป์อยู่ ส่วนผมก็ยืนจับมือเมย์ไว้ครับ ยังไงซะเพื่อนผมคนนี้ก็ขาวีนพอกัน
     “ไปเหอะเมย์”
     ผมพยายามดันเมย์ให้เดินต่อไม่ต้องไปสนใจพวกมัน แต่ในจังหวะที่เมย์เสียเวลาไปแข่งจ้องตาแบบกินเลือดกินเนื้อกับคนพวกนั้นมันก็พลาดซะแล้ว มันพลาดที่ทำให้ไอ้พวกนั้นหันมาสนใจเมย์กับพวกเราที่มีสาวๆ อยู่ในกลุ่มถึงสามคน แล้วก็มีผมแค่คนเดียวที่อยู่ใกล้เพราะโอมกับไปป์ยืนอยู่แผงข้างหลังถัดไปอีกสองแผงเดินอยู่กับกลุ่มพวกมิวนิค
     “แฟนหึงซะด้วย”
     มันพูดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วยืนล้อมเราสองคนไว้ พวกมันมีกันสองคนครับ กลิ่นเหล้ายาดองหึ่งออกมาทำให้ผมคิดว่าไม่ควรไปยุ่งกับมัน แก้วกับป่านจะเดินเข้ามารวมกลุ่มแต่ผมหันไปส่งสายตาให้ว่าอย่าเข้ามา จะให้เพื่อนผู้หญิงเข้ามาเสี่ยงอีกเหรอครับ? แค่เมย์คนเดียวผมก็เต็มกลืนแล้ว
     “ช่วยหลีกทางให้ผมกับเพื่อนด้วยครับ”
     ผมตั้งใจขอร้องมันดีๆ พูดสุภาพด้วย
     “โอะ ไม่ใช่แฟนงี้พี่ก็มีสิทธิ์สิจ้ะ มานั่งกับพี่มั้ยน้อง”
     ไวเท่ากับที่มันพูดมือของมันก็เอื้อมมาจะจับตัวเมย์ครับ ผมไม่รู้หรอกนะว่าตำแหน่งนั้นมันจะเป็นหน้า เป็นคาง หรือหน้าอก เพราะขาผมไวกว่า ผมยกขาขึ้นถีบมันลงไปกองกับพื้นทันทีพร้อมๆ กับที่ใช้มือดันไหล่เมย์ไปทางพวกแก้ว คนที่ยืนอยู่ข้างหลังดูงงๆ กว่าที่มันจะเงื้อหมัดมาต่อยผมก็หลบออกไปยืนอีกฝั่งแล้ว
     “สัด! มึงถีบกู”
     “เออ! ผมถีบ ก็คุณมาจับหน้าอกเพื่อนผมอ่ะ”
     โอมกับไปป์วิ่งมาถึงพวกเราแล้วครับ และเสียงตะโกนของผมก็ดังพอสมควรด้วย หวังว่าไอ้พวกนั้นมันจะได้ยินนะครับ มิวนิคจะได้ใช้กล้ามเนื้อที่เขาภูมิใจซะที!
     “ช่วยด้วยครับ เขาเมาแล้วลวนลามเพื่อนผม มันขู่จะทำร้ายผมกับเพื่อน ช่วยเรียกตำรวจให้พวกผมที!”
     เสียงของผมดังไม่แพ้ใครครับ พวกมันเองก็เกรงใจสายตาชาวบ้าน ไม่ถึงนาทีกำลังเสริมพวกผมก็มาถึงนำโดยมิวนิค
     “เฮ้ย ไหนๆ มีอะไร เกิดไรขึ้นวะต้น?”
     เป็นคุณๆ จะยังกล้าเอาเรื่องกับกลุ่มที่ดูแล้วมีผู้ชายมากกว่าสิบคนมั้ยครับ?
     “มิวนิค นายช่วยเรียกตำรวจที เรากับเมย์โดนทำร้าย!”
     “เฮ้ยไอ้น้อง พี่ว่าเรื่องแค่นี้ไม่ต้องถึงขั้นเรียกตำรวจหรอกมั้ง”
     เจ้าของร้านยาดองรีบออกมาขวางทันทีครับ ทีเมื่อกี้ตอนที่เพื่อนร่วมโต๊ะคุณเมาทำหยาบคายกับเพื่อนผมคุณยังนั่งเฉยๆ อยู่ที่โต๊ะเลยนะ!
     “ไม่ได้หรอกครับ เกิดผู้ชายสองคนนี้แค้นผมแล้วตามไปเอาเรื่องพวกผมล่ะ ยิ่งผมไม่ใช่คนในพื้นที่ เกิดอะไรขึ้นก็ตรวจสอบหลักฐานลำบาก ยังไงก็ต้องแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ครับ”
     “พอเหอะน้อง เอาเป็นว่าพี่ขอโทษแทนแล้วกันนะ แล้วๆ กันไปอย่ามีเรื่องกันเลย พี่ขอ”
     “แล้วผู้ชายคนนั้นเขาจะไม่ตามมาทำร้ายผมจริงๆ เหรอครับ?”
     “เออๆ มันเมา เดี๋ยวพรุ่งนี้มันตื่นมันก็จำอะไรไม่ได้แล้ว”
     “ถ้างั้นขอบัตรประชาชนด้วยครับ?”
     เจ้าของร้านเหล้าทำหน้าแปลกใจ ผมก็เลยพูดต่อ
     “ผมจะถ่ายรูปบัตรประชาชนพวกคุณไว้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับผม ตำรวจจะได้ตามตัวได้ไม่ยาก”
     “เฮ้ย! พี่ว่ามันมากไปมั้งไอ้น้อง”
     “มิวนิค โทรเรียกตำรวจเลย”
     “เอาล่ะๆ น้องจะเอายังไงว่ามา แต่พี่ให้ดูบัตรพี่ไม่ได้หรอก เกิดน้องเอาไปทำไรไม่ดีล่ะ”
     “งั้นแบบนี้มั้ยล่ะครับ”
     ผมพูดพร้อมกับมองไปยังไอ้ขี้เหล้าคนนั้นที่ยังนั่งจุกอยู่บนพื้น
     “ไปป์ ถ่ายคลิปไว้ที ส่วนพวกพี่พูดตามผมนะครับ อันดับแรกบอกชื่อพวกพี่ แล้วก็พูดต่อว่า ขอโทษและสำนึกผิดที่ได้ล่วงเกินนายเมธัส สวัสดิ์ไพโรจกับเพื่อน และขอสัญญาว่าจะไม่ติดใจแค้นเคืองใดใด ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นนายเมธัสสามารถนำหลักฐานนี้ไปแจ้งความจับข้าพเจ้าได้ เอาแบบนี้ดีมั้ยครับ”
     “โห น้อง เล่นกันแบบนี้เลยเหรอ!”
     “ผมก็แค่ป้องกันตัว ถ้าเกิดพวกคุณแค้นตามไปเอาเรื่องผมล่ะ?”
     ผมยื้อไว้เต็มที่ครับ ใครจะรับประกับความปลอดภัยให้ผมละ โชคดีที่สายตรวจมาเร็ว ผมหันไปยิ้มให้กับโอม โอมโทรหาตำรวจตั้งแต่แรกแล้วครับ โชคดีที่ผมกับโอมคิดคล้ายๆ กัน
     แล้วตำรวจก็เข้ามาเคลียร์ให้ แต่ก็อย่างว่าครับ เข้าข้างเจ้าถิ่นอยู่วันยังค่ำ รับปากจะเคลียร์เรื่องให้ไปส่งๆ แต่ผมก็ยังมีไม้ตายอยู่ครับ ก็ชื่อเมธัส สวัสดิ์ไพโรจยังไงละครับ นามสกุลของแม็กซ์เป็นเกราะคุ้มกันผมอย่างดี และผมเชื่อว่าต่อให้ผมผลักภาระแจ้งความเท็จไปให้แม็กซ์ แม็กซ์ก็ไม่เดือดร้อนอยู่ดี
     เรื่องจบลงง่ายๆ ครับ แต่ก็ตรงใจผม พวกเรารอดปลอดภัย และอีกฝ่ายได้รับการเตือนว่าอย่ามายุ่งกับพวกผมอีก พวกเรากลับที่พักกันทันทีไม่มีใครมีอารมณ์เที่ยวต่อแล้ว
     “ต้น เมื่อกี้นายพูดชื่อใครอ่ะ?”
     “ไม่สงสัยซักเรื่องได้มั้ยไปป์”
     “ก็อยากรู้นี่ นามสกุลมันคุ้นๆ หูยังไงก็ไม่รู้”
     “ก็ต้องคุ้นมั่งแหละ นักธุรกิจระดับนั้น”
     “ว่าแต่นามสกุลใครอ่ะ?”
     “แม็กซ์ไง แม็กซ์ชื่อจริงว่าเมธัส สวัสดิ์ไพโรจ”
     “โห! งี้เพื่อนนายก็เป็นไฮโซดิ?”
     “อื้อ”
     “แล้วทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยอ่ะ”
     “เผื่อพวกนั้นมันคุ้นหูแล้วจะได้เลิกยุ่งกับพวกเราไง นามสกุลออกข่าวบ่อยๆ คงพอขู่คนอื่นได้บ้าง ไม่งั้นเกิดพวกมันติดใจตามไปแก้แค้นพวกเราละจะทำไง”
     “นั่นดิ ก็นายดันไปถีบพวกมันนี่เนาะ”
     “แล้วถ้าไม่ถีบยัยเมย์จะโดนพวกมันทำไรบ้างก็ไม่รู้ เราถีบไว้ก่อนแหละ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ขอบทให้น้องต้นโชว์แมนกับเขาบ้าง เท้าไปไวนะลูก
ในความคิดน้องต้นฮีจะคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายต้องปกป้องเพื่อนเนอะ ต้นก็เสียสละให้คนอื่นแบบนี้ตลอดเลยมีคนหลงรัก อิๆ
ว่าแต่ แล้วหนุ่มน้อยเตอร์นี่ใครอี๊ก! ยังคงใส่หนุ่มๆ เข้าฮาเรมอย่างต่อเนื่อง เหอะๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#30/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 30-10-2014 03:19:17
ต้นน้ำ

     แล้วพวกเราก็กลับถึงบ้านพักจนได้ครับ แต่ละคนไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ผมเองก็เหนื่อยมากแล้วรู้สึกตัวรุมๆ ด้วยเลยทานยากันไว้ก่อนขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวนอน วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะจริงๆ แต่พออาบน้ำเสร็จแล้วเช็คโทรศัพท์ตามปกติ ก็มีข้อความส่งมาบอกว่าเมย์รอผมอยู่ที่ชายหาดครับ ผมเลยโทรกลับไป เมย์ไม่ยอมรับโทรศัพท์แต่ส่งข้อความมาว่าจะรอจนกว่าผมจะออกไปหา ทำให้ผมต้องออกไปเหนียวตัวกับลมทะเลอีกรอบจนได้
     “เรียกเรามาทำไมเหรอ? มีอะไรรึเปล่า?”
     “ชวนต้นมานั่งเล่นไง มาชายหาดทั้งที”
     “เมย์มันดึกแล้วนะ เราเหนื่อย ไม่ไหวแล้วอยากนอน”
     “นะ อยู่เป็นเพื่อนเราแป็บนึง ถือว่าเราขอร้องก็ได้ เราไม่เคยขอร้องอะไรนายมาก่อนเลย”
     เมย์ใช้น้ำเสียงอ้อนวอนกับผมเหรอเนี่ย ผมหูฝาดไปรึเปล่า?
     “อืม เธอไม่เคยขอร้อง เธอสั่งทุกครั้งอ่ะ”
     “เราคงแย่มากสินะในสายตานาย”
     “ไม่หรอก ช่างมันเถอะ ว่าแต่เรียกเรามานั่งดูดาวนี่มีธุระอะไรล่ะ?”
     “ก็เรายังไม่ได้ขอบคุณที่นายช่วยเราไว้เลย ขอบคุณนะ”
     “อืม”
     “ทำไมถึงช่วยเราไว้ล่ะ? คนพวกนั้นน่ากลัวออก”
     “ก็เพื่อนกัน แล้วอีกอย่าง การถูกสัมผัสโดยที่เราไม่เต็มใจมันทรมานนะ เมย์เป็นผู้หญิงเราไม่อยากให้เมย์เจอเรื่องน่ากลัวแบบนั้น ใครจะไปรู้ว่ามันจะทำอะไรเมย์ เกิดมันคว้าเมย์ได้แล้วดึงไปกอดหรือทำอะไรมากกว่านั้นล่ะ? เราก็เลย... ไม่รู้สิ เท้ามันไปเองมั้ง กันไว้ก่อน”
     “ต้นนี่เป็นคนดีจังเลยเนอะ”
     “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกเมย์”
     เมย์เงียบไปพักนึงแล้วจู่ๆ ก็ถามขึ้น เสียงของเมย์ที่เคยดังคราวนี้กลับเบาจนแทบโดนกลบด้วยเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง
     “ถามจริงๆ เถอะ ต้นเป็นเกย์จริงๆ เหรอ”
     “เมย์ก็ได้ยินแล้วนี่ เราชอบผู้ชาย”
     “แต่ต้นก็รักแค่แฟนต้นคนเดียว กับผู้ชายคนอื่นต้นก็ไม่รู้สึกอะไรนี่ ถ้าต้นเลิกกับแฟน”
     “มันเป็นไปไม่ได้หรอกเมย์ เพราะเราจะไม่มีวันเลิกรักพี่ชัชและจะไม่ยอมเลิกกับพี่เขาด้วย จริงอยู่เราอาจจะไม่รู้สึกอะไรกับผู้ชายคนอื่น แต่มันก็มีนะครั้งที่เราไม่ได้คิดรังเกียจผู้ชาย”
     “เป็นผู้หญิงไม่ได้จริงๆ เหรอ? เราจะไม่มีโอกาสเลยเหรอต้น”
     “เมย์ เราขอโทษนะ... แต่ต่อให้เป็นผู้หญิงได้ เธอก็ไม่ใช่คนที่เราจะเลือก”
     “ทำไมละ? ถ้างั้นก็แปลว่าต้นเองก็ชอบผู้หญิงเหมือนกันนี่ ทำไมอ่ะมีอะไรที่เราไม่ดีต้นบอกเราได้นะ เราจะได้ปรับปรุงตัว”
     “พอเหอะเมย์ มัน... เรื่องของเรามันซับซ้อน จริงอยู่ที่ถ้าเราไม่เจอแฟนเราบางทีในอนาคตเราอาจจะแต่งงานกับผู้หญิงโดยไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้เรารักแฟนเรามาก และเราไม่คิดว่าเรา... เราจะสามารถกอดผู้หญิงคนไหนได้ เราเป็นฝ่ายถูกกอดมาตลอดเข้าใจมั้ยเมย์ ร่างกายเราเรียนรู้ที่จะถูกเติมเต็มแบบนั้นมาตั้งแต่แรก ส่วนหัวใจของเราก็มอบให้แฟนเราไปหมดแล้ว”
     “แล้วผู้หญิงคนนั้นละ? คนที่ต้นให้โอกาส”
     เมย์ยังคงพยายามต่อ ผมเองก็เข้าใจความรู้สึกของเมย์นะ ถึงจะสู้กับผู้ชายที่ผมรักไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ ถ้าเปรียบเทียบกับคนที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันเมย์คงรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม
     “เป็นคนรู้จักของครอบครัวน่ะ ตอนแรกเป็นเพื่อนกันแต่ต่อมาถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วครอบครัวพวกเราสนิทกัน เขามาชอบเรา ถึงเราจะคิดกับเขาแบบเพื่อน แต่เรา... เธอก็เห็นว่าเราไม่ค่อยเปิดใจ เราคิดว่าถ้าเราไม่ได้เจอแฟน เราก็คงใช้ชีวิตเรียนไปวันๆ สุดท้ายก็คงแต่งงานกับคนที่เข้ามาใกล้เราได้มากที่สุดนั่นแหละ หรือไม่ก็อาจจะไม่แต่งงานกับใครเลยก็ได้ ตามแม่ไปอยู่เมืองนอกมั้ง?”
     “นายยอมให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าใกล้นายมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
     “อืม อย่างน้อยๆ เขาก็ตื้อเราได้เกือบทุกครั้งนั่นแหละ ถึงจะน่ารำคาญไปบ้าง โดนเราหลบหน้าบางครั้ง แต่เขาก็จะกลับมาหาเราใหม่เสมอๆ แล้วก็ท่าทางสำนึกผิดอ้อนๆ แบบนั้นมันก็ทำให้เราใจอ่อน แถมเขายังรู้จักเราดีมากจนรู้ดีว่าจังหวะไหนที่เขาเข้ามาหาเราแล้วเราจะไม่ปฏิเสธ เขาทำให้เรายอมตามใจเขาได้ละมั้ง?”
     “งั้นถามได้มั้ยอะไรที่ผู้หญิงคนนั้นมีแล้วเราไม่มี”
     “เธอขาดทุกอย่างที่ไนน์มี เมย์ และไนน์มีทุกอย่างที่เธอไม่เคยมีให้เรา ถึงไนน์จะทำให้เราเซ็งบางครั้งแต่ไม่รู้ว่าทำไมไนน์ถึงทำให้เราเอ็นดูได้ตลอด ถึงแม้บางครั้งไนน์จะเผลอทำเรื่องจนเข้าหน้าเราไม่ติด แต่เราก็ไม่เคยถือโทษโกรธไนน์ได้เลยซักครั้ง แต่เรายอมรับว่าเธอทำให้เราโมโหอยู่หลายครั้งเลยเมย์ ถึงเราจะอดทนไว้ได้ก็จริง แต่เธอคงเข้าใจใช่มั้ย อะไรที่มันไม่ต้องทนคงมีความสุขกว่า มิหนำซ้ำเธอยังไม่เคยทำให้เรายิ้มหรือรู้สึกดีๆ ได้เลยซักครั้ง ถึงเราจะหัวเราะเวลาที่อยู่กับพวกเธอ แต่ตอนที่เธออยู่กับเราสองคน เธอไม่เคยทำให้เรารู้สึกอะไรได้เลยไม่ใช่เหรอ?”
     เมย์เงียบไปเหมือนกันครับ
     “เราอาจจะพูดแรงไป ขอโทษด้วยละกัน”
     “ไม่หรอก ดีแล้วล่ะที่ต้นพูดกับเราตรงๆ แบบนี้เราจะได้ตัดใจ เลิกคิดไปเองซะที”
     “อืม”
     “ต้น เราชอบนายนะ ชอบมากๆ”
     “ขอบคุณนะ แต่ขอรับไว้แต่มิตรภาพก็แล้วกัน เรามีคนที่เรารักอยู่แล้ว”
     ผมตอบเมย์ไปแบบนั้นแล้วก็ลุกขึ้นยืนปัดทรายก่อนจะเดินหนีกลับเข้าบ้าน ผมไม่ได้ใจร้าย กลับกันผมกลับคิดว่าผมใจดีกับเมย์มากแล้ว กับคนอื่นๆ ผมเย็นชากว่านี้หลายเท่า อย่างน้อยๆ ผมก็ให้คำตอบกับเมย์ตรงๆ ซึ่งผมไม่เคยให้โอกาสใครแบบนี้มาก่อน
     เมื่อผมเดินกลับเข้าบ้านอีกครั้งก็เจอเข้ากับบรรดาฟิสิกส์มุง ดูท่าคงรู้เรื่องที่เมย์สารภาพรักกับผมกันหมดแล้ว
     “ต้นโหดว่ะ เป็นกูๆ ยังไม่กล้าพูดถึงผู้หญิงคนอื่นแบบนี้เลย”
     “เออดิ โดนพูดแบบนั้นมันเจ็บนะเว้ยต้น เหมือนโดนด่าเลย แกน่าจะบอกปฏิเสธเมย์มันดีๆ ไงเมย์มันก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีหวัง แค่อยากสารภาพความรู้สึกกับแก”
     มิวนิคกับพัทสอดปากเรื่องส่วนตัวของผมทันที พวกเขาได้ยินเรื่องที่ผมพูดกับเมย์ได้ไง?
     “แล้วไง? จะให้เราปลอบใจว่า เธอดีเกินไปนะเมย์ แต่เราชอบผู้ชาย เป็นเพื่อนกันเถอะ แบบนั้นน่ะเหรอ?”
     ผมพูดพร้อมกับเดินไปยึดโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะ มิน่าเมื่อกี้ตอนผมเดินเข้าบ้านถึงสวนกับป่านและแก้วที่เดินออกไป
     “ความคิดใคร?”
     “เอ่อ... พวกกูก็แค่”
     “ช่างเถอะ ถ้าเมย์ยอม เราก็ไม่ว่าไรหรอก”
     “มึงนี่โคตรโหดเลย เห็นปกติเงียบๆ ยอมเมย์มันมาตลอดแท้ๆ”
     “ก็นี่แหละตัวจริงเรา แล้วเราไม่คิดว่าเราโหดด้วย กลับกันเราคิดว่าเราใจดีที่สุดแล้ว”
     “นี่นะใจดีของมึง”
     “อื้ม”
     “แล้วถ้าใจร้ายนี่จะขนาดไหนวะแม่ง”
     “แล้วนายเคยเห็นเรายอมรับฟังคำสารภาพของใครมั้ยล่ะ? นายเคยเห็นเราเปิดโอกาสให้ใครมั้ย? ใครจะคิดจะรู้สึกยังไงกับเราก็ช่าง ถ้าไม่ทำให้เรารำคาญเราไม่ใส่ใจหรอก แต่ใครที่ทำให้เราอึดอัดพวกนายก็เห็นนี่ว่าเราทำยังไง เมย์เป็นคนที่สองที่มีโอกาสพูดแบบนี้กับเรา ส่วนคนแรกที่พูดน่ะเราตอบกลับไปด้วยคำโกหกว่าเรายังไม่อยากมีแฟน เพราะเรากลัวจะเสียเพื่อนทั้งๆ ที่ตอนนั้นเราคบกับแฟนเราแล้ว ถึงจะเป็นคำโกหกสีขาวแต่มันก็เหมือนให้ความหวังกัน แถมเรายังหนีห่างจากเขาอีกไม่สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน ปล่อยให้เขาทรมานอยู่กับความหวังจอมปลอม พวกนายว่าตอบปฏิเสธแบบนั้นมันดีกับคนอย่างเมย์มากกว่าจริงๆ น่ะเหรอ? ให้เมย์หวังลมๆ แล้งๆ ว่าซักวันเราอาจจะเลิกชอบผู้ชาย ซักวันเราอาจจะเห็นเมย์เป็นคนพิเศษ เราไม่อยากทำร้ายความรู้สึกใครแบบนั้นอีก บอกกันตรงๆ น่ะดีแล้ว เรามีบทเรียนจากการไม่พูดมาแล้ว และมันก็เจ็บมากเราไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก”
     พอพูดจบผมก็เดินหนีขึ้นชั้นสาม ง่วงอยากนอนเต็มที่แล้วครับ แต่มีตัวป่วนอีกจนได้ ไปป์วิ่งตามผมขึ้นมานอนตาแป๋วอยู่ข้างๆ
     “อะไรอีก?”
     “คนที่ต้นพูด หมายถึงแม็กซ์ใช่ป่ะ?”
     “รู้อยู่แล้วละจะถามทำไม”
     “ต้นได้บทเรียนอะไรเหรอ?”
     “ไม่รู้ซักเรื่องได้มั้ยไปป์ เราง่วงแล้วจะนอน”
     “นะๆ เล่าหน่อย เราเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ใช่เหรอ”
     ผมแพ้ลูกอ้อนแบบนี้ทุกที ไปป์จับทางผมเก่งขึ้นทุกวันๆ
     “ก็ไม่มีอะไรมาก เขาไปรู้ทีหลังว่าเรามีแฟนแล้วก็เลยทะเลาะกัน แต่มันดันเป็นการทะเลาะกันกลางห้องเรียนน่ะไปป์ นายคงคิดออกว่าถ้าถูกแฉความลับต่อหน้าคนทั้งห้องมันจะรู้สึกยังไง เราเข้าหน้าใครไม่ติดเลยช่วงนั้นมีแต่ข่าวลืองี่เง่าถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ แถมเรายังเสียเพื่อนเพียงคนเดียวไปอีก”
     “แต่นายก็ดีกับแม็กซ์แล้วนี่?”
     “อืมก็หลายอย่างนะ โชคที่แม็กซ์ทำใจได้แล้วเราเลยไม่อึดอัดอีก เลยกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”
     “ฟังแล้วเหมือนแม็กซ์ต้องเป็นคนง้อนายเลย นายนี่ใจร้ายชะมัด”
     “ก็ทำนองนั้นแหละ เราถึงคิดไงว่าตอบไปตรงๆ กับเมย์แบบนั้นดีที่สุด เชื่อสิคนอย่างเมย์ เดี๋ยวก็ตั้งตัวได้”
     “แล้วโอมอ่ะ ต้นจะเอาไงกับโอม?”
     “ไม่รู้สิ มันขึ้นกับโอมจะเอาไงกับเรามากกว่า บางทีการที่โอมได้เห็นอะไรเกี่ยวกับตัวเรามากขึ้นแบบนี้โอมอาจจะเลิกชอบเราก็ได้นะ ตัวตนเราจริงๆ ไม่เหมือนกับที่แสดงออกนี่นา”
     “นั่นดิ ต้นเย็นชาชะมัด รู้ทั้งรู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ สงสารโอมว่ะ ต้นใจร้าย”
     “ก็แล้วจู่ๆ จะให้เราไปบอกกับโอมรึไงว่าเรารู้นะว่าโอมชอบเราที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่เราไม่ได้ชอบโอมเรามีแฟนแล้วแต่แฟนเราก็เป็นผู้ชาย บ้าสิ!”
     “มันก็จริง โอมคงกลัวเหมือนกันแหละ เลยไม่กล้าพูดไรกับต้นได้แต่เงียบๆ แต่ถึงมันจะรู้มันก็คงไม่กล้าพูดอะไรกับต้นแล้วล่ะ ต้นเล่นดักทางมันซะขนาดนั้น ตอนอยู่ข้างล่างอ่ะจงใจพูดใช่มั้ยล่ะ?”
     ไปป์นี่เดาใจผมเก่งเกินไปแล้วครับ ถ้าโอมคือคนที่คิดคล้ายๆ ผม ไปป์ก็คือคนที่เดาทางผมถูกทุกอย่าง ผมจงใจพูดแบบนั้นไปจริงๆ นั่นแหละ ใครเป็นต้นคิดนะครับว่าควรสารภาพรักที่ริมทะเล ยิ่งเรื่องที่ผมชอบผู้ชายก็รู้กันทั่วแล้ว ผมละกลัวจริงๆ ประเภท“ขอแค่ได้พูดออกไปก็พอ”พวกนี้ก็ทำให้ผมอึดอัดนะครับ เพราะบางคนไม่ใช่แค่พูด แต่พูดด้วยความหวังแล้วก็รุกหนักขึ้นด้วย ผมไม่ชอบครับ รำคาญ แต่ที่ผมเลือกจะฟังเมย์เพราะเมย์เป็นคนใจแข็งครับ ผมรู้ว่าเมย์จะตัดใจได้ผมถึงกล้าเสี่ยง ส่วนโอมผมกลัวว่าผมจะพูดแล้วก็ตามติดผมมากขึ้น แบบนั้นผมจะมองหน้าโอมไม่ติดแน่ๆ  ให้โอมตัดใจเงียบๆ จะดีที่สุดครับ โอมจะได้ทำตัวเหมือนเดิม ส่วนพี่ณต ผมได้แต่หวังว่าพี่เขาจะเลิกสนใจผมซักที
     “รู้อีกนะ”
     “รู้ดิ เราเป็นแฟนคลับต้นนะ”
     “บ้าแล้ว! แฟนคลับอะไร”
     “ฮ่าๆ เออ ว่าแต่บทเรียนจากการไม่พูดที่ต้นบอกว่าเจ็บนี่ มีแค่เรื่องแม็กซ์เหรอ?”
     “เดาเก่งเกินไปแล้วนะ”
     “เล่าต่อทีดิ”
     ผมมองไปทางบันไดดูว่ามีใครขึ้นมารึเปล่า แต่บนชั้นสามนอกจากผมกับไปป์ที่นอนคุยกันอยู่นั้นไม่มีคนอื่นครับ ผมเลยตัดสินใจเล่าให้ไปป์ฟัง นอกจากเมษแล้วไปป์เป็นคนที่สองที่ผมเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอย่างหมดเปลือก
     “ก็... นายรู้เปล่า เซ็กส์ครั้งแรกในชีวิตของเราคือการถูกแฟนตัวเองข่มขืน”
     “เฮ้ย จริงดิ!”
     “อืม เราไปหาแม็กซ์ที่ห้อง ตั้งใจจะไปขอโทษแล้วก็คุยกันดีๆ แต่เผอิญทะเลาะกัน พี่ชัชแอบตามมาได้ยินพอดี พี่ชัชรู้เรื่องที่เราเคยจะนอนกับแม็กซ์เพื่อประชดพ่อ พี่ชัชโกรธมากก็เลยทำร้ายเราแบบนั้น”
     “โห อย่างกับในละคร! นายเป็นนางเอกรึไงต้น”
     “ไม่หรอก พอดีวันนั้นเป็นวันเกิดเราน่ะ พี่ชัชเลยกะจะมาเซอร์ไพรส์ เราไม่รู้ว่าพี่ชัชมารอรับเราเลยโกหกไปว่ากลับเอง แล้วมันก็เกิดเรื่องอย่างที่เล่าไปนั่นแหละ”
     “แล้วนายทำไงอ่ะ”
     “หนีออกจากบ้านสิ ห้องก็อยู่ติดกันแม่เราก็ไม่อยู่เราเลยไม่กล้ากลับบ้าน เราเสียใจมากเลยนะที่เขาทำแบบนั้นกับเรา เราเลยไม่อยากเห็นหน้าเขา”
     “แล้วนายสองคนคืนดีกันยังไงอ่ะ”
     “พอดีวันที่เขามาตามเรากลับ รถที่เรานั่งไปกับพี่เขาโดนชนน่ะ เราเกือบตาย แต่ว่านะ... แม้แต่ตอนที่เรากำลังจะตายเรายังนึกเลยว่ายังไม่ได้เคลียร์กับพี่ชัช ไม่อยากตายไปทั้งๆ แบบนั้น เรานึกถึงแต่พี่เขา เราก็เลยรู้ตัวละมั้งว่าเรารักเขามาก แล้วพอเราฟื้นขึ้นมาได้ พี่เขาก็มาขอโทษแล้วก็ขอให้เราให้อภัย เราก็เลยให้อภัยพี่เขาเพราะเราอยากใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด เรากลัวตายกลัวจะเสียพี่เขาไปกลัวจะใช้เวลาในชีวิตไม่คุ้มค่าละมั้ง”
     “น่าสงสารว่ะ”
     “แล้วนายรู้มั้ย ทำไมอาร์มถึงได้คอยดูแลเราขนาดนั้น”
     “ทำไม? เรื่องนี้เกี่ยวไรกับอาร์มด้วยเหรอ?”
     “เกี่ยวสิ เพราะอาร์มเป็นคนที่บอกแม็กซ์ว่าเห็นเรากับแฟน อาร์มเลยโทษตัวเองมาตลอดว่าถ้าครั้งนั้นอาร์มไม่พูดมาก บางทีเรากับแม็กซ์ก็อาจจะไม่ได้ต้องทะเลาะกัน แล้วเรากับแฟนก็จะได้ไม่ต้องมีปัญหากัน อาร์มเลยรู้สึกผิดกับเรามาตลอดจนคอยดูแลเราอยู่แบบนั้น แล้วไปๆ มาๆ ก็ซี้กันอย่างที่นายเห็นนั่นแหละ เราแพ้ทางคนแบบอาร์มอยู่แล้ว”
     “แบบเราด้วยใช่ป่ะ?”
     “มั้ง แต่อาร์มเป็นผู้ใหญ่กว่านายเยอะ ส่วนนายก็เจ้าเล่ห์กว่าอาร์ม”
     “ขอบใจที่ชม ฮ่าๆ”
     ผมกับไปป์คุยกันอีกนิดหน่อยก่อนที่ผมจะเพลียง่วงแล้วก็หลับไป ไปป์นี่ช่างคุยจริงๆ เลยครับ ผมรู้เลยที่เขาบอกว่าพูดจนลิงหลับเป็นยังไง แต่ผมไม่ใช่ลิงหรอกนะครับ!
 
     รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้วครับ โอมนั่งอยู่ข้างๆ ผม กำลังสะกิดผมอยู่
     “ต้นไหวมั้ย ป่านให้เรามาตามนาย”
     “กี่โมงแล้วโอม?”
     “สิบโมงกว่าแล้ว”
     “อ้าว! ทำไมเราไม่ปลุก แล้วนี่คนอื่นๆ”
     “เห็นไปป์บอกว่าเมื่อคืนนายดูเพลียๆ นายกินยาก่อนนอนด้วยนี่ พวกเราเลยไม่อยากปลุก เมื่อเช้าพวกนั้นมันกินอะไรรองท้องกันก่อนแล้ว แต่... เราเป็นห่วงต้นเลยมาดู”
     “เราดีขึ้นแล้วล่ะ ไม่เป็นไรมากแล้ว ขอบใจนะโอม”
     “อื้ม”
     โอมยิ้มให้ผมซื่อๆ ตามปกติ ผมคิดว่าโอมคงตัดใจจากผมแล้ว เห็นแบบนี้แล้วผมก็สบายใจครับ ผมไม่ห้ามถ้าโอมยังจะชอบผมต่อ แต่ผมสบายใจที่รู้ว่าโอมจะไม่รุกผมต่อก็แค่นั้น

     ผมจัดการอาบน้ำแต่งตัวลงมาข้างล่าง พวกเรากำลังเถียงกันเรื่องมื้อเที่ยงกับมื้อเย็นคืนสุดท้ายของการเที่ยวทะเลอยู่ จำนวนเงินกองกลางและค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้พวกเราเซ็งนิดหน่อย แต่สุดท้ายพี่เบียร์ก็เป็นฮีโร่จนได้ครับ บริจาคเพิ่มให้พวกเรา โชคดีจริงๆ เลยที่มีพี่เบียร์มาด้วย เป็นผู้ใหญ่ สปอร์ต แล้วยังใจดีอีกต่างหาก
     ผมขอออกไปซื้อของทำกับข้าวเองโดยไปกันเฉพาะผู้ชายเนื่องจากไม่อยากให้สามสาวออกไป กลัวเจอคู่กรณีเมื่อคืนครับ ผมเลยได้ไอ้ยักษ์มิวนิคไปช่วยถือของโดยมีเป้กับนันตามไปด้วย
     “เมื่อคืนมึงคุยไรกับไอ้ไปป์?”
     “อ้าว ไปป์ไม่ได้เล่าเหรอ?”
     “ไม่อ่ะ ไอ้หมาไปป์กั๊ก”
     ผมยิ้มไม่ได้ตอบอะไรตามสไตล์ผม
     “ต้นยิ้มเจ้าเล่ห์ว่ะ”
     “เจ้าเล่ห์ยังไง?”
     ผมถามพร้อมกับเลือกกุ้ง
     “เฮ้ย! ซื้อกุ้งด้วยเหรอ แพงนะ”
     “อันนี้เราออกเอง”
     มิวนิคหันมามองหน้าผมขวับเลย แม้แต่เป้ยังอดไม่อยู่สอดปากแซวผม
     “โห ต้นเลิกงกว่ะ ฝนตกแน่ๆ ต้องเกิดสึนามิ!”
     “จะทานมั้ย?”
     “ถามจริง ไมจู่ๆ มึงใจดีงี้วะ”
     “ก็มาเที่ยวทั้งทีก็อยากทาน จะทำเลี้ยงพี่เบียร์ด้วย พี่เบียร์อุตส่าใจดีกับพวกเรา ไปป์เล่าให้ฟังแล้วนะเรื่องเมื่อวาน เราอยากขอบคุณพี่เบียร์”
     “เรื่องนั้นพวกกูก็มีส่วนผิด กูขอโทษนะ”
     เสียงอ่อยๆ ของมิวนิคทำให้ผมรู้สึกได้ถึงการสำนึกผิดจริงๆ ผมก็เลยหันไปยิ้มให้ สบายใจจังเลยครับ
     “เราหายโกรธพวกนายตั้งนานแล้ว”
     “เออค่อยยังชั่วหน่อย ถ้าไม่มีมึงกูตายแน่ๆ ใครจะเป็นติวเตอร์ตัวพ่อให้พวกกู”
     “ทำดีหวังผลนะ”
     “เออ ฮ่าๆ”
     “ว่าแต่มึงนี่คล่องจังว่ะ อยู่บ้านเดินตลาดบ่อยเหรอ?”
     “อืม เพื่อนพาไปละมั้ง เมื่อก่อนเราก็เดินแต่ซุปเปอร์มาเก็ต แต่เพื่อนสนิทเราบ้านเป็นร้านขายกับข้าว เขาก็เลยชอบพาเราเดินตลาดมากกว่า บอกของถูกกว่า แต่เราว่าบางอย่างก็ถูกบางอย่างก็แพง แต่อย่างน้อยๆ เราก็เลือกของสดเป็นต่อราคาเป็นเพราะเพื่อนเราสอนนั่นแหละ”
     “เพื่อนมึงสอนทำอาหารด้วยดิ?”
     “เออ นั่นดิ ปกติกูไม่ชอบกินน้ำพริกนะ แต่น้ำพริกเมื่อวานมึงทำอร่อยดีว่ะต้น”
     “กูชอบไก่ทอดนะ อร่อยดี”
     “ไก่ทอดนั่นสูตรเมย์เขา เรายืนทอดเฉยๆ”
     “แต่มึงก็ทอดเก่งดีนะ ไม่ไหม้ด้วย ขนาดกูเจียวไข่ยังไหม้อ่ะ”
     นันยังยอผมต่อไม่ยอมหยุด เจอแบบนี้ก็ตัวลอยนิดหน่อยแหละครับ
     “จะทำของทอดต้องใจเย็นน่ะแม่เราสอนมา แต่พวกสูตรอาหารไรพวกนั้นเราหาจากเน็ทเอา มีบ้างที่ๆ บ้านเพื่อนสอนมา ส่วนใหญ่เป็นเคล็ดลับอ่ะ เขาไม่บอกสูตรเราหมดหรอก อาศัยครูพักลักจำเอา”
     “โคตรเจ๋งอ่ะ วันหลังสอนกูมั่งดิ ผู้ชายทำอาหารได้เท่ดีว่ะ สาวๆ กรี๊ด แบบเชฟกระทะเหล็กไงมึง”
     ผมมองมิวนิคที่คิดอะไรแต่ละอย่างงี่เง่าทั้งนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
     “อย่างนายน่ะ ทอดไข่ดาวให้ไข่แดงไม่แตก ไข่ไม่ไหม้ฟูกรอบทั้งใบก่อนดีกว่ามั้ง?”
     พอผมกัดไปแบบนั้นเจ้าตัวก็เริ่มเถียงผมทันที พวกเราเลยต่อปากต่อคำอีกนิดหน่อย พอผมได้ของครบแล้ว พวกเราก็กลับบ้านพัก พวกมันได้ไปพักแต่ผมยังต้องทำงานต่อ ผมทำอาหารกับพวกผู้หญิงเหมือนเดิมครับ แต่โชคดีคราวนี้ไม่มีของทอด
     “ต้นๆ ชิมต้มยำนี่หน่อยสิ นายว่ารสโอเครึยัง?”
     ผมมองต้มยำน้ำใสที่อุดมไปด้วยเห็ดมากกว่ากุ้งและปลาหมึกแล้วตอบ
     “เราว่าเปรี้ยวอีกนิดน่าจะดีกว่านะแก้ว”
     “ไปป์ มาเอาซี่โครงหมูนี่ไปเสิร์ฟ แล้วเฝ้าไว้ให้ดีด้วยนะแก ฉันนับชิ้นไว้ละ อย่าให้ใครมันแตะได้นะ ไม่งั้นแกอด”
     เสียงป่านเอ็ดตะโรเรียกทาสผู้ซื่อสัตย์ของตัวเอง ไปป์ประท้วงเล็กน้อย ผมก็เลยหัวเราะ แต่มือยังต้องหั่นผักอยู่ แน่นอนอยู่แล้วครับผัดผักนั่นเอง จะมีเมนูไหนทำได้ง่ายๆ และราคาถูกมากไปว่าผัดผักละครับ?
     อาหารมื้อเที่ยงวันนี้บรรยากาศดีกว่าเมื่อวานมาก คงเพราะผมสบายใจขึ้นละมั้งครับ นี่แหละครับที่เขาบอกว่า บรรยากาศช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร เอกกับนนมาตักอาหารแล้วก็แยกไปนั่งทานกันตรงอื่น ถึงยังไงโต๊ะหน้าบ้านที่เรายกมาต่อกันนี้ก็มีจำนวนเก้าอี้ไม่พออยู่แล้ว บ้างคนก็เลยถือจานไปนั่งจับกลุ่มทานกันตรงอื่นอยู่ดี และผมก็ไม่ได้สนิทกับพวกเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว!
     จนกระทั่งช่วงบ่ายพวกพี่ณตมาชวนผมออกไปข้างนอก บอกจะไปซื้อของทานเล่นมาส่งท้ายคืนสุดท้ายที่พวกเราจะค้างด้วยกัน แต่ผมขี้เกียจไปครับก็เลยขอตัว ผมนั่งเล่นกีตาร์เป็นเพื่อนพัทอยู่ที่ริมหาด พวกมิวนิคกับโค่ออกไปซื้อของกับพี่ณต แก๊งของผมก็ออกไปกับเขาด้วยยกเว้นไปป์ เหลือพวกเราเฝ้าบ้านอยู่ไม่กี่คน
     ผมนั่งเล่นกีต้าร์เพลินๆ อยู่หน้าบ้านมีอัฐนั่งหลับอยู่ใกล้ๆ บนเปลยวน เห็นแล้วเชื่อเขาเลยครับ หลับได้หลับดีจริงๆ แต่อยู่ๆ ไปป์ก็สะกิดผม และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นผมก็เห็นนนกับเอก
     “กูขอคุยกับมึงหน่อย”
     “มีอะไรจะคุยก็คุยกันตรงนี้แหละ”
     ผมบอกเอกไปแบบนั้น เอกดูอึดอัด ส่วนนนก็ยืนเฉยไม่พูดอะไร พัทมองหน้าผมสลับกับมองเอกไปมา เกิดความเงียบขึ้นจนในที่สุดไปป์ก็ทนไม่ได้
     “เฮ่ย! ถ้ามึงจะมาขอโทษต้นก็อย่าลีลา”
     “กูไม่ได้-”
     “ถ้านายไม่มีธุระอะไรก็อย่ามายุ่งกับเราเลยเอก เรารู้ว่านายเกลียดเรา ต่อไปนี้ต่างคนต่างอยู่ก็แล้วกัน”
     “ต้น ฟังเอกมันหน่อยเหอะ”
     ถึงนนจะพูดแบบนั้นแต่ถ้าเอกไม่ยอมพูดแล้วจะให้ผมฟังอะไรละครับ ผมหันหน้าหนีสนใจหนังสือเพลงในมือไปป์ต่อ พอเอกเห็นผมทำแบบนั้นก็สบถออกมาสองสามคำแล้วเดินหนีไป
     “ต้น มึงน่าจะฟังเอกมันหน่อยนะเว้ย มันอยากมาขอโทษมึงนะ”
     “เอกไม่เห็นจะพูดอะไรนี่”
     “ก็คนอยู่ตั้งเยอะ มันจะกล้าพูดได้ไง ตามมันไปหน่อยเหอะ”
     “ถ้าเราตามไปแล้วเอกโมโหจนทำอะไรเราล่ะนน? เอกอาจจะเกลียดเกย์จนอยากทำร้ายร่างกายเราก็ได้”
     ผมยอมรับนะว่าผมงี่เง่า บางทีรู้ทั้งรู้แต่ผมก็ห้ามทิฐิตัวเองไม่ได้ซักที
     “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคิดมากไปแล้วต้น มันก็แค่อายเลยอยากจะขอโทษมึงตัวๆ ก็แค่นั้น”
     “ไม่หรอก คนบางคนก็เกลียดเพศที่สามมากจนทำอะไรร้ายๆ ได้นี่ แถมตรงนี้ก็อยู่กันแค่สามคน ไม่เยอะซักหน่อย ทีเมื่อวานอยู่กันตั้งเยอะ เอกยังไม่เห็นแคร์อะไร”
     “มึงโกรธที่เอกทำแบบนั้นกับมึงเหรอ?”
     “ไม่ได้โกรธ แต่เสียใจ เสียใจจนไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรอีก”
     ผมตอบไปเรียบๆ ด้วยสีหน้านิ่งสนิทจนนนเดาใจผมไม่ถูก
     “ไม่ต้องห่วงหรอกนน ถ้าอยากได้ชีทเราก็มาขอไปได้เสมอแหละ แต่เราคงไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับเอกอีกก็แค่นั้น ส่วนนายเราเฉยๆ”
     “นี่นะเฉยของมึง หน้ากูมึงยังไม่มองเลยต้น”
     พอนนพูดแบบนั้นผมก็เลยต้องหันไปแข่งจ้องตากับนน คิ้วที่เริ่มผูกโบว์ของผมทำให้นนยอมแพ้
     “เออ กูผิดๆ ไอ้เอกมันก็ผิด มึงพอใจยัง ที่เอกมันเกลียดเกย์มันก็มีเหตุผลนะเว้ย มันเคยเล่าว่าตอนเด็กๆ มันถูกเกย์ลวนลาม มันกลัวมากๆ ก็เลยฝังใจ แล้วเอกมันก็ค่อนข้างสนิทกับมึงไม่ใช่เหรอไง มันคุยกับมึงบ่อยกว่าคุยกับไปป์อีก มันเสียใจนะที่มึงหลอกมันแบบนั้น”
     “เราเนี่ยนะหลอก? เราไปหลอกอะไรเอก?”
     “ก็มึงก็รู้ว่าเอกมันชอบเมย์ แต่เมย์ชอบมึง แล้วแถมมึงยังไม่ยอมเปิดเผยว่ามึงเป็นเกย์ มันก็เลยสับสน โมโหมึง”
     “นั่นมันคนละเรื่องเลยนะ! แล้วเราไปแสดงออกตอนไหนว่าเราชอบเมย์ เรื่องที่เราเป็นอะไรมันก็เรื่องส่วนตัวของเราแท้ๆ พาลชัดๆ!”
     “เออ กูพาล พอใจยัง!”
     เอกเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ นน เอกจ้องหน้าผม สีหน้าของเอกอึดอัดพอๆ กับความรู้สึกของผม ผมขยับตัวเตรียมจะลุกขึ้นหนี แต่ไปป์ดึงแขนผมไว้ก่อน
     “เฮ้ยๆ จะไปไหนต้น?”
     “ไปให้พ้นๆ หน้าคนที่เกลียดเรา”
     “มึงอย่าเรื่องมากน่ะ ทำตัวเป็นผู้หญิงไปได้”
     ถูกพูดแบบนี้ใส่จากคนพาลนี่มันโมโหนะครับ ผมหันกลับไปเอาเรื่องเอก ไม่ยอมแน่ๆ
     “อ๋อเหรอ! แต่นายลืมไปแล้วรึไง เราเป็นเกย์!”
     “ต้น เลิกประชดได้แล้ว นั่งลงก่อน”
     เสียงของอัฐที่ตื่นมาร่วมวงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ดังขึ้นห้ามผมพร้อมๆ กับแรงดึงจากไปป์ให้ผมนั่งจนผมล้ม
     “โอ้ยไปป์!”
     “โทษๆ นั่งดีๆ น่าต้น”
     ให้ตายเหอะ! แม้แต่อัฐยังลุกขึ้นมานั่งขนาบข้างผมไว้เลย ผมที่หนีไปไหนไม่ได้เลยได้แต่นั่งหันหน้าไปอีกทาง ไม่อยากมองหน้าเอก!
     “ต้นขี้งอนชะมัด เฮ้อ... ลืมถามวิธีง้อจากอาร์มแฮะ ตอนที่แฟนต้นง้อต้นเมื่อตอนรถคว่ำนี่เขาทำไงนะ”
     “ไปป์!”
     “โอ๊ะ! โทษที เผลอพูดมากไป”
     ถึงนายจะพูดแบบนั้นแต่หน้านายไม่ได้สำนึกเลยนะไปป์!
     “กูขอโทษที่กูทำไม่ดีกับมึง ให้อภัยกูนะต้น เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเหอะ เรื่องเมื่อคืนกูก็เสียใจเหมือนกัน กูไม่น่าทำแบบนั้นกับมึงเลย”
     “จะดีเหรอครับ ผมเป็นเกย์นะ คุณเกลียดเกย์ไม่ใช่เหรอ”
     “ต้นดราม่าได้อีกอ่ะ เสียงโคตรเหมือนตัวอิจฉาเลย”
     “ไปป์!”
     ไม่ตลกนะครับ! ไปป์ทำเอาเรื่องซีเรียสของผมกลายเป็นตลกขำขันไปเลย แม้แต่อัฐยังแอบยิ้ม
     “ก็จริง กูเกลียดเกย์ มันฝังใจกูมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่พอคิดดูดีๆ แล้วกูไม่ได้เกลียดมึง ตอนนั้นกูแค่โมโหเลยทำไม่ดีกับมึง แต่ตอนนี้กูสำนึกแล้ว มึงหายโกรธกูนะ”
     “ผมไม่ได้โกรธอะไรคุณ”
     “งั้นมึงให้อภัยกูยัง?”
     ผมยังไม่รู้สึกดีร้อยเปอเซ็นต์เพียงแค่คำขอโทษง่ายๆ แบบนี้หรอกนะครับ ผมยังไม่สามารถขจัดอารมณ์ขุ่นมัวพวกนั้นไปได้ แต่สายตารอลุ้นจำนวนสี่คู่ที่เอาใจช่วยเอกและกดดันผมอยู่นี่สิ เฮ้อ!
     “โอเค เราให้อภัยนาย แต่ความรู้สึกคนเรามันไม่ได้เปลี่ยนได้ง่ายๆ หรอกนะ สิ่งที่นายทำไว้มันไม่ได้หายทันทีที่นายเอ่ยปากขอโทษหรอก ขอโทษด้วยที่คงยิ้มให้นายตอนนี้ไม่ได้”
     “เออ ไม่เป็นไร กูรู้ว่ากูทำมึงเสียใจ กูผิดเอง”
     แล้วไปป์ก็เอาแขนมาพาดคอผมซะงั้นอ่ะ แถมยังส่งยิ้มกวนๆ มาให้ผมอีก
     “อะไรอีกล่ะ?”
     “เปล่า แค่คิดว่าต้นนี่ใจดีจริงๆ ด้วย แต่ขี้งอน แล้วก็ง้อยาก มิน่า อาร์มถึงบอกว่าห้ามทำให้ต้นเสียใจ ฮ่าๆ”
     “อย่าไปเชื่ออะไรอาร์มมาก มั่วประจำแหละ”
     “จริงอ่า? ต้นหน้าแดงด้วย”
     “บ้าแล้ว!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เอามาเสิร์ฟอีกตอน ไม่ไหวแล้ว ตาจะปิด  o19

เป็นการง้อแบบเรียบๆ ไม่มีอะไรชวนฟินเล้ย ก็เอกเขาแมนๆ แบบนี้แหละ แต่น้องต้นดราม่าได้อีก เจอวาจาน้องต้นเข้าไปก็ของขึ้นนะ เดินหนีไปแล้วแต่สุดท้ายก็ยังอุตส่าห์กลับมา ถ้าไม่รักเขาไม่กลับมาง้อหรอก เจอความเยอะระดับต้นเข้าไปเป็นใครก็หงุดหงิด
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#30/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 31-10-2014 00:33:49
รออยู่น้าา วันนี้มามั้ยคะ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#30/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 31-10-2014 01:17:32
ไปป์

     ผมสบายใจละ ต้นคืนดีกับเพื่อนๆ เรียบร้อย ต้นของผมจะไม่มีเรื่องเศร้าแล้ว พอพวกนั้นกลับมาละรู้ข่าวก็เลยพากันแซวอย่างกับต้นเป็นเมียไอ้เอกแล้วพวกมันไม่หย่ากัน
     มื้อเย็นนั้นพวกเราเลยจัดเต็มทิ้งทวนคืนสุดท้ายด้วยอาหารทะเลที่ไปซื้อมาปิ้งเองสดมากๆ แถมยังมีกับข้าวอย่างอื่นอีกเพียบ พวกเราก็เลยโซ้ยแหลก แต่แล้วก็มีเรื่องจนได้ มิวนิคมันเสือกซื้อเหล้ามาด้วย คืนแรกมีแค่เบียร์แต่คืนนี้มีเหล้า พวกมันเลยโดนเตะให้ย้ายไปตั้งวงกันตรงอื่นห้ามมาเกะกะบนโต๊ะกินข้าวก็เลยหายกันไปค่อนโต๊ะ ผมล่ะอยากไปร่วมวงด้วยชะมัด แต่ต้นต้องไม่ยอมแน่ๆ
     “เฮ้ยต้น มาดื่มกับพวกกูป่าว?”
     พอไอ้ยักษ์เมามันก็หาเรื่องต้นอีกแล้ว พวกผมนั่งเล่นเกมกันอยู่ใกล้ๆ กับพวกมันนั่นแหละ
     “ไม่อ่ะ”
     “มึงดื่มไม่เป็นเหรอ มาๆ เดี๋ยวกูสอน ฮ่าๆ”
     “เรื่องเสื่อมๆ พรรณนั้นไม่ต้องสอนก็ได้นะครับ”
     ต้นพูดแบบนั้นพร้อมๆ กับทิ้งไพ่ ให้ตายดิ ตานี้ต้นชนะอีกแล้ว ต้นเล่นไพ่เก่งชิบเป้ง!
     “หยิ่งจังนะมึง พนันกันป่าว เล่นเกมแข่งกัน ใครแพ้ต้องดื่มหมดแก้วในรวดเดียว สามในห้า ใครชนะพรุ่งนี้ไม่ต้องจ่ายค่ากองกลาง”
     “ท้าเราเหรอ?”
     “เออ มึงกล้าป่ะ กูอุตส่าท้ามึงแข่งเกมก่อนละ ถ้ามึงเล่นเกมชนะมึงจะได้ไม่ต้องดื่ม มึงกล้าป่ะ ได้ข่าวว่าเล่นเกมเก่งนี่หว่า”
     “แล้วจะแข่งเกมอะไรล่ะ?”
     “Jenga!”
     โห ไอ้ควาย! มึงท้าไม่ดูเล้ย ต้นต้องชนะแหง๋ๆ อยู่แล้ว เทียบกันแล้วเกมใช้ความอดทนแบบนี้ต้นชนะใสๆ ผมหันไปมองต้น ท่าทางต้นก็คิดแบบเดียวกับผม
     “ผมรับคำท้าครับ”
     นั่นไงต้นรับคำท้า ตัวต่อไม้ถูกเอาออกมาวางกลางโต๊ะ ต้นกับไอ้ยักษ์เข้าประจำที่ มิวนิคมันดูมั่นใจมาก ชักเป็นห่วงต้นแล้วสิ
     พวกเราลุ้นกันใจจดใจจ่อเลย ต้นเป็นพวกเริ่มช้าจริงๆ ด้วย ต้นจะไม่เสี่ยงดึงไม้ตัวที่เสี่ยงและจะค่อยๆ วางอย่างเบามือ ส่วนมิวนิคมันเล่นดึงแบบเสี่ยงเป็นเสี่ยงกะให้ต้นลำบากตาต่อไปเต็มที่
     สีหน้าต้นชักแย่แล้วคิ้วขมวดกันแน่นเลย มิวนิคมันไม่ยอมพลาดซักที และแล้วต้นก็พลาดจนได้ พวกเราถึงกับอึ้ง ไอ้ยักษ์สมองกลวงชนะต้น!
     แก้วเหล้าที่ชงมาซะเข้มถูกไอ้โค่ส่งมาถึงหน้าต้น ต้นหน้าเหวอเลยคับ
     “กะจะมอมกันรึไง?”
     “เอ้ย กฏก็ต้องเป็นกฏ กูชงหนาๆ เพื่อความสนุกไง คนแพ้จะได้โดนลงโทษกินละมึนจะได้ไม่มีสมาธิ”
     สัสโค่! พวกมันวางแผนกะมอมเหล้าต้นตั้งแต่แรกแล้วนี่หว่า แต่ต้นยิ้ม! ผมเห็นต้นยิ้มแล้วก็รับแก้วเหล้าไปกระดกรวดเดียว คือซดเดียวจริงๆ นะ ไม่ใช่ค่อยๆ ดื่มอ่ะ
     “เดี๋ยวก็เมาหรอกต้น ช้าๆ”
     “ไม่เป็นไรหรอกไปป์ แค่นี้เองเราไม่เป็นไร”
     แค่นี้ของนายอ่ะหนาครึ่งแก้วเลยน้า! แต่ต้นไม่ฟังผมแล้ว เกมที่สองเริ่มต่อทันที ผมละกลัวจริงๆ ต้นจะไหวมั้ยเนี่ย แต่โชคดีที่ท่าทางต้นจะไหวจริงๆ ต้นไม่ได้มือสั่น แต่สีหน้ายุ่งยากใจกับคิ้วที่ผูกกันเป็นโบว์ของต้นก็บอกผมให้รู้ว่าไอ้ยักษ์มันไม่ธรรมดา
     “เฮ่ย กูมีอะไรจะบอก ตัวต่อนี่อ่ะ ของกู”
     “แล้วไงครับ ของคุณก็ใช่ว่าผมจะชนะคุณไม่ได้”
     ต้นยิ้มหวานเชียว เมาแล้วแหง๋ๆ ต้นดู... ดูแปลกๆ ยังไงพิกล
     นั่นไง! ต้นพลาดแล้ว อุตส่าดึงออกมาได้แล้วแท้ๆ แต่พอวางตัวต่อไม้กลับเข้าไปแล้วดันพลาด
     เหล้าแก้วที่สองถูกวางตรงหน้าต้น เสียงเยาะเย้ยถากถางดังขึ้นทันที
     “ไหวป่าว กูให้มึงค่อยๆ จิบก็ได้นะ ฮ่าๆ”
     “ไม่จำเป็นครับ”
     ต้นพูดแบบนั้นแล้วก็ยกแก้วขึ้นกระดกรวดเดียวเหมือนตอนแรก แต่คราวนี้อ่ะปริมาณมันมากกว่าเดิมอีก สีเข้มกว่าคราวที่แล้วเยอะ ต้นของผมจะไหวมั้ยเนี่ย?
     “ถ้าเกมมันจบภายในสามตาก็ไม่สนุกสิ จริงมั้ยครับ?”
     “ปากดีนักนะมึง แข่งต่อไหวป่าวเหอะ”
     นอกจากสายตาที่ดูแปลกไปของต้นแล้วทุกอย่างปกติมาก แม้แต่สีหน้ายิ้มเยาะหยิ่งๆ ตามปกตินั่นก็ด้วย แต่สายตาของต้นมันดู... ไม่นะ ผมคิดคำอื่นไม่ออกนอกจากคำว่าเซ็กซี่จริงๆ
     แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น ต้นชนะมิวนิคสองตารวด แถมยังขอเป็นคนไปผสมให้มิวนิคเองอีกต่างหาก ต้นเปิดขวดโซดาด้วยการเอาฝามางัดกันโคตรเท่ วิธีชงเหล้าของต้นเล่นเอาพี่ณตเอ่ยปากแซวว่าท่าทางคุ้นเคยเหมือนคนเคยดื่ม นอกจากนั้นต้นยังไม่มีอาการเดินเซให้เห็น ต้นดูปกติเหมือนไม่ได้ดื่มเหล้าชงหนักๆ ไปสองแก้ว
     ต้นวางเหล้าแก้วที่สองให้มิวนิคด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สีหน้าต้นในตอนนี้เหมือนพวกตัวร้ายเลย ดูลึกลับสุดๆ
     “นี่มึงจงใจแพ้กูสองตาแรกป่ะวะ?”
     “ตาแรกไม่ใช่แต่ตาที่สองอาจจะครับ ก็ผมบอกแล้วไงว่าถ้ามันจบง่ายๆ ก็ไม่สนุก”
     ท่าทางต้นตอนเท้าแขนกับโต๊ะแล้วพูดยั่วมิวนิคโคตร... ผมชักรู้สึกว่าต้นน่ากลัวกว่าที่คิดซะแล้ว
     “เชรี่ย! มึงผสมยังไงวะ กูมึนแล้วนะนั่น”
     “ของแบบนี้เขาไม่บอกสูตรกันหรอกครับ อย่าลืมนะครับ ตามกฏรวดเดียว”
     ต้นยิ้มหวานตอบมิวนิค น่ากลัวโคตรๆ ต้นเป็นพวกลาสบอสแน่ๆ! มิวนิคทำหน้าแหยงๆ ก่อนจะจนใจยกบทลงโทษของตัวเองขึ้นดื่ม
     “เดี๋ยวแก้วหน้า มันจะหนักกว่าแก้วนี้แน่นอนครับผมสัญญา”
     มียั่วต่ออีกอ่ะ! ผมจะจำไว้เลยว่าห้ามทำอะไรให้ต้นแค้น ต้นเอาคืนคนอื่นโหดมาก
     “ชนะกูให้ได้ก่อนเหอะ”
     และแล้วมิวนิคก็แพ้ ตานี้ต้นแกล้งมิวนิคให้แพ้แบบไม่ทันตั้งตัวกันเลย
     “เฮ้ย ได้ไงว้า!”
     “ผมง่วงแล้วครับ อยากไปนอนแล้ว”
     ต้นพูดพร้อมกับลุกขึ้นไปชงเหล้ามาให้มิวนิค คือดูจากสีแล้ว น่ากลัวมากๆ มันต้องเข้มสุดๆ ไปเลยชัวร์ป๊าบ! นี่มันเพียวชัดๆ
     “กูยังมึนไม่หายเลยนะเว้ย!”
     “เอาน่า เงินคุณไม่ใช่เหรอครับขวดนี้ ก็ดื่มซะให้พอสิครับ”
     ต้นหัวเราะพร้อมๆ กับวางแก้วลงตรงหน้ามิวนิค นางร้ายผมเห็นนางร้าย! ไอ้ยักษ์หน้าซีดใหญ่เลย ผมว่างานนี้พวกเราคงเข็ดไม่กล้าแหยมกับต้นไปอีกนาน
     “เฮ่ย! กูถามจริงเถอะ มึงดื่มเป็นใช่ป่ะ? คนดื่มไม่เป็นปกติโดนแก้วแรกไปก็จอดแล้ว”
     “แล้วผมเคยบอกพวกคุณตอนไหนกันครับว่าผมดื่มไม่เป็น? ผมบอกแค่ว่าไม่ชอบดื่มไม่ใช่เหรอครับ”
     ต้นยิ้มหวานหยดย้อยทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินหนีทำท่าจะไปนอน
     “เอ้ย มึงจะหนีไปนอนจริงๆ เหรอ”
     “ก็ผมบอกแล้วนี่ครับว่าง่วง คุณจะทำไงกับเหล้าแก้วนั้นก็ตามใจนะครับ แต่สัญญาต้องเป็นสัญญา พรุ่งนี้จ่ายแทนผมด้วยล่ะ”
     “เฮ้ย! ไอ้ต้นกลับมาก่อนเลยนะมึง”
     “ไอ้ต้นไปหัดดื่มมาจากไหนวะ คอโคตรแข็งเลย กูผสมกะน็อคมันแล้วนะนั่น!”
     ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าต้นไปหัดดื่มมาจากไหน รู้แต่ว่าแทนที่จะสมน้ำหน้าหรือสะใจไอ้ยักษ์ผมชักกลัวต้นขึ้นมาแล้วสิ รู้แล้วว่าเวลาต้นเมาต้นร้าย ร้ายสุดๆ ทั้งๆ ที่หน้ายังยิ้มอยู่ด้วย ใครว่าต้นไม่เมาผมเถียงเลย ต้นเมาสุดๆ ไปเลยต่างหาก!
     ผมหนีไปนอนตามต้นดีกว่า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ต้นแอบร้าย แต่ทุกคนแฮปปี้กันละ
มิวนิคเป็นหนุ่มสมองกล้าม แต่ฮีหล่อนะ เป็นลูกครึ่ง หุ่นแซ่บ น่าเสียดายว่า "โง่" เลยไม่เข้าตาน้องต้น ฮ่าๆ
ชอบหนุ่มๆ คนไหนบอกกันได้น้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#31/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน7
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 31-10-2014 01:21:02
ต้นน้ำ

     เช้าวันนี้ผมกะจะตื่นตามนาฬิกาปลุกครับ ตั้งไว้ตอนหกโมง จะได้ตื่นมาเก็บของแล้วก็จัดการบ้านให้เรียบร้อยก่อนออก ไม่รู้เมื่อคืนเจ้าพวกนั้นมันทำรกอะไรไว้บ้าง แต่เอาเข้าจริงผมตาสว่างตั้งแต่ตีห้าครึ่งแล้ว มันปวดหัวจนนอนต่อไม่ไหวครับ เลยลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาดีกว่าจะได้สดชื่นขึ้น ก็ไม่เชิงว่าแฮงค์หรอกนะครับแต่ก็มึนพอสมควร
     ถ้าพวกคุณสงสัยว่าทำไมผมถึงดื่มเป็นละก็ แม่น้ำของผมยังไงละครับ สมัยก่อนแม่ผมชอบดื่มมาก พวกไวน์หรือเบียร์นี่แทบทุกอาทิตย์เวลาที่แม่ผมนึกครึ้มทำอาหาร ตอนที่ผมสอบเข้ามัธยมต้นได้ แม่ผมทำอาหารสไตล์ฝรั่งเศษฉลองแล้วก็มีไวน์แกล้มด้วยครับ ท่านเคยให้ผมลองชิมดู แม่ผมบอกว่าอยากให้รู้รสไว้ แล้วก็บอกให้ผมคอยสังเกตขีดจำกัดของตัวเองว่าดื่มแค่ไหนถึงเมา
     แต่ผมไม่ได้ลองจนเมาหรอกครับ ชิมแค่คำเดียวก็ไม่เอาแล้ว ผมไม่ชอบไวน์ มันขมครับ เบียร์ก็ไม่ชอบ แต่บางครั้งแม่ผมเปิดวิสกี้ ผมกลับรู้สึกว่ามันรสดีสำหรับผมมากกว่า แต่ผมก็ไม่เคยดื่มมากกว่าหนึ่งหรือสองแก้ว คนที่ทำให้ผมรู้ขีดจำกัดของตัวเองก็คือแม็กซ์ ครั้งแรกที่ผมไปที่ห้องแม็กซ์ตอนเขาจัดปาร์ตี้ผมโดนแม็กซ์แกล้งเพราะตอนนั้นแม็กซ์ยังเกรียนใส่ผมอยู่
     วันนั้นแม็กซ์หลอกผมให้ไปหา ผมนึกว่าคงให้ไปช่วยงานเหมือนทุกทีก็เลยไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่กลายเป็นว่าแม็กซ์เรียกผมไปปาร์ตี้ครับ เพื่อนของแม็กรวมแม็กซ์ด้วยก็ห้าคน ผมสังเกตว่าเพื่อนพวกนี้ไม่ใช่เพื่อนในโรงเรียนของพวกเราแน่ๆ ครับ แถมในปาร์ตี้ยังมีผู้หญิงด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะทำอะไรกันซองถุงยางวางเป็นแผงขนาดนั้น ผมตกใจจะกลับแล้วแต่โดนแม็กซ์แกล้ง แม็กซ์ให้ผมช่วยงานจริงๆ ทั้งๆ ที่คนอื่นในห้องกำลังมั่วกันสุดฤทธิ์
     แม็กซ์แกล้งผมชัดๆ แล้ววิธีของแม็กซ์ที่หามาครั้งนั้นก็ทำเอาผมเกือบคุมสติตัวเองไม่อยู่ แม็กซ์ชวนให้อยู่ค้างด้วยกันแต่ผมปฏิเสธแม็กซ์ก็เลยขู่ผมแทนว่าถ้าทำไม่เสร็จไม่ให้กลับแต่ถ้าผมทำเสร็จแล้วจะมาส่งให้ถึงห้อง แต่พอผมทำเสร็จแล้วแม็กซ์กลับไม่ยอมไปส่งผม พอผมจะกลับเองแม็กซ์ก็แกล้งรั้งผมไว้ชวนดื่มด้วยกัน พอผมปฏิเสธไม่ดื่มแม็กซ์ก็อ้างบอกว่ายังมึนขับรถไปส่งผมไม่ไหว เล่นตัวสุดๆ เลยครับ
     ผมไม่อยากเสี่ยงเลยตั้งใจจะหนีกลับ ปรากฏว่าโดนแม็กซ์จับกรอกเหล้าซะงั้น ผมสำลักจนแสบคอไปหมดแล้วก็มึนมากๆ ด้วย ผมถูกเพื่อนของแม็กซ์ล้อ แถมยัยผู้หญิงคนนั้นยังทำท่าอยากเปิดซิงผมซะอีกพอได้ยินจากแม็กซ์ว่าผมยังบริสุทธิ์อยู่ ผมขยะแขยงมากๆ แถมกลัวด้วย ก็เมื่อกี้ยัยนั่นพึ่งสวิงกิ้งกับผู้ชายอีกสามคนในห้องไปแบบสดงดถุง! ผมกลัวเอดส์นะครับ!
     ตอนนั้นผมกลัวมากจริงๆ แต่พอแม็กซ์เห็นผมหน้าซีดทำท่าจะไม่ไหวก็เลยชวนพวกนั้นไปต่อกันที่อื่นแล้วทิ้งให้ผมอยู่ในห้องคนเดียว แต่ผมอยากกลับบ้าน ใครจะไปอยากนอนบนเตียงที่สกปรกเต็มไปด้วยคราบอะไรต่อมิอะไรจากคนอื่นละครับ ผมก็เลยนั่งพักบนโซฟาแทน แต่แม็กซ์บอกว่าพวกนั้นทำกันไปรอบนึงตรงนั้นด้วย ผมเลยรีบลุกทันทีแต่หน้ามืด เดือดร้อนแม็กซ์ต้องเอาที่นอนเฉพาะกิจมาปูให้ผม ซึ่งก็เป็นที่นอนปิคนิคที่แม็กซ์ซื้อให้ผมนั่นแหละ แม็กซ์บอกว่ามีแต่ผมคนเดียวแหละครับที่ใช้ คนอื่นก็นอนกันบนเตียงเดียวกับแม็กซ์นั่นแหละ แล้วพวกเขาก็ออกไปเที่ยวต่อ
     ผมนอนอยู่ที่ห้องแม็กซ์จนเผลอหลับ จริงๆ ผมแค่มึนนิดหน่อย แต่มันแสบคอไปหมดจนอยากหลับไปเลยดีกว่า
     กว่าแม็กซ์จะกลับก็เกือบเที่ยงคืน แต่สภาพแม็กซ์เองก็ใช่ว่าจะดูดี ผมเลยตัดสินใจว่าคงต้องค้างที่ห้องแม็กซ์ ใครจะอยากให้คนเมาขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งล่ะครับ แต่แม็กซ์ดันเดินมานอนบนเบาะผมด้วยกันซะงั้น
     “ไม่ไปนอนบนเตียงตัวเองล่ะ?”
     “ขี้เกียจเปลี่ยนผ้าปู”
     “ทีงี้รังเกียจทีเมื่อกี้ เฮอะ! ถ้ารังเกียจแล้วจะชวนมาทำที่ห้องแต่แรกทำไม”
     “กูไม่ได้ทำเว้ย กูแค่นั่งกินเหล้า พวกมันอยากทำกันเอง”
     “แล้วนายก็ไม่ห้าม?”
     “คนจะเอากันมึงห้ามได้เหรอ แล้วมึงอ่ะ ไม่เคยดื่มเลยดิ ไอ้คออ่อนเอ้ย”
     “ใครบอก! เราเคยนะ แม่เราเคยให้ลอง แต่นายแหละจับเรากรอกเหล้าแบบนั้นเป็นใครก็ต้องสำลัก”
     “หน้าอย่างมึงเนี่ยนะดื่มเป็น กูไม่เชื่อหรอก”
     “เราไม่ชอบดื่มไม่ได้แปลว่าเราดื่มไม่เป็น!”
     “งั้นดวลเหล้ากะกูป่ะ?”
     “แข่งกันเรื่องไร้สาระ ทำไมต้องทำ”
     “ไม่กล้าดิ”
     “เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้ความกล้า”
     แต่แล้วแม็กซ์กลับลุกขึ้นไปเปิดไฟแล้วลากผมไปนั่งตรงที่เคยเป็นที่ตั้งวง ณ. ที่ตรงนั้นยังมีขวดเหล้าที่เหลืออยู่อีกครึ่งกับแก้วเปล่าๆ วางไว้หลายใบ เพราะผมมึนก็เลยยังไม่ได้เก็บกวาดห้องให้แม็กซ์ แม็กซ์เดินไปดูในตู้เย็นแล้วก็หันมาสั่งผม
     “เปลี่ยนผ้าปูให้กูด้วย ถ้าขึ้นมามึงไม่ทำให้กู โดนเตะแน่”
     “เฮ้ย! แม็กซ์”
     แล้วแม็กซ์ก็หายไปครู่นึงครับ พอกลับมาอีกทีก็ถืออุปกรณ์ก๊งเหล้าติดมือมาด้วยเพียบ
     “เราง่วงแล้วอยากนอน”
     “มาดื่มกับกูนี่”
     “ทำไมต้องดื่ม นายกินไปเยอะแล้วไม่พออีกรึไง”
     “กูอ่ะกินเยอะ แต่มึงอ่ะยัง”
     “เกี่ยวไรกับเรา?”
     “เกี่ยวดิ มึงอ่ะไม่เคยเมาใช่ป่ะล่ะ มาดื่มกับกูซะวันหลังจะได้ไม่โดนคนอื่นแกล้งเอาง่ายๆ อีกไง”
     “หมายความว่าไง?”
     “กูจะสอนมึงดื่มไง อยู่กับกู มึงต้องแดกเหล้าให้เป็น”
     “เรื่องแบบนี้ไม่เห็นต้องฝึก”
     “เออน่า ดื่มกับกูกลัวไรกูไม่ทำไรมึงหรอก แต่ลองมึงไปเมาที่อื่นดิมึงแน่ใจเหรอว่าจะรอด หน้าอ่อนๆ อย่างมึงก็เป็นแค่เหยื่อเขาละว้า”
     เหยื่ออะไรไม่ทราบ! ผมเคืองแม็กซ์ที่พูดแบบนั้นกับผมนะครับ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าแม็กซ์หมายความว่าอะไร ก็ไม่ใช่แม็กซ์รึไงที่ทำให้เหยื่ออย่างผมรู้จักระวังผู้ล่า สอนให้ผมรู้จักเอาตัวรอดเป็น!
     คืนนั้นผมโดนแม็กซ์มอมเหล้าไปหลายขวด หลังจากหมดขวดแรกที่เปิดไปแล้ว แม็กซ์ก็ยังเอาพวกเหล้าขาวมาให้ผมลองด้วย รสชาติมันบาดคอมากเลยครับ ผมที่มึนๆ อยู่แล้วเบ้หน้าทำท่าจะคายทิ้งด้วยซ้ำแต่แม็กซ์แกล้งผมปิดปากไม่ยอมให้คายซะงั้น รู้ตัวอีกทีตื่นขึ้นมาก็นอนอยู่บนเบาะนอนตัวเอง ส่วนแม็กซ์ก็นอนสลบอยู่ข้างๆ กว่าที่ผมกับแม็กซ์จะฟื้นแล้วคลานออกไปหาอะไรทานได้ก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็นแล้วครับ แม็กซ์พาผมไปหาอะไรทานก่อนจะขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งผมที่คอนโด ผมละกลัวแม็กซ์กลับไม่ถึงห้องตัวเองจนต้องโทรเช็คเลยครับ
     แล้วผมก็ได้ใช้วิชาที่แม็กซ์สอนผมจริงๆ ใครจะไปคิดว่าสิ่งที่แม็กซ์พูดถูกทุกอย่าง หน้าอย่างผมนี่มันน่าแกล้งมากรึไงครับถึงได้ถูกคนอื่นจ้องจะเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา จะว่าไปแม็กซ์ก็เป็นคนที่สอนให้ผมรู้จักอะไรหลายๆ อย่างเลยครับ ทั้งขี่มอเตอร์ไซค์ เล่นกีต้าร์ เล่นกีฬาบางอย่าง รวมทั้งเรื่องงี่เง่าของวัยรุ่นบางอย่างด้วย แต่อะไรที่แม็กซ์ดูแล้วว่าไม่โอเคสำหรับผม แม็กซ์ก็จะกันผมไว้นอกวงครับ แค่พาผมไปเปิดหูเปิดตาเฉยๆ ให้รู้ไว้จะได้ไม่โดนคนอื่นหลอกเอาง่ายๆ
     ส่วนตัวผมเองถึงจะรู้ว่าสิ่งที่แม็กซ์ทำมันไม่ดี แต่ในความรู้สึกของเด็กวัยรุ่นที่ทั้งชีวิตไม่เคยเดินออกนอกกรอบของตัวเองมาก่อนผมเลยแอบสนใจอยากรู้อยากเห็นเหมือนกันครับ เพราะผมรู้ดีว่าอยู่กับแม็กซ์ผมปลอดภัยผมถึงได้กล้าก้าวเท้าเข้าไปในโลกสีเทาพวกนั้น เพราะฉะนั้นตอนที่ผมทะเลาะกับแม็กซ์ผมถึงได้เสียใจมากๆ เพราะแม็กซ์เป็นเพื่อนคนสำคัญเพียงคนเดียวของผมในตอนนั้น

     ผมเดินลงมาข้างล่างแล้วก็จัดการทำเมนูข้าวต้มตามที่เตรียมไว้เมื่อวาน การทำข้าวต้มไม่ได้ลำบากอะไรผมก็เลยทำคนเดียวไม่ต้องให้ใครมาช่วย ยังไงซะก็แค่รองท้องกันนิดๆ หน่อยๆ อยู่แล้วละครับ เดี๋ยวสายๆ ก็คงแวะหามื้อเที่ยงทานระหว่างทางอีกอยู่ดี
     ผมจัดการมื้อเช้าของตัวเองอยู่เงียบๆ คนเดียวในครัว คงเพราะว่าเมื่อคืนคงจัดเต็มกันพวกนั้นถึงได้สลบไม่ตื่นแบบนี้ ผมเก็บกวาดชั้นล่างแล้วก็เช็คดูของที่เรายืมเขามา โชคดีที่ไม่มีอะไรแตกหักเสียหายมากนัก พอใกล้ๆ เจ็ดโมงพวกนั้นก็ทยอยตื่นกัน เพราะผมได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากชั้นบน ผมก็เลยกะขึ้นไปเก็บสัมภาระของผมบ้าง ตอนที่รถมารับจะได้ไม่ฉุกละหุกครับ
     ที่นอนของโอมว่างแล้ว ประตูห้องน้ำปิดอยู่ ผมเดาเอาว่าคงเป็นโอมที่อาบน้ำอยู่ ผมได้ยินเสียงนันบ่นอะไรเบาๆ กับพัทที่กำลังลุกขึ้นมาท่าทางเหมือนคนยังไม่ตื่นดี ไปป์เองก็ตื่นแล้ว แต่ยังไม่ยอมลุก ผมเลยเดินไปนั่งข้างๆ เก็บของที่ผมวางไว้บนฟูก
     “ตื่นเช้าจังต้น”
     ไปป์ทักทายผมด้วยเสียงงัวเงีย เมื่อคืนไปป์ขึ้นมานอนพร้อมๆ กับผมนั่นแหละครับ แต่ดันขี้เซากว่าผมซะได้
     “อืม”
     “เช้านี้มีไรกินมั่งอ่ะ?”
     “ข้าวต้ม ทำไว้ให้แล้วอยู่ข้างล่างโน่น”
     “ต้นโคตรเทพเลย ดื่มไปขนาดนั้นยังตื่นก่อนคนแรกแล้วก็ทำข้าวเช้าเสร็จแล้วด้วย”
     ไปป์มักจะชมผมด้วยเรื่องไร้สาระเสมอ เหมือนเด็กๆ เลยครับ
     “ลุกไปอาบน้ำกินข้าวแล้วเก็บของรอไว้ก่อนก็ดีนะ ถ้าจะหลับแล้วเพลินตอนรถมาจะได้ไม่ฉุกละหุก”
     “อือๆ ขออีกสามนาที เดี๋ยวลุก”
     ไปป์พูดแบบนั้นแล้วก็มุดผ้าห่มนอนต่อ ผมเก็บของเสร็จแล้วก็เลยว่าจะลงไปดูข้างล่าง ยังต้องเอามอเตอร์ไซค์ไปคืนอีกครับ ผมแวะไปเคาะห้องสามสาว บอกเรื่องข้าวต้มแล้วก็กำชับให้สามคนนั้นช่วยดูแลเรื่องเช็คของในบ้านอีกรอบนึงด้วย พอลงไปถึงก็เห็นพวกรุ่นพี่ตื่นแล้ว กำลังนั่งทานข้าวต้มกันอยู่
     ผมเลยแวะคุยกับพี่เบียร์เรื่องคืนรถเช่า พี่เบียร์เลยบอกว่าเดี๋ยวเขาจะไปกับผมเองสองคน เพราะขากลับต้องนั่งรถรับจ้างกลับ ไปกันน้อยๆ สะดวกกว่า
     “ต้นนี่ อึดเหมือนกันเนอะ เมื่อคืนดื่มไปขนาดนั้นแล้วยังตื่นเช้ามาทำข้าวต้มให้คนอื่นได้อีก”
     พี่ณตชวนผมคุยระหว่างที่ผมนั่งรอพี่เบียร์ทานข้าว เอ่อ... ผมไม่ชอบสายตาแบบนั้นเลยให้ตายสิ หวังว่าพี่เขาคงไม่รุกผมหนักมากกว่าเดิมนะครับ ตั้งแต่รู้ว่าผมเป็นพวกเดียวกันแล้วผมรู้สึกพี่เขาเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิมพิกล อุตส่าห่างๆ กันไปแล้วแท้ๆ แต่ยังไงซะตรงนี้ก็มีพวกรุ่นพี่อยู่ตั้งสามคน ผมก็คงต้องไว้หน้าเขาหน่อยนึง ก็เลยจำใจต้องหันไปยิ้มตอบ
     “คงงั้นมั้งครับ”
     “งั้นวันหลังไปดื่มกับพี่ป่าว?”
     “ไม่ดีกว่าครับ ผมดื่มได้ ไม่ได้แปลว่าชอบดื่มครับ”
     “หึ ฮ่าๆ”
     อะไรกัน ผมว่าผมอุตส่าตอบปฏิเสธอย่างสุภาพแล้วนะครับ แต่ทำไมพี่เบียร์กับพี่โอถึงได้หลุดขำแบบนั้นละครับ โดยเฉพาะพี่เบียร์หัวเราะเสียงดังมากเล่นเอาพี่ณตหน้าเจื่อนไปเลย ผมทำตัวไม่ถูกเลยครับแต่ก็นั่งคุยกับพวกพี่เขาไปเรื่อยจนกระทั่งพี่เบียร์ทานเสร็จ พวกเราก็ขี่มอเตอร์ไซค์คนละคันกลับไปคืนร้านเช่ากันแล้วก็ขึ้นรถรับจ้างกลับครับ
     ตอนที่เรากลับมาถึงกันคนที่เหลือก็ตื่นกันเกือบหมดแล้ว ไปป์ก็ตื่นแล้วครับ กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับโอมและสามสาว เหลือแต่พวกตื่นยากไม่กี่คน แล้วก็พวกที่แฮงค์จนลุกไม่ขึ้น ผมเห็นว่ายังพอมีเวลาเพราะพึ่งจะแปดโมงกว่าเลยไม่ได้ไปเร่ง แค่ขนของลงมากองรอไว้ข้างล่างแล้วก็นั่งเล่นกีต้าร์อยู่กับพัทที่มานั่งทำมิวสิคหน้าชายหาดส่งท้าย
     ผมคิดไว้แล้วเชียว รถตู้มาถึงพวกเราตอนเก้าโมงครับ แต่ก็มีบางคนยังไม่ตื่น อย่างมิวนิคกับโค่แล้วก็อัฐ ก็เลยต้องไปสะกิดกันซักเล็กน้อย พอตื่นแล้วก็วิ่งวุ่นกันใหญ่เลยครับ ไหนจะแย่งห้องน้ำกันไหนจะเก็บข้าวเก็บของ ผมเองก็ยังต้องตรวจดูความเรียบร้อยขั้นสุดท้ายอีก กว่าพวกเราจะพร้อมขึ้นรถกันได้ครบขบวนก็เหนื่อยเหมือนกันครับ
     แต่คราวนี้มีการเปลี่ยนผู้โดยสารเล็กน้อยพี่ณตลากพี่เบียร์ขึ้นมานั่งคันพวกผมแทนแล้วให้เอกกับนนไปนั่งอีกคัน บอกว่าจะคุยเรื่องเคลียร์งบกองกลางส่วนที่เหลือกับผม โชคดีที่ผมนั่งแถวกลางอยู่แล้ว พอคุยเสร็จผมก็เลยแกล้งหลับเกือบตลอดการเดินทางครับ ยกเว้นตอนที่รถจอดแวะพักตามปั้มข้างทาง
     พวกเราพักทานข้าวกันระหว่างทางแล้วก็ขับกลับยาวๆ จนถึงกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่พวกเราลงกันที่มหาวิทยาลัยนั่นแหละครับ มีไม่กี่คนที่ขอลงระหว่างทางเพราะใกล้บ้านมากกว่า แต่คนที่สบายที่สุดเห็นจะเป็นเป้ที่เป็นลูกเจ้าของกิจการรถเช่าโชคดีชะมัดเลยครับ นี่ดีนะที่ผมไม่ได้ซื้ออะไรกลับมาเยอะ ไม่งั้นคงพะรุงพะรังน่าดู แต่เอาเถอะครับถ้าผมเหนื่อยมากๆ ก็อาจจะขึ้นแท็กซี่กลับก็ได้
     แต่ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆ ไปป์ก็เอนตัวมาซบไหล่ผมซะงั้น
     “ทำไรอ่ะไปป์”
     “ง่วง”
     “เอนไปทางโน้นไป หัวเหม็นอ่ะ”
     “ต้นใจร้าย”
     นอกจากไปป์จะไม่ยอมเลิกพิงไหล่ผมแล้วยังคว้าแขนผมไปกอดอีก ไปป์นี่หาเรื่องจริงๆ เลย อย่าคิดนะครับว่าผมไม่รู้ว่าไปป์ตั้งใจทำอะไร ไปป์ตั้งใจยั่วโมโหพี่ณตชัดๆ เพราะว่าตอนพักทานข้าวกลางวัน ที่นั่งปกติของผมอยู่ข้างๆ ไปป์หรือไม่ก็โอมอยู่แล้ว แต่ผมดันโดนพี่เบียร์ดึงไปนั่งตรงหัวโต๊ะเพราะเป็นคนคุมเงินกองกลาง ก็เลยกลายเป็นว่าผมถูกขนาบด้วยพี่ณตกับพี่โอแทน
     มื้อกลางวันที่ผ่านมาพี่ณตทานข้าวอร่อยครับ แต่ผมเซ็ง เลยทานอะไรไม่ค่อยลง พี่ณตแกเล่นคอยตักอาหารเสิร์ฟผมตลอด แถมยังโดนพวกมิวนิคแซวอีกทอด อึดอัดครับ
     “แขนต้นเนี๊ยนนียน กลิ่มก็หอมด้วย”
     ไปป์พูดแบบนี้จงใจประกาศศึกชัดๆ แต่ผมไม่พูดอะไรหรอกครับ อยู่เฉยๆ ดีกว่า ไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งไปมากกว่านี้
     “ไปป์ แกเป็นหมาเหรอ อ้อนต้นอย่างกับลูกหมา”
     “จะหมารึคนก็ช่าง ลองถามต้นดูดิว่าถ้าเราเป็นลูกหมาแล้วต้นจะรับเลี้ยงรึเปล่า?”
     “แหวะ ลูกหมาแบบแกให้ฟรีแถมเงินฉันยังไม่เอาเลย ใช่มั้ยต้น?”
     “ไม่แน่นะ ถ้ารู้จักฉี่ให้เป็นที่เป็นทาง ไม่เห่าจนน่ารำคาญ รู้อาณาเขตของตัวเอง เลี้ยงง่ายไม่ทำให้เราเดือดร้อน เราก็อาจจะรับเลี้ยง หึๆ”
     “เห็นป่าว”
     หลังจากนั้นพวกเราก็เลยแซวกันไปมาในรถอีกพักใหญ่ครับ ก่อนที่ข้าวเที่ยงในกระเพาะพวกเราจะเริ่มออกฤทธิ์ทำให้ง่วงจนหลับกันเกือบหมดทั้งคัน

     กว่าพวกเราจะฝ่ารถติดถึงกรุงเทพก็บ่ายคล้อยแล้วครับ พอรถตู้วนมาจอดในมหาลัยใกล้ๆ ตึกภาคได้ พวกเราก็ขนของลงจากรถ คนอื่นๆ ไปหมดแล้วเหลือแต่ผมที่ต้องอยู่เคลียร์เรื่องค่ายใช้จ่ายก่อน ไปป์ช่วยแบกกระเป๋ากีต้าร์ผมไปให้ ตอนแรกผมว่าจะเอากีต้าร์กลับวันอื่น เพราะวันนี้เหนื่อยมากแล้วขี้เกียจแบกของหนักๆ กลับ อยากกลับคอนโดเร็วๆ ครับเลยว่าจะขึ้นรถไฟฟ้าเอา หวังว่าวางทิ้งไว้ในห้องภาคไม่น่าหายนะครับ
     ผมเดินไปตกลงกับเป้และพี่คนขับเรื่องเงิน ปรากฏว่าเหลืออยู่นิดหน่อยครับ ก็เลยต้องไปเคลียร์กันว่าจะเอายังไงกับเศษสองร้อยที่เหลือนี่ แต่ตอนที่ผมเดินกลับไปที่โต๊ะม้าหินใต้ตึกภาคที่เพื่อนๆ ผมน่าจะอยู่กันแถวนั้น ผมกลับเห็นผู้ชายคนนึงนั่งรอผมอยู่ พี่ชัชมารับผม!
     พี่ชัชคงแวะมารับผมหลังเลิกงานมั้งครับ เพราะใส่ชุดทำงานตามปกติแต่พับแขนเสื้อขึ้นพร้อมทั้งปลดกระดุมคอถอดเนคไทใส่ไว้ในกระเป๋า พี่ชัชกำลังเล่นแท็บเลตเพลินเลยครับ พึ่งจะเงยหน้ามามองก็ตอนที่ได้ยินเสียงไปป์ตะโกนเรียกชื่อผมนั่นแหละ พี่ชัชเห็นผมแล้วและก็กำลังส่งยิ้มให้ผมด้วย ให้ตายสิผมไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดี เขินชะมัด!
     ในตอนที่ผมกำลังตัดสินใจว่าจะเดินเข้าไปเลยดีหรือแกล้งเดินหนีก่อนนั้น พี่ชัชก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาหาผมครับ พี่ชัชตรงเข้ามาแย่งกระเป๋าเสื้อผ้าผมไปถือไว้ให้แทน แถมยังเอามือขยี้หัวผมอีก
     “ไง ไปเที่ยวมาหนุกป่าวต้น”
     น้ำเสียงขี้เล่นเป็นกันเองแต่ฟังแล้วอบอุ่นใจแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกดีเป็นบ้าเลย! ผมคิดถึงพี่ชัชชะมัด อ๊ะ! ไม่ได้สิ เพื่อนผมอยู่ตรงนั้นเพียบเลย!
     “สนุกครับ พี่ชัชเลิกงานเร็วเหรอครับวันนี้?”
     “เออ กลับกันเลยป่าว?”
     “เอ่อ ผมขอไปเคลียร์เรื่องเงินกับเพื่อนอีกแปปนึงได้มั้ยครับ”
     “เอาดิ ให้พี่ไปด้วยป่าว”
     “มะ ไม่ต้องครับ! พี่ชัชรอผมตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวผมมาครับ”
     แล้วผมก็เดินเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเดินไปหาป่านแล้วก็ฝากเงินที่เหลือไว้ให้ เสร็จแล้วก็คว้ากระเป๋ากีต้าร์ได้กะจะเผ่นให้เร็วที่สุดครับ ตอนนี้ยังโชคดีที่พวกมิวนิคไปเข้าห้องน้ำเหลือกันแค่ไม่กี่คนตรงโต๊ะ ถ้าให้คนอื่นๆ มาเห็นเข้าละก็ผมอายครับ แต่ไปป์ดันพูดมากอีกแล้ว
     “ต้น ใครมารับอ่ะ?”
     น้ำเสียงของไปป์ฟังดูก็รู้ว่าอยากรู้อยากเห็นเป็นที่สุด แถมยังฟังแล้วน่าหงุดหงิดด้วยครับ ผมมั่นใจว่าตอนนี้หน้าของผมต้องแดงมากอยู่แน่ๆ
     “รู้แล้วยังจะถามอีกเหรอ คิดว่าใครก็คนนั้นแหละ”
     ผมจำได้ว่าตอบไปแบบนั้นแล้วก็รีบเผ่นออกมาเลยครับ ผมอาย แต่โชคร้ายมิวนิคเดินออกมาพอดี เสียงตะโกนเลยดังไล่หลังผมมา
     “เฮ้ยต้น ใครมารับมึงวะ?”
     โคตรเขินเลยครับ พี่ชัชที่หันมามองผมอยู่ก็ทำท่ากลั้นหัวเราะเต็มที่เลย
     “พี่ค้าบ พี่เป็นแฟนต้นป่าวค้าบ”
     นายจะยุ่งมากเกินไปแล้วไปป์! พอผมเดินมาถึงตัวพี่ชัชผมก็รีบคว้ามือพี่ชัชกะจะลากหนีจากพวกบ้าพวกนั้นครับ แต่พี่ชัชกลับชิงขยี้หัวผมก่อนแล้วก็ดึงตัวผมมาโอบไหล่ไปซะงั้น ถึงท่าทางการโอบไหล่ของพี่ชัชมันไม่ได้โอบแบบคนรักกันหวานชื่นอะไรแบบนั้นดูเหมือนการเอาแขนพาดไหล่กันซะมากกว่า แต่พวกข้างหลังที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ส่งเสียงเป่าปากแซวผมซะดังลั่นเลยครับ
     การไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนในรุ่นครั้งนี้มันจะดีเกินไปแล้วครับ อะไรจะแกรนด์โอเพ่นนิ่งผมได้ดีมากไปกว่านี้อีก ตอนไปเที่ยวความลับเรื่องที่ผมเป็นเกย์ถูกเปิดเผย ตอนกลับจากไปเที่ยวเปิดตัวแฟนผม ให้ตายสิ!

     พอขึ้นรถได้ด็ขอบ่นหน่อยเถอะ!
     “พี่ชัชอ่ะ ถ้าจะมารับผมทำไมไม่บอกกันก่อนละครับ เกิดผมลงรถไปกลางทางแล้วจะทำยังไง?”
     “ก็พี่รู้อ่ะดิว่าต้นไม่ทำงั้นหรอก ต้นถือเงินใช่มั้ยล่ะ? ยังไงก็ต้องอยู่ถึงที่สุดอยู่แล้ว”
     “รู้ได้ยังไงครับ? ผมอาจจะไม่ได้เป็นคนจัดการเรื่องนี้ก็ได้”
     “หึ ไม่มีทางหรอก เมียพี่งกจะตาย ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชบ้า! ดูสิครับทำให้ผมโดนคนอื่นแซวใหญ่เลย”
     “แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาไม่ใช่เหรอ? ท่าทางเพื่อนเข้าใจต้นดีนี่”
     “รู้ได้ยังไงครับ?”
     “ก็หน้าต้นมันบอกว่าอายมากกว่าลำบากใจนี่”
     อีกแล้ว ตอนที่พี่ชัชพูดแบบนี้ก็หันมายิ้มแล้วก็ขยี้หัวผมอีกแล้ว แต่ผมชอบนะครับ พี่ชัชของผมรู้ใจผมที่สุด
     “แล้วถ้ากลับกัน ผมมีปัญหากับเพื่อนๆ ละครับจะทำยังไง?”
     “หือ ไม่หรอก ถ้าคนอื่นยังไม่รู้นะ เมียพี่ก็จะทำหน้านิ่งๆ ใส่หน้ากากแล้วบอกคนอื่นว่าพี่เป็นผู้ปกครอง คนที่บ้าน อะไรก็ว่าไป นี่ดันมัวแต่เขินแถมยังกันพี่ไม่ให้เข้าไปหาเพื่อนเราอีก แปลว่ามันต้องมีอะไรซักอย่างดิ”
     “ทำเป็นพูดดีไป ความลับผมแตกเพราะใครละครับรู้ตัวรึเปล่า?”
     “หือ? หมายความว่าไง พี่ทำไรเหรอครับ?”
     “ฮึ๊! ยังไม่รู้ตัวเหรอครับว่าพี่ชัชลืมลบไฟล์วันที่พี่ชัชลองกล้อง”
     “เฮ้ยจริงดิ!”
     “โอ๊ย!”
     พี่ชัชตกใจมากจนเผลอเหยียบเบรคสะดุดกึ๊กเลยครับ ผมเชื่อแล้วล่ะ ลืมจริงๆ ด้วยสินั่น
     “แล้วอย่าบอกว่าว่าพวกนั้นมันเห็น?”
     “แล้วไม่งั้นคิดว่าเขารู้กันได้ยังไงละครับ มีหลักฐานขนาดนั้นจะให้ผมปฏิเสธยังไง”
     “แล้วไม่มีใครมาทำอะไรแปลกๆ กับต้นใช่มั้ย? ไม่มีใครมามองเมียพี่ด้วยสายตาลามกนะ? พวกมันคงไม่ได้เก็บคลิปพวกนั้นไว้ใช่ป่ะ?”
     เชื่อเขาเลย ในเวลาแบบนี้ดันสนใจหึงผมมากกว่าอีก!
     “ผมลบไปหมดแล้วครับ โชคดีที่คนที่เห็นเป็นเพื่อนสนิทผู้หญิงผม”
     ผมไม่บอกเขาหรอกว่าไปป์เองก็เห็นด้วย เพื่อความสงบสุข บอกแค่นี้ดีกว่าครับ
     “ผมไม่ได้ดูหรอกครับ แต่เพื่อนผมบอกว่ามันมีแต่เสียง ไม่เห็นภาพอะไรนอกจากภาพโต๊ะก็แค่นั้น”
     “เฮ้อแล้วไป”
     “แหม แต่แค่เสียงก็มากพอจะทำให้คนอื่นรู้แล้วนะครับว่าอะไรเป็นอะไร เป็นเพราะพี่ชัชนั่นแหละ”
     “หึๆ นั่นสิขอโทษนะครับที่ทำให้ต้นครางดังมากๆ”
     ยังมีหน้ามาเล่นมุขใส่ผมอีก!
     “พี่ชัชบ้า! ไม่ตลกนะครับ”
     “ฮ่าๆ”
     แฟนผมนี่จริงๆ เลย ให้ตายสิ! อยากโกรธอยู่หรอกนะครับ แต่ไหนๆ เรื่องก็ผ่านไปแล้ว แถมดูท่าแล้วพี่ชัชก็ไม่ได้ตั้งใจ ครั้งนี้ผมจะไม่เอาเรื่องพี่ชัชก็ได้ครับ
     “ทีหลังแบบนี้ไม่เอาแล้วนะครับ จะมารับกันก็บอกกันหน่อย เกิดเซอร์ไพรส์แล้วพลาดขึ้นมา มันเสียเวลาครับ”
     “น่าๆ ก็พี่คิดถึงต้น อยากเจอหน้าอยากได้ยินเสียงอยากสูดกลิ่นต้นเร็วๆ นี่นา”
     พอพูดจบพี่ชัชก็เอี้ยวตัวมาหอมแก้มผมซะงั้น!
     “พี่ชัช! แบบนี้มันอันตรายนะครับ!”
     “อันตรายไร ถนนออกจะโล่ง”
     “ถึงงั้นก็เถอะ”
     “ก็พี่คิดถึงต้นจริงๆ นี่นา อยากโทรไปหาใจจะขาด แต่ไม่กล้ากลัวต้นกำลังสนุกกับเพื่อนอยู่”
     “สำหรับพี่ชัชโทรมาได้เสมอแหละครับ”
     “คร้าบๆ แต่ถ้าต้นไม่ว่าง ติดธุระ หรือยุ่งอยู่ ต้นก็แค่ไม่รับ ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชบ้า!”
     พี่ชัชนี่รู้ทันผมไปซะหมดเลย ไม่รู้จะเถียงกลับยังไงแล้วครับ
     พวกเราขับรถกลับบ้านกันแบบไม่แวะที่ไหนครับ เพราะในรถยังมีอาหารเหลือจากเลี้ยงหมออยู่ ผมทานง่ายอยู่แล้ว เราอุ่นอะไรนิดๆ หน่อยๆ ทานแล้วผมก็ขอตัวหลับยาวเลยครับ เพลียจริงๆ ไว้พรุ่งนี้ผมค่อยเล่าให้พี่ชัชฟังก็ได้ว่าผมไปเที่ยวมาสนุกมากแค่ไหน เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่คงต้องเป็นตอนเย็นนั่นแหละครับ เพราะพี่ชัชของผมต้องไปทำงาน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ไปป์เนียนอีกแล้ว เริ่มมีคนหลงรักหนุ่มน้อยคนนี้รึยังน้า? แต่สุดท้ายพี่ชัชก็แย่งซีนทุกคน หึๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#31/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ4
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 31-10-2014 01:55:58
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 4

"...มีปัญหา ใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่"

      สายธารกำลังจะออกไปธุระข้างนอกพอดีกับที่เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น เธอจึงเดินไปเปิดประตูเชื้อเชิญแขกเจ้าประจำให้เข้ามาในห้อง
     “ดีครับพี่น้ำ”
     ชัยชัชกล่าวสวัสดีแม่ยายคนสวยพลางก้าวเข้ามาในห้องของสองแม่ลูกอย่างคุ้นเคย
     “แหม ลมอะไรหอบมาจ้ะ มาหาลูกชายพี่แต่หัววัน”
     “โหพี่ พูดซะเสียเลย วันนี้ผมเสร็จเร็วไม่ได้รึไงคร้าบ”
     “ก็ทุกทีพี่เห็นถ้าฟ้าไม่มืดเราไม่ถึงห้องไม่ใช่รึไงนายชัช”
     สายธารว่าพลางค้อนอย่างมีจริต ส่วนชายหนุ่มเองก็อ้อนกลับอย่างมีชั้นเชิง
     “โธ่ ที่ผมกลับช้าก็เพราะว่าไปทำงานนะคร้าบ ไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหนซักหน่อย เก็บเงินจะมาขอลูกบ้านนี้เนี่ยแหละ คุณแม่คนสวยจะลดค่าสินสอดให้ผมมั้ยละคร้าบ”
     “ให้มันจริงเถ้อ สินสอดพี่ไม่เอาหรอกย่ะ แต่ถ้านายทิ้งลูกชายพี่ล่ะ น่าดู”
     “ฮ่าๆ”
     ว่าแล้วคนทั้งสองก็หัวเราะร่วน ชัยชัชวางขนมที่หิ้วมาฝากสองแม่ลูกลงบนโต๊ะก่อนจะถามหาคนรัก
     “ต้นละครับ?”
     “อยู่ในห้องแน่ะ หลับรึเปล่าก็ไม่รู้นะ เงียบเชียว”
     “เหรอครับ ละนี่พี่น้ำจะออกไปไหนครับเนี่ย แต่งตัวสวยเชียว”
     ชัยชัชมองสายธารแล้วยิ้มกริ่ม วันนี้คุณแม่คนสวยใส่เสื้อเปิดไหล่ตัวสั้นสีเหลืองอ่อนช่วยขับผิวขาวๆ นั่นให้วิ้งโดนใจเขาสุดๆ ลูกชายยังขาวไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าคนแม่จะโอโม่ขนาดไหน แถมกางเกงพอดีตัวสีขาวก็ช่วยเน้นทรวดทรงองค์เอวเสียจนเขาใจสั่น เมื่อเธอเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นไหล่ชายเสื้อจึงเลิกขึ้นเล็กน้อยโชว์หน้าท้องขาวเนียนวับๆ แวมๆ ยิ่งมองตอนสายธารเยื้องย่างไปมาบนรองเท้าส้นสูง สะโพกกลมมนของเธอยักย้ายไปมาดึงดูดสายตาเขาเสียจนลืมไปเลยว่าผู้หญิงตรงหน้ามีลูกชายโตจนเป็นเมียเขาได้ ชายหนุ่มถูกใจรูปร่างหน้าตาผู้หญิงตรงหน้าคนนี้จริงๆ สวยสะเด่าหุ่นน่าฟัดจริตจก้านชวนโลม มองเพลินที่สุด!
     “อยากได้คนขับรถมั้ยครับ”
     “ปากหวานอีกแล้วนายชัชก็ แต่ไม่ต้องหรอกย่ะ นายมาหาตาต้นไม่ใช่เหรอ พี่จะไปธุระนิดหน่อยจ้ะ เดี๋ยวค่ำๆ ก็กลับ”
     “แหม ไปนานๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมดูแลต้นให้”
     “ไม่มีทางย่ะ ถ้านายทำอะไรลูกชายพี่ล่ะน่าดู!”
     พอคาดโทษชายหนุ่มไว้แล้วสายธารก็เดินนวยนาดออกไปจากห้อง ชัยชัชจึงตรงไปยังห้องนอนเล็ก เขาผลักประตูเข้าไปเบาๆ เพราะกลัวคนรักจะหลับอยู่ ภาพของต้นน้ำที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงคร่ำเคร่งเขียนอะไรสักอย่างอยู่ในสมุดชวนให้เขาเอ็นดู ชัยชัชยืนพิงประตูมองดูเด็กหนุ่มอย่างรักใคร่ ต้นน้ำหน้านิ่วคิ้วขมวดก้มหน้าลงเขียนยุกยิกในสมุดไม่รับรู้ถึงการมาเยือนของเขา
     “ก๊อกๆ”
     “พี่ชัช!”
     ต้นน้ำที่กำลังบวกเลขเพลินๆ ต้องตกใจเมื่อเห็นแฟนยืนยิ้มอยู่หน้าห้องนอนตนเอง ชัยชัชจึงหลุดขำเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาในห้องพลางเอ่ยถาม
     “กำลังทำอะไรอยู่ครับ ท่าทางเครียดเชียว”
     “ไม่มีอะไรหรอกครับ”
     ต้นน้ำปิดสมุดลงแล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่ง กระเถิบเว้นที่ให้ชัยชัชหย่อนก้นลงบนเตียง
     “ไม่มีไรได้ไง พี่เห็นเรากำลังคร่ำเคร่งอยู่เลย พี่มาตั้งนานเราก็ไม่รู้ตัวซักที”
     “ผม...”
     “ไหนดูซิ เขียนอะไรอยู่ครับ”
     ชัยชัชพูดจบก็แย่งสมุดโน้ตมาจากเด็กหนุ่ม
     “พี่ชัช!”
     ต้นน้ำหน้ามุ่ยทันทีที่ถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เขาไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร แต่ก็ยังไม่อยากให้ใครมารับรู้ด้วยเช่นกัน
     “โหไรเนี่ย? บัญชีรายรับรายจ่าย เงินออม งานพิเศษ ข้อมูลเรื่องทุน”
     ชัยชัชต้องทึ่งเมื่อเห็นสมุดวางแผนอนาคตทางการเงินของต้นน้ำ เด็กหนุ่มเขียนรายละเอียดเอาไว้อย่างละเอียดยิบไปจนถึงอีกสี่ปีข้างหน้า โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษาต่างๆ ในระดับปริญญาโท
     “โหไรกันต้น พึ่งจะเป็นเฟรชชี่ไม่ทันไรก็คิดเรื่องต่อโทแล้วเหรอ?”
     “ก็ทุนบางตัวมันมีเงื่อนไขเยอะแยะนี่ครับ ผมก็ต้องเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ สิ”
     “เอาตรีให้จบก่อนดีกว่ามั้ง อีกตั้งสี่ปี คิดมากเกินไปรึเปล่า?”
     อาจจะเพราะน้ำเสียงท้วงติงไม่ได้เจือแววขี้เล่นตามปกติ ต้นน้ำจึงเผลอทำหน้างอขมวดคิ้วอย่างขัดใจ
     “พี่ได้ยินพี่น้ำบอกว่าต้นยืนยันจะขอทุน เรื่องนี้พี่ไม่ค้านเราหรอกนะ แต่ถ้าจะมามัวคร่ำเคร่งล่วงหน้าขนาดนี้ พี่ว่าเราไปสบายๆ ทีละเสต็ปดีกว่ามั้ยครับ บางทีต้นอาจจะทำงานไปเรียนไปหรือไปต่อเมืองนอกหลังจบตรีก็ได้”
     “ไม่ไปหรอกครับ ผมจะอยู่เมืองไทย!”
     ต้นน้ำกระแทกเสียงพูดอย่างหงุดหงิด แต่ชัยชัชก็ยังพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบอย่างมีเหตุผล
     “แต่อนาคตไม่แน่ไม่นอนนะต้น”
     “ถ้าผมไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วพี่ชัชจะดีใจเหรอครับ?”
     “เฮ้ย! พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น”
     สีหน้าสับสนของต้นน้ำส่งผลให้ชัยชัชต้องถอนหายใจ ชายหนุ่มได้แต่ยกมือยอมแพ้ให้กับทิฐิของคนตรงหน้า แฟนเขาเจ้าทิฐิเป็นที่หนึ่ง ดราม่าควีนกำลังแผลงฤทธิ์เสียแล้ว พระเอกอย่างเขาคงต้องทำงานซะหน่อยแล้ว เรื่องปลอบนางเอกเขาถนัดนักแหละ
     “บอกพี่ได้มั้ยครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
     ชายหนุ่มพูดพลางดึงตัวคนรักเข้ามากอด ต้นน้ำไม่ขัดขืน เขาปล่อยตัวเองให้ถูกชัยชัชโอบก่อนจะเปิดปากเล่า
     “แม่... แม่เลื่อนกำหนดบินไปอยู่กับเดนส์เร็วขึ้นครับ เพราะต้องไปจัดการธุระที่โน่นด้วย ก็เร็วขึ้นเกือบๆ สามเดือน”
     “แล้ว?”
     “ผมก็ต้องอยู่คนเดียว ถึงแม่บอกว่าจะส่งเงินมาให้ผมใช้ แต่ผมกลัวมันจะไม่พอครับ ค่าส่วนกลางกับค่าน้ำค่าไฟอีก ผมกลัวตัวเองจะจัดการไม่ได้ แล้ว.. แล้วผมก็อยากเรียนต่อสูงๆ ด้วย ถ้าผมจบออกมาแล้วหางานไม่ได้จะทำยังไง ผมก็เลยอยากเก็บเงินไว้ตั้งแต่วันนี้ เอาไว้เป็นทุนครับ ละถ้าผมหางานพาร์ทไทม์ทำด้วยก็น่าจะพอ”
     “แล้วเรื่องนี้ต้นปรึกษาพี่น้ำแล้วยังครับ?”
     “คุยแล้วครับ แม่บอกว่าจะส่งผมเรียนเอง ผมอยากเรียนแค่ไหนก็ได้ แต่ผม... ผมเกรงใจแม่ ไปอยู่โน่นแม่ก็มีร้านที่ต้องลงทุน จะให้แม่มาเลี้ยงผมไปเรื่อยๆ ได้ยังไง”
     “คิดมาก แฟนพี่น้ำรวยจะตาย ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก”
     “ไม่ดีหรอกครับ เกิดเขาคิดว่าแม่ผม เฮ้อ... ฝรั่งเขาเลี้ยงลูกถึงสิบแปดกันไม่ใช่เหรอครับ ลำพังส่งเสียจนมหาวิทยาลัยผมก็เกรงใจแม่กับเดนส์จะแย่”
     “เพราะงี้ต้นเลยแอบไปขอทุนเหรอ?”
     เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ต้นน้ำก้มหน้าลงไม่ยอมตอบอะไร เขากับบิดามีปากเสียงกันพอสมควรเรื่องนี้ ส่วนมารดาไม่เคยว่าอะไรเขาอยู่แล้วไม่ว่าเขาอยากทำอะไร แม่ภูมิใจในความเก่งของเขา แต่ก็ไม่พอใจพอสมควรที่ถูกว่ากระทบกระเทียบเมื่อบิดาของเขาทราบเรื่องนี้
     “เฮ้อ... เอาเถอะ ในฐานะคนทำงาน พี่ขอบอกอะไรเราอย่างนะ แต่ละเดือนพี่น้ำหาเงินได้ไม่ใช่น้อยๆ ถึงตัวเลขในสลิปเงินเดือนจะน้อย แต่ต้นรู้มั้ยรวมๆ แล้วพี่น้ำหาเงินได้เดือนนึงเท่าไหร่ ... ห้องนี้พี่ก็ได้ยินว่าผ่อนหมดแล้ว ผู้หญิงอย่างพี่น้ำหาเงินเก่งจะตายไป พี่ยังซูฮกเลย”
     ชัยชัชเชยคางของเด็กหนุ่มให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับตนก่อนจะเอ่ยสอนอีกฝ่าย
     “ต้นรู้มั้ยครับว่าพี่น้ำทำเพื่อใคร พี่น้ำทำทุกอย่างก็เพื่อต้นนะครับ แล้วแบบนี้แค่ค่าเทอมลูกคนเดียวทำไมจะไม่มีปัญญา แล้วเรื่องบางเรื่องมันก็เป็นศักดิ์ศรีของคนเป็นพ่อเป็นแม่ด้วยนะต้น พี่น้ำไม่มีวันปล่อยต้นไว้คนเดียวละให้อยู่อย่างลำบากหรอก”
     ต้นน้ำฟังแล้วก็ยิ่งเงียบ เด็กหนุ่มเม้มปากจนเริ่มซีด ไม่ยอมตอบโต้อะไร ชัยชัชจึงถือโอกาสพูดต่อ
     “แล้วไหนตอนนี้ ต้นจะยังมีญาติเพิ่มขึ้นมาอีก พี่ว่าทางนั้นเขาคงไม่ปล่อยให้ต้นลำบากหรอกครับ เผลอๆ จะถือโอกาสให้เราไปอยู่ด้วยกันด้วยซ้ำ”
     “แต่ผมไม่อยากได้อะไรจากพวกเขา!”
     “คร้าบๆ งั้นเอางี้มั้ยล่ะ เกรงใจแม่ ไม่อยากยุ่งกับทางนั้น งั้นก็มาให้พี่เลี้ยง”
     “อื้อ! ได้ยังไงครับ ผมจะกล้าไปรบกวนพี่ชัชได้ยังไงกัน ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย”
     “ใครบอก ก็เราเป็นแฟนกันไง”
     “ก็เป็นแฟนกันเฉยๆ นี่ครับ คบกันเฉยๆ แล้วผมจะให้พี่ชัชเลี้ยงได้ยังไง น่าเกลียดตายเลย”
     “ต้นเป็นแฟนพี่ๆ เลี้ยงดูส่งเสียต้น มันแปลกตรงไหน”
     “แปลกสิครับ คนที่ทำแบบนั้นน่ะ ... อย่างกับ... อย่างกับเลี้ยงอีหนูเลย”
     “ฮ่าๆ คิดมากนะเรา”
     ชัยชัชหัวเราะเสียงดังด้วยความขำ เขานึกรักแฟนเด็กของตนจนล้นหัวใจ ยิ่งมองหน้าแดงระเรื่อที่งอจนคิ้วผูกโบว์ของคนรักแล้ว เขาก็ยิ่งเอ็นดู ชายหนุ่มก้มลงไปหอมแก้มต้นน้ำฟอดใหญ่ก่อนจะยวนต่อ
     “เป็นเด็กพี่ไม่ดีตรงไหน ป๋าชัชคนนี้ออกจะหล่อแถมไม่หัวล้านลงพุงด้วย”
     “พี่ชัชก็ พูดเล่นอีกแล้ว”
     “พี่ไม่ได้พูดเล่น พี่พูดจริง ถ้าผู้ชายจดทะเบียนกันได้นะ พี่จะพาต้นไปจดเลยอ่ะ เสร็จแล้วทุกอย่างของพี่ก็จะเป็นของต้นครึ่งนึงไง”
     “พี่ชัชก็...”
     ต้นน้ำรู้สึกถึงหัวใจที่พองโตด้วยความปลื้มปิติยินดีในความรักของชัยชัชจนล้นอก หัวใจของเขาเต้นระรัวเพื่อนำพาเอาความร้อนขึ้นมาแผ่ซ่านบนใบหน้า
     “ต้นเป็นเมียพี่นะครับ เมียคนเดียวทำไมพี่จะเลี้ยงไม่ได้ ไม่งั้นแล้วคิดว่าทำไมพี่น้ำถึงได้กล้าทิ้งต้นไว้คนเดียวล่ะ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอครับว่าเกือบได้ไปเรียนเมืองนอกแล้ว”
     “พี่ชัชหมายความว่ายังไงครับ?”
     “ก็หมายความว่า เรื่องบางเรื่องก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ไง เด็กอย่างต้นไม่จำเป็นต้องคิดมากหรอก ขยันเรียนเอาเกรดสวยๆ มาอวดพี่กับพี่น้ำก็พอ ว่างๆ ก็ทำกับข้าวให้พี่กิน หรือจะให้ดีกว่านั้นตอนกลางคืนจะมาเป็นหมอนข้างให้พี่ด้วยก็ได้นะ แต่บอกไว้ก่อนพี่ไม่นอนกอดเฉยๆ แน่”
     เพราะคำเย้าของชัยชัชต้นน้ำเลยยิ่งหน้าแดง แต่ก็เป็นอาการเขินอายระคนดีใจ เขารู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีที่ได้รักกับชายหนุ่มแสนดีอย่างชัยชัช
     “พี่ชัชก็... พูดอะไรก็ไม่รู้ แกล้งแซวผมเล่นอีกแล้วนะ”
     “พี่ไม่ได้แซว พี่เอาจริง พี่กำลังชวนเราอยู่เนี่ย ต้นไม่อยากไปอยู่กับพี่เหรอครับ? บอกตามตรงพี่อยู่คนเดียวเหงาจะแย่ ถึงจะเป็นแฟนกันได้ใกล้ชิดกันแบบนี้ แต่พี่อยากได้มากกว่านี้อ่ะ พี่ต้องกอดหมอนข้างแล้วคิดว่าเป็นเราอยู่ทุกคืน ต้นไม่เห็นใจพี่เหรอครับ ดูดิพี่น่าสงสารจะตาย”
     ต้นน้ำฟังแล้วได้แต่ขำแอบอมยิ้มไปกับมุขของชัยชัช เด็กหนุ่มดีดลูกคิดบางอย่างในใจอย่างรวดเร็วแล้วก็เอ่ยถามแฟนของตน
     “จะดีเหรอครับ นั่นห้องของพี่ชัชกับพี่ฟ่าง”
     “โอ้ย เรื่องนั้นจิ๊บๆ พี่เคลียร์ได้ ฟ่างไม่ว่าไรหรอกถ้าเป็นต้น อีกอย่างเอาจริงๆ นะ คนผ่อนมันก็พี่ชัดๆ ฟ่างช่วยก็จริงแต่พี่ออกเยอะกว่า พี่ไปตกลงกันเองได้ครับ”
     “แต่ว่า... มันดูไม่ดีนะครับ อยู่ๆ จะให้ผมหอบเสื้อผ้าไปอยู่ห้องพี่ชัช ถ้าทางบ้านพี่ชัชรู้เข้า...”
     “เราผูกข้อมือกันแล้วนะต้น แม่พี่ไม่ว่าอะไรต้นหรอก”
     “แต่ผมยังไม่ได้ปรึกษาคุณแม่เลยครับ ไม่รู้ว่าคุณแม่จะอนุญาตมั้ย?”
     “เดี๋ยวพี่ช่วยพูดให้ ไงพี่น้ำก็ต้องยอม เชื่อดิ พี่กับพี่น้ำสนิทกัน”
     ต้นน้ำนึกหมั่นไส้แฟนของตนขึ้นมาทันทีจึงรีบขัดขึ้น
     “แต่นั่นน่ะ คุณแม่ของผมนะครับพี่ชัช แล้วแม่ที่ไหนจะส่งเสริมให้ลูกตัวเองหอบเสื้อผ้าไปอยู่กับแฟน”
     “หืม รู้จักพี่น้ำน้อยไป ลองพี่ไม่รับผิดชอบต้นดูสิ พี่จะโดนเชือดเอา อย่างพี่น้ำน่ะเหรอ ถ้าจะกลัวก็กลัวต้นจับพี่ไม่อยู่มากกว่า เผลอๆ พี่น้ำดีใจรีบประกาศขายห้องทิ้งเลยด้วยเอ้า! หอบเสื้อผ้าไปอยู่กับผู้ชาย แม่เราเขาถนัดนักแหละ ตอนสาวๆ ทำบ่อย”
     “บ้า! พี่ชัชก็ เห็นแม่ผมเป็นอะไร”
     เพราะถูกว่ากระทบถึงมารดาต้นน้ำจึงมีน้ำโหเล็กๆ
     “ก็รู้แล้วกันน่า ต้นก็รู้ว่าพี่กับแม่ต้นซี้กันจะตาย นะ นะ ตกลงนะ ไปอยู่กับพี่นะ”
     นอกจากไม่สำนึกในความจาบจ้วงของตนแล้วชัยชัชยังหน้าด้านเติมลูกอ้อนต่ออย่างไม่แคร์สื่อ ส่งผลให้ต้นน้ำได้แต่อ่อนใจกับนิสัยของคนตรงหน้า เขาก็รู้อยู่หรอกว่าแม่ของตนกับชัยชัชนั้นเข้ากันได้ดีขนาดไหน ทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนสนิทที่ถูกใจกันทั้งนิสัยใจคอและรสนิยมความเห็นต่างๆ แถมยังชวนกันร่ำสุราจิบแอลกอฮอล์บ่อยๆ เพียงแต่ถึงจะสนิทกันแค่ไหนก็ไม่มีใครหรอกที่ชอบเห็นคนอื่นมาพูดจาไม่ดีกับแม่ของตน
     แต่ถ้าเป็นคนตรงหน้า เขาคงทำอะไรไม่ได้กับนิสัยแบบนี้ของชัยชัช ความขี้เล่นบวกกับคารมของคนกะล่อน ลูกตื้อของมนุษย์หน้าด้าน ถึงอยากจะโกรธก็โกรธไม่ลง เด็กหนุ่มได้แต่ปลงกับนิสัยของแฟนตน ต้นน้ำถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ย
     “อืม... ขอคิดดูก่อนแล้วกันครับ”
     ว่าแล้วต้นน้ำก็ทำท่าอมยิ้ม เด็กหนุ่มเอียงคอน้อยๆ พลางทำแก้มป่องแสดงสีหน้าคิดหนัก กิริยาของเขาแลดูน่ารักเสียจนชัยชัชแทบอดใจไม่ไหว
     “โอเคคร้าบ แต่อย่าคิดนานนะ ไม่งั้นเดี๋ยวพี่เพิ่มงานให้”
     “งาน? งานอะไรเหรอครับ?”
     ต้นน้ำหลุดปากถามด้วยความสงสัย จากที่เคยแกล้งทำสีหน้าคิดหนักเขาเผลอแสดงสีหน้าสงสัยจากใจจริง
     บางครั้งเด็กหนุ่มก็ซื่อจนเกินไป … เด็กเลี้ยงแกะอย่างไรเสียก็ไม่มีวันเจ้าเล่ห์ทันเกมของหมาป่า
     “ไม่บอก อย่าลืมนะ มีปัญหาใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่ หล่อ สปอร์ต ใจดี กทม. อยู่ตรงนี้แล้วต้น ฮ่าๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ปากพี่ชัชยิ่งกว่าหมา แต่พอพิจารณาลึกๆ แล้วเฮียแกเข้าข้างพี่น้ำสุดๆ บทพูดของพี่ชัชพยายามเขียนให้มันสื่อถึงมิตรภาพระหว่างคุณแม่กับพี่เขา ทั้งเข้าใจทั้งนับถือทำนองนั้น แต่ลงท้ายก็แอยกวนสไตล์เฮียแกนั่นแหละ

พรุ่งนี้อาจไม่ได้อัพเน้อ ไม่รู้จะมีเน็ทใช้มั้ย ถ้ามาไม่ได้ต้องขออภัยจ้า
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#31/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ4
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 31-10-2014 02:48:51
รับแซบค่าา
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#31/10/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ4
เริ่มหัวข้อโดย: เกลียวคลื่น ที่ 31-10-2014 07:31:23
จริงๆ ในเรื่องนี้ต้นน้ำก็ไม่ได้ดราม่าอะไรมากมายนะ
เพราะมันก็มีเหตุและผลอยู่แล้ว
ถ้าเทียบกับเรื่องอื่น ต้นน้ำ ก็ไม่ได้วีนเหวี่ยงใครมากขนาดนั้น
แต่เห็นตัวละครในเรื่องก็บ่นจุกจิก ทั้งๆที่ตัวเองก็ผิดเอง
เห้อ ยังไงก็เป็นแม่ยกต้นน้ำอยู่ตรงนี้นะ 5555
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#1/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน8
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 01-11-2014 01:21:52
วันรวมญาติของหมาป่า

ต้นน้ำ

     ผมกำลังทำความสะอาดห้องอยู่ครับ อันที่จริงผมทำความสะอาดเก็บกวาดห้องตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว แต่ว่ายังไงก็ไม่มั่นใจครับ วันนี้ผมก็เลยลุกขึ้นมาเก็บกวาดบ้านแต่เช้าอีกรอบ ผมพยายามตรวจดูทุกซอกทุกมุมให้แน่ใจว่าไม่มีเศษผงหรือฝุ่นเกาะติดอยู่ โดยเฉพาะในห้องนอนเล็กที่พี่ชัชวางโซฟาเบดกับโต๊ะทำงานเอาไว้ ปกติแล้วมันจะรกมากๆ เพราะพี่ชัชชอบเอาของแจกหมอมากองสุมๆ กัน พวกถุงกับโบรชัวร์ลายบริษัทยาก็ด้วย ผมถือวิสาสะเข้าไปรื้อเก็บใส่ตู้หมดแหละครับ แต่เพื่อความมั่นใจผมก็เลยต้องจัดในตู้อีกหน่อย ไม่อยากให้สวยแต่ภายนอก ในตู้ผมก็อยากให้ดูเป็นระเบียบด้วย
     ผมว่าผมล้างห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ทั้งห้องน้ำในห้องนอนแล้วก็ห้องน้ำเล็กด้านนอก ในห้องนอนผมก็เป็นระเบียบแล้ว ผมว่าผมไปเช็คในครัวอีกรอบดีกว่า
     โอเค ไม่มีจานชามวางทิ้งไว้ ใบไหนที่แห้งผมก็เก็บเข้าตู้แล้ว เมื่อวานผมเช็ดหน้าเตาซะสะอาดเลยครับ โชคดีที่ห้องพี่ชัชใช้เป็นเตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบที่ผิวหน้าเป็นกระจกเลยทำความสะอาดง่าย อ๊ะนั่นไง! ผมว่าละผมพลาดจริงๆ ด้วย ตรงมุมของเครื่องดูดควันยังมีคราบอยู่นิดหน่อย สงสัยเมื่อวานผมเช็ดไม่สะอาดพอ
     นี่ผมยังเหลือตรงไหนอีกมั้ยนะ? ให้ตายสิ ตื่นเต้นชะมัดเลยครับ!
     “พอเหอะต้น เชื้อโรคมันจะไม่มีที่อยู่แล้วครับ”
     ผมหันไปค้อนให้พี่ชัชที่นั่งเอกเขนกดูทีวีอยู่ตรงโซฟาด้วยความหงุดหงิด จะไม่ให้ผมเครียดได้ยังไงละครับ ก็ครอบครัวพี่ชัชจะไปเที่ยวทะเลกัน แต่จะแวะมานอนที่นี่ก่อนหนึ่งคืน และเขาก็จะมาวันนี้แล้วด้วย ถ้าเกิดแม่พี่ชัชมาแล้วเห็นบ้านช่องห้องหับไม่สะอาดแล้วตำหนิผมๆ จะทำยังไง มันกลัวนะครับแม่พี่ชัชยิ่งดุๆ อยู่ ผมไม่ยอมเสียตำแหน่งสะใภ้คนเล็กบ้านพรหมโรจน์หรอก!
     “โห พี่แซวแค่นี้ต้องทำหน้าหงิกขนาดนั้นเลย?”
     คงเพราะเห็นผมคิดมากพี่ชัชก็เลยเดินมากอดปลอบผม โอ๋ผมเหมือนเด็กๆ เลย ผมไม่ใช่เด็กซักหน่อย!
     “อย่าเครียดน่าต้น สบายๆ”
     “ก็กลัวถูกแม่พี่ชัชดุนี่ครับ”
     “น่า แม่พี่ถึงจะขี้บ่นแต่ก็ไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดจะให้พี่เลิกกับต้นเพราะบ้านมีฝุ่นหรอก อย่าเครียดสิครับ”
     “ก็ผมกลัวนี่ครับ มากันตั้งเยอะ ไม่รู้ที่หลับที่นอนจะพอรึเปล่า? แล้วไหนจะยังห้องนี้อีก ทุกคนอยากมาดูห้องพี่ชัชเต็มแก่ ถ้ามาแล้วผิดหวังจะทำยังไง เกิดมีตรงไหนไม่เรียบร้อยแล้วผมถูกดุว่าทำไมไม่รู้จักเก็บกวาดบ้านผมก็แย่สิครับ”
     ครั้งแรกตอนที่พี่ชัชพาผมไปรู้จักกับที่บ้าน ผมยังเป็นแค่เด็กน่าสงสารคนนึงที่กำลังจะต้องอยู่คนเดียวเพราะแม่จะไปเมืองนอก พี่ชัชพาผมไปกราบแม่ของพี่ชัชและขอให้อนุญาตให้เราคบกัน ถึงแม่พี่ชัชจะจัดพิธีผูกข้อไม้ข้อมือให้ผม แต่เวลามันผ่านมานานแล้วครับ ผมอยู่กับพี่ชัชมาเกือบสองปีแล้วไม่ใช่เด็กๆ อีกต่อไป แถมยังอยู่ด้วยกันในสภาพที่พี่ชัชเลี้ยงดูผมทุกอย่าง ผมมีหน้าที่แค่เรียนหนังสืออย่างเดียวไม่ได้ช่วยออกค่าใช้จ่ายอะไรเลย เงินเดือนที่พี่ชัชหามาได้ก็ไม่ต่างอะไรกับสินสมรส ซึ่งทางบ้านพี่ชัชก็รู้เรื่องนี้ด้วย มันก็คือๆ กันกับผมแต่งเข้าบ้านพี่ชัชแล้วเป็นแม่บ้านอย่างเดียวนั่นแหละครับ ต่างกันแค่ผมมีลูกให้พี่ชัชไม่ได้ ทางนั้นก็พอทราบเรื่องผมกับญาติฝั่งพ่อเลยไม่ว่าอะไรที่พี่ชัชจะตัดสินใจแบบนี้ แต่ผมกังวลนะครับ ไม่อยากให้ใครคิดไม่ดีว่าผมมาหลอกพี่ชัชหรืออาศัยความรักของพี่ชัชแลกกับเงินและที่ซุกหัวนอน ผมอยากแสดงให้ทุกคนรู้ว่าผมรักพี่ชัชจริงๆ แล้วก็ตั้งใจจะดูแลพี่ชัชเต็มที่ด้วย ผมอยากเป็นภรรยาที่เพียบพร้อม ผมไม่อยากมีปัญหากับแม่สามี ผมยังอยากให้พี่ๆ เอ็นดูผมอยู่
     “คิดมากน่าต้น พี่ศักดิ์ซกมกกว่าพี่อีก ต้นเป็นสะใภ้อันดับหนึ่งของแม่พี่แล้ว”
     “แต่อย่างน้อยๆ พี่นาก็มีหลานให้แม่พี่ได้ ส่วนผมนอกจากอยู่ด้วยกันแล้วก็ทำอะไรไม่ได้เลย”
     “คิดมากเรื่องนี้อีกแล้ว แม่พี่แกมีครบแล้วทั้งหลานสาวหลานชาย เผลอๆจะได้เหลนเร็วๆ นี้อีก ลูกชายลูกสาวแต่งงานแต่งการแฮปปี้ขนาดนั้น ลูกชายคนเล็กจะเป็นเกย์ไปซักคนแกไม่ถือหรอก บ้านแกก็มีอยู่แก่ตัวก็มีคนเลี้ยง ชีวิตแกไม่คิดไรแล้วละต้น”
     “แล้วพี่ชัชละครับ ไม่คิดเรื่องอนาคตบ้างเหรอ?”
     ผมแอบเครียดเหมือนกันนะครับ ชีวิตวันนี้ผมมีความสุข แต่ว่าถ้าแก่ตัวไปล่ะ? ผมนึกถึงลุงพลของผมที่นานๆ ครั้งเราจะโทรคุยกันบ้างเพราะตั้งแต่ที่คุณพ่อคุณแม่ของลุงพลเสีย ลุงพลก็ย้ายไปอยู่เมืองนอกซะเป็นส่วนใหญ่ ลุงพลเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของแม่น้ำครับ ท่านเปรียบเสมือนพ่อแท้ๆ ของผมเลย นอกจากจะช่วยดูแลผมตอนเล็กๆ แล้วยังมีพระคุณที่ท่านช่วยเตือนสติให้แม่น้ำเลิกคิดเอาผมออกทำให้ผมได้มีโอกาสเกิดมาบนโลกใบนี้ด้วย ท่านเอ็นดูผมมากรักผมเหมือนลูกแท้ๆ ของตัวเองจนเคยจะรับผมเป็นลูกบุญธรรม เคยอยากแต่งงานกับแม่ของผมเพื่อที่ผมจะได้มีพ่อเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่แม่น้ำไม่ยอมครับ แม่รับไว้แค่น้ำใจและยอมให้ท่านดูแลพวกเราในฐานะเพื่อนสนิทของครอบครัว เพราะไม่อยากเอาเปรียบลุงพลมากไปกว่านั้น ลุงพลเป็นคนดีมากๆ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของแม่ผม และลุงพลท่านเป็นเกย์
     ดังนั้นชีวิตของลุงพลจึงค่อนข้างจะโดดเดี่ยวและทุ่มเทกับงานซะเป็นส่วนใหญ่ ผมเคยได้ยินท่านเปรยกับคุณแม่ของผมว่า “ความรักของเกย์มันไม่ยั่งยืน พลก็ต้องทำงานเก็บเงินไว้เยอะๆ สิ ไม่งั้นอีกหน่อยแก่ตัวไปไม่มีลูกใครจะมาดูแลพล เพราะน้ำนั่นแหละ ไม่ยอมให้ตาต้นมาเป็นลูกพล” ตอนนั้นผมยังเด็ก ก็เลยตอบออกไปว่า “งั้นผมจะเลี้ยงดูลุงพลเองครับ อีกหน่อยถ้าลุงพลกับแม่น้ำแก่ ผมจะดูแลลุงกับแม่เอง” ผมจำได้ว่าแม่น้ำกับลุงพลหัวเราะแล้วกอดผมด้วยความเอ็นดู แต่ผมคิดจริงจังนะครับ ถ้าลุงพลไม่มีใครดูแลผมจะดูแลลุงพลเอง แต่ตอนนี้ลุงพลกับแม่น้ำอยู่เมืองนอกสบายดีกันทั้งคู่ แล้วผมก็ยังรับผิดชอบตัวเองไม่รอดด้วย ผมเลยตั้งใจว่าอยากจะดูแลพี่ชัชให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกลัวครับ ผมจะอยู่กับพี่ชัชแบบนี้ไปได้ถึงเมื่อไหร่?
     “คิดดิครับ ถึงต้องส่งตังค์ให้ที่บ้านทุกเดือนแบบนี้ไง พี่นาเป็นข้าราชการก็จริง โชคดีใช้สิทธิ์เบิกได้ แต่เงินเดือนก็น้อย พี่รงค์ทำนาก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ เตอร์มันโตแล้วจะเข้าโรงเรียนดีๆ พี่ศักดิ์ก็ต้องใช้เงินเยอะ ไหนจะยังเงินหมุนในอู่อีก โชคดีที่พี่ปลูกบ้านให้แม่ได้แล้ว เลยไม่ต้องส่งตังค์กลับไปเยอะๆ เหมือนเมื่อก่อน พี่น้องคนอื่นก็รับผิดชอบครอบครัวของตัวเองไป ส่วนพี่ก็มีหน้าที่ดูแลส่งเสียแม่”
     พี่ชัชเล่าให้ฟังพลางโอบกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นแล้วก็หอมแก้มผมเบาๆ ก่อนจะเล่าต่อ
     “ตอนแรกพี่คิดว่าตัวเองจะหาเมียไม่ได้ซะแล้ว เคยคิดถึงขนาดว่าพอแก่แล้วจะกลับไปทำนากับพี่รงค์ด้วยซ้ำรู้ป่าว ถึงได้ปลูกบ้านหลังใหญ่แบบนั้น แม่แกก็ดีใจนึกว่าพี่จะกลับไปอยู่โน่น แต่พอดีพี่จีบฟ่างติด อะไรๆ มันก็ยากว่ะ พี่เริ่มอยากมีครอบครัวเป็นของตัวเอง แล้วพี่ก็คิดว่าฟ่างคงไม่กลับไปอยู่โน่นกับพี่แน่ ไหนจะยังห้องนี่อีก เรื่องใช้เงินมันโคตรเยอะพี่ต้องทำงานหัวหมุนแทบตาย รู้ตัวอีกทีก็โดนทิ้งซะละ”
     “เพราะแบบนี้รึเปล่าครับ เลยทำให้มีปัญหากับพี่ฟ่าง?”
     “อืม ก็นิดหน่อย แต่พี่ดีใจนะที่ต้นเข้าใจพี่ ขอบคุณนะครับที่รักญาติๆ พี่เหมือนครอบครัวของตัวเอง”
     “ทำไงได้ละครับ ผมผูกข้อมือเป็นสะใภ้บ้านพรหมโรจน์แล้วนี่ แล้วอีกอย่างผมต่างหากที่กลายมาเป็นภาระเพิ่มให้พี่ชัช แค่ที่บ้านพี่ไม่รังเกียจผมๆ ก็ดีใจแล้วครับ”
     “ภาระไรกัน ต้นไม่ใช่ภาระพี่นะครับ ต้นแบ่งเบาภาระพี่ได้เยอะเลย”
     ว่าแล้วพี่ชัชก็หอมผมอีกแถมยังแกล้งเอาจมูกไซ้หูผมด้วย มันจั๊กกะจี้นะครับนั่น! แต่อ๊ะ... ไปๆ มาๆ ผมว่ามือพี่ชัชเริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว
     “พี่ชัช ปล่อยนะครับ”
     “ซักรอบหน่อยเป็นไง?”
     พี่ชัชถามผมด้วยเสียงทะเล้นเชียว แถมยังทำสายตาหื่นวิบวับอีก ผมเลยต้องย้ำกับตัวเองว่าต้องใจแข็งเข้าไว้
     “เราเพิ่งทำไปเมื่อสองวันก่อนเองนะครับ”
     “ก็ตุนไว้ไง ต้นอนุญาตเตอร์ให้อยู่ยาวใช่มั้ยล่ะ พี่ก็อดอีกนานดิ”
     “แต่เขาจะมากันแล้วนะครับ”
     “แป็บเดียว รับรอง”
     พี่ชัชบ้า! ผมละเคืองจริงๆ เลย ถ้าแป็บเดียวพี่เสร็จแล้วผมละครับ? แต่จะให้ผมถามแบบนั้นมันก็น่าอายจะตาย
     “ไม่เอา ปล่อยผมเลย ไปจัดการเองคนเดียวเลยครับอย่ามากวนผม”
     “หน่า ไปเที่ยวสวรรค์ชั้นเจ็ดกับพี่หน่อยนะ เดี๋ยวพี่ตีตั๋วเครื่องบินเจ็ทด่วนพิเศษให้ รับรองดูแลตลอดเส้นทางการบินไม่มีทิ้งอ่ะ พี่เคยทิ้งต้นไว้กลางทางเหรอ? แล้วที่สำคัญพี่รู้ แฟนพี่ชอบแบบตื่นเต้นใช่มั้ยล่ะครับ เวลาเร่งๆ แบบนี้ทีไรต้นไวกว่าปกติทุกครั้งนั่นแหละ”
     โอ้ยเขินครับ! แฟนผมหื่นเกินไปแล้ว พี่ชัชรู้ทันผมตลอด อายจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้วครับ เขินก็เขินอยู่นะครับแต่มันก็... ดังนั้นพอพี่ชัชรุกผมมากๆ แล้วอุ้มผมไปทางห้องนอนผมก็เลยไม่ดิ้น

     ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองตอบรับสัมผัสของพี่ชัชอย่างเร่าร้อนต่างจากตอนปกติ พี่ชัชหัวเราะผมนิดหน่อยก่อนจะถอดเสื้อตัวเองแล้วเลื่อนตัวมาจูบผมต่อ ปกติแล้วผมมักจะเป็นฝ่ายถูกสัมผัสเพราะพี่ชัชมือปลาหมึกมากกว่าผม แล้วผมก็อายด้วยครับ แต่วันนี้ผมบอกตัวเองให้กล้าๆ หน่อยแล้วเอามือไปไว้ตรงอื่นนอกเหนือจากการโอบรอบคอพี่ชัชบ้าง ผมไล้มือไปตามแผ่นหลังของพี่ชัชตอนที่พี่ชัชพรมจูบลงบนหน้าอกผม มือพี่ชัชซนจนผมต้องยอมแพ้จริงๆ
     แต่ในตอนที่พี่ชัชกำลังจะถอดเสื้อผม จู่ๆ โทรศัพท์มือถือพี่ชัชก็ดังขึ้น ตอนแรกพี่ชัชไม่สนใจมันเลยดังจนเงียบไป แต่แล้วมันก็ดังอีกติดๆ กัน พี่ชัชเลยหลุดสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดจนผมสะดุ้ง!
     “แม่งเอ้ย!”
     พี่ชัชโมโหอีกแล้ว ผมตกใจเหมือนกันนะ ก็เวลาที่พี่ชัชโมโหมันน่ากลัวมากนี่ครับ จากที่ลูบหลังพี่ชัชด้วยอารมณ์ใคร่เมื่อตะกี้ผมเลยต้องเปลี่ยนมาลูบแขนปลอบอารมณ์พี่ชัชให้เย็นลงแทน
     “รับหน่อยดีกว่ามั้งครับ?”
     พี่ชัชนิ่วหน้ามองผมเล็กน้อยก่อนจะขยับลุกออกไปหยิบมือถือที่วางไว้ในห้องนั่งเล่น ผมเลยขยับตัวจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วลุกตามไปดู
     “คับๆ หาเถิงละก๊ะปี้! ตางใดกะ? ตังลุ่ม!”
     เสียงซาวด์แทร็คแบบนี้ บ้านพี่ชัชแน่ๆ ครับ พอพี่ชัชหันมาเห็นผมก็หันกลับไปคุยต่ออีกนิดหน่อย
     “คับๆ เดวหื้อต้นลงไปฮับเน้อ เอ่อ... บ่อได้ก่าเปิ้นลุต้อง รอเปิ้นแหมน้อยก่า คับๆ”
     อย่าบอกนะครับว่ามาถึงกันแล้ว? ทักษะภาษาเหนือผมดีขึ้นเยอะครับ พอฟังออกแม้จะยังพูดไม่ได้เลยก็ตาม
     “ต้น เขามาถึงกันแล้ว ลงไปรับให้พี่ทีดิ พี่... เดินไม่ไหวว่ะ”
     แหงละครับ พร้อมรบขนาดนั้นพี่ชัชคงไหวหรอก! ดีนะครับที่ผมยังไม่... ยังไม่ได้รู้สึกอะไรมากเท่าไหร่เลยพอจะสงบๆ ลงได้เร็วกว่า แล้วคงเพราะผมใจเย็นกว่าพี่ชัชด้วยมั้งครับ ผมเลยควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีกว่า
     “พี่ชัชเข้าห้องน้ำก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมลงไปรับให้เอง”
     “อืม ฝากด้วยนะครับที่รัก พี่ขอจัดการตัวเองแปป”
     พี่ชัชยิ้มแห้งๆ ให้แล้วก็หอมแก้มผมตอนเดินผ่านไปทางห้องน้ำในห้องนอน ผมเดินกลับไปจัดเตียงให้เข้าที่ก่อนจะสำรวจดูตัวเองหน้ากระจก หัวผมยุ่งนิดหน่อยแต่นอกนั้นไม่มีอะไรผิดสังเกตถ้าไม่นับหน้าที่กำลังแดงๆ อยู่นี่ผมก็ดูปกติครับ ดูไม่ออกเลยว่าเมื่อกี้ผมเพิ่งจะโรมรันอยู่กับแฟนบนเตียง ผมสางหัวตัวเองลวกๆ แล้วก็หยิบกุญแจเดินลงไปรับญาติพี่ชัชที่หน้าล็อบบี้คอนโด
     หวังว่าหน้าผมคงจะเลิกแดงก่อนที่จะลงไปถึงข้างล่างนะครับ!

     ผมมองเห็นพวกเขาแล้วครับ แม่พี่ชัชกับพี่นานั่งรออยู่บนโซฟาตรงล็อบบี้ ส่วนพี่นันเดินตามน้องรันที่วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ ผมไม่เห็นพี่ศักดิ์ แต่แล้วเสียงของเตอร์ก็ดึงดูดความสนใจผมไปซะก่อน
     “พี่ต้น!”
     เตอร์วิ่งเข้ามาหาผมที่เดินออกจากลิฟต์พลางเรียกชื่อผมซะดังเลย จนผมต้องเอ็ดเข้าให้
     “เบาๆ ครับเตอร์ คนมองใหญ่แล้ว”
     “ขอโทษคร้าบ”
     เตอร์แลบลิ้นให้ผมแล้วก็กอดคอผมซะงั้น เหมือนจะอวดๆ ไม่เจอกันแปปเดียว สูงขึ้นอีกแล้ว บ้านนี้ผู้ชายสูงกันทั้งบ้านรึไงนะ เตอร์พึ่งจะสิบสี่เอง แต่ดูท่าคงเกินร้อยเจ็ดสิบห้าแล้วแน่ๆ เพราะเลยหัวผมไปแล้วนิดหน่อย เห็นแล้วก็อดไม่ได้เลยเอาศอกถองไปเบาๆ ทีนึงครับ ได้ผลเตอร์รีบเอาแขนลงจากคอผมทันที สาบานเลยนะครับว่าไม่ได้ทำเพราะหมั่นไส้เด็ก ผมแค่จะสอนให้เตอร์รู้จักมารยาทครับ ยังไงผมก็แก่กว่าเตอร์ตั้งห้าปี
     “โห! พี่ต้นอ่ะ แค่นี้ต้องศอกกันด้วย”
     “พี่แก่กว่าตั้งเยอะเอาแขนมาพาดคอพี่แบบนี้ได้ไง”
     “ดุจัง”
     “งั้นก็อย่ามาอยู่กับพี่”
     “คร้าบๆ”
     เหมือนกันทั้งอาทั้งหลาน พี่ศักดิ์ก็ไม่ใช่คนกระล่อนซะหน่อย ทำไมเตอร์ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ สองปีก่อนยังเงียบๆ ขี้อายวิ่งตามผมอยู่เลย ผมเดินเข้าไปยกมือไหว้แม่พี่ชัชก่อนเป็นอันดับแรกแล้วค่อยหันไปทักทายพี่นากับพี่นัน
     “สวัสดีครับแม่ มาถึงนานแล้วยังครับ?”
     “เออๆ ดีก่ะ เพิ่งเถิงได้กำเดียว ท่าบ่อเมินเตื้อ”
     “แล้วพี่ศักดิ์ไปไหนละครับ?”
     “บ่าศักดิ์มันไค่เยี่ยว วิ่งไปพู้นละเลาะ”
     “พ่อไปเข้าห้องน้ำทางโน้นครับ เดี๋ยวก็มา”
     โชคดีจังเลยครับที่เตอร์พูดกลางเก่งขึ้นมาก ไม่งั้นผมคงปวดหัวกว่านี้ ถึงผมจะพอฟังออกแต่สำเนียงของแม่พี่ชัชก็ฟังยากมาก แถมแกยังพูดเร็วอีก ปกติแล้วเวลาคุยกับผมทุกคนจะพูดภาษากลางด้วยครับ ถึงจะปนๆ คำเมืองบ้างแต่ก็ยังมีภาษากลางให้จับใจความได้ แต่แม่พี่ชัชนี่ไม่ไหวจริงๆ ครับ แกเล่นซาวด์แทร็คซะรัวเลย ผมเลยยังมีงงๆ บ้างนิดหน่อย
     พอพี่ศักดิ์มาผมก็พาทุกคนขึ้นมาบนห้องครับ แม่พี่ชัชขนของฝากมาเยอะแยะเลย ผมเลยช่วยแกถือ เป็นลูกสะใภ้บ้านนี้ต้องขี้ประจบและต้องขยันครับ ขืนทำตัวนิ่งๆ ไม่ยอมหยิบจับช่วยอะไรใครแม่พี่ชัชไม่ปลื้มหรอกครับ แต่ปัญหาใหญ่ที่ผมกังวลก็คือพี่ชัช ผมได้แต่หวังว่าตอนที่ผมพาทุกคนเข้าไปในห้องแล้วพี่ชัชจะจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วนะครับ
     โชคดีที่มันไม่เป็นอย่างที่ผมกังวล พี่ชัชเปิดประตูรับพวกเราแล้วก็ช่วยผมถือของไปเก็บ แม่พี่ชัชดีใจมากที่เห็นลูกชายตัวเอง ส่วนพี่ชัชก็ยิ้มประจบเต็มที่ไม่เหลือแววหื่นเมื่อตะกี้เลยครับ
     แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ นอกจากเตอร์ที่ดูแค่ตื่นเต้นเฉยๆ ตามประสาเด็กแล้ว ทั้งแม่พี่ชัช พี่นัน พี่ศักดิ์ แม้แต่พี่นา ทุกคนเดินสำรวจห้องของเราแทบทุกซอกทุกมุมเลยครับ เรียกว่าตู้มีกี่บานก็ถูกเปิดออกมาดูหมด โชคดีชะมัดที่ผมรอบคอบทำความสะอาดไว้แล้วทุกซอกทุกมุม
     “ห้องงามเน่อ ตั๋วผ่อบ้านดีขนาด บ่อมีขี้เปอะเหี่ยซักเตื้อ”
     “เอ่อ... ครับ?”
     เอาละสิแม่พี่ชัชหันมาพูดกับผม แต่ว่าประโยคหลังนั่นมันแปลว่าอะไรละครับนั่น? ยังดีที่พี่นันคงเห็นสีหน้างงๆ ของผมก็เลยช่วยอธิบายให้ฟัง
     “แม่แกชมว่าห้องสวยดีน่ะต้น สะอาดเรียบร้อยดี แกนึกว่าที่ชัชมันไม่ยอมให้มาดูห้องซักทีก็เพราะห้องคงรกเป็นรังหนู”
     “ครับ”
     ผมจะพูดอะไรได้นอกจากยิ้มละครับ ต้องขอบคุณตัวเองจริงๆ ที่ผมลุกขึ้นมาทำความสะอาดอีกรอบตอนเช้า
     “ยะหยังไปจุ๊เปิ้นจะอั้นก่ะอีปี้ อีแม่บ่าได้ว่าเปิ้นซักกำ”
     “ฮึ๊ บ่าวอก! ถ้าตั๋วบ่อมีต้นบ้านตั๋วตึงมีขี้เหยื้อเหี่ยเต๋มบ้านละเลาะ”
     ผมควรจะทำตัวยังไงดี? ผมพอแปลออกจากบริบทนะครับ แต่เอาตรงๆ ก็ไม่เข้าใจนักหรอก รู้แต่พี่ชัชกับพี่นันเถียงอะไรกันซักอย่าง แต่อย่างพี่ชัชโดนซะบ้างก็ดีครับ พอพี่ชัชอยู่ต่อหน้าพี่ๆ คนอื่นก็โดนข่มอยู่ตลอดคงเพราะเป็นน้องคนเล็ก เลยค่อนข้างเกรงใจพี่ศักดิ์แล้วก็มักจะเถียงสู้พี่นันไม่ได้ โดนซะบ้างก็ดีครับ แต่ถึงผมจะแอบสะใจแค่ไหนก็ห้ามแสดงออกยังคงต้องปั้นหน้ายิ้มอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ดี ปล่อยให้พี่ๆ น้องๆ เขาเถียงกันไป จนได้ยินเสียงเตอร์เรียกนั่นแหละครับ
     “พี่ต้นๆ ตรงนี้เห็นสระด้วย มาดูสิครับ ผมไปว่ายน้ำได้ป่าว?”
     ผมเดินไปหาเตอร์ที่ยืนชะเง้อมองสระว่ายน้ำอยู่ตรงระเบียง โดยมีน้องรันวิ่งตามมาติดๆ ปีนี้น้องรัน 4 ขวบแล้วครับกำลังซนเลย ผมเลยต้องรีบคว้าตัวแกไว้ก่อนกลัวแกจะไปปีนระเบียงแล้วจะเกิดเรื่อง พอน้องรันแกเห็นสระก็ตาโตตื้ออยากลงสระซะเดี๋ยวนั้น แถมเจ้าเตอร์ก็ด้วย พรุ่งนี้ก็จะไปทะเลแล้วแท้ๆ สรุปว่าเลยต้องเป็นหน้าที่ผมพาเด็กๆ ลงไปว่ายน้ำ โดยปล่อยให้พี่ชัชรับมือกับคนอื่นๆ ไป
     แต่ทางผมเองก็ใช่ย่อยนะครับ เด็กตั้งสองคน! ถึงเตอร์จะโตแล้วก็เถอะ แต่ซนอย่างกับอะไรดี ชอบดื้อตาใสอีกต่างหากถอดแบบอาตัวเองมาเปี้ยบเลย ส่วนน้องรันรายนี้ก็เหลือเกิ๊น ผมนึกมาตลอดว่าเด็กผู้หญิงคงจะเรียบร้อยไม่ค่อยซน แต่น้องรันนี่ทำเอาผมปวดหัวเลย เผลอแป๊ปเดียววิ่งไปไหนแล้วไม่รู้ ผมต้องคอยจับไว้ตลอด แถมยังช่างพูดด้วยครับ ดีว่ามีเตอร์มาด้วยเลยพอช่วยเป็นล่ามให้ได้บ้าง แล้วคงเพราะผมกลับลำปางกับพี่ชัชบ่อยๆ น้องรันเลยพอฟังภาษากลางได้บ้างและรู้ว่าต้องพูดกลางกับผม
     เพราะมีแต่ผมที่ลงมาดูแลเด็กๆ ผมก็เลยต้องลงสระด้วย คอนโดไม่มีส่วนของสระเด็กครับ ถึงจะโชคดีที่น้องรันว่ายน้ำเก่งแล้วก็เถอะ ผมก็ยังกลัวอยู่ดี ไม่อยากประมาทครับ พี่นันมาคนเดียวเพราะสามีของพี่นันต้องอยู่เฝ้าบ้านที่โน่น และตอนนี้พี่นันก็กำลังวุ่นวายกับพี่ชัชอยู่ ก็เลยปล่อยให้ผมพาน้องรันลงมาเอง พี่นันคงไว้ใจผมมาก แต่ผมไม่ไว้ใจตัวเองเลยซักนิด ถึงน้องรันจะใส่พวกเสื้อชูชีพกับห่วงยางเตรียมพร้อมสุดๆ ก็เถอะ แกดื้อจะปล่อยมือผมให้ได้เลยโดนผมดุไปนิดหน่อย ดีนะครับ ผมยังปรามน้องแกได้บ้าง ส่วนเตอร์น่ะเหรอครับ? ว่ายไปน้ำไปกลับเพลินได้เกือบสิบรอบแล้ว ไม่รู้มันสนุกตรงไหน สระก็เล็กๆ เอง วิวก็ไม่ได้สวยซักหน่อย
     “จะไปตางพู้น”
     “ไม่ได้ครับ ทางนั้นลึก ไหนน้องรันสัญญาว่าจะเล่นน้ำกับพี่ตรงขอบสระนี่ไงครับ”
     “ทีอีปี้ยังไปได้เลาะ”
     “พี่เตอร์ไปได้เพราะโตแล้วครับ น้องรันยังเด็กอยู่กับอาต้นตรงนี้ดีกว่า”
     “เปิ้นจะไปหาอีปี้”
     “ไม่ให้ไปครับ”
     “น้าต้นใจ๋ฮ้าย”
     “อย่าดื้อสิครับ ถ้าดื้อน้าพาขึ้นห้องนะ ไม่ให้เล่นน้ำแล้ว”
     คงเพราะน้องรันโวยวาย คนเลยเริ่มมองเราสองคน คุณแม่ที่พาลูกชายวัยประถมมาว่ายน้ำยังส่งยิ้มมาให้กำลังใจผมเลยครับ รวมถึงผู้ชายคนนั้นด้วย นักศึกษาที่เช่าห้องของผมอยู่ ผู้ชายคนนั้นหันมายิ้มให้ผม เขาคงมาว่ายน้ำเหมือนกัน
     ตอนแรกที่รู้ว่าคนที่จะมาเช่าห้องที่ผมเคยอยู่กับแม่เป็นนักศึกษาผมยังแปลกใจเลยครับ คิดว่าคงเป็นลูกคนมีเงินถึงได้จ่ายค่าเช่าเดือนละหมื่นไหว ผมมารู้ทีหลังว่าเขาแบ่งหารค่าห้องกับเพื่อนอีกสองคน หารค่าเช่ากันสามคนก็ตกคนละสี่พัน อยู่ในห้องกว้างๆ มีพื้นที่นั่งเล่น แถมมีครัว นอกจากนั้นคอนโดยังมีสาธารณูปโภคครบอีกผมว่าคุ้มครับ
     “จะไปหลึกนักก่ะ เดวอิอาบ่อหื้อสูว่ายน้ำละหนา”
     โชคดีจังที่เตอร์มาช่วยผมอีกแรง
     “นายแหละ อยู่เล่นน้ำกับน้องตรงนี้ ไปว่ายตรงอื่นแบบนั้นน้องก็จะตามไปสิ”
     “อ้าว ทำไมผมซวยงี้ล่ะ?”
     “ก็ยังอยู่อีกนานไม่ใช่เหรอ ไว้วันอื่นเถอะ พี่ไม่อยากลงสระ อยากขึ้นแล้ว”
     “อ่ะแนะๆ พี่ต้นไม่อยากลงสระหรืออายคนอื่นครับ ผมเห็นผู้ชายคนนั้นมองพี่ต้นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ส่งยิ้มให้พี่ตลอดเลย อาชัชรู้มั้ยเนี่ย”
     “บ้า! ดูน้องไปเลยเตอร์”
     ผมดุเตอร์ไปแบบนั้นแล้วก็หนีไปนั่งใกล้ๆ คุณแม่ที่มานั่งเฝ้าลูกชายดีกว่าครับ ได้ผล! พอผมไปนั่งใกล้ๆ เธอก็ชวนผมคุยทันที
     “พาน้องมาเล่นน้ำเหรอจ้ะ?”
     “ครับ”
     “แหม เป็นพี่ชายที่ดีจังเลยนะ อีกคนก็ดูซนๆ แต่ก็ช่วยดูน้องด้วย นี่ป้าว่าสระที่นี่ไม่ดีเลยเนอะ น่าจะมีสระเด็กด้วย ตอนป้าซื้อที่นี่ป้าก็ลืมดูไป ว่าแต่หนูอยู่ห้องไหนละลูก”
     ผู้หญิง! สิ่งมีชีวิตที่อัธยาศัยดีเป็นเลิศ ผมทำแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ ผมคุยไม่เก่งซักหน่อย แต่ทำไมใครต่อใครชอบหาว่าผมเหมือนผู้หญิงนะ? ถ้าผมคุยเก่งแบบเมษก็ว่าไปอย่าง สรุปแล้วผมก็เลยนั่งคุยกับคุณป้าแกสลับกับหันไปดูสองพี่น้องนั่นเป็นระยะๆ
     พี่นันแต่งงานช้าเพราะกว่าพี่รงค์แกจะเก็บเงินมาสู่ขอพี่นันได้ก็นานพอดู พี่นันต้องร้องห่มร้องไห้ว่าตัวเองจะสามสิบแล้วถ้าไม่รีบแต่งงานรีบมีลูกอีกหน่อยจะอันตรายแม่ของพี่ชัชถึงใจอ่อนยอมให้แต่งครับ โชคดีที่พี่รงค์เป็นคนขยันขันแข็งถึงจะไม่รวย มีที่นาทำให้พอได้ข้าวกินในแต่ละปีเหลือขายได้ไม่มาก แต่สุดท้ายความดีก็ชนะใจแม่ยายได้ไม่ยาก ผมถึงได้รู้ยังไงละครับว่าแต่งเข้าบ้านพรหมโรจน์ต้องขยันเท่านั้น! เพราะแบบนั้นเตอร์กับรันก็เลยอายุห่างกันเกือบสิบปี ส่วนพี่ชัชของผมน่ะเหรอครับ แม่แกเล่าว่าตั้งใจจะมีแค่สองคนแต่พี่ชัชดันหลงมาซะได้ เพราะแบบนั้นพี่ชัชก็เลยห่างกับพี่ศักดิ์ตั้งห้าหกปี ดังนั้นถึงผมจะเรียกพี่นันว่า“พี่”แต่ความจริงแล้ว พี่นันอ่อนกว่าแม่ผมปีเดียวเองครับ แต่ก็นะ... ผู้หญิง แกไม่ยอมให้ผมเรียกอย่างอื่นครับ ผมก็เลยต้องเป็น“น้าต้น”ของน้องรันไป ส่วนพี่ศักดิ์นี่เป็น“ลุง”ผมได้เลยด้วยซ้ำ
     เพราะแบบนี้รันเลยเป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนครับ ผมก็เลยต้องดุหน่อย ไม่งั้นจะซนจนได้เรื่องเอา จะว่าไปเด็กสองคนนั้นก็เล่นน้ำนานแล้วนะครับ ไม่เหนื่อยบ้างรึยังไง เล่นน้ำมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว ไม่ได้การละ ผมชวนเด็กๆ ขึ้นห้องดีกว่า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



สงสารน้องต้นเนอะ นางซินชัดๆ ฟังน้องต้นบ่นแล้วเหนื่อยแทน ฮีต้องทำงานบ้านทุกอย่างเลย ฮ่าๆ
บทใหญ่นี้เปิดตัวฮาเรมน้องต้นอีกคนแล้ว นายมอเตอร์ลูกหมาป่าหลานแท้ๆ ของอาชัช ได้เชื้ออาไปมิใช่น้อย จับตาดูให้ดี เหอๆ

บางคนอาจจะรำคาญว่าทำไมตัวละครขี้บ่น เราใช้วิธีเขียนแบบนี้เพื่อจะได้เหมือนมีตัวละครมาเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง อยากให้รู้สึกใกล้ชิด เราคิดว่าวิธีแบบนี้จะทำให้คนอ่านสัมผัสได้ว่า"ตัวละครเป็นคนยังไง" บางคนไม่คิดมาก บางคนคิดแต่ไม่แสดงออก บางคนในหัวไม่ได้คิดอะไรปากตรงกับใจ เราอยากให้คนอ่านสัมผัสเนื้อแท้ของความเป็นมนุษย์หลายๆ แบบเพราะเราพยายามเขียนเรื่องนี้ให้เรียล
โอเคมันอาจจะมีอะไรแอบเวอร์บ้างนิดหน่อย แต่เราพยายามไม่ใส่อะไรที่มันเป็นไปได้ยากในชีวิตจริงเข้าไป ปมทุกปมที่เรายัดเข้าไปในเรื่องถ้าสังเกตดีๆ เราจะล้อพล็อตพิมพ์นิยมแต่วิธีเล่าเราพยายามทำให้คนอ่านเกิดความรู้สึกบางอย่างกับตัวละคร กะว่าถ้าไม่อินจนรักก็จะเกลียดเลยแหละ หึๆ

นิสัยของตัวละครในเรื่องนี้จะชอบคิดเข้าข้างตัวเอง แบบใครๆ ก็คิดว่าตัวเองถูกกันทั้งนั้นแหละ เหมือนที่ไม่มีคนบ้าที่ไหนยอมรับว่าตัวเองบ้าหรอก
อย่างต้นเองจริงๆ ชีวิตดีมาก ไม่ได้ดราม่ามากมายเล้ยแต่ทำตัวเองทั้งนั้น อยากให้ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ ว่าคนแบบต้นน้ำจะรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตยังไง
ส่วนพี่ชัชก็จะให้อิมเมจของผู้ชายลั้นลาที่ไม่เคยสำนึกอะไรเลย หึๆ ยังมีตัวละครอีกหลายตัวที่ผลุบๆ โผล่ๆ มาเป็นระยะ เช่นน้องไปป์ผู้สดใสเป็นต้น หลงรักลูกหมาตัวนี้แล้วยางฮ่าๆ

ที่แอบขู่คนอ่านแบบนี้เพราะอยากย้ำกันอีกครั้ง นี่มันนิยายดราม่าจริงๆ นะ ความดราม่ากับปัญหามันฝังอยู่ในทุกอณูของเรื่องนี้เลย
การรักใครมันไม่ยาก การคบกับใครซักคนมันก็ง่าย แต่ทำไมนิยายทั่วไปชอบจบตรงที่คบแล้วแฮปปี้เอ็นดิ้ง ไม่งั้นก็ใส่ปัญหามือที่สามโผล่มากวนใจกลายเป็นแนวแก้แค้นแล้วหาคู่รักคนใหม่ให้ตัวเอก ทำไมไม่มีใครเล่านิยายที่กล่าวถึงการประคับประคองความรักของคนสองคนที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคจากตัวตนของแต่ละคนเลยน้า ขั้นตอนการปรับตัวนี่มันสำคัญนะ มันคือตัวตัดสินเลยว่าคนสองคนจะรักกันยืดมั้ย นิยายเรื่องนี้อยากจะเล่าเรื่องนี้แหละ ความรักอย่างเดียวมันไม่พอหรอก ต่อให้รักมากแต่ถ้าปฏิบัติห่วย ปัญหามันก็เกิด หึๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#2/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน8
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 02-11-2014 13:56:00
ชัยชัช

     จากตรงระเบียงนี่ผมมองเห็นต้นกับเด็กๆ ได้ไม่ยาก แฟนผมนี่หุ่นดีจริงๆ ก้นงอนๆ นั่นชวนมองชะมัด คงเพราะวันนี้ว่ายน้ำเล่นในคอนโดเฉยๆ ต้นก็เลยใส่กางเกงว่ายน้ำขาสั้นแบบปกติมั้งครับ รอยสักของต้นบนผิวขาวๆ ตรงเนินสะโพกดูเด่นมาก เมียผมขาวไปทั้งตัว เห็นแล้วเสียดายเป็นบ้า พี่ผมน่าจะขับรถช้ากว่านั้นซักชั่วโมง! ไม่ได้การละ ผมต้องสงบสติอารมณ์ตัวเองด่วนก่อนมันจะตื่นมาทำให้ผมลำบากอีกรอบ
     ว่าแต่ต้นมันเอาหลานผมสองคนอยู่ด้วยแฮะ ขนาดผมเองยังรับมือหนูรันไม่ไหวเลย พี่สาวผมตามใจลูกจนเสียคนแล้ว!
     ไอ้ความคิดตอนแรกที่ว่าผมอยากมีลูกสาวตัวเล็กๆ น่ารักซักคนเพราะเข็ดกับหลานชายจอมซนอย่างไอ้เตอร์นี่เปลี่ยนเป็นผมคิดถูกแล้วครับที่ผมเป็นเกย์ ผู้ชายอย่างผมคงเป็นพ่อคนไม่ได้แน่ๆ ผมรับมือเด็กเล็กไม่ไหวจริงๆ ไม่เห็นมีใครเคยบอกผมเลยว่าเด็กผู้หญิงเวลาจะดื้อจะซนหรือเวลางอแงก็อิทธิฤทธิ์แรงไม่แพ้เด็กผู้ชายเหมือนกัน
     หลายปีก่อนที่ผมกลับไปเยี่ยมบ้าน หนูรันยังเป็นเด็กเล็กๆ อยู่โคตรน่ารักครับ แต่ปีที่แล้วดิ พอผมกลับไปเยี่ยมบ้าน เธอโตขึ้นช่างพูดช่างคุยมากขึ้น ถอดแบบแม่มันมาเลยครับ! ซึ่งก็คือพี่สาวผมนี่แหละ แต่ไม่รู้ทำไมดันติดนิสัยทะโมนๆ ซนๆ มาด้วย พี่รงค์ก็ไม่ได้นิสัยแบบนั้นซะหน่อย คิดแล้วก็แปลกใจ ทำไมหลานผมสองคนทะโมนชะมัด
     “ผ่อเปิ้นกะ?”
     “อื่อ”
     “แฟนตั๋วนี่ดีขนาด เอาไอเตอร์มันอยู่ก่ะ ล่นตามเปิ้นติกๆ เลาะ สวกจะอั้นตั๋วตึงบ่อกล้าหือใจ้ก่อ?”
     “อู้ไปเรื่อย ฮาเกรงใจเปิ้นตึงบ่ายะเลาะ”
     เวร! ผมโดนพี่ชายแซวซะละว่ากลัวเมีย ผมเนี่ยนะกลัวไอ้ต้น? เปล่าซะหน่อย ผมรักไอ้ต้นมันต่างหาก ไม่อยากทำมันเสียใจ ไม่ได้กลัวเมียซักหน่อย
     “วอกอย่างตั๋วตึงต้องเจอสวกอย่างเปิ้นเลาะ”
     “ว่าหื้อเปิ้นเน้ออีปี้ ตั๋วดีนักกะ”
     ไม่ใช่เพราะไปทำสาวเขาท้องรึไงผมถึงได้มีหลานนั่นน่ะ พี่ชายผมถึงจะดูเอาการเอางานแต่ก็ไวไฟพอกันครับ จีบกันได้ไม่เท่าไหร่พี่นาก็ท้องซะแล้ว แต่พี่ผมเป็นคนขยันทำมาหากินพ่อตาเลยไม่หวงลูกสาวยกให้ง่ายๆ เพราะยังไงข้าวสารมันก็กลายเป็นข้าวสุกไปแล้ว แถมไม่เรียกสินสอดซักบาทขอแค่ให้พี่ผมดูแลลูกเมียให้ดี ทุกฝ่ายแฮปปี้ยกเว้นแม่ผมนี่แหละ แกโกรธพอสมควรเลยที่พี่ผมทำอะไรข้ามขั้นตอนแบบนั้น ยังดีที่พี่นาเป็นผู้หญิงน่ารักแล้วก็อุ้มหลานให้แกแล้วด้วยแกเลยทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นคนของเราที่ไปทำเขาก่อน จะหาเรื่องติก็หาไม่เจอ พอคลอดไอ้เตอร์ออกมาแล้วแกก็ยิ่งเห่อหลายชายคนแรกไปกันใหญ่ เลยสงบหน่อย
     เหลือแต่ผมกับพี่นันนี่แหละที่ซวย เพราะพี่ชายคนโตสร้างเรื่องแล้วชิงตัดช่องน้อยไปก่อน พี่นันที่กำลังดูใจกับพี่รงค์เลยรับเคราะห์ พี่รงค์ตามจีบพี่สาวผมมาตั้งแต่ผมจำความได้ แต่พี่รงค์แกจนครับ บ้านไม่มีสมบัติอะไรนอกจากที่นาไม่กี่แปลง หมดหน้านาแกก็รับจ้างไปเรื่อย แม่ที่ไหนจะอยากให้ลูกสาวไปตกระกำลำบากกับผู้ชายที่มีแต่ตัวกับหัวใจ โดยเฉพาะเมื่อพี่ผมเรียนจบปริญญาได้เป็นครูโก้ไม่หยอกแบบนั้น กว่าจะฝ่าฟันแต่งงานกันได้พี่สาวผมต้องไฟท์กับแม่แทบตาย ดีที่ว่าช่วงนั้นผมเริ่มทำงานแล้วส่งเงินให้ทางบ้านได้พอสมควร แอบช่วยพี่นันกับพี่รงค์ไปเยอะครับ พี่แกเลยถอยที่นาเพิ่มมาขอพี่สาวผมได้เพราะนอกจากทำนาแล้วพี่รงค์แกก็ทำอย่างอื่นไม่เป็น
     แล้วเรื่องมันก็เลยมาลงที่ผมเต็มๆ ผมล่ะไม่กล้าเปิดตัวแฟนซักคนทั้งๆ ที่ผมไม่เคยโสดอ่ะ แถมผมไม่ได้เป็นคนดีมีความอดทนเป็นเลิศแบบพี่เขยผมด้วย คบกี่คนผมก็ได้หมดแหละ ขนาดที่ไม่ได้คบถ้ามองตาแล้วโอเคผมยังได้เล้ย จนมาเจอฟ่างนี่แหละเอาผมอยู่ แต่พอเปิดตัวแล้วแม่ผมดันไม่ปลื้ม แม่แกคงไม่ชอบผู้หญิงที่ยอมอยู่ก่อนแต่งกับผมมั้งครับ โชคดีที่แม่แกแก่มากแล้วเลยปลงได้ ต้นเลยไม่ซวยมากเท่าไหร่ ไม่งั้นถ้าแม่แกโกรธผมแล้วไม่ยอมรับต้นขึ้นมาวันนั้นผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไง เพียงแต่อะไรบางอย่างมันบอกผมว่าต้นจะต้องผ่านด่านแม่ผมไปได้แน่ๆ แล้วต้นก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังครับ ต้นชนะใจแม่ผมได้ไม่ยาก เรื่องเดียวที่แกบ่นก็คือแกเสียดายที่ต้นไม่ใช่ผู้หญิง นอกนั้นแกมีแต่ชมสะใภ้คนเล็กสุดๆ อ่ะ
     ตอนนี้คนอื่นในห้องกำลังช่วยกันทำอาหารเย็น แม่ผมกำลังเห่อครัวในห้องเลย แกทำไปบ่นไปว่าไม่สะใจแต่ก็ยังเพลินกับการทำอาหารซะงั้น ลาภปากผมล่ะของชอบทั้งนั้นเลย พี่นากับพี่นันผมเป็นลูกมือให้แม่ พี่ศักดิ์ก็เลยมายืนชมวิวตรงระเบียงกับผมนี่แหละถึงได้มาปากหมาใส่ผมได้ แต่ไม่กล้าเถียงมันหรอกครับ เดี๋ยวโดนเตะ ลูกถีบพี่ชายผมนี่โหดเอาการนะ ตอนเด็กๆ โดนบ่อยครับ
     ผมเห็นไอ้ต้นพาเด็กๆ ขึ้นจากสระ อีกเดี๋ยวคงขึ้นห้องแล้วมั้ง เห็นต้นมันดูแลหลานผมอย่างกับเป็นญาติตัวเองแบบนี้แล้วก็รู้สึกดีเป็นบ้า ผมเห็นภาพซ้อนเลยนะว่าถ้าต้นมีลูกให้ผมได้จะเป็นยังไง ยิ่งมองตอนที่มันช่วยอาบน้ำให้หนูรันละเช็ดตัวให้แล้ว... คิดอีกทีถ้าผมมีลูกกับต้นได้คงวิเศษไปเลยครับ ผมเองก็เคยฝันบ่อยๆ ด้วยซ้ำ ในฝันของผมต้นมันกลายเป็นผู้หญิงผมยาวท่าทางเรียบร้อยต่างกับลุคเปรี้ยวๆ ของพี่น้ำลิบลับ สวยเชียวอ่ะ แต่ในความจริงต้นมันก็เป็นผู้ชายเหมือนเดิมนั่นแหละครับ ผมก็เลยได้แต่ฝันเพราะผมเปลี่ยนความจริงไม่ได้
     คิดแล้วก็เสียดายครับ แต่ก็เป็นแค่ความเสียดาย ขอแค่มีต้นอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมก็พอใจแล้ว ตั้งแต่ที่เคยจริงจังกับคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมทั้งหมดอยู่กับต้นแล้วผมสบายสุดละ ต้นมันให้ผมได้ทั้งความสบายกายและสบายใจ ทำงานเหนื่อยๆ กลับมาเห็นหน้ามันก็หายเหนื่อยละ มันเอาอกเอาใจผมสารพัดไม่เคยขัดไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามต้นมันไม่เคยทำให้ผมเคือง ถึงพักหลังจะขี้บ่นไปหน่อยแต่ก็ดูแล้วงุ้งงิ้งน่ารักมากกว่าน่ารำคาญครับ มันทำให้ผมมีกำลังใจสู้งานต่อไปในแต่ละวัน ทุกครั้งที่ผมพยายามปิดยอดผมก็จะท่องไว้ว่าหาตังค์ค่าเทอมให้เมีย ผมรู้ดีว่าไอ้ต้นมันอยากเรียนต่อ ถึงจะไม่ต้องเก็บเงินหาค่าทำคลอดลูกแต่ก็ต้องหาตังค์ส่งเมียเรียนแทน
     "เมียผมคนเดียว ผมเลี้ยงได้" ผมอยากจะพูดแบบนั้นนะ แต่พอต้นมันคืนดีกับพ่อมันแล้วผมก็แอบกลัวเหมือนกัน คนพวกนั้นเขาก็มีสิทธิ์ในการดูแลต้น แฟนผมไม่ใช่เด็กไร้ญาติขาดมิตรอีกต่อไป พ่อมันเป็นถึงระดับรองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ มีพี่สาวเป็นว่าที่คุณหมอ มีปู่เป็นเจ้าของร้านเพชรเชียวนะครับ แถมต้นมันยังเป็นหลายชายคนเล็กอีก ถึงนามสกุลจะไม่ดังมาก ไม่ได้ขึ้นหน้าข่าวไฮโซเป็นเซเลบ แต่ญาติฝ่ายพ่อมันก็มีทั้งฐานะและหน้าตาในสังคม ผมไม่มีอะไรไปสู้คนพวกนั้นได้เลย แต่ต้นมันก็ยังเลือกที่จะอยู่กับผม เคยอยู่ด้วยกันยังไงก็อยู่อย่างนั้น ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่เรียกร้องอะไร ผมรู้สึกโชคดีมากๆ ที่ผมได้รักมัน
     ผมได้แต่หวังว่าต้นมันจะไม่เปลี่ยนใจไปจากผม ผมจะยังเป็นผู้ชายที่มันรักมากที่สุดในโลก แต่พูดไปแล้วก็กลัวครับ เมื่อสองปีก่อนโลกของต้นอาจจะเล็กนิดเดียว แต่ตอนนี้โลกของต้นกว้างขึ้น ต้นมันเจอกับผู้คนมากมาย มันจะยังมีแต่ผมคนเดียวแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ผมจะต้องทำยังไงถึงจะขังมันไว้ให้อยู่ในโลกของผมแบบนี้ไปเรื่อยๆ สายสัมพันธ์ที่ปราศจากพันธะแบบนี้มันช่างเปราะบางเหลือเกินครับ ตอนที่ผมคบกับฟ่าง ผมรู้ว่าผมผูกพันธะกับเธอได้ แต่ผมก็ไม่ทำเพราะผมยังไม่พร้อม จนเราเลิกกันในที่สุด แต่ตอนนี้พร้อมไม่พร้อมผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าผมจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรั้งตัวต้นให้อยู่กับผมแม้ว่าเราสองคนจะไม่สามารถสร้างพันธะใดๆ มาผูกมัดกันไว้นอกจากความผูกพันเลยก็ตาม ผมรักต้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



มุมคิดมากของพี่ชัช พวกราศีเมษนี่สปอร์ตนะ มีความเป็นผู้นำอยู่เต็มเปี่ยม ความรับผิดชอบมาเต็ม เขาต้องการใครสักคนที่ยอมตามตัวเอง คิดว่าพี่ชัชก็รู้แหละว่าเขาได้อะไรจากต้นน้ำบ้างเลยรักต้นมากแบบนี้
ความรักไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเอง แต่เป็นเรื่องของครอบครัวด้วย  :เฮ้อ:
เราเบื่อนิยายวายที่ชอบเล่นแต่ประเด็นแม่ผัวเฮี้ยบลูกสะใภ้เคะแสบ เบื่อนิยายวายที่ญาติพี่น้องเป็นสาววายเลยผ่านฉลุย เราเลยเขียนนิยายวายทื่อๆ แบบนี้ขึ้นมา ปัจจัยที่ทำให้แม่สามีไม่ชอบลูกสะใภ้บางทีมันก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่คำว่า"เข้ากันไม่ได้"เท่านั้นแหละ
คนอ่านคงตกผลึกเองได้ว่าทำไมฟ่างถึงไปกับชัชไม่รอด ผู้หญิงบางคนอยากแต่งงานกับผู้ชายแต่ดันไม่เอาครอบครัวเขา ส่วนอีพี่ชัชก็นะ แบกภาระเต็มบ่า ถ้าเราเจอผู้ชายแบบนี้เราก็เพลียนะ นอกจากแม่แล้วยังมีพี่มีหลานอีกเหรอ?
ซึ่งตรงนี้บางทีมันไม่ได้แปลว่าไม่รักกันนะ แต่นี่แหละที่เขาเรียกว่า"เข้ากันไม่ได้/ความคิดไม่ตรงกัน" หลายคู่ไปกันไม่รอดเพราะแบบนี้
แต่สำหรับต้นน้ำมนุษย์หน้ากากผู้แอ๊บได้โล่ ก็เนียนสิจ้ะ น้องต้นมีความอดทนเป็นเลิศ
ตั้งแต่บทเที่ยวทะเลละจะเห็นว่าไอ้ที่บ่นๆ ไปนี่คือความจริงฮีก็เซ็งแม่พี่ชัชนะ แต่ฮียอมไง ฮียอมปรับเข้าหาครอบครัวพี่ชัชสุดๆ เลยไปรอด มันอาจจะไม่แซ่บ แต่ผลของมันทำให้ฮียังมีปั๊วอยู่นะจ้ะ อยู่แบบสบายๆ ด้วย แล้วพวกลูกสะใภ้แซ่บๆ นี่ชีวิตจริงจบสวยแบบแม่สามีนั่งร้องไห้ขออภัยหรือแม่ผัวตายทางใครทางมันมั้ย? คิดสิคิด อย่าเอาแต่สะใจเข้าว่า
อยากได้ความมันความสะใจต้องไปที่อื่น เราไม่มีให้ แต่ถ้าอยากได้ความจริงจุกอกแบบจี๊ดๆ นิยายเรื่องนี้จัดเต็ม ฮ่าๆ เป็นนิยายวายสายเสียดสีสังคมน่ะ หยิบจับพล็อตธรรมดาๆ มาเขียน มันเลยเรียบๆ ไม่หวือหวา ตัวละครก็สีเทาๆ พระเอกเลว ตัวเอกแหล หึๆ
ก็ไม่รู้คนอ่านจะเก็ทรึเปล่า หรือเป็นเพราะนักเขียนมือใหม่อย่างเราเล่าไม่เก่งคนอ่านเลยตกผลึกไม่ได้เห็นแค่ตัวละครพล่ามไร้สาระ จริงๆ เราว่าสาระมันมีนะ คนอ่านก็แค่ดูชีวิตของตัวละครในนี้แล้วอย่าเดินพลาดเหมือนคนพวกนี้ก็พอ "เขาคิดเขาทำแบบนี้ไงเขาถึงได้..." ทำนองนั้นอ่ะ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#2/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน8
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 02-11-2014 14:15:08

ต้นน้ำ

     สิ่งแรกที่ผมรู้สึกได้เมื่อขึ้นมาถึงห้องพักก็คือกลิ่นปลาร้าเหม็นหึ่งครับ เอ่อ... อันที่จริงผมก็ไม่ได้รังเกียจปลาร้าอะไรขนาดนั้น แต่จะให้พูดว่าปลาร้าหอมมันก็ฟังดูแปลกๆ ไม่ใช่เหรอครับ?
     ผู้หญิงในบ้านสามคนกำลังยุ่งกับการทำกับข้าว ส่วนผู้ชายสองคน... แค่เห็นกองกระป๋องเบียร์บนโต๊ะผมก็เซ็งแล้ว ว่าแล้วก็ต้อนเด็กๆ ไปอาบน้ำดีกว่า อ๊ะ! พูดแบบนี้แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองแก่เลย เอาเป็นว่าผมพาน้องรันไปอาบน้ำก็แล้วกัน แต่ผมคงไม่ไปดูแลอะไรเตอร์แน่ๆ โตขนาดนั้นแล้วเผลอๆ อะไรต่อมิอะไรอาจจะโตกว่าผมอีก บ้านนี้กรรมพันธุ์รึยังไงนะ!
     พออาบน้ำน้องรันเสร็จผมก็ให้น้องรันออกไปรอข้างนอกเพราะผมยังไม่ได้อาบเลยครับ เมื่อผมเดินออกมาอีกทีกับข้าวก็เสร็จแล้ว พวกเขาปูเสื่อบนพื้นห้องแล้วก็ล้อมวงกันทานแบบบ้านๆ และเมื่อผมเหลือบไปมองบนโต๊ะ กระป๋องเปล่ามันเพิ่มจำนวนอีกแล้ว พอผมนั่งลงข้างๆ พี่ชัชได้ก็เลยต้องขอซะหน่อยครับ
     “พี่ชัชครับ อย่าเยอะนัก พรุ่งนี้พี่ยังต้องขับรถอีกนะครับ”
     พี่ชัชหันมายิ้มทะเล้นให้ผมท่ามกลางเสียงหัวเราะของพี่ศักดิ์ พี่น้องคู่นี้นี่! แต่ผมไม่กล้าพูดอะไรกับพี่ศักดิ์หรอกครับ ขอรับผิดชอบดูแลเฉพาะแค่แฟนตัวเองก็พอ ส่วนพี่ศักดิ์พอแกเห็นผมเตือนพี่ชัชแบบนั้นก็เอาแต่ยิ้มแล้วก็หัวเราะในคอ ผมว่าสองพี่น้องนี่แปลกๆ แล้วล่ะ
     “กิ๋นข้าวก่อ อีแม่ยะแก๋งบะหนุนกะแก๋งผักกาดใส่จิ้น มีแก๋งสะแลตี้ตั๋วมักโตยหนา”
     “น่าทานจังเลยครับแม่”
     “มักก็กิ๋นเยอะๆ เลาะ”
     แม่พี่ชัชอุตส่าห์ทำของโปรดให้ผมด้วย ดีจังเลยครับ ผมเลยขอบคุณแกแล้วก็ยืนยันด้วยการเติมข้าวอีกจาน เล่นเอาแม่แกยิ้มแก้มปริเลย พี่ชัชเคยเล่าให้ฟังว่าพี่ฟ่างไม่ค่อยชอบอาหารพื้นเมืองแบบนี้ แม่แกเลยไม่ปลื้ม อันที่จริงตอนแรกๆ ผมก็ไม่ชอบนะครับ บอกตามตรงว่าเวลาที่แม่แกทำกับข้าวแกใส่ปลาร้าเยอะมาก กลิ่นมันจะหึ่งสุดๆ เลยครับ แต่พอลองทานดูแล้วมันก็ไม่ได้เหม็นอะไรมากมาย คงเพราะปลาร้าของทางเหนือมันไม่เหมือนกับของทางอีสานด้วยมั้งครับ บางอย่างก็อร่อยดี ยกเว้นพวกน้ำพริกหรือลาบเลือดที่มันจะเผ็ดแล้วก็ขมมากๆ ผมทานไม่ได้ แล้วพอนานๆ ไปผมก็ชินกับกลิ่นอาหารพวกนี้ครับ เลยเฉยๆ ไม่นึกรังเกียจ จะรังเกียจของอร่อยทำไมละครับ
     ส่วนพี่ชัชไม่ต้องบอกก็เดาได้ใช่มั้ยครับว่าต้องอิ่มหนำสำราญสุดๆ ซัดข้าวนึ่งไปเยอะมากครับ เห็นพี่ชัชเจริญอาหารแบบนี้แล้วก็แอบขำเหมือนกัน อย่างกับชูชกแน่ะ คงเพราะนานๆ ทีจะได้ทานอาหารเหนือแบบนี้ ผมยังหัดทำไม่เก่งเลยครับ ถึงทำได้รสชาติก็ยังไม่เหมือนที่แม่แกทำ ความจริงแล้วพี่ชัชก็ทำอาหารเป็นนะครับ แต่ขี้เกียจ... แล้วส่วนมากก็จะทำแต่พวกเมนูขี้เหล้าทั้งนั้นเลย เวลาตั้งวงกับพี่ศักดิ์กรึ่มๆ ได้ที่ก็ทำกับแกล้มทานกันทุกทีแหละครับ แต่ผมเห็นแล้วขนลุกอ่ะ ส่วนมากมักเป็นเมนูแปลกๆ ไปขุดแมลงมาคั่ว ไม่ก็ทำลาบดิบเลือดแดงๆ ผมไม่กล้าทานด้วยหรอกครับ
     พอทานกันเสร็จผมก็ช่วยพี่นาเก็บล้างจานชาม น่าสงสารชีวิตสะใภ้บ้านนี้ชะมัดเลยครับ พี่นันพาน้องรันเข้าไปปูผ้านอนในห้องแล้ว แม่พี่ชัชก็นอนในห้องนั้น ถึงผมจะเคลียร์ที่แล้วแต่มันก็แคบอยู่ดีผมเลยบอกให้เขาแบ่งๆ กันมานอนที่ห้องนอนใหญ่ด้วยก็ได้ แต่พี่ๆ แกบอกว่าไม่เป็นไรครับ ผมรู้สึกดีนะที่พวกแกให้ความเป็นส่วนตัวผมกับพี่ชัชขนาดนี้ แต่พอเข้านอนได้ไม่นาน เตอร์ก็หอบหมอนกับผ้าห่มพุ่งตัวเข้ามาในห้อง
     “พี่ต้น นอนด้วยคนข้างนอกร้อน”
     “เออ เอาดิ จะนอนตรงไหนก็เอาเลย ตามสบาย”
     พี่ชัชพูดพร้อมกับชี้ไปที่พื้นซึ่งปูผ้าไว้แล้ว
     “บนเตียงไม่ได้เหรออาชัช เตียงตั้งกว้าง”
     “ไม่ดีมั้งเตอร์ นอนข้างล่างเถอะ จะได้สบายๆ ไม่ต้องเบียดกัน”
     ผมขัดขึ้นทันทีเพราะไม่อยากให้เตอร์เจอวิบากกรรมไปทั้งคืน
     “ผมไม่เป็นกอขอคอพี่ต้นหรอก”
     “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น เชื่อพี่เถอะเตอร์ นอนข้างล่างดีที่สุด”
     “ไม่เอา”
     เตอร์พูดพร้อมกับพุ่งมาแย่งที่ประจำผมตรงริมเตียงด้านขวา คงตั้งใจจะให้ผมนอนตรงกลางจริงๆ ส่วนพี่ชัชก็ประจำที่ตัวเองแล้วทางด้านซ้าย ไม่ได้การละ! ผมต้องรีบปกป้องอาณาเขตของตัวเองก่อน ผมเขี่ยเตอร์ออกไปพร้อมกับออกปากไล่
     “ไปทางโน้นเลยเตอร์ ถ้าจะนอนก็ไปตรงกลางโน่น ริมนี้มันที่พี่”
     “อะหยังก่ะปี้ต้น!”
     เตอร์บ่นหน่อยๆ ก่อนจะย้ายไปตรงกลางเตียงแบบงงๆ แล้วผมก็หลับสบายทั้งคืนครับ ตอนเช้าผมตื่นมาก็เห็นเตอร์ระเห็จลงไปอยู่ข้างล่างเรียบร้อย หน้าเตอร์หลับอย่างไม่ค่อยสงบสุขซักเท่าไหร่ ขมวดคิ้วซะยุ่งเชียว เห็นแล้วก็สงสารครับ ผมเลยปลุกเตอร์ให้ขึ้นไปนอนบนเตียงตรงที่ผมแทน
     ผมลุกไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ออกไปดูในครัว แต่ต้องเบาๆ นะครับ เพราะพี่ศักดิ์ยังไม่ตื่น เมื่อคืนพี่ศักดิ์แกนอนตรงโซฟาครับ แต่แม่พี่ชัชกับพี่นาตื่นแล้ว กำลังช่วยกันหุงข้าวอยู่ ผมก็เลยเข้าไปช่วยสองคนนั้น พอพี่นาเห็นแบบนั้นก็เลยปลุกพี่ศักดิ์ให้เข้าไปนอนต่อในห้องเล็กแทน พวกเราช่วยกันทำกับข้าวอยู่พักหนึ่งพี่นันกับน้องรันก็ออกมาครับ ผู้ชายบ้านนี้มัน... ให้ตายสิ! นอนขี้เกียจทั้งพี่ทั้งน้องยันหลาน! ผมละเชื่อเค้าเลย!
     พอสายๆ พี่ศักดิ์ก็ตื่นออกมานั่งทานข้าวเหลือแต่ผู้ชายในห้องผมสองหน่อ ผมก็เลยละมือจากการเล่นลูกบอลเป่าลมเป็นเพื่อนน้องรันไปปลุกพี่ชัชกับเตอร์ ให้ตายเหอะครับถอดแบบกันมาเป๊ะ!
     “พี่ชัชครับตื่นเถอะครับ คนอื่นเขาตื่นกันหมดแล้ว”
     พอเตอร์ได้ยินเสียงผมปลุกพี่ชัชก็เริ่มขยับตัวแล้วครับ ท่าทางสลึมสลือแต่ก็ทำท่าจะตื่น ส่วนพี่ชัชของผมนะเหรอขยับเหมือนกันครับ แต่ขยับปากนะ
     “ขอพี่อีกสิบนาที”
     แล้วก็มุดหนีไปใต้ผ้าห่มกับหมอนต่อ สมกับเป็นลูกคนเล็กมากๆ ครับ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพี่ชัชถูกเลี้ยงมาแบบตามใจมากแค่ไหน!
     เพราะแบบนั้นผมก็เลยหันไปจัดการเตอร์ต่อ พอส่งเตอร์เข้าห้องน้ำไปได้ผมก็ออกไปห้องนั่งเล่นเตรียมข้าวของต่อครับ วันนี้เราจะไปเที่ยวทะเลกัน แต่ถึงจะบอกว่าทะเลก็เป็นทะเลใกล้ๆ แค่พัทยา พวกเราเอารถไปสองคันคือกระบะสี่ประตูของพี่ศักดิ์และเก๋งของพี่ชัช พี่ชัชจองโรงแรมไว้สามห้อง พวกเราตั้งใจว่าจะนอนกันสองคืน แต่ขากลับพี่ศักดิ์จะขับรถกลับลำปางยาวเลยครับ ไม่มาแวะกรุงเทพฯ แล้ว ส่วนเตอร์ก็จะกลับมาพร้อมผมกับพี่ชัชอยู่จนเกือบเปิดเทอมโน่นแน่ะครับ ค่อยส่งขึ้นรถทัวร์กลับไปเอง
     ตอนที่ผมกำลังเก็บแกงที่แม่พี่ชัชทำให้ใส่กล่องฟรีซในตู้เย็นไว้เพื่อที่มันจะได้ไม่เสียแล้วก็อยู่ได้อีกหลายวันพี่ชัชก็ตื่นพอดีครับ แฟนผมเดินยิ้มออกมาจากห้องนอน มาถึงก็อ้อนแม่ตัวเองใหญ่ โดนเอ็ดไปตามระเบียบครับ แต่ทั้งๆ ที่แม่แกเอ็ดพี่ชัชแกก็ตักข้าวตักกับใส่จานให้ลูกชายคนเล็กของแก คนอย่างพี่ชัชนี่ใครก็โกรธไม่ลงครับ กะล่อนขนาดนั้น
     พอพวกเราเตรียมตัวเสร็จก็พร้อมเดินทาง ผมตรวจเช็คดูเรียบร้อยแล้วว่าไม่ได้ลืมอะไร เรื่องปิดน้ำปิดไฟนี่ต้องรอบคอบครับประมาทไม่ได้เด็ดขาด ถือเป็นการทำเพื่อส่วนรวมด้วย อยู่คอนโดแบบนี้เกิดอะไรขึ้นมาจะลำบากกันทั้งตึกครับ
     ผมหนีไปนั่งคันกระบะกับเตอร์และพี่ศักดิ์ปล่อยให้ผู้หญิงเด็กและคนแก่ที่เหลือนั่งไปกับพี่ชัช พี่น้องสำเนาถูกต้องครับ พี่ศักดิ์กับพี่ชัชขับรถใจร้อนพอกันเลย ส่วนเตอร์ก็คุยใหญ่ว่าขับรถเก๋งเป็นแล้ว ผมนั่งอยู่กับสองพ่อลูกสบายๆ ครับ ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร ถึงแม้พี่ศักดิ์แกจะดูท่าทางดุๆ ออกแนวคุณพ่อมาดเข้มเงียบๆ แต่ความจริงแล้วแกใจดีมากแล้วก็ขี้อำพอสมควรครับ พี่ศักดิ์เอ็นดูผมราวกับเป็นลูกหลานแกคนนึง เพียงแต่ เอ่อ... ยังไงเสียผมก็อยู่ในฐานะแฟนของน้อง แกก็เลยปฏิบัติกับผมแบบน้องมากกว่าแบบลูกหลานครับ แม้ว่าความจริงแล้วพี่ศักดิ์แกจะอายุมากกว่าคุณแม่ของผมซะอีก
     ผมกับพี่ศักดิ์คุยกันเยอะพอสมควรโดยเฉพาะเรื่องของเตอร์ เรียกว่าช่วยกันปรามดีกว่าครับ พี่ศักดิ์อนุมัติผมเต็มที่ว่าถ้าเตอร์ดื้อก็ให้เตะได้เลย เล่นเอาเตอร์บ่นใหญ่ นอกนั้นก็มีนินทาพี่ชัชนิดหน่อยที่ป่านนี้คงโดนสาวๆ ทั้งหลายซักจนสะอาดแล้วมั้ง
     ว่าไปแล้วทั้งๆ ที่เป็นพี่น้องกันแต่พี่ชัชกับพี่ศักดิ์นิสัยต่างกันลิบลับเลยครับ พี่ชัชมีบุคลิคดูเข้าหาง่าย ท่าทางดูกะล่อนนิดๆ สบายๆ ส่วนพี่ศักดิ์ไงดีละครับ... อืม ... พี่ศักดิ์ทำให้ผมแอบอิจฉาเตอร์นิดหน่อยที่มีพ่อแบบนี้ พี่ศักดิ์ดูแว๊บแรกก็รู้ว่าเป็นคนจริงจัง ท่าทางสุขุมแต่ใจดี ดูอบอุ่นละมั้งครับ ผมก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน นี่ถ้าแฟนผมลดความกะล่อนลงซักครึ่งนึงแล้วใส่ความเคร่งขรึมแบบพี่ศักดิ์ไปแทนบ้างก็คงจะดีนะครับ
     ด้วยความเร็วระดับฟาสแอนด์ฟีเรียสของสองพี่น้อง พวกเราถึงชลบุรีกันในเวลาไม่ถึงชั่วโมง พวกผมก็เลยขับรถตระเวนเที่ยวแถวนั้นก่อนจะเข้าที่พักในตอนเย็น นัดกันว่าอาบน้ำอาบท่าก่อนแล้วจะออกไปหาอะไรทานกันตอนมื้อค่ำ ไม่ไหวครับ แม่แกเที่ยวเก่งมาก ทั้งๆ ที่อายุเกือบหกสิบแล้วแท้ๆ แต่แกยังแข็งแรงอยู่เลย แล้วไหนจะยังลิงจิ๋วกับลิงตัวโตอีก ผมเหนื่อยนะเนี่ย หมดแรงครับ
     ผมได้นอนห้องเดียวกับพี่ชัชอยู่แล้วครับ ส่วนที่เหลือก็แยกไปตามบ้านพอดีห้องสาวสามวัยกับครอบครัวพี่ศักดิ์ งานนี้พี่ศักดิ์กับพี่นันทุ่มทุนครับ พี่ชัชไม่ต้องควักตังค์ซักแดง เพราะแบบนั้นพี่ชัชเลยโทรจองโรงแรมขนาดกลางที่อยู่ในย่านท่องเที่ยวให้ โชคดีมากครับที่จองได้เพราะพวกเราตัดสินใจกันฉุกละหุกจากความอยากของเตอร์
     โรงแรมที่พวกเราพักแม้จะเป็นโรงแรมขนาดกลางแต่ก็มีนักท่องเที่ยวเยอะเหมือนกันครับ ทั้งกรุ๊ปทัวร์จีนทั้งฝรั่งเต็มเลย แต่เตอร์บ่นอุบเพราะว่าสระว่ายน้ำที่โรงแรมเล็กมาก บอกว่าที่คอนโดยังใหญ่กว่า แต่ผมว่ามันก็มีข้อดีนะครับ คือผมมีข้ออ้างไม่ต้องลงไปว่ายน้ำเป็นเพื่อนเตอร์แล้ว
     พวกเราแยกย้ายกันเข้าห้องพัก ส่วนผมกับพี่ชัชพอเข้าห้องพักแล้วผมก็จัดของให้พี่ชัชตามปกติแต่พี่ชัชพุ่งลงไปหาหมอนบนที่นอนแล้วครับ ขับรถมาเหนื่อยๆ พี่ชัชคงอยากพัก
     “จะนอนก่อนหรืออาบน้ำก่อนดีครับ?”
     “ขอพี่นอนซักตื่นก่อนละกัน ไม่ไหวว่ะ หูชาชะมัด”
     “แล้วไปทำอะไรให้แม่แกบ่นละครับ”
     “เปล่านะ พี่ยังไม่ได้ทำไรเลยต้น แม่แกแหละบ่นไปเรื่อย นิดๆ หน่อยๆ แกก็สรรหามาบ่น”
     ผมยิ้มให้พี่ชัชที่กลิ้งอยู่บนเตียง
     “สีหน้าเรานี่สะใจโคตรๆ เลยนะต้น หัวเราะเยาะพี่เหรอ?”
     ว่าแล้วพี่ชัชก็ดึงผมไปจูบ อื้อ! พาลจริงๆ เลย ผมยังไม่ทันทำอะไรแท้ๆ มาหาว่าผมสมน้ำหน้าตัวเองซะงั้น
     เพราะปกติเราอยู่ด้วยกันแค่สองคนแต่สองวันนี้ดันมีคนอื่นมาอยู่ด้วยรึเปล่านะ พอได้กลับมาอยู่กันสองคนเงียบๆ แบบนี้ผมรู้สึกดีเป็นบ้าเลย!
     “ต่อจากเมื่อวานกันมั้ยต้น?”
     “ไว้คืนนี้ไม่ดีกว่าเหรอครับ”
     “ก็เบิ้ลไง ออเดริฟเบาๆ ก่อนตอนเย็นแล้วมื้อดึกก็จัดหนัก”
     ทะเล้นจริงๆ พี่ชัชของผม
     “ไม่เอาครับ เหนื่อยจะตายตากแดดมาทั้งวัน เหม็นเหงื่อครับ”
     “ไหนใครเหม็น ไม่เห็นเหม็นซักหน่อย ต้นของพี่หอมจะตาย”
     พี่ชัชพูดพร้อมกับซุกจมูกมาดมผมใหญ่เลย แกล้งผมชัดๆ กวนกันละแบบนี้
     “ไม่เอาน่ะ หยุดนะครับ อื้อ ผมจั๊กจี้นะ! อื้ม พอเลยๆ พี่ชัชแหละตัวเหม็น”
     ผมผลักพี่ชัชออกไปสำเร็จจนได้ แต่พี่ชัชกลับหัวเราะซะงั้น
     “ฮ่าๆ”
     “ยังจะมาหัวเราะอีก จะนอนพักก็นอนไปเลยครับ ไม่งั้นก็ไปอาบน้ำไป จะได้สดชื่น”
     “ขี้เกียจ ขอพี่นอนก่อนดีกว่า นอนกับพี่เปล่า”
     ผมล้มตัวลงนอนข้างๆ พี่ชัชแทนคำตอบ
     “หือ ว่าพี่ตัวเหม็นแต่มานอนซุกพี่นะไอ้ต้น หึๆ”
     “ผมบอกว่าเหม็นแต่ไม่ได้บอกว่ารังเกียจนี่ครับ”
     “ฮ่าๆ”

     ตอนที่ผมรู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงน้ำไหลในห้องน้ำ พี่ชัชกำลังอาบน้ำอยู่ครับผมปรับสติสตังของตัวเองซักพักแล้วก็ลุกไปเปิดทีวีในห้อง ละครเย็นกำลังฉายอยู่เลย แปลว่าผมยังพอมีเวลาอีกพักหนึ่ง เพราะตราบใดที่ละครเย็นยังไม่จบ แม่พี่ชัชก็ไม่ออกจากห้องแน่ๆ ครับ
     ผมนั่งดูละครเพลินๆ ได้แป็บเดียวแฟนผมก็เดินออกจากห้องน้ำในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ผมว่าพี่ชัชต้องแอบไปทำอะไรมาแน่ๆ เพราะถึงเมื่อก่อนพี่ชัชจะไม่มีพุงแต่ก็ไม่มีกล้าม แต่ตอนนี้ผู้ชายที่กำลังเดินเช็ดหัวออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างไว้หลวมๆ คนนี้ดูเซ็กซี่เป็นบ้าเลยครับ! กล้ามท้องที่ขึ้นมานิดๆ นั่นดูดีจัง ชวนให้...
     “อ้าว ตื่นละเหรอต้น?”
     “ครับ”
     ผมยิ้มแล้วรับผ้าผืนเล็กจากมือพี่ชัชมาเช็ดหัวให้พี่เขา พี่ชัชก้มลงให้ผมเช็ดให้อย่างชอบใจ พอผมเช็ดเสร็จ แทนที่พี่ชัชจะไปแต่งตัวกลับจับมือผมไว้แล้วยิ้มกริ่ม เจอสายตาแบบนี้ของพี่ชัชทีไรผมเขินทุกทีเลยครับ ไม่ไหวจริงๆ
     “อะ อะไรครับ? จับมือผมแล้วยิ้มอยู่ได้”
     “เปล๊า ... พี่ก็แค่นึกถึงตอนที่ต้นเช็ดหัวให้พี่ครั้งแรก ตอนนั้นก็ในโรงแรมเหมือนกันเนอะ ใครจะไปนึกว่าต้นจะกลายเป็นเมียพี่จริงๆ”
     เขินชะมัดเลยครับ ผมไม่รู้จะตอบอะไรก็เลยได้แต่เสมองไปทางอื่น ปล่อยให้พี่ชัชพล่ามต่อไปคนเดียว
     “หูย ตอนนั้นนะต้นของพี่ทั้งน่ารัก ทั้งขี้อาย พี่โคตรชอบเลย แต่ตอนนี้ดูดิ ผ่านไปสองปีเอง ไม่ทันไรก็...”
     อ้าวพูดแบบนี้หาเรื่องกันชัดๆ
     “แล้วตอนนี้ผมทำไมเหรอครับ?”
     ผมถามเสียงเย็น
     “ก็เปล่า... แค่จะบอกว่าตอนนี้พี่โคตรรักเลย ฮ่าๆ”
     “แล้วไป นึกว่าจะหาว่าผมขี้บ่นซะอีก!”
     “ฮ่าๆ เอาน่าๆ ถึงจะขี้งก ขี้บ่นแต่พี่ก็ร้ากน้า ก็ต้นของพี่น่ารักขนาดนี้นี่”
     พี่ชัชพูดพร้อมกับรวบตัวผมไปนั่งตัก อืม... ผมก็หายงอนอยู่นะครับ แต่ว่าพี่ชัชครับ ใต้ผ้าเช็ดตัวนั่นได้ข่าวว่าไม่ได้ใส่อะไรไม่ใช่เหรอครับ!
     เพราะถูกพี่ชัชกอดอยู่ ร่างกายของเราถึงได้แนบชิดกัน ผมสัมผัสได้ถึงกล้ามท้องลูกเล็กๆ ของพี่ชัช อืม... กล้ามที่แขนก็แน่นขึ้นด้วย พี่ชัชของผมแอบไปเฟิร์มหุ่นมาแน่ๆ ครับ
     “ปล่อยเถอะครับ ผมจะได้ไปอาบน้ำบ้าง”
     “ทำไมอ่ะ ขอกอดแฟนนิดเดียวเอง”
     “ไม่รีบใส่เสื้อผ้า เดี๋ยวเป็นหวัดหรอกครับ”
     “ไม? เขินเหรอต้น หึๆ ไม่อยากดูหุ่นพี่นานๆ เหรอ? เห็นตะกี้แอบมองพี่ตาค้างเชียว”
     พี่ชัชหัวเราะเจ้าเล่ห์ชะมัดเลยครับ รู้ได้ยังไงเนี่ยว่าผมแอบมองอยู่ โอ้ยเขิน!
     “บ้า แอบมองอะไรกันครับ เปล่าซะหน่อย!”
     “ปากแข็งอีกละ มองแฟนตัวเองจะอายทำไมเล่าต้น พี่ก็ฟิตมาให้เราดูนั่นแหละ”
     เพราะผมปากแข็ง ก็เลยถูกพี่ชัชลงโทษด้วยการจูบเบาๆ ทีนึง
     “พี่อ่ะแก่แล้ว สู้เด็กๆ เพื่อนต้นไม่ไหวหรอก พี่เลยไม่กล้าปล่อยตัวเอง กลัวเมียเปลี่ยนใจไปหลงรักคนอื่น”
     “ผมไม่ได้รักพี่ชัชที่รูปร่างหน้าตาซะหน่อย!”
     “คร้าบ พี่รู้ แต่ถ้าพี่ขึ้นอืดเป็นหมู ต้นก็บ่นใช่ป่ะ ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชบ้า!”
     “แล้วชอบแบบนี้ป่ะครับ”
      พี่ชัชถามพร้อมๆ กับเชยคางผมให้เงยหน้าสบตากับพี่เขา แล้วผมจะตอบอะไรได้ละครับ เขินขนาดนี้ ไม่น่าถามเลย
     “อื้ม”
     “อื้มนี่แปลว่าไรครับ แปลว่าชอบเปล่า?”
     “ครับ”
     “หึๆ”
     แล้วผมก็ถูกจูบ

     พอพวกเรารวมตัวกันที่ล็อบบี้ครบพวกเราก็ออกไปหามื้อค่ำทานกันครับ เหลือเชื่อเลย น้องรันไปเล่นน้ำมาอีกรอบตอนที่ผมหลับ เด็กๆ นี่ดีจังเลยครับ แต่ดูเหมือนเตอร์จะไม่ได้ลงสระด้วย พี่นันเล่าให้ผมฟังว่าเตอร์เขินแหม่มฝรั่งที่นุ่งบิกินนี่อยู่ริมสระครับ
     หลังจากพวกเราทานมื้อเย็นเสร็จก็ไปเที่ยวรอบดึกกันนิดหน่อย มาถึงพัทยาทั้งทีก็ต้องไปดูโชว์กัน พี่ชัชจองโชว์ไว้แล้ว แม่พี่ชัชดูจะถูกใจครับ เห็นแกชอบอกชอบใจไปถ่ายรูปกับนักแสดงใหญ่เลย แต่น้องรันดูง่วงๆ คงจะเพราะเล่นซนมาทั้งวัน ร้องงอแงจะหาพ่อ พี่ชัชเลยถูกพี่นันสั่งให้โอ๋หลานแทนเพราะตัวเองต้องไปถ่ายรูปให้แม่อยู่ สองแม่ลูกทิ้งหลานซะแล้วครับ
     ผมดูพี่ชัชรับมือกับน้องรันแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ พี่ชัชนี่รักเด็กจริงๆ เลยครับ โอ๋น้องรันใหญ่เลย ภาพของพี่ชัชที่อุ้มน้องรันราวกับพ่อลิงกระเตงลูกลิงทำให้ผมรู้สึกเจ็บแปลบในใจ ผมมีลูกกับพี่ชัชไม่ได้
     “พี่ต้นไม่ได้ถ่ายรูปเหรอ?”
     “ไม่เอาอ่ะ คนเยอะจะตาย”
     “ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยน้า”
     “ทำไมไม่ไปเองล่ะ โตแล้วนะเตอร์”
     “ผมอาย ผมอยากได้รูปพี่คนนั้น แต่ไม่กล้าไปคนเดียว”
     ผมมองไปทางที่เตอร์ชี้ให้ผมดู อืม... หลานผม หื่นตั้งแต่เด็กเชียวครับ แล้วผมก็ถูกเตอร์ลากไปถ่ายรูปกับนักแสดงจนได้ พอเสร็จพวกเราก็ตรงออกจากที่นั่นกลับโรงแรมพักผ่อนเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน พวกเราเอารถกระบะมาคันเดียวครับ ผมกับพี่ชัชและเตอร์เลยนั่งกระบะหลังกัน
     ผมชักชินกับทัวร์ลุยๆ แบบนี้แล้วละครับ ปีที่ผ่านมาช่วงปีใหม่บ้านพี่ชัชลากผมไปขึ้นดอย แม่แกอยากพาผมไปดูแม่คะนิ้ง เห็นแม่พี่ชัชแก่อายุเยอะแบบนั้นแต่แกยังแข็งแรงสุดๆ แล้วก็ชอบเที่ยวมากๆ ยิ่งพอแกเห็นผมไม่ค่อยมีปากมีเสียงแกยิ่งถูกใจเพราะรู้ว่าอย่างไรเสียผมก็ต้องบอกพี่ชัชให้เอาใจแก สองปีที่ผ่านมาผมก็เลยได้ไปเที่ยวกับบ้านพี่ชัชเยอะมาก สนิทกับเตอร์สุดๆ เลยแหละครับ ถึงเตอร์กับไปป์จะขี้อ้อนคล้ายๆ กัน แต่ผมว่าเตอร์กะล่อนกว่าครับ ได้เชื้ออามาเต็มๆ
     ระหว่างทางกลับโรงแรมพี่เขาแวะร้านสะดวกซื้อให้เตอร์ เจ้าตัวร่ำๆ จะตุนขนมไว้ทานอีกเพราะของที่ซื้อมาหมดแล้ว อื้อหืม! เตอร์กินจุจังเลยครับ แล้วผมกับพี่ชัชจะเลี้ยงเตอร์ไหวมั้ยเนี่ย? ผมลงไปซื้อของเป็นเพื่อนเตอร์ คนอื่นๆ รออยู่ในรถแต่พี่ชัชกลับกระโดดตามผมลงมาด้วย
     “ต้น พี่ไม่ได้ติดถุงมาว่ะ ลากเตอร์ไปซื้อขนมนานๆ เลยนะ”
     พี่ชัชเอียงมากระซิบกับผมแบบนั้นเล่นเอาผมร้อนไปทั้งหน้า เขินนะครับมาบอกอะไรตอนนี้ ทำอย่างกับจำเป็น ปกติชอบสดกับผมจะตาย
     แล้วพี่ชัชก็เดินไปหยิบของที่ตัวเองต้องการตรงหน้าเคาท์เตอร์ ผมหวังว่าพี่ชัชคงจะจ่ายเงินให้เสร็จก่อนที่เตอร์จะหอบขนมไปฝากจ่ายนะครับ แต่แถวยาวจัง ลูกค้าในร้านค่อนข้างเยอะทั้งคนไทยและชาวต่างชาติครับ จนกระทั่งเตอร์หอบขนมไปยืนข้างๆ พี่ชัชนั่นแหละ ผมถึงได้เห็น“เอ็กซ์ไซตา”ที่พี่ชัชจะซื้อ ผมตายแน่!
     “เอาอันนี้ดีกว่าครับ”
     ผมหยิบอีกอันที่เป็นแบบผิวเรียบให้
     “สตรอเบอร์รี่ ชอบแบบนี้เหรอต้น?”
     ผมไม่ได้ชอบแบบนี้ซะหน่อย! แต่ในร้านนี้มันเหลือแต่แบบนี้ต่างหากละครับ อะไรจะขายดีขนาดนั้น เหลือแต่สองแบบนี้ ผมก็เลยจำใจหยิบอันที่มันปลอดภัยกับผมมากที่สุดน่ะสิ
     “ผมชอบอะไรก็ได้ครับที่มันเรียบๆ”
     ผมตอบพี่ชัชไปแบบนั้นแต่พี่ชัชกลับเบ้หน้าแล้วปฏิเสธ
     “ไม่เอาอ่ะ อันนั้นพี่ใส่แล้วคับว่ะ”
     “อย่ามาแหลครับพี่ชัช ต่างกันแค่มิลเดียวมันไม่ต่างกันมากนักหรอก”
     “ต้นไม่เคยใช้ต้นไม่รู้หรอก”
     “อะแฮ่ม! ผมไม่ว่าไรหรอกนะคร้าบถ้าอาชัชกับพี่ต้นจะเถียงกัน แต่พนักงานเค้ารอคิดเงินอยู่นะคร้าบ ถึงคิวแล้วจะจ่ายพร้อมกันเลยมั้ย?”
     เสียงเตือนของเตอร์ทำให้ผมรู้สึกตัว ให้ตายสิ! พนักงานคิดเงินมองผมแล้วหัวเราะด้วย เพราะพี่ชัชแท้ๆ เลย ต่อหน้าหลานตัวเองแท้ๆ ไม่รู้จักอายบ้างเลย!
     “เอาสองอันนี้ด้วยครับ”
     พี่ชัชหยิบทั้งสองกล่องส่งไปคิดเงินรวมกับขนมของเตอร์ ส่วนผมด้วยความอายก็เลยลากตัวเตอร์เดินออกมารอที่ด้านนอกร้าน
     “เอ้า! ไม่รออาชัชเหรอพี่ต้น?”
     ผมไม่ตอบอะไรนอกจากลากเตอร์เดินตามผมมาเงียบๆ จะอยู่ให้อับอายขายหน้าต่อรึยังไงครับ! ผู้ชายสองคนซื้อถุงยางอนามัย โอ๊ย! ผมเขินจนอยากจะมุดดินหนี แต่ติดที่พี่ชัชยังจ่ายเงินไม่เสร็จนี่ล่ะ พวกเราก็เลยต้องยืนรอพี่ชัชอยู่หน้าร้านครับ
     “คืนนี้โดนอาชัชจัดหนักแน่พี่ต้น ฮ่าๆ”
     “ทะลึ่งแล้วเตอร์! เป็นเด็กเป็นเล็ก”
     “เด็กอะหยัง ผมอ่อนกว่าพี่ต้นแค่ห้าปี๋เลาะ แถมผมยังสูงกว่าแหม เห็นก่อๆ”
     ทำมายืดตัวข่มผม ทะเล้นทั้งอาทั้งหลาน ผมเลยต่อยไปเบาๆ ที่อกนั่น เตอร์ทำโอดโอยใหญ่เชียว
     “อ่ะแนๆ ทำมาตีเปิ้น เขินก๊ะ?”
     “อย่ามาล้อพี่นะ!”
     แต่ในระหว่างที่เรากำลังคุยเล่นกันอยู่ก็มีฝรั่งคนนึงเดินเข้ามาหาผมกับเตอร์
     “ทาวราย”
     “Excuse me What did you say?”
     “How much?”
     เขาถามพร้อมกับใช้สายตาน่ารังเกียจมองมาที่ผม ทุเรศจริงๆ เลยครับ ผมไม่ใช่พวกอย่างว่านะ!
     “Sorry, you’ve got the wrong person.”
     “Don't play cocky. I'm rich.”
     “I say I'm not a rentboy!”
     ฝรั่งพวกนั้นตรงเข้ามาพยายามจะดึงแขนผม เตอร์ที่ดูงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนแรกพอเห็นแบบนั้นก็เข้ามาบังผมไว้ทันทีและตะโกนเรียกพี่ศักดิ์ที่รออยู่ในรถ
     “อีป้อๆ”
     “Let go of my hand! You're Drunk!”
     พี่ศักดิ์เห็นแบบนั้นเลยวิ่งเข้ามาเป็นเวลาเดียวกับที่พี่ชัชซื้อของเสร็จออกมาจากร้านพอดีครับ
     “เกิดไรขึ้นต้น?”
     “พี่ชัชช่วยผมด้วย!”
     “อาชัช! ฝรั่งหมู่นี่ยะหื้อปี้ต้น”
     “What happened?”
     พี่ชัชตรงมาทางผมแล้วก็ดึงมือฝรั่งคนนั้นออก ผมรีบหลบหลังพี่ชัชทันทีครับ ก็มันกลัวนี่นา ฝรั่งพวกนี้เมาทั้งนั้น พวกมันโวยวายกันนิดหน่อย ตอนนี้พี่ชัชรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น พี่เขาก็เลยของขึ้นพอสมควร ผมเห็นสีหน้าพี่ชัชแล้วยังกลัวแทนเลยครับ แต่โชคดีที่พี่ชัชยังคุมสติตัวเองได้อยู่
     “My apologies Sir, But you're mistaken. My brother is not a whore!”
     พี่ศักดิ์เดินมาถึงตรงพวกเราพอดี พอมีพี่ศักดิ์กับพี่ชัชมายืนขนาบข้างผม ฝรั่งพวกนั้นก็ไม่กล้ายุ่งอะไรกับผมอีก พี่ชัชเคลียร์เรื่องเข้าใจผิดลงอย่างราบรื่นโดยที่ตัวเองไม่หลุดโมโหต่อยคนพวกนั้น พอพวกมันไปกันแล้วผมก็เลยถอนหายใจด้วยความโล่งอก พี่ชัชกอดผมซะแน่นเลยครับ ผมกอดพี่ชัชตอบด้วยความโล่งใจ เมื่อตะกี้มันน่ากลัวจริงๆ นะครับ พูดแล้วก็ไม่เข้าใจเลย ให้ตายเหอะ! ตั้งแต่เด็กๆ แล้วทำไมผมถึงมักจะเจออะไรแบบนี้ตลอดเลยนะ!
     “พี่ว่าเรากลับรถกันก่อนเถอะ ชัช สูพาต้นปิ๊กรถก่อนเต๊อะ หมู่อื่นผ่อสูติ๊กๆ เลาะ”
     “เออ แต้ก่ะ โทษๆ ไปต้น เรากลับกันเหอะ”
     เขินชะมัดเลยครับ พี่ศักดิ์เอาแต่ยืนยิ้มจนแม้แต่พี่ชัชยังเขิน ส่วนเตอร์ก็หัวเราะร่วนเลยครับ
     “ฮ่าๆ”
     “พอเลยเตอร์ ทำมาเป็นหัวเราะพี่นะ ทีเมื่อกี้ไม่ช่วยกันเลยนะเรา”
     “ก็ตะกี้เปิ้นบ่อฮู้ว่ามันอู้อะหยังเลาะ”
     ผมค้อนเจ้าเด็กบ้านี่แทนคำตอบ แล้วพวกเราก็ขึ้นรถกลับโรงแรมพักผ่อนกันครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

หัวข้อ: Re: [UPภาค2#2/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน8
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 02-11-2014 14:26:55

     ผมกับพี่ชัชกลับมาถึงห้องพักซะที เหนื่อยเป็นบ้าเลยครับ แต่ทันทีที่เข้าห้องได้พี่ชัชก็รวบตัวผมไปกอดซะแน่นเลย
     “อื้อ พี่ชัช!”
     “ขอโทษนะครับที่พี่ไม่ได้อยู่กับเราตอนเกิดเรื่อง ตกใจรึเปล่า?”
     “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ช่างมันเถอะครับ ใครจะไปนึกว่าผมจะซวยแบบนั้น”
     “เป็นความผิดพี่เอง ไม่น่าปล่อยให้ต้นอยู่คนเดียวเลย พี่น่าจะระวังมากกว่านี้”
     “ผมไม่ได้อยู่คนเดียวซะหน่อย เตอร์ก็อยู่”
     “ก็นั่นแหละ เตอร์มันจะทำไรได้ พี่น่าจะเตือนเราให้ระวังตัวด้วย แถวนั้นมันดงทั้งนั้น แต่พี่ดันลืมซะสนิท”
     ผมลูบแก้มพี่ชัชเบาๆ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรอกครับ ใครจะไปนึกว่าห่างกันแปปเดียวก็เป็นเรื่องซะแล้ว ผมเองก็ชะล่าใจเพราะนึกว่าแค่รอหน้าร้านสะดวกซื้อไม่น่ามีอะไร แต่พวกเราลืมไปว่าคนเมามันมีได้ทุกที่ ผมไม่รู้ว่าควรจะโทษความซวยของผมเองที่ชอบเจอกับอะไรแบบนี้หรือโทษภาพลักษณ์ของประเทศเราดีครับ ที่มันมีแต่เรื่องพรรณนี้ โดยเฉพาะเดี๋ยวนี้ที่เต็มไปด้วยแก๊งค์เด็กขายตัวที่ตั้งกลุ่มกันเป็นมาเฟียในถิ่น แถมยังพากันออกตระเวรหาลูกค้ากันไม่เกรงกลัวตำรวจ
     ผมเกลียดมันจริงๆ ไม่ชอบเลยครับ ขายตัวเนี่ย...
     “ผมต่างหากละครับที่ไม่ดีเอง ผมไม่น่างอนพี่ชัชด้วยเรื่องงี่เง่าแบบนั้นเลย ขอโทษนะครับ”
     “อื้อ พี่ไม่โกรธต้นหรอก”
     พี่ชัชว่าพร้อมกับจูบผม
     แต่อืม... เพราะตอนนี้อยู่กันสองคนในห้องส่วนตัวแถมไม่มีอะไรมารบกวนพวกเราจนกว่าจะเช้ามั้งครับ เราเลยจูบกันนานขึ้น แล้วก็หนักหน่วงขึ้น ไม่ใช่แค่จูบแบบสัมผัสริมฝีปากกันเบาๆ
     “พอ พอก่อนเถอะครับพี่ชัช”
     “ไมอ่ะ”
     พี่ชัชประท้วงผมด้วยเสียงที่แทบจะคราง แฟนผมจุดติดง่ายไปหน่อยแล้ว
     “ไปอาบน้ำก่อนเถอะครับ ไม่งั้นก็... ขอผมไปอาบน้ำก่อนก็ยังดี ผมยัง..”
     ผมยังไม่ได้เตรียมความพร้อมตัวเองเลยนะครับ ให้ตายสิ! ผมลงสนามตอนนี้เลยไม่ได้หรอก!
     “หึๆ พึ่งอาบน้ำก่อนออกไปไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นต้นจะมีเหงื่อเลย”
     “พี่ชัชบ้า! พี่ก็รู้ว่าผมไม่ได้... ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”
     “งั้นอาบพร้อมกันป่ะ?”
     แฟนผมทะเล้นเกินไปแล้ว เขินนะครับ น้ำเสียงซนๆ กับแววตาหื่นๆ นั่นทำเอาผมไม่กล้ามองหน้าพี่ชัชเลย
     “ให้พี่ช่วยมั้ยล่ะ ฮ่าๆ”
     “บ้า! ผมทำเองได้ครับ”
     “หืม ไม่อยากให้พี่ช่วยจริงๆ เหรอ? น่านะ นานๆ ทีพี่อยากทำให้เราบ้าง”
     “นานๆ ทีอะไรละครับ ออกจะบ่อย ไม่เอาอ่ะผมเขิน”
     ผมพูดพลางซุกอกพี่ชัช สบตาด้วยไม่ไหวแล้วครับ เขินสุดๆ เลย เรายืนกอดกันอยู่แบบนั้นที่หน้าประตูห้อง นี่ผมยังไม่ได้ขยับไปจากจุดแรกที่ผมก้าวเท้าเข้าห้องมาเลยนะครับ แฟนผมใจร้อนจริงๆ เลย
     “แต่พี่สดกับเราบ่อยกว่าไง นานๆ ทีเลยอยากช่วยเราบ้าง ต้นจะได้ไม่ต้องมาบ่นพี่อีกเวลาพี่ทำเลอะ ฮ่าๆ”
     “บ้า! พี่ชัชอ่ะลามก มันน่าอายจะตาย ผมไม่ชอบนี่นา มัน... สกปรกอ่ะ”
     “อายไรเล่า พี่ไม่ถือ ต้นก็รู้ว่าพี่รักทุกๆ อย่างที่เป็นต้น พี่ไม่รังเกียจหรอก นะให้พี่ช่วยนะ”
     พี่ชัชพูดพร้อมๆ กับกดคางลงบนศีรษะของผม เวลาอยู่ในอ้อมกอดของแฟนตัวเองแบบนี้แล้วรู้สึกดีจังครับ พี่ชัชนี่ขี้อ้อนชะมัดเลย
     และเพราะถูกลูกตื้อของหมาป่าจอมกะล่อนเข้าไป ผมก็เลยต้องยอมตามใจเจ้าหมาป่าตัวนี้แหละครับ   
     นานแล้วเหมือนกันที่ผมไม่ได้อาบน้ำพร้อมพี่ชัช ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะผมเขิน พี่ชัชของผมตื่นตัวได้ง่ายมากๆ แถมทั้งสีทั้งขนาดของมันก็น่ากลัวมากด้วย แค่เห็นก็ใจสั่นลามไปถึงขาแทบยืนไม่อยู่แล้วครับ ต้องมาเห็นอะไรแบบนั้นแถมยังถูกเห็นไปทั้งตัว ผมเขินเป็นบ้า!
     แฟนของผมยิ้มกริ่มเดินเข้ามากอดผมพลางเปิดฝักบัวรดเราทั้งคู่ แย่ชะมัดเลยครับ เพราะเป็นโรงแรมขนาดกลาง ในห้องน้ำเลยไม่มีอ่างอาบน้ำมีแต่ฝักบัว ถึงจะมีน้ำอุ่น แต่ผู้ชายสองคนยืนเบียดกันใต้ฝักบัวเล็กๆ นี่มันก็หนาวนะครับ
     “หน้าแดงใหญ่แล้วต้น หึๆ”
     ชอบล้อผมอยู่เรื่อย ผมอายนะครับ อุตส่าพยายามไม่คิดแล้วเชียว เพราะแบบนั้นผมเลยเลี่ยงไปถูสบู่ให้พี่ชัชแทน แต่พี่ชัชกลับดึงมือผมไว้
     “บอกแล้วไง วันนี้พี่ทำให้”
     เขินนะครับ!
     ผมถูกพี่ชัชทำความสะอาดไปทั่วทั้งร่าง ผมเกลียดมือของพี่ชัชชะมัดเลย อื้อ!
     “เขินก็หลับตาไปก็ได้ครับที่รัก”
     ผมได้แต่ยืนหลับตาปล่อยให้พี่ชัชทำตามใจชอบ จนกระทั่งสายน้ำอุ่นๆ ล้างคราบสบู่ออกไปจากตัวผมเรียบร้อยแล้ว แต่มือของพี่ชัชกลับป้วนเปี้ยนอยู่บนตัวผมไม่ยอมหยุด
     “อื้อ พี่ชัช”
     ผมขาสั่นจนแทบยืนไม่ไหวเลยต้องเอนตัวพิงผนังห้องน้ำเอาไว้ นิ้วของพี่ชัชหยอกเล่นอยู่ตรงจุดนั้นของผมไม่ยอมห่างอย่างกับจะแกล้งกัน ไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากเป็นลม!
     “พิงผนังไว้หน่อยก็ดีครับ พี่กลัวต้นลื่นล้ม ฮ่าๆ”
     พี่ชัชพูดขึ้นพร้อมกับย่อลงตรงหน้าผม สัมผัสอุ่นๆ จากริมฝีปากที่พรมจูบลงมาทำให้ผมรู้สึกอ่อนแรง แถมนิ้วของพี่ชัชยังกลั่นแกล้งผมมากขึ้นด้วย ถูกรุมแบบนี้ผมทำอะไรไม่ถูกเลยครับได้แต่ยืนพิงผนังห้องน้ำแล้วหลับหูหลับตาปล่อยให้ร่างกายตัวเองถูกพี่ชัชรังแก พอผมเผลอก็ถูกพี่ชัชรุกรานซะแล้ว
     “พี่ชัชบ้า อื้อ
     เพราะถูกรุกล้ำผมเลยเผลอจิกหัวพี่ชัชไปเต็มแรง แต่ผมไม่ขอโทษหรอกนะ พี่ชัชแหละผิด!
     อื้ม... นิ้วของพี่ชัชค่อยๆ รุกคืบเข้ามาช้าๆ แล้วจากหนึ่งก็เพิ่มเป็นสอง แต่แค่นิ้วผมก็จะยืนไม่ไหวแล้วครับ คนบ้าอะไร เก่งไปหมดทุกอย่าง!
     ตอนนี้ผมบอกไม่ถูกว่าอะไรทำให้ผมคลั่งได้มากกว่ากัน ทั้งนิ้วทั้งสายน้ำอุ่นๆ จากฝักบัว ผมแทบจะต้องกัดปากตัวเองเอาไว้เพราะกลัวเผลอส่งเสียงประหลาดออกมา อายครับ! กลัวห้องข้างๆ ได้ยินเพราะผนังห้องน้ำมันบาง
     “อย่าเกร็งสิครับต้น ผ่อนคลายหน่อยนะ”
     พี่ชัชพูดแบบนั้นแล้วก็ทั้งจูบทั้งเลีย ผมถูกยกขาขึ้นเพื่อที่พี่ชัชจะได้ทำความสะอาดผมได้ลึกมากขึ้น ผมบอกพวกคุณรึยังว่าพี่ชัชนิ้วยาวมากครับ มือใหญ่กว่าผมอีก อ้า! ไม่ไหวแล้วครับ จะกี่นิ้วก็ช่างมันละ ผมไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว!
     “อดทนหน่อยนะคนดี รับรองพี่จะทำความสะอาดเราให้เกลี้ยงเลย หึๆ”
     ผมรู้แค่ว่าผมได้แต่ส่งเสียงประท้วงเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนพี่ชัชก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้ายจนผมได้แต่หลับตาปี๋ด้วยความเขิน   

     เป็นแบบนี้ทุกที! กว่าผมจะสะอาดผมก็ถูกพี่ชัชล้างซะเกลี้ยงทุกซอกทุกมุม ถูกพี่ชัชแกล้งไปก่อนหนึ่งตาทุกที ทำเอาผมขาสั่นแทบยืนไม่อยู่ เสร็จแล้วก็ถูกอุ้มออกจากห้องน้ำมานอนแผ่อยู่บนเตียง  เขินชะมัดเลยครับ
    พี่ชัชตามขึ้นมานอนเคียงข้างผม ผมก็เลยพลิกตัวไปหนุนแขนของพี่ชัช ส่วนพี่ชัชก็จูบผมเบาๆ ที่กระหม่อม ผมสัมผัสได้ว่าพี่ชัชพร้อมรบแบบสุดๆ ไปเลยครับ แต่พี่ชัชก็ยังรอผม ไม่ใจร้อน ผมชอบจัง พี่ชัชเวลาอ่อนโยนกับผมแบบนี้น่ารักที่สุดเลย
     เรานอนจับมือกัน กอดกัน ผมประสานมือเล่นกับพี่ชัช ฝ่ามือของพี่ชัชทั้งใหญ่แล้วก็ยาว เพราะผมตัวเล็กหรือพี่ชัชของผมตัวใหญ่กันแน่นะ ทั้งๆ ที่ผมก็ว่าผมนิ้วเรียวยาวพอสมควรแล้วน้า ผมเล่นกีตาร์จับคอร์ดได้ทุกคอร์ดแท้ๆ แต่พี่ชัชของผมโครงร่างใหญ่ไปทั้งตัว ไหล่กว้างๆ นั่นก็ดูสมชายชะมัด แถมช่วงนี้ยิ่งไปเฟิร์มมาอีก กล้ามเนื้อบนตัวพี่ชัชเลยดูดีจัง
     “ยั่วพี่แบบนี้เดี๋ยวพี่ก็จัดเลยซะหรอกต้น”
     อ๊ะ! ผมชะงักมือทันทีแต่พี่ชัชจับนิ้วของผมไว้แล้วดึงไปจูบเบาๆ ผมไม่รู้ตัวเลยนะครับว่าเมื่อกี้เผลอไล้ไหล่ของพี่ชัชอยู่ อืม... สายตาของแฟนผมนี่ระอุจนแทบจะเผาผลาญผมให้มอดไหม้ไปด้วยไฟราคะแล้วครับ ผมว่าผมรอดไม่เกินสิบนาทีหรอก
     “แอบไปเฟิร์มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
     “ก็ช่วงก่อนหน้านี้แหละ พอดีมีช่วงนึงว่างๆ เลยลองไปเข้าฟิตเนสดู ชอบป่ะครับ”
     “ครับ”
     พอถูกผมชมแบบนั้นพี่ชัชก็ยิ้มดีใจเหมือนเด็กเลยครับ แต่แล้วก็ต้องหน้ามุ่ยเพราะผมแกล้งแซวพี่ชัชว่า
     “แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ลดเบียร์กับแอลกอฮอล์ด้วยจะดีมากๆ ครับ”
     “โธ่ ต้นก็...”
     ผมเผลอยิ้มออกมาด้วยความสะใจที่ได้เอาคืนเลยถูกพี่ชัชลงโทษนิดหน่อย แต่พอดีว่าอะไรๆ มันพร้อมอยู่แล้ว จากบทลงโทษด้วยจุ๊บเบาๆ เลยเริ่มเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นตามลำดับ
     พี่ชัชพลิกตัวมาคร่อมผมแทน เราประกบปากกันอยู่แบบนั้น ผมพยายามตอบโต้พี่ชัชบ้าง แต่ไม่ไหวครับ ลิ้นของพี่ชัชพริ้วกว่าผมเยอะ สุดท้ายผมก็เลยได้แต่โอนอ่อนตอบรับสัมผัสตามที่พี่ชัชนำผมไป พี่ชัชหัวเราะเบาๆ ในคอ แล้วก็หยุดจูบหันมาจ้องหน้าผมแทน ถูกหยามกันแบบนี้ผมก็เลยหน้ามุ่ยนิดหน่อย
     “ยิ้มอะไรครับ”
     “เปล๊า พี่ก็แค่ดีใจ”
     “ดีใจ?”
     “ดีใจที่วันนี้เมียพี่มีอารมณ์ไง”
     บ้า! พูดอะไรก็ไม่รู้ แต่ไม่ได้หรอกครับ จะให้ยอมรับก็น่าอายจะตายไป ผมเลยพยายามทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ
     “ผมก็คนปกตินะครับ มีอารมณ์ตลอดทุกครั้งนั่นแหละ”
     ผมย้ำกับพี่ชัชไปแบบนั้นแต่พี่ชัชกับหัวเราะแล้วจูบผมต่อพลางพึมพำอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมร้อนซู่ไปด้วยความอาย
     “ก็ทุกทีเห็นเอาแต่เขินอายแล้วก็ปล่อยเลยตามเลยให้พี่รังแกเรานี่นา แต่วันนี้ดูยั่วพี่เป็นพิเศษ พี่ก็ดีใจสิ”
     “บ้า ผมไม่ได...”
     “คร้าบ ต้นของพี่เรียบร้อย ไม่มีทางทำไรแบบนั้นหรอก”
     พี่ชัชบ่นงึมงัมๆ พร้อมกับเลื้อยลงต่ำมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยนัวเนียอยู่ตรงริมฝีปากผมก็ย้ายไปประทับรอยตั้งแต่ซอกคอ ติ่งหู หน้าอก แล้วก็สะดือ อืม... พี่ชัชหยุดแปปนึงก่อนจะจับขาผมขยับให้ได้ที่แล้วมองสบตากับผม เขินเป็นบ้าเลยครับ ผมหลับตาดีกว่า!
     “ต้นของพี่เรียบร้อยเสมอครับ เพียงแต่... เราไม่รู้ตัวหรอกว่าเวลาเราทำท่าอายๆ แบบนี้แหละ โคตรยั่วเลย! ทำเป็นหลับตานะต้น แต่ก็อ้าขาให้พี่ แบบนี้ไม่ให้พี่เรียกว่ายั่วแล้วจะให้เรียกว่าอะไรครับ สมยอมดีป่ะ?”
     พี่ชัชบ้า!
     “หึๆ”
     แล้วผมก็ถูกหมาป่าละเลงลิ้น อื้ม รู้สึกดีเป็นบ้าเลยครับ มันทั้งเสียวทั้งสยิวสุดๆ ไปเลย เทคนิคของพี่ชัชทำเอาผมแทบขาดใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นมันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นด้วยครับ พี่ชัชไม่ได้รังเกียจผม แม้ผมจะเป็นผู้ชาย มีอะไรเหมือนๆ กับเขา แต่พี่เขาก็ยังปฏิบัติกับผมด้วยความรัก ผมโชคดีจังที่ได้เป็นแฟนกับพี่ชัช
     “อื้ม พี่ชัช อ๊า
     ผมถูกรุกรานอีกครั้งด้วยลิ้นของพี่ชัช ไม่ไหวแล้วครับ คิดอะไรไม่ออกแล้ว ผมได้แต่ครางด้วยความเสียว ชอบแบบนี้ที่สุดเลยครับ!
     พอพี่ชัชเห็นผมเป็นแบบนั้นก็เลยดันก้นผมขึ้นแล้วฝังหน้าลงไป ลิ้นของพี่ชัชหลอกล่อจนผมเผลอแอ่นตัวตาม ผมถูกแทงเข้าแทงออกแล้วคว้านไปรอบๆ จนครางไม่เป็นภาษา แถมพี่ชัชยังแกล้งเป่าลมอุ่นๆ ใส่อีก อึ้อ! เสียวครับ ใจจะขาดแล้ว!
     “ตอดใหญ่เลยนะต้น หึๆ”
     “อื้อ!
     เพราะพี่ชัชผละออก ผมก็เลยเผลอประท้วงไปนิดหน่อย
     “เสียดายอะไรครับ ไม่อยากได้อะไรที่มันอร่อยกว่านั้นเหรอ หื้ม?”
     พี่ชัชจุ๊บผมเบาๆ ที่หน้าผาก ปกติผมเขินนะ ผมมักจะบ่นพี่ชัชบ่อยๆ เวลาที่พี่ชัชทำแบบนั้นแล้วมาจูบผม มันน่าอายออกครับ ก็ตรงนั้นมัน... แต่ครั้งนี้... เอาเป็นว่าผมเป็นฝ่ายดึงพี่ชัชเข้ามาจูบก็แล้วกัน พี่ชัชหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะแลกลิ้นกับผม
     “ใจเย็นครับที่รัก ให้พี่ใส่ถุงก่อนนะ”
     “วันนี้จะสดผมก็ไม่ว่าแล้วครับ พี่ชัชล้างผมซะสะอาดขนาดนั้นแล้วนี่”
     “ไม่เอา อยากใส่ถุงอ่ะ อุตส่าซื้อมา ไม่ใช้เสียของแย่”
     รอยยิ้มแผลงๆ บนหน้าพี่ชัชทำให้ผมขนลุก!
     “สตรอเบอร์รี่!”
     “แต่พี่จะใช้ เอ็กซ์ ไซ ต้า!
     พี่ชัชยียวนผมด้วยการเน้นทีละคำช้าๆ ชัดๆ แถมยังทำหน้าแบ๊วใส่ผมอีก จงใจชัดๆ พี่ชัชตั้งใจแกล้งผม!
     “ไม่เอาครับ!”
     “ทำไมอ่ะ นะ นะ”
     “ไม่เอาครับ ผมไม่ชอบ”
     “ไม่ชอบไร คราวก่อนเห็นครางลั่น”
     “ก็... ก็ผมเจ็บ”
     “เจ็บรึเสียวต้น อย่าปากแข็งน่า นะ นะ นานๆ ที เอาแบบสุดๆ ซักหน่อยนะ”
     ผมเขินนะ...
     “แบบธรรมดาๆ ก็พอมั้งครับ ผม...”
     “ก็พี่อยากเห็นอ่ะ พี่ชอบเวลาเห็นเราเป็นแบบนั้นอ่ะ นานๆ ที ขอพี่ดูเราแบบนั้นอีกไม่ได้รึไง ร่านดี พี่ชอบ”
     “พี่ชัช!”
     “งั้นพี่ไม่ต่อนะเออ ถ้าวันนี้มีคนอารมณ์ค้างก็ค้างมันทั้งคู่เนี่ยแหละ ฮ่าๆ”
     ... แล้วจะให้ผมทำไรได้ละครับ ก็เลยต้อง... เลยตามเลย ยอมๆ พี่ชัชไป

     ผมมองพี่ชัชจัดการสวมถุงยางให้ตัวเองแล้วก็ต้องแอบกลืนน้ำลาย ผมเกลียดไอ้ริ้วเส้นรอบๆ นั่นชะมัด! พี่ชัชของผมใหญ่ไปทั้งตัวครับ พี่ชัชเลยชอบบ่นเรื่องไซส์ถุงยางนิดหน่อย เพราะขนาดของพี่เขาหาซื้อยาก ก็เลยกลายเป็นข้ออ้างที่พี่ชัชชอบมาสดกับผม เพราะผมสะอาดปลอดภัยอยู่แล้ว แหม มันก็แน่อยู่แล้วนี่ครับ ผมมีแต่พี่ชัชคนเดียว ส่วนพี่ชัชแน่นอนว่าไม่มีโอกาสได้ไปซนที่ไหนหรอกครับ ลองไปซนดูสิ ผมเอาตาย!
     ตั้งแต่ครั้งนั้นที่ผมถูกพี่ชัชทำแบบนั้นเป็นครั้งแรก ตอนนั้นผมก็กลัวนะครับ คิดมากไปหมดเลย แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่าพี่ชัชทำงานด้านนี้ยังไงก็ต้องรู้จักดูแลตัวเองอยู่แล้ว น่าจะปลอดภัย แล้วผมก็ประสบอุบัติเหตุก่อนที่จะได้คืนดีกับพี่ชัชด้วยซ้ำ! ผมแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็รอดมาจนได้ หมอที่รักษาผมบอกว่าร่างกายผมปกติดีทุกอย่าง ส่วนพี่ชัชก็ปลอดภัยเช่นกันเพราะมีแค่บาดแผลเล็กๆ กับช้ำใน ผมเองก็สบายใจนะครับ ... ก็ตอนนั้นผมก็ไม่กล้าไปถามพี่ชัชตรงๆ หรอกว่าพี่เขาเป็น...รึเปล่า? แต่ว่าหลังจากนั้น เพื่อความสบายใจของผม พี่เขาก็พาผมไปตรวจสุขภาพนะครับ โชคดีที่พี่ชัชมีเพื่อนสนิทเป็นหมอ หมอเอกเลยช่วยยืนยันความสบายใจให้ผมได้อีกหนึ่งเสียง
     แต่บางครั้ง... บางทีมันก็มีบ้างครับ ที่พี่ชัชใช้ถุงยาง ส่วนผม... ตั้งแต่เกิดมานอกจากช่วยใส่ให้พี่ชัชบางครั้งแล้วยังไม่เคยลองใส่เองหรอก ครับ ก็ผมเป็นคนโดนนี่นา มันก็เลยไม่จำเป็น... ผมก็เลยไม่เคยรู้ความรู้สึกเวลาที่ถูกถุงยางอนามัยห่อหุ้มไว้หรอกครับ ไม่เข้าใจด้วยว่าแต่ละยี่ห้อมันต่างกันยังไง ถ้าใส่ผิดขนาดแล้วจะอึดอัดจริงรึเปล่า? ผมรู้แต่ว่าพี่ชัชชอบบ่นแล้วก็เรื่องมากเรื่องไซส์ครับ ปกติแล้วพี่ชัชจะชอบสั่งจากเว็บเจ้าประจำของพี่เขา เป็นยี่ห้อแปลกๆ มาจากญี่ปุ่น บอกว่ามันบางดี แต่ผมว่ามันแพงอ่ะ แต่เพราะพี่ชัชของผมหื่นแล้วก็ชอบสดบ่อยๆ พวกเราก็เลยไม่ค่อยเปลืองค่าถุงยางมั้งครับ
     พี่ชัชจัดการเตรียมตัวเองพร้อมแล้ว แต่ผมยังไม่พร้อมเลยครับ!
     “ไง หน้าซีดเชียวต้น ไม่ต้องกลัวน่าเดี๋ยวพี่พาขึ้นสวรรค์”
     “พี่ชัชบ้า!”
     “คร้าบๆ พี่ก็บ้าตั้งแต่หลงรักเรานั่นแหละ”
     พี่ชัชพูดแบบนั้นพร้อมกับเข้าประจำที่ พี่ชัชจับขาของผมแยกออกจากกันแล้วก็คุกเข่าลงแทบชิดตัวผม โอ้ยผมอยากตาย! ผมต้องตายแน่ๆ ผมหลับตาเบือนหน้าหนีกะจะเอนตัวลงนอนราบอย่างจำยอม แต่ว่าพี่ชัชไม่ยอมครับ แม้ว่ามือข้างขวาของพี่ชัชจะจับเจ้าสิ่งนั้นจ่ออยู่ตรงนั้นของผม แต่มือซ้ายของพี่ชัชดันเอื้อมมาคว้าข้อมือขอผมไว้ซะนี่!
     “กลัวอะไรต้น พี่ไม่ได้จะฆ่าเรานะ มองพี่เดี๋ยวนี้เลย”
     “ไม่เอา!”
     “น่า มองผัวหน่อยนะครับคนดี”
     “ไม่เอา ก็ผมเขินนี่!”
     “ไม่มองพี่ไม่ใส่นะ เอ้า! เร้ว! จะใส่อยู่ละเนี่ย”
     พี่ชัชพูดพร้อมๆ กับเอาเจ้านั่นถูไถไปมารอบๆ ปากทางเข้าของผม สัมผัสเย็นๆ ของเจลแบบธรรมดาให้ความรู้สึกต่างจากเจลหล่อลื่นสูตรร้อนแบบพี่ชัชชอบใช้
     ไม่ไหวแล้ว อยากก็อยากนะครับแต่ผมรู้ดีมันไม่ได้แค่เสียวอย่างเดียวนี่สิ ไอ้รุ่นนี้นะทำผมแทบตายเลยคราวที่แล้ว!
     ผมนอนกัดปากด้วยแรงทิฐิ กะว่าจะขอทำใจอีกซักหน่อย แต่พี่ชัชกลับหัวเราะขึ้น
     “หึๆ ต้นเอ้ย”
     พร้อมๆ กับที่หัวเราะพี่ชัชก็แทงพรวดเข้ามาในตัวผมแบบรวดเดียวมิดด้าม! ผมเลยเผลอกรี๊ดสุดเสียงเลยครับ ผมเจ็บนะ! ด้วยความโมโหเลยทุบพี่ชัชไปสองสามที
     “พี่ชัชบ้า! ผมเจ็บนะ”
     “เจ็บไรกัน อย่ามาแหลน่าต้น โดนเข้าไปแค่นี้ไม่ตายหรอก มันไม่ได้เจ็บขนาดนั้นซักหน่อย สดกว่านี้เราก็เคยมาแล้ว นี่พี่ใส่เจลเยอะจะตายเห็นป่ะลื่นปรื้ดเลย”
     อื้อ... พูดอย่างเดียวไม่ต้องสาธิตก็ได้ครับ พี่ชัชดันขาผมติดหน้าอกและเริ่มขยับเอวแล้ว ขอบเส้นๆ ของถุงยางมันทำให้ผมแทบตาย! ผมก็รู้นะว่าพี่ชัชพูดถูกแล้วผมก็ดราม่าไปหน่อย แต่ว่าจะให้ยอมรับง่ายๆ ได้ยังไงละครับ
     “อื้อ! ก็บอกกันก่อนซักนิดสิครับ ไม่ใช่ใส่เข้ามาไม่ให้ผมตั้งตัวแบบนี้ ฮ่า...
     “ไม่ตั้งตัวไรล่ะครับที่รัก เด่ขนาดนี้แล้วเนี่ย หึๆ”
     พี่ชัชบ้าผมเขินนะครับ!
     “ถ้าพี่มัวแต่รอเราแล้วพี่จะได้เราทำเมียมั้ยคร้าบ ลีลาสุดๆ อ่ะต้น ทำเป็นอิดออด แต่สุดท้ายก็ยอมให้พี่พาขึ้นสวรรค์ทุกทีอ่ะ”
     “ก็เพราะผมถูกหมาป่าเจ้าเล่ห์อย่างพี่ชัชหลอกน่ะสิครับ!”
     “หลอกที่ไหน พี่ก็แค่ยั่วให้เราอยาก สุดทายคนที่ยอมถูกพี่งาบ มันก็เราเองไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชบ้า!”
     “คร้าบ พี่ทั้งบ้าทั้งหื่น พอใจยัง ฮ่าๆ”
     ถึงเราจะเถียงกันแบบนั้นแต่ว่าพี่ชัชไม่ได้อยู่เฉยๆ หรอกนะครับ ขยับอยู่ตลอดเวลา แต่พอหมดสถานการณ์ปะทะคารมแบบนี้แล้วมันก็เขินอ่ะ ผมเลยได้แต่หลับตาไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง อ๊ะ อื้อ ...
     “หายเขินยังครับ?”
     “พี่ชัชบ้า...”
     “เอ้า! ว่าพี่อีก พี่อุตส่าช่วยเราแล้วนะ”
     พี่ชัชพูดแบบนั้นพร้อมกับขยับมาจูบผมเบาๆ ก่อนจะยกขาผมขึ้นอ้าออกแลวซอยต่อ ท่านี้มันลึกชะมัดเลยครับ ไม่ไหวแล้ว อื้อ อื้ม...
     “ลืมตาหน่อยเร้ว ดูดิ ของพี่กำลังเข้าไปในตัวต้นอยู่นะครับ”
     พี่ชัชพูดพร้อมๆ กับดันเจ้านั่นเข้ามาในตัวผมช้าๆ อื้อ! สัมผัสขรุขระบนถุงยางครูดกับปากทางของผมแบบเน้นๆ เลย พี่ชัชบ้า! พี่ชัชจงใจแกล้งกันชัดๆ
     “มองหน่อยเร้ว ผัวกำลังเอาเมียอยู่นะครับ เมียจ๋า”
     “ไม่เอา ผมไม่มอง ผมเขิน!”
     ผมพยายามจะประท้วงพี่ชัชแต่เสียงผมหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ มันทั้งเสียวทั้งจุกแล้วก็เจ็บนิดๆ จนแทบขาดใจเลยครับ แต่เป็นความทรมานที่สุขสมมากกว่าจะเจ็บปวดรวดร้าว หวิวจนผมใจจะขาด
     “หึๆ”
     พี่ชัชหัวเราะขึ้นพร้อมกับดึงตัวผมให้เงยหน้าขึ้นมองภาพที่ตัวเองต้องการ ผมเห็นพี่ชัชกำลังขยับเจ้านั่นออกจากตัวผมช้าๆ จนหลุดออกมา ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก็มันรู้สึกโล่งจริงๆ นี่นา แต่แล้วพี่ชัชก็ขยับเจ้านั่นมาประชิดผมอีกรอบแล้วค่อยๆ ใส่เข้าไปในตัวผมแบบเน้นๆ โอ้ย! ผมอยากตาย มันทั้งเสียวทั้งอายเลยครับ การที่ต้องมามองว่าตัวเองกำลังถูกสอดใส่แบบนี้เนี่ย! แถมยังมีสายตาวิบวับหื่นกามของพี่ชัชจ้องผมอยู่อีกทอด พอพี่ชัชดันเข้ามาจนสุดแล้วปล่อยมือจากแขนผมเท่านั้นแหละ ผมหลับตาลงล้มแผ่บนเตียงทันที ไม่อยากรับรู้อะไรแล้วครับ ภาพเมื่อกี้ติดค้างอยู่ในความทรงจำผมจนความเสียวที่กำลังได้รับอยู่นี่มันเพิ่มทวีคูณ ผมได้ยินพี่ชัชหัวเราะนิดหน่อย ก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบผม
     “ก็พี่รู้ว่าราขี้อายไง เลยจัดชุดใหญ่ให้เราแบบนี้ พี่อยากได้ยินต้นบอกชอบพี่บ้างนะครับ พี่อยากรู้ว่าเราชอบอะไร”
     “ผมก็บอกรักพี่ชัชตามปกติอยู่แล้วนี่ครับ”
     “พี่หมายถึงพี่อยากได้ยินเราบอกว่าเราชอบแบบไหนต่างหาก”
     “ถึงผมไม่บอกพี่ชัชก็รู้อยู่แล้วนี่ อึ๊
     พี่ชัชกระแทกเข้ามาสุดแรงจนผมสะดุ้ง! ให้ตายเหอะ! ไม่อยากเล่นสงครามประสาทตอนกำลังทำอะไรแบบนี้เลยครับ ผมไม่มีสมาธิจะคิดอะไรเลย
     “ไม่เอา บอกพี่ทีสิครับที่รัก นะ นะ พี่อยากได้ยิน”
     พี่ชัชว่าแบบนั้นพลางรุกผมหนักขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ช้าๆ ก็เร่งจังหวะจนผมกลั้นเสียงไว้ไม่อยู่
     “อื้อ พี่ชัช”
     “คร้าบ?”
     “อื้อ ฮ่า..
     “ชอบแบบนี้มั้ยครับ?”
     “อื้ม เบาๆ ครับ ผม อ๊า
     “ครับ ว่าไงครับที่รัก?”
     “ช้าหน่อยครับ ผม อึ๊ม ม่ะ ไหว”
     “ทำไมไม่ไหวละคร้าบ  ถ้าไม่บอก พี่ทำเราขาดใจตายจริงๆ ด้วย ฮ่ะ
     ผมไม่รู้แล้วว่าพี่ชัชแกล้งผมหรือตัวเองติดลม ผมรู้แต่ว่าผมเสียว และพี่ชัชเองก็กำลังรู้สึกอย่างเดียวกับผมอยู่ เพราะพี่ชัชเริ่มส่งเสียงคำรามต่ำๆ ในคอด้วยลมหายใจที่ผิดจังหวะ อะไรบางอย่างในตัวผมมันทำลายหน้ากากใบนี้จนป่นปี้! ผมเลยเผลอครางจนลืมอาย
     “อื้อ พี่ชัช อ๊า ช้า อื้อ ช้าๆ หน่อยครับ อื้ม ผม อ๊า ต้นเสียวครับพี่ชัช อ๊า
     “แล้วเสียวๆ แบบนี้เราไม่ชอบเหรอครับ หื้ม
     “อ๊า พี่ชัชใจร้าย อื้อ
     ผมถูกพี่ชัชรังแกอย่างหนักหน่วง พี่ชัชบ้า! ทั้งๆ ที่อยากให้ผมพูดผมก็พูดแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่ฟังกันเลย ใจจะขาดแล้วครับ มันไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมรู้สึกอาการบีบรัดของตัวเองที่มันเกิดขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ อย่างกับผมจะถึงแน่ะ ผมครางดังลั่นด้วยความเสียว แต่พี่ชัชกลับไม่ยอมผ่อนปรนให้ผมเลย แต่ละจังหวะที่กระแทกเข้ามามันทั้งหนักแน่นรุนแรงแถมยังเร็วอีกต่างหาก ถ้าเอวเคล็ดผมจะสมน้ำหน้าจริงๆ ด้วย!
     โดนแบบนั้นเข้าไปไม่นานผมก็ถูกพี่ชัชพาไปเที่ยวสวรรค์เป็นรอบที่สองครับ ส่วนพี่ชัชก็เร่งสปีดตัวเองจนตามผมมาติดๆ เหมือนกัน พี่ชัชย้ำแรงกระแทกรอบสุดท้ายมาหนักจนผมกลัวห้องเครื่องตัวเองพัง! ผมรู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ในตัวผมมันกระตุกแรงมากทั้งๆ ที่ถูกห่อหุ้มไว้ ข้างหน้าก็ฟินข้างหลังก็เสียว ผมไม่องไม่อายอะไรอีกแล้วได้แต่ร้องลั่นแทบขาดใจ มันเหมือนจะตายซะให้ได้เลยครับ
     พี่ชัชไม่ได้เอาออกไปทันทีแต่ทิ้งน้ำหนักลงมาทับผมแล้วก็จูบซับน้ำตาให้ผมไปหัวเราะไป ผมทั้งเขินทั้งอายเลยทุบๆ พี่เขาไปนิดหน่อย พี่ชัชก็โอ๋ผมไปตามเรื่องนั่นแหละครับ แต่ก็แป็บเดียวเพราะต้องรีบเอาออกก่อนที่มันจะเลิกแข็งตัวไม่งั้นเดี๋ยวถุงหลุดแล้วจะยุ่ง ผมไม่อยากไปให้หมอคีบซากถุงยางออกจากก้นตัวเองหรอกนะครับ!
     ตอนที่พี่ชัชถอนออกไปจากตัวผมแล้วผมรู้สึกอย่างกับตายแล้วเกิดใหม่เลยครับ มันโล่งไปหมดทั้งตัวเลย สบายตัวครับ

หัวข้อ: Re: [UPภาค2#2/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน8
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 02-11-2014 15:02:07

     พี่ชัชจัดการตัวเองก่อนจะมาช่วยเช็ดทำความสะอาดให้ผมที่ยังลุกไม่ขึ้น เราจูบกันเบาๆ แต่เพราะผมงอนก็เลยนอนคว่ำมุดหมอนหนีครับ ก็ผมอายนี่นา เมื่อกี้ผมต้อง...มากแน่ๆ โอ๊ยอายครับ! แต่พี่ชัชแกล้งจับตรงนั้นของผม แถมยังแหย่นิ้วเข้าไปด้วย! ผมเลยหันไปปาหมอนใส่พี่ชัช
     “หึๆ เป็นรูโบ๋เลยต้น”
     “แล้วมันเพราะใครละครับ!”
     ผมยังพาลเลยทุบพี่ชัชไปอีกสองสามที
     “บอกให้เบาๆ ก็ไม่ยอม บอกให้ช้าๆ ก็ไม่ฟัง”
     “แล้วเราแน่ใจอ่ะว่าเราชอบแบบเนิบๆ มากกว่าแบบเร็วๆ”
     พี่ชัชพูดพร้อมๆ กับเอนตัวลงมานอนข้างๆ ผม ส่วนผมที่ถูกพูดแทงใจดำแบบนั้นก็เลยได้แต่เงียบ
     “บอกผัวซักคำว่าชอบว่าเสียวมันจะเป็นไรไปครับต้น อยากให้พี่เน้นตรงไหนใส่ลึกๆ แรงๆ ก็บอกสิ พี่ทำให้ได้ครับ”
     ผมเขินนะ พี่ชัชตรงเกินไปแล้ว! ผมกะจะมุดหนีโดยการซุกอกพี่ชัชตามเสต็ป แต่พี่ชัชกลับถอยห่างออกไปแล้วขึ้นมาคร่อมทับตัวผม จับผมเผชิญหน้ากันแทน พอหนีไปไหนไม่ได้ผมก็เลยจำใจต้องตอบ
     “ก็มันน่าอายออกนี่ครับ”
     “มีเซ็กกับพี่มันน่าอายเหรอต้น?”
     “ไม่ใช่นะครับ!”
     “งั้นแล้วจะอายอะไรล่ะ? พี่เห็นต้นมาทั้งตัวแล้ว ทำให้ทุกอย่าง พี่แค่อยากให้ต้นเปิดใจกับพี่อีกนิดไง เหมือนที่เรากล้าบ่นกล้าวีนพี่นั่นแหละ”
     “ก็มันไม่เหมือนกันนี่ ผมไม่กล้าพูดแบบนั้นหรอกครับ”
     มันน่าอายออกครับ จะให้ผมพูดอะไรแบบนั้นได้ยังไง เขินอ่ะ
     “แต่พี่อยากฟังนี่นา พี่อยากให้เราพูดแบบนั้นให้พี่ฟังคนเดียวนี่ครับ”
     พี่ชัชมองผมด้วยสีหน้าจริงจังแล้วก็จูบผมก่อนจะพูดต่อ
     “พี่รู้ว่าเรารักพี่ พี่รู้ว่าเราเต็มใจเป็นของพี่ พี่รู้ว่าพี่ทำให้เรามีความสุขได้ทุกครั้งที่พี่กอดเรา แต่พี่ก็รู้ว่าตัวเองเอาเปรียบเราไว้เยอะ อย่างน้อยๆ พี่ก็อยากบริการเราให้เต็มที่บ้าง พี่อยากให้ที่รักของพี่มีความสุขไปพร้อมๆ กับพี่ทุกครั้งนะครับ ถ้าต้นต้องการอะไรพี่ทำให้ได้หมดแหละ ไม่ต้องเขินหรอก พี่ขอแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียวเท่านั้นแหละที่พี่ให้ไม่ได้”
     “ผมก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนั้นซักหน่อย!”
     “พี่รู้คร้าบ ก็เราโดนปรนเปรอซะจนติดใจแบบนี้แล้วนี่ ฮ่าๆ”
     “แล้วใครเป็นคนขอผมไว้ว่าให้ผมทนละครับ แถมยังทำแบบนั้นตั้งแต่ครั้งแรกอีก!”
     “อ้าว! สรุปว่าคืนนั้นเราก็โอเคกับพี่ใช่มั้ย? ติดใจก็ไม่บอกนะต้น ฮ่าๆ”
     “โอเคบ้าอะไรละครับ! ผมคิดอะไรไม่ออกหรอกตอนนั้น นอกจากโกรธพี่ชัชแล้วก็เสียใจ เจ็บจะตาย ผมกลัวพี่ชัชจริงๆ นะนั่น!”
     “คร้าบพี่รู้ครับว่าพี่ผิด พี่ถึงได้พยายามแก้ตัวอยู่นี่ไง ถ้าที่รักของพี่ชอบแบบไหนพี่ก็จะได้จัดให้”
     “เรื่องแบบนั้นผมจะไปรู้ได้ยังไงละครับ ไม่ได้เชี่ยวชาญซะหน่อย”
     “ก็ผู้เชี่ยวชาญอยู่ตรงหน้านี้ไงละครับที่รัก บอกผัวสิครับ อยากได้ท่าไหนผัวจะจัดให้ ไม่รู้ว่าอยากได้แบบไหนเอาง่ายๆ ก็ได้ ว่าแรง เร็ว เน้น หนัก ชอบแบบสุดๆ หรือสั้นๆ ถี่ๆ หึๆ”
     “พี่ชัชทะลึ่ง!”
     “ไม่ได้ทะลึ่งซักหน่อย พี่กำลังติวบทเรียนบนเตียงให้เราต่างหาก นี่มันเรื่องปกติของชีวิตคู่นะครับต้น พี่เป็นผัวต้น แถมโตกว่าพี่ก็ต้องสอนสิ เรื่องอะไรจะปล่อยให้เมียไปเรียนวิชากามสูตรจากคนอื่น เสียศักดิ์ศรีหมด ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์อยู่ตรงนี้ทั้งคน ฮ่าๆ”
     “ผมก็ไม่ได้อยากรู้อะไรเพิ่มซะหน่อย”
     “คร้าบๆ พี่รู้ ต้นของพี่ไม่กล้าขยับทำอะไรก่อนทั้งนั้นแหละ แค่จะสะกิดพี่ตรงๆ ว่าคืนนี้เราจะทำกันมั้ยต้นของพี่ยังไม่กล้าพูดเล้ย เอาแต่ส่งสัญญานให้พี่แปลเอาเอง ถ้าพี่แปลผิดหรือไม่เข้าใจมันจะแย่เอานะครับ เรื่องแค่นี้บอกกันตรงๆ ก็ได้ เพราะบางทีพี่ก็เดาใจต้นไม่ถูกหรอก เรื่องบางเรื่องต้นต้องบอกพี่ตรงๆ นะครับ
     เขินนะครับ พี่ชัชรู้ทันผมไปหมดทุกอย่างเลย!
     “ก็แฟนผมฉลาดนี่ครับ ไม่เห็นเป็นไรเลย”
     “หือ! เล่นงี้เลยนะไอ้ต้น ฮ่าๆ เอาเถอะๆ พี่ยอมแพ้ เมียพี่น่ารักที่สุดเลยครับ”
     พี่ชัชพูดแบบนั้นแล้วก็จูบผม เราสองคนยิ้มให้กันท่ามกลางแสงสลัวๆ ของโคมไฟ ถึงผมจะถูกพี่ชัชนอนกอดอยู่แบบนั้นแต่คืนนี้ของเราไม่จบง่ายๆ หรอกครับ พี่ชัชของผมรอบเดียวพอซะที่ไหน
 
     เป็นอันว่านอกจากคืนนั้นพี่ชัชจะพาผมไปเที่ยวสวรรค์ตั้งสามรอบแล้ว บรรดาสิงสาราสัตว์ทั้งหลายผมก็ถูกพาไปเรียนรู้หมดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเบสิคแบบหมาหรือม้าไปจนถึงเอ็กโซติกอย่างลิงหรือกวาง เกือบตายครับ! ดีที่ว่ารอบสองพี่ชัชยอมอึดอัดนิดหน่อยตอนที่ให้ผมชิมสตรอเบอร์รี่ กว่าจะนอนกันได้ก็เกือบตีสาม หมดแรงกันทั้งคู่ พรุ่งนี้ผมคงไม่เท่าไหร่ แต่พี่ชัชของผมจะขับรถไหวรึเปล่า?
     พูดแล้วก็เพลียจังเลยครับ ขอผมนอนก่อนก็แล้วกัน... ราตรีสวัสดิ์

     เช้านี้ผมตื่นสายกว่าปกติ ตอนที่ผมกับพี่ชัชลงไปทานบุฟเฟ่มื้อเช้าก็เกือบแปดโมงแล้วครับ
     วันนี้พี่ชัชกุลีกุจอบริการผมใหญ่เชียว คงเพราะเรื่องเมื่อคืนถึงได้เอาใจผมขนาดนี้ แต่อันที่จริงผมก็ไม่อยากเดินนักหรอกครับ มันยังแปล๊บๆ อยู่เลย พี่ชัชนั่นแหละผิด! บอกให้ทำแบบธรรมดาๆ ก็ไม่ฟัง ทำเอาผมระบมไปทั้งตัว!
     ผมนั่งรอพี่ชัชที่โต๊ะกับเตอร์ที่ยังทานไม่อิ่ม เพราะคนอื่นๆ หนีไปเดินเล่นกันหมดแล้ว เตอร์ลุกลี้ลุกลนมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าพี่ชัชอยู่ไกลก็เริ่มกวนผมทันที
     “พี่ต้นๆ”
     “หืม?”
     ผมจิบน้ำส้มเย็นๆ ที่พี่ชัชกดมาให้ พี่ชัชกำลังไปตักข้าวต้มให้ผมอยู่ครับ ปกติแล้วเวลาไปไหนด้วยกันแบบนี้ผมมักเป็นฝ่ายบริการพี่ชัช แต่เพราะวันนี้ผมเพลีย ทำอะไรไม่ค่อยไหว พี่ชัชเลยเป็นฝ่ายบริการผมแทน
     “ตกลงเมื่อคืน พี่ต้นกับอาชัชใช้กล่องไหน?”
     ให้ตายเถอะ! ผมแทบสำลัก เตอร์มาถามอะไรแบบนี้! ผมพูดอะไรไม่ถูกได้แต่หน้าแดงเมื่อคิดถึงคำตอบว่า “ใช้ทั้งคู่” แต่เอ๊ะ! แล้วผมจะไปตอบคำถามเตอร์ทำไม? ยิ่งคิดก็ยิ่งเขินครับ ไม่ใช่สิ! ผมควรจะดุเตอร์ต่างหาก ผมควรจะนึกคำพูดดีๆ ซักประโยคเอามากำราบเจ้าเด็กบ้านี่!
     “มันใช่เรื่องของเด็กมั้ย?”
     พี่ชัชโผล่มาจากไหนไม่รู้แล้วก็เคาะหัวเตอร์เบาๆ
     “ป๊าดโธ่! อาชัชเปิ้นก็เป๋นป้อจายเน้อ จะอายอะหยัง”
     “สูเป๋นละอ่อนน่อย บ่าดีอู้เฮื่องนี้ก่ะ”
     “ทำเป๋นอู้ก่ะ เปิ้นฮู้เน้อ อีป้อตึงเล่าหื้อเปิ้นฟังเลาะ อาชัชไปแอ่วหาแม่ญิงบ้านแม่ยิ่งต๋อนอายุได้สิบสี่คือกั๋น ป้อแม่เปิ้นตึงมาเอาเฮื่องถึงบ้าน ดีว่าแม่ญิงเปิ้นสลิดนัก แหมบ่อนานเปิ้นก็เอาผัวใหม่อาชัชเลยบ่อต้องไปขอเปิ้นมาแต่ง”
     ผมฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ข้อมูลใหม่นี่ก็ทำให้ผมส่งยิ้มเย็นๆ ให้แฟนผม พี่ชัชเลยได้แต่ยืนเหงื่อตกส่งยิ้มแหยๆ ให้ผมก่อนจะวางชามข้าวต้มให้อย่างเอาใจ
     “อู้ไปเรื่อยก่ะ ทานนี่ดีกว่าครับต้น กำลังร้อนๆ เชียว”
     ผมยังคงส่งยิ้มเย็นๆ ให้พี่ชัชอยู่ ส่วนเตอร์ก็หัวเราะคิกคักยักคิ้วหลิ่วตาให้อาตัวเอง
     “อยากได้อะไรเพิ่มมั้ยครับ น้ำส้ม! น้ำส้มจะหมดแก้วแล้ว พี่ไปกดมาเพิ่มให้เราดีกว่าเนอะ”
     “ไม่ต้องหรอกครับ แค่นี้ก็พอแล้ว ผมทานอะไรไม่ลงครับ”
     “โธ่ ที่รักก็...”
     “ฮ่าๆ”
     “เราก็ด้วยนะเตอร์ ไม่ต้องมาหัวเราะเลย พี่ไม่ถือเรื่องที่เตอร์แกล้งแซวพี่แบบนั้นเพราะเราสนิทกัน แต่เตอร์ไม่ควรไปล้อเล่นกับใครแบบนี้อีก เข้าใจมั้ยครับ? มันเป็นเรื่องส่วนตัว แล้วก็เรื่องพวกนั้นก็ด้วย พี่รู้ว่าเราเป็นผู้ชาย เริ่มโตแล้วก็ต้องสนใจเรื่องอย่างว่าเป็นธรรมดา แต่ว่าพี่ว่ายังไม่ถึงเวลาที่เราจะไปทำอะไรแบบนั้นกับใครนะ ยังเด็กอยู่เลย ควรจะตั้งใจเรียนมากกว่า จะเที่ยวเล่นมีแฟนบ้างพี่ไม่ว่า แต่อย่าถึงขั้นหมกมุ่นกับเรื่องอย่างว่าตั้งแต่เด็กเลย มันยังเร็วเกินไป”
     ท้ายประโยคผมหันไปจิกตาใส่พี่ชัชนิดหน่อย เล่นเอาพี่ชัชหน้าเสีย
     “ทีหลังรบกวนคุณอาชัชช่วยทำตัวดีๆ ด้วยนะครับ ผมไม่อยากให้เตอร์เสียคนเพราะเลียนแบบพฤติกรรมแย่ๆ ของคุณอา!”
     “ฮ่าๆ”
     แทนที่จะสลด พี่ชัชกลับหัวเราะผมซะงั้น แถมเตอร์ก็ผสมโรงด้วย
     “หัวเราะอะไรกัน สองอาหลานนี่”
     “ปล๊าว! พี่ก็แค่ดีใจที่ต้นเอ็นดูหลานพี่ขนาดนี้”
     “พี่ต้นๆ ขนาดแม่ยังไม่เคยพูดงี้เลยรู้เปล่า มีแต่ย่าอ่ะที่ชอบดุผมแบบนี้ หาว่าผมเหมือนอามากกว่าพ่อ บ่นผมทุกทีเลย มิน่าล่ะ ย่าถึงชอบพี่ต้นทั้งๆ ที่พี่ต้นเป็นผู้ชาย พี่ต้นโคตรเหมือนย่าเลย!”
     “บ้า อย่ามาว่าพี่แบบนี้นะเตอร์!”
     “แฟนอาชัชคนนี้น่าฮักขนาด อย่าหื้อเปิ้นหลุดมือไปเน้อ เปิ้นมักอาสะใภ้คนนี้คนเดียวหนา”
     “สูบ่าต้องอู้อะหยังอากะคึดจะอั้นอยู่ละเลาะ”
     หัวเราะชอบใจอย่างเดียวไม่พอสองคนนี้ยังทำท่าแปะมือใส่กันอีก ทะเล้นถอดแบบกันมาเปี๊ยป!
     “สองอาหลานนี่พูดอะไรก็ไม่รู้ พอเลยครับ รีบทานจะได้รีบไปเที่ยวกันต่อ ออกสายเดี๋ยวแดดร้อนหรอกครับ เราก็ด้วยเตอร์ เสร็จแล้วก็ไปตามพ่อเราได้แล้ว”
     ผมละหวั่นใจจริงๆ คิดถูกหรือคิดผิดครับเนี่ยที่อนุญาตให้เตอร์มาอยู่ด้วย เกิดมาอยู่แล้วได้นิสัยแย่ๆ ของพี่ชัชไปเพิ่มอีกผมจะทำยังไง ผมจะเอาเตอร์อยู่เหรอครับ ทะเล้นขนาดนี้ แถมคุณอาตัวดีก็ดูจะให้ท้ายหลานอีก น่ากลัวจริงๆ ครับ
     ผมตัดสินใจแล้ว เพื่อพี่ศักดิ์กับพี่นา ผมจะต้องดัดนิสัยเตอร์ให้ได้ จะต้องไม่ให้เตอร์โตไปเหมือนพี่ชัชเด็ดขาด!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



 :mew3: ปิดหน้าปิดตาแล้วพูดกับคนอ่านว่า "อายจัง ขออภัย มือใหม่หัดเขียนนิยายวาย เลยบรรยายฉากกินตับไม่เก่ง"  :ling2:
เค้าพยายามแล้ว แต่ไม่ถนัดอ่ะ ไม่ไหวจริงๆ ยิ่งเขียนแบบบรรยายผ่านตัวละครด้วย มันก็เลยต้องเล่าแบบต้นน้ำ แล้วพอองค์ต้นน้ำลง จะให้มาพูดอะไรชัดๆ เล่าทุกอย่างมันก็เลยเป็นไม่ไม่ได้เพราะฮีแอ๊บ ฮีขี้อายอ่ะ เลยเขียนได้แค่นี้

แต่พยายามสื่อถึงความอบอุ่นของคนรักกันเวลาเมคเลิฟมากเลยนะ อยากให้คนอ่านๆ แล้วได้อารมณ์ของคู่รักจริงๆ อ่ะ อยากให้เป็นฉากคู่รักบ้านๆ มากกว่าฉากขายความเรท อ่านแล้วชอบกันมั้ย? ได้อารมณ์พอยัง? หรือมันยังไม่หวานพอ? คนแต่งกลัวเขียนออกมาไม่ดี
ปมเรื่องเซ็กทอล์ก พี่ชัชก็พยาย๊ามพยายามสอน น้องต้นก็ยังเขินอยู่นั่นแหละ เฮียแกชอบแบบนั้นแหละแต่เมียดั๊น... แล้วมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น หึๆ จะปราบเสือได้แค่ความดีอย่างเดียวมันไม่พอหร้อก!
แต่น้องเตอร์แสบมาก ฉายแววหื่นตั้งแต่เด็ก พี่ต้นระวังน้า เฮียชัชอย่าเผลอ!  :-[


***เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย***

(http://image.ohozaa.com/i/f1f/Uihol4.jpg)    (http://image.ohozaa.com/i/ged/4jtW9q.jpg)
"เอ็กซ์ไซตา" คือถุงยางอนามัยรุ่นหนึ่งของ D---x
มุขที่พี่ชัชพูด "ไม่เอาอ่ะ ยี่ห้อนั้นพี่ใส่แล้วคับว่ะ" แล้วน้องต้นพูดว่า "อย่ามาแหลครับพี่ชัช ต่างกันแค่มิลเดียวมันไม่ต่างกันมากนักหรอก" นั่นก็เพราะเอ็กซ์ไซตามันขนาด 53 มม. ส่วนสตรอเบอรี่อีกยี่ห้อขนาด 52 มม. และเป็นยี่ห้อที่ขายใน 7 ทั้งคู่ (จริงๆ เริ่มมียี่ห้อเพลย์บอยมาขายแล้วด้วยแต่มีเฉพาะขนาดปกติ)
(http://image.ohozaa.com/i/af0/AlHJ3s.jpg)
ส่วนยี่ห้อที่พี่ชัชชอบใช้สั่งจากเน็ทบ่อยๆ แต่น้องต้นบ่นว่าแพงก็คือยี่ห้อที่มีสโลแกนว่า 003 ส่วนยี่ห้อที่มีตัวย่อว่า SO นั้นโฆษณาว่าบางที่สุดในโลก 0.02  (ถ้าอยากลองสามารถซื้อได้ตามร้านดรักสโตรใหญ่ๆ อย่างบูทส์ วัตสัน ซูรูฮะ โลตัส)
เฮียแกใส่สบายๆ ที่ไซส์ 53-54 มม. (49 มม.พี่ชัชแกบอกว่าไม่ได้จริงๆ) แต่ปลื้มสองยี่ห้อด้านบนเพราะความบาง ซึ่งขนาดไซส์ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับความยาวนะ มันเกี่ยวกับความอ้วน! แต่คนเข้าใจผิดกันเยอะ การแอ๊บใส่ถุงขนาดใหญ่กว่าอุปกรณ์จนหลวมไม่ดีหรอก มันไม่ได้ช่วยป้องกันอะไรเลย สารคัดหลั่งในร่างกายมีโอกาสหลุดรอดแลกเปลี่ยนกันได้นะ ดีไม่ดีหลุดทิ้งไว้ในร่างกายอีกฝ่ายอีก ซวยนะเธอว์!
แถมรูปที่เราถ่ายได้จากสนามบินตอนไปรับคน มันหล่นอยู่ตรงนั้น แม่บ้านคงนึกว่าถ้วยปีโป้ยี่ห้อใหม่ที่มีคนกินทิ้งไว้เลยไม่เก็บ แบบว่า เปิดใช้แล้วด้วยนะเออ ทำไมมันไปหล่นอยู่ตรงนั้นวะ!
*แพ็กเก็จของS-----O------- ไม่ใช่ซองนะจ้ะ แต่มาเป็นถ้วย เปิดฝาครอบได้เลย เขาบอกว่าใช้สะดวกอารมณ์ไม่สะดุด*
(http://image.ohozaa.com/i/2c7/qkoFtH.jpg)

แล้วคนแต่งมานั่งพล่ามอะไรเนี่ย? ไหนบอกนิยายดราม่าไง!  :katai1:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#3/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ5
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 02-11-2014 23:56:24
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 5

ขอบคุณที่รักกัน

     ปีใหม่นี้แทนที่จะได้ฉลองการคบกันครบรอบหนึ่งปีตามลำพังแค่สองคน ชัชชัยกลับต้องลำบากจองตั๋วเครื่องบินพาต้นน้ำบินไปเที่ยวปีใหม่กับญาติจากบ้านเกิดตามคำสั่งโดยฝีมือบงการของมารดา แม้ตอนแรกชายหนุ่มตั้งใจจะบ่ายเบี่ยงอ้างงานยุ่ง แต่ขึ้นชื่อว่าแม่มีหรือจะไม่รู้ทันลูก นางรู้ไต๋บุตรชายคนเล็กหันไปล็อบบี้เอากับสะใภ้คนเล็กที่ได้แต่ก้มหน้าก้มตารับคำไม่กล้าหือไม่กล้าอือ
     ต้นน้ำไม่เคยขัดใจมารดาของเขาสักอย่าง แม้ใจหนึ่งจะรู้สึกดีที่เห็นทั้งคู่ปรองดองกัน แต่อีกใจหนึ่งชัยชัชก็เริ่มรับรู้ถึงความลำบากที่ก่อตัวขึ้น แม่กุมจุดอ่อนของเขาไว้ได้เสียแล้ว!

     ดังนั้นโปรแกรมฉลองในปีนี้จึงกลายเป็นโปรแกรมเที่ยวไปแทน ทั้งคู่แพ็คกระเป๋าไปแต่ตัวแล้วไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ เอาดาบหน้า นัดให้พรรคพวกมารับพวกเขาที่สนามบินแล้วมุ่งหน้าสู่แหล่งท่องเที่ยว พวกเขาตั้งใจว่าจะไปเที่ยวภูกัน เพราะมารดาของเขาเกิดอยากจะไปสัมผัสแม่คะนิ้งกับสายหมอกบนยอดดอย แต่เพราะฉุกละหุกจึงจองได้แต่ลานกางเต็นท์ ทว่านั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ครอบครัวเขาเป็นขาเที่ยวอยู่แล้ว ทุกชีวิตพร้อมลุยเต็มที่ทุกรูปแบบ จะมีก็แต่เด็กหนุ่มคนข้างตัวนี่แหละที่เขาห่วง เขาไม่อยากพาคนรักไปลำบากแต่ขัดใจแม่ไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าที่ต้นน้ำยิ้มๆ แล้วตอบตกลงไปเที่ยวปีใหม่กับมารดาของเขานั้นเด็กหนุ่มเต็มใจจริงๆ หรือเพียงเพราะแค่อยากเอาใจ
     แต่แล้วสีหน้ายิ้มแย้มสดใสของต้นน้ำในยามที่นั่งกระบะท้ายเคียงคู่กับเขาและญาติคนอื่นๆ ก็ทำให้เขาหมดห่วง เด็กหนุ่มคุยเล่นกับหลานชายเขาอย่างอารมณ์ดี ส่วนพี่เขยของเขาก็นั่งหลับไม่แคร์แรงปะทะจากสายลม แม้ในตอนแรกเขาจะเป็นห่วงแต่ดูท่าต้นน้ำชินกับทัวร์ทรหดของแม่เขามากขึ้นเรื่อยๆ ชัยชัชมองเด็กทั้งสองคุยเล่นกันเพลินๆ โดนแรงลมขับกล่อมได้สักพักก็เริ่มอยากจะไปเฝ้าพระอินทร์ตามพี่เขยของเขา

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     “คิดอะไรอยู่เหรอครับ?”
     “ยังไม่นอนเหรอต้น”
     “แล้วพี่ชัชละครับทำไมยังไม่นอนอีก นั่งอยู่คนเดียว คนอื่นเขาเข้าเต็นท์นอนกันหมดแล้วครับ”
     ชัยชัชยิ้มให้กับต้นน้ำที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เขามองคนรักที่หนาวจนหายใจเป็นควันแล้วก็นึกเอ็นดู เขากับต้นน้ำอาศัยอยู่ร่วมกันได้สักพักแล้ว มารดาของต้นน้ำย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศแล้วเรียบร้อย การได้อยู่ร่วมกันทำให้เขาหลงรักเด็กหนุ่มมากยิ่งขึ้น เด็กหนุ่มช่วยเติมเต็มชีวิตคนโสดของเขาให้อบอุ่นด้วยความรัก ถ้าเพียงแต่... ชัยชัชได้แต่ทำใจยอมรับความขี้อายของแฟนตน ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ ไล่ความคิดพิเรณท์ในหัว แล้วยกมือที่ถือกระป๋องเบียร์ค้างไว้ก่อนจะตอบ
     “พี่จัดการนี่อยู่ ต้นจะมาช่วยพี่มั้ยล่ะ หึๆ”
     “ไม่เอาด้วยหรอกครับ”
     ต้นน้ำทิ้งตัวลงนั่งเคียงข้างเขาพลางตอบปฏิเสธ ชัยชัยรู้อยู่แล้วจึงหัวเราะขึ้นเบาๆ พลางเย้าต่อ
     “ไม่เอาซะหน่อยเหรอ หนาวนะ จะได้หลับสบายๆ ไง”
     “ไม่เอาหรอกครับ อื้อพี่ชัช!”
     “จุ๊ๆ ดึกแล้ว คนอื่นเขานอนกันหมดละต้น”
     ชัยชัชว่าพลางรวบตัวคนรักเข้ามากอด
     “ก็ ... ก็พี่ชัชก็อย่าเล่นอะไรแบบนี้สิครับ เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก ปล่อยนะครับ”
     “ก็มันหนาวนี่ ขอกอดหน่อย”
     ชัยชัชกระชับวงแขนพลางจรดจมูกลงบนแก้มขาวๆ สูดดมกลิ่นพีชอ่อนๆ ที่ทำให้เขาแทบคลั่ง ต้นน้ำต่อต้านเขาด้วยความเขินอายตามเคย
     “พี่ชัช ผมอายคนเขา”
     “ดึกป่านนี้จะมีใครมาเห็น แถวเต็นท์ดิคนตรึม”
     “ดึกก็ไปนอนเถอะครับ พรุ่งนี้แม่เขาบอกว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันไม่ใช่เหรอครับ”
     “อ๋อ ที่มาตามพี่นี่เพราะไม่อยากนอนคนเดียว? หึๆ”
     แม้จะมืดมีเพียงแสงไฟจากตะเกียงวับๆ แวมๆ แต่ชัยชัชก็สังเกตเห็นใบหน้าขึ้นสีระเรื่อของต้นน้ำได้ แฟนเขาทั้งเรียบร้อยทั้งขี้อายแถมยังปากหนักอีกด้วย เห็นแล้วก็พาลอยากแกล้งแหย่ไม่อยากหยุด
     “เดินออกมาตามพี่คนเดียวค่ำๆ มืดๆ ระวังเถอะงูมันจะฉกเอา”
     ได้ผล ต้นน้ำตาโตหน้าตื่นหันมาถามเขาเสียงสั่น
     “ที่นี่มีงูด้วยเหรอครับ!”
     “มีสิ นี่ป่านะต้น มีงูอยู่แล้ว พิษร้ายแรงด้วย”
     “จริงเหรอครับ แล้วแบบนี้ไม่อันตรายแย่เหรอ พวกเรานอนเต็นท์กันด้วย ถ้าเกิดมันกัดแล้วจะทำยังไงละครับ เจ้าหน้าที่เขามีเซรุ่มเหรอ ทางขึ้นลงเขาก็ลำบาก”
     เอาอีกแล้ว แฟนเขาสติแตกอีกแล้ว พอได้เห็นอาการกังวลจนเกิดเหตุของต้นน้ำแล้วชัยชัชก็อดนึกขำไม่ได้ การอาศัยอยู่ด้วยกันทำให้เขารู้ว่าเด็กหนุ่มเป็นมากยิ่งกว่าคำว่ารอบคอบ ย้ำคิดย้ำทำน่าจะเหมาะ แฟนเขาขี้กังวลจนเกิดเหตุ วิตกจริตสุดๆ นี่ละมั้งสัญชาตญาณของเหยื่อ น่าแกล้งเป็นที่สุด
     “งูชนิดนี้ไม่ต้องใช้เซรุ่มหรอกต้น”
     “เอ๊ะ? แต่เมื่อกี้พี่ชัชบอกผมว่างูมีพิษร้ายแรงไม่ใช่เหรอครับ ตกลงมันคืองูอะไรเหรอครับ เป็นพวกสัตว์ประจำถิ่นรึเปล่า?”
     ต้นน้ำถามเสียงซื่อพลางเงยหน้ามองรอคอยคำตอบจากเขาอย่างจริงจัง ชัยชัชจึงแย้มยิ้มแล้วจรดริมฝีปากลงไปเฉลยคำตอบแทนเสียงพูด ในขณะที่ส่วนล่างของเขาก็บดเบียดเข้าแนบชิดกับด้านหลังของเด็กหนุ่ม แม้อากาศจะเย็นหนาวจนจับขั้วหัวใจแต่ตรงอวัยวะกลางหว่างขาของเขากลับขยายขนาดสวนทางกับสภาพอากาศเสียนี่ และทั้งหมดนั้นมันก็เกิดขึ้นเพราะคนตรงหน้านี้แท้ๆ เลย มีลูกแกะน่างาบอยู่ตรงหน้า หมาป่าอย่างเขามีหรือจะไม่กระหาย
     “งูยักษ์ตัวนี้ไงครับ ต้นจะยอมให้งูฉกรึเปล่าล่ะ?”
     ชัยชัชจงใจถามเสียงกระเส่า ต้นน้ำไม่ยอมตอบอะไรนอกจากก้มหน้าลงซ่อนความเขินอาย แต่เด็กหนุ่มก็ยอมให้เขากอดอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มจึงหอมแก้มเนียนๆ นั่นอีกฟอดก่อนจะยกของเหลวที่เหลือในกระป๋องขึ้นจิบ
     “อีกแปปนะครับที่รัก ขอพี่ดื่มนี่ให้หมดก่อนนะ แล้วเราไปนอนกัน”
     “ครับ”
     ต้นน้ำเชื่อฟังอย่างว่าง่ายนั่งเป็นเพื่อนเขาทั้งๆ ที่เด็กหนุ่มหนาวจนตัวสั่น ชัยชัชจึงกอดแฟนของตนแน่นขึ้นแล้วเอ่ยถามเบาๆ
     “หนาวเหรอ?”
     “ก็นิดหน่อยครับ”
     “โทษนะครับ แทนที่จะได้ฉลองกันสองคน พี่กลับพาเรามาลำบาก”
     “ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่ครับ ก็สนุกไปอีกแบบ ผมยังไม่เคยดูพระอาทิตย์ขึ้นบนดอยเลย แล้วยิ่งได้มาดูตอนปีใหม่แบบนี้ด้วย”
     “เหรอ ดีจัง พี่นึกว่าต้นจะโกรธซะอีกที่พี่ไม่ได้พาต้นไปฉลองแบบสองต่อสอง”
     “แหม ผมไม่เอาแต่ใจขนาดนั้นหรอกครับ ไม่ได้เจาะจงว่าต้องฉลองปีใหม่กับพี่ชัชสองคนซะหน่อย ถ้าพี่ชัชติดงานหรือมีธุระผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ”
     เพราะอาการกระเง้ากระงอดของต้นน้ำ ชัยชัชจึงหัวเราะเบาๆ หนึ่งขี้เหล้า หนึ่งจอมดราม่า คนทั้งสองแลกเปลี่ยนถ้อยคำรักกันอย่างแผ่วเบาในยามราตรี
     “พี่หมายถึงเรื่องของเราต่างหาก สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งปี ดีใจที่ได้รักต้นนะครับ”
     ต้นน้ำทำตาโตมองหน้าชัยชัชอย่างไม่เชื่อสายตา และแล้วเด็กหนุ่มก็หน้าแดงปลั่งไปทั้งใบหน้าด้วยความเขินอาย ชัยชัชสัมผัสได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจอีกฝ่ายที่รัวขึ้นเร็วจนเขาเองก็รู้สึกได้ผ่านวงแขนที่กอดรัดกันอยู่อย่างแนบแน่น
     “ยะ ยังไม่ถึงเวลาซักหน่อย พี่ชัชจำผิด ยังไม่เที่ยงคืนเลยครับ”
     “อ้าว เรานับตอนเที่ยงคืนเหรอ? พี่นับตั้งแต่ตอนเที่ยงวันละว่ะ ฮ่าๆ”
     “กะก็พี่ชัชเรียกผมว่าแฟนตอนนั้นนี่ครับ ก็ต้องเป็นแฟนกันวันที่หนึ่งสิ”
     แม้จะปากสั่น เขินจนหน้าแดงและไม่กล้าสบสายตาแต่ต้นน้ำก็ยังคงพยายามเถียงชัยชัชอย่างไม่ยอมแพ้
     “หือ? ไรกัน พี่บอกรักเราตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้วนะ ต้นแหละเล่นตัวไม่ยอมรับรักพี่เอง ต้องให้พี่มัดมือชก”
     “พี่ชัชบ้า! ไม่เอาแล้วผมไม่อยากเถียงกับพี่ชัชแล้ว ไปนอนเถอะครับ ดึกแล้ว”
     “คร้าบๆ”
     ชัยชัชว่าพลางกระดกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวแล้วจูงมือแฟนสุดที่รักของตนเดินกลับไปยังเต็นท์ที่ทั้งสองจะใช้ซุกหัวนอนคืนนี้
     ไม่ว่าตอนนี้เข็มนาฬิกาจะชี้อยู่ที่เลขอะไรก็ตาม ชัยชัชมีความสุขที่สุดที่ได้จับมือของเด็กหนุ่มข้างกายเดินทางฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนครบหนึ่งปี แม้อากาศจะหนาวและนิ้วเรียวๆ ในอุ้งมือเขาก็เย็นเฉียบไม่แพ้กัน แต่ทว่าไออุ่นที่แพร่มาจากหัวใจเขานั้นหลอมละลายอุณหภูมิรอบตัวจนชัยชัชแทบไม่รู้สึกถึงละอองน้ำค้างเย็นจัดรอบกาย นอกจากนี้ชายหนุ่มยังส่งผ่านคลื่นความรักอันร้อนแรงนี้ไปแผดเผาต้นน้ำให้ร้อนซู่ไปทั้งใบหน้าด้วยเช่นกัน เด็กหนุ่มมัวแต่เขินจนลืมหนาว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     ภายในเต็นท์ ยังไม่ทันที่ต้นน้ำจะได้ล้มตัวลงขดในถุงนอนก็ถูกชัยชัชคว้าไปกอด ชัยชัชจัดการเปิดซิบถุงนอนออกแล้วปูคลุมทับด้วยผ้านวมอีกหลายชั้นก่อนจะกอดแฟนของตนเอนตัวนอนอยู่ภายใต้บรรดาสารพัดผ้ากันหนาวที่ทับอยู่
     “กอดกันอุ่นกว่าต่างคนต่างนอนนะ”
     “เอางั้นเหรอครับ”
     “ครับ ตัวต้นอุ่นจะตายขอพี่กอดเราหน่อยนะครับคนดี ไม่เคยได้ยินในหนังเหรอ เวลาหนาวๆ เขาต้องใช้ร่างกายให้ความอบอุ่นกันน่ะ”
     “พี่ชัชก็ เลอะเทอะแล้วครับ”
     ถึงต้นน้ำจะพูดแบบนั้นแต่ก็ขยับเข้าไปซุกอยู่ในอ้อมกอดของคนรักอย่างว่าง่าย เด็กหนุ่มนอนอิงแอบอาศัยไออุ่นจากชัยชัชอย่างเป็นสุข แต่ไม่นานนักก็ต้องมีอันต้องตื่นตระหนกเมื่อฝ่ามือของคนรักไม่ได้ตระกองกอดเขาไว้เฉยๆ แต่กลับขยำเฟ้นเนื้อเนินสะโพกของเขาอย่างได้ใจพลางเบียดแก่นกายเข้ามาถูไถอย่างบ้าคลั่ง!
     “พี่ชัช?”
     “คร้าบ”
     “ไม่เอานะครับ ไหนบอกจะนอนกันไง”
     “ตอนแรกพี่ก็ว่าจะนอนแต่มันไม่ไหวแล้วอ่ะ”
     ชัยชัชว่าพลางประกบจูบลงมาส่งลิ้นร้อนๆ คละกลิ่นแอลกอฮอล์เข้ารุกราน ต้นน้ำได้แต่อ้าปากยอมถูกชายคนรักจู่โจมเพราะไม่กล้าเอะอะเสียงดัง ชายหนุ่มจึงได้ใจจากเดิมที่ละเลงลิ้นพัวพันกันแต่ในปากก็รุกหนักลามไปขยำตรงส่วนอื่นของร่างกายอีกฝ่ายเล่นอย่างมันมือ
     “อึ๊! ไม่เอานะครับพี่ชัช นะผมขอ”
     ต้นน้ำตกใจทันทีที่ปลายนิ้วเย็นเฉียบสัมผัสเข้ากับส่วนไวความรู้สึกตรงกลางร่าง เขาอ้อนวอนชัยชัชด้วยเสียงสั่นสะท้านขอความเห็นใจ
     “แต่พี่ก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกันอ่ะ ทั้งหนาวทั้งปวด โคตรทรมานเลย นะ นะครับ ต้นช่วยมันหน่อยนะ ไม่งั้นคืนนี้พี่นอนไม่ได้แน่ๆ”
     “แต่ แต่ว่า เต็นท์มันใกล้กันมากเลยนะครับ ผมกลัว...”
     “ต้นก็เงียบๆ ดิครับ”
     ต้นน้ำเม้มปากอย่างขัดใจ เสียงที่เงียบไปส่งผลให้ชัยชัชรู้ว่าแฟนของตนกำลังงอน
     “เดี๋ยวพี่ปิดให้ก็ได้ มา จูบกับพี่รับรองปากเราไม่ว่างครางแน่ๆ”
     ว่าแล้วชัยชัชก็บดจูบลงมาขนานใหญ่พลางบี้นิ้วลงบนส่วนปลายของต้นน้ำอย่างเมามัน ปลายนิ้วโป้งถูไถไปมาจนเริ่มสัมผัสได้ถึงน้ำลื่นๆ ส่งผลให้เด็กหนุ่มได้แต่ร้องอู้อี้ดิ้นพล่านก่อนจะรวบรวมกำลังผลักคนรักออก เสียงสูดจมูกสะอื้นทำให้ชัยชัชรู้ตัวว่าตนทำเสียเรื่องอีกแล้ว
     “โอ๋ ขอโทษนะคร้าบ พี่ไม่ได้ตั้งใจอ่ะ มันหน้ามืดไปติ๊ด”
     พูดพลางกอด จูบพลางปลอบ ชัยชัชใช้ไม้อ่อนเต็มที่เพื่อง้อสุดที่รักของตน แม้ต้นน้ำจะแสนงอนทำสะบัดสะบิ้ง แต่ก็ยอมให้เขาโอ๋แต่โดยดี
     “นะ น้า ขอโทษนะต้น เราเองก็รู้สึกเหมือนพี่ไม่ใช่เหรอครับ เราทำกันเบาๆ ก็ได้นะ นะ”
     “แต่ผมกลัวคนอื่นได้ยินนี่”
     คำที่ออกจากปากคือกลัวคนรู้เห็น หาใช่คำว่าไม่ยอม ชัยชัชจึงแอบยิ้มอย่างยินดี เขาคิดว่าตนเองมีโอกาส
     “ก็ทำเบาๆ ไงครับ พี่สัญญาว่าพี่จะเบาที่สุดเลยเอ้า คนอื่นไม่รู้หรอกเต็นท์เราทำอะไรกัน”
     “แต่ในนี้มันไม่สะดวกนี่ครับ จะทำได้ยังไง ผม.. ผม...”
     เสียงงุ้งงิ้งของต้นน้ำที่ตอบปฏิเสธบ่ายเบี่ยงไปมาทำให้ชัยชัชชักหมดความอดทน เวลานี้เขาหน้ามืดเกินกว่าจะยอมถอย!
     “โอเคต้น งั้นเราไปห้องน้ำกันเลย ไปไกลๆ จุดกางเต็นท์ก็ได้ ไม่ค่อยมีคนด้วย รับรองไม่มีใครตามไปเห็น”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     ภายในห้องน้ำชายอันคับแคบ ชัยชัยและต้นน้ำอยู่ด้วยกันตามลำพัง นอกจากพวกเขาที่ขังตัวเองอยู่ในห้องลึกสุดแล้ว ห้องอื่นๆ ก็ไม่มีผู้คน ดึกดื่นแบบนี้เงียบฉี่ร้างคนจริงดั่งที่ชัยชัชว่า
     “ให้ผม... ให้ผมใช้ปากช่วยพี่ชัชไม่ดีกว่าเหรอครับ”
     ต้นน้ำชิงพูดขึ้นก่อนอย่างกล้าๆ กลัวๆ หากแต่ชัยชัชร้องประท้วงขึ้นอย่างเสียอารมณ์
     “โหยต้น! พี่พาเราเดินมาตั้งไกลขนาดนี้เพื่อได้แค่ปากเราเนี่ยนะ อยู่ที่เต็นท์ก็ทำได้ครับ!”
     “แต่ แต่ว่า...”
     “นะครับ พี่ขอล่ะ ยังไงวันนี้พี่ก็ต้องได้ตัวเรา อุตส่าเอามาทั้งเจลทั้งถุงแล้วเนี่ย ต้นจะกลัวไรอีก”
     “แต่ผม....”
     “นะ ต้นเองก็ต้องการเหมือนพี่ไม่ใช่เหรอครับ อย่าทรมานตัวเองเลย มีความสุขกับพี่ดีกว่า”
     ว่าแล้วชัยชัชก็ดึงร่างของต้นน้ำให้เข้ามาแนบชิดตนเองมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มเริ่มรุกต้นน้ำอีกครั้งด้วยจูบที่แผ่วเบาซึ่งแปรเปลี่ยนเป็นรุกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เขาใช้มือซ้ายโอบเอวคนรักในขณะที่ส่งมือขวาไปจัดการกับซิบกางเกงยีนส์ของเด็กหนุ่ม
     “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่นะครับ ทุกอย่างพี่จัดการเอง เชื่อใจพี่นะ”
     เพราะถูกบังคับด้วยร่างกายแถมอารมณ์ยังถูกโน้มน้าวจนต้องคล้อยตาม ต้นน้ำที่ทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่ยกมือโอบรอบคอของคนรัก เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น เขาทั้งตกใจ ทั้งกลัว แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อาจปฏิเสธความตื่นเต้นที่สั่นระริกอยู่ในอก
     คนทั้งสองคลอเคลียกันไม่นาน ชัชชัชก็รูดซิบของตัวเอง ปลดกางเกงลงเล็กน้อยพลางสวมถุงยางอย่างเร่งรีบ
     “ไม่ไหวละว่ะต้น พี่ขอใส่เลยนะ”
     แม้จะพูดแบบนั้นแต่ชัยชัชก็ยังมีสติพอจะคิดถึงคนรัก เขาดึงกางเกงของต้นน้ำลงต่ำจนเห็นบั้นท้ายขาวๆ ชายหนุ่มจับต้นน้ำหันหน้าเข้าหากำแพงก่อนจะชโลมเจลหล่อลื่นให้ สัมผัสที่เย็นยะเยือกส่งผลให้ต้นน้ำสะดุ้ง
     “อดทนหน่อยนะครับ เย็นนิดนึง แต่จากนี้ไปพี่รับรองต้นได้อะไรอุ่นๆ แน่ ของพี่มันร้อนจนจะระเบิดอยู่แล้ว!”
     เพราะต้นน้ำเริ่มครางด้วยสัมผัสจากปลายนิ้ว ชัยชัชจึงประกบปากลงไปอุดเสียงจนต้นน้ำได้แต่ร้องอู้อี้พลางแลกลิ้นเป็นพัลวัน จนกระทั่งเขารู้สึกว่าต้นน้ำพร้อมแล้วที่จะรับการสอดใส่ ชัยชัชจึงค่อยๆ ดันตัวเคลื่อนเข้าไปในร่างต้นน้ำช้าๆ จากส่วนหัวรุกคืบเข้าไปลึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบมิดโคน และทันทีที่ชายหนุ่มทำเช่นนั้นต้นน้ำก็สะบัดหน้าออกผละจากการจูบไปหายใจหอบพลางกัดริมฝีปาก เด็กหนุ่มขาสั่นจนเกือบยืนไม่อยู่ เขาไม่เคยร่วมรักกับชัยชัชแบบนี้มาก่อน เขาไม่เคยถูกกระทำในท่าไม่ปกติเช่นนี้ และยิ่งไม่เคยถูกรังแกนอกสถานที่แบบนี้ด้วย!
     “อื้อ อื้ม
     ทั้งๆ ที่พยายามกัดปากแล้วแต่ต้นน้ำกลับหยุดเสียงครางเอาไว้ไม่ได้ เสียงแห่งความสุขสมเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่ถูกกัดจนห้อเลือด
     “อย่ากัดปากแบบนั้นสิครับ มาจูบกับพี่ต่อดีกว่ามาที่รัก”
     ชัยชัชรั้งเอวของต้นน้ำเอาไว้อย่างกระแทกกระทั้นพลางเชยคางบังคับให้เด็กหนุ่มหันมาจูบตอบตน ใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่พยายามกล้ำกลืนเสียงสะอื้นนั่นทำเอาอารมณ์เขาปั่นป่วนจนแทบคลั่ง
     “อา อืม
     ต้นน้ำพยายามหันหน้าหนีแต่ก็ไม่พ้น ชัยชัชส่งลิ้นอุ่นๆ เข้ามาคว้านในปากของเขาอย่างบ้าคลั่งเช่นเดียวกับที่ด้านล่างเขาก็ถูกชายหนุ่มรุกล้ำอย่างเมามัน สองขาเลยอ่อนระทวยแทบประคองตัวไว้ไม่อยู่ ร่างกายสั่นระริกอย่างไร้ซึ่งการควบคุม
     “อืม พี่ชัช ผม ผม ไม่ อ๊า
     ทันทีที่ต้นน้ำหลุดเสียงร้องออกมาร่างกายของเขาก็สั่นกระตุกตามด้วยเสียงสะอื้น เด็กหนุ่มได้รับการปลดปล่อยจากความทรมานของตนแล้ว แต่ทว่าความทรมานที่ชัยชัชจะมอบให้มันพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น!
     “อะไรกันต้น! ถึงแล้วเหรอครับ พี่เพิ่งใส่ได้แปปเดียวเองนะ”
     เสียงตกใจของชัยชัชสร้างความเขินอายให้กับต้นน้ำ เด็กหนุ่มได้แต่หน้าแดงหอบหายใจแรงพลางกลั้นเสียงสะอื้น เมื่อถูกสุดที่รักงอนหันหน้าหนี ชัยชัชจึงหอมแก้มอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
     “โอ๋ๆ พี่ขอโทษครับ พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น เรามาต่อกันดีกว่านะ”
     ชายหนุ่มอ้อนพลางจูบง้อคนงอน แต่เพราะต้นน้ำอยู่ด้านหน้าและชัยชัชอยู่ด้านหลัง เด็กหนุ่มจึงมองไม่เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายที่อีกฝ่ายเผลอทำ ชัยชัชตัดสินใจดึงเกมให้ยื้ดเยื้อ เขาต้องการมองสภาพนี้ของสุดที่รักไปนานๆ

     ต้นน้ำรู้สึกเหมือนทั้งขึ้นสวรรค์แล้วก็ลงนรกไปพร้อมๆ กัน ความเสียวที่ได้รับมันทำให้เขาแทบขาดใจ แผ่นหลังของเขาถูกดันติดกับผนังห้องน้ำอันเย็นเฉียบ ขาของเขาเกาะเกี่ยวไว้กับร่างของชัยชัชส่วนมือก็โอบรัดแผ่นหลังของชายหนุ่มอย่างตื่นกลัว แม้บทรักที่เกิดขึ้นจะทุลักทุเลแต่ชัยชัชก็กำลังจะพาเขาไปสวรรค์อีกรอบแล้ว เสียงครางต่ำๆ สลับกับเสียงดูดปากดังขึ้นเป็นระยะบ่งบอกให้รู้ว่าชัยชัชเองก็กำลังใกล้ฝั่งเต็มที สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ไม่มีใครเงียบได้สักคน
     “อื้ม พี่ชัช ผม อ้า
     “ครับ ที่รัก รอพี่แปปนะครับ”
     แม้จะถูกบอกให้รอแต่ทว่าก็สายไปเสียแล้ว นิ้วเย็นเฉียบจิกลงบนแผ่นหลังของชัยชัชอย่างรุนแรง ต้นน้ำซบหน้าลงกับไหล่ของชายหนุ่มพลางสะอื้นอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเห็นดังนั้นชัยชัชจึงเร่งเครื่องเต็มที่โยกจนต้นน้ำสั่นไปทั้งร่าง เด็กหนุ่มเงยหน้าวิงวอนขอความเห็นใจจากชายคนรักด้วยดวงตาฉ่ำวาว แต่กลับได้รับรอยยิ้มเป็นการตอบแทน
     “สุขสันต์วันปีใหม่นะต้น แล้วก็ขอบคุณที่รักพี่ พี่ดีใจนะครับที่เราคบกัน หนึ่งปีที่ผ่านมาพี่มีความสุขมากๆ ครับ”
     ชัยชัชจูบเบาๆ ที่กระหม่อมของต้นน้ำพลางเอ่ยอย่างอ่อนโยนโดยไม่ลดแรงกระแทกอันหนักหน่วงด้านล่างเลยแม้แต่น้อย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



น้องต้นสมัยยังขี้อาย คาดว่าพี่ชัชคงคิดถึงเมียคนนี้หน่อยๆ
บทนี้ตอนต้นเหมือนจะหวาน ตอนกลางๆ เริ่มเลว แต่ลงท้ายก็รักเมียแหละน่ะ เหอะๆ พี่ชัชเอาแต่ใจเนาะ งี่เง่าสุดๆ เป็นตัวเอกที่ให้อิมเมจผู้ชายงี่เง่าของแท้เลย ไม่ใช่แค่ตัวละครที่ถูกเขียนให้เลวแบบแบนๆ ส่วนดีก็มีแต่ส่วนแย่ๆ ดันแย่มากจนไม่น่าให้อภัย ฮ่าๆ

แม้จะเป็นตอนพิเศษแต่ก็มีปมสะสมนะ เหอๆ  :a5:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#3/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน9
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 03-11-2014 02:21:53
เด็กเลี้ยงแกะและลูกหมาป่า

ต้นน้ำ

      คิดไว้ไม่ผิดเลยครับว่าเตอร์ถอดแบบพี่ชัชมาเปี๊ยบ แค่สองวันที่ได้อยู่ด้วยกันหลังจากที่พี่ศักดิ์กลับไปแล้วผมก็รู้ซึ้ง เพราะพี่ชัชยกห้องอีกห้องให้ แล้วในนั้นก็มีโน้ตบุ๊คเครื่องเก่าที่พี่ชัชไม่ใช้แล้ววางอยู่ เตอร์โหลดเกมมาเต็มเลยครับ พอตอนกลางคืนก็ไม่ยอมหลับยอมนอนเอาแต่เล่นเกม ส่วนตอนกลางวันถ้าไม่หลับก็เอาแต่ดูทีวี เอาแต่ขี้เกียจอ้างว่าเหนื่อย นี่มันพี่ชัชเวอร์ชั่นเด็กกว่าที่ไม่ได้หน้าด้านเท่าต้นฉบับชัดๆ
     วันแรกก็ยังดีๆ ครับ ผมกับพี่ชัชอยู่ด้วย แต่วันที่สองนี่สิ พี่ชัชไปทำงานส่วนผมก็เอาของฝากไปให้เมษที่บ้าน เลยไม่มีใครอยู่กับเตอร์ กลับมาอีกทีกองซากขนมบนโต๊ะรับแขกเละเทะเชียวครับ วันนั้นผมเลยองค์ลง ผมดุเตอร์ไปเยอะเหมือนกัน เตอร์ก็ทำท่าสำนึกผิดนะครับ ไม่ดื้อไม่ซนไม่ต่อต้าน รีบเก็บขยะไปทิ้งตามที่ผมสั่ง แล้วก็มาอ้อนผมใหญ่ คงกลัวผมไม่พาไปงานเกมมั้งครับ
     ให้ตายเถอะ! พรุ่งนี้ผมมีนัดกับพี่ษาด้วย คงต้องพาไปด้วยกันซะละ ผมจะไม่ยอมให้เตอร์อยู่ห้องคนเดียวแล้วก็เอาแต่เล่นเกมเด็ดขาด!

     แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เตอร์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมออกมากับผม จนผมต้องเอาพาราก้อนมาล่อ บอกว่าจะพาไปเลี้ยงหนังแล้วก็ซื้อขนมให้ด้วย เตอร์เลยยอมตามผมออกมา ส่วนผมก็ต้องโทรไปขอเปลี่ยนสถานที่นัดกับพี่ษาครับ จากห้างแถวบ้านเป็นพาราก้อน
     เพื่อความสะดวกในการเดินทางผมเลยเลือกที่จะใช้บริการสาธารณะ ก็ที่พาราก้อนจอดรถลำบากจะตายครับ รถก็ติด ค่าจอดรถก็แพง เตอร์เลยบ่นใหญ่เรื่องที่ผมไม่ยอมขับรถมา ทำให้เขาต้องโหนสองแถว แต่พอผมพาขึ้นรถไฟฟ้าเท่านั้นแหละ เจ้าตัวก็ทำเป็นเก๊กทันที ทั้งๆ ที่จริงแอบตื่นเต้นพอสมควร แย่งผมหยอดเหรียญซื้อบัตรด้วย เพราะเตอร์ยังไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้าเลยครับ เจ้าตัวเลยเห่อนิดหน่อย เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำนั่นแหละครับ
     พี่ษาดูจะแปลกใจเมื่อเห็นผมพาคนอื่นมาด้วย แต่พอบอกว่าเตอร์เป็นหลานชายพี่ชัช เธอก็ยิ่งทำสีหน้าแปลกเข้าไปอีก แต่ก็สมกับเป็นคนที่ได้รับการอบรมมาดีครับ เธอยื่นไมตรีให้กับผู้อื่นอยู่เสมอ ส่วนคนที่มีปัญหาน่ะมันหลานผมต่างหาก!
     “โห เค้กก้อนหน้อยนึงอะหยังมันแปงปะหล้ำปะเหลือ!”
     “เตอร์!”
     ผมเอ็ดเตอร์ที่เผลออุทานภาษาบ้านเกิดซะดัง อายคนอื่นจังเลยครับ ผมขอย้ำว่าขณะนี้เราอยู่กันที่พาราก้อน ในร้านเค้กชื่อดังจากฝรั่งเศษ ถึงผมจะเห็นด้วยว่าเค้กที่นี่แพงมาก แต่ยังไงเราก็ควรรักษามารยาทครับ
     “ไม่เป็นไรหรอก พี่เลี้ยงเอง อยากทานอะไรก็สั่งได้เลยนะ”
     “ผมอยากกินหมดทุกอันเลยครับ แต่แพงขนาดนี้เกรงใจพี่สาวคนสวยแย่”
     “ปากหวานจังนะ ตัวแค่นี้”
     “หวานบ่อเต้าปี้สาวคนสวยหรอกคับ อยากฟังเพลงเหนือก่อ ผมฮ้องหื้อฟังได้หนา เอาเพลงพี่สาวครับของจรัลกะได้”
     ผมอยากจะบ้าตาย หลานชายผม อายุสิบสี่! แต่เริ่มออกลายเหมือนอามันเปี๊ยบเลย!
     “พี่ให้นายสั่งได้แค่สองชิ้น เค้กผลไม้ที่นี่รสอมเปรี้ยว นายติดหวานไม่ชอบหรอกเตอร์”
     คงเพราะผมเผลอพูดเสียงห้วนไปหน่อย เตอร์ที่กำลังออกอาการหลีหญิงเลยหันมามองหน้าผมแบบค้างๆ แต่พอเห็นสายตาเย็นๆ ของผมเข้าไป เตอร์ก็รีบเปลี่ยนมาอ้อนผมแทน
     “โห พี่ต้นใจร้าย ผมเป็นเด็กกำลังโตหนา”
     “สั่งเสร็จแล้วก็นั่งรอเงียบๆ เราเสียงดังจนพี่อายคนอื่นเขา”
     เตอร์ทำหน้าเซ็งนิดหน่อยก่อนจะเดินไปเลือกเค้กที่ตู้ พี่ษาเลยชวนผมคุยด้วยคำถามที่ทำให้ผมแปลกใจปนดีใจ
     “ดูต้นสนิทกับน้องเขาจังเลยนะ น่าอิจฉาน้องเขาจัง พี่เป็นพี่แท้ๆ ของต้นยังสนิทกับต้นไม่ได้ขนาดนั้นเลย”
     “สนิทอะไรกันครับ ออกแนวบ่นซะมากกว่า”
     “แต่ต้นก็บ่นเพราะห่วงไม่ใช่เหรอ ต้นเปิดใจให้ครอบครัวของแฟนต้นแล้วพวกเขาก็ยอมรับต้น แฮปปี้จะตาย พี่อิจฉาจริงๆ นะ”
     คำพูดของพี่ษาทำให้ผมรู้สึกผิดนิดหน่อย ผมควรจะทำดีกับเธอให้มากกว่านี้สินะครับ
     “คงเพราะระหว่างผมกับพวกเขาไม่มีเงื่อนไขอะไรมั้งครับ”
     “จ้ะ พี่เข้าใจ”
     เพราะผมเผลอหลุดปากไปแบบนั้น พี่ษาเธอเลยทำหน้าเศร้าๆ ตอบผม ผมนี่แย่จังเลยครับ ก็เรื่องนั้นน่ะ... มันแก้ไขอะไรไม่ได้ซักหน่อย แล้วถ้าคิดดูดีๆ ผมต่างหากที่เป็นตัวปัญหา ไม่ใช่พี่ษากับแม่ของเธอ
     “คือ ผมหมายถึงว่า คงเป็นเพราะผมกับเตอร์เป็นผู้ชายเหมือนกันมั้งครับ เลยสนิทกันง่าย พี่ษาเป็นผู้หญิง ผมเลยทำตัวไม่ค่อยถูก”
     “ไม่ต้องปลอบใจพี่หรอก ต้นยังไม่ยอมรับพี่ๆ เข้าใจ รวมถึงเรื่องที่เราเกรงใจคุณแม่พี่ก็เลยไม่ค่อยเข้าหาคุณพ่อก็ด้วย แต่วะ-”
     “มาแล้วคร้าบ”
     เตอร์เดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมพนักงานเสิร์ฟกับจานที่มีเค้กชิ้นเล็กๆ เรียงกันสามก้อน ผมมองหน้าเตอร์
     “อันนั้นผมสั่งมาให้พี่ต้นไง พี่ต้นชอบสตรอเบอร์รี่ใช่ม้า”
     “บ้า!”
     ให้ตายสิ! เขินชะมัดเลยครับ เตอร์เล่นมุขซะผมพูดอะไรไม่ออกเลย จะพูดเรื่องนั้นขึ้นมาทำไมนะ
     “อ่ะแน่ะๆ อยากกินจนหน้าแดงเลยก๊ะพี่ต้น มาๆ ผมป้อนหื้อ”
     “เล่นอะไรน่ะเตอร์อายเค้า!”
     ใครจะไปรับขนมเค้กที่จ่อปากผมไว้แบบนี้ละครับ ผู้ชายสองคนมานั่งป้องเค้กกัน น่าอายจะตาย คนอื่นมองกันใหญ่แล้ว พี่สาวผมทำหน้างงไปไม่เป็น ส่วนผมก็เขินจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยครับ พอเห็นผมไม่ทาน เตอร์ก็ตักเข้าปากตัวเองหน้าตาเฉย เฮ้อ... หลานผมเจ้าเล่ห์เป็นบ้า คอยดูนะถ้าสั่งมาแล้วทานไม่หมดผมจะจัดการแน่!
     “ว่าแต่ พี่ษานัดผมมามีอะไรรึเปล่าครับ?”
     “คือ คุณแม่พี่ไปสัมนาที่สวิสมาจ้ะ แล้วก็เลยซื้อของกลับมาฝากต้นด้วย ต้นลองดูสิว่าชอบรึเปล่า?”
     พี่ษาเธอส่งถุงของฝากมาให้ผมถุงใหญ่ ในนั้นนอกจากจะมีพวกขนมกับช็อกโกแลตแล้วก็ยังมีถุงเล็กๆ ด้วยอีกหนึ่งถุง ปั้มตราโลโก้อะไรซักอย่าง หรูเชียวครับ พอผมเปิดถุงดูของข้างในแล้วก็เห็นนาฬิกาผู้ชายเรือนนึง สวยทีเดียว ถึงจะเป็นสายหนังกับตัวเรือนเรียบๆ แต่รายละเอียดบนหน้าปัดก็ประณีตมาก และคงจะแพงมากด้วย
     “มันแพงเกินไปมั้งครับ เด็กอย่างผมคงไม่เหมาะจะใส่ของหรูๆ ขนาดนี้”
     “ไม่หรอก เหมาะกับเธอดีออก ไม่แพงหรอกนะ แม่พี่ซื้อกลับมาเยอะเลยเพราะคุณพ่อก็ชอบนาฬิกาเหมือนกัน”
     “ผมใส่เรือนนี้ก็ดีอยู่แล้วครับ”
     “แต่เรือนนั้นมันเก่าแล้วนี่นา แถมยังใหญ่กว่าข้อมือเธอเยอะด้วย หน้าปัดก็ดูเทอะทะไปสำหรับข้อมือเธอ แขนต้นเล๊กเล็ก พี่ว่าเธอใส่แล้วไม่สวยเลย พี่อุตส่าห์บอกให้คุณแม่ซื้อกลับมาเผื่อเธอนะ”
     จะไม่ให้ใหญ่ได้ยังไงละครับ ก็นี่มันของเก่าของพี่ชัชที่ผมหยิบมาใส่นี่นา ข้อมือผมกับข้อมือพี่ชัชมันก็ต้องต่างไซส์กันอยู่แล้ว
     ความจริงหลังจากที่ได้ทำความรู้จักกันแล้ว ผมพบว่าพี่สาวผมเป็นแฟชั่นนิสต้าตัวแม่ครับ แม้จะไม่ถึงขนาดว่าต้องใช้ของหรูแบรนด์เนมทั้งตัวหัวจรดเท้า แต่ก็ต้องมีเทรนด์ตลอดเวลา อะไรอินอะไรเก๋พี่สาวผมเธอรู้ทุกอย่าง น่าทึ่งนะครับ ได้ข่าวว่าพวกหมอนี่เรียนกันหนักไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมพี่สาวผมยังมีเวลาไปนั่งอัพเดทเรื่องแฟนชั่นอีก? หรือเป็นเพราะว่าเรียนหมอมันเครียดครับ พี่ผมเลยต้องหาของสวยๆ งามๆ มาผ่อนคลายขนาดนี้
     “นาฬิกามันมีไว้ใช้ดูเวลาครับพี่ษา ถ้ามันบอกเวลาได้ก็โอเคแล้วครับ”
     “ใครบอก บางคนเขาก็ใส่นาฬิกาเป็นเครื่องประดับด้วยนะ ต้นเป็นเกย์แท้ๆ น่าจะใส่ใจเรื่องแต่งตัวบ้าง”
     ให้ตายสิตรรกะอะไรของเขาเนี่ย! แล้วแบบนี้ผมจะสนิทกับคุณเธอได้ยังไงละครับ ไม่ทันไรก็มาวุ่นวายเรื่องส่วนตัวผมซะแล้ว!
     “ผมแค่รักพี่ชัชแล้วบังเอิญเราสองคนเป็นผู้ชายเหมือนกันครับ ถึงการที่ผมเป็นแบบนั้นมันจะทำให้ผมเป็นเกย์ แต่ก็ใช่ว่าผมจะต้องชอบแต่งตัวอะไรทำนองนั้นเหมือนเกย์คนอื่นๆ”
     “พี่ขอโทษ พี่ก็แค่...”
     “ครับ ผมเข้าใจครับ พวกคุณอยากชดเชยให้กับผม อาจจะคิดว่าผมคงต้องลำบากมากเพราะพี่ชัชเป็นแค่เซลล์ขายยา ส่วนคุณแม่ของผมก็ไม่อยู่ที่เมืองไทยแล้ว แถมผมยังขอทุน แต่ผมขอยืนยันเลยนะครับว่าผมไม่ได้ลำบากอะไร พี่ชัชดูแลผมดีมากๆ เพียงแต่ผมไม่ชอบข้าวของฟุ่มเฟือยเองครับ”
     “แต่พี่ว่าต้นก็น่าจะแต่งตัวซะหน่อยนะ เสียดายออก ต้นออกจะหล่อ ถ้า-”
     “แล้วเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ที่ผมใส่นี่มันดูแย่มากเหรอครับ? ผมว่านัดกับคนกันเองเสื้อผ้าชุดลำลองแบบนี้ก็พอแล้วมั้งครับ หรือผมดูโทรมมากจนพี่ษาอายที่จะนั่งคุยกับผม!”
     “เปล่านะ พี่ได้ไม่... พี่ขอโทษนะต้น พี่ก็แค่... คือพี่ไม่ได้ตั้งใจ!”
    เพราะผมเผลอขึ้นเสียง พี่ษาเลยตกใจ เธอทำหน้าเลิกลั่กแล้วรีบขอโทษผม เหมือนเธอจะรู้ตัวว่าตัวเองล้ำเส้นเลยเงียบไปแล้วใช้สายตามองผมอย่างน่าสงสารแทน เจอแบบนี้ถึงผมจะยังหงุดหงิดอยู่แต่ก็โกรธไม่ลงแล้วครับ พักหลังๆ ทุกคนรู้แกวผมหมดเลย แค่ทำหน้าน่าสงสารใช้น้ำเสียงอ้อนๆ แล้วขอโทษผมก็ความโกรธหายไปกว่าครึ่งแล้วครับ
     “เอาเถอะครับ ผมเองก็ผิดเหมือนกัน ขอโทษนะครับที่เผลอขึ้นเสียงใส่พี่”
     “จ้ะ ไม่เป็นไรหรอก เราเป็นพี่น้องกัน เถียงกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดาจะตาย”
     เธอพูดแบบนั้นแล้วก็ยิ้มให้ผมใหญ่ แล้วก็ลงมือหว่านล้อมผมต่อ
     ใส่เสื้อยืดของแจกจากบริษัทยามันผิดตรงไหนครับ? ก็แฟนผมเป็นผู้แทนนี่นา บางทีพี่ชัชก็มีพวกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ปั้มโลโก้บริษัทยาเอาไว้แจกหมอ ผมก็แค่... หยิบมาใช้บ้าง ไม่เป็นเป็นอะไรเลย มันมีเยอะนี่ครับ ตั้งแต่ปากกายันเสื้อผ้าเลย แล้วทำไมผมจะต้องสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุด้วย!
     ตลอดเวลานั้นเตอร์นั่งทานเค้กไปฟังผมเถียงกับพี่ษาไปโดยไม่กล้าแทรก อย่างน้อยก็ยังนับว่ารู้จักกาลเทศะครับ
     จนกระทั่งผมเถียงกับพี่ษาเสร็จนั่นแหละ ซึ่งก็ปรากฏว่าผมแพ้ลูกตื้อของเธอ ต้องรับเอานาฬิกาเรือนนั้นมาใส่จนได้ พี่ษาเธอยิ้มจนตาหยีเชียวที่ผมรับของฝากของเธอ พอเราคุยกันเสร็จเราก็แยกกัน เธอมีธุระของเธอต่อส่วนผมก็ต้องพาเตอร์ไปดูหนังตามสัญญา ผมตามใจให้เตอร์เป็นคนเลือกเรื่องและรอบ
     ผมยังแอบหงุดหงิดอยู่นิดหน่อยครับ ไม่เคยมีใครมาว่าผมเรื่องนี้เลยนะ ผมเชยจริงๆ น่ะเหรอ? เพื่อนที่คณะก็ไม่เห็นมีใครพูดอะไร... ไม่สิ ส่วนใหญ่เวลาผมไปมหาวิทยาลัยผมมักจะใส่แต่ชุดนักศึกษา หรือไม่ก็กางเกงขายาวกับเสื้อยืดโปโล เพราะมันดูสุภาพเหมาะกับสถานที่ นอกนั้นเวลาที่ผมไปไหนกับแม็กซ์ อืม... ไม่เห็นแม็กซ์จะว่าอะไรผมซักคำ ผมไม่ได้แต่งตัวแย่หรือมีสภาพเป็นลุงเชยมากขนาดนั้นซักหน่อย ถ้าผมดูแย่มากขนาดนั้นจริงๆ เมษก็ต้องพูดอะไรบ้างแหละครับ แม้แต่เมษยังไม่เห็นว่าอะไรผมเลย ผมเผลอคิดวกวนในสมองจนเกือบได้เวลาเข้าโรงเลยครับ เตอร์ต้องสะกิดผมบอกว่าได้เวลาแล้ว ผมถึงจะรู้สึกตัวแล้วก็เดินตามเตอร์เข้าโรง
     เตอร์ท่าทางดูหนังสนุกมากแต่ผมนี่สิครับเบื่อจะตายอยู่แล้ว ผู้ชายคนข้างๆ ดันคุยกับผู้หญิงที่มาด้วยกันตลอด สปอยจนน่ารำคาญสุดๆ นับถือเตอร์เลย สมาธิสูงจริงๆ เวลาที่ทำอะไรซักอย่างโดยตั้งใจมากๆ แล้วจะปิดกั้นโลกภายนอกหมดแบบนี้นี่เหมือนพี่ชัชชะมัดเลยครับ แฟนผมน่ะนะ เวลาเช่าDVDมาดูที่ห้องถ้าหนังยังไม่จบพ่อคุณไม่ยอมขยับหรอกครับ นอนอืดเป็นผีจอมขี้เกียจน่าหงุดหงิดที่สุด! แล้วพอผมเรียกละก็ พ่อเจ้าประคุณมักจะชอบอ้างหนังยังไม่จบเลย เดี๋ยวขาดตอน สารพัดสารพันจะอ้าง ทำอย่างกับเครื่องเล่นดีวีดีที่ห้องไม่มีปุ่มสต็อปซะอย่างงั้น!
     แล้วผมก็ต้องนั่งหงุดหงิดดูหนังไม่รู้เรื่องตลอดเกือบๆ สองชั่วโมง!
     “สนุกจังเลยพี่ต้น”
     “ขนาดนั้นเลย?”
     เตอร์เดินออกจากโรงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เห็นเตอร์ยิ้มแบบนี้แล้วก็อดรู้สึกสดใสตามไปด้วยได้ไม่ยากครับ ผมลืมเรื่องงี่เง่าเมื่อตะกี้ไปหมดแล้วแหละ
     “อื้ม เสียงก็กระหึ่มกว่า ภาพสามมิติก็แจ๋ว แอร์ก็เย็น ที่นั่งก็สบาย”
     เด็กน้อ... เด็ก
     “แหงสิ ราคาตั๋วแพงขนาดนั้นนี่”
     “โห ยังบ่นอีก เลี้ยงน้องแค่นี้เอง แต่ว่า ผมหิวแล้วอ่ะพี่ต้น ไปหาไรกินกัน”
     “ไร? เราน่ะทานเค้กไปตั้งสามชิ้นนะ!”
     “ก็ผมเป็นเด็กกำลังโตนี่”
     เตอร์พูดพร้อมกับทำหน้าอ้อนๆ ขอความเมตตา
     “เฮ้อ... เอาสิ ไปดูละกันว่าเราอยากทานอะไร แต่บอกไว้ก่อนนะ แพงมากพี่ไม่มีเงินหรอก”
     “เย้! ฮ่าๆ”
     “เบาๆ อายเค้า”
     เตอร์ทำท่าดีใจซะโอเวอร์จนผมอายคนแถวนั้น แถมยังเอาหัวมาไถไหล่ผมอีก เตอร์นี่ติดนิสัยชอบเดินกอดคอผมจริงๆ เลย เพราะผมตัวเตี้ยกว่าแล้วมันพอดีมือรึยังไงนะเตอร์ถึงได้ชอบลืมตัว แป็บๆ ก็กอดคอผมอีกแล้ว แรกๆ ผมก็ขยันตีแขนไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่นั่นอยู่หรอกนะครับ แต่หลังๆ ไม่ไหวครับ เดี๋ยวเผลอๆ จนผมเซ็ง เลยยอมๆ เด็กมันไป
     “พี่ต้นใจดีที่สุดเลยคร้าบ”
     ผมเดินนำเตอร์ลงไปยังชั้นล่างที่มีอาหารขาย เตอร์เดินวนดูร้านต่างๆ ด้วยความสนใจก่อนจะสะกิดผม
     “อะไร จะเอาร้านนี้เหรอ?”
     “เปล่า พี่ต้น คือ... ผมรู้สึกเหมือนมีคนตามเรามา”
     “พูดบ้าๆ”
     “จริงๆ ไม่เชื่อพี่ลองหันไปดูสิ ผู้ชายสามคนนั้นเดินตามพี่ต้นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
     พอผมหันกลับไปดูก็พบว่าเป็นคนรู้จักจริงๆ ด้วยครับ
     “ใช่พี่ต้นจริงๆ ด้วย กูบอกพวกมึงแล้ว”
     รุ่นน้องในภาคผมเองครับ ผมเคยคุยด้วยบ่อยๆ แต่เด็กพวกนี้สนิทกับแก๊งของมิวนิคมากกว่าแก๊งผม
     “หวัดดีคร้าบพี่ต้น”
     “ดี มาเที่ยวกันเหรอ”
     ผมทักตอบเด็กๆ ที่เดินมาทักทายผม แต่ละคนทำสีหน้าสงสัยสุดๆ เลยครับ สายตาทุกคู่มองไปทางเตอร์แบบไม่เก็บอาการเลย ผมว่าดูท่าข่าวเรื่องผมเป็นอะไรคงแพร่ไปไกลเกินควบคุมแล้วละครับ
     “ครับพี่ พอดีนัดกันทำงานนิดหน่อย เสร็จแล้วเลยมาหาไรกินแถวนี้ แล้วพี่ต้นละครับ”
     “พี่พาน้องชายมาดูหนังน่ะ”
     ผมเห็นพวกเด็กๆ มองไปทางเตอร์แบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ให้ตายสิ เดี๋ยวได้มีข่าวอีกแน่ๆ งี่เง่าที่สุด! รีบหนีดีกว่าครับ
     “พี่ขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกัน”
     “ครับพี่”
     พวกเราแยกออกมาซักพักแล้ว แต่เตอร์กลับมองผมด้วยสายตาประหลาดๆ แทน
     “มีอะไรเหรอเตอร์?”
     “เอ๊อะ! บ่อมีอะหยัง”
     ผมนิ่วหน้าตีแขนเตอร์เบาๆ ด้วยความหมั่นไส้
     “ทะเล้นนะเรา ถ้าไม่มีอะไรแล้วทำไมต้องจงใจพูดคำเมือง แถมยังแกล้งทำเสียงสูงอีก”
     “เวลาพี่ต้นอยู่กับคนอื่นเป็นงั้นตลอดเลยก๊ะ?”
     “ยังไง?”
     “ก็ไม่ยิ้ม ดูเย็นชายังไงก็ไม่รู้”
     “ก็ไม่ได้สนิทกันนี่”
     “แต่กับพี่สาวคนสวยตะกี้ก็ด้วย เขาเป็นพี่สาวแท้ๆ ของพี่ต้นไม่ใช่เหรอ? ทำไมดูห่างเหินกับเขาจัง”
     ตรงเกินไปแล้วเตอร์ แล้วผมควรจะแก้ตัวว่ายังไงดีครับ?
     “อยู่กับคนอาวุโสกว่าพี่ก็ต้องสุภาพด้วยสิ”
     “เอ๊อะ ม่ายจริงอ่ะ เวลาพี่ต้นอยู่กับแม่รึอานัน พี่ต้นยังดูผ่อนคลายมากกว่านั้นเลย แล้วทำไมพี่ต้นไม่เคยบอกเลยว่ามีพี่สาว?”
     “เรื่องมันยาวน่ะเตอร์ ไว้ว่างๆ พี่จะเล่าให้ฟัง หิวไม่ใช่เหรอ หาอะไรทานกันก่อนเถอะ อยากซื้อเค้กกลับไปด้วยรึเปล่า? ที่นี่มีเค้กอร่อยๆ หลายเจ้านะ”
     “แหมเลาะ จุ๊เปิ้นแหมเลาะ”
     ท่าทางตอนยิ้มๆ แล้วทำตาวิบวับว่ารู้ทันผมแบบนี้เหมือนพี่ชัชเลยครับ ให้ตายเถอะ! แบบนี้ผมจะเหลืออะไรให้เด็กมันเกรงใจละเนี่ย
     “จะเอาเค้กกลับมั้ย?”
     “อ๊ะ เอาคร๊าบ พี่ต้นอย่างอนดิ ไม่ล้อแล้วก็ได้ อ่ะๆ”
     งี้แหละครับเรื่องกินเรื่องใหญ่ แล้วผมก็ต้องควักเงินเกือบพันซื้อเค้กก้อนใหญ่ให้ลูกหมายักษ์ตัวนี้ แถมยังต้องพาไปเลี้ยงชุดอาหารญี่ปุ่นอีกแถมด้วยโดนัทเทพที่เจ้าตัวอยากทานนักหนาเป็นของหวานล้างปาก เชื่อเค้าเลย! เด็กอะไรกินจุจริงๆ เอาไปไว้ตรงไหนหมดเนี่ย? เตอร์แฮปปี้แต่ผมนี่สิครับ ซีด! สงสัยต้องกลับไปเบิกเงินพี่ชัชเพิ่มซะแล้ว แต่เตอร์ก็มีส่วนน่ารักเหมือนกันนะครับ ขากลับเตอร์ขอถือกล่องเค้กเอง ยิ่งตอนที่ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วรถแน่นๆ นี่เตอร์ยิ่งตลกสุดๆ ไปเลยครับ มือนึงเกาะที่จับ อีกมือประคองเค้กท่าทางระมัดระวังกล่องเค้กตัวเองสุดชีวิต กลัวหน้ามันเละ ดูแบบนี้ก็สมเป็นเด็กดีครับ เด็กที่หลอกง่ายๆ เลี้ยงง่ายแบบนี้แหละ ผมชอบ

      หลังจากวันนั้น แม้ว่าผมจะบ่ายเบี่ยงไปได้หลายวันแต่ผมก็ติดสัญญาที่ให้ไว้กับเตอร์ จำใจต้องเล่าออกไปจนได้ อย่างไรเสียเตอร์ก็เป็นหลานแท้ๆ ของแฟนผม ถือเป็นครอบครัวเดียวกันกับผมแล้ว ตอนที่เตอร์พูดแบบนั้นผมรู้สึกตื้อในอกยังไงก็ไม่รู้ครับ เกือบน้ำตาไหลแน่ะ ครอบครัวของพี่ชัชดีกับผมมากทุกคน ผมโชคดีจริงๆ
     ถึงแม้ว่าตอนที่ผมเกิดจะลำบากแต่ผมก็ยังโชคดีที่มีคุณลุง แล้วก็โชคดีที่ได้เจอพี่ชัช ได้พบกับครอบครัวของแฟนที่น่ารัก โชคดีที่พวกเขาไม่รังเกียจเกย์แบบผม แล้วตอนนี้ผมก็โชคดีที่ได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วผมยังมีคุณพ่อและญาติคนอื่นๆ อยู่อีก แล้วพวกเขาก็พยายามรับผมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ผมรู้สึกดีมากๆ ครับ
     เตอร์ดูไม่แปลกใจเท่าไหร่เมื่อผมเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง เตอร์เพียงแค่มองผมแล้วก็ยิ้มอยู่นาน จนในที่สุดเมื่อผมถามเข้ามากๆ เขาก็แค่พูดออกมาว่า “สมกับเป็นพี่ต้น” ผมไม่เข้าใจเลยครับว่าเตอร์หมายถึงอะไร แต่ช่างมันเถอะครับ คิดไปก็ปวดหัว ผมเลิกคิดดีกว่า
     ผมเลิกคิดเรื่องไร้สาระแล้วหันมาตั้งใจทำกับข้าวแทน วันนี้พี่ชัชเลิกงานกลับมาเร็วครับ กลับมาตั้งแต่บ่าย แต่พี่ชัชบ่นอยากทานแกงเลียงฝีมือผม พวกเราก็เลยออกไปช็อปปิ้งกัน ได้ของสดมาเยอะเหมือนกัน สองคนนั่นน่ะสบายครับ แต่ลำบากผมนี่แหละ ไหนจะแกงเลียงของพี่ชัช ปลาเก๋าทอดของเตอร์ ผักคะน้าหมูกรอบของผม เมนูเพียบเลยครับ เพราะงั้นตอนนี้ผมก็เลยง่วงอยู่ในครัว มีเตอร์คอยเป็นลูกมือช่วยนิดๆ หน่อยๆ ส่วนพี่ชัชเข้าห้องทำงานไปแล้วครับ
     ขณะที่ผมกำลังปอกก้านคะน้าอวบๆ อยู่ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์มาจะรับแต่แล้วก็เห็นชื่อคนโทรเข้ามา เอาอีกแล้ว...  คุณปู่
     “สวัสดีครับคุณปู่”
     “อาตี๋เล็ก อาษาอีบอกว่า ลื้อไม่มีเสื้อผ้าดีๆ ใส่เหรอ?”
     ทำไมมันถึงได้กลายเป็นแบบนั้นไปได้ล่ะครับ? ดูท่าผมคงต้องใช้เวลาแก้ไขเรื่องเข้าใจผิดของคุณปู่ซักพัก ผมหันไปบอกเตอร์ให้ช่วยหันผักแทนผมไปก่อน เพราะผมจะขอตัวไปคุยโทรศัพท์ซักครู่ เตอร์พยักหน้าให้ผมแล้วก็จัดการกับผักบุ้งกำใหญ่นั้นต่อ ส่วนผมก็เดินเข้าห้องไปคุยโทรศัพท์ครับ
     “ใครบอกคุณปู่แบบนั้นครับ ไม่ใช่ซักหน่อย”
     แล้วผมก็ต้องแก้ตัวยาว คุณปู่ผมท่านจะให้พี่ซิกส์มารับผมไปช็อปปิ้งให้ได้ อี๋! ไปกับพี่ซิกส์น่ะเหรอครับ ไม่เอาหรอก! ขืนไปด้วยกันมีหวังถูกแกล้งแน่ๆ ครับ แต่พอผมปฏิเสธ คุณปู่ก็บอกว่าอยากให้ผมแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูดีเพราะเป็นถึงหลายชายเจ้าของร้านเพชร ถ้าแต่งตัวไม่ดีมันก็ดูไม่น่าเชื่อถือลูกค้าก็ไม่เข้าร้าน ทำอย่างกับวางแผนว่าจะให้ผมไปช่วยขายของหน้าร้านบ่อยๆ ซะงั้นแหละ ไหนยังจะอ้างเรื่องที่เวลาคุณปู่ลากผมไปด้วยเวลามีสังสรรคกับเพื่อนๆ มาบังคับผมอีก สรุปว่าอยู่ๆ ผมก็ได้เงินช็อปปิ้งเสื้อผ้ามาสามหมื่นครับ ตั้งสามหมื่น! คุณปู่บอกให้ผมซื้อสูทชุดใส่ไปงานทำนองนั้นไว้ซักตัวสองตัวด้วย พอคุณปู่วางสายไปแล้วก็เป็นพี่ษาโทรมาติดๆ กันทันที เอ๊ะ! นี่พี่ษารู้ได้ยังไงครับเนี่ย แถมพี่สาวผมยังตรงประเด็นมาก นี่เซ้นส์เรื่องเสื้อผ้าผมมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ใครต่อใครถึงได้อยากพาผมไปช็อปปิ้งจัง
     “ต้นไปซื้อเสื้อผ้ากับพี่มั้ย พี่จะได้ช่วยเราเลือกเสื้อผ้าไง”
     “ไม่เป็นไรหรอกครับ ไว้ผมไปดูเองก็ได้”
     “แต่ว่า...”
     “คือช่วงนี้ผมติดธุระน่ะครับ ยังไม่แน่ใจว่าจะว่างเมื่อไหร่ ไว้-”
     “อ๊าก!
     เสียงเตอร์ที่ร้องขึ้นดังลั่นทำเอาผมตกใจ ผมเลยตัดบทพี่ษาแล้ววางสายเธอก่อนจะรีบออกมาดูเตอร์ในห้องนั่งเล่น
     “แค่นี้ก่อนนะครับพี่ษา ผมขอตัวก่อนนะครับ ไว้แล้วเดี๋ยวผมจะโทรกลับอีกที”
     แต่ตอนที่ผมมาถึงห้องนั่งเล่น พี่ชัชก็อยู่กับเตอร์แล้วครับ
     “เตอร์เป็นไรเปล่า?”
     ผมเห็นเตอร์ยืนกุมนิ้วที่มีเลือดอาบ ส่วนพี่ชัชก็กำลังห้ามเลือดให้ พี่ชัชดูไม่ตกใจเท่าไหร่ แต่เตอร์กับผมนี่สิ หน้าซีดแล้ว เลือดมันเยอะมากครับ เต็มมือเลย หยดลงบนเขียงด้วย
     “สูยะอะหยัง ยะหยังเป๋นจะอี้เลาะ?”
     พี่ชัชเอ็ดเตอร์เบาๆ แต่ก็กดผ้าก็อซลงบนบาดแผลของเตอร์ไปด้วย ผมเกลียดเลือดสีแดงแบบนี้จังเลยครับ มันชวนให้ผมนึกถึงความทรงจำที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
     “ก็เปิ้นอยากจ่วยปี้ต้นเลาะ เลยลองหั่นคะน้าดูบ่อดาย ละมันกะผะเลิดเป๋นจะอี้ โอ้ยๆ อาชัชเบาๆ ก่ะ!”
     “สำออยก่ะ ไปๆ สูไปหื้อต้นใส่ยาเต๊อะ”
     “เลือดหยุดแล้วเหรอครับพี่ชัช?”
     “ยัง แต่ไม่มากแล้วล่ะ ต้นกดไว้ก่อนนะ รีบพาเตอร์ไปทำแผลในห้องเหอะ เดี๋ยวพี่เคลียร์ตรงนี้ให้เอง”
     “แต่...”
     “ไปเถอะครับ แค่หั่นผักใช่มั้ยล่ะ เดี๋ยวพี่ทำเตรียมไว้ให้แล้วต้นค่อยมาผัดก็ได้ พาน้องไปทำแผลก่อน ตรงนี้พี่จัดการเอง”
     “ครับ”
     แล้วผมก็พาเตอร์ไปทำแผลในห้องนอน โชคดีที่แผลเรียบสนิท ถึงจะลึกแต่ก็ติดกันง่าย พอเลือดหยุดไหล ผมก็เช็ดแอลกอฮอล์ให้เตอร์ก่อนจะตามด้วยใส่ยาให้ เตอร์ร้องโวยวายนิดหน่อยเพราะความแสบ แต่นอกนั้นแล้วก็ไม่มีปัญหาครับ ดูเหมือนเขาจะหายตกใจแล้ว นิ้วชี้ข้างซ้ายของเตอร์เลยมีผ้าพันแผลแปะไว้
     พอผมออกมาจากห้อง พี่ชัชก็จัดการเคลียร์บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ไม่เหลือคราบเลือดให้ผมเห็นอีก ค่อยยังชั่วครับ เห็นแบบนั้นผมก็เลยเร่งมือทำกับข้าว ส่วนพี่ชัชก็หายาให้เตอร์ทานกันแผลอักเสบ พอทานข้าวกันเสร็จผมก็บังคับให้เตอร์รีบอาบน้ำเข้านอนโดยให้เตอร์สวมถุงมือไว้หนึ่งข้าง แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ตกดึกเตอร์ก็ปวดแผลมากจนหงุดหงิด พี่ชัชเลยแอบจัดยาที่มีฤทธิ์ง่วงนอนให้เตอร์ทานอีกหนึ่งชุด
     พวกเราผ่านคืนนั้นไปอย่างทุลักทุเลครับ ผมเองก็ถูกพี่ชัชโอ๋พอสมควรเหมือนกัน พี่ชัชกอดผมทั้งคืน ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่ความผิดของพี่ชัช เพียงแต่... ยังไงผมก็ยังกลัวอยู่ดีครับ ผมเกลียดเลือด!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


หัวข้อ: Re: [UPภาค2#3/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน9
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 03-11-2014 11:55:35
ชัยชัช

     สีหน้าไอ้ต้นตอนที่เห็นเลือดดูแย่มาก ผมเห็นแล้วรู้สึกผิดชะมัดเลยครับ ถ้าไม่ใช่เพราะวันนั้นผมขาดสติต้นก็คงไม่ต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ ตั้งแต่วันนั้นผมสาบานกับตัวเองว่าจะดูแลต้นอย่างดีที่สุด
     เกือบสองปีที่อยู่ด้วยกันผมก็ไม่รู้ว่าผมดูแลมันดีที่สุดแล้วรึเปล่า? ผมพยายาม เพียงแต่... ผมเต็มที่แล้วหรือยัง? แม้แต่ตัวผมเองยังไม่กล้าสำรวจคำตอบในใจ
     ผมอาจจะเห็นแก่ตัวก็ได้ ผมรักต้นเพราะต้นมันรักผม อยู่กับมันแล้วผมสบาย ผมชอบความรู้สึกนั้น ต้นมันพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจผม แล้วผมล่ะ ผมทำอะไรเพื่อต้นบ้าง?
     เอาแค่เรื่องใกล้ตัวนอกจากตัวมันที่อยู่กับผมแล้วผมแทบไม่สนใจเรื่องเพื่อนหรือเรื่องครอบครัวมันด้วยซ้ำ ผมคิดว่าขอแค่ต้นเลือกอยู่กับผมๆ ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง เรื่องอื่นผมขี้เกียจคิด ยังไงต้นก็ไม่มีวันทิ้งผมไปไหน ต้นเป็นของตายสำหรับผม ผมกำลังเหลิงเพราะเป็นฝ่ายถูกรัก
     ถ้าวันหนึ่งมีคนที่พร้อมจะทุ่มเทให้ผมปรากฏตัวขึ้น คนที่ผมเองก็ถูกใจไม่น้อยไปกว่าต้น คนที่ตอบสนองความต้องการของผมได้มากกว่าต้น ถึงตอนนั้นผมจะยังรักต้นอยู่ไหม? ผมยอมรับว่ากลัวครับ เพราะผมรู้ว่าตัวเองเลวแค่ไหนผมถึงได้กลัว
     ยิ่งมองภาพที่ต้นช่วยทำแผลให้เตอร์ ภาพนั้นมันตอกย้ำอะไรในใจผมหลายอย่าง ต้นมันดีกับทุกคน ต้นมันรักครอบครัวผมอย่างกับครอบครัวตัวเอง แล้วตัวผมล่ะ รักทุกๆ อย่างที่ต้นมันเป็นจริงเหรอ? หลายวันมานี้ผมอดคิดไม่ได้ ยิ่งได้ใกล้ชิดกับหลานๆ ผมก็ยิ่ง... ผมอยากให้ต้นเป็นผู้หญิง
     ผมรู้ครับว่าผมเห็นแก่ตัวที่มานั่งเซ็งข้อเสียไอ้ต้นเอาป่านนี้ ไหนจะยังเรื่องความฝันของผมอีก ต้นมันทำให้ผมสบายทั้งกายและใจ มันเปรียบเสมือนบ่อน้ำเย็นชื่นใจดับร้อนให้ผม ทำให้ผมไม่ต้องกระเสือกกระสนอะไรแค่นั่งพักอยู่ตรงนั้นไปเรื่อยๆ ก็มีความสุขแล้ว แต่ผู้ชายอย่างผมบางครั้งก็อยากลองพยายามเพื่อไขว้คว้าความฝันของตัวเองนะครับ แต่ต้นมันตอบรับความฝันของผมไม่ได้สักอย่าง เพราะต้นมันไม่ใช่ผู้หญิง
     ถ้าผมอยู่กับต้น ความท้าทายต่างๆ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายในชีวิตมันก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะต้นมันไม่เคยเรียกร้องอะไร ผมยอมรับว่าบางครั้งมันก็น่าเบื่อ ชีวิตมันขาดสีสัน ดูมีความสุขไปวันๆ ขาดความเร้าใจ เพราะถึงแม้ผมจะมีกำลังใจเต็มเปี่ยม แต่ผมจะเอากำลังใจพวกนั้นไปทำอะไรละครับ ในเมื่อผมไม่ต้องกระเสือกกระสนอะไรสักอย่าง
     ผมกำลังเบื่อต้น ผมรู้ดีว่ามันฟังดูเลว ผมอยากบอกว่าผมไม่ได้เลิกรักต้น เพียงแต่... ผมเองก็ตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไรผมถึงเริ่มเบื่อชีวิตแบบนี้ ผมรู้ว่ามันฟังดูบัดซบที่มาเริ่มหวั่นไหวกับอนาคตของตัวเองเอาตอนนี้แต่ผมไม่อยากแก่ตายโดยที่ไม่มีใคร ผมอยากมีลูกมีหลาน ผมอยากมีครอบครัวที่เป็นเลื้อดเนื้อเชื้อไขของผมเอง
     ถ้าเพียงแต่ต้นจะเป็นผู้หญิงจริงๆ
     ผมนอนกอดมันทั้งคืน ผมรู้ว่าต้นมันคงอึดอัด มันไม่ชอบโดนนอนกอดแบบนี้ แต่ถ้าผมไม่กอดมันเอาไว้แล้วย้ำกับตัวเองว่ามันเป็นเมียผม ผมกลัวผมจะทำร้ายมันมากไปกว่านี้
     ความรักที่ไม่มีพันธะผูกมัดกันแบบนี้น่ากลัวเหมือนที่คนเขาว่า ผมอยากให้ต้นเอาเชือกมาล่ามผมไว้ก่อนที่ผมจะเตลิดไปไกลมากกว่านี้ ต้นดีกับผมมาก ผมไม่ควรจะทิ้งต้น แต่ผมจะห้ามตัวเองไว้ได้แค่ไหนกัน ถ้าผมเผลอวิ่งหนีแล้วต้นจะตามผมไหม? ต้นจะรั้งผมไว้รึเปล่า? เพื่อตัดปัญหาของคำถามที่หาคำตอบไม่ได้ผมเลยกอดต้นให้แน่นขึ้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

      ช่วงนี้พี่ชัชยุ่งๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ อาจจะเพราะใกล้ช่วงเทศกาลแล้วด้วย ปีที่แล้วพวกเราขึ้นไปเที่ยวดอยกับบ้านพี่ชัช แต่ปีนี้เราหนีคนไปทะเลกันเรียบร้อยแล้ว พี่ชัชเลยอาจจะยุ่งเพราะต้องกลับมาทำงานชดเชยวันที่ลาหยุดไป โชคดีที่ผมยังมีเตอร์อยู่ด้วย ก็เลยไม่เหงาเท่าไหร่
     คุณปู่อยากให้ผมไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ใส่แต่ผมไม่รู้ว่าควรจะซื้อแบบไหนดี ก็ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องแฟชั่นนี่ครับ แล้วก็ไม่อยากรบกวนพี่ษาด้วย ผมไม่อยากเป็นตุ๊กตาให้เธอเล่นแต่งตัวนี่นา ผมเลยชวนเมษไปช็อปปิ้งด้วยกันแทน แน่นอนว่าผมต้องหนีบเตอร์ติดไปด้วย เตอร์ที่กำลังเซ็งๆ ดีใจใหญ่เลยครับ เพราะนอกจากวันที่ผมมีธุระที่มหาวิทยาลัยกับวันที่ต้องไปหาพวกคุณพ่อแล้ววันอื่นๆ ผมมักจะอยู่ห้องอ่านหนังสือตลอด เลยทำให้เตอร์ไม่ได้ไปไหนอยู่แต่ในคอนโด ก็ผมจะพาไปด้วยได้ยังไงละครับ มันไม่ค่อยเหมาะสมนี่นา จะให้พาเตอร์ไปพบพวกคุณพ่อกับคุณปู่ด้วยมันก็แปลกๆ อยู่นะครับ แค่หน้าพี่ชัชคุณพ่อกับคุณปู่ยังไม่อยากจะมองเลย ส่วนวันที่ผมไปมหาวิทยาลัยผมก็ไปทำแต่ธุระ ทำให้เตอร์บ่นว่าเบื่อทุกวันเลยครับ แต่พอผมบอกว่าถ้าเบื่อก็ให้กลับลำปางเจ้าตัวก็ไม่ยอม จะอยู่รอไปงานเกมให้ได้ เฮ้อ เด็กน้อเด็ก...
     วันที่เรานัดกัน ผมนัดกับเมษที่สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ จะได้นั่งรถตรงเข้าไปประตูน้ำเลย ผมบอกเมษแล้วว่าหลานของพี่ชัชจะไปด้วย เมษก็ไม่ได้ว่าอะไรบอกว่าถ้าผมสะดวกเขาก็โอเค แต่พอเมษเห็นเตอร์เท่านั้นแหละครับ มารยาทันที
     “นังต้น ทำไมแกไม่บอกฉันว่าหลานผัวแกหล่อขนาดนี้!”
     “น้อยๆ หน่อย เตอร์ยังเด็กอยู่เลยนะเมษ ยังไม่สิบห้าเลย!”
     “โอ๊ย ฉันอยากเลี้ยงต้อย หล่อกว่าอาอีก รู้งี้วันนี้ฉันน่าจะแต่งตัวมาสวยๆ กว่านี้ แกนะแก บอกว่าเด็กฉันก็เลยนึกว่าตัวกะเปี๊ยก ที่ไหนได้ หล่อล่ำเสป็กเลย! สิบสี่ยังขนาดนี้โตเต็มที่จะขนาดไหนโอ้ย ไม่อยากจะคิด”
     เมษพูดพลางใช้สายตากวาดไปทั่วตัวเตอร์โดยเฉพาะตรงแถวเป้ากางเกง เพื่อนผมน่าเกลียดมาก! ออกหน้าออกตามากไปแล้ว!
     “มากไปแล้วเมษ พอๆ”
     เมษโอเวอร์แอคติ้งมากครับ เล่นเอาเตอร์หัวเราะใหญ่เลย ผมทั้งขำทั้งหมั่นไส้เมษแล้วก็หน่ายเตอร์ด้วยครับ โดนแซวแรงๆ ขนาดนั้นแทนที่จะเขินอาย ดันหัวเราะชอบใจคิกคัก ทีเมื่อสองปีก่อนยังเป็นเด็กขี้อายเดินตามผมต้อยๆ ไม่ค่อยพูดอยู่เลย พอโตแล้ว... เฮ้อ! เซ็งครับ นึกถึงหน้าอาของเตอร์ขึ้นมาทันที
     “โอ้ย คุณน้องขรา พี่รู้สึกวิงเวียนจังเลย สงสัยอากาศมันร้อน ขอยืมไหล่ซบหน่อยนะคะ”
     “พี่สาวไม่สบายเหรอครับ ให้ผมอุ้มไปนั่งม้านั่งตรงโน้นมั้ย”
     เพราะเมษตัวเล็กกว่าผมซะอีก พอไปยืนพิงอกซบไหล่เตอร์ที่สูงกว่าผม ภาพนั้นมันเลยดูเหมาะสุดๆ ผมมองเมษที่แกล้งเนียนเป็นสาวน้อยขี้โรคซบไหล่เตอร์ แล้วก็มองเตอร์ที่รับมุขทำเป็นห่วงเมษแล้วก็ยิ่งขำครับ บ้าพอกันทั้งคู่เลย แต่ก็ดีนะครับ ผมยังคิดอยู่เลยว่าเตอร์จะคิดยังไงกับเมษ โชคดีจังที่เตอร์ไม่ได้รังเกียจเมษ
     “แหม เรียกพี่สาวด้วย แบบนี้น่าให้รางวัลจังเลย”
     แน่ะ! มีเอามือเลื้อยไปลูบๆ คลำๆ หลานผมอีก แม้แต่เด็กก็ไม่เว้น! เตอร์เลยแอบสะดุ้งนิดหน่อยครับ ฮ่าๆ สมน้ำหน้ำ
     “โอ้ย ผมไม่อยากได้รางวัลอะไรหรอกคร้าบ ขืนเล่นมากกว่านี้เดี๋ยวพี่ต้นจะโกรธเอา มองตาเขียวแล้ว ฮ่าๆ”
     “ไม่มองได้ไง ก็ดูพวกนายสองคนสิ เล่นบ้าอะไร อายคนอื่นเค้า ดูสิ คนมองกันใหญ่แล้ว แรดเกินไปละนะเมษ”
     “แหม! ถึงฉันจะแรดก็แรดเปิดเผยย่ะ ไม่ได้แรดเงียบแบบแก ต๊าย! หมั่นไส้ ชาติก่อนทำบุญด้วยอะไรย๊ะ เกิดมาชาตินี้ถึงมีแต่คนหล่อๆ มาพัวพัน! เชอะ!”
     ผมจิกกัดเมษตามปกตินิดหน่อย ส่วนเมษก็ตอบโต้ผมเล็กน้อย พวกเรามักจะแซวกันแรงๆ แบบนี้เป็นประจำนั่นแหละครับ พอไปถึงประตูน้ำ พวกเราตกลงกันว่าจะไปเดินแพลตตินั่มครับ เพราะใกล้ๆ นั้นมีเซ็นทรัลเวิร์ดด้วย เผื่อหาของถูกสวยๆ ไม่ได้จะได้ไปหาของแพง
     แล้วผมก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เมษลากผมเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ ได้เสื้อผ้าวัยรุ่นมาเพียบเลยครับ ผมชอบสไตล์ของเมษจังเลย ดูไม่หวือหวามาก เป็นแบบเรียบๆ แต่ก็ดูเท่ดีครับ ทั้งเสื้อยืดกับเชิ้ตแฟชั่นแล้วก็กางเกงยีนส์ด้วย ปกติผมใส่แต่ยีนส์ขากระบอกเรียบๆ แต่คราวนี้เมษซื้อพวกยีนส์ที่มีลูกเล่นแปลกๆ ให้ผมด้วย แต่ทรงมันค่อนข้างพอดีตัว เพราะเมษบอกว่าผมมีของดีก็ควรโชว์ ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าหมายความว่าอะไร ของดีอะไร? เกี่ยวตรงไหนกับกางเกงยีนส์ฟิตๆ นี่? แต่ก็สวยไปอีกแบบนะครับ เอาไว้ใส่วันที่ไปเที่ยวกับเพื่อนหรือไม่ก็วันที่ไปหาพี่ษาก็แล้วกัน จะได้ไม่โดนหาว่าเชยอีก
     เพื่อเป็นการขอบคุณเมษ ผมก็เลยซื้อเดรสให้เมษด้วยชุดนึง ถึงจะราคาแพงไปหน่อย แต่แบบน่ารักมากเลยครับ พอเมษลองแล้วอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะ เพราะเมษหน้าตาน่ารักอยู่แล้ว เลยใส่ขึ้นมาก แม้ว่าพนักงานที่ร้านจะมองพวกเราแบบแปลกๆ นิดหน่อยตอนที่เมษขอลองชุด แค่เพราะเมษเป็นกระเทย แต่ไม่มีกฏว่าห้ามกระเทยลองชุดนี่ครับ ถ้าผู้หญิงคนอื่นลองได้เพื่อนผมก็ต้องลองได้สิ ลูกค้าเหมือนกันแท้ๆ
     ผมไม่เข้าใจว่าเป็นกระเทยแล้วจะใส่เสื้อผ้าน่ารักๆ ไม่ได้รึยังไงครับ เพื่อนของผมชอบสีชมพู ชอบชุดที่ติดโบว์กับระบาย ชอบผ้าลูกไม้ แล้วถึงเมษจะปากจัดนิดหน่อยแต่อันที่จริงก็นิสัยเรียบร้อยมากครับ ถ้าไม่นับร่างกายที่เกิดมาผิดเพศแล้วผมว่าเพื่อนของผมก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึงเช่นกัน เวลาที่ผมอยู่กับเมษก็ไม่เห็นจะรู้สึกว่าแตกต่างอะไรกับเวลาที่ผมอยู่กับพวกป่านเมย์แก้วเลย
     ส่วนเตอร์ก็ได้เสื้อยืดลายแปลกๆ ไปสองสามตัวครับ ก็แหม เงินมันเยอะนี่ครับ แล้วเมษก็แบบว่าต่อราคาเก่งด้วย พวกเราเลยยังใช้ไปไม่ถึงหมื่น แต่เมษก็บอกให้เก็บไว้ราวๆ สองหมื่นครับ เพราะเสื้อผ้ามียี่ห้อตัวนึงก็หลายพันอยู่ เดินจนเกือบบ่ายพวกผมก็เริ่มหิว แต่ที่ฟู๊ดฮอลคนเยอะมากๆ เลยตกลงกันว่าจะเดินไปหาอะไรทานเย็นๆ สบายๆ ในเซ็นทรัลกันดีกว่า พวกเราเดินทางไปหาของกินกันโดยไม่รู้ตัวเลยครับว่าจะเจอกับโจทย์เก่าของพวกเราที่นั่น
     ตอนที่พวกเรากำลังเดินเลือกว่าจะทานอะไรดี แถวๆ โซนร้านอาหาร ผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองกับเมษครับ ผมกับเมษสะดุ้งพร้อมกันเลย พวกเราอยากจะรีบลากเตอร์เดินหนีแต่ก็ทำไม่ทัน เพราะผู้ชายคนนั้นตรงเข้ามาหาพวกเราเร็วกว่า ผมกับเมษมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับไปยกมือสวัสดีแบบเซ็งๆ
     “สวัสดีครับพี่ซิกส์”
     “สวัสดีค่ะ”
     ถึงเมษจะยกมือไหว้แต่เสียงก็ออกอาการมากครับ แถมยังทำหน้าเบะปากอีกต่างหาก ผิดกับผมที่ยังพอคุมเสียงตัวเองให้สงบได้อยู่ ส่วนเตอร์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ยกมือไหว้พี่ซิกส์ตามผมกับเมษ พี่ซิกส์ยิ้มร่าเลยครับ พี่เขารับไหว้พวกผมก่อนจะเอ่ยปากทักทาย
     “มาทำไรกันแถวนี้ แล้วนี่ใครเนี่ย? แฟนน้องเมษเหรอครับ”
     “เตอร์ นี่คนรู้จักของพี่ เขาเป็นพี่ชายของเพื่อนพี่สมัยมัธยม พี่ซิกส์ครับ นี่เตอร์หลานชายผม”
     ตอนแรกพี่ซิกส์ทำหน้างงเมื่อได้ยินคำพูดของผม แต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแปลกๆ อีกแล้ว แต่คราวนี้ผมไม่ยอมหรอกนะครับ ลองทำอะไรเตอร์ดูสิ!
     “อ๋อ หลานแฟนเราเหรอ ต้นพูดซะพี่งงเลยว่าลุงไกรแอบไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่”
     “ผมรักเตอร์เหมือนหลานชายแท้ๆ ของผมครับ รักมากด้วย”
     ผมพยายามกดน้ำเสียงลงไปเพื่อย้ำไม่ให้พี่ซิกส์คิดลองดี พี่ซิกส์อมยิ้มให้ผมก่อนจะยอมถอย
     “อิจฉาจัง อยากนับญาติกับต้นบ้างอ่ะ”
     “ถ้าไม่มีธุระแล้วพวกผมขอตัวนะครับ”
     “เดี๋ยวสิต้น อุตส่าห์เจอไม่อยู่คุยกันหน่อยเหรอ”
     “โอ๊ย คุณพี่ขา พวกหนูหิวข้าวจะตายอยู่แล้ว ยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลยค่ะ ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะคะ ไปเหอะต้น น้องเตอร์”
     เป็นเมษที่ทนไม่ไหวเลยแทรกขึ้นมาตัดบทก่อนจะพยายามดึงพวกเราเดินหนีมา แต่ผมกลับถูกพี่ซิกส์ยื้อไว้ มือของพี่ซิกส์ที่จับอยู่บนแขนของผมมันแน่นอย่างกับคีม ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร พี่ซิกส์ก็ลากผมติดมือกลับไปทางที่ตัวเองเดินมาซะแล้ว
     "ดีเลย พี่กำลังทานข้าวอยู่กับเพื่อนพอดี พวกเราไปทานกับพี่ก็แล้วกัน เดี๋ยวมื้อนี้พี่เป็นเจ้ามือเอง"
     พี่ซิกส์พล่ามอย่างดีใจว่าโชคดีที่บังเอิญมาเจอกันเลยจะขอเลี้ยงข้าวผมซักมื้อ แล้วก็จะพาผมไปร้านอาหารที่ตัวเองนั่งทานอยู่กับเพื่อนโดยไม่สนใจความต้องการของผมกับคนที่มาด้วย ผมมองหน้าเมษหวังจะให้เมษช่วย แต่เมษเองก็จนปัญญาไม่รู้จะทำอะไรได้แต่เดินตามพวกเรามา เตอร์ดูงงๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า แต่พอเห็นสีหน้าของผมกับเมษก็เลยดึงแขนผมไว้อีกข้างแล้วเรียกให้พี่ซิกส์หยุด
     “ผมว่าพี่ชายปล่อยพี่ต้นดีกว่าครับ พวกผมมีร้านที่อยากกินอยู่ตรงโน้น ไม่อยากไปกับพี่ชาย”
     “อ้าว แล้วก็ไม่บอก ไม่เป็นไร ไปร้านที่พวกน้องอยากไปก็ได้ เดี๋ยวพี่โทรบอกเพื่อนพี่เอง”
     “แต่พี่ต้นเขาไม่อยากกินข้าวกับพี่นะครับ แล้วผมก็ไม่อยากให้พี่ไปกับพวกเราด้วย”
     เกิดขั้วอำนาจสองขั้วเข้าปะทะกันแบบไม่มีใครยอมใครโดยมีผมอยู่ตรงกลาง และมีเมษเป็นกองเชียร์ช่วยลุ้นอยู่ ฟังดูดีเหรอครับที่เป็นตัวเอกโดนคนมาแย่งกันแบบนี้ ใครจะชอบก็ชอบไปเถอะครับ ผมไม่ชอบ! ถูกยื้ออยู่กลางที่สาธารณะแบบนี้ผมอายเขา!
     “พี่ว่าน้องปล่อยพี่ต้นของน้องก่อนดีกว่ามั้ยครับ พี่ต้นของน้องหน้าแดงใหญ่แล้ว ยกเว้นว่าน้องอยากจะให้คนมองเราสามคนต่อไปนานๆ”
     เตอร์รู้ตัวแล้วรีบปล่อยมือจากแขนของผมแถมยังทำท่าขอโทษขอโพยผมอีก แต่พี่ซิกส์กลับยืนยิ้มอย่างสะใจในชัยชนะแล้วก็ไม่ยอมปล่อยแขนผม
     “ต้นอยากทานอะไรเหรอครับ?”
     “ผมแล้วแต่เตอร์กับเมษครับ”
     พร้อมๆ กับที่ผมตอบพี่ซิกส์ เมษก็พูดขึ้นเหมือนกันกับผม
     “หนูก็แล้วแต่เด็กมันค่ะ”
     “พี่ต้นคร้าบ ผมไม่ค่อยรู้จักร้านในห้างเลย พาผมไปดูหน่อยสิครับ”
      เตอร์เดินเข้ามาแทรกระหว่างกลางผมกับพี่ซิกส์ แถมยังเอาแขนพาดคอผมอีก ปกติผมจะดุนะครับ แต่วันนี้ผมยอม ดีกว่าต้องอยู่ใต้เงื้อมมือพี่ซิกส์ โดนเตอร์แทรกเข้ามาเนียนๆ แบบนั้นพี่ซิกส์ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยมือจากผม แล้วก็ยอมให้ผมถูกเตอร์เดินกอดคอประหนึ่งเพื่อนซี้ลากไปดูร้านต่างๆ พวกเราแกล้งเดินหาร้านอาหารไปเรื่อยๆ แต่พี่ซิกส์ก็เดินตามเรามาเรื่อยๆ เช่นกัน ผมเห็นพี่ซิกส์โทรศัพท์คุยกับเพื่อนเรื่องธุระด่วน ใจคอพี่เขาจะตามป่วนพวกผมจริงๆ ใช่มั้ยครับ!
      จนในที่สุด พวกเราก็ทนหิวกันไม่ไหวพากันเข้าร้านอาหารกระทะร้อนแบบฟาดฟู๊ดแห่งหนึ่ง เตอร์ที่ดูตื่นเต้นมากสั่งอาหารด้วยท่าทางมีความสุข ส่วนผมกับเมษบอกตามตรงว่าทานไม่ลงครับ ผมรำคาญพี่ซิกส์ ส่วนเมษก็เกลียดพวกควันเหล่านั้นเพราะมันทำให้หัวเหม็น แต่สุดท้ายพวกเราก็ตามใจเตอร์ พี่ซิกส์โชว์ป๋าเป็นเจ้ามือเลี้ยงพวกเรา ผมเองก็ไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธซะด้วยสิครับ แต่พอถึงตอนเลือกกที่นั่งเท่านั้นแหละ การแบ่งฝ่ายที่ชัดเจนที่สุดในโลกก็อุบัติขึ้น โต๊ะที่นั่งกันได้หกคนถูกพวกเราเลือกแล้วก็อัดอยู่ฝั่งเดียวกันทั้งสามคน ทิ้งให้พี่ซิกส์นั่งคนเดียวที่ฝั่งตรงข้าม พี่ซิกส์ไม่สะทกสะท้านเลยซักนิด โซฟาฝั่งผมเลยแออัดกันนิดหน่อย เพราะเตอร์เองก็ตัวโตไม่ใช่น้อยๆ ผู้ชายสองคนกับ... กับเมษอีกหนึ่งนั่งอัดกันแบบนี้ก็เกะกะกันนิดหน่อยครับ ดูเตอร์ไม่สะทกสะท้านอะไรผัดเนื้อในจานอย่างสนุกสนานเต็มที่ ส่วนผมกับเมษก็ค่อยๆ ทานกันเพราะกลัวมือไปโดนขอบร้อนๆ ของจาน
     "โอ้ย!"
     นั่นไง ไม่ทันขาดคำ เตอร์ซุ่มซ่ามซะแล้ว
     "ไหน เอามาให้พี่ดูสิ"
     "ไม่เป็นไรมากหรอกพี่ต้น"
     "งี้ทุกทีอ่ะเรา ไม่เคยระวังตัวเลย พี่บอกแล้วไงว่าอย่าใจร้อน"
     “เป็นอะไรมากมั้ย นังต้นแกรีบเอาน้ำแข็งไปประคบไว้ก่อน”
     ผมรับน้ำแข็งก้อนมาจากเมษแล้วเอาห่อกระดาษทิชชู่ก่อนประคบกับมือของเตอร์ ดีนะครับที่จานมันไม่ได้ร้อนมากจนเตอร์มือพอง พี่ซิกส์นั่งมองพวกเราแล้วก็เอาแต่ยิ้ม เตอร์เลยรู้สึกเสียหน้านิดหน่อย นี่ผมทำกับเตอร์เหมือนเด็กเกินไปรึเปล่าครับ? ก็ผมไม่เคยมีน้อง พออยู่กับเตอร์ผมก็เลยเผลอบ่อยๆ
     "พอๆ พี่ต้น ไม่ได้เป็นไรซักหน่อย กินเหอะ ผมหิว"
     เตอร์ชักมือออจากการปฐมพยาบาลของผมแล้วก็ทานอาหารหน้าตาเฉย แต่ผมเห็นนะ นิ้วชี้ที่โดนจานแอบสั่นหน่อยๆ ตอนจับตะเกียบ
     พอพวกเราทานกันเสร็จก็ได้เวลาช็อปปิ้งต่อครับ แม้ว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญอยย่างพี่ซิกส์ติดสอยห้อยตามมาด้วยก็เถอะ พวกเราเดินดูเสื้อผ้าไปเรื่อยๆ โดยพยายามเมินเสียงนกเสียงกาบางคนที่ช่วยออกความเห็นแนะนำร้านช่วยเลือกแบบและยุ่งวุ่นวายอื่นๆ โชคดีที่พวกเราเจอร้านที่เซลล์ช่วงสิ้นปีพอดี เลยได้เสื้อผ้าแบรนด์มาเยอะกว่าที่คิด
     แต่ตอนที่พวกเราจะกลับ พี่ซิกส์เป็นคนอาสามาส่งพวกเราครับ ตอนแรกพวกเราไม่มีใครอยากรบกวนพี่เขาแต่ว่าพี่แกเล่นมัดมือชกเอาของไปถือให้พวกเราซะงั้น มีของที่อุตส่าช็อปปิ้งเป็นตัวประกันอยู่ในมือพี่แกก็เลยต้องยอมให้พี่ซิกส์ไปส่งครับ ต้องเป็นตอนที่ผมให้เมษช่วยดูขนาดเสื้อให้แน่ๆ เลย ตอนนั้นเมษคงเผลอวางถุงช็อปปิ้งไว้พี่ซิกส์ก็เลยอาสามาถือของให้ ซวยเลยครับ
     แต่โชคดีที่คราวนี้ผมมีเตอร์มาด้วย แล้วในรถก็ยังมีเมษอีกคน ผมเลยบอกให้พี่ซิกส์ไปส่งเมษต่อด้วย พี่ซิกส์ก็เลยจำใจจอดให้ผมกับเตอร์ลงจากรถเฉยๆ อดตามผมขึ้นมาถึงในห้อง เป็นอันว่าจบวันอันยาวนานที่เหนื่อยแสนเหนื่อยของผมครับ จะว่าไปวันนี้ผมซื้อเสื้อผ้าใหม่เยอะเหมือนกันนะเนี่ย พอถือกันสองคนกับเตอร์แล้วพะรุงพะรังเชียว ตอนเดินช็อปมีเมษกับพี่ซิกส์ช่วยถือมันเลยดูไม่เยอะมั้งครับ อยากรู้จังว่าถ้าพี่ชัชเห็นผมใส่เสื้อผ้าพวกนี้แล้วจะคิดยังไง จะว่าไปผมไม่เคยช็อปปิ้งใช้เงินสุดเหวี่ยงแบบนี้มาก่อนเลยครับ เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ของผมเลยล่ะ
     ดังนั้นพอผมกับเตอร์ถึงห้องได้พวกเราก็เลยแยกย้ายกันพักผ่อน พอเตอร์ถึงห้องก็รีบกระโดดขึ้นเตียงนอนหลับไปแล้วละครับ เด็กอะไรขี้เกียจจริงๆ แต่ผมเองก็รู้สึกเหนื่อยๆ ขอพักซักครู่ก่อนแล้วกัน ไว้ค่อยลุกมาทำอาหารเย็นอีกทีตอนค่ำๆ เพราะว่าตอนกลางวันเตอร์ทานไปขนาดนั้นแถมพี่ซิกส์ยังเลี้ยงไอศกรีมก่อนกลับอีก หวังว่าเตอร์คงยังไม่หิวง่ายๆ หรอกนะครับ
     วันนี้เราอยู่ตามลำพังกันสองคนครับ พี่ชัชออกต่างจังหวัดอีกแล้ว ผมอดยอมรับไม่ได้นะว่าการมีเตอร์มาอยู่ด้วยมันก็ช่วยให้ผมคลายเหงาไปพอสมควร อยากให้พี่ชัชกลับมาเร็วๆ จัง ถึงยังไงเตียงนี่มันก็กว้างเกินไปสำหรับนอนคนเดียวจริงๆ แม้ปลอกหมอนกับผ้าปูจะมีกลิ่นของพี่ชัชอยู่แต่ความรู้สึกมันก็ไม่เหมือนกับการได้สัมผัสตัวกันจริงๆ หรอกครับ ผมคิดถึงอ้อมแขนแข็งๆ ของพี่ชัชเป็นบ้าเลย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#3/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน9
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 03-11-2014 12:27:12
พี่ชัชเลวไปมั้ย ขออย่าให้มีอะไรเลย ต้นรับไม่ไหวหรอ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#3/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน9
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 03-11-2014 12:41:15
ต้นน้ำ

     ในที่สุดก็ถึงวันที่เตอร์รอคอยครับ เด็กขี้เกียจอย่างเตอร์ยอมลุกตั้งแต่หกโมง เกือบจะลากผมออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงดี ให้ตายเถอะ ในงานเกมมันมีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นครับ ปกติงานพวกนี้เขาเปิดกันสิบโมงสิบเอ็ดโมงไม่ใช่หรือไง? แถมเพราะงานมันจัดไกลมาก เดินทางลำบาก ผมก็เลยต้องขับรถพาเตอร์ไป ผมไม่ได้ขับรถนานแล้ว แอบกลัวเหมือนกันนะครับเนี่ย ไม่มั่นใจเลยครับ
     ลงท้ายผมก็ถึงสถานที่จัดงานได้โดยสวัสดิภาพ แม้ว่าจะเสียเวลาหลงทางอยู่เป็นชั่วโมง เดือดร้อนเตอร์ต้องโทรหาเพื่อนรุ่นพี่เพื่อถามทาง แต่ตอนที่เตอร์ส่งโทรศัพท์ให้ผมคุย ผมว่าผมคุ้นๆ เสียงนั้นนะครับ
     ผมอุตส่าคิดว่าตัวเองเตรียมพร้อมดูเส้นทางมาจากในเน็ทแล้วเชียว แต่ผมลืมไปว่าบางทีเส้นทางมันก็ปรับเปลี่ยนกันได้ โดยเฉพาะพวกแยกที่ห้ามเลี้ยวห้ามยูเทิร์นบังคับเลี้ยวทำนองนั้น เดาใจจราจรไม่ถูกหรอกครับ เพราะฉะนั้นกว่าผมจะมาถึงงานได้ก็รู้สึกแย่พอสมควร อกสั่นขวัญแขวนไปหมดเลยครับ แต่ผมไม่กล้าบอกเตอร์หรอกนะ กลัวเตอร์ตกใจถ้ารู้ว่าผมพาหลง ก็ผมไม่ได้ขับรถบ่อยๆ จนเชี่ยวชาญเรื่องถนนหนทางเหมือนพี่ชัชนี่ครับ แต่ต้องนับถือเตอร์เลยที่ฉลาดและแก้ปัญหาเก่งมากๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเตอร์บอกให้ผมจอดรถแล้วตัดสินใจโทรถามทางป่านนี้คงหลงไปไกลกว่านั้นแล้ว
     พอผมหาที่จอดรถได้ เตอร์ก็แทบจะลากผมตรงไปยังทางเข้างาน เตอร์ยื่นบัตรเข้างานให้ผมหนึ่งใบ แล้วก็ขอตัวไปซื้อบัตรเข้างานของตัวเอง ผมพึ่งรู้ว่างานแบบนี้ต้องซื้อบัตรเข้างานด้วย ราคาแพงเอาเรื่องเหมือนกันนะนั่น กับอีแค่งานเกมทำไมถึงเก็บค่าเข้างานเป็นร้อย? แต่ผมไม่กล้าบ่นหรอกครับ แต่เห็นสีหน้าเตอร์ที่ยิ้มจนแก้มปรินั่นก็ดุไม่ลงแล้ว แต่หน้าบานได้ไม่นานเท่าไหร่ก็จ๋อยครับ ผมเห็นเตอร์บ่นเซ็งที่ไปลงทะเบียนอะไรซักอย่างไม่ทัน ผมมารู้ทีหลังว่าเขามาลงทะเบียนซื้ออุปกรณ์เกมราคาชิ้นละหนึ่งบาทกัน ก็น่าเสียดายจริงๆ นั่นแหละครับ เห็นเขาว่ากันว่าคนที่มาคนแรกมารอตั้งแต่ตีสี่แน่ะครับ เชื่อเขาเลย! แต่สิ่งที่เหลือเชื่อมากไปกว่านั้นคือเม้าส์กับคีย์บอร์ดบ้าอะไรราคาอันละหลายพัน! ผมจะเป็นลม!
     ในงานเสียงดังมากจนผมรู้สึกรำคาญ แสงสีเสียงดังสนั่นวูบวาบลายตาไปหมดเลยครับ พวกแต่งตัวแปลกๆ เดินกันให้ควั่ก ผมนึกว่ามีแต่พวกพริตตี้งานเกมซะอีก แต่เตอร์บอกผมว่าเขามีประกวดคอสเพลย์ด้วย ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจกลุ่มคนที่เรียกว่าคอสเพลย์มากเท่าไหร่ คงประมาณคนที่แต่งตัวเลียนแบบการ์ตูนใช่มั้ยครับ? เพราะเสียงมันดังมาก ผมก็เลยฟังที่เตอร์อธิบายรู้เรื่องบ้างไม่ได้ยินบ้าง แต่ที่ผมรู้แน่ๆ ก็คือระดับความโป๊ของพริตตี้งานเกมนี่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่างานมอเตอร์โชว์เลยครับ แต่ละบูธขนพริตตี้ในชุดวาบหวิวมาเรียกลูกค้ากันสุดๆ ตากล้องหื่นกามก็ทั้งถ่ายช้อนถ่ายซูมน่าเกลียดเป็นบ้าเลยครับ แถมหลานผมยังทำเนียนเอามือถือไปยืนถ่ายกับเขาด้วยเหมือนกัน! ถ้าผมรู้ว่างานเกมมีอะไรแบบนี้นะ ผมไม่พาเตอร์มาหรอก!
     ผมได้แต่เดินตามเตอร์เข้าบูธโน้นออกบูธนี้ไปเรื่อยๆ บางบูธก็มีคนต่อแถวกันยาวมากครับ คนแน่นมากๆ แน่นอนว่าหลานชายผมก็เป็นหนึ่งในนั้น มีของแจกกี่บูธกี่แถวหลานผมเก็บหมด! ถุงปั้มตราโลโก้ลายเกมต่างๆ มีกี่แบบเตอร์ไม่พลาดซักแบบ พอผมถามว่าจะเอาไปทำไมเยอะแยะ เตอร์ก็บอกว่ามันเป็นของพรีเมี่ยมครับ ต้องสะสม ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าจะสะสมไปทำไม? จะถุงไหนๆ ถ้ามันใช้ใส่ของได้ก็คือถุงน่ะแหละครับ แล้วถุงกระดาษอาบมันแบบนี้ใช่ว่าจะใช้ทน ผมว่ามันก็คือๆ กันกับถุงแจกของบริษัทยานั่นแหละ
     ระหว่างที่ยืนรอต่อแถวเป็นเพื่อนเตอร์ผมก็มองไปเรื่อยๆ จนสะดุดตาเข้ากับป้ายโปรโมชั่นในบูทของเกมนี้ พอดูรายการแล้วผมก็ต้องตกใจ ทำไมแพงจังเลยครับ? บางอันเกือบพันแน่ะ! ขายได้เหรอครับนั่น? ผมเห็นบางคนยังเป็นแค่เด็กประถมด้วยซ้ำ เด็กพวกนั้นเอาเงินมาจากไหนกันนะ แล้วพวกคนที่กล้าเติมเงินในเกมเป็นพันๆ นี่คิดยังไง เป็นผมๆ ไม่กล้าทำแน่ๆ ครับ ตอนเด็กๆ แม่ผมทำงานเหนื่อยแทบตายกว่าจะได้เงินมาผมไม่กล้าใช้สุรุ่ยสุร่ายหรอก ยิ่งตอนนี้ผมอยู่กับพี่ชัช ผมก็เห็นว่าพี่ชัชต้องทำงานหนักขนาดไหน ผมไม่กล้าใช้เงินไปกับเรื่องไร้สาระหรอกครับ
     “เตอร์ เราเติมเงินในเกมด้วยรึเปล่า?”
     เตอร์ดูจะแปลกใจที่ผมชวนคุย สีหน้าของเตอร์เลยดูประหลาดๆ ทั้งแปลกใจ ทั้งอึดอัด จนในที่สุดก็อ้อมแอ้มตอบออกมา
     “ก็มีบ้าง นิดหน่อยน่ะพี่ต้น”
     “แล้วเราเอาเงินมาจากไหน”
     “ก็เก็บจากค่าขนมที่เหลือไง”
     เตอร์รีบชิงตอบผมก่อนที่ผมจะเทศน์ยาว
     “โห พี่ต้นไม่ต้องห่วงหรอกคร้าบ ผมไม่ได้เติมเยอะถ้าจะเติมก็เก็บตังค์เอง แถมส่วนใหญ่ผมเล่นฟรีมากกว่า ไม่ทำให้พ่อเดือดร้อนหรอก”
     เตอร์กอดผม ตอนที่แก้ตัวเตอร์ก็อ้อนผมไปด้วย คงเพราะเรายืนอยู่ใกล้กันเตอร์ก็เลยเผลอยกแขนขึ้นโอบผมแล้วก็อ้อนเอาหัวมาไถผมตามปกติ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ปกตินี่ครับ ผมอายเขา! ผมเลยเอาศอกถองเตอร์ไปเบาๆ
     “โอ๊ย! พี่ต้น แค่นี้ไม่เห็นต้องโกรธจนศอกผมเลย!”
     “ก็เล่นให้มันดูหน่อย คนตั้งเยอะ พี่อายเขา”
     เตอร์ทำหน้าเหมือนพึ่งนึกได้แล้วก็รีบแก้ตัวทันทีครับ แต่ไม่ทันแล้วล่ะ ผมเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังผมกับเตอร์มองพวกเราแปลกๆ แล้ว
     “ก็อ้อนพี่ชายนิดเดียว มันจะเป็นไรไป ผมยังเป็นเด็กอยู่ ไม่น่าเกลียดหรอก”
     ก็ถ้าเตอร์เป็นเด็กตัวเล็กๆ น่ะไม่น่าเกลียดหรอกครับ แต่ดูสิ เด็กที่ผมเห็นนี่ถึงจะอายุสิบสี่ย่างสิบห้ายังเป็นเด็กชายอยู่แต่ว่าตัวสูงชะมัดเลย สูงตั้งร้อยเจ็ดสิบแปดเซ็นติเมตร ตัวโตกว่าผมอีก แถมไม่ใช่แค่สูงอย่างเดียวด้วยนะครับ ทั้งกล้ามทั้งไหล่ดูบึกบึนกว่าผมอีก แล้วแบบนี้มันดูเหมือนเด็กตรงไหนกันครับ? ผมไม่คิดว่าคนอื่นจะมองเราเป็นพี่กับน้องหรอก เพราะผมกับเตอร์หน้าก็ไม่ได้คล้ายกัน
     กว่าผมจะกับเตอร์จะเสร็จธุระตรงนั้นหลุดจากการต่อแถวยาวๆ แบบนั้นมาได้ก็ยืนจนเมื่อยครับ ใกล้เที่ยงแล้วด้วย ผมตั้งใจว่าจะชวนเตอร์ไปหาอะไรกิน แต่เตอร์บอกว่าในฮอลก็มีของกินขายครับ เตอร์พาผมเดินไปทางซุ้มที่ขาย... มาม่า?
     “ผมไม่ค่อยหิวอ่ะพี่ต้น อีกเดี๋ยวคอสจะขึ้นเวทีแล้วด้วย ผมนัดกับเพื่อนไว้แล้วว่าตอนเย็นจะไปกินบุฟเฟ่กัน พี่ต้นกินนี่ก่อนนะ”
     ผมหงุดหงิดนะ ทำไมผมจะต้องมาทนลำบากลำบนในงานไร้สาระแบบนี้แล้วก็อดทานข้าวกลางวันด้วยครับ!
     “น่านะ นะ พี่ต้น เพื่อนผมบอกว่ามื้อเย็นจะไปร้านอาหารญี่ปุ่นกัน อร่อยมากๆ ผมอยากเก็บท้องไว้กินมื้อเย็นรวดเดียวเลยอ่ะ”
     “แล้วทำไมไม่บอกพี่ก่อน พี่อยากไปทานบุฟเฟ่กับกับเราซะที่ไหน”
     “โหย ผมไปไหนพี่ต้นก็ต้องไปกับผมอยู่แล้ว น่านะ นะคร้าบ พี่ต้น ตามใจหลานหน่อยน้า”
     ผมจะทำอะไรได้อีกละครับ นอกจากเลยตามเลย ก็เตอร์มัดมือชกผมแบบนี้แล้ว ผมว่าผมคุ้นๆ วิธีแบบนี้นะครับ
     “ทีหลังอย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะ พี่ไม่ชอบ บอกกันก่อนซักคำก็ได้”
     “ผมรู้อยู่แล้วว่าลงท้ายพี่ก็ต้องตามใจผม รักพี่ต้นที่สุดเลยคร้าบ ฮ่าๆ”
     ลงท้ายผมก็เลยต้องทานอะไรแถวๆ นั้นแหละครับ โชคดีจังที่มีพวกแซนวิชขายด้วย ผมชอบแซนวิชมากกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพวกนั้นครับ
     “แซนวิชพี่ต้นน่ากินจัง ขอคำดิ”
     “แย่งพี่ แล้วไส้กรอกกับมาม่าเราล่ะ”
     “มันไม่อิ่มอ่ะ”
     ผมยิ้มออกมาทันทีครับ เตอร์เนี่ยน้า
     “ไหนบอกจะเก็บท้องไว้กินบุฟเฟ่ตอนเย็นไง”
     “โหย ได้ที ข่มใหญ่เลยนะพี่ต้น ใจร้ายอ่ะ”
     เพราะเห็นเตอร์ทำหน้ามุ่ยแล้วก็แกล้งงอนผมแบบนั้น ผมก็เลยอารมณ์ดี ผมยื่นแซนวิชไปทางเตอร์ ส่วนเตอร์ก็ไม่รอช้ารีบงับแซนวิชผมเข้าปากไปคำเบ่อเร่อ กลัวผมเปลี่ยนใจรึไงครับนั่น
     “ทูน่าไม่อร่อยเลยพี่”
     “กินของคนอื่นไปตั้งเยอะแล้วยังพูดมากอีก”
     พวกเราสองคนนั่งทานมื้อกลางวันง่ายๆ กันอยู่ในงานตรงซุ้มขายอาหารนั่นแหละครับ พอทานกันเสร็จแล้วเตอร์ก็ลากผมไปดูบูธต่างๆ อีกนิดหน่อย ก่อนที่จะชวนผมไปยืนรอดูพวกคอสเพลย์ขึ้นเวที เป็นอย่างที่เตอร์พูดไว้เลยครับ คนแน่นมากๆ เบียดกันจนผมแทบฝ่าเข้าไปไม่ไหวแน่ะ เตอร์เลยจับมือผมแล้วลากผมเดินตามแทน ข้อดีของคนตัวใหญ่สินะครับ กว่าเราจะไปถึงหน้าเวทีได้เตอร์ก็โดนสายตาไม่พอใจจากคนอื่นไปเยอะเหมือนกัน แต่หลานชายผมไม่สะทกสะท้านเลยซักนิด มีแต่ผมนี่แหละที่กลัวคนอื่นเขาจะเอาเรื่อง แต่ละคนท่าทางน่ากลัวทั้งนั้นเลยครับ บางคนก็มากันเป็นกลุ่มเลย โชคดีนะครับที่ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
     ผมที่ไม่ค่อยรู้จักการ์ตูนได้แต่ยืนอุดหูอยู่ข้างๆ เตอร์ที่ส่งเสียงเชียร์ร้องตะโกนเย้วๆ อยู่ข้างเวทีครับ อะไรจะขนาดนั้นหลานผม ท่าทางสนุกขนาดนั้น ต่อให้ผมเบื่อแค่ไหนก็ว่าไม่ลงหรอกครับ เพื่อให้ได้มางานเกมนี้เตอร์ยอมเชื่อฟังผมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งช่วยผมทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เวลาที่ผมตำหนิหรือตักเตือนอะไร เตอร์จะรีบจัดการเดี๋ยวนั้นไม่มีอิดออดเลยครับ ไม่อยากจะยกความดีให้สักเท่าไหร่ แต่นี่สินะพลังของงานเกมที่มีต่อเด็กติดเกมอย่างเตอร์ แต่เอาเถอะครับได้เห็นเตอร์มีความสุขท่าทางสนุกสนานขนาดนี้ แถมผมเองก็ได้มาเปิดหูเปิดตา บางทีพวกเกมออนไลน์กับกิจกรรมทำนองนี้มันก็อาจจะไม่ได้แย่เท่าไหร่ก็ได้
     พอเราดูพวกคอสเพลย์เสร็จ เตอร์ก็ลากผมไปเล่นกิจกรรมต่อที่บูธเกมครับ เพราะมากันสองคนผมก็เลยได้รับแจกใบเล่นเกมกับเขาด้วย พวกเรานั่งเล่นบิงโกกัน ในขณะที่พิธีกรบนเวทีประกาศเลขตัวที่หก ผมกำลังจะกาตัวเลขตัวที่สามในกระดาษของผม เตอร์ก็ยกมือขึ้นอย่างสะใจ เตอร์ได้รางวัลที่หนึ่งของเกมไปแล้ว ผมเห็นเตอร์ยิ้มหน้าบานวิ่งขึ้นไปรับรางวัลอย่างดีใจ ท่ามกลางเสียงนินทาด้วยความอิจฉาของคนอื่น มีแต่คนแปลกๆ ทั้งนั้น ขนาดคนที่นั่งข้างๆ ผมกับเตอร์ยังมาสะกิดคุยกับผมเลยว่าเตอร์โชคดีมากแล้วก็ถามว่าพวกเราชื่ออะไรในเกม เล่นเอาผมไม่กล้าสบสายตากับใคร
     แต่แล้วผมก็ต้องเขินมากกว่าเดิมเมื่อผมกาได้บิงโกด้วยเช่นกัน เตอร์ดีใจใหญ่เร่งให้ผมขึ้นไปบนเวทีรับรางวัล แต่รอบนั้นได้กันหลายคนครับ ส่วนรางวัลที่สามมีอยู่สามอันเราก็เลยต้องเป่ายิ้งฉุบกัน เตอร์ส่งเสียงเชียร์ผมดังลั่นตะโกนบอกให้ผมชนะให้ได้เพราะอยากได้ของรางวัลในรอบนั้นจนพิธีกรแซวว่าพวกเราโชคดีทั้งคู่ พิธีกรถามผมว่าอยากได้อะไรผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะผมไม่ได้เล่นเกมเลยได้แต่บอกไปว่าอยากได้ตัวที่เตอร์อยากได้ ผมถูกล้อว่าเป็นพี่ชายตัวอย่างด้วย ผมอยากจะมุดดินหนีจังเลยครับ ไม่ชอบเป็นเป้าสายตาแบบนี้เลย
     ลงท้ายผมก็ชนะได้ของที่เตอร์อยากได้จนได้ละนะ เตอร์เลยได้กำไรสุดๆ ไปเลยครับ ได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านเพียบ ยิ่งตอนที่ผมกับเตอร์ไปลงชื่อหลังเวทีแล้วมีคนมาถามเตอร์ว่าขายรางวัลนั้นมั้ย ผมได้ยินราคาที่เขาเสนอเตอร์แล้วจะเป็นลม! ของแบบนั้นมันขายได้หลายพันเลยเหรอครับ? แต่เตอร์ไม่ยอมขายครับ บอกว่าจะเก็บไว้เล่นเอง
     พอเสร็จกิจกรรมนี้ เตอร์ก็บอกว่าจะไปรวมตัวกับเพื่อนเพราะเสร็จธุระแล้ว เลยขอตัวไปโทรถามเพื่อนว่าอยู่ที่ไหน ผมก็ได้แต่เดินตามเตอร์ไปเรื่อยๆ แหละครับ เตอร์พาผมเดินออกมาด้านนอกแถวที่มีพวกคอสเพลย์ชุมนุมกันอยู่เยอะๆ หันซ้ายหันขวาอยู่พักหนึ่งเพราะหากันไม่เจอ พอโทรหากันอีกรอบซักพักก็มีคนเดินมาทางเราครับ
     “ใช่ท่านนอร์ทบอยป่ะขอรับ?”
     “ใช่ครับ”
     คนที่มาทักเตอร์ดูโตกว่าเตอร์เยอะเลยครับ น่าจะอายุพอๆ กับผมด้วยซ้ำ ว่าแต่ นั่นมันภาษาอะไรกันละครับนั่น?
     “แล้วท่าน?”
     “กระผมริวเซย์สตาร์ขอรับ”
     “อ้าว ดีครับท่านริวรั่ว ฮ่าๆ”
     ผมไม่เข้าใจครับ! คงเพราะเตอร์เห็นสีหน้าแปลกๆ ของผม เตอร์ก็เลยหันมาแนะนำผมด้วย
     “เออ นี่พี่ชายผมครับ”
     “โอ้ สวัสดีขอรับท่านพี่!”
     เตอร์หันมาแนะนำผมให้เพื่อนเขารู้จัก แต่... ผมควรจะตอบกลับไปว่าอะไรดีครับ เพื่อนเตอร์คนนี้ประหลาดเกินไปแล้ว! ลงท้ายผมก็เลยได้แต่เดินตามเตอร์กับเพื่อนคนนั้นไปจนถึงที่ๆ พวกเขานั่งกัน พอเตอร์เดินไปถึง คนในกลุ่มก็ลุกขึ้นแล้วส่งเสียงประหลาดใหญ่เลยครับ ผมตกใจแทบแย่นะ
     “โอ้ส! ตบมือต้อนรับละอ่อนเหนือของพวกเราหน่อยคร้าบ ท่านผู้นี้ของแรร์สุดๆ อ่ะ”
     แล้วคนที่นั่งอยู่กลุ่มนั้นก็ตบมือกันจริงๆ ครับ แต่ละคนแซวเตอร์อย่างกับรู้จักกันมานาน ทั้งๆ ที่ทุกคนยังต้องแนะนำตัวด้วยซ้ำว่าใครเป็นใครบ้าง แต่บรยากาศกลับดูเป็นกันเองสุดๆ ผมแอบเหวออยู่หน่อยๆ นะครับ ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ แต่แล้วก็มีเสียงเรียกชื่อผมดังขึ้น
     “อ้าว นั่นต้นมนุษย์น้ำแข็งภาคฟิสิกส์ไม่ใช่เหรอ?”
     นั่นมันฉายาอะไรกันละครับ? แต่ข้อมูลถูกต้องแบบนั้นก็ทำให้ผมหันไปตามเสียงเรียก
     “พี่เปา?”
     “พี่ต้นรู้จักด็อกเตอร์บาคุด้วยเหรอ?”
     “อะไรนะ? ด็อกเตอร์บาคุ?”
     “เอ่อ นั่นชื่อล็อกอินในบอร์ดของกระผมเอง”
     ผมมองผู้ชายใส่ชุดแปลกๆ แต่คุ้นหน้าคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็งง นี่มันอะไรกันครับ? เตอร์รู้จักกับพี่เปารุ่นพี่ภาคเคมีที่มหาลัยของผมด้วย ถึงผมกับพี่เปาจะไม่สนิทกันเท่าไหร่แต่ก็คุ้นเคยกันพอสมควรครับ เพราะผมอยู่กลุ่มเดียวกับพี่เขาตอนรับน้องคณะวิทย์ พี่เขาเป็นคนที่มีเอกลักษณ์แปลกๆ บางอย่างแกเลยจำง่าย ผมไม่มีทางลืมอยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่คิดนะครับว่าพี่แกจะจำผมได้ รุ่นน้องมีตั้งเยอะแล้วผมก็ไม่ใช่เด็กในภาคแกด้วย
     หลังจากที่คนอื่นรู้ว่าผมกับพี่เปาอยู่มหาลัยเดียวกัน ทุกคนก็เผื่อแผ่บรรยากาศเป็นกันเองมาถึงด้วย ผมนั่งฟังพวกเขาคุยกันรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง นั่งมองอะไรไปเรื่อยๆ บ้าง ไม่รู้จะทำอะไรเพราะเตอร์มัวแต่ไปวิ่งถ่ายรูปอยู่ ผมก็เลยเลือกนั่งอยู่ใกล้ๆ กลุ่มของพวกเขาแถวๆ นั้นรอ เพราะบางคนต้องรอขึ้นเวทีตอนเย็นอีกรอบ พอเตอร์ถ่ายรูปเสร็จก็กลับมานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนแล้วก็เฮฮากันต่อ ตอนที่พวกเขาคุยกันมีพยักพเยิดมาทางผมเล็กน้อย จากนั้นผมก็ถูกมองแปลกๆ  ผมมองเตอร์ที่กำลังคุยกับคนอื่นอย่างออกรส แต่ดูท่าทางเตอร์เขินๆ ครับ มีสาวน้อยในกลุ่มสองสามคน พวกเธอแต่งคอสเพลย์ด้วย ผมเห็นเตอร์คุยๆ แล้วก็แอบหน้าแดง พูดมากน้อยกว่าปกติ ชักยังไงๆ ซะแล้วสิ
     ผมนั่งรอเตอร์อยู่ใกล้ๆ เขากับเพื่อน ดูอะไรไปเพลินๆ แต่แล้วผมก็ถูกเพื่อนของเตอร์คนนึงสะกิด
     “น้องๆ สนใจคอสมั้ย?”
     “เอ่อ... ครับ?”
     “พอดีมีน้องคนนึงเขากลับไปแล้ว เลยมีชุดเหลือชุดนึง น้องคนนั้นเขาตัวเท่าน้องพอดีเลย ลองแต่งดูมั้ย? น้องเอวเท่าไหร่อ่ะ”
     ผู้ชายคนที่ทักผมนี่ดูยังไงก็ไม่ใช่วัยรุ่นครับ อายุเกินยี่สิบห้าแน่ๆ จู่ๆ เขาก็มาถามอะไรผมแปลกๆ เตอร์ที่ฟังอยู่ก็เลยแทรกขึ้นมาคุยกับพี่เขาซะเอง แล้วคุยกันอีท่าไหนไม่รู้เตอร์ก็หันมาบอกผมว่าให้ไปเปลี่ยนชุดซะงั้น
     “ไม่ดีมั้งเตอร์”
     “ไม่เป็นไรหรอกพี่ต้น ก็แค่กางเกงกับเสื้อคลุม น่า ลองดูหนุกๆ พี่ต้นต้องใส่แล้วเท่มากแน่ๆ เลย”
     “พี่ไม่ถนัดเรื่องพวกนี้”
     “ได้โปรดเถอะ ถือว่ากระผมขอร้อง อยากเห็นท่านต้นคอสมากเลยขอรับ”
     อ้าว ไหงพี่เปาร่วมวงด้วยแบบนั้นล่ะ? แล้วทำไมต้องพูดภาษาประหลาดๆ แบบนั้นด้วย?
     “ไม่ดีกว่าครับ ผมใส่ไปก็ไม่เท่หรอกครับ”
     “เท่สิคะพี่ พี่เคะจะตาย พี่หน้าใสอยู่แล้วด้วย หนูมีเครื่องสำอางค์ เดี๋ยวหนูแต่งหน้าให้อีกนิดรับรองเกิดค่ะพี่!”
     “นะพี่นะ เนี่ยทีมหนูจะได้คนครบๆ พี่ช่วยพวกหนูหน่อยนะคะ”
     สาวน้อยสองคนนั้นหันมาร่วมวงกดดันผมซะแล้ว แถมคนอื่นๆ ยังช่วยกันเชียร์อีก ทำไมจู่ๆ ทุกคนถึงจับมือกันมายุส่งผมแบบนี้ล่ะ?
     และแล้วก็เลยกลายเป็นว่าผมถูกเตอร์กับพี่เปาลากไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำครับ แบบเสื้อน่ะไม่เท่าไหร่ แต่... กางเกงมันเป็นสีขาวเนี่ยสิครับ แล้วก็ค่อนข้างพอดีตัวด้วย รู้สึกมันคับๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ แถมพอออกมาแล้วยังถูกจับใส่สายรัดอะไรแปลกๆ อีกก็ไม่รู้ตรงต้นขา แต่ดีที่ว่าผมใส่รองเท้าคนละเบอร์ เลยไม่ต้องใส่บูทคู่นั่น แถมเสื้อแจ็กเก็ตนี่ก็สั้นเลยเอวด้วย ไม่ปิดด้านหลังผมเลย ดีนะครับที่ปกติผมไม่ได้ใส่ชั้นในสีเข้มอยู่แล้ว ไม่งั้นคงน่าเกลียดแน่ๆ ให้ตายเถอะ ผมไม่เคยใส่ชุดประหลาดๆ แบบนี้มาก่อนเลย รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ ไม่มั่นใจเลย!
     “โห ขาสวยมากเลยพี่ต้น กะแล้วว่าพี่ต้นต้องใส่ชุดนี้ขึ้น”
     “หมายความว่าไง?”
     “เปล๊า ไม่มีไรพี่ ไปเหอะๆ เพื่อนผมรออยู่”
     แล้วผมก็ถูกลากออกจากห้องน้ำ พอเห็นผมคนแถวนั้นฮือฮากันใหญ่ ผมชักกลัวแล้วสิครับ นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ย? แต่ละคนมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ทั้งนั้นเลย เขินนะครับ
     ผมถูกสาวน้อยสองคนนั้นจับแต่งหน้า อุตส่าหนีไม่ไปช็อปปิ้งกับพี่ษาเพราะไม่อยากเป็นตุ๊กตาถูกจับแต่งตัว แล้วผมก็ต้องมาโดนเพื่อนของเตอร์จับแต่งหน้า เกิดมาก็พึ่งจะโดนเขียนอายไลน์เนอร์นี่แหละครับ ถ้าเมษรู้ผมต้องโดนล้อแน่ๆ แถมน้องคนนึงยังเอาแว็กซ์มาใส่หัวของผมอีก รู้สึกเหมือนหัวตัวเองถูกขยำจนมึนเลยครับ อยากส่องกระจกจังเลยไม่รู้ว่าผมจะกลายเป็นตัวประหลาดแค่ไหนแล้ว!
     พอทุกคนหยุดมือลงแล้ว ผมก็ได้โอกาสส่องกระจก ไม่อยากจะเชื่อเลยครับว่าคนในกระจกคือผม! น้องๆ เขากรี๊ดกร๊าดดีใจกันใหญ่ ลากผมไปถ่ายรูปเยอะแยะเชียว ผมเองก็ทำตัวไม่ถูก เขินเป็นบ้าเลยครับ ผมถูกน้องๆ กับบรรดาตากล้องสั่งให้ทำท่าประหลาดๆ ตั้งหลายท่า ถูกให้ไปถ่ายรูปคู่กับคนอื่นๆ แบบ... เอ่อ... เอาเป็นว่าถูกจับให้อยู่ใกล้ๆ กันจนผมอึดอัดก็แล้วกันครับ แต่พอผมเรียกเตอร์ว่าให้พอเถอะผมอายเขา เตอร์กลับไม่ยอมแถมยังรวมกลุ่มกับเพื่อนยุผมให้แอ๊คท่าต่อไป สรุปผมกลายเป็นของเล่นให้คนอื่นไปแล้ว? แม้แต่พี่เปายังแกล้งผมทั้งถ่ายรูปทั้งแซวสนุกสนานเป็นการใหญ่เลยครับ มีเอาความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องมาแกล้งบังคับผมด้วย! กว่าผมจะหลุดจากนรกตรงนั้นมาได้แล้วได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดของตัวเอง แทบตาย! ยังดีที่น้องเขาขอสละสิทธิ์รอบบ่าย ไม่งั้นถ้าผมต้องขึ้นเวทีไปยืนแอ๊คท่าโชว์ตัวแบบนั้นจริงๆ ผมต้องบ้าตายแน่ๆ ครับ!
     ส่วนรางวัลปลอบใจของผมก็คืออาหารญี่ปุ่นมื้อเย็นสุดอร่อย ซึ่งเหลือเชื่อว่างานนี้เตอร์เป็นคนจ่ายให้ผม อร่อยสมราคาคุยจริงๆ ครับ งานนี้ผมก็เลยได้เพื่อนแปลกๆ เพิ่มขึ้นเยอะเลย เพราะพี่เปาแท้ๆ ดูท่าพี่แกจะติดใจผมมาก เพราะได้ข่าวว่าแกกับเตอร์สนิทกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้วในกลุ่ม ยิ่งพอรู้ว่าเตอร์เป็นน้องผมแกก็เลยตี้ซี้ผมใหญ่พลางชวนให้คนอื่นๆ มาคุยกับผมมากขึ้นด้วย ผมก็พึ่งรู้นะครับว่าในกลุ่มมีเด็กมหาลัยเดียวกับผมหลายคนเหมือนกัน แถมยังอยู่ชมรมเกมกระดานกันด้วย พี่เปาชวนผมเข้าชมรมด้วยแหละครับ แต่ผมก็ยิ้มๆ ตามสไตล์แล้วก็บอกว่าขอคิดดูก่อน
     พวกเขาคุยกันสนุกมากๆ แซวด้วยมุขแปลกๆ ที่ผมไม่รู้จัก แต่ว่าบรรยากาศเฮฮาแบบนี้ก็แปลกไปอีกแบบนะครับ แม้ว่าจะเสียงดังไปหน่อยก็เหอะ ดีที่พวกเราจ้องห้องพิเศษไว้เลยไม่ต้องทนกับสายตาไม่พอใจของแขกโต๊ะอีกๆ ผมไม่เคยไปทานข้าวกับเพื่อนๆ แล้วเฮฮาขนาดนี้มาก่อนเลย พี่เปานี่คุยสนุกจริงๆ พอจะแยกย้ายกันผมก็เลยแลกเบอร์ติดต่อกับพี่เปาไว้ครับ จะได้เอาไว้แอบสอดส่องเตอร์ด้วย ดูท่าพี่แกรู้อะไรดีๆ เกี่ยวกับหลานผมคนนี้เยอะเหมือนกัน
     ส่วนเตอร์หลานชายผมน่ะเหรอครับ? ทานเข้าไปขนาดนั้นจนจะเดินแทบไม่ไหวแล้ว สมน้ำหน้า! แถมเจ้าตัวยังมีหน้ามาบอกว่าเพราะผมกินไม่คุ้มค่าหัวอีกนะครับตัวเองถึงต้องกินแทนผม แต่ผมว่าดีไม่ดีร้านเขาจะขาดทุนน่ะสิ เพื่อนๆ เตอร์แต่ละคนทานจุกันทั้งนั้นเลย ขากลับผมขับรถกลับสบายๆ เพราะมีคนช่วยบอกเส้นทางมาให้เรียบร้อย ผมก็ว่าแล้วว่าทำไมผมคุ้นๆ เสียง ก็เสียงพี่เปานั่นแหละครับ พี่แกใจดีช่วยอธิบายทางให้ผม เพราะงั้นผมก็เลยขับรถกลับถึงคอนโดได้อย่างสวัสดิภาพ ติดก็ตรงเตอร์นี่แหละครับ หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ให้ตายสิขี้เกียจจริงๆ กินอิ่มแล้วก็นอน เหมือนใครนะ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



น้องต้นไปงานเกม ฮ่าๆ  o13
คนแต่งชอบเล่นเกม เลยไปงานเกมบ่อยๆ ไม่อยากจะอวดสรรพคุณงี่เง่าของตัวเองว่าเติมเงินเป็นหมื่นๆ ก็ทำมาแล้ว ผีเข้าสิงล่ะ เคยคอสเพลย์ด้วย สมัยก่อนอยู่บอร์ดการ์ตูน มีมีทติ้งกับเพื่อนๆ ก็สนุกดี เลยแอบเอาบรรยากาศแบบนั้นมาเขียน

ต้นที่ค่อนข้างใช้ชีวิตอึดอัดไปเจอพลพรรคโอตาคุบ้าๆ ก็แปลกไปอีกแบบ โดนจับคอสด้วยฮ่าๆ แต่บรรยายไปชัดแบบนั้นคนอ่านคงเดาได้แหละว่าต้นโดนบังคับให้คอสตัวอะไร ฮ่าๆ ได้แมะๆ? ท่าทางในกลุ่มจะมีสาววายด้วยนะนั่น หึๆ

เนื้อเรื่องเหมือนจะไหลออกทะเลอีกแล้ว... ไม่หรอก ทุกอย่างมันมีเหตุผลและที่มาที่ไปนะ ตอนนี้ผู้กล้าต้นน้ำกำลังสะสมสมัครพรรคพวกเพื่อไปต่อกรกับจอมมารอยู่จ้า เริ่มจากเคลียร์เสต็จคนใกล้ตัวเสร็จแล้วก็ปราบคนในหมู่บ้าน ต่อมาอาจจะต้องยกระดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึงเป้าหมายสุดท้ายนั่นแหละ
แต่ระหว่างนั้นคนแต่งแอบอยากใส่ประเด็นต่างๆ ลงไปเองแหละ ฮ่าๆ สถานการณ์มันเหมาะเจาะพอดีน่ะ

จะได้ทิ้งระยะด้วยไง นึกดูตามจริงแล้วมันก็จะราวๆ นี้แหละ ช่วงที่คู่รักเริ่มเบื่อกันขึ้นมา บางคู่แย่ลง บางคู่ก็ผ่านมันไปได้ พี่ชัชเลยอาจจะสับสนอยู่มั้ง  :really2: ว่าแต่มีอะไรทำให้พี่ชัชสับสนน้า?
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#3/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน9
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 03-11-2014 12:59:03
เรื่องราวของ NorthBOY & Dr.BAKU

     NorthBOY : หวัดดีขอรับท่านด็อกเตอร์
     Dr.BAKU : โอ้ ถึงบ้านแล้วหรือขอรับ
     NorthBOY : ถึงละพี่ โคตรอิ่มเลยหลับตลอดทาง 55
     Dr.BAKU : แล้วหลงทางหรือไม่ขอรับ
     NorthBOY : ม่ายเลย ดีนะที่พี่ช่วยบอกทางให้ ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่ต้นโคตรเอ๋อเรื่องแผนที่อ่ะ
     Dr.BAKU : ว่าพี่ชายตัวเองไม่ดีนะขอรับ ฮ่าๆ
     NorthBOY : ไม่ได้ว่าครับ ผมชมว่าพี่ผมโมเอ้โคตรๆ
     Dr.BAKU : หึ หึ แล้วท่ายอายาเสะล่ะขอรับ? เห็นท่านอายาเสะตัวจริงแล้วคิดไง
     NorthBOY : …. พูดยากว่ะพี่ ตัวจริงก็น่ารักอยู่ แต่ไม่ได้น่ารักอะไรเท่ากับในรูป อวบกว่าคล้ำกว่าแล้วก็หน้าไม่ใส โบ๊ะโคตร
     Dr.BAKU : พูดเหมือนเลิกชอบเขาแล้วเลยนะขอรับ
     NorthBOY : ก็ตัวจริงกับในแชทมันไม่เหมือนกันเลยนี่พี่ ในแชทโคตรน่ารักเลย ตัวจริงแรงไปอ่ะ ผมรับไม่ได้
     Dr.BAKU : ผมก็เคยเตือนท่านแล้วว่าอย่าหวังมาก ทีนี้ท่านก็เชื่อที่ท่านบันเคยพูด ถอนตัวได้แล้วสินะขอรับ
     NorthBOY : อือ รู้สึกโง่ยังไงก็ไม่รู้ ทะเลาะกันเรื่องจีบหญิงเนี่ย ในมีทก็แทบไม่ได้คุยกันเลย พี่บอกมันให้ผมหน่อยดิว่าผมขอโทษที่เคยด่ามันไปหาว่ามันจะกั๊กไว้เอง ผมเชื่อละว่ามันพูดจริง
     Dr.BAKU : แล้วผมจะบอกให้นะขอรับ แต่ผมว่างานนี้ท่านระวังตัวเองไว้หน่อยดีกว่า ผมว่าท่านอายาเสะเธอต้องเข้าหาท่านแน่ๆ
     NorthBOY : อ้าว ไมอ่ะพี่?
     Dr.BAKU : ก็ท่านพี่ของท่านหล่อเกินไปน่ะสิขอรับ ท่านอายาเสะคลั่งพี่ชายท่านสุดๆ ไปเลย ในกระทู้ที่เธอเขียนวันนี้ชมแต่พี่ชายท่านทั้งนั้น
     NorthBOY : พี่ต้นเนี่ยนะ?
     Dr.BAKU : ขอรับ ใช่คนนี้ป่าวขอรับที่เคยพูดถึง
     NorthBOY : ใช่ คนนี้แหละแฟนอาผม
     Dr.BAKU : ดีนะครับที่ท่านเป้กลับไปก่อน ไม่งั้นมีหวังพี่ชายท่านโดนจีบแน่ๆ
     NorthBOY : พี่ชายผมหล่อใช่มั้ยล่ะ 55
     Dr.BAKU : หล่อขอรับ หล่อจนเด็กคณะกระผมตามจีบตรึมทั้งหญิงทั้งชาย แถมยังมีเด็กวิศวะมาม่ออีกเพียบ
     NorthBOY : จริงดิ พี่ต้นไม่เคยเล่าไรให้ผมฟังเลย
     Dr.BAKU : จริงขอรับ พี่ชายท่านมีข่าวลือไม่ดีเพียบ แต่ที่แน่ๆ เรื่องที่เป็นเกย์ก็ไม่ใช่ข่าวลือแล้วสินะขอรับ
     NorthBOY : พี่ต้นรักอาผมโคตรๆ ไม่มีทางนอกใจอาผมหรอก
     Dr.BAKU : แต่มีคนมารับกลับบ้านบ่อยๆ นะขอรับ ท่าทางรวยมาก อาท่านรู้เรื่องนี้รึเปล่าขอรับ
     NorthBOY : โหยพี่พูดไรเนี่ย ผมกลัวนะ พี่ต้นไม่มีทางทำไรงั้นหรอก เพื่อนกันมั้งพี่
     Dr.BAKU : มีข่าวลืออีกเรื่องด้วยนะขอรับ เด็กเคมีลือกันว่าพี่ชายท่านกิ๊กกับอาจารย์ภาคเรา พี่ชายท่านถึงได้มีเกรดอันงดงาม
     NorthBOY : อาจารย์คนที่ว่าชื่อต้นเหมือนกันป่ะพี่?
     Dr.BAKU : ขอรับ
     NorthBOY : ….
     Dr.BAKU : เป็นอะไรหรือขอรับ
     NorthBOY : ผมมีไรจะบอก แต่พี่ต้องสัญญานะว่าห้ามบอกใคร ถ้าพี่ต้นรู้ว่าผมบอกพี่ พี่ต้นฆ่าผมแน่
     Dr.BAKU : เรื่องอะไรหรือขอรับ?
     NorthBOY : เดี๋ยวผมโทรหาดีกว่าพี่ แป็บ

     “มีอะไรรึขอรับ ถึงกับต้องโทรมา”
     “เรื่องพี่ต้นอ่ะแหละพี่”
     “ทำไมรึขอรับ?”
     “ความจริง... จารย์คนที่ว่าเป็นพ่อพี่ต้น”
     “จริงหรือขอรับ!”
     “จริงดิ ละผมหมายถึงพ่อลูกกันแท้ๆ เลยนะพี่ ผมเคยเจอพี่สาวคนละแม่พี่ต้นมาแล้ว แต่เรื่องนี้พี่ต้นไม่อยากบอกใครเพราะพี่ต้นเขาไม่ได้อะไรกับทางนั้น เขาอยู่กับอาผมเนี่ย อาผมเป็นคนส่งเสียพี่ต้นมาตั้งนานแล้ว อาผมกับพี่ต้นรักกันตั้งแต่พี่ต้นยังไม่จบม.ปลายเลย พาพี่ต้นกลับมาเที่ยวบ้านย่าทุกปีอ่ะ”
     “เช่นนั้นท่านต้นก็รักกับอาของท่านมาตั้งนานแล้วสินะขอรับ งี้ข่าวพวกนั้นที่บอกว่าพี่ของท่านกิ๊กเยอะก็มั่วอ่ะดิ”
     “แหงดิพี่ พี่ก็เห็นแล้วว่าพี่ต้นขี้อายจะตาย แถมดุโคตรๆ ด้วย บางทีก็เอ๋อๆ ไม่ทันตอนถูกพวกเราแกล้งด้วยซ้ำ พี่คิดว่าอย่างพี่ต้นจะเป็นแบบที่เขาลือกันได้เหรอ? นี่ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ต้นโดนคนอื่นเข้าใจผิดๆ ผมไม่บอกพี่หรอก ความลับพี่ต้นเลยนะเนี่ย เกิดพี่ต้นรู้ว่าผมเอาเรื่องนี้มาบอกพี่มีหวังโกรธผมตาย พี่รู้ป่ะเวลาว่างนอกจากทำงานบ้านแล้วพี่ต้นอ่านหนังสือทบทวนตลอดเลยนะ แถมพี่ต้นยังเคยเล่าให้ผมฟังเลยว่าแค่อยู่ชมรมดนตรีก็โดนพ่อว่าแล้ว หาว่าไร้สาระ ตั้งแต่มาอยู่กับพี่ต้นนี่ผมยังไม่เห็นพี่ต้นจะจับกีต้าร์เลยซักวันอ่ะ นอกจากจับตำรากับไม้กวาดแล้วก็มีแต่ทำงานบ้านงานครัวอ่ะ คอมก็แตะโคตรน้อย ทำไมคนชอบเข้าใจพี่ผมผิดเยอะจัง ถึงพี่ต้นจะนิ่งๆ ดูเย็นชาแต่ใจจริงพี่เขาเป็นคนน่ารักมากนะพี่ พี่คุยกับพี่ต้นแล้วไม่รู้สึกเหรอว่าพี่ต้นโมเอ้จะตาย อย่างกับเรียวมะเลย”
     “ขอรับ หลังจากได้คุยกับท่านต้นผมก็เห็นด้วยกับท่านขอรับ ถึงที่ผ่านมาผมจะไม่ค่อยชอบหน้าท่านต้นก็เถอะ แต่ตอนนี้เอาใจผมไปเลยขอรับ โมเอะมาก”
     “อ้าว? ไมเป็นงั้นอ่ะ”
     “ก็เพราะพี่ชายท่านเป็นมนุษย์น้ำแข็งโคตรหยิ่งขอรับ ทำตัวเหมือนมาเรียนอย่างเดียวไม่เอาสังคมเลย ไม่ยอมเปิดใจให้ใคร รุ่นพี่รุ่นน้องภาคตัวเองยังบ่นเลยขอรับ ใครชวนไปไหนก็ไม่ไป กิจกรรมก็ไม่ค่อยเข้าร่วม เพราะท่านต้นหน้าตาดีคนเลยสนใจเยอะแต่หลังๆ ก็ถอดใจบอกว่าท่านต้นหยิ่งกันเพียบ”
     “เป็นงั้นไป พี่ต้นไม่ไปกับไอ้พวกขี้หลีก็ดีแล้วนี่พี่ จะหาเรื่องให้อาผมโดนตีท้ายครัวรึไง”
     “ถ้าเป็นงั้นก็น่าจะบอกกันไปเลยสิขอรับว่ามีแฟนแล้ว เด็กภาคผมอกหักกันเพียบ”
     “ก็มันบอกได้ที่ไหนเล่า ไอ้เรื่องเป็นเกย์อ่ะไม่เท่าไหร่ แต่บอกได้ไงว่ามีแฟนแก่กว่าแถมอยู่ด้วยกัน พี่ต้นไม่กล้าหรอก คงกลัวโดนถามเรื่องครอบครัวด้วยแหละ พี่ต้นกลัวคนอื่นรู้สุดๆ ไปเลยนะพี่ว่าเป็นลูกอาจารย์คนนั้นอ่ะ พึ่งดีกันได้ไม่นานนี้เอง ก่อนหน้านั้นเขาทะเลาะกันจะตาย”
     “มิน่าล่ะ อาท่านขี้หึงรึขอรับ ผมเห็นท่านต้นตรงดิ่งกลับบ้านทุกวันเลย เรียนเสร็จก็รีบกลับบ้านไม่ค่อยไปเที่ยวไหนต่อกับเพื่อนแม้แต่คนในกลุ่มตัวเอง”
     “อาผมอ่ะขี้หึงเยอะอยู่ แต่พี่ต้นงกเป็นนิสัยอยู่แล้วพี่ ไอ้เรื่องใช้ตังค์ฟุ่มเฟือยอ่ะไม่มีหรอก บ้านผมไกลด้วยมั้งเลิกเรียนเลยรีบกลับบ้านกลัวรถติด ไหนจะต้องกลับมาทำกับข้าวให้อาผมอีก พี่รู้ป่าวแม้แต่ซักรีดเสื้อผ้าพี่ต้นก็ทำเองนะ ไม่ยอมส่งร้านอ่ะ โคตรประหยัด ละนิสัยแบบพี่ต้นอ่ะเหรอจะให้ไปเดินเที่ยวดูหนังกับเพื่อน ผมว่าไม่มีทางอ่ะ พี่ต้นแกไม่ได้หยิ่งหรอก แต่แกเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว”
     “นั่นสิขอรับ พอได้คุยแล้วแตกต่างจากที่ผมคิดไว้มากเลย แต่วันนี้ผมทราบความจริงแล้วขอรับ พี่ชายท่านโมเอะมาก เคะสุดๆ ไปเลยขอรับ”
     “ใช่ป่ะ ถ้าจับพี่ต้นแต่งหญิงต้องแจ่มแน่ๆ สายแทรปสุดๆ อ่ะ พี่ชายผมติดสกิลแม่บ้านขั้นสุดยอดเลย”
     “ขนาดไม่แต่งหญิงยังสวยเลยขอรับ พี่ชายท่านหน้าสวยมากๆ”
     “ฮ่าๆ พูดตรงใจผมเลยพี่”
     “เตอร์ ดึกแล้วทำไมยังไม่นอกอีก?”
     “เฮ้ย! แป็บนะพี่ พี่ต้นมา”
     “ขอรับ”
     “คร้าบๆ พี่ต้น แค่โทรไปบอกเพื่อนว่าถึงบ้านแล้วเองครับ เดี๋ยวก็นอนแล้ว”
     “อืม ก่อนนอนอย่าลืมปิดโน้ตบุ๊คแล้วเก็บให้เรียบร้อยด้วยล่ะ อย่าวางทิ้งไว้บนเตียงเดี๋ยวปัดตกแล้วจะเจ๊งเอา อย่าให้พี่รู้นะว่าเราไม่ยอมนอนแอบเล่นเกมทั้งคืน”
     “คร้าบๆ”
     “แค่นี้ก่อนนะพี่ พี่ต้นด่าแล้ว บอกให้ผมปิดคอมนอนแล้วเนี่ย กำลังคุยมันๆ เลย”
     “ฮ่าๆ ไทป์คุณแม่สินะขอรับ”
     “ใช่เลยพี่ โดนว่ะ!”
     “ฮ่าๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



นี่มันโอตาคุตัวพ่อ! เพื่อนใหม่น้องต้นเป็นโอตาคุ เหอะๆ  :hao7: สนุกล่ะสิงานนี้
สาววายบางคนก็น่ารัก แต่บางคนที่เป็นฟุโจชิก็น่ารังเกียจจริงๆ นั่นแหละ แต่สาววายมักจะภูมิใจกับความเป็นสาววายของตัวเอง คำนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ แต่กับโอตาคุ เคยเกิดประเด็นร้อนแรงมาแล้ว
บางคนพอใจในความคลั่งการ์ตูนของตัวเอง พฤติกรรมของเขามันก็เข้าขั้นโอตาคุจริงๆ นะ แต่ไม่ถึงกับไม่อาบน้ำอาบท่าคุยกับคนอื่นในสังคมไม่ได้หรอก แต่บางคนก็WannaBeมากๆ น่ารำคาญ พยายามเป็น พวกนี้แหละคิโม่ยอย่างแรง คิดว่าคำนี้มันเท่เลยพยายามเป็น แสดงออกแบบกร่างๆ จนดูน่ารังเกียจ คนบางกลุ่มที่มีปัญหากับอีพวกโอตาคุตรรกะเพี้ยนเลยเหมารวมด่าว่าโอตาคุเสียๆ หายๆ ทั้งๆ ที่โอตาคุบางคนก็น่ารักนะ เขาแค่บ้า แค่ชอบจนคลั่งไคล้ แต่พฤติกรรม จิตใจ ตรรกะไม่ได้แย่
เดี๋ยวนี้ผู้ชาย 25+ ไร้คู่มากขึ้น เราพบชายหนุ่มวัยทำงานนั่งทานข้าวเย็นคนเดียวกับการ์ตูนในมือบ่อยขึ้น บางคนเซ็งผู้หญิงเลยหันไปทุ่มเทให้ของพวกนี้แทน ส่วนผู้หญิงก็ชอบบ่นผู้ชายกินกันเอง พวกที่เป็นฟุโจชิก็บอกไม่แคร์ไม่สนชอบใจ โลกมันเปลี่ยนไปละ ฮ่าๆ

แต่ว่าชื่อเสียงน้องต้นในมหาลัยไม่ดีเลยน้า ... ข่าวไม่ดีเยอะน้อ ตัวเอกผู้บอบบาง(ทางจิตใจ)ของเราจะต้านทานไหวมั้ยนะ?  :ling3:


**โหมดโฆษณาแฝง**

พอดีลงเรื่องสั้นไว้จ้า 5ตอนจบ+2ตอนพิเศษ สั้นแบบสั้นมาก แนวอบอุ่นหัวใจใสกิ๊งไร้มลพิษ ตัวเอกแตกต่างกับคุณน้องต้นลิบลับ ขานั้นซึ่นพิมพ์นิยมมุ้งมิ้งงุ้งงิ้งบรรยากาศฟรุ้งฟริ้งมาก ใครอยากพักตับที่ปวดระบมจากเรื่องนี้แนะนำเลย พี่รุกข์น้องขุน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44255.0)
          เรื่องสั้นของคนที่บังเอิญผ่านมาเจอกันในวันเจอโจร ท่ามกลางเงาไม้บรรยากาศเป็นใจในซอยเปลี่ยว มิตรภาพกวนๆ ก็เลยถือกำเนิด ก่อเกิดเป็นความคำนึงโดยไม่รู้ตัว
น้องขุนกับพี่รุกข์ คนสองคนที่บังเอิญแวะมาคุยกันใต้ต้นไม้
ขุน:ทำไมคุณถึงชอบทำผมตกใจนะ อย่าโผล่มาแบบนี้บ่อยๆ สิ
รุกข์:เพราะใครบางคนทำให้ข้าเผลอใจก่อนทำไมล่ะ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#3/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน9
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 03-11-2014 14:48:26
เก๊าอยากให้อิพี่ชัช สติแตกตอนเห็นเมียหล่อมีคนจีบเป็นล้าน

เหอๆๆ ถึงจะตกปลาตัวนี้ได้แล้ว แต่ถ้าไม่เลี้ยงให้ดีก็โดดน้ำหนีได้นะ
แถมยังมีคนจ้องปลาตามันมันอีกล้านเจ็ด

อยากเห็นคอสหน่วยบุกเบิกจัง
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#3/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ6
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 03-11-2014 23:41:50
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 6

พี่ต้น น้องเตอร์

     ตอนที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือ อยู่ๆ เตอร์ก็เปิดประตูห้องวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
     ดึกมากแล้ว แต่เพราะผมยังเพลินกับการพิสูจน์สมการทางฟิสิกส์อยู่ผมก็เลยยังไม่นอน ความจริงผมก็รู้นะว่าเตอร์เองก็คงยังไม่ยอมนอนง่ายๆ เช่นกัน แต่เพราะเป็นปิดเทอมผมก็เลยหยวนๆ ให้ แต่การที่เตอร์วิ่งหน้าซีดมาหาผมถึงในห้องนอนกลางดึกโดยไม่เคาะประตูก่อนแบบนี้มันทำให้ผมแปลกใจพอสมควร
     “พี่ต้นๆ แย่แล้ว!”
     “อะไร?”
     เตอร์ยืนจังก้าอยู่ตรงประตูที่เปิดค้างไว้ มือขวาของเตอร์กำอยู่ตรงเป้าเกางเกงส่วนอีกมือยังจับลูกบิดประตูอยู่เลยครับ ผมเพิ่งเคยเห็นท่าทางแบบนี้ของเตอร์เป็นครั้งแรก อะไรทำให้หลานผมออกอาการหน้าซีดได้ถึงขั้นนี้ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยเห็นเตอร์กลัวอะไร
     “เลือดออก”
     “เลือด? เป็นแผลเหรอเตอร์?”
     “ผม....”
     “เป็นอะไรล่ะ? เจ็บตรงไหน?”
     เพราะเห็นเตอร์นิ่งไปไม่ยอมพูดอะไร ผมเลยขยับตัวลุกออกจากเตียงตรงไปหาเตอร์ แต่เพิ่งจะสะบัดผ้าห่มออกได้เท่านั้นแหละ เตอร์ก็พูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ เบาราวกับกระซิบ
     “ไอ้นั่นผมเลือดออก”
     .....
     ผมจนปัญญาถึงขั้นนึกคำอุทานไม่ออกเลยครับ “ไอ้นั่น” ของเตอร์คงไม่ใช่... เพื่อความชัวร์ ผมตัดสินใจถามย้ำไปชัดๆ
     “เตอร์มีแผลเลือดออกตรงไหนนะ?”
     “ตรงนั้นพี่ ไอ้นั่นผมเลือดออก”
     “อย่าล้อพี่เล่นน่า ตรงน้ะ-”
     “ก็ค.วยแหละพี่! ช่วยผมก่อนเลือดมันไม่ยอมหยุดไหลเลย มันจะอันตรายมั้ยพี่ ผมกลัว”
     เตอร์พูดด้วยสีหน้าคล้ายคนจะร้องไห้ หน้าก็ซีดเผือด คงกลัวมากจริงๆ แต่ผมสิ อยากเป็นลม!
     “โอเค! แล้ว... เตอร์จะให้พี่ช่วยอะไร”
     “ทำยังไงก็ได้ให้เลือดมันหยุดไหลอ่ะพี่! ผมกลัว”
     “งั้นไปหาหมอมั้ย เดี๋ยวพี่พาไปเอง”
     “ไม่เอาพี่! ผมอาย”
     ผมตั้งใจว่าจะพาเตอร์ไปหาหมอแต่เตอร์กลับรีบขัดผมซะก่อน ผมก็เข้าใจความรู้สึกเตอร์นะ ตอนนั้นผมก็กลัวเหมือนกัน แต่ยังไงซะความอายก็ชนะความกลัว ผมก็เลยไม่กล้าบอกใคร ถ้าตอนนั้นไม่ได้เมษช่วยเอาไว้ผมคงแย่แน่ๆ
     เตอร์ทำท่าอย่างกับคนจะร้องไห้ ไม่รู้ว่าเจ็บมากรึเปล่า แต่ผมเกลียดเลือด แถมเลือดยังออกตรงนั้นอีก... ผม...
     “พี่ต้น...”
     โอเค! ผมตัดสินใจแล้ว หวังว่าเลือดมันคงไม่เยอะเท่าไหร่นะครับ ยังไงผมก็เกลียดเลือดอยู่ดี
     “โอเค งั้นให้พี่ดูแผลหน่อย ถอดกางเกงแล้วไปนั่งที่เตียงไป”
     ผมสั่งเตอร์แล้วก็เดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่พี่ชัชเก็บไว้ตรงตู้เสื้อผ้า เตอร์ทำตามที่ผมสั่งอย่างว่าง่าย ถลกพรืดเดียวก็มานั่งล่อนจ้อนโชว์... เอ่อ ... โชว์บาดแผลชี้หน้าผม เอ้ยไม่สิ!
     ให้ตายสิ! ชอบไม่ใส่กางเกงในตอนอยู่บ้านเหมือนกันทั้งอาหลาน แต่ของพี่ชัชใหญ่กว่า อ๊ะ! แล้วผมจะคิดบ้าอะไรเนี่ย นี่เป็นอันที่สามที่ผมเห็น ให้ตายเหอะ! ผมจะบ้าตาย! สติครับสติ! ของผมก็มีผมไม่ควรตื่นเต้นกับของคนอื่น!
     ผมคุกเข่าลงหน้าเตอร์แล้วก็พยายามดุเตอร์เพื่อเปลี่ยนเรื่อง
     “แล้วทำยังไงถึงได้มีแผลจนเลือดออกฮึ๊?”
     “มันจะอันตรายมั้ยพี่ต้น มันจะยังใช้ได้เหมือนเดิมรึเปล่า? ผมกลัว”
     “บ้า! คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง”
     ผมพยายามให้กำลังใจเตอร์ ก็เข้าใจนะครับ เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่สำหรับผู้ชายนี่นา แต่ความจริงแล้วผมเองก็ไม่รู้หรอกครับ
     โชคดีที่แผลไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แถมเลือดไม่ได้เยอะมากเหมือนคราวที่เตอร์โดนมีดบาด ผมเลยไม่ค่อยกลัว
     ผมค่อยๆ จับอวัยวะที่เกิดบาดแผลอย่างเบามือ เพราะจุดเกิดเหตุมันอยู่ด้านล่างตรงเส้นสองสลึง ผมเลยต้องดันมันขึ้นให้เห็นบาดแผลได้ชัดๆ
     “อู้ย! พี่ต้นเบาๆ ผมเจ็บ”
     “เลือดออกมากเลยนะเตอร์”
     ผมมองซากทิชชู่ที่เตอร์เอากดห้ามเลือดไว้ก่อนจะเปิดแผลให้ผมดู สีแดงเข้มกระจายเป็นหย่อมๆ ทั้วแผ่นเลยครับ แล้วพอเอาทิชชู่ออกเลือดก็เริ่มปริ่มๆ ไหลออกมาอีกแล้ว
     คงเพราะอยู่ใกล้กัน แล้วผมก็ต้องคุกเข่าก้มมาดูแผลให้ชัดๆ ผมถึงได้รู้สึกถึงกลิ่นเลือดแล้วก็กลิ่นอะไรบางอย่าง ผมใจคอไม่ดีเลยครับ สีแดงสดแบบนี้ ทั้งสีทั้งกลิ่น อยากเป็นลมเป็นบ้าเลย!
     ผมกดผ้าก็อซลงบนบาดแผลอย่างเบามือแล้วขอความเห็นเตอร์
     “เอาน้ำแข็งประคบดีมั้ย?”
     “จะดีเหรอพี่?”
     “แต่เค้าว่ากันว่าเวลาเลือดไหลก็ให้หาอะไรเย็นๆ ประคบนี่ เลือดจะได้หยุดเร็วๆ ไง เพราะเอ่อ... ตรงนี้คงรัดแผลไม่ได้ด้วย”
     “แต่มันเย็นนะพี่ต้น”
     “แต่นี่เราก็กดแผลตั้งนานแล้วนะ มันยังไม่ยอมหยุดเลย ถ้าไม่อยากเลือดไหลทั้งคืนก็น่าจะ...”
     “พี่ต้น ฮึกๆ ผมกลัวอ่ะพี่”
     เตอร์ร้องไห้! เตอร์น้ำตาไหลต่อหน้าผม แถมยังเสียงสั่นเครือใหญ่เลย เตอร์สะอื้นเหมือนเด็กเลยครับ
     “ไม่เป็นไรนะเตอร์ อย่าร้องน่า รอพี่อยู่นี่นะ กดไว้ก่อน เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำแข็งมาประคบให้ แป็บเดียว”
     ผมสั่งเตอร์แบบนั้นแล้วก็รีบเดินออกมาเอาน้ำแข็ง พอกลับเข้าไปในห้องผมก็เอาผ้าขนหนูผืนเล็กๆ มาห่อน้ำแข็งไว้แล้วประคบลงไปแถวๆ นั้น
     “โอ้ยเย็นอ่ะพี่!”
     “น้ำแข็งก็ต้องเย็นสิ”
     เตอร์เงียบไปพักนึง เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกัน ผมก็มีสมาธิกับการทำหน้าที่ปฐมพยาบาลเต็มที่โดยไม่วอกแว่ก แต่แล้วจู่ๆ เตอร์ก็เรียกผมอีกครั้ง
     “พี่ต้นๆ”
     “อะไร?”
     “มัน... มันจะยังใช้งานได้อยู่ใช่มั้ยพี่”
     “ไม่รู้สิ ให้เลือดหยุดไหลก่อนเถอะ”
     “แต่ผมกลัวนี่พี่ต้น ถ้า... ถ้ามันเป็นไรไปอีกหน่อยผมไม่มีใช้แล้วจะทำยังไง”
     “สมน้ำหน้า ทำอะไรไม่คิด”
     “ผมเปล่านะพี่! ผมแค่... ผมก็แค่ชักตามปกตินั่นแหละ”
     “ปกติอะไรจะขาดแบบนี้ หื่นไม่บันยะบันยังน่ะสิ”
     “ทำเบาๆ ก็ไม่มันดิพี่”
     “แล้วทำแรงๆ ทำเอามัน แต่เจ็บตัวเลือดอาบแบบนี้มันคุ้มมั้ย?”
     “ก็มัน... ก็มันเพลินไปหน่อยอ่ะ เลยเผลอ แล้วก็เป็นงี้อ่า”
     “อะไรจะเพลินขนาดนั้น แอบเปิดเว็บโป๊อีกแล้วล่ะสิ”
     “เปล่านะพี่! ผมเจอดีวีดีที่ซ่อนไว้ในตู้หนังสือต่างหาก เลยเอามาเปิดดูเล่น ของอาชัชมีแต่แจ่มๆ ทั้งนั้น อาชัชชอบแต่แบบแรงๆ ทั้งนั้นเลย สามรุมหนึ-”
     “พอแล้ว! ไม่เจ็บแล้วหรือไง”
     ให้ตายเถอะ! เจ็บอยู่แท้ๆ จากเดิมที่มันออกอาการคอพับคออ่อนเพราะถูกกดไว้ ตอนนี้มันดันตื่นมาชูคอหน้าสลอนให้ผมซะงั้น มีแต่เรื่องหื่นๆ ในสมองทั้งอาทั้งหลาน!
     “ขอโทษครับ ผมเล่าเพลินไปหน่อย”
     “ช่างมันเถอะ แล้วหายเจ็บรึยังล่ะ?”
     “อืม ก็ค่อยยังชั่วแล้วครับ ตะกี้โคตรเจ็บเลย แต่ตอนนี้ไม่มากแล้วอ่ะ มันชาๆ”
     “แหงสิ เจอน้ำแข็งเข้าไปนี่ เหมือนเลือดจะหยุดไหลแล้วนะ”
     ผมลองแง้มผ้าออกดู เลือดหยุดไหลแล้วจริงๆ ด้วยครับ
     “ทายามั้ยเตอร์?”
     “ยาอะไรพี่? มันจะดีเหรอ แล้วอันตรายป่าว?”
     “แล้วไม่งั้นให้พี่ทำไงล่ะ ว่าแต่จะไม่ไปให้หมอดูซักหน่อยเหรอ?
     “แต่ผมอายอ่ะ”
     “อายกับไม่มีใช้จะเอาอย่างไหน?”
     “วะไว้พรุ่งนี้นะพี่ต้น คืนนี้ดึกแล้ว รอดูก่อนเหอะ”
     “งั้นก็ทายาไว้หน่อยมั้ย?”
     “อืม เอางั้นก็ได้ครับ”       
     สุดท้ายเตอร์ก็ยอมตามใจผม สารภาพว่าความจริงผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าทายาแล้วจะหายรึเปล่า ตอนนั้นที่ผมเอ่อ... นั่นแหละ เอาเป็นว่าตอนครั้งแรกของผมที่ได้เลือดเหมือนกัน ผมก็หายเองตามธรรมชาติครับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหายได้ยังไง เพราะวันต่อมาผมก็รถคว่ำไปนอนอยู่โรงพยาบาลแล้ว กว่าจะออกจากโรงพยาบาลก็เป็นเดือน แต่ว่าแผลของเตอร์มันก็ไม่ใช่เล็กๆ นี่ครับ ผมก็เป็นห่วงเตอร์นะ ถึงเลือดจะหยุดไหลแล้วก็เถอะ ผมเองก็กังวลเหมือนกันแหละ เคยเจอเรื่องแบบนี้ซะทีไหน
     “งั้นเดี๋ยวพี่ทายาแล้วจะพันแผลไว้ เตอร์ก็... ก็อย่าไปยุ่งกับมันซักพักล่ะ”
     “แต่...”
     เตอร์ดูอึกอักไม่กล้าพูด ทำท่าเหมือนมีอะไรบางอย่าง
     “อะไรเหรอ?”
     “แล้วพี่จะพันแผลยังไง มัน.. มันจะไม่หลุดเหรอพี่? ขนาดตอนนี้กับตอนปกติมันไม่เหมือนกันซักหน่อย พี่จะเปิดหัวมันไว้ตลอดเหรอ แล้วผมจะ... จะฉี่ได้ไง”
     “.....”
     ผมอึ้งนะครับ บอกตามตรงผมเองก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลยเหมือนกัน
     “ไม่รู้แหละ ก็ทำให้มันหลับสิ”
     “มันทำได้ที่ไหนเล่าพี่ คนยิ่งค้างๆ อยู่”
     “นั่งสมาธิมั้ย?”
     “ไม่เอาอ่ะพี่ พี่ต้นช่วยผมหน่อยดิ”
     “บ้า! จะให้พี่ช่วยยังไงฮึ๊ เรื่องแบบนี้!”       
     เด็กบ้า! ให้ตายเถอะ อยู่ๆ เตอร์ก็พูดอะไรน่าเกลียด ผมรู้สึกว่าตัวเองต้องกำลังหน้าแดงทั้งหน้าแน่ๆ
     “ด่าไรก็ได้หน่อย ฟังเสียงพี่ต้นบ่นแว้ดๆ เดี๋ยวผมก็สงบเองแหละ”
     ถ้าเมื่อกี้ผมกำลังหน้าแดงเพราะเขิน ตอนนี้ผมกำลังหน้าแดงเพราะโมโหครับ ใช้ได้ที่ไหนเด็กคนนี้! เรื่องอะไรมาว่าผม!
     “ใจร้าย พี่ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ ว่าพี่ขี้บ่นเหรอ นิสัยไม่ดี ทีหลังเป็นไรไม่ต้องมาให้พี่ช่วยเลยนะ”
     “โห พี่ต้นอ่ะ สุดยยอด เอาอีกๆ กำลังเซ็งเลยพี่ เริ่มละๆ”
     เด็กบ้า! เตอร์แกล้งผม! เจ้าเด็กนี่กำลังหาเรื่องแกล้งผมอยู่!
     “งี่เง่าน่ะ! โน่นเลย ห้องน้ำ ไปจัดการให้เรียบร้อยเลย ไปสงบสติอารมณ์ในโน้นเลยไป๊ สงบแล้วค่อยออกมาให้พี่ทำแผล เดี๋ยวพี่ไปเอากางเกงตัวใหม่มาให้”
     ผมพูดพร้อมกับดันเตอร์ไปทางห้องน้ำ ให้ตายสิ! ยังมีหน้ามาหัวเราะผมอีกครับ เด็กอะไร! แต่ก็ดีครับ เห็นเตอร์หัวเราะก็ดีกว่าตอนนั่งร้องไห้แบบเมื่อกี้เยอะเลย คงหายเจ็บแล้วมั้ง เพราะเตอร์คงต้องใช้เวลาพักใหญ่ในห้องน้ำ ผมเลยกะจะเดินไปหยิบกางเกงที่ห้องของเตอร์ให้ แต่ขอคว้าโทรศัพท์ซะหน่อย ยังไงก็คงต้องโทรสินะครับ เรื่องแบบนี้ถามหมอดีที่สุด แล้วระหว่างรื้อกองเสื้อผ้าของเตอร์หากางเกงให้ ผมก็กดโทรศัพท์หาหมอเอกไปด้วย
     “เอกดนัยรับสายครับ”
     พอปลายสายรับ ผมก็แนะนำตัวก่อน เพราะปกติเราไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก ยกเว้นเวลาผมติดสอยห้อยตามพี่ชัชไปไหนนั่นแหละครับ ถึงจะได้เจอแก
     “หมอเอกเหรอครับ ผมต้นน้ำนะครับ”
     “อ้าวต้นเหรอ มีอะไรรึเปล่า? โทรมาดึกเชียว”
     “ขอโทษที่โทรมารบกวนตอนดึกนะครับ คือ.. พอดีผมมีเรื่องจะปรึกษาหมอนิดหน่อยครับ”
     “โรคเหงาใจรึไง นายชัชไม่อยู่บ่อยๆ กังวลล่ะสิ” 
     เพราะเป็นคนประเภทเดียวกันสินะครับ ถึงได้คบกันได้...
     เบอร์สายด่วนในโทรศัพท์ของผมที่พี่ชัชบอกให้เมมเบอร์ไว้เผื่อเวลาฉุกเฉินที่พี่ชัชไม่อยู่แล้วผมต้องการความช่วยเหลือมีอยู่สองเบอร์ครับ เบอร์แรกเป็นเบอร์หมอเอกเพื่อนสนิทของพี่ชัช ส่วนอีกเบอร์เป็นเบอร์พี่ฟ่าง ความจริงแล้วผมกับพี่ฟ่างก็ยังติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ นะครับ เราส่งข้อความทักกันบ้างนิดๆ หน่อยๆ หรือบางครั้งเวลาที่มีเรื่องอะไรที่ผมไม่อยากให้ใครรู้ ผมก็มักจะไปขอความช่วยเหลือจากพี่ฟ่าง โดยเฉพาะเรื่องพี่ชัชนี่แหละครับ มันแปลกรึเปล่านะที่แฟนใหม่กับแฟนเก่าของผู้ชายคนนึงจะคุยกัน แต่ถ้าผมไม่ได้พี่ฟ่างคอยส่งข่าวให้ผมก็ไม่สบายใจหรอกครับ ก็พี่ชัชน่ะ... ไม่สิ ตอนนี้ผมควรจะตั้งสมาธิเรื่องของเตอร์
     “หมอแซวเล่นนิดหน่อย งอนเลยเหรอ หึๆ”
     “เปล่าครับ ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะพูดยังไงดี”
     “เอาๆ มีไรก็ว่ามา มีไรจะถามหมอ จะถามเรื่องกิ๊กไอ้ชัชมันรึไง”
     ผมพูดอะไรไม่ออกนอกจากถอนหายใจ พอหมอเอกได้ยินเสียงผมถอนหายใจยาวเหยียดก็หัวเราะลั่น ผมเลยต้องพยายามสุดชีวิตที่จะทำน้ำเสียงจริงจัง อยากรู้จริงๆ เลย คนๆ นี้เป็นหมอได้ยังไงนะ!
     “พอดีเพื่อนผมมีแผลน่ะครับ แต่บริเวณเกิดเหตุมัน... มันอยู่ใกล้ตรงนั้น ตอนนี้เลือดหยุดแล้ว แต่เพื่อนผมเขากังวลมาก... เอ่อ เราจะทำยังไงได้บ้างครับ”
     ผมพยายามจริงจังแล้วนะ แต่... พอพูดไปแล้วมันก็... ให้ตายเถอะ! ยังไงผมก็ไม่กล้าพูดอยู่ดีครับ มันน่าอายจะตาย
     “เอาใหม่ดีๆ ซิต้น หมอฟังไม่เข้าใจ”
     “เอ่อ... เพื่อนผมเป็นแผลตรงนั้น”
     “ตรงนั้นมันตรงไหนล่ะ ต้นพูดแบบนี้หมอจะรู้เรื่องมั้ย”
     “เอ่อ...”
     “เอ้า มัวแต่อ้ำอึ้งอยู่นั่นล่ะ อายหมอไม่หายนะต้น เพื่อนรึเรากันแน่เนี่ย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น”
     “ไม่ใช่นะครับ เพื่อนจริงๆ!”
     “แล้วเพื่อนเราน่ะเป็นอะไร”
     “เพื่อน... เพื่อนผม”
     เอาล่ะ ตายเป็นตายครับ!
     “เพื่อนผมช่วยตัวเองแรงไปจนเส้นสองสลึงขาดครับ ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว แต่เพื่อนผมเขากลัวมาก จะทำยังไงดีครับ คือ... เขาโทรมาถามผมน่ะครับ”
     “เพื่อนแน่เหรอต้น”
     “ครับ เพื่อนครับ”
     “เอาเถอะ หมอก็ว่าไม่ใช่เราหรอก ไอ้ชัชมันบ่นประจำว่าสะกิดยากสะกิดเย็น หึๆ”
     “คุณหมอ!”
     “เอาล่ะๆ หมอไม่กวนแล้ว ก็ไม่ต้องทำอะไร เลือดหยุดก็ปลอดภัยแล้ว ทายาหน่อย จะพันแผลด้วยก็ได้ถ้าไม่รำคาญ แต่ต้องรักษาเรื่องความสะอาดแล้วก็ระวังอย่าให้อับชื้น เออ! แล้วก็บอกเพื่อนเราให้พักการใช้งานสักระยะด้วยนะ”
     “แล้วแผลแบบนี้ต้องไปให้หมอดูมั้ยครับ”
     “อยากให้หมอดูเพื่อความแน่ใจก็ไปได้ แต่เท่าที่ฟังเลือดหยุดแล้วก็แปลว่าแผลไม่น่าจะแย่มาก ถ้านิดเดียวแล้วอายหมอก็ไม่ต้องมาหรอก แต่ถ้าเลือดไหลไม่หยุดหรือแผลเหวอะหวะมากก็รีบไปหาหมอเถอะ อาจจะต้องเย็บ”
     “ถึงขั้นเย็บเลยเหรอครับ!”
     “ใช่ แล้วแผลมันเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
     “ก็ไม่ลึกมากนะครับ ขาดนิดหน่อย แต่ไม่ได้เหวอะหวะอะไร”
     “พูดเหมือนเห็นเลยนะต้น หึๆ”
     “มะไม่ใช่นะครับ! ก็... ก็ผมฟังเพื่อนผมเล่ามา”
     “เพื่อนคนไหนล่ะเนี่ย คุยเรื่องแบบนี้กันด้วย แล้วนี่ไอ้ชัชมันรู้รึเปล่า?”
     “ผมผู้ชายนะครับหมอ จะคุยเรื่องแบบนี้กับเพื่อนก็ไม่แปลกอะไร”
     “ฮ่าๆ ช่ายๆ ไม่แปลก หึๆ อุ๊บ ... ขอให้เพื่อนหายเร็วๆ ละกันต้น อ้อ! ถ้าคืนนี้เพื่อนเรานอนไม่หลับก็เอายาแก้ปวดให้เพื่อนเรากินด้วยล่ะ ซีลีเบรกซ์น่ะ รู้จักใช่มั้ย? ไอ้ชัชมันน่าจะมีติดบ้านไว้อยู่”
     ผมพูดอะไรไม่ออกแล้วครับ!
     “ขอบคุณหมอเอกมากนะครับ ผมรบกวนแค่นี้แล้วกันครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ”
     พอผมพูดจบก็กดตัดสายทันทีครับ ก็รู้นะครับว่าทำแบบนี้มันไม่ดีเท่าไหร่ แต่... ให้ตายเถอะ! ผมพยายามสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะคลายมือออกจากการขยำกางเกงของเตอร์ที่หยิบติดมือมา ยับหมดเลย แต่เตอร์คงไม่สังเกตหรอกมั้งครับ?
     ตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป เตอร์ยังไม่ออกจากห้องน้ำเลยครับ ผมก็เลยหยิบโน่นหยิบนี้มารอทำแผลให้เตอร์ แล้วก็เตรียมยากับน้ำไว้ให้ด้วย แต่พอเตอร์ออกจากห้องน้ำมา ได้เลือดอีกแล้ว ผมส่ายหัวแบบปลงๆ แล้วนิ่วหน้าให้เตอร์ ส่วนเตอร์ก็ยิ้มแหยๆ ให้ผม แล้วก็มานั่งประจำที่เดิมให้ผมทำแผลแต่โดยดี โชคดีนะครับ ที่รอบนี้มันสลบเหมือดหมอบราบคาบจริงๆ
     ผมทำความสะอาดแผลใหม่ก่อนจะป้ายยาให้เตอร์อย่างเบามือที่สุดครับ แต่ระหว่างนั้นจู่ๆ เตอร์ก็ขอโทษผม
     “ขอโทษนะครับพี่ต้น ต้องมาทำอะไรแบบนี้ให้ผม”
     คงเพราะเห็นสีหน้าเซ็งๆ ของผม เตอร์ก็เลยอ้อนผมใหญ่ ผมเลยเงยหน้ามองสบตาเตอร์นิดนึงก่อนจะตอบ
     “ช่างเถอะ ผู้ชายเหมือนกัน พี่ไม่คิดมากหรอก”
     “อื้อ พี่ต้นใจดีที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่ว่าพี่ต้นอย่าบอกอาชัชนะ”
     “อืม พี่ไม่บอกหรอก”
     ให้ผมบอกว่าผมจับไอ้นั่นของผู้ชายคนอื่นเหรอครับ! อี๊ ไม่เอาหรอก ขืนพูดไปมีหวังพี่ชัชอาละวาดบ้านแตก เรื่องบางเรื่องพี่ชัชก็ไร้สาระมากๆ ผมไม่กล้าเสี่ยงหรอกครับ ผมไม่อยากให้เตอร์มีปัญหากับพี่ชัชด้วย
     “ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าพี่ต้นจะฟ้องอาชัชซะแล้ว”
     “พี่จะฟ้องทำไม?”
     “ก็ผมแอบเอาหนังโป๊อาชัชมาดูไง กลัวอาชัชเตะอ่ะ”
     “แล้วที่เอาคอมลงเกมจนเต็มเครื่องนั่นล่ะ ไม่กลัวเหรอ”
     “ม่ายอ่ะ เดี๋ยวพอผมจะกลับก็ลบออก เกลี้ยง เรียบร้อย!”
     “อย่าไปเผลอลบงานพี่ชัชเข้าล่ะ”
     ผมพูดพร้อมกับยิ้มให้เตอร์ เด็กคนนี้นี่ เจ้าเล่ห์จริงๆ เลย
     “เอาล่ะ เสร็จแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาดูแผลอีกทีแล้วกัน แต่ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว”
     “มันจะโอเคจริงๆ เหรอพี่ต้น?”
     “อืม ไม่เป็นไรหรอก เลือดก็หยุดแล้ว รอบหลังก็ออกนิดเดียว ทายาแบบนี้ซักสองสามวันก็คงหาย แต่เตอร์ต้องดใช้งานซักระยะนะ”
     “แล้วผมจะฉี่ยังไงอ่ะ?”
     “ไม่เกี่ยวกันนี่ ก็ทำธุระของเราไปสิ แต่ระวังอย่าให้แผลเปียกก็พอ”
     “แต่พี่ต้นบอกงดใช้งาน”
     “บ้า! พี่หมายถึง...”
     “อ๋อ ห้ามชักว่าว ฮ่าๆ”
     “นั่นแหละๆ เข้าใจแล้วก็ใส่กางเกงแล้วไปนอนได้แล้ว”
     “ไม่ถอกแล้วผมจะฉี่ได้ไง พี่ก็เห็น”
     เออจริงด้วย! ผมลืมไปซะสนิทเลยว่าของเตอร์ไม่เหมือนของผม เตอร์ไม่ได้ขลิบครับ ทุกอย่างยังอยู่ครบ
     “ก็... ไม่รู้สิ ดึงเบาๆ มั้ง”
     “แล้วถ้าเลือดมันออกล่ะ”
     “โอ้ยพี่ไม่รู้แล้ว! งั้นพรุ่งนี้ก็กินน้ำน้อยๆ ละกันจะไม่ได้ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ นอนเหอะเตอร์ ดึกแล้ว”
     “แต่ว่า...”
     “ไม่มีแต่! พี่ง่วง!”
     ผมก็รู้นะว่าตัดบทเตอร์แบบนี้มันไม่ดี แต่... ไม่ไหวแล้วครับ มาถามอะไรผมแบบนั้นล่ะ ผมจนปัญญาแล้วครับ ก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้แล้ว ที่เหลือผมไม่รู้แล้ว
     “พี่ต้นใจร้ายอ่ะ ผมกลุ้มจริงๆ นะพี่”
     “พี่ก็รู้ แต่เตอร์จะให้พี่ทำยังไงล่ะ ก็พี่ไม่รู้นี่ ของเตอร์ไม่เหมือนของพี่นี่นา พี่จะไปรู้ไงได้”
     “ไม่เหมือนได้ไง ผู้ชายเหมือนกัน”
     “ก็... ก็...”
     “ไม่เหมือนยังไง?”
     “พี่ พี่ ... พี่ไม่มี... แม่พี่ให้หมอเอาออกให้ตั้งแต่เกิดแล้ว!”
     เตอร์เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะทำหน้ากระจ่าง แต่รอยยิ้มของเตอร์นี่สิ ผมหวั่นๆ ใจยังไงไม่รู้แฮะ
     “อ๋อ! พี่ต้นขลิบ งั้นขอผมดูหน่อย”
     “บ้า! มาดูอะระ-
     ตอนที่ผมพูดได้แค่นั้นก็โดนเตอร์ผลักลงกับเตียงซะแล้ว แรงเตอร์เยอะใช่เล่น เพราะไม่ทันตั้งตัวผมเลยเสียหลักล้มลง พอตั้งหลักได้ กำลังจะลุกเตอร์ก็ดึงกางเกงนอนผมลงไปกองที่ต้นขาแล้ว
     “พี่ต้นไม่ใช่อิสลามแท้ๆ ขลิบด้วยเหรอพี่ อ้าว? พี่จะใส่กางเกงในนอนทำไมเนี่ยไม่อึดอัดเหรอ”
     เตอร์พูดแบบนั้นแล้วก็ดึงกางเกงในผมออก
     ผมกำลังถูกเตอร์ลวนลาม ไม่สิเตอร์ไม่ได้ลวนลามผมหรอก แต่สิ่งที่เตอร์ทำมันก็ไม่ควร ผม... ฮึก
     “โอ้โห! จริงด้วยแฮะ เอาออกหมดเลยจริงๆ ด้วย แบบนี้ไม่เจ็บเหรอพี่ต้น มันไม่สีกับกางเกงในเหรอ อ้าวพี่ต้น?”
     ตอนที่เตอร์เงยหน้าหันมามองผมน้ำตาผมก็ไหลแล้ว ผมอายนะครับ รู้สึกไม่ดีด้วยที่เตอร์ทำแบบนี้กับผม ผมรู้... ถึงเตอร์จะไม่ได้คิดอะไร แต่ว่า... แต่ว่า
     เพี๊ยะ!
     เพราะเตอร์ดูไม่แคร์ความรู้สึกผมซักนิด ผมก็เลยเผลอตบเตอร์ไป ผมเองก็ช็อก เตอร์ก็ตกใจ พอมาถึงขั้นนี้ผมเลยเผลอร้องไห้ออกมา
    “พี่ต้น ผมขอโทษ ผมแค่จะดู”
    “อย่ามายุ่งกับพี่! กลับไปห้องโน้นแล้วไปนอนซะ”
    “โหพี่ต้นอ่ะ อย่าโกรธน้องดิ น้องไม่ได้ตั้งใจอ่ะ”
     ผมรู้ครับว่าเตอร์ไม่ได้ตั้งใจ แต่เพราะความที่เตอร์ไม่คิดอะไรนั่นแหละ เรื่องแบบนี้กับคนอื่นอาจเฉยๆ แต่ผมไม่ชอบนะครับ ถึงสนิทกันแค่ไหนแต่ก็ควรมีขอบเขตบ้าง ผมได้แต่นั่งด่าเตอร์อยู่ในใจเพราะยังกลั้นสะอื้นไม่ได้ น่าอายสุดๆ ไปเลย ผมต้องไปช่วยทำอะไรแบบนั้นให้เตอร์ และก็ถูกเตอร์ทำแบบนี้กับผมอีก ผมทั้งโกรธทั้งอาย แล้วก็เสียใจด้วย
     “โอ๋ๆ อย่างอนนะ”
     เตอร์พูดแบบนั้นแล้วก็เข้ามากอดผม เตอร์ปลอบผมเหมือนปลอบเด็ก แถมยังเอามือมาเช็ดน้ำตาให้ผมอีก แต่ผมเบี่ยงตัวออกหันหน้าหนี
     “สกปรก!”
     “สกปรกไร ก็จับของพี่ต้นแหละ ทีพี่ต้นเอามือมาตบหน้าผมๆ ยังไม่ถือเลย”
     “บ้า!”
     “แน่ะๆ อมยิ้มแล้ว หายโกรธน้องแล้วใช่ม๊า ผมขอโทษนะพี่ต้น ไม่ได้ตั้งใจอ่ะ ไม่รู้ว่าพี่ต้นจะคิดมาก”
     “ช่างเถอะ ดึกแล้ว ไปนอนได้แล้ว”
     ผมขืนตัวแล้วก็ผลักเตอร์ออกไปเบาๆ วันนี้ผมเหนื่อยเหลือเกินครับ ไม่ไหวแล้ว อยากนอน
     “งั้นนอนด้วยคนนะ ยังไม่ได้นอนกอดพี่ต้นซักคืนเลย”
     “จะมากอดพี่ทำไม”
     “น่า ขอนอนด้วยคนนะ ผมนอนไม่ดิ้นเหมือนอาชัชหรอก พี่ต้นก็รู้ ว่าแต่พี่ต้นใจร้ายจังอ่ะ ไม่ยอมบอกซักคำว่าอาชัชนอนโคตรดิ้น พี่ทนได้ไงอ่ะ”
     เตอร์พูดแบบนั้นแล้วก็เอนตัวลงเอกขเนกบนหมอนแล้วก็ตลบผ้านวมขึ้นมาห่มซะแล้ว ดูท่าคงปักหลักนอนห้องนี้กับผมจริงๆ ผมก็เลยได้แต่ทำใจแล้วเดินไปปิดไฟพลางตอบเตอร์
     “แฟนเก่าพี่ชัชถึงได้ซื้อเตียงคิงไซส์ไง แต่ถ้าวันไหนพี่ชัชงี่เง่ามากๆ ก็โดนไล่ไปนอนห้องทำงาน”
     “โห พี่ต้นใจร้ายจัง”
     “บ้า ไม่ใช่พี่! แฟนเก่าพี่ชัชโน่น พี่ไม่เคยไล่พี่ชัชไปนอนห้องโน้นนะ”
     “แต่ก็นอนซะสุดขอบเตียง มานี่ เขยิบมาใกล้ๆ ผมนี่ ผมนอนไม่ดิ้นหรอก”
     “ไม่เอา จะนอนก็นอนไปสิ หลับได้แล้ว”
     “น่านะ ขอน้องกอดหน่อย วันนี้ถ้าผมไม่ได้พี่ต้นช่วยไว้ผมตายแน่ๆ”
     เตอร์พูดแบบนั้นแล้วก็กลิ้งมานอนชิดผมแทน แถมยังเอาแขนมาพาดกอดผมไว้อีก แต่ที่ผมนึกไม่ถึงคือเตอร์หอมแก้มผมด้วย!
     “แล้วยังทำแบบนั้นกับพี่อีกนะ”
     “ก็มันอยากรู้นี่ ของพ่อก็ไม่ได้ขลิบ เพื่อนๆ ผมก็ไม่มีใครขลิบ ผมเลยอยากเห็นว่าขลิบแล้วเป็นไง ใครจะไปรู้ว่าพี่ต้นถือล่ะ แค่ขอดูเฉยๆ นี่ เวลาเข้าห้องน้ำกับเพื่อนผมก็ไม่ถือ ยังคุยกันเลยว่าของใครหัวเปิดแล้วบ้าง บางทีก็รูดหนังแข่งกันว่าของใครรูดได้สุดกว่า ผมชนะตลอดแหละ”
     “เล่นบ้าอะไรกัน”
     “อ้าว พี่ต้นไม่เคยแข่งกับเพื่อนเหรอ?”
     “ไม่รู้สิ พี่ไม่ค่อยมีเพื่อนมั้ง เลยไม่เคยเจออะไรแบบนั้น”
     ต่อให้ผมมีเพื่อนผมก็ไม่เล่นอะไรบ้าๆ แบบนี้หรอกครับ!
     “อื้ม ผมก็พอรู้อยู่ ขอโทษน้า พี่ต้น”
     “อืม พี่ไม่โกรธแล้ว แต่ทีหลังอย่าทำแบบนี้กับพี่อีกนะ”
     “คร้าบ ไม่ทำแล้ว”
     เพราะว่าเตอร์รับคำเสียงใสท่าทางสำนึกผิดเต็มที่ผมก็เลยใจอ่อน หลานผมถึงจะแปลกๆ ไปบ้างชอบเล่นอะไรแผลงๆ แต่ก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ผมเลยหันไปยิ้มให้เตอร์แล้วก็ขยี้หัวโตๆ นั่นนิดหน่อย เตอร์เลยเอาหัวมาไถอ้อนผมแรงกว่าปกติก่อนจะเอาหัวมาหนุนที่หน้าอกผมซะงั้น ผมโดนเตอร์กอดล็อคอย่างกับลูกหมีโคอาล่าเลยครับ
     “ราตรีสวัสดิ์นะพี่ต้น ฝันดีครับ”
     “อื้ม ฝันดี”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


มองซ้าย มองขวา คนอ่านคงไม่บอกว่าคนแต่งโรคจิตใช่มั้ย ตอนพิเศษบ้าอะไร หื่นแบบแปลกๆ  :o8:
ไม่คิดว่ามันมุ้งมิ้งดีหรอกเหรอ คุณพี่ทำแผลดูเอ็นน้อง เอ้ย! เอ็นดูคุณน้อง ฮ่าๆ  :m10:

สำหรับตอนนี้สาระที่แฝงอยู่คือการขลิบ ขออันเชิญคนอ่านที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับการขลิบอวัยวะเพศชายเปิดสกิลวาบไปที่ บล็อกคุณหมอสาลิกาโบยบิน (http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaicirc20&group=8) สาระนะจ้ะไม่หื่นนะอันนี้
ถ้าให้อธิบายก็คือของน้องต้นขลิบตั้งแต่เกิด โดนเจี๋ยนออกหมด ไม่มีอะไรเหลือ แต่ของเตอร์ทุกอย่างยังอยู่ครบ พอมันมีหนังมันก็เลยต้องมีพิธีกรรมเบิกหัว ไม่งั้นหัวไม่เปิดทรมานนะ สกปรกซกมกด้วย คราบขี้เปียกอ่ะ มีกระทู้ฮาๆ เกี่ยวกับพิธีกรรมเปิดหัวในพันติ๊บเยอะเชียว
พวกเด็กทะโมนมันชอบคุยอวดกันว่าของใครเปิดแล้วบ้าง รูดหนังแข่งกันบ้าง บางทีคนธรรมดาอย่างเราก็อย่าไปเข้าใจผู้ชายพวกนี้เลย บทจะปั่นแล้ววัดขนาดบลัพกันยังมี ไม่เกย์ด้วยนะ ชายแท้ทั้งแท่งนี่แหละ อะไรจะภูมิใจแท่งตัวเองขนาดน๊าน
ในบทนี้พอต้นบอกว่าไม่มีของที่มีมันไม่เหมือนเตอร์เลยงงจับกดซะ ฮ่าๆ เด็กมันก็อยากรู้อยากเห็นอะนะต้นน้า ยอมๆ เด็กมันซ้า!

คนอ่านอย่าถามว่าแล้วคนแต่งไปรู้ข้อมูลมาได้ไง แบบว่า ถ้าโกหกว่ามโนแล้วตะเองจะเชื่อมั้ย?  :-[
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ7
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 00:17:50
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 7

เด็กเลี้ยงแกะและสาวน้อยราศีเมษ

     เมษ : ฮัลโหลว์
     ต้นน้ำ : อือ ว่าไง
     เมษ : ผัวแกอยู่รึเปล่าย๊ะ?
     ต้นน้ำ : ไม่ เราอยู่ห้องคนเดียว มีไร?
     เมษ : ละนี่ทำไรอยู่ย๊ะ?
     ต้นน้ำ : พับผ้า ผ้าที่ซักพึ่งแห้ง
     เมษ : ต๊าย! แม่บ้านอีกละ แกนี่น่าเบื่อจริง
     ต้นน้ำ : ... แล้วตกลงเมษโทรมาหาเรามีธุระอะไร? ถ้าไม่มีเราจะวางละนะ เหลือชุดทำงานพี่ชัชที่ต้องรีดอีกตั้งหลายตัว!
     เมษ : โอ๊ยแก! อย่าพึ่งกริ้วสิยะ ฉันก็แค่แซวเฉยๆ ฉันมีเรื่องจะเม้าย่ะ
     ต้นน้ำ : เรื่อง?
     เมษ : ก็หลานแกนั่นไง น้องเค้าน่ารักดีอ๊ะ โสดป่าวแก?
     ต้นน้ำ : ห้ามนะ! คนนี้เราขอเถอะ
     เมษ : แหมๆ กับเพื่อนกับฝูงแบ่งๆ กันชื่นชมบ้างจะเป็นไร
     ต้นน้ำ : ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ... ก็... ก็บ้านพี่ชัชก็เหลือแต่เตอร์นี่แหละ เราไม่อยากรู้สึกผิดกับแม่พี่ชัชมากไปกว่านี้อ่ะ
     เมษ : เอ๊าะ! กลัวบ้านผัวไม่มีผู้สืบสกุล โถๆ นังลูกสะใภ้ดีเด่น จะไปยากอาไร๊ ลองปล่อยผัวแกไปเที่ยวซักคืนสิ เผลอๆ แกจะได้อุ้มลูกชู้ โฮะๆ
     ต้นน้ำ : บ้า! ไม่เอาหรอก เราหวงของเรา พี่ชัชเป็นของเราคนเดียว ไม่มีทาง! เพราะงั้นเหลือเตอร์ไว้น่ะแหละดีแล้ว เตอร์เจ้าชู้เงียบจะตาย นี่เราแอบถามรุ่นพี่เราที่สนิทๆ กับเตอร์อ่ะ พี่เค้าเล่าว่าเตอร์แอบชอบคนอื่นในกลุ่มไปทั่วเลย เรายังกลุ้มอยู่เลยเนี่ย กลัวเตอร์เอาหลานมาให้เลี้ยงก่อนวัยอันควร
     เมษ : โอ๊ะตายละ! จริงอ่ะแก?
     ต้นน้ำ : อื้อ เรื่องจริงเลย คอนเฟิร์ม เรายืนยัน!
     เมษ : เชอะ! งั้นฉันไม่สนละ ฉันเกลียดพวกมักมากหลายใจที่สุด ต๊าย... เสียดายอ่ะแก เห็นหน้าใสๆ ท่าทางซื่อๆ เหมือนเด็กขี้อ้อน ไม่น่าเลย ฮึ! เสียความรู้สึก!
     ต้นน้ำ : กรรมพันธุ์แน่เลยเมษ เตอร์เห็นแบบนั้นนะ แต่ความจริงแล้วขี้หลีตัวพ่อเลย นิสัยลามกมากกก ชอบแกล้งทำเป็นเปิ่นๆ หลอกคนอื่นหน้าตาย แต่ความจริงแล้วแสบสุดๆ อ่ะ เห็นแล้วนึกถึงพี่ชัชทุกที!
     เมษ : ฮะๆ แล้วไม่ใช่เพราะโดนผัวหลอกทำดีด้วยรึไง แกถึงได้เสร็จเขาไปไหนไม่รอดแบบนี้อ่ะ
     ต้นน้ำ : บ้า! อย่ามาว่าพี่ชัชของเรานะ พี่ชัชไม่ได้หลอกเราซะหน่อย เรารู้แต่แรกแล้วว่าพี่เขาซน ฮึ่ย! พูดแล้วหงุดหงิดชะมัดเลย นี่ยังดีนะ เราคุมทุกอย่างอ่ะ กลัวพี่เขาแอบไปซนอีก
     เมษ : จ้าๆ แหม พี่เขาไม่ได้หลอกแก แต่เป็นแกแอ๊บหลอกพี่เขาใช่ป่ะ โฮะๆ แบบ แกล้งทำตัวเรียบร้อยแต่ก็แอบอ่อย ให้ท่าหลอกว่าโดนผัวงาบ เสร็จแล้วก็ร้องไห้กระซิกๆ ให้ผัวรับผิดชอบ
     ต้นน้ำ : จิ๊! เมษอ่ะ จะพูดเรื่องนี้ทำไมเนี่ย! ทีหลังมีไรจะไม่เล่าให้ฟังแล้ว ชอบเอามาล้อเรา!
     เมษ : ย่ะๆ ก็ดูดีๆ ละกันแก ยังไงผัวแกก็ไม่ใช่เกย์ ระวังเถอะ ผัวแกจะเบื่อหมอนทองอยากกลับไปรับประทานชะนี
     ต้นน้ำ : บ้า! แต่... ก็... ก็กลัวอยู่นะ เลยต้องมานั่งซักผ้าทำงานบ้านให้พี่เขานี่ไง อย่างน้อยๆ ถึงเรื่องอื่นเราจะทำให้พี่เขาไม่ได้แต่เวลามีอะไรพี่เขาจะได้คิดถึงความดีเรื่องนี้ของเราบ้าง
     เมษ : โอ๊ยตายแล้วนังต้น! แกจะเป็นแม่ศรีเรือนไปไหนย๊ะ สมัยนี้เสน่ห์ปลายจวักอย่างเดียวมันใช้ไม่ได้หรอกย่ะ หัดไปบริหารเสน่ห์บนเตียงมั่งนะแก ขึ้นชื่อว่าผู้ชายโดยเฉพาะแบบพี่ชัชน่ะนะ ฉันว่ายังไงๆ ก็มีเปอเซ็นต์หน้ามืดสูงย่ะ เกิดไปเผลอพลาดที่ไหนขึ้นมาแล้วผู้หญิงเค้าอุ้มลูกมานั่งบีบน้ำตา แกว่าระหว่างความดีทั้งหลายที่แกทำมากับลูก ผัวแกจะเลือกอะไรละยะ? เพราะงั้นจัดการไปเถอะนังต้น เอาให้ไม่มีแรงเหลือไปทำกับคนอื่นน่ะแหละแก ดีที่สุด
     ต้นน้ำ : บ้า... เรา เราไม่ไหวอ่ะ นายไม่เคยซักหน่อย อย่ามาทำเป็นพูดดีเลย
     เมษ : โอ๊ะอินี่! ถึงฉันจะไม่เคย เป็นสาวบริสุทธิ์ แต่ฉันก็มั่นใจว่าตัวเองเป็นสาวไฟแรงสูงย่ะ ไม่ได้จืดชืดเป็นท่อนไม้เหมือนแกแน่ๆ ระวังเถอะจะโดนเบื่อ หัดลุกขึ้นมาปรนเปรอผัวบ้างนะแก ชีวิตรักจะได้ซาบซ่า
     ต้นน้ำ : ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ?
     เมษ : อื้อ เชื่อฉัน ฉันฟังคนอื่นมาเยอะ ขนาดอิพวกชะนีสวยๆ ในคณะนะ มันยังโดนผัวทิ้งเล้ย
     ต้นน้ำ : อ้าวทำไมอ่ะ?
     เมษ : ก็ผู้ชายมันไม่รู้จักพอไงแก แล้วประมาณว่าอิเพื่อนฉันมันสวยก็จริง แต่ไม่ถึงใจไง แถมยังดัดจริตอ้อนผู้ชายไม่เป็น เอะอะก็งอน อิผู้ชายมันก็เลยเบื่อ พอมีของฟรีมาเสนอตัวถึงปากมันก็เลยแอบไปซดแก้เซ็ง ทีนี้พอนังเพื่อนฉันมันรู้ก็บ่อน้ำตาแตกสิแก เสือกทำงอน หยิ่ง รับไม่ได้ เล่นตัวให้ผู้ชายมาง้ออยู่นั่นแหละ ผู้ชายมันก็ไม่ได้อะไรอยู่แล้วไง เจองี่เง่าใส่บ่อยๆ ก็เบื่อสะสม แถมทางนั้นแซ่บกว่า เพื่อนฉันมันเลยโดนทิ้งถาวร นี่ทุกวันนี้มันยังนั่งร้องไห้อยู่เลยรู้มั้ย แกบริหารเสน่ห์แค่ด้านเดียวไม่พอหรอกนังต้น สมัยนี้มันต้องครบเครื่องทุกอย่างย่ะ ไม่งั้นระวังจะเผลอทำผัวหลุดมือให้คนอื่นคาบไปรับประทาน
     ต้นน้ำ : แย่ชะมัดเลยอ่ะ ถ้ารู้ว่าไปกันไม่ได้เลิกกันก่อนก็ว่าไปอย่าง ทำไมผู้ชายมักง่ายมันเยอะจัง ผู้ชายดีๆ หายากขึ้นทุกวันเนาะ
     เมษ : ย่ะ ประชากรผู้ชายมีน้อย ส่วนนึงถ้าไม่เข้าป่าไปกับแกก็กลายพันธุ์มาเป็นแบบฉันเนี่ย อิพวกที่เหลือมันเลยได้ใจมั้งแก เลยทำตัวเล๊วเลว อารมณ์ประมาณว่า กูหล่อ เลว เลือกด้ายย! คิดว่าผู้หญิงทุกคนต้องวิ่งเข้าหามันรึยังไง!
     ต้นน้ำ : ... นี่นายกำลังด่าใครอยู่รึเปล่าเนี่ย?
     เมษ : อื้อ ก็เรื่องนี้แหละที่จะโทรมาเม้า
     ต้นน้ำ : อ้าว ไหนบอกจะเม้าเรื่องเตอร์?
     เมษ : โอ๊ย! อันนั้นก็พูดเล่นไปงั้นแหละแก แหม หลานเพื่อนฉันไม่สนใจหรอก
     ต้นน้ำ : อะๆ งั้นมีอะไรก็ว่ามา
     เมษ : ละแกไม่ต้องไปรีดผ้าแล้วรึไงย๊ะ?
     ต้นน้ำ : เดี๋ยวค่อยทำต่อก็ได้ ยังไงคืนนี้เราก็อยู่คนเดียว
     เมษ : อีกแล้ว? จะปีใหม่แล้วนะแก ผัวแกไม่หยุดเหรอ?
     ต้นน้ำ : หยุดไปเยอะแล้ว พี่ชัชต้องทำงานถึงสิ้นปีโน่น
     เมษ : อดไปฉลองอ่ะสิ?
     ต้นน้ำ : อื้อ ก็คงทำอะไรง่ายๆ กินกัน ในคอนโดมั้ง? แล้วก็... เราอาจจะไปหาคุณปู่ด้วย
     เมษ : เออ ก็ยังดีนะ แกจะได้ไม่เหงา อ๊ะ! รึแกจะไปกับฉันก็ได้นะ เดี๋ยวฉันบอกเพื่อนให้ พวกมันไม่ถือหรอก
     ต้นน้ำ : บ้า! ไม่เอาหรอก เมษไปกับเพื่อนเมษ เราเกรงใจ ไม่ต้องห่วงเราหรอก เราอยู่ได้ อีกอย่างพี่ชัชบอกว่าทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ นี่แหละ ไงก็กลับมานอนห้อง
     เมษ : ย่ะ แฟนแกนี่ก็บ้างานดีเนอะ ขยันหาเงินให้แกใช้ อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ประเภทแมลงปีกทองอ่ะ
     ต้นน้ำ : อย่ามาว่าพี่ชัชของเรานะ!
     เมษ : แหม ฉันไม่ได้ว่าจ้ะ ฉันชม ก็ปกติแล้วแบบแกกับแฟนมันไม่ค่อยมีนี่นา ส่วนมากสลับสถานะกันซะมากกว่า แล้วลงท้ายก็มีแต่พวกเรานี่แหละที่ต้องนั่งร้องไห้เพราะผู้ชาย กลายเป็นมิสเปรู เฮ้อ... แกนี่มันน่าอิจฉาชะมัดเลยอ่ะนังต้น เมื่อไหร่ฉันจะเจอผู้ชายดีๆ บ้างนะแก
     ต้นน้ำ : ทำไมอ่ะ? แล้วคนที่เมษเคยชอบคนนั้นล่ะ?
     เมษ : โอ๊ย! เลิกชอบมันแล้ว!
     ต้นน้ำ : อ้าว! ทำไมล่ะ?
     เมษ : เชอะ!
     ต้นน้ำ : อื้อ?
     เมษ : ก็... ก็แบบว่า ฉันไม่อยากเป็นของเล่นของใครนี่นา แกก็รู้ คนแบบฉันน่ะจะหาคนมาทำดีด้วยก็ยากจะตาย พอมีคนมาทำดีด้วยมันก็อดปลื้มไม่ได้แหละแก แต่ที่ไหนได้ ไอ้พวกที่เข้ามาหาคนจริงใจซักคนไม่มี! มีแต่พวก... จิ๊ พวกเห็นเราเป็นของเล่น! มันเห็นว่าฉันเป็นกระเทยแล้วฉันจะง่ายรึไง ถึงจะเป็นดอกไม้ตัดแต่งพันธุกรรมแต่ฉันก็มีศักดิ์ศรีนะแก ไม่ใช่ดอกไม้ริมทางที่ใครนึกจะเด็ดดมก็ทำได้ง่ายๆ
     ต้นน้ำ : แล้ว?
     เมษ : ก็นั่นแหละแก เป็นแกๆ จะยังชอบคนที่มาทำดีกับแกเพราะแค่อยากลองนอนกับกระเทยมั้ยล่ะ! ขนาดฉันโมโหด่ามันไปบอกฉันยังไม่ได้เฉาะ อิเวรนั่นมันยังบอกเลยมันไม่ถือ ทำมาเป็นพูดมันชอบฉันจริงๆ ถ้ามันชอบฉันจริงมันก็ต้องรู้สิว่าเพราะอะไรฉันยังไม่ยอมเสียเวอร์จิ้นตัวเอง มันก็แค่อยากลองของแปลกแค่นั้นแหละแก ฉันไม่โง่พอจะหลวมตัวไปกับคำพูดหลอกเด็กของมันหรอก ดีไม่ดีคงเอาฉันไปนินทากันสนุกปากในกลุ่มมัน ผู้ชายนิสัยหมาๆ แบบนี้มันมีเยอะ
     ต้นน้ำ : ขนาดนั้นเลยเหรอ?
     เมษ : อื้อ ขนาดวันนั้นนะแก ที่มันชวนฉันไปกินข้าวอ่ะ แล้วฉันก็เผลอดีใจนึกว่ามันมาชอบฉันจริงๆ เลยยอมไปกินข้าวกับมัน แกรู้มั้ย มันเอาไปพูดว่าไง มันเลวมากเลยนะแก มันเอาไปพูดกับคนอื่นว่าอีกไม่นานเดี๋ยวฉันก็เสร็จมัน โชคดีที่มีน้องคนนึงเขาได้ยินแล้วเอามาบอกฉัน ฉันเฮิร์ทมากเลยนะ แกนึกออกมั้ยอ่ะ อารมณ์แบบอยู่ๆ ความรู้สึกดีๆ ทุกอย่างมันก็พังทลายไปต่อหน้าต่อตาอ่ะ ฉันโคตรเกลียดมันเลยตอนนี้
     ต้นน้ำ : เมษใจเย็นๆ นะ นายเสียงไม่ดีเลย ไม่ได้กำลังร้องไห้อยู่ใช่มั้ย
     เมษ : แค่เป็นหวัดนิดหน่อยย่ะ ฉันไม่เสียน้ำตาให้ผู้ชายพรรณนั้นหรอก!
     ต้นน้ำ : อื้อ
     เมษ : ฟืด... ฮึก... ฟืดดด...
     ต้นน้ำ : โล่งยัง?
     เมษ : อื้อ ค่อยยังชั่ว แกรู้มั้ย ฮึก! ขนาดกับเพื่อนในกลุ่มฉันเองนะ บางคนมันยังด่าว่าฉันโง่เลย มันหาว่าฉันหยิ่ง ฮึก มีผู้ชายมาให้กินฟรีทำเป็นเล่นตัว ฉันผิดเหรอแกที่ฉันเกิดมาเป็นกระเทยแล้วไม่ร่าน? ฮือ ถ้าฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ แล้วทำแบบนี้คงไม่มีใครว่าอะไรฉันใช่มั้ย ก็แค่ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว แต่เพราะฉันเกิดมาเป็นแบบนี้ใช่มั้ย ฮือๆ เป็นกระเทยแล้วต้องแรดต้องร่านผู้ชายเหรอแก ฉันอยากเป็นผู้หญิงนะแกไม่ได้อยากมีผัวเยอะๆ ฉันอยากเป็นผู้หญิงที่มีผู้ชายดีๆ ซักคนมารักก็พอ
     ต้นน้ำ : ไม่หรอก แค่เพื่อนคนนั้นกับเมษอาจจะคิดกันคนละแบบมั้ง เขาอาจจะเป็นพวกรักสนุกก็ได้ เมษอย่าคิดมากนะ
     เมษ : รักสนุกบ้านมันสิ เอดส์จะถามหาเอา! น่ากลัวจะตาย ฮึก ฉันรู้หรอก ที่จริงมันอิจฉาฉัน! ฉันสวยกว่า น่ารักกว่า นิสัยดีกว่า แล้วก็เรียนเก่งกว่ามัน! มันเลยหาเรื่องมาด่าฉัน ฉันก็เข้าใจนะว่าเป็นธรรมดาที่จะมีการอิจฉากันเองบ้าง จิกกัดบ้างไรบ้าง แต่ถูกว่าแบบนั้นมันก็เจ็บอ่ะแก ฉันอยากให้โลกนี้เห็นฉันเป็นผู้หญิงอ่ะแกเข้าใจมั้ย ฉันยอมไม่มีผัวตลอดชีวิตได้แต่ขอให้ตอนตายฉันมีจิมิ๊อ่ะ!
     ต้นน้ำ : อย่าพึ่งพูดเรื่องตายสิเมษ ใจเย็นๆ นะ
     เมษ : ฮือๆ
     ต้นน้ำ : ให้เราไปหามั้ย? อยู่บ้านรึเปล่า?
     เมษ : ไม่ต้องมาหรอกแก ฮึก ฉันโอเค ขอเวลาแปปนึง
     ต้นน้ำ : อือ...
     เมษ : ฟืด... ฮึก ฟืดดด... ฮึก!
     ต้นน้ำ : ..... แต่เราชอบเมษนะ เราชอบที่เมษเป็นแบบนี้ แล้วเราก็คิดว่าที่เมษเป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วด้วย จำตอนมอห้าได้มั้ย ถ้าไม่ใช่เพราะเมษเรียบร้อยแม็กซ์จะเลือกนายเหรอ?
     เมษ : บ้า! นังต้นนี่ โอ้ย! อย่าพูดเรื่องนั้นนะแก ดูซิฉันไม่มีอารมณ์จะดราม่าเลย! แล้วไงยะ ลงท้ายอิแม็กซ์ก็เสร็จแก
     ต้นน้ำ : น่าเกลียด! เรากับแม็กซ์ไม่ได้มีอะไรกัน!
     เมษ : ก็มากกว่าฉันหน่อยนึง
     ต้นน้ำ : เออๆ ไม่เถียงแล้ว คนเขาอุตส่าปลอบ
     เมษ : ปลอบได้ห่วยมากอ่ะแก แทนที่แกจะเชิดชูฉันว่าเป็นกระเทยเรียบร้อยแห่งชาติ มีศักดิ์ศรีไม่ง้อผู้ชาย รึอะไรก็ว่าไป แกพูดเรื่องอิแม็กซ์เนี่ย!
     ต้นน้ำ : ก็มันนึกไม่ออกนี่
     เมษ : อื้อ แต่ก็ขอบใจนะแก ฉันสบายใจขึ้นตั้งเยอะ
     ต้นน้ำ : ดีแล้วไว้พอนายกลับมาจากไปเที่ยววันไหนว่างๆ พวกเราไปกินข้าวด้วยกันมั้ยล่ะ เราจะได้ไปสวัสดีปีใหม่พ่อกับแม่นายด้วย
     เมษ : แกจะมาบ้านฉัน?
     ต้นน้ำ : อื้อ
     เมษ : ไว้ค่อยดูหลังฉันกลับมาละกัน เนี่ยโคตรเซ็งเลย ไอ้ที่จะไปนี่ก็มีมันไปด้วยอ่ะแก ฉันกลัว
     ต้นน้ำ : หมายถึงคนนั้นอ่ะเหรอ?
     เมษ : อื้อ
     ต้นน้ำ : งั้นก็รักษาระยะห่างไว้สิ อย่าไปไหนกับเขาสองต่อสอง
     เมษ : ไอ้นั่นมันแน่อยู่แล้วย่ะ แต่แบบ... ฉันหงุดหงิดอ่ะ เห็นหน้ามันก็หงุดหงิดแล้ว กลัวพลาดด้วย
     ต้นน้ำ : บ้า ก็ไปกันตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ จะพลาดได้ไง
     เมษ : เอ๊า! ก็ไม่แน่ ก็กลัวไว้ก่อนไง กันไว้ดีกว่าแก้ ฉันน่ะ อยากไปนอนถ่างขาให้หมอดูว่าฉันน่ะรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองเอาไว้ได้จนวันผ่าตัดนะแก แบบความฝันเล็กๆ อะไรทำนองนั้นอ่ะ สวย สง่า บริสุทธิ์ งดงามราวกับแม่พระ คอนเซ็ปฉัน
     ต้นน้ำ : ฮ่าๆ เวอร์ไปแล้วเมษ
     เมษ : เอ้าอินี่ ถ้าฉันไม่ใช่แม่พระวันนั้นฉันไม่หอบแกกลับบ้านหรอกย่ะ!
     ต้นน้ำ : อื้อออ เมษใจดีที่สุดอยู่แล้วล่ะ ว่าแต่สนใจหมอมั้ยล่ะ เดี๋ยวถามพี่ชัชให้ พี่ชัชรู้จักหมอโสดๆ หลายคนอยู่ ฮ่าๆ
     เมษ : บร้า! แหม เรื่องแบบนี้เขินนะแก แต่ถ้าได้แบบ หล่อ รวย โสด ไม่แก่เท่าแฟนแกก็โออยู่นะ
     ต้นน้ำ : อีกแล้วเมษอ่ะ! ชอบว่าพี่ชัช
     เมษ : เอ้า! ก็จริงนี่แก ถามจริงเหอะ มีมั่งป่ะแบบว่าทำๆ อยู่แล้วแบบว่า อ๊ะ ต้น พี่ปวดหลัง อิๆ บอกแฟนแกด้วยนะว่าแก่แล้วอย่าหักโหม ลดท่ายากลงบ้าง
     ต้นน้ำ : เดี๋ยวเหอะ!
     เมษ : อ๊ายๆ มาทำเป็นเขิน
     ต้นน้ำ : พอสบายใจแล้วก็กัดคนอื่นเขานะ รู้งี้ไม่ช่วยปลอบหรอก
     เมษ : โอ๊ะๆ งอน จ้า คุณเพื่อน ขอประทานโทษค่ะ พอดีอิฉันหมั่นไส้แกกับสามีมากไปหน่อย ก็อยากมาเลิฟๆ ให้ฉันตาร้อนทำไม เชอะ!
     ต้นน้ำ : ตัวเองก็มีคนมาจีบตั้งเยอะ ทำเป็นพูด
     เมษ : ก็ไอ้ที่มามันมีดีๆ แบบแฟนแกซักคนมั้ยล่ะนังต้น! เฮ้อ... เอาเถอะ ฉันทำใจไว้ละ ฉันจะงามอย่างมีคุณค่า ไม่ลดศักดิ์ศรีตัวเองเพื่อแลกกับการได้กอดผู้ชายชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็ต้องหาถังมารองน้ำตาตัวเองตอนพวกมันตีจาก
     ต้นน้ำ : อื้อดีแล้ว
     เมษ : ย่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะแก หายหัวมานานละ ต้องไปช่วยแม่ผัดข้าวขายแล้ว เย็นๆ แบบนี้ลูกค้ายิ่งเยอะๆ อยู่
     ต้นน้ำ : อื้อ สู้ๆ นะเมษ
     เมษ : ย่ะ ละฉันจะโทรมาแฮปปี้นิวเยียร์แกจากบนยอดดอยนะย๊ะ
     ต้นน้ำ : อื้ม บาย
     เมษ : บ๊ายบายจ้ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ผู้ชายไม่คงทน เพื่อนสาวนั้นไซร้อยู่ยั้งยืนยง สาวๆ เขาเม้ากันแหละ คาดว่าคนอ่านคงจะชินกับคาแรคเตอร์แล้ว น้องเมษเป็นกระเทย แต่น้องต้นคำจำกัดความที่ใกล้เคียงที่สุดคงหนีไม่พ้นตุ๊ด หาอะไรนะ? นิยายวายเรื่องนี้ตัวเอกเป็นตุ๊ด! ฮ่าๆ

จริงๆ เรื่องนี้มันมีปมนะ แต่ปมมันจะเฉลยตอนท้ายของเรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้นๆ ถึงได้เป็นแบบนี้ คือไม่สามารถมองผู้หญิงได้ หลักๆ เพราะแม่เขานั่นแหละ บวกกับปมเรื่องพ่อด้วย เลยทำให้ต้นชอบผู้ชาย
แต่เราไม่อยากได้เคะสาวแตก ไม่อยากได้เคะแอ๊บแมนล่อลวงคนอ่านว่าเมะชนเมะแต่โคตรมุ้งมิ้งกลิ่นนางเอกโชโจลอยหึ่ง! เคะสาวน้อยพวกนั้นคนอื่นแต่งเยอะแล้ว มาลองเจอตัวเอกฝ่ายรับแบบน้องต้นบ้างจะเป็นไรไป หึๆ
ต้นไม่สาว แต่จะให้อารมณ์แบบผู้หญิงไปเลย ไม่งั้นแล้วพี่ชัชกับแม็กซ์จะหลงได้ไงล่ะคุณขา เป็นตัวเอกที่มีความเป็นผู้หญิงสูงแต่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายต้องพยายามทำตัวให้สมกับเป็นผู้ชายตลอดเวลา ดูสับสนเนาะ นั่นแหละน้องต้นตัวเอกของเรื่องนี้ เราถึงชอบใช้คำว่าตัวเอกแทนนางเอกไง ไม่ค่อยใช้คำว่าเคะด้วย เพราะอยากให้ต้นดูเรียลอ่ะ แต่น้องต้นก็ไม่สาวมากน้า ออกแนวหยิ่งๆ มากกว่า แล้วก็แอ๊บ เหอๆ

ยืนยันว่าคนแต่งไม่ได้เก็บกดจริงจริ๊ง ตอนนี้เขียนเพื่ออวยน้องเมษและแอบใบ้ปมจริงๆ นะ ไม่ได้เก็บกดเลยด่าผู้ชายเล่น เหอๆ  o18 แต่คนแต่งราศีเมษเหมือนพี่ชัชกับน้องเมษเลยแหละ หึๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ7
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-11-2014 00:51:47
ต้นสาวจริงๆ นะ เราอ่านรวดเดียว 2วันจบ
อยากรับต้นเป็นน้องสาวเลย
คือ แนว สวยหยิ่ง(ไม่หยิ่งจริงหรอก) ถ้าเอาตามไทป์น่าจะ ซึน(แนวปากไม่ตรงกับใจ ไม่กล้าพูด ขี้อาย) และเดเระ สุดพลัง(น่ารักน่าจับกด)

เป็นไทป์ที่ทำให้แฟนตายได้ เพราะถึงจะไม่อ้อนเอาใจ แต่ตามใจแฟนสุดๆ
เฮ่ยยยยยยยย อิพี่ชัช จะน่าอิจฉาเกินไปแล้ว
เมียครบเครื่องมาก

สวย แสนดี แม่บ้านแม่เรือน เอาใจ ไม่งี่เง่า ดูแลตัวเองได้


ถ้าแกทำให้ต้นเสียใจชั้นจะจับตอน!!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ7
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 01:08:07
ต้นสาวจริงๆ นะ เราอ่านรวดเดียว 2วันจบ
อยากรับต้นเป็นน้องสาวเลย
คือ แนว สวยหยิ่ง(ไม่หยิ่งจริงหรอก) ถ้าเอาตามไทป์น่าจะ ซึน(แนวปากไม่ตรงกับใจ ไม่กล้าพูด ขี้อาย) และเดเระ สุดพลัง(น่ารักน่าจับกด)

เป็นไทป์ที่ทำให้แฟนตายได้ เพราะถึงจะไม่อ้อนเอาใจ แต่ตามใจแฟนสุดๆ
เฮ่ยยยยยยยย อิพี่ชัช จะน่าอิจฉาเกินไปแล้ว
เมียครบเครื่องมาก

สวย แสนดี แม่บ้านแม่เรือน เอาใจ ไม่งี่เง่า ดูแลตัวเองได้


ถ้าแกทำให้ต้นเสียใจชั้นจะจับตอน!!

อ่าตรงใจมาก ใจจริงที่พิมพ์ไปว่า "แต่น้องต้นก็ไม่สาวมากน้า ออกแนวหยิ่งๆ มากกว่า แล้วก็แอ๊บ เหอๆ" มันควรจะพิมพ์ว่า "แต่น้องต้นก็ไม่เกย์สาวแตกมากน้า ออกแนวหยิ่งๆ มากกว่า แล้วก็แอ๊บ เหอๆ" แต่กลัวโดนสาวๆ แถวนี้กระโดดตบ

ดีใจที่มีคนอ่านรักน้องต้น  :hao5: ปลาบปลื้มมากอ่ะ ดีใจที่พอมาภาคสองแล้วเริ่มมีคนรักตัวเอกคนนี้หลังจากภาคหนึ่งโดนด่าไปเยอะ ฮ่าๆ
ภาคหนึ่งเขียนส่งประกวดเลยแอบตามเทรนพิมพ์นิยม ใส่ความมุ้งมิ้งลงไปแบบแอ๊บๆ พอมาภาคสองเลยปล่อยของสะดวกหน่อย แต่ยังไงความต่อเนื่องมันก็มี เลยเปลี่ยนได้เล็กน้อย ได้ออกมาเป็นตัวเอกแอ๊บๆ แบบนี้ มันจะมุ้งมิ้งก็ไม่สุด จะซึนก็ไม่สุด จะแรงจะร้ายก็ไม่สุด คงคอนเซ็ปอึดอัดใส่หน้ากากเช่นเดิม แล้วแต่ว่าเจอมอสเตอร์แบบไหน เพราะน้องต้นเป็นดอลมาสเตอร์สายเชิดหุ่น มีสกิลหน้ากากเยอะ ฮ่าๆ

ดีใจจนแอบมาคาระวะคนอ่าน อยากบอกว่ารักคนอ่านทุกคนเลยน้า  :mew1: ขอบพระคุณจริงๆ ที่อยู่ด้วยกัน

คืนนี้ยังมีตอนพิเศษอีกสองตอนแหละ(กำลังอัพ) ให้คนอ่านเลือกเอาเองว่าจะฟินกับตอนไหนมากกว่ากัน ระหว่างพี่ชัชกับแม็กซ์ ปั๊วรึเพื่อน? หวานทั้งคู่แต่คนละแบบ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ8
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 01:41:48
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 8

ขอให้เรามีกันและกันตลอดไป

     ผมกับแฟนรู้จักกันได้สองปีกว่าแล้ว อันที่จริงวันนี้เป็นวันครบรอบสองปีที่ผมกับมันคบกันแบบแฟน แต่ผมกลับต้องมาเลี้ยงฉลองปีใหม่นั่งนับถอยหลังอยู่กับบรรดาลูกค้าและเพื่อนร่วมงานในผับแห่งหนึ่ง ปีแรกที่ผมขอมันเป็นแฟนผมหิ้วมันไปสัมนาด้วยกันที่โรมแรงสุดหรู ซึ่งก็คือผมไปทำงานอยู่ดีแหละ ส่วนปีที่แล้วผมโดนแม่ตัวเองมัดมือชกสั่งให้ไปนั่งแหกขี้ตาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันกับญาติๆ แน่นอนว่าแฟนผมก็ต้องไปด้วยในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัว ตำแหน่ง“สะใภ้เล็ก”ของบ้าน เพราะฉะนั้นปีนี้ผมเลยหาข้ออ้างอีกไม่ได้ ผมหยุดไปเยอะแล้ว ถึงทีให้น้องๆ คนอื่นในทีมได้หยุดไปฉลองกันบ้าง ผมเลยต้องรับหน้าที่พาลูกค้ามาเฮฮานั่งอยู่ท่ามกลางแสงสีเสียงแบบนี้
     อันที่จริงผมก็ไม่มีปัญหาหรอกเพราะผมก็บ้างานพอสมควร ยิ่งงานเอนเตอร์เทนแบบนี้จะให้น้องผู้หญิงคนอื่นมาก็น่าเกลียด ถึงจะมีบางคนที่ชอบเสนอตัวรับงานแบบนี้ก็เถอะ พวกนางเมรีขี้เมาที่ชอบดื่มฟรีน่ะนะ แต่ยังไงๆ มันก็ต้องมีเซลล์ผู้ชายมาด้วยอยู่ดี เผื่อลูกค้าอยากได้อะไรที่มันมากกว่าแอลกอฮอล์ แล้วก็เป็นอันรู้กันว่านั่นมันหน้าที่ผม
     ให้นั่งดื่มฟรี บิลเบิกได้ เฮฮากับลูกค้า นั่งตะล่อมเหยื่อให้รับข้อเสนอบริษัทเรา มีสาวๆ สวยๆ นาบซ้ายขวา มีอาหารตาเต้นให้ดู ผมทำได้อยู่แล้ว โชคดีที่แฟนผมไม่ใช่พวกชอบทำตัวมีปัญหา ผมกับมันฉลองล่วงหน้ากันไปแล้วเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ... โดยฝีมือแม่ผมอีกแล้ว มันก็เลยกลายเป็นฉลองพร้อมหน้าในเครือญาติไปซะชิบ! และก็อย่างที่คุณรู้ รอบนี้พี่ผมยังส่งตัวแถมมาให้ผมเลี้ยงอีกโคตรนาน ผมกับแฟนเลยไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวกัน แถมพอกลับจากไปเที่ยวทะเลผมก็ต้องหัวหมุนกับงานต่อ แม่งเอ้ย! ลำบากชิบหาย เหนื่อยนะครับ ทำงานแบบนี้ใช่ว่าไม่เหนื่อย บางอารมณ์ผมก็อยากกลับบ้านไปนอนพักสงบๆ บ้าง พออายุขึ้นเลขสามแล้วสังขารผมเริ่มไม่ไหวแล้วล่ะ ละนี่ผมพล่ามห่าไรวะเนี่ย? ผมว่าผมเมาแล้วล่ะ แม่ง... ไอ้ต้นต้องด่าผมเช็ดอีกแน่ๆ ที่ผมดื่มจนเมาแบบนี้ แล้วผมจะขับรถกลับไหวมั้ยวะ? ไม่ดิ ไงก็ต้องไหว เดี๋ยวต้องไปส่งหมออีก เวร!

     “แหวะ...
     “ชัช!”
     ใครเรียกผมวะ?
     “ไหวมั้ยเนี่ย? น้ำตาลเห็นหายมานานเลยมาดู หืม...เละเทะเลยเนี่ย”
     น้ำตาล? .... น้ำตาลมาอยู่นี่ได้ไงวะ? อ้อใช่! น้ำตาลพึ่งย้ายเข้ามาทำงานในบริษัทเดียวกับผม แล้วก็บังเอิญเราได้อยู่ทีมเดียวกัน ผมเลยต้องพาน้ำตาลมางานนี้ด้วย ช่วยฝึกเด็กใหม่... ฮ่าๆ  อย่างยัยน้ำตาลเนี่ยนะใหม่ จิ้งจอกชัดๆ ใหม่บริษัทผมแต่เก่ามาจากที่อื่นอ่ะดิ นโยบายดูดคน แม่ง! เอาใครไม่เอาเสือกเอายัยน้ำตาลมา เวรเอ้ย!
     “ชัช ได้ยินที่น้ำตาลพูดมั้ย?”
     “ได้ยินคร้าบ แป็บนะ ขอล้างหน้าอีกแป็บ แหวะ!
     “ชัช! ค่อยๆ”
     “ดีขึ้นมั้ย?”
     ผมรับผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำที่ยัยน้ำตาลส่งให้มาเช็ดหน้าตัวเอง กลิ่นหอมอ่อนๆ กระจายออกมาจากตัวเธอตอนที่เข้ามาใกล้ผม ...แบบเดียวกับที่แฟนเก่าผมใช้เลย น้ำหอมยี่ห้อเดียวกันเป๊ะ แต่จะว่าไปยัยนี่ก็กิ๊กเก่าผมเหมือนกันนี่หว่า แถมยังเก่าตั้งแต่สมัยเรียนด้วย
     “อือ”
     “ดื่มจนเมาเละเลยนะชัช”
     “โล่งแล้ว ออกหมดท้อง โล่งถึงหัวเลย”
     น้ำตาลยิ้มขำๆ ให้กับมุขแปกของผม เราออกมาสูดอากาศกันด้านนอก ส่วนข้างใน ปล่อยให้เด็กคนอื่นมันดูไปครับ
     “หมอวีกับหมอแก้วอ่ะ?”
     ต่อให้คืนอันตรายโรงพยาบาลจะยุ่งขนาดไหน เชื่อเถอะครับ ยังไงมันก็ต้องมีพวกที่แลกเวร โดดเวร พวกรักแต่ตัวเองหนีเที่ยวได้อยู่ดี แล้วหน้าที่ผมก็คือหลอกล่อหมอไม่รักดีพวกนี้แหละให้ตกลงธุรกิจกับผมง่ายๆ อย่ามาโทษผมเลยถ้าค่ายามันจะแพงขึ้น เราอยู่ในโลกของธุรกิจนะครับ ถ้าไม่อยากเจ็บปวดกับค่ารักษาพยาบาลที่ไม่สมเหตุสมผลก็อย่าป่วย ทำงานมาเป็นสิบปีความดำมืดทั้งหลายของระบบสาธารณสุขนี่ผมเห็นจนชินชาแล้ว แต่ถ้าผมไม่ทำ ผมจะเอาที่ไหนกินอ่ะ?
     “แจนพาหมอแก้วไปส่งแล้ว เหลือแต่หมอวีอยู่ข้างใน ร้านไม่ปิดแกคงไม่กลับหรอก”
     “เหรอ ตาลกลับไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวชัชเข้าไปดูต่อเอง”
     “สภาพแบบนี้จะไหวเหรอ?”
     “ไหวดิ หายเมาแล้ว ตาลรีบกลับบ้านไปเหอะ ป่านนี้ลูกตาลรอแย่”
     กิ๊กเก่าผมกลายเป็นซิงเกิ้ลมัมไปแล้ว แต่ตอนที่ผมพูดน่ะผมไม่ได้นึกถึงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักคนนั้นหรอกนะ แทนที่ผมจะนึกถึงหน้าลูกเพื่อน ผมกลับนึกถึงเจ้าของดวงตาเรียวรีเศร้าๆ คนนั้น คนที่ไม่ว่าอะไรก็มักจะตามใจผมอยู่เสมอ แล้วก็ชอบเผลอยิ้มแบบเศร้าๆ ป่านนี้มันคงรอผมอยู่ที่ห้อง เข็มนาฬิกาเลยเวลาเที่ยงคืนมานานโข ผมยังไม่ได้โทรหามันซักแอะ มันจะรอผมอยู่รึเปล่า?
     “เอางั้นก็ได้ ขอบใจมากนะชัช”
     “อื้อ”
     เดี๋ยวไงหมอแกก็ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือไปเปิดโรงแรม งานแบบนี้ให้ผู้ชายทำดีกว่าครับ ถ้าผมไม่อยากให้มีปัญหาหมอเสร็จคนในทีม เกิดอะไรขึ้นมันจะพาลซวยไปทั้งหมด ไล่ยัยน้ำตาลกลับแหละดีแล้ว ที่เหลือผมน่าจะจัดการเองได้ไม่ยาก
     “ชัชเองก็ดูแลตัวเองด้วยนะ ถ้าไม่ไหวก็-”
     “เออน่ะ ชัชดูแลตัวเองได้”
     หลังจากร่ำลากันเสร็จแล้ว ผมก็ต้องเข้าไปเมาต่อ ไอ้หมอนี่มันคอแข็งชิบเป้ง เวร! คืนนี้ผมจะถึงห้องมั้ยวะ?

     โชคดีชะมัดที่ระบบเผลาผลาญผมมันดี แถมยังอ้วกไปเกือบหมดท้องเลยโล่งขึ้นเยอะ คิดแล้วยังงงตัวเองไม่หาย เพราะอะไรผมถึงได้เมาเละแบบนั้นวะ? ผมเครียดเรื่องอะไรอยู่กันแน่ ชีวิตผมก็มีความสุขดีนี่หว่า... ดีนะครับที่ผมสร่างเมาแล้วจริงๆ เลยขับรถกลับมาถึงคอนโดได้ เกือบซวยเจอให้นั่งพักกับจ่าที่ป้อมแล้ว แต่ผมมีเสื้อในรถไว้เปลี่ยน สภาพเลยดูไม่แย่มาก ตอนลงไปเป่าเลยพอกล้อมแกล้มผ่านมาได้
     โถงทางเดินในคอนโดผมเงียบสงบไร้ผู้คน ผมยกข้อมือขึ้นดูเวลา เกือบตีสี่ ป่านนี้ต้นคงนอนไปแล้ว
     แต่ภาพแรกที่ผมเห็นหลังจากไขกุญแจเข้าห้อง คือ... ไอ้ต้นหลับคาโซฟาหน้าทีวีที่เปิดไว้ แฟนผมคู้ตัวซุกอยู่ในผ้าคลุมไหล่ผืนที่แม่มันเคยใช้ ต้นนอนหลับตาพริ้มทั้งๆ ที่ไฟในห้องก็ไม่ได้ปิด ผมบอกมันแล้วแท้ๆ ว่าให้นอนได้เลยไม่ต้องรอ เด็กดื้อเอ้ย...
     “อื้อ พี่ชัช”
     แฟนผมสะดุ้งตื่นเพราะน้ำหนักของผมที่กดลงบนโซฟา ต้นมันกระพริบตาปริบๆ สองสามทีก่อนจะถามผม
     “กลับมาเมื่อไหร่ครับ?”
     “พึ่งถึงครับ ทำไมไม่นอน รอพี่ทำไม บอกแล้วว่าคืนนี้พี่อาจกลับเช้า”
     พอถูกผมดุมันก็หน้าเสียนิดหน่อย ต้นมันหลบตาผม ผมลูบหัวมันเบาๆ ให้รู้ว่าไม่ได้โกรธ ผมไม่ได้โกหกมันนะครับ ถ้าคืนนี้ผมเมามาก ขับรถกลับไม่ไหว ผมอาจจะหาโรงแรมนอนแถวนั้นก็ได้ ผมไม่อยากให้มันต้องลำบากรอผมแบบนี้เลย แฟนผมแสนดีเกินไปจริงๆ
     “ขอโทษครับ”
     “ขอโทษพี่ทำไม พี่สิต้องขอโทษเรา”
     ผมรักมันนะ แล้วผมก็ไม่ได้โกรธมันจริงๆ แต่... เมฆหมอกในใจผมนี่มันคืออะไรกัน? ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีก็เลยจูบหน้าผากมันไปเบาๆ
     “อื้อ! กลิ่นหึ่งเลยครับ พี่ชัชเมามากรึเปล่าเนี่ย แล้วนี่กลับมายังไงครับ ขับมาเองหรือว่าแท็กซี่ ถ้าพี่ไม่ไหวไม่ต้องผืนก็ได้นี่ครับ”
     มันบ่นผมอีกแล้ว บ่นผมทั้งๆ ที่ตัวเองก็มานอนรอผมกลับเนี่ยนะ? อะไรบางอย่างมันอุ่นวาบในอกข้างซ้ายของผม ผมคิดว่านั่นคือความเอ็นดู ผมแพ้ทางเจ้าเด็กคนนี้จริงๆ สินะ ฮ่าๆ ผมยิ้มให้กับคิ้วยุ่งๆ ของมัน ต้นมันทำหน้างง ผมเลยเฉลยให้มันฟัง
     “ก็พี่รู้ไงว่ามีคนรอ เลยพยายามกลับมาหา ขอโทษนะครับ นอกจากจะไม่ได้ฉลองด้วยกันแล้วพี่ยังไม่ว่างโทรมาอีก”
     ต้นมันเขิน อยู่กันมาตั้งสองปีแล้วมันยังเขินเพราะคำพูดของผม หน้าที่แดงขึ้นนิดหน่อยแล้วก็ทำท่าหลบตาผมแบบนั้นน่ารักจริงๆ เลย ...
     ความจริงแล้วผมอาจจะเมานิดหน่อยก็ได้ เพราะอย่างนั้นผมก็เลยสวมบทคนเมาทิ้งน้ำหนักกอดมันเอาไว้ ต้นมันตัวเล็กจริงๆ ไซส์แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงที่ผมเคยกอดเลย กลิ่นหอมพีชอ่อนๆ คุ้นจมูกจากตัวมันช่วยทำให้อารมณ์ผมผ่อนคลาย ความรู้สึกนี้เองที่บอกผมว่าผมกลับถึงบ้านแล้ว
     “ผมก็แค่มานั่งดูทีวีแล้วเผลอหลับ ...”
     “อะไรกัน ผัวอุตส่ากลับมา ไม่ดีใจให้พี่ชื่นใจซักนิดเลยเหรอ”
     ผมพูดไปงั้นแหละ รู้อยู่แล้วว่ายังไงมันก็ต้องดีใจ ผมเดาว่ามันต้องกำลังหน้าแดงจัดแล้วก็แอบเม้มปากเพราะความเขินอยู่แน่ๆ แต่ผมอ่ะแบตหมดแล้วครับ โคตรเหนื่อยเลย ชักไม่ไหวแล้ว
     “พาพี่เข้าห้องหน่อยดิ ไม่ไหวแล้วว่ะ”
     “อื้อ... ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
     “เออ กว่าจะขึ้นมาถึงห้องได้ก็แทบคลานละว่ะ”
     อ้อนเมีย มีความสุขครับ ผมว่าผมจำได้แล้วล่ะว่าผมรักไอ้ต้นเพราะอะไร คิดแล้วทุเรศตัวเองเป็นบ้าเลย ผมจะสับสนไปหาพระแสงอะไรกันวะ?
     ผมคงเมามาก สมองผมเบลอไปหมดแล้ว ผมจำไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ รู้แต่ว่าก่อนหน้านี้เหมือนมีปัญหาอะไรสักอย่างรบกวนใจผม ซึ่งผมเองก็ตอบไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมคงเซ็งมากจริงๆ นั่นแหละ เลยเผลอซัดเข้าไปซะขนาดนั้น โชคดีชะมัดที่ยังไม่ตายกลับมาหาไอ้ต้นได้ครบสามสิบสอง ดูท่าผมคงต้องเลิกดื่มหนักแบบนั้นจริงๆ จังๆ ซะแล้ว นิสัยเครียดแล้วกอดขวดนี่แก้ไม่หายซะที ... แค่ได้กลับมานอนเมาให้เมียดูแลแบบนี้ผมว่าจะเรื่องอะไรก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ ผมรักต้น ขอแค่ยังมีต้นอยู่ข้างๆ ผมก็พอ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำมันหอมระเหยอะไรสักอย่างในห้องกับสัมผัสอุ่นๆ จากผ้าขนหนูที่บรรจงเช็ดหน้าให้ผมอย่างเบามือ มีกี่คนกันที่จะแหกขี้ตามาเช็ดตัวให้ผมตอนเมาแบบนี้ ผมรู้ครับว่าผมมันแย่ แต่ช่างแม่งเหอะ ขอแค่พรุ่งนี้ผมยังมีต้นอยู่ข้างๆ ผมก็พอแล้ว

     ปวดหัวครับ ผมรู้จักอาการแบบนี้ดี “แฮงค์” นี่ผมมานอนบนเตียงได้ไงวะเนี่ย? อ้อใช่! เมื่อคืนผมเมามาก แต่ก็ยังลากสังขารกลับห้องได้อยู่ พอมาถึงห้องแล้วที่เหลือก็เป็นหน้าที่ไอ้ต้นละ แฟนผมนอนซุกอยู่ข้างๆ กันนี่แหละ สงสัยเมื่อคืนมันก็ไม่ได้นอนเหมือนกัน ...
     ผมจำได้ละ! ต้นมันไม่ยอมนอน รอผมกลับห้องเกือบถึงเช้า แถมยังต้องช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมอีก เพราะตอนนี้ผมใส่ชุดนอน เสื้อผ้าคนละชุดกับตอนผมออกไปทำงานเมื่อวาน
     ถ้าจำไม่ผิดเมื่อคืนผมอ้วกแตกด้วยนี่หว่า? ผมเปลี่ยนเสื้อก่อนกลับ ละผมเก็บเสื้อตัวนั้นไว้ไหนนะ? ท้ายรถหรือในรถ? ต้องเอารถไปล้างอีกแหง๋ๆ เฮ้อ... เซ็งครับ มีหวังปีนี้ผมได้เมาเละทั้งปีแน่ๆ เริ่มต้นวันที่หนึ่งแบบนี้แล้วรู้สึกทุเรศตัวเองเป็นบ้าเลย!
     ผมหันไปมองไอ้ต้น ... มันหลับ ปกติต้นมันรู้สึกตัวง่ายมาก ตื่นก็ง่าย แต่วันนี้มันหลับลึกผิดปกติ สงสัยเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนจริงๆ ความผิดผมสินะ? ความรู้สึกผิดกับความเอ็นดูผสมกันจนผมเผลอไล้แก้มมันเล่น พอเห็นมันเริ่มย่นคิ้วนิดหน่อยผมก็เลยจูบรับอรุณมันไปหนึ่งที และแล้วเจ้าหญิงก็ตื่นจากนินทรา
     “พี่ชัช... อรุณสวัสดิ์ครับ”
     เมียผมบอกอรุณสวัสดิ์ผัวทุกเช้า กล่าวราตรีสวัสดิ์ผมทุกคืน ขาดแค่ไม่ได้กราบเช้ากราบเย็นนะครับเนี่ย ตื่นมาแล้วได้ฟังคำทักทายแบบนี้ทำให้รู้สึกดีเป็นบ้า! แต่ผมยังไม่ได้บอกปีใหม่มันเลยนี่หว่า...
     “แฮปปี้นิวเยียร์ครับ”
     พอได้ยินคำทักทายของผมแล้วต้นมันก็ทำหน้างงๆ อยู่สองวิก่อนจะยิ้มออกมา ต้นมันยิ้มให้ผมแบบโคตรละลายใจอ่ะ! เมียผมน่ารักที่สุด ขอพี่แลกขี้ฟันอีกซักทีสองทีก็แล้วกัน
     “อื้อ อี้อั๊ด!”
     ต้นมันได้แต่ร้องอู้อี้ เพราะถูกผมแลกลิ้นด้วยแต่เช้า ผมก็ไม่ได้กะจะนัวเนียเอาจนฟินอะไรขนาดนั้นหรอกนะ รู้แต่อยากทำ อยากจูบมัน พอผละออกจากกันได้ ต้นมันหน้ามุ่ยเชียว ย่นคิ้วนิ่วหน้าเตรียมอ้าปากด่าผมชัวร์
     “พี่ชัชอ่ะ!”
     ว่าแล้ว... อีแก่ขี้บ่นของพี่เอ้ย! อารมณ์อิ่มเอมใจมันปะทุขึ้นมาจนแทบทะลัก ถึงจะถูกด่าแบบนี้แต่ผมรู้สึกดีเป็นบ้า ผมนึกถึงขายหัวเราะจริงๆ นะ อยากอยู่กับต้นไปนานๆ แบบนั้นจัง โดนมันบ่นทุกวันผมก็ยอม ให้มันเป็นอีแก่ของผมแล้วผมจะเป็นไอ้แก่ให้มันเอง
     “ไม รังเกียจผัวเหรอ? ฮ่าๆ”
     “ก็... เมื่อคืนพี่เมามาฟันก็ไม่แปรง ผมเหม็นอ้วก”
     “ก็เราอยากมายั่วพี่ทำไมล่ะ”
     “ผมไม่ได้ยั่ว!”
     “แค่ยิ้มก็ยั่วแล้วต้น ไม่รู้ตัวเหรอครับว่าพี่รักเราขนาดไหน แค่เห็นต้นยิ้มพี่ก็ของขึ้นแล้ว”
     เจอมุขเลี่ยนๆ ของผมเข้าไปแบบนี้แฟนผมก็หน้าแดง มันเขินจนเฉไฉหันไปมองโน่นมองนี่ก่อนจะซุกหน้าลงกับหมอน เสียงพึมพัมเบาๆ ลอดออกมาพอให้ผมได้ยินว่า “พี่ชัชบ้า!” ขี้อายจริง... แต่แบบนี้แหละ น่ารักสุดๆ!
     แฟนผม... คุณสมบัติภรรเมียดีเด่นมันผ่านหมดทุกอย่าง ขาดก็แค่อุ้มท้องได้แบบผู้หญิง นอกนั้นผมว่ามันไม่แพ้คนอื่นหรอก แต่สิ่งที่มันน่ารักจริงๆ ก็คือตอนที่มันเขินนี่แหละ เวลาอายแล้วทำหน้าแดงๆ หรือแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้นี่สุดยอด ผมลืมความน่ารักของมันไปได้ยังไงนะ ถึงมันจะไม่ค่อยมีจริตมารยาแบบที่ผมชอบ ถึงเรื่องบนเตียงมันจะไม่ค่อยสะใจผมเท่าไหร่ แต่ไอ้เรื่องทำหัวใจผมเต้นอย่างกับเด็กวัยรุ่นนี่ไอ้ต้นกินขาดจริงๆ
     แม้พวกผมจะไม่มีพันธะอะไรมาผูกพัน ไม่มีโซ่มาคล้อง ไม่มีห่วงให้ผูก แต่ผมได้ไอ้ต้นมันแล้วผมควรรับผิดชอบมัน ยิ่งไอ้ต้นมันรักผมขนาดนี้ผมก็ควรจะเสียสละความฝันของตัวเองเพื่อมันบ้าง ยอมมีความสุขเท่าที่ผมจะคว้าเอาไว้ได้แบบนี้จะเป็นไรไป ผมนี่มันโง่จริงๆ ถ้ามัวแต่ยังดิ้นรนไขว่คว้ามองว่ามันยังไม่พอสำหรับผม อยากได้มากกว่านี้ เผลอๆ ความสุขที่ผมมีอยู่นี่ก็อาจจะเล็ดลอดหลุดจากมือผมไปเหมือนเม็ดทรายก็ได้ ผมควรจะรักและทะนุถนอมมันสิ งั้นก็เอาใจมันหน่อยดีกว่า
     “วันนี้ไปเที่ยวกันป่าว”
     “หยุดเหรอครับ?”
     “หยุดดิ สภาพงี้จะไปทำงานไหวได้ไง”
     “ทำงานไม่ไหวแล้วจะไปเที่ยวเนี่ยนะครับ?”
     “ก็ทำงานกับเที่ยวมันคนละเรื่องกัน ครบรอบสองปีทั้งที ไม่อยากไปฉลองด้วยกันหน่อยเหรอครับ?”
     พอได้ยินผมพูดแบบนั้นแล้วไอ้ต้นก็หน้าแดง... มันขยับตัวเข้ามากระแซะผมก่อนจะพูดคำพูดติดปากของมันว่า
     “แล้วแต่พี่ชัชสิครับ”
     ไอ้แบบเนี้ยะ! คนอื่นไม่เคยมีให้ผมจริงๆ นะ สักวันผมต้องเป็นเบาหวานตายเพราะมัน เมียผมหวานไปทั้งตัว น่ารักจริงๆ แฟนผม เพราะอารมณ์หวานๆ ที่เกิดขึ้นกระทันหัน คนน่ารักเลยโดนผมระดมจูบไปเยอะเหมือนกันครับ กว่าผมจะปล่อยให้มันลุกไปอาบน้ำได้ ส่วนผมน่ะเหรอ? ขอพี่ต่ออีกสักห้านาทีนะครับที่รัก...

     ผมอาบน้ำแต่งตัวออกมานั่งกินอาหารเที่ยงแบบง่ายๆ แต่จัดเต็ม ต้นมันแอบทำเค้กนมสดแบบที่ผมชอบไว้ด้วย ผมว่าละว่าต้องมีอะไร ตอนที่มันอุ่นข้าวผัดอเมริกันให้ผมเสร็จแล้วมันก็ทำท่าเขินๆ ถามผมว่า “พอดีเมื่อวานผมอยากทานเค้กก็เลยทำไว้ พี่ชัชอยากรับของหวานหน่อยมั้ยครับ?” ไม่บอกล่ะครับว่าทำให้พี่? อยากทานบ้านมันดิ ยังไม่ได้ตัดแบ่งสักชิ้น ทำไว้ให้ผมชัดๆ ผมรู้น่ะ
     แต่เพื่อไม่ให้เมียเขินจนมาพาลด่าผม ผมก็เลยต้องเก็กๆ ซะหน่อย ทำเป็นไม่รู้แล้วก็นั่งซัดเค้กของโปรด ผลก็คือแค่มื้อเที่ยงก็ทำเอาผมอิ่มแปล้ แต่ก็คุ้มครับ ได้เห็นสีหน้าท่าทางมีความสุขของไอ้ต้น นึกแล้วก็ขำชิบ ท่าทางรอลุ้นให้ผมกินอาหารที่มันทำละพอผมกินเสร็จมันก็จะนั่งยิ้มหน้าบานแบบนี้คล้ายกับแม่ผมจริงๆ นั่นแหละ เหมือนที่ไอ้เตอร์พูดไว้เลย
     เวลาที่ผมชอบอะไร ถ้าไอ้ต้นมันรู้มันจะพยายามทำให้ผมกินบ่อยๆ ยิ่งโอกาสพิเศษนี่ของชอบผมมีไม่เคยขาดอ่ะ ต้นมันเตรียมไว้ให้ผมตลอด ละพอผมชมมันที่อุตส่าทำเพื่อผมขนาดนั้นมันก็จะดีใจยิ้มจนแก้มปริ ไอ้ท่าทางพยายามเอาใจผมแบบนี้นี่เหมือนเด็กเลยครับ เหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่อยากได้คำชมจากพ่อแม่เลย คงเป็นปมของมันมั้ง? แต่ผมไม่ลำบากหรอกที่จะเล่นบทคุณพ่อขายาวแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ถ้าทำแล้วได้เห็นรอยยิ้มสดใสแบบนี้อีก ให้ผมทำอะไรก็ยอมครับ รักเมียหลงเมีย!
     พอเราเตรียมตัวเสร็จก็สตาร์ทรถขับออกจากคอนโดไปวัดกัน ต้นมันอยากไปทำบุญ มันก็จริงที่ผมให้ไอ้ต้นเป็นคนเลือกว่าอยากไปเที่ยวไหน แต่ที่ไหนได้มันดันบอกให้ผมพามันไปวัด พวกเราเลยเลือกวัดใกล้ๆ คอนโดนั่นแหละครับ ต้นมันชวนผมลงไปซื้อชุดสังฆทานแล้วก็ไปหาเจ้าอาวาสที่กุฏิท่าน พวกเราถวายสังฆทานกันอย่างเรียบง่าย พอมันกรวดน้ำเสร็จ ก็ชวนผมไปให้อาหารปลา สบโอกาสแล้วผมก็เลยถามมันสักหน่อย อดใจไม่ไหวอ่ะครับ
     “ทำไมอยู่ๆ ถึงชวนพี่มาทำบุญละครับ?”
     “ก็... เป็นห่วงพี่ชัชมั้งครับ”
     “ห่วง? ห่วงพี่เนี่ยนะ เกี่ยวอะไรกับทำบุญ?”
     “ก็ปีใหม่ทั้งทีผมก็เลยอยากทำอะไรดีๆ บ้าง”
     ต้นมันบิขนมปังออกเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะโยนออกไปให้บรรดาปลาที่แห่กันมารอรับอย่างแออัด วันนี้แฟนผมใส่ชุดใหม่ด้วยเว้ยเฮ้ย สงสัยเป็นชุดที่ไปซื้อกับน้องเมษคราวก่อนที่เคยเล่าให้ผมฟังแหง๋ๆ กางเกงยีนส์เข้ารูปหน่อยๆ ไม่ถึงกับเดฟ แต่ต้นใส่แล้วขึ้นมากครับ การเกงทรงพอดีตัวแบบนี้ช่วยให้ต้นมันดูเพรียวขึ้นเยอะเลย แถมยังเห็นก้นงอนๆ นั่นชัดอีกต่างหาก เสื้อแขนยาวสีเทานั่นถึงจะเรียบๆ แต่ก็ใส่แล้วขึ้นเป็นบ้า เห็นไหปลาร้าดูเซ็กซี่หน่อยๆ มันถลกแขนเสื้อขึ้นเพื่อให้สะดวกในการให้อาหารปลาดูทะมัดทะแมงดีไม่หยอก เสียดายแว่นนั่นบังตาสวยๆ ของมันไปหมด เพราะมันไม่ยอมใส่คอนแทคเลนส์ เมื่อก่อนมันก็น่ารักอยู่แล้วนะ แต่พอแต่งตัวนิดๆ หน่อยๆ แบบนี้แล้วผมว่ามันหล่อเลยล่ะ ผมไม่แปลกใจเลยถ้ามีผู้หญิงมาชอบมัน แต่ยังไงผมก็ไม่ปล่อยให้เมียผมโดนผู้หญิงคนไหนคว้าไปหรอกครับ ผมรักของผม
     “ละอีกอย่าง ผมเป็นห่วงพี่ชัชนะครับ เมาแล้วก็ขับรถแบบนั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมจะทำยังไง ผมไม่สบายใจนี่นา เลยอยากชวนพี่ชัชมาทำบุญ... เผื่อ... กุศลจะได้ช่วยคุ้มครองพี่ชัชมั้งครับ”
     ตอนแรกผมก็เซ็งนะ ไอ้ต้นบ่นผมอีกแล้ว แต่ท้ายๆ ประโยคนั่นผมซึ้งครับ! ยิ่งเห็นไอ้ต้นมันงุ้งงิ้งงึมงัมแล้วก็แอบเหลือบตามามองผมก่อนจะเฉไฉไปโยนขนมปังให้ปลา โอ้ย อยากลากเมียกลับบ้านชะมัด! หนีเขตวัดกันเถอะน้องเอ้ย! พี่ไม่อยากบาปหนักข้อหาคิดเรื่องหื่นๆ ในเขตสงฆ์
     ผมพูดอะไรไม่ออกนอกจากยิ้ม พอต้นมันเห็นผมยิ้มมันก็เลยยิ้มตาม มันยิ้มอายๆ แล้วก็ให้อาหารปลาต่อ ระหว่างเราสองคนไม่ต้องพูดอะไรกันแต่ผมว่ามันก็รับรู้ได้เหมือนผมนะ ไอ้อารมณ์หวานๆ อุ่นๆ สุขใจยิ่งกว่ากินไก่ลุงเคนเนี่ย แฟนผมแม่งน่ารักที่หนึ่งเลย เพราะแบบนั้นผมก็เลยลูบๆ ขยี้หัวมันไปสองที แปลกแฮะคราวนี้มันไม่บ่นหาว่าผมแอบเช็ดมือกับหัวมัน
     “ให้อาหารปลาเสร็จละต้นอยากไปไหนต่อป่ะครับ?”
     “ไม่รู้สิครับ”
     “เราอยากทำไรรึเปล่าละ? มีโปรแกรมมั้ย”
     “อืม... นึกไม่ออกอ่ะครับ ละพี่ชัชล่ะ? พี่ชัชอยากทำอะไรรึเปล่าครับ? ผมแล้วแต่พี่ชัชละกัน”
     “พี่เหรอ? พี่อยากงาบเมียว่ะ”
     ต้นมันอึ้งไปหน่อยๆ ก่อนจะหน้าแดงแปร๊ด มันขมุบขมิบปากอ่านได้ใจความว่า “พี่ชัชบ้า” หึๆ น่ารักชิบเป๋ง!
     ปีใหม่แบบเรียบง่ายอย่างนี้ก็ดีไปอีกแบบนะครับ สงบสุขดี ถึงจะไม่มีแสงสีเสียงอลังการณ์ละลานตา แต่แค่ได้อยู่กับคนที่เรารัก ทำบุญทำทานเพิ่มความเป็นศิริมงคลกับชีวิต มีคนรู้ใจคอยเตือนสติกัน ชีวิตแบบนี้ก็เรียบง่ายดี ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมาก ผมลืมไปได้ยังไงนะ ว่าอีกข้อที่ผมชอบไอ้ต้นก็เพราะว่าเวลาที่อยู่กับมันแล้วผมไม่เหนื่อย
     พูดแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองพึ่งโผล่พ้นน้ำเลยครับ ผมมัวแต่หลงอยู่ในตมตั้งนาน คิดมากเรื่องไอ้ต้น มัวแต่เปรียบเทียบมันกับคนอื่นอยู่ได้ นั่งคิดข้อดีข้อเสียของมันแล้วก็นั่งเซ็งที่มันตอบโจทย์ความฝันของผมได้ไม่ครบ โดยเฉพาะมันขาดในสิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุด โดยที่ผมลืมมองไปว่าต้นมันมีอะไรให้ผมบ้าง แล้วสิ่งที่มันทำให้ผมได้พวกนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขมากแค่ไหน แถมยังหาไม่ได้จากคนอื่นอีก ผมนี่แม่งโง่ชะมัด!
     เพราะต้นมันเขิน ก็เลยบิขนมปังแล้วโยนให้ปลารัวๆ ไม่นานขนมปังก้อนใหญ่ก็เกลี้ยง เป็นอันว่าผมหมดอุปสรรคไปอย่าง
     “กลับคอนโดกันป่ะ?”
     ผมเอื้อมไปกุมมือของต้นแล้วทำเสียงทะเล้นถามมัน หน้าที่แดงอยู่แล้วของต้นก็เลยยิ่งแดงเข้าไปใหญ่ ลามไปทั้งคอจนถึงหู ต้นมันพยักหน้าหน่อยๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่เป็นอันว่าเข้าใจกันนะครับ ว่าผมจะกลับคอนโดไปงาบเมีย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ8
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 01:43:58

     ถ้าหากพวกคุณอยากรู้ละก็ ผมไม่ได้กลับคอนโดทันทีหรอก อุปสรรคเยอะชิบ! แต่ต่อให้มีฟ้าถล่มมาตรงหน้าผมก็จะพาไอ้ต้นกลับไปงาบให้ได้วันนี้ ... คืนนี้ก็ได้วะ!
     คือตอนที่เรากำลังจะเดินกลับไปที่รถดันมีโทรศัพท์ด่วนมาบ่นน้อยใจน่ะครับ ผมก็เลยต้องมานั่งใช้โหมดโปรเฟสชันแนลปั้นหน้ายิ้มอยู่บ้านปู่ไอ้ต้นมัน คุณปู่ขี้เหงาบ่นน้อยใจโวยวายว่าปีใหม่ทั้งทีทำไมหลายชายไม่มาเยี่ยม ทั้งๆ ที่ต้นมันพึ่งไปหาปู่มันมาเมื่ออาทิตย์ก่อน แกบ่นโวยวายน้อยใจใหญ่ ไอ้ต้นยิ่งขี้ใจอ่อนอยู่ด้วย มันก็เลยหันมาอ้อนผมขอให้พามันไปกินข้าวเย็นกับปู่ ผมก็เข้าใจความหมายแฝงนะ มันอยากให้ผมไปกับมันด้วยไม่ใช่แค่ไปส่ง เอาก็เอาวะ!
     แล้วผมก็คิดไว้ไม่ผิด อึดอัดโคตร... ถึงเงินเดือนผมมันจะน้อยจนซื้อสร้อยเพชรสักเส้นในร้านปู่แกไม่ได้แต่ก็เลี้ยงไอ้ต้นได้ก็แล้วกันครับ ผมน่ะชนชั้นกลางธรรมดาๆ นะครับ อยู่แบบพอมีพอกิน ไหนเลยจะรวยอู้ฟู่มีเงินเหลือกินเหลือใช้แบบเจ้าสัวแก
     แต่ได้มาเห็นแบบนี้ก็ดีครับ ผมถึงได้รู้ว่าต้นมันเข้ากับญาติๆ ฝั่งพ่อได้แล้ว แถมมันยังสนิทกับลุงมันมาก แต่ทำไมผมเสียวๆ ยังไงก็ไม่รู้ เห็นสายตาเทิดทูนที่ต้นมองลุงมันแล้วผมแปล๊บในใจแปลกๆ ดีนะครับที่สองคนนั้นเขาเป็นญาติกัน แล้วในระหว่างที่ผมนั่งอิจฉาอยู่ก็มีเพื่อนร่วมชะตากรรมกับผมด้วยเหมือนกัน พ่อไอ้ต้นนั่งงอนลูก ผู้ชายอายุเกือบห้าสิบกำลังหมั่นไส้พี่ชายตัวเองข้อหาลูกปลื้มลุงมากกว่าพ่อ แต่ถึงยังไงก็มีแต่ผมนี่แหละที่หัวเดียวกระเทียมลีบ ก็พ่อไอ้ต้นพกมาทั้งเมียทั้งลูกสาว ส่วนผม... เมียผมดันกำลังปฏิบัติหน้าที่ลูกหลานกตัญญูอยู่ ไม่ว่างมาเทคแคร์
     ผมเคยคิดว่าถ้าผมแต่งงานผมอยากได้เมียที่เข้ากับแม่ผมได้ แต่ที่ผมไม่ได้คิดก็คือญาติเมียผมจะเกลียดผม ออกแนวรังเกียจหน่อยๆ เลยด้วยเอ้า! นี่สินะครับความแตกต่างของชนชั้น ปู่ไอ้ต้นเกลียดผมเพราะผมเสือกทำหลานชายคนเดียวที่เหลืออยู่ของแกเป็นเกย์ พ่อไอ้ต้นเกลียดผมเพราะผมเสือกพาลูกเขาไปรถคว่ำเกือบเอาชีวิตไม่รอด พี่ไอ้ต้นเกลียดผมเพราะเพื่อนไอ้ต้นคงรายงานเรียบร้อยว่าผมข่มขืนไอ้ต้น เวร! โคตรอึดอัดเลยคร้าบ อยากกลับคอนโดอ่ะ
     “เติมชาหน่อยมั้ยจ้ะ”
     “ไม่ดีกว่าครับ ผมอิ่มแล้ว”
     “ลำบากหน่อยนะ ต้องมาเฝ้าคนแก่แทนที่จะได้ไปสนุกสนานประสาเด็กๆ”
     คนเดียวที่ดูจะไม่อคติกับผมมากก็คือป้าสะใภ้ไอ้ต้นนี่แหละครับ ส่วนลุงรองของไอ้ต้น ผมไม่ค่อยได้คุย เคยได้ยินชื่อรู้จักหน้าค่าตากันเฉยๆ
     บ้านหลังนี้มีคนอยู่กันสามคน รวมแม่บ้านกับคนขับรถสองผัวเมียก็เป็นห้า ลุงใหญ่กับลูกพี่ลูกน้องไอ้ต้นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียไปพร้อมกันเมื่อ ราวๆ สี่ห้าปีก่อนครับ ก่อนที่คนบ้านนี้จะรู้ว่ามีไอ้ต้นอยู่บนโลกนี้ซะอีก ทั้งบ้านนอกจากปู่ไอ้ต้นแล้วก็เหลือแต่ลุงรองที่ไม่ได้แต่งงานกับป้าสะใภ้ที่ยังคงอยู่ดูแลพ่อสามี ส่วนพ่อไอ้ต้นแยกบ้านไปอยู่กันประสาครอบครัวเดี่ยวพ่อแม่ลูก เพราะไม่ค่อยลงรอยกับพ่อตัวเองที่หัวโบราณ แล้วก็มีปัญหาไม่กินเส้นกับพี่ชายคนอื่นๆ เห็นแล้วผมว่าผมโชคดีกว่าเยอะเลยแหละ อย่างน้อยๆ ถึงพี่ผมจะดุชอบไล่เตะผม แต่พี่ศักดิ์กับผมก็รักกันดีไม่ค่อยมีอีโก้โง่ๆ แบบนี้เท่าไหร่ เพราะบ้านผมจนมั้งครับ ทุกคนเลยต้องช่วยกันทำมาหากิน ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น ช่วยกัน ไม่มีเรื่องแก่งแย่งว่าใครดีกว่ากัน
     เฮ้อ... เห็นแล้วเซ็ง ดีนะครับที่ผมตอแหลเนียนพอ ว่าแล้วก็เอาซะหน่อย ผมปรับสีหน้าเป็นโหมดทำงานก่อนจะยอคนแก่
     “ไม่หรอกครับ ผมเองก็ไม่เด็กแล้วเหมือนกัน”
     “อุ๊ยตายจริง ขอโทษนะ ฉันก็ลืมไปสนิทเลย เห็นตาต้นเด็กๆ เลยชอบลืมไป เห็นแฟนต้นเป็นเด็กไปด้วย แต่เราก็ยังดูไม่แก่เท่าไหร่เลยนี่ ไม่น่าเชื่อนะว่าจะสามสิบกว่าแล้ว ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลย”
     “คุณณีจะทำให้ผมตัวลอยนะครับเนี่ย ฮ่าๆ”
     “ตอนอั๊วะสามสิบน่ะ ไอ้ตี๋ใหญ่ก็สิบขวบแล้ว”
     นั่นไงเสียงสวรรค์ นรกส่งมาแทรกชัดๆ ไอ้ต้นมันหน้าเหวอเลยครับ มันก็พอรู้อยู่ว่าปู่มันไม่ค่อยชอบหน้าผมแล้วมันยังจะขอให้ผมพามันมาอีก ฮือๆ เพื่อเมีย ชัชทนด๊าย!
     “คุณพ่อคะ!”
     ดูเหมือนปู่แกจะรู้ตัวว่าเผลอตีวัวกระทบคราด ไอ้ผมเจ็บอ่ะไม่เท่าไหร่ แต่มันไปโดนหลานแกเต็มๆ เลย พอเห็นต้นหน้าเจื่อนแบบนั้นแกถึงพึ่งรู้ตัว
     “ไอหย๋า! อั๊วะไม่ได้ว่าลื้อน้าอาตี๋เล็ก ถึงลื้อจาเป็นอาไรอากงก็รักลื้อน้า มีเหลนให้อั๊วะไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวอาษาอีก็มีเอง ลื้ออยู่เป็นหลานชายอั๊วะไปนานๆ นะ ไม่ต้องไปรักคนอื่นหรอก”
     “คุณพ่อคะ หนูยังไม่อยากให้ลูกรีบคิดเรื่องนั้นเลยค่ะ ยัยษาพึ่งเข้ามหาวิทยาลัยเอง”
     แม่เลี้ยงไอ้ต้นรีบเบรคปู่แกทันที ตอนแรกผมก็นึกสงสัยนะว่าผู้หญิงแบบไหนที่ปล่อยให้ผัวไปซนได้จนไอ้ต้นเกิด แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเองแล้วผมก็รู้ทันทีเลยว่าเพราะอะไรผู้ชายคนนั้นถึงได้เกรงใจและรักเธอมากจนไม่สนใจพี่น้ำกับลูก สั่งให้พี่น้ำไปเอาเด็กออก ถึงจะแก่แต่ก็ยังดูสวยอยู่เลยครับ ทั้งสวยทั้งสง่ามีราศีน่าเกรงขามเป็นอาจารย์ซะด้วย แถมยังฉลาด วางตัวเก่งเป็นบ้า ถ้าผมเจอลูกค้าแบบนี้บอกได้เลยครับว่าเคี้ยวยาก
     จากที่ผมประเมินท่าทีระหว่างไอ้ต้นกับแม่เลี้ยง ทั้งสองคนต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง อยู่ร่วมกันแบบไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ไม่แสดงท่าทางหมางเมินแต่ก็ไม่ได้รักใคร่อะไรกันขนาดนั้น พูดคุยยิ้มรับทักทายกันตามปกติ แต่เห็นแล้วผมสงสารแฟนครับ ในใจไอ้ต้นนี่คงอึดอัดจนแทบบ้า ผู้หญิงคนนั้นเองก็ด้วย เธอเข้มแข็งน่าดูถึงได้วางเฉยได้ขนาดนี้ มิน่าพ่อไอ้ต้นถึงได้ไม่กล้าทำอะไรมากเพราะเกรงใจเมีย ผมก็เข้าใจนะว่ามันกระทบเต็มๆ โน่นก็ลูก นี่ก็เมีย มันวางตัวลำบาก นี่ดีนะที่พี่ไอ้ต้นมันรักน้อง ไม่งั้นคงดราม่ากว่านี้
     “จะคบคนมันต้องดูนานๆ ลูกๆ หลานๆ เพื่อนอั๊วะเยอะแยะ ลื้อถูกใจคนไหนก็จะได้ลองดูใจกันก่อนงาย พอเรียนจบก็แต่งพอดี”
     โดน! ผมโดนอีกแล้ว.... เซ็งครับ เพราะทำอะไรไม่ได้ผมเลยยกแก้วชาในมือขึ้นจิบ ชิบหาย! คุณณีแกเติมชาให้ผมตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย ร้อนชิบ! ลวกปากเลย
     “แค่กๆ”
     “พี่ชัช!”
     พอเห็นผมสำลักไอ้ต้นก็ปราดเข้ามาดูผมทันที มันหยิบทิชชู่มาเช็ดปากให้ผม สีหน้ารู้สึกผิดของมันทำให้ผมใจอ่อน มันทำปากว่าขอโทษผมเบาๆ แต่ผมแอบเห็นปู่แกทำหน้าสะใจเต็มแก่
     “ฮึ ดื่มชาก็ดื่มไม่เป็น ชาชั้นดีแบบนี้มันต้องค่อยๆ จิบ”
     “อย่าไปถือพ่อแกเลยนะคุณ คงเพราะผมอยู่เป็นโสดไม่ยอมแต่งงานซักที แถมพี่อาจกับตาธีร์เสียไปพร้อมๆ กัน แกคงเหงา อยากมีลูกหลานเพิ่ม แกเลยมาพาลเอากับคุณ”
     ลุงของไอ้ต้นแอบกระซิบคุยกับผมในระหว่างที่ปู่แกกำลังหันไปคุยกับสะใภ้เล็กแล้วก็หลานสาว ชอบจับคู่ให้คนโน้นคนนี้ซะจริง แต่ได้ข่าวว่าสำเร็จไปแค่คู่เดียวเท่านั้นแหละครับ แต่ผลก็คือลูกชายอีกสองคน คนหนึ่งอยู่เป็นเพลย์บอยยันห้าสิบกว่า อีกคนแหกกฏยอมถูกตัดออกจากกองมรดกไม่ยอมรับการคลุมถุงชนหนีไปเมืองนอกแต่งงานกับสาวที่เลือกเอง แล้วตอนนี้ไอ้ต้นก็เสร็จผมไปละ เลยเหลือแต่หลานสาวคนเดียวนี่แหละ แต่ก็ดูท่าจะยากครับ เพราะฝ่ายสะใภ้เองก็ถือที่ว่ามีเกียรติพอสมควร มาสายวิชาการกันทั้งบ้าน แถมยังหัวสมัยใหม่หยิ่งในศักดิ์ศรี คงไม่ยอมให้ลูกสาวตัวเองโดนคลุมถุงชนแน่ๆ ผมเห็นอาการคนแก่เอาแต่ใจแล้วก็แอบขำหน่อยๆ ยีนส์หัวแข็งนี่เหมือนกันทั้งบ้าน ของเขาแรงจริงๆ
     “ผมไม่ถือหรอกครับ”
     “รบกวนคุณหน่อยนะ ต้องให้ต้นมาค้างกับพวกเราบ่อยๆ”
     “ไม่เลยครับ ดีซะอีก ต้นจะได้ไม่เหงาเวลาที่ผมไม่อยู่”
     “เป็นเซลล์นี่ท่าทางยุ่งนะ เห็นต้นบอกว่าคุณไม่อยู่บ่อยๆ ไม่สนใจงานประจำอยู่กับที่บ้างหรือคุณ? ท่าทางคล่องแคล่วแบบนี้น่าจะขายของเก่ง เปลี่ยนมาขายเพชรมั้ยล่ะ?”
     “ฮ่าๆ อย่าดีกว่าครับ ผมไม่ถนัดทางนั้น”
     “ไม่ดีเหรอคุณ น่าจะสบายกว่านะไม่ต้องเหนื่อยขับรถไปมาต่างจังหวัดบ่อยๆ ต้นเขาห่วงคุณมากทีเดียว”
     “ก็เฉพาะช่วงที่ผมได้เขตต่างจังหวัดแหละครับ นอกนั้นก็วนๆ ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล สลับๆ กันไป อีกอย่างผมจบเภสัชมา เกรงว่าจะดูเพชรไม่เป็นครับ ฮ่าๆ”
     “ฮึ๊ ตาไม่มีแวว!”
     น่าน! ผมโดนอีกหนึ่งดอก ปู่แกคุยอยู่กับแม่ลูกคู่นั้นแท้ๆ แต่ไหงยังมีอารมณ์มาแอบฟังแล้วแขวะผมได้อีกล่ะ แต่คราวนี้ผมมีพวกแล้วเว้ยเฮ้ย! ฮ่าๆ
     “ป๊าก็พูดเกินไป อั๊วะกับอาต้นก็ไม่มีแววเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ใครจะสู้พี่อาจได้ล่ะ แต่อีตาดีออกอั๊วะว่า ไม่งั้นอีจะคว้าต้นไปทำเมียได้ยังไง”
     “คุณลุงก็!”
     “โอ้ยไม่ต้องเขินหรอกต้น เรื่องแบบนี้เดี๋ยวนี้เขาไม่ถือกันแล้ว ดีซะอีกคบกันเป็นเรื่องเป็นราวอย่างเปิดเผย วันนี้วันปีใหม่ต้นก็พาเขยเข้าบ้าน เรื่องพ่อตากับลูกเขยไม่ถูกกันมันก็เรื่องธรรมดา ปล่อยพ่อกับปู่เราเขาไปเถอะ ไม่ต้องคิดมาก”
     “พี่ไกรจะพูดอะไรก็เกรงใจผมบ้าง ต้นยังเด็กอยู่ ยังเรียนไม่จบ เขาแค่อยู่กับคนที่แม่เขาฝากไว้”
     “ยอมรับความจริงเถอะอาต้น ลูกมันไม่เอาลื้อ ฮ่าๆ เด็กเดิกอะไรกัน อีกเดือนเดียวต้นมันก็จะยี่สิบแล้ว ดูสิว่าต้นมันจะยอมเปลี่ยนไปใช้นามสกุลลื้อมั้ย ฮ่าๆ”
     เกิดบรรยากาศตึงเครียดขึ้นทันทีครับ ผมรู้แล้วล่ะว่าทำไมปู่แกถึงได้ไม่เอาลูกที่เหลือสักคน ทั้งๆ ที่ก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ คนหนึ่งก็หัวแข็ง อีกคนก็ชอบกบฏ เห็นแล้วผมสงสารต้นชะมัด
     “นามสกุลอาต้นก็นามสกุลลื้อนั่นแหละอาไกร นามสกุลอั๊วะมันไม่ดีตรงไหนฮ่ะ!”
     “เออ ผมลืมไป ว่าไงละต้น เราอยากใช้นามสกุลเดียวกับลุงรึเปล่า?”
     เอาละสิ เมียผมตกที่นั่งลำบาก นี่ถ้าผู้ชายจดทะเบียนกันได้ต้นมันจะไม่ต้องเดือดร้อนกับปัญหางี่เง่าแบบนี้เลย เพราะต้นมันต้องใช้นามสกุลผมอยู่แล้ว เห็นเมียตัวเองอึกอักน้ำท่วมปากก้มหน้าเม้มปากกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนั้นแล้วสงสารครับ เอาวะ! ไอ้ชัชตายเพื่อเมียอีกแล้ว
     “แหม ต้นเป็นเมียผมก็ต้องใช้นามสกุลผมสิครับ น่าเสียดายผู้ชายจดทะเบียนกันไม่ได้ หรือต้นจะมาเป็นลูกบุญธรรมแม่พี่ดีครับ? ทุกวันนี้ก็เป็นลูกรักแม่พี่ไปแล้วนี่”
     ผมลูบหัวมันเบาๆ ไอ้ต้นมันเลยเงยหน้าขึ้นมามองผมน้ำตาคลอ อืม... ร้องไห้ให้พี่เถอะคนดี เพราะพี่กำลังพลีชีพเพื่อเราเลย
     “เฮอะ! อาตี๋เล็กจะไปใช้นามสกุลลื้อได้ยังงาย นามสกุลอะไรก็ไม่รู้ อั๊วอยู่มาเจ็ดสิบปีไม่เคยได้ยิน!”
     อืม เป็นไปตามแผน ทุกคนหันมาเล็งเป้าที่ผมแทน โดยเฉพาะสายตาจากคุณพ่อตานี่แทบฆ่าผมได้เลยพอได้ยินว่าต้นสนิทกับแม่ผมมาก ถ้าอยากให้ลูกรักก็หัดทำตัวให้มันดีๆ หน่อยสิครับ มัวแต่ใส่หน้ากากทำตัวเย็นชาแล้วใครที่ไหนมันจะกล้า พอเห็นแบบนี้แล้วก็พาลหงุดหงิดแฮะ ต้นมันเหมือนพ่อมันพอสมควรเลยนะเนี่ยเวลาทำตัวงี่เง่าไม่พูดไม่จาเอาแต่เงียบทำตัวเย็นชา เฮ้อ... รักลูกเขาหลานเขาก็ต้องทน ครับ... ทนครับ เพื่อต้น เพื่อเมีย! สู้เว้ย!

     กว่าผมกับต้นจะกลับถึงคอนโดก็เกือบสามทุ่ม รู้สึกหมดพลังงานครับ ไอ้ฟีลลิ่งดีๆ เมื่อเช้าตอนไปทำบุญหายเกลี้ยง ทำไมเจ้ากรรมนายเวรผมมันเยอะจังเลยวะ?
     เพราะพวกเราทานมื้อเย็นกันมาแล้วจากบ้านปู่ไอ้ต้น พอกลับมาถึงบ้านแล้วผมก็เลยอาบน้ำเตรียมตัวนอนเพราะพรุ่งนี้ผมต้องรีบเข้าออฟฟิสแต่เช้า หมดแรงครับ หมดอารมณ์ด้วย
     ไอ้ต้นมันทำอะไรจุกจิกของมัน ปล่อยให้ผมพักผ่อนเต็มที่ มันคงรู้ว่าผมเหนื่อย กว่ามันจะอาบน้ำคลานขึ้นมาบนเตียงผมก็เกือบหลับแล้ว แต่สัมผัสเบาๆ ที่ปากผมนี่สิ ... ตื่นทันตาเห็นเลยครับเมียจ๋า
     ผมลืมตาขึ้นมองมัน สีหน้าต้นไม่ค่อยดี ดูมันกลัวๆ ยังไงก็ไม่รู้ ต้นมันคลานมานอนแปะอยู่ข้างๆ ผม ท่าทางเตรียมอ้อนเต็มที่ เห็นแบบนี้แล้วผมก็เลยลูบหัวมันเบาๆ รอดูว่ามันจะว่าไงต่อ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด
     “ขอโทษนะครับ”
     “ขอโทษเรื่องอะไร?”
     “อืม... ขอโทษที่ผมทำให้พี่ชัชเหนื่อยมั้งครับ วันนี้พี่ชัชคงเหนื่อยมาก ... ขอบคุณนะครับ”
     ต้นมันเว้นจังหวะไปนิดหน่อยก่อนจะซบลงบนอกผม ไม่บ่อยนะครับที่มันจะทำตัวเป็นผีอำผมแบบนี้ ปกติมีแต่ผมนี่แหละเป็นฝ่ายอำมัน อาการที่มากกว่าซุกแบบนี้อ้อนเต็มขั้นเลยนี่หว่า มันคงกลัวผมโกรธมากจริงๆ ผมเลยลูบหลังมันไปเรื่อยเพื่อปลอบว่าผมไม่ได้โกรธ ผมไม่โกรธมันหรอกที่มันอยากให้ผมไปเยี่ยมญาติกับมัน ผมจะโกรธได้ยังไง ถึงผมไม่ชอบแต่ก็เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องทำนี่ครับ ผมทำใจได้แล้วล่ะ อ้าว... สัมผัสแบบนี้... เสื้อยืด เลื้อยมือต่ำไปอีกนิด... แถมยังบ็อกเซอร์ด้วย ... ขาเนียนมากเลยที่รัก ไม่ตื่นก็ต้องตื่นครับ เมียผมน่ารักขนาดนี้ ถ้าผมไม่ตื่นตอนนี้ผมก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้ว!
     “พี่ไม่ได้เหนื่อยมากขนาดนั้นหรอก”
     ผมพูดจริงๆ นะ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนแต่ถ้าเจอแบบนี้ก็หายเหนื่อยครับ ต้นมันอุตส่าอ่อยมาขนาดนี้ ผมเลยเลิกเหนื่อยหันมาหื่นแทน
     เพราะผมเว้นจังหวะไปนิดหน่อยก่อนจะพูดต่อ ไอ้ต้นมันเลยยุกยิกไถหน้ากับเสื้อผม ชอบจริงๆ เลยเวลามันอ้อนแบบนี้เนี่ย ไอ้ลูกแกะเอ้ย!
     “ไม่โกรธเราด้วย... ถึงจะเหนื่อยนิดหน่อยก็เถอะ แต่ทำไงได้ละครับ ก็รักหลานชายคนเล็กของตระกูลนี่ แถมพี่ยังทำพวกเขาไร้คนสืบสกุลอีก ทางนั้นเขาจะเกลียดขี้หน้าพี่ก็ไม่แปลก”
     ผมดึงตัวต้นให้เงยหน้ามาสบตากับผม จังหวะเดียวกับที่ต้นเองก็ชันศอกพอดี โอ้ย! ซี่โครงผมเต็มๆ ... เจ็บนะเนี่ย กัดฟันไว้ครับ บรรยากาศกำลังดี
     “พี่ชัชไม่ควรต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้เลย... เรื่องวุ่นวายส่วนตัวของผมแท้ๆ”
     “ไม่ส่วนตัวนะครับ เราเป็นเหมือนคนๆ เดียวกันแล้วนะต้น ต้นมีปัญหาอะไรก็เหมือนพี่มีด้วยนั่นแหละ”
     ขอผมเนียนหน่อยละกัน ผมขยับตัวเอนพิงหัวเตียงเอาไว้แล้วดึงต้นมากอดแทน เฮ้อ... ค่อยสบายผมหน่อย ต้นมันนอนซุกอยู่ในอ้อมแขนผมแบบนี้น่าปกป้องชะมัดเลยครับ ผมจะทะนุถนอมมันให้ดีที่สุดเลย หัวมันอยู่ใกล้ๆ แก้มผมพอดี พอลูบๆ ไปแล้วผมเลยหอมไปด้วยตามความเคยชิน ชอบกลิ่นตัวไอ้ต้นมันจัง อารมณ์พี่เริ่มมาแล้วน้องเอ้ย...
     “แล้วต้นจะตัดสินใจยังไงละครับ?”
     “ไม่รู้สิครับ... ผม... ผมกลัวแม่น้อยใจ แต่ก็ไม่อยากให้ทางนั้นคิดว่าผมไม่รักด้วย”
     “ห่วงความรู้สึกของพี่น้ำ แต่ก็กลัวพ่อน้อยใจเหรอครับ? ต้นนี่เป็นคนดีจังเลยนะ คิดถึงแต่คนอื่นตลอดเลย”
     ต้นมันเขินชัวร์ เพราะมันมุดหน้าอกผมอีกแล้ว เวลามันเขินทีไรทำตัวเป็นนกกระจอกเทศทุกที
     “รู้มั้ยครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ต้นไม่มีวันพูดแบบนี้หรอก ต้นของพี่จะเชิดหน้าแล้วพูดว่า ผมไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาซักหน่อย ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชก็! ผม....”
     ทีงี้ล่ะเงยหน้ามาประท้วงพี่เชียวนะ ฮ่าๆ นิสัยไอ้ต้นนี่ชอบเถียงจริงๆ หัวคิ้วที่ย่นเข้าหากันแสดงออกถึงความดื้อรั้นของมัน แต่แก้มป่องๆ นั่นหมายถึงมันเขิน ต้นมันอายที่ผมรู้ทัน หึๆ
     “แล้วตกลง ต้นอยากทำแบบไหนละครับ?”
     ต้นมันเขินไม่ยอมตอบ แต่กลับเอนลงซบผมแทน
     “น่านะ บอกพี่หน่อย รับรองว่าพี่ไม่แอบเอาไปบอกพี่น้ำหรอก”
     “ผม... ผม ผมอยากใช้นามสกุลพี่ชัชครับ”
     “ต้องแบบนี้สิเมียพี่ ฮ่าๆ”
     มีความสุขนะครับ ได้ยินแบบนี้แล้วรู้สึกดีเป็นบ้าเลย จะมีอะไรที่ทำให้ผมมีความสุขได้มากกว่านี้อีก ผมรัดตัวไอ้ต้นมันด้วยความอิ่มเอมใจ ผมว่าผมเจอคำตอบที่ผมตามหาแล้วล่ะ เมฆหมอกในใจผมสลายไปแล้ว ต้นมันเงยหน้าขึ้นมามองผม ท่าทางอายๆ ตอนที่มันช้อนตาขึ้นมองผมงี้นะผมแทบคลั่ง ถึงจะอยู่ในห้องนอนแต่ผมก็เห็นดวงดาวสว่างไสวอยู่ในดวงตาของมัน สีหน้าที่บ่งบอกว่ารักผมสุดๆ แบบนี้เห็นแล้วฟินเป็นบ้า หวังว่าปีนี้คงมีแต่เรื่องดีๆ ระหว่างผมกับต้นนะครับ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ8
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 01:53:26

     เรามองตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ต้นมันจะค่อยๆ เบียดตัวเข้าหาผม พอร่างของเราแนบชิดกันมันก็ค่อยๆ แตะริมฝีปากของตัวเองเข้ากับปากของผม ท่าทางขัดเขินแบบนี้น่าเอ็นดูชะมัด มันพยายามจะยั่วผมเหรอเนี่ย? น่ารักสุดๆ
     แต่เพราะอยากแกล้งเมีย ผมเลยทำเป็นนิ่งไม่ขยับ ดูสิว่ามันจะทำอะไร พอต้นมันเห็นผมยังนิ่ง ไม่จูบตอบมันเหมือนทุกที มันเลยพยายามมากขึ้น น่ารักเป็นบ้า! ต้องแบบนี้ดิครับพี่ชอบ
     มันบดจูบผมเบาๆ ส่งลิ้นของมันแตะกับริมฝีปากผมก่อนแล้วค่อยๆ เม้มเอาริมฝีปากล่างผมไปงับแล้วขบเบาๆ หือ... ยั่วเก่งขึ้นมากเลยน้องเอ้ย ไม่เสียแรงได้วิชาจากพี่ไปเยอะ ดีใจนะครับที่เห็นเมียได้รับการถ่ายทอดวิชาเอาไปใช้ได้ดีขนาดนี้
     พอถูกต้นดูดริมฝีปากแบบนั้น ผมก็เฉยไม่ไหวละ มือของผมเริ่มไล้ไต่ไปตามตัวมัน ผมเปิดปากให้ไอ้ต้นส่งลิ้นเข้ามาสำรวจ อ้าว... วิชาแลกลิ้นยังไม่ผ่าน ดูต้นเองก็เขินๆ ลิ้นมันเก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ค่อยถูก แถมยังคุมจังหวะหายใจไม่ได้เรื่อง เพราะงั้นผมก็เลยติวให้มันอีกรอบ พอถูกผมสอนวิชาชิวหาพาเพลินเข้าให้ต้นมันก็เริ่มครางออกมา เพราะเรากอดกันแบบแนบติดระยะประชิดแถมต้นยังกองอยู่บนตัวผม ผมถึงรู้ว่าอะไรบางอย่างในตัวมันเริ่มตื่น ผมเว้นช่วงหยุดจูบมันก่อนจะถามสุดที่รักของผม
     “อยากเหรอครับ?”
     ต้นมันดูอายๆ แต่ก็พยักหน้าตอบผม
     “ไม่ได้ยินเลย”
     อื้อหือ.. ไอ้ต้นมันเขินจัดเลยนี่หว่า เมียผมหลุบตาต่ำ แดงเถือกไปทั้งหน้า ต้นมันลีลาอิดออดอยู่สี่ห้าวิก็เงยหน้าขึ้นมาช้อนตาอ้อนผม
     “ผมอยากครับคืนนี้ พี่ชัชกอดผมหน่อยนะครับ”
     “จัดให้ตามคำขอครับ แต่ต้นก็ต้องช่วยพี่ด้วยนะ ทำให้มันตื่นเต็มที่ทีสิครับ”
     เมียผมก้มหน้าลงก่อนจะพยักหน้าตอบเบาๆ
     “ครับ”
     ได้แกล้งให้มันเขินอายแบบนี้แล้วสุขใจชะมัดเลยครับ ว่าแล้วต้นมันก็เลื่อนตัวลงไปปลุกผมตามคำขอ ต้นมันค่อยๆ ดึงขอบกางเกงนอนผมออกแล้วเริ่มปฏิบัติการปลุกมังกร
     ทีงี้อ่ะไม่ลีลาเลยนะครับ ชอบอ่ะดิ พี่ก็ชอบคร้าบ... โคตรชอบเลยปากเมียเนี่ย ลิ้นอุ่นๆ ของต้นค่อยๆ เล็มที่ส่วนหัวก่อนจะจูบเบาๆ แล้วอมเข้าปากไปดูดทั้งอัน แถมมันยังใช้มือรูดให้ผมอีก เสียวสิครับ แค่สัมผัสแรกจากปลายลิ้นพี่ก็ตื่นเต็มที่แล้วน้องเอ้ย!
     เพราะของมันขลิบแบบเอาออกหมด ส่วนของผมไปทำตอนโต ก็ยัยฟ่างแหละ บังคับผมไปขลิบ ตอนนั้นผมกลัวเลยบอกหมอเหลือไว้นิดหน่อย ไม่ได้เอาออกหมดเกลี้ยง ผมกลัวมันตายด้านอ่ะ แหะๆ
     พอของตัวเองไม่มีแล้วก็ชอบมารูดของผมเล่น เวลามันมาเล่นของผมทีไรมันรูดซะเพลินทุกทีอ่ะ ไอ้ต้นอ่ะเพลินมือมัน ส่วนผมอ่ะเสียว แต่โดนทั้งอมทั้งรูดพร้อมๆ กันแบบนี้พี่โคตรเสียวเลยคร้าบ ยิ่งเวลามันเอาลิ้นมาขยี้ตรงรูนี่ โอ้ย... แทบคราง
     เพราะเป็นผู้ชายเหมือนๆ กัน เวลาที่ผมทำอะไรให้มันแล้วมันรู้สึกดี มันก็จำมาทำกับผมนั่นแหละ บอกตามตรงตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอก ว่าต้องทำยังไง ทำตรงไหนถึงรู้สึกดีก็อาศัยหาข้อมูลจากเด็กที่มันเป็นเกย์แล้วเชี่ยวชาญ ถามๆ มันเอา โคตรอายอ่ะ แต่ก็กัดฟันถามนะ เพื่อเมีย โชคดีที่ไอ้แตมมันรู้เรื่องผมกับต้นอยู่แล้ว
     ปกติเวลาผมมีอะไรกับผู้หญิงผมก็เลียให้ได้อยู่แล้ว ผมไม่ถือ ของเมียเรานี่ครับจะรังเกียจไปทำไม ยิ่งเจอสวยๆ น่าลงลิ้นผมก็เลียดิ ผมชอบด้วยซ้ำนะ ยิ่งเวลาเห็นผู้หญิงเสร็จเพราะลิ้นเรานี่แบบว่า มันสะใจนิดๆ มั้งครับ เมื่อยก็ยอม ผู้หญิงติดใจผมกันทุกคนแหละ เพราะผมไม่ได้มีดีแค่ดุ้น
     พอมาทำกับไอ้ต้น ไอ้ตรงไหนที่เคยมีคนทำให้แล้วผมรู้สึกดีผมก็จำมาทำ ตรงไหนที่เขาบอกว่าดีผมก็ทำเพิ่ม แล้วผลก็คือไอ้ต้นครางลั่น ท่าทางชอบมาก แล้วพอได้รับการถ่ายทอดวิชาไปนานๆ เข้า มันก็จำมาปรนนิบัติผม อื้อหือ คุ้มครับ ทั้งเสียวทั้งคุ้ม!

     ภาพของต้นที่ตั้งอกตั้งใจบริการให้ผมโคตรเซ็กซี่ ยิ่งมองตอนที่ลิ้นมันลากลงไปบนดุ้นผมนะ กล้องอยู่ไหนวะครับ? มันทั้งดูดทั้งเลียอมดุ้นผมยังไม่พอ มันยังเม้มปากดูดไข่ให้ผมอีก โคตรฟินครับ แก้มป่องๆ ของมันตอบเข้าตามแรงดูดชวนให้อยากปล่อยคาปากมันเป็นบ้า! ทำไมวันนี้เมียผมเอ็กซ์จังวะ จัดผมซะหนักเลย บริการเต็มที่แบบนี้พี่จะไม่ไหวเอานะน้อง!
     เพราะกลัวตัวเองจะไม่ไหวผมก็เลยต้องเบรคมันไว้ก่อน ผมดึงมันขึ้นมาจูบแลกลิ้นกัน ต้นมันโอบรอบคอผมแล้วก็จูบตอบผมแบบมีอารมณ์เต็มที่ ผมก็เลยเอื้อมไปบีบก้นมันเล่น บีบไปบีบมาผมก็ดึงบ็อกเซอร์ลงมาครึ่งก้น เพราะตอนนี้ผมเอนตัวพิงพนักอยู่ส่วนต้นก็คุกเข่าคร่อมอยู่บนตัวผม นี่ขนาดผมยังไม่ได้ทำอะไรมากนะ ไอ้ต้นมันพร้อมพอๆ กับผมเลย เพราะผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ค้ำบ็อกเซอร์ของมันเอาไว้
     ก้นเมียผมนิ่มมาก ลื่นมือสุดๆ ลูบเพลินครับ เพราะมือผมนวดเฟ้นอยู่แถวนั้นถ้ามันจะแฉลบไปลงรูบ้างก็คงห้ามกันไม่ได้ ตอนที่ผมสอดนิ้วเข้าไปไอ้ต้นมันสะดุ้งเลยครับ เกือบกัดลิ้นผมแน่ะ มือหนึ่งผมก็เพลินกับการแหย่รูไอ้ต้น อีกมือก็เล่นปูไต่ ไอ้ต้นมันสะดุ้งแล้วก็แอบดิ้นนิดหน่อย มันไม่รู้ตัวหรอกว่าท่าดีดดิ้นแบบนี้อ่ะโคตรโดนใจเลย แต่ถึงจะดีดดิ้นยังไงไอ้ต้นมันก็ยังแอ่นตัวโอบรอบคอผม แลกลิ้นรับจูบกับผม รอให้ผมเล่นกับร่างกายของมัน
     ตอนที่ผมเลื่อนมือมาเล่นกับด้านหน้าของมันบ้างของมันก็แข็งเต็มที่แล้วครับ น้ำหล่อลื่นไหลเยิ้มจนเปียกบ็อกเซอร์ที่ยังไม่ได้ถอด ผมก็เลยใช้นิ้วโป้งถูกส่วนหัวของมันผ่านเนื้อผ้า ผลคือไอ้ต้นครางซะเสียงหวาน จูบกับผมต่อไม่ไหวสะบัดหน้าหนีเอนไปซบไหล่ผมแทน พอผมเลื่อนมือเข้าไปใต้เนื้อผ้า สัมผัสลื่นๆ นั่นก็เหมือนจะเปียกมากขึ้น
     ไอ้ต้นชักหายใจหนักขึ้นทุกที ผมว่าผมช่วยเมียก่อนดีกว่าก่อนที่มันจะไม่ไหว ผมละมือจากการบดขยี้ต้นน้อย ส่งนิ้วที่เปียกคราบน้ำหล่อลื่นไปป้ายแก้มมันเล่นแล้วยัดนิ้วเข้าปากไปกดลิ้นมัน ก็ปากแดงๆ ที่อ้าออกเพราะกำลังหอบมันน่าแกล้งนี่ครับ
     “อื้อ พี่ชัชอ่ะ”
     “หึๆ ก็ของเรานั่นแหละ เยิ้มเชียว อยากมากเหรอครับ?”
     ต้นมันเขินจัดจนกอดผมแน่นเชียว ถูกไอ้ต้นนั่งทับแล้วกอดแบบนี้ก็มีความสุขไปอีกแบบนะครับ ลูกแกะน้อยของผมแปลงร่างเป็นโคอาล่าซะแล้ว ผมเลยลูบหลังมันเล่น เรากอดกันอยู่แบบนั้นพอให้อารมณ์ไอ้ต้นมันลดลง ไม่งั้นมันต้องไปก่อนอีกแน่ๆ แล้วต้นมันก็จะอายผมอีก ความจริงผมว่าต้นมันก็ไม่ได้ล่มปากอ่าวหรือนกกระจอกไม่ทันกินน้ำอะไรทำนองนั้นหรอก เด็กวัยรุ่นมันก็มักจะเร็วงี้แหละ เพราะตื่นเต้นมันก็ออกง่าย ละยิ่งมันเป็นคนโดน ผมว่าไม่ใช่หน้าที่มันเล้ยที่ต้องเครียดเรื่องนี้ เกิดเป็นผมที่หลั่งเร็วเด่ะ งานเข้าแน่ครับ เสียหมาชัวร์! พูดตรงๆ ละผมชอบจะตายเวลาเห็นต้นมันเสร็จง่ายๆ แบบนั้น เพราะมันแปลว่าต้นเสียวมากจนทนไม่ไหว ผมรู้สึกดีออก มันเป็นความภูมิใจเล็กๆ ของผู้ชายครับ ทำให้คู่ของเราเสร็จได้เนี่ย
     “ขยับหน่อยนะครับที่รัก พี่จะได้จัดให้ตามคำขอไง”
     ผมอุ้มไอ้ต้นพลิกตัวนอนลงกับเตียงแล้วระดมจูบมันอีกรอบ พอผมบดจูบลงบนปาก ไอ้ต้นมันพยายามจะจูบตอบผม เราแลกลิ้นกันนัวเนีย แต่ต้นมันพันลิ้นกับผมได้ไม่นานก็อ้าปากหอบ ต้นมันจูบไม่เก่งผมรู้ ถึงลีลาของมันจะพัฒนาจากคำว่าจูบไม่เป็นมาเป็นจูบไม่เก่งก็เหอะ เรื่องบนเตียงอย่างเดียวที่ไอ้ต้นมันทำได้ดีก็คือร้องตอนโดนกระแทกนี่แหละ ได้อารมณ์ชะมัด ได้ยินแล้วอยากทำให้มันร้องอีก ร้องให้ผมฟังคนเดียว
     เพราะไอ้ต้นมันหอบผมเลยละจากริมฝีปากไปจูบตรงอื่น ผมชอบหมดนะไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษหรอก อยากจูบตรงไหนก็จูบ แล้วแต่อารมณ์ จะที่ปาก ตา แก้มจมูก หู ซอกคอ ตรงไหนทำแล้วรู้สึกดีผมก็เลื่อนไปจูบหมดแหละ ตามแต่อารมณ์จะพาไป ตอนนี้ผมอารมณ์อยากเอาจริงซะด้วยสิ หึๆ
     “ยกแขนหน่อยนะคนดี”
     ต้นมันเข้าใจความหมายของผม มันเลยยกแขนขึ้นแอ่นตัวให้ผมถอดเสื้อมัน แถมยังเอื้อมมือมาช่วยดึงเสื้อผมออกไปด้วย หน้าแดงๆ นั่นว้อนท์จัดแล้วครับ ตางี้เยิ้มเชียว พอไม่มีเสื้อมาเป็นอุปสรรคแล้วผมก็ลงลิ้นสะดวกหล่ะ ตรงไหนจูบได้ ตรงไหนขบได้ผมทำหมด แต่ผมไม่ได้ซาดิสถึงขนาดต้องทิ้งรอยจ้ำไว้ทั่วตัวแสดงความเป็นเจ้าของขนาดนั้นหรอกนะครับ เมียผมไม่ได้ไปถอดเสื้อโชว์คนอื่นอยู่แล้ว ผมชอบทำอย่างอื่นมากกว่า วิธีแสดงความเป็นเจ้าของไอ้ต้นน่ะ
     ผมลากลิ้นมาถึงหน้าท้องแบนราบของมัน ผมเม้มจูบลงบนท้องมันอยู่นาน ถ้าหากท้องนี้นูนขึ้นได้เพราะเชื้อผมคงดีไม่น้อย ผมรู้ว่ามันต้องคิดว่าผมหื่น โดยเฉพาะเรื่องที่ผมชอบสด แต่มันไม่รู้หรอกว่าทุกครั้งที่ผมทำผมคิดอะไรกับมัน ทำไมผมถึงชอบปล่อยใน ผมอยากให้มันท้อง ผมอยากมีลูกกับมัน แม้ผมจะรู้ดีว่าต่อให้ผมทำแบบนั้นจนผมแห้งตาย ต้นมันก็ไม่ท้องหรอก เพราะมันไม่ใช่ผู้หญิง ต้นมันมีมดลูกซะที่ไหน นี่เป็นเรื่องเดียวที่ผมขัดใจไอ้ต้นมากที่สุด ทำไมมันต้องเป็นผู้ชาย?
     แต่ช่างมันเถอะ ผมตัดใจแล้วนี่ ถึงต้นจะเป็นผู้ชายแล้วยังไง ผมรักต้น ไม่มีลูกด้วยกันก็ช่าง แค่มีต้นก็พอ
     ผมเลื่อนต่ำลงไปอีก ดึงกางเกงบ็อกเซอร์ลง แล้วฉกลิ้นไปแกล้งมันเบาๆ ต้นมันครางใหญ่เลยครับ เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกดีเป็นบ้า ความรู้สึกมันไม่ต่างอะไรกับตอนผมเลียให้ผู้หญิงเลย ผมไม่ได้รังเกียจไอ้ต้น แต่ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น แค่คิดว่าต้องแลกลิ้นกันผมก็จะอ้วกแล้วครับ
     บอกกันตรงๆ เลยก็ได้ว่าครั้งแรกที่ผมได้ไอ้ต้น ผมข่มขืนมัน ไม่มีเล้าโลมอะไรกันทั้งนั้นแหละ อารมณ์ตอนนั้นผมรู้อย่างเดียวว่าผมต้องทำให้ต้นเป็นของผม ผลก็คือยับเยินสิครับ ได้เลือดเลยแหละ แต่ผมก็ทำจนผมเสร็จนะ ยอมรับครับว่าโคตรเห็นแก่ตัว ผมโคตรโกรธที่ไอ้ต้นตอแหลกับผม เลยอยากจะเอาคืนมันให้สาสม ที่ไหนได้ มันไม่เคยจริงๆ พอผมรู้ตัวผมก็ทำร้ายไอ้ต้นไปซะแล้ว แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ มันก็อยู่ระหว่างดำเนินการ จะให้ผมหยุดเนี่ยนะ? ผมก็เลยต่อจนเสร็จ กะว่าเดี๋ยวค่อยปลอบ ปรากฏว่าต้นมันโกรธผมมากหนีผมไปซะงั้น แล้วพอผมไปง้อผมเสือกพามันไปรถคว่ำ ดีที่ยังไม่ตายกัน
     ส่วนครั้งต่อมา ผมรู้แค่ว่าทำยังไงก็ได้ให้ไอ้ต้นมันอยากสุดๆ จะได้ยอมผม ผมก็เลยตั้งหน้าตั้งตาละเลงลิ้นกับมัน ไม่ได้คิดอะไรในหัวมากไปกว่านั้น พอทำบ่อยๆ มันก็เลยชิน ไม่นึกรังเกียจที่ต้องใช้ปากกับของที่ผู้ชายคนอื่นก็มีเหมือนผม เพราะผู้ชายคนที่ว่ามันเป็นเมียผม แถมของเมียผมก็สวยซะด้วยสิครับ ไม่ดิ ต้องบอกว่าน่ารักเชียว ฮ่าๆ แต่ต้นมันชอบคิดมาก ใครให้มันเอาขนาดมาเทียบกับผมล่ะ ไม่ได้จะอวดนะครับ ถึงไม่ได้ใหญ่มากเลขสองหลัก แต่ก็สัญลักษณ์อินฟินิตี้นะคร้าบ ฮ่าๆ ละก็อย่างที่ผมบอก มันจะคิดมากไปทำไม ก็คนเสียบอ่ะมันผม ส่วนมันน่ะนะ... แค่นิ้วผมมันก็ถึงได้แล้วด้วยซ้ำ
     “พร้อมรึยังครับ?”
     มันไม่ตอบอะไรผมนอกจากทำหน้าอายๆ แล้วก็ยกก้นขึ้นให้ผมถอดกางเกงมันออก น่ารักจริงเมียพี่ ผมเลยดึงบ็อกเซอร์มันออกแล้วก็ถอดกางเกงตัวเองด้วย จะได้ลงมือปฏิบัติภารกิจหลักกันซะที ว่าแต่ผมเอาเจลหล่อลื่นไปไว้ไหนวะ!
     เหมือนไอ้ต้นมันจะรู้ มันพลิกตัวไปหยิบขวดเจลจากลิ้นชักโต๊ะข้างหัวเตียงมาส่งให้ผม มันเม้มปากซะแน่น ท่าทางเขินๆ ผมมองเมียที่เปลือยทั้งร่าง ในมือยังถือขวดเจลหล่อลื่นส่งให้ผมแล้วมันก็เกิดอารมณ์แปลกๆ ขึ้นในใจครับ ทั้งขำ ทั้งเอ็นดู แต่ที่รู้ๆ คือรักมันมาก ยิ่งเห็นผมมองจ้องมันแบบนั้นไอ้ต้นก็ยิ่งเขิน ผมเลยต้องเลิกแกล้งมัน ผมหอมแก้มขอบคุณก่อนจะรับเจลขวดนั้นมาชโลมมันนั่นแหละ
     ผมดันขาต้นขึ้นเป็นรูปตัวเอ็มแล้วใช้สองมือแหกก้นของมันออกจากกันจนเห็นทางเข้าอย่างชัดเจน ผมจูบเบาๆ ลงลิ้นให้มันนิดหน่อยก่อนจะผละออกมาแล้วบีบเจลชโลมลงไป ต้นมันครางซะหวานเชียว ชอบลิ้นพี่ล่ะสิ หึๆ ผมค่อยๆ ถูนวดปากทางของมันไปเรื่อย ต้นมันดูเขินๆ แต่หน้าที่แดงหน่อยๆ นอนเม้มปากเหมือนเฝ้ารออะไรสักอย่างนั่นผมว่าได้เวลาแล้วล่ะ ผมสอดนิ้วเข้าไปผ่อนคลายให้ต้นมันอย่างไม่รีบร้อน ความจริงแล้วผมก็สุดๆ ละนะ แล้วก็รู้ด้วยว่าต้นมันก็พร้อม มันทำความสะอาดตัวเองมาซะขนาดนี้ แต่ผมตั้งใจจะแกล้งมันนั่นแหละ ไม่รู้เป็นไร ชอบดูเวลามันเว้าวอนผมด้วยท่าทางอายๆ แบบว่าฟินครับ เพราะผมรู้ว่าผมเป็นคนเดียวที่ได้เห็นท่าทางแบบนี้ของต้นมัน
     ผมมองนิ้วเปียกชุ่มไปด้วยเจลของตัวเองเข้าๆ ออกๆ รูไอ้ต้นได้ไม่นานก็ทนไม่ไหวเอง ขอพี่ซะทีเหอะน้องเอ้ย! พี่อยากเปลี่ยนจากนิ้วเป็นอย่างอื่นแล้วว่ะ กัดฟันไว้ครับ รอเมียว้อนท์จัดๆ ก่อน ภาพไอ้ต้นตอนแบบนั้นหาดูยากจะตาย กัดฟันไว้ครับ!
     เพราะเมียผมความอดทนสูงทั้งๆ ที่หน้าแดงนอนกัดปากครางไม่ได้ศัพท์ผมเลยต้องลงทุนเพิ่มด้วยลิ้นตัวเอง ผมถอนนิ้วออกมายกขาไอ้ต้นดันขึ้นจนมันตัวงอเพื่อจะได้เห็นวิวชัดๆ แล้วฉกลิ้นลงไป โชคดีที่ผมลงทุนซื้อเจลแบบเลียได้มาใช้ แบบว่าบางอารมณ์ก็อยากเล่นเอาลิ้นนวดตัวเหมือนในหนังนี่ครับ แหะๆ แต่เสียดายยังไม่เคยได้ลองกับไอ้ต้นซักที... เพราะงั้นผมเลยลงลิ้นได้สะดวกไม่เซ็งกับรสชาติของเจล ได้ผลครับ จากเสียงครางงุงงิ้งเริ่มกลายเป็นเสียงแหกปาก
     “โอ๊ะ พี่ชัชครับ!”
     เมียผมแหกปากได้แรดมาก เร้าอารมณ์ผมดีจัง ไม่นานผมก็ได้ในสิ่งที่ผมต้องการ ไอ้ต้นมันกระตุกมือผมใหญ่เลย ไม่ไหวแล้วอ่ะดิ พอเห็นสีหน้าวิงวอนของมันแล้วผมก็รู้สึกผิดนิดหน่อยนะ แต่ทำไงได้ ผมชอบอ๊ะ! หน้าแดงๆ ตาเยิ้มๆ ลอยๆ เสียงหายใจหนักๆ ปากยิ้มหน่อยๆ ยิ่งท่าตอนที่มันชันตัวขึ้นมามองผมแบบอายๆ งี้นะ โคตรฟินเลยคร้าบ แรดดีจังเลยต้นเอ้ย พี่ชอบ!
     “อยากเต็มที่แล้วเหรอครับ”
     ต้นมันพยักหน้าหน่อยๆ โคตรน่ารัก
     “งั้นอยากได้แบบไหนดีครับ พี่จะได้จัดให้”
     ต้นมันทำหน้าเขินๆ งึมงัมตอบผมว่า “แล้วแต่พี่ชัชสิครับ” แต่เสือกพลิกตัวนอนคว่ำให้ ไอ้ต้นเอ้ย... พี่จะขาดใจตายก็เพราะความน่ารักของเราเนี่ยแหละ เมียผมส่งซิกแนลขนาดนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคืนนี้มันอยากได้แบบไหน
     “งั้นยกก้นขึ้นมานิดนึงครับ พี่เข้าไม่ถนัด”
     ผมบอกพร้อมกับยกสะโพกไอ้ต้นขึ้น ต้นมันให้ความร่วมมือกับผมเต็มที่ คุกเข่าแอ่นโก้งโค้งรอรับผมเป็นอย่างดี เห็นตูดงอนๆ ขาวๆ แล้วหมั่นเขี้ยวเป็นบ้า ยิ่งมองรอยสักที่เป็นชื่อผมกับมันด้วยแล้ว เห็นแล้วโคตรปลื้มครับ อารมณ์ผมมันปั่นป่วนปะปนกันทั้งรักทั้งอยาก ใจหนึ่งอยากทะนุถนอมแต่อีกใจก็อยากทะลวงรูมันให้สะใจ อยากรังแกมันแรงๆ ให้สมกับที่ผมรู้ว่ามันเป็นของผมคนเดียว เพราะเลือกไม่ได้ ผมเลยงับไปเบาๆ บนรอยสักนั่นจนต้นมันสะดุ้งหลุดเสียงอุทาน
     “อื้อ พี่ชัช!”
     อา... สวรรค์อยู่ตรงหน้าผมละ ผมมองปากทางเข้าที่ฉ่ำเยิ้มเพราะเจลหล่อลื่นแล้วเงี่ยนมาก สีของมันคล้ำขึ้นจากวันแรกๆ ที่ผมจำได้ ผมเป็นคนทำเองแหละ อะไรที่ใช้งานบ่อย โดนเสียดสีบ่อยมันก็คล้ำขึ้นเป็นธรรมดา ความรู้สึกบางอย่างมันบอกผมว่า นี่แหละเมียผม ของผมคนเดียว!
     ผมจับของตัวเองไปจ่อให้ตรงรูแล้วค่อยๆ ดันส่วนหัวเข้าไป เสียวโคตร ตรงหัวมันไปครูดกับข้างในของต้น ความอุ่นกับสัมผัสแบบเนื้อๆ เน้นๆ โคตรชอบเลยครับ!
     “อ๊ะ!”
     ต้นเองก็เสียวไม่แพ้กันกับผม มันหลุดเสียงครางออกมานิดหน่อยก่อนจะเงียบไปเพราะเอาหน้าซุกลงกับหมอนแล้วแอ่นก้นรอให้ผมสอดใส่อย่างตั้งใจแทน น่ารักที่สุด! แต่ยังหรอกน้องเอ้ย แค่นี้ยังไม่สะใจพี่หรอก ขอพี่เห็นเราครางแบบร่านๆ อีกทีเหอะ พี่ชอบ! ผมค่อยๆ ดันเข้าไปจนมิดลำ ต้นเงียบไปเลยครับ แต่ผมรู้ เมียผมนอนกัดฟันเม้มปากอยู่ชัวร์ ผมเองยังเผลอขบกรามเลย ฟินครับ รูไอ้ต้นโคตรฟิตแถมยังตอดชิบหาย ความรู้สึกอุ่นๆ ผสมกับความเสียวจนผมแทบแตก ผมต้องแช่คาไว้แล้วพยายามตั้งสติคิดถึงเรื่องที่โดนเจ้านายด่าเพื่อลดความเสียวลง ผมไม่อยากให้เกมนี้จบเร็วเกินไป
     ผมเริ่มจากจังหวะสโลว์ ด้วยการสาวออกมาจนเกือบสุด คาไว้ตรงรอยหยักก่อนจะดันเข้าไปช้าๆ จนมิดโคนแบบเน้นๆ ต้นร้องอู้อี้แล้วครับ ผมรู้นะว่ามันชอบตอนที่ตรงขอบหยักครูดกับปากทางของมัน เพราะมันเผลอขมิบรัดดุ้นผมทุกครั้งที่ผมสาวออกมาใกล้สุดเหมือนจะเสียดาย แต่พอผมดันสวนกลับเข้าไปมันก็จะหลุดครางอือครางอาออกมา ฟังแล้วน่ารักเป็นบ้า!
     จากจังหวะเนิบๆ ผมก็เริ่มเพิ่มเสต็บให้เร็วขึ้นนิดหน่อย แต่ผมยังแทงแบบเน้นๆ อยู่ เวลาเข้าสุดผมชอบกระแทกครับฟังเสียงเมียคราง “อ๊ะๆ” เวลาโดนกระแทกแล้วมันได้อารมณ์ดี ยิ่งท่านี้ยิ่งกระแทกถนัด เพราะท่านี้ผมชอบก็ตรงที่ผมได้จับสะโพกไอ้ต้นให้ขยับมาชนกับตัวผมนี่แหละ แล้วบางทีก็จะได้เห็นด้วยว่ามีคนแอบมันขยับเอวเองเวลาที่ผมเร่งจังหวะไม่ทันใจ หึๆ
     ว่าแต่ชิบหาย กี่โมงละวะ? พรุ่งนี้ผมเข้าออฟฟิสแต่เช้าด้วย จะมีแรงมั้ยวะนี่ สงสัยคืนนี้คงได้แค่รอบเดียว งั้นต้องจัดแบบเน้นๆ หน่อยละ ไม่ได้ปริมาณผมเอาคุณภาพก็ได้อ่ะ
     ผมดันตัวต้นเอนลงก่อนจะพลิกให้เราทั้งคู่ตะแคงขวา แขนขวาผมต้องรับน้ำหนักตัวไอ้ต้น ส่วนแขนซ้ายผมสอดเข้าใต้ขามันแล้วยกชี้ฟ้า พอจัดท่าทางได้ถนัดแล้วผมก็เริ่มรัว โดนผมจับแหกขาซอยแบบนี้ไอ้ต้นก็ทนไม่ไหวแล้วครับแหกปากครางลั่นแล้ว ท่าทางมันเสียวสุดๆ ผมเองก็เสียว
     กระแทกได้พักนึงผมก็ปล่อยขามันลง สงสารเมียครับ ไม่อยากให้มันเมื่อยขา กลัวมันด่า คราวที่แล้วเจอท่ายากไปแล้วมันบ่นระบมไปทั้งตัว ทีปล่อยให้ผมขยับทำให้อยู่ฝ่ายเดียวตัวเองนอนครางสบายๆ มันไม่ยักจะบ่น ไอ้ต้นแม่งกินแรงจริงๆ ไม่ได้การละ ผมต้องแกล้งมันหน่อยละ เพื่อความสะใจ คราวนี้ผมจะนอนกินแรงมันบ้าง ฮ่าๆ
     ผมพลิกตัวนอนหงายแล้วจับไอ้ต้นนอนทับอยู่บนตัวผมก่อนจะดันหลังมันให้ลุกขึ้นนั่งโดยที่ของผมยังคาไว้อยู่ในตัวมัน ดูไอ้ต้นมันงงๆ หันกลับมาถามผมด้วยสายตา
     “ขย่มตอผัวทีสิคร้าบ เมียจ๋า ผัวเพิ่งนึกได้พรุ่งนี้เข้าออฟฟิสแต่เช้าเดี๋ยวไม่มีแรง”
     ฮ่าๆ หน้าไอ้ต้นเหวอไปแล้ว สะใจชิบ มันจะลุกหนีแต่ก็หนีไม่ได้เพราะผมจับแขนมันไว้ทั้งสองข้าง แถมของผมยังคาอยู่ในรูมันอีก
     “พี่ชัชอ๊ะ! ไม่เอา เล่นบ้าอะไรครับ!”
     “ขี่ม้ากลับหลังไง หรือต้นอยากหันหน้ามาหาพี่”
     “ไม่เอา ผมเขินอ่ะ ทำดีๆ สิครับ”
     “ก็นี่ไง ทำอยู่ ต้นก็ช่วยพี่ด้วยสิคร้าบ”
     “อ๊า!”
      เพราะถูกผมเด้งสวนขึ้นไปมันเลยร้องครางออกมา มันดื้อได้อีกแปปเดียวก็เริ่มเด้งสู้ผมละ แหง๋ดิ ความมันติดลม แถมถูกผมจับไว้แบบนี้หนีไม่ได้ถ้าไม่ขยับก็โดนผมกระแทกรัวๆ งี้ สุดท้ายก็ต้องเลยตามเลยให้ความร่วมมือกับผมอยู่ดีนั่นแหละครับ
     ผมขยับได้ซักพักก็เหนื่อย เด้งท่านี้ปวดเอวนะครับ แถมสงสารต้นมันด้วย เมื่อกี้ผมดันมันนั่งกระทันหันมันไม่ได้ตั้งหลักดีๆ ป่านนี้คงเมื่อยขาหมดแล้ว ผมบอกมันให้ลุกขึ้นก่อนจะจับมันนอนหงายลงบนเตียงแล้วคุกเข่าเข้าประจำที่ ได้เวลาปิดเกมแล้วครับ ไม่งั้นพรุ่งนี้ผมไปทำงานไม่ไหวแน่ๆ คืนนี้พี่ขอโทษนะครับที่รัก ไว้วันหยุดเดี๋ยวพี่ชดเชยต่อให้เอง
     “วันนี้ต้นน่ารักมากครับ เดี๋ยวที่เหลือพี่บริการเองนะ”
     ผมจูบมันที่กระหม่อม เปลือกตา ก่อนจะลากมาที่ข้างแก้มแล้วก็วนไปแลกลิ้นกับมัน หลังจากนั้นก็ถึงคราวผมต้องออกแรงละ ผมผละออกมาแล้วดันของผมกลับเข้าไปในตัวต้นอีกครั้ง ผมเสียบเข้าไปแบบเน้นๆ กะให้เนื้อครูดเนื้อเต็มที่ ต้นมันนอนครางใหญ่เลย มันหลับตาย่นคิ้วนอนสูดปากครางอือๆ ด้วยความเสียว ทีงี้อ่ะไม่มีประท้วงผมซักแอะ โดนผมบริการจนเคยชิน กินแรงคนแก่จริงๆ เลยไอ้เด็กคนนี้ ขอพี่จัดหนักสักหน่อยก็แล้วกัน!
     เพราะความเอ็นดูปนหมั่นไส้ผมก็เลยจับมันแหกขาเป็นรูปตัววีแล้วเริ่มซอยแบบไม่ยั้ง แต่ละครั้งผมจงใจกระแทกเต็มแรงเน้นๆ ไอ้ต้นตกใจแหกปากครางใหญ่สองมือมันจิกผ้าปูแน่นด้วยความเสียว ผมก็โคตรเสียวเลย ยิ่งผมมองฟองขาวๆ จากทั้งเมือกทั้งเจลที่เกิดขึ้นเพราะการเสียดสีสอดใส่ระหว่างผมกับต้นแล้วผมก็ยิ่งฟินครับ ผมกำลังจะสำลักความสุขตาย
     ผมรู้ว่าต้นมันชอบแบบเน้นๆ เลยเผลอทะลวงไปแบบไม่ยั้ง ผมสาวของตัวเองออกมาแล้วกระแทกกลับเข้าไปแบบเน้นๆ ได้อีกไม่กี่ทีก็รู้สึกถึงแรงบีบรัดจากในตัวของไอ้ต้น มันเริ่มกรี๊ดออกมา ครางเรียกชื่อผมไม่เป็นภาษา
     “จะถึงแล้วเหรอครับ รอพี่แปปนะที่รัก”
     ผมบอกไปแบบนั้นแต่ต้นมันไม่รอผมแล้วล่ะ ภาพตอนที่มันกระฉูดออกมาพอดีกับตอนที่โดนผมกระแทกเข้าไปแม่งโคตรเร้าใจ มันสั่นหงึกๆ ไปทั้งตัว กระฉอกไปถึงหน้าอกมันแน่ะ ผมเองก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกันเลยเร่งเครื่องอัดส่งท้ายก่อนจะตามมันไปติดๆ ผมรู้สึกถึงแรงกระตุกสองสามครั้งก่อนที่อะไรบางอย่างจะถูกฉีดออกมาในตัวต้น เป็นอันว่ามิชชั่นคอมพลีทครับ ผมงาบเมียเสร็จแล้ว
     เฮ้อ... เหนื่อยครับ แทบหน้ามืด เล่นเอาหมดแรง ผมเลยทิ้งน้ำหนักลงทับไอ้ต้นแล้วจูบมัน ไอ้ต้นมันนัวเนียกับผมเพลินเลยแหละ จนของผมอ่อนตัวลงแล้วเริ่มหลุดนั่นแหละ ผมเลยชักออกมา น้ำผมก็เลยทะลักไหลออกมาด้วย ผมก้มลงมาดูให้มันทุกครั้งแหละ เพราะบางทีผมก็ทำแรงเกินไป กลัวมันได้เลือดอีก ดีที่รอบนี้ไม่มีเลือด แต่... มองแบบนี้แล้วชื่นใจจัง รูของไอ้ต้นอ้าออกนิดหน่อยยังไม่หุบสนิท สีของมันแดงก่ำจากการถูกกระทำ มีคราบน้ำของผมเยิ้มคารู ส่วนบนตัวมันก็มีคราบของตัวเองที่เลอะเทอะจากการที่ผมนอนทับตัวตะกี้ ดูเอ็กซ์เป็นบ้า เห็นแล้วอยากต่ออีกรอบชะมัด!
     แต่เสร็จแล้วก็หมดแรง เหนื่อยครับ แถมพรุ่งนี้ต้องเข้าออฟฟิสแต่เช้า อยากนอนไปทั้งแบบนี้เป็นบ้า แต่ไม่ได้หรอก ต้องทำหน้าที่ผัวที่ดีก่อน
     “ลุกไหวมั้ยครับ ให้พี่ช่วยมั้ย?”
     “พอไหวครับ”
     ต้นมันยิ้มให้ผมแบบอายๆ ผมเลยดึงตัวมันมาจูบอีกทีก่อนจะประคองมันเข้าไปล้างตัวในห้องน้ำ เสร็จแล้วเราก็ออกมานอนกอดกันโดยไม่ได้ใส่เสื้อผ้า เนื้อสัมผัสเนื้อ ไออุ่นจากตัวมันทำให้ผมรู้สึกดีชะมัด ต้นมันนอนซุกผม ผมก็นอนกอดมัน เมียอ้อนผัว ผัวโอบเมีย ความสุขแบบเรียบง่ายของคำว่าครอบครัวมั้งครับ
     ยิ่งเห็นสายตาที่ไอ้ต้นมองผม นอกจากความรักที่ล้นปรี่ของมันแล้วก็เจือไปด้วยความเทิดทูนบูชา ผมเป็นทุกๆ อย่างของมัน ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นในใจผมอย่างห้ามไม่อยู่ ผมไม่ควรเผลอใจคิดลังเลแบบนั้นเลย ผมควรจะหนักแน่นให้มากกว่านี้!
     “คิดอะไรอยู่เหรอครับ?”
     “ก็คิดว่า ทำไมเมียพี่ถึงได้น่ารักชะมัดเลยไง”
     ผมพูดพร้อมกับไล้แก้มไอ้ต้นมันเล่นก่อนจะขโมยหอมไปทีหนึ่ง มันทำท่าอายแล้วก็ขยับเข้ามาเบียดผมซะชิด
     ต้นมันดีกับผมขนาดนี้ละผมจะทิ้งมันได้ยังไง ผมไม่โง่พอที่จะปล่อยมือจากคนที่รักผมขนาดนี้หรอก ไม่รวมถึงว่าผมเองก็รักมันด้วยนะ ผมแม่งโง่ชะมัดเลย พึ่งมาตาสว่างจำความรู้สึกของตัวเองได้ก็ตอนนี้ น้ำตาลมีผลกระทบต่อผมมากจริงๆ แต่ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็ไม่หวั่นไหวแล้วล่ะ น้ำตาลทำอะไรผมไม่ได้แล้ว เพราะผมมีต้นอยู่เคียงข้างผม
     “พี่รักต้นนะครับ”
     ผมพูดพร้อมกับกระชับอ้อมแขนกอดมันเอาไว้ในอกให้แน่นขึ้น ต้นมันไม่ได้ตอบอะไรผม แต่ผมก็รู้คำตอบของมันได้จากการที่มันมุดหน้าลงบนหน้าอกผม จั๊กจี้แฮะ แต่ที่มากกว่าจั๊กจี้คือความรักของมันที่ผมสัมผัสได้ ต้นรักผมมาก และผมก็รักต้นมากด้วยเช่นกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



*อนึ่ง พระเอก(ของเรื่อง) แปลว่า "ผัวของตัวเอก" เฉยๆ นะ ไม่ได้แปลว่ามีความเป็นพระเอก ฮ่าๆ  :katai3:
เป็นบทอัศจรรย์ที่กวนตี๊ดนิดๆ ตามสไตล์พี่ชัช ไม่เน้นหื่นมากแต่เน้นชัยชัชสไตล์ ถ้าน้องต้นเป็นคนบรรยายก็จะอีกแนว หวังว่าคงจะอบอุ่นหวานละมุนมุ้งมิ้งกู้คะแนนให้เฮียแกได้บ้าง ไม่งั้นเจอตอนพิเศษหน้าเข้าไปเฮียแกจะตกกระป๋องแน่ๆ ขานั้นเขามาแรงแฟนคลับเยอะ ของเฮียแกนี่มีแต่แฟนขับ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ9
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 02:47:00
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 9

ขอแค่ได้รัก

      “คิดไงถึงอาสาไปช่วยแม็กซ์ทำรายงาน?”
     แม็กซเอ่ยถามเพื่อนร่วมทางที่กำลังนั่งมองวิวนอกรถเพราะความไม่คุ้นทาง เขากำลังขับรถกลับบ้านโดยมีผู้โดยสารเพิ่มอีกหนึ่งจากปกติที่เขามักจะกลับบ้านตามลำพัง เขาไม่ชอบพาใครไปบ้าน แต่ถ้าบ้านที่ว่าหมายถึงห้องพักที่เขาอยู่ตามลำพังก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
     “ก็แม็กซ์ไม่มีคนช่วยไม่ใช่เหรอ?”
     เพื่อนของเขาตอบพร้อมกับหันมายิ้มให้ แม็กซ์รู้สึกได้ถึงอัตราเร่งของหัวใจตัวเอง พักนี้เพื่อนของเขาชักจะน่ารักมากไปแล้ว ... รอยยิ้มสดใสที่มีให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งที่เขาเคยต้องการมาตลอดแต่กลับได้มาง่ายๆ เมื่อยอมถอดใจ จากเดิมที่พอจะทำใจได้เลยกลายเป็นเขาไม่รู้ว่าตนเองจะเผลอตบะแตกเมื่อไหร่ และที่สำคัญเขาไม่ได้ทำแบบนั้นกับใครมานาน! เขากลัวใจตัวเองจริงๆ
     เมื่อตั้งสติได้แม็กซ์จึงพยายามสนใจหัวข้อสนทนาแทน เขามองกระจกข้างก่อนจะเปิดไฟเลี้ยวแล้วเปลี่ยนเลนส์เพื่อใช้ความเร็ว เขาบอกตัวเองให้มีสมาธิกับการควบคุมรถแทนที่จะมัวแต่มองรอยยิ้มของเพื่อนรัก
     “มันก็ใช่ แต่คนละคณะ คนละมหาลัย จะไหวเหรอ?”
     “ก็แค่ช่วยสรุปแล้วพิมพ์ คงไม่ยากมากขนาดนั้นหรอกมั้ง แค่วิชาของปีหนึ่ง ที่เหลือแม็กซ์ก็ค่อยตรวจดูอีกรอบก็ได้นี่”
     “โหย! พูดงี้มีเคืองอ่ะ ใช่ดิ ต้นฉลาดนี่”
     “บ้า! ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ที่จริงถ้าแม็กซ์ไม่มัวแต่เถลไถลเดี๋ยวก็เสร็จ เพราะไม่ยอมทำแต่เนิ่นๆ แหละ แล้วก็มาเร่งเอาวันท้ายๆ จนไม่ยอมนอน ถ้าไม่ถึงที่สุดนี่ไม่โทรมาเลื่อนนัดใช่มั้ย แทนที่จะบอกกันให้เร็วกว่านี้ เราจะได้ไปช่วยแต่แรก”
     “ขี้บ่นชะมัดเลยอ่ะ”
     “อย่ามาว่าเรานะ ละที่จริงอ่ะ บอกทางมาแล้วเดี๋ยวเราไปบ้านแม็กซ์เองก็ได้ ไม่เห็นต้องย้อนไปมาเลย ลำบากแม็กซ์เปล่าๆ ต้องไปรับเราก่อน เสียเวลาอ่ะ”
     “ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ต้นจะมาช่วยทั้งทีก็ต้องบริการให้เต็มที่ดิ ขึ้นทางด่วนแปปเดียวก็ถึงแล้ว”
     แม็กซ์ตอบเพื่อนของเขาด้วยความจริงใจหาใช่การพูดไปเรื่อยตามมารยาท ถ้าเป็นเพื่อนคนนี้ต่อให้ลำบากมากกว่านี้เขาก็ยอม
     “ว่าแต่ต้นเหอะ ค้างกับแม็กซ์ได้แน่นะ”
     “ได้สิ”
     “แล้วแฟนต้นจะไม่ว่าอะไรเหรอ มาค้างกับแม็กซ์ แม็กซ์ไม่อยากให้ต้นมีปัญหากันทีหลัง”
     “พี่ชัชไปต่างจังหวัดน่ะ ช่วงนี้พี่เขายุ่งๆ คงไม่ว่าอะไรเราหรอก”
     จู่ๆ เสียงของเพื่อนเขาก็แผ่วไป แม็กซ์จับความรู้สึกบางอย่างได้ในน้ำเสียงนั้น
     “ไม่ได้บอกเหรอต้น?”
     “ไม่เป็นไรหรอก บางทีเราก็ไปค้างบ้านคุณปู่บ่อยๆ ตอนพี่ชัชไม่อยู่”
     “เหงาเหรอ?”
     เพราะอะไรบางอย่างแม็กซ์จึงถามออกไปตรงๆ เขาอยากเอื้อมไปจับมือของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่กล้า เลยได้แต่จับเกียร์ไว้แล้วกำเสียแน่นจนเจ็บมือ ต้นน้ำเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะยอมรับ
     “อืม ... ก็ นิดหน่อยน่ะ แต่เราก็เข้าใจนะว่ามันเป็นงาน ชินแล้วล่ะ เมื่อก่อนตอนอยู่กับแม่ก็เป็นงี้บ่อยๆ”
     “อย่าพูดว่าชินนะต้น ถ้าเหงาเมื่อไหร่บอก เดี๋ยวแม็กซ์พาไปทำเรื่องหนุกๆ เอง จะดูหนังกินข้าวซ้อมดนตรี หรือต้นอยากทำอะไรแม็กซ์ได้หมดแหละ”
     “ขอบใจนะ”
     ต้นน้ำแย้มรอยยิ้มที่แสนจะสดใสส่งมากระแทกใจแม็กซ์เต็มๆ แม็กซ์รู้สึกถึงขีดจำกัดของความอดทนที่มันจะทะลุปรอทอยู่รอมร่อ เขาพยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้คิดอยากจูบคนข้างๆ โดยการนึกถึงงานยุ่งๆ ที่กำลังรอเขาอยู่แทน
     “อืม แต่เตรียมตัวไว้เหอะ คืนนี้ต้นไม่ได้นอนแน่ๆ”
     “จัดมา จะจัดการให้เสร็จก่อนเช้าให้ดู ถ้าเราทำได้นายต้องเลี้ยงเราด้วยนะ”
     “โหย พูดอย่างกับแม็กซ์ไม่เคยเลี้ยงต้นงั้นอ่ะ ก็เลี้ยงตลอดแหละ”
     “ไม่เอา เอาที่เราอยากทานสิ ไม่ใช่ที่นายอยากทาน”
     “มีเรื่องมากอีก โอเคๆ แล้วต้นอยากกินไรอ่ะ”
     “ร้านยากินิคุแถวๆ สุขุมวิท เค้าว่าอร่อยมาก คนเต็มทุกคืนเลย แต่หัวเป็นพันแน่ะ”
     “หูย ไม่ให้แฟนพาไปล่ะ มาไถแม็กซ์”
     “ไม่เอา แพงจะตาย พี่ชัชจนแถมต้องเก็บเงินไว้ให้เราใช้ ให้นายเลี้ยงนี่แหละ แม็กซ์รวยจะตายแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก เลี้ยงข้าวเราดีกว่าเอาเงินไปดื่มเหล้าอีก เราอุตส่าช่วยงานนายทั้งที”
     “ฮ่าๆ ต้นนี่ร้ายว่ะ ได้เลยคร้าบ ตามแต่ต้นจะบัญชาเลย เดี๋ยวแม็กซ์จัดให้”
     และเมื่อถึงที่หมาย แม็กซ์ก็เลี้ยวรถเข้าไปอย่างคุ้นเคย แต่ต้นน้ำนี่สิแอบช็อก บ้านหลังใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้นั้นราวกับคฤหาสในละคร! เขารู้ว่าแม็กซ์รวย แต่ก็ไม่คิดว่าแม็กซ์จะรวยขนาดนี้ เพราะที่ผ่านมาแม็กซ์ทำตัวธรรมดากับเขามาตลอด และบอกว่าครอบครัวของตนแค่ทำธุรกิจส่งออกเล็กๆ อยู่กันแค่สามคนพ่อแม่ลูกกับคนใช้อีกหนึ่ง แม็กซ์กดรีโมทเปิดประตูอัตโนมัติก่อนจะเลี้ยวรถเข้ามาจอดยังโรงจอดรถ
     “เออ รถป๋าจอดอยู่ สงสัยวันนี้พ่อแม็กซ์อยู่ว่ะ”
     “แล้วแม่แม็กซ์ล่ะ”
     “ไปเที่ยวเกาหลีกับเพื่อน กลับอาทิตย์หน้าโน่น”
     “เข้าบ้านกัน บอกไว้ก่อนนะ ปกติแม็กซ์ไม่เคยพาใครมาบ้าน ถ้าป๋าแม็กซ์ถามอะไรแปลกๆ ต้นอย่าถือนะ”
     “ทำไมเหรอ?”
     “เอาน่า อย่าถามมาก เข้าบ้านกัน”
     แม็กซ์ตัดบทพลางหอบข้าวของลงจากรถเดินนำหน้าไปลิ่วๆ ทำให้ต้นน้ำต้องรีบตามลงไป แม็กซ์หันมายิ้มกวนๆ ให้อย่างผู้ชนะก่อนจะกดรีโมทล็อกรถแล้วหยุดรอเพื่อนของตน และเมื่อเข้าไปในบ้านก็เจอกับชายสูงวัยนั่งอยู่ในห้องรับแขก ท่าทางเหมือนกำลังจะออกจากบ้าน
     “ดี ป๋า”
     “เออดี กลับมาแต่หัววันเลยนะ”
     “แล้วป๋าอ่ะ จะออกไปไหนตั้งแต่ยังไม่ค่ำ หนีเที่ยวอีกอ่ะดิ”
     “ป๋าไปงานแต่งลูกเพื่อนโว้ย ว่าแต่แกเหอะจะออกไปไหนอีกรึเปล่า?”
     “ไม่อ่ะ เออป๋า นี่ต้นเพื่อนผม เขาจะมาช่วยผมทำงานนะ”
     ผู้อาวุโสของบ้านมองเด็กหนุ่มใส่แว่นท่าทางเรียบร้อยแล้วก็แปลกใจ เครื่องแบบที่ใส่อยู่ทำให้รู้ว่าเพื่อนคนที่ว่านี้อยู่คนละมหาวิทยาลัยกับลูกของตนแน่ๆ เด็กหนุ่มยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อมแล้วเอ่ยคำสวัสดีอย่างกล้าๆ เกรงๆ ท่าทางประหม่าของเด็กหนุ่มทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย
     “ไหว้พระเถอะ แล้วนี่ไปไงมาไงถึงมาช่วยเจ้าแม็กซ์มันได้ล่ะ? เรียนคนละที่กันไม่ใช่เหรอ?”
     “ก็เพื่อนแท้ไงป๋า ไปก่อนนะ งานผมเยอะ ไปเหอะต้นไปห้องแม็กซ์กัน ป๋าบอกป้าจิตให้เอาน้ำกับขนมขึ้นไปให้ผมด้วยนะ”
     แม็กซ์ตอบบิดาของตนแทนต้นน้ำอย่างกวนส้น ก่อนจะลากแขนเพื่อนเดินขึ้นชั้นสองไปอย่างไม่ใส่ใจ เล่นเอาต้นน้ำหน้าเหวอได้แต่ทำท่าเหลอหลาไม่รู้จะเอายังไงต่อดี เขาหันมาก้มหัวเป็นเชิงขออนุญาตบิดาของเพื่อนก่อนจะเดินตามแม็กซ์ไปติดๆ
     พออยู่กันสองต่อสองตามลำพังในห้องแล้วต้นน้ำก็เปิดปากพูด
     “พ่อแม็กซ์ท่าทางดุจัง ทำแบบนั้นจะดีเหรอ?”
     “ไม่ดุหรอก ถ้าดุแม็กซ์จะเป็นงี้ได้ไง ถ้าอะไรที่มันไม่หนักเกินไปพ่อไม่ว่าไรแม็กซ์หรอก”
     แม็กซ์พูดพลางเริ่มถอดเสื้อผ้าตามความเคยชิน เขาปลดเปลื้องชุดนักศึกษาออกพลางคุ้ยหากางเกงขาสั้นมาใส่ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าต้นน้ำยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ที่เดิม ไม่ยอมขยับ
     “เอ้า ไม่เก็บของอ่ะ จะเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำก่อนก็ได้นะ”
     “แล้วจะให้เราวางกระเป๋าตรงไหนล่ะ?”
     ต้นน้ำมองไปรอบๆ ถึงห้องนอนจะกว้างแต่บรรดาชั้นต่างๆ ก็เต็มไปด้วยข้าวของวางระเกะระกะ ฝั่งหนึ่งของห้องเต็มไปด้วยคอลเล็คชั่นกีต้าร์จำนวนเกือบสิบตัว บนโต๊ะทำงานที่มีคอมพิวเตอร์วางไว้ก็ยิ่งรก และแม็กซ์ยังคงไม่ทิ้งนิสัยเดิม ชอบถอดเสื้อผ้าวางทิ้งไว้เต็มไปหมด บรรดาหนังสือรวมไปถึงนิตยสารต่างๆ ที่อ่านแล้วก็วางเกลื่อนเอาไว้ไม่เคยเก็บเข้าที่
     “เออ ลืมไปว่าต้นพึ่งมาบ้านแม็กซ์ครั้งแรก ขอโทษ”
     แม็กซ์เดินไปเขี่ยข้าวของบนโต๊ะออกไปกองอยู่มุมหนึ่งก่อนจะหันมาบอก
     “อ่ะ ตรงนี้ก็ได้ เสื้อแม็กซ์อยู่ในตู้ หยิบตามสบาย ถ้าตัวไหนยังพับอยู่หรือแขวนไว้อ่ะแปลว่ายังไม่ได้ใส่ ป้าจิตแกซักแล้ว สะอาดแน่นอนไม่ต้องห่วง”
     “แล้วพวกนั้นล่ะ?”
     ต้นน้ำว่าพลางพยักพเยิดไปทางหนึ่งที่มีกองเสื้อผ้าถอดวางพาดไว้เต็มไปหมด
     “เออน่า บางทีมันก็ลืมๆ บ้าง ต้นก็รู้ไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพอมันวางไว้ครบอาทิตย์ป้าแกก็มาเก็บไปซักให้เองแหละ”
     “แล้วทำไมไม่เอาลงตะกร้าดีๆ แม็กซ์อ่ะทุกทีเลย”
     ต้นน้ำพูดพลางหยิบตะกร้าผ้ามาเดินเก็บเสื้อผ้าที่แม็กซ์วางทิ้งไว้ใส่ลงไป
     “เฮ้ย! จะมาช่วยแม็กซ์ทำรายงานหรือมาบ่นเนี่ย”
     “ก็มันสกปรกนี่ เห็นแล้วรำคาญตา”
     “ก็ถ้ารู้ว่าต้นจะมานะ แม็กซ์จะรีบเก็บห้องรอล่วงหน้าเลย”
     “ก็อกๆ”
     เสียงเคาประตูดังขึ้นพร้อมกับที่ป้าจิตแม่บ้านของแม็กซ์เปิดประตูนำน้ำกับขนมเข้ามาเสริฟให้ ส่งผลให้คนทั้งคู่หยุดทะเลาะกัน
     “ขนมค่า อุ๊ยคุณหนู! เดี๋ยวป้าเก็บให้เองค่ะ คุณหนูมาช่วยคุณแม็กซ์ไม่ใช่เหรอคะ ไปค่ะ ไปนั่งทานขนมพักให้หายเหนื่อยจะได้มีแรงทำงานกัน เดี๋ยวตรงนี้ป้าจัดการเองค่ะ”
     เมื่อป้าจิตเห็นตะกร้าผ้าในมือต้นน้ำกับเสื้อผ้าใช้แล้วที่เด็กหนุ่มเดินเก็บ เธอก็อุทานขึ้นยาวเหยียดก่อนจะแย่งงานไปทำ
     “เห็นมะ”
     “นิสัยไม่ดี แค่เอาเสื้อผ้าใส่ตะกร้าเอง ซักก็มีคนซักให้อยู่แล้วยังจะ...”
     “อ่ะๆ กินคุ๊กกี้ไปต้น ป้าครับเดี๋ยวเคลียร์บนโต๊ะให้ผมหน่อย ผมจะใช้โต๊ะทำงานครับ”
     “ได้ค่า”
     ว่าแล้วเธอก็จัดการกองหนังสือและข้าวของต่างๆ บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว แม็กซ์เลยหันไปยักคิ้วให้เพื่อน ต้นน้ำจึงได้แต่ทำหน้างอ เพื่อนเขาคนนี้มีคนทำทุกอย่างให้จนเคยตัว
     แม็กซ์เห็นแล้วขำกับท่าทางเจ้าระเบียบของเพื่อนที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เมื่อก่อนเขาก็โดนบ่นแบบนี้บ่อยๆ แล้วก็จบลงด้วยการที่ต้นน้ำทำทุกอย่างให้เขาเพราะทนไม่ได้เอง
     คนทั้งคู่นั่งทานขนมรอเงียบๆ ไม่นานนักป้าจิตก็จัดการงานของเธอเสร็จ พอป้าแกออกไป แม็กซ์ก็เริ่มถอดกางเกงเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อ เขาสลัดกางเกงที่เคยใส่ไปวางพาดไว้บนราวตากผ้าเช็ดตัวตามนิสัยเดิมก่อนจะหยิบเอากางเกงขาสั้นมาใส่ ต้นน้ำเลยได้แต่ทำหน้าเซ็งให้กับนิสัยของเพื่อน เขาหยิบกางเกงตัวนั้นโยนลงตะกร้า ก่อนจะเลือกมุมเหมาะๆ วางของแล้วปลดชายเสื้อออกจากกางเกงให้สบายตัว
     เพราะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วต้นน้ำจึงไม่ขัดเขินเมื่อแม็กซ์เปลือยท่อนบนใส่แต่กางเกงปิดบังเฉพาะท่อนล่าง ต้นน้ำเคยเห็นแม็กซ์เปลือกอกแบบนี้จนชินตา อีกฝ่ายเคยโป๊ต่อหน้าเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง โดยเฉพาะนิสัยที่ชอบใส่แต่ท่อนล่างเวลาอยู่ในห้องส่วนตัว เพราะเห็นบ่อยนานวันเข้าเขาจึงชิน ขอเพียงแค่อย่ามาแกล้งเขาก็เท่านั้นแหละ ต่อให้แม็กซ์เปลือยกายทั้งตัวต้นน้ำก็ไม่รู้สึกอะไร
     เมื่อคนทั้งคู่จัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว แม็กซ์ก็เริ่มจ่ายงานให้ต้นน้ำ
     “อ่ะ นี่โน๊ตบุ๊คแม็กซ์ ตัวอย่างงานของเพื่อนแม็กซ์อยู่ในนั้นแหละ แม็กซ์ก็อปไว้ในเดสทอปนะ ต้นเขียนบทนำให้หน่อยดิ อันอื่นๆ ด้วย ลอกเอาจากตัวอย่างของเพื่อนแม็กซ์แหละ แต่เดี๋ยวแม็กซ์สรุปข้อมูลพวกนี้ก่อน เสร็จทั้งหมดแล้วแม็กซ์ค่อยตรวจอีกที”
     “หัวข้อเดียวกันเหรอ?”
     “อืม แต่ของแม็กซ์เปลี่ยนกลุ่มแซมเปิ้ลอ่ะ ที่เหลือคล้ายๆ กัน”
     “งั้นทำแบบเดิมเลยนะ”
     “อือ”
     แบบเดิมที่ทั้งคู่หมายถึงก็คือการที่แม็กซ์ให้ต้นน้ำเขียนรายงานให้แล้วค่อยมาตรวจแก้ใส่ความเป็นตัวเองลงไปทีหลังเพื่อไม่ให้เนื้อหาของงานดูแปลกจนเกินไปไม่เหมือนงานที่เขาทำ พวกเขาใช้วิธีแบบนี้มาตั้งแต่ตอน ม.5 และต้นน้ำก็ใกล้ชิดกับแม็กซ์มากพอที่จะสรุปรายงานเป็นความเห็นแบบแม็กซ์โดยไม่ถูกจับได้ว่าแม็กซ์ไม่ได้เป็นคนทำ ไม่เหมือนเวลาที่แม็กซ์ให้คนอื่นทำให้ หรือเวลาที่แม็กซ์ไปก็อปปี้รายงานของคนอื่นไปส่ง และที่สำคัญต้นน้ำนั้นฉลาดทั้งทางด้านเนื้อหาวิชาการและเนื้อภาษาที่ใช้เขียน แม็กซ์จึงปล่อยให้ต้นน้ำช่วยจัดการงานให้อย่างวางใจ
     ฝ่ายต้นน้ำเมื่อได้รับทราบหัวข้อแล้วก็นั่งอ่านเนื้อหาจากหนังสือและบทความที่แม็กซ์คัดลอกมาให้ก่อนที่จะสรุปแล้วเริ่มลงมือพิมพ์รายงาน
     คนทั้งคู่ต่างทำหน้าที่ของตนอย่างจริงจังจนลืมเวลา กระทั่งป้าจิตมาเคาะประตูห้องอีกครั้งนั่นแหละว่าทั้งคู่จะรับอาหารเย็นเลยไหมเธอจะได้ยกขึ้นมาให้ แม็กซ์และต้นน้ำจึงรู้ตัวว่าเวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงและขณะนี้ก็เกือบสองทุ่มแล้ว
     “เดี๋ยวพวกผมลงไปกินข้างล่างดีกว่าครับ ป้าตั้งโต๊ะไว้เลยก็ได้”
     ต้นน้ำมองแม็กซ์ขยับตัวบิดขี้เกียจแล้วก็ยิ้ม
     “ยิ้มไร?”
     “ก็นานๆ ทีถึงจะเห็นแม็กซ์โหมดจริงจังแบบนี้มั้ง เมื่อก่อนใช้เราทำคนเดียวตลอดอ่ะ”
     พอนึกถึงสมัยก่อนที่แม็กซ์มักจะเรียกเขาให้ไปทำรายงานให้โดยที่ตัวเองก็เอาแต่เล่นเหลวไหลแกล้งกวนสมาธิเขาเล่นแล้วต้นน้ำก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ แม็กซ์ชอบสรรหาสารพัดวิธีมาป่วนเขาจริงๆ เวลาผ่านไปไม่นานผู้ชายคนนั้นกลับกลายมาเป็นคนจริงจังท่าทางเอาการเอางานได้ถึงขนาดนี้เชียว
     “ขืนไม่จริงจังก็ร่วงดิ ตอนนี้ไม่มีคนคอยช่วยแม็กซ์แล้ว ก็ต้องขยันเอง”
     “อ้าว แล้วทำไมไม่ให้บรรดาแฟนๆ ของนายช่วยเหมือนทุกทีล่ะ”
     “มีที่ไหน ตอนนี้ไม่ได้จีบใครนี่หว่า”
     “ทำไมไม่จีบล่ะ?”
     “ขี้เกียจ”
     แม็กซ์ตอบออกมาด้วยถ้อยคำตัดบทง่ายๆ ก่อนจะเฉไฉไปเรื่องอื่นแทน
     “ไปเหอะ หิวข้าวแล้ว ลงไปกินข้าวกัน”
     “อื้อ”
     ทั้งคู่ทานอาหารเย็นที่ประกอบไปด้วยกับข้าวง่ายๆ สองสามอย่างกันอย่างเร่งรีบ รายงานของแม็กซ์หมดเขตส่งเช้าวันจันทร์นี้แล้ว งานที่คั่งค้างอยู่ทำให้พวกเขาไม่มีแก่ใจนั่งละเลียดซึมซับความอร่อยของอาหาร และเมื่อทานเสร็จแล้วทั้งคู่ต่างก็พากันขึ้นไปคร่ำเคร่งกับงานต่อ ปล่อยให้ป้าจิตจัดการดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนจะขอตัวไปพักผ่อนยังเรือนหลังเล็กทางด้านหลัง บ้านหลังใหญ่จึงเสมือนคล้ายมีแต่พวกเขาสองคนตามลำพังเนื่องด้วยบิดาของแม็กซ์ออกไปงานสังสรรค์แล้ว ต้นน้ำนั่งทำงานอยู่ครู่ใหญ่ก็ชักจะไม่ไหวจึงตัดสินใจชาร์ตพลังตนเองด้วยการอาบน้ำ
     “แม็กซ์ เราอาบน้ำก่อนนะ ไม่ไหวแล้วอ่ะ”
     แม็กซ์เงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำอยู่มาสบตากับต้นน้ำแล้วถามด้วยน้ำเสียงแสดงความห่วงใย เขาไม่อยากทรมานเพื่อนรักด้วยความเห็นแก่ตัวของตนเอง
     “เอาดิ ไหวป่าว ง่วงก็นอนได้นะต้น เดี๋ยวแม็กซ์ทำต่อเอง”
     “ไหวๆ อาบน้ำแล้วคงสดชื่นขึ้นเองแหละ”
     “เออ ตามใจ”
     แม็กซ์พูดพลางหันหลังกลับไปยุ่งกับงานของตนต่อ แต่เสียงของต้นน้ำก็รบกวนสมาธิแม็กซ์อีกจนได้
     “เดี๋ยวสิ หาเสื้อผ้าให้เราก่อน”
     “เรื่องมากน่า อยากใส่ตัวไหนก็หยิบๆ ไปเหอะ”
     “แล้วผ้าเช็ดตัวล่ะ?”
     “ของแม็กซ์นั่นไง วางอยู่ตรงนั้นอ่ะ”
     แม็กซ์พูดพลางชี้ไปยังผ้าขนหนูที่วางพาดไว้บนราวตากผ้า ทำเอาต้นน้ำขมวดคิ้วเม้มปากไม่พอใจ
     “ไม? ทำหน้าไม่พอใจไม ใช้ของแม็กซ์ไม่ได้เหรอ”
     “ผ้าเช็ดตัวมันไม่ควรใช้ร่วมกันนะแม็กซ์”
     “ใช้ไปเหอะน่าต้น อย่าเรื่องมาก”
     “แต่...”
     “รู้นะว่าถ้าเป็นของแฟนต้นๆ ไม่บ่นหรอก ใช้ของร่วมกับแม็กซ์ซักวันเหอะน่า แม็กซ์ไม่ถือหรอก”
     “ก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นซักหน่อย เราก็แค่รักความสะอาด เกิดนายมีโรคอะไรล่ะ เฮอะ!”
     “หืม... พูดแบบนี้จะดูมั้ย? มันก็เหมือนๆ กับที่ต้นเคยเห็นนั่นแหละ”
     เพราะแม็กซ์เงยหน้าขึ้นมามองต้นน้ำอย่าเอาเรื่องพลางทำท่าจะควักอะไรบางอย่างออกมาโชว์ ต้นน้ำเลยยอมลดทิฐิเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แต่เพราะท่าทางงอนๆ สุดท้ายแม็กซ์ก็เลยละมือจากงานตามไปหยุดยืนเคียงข้างกันหน้าตู้เสื้อผ้าแล้วลงมือหาเสื้อผ้าให้เพื่อนรักของตน
     “อ่ะ เสื้อกับกางเกงขาสั้น ใส่ได้ใช่ป่ะ”
     “อืม”
     “จะยื้มกางเกงในแม็กซ์ด้วยมะ?”
     “บ้า! ใครจะไปยืม”
     “อ้าวงั้นคืนนี้ต้นก็โล่งอ่ะดิ ฮ่าๆ”
     “เราไม่ได้มีนิสัยชอบใส่ซ้ำแบบนายนี่”
     “เออๆ อ่ะ เอาผ้าขนหนูผืนนี้ไปใช้ก่อนละกัน ผืนเล็กหน่อยแต่รับรองว่าใหม่ ยังไม่เคยใช้เลย”
     “ขอบใจนะ”
     ต้นน้ำเอ่ยขณะรับผ้าขนหนูผืนเล็กที่แม็กซ์ส่งให้ ในที่สุดต้นน้ำก็หายหน้างอส่งยิ้มให้แม็กซ์ ลงท้ายแม็กซ์ก็ตามใจเขาแบบนี้ตลอดแหละ
     “ต้นเรื่องมากชิบอ่ะ ทีหลังเอาเสื้อผ้ามาทิ้งไว้นี่มา”
     “ทำอย่างกับเราจะได้มาอีกบ่อยๆ งั้นอ่ะ”
     “แล้วถ้าชวนจะมาป่ะล่ะ มานอนค้างกับแม็กซ์”
     เพราะบรรยากาศที่แปลกไปกะทันหันบวกกับสายตาที่ทอประกายเปี่ยมไปด้วยความหวังของแม็กซ์ ต้นน้ำจึงรู้ตัวว่าตนเผลอเหยียบย่างเข้าสู่เขตต้องห้ามโดยไม่ได้ตั้งใจอีกแล้ว เขาตัดสินใจเบี่ยงประเด็นไปตามเรื่อง
     “บ้า! ยังคิดจะใช้เราอีกเหรอ”
     “อ้าว ก็มีเพื่อนดีๆ ก็ต้องใช้ประโยชน์ให้คุ้มดิ ฮ่าๆ”
     แม็กซ์เองก็ตัดสินใจเปลี่ยนบรรยากาศจบเรื่องด้วยมุขตลกแทน ช่วยคลายสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกนี้ ก่อนจะพูดต่อทำทีเป็นไม่ใส่ใจอะไร
     “ไว้เดี๋ยวแม็กซ์ซื้อเสื้อผ้าใหม่มาให้ต้นเลยละกัน ติดตู้ไว้ ผ้าเช็ดตัวด้วยเอาป่ะ? อีกหน่อยเผื่อต้นมาอีกจะได้ไม่ต้องบ่น ขี้หูกระเด็นหมดแล้วดูดิ”
     “เออดี!”
     ต้นน้ำว่าอย่างงอนๆ ก่อนจะเดินหนีเข้าห้องน้ำไป จนกระทั่งเขาอาบน้ำเสร็จและออกมานั่งทำงานต่อโดยไม่รู้เลยว่ากลิ่นหอมๆ ที่กระจายออกมาจากตัวจะทำให้แม็กซ์ตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับงานได้ยากขึ้น
     กลิ่นสบู่แบบเดียวกันกับที่เขาใช้ คุ้นจมูก หากแต่เมื่อมันแผ่ออกมาจากตัวต้นน้ำแม็กซ์กลับรู้สึกว่ามันหอมมากกว่าครั้งไหนๆ ที่ตนเคยได้กลิ่น ต้นน้ำเปลี่ยนกลิ่นเดิมๆ ของสบู่ที่เขาใช้ให้น่าดึงดูดเสียจนเขาอยากเข้าไปดมใกล้ๆ ยิ่งได้มองคนตรงหน้าที่ตัวเล็กเสียจนใส่เสื้อของเขาแล้วไหล่เสื้อตกลงมา ... แม็กซ์ก็รับรู้ถึงสถานการณ์อันตรายของตนเอง
     “แม็กซ์ไปอาบน้ำมั่งดีกว่าว่ะ ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
     “หะ? อืม”
     ต้นน้ำรับคำพลางหันมาสบตา
     ยิ่งได้มองสบดวงตาเรียวรีซื่อๆ ที่จ้องตรงมายังเขาด้วยความสงสัยแม็กซ์ก็แทบสะกดตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ เขาต้องเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำเดี๋ยวนี้!
     แม้น้ำเย็นจะช่วยสงบสติอารมณ์ของตัวเขาลงได้แต่แม็กซ์ตัดสินใจจะปลดเปลื้องความกังวลของตัวเอง แม็กซ์จัดการตัวเองเงียบๆ ภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ กลิ่นสบู่ที่เคยใช้เป็นประจำกลับกลายเป็นกลิ่นที่ทำให้นึกถึงต้นน้ำยามอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ภาพของเพื่อนรักที่ยืนเปลือยกายลูบไล้ฟองครีมภายใต้ฝักบัวอันเดียวกันกับเขายามนี้ปรากฏขึ้นในหัว เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ดีและผิดต่อเพื่อน แต่เขาจำเป็นต้องทำ เพื่อความปลอดภัยของต้นน้ำ เพื่อคุมสติของตัวเองเอาไว้ เพื่อที่เขาจะได้ไม่พลั้งเผลอทำอะไรที่อาจจะทำให้เขากับต้นน้ำมองหน้ากันไม่ติด
     ปกติเพื่อนของเขาเป็นคนอาบน้ำเร็ว แต่วันนี้แม็กซ์อาบน้ำนานเป็นพิเศษ ต้นน้ำจึงกังวลเล็กน้อยเพราะงานส่วนของเขาเสร็จแล้วและต้องการให้แม็กซ์มาตรวจดูอีกรอบ ต้นน้ำเลยเดินไปดูข้อมูลในส่วนที่แม็กซ์ทำรอไปพลางๆ จนกระทั่งแม็กซ์เดินออกมาจากห้องน้ำ
     “ช้าจัง”
     “บ่นอีกละ”
     “เราทำตรงนี้เสร็จแล้ว นายลองดูสิว่าใช้ได้มั้ย”
     “เดี๋ยวดิ ใส่เกงก่อน”
     แม็กซ์พูดพลางเดินไปค้นหากางเกงขาสั้นในตู้มาใส่ก่อนจะตรงมาทางต้นน้ำที่นั่งรออยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือ แม็กซ์เท้าแขนข้างหนึ่งกับพนักเก้าอี้พลางก้มลงดูข้อมูลใกล้ๆ กลิ่นหอมกรุ่นแบบเดียวกันกับเขาลอยมาแตะจมูก กลิ่นคล้ายกันแต่หอมกว่า มีเสน่ห์ดึงดูดน่าหลงใหลเสียจนเขาจวนเจียนจะคลั่ง หากแต่ความพิเศษนั้นแม็กซ์เองก็บอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไรเขาถึงได้รู้สึกว่ามันหอมเสียจนอยากดอมดมใกล้ๆ ... ใกล้ให้มากกว่านี้
     “อี๋! น้ำหยดอ่ะแม็กซ์!”
     “ก็สระผม”
     “ละไมไม่เช็ด”
     “อุตส่าห์รีบเนี่ย ต้นนี่เอาใจยากจริง”
     “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
     แม็กซ์มองหน้าต้นน้ำด้วยสายตาจริงจังก่อนจะยิ้มแล้วสะบัดศีรษะใส่เพื่อนรัก
     “แม็กซ์บ้า!”
     “ฮ่าๆ”
     ต้นน้ำแหวใส่แม็กซ์ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนไหล่ของแม็กซ์มาคลุมศีรษะเจ้าตัวก่อนจะขยี้อย่างมันมือ
     “เฮ่ย! ใครอนุญาตให้เล่นหัว”
     “สม อยากแกล้งเราก่อนทำไม”
     “ต้นแม่ง... ร้ายว่ะ นิสัยเสียขึ้นเยอะเลยอ่ะ สนิทแล้วลามปามเหรอ เดี๋ยวเจอเตะ”
     ทั้งๆ ที่เนื้อหาเป็นการต่อว่า แต่สีหน้าของแม็กซ์กลับยิ้มอย่างอ่อนโยน ต้นน้ำรู้ดีจึงลอยหน้าลอยตาเถียงอย่างน่าหมั่นไส้ เมื่อก่อนเขาอาจจะเคยกลัวแม็กซ์ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าแม็กซ์ไม่มีวันทำร้ายเขา แม็กซ์ไม่กล้าเตะเขาหรอก
     “แล้วเรื่องอะไรเราต้องยอมให้แม็กซ์อยู่ฝ่ายเดียว”
     “มีเอาคืนหรา”
     “อ่ะแน่นอน”
     “ชิ!
     แม็กซ์ทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอก่อนจะยอมแพ้แล้วดูงานให้ต้นน้ำ
     “อืม ตามนี้เลยต้น ใช้ได้ว่ะ เร็วเหมือนเดิมเลย”
     “มันแน่อยู่แล้ว คิดว่าใคร”
     “เดี๋ยวต้นนอนเลยก็ได้นะ ที่เหลือเดี๋ยวแม็กซ์ทำต่อเอง”
     “แต่ของแม็กซ์มันเหลืออีกตั้งเยอะเลยไม่ใช่เหรอ ให้เราช่วยดีกว่ามั้ง”
     “ต้นจะรู้เหรอ ไม่เคยเรียนซักหน่อย”
     “ก็สอนสิ ไม่เกินความสามารถแม็กซ์หรอก บอกเราสิว่าตรงไหนต้องทำยังไง จะได้ช่วยกัน เสร็จเร็วๆ แล้วจะได้นอนไง”
     คำพูดซื่อๆ ของต้นน้ำทำให้แม็กซ์อึ้ง เขาบรรยายความรู้สึกของตนไม่ถูก รู้แค่ว่าหัวใจตัวเองมันเต้นเร็วขึ้น ต้นน้ำเป็นแบบนี้เสมอ เชื่อเขาเกือบทุกอย่าง เห็นเขาทำอะไรได้ก็แอบอยากทำตาม บางครั้งก็ดูซื่อๆ กระตือลือล้นสนใจอยากรู้อยากลองตามอย่างเขาราวกับลูกเจี๊ยบ เหมือนเด็กอ่อนต่อโลก แต่บางครั้งเด็กคนนั้นก็เกิดจะดื้อเถียงเขาอยากเอาชนะให้ได้ แม็กซ์ไม่รู้ว่าตนเองสอนต้นน้ำไปกี่เรื่องแล้ว แต่เขารู้อย่างหนึ่งว่าเขาตามใจต้นน้ำทุกเรื่อง!
     ต้นน้ำเรียนรู้เร็วมาก พอแม็กซ์อธิบายหลักการณ์คร่าวๆ ให้ฟังเจ้าตัวก็เข้าใจแล้วช่วยเขาทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะมีผู้ช่วยคนเก่ง งานจึงค่อยๆ ลุล่วงไปได้โดยง่าย ต้นน้ำช่วยสรุปข้อมูลยากๆ เขียนออกมาได้อย่างสละสลวย แถมยังช่วยแม็กซ์พิมพ์เนื้อหารายงานได้อย่างรวดเร็ว สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว คนทั้งสองทำงานกันพลางพูดคุยเรื่อยเปื่อย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วพอๆ กับปริมาณงานที่ลดน้อยลงเช่นกัน และเมื่อกระดาษแผ่นสุดท้ายถูกปริ้นออกมาจากเครื่องพิมพ์ คนทั้งคู่ก็ร้องไชโยด้วยความดีใจ
     “โหย ขอบคุณต้นมากๆ เลย ไม่งั้นป่านนี้คงยังไม่เสร็จ เผลอๆ ลากยาวไปถึงพรุ่งนี้ ทีนี้ก็เหลือแต่เอาไปเย็บเล็มส่งละ รอดแล้วโว้ย!”
     ต้นน้ำยิ้มอย่างสดใสแล้วเอ่ยกับเพื่อนของตนว่า
     “งั้นอย่าลืมสัญญานะ ยากินิคุ”
     “คร้าบๆ ไม่ลืมหรอก เชี่ย พูดแล้วหิวเลยอ่ะ”
     “หิวไรตอนนี้”
     “ก็คนทำงาน ใช้สมอง แถมตอนเย็นก็กินไม่ค่อยลง ปกติแม็กซ์ซัดสองจานนะนั่น”
     แม็กซ์แก้ตัวก่อนจะเอ่ยชวนต้นน้ำ
     “ไปหาไรกินกันป่ะ?”
     “ตีหนึ่งเนี่ยนะ?”
     “อือ แถวหน้าตลาดน่าจะมีก๋วยเตี๋ยวขายอยู่”
     “ขี้เกียจอ่ะ เราง่วงแล้ว”
     ต้นน้ำปฏิเสธพลางทิ้งตัวลงบนเตียงขนาดห้าฟุต เขาไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทางของตนนั้นทำหัวใจแม็กซ์กระตุกมากแค่ไหน แม็กซ์ต้องพยายามตั้งสติ ห้ามตัวเองไม่ให้กระโจนลงไปงาบคนที่กำลังนอนแผ่อยู่ตรงหน้า!
     “ไปเป็นเพื่อนเราหน่อยดิ อย่าใจร้ายเลย ลุกๆ แม็กซ์หิว”
     “เรา... เราจะไปด้วยได้ไง เราไม่ได้ใส่...”
     สีหน้าหนักใจปนเขินอายของต้นน้ำที่กลิ้งอยู่บนเตียงทำให้แม็กซ์แอบยิ้ม
     “เอายีนส์แม็กซ์ใส่ทับไปป่ะ?”
     “เอางั้นเหรอ?”
     “เออ เร็วดิ หิว รีบไปกินจะได้กลับมานอนไง”
     “ทุกทีอ่ะ แม็กซ์ชอบบังคับ”
     ถึงต้นน้ำจะบ่นออกมาแบบนั้นแต่ก็ยื่นมือออกมารับยีนส์ที่แม็กซ์ส่งให้ไปใส่ กางเกงยีนส์ของแม็กซ์หลวมจนต้นน้ำต้องขอยืมเข็มขัดไปคาด
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ9
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 02:49:09

     คนทั้งสองขี่ดูคาติออกไปหาของกินยามดึก นาทีนี้คงไม่มีใครมีความสุขไปกว่าแม็กซ์อีกแล้ว วงแขนที่โอบอยู่รอบเอวเขาด้วยความกังวลนั้นช่างน่าปกป้อง จะเพราะความมืด สายลมเย็นๆ ที่ปะทะเข้ามา หรือเพราะอะไรก็ช่าง แม็กซ์ขอบคุณทุกๆ อย่างที่ช่วยดลใจให้ต้นน้ำกอดเขาจนแน่น งานก็เสร็จไม่ต้องเครียดแถมยังมีคนสำคัญซ้อนท้ายออกมาดินเนอร์รับอรุณ และอีกเดี๋ยวเขาอาจจะได้นอนกอดต้นน้ำอีกด้วย แค่คิดแม็กซ์ก็มีความสุขจนตัวลอย โชคดีที่ใบหน้าของเขามีหมวกกันน็อคปิดบังเอาไว้ ต้นน้ำจึงไม่เห็นสีหน้าของเขาว่ามันแอบดีใจมากแค่ไหน
     ขับลัดเลาะตามตรอกซอกซอยได้ไม่นานก็มาถึงจุดหมาย แม็กซ์จอดรถใกล้ๆ กับร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำแล้วบอกให้ต้นน้ำไปนั่งรอที่โต๊ะ
     “เอาเหมือนเดิมเฮีย”
     “อ้าว ไปไหนมาถึงได้แวะมาได้ พักนี้ไม่มาอุดหนุนกันเลยนะ”
     เจ้าของร้านร้องทักก่อนจะถามต่อเมื่อเห็นต้นน้ำที่มาด้วยกันกับแม็กซ์
     “วันนี้พาใครมาด้วยล่ะ เพิ่งกลับจากเที่ยวกันมาเหรอ”
     “ไม่ได้ไปไหนเฮีย! หิวเฉยๆ เอาเกี๊ยวน้ำให้เพื่อนผมด้วยชามนึง”
     “เฮ้ย! เราไม่เอานะแม็กซ์”
     “เออน่า กินเป็นเพื่อนแม็กซ์หน่อย”
     ต้นน้ำแสดงสีหน้าขัดใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้บ่นอะไรต่อ
     “แฟนน่ารักดีนะ ฮ่าๆ มีแฟนแล้วนี่เองถึงได้ไม่ออกไปเที่ยว เลยไม่มาแวะร้านเฮีย”
     “แฟนที่ไหนเฮีย เพื่อนกัน! รีบๆ ทำเตี๋ยวให้ผมเร็วๆ เลย โคตรหิวอ่ะ”
     เจ้าของร้านยืนลวกเส้นไปแซวแม็กซ์ไปอย่างสนุกสนาน คนทั้งคู่แสดงออกถึงความสนิทสนมในระดับหนึ่ง และเมื่อแม็กซ์ได้ของที่สั่ง เขาก็เดินถือชามก๋วยเตี๋ยวกับชามเกี๊ยวมาเสริฟให้ต้นน้ำที่นั่งรออยู่ตรงโต๊ะ ต้นน้ำได้โอกาสเลยถามขึ้น
     “นายรู้จักร้านนี้ได้ไงอ่ะ?”
     ต้นน้ำมองไปรอบๆ ก่อนจะหันมามองเพื่อนของตน อาจจะเพราะร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับร้านสะดวกซื้อ แถมข้างๆ กันนั้นก็มีเพิงคาราโอเกะเล็กๆ ที่ยังคงเปิดทำการอยู่ กลุ่มคนเมาตะเบ็งเสียงร้องเพลงดังลั่น เรียกว่าดูแล้วบรรยากาศไม่น่านั่งที่สุดสำหรับเขา
     “ก็มีอยู่วันกลับดึกแล้วหิว ผ่านมาร้านมันเปิดอยู่เลยลงมากิน อร่อยดีไม่ไกลบ้านด้วยเลยมาบ่อยๆ บางทีมันก็อยากขับรถตอนกลางคืนเล่นอ่ะ ไม กลัวเหรอ? ไม่มีไรหรอก เตี๋ยวเฮียเขาอร่อยนะต้น ลองชิมดิ”
     แม็กซ์ชี้ชวนเพื่อนให้ลองชิมเกี๊ยวน้ำร้อนๆ ที่ยกมาเสริฟ ต้นน้ำจึงรับตะเกียบกับช้อนมาแล้วตักเกี๊ยวเข้าปาก
     “อร่อยใช่มั้ยล่ะ?”
     แม็กซ์ยิ้มให้ต้นน้ำที่ส่งสายตาเขวี้ยงค้อนมาให้วงเบ้อเร้อ
     “นายนี่ ทำตัวติดดินจัง ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ชอบไปแต่ร้านแปลกๆ เมื่อก่อนก็รู้นะว่าบ้านนายมีตังค์แต่ไม่คิดว่าจะรวยขนาดนี้ มิน่าเที่ยวเก่งไม่เห็นคุณค่าของเงินเลย”
     ต้นน้ำทั้งชมทั้งด่าเมื่อนึกถึงตอนที่แม็กซ์อยากดื่มเบียร์แต่ร้านสะดวกซื้อ ไม่ขายเครื่องดื่มมึนเมาให้กับเด็กอายุต่ำกว่ายี่สิบ ตอนนั้นแม็กซ์อยากหนักจนพาเขาตระเวนลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ แล้วลงท้ายก็ไปหาซื้อมาจนได้จากร้านโชว์ห่วยที่ไม่สนใจกฏหมาย แม็กซ์เข้าถึงวิถีชีวิตของคนได้ทุกระดับจนเขาอิจฉา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคุณหนูมีเงินหรือกลุ่มช่างกล เด็กพานิชย์ แม็กซ์เข้าหาคนได้ทุกกลุ่ม มีเพื่อนทุกแบบ แตกต่างจากคนอย่างเขาที่ไม่รู้จะปฏิบัติตัวอย่างไรกับคนอื่น
     “เอ้าๆ จะชมหรือด่า แม็กซ์ติดดินกินง่ายอยู่ง่ายไม่ดีรึไง”
     “ก็ดี แต่บางทีก็ขี้เกียจเกินไป ที่แท้เป็นคุณหนูมีคนใช้นี่เอง มิน่าไม่ยอมทำอะไรเองซักอย่าง”
     “ผู้ชายที่ไหนเขาชอบกวาดบ้านถูบ้านแบบต้นกัน ละอีกอย่างแม็กซ์จ้างคนมาทำทุกอาทิตย์อยู่แล้ว ต้นแหละทนไม่ได้เอง”
     “ก็นายมันซกมกนี่! แค่สองวันห้องก็รกแล้ว ละอีกอย่างเราไม่ได้ชอบทำซะหน่อย แต่มันจำเป็นต้องทำต่างหาก แม่เราทำงานกลับมาเหนื่อยๆ เราก็แค่ช่วยแบ่งเบาภาระแม่ นายแหละชอบหาเรื่องแกล้งให้เราทำให้”
     “ใครๆ ใครหาเรื่องพูดให้มันดีๆ ตัวเองเรื่องมากเอง ต้นไม่ทำแม็กซ์ก็อยู่ได้”
     “ซกมก!”
     ต้นน้ำว่าให้เพื่อนรักอย่างแง่งอนพลางตักเกี๊ยวส่งเข้าปากเคี้ยวคำโตจนแก้มตุ่ย สายตาของเขาปะหลับปะเหลือกแลดูน่ารักจนแม็กซ์เผลอยิ้ม
     “ละไม่ดีเหรอไง ต้นจะได้มีงานอดิเรกที่ชอบทำไง ฮ่าๆ มีต้นอยู่ด้วยไมแม็กซ์ต้องทำเอง ฮ่าๆ”
     “บ้า! นิสัยเสียที่สุดเลย ไม่คุยด้วยแล้ว”
     “เออ กินๆ”
     แม็กซ์ยิ้มให้กับความเจ้าระเบียบของต้นน้ำ เพื่อนเขาคนนี้นิสัยประหลาด จะบอกว่าเป็นพวกเจ้าระเบียบก็ว่าได้ แต่บางครั้งต้นน้ำก็ย้ำคิดย้ำทำจนเกินไปอย่างกับคนเป็นโรครักความสะอาด แม็กซ์รู้ดีว่าในตัวต้นน้ำมีอะไรขัดกันหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นทั้งบุคลิคภาพหรือนิสัย และเพราะเหตุนั้นต้นน้ำจึงค่อนข้างติดเขา เพราะเขาเหมือนกับเหรียญคนละด้าน มีอะไรบางอย่างที่เจ้าตัวถวิลหาและอิจฉาปะปนกัน ต้นน้ำขาดเขาไม่ได้แม็กซ์รู้ดี
     เพราะสายตาที่มองตรงมาอย่างมีเลศนัยบวกรอยยิ้มลึกลับกอปรกับอาการส่ายหัวน้อยๆ ต้นน้ำเลยได้แต่อึดอัดขัดใจ เขาอ่านทางแม็กซ์ไม่ถูก แม็กซ์เหมือนคนโผงผาง หากแต่อ่านง่ายเฉพาะเวลาที่เจ้าตัวโมโหก็แค่นั้นเพราะความตรง แต่ในเวลาที่เจ้าตัวอารมณ์ดีต้นน้ำไม่เคยเดาทางอีกฝ่ายได้เลย มันดูลึกลับอ่านยากไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร บุคลิครวมไปถึงทัศนคติและการแสดงออกต่างๆ ของแม็กซ์ช่างเปี่ยมไปด้วยพลังของเจ้าป่า แม็กซ์มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาได้แต่เฝ้ามองด้วยความอิจฉา จากความหมั่นไส้ก็กลายเป็นความหลงใหลไม่รู้ตัว ต้นน้ำพึงพอใจที่จะมีราชสีห์เชื่องๆ ตัวนี้คอยคุ้มภัยอยู่เคียงข้างกาย
     คนทั้งสองนั่งทานมือดึกไปพลางเถียงกันไป แต่แล้วเสียงเหย้าแหย่ก็ต้องถูกขัดจังหวะด้วยเสียงคนเมา
     “เฮ้ยไอ้น้อง มอไซค์เอ็งสวยดีนี่หว่า หน้าตาก็ดีไม่น่ามีแฟนเป็นตุ๊ดเลย”
     กลุ่มชายวัยกลางคนที่กำลังเมาได้ที่เดินโซเซมากล่าววาจาหาเรื่องกันถึงโต๊ะ ต้นน้ำตกใจจนเผลอหันไปมองตาโต แม็กซ์เองก็ของขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ผู้ชายกลุ่มนั้นก็เข้าถึงตัวต้นน้ำ หนึ่งในนั้นจับคางของต้นน้ำพลิกไปพลิกมาแถมยังดึงแว่นของเขาออก ส่งผลให้ต้นน้ำต้องข่มอารมณ์ตัวเองกำหมัดเสียแน่น
     “โอโห หน้าตาน่ารักดีไม่เบานี่หว่า”
     ต้นน้ำได้แต่บอกตัวเองให้ตั้งสติไว้และใจเย็นๆ พวกมันมากันสามคน ส่วนเขากับแม็กซ์มีกันแค่สอง ในมือพวกมันมีทั้งแก้วและขวดเบียร์ ถ้าเกิดอะไรขึ้น เขาจะเป็นคนที่อันตรายที่สุด ต้นน้ำจึงพยายามเบนสายตาหันไปมองแม็กซ์เพื่อขอความช่วยเหลือ
     เช่นเดียวกันกับต้นน้ำ แม็กซ์เองก็รู้ดีถึงความเสี่ยงของสถานการณ์ เขาเข้าถึงตัวต้นน้ำได้ยากกว่าคนแปลกหน้าพวกนี้เนื่องจากอยู่คนละด้านของโต๊ะ เป็นเพราะเมื่อกี้เขามัวแต่คุยเล่นกับต้นน้ำจนจมอยู่ในโลกส่วนตัวเลยไม่ได้สังเกตความผิดปกติ กว่าจะรู้ตัวคนพวกนั้นก็มาประชิดตัวต้นน้ำแล้ว งานนี้เขาไม่ควรทำอะไรเสี่ยงๆ เพราะต้นน้ำอาจจะเป็นคนที่ได้รับอันตรายมากที่สุด
     “ปล่อยเพื่อนผมเหอะพี่ ดูดิมันกลัวจนตัวสั่นแล้ว พวกพี่จะเอาไรบอกผมดีกว่าครับ”
     “พี่ไม่ได้จะเอาอะไรจากน้องว่ะ ก็แค่เห็นมอไซค์น้องสวยดี ยืมขี่ได้ป่ะ ฮ่าๆ”
     “ไม่ได้หรอกพี่ ของพ่อ เกิดให้พวกพี่ยืมไปผมโดนพ่อด่าตายเลย ให้ผมเลี้ยงเบียร์พวกพี่แทนดีกว่ามั้ง”
     แม็กซ์พยายามเจรจา ลูกค้าในร้านอีกสองโต๊ะต่างก็เริ่มขยับหนี ส่วนเฮียเจ้าของร้านออกมายืนข้างๆ แม็กซ์พลางไล่แขกขี้เมา
     “ไปๆ อย่ามากวนลูกค้าร้านกู เฮ้ย! อิต้อย มึงมาดูลูกค้ามึงหน่อย มากวนแขกร้านกูเนี่ย”
     “กวนไรกัน พวกผมเห็นน้องเขาน่ารักดีก็เลยจะมาชวนไปดื่มเฉยๆ”
     “ฮ่าๆ”
     คนเมากลุ่มนั้นนอกจากจะไม่ยอมถอยแล้วยังลูบแก้มต้นน้ำเบาๆ ส่งผลให้ต้นน้ำต้องเบ้ปากด้วยความรังเกียจ ต้นน้ำกัดริมฝีปากแน่นจนซีดขาว แม็กซ์เห็นแล้วก็ใจสั่น เขาห่วงต้นน้ำ!
     “เพื่อนผมมันไม่ดื่มหรอก ถ้าพวกพี่อยากดื่มมาดื่มกับผมดีกว่า พวกพี่อยากดื่มไรผมเลี้ยงก็ได้ ถือว่าเราทำความรู้จักเพื่อนใหม่ นะพี่นะ ปล่อยเพื่อนผมเหอะ”
     แม็กซ์พูดพลางล้วงธนบัติใบละพันออกมายื่นให้กลุ่มคนเมาพลางบุ้ยปากไปทางร้านสะดวกซื้อ
     “พี่อยากกินอะไรพี่ไปซื้อเอาเลย เดี๋ยวผมจะไปดื่มด้วย แต่ขอผมพาเพื่อนกลับไปส่งบ้านก่อน ไม่งั้นไอ้หมอนี่โดนพ่อด่าแน่”
     “ไรว้า ไม่มีน้องคนนี้แล้วก็ไม่หนุกดิ ถึงพี่ไม่รวยแต่ลีลาพี่เด็ดนะจ้ะ รับรองจะติดใจ น่ารักแบบน้องพี่โอเคเลยจ้ะ”
     หนึ่งในนั้นพูดพลางพยายามจะกอดต้นน้ำ แต่อีกคนถลามาฉกเงินในมือแม็กซ์ไป
     “ให้พวกพี่จริงอ่ะไอ้น้อง รวยเหรอ”
     เมื่อเห็นเพื่อนพูดดังนั้น คนเมาอีกคนเลยกลัวอดของฟรีรีบมาแย่งเงินไปดู
     “ไหนดูดิ ของปลอมเปล่า เฮ้ยของจริงด้วย ฮ่าๆ ไอ้เด็กนี่มันรวยจริงๆ ให้พี่จริงอ่ะ”
     “ครับๆ ผมให้ พี่รีบไปกินเหล้าต่อเหอะพี่ เดี๋ยวจะตีสองแล้วร้านมันปิดอดใช้เงินนะครับ”
     “ให้แล้วคืนไม่ได้นะน้อง ว่าแต่น้องไม่ไปนั่งกับพวกพี่จริงๆ อ่ะ”
     “ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมต้องกลับแล้ว”
     เรื่องทำท่าจะคลีคลายด้วยอำนาจเงินของแม็กซ์ แต่คนเมาที่กอดต้นน้ำอยู่กลับยังไม่ยอมแพ้
     “ใช่ซี กูมันไม่รวยนี่หว่า ถึงได้ไม่มีใครสนใจกู มึงก็เห็นแก่เงินเหมือนมันใช่มั้ย”
     สถานการณ์ทำท่าจะบานปลายเพราะคนเมาคนนี้เริ่มอาละวาด แต่ก็มีเสียงขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน
     “อย่าไปยุ่งกับมันเลยค่า ตุ๊ดมันจะไปสู้ผู้หญิงได้ยังไง ไปค่ะ พี่ขาไปนั่งกะหนูดีกว่านะคะ”
     พอดีกับที่พนักงานสาวจากร้านรีบเดินมาดึงแขกกลับไปใช้เงิน พอมีผู้หญิงมาแสดงความสนใจคนเมาคนนั้นก็เลิกสนใจต้นน้ำ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวของขึ้นยืนตวาดเจ้าของร้านคาราโอเกะให้ดูแลลูกค้าของตนให้ดีด้วยท่าทางเอาเรื่อง สาวๆ จากร้านคาราโอเกะเลยพากันมาลากตัวลูกค้าของตนกลับไป แขกกลุ่มนั้นเลยปล่อยตัวต้นน้ำให้เป็นอิสระ แต่คนเมาที่ฉวยเงินไปกลับส่งแก้วที่ถือมาด้วยให้แม็กซ์
     “เอ้า น้องเลี้ยงพี่ งั้นแก้วนี้พี่เลี้ยงน้อง!”
     “ครับๆ”
     เพื่อตัดปัญหาแม็กซ์เลยรับเบียร์ครึ่งแก้วนั้นมากระดกลงคอรวดเดียวหมดก่อนจะส่งแก้วคืนให้
     “มันต้องงี้ดิ เจ๋งเว้ย ฮ่าๆ เอาไอ้น้อง เพื่อนน้องดื่มแล้ว ดื่มเป็นเกียรติให้พวกพี่หน่อยสิจ้ะคนสวย”
     คนเมาคนเดิมหัวเราะชอบใจพลางเทเบียร์ในขวดใส่แก้วจนเต็มแล้วยื่นให้ต้นน้ำ ต้นน้ำต้องขุดตบะทั้งหมดมาเตือนตนเองให้อดทนอดกลั้นไม่ตอกกลับคนพวกนี้ เรื่องกำลังจะจบแล้ว เขาจะทำเสียเรื่องไม่ได้
     “อย่าดีกว่าครับ เพื่อนผมดื่มไม่เป็นจริงๆ คออ่อนมาก พ่อมันหวงด้วย นี่ผมกำลังจะพามันกลับบ้านเนี่ยพี่ เกิดพ่อมันเห็นเมาเดี๋ยวผมจะซวย”
     “ไรว้า ไม่ยอมไปนั่งกับพวกพี่แล้วยังไม่รับน้ำใจอีก หยิ่งจัง”
     “น่านะพี่ ถือว่าผมขอแล้วกันนะครับ คนนี้ผมหวง อุตส่าจีบอยู่ พวกพี่ทำแบบนี้มีหวังเขาเกลียดผมแน่เลย”
     “ฮ่าๆ แล้วก็ไม่บอก มิน่าเอาแต่เงียบ เล่นตัวแบบนี้ปล้ำเลยไอ้น้อง”
     คนเมาพวกนั้นพากันหัวเราะครืนก่อนจะแยกย้ายกันไปทิ้งไว้แต่เพียงเสียงก่นด่าของเจ้าของร้าน และรอยเลือดบนปากต้นน้ำ
     “ต้น แม็กซ์ขอโทษ”
     “ช่างเถอะ แม็กซ์ไม่ผิดหรอก”
     ต้นน้ำเอ่ยเบาๆ ก่อนจะรับกระดาษทิชชู่ที่แม็กซ์หยิบจากบนโต๊ะส่งมาให้ เขาซับเลือดบนปากเบาๆ พลางสูดลมหายใจลึกๆ สองสามทีเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
     “ผิดดิ ถ้าแม็กซ์ไม่พาต้นมาก็ไม่ต้องเจออะไรแบบนี้หรอก”
     “ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าจะเจออะไรแบบนี้”
     “เราขอโทษ ทีหลังจะไม่พามาร้านแบบนี้อีกแล้ว”
     แม็กซ์ได้แต่โทษตัวเอง เขาลืมไปเสียสนิทใจว่าต้นน้ำนั้นดึงดูดคนประเภทไหน เขาได้แต่ก่นด่าตัวเองที่ไม่รู้จักจำ กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องออกโรงปกป้องเพื่อนรักจากเหตุการณ์ทำนองนี้
     เฮียเจ้าของร้านยืนบ่นต่อนิดหน่อยด้วยท่าทางหงุดหงิดก่อนจะหันมาคุยกับแม็กซ์
     “เฮ้ย พาเพื่อนกลับไปก่อนเถอะ ไม่รู้ไอ้หมาบ้าพวกนั้นมันจะทำอะไรอีก มื้อนี้เฮียไม่คิดเงิน”
     “จะดีเหรอเฮีย”
     “เออ คนกันเอง เอ็งให้เงินไอ้พวกนั้นไปตั้งพันไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเฮียไปเก็บกับอิต้อยเอง ดีนะมันไม่อาละวาดพังร้าน ยอมกลับไปง่ายๆ”
     “งั้นขอบคุณเฮียมากครับ ผมลาล่ะ ไว้แล้ววันหลังผมมาอุดหนุนใหม่”
     แม็กซ์ยกมือไหว้เจ้าของร้านก่อนจะรีบพาต้นน้ำกลับบ้าน เขาสัมผัสได้ว่าวงแขนที่เกาะเขาอยู่นั้นโอบกระชับแน่นกว่าขามาเสียอีก ต้นน้ำกลัว เขารู้ดี!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ9
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 02:50:20

     เมื่อถึงบ้าน ต้นน้ำเดินนำแม็กซ์ขึ้นไปยังห้องนอน เพื่อนของเขาเงียบไปตั้งแต่เกิดเรื่องที่ร้าน และเมื่อเข้าไปในห้องนอนแล้วต้นน้ำก็ขอตัว เพื่อนของเขาเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าชุดใหม่จากตู้เข้าไปเปลี่ยน แม็กซ์ถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่กางเกงบ็อกเซอร์แล้วล้มแผ่ลงบนเตียง เขาได้แต่ด่าตัวเองอยู่ในใจเงียบๆ ที่เผลอทำคะแนนติดลบในสายตาต้นน้ำ
     ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่ง ต้นน้ำก็ออกมาพร้อมกับกลิ่นหอมกรุ่นที่แม็กซ์คุ้นเคย หยดน้ำที่เกาะอยู่ตามเส้นผมทำให้แม็กซ์รู้ว่าต้นน้ำอาบน้ำใหม่อีกครั้ง
     “อาบน้ำเหรอ?”
     “อื้อ ออกไปนั่งรถตากลม เหนียวตัวน่ะ แม็กซ์ไม่อาบเหรอ”
     “ขี้เกียจอ่ะ”
     แม็กซ์กะเด้งตัวขึ้นมามองเพื่อนรักที่กำลังเช็ดศีรษะด้วยสายจริงจังก่อนจะเอ่ยปากถาม
     “รังเกียจคนพวกนั้นเหรอต้น?”
     ต้นน้ำมองแม็กซ์อย่างเอือมระอาก่อนจะตอบ
     “แล้วจะให้เราชอบเหรอ?”
     “ละโกรธแม็กซ์รึเปล่า?”
     “จะโกรธทำไม... แม็กซ์ไม่ใช่คนผิด”
     ต้นน้ำหยุดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ
     “เรารู้น่ะว่าแม็กซ์พยายามจัดการเรื่องดีที่สุดแล้ว เถียงกับคนเมาไม่มีประโยชน์หรอก เสี่ยงจะตาย แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นเรานี่แหละจะโดนหนักสุด ถึงจะเจ็บใจที่ต้องเสียเงินไปฟรีๆ ให้คนพวกนั้น แต่แลกกับความปลอดภัยมันก็คุ้มใช่มั้ยล่ะ”
     พอได้ฟังที่เพื่อนพูด แม็กซ์ก็ยิ้มออก เพื่อนของเขาโตขึ้นแล้วจริงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้นน้ำคงไม่มีวันเข้าใจเหตุผลแบบนี้ เพื่อนของเขามีความอดทนเป็นเลิศ แต่ภายใต้หน้ากากอันสงบเสงี่ยมนั้น ต้นน้ำซุกซ่อนไว้ด้วยความแค้นเคืองที่พร้อมจะอาฆาตทุกๆ คนที่เคยทำร้ายตน รอวันระเบิดออกมาเพื่อเอาคืน ไม่เคยมีคำว่าเลิกแล้วต่อกันอยู่ในหัวของต้นน้ำจนกว่าจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้ทั้งหมด ต่างกับเขาที่พร้อมจะจบๆ กันไปได้ง่ายๆ ถ้ามันดีต่อทุกฝ่าย
     “อื้ม ไม่อยากมีเรื่องกันด้วย เกิดอะไรขึ้นร้านเฮียจะพังเอา สงสารคนทำมาหากิน ลำพังแม็กซ์อ่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ต้นดิ แม็กซ์กลัวมันทำไรต้นมากกว่า”
     “แม็กซ์เปลี่ยนไปนะ นิ่งขึ้นตั้งเยอะ”
     ต้นน้ำยิ้มออกมาได้ในที่สุด เขาส่งยิ้มให้เพื่อนก่อนจะเดินไปตากผ้าเช็ดตัวแล้วย้อนกลับมาที่เตียง ต้นน้ำมองแม็กซ์ที่นั่งกินพื้นที่ไปกว่าครึ่งแล้วเอ่ยถาม
     “ละจะให้เรานอนตรงไหนเนี่ย?”
     “ก็นอนกับแม็กซ์บนนี้เนี่ยแหละ เตียงตั้งกว้าง ไม่มีที่นอนปิคนิกหรอก”
     “กว้างที่ไหน”
     “ไม? ทำอย่างกับไม่เคย มารำลึกความหลังกันซะดีๆ มาๆ มานอนกับแม็กซ์นี่”
     “ทุเรศล่ะ น้ำก็ไม่อาบ ฟันก็ไม่แปรง ซกมกอ่ะ อี๋!
     “ฮ่าๆ”
     “เหยิบไปดิ จะให้เรานอนด้วยละก็กางขาซะกินที่”
     “ต้นแม่ง... เตียงแม็กซ์นะเว้ย!”
     “เราไม่ให้นายเสียสละลงไปนอนบนพื้นก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
     ต้นน้ำพูดพลางผลักแม็กซ์ให้เขยิบไปอีกฝั่งของเตียงเบาๆ
     “อยู่บ้านทำงี้กับแฟนมั่งป่ะเนี่ย? โหดว่ะ”
     “ไม่มีอ่ะ เตียงที่ห้องเราออกจะกว้าง นอนสบายกว่านี้เยอะ”
     “ใช่ดิ เตียงแม็กซ์มันไม่สบายเหมือนเตียงแฟนต้นหนิ อยู่กับแฟนนอนกอดกันทุกคืนอ่ะดิ”
     แม็กซ์พูดพลางเอนตัวตะแคงก่อนจะชันศอกมองดูเพื่อนรักก้าวขึ้นเตียงมาพร้อมกับตลบผ้านวมขึ้นมาห่ม
     “ยุ่งแล้ว เรื่องส่วนตัวเรา”
     “คร้าบๆ ไม่ถามแล้ว นอนเหอะ”
     “ก็นอนดิ นายแหละ เลิกชวนเราคุยได้แล้ว”
     ต้นน้ำพูดพลางพลิกตัวตะแคงหนีไปอีกข้างทิ้งให้แม็กซ์เซ็งอยู่คนเดียว เพื่อนของเขานอนหลับหน้าตาเฉยไม่คิดอะไรกับเขาเลยหรือไง? อย่างน้อยๆ ถ้าไม่ได้ให้ท่าเขาก็ควรจะกลัวเขาสักนิดไม่ใช่หรือ? เขาเคยปล้ำต้นน้ำมาแล้วด้วยซ้ำ! แม็กซ์หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เขาไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือไม่ที่ต้นน้ำเชื่อใจเขามากขนาดนี้ สุดท้ายก็เลยได้แต่รับคำส่งๆ พลางทิ้งตัวลงหนุนหมอนอยู่เคียงข้างกัน ปล่อยให้ในห้องนั้นเหลือเพียงแต่เสียงเครื่องปรับอากาศคำราม
     “เออๆ”
     ต้นน้ำหลับตาลงพักผ่อนอย่างสบายใจโดยไม่ได้ใส่ใจเลยว่าคนข้างกายนั้นจะคิดอะไร แม็กซ์แทบนอนไม่หลับทั้งคืน นับตั้งแต่ครั้งนั้นที่เกิดเหตุการณ์บางอย่างระหว่างเขากับต้นน้ำ นั่นเป็นคืนสุดท้ายที่เขาและต้นน้ำได้นอนค้างด้วยกัน หลังจากนั้นต้นน้ำก็ตีตัวออกห่างเขาไปเพราะผู้ชายคนนั้น เขาไม่มีโอกาสใกล้ชิดกับต้นน้ำอีกเลย จนกระทั่งตอนนี้…
     ถึงแม้ว่าระหว่างเขากับต้นน้ำจะเคลียร์กันได้แล้วก็จริง แต่ความรู้สึกภายในใจเขามันไม่ได้หายไปไหน หลายต่อหลายครั้งที่เขาลังเลอยากทำตามความต้องการของจิตใฝ่ต่ำของตัวเอง แต่ลงท้ายก็ไม่กล้า เขารักต้นน้ำเกินกว่าจะยอมมีความสุขอย่างฉาบฉวยเพียงชั่วคราว แม็กซ์นอนกระสับกระส่ายอยู่นานจนทนไม่ไหว ทั้งๆ ที่เขาป้องกันตัวเองไปรอบหนึ่งแล้วแท้ๆ แต่ดูท่ามันคงไม่พอ ในที่สุดเขาตัดสินใจลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
     แม็กซ์ลุกขึ้นนั่งพลางหันไปมองต้นน้ำ แสงไฟสนามที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาสะท้อนภายในห้องส่องให้เห็นเพื่อนรักของ เขากำลังนอนหลับตาพริ้ม น่ารัก! แม็กซ์คิดอะไรไม่ออกนอกจากคำๆ นี้ โดยไม่รู้ตัว มือของเขาก็เผลอไล้เบาๆ บนแก้มของคนที่กำลังหลับ แม็กซ์นึกสงสัยว่าริมฝีปากที่ต้นน้ำเผลอกัดจนแตกนั้นจะยังคงนุ่มนวลเหมือนที่เขาเคยสัมผัสหรือเปล่า เขาต้องพยายามห้ามตัวเองไม่ให้เลื่อนมือไปสัมผัส... เป็นโอกาสของเขาแล้ว!
     แม็กซ์ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้พลางหายใจอย่างหนักหน่วง สำนึกฝ่ายดีชั่วในตัวเขากำลังตีกันอย่างรุนแรง โอกาสแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ แค่จูบเบาๆ ต้นน้ำกำลังหลับ คงไม่รู้เรื่อง... เขาชะโงกเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมของสบู่ที่จางลงตามเวลา
     แต่แล้วแม็กซ์ก็เบรคตัวเองไว้ได้ทันก่อนจะตั้งสติสั่งตัวเองให้ถอยห่างออกมา เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันหลังทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียง
     “ทำไมถึงไม่ทำล่ะ?”
     “ต้น!”
     เพราะเสียงของเพื่อนรักดังขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแม็กซ์จึงตกใจ เมื่อเขาหันกลับมาก็พบกับต้นน้ำที่กำลังลืมตามองเขาอยู่ ดวงตาของเพื่อนรักสะท้อนแสงไฟส่องประกายอยู่ในเงาสลัวชวนให้เดาความรู้สึกลำบาก แม็กซ์เกิดอาการติดอ่างกระทันหัน ต้นน้ำขยับตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะถามต่อ
     “ทำไมถึงไม่จูบล่ะ?”
     น้ำเสียงของต้นน้ำสงบราบเรียบปราศจากอารมณ์ใดๆ มีเพียงสายตาที่จ้องตรงมาเท่านั้นที่ดูจริงจังเสียจนแม็กซ์ไม่กล้าหลบตา จริงจังหากแต่ก็ไร้อารมณ์ ต้นน้ำไม่ได้โกรธเขา แม็กซ์เรียบเรียงคำพูดในหัวของตนพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตอบ
     “ครั้งแรกที่เราจูบกันแม็กซ์ใช้กำลังกับต้น ส่วนครั้งที่สอง... แม็กซ์ก็ขโมยจูบต้น ถ้ามันจะมีครั้งที่สาม มันต้องเกิดจากความเต็มใจของต้น แม็กซ์ไม่อยากทำแบบนั้นอีก แม็กซ์ทำไม่ลง”
     แม้ภายในห้องนอนจะมืด มีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากไฟสนามด้านนอก แต่แม็กซ์ก็เห็นรอยยิ้มนั้น ต้นน้ำยิ้มให้แม็กซ์อย่างอ่อนโยน มันใกล้เคียงกับคำว่ารักหากแต่ก็ไม่ใช่เพราะเจือไว้ด้วยความสงสาร ต้นน้ำเองก็รักเขา แต่ไม่ใช่รักแบบคนรัก
     “แม็กซ์ก็รู้ว่าไม่มีวัน”
     “แต่ขอแม็กซ์รอไม่ได้เหรอ ถึงไม่มีวันก็ช่าง แม็กซ์ไม่ได้หวังอะไรแล้ว แค่ขอรักต้นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้เหรอ”
     “แม็กซ์จะรอเราทำไม ไม่คุ้มหรอก แถมเรายังเป็นผู้ชาย... นายชอบผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”
     “แม็กซ์ไม่รู้... แม็กซ์ก็ไม่รู้ว่าทำไม รู้แต่ว่าต้องเป็นต้นเท่านั้น มีแต่ต้นคนเดียวที่ทำให้แม็กซ์เป็นแบบนี้”
     การโต้เถียงดำเนินไปอย่างแผ่วเบา ต้นน้ำได้แต่ก้มหน้าลงเพราะไม่รู้จะทำเช่นไร
     “นะต้น นะ... อย่าบังคับให้แม็กซ์ตัดใจเลย แม็กซ์ไม่หวังอะไรแล้วก็ได้ ขอแค่ให้แม็กซ์ได้รักต้นนะ เราเป็นเพื่อนกันไปแบบนี้ก็ได้ แม็กซ์จะไม่เรียกร้องอะไรหรอกแม็กซ์สัญญา”
     ถ้อยคำของเพื่อนรักช่างฟังแล้วเจ็บปวด แม็กซ์ไม่ได้โต้เถียงเพื่อให้เขาหันไปรักตน แม็กซ์กำลังอ้อนวอนขอร้องให้เขาอนุญาตให้แม็กซ์ได้รัก ต้นน้ำได้แต่เห็นใจ เขารู้ดีว่าเขาร้ายกาจ เขาใช้ประโยชน์จากคนตรงหน้ามาตลอด นับตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้คนที่เห็นแก่ตัวที่สุดก็คือเขา
     “เรามีอะไรดีขนาดนั้น นายไม่เห็นจะต้องระ ... สนใจเราขนาดนั้นเลย”
     “ก็มันรักไปแล้ว ต้นเลิกรักแฟนต้นได้มั้ยล่ะ อาการเดียวกันมั้ง”
     “หึๆ ฮ่าๆ”
     เพราะถูกแซวกลับ ต้นน้ำจึงเผลอหัวเราะออกมา ใช่สิ! ตัวเขาเองถูกกระทำถึงขนาดนั้นยังเลิกรักชัยชัชไม่ได้ แม็กซ์เอาคำปฏิเสธที่เขาเคยใช้กลับมาตอกกลับเขาได้อย่างจัง
     และเพราะต้นน้ำหลุดหัวเราะออกมา แม็กซ์จึงอ้อนวอนต่อด้วยเสียงกระซิบ แม็กซ์รู้ดีว่าต้นน้ำเลิกรำคาญตนแล้ว ถ้าจะทำอะไรก็ต้องเสี่ยงทำตั้งแต่ตอนนี้ ต้นน้ำกำลังเห็นใจเขาอยู่
     “นะต้น อย่าบอกให้แม็กซ์เลิกรักต้นเลยนะ แม็กซ์ไม่ขออะไรจากต้นแล้ว ขอแค่นี้เท่านั้นแหละ”
     “นายดีกับเรามากเลยแม็กซ์ ทุกๆ สิ่งที่นายทำ เรา... ทั้งๆ ที่เราเห็นแก่ตัวขนาดนี้แต่นายก็ยังคงดีกับเรา เราไม่รู้จะตอบแทนนายยังไง”
     เพราะท่าทางของต้นน้ำที่ดูละอายใจ บวกกับความต้องการบางอย่างที่ร่ำร้อง แม็กซ์จึงพลั้งปากเอ่ยออกไป แม้จะรู้ดีว่ามันบ้าแต่เขาก็อยากวางเดิมพัน
     “งั้นถ้าแม็กซ์ขอจูบต้นซักครั้ง ต้นจะยอมมั้ยล่ะ”
     “แม็กซ์ก็รู้ว่าไม่ได้ เราทำแบบนั้นลับหลังพี่ชัชไม่ได้หรอก”
     ต้นน้ำปฏิเสธตามที่แม็กซ์คาดไว้ แม้จะมืดแต่แม็กซ์ก็เห็นอากัปกิริยาเม้มปากของต้นน้ำ มือของเพื่อนรักเผลอขยุ้มผ้านวมเสียจนแน่น แม็กซ์ได้แต่ปลงแล้วถอนหายใจอย่างตัดใจ
     “อื้อ ก็รู้อยู่แล้ว ต้นไม่มีวันยอมหรอ-”
     “ถ้าให้จูบคงไม่ได้ แต่ถ้าแค่นี้ เราโอเคนะ”
     ต้นน้ำพูดแทรกขึ้นมาโดยที่เขายังพูดไม่จบ และพร้อมๆ กันกับที่ต้นน้ำพูดจบ สัมผัสแผ่วเบาที่ข้างแก้มก็ถูกประทับ แม็กซ์ได้แต่อึ้งนึกไม่ถึงว่าต้นน้ำจะเป็นฝ่ายหอมแก้มเขา! แต่แล้วต้นน้ำก็ขยับตัวหนีอย่างรวดเร็วพลิกตัวจะนอนหันหลังให้เขา กะทำเนียนไม่รู้ไม่ชี้ ทว่ามือของเขาไวกว่า เขาอ่านเกมของเพื่อนรักออก แม็กซ์ดึงเอาตัวของต้นน้ำมารัดไว้ในอ้อมกอดแล้วล้มตัวลงทาบทับร่างต้นน้ำเอาไว้อย่างโหยหา
     “แม็กซ์!”
     “แค่กอดนะต้น นะ ขอแค่กอด ขอแค่คืนนี้เท่านั้น พอพรุ่งนี้ตื่นมาแล้วแม็กซ์จะลืมทุกอย่าง วันนี้ขอแม็กซ์กอดต้นวันนึงนะ แค่กอดคงไม่เป็นไร ก็แค่เพื่อนกอดกัน”
     เสียงของแม็กซ์สั่นจนคล้ายเสียงสะอื้น ต้นน้ำเลยได้แต่ตกใจจนตัวแข็งไม่กล้าขยับ แม็กซ์ร้องไห้ เขาสัมผัสได้ถึงความรักที่เพื่อนมีให้ผ่านอ้อมกอดที่โอบเขาไว้อย่างหวงแหน เขาเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน เขาสงสารแม็กซ์ แต่ก็ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของเพื่อนได้ เพราะเขาไม่ได้รักแม็กซ์อย่างที่เขารักชัยชัช!
    เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ต้นน้ำได้แต่จมอยู่ในความคิดของตัวเอง ส่วนแม็กซ์เองก็ได้แต่ตักตวงช่วงเวลาดีๆ แสนสั้นนี้เอาไว้ เขาทำได้แค่กอด เขาทำได้แค่นี้ ไม่มีสิทธิ์ทำมากกว่านี้ เขาย้ำเตือนกับตัวเองว่าเขาจะต้องไม่ทำให้ต้นน้ำต้องเจ็บปวด เขาไม่อยากทำให้เพื่อนรักลำบากใจ จนกระทั่งพายุอารมณ์ในตัวเขาสงบลง แม็กซ์ก็จับต้นน้ำพลิกตัวให้หันมาเผชิญหน้ากัน
     “ขอโทษนะ แม็กซ์บังคับต้นอีกแล้ว”
     แม็กซ์พูดพลางสูดจมูกกลั้นสะอื้น
     “ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่เพื่อนกอดกัน”
     “เออ พวกเราเป็นเพื่อนกัน”
     ถ้อยคำของต้นน้ำช่างกัดกินหัวใจ แม็กซ์เลยได้แต่พยายามยิ้มทั้งน้ำตา เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนกัน และเพื่อนของเขาก็มีคนรักอยู่แล้ว
     “เพื่อนกันหอมแก้มกันไม่แปลกเนาะ ฮ่าๆ”
     “อันนั้นไม่นับนะ ก็.. ก็เรา...”
     “ต้นอยากทำอะไรเพื่อแม็กซ์บ้างแม็กซ์รู้ แต่หอมแก้มเนี่ยนะ แม็กซ์ไม่ใช่เด็กนะต้น ฮ่าๆ ขืนแฟนต้นรู้มีหวังแม็กซ์โดนฆ่าแน่ๆ”
     “อย่างน้อยๆ ก็ดีกว่าจูบแล้วกันล่ะ”
     “แล้วไมไม่กอด”
     “อันนั้นมันเขินกว่านี่ หอมแก้มนี่แหละดีแล้ว ใครๆ ก็ทำกัน มันเป็นการแสดงออกถึงความรักความเอ็นดูดีออก เพื่อนกันก็ทำได้ เมษยังทำบ่อยๆ หลานเราก็ด้วย”
     ต้นน้ำแก้ตัวด้วยน้ำเสียงงึมงำ เพื่อนเขาคงไม่รู้ว่าเวลาที่ตนเผลอหน้าแดงทำน้ำเสียงเขินอายเช่นนี้มันน่ารักสุดหัวใจ แม็กซ์ได้แต่ปล่อยให้หัวใจตัวเองเต้นอยู่ในกำมือของต้นน้ำ เขาห้ามตัวเองไม่ได้ ก็ใครใช้ให้เพื่อนเขาน่ารักขนาดนี้กันล่ะ
     “หือ แอบแรดเหรอ ระวังเหอะจะฟ้องแฟนต้น”
     “บ้า! ไม่เอาแล้วไม่คุยด้วยแล้ว นอนเหอะ”
     “ต้นแหละ ตื่นมาทำไม ทำเป็นหลับนะ”
     “ไม่ได้แกล้งหลับซักหน่อยก็นายเล่นพลิกตัวแบบนั้นใครมันจะไปหลับลง”
     ทั้งสองคนเถียงกันพลางซุกตัวลงใต้ผ้านวมอันอบอุ่น แต่แล้วเพราะแม็กซ์เขยิบมาจนใกล้แล้วกอดเขาเอาไว้ ต้นน้ำเลยร้องเสียงหลง
     “แม็กซ์!”
     แม้ต้นน้ำจะประท้วงอย่างตกใจ หากแต่เสียงของแม็กซ์กลับสงบนิ่ง น้ำเสียงขอร้องที่ถูกส่งออกมาอย่างจริงจังหนักแน่นจนต้นน้ำไม่กล้าปฏิเสธ
     “เฉพาะคืนนี้เท่านั้นต้น นะ ขอแม็กซ์นอนกอดต้นนะ แค่คืนนี้คืนเดียว ตื่นมาพรุ่งนี้แม็กซ์สัญญาว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้อีก แค่อยากกอดเพื่อนคนสำคัญ ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แม็กซ์คงไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้วในชีวิต”
     ใบหน้าที่อยู่ใกล้กันแค่คืบชวนให้ใจสั่น พวกเขาอยู่ใกล้กันจนต้นน้ำสามารถรับรู้ถึงลมหายใจของแม็กซ์ ถึงจะไม่ได้คิดอะไรแต่ให้มาอยู่ใกล้ๆ กันกับแม็กซ์แบบนี้เขาก็เขิน ต้นน้ำไม่ชินกับการถูกจดจ้องด้วยสายตาจริงจังจากแม็กซ์ในระยะประชิด พอแม็กซ์นิ่งๆ แบบนี้ก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากจนต้นน้ำไม่คุ้นเคยกับภาพลักษณ์แบบนี้ เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังหน้าแดง!
     “แต่.. มันอึดอัดอ่ะ”
     “อย่าปากแข็ง ต้นชอบนอนซุกคนอื่นแม็กซ์รู้ ต้นติดหมอนจะตาย ถ้าไม่มีหมอนก็จะม้วนผ้าห่ม กอดกับแม็กซ์ซักคืนนะต้น”
     ต้นน้ำได้แต่เม้มปากขัดใจ ใครใช้ให้เขากับแม็กซ์สนิทกันมานาน แม็กซ์รู้นิสัยเขาดีเกินไป แต่พอคิดๆ ดูแล้ว เขาก็สงบลงและยอมให้แม็กซ์กอดตนเองต่อไปเรื่อยๆ เพราะนี่คงเป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่เขาพอจะทำให้เพื่อนได้โดยไม่ผิดต่อคนรัก
     ต้นน้ำนอนอยู่ในวงแขนของเพื่อนเงียบๆ อ้อมกอดของแม็กซ์มันไม่คุ้นเคยเหมือนกับอ้อมแขนของชัยชัช แต่ต้นน้ำก็มั่นใจว่าเรื่องระดับความปลอดภัยนั้นวงแขนนี้จะปกป้องเขาได้ไม่แพ้กัน แม็กซ์ลูบหลังเขาเบาๆ บางครั้งก็ลูบที่ศีรษะ เหมือนจะบอกกับเขาว่าไม่ต้องกลัว ต้นน้ำเองก็รู้ดีว่าเขาไม่มีความจำเป็นต้องกลัว แม็กซ์จะเป็นคนสุดท้ายในโลกนี้ที่คิดจะทำร้ายเขา
     คนทั้งสองนอนหันหน้าเข้าหากัน ต้นน้ำถูกแม็กซ์กอดเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างแนบชิด
     แต่แล้ว...
     “แม็กซ์! ไอ้ นั่น!
     ต้นน้ำตวาดแม็กซ์เสียงดังแต่แม็กซ์กลับพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
     “มันก็นิดนึง กอดคนที่รักทั้งที อย่าถือน่ะ”
     “แต่มันดันเราอยู่นะ เขยิบออกไปหน่อยดิ๊”
     ต้นน้ำยังคงไม่ยอมแพ้ เขาไม่อยากถูกอะไรบางอย่างทิ่มไปทั้งคืนหรอกนะ!
     “เขยิบแล้วจะกอดต้นไงวะ เรื่องมากน่า นอนๆ แม็กซ์ง่วง”
     “ทีงี้มาทำเป็นง่วง ถ้าง่วงก็บอกข้างล่างของนายให้หลับด้วยดิ”
     “เรื่องมากจริงๆ เลยอ่ะต้น รำคาญว่ะ แฟนต้นทนนอนกอดต้นได้ไงวะ ไม่เบื่อบ้างเหรอ ขี้บ่นมากผู้ชายไม่ชอบรู้เปล่า”
     “พี่ชัชไม่มีวันเบื่อเราหรอก แล้วอีกอย่าง ไม่ได้นอนกอดกันทุกคืนซักหน่อย ใครมันจะบ้านอนกอดกันอยู่ได้ทุกคืน”
     “ไร คบกันได้แค่ปีเดียว เตียงหักละเหรอ”
     “อย่ามาแช่งเรานะ! แค่... แค่พี่ชัชชอบนอนดิ้น เรารำคาญต่างหาก เลย.. เลยนอนคนละฝั่ง”
     “ละเวลาอย่างงั้นอ่ะ ไม่นอนกอดกันเหรอ ทำเสร็จแล้วเขาให้นอนกอดกันรู้เปล่าจะได้รักกัน”
     แม็กซ์ก็ยังคงเป็นแม็กซ์ เจ้าป่าทำท่าอวดรู้ ชอบสอน ชอบสั่ง อ้างโน้นอ้างนี่หาเรื่องหลอกต้นน้ำไปเรื่อย แล้วลูกแกะก็ดันหลวมตัวเชื่อไปเต็มๆ แม้จะแอบปากแข็งเถียงกลับก็ตาม
     “เวลาแบบนั้นก็ส่วนเวลาแบบนั้นสิ ไม่เกี่ยวกัน ใครที่ไหนจะบ้านอนกอดกันได้ทุกคืน”
     “แม็กซ์ไง มาเป็นแฟนแม็กซ์ดิ แม็กซ์นอนกอดเมียทุกคืนอ่ะ”
     “เหอะ! กอดหรือทำ? ทำทุกคืนอ่ะสินาย เสร็จแล้วจะยังกอดอยู่รึเปล่าเหอะ”
     “เออน่า แล้วต้นอ่ะ ทำทุกคืนป่าว”
     “บ้า! ขืนทำงั้นทุกวันก็ไปเรียนไม่ไหวกันพอดี”
     “ต้นตายด้านว่ะ ดูดิ กอดกันแบบนี้ยังไม่มีขึ้นซักนิดอ่ะ”
     “ก็.. กอดกับเพื่อน ไม่ได้คิดอะไร...”
     “จริงเหรอ? ไหนดูดิ”
     จากบทสนทนาระหว่างเพื่อนที่คุยกันเรื่อยเปื่อย แซวกันไปมา จู่ๆ ก็กลายเป็นเรื่องใต้สะดือ แถมมือของแม็กซ์ก็จับหมับเข้าที่ส่วนกลางลำตัวของต้นน้ำ แม็กซ์หัวเราะเจ้าเล่ห์ส่วนต้นน้ำก็ร้องเสียงหลง
     “เฮ้ย! แม็กซ์บ้า! เอามือออกไป”
     “ฮ่าๆ ต้นแม่ง... อุบเงียบเลยนะ”
     “ไอ้บ้าเอ้ย! นอนไปเลย ไม่งั้นเราโกรธละจริงๆ นะ”
     เพราะถูกลวนลาม ต้นน้ำเลยคว้าหมอนมาทุบแม็กซ์ไปรัว ใครจะว่าเขาวีนแตกก็ไม่สนแล้วล่ะ ขอจัดการไอ้เพื่อนเลวตรงหน้านี้ก่อน
     “คร้าบๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ นอนๆ”
     แม็กซ์พูดพลางหัวเราะ แต่แล้ว...
     “ต้น...”
     “ไรอีก”
     “เล็ก ว่ะ
     “ไอ้!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



พระเอกเขาต้องแบบนี้! เป็นตัวละครที่ถูกเขียนขึ้นมาให้ติดสกิลพระเอกสูงปรี๊ด ในขณะที่พี่ชัชถูกแปะป้ายไว้ว่าผู้ชายห่วยแตก ฮ่าๆ
เดี๋ยวต้องมีคนชูป้ายไฟแม็กซ์เพิ่มแน่ๆ  :L2:
เอาละสิ เชียร์ใครดีน้า? ถึงตอนในเล้าเป็ดยังไม่ถึงไหนแต่ตอนในเด็กดีก็ใกล้ไคลแม็ก โผยังไม่ออกว่าใครจะเป็นเดอะวินเนอร์ ตอนนี้คนอ่านโบกธงแม่ยกใครกันบ้าง? แต่อ๊ะๆ อย่าลืมนะ น้องต้นมีฮาเรมเพียบ บทต่อไปจะเข้าสู้พาร์ทกลางของเรื่องแล้ว เป็นตอนที่สรวลเสเฮฮา(จริงอ่ะ?)กับเล่าบรรดาผองเพื่อนในรั้วมหาลัย หึๆ อาจจะมีหนุ่มคนใหม่ที่ไฉไลกว่าก็ได้นะ (คนแต่งโบกธงน้องไปป์รัวๆ ส่วนหนุ่มอาร์มขอเก็บไว้กินเอง คิๆ)
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ9
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 04-11-2014 13:57:06
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน10
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 17:50:32
เด็กเลี้ยงแกะและข่าวลือ

ข่าวลือ

     “ตัวเอง เค้าได้ข่าวว่าเพื่อนตัวเองคนนั้นเป็นเกย์จริงป่าว?”
     “ละตัวเองหมายถึงคนไหนอ่า?”
     “ก็คนนั้นงาย คนที่ใส่แว่น ผอมๆ แล้วก็ชอบทำหน้าบึ้งตลอดเวลาอ่ะ”
     “ละตัวเองไปรู้มาจากไหนอ่า”
     “ก็เห็นคนเค้าพูดกาน ละมันจริงป่าวอ่า”
     “ละตัวเองจาอยากรู้ไปทำไมอ่า”
     “น่านะ บอกเค้าหน่อยสิตัวเอง”
     “...”

     “เฮ้ย! พวกมึงรู้ข่าวยัง?”
     “ข่าวไรวะ?”
     “ข่าวร้อนๆ เลย พวกมึงจำพี่ต้นได้ป่ะ ภาคฟิสิกส์อ่ะ คนที่แต่งตัวเต็มยศมาสอนเต้นไง”
     “เออๆ กูจำได้ คนที่ผอมๆ หน่อย ใส่แว่น แล้วก็หน้าหวานๆ หน่อยใช่ป่ะ?”
     “เออๆ คนนั้นแหละ”
     “ทำไมวะ?”
     “พี่เขาเป็นเกย์ว่ะ”
     “เฮ้ยจริงดิ!”
     “เออ เรื่องจริงเว้ย เพื่อนกูอยู่ฟิสิกส์มันบอกว่าความแตกตอนไปทะเลเว้ย ฮือฮากันทั้งภาคเลยมึง”
     “กูว่าละ แม่งแปลกๆ”
     “แปลกไรวะ ก็เห็นพี่เขาเปิดตัวแฟนมาตั้งนานแล้วนี่หว่า มาหากันออกบ่อย แล้วพี่เขาเป็นไรเกี่ยวไรกับพวกมึงวะ ไปเสือกเรื่องพี่เขา”
     “อ้าว จะได้ระวังตัวไว้ไงมึง เวลาเจอพี่เขาจะได้ระวังตัวไว้ กูกลัวโดนอัดถั่วว่ะ ฮ่าๆ”

     “นี่ๆ พวกเธอมีไรจะเม้าแหละ”
     “ไรยะ?”
     “ประชากรหนุ่มหล่อของคณะวิทย์เราลดลงไปอีกหนึ่งแล้วอะแก”
     “ใครตายเหรอแก”
     “ไม่มีใครตายย่ะ แต่กลายพันธุ์”
     “ยังไงยะ?”
     “จำคนที่ชื่อต้นน้ำได้ป่ะ คนที่ตี๋ๆ น่ารัก แต่ดูเงียบๆ อ่ะแก”
     “ทำไมยะ?”
     “เขาแกรนโอเพ่นนิ่งแล้วแหละแก รู้กันทั่วละ เนี่ย ข่าวเขาว่าความแตกตอนไปเที่ยวทะเล แบบว่ามั่วกับเพื่อนในคณะที่ไปด้วยกันอ่ะแก! เห็นเขาว่านางเมามาก เลยหลุด”
     “ต๊าย! มั่วกันเองในคณะเหรอแก”
     “เอ้อ เค้าแอบเม้ากันว่านางฟาดผู้ชายที่ไปด้วยกันเรียบเลยนะแก เห็นเงียบๆ แบบนั้นแต่นางไฟแรงมากอ่ะ งี้แหละ ไปทะเลบรรยากาศเป็นใจ นางคงทนไม่ไหวอ่ะ”
     “โหย เสียดายอ่ะ”
     “จะเสียดายทำไมย๊ะ ฉันว่าละ เวลามีผู้หญิงไปทอดสะพานให้นางไม่สนใจซักรายอ่ะ ทำเป็นเย็นชา แต่ถ้าเป็นผู้ชายนะ นางแอบหว่านเสน่ห์ไว้เพียบ”
     “ต๊าย เห็นท่าทางเงียบๆ ไม่น่าเชื่อเนาะ”
     “คนเราก็งี้แหละแก รู้หน้าไม่รู้ใจ”

     “เหี้ยเอ้ย จารย์แม่งเรียกกูไปด่าอ่ะ”
     “เรื่องไรวะ?”
     “เรื่องไอต้น”
     “ทำไมวะ จารย์ถามมึงเรื่องที่มันเป็นเกย์เหรอ?”
     “เออ แต่ประเด็นมันไม่ใช่เรื่องนั้นดิ”
     “ทำไมวะยศ?”
     “จารย์ถามกูว่า พวกเรารังเกียจไอ้ต้นมันเหรอ ถึงปล่อยให้มันไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่เอามันเข้ากลุ่ม ไม่เอาเข้ากลุ่มเหี้ยไรอ่ะ ไอ้ต้นมันไม่เอาพวกเราเองตั้งหาก กูอธิบายว่าไอ้ต้นมันชอบหนีไปไหนมาไหนเองคนเดียวของมันอยู่แล้ว ส่วนในภาคมันก็สนิทกับพวกผู้หญิงมากกว่า เลยอาจจะดูไม่ค่อยสุงสิงกับพวกเรา จารย์แม่งก็ถามกูอีกว่าแล้วทำไมคุณไม่ลองชวนเพื่อนไปไหนมาไหนให้มากขึ้น จารย์หาว่าเพราะผู้ชายในภาครังเกียจไอ้ต้นๆ มันเลยต้องไปอยู่กับพวกผู้หญิง มันก็เป็นงี้มาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วนี่หว่า ไม่ใช่พึ่งเป็นตอนความแตกซะหน่อย จารย์แม่งพล่ามเรื่องอยากให้ในรุ่นรักกันไว้ ไม่อยากให้มีปัญหาแบ่งแยกกัน มันดูไม่สามัคคี ไม่สามัคคีเหี้ยไรอ่ะ ไม่มีใครมีปัญหาอะไรซักหน่อยมีแต่ไอ้ต้นนี่แหละ”
     “เฮ้ยใจเย็นไว้ยศ”
     “มึงไม่เป็นกูมึงไม่รู้หรอกวิน แม่งกูสงสัยชะมัด ทำไมพวกอาจารย์โอ๋ไอ้ต้นจังวะ”
     “มันก็จริงอย่างที่มึงพูดนะ กูว่าจารย์เวอร์เกินไปว่ะ กูก็เห็นต้นมันเข้าได้กับทุกคนนั่นแหละ ถึงมันจะเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงไปไหนกับใคร มีแต่ไอ้โอม แต่มันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอวะที่คนเราจะไปไหนมาไหนกับเพื่อนสนิทอ่ะ จารย์จะให้พวกเรายกโขยงไปไหนด้วยกันตลอดเวลาได้ไงวะ”
     “พวกมึงทำไรกันอยู่?”
     “กำลังคุยเรื่องไอ้ต้น ละมึงไปไหนมาวะอาร์ท ปล่อยกูรับหน้าจารย์คนเดียว”
     “กูไปแดกข้าวกับแฟนมา ว่าแต่เรื่องไอ้ต้นมีไรเหรอ ใช่เรื่องที่มันเป็นเกย์เปล่า?”
     “เออ เรื่องนั้นแหละมึง แต่ประเด็นไม่ใช่ว่ะ”
     “ทำไมวะ?”

     “เอาจริงเหรอมิว”
     “เออ กูเอาจริง”
     “กูถามมึงตรงๆ เลยนะ มึงแค่จะช่วยกู้ภาพลักษณ์พวกเราชาวฟิสิกส์หรือมึงทำเพราะใจสั่งมา”
     “ทั้งสองอย่าง ยังไงผลมันก็ออกมาดีทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ไม่สิ สาม เพื่อผลการเรียนของตัวกูเองด้วย”
     “ทีเวลากูจะติวให้มึงก็ไม่เอา เอาเรื่องเรียนบังหน้านี่หว่า”
     “แล้วมึงอธิบายกูได้เหมือนที่ต้นมันทำมั้ยละไอ้กุ้งแห้ง กูทำเพื่ออนาคตโว้ย”
     “เออ มึงทำไรพวกกูไม่ขัดหรอก พวกกูไม่มีใครรังเกียจไอ้ต้น แต่ไอ้ต้นอ่ะรังเกียจมึงเห็นๆ”
     “สัสนัน ต้นไม่ได้เกลียดกู!”

     “ต้น มึงเป็นเกย์เหรอ?”
     “...”
     “... ว่าไง จริงเปล่าวะ?”
     “จริงหรือไม่จริงแล้วนายจะทำไมเหรออาร์ท? ถ้ามันจริง นายจะรังเกียจเราเหรอ”
     “เปล่า กูก็แค่อยากรู้ว่าจริงรึเปล่า กูถามไปงั้น”
     “เราจะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนายมั้ง พวกเราไม่ได้สนิทกันอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องส่วนตัวของเราทุกอย่างให้นายรู้นี่”
     “เวลากูเข้าห้องน้ำกูจะได้ระวังไม่เข้าพร้อมมึงไง ฮ่าๆ”
     “... งั้นเราจะระวังไม่เข้าห้องน้ำพร้อมนายก็แล้วกันนะ”
     “เฮ้ยเดี๋ยวสิ มึงเดินหนีกูเลยเหรอ กูแค่ล้อเล่น .... เอ้ย กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ”
     “ไม่เป็นไร นายสนุกเราก็ดีใจ แกล้งเราแบบนี้คงสะใจนายมากสินะ”
     “อาร์ท แกทำไรต้นย๊ะ!”
     “กูเปล่านะเมย์ แค่แซวมันขำๆ ไม่คิดว่ามันจะร้องไห้นี่หว่า”
     “ปากหมา ไปให้พ้นหน้าฉันเลยนะ ต้นไปกันเหอะอย่าไปสนใจไอ้อาร์ทปากหมาเลย”
     “เราไม่เป็นไรหรอกเมย์ ช่างเถอะ”
     “เอ้ย พวกมึง กูขอโทษ ต้นกูขอโทษนะ กูแค่จะแซวมึงเล่นขำๆ”
     “คุณรู้เรื่องอยู่แล้ว แต่คุณก็แกล้งมาถามผม แล้วคุณก็พูดแบบนั้นกับผม ผมคงเป็นตัวตลกในสายตาคุณสินะ เชิญหัวเราะผมตามสบายเลยครับ ผมไม่แคร์หรอก”
     “ไม่แคร์บ้านมึงสิยืนน้ำตาไหลพรากขนาดนี้ เออกูแซวแรงไป กูขอโทษ มึงนี่ขี้แยจริง”
     “รู้ตัวก็ดีย่ะ ฉันประกาศไว้เลยนะ! อย่าให้เห็นใครมาพูดอย่างงี้กับต้นอีกนะ ไม่งั้นแม่จะวีนแหลกเลย”
     “เออๆ หยุดร้องยังมึง กูกลัวโดนสหบาทา ไอ้ไปป์กับยัยป่านเตรียมง้างตีนกระทืบกูแล้วเนี่ย กูก็แค่อยากให้มึงยอมรับมาตรงๆ ก็แค่นั้นแหละ เลยมาแซวมึงเล่น”
     “แล้วการที่ผมยอมรับหรือไม่ยอมรับมันต่างกันตรงไหนครับ? ถึงผมจะเป็นอะไรผมก็เป็นนักศึกษาของที่นี่ มาเพื่อเรียนเหมือนๆ กับพวกคุณ เป็นเด็กฟิสิกส์ธรรมดาๆ คนนึงในภาคเหมือนกัน!”
     “ต่างสิมึง ถ้ามึงกล้ายอมรับกับพวกกู ก็แปลว่ามึงกล้าเปิดใจให้พวกกูไง แบบนี้ถึงจะเรียกว่าเพื่อนกัน ถ้าไม่มีสถานการณ์มาบังคับ มึงก็กะเนียนทำไม่รู้ไม่ชี้ไปอีกสามปีรึไง ถ้ามึงทำแบบนั้นพวกกูจะมั่นใจได้ยังไงว่ามึงเห็นพวกกูเป็นเพื่อนจริงๆ มหาลัยมีไว้มาเรียนก็จริง แต่มึงจะเรียนอย่างเดียวไม่เอาสังคมเลยรึไง หัดเปิดตัวเองกับเพื่อนบ้างเหอะมึง พวกกูไม่มีใครเกลียดสิ่งที่มึงเป็นหรอก แต่พวกกูไม่ชอบสิ่งที่มึงทำ”
     “...”
     “นายกับต้นไม่ได้สนิทกันซะหน่อย ต้นเปิดใจกับพวกเราเสมอย่ะ!”
     “มึงเงียบไปก่อนเลยเมย์ นี่มันเรื่องของผู้ชาย ผู้ชายเขาจะคุยกันผู้หญิงอย่างมึงหุบปาก! ไอ้ต้น กูถามมึงหน่อย แล้วพวกกูกับคนอื่นๆ ไม่ใช่เพื่อนเหมือนคนในกลุ่มพวกมึงรึไง มึงนี่น้าต้น... ต่อให้มึงทำไม่แคร์ แต่พวกกูแคร์นะ เพราะกูเป็นห่วงมึงนั่นแหละเลยอยากมาถามให้แน่ใจ รู้เรื่องบ้างมั้ยเนี่ย เรื่องมึงลือไปถึงไหนแล้ว ทุกคนในภาคโดนเหมาว่าเป็นผัวมึงกันหมดละ พวกกูที่ไม่มีเอี่ยวนี่โคตรซวยเลย อยู่ๆ ก็โดนลากเข้าป่าไปกับมึง ต่อให้กูไม่โมโหที่โดนลากเข้าป่ายังไงกูก็ไม่ชอบให้ใครมาพูดว่ามึงเป็นเมียสาธารณะหรอก กูอุตส่าคิดว่ามึงจะเปิดอกกับพวกกูบ้าง แต่มึงเล่นเอาตัวรอดคนเดียวอีกแล้ว เจอแบบนี้กูไม่มีแรงปกป้องมึงนะ จะดีเฟ้นตัวเองยังขี้เกียจเลยมึง”
     “เขาลือกันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
     “เออ! เอ้าๆ ... ดราม่าอีกละมึง เฮ้ยไม่ต้องร้อง”
     “ต้น!”
     “เออน่า เดี๋ยวพวกกูช่วยแก้ข่าวให้ มึงนี่...”
     “ก็นายแหละ มาว่าต้นแบบนั้น แรงไปแล้วนะ”
     “คนอื่นพูดแรงกว่านี้อีกเมย์ เลิกปิดหูปิดตาไอ้ต้นมันได้แล้ว ให้ไอ้ต้นมันเผชิญความจริงซะบ้าง มึงโอ๋มันเกินไปแล้ว กูในฐานะตัวแทนเพื่อนคนอื่นขอสั่งมึงเลย ถ้าไอ้ต้นมันไม่หัดแก้ปัญหาด้วยตัวเองบ้างเรื่องมันจะไปยิ่งกว่านี้อีก มึงเข้าใจที่กูพูดนะต้น”
     “...อืม แต่.. แล้วจะให้เราพูดอะไรล่ะ”
     “เวลามีใครมาแซวมึงๆ ก็ปฏิเสธกลับไปตรงๆ ไง มึงเห็นพี่ณตมั้ยล่ะ ตอนแรกๆ อาจจะลำบากหน่อย แต่หลังๆ พอคนเขาเห็นเดี๋ยวเขาก็เข้าใจมึงเองแหละ แต่ถ้ามึงยังทำตัวหนีปัญหาแบบนี้คนเขาจะยิ่งเอามึงไปยำสนุกปาก มึงมันก็ทำตัวน่าหมั่นไส้มาตลอดอยู่แล้ว มึงไม่รู้ตัวหรอกมีคนเขาแอบสะใจใส่ไข่มึงมากขนาดไหน เจอพวกอคติแบบนั้นพวกกูก็ช่วยมึงไม่ได้หรอก”
     “อืม เข้าใจแล้ว”
     “เออ กูพูดเพราะหวังดีหรอก อยู่กันมาขนาดนี้ทำไมกูจะไม่รู้ว่ามึงเป็นไง ถึงมึงจะทำตัวน่ารำคาญไปบ้างแต่กูก็เห็นมึงเป็นเพื่อนนะเว้ย”
     “ขอบใจนะ”
     “เออ เช็ดน้ำตาซะมึง กูไม่อยากโดนกระทืบ หมาที่มึงเลี้ยงไว้โคตรดุ”
     “ไอ้สลัดอาร์ท แกตาย!”
     “โอ้ย! เมย์ เบาๆ กูเจ็บ!”

     “สวัสดีครับอาจารย์ อาจารย์เรียกผมมามีอะไรหรือครับ”
     “งานที่ส่งมาผมอยากให้คุณเอากลับไปแก้หน่อยนะ ผมเขียนโน้ตไว้ให้แล้ว”
     “ครับ งั้นผมลาละครับ”
     “เออ เดี๋ยว ผมจะถามอะไรคุณหน่อย พักนี้คุณสนิทกับนายต้นน้ำเหรอ ผมเห็นคุณอยู่กับเขาบ่อยๆ”
     “... ครับ เราก็...คุยกันบ่อยครับ อาจารย์มีอะไรเหรอครับ”
     “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก คุณ...”
     “อาจารย์จะถามอะไรผมก็ถามมาเถอะครับ ผมก็แค่คุยกับน้องเขาเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นครับ อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วง ผมรู้จักกับต้นก็เพราะหลานชายของแฟนเขาเป็นเพื่อนกับผมครับ พอดีเราไปเจอกันแล้วต้นเขาก็ไปด้วย พอได้คุยกันผมก็เลยสนิทกับน้องเขา ไม่ได้เป็นอะไรแบบที่คนเขาลือกันหรอกครับ”
     “... คุณรู้เรื่องคนรักของต้นน้ำ?”
     “ผมยังรู้ว่าเพราะอะไรอาจารย์ถึงเรียกผมมาคุยเรื่องต้นด้วยครับ”
     “ต้นบอกคุณ?”
     “เปล่าครับ ผมรู้จากทางอื่น ต้นไม่ได้พูดอะไรครับ แต่ผมคิดว่าถ้าอาจารย์ไม่อยากให้ใครรู้อาจารย์ไม่ควรจะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้นะครับ เพราะคนอื่นเขาไม่เข้าใจเหมือนผม เขาจะยิ่งพูดถึงน้องเขาไม่ดี”
     “... เอาเถอะ ผมผิดเอง ยังไงผมฝากคุณดูแลต้นด้วยนะ”
     “ครับ งั้นผมลาละครับอาจารย์”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน10
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 18:02:53
ต้นน้ำ

     “เอ๋? พูดเป็นเล่นน่า พี่ทิงทำแบบนั้นจริงๆ เหรอครับ!”
     “ต้นอย่าไปฟังมัน ไอ้เปาโม้”
     “กระผมพูดความจริงขอรับ ฮ่าๆ”
     เพราะพี่เปาหัวเราะดังลั่น ผมก็เลยพลอยผสมโรงไปด้วย พี่ทิงเลยทำหน้าบูดด้วยความเซ็ง โอ้ย! ไม่ไหวแล้วครับ ผมขำจนปวดท้อง พวกเราสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะใต้ตึกเรียนรวม พอพี่เปาส่งเสียงดังแบบนั้นคนอื่นๆ ก็มองพวกเราใหญ่เลย แต่พี่เปาก็ไม่แคร์ ผมก็เลยต้องสะกิดพี่เปาแกหน่อย กลัวคนอื่นเขาด่าเอาครับ
     “พี่เปาก็ เบาเสียงหน่อยครับ คนมองกันใหญ่แล้ว”       
     “โอ้ โทษทีขอรับ กระผมลืมตัว”
     พี่เปายิ้มกว้างพลางยกมือเชิงว่าขอโทษขอโพย ผมเลยยิ้มให้พี่แกทำนองว่าไม่เป็นไร แล้วพวกเราก็นั่งคุยกันต่อ ผมบอกแล้วว่าพี่เปาแกคุยสนุกมาก แถมพอได้คบกันแล้วพี่เขานิสัยดีมากๆ ด้วยครับ ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมผมมาสนิทกับแกได้ก็เพราะเตอร์แท้ๆ เลย ตอนที่เตอร์ยังไม่กลับ เตอร์เอามือถือผมไปสมัครโปรแกรมสนทนาให้แล้วก็ลากผมเข้ากลุ่ม ผมก็เลยได้คุยกับพวกพี่ๆ เขามากขึ้น โดยเฉพาะกับเด็กเคมีแบบพี่เปา แล้วก็พี่ๆ บางคนที่อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน
     “อ๊ะ ใกล้บ่ายสองแล้ว พี่ทิงไม่รีบไปเหรอครับ เดี๋ยวไม่ทันหรอก”
     “เออจริงด้วย งั้นพี่ไปก่อนนะต้น กูไปนะเว้ยเปา”
     พอพี่ทิงลาพวกเราเสร็จก็เก็บของลงกระเป๋าแล้วลุกออกไปเหลือแต่ผมกับพี่เปา พวกผมก็เลยนั่งคุยกันต่อเรื่อยๆ ทั้งเรื่องเกม การ์ตูน เรื่องอะไรต่อมิอะไรที่พี่เขาสรรหามาเล่าให้ผมฟัง รวมไปถึงเรื่องวิชาเรียน พี่เปานี่ความรู้รอบตัวเยอะมากครับ แกคุยกับผมได้เกือบทุกเรื่องเลย แล้วก็สนใจฟังผมด้วย คือ... ไงดีล่ะ... ก็ผมคุยเรื่องกำเนิดเอกภพกับพี่ชัชหรือเมษไม่ได้นี่นา ส่วนแม็กซ์ก็... เอาเป็นว่าผมชอบคุยกับพี่เปาก็แล้วกันครับ พวกเราคุยกันอีกสักพักก่อนที่ผมจะขอตัวเพราะนัดกับพวกมิวนิคเอาไว้ ประจำเลย! ต้องให้ผมช่วยติวให้ตลอด งานก็ชอบมาลอกผม เฮ้อ!

     ผมเปิดเทอมได้สักพักแล้วครับ ความจริงแล้วหลังจากที่ความลับเรื่องเป็นเกย์ของผมแตกผมก็กลัวนิดหน่อยนะ เพื่อนคนอื่นๆ บางคนก็มองผมแปลกๆ บางคนรับได้ บางคนก็แกล้งมาแซวผมก็มี ก็รู้นะครับว่าเขาคงแซวเล่นขำๆ สนุกปาก แต่ผมไม่ชอบนี่ ผมก็ยังเป็นผมคนเดิมเหมือนเมื่อก่อน ทำไมเขาต้องมาแกล้งผมด้วย แต่ใครที่แกล้งผมก็มักโดนสามสาวตอกกลับไปเหมือนกันครับ โชคดีชะมัดที่ผมมีเพื่อนดีๆ อยู่ใกล้ตัว ... ส่วนคนรอบข้าง... บางทีสายตาแปลกๆ บางคู่ที่มองมาก็ทำให้ผมเจ็บปวดเหมือนกันนะ แต่ผมไม่อยากแปลความหมายของสายตาเหล่านั้นหรอก รู้แค่ว่าเวลาถูกมองแบบนั้นมันเหมือนกับมีอะไรมาทิ่มแทงใจผม ผมไม่ใช่ตัวประหลาดของสังคมสักหน่อย ผมรู้สึกแย่มากที่เห็นคนอื่นมองมาทางผมแล้วกระซิบกระซาบกัน มันระแวงจนท้อเลยล่ะครับ ... แต่เพราะแบบนี้ละมั้ง ผมเลยรู้สึกนับถือพี่เปาแกเข้าไปใหญ่
     เพราะวันแรกๆ ที่ผมเปิดเรียนแล้วเจอมรสุมข่าวลือ พวกเราบังเอิญเจอกันพอดี พี่เปาแกก็มาทักทายผมตามสไตล์ของแก เอกลักษณ์แปลกๆ ของแกทำให้ใครๆ ต่างก็พากันจ้องมอง ผมเห็นสายตาคนพวกนั้นแล้วอดเจ็บปวดแทนแกไม่ได้ สายตาที่มองเหมือนกับว่าเห็นเราเป็นตัวประหลาด ไม่ใช่คนปกติ แตกต่างจากพวกเขา แปลกประหลาดไม่เข้าพวก... โดยเฉพาะเมื่อผมนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็เคยมองแกด้วยสายตาแบบนั้นเช่นกัน ผมละอายแก่ใจพอสมควร ผมไม่ควรทำแบบนั้นเลย จนกระทั่งผมโดนเข้ากับตัวเองนั่นแหละ ผมถึงได้รู้ว่าไม่มีใครอยากเป็นตัวประหลาดในสังคม
     พอสบโอกาสตอนที่เรานั่งอยู่ด้วยกัน ผมเลยถามแกว่าแกไม่อึดอัดบ้างหรือไร แกทนสายตาคนอื่นๆ ได้ยังไงกัน แกตอบผมกลับมาว่าอะไรรู้มั้ยครับ? แกบอกว่า “เขาจะมองก็ให้เขามองไปสิขอรับ กระผมก็รู้นะว่ากระผมเสียงดัง ก็พยายามอยู่แต่บางทีมันก็มีลืมตัวกันบ้าง” ผมเลยอึกอัก พูดไม่ออก ไม่กล้าถามไปตรงๆ ว่าแกไม่อายเหรอ ที่ถูกคนอื่นมองเป็นตัวประหลาด
     ผมกะทำลืมๆ มันไปไม่ถามต่อแล้ว แต่พี่เปาแกกลับพูดขึ้นมาซะก่อนว่า “แต่ถ้าหมายถึงเรื่องบุคลิคกระผมแล้วละก็ กระผมไม่ใส่ใจขอรับ กระผมไม่มีอะไรต้องอาย ก็แค่คนที่ชอบการ์ตูนธรรมดาๆ คนนึง อาจจะบ้าๆ ไปบ้าง แต่กระผมก็ไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้ใคร กระผมเองก็เป็นคนดีคนหนึ่งในสังคมแล้วทำไมผมต้องอายขอรับ ในเมื่อกระผมไม่ได้ทำอะไรผิด” ผมได้แต่อึ้ง นึกไม่ถึงว่าแกจะพูดอะไรจริงจังแบบนี้ออกมา
     แล้วผมก็ต้องอึ้งซ้ำอีกรอบ เพราะสิ่งที่แกพูดต่อมันช่วยให้ผมสบายใจขึ้นมาทีเดียว แกบอกกับผมว่า “ท่านต้นเองก็อย่าใส่ใจเลยขอรับ มีความสุขกับสิ่งที่เป็นก็พอ เขาจะมองก็ปล่อยให้เขามองไป สิ่งสำคัญคือตัวเราเป็นอะไรจงจำไว้และอย่าให้สายตาคนอื่นมาเปลี่ยนแปลงตัวตนของเรา แค่เรารู้ว่ามีคนที่รักและเข้าใจเราอยู่ก็เพียงพอแล้วครับ เพราะอคติของคนมันใช่ว่าจะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ ถ้าเขาไม่เปิดใจเขาก็ไม่มีวันเข้าใจเราอยู่ดี ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วท่านต้นจะไปเสียเวลากับคนที่ไม่เปิดใจมองตัวตนของเราทำไมละขอรับ ยกเว้นว่าคนๆ นั้นเป็นคนที่ท่านต้นแคร์เขามาก ถ้าเป็นเช่นนั้นก็พยายามต่อไปขอรับ!”
     เห็นมั้ยละครับ ถึงพี่เปาแกจะดูประหลาดๆ ไปบ้าง แต่ว่าความคิดของพี่เปานี่สุดยอดจริงๆ ผมละนับถือแกเลย หลังจากนั้นผมเวลาที่ผมเจอแกหรือว่าว่างตรงกับแก ผมก็เลยชอบไปนั่งคุยกับพวกแกครับ ไม่รวมว่าผมแอบไปสืบข่าวเตอร์ผ่านทางแกนะ พี่เปาแกก็ยุให้ผมเล่นเกมกับเตอร์ซะงั้น แกบอกว่าแกเองก็เล่นอยู่ ผมจะบ้าตาย ผมเล่นเกมออนไลน์เป็นที่ไหนละครับ! แถมไม่ว่างด้วย พอผมปฏิเสธแกก็เลยชวนผมเข้าไปเล่นกลุ่มเฟซบุ๊คกับกระดานสนทนา แล้วเปิดหน้ากลุ่มให้ผมดู ผมถึงได้เห็นว่าหลานชายผมเวลาไม่ได้อยู่กับผมแล้วเกรียนขนาดไหน แถมไม่อยากจะเชื่อว่าเดี๋ยวนี้การ์ตูนมันโป๊มากขึ้นเยอะเลยครับ หลานชายผมใช้ภาพแทนตัวกับลายเซ็นได้น่าเกลียดมาก!
     แต่พี่เปาก็บอกให้ผมฟังว่าเป็นแฟนเซอร์วิสอะไรซักอย่าง แล้วก็ชวนผมคุยเรื่องทัศนคติด้วย เพราะรู้ว่าผมไม่เคยดูอะไรพวกนี้ แกบอกผมว่าตราบใดที่ไม่ได้ขาดสติไปทำอะไรเดือดร้อนคนอื่นก็ไม่เห็นเป็นอะไร ผมก็อยากเถียงนิดหน่อยนะ เพราะว่า... ผมนี่แหละเดือดร้อนเพราะเตอร์ดูสื่อลามกคืนนั้น ... แต่เอาเถอะครับ มันก็ถูกของพี่เปา มันเป็นหน้าที่ของผู้ปกครองที่ต้องอบรมบุตรหลานให้รู้จักคิด หน้าที่ของผมสินะครับ... ก็ดูแล้วทั้งพี่ศักดิ์พี่ชัชพอกันเลย ส่วนพี่นาก็คงตามเจ้าเตอร์ไม่ทันแน่ๆ เฮ้อ... หลานชายผม ผมไม่อยากหวังพึ่งพี่ชัชหรอก!
     “มาช้าจังมึง เร็วๆ เลย เอามาให้พวกกูลอกเร็ว”
     เสียงมิวนิคดังขึ้นแต่ไกล นี่ผมเดินคิดอะไรเพลินๆ จนกลับมาถึงตึกภาคแล้วเหรอครับเนี่ย ว่าแต่ผมไม่ใช่คนใช้พวกเขาซักหน่อย ทำมาสั่ง คนที่ต้องเป็นฝ่ายขอร้องน่ะมันพวกนี้ต่างหาก เพราะฉุนหน่อยๆ ผมเลยแกล้งเดินไปช้าๆ แล้วก็ค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งที่โต๊ะจากนั้นก็ลีลาเปิดกระเป๋าแบบไม่รีบร้อน
     “เร็วเด้”
     ยังจะ... ผมเหลือบตาไปมองมิวนิคด้วยหางตานิดนึงก่อนจะด่ามัน
     “มารยาทในการขอร้องคนอื่นของคุณเป็นแบบนี้เหรอครับ ผมอุตส่าห์มาช่วยพวกคุณนะ”
     “กูนัดมึงบ่ายสาม มึงมาซะช้า เลยมาสิบนาทีแล้ว”
     “ก็นายโทรบอกเราเองว่าจะไปซื้ออะไรกินก่อนแป๊บนึง”
     “มัวแต่ไปนั่งอี๋อ๋อกับกิ๊กใหม่อ่ะสิ”
     “พูดเรื่องอะไร? เรางงไปหมดแล้ว”
     “อย่าไปสนใจมันเลยต้น หมามันหวงก้างน่ะ อ่ะทานขนมมั้ย”
     “ขอบใจนะเมย์”
    ผมรับขนมที่เมย์ซื้อมาฝากแล้วก็ทานอย่างเอร็ดอร่อย แหมของฟรีนี่อร่อยจริงๆ ครับ มิวนิคกับเมย์มองหน้ากันแบบแปลกๆ สายตาดูเฉือดเฉือนกันเล็กน้อย จะว่าไปหลังจากกลับจากทะเลสองคนนี้ก็ดูสนิทกันมากขึ้นนะครับ ทะเลาะกันมากกว่าเดิมก็จริงแต่ก็ดูเหมือนซี้กันมากขึ้นด้วย ต่างจากเดิมที่เอาแต่เถียงกันเฉยๆ ผมเองก็บอกไม่ถูก แต่มันรู้สึกทำนองว่าถึงสองคนนี้จะปะทะคารมกันมากขึ้นกว่าเดิมแถมยังด่ากันแรงขึ้น แต่กลับมองหน้ากันคุยกันบ่อยมากกว่าแต่ก่อนที่พอเถียงกันสองสามคำก็ต่างคนต่างเดินหนีแล้ว เอ... หรือผมจะมองผิดไป ช่างเถอะครับ
     “ไปป์ล่ะเมย์?”
     แก๊งผมนอกจากแก้วที่รีบกลับหอเพราะติดธุระแล้ว ป่านกับเมย์แล้วก็โอมอยู่กันครบครับ ขาดแต่ไปป์อีกแล้ว เวลานัดติวทบทวนวิชากันแบบนี้ทีไร ไปป์หายทุกที!
     “ช่างหัวมันเหอะ เดี๋ยวมันก็มาอ้อนนายทีหลังเองแหละ”
     “น่าเบื่ออ่ะ แทนที่จะได้ติวไปพร้อมๆ กันเลย ขี้เกียจสอนหลายที”
     แล้วพวกผมก็นั่งคร่ำเคร่งกับวิชาการต่อครับ ส่วนมิวนิคพอเมย์มาก็เงียบลงทันตาเห็น คงเพราะเจอเจ้าแม่มาประทับอยู่ใกล้ๆ แม้แต่คนโง่อย่างมิวนิคยังรู้เลยครับว่าไม่ควรหาเรื่องอะไรตอนนี้ แต่ก็แปลกดีนะครับ หลังกลับจากทะเลคราวนี้แล้ว พวกมิวนิคทั้งสามคนดันมาจอยกลุ่มกับพวกผมบ่อยขึ้น คงเพราะเทอมนี้วิชายากขึ้นด้วยมั้งครับ พวกนี้เลยมาขอให้พวกผมติวให้แต่เนิ่นๆ อารมณ์แบบว่า ถ้าไม่เข้าใจไปบทนึงนี้ก็เตรียมตัวตายได้เลยครับ มันจะงงสะสมไปเรื่อยๆ เลยต้องมานั่งทบทวนกันวันต่อวัน จะได้ทำคะแนนได้ดีๆ ฉุดเกรดแย่ๆ ที่สะสมเอาไว้ให้สูงขึ้นอีกนิด จะได้รอดกันถ้วนหน้า เพราะถ้าถามว่าใครที่โง่ เอ้ย! ใครที่อ่อนที่สุดในภาคก็ไม่พ้นมิวนิคนี่แหละครับ นันยังพอเอาตัวรอดได้ ส่วนเป้นี่ฉิวๆ เลย พวกเรานั่งติวกันจนใกล้ๆ เสร็จนั่นแหละ ไปป์ถึงโผล่มา พอมาถึงก็นั่งกินขนมท่าทางแฮปปี้ไม่รู้ไม่ชี้ซะงั้น เดี๋ยวผมต้องเหนื่อยอีกแน่ๆ
     “โต้น ขออีกรอบ”
     นั่นไง ผมว่าแล้ว ... ไปป์มองหน้าผมแล้วก็ทำตาปิ๊งๆ อ้อนอย่างกับลูกหมาเลยครับ พอรู้ว่าผมแพ้ท่าทางแบบนี้ก็เอาใหญ่เชียว
     “แล้วตอนที่เขาเริ่มติวกันทำไมไม่มา”
     “ก็หิวอ่ะ เลยไปหาไรกิน”
     “มันไปนั่งแดกไอติมกับรุ่นน้องมาอ่ะดิ”
     “เสือกละมึง!”
     “ก็มึงมันแหล”
     “พอๆ พวกนายจะทะเลาะกันทำไม แล้วทำไมนายยังไม่ไปอีก?”
     ผมหยุดสงครามน้ำลายของทั้งคู่เอาไว้แล้วหันไปถามมิวนิค เป้กับนันลุกไปนั่งโต๊ะตัวอื่นแล้วครับ เหลือแต่มิวนิคนี่แหละ นั่งแช่ไม่ยอมลุกไป คือ... ที่มันก็น้อยจะตาย ถ้ามิวนิคลุกแล้วผมจะได้ให้ไปป์เขยิบไปนั่งเก้าอี้ตัวนั้นแทน จะได้ไม่ต้องมานั่งเบียดผมอยู่แบบนี้
     “ก็... ก็กูยังไม่เข้าใจไง เลยว่าจะอยู่ฟังต่ออีกรอบ อธิบายไงของมึงเนี่ย”
     “สมองคุณด้อยพัฒนาจังนะครับ คนอื่นเขาถึงได้ฟังผมแล้วเข้าใจกันหมดยกเว้นคุณ!”
     “เออน่า อธิบายมาอีกรอบเด๊ะ กูจะฟังด้วย เร็วๆ”
     เย็นนี้พี่ชัชกลับคอนโดด้วย อุตส่าจะรีบกลับไปทำอาหารเย็นให้พี่ชัชแท้ๆ ทำไมผมต้องมาเสียเวลาเพราะคนโง่กับคนขี้เกียจด้วยนะ! ถ้าพวกเขาสองคนไม่ใช่เพื่อนผมละก็ ผมไม่มาเสียเวลาด้วยหรอก!
     ... เพราะงั้นผมก็เลยต้องเริ่มต้นอธิบายใหม่อีกรอบให้สองคนนี้ฟัง ส่วนคนอื่นๆ ที่ทำงานเสร็จแล้วก็ทยอยกลับบ้าน คนที่ยังไม่เสร็จบางคนก็นั่งทำต่อ บางคนก็เอากลับไปทำต่อที่บ้านก็มี แหงสิครับนี่มันสี่โมงกว่าแล้ว รีบๆ อธิบายให้จบๆ ไปดีกว่า ผมอยากกลับคอนโดเต็มแก่แล้ว
     แต่ตอนที่ผมอธิบายเสร็จแล้วและกำลังเก็บสมุดกับปากกาลงกระเป๋า จู่ๆ ไปป์ก็เอ่ยชวนผมขึ้นมา
     “ต้น เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันป่าว เราเลี้ยงเอง”
     “ไม่อ่ะ เรารีบ อยากกลับแล้ว”
     “ไรอ่ะ เดี๋ยวนี้ไม่มีเวลาให้เราเลยนะ งอนละด้วย”
     “มางงมางอนไรละ วันนี้แฟนเรากลับเร็ว เราจะรีบกลับคอนโด”
     “สนแต่แฟนน้า ใช่สิเรามันตกกระป๋องแล้วนี่ ต้นไม่รักเราแล้ว”
     ไปป์... นายเป็นเด็กเหรอไปป์ ผมละมือจากการเก็บของหันไปมองหน้าไปป์ทันที
     ไปป์งอแงอย่างกับเด็กเลยครับ ผมตามไม่ทันจริงๆ นะเนี่ยว่าไปป์เป็นบ้าอะไร! เพราะอารมณ์ผมเริ่มหงุดหงิด หน้าผมก็เลยชักจะตึงๆ ขึ้นมาทุกที พอไปป์เห็นสายตาเย็นเยียบของผมก็เลยรีบแก้ตัว
     “ต้นใจร้าย แค่นี้ก็โกรธเราแล้ว ลืมเพื่อนคนนี้แล้วใช่ม๊า”
     “นายเป็นอะไรของนาย มีไรก็พูดมาตรงๆ จะเอาอะไร”
     “มันหาว่ามึงได้ใหม่ลืมเก่าไง”
     ขอบใจที่ช่วยบอก แต่จริงๆ นายไม่ต้องสอดก็ได้นะมิวนิค เพราะผมก็ยังไม่รู้เรื่องอยู่ดี ได้ใหม่ลืมเก่าอะไรยังไง? ผมงงไปหมดแล้วครับ
     “นายน่ะ รีบๆ ทำงานของนายให้เสร็จไปเถอะมิวนิค ไม่ต้องยุ่ง!”
     “ขึ้นเสียงใส่พวกกูนะ ตกลงพอได้เพื่อนใหม่มึงก็ไม่แคร์พวกกูแล้วใช่ป่ะ”
     “เพื่อนใหม่อะไร? ก็พูดให้มันรู้เรื่องสิครับ แล้วที่ผมโมโหก็เพราะว่าคุณเริ่มก่อนนั่นแหละ อยู่ๆ มาว่าผมได้ใหม่ลืมเก่าอะไรนั่น”
     “ก็ไอรุ่นพี่เคมีนั่นไง เดี๋ยวนี้อะไรๆ มึงก็ไปแต่กับพวกนั้นนะ”
     ผม? พี่เปา? ผมงงไปหมดแล้วนะ พี่เปามาเกี่ยวอะไรด้วยครับเนี่ย ผมหันไปมองไปป์เพื่อขอความเห็น แต่น่าแปลก คราวนี้แทนที่ไปป์จะช่วยตอกกลับมิวนิคให้ผม ไปป์กลับทำเฉย นั่งฟังนิ่งๆ แทน ผมเลยต้องเล่นจ้องตากับไปป์เพื่อกดดันอีกที ไปป์ถึงจะยอมพูดออกมาบ้าง
     “เราก็แค่อยากชวนต้นไปหาไรกินกัน เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้อยู่กับต้นเลย ต้นเอาแต่ไปนั่งกับพวกนั้นอ่ะ เราก็น้อยใจสิ เรายังเป็นที่หนึ่งของต้นอยู่รึเปล่า?”
     “นายไม่ใช่แฟนเรานะไปป์ แล้วก็ไม่ใช่เพื่อนที่สนิทที่สุดของเราด้วย”
     “อันนั้นก็รู้ ไม่นับแฟนต้นกับเพื่อนคนนั้นของต้นก็ได้ นับแต่ในมหาลัยนี่ไง”
     “ถึงยังไงนายก็แพ้อาร์ม แล้วก็นะ ถึงเราจะสนิทกับแม็กซ์มาก แต่แม็กซ์ก็ไม่ใช่เพื่อนซี้สุดๆ ของเราอยู่ดี”
     “อ้าว? ต้นนี่หลายใจจัง”
     “ไปป์!”
     “มึงนี่ปัญญาอ่อนว่ะไปป์ ก็ถามไอ้ต้นไปเลยดิ๊”
     “หมาหวงก้างอย่างมึงอ่ะเงียบไปเลย กูจะอ้อนเจ้านายกู”
     “เออ ไอ้ลูกหมาหิวนมอย่างมึงอ่ะ ซักวันจะโดนไอ้ต้นโยนทิ้ง”
     “ถ้าจะเถียงกันงั้นเรากลับก่อนล่ะ รำคาญ!”
     “เดี๋ยวๆ ต้นจะไม่ไปกินข้าวกับเราจริงๆ เหรอ”
     “ก็บอกแล้วไง เราจะรีบกลับคอนโด วันนี้พี่ชัชกลับเร็ว”
     “ทีงี้อ่ะรีบกลับไปหาแฟนนะมึง กูถามจริงเหอะ มึงกับไอรุ่นพี่เคมีตัวอ้วนๆ คนนั้นอ่ะไม่ได้เป็นไรกันแน่นะ”
     “บ้า! เรากับพี่เปาไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้นซักหน่อย แล้วอีกอย่างพี่เปาเป็นรุ่นพี่นาย เรียกพี่เขาดีๆ หน่อย มิวนิค!”
     “แตะไม่ได้เลยนะมึง! แน่ใจอ่ะไม่ได้เป็นไรกัน กูเห็นมึงยิ้มหน้าบานเชียวเวลาอยู่กับมัน”
     ผมหงุดหงิดนะ แค่มรสุมเรื่องที่ผมเป็นเกย์โดนคนรู้กันทั่วก็หนักพอแล้ว แถมผมยังถูกหาว่าเป็นพวกชอบอ่อยไปทั่วอีกต่างหาก แล้วนี่ผมยังมีข่าวเม้าเรื่องอื่นอีกเหรอเนี่ย?
     “ต้นใจเย็นๆ นะ แบบว่า... ก็อยู่ๆ พอเปิดเทอมมาต้นก็ไปสนิทกับพี่เขาเฉยเลยอ่ะ พวกเราก็งงกันสิ แถมต้นยังชอบไปนั่งคุยกับพวกพี่เขาบ่อยๆ ขนาดกับอาร์มต้นยังไม่ไปหาบ่อยขนาดนั้นเลย แล้วเวลาที่ต้นนั่งคุยกับพวกพี่เขาต้นก็หัวเราะร่าเริงเชียว ทีอยู่กับพวกเรานายไม่เห็นเคยเป็นแบบนั้นบ้าง...”
     ผมจะไปหาอาร์มทำไมละครับ ไปหาอาร์มให้รำคาญพี่บอมเนี่ยนะ? แล้วอีกอย่าง อย่างอาร์มน่ะ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวก็วิ่งมาหาผมเองแหละ ไม่จำเป็นต้องไปหาหรอก!
     “แค่นี้ใช่มั้ย?”
     “หา ไรนะ?”
     “เราถามว่า เรื่องที่นายน้อยใจเรา มีแค่นี้ใช่มั้ย?”
     “อือ.. อืม ก็น่าจะแค่นั้น”
     “ถ้าอยากให้เราหัวเราะนายก็ช่วยเลิกทำตัวงี่เง่าเหมือนเด็กซักทีสิไปป์ เราจะได้ไม่ต้องบ่นนายไง แล้วถ้าเราไม่สนใจนาย คิดเองละกันว่าเราจะอยู่ติวให้นายอีกรอบมั้ย ทั้งๆ ที่เราอยากกลับคอนโดเต็มแก่ เราไม่ได้เจอหน้าแฟนตัวเองมาสี่วันแล้วนะไปป์ แต่เราต้องอยู่เย็นจนป่านนี้เพื่อใคร? ที่เราเป็นแบบนี้แทบจะไม่ได้หัวเราะก็เพราะนายเอาแต่ทำตัวปัญญาอ่อนนั่นแหละ เราถึงได้ต้องคอยบ่นนายตลอด ละที่เราคอยบ่นนายคิดเองละกันว่าเราทำไปเพราะอะไร”
     พอถูกผมด่าไปแบบนั้น ไปป์ที่จากเดิมเอาแต่ทำสีหน้าหมาหงอยก็ค่อยๆ ร่าเริงขึ้นมาทันที ผมว่าผมเห็นหางกระดิกดิ๊กๆ เลยแหละ ให้ตายเหอะ!
     “รักต้นที่สุดเลย!”
     ไปป์กระโจนเข้ามากอดคอผมซะงั้น ผมก็ดีใจนะที่ไปป์หลอกง่าย แต่ผมไม่ชอบใจเลยซักนิด เดี๋ยวไปป์ก็โดนข่าวลือกับผมไปด้วยหรอก ... เรื่องกำลังจะจบแต่มิวนิคก็ยังอุตส่ามีปัญหา
     “งั้นสรุปว่ามึงกับรุ่นพี่คนนั้นไม่มีอะไรกัน”
     “นายกำลังหาว่าเรานอกใจแฟนตัวเองอยู่นะ”
     ผมทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เจ้ายักษ์สมองนิ่มแล้วก็เก็บของลงกระเป๋า ตั้งใจจะเผ่นให้เร็วที่สุด รำคาญครับ ขืนอยู่ต่อต้องโมโหมากกว่านี้แน่ๆ
     “เรากลับละนะ มีธุระ จะรีบกลับบ้านไปทำข้าวเย็นให้แฟน ชัดมั้ย?”
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน10
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-11-2014 18:10:01
อ่านตอนนี้แล้วปวดใจอ่ะ  ปากคนนี่มัน -*-
อิพวกใส่ไข่นี่มันควรเอาไข่เน่ายัดปาก
ได้ยินอะไรมาต้องมโนเพ้อเจ้อ เติมเรื่องให้มันเยอะอีก

เปิดตัวแล้วมั่นหน้าเลยต้น เพราะเป็นพวกขี้อายมองโลกในแง่ลบ แต่ดันหน้าตาดี
คงโดนอิจฉาเยอะมาก

เป็นเกย์สาวอย่างองอาจ และเปิดตัวปั๋วให้งดงามเลยลูกสาว
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน10
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 18:14:21

     วันนี้พี่ชัชกลับจากสัมนาที่ต่างจังหวัดครับ น่าจะถึงคอนโดตั้งแต่บ่ายแล้ว ไม่รู้จะได้ทานมื้อกลางวันแล้วรึยัง บางทีพี่ชัชงานยุ่งมากๆ ก็ชอบลืมทานข้าว ไม่สิ พี่ชัชบอกผมว่า “พี่ไม่ได้ลืม แต่มันยุ่งจนไม่มีเวลากิน” ต่างหาก อาชีพผู้แทนขายยาแบบพี่ชัชนี่ท่าทางเหนื่อยจังเลยครับ ถึงจะดูงานสบายๆ แต่ความจริงแล้วท่าทางลำบากน่าดู
     ดังนั้นตอนที่ผมกลับมาถึงคอนโดแล้วไขกุญแจห้องเข้าไป ผมก็เห็นพี่ชัชก็กำลังง่วนอยู่กับงานเลยครับ เอกสารวางเต็มโต๊ะรับแขกเลย เห็นแล้วสงสารจัง พี่ชัชต้องทำงานหนักเพื่อผม เห็นแบบนี้แล้วผมไม่กล้าทำตัวเหลวไหลหรอก เกรงใจพี่ชัชแย่
     “กลับเย็นจังเลยต้น”
     “ขอโทษครับ พอดีอยู่ติวกับเพื่อนๆ น่ะครับ พี่ชัชหิวแล้วรึยัง อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ ผมจะรีบทำให้”
     “ไม่ต้องรีบขนาดนั้น พี่ยังไม่หิวหรอก เรามาเหนื่อยๆ นั่งพักก่อนก็ได้”
     พี่ชัชพูดโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผม แต่ยังคงง่วนกับกระดาษตรงหน้า ท่าทางจะยุ่งมาก เห็นแบบนี้ผมเลยขอตัวเอากระเป๋าไปเก็บ พอเก็บของเสร็จผมก็เลยออกมาดูในตู้เย็นว่ามีอะไรเหลือบ้าง เย็นแล้วรีบทำกับข้าวดีกว่าครับ แต่ตอนที่ผมกำลังคิดว่าจะทำอะไรให้พี่ชัชทานดี พี่ชัชก็ย่องมาถึงข้างหลังผมแล้ว ผมถูกพี่ชัชกอดซะแน่นเชียว แถมยังถูกหอมแก้มอีก
     “ชื่นใจจัง ตอนแรกว่าจะจูบตอนเรามานั่งใกล้ๆ พี่ แต่เราดันเดินหนีเข้าห้อง”
     “ก็พี่ชัชงานยุ่งนี่ครับ ผมเลยไม่กล้ากวน”
     “ละเราล่ะ กลับซะเย็น เหนื่อยมากป่ะ เรียนยากเหรอครับ”
     “ผมน่ะสบายๆ ครับ แต่คนอื่นน่ะยาก เลยต้องช่วยๆ กัน กลัวจะจบไม่ครบคนครับ”
     “ดีแล้วๆ เพื่อนกันก็ต้องช่วยเหลือกัน อีกหน่อยเพื่อนพวกนี้แหละ คอนเน็คชั่นอย่างดีเลยต้น”
     พี่ชัชพูดพร้อมๆ กับหยิบน้ำในตู้เย็นไปดื่มแล้วเดินกลับไปเก็บเอกสารกองรวมกันไว้มุมหนึ่งของโต๊ะรับแขกให้เรียบร้อยแล้วก็นั่งอ่านเอกสารแผ่นที่อ่านค้างอยู่ ผมแอบยิ้มนิดหน่อยนะ หลังจากที่ผมบ่นพี่ชัชไปบ่อยๆ ในที่สุดพี่ชัชก็เริ่มปรับตัวแล้ว ไม่ต้องรอให้ผมพูดก็จัดการกับเอกสารที่วางเกลื่อนกลาดบนโต๊ะเอง แต่เอาเข้าจริงถ้าผมจะบ่นก็ไม่บ่นวันนี้หรอกครับ ก็วันนี้แฟนผมทำหน้ายุ่งจะตาย เวลาที่พี่ชัชเข้าโหมดทำงานแบบนี้ผมไม่กล้ารบกวนครับ พี่ชัชจะดูจริงจังมาก ไม่ยิ้มเลย งานของพี่ชัชคงเครียดมากกว่าการเรียนมหาวิทยาลัยอย่างผมเยอะ ผมเห็นพี่ชัชถอนหายใจแล้วก็ยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้วด้วย แถมวันก่อนผมยังแอบเห็นพี่ชัชมีผมหงอกตั้งสองเส้น! สงสารแฟนจังเลยครับ
     “อืม... ในตู้เย็นมีหมูบดกับผักนิดหน่อย ผมยังไม่ได้ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเลย มื้อเย็นพี่ชัชทานแกงจืดกับไข่เจียวได้มั้ยครับ?”
     “พี่ทานไรก็ได้ครับ แล้วแต่เราเถอะ อะไรที่เมียทำให้อร่อยหมดทุกอย่างแหละครับ”
     พี่ชัชเงยหน้าขึ้นมาตอบพร้อมกับยิ้มให้ผมก่อนจะก้มหน้าลงไปคร่ำเคร่งกับงานในมือต่อ แน่ะ! ยังจะมีอารมณ์เล่นอีก แต่ผมก็ปลื้มนะ พี่ชัชของผมน่ารักที่สุดเลย แล้วผมก็ลงมือเข้าครัวอย่างมีความสุขครับ ผมหุงข้าวแล้วก็ลงมือทำต้มจืดก่อนจะทอดไข่เจียวหมูสับเป็นรายการสุดท้าย พอพี่ชัชเห็นผมยกจานไข่เจียวมาวางที่โต๊ะทานข้าว พี่ชัชก็เก็บงานกองไว้แล้วมาช่วยตักข้าวใส่จาน ... ผมปลื้มนะเนี่ย
     แฟนของผมช่างเอาใจที่สุด! ยกเว้นนิสัยซกมกที่บางทีก็ชอบทำตัวเป็นผีขี้เกียจแล้วนอกนั้นพี่ชัชเป็นผู้ชายที่ดีมาก ถึงพี่ชัชไม่ใช่คนที่เนี๊ยบมีระเบียบมากเท่าไหร่ แต่เรื่องงานบ้านนิดๆ หน่อยๆ พี่เขาก็ทำได้ เวลาที่ผมไม่สบายพี่ชัชก็จัดการแทน เวลาเห็นผมทำอะไร พี่เขาก็จะขยันมาช่วยผมตลอด ไม่ปล่อยให้ผมเหนื่อยอยู่คนเดียว
     ตอนที่ผมตกปากรับคำจะย้ายมาอยู่กับพี่ชัช ผมอุตส่าทำใจไว้แล้วนะว่าคงต้องเหนื่อยมากแน่ๆ ผมก็รู้อยู่แล้วแหละว่าคงต้องเหมางานบ้านทุกอย่างเองคนเดียว ก็พี่ชัชตอนนั้นน่ะซกมกสิ้นดี ผมนึกภาพพี่ชัชคู่กับความเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ออกเลย ซึ่งพอมาอยู่ด้วยกันแล้วพี่เขาก็ซกมกจริงๆ นั่นแหละ พี่ชัชไม่ใช่ว่าทำงานบ้านไม่เป็น แต่ชอบทำรกแล้วขี้เกียจเก็บมากกว่า พอมันสะสมเยอะเข้าๆ เลยดูซกมกในที่สุด แต่ถ้าผมสั่งนะ พี่เขาก็จะรีบจัดการทันที นึกถึงเรื่องนี้แล้วผมก็อดขำไม่ได้แฮะ นึกถึงตอนนั้นเลย ตอนที่พี่ฟ่างแวะเอาขนมมาให้ผมแล้วก็นั่งบ่นแฟนตัวเองให้ผมฟัง
     ตอนนั้นพี่ฟ่างชมผมใหญ่ว่าทั้งๆ ที่เป็นเด็กผู้ชายแท้ๆ แต่ผมดูแลบ้านช่องเรียบร้อยมาก ช่วยแบ่งเบาภาระคุณแม่ได้ แล้วก็พาลไปเปรียบเทียบกับแฟนของตัวเองที่ชอบทำรกจนพี่ฟ่างรำคาญ แต่ทั้งๆ ที่บ่นเรื่องโน้นเรื่องนี้พี่ฟ่างก็อดอวดผู้ชายของตัวเองให้ผมฟังไม่ได้ว่าแฟนของเธอเอาใจเก่งมากๆ เทคแคร์กันสุดๆ ถึงจะชอบขี้เกียจทำรกเลอะเทอะ แต่ถ้าเห็นพี่ฟ่างกลับมาเหนื่อยๆ ก็มักจะคอยเอาใจอยู่ตลอด น่ารักสุดๆ อืม ผมเชื่อนะ เพราะผมพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วนี่นา พี่ชัชของผมน่ารักที่สุดจริงๆ ด้วย ก็... แสนดีขนาดนี้แล้วใครมันจะไม่หลงรักละครับ
     “ยิ้มอะไรน่ะต้น?”
     “เปล่าครับ”
     “ยังมาเปล่าอีก มองพี่แล้วยิ้มแปลกๆ เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับพี่เหรอ?”
     พี่ชัชพูดพลางวางจานข้าวให้ผม ผมยิ้มรับอย่างเดียวครับ ไม่กล้าบอกหรอก ว่านึกถึงตอนที่พี่ฟ่างนินทาพี่ชัชให้ผมฟัง
     “ทานข้าวกันเถอะครับ ท่าทางพี่ชัชยังเหลืองานอีกเยอะเลย ทานเสร็จแล้วจะได้ไปทำงานต่อ”
     “ก็ไม่ใช่งานอะไรหรอก นั่งอ่านอะไรนิดหน่อยน่ะ”
     “ก็เห็นพี่ชัชทำหน้าเครียดเชียว ผมก็นึกว่างานยุ่ง”
     “อืม พี่เครียด แต่ไม่ยุ่ง คืนนี้พี่ยิ่งว่าง”
     พี่ชัชพูดแล้วก็ยักคิ้วให้ผมซะงั้น หายนะมาเยือนผมแล้ว!
     “ไม่เอาครับ พรุ่งนี้ผมมีเรียนแต่เช้า”
     “ต้นใจร้ายอ่ะ ไม่สงสารผัวบ้างเหรอ ตั้งหลายวันแล้ว”
    “ทานนี่สิครับ ผมอุตส่าทอดไข่เจียวใส่ต้มหอมกับมะเขือเทศแบบที่พี่ชัชชอบให้”
     ผมเลี่ยงเกมอันตรายนี้ด้วยการตักกับข้าวใส่จานให้พี่ชัชแทน พี่ชัชยิ้มแล้วก็ส่ายหัวน้อยๆ ให้ผมก่อนจะบ่นพึมพัมพลางใช้ช้อนตัดกับข้าวในจานให้เป็นคำเล็กๆ
     “ทุกทีอ่ะ ต้นเอ้ย... ละเราก็เอาแต่ขุนพี่แบบนี้ ถ้าพี่อ้วนลงพุงก็รู้ไว้เลยนะ ความผิดเรา”
     “อย่ามาโทษอาหารของผมนะ โทษเบียร์ของพี่ชัชเลยโน่น!”
     มีความสุขจังเลยครับ ได้นั่งทานอาหารเย็นกับคนที่เรารัก มีกันและกันไปแบบนี้เรื่อยๆ ขอแค่มีพี่ชัชอยู่ข้างๆ กันตลอดไปผมก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว
     ตอนที่ผมระแคะระคายว่าแม่มีคนรัก ผมก็เคยคิดมากนะว่าแล้วตัวผมเองล่ะ? ถ้าแม่มีครอบครัวใหม่ ผมจะอยู่ตรงไหนในครอบครัวนั้น ในเมื่อผมกับแม่มีกันแค่สองคนมาตลอด ถึงแม่ผมจะทำงานไม่ค่อยได้กลับบ้านแต่ผมก็เฝ้ารอแม่กลับมาทุกวัน ผมรู้ว่าเมื่อแม่กลับมาแล้วเราจะมีกันและกัน แต่ถ้าครอบครัวของเรามีคนอื่นเข้ามา... แล้วผมล่ะ? จะกลายเป็นส่วนเกินหรือเปล่า? แล้วยิ่งถ้าเกิดผมมีน้อง... หรือต่อให้ผมอยู่กับแม่สองคนไปเรื่อยๆ ผมเองจะถูกทิ้งเมื่อไหร่? แม่จะเบื่อลูกชายที่เกิดจากความไม่ตั้งใจคนนี้มั้ย?
     ตอนนั้นผมกลัวสารพัด แต่คนที่ทำให้ผมยืนมองแม่สร้างครอบครัวอย่างมีความสุขได้ก็คือพี่ชัช เพราะพี่ชัชกลายมาเป็นครอบครัวของผม เรามีกันและกัน ยิ่งตอนที่พี่ชัชพาผมกลับบ้านนอก ให้ผมได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพี่เขา ทุกๆ คนต้อนรับผมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของบ้านพรหมโพรจน์ พี่ชัชทำให้ผมรู้ว่าสายสัมพันธ์ในครอบครัวมันมีค่าแค่ไหน สอนผมให้รู้จักเปิดใจ ซึ่งถ้าผมไม่เจอพี่ชัชวันนั้น วันนี้ผมก็คงไม่มีความสุขขนาดนี้ พี่ชัชเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผมเลย
     “วันนี้พี่ยังไม่ได้แตะเบียร์ซักหยดเลยครับที่รัก”
     พี่ชัชเถียงผมกลับด้วยท่าทางยิ้มๆ เหมือนจะอวด ผมก็รู้นะ เพราะผมนับจำนวนกระป๋องในตู้เย็นไว้แล้ว มันยังไม่หายไปซักกระป๋องเลยครับ แปลว่าวันนี้แฟนผมยังไม่ได้ดื่ม น่ารักจริงๆ
     “งั้นก็ทำให้ได้แบบนี้ทุกวันนะครับ”
     “ได้คืบจะเอาศอกนะต้น ฮ่าๆ”
     แล้วเราก็นั่งทานอาหารเย็นกันแบบนั้นแหละครับ เถียงกันบ้าง ง้อกันบ้าง ท่ามกลางบรรยากาศธรรมดาในคอนโดที่ตกแต่งแบบเรียบๆ ไม่มีทั้งเทียนไขแล้วก็แจกันดอกไม้ แต่เป็นมื้ออาหารเรียบง่ายที่ผมมีความสุขที่สุด!
     หลังจากทานข้าวเสร็จ พี่ชัชก็กลับไปนั่งอ่านเอกสารที่อ่านค้างไว้ต่อ พอผมเก็บล้างจานชามเสร็จ ผมก็เลยหยิปแอปเปิ้ลในตู้เย็นออกมากะจะปอกให้พี่เขา ผมเดินไปนั่งข้างๆ พี่ชัชบนโซฟาแล้วลงมือปอกเปลือกแอปเปิ้ลออก แต่พอปอกเสร็จยังไม่ทันวางชิ้นแอปเปิ้ลลงในจาน แฟนผมที่นั่งอยู่ข้างๆ ดันยื่นหน้ามาอ้าปากรอซะแล้ว ผมก็เลยส่งแอปเปิ้ลชิ้นนั้นเข้าปากพี่ชัชไปก่อนจะเฉาะชิ้นอื่นๆ วางเรียงในจานให้ผีขี้เกียจ
     เพราะวันนี้ผมจัดการการบ้านของผมเสร็จหมดแล้วก็เลยไม่มีอะไรต้องทำอีก แถมไม่ได้เจอพี่ชัชมาตั้งหลายวัน ขอผมอยู่ข้างๆ พี่เขาหน่อยแล้วกันครับ ก็พี่ชัชบอกเองว่าพี่เขาไม่ได้ยุ่งมากนี่นา
     “อ่านอะไรอยู่เหรอครับ”
     “ก็พวกนโยบายกระทรวงแหละ”
     “นโยบายกระทรวงแล้วเกี่ยวอะไรกับพี่ครับ”
     ผมงงจริงๆ นะ พี่ชัชเป็นเซลล์ ก็แค่ขายยาให้โรงพยาบาล ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นซะหน่อย ถ้าพี่ชัชเป็นหมอก็ว่าไปอย่าง
     “เกี่ยวสิต้น เพราะลูกค้าพี่ต้องปฏิบัติตามนโยบายของกระทรวงไง”
     “แล้วมันทำไมเหรอครับ ผมเห็นพี่ชัชทำหน้าซะเครียดเชียว กฏกระทรวงมีผลกับยอดขายยาด้วยเหรอครับ?”
     คือ ผมก็เป็นห่วงแฟนผมนะ เพราะแฟนผมเป็นผู้แทน ถึงจะมีเงินเดือนประจำ แต่รายได้หลักๆ นั้นมาจากยอดขายครับ พี่ชัชเคยบอกผมแบบนั้น แปลว่าต้องขายให้ได้มากๆ ตอนแรกผมก็งงนะ ว่าขายยาเนี่ยนะ? มันมีขายให้ได้ยอดเยอะๆ ได้ด้วยเหรอ ยาไม่ใช่ขนมซักหน่อย พี่ชัชก็อธิบายให้ผมฟังว่า ขายให้ทางโรงพยาบาลครับ สั่งทีก็เป็นล็อตใหญ่ เพราะงั้นเม็ดเงินมันเลยมหาศาล เพราะวันๆ หนึ่งมีคนไข้ตั้งเยอะ
     “มีสิต้น เยอะด้วย เอาง่ายๆ ก็ยาบางตัวที่ถูกถอดออกจากบัญชียาหลัก คนไข้ก็ต้องจ่ายเพิ่ม หมอก็สั่งจ่ายน้อยลง พี่ก็ซวยไงครับ”
     “แต่ว่า ถ้าเราป่วยเราก็ต้องใช้ยาไม่ใช่เหรอครับ แล้วหมอจะไม่จ่ายยาได้ไง”
     พี่ชัชยิ้มให้ผมด้วยท่าทีที่ทำอย่างกับผมเป็นเด็กเลยครับ ผมพูดอะไรผิดไปรึไง?
     “มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกต้น เอาแค่ยาแก้ปวดอย่างพารา ยาบางตัวก็ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ถ้าต้นมีเงินต้นก็อยากได้ยาที่มีผลข้างเคียงน้อยกว่าใช่มั้ยล่ะ ต่อให้ต้นไม่มีเงินแต่เบิกได้ ต้นจะเลือกแบบไหนละครับ? ใครๆ ก็อยากได้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ยาแก้ปวดเหมือนกัน แต่ผลข้างเคียงไม่เหมือนกันนะต้น ไหนจะยังการออกฤทธิ์อีก”
     “อืม... แล้วถ้าเป็นแบบนั้นเราบอกหมอไม่ได้เหรอครับ? ว่าเราอยากได้ยาดีๆ”
     “ก็นั่นไงความซวยของพี่ ราคายาที่นำเข้ากับผลิตในประเทศมันต่างกันมาก ยาตัวไหนแพงๆ ก็โดนเด้งออกจากบัญชีหมด รัฐมันให้จ่ายได้แต่ยาโลคัล ยานอกโดนกีดกัน ไม่มีเหตุผลอันสมควรห้ามสั่งจ่าย คนไข้เบิกไม่ได้ หมอก็สั่งจ่ายลำบาก เพราะกรมบัญชีกลางคุมเข้ม แล้วพี่จะขายของได้ยังไงละครับ”
     แฟนผมหยิบแอปเปิ้ลส่งเข้าปากเคี้ยวด้วยท่าทางเซ็งๆ พลางเอนหลังลงพิงพนักโซฟา พี่ชัชดูหงุดหงิดมาก ผมจะช่วยอะไรพี่ชัชได้บ้างนะ
     “แล้วไอ้ยาราคาถูกที่พวกมันให้ใช้กันคุณภาพก็ไม่ได้ใกล้เคียงกันเล้ย คนไทยทุกวันนี้ไม่รู้ตัวหรอกว่าใช้ยาคุณภาพต่ำแค่ไหน!”
     พี่ชัชเริ่มใส่อารมณ์แล้วครับ ถึงผมจะไม่เข้าใจสิ่งที่พี่ชัชบ่นก็เถอะ แต่ถ้าพี่ชัชระบายออกมาแล้วสบายใจผมก็ยินดีฟังครับ ก็ผมช่วยอะไรงานพี่ชัชไม่ได้เลยนี่นา
     “นโยบายกระทรวงมันกดขี่หมอทุกทางเลยต้น แค่เรื่องบัญชียาพวกพี่ก็ทำงานกันลำบากแล้ว ยังมีเรื่องระเบียบของพวกหมออีก งานนี้พวกพี่ไม่รู้จะเข้าหาหมอกันทางไหนเลยว่ะ ยิ่งตอนนี้ผู้ใหญ่ในกระทรวงงัดข้อกัน จะออกหัวออกก้อยก็ไม่มีใครรู้ พวกพี่ก็ได้แต่ตามข่าวสารเตรียมตัวรอโดนเด้งกันเนี่ย เด็กใหม่หลายคนทำยอดไม่ถึงโดนออกไปก็เยอะ ไม่รู้จะถึงคิวพี่เมื่อไหร่”
     “อื้อ หนักขนาดนั้นเลยเหรอครับ? แต่พี่ชัชทำยอดได้เยอะจะตาย คงไม่...”
     “ก็อะไรๆ มันไม่แน่ไม่นอนไงต้น ทุกวันนี้พี่ทำงานลำบากชิบ!”
     พูดเป็นเล่นน่า! ถ้าพี่ชัชตกงานแล้วผมจะทำยังไงละครับ? อื้อไม่เอานะ ผมไม่อยากให้แฟนผมตกงาน คำพูดระบายปัญหาเรื่องการงานของพี่ชัชทำให้ผมรู้สึกวิตกมากจริงๆ ผมเลยพลอยทำหน้าเครียดไปกับพี่ชัชด้วย แต่แล้วพี่ชัชก็เผยรอยยิ้มออกมาแล้วถามผมด้วยน้ำเสียงกวนๆ
     “ถ้าพี่ตกงานแล้วต้นจะยังรักพี่อยู่ป่ะ?”
     น้ำเสียงที่ทะเล้นขึ้นแตกต่างกับตอนที่บ่นเมื่อตะกี้ทำให้ผมรู้ว่าสถานการณ์มันคงไม่หนักมากหรอกครับ ก็พี่ชัชยังมีอารมณ์มากวนผมอยู่เลย ผมก็เลยยิ้มออกมาแล้วตอบพี่ชัชว่า
     “รักสิครับ แต่พี่ชัชต้องรอผมอีกซักสองสามปีก่อนค่อยตกงานนะครับ ไว้ผมเรียนจบแล้วผมจะทำงานเลี้ยงพี่ชัชเอง”
     “ฮ่าๆ ทำเป็นพูดนะเรา รีบๆ เรียนตรีให้จบก่อนเถอะ แล้วพี่จะดูดิ๊ว่าอย่างเราน่ะ จะทำอะไรได้นอกจากเรียนต่อ”
     อ้าว! ทำไมแฟนผมพูดแบบนี้ล่ะ แบบนี้มันเหมือนหาว่าผมทำอะไรไม่เป็นเลยนี่นา เพราะผมหน้าบึ้งพี่ชัชก็เลยคว้าตัวผมไปกอด
     “พี่พูดจริงๆ นะ ถ้าต้นอยากเรียนต่อจนถึงระดับปริญญาเอก พี่ก็ไม่ห้าม ต่อให้เราอยากขอทุนไปเมืองนอก พี่ก็ไม่ว่าอะไรครับ พี่รู้นะว่าเราชอบดาราศาตร์ แต่พี่ยังคิดไม่ออกเลยว่าในเมืองไทยมันจะไปต่อได้ยังไง?”
     “ผม...”
     ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ เอาเข้าจริงมันยังไม่แน่ใจเลยว่า ถ้าผมเรียนจบมาแล้วนอกจากเป็นอาจารย์ผมจะทำอะไรได้ เพราะผมไม่ชอบพวกฟิสิกส์ประยุกต์มากเท่าไหร่ ผมชอบแต่พวกสายบริสุทธิ์ซะด้วยสิ ความจริงตอนที่ผมเลือกเรียนผมก็เลือกเพราะผมชอบวิชานี้ แต่ผมเองก็ไม่ได้สำรวจว่าทางไปของสายนี้มันไปทำอะไรต่อได้บ้าง? ยิ่งนึกถึงการฟาดฟันในสนามแรงงาน ผมจะทำได้เหรอ?
     “ต้นยังไม่ต้องคิดมากหรอกครับ หน้าที่ของต้นคือเรียน เรื่องอื่นๆ ไว้รอให้เราเรียนจบก่อนก็ได้ ยังไม่ต้องคิดหรอก แค่ทำที่เราทำอยู่ให้เต็มที่ก็พอ เพราะถ้าเราเก่งจริง เดี๋ยวอีกหน่อยก็มีคนเห็นแววเราเอง พี่น่ะตอนที่จบมาก็อยากรีบทำงานหาเงินเลยไม่ได้คิดเรื่องเรียนต่อ บางทียังมานั่งนึกเสียดายเลยนะ เห็นเด็กๆ รุ่นน้องมันไปลงโทกันได้วุฒิสนุกสนาน แถมเพราะพี่ไม่มีศักยภาพด้วย ไหนจะผ่อนบ้านผ่อนรถ ยุ่งจนหัวหมุนไม่มีเวลา แต่ต้นมีพร้อมนะ แฟนพี่เก่งจะตาย ต้นมีต้นทุนอยู่แล้ว มีโอกาสก็คว้าเอาไว้ก่อนเถอะครับ เพราะวุฒิพวกนี้มันก็ช่วยเปิดโอกาสให้เราได้จริงๆ ที่เหลือพี่จัดการเอง รับรองว่าพี่ไม่ยอมโดนบีบออกง่ายๆ หรอก ไม่งั้นไม่มีเงินเลี้ยงเมียแย่”
     พอได้ยินพี่ชัชพูดแบบนั้นผมก็ยิ้มออกมา จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไงละครับ ก็ผมสบายใจนี่นา พี่ชัชให้คำมั่นสัญญากับผมว่าจะดูแลผมตลอดไปไม่ทิ้งกัน อ๊ะๆ อย่ามองว่าผมงกหรือหวังจะเกาะพี่ชัชนะครับ แต่การที่มีคนมาพูดแบบนี้ด้วย เป็นใครจะไม่ดีใจล่ะ? คำพูดของพี่ชัชทำให้ผมรู้สึกว่าพี่เขาจะสนับสนุนผมให้ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แล้วก็จะอยู่ข้างๆ กันเป็นที่พึ่งคอยให้กำลังใจผมตลอดไป พี่ชัชดีกับผมที่สุดเลย!
     “รักพี่ชัชที่สุดเลยครับ!”
     แล้วพี่ชัชก็กอดผมก่อนจะจูบเบาๆ หลังจากนั้นก็ปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่นห้องนั่งเล่น
     “ฮ่าๆ เดี๋ยวนี้ชักออเซาะพี่เก่งขึ้นนะเรา น่ารักแบบนี้พี่หลงตายเลยครับ”
     หาว่าผมอ้อน ก็แหม... อ้อนแฟนตัวเองไม่เห็นเป็นไรเลยครับ ที่จริงผมก็แค่รู้สึกดีมากๆ จนอยากบอกรักพี่ชัชก็แค่นั้นเอง ไม่ได้ตั้งใจจะอ้อนอะไรเป็นพิเศษซะหน่อย พอถูกบอกว่าขี้อ้อนแบบนี้มันก็เขินนะครับเนี่ย
     ผมนั่งดูทีวีเป็นเพื่อนพี่ชัชที่นั่งอ่านอะไรของพี่เขาเพลินๆ ก็รู้สึกง่วงขึ้นมา เกือบสี่ทุ่มแล้ว ขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนดีกว่าครับ พี่ชัชพยักหน้าให้ผมไปนอนก่อนได้เลย ละก็บอกว่าอีกเดี๋ยวพออ่านเสร็จแล้วจะปิดไฟในห้องนั่งเล่นก่อนไปอาบน้ำนอนเอง ผมก็เลยหนีไปนอนได้อย่างสบายใจ ไว้เดี๋ยวพอพี่ชัชขึ้นเตียงมาค่อยกลิ้งมาซุกแผงอกอุ่นๆ ของแฟนผมก็ได้ครับ ตอนนี้ปล่อยให้สุดที่รักของผมบ้างานไปก่อนก็แล้วกัน

     ดังนั้นตอนเข้านอน พอพี่ชัชอาบน้ำเสร็จแล้วขึ้นมาบนเตียง ผมก็เลยเขยิบไปนอนใกล้ๆ พี่ชัช พี่ชัชเองก็ยิ้มเชียวครับ ผมสัมผัสรอยยิ้มของพี่ชัชได้อย่างชัดเจนจากน้ำเสียงอารมณ์ดี
     “ไหนคืนนี้บอกว่าไม่ไง?”
     “ก็ไม่ซักหน่อย ผมแค่อยากกอดแฟนผม นอนกอดกันเฉยๆ ไม่ได้เหรอครับ”
     “หืม ใจร้ายอ่ะ จะทรมานพี่รึไง กอดได้แต่ห้ามทำ”
     “งั้นผมไปก็ได้”
     ผมแกล้งทำเป็นจะพลิกตัวหนี
     “อ๊ะๆ พี่แซวนิดเดียว อย่างอนสิต้น มานี่มา มาให้พี่กอดหน่อย คิดถึงจังครับ ไม่ได้กอดเราตั้งหลายวัน”
     รู้อยู่แล้วล่ะครับ ว่ายังไงๆ พี่ชัชก็ชอบกอดผมนอนอยู่ดี พี่ชัชจูบหน้าผากผมด้วย ผมก็เลยขยับเข้าไปซุกพี่ชัชให้แนบชิดกันกว่าเดิม
     “อ้อนจริงวันนี้”
     “ก็คิดถึงพี่ชัชนี่ครับ”
     “พี่งานยุ่งแบบนี้ เบื่อรึเปล่า?”
     “ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจว่ามันเป็นงาน ทำใจตั้งแต่หลงรักพี่ชัชแล้วครับ”
     “ฮ่าๆ จริงๆ เล้ย... เดี๋ยวพี่ก็อดใจไม่ไหวจัดให้ซะหรอก”
     “อย่าเชียวนะครับ ถ้าตื่นละก็ผมหนีจริงๆ ด้วย”
     “คร้าบๆ ไม่ตื่นหรอก เหนื่อยจะตาย นอนเถอะต้น ง่วงแล้วว่ะ”
     “ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ชัช”
     “คร้าบ ฝันดีนะที่รักของพี่”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



แข็งใจไว้นะต้น พี่เปาเป็นคุนะ อย่าไปเห็นคุเป็นไอดอลน้า... พูดเล่นไปงั้น  :mew3: ตอนนี้น้องไปป์มีงอนเป็นลูกหมาหงอยเลย ฮ่าๆ ส่วนยักษ์บางคนก็เริ่มออกอาการ ชวนให้นึกถึงเด็กผู้ชายที่ชอบปากแข็งแกล้งคนที่ตัวเองชอบ
แต่ยังไงพี่ชัชก็มาวินล่ะนะ ฉากนี้แปลกเพราะแอบใส่สาระเรื่องยาลงไป เป็นผู้แทนมันเหนื่อยนะ เงินดีแต่ฟาดฟันกันแรงมาก พี่ชัชเลยดูเหนื่อยๆ แต่เฮียแกก็มีมุมที่ตั้งใจทำงานนะ ฮ่าๆ
ไม่รู้คนอ่านจะเห็นภาพชีวิตประจำวันของคู่รักคู่นี้มั้ย ฉากนี้เป็นแนว Slice of Life ล่ะ อยากแต่งนิยายที่มีบทชีวิตประจำวันอ่ะ คนรักที่คบกันไปนานๆ จะมานั่งหวานเวอร์ทุกวันมันก็นะ... เลยเขียนออกมาแบบนี้ แหะๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน10
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 18:40:35
ชัยชัช

     “พี่ชัชครับ ตื่นเถอะครับ พี่ชัช ... จะหกโมงแล้วนะครับ”
     หือ... เสียงไอ้ต้น? ผมรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงไอ้ต้น เสียงผู้ชายที่ไม่ทุ้มไม่แหลมปลุกผมด้วยน้ำเสียงระอาอ่อนอกอ่อนใจ เสียงที่ผมได้ยินมาตลอดสองปี ...
     ถ้ามันบอกว่าจะหกโมงแปลว่าตีห้าครึ่ง ผมยังพลิกตัวตีลังกาหลับได้อีกสามรอบ เชื่อผมดิ
     “พี่ชัช... พี่ชัชอ่ะ!”
     นั่นไง พอมันปลุกผมไม่สำเร็จมันก็เดินหนีไปเตรียมอาหารเช้าชัวร์ๆ เพราะผมได้ยินเสียงมันเปิดประตูออกไปจากห้อง สบายผมล่ะ หมอนจ๋า ผ้าห่มจ๋า คิดถึงผ้าปูเตียงตัวเองที่ไอ้ต้นใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นโปรดของมันแบบนี้ชะมัดเลยครับ แล้วผ้าปูผืนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนกลิ่นเลยด้วยนับตั้งแต่ที่ฟ่างซื้อมันมา เพราะอะไรก็ไม่รู้แต่ต้นกับฟ่างส่วนใหญ่เลือกของใช้ในบ้านเหมือนกันเลยครับ เพราะแบบนั้นถึงฟ่างจะเลิกกับผมแล้วก็ไม่เป็นไร ผมยังมีต้นอยู่ทั้งคน ... ง่วงว่ะ ขอผมอีกห้านาที

     และแล้วผมก็ต้องแหกขี้ตาตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก ไอ้ต้นนะไอ้ต้น มันเล่นเซ็ทเวลาทิ้งไว้จนได้ เอาก็เอาวะ! ตื่นก็ตื่นครับ ที่จริงวันนี้ผมมีงานตอนสายๆ นะเนี่ย แต่เป็นธรรมเนียมครับ ถ้าวันไหนผมอยู่ส่วนมากผมมักจะไปส่งไอ้ต้นทุกเช้าที่สถานีรถไฟฟ้า คือ... อันที่จริงไอ้ตอนแรกๆ ก็ทำไปเพราะอยากเอาใจมันนั่นแหละครับ แต่หลังๆ ก็ทำเพราะมันเป็นหน้าที่ผมไปแล้ว ถามว่าเบื่อมั้ย? ผมไม่เบื่อหรอก ไปส่งแฟนผมจะเบื่อได้ยังไง แต่บางอารมณ์มันก็มีขี้เกียจกันบ้างแหละ เหมือนวันนี้อ่ะ ปวดหลังชิบเป๋ง! เพราะผมพึ่งกลับจากทริปไปตีกลอฟ์มา พวกหมอสูงอายุบางท่านโคตรชอบเลยครับ แต่ผมอ่ะโคตรเกลียดเลย ร้อนก็ร้อน ตากแดดเหงื่อไหลเป็นถังๆ แต่ผมก็ต้องทำ ผมต้องเล่นกลอฟ์ให้เป็นเพื่อเอนเตอร์เทนหมอ เวรเอ้ย! วันนี้ไม่อาบน้ำดีกว่าว่ะ เดี๋ยวค่อยอาบตอนก่อนผมออกไปทำงานก็ได้ รีบโผล่หน้าไปให้ไอ้ต้นมันเห็นก่อนดีกว่า
     “อ้าว พี่ชัช?”
     ต้นมันทำหน้างงๆ ต่อด้วยย่นคิ้วทันทีที่เห็นผมลากสังขารออกมาในชุดนอน
     “วันนี้พี่มีงานสายๆ น่ะครับ ไว้ค่อยอาบน้ำแต่งตัวก่อนออกไปก็ได้”
     ผมพูดพร้อมกับเดินไปหอมแก้มมันเพื่อพิสูจน์ให้มันได้กลิ่นว่าผมแปรงฟันแล้ว ไอ้ต้นโคตรขี้บ่นชะมัด ชอบด่าว่าผมซกมก พี่แค่ขี้เกียจเองน้องเอ้ย! ไม่ได้ซกมก
     “แล้วก็ไม่บอก ผมก็นึกว่าพี่ชัชออกเช้าตามปกติ เลยปลุก”
     นั่น! ความผิดผมอีก เฮ้อ...
     “โทษที พี่ลืมบอกเราเมื่อวาน พี่ก็มัวแต่ยุ่งๆ อยู่”
     “ช่างเถอะครับ ผมเองก็ผิดที่ไม่ได้ถามเอาไว้ ถ้าพี่ชัชไม่ไหวจะไปนอนต่อก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมไปเองได้”
     บ่นผมสองประโยคแล้วก็เอาใจผมในท้ายที่สุด อีแก่ขี้บ่นของพี่เอ้ย
     “พี่ตื่นแล้วครับ ให้พี่ไปส่งเรานะ อยากไปส่งแฟน”
     พอโดนผมหยอดเข้าไปไอ้ต้นก็หน้าแดง เสร็จผมล่ะ วิธีจัดการไอ้ต้นง่ายนิดเดียว หึ หึ
     “ถ้าพี่ชัชสะดวกก็แล้วแต่พี่ชัชเถอะครับ ว่าแต่วันนี้พี่ชัชจะกลับกี่โมงครับ?”
     “อืม คงกลับเร็วน่ะ แล้วต้นเรียนถึงกี่โมงล่ะ? เผื่อตอนเย็นพี่จะแวะไปรับ เราจะได้ไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันไงครับ”
     “อื้อ อย่าเลยครับ วันศุกร์แบบนี้ในเมืองรถติดเปล่าๆ”
     ไอ้ต้นไม่ชอบให้ผมไปรับที่มหาวิทยาลัย มันจะกลัวอะไรของมัน คนอื่นก็รู้กันหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? เมียผมนี่ความลับเยอะจริงๆ อย่าบอกนะว่าเย็นนี้มันมีนัดกับไอ้เด็กเวรนั่นก่อนกลับบ้าน
     “ถ้าจะไปทานข้าวกัน ไว้เป็นพรุ่งนี้ดีกว่าครับ ผมจะได้ไปซื้อของเข้าบ้านด้วย ของในบ้านหมดหลายอย่าง วันนี้เราทานอะไรง่ายๆ ไปอีกมื้อก่อนก็แล้วกันครับ ในตู้เย็นยังเหลือของสดอยู่นิดหน่อย แล้วไม่แน่วันนี้ผมก็อาจจะต้องอยู่เย็นด้วย”
     “หือ? ทำไมเหรอครับ”
     “ก็ติวหนังสือกับเพื่อนนั่นแหละครับ”
     อ๋อ อยู่กับเพื่อนที่คณะ ถ้าเป็นเพื่อนที่คณะผมก็พอวางใจได้ล่ะ เท่าที่ผมดูยังไม่มีใครที่คิดจะตีท้ายครัวผมแบบจริงๆ จังๆ เหมือนไอ้เด็กเวรนั่น
     “เหนื่อยแย่เลยเรา ไม่อยากให้พี่ไปรับจริงอ่ะ”
     ผมแกล้งแหย่ต้นมันไปงั้นแหละ แต่ที่ไหนได้ ผมโดนไอ้ต้นตอบกลับซะผมหลงเลย
     “อยากสิครับ แต่เกรงใจ พี่ชัชทำงานเหนื่อยจะตาย ผมไม่อยากเอาแต่ใจแล้วสร้างภาระให้พี่ชัชต้องเหนื่อยเพราะผมอีก”
     “ภาระที่ไหนกัน พี่เต็มใจ พี่เคยบอกแล้วไงว่าต้นไม่ใช่ภาระของพี่นะครับ”
     พอได้ยินคำพูดของผมแล้วมันก็ยิ้ม อมยิ้มนิดๆ หน้าแดงหน่อยๆ พลางจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาอ่อนโยนที่แม้แต่คนตาบอดยังดูออกว่ามันทั้งรักทั้งหลงผมขนาดหนัก มีเมียน่ารักขนาดนี้ผมจะไม่ปลื้มได้ยังไง รักมันที่สุดเลยครับ ไอ้เด็กเลี้ยงแกะของผมเอ้ย!
     ผมยังไม่ค่อยหิวก็เลยซัดแต่กาแฟไปแก้วเดียว ส่วนไอ้ต้นก็ลงมือทานมื้อเช้าของมัน พอเสร็จผมก็คว้ากุญแจเดินกอดคอมันลงไปที่รถ ทักทายเพื่อนบ้านคุ้นหน้าบางคนที่เหมือนจะเคยคุยกัน คนแม่งเยอะจะตายผมจำไม่ได้หรอก เพื่อนบ้านทักผม ผมจำไม่ได้ แต่ไอ้ต้นเสือกจำได้ ไอ้นี่ความจำดีสุดๆ ไปเลยครับ หรือเป็นเพราะว่าผมเริ่มแก่วะ? เลยจำหน้าป้าแกไม่ได้ ช่างเถอะ อานิสงส์ความอัธยาศัยดีของฟ่างเขาล่ะ ไม่เกี่ยวกับผม ผมขี้เกียจตอบคำถามใครๆ ด้วยว่าฟ่างไปไหน ทำไมถึงเลิกกัน แล้วทำไมต้นถึงมาอยู่กับผมแทน ผมกับต้นเป็นอะไรกัน ผมไม่ได้อายใครหรอกนะ แต่เชื่อเถอะว่าคุณไม่อยากตกเป็นหัวข้อนินทาให้เพื่อนบ้านหรอกครับ ทักทายกันแต่พอเหมาะเว้นระยะกันบ้างเถอะ ต่อหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทักทายแต่ไม่รู้ลับหลังจะเอาผมกับไอ้ต้นไปนินทาเสียๆ หายๆ ขนาดไหน ไอ้ผมอ่ะไม่ใส่ใจหรอก ชินแล้ว แต่ผมไม่อยากให้ต้นมันคิดมาก กลัวมันเสียใจ
     โชคดีที่รถไม่ติด ผมเลยไปส่งไอ้ต้นได้ก่อนเจ็ดโมง ขยันจริงๆ เมียพี่ ทำไมต้องรีบไปขนาดนั้นทุกเช้าก็ไม่รู้ ผิดกับผมอ่ะ สมัยผมเรียนกฏหมายของมึนเมาไม่เคร่งครัดมาก เมาแม่งทุกวัน หลับแม่งทุกคาบ ลอกเลคเชอร์ตลอด แล้วค่อยไปเร่งสปีดตัวเองเอาตอนใกล้สอบ พึ่งมาแก้นิสัยเอาได้ตอนทำงานนี่แหละครับ แต่ก็ล้มลุกคลุกคลานอยู่เป็นปีกว่าจะเริ่มเข้าที่
     แม่งตอนเป็นผู้แทนปีแรกๆ แล้วต้องไปรีมายด์ยาให้หมอฟังนี่ดิ เจอหมอบางคนกวนตีนสวนกลับ ผมโคตรโมโห แต่ตอนนั้นก็ต้องยิ้มแหละ แล้วยอมรับว่าเราพลาดเองจริงๆ ไอ้เราก็อุตส่านั่งเตรียมข้อมูลของเราซะดิบดี ยาบริษัทผมมีดีอะไรผมตอบได้หมด ผลข้างเคียง อาการแพ้ การทดลองใช้ในกลุ่มตัวอย่าง การออกฤทธิ์ ชิบหาย! หมอเสือกถามว่า “แล้วถ้าเทียบกับยาของบริษัทคู่แข่ง ยาของคุณดีกว่ายังไง” แม่งเอ้ย ใครจะไปรู้วะ! ผมเลยได้แต่ยิ้มๆ กะว่ายิ้มเท่านั้นเพื่อเอาตัวรอด หมอเสือกเล่นผมอีก “ในเมื่อคุณไม่รู้สรรพคุณยาของคู่แข่ง มั่นใจได้อย่างไรว่ายาคุณเจ๋งที่สุด”
     อย่าคิดว่าพวกเรียนหมอมีแต่เนิร์ดๆ เชียวนะครับ อย่างผมก็เอ็นท์ติดมาแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องคงไม่ต้องออกหรอก พวกหมอก็คนธรรมดาๆ นี่แหละ ไอ้ที่โคตรกวนตีนก็มี ที่เหี้ยๆ ก็เยอะ แต่งานของผมคือต้องเล็งทาเก็จมาที่คนพวกนี้นี่แหละ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนยังไง ถ้ามีโอกาสทำยอดได้ ผมถือว่าเป็นทรัพยากรที่ผมต้องถลุงออกมาใช้ให้ได้
     ต้องขอบคุณอาจารย์หมอท่านนั้นจริงๆ นั่นแหละ เพราะเจอเคี่ยวเข็ญตรากตรำมาอย่างโหดหิน ผมถึงได้แกร่งขึ้นขนาดนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนคุ้นหน้ากันตอนผมสอบติดแพทย์นั่นแหละ แถมยังเป็นพ่อไอ้พี่หมอเอกด้วย เพราะผมขาดสอบไปหลายตัวโดยไม่มีเหตุอันควรก็เลยเด้งครับ ทั้งๆ ที่สาเหตุมาจากลูกแกแท้ๆ พอแกเห็นหน้าผมอีกทีตอนเป็นผู้แทน แกเลยเล่นผมซะยับ! ผมต้องลำบากแทบตายกว่าแกจะยอมรับผม
     เรื่องนี้พูดแล้วก็ต้องเล่ากันยาว ถ้าเอาสั้นๆ ก็คือตอนปีสอง ผมกับไอ้เอกที่เป็นรุ่นพี่ผมสองปีเจอกันแล้วถูกคอ เลยมีบ้างที่ชวนกันไปกินไปดื่ม เพราะแก๊งเที่ยวมันมีไม่เยอะ ไอ้เอกนี่ก็เสือกผ่าเหล่าพวกเรียนหมอเยอะพอสมควร วันนั้นมันชวนผมไปดื่มแล้วเสือกไปมีเรื่องกับชาวบ้าน ก็เมานั่นแหละครับ คนเมาจะเอาอะไรมาก ผมอุตส่าเข้าไปช่วยแต่ก็โดนซัดจนน่วม แต่ผมไม่ปล่อยให้ตัวเองโดนอยู่ฝ่ายเดียวหรอก ฝั่งนั้นก็ได้เลือดกันไปเยอะพอกัน ไอ้เอกนี่ก็ทั้งดื่มทั้งเที่ยวเจ้าชู้ขี้หลีบ้าหญิงแต่เสือกเตะต่อยกับใครไม่เป็น บู๊ไม่เป็นแล้วเสือกซ่า
     พอตำรวจมาดิ ทีนี้แหละซวยทั้งแก๊ง ใครหนีได้ก็หนี แต่คนที่หนีไม่ทันคือผมกับไอ้เอก ฝั่งนั้นแม่งเอาเรื่องจะเอาผมกับไอ้เอกเข้าคุก ผมโคตรกลัวเลย ถ้าเรื่องรู้ถึงหูมหาวิทยาลัยพวกผมซวยแน่ เลยแกล้งทำเป็นเมาครับ โชคดีสอบพยานแล้วก็คือวัยรุ่นตีกัน ผมก็น่วมคู่อริก็น่วมแยกไม่ออกใครทำใครก่อน แถมคู่อริเป็นขาประจำด้วย ตำรวจก็ระอาขี้เกียจทำคดี พวกผมเลยยอมนอนคุกครับ พอสร่างๆ จ่าแกก็ไกล่เกลี่ยแล้วให้ยอมๆ กันไป ไอ้ฝังนั้นมันก็ยอมเพราะเป็นขาประจำคุก คนเมาคือๆ กัน หาเช้ากินค่ำไม่มีเงินดำเนินเรื่องเอาพวกผมเข้าตารางหรอก
     พวกผมเลยรอดมาง่ายๆ แลกกับการนอนคุกหนึ่งคืน แต่ก็ดีกว่ามีความผิดแล้วรู้ถึงหูมหาลัยโดนไล่ออกครับ จะซวยกว่าเดิม ผลก็คือผมขาดสอบ ไอ้เอกขาดงาน โดนกันทั้งคู่ แต่ของผมนี่ร้ายแรงกว่า เพราะอาจารย์เฮี๊ยบ และผมตอบไม่ได้ว่าขาดสอบเพราะอะไร เนื่องจากนิสัยผมมันก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าเกเรขนาดไหน แกเห็นหน้าเยินๆ ของผมก็รู้แล้วล่ะ เลยต้องออกเพราะขาดสอบ ผมเลยบอกใครต่อใครว่าเกรดไม่ถึงครับ ดีกว่าปล่อยให้โดนโทษทางวินัยแล้วโดนออก ถ้าเป็นแบบนั้นผมจบเห่แน่ๆ ก็ยังดีที่ผมยังได้เอ็นท์ใหม่แบบไม่มีชนัฎติดหลัง พูดแล้วรู้สึกตัวเองชั่วจริงๆ เสียเวลาไปตั้งสองปี ยังดีนะครับยุคนั้นยังมีระบบสอบเทียบ แล้วผมก็เรียนเร็วอยู่แล้ว พอมาเรียนปีหนึ่งใหม่เลยไม่ห่างกันมากกับเพื่อนในรุ่น
     เพราะงั้นตอนที่ผมเข้าเภสัชได้ผมเลยเพลาๆ เรื่องเที่ยวลงไปเยอะ ถึงจะดื่มแต่ก็ไม่ค่อยลุยครับ ส่วนมากไปเสียเรื่องกับหญิงมากกว่า ตอนเรียนหมอมันมีไม่เยอะ แต่พอเข้าเภสัชได้แต่ละคนแจ่มๆ ทั้งน้าน ผมเลยเปลี่ยนมาหลีหญิงแทน ก็เลยยังพอมีคนดึงๆ ผมไว้ได้บ้าง ส่วนแฟนคนแรกที่ผมได้ตอนเข้าไปเรียนที่นั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ยัยน้ำตาลนี่แหละ
     ก็ทำไงได้ ในบรรดาเด็กคณะเดียวกันทั้งหมดแล้วน้ำตาลสวยสะดุดตาที่สุดนี่หว่า ผมเลยอดไม่ได้ที่จะชอบ มองกันไปมองกันมาน้ำตาลก็รู้แหละว่าผมปิ๊ง ในเมื่อสาวเขาไม่ขัดผมก็เดินหน้าจีบเต็มตัวสิ แล้วยัยน้ำตาลก็เสร็จผม พูดให้เหี้ยหน่อยคือผมเป็นคนแรกของน้ำตาล ตอนนั้นผมก็รักของผมนะ โคตรรักโคตรหลง แต่ผมผิดเองที่เจ้าชู้ ก็ยอมรับนะว่าคุยไปเรื่อยหลายคนอยู่ หว่านสเน่ห์ตามสันดานมนุษย์ผู้ชายที่รู้ว่าตัวเองมีดีนั่นแหละครับ หลังๆ เราเลยทะเลาะกันบ่อย
     แล้วไอ้ผมเองมันก็พวกเจ้าชู้แต่ใครแตะของกูไม่ได้ เป็นมนุษย์ขี้หึง น้ำตาลเองก็น่ารัก ไม่สิ อย่างยัยนี่เรียกว่าสวยดีกว่าครับ มันก็เป็นธรรมดาที่จะมีคนมาจีบเยอะ ลงท้ายพอผมหงุดหงิดมากๆ แต่ก็ไม่ยอมทิ้งสันดานหลีไปเรื่อยของตัวเอง น้ำตาลก็เลยประชดขอเลิกผม แต่ตอนนั้นผมแม่งโง่เอง คิดว่าเธอแค่พูดเล่น เดี๋ยวพอห่างกันซักพักอารมณ์เย็นลงเธอคงกลับมาเอง เธอกลับมาหาผมจริงๆ นะ แต่กลับมาตอนมีปัญหากับแฟนคนใหม่ เข้าทำนองหนีจากแฟนใหม่มานั่งร้องไห้กับแฟนเก่านั่นแหละ ผมโคตรเฮิร์ทเลย
     หลังจากเลิกกับผม น้ำตาลก็คบกับรุ่นพี่คณะอื่นที่มาจีบเธอทันที รวย หล่อ มีรถขับ อย่างหรู ผิดกับผม ตอนนั้นผมยังคิดโทษน้ำตาลเลยว่าที่เลิกกันนี่สงสัยอยากได้ผัวใหม่รวยกว่าเก่า ผมไม่ได้ใส่ใจเธอสักนิดว่าเธอทำไปเพราะประชดผม จนเธอโดนไอ้เหี้ยนั่นฟันจนหนำใจแล้วเขี่ยทิ้งนั่นแหละ เธอถึงได้มาหาผมถึงห้อง ร้องไห้กับผมทั้งคืน บอกว่ามีแต่ผมที่ดีกับเธอที่สุด แล้วผมก็เหี้ยพอที่จะนอนกับแฟนเก่าเพราะอารมณ์พาไปด้วย ศักดิ์ศรีของผมมันบอกให้ผมปลอบเธอ แต่ห้ามไม่ให้ผมกลับไปรักเธอ ผมดีกับเธอเหมือนเมื่อตอนเป็นแฟนกัน แต่ถ้าใครถามผมก็จะบอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่สนิทกันตามปกติเนื่องจากโสดแล้วทั้งคู่ เพราะแต่เดิมผมกับน้ำตาลก็สนิทกันตั้งแต่ก่อนเป็นแฟนกันแล้ว
     ผมยอมรับว่าผมเจ็บนะ ถึงผมจะเจ้าชู้ขี้หลีคุยเจ๊าะแจ๊ะกับสาว แต่เอาจริงๆ ผมไม่เคยไปทำอะไรกับคนอื่น แม้แต่ตอนที่เลิกกันแล้วผมก็ยังรอ รอโง่ๆ ไปงั้นแล้วก็ฝันสลายเพราะน้ำตาลมีคนใหม่ทั้งกายและใจเรียบร้อยแล้ว น้ำตาลกลับนอนกับคนอื่นง่ายๆ ทันทีที่เลิกกับผม ถึงจะบอกว่าประชดผมก็เถอะ ผมทำผิดมากถึงขั้นที่ต้องประชดกันขนาดนั้นเลยเหรอ? ผมวางตัวเป็นเพื่อนที่แสนดี ทำดีกับอดีตแฟนเหมือนเดิม ดียิ่งกว่าตอนที่เคยเป็นแฟนกัน เทคแคร์แต่ไม่ได้รัก ระหว่างนั้นก็จีบสาวไปเรื่อย ฟันหญิงตามโอกาส คบบ้างไม่คบบ้าง แล้วก็ยังนอนกับน้ำตาลบางครั้ง
     จนกระทั่งน้ำตาลทนไม่ไหวนั่นแหละ เธอระเบิดออกมา เธอร้องไห้โวยวายเพราะคิดว่าซักวันผมกับเธอจะกลับไปคบกันเหมือนเดิม แต่ผมกลับทำตัวเหมือนไม่แคร์ความรู้สึกเธอเลย ถ้าไม่รักแล้วผมให้ความหวังเธอทำไม ผมเลยบอกเธอว่าผมรักเธอจนกระทั่งวันที่เธอนอนกับแฟนใหม่นั่นแหละ แล้วบอกเธอว่าอันที่จริงผมไม่เคยมีคนอื่น แต่เธอก็เถียงว่าคำว่าไม่มีคนอื่นของผมก็แค่ทางร่างกาย เพราะผมแสดงออกไปทั่ว ผมคุยเล่นให้ความสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่นๆ แม้แต่บางคนที่รู้กันอยู่ว่าแอบชอบผม ผมก็ไม่ยอมปฏิเสธให้เด็ดขาด ทั้งๆ ที่ผมคบกับน้ำตาลอยู่แล้ว ซึ่งเธอทนไม่ได้จนประชดผม ตอนนั้นผมก็คิดเข้าข้างตัวเองนะว่าผู้ชายที่ไหนจะไม่เจ้าชู้วะ? ขอแค่ไม่นอกใจนอกกายก็พอแล้วนี่หว่า เลยบอกปัดไปว่าก็คิดว่าคงไปกันไม่รอดเพราะนิสัยของเราทั้งคู่ ผมเลยไม่คิดจะกลับไปคบกันเธออีก น้ำตาลยืนน้ำตาไหลถามผมว่าแล้วผมนอนกับเธอทำไม ผมก็ตอบเธอไปง่ายๆ ว่าเพราะเธอไม่ปฏิเสธผมเอง เธอตบผมซะแรงจนผมหน้าหัน
     ไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้ผมก็คิดว่าสมควรแล้วล่ะที่ผมจะโดนแบบนั้น ผมรู้ตัวดีว่าผมมันเลว แต่ตอนนั้นผมแค้นเกินกว่าที่จะมีสติ ผมเลยเผลอทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งไป น้ำตาลไม่ยอมมองหน้าผมเลยด้วยซ้ำ เราห่างๆ กันไป จนตอนปีสี่โน่นแหละ ที่ยัยนี่มีแฟนใหม่ พอเรียนจบก็แต่งงานกันทันที เพราะฝ่ายชายมีฐานะอยู่แล้ว แต่ได้ข่าวว่าแต่งกันได้ไม่นานก็ต้องหย่า เพราะพ่อแม่ผู้ชายไม่ปลื้มลูกสะใภ้มีราคี ผมไม่เคยพูดเรื่องระหว่างผมกับน้ำตาลหรอก ถึงผมจะคิดว่ากลุ่มเพื่อนสนิทของพวกเรารู้ แต่ก็ไม่มีใครพูด ปัญหาน่าจะมาจากทางไอ้รุ่นพี่เฮงซวยนั่น ตอนที่ผมได้ข่าวผมเสียใจนะ ผมเองก็ทำงานได้ซักพักแล้ว เห็นโลกเยอะขึ้น เลยอาจจะใจเย็นขึ้นบ้าง ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าวันนั้นผมไปง้อน้ำตาลก่อนที่เธอจะตกลงคบกับไอ้ชั่วนั่น เธอคงไม่เจอกับเรื่องแย่ๆ แบบนี้
     แต่ตอนที่เจอกันอีกที น้ำตาลกลายเป็นเพื่อนร่วมอาชีพผมซะแล้ว ผมเองก็ทำงานได้หลายปีแล้วเช่นกัน สาวสวยที่ผมเคยคบด้วยเปลี่ยนไปเป็นสาวเปรี้ยวพราวเสน่ห์ ผมยอมรับเลยนะว่าชอบยิ่งกว่าเดิมอีก เห็นแล้วสเป็กสุดๆ แต่ไม่รู้ทำไม เวลาผมเห็นเธอยิ้ม เวลาที่เราคุยกัน ผมสัมผัสได้ถึงความเจนโลกจากแววตาด้านชานั่น เป็นผลงานความเฮงซวยของผมรึเปล่า? ตอนที่เราเจอกัน เราต่างคนต่างปฏิบัติต่อกันในฐานะคนรู้จักในหน้าที่การงาน ไม่มีใครรื้อฟื้นอะไร เจอบ้างไม่เจอบ้างตามโอกาส ได้ข่าวกันบ้างไม่ได้ข่าวบ้างเพราะแทบไม่ได้ติดต่อกัน เพราะผมเองก็กำลังจีบฟ่างอยู่
     ข้าวฟ่างเป็นผู้แทนเหมือนผม ความสดใสน่ารักช่างอ้อนของเธอทำให้ผมรู้สึกดี แม้แม่คุณจะชอบวีนแตกไปบ้างแต่ก็มีบางอย่างที่ทำให้ผมเลือกเธอมาเป็นแม่ของลูก แต่ผมก็ดูแลฟ่างได้ไม่ดีพออีกนั่นแหละ รายนี้ไม่ได้งอนผม แต่เธอเบื่อผม ฟ่างเข้าใจหน้าที่การงานผม ให้อภัยเรื่องความเจ้าชู้ แต่ดันมีปัญหากับนิสัยอย่างอื่นของผมแทน หาว่าผมไม่ดีพอ อยู่ด้วยแล้วไม่มีอนาคต เราเข้ากันไม่ได้หลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องครอบครัวผม ฟ่างไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องรับภาระพี่คนอื่นมาใส่บ่าตัวเอง ทนไม่ได้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคนอย่างผม ทั้งๆ ที่ผมก็โคตรพยายามปรับตัวเพื่อเธอแล้ว ทำไมผู้หญิงแม่งชอบทิ้งผมจังวะ? โชคดีที่ผมได้เจอกับไอ้ต้น หวังว่ามันจะไม่ทิ้งผมไปอีกคนนะครับ
     แต่ตอนนี้ เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง ผมได้ใกล้ชิดกับน้ำตาลอีกครั้ง ผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ผมเจ็บจนเจียนตาย แต่ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกำลังมีปัญหากับสามีที่ไม่ได้จดทะเบียน และก็ต้องเลี้ยงดูลูกสาวตัวเล็กๆ ตามลำพัง ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนเก่าหรือแฟนเก่าผมอดหวั่นไหวไม่ได้นะ คือ... ผมยอมรับนะว่าเป็นห่วงน้ำตาล ผมไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำนี่ ยิ่งคิดถึงความชั่วของตัวเองที่เคยทำไว้กับน้ำตาล ผมอดไม่ได้ที่จะ... อยากชดใช้ความผิดของตัวเองมั้งครับ
     วงการสาธารณสุขกำลังมีปัญหา บริษัทยาข้ามชาติอย่างพวกผมกำลังลำบาก น้ำตาลฉลาดในการเข้าหาพวกเฒ่าหัวงูทั้งหลาย รวมไปถึงความเป๊ะในด้านข้อมูลเพราะทำงานมาหลายที่ เธอถีบมูลค่าตัวเองเก่งครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าบริษัทผมเสนอผลตอบแทนให้เธอมากขนาดเธอยอมออกจากที่เก่าเลยรึไง นั่นก็บริษัทยักษ์ใหญ่ติดอันดับหนึ่งในห้าของโลกเหมือนบริษัทผมไม่ใช่เหรอ
     ผมรู้เรื่องเธอตอนกลับมาจากไปเที่ยวทะเลกับไอ้ต้น ยอมรับว่าผมอึ้งพอสมควรนะที่รู้ว่าเราได้ทำงานด้วยกัน วันที่เราได้โอกาสคุยกันจริงๆ จังๆ เธอเล่าให้ผมฟังหมดทุกอย่าง ผู้หญิงตรงหน้าผมไม่ใช่สาวเปรี้ยวก๋ากั่นอีกต่อไป เธอกลับไปเป็นเหมือนสาวน้อยคนนั้นที่ผมเคยจีบตอนปีหนึ่ง
     เป็นธรรมดาแหละครับเวลามีเพื่อนร่วมงานใหม่มา พวกเราก็ไปสังสรรค์กันระหว่างเพื่อนร่วมงาน ผมเกรงใจไอ้ต้นเลยไม่ค่อยดื่ม แต่น้ำตาลกับคนอื่นๆ ดื่มจนเมาแอ๋ พวกเราแยกย้ายกันในที่สุด แต่ผมอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเธอ เลยบอกให้ไปเปิดห้องนอนพักให้สร่าง แต่เธอยืนยันว่าเธอจะกลับบ้านผมเลยอาสาขับไปส่งเธอ ระหว่างที่ผมขับรถของน้ำตาลเพื่อพาเธอกลับบ้าน เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันนอกจากเรื่องงาน เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ นินทาหมอนิดหน่อย แต่พอถึงบ้าน ตอนที่รถกำลังจะจอด เธอกลับพยายามเรียกสติแล้วทำท่าเข้มแข็งขึ้นมา ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าจู่ๆ ยัยนี่เกิดเป็นอะไรขึ้นมา จนผมเข้าไปนั่งรอแท็กซี่ในบ้านเธอนั่นแหละ เธอพาผมไปดูเจ้าหญิงของเธอ เด็กผู้หญิงราวๆ ห้าขวบหลับอยู่บนเตียง พอสาวน้อยเธอได้ยินเสียงเธอก็งัวเงียตื่นขึ้นแล้วพยายามลุกมาหาคุณแม่ของเธอ ผมรู้สึกจุกยังไงก็ไม่รู้ มันบอกไม่ถูกครับ
     พอเราส่งน้องน้ำหวานเข้านอน แล้วลงมานั่งรอรถแท็กซี่ข้างล่าง เพราะผมขับรถเธอกลับมาแต่ยังจอดรถตัวเองไว้ที่ร้าน ผมก็เลยต้องเรียกแท็กซี่กลับไปเอารถก่อน ตอนที่เธอนั่งรอรถเป็นเพื่อนผม น้ำตาลก็เริ่มเล่าเรื่องของตัวเองให้ผมฟัง เธอกำลังเจอกับปัญหาหนักในชีวิต ลูกของเธอไม่มีพ่อเพราะเธอกับแฟนไม่ได้จดทะเบียนกัน ถึงจะเซ็นรับรองบุตรแล้วช่วยค่าเลี้ยงดู แต่เงินไม่กี่พันมันก็ไม่พอหรอกในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ เด็กต้องเข้าโรงเรียน ต้องกินต้องใช้ เธอเองก็ต้องทำงาน บางทีอยู่ถึงดึกดื่น ค่าดูแลบุตรที่ได้ก็กลายเป็นค่าพี่เลี้ยงไปเสียหมด แถมไอ้เวรนั่นยังชอบทำให้เธอกับลูกเสียใจ เวลาที่ทะเลาะกันมันชอบพูดกระทบกระเทียบว่าเด็กอาจจะไม่ใช่ลูกของมัน เธอกับมันแต่งงานกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนเพราะเหตุผลทางธุรกิจของฝ่ายชาย พอฝ่ายนั้นไปมีคนอื่นแล้วจดทะเบียนกันเธอเลยเรียกร้องอะไรไม่ได้ แต่ได้ให้มันรับผิดชอบลูกตามหน้าที่พ่อ แต่มันก็อ้างปัญหาทางธุรกิจจนพักหลังๆ แทบจะไม่ส่งค่าเลี้ยงดู บางทีก็หายไปสองสามเดือน น้ำตาลต้องปากกัดตีนถีบเลี้ยงลูกตามลำพัง ผมทำให้ชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายรึเปล่า?
     ตอนที่นั่งแท็กซี่กลับผมคิดมาตลอดทางว่าถ้าตอนนั้นผมรักน้ำตาลทะนุถนอมน้ำตาลให้ดีกว่านั้น ไม่ใจร้อนไวไฟ น้ำตาลก็คงจะเห็นคุณค่าในตัวเองมากกว่านี้ ไม่กลายมาเป็นผู้หญิงที่ไม่หวงแหนร่างกายตัวเองแบบนี้ หรือถ้าวันนั้นผมรู้จักเอาใจใส่เธอ ตามไปง้อเธอ เธอก็อาจจะไม่ต้องไปเจอไอ้รุ่นพี่เฮงซวยนั่น หรืออย่างสุดท้ายถ้าวันนั้นผมยอมละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง กลับไปคบกับเธอหรือจบกันด้วยดี บางทีเธออาจจะไม่ต้องเจออะไรแย่ๆ จนกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ผมเป็นคนทำลายเธอเอง
     วันนั้นผมหายเมาเป็นปลิดทิ้ง ผมขับรถกลับมาถึงคอนโดได้อย่างปลอดภัยโดยไม่รู้ตัวเพราะความคิดยุ่งเหยิงในหัว แม้แต่ตอนที่ผมอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วคลานขึ้นเตียงไปกอดไอ้ต้น ผมก็ยังอดคิดเรื่องของน้ำตาลไม่ได้ ผมสงสารเพื่อน สงสารเด็ก ผมรู้สึกผิด ผมนอนคิดถึงน้ำตาลทั้งคืน
     หลังจากนั้นบางทีที่ผมเสร็จงานเร็ว ผมก็มีโอกาสไปเล่นกับหลานบ้าง น้องน้ำหวานเป็นเด็กน่ารักมากครับ แค่เห็นแก้มยุ้ยๆ นั่นผมก็ใจละลายแล้ว น้ำตาลชวนผมไปเล่นกับลูกเธอบ่อยๆ ผมเองก็เข้าใจ เพราะวันแรกๆ ที่ผมไปน้องน้ำหวานไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ผม แต่หลังๆ แกก็ติดผมแจ น้ำตาลบอกว่าน้ำหวานคิดถึงพ่อ ผมก็รู้นะ เพราะคำพูดที่เด็กมักจะพูดกับผมบ่อยๆ ก็คือคำพูดทำนองว่าอยากให้พ่อตัวเองใจดีเหมือนผม “หนูอยากให้คุณพ่อพาหนูไปเที่ยวแบบนี้บ้างจัง” ผมได้แต่อึ้งเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าเด็กคนนี้โตมาด้วยความโหดร้ายเย็นชาจากพ่อแท้ๆ ของตัวเองขนาดไหน
     นอกจากเรื่องงานแล้วน้ำตาลไม่เคยพูดอะไรกับผม รวมทั้งเรื่องของเรา เราเป็นเพื่อนร่วมงาน ผมเป็นคุณลุงของลูกเธอ แต่ยิ่งได้เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ผมเคยรักต้องยืนหยัดอย่างเข้มแข็งจำเป็นต้องแกร่งเพื่อฝ่าฟันทำงานเพื่อเลี้ยงดูลูกตามลำพังแล้วหัวใจผมมันก็เจ็บจี๊ดยังไงไม่รู้ ผมเขวไปพอสมควร มันเป็นความรู้สึกกลัดกลุ้มบางอย่างที่กัดกินในใจผม ไอหมอกแห่งความสำนึกผิดครอบคลุมผมอยู่จนน่าอึดอัด แต่คนที่ทำให้บรรยากาศแย่ๆ พวกนั้นสลายไปก็คือต้น
     ต้นน้ำให้ผมสบายใจได้อีกครั้งด้วยความรักของมัน ถึงผมจะเคยเหี้ยยังไงก็ตาม แต่ตอนนี้ผมมีต้นแล้ว ต้นมันรักคนเหี้ยๆ อย่างผม ที่สำคัญ ต้นเคยให้อภัยความเลวร้ายของผมมาแล้วครั้งหนึ่ง และครั้งนั้นผมก็เกือบจะต้องสูญเสียต้นไป ไม่ใช่แค่การจากกันด้วยการเลิกราแต่เป็นการจากลาด้วยความตาย ผมควรจะทำดีกับมันให้มากกว่าที่ผมเคยทำกับคนอื่นก่อนที่ผมจะไม่มีโอกาส เราไม่รู้หรอกครับว่าเราจะตายขึ้นมาวันไหน ผมไม่ควรจะลังเลคิดมากอะไรอีก แค่ดูแลต้นให้ดีที่สุดก็พอ ผมรักมันชิบเป๋ง!
     เพราะงั้น ถึงผมต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าขับรถไปส่งมันก่อนจะต้องย้อนกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปทำงาน ผมก็ไม่บ่นหรอก ยินดีทำครับ เพื่อเมีย น้อยกว่านี้ได้ไง!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



:z3: กรี๊ด ดีใจมาก คนอ่านทะลุ7000แล้ว!
กราบขอบพระคุณแทบเท้าคนอ่านงามๆ ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านจริงๆ ฝากนิยายอุดมสาระบ้าๆ เรื่องนี้ไว้ด้วยน้า  :katai5:

ตอนนี้แอบดราม่า เปิดเผยตัวตนในมุมลึกๆ ของพี่ชัช ช่างเป็นคนที่มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันจนมั่ว! แต่ถ้าถามคนแต่ง ผู้ชายอย่างพี่ชัชน่ะเราไม่เอาทำซะมีเด็ดขาด! แต่เอาน่ะ เฮียแกเริ่มคิดได้แล้ว เพราะความดีของต้นแท้ๆ ที่โคตรทน เหอๆ

มีคนในครอบครัวเป็นหมอเยอะมาก มีพี่เป็นผู้แทนด้วย เลยเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลบ่อยๆ เวลาผู้แทนพาไปไหนก็ติดไปกับเขา เลยเลือกให้พระเอกเป็นอาชีพนี้ แต่แทนที่จะเขียนดีๆ ดั๊น! เขียนแต่ด้านอะไรก็ไม่รู้ของผู้แทนซะงั้น ปกติเวลาเขียนถึงอาชีพทำนองนี้เขาต้องโชว์เหนือเบ่งพลังศีลธรรมจรรยาบรรณใช่มั้ย? ม๊าย ไม่มี! พี่ชัชของเราเป็นคนแบบนี้แหละ วงการนี้มันโหด ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ หึๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน10
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 19:12:57
ต้นน้ำ

     “ต้น ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันป่าว?”
     ผมเงยหน้ามองไปป์ที่วันนี้ไม่รีบหนีไปทานกลางวันกับสาวเหมือนเคย ไปป์ตรงเข้ามาหาผมพร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
     “แล้วไม่ไปกับแฟนนายเหรอ?”
     “ไม่อ่ะ วันนี้อยากไปกินกับต้น”
     ไปป์ยิ้มร่าเชียวครับ สงสัยเพราะผมเคลียร์เรื่องเข้าใจผิดเมื่อวานให้แล้วก็เลยเลิกทำตัวหงอยเหงาเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง ไม่รู้ทำไมเวลาเห็นไปป์ทำหน้ายิ้มแป้นมาอ้อนผมแบบนี้แล้วมันอดตามใจไม่ได้
     “ก็ไปกันหมดนี่แหละ ทุกทีเรากับโอมก็ไปกับพวกป่านอยู่แล้ว มีแต่นายนั่นแหละที่ทิ้งพวกเราไปหาสาวๆ”
     แต่ผมก็ยังเป็นผม ถึงจะใจอ่อนให้ไปป์แค่ไหนแต่ก็อดไม่ได้ที่จะปากร้ายนิดๆ หน่อยๆ
     “สม ฮ่าๆ โดนเลย สมน้ำหน้าแกละอิไปป์”
     “เงียบเลยป่าน ไม่ต้องมาซ้ำเติมเราเลย โห ต้นอ่ะ! ไม่เห็นต้องยิ้มสะใจขนาดนั้นเลย ชอบแกล้งว่าเราจัง”
     “ไม่ได้แกล้ง เราด่าจริงจัง”
     “อุ๊บ ฮ่าๆ”
     พวกเราในแก๊งค์พากันประสานเสียงหัวเราะใส่ไปป์กันอย่างสะใจ ผมเองก็อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้ม ก็... ใครใช้ให้ไปป์น่าแกล้งล่ะครับ
     พวกเราหกคนไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่ไปป์ดันงี่เง่าทำตัวอ้อนผมเกินเหตุอีกแล้ว ตั้งแต่ที่รู้ความลับของผม... ยังไงดีละครับ คือ... ไปป์ดูอ้อนๆ ทำตัวงี่เง่าเหมือนเด็กมากกว่าเดิมเยอะเลย ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาอยู่กับผมทีไรไปป์ชอบลดอายุตัวเองทุกที ทั้งๆ ที่เวลาอยู่กับคนอื่นไปป์ก็ปกติ ยิ่งเวลาอยู่กับสาวนี่อย่าให้ผมพูดเลย ผมเคยผ่านไปเจอไปป์ตอนนั่งจีบรุ่นน้องอยู่ ไปป์คงไม่รู้ตัวว่าผมแอบเห็น คือ... ลีลาไปป์จีบรุ่นน้องนี่ทำเอาผมงงเลยว่านั่นมันใช่ไปป์คนเดียวกับที่เดินตามผมต้อยๆ รึเปล่า?
     เรื่องนิสัยไปป์น่ะช่างเถอะครับ ผมชินแล้ว ที่ผมบ่นก็เพราะผมกลัวแทนไปป์ต่างหาก ผมไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าเขาพอใจจะอ้อนผม ผมก็ไม่ได้รังเกียจหรอก เพราะรู้ดีว่าไปป์ก็แค่ทำตัวเด็กไปวันๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่... คนอื่นเขารู้กันหมดแล้วว่าผมเป็นอะไร ผมอดเป็นห่วงไปป์ไม่ได้ ดีแล้วเหรอที่ไปป์จะมาทำตัวสนิทสนมแบบนี้กับผม?
     ช่วงพักเที่ยงคนแน่นโรงอาหาร บางคนก็รีบทานรีบไปเพราะมีเรียนต่อแต่พวกผมกว่าจะเข้าอีกทีก็บ่ายสองโน่น เลยนั่งทานกันสบายๆ วันนี้ผมเลยจัดของหวานซะหน่อยถ้วยนึง ผมคุยกับเมย์เรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย นี่ก็อีกคน หลังจากที่อกหักจากผมแล้วเมย์ดูจะทำตัวน่ารักขึ้นมาก ถ้าทำตัวดีๆ แบบนี้แต่แรกผมอาจจะไม่นึกรำคาญเมย์ถึงขนาดนั้นก็ได้นะ ผมคุยกับสองสาวไปเรื่อยโดยมีแก้วหัวเราะบ้างบางครั้ง เธอทานของหวานในถ้วยสลับกับส่งเสียงหัวเราะ แต่ไม่ค่อยคุยอะไรเพราะป่านกับเมย์เหมาเกลี้ยง ส่วนโอม... โอมก็ยังคงเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไรเหมือนเดิม เอาแต่นั่งยิ้มอยู่กับพวกผม ไปป์แทรกขึ้นบ้างแล้วก็โดนป่านด่ากลับไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วผมรู้สึกดีนะครับ รู้สึกเหมือนสนิทกับเพื่อนในกลุ่มมากขึ้นเยอะเลย ไม่สิ ไม่เฉพาะเพื่อนในกลุ่ม กับเพื่อนในภาคคนอื่นๆ ก็ด้วย นี่คงเป็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากกลับจากไปเที่ยวทะเลมั้งครับ แลกกับที่ความลับของผมแตก
     “อ้าวต้น มาทานข้าวเหรอคร้าบ”
     ผมชะงักค้างมือที่กำลังจะตักขนมเข้าปาก พี่บอมเดินลิ่วๆ ทักมาแต่ไกล พี่เขาส่งเสียงดังมาก่อนที่ตัวจะมาถึงซะอีก
     “เราว่าเราอิ่มแล้วล่ะ พวกเธออิ่มรึยัง”
     ผมถามขึ้นเบาๆ พลางหันไปสบตากับแก้ว เพราะในกลุ่มมีแต่ผมกับแก้วที่ทานของหวาน ซึ่งมันเสริฟมาในถ้วยไม่สะดวกในการหยิบฉวยติดมือหนีไปที่อื่นเหมือนป่านกับเมย์ที่ทานขนมแบบถุง
     “อืม เราก็อิ่มแล้วจะ ถ้าต้นอยากไปก็ไปกันเถอะ”
     แก้วตอบผมด้วยน้ำเสียงเบาพอๆ กัน พวกเรามองหน้าสบตากันในกลุ่มราวกับส่งโค้ดลับ ผมให้สัญญานด้วยการพยักหน้าหนึ่งทีก่อนที่พวกเราทั้งหกคนจะลุกพรึ่บขึ้นจากโต๊ะ!
     “อ้าว จะไปแล้วเหรอ?”
     “อ่า ครับ พอดีพวกผมอิ่มกันแล้วพอดี”
     ผมโกหกคำโตโดยไม่มองขนมที่ยังเหลือครึ่งค่อนถ้วยให้รู้สึกผิด ปกติผมเป็นคนเสียดายของนะ แต่ถ้าความเสียดายมันทำให้ตัวเองเดือดร้อน ผมไม่เสียดายหรอกครับ!
     “งั้นนั่งเป็นเพื่อนพี่กินข้าวหน่อยได้มั้ย แบบว่าถ้าต้นอยู่ด้วย พี่กินก๋วยเตี๋ยวตอนปรุงคงไม่ต้องใส่น้ำตาล”
     เพื่อนๆ พี่บอมโห่แซวกันใหญ่ แต่สำหรบผม ผมอายครับ!
     “ผมไม่สะดวกครับ พอดีผมกับเพื่อนต้องกลับไปทำงานต่อ”
     “โธ่ อยู่เป็นเพื่อนพี่ก่อนสิคร๊าบ เนี่ยพักนี้ต้นไม่ค่อยโผล่ไปที่ชมรมเลยน้า พี่คิดถึงอ่ะ”
     “เอ่อ...”
     ในขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะสรรหาคำตอบอะไรมาสวนกลับพี่บอมหน้าด้านหน้าทนคนนี้ ผมก็รู้สึกถึงแรงดึงจากแขนทั้งสองข้าง เมย์กับไปป์ช่วยกันล็อกแขนผมคนละข้าง โดยเฉพาะเมย์ที่จงใจเอาหน้าอกมาเบียนท่อนแขนของผมแล้วเชิ่ดหน้าท้าทายใส่พี่บอม
     “พี่ขา หมดธุระกับต้นละยังคะ? พอดีพวกหนูกับต้นมีธุระกันต่ออ่ะค่ะ คงไม่สะดวกให้ต้นนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนพวกพี่”
     “ช่ายๆ เมื่อตะกี้ต้นกินข้าวกับขนมไปตั้งเยอะ ขืนกินแล้วกินอีกระวังมันจะอ้วกเอานะคร้าบ ฮ่าๆ”
     “เฮ้ย พวกนาย!”
     ผมเห็นพี่บอมหน้ากระตุกเลยครับ ถึงพี่บอมกับแก๊งของผมจะเคยเจอกันมาแล้วก็เถอะ แต่ไม่เคยปะทะกันตรงๆ แบบนี้หรอก แถมครั้งนี้เมย์ยังออกตัวแรงมาก ถ้าไม่ได้รู้ว่าเมย์ตัดใจจากผมแล้วผมต้องนึกว่าเมย์ยังทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมอยู่แน่ๆ แถมไปป์ก็อีกคน จะมาเกรียนกวนส้นพี่เขาอะไรเอาตอนนี้ พี่บอมน่ะวิศวะทั้งแก๊งนะครับ เด็กวิทยาอย่างผมพวกสู้ไม่ได้หรอก แถมเขายังมากันตั้งสี่คน พวกผมถึงจะมีหกแต่ผู้ชายก็แค่สาม นอกจากพี่บอมที่ยิ้มค้างจนหน้ากระตุกแล้วเพื่อนพี่บอมคนอื่นๆ ก็เงียบกันหมด ผมทำอะไรไม่ถูกเลย
     แต่มีหรือเจ้าแม่ขาวีนจอมเอาแต่ใจอย่างยัยเมย์จะสะทกสะท้าน เมย์ดึงแขนลากตัวผมไปได้ในที่สุด ไปป์เองก็ด้วย ทำหน้ากวนส้นใส่พวกพี่เขาแล้วเดินผิวปากยักคิ้วหลิ่วตาผ่านมาอย่างสบายอารมณ์ซะงั้น แล้วแทนที่ป่านจะห้ามกลับเอาแต่ปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ มีแต่ผมกับโอมนี่แหละยืนหน้าซีดเดินผ่านมากันแบบกลัวๆ แก้วใจเย็นที่สุด เธอหันไปก้มหัวขอโทษพี่ๆ พวกนั้นก็จะรีบเผ่นเร็วจี๋ตามผมมา
     พอพ้นจากระยะพี่บอมกับเพื่อนมาได้ผมก็ขอสวดหน่อยล่ะ!
     “เมย์ ไปป์ ทำไมนายไปพูดกับพวกพี่เขาแบบนั้นล่ะ!”
     “อ้าว ไม่ดีรึไง ต้นไม่ชอบหมอนั่นไม่ใช่เหรอ?”
     “ไอ้ไม่ชอบมันก็ไม่ชอบอยู่หรอกนะเมย์ แต่ไม่เห็นต้องแตกหักอย่างนั้นเลย”
     “เอาแต่ทำแบบนั้น มันเลยยังนึกว่ามีความหวังอยู่น่ะสิ แกต้องหัดปฏิเสธให้มันชัดๆ ไปเลยนะต้น เหมือนที่แกคุยกับเมย์นี่แหละ”
     ป่านแทรกขึ้นมาตรงมากจนผมสะอึก
     “ก็... ก็มันไม่เหมือนกันนี่ เราไม่ได้สนิทกับพี่เขามากขนาดจะคุยอะไรกันตรงๆ ซะหน่อย เราก็ว่าเราพยายามปฏิเสธอย่างสุภาพมาตลอดแล้วนะ”
     “ปฏิเสธอย่างเดียวไม่พอหรอกต้น อย่างเราน่ะเรารู้แล้วว่ายังไงต้นก็ไม่มีวันชอบเรา เราก็เลยตัดใจ เราถึงได้กล้าไปสารภาพกับนายทั้งๆ ที่รู้ผลอยู่แล้วไง แต่กับรุ่นพี่คนนั้นเขาตามต้นมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ? นี่พอรู้ข่าวก็คงคิดว่ายิ่งมีหวัง เผลอๆ อาจจะคิดว่าตื้อซักวันนายอาจจะใจอ่อนก็ได้มั้ง นายลองบอกเขาไปตรงๆ เลยสิ เขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับนายอีกไง”
     ก็ไม่ใช่เพราะแบบนี้รึไงผมถึงไม่อยากบอกใครว่าเป็นอะไร เอาจริงๆ นะครับ ตั้งแต่ที่มีข่าวแพร่ออกไปว่าผมเป็นเกย์ก็มีคนมาวุ่นวายกับผมเพิ่มขึ้นตั้งเยอะ เวลาผมไปกินข้าวกับเพื่อนหรือไปไหนตามปกติ อยู่ๆ ก็มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้มายิ้มให้แล้วก็เข้ามาชวนคุย บางคนก็ทำเป็นเก๊กนึกว่าตัวเองหล่อรวยนักหนารึไง? บางคนถึงขั้นชวนผมไปเที่ยวด้วยซ้ำ ทำอย่างกับว่าแค่ผมชอบผู้ชายแล้วผมต้องกระโดดเข้าใส่ผู้ชายทุกคนง่ายๆ แบบนั้นแหละ ผมก็มีสเป็กของผมนะครับ แล้วผมก็รักพี่ชัชคนเดียวด้วย
     แถมผมยังถูกคุณพ่อเรียกไปเตือนเรื่องนี้อีก ท่านบอกว่ามันดูไม่ดี ที่จะไปยุ่งกับคนพวกนั้น ให้สนใจแต่เรื่องเรียนอย่างเดียวก็พอ แล้วผมห้ามได้เหรอครับ บางคนผมยังไม่เคยเห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ จู่ๆ ก็เอาเบอร์โทรผมมาจากไหนไม่รู้โทรมาคุย ผมไม่ได้เชิญคนพวกนั้นมายุ่งกับผมซะหน่อย จะให้ผมเอาป้ายแขวนคอเลยมั้ยว่าผมมีแฟนแล้ว!
     “เราก็พยายามแล้วนะเมย์ แต่ว่า...”
     “เอาน่าๆ ต้นมันก็คงพยายามแล้วล่ะแก แต่ต้นก็คงไม่อยากป่าวประกาศบอกใครว่ามีแฟนแล้วใช่มั้ยล่ะ?”
     “อื้อ เราไม่อยากสนใจคนพวกนั้นนี่นา เลี่ยงได้ก็เลี่ยง หลบได้ก็หลบ ใครก็ไม่รู้ขี้เกียจใส่ใจอ่ะ”
     “นั่นสิให้แกไปนั่งอธิบายทุกคนก็ไม่ไหวเนาะ ว่าแต่พอข่าวที่ว่าแกเป็นเกย์รั่วออกไปแล้วมีผู้ชายมาขายขนมจีบแกเยอะเลยอ่ะต้น บางคนนะแกหน้าตาก็โคตรดีเลย หล๊อหล่อฉันอุตส่าปลื้ม ที่ไหนได้พอมันอ้าปาก น้องสนิทกับน้องต้นป่ะครับ พี่ขอเบอร์น้องต้นหน่อยได้ป่ะ ฉันงี้แทบร้องไห้ เสียดายว่ะ ทำไมผู้ชายมันกลายพันธุ์เยอะจังวะ!”
     “ป่าน!”
     ป่านจีบปากจีบคอบ่นได้อารมณ์มากครับ เพราะงั้นแทนที่ผมจะสะดุ้งเพราะโดนพาดพิงเลยได้แต่แอบขำแทน แต่แก้วพี่สาวคนโตของกลุ่มไม่ปล่อยไปหรอกครับ แก้วกระทุ้งสีข้างป่านจนป่านสะดุ้งเลย
     “ไม่เป็นไรหรอกแก้ว ขอโทษนะ เรากลายพันธุ์อ่ะ อ๊ะๆ อย่ามาใกล้เรานะ เดี๋ยวป่านติดเชื้อ”
     “เชื้อ? เชื้ออะไรแก แกเป็นซอมบี้รึไง?”
     อ๊ะๆ ป่านทันมุกผมด้วยแฮะ! แต่ไม่หมด หึ หึ
     “ม่ายช่าย ...”
     ผมเดินยิ้มไม่ยอมตอบ ป่านเลยได้แต่เร่งฝีเท้าตามผมแล้วแล้วสะกิดไหล่ผมยิกๆ
     “เชื้อไรวะ บอกกันก่อนดิ๊”
     “ต้นมันว่านายเป็นทอมไงป่าน ฮ่าๆ ใช่ป่ะต้น”
     เป็นไปป์ครับที่เฉลยแทนผม ไปป์นี่ทันผมตลอดเลย แสนรู้จริงๆ นะนี่ แต่ป่านสิครับวีนแตกแล้ว เล่นเอาพวกเราหัวเราะกันใหญ่ แม้แต่โอมยังพลอยหัวเราะไปกับพวกผมเลย
     “แก๊ ไอต้น! ฉันไม่ใช่ทอมนะย๊ะ! แก๊ โอ๊ย! ขัดใจ”
     “ก็เจอผู้หญิงแบบนายแหละผู้ชายถึงได้หนีมาจีบต้น ฮ่าๆ”
     “บ้า! เราไม่ได้ตั้งใจแซวแรงขนาดนั้นนะไปป์”
     ผมหันไปด่าไปป์ก่อนจะปลอบใจป่าน
     “เอาน่าๆ ยังเหลือผู้ชายอีกตั้งเยอะบนโลกนี้ อย่าพึ่งสิ้นหวังนะ”
     “เหลือใครล่ะแก โอ้ย... อีกหน่อยฉันจะหาพ่อของลูกได้มั้ยเนี่ย ผู้ชายหล่อๆ รวยๆ หน้าตาดีๆ ดันเป็นเกย์ไปซะหมด”
     “ก็ลดเสป็กหน่อยสิป่าน ไปป์นี่ไง ไปป์ก็ผู้ชาย มีเงิน หล่อ ฉลาดด้วย”
     แล้วผมก็โฆษณาเพื่อนในกลุ่มตัวเอง แถมไปป์ยังรับมุกวิ่งอ้อมไปยืนเต๊ะท่าหน้าพวกเราด้วยครับ
     “บ้า! อย่างอินี่นะ ฉันไม่เอาหรอก หาสามีนะต้น ไม่ได้หาลูกชาย!”
     “ฮ่าๆ”
     แล้วพวกเราก็โดนระเบิดหัวเราะลงกันอีกครั้งอย่างจุกเลย แต่คิดว่าไปป์คงจุกกว่าเพราะตอนนี้ไปป์หน้างอท่าทางงอนมากเลยครับ
     “เออ ใช่สิ! ใครมันจะไปดี ไปเท่ จะไปเจ๋งเท่าพี่ชิ-”
     “แก๊! อิไปป์ ไหนแกสัญญาว่าจะไม่บอกใครไง ไอ้หมาไปป์!”
     ป่านรีบวิ่งไปอุดปากไปป์เลยครับ ท่าทางมีความลับนะเนี่ย แถมยังทำท่าจะเป็นท็อปซีเครสซะด้วย เพราะขนาดเมย์ยังหูผึ่งเลย
     “หะๆ อะไรนะ ป่านมีคนที่ชอบแล้วเหรอ ใครอ่ะ?”
     นั่นไง! ไปป์รู้ความลับนี้ของป่านทั้งๆ ที่เมย์ไม่รู้ แสดงว่ามันต้องลับสุดยอดแน่ๆ เพราะป่านหน้าแดงไปถึงหูเลยครับ ปกติไม่เคยรู้สึกรู้สาอะไรแท้ๆ ป่านนี้ก็มีมุมอ่อนไหวแบบผู้หญิงเหมือนกันแฮะ
     “ใครอ่ะไปป์บอกหน่อย?”
     “อย่าบอกนะ ถ้าแกบอกฉันจะฆ่าแก อิไปป์!”
     “ป่านขี้โกงอ่ะ ทีเรายังบอกเธอเลยว่าเราชอบต้น!”
     “ไม่เกี่ยวเลยเมย์ เธอแสดงออกชัดมาก ใครๆ เขาก็รู้”
     “นั่นแหละๆ เพื่อนกันก็ต้องบอกกันสิ บอกมาๆ บอกเลยไปป์”
     “โอ้ย ปล่อยเราก่อน หายใจไม่ออก!”
     แล้วพวกผมก็มีสภาพแบบนี้ไปตลอดทางครับ ก็ใครใช้ให้ป่านทำตัวห้าวๆ มาตลอดล่ะ ถึงป่านจะดูหลงใหลได้ปลื้มคนอื่นไปทั่ว โดยเฉพาะผู้ชายหล่อๆ ก็เถอะ แต่ก็ไม่เคยแสดงออกว่าชอบใครจริงๆ จังๆ ซักที มันก็เลยช่วยไม่ได้ที่พวกเราจะอยากรู้กัน แต่ผมว่าไม่เกินความสามารถเมย์หรอก ขนาดแก้วยังหูผึ่งเลย ความจริงผมเองก็แอบสนใจอยู่นิดหน่อยนะ ก็ใครกันน้าจะเป็นผู้ชายที่ทำให้สาวแกร่งของแก๊งค์หน้าแดงได้ขนาดนั้น คนเดียวที่ดูเหมือนจะเฉยๆ กับข่าวเม้าท์แบบนี้ก็คงมีแต่โอมมั้งครับ?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน10
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 19:25:20
ไปป์

     ผมโดนป่านปิดปากเกือบตาย! หายใจไม่ออก ไม่รู้จะอายอะไรนักหนา ก็แค่แอบชอบรุ่นพี่สายรหัสตัวเอง ถึงมันไม่อยากบอกใครเพราะรุ่นพี่คนนั้นมีแฟนอยู่แล้วก็เถอะ แต่ไม่รอดหร้อก เมย์ต้องคุ้ยเอาจนได้แน่ๆ ที่ผ่านมาป่านทำเหมือนไม่มีใครในใจทั้งๆ ที่แอบชอบพี่ชินกรมาตลอดแท้ๆ ผมรู้โดยบังเอิญตอนปีหนึ่ง เคยเชียร์ให้สารภาพรักแต่ป่านก็ไม่ยอม ก็แค่เอาดอกไม้ไปให้ตอนวาเลนไทน์เฉยๆ เอง ป่านนี่ขี้เก๊กกว่าที่คิดเยอะเลยแฮะ
     “แก บอกมาเดี๋ยวนี้เลย ถ้ายังเห็นฉันเป็นเพื่อน เพื่อนกันเขาไม่มีความลับกันหรอก”
     นั่นไง เมย์มันลากตัวป่านไปจากผมละ ฮ่าๆ
     “โธ่แก ไปเชื่ออะไรอิไปป์ มันก็พูดไปงั้น”
     ป่านเถียงเมย์กลับแต่หันมามองผมตาขวาง ขำอ่ะ
     “เรายังไม่ทันพูดอะไรเลยนะ แค่บอกเฉยๆ ว่าเราไม่แสนดีเหมือน ...”
     “แก๊!”
     “ฮ่าๆ”
     แล้วมันก็วนลูปเดิมๆ จนกระทั่งพวกเราเคลื่อนขบวนมาถึงโต๊ะใต้ตึกภาค เพื่อความมันในการกลั่นแกล้งป่านพวกเราเลยนั่งสุมหัวกันต่อ เหลือเชื่อว่างานนี้ต้นให้ความร่วมมือกับเมย์เต็มที่ ต้นนี่ก็ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านเหมือนกันแฮะ ฮ่าๆ ในที่สุดเมย์ก็เค้นคอป่านจนคายความลับได้ ทุกคนตกใจกันน่าดูเพราะพี่ชินกรตรงข้ามกับความหล่อรวยสุดขีด ออกแนวธรรมะธรรมโม มีชื่อเล่นว่าพี่มหาด้วยซ้ำ แถมยังไม่มีอะไรที่เรียกว่าหล่อได้เลย เพราะงี้นี่เองป่านเลยไม่ยอมบอกใคร โดนล้อยันลูกบวชแน่ๆ ป่าน ฮ่าๆ
     “เออ รู้แล้วห้ามเอาไปบอกใครอ่ะ โดนเฉพาะแกเลยอิไปป์ ถ้าไปหลุดปากให้ใครฟังอีกอ่ะ ฉันเอาแกตายแน่”
     “ยังไม่ได้พูดอะไรซักคำ โต้น ดูดิ๊ ป่านว่าเราอีกแล้ว”
     “น้อยๆ หน่อยไปป์”
     ชิ! ต้นผลักหัวผมออกจากไหล่ตัวเองอีกละ ผมชอบกอดต้นนี่นา ต้นตัวหอมดี แต่สาบานเลยนะครับว่าผมไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ แค่ชอบกอดต้นเฉยๆ
     “ไหนๆ คุยเรื่องนี้แล้ว ดูเหมือนพวกเรามีแต่ชอบคนในภาคกันเองเนาะ ยกเว้นเรากับต้น”
     อ้าว? ผมพูดอะไรผิดเหรอ แก้วกับโอมหน้าแดงเชียว ก็มันจริงนี่นา แก้วก็ชอบโอม ส่วนโอมก็ชอบต้น อ๊ะลืมไป! สองคนนี้ยังไม่อยากเปิดเผยสินะ
     “เออ ช่างเถอะ จะว่าไปรุ่นพวกเรานี่ก็แปลกนะ ขนาดอาจารย์ยังบอกเลยว่ามีแต่พวกแปลกๆ ไม่เหมือนเด็กสายวิทย์ แถมปีนี้มีแต่คนหล่อๆ ด้วย”
     ว่าแล้วก็เก็กซะหน่อย ก็ผมหล่อจริงๆ นี่นา ฮ่าๆ
     “ยกหางตัวเองมากไปละแก”
     ป่านจิกเสียงใส่ผมซะงั้น สงสัยจะแค้นผมเรื่องพี่ชิน ฮ่าๆ
     “พวกมึงทำไรกันอยู่วะ?”
     เสือกเชียวนะเชี่ยมิว เสียงมันมาก่อนตัวอีก มิวนิคมันเดินตรงมาทางพวกผมเข้ามาแทรกแบบเนียนๆ ไอ้นี่ก็พยายามจัง ไอ้โค่มันเลิกบ้าไปแล้ว เหลือแต่ไอ้มิวนิคนี่แหละ ผมกลัวจริงๆ ว่ามันจะคิดจริงจัง ไม่มีทางสำเร็จหรอก มันเองก็รู้ตัวแท้ๆ จะกระโดดลงหลุมรักทำไมก็ไม่รู้
     “ก็กำลังคุยกันว่าในภาคเรารุ่นนี้มีแต่คนหน้าตาดีน่ะ”
     “ไม่ต้องชมกูก็ได้ กูเขิน”
     “ฉันชมตัวเองย่ะ ไอ้สมองกล้าม”
     “อ๋อเหรอ ยัยเตี้ยหอบแตงโม อย่างเธอถ้าไม่มีนมโตๆ นั่นผู้ชายก็ไม่มองหรอก หน้าตางั้นๆ อ่ะ”
     “แก๊! ไอ้ ไอ้...”
     “กูชมว่ามึงนมโตไม่ต้องเสริมอึ๋มมึงน่าจะดีใจนะเมย์ เหอะๆ”
     “ไอ้ปากโถส้วม!”
     “พอๆ นายมานี่มีไรรึเปล่ามิวนิค?”
     โธ่ ต้นไม่น่าตัดบทเลย ผมกำลังดูเชี่ยมิวกับเมย์เถียงกันมันๆ ต่างคนต่างหวงก้าง ตลกดีอ่ะ ฮ่าๆ
     “กู... มาแดกขนมฟรี”
     ว่าแล้วเชี่ยมิวก็เบียดตัวเข้ามานั่งกับพวกผมแล้วก็หยิบขนมกินหน้าตาเฉย เมย์ร้องลั่นเลย เพราะมิวนิคมันเนียนกินฟรีขนมตัวเอง
     “ไอ้บ้า! ใครอนุญาตยะ”
     “เออน่า แบ่งๆ กันไป น้ำใจอ่ะรู้จักป่าว”
     “น่าๆ ก็แบ่งๆ มิวนิคหน่อยเถอะเมย์ ถือว่าทำทานโปรดสัตว์”
     “มึงว่ากูเหรอต้น เดี๊ยะ!”
     “ฮ่าๆ”
     พวกเราหัวเราะครืนเลย ต้นนี่พอสนิทแล้วปากร้ายเยอะมากอ่ะ โชคดีนะที่พวกเรารู้แล้ว มิวนิคเองก็ชินแล้วเลยไม่ถือ ไม่งั้นเป็นเมื่อก่อนน่ากลัวมีต่อยกันปากแตกไปแล้วอ่ะ ไม่ดิ เชี่ยมิวแม่งเคลิ้มอ่ะ! เพราะต้นหัวเราะสดใสมาก ต้นลืมตัวหลุดหัวเราะออกมาแล้วก็ยิ้มด้วย ขนาดผมยังอดคิดไม่ได้เลยว่าน่ารัก มิวนิคมันมองตาค้างเลย แอบหน้าแดงนิดหน่อยด้วย จะว่าไปตอนต้นหัวเราะหรือยิ้มเต็มที่แบบนี้โคตรน่ารักเลย แล้วหลังๆ ต้นก็ยิ้มแบบนี้บ่อยด้วย ถึงส่วนมากจะเป็นตอนที่อยู่กับรุ่นพี่พวกนั้นก็เถอะ แต่พอผมโดนต้นด่าไปเมื่อวานผมก็เข้าใจนะ ปกติพวกเราในกลุ่มไม่ค่อยได้เม้าอะไรขำๆ แบบนี้ซักเท่าไหร่ ถึงจะมีแซวๆ กันบ้างก็เถอะ ต้นเลยไม่ค่อยได้ยิ้มแบบนั้น แต่พอยิ้มแล้วน่ารักสุดๆ มิน่าพักหลังคนมาจีบต้นตรึม โดยเฉพาะพวกที่เปิดตัวอยู่แล้ว มันหันมาเล็งต้นกันเพียบ
     “ผู้ชายอย่างนายนี่มันห่วยแตกจริงๆ”
     เมย์มันส่ายหัวทำท่าปลงกับอาการของมิวนิค อย่าไปว่าเขาหน่อยเลยยัยเมย์ เพราะผมเห็นนะ เมย์มันก็แอบหน้าแดงมองต้นยิ้มไปเขินไปเหมือนกัน
     “ตัวเองดีนักแหละ”
     “ก็ดีกว่าก็แล้วกันย่ะ อย่างน้อยๆ ยังมีคนมาจีบแหละ”
     “มีแต่พวกตาถั่วคนต่างคณะอ่ะดิ คนแถวนี้เขารู้นิสัยเธอกันหมดแล้วไม่ตาบอดมาจีบเธอหรอก”
     “เหรอจ้ะ แต่ก็ยังดีกว่านายก็แล้วกัน ไอ้แห้วตลอดชาติเอ้ย!”
     สองคนนี้มันก็เถียงกันไม่เลิก แต่ก็แปลกแฮะ มิวนิคมันไม่ยักจะโกรธยัยเมย์ ส่วนยัยเมย์ก็ไม่ได้ดูหงุดหงิดมากเท่าไหร่
     “มากไปละ ผู้หญิงอย่างเธอต่อให้แถมข้าวสารฟรีก็ไม่มีใครเอาหรอก”
     “ถ้าทั้งโลกเหลือแต่ผู้ชายแบบนายเรายอมเป็นทอม!”
     “อู๊ว แรงได้อีก ต่อเลยๆ เมย์ เฮ้ยมิวมึงอย่ายอมนะเว้ย จัดไปอย่าให้เสีย ไฝว้กันเลยเพ่น้อง!”
     พวกเรานั่งขำกับการต่อปากต่อคำของM&Mเพลิน แต่โจทย์ยัยป่านมาพอดี เป็นธรรมดาที่รุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันจะทักกัน แต่มันดันไม่ธรรมดาตรงที่วันนี้พวกเราในแก๊งรู้แล้วว่าป่านชอบพี่ชิน พวกเราก็เลยหันไปจ้องเป็นพิเศษ แก้วเองก็จ้อง โอมเองก็มอง ต้นนี่แอบเหลือบตามองทำท่าไม่ใส่ใจแต่คงลุ้นสุดๆ แม้แต่ยัยเมย์ยังยอมหุบปากเงียบพักยกการเถียงกับเชี่ยมิว เล่นเอาป่านดูเขินๆ พอพี่ชินไปแล้วมิวนิคเสือกโพล่งขึ้น
     “ป่าน มึงชอบพี่ชินเหรอ?”
     “มิวนิครู้ โลกรู้” สโลแกนที่ใครซักคนในภาคพูด ยัยป่านเลยหน้าถอดสี อึ้งไปเลย แต่พอตั้งสติได้มันก็ทำเนียนไม่รู้ไม่ชี้
     “ป๊าว! แกเอาไรที่ไหนมาพูด เออ เมื่อกี้พวกเราคุยกันถึงเรื่องไหนนะ ก่อนอิมิวจะมา แกอ่ะทำเสียเรื่องเลย พอแกมาก็ชวนคนอื่นทะเลาะ”
     “กูทำอะไรผิดวะเนี่ย?”
     มิวนิคท่าทางงงๆ แต่ไม่ยอมหลงกล
     “ละถ้ามึงไม่ชอบพี่เขา มึงหน้าแดงทำไมวะ ตกลงมึงชอบผู้ชายป่ะเนี่ย เห็นอยู่แต่กับไอ้เมย์ กูถามจริงๆ เหอะ ตกลงมึงเป็นทอมป่าววะ ไอ้ต้นเป็นงี้ไปคนละ ถ้ากูจะมีเพื่อนเป็นทอมอีกคนกูก็ไม่ถือ มึงสารภาพความจริงมาซะ”
     “ไอ้บ้า! แกว่าใครย๊ะ ฉันไม่ได้เป็นทอมย่ะ!”
     “ก็เห็นไม่สนใจผู้ชาย กูก็นึกว่าทอมดิ ยังนึกว่าเป็นเบี้ยนกับเมย์เลยด้วยซ้ำ”
     “ไอ้บ้ามิวนิค ความคิดต่ำมากเลยนะแก เรากับป่านเป็นเพื่อนซี้กันย่ะ!”
     “ก็กูเห็นกำลังฮิต แถมไอ้ป่านมันจบจากสตรีล้วนด้วยไม่ใช่เหรอ กูก็เลยคิดดิ”
     “ที่ฉันไม่ชายตาแลผู้ชายแถวนี้เพราะไม่ผ่านมาตราฐานฉันย่ะ แถวนี้มีแต่ของด้อยคุณภาพ!”
     “แรงนะมึง ตัวมึงอ่ะมีคุณภาพตายล่ะ ยัยป้าสี่ตา แว่นก็แว่น สวยได้ซักครึ่งนึงของแก้วก่อนเหอะ!”
     พอถูกชมแก้วก็เลยยิ้มหน้าบาน แอบแก้มแดงนิดหน่อยด้วยแฮะ แต่มันก็จริงนะ แก้วสวยที่สุดในรุ่นเราเลย เพราะมีกันอยู่แค่สามคน ฮ่าๆ ส่วนเมย์จะออกไปแนวน่ารักมากกว่า ป่านที่ดูธรรมดาๆ เลยดูไม่เด่น พอจับกลุ่มกันแล้วเลยกลายเป็นคาแรคเตอร์สาวเท่ขึ้นมาซะงั้น ส่วนผมกับต้นแล้วก็โอมก็นั่งขำกันจนปวดท้องแล้ว ฟังพวกนี้เถียงกันแล้วสนุกดีแฮะ
     “ขอบใจนะมิวนิค”
     “ไม่เป็นไรหรอก ก็เธอสวยจริง น่ารักจริง นิสัยก็ดี ไม่เหมือนคนแถวนี้อีกสองคน ไม่รู้ว่าหลงมาคบกันได้ไง พูดเลยนะ ถ้าให้เราจีบหญิงซักคนในภาค เราจะจีบเธอนี่แหละ คุณภาพสุดแล้ว”
     “เห็นด้วยยยยย ว่างั้นป่ะโอม”
     เอาซะหน่อย ผมชงไปแล้ว รอดูว่าโอมจะตอบกลับยังไง
     “หะเราเหรอ? อืม ก็คงงั้นมั้ง?”
     โอมตอบแบบงงๆ เพราะยังเอ๋อๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่แก้วนี่หน้าแดงเถือกทั้งหน้าแล้วอ่ะ โอ๊ย ขำ ฮ่าๆ ผมว่างานนี้มีคนความลับแตกสองคนแน่ๆ ฮ่าๆ
     “พวกนายก็! จะเกินไปแล้วนะ ต้นถ้าเป็นนาย นายจะเลือกใคร”
     นั่น เมย์ใช้ไม้ตายหันไปเค้นคอต้นให้ช่วย ยังไงยัยเมย์ก็ยังไม่ทิ้งนิสัยมีอะไรก็ชอบมาบังคับต้นแฮะ ฮ่าๆ
     “เอ่อ... พวกเธอลืมไปแล้วเหรอ เราเป็นเกย์ เราไม่จีบผู้หญิงหรอก”
     “ฮ่าๆ โอ๊ยขำว่ะ!”
     ผมทนไม่ไหวแล้วอ่ะ ปวดท้องสุดๆ ต้นมันตบมุกหน้าตายมาก ฮ่าๆ
     “โหยต้นอ่ะ ไม่ช่วยเพื่อนเลย ตอบๆ มาหน่อยเถอะน่า”
     ป่านมันหันมาไล่เบี้ยเอากับต้นอีกคน แต่พวกป่านกับเมย์ลืมอะไรไปอย่างนะ ฮ่าๆ
     “เฮ้อ... ถึงจะให้เราตอบให้ แต่เราคนเดียวจะตอบว่าจีบพวกเธอสองคนพร้อมกันได้ยังไง พอเหอะ เลิกๆ เถียงกันเยอะแล้ว”
     นั่นไง ต้นเอาตัวรอดไปได้แบบเนียนๆ ฮ่าๆ ต้นฉลาดชะมัดเลย!
     “เออจริงด้วย!”
     ป่านทำหน้าเหมือนพึ่งนึกออก ส่วนเมย์ก็ดูเอ๋อๆ ไปเลย ฮ่าๆ แต่แล้วป่านก็เผือกต่อ ต้องแบบนี้สิเพื่อนผม!
     “งั้นเราถามต้นหน่อยสิ สมมุติว่า... ถ้าให้ต้นเลือกจีบผู้หญิงซักคนในภาคนี้อ่ะ ต้นจะจีบใคร ปีไหนก็ได้เอ้า แบบ... สมมุติว่าต้นไม่เคยเจอแฟนมาก่อนอ่ะ แล้วก็มาเรียนที่นี่ แล้วก็ปิ๊งสาว ต้นจะปิ๊งใครเหรอ”
     ต้นดูอึ้งๆ กับคำถาม ผมว่านะในสมองต้นต้องกำลังหาทางหนีทีไล่อยู่แน่ๆ
     “มะ.. ไม่รู้สิ”
     “โห ตอบหน่อยดิแก บอกๆ มาเหอะ ขำๆ น่า”
     “ใช่ๆ บอกหน่อยน่า เราอยากรู้”
     ผมเองก็อยากรู้นะ ผมรู้แล้วว่าเสป็คต้นชอบคนแก่ ไม่ดิ ต้นชอบคนที่ดูอบอุ่นเป็นผู้ใหญ่ แต่ว่าถ้าเป็นผู้หญิงต้นจะชอบแบบไหนผมก็อยากรู้เหมือนกัน ต้นจะชอบแนวพี่สาวใจดีรึเปล่าน้า? เพราะความอยากรู้ผมเลยช่วยคู่หูP1ของผมเร่งเร้าเอาคำตอบจากต้น พอต้นโดน2Pจอมป่วนอย่างผมกับป่านจับมือกันคาดคั้นต้นก็หนีไม่รอดตอบออกมาแบบอ้อมแอ้ม
     “เอ่อ... พี่เพ็ญมั้ง?”
     “พี่เพ็ญ!?”
     พวกเราห้าคนรวมทั้งไอ้มิวเผลอตะโกนประสานเสียงกันออกมาโดยพร้อมเพรียง แม้แต่โอมยังอ้าปากค้างเลย
     “แต่พี่เพ็ญแกเป็นทอมนะต้น!” 
     พี่เพ็ญเป็นทอมแมนๆ แบบที่ไม่แต่งตัวห้าวแนวบอย แต่เท่โคตร ต้นชอบแบบนี้เหรอเนี่ย?
     “ก็... ก็นายถามว่าผู้หญิงนี่ พี่เพ็ญก็เป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”
     “แต่นั่นน่ะ ทอมนะ นายไม่รู้จริงๆ เหรอต้น?”
     “ก็รู้... แต่ พี่เพ็ญนิสัยสุขุมดีออก เป็นผู้ใหญ่ดีด้วย แล้วก็สุภาพมากๆ ใจดีอีกต่างหาก อยู่ด้วยแล้วอบอุ่นดีออก ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าใครได้เป็นแฟนกับพี่เขาก็โชคดีทั้งนั้นแหละ”
     ผมว่าต้นนี่ชัดเจนมากเลยแหละ ต้นน่ะไม่มีทางจะชอบผู้หญิงได้หรอก ถึงต้นจะไม่รู้ตัวแล้วไปแต่งงานกับผู้หญิง แต่ต้นก็จะต้องได้กับผู้หญิงห้าวๆ ชัวร์! ว่าแต่... ต้นหัวอ่อนกว่าที่ผมคิดอีกแฮะ
     “แล้วถ้าเป็นผู้ชายอ่ะต้น ต้นจะชอบใคร?”
     ทันทีที่ผมถามจบ ต้นก็หน้าแดง
     “บ้า! ไปป์ก็ ถามอะไรก็ไม่รู้”
     “เออ บอกๆ มาเหอะ ไม่ต้องแอ๊บ สนิทกันถึงขนาดนี้แล้ว”
     นั่นๆ หูผึ่งเชียวนะเชี่ยมิว กูว่าไม่ใช่มึงหรอก เลิกหวังไปได้เลย
     “ใช่ๆ บอกหน่อยสิแก ฉันอยากรู้อ่ะ”
     แม้แต่ป่านยังช่วยเร่ง พวกเรากดดันต้นโดยที่ทุกสายตาพากันจ้องมองจนต้นแทบทะลุละ เสียงเด็กรุ่นน้องเดินลงมาจากตึกพอดี ชิ! จะได้เวลาพวกผมเข้าเรียนแล้วเหรอเนี่ย ต้นหนีอีกแน่ๆ
     “ปะ ไปเหอะ ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว”
     นั่นไง! ต้นนี่ชอบหนีจริงๆ เพื่อนผมคนนี้เกลียดการเผชิญหน้าทุกรูปแบบ ชอบหนีไปดื้อๆ ทุกที
     “หนีอีกแล้วอ่ะ อย่าหนีดิต้น น่านะ บอกหน่อย ไม่เอาไปบอกใครหรอก”
     ผมพยายามตื้อต้นเต็มที่
     “ก็... ก็เคยบอกไปแล้วไงว่าพวกนายแถวนี้ไม่มีใครโดนใจเราหรอก”
     “เออ! ชอบคนแก่อ่ะสิมึง”
     ไอ้มิวนิคมันกระแทกเสียง ส่วนพวกสาวๆ ก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะเสียดาย คนอื่นๆ อาจจะไม่ทันสังเกต แต่ผมนั่งอยู่มุมเยื้องๆ กับต้นเลยเห็น สายตาของต้นตอนที่พูดเมื่อกี้มันแอบเหลือบมองไปทางโน้นแว๊บนึง ผมเห็นต้นเผลอมองเลยไปสบตากับใครคนนึงที่กำลังเดินลงมาจากตึกพอดี แล้วผมก็เห็นคนๆ นั้นมองสบตาต้นกลับมาด้วยแหละ รุ่นน้องของพวกเราเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เฮฮาประสาเพื่อน
สงสารป่าน สู้เขานะป้าแว่น! เข้าใจว่าผู้ชายโตเป็นสาวเยอะ ชะนีอย่างพวกเราเลยหาแฟนยาก
ตอนนี้น้องไปป์น่ารักจริงๆ มุ้งมิ้งแบบเกรียนๆ มียุชาวบ้านตีกันอีก เริ่มมีคนหลงรักลูกหมาน้อยตัวนี้แล้วยังน้า?
มิวนิคกับเมย์ด่ากันแรงมาก ผู้ชายบางคนเป็นงี้จริงๆ นะ ปากไม่มีหูรูดกับผู้หญิงจนน่าตบอ่ะ แต่สโลแกนนั้นจริงๆ ไม่ใช่มิวนิคนะ หึๆ มิวนิคมันแค่ชอบปรึกษากับเพื่อนในกลุ่ม แต่เพื่อนในกลุ่มมันคนนึงดันปากสว่าง ไอคนแรกในข่าวลือนั่นแหละ ฮ่าๆ
ว่าแต่เมย์ทำตัวดีขึ้นมั้ย? โอเคขึ้นเนอะ แปลกเนาะ นิยายเรื่องนี้ไม่มีกองทัพสาววาย เห็นเรื่องอื่นเวลามีฉากเปิดตัวเกย์ในเรื่องก็จะมีปฏิกิริยาสองแบบ ถ้าไม่ต่อต้านรับไม่ได้ก็จะออกแนวกองอวยสาววายกรี๊ดกร๊าดสุดฤทธิ์ แต่สามสาวดันไม่มีใครแสดงออกแบบ"สาววาย"เลย เขาก็แค่ยอมรับต้น ต้นจะเป็นอะไรก็คือเพื่อน สามสาวมองแบบนี้แค่นั้น เหอะๆ เราว่าความจริงใจแบบนี้มันดูจับต้องได้มากกว่าการให้เพื่อนมาพูดกับต้นว่า "ไม่ว่าแกจะเป็นอะไรแกก็เป็นเพื่อนฉัน" ซะอีก ทุกคนในกลุ่มจะพยายามไม่พูดเรื่องนี้แล้วทำตัวปกติกับต้นเหมือนเดิมเพื่อให้ต้นสบายใจ ใครๆ ก็รักต้นน้า... ทุกคนโอ๋ต้นสุดๆ คาดว่าอาร์ทคงปวดตับ เอิ้กๆ

ตอนนี้เราแอบฮานะ แต่งเองขำเอง ต้นร้ายอ่ะ เกือบละน้องต้น หนูเกือบสาวแล้วลูก  :impress2:  ต้นตอนนี้เริ่มปากเสียใกล้เคียงเวลาอยู่กับเมษแล้ว แม้จะยังแอ๊บๆ ไว้บ้าง นี่แหละที่เขาเรียกว่าละลายพฤติกรรม เหอๆ

ว่าแต่ไปหักหน้าพี่บอมแบบนั้นได้ยังไง แล้วรุ่นน้องปริศนาคนนั้นนี่ใครวะ? เอาละสิ สนุกแน่ๆ พาร์ทนี้เป็นเรื่องป่วนๆ ในรั้วมหาลัย แต่! ได้ข่าวว่าพระเอก(ผัวตัวเอก)ไม่อยู่แถวเน้! เอาละสิๆ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วต้นจะฝ่าฟันไปได้ยังไง พี่ชัชจะมีบทได้หรือไม่ หรือเฮียแกจะหายต๋อมจนถูกลืมแบบโอม เหอะๆ ติดตามกันต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน10
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 20:31:41
ชัยชัช

     “พี่ชัชครับ เห็นกระดาษโน้ตที่ผมวางไว้บนโต๊ะมั้ยครับ?”
     “หือ? หมายถึงไอ้นี่เหรอ?”
     ผมโบกแผ่นกระดาษที่หยิบมาอ่านให้ไอ้ต้นมันดู พอไอ้ต้นมันเห็นก็เดินมานั่งข้างๆ ผม แล้วก็เริ่มสวดผมอีกละ
     “ผมหาอยู่ตั้งนาน ถ้าจะหยิบไปก็บอกกันหน่อยสิครับ”
     “โทษที พี่แค่อยากดูว่ามีอะไรในลิสบ้าง”
     แม่งลิสเยอะชิบเป้ง! เดือนนี้ผมแอบช็อตด้วยอ๊ะ แต่บอกไอ้ต้นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นเกิดมันสงสัยขึ้นมาว่าผมเอาตังค์ไปทำอะไรความฉิบหายบังเกิดแน่ๆ ครับ!
     “ว่าแต่พี่ชัชอยากซื้ออะไรเพิ่มรึเปล่าครับ?”
     พอเห็นสายตาซื่อๆ ที่มองตรงมาของมันผมก็พูดอะไรไม่ออก เพราะในลิสนอกจากข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านก็มีแต่พวกของกินทั้งนั้นแหละ มีแต่ของจำเป็นที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ไอ้ต้นมันแทบจะไม่ได้ซื้ออะไรให้ตัวเองเลย สงสัยผมต้องตัดงบกินดื่มของตัวเองแทนแล้วครับ ช่วงนี้ยอมอดเบียร์ไปก่อนก็ได้วะ!
     “ไม่ดีกว่าจ้ะ พี่ไม่อยากได้ไรเพิ่มหรอก”
     ถึงไอ้ต้นมันจะงกเป็นนิสัย ค่อนข้างประหยัดอดออม แต่ขอบอกว่าความจริงแล้วมันคุณหนูมากครับ รสนิยมความเคยชินของมันทุกอย่างไม่ใช่คนประเภทหยิบของใช้ปั้มยี่ห้อตราห้างเล้ย มันเป็นพวกใช้แต่ของดี สมมุติว่าถ้ามีน้ำยาปรับผ้านุ่มสองยี่ห้อ ยี่ห้อนึงโคตรถูกซื้อสองแถมหนึ่ง แต่ไม่หอมผ้าไม่นุ่ม ไอ้ต้นมันก็ไม่แลหรอกครับ มันไม่ใช่คนประเภทเห็นแก่ของถูกจนไม่สนใจคุณภาพแต่เป็นประเภทชอบอันไหนใช้แล้วดีมันก็จะติดใจใช้แต่อันนั้นแหละ แม้ว่าเวลาผ่านไปแล้วสินค้าจะขึ้นราคาจนแพง มันก็จะบ่นงึมงัมเป็นหมีกินผึ้งแต่ก็จะยังหยิบของที่ว่าลงรถเข็นอยู่ดีนั่นแหละ จนกว่าจะไม่ไหวจริงๆ มันถึงยอมเปลี่ยน
     ผมเห็นเวลามันช็อปปิ้งทีก็รู้เลยว่าไอ้ต้นไม่เคยลำบากหรอก แม่งหยิบแต่ละอย่าง ราคาระดับพรีเมี่ยมในเชลฟ์วางของทั้งนั้น อันที่จริงผมก็สังเกตมาตั้งนานแล้วนะ ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน พี่น้ำคงเลี้ยงไอ้ต้นมาแบบโคตรสบาย ไม่ดิ... ตอนเด็กๆ มันอาจจะลำบาก แต่มันไม่เคยอยู่อย่างอดอยากหรืออยู่อย่างลำบากหรอก ไม่เหมือนสมัยผมเด็กๆ ที่เคยมีบางช่วงที่แม่ชักหน้าไม่ถึงหลังเพราะลูกตั้งสามคนไล่กันๆ ค่าใช้จ่ายเลยเยอะ ส่วนพี่น้ำ... ผมเดาเอาว่าต่อให้มีปัญหา คนอย่างพี่น้ำก็ไม่มีทางบอกอะไรไอ้ต้นหรอก คงจะทำเหมือนปกตินั่นแหละแล้วตัวเองก็แอบไปเหนื่อยคนเดียว ผมนับถือพี่น้ำโคตรๆ เลี้ยงลูกมาตัวคนเดียวได้ไงวะ ไอ้ต้นถึงได้ออกมาเป็นคุณหนูระเบียบขนาดนี้ ไอ้ต้นมันได้รสนิยมแม่มันมาชัดๆ อย่างไฮฯอ่ะ มันชินกับการใช้แต่ของดีๆ หมดทุกอย่าง ถึงมันจะไม่ฟุ่มเฟือยก็เถอะ แต่เอาเถอะครับผมไม่ใช่คนซักผ้า ผมไม่เข้าใจหรอกว่าแฟ้บแต่ละยี่ห้อต่างกันยังไง ไอ้ต้นมันอยากใช้อันไหนก็ตามสบายครับ ให้มันเลือกยี่ห้อที่มันชอบไป จะได้ไม่กัดมือมัน เดี๋ยวมือเมียผมด้านหมด ฮ่าๆ
     “ยิ้มอะไรครับ”
     “มองแม่บ้านคนเก่งของพี่ไง แล้วนี่เรียบร้อยยังครับ จะได้ไปกัน”
     “งั้นก็คืนกระดาษผมมาก่อนสิครับ ผมจะได้ไปเช็ครายการรอบสุดท้าย เหมือนผมว่าผมจะลืมอะไรไปซักอย่าง”
     “คร้าบ เสร็จแล้วเรียกพี่นะ พี่นั่งดูทีวีรอ”
     พอผมคืนกระดาษให้ไอ้ต้นมันก็รับไปแล้วบ่นงึมงัมเดินเข้าห้องนอน อะไรก๊าน! แฟนผมยังไม่ยี่สิบเต็มเลย มันหลงๆ ลืมๆ แบบนี้ได้ยังไง ดูช่วงนี้ไอ้ต้นยุ่งๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ สงสัยเรียนหนักมาก เท่าที่ผมแอบสืบมา มันแทบไม่ค่อยได้ไปไหนกับไอ้เด็กเวรนั่นละ เพราะมัวแต่ติวกับเพื่อนมันเกือบทุกวัน สะใจผมเป็นบ้า! ขยันๆ เข้าไว้นะที่รัก จะได้จบสูงๆ มีงานดีๆ ทำให้พี่เกาะตอนแก่ ฮ่าๆ
     ผมนั่งดูทีวีรอซักพักมันก็เดินออกมา หืม... มันเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเว้ย วันนี้มันแต่งตัวหล่อเชียว เสื้อยืดสีขาวแขนยาวแต่งกระดุมกับยีนส์เข้ารูปสีดำ แถมมันยังพึ่งไปตัดผมมา ได้ข่าวว่าทรงนี้น้องเมษเลือกให้ ผมที่ยาวๆ ไม่เป็นทรงเลยหายไปเหลือแต่หน้าใสๆ ของมัน น่ารักจริงเมียพี่ มีแต่แว่นตานั่นแหละครับที่ยังเกะกะอยู่เหมือนเดิม พักนี้เมียผมชักแต่งเนื้อแต่งตัวดูดีขึ้นทุกวัน ผมมองตัวเองที่ใส่กางเกงขาสั้นแบบตลาดนัดแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยดี ไปเปลี่ยนหน่อยดีกว่าครับ ถ้าไอ้ต้นมันแต่งขนาดนี้แปลว่าไม่ได้ไปแค่ห้างดอกบัวใกล้บ้านชัวร์
     “เสร็จละเหรอ งั้นเดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเกงแป็บ”
     ผมสะบัดตูดลุกขึ้นจากโซฟาแล้วก็ขโมยจูบมันทีนึง ส่วนไอ้ต้นมันก็ยิ้มรับจูบผม
     “ครับ”

     และแล้วพวกผมก็จรลีออกจากคอนโด ขับรถผ่าวิกฤตบนถนนศรีนครินทร์ ตัดเข้าเส้นบางนา มาที่ กม.8 แต่ตอนนี้ผมกำลังติดแหง็กอยู่ตรงทางเข้าลานจอดรถครับ ธรรมดาของวันหยุด รถเยอะชิบเป้ง!
     “คือ... ต้นครับ พี่ถามหน่อยสิ ทำไมเราต้องถ่อมาถึงนี่ด้วยครับ?”
     ไอ้ต้นมันละสายจากการมองซอกแซกหาช่องว่างสำหรับจอดรถหันมามองหน้าผมตาเขียวหน่อยๆ
     “พี่ชัชไม่อยากมาเหรอครับ?”
     “คือ เปล่าครับที่รัก คือ... พี่แค่สงสัย นึกยังไงชวนพี่มาซื้อของถึงนี่”
     “ก็... เห็นคนเขาบอกที่อิเกียมีของแต่งบ้านเยอะดีครับ บางอย่างก็ถูกดีด้วย แล้วแถวนี้ก็มีร้านอาหารตั้งเยอะ บรรยากาศก็ดี ผม... อยากมาเปิดหูเปิดตาบ้าง นานๆ จะได้ไปไหนกับพี่ชัชสองคนซะที”
     อืม มันงอนนะ ผมว่ามันงอนผมแหละ ถึงจะพูดบ่นทำนองน้อยใจแบบเจียมตัว แต่แก้มป่องๆ นั่นกับหน้าเชิ่ดๆ มันงอนผมชัวร์ครับ มันกำลังด่าผมอยู่ว่าหัดพามันไปดินเนอร์นอกบ้านบ้าง และผมขอบอกเลยว่าถ้าไอ้ต้นมันเข้าโหมดนี้เมื่อไหร่ละก็ อย่าไปเถียงมันครับ เพื่อความสงบสุขของรูหูผม เงียบไว้แล้วฉีกยิ้มเอาใจยอมๆ มันไปดีที่สุด
     “แถวนี้มีห้างตั้งเยอะด้วย พอดูของที่อิเกียเสร็จแล้วค่อยไปช็อปปิ้งในซุปเปอร์มาร์เก็ตต่อก็ได้ เสร็จแล้วค่อยหาอะไรทาน ไม่ดีเหรอครับ?”
     แล้วผมจะตอบอะไรได้ครับ วันนี้ไอ้ต้นอารมณ์แม่บ้านเข้าสิงซะขนาดนี้
     “ดีจ้ะ”
     ชะอุ่ย! ไหงทำหน้าบึ้งขมวดคิ้วแบบนั้นล่ะครับเมียพี่
     “พี่ชัชประชดผมเหรอครับ? ถ้าไม่อยากมาก็บอกสิครับว่าอยากพักผ่อนอยู่บ้าน ผมขับมาเองก็ได้”
     “เปล่าคร้าบ พี่ไม่ได้ประชด”
     “ก็พี่ชัชถามเหมือนไม่อยากมา!”
     นั่นสะบัดเสียงใส่ผมซะงั้น วันนี้วีนแตกจังเลยวุ้ยอีแก่ของพี่
     “คือ... พี่ก็แค่แปลกใจเฉยๆ ครับ เห็นปกติต้นไม่ค่อยสนใจอะไรทำนองนี้ แต่วันนี้อยู่ๆ ชวนพี่มาถึงนี่เชียว อยากได้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ?”
     อ้าว... หน้าแดงด้วยเว้ยเฮ้ย ท่าทางผมจะเดาถูกชัวร์ป๊าบ วงเงินในบัตรเครดิตผมยังเหลืออีกเท่าไหร่วะ!?
     “ก็... นิดหน่อยแหละครับ ผมอยากได้ชั้นวางของในตู้เสื้อผ้าเพิ่มนี่นาจะได้แบ่งเสื้อผ้าของผมกับพี่ชัชให้เป็นสัดส่วน แล้วพวกหนังสือเรียนของผมด้วย ตู้ในห้องทำงานของพี่ชัชมีแต่ของๆ พี่ชัชเต็มไปหมด ผมไม่มีที่เก็บของนี่ครับ เลยอยากมาดูไว้ก่อน แต่ถ้ามันไม่โอเคผมก็ยังไม่ซื้อหรอก แค่... อยากมาดูไว้เฉยๆ เพื่อจะเจออะไรที่ใช้ได้”
     เออ! จริงด้วยแฮะผมลืมไปซะสนิทเลย ไอ้ต้นมันอยู่กับผมมาตั้งสองปีแล้ว ข้าวของส่วนตัวมันจะเพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งพวกของบางอย่างที่มันเก็บมาจากห้องตัวเองก่อนปล่อยเช่าอีก มันแพ็คใส่กล่องแล้วก็เอามาฝากไว้ห้องผมนี่แหละ แต่ผมไม่ได้ใส่ใจเพราะปกติต้นมันเป็นคนจัดการเรื่องในบ้านเองอยู่แล้ว ประกอบกับนิสัยไม่เรื่องมากของมัน เลยไม่ค่อยมีของใช้ส่วนตัวอะไรมากมาย
     แต่จะว่าไปผมก็เห็นอยู่นะ ไอ้กองตำราสารพัดเล่มที่มันใช้อ่ะ ปกติไอ้ต้นมันชอบวางของๆ มันไว้ในห้องนอน ทั้งกระเป๋าเป้ทั้งหนังสือ ผมเห็นมันวางไว้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งตัวเก่าของฟ่างนั่นแหละ ผมไม่ได้ใช้โต๊ะตัวนั้นอยู่แล้วเลยยกให้มันไป บางทีมันก็นั่งอ่านหนังสือทำการบ้านตรงนั้นเหมือนกัน เห็นทีผมคงต้องคิดเรื่องซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าห้องจริงๆ จังๆ ซักที ผมไม่เคยถามต้นเลยแฮะว่ามันอยากได้อะไรเพิ่มสำหรับตัวเองรึเปล่า เพราะของใช้ทุกอย่างเป็นของเก่าตั้งแต่สมัยผมอยู่กับฟ่างทั้งนั้น
     “ขอโทษนะครับ พี่น่าจะสังเกตให้เร็วกว่านี้”
     “พี่ชัชไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับ ไม่ต้องขอโทษผมก็ได้ ก็พี่ชัชงานยุ่งนี่นา แถมไม่ค่อยได้กลับห้อง ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ”
     มันตอบแบบงอนๆ นิดหน่อย แต่เสียงงุ้งงิ้งๆ ของมันโคตรน่ารักเลยครับ เวลามันทำแบบนี้ทีไรผมอดยิ้มไม่ได้ทุกที หึๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าเราต่อแถวกันอยู่กลางลานจอดรถมีเบนซ์กับเฟียสต้าประกบหน้าหลังนะน้อง พี่จะจับมาดูดปากซักทีสองที
     “คร้าบ ละเราอยากได้แบบไหนล่ะ? คิดเอาไว้แล้วยัง?”
     “อืม ก็พอดูๆ ไว้แล้วแหละครับ ผมเห็นในแคทตาล็อกวันก่อน พอดีเพื่อนผมเค้าเอาแคทตาล็อกสินค้าไปที่มหาวิทยาลัยน่ะครับ แล้วผมเปิดดูผ่านๆ ก็เห็นว่ามีของบางชิ้นน่าสนใจดี เลยว่าอยากลองมาดูของจริงก่อนน่ะครับ แล้วค่อยตัดสินใจอีกที”
     อืม มิน่าผมเห็นในกระดาษโน้ตนั่นแม่งเขียนอะไรยุกยิกเต็มไปหมดเลย กว้างคูณยาวคูณสูง ไอ้ตอนแรกผมก็สงสัยนะว่าอะไร แต่ตอนนี้ชัดละ แม่งวัดมาขนาดนั้น ผมว่าวันนี้คงไม่พ้นได้แบกตู้กลับบ้านแน่ๆ เลยว่ะ เอาเถอะครับก็มันจำเป็น
     แล้วผมก็ต้องมาเดินเข็นรถเข็นตามไอ้ต้น ผมพึ่งรู้นะเนี่ยว่ามันไม่เคยมา สีหน้าของมันอย่างกับเด็กแน่ะ เดินดูโน่นดูนี่ท่าทางมีความสุขน่าดู จะว่าไปของที่นี่ก็เยอะจริงๆ นั่นแหละ แต่ไงดีล่ะ ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องแต่งบ้านอะไรทำนองนี้มั้ง ตอนอยู่กับฟ่างๆ ก็เป็นคนเลือกหมดเกือบทุกอย่าง คุณคิดเหรอครับว่าถ้าอยู่กับผู้หญิงอย่างฟ่างแล้วผมจะมีโอกาสได้ออกความเห็น หน้าที่ของผมก็มีแค่ “ดีจ้ะ” “สวยครับ” “ตามใจฟ่างเลย” สามประโยคเท่านั้นแหละครับ นี่ยังดีนะไอ้ต้นมันไม่เอาแต่ใจมากเท่าฟ่าง อย่างน้อยๆ เวลามันจะทำอะไรมันยังเกรงใจมาขออนุญาตผมก่อน แต่ลงท้ายผมก็ตามใจเมียอยู่ดีนั่นแหละ เพราะผมไม่มีความเห็นจริงๆ มันเป็นคนใช้ก็ให้มันเลือกไปเหอะครับ
     เดินเข็นรถเข็นตามมันได้ซักพักไอ้ต้นมันก็ตัดสินใจได้ มันซื้อชั้นแขวนในตู้เสื้อผ้ากับชั้นวางของเล็กๆ แบบตั้งพื้น เพราะคอนโดผมไม่เอื้ออำนวยกับการเจาะผนังทุกประการ ถ้าใครจะซื้อบ้านซื้อคอนโดก่อนซื้อก็อย่าลืมถามเขาก่อนนะครับ ผมเห็นคนเจ็บมาเยอะละ ผนังห้องกากๆ ตอกอะไรเข้าไปก็ไม่อยู่ ติดตั้งชั้นแขวนอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ราวผ้าม่าน D.I.Y เหี้ยชิบ! บ้านสมัยนี้วัสดุคุณภาพต่ำชิบหาย เก็บเงินมาทั้งชีวิตแต่ลงท้ายก็ได้บ้านทุเรศๆ หนึ่งหลัง เหอะๆ
     แต่ที่อิเกียของเขาก็ดีจริงๆ แฮะ ผมเองก็ชอบนะ เดินดูของไปเรื่อยๆ เพลินดีเหมือนกัน เพราะของเยอะชิบ เรื่องราคาไม่ถูกมากเท่าไหร่ แต่สไตล์กับประโยชน์ใช้สอยสำหรับห้องพักที่มีพื้นที่จำกัดนี่ผมว่าอิเกียเขาเด็ดจริงๆ มิน่าไอ้ต้นเห็นแล้วตาลุกวาวเชียว ตอนเข็นไปจ่ายตังค์งี้นะ หน้าบานแก้มปริเชียว ผมจะทำไรได้ ก็ควักการ์ดออกมารูดสิครับ แล้วก็ทำนิ่งๆ ไว้ อย่าให้มันระแคะระคาย เดี๋ยวผมจะซวยเอา
     พอแบกของกลับไปเก็บที่รถกันเสร็จผมก็ถูกมันลากทำท่าจะพาไปซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตต่อ แต่ผมชักหิวแล้วเลยชวนมันให้หาอะไรกินกันก่อน เพราะพวกเราเสียเวลาในอิเกียไปเยอะเหมือนกันครับ
     “หาไรกินกันก่อนเถอะต้น พี่หิวอ่ะ”
     “เอางั้นเหรอครับ ... อืม แล้วพี่ชัชอยากทานอะไรล่ะครับ?”
     มันหันมามองผมแล้วก็ลังเลนิดหน่อย แต่ลงท้ายก็ตามใจผม สำเร็จล่ะ ได้พักซะที ผมปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวแล้ว บางอารมณ์ต้นมันก็เหมือนเด็กจริงๆ นะ ผมนึกถึงตอนที่ผมพาหนูน้ำหวานไปเที่ยวงานวันเด็กเลย ลากผมไปโน่นไปนี่ไม่หยุด
     “แล้วต้นอยากกินอะไรล่ะครับ เป็นคนชวนพี่มาแถวนี้เนี่ยเราก็ต้องเป็นไกด์ให้พี่ด้วยสิ”
     “ผม! ... ผมเคยมาแถวนี้ที่ไหนละครับ”
     นั่นมันทำหน้ามุ่ยไปนิดนึงก่อนจะอ้อมแอ้มตอบผม เฮ้อ... เอาก็เอาวะ!
     “งั้นก็เดินดูไปเรื่อยๆ แล้วกัน เราอยากกินอะไรก็บอกล่ะ”
     “ครับ”

     ถึงจะเป็นเดือนมกราคม แต่อากาศยังเย็นอยู่เลยครับ เพราะฉะนั้นฟ้าเลยมืดเร็ว บรรยากาศกำลังโพล้เพล้เลย ตามลานด้านนอกตรงระเบียงมีร้านเปิดท้ายเต็มไปหมด ไอ้ต้นงี้เดินไปชะเง้อไปเชียว ระวังคอจะเคล็ดนะน้องเอ้ย
     “สนใจเหรอครับ แวะดูมั้ย?”
     “เอ่อ ไม่หรอกครับ ผมก็มองไปงั้นแหละ”
     “ไม่อยากได้เหรอ? พี่เห็นมองใหญ่เลย”
     “ไม่หรอกครับ ก็มองเฉยๆ เห็นมันน่ารักดี”
     “พี่ซื้อให้”
     “ไม่ต้องหรอกครับพี่ชัช เปลืองเปล่าๆ ผมไม่ได้อยากได้ซักหน่อย ไปเถอะครับ พี่ชัชหิวแล้วไม่ใช่เหรอ”
     นั่นไง เมียผมงกเป็นที่หนึ่ง มองจนคอจะเคล็ดอยู่แล้วดันบอกว่าไม่อยากได้ ไอ้ต้นมันดันหลังผมให้เดินต่ออย่างกับเด็ก แต่ไอ้ตรงนั้นอ่ะผมกำลังปวดพอดีเลยครับ แม่งเจ็บจี๊ดเลยอ่ะ!
     และแล้วเราก็เลือกร้านราเม็งชื่อดัง เพราะอากาศดีพวกเราก็เลยเลือกนั่งโต๊ะด้านนอก แต่ไปๆ มาๆ ผมชักรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดซะแล้ว ทำไมมีคนเหล่เมียผมเยอะจังวะ กูเห็นนะมึ๊ง! แอบส่งยิ้มให้เมียกู
     สุดที่รักของผมไม่ได้ใส่ใจสายตาหื่นกระหายที่จ้องมองตัวมันเองเล้ย สนใจแต่ราเม็งตรงหน้าเท่านั้นแหละ นี่ไอ้ต้นมันเปลี่ยนรสนิยมจากสปาเก็ตตี้แบบยุโรปเป็นราเม็งแบบญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ? พักนี้ดูเหมือนมันจะบ้าอาหารญี่ปุ่นหน่อยๆ
     “ไม่อร่อยเหรอครับพี่ชัช?”
     “อร่อยจ้ะ”
     พอผมบอกว่าอร่อย มันก็ยิ้มให้ผมแล้วลงมือกินต่อ บางทีผมก็อดถามตัวเองไม่ได้ เพราะแฟนผมอายุน้อยกว่าผมมากรึเปล่า บางครั้งผมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองแก่ ถึงไอ้ต้นมันจะขี้บ่นก็เถอะ แต่บางทีมันก็มีมุมซื่อๆ เหมือนเด็กแบบนี้เยอะเหมือนกัน ทำไมผมจะไม่รู้ ต้นมันเห็นผมเป็นตัวแทนของ“พ่อ” ผมเองก็ไม่รังเกียจที่จะเล่นบทแบบนั้นหรอกครับ เหมือนอย่างตอนนี้ ท่าทางใสๆ ดีใจกับอะไรนิดๆ หน่อยๆ นี่เหมือนเด็กชะมัดเลย ทั้งๆ ที่อีกไม่นานแฟนผมก็จะอายุครบยี่สิบแล้วแท้ๆ
     “ต้นกินไปก่อนนะ พี่ไปเข้าห้องน้ำแป็บว่ะ”
     ต้นมันทำหน้าเหลอหลาเลยครับ มันเงยหน้าขึ้นมามองผมทำตาโตทั้งๆ ที่ยังมีเส้นราเม็งคาปาก ฮ่าๆ
     “อื้อ แอ่..
     “น่า เดี๋ยวพี่มา แป็บเดียวครับ”
     ผมรีบชิ่งเดินออกมาจากร้าน ถ้าจำไม่ผิดผมเห็นต้นมันมองร้านขายพวงกุญแจทำมือ ร้านที่มีผู้ชายท่าทางแนวๆ ไว้หนวดใส่หมวกสีฟ้า ว่าแต่ ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าไอ้ต้นมันสนใจพวกกุญแจทำมือด้วยรึไง เจอละ! แม่ง พ่อค้าติสท์จัดอ่ะ! มันหลุดมาจากยุคซิกตี้รึไงวะ? แต่งตัวซะ... ผมเหล่มองของในแผง ไอ้ตุ๊กตาที่ทำจากกะลามะพร้าวฉลุลายนี่มันน่ารักตรงไหนวะ? อย่าบอกนะว่าไอ้ต้นติดใจพ่อค้า ... ไม่ดิ ผมว่าผมเจอละว่าต้นมันมองอะไร
     “พวกกุญแจอันเท่าไหร่ครับ”
     “แถวล่างหกเก้า แถวบนเก้าๆ พี่”
     “เออน้อง แล้วถ้าซื้อแถวล่างสองอันอ่ะ ลดได้ป่ะ”
     “โหพี่ ลดไม่ได้จริงๆ นี่งานแฮนด์เมด ให้ผมเหอะ”
     “งั้นถ้าพี่สั่งให้น้องทำให้ รอนานป่ะ พี่อยากได้แกะกับหมาป่าอยู่ด้วยกัน”
     “เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวผมร้อยให้ใหม่ แต่คิดราคาเต็มนะพี่”
     “เออ โอเคเลย”
     แล้วผมก็นั่งรอพ่อค้ารื้อตุ๊กตาแกะกับหมาป่าออกจากพวงกุญแจอันเก่าแล้วร้อยเข้าไปให้มันอยู่ด้วยกัน แถมพ่อค้ายังใจดีแถมตัว“T”มาให้ผมอีก เอาเหอะพวกกุญแจอันละร้อยสี่สิบก็ไม่แพงหรอก ผมเคยเอาเงินไปใช้เหลวไหลกว่านี้ตั้งเยอะ ผมหอบอารมณ์อิ่มเอมใจที่ได้เซอร์ไพรส์แฟนเดินกลับไปที่ร้านอย่างมีความสุข แต่ใครจะไปคิด ไอ้ผู้ชายคนที่ขยันส่งยิ้มให้เมียผมเมื่อตะกี้แม่งเจ๋อมานั่งโต๊ะผมซะแล้ว
     “กลับมาแล้วต้น”
     “นี่ไลน์เรา แล้วอย่าลืมแอดมานะ จะรอ”
     พอไอ้เด็กเวรนี่เห็นผมเดินกลับมาก็ทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินหนี กลุ่มเพื่อนที่โต๊ะมันก็ส่งเสียงแซวกันเองใหญ่ ส่วนสีหน้าไอ้ต้นตอนเห็นผมเหมือนคนโล่งใจเต็มพิกัด ผมก็เห็นนะ ตอนที่ต้นมันยังไม่เห็นผมเดินกลับมาสีหน้ามันอึดอัดขนาดไหน มันคงสบายใจที่ไอ้เวรนั่นถอยไปซักที แต่ขึ้นชื่อว่าชัยชัช! ผมไม่ยอมให้มันหยามน้ำหน้ากันแล้วจากไปเนียนๆ งี้หรอก ใครใช้ให้มันมายุ่งกับเมียผม! ผมเลยคว้าข้อมือมันไว้แล้วหยิบซองใส่ตะเกียบที่มันจดเบอร์ตัวเองให้ไอ้ต้นขยำแล้วยัดใส่มือมัน
     “โทษทีนะน้อง แต่พี่ไม่อนุญาตให้เด็กในปกครองใช้ระบบสามจีกากๆ ว่ะ โทรศัพท์น้องชายพี่ไม่มีเน็ท คงไลน์กับน้องไม่ได้หรอก”
     เอาเดะ พวกมึงมาเป็นกลุ่มแล้วไง ไอ้พวกวัยรุ่นหยองกรอดเอ้ย หุ่นบางอย่างกับกุ้งแห้ง ใส่เดฟรัดติ้วขาลีบอย่างกับตะเกียบ ชนกับกูซักตั้งมั้ยละมึ๊ง!
     แต่มันก็เรื่องจริงนะครับ โทรศัพท์ไอ้ต้นมันใช้โทรอย่างเดียวไม่เล่นโซเชียลทุกประเภท ผมเลยไม่เคยกังวลว่ามันจะแอบไลน์คุยกับใครลับหลัง ไม่ต้องกลัวมันจะตามมาส่องเฟซส่องอินสตาแกรมผมเหมือนฟ่างด้วย ฮ่าๆ
     “พี่ชัช!”
     “ครับ?”
     ผมหันไปยิ้มรับคำทำเหมือนปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลงมือทานราเม็งขึ้นอืดในชามของตัวเองต่ออย่างไม่ใส่ใจ ไอ้เด็กพวกนั้นมันก็ไม่กล้าทำอะไรผมหรอก ราศีมันผิดกัน ไอ้ต้นเองก็หน้าซีดเชียว ไม่รู้กลัวไอ้คนพวกนั้นรึกลัวผม ... โอเค คือผมก็รู้นะ เมื่อกี้ผมทำเกินไปหน่อย ผู้ใหญ่ที่ไหนควรไปมีเรื่องกับเด็ก แต่... มีคนมาจีบเมียผมถึงที่อ่ะ! ไม่ให้ผมโมโหก็บ้าแล้ว! มันก็เลย... หลุดๆ กันนิดหน่อย
     ไอ้ต้นมันทานของมันเสร็จแล้วก็ได้แต่นั่งดูดน้ำแล้วก็เหลือบตามองผมเป็นระยะๆ ท่าทางกลัวผมปะทุน่าดู ผมต้องคูลดาวน์ตัวเองซักหน่อยละ
     “สั่งของหวานมั้ยครับ?”
     ผมถามพลางวางตะเกียบพาดกับปากชามเป็นอันว่าผมเสร็จสิ้นกับราเม็งตรงหน้านี้แล้ว
     “ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่อยาก...”
     “แต่พี่อยาก เค้าบอกว่าของหวานๆ กินแล้วสดชื่นอารมณ์ดี ต้นไม่กินงั้นก็ป้อนพี่ละกัน”
     ว่าแล้วก็ก็หันไปเรียกเด็กเสิร์ฟ
     “น้องๆ ขอเยลลี่อัลมอนด์กับไอติมชาเขียวอย่างละที่ครับ”
     “อื้อพี่ชัช สั่งตั้งสองอย่าง”
     “ก็คนละอย่างไง”
     “แต่ผมไม่ชอบชาเขียวซักหน่อย พี่ชัชก็...”
     พอเห็นผมยิ้มให้ มันก็รู้ว่าผมปรับตัวเองเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว มันก็เลยใช้โหมดปกติของมันตามผมบ้าง โหมดอีแก่ขี้บ่น ฮ่าๆ
     “ก็กินเยลลี่ไป เยลลี่ที่นี่อร่อยนะต้น ลองชิมดูสิ”
     “ก็ได้ครับ...”
     แน่ะ มาทำเสียงงุ้งงิ้ง ไม่ใช่ว่าอยากกินอยู่แล้วรึไง หึๆ ต้นเอ้ย... น่ารักชะมัดเลยครับ พอของหวานมาเสริฟมันก็ทำตาโตเชียว ท่าทางสนใจขนมสุดๆ ไปเลยนะนั่น มีแอบๆ ก้มลงไปดมก่อนนิดนึงด้วย
     “อื้อ หอมกลิ่นเลมอนจังครับ”
     “ไหน? หอมจริงอ่ะ? ป้อนพี่คำดิ”
     ไอ้ต้นมันตักเยลลี่ในถ้วยส่งมาป้อนถึงปากผมอย่างว่าง่าย ดูท่ามันคงตื่นเต้นจนลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังเผลอป้อนขนมผมในที่สาธารณะ ผมแอบหัวเราะนิดหน่อยนะ ผมไม่รู้หรอกว่าชาวบ้านเขาจะคิดยังไง อยากจะมองผมกับไอ้ต้นแบบไหนก็มองไป ขอแค่อย่ามีไอ้บ้าหน้าไหนมายุ่งกับเมียผมพอ!
     “เออ อร่อยจริงด้วย ลองชาเขียวของพี่ป่ะ?”
     “อื้อ ไม่เอาอ่ะ ขม!”
     “น่า ลองหน่อยนะ พี่ว่าไม่ขมเท่าไหร่หรอก”
     ผมตักไอติมของตัวเองเข้าปากแล้วหลอกล่อมันเหมือนหลอกเด็ก ถึงไอติมชาเขียวมันไม่หวาน แต่คนตรงหน้าผมหวานครับ หวานไปทั้งตัว
     “จริงเหรอครับ?”
     “จริงสิ อ่ะ ชิมดูมั้ย”
     ไอ้ต้นมันทำหน้าสนใจอยากรู้อยากลองแต่ก็ไม่กล้าอยู่พักนึง ก่อนจะอ้าปากงับช้อนที่ผมจ่ออยู่ตรงหน้ามัน เท่านั้นแหละ เบ้หน้าทันที ฮ่าๆ
     “อื้อ! พี่ชัชอ่ะ หลอกผมอีกแล้ว! ไม่อร่อยเลยครับ”
     “เฮ้ย! อย่าพูดดัง พูดงี้ในร้านเขาได้ไง”
     ไอ้ต้นมันรีบเอามือตะครุบปากตัวเองแล้วด่าผมต่อด้วยเสียงเบาๆ พอให้ได้ยินกันแค่สองคน
     “ก็พี่ชัชแหละครับ แกล้งผมก่อนทำมั้ย ไม่เอาแล้ว ผมทานเยลลี่ของผมดีกว่า”
     แล้วมันก็นั่งทานเยลลี่ของมันต่ออย่างเอร็ดอร่อย ผมดูมันทานแบบนี้ก็มีความสุขไปอีกแบบนะ ไม่ต้องมีลูกก็ได้ ขอแค่มีกันและกัน ได้นั่งทานข้าวกับมันไปเรื่อยๆ ผมก็มีความสุขแล้ว
     ว่าแล้วผมก็ควักของที่อุตส่าห์แอบดอดไปซื้อออกมาวางไว้ตรงหน้ามัน พอมันเห็นก็กระพริบตาปริบๆ สองที ก่อนจะถามผม
     “อะไรเหรอครับพี่ชัช?”
     “ลองเปิดดูสิ”
     แล้วมันก็หยิบถุงไปเปิดดู
     “นี่มัน!”
     มันอ้าปากค้างทำตาระยิบระยับเชียว แปลว่าผมเดาถูก ท่าทางมันถูกใจของชิ้นนี้มากนะนั่น ทำอย่างกับผมซื้อแหวนหมั้นให้ซะงั้น
     “รู้ได้ยังไงครับ”
     “พี่ก็ไม่แน่ใจหรอก เห็นต้นมองๆ ตอนไปเข้าห้องน้ำเลยแวะดู ละก็เลยคิดว่าต้นน่าจะมองพวกมันนี่แหละ แต่พี่ไม่แน่ใจว่าเราชอบตัวไหน เลยเหมามาทั้งสองอัน หมาป่ากับแกะจะได้อยู่เป็นคู่กันไงครับ”
     “ไม่เห็นต้องซื้อมาเลย จริงๆ ผมเอาของแจกของพี่ชัชมาใช้ก็ได้ครับ”
     “อ้าว ต้นอยากได้พวกกุญแจจริงๆ หรอกเหรอ พี่นึกว่าเราอยากได้เพราะมันน่ารัก”
     สรุปว่า ต่อให้น่ารักขนาดไหนแต่ถ้าไม่ใช่สิ่งจำเป็น แฟนผมก็จะไม่ยอมให้เงินกระเด็นออกจากกระเป๋าสินะครับ สุดยอดเลย สกิลแม่บ้านขั้นเทพ!
     “ครับ ก็... กุญแจห้องพวงของผมมันเก่าแล้ว ตรงที่ห้อยมันขาดไปแล้วด้วย ผมก็เลยว่าจะเปลี่ยนใหม่น่ะครับ”
     ต้นมันพูดพร้อมกับยกพวงกุญแจของมันมาให้ผมดู อืม จริงด้วยแฮะ ว่าแต่ไม่ค่อยเห่อเลยนะครับที่รัก ต้นมันลงมือเปลี่ยนของเก่าออกแล้วใส่อันใหม่เข้าไปแทนโดยเมินเยลลี่แสนอร่อยอีกครึ่งถ้วยไปเลย ฮ่าๆ เด็กเอ้ยเด็ก...
     จะว่าไปพอเห็นผมถึงจำได้ กุญแจพวกนั้นเคยเป็นของฟ่าง เพราะพวกผมต่างคนต่างทำงานเราเลยแยกกุญแจเป็นสามชุด อยู่ที่ผมกับฟ่างคนละชุด แล้วก็มีพวงสำรองเก็บไว้ในห้องอีกชุดหนึ่ง ตอนที่ฟ่างย้ายออกไป ฟ่างคืนกุญแจให้ผม พอต้นย้ายมาอยู่กับผม ผมจำไม่ได้ว่าเก็บกุญแจสำรองไว้ไหน เลยเอาพวงที่ฟ่างเคยพกให้ต้นมันนั่นแหละ ลูกบอลขนสีชมพูติดโบว์แล้วไหนจะยังคริสตัลระย้าเป็นพวงอีก พอมานึกๆ ดูผมก็สยองแทนต้นเหมือนกันนะ มันก็อุตส่าทนใช้ไม่ปริปากบ่น
     ผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวงกุญแจอะไรพวกนั้นด้วย เพราะสาระสำคัญของพวงกุญแจก็แค่เก็บลูกกุญแจไว้รวมกันไม่ให้มันหายก็พอแล้ว แต่พอมาเห็นแบบนี้ ผมก็คิดได้ขึ้นมาว่าอะไรที่มันเก่าผุพังไปก็ถึงเวลาเปลี่ยนใหม่เป็นธรรมดา ผมกับฟ่างจบกันไปนานแล้ว ตอนนี้คนที่อยู่กับผมคือต้น ผมน่าจะถามความเห็นมันบ้าง มันไม่ได้มาอยู่กับผมในฐานะผู้อาศัยแต่มาใช้ชีวิตร่วมกับผมต่างหาก และจากนี้ไป ผมว่าที่คอนโดคงมีข้าวของเครื่องใช้ของผมกับมันมาเติมเต็มห้องของพวกเรามากขึ้นแน่ๆ ครับ ถ้าผมมีตังค์น่ะนะ แต่ตอนนี้บัญชีพี่ยังแดงเถือกอยู่เลยน้องเอ้ย!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน10
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 20:35:20

     และแล้วก็มาถึงเวลาที่คุณพ่อบ้านเบื่อที่สุด เข็นรถเข็นตามเมียช็อปปิ้งในซุปเปอร์มาเก็ตครับ ไอ้ต้นควักโพยที่มันจดยาวเหยียดออกมาแล้วเดินตรงไปมุมสินค้าลดราคาเป็นอันดับแรก ผมก็เลยยืนเฝ้ารถเข็นอยู่แถวๆ นั้นรอ ไอ้ผมมันมีหน้าที่แค่หาเงินเข้าบ้านครับที่เหลือก็นั่งๆ นอนๆ รอกินอย่างเดียว เมียทำอะไรให้ก็ต้องเคี้ยวๆ แล้วกลืนลงท้องหมดนั่นหละครับ ดูเหมือนมันจะเช็คของเสร็จแล้ว นั่นไง! ไอ้ต้นมันได้ไข่ไก่ติดมือมาสองแพ็ค ผมอ่ะแทบจะได้กินไข่ทุกเช้าแต่เปอเซ็นต์ใช้แรงงานตอนกลางคืนต่ำชิบหาย! ต้นมันตื่นมาทำให้ผมกินตลอดแหละ สลับกันทั้งทอดลวกต้ม บางวันข้าวไข่เจียวตอนเช้าก็ยังมี
     ละแม่งก็โด๊ปพี่ทุกเช้า ทีตอนกลางคืนอ่ะสะกิดไม่เคยได้
     “ไข่ลดราคาเหรอครับ”
     “อย่างพี่ชัชน่ะ ไม่ถึงอาทิตย์ก็หมดแล้วครับ ไข่สมัยนี้ฟองเล็กจะตายไป”
     มันบ่นตามเสต็ปแล้วก็ก้มหน้าดูโพยก่อนจะลากผมไปยังตู้แช่เนื้อสด ผมแอบขำมันนิดหน่อยนะ ก็ไม่ใช่มันรึไงที่ขุนผมอ่ะ นี่ดีนะผมไม่ได้เป็นคอเลสเตอรอลสูง ไม่งั้นจุกอกตาย ฮ่าๆ
     ต้นมันหยิบของสดอย่างชำนาญเลยครับ เสร็จแล้วก็ตรงไปเลือกผักต่อ ผมมองแฟนผมเลือกผักอยู่ท่ามกลางเหล่าแม่บ้านแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้แฮะ แฟนผมน่ารักจริงๆ
     “พี่ชัชครับ พรุ่งนี้ทานต้มยำมั้ยครับ?”
     “หือ เอาสิ ต้นทำอะไรพี่ก็กินได้ทั้งนั้นแหละ”
     “งั้นพรุ่งนี้เราทำต้มยำทานกันนะครับ เห็ดมันลดราคา”
     นั่นปะไรเมียกู! ผมขอถอนคำพูดที่เอ่ยชมมันในใจตะกี้ให้หมดเลยครับ แม่ง! ยังดีนะมันยังหันมาเอาใจผม
     “แล้วพี่ชัชอยากทานผลไม้อะไรรึเปล่าครับ? องุ่นกับส้มน่าทานมากเลย”
     น่าทานสิครับ ป้ายสีเหลืองแปะอยู่ทนโท่ว่าลดราคา ไอ้งก!
     “อะไรก็ได้ที่เมียป้อน”
     “ทุกทีอ่ะ พี่ชัชก็... แบบนี้ทุกที ถ้าผมไม่ปอกให้ก็ไม่หยิบไปทาน”
     ถึงมันจะทำท่าหงุดหงิดแต่ก็แอบหน้าแดงครับ ฮ่าๆ หน้าที่ขึ้นสีระเรื่อหน่อยๆ กับแก้มป่องๆ เพราะแอบอมยิ้มเล็กน้อย อยากหอมแก้มมันจัง แต่เพราะทำไม่ได้ ผมเลยเนียนเดินไปโอบคอมันแทน แน่ะๆ มีแอบเอนมาซบพี่หน่อยนึงด้วย อ้อนเหมือนกันนี่หว่า หึๆ ผมขอกลืนน้ำลายตัวเองประโยคแรกหน่อยแล้วกัน ถ้าเมียผมมันจะน่ารักขนาดนี้ คุณพ่อบ้านอย่างผมไม่เบื่อหรอกครับ ต่อให้ต้องเข็นรถเข็นตามมันอีกสองชั่วโมงผมก็ยอม ฮ่าๆ
     พอพวกเราเสร็จจากตรงของสดก็เดินไปตรงของใช้กันครับ แต่ผมนึกขึ้นได้ ถ้าเป็นที่นี่มันมีกาแฟยี่ห้อโปรดของอาจารย์หมอคนนึงขาย ซื้อไปฝากแกซะหน่อยดีกว่า เรียกว่าเอาหน้าก็ได้ครับ จริงๆ วิธีที่ผมทำมันก็ผิดหลักจรรยาบรรณนิดหน่อยนะ แต่โชคดีที่นี่เมืองไทย ระบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่ามันฝังรากลึกเกินกว่าจะขุดได้ครับ พวกผมเลยเรียกวิธีนี้ว่าทำให้ผู้ใหญ่ท่านเอ็นดู เวลามีอะไรจะได้นึกถึงเราก่อนเป็นอันดับแรก
     “ต้น พี่ไปดูกาแฟหน่อยนะ เราอยู่แถวนี้ไปก่อนก็แล้วกัน”
     “แต่กาแฟของพี่ชัชยังไม่หมดนี่ครับ”
     “ของหมอน่ะ”
     ผมขยี้หัวมันสองทีเบาๆ ก่อนจะเดินจากมาเพื่อทำงานของตัวเอง นึกแล้วก็สงสารมันเหมือนกันนะ อุตส่ามาช็อปปิ้งด้วยกันทั้งที ต้นมันทำหน้าเคว้งคว้างน่าดูเลย แต่ช่วยไม่ได้ว่ะน้องเอ้ย งานพี่มันก็เป็นแบบนี้แหละ ผมตั้งใจว่าจะรีบเดินไปหยิบของที่เชลฟ์แล้วก็รีบกลับไปหาเมีย แต่ใครจะไปคิดว่าผมจะเจอแจ๊คพอตสองรอบ!
     วันนี้มันวันเนื้อหอมของไอ้ต้นรึไง! เฮ้ย... ไม่ดิ พอดูดีๆ แล้วเหมือนไอ้ต้นจะรู้จักคู่กรณีด้วยนี่หว่า เมียผมทำหน้าเย็นชามากอ่ะ ใบหน้าเรียบเฉยราวกับใส่หน้ากาก เหมือนตอนที่มันโกรธผมจัดวันนั้นเลย นี่มันเรื่องอะไรกันวะ หึงอ่ะผมหึงอยู่นะ หวงมากด้วย แต่ความอยากรู้ผมมีมากกว่า ขอพี่เสือกหน่อยก็แล้วกัน ว่าแล้วก็แอบเดินอ้อมไปอีกทางที่ไอ้ต้นจะมองไม่เห็นผม แล้วก็แอบฟัง
     “ขอโทษนะครับ แต่ผมจำไม่ได้จริงๆ”
     “น้องต้นใจร้ายจัง พี่เคยคุยกับเราที่ห้องสมุดไงครับ พี่ยังเคยให้เบอร์เราเลย รอตั้งนานแต่น้องต้นไม่ยอมโทรมาซักที”
     “เราไม่รู้จักกันคงไม่มีเรื่องต้องคุยกันหรอกครับ”
     “ก็ลองคุยก่อนสิครับ จะได้รู้จักกัน นี่ไงวันนี้เราบังเอิญมาเจอกันทั้งที ฟ้าเป็นใจแน่ๆ เลย”
     ตื้อได้หน้าด้านมากครับ ยอมรับเลยนะว่าไอ้หมอนี่คารมดีใช่เล่น ผมโมโหจนจะออกไปโชว์ตัวอยู่แล้ว แต่อะไรบางอย่างก็สั่งผมว่าให้รอก่อน ผมอยากดูว่าเมียผมจะมีปฏิกิริยายังไง ปรากฏว่าไอ้ต้นมันทำเป็นไม่สนใจเข็นรถเข็นหนีครับ แต่ไอ้หมอนั่นกลับเอามือรั้งรถเข็นไว้
     “เดี๋ยวสิ จะหนีกันดื้อๆ เลย? อย่าหยิ่งนักเลยน่า”
     อ้าวๆ ด่าเมียผมอีก ไอ้ต้นนี่ท่าทางของขึ้นแล้วครับ มันขมวดคิ้วเม้มปากแล้ว
     “ขอโทษนะครับ แต่ผมมาซื้อของ แล้วก็มีของอีกหลายอย่างที่ผมต้องซื้อ ไม่สะดวกจะคุยกับคุณครับ”
     “งั้นก็เอาเบอร์มาแลกกันก่อน ยังไงผมก็เป็นรุ่นพี่คุณ คุณก็ควรให้เกียรติผมบ้างนะครับ”
     โซตัสจงเจริญ! ถ้าผมไม่ออกไปตอนนี้ก็ไม่รู้จะออกไปตอนไหนละ ทนไม่ไหวแล้วครับ เมื่อก่อนตอนผมจีบรุ่นน้องยังไม่บ้าอำนาจขนาดนี้เลยนะ
     “มีอะไรรึเปล่าต้น?”
     ผมแกล้งถามไปงั้นแหละ แล้วก็วางของลงในรถเข็นก่อนจะยิ้มให้ไอ้เด็กบ้าอำนาจนี่
     “เอ่อ...”
     ดูต้นมันตกใจมาก ท่าทางอึกอักพูดไม่ออก ผมเลยเล่นบทพ่อพระไปก่อน ผมเองก็ไม่งี่เง่าพอจะบุ่มบ่ามทำให้ต้นมันเกิดเรื่องหรอกนะครับ ยิ่งคนใกล้ตัวในรั้วเดียวกัน เกิดอะไรขึ้นต้นมันจะอยู่ลำบากเอา
     “เพื่อนเหรอครับ?”
     “ไม่ใช่นะครับ!”
     ท่าทางต้นมันคงกลัวผมโกรธน่าดู มันดึงชายเสื้อผมไปกำซะแน่นเลย ผมเลยตบไหล่ปลอบมันเบาๆ ก่อนจะหันไปมองไอ้ตัวต้นเหตุ
     “สวัสดีครับ มีอะไรให้เราช่วยรึเปล่า?”
     ไอ้เวรนี่มองผมด้วยสีหน้าสงสัยสุดๆ แต่ก็ยังฉลาดที่จะเล่นบทรุ่นพี่แสนดี ผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่บ่งบอกว่า มันกับผมเป็นคนประเภทเดียวกัน
     “ผมเป็นรุ่นพี่ของน้องเขาน่ะครับ พอดีบังเอิญมาเจอกันก็เลยแวะมาทักนิดหน่อย แต่น้องเขาคงจำผมไม่ได้”
     “อ้าวเหรอ บังเอิญจังเลย พี่ก็ศิษย์เก่าเหมือนกัน งี้เราก็รุ่นน้องพี่ด้วยสิเนี่ย ฮ่าๆ แล้วน้องอยู่ปีอะไรเหรอครับ ได้ข่าววิทยาเข้าง่ายจบยาก พี่ยังห่วงต้นอยู่เลย”
     “เอ่อ...ผมไม่ได้อยู่คณะเดียวกับน้องเขาหรอกครับ”
     “อ้าวเหรอ แล้วรู้จักกันได้ไงเนี่ย ท่าทางเราเพื่อนเยอะน่าดูเลยนะต้น”
     “พี่ชัช ผม!”
     หน้าซีดใหญ่แล้ว แฟนผมท่าทางเครียดจัดเลยแฮะ เห็นแบบนี้แกล้งไม่ลงแล้ว จากเดิมที่ตบหลังปลอบใจมันอยู่ผมเลยเลื้อยมือขึ้นไปโอบไหล่มันหลวมๆ แทน แต่สีหน้าไอ้รุ่นพี่นั่นดิ ชะงักไปเลย ฮ่าๆ
     “แล้วนี่น้องมาซื้อของที่นี่เหมือนกันเหรอครับ”
     “ครับ ... พอดีผมอยู่แถวนี้”
     “บังเอิญจังเลย พี่กับต้นก็อยู่แถวๆ นี้เหมือนกัน”
     ผมแกล้งหันไปมองไอ้ต้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มโดยพยายามทำท่าลึกลับแบบที่ว่าสายตาของผมมันต้องสื่อความนัยอะไรบางอย่างสุดชีวิต ได้ผลครับ ไอ้หมอนี่มีเหวอพอสมควร
     “ไม่เห็นเคยได้ยินว่าต้นมีพี่ชาย แต่พี่กับต้นหน้าไม่คล้ายกันเลยนะครับ”
     มีหยั่งเชิงครับ
     “อ๋อ พี่กับต้นเราไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดหรอก”
     “อ้าว! เหรอครับ ผมนึกว่าพี่เป็นพี่ชายต้นซะอีก แล้วพี่เป็นอะไรกับต้นเหรอครับ?”
     “พอดีพี่สนิทกับแม่ของต้นมากน่ะ พอแม่เขาไม่อยู่เลยฝากลูกชายมาให้พี่ดูแลแทน ต้นก็เลยมาอยู่กับพี่ ถึงไม่ใช่ญาติแต่ก็เป็นยิ่งกว่าครอบครัวแหละ จริงมั้ยต้น?”
     ท้ายประโยคผมหันไปถามไอ้ต้นแบบทีเล่นทีจริงก่อนจะหันไปบอกลาไอ้รุ่นพี่นั่นแบบเนียนๆ
     “เออ เดี๋ยวพวกพี่ขอตัวก่อนนะ ต้องรีบกลับว่ะ ไงพี่ฝากต้นมันด้วยนะ แม่เขาฝากพี่มาพี่เองก็อุตส่าตั้งใจจะดูแลมันให้ดีที่สุด แต่พี่ก็คงดูแลมันได้แต่ที่บ้านว่ะ ไอ้นี่มันขี้อายเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง พี่กลัวมันจะโดนคนอื่นรังแกเอาเวลาที่ไม่ได้อยู่กับพี่”
     แล้วมันจะทำอะไรผมได้ ผมแสดงความเป็นเจ้าของชัดซะขนาดนั้น เรื่องคารมยังไงๆ ไอ้ไก่อ่อนแบบนั้นก็สู้ผมไม่ได้หรอก ผมเดินกอดคอไอ้ต้นจากมาอย่างสบายอารมณ์ แต่ไอ้ต้นนี่สิครับหน้าซีดใหญ่เลย
     “ต้น... ต้องซื้ออะไรต่อครับ”
     “เอ่อ... ก็... ก็ตามนี้อ่ะครับ”
     แทนที่มันจะบอกผมกลับส่งโพยให้ผมอ่านแทน
     “กลัวพี่โกรธเหรอ?”
     ต้นมันไม่ตอบครับ เอาแต่ก้มหน้างุดๆ ผมเลยลูบหัวปลอบมันไปสองทีก่อนจะขโมยจูบหน้าผากมันอย่างรวดเร็วแล้วถอยออกมาก่อนที่จะมีใครมาเห็น
     “ไว้ค่อยไปคุยกันที่บ้านนะครับ ตอนนี้รีบซื้อของให้เสร็จก่อนดีกว่า นะ จะได้รีบกลับบ้าน พี่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อยากกลับไปนอนละเนี่ย”
     “ครับ”
     พอถูกผมโอ๋เข้าหน่อยค่อยยิ้มออก สีหน้ามันค่อยดูดีขึ้นหน่อย เฮ้อ...
     หลังจากนั้นต้นมันก็ดูเงียบไป เราเลยซื้อของกันแบบไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ พอเสร็จแล้วก็ขับรถตรงดิ่งกลับคอนโด แต่ผมไม่ไหวแล้วครับ ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว เลยเสนอให้มันทิ้งชั้นวางของไว้ในรถก่อน พรุ่งนี้ค่อยแบกขึ้นห้องอีกทีเพราะวันนี้มันมืดแล้ว มันก็ตามใจผม เราช่วยกันถือของขึ้นไปบนคอนโด หลังจากนั้นผมก็ชิ่งหนีไปอาบน้ำ ส่วนมันก็เก็บของที่ซื้อมาเข้าที่ มันคงนึกว่าผมโกรธ เปล่าหรอกผมไม่ได้โกรธ ผมยอมรับนะว่าหงุดหงิดนิดหน่อย ความจริงผมปวดหลังจะตายห่าอยู่แล้ว แต่อดทนเพื่อเมียครับ เห็นไอ้ต้นมันมีความสุขผมก็ยอมทนเจ็บได้ เดินช็อปกับมันเพลินๆ แต่พอมีเรื่องแย่ๆ แทรกเข้ามาให้เสียบรรยากาศ ผมก็หมดอารมณ์ดิ แผ่นหลังผมมันเลยระบมขึ้นมาอีกรอบ อยากกลับคอนโดนอนครับ
     ผมนอนดูทีวีอยู่หน้าโซฟาไปเรื่อยๆ ส่วนไอ้ต้น พอมันเก็บของเสร็จก็ขอตัวไปอาบน้ำ หลังจากมันทำธุระของมันเสร็จแล้วก็เดินออกมานั่งข้างๆ ผมที่หน้าโซฟา แต่ท่าทางมันอย่างกับลูกแกะกลัวหมาป่า ผมเลยเรียกมัน
     “นวดหลังให้พี่หน่อยสิต้น โคตรปวดเอวเลยว่ะ”
     “อ้าว? พี่ชัชปวดหลังเหรอครับ?”
     “เออ แถวๆ เอวอ่ะ มานวดให้ผัวหน่อยเร็ว”
     ไอ้ต้นมันขยับมาหาผมที่นอนคว่ำแล้วก็เริ่มกดฝ่ามือลงบนหลังผมไล่ไปเรื่อยๆ จนถึงเอว
     “อื๊อ แถวๆ นั้นแหละ แรงอีกนิดครับที่รัก”
     มันกลัวผมเจ็บรึไงวะ เวลานวดเขาต้องใส่แรงหน่อยครับที่รัก ทั้งๆ ที่มันชอบมาเอาใจผมคอยนวดให้ผมเวลาผมทำงานกลับมาเหนื่อยๆ แต่ว่าไม่ได้เรื่องเลยครับ ไอ้ที่มันภูมิใจนักหนาว่าแม่มันชมว่ามันนวดเก่งเนี่ย ผมเรียกว่าการพรมนิ้วดูดตังค์แบบบริการนวดโดยสปา พี่น้ำอาจจะชอบ เหมาะกับผู้หญิงอย่างพี่เขา แต่กรรมกรใช้แรงงานอย่างผมมันต้องนวดแรงๆ จัดหนักแบบแผนไทยครับ
     “ออกแรงหน่อยคร้าบ หลังพี่แข็งเป็นกระดานเลยต้น ไม่ต้องกลัวพี่เจ็บ กดแรงๆ เลย”
     “แต่... ถ้ามันระบมเพิ่มละครับ? พี่ชัชทายาแก้ปวดไม่ดีกว่าเหรอครับ”
     “พี่กินเซเลเบรคแล้ว แต่ยังไม่ได้ทาเฟลดีนว่ะ กะให้เรานวดให้ก่อนแล้วค่อยทายา จะได้ไม่เลอะมือเราไงครับ”
     “งั้นเดี๋ยวผมไปหยิบยามาให้นะครับ พอนวดเสร็จแล้วผมจะได้ทายาให้พี่ชัชเลย”
     “เออ แล้วเราง่วงยัง? พี่ไปรอเราในห้องก็ได้ พี่ง่วงแล้ว”
     “ครับ งั้นเดี๋ยวผมปิดไฟแล้วตามเข้าไปนะครับ”
     ต้นมันขยับออกห่างให้ผมมีที่ขยับตัว พอผมลุกขึ้นนั่งได้ก็เห็นมันยิ้มให้ผม แต่หน้าตามันนี่ไม่ได้สดชื่นเล้ย สงสัยคืนนี้เคลียร์กันยาว ผมลูบหัวมันสองทีแล้วก็เดินเข้าห้องไปปล่อยมันปิดไฟปิดทีวีเช็คข้างนอกก่อนจะเดินตามผมเข้าห้องมา มันตรงไปเปิดตู้หยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมาแล้วหยิบยาก่อนจะตามขึ้นมาบนเตียง ผมพลิกตัวให้มันอีกรอบก่อนจะสั่ง
     “ออกแรงต่ออีกหน่อยสิครับที่รัก จะเหยียบพี่ก็ไม่ว่าครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
     “เอางั้นเหรอครับ?”
     “เออ เอาแบบหนูรันเลยต้น”
     “เอาแบบนั้นเลยเหรอครับ?”
     “ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกต้น เหยียบเลย”
     ต้นมันทำหน้าเหวอๆ ก่อนจะลุกขึ้นเก้ๆ กังๆ แล้ววางฝ่าเท้าลงบนหลังผม ถึงต้นจะเป็นผู้ชายแต่มันตัวเล็ก แถมน้ำหนักก็น้อยครับไม่ถึงหกสิบอ่ะ เพราะงั้นผมไม่กลัวบาทามันหรอก เหยียบมาเล้ยไอ้น้อง พี่ปวดเอวว่ะ
     “เออๆ แบบนั้นแหละ ย้ำหน่อยต้น”
     “ครับ”
     “เอ้อ...
     มันเหยียบให้ผมอยู่พักใหญ่ผมก็บอกให้มันหยุด เพราะผมเริ่มจะเคลิ้มแล้ว เดี๋ยวหลับซะก่อนแล้วผมจะไม่ได้เคลียร์ คือผมน่ะหลับได้นะ แต่รู้ว่าคนข้างๆ ผมมันต้องกลุ้มใจจนนอนไม่หลับอีก
     “พอก่อนต้น ทายาให้พี่แล้วก็ไปล้างมือเหอะ พี่ง่วงแล้ว”
     “ครับ”
     ต้นมันทายาให้ผมอย่างเบามือ เมียผมนี่ก็แสนดีจริงๆ ผมสั่งอะไรก็ “ครับๆ” ทำให้ผมทุกอย่างไม่มีขัด เสียอย่างเดียว ชอบดราม่า
     พอมันทายาเสร็จแล้วก็ไปล้างมือ ก่อนจะเดินไปปิดไฟในห้องแล้วค่อยๆ ขึ้นมานอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับผม ผมลอบมองท่าทางหงอยๆ นั่นแล้วก็นึกสงสาร
     “กระเถิบมาใกล้ๆ พี่หน่อยมา”
     ผมพูดขึ้นพร้อมๆ กับขยับเข้าไปรั้งตัวมันมาใช้แทนหมอนข้าง
     “ครับ”
     นั่นไง หงอยเชียว เป็นปกติมันต้องสะบัดสะบิ้ง “พี่ชัชอ่ะ” ทำเล่นตัว ตกใจอะไรของมันไป แต่นี่มันได้แต่รับคำผมแล้วก็ขยับมาหาผมอย่างว่าง่าย เฮ้อ... ได้เวลาปลอบเด็กเลี้ยงแกะ
     “เป็นไรครับ หงอยเชียว กลัวพี่โกรธเรื่องวันนี้เหรอ?”
     “...”
     ต้นมันเงียบก่อนจะถามผมด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ แล้วรีบปฏิเสธ
     “ละ แล้วพี่ชัชโกรธผมรึเปล่าครับ ผมสาบานจริงๆ นะครับว่าผมไม่รู้จักเขาจริงๆ”
     “ครับ พี่เชื่อใจต้นนะ”
     “แต่... แต่พี่ชัชดูเงียบๆ ไป ผมกลัวพี่ชัชโกรธผม”
     “ก็พี่ปวดหลังอ่ะ ต้นก็รู้พี่พึ่งกลับมาจากทริปตีกลอฟ์”
     “ก็ตอนแรกพี่ชัชยังอารมณ์ดีๆ อยู่เลย”
     “แล้วมีคนมาจีบเมียพี่ต่อหน้าต่อตา ต้นจะให้พี่อารมณ์ดีได้ยังไงครับ? พี่โมโหนะ แต่ไม่โกรธต้นหรอก พี่เชื่อครับว่าต้นไม่รู้จักมันจริงๆ”
     “จริงนะครับ?”
     ต้นมันพูดพร้อมกับขยับเข้ามากอดผมซะแน่น กลัวผมไม่รักรึยังไง หึๆ ไอ้เด็กเลี้ยงแกะเอ้ย
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน10
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-11-2014 20:35:52
ตามอ่านเพราะมันเรียลมากนี่ล่ะค่ะ

คนเรามันก็มีทั้งดีไม่ดี
ไม่ใช่พระเอ๊กกกกกกกก พระเอกซะหน่อย
ถ้าวัดตามมาตราฐานคนในสังคมเราว่าอิพี่ชัชก็ถือว่าดีนะ แต่จุดที่น่ากลัวที่สุดของตานี่คือความหวั่นไหว
อินี่ไขว่เขวง่ายมาก ใจดีไปทั่ว ใครดีก็ดีด้วย แต่ถ้าไม่ใช่แบบนี้(รักคนง่าย) น้องต้นก็คงแห้วอ่ะ

ต้นนี่เอาความดี(อึด)เข้าสู้จริงๆ

เพี้ยงๆๆๆ อิพี่ชัชมั่นคงกว่านี้เยอะๆ ถ้าแกไขว่เขว่มีมนุษย์อีกล้านเจ็ด(ที่ดีกว่าแก)อยากได้น้องต้นเป็นแฟนนะ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน10
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 04-11-2014 20:40:13

     “อื้ม แล้วเราไปเจอกันได้ยังไงครับ เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ พี่เห็นท่าทางเราบึ้งตึงเชียว ปกติเราไม่เสียมารยาทกับคนอื่นแบบนั้นนี่นา”
     “ก็ผมไม่ชอบคนแบบนั้น”
     “ทำไมเหรอครับ?”
     “ก็... หลังจากที่ผมกลับจากไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน แล้วเขารู้กันว่าผมเป็นอะไร พอตอนเปิดเทอมข่าวเรื่องนี้มันก็แพร่ออกไปครับ พวกเพื่อนๆ ผมในภาคตัวเองไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่... ข่าวมันดังไปถึงคณะอื่นด้วย แล้ว... แล้วก็มีคนแปลกๆ แบบรุ่นพี่คนนี้เข้ามาหาผมเยอะขึ้นมั้งครับ”
     “แปลกยังไงเหรอครับ?”
     “...”
     ต้นมันไม่ยอมตอบ กลัวผมโกรธชัวร์ๆ แต่ผมก็พอเดาได้แล้วล่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น
     “น่า บอกพี่หน่อยนะครับ พี่ไม่โกรธเราหรอก”
     “เขา... เขามาชวนผมไปเที่ยวครับ บางคนก็เข้ามาขอเบอร์กันดื้อๆ ก็มี ผมไม่ชอบคนแบบนี้เลย เห็นผมเป็นอะไร เขาทำเหมือนกับว่าผมต้องดีใจที่เขาเข้ามาคุยกับผมแบบนั้นแหละ พอผมไม่ยุ่งด้วยก็หาว่าผมหยิ่ง เอาผมไปพูดไม่ดีลับหลัง ผมเกลียดคนแบบนี้ที่สุดเลยครับ ไม่ได้รู้จักตัวตนผมเลยแท้ๆ แต่กลับตัดสินกันเอาเอง”
     “สังคมมันก็แบบนี้แหละต้น พี่รู้ว่าเราอึดอัด ไม่ชอบใจกับเรื่องแบบนี้ แต่เราก็ต้องทนมันให้ได้นะ อยู่กับมันให้ได้แต่อย่าเก็บคำพูดไร้สาระพวกนั้นมาใส่ใจ ทำหูทวนลมยิ้มรับไปแบบหน้าชื่นตาบานซะบ้าง พอคนมันเบื่อๆ เดี๋ยวมันก็ลืมเรื่องของเราไปเอง เพราะถ้าต้นเก็บมาใส่ใจ ต่อให้คนพวกนั้นมันเบื่อแล้วเลิกพูดกัน แต่คนที่ไม่ลืมแล้วยังเจ็บปวดอยู่ก็คือเรานะครับต้น”
     “ครับ ... ว่าแต่พี่ชัชไม่โกรธผมจริงๆ ใช่มั้ยครับ ขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้บอกว่ามีคน... มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับผม”
     “พี่หึงแต่พี่ไม่โกรธหรอกครับ พี่ไม่ได้ตาบอดนะต้น จะได้ไม่เห็นว่าเมียตัวเองน่ารักขนาดไหน แล้วพี่ก็ได้ยินชัดเต็มสองรูหูแล้วด้วยว่าสุดที่รักของพี่รู้สึกยังไงกับคนพวกนั้น ขาดแค่อีกอย่างเท่านั้นแหละ ถ้าได้ยินแล้วพี่จะหายโมโหเลย”
     “อะไรเหรอครับ?”
     “ขาดคำว่ารักยังไงละครับ บอกพี่ให้ชื่นใจหน่อยสิว่าต้นรักพี่ขนาดไหน”
     พอได้ยินผมเย้ามันเล่น ไอ้ต้นมันก็เผลอยิ้มออกมา ผมรู้เพราะแก้มมันที่แนบอยู่กับอกผมขยับนิดหน่อย ไอ้ต้นมันชันตัวลุกขึ้นมาเล่นจ้องตากับผมในความมืดก่อนจะสุ่มสี่สุ่มห้าก้มลงมาประกบปากกับผม มันหยุดริมฝีปากของตัวเองไว้บนปากผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผละออกแล้วพูดว่า
     “รักพี่ชัชที่สุดในโลกเลยครับ”
     เสียงมันนี่ลั่นล้ามากครับ อารมณ์สดชื่นเหมือนฟื้นคืนชีพต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ
     “แล้วพี่ชัชละครับ มาคบกับผมแบบนี้ พี่ชัชไม่โดนคนอื่นว่าอะไรบ้างเหรอครับ?”
     “ห่วงพี่ด้วยเหรอเรา?”
     “อื้อ ห่วงสิครับ แต่ผมไม่กล้าพูดอะไรหรอก ผมไม่กล้าก้าวก่ายเรื่องงานของพี่ชัชมากเกินไปนี่นา กลัวพี่ชัชรำคาญ”
     แน่ะ มีประท้วงผม ฮ่าๆ ไอ้ต้นเอ้ย
     “หึๆ เอาเรื่องไหนละครับ ชีวิตพี่มันเหลืออะไรดีๆ ให้คนอื่นเม้ากันละต้น โดนมาทุกเรื่องจนชินอ่ะ พาหมอลงอ่าง คั่วกับหมอผู้หญิงเพื่อยอดขาย ล่าสุดโดนเมียทิ้ง ถ้าพี่จะมีแฟนเป็นผู้ชายหรือกลายเป็นเกย์มันก็ไม่หนักเท่าไหร่หรอก ปล่อยพวกมันพูดกันไปเหอะ ในวงการนี้ก็จริงครึ่งเท็จครึ่งอยู่แล้ว อะไรที่ดิสเครดิตกันได้มันก็ใส่ไข่แหลกแหละ พี่ถึงได้ต้องขยันแบบนี้ไง เวลาเจอแซวเจอถามพี่ก็ยิ้มรับอย่างเดียวแหละ บอกไปว่าพี่เปลี่ยนรสนิยม พวกที่ซี้ๆ กันเขาก็รู้อยู่แล้วว่าพี่เป็นยังไง พวกนี้เลยคุยง่าย ส่วนพวกหมอผู้ใหญ่บางท่านพอได้ยินว่าพี่กลายเป็นเกย์ก็มีมาถามๆ นะ ทำนองเป็นห่วงลูกหลานละมั้ง แต่แกก็ไม่ค่อยซอกแซกหรอก แล้วรู้เปล่าพี่ทำยังไง?”
     “พี่ชัชทำยังไงเหรอครับ”
     “เอารูปต้นให้หมอแกดูไง”
     “อื้อ! จริงเหรอครับพี่ชัช?”
     “จริง พี่ทำงั้นจริงๆ รูปตอนที่พี่ถ่ายรูปคู่กับเรารูปแรกวันนั้นแหละ ที่พี่แวะไปรับเรากลับจากโรงเรียนแล้วไปดูหนังกันไง เลยกลายเป็นพี่โดนหมอด่าหาว่าพี่เลี้ยงต้อยแทน ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชอ่ะ ทำเป็นเล่นไป ไม่ตลกเลยนะครับ”
     “ใครว่า พี่จริงจังหรอกถึงทำแบบนั้น พอหมอด่าเสร็จพี่ก็บอกหมอไปไงว่า เนี่ยแฟนผมน่ารักใช่มั้ยครับ ตอนนี้น้องเขาก็เข้ามหาลัยแล้ว น้องเขารักเรียนมากๆ เลย เผลอๆ จะได้เกียรตินิยมด้วยซ้ำ อาจารย์ก็ช่วยผมหน่อยนะครับ ผมจะได้มีเงินไปจ่ายค่าเทอมให้น้องเขา หมอขำกลิ้งเลยต้นเอ้ย แต่หมอแกก็รู้แหละว่าพี่จริงจัง ไม่ได้นึกสนุกเปลี่ยนรสนิยมเล่นมั่วๆ”
     “พี่ชัชนี่น้า ขายของได้ตลอดเลย ถ้าผมเป็นหมอคนนั้นผมคงปวดหัวน่าดู”
     “ก็พี่เป็นผู้แทนนี่หว่าต้น ขายยามันคือหน้าที่ ฮ่าๆ”
     “ดีจังเลยครับ ผมยังคิดอยู่เลยว่าพี่ชัชจะเป็นยังไงบ้าง แต่ผมไม่กล้าถาม แถมพี่ชัชยังเป็นผู้ใหญ่ด้วย มีงานเยอะแยะที่ต้องทำ ผมกลัวว่าถ้าพี่ชัชมาคบกับผมแล้วคนอื่นๆ เขาจะ... ถ้ามีเรื่องอะไรเพราะผม ผมคง...”
    “ทำไมครับ ถ้าพี่โดนเพ่งเล็ง ถูกบีบให้ออกจากงานเพราะเป็นเกย์รักผู้ชายด้วยกัน ต้นจะยอมเสียสละตัวเองเลิกกับพี่รึไงครับ”
     “อื้อ! ไม่เอานะครับ ผมไม่ยอมหรอก ผมก็รักของผมนะ”
     “เห็นแก่ตัวนะเรา”
     “ก็... ก็ผมรักพี่ชัชนี่ครับ แล้วอีกอย่าง อย่างพี่ชัชน่ะ เดี๋ยวก็หางานได้”
     “ฮ่าๆ ทำเป็นพูดไป งานเดี๋ยวนี้หายากจะตายต้นเอ้ย พี่เองยังต้องยึดตำแหน่งของตัวเองไว้สุดตีนเลยน้อง นอกจากแข่งกับบริษัทอื่นแล้วยังต้องแข่งกับเด็กๆ อีก”
     “ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
     “อื้อ แถมเรื่องที่พี่คบกับเราก็มีผลกระทบกับพี่บ้างเหมือนกันนะ”
     “ไหนพี่ชัชบอกว่าพวกหมอเขาเข้าใจไงครับ?”
     “ก็เข้าใจไงครับ เลยมีพวกที่เป็นแบบนี้มาหาพี่เยอะเลย”
     “อ้าว! แล้วพี่ชัชทำยังไงครับ?”
     “โชคดีที่พี่ทำงานมานานมั้ง แล้วพรรคพวกพี่ก็เยอะ เส้นสายพี่ก็พอมี พี่เป็นคนแบบนี้อยู่แล้วด้วย พวกที่เป็นอยู่แล้วพอรู้ข่าวก็มีแซวๆ พี่บ้างแหละ พวกนี้บางคนก็เล็งพี่ตั้งแต่เจอหน้ากันวันแรกๆ ก็มี พอพี่ไม่เล่นด้วยก็ห่างๆ กันไปเองแหละ ยิ่งกับพวกหมอบางคน พอคบๆ คุยๆ หลังๆ ก็ออกแนวเพื่อนกันมากกว่า แต่ก็ไม่ได้สนิทกันมากนักหรอก ไอ้ระดับที่ถึงขั้นเอายอดมาล่อให้พี่ไปขึ้นเตียงด้วยมันก็มีนะ บางคนน่ะ แต่หมอคนนั้นไม่ใช่ทาเก็จพี่อยู่แล้ว มันไม่ใช้ยาพี่ๆ ก็ไปทำให้คนอื่นสั่งเพิ่มแทนพี่ไม่แคร์หรอก แบ่งรับแบ่งสู้แล้วก็หนีเอาเนียนๆ พี่มีฐานของพี่อยู่แล้วพี่ไปทำตรงนั้นให้ดีๆ กว่า ส่วนไอ้พวกที่มาให้ท่าจนน่าเกลียดนี่มันก็มีนะ บอกตามตรง เห็นแล้วจะอ้วกว่ะ ส่วนมากเป็นผู้แทนด้วยกันนี่แหละ ขนลุกชิบหายเลย”
     ผมดึงมันมากอดให้แน่นขึ้นเหมือนจะย้ำให้มันฟังคำพูดจากใจผม
     “บอกตามตรง พี่ไม่ใช่พวกที่ถ้าไม่รักก็ทำไม่ได้ แต่ให้พี่จินตนาการตัวเองกับผู้ชายคนอื่น พี่รับไม่ได้ว่ะ ยังไงๆ พี่ก็ต้องกับผู้หญิงเท่านั้น กระเทยก็ยังดีอ่ะ ขอแค่มีรูให้พี่ลงพี่ก็โอเคทั้งนั้น แต่ขออย่าง ผัวคือผัว เมียคือเมีย กับเกย์ที่เป็นผู้ชายด้วยกัน ไม่ว่าจะแบบแมนๆ หรือแบบตุ้งติ้งออกสาว พี่ไม่มีอารมณ์อ่ะ กลัวจะเสียมากกว่าได้ ... แต่กับต้นพี่โอเคนะ ต้นจะโกรธพี่มั้ยถ้าพี่บอกว่าพี่เห็นต้นเป็นผู้หญิง”
     ต้นมันเงียบครับ ที่ผ่านมาเราไม่เคยพูดเรื่องนี้กันเลย แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ผมอยากพูด ผมอยากบอกมัน ผมได้แต่หวังว่ามันจะรับได้นะ
     “พี่ชัช ...คิดว่าผมเป็นผู้หญิงเหรอครับ?”
     “หืม? ... เอ้ย ไม่ๆ คือพี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ถ้าพี่ต้องคิดว่าเราเป็นผู้หญิงทุกครั้งที่ทำแบบนั้นพี่จะกล้าดูดให้เราเหรอ”
     ไอ้ต้นมันยังเงียบครับ ก็รู้นะว่ามันเสียใจ เฮ้อ...
     “พี่ก็บอกไม่ถูกว่ะ แต่เวลาพี่อยู่กับเรา พี่รู้สึกว่าเหมือนพี่รักกับผู้หญิงคนนึงตามปกติ ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไรเลย แต่ถ้าให้พี่นึกว่าตัวเองอยู่กับผู้ชายคนอื่นเรียกเมียจ้ะเมียจ๋า พี่ก็นึกไม่ออกว่ะ แล้วเวลาพี่อยู่กับผู้ชายคนอื่น พี่คงไม่นึกอยากกอดอยากรักแบบที่พี่อยู่กับเราด้วย พี่ไม่เคยรู้สึกดีๆ แบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยในชีวิต เพื่อนพี่เยอะจะตาย ถ้าพี่ชอบผู้ชาย เป็นเกย์ หรือแม้แต่เป็นไบ พี่คงมีเคลิ้มๆ บ้างแหละ แต่ที่พี่เป็นได้ขนาดนี้เพราะต้นคนเดียวเลยนะ พี่ก็บอกไม่ถูกว่าทำไม แต่พี่รู้ว่าความรักคืออะไรแล้วพี่ก็รู้ตัวว่าไอ้ที่พี่เป็นอยู่เนี่ย มันคือความรัก พี่รู้ตัวว่าพี่รักต้น ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
     ตอนสมัยพี่ยังเด็กๆ อยู่ลำปาง ในโรงเรียนก็มีตุ๊ดมาชอบพี่นะ แต่พี่ไม่ได้คิดอะไรกับมัน ตอนนั้นพี่สนแต่ผู้หญิงเท่านั้นแหละ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับเลยพี่เคยลองกับกระเทย แต่แปลงเพศแล้วนะ ก็ลองมันทั้งสองรูแหละต้น เพราะกับผู้หญิงพี่ก็เคยเล่นข้างหลังมาบ้างนะ ก็ตอนสมัยเรียนอยู่บ้านนอกแหละ เพื่อนมันชวนก็ไปกับมัน สวิงกิ้งหนึ่งหญิงสองดุ้นพร้อมกันทุกรูอะไรทำนองนั้น เพื่อนมันบอกข้างหลังฟิตกว่าข้างหน้าพี่ก็เลยลองๆ ไปกับมัน พี่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรแบบนี้อยู่แล้วไง ถ้ามันทำให้รู้สึกดีจะให้พี่ลงรูไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ขอแค่พี่เป็นคนลงนะ
     แล้วพอพี่มาเจอต้น พี่คิดว่าความรู้สึกที่พี่มีให้ต้นมันไม่ต่างอะไรกับตอนที่พี่รักผู้หญิงคนอื่นเลยนะ เราน่ารักมากๆ จนพี่ยังอดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าพี่มีลูกกับเราได้คงวิเศษ ละต้องเป็นลูกสาวด้วยนะ เพราะพี่จะได้เป็นพ่อตาที่เฮี้ยบที่สุด ถ้ามีแม่น่ารักแบบเรานะ รับรองลูกสาวเราบ้านหัวกระไดไม่แห้งชัวร์ๆ พี่ก็รู้นะว่าเราไม่ใช่แบบนั้น เราไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง แต่พี่อยากบอกเราว่าถึงต้นจะเป็นอะไรพี่ก็รักต้นนะครับ รักตั้งแต่วันที่เรายืนถือถังน้ำใส่อุปกรณ์ทำความสะอาดมากดกริ่งหน้าห้องพี่วันนั้นแล้ว เด็กอะไรจู้จี้ชิบหายอ่ะ แต่พี่ก็อดคิดไม่ได้นะว่าถ้ามีใครซักคนยอมถึงขนาดหาเรื่องโกหกมาอยู่ใกล้ชิดกันเพื่อดูแลพี่ๆ ก็คงดีใจน่าดู รู้ตัวอีกทีก็อยากทำอะไรบางอย่างกับน้องชายข้างห้องคนนั้นซะแล้ว จะได้มีเด็กขี้บ่นคนนั้นอยู่ข้างตัวพี่ไปเรื่อยๆ ต้นไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นพี่มีความสุขมากแค่ไหน ถ้าต้นเป็นผู้หญิงนะ พี่ไม่ปล่อยเรารอดเกินเดือนแล้วค่อยเป็นแฟนกันหรอก พี่ปล้ำเราไปตั้งแต่สองอาทิตย์แรกที่เราเดินเข้าห้องพี่แล้วครับ บอกจากใจอย่างไม่อายเลยต้น”
     “เพราะผมเป็นผู้ชายพี่ชัชก็เลยไม่ทำอะไรผมใช่มั้ยล่ะครับ”
     “ถ้าพี่คิดจะทำพี่ก็ทำได้นะต้น แต่ที่พี่ไม่ทำเพราะความดีของเราหรอก เราดีกับพี่จนพี่เกรงใจ แต่เราเองก็อ่อยพี่ไว้ตั้งเยอะ มาหลอกพี่ได้นะ เกิดพี่เลวจนทำแบบนั้นกับเราไปจริงๆ จะทำไงฮึ?”
     “ก็ผมรู้นะสิครับว่าพี่ชัชไม่ใช่คนแบบนั้น”
     แม่ง เถียงผมอีก ไอ้เด็กเลี้ยงแกะจอมดื้อเอ้ย!
     “มั่นใจจริงๆ นะ?”
     “ก็ผมฟังจากพี่ฟ่างมาเยอะ”
     “พี่ไม่ได้โง่นะต้น พี่ดูออก พี่รู้ว่าเราคิดอะไรกับพี่ พี่ถามใจตัวเองแล้ว พี่โอเคกับเรา ไม่งั้นแล้ววันนั้นพี่ไม่ขอเราเป็นแฟนหรอก หายโกรธพี่ได้ยัง? อย่าน้อยใจตัวเองเลยนะครับ ต้นเป็นของต้นแบบนี้ต้นก็ทำให้พี่มีความสุขมากนะ รู้ตัวมั้ย”
     มันเงียบไปอีกพักนึงก่อนจะขยับยุกยิกแล้วสูดจมูก ไอ้ขี้แยเอ้ย! ผมเลยดึงมันให้มาเผชิญหน้ากับผมแล้วเอื้อมมือไปไล้นิ้วเช็ดน้ำตาให้มันเบาๆ
    “พี่รักเรานะครับ พี่ไม่ขออะไร ต้นจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย เป็นอะไรก็ช่าง พี่ขอแค่ต้นอยู่กับพี่แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเราเป็นตาแก่ๆ สองคนได้มั้ยครับ แต่ในระหว่างที่พี่ยังหนุ่มยังแน่นมีแรงอยู่ พี่ขอแค่ว่าให้เราไฟเขียวพี่บ่อยๆ หน่อยเถอะ พี่เงี่ยน”
     “พี่ชัชบ้า! ลามกอ่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้”
     “ยิ้มแล้ว หายเศร้าแล้วใช่มั้ยครับคนดี”
     “ฮึ๊! ทำไงได้ละครับ ผมโดนพี่ฟ่างล้างสมองจนไปรักผู้ชายงี่เง่าข้างห้องไปแล้วนี่ เฮอะ!
     “โห! ผู้ชายงี่เง่าเลยเหรอต้น แรงไปป่ะ?”
     แม่ง! ปากจัดขึ้นทุกวัน เมียผม ฮ่าๆ แต่ผมก็รักนะ เพราะงั้นผมเลยดึงมันมานอนแนบอกผมแล้วก็รัดมันแน่นๆ เป็นการลงโทษ เรานอนกอดกันอยู่แบบนั้นได้อีกแป๊ปหนึ่ง อยู่ๆ ไอ้ต้นมันก็พูดขึ้น
     “ผมเองตอนแรกก็แค่อยากประชดคุณพ่อ แต่พอรู้ตัวอีกทีผมก็หลงรักพี่ชัชไปแล้ว ผมเองก็รู้นะครับว่าตัวเองไม่ค่อยเหมือนผู้ชายปกติ แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา ผมโตมากับแม่สองคนแบบนั้น... แล้ว... แล้วผมก็ไม่อยากให้ใครมาโทษว่าเป็นเพราะแม่กับลุงพลด้วย เมษบอกว่ารู้ว่าตัวเองอยากเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่เด็ก เมษอยากมีหน้าอก แล้วก็เกลียดไอ้ข้างล่างนั่นมาก บอกว่ามันน่าขยะแขยงเหมือนอยู่ผิดที่ แต่ผมไม่เหมือนเมษนะครับ ไม่ได้รู้สึกรังเกียจส่วนไหนของร่างกายตัวเองทั้งนั้น ไม่เคยอยากเอาส้นสูงของแม่มาใส่เหมือนเมษด้วย ผมเลยคิดว่าผมน่าจะเป็นเกย์มากกว่า แต่ว่า... ความจริงผมก็แอบคิดเหมือนพี่ชัชนะครับ ถ้าผมกับพี่ชัชมีลูกด้วยกันได้ก็คงจะดี แล้วก็... อืม...”
     “แล้วก็อะไรครับ?”
     ไอ้ต้นมันเงียบไปเหมือนอายๆ ไม่กล้าพูด ผมเลยกระตุ้นเร่งให้มันพูดเพราะอยากรู้เต็มแก่
     “ก็... ผมไม่ได้นึกภาพพี่ชัชเป็นผู้หญิงนี่ครับ ในความฝันของผม พี่ชัชเป็นคุณพ่อที่เท่มากๆ เลย แล้ว... แล้วผมก็กำลังจูงเด็กผู้ชายคนนึงหน้าตาคล้ายๆ ผมตอนเด็กๆ เลย แต่ว่าตาโตกว่า แล้วก็เวลายิ้มชอบอ้าปากฉีกยิ้มกว้างๆ แบบพี่ชัช ส่วนอีกคนที่อยู่ในท้อง ตัวผมในฝันตอนนั้นคิดว่าน่าจะเป็นเด็กผู้หญิงครับ แล้วตอนที่เรากำลังเดินกลับบ้านกัน เด็กคนนั้นก็วิ่งมาหาผมแล้วเรียกผมว่าคุณแม่”
     พอฟังจบ ความรู้สึกบางอย่างก็แล่นไปทั่วร่าง ผมแทบจะลอยได้แล้ว ลอยได้ทั้งๆ ที่ไอ้ต้นกำลังหนุนอกผมอยู่
     “ผมเองก็ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรกันแน่ แต่ถ้าพี่ชัชอยากให้ผมเป็นอะไร ผมก็จะเป็นให้ได้อย่างที่พี่ชัชต้องการครับ ขอแค่ได้อยู่ข้างๆ พี่ชัชตลอดไป พี่ชัชจะให้ผมทำอะไรผมก็ยอม”
     แล้วมันก็จูบผม ผมเองก็จูบมัน เราสองคนจูบกันอย่างดูดดื่มด้วยอารมณ์หวานๆ มากกว่าอารมณ์ใคร่ ผมสัมผัสมันด้วยความรัก ผมรู้แล้วละว่าทำไมผมถึงไม่นึกรังเกียจมันทั้งๆ ที่มันเป็นผู้ชาย เพราะผมรักไอ้ต้นไง ผมรักมันเกินกว่าที่จะสนว่ามันเป็นอะไร ผู้หญิง หรือผู้ชาย ผมรักไอ้ต้นที่ตัวตนของมันแบบนี้แหละ มีแต่ไอ้ต้นคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ผมสำลักความรักตาย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



น้องต้นโหมดสาว พยายามแต่งบทนี้ให้ออกมาเกย์สาวแบบเรียบร้อย แต่ไม่รู้จะถ่ายทอดได้ดีมั้ย ไม่อยากได้อารมณ์สาวน้อยโชโจหรือเคะตามBL อยากได้สาวแบบเรียลแต่ไม่แรงแกรนโอเพนนิ่งทำนองนั้น แบบแอ๊บๆ อ่ะ เฮ้อ... ถ้าทำไม่ได้ต้องขออภัย
 :z6:

บทนี้พี่ชัชจะน่าสงสารเล็กๆ อารมณ์หือเมียไม่ขึ้น ช่วงชักหน้าไม่ถึงหลังของคุณพ่อบ้านเป็นงี้กันรึเปล่า? ฮ่าๆ
ถ้ามีคนชอบชีวิตคู่ของสองคนนี้ก็ดีสิน้า พยายามเขียนมากเลย แต่พี่ชัชก็มีแอบเห็นแก่ตัวเยอะเหมือนกัน คนอ่านคงเริ่มจับทางเฮียแกได้แล้ว นอกนั้นก็เผยนิสัยคุณน้องต้น เหอะๆ พยายามถ่ายทอดให้ออกมาละเมียดละไมว่าทำไมสองคนนี้ถึงรักกันมากแบบนี้ หวังว่าคนอ่านคงจะชอบ ก็นะ... พี่ชัชโหมดอบอุ่นแบบนี้น้องต้นคงยอมตายอ่ะ เหอะๆ

แต่ขอบอกว่าอิเกียของเค้าเด็ดจริงๆ เก้งเยอะ สัดส่วนผู้แถวนั้นทั้งแท้และไม่แท้พนักงานรวมไปถึงลูกค้างานประณีตมาก เป็นสถานที่ควรค่าแก่การไปจิบกาแฟฟรีแล้วเหล่ผู้ชายเป็นอาหารตา ว่าแต่เดากันถูกมั้ยว่าสองคนนี้ไปกินอะไร อิ อิ ต้นคลั่งอาหารญี่ปุ่นตามพี่เปาแล้ว ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#4/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน10
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-11-2014 21:41:13
มันเป็นแหล่งพ่อบ้าน(ที่ต้องทำงานแม่บ้าน)ที่โคตรแจ่มค่ะ

แต่งบ้านซ่อมบ้านแบบ DIY อุปกรณ์เก็บจัดของในคอนโดเราว่าต้นคงชอบมากกกกกกกกกก
ของดีๆ ใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่า ราคาไม่แพงด้วย
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#5/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ10
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-11-2014 01:20:59
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 10

วันธรรมดาๆ ของหมาป่ากับลูกแกะ

     “ที่รักคร๊าบ เห็นตั๋วคอนเสิร์ตของพี่ที่วางไว้บนโต๊ะรับแขกรึเปล่า?”
     เสียงร้องถามที่ตะโกนดังมาชวนให้ต้นน้ำวางเตารีดในมือลงอย่างหงุดหงิด แต่ในระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะเลือกด่าหรือเลือกตอบก่อนดีนั้น เจ้าของเสียงก็โผล่เข้ามาในห้องนอน
     “ต้น เห็นตั๋วคอนเสิร์ตที่พี่ใส่ไว้ในซองจดหมายบนโต๊ะป่ะครับ? พี่ต้องเอาไปให้หมอพรุ่งนี้อ่ะ”
     “ผมไม่เห็นครับ”
     “เฮ้ย! จริงดิ? พี่วางไว้บนโต๊ะนั้นนะ ตอนเราทำความสะอาดเมื่อเช้าเราเห็นป่าว?”
     ต้นน้ำหงุดหงิดกับนิสัยวางของไม่เป็นระเบียบของแฟนได้แต่ยิ้มแล้วกำด้ามเตารีดแน่น
     “แล้วทำไมพี่ชัชไม่เก็บให้ดีละครับ”
     “แหะๆ พี่ลืมจ้ะที่รัก”
     ท่าทียิ้มแหยๆ สำนึกตัวว่าผิดของชัยชัชทำให้ต้นน้ำรู้สึกดีขึ้นแม้จะยังหน่ายใจกับนิสัยมักง่ายของแฟนอยู่บ้าง
     “วางไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
     “เมื่อคืนจ้ะ พี่ยุ่งๆ อยู่ว่าจะเก็บ แต่ก็ลืม...”
     ต้นน้ำได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอา จะไม่ยุ่งได้อย่างไรในเมื่อเหตุการณ์ยุ่งๆ เมื่อคืนนั้นมันก็ไม่พ้นเรื่องหื่นๆ ยามหน้ามืดตามัวของหมาป่าลามกบางตัวแถวๆ นี้ที่พอมีอารมณ์ขึ้นมาก็ไม่สนใจอะไรจ้องแต่จะงาบลากลูกแกะขึ้นเตียง!
     “เฮ้อ....”
     ต้นน้ำถอนหายใจยาวเหยียดพลางเหล่มองชัยชัชที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องนอน
     พอเห็นสายตาเย็นเฉียบกับเสียงถอนหายใจชัยชัชก็สะดุ้ง เขาเกรงใจศรีภรรเมียคนนี้ที่สุด อุปนิสัยบางอย่างของต้นน้ำช่างชวนให้เขานึกถึงมารดา แม้แฟนของเขาจะใจเย็นแต่ก็มีบางเวลาที่ต้นน้ำเลือดขึ้นหน้าวีนแหลกจนเขาไม่กล้าหือ
     ในที่สุด ท่าทางสำนึกผิดกับรอยยิ้มประจบแหยๆ ของชัยชัชทำให้ต้นน้ำใจอ่อน
     “เดี๋ยวผมไปช่วยหาครับ”
     ต้นน้ำปิดเตารีดแล้วลุกออกจากโต๊ะรีดผ้าเดินตามชัยชัชออกมายังห้องนั่งเล่น
     สภาพของโต๊ะรับแขกที่เต็มไปด้วยแผ่นกระดาษโบรชัวร์ต่างๆ ชวนให้ต้นน้ำรู้สึกเหนื่อย เขาเพิ่งจะทำความสะอาดและเก็บของเอกสารพวกนี้ให้เป็นระเบียบไปเมื่อตอนสายๆ ของวัน แต่แล้วผ่านยามเที่ยงมาได้ไม่ทันไรก็มีคนทำรกรื้อกระจุยกระจายเสียแล้ว
     ต้นน้ำคุกเข่าลงกับพื้นแล้วเริ่มลงมือจัดเก็บเอกสารพวกนั้นอีกครั้งพลางพลิกหาซองจดหมายใส่ตั๋วคอนเสิร์ตที่แฟนหนุ่มของตนต้องการ
     “พี่ชัชเอาใส่ซองจดหมายสีอะไรไว้ครับ?”
     “ก็ซองจดหมายธรรมดาๆ สีขาวอ่ะต้น พี่ว่าเมื่อคืนพี่วางไว้แถวๆ นี้น้า ตั้งใจจะเอาใส่ในแฟ้มแท้ๆ”
     ชัยชัชเองก็ก้มลงมาช่วยหาด้วยอีกแรง เขาอธิบายรูปพรรณของซองพลางบ่น
     “เห็นมันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ครับ?”
     “เมื่อคืนจ่ะ ตอนที่ต้นเอาแอปเปิ้ลมาให้พี่นั่นแหละ”
     ต้นน้ำชะงักพลางหันไปมองหน้าสามีสุดที่รัก แผ่นพับในมือสั่นระริกด้วยแรงโทสะภายในใจ เขาอยากขยำเศษกระดาษแผ่นนี้แล้วปาแสกหน้าชัยชัชเหลือเกิน!
     ฉากหมาป่าจอมหื่นที่ว้อนท์ได้ทุกที่ทุกเวลาแปลงร่างจากมนุษย์ขี้เกียจไม่ยอมหยิบผลไม้ทานเองปรากฏขึ้นในความทรงจำ แต่แล้วหมาป่าตัวนั้นก็เริ่มกลายพันธุ์แขนขาของมันกลายเป็นระยางค์อย่างหนวดปลาหมึกคอยโลมไล้ แล้วเขาก็ถูกลากเข้าห้องนอน!
     “ทีหลัง ... ก็เก็บของให้เรียบร้อยเสมอๆ สิครับ”
     “ก็เมื่อคืน-”
     ชัยชัชอ้าปากจะแก้ตัวแต่ทว่าสายตาเย็นเฉียบสะกดเขาเอาไว้ ชายหนุ่มเลยได้แต่ยิ้มแหยๆ อ้อนเมีย
     “พี่กะจะเก็บแล้ว แต่... แหะๆ”
     ต้นน้ำไม่ว่าอะไรได้แต่ก้มหน้าค้นหาวัตถุที่หายไปอย่างขะมักเขม้น ภายใต้การแสดงออกที่ดูสงบนิ่ง ในใจของเขายามนี้กลับกำลังพยายามนับหนึ่งถึงสิบ!

     คนทั้งสองพลิกเอกสารหาแล้วหาอีกอยู่พักใหญ่แต่ก็ยังไม่เจอ ต้นน้ำจึงเอ่ยถามแฟนของตนอีกครั้ง
     “พี่ชัชแน่ใจนะครับว่าวางไว้ตรงนี้”
     “แน่ใจสิ ว่าแต่เราเหอะ ไม่ได้เก็บเอกสารพี่โยนทิ้งไปตอนทำความสะอาดแน่นะ?”
     ชัยชัชตอบกลับพลางซักในสิ่งที่ตนแอบสงสัยมาตั้งแต่แรกโดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ตนถามนั้นจะเป็นการโยนประทัดเข้าไปในกองเพลิง
     ต้นน้ำควันออกหูทันทีที่ได้ยิน!
     “ถ้าเอกสารมันสำคัญมากนัก ก็อย่ามาวางแผ่ไว้แถวนี้สิครับ ผมจะรู้มั้ยว่าอันไหนงานอันไหนขยะ บอกกี่ทีแล้วครับว่าอย่าเอางานมาวางกองไว้แถวนี้!”
     “ก็พี่อยากทำไปดูทีวีไป...”
     ชัยชัชแย้งเสียงอ่อยพลางช้อนตาอ้อนศรีภรรยาผู้ติดสกิลแม่บ้านขั้นสุดยอด แต่ต้นน้ำไม่เล่นด้วย
     “แล้วที่พี่ทำเมื่อคืนเขาเรียกว่างานเหรอครับ?”
     “ไอ้นั่นก็... เค้าเรียกงานบนเตียงไงจ้ะที่รัก”
     “ไม่ขำครับ มันใช่เวลามาทำตลกมั้ย!”
     “โธ่ที่ร้าก”
     แม้ชัยชัชจะพยายามเอาตัวรอดโดยใช้ลูกอ้อน แต่ต้นน้ำกลับถลึงตาให้ด้วยความหงุดหงิด
     ต้นน้ำเบื่อนิสัยมักง่ายของแฟนเหลือเกิน มักง่ายเป็นนิสัยเอะอะอะไรก็มาลงที่เขาจนเคยชิน ถ้าเป็นเรื่องงานบ้านยังพอว่า แต่พักหลังๆ เจ้าตัวลามปามไปถึงเรื่องงาน ทั้งเอกสาร แฟ้ม กระเป๋า ข้าวของสารพัดอย่างที่เจ้าตัวลืมหรือวางเกะกะทำรกเอาไว้เป็นต้องวิ่งมาถามหาเอากับเขาทุกอย่าง รอให้เขาเข้ามาเก็บจัดการปัดกวาดให้เป็นประจำไม่เคยคิดจะจัดระเบียบด้วยตัวเอง!
     คิดแล้วก็เหนื่อย... ในที่สุดต้นน้ำจึงเลิกคิด ได้แต่แอบวางแผนเอาคืนแฟนของตนด้วยหนทางอื่นแทน

     พลิกเอกสารหากันทั้งปึกแล้วก็ยังหาไม่เจอ ต้นน้ำจึงหวั่นใจขึ้นมา เขาตัดสินใจเอ่ยถามชัยชัช
     “ต้องเอาตั๋วไปให้หมอวันไหนครับ?”
     “พรุ่งนี้จะ”
     “แล้วเราไปทำเรื่องออกตั๋วใหม่อะไรแบบนั้นได้มั้ยครับ?”
     “พี่ไม่แน่ใจอ่ะต้น นั่นบัตรแข็งแล้ว ต้องไปทำใหม่ยุ่งยากน่าดู”
     “ความจริงเขาน่าจะมีระบบออกใหม่ให้อะไรแบบนี้นะครับ”
     “พี่ไม่รู้สิ กะว่าถ้าหาไม่เจอก็จะทำแบบนั้นแหละ แต่ถ้าไม่ได้คงต้อง... ซื้อใหม่”
     ต้นน้ำอยากเป็นลม!
     “ผมจะลองไปดูในถังขยะ!”
     พูดจบต้นน้ำก็รีบตรงไปที่ถังขยะ เขาลงมือคุ้ยหาในนั้นอย่างไม่รังเกียจ ระหว่างเศษฝุ่นผงและสิ่งสกปรกเล็กๆ น้อยๆ กับการสูญเงินโดยใช่เหตุอีกระลอก เขาเกลียดอย่างหลังมากกว่า!
     ในขณะเดียวกัน ชัยชัชก็ตัดสินใจสำรวจในกระเป๋าเอกสารของตน และเมื่อค้นไปค้นมาได้สักพัก ในซอกเล็กๆ ของกระเป๋าที่ถูกรูดซิปปิดไว้เขาก็เจอเข้ากับซองจดหมายสีขาวที่ด้านในบรรจุตั๋วคอนเสิร์ตอยู่ เขามองไปทางต้นน้ำที่กำลังก้มๆ เงยๆ คุ้ยเขี่ยเศษขยะในถังอย่างเอาเป็นเอาตาย...
     “เอ่อ... ที่รักครับ”
     “ครับพี่ชัช?”
     ต้นน้ำรับคำก่อนจะพูดต่อว่า
     “ผมยังไม่เจอเลยครับ”
     “คือไม่ต้องแล้วล่ะครับ ไม่เป็นไรแล้ว”
     “ได้ยังไงล่ะครับพี่ชัช!”
     แต่ก่อนที่ต้นน้ำจะได้ทันวีนแตก
     “พี่ ... พี่หาเจอแล้วครับ”
     เหมือนดั่งทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่ง เปรียบดังกาลเวลาได้ถูกสตาฟไว้โดยคำพูดของชัยชัช
     “พี่หาเจอแล้วครับ”
     “ตรงไหนครับ?”
     “ในกระเป๋าเอกสารพี่”
     ต้นน้ำต้องข่มตบะภายในใจยกใหญ่ด้วยการนับหนึ่งถึงร้อยพลางยิ้ม
     “ก็ดีครับ ถ้าพี่ชัชไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวไปรีดผ้าต่อก่อนนะครับ”
     “โธ่เมียจ๋า! อย่าโกรธผัวสิจ้ะ ก็พี่ลืมจริงๆ พี่จำไม่ได้เลยนะว่าเก็บลงกระเป๋าไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
     ชัยชัชรีบทิ้งของที่ถืออยู่ในมือแล้วตรงไปหาต้นน้ำที่นั่งอยู่ข้างถังขยะพลางโอบกอดคนขี้งอนเอาไว้ในอ้อมแขน
     “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ ปล่อยครับ ผมจะไปรีดผ้า”
     “แต่ที่รักหน้าหงิกอ่ะ”
     “แล้วผมควรจะต้องคุ้ยถังขยะด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหรอครับ?”
     “พี่ขอโทษ ... ก็พี่ลืมอ่ะ นะ น้า นะครับที่รัก ให้อภัยผัวเถ้อ”
     “ครับ ผมให้อภัยครับ!”
     ต้นน้ำเหยียดยิ้มเย็นยะเยือกส่งให้ชัยชัชพลางแอบต่อประโยคในใจเงียบๆ ว่า ‘ไม่งั้นผมหาแฟนใหม่ที่ไม่ใช่ผีขี้เกียจป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ไปนานแล้วครับ!’


     คืนนั้นชัยชัชเลยต้องนอนง้อเมียทั้งคืน...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



มีใครฮาตอนนี้บ้าง? วันๆ ของคู่นี้ก็งี้แหละ ถ้าเราเป็นคุณน้องต้นเราจะเอาเตารีดปาแสกหน้าเฮียแก ฮ่าๆ  :m29: 
พี่ชัชนี่ห่วยจริงๆ ใครได้ทำปั๊วนี่ซวยสุดๆ เห็นใจน้องต้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#5/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน11
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-11-2014 02:12:41
มรสุมของเด็กเลี้ยงแกะ

ต้นน้ำ

     วันนี้ผมแวะมาหาคุณปู่ที่บ้านครับ เพราะผมมีเรียนแค่ครึ่งวัน ผมเลยลองเอาเค้กที่ผมทำมาให้ป้าณีชิมดู ผมเคยเล่าให้ท่านฟังว่าผมทำเค้กได้แล้วท่านก็ชอบทานของหวานผมก็เลยสัญญาว่าจะลองทำมาฝากท่านดู แต่น่าเสียดายที่ป้าณีไม่อยู่เพราะต้องออกไปดูร้าน อยู่แต่ลุงไกรที่ไม่ได้ไปทำงานกับคุณปู่ ผมก็เลยตัดเค้กแบ่งให้ผู้สูงอายุชายทั้งสองลองชิมแทน
     “อาตี๋เล็ก วันเกิดที่จะถึงนี้ของลื้ออากงจาจัดงานวันเกิดให้น้า”
     อยู่ๆ คุณปู่ก็พูดเอาแต่ใจขึ้นมาแบบนั้น ผมที่กำลังตัดเค้กเสิร์ฟให้ลุงไกรเลยชะงักไปเลยครับ
     “คุณปู่ว่าอะไรนะครับ?”
     “ลื้ออายุครบยี่สิบทั้งที อากงอยากจัดงานให้ อากงอยากอวดเพื่อนคนอื่นๆ ว่าหลายชายอากงโตเป็นหนุ่มแล้ว”
     ผมนึกถึงงานวันเกิดของไนน์ที่มีแต่ใครก็ไม่รู้ล้วนแต่เป็นแขกของผู้ใหญ่ทั้งนั้นมาเดินเต็มบ้านโดยมีเพื่อนสนิทอันน้อยนิดแล้วก็เหงื่อตก งานแบบนั้นไม่เอานะครับ แล้วที่สำคัญ ผมอยากฉลองกับพี่ชัชด้วย! ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากลุงไกรทันที ลุงไกรเหมือนเข้าความรู้สึกของผมเลยช่วยพูดขัดให้
     “ไม่ดีน่าป๊า เกิดต้นอีอยากไปฉลองกับเพื่อนล่ะ ให้เด็กมันไปสนุกกันเองเถอะ”
     “ลื้อก็ชวนเพื่อนมาในงานด้วยไงอาตี๋เล็ก”
     “แล้วถ้าอีอยากไปฉลองกับแฟนอีล่ะป๊า จะจัดงานให้หลาน ถามอาต้นแล้วรึยัง อีอาจจะอยากทำอะไรพิเศษให้ลูกอีก็ได้”
     “หลานอั๊วะๆ จาฉลองให้ ไม่เห็นต้องถามความเห็นใคร”
     ลุงไกรส่ายหน้าน้อยๆ กับความดื้อรั้นของคุณปู่ ผมเลยส่งสายตาวิงวอนไปอ้อนแกอีกรอบ ลุงไกรก็เลยยิ่งส่ายหน้าแบบจนปัญญาเข้าไปใหญ่ แต่ก็พยักหน้าให้ว่าจะช่วยผมเต็มที่ เฮ้อ... ดูท่าผมคงต้องลงทุนอ้อนเองซะแล้ว
     “แต่ว่าวันนั้นมันเป็นวันพฤหัสนะครับ แล้วผมก็มีเรียนเช้าวันศุกร์ต่อด้วย ผมไม่อยากจัดงานอะไรแบบนั้นนี่ครับ เอาเป็นเสาร์อาทิตย์นั้นผมค่อยแวะมาทานข้าวกับคุณปู่แทนไม่ได้เหรอครับ พี่ชัชก็หยุดงานด้วยจะได้แวะมาส่งผมได้ยังไงละครับ”
     “แต่อากงอยากจัดงานฉลองให้ลื้อ”
     “แต่ผมไม่อยากนี่ครับ แล้วอีกอย่าง... ผมเกรงใจคุณสุดาเขา ผมไม่อยากให้คุณพ่อลำบากใจ นะครับ คุณปู่”
     “แต่ลื้อสมควรได้นาอาตี๋เล็ก ลื้อจาอยู่เงียบๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้น้า ลื้อก็เป็นหลานอากงคนนึงเหมือนกัน อั๊วะอยากให้ลื้อรู้จักคนเยอะๆ จาได้คอยช่วยเหลือกันได้”
     “แต่ว่า...”
     “อั๊วะว่าทำตามที่ต้นพูดเถอะป๊า ถือว่าเห็นแก่หน้าอาต้นกับคุณสุเขา ไม่งั้นแล้วป๊าจะบอกแขกในงานว่ายังไง เราค่อยๆ แนะนำต้นให้คนอื่นรู้จักเถอะ เรื่องนี้ปล่อยให้อาต้นอีจัดการปัญหาของอีเองดีกว่า”
     “นะครับคุณปู่ ผมไม่ได้อยากมีชื่อเสียงอะไรแบบนั้นซักหน่อย แค่คุณพ่อยอมรับผม ได้มาเป็นหลานคุณปู่ ผมก็ดีใจแล้วครับ แถมผมยังมีคุณลุงกับคุณป้าอีก แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วครับ”
     ผมลงทุนอ้อนคุณปู่เต็มที่ ยอมถึงขั้นกอดละหอมแก้มคุณปู่เลยนะเนี่ย อะไรก็ได้อย่าพาผมออกงานก็พอ! ปกติแล้วแม้แต่กับแม่ผมยังไม่อ้อนขนาดนี้เลย แต่คงเพราะคุณปู่ไม่มีโอกาสเห็นผมตอนเด็กๆ แถมผมยัง... เป็นแบบนี้ เลยกลายเป็นแกแทบจะเห็นผมเป็นหลานสาวไปซะแล้ว คุณปู่ดีใจหัวเราะคิกคักกอดผมตอบ ผมแอบเหลือบตามอง เห็นลุงไกรนั่งหัวเราะผมด้วยแหละ ให้ตายเถอะ ไม่ช่วยผมแล้วยังจะสมน้ำหน้าผมอีก!
     “ก็ได้ๆ แต่ลื้อต้องสัญญาน้าว่าลื้อจามาค้างกับอากง อากงจาได้หายคิดถึงลื้อ”
     “ครับ ผมสัญญา รักคุณปู่ที่สุดเลยครับ”
     เฮ้อ... จบไปหนึ่งเรื่อง!

     แล้วผมก็อยู่เป็นเพื่อนท่านอีกพักใหญ่ จนกระทั่งได้เวลาอาหารเย็น ผมอยู่ทานอาหารเป็นเพื่อนคุณปู่กับลุงไกรก่อนจะขอตัวกลับคอนโด ผมก็เข้าใจคุณปู่นะครับ เพราะคุณปู่แก่แล้ว ครั้นจะให้ไปคอยดูแลร้านเหมือนเมื่อก่อนก็ทำไม่ค่อยไหว ยิ่งพอคุณลุงองอาจกับพี่ธีร์เสียไปแล้วป้าณีก็เลยต้องมาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคุมร้านแทน นานๆ ทีลุงไกรถึงจะไปช่วยบ้าง เพราะลุงไกรไม่ค่อยมีหัวทางด้านนี้ซักเท่าไหร่ แต่เพราะระบบกงสี แกเลยมีเงินใช้ในแต่ละเดือน แต่ก็เอาเงินที่มีไปลงทุนกับตลาดหุ้นเสียหมด เพราะนิสัยชอบเสี่ยงรักพนันของตัวเองไม่ยอมมาบริหารงานร้านเพชรให้เป็นเรื่องเป็นราว คุณปู่เลยค่อนข้างโกรธลุงไกรมาก
     แต่นิสัยอย่างลุงไกร ไม่แคร์หรอกครับ ยังทำตัวลอยชายไม่สนใจอะไรตามเดิม ยิ่งพอคุณลุงองอาจแกเสียไปแล้วบ้านหลังนี้เหลือแต่คุณปู่กับป้าณี แกก็เลยย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ คอยหาเรื่องขัดใจคุณปู่บ่อยๆ แต่ผมรู้หรอกครับ ลุงไกรเองก็เป็นห่วงคุณปู่เหมือนกันนั่นแหละ คุณพ่อกับลูกยังไงก็ตัดกันไม่ขาด...
     ส่วนคุณพ่อของผม ถึงจะย้ายออกไปมีครอบครัวของตัวเอง ไม่เคยรับเงินกงสีอีกเลยตั้งแต่วันที่เก็บเสื้อผ้าไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่พอพี่ษาเกิด คุณพ่อก็พามาหาคุณปู่บ่อยๆ ส่วนคุณปู่ ถึงจะทำเป็นตัดขาดไม่สนใจคุณพ่อ แต่ก็คอยตามใจหลานสาวตลอด ป้าณีเคยแอบกระซิบให้ผมฟังว่าหัวแข็งกันทั้งบ้านยกเว้นคุณลุงองอาจนี่แหละครับ
     ผมเองก็แปลกใจที่ป้าณีไม่ถือโทษโกรธเคืองลุงไกร ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วสาเหตุที่ทั้งสองคนเกิดอุบัติเหตุขึ้นนั้นอาจจะเกิดมาจากลุงไกรก็ได้ คนที่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังก็คือพี่ษาครับ พี่ษาเล่าว่าช่วงนั้นคุณลุงไกรมีปัญหาหนี้สินส่วนตัวมากพอสมควร เพราะความเสเพลเลยทำให้มีปัญหาไม่ลงรอยกับคุณปู่อยู่แล้ว พอมีปัญหาก็เลยหนีไปอยู่ต่างจังหวัด ลุงไกรถูกตามทวงหนี้ มีปัญหาจนเดือดร้อนมาถึงคนที่บ้าน แต่เพราะลุงไกรไม่มีชื่อในทรัพย์สินอะไรของร้าน เจ้าหนี้เลยได้แต่ข่มขู่
     จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุกับลุงไกร ลุงไกรถูกประกบยิงแต่รอดชีวิตมาได้ ลุงไกรเลยมาขอร้องให้คุณลุงองอาจช่วย เพราะคุณลุงองอาจเป็นพี่ชายที่รักน้องเลยให้ความช่วยเหลือ คุณลุงองอาจนำเงินสดจำนวนหนึ่งไปให้ลุงไกรโดยมีพี่ธีร์ขับรถไปด้วยกัน แต่แล้วพวกเขากลับไปไม่ถึงลุงไกรครับ เกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างทาง พี่ธีร์คนขับรถเสียชีวิตคาที่ ส่วนคุณลุงองอาจก็เสียเพราะมาถึงโรงพยาบาลช้าเกินไป แถมกระเป๋าใส่เงินยังหายไปจากรถอีก
     เรื่องนี้ช็อคทุกคนในบ้านมาก คุณปู่โกรธจนประกาศตัดคุณพ่อตัดลูกกับลุงไกร ความโศกเศร้าเสียใจทำให้สุขภาพคุณปู่แย่ลง กว่าที่คนในบ้านจะทำใจยอมรับได้ก็นานพอดู ดังนั้นพอทุกคนรู้ว่ายังมีผมอยู่บนโลกนี้เลยดีใจมาก และพยายามให้คุณพ่อมารับตัวผมไปอยู่ด้วยกัน ช่วงนั้นแหละครับ ที่ลุงไกรย้ายกลับมาอยู่กับคุณปู่อีกครั้ง คุณปู่เองก็ลดทิฐิลงไปมากยอมให้ลุงไกรกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แล้วให้ป้าณีจัดการเรื่องอื่นๆ ของลุงไกรให้
     ผมฟังแล้วก็ได้แต่นึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมเห็นใจคนบ้านนี้นะ ถึงผมจะไม่รู้จักคุณลุงองอาจกับพี่ธีร์ แต่ผมก็คิดว่าทั้งสองคนต้องใจดีมากแน่ๆ เลยครับ

     ตอนขากลับ ลุงไกรเป็นคนขับรถมาส่งผมที่คอนโด พออยู่ในรถสองคนแล้วผมก็เลยแอบงอนแกนิดหน่อย
     “คุณลุงนะคุณลุง ไม่ช่วยผมเลยนะครับ”
     “ลุงก็ช่วยแล้ว แต่ต้นก็เห็น ป๊าแกตื่นเต้นอยากอวดคนอื่นจนตัวสั่น”
     “แต่ก็ไม่เห็นต้องแอบหัวเราะเยาะผมเลย”
     “ก็เรามันน่าขำมั้ยล่ะ ถ้าพ่อเรามาเห็นฉากเมื่อกี้คงงอนเราน่าดู ฮ่าๆ”
     “ก็มันช่วยไม่ได้นี่ครับ ถ้าไม่ทำแบบนั้นคุณปู่ก็ไม่ยอมตามใจผมนี่ เพราะคนอื่นไม่อยู่นั่นแหละครับ ผมถึงกล้าทำอะไรแบบนั้น”
     “แต่ที่ป๊าพูดมันก็จริงนะ เราจะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ จริงหรือ? อย่างน้อยๆ ก็น่าจะไปรับรองบุตรให้มันเรียบร้อย พอเราอายุครบยี่สิบก็ต้องไม่ต้องให้แม่เรามาเซ็นอะไรแล้ว”
     “แต่ว่า...”
     “เราเกรงใจแม่ว่างั้น แม่เราก็ฉลาดนะ โยนเผือกร้อนมาที่เราคนเดียว รู้ทั้งรู้ว่าต่อให้เรายี่สิบแล้วเราก็ไม่กล้าอยู่ดีนั่นแหละเพราะกลัวแม่จะน้อยใจ แล้วก็แต่งงานหนีไปอยู่โน่นสบายใจเฉิบ ปล่อยเราไว้คนเดียว”
     “อย่าว่าคุณแม่เลยครับ คุณแม่ก็แค่อยากให้ผมตัดสินใจด้วยตัวเอง ก็ตอนนั้นอะไรๆ มันไม่เหมือนตอนนี้นี่นา แล้วผมก็เป็นคนเลือกที่จะอยู่เมืองไทยเองด้วย”
     “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่เพื่อตัวต้นเองนะ แล้วทางเลือกที่ลุงเสนอให้เราล่ะ?”
     “ถ้าผมทำแบบนั้นคุณพ่อคงโกรธผมตายเลยครับ”
     “ก็ปล่อยอีโกรธไป ทุกอย่างมันขึ้นกับเรา อีทำตัวเอง ต้นไม่ต้องไปสนใจหรอก”
     ทางเลือกที่คุณลุงพูดถึงก็คือการที่คุณลุงจะเป็นคนรับผมเป็นบุตรบุญธรรมแทน ... ผมได้แต่นั่งนิ่งมองวิวบนถนน ปล่อยให้คุณลุงขับรถพาผมกลับคอนโด
     ตอนแรกคุณพ่อต้องการรับผมเป็นบุตรบุญธรรม เพราะเกรงใจคุณป้าสุดา มันเจ็บปวดนะครับ ทั้งๆ ที่ผมเป็นลูกแท้ๆ ของคุณพ่อ ผมเลยได้แต่ชิงชังท่านเพราะความน้อยใจ จนผมประสบอุบัติเหตุนั่นแหละครับ ทุกคนถึงได้หันหน้ามาคุยกัน ทางนั้นโดยเฉพาะคุณปู่อยากทำอะไรให้มันถูกต้องตามกฏหมาย
     ยิ่งพอผมคืนดีกับคุณพ่อแล้ว ผมไม่รู้ว่าคุณพ่อพูดอะไรกับคุณสุดา แต่คุณสุดาเองก็ตามใจคุณพ่อผม ท่านคงนึกเวทนาเด็กอย่างผมมั้งครับ หลังๆ มาคุณพ่อถึงได้พาผมไปพบคุณสุดากับพี่ษาบ่อยๆ โดยเฉพาะวันที่ผมมาทานข้าวกับคุณปู่ แทบจะกลายเป็นงานรวมญาติเลยครับ ทั้งๆ ที่ปกติคุณพ่อเองก็แทบไม่ค่อยกลับไปหาคุณปู่ด้วยซ้ำ มีแต่พี่ษาที่ขยันมาอ้อนคนแก่บ้านนี้
     แต่ว่าในขณะที่ผมกำลังแอบดีใจกับครอบครัวใหม่ ผมก็กลัวแม่ของผมน้อยใจ ผมไม่อยากให้แม่คิดมากว่าผมดีใจอยากเป็นลูกหลานของทางนั้นจนลืมแม่...
     ผมลำบากใจจังเลยครับ ถึงจะเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ แต่ก็เป็นปัญหาของผู้ใหญ่ที่ผมรัก แล้วยิ่งคุณปู่เองก็มีชื่อเสียงพอตัว คุณพ่อกับคุณสุดาเองก็มีคนนับหน้าถือตามีลูกศิษย์ลูกหาตั้งเยอะ ผมจะไปปรากฏตัวในฐานะอะไรละครับ? ลูกนอกสมรสเหรอ? ถ้าที่ยืนของผมต้องแลกมาพร้อมกับความเสียหายของชื่อเสียงพวกคุณพ่อ ขอผมอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ได้ครับ แค่พวกเขายอมรับผมๆ ก็ดีใจแล้ว แต่คุณลุงก็มาชวนผมไปเป็นลูกบุญธรรม ...
     ครั้งแรกที่คุณลุงกับผมพบกันเป็นตอนที่ผมไปบ้านคุณปู่เป็นครั้งแรกครับ คุณปู่ให้พี่ษามารับผมไปหาวันนั้นคุณลุงกับป้าณีเองก็อยู่บ้านด้วย ผมเองก็ยังไม่คุ้นเคยกับใคร พอทานข้าวด้วยกันเสร็จก็เลยขอตัวกลับเพราะรู้สึกอึดอัด ได้แต่รู้จักหน้ากันเฉยๆ แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ผมใกล้ชิดกับคุณลุงนั้นก็คือตอนที่คุณลุงไม่สบายแล้วผมได้มีโอกาสช่วยดูแลคุณลุง หลังจากนั้นผมก็เลยสนิทกับแกมาก
     เวลาที่ผมอยู่กับคุณลุงมันรู้สึกสบายกว่าเวลาที่อยู่กับคุณพ่ออีกครับ คงเพราะระหว่างผมกับท่านไม่มีอะไรมารั้งพวกเราเอาไว้ แถมคุณลุงยังเป็นคนพูดอะไรตรงๆ ไม่เหมือนคุณพ่อ... แต่ผมก็เข้าใจคุณพ่อนะครับ ท่านก็พยายามเต็มที่แล้ว เป็นผมเองต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายเจียมตัว ถ้าผมเป็นคุณสุดา ผมคงไม่เข้มแข็งอย่างเธอ เธอคงรักคุณพ่อมากถึงได้ให้อภัยคุณพ่อได้ขนาดนี้ และถ้าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่วิเศษ พี่สาวของผมก็คงจะไม่ใช่ผู้หญิงน่ารักที่พร้อมจะรับน้องชายต่างมารดาอย่างผมเข้าไปในครอบครัว ผมเห็นแล้วก็ได้แต่ละอายครับ ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเรียกร้องอะไร เท่าที่ผมได้อยู่ตอนนี้ก็ดีมากแล้ว
     “ขอโทษนะครับ ต้องให้คุณลุงขับรถมาส่งผม”
    “ไม่เป็นไรหรอก ลุงเองก็จะออกมาธุระข้างนอกอยู่แล้ว”
     “ขอบคุณนะครับ”
     คุณลุงหันมายิ้มให้ผมก่อนจะหันกลับไปมองรถบนถนนต่อ ส่วนผมเองหันกลับไปมองวิวนอกหน้าต่างต่อเช่นกัน แล้วผมจะบอกพี่ชัชว่ายังไงดีละครับเนี่ย? ผมอุตส่าหวังว่าปีนี้จะเป็นการฉลองวันเกิดที่สุดวิเศษแท้ๆ อุตส่าอายุครบยี่สิบทั้งที

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#5/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน11
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-11-2014 02:28:47
ชัยชัช

     “กลับมาแล้วคร้าบ”
     ผมเอ่ยทักทายเมียสุดที่รักที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่หน้าเตา ไอ้ต้นมันหันมายิ้มให้ผมก่อนจะหันกลับไปยุ่งกับของในกระทะต่อ หือ? กลิ่นแบบนี้...
     “พี่ชัชกลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนก็ได้ครับ สเต็กยังไม่เสร็จเลย”
     หอมโคตรๆ ผมวางกระเป๋าไว้บนโซฟาแล้วเดินมาดูอาหารเย็นของผมในกระทะ หืม... น่ากินชิบเป๋ง!
     “ทำไมจู่ๆ มื้อเย็นวันนี้ถึงได้มีสเต็กละครับ?”
     ต้นมันหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้ามีเลศนัยนิดนึงแล้วก็ตอบ
     “อยากทานครับ”
     อ้าวๆ กวนละเมียผม ผมเลยตอบกลับด้วยการขยี้หัวมันไปสองสามที มันชักสีหน้าใส่แล้วทำท่าจะเอาตะหลิวมาฟาดผมซะงั้น
     “พี่ชัชอ่ะ! อย่ากวนสิครับ”
     “เออๆ งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”
     เมียผมนับวันจะข่มผัวเข้าไปทุกวันๆ ฮ่าๆ นี่ถ้ามันเอามืออีกข้างเท้าสะเอวนะใช่เลย!

     สุขสุดยอด! กลับถึงห้องเหนื่อยๆ ก็มีคนทำอาหารเย็นให้กิน ตอนแรกผมนึกว่าต้องหาอะไรกินเองคนเดียวซะละ เพราะต้นมันโทรมาบอกผมว่าอยู่ทานข้าวเย็นกับปู่มัน อาจจะกลับช้า ที่ไหนได้ พอกลับถึงบ้านกลิ่นสเต็กหอมฉุยก็รอผมอยู่ ผมเห็นมีสองชิ้นด้วย ถึงอีกชิ้นมันจะเล็กมากก็เถอะ แปลว่าผมไม่ต้องนั่งกินข้าวเย็นคนเดียว รู้สึกดีชะมัดยาดเลยครับ
     ผมถอดเสื้อผ้าโยนลงตระกร้าแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ จัดการอาบน้ำสระผมทำความสะอาดตัวเองแล้วก็ใส่ชุดนอนเดินออกมารอสัมปทานสเต็ก กลิ่นหอมเครื่องเทศผสมกลิ่นเนื้อแกะตลบอบอวลไปทั่วห้อง การทำอาหารในคอนโดมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ แต่ผมไม่ถืออยู่แล้ว จะกลิ่นอะไรก็ช่างผมไม่มีปัญหาหรอกครับ เพราะตอนนี้ผมหิว ที่สำคัญ ยังไงคนทำความสะอาดก็ไม่ใช่ผม เดี๋ยวไอ้ต้นมันก็จัดการเอง ฮ่าๆ
     นั่นไง ไอ้ต้นกำลังจัดการคลุกสลัดให้ผม ได้กินของอร่อยละว้อย สลัดที่ไอ้ต้นทำอร่อยมากครับ สูตรน้ำสลัดของพี่น้ำเด็ดโคตร ผมนั่งรออาหารเย็นผมอยู่บนโต๊ะทานข้าวพลางมองสุดที่รักลำเลียงมื้อเย็นจานต่างๆ มาวางตรงหน้า พอมันจัดโต๊ะเสร็จก็นั่งลงตรงข้ามผม
     “กินแค่นั้นเองเหรอครับ ที่เหลือนี่พี่เหมาได้เลยใช่มั้ย?”
     “ครับ ความจริงผมก็ทานมื้อเย็นมาแล้วจากบ้านคุณปู่”
     “อ้าว แล้วไปไงมาไงพี่ถึงมีบุญได้กินเสต็กเนื้อแกะนี่ล่ะ”
     “ก็... พอดีตอนที่คุณลุงมาส่งผม คุณลุงแวะฟู๊ดแลนด์ครับ”
     “อ๋อ... เราเลยช็อปฟรีว่างั้น?”
     “เปล่าซะหน่อย คุณลุงเสนอตัวเองต่างหาก ผมในฐานะหลานเวลาผู้ใหญ่ให้ของผมก็ไม่ขัดหรอกครับ”
     หึๆ เมียผมลอยหน้าลอยตาตอบได้หน้าเป็นมากครับ อีแก่ขี้งกของพี่เอ้ย... น่ารักอ๊ะ!
     “เอาเหอะ ลาภปากพี่ ไหนชิมดิ ยังทำน้ำเกรวี่อร่อยเหมือนเดิมป่าวเนี่ย? พอเนื้อแพงเราก็ไม่ค่อยทำสเต็กให้พี่กินเล้ย”
     “พี่ชัชอ่ะ!”
     มันทำปากยื่นงอนผมซะงั้น ฮ่าๆ แต่ก็นะ ไอ้ท่าทางแอบไม่มั่นใจลุ้นสีหน้าผมที่กำลังตัดเสต็กส่งเข้าปากนี่โคตรน่ารักเลยอ่ะ เพราะงั้นผมเลยแกล้งทำหน้าแปลกๆ เท่านั้นแหละ ไอ้ต้นเริ่มคิ้วตก คงกลัวเสต็กตัวเองจะไม่อร่อยจริงๆ เห็นแบบนี้ผมเลยเลิกแกล้งได้เวลาปลอบใจลูกแกะน้อยแล้วครับ
     “อร่อยครับ รสเดียวกับที่แม่เราทำเลยนะนี่”
     ผมไม่ได้แกล้งยอมันนะครับ เนื้อแกะหมักเครื่องเทศย่างในกระทะสุกกำลังดีนุ่มลิ้นรสเยี่ยม! ตอนแรกที่มันจะย้ายมาอยู่กับผมแล้วหอบเอาพวกอุปกรณ์ครัวมาด้วยเยอะแยะผมก็สงสัยนะว่าอะไรนักหนาวะ จานชามหม้อไหห้องผมก็มี แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่าไอ้กระทะสำหรับย่างกับค้อนหน้าตาประหลาดๆ นั่นมันเอาไว้ทำอะไร
     “แหง๋สิครับ”
     มันตอบผมแบบอวดๆ แล้วก็ลงมือทานสเต็กในส่วนของตัวเองบ้าง เฮ้อ... ไอ้เด็กเลี้ยงแกะเอ้ย เหลิงชะมัด คืนนี้แกล้งมันซักหน่อยดีกว่า
     ผมนั่งดื่มด่ำกำซ่าบกับเนื้อแกะเลิศรส ส่วนไอ้ต้นก็นั่งจิ้มสลัดทานเป็นเพื่อนผมหลังจัดการเสต็กชิ้นเล็กๆ ในจานของตัวเองเสร็จแล้ว เพราะอาหารเย็นมันอร่อยมากปากผมเลยไม่ว่างแซวเมีย แต่เมียผมปากว่างแล้วมั้งครับ เพราะจู่ๆ มันก็ถามผมขึ้นว่า
     “เอ่อ... ช่วงนี้พี่ชัชมีไปไหนรึเปล่าครับ?”
     “ไม่อ่ะ อาทิตย์นี้พี่อยู่แต่ในกรุงเทพฯ ครับ ส่วนวันที่สามเอ็ดพี่ต้องรีบกลับบ้าน วันเกิดเมีย”
     ไอ้ต้นมันยิ้มครับ มันช้อนตามองผมแล้วก็ยิ้ม หน้าแดงหน่อยๆ ท่าทางดีใจมาก ผมไม่ได้โง่ขนาดลืมวันเกิดแฟนนะคร้าบ หึๆ
     พอกินเสร็จ ที่เหลือก็ไม่ใช่หน้าที่ผม ผมเลยหนีไปนอนรอในห้องนอนเพราะขี้เกียจอยู่ผจญกลิ่นอาหารในห้องนั่งเล่น คือ... ตอนหิวอ่ะหอมครับ แต่ตอนอิ่มนี่ดิ ได้กลิ่นแล้วจะอ้วก ที่สำคัญผมต้องรีบย่อยด้วยครับ เดี๋ยวต้องใช้แรงงาน หึๆ
     ราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมง ไอ้ต้นมันก็เดินเข้าห้องมา คงจัดการทำความสะอาดข้างนอกเรียบร้อยแล้วมั้งครับ นิสัยอย่างไอ้ต้นไม่มีหรอกครับ เรื่องกองจานชามคาอ่างไว้อ่ะ กินมื้อไหนล้างมื้อนั้นทันที หึๆ เมียผมน่ารักมั้ยละ แม่บ้านแม่เรือนขนาดนี้พี่รักตายเลย ผมละสายตาจากไอแพดในมือหันไปบอกมัน
     “ที่รักคร้าบ พรุ่งนี้พี่เข้าบ่ายนะครับ แต่ปลุกพี่ไปส่งเราได้นะ”
     “อื้อ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไปเองได้”
     “น่า ไม่ปลุกพี่คืนนี้ไม่ได้นอนทั้งคืนนะ”
     นั่นไง เจอมุกนี้ของผมเข้าไปมันก็เขินหน้าแดงเลย มันเฉไฉทำงอนไม่ตอบเดินไปถอดเสื้อผ้าทำท่าจะอาบน้ำ ผมมองดูเมียตัวเองค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อทีละเม็ดก่อนจะปลดตะขอกางเกงออก มันพันผ้าเช็ดตัวเอาไว้ก่อนจะดึงกางเกงลงแล้วถอดกางเกงใน ไอ้ขี้อายเอ้ย! เห็นกันมาจนจะจำขนทุกเส้นบนตัวมันได้อยู่แล้วยังจะอายผมอีก แต่นี่ก็ดีขึ้นเยอะแล้วครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนอยู่ด้วยกันใหม่ๆ มันหอบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำตลอด คิดแล้วขำชิบหาย
     ไอ้ต้นมันนุ่งผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปแล้ว ผมว่าผมเปลี่ยนใจดีกว่า เล่นมันตอนนี้เลย! หึๆ

     พอได้ยินเสียงน้ำไหล ผมก็สลัดเสื้อผ้าตัวเองออกแล้วผลักประตูตามเข้าไป เมียผมกำลังยืนรับน้ำอยู่ใต้ฝักบัว เพราะเสียงเปิดประตู ต้นมันเลยหันมาทำท่าจะอ้าปากถามอะไรผม แต่พอเห็นผมเปลือยทั้งตัวเท่านั้นแหละ มันอ้าปากค้างทำตาโตทันทีครับ ฮ่าๆ
     “เข้ามาทำไมครับพี่ชัช?”
     “พี่ปวดฉี่”
     “ห้องน้ำข้างนอกก็มี”
     “แต่พี่อยากฉี่ลงรู”
     “.... ไม่ตลกครับ ผมจะอาบน้ำ”
     ผมก้าวไปยืนซ้อนมันด้านหลังแล้วโอบมันเอาไว้ก่อนจะเลื้อยมือไปช่วยมันถูสบู่
     “อื้อ! ไม่ต้องเลยครับ ผมอาบเองได้!”
     “แต่ฉี่พี่เป็นสีขาวอ่ะ แล้วมันอยากลงรูต้นด้วย”
     พอถูกผมกระซิบข้างๆ หู มันก็เริ่มหน้าแดง แถมเพราะมือผมช่วยเลื้อยไปทำความสะอาดให้มันไล่ตั้งแต่บนหน้าอกลงไปถึงด้านล่าง มันเลยเริ่มเซจนต้องเอนมาพิงผม
     “ไม่เอานะครับพี่ชัช พึ่งกินมาอิ่มๆ อาหารยังไม่ย่อยเลย”
     “แต่พี่อยากกินของหวาน”
     ผมพูดพร้อมกับชักให้มันไปด้วย พอโดนเข้าไปขนาดนี้ไอ้ต้นก็แทบยืนไม่ไหวแล้วครับ มันเอนมาซบจนร่องก้นมันเบียดอยู่กับของๆ ผม นี่มันไม่ไหวหรือมันยั่วผมวะเนี่ย?
     “อื้อพี่ชัชอ่ะ!”
     “คร้าบ?”
     ถึงมันจะยังไม่ได้ล้างหน้า แต่แก้มเมียผมหอมเสมอครับ ผมหอมแก้มมันก่อนจะดูดปากกันท่ามกลางสายน้ำจากฝักบัว มือนึงก็รูดอยู่ด้านล่าง อีกมือก็คลึงอยู่ด้านบน ด้านหลังมันก็โดนผมเอาเอ็นเบียด ไอ้ต้นโดนผมเล้าโลมทุกส่วนของร่างกายแบบนี้มันก็ปฏิเสธไม่ไหวแล้วครับ มันส่งเสียงประท้วงผมในคออู้อี้ได้ซักพักก็เริ่มเซ เห็นอาการเข่าอ่อนเมียแล้วก็สงสารผมเลยเร่งมือสาวให้เร็วยิ่งขึ้น หึๆ ทีนี้แหละ มันสะบัดหน้าหนีผมเลย แต่ผมไม่ยอมหรอก ผมจับคางมันให้หันมาดูดปากกับผมต่อ ส่วนข้างล่างก็แกล้งมันหนักขึ้นจนไอ้ต้นมันหุบปากไม่อยู่ ดูดปากผมไปครางไป ซักพักมันก็กระตุกไปทั้งตัวจนผมรู้สึกถึงการสั่งหงึกๆ ในอุ้งมือผมเป็นจังหวะ ผมเลยรีดของมันแบบเน้นๆ ไอ้ต้นสะดุ้งจนตัวงอลงไปกองกับพื้นอ่างอาบน้ำ
     “อื้อพอแล้วครับ!”
     “ฮ่าๆ”
     มองไอ้ต้นนั่งขมวดคิ้วท่าทางอายๆ หอบกองอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้วก็ขำครับ มันมองผมตาเขียวปั๊ดเลย หึๆ มันเม้มปากย่นคิ้วเตรียมพร้อมละ เดี๋ยวต้องด่าผมชัวร์
     “พี่ชัชบ้า! เล่นอะไรครับ อึ๊!
     ผมเล่นทีเผลอจับหัวมันมาใกล้ๆ แล้วเอาของผมฟาดปากมันไปทีนึงโทษฐานพูดมาก ไอ้ต้นมันงงจนตาค้างเลยครับ ฮ่าๆ ดูมันตกใจเหมือนกันเพราะผมไม่เคยแกล้งมันแบบนี้มาก่อน
     “ปากน่ะ เอาไว้ทำอย่างอื่นดีกว่านะครับ เลิกบ่นพี่ได้แล้ว ตาพี่ละ”
     มันมองผมด้วยสายตาทิ่มแทงสุดๆ แต่ก็ขยับตัวเปลี่ยนท่ามาคุกเข่าตรงหน้าผม
     “ปิดน้ำก่อนสิครับ เปลือง!”
     “คร้าบ”
     เพราะโดนเมียด่าผมเลยเอื้อมไปปิดน้ำ พอปากมันไม่ว่างพูดมากแล้วก็สบายหูจังเลยครับ บางทีผมก็เบื่อเสียงเมียบ่นเหมือนกันนะ ฮ่าๆ ผมเขี่ยผมเปียกๆ ของมันให้เสยไปด้านหลังแล้วก็มองวิวตรงหน้า ถึงจะทำหน้าขมวดคิ้วท่าทางงอนแค่ไหน แต่มันก็ขยับหัวเข้าออกเป็นจังหวะบริการให้ผม ความจริงแล้ววันนี้ผมไม่ค่อยมีอารมณ์มากเท่าไหร่หรอก แค่อยากแกล้งมันเท่านั้นแหละ แต่ยืนนานๆ ก็ชักเมื่อยแฮะ
     “แป็บนะครับที่รัก พี่เมื่อยว่ะ”
     ผมดึงมันให้หยุดก่อนจะนั่งลงบนขอบอ่าง ไอ้ต้นมันพยักหน้าเข้าใจแล้วคลานมารับผิดชอบงานของมันต่อ โดนมันดูดแบบนี้ก็เสียวดีนะครับ มันก็โม้คให้ผมตามปกตินะแต่ผมชักหนาวแล้วว่ะ นานแล้วด้วยแต่ผมไม่สุดซักที ไอ้ต้นเองก็ยังอาบน้ำไม่เสร็จเลยด้วย ผมให้ไอ้ต้นมันเสียสละตัวเองซักหน่อยดีกว่า
     “ที่รักครับ ยืนหันหลังให้พี่หน่อยนะ”
     พอได้ยินที่ผมพูดไอ้ต้นก็ทำตาโตอ้าปากค้างทั้งๆ ที่ของๆ ผมยังคาอยู่ในปากมัน
     “อื้อ
     มันหุบปากลงแล้วส่งเสียงปฏิเสธพลางส่ายหัวนิดหน่อย โอ้ย เสียวโว้ย!
     “น่านะ นิดนึง”
     มันคายของผมออกแล้วปฏิเสธชัดถ้อยชัดคำ
     “ไม่ครับ”
     “น่า นิดเดียว พี่จะรีบๆ เลย หนาวอ่ะ”
     “แล้วใครมันเล่นพิเรนท์ก่อนละครับ! คิดว่าผมไม่หนาวรึไง?”
     พอปากว่างแล้วมันก็บ่นผมอีกละ วันนี้ขอพี่เล่นบทโหดหน่อยละกันไอ้น้อง ผมดึงตัวมันให้ลุกขึ้นแล้วดันไปติดผนังห้องน้ำ
     “พี่ชัช!”
     “แป็บเดียวน่า ยอมๆ พี่หน่อย ไม่เข้าสุดหรอก”
     ผมก็ไม่ได้คิดจะใส่หรอกนะอันที่จริง ผมยังไม่ได้เล้าโลมปากทางมันเล้ย ขืนใส่ตอนนี้มีฉีกแน่ๆ อ่ะ ผมแค่จะขอซอยกับร่องก้นมันก็แค่นั้นแหละ แต่เห็นแบบนี้แล้วอยากแกล้งมันต่อชะมัด ท่าทางตื่นๆ ทำตาโตตกใจอ้าปากค้างแบบนี้มันโคตรน่ารักเลยครับ ผมเลยกดสบู่ใส่มือแล้วเอาไปถูให้ทั่วด้านหลังมัน โดยเฉพาะแถวๆ ร่อง
     “พี่ชัชผมไม่เอานะ! แสบอ่ะ!”
     “น่า... ยอมๆ พี่เถอะ พี่เงี่ยนจัดแล้วว่ะ”
     “พี่ชัช!”
     เมียผมร้องเสียงสูงซะเสียงหลงเลยครับ ฮ่าๆ แต่พอผมจับขามันให้ยืนชิดๆ แล้วไถดุ้นของผมกับร่องของมันๆ ก็เริ่มเงียบปากลง ดูมันงงๆ แต่ก็เหมือนจะตั้งสติได้ แต่ก็ยังไม่วายทำสายตาหวาดระแวงผมอยู่ตลอดเวลา หมาป่าอยากจับลูกแกะกินชะมัดเลยอ๊ะ!
     ผมว่าผมปลอบมันหน่อยดีกว่า ยังไงผมก็ใจร้ายกับมันไม่ลงครับ เมียผมน่าเอ็นดูขนาดนี้
     “น่ารักมากครับต้น”
     ผมจูบมันแล้วก็เล่นของมันไปพร้อมๆ กัน พอรู้ว่าตัวเองปลอดภัยแล้วมันก็เลยผ่อนคลายมากขึ้น หันหน้ามาจูบตอบผม ส่วนผมก็พยายามบิ้วตัวเองด้วยภาพหื่นๆ ของมันในหัวเต็มที่ครับ จะได้ออกๆ ซะที ใช่ว่าผมไม่เคยทำกับมันในห้องน้ำ ดังนั้นเลยไม่ยากที่จะจินตนาการ ไม่นานผมก็ออก ส่วนไอ้ต้น หึๆ ระหว่างที่ผมกำลังบิ้วตัวเองมันดันแข็งขึ้นมาอีกรอบซะงั้น ดังนั้นผมเลยซอยเล่นไถให้มันเสียวจนกระทั่งของๆ ผมอ่อนตัว พอของผมมันหมดสภาพเลยเปลี่ยนเป็นนิ้วแทน โดนผมแหย่รูพร้อมชักให้อีกซักพักมันก็เสียน้ำครั้งที่สอง เสร็จแล้วผมก็ช่วยมันอาบน้ำ ก่อนจะอุ้มมันออกมาใส่เสื้อผ้า เจ้าหญิงของผมงอนจนตบผมไปหนึ่งที ถึงจะเบาๆ ก็เถอะ เจ็บอ๊ะ!
     ไอ้ต้นมันงอนผม คือ... ผมก็รู้นะผมทำตัวเอง แต่ว่า... ใครใช้ให้เมียผมน่ารักน่าแกล้งอ่ะ ผมเลยอดใจไม่ไหวทุกที ก็รีแอคชั่นเมียผมมันสุดยอดนี่ครับ ฮ่าๆ
     “ที่รัก มาให้พี่กอดหน่อยเร้ว”
     นิ่ง.... พอมันคลานขึ้นเตียงได้มันก็ขยับไปมุมของมันแล้วนอนหันหลังให้ผมซะงั้น
     โอเค ถึงผมกับมันจะไม่ได้นอนกอดกันหวานชื่นทุกคืนก็เถอะ แต่ไอ้สภาพที่พอใส่เสื้อผ้าเสร็จก็ขึ้นเตียงล้มตัวลงนอนไม่หือไม่อือกับผมซักนิดเนี่ย งอนผมชัวร์ๆ ครับ
     เฮ้อ... ก็ได้ ผมยอมมันแล้วอ่ะ ผมเขยิบไปนอนใกล้ๆ มันแทนเองก็ได้ พอขยับเข้าไปใกล้กันแล้วผมก็สอดแขนเข้าไปกอดมันเอาไว้
     “งอนพี่เหรอครับ”
     ไม่เถียงอะไรผมเลยวุ๊ย! แปลว่างอนมาก
     “โอ๋ๆ ขอโทษนะ”
     หอมแก้มเอาใจมันซักฟอด อืม... แก้มเมียผมหอมว่ะ มันคงไม่ว่าไรผมหรอกนะถ้าผมจะจูบมัน เลื้อยๆ แก้มก็หอมปากก็นิ่ม เมียใครวะน่ารักน่ากิน อุ๊! ไอ้ต้นมันเสยคางผม!
     “จิ๊ พี่ชัชอ่ะ!”
     “พี่เจ็บนะต้น! โดนลิ้นเลยอ่ะ”
     “สมน้ำหน้าครับ”
     “พี่แกล้งเรานิดๆ หน่อยๆ อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่น่า”
     “จะนิดหน่อยหรือมากกว่านี้ แบบไหนผมก็ไม่ชอบทั้งนั้นครับ! ผมตกใจหมด”
     “นึกว่าจะโดนพี่เอาสดเหรอ?”
     “พี่ชัชบ้า!”
     ไอ้ต้นมันคว้าหมอนมาทุบผมใหญ่เลย ฮ่าๆ ท่าทางมันแค้นผมมากนะเนี่ย กระหน่ำผมไม่ยั้งเลย เอาวะ ยอมโดนทุบนิดๆ หน่อยๆ ก็ได้ เผื่อมันจะหายโกรธ พอมันเอาคืนผมจนพอใจแล้วผมค่อยพูดขึ้น
     “งี่เง่าน่า เจลก็มี พี่ไม่โรคจิตเล่นสดกับสบู่หรอกครับ”
     ผมตอบในสภาพที่นอนแผ่โดนไอ้ต้นนั่งทับแล้วก็มีหมอนเป็นอาวุธทำร้ายผมอยู่ในมือมัน นับวันผมชักจะโดนเมียกดขี่มากขึ้นทุกวันนะเนี่ย แต่นี่ถ้าเปลี่ยนจากกดขี่มาเป็นขี่ม้าพี่ให้คล่องๆ แบบนี้บ้างจะดีมากเลยน้องเอ้ย ขอแบบร่อนๆ ซักทีเห้อ!
     “ไม่ต้องมาทำทะเล้นเลยครับ ทีหลังแบบนี้ไม่เอาแล้วนะครับผมไม่ชอบ ผมตกใจหมด ถ้า... ถ้าจะทำอะไรก็บอกกันดีๆ ก่อนสิครับ”
     “ขอโทษครับ ก็เราอยากน่ารักน่าแกล้งทำไมอ่ะ”
     “พี่ชัชเป็นคนขี้แกล้งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ให้ตายเถอะ พี่ฟ่างไม่เห็นเคยบอกผมเลยว่าพี่ชัชนิสัยเสียขนาดนี้!”
     “พี่ก็พึ่งเป็นตอนมาเจอเรานี่แหละคร้าบ คนไรก็ไม่รู้ น่ารักน่าแกล้ง หน้าแดงแล้วน่ารักชะมัดเลย เห็นแล้วพี่เลยทนไม่ไหว ขอโทษนะครับ”
     ผมพูดพลางไล้แก้มมัน เจอมุกหวานๆ ของผมเข้าไปไอ้ต้นก็ไอ้ต้นเถอะ หึๆ มันเอาหมอนไปกอดแล้วหลบตาผมแทน ท่าทางโมโหของมันหายไปกว่าครึ่งแม้จะยังมีปั้นปึงอยู่บ้างนิดหน่อย ไอ้ขี้งอนเอ้ย!
     “หายงอนพี่ยัง จะได้นอนกันซักที ง่วงแล้วครับที่รัก”
     “สนแต่เรื่องของตัวเอง พอสมใจแล้วก็ไม่สนใจเรื่องอื่น!”
     “งอนไรพี่อีกเนี่ย? อายุสิบกว่าๆ แต่ขี้บ่นจริง ระวังเหอะ ตีนกาจะขึ้นตอนอายุยี่สิบ”
     “พี่ชัชบ้า!”
     “ฮ่าๆ”

     รุ่งเช้า... ไม่สิ สายแล้วนี่หว่า แม่ง! ไอ้ต้นไม่ปลุกผมจริงๆ ด้วย ท่าทางเมื่อคืนมันงอนผมจัดแฮะ ช่างมัน วันนี้ผมมีพบหมอคนเดียว เดี๋ยวคุยเสร็จแล้วไปรับมันที่มหาลัยดีกว่า ช่วงนี้มันกลับเย็นเกือบทุกวันเลยแถมวันนี้มันเรียนบ่ายด้วย แอบไปเซอร์ไพรส์มันดีกว่าครับ จะได้ไปสอดส่องเมียตัวเองด้วย หึๆ

     คือ... ตอนเช้าผมก็คิดแบบนั้นนะ แต่ตอนที่ผมเสร็จธุระกับหมอแล้วกำลังจะกลับรถนี่ดิ ผมเจอคนที่ไม่ได้เจอมานานครับ แหมยังน่ารักกระชากใจผมเหมือนเดิมเลย สาวสวยคนนั้นหิ้วถุงพะรุงพะรังจ้ำไปตามทางในโรงพยาบาล ผมดูชื่อผลิตภัณท์ที่อยู่บนถุง อืม... ไปหาหมอออโธแหง๋ ดูดิ ยุ่งจนไม่ได้สังเกตเล้ยว่าผมเดินตาม พอเธอเดินไปถึงประตูห้องที่ไม่ได้เป็นแบบเปิดอัตโนมัติแล้วก็เลื่อนถุงพะรุงพะรังในมือทำท่าจะเอาไหล่ดันประตูเปิดเข้าไป
     “ให้ช่วยมั้ยครับ?”
     “ชัช!”
     ฟ่างหันมาเรียกชื่อผมด้วยสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะหันไปมองทาเก็จของตัวเองแล้วหันมาสั่งผม
     “รอฟ่างอยู่ตรงนี้แป็บนึงนะ เดี๋ยวฟ่างมา ฟ่างขอตัวไปทำงานก่อน แป็บเดียวค่ะ”
     น่ารักเสมอ เมียเก่าผม
     และแล้วผมก็เลยต้องแกร่วรอฟ่างอยู่แถวนั้น พอเธอออกมาจากแผนกกระดูก เราก็เลยไปหามุมนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟในโรงพยาบาล ผมถือโอกาสเลี้ยงกาแฟเธอ ไม่ได้เจอตั้งนาน คิดถึงนะเนี่ย แฟนเก่าผมยังสวยเหมือนเดิม เธอใช้หลอดคนลาเต้ในแก้วเล่นพลางถามผม
     “มาได้ยังไงคะเนี่ย ฟ่างนึกว่าชัชวิ่งต่างจังหวัดซะอีก”
     “ย้ายเข้ากรุงแล้ว ช่วงนี้ทางนี้เขาต้องการเสาหลักน่ะ”
     “แหม น่าอิจฉาจัง ของฟ่างสิแย่เลย”
     และแล้วเราก็คุยกันเรื่องความลำบากในการทำงาน แต่บอกได้เลยครับว่าไม่มีอะไรเข้าหัวผมเลยแม้แต่น้อย เพราะผมมัวแต่มองความน่ารักของเธอ กริยาสดใสทั้งหลายแม้จะกำลังนั่งบ่นเรื่องงานจนย่นจมูก รอยยิ้มกับแววตาสดใสที่มีให้ผมทุกครั้งที่เราเจอกันแม้ว่าเราจะเลิกกันไปแล้วก็ตาม กลิ่นน้ำหอมที่ผมคุ้นเคย ผมเคยซื้อให้เธอขวดนึงด้วยซ้ำตอนจีบกันใหม่ๆ เพราะจำได้ว่าเธอชอบ จะว่าไปสร้อยเส้นนั้นผมก็คุ้นนะ ตุ้มหูที่เธอซื้อตอนไปอิตาลี ฟ่างยังใช้คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลแบบที่เธอชอบ
     “ชัช! ชัชอ่ะ ไม่ฟังฟ่างอีกแล้ว ใจลอยไปไหนคะ”
     “ห๊ะ? ขอโทษ เพลินไปหน่อย”
     “ชิ! ชัชอ่ะทุกทีเลย เพลินอะไรกัน ไม่ยอมสนใจที่ฟ่างพูดอีกแล้วนะ”
     ฟ่างย่นหัวคิ้วให้ผมอีกแล้ว เธอมักจะทำแบบนี้ทุกทีเวลาผมไม่ใส่ใจเธอ ผมเองก็อดไม่ได้ เลยเผลอเอื้อมมือไปนวดหัวคิ้วนั่น
     “ขอโทษ ก็คนมันคิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฟ่างสวยขึ้นตั้งเยอะ ชัชเลยมองเพลิน”
     “ปากหวานอีกแล้ว มาเฟลิตใส่คนอื่นแบบนี้ระวังเถอะ ฟ่างจะฟ้องต้น!”
     “อ้าว! ชัชทำไรผิดเนี่ย? แค่ชมฟ่างเอง”
     “ไม่เคยรู้อะไรกับเค้าเลย! งี่เง่าที่สุดเลยชัชเนี่ย มาชมฟ่างแบบนี้ได้ยังไงกัน”
     “อ้าวทำไมล่ะ ก็ฟ่างน่ารักจริงๆ นี่นา”
     ขนาดโกรธยังน่ารักเลยคร้าบ ฟ่างจ๋า ท่าทางแง๊วๆ ขู่ฟ่อเอาแต่ใจแบบนี้อย่างกับลูกแมวตัวน้อยๆ เลยครับ อยากอุ้มกลับบ้านอ่ะ ไม่มีอะไรเข้าหัวผมละตอนนี้ มองเพลินครับ
     “ชมผู้หญิงคนอื่นว่าน่ารักทั้งๆ ที่ตัวเองมีแฟนแล้วได้ยังไง ห้ามไปเฟลิตแบบนี้กับใครที่ไหนเลยนะ ฟ่างขอสั่ง”
     “ไม่ได้เฟลิต ชัชจริงใจ หึๆ”
     “พูดเล่นอีกแล้ว! ชัชนี่... จริงๆ เลยเชียว”
     โอ๊ยคนสวยเขิน หัวใจผมกระตุกเลยคร้าบ ฟ่างน่ารักอ่ะ
     “คร้าบๆ ขอโทษคร้าบ ชัชผิดไปแล้ว ฟ่างให้อภัยชัชนะ อย่าไปฟ้องต้นมันล่ะ เดี๋ยวชัชโดนบ่นหูชา ฮ่าๆ”
     “สมน้ำหน้า! อย่างชัชน่ะต้องโดนบ่นซะบ้าง ดีนะฟ่างเลิกกับชัชแล้ว ไม่งั้นเหนื่อยแย่ ต้องบ่นชัชทุกวันทุกเรื่อง กลายเป็นยัยแก่ตีนกาขึ้นเพราะชัช”
     ฟ่างเธอเล่นมุกเอามือไปจับๆ ที่หางตาตัวเองทำท่าระอาผมเต็มทน ผมก็เลยเล่นมุกแกล้งทำเป็นส่องหน้าเธอใกล้ๆ แล้วพิจารณา ถือโอกาสลูบแก้มคนสวยไปในตัว หึๆ
     “ไหนๆ ไม่เห็นเลย หน้าคนสวยของชัชออกจะตึงไม่มีริ้วรอยซักเส้น เพิ่งโบท็อกซ์มาไม่ใช่เหรอครับ?”
     “เชอะ!”
     เธอตีผมเบาๆ แล้วก็หัวเราะเสียงใส แม่งเอ้ย! น่ารักจริงๆ เลย
     “แล้วนี่ฟ่างมีงานต่อรึเปล่าครับ?”
     “ค่ะ เดี๋ยวต้องไปต่ออีกที่”
     “เสียดายจัง ว่าจะชวนกินข้าวซะหน่อย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน อยากอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้อ่ะ”
     “บ้า! พูดเล่นอีกแล้ว”
     “ไม่ได้พูดเล่น พูดจริงๆ ชัชคิดถึงฟ่างนะครับ”
     “แน่ะ เดี๋ยวต้นมาได้ยินเข้าก็เสียใจหรอก”
     “ไม่ได้หมายความในแง่นั้น ชัชไม่นอกใจแฟนตัวเองหรอก ฟ่างก็รู้ แต่ชัชคิดถึงฟ่างจริงๆ นี่นา พักหลังเราไม่ค่อยได้คุยกันเลย ฟ่างก็รู้ชัชชอบนั่งฟังฟ่างคุย ชัชก็แค่คิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เราเคยมีให้กันนะครับ”
     ผมไม่ได้โกหกนะ ผมก็แค่อยากยื้อเวลาดีๆ แบบนี้ให้ยาวขึ้นอีกนิด ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นเลยจริงๆ ผมไม่ได้เลิกรักต้นซักหน่อย ผมก็ยังรักต้นเหมือนเดิม เพียงแต่ ผมก็แค่คิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่ผมกับฟ่างเคยใช้เวลาร่วมกันแค่นั้นเอง แต่เธอก้มหน้าลงมาหาผมแล้วพูด
     “เสียใจค่ะ เพราะว่าฟ่างต้องไปทำงานแล้ว สมน้ำหน้า! เพราะชัชนั่นแหละไม่ยอมดูแลฟ่างให้ดีก่อนทำไม จะมาเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้วค่ะ”
     ฟ่างเชิดหน้าขึ้นพลางสะบัดผมอย่างน่ารัก โอ๊ย! ราชินีของผมน่ารักที่สุด ผมเลยทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยิ้ม ผมยิ้มเหมือนเด็กหนุ่มโง่ๆ ที่กำลังเขินตอนจีบผู้หญิงครั้งแรก
     “ฟ่างไปนะ แล้วว่างๆ จะโทรหานะคะ”
     “คร้าบ”
     เธอยิ้มให้ผมแล้วก็เดินจากไป แต่พอเดินไปได้ห้าก้าวก็หมุนตัวเดินกลับมาหาผมแล้วฉวยข้อมือผมให้ลุกไปด้วยกัน
     “ไปกับฟ่างก่อน! ฟ่างมีคุ๊กกี้เจ้าอร่อยอยู่ในรถ จะฝากไปให้ต้น”
     “ลากชัชไปที่รถฟ่างเพื่อเอาคุ๊กกี้เนี่ยนะ?”
     “ไม่ใช่ค่ะ ให้ชัชตามไปเอาของฝากกลับไปให้ต้นต่างหาก”
     “นั่นแหละ มันก็เหมือนกันแหละ”
     “ไม่เหมือน! ชัชอ่ะ! คุ๊กกี้เจ้านี้อร่อยมาเลยนะ”
     “แค่คุ๊กกี้เอง ไว้โอกาสหน้าก็ได้”
     “อย่ามาทำขี้เกียจนะ! วันที่สามสิบเอ็ดนี้วันเกิดต้นไม่ใช่เหรอ ฟ่างจะฝากคุ๊กกี้ไปแฮปปี้เบิร์ธเดย์ต้น”
     “ไว้ว่างๆ แล้วชัชชวนต้นไปกินข้าวกับฟ่างก็ได้มั้ง”
     ผมกวนเธอไปงั้นแหละ ไม่ได้ขี้เกียจเดินหรอกนะครับ ให้ผมขับรถไปส่งเธอต่อยังได้เลย เพียงแต่ผมอยากฟังเสียงแง๊วๆ ของฟ่างเวลาแว้ดใส่ผมเฉยๆ
     “นั่นก็โอกาสหน้า นี่ก็ส่วนนี่ ไหนๆ เจอกันทั้งทีแล้ว ชัชนั่นแหละเอากลับไปให้ต้นเลย ฟ่างสัญญากับต้นไว้ตั้งนานแล้วแต่ไม่ว่างซักที”
     “อ้าว? แอบไปสัญญาอะไรกันอีกล่ะนั่น?”
     “ก็วันก่อนโน้น ฟ่างโทรไปคุยกับต้น ก็เลยเล่าให้ต้นฟังว่าไปเจอคุ๊กกี้เจ้าอร่อยอยู่เจ้านึง เป็นคุ๊กกี้โฮมเมด อร่อยมากๆ หมอติดใจกันเพียบ ต้นก็เลยอยากลองชิมบ้าง ฟ่างก็เลยสัญญากับต้นว่าว่างๆ จะเอาไปฝาก แต่พอดีฟ่างยุ่งๆ ก็เลยยังไม่ได้แวะไปหาต้นซักที”
     หือ? ฟ่างแวะไปหาต้นด้วยเหรอครับเนี่ย ผมพึ่งรู้ ไม่เห็นต้นมันบอกผมเลยว่ามันคุยกับฟ่างบ่อยๆ เออ... เมียเก่ากับเมียใหม่ผมสามัคคีกันลับหลังผมดีวุ๊ย!
     “คุ๊กกี้เนี่ยนะ? มันจะอร่อยมากแค่ไหนกัน”
     “อร่อยสิ อร่อยมากเลยแหละ ไขมันต่ำด้วยนะ อ้าว? ชัชไม่รู้เหรอคะว่าต้นชอบกินคุ๊กกี้มากเลยนะ”
     จริงดิ? ไอ้ต้นเนี่ยนะชอบกินคุ๊กกี้? ผมไม่ค่อยเห็นมันกินอะไรจุบจิบด้วยซ้ำ ยังคิดอยู่เลยว่ามันไม่ชอบกินขนม
     “เหรอ... เหรอครับ?”
     “ชิ! อีกแล้ว! ชัชอ่ะ! ชัชเคยรู้อะไรบ้างมั้ยเนี่ย โอ้ย! ดีนะที่ฟ่างเลิกกับชัชแล้ว น่าสงสารต้นที่สุดเลย”
     อ้าว! ผมผิดอีก? ผมทำไรผิดวะเนี่ย ราชินีติสท์ตัวแม่ของผม
     “ชัชไม่ค่อยเห็นต้นกินอะไรนี่นา เวลาไปช็อปปิ้งก็ไม่เห็นมันจะซื้อขนมกิน ส่วนใหญ่เห็นซื้อแต่ผลไม้”
     “คนที่ชอบผลไม้นั่นมันชัชต่างหาก!”
     ฟ่างเธอหันมาส่ายหัวน้อยๆ ให้ผมแล้วก็ลากแขนผมเดินตามเธอไปที่รถต่อ นี่ผมทำอะไรผิดมากวะเนี่ย? ไม่เข้าใจเธอจริงๆ
     และแล้วเธอก็ส่งคุ๊กกี้กล่องใหญ่ผูกโบว์สวยงามมาให้ผมหนึ่งกล่อง
     “ฝากไปให้ต้นด้วยนะ แล้วเดี๋ยวว่างๆ ฟ่างค่อยโทรไปหาต้นเอง ช่วงนี้ฟ่างยุ่งนิดหน่อยค่ะ”
     “คร้าบ ดูแลตัวเองด้วยนะครับคนสวย แล้วชัชจะบอกต้นให้นะ”
     ผู้หญิงตรงหน้าผมน่ารักจริงๆ เธอฉีกยิ้มให้ผมจนแก้มป่องขึ้นเป็นลูก น่ารักจนผมอยากหอมแก้มกลมๆ นั่น แต่เพราะเลิกกันแล้วผมเลยทำได้แค่ลูบผมเธอเบาๆ แล้วเกี่ยวผมยาวสลวยสีน้ำตาลเป็นลอนนั่นไปทัดหูให้ เธอยิ้มให้ผมแล้วยกมือขึ้นโบกบ๊ายบาย
     “ค่ะ บ๊ายบายนะ ชัชเองก็ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ แล้วก็ดูแลตนให้ดีด้วยล่ะ ห้ามทำต้นร้องไห้นะ ห้ามไปเฟลิตกับใครแบบที่ทำกับฟ่างด้วย!”
     “คร้าบๆ ชัชพึ่งรู้ตัวนะเนี่ยว่าเฟลิตกับฟ่าง ว่าแต่... แล้วชัชจีบติดมั้ยครับคนสวย?”
     “บ้า!”
     ฟ่างชักสีหน้าให้ผมนิดหน่อยก่อนจะส่ายหัวด้วยท่าทางขำๆ เธอเอ่ยลาผม
     “ไปนะ”
     แล้วเธอก็ขับรถจากผมไป ทิ้งผมไว้กับกล่องคุ๊กกี้ที่ฝากไปให้เมียผม เมียเก่าฝากของขวัญวันเกิดไปให้เมียใหม่ผม เออ แปลกดีครับ หึๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



มองในมุมนึงก็มีเสน่ห์เพราะความขี้เล่น คารมดี แต่อีกมุม น่าตบ! ผู้ชายคนนี้ใครได้ทำแฟนคงปวดหัวตาย
 :m19:   ดีใจที่เขียนเสือออกมาเป็นเสือจริงๆ ไม่ใช่มีแค่ท่าทางเก็กๆ กับสถานการณ์ที่ถูกอุปโลกน์ให้เป็นคาสโนว่า ผู้ชายเจ้าชู้มันไม่สำนึกหร้อก หึๆ ดังนั้นอย่าฆ่ากันเลยนะถ้าพี่ชัชจะเลว ก็คนแต่งอยากได้พระเอกที่เป็นผู้ชายเจ้าชู้จริงๆ นี่นา
ภาคหนึ่งต้นน้ำโดนด่า ภาคสองพี่ชัชโดนด่า ทำไมเป็นนิยายที่ตัวเอกมีแต่โดนด่าละเฟ้ย! :katai1: ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#5/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน11
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-11-2014 03:15:19
ผู้คนรอบๆ ตัวเด็กเลี้ยงแกะ

เด็กเลี้ยงแกะ
     “ต้น ไม่สบายเหรอ?”
     “อืม ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ”
     “งั้นนายจะลาช่วงบ่ายมั้ย เดี๋ยวเราจดโน้ตไว้ให้”
     “ไม่เป็นไรหรอกโอม เดี๋ยวทานยาก็คงดีขึ้นเอง”
     “งั้นไปนอนพักในห้องภาคมั้ย? เดี๋ยวเราซื้ออะไรมาให้เอง”
     “ไร ต้นไม่สบายเหรอ?”
     ไปป์จอมยุ่ง ไม่ต้องเสียงดังขนาดนั้นก็ได้
     “เออจริงด้วยอ่ะแก หน้าแกแดงๆ นะ ไข้ขึ้นด้วยอ่ะ”
     ต่อจากไปป์ก็ป่าน แต่ผมก็คิดว่าผมคงไข้ขึ้นมากจริงๆ นั่นแหละครับ เพราะรู้สึกว่ามือของป่านที่ยื่นมาสัมผัสหน้าผากผมมันเย็นกว่ากันเยอะเลย ผมปวดหัวจนแทบระเบิด ตัวก็รู้สึกรุมๆ เพราะพี่ชัชเล่นพิเรนท์เมื่อวานแท้ๆ เลย
     “เราไม่เป็นไรมากหรอก”
     “แต่ท่าทางต้นดูแย่ๆ นะ ช่วงบ่ายลากลับไปพักผ่อนดีกว่ามั้ย?”
     “เราไหวน่าเมย์ ไม่อยากพลาดคาบบ่ายอ่ะ”
     “งั้นเดี๋ยวนายไปนอนพักแล้วเราจะซื้อข้าวมาให้นายดีป่ะ จะกินไร”
     “ขอบใจนะไปป์ เราทานอะไรก็ได้ซื้อมาเถอะ”

เพื่อนผู้เฝ้ามองเด็กเลี้ยงแกะอยู่เงียบๆ
     ผมมองต้นที่เดินไปทางตึกภาคตามลำพังแล้วเป็นห่วงจังเลยครับ วันนี้ผมสังเกตเห็นว่าต้นจดเลคเชอร์ช้ากว่าปกติ แถมยังดูเซื่องซึมด้วย ท่าทางเหมือนคนไม่สบาย ตอนแรกผมคิดจะไปซื้อข้าวกล่องมาให้ต้น แต่ปรากฏว่าไปป์รับหน้าที่นั้นไปแล้ว พวกเราที่เหลือเลยไปนั่งทานข้าวที่โรงอาหารตามปกติ มีแต่ไปป์ที่วิ่งไปร้านขายข้าวใกล้ๆ แล้วซื้อข้าวกลับมาให้ต้น
     “เป็นห่วงต้นเหรอโอม”
     “ใช่ ต้นดูไม่ค่อยดีเลย”
     “ไม่ต้องห่วงหรอก ไปป์คงดูแลต้นเองแหละจ้ะ พวกเราก็รีบไปกินข้าวแล้วกลับไปหาต้นกันเถอะ”
     “อืม”
     ผมยิ้มให้แก้วที่เข้าใจผม พวกเราทุกคนเป็นห่วงต้น เพราะต้นเป็นเพื่อนคนสำคัญของพวกเรา แล้วก็สำคัญในใจผมมากด้วยครับ ถึงผมจะตัดใจแล้วแต่ก็ยังชอบต้นมากอยู่ดี

หัวหน้าหมู่บ้านของเด็กเลี้ยงแกะ
     “อ้าว นั่งทำไรอยู่คนเดียว?”
     “ดีครับพี่เบียร์”
     ทำไมวันนี้ต้นน้ำถึงได้มานั่งหงอยอยู่ที่โต๊ะกลุ่มคนเดียวหว่า อ้าว ดูๆ ไปหน้ามันแดงๆ เว้ย ท่าทางซึมๆ หรือมันจะไม่สบาย
     “ไม่สบายเหรอเรา แล้วนี่กินข้าวกินยายัง?”
     “ไปป์ไปซื้อให้อยู่ครับ”
     “เออดีแล้ว ละเราอ่ะไหวป่าว ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านไปเถอะ สภาพแย่มากเลยรู้ตัวป่าว”
     มันยิ้มให้ผมเนือยๆ ซะงั้น เห็นแล้วอดห่วงไม่ได้ว่ะ
     “งั้นพี่นั่งรอเป็นเพื่อนเราแล้วกัน”
     “แล้วพี่เบียร์ไม่ไปทานข้าวกลางวันเหรอครับ”
     “ช่วงนี้กรอบว่ะ เดี๋ยวกินนี่เอา”
     “นั่นมัน... มาม่าซอง”
     “เออ ใส่เครื่องแล้วเขย่าๆ หน่อยเดี๋ยวมันก็ไปอืดในท้องเอง”
     ต้นมันส่ายหน้าใส่ผมซะงั้น ผมเป็นรุ่นพี่มันนะ ไอ้เด็กนี่ชอบชักสีหน้าใส่คนอื่นจริงๆ แล้วมันก็ล้วงโทรศัพท์ออกมา
     “ไปป์ อยู่ไหนแล้ว .... เหรอ อืม ซื้อมาเผื่อพี่เบียร์ด้วยอีกหน่อยได้มั้ย นายออกไปก่อน ไม่เป็นไร อ๋อ ได้ๆ อืม ขอบใจนะ”
     “เฮ้ย ไม่ต้องหรอก”
     “ไม่เป็นไรครับ ทีตอนนั้นพี่เบียร์ยังเลี้ยงพวกผมเลย”
     “เออๆ ขอบใจ เรานี่เด็กดีจริงๆ ว่ะต้น”
     ต้นน้ำพยายามฉีกยิ้มให้ผม แต่ท่าทางดูแทบจะไม่ไหวแล้ว ทำไมมันไม่ยอมกลับบ้านไปนอนวะ อาการขนาดนี้ผมว่าเรียนไม่รู้เรื่องหรอก ไอ้นี่มันชอบฝืนตัวเองจริงๆ
     “เรานี่ก็จริงจังเกินไป จะไม่ไหวอยู่แล้ว แทนที่จะกลับบ้าน”
     “ผมไหวครับ”
     “เถียงรุ่นพี่อีก”
     อดไม่ได้ที่จะตบหัวสั่งสอนมันไปเบาะๆ มันเสือกหัวเราะให้ผมซะงั้น จริงๆ เล้ย

ชาวบ้าน
     “แก๊! ฉันมีอะไรจะบอก แกต้องไปกับฉันด่วนเลย”
     “อะไร? ทำไมต้องเสียงดังขนาดนั้นด้วย ละนี่จะลากฉันไปไหน?”
     “เมื่อกี้ตอนฉันเดินผ่านตึกภาค ฉันเจอแฟนแกนั่งสวีทอยู่กับไอ้เด็กคนนั้นอ่ะ!”
     “จริงเหรอ? งั้นไปกันเลยแก”

ลูกหมาของเด็กเลี้ยงแกะ
     “มาแล้วคร้าบ อ่ะข้าวเหนียวหมูปิ้ง กินได้ป่ะต้น? นี่ส่วนของพี่เบียร์คร้าบ”
     “เออขอบใจ เฮ้ย หอมว่ะ”
     “ผมอุตส่าไปเหมามาเลยน้า แย่งกับลูกค้าคนอื่นแทบตายอ่ะ ฮ่าๆ”
     “ขอบใจนะไปป์”
     “เพื่อเพื่อนต้น ได้อยู่แล้ว แต่ขอลอกงานหน่อยนะ ฮ่าๆ”
     “ตลอดเลยนะนาย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     “นี่มันอะไรกันน่ะเบียร์!”
      ตอนที่ผมกำลังนั่งทานข้าวเหนียวหมูปิ้ง อยู่ๆ ก็มีเสียงดังลั่นตวาดขึ้น ผมที่เจ็บคอนิดหน่อยอยู่แล้วเลยเกือบสำลักข้าวเหนียวแข็งๆ พอผมหันไปมองก็เห็นพี่แอนรุ่นพี่ปีสามของพวกเรายืนจังก้าอยู่ พี่แอนมองมาที่ผมอย่างเอาเรื่อง
     “เพราะแบบนี้ใช่มั้ยเบียร์ถึงขอเลิกกับแอน!”
     พี่แอนมาถึงก็เปิดฉากโวยวาย ถึงผมจะไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นมายังไงแต่ผมคิดว่าต้องมีอะไรไม่ดีมาลงที่ผมแน่ๆ ครับ ลางสังหรณ์มันบอก
     “ผมว่าใจเย็นๆ กันก่อนดีมั้ยคับ”
     ไปป์พูดแทรกขึ้นแต่พี่แอนก็ไม่ฟัง
     “นี่มันหมายความว่ายังไงเบียร์ตอบแอนมาสิ มันเป็นจริงอย่างที่คนเค้าพูดกันใช่มั้ยล่ะ? เบียร์ถึงได้มาขอเลิกกับแอน ไหนเบียร์บอกไม่มีอะไรไง แล้วนี่มันหมายความว่าอะไร? เบียร์ตอบแอนมาสิ”
     พี่แอนใส่พี่เบียร์ไม่ยั้ง ส่วนพี่เบียร์ก็ทำสีหน้าหน่ายใจทั้งๆ ที่ปกติพี่เบียร์มักจะเป็นผู้ใหญ่อยู่เสมอ
     “ใจเย็นๆ แล้วนั่งคุยกันดีๆ ก็ได้แอน ทำไมต้องเสียงดัง”
     “จะให้แอนใจเย็นได้ยังไงล่ะ ที่แท้ที่เบียน์ขอเลิกกับแอนก็เพราะเบียร์มีคนอื่น แถมยังเป็น... ผู้ชาย!”
     ผมเจ็บปวดกับสายตาขยะแขยงที่พี่แอนมามองที่ผมนะครับ ผมไปทำอะไรให้เหรอ? ถึงได้ต้องมองผมด้วยสายตารังเกียจขนาดนั้น
     “ต้น...”
     “เราไม่เป็นไรไปป์”
     ผมตอบไปป์พร้อมกับมองดูพี่แอนอาละวาดใส่พี่เบียร์ต่อ
     “เราไม่ได้ขอเลิกกับแอน เราแค่บอกว่าห่างกันซักพักดีมั้ย”
     คนเริ่มมามุงดูกันแล้วครับ ผมเห็นมิวนิคกับพวกเดินมาทางนี้แล้ว คงทานอาหารกลางวันกันเสร็จแล้วมั้งครับ น้องปีหนึ่งบางคนก็มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสนใจ ผมอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี อยากหายตัวไปจากเรื่องตรงหน้า
     “มันก็เหมือนบอกเลิกนั่นแหละ เบียร์มีคนอื่นแล้วมาโกหกแอนทำไม”
     “เราไม่ได้มีคนอื่น ที่เราขอห่างกันซักพักก็เพราะเธอทำตัวเองนั่นแหละแอน ถ้าไม่เชื่อใจกันขนาดนี้ก็อย่าคบกันต่อไปเลย เลิกกันเหอะ จบกันไปเลยดีกว่า”
     “เอ่อ ผมว่ามีอะไรค่อยๆ พูดกันดีกว่ามั้ยคับ ตรงนี้คงไม่เหมาะจะมาเคลียร์อะไรแบบนี้ ไว้พวกพี่ไป-“
     “นายก็เงียบไปเลยไปป์ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย!”
     พี่แอนตะคอกใส่ไปป์แล้วก็หันมาทางผม สายตาที่พี่แอนมองผมมันยิ่งกว่าคำว่ารังเกียจ ผมเห็นแววดูถูกเหยียดหยามอยู่ในนั้นอย่างชัดเจน สายตาของพี่แอนทำให้ผมต้องพยายามกลืนน้ำลายแล้วบอกตัวเองให้เข้มแข็งเอาไว้ทั้งๆ ที่ผมอยากจะล้มทั้งยืน ผมพยายามเชิดหน้าขึ้นแล้วทำสีหน้าให้นิ่งสนิทที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วผมอยากจะร้องไห้ปล่อยโฮออกมาแล้วหนีไปจากที่แห่งนี้
     “เห็นหน้าใสๆ ท่าทางนิ่งๆ เงียบๆ ไม่คิดเลยนะว่าจะเป็นขนาดนี้ ผู้ชายในภาคมีตั้งเยอะทำไมต้องมายุ่งกับแฟนคนอื่นเขาด้วย ไม่มีปัญญาหาแฟนเองรึไง! หรือชอบฉกผู้ชายของชาวบ้าน ทุเรศที่สุด!”
     “มากไปแล้วนะแอน ทำไมต้องไปว่าต้นแบบนั้นด้วย ต้นไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”
     ถ้อยคำของพี่แอนเหมือนน้ำกรดที่สาดใส่หน้าผมอย่างจัง ผมนะเหรอแย่งแฟนชาวบ้าน? ผมเองก็มีแฟนที่ผมรักอยู่นะครับ ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นซักหน่อย หรือผมจะใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่นๆ ไม่ได้เลยเพียงเพราะแค่ผมเป็นเกย์ ผมจะคุยกับใครด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่ได้เลยใช่มั้ย ทำไมเขาถึงได้คิดว่าผมจ้องจะให้ท่าผู้ชายทุกคนที่ผมเข้าไปคุยด้วย แล้วที่สำคัญในสายตาคนอื่นผมดูเหมือนคนที่พร้อมจะแย่งแฟนชาวบ้านตลอดเวลารึไง?
     ผมพยายามตั้งสติเอาไว้แล้วกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมา ผมพยายามใส่หน้ากากใบที่หนาที่สุด!
     “ต้น เกิดไรขึ้น? มึงเป็นไรป่าว?”
     มิวนิคเดินมาถึงตัวผม มือของเขาแตะอยู่ที่ข้อพับผม ความอบอุ่นของฝ่ามือนั้นบ่งบอกผมว่าผมมีเพื่อนที่พร้อมจะเป็นกำลังใจให้ผม ผมพยายามรวบรวมความเข็มแข็งที่กระจัดกระจายอยู่ในตัวเองขึ้นมาแล้วเอ่ยปากชวนพวกเขาไปจากสถานการณ์บ้าๆ ตรงหน้าก่อนที่ผมจะล้มลงไป
     “ไม่มีไรหรอกมิวนิค ไปป์ไปเหอะ”
     “จะหนีไปไหนเหรอ แน่จริงก็มาคุยกันให้รู้เรื่องสิ!”
     พี่แอนทำท่าจะพุ่งเข้ามาดึงตัวผม
     “แอน พอได้แล้ว!”
     “พี่แอนพอเหอะ”
     “นายไม่เกี่ยวถอยไป มิวนิค หรือว่านายเองก็เป็นหนึ่งในผู้ชายของต้นเหมือนกัน!”
     “พี่!”
     เพราะพี่แอนเลือดขึ้นหน้าถึงได้พาลอาละวาดใส่มิวนิคด้วย แต่มิวนิคไม่เหมือนไปป์หรือพี่เบียร์นะครับ ต่อให้เป็นผู้หญิงมิวนิคก็ไม่สนหรอก เพราะแบบนั้นพี่เบียร์เลยทำท่าจะลากพี่แอนออกไป ผมเองก็ถูกไปป์ดึงให้ถอยห่างออกมา ช่างหัวสถานการณ์ตรงนี้ก็แล้วกันครับ อยู่เคลียร์อะไรไม่ไหวแล้ว ผมไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว!
     “ไปกับเรา แอน!”
     “ทำไมละ เคลียร์มันตรงนี้แหละ ถ้าเบียร์จะไปคบกับต้นก็บอกแอนมาตรงๆ เลยสิ ทำไมต้องมาโกหกกันด้วย”
     พี่แอนสะบัดมือของพี่เบียร์ออกแล้วหันมาพูดกับผม
     “พูดกันต่อหน้านี้เลย ถ้าต้นอยากได้ผู้ชายของพี่ก็มาขอกันตรงๆ เลยสิ”
     “สถานศึกษาไม่ใช่ที่ๆ เราควรจะมาอาละวาดแย่งผู้ชายนะครับพี่แอน”
     อัฐ!
     “ไหวมั้ยต้น ไม่สบายไม่ใช่เหรอ ไปป์ มึงพาต้นกลับบ้านเหอะ เดี๋ยวกูบอกอาจารย์ให้”
     ผมแปลกใจที่อยู่ๆ อัฐก็เข้ามายุ่ง ทั้งๆ ที่ปกติอัฐมักจะอยู่เงียบๆ คนเดียว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แถมอัฐยังบอกให้ไปป์พาผมกลับบ้านอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ? พอผมหันกลับไปดูผมถึงได้เห็นพวกเพื่อนๆ ยืนอยู่ด้านหลังผม แม้แต่เอกที่ยืนอยู่ห่างๆ ยังมองทางด้วยความเป็นห่วง
     “ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอกต้น”
     “แต่ว่า...”
     “กับคนพาลที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง พูดอะไรไปเขาก็ไม่ฟังหรอก ทิฐิบังตาซะขนาดนี้”
     “อัฐ! นายกล้าว่าพี่เหรอ”
     “แล้วที่พี่พูดจาว่าร้ายเพื่อนผมเมื่อกี้ละครับ”
     “พี่พูดเรื่องจริง ใครๆ เขาก็รู้กันว่าต้นน้ำเป็นอะไร”
     “เฮ้ยกูทนไม่ไหวแล้วว่ะ ถ้าเป็นกูให้อยู่กับผู้หญิงแบบนี้กูก็ไม่เอาหรอก!”
     “มิวนิค!”
     “โทษทีนะพี่ผมไม่ใช่เฟมินิสต์เหมือนพี่เบียร์ ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่ได้ยินอะไรมา แต่ระหว่างพวกผมทุกคนที่ไปทะเลด้วยกันกับต้นไม่มีใครทำอะไรมันทั้งนั้นแหละ ผมนอนอยู่ห้องเดียวกับต้นทุกคืน ไอ้นี่ก็ด้วย แล้วก็คนอื่นๆ อีกเพียบ พวกเราไปเที่ยวทะเลกันนะพี่ ไม่ได้ไปทัวร์เซ็กหมู่!”
     “แต่ข่าวเขาบอกว่า-”
     “แล้วพี่เชื่อข่าวลือพวกนั้นรึไง? หน้าพวกผมเหมือนพวกชอบจัดปาร์ตี้เก้งเอ้าท์ดอร์เรอะเพ่!”
     “แล้วที่พี่เห็นต้นกับเบียร์นั่งสวีทกันเมื่อกี้ล่ะ พวกเธอยังจะว่าไม่มีอะไรอีกเหรอ”
     “เอ่อ พี่ครับ ผมก็อยู่นะครับ”
     “แต่เพื่อนพี่บอกว่าเห็นต้นนั่งอยู่กับเบียร์แค่สองคนนี่ตอนแรก”
     “พี่แอนมีสติรึยังครับ ถ้าพี่ใจเย็นลงแล้วก็นั่งลงเราจะได้คุยกัน แต่ถ้าพี่ยืนยันจะเถียงไม่รับฟังอะไรแบบนี้ผมว่าพี่ตามพี่เบียร์ไปก่อนเถอะครับ เพื่อนผมแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว”
     ผมพยายามยิ้มให้อัฐที่มองมาด้วยสายตาเป็นห่วง แต่ว่าหัวผมเบลอไปหมดเลยครับ ไม่รู้เป็นเพราะพิษไข้หรือเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมถึงได้สมองตื้อไปหมดคิดอะไรไม่ออก
     “พี่พูดมาเลยดีกว่าว่าพี่ไปได้ยินอะไรมา ใครมันปล่อยข่าวลือบ้าๆ นี้! เรื่องนี้ไม่ได้เสียแค่ไอ้ต้นแล้ว พวกผมเสียหายด้วย”
     “ผมไม่รู้หรอกนะว่าคนเอาไปลือกันว่าไง แต่ระหว่างพี่เบียร์กับต้นก็แค่หอมแก้มกัน เพราะไอ้โค่มันเสือกไปหอมแก้มต้นก่อน ต้นเลยต่อยไอ้โค่แล้วก็ประชด เพราะต้นไม่ชอบพี่ณตก็เลยใช้พี่เบียร์ก็แค่นั้นแหละพี่ เพราะพี่เบียร์ไม่ได้รุมแกล้งต้นเหมือนไอ้พวกนั้น ต้นไม่ได้เสียตัวให้พวกผมซักคน แค่โดนแกล้งหอมแก้มสองที ผมนอนอยู่ข้างๆ ต้นทุกคืนสาบานได้ พี่เบียร์นอนคนละห้องกับพวกผมด้วยซ้ำ”
     ผมดีใจนะครับที่มิวนิคปกป้องผม แถมไปป์ยังช่วยอธิบายเหตุการณ์ให้พี่เขาฟังด้วย อย่างน้อยๆ ต่อให้ผมถูกคนอื่นๆ มองด้วยสายตาทิ่มแทงมากขนาดไหน แต่ตอนนี้ข้างๆ ผมก็มีคนที่พร้อมจะปกป้องผมอยู่
     “ผมยืนยันได้ครับพี่แอน เพราะผมนั่งดื่มเป็นเพื่อนพี่เบียร์กับพี่ณตอยู่จนเกือบเช้า เรื่องที่พี่เบียร์คุยกับพี่ณตก็คือเรื่องของพี่นั่นแหละครับ พี่เบียร์รักพี่แอนมากนะครับ แต่ถ้าพี่แอนไม่เชื่อใจและให้เกียรติคนรักตัวเองแบบนี้ เป็นใครๆ ก็เสียใจนะครับพี่”
     “จริงเหรออัฐ?”
     “เออ!”
     มิวนิคตวาดกลับไปเสียงดังมากเลยครับ ผมตกใจหมดเลย!
     “แต่... แล้วทำไมพอกลับมาแล้วทุกคนถึงได้ดูสนิทกับต้นน้ำมากขึ้นล่ะ เมื่อก่อนต้นน้ำมักจะอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ อยู่ๆ ก็...”
     “โหยเพ่! อย่ามโนไปเองได้มั้ยวะ! พวกผมไปเที่ยวด้วยกันกลับมาก็ต้องสนิทกันสิพี่ อุตส่าเคลียร์กันได้ แล้วไอ้คนที่ทะเลาะกับไอ้ต้นไม่ใช่พวกผมด้วย ไอ้เอกโน่น พวกเราเคลียร์กันได้ไม่มีใครรังเกียจต้น ยอมรับในสิ่งที่มันเป็น ส่วนมันก็เปิดใจกับพวกผมก็แค่นั้น พวกเราซี้กันละมันผิดเหรอวะ!”
     “งั้นทำไมเบียร์ถึงมาขอเลิกกับแอนล่ะ”
     “ก็เพราะแอนเป็นแบบนี้ไง เบียร์แค่บอกให้แอนห่างกันซักพัก เบียร์อยากให้แอนคิดได้เรื่องที่แอนเที่ยวไปอาละวาดใส่น้องรหัสเบียร์ แทนที่แอนจะกลับไปคิด แอนดันมาอาละวาดใส่ต้นเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
     “ก็งั้นแล้วทำไมเบียร์ถึงมานั่งกับต้นสองคนล่ะ!”
     “ก็เบียร์ขี้เกียจไปกินข้าวเลยมานั่งแถวนี้ เจอต้น เห็นน้องมันไม่สบาย เลยนั่งเป็นเพื่อนมัน”
     “ผมยืนยันได้ครับ ต้นมันหน้าแดงเพราะเป็นไข้ ไม่ได้เพราะมันคิดอะไรกับพี่เบียร์หรอก พี่เบียร์ไม่ใช่เสป็กต้นหรอกครับพี่”
     “จริงเหรอ?”
     ผมเห็นพี่แอนทำเสียงอ่อยๆ แล้วก็หันไปมองพี่เบียร์ พี่เขาไม่เห็นผมอยู่ในสายตาเลยซักนิดทั้งๆ ที่เขาเป็นคนทำให้สายตาคนอื่นๆ มองมาที่ผมอย่างทิ่มแทง!
     “จบเรื่องแล้วใช่มั้ยครับ ผมรอดจากข้อกล่าวหาว่าแย่งแฟนชาวบ้านฟาดเรียบแล้วใช่มั้ย? ผมจะได้กลับคอนโด อัฐเราฝากบอกเมย์ทีสิว่าให้จดเลคเชอร์ให้เราด้วย”
     “ได้สิ”
     “พี่เบียร์ครับ ขอโทษนะครับที่ทำให้พี่มีข่าวไม่ดีกับผม”
     “เออ ไม่เป็นไร เรื่องนี้แฟนพี่ผิดเอง”
     ผมเหยียดยิ้มให้พี่เบียร์ทันทีที่ได้ยิน
     “พี่เบียร์เป็นผู้ชายที่ดีมากนะครับ ทั้งใจเย็น สุขุม เป็นผู้ใหญ่ แต่โชคร้ายจัง ผมไม่ชอบผู้ชายติดเกมจนถลุงเงินไปกับเรื่องไร้สาระแบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นพี่เบียร์ก็ยังมีข้อดีอื่นๆ อีกตั้งเยอะ ไม่น่าลดตัวมารักผู้หญิงแย่ๆ แบบนี้เลยนะครับ ถ้าพี่เบียร์พ้นเจ้ากรรมนายเวรแถวนี้ไปได้ผมว่าคงมีสาวๆ ต่อคิวให้พี่เลือกอีกเยอะเลย ผมอวยพรให้เลิกกันเร็วๆ นะครับ ผมไม่อยากให้พี่เบียร์ซึ่งเป็นรุ่นพี่ดีๆ ที่ผมเคารพต้องทนคบกับผู้หญิงที่ไม่คู่ควร! ขอตัวก่อนนะครับ”
     “ต้นน้ำ!”
     พอผมพูดจบก็หยิบของแล้วเดินจากมาทันทีครับ ไม่ไหวแล้วครับ อยากจะบ้าตาย! ไม่รู้อะไรดลใจผมถึงเผลอไปปากเสียใส่พี่เบียร์แบบนั้น ผมเห็นพี่เบียร์หน้าเสียด้วยล่ะ พี่เขาจะเกลียดผมรึเปล่านะ?
     แต่ในตอนที่ผมเดินจากมา ผมก็ได้ยินเสียงพัทพูดขึ้นมาว่า
     “นั่นไงล่ะ ต้นน้ำ! พี่คิดเอาเองเหอะ นิสัยอย่างมันใครจะรักมันลง ขี้ประชดเป็นที่หนึ่งอ่ะ ละที่สำคัญมันเป็นผู้ชายนะพี่ พวกผมก็แค่สนิทกันมากขึ้นเฉยๆ พวกผมไม่มีใครคิดกับมันแบบนั้นหรอกพี่ ใช่ป่ะวะมิว?”
     “...”
     นิสัยผมมันแย่มากสินะ แม้แต่พัทยังพูดแบบนี้เลย ...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ไปป์

     “ต้น! รอด้วย! เอ้ยมิว มึงลาจารย์ให้กูด้วยนะ”
     “อ้าวไปป์ มึงจะไปไหนอ่ะ?”
     ไอ้มิวนิคมันเพิ่งจะหายเอ๋อตอนที่ได้ยินเสียงผมเรียกชื่อมัน ความจริงพวกเราทุกคนเอ๋อกันหมดเพราะต้นพูดกับพี่เบียร์แรงมากจนผมเห็นพี่เบียร์หน้าเสีย ขออย่าให้พี่เบียร์โกรธต้นเลย
     “กูจะไปส่งต้น!”
     ผมได้แต่ออกวิ่งตามต้นไป เฮ้อ! ต้นนี่เจ้าน้ำตาจังเลย แถมชอบดราม่าด้วย แต่ไม่เป็นไร ต้นอาจจะอ่อนไหวกว่าคนปกติก็ได้ เขาว่ากันว่าเพศที่สามมักเซนซิทีฟกว่าคนปกติอยู่แล้ว
     ความจริงแล้วผมเป็นห่วงต้นมากเลย ผมได้ข่าวไม่ดีของต้นมาเยอะแยะ แต่เพราะผมสนิทกับต้นมาก ต้นเล่าเรื่องส่วนตัวให้ผมฟังตั้งหลายอย่าง ผมเลยไม่เชื่อข่าวที่เขาพูดกันว่าเป็นความจริง อย่างน้อยผมก็รู้ว่าต้นไม่เคยมีอะไรกับคนอื่นนอกจากแฟนของต้นแหละ แต่ท่าทางใกล้ชิดกันระหว่างต้นกับเพื่อนคนนั้นก็ชวนให้คิดจริงๆ น้า ผมสงสัยจัง แฟนต้นไม่หวงบ้างรึไง? เป็นผมล่ะผมไม่ปล่อยให้คนที่ผมรู้แก่ใจว่าแอบชอบแฟนผมมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ หรอก แต่จะว่าไปเพราะต้นใจแข็งมากละมั้ง แฟนต้นถึงได้ไว้ใจสุดๆ
     เรื่องที่มีคนลือว่าต้นกับเพื่อนเป็นแฟนกันผมก็พอเข้าใจนะ แต่เรื่องที่ต้นใจง่ายนี่ผมไม่เข้าใจเลย ใครมันพูดหว่า? ทำไมถึงได้กลายไปเป็นแบบนั้นก็ไม่รู้ ผมเห็นเวลามีคนมาจีบต้นทีไรต้นก็ปฏิเสธไปทุกทีนี่นา แถมยังเย็นชาสุดๆ อีก ผมไม่แปลกใจหรอกถ้าจะมีคนหาว่าต้นหยิ่ง ก็ต้นหยิ่งจริงๆ นี่นา ตอนแรกๆ ที่รู้จักกันผมยังอดคิดไม่ได้เลยว่าโคตรหยิ่ง แต่ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้น้า เป็นห่วงต้นจัง ยิ่งคราวนี้มีเรื่องกับรุ่นพี่อีก แย่แน่ๆ
     ผมเห็นแผ่นหลังต้นแล้ว ต้นวิ่งเร็วจังคับ ต้นวิ่งหนีคนอื่นๆ มาตั้งไกลก่อนจะผ่อนฝีเท้าเปลี่ยนเป็นเดิน แต่ต้นวิ่งเร็วจัง โอ้ย! ผมตามไม่ไหว แข็งใจไว้นะขาของผม เพื่อนผมกำลังเศร้า ผมต้องรีบไปอยู่ข้างๆ เพื่อนผม ไปป์ไฟท์!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#5/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน11
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-11-2014 03:52:05
สมาคมคนเก็บกวาด

     “ต้นอ่ะแก”
     “กลับไปแล้ว ไอ้ไปป์ไปส่ง”
     “มันเกิดอะไรขึ้นยะไอ้ยักษ์ เล่ามาเลยนะ!”
     “มึงจะตะโกนใส่หูกูทำไมเนี่ย เมย์!”

     “ไอ้ต้น ดราม่าอีกแล้วเหรอวะ”
     “นี่น้อยแล้วอาร์ท ถ้าต้นสบายดีไม่ยืนนิ่งแบบนี้หรอก”
     “กูชักปวดหัวกับนิสัยมันละ แบบนี้กูจะไปเคลียร์กับพี่เขายังไงดีวะ?”
     “ไม่ต้องหรอก อย่างพี่เบียร์ไม่มีวันโกรธต้นหรอก”
     “แต่มันด่าพี่เขาแรงขนาดนั้น”
     “แต่พี่แอนก็สมควรโดนแล้วล่ะ ไม่เหลืออะไรให้เคารพแล้ว ทำตัวเองแท้ๆ”
     “ผู้หญิงแบบพี่แอนก็น่ากลัวเกินไปว่ะ แต่ต้นก็แรงนะมึง เป็นห่วงมันจังเลยว่ะ อย่างมันอ่ะจะไม่ได้ออกเพราะเกรดหรอก แต่อาจจะอยู่ไม่ได้เพราะสังคม กูว่าแล้วนิสัยเด็กสัสอ่ะ ไอ้ไปป์ที่ว่าโง่ๆ ยังปรับตัวเก่งกว่าเลย หวังว่ามันคงไม่คิดมากจนฆ่าตัวตายนะมึง พักนี้ยิ่งฮิตๆ กันอยู่”
     “ก็ค่อยๆ ปรับกันไป ยังไงก็น่าจะยังดัดได้ ส่วนพี่แอนก็ให้พี่เบียร์ไปเคลียร์กันเอง แต่สงสารพี่เบียร์นะ ทำดีมาตลอดแท้ๆ”
     “เหนื่อยกูเนี่ย”
     “เออ เดี๋ยวกูช่วย หึๆ”

     “ใจเย็นขึ้นยังแอน?”
     “อืม.... เบียร์โกรธแอนเหรอ?”
     “แล้วมันน่าโกรธมั้ยล่ะ เสียมั้ยเนี่ย แอนเป็นรุ่นพี่นะ ไม่น่าทำแบบนั้นเลย”
     “เรื่องของหัวใจไม่มีรุ่นพี่รุ่นน้องซักหน่อย!”
     “เราไม่ได้หมายถึงเรื่องความรัก แต่หมายถึงเรื่องการวางตัว บอกตรงๆ นะเราเบื่อเธอก็ตรงนี้แหละ”
     “เบียร์!”
     “นี่ไง อีกแล้วนะแอน ถ้าแอนยังเป็นแบบนี้แล้ววันไหนที่เราจะคุยกันรู้เรื่อง ถ้าแอนไม่ปรับตัวบ้างเราก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”

     “พี่ต้นแรงว่ะ”
     “กูว่าพี่แอนแรงกว่าอีก ปกติก็เห็นชอบแอ๊บทำตัวเด็กๆ อยู่แล้ว แต่นี่เกินไปว่ะ รับไม่ได้อย่างแรง สงสารคนกลางอย่างพี่เบียร์”
     “พี่แอนแรงก็จริงแต่พี่ต้นก็ร้ายนะเมิง ไปปีนเกลียวพี่เขาแบบนั้น”
     “ก็พี่แอนสมควรโดนแล้ว งานนี้กูเข้าข้างพี่ต้นเต็มๆ ว่ะ ถึงพี่เขาจะดูหยิ่งๆ แต่ก็ไม่ทำใครก่อน แล้วถ้าพี่เขาเป็นแบบในข่าวลือจริง พวกพี่ปีสองคนอื่นๆ คงไม่ออกมาช่วยกันขนาดนั้นหรอก”
     “แต่ข่าวลือก็พูดกันเกินไปจริงๆ นะ ลือกันได้ไงวะว่าพี่เขาฟาดเรียบ พวกพี่เมย์ก็ไปไม่ใช่เหรอ พี่เมย์รักพี่ต้นจะตาย ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ถ้าพี่ต้นไม่ดีพี่เมย์ก็น่าจะเกลียดพี่ต้นสิ นี่เราเห็นพี่เมย์ยังสนิทกับพี่ต้นเหมือนเดิมเลยทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่ต้นเป็นเกย์”
     “กูก็คิดงั้นเหมือนกัน เห็นแบบนี้แล้วก็สงสารพี่ต้นเหมือนกันนะ กูว่าถ้าพี่เขาลดความหยิ่งลงบ้างคงมีคนชอบพี่เขาเยอะกว่านี้อ่ะ”
     “นั่นสิ”
     “คนเรามันไม่เหมือนกัน งี้แหละ พี่เขาอาจจะเข้าสังคมไม่เก่ง พวกมึงอย่าพึ่งไปว่าพี่เขาหยิ่งสิวะ”
     “เออ จะว่าไป คิดมั้ยว่า สไตล์พี่ต้นเหมือนธันย์เลยว่ะ”
     “เหมือนตรงไหนวะ?”
     “ก็ตรงที่หยิ่งๆ ชอบอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงกับใครไง เออ เราเคยเห็นพี่ต้นเอาของขวัญมาให้ธันย์ด้วยนะ ตอนช่วงวันเกิดมันอ่ะ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครรู้วันเกิดมันด้วยซ้ำ”
     “แล้วไงวะ?”
     “ก็แบบว่า... เออ ช่างเหอะ”

     “เออ เล่นเอาพี่เบียร์เหวอไปเลยอ่ะ พี่ต้นแรงมาก”
     “เอ้า มาเงียบๆ ตกใจหมด มีไรเหรอธันย์”
     “เมื่อกี้เธอว่าพี่ต้นทำไมนะ?”
     “มาแปลกว่ะ? ไหงงวดนี้สนใจเรื่องชาวบ้านด้วย”
     “เออน่ะ เกิดไรขึ้น?”
     “นายสนเรื่องนี้ด้วยเหรอเอ้ามาฟังๆ เราขี้เกียจเล่าหลายรอบ”

     “เด็กมึงเป็นข่าวอีกแล้วเว้ยบอม”
     “ข่าวไรวะ?”
     “เด็กมึงแย่งแฟนรุ่นพี่”
     “ใครวะ?”
     “ไอ้เบียร์ วิดยาฟิสิกส์ปีสามไงมึง”
     “อ๋อ! คนที่อยู่กับไอ้ณตบ่อยๆ อ่ะเหรอ แม่ง ข่าวมั่วๆ ไอ้นี่มันไม่สนผู้ชายหรอก บอกว่าเด็กกูเสร็จไอ้ณตยังพอว่า ไอ้ห่านี่แย่งต้นกับกูมาตั้งนานละ”
     “เด็กมึงมันอ่อยแต่ชายแท้ไม่ใช่เหรอไง กูเห็นไอ้เฟรมรัฐศาสตร์ปีสี่ที่ดังๆ ไปจีบ เด็กมันยังเมินเลย ใครก็รู้คบกับไอ้เฟรมทั้งเที่ยวทั้งของมีไม่อั้น หรือเด็กมึงจะไม่ได้เป็นรับวะ มันถึงได้ไม่ยอมมึงซักที มึงลองยอมให้น้องเค้าเอาดูดิ อาจจะจีบติดก็ได้นะมึง ฮ่าๆ”
     “สาด เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาว่อย กูไม่เร่งแต่กูต้องเอาให้ได้ เดี๋ยวน้องเค้าก็เสร็จกูเอง”
     “ระวังหมาคาบไปแดกก็แล้วกัน หมาอ้วนด้วยนะมึง ฮ่าๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#5/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน11
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-11-2014 03:59:39
ไปป์

     “ต้นรอเราด้วย”
     ผมวิ่งตามต้นทันจนได้ ทั้งๆ ที่ไม่สบายแท้ๆ แต่ต้นเดินเร็วมาก พอมาเดินข้างๆ กันแล้วผมถึงได้เห็น สีหน้าของต้นเหมือนพยายามอดกลั้นเอาไว้ แต่ต้นน้ำตาไหล ผมสงสารต้นจัง เจอเรื่องแย่ๆ ต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ต้นคงรู้สึกแย่มาก
     “ทนหน่อยนะต้น เดี๋ยวก็พ้นรั้วมหาลัยแล้ว”
     ผมปลอบต้นแล้วพากันเดินออกมาเรียกแท็กซี่ พอเรียกแท็กซี่ได้แล้ว พวกเราก็ขึ้นไปนั่งด้านหลัง ผมเห็นต้นสูดจมูกพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ต้นเจอแต่เรื่องร้ายๆ ทั้งนั้นเลยแฮะช่วงนี้ ผมจับไหล่ต้นเพื่อปลอบ ต้นที่พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้สะอื้นแรงมากจนสะท้านไปทั้งตัว
     “ต้น?”
     “เรา... ฮึก ไม่เป็นไรไปป์ ฮึก ไม่เป็นไร”
     ไม่ไหวแล้ว ผมสงสารต้นจัง
     “ถ้าอยากร้องก็ร้องออกมาเหอะ ไม่มีใครเห็นหรอกต้น ร้องได้เลย”
     ผมดึงต้นมากอด ต้นเอนพิงผมอยู่ ต้นไม่ได้ปล่อยโฮออกมา แต่น้ำตาของต้นก็มากพอที่จะซึมเปียกเสื้อผมจนชื้น ผมพยายามลูบหลังปลอบต้น ถ้าป่านอยู่ด้วยกันก็ดีสิ ป่านจะได้พูดอะไรก็ได้ปลอบต้น เพราะผมไม่เก่งเหมือนป่าน
     “ถึงใครจะมองนายยังไงแต่พวกเราเข้าใจนายนะ นายไม่ต้องไปแคร์คำพูดไร้สาระพวกนั้นหรอก พวกเราทุกคนรักนายนะต้น อย่าคิดมากนะ”
     “ฮือ
     ผมเห็นพี่คนขับแท็กซี่มองกระจกหลังมาที่พวกเราเป็นระยะ พี่เขาอาจจะคิดไม่ดีหรือแค่สงสัยก็ได้ ผมรู้ว่าคนปกติเขาไม่ทำกันแบบนี้ แต่จะให้ผมทำไงล่ะ เพื่อนของผมกำลังทุกข์ใจ ผมสนใจเพื่อนมากกว่าสายตาคนอื่นอยู่แล้ว เราจะสนใจคนที่อาจจะผ่านมาเจอกันแค่ครั้งเดียวในชีวิตทำไม ในเมื่อคนที่ร้องไห้อยู่กับผมตรงนี้คือเพื่อนที่อาจจะอยู่กับผมไปทั้งชีวิต
     ผมปล่อยให้ต้นระบายความทุกข์ในใจออกมาเป็นน้ำตาไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้จะทำยังไง แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ป่านโทรมาแฮะ
     “โหล?”
     “แกอยู่กับต้นป่าว?”
     “อาฮะ ไปส่งต้นกลับบ้านอยู่”
     “ต้นโอเคมั้ยอ่ะแก?”
     ผมมองดูต้นที่พยายามกลั้นสะอื้นแล้วก็ไม่รู้จะตอบว่าไง
     “มั้ง?”
     “ไม่โอเคเหรอ แก งั้นอีกเดี๋ยวแกเปิดสปีกเกอร์นะ โอเคป่ะ? บอกต้นให้ฟังพวกเรานะแก เดี๋ยวฉันไปเตี้ยมอิพวกนั้นก่อน”
     “เอางั้นเหรอ ได้ๆ”
     ผมตอบรับป่านก่อนจะสะกิดเรียกต้น ต้นเงยหน้ามามองผม ตาของต้นแดงช้ำไปหมด แถมบวมมากด้วย จมูกก็มีน้ำมูกยืดเต็มไปหมด ผ้าเช็ดหน้าของต้นถูกขยำจนยับยู่ยี่เลย
     “ป่านมันอยากคุยด้วยอ่ะ”
     “เรา...”
     “ฟังมันหน่อยนะ พวกมันคงมีอะไรอยากบอกนายอ่ะ”
     ต้นค้านผมด้วยสายตาทำท่าไม่อยากคุย แต่ผมไม่ยอมหรอก ผมเลยจ้องตากลับไป ในที่สุดต้นก็ยอมแพ้ ต้นพยักหน้าให้ผม ผมเลยตบหลังต้นไปสองที
     “อื้อ เอาเลยป่าน”
     ผมบอกป่านไปแล้วก็กดเปิดสปีกเกอร์
     “ต้น มึงร้องไห้อยู่ป่าววะ? ไอ้ขี้แย เลิกร้องไห้ได้แล้วมึง กลับมายิ้มเร็วๆ นะ เวลามึงยิ้มน่ารักโคตร!”
     สัสพัท! ใครให้มันเป็นคนมาปลอบวะเนี่ย ไอ้สมองขาดตรรกะเอ้ย!
     “เชี่ย! พูดไรของมึงวะ เอามานี่เลย จะปลอบไอ้ต้นมันต้องปลอบแบบนี้! ต้นมึงไม่ต้องแคร์นะเว้ย ระหว่างผู้หญิงแบบพี่แอนกับตุ๊ดอย่างมึง กูโหวตให้มึง มึงน่ารักกว่าเยอะเลย แก้มก็นิ่ม ถ้าพี่เบียร์จะเปลี่ยนใจมาชอบมึงกูจะไม่แปลกใจเลย”
     ไอ้หื่นโค่! ไอ้เวรเอ้ย! แต่เฮ้ย ไม่ดิ ผมเห็นต้นแอบยิ้ม หรือป่านจะคิดถูกที่ให้ไอ้ควายสองตัวนี้ออกมาเปิด
     “ไม่สบายก็พักซะนะมึง พรุ่งนี้มาเรียนด้วยล่ะ แต่ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องมา เรื่องไร้สาระมึงไม่ต้องไปสนใจหรอก พวกกูเข้าใจมึง เรื่องอื่นๆ เดี๋ยวพวกกูเคลียร์ให้ แค่เรื่องผิดใจกันขี้ปะติ๋ว อย่าคิดสั้นนะมึง กูกลัวมึงคิดมาก มึงอ่ะบางทีก็เด็กเกินไป กูเป็นห่วงนะเว้ย เฮ้ยๆ ไรวะสัส!”
     “มึงได้ยินที่พวกกูพูดใช่มั้ยต้น พวกกูเป็นห่วงมึงนะ”
     ไอ้อาร์ทเริ่มเทศน์อีกแล้ว แต่ดูเหมือนจะโดนแย่งโทรศัพท์ไป แต่ว่าเสียงคนถัดมาที่แย่งโทรศัพท์ไปจากอาร์ทนี่ดิ ผมแปลกใจนะ แม้แต่ไอ้เอกยังมาร่วมขบวนการนี้เลย
     “เหี้ย! มึงแย่งโทรศัพท์ไปทำไมวะ”
     “มึงแหละ พูดเรื่องคิดสั้นอะไร เฮ้ยต้น! มึงยังค้างชีทกูอยู่สองวิชานะเว้ย หายป่วยแล้วมาเรียนด้วยละมึง มึงไม่อยู่แล้วกูจะลอกใคร”
     “ตาใครวะ ใครจะพูดอีก?”
     “ถะ ถะ ถึงพวกเรา จะ จะ จาไม่ค่อยสะ สนิทกัน แต่เราก็ ก็ชอบนายนะต้น นะ นายไม่เคย-
     “ต้น มึงห้ามคิดมากนะ พักผ่อนซะ มึงมีกำลังใจจากพวกกูไว้สนับสนุนให้มึงสู้กับปัญหานะเพื่อน มีอะไรที่มึงแก้เองคนเดียวไม่ไหวก็บอกพวกกูได้นะ พวกเราเพื่อนกันต้องช่วยกันอยู่แล้ว”
     ผมได้ยินพวกมันส่งเสียงถามกัน มีเสียงไอ้ถังพยายามพูดขึ้นมา แต่คนติดอ่างอย่างมันพูดยังไม่ทันจบประโยคก็โดนไอ้นอยซ์แทรก เหลือเชื่อที่คราวนี้มันพูดอะไรดีๆ กับเขาได้ แล้วก็มีเสียงตะโกนแทรกเข้ามาเป็นระยะๆ
     “รักมึงนะเว้ยเพื่อน!”
     “หายไม่สบายเร็วๆ นะ”
     “มาเรียนด้วยนะมึง อย่าหนีพวกกูไปนะ”
     และแล้วก็มาถึงเสียงที่ผมไม่คิดว่ามันจะพลาด
     “เอ่อ... มึงกลับบ้านไปพักซะนะเว้ย กูเป็นห่วง กู... กูชอบมึงนะต้น มึงไม่ต้องไปแคร์สายตาคนนอกหรอก กูว่าใครที่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของมึงก็ต้องชอบมึงกันทุกคนแหละ เหมือนกูกับไอ้พวกนี้ไง มึง... มึงอย่าท้อนะเว้ย เรื่องเข้าใจผิดมันเล็กน้อย สิวๆ ว่ะ ยังไงมึงก็มีกูนะ”
     มึงจะปลอบหรือมึงจะสารภาพรักฟร่ะ เชี่ยมิว!
     “ต้น แกได้ยินพวกมันใช่ป่ะ? แกไม่ต้องห่วงทางนี้นะ เดี๋ยวฉันเคลียร์ให้”
     “ใช่แล้ว เดี๋ยวเรากับป่านจะไปดักตบอิพี่แอนให้เอง!”
     “แรงไปแล้วนะเมย์”
     “โอ๊ย! ก็พูดขำๆ น่าแก้ว อ่ะ โอม พูดไรซะบ้างสิ”
     “เอ่อ... เดี๋ยวเราจดโน้ตไว้ให้นะ ต้นพักผ่อนให้สบายเลย ท่าทางนายไข้สูงมาก ถ้าพรุ่งนี้ไม่ไหวก็หยุดก็ได้นะ เราจะบอกอาจารย์ให้”
     “ใช่จ้ะ สบายใจได้เลยนะต้น พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว”
     “แก... แกได้ยินป่าวอ่ะต้น? อิไปป์? แก ต้นฟังอยู่ป่าว?”
     ผมว่าต้นได้ยินนะ เพราะต้นที่หลุดขำกลับตัวสั่นขึ้นเป็นจังหวะอีกแล้ว ต้นสะอื้น แต่ผมว่ารอบนี้ต้นสะอื้นเพราะความสุขมากกว่า ผมเลยยิ้มให้ต้น
     “ขอบ... ขอบใจนะทุกคน เราดีใจมากๆ ที่ได้เป็นเพื่อนกับพวกนาย”
     พอต้นพูดจบ ทางนั้นก็ส่งเสียงมาเพียบจนฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ผมว่าไม่สำคัญแล้วล่ะ เพราะผมเห็นต้นยิ้มแล้ว ถึงจะยิ้มทั้งน้ำตาแต่รอยยิ้มของต้นตอนนี้อย่างกับเทวดาแน่ะ
     ไอ้พวกบ้าทางนั้นยังคงพูดอะไรอีกนิดหน่อย ต้นเอาแต่ตอบ “อือๆ” ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วมองหน้าต้นแทน จนกระทั่งเรากดวางโทรศัพท์ ผมเลยถามต้น
     “รู้สึกดีขึ้นยัง?”
     “อื้ม”
     ต้นตอบรับผม ถึงเสียงจะยังอู้อี้อยู่เพราะจมูกของต้นเต็มไปด้วยน้ำมูก แต่ผมว่ามันฟังดูสดใสขึ้นเยอะเลยครับ
     “ขอบใจนะไปป์ ขอบใจที่อยู่เป็นเพื่อนเรานะ”
     “มันแน่อยู่แล้ว ก็เราเพื่อนกันนี่”
     แล้วผมก็นั่งรถไปส่งต้นที่คอนโด ต้นมีสีหน้าดีขึ้น นั่งอมยิ้มไปตลอดทาง ไม่ร้องไห้แล้ว ... เฮ้ย! ผมกำลังจะได้ไปเที่ยวคอนโดต้นแล้ว ตื่นเต้นจังแฮะ พอรถไปถึงที่แล้ว ต้นจะไล่ผมกลับทันทีมั้ยอ่า ละ... ละผมจะได้เจอแฟนต้นมั้ย? ถ้าแฟนต้นถามผมว่าทำไมต้นถึงตาบวมร้องไห้แบบนี้แล้วผมจะตอบว่าไงดีเนี่ย? ต้นยิ่งบอกว่าแฟนต้นขี้หึงอยู่ ผมนั่งกลุ้มจนรถมาจอดถึงที่ เอาฟร่ะ! มาถึงขั้นนี้แล้ว โอกาสแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ
     “ให้เราลงไปส่งต้นนะ เราอยากไปอยู่เป็นเพื่อนต้น นายดูไม่ค่อยสบายเลย”
     “จะดีเหรอ?”
     “อื้อ นี่พึ่งบ่ายกว่าๆ เอง กว่าแฟนต้นจะกลับ แถมต้นร้องไห้ เดี๋ยวคงปวดหัวมากแน่ๆ ใช่ป่ะ? เราเป็นห่วงอ่ะ สัญญาว่าจะไม่ซน”
     “เอางั้นก็ได้ แต่ห้ามซนจริงๆ นะ”
     ต้นหรี่ตามองผมนิดหน่อยก่อนจะอนุมัติ ไชโย!
     “สัญญาเลย”
     และแล้วผมก็ได้ตามต้นขึ้นคอนโดไปจนได้ ฮ่าๆ คอนโดต้นน่าอยู่เหมือนกันนะเนี่ย สวยดีจัง ผมมองเพลินเลยแฮะ จนต้นเรียกผมให้เดินตามไปอีกฝั่งนึง ผมถึงได้รู้สึกตัว
     “ทางนี้ไปป์”
     ผมเดินตามต้นไปจนถึงหน้าห้อง ต้นล้วงเอากุญแจออกมาละไขเข้าไป ตื่นเต้นจังแฮะ ผมจะได้เข้าไปในห้องของต้นแล้ว นี่ผมควรจะไปสำรวจตรงไหนก่อนดี? อ้าวทำไมต้นหันมามองผมหน้าดุแบบนั้นล่ะ?
     “ห้ามซนนะไปป์ สัญญาแล้วนะ”
     “ได้ๆ เราไม่ซนหรอก”
     พอผมให้สัญญาเสร็จต้นก็ผลักประตูเข้าไป อ้าว? ธรรมดากว่าที่คิดแฮะ
     “ถอดรองเท้าตรงนี้ วางไว้ในตู้ด้วยนะ”
     ต้นดักคอผมอีกแล้ว เฮ้อ... ผมเลยต้องเดินกลับมาเก็บรองเท้าที่สะบัดออกเมื่อกี้ละเอายัดใส่ตู้ให้เป็นระเบียบ ต้นเอาสลิปเปอร์มาวางให้ผม พอจัดการกับรองเท้าเสร็จแล้วผมก็เลยเดินไปนั่งที่โซฟา อื้มนุ่มดีแฮะ แต่บนโต๊ะรับแขกนี่ไม่เห็นมีอะไรนอกจากรีโมททีวีวางไว้เลย พวกนิตยสารก็ไม่มี
     “เราไปเก็บของก่อนนะ”
     ต้นเอาน้ำมาวางไว้ให้ผมแล้วก็ขอตัวไปเก็บของ แปลว่าผมมีโอกาสซนแล้ว เอ๊ะ! หรือผมจะตามไปดูในห้องนอนก่อนดี?
     “ตามเข้ามาทำไม?”
     “อยากเห็นห้องนอนต้น โอ้โห! สวยจัง ต้นชอบสีขาวเหรอ? โต๊ะตู้เตียงสีขาวหมดเลย?”
     “เราไม่ได้เลือกซักหน่อย ห้องนี้แฟนเก่าพี่ชัชเลือกหมดแหละ”
     “เออจริงด้วย ลืมไป”
     ต้นวางกระเป๋าเป้บนโต๊ะเครื่องแป้งเสร็จก็ถอดเข็มขัดม้วนเก็บไว้ในตู้เรียบร้อยเลยแฮะ เจ้าระเบียบจริงๆ ผมเห็นต้นถอดถุงเท้าใส่ตะกร้าแล้วก็เดินไปล้างหน้าในห้องน้ำ เตียงต้นกว้างดีจัง ผ้าปูที่นอนสีเทาเข้มนี่ตัดกับเตียงและเฟอร์นิเจอร์ในห้องจังเลย ดูโมเดิร์นโคตรๆ ถ้าผมแอบลงไปกลิ้งซะหน่อยต้นจะว่าอะไรผมมั้ยนะ? ก็เตียงมันดูหนานุ่มดีอ่า ซักหน่อยละกัน เยส! เตียงของต้นเด้งอย่างที่คิดไว้เลย อย่างกับเตียงตามโรงแรมแน่ะ อ๊ะ! ต้นนอนฝั่งนี้ชัวร์ๆ เพราะมีกลิ่นของต้นติดอยู่ด้วย ต้นชอบนอนฝั่งขวาเสมอเลยแฮะ
     “นายเป็นหมาเหรอไปป?”
     “อ้าว ล้างหน้าเสร็จแล้วเหรอ?”
     “อืม ... ไม่อายบ้างรึไง มาถึงก็กระโดดขึ้นเตียงนอนคนอื่นหน้าตาเฉย ทำอย่างกับเป็นลูกหมาต้องป้ายกลิ่นตัวเองไปทั่ว”
     เพราะถูกด่าผมก็เลยยิ้ม คือ.. ผมไม่รู้จะตอบต้นไปว่าอะไรนี่นา ก็เตียงต้นมันดูน่ากลิ้งดีอ่า ผมก็เลยอดใจไม่ไหว แต่ผมก็ไม่ขยับตัวเปลี่ยนท่าทางจากการนอนกลิ้งหรอกนะ ต้นเดินไปเช็ดหน้าก่อนจะล้วงกล่องเก็บของออกมาจากในตู้เสื้อผ้า อืม พอดูแบบนี้แล้วถึงเห็นว่าตาต้นยังบวมอยู่เลยแฮะ
     “ตายังแดงอยู่เลยต้น”
     “อืม”
     “นายจะนอนซักตื่นก็ได้นะ เดี๋ยวเราอยู่เป็นเพื่อน”
     “จะอยู่ทำไม ถึงห้องเราแล้วเราดูแลตัวเองได้ นายกลับไปได้แล้วล่ะ”
     ต้นตอบผมโดยที่ไม่ได้หันมามอง ต้นหาอะไรในกล่องนั้นนะ ผมอยากรู้จนต้องกระดึ๊บเข้าไปใกล้ๆ อ้อ... กล่องยา
     “ไม่เอาอ่ะ อุตส่าได้มาเที่ยวห้องต้นทั้งที อยากเล่นอ่ะ ยังไม่ได้เล่นเลย”
     “จะเล่นอะไร ห้องเราไม่ใช่สวนสนุกนะไปป์ไม่มีอะไรให้เล่นหรอก”
     ต้นทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ผมอีกละ
     “ก็เราอยากรู้จักต้นให้มากกว่านี้ไง อยากรู้ว่าเวลาต้นอยู่บ้านต้นเป็นยังไง ห้องนายเป็นแบบไหนอะไรทำนองนั้นอ่ะ”
     “ก็เห็นแล้วนี่ ก็ปกติแหละ ไม่มีอะไรแปลกหรอกน่า”
     “อื้อ นึกว่าจะมีอะไรแบบเลิฟๆ กับแฟนนายเยอะๆ ซะอีก”
     ผมอุตส่าอยากเห็นว่าห้องของต้นเป็นแบบไหน แต่ดูๆ ไปแล้วธรรมดาจัง ไม่เห็นมีพวกกองหนังสือการ์ตูนเหมือนห้องผมเลย ทีห้องยัยป่านยังมีซีรี่ย์เกาหลีวางไว้เพียบ แต่ห้องนอนต้นนอกจากพวกของใช้แล้วก็ไม่เห็นมีอะไรเลย ข้างนอกนั่นก็ไม่ค่อยมีอะไร ดูโล่งๆ ไงก็ไม่รู้
     “คิดอะไรแปลกๆ ในหัวรึไง ลุกได้แล้ว ไปนั่งโน่นเลย ห้องนั่งเล่น อย่ามากลิ้งบนเตียงคนอื่นเขานะ”
     ต้นพูดแบบนั้นแล้วก็เดินนำผมออกจากห้องนอน ต้นเดินไปทางตู้เย็นละเปิดตู้หยิบน้ำดื่มออกมาสำหรับกินยา ผมไปดูด้วยดีกว่า หิวอ่า
     “ไม่เห็นมีขนมเลยอ่ะ?”
     ต้นที่กำลังจะกินยาชะงักไปก่อนจะหันมาหาผม ... ไม่เห็นต้องหันมามองตาขวางแบบนั้นเลย ต้นใจร้ายจัง
     “ก็เราหิวอ่ะ ต้นไม่หิวเหรอ พวกเรายังไม่ได้กินข้าวกลางวันกันเลยนะ”
     ต้นอึ้งไปนิดหน่อยก่อนจะตอบผมด้วยเสียงที่อ่อนลงกว่าสายตาตอนแรก
     “ข้าวไข่เจียวมั้ย โทษทีนะ เราปวดหัวอ่ะ ทำเยอะไม่ไหว”
     “อื้อ ไงก็ได้ แต่ถ้าต้นไม่ไหวพวกเราสั่งอะไรมากินก็ได้นี่ พิซซ่าแมะ?”
     “พิซซ่ามาไม่ถึง ... ขอบคุณ แล้วก็ขอโทษนะไปป์ นายต้องลำบากเพราะเราแท้ๆ”
     “ไม่เป็นไรเพื่อนกัน งั้นเดี๋ยวเราช่วยนะ”
     “อื้ม”
     แล้วผมก็ได้ช่วยต้นหุงข้าวด้วยล่ะ ต้นทอดไข่เจียวร้อนๆ หอมฉุยให้ผมตั้งสองฟองแน่ะ ถึงจะเป็นแค่ข้าวไข่เจียวแต่ต้นทอดไข่อร่อยจัง อ๊ะ! ผมทำอะไรแปลกๆ รึไง? ต้นยิ้มให้ผมแบบแปลกๆ อีกแล้ว
     “หัวเราะไรอ่า”
     “เปล่า แค่นึกอะไรขำๆ นิดหน่อย”
     “อะไรเหรอ?”
     “ไม่รู้สิ อยากเลี้ยงหมาซักตัวมั้ง เสียดายคอนโดนี้ห้ามเลี้ยงสัตว์”
     “งั้นต้นไม่ลองเลี้ยงหนู หรือกระต่ายดูล่ะ แฮมเตอร์ไง”
     “แฮมเตอร์มันกระดิกหางไม่ได้เหมือนนา เอ้ย! หมานี่”
     ต้นว่าผมอีกแล้ว!
     “ใจร้ายอ่า ว่าเราอีกแล้ว”
     “ก็อยากทำตัวเหมือนทำไม”
     “ต้นกินเสร็จจะกินยานอนก็ได้นะ เดี๋ยวเย็นๆ เราค่อยกลับ กลับตอนนี้แดดร้อนอ่า”
     “จะเอาไงก็แล้วแต่นายเถอะ ถ้าเข้าไปในห้องเล็กรื้ออะไรออกมาแล้วก็เก็บเข้าที่ด้วยแล้วกัน แต่ของในชั้นหนังสือที่ไม่มีฝาปิดนั่นห้ามนะ เอกสารพวกนั้นของทำงานของแฟนเราทั้งนั้น ส่วนตู้ทางขวานั่นของเราเอง เก็บของจากห้องเก่าเอาไว้ในนั้นแหละ พวกหนังสือกับดีวีดีนิดหน่อย”
     “โห รู้ได้งายอ๊า!”
     “รู้สิ นิสัยนายดูง่ายจะตายไป นายจะหาอะไรล่ะ จะได้บอก”
     “อยากดูรูปนายไง นายไม่มีงานอดิเรกบ้างเหรอ ของสะสมล่ะ มีหนังสือการ์ตูนมั้ย?”
     “ไม่มีหรอก มีแต่พวกหนังสือเรียนกับตำราที่เห็นในห้องเมื่อตะกี้แหละ ทำงานบ้านเหนื่อยจะตาย นอกจากท่องหนังสือกับทำงานบ้านแล้วเราก็ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นหรอก เพราะอยู่ห้องเช่าแบบนี้มาตั้งแต่เด็กมั้ง เราเลยไม่ค่อยกล้าสะสมอะไร สงสารแม่เราด้วยไม่อยากใช้เงินไร้สาระ อ๊ะ! แต่พวกอัลบั้มรูปก็พอมีอยู่นะ จะดูไปทำไมเหรอ?”
     “อยากเห็นรูปต้นตอนเด็กๆ น่ะ”
     “อื้อ จะดูไปทำไม”
     “ก็อยากเห็นนี่นา นะ นะ ขอดูหน่อย อยากรู้ว่าต้นตอนเด็กๆ เป็นยังไงน่ะ”
     “อืม กินให้เสร็จก่อนก็แล้วกัน”
     “ได้ๆ”
     เย้! สำเร็จแล้ว ฮ่าๆ
     พอกินข้าวเสร็จ ต้นก็พาผมเข้าไปอีกห้อง โหจริงด้วยแฮะ! ในห้องนี้มีแต่ตู้กับชั้นวางของเพียบเลย ใส่ของเอาไว้เต็มไปหมด พวกเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างก็ยังเป็นโทนสีขาวเหมือนเดิมเลยแฮะ แต่การตกแต่งออกแนววินเทจคนละแบบกับสไตล์โมเดิร์นแบบในห้องนอน โดยเฉพาะโซฟาเบดในห้องนี้สวยเป็นบ้าเลย มีลิ้นชักอยู่ด้านล่างด้วยอ่ะ เท่!
     “ห้องนี้สวยจัง”
     “พี่ฟ่างทำเอาไว้เผื่อมีแขกมานอนน่ะ แต่ตอนนี้พี่ชัชเอาไว้ทำงาน มันเลยรกหน่อย นี่ห้ามซนนะ! ตรงนี้นายรื้อได้ แต่ตู้นั้นงานของพี่ชัชทั้งนั้น อย่าไปยุ่งจะดีกว่า”
     “อื้อ”
     ต้นบอกผมพลางเปิดตู้รื้อกล่องใส่ของใบใหญ่ออกมาหาอัลบั้มรูปให้ผม ผมมองโน่นมองนี่อยู่ซักพักก็ตัดสินใจช่วยต้น และแล้วผมก็ลงมือค้นอย่างสนุก ... น่าเบื่อจัง ไม่เห็นมีอะไรเลย ส่วนใหญ่มีแต่หนังสืออะไรก็ไม่รู้ แล้วก็พวกของจุกจิกปั้มโลโก้แปลกๆ
     “นายให้คนมาเช่าแล้วเก็บของจากห้องตัวเองมาไว้ห้องแฟนหมดเลยเหรอต้น”
     “อื้อ ของเราน่ะนะ เราไม่ค่อยมีอะไรมากอยู่แล้วละมั้ง พวกของชิ้นใหญ่ก็เอาไว้ให้คนเช่าใช้นั่นแหละ ที่เราเสียดายก็มีพวกอุปกรณ์ครัวอันที่เราใช้ถนัดมือนิดหน่อย ก็เก็บมาไว้ห้องพี่ชัชหมดแหละ พวกเสื้อผ้าหรือหนังสือเก่าๆ ที่เรากับแม่ไม่ได้ใช้แล้วแม่บอกให้เอาไปบริจาคน่ะ นอกนั้นเราก็เก็บใส่กล่องไว้ในตู้นี้แหละ”
     “นายนี่ของน้อยจัง”
     “เหรอ... เจอแล้ว นี่ไงอัลบั้มรูปของเรา อืม อันนี้เป็นตอนเรายังเด็กมากๆ อยู่ นี่ช่วงประถมแล้วล่ะ ส่วนอันนี้ตอนอยู่มัธยม เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเยอะหรอก มีแค่นี้แหละ”
     ต้นอธิบายพร้อมกับชูอัลบั้มแต่ละอันให้ผมดู
     “อื้อ ไม่เป็นไร ขอดูหน่อยนะ”
     “ออกจากห้องนี้กันเถอะ นี่ห้องทำงานแฟนเรา เราไม่อยากให้นายทำรกแถวนี้”
     ต้นนี่ใจร้ายจัง
     “ก็ได้”
     ผมถูกต้นไล่ให้มานั่งนอกห้อง เศร้าจัง แต่เอาเถอะ ได้ดูรูปต้นสมัยเด็กๆ ก็ถือว่าคุ้มละ ยัยพวกนั้นต้องอิจฉาผมแน่ๆ วะ ฮ่าๆ
     “นี่ขนม พอทานได้มั้ย”
     “อะไรอ่ะ?”
     ต้นเอาขนมหน้าตาแปลกๆ มาให้ผมด้วยแหละ สีสวยจัง
     “อาลัวน่ะ พี่ชัชซื้อไว้เยอะเลย คงจะเอาไปฝากหมอแหละ หยิบมาแกะซักถุงคงไม่เป็นไรหรอก มีตั้งเยอะ”
     “ขอบใจนะ อืมอร่อยดีแฮะ หวานๆ อ่ะ”
     “นายชอบก็ดีแล้ว อยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย เรารู้สึกปวดหัวน่ะ ขอไปนอนซักแป็บได้มั้ย?”
     ผมโบกมือให้ต้นเพื่อบอกว่า “ตามสบาย” ผมอยู่ได้จริงๆ นะ ถึงจะมาห้องต้นเป็นครั้งแรกแต่ผมสบายมาก ผมจะพยายามทำความคุ้นเคยกับข้าวของในห้องนี้ด้วยตัวเองให้ได้เลย ต้นไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ผมเกรงใจต้นจัง ต้นไม่สบายแท้ๆ แต่ก็ต้องมาดูแลผม
     “ตามสบายเลยต้น เราอยู่ได้”
     ต้นยิ้มให้ผมหน่อยๆ หลังจากที่ผมตอบ สายตาของต้นมองผมแปลกๆ อีกแล้ว
     “ถ้านายร้อนจะเปิดแอร์ สวิทช์อยู่ตรงโน้นนะ แต่ปิดหน้าต่างตรงระเบียงก่อน เข้าใจมั้ย?”
     “รับทราบ!”
     “ฝากปลุกเราตอนสี่โมงด้วยนะ”
     “ได้เลย!”
     ต้นยิ้มแปลกๆ ให้ผมแล้วก็ถือแก้วน้ำเดินเข้าห้องไป เอาล่ะ ต้นไปละ ได้เวลาแล้ว!
     เอ... ผมจะเลือกมุมไหนถ่ายรูปส่งไปอวดยัยพวกนั้นดีน้า ฮ่าๆ เดี๋ยวอีกซักพักพอต้นหลับแล้วต้องย่องไปถ่ายรูปต้นตอนหลับด้วย เอาตรงนี้ดีกว่า หน้าครัวนี่แหละ แชะ! อัพๆ ยัยพวกนั้นต้องอิจฉาแน่ๆ ที่ผมได้มาเที่ยวห้องต้นด้วย ว่าแต่ในตู้เคาเตอร์พวกนี้มีอะไรบ้างหว่า โอ้โห! ของทำอาหารเพียบ ผมเชื่อแล้วล่ะว่าต้นชอบกินอาหารยุโรป วัตถุดิบแปลกๆ ขวดซอสประหลาดๆ เพียบเลย ไปดูในตู้เย็นดีกว่า อื้อหือ! เบียร์เพียบ ในตู้เย็นของต้นแถวด้างล่างมันมีกระป๋องเบียร์เรียงไว้กินพื้นที่ไปชั้นนึงเลย ท่าทางแฟนต้นดื่มจัดแฮะ ชั้นผักก็มีผักสดเต็มเลย ต้นนี้ชอบทำกับข้าวจริงๆ
     โอเค ผมสำรวจตู้เย็นเสร็จแล้ว เป้าหมายต่อไป .... ชั้นวางของในห้องก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย ชั้นวางทีวีก็งั้นๆ ไปนั่งดูรูปดีกว่า ต้นห้ามผมไปซนในห้องทำงานแฟน ผมก็จะไม่ซน!
     ดูอัลบั้มนี้ก่อนดีกว่า อ๊ะนี่ไงเพื่อนต้น! อื้อหือ ต้นตอนมัธยมนี่หน้าบึ้งจัง แต่ไม่ได้ใส่แว่นแฮะ แทบไม่มีรูปที่หันมายิ้มซักรูป ยกเว้นรูปที่ถ่ายกับแม่ตัวเอง อืม... ต้นมีเพื่อนผู้หญิงด้วยเหรอเนี่ย? ท่าทางสนิทกันจัง กอดแขนต้นทุกรูปเลยแฮะ ต้นพอมีรูปถ่ายกับเพื่อนก็จริงแต่ไม่ค่อยยิ้มเลย ทำท่าอย่างกับโดนบังคับให้ถ่ายด้วยซะงั้น ว้าว! นี่มันแฟนต้นนี่หว่า สงสัยจะไปเที่ยวกัน โอ้โห! ต้นยิ้มแล้ว ดูต้นเขินๆ แฮะ แต่ยิ้มน่ารักจังเลย ต้องเป็นช่วงจีบกันใหม่ๆ ที่ต้นเคยเล่าให้ฟังแน่ๆ
     ผมนั่งดูรูปไปกินขนมไปเพลินมากครับ ขนมก็อร่อย แถมรูปต้นก็น่าสนใจสุดๆ ยิ่งรูปตอนเด็กๆ ต้นน่ารักมาก อย่างที่ผมคิดไว้เลย ต้นหน้าตาน่ารักอย่างกับเด็กผู้หญิง ผิวขาวตัวเล็กๆ ท่าทางขี้แย ผมเห็นมีรูปแม่ต้นกับผู้ชายคนนึงถ่ายด้วยกันสามคนบ่อยๆ แต่ผู้ชายคนนี้ดูไม่ค่อยแมนยังไงก็ไม่รู้ น่าจะเป็นลุงที่ต้นเคยพูดถึง จะว่าไปผมยังไม่เห็นรูปต้นกับคุณพ่อซักรูป ไหนต้นบอกว่าคืนดีกันแล้วไง?
     ผมดูรูปไปเรื่อยๆ ก็ต้องสะดุดตากับรูปใบนึง เด็กผู้ชายคนที่ยืนข้างๆ ต้นคนนี้หน้าคุ้นๆ ยังไงก็ไม่รู้ เขาสูงกว่าต้นพอสมควร น่าจะอายุไล่เลี่ยกัน แต่ทำหน้าบึ้งโคตรๆ ทั้งๆ ที่ต้นที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มจนแก้มปริ ผมว่าผมคุ้นๆ น้า... แต่นึกไม่ออก สายตาแบบนี้ สายตาเฉยเมยเหมือนไม่สนใจใครแบบนี้ ...
     “แอ้ด”
     แต่ในระหว่างที่ผมกำลังนั่งคิดอยู่ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ผมเลยหันไปมอง แฟนต้นกลับมาแล้ว!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



พาลูกหมาตัวใหม่กลับบ้าน ดราม่าสะดุดก็เพราะน้องไปป์นี่แหละ!  :oni1:  มีน้องไปป์ที่ไหนมีเขวี้ยงเม้าปาหมอนที่นั่น ฮ่าๆ
เขาเป็นหนุ่มน้อยทานตะวันผู้เบิกบานเชียวนะ! คนแต่งชูป้ายไฟน้องไปป์รัวๆ  :mc4: 
ไปป์น้อยจะซวยหรือไม่ หมาป่ากลับมาถึงบ้านแล้ว ลูกหมาตัวน้อยๆ จะโดนหมาป่าขย้ำมั้ยนะ เหอๆ

ตอนนี้ให้ฟีลโชเน็นเนอะ อบอุ่น ซึ้งน้ำตาท่วม นี่มันนิยายวายแต่ทำไมกลิ่นอายโชเน็นเยอะเหลือเกิน แบบ...คนแต่งชอบอ่านแฟรี่เทลอ่ะ
ชีวิตจริงถ้าจะมีใครร่วมแรงร่วมใจทำอะไรแบบนี้ให้ได้นี่แปลว่าคนๆ นั้นเป็นที่รักมาก ต้นนี่มีแต่คนรักน้า ก็หวังว่าต้นจะรักตัวเองให้เป็นบ้าง หึๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#5/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน11
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 05-11-2014 08:29:00
รีบมาต่อจ้าค้างนะ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#5/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน11
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-11-2014 11:06:18
ชัยชัช

    เพราะผมนั่งคุยกับฟ่างจนถึงบ่าย ผมเลยขี้เกียจไปรับต้นที่มหาวิทยาลัยกะมารอมันที่ห้องเอา เพราะคิดๆ ดูแล้วมันยิ่งงอนๆ ผมอยู่ กลัวทำเรื่องเซอร์ไพรส์แล้วแฟนไม่ปลื้มครับ ช่วงนี้ไอ้ต้นมันขี้หงุดหงิดอย่างกับวันนั้นของเดือน ผมเกือบจะเชื่อเลยนะว่ามันมีมดลูก แม่ง! เรื่องเยอะสุดๆ ดราม่าตัวแม่อ่ะ
     ผมคิดแบบนั้นก็เลยตรงกลับคอนโดกะมาพักผ่อนรอมัน กะว่าคืนนี้จะจัดหนักง้อมันซะหน่อย แต่ที่ผมไม่คิดก็คือว่าผมจะเปิดประตูเข้ามาเจอใครก็ไม่รู้นั่งเอ๋ออยู่ในห้องตัวเอง
     “เอ่อ.... หวัดดีคับ”
     แขกแปลกหน้าหันมาทักทายผมอย่างมีมารยาทซะจนผมเกือบจะนึกสงสัยว่าหรือเป็นผมเองที่เข้าห้องผิด? มันกลิ้งอยู่บนโซฟาผม มีจานขนมกับแก้วน้ำวางไว้บนโต๊ะรับแขก ในมือมีอัลบั้มรูปถ่ายที่กำลังเปิดค้างไว้ และกำลังจะหยิบขนมที่ผมซื้อไปฝากหมอใส่ปาก แม่ง! มันเป็นใครวะ!
     ผมยิ้มให้แขกแปลกหน้าแล้วเดินเข้าห้องตามปกติ ห้องผมนี่ ผมไม่ใช่คนที่ควรจะใบ้กินซักหน่อย มีมาดไว้ครับ อย่าหลุดเชียว! แต่ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าควรจะพูดอะไรกับไอ้เด็กหน้าเป็นคนนี้ดี ขยันส่งยิ้มมาให้ผมเหลือเกิ๊น! เพื่อนต้นเหรอ? แล้วเมียผมไปไหนวะ?
     “พี่เป็นแฟนต้นใช่ป่ะคับ ผมเป็นเพื่อนต้นคับ ชื่อไปป์”
     “อ๋อ ครับ”
     พอได้ยินผมตอบรับมันก็ฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม เพื่อนไอ้ต้นเป็นเด็กปัญญาอ่อนหรือไงวะ? ถ้าผมไม่ใช่ผัวไอ้ต้นแล้วผมจะเดินเข้าห้องนี้ได้ยังไงวะ! ไอ้เด็กเวรเอ้ย ถามอะไรนอนเซนส์จริงๆ แต่เอาวะ อย่างน้อยๆ ไอ้เด็กเวรนี่ก็ยังมีมารยาทพอที่จะเปลี่ยนจากนอนเหยียดบนโซฟามาเป็นท่านั่งตามปกติ แถมมันยังส่งยิ้มพร้อมแนะนำตัวให้ผมฟังเสร็จสรรพหางเสียงอยู่ครบ ผมจะพยายามมองข้ามความแปลกของไอ้เด็กนี่ไปก่อนก็แล้วกัน
     “ตามสบายนะน้อง แล้วนี่...”
     “พอดีวันนี้ต้นไม่ค่อยสบายคับ ต้นลาคาบบ่าย แต่ผมเป็นห่วง เลยมาส่งต้น อาการต้นไม่ค่อยดีเลยคับ”
     “อ้าว เหรอ?”
     จริงดิ! เมียผมไม่สบายขนาดยอมโดดเรียนเลย? หรือเมื่อวานผมจะแกล้งมันหนักไปวะ?
     “คับ พอกลับมาถึง ทำกับกินข้าวเสร็จแล้วต้นก็ขอตัวไปนอนคับ บอกผมว่าให้ปลุกตอนสี่โมง”
     ผมพยักหน้ารับรู้พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู พึ่งสามโมงกว่า
     “เออ ขอบใจมากนะน้อง”
     ผมเดินเอากระเป๋าไปวางไว้บนโต๊ะกินข้าวแทนโต๊ะรับแขกที่โดนยึดพื้นที่ ลงมือปลดกระดุมแขนเสื้อและคลายไทด์ พยายามตัวตัวสบายๆ ตามปกติ ไอ้เด็กนี่มันยังนั่งส่งยิ้มให้ผมอยู่เลยครับ ผมเลยเลี่ยงเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมากิน ทำไมผมต้องรู้สึกประหม่าในบ้านตัวเองด้วยวะ!
     “งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวไปดูต้นหน่อยละกัน”
     “เดี๋ยวคับพี่ คือ... ผมมีเรื่องจะบอก”
     หือ? เรื่อง? มันจะบอกไรผมวะ ท่าทางเครียดเชียว สีหน้าเหมือนคนหนักใจสุดๆ ทีเมื่อกี้มันยังนั่งยิ้มอยู่เลย
     “คือพี่คับ ที่จริง ... วันนี้ ... ต้นมีเรื่องที่มหาวิทยาลัยคับ?”
     “หือ? น้อง... ว่าอะไรนะครับ?”
     ผมแทบสำลักน้ำ! ต้นเนี่ยนะมีเรื่อง?
     “คืองี้คับพี่ ...”
     แล้วไอ้เด็กคนนี้มันก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟัง ผมพึ่งรู้นะเนี่ยว่าเมียผมป็อปขนาด!
     ถึงผมจะรู้อยู่เลาๆ ว่าไอ้ต้นเสน่ห์แรงก็เถอะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนออกตัวจีบมันเยอะขนาดนั้น และที่ผมไม่คิดมาก่อนเลยก็คือภาพลักษณ์เมียผมในสายตาคนทั่วไปย่ำแย่โคตร ลือกันไปได้ไงวะว่าเมียผมใจง่ายได้หมด สะกิดยากสะกิดเย็นจะตายห่า! ต้นไม่ใช่พวกรักสนุกซักหน่อย มันเป็นพวกยึดติดจะตายอย่าหวังจะแอ้มมันง่ายๆ เล้ย บอกว่ามันประชดชีวิตทำตัวเหลวแหลกยังจะน่าเชื่อกว่าบอกว่ามันฟรีเซ็กส์ซะอีก ไอ้ข่าวลือมั่วๆ พวกนั้นมาจากไหนวะ? ผมฟังแล้วก็ได้แต่กลุ้ม นี่เมียผมมีปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้านห่วยแตกถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ?
     ผมก็พอรู้อยู่หรอกนะครับว่าไอ้ต้นมันชอบเก็บตัวไม่ค่อยเข้าสังคม แต่ที่ผมนึกไม่ถึงก็คือมันมีปัญหาแม้แต่กับเพื่อนในคณะ เวรเอ้ย! แล้วปัญหานี้ไม่ใช่อยู่ที่ว่าเพราะมันเป็นอะไรด้วย มาจากทัศนคติกับนิสัยของมันล้วนๆ ต้นมันไม่ยอมเปิดใจให้ใคร ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าต้นจะมีปัญหาที่มหาวิทยาลัยเยอะขนาดนี้ ชักเป็นห่วงชีวิตในวัยเรียนของมันซะแล้วสิครับ นี่เด็กสมัยนี้มันเก็บกดหรือเป็นเพราะไอ้ต้นมันชอบดราม่าวะเนี่ย? ฟังแล้วเครียดเลยครับ
     “ขอบใจน้องมากนะครับที่เล่าให้พี่ฟัง ต้นเขาไม่ค่อยบอกอะไรพี่มากเท่าไหร่”
     ผมตอบมันไปแบบนั้น เล่นเอามันจ้องผมตาแป๋วเลย แล้วจู่ๆ มันก็ถามคำถามเสือกเรื่องของผมกับต้นซะงั้น
     “พี่เป็นผู้ปกครองดูแลต้นทุกอย่างแทนแม่ต้นจริงๆ เหรอคับ?”
     เกี่ยวอะไรกับมันวะเนี่ย ไอ้เด็กนี่เป็นเจ้าหนูจำไมรึไง?
     “ครับ”
     “แล้วแม่ต้นไม่ห่วงเหรอคับ ปล่อยให้อยู่กับพี่สองคน”
     “อยู่กับพี่ก็ดีกว่าอยู่คนเดียว เพราะต้นเองนั่นแหละที่อยากอยู่เมืองไทย ไม่งั้นป่านนี้คงได้ไปอยู่เมืองนอกแล้ว”
     “แล้วพ่อต้นละคับ ไม่ว่าอะไรพี่เหรอ เขายอมให้ต้นอยู่กับพี่ด้วยเหรอคับ”
     โอ้โห ไอ้เด็กนี่ข้อมูลเป๊ะเว้ยเฮ้ย! ท่าทางต้องฝ่าด่านกำแพงหินในใจเมียผมได้พอสมควรเลยแหละ ถึงได้รู้เยอะขนาดนี้
     “ทางนั้นเขาไม่มีสิทธิ์ตามกฏหมายนี่ครับ ใครจะบังคับต้นได้ละ แปลกเหรอ? อยู่กับแฟน พี่ว่าสมัยนี้เด็กก็เช่าหออยู่ด้วยกันเยอะนะ”
     “ถ้าเป็นวัยรุ่นทั่วๆ ไปก็คงไม่แปลกคับ แต่พี่โตแล้วเป็นผู้ใหญ่ แถมยังคอยส่งเสียต้น มันเลยแปลก แล้วแม่ของต้นยังอนุญาตอีก แบบนี้ก็เหมือนกับยอมรับให้พี่คบกับต้นเลยไม่ใช่เหรอคับ?”
     “ฮ่าๆ ก็ไม่ใช่เพราะพี่รับผิดชอบต้นได้รึไง แม่ของต้นถึงได้ไว้ใจให้พี่ดูแลมันน่ะ เด็กวัยรุ่นที่แอบไปเช่าห้องอยู่ด้วยกันโดยไม่บอกพ่อแม่ต่างหากที่แปลก ยังดูแลตัวเองไม่ได้กันแท้ๆ แต่ดันคิดจะดูแลคนอื่นซะแล้ว พี่เข้าตามตรอกออกตามประตูขอลูกเขามาจากแม่เรียบร้อยนะครับน้อง แถมพี่ทำงานแล้วสามารถส่งเสียต้นได้ น้องว่ามีอะไรอีกที่ไม่เหมาะสมสำหรับพี่ที่จะดูแลต้นล่ะ?”
     “แต่พี่เป็นผู้ชายนี่ครับ”
     “น้องรังเกียจพวกรักร่วมเพศเหรอ?”
     “เปล่าคับ แต่ผมแค่แปลกใจว่าทำไมแม่ต้นถึงได้ยอมรับพี่ง่ายๆ แล้วก็สงสัยว่าพี่คิดยังไงกับต้น ทำไมถึงทำเพื่อต้นขนาดนั้นละครับ”
     “ก็เพราะรักน่ะสิ ไม่รักพี่จะไปขอลูกเขามาเหรอ? แล้วหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่นะน้อง โดยเฉพาะแม่ที่ต้องลำบากมาตั้งมากมายเพื่อไอ้ต้นมัน คนอย่างพี่น้ำไม่สนหรอกว่าต้นจะรักใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย พี่น้ำไม่แคร์หรอกว่าต้นจะเป็นอะไร ผู้ชาย เกย์ ตุ๊ด กระเทย พี่น้ำเขาใส่ใจว่าใครที่จะทำให้ลูกเขามีความสุขได้ต่างหาก ในฐานะของคนเป็นแม่เขาก็แค่อยากให้ลูกเขาอยู่กับคนดีๆ ที่พร้อมจะดูแลลูกเขาได้ พี่ก็ต้องฝ่าฟันมาเยอะเหมือนกันนะ กว่าจะผ่านด่านแม่ยายมาได้ กว่าพี่จะพิสูจน์ให้แม่ไอ้ต้นมันเห็นว่าพี่ดูแลลูกชายเขาได้ หืดขึ้นคอเลยละน้องเอ้ย!”
     ไอ้เด็กนี่มันทำหน้าซาบซึ้งกับคำพูดของผมอยู่พักหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นขมวดคิ้วเหมือนมีอะไรจะพูด แต่แล้วก็ส่ายหัวตัดสินใจไม่พูด ฮ่าๆ ตลกดีจัง ผมพอรู้ละว่าทำไมต้นชอบไอ้เด็กนี่
     “พี่คงรักต้นมากสินะคับ ต้นเคยบอกผมว่าเขารักพี่มากเลย แถมพวกพี่ยังไม่มีปัญหาเรื่องครอบครัวไม่ยอมรับอีก โชคดีจัง”
     ไม่มีปัญหาไรละน้อง ไม่มีปัญหาด้านแม่ยายแต่โดนคุณพ่อตากับปู่มันแช่งให้เลิกกันอยู่ทุกวันเลยคร้าบ แต่ผมพูดออกไปไม่ได้หรอก เพราะงั้นผมก็เลยเลือกที่จะเก๊กแล้วตอบเด็กมันไปว่า
     “รักสิน้อง ไม่รักพี่คงไม่จีบมันมาทำเมียหรอก”
     “แล้วพี่จะรักต้นตลอดไปมั้ยคับ แล้วถ้ากลับกันละคับ พี่จะทำไง”
     หือ? ไอ้เด็กนี่ มันไปรู้อะไรมาหว่า? อย่านะเว้ย ผมยิ่งเสียวๆ อยู่
     “พี่ว่าพี่เจอคนที่ใช่แล้ว พี่เลือกที่จะหยุดอยู่ที่ต้นครับ แล้วพี่ก็จะทำทุกอย่างให้ต้นรักแต่พี่คนเดียว พี่ไม่มีวันปล่อยให้ต้นหันไปมองใครหรอก”
     “พี่โคตรเท่เลย มิน่าต้นถึงได้รักพี่มากๆ คนอื่นที่มาจีบต้นเทียบไม่ติดเลยคับ!”
     “งั้นเลย? หึๆ”
     “คับ ว่าแต่แล้วเรื่องที่ผมปรึกษาพี่ละคับ พวกผมตกลงกันแล้วว่าจะจัดเซอร์ไพรส์ให้ต้น”
     “เอาเลยน้อง ตามสบายเลย พี่ไฟเขียว ต้นมันจะได้ไปเฮฮากับเพื่อนซะบ้าง”
     “ละมันจะรบกวนพี่กับต้นรึเปล่าคับ? เผื่อพวกพี่อยากฉลองกันสองคน”
     “ไม่เป็นไร ถ้าพวกน้องไม่ได้พาเมียพี่หายไปทั้งคืนพี่ก็โอเคครับ เอ้อ! แล้วโนแอลกอฮอล์นะน้อง ยังเด็กๆ กันอยู่ พี่ไม่อยากให้ดื่มกัน ต้นมันไม่ชอบเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ คงไม่ไหวหรอก”
     อ้าว? ไอ้เด็กเวรนี่ทำหน้าซะยิ้มแหยเชียว สงสัยผมจะดักคอทัน งี้สิน่า ขึ้นชื่อว่าเด็กผู้ชายไงมันก็ต้องอยากรู้อยากลอง แต่ทำไมสายตามันดูแปลกๆ ว่ะ มันทำหน้าอย่างกับ... สงสารผมซะงั้น
     “คับ ไม่มีแน่นอนคับ”
     พวกเรานั่งคุยกันอีกนิดหน่อย โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของชอบของไอ้ต้น ท่าทางจะหาข้อมูลเรื่องของขวัญวันเกิดเมียผมน่าดู บอกตามตรงผมก็รู้เท่าที่เห็นครับ เพิ่งนึกได้เหมือนกันว่าผมแทบไม่รู้อะไรเลย ขนาดว่าต้นมันชอบสีอะไรผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำ คิดแล้วก็อายตัวเอง ผมมันห่วยจริงๆ
     หลังจากนั้นผมก็ได้ฤกษ์ย่องเข้ามาดูเมียผมซะที ไอ้ต้นนอนหลับไม่รู้เรื่องเลยแฮะ อืม... ตัวร้อนจัดเลย ผมว่าผมพามันไปพาหมอดีกว่ามั้งเนี่ย คิดแล้วสงสารมันเป็นบ้า เกิดเรื่องยุ่งๆ ขนาดนี้ทำไมมันไม่ปริปากบอกผมซักคำ? มิน่าพ่อมันถึงได้ชอบทำตาขวางใส่ผม หัวอกคนเป็นพ่อเห็นลูกโดนมรสุมขนาดนั้นก็คงเจ็บปวดแหละครับ ถึงเรื่องนี้มันจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผม แต่ถ้าวันนั้น... ถ้าผมไม่รั้งต้นไว้ข้างๆ ผม บางทีตอนนี้มันอาจจะเป็นผู้ชายปกติก็ได้...
   ผมเห็นสภาพต้นแล้วก็ได้แต่สงสาร ผมจะช่วยอะไรมันได้บ้างมั้ยนะ? เมียผมชอบเก็บเรื่องทุกอย่างไว้กับตัวเองจริงๆ ขนาดสีหน้าตอนหลับยังเผลอขมวดคิ้วเลย ตาบวมเชียว ปกติมันก็ขี้แยนิดๆ หน่อยๆ ก็น้ำตาร่วงอยู่แล้ว แต่ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าหนนี้มันจะเขื่อนแตกขนาดไหน โดนไปไม่ใช่น้อยๆ นะนี่ ก็ได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้คงมีเรื่องดีๆ รอมันอยู่นะครับ อุตส่ามีเพื่อนดีๆ ทั้งที เห็นแบบนั้นแล้วผมก็เบาใจไปเปลาะนึงล่ะ แต่ยังไงก็ตามคงต้องหาทางจัดการสยบข่าวลือบ้าๆ พวกนั้นด้วย
     ว่าแล้วก็ปล่อยมันนอนต่ออีกหน่อยดีกว่า สภาพแบบนี้รับรองมันไม่ตื่นง่ายๆ แน่ เพราะผมเห็นซากซาแนกซ์ในถังขยะ มันเล่นล่อซาแนกซ์ของผมเลยครับ วันหลังผมต้องเก็บพวกยาอันตรายให้ดีกว่านี้ซะแล้ว แต่ผมก็เข้าใจมันนะ คงเครียดมากจนทนไม่ไหว แล้วก็คงกลัวด้วย ถึงได้บอกให้เพื่อนมันอยู่เป็นเพื่อนคอยปลุกมัน แต่ดูท่าวันนี้ผมต้องหาอะไรกินเองซะแล้ว คงต้องซื้อมาเผื่อมันด้วย ไม่สบายขนาดนี้คงกินอะไรไม่ค่อยไหว ไปซื้อโจ๊กให้มันดีกว่าครับ
     และแล้วผมก็เปิดประตูห้องนอนออกมาเจอเพื่อนไอ้ต้นนอนดูอัลบั้มรูปอยู่บนโซฟา... รู้สึกเดจาวูยังไงก็ไม่รู้ครับ
     “อ้าว? น้องยังไม่กลับเหรอครับ?”
     ปากผมทักออกไปแบบนั้นแต่ในใจผมอยากจะตะโกนว่า “มึงยังอยู่อีกเรอะ!” ออกมาดังๆ ผมอยากกุมขมับ เคยมีใครสอนเรื่องมารยาทให้ไอ้เด็กเวรนี่บ้างมั้ยครับ?
     “อ๋อ ผมยังดูรูปในอัลบั้มไม่เสร็จเลยคับ”
     “เอ่อ... งั้นก็ตามสบายแล้วกัน เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอกหน่อย ฝากเราดูต้นด้วยนะ”
     “พี่จะไปไหนครับ?”
     “พี่ว่าจะไปซื้อโจ๊กมาให้ต้นน่ะ แล้วเราล่ะ เอาไรมั้ยเดี๋ยวพี่ซื้อมาเผื่อ”
     ผมถามไปตามมารยาทของผู้ใหญ่ที่ดีครับ ถามไปงั้นแหละ
     “งั้นผมขอโจ๊กพิเศษใส่ไข่คับ เอาแบบที่มันใส่ไส้กับตับด้วยนะพี่ ละอย่าลืมขอหมี่กรอบกับปาท๋องโก๋มาเยอะๆ นะคับ”
     ผมละอยากเห็นหน้าพ่อแม่ไอ้เด็กเวรนี่จริงๆ เลยครับ! มันสะกดคำว่าเกรงใจไม่เป็นชัวร์ๆ เมียผมทนคบไอ้เด็กนี่ได้ไงวะ อีแก่เจ้าระเบียบอย่างต้นเนี่ยนะ?
     “ได้ๆ งั้นพี่ไปนะ”
     “เดี๋ยวคับพี่”
     “ครับ?”
     “คือผมสังเกตว่าอัลบั้มพวกนี้มีแต่รูปต้นตอนเด็กถึงตอนมัธยมอ่ะคับ พี่ไม่มีรูปต้นตอนเข้ามหาลัยแล้วเหรอคับ? ผมอยากดูอ่ะ”
     ผมกัดฟันก่อนจะตอบออกไป ไอ้เด็กเวร!
     “เดี๋ยวพี่หยิบให้นะครับ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#5/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน11
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-11-2014 11:07:54
ต้นน้ำ

     “ตื่นแล้วเหรอครับ ลุกไหวมั้ย?”
     ตอนที่ผมเริ่มรู้สึกตัว ผมก็ได้ยินเสียงของพี่ชัช ไฟในห้องสว่างจ้าจนผมลืมตาไม่ไหว หัวมันมึนๆ ไปหมดเลยครับ ผมพยายามจะมีสติแต่คิดอะไรไม่ออก เปลือกตาของผมมันหนักจนผมแทบจะฝืนลืมตาไม่ไหว แต่สัมผัสจากพี่ชัชที่ส่งแรงมาพยุงตัวผมให้ลุกขึ้นพิงกับหัวเตียงทำให้ผมต้องฝืนลืมตาตื่นขึ้นจนได้
     “แข็งใจลุกหน่อยครับคนดี เดี๋ยวพี่ไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้เรานะ จะได้สดชื่น”
     สมองของผมยังมึนอยู่จนกระทั่งพี่ชัชเช็ดหน้าให้ผมได้ซักพักนั่นแหละครับ ผมถึงพอจะมีสติคิดอะไรได้ ไปป์!
     “กี่โมงแล้วครับ แล้ว... เพื่อนผมละครับ”
     “จะทุ่มนึงแล้วครับ ส่วนเพื่อนเราพอกินอิ่มก็กลับไปแล้วล่ะ เลี้ยงง่ายดีนะ ฮ่าๆ”
     ผมได้แต่ยิ้มขำๆ ให้พี่ชัช อายเหมือนกันนะครับเนี่ย พี่ชัชต้องคิดว่าไปป์แปลกแน่ๆ เลย ผมเองก็รู้นะว่าไปป์...ออกจะประหลาดไปซักนิด ชอบทำตัวเหมือนเด็ก แต่ก็ไม่มีพิษมีภัย ผมถึงได้กล้าให้ไปป์ตามผมมาถึงคอนโด เพราะคิดว่าถ้าเป็นไปป์ พี่ชัชไม่น่าจะคิดมาก
     “ลุกอาบน้ำไหวมั้ยล่ะเรา?”
     ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ สารภาพตามตรงว่าผมยังเบลอๆ อยู่เลยครับ ปากมันหนักจนพูดอะไรไม่ออกเลย ตอนแรกผมพยายามจะพูด ผมจะตอบพี่ชัชว่าผมรู้สึกมึนๆ แต่ผมกลับพบว่าผมตอบออกไปไม่ไหว ผมไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดในหัวตัวเองยังไง ผมก็เลยเลือกที่จะส่ายหน้าแทนคำตอบ
    “แล้วคิดยังไงถึงได้หยิบยากินเองเฮอะ ทีหลังอย่าหยิบยามั่วนะครับ ยาบางอย่างที่พี่เก็บไว้ก็อันตราย ต้องมาถามพี่ก่อนนะรู้เปล่า?”
     ผมพยายามพยักหน้าแล้วส่งยิ้มไปขอโทษพี่ชัช เพราะความจริงแล้วผมรู้ดีว่าผมหยิบยาอะไรทาน “ยาคลายเครียด” ผมเคยถามพี่ชัชเกี่ยวกับยาที่อยู่ในกล่องครั้งนึงครับ พี่ชัชบอกว่าเก็บยาตัวนี้เอาไว้ใช้ตอนไปเมืองนอกเพราะทานแล้วทำให้ง่วง จะได้ไม่เจ็ทแล็ก ผมแอบหยิบยานอนหลับของพี่ชัชทาน…
     “ทีหลังมีอะไรบอกพี่ได้นะครับ ต้นไม่สบายขนาดนี้เป็นความผิดของพี่เอง ถ้าไม่ไหวก็ควรจะบอกพี่นะครับ พี่จะได้พาเราไปหาหมอ”
     “ไม่.. ใช่ ความผิด ของ พี่ชัช หรอกครับ ผม ไม่ได้.. เป็นอะไรมาก”
     “ไม่ได้เป็นอะไรที่ไหนกัน ดูสิ เมายาซะขนาดนี้ ถ้าพี่ไม่มาปลุกเราจะตื่นรึเปล่าก็ไม่รู้ พรุ่งนี้พี่จะพาเราไปหาหมอนะครับ พี่บอกเพื่อนเราแล้วว่าให้ลาให้เรา แต่ตอนนี้ต้นต้องลุกมากินข้าวก่อน จะได้กินยา โอเคนะครับ”
     ผมพยายามจะตอบ แต่ทำได้แค่ยิ้ม...
     หลังจากนั้นผมก็จำไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่าพี่ชัชป้อนโจ๊กให้ผม แล้วก็ช่วยเช็ดตัวให้ผม เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ แล้วก็พาผมเข้านอน พี่ชัชอยู่ข้างๆ ผม กอดผมจนผมหลับไป
     ไม่เอาอีกละครับ ผมเข็ดกับยานอนหลับแล้ว ไม่คิดเลยว่าทานแล้วมันจะมึนหัวขนาดนี้ แค่จะลืมตายังลืมไม่ขึ้นเลย...

     “ต้น ต้นครับ ...”
     อืม... เสียงพี่ชัช? สัมผัสอุ่นๆ แตะเข้าที่แก้มของผม พอผมลืมตาขึ้นก็เห็นพี่ชัชอยู่ในชุดทำงานแล้วเรียบร้อย นี่ผม...
     “หลับเป็นตายเลยนะเรา ตื่นได้แล้วครับ ไปอาบน้ำไป พี่จะพาเราไปหาหมอ”
     เช้าแล้วเหรอครับ! ผมรู้สึกเหมือนแป็บเดียวเอง เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่สิเมื่อวาน ผม... แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเรียบเรียงความคิดในหัวตัวเองเสร็จ ผมก็ถูกพี่ชัชขยี้หัว
     “เอ้าๆ อย่ามัวแต่งง เดี๋ยวพี่สายนะครับ”
     “ผมไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ พี่ชัชไม่ต้องพาผมไปโรงพยาบาลก็ได้”
     “ได้ยังไงครับ ไปให้หมอดูหน่อยดีกว่า เรายังตัวร้อนอยู่เลย”
     พี่ชัชพูดพร้อมกับเอามือมาอังหน้าผากผม อืม ความจริงแล้วผมเจ็บคอไปหมดเลยครับ แถมยังรู้สึกคัดจมูกด้วย แต่ผมไม่อยากรบกวนพี่ชัชเลย
     “งั้นไว้สายๆ พอผมรู้สึกดีขึ้นแล้วผมค่อยไปโรงพยาบาลเองก็ได้ครับ พี่ชัชรีบไปทำงานเถอะครับ”
     “ก็งานของพี่ก็อยู่ที่โรงพยาบาลนั่นแหละครับ จะเป็นอะไรไปถ้าจะหนีบแฟนไปเป็นลูกค้าให้ลูกค้าพี่อีกที”
     พี่ชัชนี่... ทะเล้นจริงๆ เลย เพราะแบบนั้นผมก็เลยต้องยอมแพ้ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว แต่อืม... ไปกับพี่ชัช วันนี้เลือกชุดให้สุภาพหน่อยดีกว่าครับ แต่ถ้าผมเจอคนรู้จักพี่ชัชล่ะ? เอ... เอาชุดนี้ก็แล้วกัน ดูสุภาพหน่อยแต่ก็ไม่เชยมาก ผมไม่อยากให้คนอื่นมองว่าพี่ชัชคว้าเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาทำแฟน ผมก็พอรู้น่ะว่าพี่ชัชน่ะ... เอาเป็นว่าผมจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกผมว่าไม่เหมาะสมกับพี่ชัชแน่ๆ ครับ
     “อ้าวเสร็จแล้วเหรอ หืม? วันนี้แฟนพี่น่ารักจังครับ”
     “รีบไปกันเถอะครับ เดี๋ยวพี่ชัชไปสาย”
     เขินจังเลยครับ สายตาพี่ชัชอย่างกับจะเขมือบผมไปทั้งตัวแน่ะ .... อื้อ พี่ชัชยังไม่หยุดยิ้มอีก
     “มองอะไรครับ?”
     “มองคนน่ารักไง”
     แล้วพี่ชัชก็เดินมาโอบเอวผม
     “ขอโทษนะครับ เมื่อวานซืนพี่ดันเล่นแผลงๆ ทำต้นไม่สบาย เป็นเพราะพี่แท้ๆ เลย หายโกรธพี่รึยังครับ?”
     พอพี่ชัชพูดจบผมก็ถูกจูบ เจอแบบนี้ใครจะไปโกรธลงล่ะครับ ผมเขินจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว อยากซุกหน้าอกพี่ชัชจัง แต่อื๊อ! น้ำมูกผมไหล ให้ตายสิ! น่าอายจริงๆ เลย
     “หือ... ยืดใหญ่เลยต้น เป็นหนักนะเนี่ย”
     บ้าที่สุด! ขายหน้าสุดๆ เลยครับ บรยากาศกำลังจะดีแท้ๆ เชียว! ผมรีบคว้าทิชชู่มาสั่งน้ำมูกก่อนจะชวนพี่ชัชออกเดินทาง ไม่เอาแล้วครับ ผมอาย!
     “รีบไปกันเถอะครับ”
     “ฮ่าๆ เอาผ้าเช็ดหน้าไปแล้วรึยังล่ะ?”
     “เรียบร้อยแล้วครับ”
     พี่ชัชบ้า! มาล้อผมอีกนะ โอ้ย! ผมอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี! แต่พี่ชัชกลับเดินมาหอมแก้มผมซะงั้น
     “ขนาดต้นน้ำมูกยืดยังน่ารักเลยอ่ะ”
     “พี่ชัชบ้า!”
     “ฮ่าๆ”

     กว่าผมกับพี่ชัชจะฝ่ารถติดเข้ามายังโรงพยาบาลในเขตตัวเมืองได้ก็นานโขเลยครับ แล้วไหนจะยังต้องมาวนหาที่จอดรถอีก เฮ้อ... เพราะผมตื่นสายรึเปล่านะเลยทำให้พี่ชัชช้าไปด้วย รู้สึกผิดจังเลยครับ พอหาที่จอดรถได้พี่ชัชก็พาผมไปทำบัตร พี่ชัชบอกให้ผมนั่งรออยู่แถวนี้ก่อนแล้วก็หายไปเกือบสิบนาทีเลยครับ
     ผมนั่งดูคนที่เดินผ่านไปผ่านมาฆ่าเวลา เพราะโรงพยาบาลที่พี่ชัชพาผมมาเป็นโรงพยาบาลรัฐบาล คนป่วยบางคนที่มาก็ดูแล้วน่าสงสารมากเลยครับ แต่บางคนก็ดูอย่างกับคุณนายแน่ะ เขามีรถเข็นแบบไฟฟ้าแล้วก็มีคนที่ท่าทางเหมือนคนรับใช้เดินตามด้วย ระหว่างนั้นมีคุณป้าคนนึงให้ผมช่วยอ่านใบเสร็จค่ายาให้แกฟัง เพราะแกมองไม่ค่อยเห็น พอผมอ่านให้แกฟังแล้วแกก็บ่นให้ผมฟังว่าค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐแพงขึ้นตั้งเยอะ เดี๋ยวนี้สิทธิข้าราชการต่างจากเมื่อก่อนมาก ต้องจ่ายบางอย่างเอง แกที่ป่วยเรื้อรังเลยลำบากมากขึ้น สงสารลูกสาวที่ต้องมารับภาระค่ารักษาพยาบาลของแก
     ผมเห็นคนไข้บางคนแล้วก็อดสงสารเขาไม่ได้ คือ... เค้าดูแย่มากๆ เลยครับ ความเจ็บป่วยกับโรคภัยนี่ไม่เลือกฐานะเลยจริงๆ ผมอดคิดไม่ได้ว่าผมโชคดีมากๆ ที่แม่ของผมเลี้ยงผมมาอย่างดี ตอนที่ผมบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งก่อนผมก็ได้แอดมิทเข้าโรงพยาบาลเอกชนด้วยซ้ำ เพราะแม่ของผมทำประกันไว้ให้ผมหมดทุกอย่าง ผมไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเลย ทุกอย่างแม่น้ำเป็นคนจัดการให้ผมหมด แต่ต่อไปนี้ผมคงต้องดูแลตัวเองแล้วสินะครับ... เพราะผมไม่ได้อยู่กับแม่แล้ว...
     พูดแล้วนึกขึ้นได้ มิน่าละ! ตอนก่อนที่แม่จะไปอยู่เมืองนอกแม่ถึงได้เรียกพี่ชัชไปคุยเรื่องเอกสารประกันสุขภาพต่างๆ กับบัญชีเงินฝากของผม พี่ชัชคอยดูแลผมแทนแม่ ... ถ้าผมไม่มีพี่ชัชแล้วผมจะอยู่ยังไงครับ ผมนึกไม่ออกเลย ตอนนั้นที่ผมบอกแม่ว่าอยากเรียกต่อที่เมืองไทยผมทำไปเพราะทิฐิแท้ๆ การจะรับผิดชอบตัวเองให้ได้นี่มันยุ่งยากกว่าที่คิดอีกครับ เราต้องจัดการทั้งเรื่องประกันต่างๆ ทั้งภาษี ค่าสาธารณูปโภค ไม่ใช่แค่ค่าเทอมแล้วก็ค่ากินค่าอยู่ในแต่ละวันๆ ผมที่ยังเด็กไม่เคยรู้เรื่องอะไรแบบนี้เลย ถึงพี่ชัชจะเอาเงินเดือนที่เหลือทั้งหมดมาให้ผมคอยควบคุมค่าใช้จ่ายในบ้าน แต่เรื่องค่าใช้จ่ายพวกนั้น... บอกตามตรงว่าผมแทบไม่รู้เรื่องเลยครับ โชคดีจังที่ผมได้เจอกับพี่ชัช ถ้าผมไม่รู้จักพี่ชัชผมคงเหลิงแล้วก็อาจจะใช้ชีวิตอย่าประมาทเพราะความอวดดีของตัวเองก็ได้
     ระหว่างที่ผมนั่งรอผมก็เห็นผู้หญิงแต่งตัวสวยถือถุงโลโก้แปลกๆ กับข้าวของพะรุงพะรังเดินผ่านหน้าไปมา คงเป็นเพื่อนร่วมอาชีพของพี่ชัชมั้งครับ? มีแต่สาวๆ สวยๆ ทั้งนั้นเลย แฟนของผมต้องทำงานพบปะผู้คนตั้งมากมาย อยู่ในวงล้อมของผู้หญิงสวยๆ พวกนี้ พี่ชัชจะมีไขว้เขว้บ้างรึเปล่านะ? ผมได้แต่ภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าขอให้พี่ชัชมีแต่ผมคนเดียวแล้วก็อย่าให้มีใครมาสนใจผู้ชายของผม!
     “ต้น ... คิดไรอยู่ฮึเรา? พี่เรียกเราตั้งนาน”
     อ้าว! พี่ชัชมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ สงสัยผมจะคิดอะไรเพลินไปหน่อยจนลืมสังเกตรอบๆ ตัว
     “เอ่อ ... ก็คิดอะไรไปเรื่อยแหละครับ”
     “หดหู่เหรอ โทษทีนะ โรงพยาบาลรัฐก็งี้แหละ”
     พี่ชัชยิ้มให้ผมพร้อมกับขยี้หัวผมอีกแล้ว ให้ตายสิ! ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะครับ มันเขินนะ ถูกขยี้หัวกลางที่สาธารณะแบบนี้
     “มากับพี่ทางนี้ครับ พี่บอกอาจารย์ไว้ให้แล้ว”
     “แล้วพี่ชัชไม่ต้องทำงานเหรอครับ”
     “ทำสิครับ ก็ทำพร้อมกันนั่นแหละ แล้วเราล่ะหิวมั้ย เมื่อเช้าก็ไม่ได้ทานอะไรก่อนมา”
     “ก็นิดหน่อยครับ แต่คิดว่าคงทานอะไรไม่ค่อยลง”
     แล้วผมก็ถูกพี่ชัชพาไปหาอะไรรองท้องที่ร้านขายกาแฟใกล้ๆ ในโรงพยาบาล ก่อนจะมานั่งรอหน้าห้องตรวจ อืม... ห้องตรวจนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่แฮะ พี่ชัชพาผมซิกแซกอีกแล้ว... นั่นไงครับ พอดีมีหมอคนนึงเดินผ่านมาจะเข้าห้องตรวจพี่ชัชก็ปราดเข้าไปคุยทันทีเลย ทีเมื่อกี้ยังเห็นนั่งไถไอแพดอยู่เลย!
     “อาจารย์ครับสวัสดีครับ”
     “อ้าวคุณชัช ดีครับ มาได้ไงเนี่ย คุณวิ่งเขตนี้ด้วยเหรอ?”
     “น้องผมไม่สบายครับเลยพามาตรวจที่นี่”
     แล้วพี่ชัชก็หันมาทางผมแล้วยิ้ม คุณหมอคนนั้นก็หันมามองผมแล้วยิ้มตาม ผมก็เลยยกมือไหว้เขาไป แล้วพี่ชัชของผมก็ทำงานต่อ
     “เออ อาจารย์ครับ แล้วสัมนาที่ประจวบ อาจารย์สนใจมั้ยครับ”
     “อืม... มันเมื่อไหร่นะคุณชัช ผมยังไม่ได้ดูวันว่างเลย ยังไงคุณส่งรายละเอียดเข้าเมลล์ให้ผมอีกทีแล้วกัน แล้วผมค่อยดูอีกที”
     “ได้เลยครับ แต่ผมอยากให้อาจารย์ไปจริงๆ นะครับเนี่ย เรื่องนี้น่าสนใจมากเลย อเมริกากำลังตื่นตัวเลยครับ เราโชคดีมากๆ ที่เชิญวิทยากรมาได้”
     “เออๆ ไว้ผมดูวันว่างผมก่อนละกัน ผมไปก่อนนะ คนไข้รออยู่”
     “ครับ อาจารย์”
     แล้วพี่ชัชของผมก็ส่งแฟ้มที่มีเอกสารบางอย่างกับปากกาเหน็บอยู่ให้คุณหมอคนนั้นรับก่อนจะเดินเข้าห้องไป ส่วนพี่ชัชก็กลับมานั่งข้างผม ยังไงผมก็ไม่ชินซักที พี่ชัชโหมดทำงานนี่ผิดกันลิบลับกับพี่ชัชขี้แกล้งที่ผมเห็นอยู่ทุกวันที่คอนโดจริงๆ ครับ ทั้งเสียงอ่อนเสียงหวาน ดูสุภาพถ่อมตัว ปั้นหน้ายิ้มได้ดูเป็นมิตรสุดๆ ท่าทางประจบประแจงสุดขีด
     “อะไรครับ มองหน้าพี่ทำไมครับ”
     แน่ะ มาทำเสียงทะเล้นกวนผมอีกแล้ว
     “ไม่ปล่อยโอกาสให้พลาดเลยนะครับ”
     “นั่นลูกค้าพี่นะต้น จะให้พี่นั่งเฉยๆ ปล่อยแกเดินผ่านแล้วคิดว่าพี่หยิ่งไม่ทักทายแกรึไง”
     “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ”
     “แต่สีหน้าเรามันบอกพี่อยู่นี่นา”
     “บอกอะไรครับ ผมยังไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย”
     “ก็หน้าเรามันกำลังด่าพี่ว่าตอแหลอยู่นี่ไง ฮ่าๆ”
     พี่ชัชพูดพร้อมกับเอามือมาบีบจมูกผม โอ๊ย! ผมยิ่งคัดจมูกอยู่ แกล้งมาได้ แต่เพราะผมไม่อยากทำอะไรให้มันเสื่อมเสียภาพลักษณ์ผมกับพี่ชัชแถวนี้เลยได้แต่ประท้วงเบาๆ แล้วก็เขวี้ยงค้อนให้วงโต
     “พี่ชัชบ้า!”
     “งอนๆ หึๆ”
     ผมนั่งรออยู่ครู่ใหญ่ก็ถึงคิวของผมครับ พยาบาลเรียกผมไปชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงด้วย ผมจะสูงขึ้นอีกกี่เซ็นต์น้า ... และแล้วผมก็ต้องเซ็งเมื่อรู้ว่าผมยังสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบสามเซ็นติเมตรเหมือนเดิม ... ผมจะยี่สิบอยู่แล้วแต่ยังไม่เกินร้อยเจ็ดสิบห้าซักที ผมจะมีหวังมั้ยครับเนี่ย? แม็กซ์สูงตั้งร้อยแปดสิบสามแล้วแท้ๆ แถมผมยังน้ำหนักไม่เพิ่มขึ้นเลยอีกต่างหาก ห้าสิบหกกิโล ผมผอมไปรึเปล่านะ?
     พอผมเดินเข้าห้องตรวจพี่ชัชก็ตามผมเข้ามาด้วย แทนที่หมอจะทักอาการผมก็เลยกลายเป็นหันไปคุยกับพี่ชัชแทน
     “มาไงเนี่ยคุณ”
     “น้องผมไม่สบายครับ”
     “น้องคุณเป็นไรมาล่ะ?”
     “มีไข้ตัวร้อน กับน้ำมูกครับ เจ็บคอด้วยนิดหน่อย ใช่มั้ยต้น?”
     “ครับ”
     “ไหนหมอขอดูหน่อย”
     แล้วผมก็ถูกหมอตรวจซักที คุณหมอฟังปอดกับหัวใจผมแล้วก็สั่งให้ผมอ้าปาก
     “อืม คอไม่แดงมาก พยายามพักผ่อนเยอะๆ ล่ะ คุณก็ปล่อยน้องเขาพักบ้างนะ อย่าหักโหม”
     “หมอไม่ต้องห่วงเรื่องในครอบครัวผมหรอกครับ เอาเวลาไปหาเมียให้ตัวเองก่อนเห้อ”
     พอผมได้ยินพี่ชัชคุยกับหมอผมก็ตกใจหันไปถลึงตาใส่พี่ชัชทันที ผมส่งสายตาไปถามพี่ชัชว่าทำไมถึงพูดกับหมอแบบนั้น!
     “ไม่ต้องตกใจต้น ไอ้หมอนี่น่ะ รุ่นเดียวกับพี่ ตอนนี้เป็นลูกค้ากิติมศักดิ์ให้พี่พาไปรับรองบ่อยๆ”
     “บ่อยที่ไหนกันคุณ อย่าๆ อย่าเอาผมไปอ้าง คุณไปกับใครเปล่า ไม่ใช่ผมนา... แอบหนีไปเองรึเปล่า ฮ่าๆ”
     เอ๊ะ! ตกลงเรื่องนี้มันยังไงกันละครับ? จากสายตาตกใจเมื่อตะกี้ผมเลยเปลี่ยนเป็นสายตาคาดคั้นแทน
     “อ้าวๆ เวรละ เรื่องอะไรมาทำครอบครัวคนอื่นร้าวฉาน”
     “ฮ่าๆ กลัวเมียนี่หว่า”
     ผมควรจะทำสีหน้าแบบไหนดีครับ? หมอเขาช่าง .... ผมนั่งอยู่ตรงนี้แท้ๆ ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าหมอบางคนก็ก๊วนกวนขนาดนี้!
     แล้วหมอเขาก็สั่งยาให้ผม พี่ชัชคุยเรื่องงานกับหมออีกนิดหน่อยแล้วก็พาผมออกมานั่งรอด้านนอก ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินให้ ตอนที่ผมนั่งรอเรียกรับยาอยู่ด้วยกัน ผมอดถามพี่ชัชไม่ได้
     “เรื่องอะไรพี่ชัชถึงไปพูดไม่ดีกับหมอเขาแบบนั้นละครับ”
     “พี่เริ่มก่อนที่ไหน มันหาเรื่องกวนพี่ก่อนต้นก็เห็น”
     “แต่ถ้าใครมาได้ยินเข้าละครับ...”
     “ก็ตอนนั้นไม่มีนี่ต้น ไม่งั้นมันคงไม่ปากเสียใส่พี่หรอก เอาน่าๆ มันกับพี่อ่ะรุ่นเดียวกัน มันติดหนี้พี่อยู่ แซวกันแค่นี้มันไม่ถือหรอก”
     “หนี้?”
     “ก็... นิดหน่อยน่ะ เอาเป็นว่าที่พี่ซิ่วส่วนนึงก็เพราะพวกมัน แล้วที่สำคัญ ตอนนี้พี่ทำงานอาชีพนี้ พี่กับมันยิ่งเหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า กวนตีนกันแค่นี้นิดหน่อย มีหมอไม่กี่คนหรอกที่พี่แซวเล่นแบบนี้ นอกนั้นพี่ก็เป็นอย่างที่ต้นเห็นนั่นแหละ”
     “เพราะแบบนี้รึเปล่าครับ ถึงพาผมมาที่นี่ด้วย”
     เอาผมมาบังหน้าเพื่อทำงานชัดๆ พี่ชัชบ้า!
     “เปล๊า! เพราะพี่เป็นห่วงไม่อยากให้เราไปโรงพยาบาลเองคนเดียวต่างหาก เลยพาเรามาด้วย ปกติเราเข้าแต่เอกชนเพราะมันสะดวกกว่าใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้าเทียบระหว่างพี่ปล่อยให้ต้นไปเองคนเดียวกับพามาใกล้ตัว นั่งอยู่ด้วยกันแบบนี้ แบบหลังพี่อุ่นใจกว่าครับ ยังไงพี่ก็ต้องทำงานแถวนี้อยู่แล้ว แล้วพี่ก็รู้วิธีที่ทำให้ต้นไม่ต้องนั่งรอเป็นวันด้วย ต้นจะได้เปลี่ยนบรรยากาศยังไงละครับ”
     พี่ชัชยิ้มให้ผมอีกแล้ว สายตาของพี่ชัชมองผมอย่างอ่อนโยน พี่เขาลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น
     “คนเราน่ะ บางคนก็เจ็บป่วยด้วยโรคทางกายอย่างที่ต้นเห็น โรคพวกนี้บางทีรักษาได้ บางทีก็รักษาไม่ได้ ทำได้แค่บรรเทาอาการ คนไข้ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันนะครับ ต้นเห็นคุณป้าที่เป็นมะเร็งคนนั้นมั้ย”
     พี่ชัชเรียกให้ผมหันไปมองคุณป้าคนนึง แกสวมหมวกไหมพรมถักครับ แต่ไม่มีผมแพลมออกมา ผมเดาเอาว่าแกน่าจะผมร่วงจนเกือบหมดศีรษะ แถมตามตัวตามใบหน้ายังดูไหม้ดำ เป็นปื้นสีคล้ำๆ อีก น่ากลัวจังเลยครับ ผลข้างเคียงของการรักษาโรคมะเร็งมันน่ากลัวจริงๆ ด้วย แต่ทั้งๆ ที่เป็นอย่างนั้นป้าแกกลับนั่งคุยกับคนไข้คนข้างๆ อย่างร่าเริง
     “ถึงแม้ร่างกายป้าแกจะทุกข์ขนาดไหนแต่ป้าแกก็ยังยิ้มสู้อยู่กับโรคร้ายอย่างมีความสุขนะครับ ถ้าใจเราโอเค เรื่องทางกายก็เป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว แต่ถ้าใจเราไม่โอเค ร่างกายเราก็จะยิ่งย่ำแย่นะครับ ทั้งๆ ที่โรคทางใจรักษาได้ง่ายจะตายแต่บางทีเรากลับเอาชนะความทุกข์ในใจได้ยากเหลือเกิน ตอนที่พี่ปวดใจพี่ก็ได้ต้นมารักษา ตอนนี้ ต้นไม่สบาย พี่อยากให้ต้นรู้ว่าต้นยังมีพี่เป็นกำลังใจให้นะครับ”
     ผมรู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออก ต้องเป็นไปป์แน่ๆ เลยครับ ไปป์จอมพูดมาก!
     “ไปป์บอกอะไรพี่ชัชเหรอครับ”
     “เปล่านี่ พี่ก็แค่เดาเอา ก็ใครไม่รู้หยิบซาแนกซ์พี่กิน เมียพี่ไม่ได้โง่จนแยกพารากับยาคลายเครียดไม่ออกนี่ครับ”
     “ผมขอโทษครับพี่ชัช”
     ผมได้แต่พยายามกลั้นน้ำตาของตัวเอง คนอื่นต้องกำลังมองผมอยู่แน่ๆ ผมพยายามหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาของตัวเอง แต่ผมคัดจมูกจังเลยครับ จากเดิมที่ผมหายใจไม่ค่อยออกอยู่แล้วเพราะน้ำมูกคราวนี้มันแย่ยิ่งกว่าเก่าอีก พี่ชัชลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะดึงผมให้เอนไปซบไหล่พี่เขา ผมอายสายตาคนอื่นๆ เลยแค่เอาหน้าผากแปะไว้กับต้นแขนพี่เขาแทนแล้วหันหน้าหนีจากสายตาคนอื่นก่อนจะพยายามสยบอารมณ์ของตัวเองลง
     “ทีหลังมีอะไรก็บอกพี่นะครับ อย่าทำแบบนี้อีกรู้มั้ย ยาบางอย่างก็มีโทษนะครับ พี่ไม่อยากให้เราเป็นอันตราย”
     “ครับ”
     “ขี้แยจริงๆ เลยเรา”
     พี่ชัชขยี้หัวของผมก่อนจะยิ้มกว้างพร้อมส่งเสียงหัวเราะในคอ ผมนั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองได้อีกไม่นานก็มีเสียงเรียกชื่อผมดังขึ้น พี่ชัชจูงมือผมไปรับยาด้วยกัน แล้วมันก็วนเข้าลูปเดิมๆ พี่ชัชคุยกับเภสัชกรในห้องจ่ายยา แต่ผมไม่ได้สนใจว่าพี่ชัชคุยอะไรเพราะว่าผมกำลังพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองอยู่ ถ้าผมไม่มีพี่ชัชอยู่ข้างๆ ผมคงแย่กว่านี้ ... ความจริงต่อให้พี่ชัชไม่บอกให้ผมหยุด วันนี้ผมก็อยากจะหยุดเรียนอยู่แล้วละครับ เมษบอกว่าผมชอบหนีปัญหา ก็ผมไม่รู้จะเผชิญหน้ากับปัญหายังไงนี่นา! แค่คิดว่าถ้าวันนี้ผมไปเรียนแล้วผมจะต้องเจอกับสายตาแบบไหนผมก็... เครียดแล้ว ถึงเมื่อวานเพื่อนคนอื่นๆ จะให้กำลังใจผมก็เถอะ แต่ผมทำแบบนั้นลงไป... พี่เบียร์ต้องโกรธผมแน่ๆ แล้วไหนจะยังพวกรุ่นพี่กับรุ่นน้องอีก ผมเครียดนะครับ ผมเครียดจนแอบปิดโทรศัพท์มือถือเลยแหละ!
     พอรับยาเสร็จพี่ชัชก็พาผมไปนั่งรอที่หน้าห้องตรวจใกล้กับแผนกที่พี่เขาต้องไปพบลูกค้า พี่ชัชบอกว่าต้องรอพบหมอแถวๆ นี้ แต่แถวที่พี่เขาจะไปนั้นไม่มีเก้าอี้ ให้ผมนั่งตรงนี้ดีกว่า แล้วก็สั่งให้ผมนั่งรอ แถมยังบอกผมว่าอาจจะนานหน่อย ผมก็เลยนั่งรอพี่ชัชพลางดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย มีผู้แทนแบบพี่ชัชเดินผ่านไปเยอะเหมือนกันแฮะ ผมเห็นบางคนก็จับกลุ่มเม้ากันด้วยแหละครับ
     คือผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะ แต่เขามานั่งคุยกันใกล้ๆ ผมเอง แล้วก็บังเอิญว่าเขาเม้าถึงแฟนผมซะด้วยสิ ท่าทางพี่ชัชจะมีเส้นสายดีจริงๆ เพราะผมเห็นพวกเธอคุยเรื่องสัมนาอะไรซักอย่างแล้วบอกว่าหมอคนโน้นคนนี้ก็ไป ประมาณว่าฝีมือแฟนผมไปจิกมาได้ทำนองนั้นแหละครับ แล้วก็บังเอิญจริงๆ ที่พี่ชัชเดินกลับมาพอดีในมือพี่ชัชมีแก้วเครื่องดื่มที่ใส่วิปครีมจนน่าทานอยู่ด้วย ผมรู้ทันทีว่านั่นน่ะ ของผม! แต่พอพวกผู้แทนกลุ่มเมื่อตะกี้เห็นพี่ชัชละก็ จากที่จับกลุ่มเม้าก็เปลี่ยนเป็นเสียงอ่อนเสียงหวานดัดจริตพุ่งเข้าไปหาแฟนผมทันทีครับ “พี่ชัชขา” แหวะ!
     ผมอดไม่ได้ที่จะเผลอทำหน้าบึ้ง พอพี่ชัชเห็นผมทำหน้าบึ้งพี่เขาก็เลยแอบหน้าซีดนิดหน่อย แต่ก็ยังคงยืนเม้าอยู่กับสาวๆ สองคนนั้น เรื่องที่คุยก็เป็นเรื่องงานนั่นแหละครับ แต่ผมก็อดหมั่นไส้คาแรคเตอร์แฟนผมไม่ได้ ทำไมต้องทำตัวเฟรนด์ลี่อัธยาศัยดีขนาดนั้นด้วยนะ ทั้งน้ำเสียงทั้งท่าทางทำอย่างกับจะจีบเขางั้นแหละ ผมหึงนะ! คุยกันซักพักยัยสองคนนั้นก็ไป พี่ชัชเดินตรงมาทางผมแล้วก็ยื่นแก้วโกโก้ปั่นให้
     “พี่กลัวต้นเบื่อ เลยไปซื้อมาให้ นั่งทานไอ้นี่รอพี่ไปก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวกลางวันพี่พาไปกินข้าวอร่อยๆ นะ”
     “ละลายหมดแล้วมั้งครับ”
     ถึงจะประชดแบบนั้นแต่ผมก็ยังยื่นมือออกไปรับ
     “หึงเหรอครับ”
     อย่ามาถามผมด้วยน้ำเสียงดีใจแบบนี้นะ พี่ชัชบ้า!
     “ไม่หึงมั้งครับ ต่อหน้าต่อตา”
     ผมดูดโกโก้ปั่นในแก้วโดยไม่หันไปสบตากับพี่ชัช ก็... งอนนิดหน่อยนี่ครับ
     “หึๆ”
     “อื้อ!”
     พี่ชัชหยิกแก้มผม! พี่เขาแกล้งผมอีกแล้ว พอผมหันไปมองเอาเรื่องพี่เขากลับชิงหนีไปซะงั้น
     “พี่ไปทำงานก่อนนะครับ รอพี่แถวนี้นะ เดี๋ยวพี่มา”
     พี่ชัชบ้า!

     พี่ชัชไปทำงานได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วครับ เที่ยงหน่อยๆ แล้วด้วย ผมเบื่อจังเลย แต่ถึงเบื่อขนาดไหนผมก็ยังไม่กล้าเปิดโทรศัพท์ครับ ผมก็เลยไม่กล้าลุกไปไหนกลัวพี่ชัชกลับมาแล้วไม่เจอผม ผมก็เลยอดทนนั่งรอพี่ชัชมองโน่นมองนี่ฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผมเห็นผู้หญิงคนนึงเดินผ่านมา
     “พี่ฟ่าง!”
     “อ้าวต้น! มาได้ยังไงนี่?”
     พี่ฟ่างหันหลังกลับมาแล้วเห็นผมพี่เขาก็ยิ้มแล้วโบกมือให้ผมด้วยความดีใจ ผมเองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มจนแก้มปริ ก็ผมไม่ได้เจอพี่ฟ่างตั้งนานแล้วนี่นา พี่เขาเดินตรงมาหาผมแล้วเอ่ยทักทายอย่างสนิทสนม
     “ผมไม่สบายครับ พี่ชัชเลยพาผมมาหาหมอ”
     “อ้าว แล้วชัชล่ะ? ทำไมปล่อยให้เรานั่งอยู่คนเดียวแบบนี้”
     “เอ่อ... พี่ชัชขอตัวไปทำงานแป็บนึงน่ะครับ พี่เขาบอกให้ผมรออยู่ตรงนี้”
     “ใช้ได้ที่ไหนกัน! ชัชนี่แบบนี้ทุกทีเลย แต่อ๊ะ.. พี่ก็ต้องไปทำงานด้วยเหมือนกัน... ขอพี่ไปพบหมออีกแป็บเดียวนะจ้ะ แล้วเดี๋ยวพี่มาหาเรานะ จะได้ไปหาอะไรกินกัน”
     “ครับ งั้นผมนั่งรออยู่ตรงนี้นะครับ คือ... โทรศัพท์ผมแบตหมดน่ะครับ”
     “ได้เลยจ้ะ แป็บเดียว ไม่นานหรอก เดี๋ยวพี่มานะ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#5/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน11
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-11-2014 11:27:41
ชัยชัช

     ถ้าถามว่าในชีวิตนี้ผมเคยทำรถไฟชนกันมั้ย ผมตอบอย่างไม่อายเลยว่า มีครับ แถมบางครั้งก็จบไม่สวยด้วย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็พยายามฝึกสกิลสลับรางของตัวเองให้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก จนกระทั่งผมคบกับฟ่างอย่างจริงจัง ผมก็เลิกกับกิ๊กคนอื่นๆ หมด ถึงจะคุยเล่นบ้าง เจอบ้าง ตามประสาที่กิ๊กบางคนก็อยู่ในแวดวงการงานของผม แต่ผมไม่เคยมีอะไรมากไปกว่านั้นครับ เพราะเกือบทุกคนพอใจที่ความสัมพันธ์ทางร่างกายอยู่แล้ว เขาไม่ได้กับผมก็ไปกับคนอื่นได้ครับ ผมเลยไม่เคยทำรถไฟตกรางหรือประสานงานกันให้ฟ่างจับได้ ยิ่งการที่ฟ่างทำงานในแวดวงเดียวกัน ฟ่างเลยมีหูตาสัปปะรดไว้คอยรายงานข่าวตลอด ผมเลยไม่ค่อยอยากเสี่ยงทำตัวเองครับ แต่โชคดีที่ฟ่างเข้าใจหน้าที่การงานของผม เราเลยมีปัญหากันน้อย จะมีบ้างก็แค่เวลาที่คุณเธองอนๆ ให้ผมไปง้อเอาใจเธอเล่นตามปกติ
     แต่ตอนที่ผมเดินกลับมาหาต้น ผมไม่คิดจริงๆ นะว่าผมจะเห็นภาพเมียใหม่กับเมียเก่าตัวเองนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน ต้นมันหัวเราะไปยิ้มไปคุยกับฟ่างท่าทางสนุกเชียว เรื่องที่ฟ่างพูดมากน่ะผมรู้ แต่ภาพที่ไอ้ต้นนั่งเม้าแบบนี้ผมไม่เคยเห็นครับ! จะว่าไปถึงผมจะพอรู้กลายๆ ว่าต้นกับฟ่างสนิทกันแต่ผมก็ไม่เคยเห็นสองคนนี้ตอนอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้ผมเห็นแล้วครับ บอกได้คำเดียวเลยว่าเสียวสันหลังโคตร! ผมต้องทำใจอยู่ตั้งนานกว่าจะกล้าก้าวขาเดินออกไป
     “มาซะที ชัชอ่ะ หายไปไหนมาตั้งนานปล่อยต้นไว้คนเดียวได้ยังไง!”
     อื้อหือ มาแล้วดอกที่หนึ่ง!
     “สะ สองชั่วโมงเองจ้ะฟ่าง แล้วนี่มาได้ยังไงครับ”
     ผมแอบหันไปมองไอ้ต้น ทีงี้ล่ะทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมไม่รู้ไม่ชี้เชียวนะเอ็ง ไม่ช่วยพี่เล้ย!
     “ก็ฟ่างวิ่งเขตนี้นี่นา ชัชลืมไปแล้วรึไง”
     “ขอ ขอโทษคร้าบ”
     ไอ้ครั้นผมจะใช้มุกอ้อนๆ มากก็ไม่ได้ ถึงจะรู้ว่าทำแล้วเมียเก่าหายโกรธก็เถอะครับ แต่เมียใหม่ผมดันนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยอ่ะดิ! ผมรู้สึกจุกๆ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกยังไงก็ไม่รู้
     “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ฟ่าง ก็พี่ชัชต้องไปทำงานนี่นา ผมไม่ได้เป็นอะไรมากด้วย ก็นั่งมองอะไรไปเรื่อยๆ เพลินดีครับ”
     “นี่เห็นมั้ย ต้นเป็นเด็กดีมากเลยนะ ชัชนั่นแหละ ไม่ยอมดูแลต้นให้ดี ปล่อยให้ต้นไม่สบายหนักขนาดนี้เลย”
     หือ? ไหงผมรู้สึกเหมือนถูกรุมยังไงก็ไม่รู้ครับ อ้าวๆ ไอ้ต้น! มีแอบยิ้มทำสีหน้าสะใจหน่อยๆ ด้วย อย่าคิดว่าพี่ไม่เห็นเชียวนะน้อง ถึงจะแค่แว๊บเดียวแต่พี่ก็ทันเห็นเราสมน้ำหน้าพี่นะครับ รอก่อนเถอะ เดี๋ยวกลับคอนโดแล้วพี่มีเอาคืนแน่!
     “ชัชนี่ไม่ได้เรื่องเลย เรื่องที่ฟ่างฝากคุ๊กกี้ไปให้ต้นเมื่อวานชัชก็ลืมใช่มั้ย?”
     เออจริงด้วย! ชิบหายละ! ผมจะแก้ตัวว่าอะไรดีวะ....
     “ก็... ก็เมื่อวานต้นไม่สบายมากนี่ครับ ชัชก็เลยยังไม่ได้เอาให้”
     “ยังกินไม่ได้แต่ก็บอกได้นี่ ชัชไม่ยอมบอกต้นว่าชัชมาเจอฟ่างแล้วฟ่างก็ฝากของไปให้”
     แม่คุณเอ้ย! เห็นเมียนอนป่วยขนาดนั้นผมจะคิดอะไรออกละครับ! ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรไอ้ต้นซักหน่อย ก็... ก็คนมันลืมนี่หว่า มัวแต่ห่วงไอ้ต้น
     “พี่ฟ่างอย่าไปว่าพี่ชัชเลยครับ เมื่อวานผมไม่ค่อยสบายจริงๆ หลับเกือบตลอดเวลา พี่ชัชเลยยังไม่มีโอกาสบอกผมมั้งครับ”
     “ต้นน่ารักที่สุดเลย!”
     เมียเก่าผมกำลังลวนลามแก้มเมียใหม่ผม ส่วนเมียใหม่ผมก็นั่งยิ้มหวานปล่อยให้เมียเก่าผมลูบๆ คลำๆ ทีกับพี่ล่ะมาทำชักสีหน้าใส่ ต้นนะต้น เดี๋ยวคืนนี้มีจัดหนักแน่ครับ
     “จะ”
     ผมพูดอะไรไม่ออกครับ ได้แต่ยิ้ม แม่งอยากร้องไห้ชิบเป๋ง! แล้วสองคนนั้นเขาก็เข้าโหมดเม้ามอยกันต่อครับ ผมก็เลยได้แต่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ จนกระทั่งจู่ๆ ฟ่างก็เสนอความคิดขึ้นมา
     “อ๊ะจริงด้วย! อุตส่าเจอกันทั้งทีไปกินข้าวด้วยกันดีกว่า ไปทานข้าวด้วยกันนะต้น ทานไปคุยไปก็ได้ นี่ก็เที่ยงแล้วด้วย ใกล้ๆ นี้มีร้าน S&P ด้วยแหละ ต้นชอบเฟรปเป้ใช่มั้ยล่ะ ที่นั่นมีเยอะนะ พวกเยลลี่ผลไม้ปั่นกับครีมก็อร่อยมากเลย”
     “อืม แต่พี่ฟ่างสะดวกเหรอครับ แล้วพี่ไม่ต้องทำงานต่อเหรอ?”
     ไอ้ต้นมันถามด้วยท่าทางเกรงใจ แต่สายตามันนี่เต็มไปด้วยความหวังสุดๆ
     “โอ๊ย! กว่าหมออีกคนจะเลิกก็อีกนานเลยจ้ะ ไปนั่งคุยกันที่นั่นดีกว่า”
     “ถ้าพี่ฟ่างว่าแบบนั้นผมก็ตามใจพี่ฟ่างครับ”
     “ต้องแบบนี้สิจ้ะ น่ารักที่สุด!”
     ยัยฟ่างหยิกแก้มต้นด้วยท่าทางคุ้นเคย ส่วนต้นก็ยิ้มรับท่าทางสดใส ทีผมทำอ่ะ แม่งทำมาเป็นงอน เออดีว่ะ เมียเก่ากับเมียใหม่ผม สามัคคีกันดีโคตร! ว่าแต่มีใครจะหันมาถามผมซักคำมั้ยว่าผมสะดวกรึเปล่า?
     “ชัช ฟ่างจะพาต้นไปกินข้าวด้วยกัน ชัชไปกับพวกเราด้วยนะ”
     อื้อหือ ใช้คำว่า“พวกเรา”เลยเหรอจ้ะคนสวย นี่ตกลงผมเป็นส่วนเกินตั้งแต่เมื่อไหร่วะ? ผมหันไปมองหน้าไอ้ต้น มันมองช้อนตามาอ้อนผมด้วยท่าทางอยากสุดๆ นี่มันอยากไปกินข้าวกับแฟนเก่าผมมากกว่ากลับคอนโดพักผ่อนกับผัวสองต่อสองอีกเหรอเนี่ย?
     “พี่ชัชสะดวกรึเปล่าครับ หรือต้องไปทำงานที่อื่นต่อ”
     “อ๊ะจริงด้วย! ชัชต้องไปไหนต่อรึเปล่าคะ?”
     ทีงี้อ่ะเพิ่งหันมาสนใจผม เฮิร์ทครับ กิ๊กเก่าเมินแถมเมียไม่รัก แต่อย่างผมจะทำไรด๊าย!
     “ชัชว่างครับ ตามใจฟ่างกับต้นเลย”
     ผมได้แต่ยิ้มรับไปงั้น แล้วก็เดินตามไอ้ต้นกับฟ่างไปร้านอาหารในโรงพยาบาล เฮ้อ....

     ถึงจะบอกว่านั่งคุยกัน แต่ก็เป็นยัยฟ่างเม้าคนเดียวซะเป็นส่วนมาก ต้นมันมักจะคอยหัวเราะหรือส่งเสียงเออออซะมากกว่า แต่ท่าทางที่มันนั่งฟังฟ่างพูดตาแป๋วนี่สิ ดูก็รู้ว่ามีความสุขขนาดหนัก เพราะผมเห็นมันนั่งอมยิ้มตลอดเวลา มีถามบ้างนิดหน่อย แต่เรื่องที่มันจะเป็นฝ่ายพูดเองนี่น้อยยิ่งกว่าน้อย ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นผมนั่งคุยกับฟ่างแทนต้นไปซะงั้น พวกเราสามคนนั่งคุยกันอยู่จนคนเริ่มแน่นร้านเพราะช่วงเที่ยงพอดี อาหารบนโต๊ะก็ถูกจัดการไปหมดแล้ว ผมเลยชวนต้นกลับคอนโด เพราะฟ่างเองก็ต้องไปทำงานต่อด้วย ไอ้ต้นมีสีหน้าเสียดายนิดหน่อยแต่ก็ยอมผม บอกตามตรงผมอยากให้มันกลับไปพักผ่อนครับ ผมเรียกเด็กเสิร์ฟมาคิดเงิน แต่พอผมควักเงินออกมาจะจ่าย ยัยฟ่างก็ปฏิเสธผมซะงั้น บอกจะเลี้ยงฉลองให้ต้นล่วงหน้า
     “ให้ชัชเลี้ยงนะฟ่าง”
     “อ๊ะ ไม่เป็นไรค่ะ มื้อนี้ให้ฟ่างเลี้ยงดีกว่า ฟ่างอยากเลี้ยงข้าวต้น ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
     “แต่ชัชก็อยู่ด้วยนะ ผู้ชายให้ผู้หญิงเลี้ยงน่าเกลียดตายเลย”
     “สุภาพบุรุษเสมอเลยนะคะ ชัชเนี่ย”
     ฟ่างชมผมด้วยสีหน้าพอใจ พอได้เห็นสายตาปลาบปลื้มในตัวผมแบบนี้ผมก็อดไม่ได้นะที่จะเก็กนิดๆ หน่อยๆ ยอมรับครับว่าลืมตัว
     “มันแน่อยู่แล้วครับ สำหรับคนสวยๆ แบบฟ่าง”
     “ชัชอ่ะ ต่อหน้าต้นแท้ๆ”
     ในใจผมอ่ะ คิดว่า “เออว่ะ ชิบหายแล้ว” แต่ปากผมพูดออกไปไม่ได้หรอกครับ ศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่ เลยต้องเก็กแล้วเล่นต่อไปตามบท ทำเนียนไม่รู้ไม่ชี้
     “ก็ฟ่างสวยจริงนี่ ไม่เชื่อถามต้นดูได้ เนอะ?”
     “ครับ”
     ไอ้ต้นมันก็ครับของมันไปตามสไตล์ แต่ผมก็สังเกตนะ สีหน้ามันหมองๆ ลงนิดนึง เวรเอ้ย! ผมพลาดอีกแล้ว
     “เพื่อนชัชสวยจริงๆ นี่น่า นิสัยก็น่ารัก นานๆ จะได้เจอกันให้ชัชเป็นเจ้ามือนะครับ เกิดชัชไม่เลี้ยงฟ่างสิ ต้นมันโกรธตายเลย มันจะหาว่าชัชงกกับพี่สาวคนสวยของมันเอา”
     พอได้ยินผมพูด ฟ่างก็มีสีหน้าถูกใจขึ้นมา ดีนะครับที่ผมตอแหลเก่งพอตัว เลยพลิกลิ้นได้ ฟ่างไม่ได้แหวอะไรใส่ผมอีก ส่วนต้นมันก็ยิ้มไปตามเรื่อง ผมเลยจ่ายเงินค่าอาหารแล้วก็บอกลากับฟ่าง ตอนที่ผมกับต้นเดินกลับรถนี่แหละ แม่งมันเงียบไปเลยอ่ะ ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยคว้ามือมันมาจับ มันหันมามองตาผมนิดหน่อยแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร ผมเลยเดินจับมือมันเงียบๆ ไปจนถึงรถ ไม่ชอบเวลาที่ต้นมันเงียบแบบนี้เลยครับ ผมทำตัวไม่ถูกอ่ะ
     จนกระทั่งขับรถออกมาได้ซักพักผมก็ทนไม่ไหว เลยหาเรื่องชวนมันคุย
     “เย็นนี้เราหาซื้ออะไรกลับไปทานกันดีมั้ย ต้นดูเหนื่อยๆ จะได้ไม่ต้องทำกับข้าว”
     “ผมยังไงก็ได้ครับ”
     “งั้นเราแวะหน้าปากซอยก็แล้วกันเนอะ หรือต้นอยากกินไรเป็นพิเศษเปล่าครับ?”
     “ไม่มีครับ ผมยังอิ่มข้าวกลางวันอยู่เลย คิดไม่ออกหรอก”
     มันก็คุยตอบผมนะ แต่น้ำเสียงนี่สิ ฟังดูแปร่งๆ ยังไงก็ไม่รู้ ผมเลยตัดสินใจถามมันไปตรงๆ
     “ต้นโกรธอะไรพี่รึเปล่าครับ?”
     “ผมไม่มีสิทธิ์โกรธอะไรพี่ชัชหรอกครับ”
     ต้นมันหลุดปากสวนผมออกมาทันที นั่นไง ผมว่าแล้ว เฮ้อ...
     “งั้นเราน้อยใจอะไรพี่รึเปล่า? ไม่พอใจอะไรบอกพี่ได้นะครับคนดี”
     “ผมเปล่าครับ ไม่ได้เป็นอะไร”
     มันพูดด้วยเสียงห้วนๆ แต่น้ำเสียงสะบัดๆ ตอนท้ายประโยคนั่นก็ทำให้ผมอ่อนใจ มันจะโกหกผมไปทำไมกัน เพราะแบบนั้นผมก็เลยเอื้อมมือไปกุมมือของมันไว้ โชคดีนะครับที่ผมบังคับพวงมาลัยมือเดียวได้
     “ต้น.... อย่าโกหกพี่สิครับ พี่แคร์เรานะ”
     ผมยกมือมันขึ้นมาแนบอก แต่ต้นมันกลับสะบัดออกแล้วบอกผมให้ขับรถดีๆ แทนซะงั้น
     “พี่ชัชขับรถอยู่ อย่าเล่นแบบนี้สิครับ!”
     “พี่ไม่ได้เล่น พี่แคร์เราจริงๆ นะ มีอะไรก็บอกพี่มาตรงๆ สิครับ”
     “ผมไม่มีอะไรไม่พอใจพี่ชัชจริงๆ ครับ มันก็แค่... แค่มีอะไรบางอย่างรบกวนจิตใจผมนิดหน่อยก็แค่นั้น”
     “ก็แล้วมันเรื่องอะไรละครับ ต้นไม่บอกพี่แล้วพี่จะรู้มั้ย ลองบอกพี่มาสิครับ”
     “ผมไม่อยากรู้แล้วนี่ครับ ผมกลัว...”
     มันเป็นอะไรของมันวะเนี่ย? ผมชักงงแล้วนะ ผมอยากจะจอดรถแล้วจับมันมาคุยกันให้รู้เรื่องรู้ราวซะเดี๋ยวนั้นเลยจริงๆ
     “ต้นไม่อยากบอกพี่ก็ตามใจนะครับ แต่พี่อยากให้ต้นรู้ไว้ว่าเวลาที่เราไม่สบายใจแบบนี้ พี่ก็กังวลตามเราไปด้วยนะครับ”
     มันทำสีหน้าคล้ายคนจะร้องไห้นิดหน่อย แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร ผมก็เลยขับรถกลับคอนโดเงียบๆ ด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย เกลียดเวลาที่มันไม่พูดไม่จาแบบนี้ชะมัดเลยครับ จนกระทั่งเราใกล้ถึงคอนโดนั่นแหละ ผมจอดรถแวะซื้อกับข้าวหน้าปากซอย ต้นมันก็ลงมาซื้อข้าวเย็นกับผม พอซื้อเสร็จเราก็ตรงกลับคอนโด จนกระทั่งขึ้นมาถึงบนห้อง มันก็ขอตัวไปนอนพัก ผมเกลียดบรรยากาศอึดอัดแบบนี้เป็นบ้าเลย มันไม่ยอมพูดอะไรเลยซักอย่าง!
     ระหว่างเราไม่เชิงว่าเงียบหรอกครับ ต้นมันยังถามตอบกับผมตามปกติ แต่บรรยากาศอึมครึมบางอย่างมันลอยตัวมาครอบคลุมเราสองคนเอาไว้จนผมอึดอัด ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเลยปล่อยให้มันไปหลับพักซักงีบ ตื่นมาจะได้สดชื่น อาจจะรู้สึกดีกว่านี้ก็ได้ครับ ขอผมเคลียร์งานตัวเองก่อนก็แล้วกัน
     ไอ้ต้นหลับยาวจนเกือบสี่โมง ผมก็เลยไปปลุกมันให้ตื่น กลัวมันปวดหัวหนักไปกันใหญ่ครับ นอนตอนผีตากผ้าอ้อมนี่มันไม่ดีนะครับ แต่ตอนที่ผมเดินเข้าห้องนอนไปปลุกมันนั่นแหละ ผมถึงได้เห็นว่ามันไม่ได้หลับ ไอ้ที่เห็นหายเข้าห้องเงียบๆ นี่มันไม่ได้หลับครับ มันนอนน้ำตาไหลสูดจมูกซืดๆ อยู่ซะงั้น
     “ร้องไห้ทำไมครับเนี่ย?”
     พอมันหันมาเห็นผมก็ตกใจรีบเอามือป้ายน้ำตาทิ้งใหญ่เชียว ไอ้ต้นมันสั่นหัวรัวๆ ปฏิเสธผม แม่งเอ้ย! ยังจะโกหกพี่อีก เห็นคาตาแท้ๆ
     “เป็นอะไรก็บอกพี่มาสิครับ ต้นไม่พูดพี่ก็ไม่รู้หรอกนะครับ”
     ผมชักยั๊วะแล้วครับ มันเป็นอะไรของมันอีกเนี่ย ดราม่าได้โล่!
     “ผมไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”
     “ไม่มีอะไรได้ไง เรานอนร้องไห้ขนาดนี้ เครียดเรื่องเพื่อนรึไงครับ?”
     “ไม่ใช่หรอกครับ ผม... ผมไม่ได้เป็นอะไร ปล่อยผมไว้ซักพักเดี๋ยวผมก็รู้สึกดีขึ้นเองครับ พี่ชัชไม่ต้องใส่ใจผมก็ได้”
     “ไม่ใส่ใจได้ยังไงละครับ ต้นเป็นเมียพี่นะ พี่ไม่ได้แย่ขนาดเห็นแฟนตัวเองร้องไห้แล้วยังเฉยอยู่ได้นะครับ”
     “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้พี่ชัชรู้สึกไม่ดี ผม...”
     “เอาอีกแล้วต้น!”
     ผมเผลอตวาดเสียงดังจนต้นมันสะดุ้ง ท่าทางหวาดกลัวของมันทำให้ผมรู้สึกผิด ผมเอ่ยปลอบลูกแกะน้อยของผม
     “เป็นอะไรก็บอกมาสิครับ อย่าโกหกพี่แบบนี้ได้มั้ย”
     แฟนผมดื้อจริงๆ เลย เพราะแบบนั้นผมเลยจับคนดื้อมากอดแนบอก ต้นมันซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดผมแถมยังกอดผมไว้ซะแน่นเลย มันเป็นอะไรของมันวะ? ผมเลยลูบหลังมันไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปซักพักนั่นแหละ มันถึงได้อ้าปาก
     “พี่ชัชครับ?”
     “หืม?”
     “พี่ชัชยังรักพี่ฟ่างอยู่ใช่มั้ยครับ?”
     ผมอึ้งไปสามวิ!
     “ทำไมถึงถามพี่แบบนั้นละครับ”
     “พี่ชัชยังรักพี่ฟ่างอยู่จริงๆ ใช่มั้ยครับ”
     “พี่รักต้นนะครับ เราเป็นแฟนกัน ต้นไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”
     ผมตัดสินใจบอกมันไปแบบนั้น ผมไม่อยากโกหกมัน แล้วผมก็ขี้เกียจตอบปฏิเสธด้วย แต่ถ้าจะให้ยอมรับกันตรงๆ ผมก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจมัน เรื่องนี้ผมผิดเอง ผมนึกว่ามันจะแค่งอนที่ผมพูดจาขี้หลีใส่ฟ่าง แต่ใครจะไปนึก ไอ้ต้นมันคิดกังวลลึกซึ้งมากไปกว่านั้น
     “แล้วถ้าพี่ฟ่างขอกลับมาคืนดีกับพี่ชัช พี่ชัชจะทำยังไงครับ”
     “ฟ่างไม่มีทางกลับมาคบกับพี่หรอกต้น เลิกคิดมากเรื่องนี้เถอะ”
     ผมรู้ตัวนะว่าผมมันเลว ผมตัดบทไอ้ต้นได้เหี้ยมาก แต่ผมไม่กล้าตอบมันไปตามความจริงนี่หว่า
     “พี่ชัชยังรักพี่ฟ่างอยู่จริงๆ ด้วย พี่ฟ่างเป็นผู้หญิงสวย นิสัยดี แล้วก็น่ารักมากๆ ผมเทียบกับพี่ฟ่างไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”
     “แล้วคนสวยคนนั้นเขาเอาพี่มั้ยล่ะ? คนที่อยู่กับพี่ตอนนี้ก็คือต้นไม่ใช่เหรอครับ แค่เราสองคนรักกันก็พอแล้วนี่ ต้นไม่เห็นจะต้องคิดมากเลย”
     “งั้นพี่ชัชก็ตอบผมมาก่อนสิครับ ถ้าพี่ฟ่างกลับมาขอคืนดีพี่ชัชจะ... พี่ชัชจะกลับไปคบกับพี่ฟ่างมั้ย”
     โอย มันจะมาคาดคั้นอะไรเอากับผมวะเนี่ย ถ้าผมพูดเพื่อให้มันสบายใจ มันก็คงด่าว่าผมโกหก พอผมพูดความจริง เดี๋ยวมันก็คิดมากอีก พอผมไม่พูด ก็เสือกมาคาดคั้น เวรเอ้ย!
     เฮ้อ....
     “ให้พี่ทิ้งต้นแล้วกลับไปคบกับแฟนเก่าเหรอครับ? ต้นเห็นพี่เป็นอะไร พี่ไม่เหี้ยขนาดนั้นนะครับ โอเคพี่ยอมรับว่าพี่ยังรักฟ่างอยู่ แต่คนเราก็มีอดีตได้ทุกคนไม่ใช่เหรอต้น พี่แค่ยังมีความรู้สึกดีๆ ให้กับคนที่พี่เคยรักก็เท่านั้นเอง มันไม่ได้หมายความว่าพี่จะเลิกรักเราหรือรักเราน้อยลงไปนะครับ”
     นั่นไง น้ำตาร่วงแล้ว เฮ้อ เวรเอ้ย! ช่วงนี้เมียผมเมนส์มาชัวร์!
     “ต้นจะคิดมากไปทำไม ตอนนี้พี่คบกับเราอยู่นะครับ พี่รักเรามากนะ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก”
     “แต่อนาคตมันไม่แน่ไม่นอนนี่ครับ ผมกลัว ผมไม่อยาก... ฮึก
     เมียผมเข้าโหมดสูญเสียความมั่นใจอีกแล้ว ไอ้เด็กขาดความอบอุ่นเอ้ย! ชอบสติแตกคิดแต่ว่าไม่มีใครรัก
     “พี่ไม่มีวันทิ้งเราหรอกครับ แค่ต้นยิ้มหวานๆ ให้พี่ๆ ก็ไปไหนไม่รอดแล้ว พี่เป็นคนมีความรับผิดชอบนะครับ พี่เลือกต้นแล้วพี่ไม่ทำอะไรทรยศเราหรอก จะดีจะชั่วพี่ก็ตั้งใจว่าจะอยู่กับเราไปจนตายนั่นแหละ ยิ่งยัยฟ่างยิ่งแล้วใหญ่ พี่ยอมรับนะครับว่าพี่เคยรักฟ่างมาก จนถึงตอนนี้พี่ก็ยังรู้สึกดีๆ กับเขาอยู่ เพราะฟ่างเป็นผู้หญิงคนเดียวที่พี่เคยอยากได้มาเป็นแม่ของลูก แต่ต้นก็เห็น พี่กับฟ่างไปกันไม่รอด พี่คิดว่าพี่รู้แล้วว่าคนที่เหมาะสมกับพี่ที่สุดคือใคร พี่กับเขาจบกันแล้ว ตอนนี้มีแต่เราครับ ต้นจะเอาคนอื่นเข้ามาทำให้ตัวเองกังวลทำไม ฟ่างเองก็ไม่ได้จะมารีเทิร์นกับพี่ซะหน่อย อย่ากลัวสิครับ”
     “แต่พี่ฟ่างกับพี่ชัชเหมาะสมกันมากนี่ครับ ผมสู้อะไรพี่ฟ่างไม่ได้เลย ถ้าพี่ฟ่างอยากกลับมาคืนดีกับพี่ชัชผมคง...”
     “แล้วเราจะหลีกทางให้ยัยฟ่างงั้นเหรอ? ถ้าต้นทำแบบนั้นพี่โกรธจริงๆ ด้วยนะครับ ต้นไม่รักพี่รึไง?”
     “งั้นก็ตอบผมมาก่อนสิครับพี่ชัช ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นจริงๆ พี่ชัชจะเลือกใคร”
     สายตาของมันโหยหาความรักต้องการความมั่นใจจากผมสุดๆ ผมไม่เข้าใจหรอกครับ ไอ้เรื่อง“ระหว่าง...กับ... คุณจะเลือกใคร”เนี่ย ทำไมผู้หญิงถึงได้ชอบตั้งคำถามไร้สาระแบบนี้ชะมัดเลย แต่ท่าทางน่าสงสารกลัวจะโดนทิ้งชอบคิดว่าไม่มีใครรักของเมียผมนี่มันทำเอาหัวใจผมอ่อนยวบเลย ไอ้ต้นมันสมควรจะรักตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก มันควรจะมองเห็นคุณค่าในตัวมันเองซะบ้าง คนที่มีปัญหาแบบนี้ผมบอกได้เลยถ้าเกิดอะไรขึ้นแนวโน้มสูงแน่ๆ ครับ แค่นึกถึงซาแนกซ์ในถังขยะขึ้นมาผมก็กลัวแล้ว ผมจะทำให้มันมั่นใจในตัวผมได้ยังไง มันมีดีเกินพอที่จะรั้งผมไว้กับมันด้วยซ้ำ
     “พี่เลือกเราครับ ถึงแม้ว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ แล้วพี่จะดีใจมากก็เถอะ แต่พี่ก็ยังจะเลือกคบเราต่อไปครับ พี่รู้ตัวแล้วว่าพี่กับฟ่างเราไปกันไม่ได้ คนที่เข้ากับพี่ได้ดีที่สุดก็คือต้นนะครับ แล้วพี่ก็ไม่ใช่ผู้ชายโลเลด้วย ถึงพี่จะเจ้าชู้แต่เวลาพี่รักใครพี่รักจริง ต้นสบายใจได้เลยพี่ไม่มีวันทิ้งต้นหรอก เมียพี่ทั้งแสนดีทั้งน่ารักขนาดนี้พี่ไปไหนไม่รอดหรอกครับ”
     ผมพรมจูบมันไปทั่วทั้งใบหน้า จูบซับน้ำตาให้มัน จูบเสร็จแล้วก็ลูบหลังปลอบมัน ต้นมันกอดผมซะแน่น ต้นมันรักผมมากขนาดนี้แล้วผมจะทิ้งมันลงได้ยังไง ผมไม่คิดว่าจะมีใครที่รักผมได้มากไปกว่ามันแล้วล่ะ มันขยำเสื้อเชิ้ตของผมเอาไว้แล้วก็ซุกหน้าลงกับอกผม เสียงสะอื้นไห้สลับกับเสียงสูดหายใจและไอค่อกแค่ก ต้นมันร้องไห้เหมือนเด็ก ผมกอดมันอยู่นานจนกระทั่งมันเริ่มสงบ และแล้วเสียงสะอื้นเบาๆ ในห้องค่อยๆ หายไป เจ้าหญิงของผมเลิกงอแงแล้ว
     “หายนอยด์ยังครับคนดี ร้องไห้สองวันติดตาบวมแย่”
     ผมดึงมันให้ผละออกจากอกผม ตาของมันบวมช้ำเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ต้นมันมองหน้าผมแล้วก็พูดขอโทษ
     “ขอโทษครับ”
     “ขอโทษพี่อีกแล้ว ต้นจะโทษตัวเองทำไม พี่ต่างหากที่ผิด ต่อไปนี้พี่จะรักต้นให้มากๆ นะครับ ต้นจะได้มั่นใจไม่คิดมากแบบนี้อีก พี่จะทำให้เรารู้ว่าพี่รักเรามากขนาดไหน และพี่ขอสัญญาว่าพี่จะมีแต่เราคนเดียวตลอดไป”
     “ขอบคุณนะครับพี่ชัช”
     ในที่สุดมันก็ยิ้มซะที เด็กเลี้ยงแกะของผมกลับมายิ้มได้แล้ว
     “... ขอโทษนะครับ วันนี้ผมทำตัวไม่น่ารักเลย ผม... ผมนึกอิจฉาพี่ฟ่าง”
     “หึๆ อิจฉาไปเถอะ พี่จะได้รู้ว่าเรารักพี่มากแค่ไหนยังไงละครับ แต่ต้นต้องสัญญากับพี่นะครับว่าต่อไปนี้ต้นจะไม่คิดมากมองว่าตัวเองไม่มีค่าแบบนี้อีก ต้นเป็นคนที่เห็นคุณค่าในตัวพี่นะครับ แค่ต้นรักผู้ชายไม่ได้เรื่องคนนี้พี่ก็ดีใจแล้ว พี่ไม่มีวันทิ้งต้นหรอก”
     “ผมรักพี่ชัชครับ”
     “พี่ก็รักเรานะครับ รักมากด้วย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



บางอารมณ์ผู้ชายก็ไม่เข้าใจมนุษย์เมนส์ แต่น้องต้นไม่ใช่มนุษย์เมนส์ ฮีเป็นมนุษย์ดราม่า  :L3:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#5/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน11
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-11-2014 12:31:14
ต้นน้ำ

     “เมื่อวานปิดโทรศัพท์ทำไม”
     “แบทมันหมดน่ะ พอดีพี่ชัชพาเราไปหาหมอ เราไม่สบาย”
     แม็กซ์มองหน้าผมเหมือนจะจับผิด สีหน้าของแม็กซ์บอกให้รู้ว่าเขาไม่เชื่อที่ผมพูด แต่ก็ไม่คิดจะซักไซ้ผม
     “เออ งั้นก็แล้วไป รู้มั้ยว่าคนเขาเป็นห่วง”
     “แล้วนี่แม็กซ์มาได้ยังไงน่ะ?”
     ผมแปลกใจนะ วันนี้พอผมมาถึงมหาวิทยาลัยก็เจอแม็กซ์มาดักรอผมอยู่ซะงั้น แม็กซ์มาหาผมตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมง!
     “มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ไม่เจอ ใครก็ไม่รู้ปิดโทรศัพท์ คิดบ้างมั้ยว่าคนเขาเป็นห่วง มีอะไรทำไมไม่บอกแม็กซ์ ถ้าไอ้อาร์มมันไม่โทรไปส่งข่าว ต้นก็จะไม่บอกแม็กซ์ใช่มั้ย”
     “ขอโทษนะ ... เรา...”
     “ช่างเหอะ ต้นไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ละตกลงไม่สบายเป็นอะไร?”
     แม็กซ์ตัดบทเหมือนไม่ใส่ใจก่อนจะจับมือของผมไว้แล้วดึงให้ผมเดินไปทางตึกภาคด้วยกัน ผมพยายามจะดึงมือออก แต่แม็กซ์กลับหันมาจ้องตากับผมซะงั้น สายตาของแม็กซ์จริงจังจนผมค้านอะไรไม่ได้
     “แค่หวัดน่า”
     “เออ ดูแลสุขภาพด้วยล่ะ ละนี่กินไรตอนเช้ายัง?”
     “เรียบร้อยแล้วล่ะ แล้วแม็กซ์ล่ะ มาได้ไง เช้าขนาดนี้ไม่มีเรียนเหรอ”
     “มานอนกับไอ้อาร์มตั้งแต่เมื่อคืน เมื่อวานแม็กซ์มาหาต้นแต่ไม่เจอ พอไปถามเพื่อนต้น เขาบอกต้นหยุด เลยมาหาวันนี้แทน”
     “เราไม่เป็นไรแล้ว แม็กซ์ไปเรียนเถอะ”
     “ไม่ วันนี้แม็กซ์จะอยู่กับต้นทั้งวัน”
     “ได้ไง แม็กซ์ก็มีเรียนไม่ใช่เหรอ”
     “โดดดิ แม็กซ์ไม่ปล่อยเพื่อนแม็กซ์ไว้คนเดียวหรอก”
     แม็กซ์กำข้อมือของผมซะแน่น ผมถูกแม็กซ์ลากไปโดยขัดขืนไม่ได้ ระหว่างทางมีคนมองมาที่พวกเราพอสมควร ผมอดไม่ได้ที่จะกลัวสายตาคนรอบข้าง ยิ่งพอเดินมาถึงตึกภาค ผมก็ยิ่งกลัวสายตาคนรู้จัก ผม...
     “ต้นมาแล้ว มาๆ แก หายยัง?”
     โชคดีที่แม้จะเช้าแต่ผมยังมีเพื่อนร่วมแก๊งของผมอยู่ ป่านที่หันมาเห็นผมร้องทักขึ้น การต้อนรับจากเพื่อนทำให้ผมรู้สึกดี
     “แหม มีอัศวินตามมาคุ้มครองด้วยอ่ะ”
     ป่านแซวแม็กซ์! ผมกลัวจังเลยครับ แต่แม็กซ์กลับยิ้มแล้วทักทายป่านซะงั้น แม็กซ์ดึงให้ผมเดินไปนั่งกับป่าน นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
     “หายยังแก ตกลงหมอบอกว่าเป็นอะไรอ่ะ?”
     “เป็นหวัดนั่นแหละ”
     “ดีละแกที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ละเมื่อวานชั้นโทรหาแกทั้งวันเลย ไม่มีใครโทรติดเลยอ่ะ นี่ดีนะไอ้ไปป์มันมีเบอร์แฟนแก คนอื่นเขาเป็นห่วงนะแก”
     พออยู่กับป่าน ผมกับแม็กซ์ก็ไม่มีโอกาสได้พูดหรอกครับ ป่านเหมาคนเดียวเกือบหมด นี่ดีนะครับที่เมย์ยังไม่มา ว่าแต่ท้ายประโยคนั่น ไปป์มีเบอร์พี่ชัชตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วไหนจะยังแม็กซ์กับป่านอีก สองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหน? ผมมองแม็กซ์ที่ทำตัวเนียนกลมกลืนคุยกับป่านแล้วรู้สึกหมั่นไส้ตะหงิดๆ สมกับเป็นเพลย์บอยเก่าเข้ากับผู้หญิงได้ทุกแบบ!
     จนกระทั่งเพื่อนคนอื่นๆ เริ่มมากันเกือบครบ เพื่อนๆ ในภาคไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ละคนพากันถามถึงอาการป่วยของผมแทน ... ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่สายตาของคนอื่นๆ ก็ยังเฝ้ามองผมอยู่ ผมก็รู้ตัวนะครับว่าผมผิด ผมไม่ควรพูดแบบนั้นกับพี่เบียร์ ... ผม ...
     “ต้น... เหม่ออะไรอีกแล้ว”
     แม็กซ์เรียกผมให้ตื่นจากภวังค์
     “อย่าคิดมากน่า”
     “เออแก ไม่ต้องคิดมากหรอก คนไทยลืมง่ายจะตาย เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนเรื่องเม้า ปล่อยมันพูดกันไปซักพักเดี๋ยวก็ลืม”
     “ใช่แล้วต้น เทียบกันแล้วต้นเป็นฝ่ายถูกเห็นๆ”
     “พอเถอะเมย์ พวกเราตกลงกันแล้วไง”
     พวกเขาตกลงอะไรกันเหรอครับ? คำพูดของแก้วทำให้ผมงง ผมหันไปขอความเห็นจากแม็กซ์ แต่แม็กซ์ก็ดูเหมือนจะไม่รู้อะไรเหมือนกัน จนกระทั่งแก๊งผมมากันครบคน ไปป์จอมสาย มาเอาได้เวลาเฉียดฉิวทุกที! เพราะพวกเราต้องไปขึ้นเรียน ผมเลยหันมามองแม็กซ์
     “แม็กซ์จะไม่ไปเรียนจริงๆ เหรอ?”
     “แม็กซ์ไม่สบายใจ ให้แม็กซ์อยู่เป็นเพื่อนต้นนะ”
     “สบายใจได้คร้าบ แถวนี้เพื่อนต้นเยอะแยะ”
     ไปป์! ผมล่ะอยากจะหาอะไรมาอุดปากนักเชียว เดี๋ยวแม็กซ์ก็มีของขึ้นหรอก ผมเห็นแม็กซ์หันไปมองไปป์ด้วยสายตาอำมหิต เล่นเอาไปป์หงอเลยครับ ไม่ได้เห็นนานแล้วเหมือนกันนะเนี่ย แม็กซ์ภาคแบดบอยแบบนี้
     “อุ่ย... สงสัยจะไม่ขำ มุกนี้ไม่ผ่าน เข้าห้องเรียนดีกว่า นายจะไปกะเรามั้ย P1”
     “แกไอ้งี่เง่า! นายอย่าไปถือสามันเลยนะ ไอ้นี่มันก็นิสัยเด็กๆ แบบนี้แหละ ต้นพวกเราเข้าห้องก่อนนะ”
     ผมพยักหน้าให้ป่าน แล้วหันมาพยายามส่งสายตาปลอบอารมณ์แม็กซ์ต่อ
     “แม็กซ์... อย่าถือสาไปป์เลยนะ”
     “แม็กซ์ไม่สนใจไอ้เด็กขี้อวดแบบนั้นหรอก แม็กซ์สนแต่ต้นเท่านั้นแหละ”
     “เด็กขี้อวด?”
     แม็กซ์ยิ้มให้ผมก่อนจะเล่าด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
     “ก็เมื่อวานแม็กซ์มาหาต้นแต่ไม่เจอ โทรก็ไม่ติด ไอ้อาร์มก็ถามข่าวต้นจากใครไม่ได้ เพื่อนต้นทุกคนเป็นห่วงต้นกันหมด แต่แล้วเพื่อนขี้อวดของต้นคนเมื่อกี้ก็บอกว่าแฟนต้นพาต้นไปหาหมอ ต้นไม่เป็นไรหรอก แถมยังอวดว่าถ้าไม่เชื่อจะโทรหาให้ดู แล้วมันก็โทรหาแฟนต้นโชว์ บอกว่าต้นอยู่โรงพยาบาล แบบนั้นถ้าไม่เรียกว่าไอ้เด็กขี้อวดก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว”
     พอผมฟังจบแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า ไปป์นะไปป์ เกินเยียวยาแล้วจริงๆ
     “พูดไรไม่ออกเลยรึไง?”
     “อื้อ เราไม่คิดว่าไปป์จะเด็กขนาดนี้ พี่ชัชก็อีกคน ไม่บอกเราเลยว่าไปป์โทรหา”
     “ก็ต้นอยากปิดโทรศัพท์หนีเองทำไม แต่ก็เพราะเพื่อนต้นปัญญาอ่อนแบบนี้ละมั้ง แฟนต้นถึงไม่หวง ลองเป็นแม็กซ์ดิ”
     “บ้า! ไปป์ไม่ได้ปัญญาอ่อนซะหน่อย พูดเกินไปละนะ”
     “หึ ฮ่าๆ คร้าบๆ เพื่อนต้นไม่ได้ปัญญาอ่อน แค่ชอบทำตัวเหมือนเด็ก ฮ่าๆ”
     “พอเลยๆ กวนละเนี่ย เราเข้าเรียนละนะ”
     “คร้าบ วันนี้ครึ่งวันใช่มั้ยล่ะ เสร็จแล้วแม็กซ์จะพาไปกินโจ๊กเจ้าอร่อยนะ”
     “อื้อ แต่ต้องรีบกลับนะ เราอยากกลับไปนอนพักผ่อน”
     “ได้เลยไม่มีปัญหา”
     แล้วผมก็เดินเข้าห้องเรียนมาทันได้ยินเสียงแจ๋วๆ ของไปป์
     “ไม่ช่าย ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่แฟนต้นซักหน่อย”
     ไปป์ที่ถูกเพื่อนคนอื่นๆ ในห้องรุมล้อมกำลังตอบปฏิเสธเสียงดังฟังชัด
     “นั่นไง! ต้นมาแล้ว ทำไมไม่ถามต้นเองล่ะ?”
     สีหน้าของแต่ละคนแปลกๆ พิกลครับ บางคนดูแตกตื่นเหมือนเพิ่งกระทำความผิด บางคนก็ดูลุกลี้ลุกลนแต่ก็มองมาทางผมด้วยความสงสัย ตอนแรกผมไม่อยากจะสนใจนะ แต่พอนึกถึงเรื่องที่พวกเขาอุตส่าห์ทำเพื่อผมเมื่อวันก่อนผมก็อดซึ้งใจไม่ได้ ผมเลยเดินเข้าไปหาพวกเขา
     “มีอะไรกันเหรอ?”
     แล้วก็เป็นวินที่ถามขึ้น
     “ต้น คนนั้นอ่ะ แฟนมึงเหรอ?”
     “ไม่ใช่ซะหน่อย เรากับแม็กซ์เป็นเพื่อนกัน”
     “เห็นมะบอกแล้วไม่เชื่อ”
     ผมอดหมั่นไส้ไปป์ที่ทำพยักพเยิดคางลอยหน้าลอยตาใส่คนอื่นไม่ได้ เสียงไปป์ฟังดูยะโสอวดดีมากเลยครับ
     “เพื่อนที่ไหนจะมาเฝ้ากันขนาดนี้วะ เมื่อก่อนก็มารับมึงออกบ่อย มันไม่รู้เหรอว่ามึงมีแฟนแล้ว”
     พอผมเปิดปาก ก็มีอีกหลายเสียงตามมาสัมภาษณ์ ผมไม่ได้อยากมานั่งเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังซะหน่อย เพราะแบบนี้แหละผมถึงได้ไม่ชอบพูดอะไรตั้งแต่แรก เบื่อพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจังเลยครับ
     “นั่นสิวะ หรือมึงไม่รู้ตัวว่าโดนจีบอยู่?”
     แล้วผมควรจะตอบยังไงดีครับ? เรื่องของผมกับแม็กซ์มันซับซ้อนนี่นา
     “พวกมึงก็ไปกดดันต้นมัน อาจารย์จะเข้าอยู่แล้ว เลิกเสือกกันได้ละ”
     “ขอบใจนะยศ ... อืม ... แม็กซ์เขารู้อยู่แล้วแหละว่าเรามีแฟนแล้ว เขาก็ไม่ได้อะไรกับเราแล้วล่ะตอนนี้ ก็แค่ไปกินข้าว เที่ยว ซ้อมดนตรีด้วยกันบ้างบางครั้งประสาเพื่อน ไม่มีอะไรหรอก”
     ตอบๆ ไปดีกว่าครับ จะได้ไม่ต้องมานั่งเล่าอะไรอีก
     “ละแฟนมึงไม่ว่าเอาเหรอวะ?”
     “ไม่นี่ เราแค่ไปไหนมาไหนกับเพื่อน”
     “ละมึงไม่รู้ตัวเหรอ ว่าเพื่อนมึงยังชอบมึงอยู่ ขนาดกูเป็นคนนอกกูยังดูรู้เลย”
     “แล้วจะให้เราทำยังไงล่ะ! เลิกคบกับเพื่อนทุกคนที่แอบชอบเราเหรอ? แม็กซ์เขาก็ไม่ได้หวังอะไรจากเราแล้ว ก็เฉยๆ นี่”
     “ไม่หวังแต่โคตรหวง! มึงนี่ใจร้ายโคตรๆ เลยว่ะ กูอยากเห็นแฟนมึงชะมัด หล่อ รวย แสนดีขนาดนี้ยังจีบมึงไม่ติด มึงนี่เรื่องมากโคตร”
     เรื่องอะไรมาว่าผมแบบนี้นะ! เหอะ แสนดี! พวกนี้ยังไม่เคยเห็นแม็กซ์บ้าเลือดซักหน่อย ตอนที่แม็กซ์ของขึ้นห่างไกลกับคำว่าแสนดีลิบลับเลยครับ ด้านเกรียนๆ ของแม็กซ์รับรองว่าเลวไม่แพ้ใครแน่ๆ แต่แล้วคำพูดของไปป์ก็ทำผมตกใจ
     “อยากเห็นเหรอ? เรามีรูป เอาเปล่า?”
     ไปป์พูดพร้อมกับกดโทรศัพท์ อย่าบอกนะว่า!
     “ไปป์!”
     ไปป์หันมามองผมตาใสแป๋ว นายจะหน้าเป็นเกินไปแล้ว! คิดว่าทำหน้าแบ๊วใส่ผมแล้วจะรอดงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!
     “อย่าบอกนะว่านายแอบถ่ายรูปจากในอัลบั้มเรามา!”
     “เราเปล่านะต้น เราขออนุญาตแฟนนายแล้วนะ นี่ไง รูปคู่ด้วยเห็นป่ะ?”
     แล้วไปป์ก็ส่งโทรศัพท์มาให้ผมดู ภาพที่ผมเห็นนั้นเป็นภาพแฟนผมเอง พี่ชัชกำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับไปป์ที่กำลังยิ้มแฉ่ง ผมกดลบรูปทันทีครับ ไปป์ชักจะตามติดผมเป็นลูกเจี๊ยบเกินไปแล้ว
     “เง้อ ต้นอ๊า!”
     “พอเลย อาจารย์จะเข้าแล้ว ไปนั่งที่”
     และแล้วผมก็ลากไปป์ไปนั่งที่ พร้อมกับยึดโทรศัพท์ของไปป์เอาไว้ คอยดูนะผมจะลบภาพของผมกับพี่ชัชให้เกลี้ยงเลย!
     “ต้นใจร้ายอ่า”

     ตอนกลางวัน พอผมเรียนเสร็จ ผมก็ขอตัวกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม เพราะนัดแม็กซ์เอาไว้ แต่พอผมเดินออกมาก็เจอเข้ากับพี่เปาและพี่ทิงมารอผมอยู่ ผมเลยบอกแม็กซ์ให้รอผมซักครู่แล้วเดินไปหาพี่ๆ ทั้งสอง
     “พี่ๆ มีอะไรรึเปล่าครับ”
     “พี่เป็นห่วงเราน่ะสิต้น เราไม่เป็นไรนะ”
     ผมยิ้มให้พี่ทิง เพราะแบบนี้แหละผมถึงชอบพี่ทิงได้โดยง่าย พี่ทิงเป็นคนตรงๆ แบบนี้แหละครับ เรื่องอะไรที่ผมไม่สบายใจพี่เขาก็จะไม่ถามซอกแซกด้วย พี่ทิงไม่เคยใช้คำพูดที่ทำให้ผมไม่สบายใจเลยซักครั้ง เป็นผู้ชายที่แมนมากๆ เลยล่ะครับ
     ผมไม่เคยเชื่อในมิตรภาพมาก่อน และมักจะไหลไปกับกระแสสังคม รวมกลุ่มกับคนที่ต้องทำอะไรร่วมกัน เลือกอยู่กับคนที่เอื้อประโยชน์ต่อผมมากที่สุด ... เพราะผมตั้งใจอาศัยแม็กซ์เป็นเกราะกำบังให้ ผมถึงได้เอาตัวเองไปสนิทกับแม็กซ์ กับเพื่อนที่นี่ก็เหมือนกัน ผมก็แค่เลือกคบเลือกคุยกับคนกลุ่มที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด ส่วนเมษ... ก็เป็นเพราะผมกับเมษเรามีเหตุบังเอิญให้ได้สนิทกัน เมษเข้ามาช่วยเหลือผมในวันที่ผมท้อแท้ที่สุด ผมอดนับถือความเข้มแข็งที่แผ่ออกมาจากตัวเมษไม่ได้ คงเพราะผมอ่อนแอ...
     แต่กับพี่ทิง มันแปลกมากครับ ผมได้คุยกับพี่ทิงในกลุ่มแชทที่พี่เปาลากผมไปเข้ากลุ่ม แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรมากแค่รับรู้ว่าพี่เขาอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับผมอีกหนึ่งคน จนกระทั่งได้มาเจอตัวจริงกันตอนเปิดเทอม เพราะพี่ทิงสนิทกับพี่เปามาก พวกเราเลยได้คุยกันมากขึ้น แล้วจู่ๆ วันนึงพี่ทิงแกก็บอกว่าแกจะรับผมเป็นน้องชาย ผมยังแปลกใจเลยครับ เกือบหัวเราะแน่ะ! ยังคิดอยู่เลยว่าสงสัยแกจะบ้านิยายกำลังภายในมากเกินไป แต่แกทำอย่างที่พูดจริงๆ ครับ แกปฏิบัติกับผมเหมือนผมเป็นน้องชายแกจริงๆ แกไม่แคร์เรื่องที่ว่าผมเป็นอะไร เป็นใครมาจากไหน บุคลิคห้าวๆ ของแกทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีพี่ชายที่พร้อมจะปกป้องน้องไม่ได้เรื่องอย่างผม พี่ทิงทำให้ผมรู้สึกสนิทใจเห็นเขาเป็นพี่ชายได้ไม่ยาก ผมชอบแกนะ
     “ครับ ผมไม่เป็นอะไร ขอบคุณพี่ทิงกับพี่เปามากนะครับ อุตส่าห์มาหาผมถึงที่นี่ แล้วก็ข้อความให้กำลังใจพวกนั้นด้วย ผมอ่านแล้วครับ”
     สีหน้าพี่ทิงผ่อนคลายทันทีที่ได้ยิน
     “ดีแล้วขอรับ แล้วนี่ท่านต้นบอกอาจารย์ต้นตระการรึยังขอรับ?”
     “เอ่อ... ต้องบอกด้วยเหรอครับ”
     “ไปให้ท่านเห็นหน้าหน่อยก็ดีนะขอรับ ท่านจะได้รู้ว่าไม่เป็นไรแล้วจริงๆ เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ท่านเป็นห่วงมากนะขอรับ”
     “เขาลือกันไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอครับ...”
     “รู้ไปถึงถาปัดแบบที่พี่ไม่ต้องโทรมาถามเปาเลยล่ะต้น”
     ผมชาวาบไปทั้งตัวเพราะคำตอบของพี่ทิง!
     “เขาพูดกันว่าไงครับ?”
     “ช่างปากคนเถอะ พี่บอกพวกมันไปแล้วว่าน้องพี่ไม่ใช่คนแบบนั้น”
     “ผม..... เข้มแข็งแล้วครับ ผมแค่อยากรู้ว่าคนอื่นเขาพูดถึงผมว่ายังไง”
     พี่ทิงมีสีหน้าลำบากใจอยู่ครู่นึงก่อนจะยอมแพ้ให้กับความดื้อของผม
     “ต้นแย่งแฟนรุ่นพี่ ผู้ชายมันติดใจ ได้หลังลืมหน้า”
     ผมแค้นจนเผลอกำหมัดแน่น ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ พี่ทิงเอื้อมมือมาตบไหล่ผมเบาๆ เสียงแม็กซ์ดังขึ้น
     “ต้นเป็นไรรึเปล่า?”
     “ไม่เป็นไรหรอก เราโอเค แค่... ได้ยินข่าวงี่เง่านิดหน่อยน่ะ”
     ผมหันไปบอกแม็กซ์แบบนั้นเพื่อลดสายตาเป็นศัตรูระหว่างแม็กซ์กับพี่ๆ ที่ผมเคารพ
     “เออแม็กซ์ นี่พี่เปากับพี่ทิง รุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยของเราเอง พี่ๆ เขาเป็นเพื่อนในเน็ทกับหลานเราน่ะ ก็เลยสนิทกัน พี่เปา พี่ทิงครับ นี่แม็กซ์ เพื่อนสนิทผมตั้งแต่สมัยมัธยม”
     พี่ทิงกับแม็กซ์พยักหน้าให้กัน มีแต่พี่เปาที่ส่งเสียงตอบรับ
     “โอ้ ยินดีที่ได้รู้จักขอรับ”
     ผมเห็นแม็กซ์ผงะไปนิดหน่อย เลยแอบขำนิดๆ อยู่กับพี่เปาแล้วไม่มีเครียดจริงๆ สิน่า
     “เออ... ดี”
     ช่างหัวข่าวเม้าบัดซบนั่นก็แล้วกันครับ ผมแก้ไขอะไรไม่ได้นี่ ผมควรจะแก้ปัญหาในจุดที่ผมทำได้ก็พอ
     “อืม แม็กซ์... นายรีบรึเปล่า?”
     “ไม่หรอก ตามใจต้นแหละ อยากกลับไปพักผ่อนเร็วๆ ไม่ใช่เหรอ”
     “คือ... เราว่าเราจะไปหาพ่อก่อนน่ะ”
     ผมพูดพลางเหลือบไปมองพี่เปา พี่เขายิ้มให้ผมราวกับจะบอกว่าผมทำถูกต้องแล้ว ส่วนแม็กซ์ก็หรี่ตาลงมองพี่สองคนนั้นอย่างใช้ความคิด
     “เราไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นพวกพี่ไปกินข้าวก่อนนะ ทีหลังหัดส่งข่าวให้คนอื่นเขารู้บ้าง มีคนเป็นห่วงเราอยู่ตั้งเยอะ อย่าเงียบหายไปแบบนี้อีกนะ”
     ผมถูกพี่ทิงดุด้วยล่ะ แต่ผมรู้สึกอบอุ่นยังไงก็ไม่รู้ครับ แก้มของผมมันเลยยกขึ้นเองอย่างอัตโนมัติ อยู่กับพี่สองคนนี้แล้วผมยิ้มบ่อยจริงๆ สิน่า
     “ขอโทษครับพี่”
     “เออ ไปเว้ยเปา!”
     พี่ทิงตบบ่าผมก่อนจะหันไปชวนพี่เปาแยกไป
     “กระผมไปนะขอรับ”
     พี่เปายิ้มให้ผมก่อนจะเดินจากไปกับพี่ทิง แม็กซ์หันมามองหน้าผม
     “อะไร?”
     “ต้นไปคบคนแปลกๆ แบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
     “ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย”
     “โอตาคุเนี่ยนะ?”
     “อย่ามาว่าพี่เรานะ! แม็กซ์ก็อ่านการ์ตูนไม่ใช่เหรอ?”
     “แม็กซ์อ่านการ์ตูน แต่แม็กซ์ไม่ได้บ้าแบบนั้น”
     “แม็กซ์!”
     ผมเผลอตวาดแม็กซ์ดังลั่น! เวลาอยู่กับแม็กซ์ทีไร ผมลืมระวังตัวทุกที แต่ถ้าเป็นแม็กซ์น่ะไม่เป็นไรหรอกครับ แม็กซ์ไม่โกรธผมหรอก แล้วนี่แม็กซ์ก็เป็นฝ่ายผิดด้วย ใครใช้ให้เขามาว่าพี่ผมก่อนล่ะ!
     “โอเคๆ แม็กซ์ผิดเอง”
     “แค่คนเราต่างจากคนอื่นๆ นิดหน่อย แต่ถ้าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่ผิดอะไรไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องโดนมองว่าแปลกด้วย”
     คงเพราะน้ำเสียงของผม แม็กซ์ถึงได้รับรู้อารมณ์ของผมได้โดยง่าย แม็กซ์กุมมือของผมไว้แล้วบีบเบาๆ ก่อนจะปลอบ
     “ขอโทษ แม็กซ์ไม่ได้ตั้งใจ”
     “อือ”
     “แล้วรู้จักกันได้ไงอ่ะ รู้จักพ่อต้นด้วย”
     “ก็... ตามที่บอกนั่นแหละ สงสัยหลานเราจะพูดมาก แล้วก็อย่างที่เห็น ทั้งๆ ที่เขารู้ แต่เขาก็ยังคุยกับเราเห็นเราเป็นคนปกติ”
     “หลานแฟนต้นนี่ท่าจะซ่าว่ะ เป็นหลานแม็กซ์นะ มีเตะไม่เลี้ยงอ่ะ”
     “บ้า! อย่ามาใช้ความรุนแรงกับหลานคนอื่นเขานะ”
     “ฮ่าๆ”
     “ต้น พี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
     ระหว่างที่ผมกำลังยิ้มกับแม็กซ์ด้วยความสบายใจ เสียงของพี่เบียร์ก็ทำให้ผมสะดุ้ง ผมแข็งไปทั้งตัว และเมื่อผมหันกลับมาก็เห็นพี่เบียร์กับพี่แอนอยู่ตรงหน้าผม แถมใกล้ๆ กันนั้นยังมีแก๊งผมยืนลุ้นให้กำลังใจกันครบทั้งห้าคน ไม่รวมเพื่อนคนอื่นๆ ในภาคที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านยืนรอลุ้นเพียบเลยครับ ผมอยากหนีจากสถานการณ์ตรงนี้จัง เลยอดไม่ได้ที่จะหันไปมองแม็กซ์ แม็กซ์เลยเคลื่อนตัวมาด้านหน้าแล้วบังผมไว้
     “มีไร?”
     เสียงของแม็กซ์ห้วนจัง แต่ให้ผมเผชิญหน้าเองผมก็ไม่อยากนี่ครับ แค่จะมองหน้าพี่เบียร์ผมยังไม่กล้าเลย ได้แต่เสมองพื้นไปเรื่อย
     พี่เบียร์เห็นอาการของผมแล้วก็ถอนหายใจซะดัง ท่าทางของพี่เบียร์ทำให้ผมรู้สึกผิด ...
     “พี่เบียร์มีอะไรรึเปล่าครับ?”
     ผมอ้าปากค้นหาเสียงของตัวเองเจอจนได้
     ผมส่งเสียงถามออกไปแต่ก็ยังไม่ยอมขยับออกจากจุดเดิมด้านหลังแม็กซ์ แต่ผมก็สังเกตได้ว่าพี่เบียร์มีสีหน้าที่ดีขึ้น
     “พี่พาแอนมาขอโทษเรา เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความผิดของพี่กับแฟนเอง ขอโทษที่ทำให้เราต้องเดือดร้อนนะ”
     จะให้ผมตอบว่าอะไรดีครับ? จะให้ผมตอบว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่โกรธ” ผมก็พูดไม่ลง ผมโกรธครับ โกรธมากด้วย จะตอบว่า “ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ผมไม่ถือ” ก็เท่ากับผมโกหก เพราะเรื่องงี่เง่านี่ทำให้ผมเสียหายสุดๆ แต่ในระหว่างที่ผมกำลังชั่งใจว่าควรจะตอบออกไปแบบไหนดี
     “นี่กูพลาดช็อตเด็ดอะไรไปอีกป่ะวะ?”
     “สัสอาร์ม!”
     “เหี้ย! ด่ากูทำไม กูทำไรผิด?”
     ผมควรจะตบมุกดีมั้ยว่า “นายทำวินาทีที่คนอื่นกำลังรอลุ้นอยู่พังทลาย” ผมนับหนึ่งสองสามตั้งสติในใจพลางคิดหาคำตอบ
     “อ้าวต้น? ทำหน้าแบบนั้นใส่เราทำไม เราอุตส่าวิ่งมาหาเลยนะเนี่ย ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เมื่อวานโทรหานายก็ไม่รับ”
     “หุบปากซักพักก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอกนะอาร์ม! อ่านบรรยากาศซะมั่งเหอะ!”
     ผมหันไปด่าอาร์มอย่างหมดความอดทนก่อนจะหันไปตอบพี่เบียร์ ไม่คงไม่คิดมันแล้วครับ!
     “ช่างมันเถอะครับ เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วกันไป ผมเองก็ต้องขอโทษที่เผลอลามปามพี่แบบนั้น”
     พอผมพูดจบก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมพูดออกไปแล้ว! ผมเห็นพี่เบียร์ยิ้มให้ผม ทุกคนที่กำลังรอลุ้นมีสีหน้าโล่งใจ แม้แต่อาร์มก็กำลังยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้!
     “เออ ไม่เป็นไรหรอก พี่เชื่อแล้วว่ะว่าเราปากจัด เอ้าแอน!”
     พี่เบียร์พูดด้วยน้ำเสียงขำๆ ก่อนจะหันไปเรียกพี่แอน แล้วพี่แอนก็ค่อยๆ เดินมาหาผม แต่ช่างพี่แอนเถอะ! เรื่องอะไรมาว่าผมปากจัด ผมหงุดหงิดนะ!
     “คือ... คือ... เรื่องวันก่อน พี่เข้าใจผิด ขอโทษนะ”
     ทีงี้ล่ะ ฮึ! ทีตอนนั้นละมาด่าผมฉอดๆ
     “พี่เบียร์รักคุณขนาดนี้ คุณควรจะเชื่อใจและให้เกียรติแฟนตัวเองมากๆ นะครับ ไม่มีใครทนอยู่กับคนรักที่ไม่เชื่อใจกันได้หรอก”
     พี่แอนหน้าเสียไปนิดหน่อยก่อนจะทำท่าทางสำนึกผิด ทุกคนเลยมีสีหน้าโล่งใจ ผมเองก็สบายใจขึ้นนิดหน่อย แต่แล้วแม็กซ์ก็พูดขึ้น เสียงจริงจังของแม็กซ์ทำให้บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง
     “ถ้าไม่รบกวนผมฝากคุณไปบอกคนอื่นๆ ด้วย”
     ผมหันไปมองแม็กซ์เพื่อดูว่าแม็กซ์จะพูดอะไร คนอื่นๆ ก็กลับมามีสีหน้าลุ้นอย่างกับเชียร์มวยกันอีกแล้ว
     “ผมกับต้นเป็นเพื่อนรักกันมานาน ผมไม่สบายใจที่รู้ว่าเพื่อนของผมต้องทนกับการโดนใส่ร้ายด้วยเรื่องเหลวไหล ผมขอยืนยันด้วยเกียรติของผมเลยว่า ผมกับต้นไม่เคยมีอะไรกัน ต้นเขารักแฟนของเขาคนเดียว เพื่อนของผมไม่ใช่คนใจง่ายอย่างที่ใครๆ พูดกันแน่นอน รบกวนช่วยแก้ข่าวให้เพื่อนผมด้วยนะครับ”
     “ค่ะ...
     ผมพูดอะไรไม่ออก นาทีนี้ผมไม่สนหรอกว่าคนอื่นจะคิดยังไง ผมสงสารแม็กซ์ ใบหน้าด้านข้างของเพื่อนผมดูหยิ่งผยอง แต่ข้างในนั้น... ในหัวใจของผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมมาตลอดคนนี้ ผมว่าผมเห็นน้ำตาของแม็กซ์
     สิ่งที่แม็กซ์พูดออกไปทำให้เกิดความเงียบครอบคลุมพวกเราทุกคน แม้แต่พี่เบียร์ยังมองแม็กซ์ด้วยความนับถือเลย ยิ่งพี่แอนยิ่งแล้วใหญ่ พี่เขามีสีหน้าละอายใจมากกว่าเดิมอีก
     “มิน่าล่ะ พี่ไม่แปลกใจเลยทำไมพี่จีบเราไม่ติด ก็ขนาดนี้เรายังไม่เห็นใจ พี่ว่าพี่คงต้องถอดใจขอบายละว่ะ เรานี่เล่นด้วยยากจริง ใจแข็งจังเลยต้น”
     เสียงแซวของพี่ณตทำให้บรรยากาศที่นิ่งสนิทกลับมาเดินอีกครั้ง แต่ผมอยากจะบ้าตาย!
     “ต้นทำหน้าเบื่อโลกอีกแล้ว”
     นายก็อีกคนนะอาร์ม! จะหัวเราะไปทำไมเนี่ย
     “ไปเหอะแม็กซ์ รีบไปจะได้รีบไปทานข้าวกัน”
     “เออ”
     แม็กซ์ส่ายหัวพลางเดินตามผมมา ผมหันไปบอกลาพี่เบียร์กับคนอื่นๆ ขี้เกียจสนใจอาร์มครับ
     “ผมไปก่อนนะครับพี่เบียร์”
     “เออๆ รักษาสุขภาพล่ะ”
     “ครับ”
     “เฮ้ยเดี๋ยวดิ! แม็กซ์ ต้น รอกูด้วย กูก็หิว”
     “พวกกูไม่ได้จะไปกินข้าว”
     “อ้าวแล้วพวกมึงไปไหนกัน?”
     “ไปหาพ่อมึงมั้ง!”
     “.... มึงมีธุระอะไรกับพ่อกูวะ?”
     “.....”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน ทั้งน้องไปป์และนายอาร์ม  :กอด1:  น่ารักอ่ะ คนแต่งปลื้ม!

ชีวิตจริงมันคงไม่มีงี้หรอก แต่เป็นฉากที่อยากเขียน เขียนเพื่อให้แม็กซ์ทำเท่ เขียนเพื่อให้พี่เบียร์ทำสิ่งที่ถูกต้อง อะไรนะ? ควรให้เขาเลิกกัน เอ๊! คนอ่านนี่จริงๆ เลยเอะอะก็ยุให้คู่รักเลิกกัน ฮ่าๆ พี่เบียร์จะเลิกกับพี่แอนหรือไม่เป็นปัญหาของสองคนนั้น แต่การที่พี่เบียร์พาพี่แอนมาขอโทษต้นอ่ะเป็นสิ่งที่ถูกแล้ว และพี่แอนก็ยอมทำไงพี่เบียร์ถึงยังไม่เลิก เอิ้กๆ

นิยายเรื่องนี้ไม่ค่อยมีบทเอาคืนแซ่บๆ น้า ส่วนใหญ่จะเป็นวิธีแก้ปัญหาแบบแปลกๆ พยายามเขียนให้ออกมากลางๆ และดีกับทุกฝ่าย เรื่องดราม่าในสังคมเยอะแล้ว แรงใส่กันไปมาน่าเบื่อ
นังน้องต้นก็ดราม่าเยอะละ เอะอะน้ำตาร่วง น่ารำคาญออกเนอะ เห็นนิสัยต้นแล้วไม่หงุดหงิดบ้างเหรอ? นั่นแหละตัวเอกของเรื่อง ไม่ต้องมีอะไรมากฮีก็พร้อมจะดราม่า คนแบบนี้บางทีก็ไม่รู้ตัวหรอก เหอๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#5/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน11
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-11-2014 12:33:08
อาจารย์ต้นตระการ

     “เอ่อ... สวัสดีครับ”
     “อ้าว ต้น”
     ผมแปลกใจพอสมควรที่เห็นต้นน้ำมาหาผมถึงห้องพักอาจารย์ ต้นมองไปยังอาจารย์คนอื่นในห้องด้วยท่าทีอึกอัก ผมเลยชวนลูกเดินออกมาจากห้องนั้น
     “ผมกำลังจะไปทานข้าว คุณมีอะไรก็เดินคุยแล้วกัน”
     “ครับ”
     ไม่บ่อยนักที่ต้นจะเป็นฝ่ายมาหาผม ผมเลยปล่อยให้ลูกเป็นฝ่ายพูดก่อน ผมอยากรู้ว่าลูกต้องการจะบอกอะไรผม
     “เอ่อ... พอดีเมื่อวานผมไม่ค่อยสบาย พี่ชัชเลยพาผมไปหาหมอที่โรงพยาบาลครับ”
     สิ่งที่ผมรับรู้ทำให้ผมต้องหันไปมองสำรวจลูกผมอย่างถี่ถ้วน ผมไม่รู้ว่าลูกไม่สบาย ผมได้ยินแต่เรื่องที่ลูกมีปัญหากับรุ่นพี่ในคณะ
     “คือ... ผมแวะมาบอกคุณพ่อเฉยๆ น่ะครับ”
     “แล้วหมอว่ายังไงบ้าง?”
     “ก็หวัดธรรมดาๆ ครับ หมอจ่ายยามาแล้วก็ให้ผมพักผ่อนเยอะๆ”
     “แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายล่ะ?”
     “ไม่ได้เสียเงินแพงมากหรอกครับ พี่ชัชพาผมไปโรงพยาบาลรัฐ”
     “เขาพาคุณไปโรงพยาบาลรัฐเหรอ?”
     “เออะ! คุณพ่ออย่าเข้าใจผิดนะครับ คือพอดีพี่ชัชต้องไปทำงานอยู่แล้ว แล้วก็สนิทกับหมอที่นั่น แถมยังพาผมไปตรวจแผนกวีไอพีอีก สะดวกสบายมากเลยครับ”
     “เอาเถอะ แล้วนี่คุณหายดีแล้วหรือยัง”
     “ครับ ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว อืม... คือ...”
     ลูกผมไม่ใช่คนช่างพูด และเรื่องบางเรื่องลูกก็ไม่ใคร่เอ่ยถึง ต้นน้ำชอบเก็บเรื่องส่วนตัวไว้เป็นความลับจากคนอื่น มีคนเคยเตือนผมว่าผมบีบคั้นลูกมากเกินไป ผมควรจะรอให้ลูกเป็นฝ่ายเอ่ยปากเองบ้าง ผมแค่ทำตัวเป็นพ่อที่ดีให้ลูกเห็น เมื่อไหร่ที่ต้นน้ำรู้สึกไว้ใจผม เขาก็จะพูดออกมาเอง ดังนั้นผมถึงได้อดทนไม่ถามลูกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
     “เออจริงสิครับ เอ่อ... ไม่ทราบคุณปู่คุยกับคุณพ่อแล้วรึยังครับ คือเรื่อง... เรื่องวันเกิดผม”
     ลูกผมหลบเลี่ยงปัญหาอีกแล้ว แต่เรื่องที่ลูกพูดก็เตือนสติผมได้เช่นกัน พ่อผมเจ้ากี้เจ้าการนัก
     “แล้วคุณคิดยังไงล่ะ ไม่มีแผนฉลองกับแฟนคุณหรอกหรือ?”
     ลูกผมมีสีหน้าสำนึกผิดแล้วก็ทำท่าอึกอักอีหรอบเดิม ผมน้อยใจลูกเหมือนกันนะ ปีที่แล้วผมอุตส่าชวนต้นน้ำมาทานข้าวด้วยกัน ผมอยากจัดงานวันเกิดให้ลูกชายผมบ้าง แต่ลูกกลับปฏิเสธผม บอกว่าอยากอยู่ฉลองกับแฟนสองคนมากกว่า
     “ผม... ผมบอกคุณปู่ว่าผมไม่สะดวกครับ มันไม่ใช่วันสุดสัปดาห์ แล้ววันรุ่งขึ้นผมก็มีเรียนเช้า”
     “ก็จริง ผมเองก็มีสอนเหมือนกัน”
     “แต่... แต่ผมสัญญากับคุณปู่ไว้ว่าเสาร์อาทิตย์นั้นผมจะไปนอนค้างที่บ้านท่านครับ ผมก็เลยไม่แน่ใจว่าท่าน... เอ่อ...”
     ผมเข้าใจถึงความกังวลของต้นน้ำดี ถึงจะชอบแสดงออกด้วยท่าทีแข็งกร้าวขนาดไหน แต่ความจริงแล้วลูกผมเป็นคนหัวอ่อน ต้นน้ำเป็นเด็กอ่อนโยนที่คิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอ ต้องยอมรับว่าสายธารเลี้ยงต้นน้ำได้ดีพอสมควร
     “แล้วผมจะพูดกับปู่คุณให้ แต่ยังไงก็คงไม่พ้นงานเลี้ยงเล็กๆ เชิญคนกันเองมาร่วมงาน คุณก็ทนๆ เอาหน่อยละกัน รู้จักพวกเขาเอาไว้บ้างก็ไม่เสียหาย”
     “แต่... แต่ว่า คุณพ่อกับคุณป้า...”
     “คุณเป็นลูกผมต้นน้ำ แขกพวกนั้นมีแต่คนกันเอง ไม่เป็นไรหรอก สุเขาไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อยอยู่แล้ว คุณสบายใจได้”
     “ถ้าคุณพ่อพูดแบบนั้นผมก็สบายใจครับ ผมไม่อยากทำให้คุณพ่อกับคุณป้าต้องเดือดร้อนเพราะผม”
     “ว่าแต่คุณเถอะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ผมยังไม่ได้เตรียมของขวัญให้คุณเลย”
     “เอ... ไม่รู้สิครับ ผม...”
     “คุณอยากไปหาแม่ของคุณช่วงปิดเทอมรึเปล่าล่ะ? ผมจะออกค่าเครื่องบินให้”
     สีหน้าของต้นน้ำบอกให้ผมรู้ว่าลูกสนใจข้อเสนอของผมมาก แต่แล้วลูกกลับหลุบตาลง
     “จะดีเหรอครับ เกรงใจคุณพ่อแย่ ค่าเครื่องไปกลับไม่ใช่ถูกๆ แล้วก็... แล้ว ผมไม่รู้ว่าแม่จะสะดวกรึเปล่าด้วย บางทีผมอาจจะ... อาจจะไปรบกวนแม่ก็ได้ เห็นแม่บ่นว่าช่วงนี้ร้านที่โน่นกำลังยุ่งๆ อยู่เลย ผม...”
     “ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่ดีใจที่จะได้เจอลูกหรอก ถ้าคุณอยากไปผมจะออกค่าตั๋วให้”
     “แต่ว่า... แล้วถ้าปิดเทอมผมไม่ว่างละครับ ช่วงนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีเลย ผมกลัวเราจะมีเวลาเรียนกันไม่พอ อาจจะต้อง...”
     “คุณคิดมากเกินไปแล้วต้นน้ำ อะไรที่ยังไม่เกิดก็ปล่อยมันไปก่อนเถอะ เอาเป็นว่าถ้าคุณอยากไปเยี่ยมแม่คุณเมื่อไหร่ก็มาบอกผมแล้วกัน คุณอยากได้อะไรก็มาบอกผม ไม่ต้องเกรงใจ”
     “ขอบคุณครับคุณพ่อ”
     ลูกของผมยิ้มด้วยท่าทางขัดเขิน เห็นสีหน้าในยามนี้ของต้นน้ำแล้วผมนึกเปรียบเทียบกับสายธารจริงๆ ลูกไม่เหมือนทั้งผมและสายธาร ไม่รู้ไปได้บุคลิคนุ่มนิ่มแบบนี้มาจากไหน และคงเพราะท่าทางแบบนี้กระมัง ลูกผมถึงได้เป็นที่หมายปองของคนพวกนั้น
     “คุณยิ้มได้แบบนี้ก็ดี ผมจะได้ไม่เป็นห่วง”
     “เออะ... คุณพ่อ... ทราบด้วยเหรอครับ”
     “ผมรู้ก็แล้วกัน ถ้าคุณมีอะไรให้ผมช่วยก็บอก ถึงผมจะไม่ได้เลี้ยงคุณมาแต่ก็เชื่อว่าคุณไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดกันแน่”
     ต้นน้ำเม้มปากแน่นเหมือนพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ แต่แล้วลูกผมก็น้ำตาร่วง แม้แต่ยัยษายังไม่ร้องไห้บ่อยขนาดนี้เลย ต้นน้ำกับยัยษานี่น่าจะสลับเพศกันจริงๆ
     โชคดีที่ทางที่ผมกับลูกเดินผ่านมาไม่ค่อยมีคน ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้ลูก ต้นน้ำรับผ้าเช็ดหน้าของผมไปซับหน้าตาแล้วสูดจมูกสะอื้น
     “ขอบคุณครับคุณพ่อ”
     “แล้วตกลงเกิดอะไรขึ้นหรือ? คุณอยากเล่าให้ผมฟังไหม?”
     ผมเลือกที่จะถอยเพื่อเว้นระยะให้ลูก ต้นน้ำมีสีหน้าลังเลใจ ลูกมองผมด้วยสายตาสงสัย ผมคงยังไม่ดีพอ
     “ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่รุ่นพี่เขาเข้าใจผิด ผมคุยกับพี่เขาเรียบร้อยแล้วครับ ส่วนเรื่องอื่นๆ ผม...”
     “เอาเถอะ คุณไม่มีปัญหาอะไรก็ดีแล้ว ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอก”
     “ครับคุณพ่อ”
     ลูกทำหน้าโล่งอกที่ไม่ต้องพูดถึงปัญหาเหล่านั้น ปัญหาที่แม้แต่ผมเองก็ไม่รู้จะช่วยลูกอย่างไรดี ลูกของผมทำบาปกรรมอะไรไว้หนอถึงได้ต้องเผชิญกับการใส่ร้ายป้ายสีที่ไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย
     “เอ่อ... งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ คือแม็กซ์รอผมอยู่”
     “อย่างนั้นหรือ? ไปเถอะ คุณเองก็พักผ่อนเยอะๆ ล่ะ ผมเป็นห่วง”
     “ครับ สวัสดีครับ”
     ลูกยิ้มให้ผมก่อนจะยกมือไหว้แล้วเดินจากไป ผมอดคิดไม่ได้ว่าเหตุใดลูกชายของผมจึงได้เปราะบางเช่นนี้ เป็นเวรกรรมที่ผมเคยกระทำกับคนอื่นเอาไว้หรือ ผมเป็นห่วงต้นน้ำมากเหลือเกิน ใช่ว่าผมรักลูกไม่เท่ากัน แต่ผมใกล้ชิดกับยัยษามาตลอด ผมรู้ดีว่าลูกสาวของผมเป็นคนเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็พร้อมจะต่อสู้กับปัญหา แต่ต้นน้ำกลับเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจในตนเอง เขาไม่ชอบเผชิญหน้ากับปัญหา และไม่สามารถต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ได้โดยลำพัง ผมจึงอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงลูกชายคนเล็กมากกว่า
     บ่อยครั้งที่ผมอดคิดไม่ได้ว่า มันอาจจะเป็นเวรกรรมที่ผมเคยทำไว้กับผู้หญิงคนอื่น ผมยอมรับว่าผมเจ้าชู้ ผมพอใจที่จะมีความสัมพันธ์ทางร่างกายกับสาวๆ ผมรักสนุกและไม่รู้จักอิ่ม
     เรื่องทั้งหมดมันคงเริ่มที่ผม ถึงแม้ว่าผมจะถูกป๊าจับคู่ให้ แต่ผมก็ไม่ต้องการการครอบงำจากป๊า ผมไม่อยากเป็นเหมือนพี่อาจ ผมไม่สนใจกิจการของครอบครัวที่ต้องเป็นรองพี่คนอื่นๆ ผมมีทางไปของผมเอง ผมเชื่อมั่นในพลังความสามารถของตัวเอง และถ้าผมจะแต่งงานกับใครสักคน ผมอยากได้คนที่เท่าเทียม คนที่ก้าวเดินไปพร้อมผมได้ คนที่เข้าใจถึงจุดหมายปลายทางของกันและกัน
     สุเป็นผู้หญิงที่ผมรัก เธอเข้าใจผม เธอใจกว้างสำหรับความเจ้าชู้ของผม ผมเองก็รักและยกย่องเธอเพียงคนเดียว เพราะมีแต่เธอเท่านั้นที่คู่ควรกับผม คนอื่นๆ ก็แค่ของเล่น แต่เพราะปัญหาสุขภาพบางประการหลังจากที่สุคลอดยัยษาผมกับเธอก็ไม่ค่อยได้ร่วมหลับนอนกัน สุเปิดโอกาสให้ผมเต็มที่ ขอแค่ให้ผมรู้จักระมัดระวังตัว เธอเคยพูดเล่นกับผมว่าคนขี้เบื่ออย่างผมนั้นห้ามยาก แต่สักวันหนึ่งเมื่อผมเที่ยวจนพอใจแล้วผมก็จะหยุดเอง เธอมีข้อแม้ว่าห้ามไม่ให้ของเล่นชิ้นไหนของผมไประรานเธอกับลูกเพียงเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาผมไม่มีปัญหากับของเล่น นอกจากสายธาร
     ตอนที่ผมรู้ว่าสายธารท้องผมตกใจมาก แต่เพราะยัยษาพึ่งเกิดได้ไม่นาน ผมจึงตัดสินใจได้ไม่ยาก อายุครรภ์ไม่กี่วันของสายธารไม่ใช่สิ่งที่ผมจะยอมแลกครอบครัวและหน้าที่การงานของผม แม่ของผมท่านยื่นมือเข้ามาช่วยในเรื่องนี้อย่างลับๆ ดังนั้นผมจึงไม่สำนึก และสุก็พูดถูก เมื่อผมแก่ตัวลง ตอนที่ลูกสาวผมเริ่มแตกเนื้อสาว ผมเริ่มกังวลและเป็นห่วงลูก ผมอยากเป็นพ่อที่ดีที่ลูกภูมิใจ ผมพยายามเป็นสามีที่ดีแม้มันจะช้าไปก็ตาม
     แต่ใครจะไปคิด บาปกรรมของผมไม่ได้ตกที่ยัยษา แต่มันกลับถาโถมเข้าสู่ต้นน้ำ แค่ลูกเป็นเกย์ผมก็ทำใจยากแล้ว ยิ่งคิดก็ได้แต่โทษตัวเอง ถ้าผมรับลูกมาอยู่กับผมตั้งแต่แรก ต้นน้ำอาจจะไม่โตมาเป็นแบบนี้ บ่อยครั้งผมอดคิดไม่ได้ว่าให้ลูกเป็นผู้หญิงไปเลยคงจะดี อย่างน้อยๆ ผมจะได้ไม่ต้องกระอักกระอ่วนใจเวลาเห็นลูกอยู่กับแฟน นอกจากนี้ต้นน้ำยังมีนิสัยแย่ๆ อีกหลายอย่างที่น่าเป็นห่วง ลูกชายผมเข้าสังคมไม่เป็น!
     ผมไม่แปลกใจที่มีคนตั้งข้อสังเกตเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับผม เนื่องจากผมตั้งใจจะให้ลูกใช้นามสกุลของผมอยู่แล้วเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ที่ผมไม่คาดคิดก็คือลูกผมมีปัญหาในการเข้าสังคม ผมได้แต่เฝ้ามองลูกด้วยความเป็นห่วง ยิ่งพักหลังข่าวลือต่างๆ ชักรุนแรงขึ้นทุกขณะ ผมกลัวต้นน้ำจะรับมือไม่ไหว มีคนเห็นลูกชายผมเป็นขนมหวานน่าเคี้ยวเล่น การกระทำของพวกเขาไม่แตกต่างกับพฤติกรรมแย่ๆ ในอดีตของผม ผมได้แต่กลัวบาปกรรม!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



สมน้ำหน้าคุณพ่อ! บาปกรรมบางทีมันก็ไปตกกับคนที่เรารักนะ หึๆ กลัวล่ะซี่ อิๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#5/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ11
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-11-2014 12:35:55
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 11

เจ้าหญิงเอาแต่ใจ Vs แม่มดร้าย

     ข้าวฟ่างเบื่อสังคมที่เต็มไปด้วยการใส่หน้ากากเช่นนี้เต็มทน เธอเสแสร้งยิ้มและอดทนนั่งร่วมวงสนทนาด้วยรู้ดีว่าหากเธอลุกออกจากกลุ่มไปเมื่อไหร่ก็จะกลายเป็นหัวข้อสนทนาแทน เธอและบรรดาผู้แทนคนอื่นๆ กำลังแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในวงการ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลเช่นนี้ก็มักจะทำควบคู่ไปกับการนินทาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ใครใช้ให้พวกเธอมีเวลาว่างอันน่าเบื่อจากการนั่งรอคุณหมอผู้เป็นลูกค้าที่มักจะยุ่งจนขอเวลาพบปะได้ยากเล่า
     แม้จะเบื่อมากแค่ไหนแต่เธอก็ต้องทน อันที่จริงเธอเป็นคนช่างพูด เธอมีอุปนิสัยร่าเริงและชอบพบปะพูดคุยกับมิตรสหาย แต่การอยู่ท่ามกลางเหล่าเซลล์ผู้หิวกระหายเช่นนี้การเก็บปากสงวนคำคือสิ่งที่ดีที่สุดหากไม่อยากพลาด หากเธอหลุดอะไรไปแล้วละก็... คงไม่พ้นถูกใส่สีตีไข่ลงไปจนอาจจะทำให้หน้าที่การงานกระเทือนก็เป็นได้
     เธอนั่งฟังเรื่องผู้แทนคนอื่นอยู่นานจนเริ่มรำคาญ และในที่สุดก็เหมือนโชคช่วย คนในกลุ่มหันไปสนทนาเรื่องการเสริมความงามแทน เธอจึงร่วมวงสนทนาด้วยอย่างเมามัน เธอไม่กลัวอันตรายแต่กลัวไม่สวย เพราะความสวยสามารถต่อยอดหน้าที่การงานของเธอได้ ความสวยงามที่แฝงไว้ด้วยพิษร้ายพวกนั้นถึงจะอันตรายแต่ก็ตายช้า แต่ถ้าเธอตกงานไม่มีเงินเธอจะอดตาย และจะตายอย่างรวดเร็วเสียด้วยเพราะเธออยู่อย่างไฮไลฟ์สไตล์มาตลอด
     ตั้งแต่ที่ย้ายออกจากคอนโดของแฟนหนุ่มคนล่าสุด เธอก็หันไปผ่อนคอนโดใจกลางเมืองเองบ้าง และนั่นทำให้ร่ายจ่ายของเธอเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมมากโข อันที่จริงเธอเล็งคอนโดแถบนั้นไว้นานแล้ว แต่ทว่าแฟนหนุ่มของเธอไม่ยอม เขาอ้างเรื่องราคาคอนโดย่านใจกลางเมืองนั้นแพงกว่า และเหมาะกับคนที่เดินทางโดยรถไฟฟ้าเสียเป็นส่วนมาก พวกเขาเป็นผู้แทนจำเป็นต้องใช้รถยนต์ในการเดินทาง ไม่เหมาะที่จะขับรถไปกลับเข้าออกเมืองเช่นนั้น
     ทั้งๆ ที่เธอใฝ่ฝันอยากได้คอนโดหรูกลางกรุงสักห้องเป็นเรือนหอ แต่เขากลับอยากมีบ้านแถบชานเมืองที่เดินทางสะดวกสักหลัง พวกเขาเห็นต่างกันตั้งแต่แรก ลงท้ายผลลัพธ์จึงกลายเป็นคอนโดระดับกลาง แม้จะเป็นย่านชายขอบกรุงเทพแต่ก็เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้าอย่างที่เธออยากได้ เขามีหน้าที่ผ่อนห้องทั้งหมด ส่วนเธอช่วยเขาเรื่องค่าสาธารณูปโภคและค่าส่วนกลาง คนทั้งสองตกลงกันว่าห้องพักแห่งนี้จะเป็นสินสมรสคนละครึ่ง เขาใส่ชื่อเธอเป็นเจ้าของเสียด้วยซ้ำ!
     นอกจากนี้เธอยังรู้ดีว่าแฟนหนุ่มของเธอซื้อบ้านแถบนั้นไว้อีกหลังโดยไม่รบกวนเธอ เขารู้ดีว่านอกจากภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้วเธอยังต้องผ่อนค่างวดรถจึงไม่สามารถยื่นมือเข้าช่วยเขาได้ แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าเพราะเหตุนั้นหรือเปล่า? เขาถึงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมแต่งงานจดทะเบียนกับเธอสักที มัวแต่ยึกยักขอให้เธอรอมาเนินนานนอกเหนือไปจากความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดว่าเธอเข้ากับมารดาของเขาไม่ได้
     ความขัดแย้งของเธอและเขามีมากเหลือเกิน เขาอยากมีลูกแต่เธอกลับไม่ต้องการภาระ เธออยากใช้ชีวิตอย่างอิสระ อยากสนุกสนานให้เต็มอิ่ม เอิบอาบกับความสุขไปจนแก่ เธอไม่อยากนั่งกลุ้มเรื่องการวางแผนการตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์จะทำให้รูปร่างของเธอเปลี่ยนไป แถมพอมีลูกแล้วการเลี้ยงเด็กก็ช่างลำบากแสนเข็น ต้องเหน็ดเหนื่อยวิ่งเต้นหาโรงเรียนให้ลูกเข้าเรียน เธอจึงกลัวการมีบุตรไปโดยปริยาย แค่บรรดาพี่น้องและญาติๆ ในครอบครัวใหญ่ของเธอก็น่าเบื่อมากพอแล้ว ไหนจะยังมารดาม่ายและพี่สาวพี่ชายของแฟนเธออีกเล่า เธออยากใช้ชีวิตคู่ให้ฉ่ำปอดมากกว่าจะไปเสียเวลากับเรื่องอื่นๆ
     แต่ลงท้ายชีวิตคู่ของเธอกับเขาก็ไปกันไม่รอด แม้เขาจะเป็นผู้ชายแสนดีที่ดูแลเทคแคร์เธอทุกอย่าง แต่นิสัยบางอย่างของเขาก็ทำให้เธอสุดจะทน ชายหนุ่มบ้างานคนนั้นแสนขยันยามเมื่ออยู่นอกบ้าน แต่คราใดที่เขาต้องการพักผ่อนเขาช่างหมดสภาพไม่ต่างอะไรกับลาแก่จอมขี้เกียจ เธอเริ่มคิดอย่างจริงจังแล้วถามตัวเองอีกครั้งว่าเธอจะทนใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งชีวิตกับผู้ชายงี่เง่าคนนี้จริงๆ หรือ? และลงท้ายเธอก็ตอบตัวเองได้ว่า “ไม่” เขาเป็นแฟนที่ดี แต่เป็นสามีที่แย่ และเธอไม่ต้องการแต่งงานไปเป็นข้ารับใช้ให้ผู้ชายห่วยๆ
     เขาช่างแสนหวาน พยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจเธอ แต่การเอาใจพวกนั้นไม่ใช่นิสัยปกติของเขา ดังนั้นเมื่อเธอไม่อยู่หรือละเลยการควบคุมเขาก็จะหลงลืมกลับมาเป็นผู้ชายเต่าถุยคนเดิมที่เธอทนไม่ได้ และเธอไม่อยากต้องเหนื่อยจ้ำจี้จ้ำไชเขาอยู่บ่อยๆ วันเวลาที่ผ่านไปแสดงให้เห็นว่าชัยชัชไม่ได้กระตือรือร้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย ยิ่งนานวันยิ่งทำตัวตามสบายจนเคยชิน และสไตล์สบายๆ ของเขานั่นแหละที่เธอรับไม่ได้ เธอสวยเลิศหรูตลอดเวลาและต้องการให้แฟนหนุ่มของเธอหล่อเนี๊ยบทุกเวลาด้วยเช่นกัน
     เมื่อคิดตกแล้วเธอจึงบอกเลิกเขาเพื่อสนุกสนานกับชีวิตโสดอีกครั้ง แม้ว่าอันที่จริงมันจะหมายถึงการออกเดทกับเพศเดียวกันที่คอยดูแลเทคแคร์เธอดั่งเพื่อนคู่คิดโดยไม่ยึดติดกับการตั้งค่าสถานะว่าผูกพัน เธอไม่คิดว่าเขาจะเสียศูนย์ขนาดนั้น แต่โชคดีที่เขาเจอกับเด็กดีคนนั้น เขาเลยกลับมาเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนเดิมที่เคยทำให้เธอหลงรักกับคารมของเขา
     เธอไร้ปัญหากับการที่เขาพบรักกับเด็กผู้ชาย แต่เธอกังวลเรื่องที่เขามาติดพันน้องชายสุดแสนจะน่ารักคนนั้นของเธอ เธอคิดอยู่เสมอว่าเด็กหนุ่มคนนั้นดีเกินกว่าจะมาตกอับกับผู้ชายห่วยๆ คนเก่าของเธอ โชคดีที่ต้นน้ำนั้นมีความอดทนมากกว่าเธอ เด็กหนุ่มจัดการชัยชัชได้อยู่หมัดจนเธอเองยังแอบทึ่ง และในที่สุดเธอก็ได้รู้ ความรักที่ราบรื่นแลกมาด้วยการเสียสละอันยิ่งใหญ่ ต้นน้ำทุ่มเทไปมากมายอย่างที่เธอไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ น้ำอดน้ำทนของเด็กหนุ่มชวนให้เธอแอบเอาใจช่วยอยู่เงียบๆ
     และตอนนี้แฟนเก่าของเธอก็กำลังเป็นหัวข้อสนทนาของคนในกลุ่มไปเสียอย่างนั้น!
     “พี่ฟ่างจะไม่รีเทิร์นกับเฮียชัชจริงๆ เหรอค้า”
     คนพวกนี้ไม่มีเรื่องอื่นคุยกันแล้วหรือไงถึงได้มายุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอ!
     “ไม่ล่ะ เป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว”
     “แหม หนูเสียด๊ายเสียดายอ่ะ เฮียชัชออกจะหล่อ ทำงานก็เก่ง โปรไฟล์ดีจะตาย พี่ฟ่างไม่น่าปล่อยให้เฮียชัชหลุดมือเลยนะค้า อิๆ”
     ข้าวฟ่างได้แต่แอบด่าอยู่ในใจ เธอหาได้ทำชัยชัชหลุดมือ เธอเป็นฝ่ายปล่อยมือจากเขาเอง!
     เธอโกรธจนต้องพยายามนึกถึงค่าโบท็อกซ์เพื่อที่จะได้ไม่เผลอนิ่วหน้าจนเกิดริ้วรอย! เธอบอกตัวเองให้ยิ้มหวานใส่พวกชะนีขี้อิจฉาอยู่เสมอ เธอมั่นใจกว่าเจ๋งกว่า ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการพรีเซ็นต์ว่าตัวเองสวยเลือกได้ใส่พวกขี้อิจฉาอีกแล้ว ถือเป็นการตบหน้าสั่งสอนพวกหล่อนให้รู้สำนึก
     “แต่พี่ไม่เอาแล้วนี่นา พอดีมือมันเต็ม พี่ก็เลยต้องปล่อยๆ อะไรไปบ้าง”
     “ร้ายนะคะ อิๆ”
     “จะ”
     เธอยิ้มละไมส่งให้ชะนีเผือก
     “ถ้าอย่างนั้นเกิดเฮียชัชโดนฉกไปพี่ฟ่างคงไม่เสียดายแล้วใช่ม๊า”
     “จะเสียดายทำไมล่ะ พี่กับชัชไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว”
     ข้าวฟ่างปั้นยิ้มอย่างร่าเริงขัดกับภายในที่เธอแอบเบ้ปากอยากแหวะเต็มทน!
     “ก็แหม...มีสาวๆ อยากรับช่วงต่อจากพี่ฟ่างตั้งเยอะ”
     “เหรอ... ดีออก... จะ
     เธอชักทนไม่ไหวใส่สำเนียงลงไปในน้ำเสียงที่เริ่มจิก ก่อนจะพูดต่อด้วยมาดนางสาวไทยหัวใจโลกสวย
     “มีรักก็ดีกว่ามีคนเกลียดนะ พี่ว่า”
     “เกรงว่าจะรักมากจนออกนอกหน้าน่ะสิคะพี่ฟ่าง”
     เหล่าชะนีเผือกหันมองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดต่อ
     “ก็แหม... เขาลือกันให้แซ่ดว่านางทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ทำงานกับเฮียชัช”
     เธอรู้สึกได้ว่าคนพวกนี้จงใจยั่วเธอ พวกหล่อนพยายามทำให้เธออยากรู้อยากเห็น นัยว่าคงอยากเห็นเธอหวงก้างกระมัง ต่อให้เธอจะสนใจข่าวคราวของแฟนเก่า เธอก็ไม่ได้สนเพราะยังหวงห่วงหึงเป็นแน่ เธอเป็นห่วงต้นน้ำน้องชายสุดน่ารักคนนั้นต่างหาก และเด็กคนนั้นคือแฟนคนปัจจุบันของแฟนเก่าเธอ
     “ชัชจะรักใครชอบใครก็ไม่เกี่ยวกับพี่แล้วล่ะ เราเลิกกันแล้ว”
     ดูท่าเธอต้องหาทางเตือนต้นน้ำเสียหน่อยแล้ว แต่เท่าที่เห็นวันก่อนเธอก็ว่าเขาสองคนดูรักกันดี ต้นน้ำดูมีความสุขกับชัยชัชเป็นปกติทุกอย่างยกเว้นเรื่องที่เด็กหนุ่มกำลังไม่สบายใจเรื่องในมหาวิทยาลัย
     อาการเบื่อหน่ายและอากาศยามบ่ายชวนให้เธอรู้สึกล้า เธอจึงตั้งใจจะเติมความสดชื่นให้ตัวเองกระปรี้กระเปร่าด้วยลาเต้ปั่นสักแก้ว
     “เอ... พี่ว่าพี่ไม่ไหวแล้วล่ะ ขอไปหากาแฟกินซักหน่อยดีกว่า ขอตัวก่อนนะจ้ะ บายจ้ะ”
     พูดจบเธอก็รีบลุกออกมา เธอเซ็งจนแทบทนไม่ไหวแม้จะรู้ดีว่าหัวข้อของการสนทนาต้องพุ่งเป้ามาที่เธอ!

     “พี่ฟ่างดูไม่แยแสเฮียชัชเลยเนอะ”
     “โอ๊ย! จะแยแสอะไรล่ะ ข่าวเขาเม้าท์กันว่าวันก่อนโน้นชียังไปนั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาเราสองสามคนกับแฟนใหม่ของเฮียชัชเลย เห็นว่าชีดูสนิทกับแฟนใหม่เฮียชัชมาก เผลอๆ จะแคร์แฟนมากกว่าเฮียชัชอีก แต่ก็ว่าชีไม่ได้นะ เพราะแฟนใหม่เฮียชัชน่ะหล่อซะ เกาหลีขาวตี๋น่ารักมาอ่ะ”
     “พูดแล้วก็น่าเสียดายเนอะ ผู้ชายแมนๆ อย่างเฮียชัชก็กลายเป็นเกย์ไปซะงั้น เพราะแบบนี้รึเปล่าเขาเลยเลิกกัน? แบบความจริงแล้วเฮียชัชเป็นอะไรแบบเนี้ย? พอพี่ฟ่างจับได้เลยเลิก?”
     “อ๊ะแต่ฉันว่าไม่นะ! เพราะโดนพี่ฟ่างหักอกเฮียแกเลยประชดไม่ใช่เหรอ? นังตุ๊กตามันยังเคยมาคุยเลยว่าเฮียชัชมาติดมันอยู่พักนึงตอนเลิกกับพี่ฟ่าง ช่วงนั้นเฮียชัชฟาดเรียบจ่ะ ขนาดหมอแก้มกำลังจะแต่งงานแท้ๆ เฮียแกยังชวนไปสวีทสองต่อสองรำลึกความหลัง โอ๊ย! ไม่เอาละไม่พูดดีกว่า ไม่กล้าเม้าท์ย่ะ กลัวเจอตอ อิๆ”
     “แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ไม่ว่าเฮียชัชจะเป็นเกย์หรือไม่ อีป้านั่นก็จ้องจะจับเฮียชัชจริงๆ นะเธอ เห็นเขาว่ากันว่าเช้าถึงเย็นถึงเลยแหละ”
     “แหม... หล่อนเจ็บใจที่ไม่ใช่เสป็กเฮียเขาละสิ อิๆ รู้ๆ กันอยู่ เฮียชัชแกเจ้าชู้มาแต่ไหนแต่ไร เกย์ไม่ใช่แต่ไบไม่ชัวร์ ก็อย่างว่านะ คงเบื่อของแปลกแล้วมั้ง อิๆ”

     ข้าวฟ่างมัวแต่เดินก้มหน้าเก็บกระเป๋าสตางค์ลงในกระเป๋าถือทำให้เธอไม่ทันระวังชนเข้ากับลูกค้าคนอื่นตอนจะออกร้านกาแฟอย่างแรง โชคดีที่กาแฟในมือของเธอไม่หกรดคู่กรณีแม้จะกระฉอกเลอะตัวเองนิดหน่อย แต่เพราะความร้อนถุงขนมที่ซื้อมาด้วยจึงหลุดมือตกลงสู่พื้น เธอเงยหน้าขึ้นตั้งใจจะขอโทษ แต่เมื่อพบกับสายตาจิกๆ จากคู่กรณี เสียงขอโทษที่เอ่ยออกมาจึงฟังดูฝืนใจ
     “ขอโทษ ค่ะ!
     คู่กรณีของเธอตวัดสายตาสำรวจสภาพพะรุงพะรังแล้วเหยียดยิ้ม
     “หัดระวังไว้บ้างก็ดีนะ จะได้ไม่ไปเกะกะคนอื่นเขา”
     คิ้วสวยๆ ที่ได้รับการตกแต่งตามเทรนด์มาอย่างดีของข้าวฟ่างเลิกขึ้นเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าต้องการสื่อถึงอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ แต่เธอรู้จักผู้หญิงคนนี้ดี
     “ขอโทษค่ะ พอดีไม่ได้ตั้งใจ มอง ไม่ เห็น ก็เลยไม่คิดว่าตัวเองไปเกะกะขวางทางใคร”
     “เหรอ จ้ะ”
     ผู้หญิงตรงหน้าก้มลงเก็บถุงขนมยื่นส่งมาให้เธอ
     “ซุ่มซ่ามแบบนี้แย่หน่อยนะ แต่ทำไงได้งานผู้แทนก็แบบนี้แหละ ต้องหิ้วของพะรุงพะรัง ถ้าทำไม่ได้ก็ไปหางานอย่างอื่นทำดีกว่ามั้ยจ้ะ? หรือจะลาออกไปแต่งงาน? อ้อ! จริงสิ ชัชเขาไม่เอาเธอแล้วนี่”
     ข้าวฟ่างแทบจะพ่นไฟ! เธอสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้ายังแค้นเธออยู่เพราะเรื่องราวแต่หนหลัง
     ในสมัยที่เธอพึ่งเข้ามาทำงานใหม่ๆ เธอเคยปะทะกับผู้หญิงคนนี้มาแล้ว เรื่องราวในครั้งนั้นก็เป็นแค่การกระทบกระทั่งกันตามปกติระหว่างบรรดาผู้แทน แต่ใครใช้ให้หล่อนเข้ามาพัวพันกับผู้ชายที่ตามจีบเธอเล่า! เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าผู้ชายที่กำลังกิ๊กกับเธอเคยมีซัมติงกับใครมาบ้าง และเธอก็ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะถูกคนอื่นจ้องหาเรื่องด้วยเหตุผลงี่เง่าประเภทจู่ๆ ก็นึกหวงก้างอยากชิงดีชิงเด่นเพราะไม่ถูกชะตาเช่นนั้น
     “แหม พี่น้ำตาลคงได้ข่าวมาผิดแล้วล่ะค่ะ ฟ่างเป็นคนบอกเลิกชัชค่ะ ชัชเขาก็ดีนะคะแต่บางเรื่องก็ไม่ไหวจริงๆ แต่อืม... พูดไปพี่ก็คงไม่เข้าใจหรอก มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่ใช้ชีวิตด้วยกันแล้วพบว่าไปกันไม่ได้นี่คะ ผู้หญิงที่เป็นแค่คู่ขาคงไม่เคยสัมผัส”
     “เหรอ... ก็เห็นได้ข่าวว่าพยายามจุดถ่านไฟเก่าอยู่ไม่ใช่เหรอ อยากกลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์อีกรึไงจ้ะ?”
     ข้าวฟ่างรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายรอโอกาสจ้องจะเอาคืนเธออยู่นานแล้ว หล่อนคงเจ็บใจที่ครานั้นชัยชัชเลือกเธอ ไม่ใช่หล่อน!
     จะว่าไปเธอคือคนที่ชัยชัชจริงจังด้วยมากที่สุด รวมระยะเวลาที่เขาตามจีบและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้วเขาคบกับเธอนานที่สุด และถ้าหากเธอไม่บอกเลิกเขาๆ ก็คงจะคบกับเธอไปเรื่อยๆ ชัยชัชทุ่มเทให้เธอทุกอย่างทั้งๆ ที่เขาคือพ่อเสือร้ายเคยขึ้นสังเวียนกับผู้หญิงมานักต่อนัก ชื่อเสียงเรื่องความกะล่อนของเขาเป็นที่รู้กันกว้างขวางในวงการนี้ แต่เมื่อเขาตั้งใจจะลงหลักปักฐานกับเธอเขาก็ถอดเขี้ยวเล็บทั้งหมดทิ้งซื่อสัตย์กับเธอจนผู้หญิงคนอื่นๆ ได้แต่อิจฉา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เธอจะถูกรุมหมั่นไส้ และไม่แปลกที่ใครต่อใครจะพากันคิดว่าตัวเองอาจยังพอมีหวังเมื่อได้ข่าวคู่ควงคนล่าสุดของชัยชัช
      อย่างน้อยถ้าผู้หญิงเราจับผู้ชายจดทะเบียนด้วยได้เมื่อไหร่อย่างไรเสียผู้ชายคนนั้นก็คงไปไหนไม่รอด มิหนำซ้ำชัยชัชยังเป็นผู้ชายประเภทที่มีความรับผิดชอบเต็มพิกัด เขาไม่มีวันทอดทิ้งลูกเมียแน่นอน!
     “โฮะๆ พูดอะไรแบบนั้นคะพี่ ทำเหมือนไม่รู้เลยนะคะว่าชัชเขามีแฟนใหม่แล้ว ฟ่างกับชัชไม่ลมพัดหวนหรอกค่า ฟ่างไม่ชอบแย่งของๆ คนอื่นค่ะ”
     “ของเล่นแปลกๆ แบบนั้นชัชเขาก็เห่อได้แปปเดียวนั่นแหละ อีกเดี๋ยวก็เบื่อ”
     “พี่ก็เลยจะต่อคิวรอเหรอคะ? สบายใจได้ค่ะฟ่างไม่แซงคิวพี่น้ำตาลหรอก เพราะฟ่างคงไม่เสียเวลาไปต่อแถวด้วยซ้ำ แต่แย่หน่อยนะคะ พี่คงต้องรออีกนาน ขนาดกับฟ่างกว่าจะไปกันไม่ได้พี่ก็ยังต้องรอตั้งสี่ปี แต่กับแฟนใหม่ชัชคนนี้พี่คงต้องรอนานกว่านั้น เผลอๆ เหี่ยวจนจะลงโลงแล้วก็อาจจะยังไม่ถึงคิวพี่น้ำตาลก็ได้นะคะ”
     ข้าวฟ่างฉีกยิ้มส่งให้น้ำตาลอย่างผู้ชนะ! เธอไม่ใช่คนที่ชอบยั่วยุใคร แต่นาทีนี้เธอสะใจเหลือเกินที่ได้เห็นคู่กรณีโกรธจนหน้าแดงจัด
     “ขอตัวก่อนนะคะ ฟ่างต้องไปทำงานต่อแล้ว แย่จังค่ะ เพราะว่าฟ่างทำงานด้วยวิธีปกติ ไม่ได้ใช้... ความสามารถพิเศษแบบพี่น้ำตาล ไม่งั้นคงว่างอยู่คุยกับพี่ได้นานกว่านี้”
     แล้วเธอก็เดินจากมาอย่างมั่นใจ เธอแน่ใจว่าถ้าเธอเล่าให้แฟนเก่าของเธอฟังละก็เขาจะต้องหัวเราะแล้วแซวเธอว่าเป็นเจ้าหญิงคนงามผู้เอาแต่ใจเป็นแน่แท้ คิดแล้วเธอก็ได้แต่เสียดาย ถ้าแฟนเก่าของเธอจะมีข้อเสียน้อยกว่านั้นอีกหลายๆ ข้อละก็... แต่แล้วเธอก็ยิ้มออกมา ถึงเธอจะเสียดายแต่ก็ไม่เสียใจ กลับกันเธอนึกเป็นห่วงน้องชายสุดน่ารักคนนั้นมากกว่า เธอได้แต่ภาวนาว่าขอให้ชัยชัชเกเรน้อยลงและขอให้ต้นน้ำมีระดับความอดทนมากกว่าเธอสักพักเท่า เธออยากเห็นคนที่เธอรักทั้งคู่มีความสุขปราศจากมือที่สาม!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... สินสมรส เผื่อคนอ่านงง เอาเป็นว่าถ้าพี่ชัชแต่ง(จดทะเบียน)กับฟ่างตอนยังผ่อนบ้านไม่หมด บ้านเป็นของทั้งคู่นะ แต่ถ้าผ่อนหมดแล้วค่อยแต่งชื่อเฮียแกคนเดียว
ผู้หญิงก็นะ... คิดมาก ความจริงพี่ชัชอาจจะไม่คิดอะไรก็ได้เพราะให้คอนโดฟ่างด้วยซ้ำ แต่ก็นะ จะให้สาวเขารอไปถึงเมื่อไหร่ สุดท้ายพอขัดแย้งมากๆ มันเลย... หุๆ

ใครชอบแบบแซ่บๆ คงถูกใจตอนนี้ สาวๆ เขาฟาดปากกันแรงเนาะ  :beat:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#5/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ11
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 06-11-2014 17:45:53
วันนี้จะมาหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#5/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ11
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 06-11-2014 19:40:27
รอออ่านดราม่า ยัยน้ำตาลจะมีแผนไรรึป่าวเนี้ย
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#7/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน12
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 07-11-2014 21:24:52
วันสำคัญของเด็กเลี้ยงแกะ

ต้นน้ำ

     มะรืนนี้จะเป็นวันเกิดของผมครับ ผมจะอายุครบยี่สิบแล้ว ... วัยยี่สิบก็ถือว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว ผมไม่ใช่เด็กอีกต่อไป ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงกังวล กลัวว่าตัวเองจะถูกแม่ทิ้ง แต่ตอนนี้ผมไม่กังวลแล้วครับ เพราะผมรู้แล้วว่าแม่รักผมมากแค่ไหน ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน แต่แม่ก็ยังรักผมเหมือนเดิม ผมเฝ้ารอโทรศัพท์จากแม่อย่างใจจดใจจ่อ ผมรู้ว่าแม่จะต้องโทรมาอวยพรวันเกิดผมแน่ๆ ครับ แล้ววันนั้นผมก็จะนั่งทานเค้กกับพี่ชัชสองคน คุยโทรศัพท์กับแม่ ผมหวังไว้แบบนั้นนะ แต่เสียงของป่านกับไปป์ทำลายแผนที่ผมวางไว้ซะสนิท!
     “ว่างายต้น ต้นชอบอันไหนอ่า?”
     “นั่นสิแก แกอยากไปไหนมากกว่ากัน มาบุญครองหรือพาราก้อนดีอ่ะ?”
     “อ๊ะ แต่เราอยากไปพาราก้อนมากกว่านะป่าน เค้กที่นั่นอร๊อยอร่อยอ่ะ”
     “เอ๊ะยัยเมย์ นี่มันวันเกิดต้นก็ต้องให้ต้นเป็นคนเลือกสิแก”
   แล้วไม่มีใครถามผมซักหน่อยเหรอครับว่าผมอยากไปฉลองกับพวกเขารึเปล่า? ผมอยากตอบว่าผมเลือกที่จะฉลองอยู่บ้านกับพี่ชัชสองคนเป็นบ้า!
     “ขอเรากลับไปขออนุญาตพี่ชัชก่อนก็แล้วกัน”
     “ต้นไม่ต้องห่วงหรอก เราขอให้เรียบร้อยแล้ว”
     “เราว่านายควรจะเลิกโทรไปกวนใจแฟนเราได้แล้วนะไปป์!”
     “ต้นใจร้าย! ปีที่แล้วก็ไม่ยอมบอกพวกเราซักคำว่าวันเกิด ปล่อยให้พวกเรารู้จากอาร์ม ปีนี้อุตส่ามีโอกาสพวกเราก็อยากฉลองให้ต้นนี่นา นานๆ ทีพวกเราหกคนจะได้ไปกินอะไรอร่อยๆ ด้วยกันอ่ะ”
     “ก็... ไว้โอกาสอื่นไม่ได้เหรอ?”
     “ไม่เอาอ๊ะ! วันอื่นก็แค่กินข้าว แต่เราอยากไปฉลองวันเกิดต้นนี่! มันไม่เหมือนกันอ่า”
     ไปป์... นายงอแงอีกแล้วนะ ท่าทางกระเง้ากระงอดแบบนั้นทำแล้วคิดว่าน่ารักหรือไง ตัวเองไม่ใช่เด็กซักหน่อย!
     “ไรนะ! วันเกิดมึงเหรอต้น?”
     นี่ก็ยุ่งเรื่องชาวบ้านจัง ผมรู้สึกเซ็งจนอยากหายตัวจากตรงนี้ยังไงก็ไม่รู้ครับ!
     “พวกเราจะไปฉลองกันในกลุ่มเพื่อนสนิท งานนี้นายไม่ได้รับเชิญย่ะมิวนิค เชิญ! มาทางไหน กลับไปทางนั้นเลย”
     แทนที่มิวนิคจะกลับไปตามทางที่ตัวเองมาอย่างที่เมย์ไล่ เขากลับมานั่งเบียดอยู่ข้างๆ ผมซะนี่ น่ารำคาญจริงๆ เลยครับ เหม็นเหงื่อมันจริงๆ ผมเลยขยับตัวหนี
     “วันเกิดมึงเหรอ? เมื่อไหร่วะ?”
     “วันที่สามสิบเอ็ด”
     แล้วนายจะบอกเขาทำไมนะไปป์ สายตาแพรวพราวแบบนั้นไปป์ต้องวางแผนไม่ดีอะไรไว้ในใจแน่ๆ ผมนึกถึงมุกในการ์ตูนที่พี่เปาเคยเล่าให้ฟังทันทีครับ พี่เปาให้ผมยืมการ์ตูนเรื่องโคนันมาอ่าน ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเวลาพระเอกไปที่ไหนถึงได้มีคนตายตลอด ตอนนี้ผมรู้สึกหลอนอย่างกับเห็นไปป์เป็นโคนันเลย มีไปป์ที่ไหน มีเรื่องยุ่งๆ ที่นั่นตลอด!
     “เฮ้ย! มะรืนนี้แล้วดิวะ! แล้วทำไมมึงไม่บอกกู แล้วกูจะหาของขวัญทันมั้ยวะเนี่ย อุบเงียบเลยมึง”
     ใจจริงผมล่ะอยากตอบว่า “วันเกิดผมเกี่ยวอะไรกับคุณ” แต่ไม่เอาดีกว่าครับ เห็นแก่ที่มิวนิคดีกับผมมากในช่วงหลังนี้ ผมเลยตอบออกไปว่า
     “ไม่เป็นไร แค่คำอวยพรเราก็ดีใจแล้วล่ะ ไม่ต้องให้ของขวัญเราหรอก”
     เอ๊ะ! ทำไมผมเห็นไปป์กับป่านส่งซิกกันแปลกๆ
     “ไม่ได้ๆ กูกับมึงอุตส่าห์สนิทกันทั้งที”
     เหมือนผมจะเห็นป่านกระซิบอะไรกับเมย์
     “ใช่แล้ว! พวกเราเป็นเพื่อนกันทั้งที ก็ต้องไปฉลองวันเกิดให้ต้นกันใช่ม๊า เราอุตส่าเตรียมของขวัญให้ต้นด้วยน้า”
     สามสาวนั่นกระซิบกระซาบอะไรกัน?
     “เออๆ กูเอาด้วย พวกมึงจะไปฉลองกันที่ไหนอ่ะ นับพวกกูสามคนเข้าไปด้วย”
     นั่นไงผมว่าแล้ว! มิวนิคจอมเสือกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน! ผมกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่ทว่าแก้วกลับขัดผม
     “นั่นสิต้น ปีนี้พวกเราผ่านอะไรมาด้วยกันตั้งเยอะ พวกเราอยากไปฉลองให้ต้นนะ ต้นไม่อยากฉลองกับพวกเราเหรอจ้ะ?”
     ผมไม่ได้ไม่อยากฉลองกับพวกเขา แต่ผม... ผมแค่อยากสวีทกับพี่ชัชสองต่อสอง ให้ตายเหอะ! ผมอุตส่าห์หนีงานฉลองของคุณปู่มาได้นะครับ
     “เรา... งั้นขอเรากลับไปถามแฟนเราก่อนก็แล้วกัน”
     “อะไรวะ มึงอยู่กับแฟนอยู่แล้วก็รอกลับบ้านก่อนแล้วค่อยฉลองดิ๊ ตอนเย็นก็ไปกับพวกกูก่อน”
     จนได้! ไปป์นะไปป์ ผมเห็นนะ ไปป์กับป่านแอบตีมือกันด้วยครับ นายไปป์จอมวางแผน ผมไม่น่าประมาทเลยจริงๆ แล้วผมจะกลับไปบอกพี่ชัชว่ายังไงละเนี่ย?

     ผมนั่งกลุ้มเรื่องที่ปีนี้ผมอาจไม่ได้ฉลองวันเกิดกับพี่ชัชอยู่ตั้งนาน แต่พอผมบอกพี่ชัช ปฏิกิริยาที่ผมได้รับกลับเป็น
     “หือ? จะไปฉลองกับเพื่อนเหรอ เออ เอาสิ”
     ผมช็อกกลางโต๊ะอาหารจนลืมตักข้าวผัดเข้าปาก!
     “เอ่อ.... ผมไม่ได้จะไปฉลองวันเกิดกับเพื่อนครับ เพียงแต่เพื่อนเขาชวนผมไปเลี้ยงวันเกิด ผมเลยมาถามความเห็นพี่ชัช ถ้าพี่ชัชไม่อนุญาตผมก็ไม่ได้ครับ”
     “ก็ไปดิต้น พี่อนุญาต”
     พี่ชัชบ้า! ไม่เข้าใจรึไงว่าผมอยากฉลองวันเกิดกับพี่ชัชมากกว่า ท่าทางพี่ชัชที่นั่งทานข้าวแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรมันชวนหงุดหงิดมากเลยครับ ไม่เห็นความสำคัญของวันเกิดผมเลยรึไง! ผมตัดสินใจถามไปตรงๆ
     “แล้วพี่ชัชไม่มีแผนอะไรเหรอครับ?”
     “ก็พี่ต้องทำงานนี่ ถ้ามีก็ซื้อเค้กมากินกับเราเหมือนปีที่แล้วนั่นแหละ แต่ปีนี้วันหยุดต้นก็ต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดที่ปู่เราจัดให้อยู่ดีไม่ใช่เหรอ?”
     แต่ปีที่แล้วพอถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์พี่ยังพาผมไปเดทนะครับ นี่จะโทษว่าเป็นเพราะผมคิวยุ่งเองอย่างนั้นเหรอ? ถึงมันจะเป็นเพราะแบบนั้นจริงๆ แต่พี่ก็ควรจะทำอะไรให้ผมบ้างสิ พี่ชัชบ้า! โอเค๊! ผมไปเลี้ยงฉลองกับพวกเพื่อนๆ ก็ได้

     เพราะวันนี้ผมงอน พอทานข้าวเสร็จผมก็เลยรีบล้างจานชามแล้วหนีเข้าห้องนอนมาโทรศัพท์หาเมษ ผมเล่าเรื่องราวให้เมษฟัง แต่เมษกลับทำตัวเป็นนางมารร้ายหัวเราะเยาะเสียงสูงใส่ผม
     “เอ๊าะ! ผัวแกก็ทำถูกแล้วไง หรือต้องให้เขาลากแกโดดเรียนหนีปู่แกแล้วพาไปสวีทสองต่อสองที่มัลดีฟส์ย๊ะ”
     “ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่... พี่ชัชน่าจะพูดอะไรบ้าง นี่พี่เขาทำตัวเฉยๆ มากเลยนะ เหมือนไม่เสียดายเลยอ่ะ”
     “แล้วที่เขาไปทำงานทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะเขาไปหาเงินมาเลี้ยงแกรึยังไง อย่าเยอะนังต้น! แกควรจะดีใจนะที่พวกนั้นอยากฉลองวันเกิดให้แก แกอุตส่ามีเพื่อนกับเขาแล้วน้า อย่าติดผัวมากนักเลยย่ะ”
     “บ้า! เราไม่ใช่คนเห็นแฟนสำคัญกว่าเพื่อนซักหน่อย เพียงแต่... นี่มันโอกาสพิเศษนะเมษ เราก็แค่อยากให้พี่ชัช... อืม... เฮ้อ! ช่างเถอะ แล้วนายล่ะ ไม่อยากมาแฮปปี้เบิร์ธเดย์เราเหรอ?”
     “โอ๊ย! ฉันรู้หน้าที่ของตัวเองดีย่ะ เพียงแต่ฉันไม่อยากไปเกะกะเวลาสวีทของแกกับผัว”
     “ปีนี้ก็ไม่ได้มีอะไรแล้วซะหน่อย”
     “เอ๊าะบ่นๆ สำหรับฉันน่ะ ถ้าอยากเจอแกฉันจะหอบเสื้อผ้าไปนอนห้องแกเมื่อไหร่ก็ได้ คอนโดแกกับบ้านฉันก็ใกล้กัน ไม่ต้องเรื่องมากหรอก บางทีพี่ชัชเขาก็อาจจะคิดแบบนี้ก็ได้ เลยอยากให้แกไปฉลองกับเพื่อนไง”
     “มันไม่เหมือนกันนี่ วันนั้นเป็นวันสำคัญของเรานี่นา เราก็อยากฉลองกับคนสำคัญของเราสิ”
     “แต่เพื่อนๆ แกที่มหาลัยก็สำคัญไม่ใช่เหรอ หัดเข้าสังคมไว้บ้างเถอะย่ะ! รู้มั้ยบางทีเรื่องแบบนี้มันก็เป็นธรรมเนียมนะแก ดูอย่างพี่สาวฉันสิ พึ่งทำงานได้ไม่ทันไรก็ต้องไปงานแต่งงานบวชงานตายชาวบ้านเค้าไปทั่ว บางคนแทบไม่ได้คุยกันเลยแต่ก็ต้องไปต้องใส่ซอง สังคมตอนแกไปทำงานโหดร้ายยิ่งกว่านี้อีก นี่ดีเท่าไหร่แล้วที่มีคนรักแกอยากฉลองให้แก อุตส่ามีคนอยากทำสิ่งดีๆ ให้แกนะต้น แกก็รับๆ ไปเถอะ ดีกว่าวันเกิดทั้งทีแต่ไม่มีใครสนใจไม่มีใครคิดถึง ต้องนั่งเหงาอยู่คนเดียวไม่มีทั้งเพื่อนทั้งแฟน”
     “ก็คงงั้น... แต่พูดก็พูดน้า ยังไงเราก็อยากฉลองกับพี่ชัชอยู่ดีนี่นา แค่พี่ชัชพูดซักคำว่า อืมไม่เป็นไรนะ ไว้ต้นกลับมาแล้วเราค่อยมาฉลองต่อกันสองคนก็ได้อะไรทำนองนี้เราก็ดีใจแล้ว แต่นี่พี่ชัชทำเหมือนไม่แคร์เลยอ่ะ”
     “แล้วผัวแกบอกซักคำรึยังว่าเขาจะไม่ฉลองให้แก แกนี่ตีตนไปก่อนไข้อีกละ เท่าที่ฉันฟังพี่เขาก็แค่บอกอนุญาตให้แกไปกับเพื่อน ไม่ได้บอกซักคำว่าจะไม่ฉลองกับแก”
     “....”
     “เงียบไปเลยนะแก สะอึกล่ะสิ แกนี่น้านังต้น เยอะ!”
     “อย่ามาว่าเรานะ! ก็ตอนนั้นมัน....”
     เมษนะเมษ ได้ทีล่ะว่าผมใหญ่เชียว ผมว่าผมไม่ได้เรื่องมากขนาดนั้นซักหน่อย โมเม้นต์นั้นเป็นใครก็ต้องแอบน้อยใจกันทั้งนั้นแหละ! แต่ในระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะเถียงอะไรกลับไปดี พี่ชัชก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง
     “อ้าว ยังไม่นอนเหรอ? พี่นึกว่าเราอาบน้ำนอนแล้วซะอีก”
     “แป็บนะเมษ”
     ผมกระซิบบอกเมษในโทรศัพท์แล้วเอามือปิดตรงรูไมค์ไว้แล้วหันไปตอบพี่ชัช
     “ผมคุยโทรศัพท์อยู่ครับ แต่อีกเดี๋ยวก็จะไปอาบน้ำนอนแล้ว”
     “เออ งั้นพี่อาบก่อนแล้วกันนะ”
     “ครับ”
     ผมมองพี่ชัชสลัดเสื้อผ้าลงตะกร้าอย่างรวดเร็วแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินโป๊เข้าห้องน้ำไปอย่างละเหี่ยใจ อย่างน้อยๆ ก็ช่วยคลายแขนเสื้อที่พับไว้ก่อนหย่อนลงตะกร้าไม่ได้รึไงนะ แฟนผมเป็นผีขี้เกียจจอมลามกชอบแก้ผ้าเดินโทงๆ เวลาอยู่บ้าน!
     “เมษ แค่นี้ก่อนนะ พี่ชัชเข้าห้องมาแล้วอ่ะ”
     “แหม นินทาไม่สะดวกแล้วว่างั้น โฮะๆ”
     “บ้า! เค้าไม่ได้เรียกว่านินทาซักหน่อย”
     “จ้า นังต้น แกก็อย่างอนผัวมากนักเลยแก ฉันหมั่นไส้!”
     “อื้อ รู้แล้วน่ะ แค่นี้นะ บาย”
     “บายย่ะ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


สิ่งที่เด็กเลี้ยงแกะไม่รู้

สามหนุ่มกลุ่มบ้า
     “เฮ้ยพวกมึงช่วยกูคิดหน่อยดิวะ กูจะซื้ออะไรให้ต้นดีวะ?”
     “มึงอยากให้ไรก็ให้ไง”
     “ไม่เอา กูอยากได้แบบที่มีความหมายด้วยอ่ะ ต้นจะได้คิดถึงกูไง”
     “แล้วมึงจะให้เขาคิดถึงมึงในฐานะอะไร ไหนบอกมึงแค่ชอบเฉยๆ ไม่ได้คิดจีบจริงจังไง”
     “มึงไม่เข้าใจหรอกเป้ มึงไม่เคยมีความรัก มึงว่าไงวะ นัน?”
     “มึงอยากให้ไรก็ให้ไปเหอะ เชี่ยต้นงกจะตาย มึงให้ไรมันก็เอาทั้งนั้น”
     “พวกมึงนี่ไม่ช่วยกูคิดเลย นั่นมันต้นนะเว่ย กูว่าอย่างต้นต้องชอบของที่ใช้ประโยชน์ได้แน่นอน คงไม่ชอบพวกตุ๊กตาหรือดอกไม้หรอกมั้ง”
     “มันก็แหง๋อยู่แล้ว ต้นเป็นผู้ชายนะมิว มึงทำซะอย่างกับต้นเป็นผู้หญิง”
     “เฮ้ยแต่กูชอบตุ๊กตานะ แฟนกูซื้อตุ๊กตาคล้ายๆ กูให้กูตอนปีใหม่อ่ะ โคตรน่ารักเลย”
     “เพราะมึงมันหลงตัวเองไงนัน เชื่อกูไอ้มิวเพื่อนรัก มึงซื้อหนังสือให้ต้นดีที่สุด”
     “วันเกิดแล้วให้หนังสือเนี่ยนะ ไม่โรแมนติกเลยว่ะ!”
     “กูไปสืบมาให้มึงแล้ว จากการสำรวจมาอย่างลับๆ ต้นมันชอบรีบกลับบ้าน ไม่ค่อยไปเที่ยวไหน วันๆ มันก็อยู่แต่บ้าน แต่มันกลับไม่ค่อยเล่นคอมเข้าเน็ท ทีวีมันก็ไม่ดู เพราะงั้นเหลือกิจกรรมอย่างเดียวที่มันจะทำ อ่านหนังสือยังไงล่ะ! มึงคิดว่ามันชอบไปหอสมุดบ่อยๆ เพราะอะไร? นั่นเป็นเพราะว่ามันชอบอ่านหนังสือนั่นเอง!”
     “แล้วไงวะ? กูไม่เข้าใจ”
     “โธ่ เพื่อนมิวครับ มึงก็คิดดูสิ ต้นชอบอ่านหนังสือแล้วมึงก็ซื้อหนังสือให้ ต้นมันจะไม่ดีใจได้ยังไง เผลอๆ มันจะยิ้มให้มึงแล้วพูดว่า ขอบใจนะ นายรู้ได้ยังไงว่าเราชอบอ่านหนังสือ เราจะคิดถึงนายทุกครั้งที่เปิดอ่านเลยล่ะ แบบนี้ไงวะ”
     “เออจริงด้วยว่ะ แจ่มๆ ไอเดียมึงนี่ดีจริงๆ”
     “เพ้อ! เชี่ยต้นไม่มีทางพูดแบบนั้นหรอก ว่าแต่พวกมึงจะซื้อหนังสือให้ต้นอ่ะ พวกมึงรู้เหรอว่าต้นชอบอ่านหนังสือแนวไหน”
     “เออว่ะ.... แล้วกูจะซื้อหนังสืออะไรให้ต้นดีวะเป้?”
     “กู... กูก็ไม่รู้ กูยังไม่ได้สำรวจหัวข้อนี้”

เดอะแก๊ง
     “แผนแกนี่แจ่มจริงๆ เลยอ่ะไปป์ คิดได้ยังไง ลากไอ้ยักษ์เข้ามาร่วมวง”
     “ไม่เห็นดีเลย ฉันเกลียดขี้หน้ามัน ไม่อยากให้มันไปด้วย!”
     “ทนรำคาญอิมิวมันหน่อยแต่มีต้น กับไม่มีต้นเลย แกจะเอาแบบไหนห๊ะยัยเมย์!”
     “แต่ไปป์บอกว่าขอแฟนต้นแล้วไม่ใช่เหรอจ้ะ?”
     “อือ เราถามแฟนต้นแล้ว แฟนต้นไม่มีปัญหา แต่ต้นท่าทางไม่อยากไปกับพวกเราแฮะ”
     “แกก็เลิกหงอยได้แล้ว เชื่อฉันสิ ต้นมันไม่กล้าขัดพวกเราหรอก ถ้าเป็นแค่พวกเรากันเองต้นมันคงไม่ใส่ใจเท่าไหร่ แต่มีคนอื่นที่ไม่สนิทกันมาด้วยต้นมันไม่กล้าขัดอะไรหรอก ต้นมันขี้เกรงใจจะตาย เชื่อฉันๆ”
     “นั่นสิ ที่ป่านพูดมามันก็จริงนะจ้ะ พวกเราลองแบบนี้มั้ย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วทั้งที”
     “อะไรเหรอแก้ว?”
     “ก็ไปชวนคนอื่นๆ ในภาคให้หมดเลยไง ใครสนใจก็ไป ใครไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร แล้วก็... อืม เราว่าชวนคนอื่นๆ มาบริจาคแล้วพวกเรารวบรวมเงินนั้นไปซื้อของขวัญให้ต้นดีมั้ยจ้ะ อาจจะเป็นเฟรนด์ชิพแล้วให้ทุกคนเขียนอวยพรวันเกิดต้นก็ได้ ช่วงนี้ต้นมีแต่เรื่องแย่ๆ เข้ามา เราสงสารต้น อยากให้กำลังใจต้นน่ะ”
     “โอ๊ยแก้ว! คิดได้ยังไงเนี่ย ไอเดียดีสุดๆ งั้นเอาตามนี้แหละแก ที่เหลือก็สมทบทุนค่าเลี้ยงวันเกิดต้น กำไรเห็นๆ”
     “จะดีเหรอป่าน ถ้าคนอื่นรู้เข้า?”
     “ไม่เป็นไรหรอกแก้ว ไหนๆ พวกเราก็จะพาต้นไปเลี้ยงอยู่แล้ว ก็เอาเศษที่เหลือไปสมทบทุนไง ไม่น่าเกลียดหรอก”
     “เอ่อ... เรา เราว่าเอาเศษที่เหลือไปซื้อของขวัญให้ต้นดีกว่ามั้ย มันยุติธรรมกับคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ไปด้วยมากกว่านะ”
     “โอมอ่ะ แกนี่ขัดลาภจริงๆ”

หมาป่า
     หึๆ ไอ้ต้นมันงอนผมด้วยครับ มันชักสีหน้าใส่ผมซะจนหน้าหงิกหน้างอแต่ดันไม่กล้าท้วงอะไร ทีแบบนี้ละก็ทำเป็นหงอยแล้วก็ไปแอบงอน จริงๆ ถ้ามันอยากฉลองกับผมก็น่าจะใส่จริตอ้อนๆ ผมหน่อยน้า ขอแค่มันบอกผมไม่ว่ามันอยากให้ผมทำอะไรผมก็พร้อมจะทำให้มันทุกอย่างอยู่แล้ว แทนที่จะอ้อนผัว ดันทำงอนแล้วโทรไปบ่นน้อยใจกับเพื่อน
     รอก่อนเถ้อ พรุ่งนี้พี่จัดหนักแน่ต้นเอ้ย ฮ่าๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



บางคนชอบเทเพื่อนเพราะติดแฟน นิสัยแบบนี้ไม่งามนะเคอะ คุณน้องต้นควรต้องเข้าสังคมบ้าง อย่ามัวแต่หมกอยู่กะปั๊ว!(แอบใบ้Hintไว้อย่างมีนัยยะสำคัญ หึๆ)

นี่มันนิยายอัลไล! ยิ่งอ่านยิ่งหาความมุ้งมิ้งไม่เจอ ฮ่าๆ
ตอนนี้น้องต้นแลดูตุ๊ดแตกมาก แต่น้องเมษชนะขาด! ชาบูว์กะเทยเจ้าค่ะ ฮ่าๆ
คนแต่งเคยบอกคนอ่านรึเปล่าว่านิยายในดวงใจประจำเล้าคือ บัดซบจริงๆ เลยเป็นตุ๊ดอ่ะ โดยเจ้แบ๊ะ ตุ๊ด ตจว. คาแรคเตอร์น้องต้นบางส่วนแอบหยิบยืมอารมณ์มาจากเจ้ เหอะๆ
กราบขออภัยคนอ่านอีกทีที่นิยายเรื่องนี้มันไม่ใช่นิยายวายเมะเคะ มันกลายเป็นนิยายรักระหว่างผู้ชายกับตุ๊ดสับสนทางเพศ(คีย์มันมาตั้งแต่ภาค1)
แต่พอดีน้องต้นฮีลุคไม่สาวไง โชคดีที่ลุคฮีเนิร์ด พวกสายวิทย์จะงี้แหละ ดูเรียบร้อยๆ คงแก่เรียน เลยรอดตัวไป แต่เชื่อว่าคนอ่านคงจับทางได้จากน้ำเสียง เวลาน้องต้นหลุดๆ "บ้า!" เสียงฮีจะสูงขึ้นอีกเสต็บ ตอนนี้ฮีอาจจะยังดูแอ๊บๆ แต่มาดูกันว่าน้องต้นจะแกรนโอเพ่นนิ่งตัวเองยังไง แล้วเพื่อนๆ จะสังเกตมั้ย? จะรับได้รึเปล่า? เหล่าฟิสิกส์แมนๆ ทั้งหลายจะทำยังไงกับเพื่อนที่กลายเป็น ...

ถึงเราจะเขียนน้องต้นออกมาประหลาดๆ แต่ขอบอกว่าเรารักต้นน้ำมากน้า ไม่ได้อคติกับเพศที่สามแล้วรวบรวมแต่สิ่งแย่ๆ มาใส่ในตัวละครตัวนี้หรอก แต่แค่อยากเขียนตัวละครที่มีเรื่องแย่ๆ อยู่เยอะตามประสาเด็กเก็บกด แต่อยากสื่อว่าแม้แต่คนแบบต้นน้ำก็มีมุมที่น่ารัก คนแบบนี้บางทีตอนแรกอาจจะขัดใจแต่อยู่ๆ ไปคุณอาจหลงรักเขาไม่รู้ตัว ละสายตาจากคนๆ นี้ไม่ได้ทำนองนั้น หุๆ เอ็นดูต้นน้ำกันละซี่?
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#7/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน12
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 07-11-2014 22:02:51
ไปป์

     “เอ้าๆ เพื่อนๆ ทุกคนฟังทางนี้ สาเหตุที่ฉันเรียกพวกแกมาสุมหัวกันแต่เช้าเพื่อจะบอกพวกแกว่า พรุ่งนี้วันเกิดต้น!”
     ป่านพูดพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง ท่าทางของป่านดูห้าวหาญมากเลย แต่ความจริงผมว่าป่านพูดผิดไปนิดนึงนะ นี่ก็ไม่เช้าเท่าไหร่หรอก เพราะบางคนที่ชอบมาสายนั่นแหละ ซึ่งก็รวมผมด้วย แหะๆ
     เมื่อวานป่านส่งข้อความไปนัดทุกคนให้มาแต่เช้าเพราะพวกเราจะประชุมเรื่องเลี้ยงวันเกิดให้ต้น เสียดายที่พวกเรานัดต้นไว้แล้ว นี่ถ้าเป็นงานเลี้ยงเซอร์ไพรส์มันต้องสนุกกว่านี้แน่ๆ เพื่อที่จะได้คุยเรื่องนี้กันแบบลับๆ เมย์ถึงกับต้องแอคติ้งทำเป็นปวดท้องไม่ได้กินข้าวเช้าแล้วลากต้นไปหาอะไรกินเลยนะเนี่ย แล้วให้ผมกับป่านมาจัดการเรื่องทางนี้แทน
     “วันเกิดต้นแล้วไงวะ พวกมึงจะทำเซอร์ไพรส์มันเหรอ?”
     “มึงเข้าใจถูกแล้วอาร์ทพวกกูจะเลี้ยงวันเกิดต้นแล้วก็จะซื้อของขวัญให้ต้นโด้-”
     “อิไปป์ เงียบ!”
     เง้อ! ป่านตวาดผมทำไมอ๊า
     “เวลายิ่งมีน้อยๆ อยู่เดี๋ยวต้นก็กลับมาหรอก พวกแกฟังให้จบก่อนละใครจะถามอะไรค่อยถามโอเค๊! ห้ามแทรก ระ หว่าง ฉัน พูด! คืองี้ ตอนแรกพวกฉันก็ว่าจะไปกินข้าวกันในกลุ่ม แต่ทีนี้กลุ่มไอ้มิวมันเสือกอยากจะไปด้วย”
     อ้าวๆ ป่านพาดพิงไอ้ยักษ์ด้วยแฮะ
     “มึงว่ากูเสือกเหรอป่าน!”
     แต่ถึงเชี่ยมิวมันจะประท้วง ยัยป่านก็ยังอธิบายต่อหน้าตาเฉยไม่สนใจ ฮ่าๆ สมน้ำหน้ามึงละไอ้ยักษ์
     “พวกฉันก็เลยมาถามพวกแกว่ามีใครสนใจจะไปอีกมั้ย จะได้ดูร้านที่มันเหมาะๆ หน่อย แล้วแก้วก็เสนอว่าพวกเราน่าจะรวมทุนกันซื้อของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้ต้นมัน”
     “โหย ไม่ยุติธรรม กูก็เกิดเดือนนี้เหมือนกัน”
     “ต้องให้คนละเท่าไหร่วะ?”
     “ทำไมกูต้องให้ของขวัญไอ้ต้นด้วยวะ ทีมันยังไม่เคยให้ของขวัญกูเลย สนิทก็ไม่สนิท”
     “แต่กูซื้ออย่างอื่นให้มันแล้วนะเว้ย!”
     “เฮ้ยกูว่าเรื่องแบบนี้มันแล้วแต่คนละ ใครอยากให้ก็ให้ ใครไม่อยากก็ไม่น่าบังคับ”
     มีเสียงประท้วงอย่างเซ็งแซ่มาจากพวกไม่เห็นด้วย เดี๋ยวก็รู้ พวกมึงรู้จักป่านน้อยไป ไม่แพ้เมย์หรอก
     “พวกแก เงี๊ยบ! ฉัน บอก ว่า ให้ ฟัง ก่อน สิเว้ย!”
     คู่หูของผมเอามือข้างนึงเท้าสะเอว อีกมือหยิบสมุดเลคเชอร์ม้วนไปข้างหน้าทำท่าชี้ตรงไปยังพวกมันที่เหลือ โอ้โห ท่านี้เท่สุดๆ ไปเลยป่าน!
     “แฮ่กๆ นั่นแหละ อย่างที่ฉันบอก งานนี้ไม่บังคับ ใครจะให้แล้วให้อีกเป็นการส่วนตัวก็ได้ ใครไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ใครอยากให้เท่าไหร่ก็ตามใจ มีเท่าไหนเอาเท่านั้น แล้วเดี๋ยวพวกฉันค่อยเอามาดูว่าได้ยอดเท่าไหร่ ละค่อยไปเลือกของขวัญอีกที ไปป์ น้ำ!”
     อ๊ะ! น้ำๆ ป่านเอาขวดน้ำไปวางไว้ไหนน้อ เจอละ ผมส่งน้ำให้ป่านดื่ม แม้ว่าตอนนี้ป่านจะพักยกดื่มน้ำอยู่ แต่พวกมันไม่มีใครกล้าเอะอะเลยคับ สุดยอด!
     “แล้วทีนี้แหละ พวกแกคงรู้เรื่องแล้วใช่มั้ย เกี่ยวกับเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นกับต้นในช่วงนี้อ่ะ พวกฉันก็เลยว่าจะซื้อสมุดสวยๆ ซักเล่มแล้วให้พวกแกทุกคนเขียนคำอวยพรให้ต้นมัน ย้ำนะ ทุกคน! ซึ่งถ้าเก็บเงินได้เยอะ ก็อาจจะได้ทั้งสมุดและของขวัญ แต่ถ้าได้น้อย ไม่พอแม้แต่ค่าสมุด พวกฉันจะหาทางบริหารเอง แต่พวกแกต้องมาเขียนคำอวยพรให้ต้นมันทุกคน ถือว่าฉันขอร้องก็ได้ ฉันอยากให้กำลังใจต้นมัน ถึงต้นมันจะไม่สนิทกับพวกแกบางคนมากเท่าไหร่ แต่ยังไงก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน พวกแกก็ใช้โอกาสนี้ให้กำลังใจต้นมันหน่อยนะ”
     แล้วป่านก็เงียบหลังพูดจบ ป่านหันไปมองคนอื่นรอบๆ ห้องเพื่อดูปฏิกิริยา ผมถือโอกาสสำรวจเพื่อนๆ แต่ละคนไปในตัว แต่พวกเราก็เงียบได้ไม่นาน เพราะผมเห็นอาร์ทมันยกมือ
     “มึงพูดจบแล้วใช่มั้ยป่าน กูจะได้พูดมั่ง”
     “เออ แกมีไรก็ว่ามา”
     “ไอ้ต้นมันเป็นเกย์ มันไม่ได้เป็นเอดส์ มันไม่ได้ต้องการกำลังใจจากสังคมมากขนาดนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่มันเป็นอะไร แต่อยู่ที่นิสัยมัน ถ้ามันไม่ยอมเลิกนิสัยแบบนี้ เดี๋ยวก็มีเรื่องอีกจนได้
     อุ่ย! ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ
     “ฉันรู้ว่าแกไม่ชอบต้น แต่แกไม่ต้องจุดประเด็นตอนนี้ได้มั้ยวะ”
     “เฮ้ย! กูไม่ได้ไม่ชอบต้น”
     “พอเหอะอาร์ท!”
     ป่านกับอาร์ททำท่าจะทะเลาะกัน แต่อัฐก็ช่วยเบรคทั้งคู่เอาไว้ ผมใจหายหมด
     “พวกเรามาประชุมเรื่องเก็บเงินกับหาของขวัญให้ต้นกันไม่ใช่เหรอ เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลังก็ได้มั้ง อาร์ท ป่าน”
     โชคดีนะเนี่ยที่อัฐอยู่ด้วย ผมละกลัวจริงๆ แก้วไม่อยู่ตรงนี้ซะด้วยสิ ผมเอาป่านไม่อยู่หรอก ไม่กล้ายุ่งกับอาร์ทด้วย ผมเถียงกับมันไม่เคยชนะซักที
     “ก็มันแหละ”
     “กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
     “อาร์ทพอๆ กูเข้าใจความหมายมึง แต่มันจำเป็นต้องพูดตอนนี้มั้ยวะ”
     พอเจออัฐเตือนสติเข้าไป สงครามก็สงบลงทันตาเห็น อัฐนี่สุดยอดจริงๆ
     “แล้วตกลงใครจะเก็บเงิน กูพร้อมจ่ายแล้ว พรุ่งนี้นับกูด้วยหนึ่งหัว”
     ไอ้คิวว์เสนอตัวขึ้นคนแรก สมกับเป็นขวัญใจมหาชน ฉายามิสเตอร์ไนซ์กาย ใครทำอะไรชวนไปไหนมันไปหมด ผมหันไปมองป่าน แต่ท่าทางป่านยังเซ็งอยู่ ผมก็เลยยกมือขึ้นเสนอตัว
     “มา จ่ายกับกูก็ได้”
     “ใครให้ไอ้ไปป์เก็บเงิน!”
     เง้อ! ตวาดผมทำไม ผมทำไรผิดอ่า
     “เธอให้ไปป์เก็บเงินเหรอป่าน?”
     “เปล่า ตอนแรกตั้งใจว่าแค่มาคุย ไม่คิดว่าพวกแกจะร่วมสมทบทุนกันจริงๆ”
     “เฮ้ยมึงอย่าเรื่องมากน่ะ เป็นทอมเขาไม่ขี้งอนกันหรอก มาๆ กูเก็บเองก็ได้ เหรุ่นอยู่แล้ว”
     “อีวิน! ฉันไม่ ใช่ ทอม!”
     “พวกมึงสองตัวจะเถียงกันอีกนานมั้ยวะ เดี๋ยวแม่ไอ้ไปป์ก็มาหรอก”
     ไอ้เอกมันสอดขึ้น แต่... เกี่ยวอะไรกับแม่ผม? ใครเหรอ?
     “ใครวะ แม่กู?”
     “ก็ไอ้ต้นไง”
     “เออจริง!”
     ผมหันไปมองป่าน ผมพยายามสะกิดป่าน
     “เออๆ ใครจะจ่ายเงินมาที่ฉันนี่ ใครจะไปด้วยกันพรุ่งนี้ก็ไปบอกชื่อกับอิไปป์มัน ไปป์! แกจดด้วยนะ”
     ชิ! ป่านนี่ดูถูกสมองผมจัง แค่นี้ผมจำได้น่า
     “เฮ้ยป่าน ให้ตังค์ได้ช้าสุดตอนไหนวะ ตอนนี้กูไม่มีตังค์เลยอ่ะ ขอไปกดตังค์ก่อนได้ป่ะ”
     พอไอ้พัทพูดจบ ทุกคนก็ร่วมกันโห่
     “หน้าอย่างมึงจะให้ไอ้ต้นซักแค่ไหนกันวะ สิบยี่สิบก็ให้ๆ ไปก่อนเถอะ”
     “ทุเรศละอิโค่ เพื่อนนะย๊ะ ไม่ใช่ขอทาน”
     “กูไม่เคยให้เงินขอทานโว้ย!”
     ผมกับป่านล่ะนับถือความหน้าด้านของโค่มันเลย ดูท่ามันจะภูมิใจในความเห็นแก่ตัวของมันมาก
     “เอางี้ๆ อย่างช้าสุดเที่ยงครึ่งโอเคป่ะ ฉันจะอยู่รอที่นี่ เพราะต้องไปซื้อของกันเย็นนี้ แล้วพรุ่งนี้เช้าจะเอามาให้เขียน รีบๆ มากันล่ะ ใครยังไม่จ่ายก็ออกไปได้เลย เดี๋ยวต้นมันผิดสังเกต ใครจะจ่ายเลยก็อยู่รอก่อน”
     ถึงป่านจะบอกแบบนั้นแต่คนที่เดินออกจากห้องไปก็มีไม่กี่คน
     “อ้าว แล้วคนที่ไปด้วยกันพรุ่งนี้ล่ะป่าน?”
     “แกก็ไปถามเอาเองสิ ฉันบอกไปแล้วถ้าใครมันจะไปเดี๋ยวมันก็เดินมาบอกแกเองแหละอิไปป์!”
     ผมทำไรผิดเนี่ย ป่านวีนใส่ผมอีกแล้ว ทำไมวันนี้ป่านวีนจังหว่า ช่างเหอะ ผมทำหน้าที่ของผมดีกว่า คนที่จะไปด้วยพรุ่งนี้บางคนยกมือตะโกนบอกผม ไม่เห็นมันจะเดินมาบอกผมเลย ชักหัวหมุนแหะ ใครมั่งหว่า แล้วผมจดชื่อใครไปแล้วบ้างวะ?
     “นับกูด้วย!”
     แล้วไอ้“กู”นี่มันใครวะ? อ้อ เสียงไอ้นอยซ์ ข้างๆ นั่นไอ้ถังก็ยก
     “มึงไปด้วยเหรอถัง?”
     ไอ้ถังพยักหน้า แปลว่าไป จดๆ
     “มึงแมนยูลิเวอร์พูลเหรอป่าน?”
     เสียงไอ้โค่ถามขึ้นขณะที่จ่ายเงินให้ป่าน ผมมองแบงค์ในมือของมัน ห้าสิบ…
     “อะไรของแกย๊ะ แมนยูลิเวอร์พูล?”
     ป่านที่กำลังจดชื่อและนับเงินถามไอ้โค่กลับ
     “ก็แดงเดือดไงมึง วันนี้วีนจัง”
     อุ่ย! วอนหาที่ตายแล้วมั้ยล่ะ ผมไม่เกี่ยวนะ
     “จ่ายเสร็จแล้วไสหัวไปเลย อิโค่! ก่อนที่ฉันจะเตะแก ละพรุ่งนี้ไม่ต้องโผล่ไปทำให้ชาวบ้านเขาเสียบรรยากาศกันเลยนะ”
     “แรงว่ะ มีสังสรรค์ที่ไหน มีกูที่นั่น ไปป์ นับกูด้วยหนึ่ง!”
     ผมทำเป็นไม่ได้ยินแล้วลืมจดชื่อมันได้มั้ยอ่ะ? ผมไม่อยากให้ต้นปวดหัวพรุ่งนี้
     “นี่ของพวกเราสามคน”
     “โอเค ยศ วิน อาร์ท สองร้อย แล้วพรุ่งนี้แกจะไปกับพวกฉันรึเปล่า?”
     “พวกมึงเอาไงวะ?”
     “แล้วพวกเธอจะไปที่ไหนกันล่ะ ถ้าไปนี่คือค่ากินออกเองใช่ป่ะ?”
     “ยังไม่แน่ใจเลย ว่าจะดูคนก่อน ตอนแรกว่าจะไปชาบูชิไรพวกนั้น แต่ถ้าคนเยอะๆ ก็อาจจะต้องลดเป็นหมูกะทะ”
     “ทำไมไม่ดูให้แน่แล้วค่อยมาบอกวะ แล้วที่ไปก็มีไอ้ต้นไปด้วย ต้องเลี้ยงมันอีกไม่ใช่เหรอ พวกเธอจะหารเลี้ยงไอ้ต้นกันห้าคนหรือให้คนอื่นออกด้วย? งบมันต่างกันนะเว้ย”
     จะ จะ จริงด้วย! ผมกับป่านหันมามองหน้ากันด้วยอารมณ์ตกใจกับความสะเพร่าของตัวเอง ไอ้ยศทำสีหน้าเอือมระอาใส่พวกผมสองคน
     “มานี่ กูดูเอง”
     มันพูดพร้อมกับกระดิกมือขอกระดาษจดรายชื่อจากผม ผมเลยจำใจต้องส่งให้
     “คนที่จะไปที่แน่ๆ ก็มีพวกเธอหกคน บวกแก๊งไอ้มิวอีกสามก็กลายเป็นเก้า ไอ้นอยซ์ ไอ้ถัง เอก นน โค่ คิวว์ นี่ก็สิบห้าคนเข้าไปแล้ว ชาบูชิจะไหวเหรอวะ? เปลี่ยนเป็นหมูกะทะเลยเหอะ จะได้ถูกตังค์ด้วย เดี๋ยวกูดูร้านให้”
     สมกับเป็นไอ้ยศ โคตรเป๊ะ! ความรับผิดชอบกับความเป็นผู้นำมันมีเต็มเปี่ยม แต่ขี้บ่นสุดๆ แต่คิดอีกที... ผมว่ายังไงก็ไม่เท่าต้นหรอก
     “เฮ้ย พวกมึงอ่ะ ตกลงพรุ่งนี้เป็นหมูกะทะนะ ใครจะไปมาลงชื่อกับกู”
     อ้าว... แย่งงานผมซะละ เอ้อ! ผมไปช่วยป่านก็ได้ ป่านกำลังเก็บเงินพวกไอ้มิวอยู่เลยแฮะ
     “ยี่สิบ! แกให้เพื่อนยี่สิบเนี่ยนะอินัน!”
     “ก็กูไม่มีอ่ะ ช่วงนี้กูกรอบ”
     “เออน่า อย่าบ่นนันมันเลยป่าน เดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็ไปกับพวกเราอีก”
     “อ๋อ แกจะเซฟเงินไปกินพรุ่งนี้? งั้นก็ไม่ต้องไป เอาเงินมาวันนี้เลย”
     “โห โหดร้ายว่ะ”
     คิดอีกที ผมคิดถูกหรือคิดผิดที่ลากเอาพวกมันมาร่วมขบวนการด้วยกันหว่า? ทำไมภาคผมมันป่วนจัง เฮ้อ... ผมหวังว่าวันเกิดต้นปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีละน้า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



พักยกแป็บ คนแต่งติดสงครามนางงาม  :z10: เดี๋ยวดึกๆ มาต่อ ขอทิ้งท้ายไว้กับเหล่าทะโมนประจำภาคฟิสิกส์เด้อ งานนี้ป่วนแน่ๆ ต้นเอ้ย!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#7/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน12
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 08-11-2014 00:07:42
ต้นน้ำ

     ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองรึเปล่าครับ แต่ตาขวาของผมมันกระตุกมาตั้งแต่เช้า พี่ชัชทำตัวปกติมาก มากจนผิดปกติ ขนาดผมแสดงออกชัดเจนว่างอนมากพี่เขายังไม่ยอมมาโอ๋ผมซะที ทำตัวปกติราวกับไม่รับรู้ว่าผมงอน ผิดปกติมากครับ แถมพอผมมาถึงมหาวิทยาลัยก็โดนเมย์ลากไปนั่งทานข้าว บอกผมว่าหิวข้าวยังไม่ได้ทานข้าวเช้า แต่กลับนั่งเขี่ยข้าวในจานเล่น คุยกับแก้วไม่ค่อยทานจนเหลือซะครึ่งจาน พอผมจะเข้าห้องเรียน คิวว์ก็เดินเข้ามาทักผมแล้วบอกว่าอยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ ต้องสนุกแน่ๆ พรุ่งนี้วันเกิดผมน่ะใช่ แต่มันเกี่ยวอะไรกับคิวว์? ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ในภาคก็มองผมแปลกๆ ทำตัวเหมือนมีความลับกัน ผมคิดว่าชาวแก๊งของผมต้องมีส่วนรู้เห็นแน่ๆ ครับ
     แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น “แม็กซ์” ผมเดินไปตรงอื่นทันทีครับ ถึงอีกแป๊ปนึงอาจารย์จะมาแล้วก็เถอะ แต่วันนี้ไปป์จอมสายมาเร็ว แล้วผมก็ไม่ต้องการให้ไปป์มาแอบฟังผมคุยโทรศัพท์ด้วย ไปป์ชอบสอดเรื่องของผมจนน่ารำคาญ
     “โทรมาแต่เช้า มีอะไร?”
     “โทรมาจองตัวเพื่อนรัก บ่ายนี้ไปกินข้าวกับแม็กซ์นะ”
     “พุธนี้ว่างเหรอ?”
     “ว่างสิ เพราะแม็กซ์รู้ว่าต้นไม่ว่างพรุ่งนี้”
     ... ผมอยากฟ้องแม็กซ์จัง ทีแม็กซ์ยังใส่ใจความรู้สึกของผมเลย
     “ใครบอกล่ะ”
     “อ้าว ทำไมอ่ะ?”
     “ที่ไม่ว่างน่ะ เสาร์อาทิตย์ต่างหาก คุณปู่บอกจะเลี้ยงให้ ยังไม่รู้จะหลบยังไงเลย เราเข้าสังคมไม่เป็น”
     “ก็ไม่ต้องทำไรมาก ยิ้มเฉยๆ ก็พอแล้ว”
     “ถนัดนะนาย”
     “หึๆ คิดว่าแม็กซ์เป็นใครล่ะ?”
     “แม็กซ์... อยากกินแฮมเบอร์เกอร์แบบโฮมเมด”
     “ได้คร้าบ เดี๋ยวพาไปกิน ชวนอาร์มไปด้วยป่าว?”
     “เอาสิ วันนี้อาร์มน่าจะว่าง เดี๋ยวเราโทรบอกเอง”
     “โอเค งั้นเดี๋ยวบ่ายนี้เจอกัน”
     “อืม”
     เสร็จจากแม็กซ์ผมก็โทรหาอาร์ม
     “ว่าไงต้น”
     “อยู่ไหนอ่ะ ขับรถอยู่รึเปล่า?”
     อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยครับ แต่ผมเป็นห่วงอาร์ม ไม่อยากให้คุยโทรศัพท์ขณะขับรถ เพราะเวลาอาร์มขับรถ... อืมเอาเป็นว่าคุยพร้อมขับไม่ดีแน่ๆ ครับ
     “เปล่าๆ ถึงมหาลัยแล้ว นี่วิ่งไปตึกอยู่”
     ว่าแล้ว นี่ก็จอมเฉียดฉิวอีกคน
     “วันนี้ตอนบ่ายว่างมั้ย?”
     “ชวนไปฉลองล่วงหน้าเหรอ? ไปสิๆ”
     อาร์มนี่บางทีก็ฉลาดเหมือนกันนะครับ ผมยังไม่ทันพูดอะไรแท้ๆ หรืออาร์มจะรู้กันกับแม็กซ์อยู่ก่อนแล้ว
     “อืม งั้นตกลงตามนี้นะ แล้วเจอกัน”
     “ได้ๆ เดี๋ยวเราเสร็จแล้วเราไปหาต้นเอง”
     “อืม บาย”
     ผมวางสายจากอาร์มตั้งใจจะไปเค้นเอาความจริงจากสมาชิกในกลุ่ม แต่ยศกลับเดินมาหาผม
     “วันเกิดมึงพรุ่งนี้กูได้ที่แล้วนะ หมูกะทะตรงแถวๆ เพชรบุรี ร้านใหม่พึ่งเปิด เดินทางสะดวก รสชาติอร่อย ราคาไม่แพงมาก”
     ยศว่าอะไรนะ! คือ... ผมงงครับ งงจนถือโทรศัพท์ค้างเลย
     “นาย... ว่าอะไรนะ?”
     “วันเกิดมึงพรุ่งนี้ไง จะไปเลี้ยงกันที่ร้านหมูกะทะแถวเพชรบุรี แต่นอกจากมึงแล้วจะเลี้ยงให้ไอ้โค่มันด้วย มันก็เกิดเดือนนี้เหมือนมึง”
     โค่เนี่ยนะ! แล้วใครบอกว่าผมอยากไปฉลองวันเกิดกับโค่!
     ผมหันไปมองชาวแก๊งของผม แต่ทุกคนรีบหลบตาผมกันหมด เมย์กับป่านทำไม่รู้ไม่ชี้ยกสมุดเลคเชอร์กลับหัวขึ้นมาบังทำท่าสนใจเรียนซะเต็มประดา แก้วก้มลงทำท่าขีดๆ เขียนๆ อะไรซักอย่าง ไปป์เนียนทำเป็นงีบหลับ ส่วนโอมก็ยิ้มแหยๆ ให้ผมแล้วก้มหน้า
     โอเค... เล่นมัดมือชกกันแบบนี้ใช่มั้ย!
     “เรายังไม่แน่ใจเลยน่ะยศ”
     “มึงไม่แน่ใจอะไร?”
     “เอ่อ... ก็พวกป่านเค้าบอกว่าจะชวนเราไปฉลองอยู่แล้วไง”
     “ก็ไปกันหมดนี่แหละ แต่คนมันเยอะ เลยเปลี่ยนจากชาบูชิเป็นหมูกะทะไง มึงกินได้ใช่มั้ย?”
     “กินได้ใช่มั้ย?” แปลว่ายังไงผมก็ต้องไปสินะครับ
     “อืม เราไม่มีปัญหาอะไร”
     สาบานเลยว่าวินาทีที่ผมกัดฟันตอบออกไปผมเห็นห้าคนนั่นแอบทำท่าดีใจ แม้แต่แก้วยังกำมือทำท่า “เยส!” เบาๆ ให้ตายเหอะ!
     แต่ทำไงได้ล่ะครับ เพื่อนอุตส่าอยากเลี้ยงฉลองให้ผมทั้งที ผมเลยพยายามฉีกยิ้มให้กว้างมากที่สุดจนแก้มผมตึงไปหมด ผมคุยรายละเอียดกับยศอีกนิดหน่อยก่อนที่จะเดินไปนั่งประจำที่ของผม
     “แสบมากเลยนะพวกคุณ”
     “ขอโทษนะจ้ะต้น แต่พวกเราอยากเลี้ยงฉลองวันเกิดให้ต้นจริงๆ นะ”
     คิดว่าส่งแก้วมาเป็นนอมินีแล้วจะรอดกันเหรอ
     “เราก็ไม่ได้บอกซักคำว่าจะไม่ไปด้วย แล้วกลายเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้เนี่ยนะ?”
     ผมพูดพร้อมกับปรายตาไปทางโค่ พอป่านเห็นสายตาของผมก็รีบชิงแก้ตัว
     “ความคิดอิไปป์เลยแก ฉันไม่เกี่ยว! มันเลย”
     ป่านยกสองมือขึ้นมาทำท่าชี้ไปที่ไปป์แล้วก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นายโดนทิ้งแล้วล่ะไปป์ คู่หูของนายเขาเสียสละนายเอาตัวรอดไปแล้ว ในเวลาแบบนี้บางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่า ... ไปป์น่ารักก็ตรงนี้แหละ ทั้งเชื่องทั้งจูงจมูกง่าย ใครๆ ก็รัก หึๆ
     “เง้อ! ทำไมทำกับเราแบบนี้ล่ะ P1! เรา... ป่าวนะต้น เราไม่รู้อ่า นึกว่ามีแต่พวกมิวมันอ่า ยศนั่นแหละชวนคนอื่นๆ มาเพิ่มเอง เราไม่ได้ทำไรเลยน้า”
     คู่หูตัวป่วนต่างคนต่างโยนความรับผิดชอบ เฮ้อ....
     “ช่างเถอะ ขอบคุณนะ ทำเพื่อเราขนาดนี้ นานๆ ทีไปสังสรรค์กันในภาคแบบนี้ก็ไม่เลวมั้ง”
     “เย้! สำเร็จ”
     ผมมองป่านกับไปป์แปะมือกันด้วยความปวดหัว ทีเมื่อกี้ทั้งคู่ยังเกี่ยงกันรับผิดอยู่เลย ตอนนี้ดันมาสามัคคีกันแฮปปี้ซะแล้ว ถ้าไปป์เป็นจอมยุ่งแล้วละก็ ป่านเองก็จอมบงการ เมย์จอมเอาแต่ใจ แก้วเจ้าแม่ไอเดีย มีแต่โอมคนเดียวเท่านั้นแหละที่เข้าใจผม เพราะผมเห็นสีหน้าขอโทษแกมเห็นใจส่งมาให้ผมจากโอมเป็นระยะๆ เอาเถอะครับ หวังว่าพรุ่งนี้มันคงไม่เลวร้ายเท่าไหร่นะ แค่ไปกินข้าวด้วยกันเกือบทุกคนในภาค ... มันคงไม่ต่างกับตอนไปเลี้ยงรุ่นช่วงเปิดเรียนใหม่ๆ เท่าไหร่ ... ยอมรับว่าระแวงครับ ไม่มีรุ่นพี่ไปคุมซะด้วย หวังว่ายศคงเอาอยู่นะครับ เฮ้อ... เครียด!
     ผมนั่งเรียนด้วยอารมณ์หวั่นๆ เกือบทั้งคาบ ความกดดันมันเกาะแน่นในใจจนผมเรียนไม่มีความสุขเลยครับ รอไปผ่อนคลายอารมณ์กับแฮมเบอร์เกอร์อร่อยๆ เที่ยงนี้ดีกว่า

     ตอนเช้าผมคิดว่าแย่แล้ว แต่ตอนกลางวันที่ผมเลิกเรียน มันแย่ยิ่งกว่าครับ! มิน่าผมเห็นจิ้งจกเกาะผนังระเบียงเมื่อเช้า ทั้งๆ ที่ปกติห้องผมไม่มีจิ้งจก แถมมันยังร้องทักผมด้วย!
     ผมคิดว่าเป็นเซอร์ไพรส์ที่สุดของที่สุดเลยก็ว่าได้ ... เป็นธรรมดาของอาจารย์ท่านนี้ที่ชอบสอนเกินเวลา ดังนั้นพวกผมเลยลงมาช้า ผมคิดว่าอาร์มน่าจะมารอผมอยู่แล้ว แต่แม็กซ์น่าจะยังมาไม่ถึง พวกผมเดินลงจากตึกพร้อมๆ กันเป็นกลุ่ม แต่แล้วสายตาของผมก็มาสะดุดตากับสาวน้อยคนหนึ่งที่สูงแค่ร้อยห้าสิบเซ็นติเมตร เธอนั่งคุยอยู่กับอาร์ม พอเธอหันมาเห็นผมเธอก็ร้องเรียกชื่อผมอย่างยินดีแล้ววิ่งเข้ามากอดผม นอกจากนี้เธอยังพยายามจะหอมแก้มผมด้วย แต่เพราะผมเบี่ยงตัวหลบเธอจึงทำอย่างที่ต้องการไม่ได้ เธอเลยเปลี่ยนเป็นยืนโอบเอวผมเอาไว้แล้วฝังหน้าซบลงกับอกผมแทน ไม่ต้องพูดถึงเพื่อนคนอื่นๆ ในภาคผมนะครับที่มองกันตาค้าง เมย์นี่ควันแทบออกหูแล้ว งวดนี้จะมีคนใส่ไข่เอาไปนินทาว่าผมได้หน้าลืมหลังอีกรึเปล่า?
     “ไนน์ ทำแบบนี้อีกแล้วนะ”
     “ไม่เห็นเป็นไรเลย ตะเองกะเค้าเป็นญาติห่างๆ ก็เหมือนเป็นพี่น้องกัน”
     ไนน์ตอบพลางยิ้มให้ผม แถมยังคล้องแขนกับผมอีก ใบหน้าเล็กๆ นั้นยิ้มจนตาหยี ไม่เจอตั้งนาน ยังชอบทำตัวเป็นคุณหนูเอาแต่ใจไม่เปลี่ยน
     “มาถึงเมื่อไหร่?”
     “เมื่อเช้า เก็บของแล้วก็ออกมาหาตะเองเลยนะเนี่ย คิดถึงสุดๆ แล้วตะเองล่ะ คิดถึงเค้ามั้ย?”
     ผมยิ้มให้ไนน์แล้วตอบ อดไม่ได้ที่จะลูบหัวไนน์บ้าง คือ... ก็มันไม่ค่อยมีคนที่เตี้ยกว่าผมเท่าไหร่นี่ครับ
     “คิดถึงสิ”
     “ต้นยิ้มให้คนอื่น!”
     “ไอ้ต้นลูบหัวผู้หญิง!”
     อะไรน่ะ! ผมหันขวับกลับไปมองเจ้าของเสียงกวนประสาททั้งสอง ไปป์กับมิวนิค พวกนายจะตกอกตกใจอะไรกัน? ทำลายบรรยากาศดีๆ ของผมกับไนน์หมด
     “อะไรๆ อะไรเหรอ เพื่อนตะเองเหรอ?”
     ไนน์ทำท่าสนใจชะเง้อไปมองพวกเปรตขอส่วนบุญที่ส่งเสียงน่ารำคาญเมื่อตะกี้ ท่าทางเขย่งโยกตัวไปมาอย่างสดใสร่าเริงนั้นน่ารักมากเลยครับ ความสดใสร่าเริงของไนน์นี่ผมต้องขอยอมแพ้จริงๆ แต่ในระหว่างที่ผมกำลังชื่นชมไนน์อยู่ ก็มีตัวน่ารำคาญมาเพิ่ม
     “ผมเพื่อนต้นครับ ชื่อนอยซ์ยังโสด”
     “กูโสดกว่า เราชื่อโคโค่นะ เธอน่ารักจังเป็นแฟนเราเหอะ”
     ผมรีบดึงไนน์ให้ห่างออกมาจากเสนียดทั้งสองทันที ผมกันไนน์ให้ไปอยู่ด้านหลังของผมแล้วเอาตัวเองขวางระหว่างมนุษย์หูดำทั้งคู่กับไนน์เอาไว้ ทุเรศมากเลยครับ ถึงโค่จะหื่นเป็นจอมลามกของรุ่นก็เถอะ แต่ถ้าเรื่องขี้หลีนี่ต้องยกให้นอยซ์เลย เอะอะจีบดะน่ารำคาญ!
     “ต้นหวงด้วยอ่า...”
     “แล้วนายจะพูดพล่ามไปเพื่ออะไรห๊ะไปป์!”
     ผมว่าผมทนมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ เรื่องสายตาริษยาปิดบังไม่ได้ไม่เป็นมิตรที่ส่งมาจากเมย์เนี่ยผมพอเข้าใจนะ แต่นายจะมาใช้โหมดหวงเจ้านายอะไรเอาตอนนี้!
     “ไปคุยกันตรงอื่นเถอะ”
     ผมพยายามจะดึงไนน์ไปให้พ้นจากพวกหน้าหม้อ แต่ยศกลับเรียกผมไว้ซะก่อน
     “เดี๋ยวๆ ต้น พรุ่งนี้อ่ะ ตอนเย็นมารวมตัวกันที่ตึกภาคก่อนนะเว้ย แล้วค่อยไปที่ร้านด้วยกัน จะได้คุยว่าจะมีใครเอารถไปบ้างแล้วแบ่งรถกัน”
     “เอ๋? พรุ่งนี้? พรุ่งนี้วันเกิดตะเองไม่ใช่เหรอ มะใช่กงวีจัดงานเลี้ยงฉลองให้ตะเองหรอกเหรอ?”
     “เอ่อ... เลื่อนเป็นเสาร์อาทิตย์มั้ง พรุ่งนี้เราจะไปเลี้ยงหมูกะทะกับพวกเพื่อนๆ ในภาคน่ะ”
     “เอ๋? ... เสียดายจังอ่า เค้าอุตส่ากลับมาเพื่องานวันเกิดอายุครบยี่สิบของตะเองน้า แต่ตะเองจาไปกับเพื่อน งี้เค้าก็อดฉลองกับตะเองจิ”
     มาแล้วท่าไม้ตายของไนน์ เกาะแขนผมแล้วก็ช้อนตาขึ้นมอง แถมยังทำน้ำตาคลออีก แล้วผมจะใจร้ายได้ยังไง ไนน์อุตส่าบินกลับมาเซอร์ไพรส์ผมขนาดนี้ ไม่เหมือนบางคนที่คงอยู่ด้วยกันทุกวันจนชิน!
     “เดี๋ยวก็ฉลองด้วยกันวันเสาร์ไง”
     “มันไม่เหมือนกันนี่นา งานวันเกิดก็ต้องฉลองในวันเกิดจิ!”
     “แต่ว่า...”
     “มันจะไปยากอะร้าย มึงก็ให้น้องเค้าไปด้วยกันสิวะ ใช่ป่ะ ใครอยากให้น้องเค้าไปด้วยยกมือ”
     จากการชี้นำของนอยซ์ และแล้วผมก็เห็นการร่วมแรงร่วมใจจากผู้ชายในภาค เกือบทุกคนยกมือกันพรึ่บ! และทุกคนที่ยกส่วนมากยังไม่มีแฟน ไม่สิ! ขนาดนนยังยกเลย นายมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ? เฮ้ย! แม้แต่อัฐยังยกเลยเหรอเนี่ย! ผมมองอัฐที่ยกมือขึ้นแถมยังอมยิ้มหน่อยๆ ด้วยแล้วก็รู้สึกแปลกๆ นี่พวกเพื่อนๆ ผมสามัคคีกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ? ไม่สิ พอมองดูดีๆ แล้วผมเห็นออร่าดำทะมึนส่งมาจากแก๊งผมเอง โดยเฉพาะเมย์
     “ว้าว! ให้เค้าไปด้วยได้เหรอ ดีจังเลย เย้ พรุ่งนี้เค้าจาได้ฉลองกับตะเองแย้ว!”
     ไนน์แกว่งแขนผมอย่างอารมณ์ดี ท่าทางลั่นล้ามากครับ ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม แต่แล้วใบหน้าของไนน์ก็ต้องยิ้มค้างพร้อมกับการปรากฏตัวของแม็กซ์!
     “ใครเชิญเธอ!”
     เสียงของแม็กซ์ดังขึ้น แม็กซ์วิ่งกระหืดกระหอบพุ่งเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าผม ในมือถือโทรศัพท์เอาไว้ด้วย ผมหันไปมองอาร์ม เห็นอาร์มกำลังเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงพอดี
     “ใครเชิญเธอยัยเตี้ย แยกไม่ออกเหรอพรุ่งนี้ต้นจะไปกับเพื่อน อย่าเสร่อ!”
     ท่าทางของแม็กซ์ในตอนนี้เป็นสิ่งที่ผมคุ้นเคยมาตลอดหลายปี แต่ดูท่าเพื่อนผมคนอื่นๆ จะไม่ชิน ก็บอกแล้วว่าแม็กซ์น่ะ เกรียน...
     “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย อย่ามายุ่ง!”
     ผมเห็นลูกแมวกำลังขู่กลับสิงโต!
     “ตะเอง! ตะเองไม่เห็นบอกเค้าเลยว่าตะเองกลับไปคุยกับไอ้หมอนี่อ่ะ”
     “เลิกเกาะแกะต้นได้แล้ว ไปเหอะต้น”
     แม็กซ์แกะมือของไนน์ออกจากแขนผม ส่วนไนน์ก็ชิงสะบัดมือหนีแม็กซ์แล้วผลักอกกลับไป ก่อนจะวิ่งมาหลบหลังผมแล้วด่าสวนกลับ
     “นายนั่นแหละ ต้นไม่ได้รักนายซะหน่อยยังมาตามตื้อเค้าอยู่ได้ หน้าด้าน!”
     “อู้ว... แร๊ง!”
     นายจะพากย์ทำไมห๊ะไปป์! ผมหันกลับไปจิกสายตาใส่บรรดาฟิสิกส์มุง นอกจากไปป์ที่ปากเสียไม่ดูเวล่ำเวลาแล้วพวกคนอื่นๆ ก็ด้วย จะมายืนรอลุ้นอะไรกัน ผมอายเขา...
     “เอ่อแม็กซ์ ไนน์ เราว่าไปจากตรงนี้ก่อนดีกว่ามั้ย?”
     “แม้ก คือว่าพรุ่งนี้พวกเราจะไปเลี้ยงฉลองวันเกิดให้ต้นกันที่ร้านหมูกะทะแถวๆ เพชรบุรี นายจะไปกับพวกเรามั้ย?”
     แล้วนั่นป่านจะทำอะไรน่ะครับ!?
     “เฮ้ย! คนเยอะแล้วนะป่าน”
     “หุบปากไปเลยไอ้ยศ! เมื่อกี้ฉันเห็นแกยกมือ เพิ่มแขกไม่ได้รับเชิญมาตั้งหนึ่งคนแล้วทำไมเราจะเพิ่มเพื่อนสนิทต้นอีกซักคนสองคนไม่ได้ล่ะ? ใช่มะ?”
     ผมเห็นป่านหันไปพยักเพยิดกับชาวแก๊ง สองสาวกับไปป์พยักหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง!
     ป่าน เราเพิ่งรู้นะว่าสาวมาดทอมบอยอย่างเธอก็มีช่วงเวลาที่แม้แต่นางร้ายละครหลังข่าวยังต้องขอยอมแพ้!
     “โดยเฉพาะ ในเมื่อพวกฉันก็สนิทกับแม็กซ์ด้วยเหมือนกัน”
     ป่านตรงเข้ามาคล้องแขนผมไว้หนึ่งข้าง ส่วนอีกข้างก็คล้องแขนกับแม็กซ์ แล้วก็ดึงผมให้ถอยห่างออกมาจากไนน์ โอ๊ย! ใครก็ได้ช่วยผมที ผมปวดหัว!
     “ต้นไม่ได้สนิทกับมันซักหน่อย! หมอนี่มาตามตื้อต้นฝ่ายเดียวต่างหาก! ถ้าพูดถึงเพื่อนสนิท ตะเองสนิทกับเค้ามากกว่าใช่มั้ย? ตะเองรักเค้าที่สุดเพราะเค้าเป็นคนสำคัญของตะเอง!”
     ผมรู้สึกมึนตึ๊บจนขี้เกียจพูดอะไร ถึงแม้ว่าความจริงแล้วสิ่งที่ทั้งไนน์และป่านพูดมันจะผิดหมดก็ตาม ผมสนิทกับเมษที่สุดต่างหาก แต่เมษไม่ได้อยู่ช่วยผมซะด้วยตอนนี้
     “ใครบอก ต้นน่ะไว้ใจเรามากที่สุดต่างหาก เราได้ไปเที่ยวคอนโดต้นมาแล้วด้วย! แฟนต้นยังเคยเลี้ยงโจ้กเราเลย!”
     แล้วนายจะมาแข่งอะไรเอาตอนนี้ โอ๊ยยยยย คนพวกนี้เป็นเด็กอนุบาลกันรึยังไงครับ ให้ตายเหอะ ผมปวดหัว!
     “เราหิวข้าว พวกนายเถียงกันไปนะ”
     ผมพยายามสะบัดพันธนาการทั้งหมดออกไปแล้วเดินหนี ไม่ไหวแล้วครับ มีแต่พวกบ้า!
     “อ้าว ไม่อยู่ต่ออีกหน่อยเหรอจ้ะต้น คิกๆ”
     พี่ษา! ผมเบรคกระทันหันทันทีที่พี่สาวของผมปรากฏตัวขึ้น พอตั้งสติได้ผมก็พยายามปรับน้ำเสียงและสีหน้าให้เข้าที่แล้วทักทายพี่ษา
     “มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
     เกิดความเงียบไปทั่ว แม้แต่แม็กซ์ยังไม่กล้าพูดอะไร ก็พี่ษาเป็นพี่สาวแท้ๆ ของผมนี่ครับ แม็กซ์ไม่กล้าเสียมารยาทหรอก ไนน์เลยได้ใจมากๆ ผมเห็นไนน์แอบแลบลิ้นเบ้หน้าใส่แม็กซ์ด้วย ส่วนพวกเพื่อนคนอื่นๆ ของผมนั้นยืนนิ่งกันหมดแล้ว
     “มาตั้งนานแล้วจะ”
     “พี่ษาไปรับเค้ามาหาตะเองงาย”
     ผมคิดว่าวันนี้ผมอดแฮมเบอร์เกอร์แน่ๆ ครับ ลองสองคนนี้จับมือกันแล้ว ผมหันไปมองแม็กซ์ แม็กซ์ทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ผมแอบเหลือบไปมองพวกเพื่อนคนอื่นๆ ทุกคนท่าทางอยากรู้อยากเห็นแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร พี่สาวผมทำหน้าอมยิ้มกลั้นขำซะเต็มประดา! น่าอายชะมัดเลยครับ พี่ษาต้องเห็นฉากงี่เง่าเมื่อกี้แน่ๆ
     “พี่ษามาหาคุณพ่อเหรอครับ”
     ผมถามพี่ษาด้วยเสียงเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พี่สาวของผมกลับยิ้มแล้วตอบผมด้วยเสียงโทนปกติ
     “พี่กลัวพรุ่งนี้เราจะหนีอีก พี่กับไนน์เลยว่าจะมาชิงตัวเราไปฉลองกันก่อนวันนี้ ไม่คิดเหมือนกันนะว่าน้องชายพี่จะเป็นที่รักของเพื่อนขนาดนี้”
     “น้องชาย!”
     “ต้น ทำไมแกไม่เคยบอกฉันว่าแกมีพี่!”
     พวกนายจะตะโกนกันทำไม! แล้วนั่นเธอจะมาถามอะไรเอาตอนนี้ห๊ะป่าน! คนเดียวที่ดูจะนิ่งที่สุดในแก๊งค์ผมก็คือไปป์
     “เอ่อ... แต่ผม”
     ถึงด้านหลังผมจะน่ารำคาญแค่ไหน แต่ตอนนี้ผมกำลังน้ำท่วมปาก ผมพูดไม่ออกได้แต่มองหน้าแม็กซ์
     “ต้นไม่ว่างเหรอวันนี้ พี่อุตส่าแว๊บมาได้”
     พี่ษาทำหน้าเศร้าๆ อีกแล้ว ผมรู้สึกผิดจังเลยครับ
     “ใครอ่ะต้น?”
     บางครั้งป่านก็อยากรู้อยากเห็นเกินไปนะครับ ไม่สังเกตเลยรึไงว่าผมกำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ ป่านสะกิดแขนผมยิกๆ จนผมอยากจะกุมขมับ
     “เอ่อ พี่ษาครับ พี่พวกเพื่อนๆ ของผมครับ แล้วก็... พวกนาย นี่... พี่สาวเรา”
     เสียงของผมเบามาก ผมรู้ตัวดี ยังไงผมก็ยังไม่กล้าอยู่ดี ผมกลัวที่จะยอมรับ ผมกลัวคนขุดคุ้ย กลัวผลกระทบ แต่พี่ษากลับยิ้มหวานให้เพื่อนๆ ของผม
     “สวัสดีจ้า พี่ชื่อษานะ เป็นพี่สาวแท้ๆ ของต้น”
     “กูนึกว่ามึงเป็นลูกคนเดียวมาตลอดเลยนะเนี่ย ทำไมมึงไม่เคยบอกเลยวะว่ามึงมีพี่”
     “เราไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องไปสาธยายเรื่องส่วนตัวให้นายฟังนะมิวนิค”
     “พี่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของต้นจริงเหรอคะ?”
     แล้วเธอจะมายุ่งอะไรเนี่ยยัยป่าน!
     “จริงสิจ้ะ ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?”
     “ก็พี่กับต้นหน้าไม่เห็นเหมือนกันเลย”
     “เหรอ นั่นสิ พี่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน น่าอิจฉาต้นเนอะ เกิดมาหน้าตาดีผิดกับพี่”
     “โอย ไม่หรอกครับ ต้นมึงเรียกกูว่าพี่เขยเดี๋ยวนี้เลย!”
     “มากไปแล้วนอยซ์ เมื่อกี้นายยังจีบเพื่อนเราอยู่เลย”
     “กูเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้กูอยากเป็นพี่เขยมึง!”
     ผมละเบื่อ อยากหนีจากสถานการณ์ตรงหน้านี้ชะมัดเลยครับ ผมได้แต่ปล่อยให้ไอ้พวกบ้านี่สัมภาษณ์พี่ษา อะไรจะเกิดก็ช่างมันแล้วครับ ผมแล้วแต่พี่ษาก็แล้วกันว่าจะพูดเรื่องของเรายังไง ส่วนตัวผม ขอไปเคลียร์กับแม็กซ์ก่อนแล้วกัน ผมสงสารแม็กซ์
     “แม็กซ์”
     “ไม่เป็นไรหรอก แม็กซ์เข้าใจ ตอนไอ้อาร์มโทรบอกก็พอเดาได้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้”
     “เหรอ?”
     ผมได้แต่ขอโทษแม็กซ์กับอาร์มด้วยสายตาเพราะอับจนคำพูด
     “ไม่เห็นเป็นไรเลย ยังไงวันนี้ก็ยังไม่ใช่วันเกิดต้นอยู่แล้ว ไว้พวกเราไปฉลองกับต้นพรุ่งนี้ก็ได้ เพื่อนๆ ต้นก็ไม่ว่าอะไรไม่ใช่เหรอ?”
     สมกับเป็นอาร์ม มองโลกในแง่ดีสุดๆ เลยครับ
     “แต่เราทำให้แม็กซ์ต้องเสียเวลานี่ ขอโทษนะ”
     “ช่างมันเหอะ ได้มาเห็นหน้าต้น ไม่เสียเวลาหรอก”
     งี้แหละแม็กซ์ ลงท้ายก็ยอมให้ผมทุกที ดีจังที่แม็กซ์ไม่โกรธไนน์กับพี่ษา
     “งั้นเอาเป็นว่านายยังติดหนี้แฮมเบอร์เกอร์เราอยู่นะ อย่าลืมสัญญาล่ะ”
     “งกละต้น”
     “ไม่รู้ล่ะ”
     “เออๆ ไปฉลองกับพี่ต้นเหอะ วันนี้แม็กซ์คงช่วยอะไรต้นไม่ได้ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้จะหาไม้กันหมามาให้ หึๆ”
     “แม็กซ์!”
     แม็กซ์นะแม็กซ์ เรื่องอะไรมาว่าไนน์แบบนั้น อย่างน้อยๆ ก็ต้องเปรียบเทียบว่าแมวสิ ว่าผู้หญิงเป็นหมาได้ยังไง ผมว่าลูกแมวน่ารักกว่าเยอะเลยครับ ส่วนตำแหน่งลูกหมาน่ะยกให้ไปป์ไปเถอะ
     “ไปเว้ยอาร์ม ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
     “ไปนะต้น”
     “อืม”
     เฮ้อ... เสร็จไปหนึ่งเรื่อง ผมเดินกลับไปหาพี่ษาที่ปลีกตัวออกมาจากบรรดาพวกขี้สงสัยอยากรู้อยากเห็นได้แล้ว
     “อ้าว? เพื่อนกลับไปแล้วเหรอต้น นึกว่าจะชวนไปด้วยกันซะอีก”
     “แม็กซ์เขาไม่สะดวกเท่าไหร่น่ะครับ”
     “ดีแล้วล่ะค่ะเจ้ เค้าเกลียดไอหมอนั่น”
     “ไปว่าเค้าแบบนั้นได้ไงตัวเล็ก ไม่น่ารักเลย เป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”
     “ช่างเถอะครับ ไนน์กับแม็กซ์เป็นไม้เบื่อไม้เมาแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ผมชินละครับ”
     “ต้องโทษตัวเองน้า ก็น้องพี่อยากเสน่ห์แรงเอง คิกๆ”
     ไหงมาล้อผมแบบนี้ได้เนี่ย เวลาอยู่กับสองสาวนี่ทีไรผมถูกรุมทุกที
     “แล้วนี่พี่ษาจะแวะไปหาคุณพ่อรึเปล่าครับ?”
     เพราะยืนอยู่ตามลำพังกันสามคนแล้ว ผมเลยกล้าพูดออกมาได้
     “คุณพ่อบอกว่าจะรอวันเสาร์จ้า คุณพ่อบอกว่าไม่อยากมากวนใจเด็กๆ งานนี้พี่เป็นเจ้ามือเลี้ยงน้องๆ ทั้งสองของพี่เอง ไปสนุกกันสามคนพี่น้องยังไงล่ะจ้ะ”
     “เย้!”
     พี่กับไนน์น่ะสิครับสนุก ผมน่ะถูกลากไปเฉยๆ แค่คิดผมก็เหนื่อยแล้ว แต่พี่สาวขอผมฟังซะที่ไหน เธอกำลังเมามันกับแผนการณ์ฉลองของเธอครั
     “นี่นะเดี๋ยวพี่จะพาต้นไปกินเค้กร้านโปรดของพี่ ร้านนี้นะลาวาเค้กอร่อยมากเลย บรรยากาศก็น่ารักสุดๆ ต้นต้องชอบแน่ๆ”
     “แล้วมีไอติมมั้ยคะเจ้?”
     “มีสิตัวเล็ก วันนี้เราจะไปตระเวนทานของหวานให้สะใจเลย เชื่อพี่สิ เดี๋ยวพอถึงงานวันเสาร์นะ เดี๋ยวก็มีแต่พวกอาหารจีนอีกอ่ะ คุณปู่ไม่เข้าใจวัยรุ่นอย่างพวกเราหรอก”
     อย่าว่าแต่คุณปู่เลยครับ ผมก็ไม่เข้าใจ .... ผมอยากกลับคอนโดเป็นบ้าเลย! แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนนี้ให้อารมณ์เหมือนคุณครูมือใหม่ท่ามกลางเหล่าเด็กอนุบาล ทุกคนทะเลาะกันแย่งต้น น่ารักจังเยย ฉากนี้พยายามเขียนแบบการ์ตูนหน่อยๆ ล่ะ หวังว่าคนอ่านคงจะชอบ เหอะๆ ไนน์น่ารักจริงๆ น้า แม็กซ์เกรียนคงเส้นคงวา ป่านแอบร้าย แต่ไปป์มุ้งมิ้งที่สุด!

อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ แต่ถ้าคนอ่านไม่โดนสกิลเชิดหุ่นจากน้องต้นมากเกินไปก็ควรจะคิดอีกแง่นึงบ้าง ไอ้ที่ต้นทำกับแม็กซ์นี่มันยังไงๆ อยู่เนอะ มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน นี่ใช่มั้ยไอ้ที่เขาเรียกว่ากิ๊ก?
ไม่ต้องให้ตัวเอกไปอ่อยรักซ้อนซ่อนเงื่อนหรอก ไม่ต้องเขียนให้มีมือที่สามมายั่ว เบื่อนิยายตื้นๆ พรรณนั้นละ นิยายเรื่องนี้ตัวละครทำตัวเองทั้งนั้น 
ลองคิดถึงใจพี่ชัชที่ต้องทนมองต้นคบกับแม็กซ์ นี่มันโคตรของโคตรระแวงอ่ะ พี่ชัชคงเสียวแว๊บ ไม่พอใจแต่ก็ไม่รู้จะห้ามยังไง อะไรๆ ค้ำคออยู่เยอะ

เห็นนิสัยพี่ชัชไปเยอะแล้ว คนแบบพี่ชัชเป็นผู้ชายเต่าถุยมาก แต่ฮีงี่เง่าออกมาตรงๆ ไง "รู้ว่าผิดแต่ก็ยังทำ" ในขณะที่น้องต้นเป็นคนแบบนี้แหละ "ผมผิดอะไร?" คือหน้าซื่อตาใสมาก แอ็บแอนด์แหลได้โล่อ่ะ
เราว่าคนแบบต้นนี่ร้ายกว่าพวกแรงๆ ง๊องแง๊งเอาแต่ใจสไตล์เกาหลีนั่นอีก เพราะต้นน้ำเชื่อฝังหัวมากว่าตัวเองบริสุทธิ์ ตัวเองไม่ได้คิดอะไรกับแม็กซ์ส่วนแม็กซ์จะคิดอะไรฮีไม่สนตราบใดที่ฮีไม่เดือดร้อน แล้วฮีก็เก็บแม็กซ์ไว้ข้างตัวแบบนั้น
อา... นิยายเรื่องนี้ปวดตับเกินไปละ นี่มันนิยายบ้าอะไรกัน เขียนให้คนอ่านเกลียดตัวละครเนี่ย? ก็เอาด้านมืดของมนุษย์มาเขียนไง หึๆ บางทีนิสัยเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้เราก็ไม่รู้ตัวว่ามันแย่จนกว่าจะมีกระจกสะท้อนนะเออ!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#8/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน12
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 08-11-2014 00:38:22
เหตุการณ์หลังจากนั้น

     “โทรมามีไรวะ?”
     “กาย มึงรีบกลับมากรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้เลย!”
     “เป็นเหี้ยไรของมึง?”
     “มึงต้องกลับมาช่วยกู ด่วน!”
     “มึงเป็นบ้าอะไรวะแม็กซ์ ใครตายรึไง? จะได้เวลาคาบบ่ายแล้วกูต้องรีบแดกข้าว เสียเวลาว่ะ”
     “ไม่มีใครตาย แต่ถ้ามึงไม่มามึงนั่นแหละที่จะเสียใจไปจนตาย”
     “เหี้ย อยู่ๆ จะให้กูกลับกรุงเทพฯ ตั๋วไม่ได้หาง่ายๆ นะเว้ย กูไม่มีตังค์ด้วย”
     “เออน่ะ หาตั๋วรถทัวร์ไม่ได้นั่งเครื่องมาเลยก็ได้ เดี๋ยวกูออกให้ แต่มึงต้องมาให้ทันละไปงานวันเกิดต้นกับกูพรุ่งนี้”
     “เพื่ออะไรวะ? กูไม่ได้สนิทกับไอ้ต้นนะเว้ย”
     “มึงไม่สนิท แต่เพื่อนสนิทต้นมา มึงจะมาไม่มาวะ?”
     “มึง... หมายถึงใครวะ?”
     “คนที่มึงรออยู่ไง ยังหวงก้างกูไม่เลิก แถมวันนี้แม่งพกพี่ไอ้ต้นมากันท่ากูด้วย กูรับมือคนเดียวไม่ไหวว่ะ ไอ้อาร์มก็ช่วยอะไรกูไม่ได้”
     “เดี๋ยวกูเช็คตารางเรียนกับเพื่อนแป็บ แล้วกูจะโทรกลับ แต่มึงโอนเงินเข้าบัญชีกูมาก่อนเลย เผื่อค่าตั๋วกูไม่พอ!”

     “มึงเอาจริงเหรอแม็กซ์ เรียกไอ้กายกลับมา ต้นกับกายมันไม่ถูกกันไม่ใช่เหรอ”
     “แต่มึงก็รู้ว่ากายชอบไนน์มากขนาดไหน ถ้ามีโอกาสใครก็อยากคว้าเอาไว้ทั้งนั้น กูแค่สร้างโอกาสให้เพื่อน ที่เหลือเป็นเรื่องของมัน”
     “กูนึกว่ามึงแค่เรียกมันมากันท่าไนน์ซะอีก ฮ่าๆ”
     “ถึงกูจะรำคาญยัยเตี้ยนั่นขนาดไหนแต่ก็ไม่ได้เกลียดนี่หว่า เพื่อต้นกูทนได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเพื่อนได้ประโยชน์ด้วยมันก็คุ้ม หึๆ”
     “มึงนี่ ฮ่าๆ”

     “พี่สาวต้นสวยจังเลยเนอะ”
     “ไฮโซอ่ะแก เรียนหมอด้วย ท่าทางผู้ดี๊ผู้ดี ดูแบบ ลูกคนมีเงินอ่ะ”
     “ป่านพูดแบบนี้ก็เท่ากับต้นดูไม่ดีน่ะสิจ้ะ”
     “โธ่แก้ว ไม่ใช่แบบน้าน แต่คือ ไงดีอ่ะ แบ่บ... พี่เค้าดูมีออร่าอ่ะแก ดูสวยไฮโซ ส่วนต้นน่ะ พวกแกก็รู้ ดูนิ่งๆ เฉยๆ ปกติอ่ะ โอ๊ย! ฉันก็พูดไม่ถูก แกช่วยฉันคิดหน่อยสิอิไปป์”
     “พี่สาวต้นแต่งตัวเก่ง ถึงจะดูเรียบร้อยแต่ก็แอบแต่งหน้าทำผมนิดหน่อย ใส่น้ำหอมอ่อนๆ บุคลิคเหมือนคุณหนูนุ่มนวล ส่วนต้นถึงจะหน้าตาดี แต่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องเสื้อผ้าทรงผม ดูเชยๆ แล้วก็ชอบทำหน้างอ”
     “เออใช่ๆ พี่เค้าดูวางตัวดี๊ดีอ่ะแก ฉันเห็นแล้วนึกว่านางสาวไทย ฮ่าๆ เอ๊ะ ว่าแต่ แก... อิไปป์!”
     “อะไรเหรอ P1?”
     “ทำไมแกดูไม่ตกใจเลยยะ? ปกติแกต้องระริกระรี้สนใจเรื่องส่วนตัวต้นมันละ ทีตอนเรื่องแฟนยังแบบ... นี่แกดูเฉยมากอ่ะ”
     “ป่าวนี่ เรา... เราก็สนอยู่นะ แต่พี่เขาเป็นผู้หญิงอ่ะ”
     “เอ แต่เราว่าก็แปลกนะ ทำไมต้นไม่เคยพูดเลยว่ามีพี่สาวล่ะ? แล้วแถมต้นยังเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าเป็นลูกคนเดียว ไม่มีคุณพ่อ แม่แต่งงานใหม่ไปอยู่เมืองนอก แล้วพี่สาวต้นโผล่มาจากไหนล่ะ แถมยังบอกว่าเป็นพี่แท้ๆ ด้วย”
     “นั่นสิ เราก็สงสัยเหมือนเมย์เลยจะ เท่าที่ดูเหมือนจะสนิทสนมกันพอสมควรด้วย น่าทึ่งนะ ต้นไม่กล้าขัดใจพี่เขาเลย”
     “ก็คงเพราะเป็นพี่น้องแท้ๆ ละมั้ง ต้นเลยไม่กล้าหือ แต่ขำหน้าไอต้นอ่ะ พวกแกเห็นป่าว หน้ามันนี่แบบว่าฮามากอ่ะ ยิ่งตอนที่ไอ้นอยซ์จีบพี่มันนะ ฮ่าๆ”
     “แต่เราหมั่นไส้ยัยเด็กคนนั้นมากเลยอ่ะ ทำตัวแอ๊บมาก”
     “เมย์ก็ ไปว่าเขาแบบนั้น ไม่ดีนะจ้ะ”
     “เอะๆ แก ฉันพึ่งนึกได้ หรือต้นจะหมายถึงคนนี้?”
     “อะไรเหรอป่าน?”
     “ก็ที่ต้นเคยบอกไงแก ตอนที่แกไปสารภาพรักกับต้นอ่ะ”
     “โอ๊ยไม่นะ! ถ้าเราอกหักเพราะต้นรักผู้ชายยังพอว่า แต่ถ้าเราต้องแพ้ให้กับยัยเด็กช่างแอ๊บคนนั้นเราไม่ยอมหรอก!”
     “แต่แบบนี้ที่ต้นพูดก็เป็นความจริงน่ะสิ”
     “จริงยังไงเหรอแก้ว?”
     “อืม เราจำได้ว่า ต้นบอกเมย์ว่า ถ้าต้นไม่เจอแฟน ต้นก็อาจจะไม่รู้ตัว อาจจะแต่งงานกับคนที่ใกล้ชิดเขาที่สุดตามที่ผู้ใหญ่สนับสนุนก็ได้ เพราะต้นเขาก็ไม่ได้รังเกียจผู้หญิงคนนั้น ดูท่าต้นคงชอบเด็กคนนั้นมากจริงๆ ต้นถึงได้ยอมง่ายๆ แบบนั้น แถมเด็กคนนั้นยังมากับพี่สาวต้นอีก”
     “โอ้ย ไม่เอาอ่ะ ถ้าต้องเสียต้นให้ผู้หญิงแบบนั้นเรายอมทนเห็นต้นเป็นเกย์!”
     “แรงไปแล้วมั้งเมย์”
     “แต่ฉันว่าฉันคุ้นๆ นา”
     “คุ้นอะไรเหรอจ้ะ ป่านเคยเจอเขามาก่อนเหรอ?”
     “ไม่ใช่หรอกแก้ว เราหมายถึงนิสัยเด็กๆ แบบนั้นต่างหาก เหมือนอิไปป์เลย พวกแกว่าป่ะ”
     “เออจริงด้วย!”
     “อ้าว! เรื่องไรมาลงที่เราอ๊า”
     “นั่นสิจ้ะ พอคิดดูดีๆ แล้ว ต้นก็ไม่เคยโกรธไปป์เลยซักครั้งไม่ใช่เหรอ”
     “โธ่เอ้ย... ที่แท้ต้นชอบแบบนี้หรอกเหรอเนี่ย รู้งี้หัดแอ๊บไว้ก็ดีอ่ะ ยังไงผู้ชายก็ชอบผู้หญิงที่แอ๊บๆ อยู่ดีใช่มั้ยล่ะ เชอะ!”
     “เออน่า ฮ่าๆ แกกลับตัวไม่ทันแล้วล่ะเมย์ ไม่แน่น้า อาจจะมีผู้ชายที่ชอบนิสัยตรงๆ ขาวีนชอบเหวี่ยงของแกอยู่ก็ได้”
     “ขอให้มีทีเถ้อ สาธุ!”
     “ฮ่าๆ แกๆ อิไปป์ นับเงินได้เท่าไหร่แล้ว?”
     “หนึ่งพันสามร้อยห้าสิบสองบาท”
     “ทุเรศว่ะ ใครมันให้เศษสองบาทมาวะ น่าเกลียดจริงๆ เลย”
     “ของไอ้เต็ม มันมีอยู่สิบเจ็ดบาทตอนนั้นมันเลยให้มาหมดตัว”
     “น่าเกลียดมากอ่ะ ฉันล่ะเกลียดอินี่จริงๆ เลย วันๆ เอาแต่เล่นเกม เอะอะก็หนีกลับบ้านไปเล่นเกม งานอะไรไม่เคยคิดจะช่วยเพื่อนทำ”
     “เอาน่าๆ แต่อย่างน้อยๆ พรุ่งนี้เขาก็อุตส่าจะไปกับพวกเราด้วยนะจ้ะ ดีออก ไปกับหมดทั้งรุ่นเลย ไม่ดีเหรอไง”
     “อิพวกนั้นมันไปเพราะขี้หลีอ่ะดิ ว่าแต่ แล้วพวกเราจะไปซื้อของกันที่ไหนดีวะ มาบุญครอง สยาม รึพาราก้อน?”
     “ช่วยกันคิดก่อนมั้ยว่าพวกเราจะซื้ออะไรให้ต้น แก ว่าไงอิไปป์ ที่ให้ไปสำรวจมาอ่ะ เอ๊ะ! แปลกว่ะ วันนี้แกเงียบจังเลย ปกติต้องพูดมากแย่งฉันพูดละ”
     “เปล่านะ ไม่ได้กลัวหลุดอะไรซักหน่อย! อ๊ะ...
     “แก๊! มีความลับอะไร คายออกมาเลย คายออกม๊า!”

     “มึงมีไรจะเล่าให้พวกกูฟังวะวิน ชวนพวกกูมาแดกข้าวซะไกล”
     “นั่นดิ กูต้องโทรไปขอโทษแฟนกูเลยเนี่ย”
     “เออน่า กูไม่อยากพูดในมอ มันไม่ดี”
     “ทำไมวะ?”
     “เรื่องต้นไง ที่พวกมึงสงสัยกันอ่ะ แล้วก็เกี่ยวกับที่มึงวางแผนจะดัดนิสัยต้นมันด้วยไงอาร์ท”
     “ทำไมวะ มีไรอีก?”
     “กูว่าต้นเป็นเด็กมีปัญหาว่ะ พวกเด็กมีปมอ่ะ กูเลยไม่อยากให้มึงทำอะไรรุนแรง เดี๋ยวจะซวย”
     “กูไม่เข้าใจว่ะ?”
     “มึงเคยสงสัยใช่ป่ะยศ ว่าทำไมพวกอาจารย์โอ๋ต้น”
     “เออ”
     “มึงเคยได้ข่าวเรื่องต้นกับอาจารย์ต้นตระการรองภาคเคมีป่ะ?”
     “ไม่จริงหรอกมั้ง ตอนนั้นจารย์แกก็บอกไม่ใช่เหรอว่าเป็นญาติห่างๆ หรือคนรู้จักไรเนี่ยแหละ”
     “กูว่าอาจารย์โกหกว่ะ”
     “เฮ้ย! เรื่องนี้มึงอย่าพูดซี้ซั้วหน่าวิน”
     “มึงฟังกูก่อนสิวะอาร์ท มึงนี่ก็รีบแทรกจริง คืองี้ พวกมึงเห็นพี่สาวต้นป่ะ?”
     “เออ เห็น สวยดีว่ะ หมวยหน่อยๆ แต่ขาวโคตร ใจกูกระตุกเลย”
     “กูจะฟ้องแฟนมึง ฮ่าๆ”
     “พวกมึงอย่าเพิ่งเล่นได้ป่ะวะ กูรอฟังอยู่”
     “โทษๆ คืองี้ กูเคยไปที่ห้องพักอาจารย์ภาคเคมีมาว่ะ แล้วกูเคยซุ่มซ่ามทำกรอบรูปของอาจารย์ต้นตกลงมาแตก”
     “แล้วไงวะ อย่ามัวแต่อมดิ รีบๆ คายออกมาให้หมด”
     “มันเป็นรูปครอบครัวไงมึง อาจารย์กับเมียแล้วก็ลูกสาว”
     “แล้วไงต่อ?”
     “ก็กูจำได้ไงว่าพี่สาวต้นที่มาวันนี้อ่ะ คนเดียวกับในรูปที่กูทำตก”
     “เฮ่ย... ไม่มั้ง ถ้าเป็นความจริงก็...”
     “มึงจำผิดคนป่าววะวิน?”
     “มึงก็รู้กูความจำดีจะตาย ยิ่งเรื่องผู้หญิง กูไม่เคยพลาด มึงเคยเห็นกูจำกิ๊กกูผิดเหรอยศ”
     “แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะมึง”
     “กูก็ไม่แน่ใจ เลยมาเล่าให้พวกมึงฟังไง แต่ผู้หญิงคนนั้นเขาก็บอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าเป็นพี่แท้ๆ แถมยังเรียนหมอเหมือนกับที่อาจารย์เล่าให้กูฟังเลย ตอนนั้นกูขอโทษอาจารย์เขาไปยังคิดอยู่เลยว่าต้องชดใช้ค่าเสียหายให้อาจารย์แกซะแล้ว แต่อาจารย์บอกว่าไม่เป็นไร ให้กูเอาเศษกรอบรูปที่แตกไปทิ้งถังขยะพอ กูก็เลยถามเล่นๆ ไปว่ารูปครอบครัวอาจารย์เหรอ? อาจารย์เขาก็บอกว่าถ่ายกับลูกสาวตอนสอบเข้าหมอได้ กูเลยแซวๆ ว่าลูกสาวอาจารย์สวยดี แต่อาจารย์เขาบอกกูว่าลูกเขาอายุมากกว่ากู กูเลยคุยต่อว่าไม่มีน้องเหรอ อาจารย์แกก็บอกมีลูกสาวคนเดียว เรื่องนี้กูจำได้แม่นเลยเพราะกูชอบอาจารย์เขามาก อาจารย์เขาใจดีแล้วก็กันเองกับนักศึกษาสุดๆ”
     “มึงจำหน้าผิดป่าววะ ขาวๆ หมวยๆ สับสนไรงี้?”
     “กูไม่รู้ว่ะอาร์ท แต่เท่าที่รู้มาต้นมันอยู่กับแม่สองคนไม่มีพ่อใช่มั้ย ตอนเข้าปีหนึ่งแม่มันก็มามอบตัวอยู่ แต่ไม่นานมันก็บอกว่าแม่มันไปเมืองนอก มีปัญหาเรื่องเอกสารที่ต้องให้ผู้ปกครองเซ็นต์ประจำอ่ะ กูไม่เคยได้ยินมันพูดถึงพ่อเลย แล้วมันก็ไม่ชอบให้ใครไปยุ่งเรื่องส่วนตัวมันด้วย ถามอะไรก็ไม่เคยตอบ แล้วมึงจำตอนปีหนึ่งได้เปล่าที่ต้นมันทำหน้าหงิกแล้วก็ขึ้นเสียงใส่อาจารย์เขาตอนนั้นอ่ะ โคตรแรงแต่อาจารย์เขากลับไม่ถือสาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนพักหลังๆ นี่แหละ ที่กูเห็นมันเลิกก้าวร้าวกับอาจารย์เขา ละที่สำคัญพวกมึงจำได้ป่าววะ ที่อัฐมันเล่าให้ฟังเรื่องไปทะเลอ่ะ ที่มันบอกว่าต้นเคยพูดไว้ว่าพ่อมันเป็นใครคนนึงที่พวกเราทุกคนรู้จัก แล้วก็บอกว่ามันหวงความลับนี้มากกว่าเรื่องเป็นเกย์ซะอีก”
     “นั่นสิวะ พอมาคิดๆ ดู กูจำได้ว่าอาจารย์เขาฝากของมาให้ไอ้ต้นประจำเลย บางทีก็เรียกให้ไปพบบ่อยๆ แต่ถ้าเป็นอย่างที่มึงคิดจริงๆ ก็... สงสารไอ้ต้นว่ะ”
     “ถ้าต้นมันเป็นลูกอาจารย์เขาจริงๆ กูไม่แปลกใจหรอกทำไมแม่งโคตรเก็บกด นิสัยเป็นแบบนั้น กูเข้าใจเลยแหละ”
     “แต่เท่าที่ดูกูก็เห็นพี่สาวมันรักมันนี่หว่า”
     “จะรักยังไงก็ลูกเมียน้อย มันก็คงกลัวละมั้ง แต่เรื่องนี้กูยังไม่แน่ใจนะ พวกมึงอย่าเพิ่งพูดไปล่ะ”
     “แต่กูรู้ว่าใครยืนยันให้มึงได้”
     “ใครวะอาร์ท?”
     “ไอไปป์”
     “ไปป์เนี่ยนะ กูเห็นดีแต่เล่นไปวันๆ มันจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
     “แต่กูว่ามันรู้ว่ะ ไปป์มันรู้เกือบทุกเรื่องของต้นเลยมั้ง แต่มันไม่ยอมพูด กูสังเกตเมื่อกี้นะ คนอื่นๆ ในกลุ่มเหมือนจะตกใจที่รู้ว่าต้นมีพี่กันหมด มีแต่ไอไปป์เงียบอยู่คนเดียว ทั้งๆ ที่ปกติมันขี้โวยวายสุดอ่ะ”
     “แล้วมันจะยอมบอกเหรอวะ?”
     “ลองโทรหามันดู”

     “ไหนพวกมึงบอกว่ามีธุระเรื่องวันเกิดต้นพรุ่งนี้ไง?”
     “ก็นี่แหละธุระ”
     “ธุระไรว้า? ต้องยืนคุมกูแบบนี้ด้วยอ่า”
     “มึงก็ตอบมาก่อนดิว่ามึงรู้จักพี่สาวต้นมาก่อนป่าว?”
     “เปล๊า! กูไม่รู้จักซักหน่อย เคยแต่เห็นรูป อุ๊บ!”
     “นั่นไง! กูบอกพวกมึงแล้ว ไอ้ไปป์แหละตัวดีเลย ทีนี้มึงอยากได้ข้อมูลอะไรมึงเค้นเอาได้เลยยศ”
     “เฮ้ยๆ พวกมึงจะทำไรกู!”
     “พวกกูอ่ะไม่ทำไรมึงหรอก พวกกูอยากรู้เรื่องของต้นเฉยๆ”
     “มึงจะจีบพี่สาวต้นรึไง? ไปถามต้นเองดิ๊ มาถามไรกู”
     “พวกกูจะดัดนิสัยไอ้ต้น มึงก็รู้ไม่ใช่เหรอถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คนที่จะเสียก็คือไอ้ต้นเอง มึงอยากเห็นข่าวเพื่อนกระโดดตึกฆ่าตัวตายเหรอ”
     “เอ้ย... ต้นไม่ทำแบบนั้นหรอกม้าง”
     “ถึงมันไม่ทำแบบนั้นแต่นิสัยชอบเหวี่ยงเวลามีปัญหากับคนอื่นก็ของจริง พอมีปัญหาแล้วก็ชอบหนีไม่กล้าเผชิญหน้า เกิดวันนึงมันทะเลาะกับคนในกลุ่มมึง มึงคิดว่าเพื่อนมึงจะทำยังไง คนอื่นๆ ในภาคแม่งก็ไม่เอา ตอนที่มันทะเลาะกับเมย์มันก็หนีไปคนเดียวทุกครั้งหลังจบคาบ มึงว่านิสัยแบบนี้ดีเหรอวะ?”
     “แต่ต้นก็ดีขึ้นตั้งเยอะแล้วนี่ พวกมึงแค่ไม่ชอบเวลาที่ต้นมีเรื่องแล้วพวกมึงก็โดนโยงเข้ามาเกี่ยวเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ นอกนั้นกูไม่เห็นพวกมึงจะสนใจ”
     “อ้าวๆ ปากหมาละไอ้ไปป์ ถ้าพวกกูไม่ห่วงพวกกูจะเรียกมึงมาถามเหรอ พูดชุ่ยๆ”
     “กูไม่ได้พูดชุ่ยๆ กูถามพวกมึงซักคำเหอะ มึงเคยอยู่กับคนที่คิดจะฆ่าตัวตายรึเปล่า? เคยรู้จักเคยใกล้ชิดกับคนที่กำลังจะฆ่าตัวตายรึเปล่า? อย่าทำเป็นพูดดีไปเลยพวกมึงอ่ะ บอกว่าอยากดัดนิสัยต้น งั้นกูถามหน่อย มึงอยากดัดนิสัยต้นเพราะหวังดี หรือเพราะรำคาญไม่ชอบนิสัยแบบนั้นของมัน กูเป็นเพื่อนสนิทกูยังทนได้เลย แต่พวกมึงไม่ใช่ซักหน่อย คุยก็ไม่ได้คุย จะมายุ่งไรวะ ที่สำคัญ เรื่องการปรับตัวแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป ละกูว่าต้นก็ปรับตัวดีขึ้นตั้งเยอะแล้วด้วย”
     “... กูว่าที่ไปป์มันพูดก็ถูกว่ะ ใจเย็นนะอาร์ท ยศ”
     “เหอะ!”
     “งั้นกูถามมึงตรงๆ เลยละกัน ต้นเป็นลูกอาจารย์ต้นตระการรองภาคเคมีใช่ป่ะไปป์”
     “มึงรู้ด้ายงายว้า!”
     “นั่นไงกูว่าแล้ว”
     “เฮ้ย! กูยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”
     “ช้าไปละไปป์ มึงปล่อยควายออกมาแดกหญ้าละ เล่ามาเลย มันเป็นไงมาไง”
     “แต่เรื่องนี้มันเรื่องส่วนตัวต้นนะเว่ย กูไม่กล้าเล่าหรอก เดี๋ยวต้นโกรธเอา”
     “ไอ้ต้นโกรธกับโดนพวกกูกระทืบมึงเลือกแบบไหน?”
     “โหดไปแล้วไอ้อาร์ท หน่าไปป์ ยังไงพวกกูก็รู้แล้ว มึงก็คายๆ ออกมาเหอะ”
     “แต่ว่า...”
     “กูสามคนสัญญาว่าจะไม่บอกใคร พวกกูแค่อยากรู้ในฐานะเพื่อนไอ้ต้นมัน ถ้าต้นมันไม่อยากให้ใครรู้ กูจะได้ช่วยมันระวังความลับเรื่องนี้ด้วย”
     “มึงสัญญาแล้วนะยศ”
     “เออ”
     “... ที่กูเล่าเพราะกูอยากให้พวกมึงเข้าใจต้นด้วย มันอยู่กับแม่มาทั้งชีวิตเพิ่งรู้จักพ่อไม่กี่ปีนี้เอง ต้นเคยเล่าให้ฟังว่าแม่มันเคยทำแท้งเลยด้วยซ้ำ มันอยู่กับแม่สองคนไม่มีพ่อ ถึงมันจะนิสัยแปลกๆ ไปบ้างแต่มันไม่ชอบให้พวกมึงไปล้อมันนะเว้ย ต้นไม่ใช่ตุ๊ดมันไม่ได้อยากเป็นกระเทย”
     “เออๆ ละไงต่อ”
     “ตอนที่แม่มันท้องพ่อมันไม่ยอมรับบอกให้ไปเอาออก แม่มันก็ไปทำแต่ไม่สำเร็จ เพื่อนแม่มันที่เป็นเกย์เลยขอเอาไว้เพราะเขาอยากมีลูก แต่พอแม่มันคิดได้ก็อยู่กันสองคนแม่ลูกมาตลอด ต้นมันรู้ว่าพ่อไม่ต้องการมันเพราะพ่อมีครอบครัวอยู่แล้ว แต่มันไม่รู้ว่าพ่อมันเป็นใครเพราะแม่มันไม่ยอมบอก บังเอิญโลกมันกลม เพื่อนมันสนิทกับครอบครัวของพ่อมัน แม่มันไปรับมันในงานวันเกิดเพื่อนแล้วก็เจอเข้ากับพ่อ ต้นมันเลยรู้เรื่องทุกอย่าง”
     “อาจารย์ต้นทำงั้นจริงๆ เหรอวะ ไม่อยากเชื่อเลยว่ะ กูชื่นชมอาจารย์เขามาตลอดเลยนะเว้ย!”
     “แย่ว่ะ นอกใจเมียทำผู้หญิงคนอื่นท้องแล้วยังไม่รับผิดชอบอีก กูหมดศรัทธาเลยอ่ะ”
     “แล้วไงต่อวะไปป์?”
     “พอทางนั้นเขารู้เขาก็อยากได้ต้นคืนไง เพราะปู่ต้นเหลือแต่มันคนเดียวที่เป็นหลานชายไว้สืบสกุล มันโกรธมากมันก็เลย... อื้อ อย่างที่เห็น”
     “ไอ้ต้นเป็นเกย์ประชดพ่อ?”
     “เออ ... ต้นเป็นคนจีบแฟนมันก่อนด้วย ไม่ดิ! ต้นมันเล่าว่ามันแอบปลื้มแฟนมาตั้งนานแล้วเพราะว่ามันสนิทกับแฟนเก่าของแฟน พอพี่เขาเลิกกันมันเลยพยายามทำให้แฟนหันมาสนใจ แฟนต้นเคยช่วยต้นไว้ตอนเด็กๆ มันเลยฝังใจ ตัดสินใจคบกับแฟนเป็นเรื่องเป็นราวแทนการประชดพ่อไปวันๆ ถึงต้นมันจะมีปมด้อยขาดความอบอุ่นจากพ่อ แต่เท่าที่กูดูกูว่าต้นมันก็รักแฟนมันมากนะ แล้วแฟนของต้นก็เท่มากๆ เลยด้วย กูไม่แปลกใจหรอกที่ต้นจะหลงรักพี่เขา ต้นกับแฟนก็รักกันเหมือนคนรักตามปกตินั่นแหละ”
     “แล้วเรื่องแฟนมาเกี่ยวอะไรด้วยวะ”
     “เกี่ยวดิ เกี่ยวมากด้วย เพราะต้นมีแฟนนั่นแหละ ถึงไม่ไปเมืองนอกกับแม่ ความจริงต้นมันพึ่งรู้จักกับแฟนตอนมอหกนี่เอง แล้วพอดีมีเรื่องนิดหน่อย แต่แฟนต้นเขาก็รับผิดชอบ พี่เขาบอกว่าเขาขอต้นกับแม่มัน รับปากจะดูแลทุกอย่างให้ ต้นเลยได้อยู่เมืองไทยกับแฟน”
     “อ้าว? แล้วพ่อมันอ่ะ”
     “ก็ทิฐิไง ถ้าต้นไม่ได้คบกับพี่เขาต้นคงตามแม่ไปอยู่เมืองนอกไม่สนใจพ่อหรอก แต่พอต้นคบกับพี่เขามันเลยขอแม่ว่าอยากอยู่กับแฟน อยากเรียนที่เมืองไทย แล้วก็ใช้แฟนเป็นข้ออ้างไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากพ่อมัน เลยมีเรื่องระหองระแหงมาตลอดไง ต้นกับพ่อเพิ่งดีกันตอนก่อนปิดเทอมหนึ่งนี้เอง พอกูรู้เรื่องทั้งหมดกูก็เข้าใจนะว่าทำไมที่ผ่านมาต้นมันถึงทำตัวแบบนั้น กูไม่คิดว่าต้นผิดหรอก”
     “มิน่า ยังไงก็แล้วแต่ ชีวิตมันน่าสงสารก็จริงแต่ไม่เห็นลำบากอะไรนี่หว่า”
     “คนเราเข้มแข็งไม่เท่ากัน สภาพจิตใจต้นไม่ได้แกร่งเหมืองมึงนะอาร์ท เรื่องนี้แหละที่กูห่วงมัน
     “ละคิดว่ากูไม่ห่วงรึไง กูถึงบอกพวกมึงไง เรื่องแบบนี้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเหอะ ตอนนี้อุตส่าห์จบเรื่องงี่เง่าพวกนั้นไปแล้ว ต้นอุตส่าห์ทำใจกับพวกข่าวลือแปลกๆ พวกนั้นได้แล้ว”
     “กูบอกตามตรงเลยนะ กูว่าที่แม่งลือกันไปขนาดนั้นอ่ะ ส่วนนึงต้องเพราะไอ้ต้นทำตัวเองแน่ๆ แม่งต้องเผลอไปทำไรให้คนอื่นแค้นอ่ะ เลยโดนเอาคืนขนาดนั้น ไอ้ต้นนี่โดนหมั่นไส้เยอะมากเลยรู้ป่ะ ตอนปีหนึ่งเข้ามามันงี้หล่อๆ ใสๆ เลย แต่ใครให้ทำอะไรแม่งก็ไม่ทำ กิจกรรมห่าไรก็ไม่เอา มันไม่เคยไว้หน้ารุ่นพี่เขาซักราย คนเลยเริ่มด่ามันว่าหยิ่ง ไปๆ มาๆ พอมันเปิดตัวเลยโดนสังคมถล่มซะเละ กูเห็นแล้วโคตรสงสาร แต่ก็ทำไงได้ มันขุดหลุมเอาไว้เอง”
     “ก็ต้นมันเข้าสังคมไม่เก่ง แถมมันต้องรับผิดชอบงานบ้านทุกอย่างเลยต้องรีบกลับบ้าน มันไม่กล้าทำตัวสุรุ่ยสุร่ายเพราะเกรงใจแฟน แล้วมันก็ติดแฟนนิดหน่อยประสาคนอินเลิฟ นอกนั้นมันไม่มีอะไรหรอกแค่ปากร้ายนิดๆ หน่อยๆ ถึงมันจะชอบบ่นแต่เอาเข้าจริงก็ใจดีสุดๆ อ่ะ ไม่เชื่อพวกมึงลองเปิดใจกับมันก่อนดิ มึงไม่เห็นเหรอ ขนาดไอ้เอกกับไอ้นนยังชอบมันเลย พวกที่ไปทะเลกลับมารักมันกันทุกคนแหละ”
     “อ้าวๆ ปากหมาอีกละ มาว่าพวกกูมีปัญหาเนี่ย”
     “ก็มันจริงนี่ พวกมึงก็เลิกมองเพื่อนกูว่าเป็นตัวปัญหาก่อนสิวะ ปัญหามันวิ่งเข้ามาหาต้นเองนี่หว่า ต้นมันก็ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้นซะหน่อย ถ้าพวกมึงลองไปไหนกับต้นดูเดี๋ยวมึงก็รู้ คนที่จะทำอะไรเสียสละให้คนอื่นเป็นคนแรกก็คือต้น แต่แค่ว่าต้นมันแก้ปัญหาไม่เก่งแล้วก็ชอบทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่แค่นั้นเอง ที่พวกกูรักต้นกันอ่ะไม่ใช่ไม่มีเหตุผลนะ เพราะต้นเป็นคนดีแล้วก็น่ารักมากต่างหากพวกกูถึงได้รักต้น พวกกูผิดด้วยเหรอที่จะทะนุถนอมคนที่พวกกูรัก”
     “เออๆ พวกกูจะจำคำของมึงไว้ พรุ่งนี้พวกกูจะจัดแบบซอฟท์ๆ ละกัน”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ชีวิตจริงมันไม่มีงี้หรอก มีแต่จับกลุ่มนินทาเพราะประสงค์ร้าย ถ้าใครเคยโดนเพื่อนๆ เปิดประชุมใส่ทำนองนี้ให้รู้ไว้เลยว่าคุณเป็นที่หมั่นไส้ของชาวโลก! ไอ้คำว่า "พี่จะสอนให้นะ" อาจจะเป็นว่าเขาหวังดีส่วนนึงแต่อีกส่วนคืออยากพล่ามเรื่องของตัวเอง
อา... แต่ถ้าเขียนออกมาแบบนั้นมันก็ไม่ได้ฟีลโชเนนเลิฟๆ ในหมู่เพื่อนฝูงสิ ชอบจัง ใส่ความเป็นโชเนนลงในนิยายวาย แหะๆ

ช่วงนี้พล่ามเยอะเพราะเนื้อเรื่องมันมี Hint เยอะ (รีบออกตัวไว้แต่เนิ่นๆ ตอนลงบทท้ายๆ จะได้ไม่โดนด่าว่าแต่งนิยายบ้าอะไรปวดตับหน่วงจิตดราม่าเกินทน)
เชื่อว่าคนอ่านหลายๆ คนคงคิดว่าเนื้อเรื่องกำลังออกทะเล ไม่หรอก นี่ไม่ใช่การออกทะเล แต่มันเป็นฉากที่จงใจเซ็ทไว้แล้วตั้งหาก เพื่อให้ตัวละครบางตัวมีประเด็น อิๆ
แล้วออกทะเลหนุกหนานในหมู่เพื่อนแบบนี้ไม่ชอบกันเหยอ? อาไรกั๊น จ้องจะอ่านแต่ฉากเลิฟๆ ตัวเอกตบกับตัวอิจฉาแย่งผู้ชายรึไง? ชีวิตมันต้องมีเรื่องอื่นบ้าง น้องเมษเขาก็บอกอยู่ ไปเฮฮากับเพื่อนบ้างอย่ามีแต่ผู้ โฮะๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#7/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน12
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 08-11-2014 08:28:03
มาต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#8/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน12
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 08-11-2014 15:46:40
ชัยชัช

     คืนนี้ผมกะจะแอบจัดงานวันเกิดเซอร์ไพรส์ให้เมียตอนเที่ยงคืนครับ เพื่อการนี้ผมอุตส่ารีบทำงานให้เสร็จตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วบึ่งไปรับบราวนี่ช็อกเค้กจากร้านโปรดของมันแถวศาลายาโน่น แล้วก็ต้องรีบกลับห้องมาหาที่ซ่อนเค้กเหมาะๆ เพราะกลัวว่าถ้าผมกลับช้ากว่ามันเดี๋ยวตอนหิ้วกล่องเค้กเข้าห้องแล้วมันจะสงสัย ไหนยังต้องโทรนัดกับพี่น้ำเรื่องสไกป์อีก ผมนั่งคิดแผนแทบตาย ที่ไหนได้... หกโมงเย็นเมียผมก็ยังไม่กลับ
     มันเลทจนผมเป็นห่วง ไหนตอนเช้ามันโทรบอกผมว่าขออนุญาตไปกินข้าวกลางวันกับไอ้เวรนั่นแล้วจะรีบกลับไง จนเกือบทุ่มนึงนั่นแหละ มันถึงโทรมาบอกผมว่า มันอยู่บ้านเพื่อนกับพี่สาวมัน มันบอกว่าโดนพี่สาวกับเพื่อนทำเซอร์ไพรส์ลากไปฉลองวันเกิดล่วงหน้า และอาจจะกลับมาไม่ทันมื้อเย็นให้ผมหาอะไรกินไปก่อนได้เลย ... เซ็งครับ ถึงแผนยังไม่ล่มแต่ผมก็เซ็ง!
     โน่นอ่ะ! ผมนั่งดูดีวีดีฆ่าเวลารอเมียจนเกือบสามทุ่มไอ้ต้นถึงกลับมา สภาพเมียผมที่เปิดประตูก้าวเข้ามาในห้องนี่ดูโทรมอย่างกับไปออกรบมาเลยครับ มันหิ้วถุงของขวัญพะรุงพะรังเชียว
     “สวัสดีครับพี่ชัช กลับมานานแล้วเหรอครับ?”
     “กลับซะดึกเลยครับ”
     ผมขยับตัวลุกไปช่วยมันถือของเอาไปวางบนโต๊ะ ท่าทางเมียผมดูเหนื่อยๆ วุ๊ย!
     “ขอโทษครับ ละนี่พี่ชัชทานอะไรแล้วรึยังครับ?”
     “เรียบร้อยแล้วล่ะที่รัก”
     พอได้ยินคำตอบของผม มันก็ทำสีหน้าโล่งใจแล้วยิ้มให้
     “งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำนอนเลยนะครับ วันนี้ผมเพลียๆ ยังไงก็ไม่รู้”
     ว่าแล้วมันก็หอบของเข้าห้องนอนไป ...
     อ้าว? เฮ้ย! เอางี้เลยเหรอเมียพี่ แล้วแผนเซอร์ไพรส์ของพี่ละเว้ยเฮ้ย?
     ผมรีบปิดทีวีแล้วตามมันเข้าห้อง ไอ้ต้นมันกองของขวัญต่างๆ ไว้บนโต๊ะของมันแล้วก็ถอดเสื้อผ้าเตรียมตัวอาบน้ำ ปกติมันใช้เวลาพอสมควรนะ แต่วันนี้มันอาบน้ำซะเร็วเลย พอมันอาบน้ำเสร็จก็สวมชุดนอนคลานขึ้นเตียงตั้งท่าจะหลับแบบไม่สนใจอะไร
     “ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ชัช”
     พอมันบอกราตรีสวัสดิ์ผมเสร็จก็ม้วนผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนเหลือแต่หัวโผล่ออกมาแล้วหลับตาพริ้ม นี่มันจะนอนเลยจริงๆ เหรอวะเนี่ย? เมียผมไปฉลองกับพี่สาวมันมาไม่ใช่เหรอ? ทำไมสภาพมันดูแย่ขนาดนี้วะ?
     เอาก็เอา... ให้พักซักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ได้ครับที่รัก เดี๋ยวเจอกันหลังเที่ยงคืน ผมไปเตรียมความพร้อมก่อนดีกว่า หึๆ
     ดีนะเนี่ยที่อีกห้องมีโซฟาเบด ผมเลยแอบมางีบในห้องนอนเล็กได้ ไว้ซักห้าทุ่มครึ่งค่อยตื่นมาเซ็ทคอมก็แล้วกันครับ ผมตั้งปลุกในมือถือเสร็จก็ขอตัวงีบก่อนล่ะ ต่อให้คืนนี้ใช้แรงงานหนักขนาดไหนยังไงพรุ่งนี้ผมก็ต้องไปทำงาน เดี๋ยวจะน็อคเอา ไม่ใช่หนุ่มๆ เหมือนสมัยก่อนแล้ว พักหลังนี่รู้สึกตัวเองแก่ไปมากทีเดียวครับ โชคดีที่ผมมีต้นอยู่ข้างๆ โชคดีที่ต้นไม่รังเกียจลุงแก่ๆ แบบผม...

     ติ๊ดติ๊ดติ๊ดติ๊ด...
     หือไรวะ? อ้าว... ห้าทุ่มห้าสิบแล้วนี่หว่า เวรล่ะหลับเพลิน! ดีนะเนี่ยที่ผมตั้งแบบปลุกเรื่อยๆ เอาไว้ ชิบหายเอ้ย! เมื่อไหร่ผมจะแก้นิสัยขี้เซาของตัวเองได้วะ
     โน้ตบุ๊คๆ ... โน้ตบุ๊คผมอยู่ไหนวะ? ... พอหยิบโน้ตบุ๊คมาได้ผมก็เปิดเครื่องแล้วต่อเข้าโปรแกรมสไกป์ทันที ผมกดติดต่อไปยังรายชื่อของพี่น้ำ พี่สาวคนสวยของผมออนรออยู่แล้ว แม้คุณภาพอินเตอร์เน็ทของบ้านเรามันจะกระตุกจนน่าทุเรศ แต่อย่างน้อยๆ ก็ยังได้เห็นหน้ากัน ดีกว่าคุยเฉพาะเสียงทางโทรศัพท์เหมือนปีที่แล้ว
     ด้วยแสงรำไรจากหน้าจอช่วยให้ผมแอบย่องเข้าไปวางโน้ตบุ๊คในห้องนอนได้อย่างง่ายดาย โต๊ะข้างเตียงถูกลากมาเป็นแท่นวางจอเฉพาะกิจ ผมบอกพี่น้ำว่าจะไปเตรียมเค้กให้ต้น ให้พี่เขาเพลิดเพลินกับภาพลูกชายตัวเองหลับไปก่อน โชคดีที่ผมเตรียมเทียนกับไฟแช็คไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องวิ่งหาให้เสียเวลา จวนจะได้เวลาแล้วครับ
     พอจัดการกับเค้กเสร็จผมก็ถือเค้กเข้ามาในห้องนอน ไอ้ต้นยังหลับไม่รู้เรื่อง สงสัยมันจะเหนื่อยจริงๆ ขนาดเกิดเรื่องรอบๆ ตัวขนาดนี้ยังไม่รู้สึกตัว
     เอาล่ะ หนึ่ง สอง สาม! ผมกดสวิทช์เปิดไฟในห้องป้องกันการเมาขี้ตาของไอ้ต้น กลัวมันมองไม่ชัดว่าผมกำลังฉลองวันเกิดให้มัน
     “แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู....”
     ด้วยเสียงที่ดังขึ้นจากปากของผมและลอดผ่านมาทางลำโพงของโน้ตบุ๊ค สัมผัสแผ่วเบาข้างแก้มที่ผมก้มลงจูบ การถลกผ้าห่มหนีจากท่าม้วนดักแด้สุดโปรดของมัน และแล้วไอ้ต้นก็รู้สึกตัว เด็กเลี้ยงแกะของผมกลายเป็นผู้ใหญ่แล้วครับ
     “แฮปปี้เบิ๊ดเดย์.... แฮปปี้เบิ๊ดเดย์....”
     เมียผมกระพริบตาด้วยท่าทางงัวเงีย ไอ้ต้นพยายามลุกขึ้นนั่งทั้งๆ ที่ยังไม่ตื่นดี แต่พอมันเห็นเค้กที่ผมถือ แล้วก็เห็นโน้ตบุ๊คที่มีภาพแม่ตัวเองเท่านั้นแหละครับ ตาตี่ๆ ที่เคยหรี่แทบลืมไม่ขึ้นเพราะความง่วงก็เบิกกว้างทันตาเห็น ผมขยับเข้าไปใกล้มันพลางจ่อเค้กที่รอการเป่าเทียนจากเจ้าของวันเกิด สุดที่รักของผมยิ้มอายๆ ก่อนจะซุกหน้าเข้ากับไหล่ผม ผมอดไม่ได้ที่จะโอบกอดคนรักของผมเอาไว้ ต้นน่ากอดสำหรับผมเสมอ
     “แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทู้ ยู....”
     “อธิฐานแล้วเป่าเทียนสิครับ”
     ต้นมันหลับตาอยู่ราวๆ สี่ห้าวิแล้วก็เป่าเทียนจนดับ ผมอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มมัน แม้จะรู้ว่าทุกภาพการกระทำของเราทั้งคู่อยู่ภายในสายตาของพี่น้ำและแฟนด้วยเทคโนโลยีทางการสื่อสารอันไฮเทค แล้วไงล่ะ? ก็ผมรักเมียผม และที่สำคัญแฟนพี่น้ำก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน
     “ว่าไงจ้ะคนเก่งของแม่ อายุยี่สิบแล้วนะตาต้น แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะครับ”
     “แม่...
     ดูเหมือนว่าแฟนผมจะยังอายกล้องอยู่ ต้นมันหันมาซุกอกผมด้วยความเขิน สุดที่รักของผมหันไปหันมาทำตัวไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตั้งสติแล้วรวบรวมคำพูดทักตอบแม่ตัวเองไปได้
     “ใครสอนแม่เล่นสไกป์ครับเนี่ย”
     “ก็นายชัชแฟนเรานั่นแหละ เจ้าแผนการณ์ดีนัก ชวนแม่มาเซอร์ไพรส์เรา”
     “ที่นั่นกี่โมงแล้วครับ? ลำบากแม่แย่เลย”
     “ลำบากอะไรกัน เบ่งเราออกมายังลำบากกว่านี้อีก แค่ร้องเพลงวันเกิดให้ลูกชายข้ามประเทศแค่นี้เอง จิ๊บๆ จ้ะ เรานั่นแหละพรุ่งนี้มีเรียนอีกใช่มั้ย ฉลองเสร็จแล้วก็รีบๆ นอนต่อซะนะจ้ะ”
     “คร้าบ แม่”
     ผมกับแฟนพี่น้ำได้แต่นั่งดูฉากประทับใจของแม่ลูก กว่าพี่น้ำจะอวยพรจบก็อีกหลายประโยค แฟนของพี่น้ำตบท้ายเสริมด้วยมาดพ่อเลี้ยงสุดเฮ้ว พี่น้ำหันมาแว๊ดๆ ใส่ผม ฝากฝังให้ดูแลลูกชายของเธอ ผมได้แต่ “ครับๆ” แล้วก็หัวเราะ ฉากเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ค่อยได้ผ่านเข้าหัวผมนัก เพราะผมมัวแต่มองใบหน้าเปี่ยมสุขของเมีย นับจากวันแรกที่ผมได้ครอบครองมัน ต้นมันเป็นเมียผมได้สองปีเต็มแล้ว ผู้ชายในอ้อมกอดของผมมันอยู่เคียงข้างกันมาตลอดสองปี ผมนึกรักมันอย่างที่ไม่เคยผูกพันธ์กับใครแบบนี้มาก่อน
     จนกระทั่งเราปิดโปรแกรมสนทนา ต้นมันหันมาหาผม แม้จะเป็นใบหน้าง่วงงุนของคนง่วงนอนแต่สายตาหวานฉ่ำกับสีแดงจางๆ บนพวงแก้มนั่นก็ดูน่ารักเป็นบ้า! หัวฟูๆ ที่ยุ่งเหยิงจากการนอนไม่ได้ทำให้ความน่ารักของมันลดลงเลยแม้แต่น้อย
     “ไหนบอกว่าไม่มีแผนไงครับ”
     “ถ้าบอกก่อนก็ไม่เรียกว่าเซอร์ไพรส์ดิ”
     “พี่ชัชก็....”
     แม้ว่าเค้กจะยังอยู่ในมือซ้าย แต่มือขวาของผมก็ต้องรับการโจมตีจากเจ้าลูกแกะช่างมุด ต้นมันพุ่งเข้ามาซุกอกผมอีกแล้ว ญาติข้างไหนมันเป็นนกกระจอกเทศวะเนี่ย เขินแล้วชอบซุกจริงๆ ผมใช้มือข้างที่ว่างลูบหลังมัน อดไม่ได้ที่จะขโมยหอมมันนิดๆ หน่อยๆ
     “เป็นไร? ไม่ดีใจเหรอครับ พี่อุตส่าฉลองให้”
     “ใครบอกละครับ สุดๆ เลยต่างหาก ผมดีใจจนไม่รู้จะพูดอะไรเลย”
     “งั้นก็บอกรักพี่สิครับ พูดว่า ต้นรักพี่ชัชที่สุดในโลกเลยคร้าบ สิ หึๆ”
     “พี่ชัชบ้า! ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ โตแล้ว ยี่สิบแล้ว”
     คนอะไร ขนาดเขินยังน่ารัก ผมหลงมันจริงๆ นะเนี่ย โคตรชอบเวลามันเขินเลย น่ารักน่ากินที่สุด เมียจ๋า! อยากกอดมันสองมือจังเลยครับ แต่ทำไม่ได้
     มันไถหน้ากับอกผมได้อีกซักพักก็เงยหน้าขึ้นมาทำในสิ่งที่ผมเรียกร้อง
     “ต้นรักพี่ชัชที่สุดในโลกเลยครับ”
     สีหน้าของมันตอนพูดนี่ทำเอาผมจะคลั่งตาย เมียผมน่ารักที่สุดในโลกเลยคร้าบ!
     พอมันพูดจบก็ขยับเข้ามาใกล้ผม อื้ม ... แถมจูบด้วยเว้ยเฮ้ย! นี่ดีนะที่เค้กร้านนี้ไม่ได้ก้อนใหญ่มาก ผมถือมือเดียวได้ เพราะตอนนี้ผมไม่ว่างแม้แต่จะหันไปเอาเค้กวางบนโต๊ะครับ ลิ้นมันพัวพัน เอ้ย! สถานการณ์มันติดพันจริงๆ
     ต้นมันตั้งใจแลกลิ้นกับผมเป็นพิเศษเลยวุ๊ย! กว่ามันจะผละออกจากปากผมได้เล่นเอาตัวเองหอบ แต่ถึงอย่างนั้นสองมือของมันก็ยังโอบรอบคอผมอยู่ สายตาหวานเชื่อมแบบนี้ สงสัยอยากออกกำลังรอบดึกกับผมชัวร์
     “เค้กมั้ยครับ? หรือจะรับอย่างอื่นซักรอบก่อนดี?”
     ผมยกมือซ้ายที่ถือเค้กขึ้นให้มันเห็น เทียนที่ปักก็ยังไม่ได้เอาออกเลยน้องเอ้ย!
     “ป้อนผมสิครับ”
     ต้นมันพูดแล้วอ้าปากรอ มีการแลบลิ้นเลียริมฝีปากหน่อยๆ ด้วย สายตาท้าทายแบบนี้โคตรเร้าใจ ผมได้แต่กลืนน้ำลายดังเอื๊อก! สาบานนะน้องว่าอยากแดกเค้ก พี่ล่ะอยากป้อนอย่างอื่นใส่ปากเราแทนเลยว่ะ!
     “พี่ลืมหยิบช้อนมาอ่ะ”
     “ป้อน”
     ต้นมันเน้นเสียงให้ผมฟังชัดๆ แล้วเผยอปากยั่วผม แม่มเอ้ย!
     “ผ้าปูเลอะแล้วอย่ามาด่าพี่ทีหลังนะครับ”
     ทันทีที่ผมพูดจบมันก็หลับตาพริ้มเชียว เอาก็เอาวะครับ เมียผมแม่งต้องเมาขี้ตาชัวร์ๆ ไม่งั้นมันไม่ทำตัวยั่วขนาดนี้หรอก!
     ผมใช้นิ้วมือบิเค้กออกเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ปากตัวเองก่อนจะเสือกไสอุปกรณ์ประกอบฉากที่หมดหน้าที่ชิ้นนี้ไปวางรอบนโต๊ะใกล้ๆ นาทีนี้เมียน่ากินกว่าเค้กครับ ผมป้อนเค้กมันด้วยปากแบบทุลักทุเลนิดหน่อย เพราะลิ้นผมมันดันซนกว่าช้อน และถึงเราจะกลืนเค้กลงคอกันทั้งคู่แล้ว ลิ้นของผมก็ยังคงควานหาความหวานในปากมันต่อด้วยความเสียดาย ไม่ต้องถามถึงนะครับว่าฉากต่อไปจะเป็นอะไร ก็ไอ้ต้นมันอุตส่าเอนลงนอนราบกับเตียงรอแบบนี้แล้ว
     “วันเกิดต้นทีไร กำไรพี่ทุกทีเลย ปีแรกใช้กำลัง ปีสองสมยอม ปีที่สามนี่ยั่ว ปีสี่นี่จะขึ้นเองเลยรึเปล่าครับ?”
     ต้นมันทำหน้างงกับมุกที่ผมแซวนิดหน่อยก่อนจะระบายยิ้มออกมา
     “ก็พี่ชัชนั่นแหละ อยากมาทำแบบนั้นกับผมก่อนทำไม รับผิดชอบเลยนะครับ”
     “นี่ไง รับผิดชอบมาตั้งสองปีแล้ว ละจะรับผิดชอบไปตลอดชีวิตพี่เลยด้วยเอ้า!”
     “ครับ”
     ต้นมันยิ้มให้ผมซะหวานหยด! สายตาของมันทั้งรักทั้งเทิดทูนผม เจอแบบนี้ผมขอตายรังอยู่แทบเท้ามันนี่แหละครับ ไม่อยากไปไหนแล้ว ผมห้ามตัวเองไม่อยู่ก้มลงไปจูบหน้าผากมันด้วยความเอ็นดู กับคนอื่นผมอาจจะรัก แต่คนที่ทำให้ผมเกิดความรู้สึกเอ็นดูนี่มีแต่มันคนเดียวเท่านั้น ต้นน้ำคือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตผม ผมเกิดอารมณ์อยากทะนุถนอมคนตรงหน้าอย่างห้ามไม่อยู่
     “งั้นวันนี้ให้พี่บริการเราก็แล้วกัน เจ้าของวันเกิดสมควรได้รับการเอาใจนะครับ”
     ผมจูบที่ขมับของมันเพื่อแสดงเจตจำนง วันนี้ผมอยากตามใจมันจริงๆ นะ
     “พี่ชัชก็เอาใจผมอยู่ทุกครั้งนั้นแหละครับ ผมไม่เคยรู้สึกไม่ดีกับพี่ชัชซักหน่อย”
     “ยอพี่อีกแล้ว”
     มีเมียดีเป็นศรีแก่ตัวครับ เมียผมน่ารักโคตร ผมดึงมือของมันที่คล้องคอผมอยู่ลงมาจูบ
     “วันนี้ให้พี่ทะนุถนอมเราเถอะนะ ปกติพี่เอาแต่ใจไม่ฟังเสียงเราเลย พี่สนแต่อารมณ์ของตัวเอง เอาตัวเองเป็นใหญ่ พี่ไม่เคยตามใจเราเลยซักครั้ง ทั้งๆ ที่พี่ควรจะนุ่มนวลกับเราให้มากกว่านี้ ขอบคุณที่อดทนกับผู้ชายเถื่อนๆ แบบพี่มาตั้งสองปีนะครับ”
     “พี่ชัชรุนแรงกับผมก็แค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละครับ ผมทนได้ ฮึๆ”
     เมียผมหัวเราะเสียงใสเลย ให้ตายเหอะ ผมยอมแพ้! ถ้าคืนนี้ไม่สลบคาเตียงก็ให้มันรู้ไป ฟ้าเหลืองแน่ๆ น้องเอ้ย! อ่อยพี่ซะขนาดนี้แล้วพี่จะห้ามตัวเองยังไงไหว ผมบอกแล้วว่าผมชอบแบบยั่วๆ เห็นทีไรอยากตายคาอก แต่ต่อให้ไอ้ต้นไม่มีหน้าอกผมก็ยอมน้ำแห้งตายเลยเอ้า!
     “ถ้าคืนนี้ไม่ได้นอนก็รู้ตัวเลยนะครับ เป็นความผิดของเรานั่นแหละที่น่ารักเกินไป”
     ผมพูดพลางเริ่มพรมจูบมัน ว่าแต่... ทำไมไอ้ต้นมันต้องชอบใส่ชุดนอนแขนยาวแบบติดกระดุมด้วยวะ แกะยากชิบ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     “ติ๊ดติ๊ดติ๊ดติ๊ด ติ๊ดติ๊ดติ๊ดติ๊ด”
     อื้ม ... เสียงนาฬิกาปลุก โอ้ย! เจ็บจังเลยครับ ผมรู้สึกถึงอาการแปล๊บที่กล้ามเนื้อต้นขาทันทีที่ผมพยายามจะขยับตัว หมอนแข็งๆ ผมของพองตัวขึ้นลงตามจังหวะหายใจ ให้ตายสิ! พี่ชัชเตะผ้าห่มทิ้งอีกแล้ว ผมเพิ่งหายจากหวัดเองนะครับ ต้องมานอนเปลือยตากแอร์แบบนี้ไม่ชอบเลย ผมไม่ได้หนังหนาแบบพี่ชัชซักหน่อย! ยิ่งมองหน้าตัวการที่ทำให้ผมต้องเจ็บตัวบ่อยๆ กำลังหลับไม่รู้เรื่องอย่างอิ่มเอมแล้วผมก็อดหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้ ผมได้นอนถึงสองชั่วโมงรึยังก็ไม่รู้ ผมจำไม่ได้ว่าผมสลบไปตอนไหน รู้แต่ว่าเมื่อคืนผมแทบตายครับ ทั้งเพลียทั้งง่วง พี่ชัชบทจะหื่นนี่อึดผิดมนุษย์มนาจริงๆ ผมโทรมขนาดนี้ก็เพราะพี่ชัชนั่นแหละ! เคราตอสั้นๆ ที่ผุดขึ้นตามคางนั่นชวนให้หมั่นเขี้ยว ผมหมั่นไส้แฟนโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่สาบานเลยครับว่าผมไม่ได้แค้นเพราะเรื่องเมื่อคืนแน่ๆ ผมไม่ได้อยากแกล้งพี่ชัชเพราะอยากเอาคืนซักหน่อย แต่ของับเบาๆ ซักทีเถอะ!
     “หื้อ? ต้น?”
     “เช้าแล้วครับ”
     แน่ะ ยังมาทำเป็นยิ้มอีก! พี่ชัชยิ้มให้ผมแบบงัวเงียๆ พยายามจะกดผมลงกับเตียงแล้วพลิกมาคร่อมผม โอ๊ย! เจ็บครับ ก้นผมยังระบมอยู่เลย ผมพยายามจะผลักหมาป่าขี้เซาออกนะ แต่สงสัยเรื่องเมื่อคืนสูบพลังงานของผมไปจนหมด แถมยังทำผมระบมไปทั้งตัว แค่ขยับตัวก็ปวดขาแล้วครับ เจ็บตรงนั้นด้วยอ่ะ คนบ้าอะไรไหนบอกจะทะนุถนอมผม สุดท้ายก็จัดหนักจัดเต็มทั้งคืนอยู่ดี!
     “พี่ชัชครับ ไม่เอาแล้วครับ เช้าแล้ว”
     ฟังซะที่ไหน หมาป่าลามกของผมตื่นมาก็หื่น พี่ชัชพยายามนัวเนียกับผมแต่เช้า! จั๊กกะจี้เป็นบ้า ผมเกลียดเวลาที่พี่ชัชไม่ได้โกนหนวดแล้วชอบเอาตอแข็งๆ พวกนั้นมาไซ้ผมที่สุด ขกลุกอ่ะ!
     “พี่ชัช ผมมีเรียนนะครับ”
     เห็นแก่ที่ทำเซอร์ไพรส์ผมได้ประทับใจมากเมื่อคืนหรอกนะครับ วันนี้ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่วีน เราไม่ควรวีนแตกในวันเกิดตัวเองครับ ผมควรจะเริ่มต้นวันแรกในปีที่ยี่สิบของผมด้วยเรื่องดีๆ
     “ผมต้องไปอาบน้ำแล้วนะครับ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันกันพอดี”
     “คร้าบๆ”
     พี่ชัชเดาะลิ้นอย่างขัดใจ แล้วฝังเขี้ยวลงบนไหปลาร้าผม!
     “โอ๊ย! พี่ชัชบ้า!”
     ผมพยายามสวนกลับไปแต่พี่ชัชเบี่ยงหลบแล้วรวบมือของผมไว้โดยง่าย
     “ฮ่าๆ”
     “เป็นบ้าอะไรครับ ซาดิสแต่เช้า! ผมเจ็บนะ!”
     ผมวีน ผมเผลอวีนเข้าแล้ว! แต่แทนที่แฟนของผมจะสำนึก ดันมาทำหน้าทะเล้นใส่ผมอีก แววตาเจ้าชู้ของพี่ชัชทำเอาผมใจเต้นเลย!
     “ซาดิสตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ใครก็ไม่รู้น่ารักจัด พี่เลยเบรคอารมณ์ตัวเองไม่อยู่”
     เล่นแบบนี้ผมก็แพ้สิ ... ไม่กล้าเถียงด้วยหรอกครับ สายตาวิบวับพวกนั้นผมไม่กล้าสู้ด้วยหรอก เขิน!
     “หน้าแดงอีกแล้วอ่ะ เมียพี่น่ารักจริงๆ เลย ขออีกซักรอบได้ป่าว เคารพธงชาติตอนเช้ากัน”
     “อื้อ! มะ มะ ไม่เอาแล้วนะครับ เมื่อคืนก็... ก็สามแล้วนะ เดี๋ยวก็ไปสายหรอกครับ”
     ผมพยายามตอบปฏิเสธไปนะ แต่แพ้จริงๆ หมาป่าของผมซุกจมูกมาอีกแล้ว ยอมแพ้ครับ หรือผมจะต้องไปสายจริงๆ เนี่ย?
     “คร้าบๆ ตามใจเจ้าของวันเกิด แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะครับที่รัก”
     เฮ้อ! นึกว่าจะต้องเหนื่อยรอบเช้าซะแล้ว แต่พี่ชัชผละออกไปแล้วอวยพรวันเกิดผมซะงั้น ต้องแบบนี้สิครับแฟนผม ผมโล่งอกจนเผลอยิ้มออกมา
     “ขอบคุณครับ อื้อ!
     อยู่ๆ พี่ชัชก็อุ้มผมซะงั้น ตกใจหมด! เล่นเอาผมผวาจนโผเข้าเกาะพี่ชัชเลย
     “ให้พี่พาเราไปอาบน้ำนะครับ อาบพร้อมกันจะได้ประหยัดเวลา”
     “มะ มะ ไม่เป็นไรมั้งครับ”
     “น่า พี่ไม่จัดรอบสี่หรอก พี่ใจดีนะครับ เช้าพี่จะให้เราพักผ่อนเต็มที่แล้วคืนนี้เรามารบกันอีกซักสามรอบเป็นไง?”
     “ผมก็ตายสิครับ หมดแรงกันพอดี แถมวันพรุ่งนี้ผมก็มีเรียนด้วย แต่... แต่ถ้าแค่รอบเดียว ก็อาจจะนะครับ อาจจะนะ...”
     “ฮ่าๆ ไอ้ต้นเอ้ย...”
     พี่ชัชหลุดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ตัวของผมถูกยกลอยสูงขึ้น พี่ชัชอุ้มผมไปทางห้องน้ำ ละผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ ก็... หมาป่าของผมช่างเอาใจขนาดนี้ ผมก็อยู่นิ่งๆ ให้พี่ชัชอุ้มไปอาบน้ำน่ะสิ มีความสุขที่สุดเลยครับ
     พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พวกเราก็มานั่งทานเค้กที่เหลือจากเมื่อคืนเป็นมื้อเช้าครับ โชคดีที่มันยังไม่บูด ไม่งั้นเสียของแย่ คราวนี้พี่ชัชเป็นคนชงโกโก้มาบริการผมถึงที่เลยแหละ เวลาแบบนี้ทีไรพี่ชัชมักจะโอ๋ผมเป็นพิเศษทุกที ผมก็เลยนั่งรออยู่ที่โต๊ะเฉยๆ ได้อย่างสบายอารมณ์ ไม่รู้จะพูดยังไงดีครับ รู้แต่ผมมีความสุขมาก ถ้าลอยได้คงลอยไปแล้ว
     “เดี๋ยวพี่ขับไปส่งเราที่มหาลัยนะ”
     “อื้อ! จะดีเหรอครับ?”
     “แล้วเราเดินไหวเหรอ? หึๆ”
     พี่ชัชเนี่ย... บางทีผมก็แอบคิดเหมือนกันนะว่าทำไมแฟนของผมลามกจัง ชอบพูดแต่เรื่องสองแง่สองง่าม เขินนะครับ
     “ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะครับ”
     “อ้อ... ชินแล้วว่างั้นเถอะ”
     “พี่ชัชบ้า! แซวผมอีกแล้วนะครับ”
     “ฮ่าๆ หน่าๆ ขอโทษนะคร้าบ ก็พี่ชอบเวลาต้นหน้าแดงนี่นา ยิ่งเวลาต้นเขินเพราะพี่ พี่ยิ่งชอบ”
     ผมแพ้สายตาพี่ชัชจริงๆ ครับ ผมนึกอยากจจะเถียงอะไรพี่ชัชออกไปซักประโยคแต่นึกไม่ออกก็เลยแกล้งทำเป็นยกโกโก้ร้อนในมือขึ้นจิบ แต่ไม่รู้ทำไม โกโก้ในแก้วมันหวานกว่าอึกแรกที่ผมดื่มไปเมื่อตะกี้ซะอีก
     “พี่รักต้นนะครับ สุขสันต์วันเกิดอายุครบยี่สิบครับ ที่รักของพี่”
     พี่ชัชพูดพร้อมกับเลื่อนแฟ้มเอกสารมาวางตรงหน้าผม
     “อะไรเหรอครับ?”
     “ก็ของขวัญวันเกิดจากพี่ยังไงละครับ”
     พี่เขาคะยั้นคะยอให้ผมเปิดดู ผมนึกว่าเป็นเอกสารทำงานของพี่เขาซะอีก ที่ไหนได้...
     “พวกนี้อะไรครับเนี่ย ประกัน?”
     “ก็ลองอ่านดูสิครับ”
     “อืม... ประกันชีวิตแบบบำนาญ? ... ของผม!”
     นี่มันอะไรกันครับเนี่ย ผมงงไปหมดแล้ว ผมรู้นะว่ามันคือประกันชีวิตของผม แต่ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าผมมีประกันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้ว... พี่ชัชเอาของพวกนี้มาให้ผมดูทำไม? คงเพราะพี่ชัชเห็นสายตาสงสัยของผม พี่ชัชถึงได้ระบายรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วเริ่มต้นอธิบายให้ผมฟัง
     “เอกสารชุดแรกเป็นประกันชีวิตแบบบำนาญ พี่พึ่งทำให้เรา เพราะเรายี่สิบแล้วทำได้ ที่พี่ตัดสินใจแบบนี้เพราะพี่รักต้นนะครับ เราสองคนคงไม่มีลูกอีกหน่อยแก่ตัวไปเดี๋ยวไม่มีใครเลี้ยง พี่เลยว่าสะสมทุนไว้หน่อยน่าจะดี ส่วนเอกสารอีกชุดนั้นเป็นประกันชีวิตของพี่เองครับ พี่ให้บริษัทเพิ่มชื่อต้นเป็นผู้รับผลประโยชน์ร่วมกับแม่พี่ ถ้าพี่เป็นอะไรไปต้นจะได้ไม่ลำบากยังไงละครับ”
     ผมพูดอะไรไม่ออกนอกจากขนลุกไปทั่วทั้งราง! น่าแปลกแท้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเรื่องเศร้าเสียใจแต่ปากผมสั่นยิ่งกว่าตอนที่ผมร้องไห้ซะอีก แล้วจู่ๆ น้ำตาผมก็หยดลงมาเอง ผมพยายามจะเอามือป้ายมันออกไปแต่กลับพบว่าตัวเองมือสั่นไปหมด ผม...
     “ฮึก!
     “เอ้าๆ ร้องไห้อีกละ ร้องทำไมเนี่ยต้น พี่ยังไม่ตายครับ”
     พี่ชัชบ้า! ยังจะมาเล่นมุกอีก ผมกำลังซึ้งๆ อยู่หลุดขำเลยครับ แฟนผมบ้าที่สุด! พี่ชัชนั่งยิ้มมองผมปาดน้ำตาพลางจิบกาแฟของตัวเองอย่างน่าหมั่นไส้ แต่ถึงแฟนผมจะยิ้มได้น่าหมั่นไส้ขนาดไหนผมก็ยังสัมผัสได้ถึงความรักที่ส่งผ่านแววตาอันอ่อนโยนคู่นั้น
     “พี่ชัชไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยครับ”
     “ต้องสิต้น ตอนนี้แหละที่ควรทำ พี่ยังแข็งแรงยังหาเงินได้ พี่ก็ต้องวางแผนสำหรับอนาคตเอาไว้ อนาคตไม่ใช่ของพี่คนเดียวแล้วนะครับ อนาคตของต้นก็อยู่ในมือพี่ด้วย พี่ไม่กล้าใช้ชีวิตสุ่มสี่สุ่มห้าพาต้นเสี่ยงไปกับพี่หรอก พี่รับปากพี่น้ำแล้วนี่นาว่าพี่จะดูแลต้นให้ดีที่สุด แล้วพี่ก็ตั้งใจว่าจะขอดูแลเราไปจนตายครับ”
     ผมพูดไม่ออกเลยครับ มัน... เป็นของขวัญวันเกิดสุดพิศดารที่ยอดเยี่ยมมาก ผู้ชายคนนี้ทำให้ผมมั่นใจว่าเขารักและพร้อมจะอยู่กับผมไปจนตาย! ใครบอกว่าความรักของเกย์มันไม่ยืนยาว นี่ไงล่ะแฟนผมไง ผู้ชายคนนี้เขาทำเพื่อผมถึงขนาดนี้เชียวนะ! ชั่วแว๊บหนึ่งผมอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าถ้ามีครีเอทีฟบริษัทไหนมาได้ยินเผลอๆ อาจจะหยิบเรื่องของผมกับพี่ชัชไปสร้างเป็นโฆษณาก็ได้นะ อ๊ะ! ไม่สิ ต้องรอผมกับพี่ชัชเป็นลุงแก่ๆ กันทั้งคู่ก่อน ผมอยากอยู่กับพี่ชัชตลอดไป!
     “เอ้า! เงียบเลย ไม่ชอบของขวัญของพี่เหรอครับ?”
     “ใครบอกละครับ อึ้งสุดๆ จนพูดไม่ออกแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่ชัชจะทำเพื่อผมถึงขนาดนี้ ขอบคุณนะครับ ... ที่จริง แค่พี่ชัชรักผมตอบผมก็มีความสุขมากแล้ว ผมไม่อยากจะเชื่อเลย...”
     “ต้นอาจจะคิดว่าเพราะตัวเองเป็นผู้ชาย และเราเป็นฝ่ายหลงรักพี่ก่อน แค่เราได้รักพี่ได้อยู่ข้างๆ พี่ก็ดีแล้ว แต่มันไม่พอหรอกนะต้น เรามีดีเกินกว่าที่จะลดคุณค่าตัวเองแบบนั้นนะครับ ถ้าต้นไม่ดีจริง ต้นไม่ได้ใจพี่ไปขนาดนี้หรอก แล้วในเมื่อพี่รักเรา พี่ก็ต้องอยากทำสิ่งดีๆ ให้เราสิครับ ตอนนี้ไม่ใช่แค่ต้นรักพี่หรือพี่รักต้น แต่เป็นเราสองคนรักกันนะครับ ทั้งที่มันดีและไม่ดี สัญญานะครับว่าจะร่วมฝ่าฟันไปกับพี่”
     ผมจะตอบอะไรได้ละครับนอกจาก...
     “ครับ”
     ผมยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดในชีวิต หลังจากนั้น ผมก็จัดการเค้กไปได้อีกไม่กี่คำเพราะจู่ๆ ก็รู้สึกอิ่ม พี่ชัชแซวว่าผมอิ่มอกอิ่มใจจนกินอะไรไม่ลงแล้วพวกเราเตรียมตัวออกจากคอนโดกันครับ วันนี้แฟนผมจะขับรถไปส่งผมถึงในเมือง ถ้าขืนออกช้าเดี๋ยวสายแล้วจะรถติด ถึงผมจะอินเลิฟขนาดไหนแต่ก็ไม่อยากไปสายในคาบของอาจารย์คนนี้หรอกครับ

     “The smile on your face lets me know that you need me. There's a truth in your eyes saying you'll never leave me. The touch of your hand says you'll catch me whenever I fall.”
     พี่ชัชของผมขับรถไปฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนผมก็นั่งเขินหน้าแดงไปตลอดทาง เพราะพี่เขาเล่นเปิดแต่ซีดีรวมฮิตเพลงสากลเก่าๆ แล้วร้องตามแต่เพลงหวานๆ ทั้งนั้นเลย บางทีระหว่างรถติดก็มีแอบมาขโมยหอมแก้มผมด้วย อายรถคันข้างๆ ชะมัดเลยครับ คือ... ก็สายกันนิดหน่อยแหละเลยรถติด พอรถติดพี่ชัชก็เลยมีเวลามาแกล้งผมเยอะขึ้น
     “All you have to do is close your eyes. And just reach out your hands and touch me, Hold me close don't ever let me go. More than words, Is all I ever needed you to show. Then you wouldn't have to say that you love me, Cause I'd already know.
     แน่ะ! ผมเขินจนเมื่อยแก้มไปหมดแล้วครับ อยากจะบ้าตาย วันนี้แฟนผมหวานเกินไปแล้ว!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#8/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน12
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 08-11-2014 15:51:34
     กว่าจะถึงมหาวิทยาลัยได้ก็เล่นเอาผมเจ็บแก้มไปหมดเลยครับ นี่ไม่รวมที่ผมปวดเมื่อยจากเรื่องเมื่อคืนอีกนะ ใจคอพี่ชัชจะให้ผมระบมไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยรึไง!
     “ฉลองกับเพื่อนให้สนุกนะคร้าบที่รัก มีอะไรโทรหาพี่ได้นะ เผื่ออยากได้คนช่วยขนของขวัญกลับ หึๆ”
     “ไม่ต้องเลยครับ รีบไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวก็สายหรอก ดูสิผมเหลือเวลาอีกนิดเดียวแล้วเหมือนกัน”
     “หึๆ คร้าบ บายครับที่รัก”
     ผมโบกมือให้พี่ชัชได้แป๊ปเดียวก็ต้องรีบหันหลังแล้ววิ่งเข้ารั้วมหาวิทยาลัย ใช่ครับ วิ่งทั้งๆ ที่ผมเพิ่งผ่านศึกหนักมาเมื่อคืน ผมจะบ้าตาย! แทบก้าวขาไม่ออก มันแปล๊บทุกการเคลื่อนไหวเลยครับ

     ในที่สุดผมก็มาทันจนได้ อย่างฉิวเฉียดเลยครับ เพราะพอผมเข้าห้องปุ๊ปอาจารย์ผู้สอนก็เดินเข้ามาปั๊ป ผมก็เลยไม่ค่อยได้ทักทายกับเพื่อนคนอื่นๆ ในห้องเท่าไหร่ แถมพอนั่งๆ เรียนไปแล้วผมชักจะง่วงอีกต่างหาก ก็เมื่อคืนผมแทบไม่ได้นอนเลยนี่นา ชักจะไม่ไหวแล้วครับ ผมได้แต่บอกตัวเองให้ถ่างตาเข้าไว้แล้วพยายามจดเลคเชอร์ต่อ ...
     ดังนั้นพอหมดคาบลงผมก็ถือโอกาสฟุบลงกับโต๊ะ ขอผมชาร์ทพลังซักสี่ห้าวิเถอะ!
     “เป็นไรย๊ะแก วันเกิดแต่ท่าทางไม่สดชื่นเลยอ่ะ”
     “ขอเราพักแป๊ปนึงน่าป่าน ไม่ไหวแล้ว”
     “แปลกแฮะ วันนี้ต้นมาเกือบสายแถมยังแอบหลับในห้องด้วย เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ?”
     “เราไม่ได้แอบหลับ! แค่ง่วง ยังไม่ได้หลับ”
     ไปป์นะไปป์ เรื่องอะไรมาว่าผมหลับในห้องเรียน
     “อู้วว... ฟื้นคืนชีพทันตาเห็น”
     “พอเลยๆ ไปทานข้าวกันเถอะ เราหิวแล้วอ่ะ”
     “กินไรดีอ่ะแก?”
     “เที่ยงนี้เรางด! เดี๋ยวตอนเย็นมีหมูกะทะอีก พักนี้น้ำหนักขึ้นมาตั้งสองโลอ่ะ”
     “ไม่ดีมั้งจ้ะเมย์ เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก”
     ผมคุยกับแก๊งของผมตามปกติ มีเพื่อนคนอื่นๆ เดินมาอวยพรวันเกิดผมบ้าง และพอผมออกมาจากห้องเรียน ผมก็เจอพี่ทิงกับพี่เปารอผมอยู่แล้ว พี่ๆ ทั้งสองยืนรอผมอยู่ จริงสิ ผมลืมไปเลย! ผมสัญญากับพี่ๆ เขาไว้ว่าผมจะไปทานมื้อกลางวันกับพวกเขานี่นา สงสัยเที่ยงนี้ผมคงไม่ได้ไปทานข้าวกับพวกเพื่อนๆ แล้วล่ะครับ
     “เอ่อพวกนายจะว่าอะไรมั้ย ถ้า...”
     “ไปเถอะจะ”
     แปลกนะครับที่คราวนี้แก้วชิงพูดก่อนคนแรก
     “พี่เขาอุตส่าห์มารอ ไว้เดี๋ยวพวกเราค่อยไปฉลองด้วยกันตอนเย็นก็ได้จะ”
     แก้วสนับสนุนผมท่ามกลางสายตาคัดค้านจากเมย์และไปป์ ผมโบกมือบ๊ายบายด้วยความโล่งใจที่เพื่อนผมใจกว้าง
     “งั้นเราไปนะ”
     “เง้อ ต้น เดี๋ยว!”
     “อย่าซนนะไปป์ เดี๋ยวกลับมา”
     หน้าไปป์ตอนงงๆ นี่ก็น่ารักดีนะครับ ฮ่าๆ
     “ไปกันเถอะครับพี่เปาพี่ทิง”
     พี่ทิงยิ้มให้ผมก่อนจะเดินนำไป แล้วผมก็เดินตามพี่ๆ ทั้งสองไปเรื่อยๆ จนถึง ... ห้องพักอาจารย์ภาคเคมี
     “เอ่อ ผมนึกว่าจะชวนผมไปทานข้าวกลางวันซะอีก ทำไมมาที่นี่ละครับ?”
     พี่ทิงหันมายิ้มให้ผมพลางล้วงอะไรบางอย่างออกจากถุงส่งมาให้ผม
     “พวงมาลัย?”
     “วันนี้วันเกิดต้น ไม่ว่ายังไงพ่อก็คือพ่อ เขามีบุญคุณที่ทำให้เราได้เกิดมาบนโลกใบนี้ ไปขอพรอาจารย์เขาหน่อยเถอะ”
     ความจริงผมก็คิดอยู่นะ กะจะแอบมาหาคุณพ่อหลังเรียนเสร็จ แต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกพี่ทิงลากมาก่อนตอนพักเที่ยงแบบนี้
     “แต่... แต่ว่า”
     “ท่านต้นคืนดีกับอาจารย์แล้วไม่ใช่เหรอขอรับ”
     “ไม่ใช่อย่างงั้นนะครับพี่เปา! คือ... ถ้า... ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยแล้วมันจะไม่แปลกเหรอครับ”
     “แปลกตรงไหนกัน ลูกกราบพ่อ”
     “นั่นสิขอรับ กระผมว่าระดับอาจารย์ต้น ท่านมีวิธีจัดการเรื่องนี้อยู่แล้วขอรับ ไม่แน่ว่าสิ่งที่ท่านต้นกังวลอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ความลับสำหรับเพื่อนอาจารย์ด้วยกันก็เป็นได้”
     “แล้ว... แล้วถ้ามีคนอื่นนอกเหนือจากนี้ล่ะครับ”
     “ทำความดีไม่ต้องอายหรอกต้น เราบริสุทธิ์ใจเสียอย่าง แต่ถ้าต้นกังวลเดี่ยวพี่ดูต้นทางให้เอง”
     ว่าแล้วพี่ทิงก็ผลุบเข้าไปในห้องพักอาจารย์ดูต้นทางให้ ก่อนจะหันมากวักมือเรียกผม
     “มาเร็ว ไม่มีใครนอกจากพ่อเราพอดี”
     รอยยิ้มและกำลังใจจากพี่เปาสร้างแรงยุยั่วให้ผมเดินไปรับพวงมาลัยจากมือของพี่ทิง ผมค่อยๆ เดินเข้าไปในห้อง ถึงคุณพ่อของผมจะเจ้าชู้ แต่ผมก็ได้ยินมาว่าท่านทุ่มเทให้กับงานมากจึงไม่แปลกที่พวกนักศึกษาจะรักท่าน ผมไม่กล้าถามเรื่องราวต่างๆ จากท่านหรอก ผมกลัวที่จะรู้ว่านอกจากแม่ผมแล้วยังมีนักศึกษาคนอื่นอีกไหมที่... ที่ท่านทำแบบนั้นด้วย ผมเคยคิดในแง่ร้ายว่าท่านก็แค่สร้างภาพทำตัวเป็นอาจารย์ผู้สูงส่งไปงั้น แต่ภาพผู้ชายวัยใกล้ห้าสิบที่นั่งตรวจงานอยู่ตามลำพังในห้องก็ทำให้ผมภูมิใจ
     “อ้าวต้น?”
     ท่านเงยหน้าขึ้นมาสังเกตเห็นผมพอดี ผมเลยคุกเข่าลงแล้วคลานเข่าเข้าไป พอเข้าไปใกล้ๆ แล้วผมก็ก้มลงกราบบนตักท่าน
     “ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เกิดมาบนโลกใบนี้ครับ”
     คุณพ่อชะงักไปครู่หนึ่ง ท่านคงคาดไม่ถึงว่าผมจะทำแบบนี้ แต่แล้วท่านก็ลูบศีรษะของผม
     ฝ่ามือที่อบอุ่นบรรจลูบลงบนศีรษะของผม ความรู้สึกต่างๆ ถาโถมเข้าใส่จนผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าเพียงแค่ฝ่ามือของพ่อก็ทำให้ผมเกิดความรู้สึกได้มากมาย ทั้งความสุขความเศร้า สิ่งที่ผมเคยได้แต่ฝันและโหยหามันมาตลอด ผมได้สัมผัสมันในวันนี้แล้ว เหมือนดังเวทย์มนต์พิเศษที่เสกให้ความเคลือบแคลงต่างๆ นั้นมลายไป
     เพราะผมอายก็เลยไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ได้แต่ซบหน้าบนตักของคุณพ่อจนผมทำน้ำตาซึมเลอะกางเกงท่านเป็นดวงๆ
     “ร้องไห้อีกแล้ว คุณยี่สิบแล้วนะต้นน้ำ ... เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสได้อุ้มกล่อมคุณตอนร้องไห้โยเย ตอนนี้ผมคงทำได้แค่ส่งผ้าเช็ดหน้าให้คุณเวลาคุณร้องไห้ แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้ ไม่ว่าคุณอายุเท่าไหร่ ผมยินดีซับน้ำตาให้คุณเสมอ”
     คำพูดของคุณพ่อทำให้ผมตื้นตันใจครับ ผมรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่และหนักแน่นอยู่ภายใต้ถ้อยคำเหล่านั้น ผมรู้ว่าคุณพ่อเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ท่านรักผม ผมมีความสุขที่สุดเลยครับ ผมเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในดวงตาของท่าน ทั้งๆ ที่คุณพ่อว่าผมขี้แย แต่ท่านเองก็แอบน้ำตาคลอด้วยเช่นกัน ผมอดไม่ได้ที่จะโผเข้ากอดผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนที่ทำให้ผมเกิดมา
     “ผมรักคุณพ่อครับ”
     ท่านลูบหลังผมแล้วตอบ
     “พ่อก็รักลูก ขอโทษที่พ่อไม่ได้ทำหน้าที่พ่อที่ดีให้ลูกเลย ถึงต้นจะบรรลุนิติภาวะแล้วแต่ก็ให้พ่อดูแลต้นด้วยคนนะ พ่ออยากชดเชยให้ต้น”
     “ครับ”
     ผมยิมให้คุณพ่อๆ ก็ยิ้มให้ผม เราสองคนยิ้มให้แก่กันอย่างชื่นมื่น
     “คุณไปหาพวงมาลัยมาจากไหนนี่ สวยเชียว ผมไม่เห็นพวงมาลัยลายแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”
     อายจังครับแต่ผมไม่อยากโกหกท่าน
     “เอ่อไม่ใช่ของผมหรอกครับ ตอนแรกผมว่าจะมาหาคุณพ่อตอนเย็น แต่พี่เปาลากผมมาซะก่อน”
     “นายปรัชญ์น่ะเหรอ สงสัยผมต้องเพิ่มคะแนนความประพฤติให้เขาซะแล้ว ตั้งแต่คุณคบกับเขา คุณทำตัวน่ารักขึ้นมากทีเดียว”
     “คุณพ่อก็! อย่าไปเทียบกับเมื่อก่อนสิครับ คุณพ่อนั่นแหละเมื่อก่อนเอะอะก็เอาแต่ว่าผม”
     ผมหลุดปากเถียงท่านไปตามนิสัย คุณพ่อเงียบไป ผมจึงรู้สึกตัวจนต้องรีบเอามืออุดปากตัวเอง
     “เอ่อ คือขอโทษครับ ผม...”
     “ไม่เป็นไร เถียงมาเถอะ ผมรู้ว่าคุณชอบเถียง พี่คุณก็เหมือนกัน พวกคุณเหมือนผมนะ คุณคุยยังไงกับพี่ไกรคุณก็พูดแบบนั้นกับผมเถอะ”
     ผมอดยิ้มไม่ได้
     “น้อยใจเหรอครับคุณพ่อ?”
     “ยิ้มถูกใจเชียว ทำให้พ่อกับลุงทะเลาะกันน่ะบาปนะ”
     คุณพ่อผมมีมุมแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย ผมแอบทึ่งนิดๆ ผมไม่เคยเห็นด้านสบายๆ แบบนี้ของท่านมาก่อนเลย
     “วันนี้วันเกิดผมๆ ขออะไรอย่างนึงได้มั้ยครับ”
     “อยากได้อะไรล่ะ?”
     “เมื่อก่อนตอนผมเด็กๆ คุณแม่กับลุงพลชอบกอดผม ทีนี้เวลาผมอยากได้อะไร ผมก็ชอบไปหอมแก้มอ้อนพวกท่านครับ ถึงจะอ้อนคุณแม่ไม่ค่อยสำเร็จแต่ได้ผลกับลุงพลตลอด ผมอดคิดไม่ได้ว่า... ถ้าผมมีพ่อ คุณพ่อของผมจะใจดีเหมือนลุงพลมั้ย ผมขอกอดแล้วก็หอมแก้มคุณพ่อได้มั้ยครับ”
     พอคุณพ่อได้ยินคำพูดของผม ท่านก็ทำหน้าแปลกๆ จนผมหวั่นใจ แต่แล้วท่านก็เอ่ยขึ้น
     “ผมเพิ่งรู้ว่าลูกชายของผมเป็นเด็กขี้อ้อนขนาดนี้ น่าเสียดายที่ผมไม่มีโอกาสได้เห็นคุณตอนเล็กๆ คุณคงน่ารักมากทีเดียว สายธารกับธนพลช่วยกันเลี้ยงคุณได้ดีจริงๆ ผมภูมิใจในตัวคุณนะ”
     “ครับ คุณพ่อ”
     ผมกอดท่านซะแน่นก่อนจะยืดตัวไปหอมแก้มท่าน เวลาที่เราได้อ้อนพ่อแม่เนี่ยมันวิเศษจริงๆ ครับ ถึงที่ผ่านมาผมจะชอบอ้อนพี่ชัชบ่อยๆ แล้วพี่ชัชก็โอ๋ผมเช่นกัน แต่... มันเป็นความรู้สึกคนละแบบกับตอนนี้เลยครับ ความอบอุ่นคนละแบบกับความรู้สึกที่ผมได้รับจากพี่ชัช ผมไม่ได้ใจเต้นหรือรู้สึกถึงหัวใจที่พองฟูขึ้นจากอ้อมแขนของท่าน แต่มันเป็นความสงบนิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกมั่นคง อย่างกับโลกทั้งใบได้โอบกอดตัวผมเอาไว้ ความรู้สึกของการมีพ่อมันเป็นแบบนี้นี่เอง...
     “แล้วสรุปว่าผมกับลุงพลของคุณใครใจดีกว่ากันล่ะ?”
     “อืม... ไม่บอกดีกว่าครับ ผมกลัวคุณพ่อน้อยใจ ... ว่าแต่ คุณพ่อรู้จักลุงพลด้วยเหรอครับ?”
     “รู้จักสิ ผมจำลูกศิษย์ตัวเองได้อยู่แล้ว ว่าแต่คุณเถอะ ร้ายนักนะ มิน่า ขนาดพี่ไกรยังหลง”
     ผมยิ้มซะกว้างเลยล่ะครับ วันนี้มีแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้นเลย มีความสุขจัง ผมอ้อนท่านต่ออีกซักพักหนึ่งก็ขอตัว
     “งั้นผมไปทานข้าวก่อนนะครับ ป่านนี้พี่ๆ รอแย่เลย”
     “ไปเถอะ แต่ยังไงก็ตาม เย็นนี้ผมไม่อนุญาตให้คุณดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นะ”
     “ใครบอกคุณพ่อครับเนี่ย?”
     ผมอึ้งนะ! พ่อผมจะมีสายสืบเยอะเกินไปแล้วครับ แต่ท่านกลับยิ้มให้ผม ริมฝีปากได้รูปที่กำลังเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์หน่อยๆ นั้นแลดูคุ้นเคยราวกับส่องกระจก ผมเคยเกลียดปากของตัวเองนะ แต่ตอนนี้ผมอดคิดไม่ได้ว่าตอนที่ท่านยิ้ม พ่อของผมดูหล่อขึ้นเยอะเลยครับ รอยยิ้มของท่านมีเสน่ห์มากจริงๆ
     “ผมรู้เรื่องของลูกผมก็แล้วกัน ฉลองกับเพื่อนให้สนุกล่ะ”
     ผมเดินออกจากห้องพักอาจารย์ด้วยรอยยิ้ม พี่เปากับพี่ทิงแซวผมใหญ่ โดยเฉพาะพี่ทิง นอกจากจะล้อผมแล้วยังขยี้หัวผมอีกด้วยครับ พี่ทิงเรียกผมว่า“ซึนเดเระ” ผมไม่ได้ปากไม่ตรงกับใจซักหน่อย ผมพยายามจะเอาคืนแต่ก็แพ้หลุดลุ่ย ทำไงได้ละครับหนึ่งเสียงย่อมแพ้สอง พี่ๆ เขาสามัคคีแกล้งผมซะงั้น
     แล้วพี่ๆ ทั้งสองก็พาผมไปเลี้ยงมื้อกลางวัน พวกเราไม่มีเค้ก แต่พี่ทิงดันเตรียมเทียนวันเกิดมาครับ พี่ทิงสั่งผัดสปาเก็ตตี้มาให้ผมแล้วก็ปักเทียนลงในจาน
     “พี่ทิงอ๊ะ! น่าเกลียด”
     แต่พี่ๆ ทั้งสองหาได้แคร์ พวกพี่เขายังคงนั่งร้องเพลงวันเกิดให้ผมอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะพี่เปานี่เสียงดังมากด้วย บางคนหันมามองพวกเราแล้วก็หัวเราะ ผมอายชาวบ้านสุดๆ ไปเลยครับ ผัดสปาเก็ตตี้ปักเทียนเนี่ยนะ!
     “เอ้า! อธิฐานแล้วเป่าเลยต้น”
     “บ้าแล้วครับ นี่มันบ้ามากๆ เลยเนี่ย”
     “ต้นชอบสปาเก็ตตี้ พี่ก็เลี้ยงละนี่ไง อย่าเยอะๆ”
     “บ้า! ผมไม่ได้เยอะซะหน่อย หึๆ ฮ่าๆ พี่ทิงอ๊ะ หลุดโลกมากเลยครับ”
     “กระผมบอกท่านต้นแล้ว ท่านทิงเกรียนสุดๆ เลยขอรับ”
     “กูเกรียนที่ไหน นี่เขาเรียกว่าครีเอทโว้ย! เป็นการผสมผสานของชอบของต้นกับการอวยพรวันเกิดในเวลาเร่งรีบอย่างลงตัว”
     “ฮ่าๆ พี่ทิงบ้าอ่ะ”
     ผมพลอยหัวเราะไปกับพี่เปาจนปวดท้อง โอ๊ย! ขำครับ ผมขำจนน้ำตาเล็ด ผมต้องควักผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาตัวเองแล้วกดผ้าปิดปากเอาไว้เพื่อบังคับตัวเองให้หยุดหัวเราะ อุ๊บ! หึๆ ผมต้องพักหยุดหายใจลึกๆ ทางปากเพื่อตั้งสติ และแล้วผมก็อธิฐานแบบออกเสียง
     “ขอให้ผมมีพี่ชายที่น่ารักแบบนี้ตลอดไปครับ วันนี้ผมมีความสุขมาก พี่ๆ ทั้งสองนำมาแต่สิ่งดีงามในชีวิตผม ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากเป็นน้องของพวกพี่ตลอดไปครับ”
     แล้วผมก็เป่าเทียน พี่ทิงกับพี่เปายิ้มให้ผม พี่เปาดึงกล่องของขวัญออกมา มันไม่ได้ถูกห่อครับ แต่มีโบว์เล็กๆ แปะอยู่บนกล่อง ส่วนพี่ทิงก็ยื่นการ์ดทำมือให้ผม การ์ดแผ่นเล็กๆ นั่นเป็นภาพวาดตัวผมเองแต่มีเขาเหมือนแกะ น่ารักจังเลยล่ะครับ ผมชอบวิธีลงสีของพี่ทิงจัง
     “สวยจังเลยครับ ผมจะเก็บไว้อย่างดีเลย”
     “ของขวัญจากพวกพี่สองคน”
     “โอโห้! .... นี่กะจะลากผมเข้ากลุ่มให้ได้เลยใช่มั้ยครับ?”
     “แน่นอนขอรับ กันดั้มสุดยอด!”
     “ฮ่าๆ”
     “ทำเป็นหัวเราะไป อย่าดูถูกงานต่อโมเดลนะต้น คนใจร้อนขี้เบื่อกลางคันทำไม่ได้หรอก”
     “นี่เป็นแบบเรียลเกรดเลยนะขอรับ ท่านต้นลองแล้วจะติดใจ”
     “อื้อ มีขู่กันด้วย? ละอย่างผมจะทำได้เหรอครับ ผมยิ่งไม่เคยด้วย ท่าทางจะยากน่าดู”
     “ก็พี่เห็นเราไม่ค่อยไปไหน อยู่บ้านว่างๆ ก็ต่อโมเล่นไง เพลินดีนะ ต่อเสร็จตั้งโชว์ก็ภูมิใจ เอามาจัดท่าถ่ายรูปก็สนุกไปอีกแบบ”
     “ขอบคุณคร้าบ”
     ผมมีความสุขจริงๆ นะ ถึงจะไม่มีอะไรพิเศษมีแค่ผัดสปาเก็ทตี้ธรรมดาๆ หนึ่งจานแต่ผมก็มีความสุขมาก ผมมีความสุขมากจนลืมเรื่องปวดหัวที่รอผมเย็นนี้ไปเลยครับ พอเราทานอาหารกลางวันเสร็จผมก็ขอตัวแล้วแยกไปเรียนวิชาช่วงบ่ายอย่างมีความสุข พวกสาวๆ ถามอะไรผมนิดหน่อย ผมก็เล่าให้ฟังพร้อมกับอวดของขวัญวันเกิดให้ดู พอไปป์เห็นก็ร้องตะโกนอย่างดีใจราวกับได้ของขวัญนี้ซะเองแล้วแย่งไปเปิดดู ผมเลยต้องเขกกะโหลกไปป์ไปเบาๆ ก็กลัวไปป์จะซนจนทำพังนี่ครับ แผงชิ้นส่วนมันดูบอบบางจะตาย แน่นอนว่าไปป์งอนนิดหน่อย แต่พอโดนป่านเอ็ดสำทับไปอีกรอบไปป์ก็เริ่มคิดได้ เลิกงอนแล้วหันมาอ้อนขอมาช่วยผมต่อโมเดลแทน
     จนพวกผมเรียนเสร็จแล้วมารอคนอื่นๆ ที่ตึกภาค ผมก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดที่คุกรุ่น กาย!
     กายกับไนน์กำลังเถียงกันอยู่ พอพวกเขาเห็นผมไนน์ก็วิ่งมาหาผมทันที เล่นเอามีสายตาไม่เป็นมิตรจากกายส่งมาให้ผม ไนน์เกาะแขนผมไว้หลวมๆ ทำไม่รู้ไม่ชี้ ผมหยุดอยู่กับที่จนเพื่อนๆ พากันนิ่งตาม ผมพยายามมองหาแต่ไม่เห็นใครอื่นนอกจากกาย สุดท้ายกายก็เลยจำใจเดินเข้ามาหาผม
     “เออ วันเกิดมึงเหรอ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ว่ะ เดี๋ยวอาร์มมา มันใกล้เรียนเสร็จแล้ว ส่วนแม็กซ์คงอีกชั่วโมงมั้ง”
     กายทักผมตามแบบฉบับของเขา แหม ผมล่ะปลื้มจริงๆ อุตส่าอวยพรผมด้วย อันที่จริงถ้าเขาไม่เต็มใจไม่ต้องอวยพรผมก็ได้นะครับ ผมไม่ได้ขอร้องเขาซักหน่อย! ผมอยากโทรไปด่าแม็กซ์เดี๋ยวนั้นเลย แต่กลัวแม็กซ์จะเรียนอยู่ครับ เลยได้แต่ข่มอารมณ์เอาไว้ หลังจากนั้นผมก็เลยแกล้งทำเป็นยุ่งกับงานแทน พวกเพื่อนๆ เว้นระยะห่างจากผมกับสองคนนี้ไปโดยปริยาย หน้าผมมันคงฟ้องมั้งครับ เพราะแม้แต่ไปป์ยังไม่กล้าเข้ามาวุ่นวายอะไรกับผมเลย
     ไนน์ชวนผมคุยถามเรื่องเย็นนี้ ผมก็ตอบไปตามปกติพลางนั่งทำการบ้านไปด้วย แต่กายขี้อิจฉาพยายามหาทางแทรกตลอดเวลาจนน่ารำคาญ ผมเซ็งมากเลยครับแต่ต้องอดทนไว้ จนกระทั่งไนน์บ่นหิวอยากทานขนมรองท้องแต่ผมยังทำงานไม่เสร็จเลยบอกให้ไนน์รอผมอีกแป็บนึง เดี๋ยวผมจะพาไปทีหลัง แต่กายกลับหาเรื่องลากไนน์ไปเองซะงั้น ไนน์ขัดขืนหันมาให้ผมช่วย แต่... ให้ผมปะทะกับกายเนี่ยนะ ไม่เอาหรอกต่างคนต่างอยู่ได้มั้ยครับ ไม่มีคนอื่นอยู่ผมไม่อยากยุ่งกับหมอนี่โดยไม่จำเป็น ผมคงต้องขอให้ไนน์เผชิญเคราะห์กรรมของตัวเองตามลำพังแล้วล่ะครับ ยังไงกายก็ไม่ฆ่าไนน์หรอก แต่ถ้าผมไปด้วยละก็ ผมกับกายนี่แหละจะฆ่ากันเอง!
     พอสองคนนั้นไม่อยู่แล้วโล่งหูขึ้นเยอะเลยครับ ผมรีบทำงานของตัวเองให้เสร็จแล้วบอกกับเพื่อนๆ ว่าผมขอตัวเข้าไปงีบรอในห้องภาค ห้ามปลุกห้ามกวนจนกว่าจะเคลื่อนขบวน ยังไงผมก็ต้องรอแม็กซ์อีกอยู่ดี แถมเพื่อนเราบางคนก็ยังเรียนไม่เสร็จด้วยครับ พอลับตาคนอื่นแล้วผมตัดสินใจโทรหาตัวช่วย ผมชวนเมษไปเลี้ยงฉลองวันเกิดกับผมโดยเอาเพื่อนผู้ชายในคณะมาล่อ เมษตกลงอย่างง่ายดายโดยบอกว่าจะไปเจอกันที่ร้านเลยตอนเย็นเพราะติดธุระยุ่งๆ ที่มหาวิทยาลัยนิดหน่อย ผมสบายใจแล้วครับ มีคนช่วยผมรับมือกับความยุ่งเหยิงนี้แล้ว ให้ตายสิ ไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะวุ่นวายขนาดไหน!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


มีใครหมั่นไส้ปนอิจฉานังคุณน้องต้นในตอนนี้บ้าง อนุญาตให้ด่าฮีได้ค่ะ พยายามปั้นคาแรคเตอร์แบบราชินี สำเร็จมั้ย?
ใครอยากได้ของขวัญวันเกิดแบบคุณน้องต้นยกมือ!  :a1: ช่างเป็นพระเอกที่ให้ของขวัญได้วางแผนอนาคตมาก จับต้องได้สุดๆ อ่ะ แต่ขอแบบหวานๆ ไม่มีเหรอเพ่! นี่มันเมะแบบไหนกันว้า!

มีใครเคยสงสัยมั้ยว่าทำไมพวกผู้ชายแก่ๆ ชอบเปิดแต่เพลงยุคตัวเองฟัง ดังนั้นในรถพี่ชัชเลยมีแต่เพลงสากลเก่าๆ สมัยตัวเองวัยรุ่น เหอๆ  :teach:
ใครอยากฟังลองจิ้มได้นะ มี 2 เพลง When You Say Nothing At All (http://www.youtube.com/watch?v=NTViiV7tEPA) BY Ronan Keating กะ More than words (http://www.youtube.com/watch?v=sXArz0oZ7ow) BY Westlife แต่ฟังแล้วไม่ต้องมาทายอายุคนแต่งนะ เขิน! แต่ใบ้ให้ว่าเค้าเป็นสาวก Savage Garden รัก Truly Madly Deeply (http://www.youtube.com/watch?v=WQnAxOQxQIU) มาก... ว่าแล้วชอบเสียงนาง จริตมันออกมาทางน้ำเสียง
ซุปตาร์ดังๆ ตอนแรกก็นิ่งๆ ทั้งน้าน หลังๆ เปิดตัวกันตรึม ริกกี้เงี๊ยะ เจ๊ร็อบบี้งี้ พอสังเกตตัวเองแล้วพบว่านี่เราชอบแต่แนวนี้ทั้งนั้นเลยนี่หว่า pet shop boys งี้ ป้าแชร์งี้ นี่มันตัวแม่ยุค90ทั้งน้าน... แต่ไม่ค่อยเปิดออกคลื่นสากลนะ ส่วนมากเปิดในผับนั่นแหละ แต่เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักหรอก ใครรู้จักนี่สำรวจตัวเองด่วน! คุณคือตัวแม่! เพราะเพลงพวกนี้มันไม่ใช่เพลงชาติระดับไอวิลเซอร์ไวฟ์ แต่มันก็น้องๆ กันแหละ เหอะๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#8/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน12
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 08-11-2014 16:25:16
ไปป์

     ต้นหนีไปแล้ว ผมไม่เคยเห็นต้นทำหน้าแบบนั้นมาก่อนเลย ต้นน่ากลัวมาก ผมอยากรู้จริงๆ ว่าต้นกับเพื่อนคนนั้นโกรธอะไรกันมาก่อนรึเปล่า ขนาดผมนั่งอยู่ห่างๆ ยังรู้สึกถึงไอเย็นแผ่ออกมาจนขนลุก จริงๆ นะ ขนาดตอนที่ต้นโกรธกับเอกตอนไปทะเล ต้นยังไม่ทำหน้าแบบนั้นใส่เอกเลย สายตาต้นเย็นชามาก ดูนิ่งเงียบผิดปกติ แถมยังแผ่รังสีทะมึนออกมาตลอดเวลา ผมกลัวอ๊า!
     “เฮ้ย! คนเมื่อกี้ใครวะ? เพื่อนต้นเหรอ?”
     เสือกทันทีเลยนะไอ้ยักษ์
     “ฉันจะรู้มั้ยย๊ะ!”
     “มึงก็ไปถามต้นมันดิวะ ป่าน”
     “แกอยากรู้แกก็ไปถามเองสิ เห็นหน้าต้นมั้ยล่ะ ฉันกลัวอ่ะแก”
     พวกเราผวากันทุกคนเลยแฮะ ผมว่าผมรีบลอกงานให้เสร็จแล้วตามไปดูต้นดีกว่า เป็นห่วงจัง

     “ตามมาทำไม?”
     ต้นดักคอผมทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามาหาเลยอ๊า สงสัยกำลังอารมณ์ไม่ดี....
     “อยากอยู่กับต้น”
     ผมพยายามยิ้มสู้ แต่กลัวสู้ไม่ไหวจังแฮะ...
     “อย่ากวนน่ะ เราง่วง”
     พอต้นพูดจบก็พลิกตัวหันหน้าหนีเข้ากำแพงซะงั้น ถือว่าสถานการณ์ยังใช้ได้แฮะ ผมค่อยๆ เนียนไปนั่งใกล้ๆ ต้นดีกว่า ไม่ดื้อไม่ซนต้นไม่โกรธหรอก
     “เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ?”
     “ยุ่ง!”
     “ไม่ยุ่งก็ได้ ... ต้นง่วงเหรอ จะนอนตักเราก็ได้นะ”
     “บ้า! ใครจะไปทำ”
     เง้อ! ขึ้นเสียงใส่ผมอีกแล้ว ผมแค่หวังดีเท่านั้นเอง ก็เห็นในชั่วโมงตอนเช้าก็แอบหลับอ่า....
     “ก็หวังดีอ่า เห็นมะมีหมอน ... ไม่กวนก็ได้ เรานั่งเล่นเกมเงียบๆ ก็ได้”
     “งั้นก็อย่าเสียงดังนะ ปิดเสียงเกมด้วยล่ะ”
     ต้นพูดแบบนั้นแล้วก็ขยับมานอนตักผมจริงๆ ด้วยแหละ ดีจังที่ต้นหายโมโหผมแล้ว
     “ครับผม!”
     “เงียบน่ะ!”
     ต้นเอ็ดผมแล้วก็หลับตาลงไม่รับรู้อะไร เมื่อคืนสงสัยจะไม่ได้นอนจริงๆ แฮะ เพราะไม่นานลมหายใจของต้นก็สม่ำเสมอ เนื่องจากต้นนอนตะแคงหนุนตักผม คอเสื้อของต้นก็เลยแบะออก ผมเห็นรอยฟันจางๆ ที่ไหปลาร้าต้นด้วยแหละ มิน่าล่ะ... ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง งั้นผมจะนั่งเล่นเกมเงียบๆ ไม่กวนต้นก็แล้วกัน

     คงเพราะเมื่อคืนต้นเจอศึกหนัก วันนี้ถึงได้ท่าทางเพลียมาก ปกติต้นจะรู้สึกตัวง่ายแต่วันนี้ต้นหลับลึกน่าดู ขนาดมีคนเดินเข้าออกห้องต้นยังไม่ตื่นเลย เมย์โผล่หน้าเข้ามาดูแว๊บนึง แต่พอเห็นต้นหลับก็พยักหน้าให้ผมแล้วออกไป พวกเพื่อนคนอื่นๆ น่าจะเสร็จกันแล้วน้า... แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวได้เวลายศก็มาเรียกเองนั่นแหละ

     ผมเล่นเกมได้พักใหญ่ๆ ละอาร์ทมันก็เดินมาตามพวกเราจริงๆ ด้วยล่ะ มันอ้าปากมาตั้งแต่เท้ายังไม่ก้าวเข้ามาในห้องเลย ผมเลยยกนิ้วขึ้นแตะปากแล้วทำท่าจุ๊ๆ แล้วชี้ให้มันดูต้นที่กำลังนอนหลับตาพริ้มหนุนตักผม มันถึงได้หุบปากแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะกระซิบ
     “ปลุกมันได้มั้ยนั่น?”
     “อย่าเลย”
     พวกเราคุยกันด้วยเสียงกระซิบ ผมพยายามพูดโดยให้มีเสียงน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต้นสั่งไว้ห้ามปลุกห้ามกวน!
     “มันไปทำไรมาวะ? เมื่อเช้าก็นั่งหลับ แปลก วันเกิดมันแท้ๆ ดันแอบหลบมานอนไม่รับแขกเลย”
     “เหอๆ อยากรู้เหรอ?”
     เพราะอาร์ทมันสงสัยหรอกนะ ผมถึงได้ใจดีบอก ผมค่อยๆ เขี่ยคอเสื้อของต้นให้เปิดออกแล้วชี้ให้อาร์ทดูรอยฟัน พออาร์ทมันเห็นก็หันมาส่งสายตากับผม ผมเลยพยักหน้าตอบให้ว่าเป็นอย่างที่มันเข้าใจนั่นแหละ มันเลยยอมถอยออกไป หึๆ เท่านี้ก็ไม่มีใครกวนต้นแล้ว ว่าแต่ ... อาร์ทมันเข้ามาหาพวกผมทำไมหว่า?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ยศ

     “ต้นละ?”
     “หลับดิมึง”
     “ละทำไมไม่ปลุกมันวะ”
     “อย่าเลย ท่าทางเมื่อคืนมันไม่ได้นอนทั้งคืน”
     อะไรของมันวะ ผมใช้ให้มันไปเรียกไอ้ต้นออกมาแต่ดัน...
     “เออน่า ไม่รู้เมื่อคืนมันโดนหนักขนาดไหน ถึงได้ทำท่าเพลียๆ ทั้งวัน แถมเมื่อเช้าก็เสือกมาสายอีก มึงอย่าไปกวนมันเลย”
     อ๋อ... ไอ้ต้นพักฟื้นอยู่ เวร! แล้วผมจะเอายังไงดีวะ?
     “แล้วจะเอาไงกับเรื่องนี้ดีล่ะ มึงกล้าไปเคลียร์ป่าววะ?”
     “หึ! ไม่อ่ะ กูไม่อยากมีปัญหากับเด็กต่างคณะ”
     “กูบอกให้มึงไปเรียกไอ้ต้นมามึงก็ไม่ทำ เอาไงละวะ เดี๋ยวพวกก็ต่อยกันหรอก ไอ้อัฐก็ไม่อยู่”
     ที่โต๊ะทางด้านนั้น ผู้หญิงกับผู้ชายที่เคยหาเรื่องกันก่อนหน้านี้กำลังผนึกกำลังช่วยกันต้านรุ่นพี่คณะวิศวะที่ส่อแววหลีไอ้ต้นอย่างชัดเจน ส่วนไอ้คนพามามันก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่รู้จะทำยังไง โซตัสแรงจริงๆ ว่ะ

     บรรยากาศห่วยแตกผ่านไปโคตรช้า พวกเราได้แต่ต่างคนต่างอยู่ไม่มีใครเข้าไปใกล้คู่กรณีทั้งสี่ พวกเรานัดกันตอนห้าโมงที่ตึกภาค ตอนนี้ก็สี่โมงสี่สิบแล้ว เหลือรออีกไม่กี่คนที่จะติดรถไปด้วย เพราะได้ข่าวว่าเพื่อนต้นมีรถสองคัน รวมของผมกับไอ้เป้ ถ้าอัดๆ กันก็น่าจะไปกันหมด ไอ้คิวว์เสือกมารถเสียอะไรตอนนี้ว้า เซ็ง!

     แล้วผู้ชายที่ชื่อแม็กซ์ก็มาถึง ไอ้หมอนี่ดูก็รู้ว่าหลงไอ้ต้นหัวปักหัวปำ เพื่อนต้นมาครบ ทีนี้แหละมหาสงครามบังเกิด!
     “เอ่อ แม็กซ์ พวกพี่เขาขอไปด้วยว่ะ”
     ไอ้เด็กวิศวะนั่นชิ่งไปปรึกษาเพื่อนมันทันที
     “จะไปทำไมให้เกะกะ คนเยอะจะตายห่ะ เจ้าภาพไม่เชิญยังเสนอหน้ามาเสือกอีก”
     ผมว่าไอ้ต้นปากเสียแล้วนะแต่เพื่อนไอ้ต้นที่มาใหม่นี่โคตร... มึงพูดงั้นกับเด็กวิดวะเด็กวิดยาเพื่อนต้นพูดไม่ออกอ่ะ อย่าลุกขึ้นมาต่อยกันหน้าภาคกูนะเว้ย!
     “นั่นสิ คนบางคนก็ทำอย่างกับตัวเองสำคัญนักหนา ต้นเขารังเกียจจะตายยังไม่รู้ตัวอีก”
     ยัยคนนี้ก็แรงใช่ย่อย เมื่อวานเห็นท่าทางน่ารักใสๆ ขี้อ้อน ไม่คิดเล้ย... เพื่อนต้นแต่ละคนนี่เด็ดดวง พวกเล่นพูดกันลอยๆ แต่เสียงดังพอให้ได้ยินแบบนี้มันจงใจหาเรื่องกันชัดๆ ที่สำคัญคนพูดน่ะคนนึงเมื่อวานก็พึ่งโผล่มาขอไปกะทันหันส่วนอีกคนเมื่อวานยังไม่โผล่เลยด้วยซ้ำ! เครียดจนอยากกุมขมับ...
     “กาย! ระวังปากมึงหน่อย รุ่นพี่กู”
     “โทษทีว่ะ กูไม่ได้เรียนแถวนี้”
     “เอ้ยๆ พวกมึงจะเถียงกันทำเหี้-ยไร เป็นเจ้าของวันเกิดกันเหรอ มึงไม่ไปถามต้นดูวะ”
     “กูถามหาต้นแล้ว แต่เพื่อนต้นบอกว่าต้นหลับอยู่”
     อ้าวๆ โยนมาทางพวกผมซะแล้ว ไอ้รวยนี่มันหันมามองผมแล้วก็คุยกับเพื่อนมันต่อ เก๊กโคตร
     “หลับอยู่ไหน?”
     “โน่น ในห้อง”
     “กูไปปลุกเอง”
     “เพื่อนต้นบอกว่าต้นไม่ค่อยสบาย กูเลยไม่อยากกวน ว่าจะรอให้มากับครบก่อนค่อยไปปลุก”
     “มึงปลุกตอนนั้นแล้วจะทันมั้ย”
     พอด่าเพื่อนเสร็จมันก็เดินมาหาผม
     “พวกนายมากันครบยัง ขาดอีกกี่คน?”
     “อีกสามคนอ่ะ ใกล้ละมั้ง”
     “พาเราไปหาต้นที”
     มันบอกให้ผมพามันไปหาต้น ไม่ได้บอกให้ไปเรียกต้น โอ้โห้เว้ย! ไอ้นี่มันเจ๋งจริง
     แล้วมันก็เดินตามผมมาถึงในห้องภาค ทั้งๆ ที่ในห้องมีรุ่นพี่รุ่นน้องอยู่กันประปราย ไอ้นี่มันตามเข้ามาไม่ได้กลัวอะไรเลย
     เชี่ย... ไอ้ต้นนอนหลับหนุนตักไอ้ไปป์เว้ย!
     พอมันเห็นต้นมันก็ทำท่าจะเข้าไปปลุก แต่ไอ้ไปป์ชิงยกมือขึ้นห้าม
     “ต้นบอกห้ามปลุกห้ามกวน ง่วงอยากนอนพัก”
     แล้วมึงจะกระซิบทำไมวะไปป์ ไอ้เวรนี่ปัญญาอ่อนจริง เพื่อนไอ้ต้นมองไปป์ด้วยหางตาแบบโคตรเหยียดแล้วเริ่มสะกิด
     “ต้น ... ต้น เฮ้ย ตื่นมาเปลี่ยนผ้าปูให้กูเดี๋ยวนี้ ไม่ทำเจอเตะ”
     ปลุกยังไงของมันวะนั่น มุกเชี่ยอะไร! แต่ท่าทางจะได้ผล ไอ้ต้นสะดุ้งตื่นจริงๆ ด้วย
     “อ้าว? แม็กซ์ ... มาไง”
     “ลืมแล้วรึไงว่าวันเกิดตัวเอง ฉลองไงฉลอง”
     “เออใช่...”
     “ตื่นแล้วก็มากับแม็กซ์หน่อย ไปกำจัดส่วนเกินที”
     “ไม่ใช่นายชวนกายมาเองหรอกเหรอ?”
     “นั่นอ่ะ ส่วนกู แต่ไอ้ที่เกินมาอ่ะ ส่วนไอ้อาร์ม”
     “จริงดิ?”
     “เออ จะฟาดปากกับไอ้กายอยู่แล้ว แม่งเข้ากับยัยเตี้ยเป็นปี่เป็นขลุ่ยอ่ะ โคตรขำ”
     “ไม่ขำนะ สงสารอาร์ม เราอุตส่าห์...”
     “เออๆ ไปๆ”
     เหมือนต้นมันเพิ่งจะเห็นผม เพราะมันหันมาคุยกับผม
     “พวกเรามากันครบแล้วรึยัง?”
     “เกือบละ เหลือกลุ่มไอ้นอยซ์ ถัง คิวว์”
     “งั้นก็พอดีเลย ให้สามคนนั้นไปรถเพื่อนเรา กลุ่มเราจะไปกับแม็กซ์ ที่เหลือไปกับพวกนาย”
     “เอางั้นเหรอ”
     “อืม บอกให้ไปกันเลย เดี๋ยวเรารอคนที่เหลือเอง”
     โอเค การแบ่งลงตัว งั้นผมก็เผ่นล่ะ ขี้เกียจอยู่ บรรยากาศอึมครึมสุดๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



น้องไปป์อีกแล้ว... มุ้งมิ้งจริงๆ หนุ่มลูกหมาคนนี้ เนียนตลอด!  :-[

แต่เหมือนน้องต้นจะโดนเพื่อนชิ่ง เหอะๆ คิดถึงกายกันมั้ย? แหมๆ สามหนุ่มเขาจะได้ครบทีมไง อิๆ มีไนน์ไม่มีกายได้ยังง๊าย พอกายมาต้นเลยเข้าโหมดทะมึน! แผ่ออร่ามาคุจนคนอื่นสยอง สนุกล่ะสิทีนี้ เหอะๆ ภาคแรกก็ตีกันแทบตาย ภาคนี้กายกับต้นจะเป็นไงน้า....
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#8/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน12
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 08-11-2014 21:54:01
ต้นน้ำ

     “จะให้ใครไปรถแม็กซ์บ้าง?”
     “ก็เรากับพวกผู้หญิงไง ไนน์ด้วย”
     พอได้ยินชื่อไนน์ แม็กซ์ก็ทำตาเหลือกซะงั้น
     “อย่ามาทำหน้าแบบนั้นนะ!”
     “โต้น ละเราอ่ะ เราอ่ะ”
     ไปป์... ไม่พลาดเลยนะ ผมรู้สึกอย่างกับตัวเองมีลูกติดวัยสามขวบเลยครับ แบบที่กำลังช่างจ้อนั่นแหละ
     “นายก็ไปกับอาร์มไง”
     “อ้าว แต่เมื่อกี้นายให้สามคนนั้นไปกับเพื่อนนายแล้วนี่ ไหนจะยังเพื่อนนายที่น่ากลัวๆ คนนั้นอีก ละเรากะโอมล่ะ?”
     เออจริงด้วย! ผมลืมโอมไปซะสนิท
     “ให้ไปรถแม็กซ์ก็ได้ คันใหญ่ ข้างหลังเบียดกันได้ห้า อีกคนก็ให้ไปกับอาร์ม หลังนั่งสี่”
     “อืม เอางั้นก็ได้”
     “งั้นก็ออกไปกำจัดส่วนเกินก่อนป่ะ?”
     “ยังอ่ะ รอเวลาซักนิด”
     “นี่ๆ คุยไรกันเหรอ ส่วนเกินไรเหรอ?”
     นายไม่สอดรู้ซักเรื่องจะได้มั้ยไปป์ ผมละเบื่อ
     “เล่นเกมถึงไหนแล้ว ชนะแล้วรึยัง? ยังใช่มั้ย เล่นต่อสิไปป์”
     “เง้อ ต้นอ่า ใจร้าย”
     ไปป์ประท้วงผม แต่แม็กซ์กลับหันมายิ้มให้ แล้วหัวเราะน้อยๆ ตามผม
     “เอาน่า เห็นแก่ที่วันนี้นายเชื่อง เดี๋ยวไปคันเดียวกับเราก็แล้วกัน”
     “จริงอ่ะ? ดีจัง งั้นเราไปบอกพวกสาวๆ ก่อนนะ”
     หลอกง่ายจริงๆ เลยไปป์ ฮ่าๆ พอไปป์ออกไปแล้วแม็กซ์ก็แซวผม
     “ต้นแม่ง... ร้ายว่ะ”
     “ร้ายที่ไหน”
     ผมปฏิเสธข้อกล่าวหาครับ ผมนึกว่าจะได้เถียงกับแม็กซ์ต่อ แต่แม็กซ์กลับเอื้อมมือมาแบะคอเสื้อผมออก ผมปัดมือของแม็กซ์ออกแล้วตะครุบคอเสื้อตัวเองทันที แม็กซ์ยุ่มย่ามกับชีวิตส่วนตัวผมมากเกินไปแล้ว!
     “มิน่า... แฟนต้นถึงยอมปล่อยให้มาฉลองกับเพื่อน สั่งลากันแล้วนี่เอง”
     แม็กซ์หัวเราะ แล้วถามผมต่อด้วยท่าทางกวนๆ ผมเดาอารมณ์แม็กซ์ไม่ถูกจริงๆ ครับ
     “กี่ทีอ่ะ?”
     “ยุ่งแล้ว!”
     “จะเดินไปรถไหวมั้ยเนี่ย วันนี้แม็กซ์ยิ่งจอดไกลด้วย”
     “พูดมากน่าแม็กซ์ กวนแล้ว ออกไปข้างนอกกันเหอะ”
     “ฮ่าๆ”
     ผมตัดบทแม็กซ์ แต่แม็กซ์หาได้สะทกสะท้าน แม็กซ์ผิวปากเบาๆ เดินตามหลังผมมาท่าทางกวนโอ้ยที่สุด! พอผมเดินออกมายังไม่ทันได้ไปรวมกลุ่มกับแก๊งของผม พี่บอมก็เสนอหน้ามาหาผมทันที ไนน์ก็ทำท่าจะวิ่งเข้ามาเหมือนกัน แต่มือของกายที่หนีบอยู่บนต้นแขนของไนน์ท่าทางจะเหนียวจนแกะไม่ออก ไนน์ดิ้นพยายามจะแงะมือของกายออกแต่ดูท่าจะสู้แรงไม่ไหวเพราะผมเห็นไนน์เริ่มนิ่วหน้าแล้วครับ ผมยิ้มให้พี่บอมแล้วเดินผ่านไปช่วยลูกแมวจากกรงเล็บของพ่อไก่
     “ปล่อยไนน์ได้แล้วมั้งกาย แขนเพื่อนเราช้ำหมดแล้ว”
     เพราะผมจับแขนไนน์ไว้อีกข้าง และแม็กซ์ก็พยักหน้าสำทับ กายถึงได้ยอมปล่อย
     “เจ็บมั้ย?”
     “อื้ม”
     “เดี๋ยวเราเอายาหม่องให้”
     ผมลูบหัวไนน์ปลอบพลางหันไปมองหน้ากาย เขาแทบจะสบถด่าผมออกมาเลยล่ะ สมน้ำหน้า! อิจฉาผมละสิ หึๆ ขอผมเอาคืนหน่อยเถอะ
     “นายเองก็เบามือกับเพื่อนเราหน่อยเถอะ เกิดพ่อแม่เขามาถามเราว่าทำไมลูกสาวเขามีรอยช้ำกลับไปเราตอบไม่ถูกนะ ถ้านายยังใช้โอกาสของตัวเองได้ห่วยแบบนี้ก็อย่าหวังจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย”
     ทีนี้เลยกลายเป็นแม็กซ์แทบจะต้องกดตัวกายไว้กับที่แทน สะใจผมเป็นบ้า!
     “เดี๋ยวไนน์นั่งรถคันเดียวกับเรานะ พวกเราจะไปกับแม็กซ์กัน”
     “จิ๊! ต้นไม่ได้ขับรถหรอกเหรอ”
     “น้องต้นไปรถพี่ก็ได้คร้าบ”
     แหม สอดได้จังหวะพอดีเลยครับพี่บอม ผมอุตส่าทำเป็นไม่สนแล้วนะ
     “อ้าว พี่บอมจะไปด้วยเหรอครับ?”
     “วันเกิดต้นทั้งที พี่ก็ต้องไปฉลองด้วยอยู่แล้ว”
     ผมพยายามยิ้มให้พี่บอม
     “รู้ได้ยังไงครับเนี่ย? อาร์ม นายบอกพี่เขาเหรอ?”
     ผมหันไปยิ้มให้อาร์มที่ดูเหมือนวันนี้จะยิ้มไม่ออก สีหน้าลำบากใจของอาร์มแบบนี้หาดูยากเชียวครับ
     “จริงๆ พี่บอมไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ รบกวนเปล่าๆ”
     “พี่ไม่ได้ลำบา-”
     “แต่ว่ามีแต่พวกผมในภาคไปกัน พี่บอมไปจะอึดอัดเอาเปล่าๆ ครับ นอกจากอาร์มที่ได้สังสรรค์กับเพื่อนเก่าแล้วผมเองก็ต้องดูแลเพื่อนสนิทผมด้วย จริงสิ! พี่บอมรู้จักเพื่อนของผมรึยังครับ? นั่นกาย เป็นแก๊งเดียวกับอาร์มและแม็กซ์ครับ ส่วนยัยตัวเล็กนี่ก็เพื่อนสนิทผมเอง พวกเราห้าคนเรียนมอปลายมาด้วยกันครับ อยู่ห้องเดียวกันตลอดสามปีเลย สนิทกันมากเนอะ แถมผมกับไนน์ยังเป็นญาติห่างๆ กันด้วย”
     ท้ายประโยคผมลูบหัวไนน์เล่น ส่วนไนน์ก็คล้องแขนผมอย่างสนิทสนมแถมยังแลบลิ้นให้พี่บอมอีก เจอแบบนี้เข้าไปพี่บอมก็ไปต่อไม่ถูกหรอกครับ หน้าเจื่อนๆ ของพี่บอมทำให้ผมต้องพยายามควบคุมสีหน้าตัวเองให้ดี ทั้งๆ ที่ผมสะใจเป็นบ้าแต่กลับต้องรักษาหน้ากากที่ใสซื่อนี้เอาไว้ ผมพยายามเล่นบทสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนต่อรุ่นพี่อย่างสุดความสามารถ ส่วนไนน์นี่แทบไม่รักษามาดอะไรเลยครับ สีหน้าสมน้ำหน้าของไนน์กำลังซ้ำเติมพี่บอมอยู่ ผมก็เลยลูบหัวยัยตัวเล็กของผมด้วยความรักใคร่แถมไปให้อีกที
     “งั้น... เอาไว้วันหลังน้องต้นต้องให้พี่เป็นเจ้ามือเลี้ยงเราซักมื้อนะครับ นี่ของขวัญวันเกิดครับ แฮปปี้เบิร์ธเดย์”
     พี่บอมยอมถอยแต่ก็ยังอุตส่ายื่นกล่องของขวัญเล็กๆ ให้ผม
     “ไม่เห็นต้องลำบากเลยครับ”
     ต้องรับสินะครับ? ผมจงใจรับของขวัญมาแล้วแกะมันเดี๋ยวนั้นเลย
     “เอ... อะไรเหรอครับ? อ้าว... สร้อยคอนี่นา สวยดีนะครับ แต่เสียดาย ผมไม่ค่อยชอบใส่เครื่องประดับซักเท่าไหร่...”
     “น้องต้นจะไม่ใส่หน่อยเหรอครับ”
     “ต้นไม่ใส่ของถูกๆ แบบนี้หรอก ไม่เห็นสวยเลย ถ้ากงวีเห็นตะเองใส่สร้อยเห่ยๆ แบบนี้นะ กงวีต้องร้องไห้แน่ๆ”
     “ไนน์! พูดแรงไปแล้วนะ ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้เลย”
     ถึงผมจะรำคาญพี่บอมแต่ผมก็ไม่ได้อยากแตกหักกับพี่เขานะ ผมตั้งใจจะทำแค่ปฏิเสธของขวัญที่เขาให้มาก็เท่านั้น ทำให้เขารู้ตัวว่าผมไม่ปลื้มไม่ยินดียินร้ายกับของขวัญ แต่ไนน์เล่นซะแรงเลย ผมว่าอันที่จริงมันก็ไม่ได้แย่มากขนาดนั้นด้วยซ้ำ
     “ก็มันจริงนี่ กงตะเองขายเพชรนะ ตะเองเป็นหลานชายคนเดียวก็ต้องรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์สิ”
     “เอ่อ พี่บอมครับผมขอโทษจริงๆ นะครับ เพื่อนผมเอาแต่ใจไปนิด ยังไงผมขอบคุณมากๆ นะครับ”
     ผมแทบจะภาวนาว่าขออย่าให้พี่บอมฉุนขาดเลย ผมเกรงใจอาร์มจะแย่อยู่แล้ว อาร์มหน้าเสียมากๆ เลยครับ แทบจะยกมือไหว้ขอโทษแทนไนน์เลย ผมเองก็ได้แต่ก้มหัวในเชิงขอโทษรัวๆ พี่บอมยืนนิ่งเป็นรูปปั้นเลยครับ จนในที่สุด...
     “งั้นวันนี้พี่กลับก่อนแล้วกันครับ”
     โชคดีที่พี่เขาเห็นสีหน้าสำนึกผิดของผมแล้วยอมถอย อาร์มตามไปพูดอะไรบางอย่างพลางก้มหัวปะหลกๆ พี่บอมแกส่ายหน้าประหนึ่งไม่ถือสาอะไร แต่สีหน้าเขาไม่ได้ดีนักหรอกครับ เฮ้อ... จบไปหนึ่งเรื่อง!
     “ไนน์ ทีหลังอย่าพูดแบบนั้นอีกนะ”
     “ทำไมล่ะ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”
     ถึงไนน์จะมีสีหน้าสำนึกผิดตอนโดนผมดุ แต่ปากยื่นๆ กับคางเชิ่ดๆ นั่นก็ยังรั้นอยู่นิดหน่อยครับ เฮ้อ... ผมจับไหล่ทั้งสองข้างของไนน์เอาไว้แล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของสาวน้อยเอาแต่ใจ ถึงเมื่อก่อนผมจะรำคาญไนน์พอสมควร แต่ไปๆ มาๆ ตอนนี้ผมกลับรักไนน์ราวกับน้องสาวแท้ๆ เลยครับ อาจจะมีแอบรำคาญบ้างแต่ยังไงผมก็โกรธยัยตัวเล็กของผมไม่ลงจริงๆ
     “พูดแบบนั้นกับคนที่ไม่สนิท แถมยังอาวุโสกว่า มันไม่สุภาพนะรู้มั้ย ตัวเองเป็นผู้หญิงทำแบบนั้นไม่น่ารักเลย”
     “แต่ตะเองไม่ชอบหน้าหมอนั่นไม่ใช่เหรอ?”
     “ไม่ชอบแต่ก็ต้องให้เกียรติ ไนน์จะพูดจาไม่ดีกับคนที่ไนน์ไม่ชอบหน้าทุกคนไม่ได้หรอกนะ บางอย่างก็ต้องเก็บไว้บ้าง”
     ผมลูบผมของไนน์เล่นเหมือนกำลังปลอบเด็ก ยัยตัวเล็กของผมดื้อจริงๆ เลยครับ
     “ทีกับบางคนไม่เห็นเป็นไรเลย”
     “มานี่กูเอง เพราะคนอื่นมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ ยอมให้เธอเหมือนเรากับแม็กซ์ไง”
     ผมล่ะคันปากจังเลยครับ อยากด่ากลับไปว่า “อย่างนายเนี่ยนะเรียกว่าสุภาพบุรุษ” สุดๆ ไปเลย แต่ผมขี้เกียจเปิดศึกกับกายต่อ เลยหันไปคุยกับอาร์ม
     “อาร์ม เราขอโทษนะ”
     สีหน้าของอาร์มดูเหนื่อยๆ แต่ก็ยังพยายามส่งยิ้มให้ผม
     “อืม ช่างเหอะ ไปกันเลยมั้ย? ใครจะไปรถเราบ้าง?”
     ผมสงสารอาร์มจังครับ ผมหันไปมองแม็กซ์ๆ เดินไปตบหลังอาร์มปลอบใจ กายมัวแต่เถียงกับไนน์ เฮ้อ... ผมเลยหันไปคุยกับพวกสาวๆ แทน ผมบอกเรื่องแบ่งรถกับชาวแก๊ง แล้วก็นั่งรอเพื่อนอีกสามคนที่ยังไม่มา พอทุกคนมา พวกเราก็เคลื่อนขบวนไปยังร้านหมูกะทะ

     แม็กซ์พาผมกับสามสาว ไนน์และไปป์เดินมาถึงรถจนได้ครับ แต่พอมาถึงรถก็เกิดปัญหาอีก ถึงรถแม็กซ์จะคันใหญ่ ข้างหลังเบียดกันได้ห้าคนสบายๆ แต่ผู้ชายสองคน ระหว่างผมกับไปป์ จะต้องมีใครคนหนึ่งไปนั่งเบียดกับพวกสาวๆ ทุกคนอยากให้ผมนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ แต่ผมว่าผมตัวเล็กกว่าไปป์ ไปนั่งเบียดด้านหลังน่าจะเข้าท่ากว่า ไปๆ มาๆ พวกเราเลยใช้วิธีพื้นฐานการตัดสิน เป่ายิ้งฉุบครับ และผมแพ้ ผมก็เลยต้องไปนั่งด้านหน้าคู่กับแม็กซ์ ปล่อยให้ป่านนั่งตักไปป์เบียดกับเมย์และแก้วและไนน์แทน ดีที่ได้แก้วมาคั่นกลางระหว่างไนน์กับเมย์ ไม่งั้นคงมีศึกแน่ๆ ครับ

     พอถึงร้าน พวกที่มาถึงก่อนก็บอกให้ร้านต่อโต๊ะรอพวกเราไว้แล้ว แถมบางคนก็เริ่มตักอาหารมาปิ้งโดยไม่รอเจ้าของวันเกิดอย่างผมด้วยแหละครับ เหตุการณ์เหมือนจะราบรื่นแต่ก็มีปัญหาเกิดขึ้นจนได้ ส่วนปัญหาที่ว่าก็คือกลุ่มที่มาพร้อมผมนี่แหละครับ แก๊งของผมกับไนน์เขม่นกันมาตั้งแต่ในรถ แถมยังมีแมกซ์คอยสังเกตการณ์เป็นตาอยู่อีกต่างหาก และพอมาถึงเจ้าพวกบ้าในภาคผมก็เกือบจะลากผมไปนั่งด้วยกันในกลุ่มผู้ชายแน่ะ โดยเฉพาะมิวนิคแค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วครับ ยักษ์จอมขี้เกียจ ผมไม่ใช่คนใช้นะ! แต่ละคนใครๆ ก็อยากนั่งข้างๆ เจ้าของวันเกิดกันทั้งนั้น ผมควรจะดีใจที่เพื่อนๆ รักใคร่ผมดีรึเปล่าครับ?
     แม็กซ์อาศัยความเนียนของตัวเองนั่งที่ปลายโต๊ะอีกด้านมองสงครามแย่งตัวผม ด้วยท่าทางชิลๆ แล้วก็เสนอให้เจ้าของวันเกิดอย่างผมนั่งหัวโต๊ะเพื่อตัดปัญหา เฮ้อ... อีกแล้ว ผมล่ะหมั่นไส้แม็กซ์จริงๆ แม็กซ์เป็นฝ่ายเลือกอีกแล้วครับ สร้างสถานการณ์ให้คนอื่นเดินตามเกมของตัวเองชัดๆ เลย ผมก็เลยต้องนั่งลงตรงหัวโต๊ะข้างๆ แม็กซ์ ทำให้คู่ชิงดำกลายเป็นไนน์กับไปป์ไป
     ตลอดเวลาที่ผ่านมาในรถยังตีกันไม่พอ! ใครจะไปนึกว่าไปป์ที่ถึงจะดูบ้าๆ บ๊องๆ ไปบ้างแต่ก็เป็นเด็กดีมาตลอดจะเกิดงอแงเอาตอนนี้ ไปป์ตั้งตัวเป็นศัตรูกับไนน์อย่างเห็นได้ชัดเลยครับ ไม่ว่าผมจะพูดคุยอะไรกับไนน์เขาจะคอยพูดขัดขึ้นมาตลอด แล้วแทนที่ป่านจะคอยกำราบไปป์กลับให้ท้ายกันซะงั้น ผมยิ่งสงสารไนน์จริงๆ
     “เค้าจะนั่งข้างๆ ต้น”
     “เธออ่ะมานี่เลยยัยเตี้ย”
     กายที่เพิ่งมาถึงดึงไนน์ออกไปนั่งตรงกลางระหว่างตัวเองกับอาร์มครับ โชคดีที่พวกคันของอาร์มมาถึงซักที ทั้งๆ ที่ขับมาถึงไล่ๆ กันแต่เหมือนว่าอาร์มจะซวยหาที่จอดรถไม่ได้ครับ เลยมาถึงช้ากว่าพวกผม เพราะแบบนี้แหละ ผมถึงได้ไม่ชอบขับรถ
     “อย่ามายุ่งเรื่องของเค้านะ เค้าจะนั่งกับต้น!”
     “เอ่อ... เราขอที่ข้างๆ เราได้มั้ย ความจริงแล้วเราโทรชวนเพื่อนอีกคนมาด้วยน่ะ”
     “ต้นชวนแฟนมาด้วยเหรอ?”
     “บ้าละไปป์! เพื่อนสนิทเราหรอก”
     “งั้นเรานั่งข้างๆ เพื่อนต้นก็ได้ เรารู้ที่ของเราดี ไม่ทำอะไรให้ต้นลำบากใจหรอก!”
     ผมอยากตอบไปว่า “ความจริงแล้วนายทำให้เราลำบากใจบ่อยมากๆ เลยแหละไปป์” มากเลยครับ แต่เห็นท่าทางของไปป์แล้วก็รู้สึกเพลียแทน ท่าทางไปป์ที่ยืดอกแล้วเชิดหน้าขึ้นหน่อยๆ นั่นเหมือนเด็กมากเลยครับ ทำอย่างกับทำแบบนี้แล้วผมจะให้ดาวไปติดในสมุดสะสมความดีซะอย่างนั้น และแล้วศึกแย่งที่นั่งก็จบลงด้วยประการฉะนี้แหละครับ ไนน์ถูกกายดึงไปนั่งด้วยกันอย่างเสียไม่ได้ เพราะถูกไปป์ดักคอเอาไว้เลยไม่กล้าขัดมาก ผมรู้สึกอย่างกับมีน้องชายน้องสาวฝาแฝดดื้อๆ เลยครับ!

     พอพวกเราทานไปซักพักผมก็มีโทรศัพท์เข้า“เมษ” เมษบอกผมว่ามาถึงร้านแล้ว แต่หาพวกผมไม่เจอ ให้ผมไปรับที่หน้าร้าน
     “เอ่อ ขอตัวแปปนะ”
     “อ้าวไปไหนอ่ะต้น?”
     “ไปรับเพื่อน”
     แม็กซ์พยักหน้าเข้าใจให้ผม แต่อาร์มดันมีปัญหา
     “เฮ้ย! ละปลาเราล่ะต้น?”
     “นายก็ปิ้งเองไปก่อนสิอาร์ม! ให้ตายเหอะ ทำเองซะบ้างเหอะ! ไปกินด้วยกันทีไรให้เราทำให้ตลอด เราไม่ใช่คนใช้นายนะ!”
     “ก็เราทำไหม้นี่นา ต้นทำไรก็อร่อย”
     “อ่ะ แดกของกูไป ใช้แรงงานเพื่อนกูเกินไปละ”
     “มึงแหละตัวดี ต้นมันเล่นปิ้งแต่ของชอบมึงให้ ของกูแทบไม่มีเลย!”
     ถ้าผมจำไม่ผิด วันนี้วันเกิดผม แล้วทำไมผมถึงต้องมาเป็นคนใช้ให้คนพวกนี้ด้วยครับ! นี่ไม่รวมไปป์ด้วยนะ รายนี้ก็ปิ้งไหม้จนผมเสียดายของที่ตักมา แถมยังทำเนื้อติดกระทะอีก มันหมูก็ไม่ทา! ชอบปิ้งแล้วลืมจนมันไหม้! ผมก็เลยทนไม่ไหวต้องคอยพลิกให้คือๆ กับปิ้งให้ตานี่อีกคน ชีวิตผมจะได้กินหมูกระทะสงบๆ มั้ยครับเนี่ย? นี่ยังดีนะครับ ที่ไนน์นั่งใกล้ๆ กาย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ากายเป็นพวกเทคแคร์คนที่ตัวเองรัก ถึงจะนิสัยแย่มากก็เถอะ! ในจานของไนน์เลยมีแต่ของกินเต็มจนแทบกินไม่ทัน เหอะ! แต่อย่าคิดว่าผมจะมองหมอนี่ดีขึ้นนะครับ อย่างกายน่ะให้ตายก็ทำให้ใครมีความสุขไม่ได้หรอก ดีแต่บังคับคนอื่น
     ช่างหัวพวกนั้นเถอะครับ ผมไปหาเมษดีกว่า ผมเดินออกมาจากร้านมองหาเมษ คนเยอะจริงๆ ครับ มองหาอยู่ครู่นึงก็เจอ นับวันกระโปรงเพื่อนผมจะสั้นขึ้นไปทุกที แต่นี่ก็ยังดีนะครับ ถึงจะสั้นเลยเข่าแต่ก็ไม่ใช่แนวเอวต่ำกว้างแค่คืบแบบนักศึกษาสมัยนี้บางคน พอเมษเห็นผมก็โบกมือให้ใหญ่ พอเข้าถึงตัวผมได้ก็คว้าตัวผมไปกอดซะแน่นแล้วยื่นของขวัญให้
     “แฮปปี้เบิร์ธเดย์ย่ะ”
     “ขอบใจนะ มายากมั้ย”
     “ไม่หรอกแก ว่าแต่ ยัยลูกคุณหนูของแกเอาแต่ใจมากนักรึไงถึงกับต้องตามฉันมาช่วย”
     “ก็ไม่มากหรอก... แต่... เอาเป็นว่าไปดูเองเถอะ แค่ไปป์เราก็จะบ้าตายอยู่แล้ว”
     “อ๋อเพื่อนแกที่บ้าๆ คนนั้นน่ะนะ? โอ๊ยฉันชอบ มานี่ส่งมานี่ ฉันชอบผู้ชายขี้อ้อน”
     เมษหัวเราะเสียงสูงอย่างกับนางมารร้ายแน่ะครับ แต่พอเดินไปถึงโต๊ะเท่านั้นแหละ หน้าซีดทันที แทนที่จะเดินต่อกลับดึงแขนผมให้หยุดแล้วรีบหันหลังซะงั้น
     “ทำไมแกไม่บอกฉันว่าอิแม็กซ์มาด้วย!”
     นอกจากเมษจะกระซิบกระซาบแล้วยังเอื้อมมือมาหยิกแขนผมด้วย!
     “โอ๊ย! เราเจ็บนะเมษ”
     “แกนะแก ทำไมไม่บอกว่าอิแม็กซ์มา ฉันจะได้ไม่มา!”
     “ก็มาทั้งแก๊งนั่นแหละ เราถึงได้อยากให้นายมาช่วยเราไง ทำไมล่ะ นายเกลียดแม็กซ์เหรอ ไหนนายบอกว่า...”
     “โอ๊ย! ไม่ใช่ฉันไม่ได้เกลียดมัน... แต่แบบ... แกเข้าใจมั้ยว่ามันเป็นความด่างพร้อยเรื่องเดียวในชีวิตอันบริสุทธิ์ของฉัน อ่ะ! ฉันอายไม่อยากเจอหน้ามัน”
     “...? แล้วไงล่ะ? เราไม่เข้าใจ ตอนนั้นนายก็คุยปกติกับแม็กซ์ไม่ใช่เหรอ”
     “โอ๊ย... นั่นมันช่วงแกนอนโรงพยาบาล ใครจะไปคิดเรื่องพรรณนั้น แล้วก็แบบ ... ตอนนี้ฉันแต่งหญิงนะแก”
     “ก็สวยดีออก”
     “ก็ใช่... แต่เมื่อก่อนมันไม่ใช่ไงแก แล้วก็แบบ... แบบ... นั่นแหละ เรื่องคืนนั้นอ่ะ ให้เจอกันอีกทีฉันอาย มันเหมือนอะไรหลอกหลอนว่าฉันเคยทำตัวร่าน!”
     “คิดมากไปแล้วเมษ แม็กซ์ไม่คิดมากหรอก ไปเถอะ นายสวยจะตาย ถ้าใครกล้าว่านายเราจะด่ามันให้”
     “แต่...”
     “มาน่า”
     แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด พวกเพื่อนๆ ผมพากันตาค้าง แม็กซ์เองก็มองเมษพลางหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด ผมไม่แปลกใจที่แม็กซ์มีอาการแบบนี้เพราะว่าเมษสวยขึ้นมากเลยครับ อาร์มยังกับไนน์ยังจำเมษไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ส่วนกายไม่ต้องพูด นายนี่มีตาไว้มองแต่ไนน์คนเดียวอยู่แล้ว น่าหมั่นไส้จริงๆ
     “เอ่อ ทุกคน เราขอแนะนำ นี่... เมษา เพื่อนสนิทของเรา พวกเราเรียนมัธยมมาด้วยกันน่ะ”
     ผมหันไปมองสบตากับแม็กซ์ และแม็กซ์เองก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรๆ มากขึ้นเพราะเขาพยักหน้าเลิกทำสีหน้าสงสัย ส่วนอาร์มกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็โดนแม็กซ์อุดปากไว้ ไนน์เองก็ไม่ได้พูดอะไรแต่ยังคงขมวดคิ้วอยู่ ส่วนกายหมอนี่ทำหน้าตาเป็นอยู่หน้าเดียวรึไง หน้าที่เหมือนกับกำลังดูถูกคนทั้งโลก!
     “เมษาเป็นเพื่อนที่เรารักมาก เปรียบเสมือนพี่สาวคนนึงของเราเลยล่ะ เขาช่วยเราไว้เยอะเลย คอยดูแลเราตอนที่เราไม่สบายด้วย บางทีพวกเราก็มาทำกับข้าวทานด้วยกันที่คอนโดบ่อยๆ คนนี้แหละที่สอนเราทำอาหาร”
     ไม่ได้หรอกครับ ต้องโฆษณาซะหน่อย อุตส่ามีสายตาหื่นๆ จากพวกชายโสดในภาคผมมองอยู่ตั้งเยอะ
     “สวัสดีค่ะ ชื่อเมษาค่ะ แต่จะเรียกว่าเมก็ได้นะคะ เป็นเพื่อนต้นค่ะ”
     “โหย ชื่อเมเหมือนกันแต่น่ารักกว่าเยอะเลยว่ะ คนนี้กูจอง!”
     “หุบปากไปเลยนะไอ้โค่!”
     นั่นไง! พอโค่ตะโกนมาจากหัวโต๊ะอีกฝั่ง เมย์ก็ตะโกนด่าสวนกลับไปด้วยเสียงแหลมปรี๊ด คนรอบข้างเลยหันมามองโต๊ะเรากันเพียบเลยครับ ผมละอ๊ายอายจนเผลอหันหน้าหนี เมษก็หันหน้ามาหาผม พวกเราส่งสายตาให้กันเงียบๆ “แบบนี้ใช่มั้ยแก?” เมษถามผมด้วยสายตาผมก็สบตากลับอย่างจริงจังแล้วพยักหน้า “อื้อ เพราะแบบนี้แหละ ช่วยเราที” ผมเห็นเมษแกล้งถอนหายใจเบาๆ หนึ่งทีก่อนจะพยักหน้าแล้วหันไปยิ้มเหมือนเดิม ผมว่าเมษพอรู้แล้วละครับว่าทำไมผมรับมือไม่ไหว
     “ที่นั่งข้างผมยังว่างนะคร้าบคนสวย!”
     นอยซ์ตะโกนขึ้นมาพลางผลักจานของถังไปไกลๆ ตัวเอง เล่นเอาถังทำหน้างงเลยครับ ทุเรศจริงๆ ถังทนไอ้ขี้หลีนี่ได้ยังไงนะ ถ้าเป็นผมนะผมไม่คบกับคนแบบนี้หรอก พร้อมจะทิ้งเพื่อนทันทีที่เจอสาว
     “น้อยๆ หน่อยนอยซ์ เพื่อนเราก็ต้องนั่งกับเราสิ นั่งเถอะเมษ เอ้ย! เมษา”
     ดีนะครับที่ท้ายประโยคผมพูดเบาๆ หวังว่าคงไม่มีใครได้ยินนะครับ
     “โห สวยขึ้นตั้งเยอะแน่ะเม...ษา เราจำแทบไม่ได้”
     “ขอบใจนะ พวกเราอยู่คนละห้อง ไม่สนิทกันแท้ๆ นายอุตส่าจำเราได้ด้วย”
     “ต้องรู้จักดิ ก็ตอนนั้นเธอ-”
     “แดกไปไอ้อาร์ม อ่ะ นี่ปลาของมึง”
     “ไอ้เหี้-ย!”
     แม็กซ์คีบปลาร้อนๆ ไปอุดปากอาร์มได้ทันครับ ค่อยยังชั่ว! แม้สถานการณ์จะสงบลงแล้วแต่ผมก็ยังเห็นเมษยิ้มเจื่อนๆ อยู่ ส่วนแม็กซ์นั้นทำตัวนิ่งตามปกติมากครับ ผมก็เลยแอบเตะขาแม็กซ์ใต้โต๊ะ แม็กซ์หันมามองผมนิดหน่อยแล้วก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
     “สบายดีเหรอเม?”
     “ห๊ะ? อ๋อ อืม สบายดีค่ะ”
     “ไม่เจอตั้งนานสวยขึ้นนะ”
     “ขอบใจจ้ะ”
     ไหนนายบอกไม่คิดอะไรแล้วนายจะแอบเขินหน้าแดงทำไมนะเมษ
     “ต้นบอกว่าสนิทกับเธอมาก ไปเที่ยวกับเธอบ่อยๆ งั้นเหรอ”
     “ค่ะ...”
     ทำไมนายต้องใช้น้ำเสียงโหมดตอแหลแบบนั้นด้วยนะเมษ นี่มันเป็นการแอ๊บที่สุดของที่สุดที่ผมเคยเห็นเพื่อนทำเลยครับ!
     “ดีแล้ว เราก็ห่วงมันอยู่ ต้นมันเข้าสังคมไม่เป็น นิสัยก็แย่ นิดๆ หน่อยๆ ก็ชอบคิดมาก กลัวต้นมันไม่มีใคร มีเธออยู่ข้างๆ มันก็ดี”
     “บ้าแล้วแม็กซ์! เราไม่ได้แย่ขนาดนั้น”
     “โอ๊ย! ใช่เลย ฉันนะไม่อยากจะเม้าท์ นับไม่ไหวหรอกว่าเดือนๆ นึงมันโทรมาปรึกษาฉันกี่เรื่อง”
     “บ้าแล้วเมษา! เราไม่ได้ปัญหาเยอะขนาดนั้น!”
     “หึๆ”
     “นี่ๆ เธอสนิทกับต้นจนไปนอนค้างห้องต้นบ่อยๆ ใช่ป่ะ?”
     จู่ๆ ไปป์ก็ถามแทรกขึ้นมา ผมอึ้งนะ
     “ยุ่งแล้วไปป์ นั่นมันเรื่องส่วนตัวเรานะ”
     “ต๊าย! รู้ได้ยังไงอ่ะ? ฉลาดเหมือนที่แกบอกไว้เลยนังต้น”
     “เมษา!”
     ให้ตายเหอะ! เมษพูดแบบนี้ได้ยังไง เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดสิว่าผมแอบนินทาเพื่อนให้เมษฟัง แล้วนั่นนายจะยืดอกภูมิใจทำไมห๊ะไปป์
     “ก็ตัวเธอมีกลิ่นหอมๆ แบบเดียวกับแป้งที่เราเจอในห้องน้ำของต้นเลย แต่ต้นไม่ได้ใช้แป้งกลิ่นนี้ แล้วก็เราเห็นเสื้อผ้าผู้หญิงไซส์ขนาดเธอในตู้ที่ห้องของต้นด้วย”
     “นายรื้อตู้เราตอนไหนน่ะไปป์! แย่มากเลยนะ นายทำแบบนั้นได้ยังไง”
     “ป่าวนะ เราขออนุญาตแฟนต้นแล้ว ก็ตอนนั้นแฟนต้นออกไปซื้อโจ้ก เราเลยเข้าไปเฝ้าต้นในห้องไง ละปวดท้องเราเลยเข้าห้องน้ำ พอดีทิชชู่หมด... เราเลยหาทิชชู่”
     ผมโกรธจนตัวสั่น! อย่าหวังว่านายจะได้ไปห้องเราอีกเป็นครั้งที่สองเลยไปป์!
     “ใจเย็นน่าต้น อ่ะนั่งๆ กินๆ เดี๋ยวฉันป้อน”
     ผมไม่รู้ว่าเพราะไอร้อนจากกระทะหรืออะไร แต่ผมรู้สึกว่าอุณหภูมิตัวเองร้อนมากเลยครับ ผมโกรธจนแทบจะระเบิดแน่ะ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ถ้าน้องต้นจะด่ากายทุกช็อทขนาดนี้ เปิดศึกเลยมั้ย? ถ้าเอาตามพล็อตพิมพ์นิยม ต้นต้องได้กับกายชัวร์ๆ ไม่กินเส้นอย่างแรงแบบนี้หนีไม่พ้นคู่ผัวตัวเมีย
ตอนนี้สรวลเสเฮฮาระหว่างเพื่อนอีกแล้ว  :m13: เมษแอ๊บ! แอบขำน้องเมษกับแม็กซ์ เอ... สองคนนี้เรียกว่ากิ๊กเก่าได้มั้ยน้อ?
แต่ไปป์เด็ดที่สุด มีน้องไปป์ที่ไหนเขวี้ยงเม้าที่นั่น จอมขโมยซีน อิๆ  :m7:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#8/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน12
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 08-11-2014 23:15:26
มาต่ออีกเลยคะ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน12
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-11-2014 00:44:17
ไปป์

     ทำไมต้นต้องโกรธผมขนาดนั้นด้วยหว่า ผมว่าผมก็ขออนุญาตต้นแล้วน้า ถึงตอนนั้นต้นจะหลับอยู่ก็เถอะ แต่พอแฟนต้นกลับมาผมก็บอกเขาน้า แฟนต้นยังไม่เห็นจะว่าอะไรเลย แต่ผมชอบเพื่อนต้นคนนี้จังแฮะ เพราะพอเขามาก็มีคนมาช่วยปิ้งอาหารบนเตาเพิ่มขึ้น ผมก็เลยกินสบายขึ้นตั้งเยอะ ฮ่าๆ
     เพื่อนต้นคนนี้ถ่ายรูปคู่กับต้นเยอะมาก ผมเห็นรูปในอัลบั้มเยอะเลย ตั้งแต่ตอนยังผมสั้นดูเป็นผู้ชายอยู่จนถึงตอนที่เขาแต่งหญิงแล้ว แต่พอมาเห็นตัวเป็นๆ ใกล้กันแบบนี้ผมทึ่งนะ เขาเหมือนผู้หญิงสุดๆ น่ารักสุดๆ ไปเลย เสียงก็เล็กแถมยังนิสัยน่ารักมากๆ เลยด้วย เขาช่วยแกะกุ้งให้ผมด้วยแหละ ไม่เหมือนยัยป่านกับเมย์ สองคนนั้นใจร้ายกับผมตลอดเลย ส่วนแก้วกับโอมที่นั่งห่างกันก็ไม่ว่างกำลังยุ่งวุ่นวายกับไอ้พวกบ้าคนอื่นๆ
     นี่ดีนะที่ยัยคุณหนูเอาแต่ใจโดนผู้ชายหน้านิ่งๆ คนนั้นสกัดดาวรุ่งจนมาวุ่นวายกับต้นไม่ได้ นั่งทะเลาะกันเองอยู่ ผมเลยอ้อนต้นได้เต็มที่ เหอๆ อย่างน้อยๆ ผมก็มั่นใจว่าผมได้เป็นที่สามแล้วล่ะ พวกเรากินกันเกือบชั่วโมงไอ้ยศก็ทำตามแผนของมัน มันยืนขึ้นแล้วเรียกทุกคนให้หันไปฟังมัน
     “เฮ้ย! ฟังกูหน่อยพวกมึง”
     ผมหวังว่ามันคงจะไม่ทำอะไรรุนแรงน้า
     “วันนี้เป็นวันเกิดของเพื่อนพวกเราคนนึง แม้ว่ากูจะไม่ค่อยสนิทกับมันมากเท่าไหร่ รวมถึงรำคาญนิสัยบางอย่างของมันโคตรๆ แต่กูอยากบอกมันว่า กูเป็นห่วงมันนะ ในฐานะเฮดของรุ่น กูอยากเห็นเพื่อนๆ ทุกคนในภาคสามัคคีกัน มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน กูรักพวกมึงทุกคน อยากจบแบบครบคนว่ะ ไม่อยากให้ใครหายไป แล้วกูก็หวังว่ามึงอ่ะ ไอ้ต้น กูอยากให้มึงรักพวกเพื่อนคนอื่นๆ ในภาคด้วย พวกเราเพื่อนกัน มีอะไรมึงก็มาปรึกษากับพวกกูบ้างก็ได้ พวกกูจะได้ช่วยมึงทันก่อนที่เรื่องมันจะไปกันใหญ่ มึงมันเด็ก ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ปากเสีย พวกกูไม่ถือหรอกคนเรามันต้องมีอารมณ์กันบ้าง เพื่อนกันตีกันบ้างไม่แปลก แต่กูขอร้องมึงว่ามีอะไรอยากให้เคลียร์กัน เพื่อนกันคุยกันได้อยู่แล้ว กูไม่อยากให้มึงแยกออกไปคนเดียวแบบนั้น ตอนนี้มึงก็โตแล้วนะเว้ย แก้นิสัยนี้ได้ป่าววะ”
     ผมเห็นต้นอึ้ง คงเพราะไม่คิดว่าอยู่ๆ ยศมันจะพูดแบบนี้มั้ง ยังดีนะที่เอกมันพูดต่อ ไม่งั้นคงมีแต่ความเงียบทั้งโต๊ะ เพราะต้นหน้าเสียมากๆ พวกเราลงความเห็นว่าจะให้พวกเราแต่ละคนพูดกับต้นกันตรงๆ
     “มึงมันขี้งอนอย่างกับผู้หญิง แต่กูไม่เกลียดมึงหรอก เพราะมึงยังมีส่วนดีๆ อีกเยอะที่กูชอบ อะไรที่กูเคยทำให้มึงไม่พอใจมึงก็อย่าโกรธกูนะ”
     “เรื่องนั้นมันจบไปแล้วเอก เราไม่คิดอะไรแล้ว”
     “งั้นกูพูดบ้าง มึงอ่ะเด็ก ชอบดราม่า เอาแต่ใจโคตรๆ แล้วกูขอเหอะ ทำไมมึงชอบชักสีหน้าใส่เพื่อนวะ ไม่น่ารักเลย ทำกับคนที่สนิทอ่ะไม่เป็นไรหรอก แต่มึงดันติดนิสัยชอบทำกับคนอื่นเขาไปทั่ว มันดูไม่ดีนะเว้ย แถมนิดๆ หน่อยๆ มึงก็คิดมาก พวกกูตามอารมณ์มึงไม่ทันว่ะต้น เรื่องมันไม่มีอะไรมึงก็เก็บไปคิด บอกตามตรงกูโคตรเป็นห่วงมึงเลย ในสังคมอ่ะ คนเขาไม่ได้มาเข้าใจมึงแบบพวกกูนะ อีกหน่อยมึงเรียนจบไปทำงานต้องเจอสังคมข้างนอกมึงจะอยู่ยังไง มึงอยู่โดยไม่เอาใครไม่ได้หรอก มึงต้องปรับตัวหน่อยนะเว้ย เวลากูเห็นไอ้พวกนี้ไม่กล้าเข้าหน้ามึงตอนดราม่าละกูโคตรสงสารพวกมันเลย พวกมันก็ห่วงมึงโคตรๆ แต่มึงกลับไม่สนใจใคร อย่างน้อยๆ ถึงมึงไม่สนใจพวกกูที่เหลือแต่สนใจไอ้ห้าคนนี้หน่อยเหอะ”
     ไม่คิดว่าไอ้อาร์ทมันจะพูดได้ดีขนาดนี้ เจ๋งจริง!
     “เรา... แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
     พวกเราพากันเงียบหมด แม้แต่ผมยังพูดไม่ออกเลย เมย์สะกิดป่านยิกๆ ผมเองก็ส่งสายตาให้ป่านเป็นทัพหน้า
     “ก็... ก็ไม่หรอกแก... แต่แบบ... เฮ้ยแก้วพูดดิ”
     “คือ... พวกเรารู้ว่าต้นอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่อยากเล่าให้ใครฟังเยอะ แต่บางทีเรื่องบางเรื่อง เวลาที่ต้นมีอะไรไม่สบายใจ พวกเราอยากบอกว่าต้นปรึกษาพวกเราได้นะจ้ะ”
     “ถึงพวกเราจะช่วยอะไรต้นไม่ได้แต่ต้นก็ระบายให้พวกเราฟังได้นะ”
     เพราะทุกคนพูดอย่างที่ผมคิดหมดแล้วผมก็เลยส่งยิ้มให้ต้นแทน ต้นมองหน้าพวกเราทุกๆ คนแล้วก็พูดขึ้น
     “ขอบคุณนะ ขอบคุณพวกนายมากๆ เลย เรา... เราจะพยายามปรับตัวให้ดีกว่านี้นะ อะไรที่เราทำไม่ดีก็เตือนเราด้วยแล้วกัน ... คือ... เรา... เราไม่เคย... ไม่เคยมีเพื่อนมาก่อนน่ะ ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง...”
     “มึงพูดว่าไม่เคยได้ยังไง แล้วไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ มึงอ่ะ เขาก็มางานวันเกิดมึงไม่ใช่เหรอวะ มึงพูดแบบนี้ถ้ากูเป็นเพื่อนมึงกูเสียใจตายเลยต้น”
     ถึงพัทมันจะชอบพูดแทรกแต่ผมว่าคราวนี้มันพูดได้ตรงประเด็นนะ ผมเห็นต้นทำหน้าเหมือนพึ่งจะรู้ตัวแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนๆ ตัวเองทีละคน
     “โอ๊ย... ฉันไม่อยากจะเม้าเลยค่ะ นังต้นมันใช้ชีวิตด้วยการไปกินข้าวคนเดียวแล้วก็หมกตัวอยู่ในห้องสมุดตอนพักเที่ยงมาตลอดสามปีจนจบมอปลายเลยค่า ที่ฉันไปสนิทกับมันได้ก็เพราะเผลอเก็บลูกนกลูกกาตอนบาดเจ็บได้แล้วมันก็เลยติดฉันนี่แหละค่ะ ส่วนพวกนี้น่ะเขาแก๊งเดียวกันต้นมันเลยได้อานิสงค์ ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ แต่มันก็ใจแข็งมาตลอด ส่วนน้องหนูคนนี้ ญาติห่างๆ ค่ะ พยายามแก้ปัญหาครอบครัวให้ต้นอยู่ ขอบอกให้โลกรู้เลยค่ะ ต้นมันเพิ่งหัดมีเพื่อนกับเขาก็ตอนเข้ามหาลัยนี่แหละค่ะ”
     “เมษา! เกินไปแล้วนะ ไม่เห็นต้องเผากันขนาดนี้เลย”
     “ก็ฉันปลื้มนี่ย๊ะ! แหม เพื่อนคนอื่นๆ เขาอุตส่ารวมหัวกันทำเพื่อแกขนาดนี้แล้วแกเองก็หัดไปเปิดหูเปิดตาดูโลกภายนอกซะมั่งเถอะ ไม่ใช่เอาแต่หมกตัวอยู่คนเดียวในคอนโด วันๆ เอาแต่ซักผ้า รีดผ้า กวาดบ้าน ทำกับข้าว อ่านหนังสือ เข้าสังคมกับคนอื่นเข้าบ้าง จะได้ไม่ต้องนั่งเหงาอยู่คนเดียวตอนแฟนไม่อยู่ละฉันไม่ว่าง”
     “บ้า! นานๆ ทีแม็กซ์ก็พาเราไปเปิดหูเปิดตาบ้างเหมือนกันนะ!”
     มิน่าล่ะ ห้องต้นถึงได้สะอาดสุดๆ ไปเลย ผมว่าต้นต้องเป็นพวกกวาดบ้านทุกวันแน่ๆ พอเห็นต้นโดนเผาแล้วเถียงกลับสู้ไม่ได้ พวกเราบางคนก็หัวเราะครืน ผมว่าเพื่อนต้นคนนี้ต้องรู้อะไรดีๆ เยอะแน่ๆ
     “นี่ๆ มีเรื่องอะไรเผาต้นอีกมั้ย เราอยากฟังอีก”
     “เพียบเลยค่ะ อยากรู้อะไรถามมาได้เลย แต่จะบอกให้นะคะ เพื่อนอิฉันคนนี้เป็นพวกคิดมากจริงๆ นั่นแหละค่ะ เวลาฮีเผลอไปทะเลาะอะไรกับใครมานะคะ ฮีจะเก็บมาน้อยใจแล้วก็ชอบมานั่งซึมอยู่คนเดียว ไม่กล้าสู้หน้าเค้า กลัวสารพัด ละพออิฉันบอกว่าทีหลังก็อย่าทำ ฮีก็บอกว่ามันอดไม่ได้ค่ะ ถึงจะดูเหมือนคนใจเย็นแต่จริงๆ แล้วอารมณ์ร้อนสุดๆ อย่าได้ทำให้ฮีโกรธนะคะ!”
     ผมว่าเพื่อนต้นต้องหลุดแน่ๆ เลย คงเล่าเพลินจนลืมตัวแน่ๆ เพราะขนาดไอ้นอยซ์ยังแอบเหวอเลย ฮ่าๆ รู้แล้วสินะมึง
     “พอๆ เผาเราเยอะเกินไปแล้วนะ พวกเราก็ด้วยเลิกๆ กินๆ”
     “เฮ้ย วันเกิดมึง มึงต้องฟังพวกกูอวยพรดิว้า”
     “มีที่ไหน พวกนายเผาเราอยู่ต่างหาก ไม่ได้อวยพรซักหน่อย!”
     “หึๆ ทนฟังนิสัยตัวเองไม่ได้เหรอต้น”
     โอ้ว แม้แต่อัฐยังมาร่วมขบวนการแซวกับไอ้อาร์ท
     “เฮ้ยๆ พวกมึงมีใครจะเผาเอ้ย อวยพรไอ้ต้นอีกป่ะวะ”
     “กูๆ กูอยากบอกมึงว่า กูโคตรรักมึงเลย ถ้าไม่มีมึงชีวิตการเรียนกูคงพินาศ”
     “ก็มึงมันโง่ไงนน ฮ่าๆ”
     “ระ ระ เรา อยากบอกนายวะ ว่า เราชะ ชะ ชอบนาย นะ หนะ หนะ นายไม่เคย เลาะ ล้อเราเลย”
     “มึงหุบปากไปเหอะไอ้ถังขี้ พรุ่งนี้ก็ยังพูดไม่จบหรอก ตากูบ้าง”
     “ระ ระ เราชื่อ ถะ ถะ ถังข้าว มะ ไม่ใช่ ถัง ขี้!”
     “นายเงียบไปเลยโค่ เราจะฟังถังพูด!”
     ฮ่าๆ สนุกดีจัง ฟังพวกมันตีกัน ต้นนี่ใจดีจริงๆ น้า คอยปกป้องคนอื่นตลอดเลย เหมือนตอนที่ผมโดนคนอื่นๆ ว่าตอนนั้นเลย เพราะตอนนั้นต้นช่วยปกป้องผม บอกว่าถึงผมจะติดนิสัยเด็กๆ ทำตัวบ๊องๆ ไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ไม่เห็นจะเป็นอะไร เพราะต้นใจดีแบบนี้แหละ ผมถึงได้รักต้น รักต้นที่สุดเลย ฮ่าๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     เฮ้อ... อิ่มมากเลยครับ โชคดีนะเนี่ยที่ผมมีเมษมาช่วยแบ่งเบาภาระผมถึงได้ทานอาหารสบายๆ กับเขาบ้าง พูดแล้วก็แอบขำเมษนะครับ ตอนแรกๆ ก็แอ๊บดีอยู่แล้วแท้ๆ แต่ดันหลุดเอง เลยกลายเป็นเพื่อนๆ ผมพากันสงสัยจนคอยสังเกตรู้ความจริงจนได้ แต่เมษคงไม่แคร์หรอกมั้งครับ เพราะเมษไม่สนใจใครอยู่แล้ว แค่กรี๊ดผู้ชายเล่นๆ
     “ต้นกินน้อยจัง อิ่มแล้วเหรอ”
     “ไม่เอาแล้วล่ะแม็กซ์ พอแล้วนายนั่นแหละยังไม่อิ่มอีกเหรอ กินตั้งเยอะแล้ว เดี๋ยวก็อ้วนหรอก”
     “คนเขาออกกำลังกายก่อนนอนทุกคืน ไม่อ้วนหรอก”
     นายออกกำลังกายหรือทำอะไรกันแน่แม็กซ์
     “โต้น...”
     เสียงแบบนี้ ผมถอนหายใจยาวๆ ก่อนหันไปไปมองหน้าไปป์แบบเซ็งๆ ไปป์เองพอเห็นผมให้ความสนใจก็เริ่มอ้อนผมทันที แต่พูดได้ไม่กี่คำก็โดนผมเบรคซะก่อน
     “เรากินมะ”
     “รับผิดชอบตัวเองนะไปป์ เราเตือนนายแล้วว่าอย่าตักมาเยอะ”
     “ง่า ต้นใจร้ายจัง เราอุตส่าตักมาเผื่อต้นเลยนะ”
     “แล้วเราบอกให้ตักมาเผื่อเหรอ นั่นมันของชอบนายทั้งนั้น อย่ามาแถซะให้ยาก”
     พอเจอคำประกาศิตของผมไปไปป์ก็ไปป์เถอะ มีหงอ! ไปป์ก้มหน้าลงท่าทางสำนึกผิดแต่คอยแอบเงยหน้าขึ้นมาชำเลืองตาอ้อนผมเป็นระยะ คิดว่าทำท่าลูกหมาหงอยแบบนั้นแล้วผมจะใจอ่อนให้รึไง!
     “ทำไงดีอ่ะป่าน? ต้นไม่ยอมช่วยอ่ะ”
     พอไปป์เห็นผมใจแข็งก็หันไปขอความช่วยเหลือจากป่าน แต่ป่านก็ปฏิเสธด้วยเช่นกัน
     “ฉันก็ไม่ไหวละแก ส่งไปทางนั้นมะ เฮ้ยพวกแกอ่ะ มีใครยังไม่อิ่มบ้าง ตรงนี้ยังเหลืออีกเยอะเลย อีมิว?”
     “กูยังแดกของไอ้พัทที่ตักมาเหลืออยู่เลย จะอ้วกละมึง”
     “เฮ้ยๆ ส่งมาๆ กูยังไม่อิ่ม”
     “โหย ฮีโร่ว่ะเต็ม กินจุจนกูนับถือมึงเลย”
     ในระหว่างที่เพื่อนๆ ภาคฟิสิกส์ของผมกำลังช่วยกันกำจัดของเหลือ แถวๆ ทางเพื่อนเก่าผมก็กำลังมีเรื่องเช่นกันครับ แต่รอบนี้ผมเห็นด้วยกับกายนะ
     “กินผักให้หมดเลยเร็ว”
     “ยุ่งน่ะ เค้าไม่ได้ตักมาซะหน่อย”
     “เพราะไม่กินผักแบบนี้ไง ถึงได้เตี้ยไม่โตซักที เลือกกินว่ะ”
     “เงียบไปเลยนะ แม้แต่ที่บ้านเรายังไม่บ่นแบบนี้เลย”
     “โดนตามใจจนเคยตัวอ่ะเด่ะ”
     เฮ้อ... แต่ละคน นี่ดีนะครับที่แม็กซ์กับอาร์มไม่เรื่องมาก ผมหยิบของสดในจานมาปิ้งจนสุกแล้วใส่จานไว้ให้สองหนุ่มนี่ สลับกับขู่เข็ญไปป์ไปเรื่อยโดยมีเมษคอยช่วย ไม่นานโต๊ะทางฝั่งผมก็เคลียร์ครับ โล่งอกไปเปลาะนึง ทีนี้ก็เหลือแต่ฝั่งทางโน้นแล้ว ปล่อยให้ยศจัดการไปก็แล้วกันครับ
     ผมมองกองของขวัญที่วางอยู่ข้างตัว แล้วผมจะหอบมันกลับคอนโดยังไงละเนี่ย? ไม่มีถุงใส่ซะด้วย ถึงมันจะไม่ได้มากมายนัก แต่มันก็มีมากเกินจะใส่เป้ผมกลับแน่ๆ ครับ ไม่คิดเลยว่าทุกคนจะทำเพื่อผมขนาดนี้ แถมผมยังได้สมุดที่ทุกๆ คนช่วยกันเขียนคำอวยพรลงในนั้นให้ผมอีก ไม่เคยมีใครทำอะไรให้ผมแบบนี้เลยครับ ปลื้มเป็นบ้าเลย!
     “เฮ้ย ทางนั้นเรียบร้อยยังวะ?”
     “เรียบร้อยแล้วล่ะแก”
     “เออ งั้นกูเรียกเก็บตังค์เลยนะ”
     “เออ”
     “คนละเท่าไหร่อ่ะนังต้น?”
     “อืม... ไม่รู้สิ ต้องถามพวกนี้อ่ะ”
     ผมตอบเมษไปแบบนั้นเพราะผมไม่รู้จริงๆ ก็แหม วันนี้มันวันเกิดผมนี่ครับ ยังไงก็ไม่ต้องจ่ายอยู่แล้ว พวกเรานั่งรอเด็กมาเคลียร์บิล แต่พอบิลมาผมจะเป็นลมครับ! ถึงจะราคาหัวละไม่เท่าไหร่ แต่พอทานหลายๆ คนก็เล่นเอาเป็นพันเลยครับ หลายพันด้วย แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจและหมั่นไส้ที่สุดก็คือการที่แม็กซ์โชว์ป๋าควักแบงค์ พันหลายใบออกมาวางแบบไม่คิดมากแถมยังพูดว่าที่เหลือทิป แล้วเด็กเสริฟก็เดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ทันที
     “แม็กซ์... จะดีเหรอ?”
     “วันเกิดต้น แม็กซ์เลี้ยงเอง”
     “ไม่ดีมั้งนาย พวกเราเยอะแยะ”
     ยังดีที่นายมีสำนึกนะยศ!
     “ก็ถือว่าผมเป็นเจ้ามือเลี้ยงวันเกิดต้นละกัน พวกคุณก็มากินเลี้ยงงานวันเกิดต้น”
     “พวกเราก็อยากเลี้ยงฉลองให้เพื่อนเหมือนกันนะ เงินมันไม่ใช่น้อยๆ ให้นายออกคนเดียวไม่ดีหรอก”
     ดีมากยศ! อย่ายอมแพ้แม็กซ์นะ สู้เขา!
     “งั้นพวกคุณเอามาให้ผมคนละร้อยก็พอ ที่เหลือผมเลี้ยงเอง แบบนี้ง่ายดี ผมขี้เกียจคิดเลข”
     “เออ เอางั้นเหรอ ตามใจนาย”
     ผมล่ะหมั่นไส้พวกคนรวยจริงๆ เลยครับ อดไม่ได้ที่จะหันไปเบ้หน้ากับเมษ ส่วนเมษเองก็แกล้งเอามือทาบอกทำท่าปลื้มปริ่มได้โอเวอร์มาก แต่ก็ยังดีนะครับที่แม็กซ์ยอมพบกันครึ่งทาง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลี้ยงทั้งกายและอาร์ม รวมไปถึงไนน์และเมษด้วย ผมล่ะหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ คงเพราะหน้าผมมันออกอาการมาก แม็กซ์เลยหันมาตบบ่าผมแล้วแก้ตัว
     “เอาน่าต้น แม็กซ์ไปผับทีนึงจ่ายเยอะกว่านี้อีก”
     “ก็รู้ตัวนี่”
     “น่า นี่ไม่ได้ไปไหนทั้งเดือนเลย เก็บตังค์ไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยนะต้น เพื่อต้นคนเดียวเลย”
     “เออ เอาเถอะ เคลียร์เร็วๆ ละกัน อยากกลับละ”
     “งั้นเดี๋ยวแม็กซ์ไปส่งต้นเอง”
     ผมพยักหน้าให้แม็กซ์ในเชิงรับรู้ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วนี่ครับ แต่ผมห่วงไนน์มากกว่า
     “แล้วไนน์ล่ะ”
     “อ๋อ เดี๋ยวอาร์มกับกายมันจัดการเองแหละ”
     แม็กซ์ตอบแล้วยังอุตส่ามีน้ำใจหันไปถามเมษ
     “แล้วเธอล่ะ จะกลับพร้อมเราเลยรึเปล่า?”
     “อุ๊ยตาย! ใจดีจัง จะไปส่งเราด้วย นิสัยดีขึ้นเยอะเลยนะคะ”
     “อย่าลีลา จะไปไม่ไป”
     “แหม แซวเล่นนิดเดียวเอง ใจร้อนจริงพ่อคุณ เราก็ต้องกลับกับต้นอยู่แล้วล่ะ”
     เมษก็นะ... ไปเล่นกับแม็กซ์แบบนั้นเดี๋ยวก็โดนหรอก แต่ดีจังเลยครับ เพื่อนเก่าเจอหน้ากันแล้วไม่ตีกันตาย เฮ้อ...
     “โต้น”
     มาอีกแล้วเสียงน่ารำคาญ!
     “อะไรอีกล่ะไปป์”
     “เราปวดฉี่ ไปเป็นเพื่อนหน่อย”
     “ไปเองไม่เป็นเหรอไปป์”
     “น้า ไปกับเราหน่อย เราไม่รู้ห้องน้ำมันอยู่ไหน”
     นายเป็นเด็กเหรอไปป์! ไปป์ถึงขนาดมาเกาะแขนผมเลยด้วยซ้ำ แถมยังพยายามดึงผมไปด้วยกันอีก ทำไมไปป์ทำตัวแปลกจัง? เลยตามเลยก็ได้ครับ
     “อืมๆ งั้นเดี๋ยวเราไปห้องน้ำก่อนนะแม็กซ์ เมษฝากของหน่อยนะ”
     “ย่ะ”
     “อืม”

     ผมรู้แล้วว่าทำไมไปป์ถึงได้พยายามลากผมออกมาจากกลุ่มให้ได้ เพราะพอเดินออกมาแถวด้านหลังแล้วผมก็เจอเข้ากับผู้ชายวัยกลางคนรูปร่างสมาร์ทคนนึงยืนรอผมอยู่ ด้วยส่วนสูงตั้งร้อยแปดสิบห้าเซ็นติเมตรและหุ่นสมส่วนมีกล้ามพอประมาณ บุคลิคยามนิ่งแลสุขุมแต่กลับดูผ่อนคลายคล้ายคนขี้เล่นในยามยิ้มทำให้ใครต่อใครพากันจ้องมอง ทั้งๆ ที่อายุสามสิบกว่าแล้วแต่ยังดูดีอยู่เลย ผมไม่รู้ว่าพี่ชัชมายืนส่งยิ้มให้ผมอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้วรู้แต่ว่าแฟนของผมหล่อมากครับ!
     “ฝีมือนายเหรอไปป์?”
     “เง้อ เปล่านะ แฟนต้นเขาโทรมาถาม เราเลยบอก”
     “จะเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ ไปเลยไป๊”
     “ฮ่าๆ เราไม่อยู่เป็นกอขอคอกวนต้นหรอก ไปน้า”
     ผมเขินจนเก็บอาการไม่อยู่ได้แต่ยิ้มจนแก้มปริ ก็สายตาพี่ชัชน่ะหวานซะ... แม้ไปป์จะเดินหนีไปแล้ว แต่พี่ชัชกลับไม่ยอมเดินเข้ามาใกล้ผมก็เลยต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาพี่ชัชแทน
     “มาได้ไงครับ?”
     “มารับเมียสุดที่รักไงครับ”
     “ทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะครับ”
     “บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ แหมวันเกิดต้นทั้งทีพี่จะปล่อยให้เรากลับเองได้ยังไงครับ”
     “ผมไม่ได้กลับเองซะหน่อย แม็กซ์ก็อยู่”
     “หือ?”
     แย่แล้ว! ผมไม่ได้บอกพี่ชัชว่าแม็กซ์จะมากับผมด้วยวันนี้
     “เอ่อ... คือเรื่องมันยาวน่ะครับ พอดีเมื่อวานไนน์เค้า”
     “เราก็เลยชวนเพื่อนมาด้วยกันวันนี้แทน?”
     “แต่... แต่เมษก็มานะครับ พวกแม็กซ์กับเพื่อนๆ ตอน มอปลายผมมากันตั้งหลายคน เพราะไนน์เขาอยากมาด้วย ผมกลัวไนน์เหงาก็เลย...”
     ผมพยายามจะแก้ตัว ไม่รู้ว่าพี่ชัชจะเชื่อผมรึเปล่า แต่ในที่สุดพี่ชัชก็ยิ้มให้แล้วขยี้หัวผมเบาๆ
     “สุดที่รักของพี่มีแต่คนรักนะเนี่ย”
     ผมไม่รู้จะทำยังไงหรอกครับ กลัวพี่ชัชโกรธก็กลัว ผมไม่แน่ใจว่าพี่เขาไม่ว่าอะไรผมจริงๆ อย่างปากรึเปล่า ก็... นิสัยขี้หึงของพี่ชัชน่ะ ผมไม่คิดว่าพี่เขาจะยอมลงให้ไม่คิดอะไรง่ายๆ แบบนี้หรอกครับ โดยเฉพาะยิ่งถ้าเป็นแม็กซ์ด้วยแล้ว ครั้นจะอ้อนก็ติดว่านี่มันที่สาธารณะ ทำไม่ได้ ผมก็เลยได้แต่ยืนยิ้มแห้งๆ ให้หมาป่าขี้หึงของผม
     “ละนี่เราทานเสร็จรึยังครับ?”
     “เสร็จแล้วครับ พอดีผมมาเข้าห้องน้ำกับไปป์”
     “อ้าว พี่ก็ชวนเราคุยเพลินเลย ไปเข้าก่อนป่ะ?”
     “ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้ปวด ไปป์นั่นแหละลากผมมา”
     “แหม่ ไอ้เด็กคนนี้มันรู้งานดีจริงๆ พี่บอกมันว่าพี่มารอรับต้นอยู่ทางด้านหลัง มันก็พาต้นมาได้เวลาเป๊ะ”
     “เดี๋ยวนี้มีสายลับนะครับ!”
     “ทำไมละครับ กลัวพี่รู้ความลับเราเหรอ?”
     “อื้อ ผมไม่ได้มีความลับอะไรซะหน่อย!”
     ผมคงจะเล่นบทพ่อแง่แม่งอนให้พี่ชัชง้ออีกนิดหน่อยถ้าไปป์ไม่เข้ามาขัดผมซะก่อน
     “เสร็จแล้ว!”
     ไปป์พุ่งเข้ามาทำท่าจะมาจับไหล่ผมจากทางด้านหลัง แต่ขอโทษเถอะ เพราะเสียงที่นำมาก่อนผมก็เลยเบี่ยงตัวหลบไปยืนข้างหลังพี่ชัชได้ทัน
     “ล้างมือแล้วยังน่ะไปป์ ถ้าล้างแล้วก็เอาทิชชู่เช็ดสิ อย่ามาเช็ดกับเสื้อคนอื่นเขา”
     “ต้นใจร้าย เราอุตส่าบอกทางให้แฟนต้นมารับนะ!”
     “ไปเหอะ หายมานานแล้วกลับโต๊ะไปได้แล้ว”
     “อ้าวแล้วต้นล่ะ จะกลับเลยป่ะ?”
     “เอ่อ...”
     นั่นสิครับ แล้วผมจะเอายังไงดีล่ะ หวังว่าแม็กซ์คงไม่โกรธผมนะครับ
     “เดี๋ยวเราต้องไปเอาของก่อนสิ”
     “งั้นก็ไปกันหมดนี่แหละ เดี๋ยวพี่ไปช่วยถือ ได้ข่าวว่าได้ของขวัญเยอะเลยไม่ใช่เหรอครับ”
     พี่ชัชจะเดินไปที่โต๊ะกับผม!
     “เอ่อ... เอางั้นเหรอครับ”
     “ทำไมอ่ะ ไม่อยากให้พี่ไปด้วยเหรอ?”
     “คือ ไม่ใช่นะครับ! ผม...”
     จะทำยังไงดีละครับ ผมจะตอบพี่ชัชว่ายังไงดี แถมไปป์ยังอยู่ตรงนี้อีก ไปป์น่ะไม่เป็นไรหรอกครับ แต่คนอื่นๆ น่ะ...
     “ผมกลัวโดนแซวนี่นา”
     “ถ้าใครมันบังอาจแซวต้น เดี๋ยวป่านก็จัดการเองแหละ เชื่อเรา”
     “บ้าละไปป์!”
     มันไม่ใช่แค่เพื่อนในภาคผมน่ะสิครับ แม็กซ์น่ะผมไม่ห่วงหรอก คนที่ผมห่วงที่สุดน่ะ ไนน์ต่างหาก! ไนน์เกลียดพี่ชัชอย่างกับอะไรดี
     “งั้นพี่ไปรอที่รถก็ได้ รถพี่จอดอยู่ด้านหลังนะ”
     พอพี่ชัชพูดแบบนั้นแล้วทำท่าจะหันหลังเดินจากไปมือของผมก็คว้าเข้าที่แขนของพี่ชัชโดยอัตโนมัติ
     “ไปช่วยผมถือของหน่อยนะครับ”
     “คร้าบ ที่รัก”
     พี่ชัชยิ้มแล้ว เฮ้อ!
     แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด พอพวกเราเดินมาถึงโต๊ะ เพื่อนๆ แต่ละคนสะพายกระเป๋ารวมกลุ่มรอแยกย้ายกันไปอยู่แล้วล่ะครับ มีบ้างบางคนที่ไปห้องน้ำยังไม่กลับ แต่คนที่เหลือนี่มองผมกับพี่ชัชกับไม่วางตาเลย ผมชิงลงมือก่อนดีกว่า!
     “เอ่อ... ทุกคน นี่แฟนเราเอง”
     เพราะบุคลิคกับการแต่งตัวของพี่ชัชที่ดูก็รู้ว่าเป็นวัยทำงาน เพื่อนๆ ผมทุกคนเลยพร้อมใจกันยกมือไหว้ ยกเว้นแค่ไนน์ และกายที่ไม่สนใจคนอื่น ส่วนแม็กซ์... แม็กซ์มองหน้าพี่ชัชแล้วพยักหน้าให้เหมือนทุกที ผมเดินเข้าไปหาแม็กซ์ แต่แม็กซ์ชิงพูดขึ้นซะก่อน
     “เออ งั้นเดี๋ยวแม็กซ์กลับเลยละกันนะ จะไปค้างบ้านอาร์มมัน พอดีกายมันยืมรถไปส่งเพื่อนต้นอ่ะ”
     ผมกำลังคุยกับแม็กซ์ ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไรแม็กซ์ ผมว่าแม็กซ์ที่ชิงออกตัวก่อนผมน่ะเร็วแล้วนะครับ แต่ใครจะไปคิดไนน์เองก็เร็วไม่แพ้กัน
     “เอาเปรียบต้นอยู่ได้ เมื่อไหร่จะเลิกกันซะที ไม่รู้ตัวเหรอว่าที่บ้านต้นไม่มีใครเขาอยากให้ลุงคบกับต้น”
     ไนน์! ผมหันไปหาไนน์ แต่กายเข้าถึงตัวไนน์แล้วและกำลังยืนปิดปากไนน์อยู่ พี่ชัชของผม! ต้องขอบคุณที่พี่ชัชของผมเป็นผู้ใหญ่พอ แต่ผมรู้ได้เลยว่าแม้บนหน้าพี่เขาจะยิ้มแต่เส้นที่ขมับขึ้นแล้วครับ แม้แต่เมษยังตกใจจนเผลอเอามือทาบอก
     “เฮ้ยต้น กูลาล่ะ เอากุญแจรถมาดิวะ”
     แล้วผมก็เห็นอาร์มล้วงกุญแจรถโยนไปให้กายๆ รับแล้วก็รีบลากไนน์ออกไปทันทีเลยครับ ส่วนเพื่อนๆ ผมนี่ ยืนค้างพูดอะไรไม่ออกกันหมดทุกคน ผมเองยังกลัวเลย
     “ของมีแค่นี้รึเปล่าครับ? น้องเมษ”
     “คะ!”
     “กระเป๋ากับของขวัญของต้นมีแค่นี้รึเปล่าคร้าบ ใจลอยนะเรา มองหนุ่มๆ เพลินรึไง”
     “แหมคุณพี่ก็!”
     “งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวพาแฟนกลับบ้านก่อนนะครับ ละเดี๋ยวพรุ่งนี้จะส่งคืนให้ทันเข้าเรียนคาบเช้านะ”
     แฟนของผมหันไปส่งสายตาพูดกับเพื่อนๆ ผมด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีขี้เล่น ใบหน้ายิ้มแย้มนั่นผมดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่การจงใจปั้นแต่งมาแน่ๆ ครับ พี่ชัชของผมไม่ได้ใช้โหมดตอแหลเวลาทำงาน แต่ใบหน้าแบบนี้มันชอบมาพร้อมๆ กับคารมที่ทำให้ผมต้องอายม้วนทุกครั้ง พี่ชัชหันมามองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แล้วส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะพล่ามต่อ
     “ไม่ไหวอ่ะ มารอรับเมียกินบุฟเฟ่ต์ตั้งนานยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย แถมไม่รู้ว่าคืนนี้กลับไปจะมีอะไรกินรึเปล่า ต้นจะทำกับข้าวให้พี่ไหวมั้ยครับเนี่ย?”
     “พี่ชัชครับ!”
     ผมโมโหครับ พี่ชัชจงใจเล่นมุกบ้าๆ แบบนี้ได้ยังไง แล้วที่สำคัญ สายตานั่นมันไม่ได้ดูเหมือนคนหิวข้าวเลยแม้แต่น้อย!
     “ฮ่าๆ พวกน้องอยู่กับต้นทำใจหน่อยนะ แฟนพี่มันขี้โมโห แถมยังชอบบ่นได้ทุกเรื่อง ดูดิๆ ชอบขึ้นเสียงตวาดใส่คนอื่นอ่ะ”
     ผมกำหมัด! ผมได้แต่กำหมัดแล้วพยายามข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ ถ้าเป็นที่ห้องละก็ ผมจะจัดการพี่ชัชแน่ๆ แต่พี่ชัชกลับไม่สำนึก เลื้อยเอามือมาโอบไหล่ผมแทน ผมเดือดปุดๆ แล้วครับ!
     “แต่ไงพี่ฝากต้นน้ำกับพวกน้องด้วยนะครับ พี่ทำงานไม่ค่อยมีเวลาดูแลต้นเท่าไหร่ แถมพี่แก่แล้วด้วยบางครั้งก็ไม่เข้าใจวัยรุ่น พวกน้องๆ อายุเท่าๆ กันน่าจะคุยกันได้ง่ายกว่า”
     “ไม่ต้องห่วงคร้าบ ผมจะดูแลต้นให้พี่เอง! รับรองเลยคร้าบ”
     แล้วนายจะยืนตะเบ๊ะหาอะไรไม่ทราบน่ะไปป์!
     “พูดพอรึยังครับ ไหนว่าหิวไง กลับกันได้แล้วครับพี่ชัช!”
     หนนี้ผมโกรธจริงๆ นะ พี่ชัชพูดมากเกินไปแล้ว!
     “หือ งอนใหญ่แล้วอ่ะ โอเคๆ งั้นพี่กลับก่อนนะ”
     ยังมีหน้าหันไปโบกมือบ๊ายบายให้เพื่อนๆ ผมอีกนะครับ!
     “เมษ ไปกันเหอะ!”
     ผมอายครับ อายสุดๆ ไปเลย แล้วพรุ่งนี้ผมจะไปเรียนได้ยังไงละครับ เพราะไม่รู้จะทำยังไงก็เลยได้แต่คว้ามือเมษแล้วก็เดินหนีออกมาทันที
     “โอ๊ะแก นังต้น! โอ้ย คุณพี่ขา ฝากหยิบถุงคิตตี้ของหนูตามมาด้วยนะค้า แกช้าๆ ฉันเดินตามไม่ทัน นังต้น!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


น้องไปป์น่ารักสุดใจขาดดิ้น อ๊าย!  :give2:
แต่สุดท้ายพี่ชัชกินขาด เฮียแกโผล่มาแบบไม่คาดคิดชิมิ? นิยายเรื่องนี้ชอบสับขาหลอกเขียนให้พระเอกหายหัวแต่โผล่มาปิดท้ายเนอะ บางทีพี่ชัชควรจะเปลี่ยนจากอาชีพเซลล์เป็นตำรวจ อิๆ คารมพี่แกนิ่งจริงๆ

ชอบเพื่อนคนอื่นๆ ในภาคมั้ยเอ่ย? ปลื้มเหล่าทะโมนแห่งภาคฟิสิกส์กันมั้ย? ชอบใครคนไหนบ้าง
เราว่าน้องถังข้าวโมเอ้น้า หนุ่มน้อยติดอ่างคนซื่อลูกเจ้าของโรงสีใหญ่จากอยุธาแต่ดันมาจับคู่กับเสียงนรกขี้หลีอย่างนอยซ์ นี่มัน....! อย่าคิดนะอย่าคิด เชื่อสิถ้าคุณเป็นสาววาย โมเม้นแบบนี้ยังไงคุณก็ต้องคิด! :o8:

ขอบอกว่าแต่งอีพวกทะโมนพวกนี้ยากนรกแตก 21 ชีวิต! ที่ต้องมีคาแรคเตอร์ไม่ซ้ำ แถมยังต้องมานั่งจับกลุ่มพวกมันให้เป็นเซ็ทสนิทอีก การอ่านการ์ตูนและเล่นเกมช่วยได้เยอะจริงๆ มีตัวอย่างไทป์แปลกๆ มาใส่เพียบ เอะเดี๋ยวสิ... นี่มันนิยายนะไม่ใช่เกมจีบหนุ่ม! หรือควรจะเป็น เกมเอาหนุ่มๆ มาจีบน้องต้น?
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน12
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 09-11-2014 01:22:06
จะมาอีกมั้ย
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน12
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-11-2014 01:28:09
ผู้เห็นเหตุการณ์

     “อ้าว! ไปซะละ ละพวกเราเอาไงดีวะแม็กซ์?”
     “เอาไงล่ะมึง ก็กลับดิ จะอยู่ทำซากอะไร”
     “เออ กลับก็กลับ แต่... กูมีเรื่องจะบอกว่ะ”
     “ไรของมึงอีกเนี่ยสัสอาร์ม”
     “อย่างเพิ่งโมโหสิว้า แค่ได้มานั่งกินข้าวกับต้นในวันเกิดมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”
     “หุบปากไปเลยมึง!”
     “เออๆ กูก็แค่หวังดีอยากปลอบมึง ไม่พูดก็ได้วะ แต่ประเด็นคือกูเอากุญแจรถกูให้กายไป มึงต้องไปส่งกูก่อน”
     “อาร์ม วันนี้กูไปนอนบ้านมึง แล้วเดี๋ยวกายมันก็ต้องกลับมานอนบ้านมึง แล้วมึงคิดว่าไงวะ?”
     “อ้าว แล้วก็ไม่บอกกูแต่แรก”

     “ฉันเพิ่งเคยเห็นแฟนต้นใกล้ๆ อ่ะแก๊”
     “แล้วไงล่ะป่าน แก่จะตายอ่ะ ไม่รู้ต้นชอบเข้าไปได้ยังไง เกรียนมากอ่ะ”
     “ว่าแฟนเพื่อนแบบนั้นไม่ดีนะจ้ะเมย์ ถ้าต้นมาได้ยินเข้าจะเสียใจนะ”
     “แต่ฉันว่าแก่แต่ยังโออยู่นะแก ดูอบอุ่นอ่ะ แถมยังขี้เล่นเป็นกันเอง โอ๊ยอิจฉาต้น!”
     “ใช่ม๊า! เราบอกพวกเธอแล้วว่าแฟนต้นอ่ะสุดยอด!”

     “มิว เฮ่ย.. มิวนิค!”
     “เป็นไรวะมึง ยืนทำใจอยู่เหรอ?”
     “คนแบบนั้นมีดีตรงไหนวะ! แก่ก็แก่แถมยังหล่อสู้กูไม่ได้ พูดถึงหุ่นกูก็ล่ำกว่าเยอะ”
     “ก็ดีกว่ามึงตรงความแก่นี่แหละ ขิงแก่ไงมึง เผ็ดซี้ด! เขาอาจไปซ้าดกันบนเตียงก็ได้นะมึง ไม่เห็นเหรอ เชี่ยต้นยืนเขินจนแทบบิดอ่ะ มันหน้าแดงตลอดเวลาเลยด้วย กูเพิ่งเคยเห็นมันวีนแล้วน่ารักก็วันนี้แหละ”
     “จากการวิเคราะห์ของกู กูว่าต้นหลงคารมชัวร์! แก่เก๋าคารมดี ต้นจะไปไหนรอด เมื่อกี้มึงเห็นป่ะ ต้นแทบจะละลายอยู่แล้ว”
     “กูไม่เข้าใจรสนิยมต้นเลยจริงๆ”
     “พวกกูก็ไม่เข้าใจมึงโว้ย!”

     “พวกมึงว่าแฟนต้นจะรู้เรื่องอะไรมารึเปล่าวะ?”
     “ไม่รู้ก็บ้าแล้ว มีสายสืบอย่างไอ้ไปป์ทั้งคน”
     “มึงว่าที่พี่เขาออกตัวจะหมายถึงพวกเรารึเปล่าวะ?
     “พวกมึงสองคนคิดมากไปแล้ว พี่เขาก็แค่พูดฝากต้นธรรมดาๆ เขาคงรู้นิสัยกันแหละ พวกมึงก็เห็น ต่อหน้าเพื่อนยังไม่ไว้หน้าแฟน ไม่รวมถึงว่าแฟนมันแก่กว่ามันด้วยนะ”
     “แต่กูว่าแฟนมันก็เอาเรื่องนะ ชัดถ้อยชัดคำเลยมึง เฉลยไม่ให้พวกเราคาใจแถมยังออกอาการหวงสุดๆ”
     “ละถ้าพี่เขาธรรมดาๆ จะเอาไอ้ต้นอยู่ได้ไงวะ แต่ยอมรับนะ พอรู้แบบนี้แล้วกูสบายใจขึ้นเยอะเลย”
     “นั่นดิ กูก็คิดนะว่าอย่างไอ้ต้นคงไปปล้ำใครไม่ได้หรอก แต่วันนี้กูชัดละ มึงหัวเราะไรวะอัฐ?”
     “ฟังที่พวกมึงพูดแล้วขำดี”
     “มึงขำไรพวกกู?”
     “ใจเย็นๆ น่ะอาร์ท กูถามพวกมึงตรงๆ นะ ตอนที่มึงยังไม่แน่ใจว่าต้นเป็นแบบไหน พวกมึงระแวงต้นกันใช่มั้ย แต่พอรู้แล้วทำไมพวกมึงถึงหายกังวลล่ะ มึงไม่ได้ระแวงต้นกันแล้วเหรอ? หึ ทั้งที่ต้นมันก็ยังเป็นคนเดิม ขี้วีนเหมือนเดิม ทำไมพวกมึงเลิกเบื่อนิสัยแบบนี้ของมันแล้วล่ะวะ?”
     “มึงต้องการจะสื่ออะไรกันแน่”
     “ก็สื่อว่าพวกมึงมันอคติไง สำหรับกูต้นจะเป็นเกย์แบบไหน มันก็เป็นเพื่อนที่ชอบทำตัวดราม่าในสายตากูอยู่ดี กูคุยกับมันตามปกติ แต่พวกมึงอ่ะ เพราะระแวงเลยเผลออคติกับมัน แต่พอสบายใจแล้วอคติลดลงพวกมึงก็เลิกจับผิดมัน”
     “เออ... กูไม่ได้เป็นคนใจกว้างเหมือนมึงนี่หว่า”
     “ก็ทำซะสิวะ ไปสอนมัน แต่ไม่ทำเอง ฮ่าๆ”

     “เฮ่ยๆ เมื่อกี้มีไรกันเหรอ?”
     “แฟนต้นมารับมันกลับบ้าน”
     “เฮ้ยจริงดิ? หน้าตาเป็นไงวะ กูไม่ยังไม่เคยเห็นเลย”
     “ก็คนไงมึง จะมาถามไรกูล่ะอยากรู้มึงไปถามไอ้ไปป์ดิ”
     “กูแค่ถาม มึงจะหงุดหงิดทำไมวะ?”
     “พวกกูนั่งอยู่ตรงนี้คงเห็นหน้าชัดหรอก มึงไม่ไปถามไอ้กลุ่มโน้นมันอ่ะวะ”
     “เออๆ โทษที ลืมนึกไป ละนั่นมิวนิคเป็นไรวะ?”
     “คุณคิวว์ที่เคารพครับ กูจะไปรู้กับมันเรอะ!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     “พี่ชัชนะพี่ชัช ทำแบบนี้ได้ยังไงครับ”
     หึๆ พอเข้าห้องได้มันก็เปิดปากบ่นผมทันที ทีเมื่อกี้ตอนน้องเมษอยู่ล่ะ ทำเป็นงอนนั่งนิ่งคุยกับเพื่อนไม่สนใจผัว รักหน้ายิ่งชีพจริงๆ เมียผม
     “พี่ทำอะไรครับ?”
     “ก็... ไปพูดแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นได้ยังไง ผม... ผมอายเขา”
     “อายเรื่องอะไรครับ อายที่มีแฟนแก่ หรืออายที่เป็นเมียพี่”
     “มะชะ-
     “อายเรื่องที่พี่รู้ว่าเรามีปัญหากับเพื่อน?”
     นั่นๆ มันเม้มปากท่าทางขัดใจ เถียงไม่ออกล่ะสิที่รัก บางทีผมก็นึกขำนิสัยแบบนี้ของมันนะ จะรักศักดิ์ศรีอะไรขนาดนั้น เรื่องบางเรื่องมาปรึกษาผมบ้างก็ได้ เหมือนเด็กสอบตกแล้วพยายามซ่อนสมุดคะแนนไม่ให้พ่อแม่รู้เลยครับ
     “ไม่เอาแล้วครับไม่คุยแล้ว พรุ่งนี้ผมต้องไปเรียนแต่เช้า พี่ชัชจะทานอะไรครับ ผมจะได้ทำให้”
     พอเถียงแพ้มันก็เปลี่ยนเรื่องเนียนๆ หน้าตาเฉย หึๆ ไอ้ต้นเอ้ย ไอ้เด็กเลี้ยงแกะของผม
     “ง่วงก็ไปอาบน้ำนอนเถอะคร้าบที่รัก พี่อุ่นของในตู้เย็นกินได้”
     “ข้าวผัดใส่ไข่กับหมูสับ ทานได้นะครับ ผมจะทำให้”
     ทั้งๆ ที่ปากก็บ่นบอกจะรีบนอน แต่มันพับแขนเสื้อขึ้นเตรียมทำมื้อดึกให้ผมซะงั้น มีเมียแบบนี้รักตายเลย ขอพี่ลวนลามเราหน่อยเถอะ!
     “พี่ชัช? เอ๊ะ! อย่ามาเกะกะสิครับ ไหนว่าหิวไง?”
     “ก็พี่อยากกอดเรานี่นา ขอกอดหน่อยดิ วันนี้ยังไม่ได้ชื่นใจเมียเลย”
     “ไม่เอาอ่ะ ผมตัวเหม็น มีแต่กลิ่นควัน”
     “ต่อให้ต้นตัวเหม็นกว่านี้พี่ก็จะจูบเรา มานี่เลย มาให้พี่ชิมดิว่าเย็นนี้เรากินไรไปบ้าง”
     “อื้อ...
     ผมก็ไม่ได้กะจะจูบบิ๊วอะไรมากหรอกนะครับ แต่พอได้จูบแล้วมันก็ติดลม แต่นัวเนียกันได้แปปเดียวไอ้ต้นก็ทำท่าจะแย่ซะแล้ว
     “อุ๊บ!”
     มันผลักผมออกโคตรแรงแล้วรีบวิ่งไปห้องน้ำ เสียงโอ้กอ้ากดังมาเป็นระยะ ผมตามเข้าไปดูก็เห็นต้นนั่งคอพับคออ่อนอยู่ตรงโถส้วมกำลังอาเจียนเอามื้อเย็นของตัวเองออกมาจนหมดไส้หมดพุง ผมเลยเปิดน้ำใส่แก้วยื่นให้มันล้างปาก แต่แทนที่มันจะรับไปกลับเงยหน้าขึ้นมาด่าผม
     “ทีหลัง แฮ่ก เวลาผมกินอิ่มๆ มา แฮก ห้ามเลยนะครับ! แฮ่ก ห้ามพี่ชัชมาจูบผมแบบนี้อีกเด็ดขาด!”
     นั่นมีด่าผมอีก ฮ่าๆ
     “ขอโทษคร้าบที่รัก”
     “คนเขากินอิ่มๆ มา ใครให้มาจูบผมแบบนั้น เสียดายอ่ะ”
     อีแก่ขี้บ่นของพี่เอ้ย...
     “อาบน้ำนอนเหอะต้น พี่ดูแลตัวเองได้ครับ”
     แล้วผมก็พยุงมันให้ไปอาบน้ำนอน ระหว่างนั้นก็อุ่นอาหารแช่แข็งกินสิครับ โคตรหิวเลย คิดแล้วก็น่าเศร้านิดๆ นะครับ วันเกิดเมียแต่ต้องมานั่งอุ่นอาหารแช่แข็งกินคนเดียว หึๆ รีบกินแล้วรีบไปอาบน้ำนอนดีกว่าครับ อยากกอดเมียเต็มทนแล้ว เชื่อได้เลยว่าแม่งต้องงอนผมเพิ่มอีกคดีชัวร์ ฮ่าๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อาจบ... ตอนสุดท้ายของบทนี้แล้วจ้า เป็นไงกันบ้าง? สนุกสนานกันมั้ย ปาร์ตี้วันเกิดของต้นน้ำ ว่าแต่อิพวกนี้มันไปกินหมูกะทะเจ้าไหนกัน? เอาน่า คงอารมณ์เลี้ยงรุ่นแหละ ถ้าเป็นนิยายเรื่องอื่นปิดโรงแรมเลี้ยงไปแล้น! ปิดท้ายบทด้วยฉากพ่อแง่แม่งอนแหละ หึๆ


เรื่องในภาค2 มาครึ่งทางแล้ว อยากสอบถามคนอ่านหน่อยว่าคิดยังไงกับคุณน้องต้นและเฮียชัช?

โจทย์ต้นน้ำที่เราคิดไว้แต่แรกเลยนะคือ ตุ๊ด แต่เราก็แอบดีไซน์ว่าเป็นตุ๊ดแนวๆ กะเทยเรียบร้อยนะ คือไม่แรงตัวแม่อะไรแบบนั้น

เราไม่อยากได้นิยายโลกสวยที่มีข้ออ้างประมาณว่า คุณเป็นผู้ชายนะ แต่แค่คนที่คุณรักเป็นผู้ชายคุณเลยกลายเป็นเกย์
คือเกย์ก็เกย์อ่ะ จะชอบผู้ชายก็ชอบไปเหอะ ไม่ต้องมาแอ๊บ ความจริงแล้วเราไม่ได้แอนตี้เพศที่สามน้า ความรู้สึกเป็นเรื่องของหัวใจก็จริงแต่ถ้ามีเรื่องทางร่างกายเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วมันโอเคก็เลิกหลอกตัวเองเถอะ ต่อให้ไม่ใช่เกย์ขาข้างนึงก็เหยียบเข้ากลุ่มไบไปละ อย่าฝืนเรียกตัวเองว่าชายแท้อีกเลย
เราเลยค่อนข้างจะเบื่อนิยายแอ๊บแมน เมะชนเมะแต่โมเม้นสาวน้อย ตัวเอกแม๊นแมนนะเธอแต่นิสัยมุ้งมิ้ง เบื่อนิยายพวกนั้นมาก ชอบแปะป้ายโฆษณาเวอร์เกินทั้งที่เนื้อหามันไม่ใช่! จะเขียนตัวเอกหวานละมุนอารมณ์สาวน้อยก็เขียนไปฉันอ่านได้ จะเขียนแรดนางพญาสวนดอกไม้ก็เขียนไปชอบอ่าน แต่ขอเถอะ อย่าคิดเอาเองว่าแมน มันไม่ใจ๊อ่ะ!

ดังนั้นน้องต้นเราเลยสาวแตก แหะๆ... เหมือนเก็บกดอยากได้ตัวเอกสาวๆ สักตัวแล้วดูปฏิกิริยาคนอ่าน
แต่ในความสาวของต้นเราก็ต้องมานั่งดีไซน์คาแรคเตอร์อีกว่าควรจะสาวแบบไหน จริตฮีอีก พื้นฐานฮีโตมาแบบไหน ได้รับการอบรมเลี้ยงดูยังไง ต้นสาวแค่ไหนถึงไม่ขัดกับปูมหลัง แล้วก็สังคมรอบข้างจับไม่ได้ ที่สำคัญต้องสาวจริงแบบไม่ใช่สาวโชโจหรือสาวตามการ์ตูนบอยเลิฟด้วย เรียลจนสามารถจินตนาการว่ามีเกย์แบบนี้อยู่จริงๆ
ส่วนพี่ชัชนี่ง่ายกว่ามาก เฮียแกเป็นตัวแปรที่ไหลตามต้นน้ำเลย คำว่าผู้ชายขี้เอานี่จบได้หมดทุกปัญหา คนพวกนี้ขอแค่ได้เอาก็พอ (แอบให้อิมเมจแมงดาเกาะกะเทยนิดๆ)

แต่ต้นไม่ได้แปลงเพศ คือยังมีดุ้น ยังเป็นผู้ชาย ตรงนี้แหละปัญหา เราต้องทำยังไงให้พี่ชัชเปิดใจรักต้นน้ำที่เป็นผู้ชายให้ได้ คำตอบมันมีอย่างเดียวคือทำให้พี่ชัชรู้สึกว่าต้นไม่ต่างอะไรกับผู้หญิง แล้วพี่ชัชจะให้โอกาสต้นเอง ความดีมันชนะใจเฮียแกอยู่แล้ว แต่ผู้ชายแท้ๆ ที่ไหนจะอยากเสี่ยงกับ"เกย์" ต้นถึงต้องเป็นฝ่ายยอม ดังนั้นเมื่อต้นกลายเป็นรับออริจินัล ต้นเลยน่าจะเข้าไทป์ตุ๊ดมากกว่าเกย์
ตรงจุดนี้จะมีปมเรื่องพ่อกับเรื่องครอบครัวมาเสริมด้วย โดยเฉพาะปมเรื่องลุงที่เป็นเกย์กับปมที่โดนล้อสมัยเด็กๆ ว่าเป็นลูกตุ๊ด ไม่มีใครอยากเล่นด้วย แต่เพราะเกิดเป็นลูกชาย เลยต้องทำตัวให้เป็นลูกชายที่ดีของแม่น้ำ ไม่อยากให้แม่กับลุงผิดหวัง แต่ในภาพฝันคืออยู่กับผู้ชายที่เป็นพ่อของลูกซะงั้น อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น

ตัวละครต้นน้ำจะประมาณนั้น คือก็มีความดีกับความอดทนเป็นที่ตั้งละนะ พี่ชัชถึงได้หลงหัวปักหัวปำ แต่จะมีมุมแอบแรด แอ๊บตอแหล ใส่หน้ากาก แอบร้ายนิดๆ ตรงนี้เรามองต้นเป็นคาแรคเตอร์ไทป์ดอลมาสเตอร์ คือตีหน้าซื่อให้คนอื่นออกหน้าแทนตลอด ในความน่าหมั่นไส้ฮีจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้คนรู้สึกอยากปกป้อง ยอมตายแทนฮี แต่ในกลุ่มคนที่เกลียดก็จะเกลี๊ยดเกลียดนาง ในกลุ่มคนที่รักก็จะให้อารมณ์แบบปล่อยมือจากนางไม่ได้ คนอ่านๆ แล้วรู้สึกประมาณนี้รึเปล่าเอ่ย?

ส่วนพี่ชัช ในความแย่ของเฮียแกเราก็ต้องใส่อะไรลงไปให้ต้นยอมตายเพื่อพี่แก คือเราตั้งเป้าไว้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องมีเสน่ห์นะ ต้องอบอุ่น ขี้เล่น แล้วก็มีอะไรบางอย่างที่ตอบโจทย์ต้นน้ำ คือมีความเป็นผู้นำ ให้ภาพของพ่อบางส่วน แต่ต้องกะล่อนนิดๆ มีบุคลิคแบบเซลล์อะ พวกปลาไหล แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีนิสัยแย่ๆ แบบที่ตัวเองไม่รู้ตัวว่าแย่แต่คนรอบข้างขี้เกียจทน เช่นเรื่องความไม่ใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ พี่ชัชต้องเป็นผู้ชายแบบที่สาวๆ ยอมตายเพื่อให้ได้ครอบครอง แต่ได้มาครองแล้วจะถือไว้ได้นานรึเปล่าอีกเรื่องนึง ฮ่าๆ

ดังนั้นเวลาเราเขียนบทพี่ชัชมันเลยแอบยากนิดๆ คือถ้าเป็นเมะทั่วๆ ไปก็เขียนให้มันเท่เข้าว่า เก็กเท่ ทำอะไรเท่ๆ ได้ แต่กับพี่ชัชความเท่มันไม่ได้มาจากการเก็กอ่ะ เสน่ห์ของแกต้องมาจากธรรมชาติในตัว ต้องพยายามปั้นให้ได้แบบนั้นมันถึงจะได้อารมณ์ผู้ชายกะล่อน เราเลยมองว่าเสน่ห์ของผู้ชายแบบนี้น่าจะอยู่ที่คำพูด คนอ่านๆ แล้วรู้สึกถึงเสน่ห์ของพี่ชัชรึเปล่า?

เราตั้งใจปั้นคาแรคเตอร์ 2 ตัวนี้มากเลย ขอบอกว่าโคตรยากกกกก เป็นนิยายเรื่องแรกที่ตั้งใจมาก ตอนเขียนพี่รุกข์ง่ายกว่านี้เยอะ คือเขียนให้เก็กเท่มันง่าย ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องตีความนิสัยตัวละคร แค่ตั้งเป้าไว้ว่าตูจะเขียนนิยายที่เมะเท่ๆ แค่นั้นแล้วก็เขียนออกมา แต่กับสองตัวละครนี้เราต้องมานั่งดีไซน์อีกว่าการกระทำแต่ละอย่างมันสมเหตุสมผลมั้ย? คนนิสัยแบบนี้เจอเรื่องแบบนั้นจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะทำแบบนั้นมั้ย? ปวดหัวสุดๆ
ถ้าจะมีใครที่เขียนง่ายก็คือแม็กซ์อ่ะ แม็กซ์นี่ไม่ต้องคิดมากเลย เพ้ออะไรไว้ คิดว่าอันไหนเท่ เราสามารถใส่ไปได้เลย คือเป็นคาแรคเตอร์แบบพระเอกอยู่แล้ว ขี้เก็ก แมน หล่อ รวย เอาแต่ใจคุณชายเกาหลี เสป็กมาแบบนี้ทุกอย่างจบ ไม่ต้องถามหาเหตุผลมีความเมะเป็นที่ตั้งพอ!
พอมานั่งเขียนไปป์ คนนี้ก็แอบง่าย คิดแบบการ์ตูนๆ เวอร์ๆ เขียนให้อารมณ์แบบลูกหมาน้อย ร่าเริง ไม่คิดมาก อาร์มจะซับซ้อนขึ้นมาอีกระดับ แต่ก็ยังง่าย ที่ยากนี่คือต้นน้ำกับชัยชัชจริงๆ

ถึงตอนนี้คนอ่านคิดยังไงกับคาแรคเตอร์ในนิยายเรื่องนี้เอ่ย? มีเสน่ห์พอมั้ย?
ฉากสวีทหวานกุ๊กกิ๊กพอมั้ย? ใช้ได้รึเปล่า หรือยังหวานไม่พอ? ยังทำคนอ่านจิกหมอนไม่ได้
แล้วฉากอย่างว่าล่ะโอเคมั้ย? เขียนใช้ได้รึเปล่า? บทเข้าๆ ออกๆ ของพี่ชัชกับน้องต้นอ่านแล้วคิดยังไง เรียลมั้ย? วารีดำเนินมั้ย? ฟินมั้ย? หรือจืดชืดไร้อารมณ์

เข้าใจว่านิยายเรื่องนี้คนเม้นท์น้อยมาก แต่กราบล่ะ ช่วยตอบกันหน่อยนะ ใครไม่ชอบออกสื่อหลังไมค์ก็ได้จ้า เราจะได้เก็บข้อมูลไว้เผื่อเขียนนิยายเรื่องหน้าเราจะได้ปรับปรุงงานของเราได้
เราพยายามดีไซน์งานของเราแล้วเขียนออกมาแต่เราอยากรู้ว่าคนอ่านรับรู้ในสิ่งที่เราสื่อไปได้รึเปล่า หรือเขาอ่านสารของเราแล้วรู้สึกไปอีกอย่าง คงไม่ขอกันเกินไปใช่มั้ยอ่า...

ไหว้ละขอรับ!  o1
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน12
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 09-11-2014 01:44:50
เราชอบนิสัยตัวละครทั้งต้น และพี่ชัชนะมีเอกลักษณ์ดี เนื้อหาโดยรวมที่เราอ่านเราว่าสนุกดีนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน12
เริ่มหัวข้อโดย: patta ที่ 09-11-2014 12:51:54
เราชอบนะ ทั้งบุคลิก นิสัยของต้นน้ำกับชัยชัช โดยเฉพาะพี่ชัช มันดูเป็นคนจริงๆที่เราเจอได้ทั่วไป ไม่ต้องดีอะไรมากมาย ชอบเนื้อเรื่องมากๆด้วย ชอบคนเขียนด้วยที่ถึงจะเม้นน้อยแต่ก็ยังมาอย่างสม่ำเสมอ o13  จะติดตามต่อไปนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ12
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-11-2014 21:35:31
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 12

ลูกแมวเหมียว&พญาเหยี่ยว

     “มานี่เลยยัยเตี้ย”
     ไนน์ถูกกายลากไปที่รถของอาร์มอย่างขัดขืนไม่ได้ เธอถูกกายจับยัดผลักเข้าไปในรถอย่างไร้การทะนุถนอมแถมชายหนุ่มยังเล่นบทโหดขึ้นรถตามมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้ด้วยท่าทางดุดัน ที่นั่งผู้โดยสารแบบเบาะรถซิ่งทำให้เธอขยับตัวลำบาก เข็มขัดนิรภัยพวกนี้ก็ไม่คุ้นเอาเสียเลย เธออาละวาดไม่ได้ดังใจนึก!
     “ปล่อยนะ ใครจะไปกับนาย เค้ากลับเองได้!”
     “อยากกลับถึงบ้านแบบครบสามสิบสองป่ะ นั่งนิ่งๆ ทำตัวดีๆ ซะ”
     สายตาจริงจังประกอบกับการที่ต้องอยู่ตามลำพังสองต่อสองในรถชวนให้ไนน์ไม่กล้าลองดี
     กายเองก็ความอดทนต่ำพอๆ กับแม็กซ์นั่นแหละ!
     “ขี้บังคับ ชอบบงการ นิสัยเสีย ปากไม่ดี”
     เมื่อสู้ไม่ได้สาวน้อยก็เปลี่ยนวิธีใหม่ เสียงบ่นลอยตามลมดังขึ้นเบาๆ
     “ปากตัวเองดีนักนี่ แทนที่จะมัวแต่บ่นไร้สาระเอาปากมาทำอะไรที่มันสร้างสรรค์กว่านั้นหน่อยดีป่ะ”
     คำพูดโต้กลับของคนขับรถชวนให้ไนน์แก้มร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์บางอย่างในอดีต
     “ไอ้ปากหมา อย่ามาพูดทุเรศๆ นะ!”
     กายงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่แล้วเมื่อนึกขึ้นได้เขาก็หลุดหัวเราะออกมา
     “เหอะๆ ถ้าจะทำแบบนั้นเลี้ยวรถเข้าโรงแรมง่ายกว่าป่ะ มัวแต่ด่าอยู่นั่นแหละ จะให้ไปส่งที่ไหนล่ะยัยเตี้ย?”
     “อ้าว! ละไหนบอกจะไปส่ง?”
     “เออ ก็จะไปส่งอยู่นี่ไง แต่เรารู้จักบ้านเธอซะที่ไหน บอกทางมาสิ”
     “เฮอะ!”
     “ดูกาลเทศะมั่ง อย่ามัวแต่ทิฐิได้ป่ะ ทำอะไรดูเวลาหน่อย”
     ประโยคสุดท้ายนั้นไนน์รู้ดีว่ากายหมายถึงเรื่องอะไรจึงอดไม่ได้ที่จะเถียง
     “พูดมาก! คิดว่าตัวเองเป็นใครมาสอนคนอื่นเค้า”
     “ก็เป็นคนที่มีมารยาทดีกว่าเธอก็แล้วกัน อย่างน้อยๆ เราก็ไม่ล้ำเส้นฉีกหน้าแฟนเพื่อนไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่”
     “ฮึ! ผู้ใหญ่แย่ๆ”
     “จะแย่ไม่แย่ก็เป็นแฟนเพื่อนเธอ คนเขารักกัน เธอจะไปสอดทำไม”
     “ทำอย่างกับเพื่อนตัวเองดีนักนี่! แล้วทีเพื่อนนายคอยตามต้นตลอดล่ะ!”
     “แล้วเธอเห็นแม็กซ์มันทำอะไรแฟนต้นมั้ย!”
     “ถึงงั้นก็เถอะ แน่จริงก็อย่าลำเอียงสิ! ด่าเพื่อนตัวเองด้วยสิเรื่องอะไรมาว่าแต่เค้า!”
     “ก็แล้วไอ้แม็กซ์มันปากเสียแบบเธอมั้ยล่ะ มันรู้จักที่ของตัวเองไม่ทำให้ต้นลำบากใจแบบเธอหรอก”
     “นายรู้ได้ยังไง แม็กซ์เกรียนจะตาย ไอ้ที่กลับมาวอแวกับต้นอาจจะคิดไม่ดีรอแทงข้างหลังแฟนต้นอยู่ก็ได้ มันก็เหมือนกันนั่นแหละ เพื่อนนายไม่ใช่คนดีซักหน่อย!”
     “เออ! แม็กซ์มันรักต้น! มันยังชอบต้นอยู่ แต่อย่างน้อยๆ มันก็รู้ดีว่าต้นรักแฟนมันมาก มันรู้ที่ของตัวเอง รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ไปยืนด่าเขา ไม่เหมือนเธอ! เธอไม่รู้หรอกมันอดทนข่มใจตัวเองเพื่อต้นขนาดไหน ทุกอย่างมันดีอยู่แล้วอย่าทำตัวให้มันมีปัญหาได้ป่ะยัยเตี้ย”
     เสียงโต้เถียงดังลั่น น้ำเสียงที่กายใช้เถียงแทนเพื่อนรักนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ นอกจากนี้เขายังนำความจริงมาตีแสกหน้าไนน์จนเถียงไม่ออก
     “แล้วอีกอย่างนะ ถึงยังไงต้นมันก็ไม่มีวันเอาเธอ! ต้นมันสนแต่ผู้ชายเข้าใจรึยัง!”
     ไนน์เถียงอะไรไม่ออก หยดน้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ จนเธอได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้รถเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ โดยไร้จุดหมายปลายทาง
     เมื่อปล่อยให้คำพูดหลุดออกจากปากไปทำร้ายไนน์แล้วกายถึงได้รู้ตัว เขาเอ่ยคำขอโทษแก่คนข้างเคียง
     “ขอโทษ เราพูดแรงไปหน่อย”
     กายเลือกที่จะจอดรถข้างทางแล้วลูบศีรษะปลอบคนตัวเล็ก เขาแพ้น้ำตาของผู้หญิงที่ตนแอบรัก
     “เฮ้ย... ไนน์”
     กายสะกิดไนน์แต่เธอไร้ปฏิกิริยาโต้ตอบ กายจึงดึงไนน์มากอด น่าแปลกที่ไนน์ยอมให้กายกอดแต่โดยดีแถมยังกอดตอบชายหนุ่มไว้เช่นกัน น้ำตาของเธอไหลลงมาเรื่อยๆ
     “เราขอโทษ”
     “เค้ารู้อยู่แล้วว่าต้นไม่มีวันชอบเค้า ต้นเห็นเค้าเป็นน้องสาวมาตั้งแต่แรก แต่เค้าชอบต้นนี่! เค้ารู้อยู่แล้วว่าเค้าไม่มีวันสมหวัง แต่เค้าก็อยากให้ต้นได้รักกับคนดีๆ นี่ เค้าผิดเหรอ! เค้าผิดเหรอที่เกลียดผู้ชายคนนั้น นายก็เห็นเค้าทำอะไรกับต้นไว้บ้าง ต้นเกือบตายก็เพราะเค้า ฮือๆ”
     “แล้วต้นมันผิดเหรอที่มันรักผู้ชายคนนั้นมากจนยอมให้อภัยทุกอย่าง มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอที่สองคนนั้นเค้ารักกัน! ทั้งเธอกับแม็กซ์ไม่มีใครผิดหรอก แต่เพื่อเห็นแก่คนที่เธอรักอย่าทำให้ต้นลำบากใจไปมากกว่านี้เลย ยิ่งเธอทำแบบนี้ต้นมันจะยิ่งไม่ชอบเธอก็รู้ เราไม่ได้ห่วงต้นแต่เราห่วงเธอ เพราะสิ่งที่เธอทำมันดูไม่ดี คนเขาไม่ได้ด่าไอ้ต้นแต่เขาจะด่าเธอ! เราไม่อยากให้ใครมาว่าเธอ”
     ถึงกายไม่พูดไนน์ก็รู้ว่าเพราะอะไร ถึงกายจะชอบบังคับคอยสั่งเธอตลอดเวลาจนน่ารำคาญ แต่กายไม่เคยบอกให้เธอเลิกรักต้น เช่นเดียวกันกับที่เขายังรู้สึกต่อเธอเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ไนน์เกลียดวังวนรักหลายเส้านี้ ช่วงเวลาดีๆ ที่แสนสั้นจึงจบลงเพราะนิสัยเอาแต่ใจไม่ยอมแพ้ของสาวน้อย
     “ก็ไม่ได้อยากให้ใครมาห่วงนี่”
     “ถ้าไม่รักก็ไม่ห่วงหรอก”
     เมื่อบรรยากาศดีๆ กำลังจะผ่านไปกายก็ไม่ยื้ออะไรไว้อีก เขาขยับตัวออกมาก่อนจะหันไปถามผู้ร่วมทาง
     “ตกลงจะให้ไปส่งที่ไหน ไม่บอกทางมาซะที เดี๋ยวก็พากลับบ้านเราหรอก”
     “ทุเรศ!”
     แต่ทว่าสาวน้อยแผดเสียงได้คำเดียวก็อ่อนลง ไนน์ยอมบอกทางแก่คนขับรถจำเป็นแต่โดยดีอย่างไม่ทิ้งลายแม่สาวน้อยปากไว
     “แถวเกษตรนวมินทร์ บ้านเค้าอยู่แถวนั้น ว่าแต่นายเหอะ จะไปถูกเหรอ มีใบขับขี่ป่ะเหอะ”
     “ถึงเราจะไม่รวยมีรถขับแบบคนอื่นแต่แค่เรื่องใบขับขี่เรามีน่ะ ไปทำพร้อมๆ ไอ้อาร์มนั่นแหละ”
     “เชอะ!”
     ในระหว่างที่รถวิ่งไปเรื่อยๆ ท่ามกลางแสงไฟบนถนน ภายในรถซึ่งไร้เสียงเพลงและเสียงสนทนามีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มเพราะแต่งท่อไอเสีย กายตัดสินใจใช้โอกาสของตนอีกครั้ง
     “แล้วจะกลับอังกฤษวันไหนอ่ะ?”
     “วันเสาร์”
     “ขอไปส่งได้ป่ะ”
     “ละไม่กลับสงขลาเหรอ”
     “สงขลาอ่ะอยู่แค่นี้ อังกฤษสำคัญกว่า”
     ถึงกายจะชอบเจ้ากี้เจ้าการ แต่นิสัยตรงไปตรงมาแบบนี้ก็ทำให้ไนน์ปลื้ม ความอบอุ่นแผ่ขึ้นมาจากส่วนลึกในจิตใจ กายถามซ้ำขึ้นอีกครั้ง
     “ไปได้ป่ะ?”
     “พ่อเค้าไปส่ง ตัวจะไปทำไม”
     น้ำเสียงกับสรรพนามที่เปลี่ยนไปไม่ได้ผ่านเข้าไปในสารบบการรับรู้ของกายเลย แม้แต่น้อย เขากังวลกับคำตอบจนลืมมองข้ามอะไรบางอย่างไป
     “ก็ให้ไปมั้ยล่ะ ถ้าไม่ให้ก็ไม่ไปหรอก คงลากันตรงนี้แหละ แต่ถ้าเธออนุญาต เราขอไปส่งได้มั้ย”
     “ละถ้าเค้าบอกว่าเค้ามีแฟนแล้วล่ะ มีคนมาขอออกเดทกะเค้าตั้งเยอะ”
     รถสะดุดกึ๊กกะทันหันพอๆ กับหัวใจที่กระตุกอย่างแรงของกาย
     “โอ้ย!”
     สายเข็มขัดนิรภัยของเบาะรถซิ่งกระตุกอย่างแรงจนไนน์เจ็บ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากกายเหนือความคาดหมาย แต่แล้วชายหนุ่มก็ประคองพวงมาลัยเข้าเกียร์ใหม่ก่อนจะขับออกไป
     “โทษที รถไอ้อาร์มมันขับยาก แม่งแต่งเครื่องไรของมันก็ไม่รู้”
     แล้วหลังจากนั้นกายก็เงียบตลอดเส้นทางจนไนน์หวั่น ถึงเธอจะไม่ชอบตาขี้เก็กนี่เท่าไหร่ แต่พอเห็นเขาเงียบไปแบบนี้ก็เริ่มรู้สึกไม่ชิน จนกระทั่งใกล้ถึงหมู่บ้านไนน์จึงบอกทางต่อให้กาย ชายหนุ่มไม่พูดอะไรได้แต่ขับตามคำบอกไปเรื่อยๆ จนไนน์รู้สึกไม่ดี
     “นี่ เค้าถามว่า ละถ้าเค้าบอกว่ามีคนมาขอเดทกะเค้าล่ะ?”
     “แล้วแต่เธอสิ มาถามไรเรา ไม่ไปถามต้นมันล่ะ”
     กายหงุดหงิดจนเริ่มพาล เขาอดไม่ได้จริงๆ แม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่ทำไปคือนิสัยแย่ๆ โคตรจะไม่แมน แถมยังไปหาเรื่องเขย่าหิ้งของไนน์อีก แต่เขาก็เผลอพาลใส่ต้นไปแล้ว
     “ก็เค้าถามตัวๆ ก็ตอบมาสิ!”
     “ก็ตอบไปแล้วไง”
     “ไม่เห็นตอบเลย”
     “จะเอาไงห๊ะยัยเตี้ย! เรามีสิทธิ์เหรอ เราถูกเธอปฏิเสธด้วยซ้ำ แถมตอนนี้เธอก็ยังชอบไอ้ต้นมันอยู่ จะให้เราไปเสือกในฐานะไหน!”
     “ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงเลย ไอ้คนขี้โมโห!”
     “เราไม่ได้โมโหแต่เราอกหักซ้ำสอง ได้ยินมั้ยว่าอกหัก มีแฟนแล้วก็บอกมาแต่แรกดิ จะได้เลิกรักเลิกรอ”
     กายเจ็บปวดเมื่อนึกถึงความทรงจำในวันวาน แม้จะรู้ดีว่าตนนั้นไม่มีหวังแต่เขาก็เลือกที่จะสารภาพกับคนที่ตัวเองแอบรักมาตลอดสามปี ไนน์เองก็สับสนเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ชวนให้ตกตะลึงเมื่อจู่ๆ ผู้ชายที่คอยปากหมาหาเรื่องเธอมาตลอดสามปีเดินมาสารภาพรักกับเธอในวันปิดภาคเรียนพร้อมกุหลาบสีแดงและตุ๊กตาหมีสีขาวแบบที่เธอชอบ แถมเขายังหอมแก้มเธออีกด้วย!
     “ไม่ได้เป็นแฟนกัน แค่เดทกันเฉยๆ ไม่ได้คบอะไรกันขนาดนั้น แค่... แค่คุยกันเฉยๆ”
     “แล้วไง เกี่ยวไรกะเราอ่ะ มันเปลี่ยนความจริงที่ว่าเราอกหักได้มั้ยล่ะ”
     “ตัว... ตัวยังชอบเค้าอยู่เหยอ?”
     “แล้วไอ้ที่ทำขนาดนี้นี่เกลียดมั้ง!”
     “ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงเลย”
     ไนน์แผดเสียงกลับไปบ้างก่อนจะยอมอ่อนข้อให้อย่างเสียไม่ได้
     “เนี่ยนะ... ชอบเค้า”
     “เออ ขอโทษ!”
     “ละตัวได้คุยกับคนอื่นป่ะ ตั้งสองปี”
     “แล้วสองปีที่ผ่านมาเธอลืมไอ้ต้นได้มั้ยล่ะ?”
     “ก็มันไม่เหมือนกันนี่ เค้ากับต้นยังติดต่อกันนี่นา”
     “ไม่มีหรอก เราชอบคนตัวเล็กๆ ชอบผู้หญิงที่นิสัยเด็กๆ หน่อย ชอบทำตัวงี่เง่าไร้เหตุผล ปากไม่ดีไม่มีคนคบ”
     “เค้าไม่ได้แย่ขนาดนั้น!”
     ไนน์งอน เธออยากจะงอนให้มากกว่านี้ แต่ระยะทางที่ใกล้เข้ามาเร่งให้เธอยิ่งสับสน เธอยอมรับกับตัวเองว่าในส่วนลึกของจิตใจเธอรู้สึกดีที่กายมั่นคงกับเธอเสมอมา แต่เธอเกลียดนิสัยหลายๆ อย่างของเขา ไม่สิเธอกับเขามักจะทะเลาะกันเสมอๆ จนเธอไม่เคยมีเวลาหยุดพิจารณาข้อดีของเขาเลยมากกว่า
     “เครื่องออกตีหนึ่งเลยนะ อยากไปส่งจริงๆ เหยอ?”
     “เออๆ ไม่ไปแม่มละ”
     “ไหนบอกว่าอยากไปส่งเค้า!”
     “นี่จะให้ความหวังกันใช่ป่ะ? จะบอกให้เราจีบเธอต่อรึไง”
     “ป่าว... เค้าก็แค่ เค้าก็แค่... เค้า... เค้าไม่รู้อ่ะ!”
     ไนน์ระเบิดความสับสนออกมาอย่างชัดเจน เธอสับสนกับความรู้สึกของตัวเองมากที่สุดในชีวิตจากการเจอเรื่องเซอร์ไพรส์เสียเองเมื่อตั้งใจกลับมาเซอร์ไพรส์วันเกิดต้น เธอประหลาดใจที่ได้พบกับกาย แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อมีโอกาสได้พิจารณาสิ่งที่เขาเคยบอก ในท่าทีหยิ่งยะโสสุดกวนที่เขาแสดงออก หมอนี่หลงรักเธอ! รักมาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้!
     “ตัวเองนั่นแหละผิด! มาบอกเค้าทำไมว่าชอบ แล้ว... แล้วหลังจากนั้น ตัวก็ไม่เคยติดต่อเค้าเลยด้วย”
     “นี่ยัยเตี้ย เธอหักอกเรานะเว้ย! ใครที่ไหนมันจะไปทนไหววะ แถมเธอยังไปเรียนต่อเมืองนอกอีก ละเราจะทำไรได้วะ!”
     “แล้วโผล่มาทำไมตอนนี้เล่า!”
     กายคูลดาวน์ตัวเองก่อนจะตอบไปตามตรง เขาทุ่มเทไปทั้งหมดก็เพราะเหตุผลโง่ๆ ประเภทใจสั่งให้ทำเพียงเท่านั้น
     “ก็แค่อยากมาเจอ คิดถึง อยากเห็นหน้า อารมณ์เดียวกับที่เธออยากมาเห็นหน้าไอ้ต้นมันนั่นแหละ”
     “อย่ามาพาลต้นนะ ไอ้คนนิสัยไม่ดี ผู้ชายอะไรขี้อิจฉา เชอะ!”
     “เออ เรามันแย่ ใครจะไปดีเหมือนต้นมันล่ะ เราก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว โทษที!”
     “ก็เป็นแบบนี้ใครจะรักลง เชอะ!”
     รั้วบ้านที่คุ้นตาปรากฏขึ้นตรงหน้า ไม่นานนักก็ถึงจุดหมาย ไนน์รู้สึกค้างคากับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทว่ารถแล่นมาจอดอย่างสงบหน้าบ้านของเธอแล้ว และ... ทุกอย่างมันกำลังจะจบ จบแบบตัดตอนไปดื้อๆ เหมือนเมื่อสองปีก่อน!
     “ตัวเอง...”
     ไนน์อยากจะพูด แต่กลับนึกไม่ออกว่าควรจะพูดอะไร
     “เธอลืมต้นได้แน่เหรอ? ไว้อีกสองปีเธอเรียนจบกลับมาแล้วเราค่อยมาคุยกันก็ได้”
     และทันใดนั้นกายก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น เพียงแต่คราวนี้เสียงของเขาดูคล้ายจะถอดใจไร้เรี่ยวแรงจนไนน์ใจเสีย
     “ก็แค่ความรักในวัยเรียน มันไม่จริงจังอะไรหรอก อนาคตจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ เราทั้งคู่อาจจะเจอหรือไม่เจอคนที่ใช่ก็ได้ เราแค่อยากบอกเธอว่าตอนนี้เรายังชอบเธออยู่ก็แค่นั้น”
     นานๆ ครั้งกายถึงจะพูดอะไรดีๆ โดยไม่ใช้น้ำเสียงตะคอก ไนน์พึ่งค้นพบว่าเวลาที่คนข้างๆ เลิกทำเสียงประชดประชันเจือโทสะในอารมณ์แล้วเสียงของเขาช่างน่าฟังขนาดไหน ปกติแล้วเขามักจะเล่นเบส แต่ไนน์ก็เคยได้ยินว่านายขี้เก็กคนนี้เคยร้องนำในวงสลับกับแม็กซ์ด้วยเช่นกัน
     “รักนะยัยเตี้ย อยู่โน่นก็ดูแลตัวเองดีๆ กินอาหารให้ครบห้าหมู่แล้วก็ตั้งใจเรียนล่ะ ส่งแค่นี้นะ”
     กายกล่าวลาพร้อมกับช่วยปลดสายเข็มขัดนิรภัยให้เธอ!
     “เดี๋ยวจิ!”
     เพราะอารมณ์ชั่ววูบ! ไนน์เบรคบรรยากาศการลาจากไว้กระทันหัน เธอดึงสารถีปากร้ายที่แอบหลงรักเธอมาตลอดห้าปีเข้ามาใกล้แล้วหลับหูหลับตาจูบ!
     “TG XXX บินตอนตีหนึ่ง วันเสาร์ อย่าลืมนะ!”
     ว่าแล้วไนน์ก็รีบเผ่นเข้าบ้านเร็วจี๋ไม่รอดูผล เธอเอาคืนที่พ่อคนปากร้ายเคยแอบขโมยหอมแก้มเธอเมื่อสองปีก่อนสำเร็จแล้ว เขาคอยหาเรื่องเธอมาตลอดสามปีแถมยังทิ้งตะกอนไว้ในใจเธออีกตั้งเกือบสองปี ทีนี้แหละเธอจะทำให้เขาต้องสับสนเพราะเธอบ้าง ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้นมันจะดำเนินไปในทิศทางไหน... อีกสองปีค่อยมาว่ากันต่อก็แล้วกัน!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เซ็ง! เป็นกระเทยแล้วเป็นนางเอกมิได้รึไง  :fire:  เชื่อสิไวน์เป็นกะเทย คุณก้องจงรักกะเทย เอ้ยไม่ใช่! ผิดเรื่อง! คืนนี้ไม่มีสงครามนางงาม อยู่กันยาวๆ เลยเพ่น้อง!

แหม ส่งคู่นอมอลมาลงบอร์ดวาย ใครจะสนคู่นี้ล่ะเนี่ย? เขาก็แต่งโชโจ้มุ้งมิ้งได้นะตัวเอง แต่ชอบเขียนแบบปวดตับมากกว่า แหะๆ

นี่มันคุณหนูเอาแต่ใจกับนายปากหมาชัดๆ! กายกับไนน์ มุ้งมิ้งมาก คิดไปคิดมาอีตานี่ก็มีความเป็นพระเอกในตัวเหมือนกันแฮะ เดี๋ยวนะ! ตกลงนิยายเรื่องนี้จะเปลี่ยนเป็นเกมจีบหนุ่มจริงๆใช่มั้ย?
ขอไล่แปป >>>เจ้าชู้-พี่ชัช , แบดบอย-แม็กซ์ , อ่อนโยน-อาร์ม , ขี้เก็ก-กาย , ร่าเริง-ไปป์ , ซื่อบื้อ-มิวนิค , สุขุม-อัฐ , เจ้าชาย-คิวว์ , พี่ชาย-พี่ธันย์ <<< เหอๆ ฮาเรมนี้น่าสนุกจัง ... เคะเรื่องนี้ก็ช่างกระไร ไม่มั่วแต่ทั่วถึงมาก.....
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน13
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-11-2014 22:17:34
ครอบครัวของเด็กเลี้ยงแกะ

ต้นน้ำ

     และแล้วก็ถึงวันเสาร์ครับ ตอนแรกพี่ชัชบ่ายเบี่ยงจะไม่ยอมมาค้างกับผม บอกค่อยมารับผมวันอาทิตย์แทน แต่เพราะเรื่องเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผมคาดโทษพี่เขาเอาไว้ พี่เขาเลยต้องยอมตามใจมาค้างบ้านคุณปู่เป็นเพื่อนผม ผมล่ะเคืองพี่ชัชจริงๆ เลย ทำแบบนั้นได้ยังไงผมอายคนอื่นๆ นะครับนั่น แถมพอผมบ่นพี่เขาก็ไม่สำนึก วันนั้นผมเครียดจนนอนไม่หลับแม้พี่ชัชจะพยายามกอดปลอบผมทั้งคืน รุ่งเช้าผมล่ะอยากหาเรื่องหยุดเรียนเป็นบ้า!
     มันอายนะครับ เพื่อนๆ เขาจะคิดยังไง จะหาว่าแฟนผมเป็นพวกชอบวางอำนาจรึเปล่า? อยู่ดีๆ ไปพูดแบบนั้น เรื่องของเด็กมันไม่เหมาะที่จะให้ผู้ใหญ่มายุ่งซะหน่อย เรื่องไหนที่เด็กทะเลาะกันแล้วถึงพ่อแม่ผู้ปกครองเนี่ยจบไม่สวยซักรายครับ ผมละเครียดไปต่างๆ นานา แต่พอไปถึงมหาวิทยาลัย เพื่อนทุกคนกลับทำตัวตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีแม้แต่จะแซวเรื่องที่แฟนผมแก่กว่ามากด้วย ดีนะครับที่ไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน โล่งอกไป! ผมนึกว่าจะมีคนแกล้งมาแซวผมแรงๆ ซะอีก
     วันนี้ผมเลยบังคับให้พี่ชัชตื่นแต่เช้าเพราะจะได้ออกจากคอนโดเร็วๆ แม้คุณปู่บอกว่างานจะจัดตอนช่วงสายไปถึงบ่ายเพราะเป็นการเชิญเพื่อนฝูงคนรู้จักมาทานอาหารเที่ยงด้วยกันก็เถอะ แต่ผมไม่อยากเอ้อระเหยจนถูกมองไม่ดีนี่ครับ ผมกลัวเขาว่าผมนี่ เพราะมันเป็นการจัดฉลองวันเกิดให้ผมกลายๆ ถ้าแขกมากันแล้วแต่เจ้าภาพไม่อยู่มันจะไม่งามครับ ผมไม่อยากให้ใครมาตำหนิผมไปถึงคุณปู่ ...หรือคุณแม่
     ผมกังวลจังเลยครับ พวกเขาจะมองผมยังไงนะ... ช่างมันเถอะครับ!
     ถึงพี่ชัชจะยอมตามใจผม แต่ผมก็รู้นะว่าพี่เขาคงอึดอัด ปกติแค่ไปบ้านนั้นกับผมพี่เขาก็ลำบากใจจะตายอยู่แล้ว นี่ต้องไปค้างคืนพี่เขาคง... แต่ทำไงได้ละครับ ผมอยากให้พี่ชัชกับคุณปู่เข้ากันได้ซะทีนี่นา ผมอยากให้คุณปู่ยอมรับพี่ชัช ... ก็ผมรักพี่ชัชนี่ เราสองคนรักกันขนาดนี้ผมอยากให้ทุกๆ คนยินดีกับพวกเราซะที ดูจากที่ไนน์ทำกับพี่ชัชวันนั้นแล้วผมก็ยิ่งเครียดครับ นอกจากลุงไกรกับป้าณีแล้วไม่มีใครชอบพี่ชัชซักคน
     “ต้นครับ ถึงแล้วครับ คิดอะไรอยู่ฮึเรา?”
     “เอ่อ... ผม”
     “เอ้าๆ ชวนพี่มาเองแล้วก็สั่นเอง ไปเหอะ เข้าไปในบ้านกัน คุณหนูต้นช่วยลงไปกดกริ่งให้พี่หน่อยเร็ว”
     “พี่ชัชก็... อย่าเรียกแบบนั้นสิครับ ผมไม่ใช่คุณหนูซักหน่อย”
     “ก็เห็นป้าแม่บ้านแกเรียกเราแบบนั้นไม่ใช่เหรอ จากวันนี้ไปเดี๋ยวใครๆ ก็รู้แล้วว่าเรานี่แหละคุณหนูทายาทร้านเพชรชื่อดัง หลานชายคนเดียวของเจ้าสัววี”
     “พี่ชัช...”
     เสียงของพี่ชัชฟังดูหงุดหงิด ผมสัมผัสได้ครับ ผมก็รู้นะ... แต่มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้ซักหน่อย ผมไม่ได้อยากเป็นคุณหนูทายาทร้านเพชรอะไรนั่นซะหน่อย ผมก็ยังคงเป็นผมคนเดิมนั่นแหละ ผมไม่ลืมหรอกว่าค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของผมนั้นได้มาจากใคร ผมสุขสบายดีแล้วและไม่ได้อยากได้อะไรเพิ่มไปมากกว่านั้นด้วย สิ่งที่ผมต้องการก็แค่... ผมอยากอยู่กับพี่ชัช และก็อยากให้ทุกๆ คนยอมรับพี่ชัชก็แค่นั้น
     ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเดินลงไปกดกริ่ง ลุงเข้มรีบวิ่งมาเปิดประตูให้พวกเราเอารถเข้า ความจริงแล้วบ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่โตนักหนาหรอกครับ เทียบกับบ้านของแม็กซ์ยังไม่ได้เลย แถมยังเป็นบ้านเก่าแก่ใจกลางย่านสุขุมวิทแบบนี้อีก ยิ่งพอพี่ชัชเอารถเข้ามาจอด เนื้อที่เลยออกจะคับแคบไปซักหน่อย ผมหวังว่าคงไม่มีแขกเยอะจนเกินไปนะครับ
     “คุณต้นไม่ขึ้นรถล่ะครับ”
     “ขึ้นทำไมละครับ บ้านก็อยู่แค่นี้เอง ผมเดินเข้าไปก็ได้”
     ให้ผมไปรับหน้าพี่ชัชตอนนี้ ผมก็ไม่เอาด้วยหรอกครับ แล้วผมก็ไม่อยากเป็นพวกที่เอาแต่นั่งเชิดหน้าอยู่ในรถกดแตรเสียงดังให้คน อื่นมาเปิดประตูให้ด้วย พอพี่ชัชจอดรถเสร็จก็หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าลงมาให้ผมเรียบร้อย ผมก็เลยเดินไปบีบมือพี่ชัชพยายามจะให้กำลังใจพี่เขา พี่ชัชเองก็เหมือนจะรู้ตัว เลยพยายามหันมายิ้มกับผม แต่แล้วจู่ๆ พี่ชัชก็กอดผมซะแน่นแถมยังหอมแก้มผมอีก ถึงตรงนี้จะมีแต่ลุงเข้มแต่ผมก็อายนะครับ!
     “โอเค พี่มีกำลังใจแล้วครับ พร้อมฝ่าด่านพ่อตาสุดโหดละ”
     “พี่ชัชก็... คุณพ่อผมไม่ได้โหดขนาดนั้นซักหน่อย”
     “เออ ไม่ได้โหดเฉพาะพ่อเราแต่โหดทั้งตระกูล หึๆ”
     พี่ชัชแค่นหัวเราะออกมาอย่างที่ดูก็รู้ว่าประชด แต่ถึงอย่างนั้นพี่เขาก็ยังอุตส่าขยี้หัวผมเล่น ผมก็เลยจูงมือพี่ชัชเข้าบ้าน...

     แล้วมันก็เป็นอย่างที่รู้ๆ กันนั่นแหละครับ แต่ผมจะทำตัวติดกับพี่ชัชมากเกินไปก็ไม่ได้เสียด้วย เพราะงานนี้มีแขกที่เป็นญาติกับผมมาหลายครอบครัวเหมือนกัน กระทั่งญาติของพี่ษาแต่ไม่ใช่ญาติผมยังอุตส่ามา! แต่ก็ยังดีนะครับที่ไนน์กลับไปแล้ว ไม่งั้นถ้าไนน์มาตีกับพี่ชัชอีกผมคงปวดหัวตาย
     ในระหว่างที่ผมกำลังเดินทำความรู้จักกับญาติๆ ตามหลังพี่ษา พี่ชัชก็ถูกลุงไกรดึงตัวไปนั่งด้วย ผมก็เข้าใจนะครับพวกเขาคงไม่อยากให้มันกลายเป็นบรรยากาศแบบเปิดตัวคู่แต่งงานกันซักเท่าไหร่ มันคงยังไม่ใช่ฤกษ์ดีที่จะเปิดตัวหลานชายคนเล็กกับแฟนที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ... ผมเองก็พึ่งรู้ว่าความจริงแล้วคุณปู่มีพี่น้อง บรรดาคุณลุงคุณป้าญาติห่างๆ ถึงได้มากันเยอะเชียว แต่ละคนอยากมาดูหน้าหลานชายคนเล็กของคุณปู่กันจนตัวสั่น พี่ษาแอบเล่าให้ผมฟังว่า ญาติบางคนก็ทำตัวน่าเกลียดมาก พอรู้ว่าไม่มีใครสนใจดูแลกิจการต่อจากคุณปู่หลังจากที่คุณลุงองอาจเสียไปก็อาศัยความเป็นญาติเข้ามาหวังจะกอบโกย ทั้งๆ ที่พ่อของตัวเองได้ขอส่วนแบ่งทั้งหมดจากกองกลางไปแล้ว
     ถึงร้านเพชรนี้จะเป็นกิจการของเดิมมาตั้งแต่สมัยคุณทวด แต่คนที่รักษากิจการเอาไว้และทำให้มันรุ่งเรืองขึ้นได้ก็คือคุณปู่ พี่น้องคนอื่นๆ มีแต่ผลาญเงินกองกลางจนคุณปู่ทนไม่ไหวขอซื้อกิจการมาจากทุกคนก่อนที่มันจะล้ม และที่สำคัญเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องตั้งแต่สมัยพี่ษายังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ เพราะช่วงนั้นกิจการกำลังมีปัญหา ไหนจะต้องจ่ายเงินก้อนให้พี่น้องที่จ้องจะขายกิจการทิ้ง ต้องหาเงินมาหมุนในร้าน คุณปู่ต้องวุ่นวายกับเรื่องนี้แต่คุณพ่อของผมกลับสนใจแต่เรื่องเรียนต่อไม่สนกิจการของครอบครัว แถมยังไม่ยอมไปดูตัวกับคนที่คุณปู่อยากให้แต่งด้วยอีกต่างหาก ลงท้ายเลยทะเลาะกันแล้วพ่อของผมก็หนีไปเมืองนอกจนเจอกับแม่ของพี่ษานั่นแหละครับ ผมเองฟังแล้วก็ได้แต่คิดว่าชีวิตของพวกเจ้าสัวนี่บางทีก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบซะทีเดียว
     ญาติๆ แต่ละคนพากันเรียกผมว่าเป็นเจ้าสัวน้อย พากันถามว่าผมเรียนอะไร พอผมตอบไปว่าเรียนฟิสิกส์ ก็ถูกบอกให้ศึกษาเรื่องอัญมณีเพิ่มเตรียมตัวรับช่วงกิจการต่อ บางคนก็แซวสนุกสนานเฮฮาครับ แต่บางคนก็ใช้คำว่าหนูตกถังข้าวสารกับผม ผมอยากถามว่าผมทำอะไรผิด? ผมผิดที่เกิดมาเป็นผู้ชายหรือไงครับ ถ้าผมเป็นผู้หญิงเขาจะแสดงความริษยากันซึ่งๆ หน้าแบบนี้กับผมมั้ย? ยิ่งกับคุณป้าของพี่ษา ผมยิ่งรู้สึกแย่มากครับ สายตาของคุณป้าคนนี้มีแต่ความเกลียดชังส่งมาให้ผมอย่างไม่ปิดบัง เธออ้างเรื่องที่หลานสาวสุดที่รักของเธอมีน้องชายร่วมสายเลือดโผล่มาทั้งทีเธอก็อยากจะมาดูหน้าค่าตาทำความรู้จักกันเอาไว้ แต่พอพี่ษาเข้าไปช่วยคุณแม่ของเธอดูแลเรื่องอาหารในครัว เธอก็พูดจากระทบกระเทียบใส่ผมทันที
     “แหม เรานี่โชคดีเนอะ เพราะคุณต้นน่ะหัวแข็งยัยษาเลยลำบาก ไม่เหมือนเราเข้าทางปู่ได้เต็มที่ อีกหน่อยมรดกของเจ้าสัวแกจะไปไหนเสีย เจ้าสัวเองก็แก่แล้ว คุณไกรก็ไม่มีลูก สบายเราจริงๆ”
     ผมโกรธนะครับ โกรธมากด้วย ผมได้แต่บอกตัวเองให้พยายามอดทนไว้ทั้งๆ ที่อยากจะลุกเดินหนีจนแทบบ้า!
     “เผลอๆ จะอยู่สบายไปทั้งชาติไม่ต้องทำงานก็มีกินมีใช้ ได้ข่าวว่าต้องขอทุนเรียนด้วยไม่ใช่รึ อีกหน่อยก็สบายแล้วล่ะ อยากเรียนอะไรก็ได้เรียน เจ้าสัวแกคงส่งเสริมจะได้มีวุฒิให้คนเขานับหน้าถือตาไม่ต้องลำบากเหมือนตอนอยู่กับแม่เรา”
     “ขอตัวก่อนนะครับ ผมขอตัวเข้าไปดูในครัวซักครู่ พี่ษาหายไปนานแล้ว ผมจะเข้าไปดูเผื่อว่าจะมีอะไรที่ผมช่วยได้บ้าง”
     พูดจบผมก็ลุกหนีทันทีครับ ถ้าช้ากว่านั้นแม้แต่ก้าวเดียวผมกลัวว่าน้ำตาของผมจะหยดออกมาให้อายคนอื่นเขา! ไม่ไหวแล้ว ผมเกลียดสังคมแบบนี้ชะมัดเลย!
     ผมหนีขึ้นมาบนห้องที่คุณปู่จัดไว้ให้ผมกับพี่ชัชพัก พอเข้ามาในห้องได้ผมก็แอบนอนร้องไห้อยู่คนเดียว ตอนที่ผมขอตัวออกมาผมไม่ได้แม้แต่จะมองสบตาพี่ชัช ผมพาลจนไม่อยากมองหน้าคุณปู่กับคุณพ่อด้วยซ้ำ! งานที่พวกท่านได้พบปะกับญาติๆ สนุกสนานแต่ไม่สนุกสำหรับผมเลยซักนิด ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นใบไม้ที่มีสีสันแตกต่างจากต้นไม้ต้นอื่นๆ ในป่า!
     “ต้น...”
     เสียงพี่ชัช!
     “พี่ชัช ฮือๆ
     พอผมเปิดประตูให้พี่เขาเข้ามา พี่ชัชก็โอบผมเอาไว้ในอ้อมแขนแล้วลูบหลังปลอบผม ผมปล่อยโฮต่อหน้าพี่เขา มีแต่พี่ชัชเท่านั้นที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีที่อยู่ของตัวเอง ที่ๆ ผมจะไม่ถูกมองด้วยสายตาแปลกประหลาด!
     “ไม่เป็นไรนะ อย่าไปใส่ใจคำพูดไร้สาระพวกนั้นเลย พี่อยู่กับต้นตรงนี้แล้วนะครับ”
     “ทำไมเขาต้องมาว่าผมแบบนั้นด้วยครับ ผมไม่ได้อยากได้อะไรซักหน่อย ทำไมทุกคนต้องคิดว่าผมเป็นแบบนั้นด้วย!”
     “มันก็ไม่ใช่ทุกคนไม่ใช่เหรอ พี่ดูเราอยู่นะ มีไม่กี่คนเอง”
     “แต่ผู้หญิงคนนั้น ป้าของพี่ษา เธอร้ายมากเลยนะครับ แถมเธอยังว่าถึงแม่น้ำของผมด้วย แม่ไม่เคยสอนให้ผมอยากได้อะไรของใครซักหน่อย ถึงพวกเราจะลำบากแต่พวกเราก็ไม่เคยอยากได้อยากมีในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง!”
     ผมตัดพ้อให้พี่ชัชฟังแต่พี่ชัชกลับยิ้มแล้วขยี้หัวผมเล่น
     “โห เราเนี่ยนะลำบาก? พูดมาได้ ลำบากให้ได้เท่าพี่แล้วค่อยมาพูดเถอะ! พี่น้ำเลี้ยงเรามาสบายจะตาย ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกลหรอก เทียบกับไอ้เตอร์ก็ได้เอ้า ขอบอกว่าตอนเด็กๆ พี่ลำบากกว่ามันหลายร้อยเท่าเลย พูดมาได้ไม่อายปากเลยนะต้น อย่างเราเนี่ย แถวบ้านพี่เรียกคุณหนูเลยว่ะ”
     “ผมไม่ได้สุขสบายขนาดนั้นซักหน่อย”
     “อ้าว? งั้นแล้วจะบอกว่าเราโตมาลำบากงั้นเหรอ ขืนพี่น้ำมาได้ยินเสียใจตายเลยต้น!”
     “ผมไม่ได้...”
     พี่ชัชนะพี่ชัช ผมกำลังเศร้าแท้ๆ แทนที่จะให้กำลังใจกัน!
     “ผมไม่เถียงกับพี่ชัชแล้วครับ”
     “น่า ยิ้มหน่อยนะครับคนดี ต้นก็รู้ว่าพี่ตั้งใจแหย่เราเล่น ลืมคำพูดของคนพวกนั้นไปนะครับ ต้นก็รู้ว่าเขาไม่หวังดี พูดด้วยจุดประสงค์ร้าย แล้วต้นจะไปใส่ใจคำพูดพวกนั้นทำไมละครับ”
     “ก็ผมเสียใจนี่ครับ ทำไมเขาต้องมาพูดแบบนั้นกับผมด้วย”
     “ก็คนมันจิตใจไม่ดียังไงละครับ นะ เช็ดน้ำตาซะ ไปล้างหน้าป่ะ จะได้สดชื่น ชักช้าเดี๋ยวปู่เราขึ้นมาตามเจอว่าเราร้องไห้จะเรื่องใหญ่นะครับ เดี๋ยวหัวพี่จะแตกเอา อยู่กันสองคนเดี๋ยวแกเข้าใจผิดคิดว่าพี่ทำเราร้องไห้อีก”
     พี่ชัชพูดพร้อมกับเอามือปาดน้ำตาให้ผม ความอบอุ่นจากฝ่ามือของพี่ชัชทำให้ผมรู้สึกดีราวกับได้รับการถ่ายทอดกำลังใจ ให้ผมลุกขึ้นสู้
     “ครับ”
     ผมได้แต่บอกตัวเองให้เข้มแข็ง อย่างน้อยๆ ผมก็มีพี่ชัชอยู่เคียงข้างกัน ขอแค่มีความอบอุ่นจากมือคู่นี้คอยประคองผมอยู่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็จะพยายามยืนหยัดเอาไว้ ผมพร้อมใส่หน้ากากต่อแล้วครับ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     คิดไม่ผิดจริงๆ ครับที่มาเป็นกำลังสำรองให้ไอ้ต้นมัน ยังไม่ทันได้เสิร์ฟมื้อเที่ยง เมียผมก็เสียน้ำตาไปหนึ่งยก ไม่รู้กว่าจะจบงานวันนี้เมียผมจะนอยด์ไปอีกกี่คดี หน้ามันนี่เริ่มซีดดูไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วครับ นี่มันงานวันเกิดหรืองานสาปส่งวะเนี่ย? แต่ยังไม่ทันจะได้หยิบตะเกียบ ผมก็งานเข้า น้ำตาลโทรมา!
     “โทรศัทพ์เหรอครับ”
     ต้นมันหันมาถามผมด้วยสายตาเศร้าๆ ท่าทางของมันชวนให้สงสาร
     “ครับ”
     ผมตอบรับกะจะขอตัวลุกออกจากโต๊ะ แต่พวกเล่นมองกันอื้อเลยคร้าบ ผมเลยตัดสินใจรับมันตรงนั้นโชว์ความบริสุทธิ์ใจ
     “ครับ ชัยชัชพูดครับ”
     “ชัช น้ำตาลมีปัญหาเรื่องงานนิดหน่อย วันนี้ชัชว่างรึเปล่า?”
     “ทำไมเหรอ? ”
     “น้ำตาลต้องไปงานแต่งลูกสาวผอ.โกวิทย์ไง ชัชจำได้มั้ย แต่ยัยน้ำหวานเกิดไม่สบายขึ้นมาเนี่ย ไข้ขึ้นงอแงมากด้วย”
     “เฮ้ย ไม่ได้นะ ปล่อยให้หลุดไม่ได้นะตาล ให้เอ้ไปคนเดียวไม่ไหวหรอก”
     ดูท่าผมจะงานเข้าแล้วครับ เพราะน้ำตาลดีลกับหมอคนนี้แทนผมมาตลอด ถ้าวันนี้ผมกับยัยนี่ไม่โผล่ไปทั้งคู่ ตายแน่ๆ ครับ ผมเหลือบไปมองแขกร่วมโต๊ะด้วยความเกรงใจแล้วก้มศรีษะขอตัวก่อนจะเดินออกมา ยังไงนี่มันก็เรื่องงานส่วนตัวครับ ผมไม่อยากให้ใครมาได้ยินเท่าไหร่
     “แต่น้ำตาลไม่มีใครดูลูก ยัยน้ำหวานไข้ขึ้นสูงมาก น้ำตาลจะพาไปโรงพยาบาลยังงอแงเลย แกร้องหาแต่พ่อเนี่ย ชัชไปงานนี้แทนน้ำตาลไม่ได้เหรอ”
     “ชัชไม่สะดวกอ่ะ ตอนนี้อยู่นอกบ้าน ไม่ได้เตรียมชุดไว้ด้วย บึ่งไปกลับไม่ทันแน่ๆ อ่ะตาล ต้องไปเอาซองที่บ้านตาลอีก งานก็คนละทิศกันเลย ... เออ! เอางี้มั้ย เดี๋ยวชัชไปเฝ้ายัยหนูให้ มีไรชัชดูให้เอง ตาลก็ไปทำงานเหมือนเดิม”
     “แต่น้ำตาลอยากพาลูกไปโรงพยาบาล”
     “เออ เดี๋ยวพาไปให้”
     “แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายล่ะ แล้วยัยหวานจะยอมให้ชัชพาไปเหรอ กับตาลยังดื้อขนาดนี้เลยงอแงจะหาแต่พ่อ”
     “มีบัตรหรือพวกประกันอะไรก็วางไว้ให้ชัชแล้วกัน ชัชจะรีบไปที่บ้านตาลเดี๋ยวนี้แหละ ตาลก็ไปทำงานของตาลเถอะ คราวนี้หลุดไม่ได้เด็ดขาดเลยนะตาล ตาลก็รู้ผอ.ขี้หลีนั่นชอบตาลขนาดไหน”
     “แต่น้ำตาลห่วงลูกนี่”
     “มีชัชอยู่ไม่ต้องห่วงหรอก”
     ยัยน้ำตาลเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะยอมทำตามข้อเสนอของผม
     “ค่ะ ตกลงตามนี้ก็ได้ ขอบคุณนะชัช”
     “ครับ”
     เฮ้อ... ดูเหมือนว่าผมจะต้องไปเป็นกำลังสำรองให้ปากท้องตัวเองก่อนซะแล้วสิครับ เป็นห่วงไอ้ต้นชะมัด ห่วงมันก็ห่วงแต่งานนี้ก็สำคัญ ไม่ไปไม่ได้ งานแต่งลูกสาวผอ. จัดอย่างหรูในโรงแรมระดับห้าดาว สูทแบรนด์เนมผมก็ยังไม่ได้เอาไปซักแห้งเลยครับ ให้ขับรถไปกลับรอซักด่วนแล้วไปเอาของขวัญที่บ้านยัยน้ำตาลก่อนจะย้อนเข้ามายังโรงแรมใจกลางกรุงอีก ผมว่าไม่ทันแน่ๆ อ่ะ จะบอกว่าผมขี้เกียจก็ได้เอ้า! ตั้งแต่เลิกกับฟ่างมานี่ผมเกลียดงานแต่งทุกชนิดเลยครับ จะไทยจีนยุโรปเลี่ยงได้ก็ขอเลี่ยงเถอะ
     ตอนผมเดินกลับไปที่โต๊ะ ไอ้ต้นทำหน้าเหมือนรู้ชะตากรรม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อยู่ๆ ก็มีโทรศัพท์ด่วนมาสั่งให้ผมทำโน่นทำนี่ นอนอยู่ห้องดูทีวีกับเมียเย็นวันอาทิตย์อยู่ดีๆ มีโทรศัพท์โทรมาสั่งให้ผมขับรถไปรับหมอที่พัทยากลับบ้านยังเคยเลยครับ ดังนั้นพอผมหย่อนก้นลงประจำที่ได้เสียงไอ้ต้นก็ทักขึ้น
     “งานด่วนเหรอครับพี่ชัช”
     “ครับ ขอโทษนะ”
     ถึงจะไม่มีเสียงจากคุณปู่ที่หวงหลานชาย แต่สายตาไม่เป็นมิตรที่ส่งมาให้นี่ก็เกินพอครับ แถมยังมีสายตาสอดรู้สอดเห็นจากบรรดาญาติไอ้ต้นอีก
     “ต้องไปรึเปล่าครับ?”
     “ก็คงต้องอย่างงั้นล่ะครับ เอ่อ... เราโอเคมั้ย โกรธพี่รึเปล่า?”
     “ไม่หรอกครับก็มันจำเป็น แล้วพี่ชัชต้องไปเลยรึเปล่าครับ?”
     “ครับ ทางนั้นเขารีบ”
     “งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งที่รถครับ”
     นี่แหละเมียผม ง่ายๆ ไม่เรื่องมาก ผมมองแขกร่วมโต๊ะอันได้แก่ปู่ ป้ากับลุง พ่อมันและครอบครัว ผมก้มหัวเชิงขอโทษให้แต่ละคนแล้วยกมือไหว้ลาผู้อาวุโสในโต๊ะ งานนี้ไม่มีใครแทรกอะไรขึ้นมาด่าผมให้คนอื่นเก็บเอาไปนินทา มีก็แต่ป้าไอ้ต้นที่ถามทักผมตามปกติ
     “อ้าว คุณชัชจะไปเลยเหรอ ไม่ทานอะไรต่ออีกหน่อยรึคะ?”
     “ไม่ดีกว่าครับ พอดีเป็นงานด่วน”
     “งั้นก็ตามสบายนะ แล้วคุณชัชจะไปนานไหมคะ จะกลับมากี่โมงล่ะ”
     “เอ่อ...”
     ผมได้แต่หันไปมองไอ้ต้น นั่นดิวะ ผมเองยังตอบไม่ได้เลยว่ากี่โมงเสร็จ
     “ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันบอกตาเข้มไว้ให้แล้วกันจะได้มีคนคอยเปิดประตู”
     “ขอบคุณครับ”
     แล้วผมก็ลุกออกจากโต๊ะได้ซะที ไอ้ต้นเดินมาส่งผม ท่าทางมันหงอยซะจนผมสงสาร พอลับสายตาคนอื่นผมเลยจับมันมาดูดปากให้กำลังใจซักหน่อย
     “อื้อ!”
     แหม ปากมันแผล่บเลยนะน้อง กินหมูหันเผื่อพี่ด้วยล่ะ
     “พี่ชัช! พอแล้วครับ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
     พอไอ้ต้นมันตั้งหลักได้หายตกใจก็ผลักผมออก
     “ไม่ดีเหรอครับ จะได้เปิดตัวไปเลยไง”
     “เปิดตัวว่าผมเป็นอะไรกับแสดงพฤติกรรมหน้าไม่อายมันต่างกันนะครับ”
     หึๆ ไอ้ยอดภรรเมีย กุลเกย์ขี้บ่นของพี่เอ้ย!
     “คร้าบๆ พี่ไปนะ”
     และแล้วผมก็ต้องไปผจญเวรกรรมบนทางด่วน หิวข้าวก็หิวยังไม่มีข้าวตกถึงท้องซักเม็ด กว่าจะไปถึงบ้านยัยน้ำตาลได้ ซึ่งพอไปถึง รถของยัยเพื่อนร่วมงานผมก็ไม่อยู่แล้วครับ คงออกไปทำงานในส่วนของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ทันได้ย่างเท้าเข้าบ้านผมก็ได้ยินเสียงงอแงมาแต่ไกล
     “หนูจาหาพ่อ กรี๊ด!
     ยัยหนูน้ำหวานกำลังอาละวาดใส่พี่เลี้ยงใหญ่เลยครับ หวังว่าผมจะรับมือไหวนะ เฮ้อ!

     กว่าผมจะปลอบเจ้าหญิงน้อยองค์นี้ได้ก็เล่นเอาเหนื่อยครับ ต้องหลอกล่อสารพัดขนาดหนูรันยังไม่ฤทธิ์มากถึงขั้นนี้เลย อย่างดีก็แค่ชอบเถียงแล้วก็ซนแต่ไม่มีอาละวาดกรีดร้องแบบนี้แน่ๆ ไอ้พ่อเด็กก็ใจดำเหลือเกิน ลูกไม่สบายมันก็ไม่มาดูแลเลยซักนิด เหนื่อยผมอีก เวรเอ้ย!
     พอปลอบเสร็จผมก็ต้องพาเด็กไปโรงพยาบาล น้องไข้สูงมากจนต้องฉีดยา โรงพยาบาลแทบแตกครับ ผมถูกสังคมคุณพ่อคุณแม่แถวนั้นมองด้วยสายตาเหยียดหยามประณามว่าผมเป็นคุณพ่อไร้ความสามารถไปซะแล้ว ได้แต่หวังว่าคงไม่มีใครอุตริไปตั้งกระทู้สรรเสริญผมในโลกไซเบอร์นะหรอกครับ คนสมัยนี้อะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็ต้องเก็บไปเล่าให้ชาวโซเชี่ยลเข้ามารุมประชาทัณฑ์กันสนุกสนาน
     หลังจากนั้นผมยังต้องพาเด็กห้าขวบในชุดนอนสีชมพูลายเจ้าหญิงดิสนีย์ไปนั่งกินพิซซ่าอีก เธอถึงจะยอมกินยา ป้อนไปปล่อยเธอนั่งเล่นบาร์บี้ไป กว่าจะพากันกลับบ้านได้เกือบตายอ่ะ โคตรเหนื่อยเลย นี่ขนาดมีพี่เลี้ยงไปด้วยตลอดนะครับ ผมล่ะอดหวาดเสียวแทนยัยคุณเพื่อนของผมไม่ได้ พี่เลี้ยงสัญชาติประเทศเพื่อนบ้านเขาไม่โมโหลุกขึ้นมาฆ่าบีบคอยัยหนูน้ำหวานก็บุญแล้วครับ แม่คุณฤทธิ์มากเหลือเกิน ไม่อยากจะคิดสภาพว่าบรรดาคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนอื่นๆ เขาจะเหนื่อยขนาดไหนกัน
     และกว่ายัยน้ำตาลจะกลับก็เกือบสี่ทุ่ม แม้ตอนแรกๆ ยัยนี่จะขยันโทรมาเช็คข่าวก็เถอะครับ แต่พอรู้ว่าผมพาน้องไปตรวจที่โรงพยาบาลแถมเลี้ยงมื้อเย็นแล้วก็เบาใจไปเยอะ หายเงียบไปเลย เหลือแต่ทางผมนี่แหละอยากรู้ใจจะขาดว่าทางฝั่งเมียตัวเองเป็นไงบ้าง ดังนั้นพอยัยนี่กลับมาผมก็เลยรีบขอตัวกลับ เราทักทายถามเรื่องานกันสองสามประโยคแล้วผมก็บึ่งรถเข้าตัวเมืองกลับไปยังบ้านปู่ไอ้ต้น
     กว่าจะถึงก็สี่ทุ่มกว่า และเหลือเชื่อว่าคนที่มารอเปิดประตูให้ก็คือเมียผมเอง ต้นในชุดนอนวิ่งมาเปิดประตูให้ผมแถมยังทำท่าโล่งใจที่ผมไม่ได้เมากลับมา
     “ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”
     “จะนอนได้ยังไงล่ะครับพี่ชัชยังไม่กลับเลย”
     “แน่ะ เดี๋ยวนี้มียอกย้อนนะเรา”
     “ผมหมายถึงว่าเกิดพี่ชัชหิวกลับมาจะไม่มีคนหาอะไรให้ทานต่างหากครับ”
     “แหม รู้ใจจังเลยอ่ะ มีอะไรเหลือให้พี่ทานมั่งครับเนี่ย”
     และแล้วผมก็เดินกอดคอมันเข้าบ้าน ความจริงผมกินพิซซ่ากับหนูน้ำหวานมาแล้วครับ แต่พอเห็นเมียตัวเองมารอปรนนิบัติแบบนี้มันก็หิวขึ้นมาจนได้ แถมไอ้ที่หิวไม่ใช่มีแต่กระเพาะซะด้วยสิครับ ส่วนอื่นผมก็หิว คอยดูเหอะคืนนี้ผมจะซัดไอ้ต้นที่บ้านปู่มันนี่แหละ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


พ่อ ลูก

     “แอบดูอะไรน่ะป๊า”
     “ไอหย๊า ลื้อมาเงียบๆ ทำไมห๊ะอาไกร อั๊วะตกใจหมด!”
     “แอบดูหลานไม่ดีนะป๊า เกิดอีจะสวีทกัน ป๊าจะทำไง”
     “บัดสีบัดเถลิงอ่า ฟ้าผ่าตาย”
     “ผ่าไม่ผ่าอีก็ได้กันมาตั้งนานแล้ว”
     “... อาไกล ลื้อคิดมั้ยว่าอาตี๋เล็กน่าจะเป็นผู้หญิง เห็นอีทีไรอั๊วะได้แต่เสียดาย ทำไมอีไม่เกิดเป็นผู้หญิงให้รู้แล้วรู้รอดน้า”
     “แล้วไม่อยากได้หลานชายแล้วเหรอป๊า”
     “อยากสิ แต่อั๊วะอยากเห็นหลานมีความสุขมากกว่า ดูอีสิ กิริยามารยาทก็เรียบร้อย หน้าตาก็น่ารัก งานบ้านงานเรือนไม่เคยขาด ถ้าอีเป็นผู้หญิงน้าต่อให้จับอีใส่ตะกร้าล้างน้ำก็ยังขายออก มีคนต่อแถวซื้อยันปากซอย”
     “อีกแล้วนะป๊า ไปเกลียดอะไรคุณชัชเขานักหนา ปล่อยเด็กๆ มันรักกันไปไป๊ ต้นอีก็รักของอี”
     “หึ๊ คนแบบนั้นนะอาไกร อั๊วะจะบอกอะไรให้ คนที่ตบตีเมียตัวเองได้มันไม่มีดีหรอก อั๊วะนะอยู่กับอาม๊าลื้อมาหลายสิบปีจะว่าให้เสียใจสักคำก็ไม่เคย นิดหน่อยก็ไม่เคยลงมือ ลื้อมันไม่รู้อะไร ไอ้หมอนี่มันทำไว้กับอาตี๋เล็กตั้งเยอะ ยังไงอั๊วะก็ไม่ยอมรับผู้ชายที่ใช้กำลังกับหลานอั๊วะหรอก”
     “เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ให้มันแล้วกันไปเถอะป๊า ตอนนี้ต้นอีก็มีความสุขดีไม่ใช่เหรอ? อีเลือกของอีแล้ว”
     “หึ คอยดูน้า ลื้อเชื่ออั๊วะเถอะ สักวันอีจะทำอาตี๋เล็กเสียใจ”
     “ป๊านี่ก็แช่งหลาน”
     “อั๊วไม่ได้แช่งอาตี๋เล็ก อั๊วะแค่จะบอกว่าอีไม่น่าไว้ใจ”
     “โอย อั๊วะไม่คุยกับป๊าแล้ว อั๊วะไปนอนละนะ”
     “เออไปเลย ไอ้ลูกไม่รักดี”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน13
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-11-2014 22:40:23
ต้นน้ำ

     วันนี้พี่ชัชกลับมาซะดึก แต่ก็ยังดีนะครับที่กลับมา ใจหนึ่งผมกลัวพี่ชัชจะกลับไปนอนที่คอนโดด้วยซ้ำ จะโทรถามก็ไม่กล้า เกรงใจพี่ชัช กลัวพี่เขาติดงานอยู่ครับ ดังนั้นผมก็เลยอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ ก็พี่ชัชอุตส่าห์ทำเพื่อผมขนาดนี้เลยนี่ครับ ผมมีความสุขจนเกือบจะฮัมเพลงระหว่างเตรียมเสื้อผ้าให้พี่ชัชเลยล่ะ ตอนนี้พี่เขากำลังอาบน้ำอยู่ เพราะพอผมอุ่นมื้อดึกให้พี่เขาทานเสร็จแล้วเราก็ชวนกันขึ้นมาพักผ่อนบนห้อง เลยแม้ว่าปกติแล้วพี่ชัชจะชอบนอนดูทีวีจนดึกในวันหยุด ... แบบว่ายังไงผมก็ยังไม่ชินกับบ้านหลังนี้มากเท่าไหร่หรอกครับ ยิ่งคราวนี้มีพี่ชัชมาด้วย อืม... จะว่าพวกผมหนีเข้าห้องส่วนตัวก็ได้นะ
     ซักพักพี่เขาก็อาบน้ำเสร็จเพราะผมได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ แฟนของผมเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ เห็นหุ่นแฟนตัวเองชัดๆ แบบนี้แล้วมันรู้สึกเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ รู้สึกอย่างกับพี่ชัชจงใจเลย... ผมพยายามทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วยื่นชุดนอนส่งให้พี่เขา แต่พี่ชัชกลับทิ้งตัวลงทับผมล้มแผ่ไปบนเตียงด้วยกันซะงั้น!
     “พี่ชัช ผมเจ็บนะครับ!”
     “นั่นดิ เตียงแข็งว่ะ”
     กวนแล้วล่ะแฟนผม ผมเลยซัดหมัดไปที่พี่เขาตั้งใจเอาคืนแบบเบาะๆ แต่คงไม่ระคายหนังหนาๆ ของพี่ชัชหรอกครับ เพราะหมาป่าของผมยิ้มเผล่อวดฟันสวยเชียว
     “เตียงไม่เด้ง สงสัยเล่นขี่ม้าไม่ได้ว่ะ”
     แย่แล้วครับ! สถานการณ์ไม่ดีแน่ๆ ผมไม่อยากถูกจับกินที่นี่!
     “ใส่เสื้อได้แล้วครับ แอร์ห้องนี้แรง เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
     “งั้นต้นให้ความอบอุ่นพี่ทีดิ หนาวอ่ะ”
     “อื้อไม่เอานะครับ! ผม... ผมอายเขาอ่ะ”
     “อายไม่ได้แปลว่าไม่อยากใช่มั้ยครับ”
     “ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น...”
     “น่า ยอมๆ พี่หน่อยนะ อุตส่าเชื่อฟังเมียขนาดนี้แล้วอ่ะ เสร็จงานปุ๊ปรีบกลับเลยนะ”
     “แต่... แต่ผมกลัวคนอื่นเขาได้ยิน”
     “ต้นก็เงียบๆ เอาไว้สิครับ พี่ให้ยืมปากพี่ไปอุดปากเราก็ได้เอ้า!”
     “บ้า…”
     “แล้วบ้านี่แปลว่ายอมรึเปล่าครับ?”
     ใจนึงมันก็อยาก แต่อีกใจก็อาย ผมกลัวคุณปู่ดุนี่ เกิดคนอื่นในบ้านได้เสียงผมละก็... ขายหน้าตายเลย โอ๊ย! แล้วผมจะทำยังไงดีครับ?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ฮ่าๆ และแล้วไอ้ต้นมันก็เสร็จผมจนได้ แต่มันมีข้อแม้ว่ามันขอไปจัดการเตรียมความพร้อมตัวเองคนเดียว ผมก็ปล่อยนะ จะยังไงก็แล้วแต่มันเลยเพราะผมได้งาบเมียแล้วนี่ ฮ่าๆ นอนรอไม่นานสุดที่รักของผมก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ มันพร้อมสำหรับศึกรักคืนนี้แล้วครับ หึๆ ผมกระหยิ่มยิ้มย่องกะจะลุกไปรับขวัญมันซะหน่อย แต่มันดันขยับหลบแล้วยกแขนขึ้นไขว้กันเป็นกากบาทไว้ก่อนจะลดแขนลงข้างหนึ่งแล้วชูนิ้วชี้ทำท่าสั่งผม
     “ผมมีข้อแม้ว่าพี่ชัชห้ามทำเลอะเทอะนะครับ ไม่ใช่ห้องเรา... ผมอายเขา ป้าวันแกต้องเป็นคนซัก...”
     โถ... เมียคร้าบ น้ำเงี่ยนผัวจะหกซักหยดสองหยดก็ช่างมันเถ้อ... ตอนนี้พี่หงี่เต็มที่แล้วน้องเอ้ย มาให้พี่ปล้ำซะดีๆ ไม่รอให้มันบ่นต่อจนเสียอารมณ์แล้วครับ รีบจัดการลากมันขึ้นเตียงแล้วงาบดีกว่า
     “พี่ชัช!”
     “ชู่! เบาๆ ครับ ไหนบอกอย่าเสียงดังไง”
     “ละ ละ แล้วถุงยางละครับ?”
     “อยู่กับต้นพี่พกที่ไหนละคร้าบ หลังๆ พี่แทบไม่ได้ใช้ ก็เลยไม่ได้ซื้อ หมดสต็อกไปตั้งนานแล้ว”
     พอได้ยินไอ้ต้นก็หน้าเหวอได้ใจ น่ารักอ่ะ! ผมว่าหน้ามันตอนเขินนี่สุดยอดแล้วนะ แต่หน้าตอนมันงงๆ สับสนชีวิตแบบนี้ก็โคตรโดนใจเลยอ๊ะ หึๆ กระตุกผ้าเช็ดตัวมันออก ล่อนจ้อนแล้วเมียพี่
     “เดี๋ยวสิครับ ... แล้ว ... เจลหล่อลื่น...”
     พอโดนผมจับแหกขาก็ปากสั่นทันทีเลยครับ หึๆ
     “มีที่ไหนเล่า มีแต่น้ำลายพี่นี่แหละ จะเอามั้ย?”
     ฮ่าๆ เมียผมสติหลุดไปแล้ว อย่างฮาอ่ะ รักมันจริงๆ ให้ดิ้นตาย!
     “ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวพี่บริการลงลิ้นให้ รับรองชุ่มฉ่ำถึงใจไม่เจ็บ”
     สุดที่รักของผมหน้าแดงแปร๊ด แถมยังแอบเม้มปากหายใจแรงนิดหน่อย มันอาจจะไม่รู้ตัว แต่ผมรู้น่า อาการนี้มัน“อยาก”เห็นๆ ติดใจลิ้นพี่อ่ะดี้ หึๆ
     ใครจะว่าผมเลวก็ช่าง แต่นี่แหละความสุขของผม การได้แกล้งไอ้ต้นคือสุขสุดยอดของชีวิต ไม่เคยได้ใครแล้วอิ่มเอมหัวใจขนาดนี้มาก่อนเลยให้ตาย บางครั้งผมก็อยากรู้ว่าต้นมันทำอะไรกับผม มันใช้เวทมนต์คาถาบทไหนกันผมถึงได้ทั้งรักทั้งหลงมันขนาดนี้
     “เอ... หรือพี่จะให้เราเสียสละซักน้ำก่อนดี จะได้ลื่นๆ”
     “พี่ชัชบ้า... จะทำอะไรก็รีบทำเถอะครับ แกล้งแซวผมอยู่ได้”
     “อ้าวแล้วไม่ดีเหรอ ผลิตเองใช้เองไงต้น”
     จากที่ลูบๆ คลำๆ สาวให้มันเมื่อตะกี้ผมเปลี่ยนไปแหย่ร่องมันแทนครับ แทงนิ้วเพลินๆ ดูดปากสลับกับดูดนมแค่นี้ไอ้ต้นก็ไม่ว่างครางปลุกปู่มันแล้ว
     “อื้ม... พี่ชัช...
     ทีงี้น้า แอ่นก้นรับนิ้วพี่ใหญ่เชียว
     ท่าทางกระสับกระส่ายของมันบอกให้รู้ว่าอยากได้เพิ่มเป็นสองนิ้วแหง๋ๆ ทำไงดีวะ สองนิ้วแบบสดๆ งี้ไอ้ต้นมันจะรับไหวมั้ยวะเนี่ย? แต่ช่วยไม่ได้ครับยามฉุกเฉิน ก็เมียผมว้อนท์จัดแล้ว ผมเลยต้องใช้ผลผลิตจากร่างกายตัวเองถุยน้ำลายลงบนมือก่อนจะแหย่นิ้วชุ่มน้ำลายทั้งคู่เข้ารูไอ้ต้นลึกกว่าเดิม มันสะดุ้งโอบคอผมเลยแฮะ แถมยังครางด้วย
     “โอเคมั้ยครับ เอาอีกมั้ย?”
     “อื้ม”
     “อืมนี่แปลว่าอะไรครับ? เจ็บป่าว ถ้าเจ็บก็บอกพี่นะครับ”
     ตอนแรกผมก็อยากแกล้งแซวมันนะ แต่กลัวมันเจ็บมากกว่า โชคดีที่ไอ้ต้นมันส่ายหัวแทนคำตอบ แปลว่าไม่เจ็บ
     “ถ้าไม่เจ็บแล้วอยากได้อะไรเพิ่มครับ?”
     ทีงี้อ่ะทำอายไม่ตอบ แต่ผมก็รู้หรอกน่า ผมตั้งใจแทงนิ้วเร็วขึ้นแบบเน้นๆ ไอ้ต้นกัดฟันนอนครางใหญ่เลยครับ มันส่งเสียงหงิงๆ ลอดไรฟันโคตรน่ารัก แถมยังเด้งก้นรับนิ้วผมอีก สองมือที่เคยโอบรอบคอผมอยู่ก็กลับไปชักของตัวเองซะข้าง อีกไม่นานผมได้น้ำหล่อลื่นเพิ่มแน่ๆ พอมันใกล้เสร็จดันเสือกแหกปากขึ้นมาซะงั้น ผมเกือบก้มลงไปประกบปากด้วยไม่ทัน ชิบหาย! หวังว่าคงไม่มีเสียงเคาะประตูนะครับ
     เพราะมัวแต่นัวเนียกันอยู่ พวกผมเลยเผลอผลาญทรัพยากรหล่อลื่นอันมีค่าไป ของเหลวสีขาวข้นผลผลิตไอ้ต้นโดนละเลงอยู่บนหน้าอกมันกับผมนี่แหละ ผมปลดจูบปล่อยให้มันนอนหอบก่อนจะแซว
     “ต้นนี่น้า... ละจะเอาที่ไหนล่ะทีนี้?”
     “พี่ชัชบ้า! ไม่ต้องมายิ้มแบบนั้นเลยนะครับ”
     แม้จะหอบและหน้าแดง แต่เมียผมก็ยังปากดีชอบเถียงเหมือนเดิม หึๆ
     “พี่ยิ้มยังไงครับ”
     “ก็... ทำหน้าแบบสะใจ”
     ผมก็ยอมรับนะว่าผมเป็นพวกชอบความรุนแรง ยิ่งแบบซาดิสหน่อยๆ นี่โคตรชอบเลย แต่ผมไม่ยักรู้ว่าเผลอแสดงออกทางสีหน้า
     “รู้ตัวก็ดีครับ ตาพี่แล้ว มาอ้าขาให้ผัวซะดีๆ”
     ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เล่นบทโหดซะหน่อยดีกว่า ฮ่าๆ ผมลุกขึ้นคุกเข่าลากไอ้ต้นให้ขยับเข้ามาชิดผมมากขึ้นก่อนจะแหกขามันออกซะกว้างแล้วดันก้นมันลอยสูงขึ้นก่อนจะฝังลิ้นลงไป ท่านี้ผมชอบนะได้อารมณ์ตอนลงลิ้นดี ยิ่งเจอคนตัวอ่อนๆ นะ หึ๊ย!
     “อื้อ พี่ชัช! ไม่เอานะครับ!”
     “ไรอ่ะ ตาพี่มั่งดิต้น”
     พี่หงุดหงิดนะครับ ขัดขวางคนกำลังจะกินนี่บาปนะน้อง!
     “มะ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ... แต่... แต่ไม่เอาท่านี้ได้มั้ยอ่ะ ผมปวดหลัง ถ้าจะโดนท่านี้ผมยอมก้ม... ข้างหลังดีกว่า”
     หือ? นี่หูผมฟาดไปรึเปล่าครับ? วันนี้เมียผมกินอะไรผิดสำแดงมาวะ ไอ้ต้นมันกล้าคอมเม้นท์เรื่องท่าบนเตียงกับผม! แต่ไม่ได้หร้อก ยังไงก็ต้องแกล้งมัน
     “ได้ข่าวว่าหมานั่นท่าโปรดเรานะครับ ไม่ใช่พี่”
     อื้อหือ มันอายหน้าแดงใหญ่เลยวุ๊ย! โอ๊ย! เมียใครวะ น่ารักน่ากิน!
     “หมาแล้วต่อด้วยม้า?”
     ผมต่อรองแบบยิ้มๆ ไอ้ต้นมันทำท่าขัดใจแบบที่ดูก็รู้ว่ามันทำไปเพราะอายมากกว่าโกรธ แล้วก็หันหลังคุกเข่าแอ่นตัวยกก้นขึ้นให้ผมแต่โดยดี
     “ต้องงี้สิครับ เมียพี่”
     ผมจูบให้รางวัลลงบนรอยสักตรงเนินบั้นท้ายเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนจะเลื้อยไปแหย่ลิ้นลงรูเพิ่มความเปียกชุ่มให้ปากทางเข้าออก อยากรู้จริงๆ ถ้าพ่อกับปู่มันมาเห็นรอยสักนี่จะว่ายังไง ผมเดาว่าต้นคงไม่ได้บอกญาติๆ มันว่าแอบไปสักมาหรอกครับ หึๆ
     เพราะความหรรษาที่ผมมอบให้มันสยิวเกินทนทาน ไอ้ต้นเลยเอาหน้าซุกลงกับหมอน คงกลัวตัวเองหลุดเสียงร้อง มันไม่กลัวตัวเองหายใจไม่ออกรึไงวะนั่น?
     พอได้ที่แล้วผมก็จ่ออาวุธประจำตัวเข้าประจำที่ เพราะวันนี้ผมต้องเพลย์เซฟเลยต้องกระทำอย่างเชื่องช้า แต่พอยิ่งช้ามันก็เหมือนยิ่งเน้น ภาพของเมียผมที่ขยุ้มผ้าปูที่นอนซะแน่นพลางสะบัดหัวไปมานอนกัดฟันน้ำตาไหล แม่งโคตรสะใจ! สองเท้าของมันจิกเตียงจนเกร็ง แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ยังแอ่นรูรอรับการสอดใส่จากผมอยู่ดี หึๆ
     “อย่าเกร็งสิครับต้น พี่เข้าช้าๆ แล้วนะครับ ผ่อนคลายหน่อย”
     “อื้อ”
     นอกจากสูดหายใจทางปากกับครางหงุงหงิงต้นมันทำอะไรไม่ถูกแล้วครับ สัมผัสแบบเนื้อแนบเนื้อโคตรฟิตจนฟินอ่ะ ผมเสียวจนจะแตกซะให้ได้ พอใส่เข้าไปสุดด้ามผมก็แช่คาไว้เพราะอยากให้เมียปรับตัวกับขนาดของผม บอกตามตรงว่าผมต้องข่มตบะในใจตัวเองโคตรๆ เลยครับ แค่มองก้นขาวๆ งอนๆ ของมันก็เกิดอารมณ์แทบคลั่งแล้ว ยิ่งมองรอยสักที่เป็นชื่อของผมกับมันก็ยิ่งมีอารมณ์พาลอยากจับมันมากระแทกให้สะใจ อยากทะลวงให้มันแหกกันไปข้างแล้วตะโกนว่านี่แหละเมียกู แต่ทำได้ที่ไหน... ขืนทำงั้นโดนไอ้ต้นถีบตาย
     ดังนั้นพอมันเริ่มพยักหน้าให้สัญญาณผมก็เลยได้แค่สาวแบบเนิบๆ ครับ ยังไงก็ตามเมียผมมีรูเดียวทะนุถนอมไว้ก่อนดีที่สุด ของผมยิ่งใหญ่ๆ อยู่ แต่ถึงจะพูดไปแบบนั้นไอ้ต้นก็ยังไม่หลวมหรอกนะครับยังฟิตอยู่ ต่างกับวันแรกไม่มากแค่ยืดหยุ่นกว่าเดิมเพราะเริ่มชินกับขนาดของผมแถมพัก หลังๆ มันเริ่มเป็นงานไม่ได้เอาแต่เกร็งจนผมยัดไม่เข้า
     ซอยได้สักพักผมก็เปลี่ยนท่าจับไอ้ต้นมาขย่มตอผมแทน นาทีนี้มันกำลังติดลมสั่งให้ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น ผมเด้งเอวสวนขึ้นไปมันก็ร่อนเอวรับแรงกระแทกสู้กับผมเสียงดังป๊าปๆ
     มีใครเอาอะไรแปลกๆ ให้เมียผมกินตอนผมไม่อยู่รึเปล่าวะ? ทำไมวันนี้มันหลอกง่ายดีจัง ให้ทำอะไรก็ไม่ขัด เมียผมดูมีอารมณ์ร่วมมากครับ ร่างกายมันตอบสนองแบบให้ความร่วมมือกับผมเป็นจังหวะโคตรๆ
     ผมชักอยากเล่นอะไรสนุกๆ กว่าเดิมเลยจับขามันเกี่ยวเอวผมไว้แล้วบอกให้มันโอบรอบคอผมให้แน่นๆ พอได้ที่แล้วผมก็ลุกขึ้นยืน เท่านั้นแหละเมียผมลืมตัวแหกปากลั่นทันที ฮ่าๆ
     “พี่ชัช!”
     “ชู่! เบาๆ ครับ”
     “แต่อื้อ... ไหนบอกแค่ขี่ม้าไงครับ”
     “พอดีม้าอยากเปลี่ยนสปีชีส์เป็นลิงครับ”
     ผมตอบหน้าตาย ไอ้ต้นพยายามจะประท้วงผม แต่เพราะสองแขนมันไม่ว่างรัดผมไว้อยู่มันเลยทุบผมไม่ถนัด ฮ่าๆ กลัวตกล่ะสิไอ้น้อง!
     แล้วผมก็พามันเดินรอบห้องจนไปจบในห้องน้ำด้วยท่ายืน หึๆ ห้องน้ำบ้านปู่มันนี่แจ่มจริงๆ กระจกชัดแจ๋วถูกใจผมเลย เห็นทุกวินาทีกระฉูดอ่ะ สีหน้าไอ้ต้นตอนต้องมาดูลูกตัวเองจำนวนหลายล้านตัวถูกลอยแพในอากาศนี่โคตรสะใจ เพราะโดนจับแหกขาอยู่หน้ากระจกภาพเลยโคตรชัด ยิ่งตอนที่ผมอัดย้ำเข้าไปหลังเสร็จแล้วมันไหลทะลักสวนออกมานี่โคตรฟิน ผมเอาออกทั้งๆ ที่ขาไอ้ต้นยังอยู่ในมือผมข้างนึง รูมันเลยอ้าลูกผมก็เลยหยดออกมาเลอะขามันโคตรเซ็กซี่ ผมชอบภาพแบบนี้ที่สุดครับ พอเสร็จแล้วผมเลยต้องเก็บศพลูกตัวเองที่หยดกองอยู่บนพื้นก่อนจะล้างเนื้อล้างตัวกันแล้วคลานขึ้นเตียง
     โคตรเหนื่อยเลยครับวันนี้ เหนื่อยแต่คุ้มนะฮ่าๆ โคตรอิ่มเลยคร้าบ การรับประทานเมียนี่มันอร่อยจริงๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เผ่นอย่างรวดเร็วด้วยความอาย นิยายดราม่าจริงๆ นะเธอว์ คนแต่งไม่หื่นนะ แต่พี่ชัชมันหื่นเลยต้องเขียนไปตามบท  :o8:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ13
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-11-2014 23:55:48
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 13

“ข้อห้ามของเด็กดี” พ่อทูนหัว&เทวดาตัวน้อย

      ในระหว่างที่ธนพลกำลังคุยกับเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักกันอย่างออกรสอยู่นั่นเอง เสียงเล็กๆ ที่แผดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวก็ทำให้ทั้งคู่ตกใจ เด็กชายตัวน้อยถูกเพื่อนคนอื่นๆ ในบ้านหรรษาผลักจนล้มกลิ้ง แต่เสียงที่แผดออกมาหาใช่เสียงร้องไห้จ้าอย่างเคย
     “ไอ้สัตว์ ไอ้คนเกเร กูจะไม่เล่นกับมึงแล้ว!”
     “ขุ่นพระ! น้องต้นของแด๊ดดี้”
     ธนพลตกใจจนเผลอเอามือทาบอกลืมเก็กแมนเสียสนิท! ต้นน้ำกำลังพุ่งเข้าไปหาคู่กรณีอย่างเอาเรื่อง เทวดาตัวน้อยๆ ของเขากลายเป็นเด็กเกเรไปเสียแล้ว!

     กว่าจะเคลียร์กับพ่อแม่เด็กอีกฝ่ายได้ก็เกือบแย่ โชคดีที่ธนพลยังมีพยานคนอื่นๆ ยืนยันว่าต้นน้ำเป็นฝ่ายถูกเด็กอีกคนใช้ลูกบอลพลาสติกปาอัดใส่หน้าก่อน แก้มกลมยุ้ยบนใบหน้าที่เคยขาวกลับกลายเป็นสีแดงเถือก เทวดาตัวน้อยที่แผดถ้อยคำหยาบคายเมื่อครู่ก็หมดฤทธิ์กลับกลายมาเป็นเจ้าชายขี้แยคนที่เขาคุ้นเคย
     เขายังนึกไม่ออกเลยว่าตนจะบอกเพื่อนรักอย่างไรดี ช่วงที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยได้อยู่เมืองไทย พอกลับมาด้วยความคิดถึงเจ้าชายตัวน้อยๆ จึงได้ขันอาสาแม่เพื่อนรักขอทำหน้าที่เป็นแด๊ดดี้ขนตางอนซักวัน นึกไม่ถึงแค่เพียงไม่กี่เดือน เทวดาของเขาก็กลายเป็นเดวิลไปเสียแล้ว เผลอละสายตาหันไปสานสัมพันธ์กับพนักงานหนุ่มสุดหล่อแค่แป็บเดียว เดวิลของเขาก็แผลงอิทธิฤทธิ์!
     และดูท่าก็คงจะออกฤทธิ์จนสิ้นแรงแล้วเสียด้วย เพราะบัดนี้เจ้าชายตัวน้อยกำลังเกาะคอเขาพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวด ธนพลรีบบึ่งรถไปหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพื่อรักษาตาหนูของเขา แต่ทว่าพอเจ้าตัวเห็นโรงพยาบาลเท่านั้นแหละ! เด็กน้อยก็เริ่มดิ้นแล้วร้องไห้จ้าหนักยิ่งกว่าเดิม ทั้งเตะขาป่ายปัดจนอุตลุด ในยามที่ต้นน้ำงอแงเขาเอาไม่อยู่จริงๆ เมื่อก่อนตอนยังเล็กๆ เขาก็พอรับมือไหว แต่พอโตขึ้นเริ่มเกินวัยจะอุ้มได้ประกอบกับร่างกายวัยกลางคนของตัวเองธนพลก็แทบจะเผลอทำลูกชาย(ของเพื่อน)หลุดมือ กว่าจะปลอบเจ้าชายเอาแต่ใจให้สงบได้ก็ต้องอาศัยกัปตันแห่งดวงดาวสุดเท่ของเล่นของคุณหมอหนุ่มมาช่วยกู้สถานการณ์
     “น้องไม่ได้เป็นอะไรแล้วครับ กลับบ้านได้”
     “จะไม่เอกซเรย์สมองหน่อยเหรอครับ?”
     “น้องไม่ได้มีบาดแผลอะไรครับ แค่ฟกช้ำ ทำไปก็เปลือง”
     ธนพลแทบจะหลุดฟอร์มอยากด่าคุณหมอหนุ่มปากคาบไม้บรรทัดผู้นี้เหลือเกิน!
     “เท่าไหร่ก็เท่ากันครับ ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องเงิน เป็นห่วงน้องมากกว่า”
     “ถ้าห่วงคราวหน้าก็อย่าให้คลาดสายตาสิครับ”
     วาจาร้ายกาจของคนตรงหน้าชวนให้คุณพ่อจำเป็นต้องแอบก่นด่าอยู่ในใจ ชะรอยอีตาหมอคนนี้คงยังไม่มีครอบครัวถึงได้ไม่รู้ว่าลูกคือดวงใจของพ่อแม่ขนาดไหน ถ้าเลือกได้ใครจะไปอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
     “มันเป็นอุบัติเหตุครับ และผมก็ต้องการการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับน้อง”
     “งั้นก็หัดดูแลน้องให้ดีที่สุดสิครับ อุบัติเหตุจะได้ไม่เกิด น้องไม่ได้เป็นอะไรมาก ฟันหน้าก็ไม่แตกหักเสียหาย จมูกก็ไม่มีอะไรผิดปกติ หัวก็ไม่โน โดนแค่ตรงแก้มเฉียดๆ แรงเด็กด้วยกันเองไม่แรงพอที่จะส่งผลกระทบอะไรต่อสมองโดยตรง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกครับ น้องแกก็แค่ขี้แยเท่านั้น ที่เห็นร้องไห้แหกปากก็คงเพราะกลัวหมอไม่ใช่เจ็บแผล ไม่งั้นเขาคงไม่ซุกเกาะคุณเป็นลูกหมีแบบนั้นหรอกถ้าน้องเขาเจ็บแก้ม ถ้าคุณอยากทำซีทีแสกน น้องต้องนอนนิ่งๆ ในอุโมงค์คนเดียว จะไหวเหรอครับ? หรือต่อให้เอ็กซ์เรย์ธรรมดาๆ ก็เถอะ คุณจะปลอบไหวเหรอ? ไม่ยอมห่างตักคุณแบบนั้นจะเข้าห้องเอกซเรย์ได้ยังไง ผมมีกัปตันดวงดาวแค่ตัวเดียวนะ นั่นรุ่นลิมิเต็ดด้วย”
     เขาเถียงอีตาหมอคนนี้ไม่ชนะ! ธนพลไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย เขาขัดใจจนอยากจะด่าหมอด้วยอารมณ์ปรี๊ดแตกที่คุ้นเคย แต่ทว่าภายใต้สายตาของพยาบาลที่มองอยู่และการหลบภัยจากเจ้าชายตัวน้อยที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำมูกยืด ธนพลได้แต่บอกตัวเองว่าอย่าหลุดเก็กเสียฟอร์มเป็นอันขาด!
     “อย่างน้อยๆ ก็เอ็กเรย์หน่อยไม่ได้หรือครับ ผมกลัวน้องเขาจะได้รับอันตรายจริงๆ”
     ตาหมอปากจัดคนนี้ทำสีหน้าเบื่อหน่ายใส่เขา!
     “งั้นก็จัดไป”

     โชคดีที่ผลออกมาต้นน้ำไม่ได้เป็นอะไรมาก เด็กชายเพียงแค่ฟกช้ำบาดแผลภายนอกทายาไม่กี่วันก็หาย ธนพลกระเตงเจ้าชายตัวน้อยขึ้นห้องพักอย่างอ่อนล้า ทั้งเด็กขี้แยและผู้ใหญ่ปากจัดช่างสูบพลังไปจากตัวเขาจริงๆ เขาวางเทวดาในอ้อมอกลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลก่อนจะถอดรองเท้าผ้าใบลายฮีโร่ไปเก็บเข้าที่ เขาคุ้นเคยกับห้องนี้ราวกับเป็นห้องพักอาศัยของตนเอง
     ภาพของเด็กน้อยที่นอนหลับไม่รู้เรื่องหลังจากแสดงอิทธิฤทธิ์ทั้งวันทำให้ธนพลอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ วันนี้ต้นน้ำทำให้เขาเหนื่อยมากจริงๆ แต่ในความเหน็ดเหนื่อยนั้นมีความสุขใจอันเปรมปรีอยู่ส่วนหนึ่ง สัญชาติญาณความเป็นพ่อของเขาที่ไม่เคยคิดว่าจะมีได้มันปรากฏขึ้นมา เด็กคนนี้คือลูกชายสุดที่รักของเขา
     ธนพลมองเทวดาจอมซนที่แผลงฤทธิ์จนเหนื่อยผลอยหลับคารถลำบากให้เขาต้องอุ้มขึ้นมายังห้องพักแล้วความรู้สึกอิ่มเอมใจก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง แต่พอได้เห็นใบหน้าของเทวดาสุดที่รักที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่นั้นธนพลก็ได้แต่ทอดถอนใจในความสะเพร่าของตัวเอง แก้มที่เคยแดงระเรื่ออย่างผิวเด็กสุขภาพดีนั้นกลับกลายเป็นสีเขียวช้ำแถมยังบวมโย้อย่างเห็นได้ชัด ธนพลอดโทษตัวเองไม่ได้ว่าเป็นเพราะเขาละสายตาแท้ๆ เชียวต้นน้ำถึงได้เกิดเรื่อง
     เหตุเพราะอุบัติเหตุบ้าๆ นี่แท้ๆ เลย ทั้งสองคนพ่อลูกจึงจำเป็นต้องรีบบึ่งกลับห้องพักมาโดยไม่ทันได้ซื้อหาอะไรกลับมารอคุณแม่คนสวย ธนพลตัดสินใจสั่งอาหารจากร้านเจ้าประจำ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงเดี๋ยวเพื่อนรักของเขาก็จะกลับมาแล้ว และเขาไม่อยากทิ้งต้นน้ำไว้คนเดียว

     เมื่อนอนหลับได้หนึ่งอิ่มเทวดาตัวน้อยก็ได้เวลาตื่น ต้นน้ำที่กำลังงัวเงียฟื้นคืนชีพทันทีที่เห็นของโปรดมากมายวางเรียงรายรอบนโต๊ะ เด็กน้อยยิ้มร่าอย่างดีใจแล้วก็ต้องหลุดปากส่งเสียงแสดงความเจ็บปวดออกมาพลางยกมือขึ้นกุมแก้ม
     “โอ๊ย!”
     “เป็นอะไรครับน้องต้น”
     “ผมเจ็บจังเลยครับ”
     เด็กน้อยน้ำตาคลอแล้วเดินมานั่งข้างๆ เขาที่โซฟาเล็กๆ สามที่นั่ง ธนพลกอดลูกชายที่ไม่ได้ผูกพันทางสายเลือดเอาไว้แล้วเอ่ยปลอบ
     “เดี๋ยวทานข้าว ทานยา แล้วก็ให้ลุงพลทายาตรงนี้ หนูก็จะไม่เจ็บแล้วครับ”
     “แต่... แต่ผมไม่อยากแดกยานี่ครับ”
     “โอ้ยตายแล้ว! น้องต้นไปเอาคำพูดแบบนี้มาจากไหนครับลูก!”
     ธนพลแทบลมจับ! เทวดาตัวน้อยของเขาพูดคำว่าแดก!
     “พี่ธันย์สอนครับ บอกว่ามันแปลว่ากิน”
     รอยยิ้มไร้เดียงสายามเด็กน้อยเจื้อยแจ้วช่างขัดกับใบหน้าขมึงทึงของคนฟัง
     “แล้วทำไมถึงไปเรียนอะไรแบบนี้มาครับ! ไม่สุภาพเลยรู้มั้ย ไม่ดีนะครับแบบนี้ ที่น้องต้นตะโกนเมื่อตอนกลางวันก็ด้วย หยาบคายมากเลยรู้มั้ยครับ ลุงพลไม่ชอบเลย ไม่น่ารักสุดๆ”
     “แต่ใครๆ เขาก็พูดกันไม่ใช่เหรอครับ ผมเห็นคนอื่นๆ เขาก็พูดกันแบบนี้ ผมเลยให้พี่ธันย์สอนผมบ้าง จะได้เท่เหมือนพี่เขาละจะได้เป็นเพื่อนกับคนอื่นๆ ได้”
     “ไม่เห็นดีเลยครับ ไม่เท่เลย โน้ โน โนว์ ลุงพลไม่ปลื้มอย่างแรง! มันหยาบคายมากเลยนะครับ ไม่น่ารักเลย”
     ธนพลอยากจะบ้าตายนัก นี่เด็กกลุ่มไหนมาทำให้เทวดาตัวน้อยของเขากลายร่างเป็นเดวิลไปได้เนี่ย? ดูท่าเพื่อนของเขาควรจะต้องซีเรียสเรื่องเพื่อนของต้นน้ำให้มากกว่านี้ซะแล้ว!
     “แต่ใครๆ เขาก็พูดกัน...”
     “นี่ ฟังลุงพลนะครับน้องต้น การที่ใครๆ เขาก็ทำกันไม่ได้แปลว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่ถูกนะครับ ถ้าสิ่งที่เขาทำมันไม่น่ารัก คนที่ทำก็คือเด็กไม่น่ารัก น้องต้นอยากเป็นเด็กไม่น่ารักเหรอครับ ลุงพลไม่รักเด็กนิสัยไม่ดีที่ชอบพูดจาหยาบคายหรอกนะ”
     “ตะ แต่...”
     “ไม่มีแต่ครับ ถ้าน้องต้นพูดจาไม่เพราะแบบนั้นอีกลุงพลจะไม่รักน้องต้นแล้วนะครับ!”
     “งั้นผมไม่พูดแบบนั้นแล้วก็ได้ครับ ลุงพลอย่าไม่รักผมนะครับ!”
     “ดีมากครับ ต้องแบบนี้สิถึงจะน่ารัก น้องต้นต้องเป็นเด็กดี ต้องพูดเพราะๆ กับคนอื่นนะครับ ห้ามพูดจาหยาบคายแบบนั้นอีกนะ ไม่งั้นคนเขาจะมองว่าน้องต้นนิสัยไม่ดี”
     “ถ้าพูดแบบนั้นแล้วจะกลายเป็นเด็กไม่ดีเหรอครับ? แต่ทำไมผมเห็นคนอื่นๆ เขาก็พูดแบบนั้นกันละครับ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
     “แล้วทำไมน้องต้นต้องไปทำเรื่องไม่ดีตามเด็กพวกนั้นด้วยละครับ”
     “ก็... ก็คนอื่นๆ เขาไม่ให้ผมเล่นด้วยนี่ครับ เขาบอกว่าผมเป็นตุ๊ด ไม่ใช่ผู้ชาย เลยไม่ยอมให้เล่นด้วย ถ้าผมอยากเล่นกับพวกเขาผมต้องพิสูจน์ให้ดูก่อนว่าผมไม่ใช่ตุ๊ด ผมบอกไปว่าผมไม่ได้เป็นตุ๊ดก็ไม่มีใครเชื่อ ผมเลยให้พี่ธันย์สอนให้ ผมจะได้เท่ๆ เหมือนพี่ธันย์”
     “แล้วพี่เขาก็สอนให้น้องต้นพูดแบบนี้เหรอลูก?”
     “ครับ พี่เขาบอกว่าผู้ชายต้องเสียงดัง เวลาโดนใครรังแกห้ามร้องไห้ แล้วก็ห้ามวิ่งหนีกลับไปฟ้องแม่ แต่ต้องเอาคืนศัตรูให้ได้ พี่ธันย์บอกว่ามีแต่เด็กผู้หญิงที่โดนแกล้งแล้วร้องไห้ เด็กผู้ชายที่ทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงจะถูกเรียกว่าตุ๊ด แล้วก็จะโดนรังแก ไม่มีใครอยากเล่นด้วยเพราะน่ารำคาญ”
     ธนพลลมจับ!
     “โอ๊ยตายแล้ว! น้องต้น คุณลูกขา ต่อไปนี้ห้าม ห้าม ห้าม ห้าม ห้าม ห้ามไปฟังอะไรผิดๆ แบบนี้มาจากเด็กเหลือขอแบบนั้นอีกนะค๊ะ!”
     “เด็กเหลือขอแปลว่าอะไรครับ?”
     “ก็แปลว่าเด็กที่ไม่มีใครรักยังไงละคะ!”
     “แต่ผมรักพี่ธันย์นะครับ ตอนที่ไม่มีใครเล่นกับผมพี่ธันย์เป็นคนเดียวที่ยอมเล่นกับผม พี่ธันย์บอกว่าไม่ต้องมีเพื่อนคนอื่นๆ ก็ได้ เล่นกับผมสนุกกว่าเล่นกับคนอื่นๆ เยอะเลย ผมรักพี่ธันย์ครับ”
     ดูท่าต้นน้ำจะได้ลูกพี่เจ้าปัญหาซะแล้ว เขาล่ะอยากให้เพื่อนย้ายที่อยู่ซะจริง อาพาร์ทเม้นต์แห่งนี้สังคมชักเสื่อมโทรมลงไปมากทีเดียว มีแต่เด็กเหลือขอเต็มไปหมด!
     “แล้วทำไมพี่เขาถึงยอมมาเล่นกับหนูละลูก”
     “เพราะผมไม่ล้อพี่ธันย์ครับ คนอื่นๆ ชอบล้อพี่ธันย์ว่าเป็นลูกกะหรี่ พี่ธันย์เลยโมโหต่อยกับเด็กคนอื่นๆ บอกว่าคนอื่นนิสัยไม่ดี เล่นกับผมสนุกกว่า”
     เป็นถ้อยคำหยาบคายคำที่ห้าที่หลุดออกมาจากปากของต้นน้ำ ธนพลจะเป็นลม! เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าตัวน้อยที่กำลังยิ้มแก้มปริภูมิใจกับคำอธิบายช่างทำร้ายจิตใจคุณพ่อจำเป็นอย่างเขาเสียเหลือเกิน เขารู้สึกหน้ามืดจนต้องควานหายาดมในกระเป๋าแอร์เมสใบโปรดพลางตั้งสติสูดยาดมอยู่หลายเฮือกก่อนจะถามด้วยเสียงสั่นๆ
     “หนูไปเอาคำๆ นี้มาจากไหนกันลูก?”
     “ก็เห็นคนอื่นเขาพูดกันนี่ครับ แล้วกะหรี่มันแปลว่าอะไรเหรอครับ”
     “ตายแล้ว! ห้ามเลยนะครับ ต่อไปนี้อย่าให้ลุงพลได้ยินหนูพูดคำๆ นี้อีกเชียว ถ้าน้องต้นดื้อลุงพลจะตีจริงๆ นะครับ”
     พอเห็นธนพลดุด้วยน้ำเสียงจริงจัง เด็กน้อยก็เริ่มเบะปาก ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำใสๆ คลอ ต้นน้ำทั้งสับสนและตกใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคุณลุงต้องดุเขาขนาดนี้ด้วย เสียงอบรมที่ดังออกมาจากปากของคุณลุงผู้เป็นที่รักได้สร้างข้อห้ามที่สลักฝังลึกลงในจิตใจของเด็กน้อยคนนี้เสียแล้ว “ห้ามพูดจาหยาบคาย ถ้าเขาพูดไม่เพราะละก็คุณลุงจะดุเขา เขาไม่อยากโดนคุณลุงเกลียด เขาจะเป็นเด็กน่ารัก เขาอยากให้คุณลุงใจดีกับเขาเหมือนเดิม”
     “ทีหลังจำไว้นะครับ ถ้าน้องต้นจะพูดแทนตัวเองต้องใช้คำว่าผมเท่านั้นห้ามพูดมึงกูแบบนั้นอีก ไม่งั้นก็เรียกชื่อตัวเองไปเลยยังจะน่ารักกว่า คำว่าแดกถึงจะแปลว่ากินแต่มันไม่สุภาพ ให้พูดคำว่ารับประทานหรือทาน แล้วก็คำพูดที่คนอื่นเขาเอาไว้ด่าหรือล้อกันไม่ต้องไปสนใจนะครับ ห้ามจำมาใช้โดยเด็ดขาด! ลุงพลไม่อนุญาตให้หนูพูดแบบนั้น ถ้าลุงได้ยินอีกนะจะตีเลยคอยดู! เด็กดีห้ามว่าร้ายคนอื่นนะครับ ห้ามพูดจาหยาบคายเด็ดขาดเลย!”
     “แง๊ๆ ลุงพลเกลียดผมแล้ว ลุงพลจะตีผม ลุงพลไม่รักผมแล้ว”
     “น้องต้นก็ต้องทำตัวดีๆ สิครับ ทำตัวไม่น่ารักแล้วลุงพลจะรักลงได้ยังไง”
     “แต่ทีคนอื่นๆ ยังมาว่าผมก่อนได้เลย!”
     “แล้วเวลาหนูถูกเขาว่าหนูเสียใจมั้ยละครับ ดังนั้นเราถึงไม่ควรทำแบบนั้นกับคนอื่น”
     “แต่เขามาแกล้งผมก่อนนี่!”
     “น้องต้นก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาสิลูก หนูเดินหนีก็ได้ เป็นลูกผู้ชายต้องรู้จักอดทนนะครับ ห้ามไปรังแกคนอื่นแบบนั้น”
     “แต่ แต่ผม...”
     “แน่ะ! ไม่เชื่อฟังกันแบบนี้เดี๋ยวลุงพลไม่รักนะครับ”
     “ไม่นะครับ ลุงพลห้ามไม่รักผมนะ!”
     ว่าแล้วเด็กน้อยก็โถมตัวเข้าหาคุณลุงสุดที่รัก ต้นน้ำเริ่มร้องไห้อีกรอบแล้ว ธนพลได้แต่ปลอบเด็กน้อยพลางพยายามสรรหาคำพูดดีๆ มาอธิบาย นี่เขาจะสอนต้นน้ำยังไงดีหนอ? เขาอุตส่าคิดว่าตนเองเป็นคุณพ่อจำเป็นช่วยแบ่งเบาภาระเพื่อนสาวได้แล้วแท้ๆ แต่ดูท่าเขายังชำนาญไม่พอ เพราะตอนนี้เขาอับจนปัญญาในการอบรมมารยาทการพูดให้กับเด็กวัยหกขวบเป็นอย่างมาก สุดท้ายเขาเลยได้แต่ภาวนาให้เพื่อนสาวกลับมาเร็วๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



กรุณาอย่าจิ้นคุณหมอกับลุงพล! เพราะอีคนแต่งมันก็จิ้น!  :confuse: 
ตามข่าวที่ได้มาจากบันทึกของตุ๊ดเพจคุณช่า เขาว่ากันว่า รุกแท้ในหมู่หมอหายากยิ่งกว่าอะไร  ดังนั้นเรื่องบางเรื่องก็ปล่อยเป็นจินตนาการเนาะ หมอแกอาจจะแมนแต้ๆ ก็ได้

ถ้าคิดจะแอ็บก็อย่าแต๋วแตกสิคะคุณลุง รู้มั้ยว่าเด็กมันสับสน!
ลุงพลจะรู้มั้ยน้อว่าเผลอฝังข้อห้ามอะไรมากมายลงหัวต้นน้ำ ต้องพูดเพราะ เป็นเด็กดี ห้ามตอบโต้คนอื่น ต้องอดทน เฮ้อ... ชีวิตไอ้ต้น(ถอนหายใจแบบเฮียชัช ฮ่าๆ)

ประเด็นที่แฝงอยู่ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก ใครเป็นพ่อแม่พี่น้องมีบุตรธิดาก็อบรมดูแลกันดีๆ ละกัน บางทีเราไม่รู้ตัวหรอก แต่ถ้อยคำหรือข้อห้ามอะไรบางอย่างที่เราเคยพูดไปทั้งอาจจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี สอนในเวลาปกติหรือเผลอตวาดยามโกรธ คือ... บางอย่างมันก็สลักฝังลึกลงในใจเด็กแบบไม่น่าเชื่อได้นะ โอเค มันเป็นจิตวิทยาอีกแล้ว ... คนแต่งขอโทษ ใช้มุกนี้บ่อยไปสินะ เหอะๆ
เอาเป็นว่าใครมีเด็กวัยเรียนรู้อยู่ใกล้ตัวก็ระวังพฤติกรรมตัวเองหน่อยละกัน เพราะตอนเด็กๆ วัยอนุบาลคนเขียนถูกปล่อยให้อยู่กับลูกพี่ลูกน้องที่ฟังแต่สกอเปี้ยนเลยชอบฟังแต่เสียงเพลงที่เป็นเสียงผู้ชายแหกปาก พอเริ่มวัยประถมก็ถูกโยนไปอยู่กับพี่ชายข้างบ้านวัยมัธยมต้นที่เอาแต่เล่นเกมทวินบี... ปั้นโมเดลปูนพลาสเตอร์ แล้วพอมานั่งนึกดูดีๆ แล้วเกิดนึกออกว่าคนที่สอนตัวเองหุงข้าวคือคุณพี่ชายข้างบ้านคนนั้น ไอ้การมีพี่ชายข้างบ้านทอดไข่เจียวให้ทานแล้วมันทอดกุนเชียงโคตรเลี่ยนนี่แหละที่ทำให้เราเกลียดกุนเชียงมาก กินไม่ได้เลย อ้วกตลอด กินพวกมันหมูก็ไม่ได้ ซื้อหมูปิ้งมากินก็เลยไม่คุ้มเพราะมีมันครึ่งไม้ อา... ชีวิตฉันบัดซบจริงๆ
(นี่ถ้าเราแอ๊บตัวเองแมนๆ พูดครับตามเทรนนักแต่งนิยายวายนะ เชื่อว่าที่เล่าไปคนแม่มจิ้นกระจายอ่ะ พี่ชายข้างบ้านบางทีมันก็ไม่สวยหรูหรอก เพราะตูเกลียดทวินบี ยิงกระดิ่งไม่เคยได้!)
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน14
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 10-11-2014 00:22:14
ความหวาดกลัวของเด็กเลี้ยงแกะ

ต้นน้ำ

          ผมว่าผมรู้จักความอายดีนะครับ ตอนที่ผมถูกแม็กซ์ประจานกลางห้องเรียนคราวนั้นก็ทำเอาผมหน้าชาจนถึงขั้นเป็นลมเลย แต่เมื่อวันอาทิตย์ตอนก่อนจะกลับคอนโด ผมนั่งอยู่กับคุณปู่สองคน อยู่ดีๆ คุณปู่ก็ถามผมว่าผมอยากผ่าตัดแปลงเพศรึเปล่า? ผมคิดว่าผมได้รู้จักความอายอีกแบบครับ มันไม่ใช่แง่ลบในแบบที่ผมรู้สึกหน้าชา ไม่ใช่เขินอายใจเต้นตึกตักเหมือนตอนผมเขินพี่ชัช แต่มันเป็นความอายที่ผมคิดไม่ออกว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะ ไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าแบบไหนด้วยซ้ำ ผมรู้สึกราวกับว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าผมเกิดพิการขึ้นมากระทันหัน เพราะอยู่ๆ คุณปู่เชื้อสายไทยจีนที่เห่อหลานชายสุดๆ ก็ถามผมว่า
     “อาตี๋เล็ก อั๊วะถามลื้อจริงๆ น้า ลื้ออยากเป็นผู้หญิงรึเปล่า? ถ้าลื้ออยากเป็นผู้หญิงน้า อากงไม่ขัดขวางลื้อหรอก อากงจะพาลื้อไปหาหมอดีๆ ผ่าตัดให้ลื้อสวยๆ ด้วยซ้ำน้า”
     ผมได้แต่อึ้งไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไงดี ผมเหมือนตุ๊ดขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ผมไม่ได้อยากจะเป็นผู้หญิงซักหน่อย! ผมต้องตั้งสติอยู่นานกว่าจะเรียบเรียงคำพูดในสมองตัวเองได้
     “ผมไม่ได้อยากจะเป็นผู้หญิงครับ”
     ผมพยายามอธิบายตรงๆ ให้คุณปู่เข้าใจ แต่คงเพราะสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของผมมั้งครับ ท่านเลยไม่เชื่อ
     “ลื้อไม่ต้องกลัวน้าอาตี๋เล็ก ต่อให้ลื้อเป็นอาไรอากงก็รักลื้อ ลื้ออยากใส่ชุดกระโปรงสวยๆ อากงก็จะไม่ห้าม ลื้ออยากจะไปผ่าตัดอากงก็จะสนับสนุนลื้อ อากงอยากเห็นลื้อมีความสุข”
     “คุณปู่ครับ ผม... ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงครับ ผมไม่เคยอยากใส่กระโปรงเลยซักครั้งในชีวิต”
     “อ้าว แต่อั๊วะเห็น...”
     “ผมเป็นผู้ชายครับคุณปู่ ผมแค่รักพี่ชัช นอกนั้นผมเป็นผู้ชายปกติครับ ผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงจริงๆ”
     “ได้ๆ ตามใจลื้อน้าอาตี๋เล็ก ลื้ออยากเป็นอาไรก็เป็น อากงจาไม่ห้ามลื้อ”
     วันนั้นผมแอบหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ผมก็พอรู้ตัวนะครับว่าคุณปู่แกเห็นผมเป็นหลานสาวไปซะแล้วเพราะผมคบกับพี่ชัช แต่ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแกจะบอกให้ผมไปแปลงเพศแบบนั้น ใครมันจะไปทำครับ? ผมยังอยากมีอวัยวะของตัวเองครบสามสิบสองเหมือนตอนเกิดนะครับ แถมพอถึงวันจันทร์ ผมยังต้องผจญกับเรื่องงี่เง่าอีก
     ตอนที่ผมกำลังเรียนคาบเช้าอยู่ดีๆ ก็มีโทรศัพท์เข้า เบอร์ไม่คุ้นเลยครับ ตอนแรกผมไม่ได้รับกดตัดสายไป แต่เขายังโทรมาอีกเรื่อยๆ พอหมดคาบเช้าผมเลยโทรกลับไป เสียงผู้ชายที่ดัดเสียจนแหลมดังสวนมาถามว่าผมจำเขาได้รึเปล่า?
     “น้องต้นนี่พี่แตมเองนะค้า จำพี่ได้รึเปล่าเอ่ย?”
     “แตม... เอ่อ ขอโทษนะครับ แตมไหนครับ?”
     ผมเกือบจะนึกว่าเป็นพวกแอบไปเอาเบอร์ผมมาจากคนอื่นแล้วเนียนโทรมาจีบซะแล้ว แต่พอนึกดูดีๆ คนที่เข้ามาหาผมไม่ค่อยมีแบบนี้ซักเท่าไหร่หรอกครับ แล้วข้อสงสัยของผมก็ได้รับการเฉลยในประโยคถัดมา
     “ก็พี่แตมเพื่อนร่วมงานเฮียชัชยังไงล่ะค้า ที่เราเคยเจอกันที่หัวหินเมื่อสองปีก่อนไง”
     “อ๋อ... แล้วมีอะไรเหรอครับ”
     “คือแบบนี้ค่ะคุณน้อง อ๊ะ! แต่คุณน้องใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ไม่ต้องตกใจไป ตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้ว”
     ก็แล้วมันคืออะไรล่ะครับ ทำไมเขาไม่รีบๆ บอกผมมาซักที ผมใจไม่ดีเลยให้ตาย
     “คือพี่จะโทรมาบอกน้องว่าเฮียชัชอยู่โรงพยาบาลค่ะ หมอให้เฮียแกแอดมิทดูอาการค่ะคุณน้อง”
     พี่ชัชเข้าโรงพยาบาล!
     “เกิดอะไรขึ้นครับ! แล้วนี่พี่เขาเป็นอะไรมากรึเปล่า?”
     “โอ๊ยใจเย็นๆ ค่าคุณน้อง ตอนนี้แฟนคุณน้องกำลังหลับอยู่ค่ะไม่ต้องเป็นห่วง แต่เพราะเมื่อเช้าอยู่ๆ แกก็เป็นลมล้มลงไปพวกเราเลยตกใจกันไปหน่อยก็เลย... แหะๆ พาแกส่งโรงพยาบาล”
     “ที่ไหนครับ?”
     “กรุงเทพคริสเตียนค่ะ”
     “เอกชนเหรอครับ...”
     โรงพยาบาลเอกชน! ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าค่าใช้จ่ายจะขนาดไหน
     “แล้วพี่ชัชอยู่ห้องอะไรครับ”
     “คุณน้องจะมาเยี่ยมเหรอคะ เดี๋ยวพี่ขอดูที่จดไว้แป๊ปนึงก่อน”
     “ผมหมายถึงพี่ชัชพักห้องแบบไหนครับ? ถ้าเป็นห้องเดี่ยว ผมจะได้กลับไปเอาเสื้อผ้าตอนเย็นก่อนไปเฝ้าพี่เขา”
     “จะมาเฝ้าเองเลยเหรอคะคุณน้อง?”
     “ผมสะดวกครับ จะได้ไปจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลด้วย”
     แล้วพี่เขาก็บอกข้อมูลให้กับผม เป็นอันว่ายังไงคืนนี้แฟนผมก็นอนโรงพยาบาลแน่ๆ ครับ แต่พรุ่งนี้จะได้ออกจากโรงพยาบาลรึเปล่ายังไม่แน่ใจต้องรอดูอาการอีกซักระยะ ใจจริงผมอยากจะโดดคาบบ่ายไปเฝ้าพี่ชัชด้วยตัวเองซะเลย แต่ผมมีเรียนตอนบ่ายสอง... วิชานี้ไม่อยากโดดด้วยครับ ทำยังไงดีนะ... จะว่าไปโรงพยาบาลนี้ก็อยู่ในทางที่รถไฟฟ้าวิ่งผ่าน ผมขอแวะไปดูอาหารพี่ชัชซักหน่อยดีกว่า ไม่สบายใจเลยครับ
     “ต้นจะไปไหนอ่า?”
     “โทษทีนะไปป์ แฟนเราเข้าโรงพยาบาลอ่ะ เราจะขอไปดูอาการพี่เขาแปปนึง เดี๋ยวจะพยายามกลับมาให้ทันคาบบ่ายนะ”
     “อ้าว แล้วแฟนต้นเป็นไรมากมั้ยอ่ะ ละอยู่ที่ไหน ละ”
     “พอก่อนเถอะไปป์ เรารีบ แล้วเดี๋ยวกลับมาจะเล่าให้ฟังนะ”
     แล้วผมก็เปลี่ยนทิศทางจากโรงอาหารในมหาวิทยาลัยวิ่งไปนอกรั้วเพื่อขึ้นมอเตอร์ไซต์รับจ้างไปยังสถานีรถไฟฟ้า แล้วหลังจากนั้นผมก็โดยสารรถไฟฟ้าไปหาพี่ชัชที่โรงพยาบาล โชคดีที่ผมรู้ตึกและห้องพักอยู่แล้วเลยไม่เสียเวลามากนัก แต่พอเข้าไปในห้องได้ก็เห็นแฟนผมนั่งเล่นไอแพดในมืออย่างสนุกสนาน หน้าตายิ้มแย้มเชียวครับแม้จะดูซีดเซียวหน่อยๆ ก็ตาม และที่สำคัญมีทั้งสาวๆ กับผู้ชายสาวแตกนั่งเม้าอยู่ในห้องด้วย ผมจะรีบถ่อมาหาพี่ชัชไปทำไมกัน!
     “อ้าวต้น?”
     “ครับ”
     ผมตอบรับแบบที่กล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ได้ขยับเป็นรูปรอยยิ้มแน่ๆ ครับ
     “มาได้ไงครับ?”
     “เพื่อนร่วมงานพี่ชัชโทรไปบอกผมครับว่าพี่ชัชเข้าโรงพยาบาล”
     ผมปรายตาไปทางผู้ชายคนนั้นที่ผมรู้สึกเหมือนคุ้นหน้าอยู่บ้าง แล้วก็แอบมองสาวๆ สองคนในห้อง แต่ละคนดูเด็กกว่าแฟนผมมากครับ คงเป็นเพื่อนร่วมงานกัน แต่กระโปรงสั้นๆ พวกนั้นชวนให้ผมต้องแอบเบ้ปากในใจ ไม่กล้าทำต่อหน้าหรอกครับ เดี๋ยวคนจะหาว่าผมมารยาทไม่ดี
     “แหม มาเร็วนะคะคุณน้อง แหะๆ พี่ก็นึกว่าจะมาตอนเย็น”
     “ทำไมเหรอครับ? หรือตอนนี้มีอะไรไม่สะดวก?”
     ผมหันไปยิ้มให้พี่ชัช พี่ชัชเองก็ยิ้มแห้งให้ผมพลางทำมือส่งสัญญาณให้ผู้ชายคนนั้น
     “มาไงเนี่ยต้น พี่นึกว่าเรามีเรียนซะอีก”
     “ผมมีเรียนบ่ายสองครับ ก็เลยแวะมาเยี่ยมพี่ชัชก่อน พอเรียนเสร็จค่อยกลับไปเอาเสื้อผ้าที่คอนโดมาค้างอีกที”
     แล้วคุณเธอสองคนนั่นจะนั่งสอดรู้สอดเห็นอีกนานมั้ยครับนั่น ทำเป็นอ่านเอกสารในมือ เหอะ!
     “จริงๆ โทรมาถามเอาก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องลำบากไปกลับหลายรอบแบบนี้ เหนื่อยเราแย่”
     “ผมกลัวพี่ชัชหลับอยู่ครับ ถ้าพี่ตื่นแล้วทำไมไม่โทรบอกผมซักหน่อยละครับว่าเข้าโรงพยาบาล”
     “เอ่อ... ก็เห็นไอ้แตมมันบอกว่าโทรคุยกับเราแล้ว พี่ก็เลย...”
     “แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้นล่ะครับ เห็นเพื่อนพี่ชัชเล่าว่าพี่ชัชเป็นลม”
     ไม่มีใครยอมลุกออกจากโซฟาในห้องเลยครับ ผมก็เลยเลี่ยงไปยืนข้างๆ เตียงคนป่วยแทน   
     “ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่แค่ไม่สบายนิดหน่อยแล้วก็พักผ่อนน้อย สงสัยจะงานยุ่งไปหน่อย”
     “พี่ชัชไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วครับ ผมเป็นห่วง แล้วหมอบอกให้อยู่กี่คืนครับ?”
     “คงแค่คืนเดียวแหละครับ ต้นไม่ต้องลำบากมานอนค้างเป็นเพื่อนพี่ก็ได้นะ พี่ไม่อยากให้เราลำบาก พรุ่งนี้ก็เรียนเช้าอีกใช่มั้ยครับ”
     “ได้ยังไงล่ะครับ พี่ชัชไม่สบายก็เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องมาดูแลพี่ชัชสิครับ”
     พี่ชัชดึงมือผมไปจับ ส่วนผู้ชายคนนั้นก็หาเก้าอี้มาวางไว้ให้ผมใกล้ๆ เตียงคนป่วย ผมกล่าวขอบคุณเขาตามมารยาทและนั่งอยู่ข้างๆ พี่ชัช แฟนของผมคุยกับเพื่อนร่วมงานต่อด้วยท่าทางสบายๆ ไม่มีอะไรผิดปกติเลยแม้แต่น้อย ผมว่าผมสังเกตได้ถึงสีหน้าเหนื่อยอ่อนของพี่ชัช พี่ชัชไม่สบายจริงๆ และอาการหนักด้วยครับ แต่ต่อหน้าคนอื่นก็ยังทำเป็นสบายๆ ผมนั่งอยู่กับพี่ชัชได้อีกครู่ใหญ่ก็ต้องขอตัวออกมา เพราะต้องรีบกลับมาเรียนคาบบ่ายให้ทัน ผมแทบไม่มีเวลาส่วนตัวได้ไถ่ถามอะไรแฟนตัวเองมากนัก ผมได้แต่คิดผลัดไปว่าไว้ค่อยคุยกันเย็นนี้ ผมวางแผนการเดินทางไปกลับคอนโดที่รวดเร็วที่สุดเพื่อกลับไปเอาของใช้ส่วนตัวกับเสื้อผ้ามาให้พี่ชัชเปลี่ยน คิดอะไรไปเรื่อยจนในที่สุดก็นึกขึ้นได้ตอนที่กำลังจะลงรถไฟฟ้าว่าผมยังไม่ได้ทานข้าวกลางวัน!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ต้นมันงอนผมทำไมผมจะไม่รู้ แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมานั่งแนะนำแฟนหนุ่มให้น้องๆ ผู้แทนเข้าใหม่ได้รู้จัก นี่มันเวลางานและผมก็กำลังสวมมาดหัวหน้าทีมในชั่วโมงทำงาน ความจริงผมปวดหัวจะตายห่าแต่ก็ต้องอดทน จะให้ผมไล่เด็กกลับก็ใช่ที่ น้องๆ เขามีปัญหาและต้องการที่พึ่งเพื่อปรึกษาปัญหาในการทำงาน ผมเองก็ไม่ได้ใกล้ตายจนสอนงานให้ใครไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นงานด่วนที่น้องๆ เขาต้องลุยเองในยามที่ผมไม่อยู่นอนซมแบบนี้ ผมมีกาลเทศะของผม
     นี่ดีนะครับที่มีไอ้แตมมาช่วย ไม่งั้นผมคงลำบากกว่านี้ หลังไอ้ต้นออกไปไม่นาน ธุระของสาวๆ น้องใหม่ก็เสร็จ พวกเธอบอกลากับผม ปล่อยให้ผมได้พักผ่อนอย่างที่คนป่วยสมควรจะทำ ผมเอนลงนอนด้วยความลำบาก จำไม่ได้แล้วครับว่าครั้งสุดท้ายที่ถูกเจาะให้น้ำเกลือมันเมื่อไหร่ ไอ้แตมกุลีกุจอมาช่วยผม
     “แย่หน่อยนะคะ ท่าทางงอนๆ นะคะนั่น”
     “เออน่า เมียพี่เดี๋ยวพี่เคลียร์เอง เราก็ไปทำงานต่อได้แล้วล่ะแตม พี่จะนอนละว่ะ ไม่ไหวแล้ว”
     “ไม่เอาอะไรนะคะ ให้หนูช่วยไรอีกมั้ย?”
     “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวไอ้ต้นมันก็มาแล้ว ขอพี่นอนซักพักแล้วกัน ปวดหัวว่ะ”
     “ค่า งั้นหนูไปก่อนนะค้า”
     แล้วผมก็หลับครับ ใจจริงกะจะหลับยาวๆ เลย แต่ก็ดันรู้สึกตัวตื่นตอนที่ได้ยินเสียงคนมาเยี่ยมผม กลิ่นหอมกรุ่นคุ้นจมูกชวนให้ผมนึกถึงฟ่าง แต่พอผมลืมตาตื่นผมถึงได้เห็นว่าเป็นยัยน้ำตาล เธอมาเยี่ยมผมแถมยังหนีบเอาเจ้าหญิงสุดเอาแต่ใจมาอีกต่างหาก
     “เย้! ลุงชัชตื่นแล้ว”
     ผมพยายามยิ้มให้เด็ก ก่อนจะหันไปถามเพื่อน
     “มาไงเนี่ย?”
     “ได้ยินว่าซุปคนเก่งล้มกลางห้องประชุม เลยมาเยี่ยม”
     “กี่โมงแล้วอ่ะ?”
     “จะหกโมงแล้ว เมื่อกี้เขาเอาข้าวเย็นมาเสิร์ฟให้ ชัชจะกินเลยมั้ย?”
     ผมเบ้หน้าให้อาหารอ่อนในถาด
     “ขอเหอะ ตอนกลางวันแทบกระเดือกไม่ลงอ่ะ”
     จะหกโมงแล้ว ผมหลับไปนานเหมือนกันนี่หว่า
     “อิๆ งั้นจะกินบะหมี่มั้ยจ้ะ น้ำตาลซื้อมาเผื่อ ยัยน้ำหวานบอกว่าอร่อยนะ”
     “ใช่แล้วค่า หนูชอบน้ำซุปมากเลย ห๊อมหอม”
     ยัยน้ำตาลเก็บถาดอาหารอ่อนของทางโรงพยาบาลไปวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็จัดแจงแกะบะหมี่น้ำเทใส่ชามให้ผม คนแม่ก็บริการข้าวเย็นผมไป ส่วนคนลูกก็ซู้ดบะหมี่โชว์อย่างเอร็ดอร่อย มองๆ ไปก็น่ารักดีนะครับ น่าเสียดายที่ผมคงไม่มีลูก
     “ยังไม่ค่อยหิวเลยอ่ะตาล”
     “ทานหน่อยเถอะชัช เย็นแล้วนะ จะได้ทานยาเย็นแล้วเช็ดตัวไง เมื่อกี้พยาบาลจะปลุกชัชแล้วด้วยซ้ำแต่น้ำตาลห้ามไว้ กลัวชัชนอนไม่พอแล้วจะหงุดหงิด”
     “ลุงชัชสู้ๆ อร่อยน้า ดูสิดูสิ ซู้ด”
     ผมอดขำกับท่าทางโฆษณาชวนเชื่อของนักชิมตัวน้อยไม่ได้ เลยแข็งใจลุกมาทานข้าวเย็นของตัวเอง เอาวะ! อย่างน้อยๆ ก็คงอร่อยแหละ เด็กมันเชียร์ขนาดนี้
     น้ำตาลขยับมาปรับเตียงและประคองผมลุกขึ้น เธอเลื่อนถาดมาตรงหน้าและหยิบช้อนกับส้อมมาแบ่งบะหมี่เป็นคำๆ ให้ผม เธอทำท่าจะป้อนผมด้วยซ้ำ
     “ชัชกินได้น่ะตาล”
     “ไหวเหรอ ไม่เจ็บแผลเหรอ?”
     “พอไหวคร้าบ ส่งช้อนมาเหอะ ชัชยังขยับมือได้อยู่”
     ผมพยายามจะหยิบช้อนตักเส้นบะหมี่เข้าปาก แต่ไม่ถนัดเลยว่ะ มันร่วงหล่นจากช้อนตลอดเลย แถมผมยังไม่ค่อยอยากอาหารอีก พอเห็นแบบนี้ยัยหนูน้ำหวานเลยได้ทีฟ้องคุณแม่คนสวย
     “แม่ขา ลุงชัชดื้อ ไม่ยอมกินข้าว ทีตอนนั้นลุงชัชยังบังคับหนูกินพิซซ่าเลย”
     ลุงไม่ได้บังคับหนูเลยคร้าบ ลุงแค่พาหนูไปหาข้าวเย็นทาน แต่หนูเป็นคนอยากกินพิซซ่าเองนะคร้าบหนูน้ำหวาน ผมล่ะอยากร้องไห้!
     “นั่นสิชัช อายเด็กนะ อิๆ”
     “งั้นเดี๋ยวหนูป้อนให้ลุงชัชเองนะค้า”
     ว่าแล้วยัยหนูจอมเอาแต่ใจก็ปีนขึ้นมาบนเตียงผู้ป่วยแล้วเริ่มลงมือเล่นป้อนข้าวลุงชัชซะงั้น
     “ลุงชัชขา อ้ามค่า”
     “อย่าลืมเป่าด้วยสิลูก”
     น่านๆ มียุลูก
     “อย่าน่าตาล เดี๋ยวยัยน้ำหวานก็ไข้กลับหรอก กลัวมาติดไข้ชัชอีก”
     “เถอะหน่า แกอยากมาดูแลลุงชัชของแก พูดแล้วน้ำตาลก็ต้องขอโทษชัชด้วยนะ ติดไข้ยัยน้ำหวานจนซมขนาดนี้”
     ผมยิ้มกำลังจะอ้าปากตอบว่าไม่เป็นไร แต่ยัยหนูน้ำหวานกลับเร่งผมให้อ้ำก๋วยเตี๋ยวในช้อนที่เธอถือรอป้อนผม
     “ลุงชัชขา อ้าม”
     ทีเวลาแบบนี้ล่ะน่ารักจริงๆ แม่คุณ ผมชอบเด็กผู้หญิงชะมัดเลย ช่างฉอเลาะดีแท้ น่ารักสดใสดีครับ แต่ขอยกเว้นในกรณีองค์ลงนะครับ ผมรับมือไม่ไหวจริงๆ
     “อร่อยมั้ยค้าลุงชัช”
     ยัยหนูยิ้มให้ผมจนแก้มกลมปุ๊ก แกมองมาอย่างคาดหวัง ผมเลยจัดคำโกหกไปเอาใจเด็กซะหนึ่งดอก
     “หืม! มันอร่อยมากเลยนะเนี่ย ต้องเพราะคนป้อนน่ารักแน่ๆ เลย”
     “อร่อยงั้นก็กินอีกเยอะๆ เลยนะค้าลุงชัช”
     ผมกินบะหมี่โดยใช้แรงงานเด็กป้อนไปจนเกือบหมดชาม มียัยเพื่อนตัวดีคอยยุลูกเป็นระยะๆ พลางส่งทิชชู่มาให้ผมซับปากเช็ดไอ้ที่มันป้อนเลอะเลยปากผม ผมเพลินจนลืมเวลา ลืมไปว่าเย็นนี้เมียผมจะมาเฝ้าไข้ ดังนั้นตอนที่ต้นมันเปิดประตูเข้ามาเห็นฉากครอบครัวสุขสันต์มียัยน้ำตาลอยู่ข้างเตียง ส่วนบนเตียงก็มียัยหนูน้ำหวานกองอยู่บนตักผม ไอ้ต้นมันก็หน้าเสีย มันยืนตะลึงอยู่หน้าห้องอยู่หลายนาทีกว่าจะเรียกสติกลับมาได้ ผมเองก็ชะงักไปเหมือนกัน ความรู้สึกผิดบางอย่างมันพุ่งขึ้นมาในใจแบบที่ผมเองก็อธิบายไม่ถูก
     “ต้น...”
     เพราะได้ยินเสียงเรียกของผม มันถึงได้รู้สึกตัว ต้นมันแข็งใจเดินเข้ามาในห้องยกมือไหว้สวัสดีแล้วยิ้มให้น้ำตาลก่อนจะเดินไป วางกระเป๋าไว้บนมุมหนึ่งของโซฟา
     “เออตาล นี่แฟนชัช ต้น นี่พี่น้ำตาลเพื่อนร่วมงานพี่เอง ส่วนเจ้าหญิงน้อยคนนี้ลูกสาวพี่น้ำตาลเขา แนะนำตัวหน่อยสิครับ”
     “สวัสดีค่า หนูชื่อเด็กหญิงชลิวรรณ กระจ่างธารา อายุห้าขวบค่า”
     “ดีครับพี่น้ำตาล”
     ผมเห็นต้นมันส่งยิ้มให้หนูน้ำหวานแล้วหันไปทักทายยัยน้ำตาล เมียผมกำลังใส่หน้ากาก รอยยิ้มฝืนๆ แบบนั้นทำไมผมจะดูไม่ออก
     “ดีค่ะ น้องต้น”
     “เออ แฟนชัชมาแล้ว เดี๋ยวตาลพายัยน้ำหวานกลับบ้านเถอะ เย็นแล้ว”
     “จ้า ชัชมีคนมาดูแลแล้วน้ำตาลไม่ห่วงหรอก ไปค่ะน้ำหวาน กลับบ้านกันเถอะลูก”
     “แต่หนูยังป้อนบะหมี่ลุงชัชไม่หมดเลยนะค้า เหลืออีกตั้งสามคำ”
     พวกเรายิ้มให้กับความไร้เดียงสาของเด็ก แม้แต่ไอ้ต้นยังยิ้ม มันนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวในห้องพักมองดูผมอ้าปากรับบะหมี่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ถึงแม้มุมปากมันจะยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายกับกำลังยิ้มละไมตลอดเวลา แต่การสั่งตัวเองให้ทำสีหน้าค้างไว้แบบนั้นราวกับมันกำลังใส่หน้ากากต่อหน้าผม
     จนสองแม่ลูกกลับไป ต้นมันเดินมาเก็บชามออกไปไม่เปิดโอกาสให้ผมพูดอะไร พอเสร็จแล้วมันก็เดินเข้ามาหาผมถามเรื่องอาการต่างๆ พยายามทำท่าทางปกติ
     “พี่ชัชเช็ดตัวแล้วรึยังครับ?”
     ผมจับมือมันเอาไว้ แต่กลับคิดคำพูดไม่ออก ต้นมันพยายามทำสีหน้าสงสัยทั้งๆ ที่ผมเห็นน้ำใสๆ คลออยู่ในดวงตาของมัน
     “พี่รักเรานะครับ”
     มันแกล้งระบายลมหายใจออกแล้วยกริมฝีปากขึ้นยิ้มน้อยๆ เหมือนคนกำลังเขิน ผมเกือบจะเชื่อมันเลย แต่ผมอยู่กับมันมานานพอที่จะรู้ว่าเมียผมเป็นพวกคิดมากขนาดไหน ยิ่งทำตัวปกติยิ่งแปลว่ามันมีอะไรในใจ
     “พี่ชัชก็... มาหวานอะไรตอนนี้ครับ”
     ไอ้ต้นกำลังเล่นละคร แต่ผมไม่อยากเล่นตามเกมมัน ผมอยากย้ำให้มันรู้ว่าผมรักมันมากแค่ไหน ผมกลัวมันจะคิดมาก
     “พี่รักต้นนะครับ พี่กับน้ำตาลเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน”
     สีหน้าชะงักค้างของมันปรากฏขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะสวมบทไม่รู้ไม่ชี้ต่อ
     “ผมรู้แล้วครับ พี่ชัชไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย”
     “อย่าโกหกพี่สิครับต้น ทำไมพี่จะไม่รู้ว่าเมียพี่คิดอะไร เชื่อพี่นะครับ พี่รักเราที่สุด ไม่ต้องกลัวนะครับ”
     “พี่ชัชไม่สบาย พักผ่อนเถอะครับ ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ”
     ในที่สุดมันก็ยอมแพ้ผม ใบหน้าเหนื่อยอ่อนคล้ายคนจะร้องไห้อ้อนวอนให้ผมพักผ่อนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
     “เชื่อพี่ก่อนสิครับ พี่กับน้ำตาลไม่มีอะไรกันจริงๆ นะ พอดีพวกเราเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนละเขาพึ่งย้ายมาทำงานบริษัทเดียวกับพี่ พอเขารู้ว่าพี่ไม่สบายก็เลยพาลูกมาเยี่ยมเพราะเราสนิทกันมาก่อนก็แค่นั้น”
     “แล้วสนิทที่ว่านี่สนิทถึงขั้นไหนเหรอครับ? แถมท่าทางน้องเขาก็คุ้นกับลุงชัชมากซะด้วย มีอะไรที่ผมควรจะรู้รึเปล่าล่ะครับ?”
     “ไม่ใช่แล้วต้น พี่ไม่ใช่พ่อเด็กนะเว่ย! คิดไปไหนไกลแล้วครับ”
     นี่ถ้าผมสบายดีผมจะดึงมันมากอดจริงๆ นะ ไอ้ลูกแกะขี้กลัวของผม แต่เสียดายครับ ผมไม่สบายแบบนี้ขยับตัวไม่ถนัดเท่าไหร่ โดนเจาะมือข้างที่ถนัดซะด้วย โคตรเจ็บเลยอ่ะ เลยได้แต่ดึงมือมันไว้ข้างนึงแล้วยกขึ้นมาจูบ ผมอยากลูบหัวปลอบมันเป็นบ้า!
     “ก้มมาเร็ว พี่ขยับไม่ถนัด เจ็บแผลที่เจาะให้น้ำเกลือมากเลยเนี่ย เฮ้อ...ร้องไห้ใหญ่แล้ว”
     ผมพยายามจะเอื้อมมือข้างที่ไม่ได้ติดสายน้ำเกลือยืดไปเช็ดน้ำตาให้มัน ไอ้ต้นมันก้มมาใกล้ๆ แล้วกอดผมเอาไว้ สภาพทุลักทุเลแบบนี้ผมปลอบมันไม่ถนัดเลยครับ
     แล้วนางพยาบาลก็เข้ามาพอดี ได้เวลาเช็ดตัวผมแล้วครับ พวกเราถูกมองด้วยสายตาแปลกประหลาดเล็กน้อย พอมันสงบสติได้มันเลยบอกว่าจะเป็นคนเช็ดตัวให้ผมเอง แล้วมันก็ดูแลผมอย่างที่มันเคยทำมาตลอด ผมไม่รู้ว่ามันเข้าใจที่ผมพูดรึเปล่า? แต่ผมอยากให้มันเลิกคิดมาก จะให้ผมปลอบมากกว่านั้นผมก็ทำไม่ไหวแล้วด้วยครับ บรรยากาศมันถูกขัดจังหวะจนหยุดไปแล้ว แถมพิษไข้ก็ทำให้สมองผมตื้อไปหมด และต้นเองก็ทำตัวตัดบทไม่ยอมให้ขุดปัญหาขึ้นมาพูด มันเลือกที่จะเมินเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้น

     เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หมอและพยาบาลผลัดกันเข้ามาทำหน้าที่ ต้นมันนั่งอยู่บนโซฟาตัวนั้นเงียบๆ คอยประคองผมเข้าห้องน้ำ พยุงผมขึ้นบนเตียง เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ออกมานั่งอ่านตำราของมันเป็นเพื่อนผม และแล้วฤทธิ์ยาก็สะกดให้ผมหลับ แต่สิ่งที่ตกค้างในสมองของผมไปตลอดคืนก็คือใบหน้าเศร้าสร้อยของไอ้ต้น แม้แต่ผมเองยังตอบไม่ได้เลยว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกผิดเวลาเห็นสีหน้าแบบนั้น ผมไม่ได้ทำอะไรผิดไม่ใช่หรือ? ผมกับน้ำตาลไม่ได้มีอะไรกันซักหน่อย แต่ทำไมผมถึงไม่สามารถอธิบายให้ต้นเข้าใจได้เหมือนอย่างทุกที ทำไมผมถึงได้กลัวสีหน้าเศร้าสร้อยแบบนี้ของมันทั้งๆ ที่ผมไม่เคยรู้สึกหวั่นใจแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมเริ่มกลัวหลุมดำในดวงตาของมัน? ผมไม่มั่นใจที่จะถมปมในใจมันให้เต็มได้เหมือนเมื่อก่อน ผมกลัวความเศร้าสร้อยของต้น!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน14
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 10-11-2014 00:27:10

     ผมต้องนอนโรงพยาบาลคืนที่สองจนได้ เพราะร่างกายยังอ่อนเพลียและมีไข้สูง ความกังวลของผมเลยพุ่งตามไข้เลยครับ แม่งผมจะเบิกได้กี่มากน้อยวะเนี่ย? คิดแล้วเคืองจริงๆ ใครมันแบกผมมาส่งเอกชนวะ! คอยดูเหอะเป็นตายร้ายดียังไงพรุ่งนี้ผมก็จะออกจากโรงเชือดให้ได้อ่ะ อีกไม่กี่วันยิ่งมีสัมนาใหญ่อยู่ ผมจะไม่ยอมพลาดงานนั้นเด็ดขาดครับ หมอที่เล็งอุตส่าไปกันตั้งเยอะ ยังไงก็จะขอไปตายในหน้าที่ให้ได้ครับ หมอทั้งงานผมคงไม่เป็นไรหรอก
     ไอ้ต้นมันก็ดี๊ดีนะครับ ศรีภรรเมียผู้รอบคอบ มันหอบเสื้อผ้ามาเผื่อสองคืนพอดีเป๊ะ มันมาค้างกับผมแล้วก็ตื่นไปเรียนจากโรงพยาบาลเลย พอเรียนเสร็จก็รีบกลับมาเฝ้าไข้ผมต่อ แต่ผมไม่คิดว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญแอบตามเมียผมมาด้วยซะงั้น ไอ้ต้นมันพึ่งวางเป้ได้ไม่ถึงสิบนาที กำลังพยุงผมขึ้นเตียงหลังจากเข้าห้องน้ำเลย เพราะผมปวดฉี่โคตรๆ แต่ผมขี้เกียจลากสังขารไปทำธุระเองรอให้ต้นมันกลับมาก่อน โคตรทรมานเลยครับเวลาเข้าห้องน้ำแล้วต้องลากสายน้ำเกลือไปด้วยนี่เจ็บสุดๆ อ่ะ
     “สวัสดีค้าบพี่!”
     ไอ้เด็กเวร! มึงจะมาทำไมวะ!
     ใบหน้าแป้นแล้นปัญญาอ่อนโผล่หัวเข้ามาในห้องเป็นคนแรกก่อนจะตามมาด้วยบรรดาสาวๆ หือ? มากันครบแก๊งเลยนี่หว่า หน้าเมียผมงี้เหวอเลยครับ
     “พอดีพวกเราเรียนเสร็จแล้วอ่ะค่ะ ได้ยินว่าพี่ไม่สบาย พวกเราเลยชวนกันมาเยี่ยม”
     เด็กสาวใส่แว่นยิ้มให้ผมพลางยื่นกระเช้าผลไม้ให้ ผมรับของไหว้จากเด็กๆ แล้วส่งยิ้มให้ เวรเอ้ย!
     “ขอบใจพวกน้องๆ นะ แล้วไปไงมาไงถึงมาได้ครับเนี่ย?”
     เมียผมใบ้กินแล้วครับ ท่าทางเม้มปากแบบนั้นแปลว่าโมโหมาก เดาเอาว่าแอบตามมาโดยไม่ได้นัดหมายชัวร์!
     “โรงบาลมันใกล้ๆ พวกเราเลยอยากมาดู เอ้ย! มาเยี่ยม”
     “พวกนายแอบตามเรามาเหรอ!”
     เมียผมเลยองค์ลงอีกแล้วครับ
     “เปล๊า! เปล่านะต้น พวกเราได้ยินต้นเล่าว่าแฟนต้นเข้าโรงพยาบาลนี้ พอดีพวกเราว่างกันก็เลยชวนกันมาเยี่ยม นี่ไง พวกเรายังแวะไปซื้อผลไม้มาฝากเยี่ยมเลย”
     ปฏิเสธได้เนียนมากเลยครับน้องแว่น เนียนเจงๆ
     “เอาน่าต้น เอาผลไม้ไปล้างให้พี่หน่อยนะครับ แล้วรู้ได้ยังไงครับว่าพี่อยู่ห้องไหน?”
     เห็นผมตัดบทให้ต้นมันก็เลยงอนหันมาจิกตาใส่ผมแทนเพื่อน ผมชวนเด็กๆ คุย แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่ผิด ไอ้เด็กเวรมันรีบยกมือพรีเซนต์ตัวเองใหญ่เลยครับ
     “ผมเองค้าบ ผมเอาชื่อพี่ไปถามประชาสัมพันธ์ค้าบ”
     อ้อ... มึงนี่เอง! ผมจะด่าก็กลัวเสียภาพลักษณ์เลยได้แต่นั่งยิ้ม เด็กแต่ละคนพากันส่งยิ้มมาให้แถมยังจ้องผมไม่วางตา บางคนยังแถมอาการเบะปากมาให้ผมอีกต่างหาก แค่เป็นผัวไอ้ต้นนี่มันน่าสนใจมากรึไงครับ? มองผมอย่างกับเห็นของแปลก
     “พวกนายกลับไปได้ละมั้ง แฟนเราจะได้พักผ่อน”
     อื้อหือ! ถึงเราจะคิดตรงกันแต่พูดตรงเกินไปก็ไม่ดีนะครับที่รัก ผมไม่แปลกใจเลยทำไมมันไม่มีเพื่อน
     “ไม่เอาหน่าต้น เพื่อนๆ เขาอุตส่ามาเยี่ยม”
     “นั่นสิ ต้นใจร้ายจังอ่า พวกเราอุตส่าตกลงกันว่าถ้ามาดูแล้วแฟนต้นป่วยหนักพวกเราจะช่วยกันจดเลคเชอร์ให้ ต้นจะได้หยุดไปเฝ้าแฟน”
     อ้าวๆ ไอ้เด็กเวรนี่ เรื่องอะไรมาแช่งกูวะ!
     “พูดมากน่ะไปป์”
     “หนูขอโทษพี่แทนมันด้วยนะคะ คือ... ไปป์มันชอบพูดไม่คิดอ่ะค่ะ แต่ใจจริงมันไม่มีอะไรหรอก”
     “โอ้ย ไม่เป็นไรหรอก เรากับพี่เขาสนิทกัน แมนๆ เขาไม่ถือเรื่องหยุมหยิมกันหรอก”
     กูแมนแต่กูโกรธว่ะ! ใครใช้ให้ไอ้เด็กนี่มันลามปามผมวะ มีการมายืนตบไหล่ผมอีก เป็นน้องผมๆ เตะไม่เลี้ยงแน่!
     “ไปป์มากไปแล้วนะ พี่เขาอายุมากกว่านายตั้งเยอะ!”
     “หน่าๆ ไม่เป็นไรครับต้น”
     ผมโมโหนะครับ แต่พอเห็นแววตาใสซื่อไม่รู้จักคิดของไอ้เด็กเวรนี่ผมก็ไม่รู้ว่าจะโกรธมันทำไม ยิ่งไอ้ต้นโกรธแทนผมแล้วผมก็เลยขอถอยทัพมาเป็นกรรมการดีกว่า แค่เสียงเมียผมไอ้เด็กเวรนี่ก็หงอแล้ว ไม่พอยังโดนน้องแว่นตบหัวอีก เห็นอนาคตมันเลยครับ เฮ้อ... เด็กพวกนี้นี่ นี่ถ้าเป็นพี่ผมน้า... โดนทั้งคู่อ่ะ อะไรควรไม่ควรพวกมันไม่รู้กันรึยังไง ถึงไอ้เด็กเวรนี่จะปัญญาอ่อน แต่เป็นผู้หญิงแล้วไปตบหัวผู้ชาย แถมยังเป็นป้าแว่น ขึ้นคานแน่ๆ น้องเอ้ย!
     แล้วผมก็ต้องนั่งรับแขกอยู่พักใหญ่ ไปๆ มาๆ ผลไม้ในกระเช้าเยี่ยมไข้ผมก็เกือบเกลี้ยง ไอ้ต้นปอกแอปเปิ้ลให้ผมแต่มีมือมากกว่าสามข้างมาหยิบ องุ่นนี่หายไปทั้งพวงครับ แถมยังมีเสียงแง๊วๆ ให้เมียผมแกะส้มให้อีก ปวดกบาลครับ เห็นใจเมียชะมัด รู้เลยว่าทำไมไอ้ต้นมันชอบหนีกลับคอนโด

     ในที่สุด เวลาพักผ่อนก็มาถึง! ผมเอนตัวลงพลางหลับตา หลังจากที่ทุกคนออกจากห้องไปไอ้ต้นมันก็รีบมาทำสีหน้าสำนึกผิดอยู่ข้างเตียง
     “พี่ชัช ผมขอโทษ”
     “ขอโทษเรื่องไรครับ?”
     “คือ ผมไม่รู้ว่า...”
     “ช่างมันเถอะต้น ต้นควบคุมอะไรไม่ได้ซะหน่อย”
     “แต่พี่ชัชคงเพลียน่าดู แทนที่จะได้พักผ่อน”
     “นิดๆ หน่อยๆ น่า พี่นอนเฉยๆ ทั้งวัน ไม่เป็นไรหรอก เรานั่นแหละที่เหนื่อยกว่าพี่”
     ผมปลอบพลางไล้แก้มมันเล่น เมียผมผิวดีครับ แก้มมันทั้งเนียนทั้งนิ่ม ผมงี้โบกมอยเจอร์ไรเซอร์หมดไปหลายขวดยังไม่ได้เท่ามันเลย ลำบากแท้ๆ ต้องใช้หน้าตาทำมาหากิน จะไม่ดูแลตัวเองก็ไม่ได้
     ผมซาบซึ้งน้ำใจมันจริงๆ นะ ต้องมานอนเฝ้าไข้ผมตั้งแต่เมื่อวาน ตื่นเช้าไปเรียน เย็นกลับมาดูแลผมต่อทั้งๆ ที่มันจะไม่ทำก็ได้ ยิ่งเมื่อคืนตอนที่ผมตื่นมากลางดึกแล้วเห็นมันนอนขดบนเก้าอี้ยาวแทนเตียงนุ่มๆ ที่ห้องแล้วผมยิ่งสงสาร ผมรู้เลยว่าผมเลือกคนไม่ผิด ต้นคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผม
     ความรู้สึกที่เอ่อล้นมันมากยิ่งกว่าความตื้นตันใจ ผมหลุดถ้อยคำออกไปจากใจจริง
     “ต้นรู้ตัวมั้ยครับ การได้เจอกับเราเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตพี่เลย”
     แทนที่พอถูกผมชมแล้วมันจะทำหน้าเขิน มันกลับดูลังเลก่อนจะปั้นหน้ายิ้ม
     “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมไม่ได้มีดีอะไรขนาดนั้น”
     “ทำไมถึงพูดแบบนั้นละครับ”
     “ก็ผมไม่ใช่ผู้หญิง ผมมีลูกให้พี่ชัชไม่ได้หรอก”
     “คิดมากอีกแล้ว ไม่มีลูกแต่พี่มีหลานตั้งสองคนนะครับ แถมยังต้องเก็บเงินส่งเมียเรียนปอเอกอีก ไหนจะยังต้องผ่อนบ้านผ่อนรถ ไม่มีเวลาคิดเรื่องลูกหรอก”
     แล้วต้นมันก็ยิ้มให้ผม ก่อนจะพุ่งเข้ามากอดผมไว้อย่างหวงแหน ลูกแกะของผมน่ารักที่สุด หึๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... เนื้อเรื่องมันจะเริ่มดราม่า... แต่ดั๊น! มีไปป์ที่ไหนเขวี้ยงเม้าที่ไหน  :oni1:

แอบขำมุมมองคนแก่ บางทีลุงแก่ๆ ก็ไม่เข้าใจเด็กสมัยนี้หรอก ป่านก็แมนเกิ๊น ไปป์ก็ง๊องแง๊ง ปล่อยสองPคู่นี้เขาซัดกันไปเหอะลุง

ป.ล. เพราะไม่รู้จะอธิบายสถานที่ยังไงให้คนอ่านเข้าใจว่าใกล้จนแว๊บไปมาได้เลยยืมชื่อโรงพยาบาลมาใช้นะเออ ถ้ามีบุคลากรแถวนั้นผ่านมาอ่านก็อย่าถือสาปากพี่ชัชเลย
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#9/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ14
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 10-11-2014 00:45:39
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 14

เด็กซื่อบื้อคนนั้นของธันย์

      ลมหายใจของธันย์สะดุดทันทีที่เห็นรุ่นพี่คนหนึ่ง! คนตรงหน้าเรียกความคุ้นเคยจากส่วนลึกในความทรงจำของวัยเด็กให้ปรากฏ แม้เขาจะเปลี่ยนไปจากเดิมมากทั้งรูปร่างหน้าตาเพราะกาลเวลานับสิบปี แต่รอยยิ้มและสีแดงจางๆ บนพวงแก้มนั้นก็สถิตย์อยู่ในใจเสมอมา

     “มึงจะตามกูมาทำไม?”
     ไม่มีเสียงตอบจากคนข้างหลัง เด็กชายตัวน้อยได้แต่ยืนก้มหน้า เขาคร้านจะสนใจจึงออกเดินอีกครั้ง แต่แล้วคนตัวเล็กกว่าก็ก้าวเท้าตามเขาเช่นเคย ธันย์หมดความอดทนหันไปกระชากคอเสื้อของเงาผู้มีชีวิต!
     “ตามกูมาทำไม เดี๋ยวเจอต่อยแน่”
     คนตัวเล็กกว่าไม่โต้เถียงแแต่กลับเริ่มย่นคิ้วเข้าหากันก่อนจะเบะปาก และแล้วสตอล์กเกอร์ตัวน้อยก็ร้องไห้จ้า
     “แง้”
     “จะร้องทำไม จะฟ้องแม่มึงเหรอ เออไปเลยไปฟ้องแม่มึงเลย”
     “แง้ ... แม่ยัง แง แม่ยังไม่กลับ แง๊
     เด็กน้อยตอบพลางสะอื้นจนธันย์ไม่รู้จะหงุดหงิดหรือหน่ายใจกับมนุษย์เจ้าน้ำตาตรงหน้าคนนี้ดี ยังอุตส่าตอบเขา...
     “งั้นมึงจะร้องทำไม?”
     “ก็คุณจะต่อยผม”
     สรรพนามที่เด็กคนนี้ใช้ชวนให้ธันย์ขนลุก! เขาเผลอปล่อยมือโดยอัตโนมัติ
     “กูยังไม่ได้ต่อย กูไม่ทำมึงก็ได้ แต่บอกมาก่อน มึงตามมาทำไม?”
     ธันย์กลัวว่าเด็กคนนี้จะฉวยโอกาสตามมาเยาะเย้ยเขา เขาจึงตั้งใจจะแสดงท่าทีแข็งกร้าวให้รู้ว่าถึงอย่างไรก็ใช่ว่าจะมีใครมาซ้ำเติมเขาได้ง่ายๆ เขาจงใจขู่คนตัวเล็ก
     เด็กน้อยกระพริบตาปริบๆ แล้วพูดตอบ
     “ผม... ผมอยากเล่นด้วย”
     ธันย์ไม่เข้าใจ เขาคิดว่าตัวเองฟังผิด เขาไม่คิดว่ามีคนอยากจะเล่นกับเขาที่ถูกคนอื่นหมางเมินไล่ออกจากกลุ่มเหลืออยู่อีก
     แต่ทว่าความจริงแล้วตรรกะของคนตัวเล็กนั้นเรียบง่าย คนในกลุ่มนั้นไม่มีใครยอมเล่นกับเขา เมื่อเขาเห็นธันย์ไม่มีใครในกลุ่มเล่นด้วย เด็กน้อยจึงเริ่มหันความสนใจมาที่ธันย์แทน เขาคิดว่าธันย์ที่อยู่คนเดียวอาจจะยอมเล่นกับเขาได้ง่ายกว่าเด็กคนอื่นๆ เพราะความเหงาของการที่ต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครนั้นทรมาน
     “ทำไมไม่ไปเล่นกับพวกไอ้โก้”
     “เขา... เขาไม่ให้ผมเล่นด้วย”
     สีหน้าเศร้าสร้อยของคู่สนทนาชวนให้ธันย์รู้สึกสงสาร
     โก้นิสัยไม่ดี ชอบล้อปมด้อยของคนอื่น เขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์ที่โก้สั่งห้ามทุกคนไม่ให้เล่นกับเด็กคนนี้ โก้ผลักเด็กคนนี้จนล้มหงายหลัง ก่อนที่เขาและคนอื่นๆ จะพากันล้อเด็กน้อยผู้น่าสงสารว่า “ไอ้ตุ๊ด! พ่อมึงเป็นตุ๊ด ลูกก็ต้องเป็นตุ๊ด!” เด็กน้อยเลยได้แต่นั่งร้องไห้บ่อน้ำตาแตกจนมีผู้ใหญ่แถวนั้นมาพาออกไป โก้รังแกคนตรงหน้าทั้งๆ ที่เจ้าตัวเพิ่งจะเปิดปากได้เพียงประโยคเดียวว่า “ขอเล่นด้วยได้มั้ย” หลังจากแอบดูพวกเขาเล่นกันอยู่ใกล้ๆ มานานหลายวัน ความเกเรของโก้นั้นมีมากเสียจนไม่มีใครอยากขัดใจเพราะไม่ว่าใครต่างก็ไม่อยากถูกโก้รังแก
     ตอนนั้นเขาไม่ยอมช่วย กรรมเลยอาจจะคืนสนองเขาแล้ว เขาเองก็ถูกโก้เรียกว่า“ไอ้ลูกกะหรี่”เหมือนกัน และเพราะเหตุนั้นเขาจึงบันดาลโทสะเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกับโก้ปากหมาจนโดนคว่ำบาตรจากคนในกลุ่ม แต่ถึงกระนั้น ถ้าหากเขาทิ้งศักดิ์ศรียอมเล่นกับเด็กคนนี้ เขาจะต้องถูกโก้หาเรื่องอีกแน่ๆ ใครมันจะไปอยากเป็นเพื่อนกับตุ๊ด แถมตัวเล็กนิดเดียวแบบนี้ไปต่อยกับใครเขาก็แพ้ ธันย์จึงปฏิเสธ เขาอยากมีลูกสมุนไม่ได้อยากมีภาระเพิ่มสักหน่อย!
     “แต่กูไม่อยากเล่นกับมึง มึงมันไอ้ตุ๊ด”
     “ไม่ใช่นะ ผมไม่ใช่ตุ๊ด!”
     “แต่มึงชอบร้องไห้เหมือนเด็กผู้หญิง ต่อยกับใครก็ไม่ได้ ไม่เห็นเหมือนผู้ชายเลย"
     “แล้วต้องทำยังไงผมถึงจะเหมือนผู้ชายล่ะ ละ ละ แล้วถ้าผมเหมือนผู้ชายแล้วคุณจะเล่นกับผมมั้ย?”
     “ก็ได้ ถ้ามึงเลิกเป็นตุ๊ดกูจะเล่นกับมึง”

     กริ๊ง...
 
     เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นช่วยปลุกธันย์จากความฝันอันแสนหวานที่ตามมาหลอกหลอน อดีตในช่วงนั้นถือเป็นช่วงชีวิตที่เขามีความสุขที่สุดก่อนจะพบกับเรื่องเลวร้ายถาโถมเข้าใส่
     เขาชินชากับความโสมมของโลกใบนี้จนไม่กล้าจะแตะต้องความบริสุทธิ์ไม่กี่อย่างในชีวิต ความดีงามไม่เคยทำให้เขาอิ่มท้อง ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาไม่ได้ช่วยให้เขาเอาชีวิตรอด ความทรงจำดีๆ ที่เคยมีก็เป็นดั่งพิษร้ายทำให้เขาสาปแช่งเคราะห์กรรมที่ต้องเผชิญ ความสุขเหล่านั้นเปรียบเสมือนภาพลวงตาที่ผ่านเข้ามาในระยะเวลาสั้นๆ เช่น... เรื่องราวในอดีตบางอย่าง นานเข้าเขาก็ลืมเลือน แต่แล้วมันก็ถูกรื้อฟื้นอีกครั้งด้วยฝีมือของบุคคลคนเดียวกันกับในฝัน เด็กผู้ชายคนที่เคยร้องไห้โฮกอดเขาไม่ยอมปล่อยในวันที่เขาออกจากที่นั่น คนที่บังคับให้เขาสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปไม่ลืมก่อนจะมอบหนังสือสารานุกรมอวกาศสำหรับเด็กของตัวเองให้เขาเป็นที่ระลึก เด็กคนนั้นป่านนี้คงลืมเขาไปแล้ว ธันย์ได้แต่บอกตัวเองว่าเวลาสิบปีอะไรมันก็ผ่านมาเนิ่นนาน คนเราจะเปลี่ยนไปก็ไม่แปลก เขาเองยังเปลี่ยนแปลงไปตั้งมากมาย ผ่านอะไรมาตั้งเยอะ…
     ธันย์ยิ้มให้ตัวเองในกระจกอย่างนึกสมเพช เขาอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะก้าวออกจากห้องโดยภาวนาให้เด็กน้อยคนนั้นลืมเขาเสีย เขาไม่อยากจะพูดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้ว!
     แต่เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง นอกจากคำภาวนาไม่เป็นผลแล้ว คนทั้งสองยังถูกดึงดูดให้ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม ในบรรดาภาควิชาต่างๆ ของคณะวิทย์ เหตุใดรุ่นพี่หนุ่มรูปร่างบอบบางหน้าหวานใส่แว่นท่าทางเรียบร้อยขี้อายคนนั้นจะต้องมาเป็นรุ่นพี่ร่วมภาควิชาของเขาด้วยหนอ... ชื่อที่เขียนอยู่บนหน้าแรกของหนังสือสารานุกรมอวกาศสำหรับเด็กเล่มนั้นสลักฝังใจ
สุขสันต์วันเกิดแด่ลูกชายที่รักยิ่งของลุงพล เด็กชายต้นน้ำ พิสุทธิจักร
น้องต้นอายุครบหกขวบแล้ว ลุงพลขอให้หนูมีความสุขมากๆ นะครับ ขอให้เป็นเด็กดีของแม่น้ำและลุงพลตลอดไป
     และบัดนี้ นายต้นน้ำ พิสุทธิจักร ก็กลายมาเป็นรุ่นพี่ปีสองในภาควิชาฟิสิกส์!
     ธันย์นึกสาปแช่งดวงของตัวเอง เขาพยายามหลบหน้าก็แล้ว ไม่สบตาก็แล้ว แม้อีกฝ่ายจะมีสีหน้าสงสัยใคร่รู้จนเผลอนิ่วหน้ามองมาทางเขาตลอดเวลา ต่อให้เด็กน้อยเพียรพยายามมองมาที่ตนมากเท่าไหร่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ ทำประหนึ่งว่าต่างฝ่ายต่างเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน
     ในที่สุดเมื่อเขาแนะนำตัว รุ่นพี่คนนั้นก็เผลอยิ้มออกมา รอยยิ้มสดใสเช่นนั้นชวนให้ธันย์นึกถึงวันคืนเก่าๆ เด็กน้อยคนนั้นมักจะส่งยิ้มให้เขาแบบนี้เสมอ แต่ “พี่ธันย์” คนนั้นได้ตายไปแล้ว ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่มีอะไรดังเช่น “พี่ธันย์” ของเด็กซื่อบื้อบางคน ธันย์ได้แต่ภาวนาให้คนตรงหน้าเปลี่ยนไป เพราะความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเขามันช่างสกปรกเกินกว่าที่เด็กน้อยคนนั้นจะรับไหว เขาไม่อยากเห็นเด็กซื่อบื้อต้องผิดหวัง ธันย์ไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องแปดเปื้อน!
     “พี่ธันย์! พี่ธันย์ใช่มั้ยครับ”
     หลังจบปฐมนิเทศภาคธันย์อุตส่ารีบหนีออกมา แต่ทว่าคนๆ นั้นกลับตามเขามาอีกแล้ว
     ธันย์หยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ก่อนจะหันไปมองเด็กคนนั้น ... ผู้ชายตรงหน้าไม่ได้ก้มหน้างุดๆ ยืนนิ่งไม่โต้ตอบเขาอีกต่อไปแล้ว ดวงตาที่สดใสเป็นประกายคู่นั้นจับจ้องมาที่เขา
     ต้นน้ำรีบพูดต่อด้วยอารามดีใจทันทีที่เห็นธันย์หยุดเดินโดยไม่ได้สังเกตบรรยากาศของคู่สนทนา
     “ผมต้นไงครับ ที่เราเคยอยู่ด้วยกันที่อาพาร์ทเม้-”
     “ผมจำคุณได้”
     ธันย์รีบเบรคด้วยอารมณ์ไม่อยากจะรื้อฟื้นความทรงจำ
     “ใช่จริงๆ ด้วย พี่ธันย์!”
     รอยยิ้มที่สว่างสดใสช่างเจิดจ้าบาดตาเกินกว่าที่ธันย์จะทนไหว เขาละอายแก่ใจ รู้สึกว่าตนไม่คู่ควรแม้แต่จะยืนสนทนากับต้นน้ำ เขาต้องรีบหนีไปจากคนตรงหน้า ก่อนที่เขาจะใจอ่อนอีกครั้ง
     “ผมขอตัวก่อนนะ พอดีต้องไปทำงานต่อ”
     “อ้าว? งั้นพรุ่งนี้”
     “ผมรีบ”
     “เอ่อ... ไม่เป็นไรครับ ช่างเถอะ งั้นผมไม่รบกวนคุณแล้วก็ได้ครับ”
     ชั่วขณะที่คนตรงหน้าลังเลกับท่าทีของเขา ก่อนที่เด็กซื่อบื้อคนนั้นจะเผยรอยยิ้มเศร้าๆ ออกมาแล้วรีบปรับสีหน้าเปลี่ยนเป็นปกติ ธันย์สัมผัสได้ถึงสีสันที่แปดเปื้อนลงบนผ้าขาวผืนนั้น สีดำอันเป็นสัญลักษณ์ของความมืดมิดกระจายอยู่ในบรรยายกาศรอบๆ ตัวคนตรงหน้าโดยเฉพาะดวงตาสีดำสนิทที่ดูลึกล้ำสุดจะหยั่งคู่นั้น แค่ได้สบมองเพียงครู่ก็ถูกดึงดูดราวกับจะกลืนกินสติของเขาตามแต่ใจของเจ้าตัว เขาเคยใจอ่อนให้กับความไร้เดียงสาของคนตรงหน้า แต่ในวันนี้ เด็กซื่อบื้อคนนั้นกลับใช้ร่องรอยความเศร้าหมองช่วงชิงความสงสารจากใจเขาเสียแล้ว เด็กคนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว!

     คืนนั้นธันย์ฝัน เขาฝันถึงเหตุการณ์ระหว่างเขากับต้นน้ำอีกแล้ว เขาฝันถึงเหตุการณ์ตอนวันเกิดอายุครบแปดขวบของตัวเอง ธันย์ดำดิ่งสู่อดีตผ่านความฝัน เขาเห็นภาพตัวเองนั่งอยู่ในห้องของต้นน้ำ มารดาของอีกฝ่ายยังไม่กลับ ต้นน้ำจึงต้องอยู่คนเดียว ส่วนเขา... มารดาของเขาอยู่ในห้อง ... กับแขกที่มาเยี่ยม เขาโตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว ผู้เป็นมารดาออกปากให้เขาไปวิ่งเล่นกับเพื่อนสองชั่วโมง แต่จะมีใครอยากเล่นกับลูกของผู้หญิงขายตัวอย่างเขา ... นอกจาก เด็กชายตาแป๋วคนข้างๆ ที่มารดาของเขาเคยพูดไว้ว่า “อีนั่นมันก็เป็นอีตัวเหมือนกูแหละโว้ย แค่มีคนมาเหมารายเดือน มันก็ขายxีเหมือนกูนั่นแหละ ทำเป็นไฮโซ!” เขาได้ยินมารดาพูดถึงบุพการีของเด็กชายคนข้างๆ บ่อยๆ มารดาของเขาชอบนินทาคนอื่นอยู่เสมอ
     แต่ถ้าเลือกได้เขาอยากเกิดเป็นต้นน้ำ เพื่อนของเขาได้รับทั้งความรักและความเอาใจใส่จากผู้เป็นแม่ แม้ต้นน้ำจะไม่มีพ่อ มีแต่คุณลุงที่เป็นตุ๊ดคอยดูแล แต่เมื่อเทียบกับเขาที่มีพ่อแท้ๆ เป็นขี้เหล้าว่างงานและติดยาเสพติดแล้ว เขาอิจฉาต้นน้ำ!
     ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันเกิดของเขา แต่เขากลับต้องมาจับเจ่าอยู่กับเด็กน่าเบื่อบางคน ต้นน้ำดูจะดีใจมากที่มีเพื่อนมาเล่นด้วยถึงในห้อง แต่สิ่งที่เด็กชายทำก็มีแต่ชวนเขาอ่านหนังสือ ถึงต้นน้ำจะมีหนังสือที่มีรูปสวยๆ น่าสนใจหลายเล่ม แต่การที่หันไปทางไหนก็มีแต่หนังสือนั้นมันช่างน่าเบื่อสำหรับเขา ธันย์โยนรูบิคในมือทิ้งเป็นรอบที่สิบ เขาตั้งใจว่าถ้าต้นน้ำทำท่าตื่นเต้นดีใจแล้วหันหลังซ่อนก่อนจะหันมาพร้อมกับโจทย์รูบิคอันใหม่ในมืออีกละก็ เขาจะเอารูบิคปาใส่หัวต้นน้ำ! แล้วเด็กชายก็ทำเช่นนั้นจริงๆ ดังนั้นบนหน้าผากของต้นน้ำจึงมีรอยนูนสีแดงจางๆ เกิดขึ้น เด็กชายคลำหน้าผากป้อยๆ พลางเบะปากแต่ไม่กล้าร้องไห้โวยวายเพราะกลัว “พี่ธันย์” ไม่เล่นด้วย
     “โอ้ย น่าเบื่อ! ไม่มีของเล่นอื่นเหรอไง?”
     “แล้วอันนี้ไม่สนุกเหรอพี่ธันย์”
     “กูเล่นไปสิบรอบแล้วนะ”
     “ก็พี่ธันย์เก่งนี่นา มันเลยแปปเดียว เวลาต้นเล่นต้นต้องทำตั้งนานแน่ะ”
     ต้นน้ำฉีกยิ้มหน้าแป้นแล้นอย่างไร้เดียงสา มีลูกน้องที่คอยยกยอเทิดทูนเขาเช่นนี้ธันย์ก็ทำอะไรไม่ได้ เขารู้สึกภูมิใจในตัวเองอยู่ลึกๆ แม้จะเบื่อเด็กซื่อบื้อบางคนที่ดีแต่ทำตัวน่าเบื่อไปวันๆ ก็ตาม
     “รำคาญว่ะ กูจะนอนนะ ถ้าสองทุ่มแล้วปลุกกูด้วย กูจะกลับห้อง”
     “อ้าว! พี่ธันย์ไม่เล่นกับต้นแล้วเหรอ?”
     ธันย์สั่งเสร็จแล้วก็ล้มตัวลงนอนไม่สนใจต้นน้ำอีก เขาครอบครองเตียงของเพื่อนอย่างถือวิสาสะ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ทำให้เขานึกถึงน้าน้ำผสมกับกลิ่นแป้งเด็กแบบเดียวกับกลิ่นที่ได้จากคนข้างตัวชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย เขาชอบกลิ่นของห้องนี้เพราะมันให้ความรู้สึกสะอาดทำให้เขาสบายใจทุกครั้งที่ได้กลิ่น ธันย์นึกเหยียดกลิ่นอับอันโสมมของข้าวของเครื่องใช้ในห้องตนเอง
     ต้นน้ำมองพี่ธันย์ของตนหลับแล้วก็ไม่รู้จะทำเช่นไรจึงค่อยๆ ขยับไปใกล้ๆ แล้วก็เอนตัวลง“เล่นนอนหลับ”เป็นเพื่อนพี่ธันย์ มือของคนตัวเล็กกว่าแอบจับชายเสื้อของพี่ชายไว้แน่น
     ธันย์ฝันเห็นเหตุการณ์ในอดีตชัดราวกับเพิ่งผ่านมาไม่นาน ทั้งๆ ที่กาลเวลาเดินไปนับสิบปี!

     วันรุ่งขึ้นต้นน้ำเป็นฝ่ายมารอธันย์แต่เช้า สายตาของเด็กซื้อบื่อคนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว สายตาคู่นั้นสามารถส่งผ่านทั้งความเหงา... ความเศร้าของการถูกทิ้ง และความว้าเหว่สุดอ้างว้าง ... ความเจ็บปวดสื่อมาถึงเขาได้เพียงแค่การสบมองในเสี้ยววินาที สายตาที่กล้าแกร่งมองท้าทายเขาทุกย่างก้าวที่เด็กคนนั้นก้าวเดิน ต้นน้ำเดินเข้ามาหาธันย์แล้วเอื้อนเอ่ยคำขอโทษ
     “ขอโทษนะครับ เมื่อวานผมดีใจเกินไปหน่อย เลยเผลอแสดงออกกับคุณเหมือนเมื่อก่อน ผมไม่ควรทำตัวสนิทสนมกับคุณแบบนั้นเลย”
     น้ำเสียงเย็นชาเสียดแทงไปถึงส่วนลึกในจิตใจของธันย์ เด็กซื่อบื้อคนนั้นไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว!
     “ช่างเถอะ ผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนั้นหรอก ผมลืมมันไปหมดแล้ว”
     “งั้นเหรอครับ...”
     สีหน้าผิดหวังจวนเจียนจะร้องไห้ของต้นน้ำฉายชัดถึงความสับสน ต้นน้ำทั้งอยากถาม อยากพูด อยากคุยกับเขา แต่เขาไม่อยากตอบ เขาไม่อยากให้ต้นน้ำต้องมารับรู้อะไร ห่างกันได้จะดีที่สุด มือของเขาไม่ใหญ่พอจะปกป้องโลกใบเล็กของต้นน้ำแล้ว
     คนทั้งคู่มองตากันเงียบๆ โดยไร้ซึ่งคำสนทนา จนกระทั่งธันย์เห็นต้นน้ำสูดหายใจกลืนก้อนสะอื้นลงไป หางตาของคนตรงหน้าปรากฏหยดน้ำใสๆ ที่เจ้าตัวจงใจกระพริบแพขนตาไล่ความเศร้าหยดนั้นให้หายไป รุ่นพี่หนุ่มรวบรวมสติอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้น
     “ถ้ามีวิชาไหนที่ไม่เข้าใจถามผมได้นะครับ ผมยินดีช่วย”
     “ครับ ขอบคุณครับ”
     ความเงียบที่น่าอึดอัดโรยตัวเข้าครอบคลุมคนทั้งคู่เหมือนดั่งรู้ว่าต่างคน ต่างต้องการเก็บภาพนี้เอาไว้ให้นานที่สุดเพื่อเตือนสติตนเอง จนในที่สุด…
     “งั้น ผมไปก่อนนะครับ”
     แล้วเด็กซื่อบื้อคนนั้นก็เป็นฝ่ายหันหลังเดินจากเขาไป ทิ้งเขาไว้ที่เดิม...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ความจริงที่พล่ามเรื่องพี่ชายข้างบ้านเยอะๆ ไปก็มีเหตุผล เหอๆ ก็เห็นมุกนี้มันฮิต ยืมมาใช้บ้างจะเป็นไร ชอบใช่มั้ยพี่ข้างบ้าน มองอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ เอามั่ง!

น้องต้นมีพี่ชายข้างห้องด้วยล่ะ ลูกพี่ของน้องต้นปรากฏตัวแล้น!
จริงก็มาตั้งแต่ฉากต้นแอบเหล่แล้วไปป์สังเกตเห็นละนะ เด็กในรูปถ่ายคนนั้นน่ะแหละ เหอะๆ คนอ่านต้องโวยแน่ๆ ว่าเฉลยง่ายไปมั้ย? ไม่หรอก รอลุ้นว่าอีตาพี่คนนี้จะมีบทยังไงดีกว่า รับรองเดาสนุกแน่ๆ

อา... กลิ่นดราม่าหึ่ง ... พี่ธันย์นี่ตัวพ่อจริงๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#10/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน15
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 10-11-2014 13:28:25
ตัวตนของเด็กเลี้ยงแกะ

ต้นน้ำ

     “โทรมามีไรรึเปล่าแม็กซ์?”
     “คิดถึงเฉยๆ ไม่ได้เหรอ?”
     “บ้า!”
     ผมด่าแม็กซ์แล้วหันไปบอกคนอื่นๆ ในโต๊ะ
     “ขอตัวแป๊ปนะ”
     “รีบๆ คุยรีบๆ มาเลยมึง กูงง”
     “นายฟังเมย์ไปก่อนสิมิวนิค”
     เพราะแม็กซ์โทรมาตอนที่ผมกำลังติวกับเพื่อนๆ พอดี แล้วผมก็ไม่อยากนั่งคุยกับแม็กซ์ให้คนอื่นฟังด้วย ผมก็เลยขอตัวออกมาคุยห่างจากเพื่อนคนอื่นๆ
     “ทำไรอยู่เหรอ?”
     “ติวกับเพื่อนอยู่น่ะ”
     “อ้าว งี้แม็กซ์กวนต้นป่าว?”
     “ไม่เท่าไหร่หรอก ว่าแต่มีไรเหรอ?”
     “ก็งานบอลที่จะถึงนี้ไง แม็กซ์กะจะไปกับเพื่อน ต้นไปป่าว?”
     “อืม งั้นเหรอ...”
     “แน่ะ ทำเสียงแบบนั้นอีกละ ปีที่แล้วก็เอาแต่นอนอยู่บ้านอ่ะดิ ไอ้อาร์มมันเล่าให้แม็กซ์ฟังแล้ว”
     “ไม่ได้นอนอยู่บ้านนะ วันนั้นเรามีธุระเลยไม่ว่างไปหรอก”
     เอาความจริงก็ได้ ผมขี้เกียจไป ผมไม่ค่อยชอบกิจกรรมอะไรแบบนั้นนี่ครับ ผมไม่ถนัดทำอะไรร่วมกับคนหมู่มากนี่นา วันนั้นผมเลย... นอนอยู่บ้านกับพี่ชัช
     “ครั้งนึงในชีวิตนะต้น อุตส่าเป็นเด็กจุฬาทั้งที ไม่มาตีกับเด็กธรรมศาสตร์อย่างแม็กซ์หน่อยเหรอ?”
     “บ้า! ตีเตออะไรกัน”
     “ฮ่าๆ ว่าไงๆ ไปป่าว แล้วตอนเย็นไปหาไรกินกัน นี่แม็กซ์ชวนไอ้อาร์มไว้แล้ว”
     “อาร์มก็ไปด้วยเหรอ?”
     “เออ มีเพื่อนแม็กซ์อีกสองสามคน แม็กซ์ชวนไว้แล้ว อยากให้รู้จักกันไว้น่ะ ไอ้แมนมันเล่นเบสเก่งมากเลย เผื่อว่างๆ จะได้มาซ้อมด้วยกัน”
     “ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้จับกีตาร์เลยอ่ะ เรียนหนักมากเลย พ่อดุด้วย”
     “เฮ้ย คุยเสร็จยังวะมึง!”
     ผมปรี๊ดแตกทันที มิวนิครู้จักคำว่ามารยาทกับเขามั้ยครับ? ผมหันไปมองตัวต้นเหตุด้วยสายตาเอาเรื่อง แต่สายตาเย็นเยียบของผมคงจะทำอะไรหนังหนาๆ ของเขาไม่ได้ เพราะมิวนิคเอาแต่ลอยหน้าลอยตาเร่งผม ไปป์ก็ไม่อยู่ช่วยผมซะด้วยสิ
     “มีไรเปล่าต้น?”
     “ไม่มีไรหรอกแม็กซ์ หมาเห่าน่ะ”
     “ฮ่าๆ ต้นแม่งปากจัดว่ะ แล้วตกลงจะเอาไง ไปด้วยกันนะต้น คิดถึง”
     “อันหลังนั่นไม่เกี่ยวแล้วมั้ง?”
     “โหย คือๆ กันแหละ โอเคนะรับปากแม็กซ์แล้ว เดี๋ยวแม็กซ์ไปรับเอง”
     “บ้า! มหาวิทยาลัยเราอยู่นี่ จากรถไฟฟ้าไปสนามก็นิดเดียว นายนั่นแหละต้องถ่อเข้ากรุงมาซะไกล”
     “ก็แม็กซ์จะไปรอรับต้นที่หน้าทางลงรถไฟฟ้าเลยไง ต้นจะได้ไม่ต้องเดิน กลัวเพื่อนเหนื่อย ฮ่าๆ”
     แล้วแม็กซ์ก็ชิงวางสายไปครับ เฮ้อ... เล่นไม่ให้ผมปฏิเสธเลย แต่พูดแล้วผมก็อยากเล่นกีต้าร์เหมือนกันนะ ความจริงแล้วผมอยากไปซ้อมดนตรีกับอาร์มจะตาย แต่ติดที่พี่บอมนั่นแหละ รำคาญครับ ก็เลยไม่ค่อยโผล่ไปที่ชมรมเหมือนเคย หนีไปนั่งกับพวกพี่เปาสบายใจกว่าเยอะ เพราะแบบนั้นพักนี้ผมก็เลยไม่ค่อยได้เล่นดนตรีเลย จะไปดีมั้ยน้า...
     “เฮ้ย ใจลอยอยู่ได้อ่ะมึง รีบๆ มาเร็ว”
     “ที่บ้านนายเคยสอนเรื่องมารยาทมั้ยมิวนิค”
     เรื่องอื่นไว้ทีหลังแล้วกันครับ แต่ถ้าผมไม่ได้ด่าเจ้ายักษ์สมองกล้ามตอนนี้ล่ะก็ ผมจะอกแตกตาย!

     เย็นวันนั้นตอนนั่งทานมื้อเย็นด้วยกันผมเลยลองขออนุญาตพี่ชัชไปงานบอล
     “เอ่อ... คือพอดีเพื่อนผมเขาชวนไปงานบอลอ่ะครับ พี่ชัชอนุญาตให้ผมไปได้รึเปล่าครับ?”   
     “เหรอ? วันไหนอ่ะ ไปด้วยดิ พี่ก็ศิษย์เก่าเหมือนกัน”
     พี่ชัชบอกว่าจะไปกับผม! แย่แล้วครับ แม็กซ์อุตส่ามาชวนผมแท้ๆ ถ้าผมไปกับพี่ชัชผมก็คงไม่ได้เจอกับแม็กซ์ ต้องอดไปซ้อมดนตรีแหง๋ๆ
     “เอ่อ... เสาร์นี้อ่ะครับ”
     “อ้าว เสาร์นี้เหรอ? พี่ต้องไปภูเก็ตสุดสัปดาห์นี้อ่ะ ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะจองไฟลท์กลับได้เย็นวันจันทร์หรือเช้าวันอังคาร
     พี่ชัชต้องไปภูเก็ต! ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยครับ? พี่ชัชพึ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานแท้ๆ วันนี้พี่เขาก็ไปทำงาน แล้วนี่วันศุกร์ก็จะไปสัมมนาอีกเหรอครับ? แฟนผมจะทำงานหนักไปรึเปล่า?
     “พี่ชัชต้องไปภูเก็ตเหรอครับ?”
     เพราะเห็นสีหน้าของผม พี่ชัชเลยยิ้มแห้งๆ ให้ ท่าท่างกระตือรือล้นเมื่อกี้เปลี่ยนไปเป็นสีหน้ารู้สึกผิด... ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอกนะครับ แค่เป็นห่วงพี่เขาเฉยๆ ไม่อยากให้พี่ชัชทำงานหนักเกินไป ผม...
     “โทษทีนะต้น งานด่วนอ่ะ ช่วงนี้พี่ยุ่งๆ ก็เลยลืมบอกเราไป”
     “ไม่เป็นไรครับ”
     ผมจะทำอะไรได้ครับ พี่ชัชต้องไปทำงานนี่ ผมจะไปห้ามไม่ให้เขาไปได้ยังไง ผมควรจะมีเหตุผล ... พี่ชัชทำงานหนัก เหนื่อยจนไม่สบายเข้าโรงพยาบาลด้วยซ้ำ เมื่อวานตอนที่ออกจากโรงพยาบาลก็กลับซะค่ำทั้งๆ ที่บอกว่าจะแวะไปออฟฟิสแปปเดียว แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าพี่เขายุ่งขนาดไหน พี่เขาจะงานยุ่งจนลืมอะไรไปบ้างก็โทษเขาไม่ได้หรอกครับ
     “โกรธพี่เหรอครับคนดี?”
     “ผมไม่ได้โกรธครับ เพียงแต่... ผมนึกว่าพี่ชัชย้ายมาเขตในเมืองแล้วจะงานยุ่งน้อยลงซะอีก แต่... ช่างเถอะครับ”
     “พอดีช่วงนี้อะไรๆ ที่บริษัทมันยังไม่เข้าที่อ่ะครับ ขอเวลาพี่สักพักนะ อีกแปปพี่ก็ไม่ต้องวิ่งวุ่นขนาดนี้แล้วล่ะ”
     พี่เขาพูดกับผมแบบนี้มาสองปีแล้วนะครับ พี่ชัชก็ยุ่งตลอดนั่นแหละ มีแค่ยุ่งมากๆ หรือยุ่งๆ ก็แค่นั้น...
     “ครับ ผมเข้าใจ”
     ผมได้แต่ยิ้มให้พี่ชัช พักนี้พี่ชัชยุ่งมากกลับดึกเกือบทุกวัน พี่ชัชทำงานหนักเหนื่อยขนาดนี้ก็เพื่อผม แล้วผมจะเอาแต่ใจได้ยังไง เพียงแต่... ผมห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้นี่ครับ ผมก็แค่เหงา ถึงผมจะรู้ว่าพี่ชัชบ้างานมาแต่ไหนแต่ไรก็เถอะ แต่ว่า....

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แม็กซ์

     ผมไม่คิดจะแย่งแฟนใคร ผมแค่อยากดูแลคนที่ผมรัก ไม่ว่าใครจะมองผมยังไงผมไม่แคร์ ขอแค่ผมได้อยู่ข้างๆ ต้น ถึงต้นจะไม่เคยมองผมมากไปกว่าคำว่าเพื่อนผมก็ไม่ใส่ใจ ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มของต้นก็พอ
     แต่แล้วใบหน้าที่ผมได้เห็นกลับกลายเป็นรอยยิ้มฝืนๆ ต้นใจลอยอีกแล้ว
     “เป็นไรอีกอ่ะ”
     “เปล่านี่”
     “โกหกอีกละ”
     “ช่างมันเถอะแม็กซ์ รีบทานเหอะ”
     ต้นตัดบทบอกให้ผมรีบกิน แต่การกวาดสายตาไปรอบๆ ด้วยท่าทางไม่มั่นใจแบบนั้นชวนให้อยากแกล้งเป็นบ้า ต้นประหม่าเพราะความแปลกแยกของเราสองคน สีเสื้อที่ต่างกันของเราทั้งคู่แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่มากันเป็นกลุ่ม หน้าที่ขึ้นสีจางๆ โคตรน่ารัก
     ไม่รู้ว่าผมเริ่มคิดว่าต้นน่ารักตั้งแต่เมื่อไหร่ บางทีอาจจะเป็นวันนั้นที่ต้นเห็นผมแกล้งจูบกับผู้หญิงแล้วเขินก็ได้ ทำเป็นเชิ่ดหน้าใส่ แกล้งทำเป็นไม่สนใจแต่แอบหน้าแดง ต้นชอบปากแข็งเสมอ แต่เพียงแค่มองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นผมก็ล้วงความจริงทั้งหมดจากต้นหน้าได้
     ผมอุตส่าลงทุนไปรับต้นถึงคอนโด แทนที่ต้นจะร่าเริงกลับเอาแต่ซึม
     ไอ้หมอนั่นมันไปต่างจังหวัดอีกแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นโอกาสของผมที่จะได้ใกล้ชิดกับต้นได้เต็มที่ แต่ผมกลับอยากเห็นต้นยิ้มมากกว่า แม้ว่านั่นจะหมายถึงการที่ไอ้หมอนั่นกลับมาและแปลว่าผมจะมีเวลาได้ใกล้ชิดกับต้นน้อยลงก็ตาม
     “ถึงเพื่อนจะแทนแฟนไม่ได้แต่ก็ช่วยให้หายเหงาได้นะ อุตส่าห์มาพาเลี้ยงข้าวดันนั่งคิดถึงแฟน ใจร้ายว่ะ”
     “บ้า!”
     ผมชอบต้นก็ตรงนี้แหละ เวลาที่ต้นเขินมักจะชอบด่าผมว่าบ้าแล้วก็หลุบตาลงต่ำหลบสายตาผม แต่เพียงไม่นานต้นก็จะแอบชำเลืองกลับมาเสมอ แล้วพอเห็นว่าผมยังมองตัวเองอยู่อย่างรู้ทันต้นก็จะอมยิ้มเขินๆ ก่อนจะจ้องตาแข่งกับผมอย่างท้าทาย ผมถูกดึงดูดด้วยความอวดดีของต้น ขอแค่มีสายตาคู่นี้คอยมองผมอยู่ จะให้ผมทำอะไรก็ยอม ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงตบมุกแซวแกล้งจีบต้น แต่ต้นมีเจ้าของแล้วผมเลยทำได้แค่ยิ้มให้เท่านั้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ผมเกลียดเวลาที่แม็กซ์ยิ้มแบบนั้นเป็นบ้า! รู้สึกเหมือนถูกราชสีห์จ้องเลยครับ แม็กซ์รู้ทันผมหมดทุกอย่าง ขึ้นกับว่าเขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้หรือว่าจงใจเปิดเผยความลับของผม ผมเกลียดรอยยิ้มอวดดีแบบนั้นชะมัด!
     “ทานเร็วๆ เลย เดี๋ยวก็ไปขึ้นแสตนไม่ทันหรอก”
     “ไม่เอาอ่ะ แม็กซ์ฝากเพื่อนซื้อบัตรไว้แล้ว”
     “ขึ้นฟรีก็ได้ทำไมต้องซื้อ?”
     “ดูสีเสื้อแม็กซ์ซะก่อน จะให้แม็กซ์ไปเป็นเขยจุฬารึไง หรือต้นจะหนีตามแม็กซ์ไปนั่งฝั่งธรรมศาสตร์?”
     “บ้า!”
     “เพราะสีเสื้อต่างกัน พบกันครึ่งทางนี่แหละดีที่สุด แม็กซ์อยากดูแปรอักษรด้วย”
     “ตามใจแล้วกัน”
     ดีแต่บังคับ! ให้ตายเถอะ แต่ก็นะ... ถ้ามันไม่ได้ลำบากอะไรผมๆ ก็ไม่ว่าหรอก
     พอเลี้ยงมื้อสายผมที่พารากอนเสร็จแม็กซ์ก็พาผมไปยังสนามศุภฯ ด้วยลูกรักของเขา โชคดีที่มันเป็นแค่รถสองล้อพวกเราเลยหาที่จอดไม่ยากแม้จะเป็นบิ๊กไบค์คันใหญ่ก็ตาม แต่เสียงของเครื่องยนต์ที่กระหึ่มจนเรียกความสนใจจากผู้คนรอบข้างนี่สิครับ ผมอยากจะบ้าตาย! โคตรอายคนอื่นเขาเลย รู้สึกเหมือนถูกมองแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ผมอายจนไม่กล้าถอดหมวกกันน็อคแน่ะ แต่แม็กซ์ทำตัวปกติมากครับ ลงจากรถเรียบร้อยก็หันมายิ้มให้ผมโคตรกวน! คิดว่าตัวเองเท่นักรึไง! หมั่นไส้พวกชอบอวดรวยชะมัด!
     “เฮ้ย!”
     อยู่ๆ แม็กซ์กับคว้าข้อมือผมไปจับซะงั้น
     “คนเยอะ เดี๋ยวหลง”
     “บ้าละ มันไม่ได้หลงง่ายขนาดนั้น”
     “มาเหอะ เดี๋ยวคลาดกัน เสื้อชมพูพรืดเต็มไปหมด แม็กซ์กลัวต้นหาย”
     “บ้า!”
     ผมพยายามจะสะบัดมือของแม็กซ์ออก แต่เขากลับทำหน้ากวนตีนใส่ผมแล้วยักคิ้วใส่ ไอ้เกรียนเอ้ย!
     “ไปเร็ว เพื่อนแม็กซ์รอนานแล้ว เดี๋ยวไม่ทันหรอก”
     แล้วผมก็ถูกแม็กซ์ลากไป แต่จะว่าไปก็คนเยอะจริงๆ นั่นแหละครับ ทุกคนใส่เสื้อเหมือนกันหมดเลย ถ้าไม่ชมพูขาวก็เหลืองแดง มองไปมองมาผมก็ชักจะตาลายแฮะ ความจริงแล้วพวกแก๊งของผมก็บอกว่าจะมาเหมือนกันนะครับ เห็นบอกว่าจะมาขึ้นแสตน แต่ผมไม่รู้ว่าตกลงเขาขึ้นทันกันรึเปล่า ผมขี้เกียจโทรหาด้วย รำคาญไปป์จอมยุ่ง เดี๋ยวจะมาทะเลาะกับแม็กซ์อีก
     “ต้นทางนี้”
     พอผมหันไปตามเสียงเรียกของแม็กซ์ก็เห็นแม็กซ์นิ่วหน้าใส่ผม
     “อีกละ มองไรอยู่ได้ เดี๋ยวหลงละจะรู้สึก ตายิ่งถั่วๆ อยู่”
     ด่าผมอีกแล้วไอ้มนุษย์บ้าอำนาจเอ้ย!
     “นี่เพื่อนเรา เฮ้ยแมนนี่เมียกู แล้วเมียมึงอ่ะ?”
     “ผัวะ!”
     “ใครเมียคุณ?”
     “โหยต้น โหดว่ะ! แค่นี้ต้องต่อยกันด้วย ถ้าแม็กซ์รับหมัดต้นไม่ทันนี่กรามหักเลยนะ”
     “สม! เลาะฟันเอาหมาออกจากปากซักหน่อยป่ะ”
     “ฮ่าๆ เออๆ นี่เพื่อนรักกู ชื่อต้น แล้วหนิงอ่ะ?”
     ผมเห็นเพื่อนของแม็กซ์ก้มลงมองมาที่ผมแล้วก็ยิ้ม ไม่ชอบแบบนี้เลยครับ รู้สึกเหมือนถูกมองต่ำกว่ายังไงก็ไม่รู้ เวลาถูกคนตัวสูงกว่าเยอะๆ มองแล้วยิ้มแบบนี้ให้มันหงุดหงิดชะมัด!
     “หนิงมันไปเข้าห้องน้ำบอกให้กูเอาตั๋วมาให้มึงก่อน มันกะจะไปนั่งกับพวกอิเปิ้ล”
     “เฮ้ย กูไม่ไปด้วยนะ!”
     “เออ กูรู้ เสร็จงานค่อยเจอกันละกัน กูอยู่ห่างเมียไม่ได้ วันนี้คนเยอะกลัวเมียหาย”
     “ฮ่าๆ รีบไปเฝ้าเมียมึงไป่”
     “กูไปละ มอเมียนั้นหายาก ต้องลำบาก จีบแทบตาย ฮ่าๆ”
     ยังจะมีมุข... เพื่อนแม็กซ์คนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทำไมถึงคบกันได้ กวนพอๆ กันเลยครับ ให้ตายเหอะ!
     แล้วผมก็เข้าไปดูบอลกับแม็กซ์ บอกตามตรงว่าผมแทบไม่ได้สนใจผลบอลในสนามหรอกครับ เพราะมัวแต่ดูเขาแปรอักษรกันมากกว่า มิน่าแม็กซ์ถึงชวนผมมานั่งตรงนี้ ดูสองฝั่งแปรอักษรโต้กันไปมาแล้วก็สนุกจริงๆ นั่นแหละ ผมเพิ่งรู้ว่ามันสนุกขนาดนี้ รู้งี้ปีที่แล้วผมมาด้วยก็ดี อ๊ะ! แต่คิดอีกที ถ้าปีที่แล้วผมมาผมก็คงไม่พ้นต้องไปนั่งแปรอักษรละมั้งครับ ความจริงเกือบถูกบังคับให้ไปสมัครเป็นเชียร์ลีดเดอร์แล้ว แต่ผมหนีโดยเอาเหตุผลทางบ้านมาอ้าง เลยรอดตัวไป
     “อ่ะ”
     “อะไร?”
     “น้ำไง กลัวเหงือกแห้ง มัวแต่นั่งอ้าปากจนแมงวันบินเข้าไปสิบตัวแล้วต้น สนุกใช่มั้ยล่ะ?”
     เกลียดจัง แม็กซ์รู้ทันผมอีกแล้ว แต่ผมรู้สึกคอแห้งนิดหน่อยก็เลยรับน้ำมาดื่ม ไหนๆ เขาก็ซื้อมาแล้วอย่าให้เสียของเลยครับ
     “ออกจากกะลามาดูโลกภายนอกซะบ้าง”
     “แรงไปแล้วนะแม็กซ์”
     “โหยๆ ทำงอน ฮ่าๆ”
     “แม็กซ์เกรียนอ่ะ”
     “พึ่งรู้เหรอ?”
     “รู้ตั้งนานแล้ว”
     “งั้นก็ทนต่อไป”
     ผมเกลียดแม็กซ์!

     พอพักครึ่งแม็กซ์ก็ชวนผมไปเข้าห้องน้ำ เราสองคนเดินออกมาจากสนาม เพราะคนเยอะผมเลยไม่ทันได้สังเกต ผมเจอกับพี่บอมตรงหน้าห้องน้ำ!
     “อ้าว มาเหมือนกันเหรอคร้าบต้น”
     “เอ่อ... ครับ”
     ทำไมแม็กซ์ยังไม่ออกมาอีกนะ!
     “แล้วเราไปนั่งอยู่ตรงไหนอ่ะ พี่ไม่เห็นเราเลย ไปช่วยพี่กับอาร์มคุมแถวป่าว?”
     “เอ่อ... ไม่ดีกว่าครับ ผมมากับเพื่อน”
     “ก็ชวนเพื่อนเรามานั่งด้วยกันสิ”
     “เอ่อ...”
     โชคดีชะมัดแม็กซ์มาพอดี เฮ้อ... โล่งอก พอพี่บอมเห็นแม็กซ์ก็ทำหน้าเซ็งทันทีครับ หวังว่าพี่เขาคงจะไม่เห็นผมแอบยิ้มนะครับ แม็กซ์มาถึงก็แกล้งคล้องคอผมซะงั้น ผมอยากจะกระทืบเท้าหมอนี่เป็นบ้า! แต่นาทีนี้ขอเอาแม็กซ์เป็นโล่ก่อนแล้วกันครับ
     “อ้าว ดีครับ”
     “ดี”
     “บังเอิญชะมัดเลยเนอะต้น เจอรุ่นพี่ไอ้อาร์มด้วย”
     “พวกน้องไม่ได้ขึ้นแสตนกันหรอกเหรอ”
     “ครับ ผมกับต้นอยากดูแปรอักษร พี่จะหนีไปนั่งกับพวกผมสองคนมั้ยอ่ะ?”
     แม็กซ์! เรื่องอะไรไปชวนพี่บอมแบบนั้นเล่า ผมอยากจะด่าเขาชะมัดเลย
     “ไม่ดีกว่าวะ พี่ไม่อยากทิ้งงานกลางคัน เออ ต้น พอเสร็จงานบอลไปหาอะไรกินกับพี่มั้ย?”
     “เอ่อ... ผมแล้วแต่แม็กซ์ครับ วันนี้ผมมากับแม็กซ์”
     “ผมนัดกับเพื่อนไว้ว่าเสร็จนี่แล้วจะไปหาห้องซ้อมกัน พี่สนใจไปกับผมมั้ย?”
     นายจะไปชวนเขาทำไมล่ะนั่น ให้ตายเหอะ!
     “เออน่าสนว่ะ งั้นเดี๋ยวพี่ไปด้วย”
     “โทรหาต้นก็ได้พี่ เดี๋ยวพวกผมรอ”
     พี่บอมยิ้มแก้มปริเลยครับ แล้วพี่เขาก็ขอตัวเพราะต้องรีบกลับไปคุมแสตนต่อ พอพี่บอมไปแล้วก็ถึงเวลาเคลียร์!
     “แม็กซ์! นาย”
     “เออน่า เดี๋ยวแม็กซ์มีแผน”
     ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากด่าแม็กซ์ก็สวนขึ้นมาซะก่อน บอกว่ามีแผน ให้ตายเหอะ! ขอให้มันสำเร็จก็แล้วกันครับ
     แล้วผมก็เห็นแม็กซ์คุยโทรศัพท์ แม็กซ์โทรหาเพื่อนคนเมื่อกี้?
     “เฮ้ยแมน มึงช่วยอะไรกูหน่อย ... ทำแบบที่มึงทำในงานรับน้องทีดิวะ”
     แม็กซ์หันมามองผมด้วยสายตามีเลศนัยก่อนจะหันไปคุยโทรศัพท์ต่อ จากประสบการณ์ของผม เวลาที่แม็กซ์ยิ้มแล้วทำตาแบบนี้ แปลว่าแม็กซ์มีแผนการณ์สุดบรรเจิดในหัว และแผนพวกนั้นก็มักจะทำให้ผมซวยเกือบทุกครั้ง!
     “กูไม่ได้ล้อเล่น กูเอาจริง แล้วคราวนี้มึงต้องเล่นให้เหี้ยกว่าเดิมด้วย จัดการให้มันเลิกมายุ่งกับเพื่อนกูซะ”
     “เฮ้ยแม็กซ์!”
     ผมตกใจนะ! ถึงผมจะเกลียดพี่บอมแต่ผมไม่ได้อยากให้ถึงขั้นทำร้ายอะไรพี่เขาซักหน่อย ผมประท้วงแม็กซ์ แต่แม็กซ์กลับไม่สนใจ
     “เออน่ะต้น ห๊ะ? เปล่าๆ กูคุยกับเพื่อนกู ... เออเอาตามนั้นแหละ ขอยืมออฟชั่นเมียมึงมาก่อนไง ... กูรู้น่ายังไงหนิงมันก็ต้องพกมา บอกมันว่าขาดขนตาไปซักวันก็ไม่ทำให้โดนผัวทิ้งหรอก ... เออ บอลจบแล้วเจอกัน ฮ่าๆ”

     แล้วพอถึงเวลาผมก็เข้าใจแจ่มแจ้งเลยครับว่าแม็กซ์วางแผนอะไรเอาไว้ ก็ผู้ชายสุดแมนคนที่ชื่อแมนเมื่อตะกี้แปลงร่างจากหนุ่มหล่อล่ำกลายเป็นกระเทยควายที่สูงเกินร้อยเก้าสิบ! ใบหน้าหล่อๆ ที่เคยอมยิ้มให้ผมถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางค์ครบตั้งแต่รองพื้นยันเฉดดิ้งไล้ดั้งแถมยังติดขนตาปลอมอีก ผมสั้นๆ ก็ถูกโพกไว้ด้วยผ้าชีพองที่เอามาทำเป็นผ้าคาดผมเก๋ๆ ดูเหมือนว่าไซส์เสื้อจะเปลี่ยนไปด้วยมั้งครับ ให้ตายเหอะ! ผมเห็นแล้วอยากเดินหนีชะมัดเลยครับ คนมองกันเต็ม!
     แต่ดูเหมือนแม็กซ์จะไม่อาย แม็กซ์ยังคงยืนคุยกับแมนหน้าตาเฉย แต่... แต่แมนทำท่าเป็นกระเทยได้เหมือนมากเลยครับ ใส่จริตซะจนผมว่าแม้แต่เมษอาจจะต้องยอมแพ้! ผมอายจนอยากจะเดินหนีแต่แม็กซ์ไม่ยอมให้ผมหนีคว้าข้อมือผมไว้แน่น มีเสียงดนตรีดังแว่วมาให้ได้ยิน แมนลุกขึ้นเต้นอย่างไม่อายสายตาใคร โอ้ย ผมจะบ้าตาย! อายครับ อยากแทรกแผ่นดินหนี! ถ้าผมไม่ได้เห็นแมนเมื่อกี้ผมจะไม่เชื่อเลยนะครับว่าแมนน่ะ ... แมน
     พวกเรายืนรอพี่บอมอยู่ครู่ใหญ่กว่าพี่เขาจะมา พอแมนเห็นพี่บอมเดินตรงมาทางพวกเราก็รีบถลาเข้าไปเกาะแกะ ตะโกนแซวเสียงดังลั่น!
     “อุ๊ยตาย! สุดหล่อ สนใจรับผัวเพิ่มซักคนมั้ยค้า”
     พี่บอมเหวอไปเลยครับ แต่ก็ยังคงแข็งใจเดินเข้ามาหาผม
     “รอพี่นานมั้ย? โทษทีว่ะ มาช้าไปนิดนึง”
     ผมปล่อยให้แม็กซ์เป็นคนเจรจาเพราะกลัวตัวเองจะหลุดขำ แค่ผมพยายามเก็กหน้ายิ้มให้พี่บอมนี่ก็แทบจะทำไม่ไหวละครับ
     “ไม่นานหรอกพี่ เออ นี่เพื่อนผม มันจะไปกับเราด้วยนะพี่”
     พี่บอมสะบัดหน้าหันไปมองแมนด้วยความตกใจ ผมเห็นพี่เขาพยายามฝืนยิ้มออกมาแล้วอึ้งไปแปปนึงก่อนจะสติเข้าที่เข้าทางคุย กับพวกเราต่อได้
     “เฮ้ยแมน นี่รุ่นพี่ต้นมัน พี่เขาจะไปสนุกกับพวกเราด้วย”
     “บร้า! แม็กซ์นี่ละก็ เรียกเค้าแมนอีกแร้ว บอกกี่ทีแล้วว่าให้เรียกเค้าแมนนี่ พี่จะไปสนุกกับพวกเราด้วยเหรอคร้า”
     ให้ตายเหอะ! แมนตีบทแตกกระจุยเลยครับ ผมขอถอนคำพูดที่เคยว่าเมษว่าแรดทั้งหมดเลย ถ้าเทียบกับแมนตอนนี้แล้วเมษกลายเป็นสาวน้อยเรียบร้อยไปเลยละครับ ทั้งจริตจะก้านการชม้ายตา เทคนิคการกระพือขนตาปลอมพั่บๆ อี๋ สยองอ่ะ!
     ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่พี่บอมอึ้งจนช็อก และแมนก็ไม่ปล่อยให้โอกาสทิ้งช่วงจัดการตีบทต่ออย่างซ้ำเติมด้วยการแกล้งแต๊ะอั๋งพี่บอมก่อนจะพูดว่า
     “แหม หล๊อหล่ออ่ะตัวเอง กล้ามเนื้อต้นขาแน๊นแน่น ก้นก็แข็งดีจัง”
     ผมเห็นแมนทำสีหน้าที่ชวนขนลุกที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ผมว่าสีหน้าพี่ชัชตอนมีอารมณ์นี่หื่นแล้วนะครับ แต่ยังแพ้สีหน้าของแมนตอนนี้เลย สายตาแมนเจ้าเล่ห์มากๆ ดูเหมือนพวกโรคจิตวิปริตสุดๆ แถมยังมีการแลบลิ้นมาเลียริมฝีปากอีก
     “แมนนี่ปลื้ม ท่าทางรูคงฟิตน่าดู คอยดูเถอะแมนนี่จะทะลวงให้แหกเลยค่ะ รูซิงๆ แบบเนี๊ยะ แมนนี่ชอบ!”
     ผมทั้งขนลุกทั้งขำจนแทบกลั้นไม่อยู่
     “ไปสนุกด้วยกันกับพวกเรานะคะคุณพี่ รับรองแมนนี่จะพาไปสวรรค์ทั้งคืน ไม่แหกไม่เลิกค่ะ”
     บ้าไปแล้ว! แมนจงใจเข้าไปยืนชิดกับพี่บอม แถมยังหันหน้าเข้าหากันอีก อี๋! แมนเอาเป้าไปชนกับเป้ากางเกงของพี่บอมแล้วก็เอื้อมไปขยำก้นพี่บอม! แหวะ!
     “เฮ้ย!”
     “เฮ้ยอีแมนนี่ แรงไปแล้วมึง รุ่นพี่เพื่อนกู พี่! ผมขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยครับ มันร่านไปหน่อย ไม่ได้แดกผู้ชายแล้วเงี่ยนรึไงมึง!”
     แม็กซ์กับแมนเล่นบทด่ากันอย่างคล่องปาก ส่วนผมก็ได้แต่ก้มหน้าลงไม่กล้าเงยขึ้นมาสบตาใครเพราะกลัวจะหลุดขำ ผมไม่เห็นสีหน้าของพี่บอมหรอกครับ แต่เดาเอาว่าพี่เขาคงโกรธมากเพราะพี่บอมเงียบไปเลย แต่ผมก็เข้าใจพี่เขานะ เป็นใครๆ ก็คงอึ้งทำตัวไม่ถูกกันทั้งนั้น แมนนะแมนกล้าเล่นเข้าไปได้ยังไง คนมองเต็มเลยอ่ะ
     “วันนี้พี่คงไม่ไปด้วยละว่ะ พี่ขอตัวก่อนละกัน ต้นครับ”
     “ครับ”
     “พี่...”
     “ผม... ต้องไปกับแม็กซ์น่ะครับ เขาสัญญาว่าจะไปส่งผมกลับบ้านถ้าเราไปซ้อมกันเสร็จแล้ว พอดีผมไม่ได้เอารถมาน่ะครับ”
     ผมพยายามทำสีหน้าใสซื่อแต่ใส่แววรังเกียจแมนในดวงตา พยายามทำหน้าเหมือนจำใจเป็นเบี้ยล่างของแม็กซ์ พยายามสื่อภาษาว่าผมเห็นใจพี่บอมแต่ผมไม่อยากขัดใจแม็กซ์ ผมหวังว่าผมจะทำได้ดีนะครับ ผมพยายามตีบทให้แตกกระจุยโดยที่ไม่หลุดสีหน้าสะใจออกมาสมน้ำหน้าพี่บอม!
     พี่บอมชะงักไปครู่นึงก่อนจะตอบผม
     “โอเคครับ งั้นเราเจอกันที่มหาลัย!”
     แล้วพี่บอมก็เดินจากไป แมนยังอุตส่าตะโกนไล่หลังพี่บอมตามไปอีก
     “ว๊าย จะไปแล้วเหรอตัวเอง เอาเบอร์ตัวเองมาก่อนสิคร้า เค้ายังไม่ได้แลกไลน์กับตัวเองเลยอ่ะ พี่ขรา กลับมาก่อน อุ๊บ! ฮ่าๆ”
     พอพี่บอมเดินไปพ้นระยะแล้วพวกเราก็หลุดขำหัวเราะออกมากันยกใหญ่
     “เหี้ย โคตรฮาเลยว่ะ!”
     แมนเลิกดัดเสียงตัวเองให้แหลมกลับมาพูดด้วยโทนปกติเช่นเดิม แม็กซ์ยืนหัวเราะอย่างชั่วร้าย ผมเองก็กลั้นขำจนปวดท้อง
     “พวกนายเล่นกันแรงเกินไปแล้วมั้ง”
     “ขำๆ น่าคุณ แต่เจอแบบนี้เข้าไปน่าจะเลิกมายุ่งกับคุณแล้วมั้ง เป็นไงๆ ผมตีบทแตกกระจุยป่าว?”
     “มึงเอาออสการ์ไปเลยว่ะแมน ฮ่าๆ”
     ให้ตายเหอะ! สองคนนี้... ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีครับ

     วันนั้นผมไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ทำเรื่องผิดพลาดที่สุดในชีวิตเข้าซะแล้ว สิ่งที่ผมทำลงไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์มันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ผมไม่รู้เลยจริงๆ ...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#10/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน15
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 10-11-2014 21:57:45
แม็กซ์

     ปกติแล้วผมมักจะเป็นฝ่ายเมา แต่ต้นที่กำลังโยกตัวอย่างสนุกสนานคงเมามากกว่าผมที่พึ่งดื่มไปไม่กี่แก้ว ผมรู้ว่าต้นดื่มได้ ถึงต้นไม่ได้คอทองแดงแต่ก็ไม่ใช่พวกคออ่อนที่ดื่มไม่กี่แก้วก็เมาพับ ผมรู้ดีเพราะทุกครั้งที่ต้นดื่มต้นมักจะไปกับผม ถ้าไม่โดนผมแกล้งกรอกเหล้าเจ้าตัวก็จะดื่มพอเป็นพิธีไม่กล้าดื่มหนักเพราะต้องพาผมที่เมาแอ๋กลับ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยก่อน แต่ต้นคนที่กำลังเต้นตามจังหวะเพลงในผับตรงหน้าผมนั้นกำลังเมามายด้วยความตั้งใจของตัวเอง ต้นยกแก้วเหล้าแก้วที่เท่าไหร่ไม่รู้ชนกับแขกโต๊ะข้างๆ ทั้งๆ ที่แขนของต้นพาดอยู่ที่คอผม ผมเองก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ต้นมึนเมาได้ขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะเสียงเพลง แอลกอฮอล์ หรือแม้แต่บรรยากาศ ผมแปลกใจที่คืนนี้ต้นเลือกจะปลดปล่อยความเครียดของตัวเองด้วยวิธีงี่เง่าแบบที่ผมชอบทำ
     หลังงานบอลจบผมพาต้นไปซ้อมดนตรีกับเพื่อน หนิงตามแมนมาดูพวกเราซ้อมด้วยแต่ไอ้อาร์มติดธุระเลยตามมาทีหลัง พอเสร็จแล้วพวกเราเลยชวนกันไปหาอะไรกิน ด้วยบรรยากาศยามค่ำคืนและความมึนจากเบียร์ พวกมันเลยชวนผมไปดื่มต่อ ปกติแล้วสำหรับพวกผมการเข้าผับถือเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่สำหรับต้น ผมเลยนึกว่าต้นจะปฏิเสธ ผมคิดว่าอาจจะต้องไปส่งต้นก่อนด้วยซ้ำ ที่ไหนได้ต้นกลับยอมมากับพวกผมด้วย พวกเราเลยมาต่อกันแถวๆ ผับย่านเพชรบุรี
     แล้วต้นก็ทำให้ผมแปลกใจ ต้นกระดกแก้วไม่ยั้ง แถมยังโยกตัวเต้นตามเพลงตลอดเวลา แค่เห็นความตั้งใจของต้นที่ต้องการมาเมาผมก็ไม่กล้าดื่ม ผมกลัวเอาต้นไม่อยู่ ผมรู้ดีว่าเวลาต้นเมาต้นร้ายแค่ไหน
     ในตอนแรกต้นก็แค่โยกหัวตามจังหวะชนแก้วกับไอ้แมนและหนิงไปเรื่อย ส่วนไอ้อาร์มมันก็พอๆ กับผมนั่นแหละ ถือแก้วเหล้าชูส่องหญิงไปเรื่อยชนแก้วแซวต้นบ้าง แต่พอเริ่มแก้วที่สี่ที่ห้าประกอบกับยิ่งดึกเพลงยิ่งคึกด้วยจังหวะตึ๊บที่แน่นขึ้น ต้นก็เริ่มโยกตามทั้งตัว ผมก็รู้นะว่าต้นเต้นได้ แต่ผมไม่เคยเห็นต้นเต้นยั่วขนาดนี้มาก่อน
     เพราะผมกับต้นห่างกันไปนานรึไงนะ ผมถึงได้รู้สึกว่าเพื่อนของผมเซ็กซี่ขึ้นมาก ไม่มีอีกแล้วเด็กผู้ชายหน้าตายที่ชอบหน้าแดงตอนเขินคนนั้น สายตาที่เคยดึงดูดจนผมเผลอคิดว่าผู้ชายด้วยกันน่ารักในวันวานก็เปลี่ยนเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน ต้นโยกร่างขยับสะโพกตามจังหวะเสียงเพลงอยู่ตรงหน้าผมนี่เอง มือซ้ายของต้นจับแก้วไว้อย่างท้าทาย ต้นยิ้มน้อยๆ ส่งกลับไปให้ผู้ชายโต๊ะข้างๆ ทั้งที่มือขวาเกาะอยู่บนไหล่ผมที่กำลังนั่งโยกตัวตามจังหวะเพลง
     ผมก็รู้นะว่าต้นชอบยั่วชาวบ้าน การท้าทายความอดทนคนอื่นคือเรื่องสนุกสำหรับต้น เพื่อนผมชอบวางตัวเองในเดิมพันที่รู้ว่าไม่มีความเสี่ยง และส่วนมากก็มักจะเป็นผมที่ยอมล้มมวยให้ แต่คราวนี้ต้นกลับไปท้าพนันกับคนอื่นที่ไม่ใช่ผม และผมก็ไม่มีสิทธิ์จะห้ามต้นด้วยเพราะผมไม่ใช่เจ้าของต้น ต้นไม่ใช่คนของผม ไม่ใช่ลูกไล่จำเป็นที่ผมจะแกล้งได้คนนั้นอีกแล้ว เป็นผมเองที่กลายเป็นลูกไก่ในกำมือของต้น
     ต้นปรายตามามองผมแล้วยิ้ม เหล้าในแก้วถูกยกขึ้นดื่มจนเกลี้ยงก่อนที่เจ้าตัวจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างกับผม
     “...”
     ผมได้แต่ทำหน้าไม่เข้าใจ เสียงเพลงที่ดังสนั่นกลบเสียงของต้นไปหมด ต้นเลยก้มลงมาตะโกนใส่หูของผม ลมหายของต้นเจือไปด้วยกลิ่นที่ผมคุ้นเคย เสียงที่ดังอยู่ข้างหูเหมือนดั่งเสียงกระซิบของปีศาจ ต้นโน้มคอของผมเข้าไปใกล้จนผมของต้นระกับคอของผม ความอดทนในตัวผมกำลังช่วยกันสร้างกำแพงกักขังอารมณ์ของผมเอาไว้ ผมยกแก้วของเหลวในมือขึ้นจิบเพื่อดับไฟในตัว
     “ไม่หึงเหรอ?”
     “หึงทำไมไม่ใช่แฟน”
     ผมอุตส่าเตือนตัวเองอยู่ทุกวันให้รู้ตัวว่าคนที่เป็นได้แค่เพื่อนไม่มีสิทธิ์จะหึงหวง ต้นหัวเราะก่อนจะยั่วผมต่อ
     “แล้วแม็กซ์จะไม่หวงหน่อยเหรอ?”
     ผมหวงไปแล้วได้อะไร ทำไมผมจะไม่หวง ผมทั้งหวงทั้งห่วงแต่อย่างไรเสียผมก็ไม่มีสิทธิ์หึง นาทีนี้ผมอยากรู้ว่าต้นเป็นอะไรมากกว่า เพื่อนของผมเป็นอะไรถึงได้ทำตัวประชดคนอื่นแต่มาพาลใส่ผม
     “มีอะไรให้ห่วง เมาแล้วน่ะต้น”
     “หึๆ”
     ต้นหัวเราะใส่ผมแล้วปรายตากลับไปมองผู้ชายคนนั้น
     “เราจะไปห้องน้ำนะ”
     ต้นก้มลงมาพูดกับผมแล้วก็ผละออกจากโต๊ะไปไม่สนใจใคร ผมหันไปมองผู้ชายคนนั้น ไอ้หมอนั่นมันลุกออกไปเช่นกัน ต้นเล่นเกมอันตรายอีกแล้ว ผมสะกิดหนิงบอกว่าผมจะตามต้นไปเข้าห้องน้ำก่อนลุกออกจากโต๊ะ
     ผมพยายามจะตามต้นไปแต่ก็คลาดสายตาจนได้ เพราะต้นตัวเล็กกว่าผมมากเลยเบียดฝ่าคนออกไปได้ง่ายต่างกับผม ผมขอทางคนอื่นมุ่งไปยังห้องน้ำที่เป็นจุดหมายปลายทางโดยภาวนาว่าขออย่าให้ต้นโดนใครฉุดไประหว่างทาง
     พอมาถึงห้องน้ำ ผมก็เห็นต้น เพื่อนของผมยืนพิงผนังอยู่แถวหน้าห้องน้ำ ทำท่าเหมือนรอใครสักคน ผู้ชายโต๊ะข้างๆ มันลุกตามต้นมาจริงๆ และตอนนี้มันกำลังตรงไปหาต้น
     “ตามมาจนได้”
     ต้นพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงซะจนผู้ชายคนนั้นดีใจเก้อเพราะผมรีบเดินเบียดไอ้หมอนี่ไปหาต้นได้ทันก่อนที่มันจะอ้าปากทักต้นเสียด้วยซ้ำ
     “ไม่สนุกน่ะต้น กลับยัง? เมามากแล้ว”
     “อาร์มกับแมนก็ยังไม่กลับเลย”
     ต้นทำเป็นต่อรองกับผมแต่แอบเหลือบมองผู้ชายคนนั้น สีหน้าสะใจของต้นดูซุกซนเหมือนเด็กที่ชอบเล่นกับไฟ
     “ปวดฉี่อ่ะแม็กซ์ แต่มึนอ่ะ”
     ต้นแกล้งโอบรอบคอผมแล้วโน้มผมให้ก้มลงไปใกล้ๆ ก่อนจะพูดด้วยท่าทางอ้อนๆ เขาทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติของการสนทนาในผับที่เสียงดัง แต่ทำไมผมจะไม่รู้ว่าต้นกำลังเล่นอะไรอยู่ ปกติแค่จับมือผมก็โดนต่อยแล้ว เวลาเมาทีไรนิสัยเสียทุกที!
     “สมควร เปิดไปสองขวดแล้วนะต้น”
     “พาเราไปห้องน้ำหน่อย เดินเองไม่ไหวอ่ะ มึน”
     ผมเกลียดนิสัยชอบยั่วชาวบ้านของต้น เพราะไม่ว่าต้นจะไปมีเรื่องกับใคร ลงท้ายคนที่ต้องใช้ความอดทนกับต้นมากที่สุดก็คือผม!
     ผมเลือกที่จะพยุงต้นเข้าไปทำธุระในห้องส้วมมากกว่าปล่อยให้ต้นใช้โถด้านนอก หวังว่าไอ้หมอนั่นเห็นแบบนี้แล้วคงเดินกลับโต๊ะไปแล้วนะครับ ผมปล่อยให้ต้นนั่งพักบนฝารองนั่งแล้วล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าของต้นออกมาชุบน้ำแล้วยื่นให้ ถ้าให้ต้นไปยืนก้มที่อ่างผมว่ามีหวังต้นอ้วกแน่ๆ พอต้นพยักหน้าว่าดีขึ้นแล้วผมก็ลากต้นกลับโต๊ะ แต่รอบหลังนี้ผมเบรคต้นให้ยั้งการยกแก้วในมือขึ้นดื่มด้วยการจับมือของต้นไว้แทน ต้นก็เลยยืนโยกตามเสียงเพลงด้วยสภาพมึนๆ นานๆ ครั้งผมถึงจะปล่อยมืออนุญาตให้ต้นว่างไปจับแก้ว และบางคราวที่เริ่มเมื่อยต้นก็จะเอนตัวมาพิงผม จนหลังๆ นี่ต้นแทบจะขึ้นมานั่งโยกอยู่บนตักผม ผมเลยถือโอกาสโอบเอวต้นไว้หลวมๆ กันท่าจากคนอื่นที่ขยันส่งยิ้มมาทักทายต้น ผมพยายามปกป้องต้นเท่าที่จะทำได้ แต่ต้นกลับคอยส่งสายตาท้าทายไปเชิญชวนคนนอกให้เข้ามาเล่นเกมอันตรายอยู่ร่ำไป บางครั้งเพื่อนของผมคนนี้ก็ดื้อเกินไป

     แล้วงานสังสรรค์ก็เลิกลา ไอ้อาร์มเมาไม่ขับกลับแท็กซี่ ผมเองก็ไม่ถือว่าเมา แต่คนนั่งซ้อนท้ายผมนี่ดิเมาเต็มขั้น ต้นประคองตัวบนรถสองล้อไม่ไหวแน่ๆ เมื่อไม่มีทางเลือกผมก็เลยเปิดห้องพักแถวๆ นั้นนอนแทน การพยุงต้นที่เมามากเข้าห้องไม่ยากเท่ากับการห้ามใจตนเอง ผมบอกตัวเองให้ผ่านคืนนี้ไปให้ได้ มันก็แค่การฝึกความอดทน ผมทิ้งต้นลงบนเตียงแต่ต้นกลับไม่ยอมปล่อยเสื้อผมดึงผมตามลงไปด้วยกัน ต้นคลี่ยิ้มท้าทายอย่างอวดดี
     “ปล่อย”
     แทนที่ต้นจะปล่อย ต้นกลับเผยอยิ้มใช้สายตายั่วยวนผมมากกว่าเดิม
     “เดี๋ยวปล้ำหรอก”
     “ทำสิ หึๆ”
     “เล่นสนุกพอยัง? ความอดทนแม็กซ์มีจำกัดนะต้น”
     “จิ๊!”
     ต้นเดาะลิ้นก่อนจะปล่อยเสื้อผม เพื่อนของผมพลิกตัวเข้าสู่ท่าตะแคงอย่างที่ชอบทำแล้วถอดหน้ากากออก อารมณ์เหงาๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแทนความอวดดี
     “เป็นอะไรทำไมไม่คุยกันดีๆ เล่นแบบนี้อันตรายนะ”
     “เปล่านี่ ไม่ได้เป็น”
     ต้นเมาแต่ต้นไม่ได้มึน เพื่อนของผมไม่ใช่พวกที่เมาแล้วไร้สติ เวลาที่ต้นเมามันก็แค่ปลดลิมิตตัวเอง อาจจะตอบสนองช้าหรือขาดความยับยั้งชั่งใจไปบ้าง แต่ความรู้สึกของต้นยังแจ่มชัดแน่นอน ดังนั้นผมถึงรู้ดีว่าท่าทางเมามายที่ต้นทำในผับนั้นมันก็แค่การเล่นกับไฟเพื่ออะไรบางอย่าง ต้นจงใจทำ ไม่ใช่ทำไปเพราะเมา
     “ทะเลาะกับแฟนเหรอ?”
     “บ้า! อย่ามาแช่งกันนะ”
     “ละทำไมอยู่ๆ ถึงอยากเมาขึ้นมาล่ะ?”
     ต้นไม่ตอบแต่พลิกตัวหนี แกล้งทำท่าเหมือนจะหลับ ผมเองก็มึน ทั้งเหนื่อยทั้งเมา เห็นแบบนี้เลยขยับขึ้นไปบนเตียงตั้งใจจะนอนบ้าง แต่ต้นกลับพลิกตัวมาหาผม ต้นเอาศอกมาสะกิดผมก่อนจะพูดขึ้น
     “ขอโทษ... ละก็ขอบคุณนะ”
     “เออ รู้ตัวก็ดี อันตรายนะรู้เปล่า เกิดโดนมอมยาจะทำไง”
     “ก็มีแม็กซ์อยู่ทั้งคน”
     “ละเป็นบ้าไรขึ้นมาอ่ะ”
     เกิดความเงียบชั่วอึดใจ แล้วต้นก็ตอบผม
     “ไม่รู้สิ ... อยากลองเป็นเกย์มั้ง”
     “ละไอ้ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่เหรอ อ่อยไม่เลือกแบบนั้นเขาไม่ได้เรียกเกย์หรอกนะต้น เขาเรียกร่าน”
     “นั่นแหละ อยากร่านมั่งไม่ได้รึไง”
     “ทะเลาะกับแฟนมาดิ ถามจริง?”
     “ก็บอกว่าเปล่า! เราเป็นเกย์นี่แม็กซ์ เจอผู้ชายหล่อๆ แล้วจะอ่อยก็ไม่เห็นแปลก ใครๆ ก็รู้พวกเกย์เป็นงี้ทั้งนั้น ถูกใจกันที่รูปร่างหน้าตา คบกันเพราะเรื่องความสัมพันธ์บนเตียง เราเป็นเกย์นี่ จะทำตัวแบบนั้นบ้างก็ไม่เห็นแปลก”
     ต้นพลิกตัวหนีผมพลางพล่ามเรื่องไร้สาระไม่หยุดปาก ผมโมโหจนลุกขึ้นไปคร่อมขังต้นไว้ด้วยแขนของผม
     “ไม่แปลกงั้นก็ยอมให้แม็กซ์เอาดิ อยากร่านมาหาแม็กซ์นี่มา ไหนจะไอ้คนที่ให้แมนมันไล่ไปให้เมื่อตอนเย็นอีก มันอยากได้ต้นจนตัวสั่นแล้ว อยากร่านก็ไปนอนกับมันดิ!”
     ต้นพยายามจะหันหน้าหนีผม แต่ผมจับคางของต้นเอาไว้ให้หันมาเผชิญหน้ากัน ต้นเริ่มกลัวผมแล้ว ต้นพยายามแกะมือผมออกจากหน้าตัวเอง ผมไม่รู้ว่าน้ำตาของต้นเกิดจากความกลัวหรือเพราะความกังวลในใจ แต่อย่างน้อยๆ ผมก็ดีใจที่ทำให้ต้นได้ระบายมันออกมา
     “ตกลงจะเป็นเกย์หรืออยากร่าน ถ้าอยากร่านเดี๋ยวแม็กซ์เป็นผัวเพิ่มให้อีกคน! เป็นไรก็บอกมาดิทำไมต้องทำตัวแบบนี้”
     “เราก็เป็นเกย์ไง ชัดมั้ย เราเป็นเกย์ เป็นผู้ชาย ไม่มีวันเป็นผู้หญิงได้หรอก! พยายามให้ตายยังไงเราก็ไม่ใช่ผู้หญิง!”
     ต้นแผดเสียงใส่ผมแล้วก็ร้องไห้ ผมทิ้งตัวลงทับต้น ต้นเลยกอดผม กลิ่นเหล้าลอยกรุ่นออกมาจากตัวเราทั้งคู่ คิดไว้ไม่ผิดว่าต้นมีเรื่องไม่สบายใจ ถึงต้นจะพยายามกลบเกลื่อนแต่ผมก็สัมผัสได้อยู่ดี ต้นชอบเรียกร้องความสนใจจากผมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
     “มีไรก็เล่ามาดิ แม็กซ์ห่วงต้นนะ ไอ้หมอนั่น... มันทำต้นเสียใจเหรอ?”
     “เปล่านะ!”
     ต้นรีบเช็ดน้ำตาแล้วปฏิเสธผมเสียงแข็ง ไม่ว่าเมื่อไหร่ต้นก็ปกป้องมันเสมอ ผมทั้งอิจฉาและสมเพชตัวเอง เจ็บแล้วไม่จำ!
     “พี่ชัชไม่ได้ทำอะไรหรอก เรา... เราแค่ ช่างเถอะ”
     ต้นขอร้องผมด้วยแววตาชวนสงสาร ต้นพยายามขอร้องให้ผมเชื่อ และผมก็ต้องทำใจให้เชื่อ ทั้งๆ ที่เราทั้งคู่ต่างรู้ว่ามันเป็นเรื่องโกหก ต้นโกหกเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ต้นไม่ได้โกหกเก่งจนจับไม่ได้ แต่ต้นเก่งตรงที่สามารถทำให้คนอื่นยอมเชื่อได้ทั้งๆ ที่รู้ว่าต้นกำลังโกหก เรื่องเดียวที่ต้นไม่เคยโกหกก็มีแค่ความจริงที่ว่าต้นไม่ได้รักผม
     “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ ทำไมจู่ๆ ถึงคิดมากแบบนี้ มันอันตรายนะต้นทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ อย่าประชดอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้อีก แม็กซ์ขอ”
     ผมยอมแพ้ ผมจะสู้อะไรต้นได้ ใจทั้งใจก็ให้ไปแล้ว
     “ขอโทษนะ เราใช้นายเป็นกำแพงให้เราอีกแล้ว”
     “รู้ตัวก็ดี”
     ผมพลิกตัวออกห่างจากต้น ตั้งใจหนีมานอนสบายๆ แต่ต้นกลับเบียดเข้ามาซะชิดแถมยังดึงเสื้อผมไปกำซะแน่น ผมต้องสะกดตัวเองไม่ให้เผลอใจกอดต้น เราสองคนนอนเคียงข้างกันอยู่บนเตียง ความอดทนผมจวนเจียนจะหมดอยู่รอมร่อ หลายต่อหลายครั้งที่ความคิดสกปรกผุดขึ้นมาในหัว ทำให้ต้นเป็นของผมซะ!
     แล้วไง? ผมได้ร่างกายแต่ก็ไม่ได้หัวใจของต้น ต้นไม่ใช่นางเอกละครน้ำเน่านี่ ผมทำต้นท้องให้ผูกพันกันด้วยลูกก็ไม่ได้ บังคับจดทะเบียนก็ไม่ได้ สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือรั้งต้นไว้ด้วยมิตรภาพแบบนี้ 
     “อย่าไว้ใจแม็กซ์นักเลยต้น แม็กซ์ไม่ใช่คนดี ต้นก็รู้”
     “เพราะเรารู้น่ะสิ เราถึงไว้ใจแม็กซ์ แม็กซ์ไม่ทำอะไรเราหรอก”
     “มันก็ไม่แน่เสมอไปนะต้น เกิดแม็กซ์เมาล่ะ เกิดแม็กซ์เลวจนยั้งตัวเองไม่ได้ล่ะ”
     “แม็กซ์ไม่ทำหรอกเรารู้ ถ้าแม็กซ์จะทำคงทำตั้งแต่คืนนั้นแล้ว ขนาดนั้นละแม็กซ์ยังยอมหยุดเพื่อเราเลย”
     ต้นพูดพร้อมกับขยับหัวเข้ามาใกล้จนผมสัมผัสได้ถึงกลิ่นแชมพูจางๆ เราสองคนแทบจะนอนหนุนหมอนใบเดียวกัน ผมรู้ว่าต้นติดหมอนมานานแล้ว เพราะต้นโหยหาไออุ่นเวลานอน แต่เมื่อก่อนต้นมักจะเก็กเอาไว้ไม่แสดงออก ต้นเพิ่งมาปล่อยตัวสบายๆ พักหลังนี้เอง แล้วมันก็ทำให้ผมอยากทะนุถนอมต้นมากกว่าเดิม
     “ก็ตอนนั้นมันไม่เหมือนตอนนี้ ระวังตัวไว้เหอะต้น อย่าไว้ใจใครง่ายๆ แม้แต่แม็กซ์ ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย พอเงี่ยนขึ้นมามันก็หน้ามืดเหมือนกันหมดแหละ”
     “แม็กซ์ไม่ได้เลวขนาดนั้นซะหน่อย”
     “เลวดิ แม็กซ์นี่แหละตัวเหี้ยเลย ต้นก็รู้”
     “งั้นแล้วคืนนั้นหยุดทำไมล่ะ? ทำไมไม่ทำต่อ แม็กซ์ไม่เห็นต้องว่าตัวเองขนาดนั้นเลย”
     ผมอดดีใจไม่ได้ที่ต้นพยายามเถียงเอาชนะผมเพื่อยืนยันว่าผมไว้ใจได้ ในสายตาของต้นผมเป็นคนดีขนาดนั้นเชียว?
     “อ้าว? ตกลงอยากให้ทำต่อเหรอไง ละคืนนั้นใครร้องไห้ขอร้องให้แม็กซ์หยุดล่ะ เล่นแหกปากซะดังแม็กซ์ก็หมดอารมณ์ดิ หึๆ”
     ผมตั้งใจกวนตีนเพื่อให้บรรยากาศห่วยๆ มันหายไป และดูเหมือนมันได้ผลเพราะต้นตอบผมด้วยน้ำเสียงเขินๆ
     “ก็มันเจ็บนี่!”
     “ละเกร็งทำไมอ่ะ บอกว่าอย่าเกร็งก็ไม่เชื่อ ยังไม่ทันจะเอาหัวเข้าไปเลย แหกปากซะ นอนนิ่งๆ อดทนไว้ก็ได้เป็นเมียแม็กซ์ไปละ”
     “บ้า! ลามกละ”
     “ทำมาด่าแม็กซ์นะ โทษทีของแม็กซ์มันใหญ่ไปหน่อย ของแฟนต้นเล็กอะดิเลยไม่บ่น ฮ่าๆ”
     “ทุเรศแล้ว! ของพี่ชัชใหญ่กว่านายอีก อย่ามาว่าแฟนเรานะ ไอ้คนหลงตัวเอง! แม็กซ์งี่เง่าอ่ะ ไม่คุยด้วยแล้ว!”
     “ใคร ใคร? ใครเปิดประเด็น หึๆ”
     “จิ๊!”
     “ว่าแต่ใหญ่กว่าจริงดิ? ละต้นไหวเหรอ?”
     “ไอ้บ้าแม็กซ์!”
     “ฮ่าๆ”
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#10/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน15
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 10-11-2014 22:04:19

     เรานอนเงียบๆ กันซักพักแล้วผมก็ชวนต้นคุยต่อ ผมถือโอกาสถามคำถามคาใจที่ผมเคยอยากรู้ ผมไม่ได้อยากซ้ำเติมตัวเอง แต่บางครั้งผมก็เฝ้าถามตัวเองมาตลอดว่าเพราะอะไร? ทำไมถึงไม่เป็นผม?
     “ต้น... ทำไมถึงเป็นแม็กซ์ไม่ได้อ่ะ?”
     ผมนึกว่าต้นจะไม่ตอบผมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ว่าต้นกลับยอมเปิดปากเล่าให้ผมฟัง
     “เพราะเราแอบรักพี่เขาอยู่แล้วละมั้ง ขอโทษนะ เราควรจะบอกนายตรงๆ แต่ว่าตอนนั้น... ไม่รู้สิ บางทีตอนนั้นเราอาจจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเรารักพี่เขา ถ้าตอนนั้นพี่เขาไม่ขอเราเป็นแฟนเราก็คงแอบปลื้มพี่เขาต่อไปเงียบๆ มั้ง”
     “แฟนต้นมีอะไรที่แม็กซ์ไม่มีเหรอ แม็กซ์ด้อยกว่าแฟนต้นตรงไหนอ่ะ แม็กซ์ว่าแม็กซ์ให้ต้นทุกอย่างเลยนะ แม็กซ์ไม่เคยทำแบบนั้นกับใครเลย ต้นเป็นคนแรกที่แม็กซ์ยอมให้หมดใจเลยอ่ะรู้ตัวป่ะ”
     “ไม่รู้ตัวจริงอ่ะ?”
     “เออดิ บอกหน่อยได้ป่ะ”
     “ก็นายมันเกรียนไง เอาแต่ใจ ชอบบังคับ ชอบสั่ง แล้วก็นิสัยแย่มากๆ ด้วย นายแกล้งเราสารพัดเลย”
     “แต่ตอนหลังๆ แม็กซ์โคตรจะเทคแคร์ต้นเลยนะ!”
     “ช้าไปแล้ว! นายหาเรื่องเรามาตลอดเลยนะ เพิ่งมาดีกับเราก่อนหน้านั้นแปปเดียวเอง ละตอนนั้นเราก็รักพี่เขาไปแล้วด้วย ถ้านายเป็นแบบนี้แต่แรกบางทีเราอาจจะชอบนายก็ได้ เป็นผู้ใหญ่ขึ้นตั้งเยอะ เท่สุดๆ อ่ะ นายตอนนี้อยู่ด้วยแล้วสบายใจกว่าเดิมเยอะเลย ไม่อึดอัดเหมือนเมื่อก่อน”
     ผมไม่ได้คาดหวังอะไรจากต้นแต่ก็อดถามไม่ได้ ถึงไงผมก็ยังอยากรู้
     “สมมุตินะต้น ถ้าตอนนี้ต้นไม่มีแฟน แล้วแม็กซ์จีบต้น ต้นจะรับรักแม็กซ์มั้ย?”
     “อาจจะมั้ง ไม่รู้สิ เรานึกไม่ออกหรอกแม็กซ์ เราชอบนายที่เป็นนายตอนนี้นะ แต่จะรักได้รึเปล่าเราไม่รู้หรอก”
     “อ้าวละต้นรักแฟนต้นได้ไงอ่ะ? เล่าให้ฟังหน่อยดิ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ? ไปแอบเป็นแฟนกันตอนไหน แม็กซ์โคตรเฮิร์ทเลย”
     “ตอนปีใหม่น่ะ แม่เราบิน เราอยู่คนเดียว พี่เขาเลยพาเราไปเที่ยวด้วย แล้วเขาก็ขอเราเป็นแฟน ก็เลยคบกัน”
     “ว่าแล้ว... หลังปีใหม่ต้นแปลกไปจริงๆ ด้วย”
     เหมือนภาพห่วยๆ ในอดีตตามมาตอกย้ำผม คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง เป็นผมเองที่ไม่รู้จักดูแลต้นให้ดีแต่แรก ต้นถึงได้ไปรักคนอื่น
     “โกรธเหรอ? ขอโทษนะ จริงๆ เราน่าจะบอกแม็กซ์ตรงๆ”
     “ช่างเหอะ มันผ่านมาแล้ว ความจริงแม็กซ์ไม่มีสิทธิ์โกรธต้นด้วยซ้ำ แม็กซ์เองก็ไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่แรก เล่าให้ฟังหน่อยได้ป่าว ไปเจอกันได้ไงเหรอ?”
     “อืม... เราเจอพี่เขาครั้งแรกตอนที่แม่เราไปดูห้องตัวอย่างตอนจะซื้อคอนโดอ่ะ พี่เขามากับแฟน เขาช่วยเราไว้จากพวกโรคจิต ตอนนั้นพี่เขาเป็นเหมือนฮีโร่เลย ละพอเรากับแม่ย้ายเข้าคอนโดก็ปรากฏว่าพี่เขาอยู่ห้องข้างๆ เรา ละแฟนพี่เขาก็น่ารักมากๆ ด้วย พี่ฟ่างเขาเห็นเราอยู่คนเดียวก็เลยเอาขนมมาฝากเราบ่อยๆ บางทีก็มานั่งคุยกับเรา แล้วก็มีเล่าเรื่องแฟนให้เราฟังบ้าง นายก็รู้ใช่มั้ยเราไม่มีพ่อ ... ไม่รู้สิ มันเลยอดปลื้มพี่เขาไม่ได้มั้ง พี่ชัชเป็นผู้ชายที่เท่ที่สุดเท่าที่เรารู้จักในตอนนั้นเลย”
     “ขนาดนั้นเลย? แม็กซ์เทียบไม่ได้เลยเหรอ?”
     “มันไม่เหมือนกันนี่ ก็ตอนนั้นเรายังเด็กอ่ะ”
     “เด็ก? เท่าไหร่อ่ะ?”
     “อืม ตั้งแต่ตอนเราอยู่ม. ต้นเลยมั้ง”
     ผมเพิ่งรู้ว่าต้นกับแฟนรู้จักกันมานานขนาดนั้น ได้ยินแล้วไม่แปลกใจที่ตัวเองแพ้ ผมแพ้ตั้งแต่ยังไม่รู้จักต้น เป็นผมเองที่มาทีหลัง และที่ต้นเข้ามาใกล้ชิดกับผมก็เพราะอยากใช้ผมเป็นเครื่องมือ ไม่ใช่เพราะรู้สึกอะไรกับผม ผมอดไม่ได้ที่จะสมเพชตัวเอง ผมมันโง่มาตลอดที่นึกไปว่าต้นอาจจะเคยรักผม ต้นไม่เคยรักผมเลย ต้นมองใครคนอื่นมาตั้งแต่แรก
     “โหย! ถ้านานขนาดนั้นแม็กซ์ก็สู้ไม่ไหวหรอก ต้นนะต้น มีคนที่ชอบอยู่แล้วก็ไม่บอก ละมาอ่อยแม็กซ์ทำไมวะ!”
     ผมจุกจนคิดอะไรไม่ออก ขนาดจะส่งเสียงหัวเราะกลบเกลื่อนยังทำไม่ได้ ผมอดไม่ได้ที่จะโมโหความโง่เง่าของตัวเอง ผมพยายามจะเล่นมุก แต่ผมคงทำได้ไม่ดีพอ
     “ไม่เกี่ยวกันซะหน่อย!”
     “เออๆ ที่มานอนกับแม็กซ์เพราะอยากประชดพ่อ รู้แล้วไม่ต้องย้ำ!”
     “มันไม่ใช่แบบนั้น! ... โอ้ย! เราก็อธิบายไม่ถูกอ่ะ”
     ต้นโวยวายกลับ ผมเพิ่งรู้ตัวว่าพวกเราคุยกันเสียงดังขึ้น ผมเผลอตะคอกใส่ต้น คงต้องลดอารมณ์ตัวเองหน่อยแล้ว ผมพยายามปรับน้ำเสียงให้ราบเรียบเหมือนเดิมทั้งๆ ที่ในใจผมคลั่งจนแทบบ้า!
     “ละมันแบบไหนอ่ะ”
     “ก็เราไม่อยากทำร้ายผู้หญิงคนไหนนี่ เราเกิดมาเพราะแบบนั้นนะแม็กซ์ เราอยากทำให้เขารู้สึกแต่เราไม่อยากทำให้ผู้หญิงคนไหนเสียใจเพราะเรา แล้วพวกยาเสพติดมันก็ไม่ดีด้วย อย่างอื่นก็อันตรายเราไม่กล้าหรอก น่ากลัวจะตาย”
     วิธีทำตัวเหลวแหลกประชดพ่อของเพื่อนผมช่างเปลืองตัวดีแท้ ถ้าวันนั้นคนที่ต้นใช้เป็นเครื่องมือไม่ใช่ผมจะเกิดอะไรขึ้นบ้างผมก็ตอบไม่ได้ ดีแล้วล่ะที่เป็นผมต้นถึงได้ไม่เป็นอะไรไม่ได้เสียคน ดีแล้วที่เป็นผม ให้ผมเจ็บไปเหอะ ถือว่าใช้กรรมให้กับผู้หญิงที่ผมเคยฟันแล้วทิ้ง เจ็บเพื่อต้น ... ไม่เป็นไร
     “แต่กล้าทำร้ายตัวเองนะต้น เอาตัวเองมาเสี่ยงเนี่ยนะ เอดส์แดกขึ้นมาจะทำไง?”
     “ไม่ได้เสี่ยงซะหน่อยถ้าทำกับคนที่รัก แล้ว... แล้วเราก็เห็นนายใช้ถุงยางทุกครั้งด้วย นายไม่เสี่ยงหรอก แล้วเราก็รู้ว่านายชอบเราด้วย”
     “แหง๋ดิ ต้นตั้งใจมายั่วแม็กซ์ขนาดนั้นแม็กซ์จะไม่รักต้นได้ไง แต่สุดท้ายต้นก็ไม่ได้รักแม็กซ์ แค่มาอ่อยแม็กซ์เพราะอยากทำตัวเหลวแหลกประชดพ่อ”
     “มัน... มันก็เหมือนพวกรักสนุกไง เป็นเกย์รักสนุก... ทำตัวเหลวแหลก เอ่อ... น่ารังเกียจ”
     เพื่อนผมเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ต้นน่ารักก็ตรงนี้แหละ ในความร้ายกาจของต้นมีความใสซื่อแบบเด็กๆ ซ่อนอยู่ และผมมักจะหามันเจอทุกครั้ง เมื่อก่อนผมก็หลงรักต้นเพราะแบบนี้เหมือนกัน เพียงแค่นี้ผมก็ยอมให้ต้นหมดใจ
     “แต่เป็นเกย์มันก็ไม่ใช่ว่าจะโดนเอาอย่างเดียวซักหน่อย”
     “ก็... ก็ถ้าเราเป็นฝ่ายทำมันก็ไม่ใช่การประชดสิ เราต้องเป็นฝ่ายถูกทำสิมันถึงจะเป็นการทำตัวเหลวแหลก เจ็บปวดกว่า เอ่อ...”
     “หึๆ ฮ่าๆ โอ๊ยขำว่ะ! ต้นแม่งโคตรซื่อเลย”
     “อย่ามาหัวเราะเรานะ! ก็ตอนนั้นมันมีแต่นายนี่ แล้วถ้าเราขอทำนายจะยอมเรารึไง มัน... มันก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ ถูกแล้ว!”
     “เออ แม็กซ์ไม่ยอมหรอก รู้ตัวก็ดี”
     ผมชันข้อศอกพลิกตัวหันไปมองต้นให้เต็มตา แก้มที่แดงเพราะฤทธิ์เหล้าตอนนี้กำลังเขินจัดจนแดงไปถึงหู หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะโกรธผม
     “ละกับแฟนอ่ะ ไม่คิดอยากบ้างเลยเหรอ? หรืออยากแต่แฟนไม่ยอม?”
     “หึ”
     ต้นส่ายหน้าให้ผมด้วยใบหน้าที่ขึ้นสี
     “เคยคิดอยากเป็นคนเอาป่ะ กับผู้ชายคนอื่นก็ได้? ในฝันไรงั้น?”
     “ไม่อ่ะ นายก็รู้เราคิดเรื่องพวกนั้นเป็นที่ไหน ก่อนหน้านั้นเราไม่กล้าคิดอะไรแบบนั้นหรอก”
     “ละหลังเจอแฟนอ่ะ ก็ยังไม่คิดเหรอ? ไม่มีอยากรู้อยากลองเลยรึไง?”
     “ก็... ก็ตอนที่พี่เขาขอเราเป็นแฟนเขาขอเราไว้นี่ เราก็เลย... ไม่คิด แล้วเราชอบให้พี่เขากอดเราด้วยมันรู้สึกดีออก อบอุ่นดีด้วย”
     “สรุปว่าชอบแบบนี้ว่างั้น?”
     “อืม... ประหลาดรึเปล่าอ่ะแม็กซ์?”
     “ไม่หรอก ในหมู่เกย์พวกที่เป็นรับอย่างเดียวก็มีเยอะจะตาย ไอ้ตุ๊ดพวกนี้ขอแค่คนมีค.วยมันก็วิ่งเข้าใส่แล้ว มันไม่สนหรอกว่าเกย์หรือผู้ชายแท้ๆ มันถึงได้มีพวกผู้ชายขายตัวไง เพื่อนแม็กซ์บางคนก็ทำทั้งๆ ที่มีเมีย มันบอกได้เงินเยอะดี”
     “แต่เราไม่ใช่นะ! กับคนอื่นเราทำไม่ได้หรอก ยิ่งให้นอกใจแฟนอ่ะ อี๋ไม่เอาด้วยหรอก! แค่ให้เราคิดอยากกับผู้ชายคนอื่นเราก็ทำไม่ได้แล้ว ที่ตอนนั้นเราเลือกนายก็เพราะเราสนิทกับนายที่สุด ไม่งั้นเราก็ไม่รู้จะไปทำแบบนั้นกับใคร มีแต่นายที่เสเพลอ่ะ ขนาดกับนายเรายังทำใจอยู่ตั้งนาน! ถึงเราจะชอบถูกกอดแบบนั้นแต่ให้เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ชัชเราก็ไม่เอาด้วยหรอก!”
     ผมอุตส่าทำใจได้แล้ว แต่พอถูกต้นพูดใส่ตรงๆ แบบนี้มันก็เจ็บนะครับ
     “ก็ต้นเป็นพวกที่ใช้ใจมั้ง ต้นไม่ต้องคิดมากหรอก จะผู้หญิงผู้ชายก็ช่าง ถ้าคนมันจะสำส่อนมันไม่เลือกเพศหรอก เป็นเกย์ก็ใช่ว่าต้องร่าน แม็กซ์เห็นเพื่อนบางคนมันก็รักเดียวใจเดียวก็มี”
     “แต่เราไม่ใช่ผู้หญิงนี่ แล้วพี่ชัชก็ไม่ใช่เกย์ด้วย เรากลัวนี่แม็กซ์”
     เสียงของต้นอ่อยลงอย่างเห็นได้ชัด มิน่าล่ะ ที่แท้ต้นก็กังวลเรื่องนี้ เพื่อนของผมเป็นพวกชอบขีดเส้นให้ตัวเองอยู่แต่ในกรอบเสร็จแล้วก็อึดอัดจนทนไม่ไหว ไม่ใช่เพราะต้นเป็นแบบนี้รึไงต้นถึงได้ขาดผมไม่ได้ เพราะต้นรู้ว่าผมจะพาเขาแหกคอกได้ ผมรู้สึกล้าจนไม่อยากรับรู้อะไรอีก ที่ต้นขาดผมไม่ได้ไม่ใช่เพราะความรัก
     “ต้นก็เลิกคิดมากเรื่องที่ตัวเองเป็นเกย์ก่อนดิ ถามจริงทำไมถึงชอบคิดว่าตัวเองเป็นเกย์วะ”
     “ก็เราชอบผู้ชาย”
     “แต่ผู้ชายคนอื่นต้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยไม่ใช่เหรอ มีเกย์มาจีบต้นก็ไม่ชอบ แค่แฟนต้นคนเดียวเท่านั้น ... แม็กซ์จะเล่าอะไรให้ฟัง เพื่อนแฟนแม็กซ์ที่เชียงใหม่อ่ะ มีอยู่คน มันโคตรสวยเลย แต่เป็นกะเทยนะ เพราะมันเรียบร้อยเหมือนผู้หญิงเลยมีคนมาจีบเยอะมาก แต่ก็โดนผู้ชายทิ้งตลอดสุดท้ายไปรักกับใครรู้ป่ะ? ทอมในกลุ่มมันเองแหละ แปลกป่ะล่ะกะเทยกับทอม แม็กซ์ว่าต้นเลิกคิดมากเรื่องผู้หญิงผู้ชายเกย์เกอไรพวกนั้นเหอะ คนมันจะรักกันเพศอะไรก็ไม่เกี่ยวหรอก ดูอย่างแม็กซ์ดิ แม็กซ์เกลียดตุ๊ดจะตายสุดท้ายยังเผลอมารักต้นเลย”
     “เราไม่ใช่ตุ๊ด! ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงซักหน่อย”
     นั่นๆ มีเถียง
     “เออรู้ แม็กซ์หมายถึงบางทีความรักมันก็ไม่เข้าใครออกใครหรอก รักก็คือรักนั่นแหละ ไม่ต้องไปคิดมากหรอก”
     ผมบอกไปแบบนั้นพร้อมกับหลับตาลง ตั้งใจจะหลับซักที ผมเหนื่อยจนท้อ แต่นอนไปได้ซักพักกำลังเคลิ้มๆ ต้นก็สะกิดผมอีกแล้ว
     “เรารู้ว่ามันแปลก แต่เราอยากมีลูกกับพี่ชัช เราอยากให้พี่ชัชเป็นพ่อของลูกเรา นายว่าเราประหลาดรึเปล่าแม็กซ์?”
     ทำไมผมจะต้องมาเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้คนที่ผมรักด้วยวะ!
     “คนรักกันที่ไหนก็อยากมีลูกด้วยกันทั้งนั้นแหละ”
     “แม็กซ์.... อื้อ”
     “ฟังอยู่”
     “อย่าพึ่งหลับดิ”
     ผมไม่ได้หลับเพราะความง่วง แต่ผมเหนื่อย ผมพยายามจะแก้ปัญหาหัวใจให้ต้น แล้วหัวใจผมล่ะ? ต้นจะให้ผมทำยังไงกับหัวใจตัวเอง...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เสียงลือและเด็กเลี้ยงแกะ

     “จะโทรมาทำเหี้ยอะไร กูเพิ่งถึงบ้าน”
     “ต้นอยู่ไหน?”
     “กูก็พาไปส่งห้องแล้วเด่ะ”
     “มึง... เมื่อคืนมึงไม่ได้พาต้นกลับบ้านหรอกเหรอ”
     “กลับเหี้ยไรล่ะ กูเมา!”
     “งั้นพวกมึงนอนที่ไหนกัน?”
     “ก็เปิดห้องนอนแถวนั้นแหละ”
     “มึงบอกกูมาตามตรง มึงฟาดต้นแล้วใช่ป่ะ!”
     “ไอ้เหี้ยอาร์ม!”
     “ไม่ต้องมาด่ากู มึงทำหรือไม่ได้ทำ?”
     “กูไม่ได้เหี้ยขนาดนั้น แล้วต่อให้กูจะทำต้นก็คงไม่ยอมกูด้วย! มึงไม่เชื่อใจกูไม่เป็นไร แต่มึงควรจะรู้นิสัยต้นนะเว้ยสัส!”
     “เพราะกูรู้นิสัยต้นน่ะสิกูถึงได้มาถามมึง แล้วกูก็รู้สันดานมึงด้วย เมื่อวานอาการต้นไม่ดีเลยนี่หว่า กูกลัวต้นจะยั่วมึงจนฟิวส์ขาด มึงแน่ใจนะว่ามึงไม่ได้แอบทำอะไรต้นตอนหลับ”
     “กูหลับก่อนต้นอีก มึงมันไม่รู้อะไร ต้นคอแข็งกว่ามึงอีกไอ้ควาย แล้วกูจะไปทำอะไรต้นได้วะ”
     “กูจะไปรู้เหรอ! ก็ห่วงต้นนี่หว่า เมื่อวาน... กูกลัวมึงตบะแตกขึ้นมา”
     “ห่วงเหี้ยไรของมึง พอเจอหญิงมึงก็ทิ้งเพื่อนยันอ่ะ ไอ้เลวเอ้ย!”
     “ตกลงมึงไม่ได้ทำอะไรต้นใช่มะ งั้นก็แล้วไป กูจะได้ไปนอนต่อ”
     “เออ! อย่างเดียวที่กูทำคือลากมันไปอ้วกในห้องน้ำกับถอดเสื้อเปื้อนอ้วกมันออกให้ พอใจยัง! ... แค่นั้นแหละ พอเช้ามาแล้วกูก็พามันไปส่งที่คอนโด”
     “มึงปิดไรกู?”
     “ปิดไรว้า เฮ้ยรำคาญว่ะ! กูจะนอนเว้ย”
     “ไอ้แม็กซ์ เล่ามา! ไหนมึงบอกกับกูว่ามึงจะรออย่างสงบ ไม่ใช้วิธีหมาๆ แย่งต้นมาไง”
     “ก็ไม่มีไรนี่หว่า”
     “เหี้ยแม็กซ์!”
     “เออๆ ต้นละเมอนอนกอดกูทั้งคืนพอใจยัง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดกูนะ ต้นมันนอนละเมออยู่แล้ว สงสัยนึกว่ากูเป็นแฟนมันมั้ง...”
     “แค่นั้นใช่ป่ะ? โธ่เอ้ย! กูก็นึกว่ามึงทำอะไร”
     “โธ่พ่องดิ! กูนอนแข็งทั้งคืนเลยนะเว้ย ดีว่ากูใส่เข็มขัดนอนไม่งั้นต้นมันได้กินน้ำกูแน่ โคตรทรมาน เกือบหลุดไปหลายทีแล้ว กว่าจะปลอบมันให้นอนสงบๆ ได้ เวลาละเมอแล้วโคตรแรด แม่งซุกจนกูนอนไม่หลับทั้งคืน แล้วมึงก็เสือกมากวนกูอีก”
     “เออๆ งั้นกูไม่กวนละ กูสบายใจละ”
     “เออ รีบๆ วางไปเลยสัส!”

     “นี่ๆ ได้ข่าวมั้ยย๊ะ?”
     “ข่าวอะไรของหล่อนอีก”
     “ก็หนุ่มหล่อ อักษรย่อตอคณะวิทย์ไงแก เปิดตัวควงแฟนหนุ่มลูกแม่โดมมานั่งสวีทกันกลางงานบอล”
     “เดี๋ยวนะ! ได้ข่าวว่าคู่นี้เขาก็เปิดตัวกันมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ? เห็นมารับมาส่งกันตั้งนานละ ผู้ชายของนางแซ่บมากอ่ะ ฉันเห็นแล้วซี๊ดเลย หล่อ รวย ล่ำ คุณสมบัติพร้อม”
     “ประเด็นคือชีกล้าฉีกหน้ารุ่นพี่วิศวะที่ตามจีบตัวเองกลางงานไงแก ตอนนี้ข่าวฮอทมาก”
     “ต๊าย! ฉีกหน้ายังไงอ่ะ?”
     “ชีให้เพื่อนรับหน้าแทน กระเทยควายหน้าเงือกมากอ่ะ แล้วชีก็แอ๊บแบ๊วไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยให้รุ่นพี่โดนแกล้งเล่นเอารุ่นพี่หน้าแตก ยับ พอรุ่นพี่ถอยกลับไปชีก็แอบหัวเราะเยาะกับแฟน”
     “ว้ายแรงอ่ะ! ฉันว่าละว่านางร้าย เป็นไงล่ะไม่เชื่อฉัน คนแบบนี้นะดูตาก็รู้ นางร้ายลึกอ่ะ”

     “นี่ๆ ทิง น้องชายนายทำเรื่องอีกแล้วอ่ะ ในเพจนี้เขียนด่าน้องนายเนี่ย”
     “เพจไหนอีกวะ ฝ้าย?”
     “เพจรวมหนุ่มหล่อประจำงานบอลอ่ะ”
     “ยังไงวะ? ผมไม่เข้าใจ”
     “คืองี้ มันเป็นเพจเฉพาะกิจรวมคนหล่อประจำงานบอลปีนี้ แล้วมันก็มีรูปน้องนายกับแฟนที่เป็นเด็กมอธอเยอะเลยอ่ะ คนก็เข้าไปชมถามๆ กันว่าใคร แต่น้องนายเปิดตัวว่าเป็นใช่มั้ยล่ะ พอมีคนบอก พวกสาววายก็เลยตามมากรี๊ดกัน ตอนแรกๆ ก็มีคนเข้ามากดไลค์คอมเม้นท์ธรรมดาแหละ ละทีนี้มีคนมาเปิดประเด็นว่าน้องนายอ่ะไปฉีกหน้ารุ่นพี่เขา ประมาณว่าถ้าไม่ชอบก็น่าจะพูดคุยกันดีๆ ไม่น่าให้เพื่อนแฟนไปแกล้งรุ่นพี่เขา”
     “เรื่องแค่นี้เอง? ไร้สาระว่ะ ผมจะบอกอะไรให้ แฟนน้องผมไม่ใช่คนนี้”
     “อ้าว? แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าแฟนน้องนายคนไหน ฟังก่อนสิ ยังเล่าไม่จบเลย ทีนี้คนก็เข้ามาตอบโต้กันแหละ ประมาณว่าเผือกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงต้องมาว่าน้องนายขนาดนั้น เขาก็เล่าว่าน้องนายให้เพื่อนแฟนที่เป็นกระเทยไปแกล้งลวนลามรุ่นพี่คนนั้น แถมยังหัวเราะใส่ลับหลัง คนเลยเริ่มด่ากัน แล้วทีนี้มันดันมีคนมาเปิดประเด็นอีกว่าความจริงแล้วกระเทยที่ตัวใหญ่ๆ คนนั้นอ่ะไม่ได้เป็นกระเทย แถมยังมีแฟนแล้ว เป็นเพื่อนสนิทกับแฟนน้องนาย เอ้ย! เพื่อนน้องนาย มันก็เลยกลายเป็นว่าน้องนายให้เพื่อนมาแกล้งรุ่นพี่เขา คือเหตุการณ์นี้คนเห็นกันเยอะแยะเลย แล้วเขาก็พูดกันว่ามันไม่เหมาะสมอ่ะ น้องนายเล่นแรงเกินไปไม่ไว้หน้ารุ่นพี่”
     “...”
     “เฮ้ยเงียบเลยเหรอทิง?”
     “ผมยังไม่ได้คุยกับต้นเลย”
     “ป่านนี้คงรู้แล้วมั้ง? ถามจริงเถอะ ตกลงน้องนายเป็นคนยังไงกันแน่ มีแต่คนบอกว่าน้องนายหยิ่ง นิสัยไม่ดีทั้งนั้นเลย รูปก็มาจากกล้องพวกมอธอทั้งนั้น เด็กจุฬาบอกหยิ่ง แต่คนรู้จักเพื่อนน้องนายบอกน่ารัก”
     “ถ้าหมายถึงพวกที่ชอบไปขอถ่ายรูปละก็ใช่ น้องผมค่อนข้างรักความเป็นส่วนตัว เป็นคุณๆ จะถ่ายรูปกับใครที่ไหนก็ไม่รู้เหรอ? น้องผมไม่ได้อยากเด่นอยากดังนิ เขาไม่ชอบโซเชียลเน็ตเวิร์ค แต่น้องผมไม่ใช่คนคุยด้วยยากหรอก แค่อาจจะเข้าสังคมไม่เก่งบ้าง”
     “ทำไมนายต้องคอยปกป้องเขาขนาดนี้ด้วยอ่ะ ถามจริงเป็นป่ะเนี่ย? พี่ชายที่รักอะไรแบบนี้?”
     “ใช่ที่ไหน! การที่เราจะรักและเอ็นดูใครซักคนมันไม่มีเหตุผลหรอกฝ้าย”
     “โห คมอ่ะ! ว่าแต่ถามจริงนายไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขาแน่นะ เห็นบอกชัดมากว่าเด็กมอธอคนนั้นไม่ใช่แฟน แล้วตกลงแฟนน้องนายคนไหนอ่ะ ตั้งแต่ข่าวที่ว่าเป็นเกย์แล้ว เราไม่เห็นเขาจะเปิดตัวใครเลยนอกจากเด็กมอธอคนนั้น น้องนายกับแฟนมีเฟซป่ะ?”
     “น้องผมไม่เล่นโซเชี่ยลหรอก แล้วคุณจะไปยุ่งอะไรกับแฟนน้องผม? เลิกบ้าไอ้พวกเพจคู่รักเกย์ได้แล้ว ยุ่งเรื่องความรักของคนอื่นแล้วสนุกเหรอฝ้าย?”
     “ก็แหม... เผื่อจะได้ตามส่องเฟซหนุ่มหล่อเล่นๆ ไม่ได้กินได้แค่แลก็ยังดี”

     “ไงวะ ได้ข่าวโดนเด็กแกล้ง ฮ่าๆ”
     “อย่าพูดได้ป่ะวะ”
     “ฮ่าๆ ดูหน้ามันดิ โคตรขำเลยอ่ะ”
     “สัส กูเฮิร์ทนะเว้ย อย่าซ้ำเติมกันได้ป่ะ”
     “เอาน่ะ กูมีอะไรเด็ดๆ ให้มึงดู รับรองว่าดูแล้วหายเฮิร์ทแน่ๆ”
     “...............................................”
     “............................................... ไง เด็ดมั้ยล่ะมึง?”
     “มึงได้คลิปนี้มาจากไหนวะ?”
     “กูไปเที่ยวกับพวกแบงค์มัน ตอนแรกกูไม่เห็นเพราะมันมืด พอดีไอ้แบงค์มันสะกิดให้กูดูถามกูว่าใช่เด็กมึงป่าว กูหันไปดูอ่ะ ใช่เลย เด็กมึงโคตรแรด อ่อยชาวบ้านไปทั่ว ท่าทางผัวหวงด้วย”
     “กูขอได้ป่ะ?”
     “เดี๋ยวกูส่งให้ ว่าแต่มึงจะเอาไงต่อวะ หึ หึ”
     “...”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#10/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน15
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 10-11-2014 22:12:10
ต้นน้ำ

     “ต้น มึงสร้างปัญหาอีกแล้วนะ”
     นี่คือคำทักทายแรกที่อาร์ทพูดขึ้น ปัญหาอะไรกัน? ผมไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจอีกรึไง? โอ้ย ไม่ไหวครับ ยังปวดหัวอยู่เลย เมื่อวันเสาร์ผมดื่มไปกี่ขวดนะ?
     “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
     ผมพยายามทำตัวบริสุทธิ์เอาไว้ก่อน บอกตามตรงว่ารำคาญครับ เอะอะก็หาว่าผมสร้างปัญหา ผมไม่ได้ชอบสร้างปัญหาซักหน่อย!
     “มึงไปทำไรไว้กับพวกวิดวะอ่ะ?”
     พี่บอม! แย่แล้ว ผมลืมเรื่องพี่บอมไปซะสนิท!
     “... เรื่องนั้น... เราไม่ได้ตั้งใจ คือ... เราไม่คิดว่าเพื่อนเราจะทำอะไรแบบนั้นนี่ เรา... เราก็รู้สึกแย่เหมือนกันนะอาร์ท น่าอายจะตายไป”
     พวกอาร์ทมองตรงมาที่ผมเขม็งเลยครับ ผมก็เลยต้องทำหน้าให้ดูละอายใจเข้าไว้ โชคดีที่พวกเขายอมเชื่อ ให้ตายสิ! หนนี้แม็กซ์คงเล่นแรงไปจริงๆ ผมไม่นึกว่าเรื่องมันจะแพร่ไปไกลขนาดนี้ คิดแล้วก็โมโหชะมัดเลยไม่เห็นยุติธรรม ถ้าเป็นแม็กซ์ละก็ไม่มีใครกล้าทักท้วงอะไรหรอกครับ แต่เพราะเป็นผมทุกคนถึงได้มาว่าผมแบบนี้ ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย แม็กซ์เป็นคนทำแท้ๆ เลย
     โชคดีที่หน้ากากของผมไม่ร้าวง่ายๆ ผมเลยตีบทแตก เล่นละครเป็นผู้เสียหายร่วมได้อย่างแนบเนียนต่อหน้าเพื่อนคนอื่นๆ โยนภาระให้แม็กซ์เป็นแพะรับบาปไปเถอะครับ ขึ้นชื่อว่าแม็กซ์ยังไงก็จัดการได้อยู่แล้ว ผมพยายามนั่งเรียนคาบเช้าอย่างมีความสุข พยายามสร้างกำลังใจให้ตัวเองพร้อมเผชิญกับปัญหาที่รอผมอยู่เย็นนี้
     วันนี้พี่ชัชยังไม่กลับครับ แต่เย็นนี้ผมต้องกลับบ้านกับคุณพ่อ ท่านสั่งให้ผมเตรียมเสื้อผ้าไปค้างที่บ้านกับท่านด้วย! ปกติผมก็แค่แวะไปทานข้าวด้วยเฉยๆ เคยแต่ไปนอนค้างที่บ้านคุณปู่ แต่คราวนี้คุณพ่อบังคับให้ผมไปค้างที่บ้านท่าน โอ้ย! ผมจะบ้าตายครับ ดูเหมือนว่าป้าสุจะได้อาหารทะเลสดๆ มาเยอะมั้งครับ แต่พี่ษาไม่อยู่ คุณพ่อเลยมาชวนผม คิดอะไรของท่านนะ จะให้ผมเข้าครัวกับป้าสุเนี่ยนะ! เรื่องนี้ผมเพิ่งรู้เมื่อวานเองครับ แถมตอนรับโทรศัพท์ผมก็กำลังเมาค้างด้วย เลยเผลอรับปากส่งๆ ไป คราวนี้ผมตายแน่ๆ
     ผมมัวแต่นั่งเครียดกับสถานการณ์ตอนเย็นจนลืมนึกถึงพี่บอมไปซะสนิท ถ้าเพียงแต่เมย์จะไม่ทักขึ้นนะครับ
     “ต้นเครียดเหรอ ไม่ต้องเครียดหรอก หมอนั่นมันชอบต้นจะตาย แค่ขอโทษก็จบละมั้ง”
     บอกตามตรงผมพึ่งคิดถึงพี่บอมก็ตอนนี้แหละ ผมไม่ได้เครียดเรื่องพี่บอมซักหน่อย!
     “อืม เราคงต้องไปขอโทษพี่เขาหน่อยแหละ”
     “งั้นละต้นเป็นอะไรอ่า ดูเงียบๆ ไปแฮะ ตาก็แดงๆ นึกว่าเครียดจนแอบร้องไห้ซะอีก”
     “บ้าละไปป์! เราปวดหัวหรอก”
     “อ้าว ต้นไม่สบายเหรอจ้ะ!”
     “ไม่เป็นไรมากหรอกแก้ว แค่... นิดหน่อยน่ะ”
     “แกไม่เป็นไรก็ดีละต้น พวกเราเป็นห่วงกลัวแกจะคิดมากอีก”
     ผมพยายามยิ้มให้เพื่อนๆ จะบอกได้ยังไงละครับว่าผมเมาค้าง ปกติผมไม่อาการหนักแบบนี้หรอกนะ แต่ว่าสงสัยจะดื่มหนักไปหน่อย แล้วผมก็นั่งเขี่ยข้าวในจานต่อด้วยความเซ็ง... มันพะอืดพะอมจนกินอะไรไม่ลงเลยครับ ไว้เรียนเสร็จแวะไปหาพี่บอมหน่อยดีกว่า อย่างน้อยๆ ก็จะได้ไปดูอาร์มให้แน่ใจด้วยครับว่าอาร์มไม่เป็นไร วันก่อนก็เมาปลิ้นเชียว ผมอาจจะทำให้อาร์มซวยก็ได้ คิดแล้วก็รู้สึกแย่นิดหน่อยครับ แต่จะว่าไปแม็กซ์ก็เจ๋งเหมือนกันนะครับ ส่งอาร์มกลับแล้วก็จัดการผมอยู่หมัดด้วย ผมเคยเห็นอาร์มเมาหลายครั้งแล้ว เอาเรื่องพอสมควรเหมือนกันครับ
     พอถึงตอนเย็นผมก็ไปที่ชมรม แต่ไม่เจออาร์มกับพี่บอมเห็นแต่รุ่นพี่คนอื่นๆ ผมก็เลยนั่งเล่นแถวนั้นซักพัก รออยู่นานก็ยังไม่เห็นพี่บอมโผล่มา ผมเลยตัดสินใจว่าเอาไว้วันอื่นดีกว่า เพราะวันนี้ผมมีธุระ เกรงว่าคุณพ่อจะรอนาน พอเดินออกมาได้แปปนึง โทรศัพท์ของผมก็โชว์ว่าพี่บอมโทรเข้า ตายยากจริงๆ ครับ
     “โหลต้นเหรอครับ? โทษที เห็นต้อมมันบอกว่าเรามารอพี่เหรอ?”
     “เอ่อ ครับ พอดีผมมีเรื่องจะ”
     “พี่กำลังไปที่ชมรมแล้ว รอแปปนะ”
     ผมยังพูดไม่จบเลย หัดฟังคนอื่นซะบ้างสิครับ!
     “เอ่อ ไม่เป็นไรครับ พอดีผมมีธุระต่อ ต้องรีบกลับน่ะครับ”
     “อ้าว... งั้นเหรอ?”
     “งั้นเอาแบบนี้ได้มั้ยครับ พรุ่งนี้เดี๋ยวผมไปหาพี่ตอนเย็นใหม่อีกที”
     พี่บอมเงียบไปสักพักก็ตอบตกลงผม
     “ได้สิ แต่เราต้องไปกินข้าวกับพี่นะ เราสัญญากับพี่ไว้แล้ว”
     “เอ่อ... ผม”
     ตอนแรกผมตั้งใจจะปฏิเสธนะ แต่คิดอีกทีมันคงไม่เสียหายอะไร จะได้จบๆ กันไปซะที ผมเลยตอบตกลง
     “โอเคครับ ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
     ผมไม่รู้เลยว่าการตอบตกลงของผมจะเป็นชนวนให้พี่บอมกับพี่ทิงทะเลาะกัน และผมต้องเป็นคนกลางในเหตุการณ์ด้วย

     ผมไปหาคุณพ่อที่ห้องพักอาจารย์ แต่ท่านไม่อยู่ในนั้น อาจารย์คนหนึ่งหันมาเห็นผม
     “มาหาอาจารย์ต้นเหรอ เขาฝากให้ผมบอกคุณว่าอาจจะช้าหน่อยนะ ให้คุณรออยู่แถวนี้ก่อน พอดีมีเด็กมาขอคำปรึกษาน่ะ”
     ผมตอบรับและยกมือไหวอาจารย์ท่านนั้นก่อนจะเดินออกมา ดูท่าเรื่องของผมคงรู้กันทั่วแล้วมั้งครับ ผมเองก็บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ชินครับ ผมเลยตัดสินใจนั่งอยู่แถวๆ นั้นรอคุณพ่อ แต่แล้วก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้น
     “กรี๊ด! พี่ต้นนี่นา”
     น้องผู้หญิงปีหนึ่งคนนึงตรงเข้ามาหาผม
     “สวัสดีค่ะพี่”
     คงเพราะเห็นผมนิ่งไปเธอเลยแนะนำตัวเพิ่มขึ้น
     “หนูเป็นรุ่นน้องพี่เปาค่ะ ที่เราเคยเจอกันวันที่พี่นั่งคุยกับพี่เปาเรื่องกันดั้มไงคะ”
     บอกตามตรงนะครับ พี่เปาแกก็คุยเรื่องกันดั้มได้ทุกครั้งนั่นแหละ และผมก็ไม่ได้สนใจจะจำใครเป็นพิเศษด้วย
     “โธ่พี่อ่ะ! หนูอุตส่าเป็นแฟนคลับพี่เลยนะ”
     แฟนคลับ! แฟนคลับอะไรกันครับ? ผมงงไปหมดแล้ว
     “เหรอ...ครับ? โทษนะพี่จำหน้าคนไม่เก่ง”
     “แหม จำหนูไม่ได้เพราะหนูเป็นผู้หญิงอ๊ะเปล่า?”
     ผมชักยั๊วะแล้วนะครับ ผมเลยพยายามยิ้มเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไงดี อดทนไว้ครับเดี๋ยวเขาก็คงไป
     “พี่มาทำอะไรแถวนี้อ่ะคะ?”
     “พี่มีธุระนิดหน่อยครับ”
     “พี่มาหาพี่เปาเหรอคะ?”
     “พี่มาทำธุระครับ”
     ผมหงุดหงิดครับ น้องเขาจะมายุ่งวุ่นวายอะไรกับเรื่องของผมกัน! ผมพยายามกดเสียงย้ำคำว่าธุระแต่น้องเขาก็ยังไม่ยอมหยุด ไม่รู้ตัวเลยรึไงครับว่าผมรำคาญ
     “พี่ต้นหนูขอเฟซพี่หน่อยสิค้า เนี่ยหนูพยายามขอจากพี่เปาแล้วแต่พี่เขาไม่ให้อ่ะ”
     “พี่ไม่มีเฟซครับ”
     ผมไม่ได้โกหกนะครับ ผมไม่เคยเล่นเฟซจริงๆ นี่นา
     “อ้าว ทำไมอะค้า”
     “พี่เล่นไม่เป็นครับ”
     “เฮ้ย! จริงอ่ะพี่ เอางี้หนูสอนให้เอาป่ะ เอาเมลล์พี่มาสิหนูสมัครให้”
     “ไม่เป็นไรครับพี่ไม่สนใจ”
     ผมพยายามปฏิเสธอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ในสภาวะอารมณ์แบบนี้
     “ทำไมอ่า สนุกดีออกพี่”
     “พี่ไม่ชอบครับ”
     “โหยสนุกจะตาย เอาไว้อัพเดทสเตตัสไงพี่ โพสรูปให้คนมากดไลค์ มีคนมากดติดตามเยอะๆ จะได้ไม่เหงา”
     “พี่ไม่ชอบถ่ายรูปครับ”
     ผมพยายามยิ้มแล้วปฏิเสธน้องเขาอีกครั้ง
     “ไม่ลองดูหน่อยอ่ะพี่ ดีออกจะได้มีเพื่อนเพิ่ม เพราะเวลาเราโพสอะไรไปจะได้มีคนมาสนใจ มันช่วยให้คนอื่นเข้าใจเราได้มากขึ้นนะพี่ พี่ต้นยิ่งมีข่าวไม่ดีบ่อยๆ อยู่ ก็จะได้ใช้ช่องทางนี้พรีเซ็นตัวเองไง คนจะได้เข้าใจพี่มากขึ้น แถมพี่กับแฟนน่ารักจะตาย ต้องมีคนมากดไลค์เพียบแน่ๆ”
     ผมชักงงแล้วนะครับ ผมกับพี่ชัช?
     “เข้าใจเรื่องอะไรเหรอครับ? ”
     “ก็เรื่องข่าวลือแย่ๆ พวกนั้นไงคะ ที่ชอบมีคนมาว่าพี่เสียๆ หายๆ อ่ะ แล้วก็เรื่องงานบอลด้วย ถ้าพี่มีเฟซพี่ก็จะได้เอาไว้อัพรูปพี่กับแฟนไงคะ คนจะได้เห็นว่าพี่สวีทกับแฟนแค่ไหน จะได้เลิกมายุ่งกับพี่ อีกอย่างตอนนี้เพจคู่รักเกย์พวกนี้กำลังฮิตเลยนะพี่ พี่ต้นกับแฟนหล่อทั้งคู่ต้องมีคนมากดไลค์เพียบแน่ๆ เผลอๆ จะได้เป็นเน็ทไอดอลด้วยนะ สาววายอย่างหนูเอาหัวเป็นประกันเลย”
     ฟังแล้วผมยิ่งโมโห! ความจริงผมก็พอเข้าใจไอ้ความชอบอะไรพวกนั้นที่น้องเขาเรียกว่าสาววายนะครับ ตอนที่ไปงานเกมกับเตอร์ผมก็เจอ มันก็คงคล้ายๆ กับนนที่บ้าฟุตบอลขนาดหนัก แต่ระยะห่างที่เขามีให้ผมมันชวนอึดอัดมากครับ ผมไม่ได้อยากให้ใครมาตามติดชีวิตซะหน่อย เน็ทไอดอลบ้าบอนั่นใครมันจะไปอยากเป็น!
     “ไม่ดีกว่าครับ พี่ไม่คิดว่าดีหรอกนะที่เราจะเปิดเผยเรื่องส่วนตัวขนาดนั้นให้คนอื่นรับรู้”
     แต่น้องเขากลับไม่เข้าใจที่ผมสื่อ
     “โอ๊ย! ไม่ต้องกลัวหรอกพี่ต้น สมัยนี้มันยุคไหนแล้ว เป็นเกย์ไม่ใช่เรื่องน่าอาย พี่มีสาววายอย่างหนูเป็นกองหนุนนะคะ เดี๋ยวนี้สาววายเยอะนะพี่ พวกเราสนับสนุนให้ผู้ชายรักกันค่ะ ฮ่าๆ”
     ผม... รู้สึกหน้าชามากครับ บอกตามตรงถึงผมจะรู้ตัวว่าเป็นเกย์ แต่ผมก็ไม่ได้ต้องการให้ใครมาพูดใส่หน้าแบบนี้นะครับ!
     ผมโกรธจนแทบระเบิด แต่ผมไม่อยากทำให้เรื่องมันแย่เลยได้แต่ยิ้ม ระหว่างที่ฝืนยิ้มให้น้องเขาผมก็คิดให้กำลังใจตัวเองว่าอีกซักพักเดี๋ยวน้องเขาก็ไป แต่น้องเขาไม่ยอมไปซะทีครับ เขายังพยายามตื้อผมอยู่นั่นแหละ
     “นะพี่เล่นเฟสนะ”
     “พี่ไม่สนจริงๆ ครับ”
     “โธ่! งั้นพี่มีอินสตาแกรม ไลน์ หรือทวิตเตอร์อะไรพวกนั้นมั้ยคะ”
     ถึงมีก็ไม่ให้ครับ! ผมยิ้มพร้อมส่ายหน้าแทนคำปฏิเสธ เธอพยายามตื้อผมต่อแต่ลงท้ายก็ยอมแพ้ แต่ใครจะไปคิด เธอไม่ยอมถอดใจครับ
     “อ่ะๆ ก็ดะ งั้นพี่ต้นถ่ายรูปกับหนูหน่อยนะคะ คนอื่นๆ ต้องกรี๊ดแน่ๆ อ่ะ”
     “พี่ไม่ชอบถ่ายรูปครับ”
     ผมปฏิเสธ แต่น้องเขากลับสวนกลับผม!
     “ไม่จริงอ่ะ หนูรู้น้าว่าพี่แอบคอสด้วย พี่โคตรน่ารักเลย เคะสุดๆ อ่ะ นะ น้า ถ่ายรูปกับหนูหน่อยน้า หนูจะเอาไปอวดเพื่อน คนอื่นต้องอิจฉาหนูแน่ๆ”
     สติผมขาดผึงทันทีครับ! มันสุดจะทนแล้ว
     “น้องเห็นพี่เป็นอะไรครับ? พี่ไม่ใช่สัตว์ในสวนสัตว์นะครับจะได้ให้น้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึก”
     “เปล่านะพี่! หนูไม่ได้คิดแบบนั้น หนูก็แค่-”
     ผมทนฟังมานานแล้วครับ ผมไม่รอให้น้องเขาพล่ามต่อหรอก ขอด่ากลับหน่อยเถอะ!
     “คลั่งเกย์? ชอบเกย์? เป็นสาววายที่ต้องการเห็นผู้ชายรักกัน บ้าทุกอย่างที่เกี่ยวกับเกย์?”
     “เกินไปแล้วพี่ หนูก็แค่เห็นพี่เป็นไอดอลเท่านั้นเอง”
     ไอดอล? ผมอยากจะขำให้ฟันร่วง!
     “ไอดอลด้านไหนครับ ด้านที่พี่เป็นเกย์? น้องรู้จักพี่กี่ด้านกัน คนหน้าตาดีกว่าพี่มีตั้งเยอะ หึ! น้องสนก็แต่เรื่องที่พี่เป็นเกย์”
     “ไม่เห็นต้องพูดแบบนั้นเลยพี่ เสียความรู้สึกอ่ะ อุตส่าปลื้ม หนูคิดว่าพี่เป็นคนดีกว่านี้ซะอีก”
     “อ้าว? นี่พี่ผิดเหรอครับที่ไม่ยอมถ่ายรูปแลกเบอร์ติดต่อกับคนแปลกหน้าที่มาถึงก็เอาแต่พล่ามเรื่องเกย์”
     “พี่ต้น!”
     ผมแสยะยิ้มให้น้องเขาด้วยความสมเพชก่อนจะพูดต่อ
     “พี่จะบอกอะไรให้นะ พี่เป็นเกย์ครับ แต่พี่ต้องการใช้ชีวิตสงบๆ พี่มาที่นี่เพื่อเรียนหนังสือ อยากคุยกับเพื่อนทำตัวปกติเหมือนคนทั่วไปไม่ได้อยากให้ใครมาจ้องจับผิด น้องช่วยทำกับพี่เหมือนที่ทำกับคนปกติได้มั้ยครับ เกย์ก็คือคนปกติเหมือนกัน พี่ไม่ใช่ดาราไม่ได้อยากได้แฟนคลับ พี่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัวครับ แล้วพี่ก็ไม่สนุกที่จะเอาเรื่องส่วนตัวไปโพนทะนาให้คนอื่นรับรู้ด้วย หวังว่าน้องคงเข้าใจ! ”
     “โหยหยิ่งอ่ะ! เสียแรงหลงชอบตั้งนาน นิสัยโคตรแย่! คนเขาอุตส่ามาคุยด้วยดีๆ”
     “อ๋อ... นี่เรียกว่าคุยดีๆ แล้วเหรอครับ? แทนที่จะมาด่าพี่ว่าหยิ่งน้องลองกลับไปส่องกระจกดีกว่ามั้ย นิสัยแบบน้องใครมันจะอยากไปทำความรู้จักด้วย!”
     “ทุเรศที่สุด!”
     “ครับ พี่เป็นคนแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”
     แล้วผมก็เดินหนีออกมาด้วยความหงุดหงิด ผมเลือกที่จะไปนั่งพักเงียบๆ ในห้องพักอาจารย์แทนจะได้ไม่ต้องเจอยัยเด็กบ้านั่น พอใครถามก็บอกว่ามาหาคุณพ่อครับ ผมรู้ดีว่าคราวนี้ผมต้องโดนอีกแน่ๆ แต่มันไม่ไหวนี่ครับ คนแบบนั้นน่ารังเกียจจะตาย คืนนี้ผมจะโทรหาพี่เปา!
 
     แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด นอกจากเรื่องเมื่อวานแล้วยังมีเรื่องที่เม้ากันว่าผมกลับบ้านกับคุณพ่ออีก พวกป่านรีบมาถามข่าวผมแต่เช้า ดีนะครับที่เมื่อคืนผมโทรคุยกับพี่เปาแล้ว พี่เปาเข้าใจผมแต่ก็ตำหนิเรื่องที่ผมใจร้อนด้วยเช่นกัน พี่เขารับปากว่าจะพูดให้แต่ก็ไม่รู้ว่าน้องเขาจะยอมจบไหม
     ผมอธิบายเหตุการณ์เล่าทุกอย่างไปตามจริง พวกเพื่อนๆ ในแก๊งเออออเข้าใจผม คนอื่นๆ ส่วนใหญ่พากันด่าเรื่องที่ผมพูดแรงแต่ไม่ได้ติอะไรมาก ก็ดีแล้วครับเพราะเย็นนี้ผมต้องไปเคลียร์กับพี่บอมอีก เฮ้อ... นี่มันช่วงเคราะห์ของผมรึไงนะ ถึงได้มีแต่เรื่องไม่หยุดหย่อน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#11/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน15
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 11-11-2014 01:27:15
ทิง

     ผมกับเปานัดกันไปกินข้าวเที่ยงเพื่อคุยเรื่องของต้น พวกผมเข้าใจความรู้สึกของต้น ถ้าเป็นผมๆ ก็คงโมโหเหมือนกัน แต่ผมคงไม่ทำแบบต้น ในสถานการณ์นั้นผมอาจจะเลือกเดินหนีไปตั้งแต่แรกมากกว่า
     แต่แล้วผมก็รู้ว่าตัวเองเดาผิด ผมรู้จักตัวเองน้อยกว่าที่คิด บางครั้งมนุษย์เราก็อยากจะเอาชนะในเรื่องโง่ๆ ขึ้นมาเหมือนกัน ผมรู้สัจธรรมข้อนี้ตอนที่นั่งกินข้าวกับเปาแล้วมีเสียงพูดขึ้นว่า
     “วันนี้กูอิ่มอกอิ่มใจโว้ย เดี๋ยวเย็นนี้จะไปดินเนอร์แล้วต่อด้วยของหวาน”
     “มึงไม่กินเพราะกลัวตูดมึงจะไม่สะอาดอ่ะดิ ฮ่าๆ”
     “ค.วยเหอะ! กูเป็นคนทำโว้ย น้องเขาต้องเสร็จกู ฮ่าๆ”
     ตอนที่ได้ยินผมนึกทุเรศไอ้คนพวกนี้นะ มาพูดเรื่องบนเตียงในที่สาธารณะอย่างโรงอาหารได้ยังไง ถึงตอนนี้จะไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการก็เถอะ แต่มันก็ไม่สมควรอยู่ดี ผมไม่ได้รังเกียจเพศที่สาม แต่เพศที่สามที่ทำตัวแบบนี้ผมก็ว่าไม่ไหวนะ
     “เออ เห็นว่าเด็กมึงสร้างเรื่องอีกแล้วนี่หว่า เกิดเฮี้ยนอะไรไม่รู้ไปด่าผู้หญิง น้องเขาเอาไปด่าลงเฟซแชร์กันสนุกเลยมึง”
     “เดี๋ยวคืนนี้เจอกูฉีดยาให้สักเข็มสองเข็มก็เชื่องแล้ว ยังไม่โดนก็งี้แหละว่ะ ยังไม่เชื่อง ฮ่าๆ”
     “เออ ให้ได้น้องเขาก่อนแล้วค่อยมาคุยเหอะมึง กูเห็นมึงโม้มาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นจะจีบติด”
     ผมกับเปากำลังจะลุกพอดีเพราะรำคาญคนพวกนี้ แต่ชื่อที่หลุดออกจากปากพวกมันนี่สิ ได้ยินแล้วผมกับเปาได้แต่มองหน้ากัน
     “เออ พวกมึงคอยดูเหอะ ต้นไม่รอดมือกูหรอก ฮ่าๆ คืนนี้จะเอาให้หงอเลย”
     “ไอ้เหี้ย มือหรืออะไรวะ? ฮ่าๆ”
     แล้วพวกมันก็หัวเราะกันสนุกสนานกับมุกบัดซบนั่น!
     “เออน่ะ น้องเขาได้เป็นเมียกูแน่ๆ กูจะเอาให้ติดใจจนลืมกูไม่ลงเลย ทีนี้แหละพวกมึงรอดูได้เลย จากที่หยิ่งๆ รับรองเชื่อง!”
     ระหว่างผมกับเปา เปามันใจเย็นกว่าผมเสมอ
     “ขอโทษครับ แต่ต้นที่ว่าคงไม่ได้หมายถึงต้นน้ำภาคฟิสิกส์ปีสองใช่มั้ยครับ”
     พอได้ยินเสียงของผมพวกมันก็หันมามอง ไอ้ขี้โม้มันตกใจทันทีที่สังเกตเห็นเปา แต่พอตั้งสติได้มันก็เก็กส่งยิ้มกวนตีนให้ผม
     “ใช่ไม่ใช่แล้วมึงมาเสือกอะไรด้วยวะ?”
     “พวกคุณไม่ควรพูดถึงคนอื่นแบบนั้น”
     “ทำไมวะ เรื่องของกูกับต้น คนนอกไม่เกี่ยว”
     มันยิ้มอวดดีให้ผมแต่ดูจะเขม่นเปาเป็นพิเศษเพราะมันยักคิ้วกวนๆ ส่งให้เปาด้วย
     “คนจะได้กัน ขอร้องคนนอกอย่าเสือก”
     ผมหมดความอดทนเลยเทน้ำในแก้วที่ถืออยู่ราดใส่จานข้าวของมัน!
     “แต่คนที่มึงพูดถึงอ่ะ น้องกู!”

     แล้วหลังจากนั้นอีกสิบนาที พวกผมก็ถูกยำตีนในตรอกเล็กๆ ด้านหลังสระว่ายน้ำ แต่ก่อนที่พวกมันจะกระทืบผมซ้ำที่ท้องต้นก็มาถึง ใครที่คิดว่าน้องชายผมเป็นพวกอ่อนแอน่ะลืมไปได้เลย เพราะต้นเปิดตัวด้วยการกระโดดถีบไอ้คนที่กำลังจะซ้ำผมก่อนจะหันไปปล่อยหมัด ขวาตรงใส่แก้มคนที่กำลังเงื้อหมัดหาเปา
     มันต้องแบบนี้สิน้องพี่! ฮ่าๆ
     “พวกคุณทำอะไรพี่ผม!”
     ต้นแผดเสียงใส่พวกมันด้วยคำสุภาพ
     ดูเหมือนไอ้หัวโจกปากหมามันก็อึ้งไปเหมือนกันที่เห็นต้น หึๆ
     “พี่ผมไปทำอะไรให้พวกคุณ! ทำไมต้องรุมกันแบบนี้ด้วย หมาหมู่ชัดๆ”
     ต้นตะคอกใส่พวกมันทั้งๆ ที่น้ำตานองหน้าก่อนจะรีบเข้ามาประคองเปาที่สะบักสะบอมกว่าผมเยอะ
     “พวกมันเป็นคนเข้ามาหาเรื่องพี่ก่อน”
     “แล้วพี่บอมก็เลยใช้กำลังรุมพี่ผมแบบสี่ต่อสอง?”
     “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา ถอยไปดีกว่าต้น”
     “เกี่ยวสิ พวกเขาเป็นพี่ผม!”
     “ต้นไม่รู้หรอก พวกมันมาหาเรื่องพี่ก่อน พี่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ดีๆ มันก็เอาน้ำมาราดใส่”
     เอาดีเข้าตัวชัดๆ
     “ถ้ามึงไม่พูดถึงน้องกูเสียๆ หายๆ กูก็ไม่ของขึ้นหรอก”
     “ผมจะพาพี่ผมไปหาหมอ รบกวนพี่บอมบอกเพื่อนๆ พี่ให้ถอยไปด้วยครับ ยกเว้นว่าพี่อยากต่อแบบสามต่อสี่”
     มันทำหน้าขัดใจแต่ก็ยอมเปิดทางให้พวกผม ต้นประคองผมกับเปาเดินออกมา แต่แล้วก็หันหลังไปหามันก่อนจะพูดทิ้งท้าย
     “เย็นนี้ตอนห้าโมงผมจะรอพี่บอมที่ห้องชมรมนะครับ เราจะได้เคลียร์อะไรหลายๆ อย่างซะที หวังว่าเราคงคุยกันด้วยเหตุและผลนะครับ”
     แล้วผมกับเปาก็ถูกลากออกมาปฐมพยาบาล ต้นรีบวิ่งไปหายามาทำแผลให้พวกผม พอเหลือผมกับเปาสองคน เปามันด่าผมเรื่องใจร้อนทำให้มันพลอยซวยไปด้วย แต่พอนึกถึงที่มันยอมเดินตามคนพวกนั้นไปเป็นเพื่อนผมแล้วก็ขำเป็นบ้า ไม่ใช่มันรึไงที่เปิดฉากพุ่งเข้าชนไอ้วิดวะหัวโจกนั่นเป็นคนแรก ฮ่าๆ แถมมันยังร้องว่า “ย้าก” ด้วยนะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ตอนที่มาถึงห้องชมรมผมก็เกิดใจฝ่อขึ้นมา คือ... ก็ยอมรับนะครับว่าเมื่อกี้มันเลือดขึ้นหน้า แต่ตอนนี้ผมชักไม่อยากเผชิญหน้ากับพี่บอมแล้ว ผมไม่ได้กลัวหรอกนะครับ แต่ผมโกรธต่างหาก ผมโมโหจนไม่อยากยุ่งอะไรกับพี่เขาอีก กลัวจะทนไม่ไหวครับ คนอะไรต่ำที่สุด!
     พอเข้าไปในห้องชมรม ผมก็เห็นพี่บอมกับเพื่อน อาร์มก็อยู่ด้วยเช่นกัน พอเขาเห็นผมเขาก็รีบลุกมาหาทันที คงรู้เรื่องแล้วมั้งครับ ไม่สิ... อาร์มคงรู้มาตลอดนั่นแหละ แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ลำบากชะมัดเลยครับ มิน่าล่ะเวลาที่พี่ชัชสอนผมถึงได้ย้ำเสมอๆ บอกว่าบางครั้งเราก็ต้องรู้จักเลี่ยงและเลือกเอาว่าอันไหนควรเก็บไปคิดอันไหนไม่ควรเสียเวลาใส่ใจ เพราะในสังคมของการทำงานมันโหดร้ายกว่านี้มาก ต่อให้เราเกลียดขี้หน้าลูกค้าคนนั้นมากแค่ไหน เบื่อเพื่อนร่วมงานมากเพียงไร ยังไงก็ต้องยิ้มให้แล้วรักษาสายสัมพันธ์ตามความเหมาะสม
     เฮ้อ... ผมจะพยายามนะครับพี่ชัช!
     “ต้น นาย...”
     “เราไม่เป็นไรหรอกอาร์ม เราโอเค”
     ผมไม่อยากทำให้อาร์มต้องลำบากใจไปมากกว่านี้ ผมหันไปหาพี่บอมแล้วพูดในสิ่งที่ผมคิด
     “พี่บอมครับ เราไปหาที่สงบๆ คุยกันสองคนได้มั้ยครับ ผมอยากให้มันเป็นการเคลียร์เรื่องเข้าใจผิดระหว่างเราแค่สองคน”
     “ต้น!”
     อาร์มตั้งท่าจะเบรคผม ผมเลยปฏิเสธอาร์ม
     “ไม่เป็นไรหรอกอาร์ม”
     “แล้วแฟนต้นล่ะ ถ้า...”
     อาร์มยังคิดมากเรื่องนั้นอยู่สินะ เขากลัวจะทำให้ผมมีปัญหากับพี่ชัช ผมเลยบอกกับอาร์มว่า
     “โอเคน่ะ พี่เขาไม่ว่าอะไรเราหรอก”
     ก็พี่ชัชไม่อยู่นี่ครับ... พักนี้พี่เขางานยุ่งจะตาย นี่ยังไม่รู้เลยว่าวันนี้พี่เขาจะกลับรึเปล่า... ผมคิดถึงพี่ชัชเป็นบ้า!
     “แต่...”
     อาร์มยังดูลังเล แถมยังเหล่ไปทางพี่บอมอีก ผมเลยดึงคอเสื้ออาร์มให้เขาเอียงหูมาก่อนจะกระซิบ
     “ขนาดอย่างแม็กซ์ยังทำอะไรเราไม่ได้เลย ละนายคิดว่าคนอื่นจะทำอะไรเราได้เหรอ? คนที่สอนเราให้เตะต่อยเป็นคือแม็กซ์นะ ถ้าเราเอาตัวรอดจากแม็กซ์ได้เราก็ต้องรอดจากคนอื่นได้แหละน่า”
     พอได้ยินอาร์มก็ยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าให้ผม เราสองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะเมื่อนึกถึงความหลังงี่เง่าสมัยก่อน มีอยู่พักนึงครับที่แม็กซ์บ้ามวยขึ้นมา เขาไปเรียนมวยไทยแล้วนึกยังไงไม่รู้มาซ้อมกับผม ผมถูกแม็กซ์บังคับให้เป็นตัวล่อเป้าให้เขาเชียวนะ! คนอื่นๆ ในแก๊งโดยเฉพาะปาล์มแกล้งผมหนักมาก มีแต่กายคนเดียวที่ไม่เล่น อาร์มเองยังเอากับเขาเลยครับ แต่อาร์มน่ะซ้อมปกตินะ เพราะปาล์มนี่แกล้งเตะผมแรงมากเลย เล่นเอาผมน่วมไปทั้งตัว พอผมอยากเลิกแม็กซ์ก็ขู่ว่าถ้าผมเป็นผู้ชายแท้ๆ ไม่ใช่ตุ๊ดก็ต้องหัดเตะต่อยเอาไว้บ้าง แกล้งยั่วผมให้เป็นกระสอบทรายให้พวกเขาต่อ แต่ก็ดีนะครับ เพราะเรื่องครั้งนั้นนั่นแหละผมถึงได้พอมีวิชาเอาไว้ป้องกันตัวบ้าง ไม่ใช่แค่เหวี่ยงหมัดมั่วๆ ชกได้แต่อากาศ อย่างน้อยๆ ผมก็ช่วยพี่ทั้งสองคนของผมเอาไว้ได้
     แล้วเราก็แยกกัน ผมชวนพี่บอมไปหาอะไรทานด้วยกันในห้างสรรพสินค้าแถวนั้น อ้างเรื่องทานไปคุยไปครับ ชวนพี่เขาไปในที่ๆ คนเยอะๆ จะได้ไม่ต้องถูกพาไปที่เสี่ยงๆ ผมคิดว่านั่นคงเป็นการรับประทานอาหารร่วมกันสองต่อสองครั้งแรกและครั้งสุด ท้ายระหว่างผมกับพี่บอม
     ทั้งๆ ที่ปกติพี่บอมชอบพูดมากจนน่ารำคาญแต่วันนี้พี่บอมกลับเงียบ คงเพราะเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ตามใบหน้าและแขนของพี่บอมไม่ปรากฏร่องรอยอะไร แตกต่างกับพี่ๆ ของผมที่เจ็บกันพอสมควร
     “พี่บอมเจ็บตัวรึเปล่าครับ?”
     “ไม่หรอก”
     “ก็ดีครับ พี่ๆ ผมน่วมกันพอสมควร”
     ผมอดไม่ได้ที่จะประชด แต่นี่แหละนิสัยผม
     “ต้นมีอะไรจะพูดก็พูดมาเลยดีกว่า เรื่องเมื่อตอนกลางวันพี่อารมณ์ร้อนไปหน่อย พี่ขอโทษละกัน”
     “แล้วผมจะไปบอกพี่ชายทั้งสองคนของผมให้ครับ แล้วก็นี่ ... ผมคืนให้พี่บอมครับ”
     ผมยื่นกล่องใส่สร้อยคอที่พี่บอมให้ผมเป็นของขวัญวันเกิดคืน
     “ทำไมละต้น!”
     “เพราะผมคิดว่าตัวเองไม่สมควรรับมันไว้ครับ”
     “พี่ไม่เข้าใจ กับแค่เรื่องนิดหน่อยเมื่อตอนกลางวันต้นก็คืนของขวัญพี่เหรอ!”
     เพราะพี่เขาไม่รับ ผมเลยวางกล่องนั้นลงบนโต๊ะแทน
     “พี่บอมคิดยังไงกับผมครับ”
     พี่บอมดูอึ้งๆ กับคำถามของผม เขาดูหงุดหงิดทั้งๆ ที่กำลังยิ้ม
     “พี่ทำถึงขนาดนี้ต้นจะไม่รู้ได้ยังไง พี่ว่าต้นรู้อยู่แก่ใจว่าพี่คิดยังไงกับต้นแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้มากกว่า”
     “ก็ผมไม่อยากคิดไปเองนี่ครับ พี่บอมเป็นผู้ชาย ผมก็เป็นผู้ชาย ปกติผู้ชายด้วยกันเขาไม่รักกันหรอกครับ ผมเลยไม่อยากคิดไปเอง แล้วพี่บอมก็ไม่เคยพูดอะไรตรงๆ กับผมด้วย”
     “พี่ชอบต้น”
     เป็นการสารภาพรักที่ห่วยแตกที่สุดท่ามกลางบรรยากาศเฮงซวยชวนให้ลุกขึ้นมาต่อยปากกันซะมากกว่า ผมว่ามาถึงตอนนี้พี่เขาคงไม่ได้ชอบผมแล้วละครับ พี่เขาก็แค่อยากเอาชนะผม
     “งั้นพี่บอมชอบผมตรงไหนเหรอครับ?”
     ทั้งๆ ที่ผมใช้ใจถาม แต่พี่บอมกลับทำหน้าเหมือนได้ฟังเรื่องไร้สาระ
     “ก็ต้นน่ารักพี่ก็เลยหลงรัก การที่พี่ชอบต้นเพราะแบบนี้มันผิดเหรอ พี่อุตส่าตามจีบต้นมาตั้งแต่ตอนปีหนึ่ง ความรักของพี่มันไม่มีค่าเลยรึไงต้น?”
     “ทั้งๆ ที่พี่ไม่ได้รู้จักตัวตนของผมเลย? เราสองคนนอกจากทักทายกันในชมรมแล้วเราแทบไม่รู้จักกันเลยนะครับ”
     “ต้นก็เปิดโอกาสให้พี่สิ ลองมาคบกับพี่ดูไม่ใช่เอาแต่หนี!”
     “ถ้าพี่บอมรู้ว่าผมหนีแล้วทำไมถึงยังตามผมไม่เลิกครับ เพราะพี่บอมไม่เคยพูดอะไรมาตรงๆ ผมก็เลยปฏิเสธให้มันชัดๆ ไม่ได้ ผมอึดอัดแต่ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยต้องใช้วิธีนั้น ยังไงซะพี่ก็เป็นรุ่นพี่ของอาร์ม ผมไม่อยาก...”
     “เราก็เลยปล่อยให้พี่มีความหวังลมๆ แล้งๆ มาตลอดทั้งที่ไม่เคยคิดอะไรกับพี่!”
     โอ้โห! ผมขึ้นนะครับ ผมเนี่ยนะให้ความหวังพี่เขา? ผมไปให้ความหวังเขาตอนไหนกันครับ มีแต่เขานั่นแหละที่คิดไปเองแถมยังเอาผมไปพูดซะเสีย!
     “ผม...”
     ผมพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่มันไม่ไหวแล้วครับ!
     “เรื่องที่ผมอยากบอกพี่บอมมาตลอดก็คือผมมีแฟนแล้วครับ แล้วผมก็... ไม่ชอบการที่พี่มาแซวอะไรผมแบบนั้นด้วย ... ผม ... จีบให้ตายผมก็ไม่ขึ้นเตียงกับพี่หรอกครับ!”
     ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ไม่เคยเจอใครน่ารังเกียจขนาดนี้มาก่อนเลย! พี่บอมดูจะอึ้งๆ ทันทีที่ประโยคสุดท้ายหลุดออกจากปากผม ผมพยายามข่มอารมณ์ตัวเองเช่นเดียวกับพี่บอมที่ขบกรามจนแน่น แต่จู่ๆ พี่เขาก็แค่นยิ้ม
     “แล้วต้องหล่อ รวย เฟอเฟ็คขนาดไหนล่ะ ต้นถึงจะยอม”
     สายตาดูถูกๆ ส่งมาให้ผมจากคนที่บอกว่าชอบผม แม้แต่ตอนที่ผมเล่นเกมอันตรายกับแม็กซ์ ... ยังไม่เคยมีซักครั้งที่แม็กซ์จะมองผมแบบนี้
     “ถ้าพี่หมายถึงแม็กซ์ละก็ ผมขอบอกว่าพี่เข้าใจผิดครับ อย่างที่ผมเคยบอกพี่ไป ผม แม็กซ์ และอาร์ม พวกเราเป็นเพื่อนกันมาก่อนก็เท่านั้น”
     พี่บอมมีสีหน้าคล้ายกับกำลังด่าผมอยู่ในใจ สายตาแข็งกร้าวปนสมเพชถูกส่งมาให้ผม
     “อมพระมาพูดพี่ก็ไม่เชื่อหรอกต้น เห็นกันอยู่ คิดว่าพี่โง่รึไง อย่าเล่นตัวนักเลย”
     “พี่บอมรู้จักหมาหวงก้างมั้ยครับ?”
     พี่บอมชะงักก่อนจะทำหน้าไม่เข้าใจ แต่แล้วเขาก็มีสีหน้าโกรธเคืองถ้อยคำของผม ผมเลยถือโอกาสพูดต่อ
     “แม็กซ์เขาเป็นแบบนั้นนั่นแหละครับ เป็นมาตลอดตั้งแต่สมัยที่เรายังเรียนด้วยกัน ผมไม่แคร์ว่าเขาจะคิดยังไงกับผม จะยังรักจะแอบหวังหรือตัดใจแล้วยังไงก็ช่าง ขอแค่เขาไม่ทำให้ผมลำบากใจเหมือนเมื่อก่อน ผมก็เฉยๆ ครับ”
     “หึ!”
     “หมาที่ดีเราเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านได้นะครับ หมาที่เชื่องจะปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเคร่งครัด ผมไม่ต้องระแวงว่ามันจะหันมากัดผมเมื่อไหร่”
     “นี่เพื่อนต้นเขารู้รึเปล่าว่าต้นพูดถึงเขาแบบนี้ ถ้ามันมาได้ยินคงเสียใจน่าดู”
     “ไม่หรอกครับ แม็กซ์เขารู้สถานะของตัวเองดีอยู่แล้ว ต่อให้ผมพูดแรงกว่านี้เขาก็ไม่โกรธผมหรอก เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าผมนิสัยยังไง ของแบบนี้ไม่ต้องพูดออกมาก็รู้ครับ แค่มองตาก็เข้าใจ ผมกับเขารู้จักกันดีเกินกว่าที่จะโกรธกันด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ผมถึงได้เรียกเขาว่าเพื่อนสนิท และที่สำคัญแม็กซ์ติดหนี้ผมอยู่ เขาจะไม่มีวันทำให้ผมต้องเสียใจเด็ดขาด”
     “เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อน่ะสิต้น”
     “คิดก็ส่วนคิดสิครับ ทำก็ส่วนทำ แม็กซ์ไม่มีวันทรยศผมเด็ดขาด ผมรู้ว่ามันฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ผมกับแม็กซ์ไม่เคยมีอะไรกัน ผมจะทำแบบนั้นเฉพาะกับคนที่ผมรักคนเดียวครับ แล้วแม็กซ์เขาก็รู้ตัวดี เขาไม่เคยฉวยโอกาสกับผม ผมถึงได้ไปไหนมาไหนกับเขาได้อย่างสบายใจ”
     “จะบอกว่าพี่มันไม่น่าไว้ใจงั้นสิ”
     แหง๋สิครับ! ใครจะอยากไปไหนมาไหนกับคนที่พูดไปทั่วว่าต้องลากผมขึ้นเตียงให้ได้
     “ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ เพียงแต่... มันคงดูไม่เหมาะถ้าผมจะไปไหนมาไหนกับคนที่ออกตัวว่าจีบผม คือ... ผมไม่อยากมีปัญหากับแฟนน่ะครับ”
     “อย่ามาแหลเลยต้น จะสร้างภาพว่าตัวเองใสซื่อไปถึงเมื่อไหร่ จะบอกไรให้นะ ไอ้ที่ต้นทำอ่ะ เขาเรียกกิ๊ก”
     “ผมมีเพื่อนผู้หญิงอยู่คนนึงที่สนิทกันมาก เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย บางครั้งเขาก็มาค้างกับผม ผมสนิทกับเขามากกว่าที่ผมสนิทกับแม็กซ์ซะอีก ถ้าอย่างนั้นผมก็เป็นกิ๊กกับเขาด้วยเหรอครับ? ผมห้ามความรู้สึกแม็กซ์ไม่ได้ แต่ระหว่างผมกับเขาก็ไม่มีอะไรเกินเลย ผมปฏิบัติตัวกับเขาเหมือนที่ผมทำกับอาร์ม ผมทำอะไรไม่ดีเหรอครับ?”
     “บริสุทธิ์จริงๆ นะต้น หึๆ พี่พึ่งเห็นตัวตนต้นจริงๆ ก็วันนี้เอง”
     ทำมาเป็นหัวเราะ ไม่ด่าผมออกมาตรงๆ เลยล่ะ! พอตัวเองผิดหวังก็มาโทษคนอื่นเขา โยนความผิดว่าผมสกปรก ไอ้มนุษย์โสมมเอ้ย!
     “ก็นั่นน่ะสิครับ ผมถึงได้ถามว่าพี่บอมชอบผมที่ตรงไหน? แล้วผมบอกพี่บอมตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับว่าผมเป็นแบบนั้น?”
     สะใจจังเลยครับ พี่บอมหน้าเขียวเชียว ท่าทางจะจุกจนพูดอะไรไม่ออก ฮ่าๆ
     “ถือว่าพี่ผิดเองละกันที่ดูต้นผิดไป”
     “ครับ พี่บอมน่ะแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมเลย เราสองคนถือเป็นคนแปลกหน้าต่อกันด้วยซ้ำ ให้นึกยังไงผมก็นึกไม่ออกว่าพี่บอมชอบผมตรงไหน รูปร่างหน้าตาผมก็ไม่ได้ดีอะไร  ตอนนี้เห็นตัวตนของผมแล้ว ผมว่าพี่คงปลี่ยนใจแล้วมั้งครับ ขอโทษนะครับที่ผมไม่ใช่อย่างที่คิด”
     ใจจริงผมอยากพูดว่า ‘ขอโทษนะครับที่ผมไม่ใช่ลูกแกะโง่ๆ ให้พี่ลากขึ้นเตียงได้ง่ายๆ อย่างที่คิด’ ด้วยซ้ำ!
     หึๆ พี่บอมคงจะแค้นผมมาก สีหน้าของพี่เขานี่แทบจะฆ่าผมให้ตาย!
     “แต่ผมก็ดีใจนะครับที่เกิดเรื่องขึ้น อย่างน้อยวันนี้เราก็ได้เปิดอกคุยกัน จริงสิ ผมว่าจะมาขอโทษเรื่องงานบอลแท้ๆ แต่ดันลืมซะได้ ต้องขอโทษแทนแม็กซ์กับเพื่อนด้วยนะครับ เล่นแรงไปหน่อย แม็กซ์ก็เป็นแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เกรียนจนบางครั้งผมยังแอบรำคาญ”
     อย่างน้อยๆ ผมก็ไม่ได้โกหกนะครับ เพราะแม็กซ์เป็นแบบนั้นนั่นแหละผมถึงไม่คิดจะสานสัมพันธ์แบบพิเศษด้วย แล้วเมื่อก่อนแม็กซ์บัดซบกว่านี้หลายร้อยเท่า ใครมันจะไปชอบลงละครับ!
     “เออ ช่างมันเหอะ พี่ไม่ถือว่ะ ถึงขั้นนี้แล้ว”
     เห็นสีหน้าเจ็บจนจุกแบบนี้แล้วก็สะใจเป็นบ้า! ฮ่าๆ
     “ครับ ขอบคุณพี่บอมนะครับ ใจกว้างสมกับเป็นรุ่นพี่จริงๆ เลย”
     ผมพูดขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ ฮ่าๆ สมน้ำหน้า ผมว่าผมกลับดีกว่า เรื่องที่ควรพูดก็พูดหมดแล้ว หึๆ
     “งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง ถือซะว่าเป็นคำขอโทษจากผม”
     ผมยิ้มให้พี่บอมแล้ววางเงินไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินจากมาโดยไม่หันกลับไปมอง โชคดีจังครับที่คุณพ่อให้ค่าขนมผมเพิ่ม เฮ้อ... รีบกลับบ้านไปหาพี่ชัชดีกว่า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


พี่บมพูดถูกใจ แบบนี้เขาเรียกกิ๊กชัดๆ ตัวเอกร้ายจริงๆ ตรรกะเพี้ยนนิดๆ เหอะๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#11/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน15
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 11-11-2014 01:40:01
ชัยชัช

     ผมกลับมาถึงห้องตอนทุ่มหน่อยๆ แต่ต้นยังไม่กลับ เอ... มันโทรบอกผมว่ามันจะค้างบ้านพ่อมันแค่วันเดียวไม่ใช่เหรอครับ? แต่ตอนที่ผมสองจิตสองใจว่าจะโทรหามันดีมั้ย เมียผมก็กลับมาถึงพอดี แต่แปลกดีครับ ผมยังไม่ทันได้อ้าปากทักมันก็รีบถอดรองเท้าแล้วเดินตรงมาหาผมที่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา สีหน้ามันดูไม่ดีเลย คิ้วงี้ขมวดเป็นปมเชียว มาถึงก็มานั่งซุกผม มันฝังหน้าลงกับอกผมแล้วก็เริ่มปฏิบัติการมุด สองแขนมันโอบเอวผมไว้ซะแน่น แถมมันยังถอนหายใจเฮือกๆ จนผมงง
     “เป็นไรไปครับ?”
     “คิดถึงพี่ชัชครับ”
     ได้ยินแล้วผมก็ยิ้มสิครับ
     “กินไรมายัง พี่ซื้อของกินกลับมาเพียบเลย”
     “เรียบร้อยแล้วครับ พี่ชัช... ขอผมอยู่แบบนี้แป็บนึงนะครับ”
     ผิดปกติครับ! นี่มันไม่ใช่ไอ้ต้น! เกิดอะไรขึ้นกับเมียผมวะ!
     “จะชาร์จพลังเหรอเรา จะกอดพี่ก็ถอดเป้ออกก่อนไป”
     มันได้ยินแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองผม น่ารักจริงๆ เลยเมียพี่ ต้นมันเหมือนเด็กเลยครับเวลามันทำแบบนี้ มันเบิกตาเรียวๆ ของมันซะกว้างแล้วมองตรงมาที่ผม แถมยังเผลอเม้มปากจนแก้มป่องหน่อยๆ ด้วย ผมเลยจุ๊บเหม่งมันไปหนึ่งทีก่อนจะช่วยมันปลดเป้ออก เดาได้ว่ามันต้องไปมีเรื่องมาอีกชัวร์
     พอร่างกายเป็นอิสระแล้วทีนี้แหละ มันเกือบจะปีนขึ้นมาบนตักผมอยู่แล้ว กอดผมซะแน่นเชียว ผมเลยลูบปลอบมันไปเรื่อย ลูบหลังบ้าง ลูบหัวมันบ้าง บางทีก็วางมือไว้เฉยๆ บางครั้งก็กระชับอ้อมกอด ผมนั่งดูทีวีเงียบๆ ปล่อยให้มันชาร์จพลัง จนกระทั่งมันถอนหายใจยาวๆ ออกมา ท่าทางน้ำมันจะเต็มถังแล้วครับ
     “เกิดอะไรขึ้น? อยากเล่าอะไรให้พี่ฟังมั้ยครับ?”
     ต้นมันถอนหายใจแล้วขยับมาซุกผมหนักกว่าเดิมอีก อืม... มันอ้อนมาก นี่เมียผมอายุยี่สิบรึสองขวบกันแน่วะ?
     “มันเยอะจนไม่รู้จะเริ่มยังไงเลยครับ”
     “ขนาดนั้นเลย? ทำเรื่องอะไรมาอีกอ่ะเรา”
     “อื้อผมเปล่านะ! ผมอยู่เฉยๆ เรื่องก็วิ่งเข้ามาหาเองต่างหาก”
     แน่ะๆ มีเถียงนะครับที่รัก ฮ่าๆ
     “คร้าบๆ งั้นน้องต้นก็เล่ามามะ เดี๋ยวป๋าชัชจะฟังแล้วช่วยหาทางออกให้”
     “แก้หมดแล้วครับ”
     “หือ?”
     แก้อะไรของมันวะ? เมียผมจัดการปัญหาแล้วจริงดิ? มันจัดการปัญหาเองได้ด้วย! มิน่าท่าทางหมดพลังมาเชียว เฮ้อ... ไอ้เด็กเลี้ยงแกะของผม
     “ความจริงผมจัดการปัญหาหมดแล้วครับ แต่... ผมแค่เหนื่อย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเจอแต่เรื่องงี่เง่าแบบนั้นด้วย”
     “งั้นลองบอกมาสิครับว่าต้นเจอเรื่องงี่เง่าอะไรบ้าง”
     แล้วมันก็เล่าให้ผมฟัง เมียผมวีนแตกใส่แฟนคลับ เฮ้อ... ก็รู้นะครับว่ามันคงอึดอัด แต่ไปประชดแบบนั้นยิ่งทำให้เรื่องมันแย่ลงชัดๆ ไอ้ต้นมันรับมือกับปัญหาได้ห่วยจริงๆ นึกถึงตอนที่ต้นมันโกรธผมจนหนีไปหาน้องเมษชะมัด ตอนนั้นมันก็แรงใส่ผมแบบนี้เล้ย ผมงี้หงุดหงิดจนแทบอยากใช้กำลัง
     แต่ก็เข้าใจมันนะครับ ตอนผมวัยรุ่นก็อารมณ์ร้อนแบบนี้แหละ เรื่องการปรับตัวนี่มันมาตามอายุจริงๆ อย่างน้อยๆ การที่มันมานั่งกลุ้มใจก็แปลว่ามันคงรู้ตัวว่าผิดนั่นแหละ ถือเป็นสัญญาณที่ดีครับ เมียผมมีการพัฒนาแล้ว ฮ่าๆ
     หัวเราะได้ไม่นาน ยังไม่ทันได้ปลอบ เรื่องที่สองก็ตามมา พอได้ฟังเรื่องราว ผมก็ของขึ้นครับ! ใครอนุญาตให้มันทำแบบนั้นกับเมียผม!
     “เขาทำร้ายพี่เปากับพี่ทิง ทุเรศชะมัดเลยครับ”
     โอเค! ผมโคตรเคืองครับ แต่นาทีนี้ผมควรเป็นที่พึ่งให้ไอ้ต้นไม่ใช่ไปโมโหซะเอง ผมได้แต่กัดฟันข่มความโกรธเอาไว้ในใจแล้วสวมบทเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้ไอ้ต้น รอก่อนเถอะมึง บังอาจหยามเมียกู!
     “แต่พี่เราก็ไปทำเขาก่อนไม่ใช่เหรอ ไม่โดนต่อยคว่ำตั้งแต่ตรงนั้นก็บุญแล้ว”
     “แต่เขาพูดถึงผมไม่ดีก่อนนะครับ พี่ทิงเลยโมโห พี่ชัชอ่ะ! ไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง”
     ต้นมันจ้องหน้าผมด้วยแววตาเอาเรื่อง ความจริงผมเองก็เพิ่งจะรู้นะว่าเมียผมเป็นพวกเลือดร้อน นอกจากขี้วีน เจ้าอารมณ์ ชอบเอาชนะ มีอะไรอีกมั่งวะเนี่ย? ... อ้อ! เจ้าทิฐิเป็นที่หนึ่ง รักศักดิ์ศรียิ่งชีพ ฆ่าได้หยามไม่ได้ เฮ้อ... ผมก็เลยต้องงัดไม้ตายขึ้นมาปลอบเด็กดื้อ
     “ต้นคิดว่าพี่จะปล่อยให้เราโดนใครที่ไหนไม่รู้พาไปซั่มรึไงครับ พี่ก็รักของพี่นะ หวงด้วย”
     ต้นมันเขินจนหน้าแดงหน่อยๆ แล้วครับ น่าจะได้ผล ว่าแล้วก็จูบปลอบขวัญมันซักที นั่นไงมันขัดขืนได้แปปเดียวก็เริ่มจูบตอบผม อาจจะดูเลวไปบ้าง แต่อย่างน้อยๆ ก็ได้ผลละวะ!
     “อื้อ... พี่ชัชอ่ะ อื้ม พอแล้วครับ”
     เสียงกระเส่าเชียวนะที่รัก หึๆ พอเริ่มหายใจไม่ทันก็ผลักผมออก หน้างี้แดงเชียว ค่อยสมเป็นเด็กเลี้ยงแกะของผมหน่อย
     “ทำไมอ่ะ ชาร์จพลังไง หึๆ”
     “จะสูบพลังล่ะสิไม่ว่า ... ไม่เอาดีกว่าครับ ผมจะไปอาบน้ำนอนแล้ว”
     ว่าแล้วมันก็ลุกขึ้น ทำท่าจะหนี แต่ผมชิงจับข้อมือของมันไว้
     “เดี๋ยว”
     “อะไรครับ?”
     ต้นมันหันมามอง ทำท่างงๆ
     “อาบให้สะอาดนะครับ ไม่งั้นคืนนี้ผ้าปูเลอะจริงๆ ด้วย”
     เท่านั้นแหละ อายม้วนต้วนเลยครับ ฮ่าๆ
     “บ้า! พี่ชัชก็...”
     “ทำไมอ่ะ เราคิดถึงพี่แล้วพี่จะคิดถึงเราบ้างไม่ได้เหรอครับ”
     “นั่นเขาไม่เรียกว่าคิดถึงแล้วครับ เขาเรียกหื่น”
     “นั่นแหละ อย่างเดียวกัน ถ้าอาบไม่สะอาดเดี๋ยวพี่ไปช่วยอาบนะ หึๆ”
     มันทำปากอ่านได้ว่า “บ้า” แล้วก็เดินเข้าห้องนอนไป เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของเมีย ผมเลยเก็บของกินบนโต๊ะเข้าตู้เย็น จัดการในห้องนั่งเล่นให้เรียบร้อยจะได้ไม่ต้องลุกออกมาอีก หึๆ ยาวไปครับคืนนี้!

     เพราะวันนี้ต่างคนต่างเหนื่อยผมกับต้นเลยจัดกันแค่รอบเดียว พอเสร็จสมอารมณ์หมายมันก็คลอเคลียซุกอยู่ในอกผม กอดผมได้ซักพักมันก็ดันผลอยหลับ เสือกหลับทั้งๆ ที่ยังโป๊
     ไออุ่นจากตัวมันร้อนผ่าว แก้มใสๆ แนบอยู่กับอกผม ตางี้พริ้มเชียว สองขามันเกาะเกี่ยวก่ายตัวผมไว้อย่างกับลูกลิง หน้าแข้งที่มีขนประปรายวางพาดอยู่บนหน้าขาผมชวนให้จั๊กจี้
     เมียผมเป็นผู้ชาย ต้นมันเป็นผู้ชายทั้งทางร่างกายและจิตใจ ถึงนิสัยบางอย่างของมันจะเหมือนผู้หญิงก็เถอะ ... ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ผมนอนกับผู้ชายด้วยกันจนเป็นเรื่องปกติ? ผมเริ่มกลัวตัวเอง... แต่ช่างมันเหอะครับ คิดแล้วก็ปวดหัว เลิกคิดดีกว่า
     ผมขยับผ้าห่มมาคลุมร่างของเราสองคนเพราะโป๊กันทั้งคู่ กลัวต้นมันจะไม่สบายครับ คืนนั้นผมนอนกอดมันทั้งคืน...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ความจริงแล้วช่วงนี้หลอดลมอักเสบ กินยาแก้แพ้แล้วง่วง ดังนั้นขอหนีไปนอนก่อนล่ะ

พักนี้คนอ่านกับคนเม้นหาย แอบเศร้านิดๆ  :hao5:
ก็ยังรอคอมเม้นเรื่องคาแรคเตอร์อยู่เรื่อยๆ น้า เขาจะได้เก็บไว้ปรับปรุงเรื่องหน้า คนอ่านคนไหนอ่านเจอว่างๆ มีจิตศรัทธาก็โปรดเมตาสละเวลาช่วยตอบหน่อยเถ้อ ถือว่าเอาบุญ
รออยู่แต่ไม่รู้จะทำยังไงเลยได้แต่ลงนิยายเงียบๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#10/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน15
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 11-11-2014 02:49:24
ตัวเองเค้าขอสารภาพว่าที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ เข้ามาคอมเม้น เพราะไปตามอ่านจากอีกที่นึงมาแล้วเม้นในนั้นด้วย กำลัง รอให้เนื้อเรื่องตามทางโน้น ให้ทันอยู่ว่าจะเม้นที่เดียว แต่เห็นใจคนเขียนเนาะ ถ้ามีคนอ่าน แล้วไม่เม้น  เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#11/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # Pocky Day!
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 11-11-2014 17:46:17
อ่า อ่านคอมเม้นท์จากท่านๆ ผู้อ่านทั้งสองเว็บแล้ว เหมือนจะเห็นภาพแฟนคลับนิยายเรื่องนี้รางๆ ส่วนใหญ่จะตามจากทางเด็กดีอยู่แล้ว มีน้อยที่เพิ่งมาตามในนี้ แต่พอตามในนี้แล้วมันขาดตอนก็จะตามไปลุยอ่านจากในเด็กดีต่อ (แต่รู้กันใช่มั้ยในเด็กดีไม่มีฉากเรทลงนะ)
แต่อย่างที่เคยพล่ามไปแหละ คือภาคแรกแต่งขึ้นมาได้เพราะโครงการประกวดของสำนักพิมพ์นึง ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ไม่ผ่าน เพราะภาษาด้วย(พอเอามาลงในนี้พบว่าขนาดแก้แล้วแก้อีกยังมีคำผิดอื้อ) พล็อตด้วย มันไม่ค่อยเป็นที่นิยมถูกจริตคนอ่านกลุ่มใหญ่ ใครเขาจะเอาไปขาย แต่หยุดเขียนต่อไม่ได้เพราะเรามีพล็อตในหัวต่ออื้อเลย เลยเป็นที่มาของภาค2ที่จัดเต็มโคตรๆ และลงให้อ่านก่อนเพราะถ้าผลไม่ออกลงภาค1ที่ไหนไม่ได้ พอมาที่นี่เราเลยลงไล่กันตั้งแต่1ไป2
ภาค2เราเขียนอย่างที่อยากเขียนจริงๆ ทั้งตัวต้นและพี่ชัชที่คงต้องบอกว่าต่างคนต่างมีมุมแย่ๆ เป็นของตัวเอง พูดง่ายๆ ว่าอยากลองนำเสนอแนวแบบที่เป็นตัวเองจริงๆ ดูน่ะ แล้วต่อไปค่อยเอาผลที่ได้ไปปรับใช้อีกที แต่จริงๆ เราเป็นคนที่มีหลายมุมนะเออ แบบโคตรรั่วก็มีนะ ฮ่าๆ

เราโคตรปลื้มที่มีคนชมว่านิยายมันเรียล ใช่เลย เราตั้งใจแบบนั้น เคยๆ บ่นไปแล้วประมาณว่าอยากให้คนอ่านนิยายเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหมือนตามเผือกเรื่องชาวบ้าน อารมณ์ประมาณเกาะกระทู้พันติ๊บ ถ้าได้แรงเผือกแนวๆ นั้นจะสะใจมาก เขาทำได้ใช่มั้ย? ทำให้คนอ่านอยากรู้อยากตาม อยากด่า หงุดหงิดแต่เลิกอ่านไม่ได้ คิดๆ ดูแล้วช่างเป็นคนแต่งที่โรคจิตและซาดิสพิกล ทรมานคนอ่านชัดๆ
แต่สังเกตว่าพักหลังยอดวิวคนอ่านขึ้นเร็วกว่าสมัยแรกๆ ที่ลงภาค1เยอะ ... ก็เม้นมันไม่มี ก็ดูยอดวิวเอาไง ขยับเร็วหรือขยับช้า ก็ดูตลอดนะ เป็นการสำรวจฟีดแบ็กของตัวเองด้วย พอเดาได้ว่าฐานคนอ่านน่าจะเป็นวัยโตๆ กันแล้วมากกว่าวัยเด็กๆ มุ้งมิ้ง เพราะเนื้อเรื่องแบบนี้มันน่าจะสะใจคนโตแล้วมากกว่า และคนพวกนี้ส่วนมากอ่านอย่างเดียว ไม่มีอะไรพิเศษจริงๆ ไม่โผล่มาเม้น (เช่นคนเขียนขู่ฆ่าตัวตายน้อยใจอะไรทำนองนั้น ฮ่าๆ) เราก็เลยไม่ค่อยดีดดิ้นไง ในเด็กดีไม่เคยขู่นักอ่านเงาเลยด้วย ไม่ใช่นักเขียนแบบยอดไม่ถึงไม่เม้นไม่อัพ เข้าใจว่าคนอ่านด่านักเขียนแบบนั้นกันเยอะ แต่ก็พอเข้าใจว่าเพราะพล่ามเยอะแบบนี้คนเม้นส่วนนึงอาจจะไม่กล้าเม้น กลัวนักเขียนกัด เหอะๆ ดูไม่ค่อยเจียมตัวไม่ค่อยน่าสงสารคนเลยไม่ค่อยเห็นใจเพราะเกรียนเกิ๊น!

ดังนั้น เพื่อเป็นการคารวะแด่คนอ่านที่ช่วยกันกดเข้ามาอ่าน  :pig4:  ขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาอ่านนิยายเรื่องยาวเยอะๆ เรื่องนี้


(http://image.ohozaa.com/i/1e0/WFRiEm.jpg)

พึ่งแต่งสดๆ ตะกี้ นี่แหละโน้ตบุคคู่ชีพเขา อา... น้องต้นชอบสตอรเบอร์รี่แต่คนแต่งบ้ามินต์นะเออ!  :o8:

**ตอนแรกก็ว่าจะลงเนื้อหาตอนต่อไปจริงๆ นะ แต่อยู่ๆ หัวมันแล่นกลายเป็นตอนพิเศษป็อกกี้เดย์ซะได้ ไม่มีในเด็กดีนะ!



ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ Pocky Day!

**เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังตอน #ฉากจบ จ้า
“โต้น กินป็อกกี้ป่าว?”
“ไม่อ่ะ”
“กินหน่อยน้า... อร่อยน้า”
ต้นน้ำเหล่มองคู่สนทนาที่คาบป็อปปี้ไว้ในปากแล้วนั่งเท้าคางยื่นหน้ายื่นป็อกกี้มาทางเขาด้วยสายตาเพลียๆ ละเหี่ยใจ
“ไม่ เราไม่ชอบป็อกกี้ แล้วใครมันจะไปอยากทานป็อกกี้จากปากนาย”
“ง่า แผนป้อนป็อกกี้ไม่สำเร็จแฮะ”
เจ้าของป็อกกี้จอมเอาแต่ใจนั่งซึม เขานั่งแทะป็อกกี้พลางน้ำตาตก
“เล่นอะไรบ้าๆ”
“ไม่ได้เล่นน้า ก็วันนี้วันป็อกกี้เดย์ไง ก็ต้องป็อกกี้ดิ”
“ก็เห็นนายทานป็อกกี้ทุกวันนั่นแหละ”
“ไม่เหมือนกันน้า ทุกวันนั่นเรากินรสช็อกโกแลต แต่วันนี้รสช็อกโกแลตมินต์เชียวน้า”
เจ้าของป็อกกี้ยังงอแงตื้อเขาพลางอวดกล่องป็อกกี้รสชาติใหม่ให้ดู
“เฮ้อ...”
ต้นน้ำจะทำยังไงดีหนอ?

แฟนคลับล่ะ จะเลือกหนทางไหน? ทาน อ่าน1   ไม่ทาน อ่าน2


1
“ได้เอามาสิ”
“เย้ๆ อ่ะนี่ เราป้อน”
“บ้า! ใครจะไปอยากทานจากปากนาย”
ต้นน้ำดุเจ้าของป็อกกี้ที่คิดพิเรนทร์ส่งป็อกกี้ให้ด้วยปาก เขาหันหน้าหลบป็อกกี้ชุ่มน้ำลายแล้วหยิบเอาแท่งใหม่จากในกล่องไปทาน แต่ระหว่างนั้นเอง! ..... อ่านต่อ5


2
เพราะถูกดุเจ้าของป็อกกี้เลยจ๋อย ต้นน้ำเหมือนจะเห็นภาพซ้อนเป็นหูกับหางที่ตกลู่ไม่ร่าเริงเหมือนเก่า
“มันอร่อยนักเหรอไง ป็อกกี้เนี่ย?”
“ก็อร่อย แต่อยากเล่นป็อกกี้เดย์กับต้นมากกว่า”
“ไอ้เกมที่เหมือนรับน้องเนี่ยนะ?”
“ก็... อยาก... อยากเล่นอ่ะ”
เจ้าของป็อกกี้แทะป็อกกี้พลางน้ำตาคลอ ภาพที่เห็นชวนให้สงสาร ต้นน้ำจึง ..... เล่น อ่าน3   ไม่เล่น อ่าน4



3
ต้นน้ำจึงหยิบป็อกกี้มาคาบไว้ในปาก แล้วยื่นหน้าไปทางเจ้าของป็อกกี้
“อ่ะ อานมั้ยเอาอ้อน” (อ่ะ ทานมั้ย เราป้อน)
เจ้าของป็อกกี้เหมือนฟื้นคืนชีพดีใจจนยิ้มร่า
“เย้ รักต้นที่สุดเลย จ๊วบ!
ต้นน้ำไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเขมือบป็อกกี้เข้าไปได้อย่างไรแต่รู้ว่าริมฝีปากตัวเองถูกจ๊วบ! น้ำลายเปียกๆ ติดอยู่บนริมฝีปากเขาให้ความรู้สึกเหมือนยามถูกลูกสุนัขเลียหน้า นี่แหละหนาเล่นกับหมาๆ เลียปาก
จบ!


4
ต้นน้ำจึงเกิดความสงสาร เขาเอื้อมมือไปขยี้หัวยุ่งๆ ของเจ้าของป็อกกี้ก่อนจะเอียงตัวไปใกล้ๆ แล้วจุ๊บแก้มป่องๆ ของคนที่กำลังคาบป็อกกี้ไว้ในปากเบาๆ
“เราไม่ชอบช็อกโกแลต ทีหลังซื้อรสสตรอเบอรี่มาสิ”
“ได้ค้าบ”
เจ้าของป็อกกี้ตอบพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนน่าหมั่นไส้
จบ!



5
ระหว่างนั้นเอง มีคนผ่านมาเห็นพอดี
คิดว่าคนที่ผ่านมาเห็นคือ     มิวนิค อ่าน6   คิวว์ อ่าน7   อัฐ อ่าน8   เอก อ่าน9   โคโค่ อ่าน10



6
“มึงเล่นอะไรกัน?”
“เสือกละไอ้ยักษ์”
“มึงเล่นเกมป็อกกี้เหรอต้น มาเล่นกับกูมา”
ก่อนที่เจ้าของป็อกกี้จะทันได้ปกป้องเจ้านายที่ยังมีป็อกกี้อีกเกือบคืบในปากจนไม่ว่างด่าคนเสือก มิวนิคก็อาศัยจังหวะเนียนตีหน้ามึนงับแท่งป็อกกี้ที่ยาวพ้นปากของต้นน้ำไปแบบสบายๆ
น่าแปลกที่คราวนี้ต้นน้ำไม่โวยวาย หน้าของเขาแดงเถือกไปถึงคอ ส่วนคนเสือกก็เนียนนั่งลงข้างๆ คนหน้าแดงแล้วหยิบป็อกกี้รสพิเศษนำเข้าจากญี่ปุ่นเข้าปากแบบไม่แคร์สายตาเจ้าของ แถมยังมีการส่งป็อกกี้แท่งใหม่ไปให้คนหน้าแดงอีกต่างหาก
“มึงเอาอีกมั้ย?”
อึอื้ม!”
เจ้าของป็อกกี้มองต้นน้ำที่รับคำเสียงเบาแล้วหยิบป็อกกี้จากมือไอ้ยักษ์แล้วก็ได้แต่งง เอ... หรือว่ามนต์รักป็อกกี้เดย์จะมีจริงหนอ?
จบ!


7
“อ๊ะ ป็อกกี้ กินด้วยดิ”
แล้วเขาก็เนียนนั่งลงกินป็อกกี้ฟรีสบายอารมณ์
“นี่มันรสช็อกโกแลตมินต์นี่นา เจ๋งอ่ะ ซื้อที่ไหนอะ อร่อยดี เราชอบ”
ทั้งเจ้าของป็อกกี้และต้นน้ำมองเพื่อนที่เข้ามาเนียนกินฟรีแล้วต่างคนต่างล้วงป็อกกี้เข้าปาก ไม่ควรปล่อยให้คิวว์อยู่กับช็อกโกแลตตามลำพัง ต้องรีบกินก่อนที่มันจะเขมือบจนหมด!
จบ!


8
“อ้าวอัฐ! ทานป็อกกี้มั้ย?”
เจ้าของป็อกกี้มองต้นน้ำที่ร้องทักอัฐด้วยสีหน้าสดใส
เมื่อได้ยินเสียงทักอัฐก็เลยยกมือขอตัวกับเพื่อนในกลุ่มแล้วเดินตรงมาทางนี้แทน เขานั่งลงข้างๆ ต้นน้ำแล้วยิ้ม
“ป้อนดิ”
“บ้า!”
ทั้งๆ ที่ปากบอกว่าบ้าแต่ต้นน้ำกลับถือป็อกกี้ยื่นเข้าปากอัฐๆ ก้มลงรับป็อกกี้แท่งนั้นไว้ในปากแต่โดยดี
คนทั้งคู่กะหนุงกะหนิงจนลืมเขา เจ้าของป็อกกี้มองภาพตรงหน้าแล้วยิ่งช้ำ
“แง๊ๆ ต้นของผม ป็อกกี้ของโผม”
จบ!


9
“มึงสองคนเล่นเหี้ยไรกัน”
ต้นน้ำอยากจะเถียงเอกแทบขาดใจว่าเขาไม่ได้เล่น แต่เจ้าของป็อกกี้นั่นแหละที่พยายามตื้อชวนเขาเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ
“เราเปล่า”
“กูขอเหอะ ถึงกูไม่รังเกียจมึงแต่อย่ามาทำฉากแต๋วแตกแถวนี้”
“บ้า! นายว่าใครแต๋ว”
“มึงไงต้น ฮ่าๆ”
เอกว่าพลางนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบขนมฟรีเข้าปากอย่างสบายอารมณ์ ต้นน้ำจึงรู้ว่าเขาถูกเอกแกล้ง เอกหาได้รังเกียจเขาจริงๆ ดังปากว่า
“งั้นเชิญพวกนายสองคนแมนๆ เล่นป็อกกี้เกมไปแล้วกัน! เราไปล่ะ”
“งอนๆ ฮ่าๆ”
เอกหัวเราะเยาะแล้วดึงต้นน้ำให้นั่งลงตามเดิมก่อนจะหยิบป็อกกี้แท่งใหม่มาทิ่มแก้มคนขี้งอน เขากอดคอต้นน้ำเอาไว้แล้วพูด
“อ่ะๆ กูป้อน หรือมึงจะให้กูป้อนด้วยปาก?”
ต้นน้ำปัดออกแล้วชักสีหน้าใส่
“เมื่อไหร่จะเลิกแกล้งเราเนี่ย ไหนว่าไม่ชอบเกย์ไง?”
“เออ กูไม่ชอบเกย์ กูเกลียดตุ๊ด แต่กูชอบแกล้งมึง สนุกดีว่ะ ฮ่าๆ”
จบ!


10
“มึงสองคนเล่นป็อกกี้เกมกันเหรอ?”
เพราะมีเสียงทักต้นน้ำเลยหันไปมอง แต่นึกไม่ถึง!
“ป็อกกี้เกมมันต้องเล่นแบบนี้”
ทันทีที่พูดจบโค่ก็ประคองหน้าต้นน้ำเอาไว้แล้วก้มลงมาจูบ! ป็อกกี้ที่เหลือถูกลิ้นของโค่ม้วนเข้าปากแถมยังพาลมาขโมยซากป็อกกี้ในปากของต้นน้ำไปเคี้ยวต่ออีกด้วย!
เหมือนกาลเวลาถูกหยุด! ต้นน้ำขนลุก! พอตั้งสติได้เขาก็ผลักโค่ออกแล้วยกขาขึ้นถีบไปที่จุดสงวนของโค่ทันที!
“โอ้ย!”
“แหวะ อี๋!”
“มึงอย่าอยู่เลย!”
พอเป็นอิสระจากโค่ต้นน้ำก็รีบหันไปอ้วก เขาพยายามถ่มน้ำลายและทุกอย่างออกจากปาก ส่วนโค่ก็ถูกเจ้าของป็อกกี้ยำต่อ
จบ!


จบเห้อ ก่อนจะเสื่อมไปมากกว่านี้ .....  :really2:


ลงเนื้อหาหลักต่อละนะ  :katai4: ย้าก ไฟลุก!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#11/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน16
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 11-11-2014 18:57:11
เปิดตัวคนรักของเด็กเลี้ยงแกะ

ไปป์

     วันนี้ทุกคนคึกคักกันน่าดูแฮะ แต่ละคนพยายามทำตัวร่าเริงผิดปกติโดยเฉพาะไอ้พวกไม่มีแฟน ฮ่าๆ ตลกจังเลยอ่ะ ขนาดป่านยังตลกเป็นพิเศษเลย เอาแต่บ่นเรื่องหาแฟนไม่ได้ อยากได้ช่อดอกไม้บ้างล่ะ ส่วนเมย์ก็มีรุ่นพี่เอาช่อดอกไม้มาให้อีกแล้ว แต่มันไม่รับรักเขา น่าสงสารรุ่นพี่คนนั้นแฮะ อุตส่าห์ตามจีบทุกปี เมย์ไม่ชอบคนที่สูงเกินร้อยแปดสิบหรอก บอกว่าเดินด้วยแล้วรู้สึกมีปมด้อย ผมว่าเมย์ก็ไม่ได้เตี้ยมากซักหน่อย ร้อยหกสิบสี่นี่ก็น่ารักดีออก ผมกำลังนั่งสังเกตแก้วกับโอมเพลินๆ ก็ถูกต้นขัดจังหวะ จะว่าไปวันนี้ต้นเกือบสายอีกแล้วแฮะ ปกติจะมาแต่เช้าตรู่แท้ๆ อ๊ะ! ตัวต้นหอมจัง กลิ่นแบบนี้มัน...
     “อ่ะ”
     โอ๊ะ! ต้นวางกล่องลงตรงหน้าผม กลิ่มหอมจัง!
     “ไรอ่า?”
     “ก็เมื่อวานบ่นอยากได้ไม่ใช่เหรอ”
     ต้นตอบพร้อมกับวางเป้ลงบนเก้าอี้ เรามองหน้ากันอยู่สองวิ
     “ช็อกโกแลต!”
     “อื้อ แต่เป็นคุกกี้ช็อกโกแลตเฉยๆ นะ เราทำช็อกโกแลตไม่เป็นหรอก... เรา เฮ้อ!
     “เย้! ขอบคุณๆ”
     ผมดีใจจัง ต้นใจดีเป็นบ้าเลย เมื่อวานผมพูดไปงั้นก็จริงแต่ก็แค่อ้อนเล่นเฉยๆ ไม่คิดว่าต้นจะใจดีทำมาให้จริงๆ แต่พอผมจะเก็บกล่องคุกกี้ลงกระเป๋าต้นกลับดุผม
     “แบ่งคนอื่นด้วยสิไปป์! แล้วเก็บไว้กินตอนกลางวันนะ ห้ามแอบกินก่อนรู้ป่าว เดี๋ยวไม่เหลือให้คนอื่นพอดี”
     “เง้อ!”
     ง่า ถ้าตอนกลางวันผมต้องอยู่กับชาวแก๊งก็อดไปหาแฟนผมจิ...
     “แต่ว่า... อ้าว! ละนั่นก็มีอีกตั้งเยอะ!”
     ผมเห็นต้นหยิบคุกกี้ที่บรรจุอยู่ในถุงเล็กๆ ขึ้นมาจากเป้ตั้งหลายถุง แตกต่างกับกล่องที่ต้นเอาให้ผม ทำไมของผมได้คุกกี้ในกล่องใส่อาหารบ้านๆ ว้า
     “ส่วนนี้ไม่ใช่ของนาย”
     ต้นพูดแบบนั้นแล้วก็เอาคุกกี้พวกนั้นไปแจกให้คนอื่นๆ ที่เหลือในห้อง ไอ้มิวงี้หน้าบานเลย แต่พอต้นเอาไปให้กลุ่มไอ้ยศด้วยก็หน้าหุบทันที หือต้นยิ้มให้เอกกับนนเป็นพิเศษเลยแฮะ จะว่าไปไม่ยุติธรรมเลย กลุ่มพวกมันมีแค่สองคนแต่ได้คุกกี้ถุงขนาดเท่าคนอื่น ชิ! เฮ้ยๆ ไอ้คิวว์มันทำท่าจะหอมแก้มต้น! ไม่ได้การละผมต้องเข้าไปขวาง
     “มึงจาทำไรแม่กู!”
     “แค่แต้งกิ้วคิสน่า ไปป์”
     “มึงเป็นลูกครึ่งเหมือนกูเหรอเพื่อนคิวว์ อย่ามาเนียน”
     เสือกเชียวนะเชี่ยมิว อ๊าค! ไอ้มิวจะหอมแก้มต้น! มือไวเชียวนะมึง แต่ต้นของผมไวกว่า มิวมันเลยก้มลงมาจูบกำปั้นต้นไปเต็มๆ
     “คุณก็อย่าเนียนครับ ผมไม่ชอบให้ล้อเล่นถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้!”
     “กูแค่จะขอบคุณมึง! วันนี้เป็นวันแห่งความรักนะเว้ย”
     “ผลั่ก!”
     อุ่ย! ไอ้ยักษ์หน้าหันเลยอ่ะ
     “เมื่อกี้ผมต่อยด้านขวา ในวาระดิถีวันแห่งความรัก เอาตบเลฟท์แฮนด์ไปอีกทีก็แล้วกันครับ เพื่อคุณคนเดียวเลย แล้วทีหลังจำไว้อย่ามาเล่นบ้าๆ แบบนี้กับผมอีก!”
     “มึงมันไม่ยุติธรรม! ทีไอ้ไปป์อ่ะ เวลาไอ้ไปป์ทำมึงยังไม่ว่าไรเลย!”
     “ก็ผมชอบลูกหมานี่ครับ แต่ผมเกลียดอัลเซเชี่ยน แล้วไปป์ก็ไม่เคยอุตริมาหอมแก้มผมแบบคุณด้วย”
     “ฮ่าๆ”
     อู๊ว คิวว์มันร้ายชะมัด! มันหันไปแปะมือกับนอยซ์พลางล้วงคุกกี้ในถุงกินอย่างสนุกสนาน ผมว่าพวกมันต้องเอาคืนเรื่องวาเลนไทน์ปีที่แล้วที่ไอ้มิวมันแกล้งตัดหน้าเอาดอกกุหลาบไปให้พี่ฝ้ายไอดอลคณะวิทย์ที่พวกมันชอบกันแน่ๆ เลย น่ากลัวง่า ผมจะไม่จีบสาวคนเดียวกับมันเด็ดขาด เอ๊ะ! ว่าแต่เหมือนทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองลืมอะไรไปน้า? ... ช่างมัน! ต้นแจกขนมกระจายให้พวกเราในห้องอย่างทั่วถึงครบทุกกลุ่ม ยกเว้น...
     “เฮ้ย! แล้วของกูละต้น?”
     “นายก็ไปขอแบ่งกับคนอื่นสิโค่”
     “เฮ้ย! ไม่ยุติธรรม ทีคนอื่นยังได้ครบหมด ละของกูอ่ะ”
     ต้นทำขนมมาแจกก็ดีแค่ไหนแล้ว ปกติต้นงกจะตาย มึงนี่ไม่เจียมจริงๆ ไอ้โค่ ผมเห็นต้นถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะร่ายยาว
     “ผมแจกตามกลุ่ม คุณสนิทกับใครก็ไปกินกับคนนั้นแหละ ไปขอแบ่งกับเพื่อนคนอื่นๆ เขา ถ้าไม่มีใครแบ่งให้ก็คิดเอาเองละกัน ผมไม่รู้เรื่องด้วยละ”
     คนอื่นๆ ในห้องหัวเราะขำกลิ้งเลย ไอ้โค่เลยพุ่งไปแย่งคุกกี้กับพัท ส่วนคุกกี้ของผมก็ถูกสาวๆ ในแก๊งเปิดกล่องหยิบไปชิมทั่วทั้งแก๊งด้วยเช่นกัน ฮื่อๆ คุกกี้ช็อกโกแลตของผม ไม่น่าเลย เผลอแปปเดียวเอง
     พอเรียนเสร็จพวกเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน ตอนแรกผมว่าจะแวะไปหาแฟนซะหน่อย แต่ไว้ตอนเย็นทีเดียวเลยดีกว่า ตอนนี้ผมอยากอยู่กับต้นแฮะ ไม่งั้นยัยป่านมันต้องกินคุกกี้หมดกล่องแน่ๆ ขนาดโอมที่เงียบๆ ยังหยิบคุกกี้กินเรื่อยๆ เลย
     พวกเราต้องนั่งกินข้าวท่ามกลางสายตาไม่เป็นมิตรทั้งๆ ที่มันเป็นวันวาเลนไทน์ ทำไมบรรยากาศมันถึงไม่เข้ากับเทศกาลเลยน้า ต้องเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นแน่ๆ มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับต้นอีกแล้ว ผมสงสารต้นจัง ผมเห็นต้นพยายามยิ้มทำเหมือนไม่ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ผมคิดว่าต้นต้องกำลังอึดอัดอยู่แน่ๆ ไปไงมาไงไหงมันกลายเป็นเด็กวิศวะกับเด็กสถาปัตย์ต่อยกันแย่งต้นก็ไม่รู้
     ผมเห็นคนแอบมองมาทางต้นแล้วก็นินทาด้วยล่ะ สงสารต้นจัง แต่วันนี้ต้นเก็บอารมณ์ได้ดีเกินคาดแฮะ สงสัยได้กำลังใจดี
     “อื้ม เราสายก็เพราะมัวแต่อบคุกกี้เนี่ย อุตส่าห์ตื่นมาทำตั้งแต่ตีสี่ กะว่าคงเสร็จทัน ที่ไหนได้ พอกดแป้งออกมาแล้วมันได้คุกกี้เยอะกว่าที่คิด เตาที่ห้องเราก็อันเล็ก มันเลยอบได้ทีละไม่กี่ชิ้น กว่าจะอบหมด เกือบมาสายแน่ะ!”
     “อ๋อ แกก็เลยเอาไปแจกคนอื่นๆ ด้วย?”
     “อื้ม ก็... ไหนๆ ก็ไหนๆ นี่นา ปีนี้พวกเขาก็ช่วยเราไว้เยอะเหมือนกัน”
     แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ระหว่างที่พวกเรากำลังกินไปคุยไปก็มีผู้ชายใส่แว่นท่าทางเรียบร้อยคนนึงเดินมาหาต้น แล้วก็ยื่นดอกกุหลาบให้ โอ้ว... ฉากสารภาพรักกลางโรงอาหาร! เอาละสิต้นจะทำยังไงล่ะทีนี้?
     ผมเห็นต้นชะงักไปแล้วก็นิ่ง ... เดาอารมณ์ต้นไม่ถูกเลยแฮะ ต้นนิ่งจนผู้ชายคนนั้นเริ่มกระสับกระส่าย
     “คือ... ผมให้ครับ”
     ผู้ชายคนนั้นหน้าแดงแปร๊ดแล้วค้อมหัวพยายามยื่นดอกกุหลาบมาให้ต้น พวกผมในแก๊งเงียบกันทุกคน ต้นกระพริบตาปริบๆ แล้วก็นิ่ง...
     “คือ... ช่วยรับไว้หน่อยครับ”
     ต้นหันมามองพวกเราเหมือนจะถามว่าเอาไงดี สนุกล่ะสิงานนี้ ฮ่าๆ ต้นจะเอาไงน้า?
     “คือ... ผมมีแฟนแล้วครับ เกรงว่าจะรับไว้ไม่ได้ มันคงไม่เหมาะเท่าไหร่”
     “ผะ ผมแค่อยากให้จริงๆ ครับ คือ... ผมไม่ได้หวังอะไร แค่... อยากให้ ... คือผม... ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ ผม...”
     “เอ่อ...”
     “ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าผมชอบคุณครับ!”
     “อื้อหื้อ เลี่ยนอ่ะ!”
     “ไปป์ เงียบ!”
     เง้อ ต้นดุผมทำไมอ๊า... เพราะมึงเลยไอ้แว่น ผมโดนต้นดุเลยอ๊ะ!
     “เอ่อ... คือผม ผมไม่ได้ต้องการอะไรจริงๆ ครับ คือ... ไหนๆ ก็ไหนๆ วันวาเลนไทน์ คือ... ผม ... ผมอยากเป็นกำลังใจให้นะครับ คุณ... คุณ... เอ่อ... น้ำแตงโมอร่อยดีนะครับ ผมก็ชอบน้ำแตงโม คุณชอบมากินข้าวที่นี่กับเพื่อนๆ ผม... ผมชอบ เอ่อ...”
     ไอ้แว่นนี่ลนใหญ่เลย ตลกจัง ฮ่าๆ
     อ้าว!
     “เง้อ ต้น!”
     “ขอบคุณนะครับ”
     ต้นรับดอกไม้ซะงั้น! ทำไมอ๊า...
     “ผมชื่อจอม อยู่บัญชี ปีสามครับ”
     “ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
     “เอ่อ...”
     ไอ้หมอนั่นมันทำท่าอึกอักเหมือนมีอะไรจะพูด แต่ลงท้ายก็ไม่พูด ยืนใบ้กินอยู่พักนึงมันก็เลยก้มหัวปะลกๆ แล้วขอตัวไป
     “เดี๋ยวครับคุณจอม เอ่อ... ทานคุกกี้มั้ยครับ เหลือชิ้นสุดท้ายพอดีเลย”
     เฮ้ย! คุกกี้ของผม!
     “เง้อ ต้นอ่า”
     “หุบปากน่ะไปป์ ไว้คราวหลังจะทำมาให้อีก”
     ต้นดุผม แถมยังยื่นกล่องคุกกี้ไปให้ไอ้แว่นอีก มันทำท่าดีใจใหญ่เลย แล้วมันก็หยิบคุกกี้ชิ้นสุดท้ายในกล่องเข้าปาก แง๊ๆ คุกกี้ของผม!
     “อร่อยมากครับ”
     “ขอบคุณครับ”
     ต้นนะต้น เอาคุกกี้ของผมไปให้คนอื่นแล้วยังยิ้มหวานให้เขาอีก แต่มาดุผมนะ ฮือๆ ต้นใจร้าย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ
 
     “ทำไมถึงรับดอกไม้ล่ะต้น?”
     คราวนี้มีแต่ป่านที่ถามขึ้น ส่วนไปป์นั้นเอาแต่ทำหน้าหงิกใส่ผมครับ ผมเหล่มองไปป์แล้วสะกิด แต่ไปป์สะบัดหน้าใส่ผมด้วยท่าทางงอนๆ ซะงั้น
     “ก็เพราะเขาให้เฉยๆ ละมั้ง”
     “ท่าทางจะแอบชอบนายมานานนะ”
     “ไม่รู้สิ”
     “แล้วต้นไปรับดอกไม้เขามาแบบนั้นไม่กลัวเขาเข้าใจผิดเหรอจ้ะ? ปกติต้นไม่ทำแบบนี้กับคนที่มาจีบนี่จ้ะ?”
     “คงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ถูกจีบแบบนี้มั้ง แค่ชอบเฉยๆ แล้วก็รู้ว่าเราชอบน้ำแตงโมด้วย เขาบอกว่าแค่อยากให้เรารู้ว่าเขาชอบเรา แถมยังบอกว่าจะเป็นกำลังใจให้ แปลกดี”
     “แกมากกว่าที่แปลก ปกติเห็นเชิดใส่ตลอดนี่”
     “บ้าน่ะป่าน! แล้วพวกก่อนหน้านี้มีคนดีๆ แบบนี้มั้ยเล่า?”
     “เออว่ะ ก็จริงนะ ถ้าไม่ใช่พวกหลงตัวเองก็มีแต่พวกปากหมาขาหื่น จ้องแต่จะฟีทเจอริ่งกับแก”
     “ใช่มั้ยล่ะ อีกอย่างเขาสุภาพกับเรามาก ท่าทางจริงใจด้วย ... เราก็เลยสงสารอ่ะ”
     “แต่ก็ไม่เห็นต้องเอาคุกกี้เราไปให้เขาเลย...”
     “โอ๊ย! อิไปป์! แกก็ห่วงกินจัง”
     “หน่าๆ เอาน่าป่าน โอเคนะไปป์ เดี๋ยววันอื่นเราทำให้นายใหม่ก็ได้ ทำให้นายคนเดียวเยอะๆ เลยเป็นไง?”
     “จริงนะ?”
     พอได้ยินจากที่งอนๆ ก็หันมายิ้มหน้าระรื่นกับผมเชียวนะไปป์ หลอกล่อง่ายจริงๆ ลูกหมาน้อยของผม
     “อื้อ สัญญา”
     แล้วพวกผมก็ไปเรียนคาบบ่ายกันต่อ เพื่อนบางคนเห็นดอกกุหลาบแล้วแกล้งแซวผมก็มี ผมก็ตอบไปขำๆ นะ “จอมบัญชีปีสามให้มา” ผมตอบเขาไปแบบนั้น
     มันอาจจะฟังดูประหลาด แต่ผมอดปลื้มไม่ได้นี่นา คือ... นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนเอาดอกไม้มาให้ผมครับ ส่วนครั้งแรกที่ผมได้ของขวัญวาเลนไทน์ก็คือตอน ม.5 ไนน์เอาตุ๊กตามาให้ผม หมีสีขาวกอดหัวใจสีแดงตัวโตที่ตอนนี้คงอยู่กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไหน ซักแห่งเพราะผมบริจาคมันให้โครงการของเล่นเพื่อน้องไปแล้วเรียบร้อย
     ส่วนแม็กซ์ก็ไม่เคยหรอกครับ แม็กซ์ขี้เก็กไม่ใช่คนที่จะมาหวานอะไรแบบนั้น แล้วเราก็พึ่งมาสนิทกันตอน ม.6 เอง ช่วง ม.5 เขายังแกล้งผมอยู่เลยครับ สำหรับพี่ชัช... อืม คงต้องบอกว่าพี่ชัชโรแมนติกแบบเน้นประโยชน์ใช้สอยครับ ปีที่แล้วเป็นการฉลองวาเลนไทน์ครั้งแรกของพวกเราเพราะปีก่อนหน้านั้นผมนอนเจ็บหนักอยู่โรงพยาบาล พี่ชัชพาผมไปเที่ยวสองต่อสอง ก็ขับรถไปใกล้ๆ กรุงเทพฯ กันพัก วันเสาร์คืนนึงก่อนจะกลับวันอาทิตย์
     คนอื่นๆ นอกจากนั้น ... คนที่เอาช่อดอกไม้มาจีบผม ... คือยังไงดีล่ะ ผมเกลียดคนขี้หลีครับ ดังนั้นดอกกุหลาบสีแดงดอกนี้เลยเป็นดอกไม้ดอกแรกในชีวิตผมเลย!

     ตอนแรกผมก็คิดว่าวันนี้คงไม่มีอะไรหรอกครับ พี่ชัชบอกว่าให้ผมรีบกลับ ผมก็เลยนึกว่าคงจะพาผมไปทานข้าวเย็นเฉยๆ ที่ไหนได้พอผมเรียนเสร็จแล้วออกมาจากห้องเรียนผมก็เห็นพี่ชัชคุกเข่ารออยู่ เขินที่สุดเลยครับ!
     พี่ชัชของผมใส่เสื้อโปโลสีฟ้าตัวที่ผมช่วยเลือกให้ตอนซื้อด้วย เมื่อเช้าตอนออกจากบ้านยังเป็นชุดทำงานอยู่เลยครับ ไหงตอนนี้กลายเป็นเสื้อโปโลแขนสั้นกับยีนส์ก็ไม่รู้ แฟนใครก็ไม่รู้หล่อชะมัด!
     พอพี่ชัชเขาเห็นผมรู้ตัวแล้วว่าโดนเซอร์ไพรส์พี่เขาก็ยิ้มทะเล้นเชียว พี่ชัชนั่งคุกเข่ารอผมอยู่ ในมือมีช่อดอกมะลิขนาดเล็กด้วยครับ ถูกใจผมที่สุดเลย
     “โว้วๆ แฟนมาเซอร์ไพรส์เหรอต้นน่ารักจังว่ะ”
     ให้ตายเถอะ! ผมอุตส่าห์ดีใจที่คราวนี้ไปป์ไม่โวยวายแล้วนะ แต่พัทที่มาทีหลังดันตะโกนซะดังเลย คนก็เลยมองกันตรึม จากที่แอบๆ มองพอได้ยินว่าพี่เขาเป็นแฟนผม ทีนี้แหละแต่ละคนจ้องพี่ชัชกันใหญ่เลย โอ้ย! ผมเขิน!
     “เฮ้ยๆ! ยืนนิ่งทำไม ไปหาแฟนดิ โว้วๆ มึงหน้าแดงโคตรเลยว่ะต้น ฮ่าๆ”
     “บ้าละพัท! หุบปากไปเลย”
     “มึงก็ไปล้อต้นมัน ต้น สีแดงหกใส่หน้ามึงเหรอวะ? ฮ่าๆ”
     เออๆ แซวกันเข้าไป ไอ้พวกบ้า! โอ๊ย! ผมจะบ้าตาย! ผมยังไม่ได้เตรียมใจเลยนี่ครับ พวกสามสาวก็ดันหลังผมจัง อายคนอื่นก็อาย ... ผมแข็งใจเดินเข้าไปหาพี่ชัช
     “มาทำไมครับ ไหนบอกให้ผมรีบกลับ”
     “ก็รีบไง เลยมารับเมีย”
     “พี่ชัชอ่ะ บ้า!”
     เขินนะครับ ผมทำอะไรไม่ถูกแล้ว พี่ชัชยิ้มพลางพยักหน้าอ้อนแล้วยื่นช่อดอกมะลิให้ผม กลิ่นหอมของดอกมะลิลอยมากระทบจมูก ชื่นใจจังเลยครับ
     “ถึงมันจะช่อเล็กไปนิดแต่รับไว้หน่อยนะครับที่รัก พอดีร้านเขาบอกว่ามะลิมันจัดเข้าช่อยากอ่ะครับ เขานึกว่าพี่จะเอาไปไหว้แม่ด้วยซ้ำ เกือบได้พวงมาลัยมากราบเมียแล้ว”
     คนที่ได้ยินมุกของพี่ชัชพากันขำ บางคนงี้หัวเราะไม่เกรงใจผมเลยครับ เสียงฟิสิกส์มุงข้างหลังเชียร์ดังมา
     “สุดยอดเลยลูกพี่!”
     “รับเลยต้น รับเลย!”
     ออกหน้าออกตาเกินไปแล้วนะไปป์ ป่าน คู่หูตัว P นี่ก็น้า... ผมหันไปส่งสายตาดุๆ ให้คู่หูตัวป่วนแปปเดียว หันกลับมาอีกที ... ละลายเลยครับ พอได้กองหนุนก็ดูจะใจได้นะครับพี่ชัช มียักคิ้วยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมด้วย โอ้ยเขิน! ผมเกลียดสายตาซุกซนแบบนี้ของพี่ชัชที่สุด ประกายระยิบระยับในแววตานั่นแค่เห็นก็เข่าอ่อนแล้วครับ ผมเขินอมยิ้มจนปวดแก้มไปหมดแล้ว!
     “แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมนะครับ โบราณว่า เชื่อเมียแล้วจะเจริญ”
     พูดแล้วผมก็รับช่อดอกไม้มา แค่อยู่ใกล้ๆ ก็หอมแล้วครับ แต่พอดมก็ยิ่งหอม ถูกใจผมที่สุด!
     “โว้ว! คำคมไอ้ต้นเว้ย!”
     “สรุปนี่มึงเป็นเมียพี่เขาอย่างเดียวใช่มั้ยวะ? ไม่มีสลับกันเหรอ?”
     “ไอ้เชรี่ยนอยซ์!”
     ยังดีนะครับที่พัทตะโกนด่าแทนผมไปแล้ว นอกจากนี้คิวว์ยังแจกมะเหงกแถมให้อีกด้วย ไม่งั้นผมคงขอหาอะไรกระแทกปากหมอนี่ซักทีสองที!
     “นี่แกจะพล่ามอะไรก็ดูบรรยากาศเขาหน่อยเหอะ อิเสียงมรณะ!”
     “ก็กูอยากรู้กูผิดเหรอ ต้นสรุปมึงเป็นรับเหรอ?”
     นายยังมีหน้ามาถามเราอีกเหรอ! ผมโมโหนะครับ แต่เขินด้วย แล้วก็... โอ้ย อารมณ์มันปนเปกันจนผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว!
     “มันค้อนมึงสาวแตกขนาดนั้นคงไม่ใช่มั้ง”
     ผมล่ะเซ็ง!
     “นายไม่ต้องใจดีอธิบายซะชัดขนาดนั้นก็ได้นะพัท แล้วเราก็ไม่ได้สาวแตกด้วย!”
     “ฮ่าๆ”
     พี่ชัชหัวเราะพวกนั้นซะดังเลย หวังว่าคงหัวเราะพวกนั้นนะครับ ห้ามมาหัวเราะผมนะ... ผมไม่ได้สาวแตกซักหน่อย ฮึ๊! พอผมรับช่อดอกไม้แล้วพี่ชัชก็ยิ้มกว้างเชียวครับ แต่ยังไม่ยอมลุกซักที แถมยังมองมาที่ผมแบบแปลกๆ ด้วย ผมเลยส่งมือไปให้กะจะช่วยดึงพี่เขาขึ้นมา กลัวพี่เขานั่งคุกเข่านานๆ แล้วจะปวดขาครับ ก็แบบว่าแฟนผมแก่แล้วนี่นาผมเป็นห่วง แต่พี่ชัชกลับดึงมือผมไปจูบซะงั้น! โคตรเขินเลยครับ หวังว่าคงไม่มีใครเห็นฉากเมื่อตะกี้นะ โอ๊ย ผมอายอ่ะ!
     “พี่ชัช!”
     ผมเอ็ดพี่ชัช แต่แฟนผมรู้สึกรู้สาอะไรซะที่ไหน พี่ชัชหัวเราะร่วนก่อนจะลุกขึ้นยืน
     “นิดๆ หน่อยๆ คนเขาจะได้รู้ว่าพี่หวง”
     “ฮิ๊ว!”
     ผมเขินนะครับ พวกบ้าเอ้ย! แต่ละคนนี่สีหน้าท่าทางสนุกสนานกันยกใหญ่ หัวเราะอยู่บนความเขินอายของผมชัดๆ เป่าปากแซวผมอยู่ได้
     “กลับกันเหอะครับพี่ชัช”
     “เฮ้ยๆ จะรีบไปไหน พอแฟนมารับละรีบเชียวนะมึง อิจฉาคนมีแฟนว่ะ ฮ่าๆ”
     ผมอยากด่าอะไรกลับไปชะมัด! แต่นึกไม่ออก ก็มันเขินนี่ครับ พี่ชัชก็ไม่ช่วยผมเลย เอาแต่ยืนยิ้มอยู่ได้ แถมยังไม่ยอมปล่อยมือผมอีก ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยดุนหลังพี่ชัชให้หนี พี่ชัชหัวเราะร่วนแล้วเปลี่ยนมาโอบไหล่ผมซะงั้น! ไม่เอาแล้วครับ เขิน! ผมทนไม่ไหวเลยหนีออกมาก่อนครับ ขืนยังอยู่ตรงนั้นไม่รู้พี่ชัชจะทำอะไรอีกบ้าง ถ้าผมชิงหนีออกมาก่อนแบบนี้ ยังไงซะเดี๋ยวพี่ชัชก็ต้องตามผมมา จะไม่เดินตามเมียก็ให้มันรู้ไปสิครับ

     แล้วเราสองคนก็หนีมาได้ เฮ้อ... สงบสุขซักที ถึงจะมีคนแอบมองพวกเราอยู่บ้างแต่อย่างน้อยๆ ก็ไม่มีใครแซวอะไรละนะ ค่อยยังชั่ว ผมต้องถือช่อดอกไม้ด้วยมือซ้ายมาตลอดทางเพราะมือขวาถูกพี่ชัชยึดเอาไว้ พี่ชัชพาผมเดินไปเรื่อยจนผมต้องสะกิดถาม
     “นี่จอดรถไว้ตรงไหนครับเนี่ย?”
     “เปล่า พี่อยากกินอะไรหวานๆ เลยว่าจะไปหาขนมกิน”
     “อื้อ! นึกยังไงครับ?”
     ผมว่ามันแปลกๆ แล้วล่ะครับ
     “ก็ที่นี่มันเปลี่ยนไปตั้งเยอะ พี่เลยว่าจะให้ต้นพาทัวร์ เห็นเขาบอกมีร้านขนมอร่อยๆ เยอะเลย”
     “ผมถนัดที่ไหนละครับ อยากรู้ทำไมไม่ถามไปป์เอาล่ะ?”
     “งั้นก็ถือว่าไปเปิดหูเปิดตาพร้อมกันไงครับ”
     ผมว่าพี่ชัชต้องมีสายสืบแน่ๆ ครับ ไม่งั้นไม่โผล่ไปถูกห้องหรอก ทำเป็นเนียนนะครับ หมั่นไส้จริงๆ เลย ชักอยากรู้จริงๆ ว่าพี่ชัชกับไปป์แอบวางแผนอะไรลับหลังผมอยู่บ้าง
     แล้วผมก็ถูกพี่ชัชลากไปเปิดหูเปิดตา ... ว่าแต่ทำไมต้องเป็นร้านเค้กร้านนี้ด้วยนะ! อึ๋ย! คนเยอะเลยอ่ะ ต้องเพราะวันวาเลนไทน์แน่ๆ
     “คนเยอะว่ะต้น ซื้อกลับบ้านเอาละกันเนอะ?”
     พี่ชัชมองกลุ่มลูกค้าตรงหน้าแล้วหันมาพูดกับผม
     “ตามใจพี่ชัชสิครับ ผมยังไงก็ได้”
     “คร้าบ ... แต่เสียดายอ่ะ โต๊ะเต็ม อดเลย บรรยากาศดี๊ดี”
     เหอะ! อย่าคิดว่าผมรู้ไม่ทันนะ
     “ใช่สิ แถวนี้วิวดีนี่ครับ”
     “แหม ... มีน้อยใจนะเรา ฮ่าๆ”
     พี่ชัชขยี้หัวผมเล่นแล้วเนียนมาโอบเอวซะงั้น! ผมหันไปมองหน้าพี่ชัช แต่พี่ชัชกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ ดื้อตาใสเชียวครับ ผมพยายามจะแกะมือของพี่ชัชออก แต่พี่ชัชกลับรั้งเอวผมเข้าไปใกล้อีก
     “ต้นดูสิครับ เราจะเอาอันไหนบ้าง? เผื่อใส่ตู้เย็นไว้กินกับกาแฟพรุ่งนี้ด้วยนะ เพราะพี่คิดว่าพรุ่งนี้เราคงตื่นมาทำมื้อเช้าให้พี่ไม่ไหวอ่ะ”
     โอ้ย! อายครับ อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี พนักงานในร้านนี้หน้าเหวอเลยอ่ะ พี่ชัชนะพี่ชัช พี่ไม่อายแต่ผมอายครับ! แฟนผมเป็นหมาป่าหื่นกามที่ทำตัวเป็นคุณลุงลามกได้ทุกที่ทุกเวลา!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


บอม

     “พี่ชัชอ่ะ”
     “อย่างกต้น เร็วๆ เลย คำนึง ส่งมาๆ”
     “แต่นี่มันของผม อยากทานทำไมไม่สั่งเองอีกถ้วยละครับ”
     “สั่งอะไรล่ะ มือนึงถือเค้กอีกมือถือดอกไม้ให้เมียอยู่นะคร้าบ”
     ผมคงจะไม่สนถ้าหนึ่งในเสียงนั่นไม่ใช่เสียงที่ผมคุ้นเคย
     “ก็ผมอยากทานไอศกรีมนี่ครับ”
     น้องเขาพูดแบบนั้นแต่ก็ตักไอศกรีมในถ้วยป้อนผู้ชายที่เดินมาด้วยกัน ผมไม่เคยเห็นน้องเขาทำสายตาแบบนั้นมาก่อน ใบหน้าที่ระบายยิ้มน้อยๆ แฝงแววอ่อนโยน สายตาที่สื่ออารมณ์รักใคร่ สีแดงจางๆ บนแก้ม ท่าทางของน้องเขาดูเอียงอายแต่ก็ยังสบตากับผู้ชายคนข้างๆ ที่เรียกร้องให้น้องเขาป้อนอีก ต้นเขินแต่ก็ตักไอศกรีมป้อนอีกครั้งไม่แคร์สายตาใครต่างกับปกติ เห็นแบบนี้แล้วแค้นชะมัด!
     พวกเขาหยอกล้อกันจนผมรู้สึกขวางหูขวางตา ทั้งคู่จมอยู่ในโลกสีชมพูจนเกือบจะชนผมตอนเดินสวนกัน หึกว่าจะรู้ตัว!
     “พี่บอม!”
     ผมยืนนิ่งรอดูว่าต้นจะพูดอะไร น่าขำชะมัด น้องเขาตกใจที่เห็นผมจนหน้าซีดแต่แล้วก็รีบปรับสีหน้าแกล้งทำเป็นปกติ ที่ผ่านมาผมตาบอดมาตลอดหรือไงนะถึงได้ไม่เห็นว่าแท้จริงแล้วเด็กคนนี้มารยาแค่ไหน
     “เอ่อ ขอโทษครับผมไม่ทันระวัง”
     ต้นก้มหัวขอโทษแล้วตั้งท่าจะเดินต่อ ท่าทางไม่อยากเผชิญหน้ากับผม แต่ผมไม่ยอมให้มันจบง่ายๆ แบบนี้หรอก!
     “เดี๋ยวสิครับน้องต้น จะไม่แนะนำให้พี่รู้จักหน่อยเหรอครับ”
     ผมพอเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร ท่าทางที่ต้นแสดงออกมามันชัดเจน น้องเขาไม่เคยมีท่าทีแบบนี้กับใครมาก่อน แต่ผมเกลียดที่ต้นเมินเฉยใส่ผม! ต้นเมินผมมาตลอดสองปีนับตั้งแต่วันแรกที่ผมพยายามทำความรู้จักเขา!
     “ผมชื่อชัช เป็นคนดูแลต้นครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
     ตอนแรกผมไม่ทันได้สนใจมัน แต่พอมันพูดขึ้นผมก็รู้ดีว่ากำลังเจอกับอะไร มันมองมาที่ผมด้วยแววตาของผู้ที่อยู่เหนือกว่า แต่ผมไม่อยากแพ้นี่หว่า!
     “บอกว่าแฟนก็ได้มั้ง เห็นๆ กันอยู่”
     “ผมพูดไม่ผิดหรอกครับ เพราะผมดูแลต้นทุกอย่างจริงๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ นอกจากจะเป็นคนรักแล้วผมยังเป็นผู้ปกครองของต้นแทนแม่เขาด้วย แล้วคุณละครับ เป็นใคร?”
     ต้นไม่ยอมสบตากับผม เอาแต่ก้มหน้าแล้วกำเสื้อมันไว้แน่น เห็นแล้วโมโหชะมัด!
     “ผมก็แค่รุ่นพี่ในชมรมครับ คงไม่มีค่าอะไรให้ต้นเขาพูดถึงหรอก”
     ผมมันก็แค่รุ่นพี่น่ารำคาญที่ตามจีบน้องเขา ไม่มีค่าอะไรในสายตาต้น แต่คอยดูเถอะ ผมจะทำให้ต้นจำผมไม่มีวันลืม!
     “แต่ต้นเขาเพื่อนเยอะ คุณก็ระวังไว้หน่อยแล้วกัน บางคนเขาอาจมีความหมายกับต้นมากกว่าผม อาจมีคนที่พิเศษจนคุณนึกไม่ถึงก็ได้ ว่าไงต้น? ได้ข่าววันนี้ก็มีคนให้ดอกไม้ด้วยไม่ใช่เหรอ?”
     ฮ่าๆ ต้นเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาโกรธเคือง ยอมมองมาที่พี่แล้วสินะ ต้น
     “ขอบคุณครับ แต่ผมว่าผมรู้จักต้นดีพอ...ทุกซอกทุกมุม ผมรู้นิสัยแฟนผมดีครับ กว่าจะได้รักกับต้น...ไม่ง่าย ผมรู้ดีว่าต้นใจแข็งแค่ไหน ขนาดผมเองกว่าจะได้...ดูแลต้น ผมยังต้องฝ่าด่านแม่เขาแทบตาย อยู่กันมาหลายปีผมเชื่อใจต้นครับ เพราะผมมั่นใจว่าผมดูแลต้นทุกเรื่องไม่ขาดตกบกพร่อง ทำงานหนัก เหนื่อยทุกคืน...ทุกวัน ก็เพื่อเขา ผมเต็มที่ขนาดนี้ถ้าผมจะแพ้ใครคงแพ้ไปนานแล้ว ผมมั่นใจว่าผมเอาอยู่ครับ”
     ไอ้นี่มันเย้ยผม!
     “ขอตัวก่อนนะครับ พอดีผมจองโต๊ะที่ร้านอาหารเอาไว้ ไปช้าเดี๋ยวโต๊ะหายครับ”

     คอยดูเถอะ! สักวันกูจะต้องจัดการเมียมึงให้ได้ สักวันต้นต้องเป็นของกู เมื่อนั้นแหละ กูจะแก้แค้นให้สาสม!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#11/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน16
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 11-11-2014 19:21:23
ต้นน้ำ

     ตัวของผมกระเด้งตามแรงขยับอันหนักหน่วงของพี่ชัช ผมอดนึกถึงคำพูดของไปป์ที่บอกว่าเตียงผมเด้งดีไม่ได้ ผมกลัวว่าสปริงเตียงจะอยู่ไม่ทนสิบปีตามการรับประกันจังเลยครับ พี่ชัชใช้งานหนักเป็นบ้า!
     ผมร้องแหกปากจนเหนื่อยแต่พี่เขาก็ยังทนทายาด อึดชะมัด! พี่ชัชต้องแอบเตรียมการมาเพื่องานนี้แน่ๆ ผมรู้ดีว่าอะไรที่มันเละเทะอยู่บนหน้าท้องผมนั้นยังไม่แห้งหรอก ก็มันเพิ่งจะออกมาเมื่อตะกี้เองครับ แต่พี่ชัชไม่ยอมเสียเวลาพักมาเช็ดให้ผมเลย ตั้งหน้าตั้งตาเดินเครื่องอยู่นั่นแหละ ผมใจจะขาดอยู่แล้ว ความเสียวรอบสองยังไม่ทันจางหายก็ต้องมาโดนพี่ชัชดับเครื่องชนแบบนี้ โอ๊ยไม่ไหวครับ!
     แฟนของผมหายใจหอบแถมยังเหงื่อออกทั้งๆ ที่เราสองคนเปลือยเปล่าอยู่ในห้องแอร์ กลิ่นเหงื่อของพี่ชัชกับกลิ่นคาวของอะไรบางอย่างมันผสมกันจนแยกไม่ออกกลายเป็นกลิ่นพิเศษชวนให้ผมรู้สึกปั่นป่วน บรรยากาศคุ้นเคยที่ถูกปรุงขึ้นโดยผมกับพี่ชัชบนเตียงเดิมๆ ภายในห้องนอน ... ผมอยากให้เรามีกันและกันแบบนี้ตลอดไปจังเลยครับ
     พอเห็นผมมอง พี่ชัชก็ยิ้มแล้วก้มลงมาจูบผม พี่ชัชช้อนขาของผมไปเกี่ยวเอวพี่เขาแล้วทิ้งตัวลงมาทับผมเต็มๆ ยังดีนะครับที่พี่เขายอมเปลี่ยนไปใช้จังหวะสโลว์ ผมเกือบตายอ่ะ!
     “แอบด่าอะไรพี่คร้าบ”
     “อื้อ ผมเปล่า!”
     “เปล่าไร หน้าเรามันฟ้อง”
     เขินชะมัดเลยครับ ไม่อยากเล่นจ้องตากับพี่ชัชตอนนี้เลย ผมขอหลับตาได้มั้ยเนี่ย สบตากับพี่ชัชตอนโดนทำแบบนี้ผมจะไม่ไหวเอา!
     “เสียวเหรอ?”
     “ใจจะขาดตายแล้วครับ”
     ถามมาได้ ถ้าผมไม่รู้สึกดีจะเรียบร้อยได้ยังไงครับ เขินอ่ะ!
     “ฮ่าๆ”
     พี่ชัชหัวเราะเสียงดังก่อนจะหอมแก้มผม แต่แล้วจังหวะของพี่เขาก็เปลี่ยน!
     “นี่ไง แบบนี้โอเคป่าว?”
     “อื้ม
     “อื้มอีกละ หึๆ”
     สายตาพี่ชัชน่าหมั่นไส้ที่สุด! ชอบยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ทุกทีเลย เพราะผมเขินก็เลยโอบแขนไว้รอบคอพี่เขาแล้วดึงมาจูบ เราแลกลิ้นกันอย่างหิวกระหายในขณะที่พี่ชัชเองก็ขยับเอวเป็นจังหวะ ผมไขว้ขากอดเอวพี่ชัชให้แน่นขึ้นกัดฟันรับความเสียวแทบขาดใจ ... แต่ยังไงก็ต้องเอาให้ออกครับไม่งั้นคืนนี้ผมไม่ได้นอนแน่ๆ แล้วผมก็เหนื่อยแล้วด้วย ผมก็พยายามในส่วนของผมเต็มที่แหละ
     พี่ชัชผละออกจากการดวลลิ้นกับผมแล้วเริ่มไซ้ผมแทน ผมถูกระดมจูบไปทั้งหน้าจนถึงใบหู แถมข้างล่างนั่นพี่เขาก็เริ่มขยับเอวหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยจูบตอบพี่เขาบ้าง ผมงับคางที่ลอยเฉียดปากผมไปก่อนจะตวัดลิ้นเลียลูกกระเดือกของพี่ชัช พี่ชัชครางออกมาเบาๆ ก่อนจะเอาคืนด้วยการงับหูผม แต่ปลายลิ้นอุ่นๆ ที่แหย่เข้ามานี่สิครับ จั๊กกะจี้อ่ะ!
     ฟัดกันได้ซักพักพี่เขาก็เลิกนัวเนียกับผมเงยหน้าขึ้นแล้วเริ่มครางต่ำๆ ออกมา เพราะผมกอดตัวพี่เขาเอาไว้ตัวของเราเลยแนบกัน พี่ชัชปลดขาของผมออกจากเอวแล้วดันมันอ้าออกจนผมเริ่มเจ็บ ถูกแบะขาแบบนี้มันเจ็บนะครับ! แต่เอาเถอะ ผมบอกตัวเองให้ทน อีกไม่นานหรอก ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นพี่ชัชก็คำรามดังลั่นพร้อมๆ กับที่ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างเต้นตุ๊บๆ อยู่ในตัวผม มันกระตุกอยู่สองสามทีก่อนจะพ่นของเหลวอุ่นๆ ออกมาอย่างแรงจนผมรู้สึกได้ ... คืนนี้ผมรอดแล้วครับ!
     พี่ชัชหายใจหอบอยู่สองสามทีแล้วทิ้งตัวลงทับผมอย่างขี้เกียจ จบแล้วครับ ได้พักแล้ว!
     “เฮ้อ เหนื่อย!”
     หนอยแน่ะ ไอ้ผีขี้เกียจเอ้ย!
     “มาเหนื่อยอะไรละครับ ลุกเลย ลุกๆ ผมจะไปห้องน้ำ”
     “หึๆ ... ก็ท่านี้มันเหนื่อยอ่ะ วาเลนไทน์ทั้งทีต้นไม่บริการพี่เลย”
     “นี่ครั้งที่สี่ของอาทิตย์นี้แล้วนะครับ ยังว่าผมใจร้ายอีกเหรอ?”
     ลองมาเป็นคนโดนมั่งมั้ยครับ พี่ชัชนะพี่ชัช! ผมเองก็เหนื่อยเป็นเหมือนกันนะ ระบมด้วย กว่ามันจะเข้าที่...
     “ฮ่าๆ คร้าบๆ สุดที่รักของพี่ใจดี๊ใจดี ฮ่าๆ”
     พี่ชัชหัวเราะผมแล้วก็จุ๊บหน้าผากผมเบาๆ ก่อนจะลุกออกไปจากตัวผม
     เฮ้อ โล่ง! เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยครับ ผมยันตัวขึ้นตั้งใจจะไปห้องน้ำพลางตั้งสมาธิกับการขมิบเอาไว้ มันน่าอายออกนี่ครับ... พี่ชัชไม่ยอมใส่ถุงอีกแล้ว แถมยังปล่อยในด้วย ผมกลัวมันเลอะอ่ะ คืนนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะมานั่งเปลี่ยนผ้าปูก่อนนอน แต่พี่ชัชกลับดึงแขนผมไว้
     “เดี๋ยวดิต้น แค่นี้จริงๆ อ่ะ รอบเดียวเองเหรอครับ?”
     พี่ชัชดึงผมไปกอดซะงั้น! พี่เขานัวเนียจนผมสู้แรงไม่ไหว
     “บ้าละครับ ผมไม่ไหวแล้ว!”
     “ฮ่าๆ”
     ทั้งแกล้งกอดแกล้งหอมจนผมปัดมือปลาหมึกออกไม่ทัน ทะเล้นจริงแฟนผม!
     “อื้ม พี่ชัชอย่าสิครับ อ๊ะ!
     ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างหยดออกมา คราบของเหลวที่ไหลเปรอะผ้าปูที่นอนเป็นดวงเล็กๆ ทำให้ผมอาย ถึงมันจะไม่ได้เลอะเทอะอะไรมากแต่มันก็น่าอายนะครับ
     “พี่ชัชบ้า!”
     “คร้าบๆ”
     ในที่สุดพี่ชัชก็หยุดแกล้งผม แต่สายตาที่พี่เขามองผมก็น่าหมั่นไส้เป็นบ้า! สีหน้าดูพี่ชัชสะใจสุดๆ พี่เขาหันไปคว้าทิชชู่มาทำความสะอาดตัวเอง ส่วนผมก็ได้แต่นิ่งไม่กล้าขยับ
     “ขอทิชชู่ให้ผมด้วยครับ”
     “ไป เดี๋ยวพี่อุ้ม”
     พี่ชัชบอกผมก่อนจะโยนซากทิชชู่ที่ใช้จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วลงถังผงข้างๆ เตียง โยนแม่นชะมัด! ผมล่ะหมั่นไส้จริงๆ เลย แล้วพี่เขาก็อุ้มผมเข้าไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     เมียผมกำลังชำระล้างตัวเองอยู่ในห้องน้ำ ส่วนผมก็กำลังแบ่งเบาภาระของเมียด้วยการเก็บซากบนเตียง พอล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ มันก็ใส่ชุดนอนเตรียมพร้อมเรียบร้อย เฮ้อ... เป็นอันว่ามันเอาจริงครับ ต้นมันประกาศเจตนารมณ์ตั้งใจจะนอนสุดๆ ผมอดรอบสองชัวร์ๆ แล้วงานนี้ ด้วยความขี้เกียจผมเลยคว้ากางเกงขาสั้นมาใส่แล้วทิ้งตัวลงนอนรอมันทาครีม ไอ้ครีมนี่ทาแล้วมานอนให้ผมกอดก็หอมดีนะครับ แต่ทาก่อนกินมันนี่ผมเกลียดจริงๆ เลย ขมว่ะ!
     “ไม่อาบน้ำเหรอครับ”
     อีแก่รักสะอาดของผมหันมาถามด้วยน้ำเสียงตำหนิ
     “หึ! พี่ขี้เกียจ”
     “แต่...”
     “ไม่ได้เลอะอะไรนี่ต้น ทิชชู่เช็ดก็พอแล้ว พี่เลอะแค่เฉพาะส่วนครับ”
     “ตามใจครับ”
     ฮ่าๆ ต้นมันจิกสายตาใส่ผมโคตรน่ารักเลย ถึงมันจะทำเป็นงอนแล้วขึ้นเตียงนอนสะบัดผ้านวมห่มตามปกติก็เถอะ แต่สีแดงจางๆ บนแก้มมันนี่ชัดเป็นบ้าเลย ไอ้มนุษย์รักความสะอาดเอ้ย! ขอพี่หากำไรอีกนิดเถอะ! ผมดึงมันมาจูบด้วยความหมั่นไส้
     “แค่น้ำลายเรา พี่ไม่ถือหรอก”
     “พี่ชัชบ้า!”
     ปากมันก็ด่า มือมันก็ทุบผม แต่พอทุบเสร็จ มันก็ขยับเข้ามานอนซุกอกผมนี่แหละ ฮ่าๆ ไอ้ลูกแกะเอ้ย...
     “คิดยังไงถึงไปเซอร์ไพรส์ผมแบบนั้นครับ?”
     “หวงเมียบ้างไม่ได้เหรอ?”
     “เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะห่วงอะไร”
     แน่ะๆ มีงอนวุ๊ย!
     “ก็นั่นมันเมื่อก่อน พี่ไม่รู้นี่หว่าว่าจะมีคนจีบเราเยอะขนาดนี้ ใครจะไปรู้ว่าเดี๋ยวนี้ผู้ชายมันตามจีบกันแบบเปิดเผยเยอะโคตรๆ”
     “สรุปว่าที่หวงก็เพราะมีผู้ชายมาจีบผม?”
     “ก็ผู้ชายพวกนั้นมันทำให้เมียพี่ไม่สบายใจนี่ครับ พี่ก็ขอออกโรงเองบ้างสิ จะปล่อยให้ต้นจัดการปัญหาคนเดียวได้ไง โอกาสเหมาะๆ ทั้งที”
     ต้นมันยิ้มครับ น่ารักจริงๆ เลยที่รัก!
     “ว่าแต่แล้วพี่ชัชรู้ได้ยังไงครับว่าผมชอบดอกมะลิ? ผมไม่เคยบอกซักหน่อย”
     “ก็เคยเห็นเราไปถามร้านตอนงานเกษตรนี่ พี่จำได้ ตอนนั้นเราถามใหญ่เลย แต่สุดท้ายก็ไม่เอา”
     “ก็นี่มันไม่ใช่ห้องผมนีครับ ผมเกรงใจพี่ชัช”
     โถ... ทูนหัวของพี่ อวยผัวแบบนี้พี่รักตายเลยคร้าบ!
     “อีกแล้ว บอกแล้วไงครับ เราเป็นคนๆ เดียวกันนะต้น ไว้อีกหน่อยบ้านเสร็จแล้วพี่อนุญาตเราเต็มที่เลย จะปลูกมะลิกี่ต้นก็ตามใจ”
     “ทำเป็นพูดไป ผ่อนไหวเหรอครับ”
     “ไหวสิคร้าบ พี่ต้องไหวดิ เพื่ออนาคตของเราสองคนนะ พี่อยากเลี้ยงหมาอ่ะ หืม? ... ทำหน้าแบบนั้นทำไมครับ?”
     ต้นมันเบ้ปากใส่ผมวุ๊ย!
     “เหนื่อยผมอีกตามเคย พี่ชัชดูแลตัวเองยังไม่ค่อยจะเรียบร้อยเลยครับ เลี้ยงสัตว์น่ะลำบากนะครับ ต้องคอยให้อาหาร เก็บกวาดอึกับฉี่ แล้วก็อะไรอีกตั้งหลายอย่าง แค่เก็บข้าวของให้เป็นที่เป็นทางพี่ชัชยังทำไม่ได้เลย”
     อื้อหือ มันบ่นผมเป็นชุด! นี่มันเก็บกดอะไรรึเปล่าวะนี่?
     “น่า ... ก็ช่วยกันไง ถือซะว่าเลี้ยงแทนลูก”
     “ทุกทีอ่ะ โยนงานให้ผมทุกที”
     “ก็เมียพี่เป็นกุลสตรีนี่ครับ มีเมียเก่งงานบ้านงานเรือน พี่ก็เลยได้ใจ ฮ่าๆ”
     “มันเกี่ยวมั้ยครับนั่น! พี่ชัชนะพี่ชัช ชอบทำห้องรกตลอดอ่ะ ผมเหนื่อยนะ...”
     พี่ก็ทำงานเหนื่อยนะน้องเอ้ย แล้วพี่บอกให้เราส่งเสื้อผ้าซักเราก็ไม่ยอม บอกจะทำงานบ้านเอง พี่ผิดเหรอวะเนี่ย?
     ผมทำงานหนักพยายามหาเงินเยอะๆ เพื่อเอาเงินมาซื้อความสะดวกสบายให้ตัวเองกับมันบ้างนี่ผิดเหรอวะ? ต้นมันชอบหาว่าผมใช้เงินไม่ประหยัดซะงั้น แต่... ถามมันตรงๆ ได้ที่ไหนกันครับ ผมก็ได้แต่แอบบ่นในใจเท่านั้นแหละ ไม่กล้าพูดออกไป เกรงใจเมียครับ อิทธิฤทธิ์มนุษย์เมียมันขลังนะคร้าบ ผมไม่กล้าลองของเด็ดขาด เมียที่ชื่อฟ่างยังน่าเกรงขามน้อยกว่าเมียที่ชื่อต้นเยอะครับ!
     “หืม มีบ่น บ่นผัวมันบาปนะครับ มาให้พี่ลงโทษต่อรอบสองเร็ว!”
     “บ้าแล้ว! อ๊ะ อย่าสิครับ ... พี่ชัช ผมไม่เล่น อื้อ!
     ฮ่าๆ แกล้งไอ้ต้นสนุกชะมัดเลยครับ เอาคืนเมียขี้บ่นบนเตียงนี่แหละ มันสุดๆ แล้ว! ต้นมันมองค้อนผมใหญ่เลย ตางี้เขียวปั๊ด ผมทนไม่ไหวเลยก้มลงไปจูบมันซ้ำอีกทีทั้งๆ ที่เมื่อกี้ก็เพิ่งจะแกล้งมันแบบทั้งจูบทั้งไซ้ ฮ่าๆ
     นึกถึงที่ตัวเองลงทุนเอาช่อดอกไม้ไปให้มันถึงในมหาวิทยาลัยแล้วก็ขำครับ ผมยอมบ้าขนาดนั้นเพื่อมัน ยอมไปนั่งคุกเข่ารอเซอร์ไพรส์ผู้ชายเหมือนกันต่อหน้าสาธารณะชน ผมไม่เคยคิดว่าครั้งนึงในชีวิตผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่ผมกลับยอมทำเพื่อมัน เพื่อไอ้เด็กเลี้ยงแกะตรงหน้าคนนี้ ... อย่างน้อยๆ ตอนนี้คนก็คงรู้กันแล้วว่าต้นมีเจ้าของ หวังว่ามันคงไม่มายุ่งกับเมียผมอีกนะครับ
     “ต้นนี่แปลกเนอะ พี่ไม่เคยเจอใครแบบเราเลยอ่ะ กับคนอื่นที่พี่เคยคบก็รักนะ กับบางคนก็แค่หลง แต่ไม่รู้ทำไมกับเราพี่ทั้งรักทั้งหลงเลยว่ะ พี่ไม่เคยเป็นบ้าเพราะใครขนาดนี้มาก่อนเลย”
     ผมนึกว่ามันจะเถียง แต่มันกลับแดงเถือกไปทั้งหน้าเพราะเขินคำพูดของผม ถ้ามันหลบตาผมได้มันคงทำไปแล้ว แต่เพราะผมนอนชันศอกคร่อมมันอยู่มันถึงได้หนีผมไม่ได้ ปากที่เคยบ่นผมจนหูชาเมื่อกี้ดันติดอ่างกระทันหัน มันอ้าปากทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง ฉับพลันก็หุบแล้วเม้มปากแทน ผมนอนมองปากที่อ้าๆ หุบๆ สลับกันพลางไล้นิ้วไปบนแก้มแดงๆ นั่น มันเลยคว้ามือผมไว้แล้วก็จับไปแนบกับแก้มของตัวเอง ลูกแกะน้อยคลอเคลียอยู่กับฝ่ามือของผม น่ารักจนผมอยากจะจัดรอบสอง!
     “เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิครับ ทำไมถึงชอบดอกมะลิเหรอ?”
     อ้าว! ไอ้ต้นมันทำหน้างงซะงั้น
     “ทำไมอ่ะ บางทีก็อยากรู้เรื่องของเมียบ้างไง ไม่ได้เหรอครับ?”
     “เปล่าครับ แค่... เมื่อก่อนไม่เห็นพี่ชัชสนใจอะไรแบบนี้”
     “ก็เพราะพี่มันห่วยไง พี่ไม่เคยถามต้นเลยว่าเราชอบอะไรยังไง พี่เลยอยากใส่ใจเราให้มากขึ้น พี่อยากรู้จักเราให้มากกว่านี้นะครับ พี่อาจจะสังเกตคนเก่งเพราะมันเป็นอาชีพของพี่ แต่พอเป็นเรื่องความชอบอื่นๆ ของต้น แค่เรื่องนักร้องคนโปรด สีที่ชอบ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้เราไม่เคยคุยกันเลย พี่รู้สึกทุเรศตัวเองเป็นบ้าเวลาต้องไปถามแม่เราว่าเราชอบอะไร ยิ่งเห็นเรากับเพื่อนพี่ก็ยิ่งหึงนะบอกตามตรง ดูท่าทางคนอื่นจะรู้อะไรเกี่ยวกับเราเยอะกว่าพี่ซะอีก เพราะพออยู่ด้วยกันทีไร เรามีแต่จะเอาใจพี่ตลอดเลย ตามใจพี่ทุกอย่าง”
     “พี่ชัชก็... ไม่ถึงขนาดนั้นซักหน่อยครับ”
     “งั้นเล่าหน่อยสิ ทำไมถึงชอบมะลิล่ะครับ? ชอบกลิ่นมันเหรอ?”
     “ครับ ทำนองนั้นแหละ แต่ว่าเรื่องนี้ถ้าเล่าไปแล้วพี่ชัชห้ามหัวเราะผมนะ”
     “ครับ”
     ผมเอนตัวลงนอนพลางลากมันมากอดต่างหมอนข้าง ตั้งใจจะนอนฟังเสียงเมียเพลินๆ
     “ก็ ... ตอนเด็กๆ ผมอยากเล่นกับเด็กคนอื่นมากๆ ครับ มันมีหอพักใกล้ๆ กันเยอะเลย แล้วใกล้ๆ อพาร์ทเม้นต์ผมมีลานกว้างที่มีต้นไทรใหญ่ๆ กับศาลเล็กๆ อยู่ คงศักดิสิทธิ์มั้งครับ เพราะผมเห็นคนมากราบไหว้เยอะเลย มองลงมาจากห้องผมก็เห็น เด็กพวกนั้นเขามักจะจับกลุ่มเล่นกันอยู่แถวนั้นเพราะแม่ของเด็กที่เป็นลูกพี่ในกลุ่มร้อยพวงมาลัยขาย ผมอยากเข้าไปเล่นด้วยมากๆ แต่เขาไม่ให้เล่นด้วย ผมก็เลยได้แต่ไปนั่งอยู่แถวๆ นั้นดูพวกเขาเล่นกัน พอนั่งๆ ไปก็เลยชอบกลิ่นมะลิครับ ยิ่งพอไปโรงเรียนแล้วเขาสอนว่าดอกมะลิเป็นสัญลักษณ์ของวันแม่ผมก็เลยชอบมาก”
     ผมฟังแล้วก็แปลกใจ ทำไมเมียผมโดนสังคมรังเกียจขนาดนั้นวะ?
     “อ้าว! แล้วทำไมเด็กคนอื่นๆ ไม่ยอมเล่นกับเราอ่ะ?”
     “เอ่อ ... ผมลืมแล้วครับ มันนานมากแล้ว ผมจำไม่ได้”
     หืม... โกหกไม่เนียนเลยนะที่รัก
     “หน่านะ เล่าหน่อยนะครับ พี่อยากรู้อ่ะ”
     “แต่... แต่มันน่าอายนี่ครับ”
     “พี่สัญญาว่าจะไม่หัวเราะอ่ะ นะ นะ บอกหน่อย”
     ต้นมันดูลังเลนิดหน่อย สีแดงก่ำบนแก้มมันน่ารักโคตรๆ ยิ่งตอนนี้มันเม้มปากนิดๆ แก้มมันเลยป่องหน่อยๆ ผมจะคลั่งตาย ทำไมเมียผมน่ารักขนาดนี้วะ!
     “เขา... เขาหาว่าผมเป็นตุ๊ด เด็กพวกนั้นล้อผมว่ามีพ่อเป็นตุ๊ด ลูกก็ต้องเป็นตุ๊ด”
     พ่อ? อ๋อ! มันคงหมายถึงลุงมัน ก็สมควรอยู่หรอกต้นเอ้ย...
     “ตั้งแต่เด็กเลยเหรอต้น?”
     สงสัยน้ำเสียงผมจะหลุดขำไปนิดหน่อย ต้นมันเลยงอน ฮ่าๆ
     “โดนล้อตั้งแต่เด็กเชียวนะ”
     “ก็มันช่วยไม่ได้นี่ครับ! ผมก็ไม่ได้อยากให้ใครมาว่าผมแบบนั้นซะหน่อย”
     “งั้นแล้วตกลงเป็นตุ๊ดจริงป่ะ?”
     “พี่ชัช!”
     “ฮ่าๆ”
     “ไม่ตลกนะครับ ไหนสัญญาแล้วไง แล้วอีกอย่างผมไม่ใช่ตุ๊ด!”
     “คร้าบๆ ฮ่าๆ ไม่ใช่ตุ๊ดแต่ทุกทีก็นอนอ้าขารอพี่ใช่ป่ะ?”
     “พี่ชัช ผมโกรธจริงๆ แล้วนะครับ!”
     เสียงเขียวเชียววุ๊ย! ต้นเอ้ย ... ฮ่าๆ มันทั้งโกรธทั้งเขินผมจนหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม มันจะคิดมากไปทำไมวะ ผมไม่เข้าใจมันจริงๆ ตุ๊ดไม่ตุ๊ดมันก็เป็นเมียผมแล้ว ทีผมยังขี้เกียจคิดเลยว่าตัวเองเป็นเกย์รึเปล่า
     “ฮ่าๆ ล้อเล่นหน่า ... แต่เราเป็นแบบนี้ก็ดีนะ ถ้าเราไม่ใช่แบบนี้พี่ก็ไม่กล้าจีบเรามาทำเมียหรอก”
     แน่ะๆ มันทำงอน ฮ่าๆ แหย่มันต่อดีกว่าครับ
     “ถามจริง ตอนที่เราแอบชอบพี่อ่ะ ที่เคยเล่าว่าหวงพี่เวลาเห็นพี่กับผู้หญิงพวกนั้น ตอนนั้นเราอยากได้พี่ทำผัวหรือเรากะเอาพี่ทำเมีย?”
     “บ้า!”
     ได้ผลวุ๊ย! ฮ่าๆ ต้นมันหน้าแดงแปร๊ดลามไปจนถึงใบหู
     “ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรถึงขั้นนั้นซักหน่อย แค่เป็นห่วงพี่ชัชเฉยๆ เลิกคุยเถอะครับ ผมง่วงแล้ว”
     นั่นๆ ทำเนียนตัดบท
     “หน่า ... ตอบมาเหอะ”
     “ผม ... ผมก็แค่อยากให้พี่ชัชเลิกยุ่งกับผู้หญิงพวกนั้น...”
     “แล้วไงต่อ?”
     “ผม ... ผมแอบคิดว่าถ้าพี่ชัชมองผมบ้างก็คงจะดี แต่... แต่ตอนนั้นผมทะเลาะกับพ่ออยู่นี่ครับ เลยคิดแบบนั้น ไม่เกี่ยวกับประเด็นอะไรพวกนั้นซักหน่อย”
     ไอ้ต้นปากแข็งเอ้ย...
     “แล้วไงครับ ตอนนี้ได้เป็นเมียพี่สมใจแล้ว ถึงใจดีป่ะ?”
     “บ้า! หื่นละครับ ไม่เอาแล้ว ผมขี้เกียจคุย ง่วงแล้วครับ”
     “โธ่... ไม่มีรอบสองจริงๆ อ่ะ?”
     “บ้า!”
     ฮ่าๆ เมียผมน่ารักที่สุดครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ความเซ็งของคนมีคู่อย่างนึงที่คนไม่เคยโดนไม่เข้าใจก็คือ แม้ไม่อยากแต่ถ้ามีคนสะกิดบางทีก็ต้องยอม ขืนไม่ยอมมันหนีไปทำกับคนอื่นจะน้ำตาตกในเอา บางครั้งลำบาก ไม่อยาก ไม่เสร็จ ไม่ชอบ และอื่นๆ พูดไม่ได้ ช่วยได้ก็ต้องช่วยเหมือนให้อีกฝ่ายกินหนม เวลามีกระทู้แบบนี้ทีไร "ต้องคุยกับแฟนให้เข้าใจ" ... คือ ถ้ามันเปิดอกคุยกับแฟนได้ง่ายๆ กูคงไม่ต้องถอดล็อกอินมาตั้งกระทู้ปรึกษาพวกมึงหรอก << บางทีก็แอบคิดว่าเจ้าของกระทู้อาจจะคิดเช่นนี้อยู่ก็เป็นได้... จากใจของคนที่เล่นพันติ๊บมาสิบกว่าปี สิงPพลาซ่ามาพอๆกัน เข้าประมูลบ้างประปราย แต่ที่เข้าบ่อยสุดๆ เมื่อก่อนคือหลุดโลก ... ไอ้คนแต่งมันเป็นผู้หญิงจริงเหรอ? แน่ใจนะมันไม่ใช่กะเทยแต๊บมาเป็นชะนี แต่แหม... สมัยก่อนบอร์ดนี้ร้างเป็นป่าช้า นิยายมีไม่กี่เรื่อง มันสุดต้องอ่านบ้านพักอลเวง ถ้าอยากอ่านนิยายต้องเข้าบอร์ดPหมวดเลิฟสตอรี่นี่นา แล้วก็จะมีชะนีที่(คิดเอาเองว่าเป็นทอม)ปลอมตัวเข้าไปแอ๊บแมนแต่เรื่องเล่าแถวนั้นเยอะแยะ ... ก็อ่านเพลินดี แต่อย่าพลาดนะ โดนถล่มยับ เหอะๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#11/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน16
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 11-11-2014 20:08:05
ต้นน้ำ

     “เฮ้ยแก ฉันว่าไปเหอะ จะได้เวลาแล้วอ่ะ”
     “เดี๋ยวดิป่าน เรายังทำงานที่อาจารย์สั่งไม่เสร็จเลยอ่ะ”
     “แกทำรึแกลอกของต้นห๊ะอิไปป์”
     “เง้อป่านอ่า...”
     ผมล่ะหน่าย ผมไม่ได้อนุญาตให้ไปป์ลอกซักหน่อย ไปป์มารื้อเป้ของผมแล้วหยิบไปลอกเองต่างหาก
     “เอาเถอะ งั้นเสร็จแล้ว เอาสมุดเราไปส่งให้ด้วยนะไปป์ เราขอไปเข้าห้องน้ำแปป พวกเธอไปก่อนเลย จองที่ให้ด้วยนะ”
     “เอางั้นเหรอ?”
     “อื้อ”
     สงสัยผมจะดื่มน้ำเยอะไปหน่อย ปวดฉี่จังเลยครับ ผมเลยตัดสินใจไปห้องน้ำใกล้ๆ เพราะผมรีบทำธุระส่วนตัวก็เลยไม่ได้สนใจใคร แต่อยู่ๆ ก็มีเสียงพูดขึ้นว่า
     “เฮ้ย กูว่าพวกเราไปเข้าห้องน้ำชั้นอื่นดีกว่าว่ะ”
     “ทำไมวะ?”
     “ก็แถวนี้มีพวกอีแอบน่ะสิวะ ฮ่าๆ”
     ผมพยายามเมินเฉยกับเสียงรอบข้างแล้วทำธุระของตัวเองให้เสร็จก่อนจะไปล้างมือที่อ่างล้างหน้าโดยไม่สนใจคนพวกนั้น ผมกะจะรีบไปให้พ้นๆ จากสถานการณ์ตรงนี้
     “แหม หยิ่งจัง แซวแค่นี้เอง โกรธเหรอวะ ฮ่าๆ”
     ผมบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ อย่าไปสนใจคนพาล!
     “เค้าไม่สนมึงหรอกว่ะ ได้ข่าวว่าชอบคนแก่นี่หว่า ฮ่าๆ”
     ผมโกรธมากครับ หาเรื่องผมไม่พอยังลามปามไปว่าพี่ชัชอีก ผมพยายามบอกตัวเองให้อดทนไว้แต่พวกเขากลับไม่หยุดหาเรื่องผม นอกจากนี้ยังพากันเดินเข้ามาใกล้จนประชิดด้านหลังผม
     “มิน่าล่ะ นึกว่ามัวแต่เล่นตัว ที่ไหนได้ ชอบคนแก่ก็ไม่บอก ไม่สนใจคนวัยเดียวกันบ้างเหรอวะ แรงดีนะฮ่าๆ”
     หนึ่งในนั้นเอามือมาจับก้นผม!
     “ทำบ้าอะไรของคุณ!”
     ผมหันกลับไปปล่อยหมัดใส่ไอ้บ้านั่นแต่พลาดเป้า แถมอีกคนมันยังล็อกแขนผมไว้ได้!
     “โห โหดว่ะ แซวนิดๆ หน่อยๆ มันต่อยมึงเลยว่ะ ฮ่าๆ”
     “หัวเราะเชี่ยไร เฉี่ยวหน้ากูเลยนะมึง ถ้ากูหลบไม่ทันอ่ะ”
     “ปล่อยผม!”
     “ขืนกูปล่อยมึงก็ต่อยพวกกูดิ”
     ไอ้คนที่จับผมเอาไว้มันไม่ยอมปล่อยผมครับ นอกจากนั้นมันยังรวบแขนผมไปด้านหลังทำให้ผมดิ้นไม่ถนัด
     “ก็สมควรแล้วนี่ สันดานต่ำ! มารยาททราม!”
     “ปากดีนักนะมึง เป็นตุ๊ดก็หัดสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าทำตัวห้าว เห็นแล้วหมั่นไส้ว่ะ เจ๋งนักเหรอมึง”
     คนที่โดนผมต่อยมันยื่นมือมาบีบคางผมอย่างแรง หน้าตามันเอาเรื่องมากครับ สงสัยวันนี้ผมคงต้องเจ็บตัวซะแล้ว!
     “มีอะไรรึเปล่าต้น?”
     ผมนึกว่าตัวเองจะโดนต่อยซะแล้วเพราะเมื่อกี้มันกำลังเงื้อหมัดเลย แต่พอดีอัฐเดินเข้ามาซะก่อน
     “เพื่อนเหรอต้น?”
     ผมยอมรับว่ารู้จักสองคนนี้ พวกเขาเป็นเด็กเคมี พวกเราเคยเรียนด้วยกัน แต่ผมไม่คิดว่าพวกเรานับว่าเป็นเพื่อนกันได้หรอกครับ เพราะพวกเขาจงเกลียดจงชังอะไรผมก็ไม่รู้ เอาแต่หาเรื่องผมทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
     พวกเขามองอัฐแล้วก็ปล่อยผมก่อนจะพากันออกไปจากห้องน้ำ แล้วน้ำตาผมก็ไหล ผมเจ็บใจครับ! ระหว่างนั้นอัฐเดินมาล้างหน้าที่อ่างแล้วก็ยืนอยู่เฉยๆ ไม่พูดอะไร ผมรู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก ทำไมผมถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ!
     “เรียบร้อยมั้ยต้น ไปเถอะ จะได้เวลาเรียนแล้ว”
     อัฐไม่ได้ปลอบผม แต่คำพูดของเขาดึงสติผมกลับมาสู่ปัจจุบัน ผมควรจะสนใจเรื่องที่สำคัญกว่า ผมไม่ควรเสียเวลาไปเสียใจกับเรื่องไร้สาระ!
     “ขอเราล้างหน้าแป็บนะ”
     ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลเปื้อนแก้มแล้วก็เดินไปล้างหน้าที่อ่าง อัฐวางมือลงบนศีรษะของผม ทันใดนั้นน้ำตาของผมมันก็ไหลออกมาอีกครั้ง พวกเราเสียเวลากันนิดหน่อยเพราะผมต้องใช้เวลาในการสงบสติอารมณ์ พอผมล้างหน้าเสร็จก็เดินตามอัฐออกมา แต่ที่ใกล้ๆ กันนั้น พวกเด็กเคมีกลุ่มนึงนั่งอยู่ สองคนนั้นก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย แล้วเสียงทุเรศๆ ดังขึ้น
     “ทำไรกันอยู่วะ ช้าจัง”
     “คงปลอบกันอยู่มั้ง พวกมึงอ่ะไปแกล้งเขา ยิ่งขี้แยๆ อยู่”
     “นั่นสิวะ ไม่รู้ปลอบกันไปกี่ยก”
     “ฮ่าๆ”
     น้ำตาที่ผมพยายามเก็บกลับไปเมื่อตะกี้กำลังจะร่วงหล่นลงมาอีกรอบ อัฐกดบ่าผมไว้แล้วพูดเตือนสติ
     “ปล่อยวางนะต้น อย่าให้คำพูดของคนพาลมาทำร้ายเรา
     เป็นอัฐก็พูดได้สิครับ! อัฐไม่เจอแบบผมนี่ ผมหันไปมองหน้าอัฐๆ สบตากับผมแล้วส่ายหน้า ผมรู้สึกถึงแรงบีบที่ย้ำลงมาเบาๆ บนบ่า ผมปาดน้ำตาลแล้วเดินหนีจากตรงนั้น
     เพราะผมเดินเข้าห้องมาพร้อมกับอัฐแถมยังตาแดงๆ ทุกคนเลยพากันสงสัย แต่อัฐเบรคทุกคนไว้ ทุกคนเลยเก็บความสงสัยเอาไว้ พอเรียนเสร็จก็พากันมาซักผม
     “อะไรนะ! มึงโดนพวกมันจับก้นด้วยเหรอวะ!”
     “โหย เล่นแรงว่ะ”
     “ไม่ได้สนิทกันแท้ๆ ทำแบบนั้นมันเกินไปแล้ว”
     เพื่อนผมแต่ละคนพากันแสดงความคิดเห็น การที่เขาเป็นห่วงผมแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกดีจังเลยครับ เมื่อก่อนไม่มีใครสนใจผมแบบนี้หรอก
     “อืม เรากำลังล้างมืออยู่เลยไม่ทันระวังตัว แล้วเราตกใจก็เลยเผลอสะบัดแขนไปโดนหน้าพวกเขาๆ ก็เลยโกรธจับเราไว้ แล้วอัฐก็เข้ามาพอดี”
     “โชคดีนะแก ถ้าอัฐไม่ไปเจอละก็ไม่รู้พวกมันจะทำอะไรแกบ้าง”
     “นั่นสิ กูว่านะแค่แซวๆ นี่พอรับได้นะเว้ย แต่ถึงขั้นถึงเนื้อถึงตัวกันแบบนี้ มันเกินไปจริงๆ ว่ะ”
     “พวกมันเป็นใครวะ มึงบอกกูมาเดี๋ยวกูไปกระทืบมันคืนให้!”
     “นายแน่ใจนะว่านายไม่เคยไปทำอะไรไว้กับพวกนั้น?”
     ยศคิดว่าผมเป็นคนยังไงกัน ผมเป็นผู้เสียหายนะครับ!
     “มึงจำโค้กกับเดย์ เด็กเคมีที่ชอบแกล้งแซวต้นบ่อยๆ ตอนเรียนรวมได้มั้ย สองคนนั้นแหละ”
     ผมแปลกใจที่อัฐพูดขึ้นเลยหันไปมอง เขายิ้มให้ผมแล้วพูดต่อ
     “นายทำดีแล้วต้น บางครั้งคนพาลก็ไม่มีเหตุผลหรอก แค่อยากทำตัวเป็นอันธพาล แต่คนดีเขารู้เหตุผลว่าเพราะอะไรเขาถึงต้องอดทน เป็นคนดีมันเป็นยาก ไม่เหมือนกับเป็นอันธพาล
     อัฐตบไหล่ให้กำลังใจผม ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลยครับที่อย่างน้อยๆ ก็มีคนเข้าใจผม
     “นี่พวกมันยังตามหาเรื่องแกอีกเหรอต้น!”
     ป่านเสียงดังทันที่ที่อัฐพูดจบ
     “ไม่หรอก บังเอิญไปเจอกันในห้องน้ำพอดีน่ะ”
     ปกติผมพยายามเลี่ยงปัญหาและพวกเขาก็ไม่เคยแซวผมต่ำขนาดนี้มาก่อน
     “พวกมันพูดอะไรกับแกบ้างอ่ะต้น”
     “เอ่อ... ช่างมันเถอะ เราจำไม่ได้แล้ว”
     ผมไม่อยากให้พี่ชัชต้องถูกลากมาเกี่ยวด้วยนี่ครับ
     “จำไม่ได้หรือไม่อยากพูดวะ มึงนี่”
     “เอ๊ะ! แล้วแกจะมาคาดคั้นอะไรเอากับต้นย๊ะ เสือกจริงอิอาร์ท!”
     “อ้าว! ป่าน พูดแบบนี้”
     “เฮ้ย! พอๆ”
     ค่อยยังชั่วที่ยศเบรคป่านกับอาร์ทเอาไว้ได้ครับ เฮ้อ...
     “ต่อไปนี้มึงก็ระวังตัวไว้หน่อยละกัน มึงรู้ใช่มั้ยว่ามึงทำเรื่องไว้เยอะทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ มีคนแค้นมึงแน่ๆ ล่ะ”
     พูดอย่างกับผมอยากมีเรื่อง!
     “แต่เรายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
     “เออพวกกูรู้ แต่เรื่องมันวิ่งเข้ามาหามึงเยอะนี่หว่า ครั้งหน้ามึงอาจจะไม่โชคดีแบบวันนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้ว่าคราวต่อไปจะเป็นเรื่องเล็กๆ หรือมึงจะโดนอะไรหนักกว่านี้ ตัวมึงก็เล็กแค่นี้อย่าอวดเก่งนักเลยต้น หลายทีแล้วนะมึง”
     ผมรู้ว่ายศเขาพูดถึงเรื่องอะไร
     “แล้วนายจะให้เรายอมอยู่ฝ่ายเดียวหรือมองดูเพื่อนเราถูกคนอื่นรังแกเหรอ เราไม่ทำใครก่อนหรอกนะ แล้วเราก็ทนมามากแล้วด้วย เราถึงได้ตอบโต้!”
     “ไม่ต้องถึงมือไอ้มิวหรอก มึงงัดข้อกับไอ้เป้ให้กูดูเด๊ะ”
     ผมงงนะครับอยู่ๆ อาร์ทก็พูดอะไรไม่รู้เรื่องออกมา
     “ไอ้เป้มันผอมแห้งแรงน้อยกว่ามึงอีก แต่กูว่าเผลอๆ มึงก็เอามันลงยาก ยิ่งถ้าต่อยกันมึงคิดว่ามันจะยืนโง่ให้มึงต่อยเหรอ อาศัยลูกฟลุคทั้งนั้น ถึงมึงจะเล็งเข้าเป้าก็เถอะ แต่อย่างนึงที่มันต่างกับมึงคือเป้มันไม่ได้ฉายเดี่ยวแบบมึง ข้างๆ มันมีไอ้มิวกับไอ้นัน แล้วมึงอ่ะมีใคร? ในกลุ่มมึงไอ้ไปป์ไปทาง โอมอยู่อีกทาง ที่เหลือก็ผู้หญิง แถมมึงยังชอบไปไหนคนเดียว เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาใครจะช่วยมึง! เพื่อนต่างคณะต่างมหาลัยจะมาช่วยมึงทันมั้ย มึงจะกลับไปฟ้องแฟนมึงตอนจบเรื่องเหรอ?”
     ผม... ผมไม่ใช่คนขี้ฟ้องซักหน่อย!
     “เถียงกูไม่ออกละสิมึง ตัวบางๆ อย่างมึงอ่ะ เจอซัดซักทีสองทีก็จอดแล้ว เสือกทำเป็นอวดเก่ง”
     “พวกมึงเตือนเพื่อนดีๆ ก็ได้ พวกมันแค่อยากเตือนไม่ให้นายทำอะไรเกินกำลังน่ะต้น”
     ถึงอัฐจะพูดแบบนั้น แต่ว่า... แต่แล้วก็มีฝ่ามือลูบลงบนศีรษะของผม
     “เชื่อพวกมันเถอะต้น ระวังตัวไว้ก่อนก็ดี”
     คิวว์พูดขึ้นพลางนั่งลงข้างๆ ผม เขาโอบผมด้วยมือซ้ายแล้วตบบ่าผม ผมรู้สึกแปลกใจที่คิวว์ทำแบบนี้ ปกติถึงคิวว์จะดีกับผมมาก แต่น้อยครั้งที่คิวว์จะทำแบบนี้กับคนอื่น ผม... ผมรู้สึกเหมือนเขาพยายาม... ผมรู้สึกเหมือนเขากำลังปกป้องผมอยู่เลยครับ ไม่เฉพาะแต่คิวว์ อัฐเองเมื่อตะกี้ก็ด้วย!
     “ตอนนี้ทุกคนรู้หมดแล้วว่านายเป็นอะไร คนเขาเห็นนายเป็นเหยื่อนะต้น”
     “หมายความว่าไงอ่ะคิวว์ เรา... เราไม่เข้าใจ”
     “ก็หมายความว่าคนอื่นเขาเห็นมึงไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงไง คนที่อยากรังแกมึงก็ไม่ต้องกลัวอะไรเพราะรู้ว่ามึงมันไร้พิษสง ทุกคนเขามองว่ามึงไม่มีปัญญาปกป้องตัวเอง”
     คำพูดของเอกทำให้ผมยิ่งง มันเกี่ยวอะไรด้วย?
     “มึงก็พูดไปเลยเคลียร์ๆ ดิเอก มานี่กูแปลให้เอง เมื่อก่อนคนเขารู้แค่มึงเป็นเกย์ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามึงเป็นเกย์รับ เขาไม่กลัวโดนมึงจับตุ๋ยแล้วไง ยิ่งเห็นคนปกป้องมึงเขายิ่งรู้ว่ามึงมันโคตรไข่ในหินของแท้!”
     ผม... ผมสับสนครับ ผมเป็นเกย์รับแล้วมันผิดเหรอ? ไข่ในหินอะไร? ผมทั้งสับสน ทั้งโกรธ ผมไม่ได้โกรธนน แต่ผม...
     “จริงๆ นะต้น เมื่อก่อนคนเขาลือว่ามึงมันร่าน บางคนก็ใส่ไข่ซะมึงเหลวแหลกเลย แต่หลังจากที่มึงเปิดตัวแฟนแล้วก็มีคนคอยแก้ต่างให้มึงอ่ะ ตอนนี้มึงไม่ต่างอะไรกับเจ้าหญิงบนหอคอยงาช้างเลย มีแต่คนอยากฉุดมึงลงมา ยังไงซะเรื่องนิสัยมึงก็เรื่องจริง ที่มึงเคยทำหยิ่งใส่คนอื่นไว้ก็เรื่องจริง พูดง่ายๆ ก็คือคนอื่นรอจังหวะกระทืบซ้ำมึงอยู่”
     ผมก็ยังงงอยู่ดีครับ
     “พวกมึงไปรู้อะไรมาวะ เอก นัน?”
     เอกกับนันมองหน้ากันแล้วเอกก็สะกิดให้นันพูดต่อ
     “เมื่อวานพวกกูไปเล่นบอล มีรุ่นพี่ที่รู้จักบางคนมาถามไอ้เอกเรื่องต้นมันเพราะรู้ว่าเอกมันเกลียดเกย์ ก็เลยคุยๆ กัน เอกมันก็ปกป้องมึงแหละ แต่อยู่ดีๆ เสือกมีไอ้เหี้ยอีกคนแม่งมาเปิดประเด็นเรื่องมึง พวกกูก็ไม่รู้ว่ามันเกลียดมึงมาตั้งแต่ชาติไหน มันด่ามึงแล้วก็บอกว่าตุ๊ดอย่างมึงก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงไม่นับว่าเป็นเกย์เพราะมึงมันดัดจริตจนไม่ใช่ผู้ชาย แล้วมันก็หัวเราะบอกอย่างมึงคงไม่มีปัญญาทำอะไรใครได้นอกจาก... เอกเลยไม่เกลียด มันพูดว่าคนสันดานเสียอย่างมึงต้องเจอรุมให้หายหยิ่ง กูคงไม่ต้องบอกนะว่าหมายถึงอะไร พวกกูที่เหลือนี่วงแตกกันเลยมึง แต่ได้ยินแล้วพวกกูเป็นห่วงมึงนะ ลองมีคนด่ามึงลับหลังขนาดนี้ท่าทางมึงคงทำเรื่องไว้เยอะว่ะ”
     ผมชาไปทั้งตัว! รู้สึกเหมือนจะเป็นลมเลยครับ พวกเราที่เหลือเงียบกันหมด
     “เฮ้ยๆ พอๆ พวกแกก็ไปขู่มัน ต้นมันหน้าซีดหมดแล้ว”
     “ไหวมั้ยจ้ะต้น”
     “ต้นหิวข้าวเหรอ เลยเวลาพักมาตั้งนานแล้วอ่ะ ไปกินข้าวกันป่ะ เดี๋ยวค่อยกลับมาคุยต่อ”
     “อิไปป์!”
     “เออๆ แยกๆ แดกข้าว ช่วงนี้มึงก็อย่าพึ่งซ่าละกันต้น”
     อาร์ทพูดพลางมองมาที่ผมด้วยสายตาเป็นห่วง ผมน่ะเหรอซ่า? ผมไม่ใช่แม็กซ์นะครับ
     ผมไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น จำไม่ค่อยได้ครับ แต่สีหน้าจริงจังของเพื่อนๆ และสายตาเป็นห่วงเป็นใยจากพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องโกหก ผมขนลุกไปทั้งตัว! นี่ผมไปทำอะไรไว้ให้ใครแค้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ผมไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายกับใครซักหน่อย

     ผมไปทานข้าวแล้วก็เดินไปเรียนต่อคาบบ่ายอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นี่ผมควรจะทำยังไงดี? ผมจะต้องทำยังไงถึงจะหยุดความเกลียดชังจากคนอื่นได้? ผมแค่อยากอยู่อย่างสงบๆ ไม่อยากมีปัญหาอะไรกับใครทั้งนั้น! ผมจะขอให้ใครช่วยผมได้บ้าง? ผมจะหันหน้าไปพึ่งใครดี?
     “เฮ้ยต้นระวัง!”
     ผมรู้สึกเจ็บไปทั้งตัวโดยเฉพาะตรงแถวๆ แขนกับสะโพก ผมใจลอยจนเดินตกบันได แต่อ้อมกอดที่ช่วยปกป้องผมอยู่ก็ไม่ทำให้ผมเจ็บมาก ผมตั้งสติแล้วมองหน้าฮีโร่ของผม
     “พี่ธันย์!”
     พี่ธันย์นอนกองกับพื้นโดยมีผมทับอยู่บนตัวพี่เขาอีกที
     “ต้น ลุกก่อน ขาพี่”
     “ต้นเป็นไรป่าว!”
     เสียงเรียกด้วยความตกใจจากบรรดาเพื่อนๆ ผมแทบกลบเสียงครางของพี่ธันย์ ผมลุกขึ้นจากตัวพี่ธันย์ด้วยความลำบาก ถึงพี่ธันย์จะกันไม่ให้หัวผมกระแทกกับพื้นแต่ร่างกายส่วนอื่นของผมก็ไม่รอด ผมพยายามจะลุกขึ้น แต่ข้อมือที่ผมยันไปส่งๆ ตอนกระแทกกับพื้นก็เจ็บจนผมพยุงตัวขึ้นได้ยาก ป่านรีบวิ่งมาประคองผม ส่วนโอมก็ไปช่วยพี่ธันย์ ดูเหมือนพี่ธันย์จะเจ็บขาเพราะพี่เขาทำหน้าเบี้ยวเชียวครับตอนที่ไปป์พยุงเขาให้ลุกขึ้น
     “ต้น เป็นอะไรมากมั้ย?”
     “เราไม่เป็นไร เอ่อ... พอดีเขาช่วยเราไว้”
     “แกนี่ใจลอยจนเดินตกบันไดเลยอ่ะ”
     ผมสบตากับพี่ธันย์ แต่พี่ธันย์กลับไม่ยอมมองผมเลย พี่เขาลุกขึ้นทำท่าจะเดินหนีผม แต่พี่เขาท่าทางกะเผลกๆ ครับ
     “เอ่อ ... คุณเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ ผมขอโทษ ผมไม่ตั้งใจ”
     “ช่างเถอะ คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
     พี่ธันย์พูดเสร็จก็ทำท่าจะเดินจากไป
     “นี่ดีนะต้นที่เขามารับแกไว้ทัน ไม่งั้นแกเอ้ย หัวฟาดพื้นแน่ๆ”
     ผมไม่ได้สนใจฟังที่ป่านพูดเลยครับ เพราะพอผมเห็นพี่ธันย์ทำท่าจะเขยกๆ หนีไปผมก็เผลอโผเข้าไปคว้าเสื้อพี่เขาไว้
     “เดี๋ยวครับพี่!”
     ผมลืมตัวจนได้!
     “เอ่อ ... คือ ผม ... ผมหมายถึง ... ขอบคุณนะครับ คือ...”
     ผมพยายามจะแก้ตัวแต่แล้วก็พูดอะไรไม่ออก ตัวผมเองยังเจ็บขนาดนี้ แล้วพี่ธันย์ที่มารับผมไว้ล่ะ พวกเด็กปีหนึ่งคนอื่นๆ ไม่เห็นมีใครมาช่วยพี่ธันย์เลย ผมเป็นห่วงพี่ธันย์ อยากจะถามอาการของพี่เขา แต่ว่า ...
     ชั่วขณะที่ผมกำลังลังเลว่าจะทำอะไรต่อดี ผมควรจะตัดใจปล่อยมือจากเสื้อพี่เขาเสียทีดีมั้ย พี่ธันย์ก็เอื้อมมือมาหยิกแก้มผมอย่างแรงด้วยใบหน้านิ่งๆ แล้วพูดว่า
     “น่าเบื่อว่ะ เมื่อไหร่จะเลิกซื่อบื้อวะ รำคาญ!”
     ผมเลยได้แต่ยิ้มแล้วปล่อยมือจากเสื้อพี่ธันย์ให้เขาเดินจากไป พี่ธันย์ยังเป็นพี่ธันย์คนเดิม คนที่ชอบรังแกผมแล้วก็บ่นว่าผมน่าเบื่อ ผมรู้ว่าพี่ธันย์จำเรื่องราวทุกอย่างได้ พี่เขาไม่เคยลืมเด็กซื่อบื้อคนนี้ แล้วก็รู้ดีว่าสถานภาพของเราตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน พี่ธันย์มีเหตุผลที่ทำตัวแบบนี้ ถึงผมจะไม่รู้สาเหตุว่าทำไมแต่ผมรู้ดีว่าพี่เขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร
     “ต้น! ทำไมเขาทำกับแกแบบนั้นอ่ะ แถมยังด่าแกด้วย”
     “ช่างเถอะ เขาคงเป็นคนตรงๆ มั้ง อาจจะโกรธเราก็ได้ก็เราดันไปล้มทับเขานี่ แถมเรายังทำตัวน่ารำคาญเองแหละ ช่วยไม่ได้ ไปเรียนกันเหอะ”
     ผมรู้ว่าคนอื่นๆ คงสงสัย แต่ถ้าผมไม่พูดซะอย่างใครจะทำอะไรได้ ...
     แต่ผมคิดผิด เพราะตอนเย็นหลังจบคาบแล้วผมมานั่งรอกลับพร้อมคุณพ่อที่พอทราบข่าวก็โทรมาสั่ง ท่านอาสาขับรถไปส่งคนขาเจ็บแบบผม ไปป์มานั่งเป็นเพื่อน เขาชูรูปในมือถือให้ผมดูแล้วทำท่าดีใจที่รู้ความลับผมเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง
     “คนนี้คือรุ่นน้องคนนั้นใช่ม้า เราก็ว่าแล้วว่าคุ้นหน้าจัง แต่ตอนนั้นนึกไม่ออก”
     “ใช่แล้วไง ไม่ใช่แล้วไง”
     ป่วยการที่จะปฏิเสธไปป์ให้เหนื่อยเปล่าครับ ไปป์ไม่มีวันเลิกล้มความตั้งใจถ้าอยากรู้อะไร แถมรู้ไปก็ไม่มีพิษมีภัย ไม่จำเป็นที่ต้องปิดบังเขา
     “มิน่าล่ะ ตอนต้นจะตกบันได เขาอยู่ตั้งไกลแต่รีบวิ่งมารับต้นไว้ เป็นเพื่อนสมัยเด็กกันนี่เอง”
     “ก็แค่เคยรู้จักกัน เวลามันผ่านมาตั้งนานแล้ว ไม่ได้สนิทอะไรกันแล้ว”
     “แต่เขาห่วงนายออก เห็นรีบวิ่งมาช่วย”
     “ไม่รู้สิ ...”
     ห่วงแต่กลับไม่อยากคุยกับผมเนี่ยนะ?
     “เขาดูไม่ค่อยอยากยุ่งกับเราเท่าไหร่เลย ตอนรับน้องพอเราไปทักก็ทำไม่ค่อยสน หลบหน้าเราตลอด”
     “บาปกรรมลงโทษต้นแล้ว ฮ่าๆ”
     “บ้าแล้วไปป์”
     “ดูต้นสนิทกับเขามากเลยเนอะ แล้วทำไมเขาถึงกลายมาเป็นรุ่นน้องพวกเราได้อ่ะ”
     “เราก็ไม่รู้ เราแทบไม่ได้คุยกับเขาเลย ไม่รู้เพราะเรื่องนี้รึเปล่าที่เขาคอยหลบเราตลอด”
     “ไม่มั้ง พวกเราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเขาอายุเยอะแล้ว ต้นอยากรู้ละทำไมไม่ลองถามเขาดูล่ะ”
     “ไม่กล้าอ่ะ เรากลัวพี่เขารำคาญ พี่เขาไม่ชอบให้เราไปเซ้าซี้”
     “ต้นหงออ่ะ ฮ่าๆ”
     “บ้า! เราไม่ได้หงอ ก็แค่... ก็ ... พี่ธันย์เขาเป็นลูกพี่ของเรานี่ มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เอาแล้ว... แววมันจะมา เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยตอนที่ลงตอนนี้ในเด็กดี คนอ่านๆ ข้ามผ่านๆ ไม่ใส่ใจ ทั้งๆ ที่คนเขียนก็ใบ้ไว้โคตรจะชัดมาตลอด คือปมประเด็นนี่เขาสอดไว้เนียนๆ ในหลายตอนมากเลยน้า ฮ่าๆ ก็เพราะน้องต้นซ่าแบบนี้ไงเลยเกิดเรื่อง หุๆ

ว่าแต่อิพี่ธันย์เป็นคร๊ายยยย  :a5:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#11/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน16
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 11-11-2014 20:25:53
ธันย์

     วันเสาร์นี้ผมตั้งใจว่าจะนอนอยู่ในห้องเฉยๆ ไม่น่าไปช่วยไอ้เด็กซื่อบื้อนั่นเลย เจ็บตัวฟรี ซวยจริงๆ
     เด็กซื่อบื้อที่เคยเกาะติดผมกลายเป็นดราม่าตัวแม่ประจำภาคไปซะแล้ว เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนเป็นนิยามที่จริงเสียยิ่งกว่าจริง ผมเองก็ตั้งใจจะเปลี่ยนเช่นกัน สำหรับผมกับต้นแล้ว ห่างกันได้คงดีที่สุด ผมช่วยอะไรต้นไม่ได้ ยิ่งต้นมาวุ่นวายกับผมเผลอๆ ต้นอาจจะลำบากมากกว่าเดิมเพราะผม
     ผมปิดสมุดภาพสำหรับเด็กเกี่ยวกับอวกาศในมือ ตั้งใจว่าควรจะทิ้งมันเสียที แต่จนแล้วจนรอดผมก็ตัดใจไม่ได้เลยนำมันไปวางไว้บนชั้นวางของที่เดิม
     ตอนที่ผมตั้งใจจะต้มมาม่ากินเป็นมื้อเที่ยงเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมเลยต้องกะเผลกไปเปิดประตูเพื่อดูว่ามีอะไร ผมว่าผมจ่ายค่าน้ำค่าไฟของเดือนก่อนครบแล้วนะ
     “ต้น!”
     ต้นน้ำยืนอยู่หน้าห้องผม! เกิดคำถามมากมายในหัว ต้นมาที่นี่ได้ยังไง?
     “เอ่อ...”
     “มาทำไม?”
     “ผม... ผมเป็นห่วง เห็นพี่ธันย์เจ็บขา”
     ไอ้ซื่อบื้อมันเหล่มองขาที่ผมพันผ้ายืดไว้แล้วก็ช้อนตาขึ้นมามองอ้อนผม แต่พอเห็นสีหน้าผมก็รีบก้มหน้าลงยืนถือตะกร้าในมือบิดไปบิดมาทำท่าอยากเข้ามาในห้องแต่ก็ไม่กล้าพูด ผมมองปิ่นโตในตะกร้าแล้วมองมัน ตามแขนมันช้ำเป็นจ้ำๆ ตัวเองก็เจ็บแท้ๆ แต่ไม่เจียม เมื่อไหร่มันจะเลิกโง่วะ! ผมอดไม่ได้เลยตบหัวมันไปแรงๆ
     “โอ๊ย!”
     “จะเข้าก็เข้ามา”
     จากเดิมที่ยืนกุมหัวเบะหน้ามันก็รีบยิ้มเอาใจผมแล้วแทรกตัวเข้ามาในห้องตามผมมาติดๆ อย่างกับกลัวผมจะเปลี่ยนใจไล่
     “มาทำไม?”
     ผมปิดประตูห้องแล้วเขยกไปเปิดพัดลมก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียง ห้องผมมันเล็ก มีแค่เตียงกับตู้เสื้อผ้าแล้วก็ชั้นวางของเล็กๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าก็มีแต่พัดลมกับกาต้มน้ำ ห้องแคบๆ ไม่มีที่พอให้ผมวางโต๊ะกินข้าวหรือโซฟารับแขก แต่ของพวกนั้นก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นเพราะผมอยู่คนเดียว ไม่มีใครมาหาผมหรอก
     “ก็ผมเป็นห่วง”
     “ห่วงทำไม?”
     “ก็... ก็พี่ธันย์เจ็บตัวเพราะผม”
     “เออรู้ตัวก็ดี”
     ถ้าร้องไห้ได้มันคงร้องไปแล้ว มันยืนนิ่งไม่กล้าขยับอยู่กลางห้องเช่ารูหนูของผม เหมือนคนทำตัวไม่ถูก
     “ละตัวเองไม่เจ็บรึไง? หอบอะไรมาเยอะแยะ”
     “แต่ผมไม่เจ็บมากเท่าพี่นี่ครับ ผมได้ยินเขาบอกว่าพี่อยู่คนเดียว ผมเป็นห่วงเลยมาเยี่ยม ผมอยาก...”
     “แล้วรู้ที่อยู่ได้ไง?”
     “ผม... ผมถามอาจารย์เอาครับ”
     “ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก คุณกลับไปเถอะ”
     จากที่ยืนนิ่งเพราะทำตัวไม่ถูกกลายเป็นยืนซึมแข็งเป็นรูปปั้น ไอ้ซื่อบื้อ
     “พี่ธันย์... พี่ธันย์รังเกียจต้นเหรอ?”
     นั่นไง! มันร้องไห้แล้ว มันน่าจะยี่สิบแล้วนี่หว่า ยังร้องไห้ขี้แยเป็นเด็กๆ อยู่ได้
     “ผมไม่ได้เกลียดคุณ”
     “แต่พี่ธันย์ไล่ต้น! พี่ธันย์หลบต้นตลอดเลย เพราะเรื่องที่ต้นเป็น.... เพราะต้น... พี่ธันย์เกลียดต้นแล้วใช่มั้ย”
     “ผมรำคาญคุณมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ตามผมอยู่ได้ น่าเบื่อว่ะ!”
     หยดน้ำตากับเสียงสะอื้นของไอ้เด็กซื่อบื้อช่วยกันกดดันจนผมแพ้มันจนได้ ใครบอกว่ามีแต่ผู้หญิงที่ใช้น้ำตาเป็นอาวุธ ต้นมีน้ำตาเป็นอาวุธมาแต่ไหนแต่ไร
     “มานี่มา”
     ผมตบเตียงข้างๆ ตัวเองเป็นสัญญาณ มันก็เดินมานั่งข้างๆ ผมอย่างว่าง่ายแต่ยังไม่ยอมหยุด ผมเลยตบหัวมันไปอีกที
     “หยุดร้องได้แล้ว พี่รำคาญ บอกไม่จำ พี่ไม่ชอบคนขี้แย ผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอกต้น”
     “ก็พี่ธันย์ว่าต้น”
     “เช็ดซะ ทุเรศน่ะโตป่านนี้แล้ว ทำตัวเป็นเด็กไปได้ ยี่สิบแล้วไม่ใช่เหรอ”
     “อื้อ ต้นยี่สิบแล้ว พี่ธันย์ละครับ ยี่สิบสองแล้วไม่ใช่เหรอ พี่หายไปไหนมา ทำไม...?”
     “เรื่องของพี่ไม่มีอะไรที่ต้นควรสนใจหรอก”
     “ต้นไม่ถามก็ได้ … ถ้าพี่ธันย์ไม่อยากบอก ต้นก็จะไม่เซ้าซี้ ต้นแค่... ต้นคิดถึงพี่ธันย์นะ พี่ไม่รู้หรอกว่าต้นดีใจแค่ไหนที่ได้เจอพี่อีกครั้ง”
     คงเพราะผมคิดถึงเสียงเจื้อยแจ้วผมถึงปล่อยให้มันพล่ามไปเรื่อยๆ
     “แต่พี่ธันย์ทำเหมือนไม่อยากคุยกับต้น ต้นเสียใจมากเลยนะครับ ต้นนึกว่าพี่เกลียดต้นแล้ว...”
     “ต้นก็มีเพื่อนตั้งเยอะ ไม่จำเป็นต้องสนใจพี่หรอก”
     “ไม่เกี่ยวกันซักหน่อย! ไม่มีใครแทนที่ใครได้หรอกครับ มันไม่เหมือนกันหรอก พี่ธันย์ก็คือพี่ธันย์สำหรับต้นตลอดมา”
     ผมชักโมโห! ไอ้เด็กซื่อบื้อนี่ไม่รู้จักจำ!
     “พี่ธันย์! พี่ทำอะไรน่ะครับ ปล่อยต้นนะ!”
     “งั้นต้นก็ไม่น่าลืมนะว่าเมื่อก่อนพี่ทำกับต้นยังไง พี่ร้ายขนาดนั้นแล้วยังวิ่งตามพี่อยู่ได้”
     “ก็... ก็แกล้งกันนิดๆ หน่อยๆ ผมไม่ถือนี่ครับ”
     เฮ้อ... เพราะเป็นแบบนี้แหละ มันถึงได้โดนคนอื่นเอาเปรียบอยู่เรื่อย ผมจงใจก้มลงไปใกล้อีกนิด ต้นคงจะกลัวถึงได้เริ่มดิ้นแรงขึ้น แต่แขนผอมๆ นั่นไม่เคยสู้ชนะผมหรอก
     “พี่ธันย์จะทำบ้าอะไร! ต้นไม่เล่นนะพี่!”
     ต้นดิ้นหนีผมสุดชีวิต แถมยังเตะขาถีบผมเข้าที่ท้องเต็มๆ สู้คนเหมือนกันนี่หว่า
     “พี่ธันย์!”
     “เงียบน่ะ ไม่เงียบเจ็บตัวแน่!”
     “พี่ธันย์ปล่อยต้นนะ ... ต้นกลัวแล้ว ต้นขอโทษ ต้นจะไม่มายุ่งกับพี่อีกก็ได้ อย่าทำอะไรต้นเลย!”
     “กลัวเป็นเหมือนกันเหรอ ถ้ากลัวแล้วมาหาพี่ถึงห้องทำไม รู้มั้ยมันอันตราย?”
     ผมปล่อยแขนมันให้เป็นอิสระ มันรีบดันตัวหนีผมแต่ไม่ลืมเช็ดน้ำตาตัวเองแล้วนั่งก้มหน้า ใจอ่อนจนได้สิผม ผมเอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้ต้น มันเหลือบตาแดงๆ ขึ้นมามองผมแล้วนั่งปาดน้ำตาต่อ ท่าทางแบบนั้นมันขัดหูขัดตาผมจนอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มมัน
     “ชอบผู้ชายไม่ใช่เหรอ มาอ่อยพี่ถึงที่เองแล้วจะนั่งร้องไห้หาพระแสงอะไร”
     “ผมไม่ได้มาอ่อย!”
     การที่เด็กซื่อบื้อคนนั้นแผดเสียงตะคอกสวนกลับมาทำให้ผมเข้าใจ
     “ต้นเป็นห่วงพี่ธันย์จริงๆ ต่างหาก อุตส่าห์ทำกับข้าวมาให้ คิดว่าอาจเป็นโอกาสดีที่ต้นกับพี่ธันย์จะได้คุยกันดีๆ ถ้าพี่เกลียดต้นก็บอกมาสิ! ต้นจะไม่มายุ่งกับพี่อีกเลยก็ได้! ต้นน่ารังเกียจใช่มั้ยล่ะ? ถ้าพี่รับไม่ได้ก็บอกกันมาตรงๆ เลยสิ ไม่เห็นต้องแกล้งกันแบบนี้เลย ต้นมันเป็นตัวประหลาดใช่มั้ยล่ะ น่าขยะแขยง”
     “เวลาผ่านไปคนก็เปลี่ยน ไม่มีอะไรเหมือนเดิมหรอก”
     “ขอโทษแล้วกันที่ต้นกลายเป็นแบบนี้!”
     หยดน้ำตาพรั่งพรูหล่นมาไม่แพ้ถ้อยคำตัดพ้อผม
     “แต่ผมยังยืนยันคำเดิม ผมไม่ใช่ตุ๊ด! ผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง ผมแค่ชอบผู้ชาย”
     “ชอบผู้ชายแล้วจะกลัวอะไร พี่เสนอให้เราฟรีๆ ไม่ชอบเหรอไง?”
     “ผมไม่ได้-”
     ต้นตั้งหน้าจะเถียง แต่ผมก็หยุดคำพูดดูถูกตัวเองพวกนั้นไว้ด้วยประโยคต่อมา
     “เป็นผู้ชายคนอื่นต้องจ่ายเงินนะต้น”
     เหมือนต้นจะช็อค ไอ้เด็กซื่อบื้อมันอ้าปากพะงาบๆ พูดอะไรไม่ออก
     “พี่... พี่ธันย์หมายความว่ายังไง?”
     “ก็อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าพี่หายไปไหน นี่ไงคำตอบ”
     “โกหก!”
     “พี่จะโกหกต้นทำไม”
     “แต่... แต่พี่ธันย์ ... พี่ธันย์ไม่ใช่...”
     “เพื่อเงินไงต้น ลูกค้าอยากได้แบบไหนพี่ก็ต้องทำ แลกกับเงิน ขอให้ได้เงินพี่ไม่เกี่ยงหรอกว่าลูกค้าจะเป็นใคร”
     “แต่ต้นได้ข่าวว่าเขาพาพี่ไปอยู่มูลนิธิ แล้วก็มีญาติมารับพี่ไป...”
     “มันไม่มีความสุขหรอกต้น ถูกส่งไปมา ญาติๆ ก็รังเกียจ พอหนีออกมาก็ต้องนอนข้างถนนไปวันๆ ลักขโมย ขายตัว เสพยา เป็นวงจรอุบาทว์”
     “ทำไมพี่ธันย์ไม่กลับมาหาต้นกับแม่!”
     “น้าน้ำจะช่วยอะไรพี่ได้! แค่ต้นคนเดียวก็ลำบากจะตายอยู่แล้ว ต้นก็รู้ว่าแม่เรากับแม่พี่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ต่างกันก็แค่พี่มีพ่อเป็นไอ้ขี้ยา ... สุดท้ายก็โดนจับคดียาเสพติดทั้งพ่อทั้งแม่”
     จากที่กลัวผมจนตัวสั่นมันคลานเข้ามานั่งเบียดผมอีกแล้ว แถมยังกอดแขนผมไว้แน่นจนผมต้องใช้มืออีกข้างบีบมือมันให้รู้ว่าผมไม่เป็นไร
     “เล่าให้ต้นฟังหน่อยสิครับ ความจริงแล้วต้นมีเรื่องอยากเล่าให้พี่ธันย์ฟังเยอะเลย ทั้งเรื่องแฟนต้น แล้วก็เรื่องพ่อด้วยแหละ พี่ธันย์รู้มั้ยต้นเจอพ่อแล้วนะ”
     “รู้แล้ว อาจารย์ต้นตระการใช่มั้ย พี่พอเดาได้”
     “อื้ม ต้นมีพี่สาวด้วยนะ จริงๆ มีลูกพี่ลูกน้องอีกคนด้วย แต่เสียไปได้ห้าปีแล้วล่ะ เขาเสียไปก่อนที่ต้นกับพ่อจะเจอกันซะอีก”
     “ก็ดีแล้วนี่ ชีวิตต้นก็ดูมีความสุขจะตาย พี่ไม่อยากให้ต้นมาสนใจอะไรพี่อีก”
     “ต้นลืมพี่ธันย์ไม่ได้หรอก ตอนเด็กๆ นอกจากแม่กับลุงพลแล้วต้นก็ไม่มีใคร มีแต่พี่ธันย์คนเดียวที่สนใจต้น พี่ธันย์ไม่รู้หรอกวันนั้นที่พี่ธันย์ถูกพาตัวขึ้นรถตำรวจไปพร้อมลุงกับป้าต้นตกใจแค่ไหน ต้นพยายามถามแม่แล้ว แต่แม่ก็ไม่รู้ข่าวพี่ธันย์ แม่บอกว่าถามคนอื่นๆ แถวนั้นแล้วก็ไม่มีใครรู้ ต้นคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอพี่ธันย์แล้วซะอีก ... พี่ธันย์ใจร้ายมากเลย เมินต้นแบบนั้น”
     “พี่ไม่อยากให้เราต้องมาเกลือกกลั้วกับพี่ ต้นก็รู้ ประวัติอย่างพี่อยู่คนเดียวเงียบๆ จะดีที่สุด แล้วยิ่งต้นมีปัญหาแบบนั้น ถ้ามาพัวพันกับพี่อีกต้นจะยิ่งเดือดร้อน ถ้าพี่ทำตัวเงียบๆ ต่อให้มีบางคนรู้เรื่องของพี่ ยังไงพวกมันก็ไม่กล้าพูดไปหรอก อย่างดีก็แค่นินทาลับหลัง ไม่มีใครอยากยุ่งอะไรกับคนเงียบๆ แบบพี่ แต่ถ้าพี่... ถ้าต้นมายุ่งกับพี่ต้นจะมีแต่เสีย เราจะพากันต่างเสีย”
     ผมมันสกปรกอยู่แล้ว เปลี่ยนความจริงไม่ได้ จะทำอย่างไรก็ไม่มีทางลบล้างอดีตได้หมดจด ผมทำได้แค่อยู่นิ่งๆ ให้เงียบที่สุด ไม่เติมสีดำลงไปอีก แต่กับต้น เศษฝุ่นสีดำพวกนั้นสักวันมันก็ต้องตกตะกอน ขอแค่อย่ามีคนไปกวนมันให้ขุ่นก็พอ
     “แต่พี่ธันย์ขอทุนเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ ต้องทำงานด้วย... ต้นอยากช่วย”
     “จะช่วยยังไง ตัวเองยังเอาไม่รอด พี่ช่วยตัวเองได้ ตอนนี้พี่ไม่ได้ลำบากอะไรแล้ว”
     “พี่ธันย์... ไม่ได้ทำแบบนั้นแล้วใช่มั้ย?”
     “เปล่า ตอนนี้ทำงานเสิร์ฟธรรมดาๆ”
     “เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ ต้นอยากรู้”
     “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกต้น เข้าๆ ออกๆ มูลนิธิสลับกับเร่ร่อนจนช่วงนึงไปเจอฝรั่งคนนึง เขาถูกใจพี่เลยชวนพี่ไปอยู่กับเขา เขามาพักร้อนเมืองไทยน่ะ ก็อยู่ยาวหลายเดือนเหมือนกัน พี่ก็อยู่กับเขาไปเรื่อยๆ เขาสอนพี่หลายอย่างเลย ให้เงินพี่ไปเรียน กศน. ด้วย เขาเป็นครูอยู่เมืองนอกมั้ง แถมพอเขากลับไปแล้วยังช่วยฝากงานให้พี่อีก พี่ได้เป็นลูกจ้างมีที่กินนอน มีคนคอยคุ้มกะลาหัว พอได้สบายแล้วพี่ก็ไม่อยากกลับไปลำบากหรอก พี่อยู่แบบนั้นสามสี่ปีจนพี่ยี่สิบ เขาป่วยมั้งปีนั้น เขามาสั้นๆ แค่สองสามเดือน ชวนพี่ไปเที่ยวขึ้นเหนือล่องใต้ ก่อนจะกลับเขาเปิดบัญชีไว้ให้พี่แล้วก็บอกให้สอบเข้ามหาลัยให้ได้เพราะพี่ฉลาด น่าจะไปได้ดีกว่าเป็นเด็กเสิร์ฟตามบาร์ไปวันๆ พี่ก็เลยมาลองสอบดูนี่แหละ ดันติดก็เลยตั้งใจว่าจะทิ้งเรื่องพวกนั้นไว้ซะแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่”
     “แล้วคุณลุงกับคุณป้าละครับ?”
     “ตายในคุกแล้วมั้ง ไม่รู้หรอก พี่ไม่ได้ติดต่อ”
     ถึงคำพูดของผมจะฟังดูโหดร้ายแต่ผมรู้ว่าต้นเข้าใจผม เพราะต้นเลือกเอนหัวลงมาพิงกับไหล่ผมโดยไม่พูดอะไร ผมตบหัวต้นเบาๆ โลกของพวกเราสมัยเด็กคือโลกใบเดียวกัน สิ่งแวดล้อมที่หล่อหลอมผมกับต้นแทบไม่ต่างกัน เพียงแต่ต้นมีแม่ที่ดีกว่าผมก็เท่านั้น
     “แล้วต้นล่ะ? ทำไมไม่ตามน้าน้ำไปอยู่เมืองนอก”
     “เรื่องมันซับซ้อนครับ...”
     “ยังไงล่ะ?”
     “ตอนนั้นต้นทะเลาะกับพ่อ โลกมันกลมมากเลย พี่ธันย์รู้มั้ย เพื่อนสนิทต้นรู้จักกับพ่อด้วยล่ะ ต้นเลยได้เจอกับพ่อ ตอนมอห้าต้นไปงานวันเกิดเพื่อน แต่ทีนี้มันไกลแม่ต้นเลยไปรับ แล้วแม่กับพ่อก็เจอกัน ต้นถึงได้รู้”
     ผมเห็นด้วยกับเรื่องที่ต้นบอกว่าโลกมันกลม ถ้าไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้เจอต้นอีก เสียงเจื้อยแจ้วทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้กลับบ้าน เหมือนเมื่อครั้งนั้นที่ผมนั่งอยู่ในห้องกับต้นสองคนรอน้าน้ำกลับบ้าน
     “ตอนแรกต้นคิดมากเรื่องแฟนใหม่แม่ตั้งนาน ต้นกลัวแม่มีน้อง กลัวแม่ไม่รักต้นแล้ว ยิ่งมีปัญหาเรื่องพ่อเข้ามาเกี่ยวอีก ต้นกลัวแม่จะทิ้งให้ต้นอยู่กับพ่อแล้วไปอยู่เมืองนอกกับแฟนใหม่ ต้นก็เลยอยากทำให้พ่อเกลียดต้น อยากประชดพ่อด้วย แล้วต้นก็เจอกับแฟน แต่แฟนต้นเขาดีกับต้นมากเลยนะ ต้นก็เลยอยากอยู่กับเขา”
     บางทีต้นกับผมอาจจะเป็นแฝดคนละฝา เรามีอะไรคล้ายกันมาตั้งแต่สมัยก่อน รวมถึงเรื่องที่เราทั้งคู่ถูกโอบอุ้มไว้ด้วยมือของคนที่ไม่ใช่ญาติ!
     “ต้นผิดรึเปล่าอ่ะพี่ธันย์ ต้นกลัวลุงพลเสียใจพี่ต้นเป็นแบบนี้ ถึงลุงพลกับแม่จะไม่เคยว่าอะไรต้นก็เถอะ”
     “สองคนนั้นเขาไม่คิดมากกับเรื่องแบบนี้หรอก พี่ว่าเผลอๆ เขาทำใจไว้ตั้งนานแล้ว”
     “พี่ธันย์ว่าต้นอีกแล้ว ต้นยิ่งเครียดๆ อยู่ ไม่อยากให้ใครมาว่าลุงกับแม่ แล้วไหนจะเรื่องพ่ออีก ต้นกลัวพ่ออายถ้าทุกคนรู้เรื่อง ทุกวันนี้ก็อึดอัดจะตายอยู่แล้ว แค่ต้นชอบผู้ชายคนที่เขาดีกับต้นนี่มันผิดมากเลยเหรอพี่ธันย์ ทำไมคนอื่นต้องมาคอยจับผิดด้วย วันก่อนก็โดนแกล้ง”
     “ก็เรามันทำตัวเองไม่ใช่เหรอ บอกแล้วใครหาเรื่องให้ต่อยมันซะ มันจะได้ไม่กล้ามายุ่งกับเราอีก”
     “บ้าแล้วพี่ธันย์ หึๆ ขืนทำแบบนั้นก็โดนไล่ออกสิ อุตส่าห์พยายามอดทนแล้วแท้ๆ”
     “ก็ต้นครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ไง ไม่ทำอะไรให้ชัดเจน คนเขาถึงได้พูดถึงเราไม่ดี”
     “ยังไงครับ?”
     “มันชวนหมั่นไส้ไง”
     “พี่ธันย์ว่าต้นตลอดเลยอ่ะ! ไม่เอาละ ต้นไปแกะปิ่นโตให้พี่ดีกว่า”
     เด็กซื่อบื้อของผมเอาแต่ใจขึ้นเยอะแม้มันจะชอบเถียงเช่นเคย
     “ช้อนอยู่ไหนอ่ะครับ เดี๋ยวต้นหยิบให้ ตอนนี้ต้นทำอาหารเก่งแล้วนะ ไม่ทอดไข่เจียวไหม้แล้วด้วย”
     “ตรงที่คว่ำจานสีฟ้า มุมนั้นน่ะ”
     ต้นเดินตามคำบอกผม แต่แทนที่มันจะไปหยิบช้อนกลับหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชั้นวางของใกล้ๆ กัน
     “นี่มัน... พี่ธันย์ยังเก็บไว้อยู่เหรอครับ?”
     “เออ... จะเอาคืนมั้ยล่ะ?”
     ภาพของวันคืนเก่าๆ ปรากฏขึ้นในความทรงจำ เสียงอันอ่อนโยนที่ช่วยสอนผมกับต้นเรื่องดาวดวงต่างๆ ในจักรวาลอย่างใจเย็นแตกต่างกับเสียงดุดันดีแต่ตะคอกของแม่ผม เพราะเสียงนั้นละมั้งผมถึงทิ้งมันไม่ลงได้แต่เก็บมันไว้ในเป้เก่าๆ พกติดตัวตลอดเวลาต่อให้ผมต้องนอนหนาวข้างถนนก็ตาม
     “บ้า! ต้นไม่ให้แล้วเอาคืนหรอก”
     มันหันมายิ้มให้กับผม
     “ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์เก็บไว้”
     “เออ”
     ผมนึกถึงน้าน้ำ รอยยิ้มของต้นในตอนนี้ทำให้ผมนึกถึงผู้หญิงใจดีคนนั้น ต้นดีกับคนอื่นเสมอ เหมือนที่น้าน้ำดีกับผมเสมือนเป็นลูกอีกคน วันคืนเก่าๆ ที่ผมอยู่กับต้นและแม่ของมันคือช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต
     ต้นจัดสำรับให้ผมกิน กับข้าวง่ายๆ สองสามอย่าง ไข่เจียวกับหมูทอดและแกงจืดหมูสับ ทุกอย่างยังอุ่นอยู่ บ่งบอกว่าเจ้าตัวเพิ่งลงมือทำให้ผมได้ไม่นาน จนกระทั่งผมทานเสร็จ ข้าวที่หมดจานทำให้มันยิ้มแก้มปริ รอยยิ้มกับตาเป็นประกายของมันคาดหวังคำชมจากผม
     “อืม ... จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอครับพี่ธันย์”
     “ขอบใจ”
     ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้นไม่กล้าชักสีหน้าทำท่างอนใส่ผมหรอก
     “ของที่พอกินได้ก็คือพอกินได้ พี่ไม่ยอว่าอร่อยหรอก”
     “พี่ธันย์ใจร้าย”
     ต้นว่าผมก่อนจะลงมือเก็บสำรับนำจานชามไปล้าง ผมนึกว่าต้นเก็บเสร็จแล้วจะกลับ แต่มันกลับมานั่งข้างๆ ผม แถมยังคว้าหมอนผมไปกอด
     “ทำไร เสร็จแล้วก็กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวแฟนก็ว่าหรอก”
     “แฟนไม่อยู่ วันนี้ต้นจะกลับไปนอนบ้านปู่ ขอต้นอยู่กับพี่ธันย์อีกแป็บนะ ยังมีอะไรอีกตั้งเยอะที่ต้นอยากคุยกับพี่ธันย์”
     “มันไม่เหมือนเดิมหรอกต้น”
     ผมไม่ใช่เพื่อนเพียงคนเดียวของต้น และต้นก็ไม่ใช่เด็กน้อยคนนั้นแล้ว เรื่องบางเรื่องผมก็ไม่รู้ว่าจะช่วยต้นได้อย่างไร พวกเราต่างก็มีเส้นทางที่ต้องเดิน
     “ต้นรู้ พอเราเจอกันที่มหาวิทยาลัยเราก็จะกลายเป็นคนไม่รู้จักกันใช่มั้ยล่ะ เราต่างก็มีหน้ากากกับระยะปลอดภัยที่อยากรักษาเอาไว้ต่อหน้าคนอื่น แต่เรื่องบางเรื่อง... ต้น... พี่ธันย์คงได้ยินเรื่องของต้นมาเยอะแยะ ... ต้นกลัวอ่ะพี่ธันย์ ถ้าเรื่องพ่อกับแม่... ต้นไม่อยากให้ใครมาขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัว ต้นเหนื่อย อยากอยู่อย่างสงบๆ ฮึก! ต้นไม่อยากสนใจอะไรแล้ว ต้นอยากนั่งเฉยๆ อยู่ในห้องอ่านหนังสือกับพี่ธันย์เงียบๆ แค่สองคน รอว่าเมื่อไหร่แม่จะกลับมา”
     ผมยกมือขึ้นไปเขกหัวต้น หยดน้ำตาของต้นไหลอาบแก้ม แต่ต้นไม่ได้ร้องไห้เพราะผม
     “ต้นพยายามแล้วพี่ธันย์ แต่ต้นทำไม่ได้ ต้นพยายามปรับตัวแล้ว แต่ทำไมทุกคนถึงได้... ขนาดต้นจะมีพ่อเหมือนคนอื่นๆ เขาบ้างยังมีคนเกลียดต้นเลย ต้นก็แค่อยากมีใครซักคนที่รักต้นคนที่จะอยู่กับต้นตลอดไป คนที่ยอมรับต้น ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมารังเกียจต้น แต่... ฮึก แต่บังเอิญว่าคนๆ นั้นเป็นผู้ชายเหมือนกัน ฮึก ต้นกลัวพี่ธันย์ ต้นคิดถึงแม่ ต้นไม่อยากอยู่คนเดียว”
     “พี่บอกหลายทีแล้วไง ผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอก ถ้าจะอยู่กับพี่ห้ามร้องไห้ พี่รำคาญ เช็ดน้ำตาซะ”
     กาลเวลาได้ฆ่าเด็กซื่อบื้อคนนั้นไปแล้ว ทั้งต้นและตัวผมต่างก็ถูกย้อมจนกระดำกระด่าง แต่ต่างกันตรงที่ผมเริ่มปลงไม่อยากจะยึดติดกับสิ่งใดหรือใครอีก ส่วนต้น ต้นพยายามยื้อทุกอย่างไว้ด้วยแขนเล็กๆ นั่นจนสุดกำลัง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



จบตอนที่ 16 ตอนต่อไปจะเข้าพาร์ทดราม่าเฮียชัชรัวๆ  :mew5: รักคนอ่านทุกคนน้า  :mew1: พยายามรีบอัพแล้วจะได้ไปทำตัวเป็นคนอ่านกะเขามั่ง
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#11/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน16
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 11-11-2014 22:41:44
pocky day สนุก อิโค่ หื่นตลอดจิงๆ แต่เค้ากะแอบจิ้นกะมิวนิคอยู่น้าาา
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#12/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน17
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 12-11-2014 01:03:08
ความชั่วร้ายของหมาป่า

ชัยชัช

     “แหมพี่ชัชขา ปล่อยหนูไปซักครั้งไม่ได้เหรอค้า”
     น้องผู้แทนอ้อนผมเสียงหวานหยดย้อยชนิดที่ว่าอีแก่ขี้บ่นที่คอนโดเทียบไม่ติดเลยครับ แค่เสียงก็ทำเอาผมใจอ่อนยวบแล้ว น้องเธอนั่งหมิ่นๆ ทิ้งน้ำหนักพิงอยู่บนขอบโต๊ะแต่ดันแกล้งขยับขาโชว์สามเหลี่ยมมหัศจรรย์วับๆ แวมๆ เล่นเอาใจผมสั่นระรัว ไม่รู้เดรสสมัยนี้ผ้ามันแพงหรือไง ชุดมันถึงได้สั้นเสมอหูถูกใจผมโคตรๆ นอกจากนี้เธอยังลงทุนก้มลงมาใกล้ๆ เอื้อมมือลูบต้นขาผม แล้วบังเอิญตอนนี้ไอ้ผมก็ดันนั่งไขว้ห้างแบบอเมริกันหลังพิงเบาะซะด้วยสิ เธอเลยจู่โจมผมสบายเลยครับ ผมต้องเค้นเรื่องเครียดๆ มาสะกดมังกรที่เริ่มตื่นให้หลับแทบตาย!
     แค่คอเสื้อกว้างๆ คว้านต่ำเห็นไปถึงสะดือตอนก้มพี่ก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วน้องเอ้ย! ไม่ต้องเอามือมาช่วยพี่ก็ได้
     “ไม่ได้หรอกค่ะ งานก็ต้องเป็นงานนะ”
     ปากผมก็หวาน หน้าผมก็ยิ้ม สมองผมก็คุยเรื่องงาน แต่ในใจผมนี่อดไม่ได้ที่จะถามตัวเอง นี่ผมห่างผู้หญิงไปนานหรือไงครับ? เจอการรุกรานระดับนี้ผมก็เกือบตบะแตกเหมือนคนอดยากซะแล้ว
     “แต่ว่าถึงกับให้พิจารณาตัวเองมันไม่โหดไปหน่อยเหรอคะ?”
     “แต่แป้งปิดยอดไม่ได้มาหลายเดือนแล้วนะ บริษัทไม่มีนโยบายเลี้ยงคนไว้ดูเล่นนะครับ แป้งทำไม่ได้พี่ก็ลำบากนะแป้ง ทีมถูกเพ่งเล็ง คนอื่นๆ ในทีมก็ซวย”
     “สงสารหนูเถอะนะค้า หนูยังมีรถต้องผ่อนอีกนะ”
     แหม พี่ก็มีบ้านมีรถที่ต้องผ่อน มีเมียที่ต้องส่งเสียนะน้อง ชิบหาย! น้องเขาเล่นปูไต่ได้ใกล้มากครับ! เกือบจะกึ่งกลางร่างกายผมละ อ้อนวิธีนี้เลยเหรอน้อง!
     “พี่ก็ยังต้องผ่อนรถเหมือนกันค่ะแป้ง คงช่วยอะไรไม่ได้”
     โว้วๆ สติหนอ สติหนอ อย่าพึ่งพองหนอ!
     “พี่ชัชอย่าใจร้ายสิคะ หยวนๆ ให้หนูหน่อยนะค้า”
     “เราคุยกันหลายทีแล้วนะ พี่ไม่รู้จะช่วยเรายังไงแล้ว... ทำไงได้ล่ะแป้ง ก็นโยบายบริษัทเป็นแบบนี้”
     “แต่พี่ชัชก็รู้ เขตแป้งมันแข่งขันกันสูง ยาก็เข้ายากเป็นธรรมดา”
     ไม่ไหวครับ! ผมบอกตัวเองให้ใจร้ายเข้าไว้ ผมกัดฟันข่มสติตัวเองเอาไว้ไม่ให้มันเตลิดหนีแล้วตอบน้องเขาแบบเป็นการเป็นงาน
     “ค่ะพี่รู้ พี่เห็นแป้งทำไม่ได้เลยจะหาคนอื่นมาทำแทนนี่ไง”
     “โธ่พี่ขา... ให้หนูออกแล้วหนูจะเอาอะไรกินล่ะค้า”
     “ไม่ขาแล้วแป้ง เบื้องบนเขาก็บีบพี่มาเหมือนกัน”
     อื้อหือ! นั่งตักเลยเหรอน้อง? ลงทุนไปป่าว! แถมมีการมาลูบอกผมอีก ยั่วกันชัดๆ มันสยิวนะครับน้อง!
     “แล้วพอจะมีทางไหนที่หนูไม่ต้องออกมั้ยคะ?”
     “มีสิคะ พี่ถึงเรียกเรามาคุยเป็นการส่วนตัวนี่ไง”
     “หนูต้องทำยังไงเหรอคะ? พี่ชัชอยากให้หนูทำอะไรหนูยอมทำทุกอย่างเลยค่ะ”
     ผมยิ้มให้น้องแป้งแล้วตอบเธอไปว่า
     “ก็ตั้งใจทำยอดเดือนนี้ให้ดียังไงละคะ ถ้ายังทำไม่ได้พี่คงต้องจัดการเราจริงๆ พี่ไม่ได้ขู่นะแป้ง อุตส่าใจดีมาบอกเราให้เตรียมหางานใหม่รอ”
     “พี่ชัชอ่ะ โหดจัง! ไหนคนเขาบอกว่าพี่ชัชใจดีไง”
     “ไม่ได้หรอก งานก็ส่วนงาน เรื่องงานพี่โหดนะ”
     “แหม แล้วจะหยวนๆ ให้น้องหน่อยไม่ได้เหรอคะ หนูลงทุนขนาดนี้แล้ว”
     หืม...คุณน้อง พี่ก็ไม่ได้ขอให้น้องมาเปลืองตัวกับพี่นะคร้าบ ทำตัวเองแท้ๆ
     “นี่ๆ แป้ง แทนที่จะเอาเสน่ห์มาใช้กับพี่ หาทางใช้ให้ถูกคนดีกว่ามั้ย จะได้เกิดประโยชน์ เราไม่จำเป็นต้องเปลืองตัวขนาดนี้ก็ได้ ต่อให้ไม่ได้จบเภสัชแต่เราก็เสริมทางอื่นได้นะแป้ง แต่สวยอย่างเดียวมันไม่พอหรอก งานสายนี้มันเหนื่อย ต้องอดทน ผลตอบแทนมันถึงมาก ถ้าแป้งทำไม่ไหวแป้งก็ไม่เหมาะกับอาชีพนี้หรอก”
     ความจริงผมอยากบอกน้องเขาว่าอาชีพผู้แทนมันไม่ใช่งานที่จะมาเดินสวยไปวันๆ ตามโรงพยาบาลนะครับ ที่พวกเราต้องแต่งตัวให้ดูดีก็เพราะว่ามันจะได้สะดุดตาน่ามองและเป็นที่จดจำ ไม่ใช่ทำไปเพื่ออ่อยหมอ เบื้องลึกเบื้องหลังงานมันโหดกว่านั้นเยอะครับ ต่อให้เหนื่อยแทบขาดใจยังไงก็ต้องยังดูดียินดีรับใช้พวกแพทย์ทั้งหลายอย่างเต็มใจ ข้อมูลต้องแน่นบริการต้องเพียบรู้ใจหมอราวกับเป็นเลขา ขนาดเรื่องบางเรื่องเมียที่บ้านหมอเองยังไม่รู้แต่พวกผมรู้ยังมี
     “พี่ชัชใจร้าย เมตตาหนูอีกหน่อยไม่ได้เหรอคะ เดือนหน้ามันไม่เร็วไปเหรอ? นะคะ พี่ชัชใจดี๊ใจดี”
     “พี่ก็เมตตาเรามาเยอะแล้วนะแป้ง พี่ใจดีกับคนสวยเสมอแหละ แต่เราดันประมาทเอง”
     “หนูสวยไม่พอเหรอคะ พี่ชัชถึงไม่ช่วย”
     “ต้องทั้งสวยทั้งเก่งด้วยสิแป้ง ไม่งั้นก็เจอบทโหดแบบนี้แหละ พี่ชอบคนเก่งๆ ครับ”
     เจอสีหน้าไม่ตลกด้วยของผมเข้าไปน้องเขาก็ถอย ยอมลุกออกจากตักผมซะที โชคดีที่แววตากับน้ำเสียงของผมมันซีเรียสมากพอจะทำให้น้องเขาเชื่อ ไม่งั้นอีกนิดเดียวน้องเขาคงเจอของแข็ง เกือบแล้วครับ มานั่งดีดดิ้นอยู่บนตักผมระยะประชิดแบบนี้เล่นเอาผมสติกระเจิดกระเจิงหมด
     “แหม... ทราบแล้วค่ะว่าโหดเรื่องงาน”
     น้องเขาขยับเดรสสั้นเต่อที่ร่นขึ้นเพราะการเสียดสีบนตักผมให้เข้าที่แล้วลากเสียงประชดก่อนจะเหล่มองความผิดปกติของผม
     “แล้วเรื่องอื่นจะโหดด้วยรึเปล่าคะ?”
     ยังอุตส่ามีทิ้งทวนอีกนะครับ มีท้าทายนะน้องแป้ง
     “อันนั้นก็ต้องพิสูจน์เอาเองครับ”
     “แล้วทำยังไงถึงจะได้พิสูจน์ละคะ?”
     “ก็เป็นแฟนพี่สิครับ”
     แล้วผมก็ฉีกยิ้มให้น้องเขาก่อนจะพูดต่อ
     “แต่ตอนนี้พี่ไม่ว่าง ไว้พี่แจกบัตรคิวแล้วจะบอกนะคะ”
     “แล้วเมื่อไหร่พี่ชัชจะว่างละคะ หนูอยากรอ”
     เฮ้อ... เด็กหนอเด็ก น้องแกคงมั่นใจในความสาวความสวยของตัวเองน่าดูครับ แต่ผมบอกได้เลยแรดขนาดนี้ไม่สดหรอก อ่อยได้ไร้ชั้นเชิงมากเลยน้อง ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมพาขึ้นเตียงฟันฟรีไปแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ผมยับยั้งชั่งใจได้เยอะครับ ถึงร่างกายมันจะแอบทรยศนิดหน่อยก็เถอะ ผู้หญิงแบบนี้ไม่มีค่าพอให้ชวนไปเป็นแม่ของลูกหรอกครับ แค่จะเรียกแฟนยังคิดหนักเลย เจอแบบนี้เก็บไว้เป็นคู่ขาชั่วคราวเท่านั้นแหละ อย่าหวังจะจับผมซะให้ยาก!
     “ถ้าแป้งอยากต่อคิวพี่ แป้งคงต้องรอป้าสมศรีแกก่อนนะ พอดีพี่รับปากแกไว้ก่อนแป้งอ่ะ ฮ่าๆ”
     “เชอะ! พี่ชัชอ่ะ แกล้งหนูนะคะ”
     น้องเขาสะบัดสะบิ้งคว้ากระเป๋าเตรียมตัวทำท่าจะยุติการสนทนาเลยครับ ฮ่าๆ สงสัยคงรู้แล้วว่าแผนอ่อยไม่มีผลกับผม
     “ฮ่าๆ เรื่องนี้พี่อาจจะแกล้ง แต่เรื่องงานพี่เอาจริงนะ บอกไว้ก่อน”
     “ค้า ทราบแล้วค่า หัวหน้า!”
     ว่าแล้วน้องเขาก็เล่นหูเล่นตาทิ้งท้ายไว้ยั่วผมก่อนจะเดินจากไป ผมเองก็เก็บของเตรียมจะออกจากห้องประชุมเช่นกันครับ ตั้งใจจะจิบกาแฟชืดๆ อีกซักอึกก่อนเอาแก้วไปคืนป้าสมศรี ฝากแกล้างครับ ฮ่าๆ แต่สาวสวยที่โผล่หน้าเข้ามาทักพร้อมเสียงเคาะประตูทันทีที่แป้งเดินออกไปนี่สิ ทำเอาผมแทบสำลักกาแฟ
     “หากำไรเสร็จแล้วเหรอคะ?”
     “แหม... ตาลก็พูดไป๊ กำไรที่ไหนกันคร้าบ!”
     น้ำตาลเธอไม่ตอบครับ แต่เธอยิ้มอย่างรู้ทันผม เสียวสันหลังชะมัด ทำไมฟ้าต้องส่งยัยนี่มาทำงานกับผมด้วยวะ!
     “มาหาชัชมีธุระอะไรรึเปล่า?”
     “ต้องมีธุระก่อนถึงจะแวะมาเจอชัชได้เหรอ?”
     นั่นๆ มีทำเป็นน้อยใจ ผมแพ้จริงๆ ครับ เห็นแล้วอยากโอ๋เป็นบ้า!
     “ไม่ใช่แบบน้าน กลัวตาลมีธุระด่วนไง แวะมาหาชัชถึงที่”
     “ก็พอดีตาลได้ยินว่าชัชเข้าออฟฟิส เลยแวะมาหา ว่าจะมาคุยธุระด้วยหน่อย แต่เห็นชัชกำลังเพลินตาลเลยไม่อยากขัดจังหวะ”
     “เพลินอาไร๊! คุยงานเครียดจะตายครับ ข่มตบะตัวเองแทบแย่แน่ะ หึๆ”
     “อดอยากรึไงจ้ะ”
     มุกนี้ทำผมสตั้นไปเลยครับ ผมเดาทางเธอไม่ถูกจริงๆ ผมอ่านสีหน้าน้ำตาลไม่ออกแม้เธอจะยิ้มอยู่ก็ตาม แววตาดูถูกนั่น... ผมไม่รู้ว่าเธอด่าผมหรือสะใจใคร?
     “เปล่า... แต่ชัชเป็นผู้ชายธรรมดาๆ นะตาล มีของหวานมาจ่อถึงปากมันก็ต้องมีหิวบ้างเป็นธรรมดา”
     “แล้วน้ำพริกถ้วยเก่าที่บ้านล่ะ เด็กคนนั้นรสชาติไม่ถูกปากกินไม่อิ่มเหรอ?”
     แม่ง! แค้นผมชัวร์ๆ น้ำตาลยังเกลียดผมเรื่องนั้นอยู่แน่ๆ ครับ
     “ก็ต้นไม่ใช่อาหารนี่ตาล สำหรับชัชต้นเป็นมากกว่านั้น เมื่อก่อนชัชอาจจะเป็นผู้ชายไม่ได้เรื่อง แต่ต้นคือคนที่เติมเต็มชัชให้เป็นผู้เป็นคนขึ้นมา”
     “ซึ้งจังนะ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากชัช”
     “ชัชก็ไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าตัวเองจะเปลี่ยนไปเพื่อใครได้ขนาดนี้ ต้นถึงพิเศษสำหรับชัชมากๆ ชัชอยากให้ตาลดีใจกับชัชนะ”
     “รัก...มาก ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
     “ครับ รักแบบที่ไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อน”
     ผมเล่นเกมจ้องตากับเธอ ถึงผมจะแก้ไขเรื่องในอดีตระหว่างผมกับน้ำตาลไม่ได้ แต่อย่างน้อยผมก็อยากบอกเธอว่าผมพบรักแท้ของผมแล้ว และหวังว่าเธอจะให้อภัยผม
     “น่าดีใจแทนเด็กคนนั้นนะ ทั้งๆ ที่เป็นแค่เด็กผู้ชายแท้ๆ แต่จับชัชได้อยู่หมัดเชียว เด็กคนนั้นมีอะไรพิเศษเหรอ เพื่อตาลจะลองเอาไปใช้บ้าง ถ้าจับเสืออย่างชัชได้ผู้ชายทั่วๆ ไปก็คงไม่ยาก”
     “ความดีไงตาล เพราะชัชมันเลว พอได้เจอคนดีๆ ชัชถึงได้รู้ตัว แต่ชัชมันโง่ชัชถึงได้ปล่อยให้ผู้หญิงดีๆ หลุดมือไปหลายต่อหลายครั้ง ถ้าชัชไม่เห็นต้นเกือบตายต่อหน้าต่อตาด้วยฝีมือตัวเองป่านนี้ชัชก็คงยังไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่ชัชทำกับต้นขนาดนั้น แต่ต้นก็ยังให้อภัยชัชอยู่เสมอ ยังอยู่เคียงข้างชัชมาตลอด อดทนกับความเลวของชัช คนที่รักชัชถึงขนาดนั้น ถ้าชัชยังปล่อยให้หลุดมืออีกชัชก็โคตรโง่เกินเยียวยาแล้ว”
     “งั้นคราวนี้ก็รักษาไว้ให้ดีล่ะ ตาลว่าบนโลกนี้คงหาคนที่ทนชัชได้ขนาดนั้นยากแล้วล่ะ”
     “ครับ แฟนเก่าชัชก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน”
     ผมไม่รู้ว่าน้ำตาลจะให้อภัยผมมั้ย? แต่ผมอยากให้เธอเลิกยึดติดกับอดีตเสียทีครับ การขุดเอาความทรงจำอันเจ็บปวดขึ้นมาทำร้ายกันแบบนี้มันบั่นทอนบรรยากาศชัดๆ ผมยังต้องทำงานกับเธออีกนาน ต่อให้เธอไม่ทำเพื่อผม เพื่องานของเรา ผมก็อยากให้เธอทำเพื่อตัวเอง ยิ่งน้ำตาลปล่อยวางความเกลียดชังในใจได้เมื่อไหร่เธอก็จะสบายเร็วเท่านั้น ทั้งๆ ที่น้ำตาลยังสาวยังสวย แต่เธอกลับไม่เชื่อมั่นในความรักแถมยังเกลียดผู้ชายอีก ผมไม่ได้โลกสวยคิดว่าคนเราต้องแต่งงานกันด้วยความรักเท่านั้น เพียงแต่ในโลกนี้คนที่แต่งงานกันเพราะความเหมาะสมมันก็มีอยู่อีกมาก หลายๆ คู่ไปกันไม่รอดแต่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ช่วยกันดูแลลูก แต่น้ำตาลเธอกอดความแค้นเอาไว้ ทั้งทิฐิและศักดิ์ศรีบ่มกับความแค้นจนกลายเป็นความทุกข์กัดกินจิตใจ ไหนจะต้องเหนื่อยทำงานหนักเพื่อลูก ชีวิตยังต้องมาคอยเป็นทุกข์กับเรื่องเลวร้ายที่ไม่ยอมปล่อยวางอีก ผมสงสารเธอ
     “ว่าแต่มาหาชัช ตาลมีอะไรเหรอครับ?”
     น้ำตาลที่ปรับอารมณ์ได้แล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือ มันเป็นการ์ดสีแดงพิมพ์ตัวอักษรสีทองรูปแบบแลดูคุ้นตา ผมพลิกการ์ดในมือเพื่ออ่านรายละเอียด
     “หือ? พันศักดิ์ ไอ้พันจะแต่งงาน!”
     “ใช่”
     ภาพของเพื่อนสมัยเรียนผุดขึ้นในความทรงจำ ชายรูปร่างสันทัดใบหน้าอย่างคนมีเชื้อจีนแต่ดันฟันเหยิน แถมยังใส่แว่นหนาเตอะหวีผมแสกกลางใส่เจลจัดแต่งทรงผมซะเรียบแปล้ คนที่กินแห้วไร้หญิงตลอดเวลาห้าปีที่เรียนมาด้วยกัน ในที่สุดไอ้พันคนนั้นก็จะได้แต่งงาน ฮ่าๆ
     “ตาลได้ข่าวมาจากไหนเนี่ย ชัชยังไม่รู้เลย ไม่เห็นมีใครบอก”
     หนอยๆ ไอ้เพื่อนตัวดี ถึงผมจะไม่ค่อยได้ติดต่อกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนมากเท่ากับเพื่อนในสายงานหรือไอ้เอก แต่ผมก็ยังโทรคุยกับพวกมันบางคนอยู่นะครับ เพราะเพื่อนร่วมรุ่นบางคนก็เจอกันตามห้องยาออกบ่อย ถึงจะไม่ได้ซี้ย่ำปึกกันเท่าเพื่อนในกลุ่มของผมแต่ใจคอพวกมันจะไม่มีใครส่ง ข่าวมาบอกผมเลยเหรอ ไอ้พวกเวรนั่นมันก็เสือกปิดปากเงียบไม่มาบอกผมกันซักคน!
     “ตาลก็เพิ่งรู้ค่ะ เห็นว่าการ์ดเพิ่งออกจากโรงพิมพ์สดๆ ร้อนๆ เลยมั้ง พอดีตาลรู้จักกับเพื่อนเจ้าสาวน่ะ เขารู้ว่าตาลกับพันรุ่นเดียวกันเลยเอาการ์ดมาให้ตาลก่อน”
     “เหรอ? แล้วเจ้าสาวเป็นใครล่ะ?”
     “น้องเซลล์ที่บริษัทเก่าตาลน่ะ”
     “วงการนี้มันแคบเนอะ”
     “ตาลว่าพันมากกว่า เห็นว่าวันๆ ก็เอาแต่อยู่เฝ้าร้านขายยา คงมีโอกาสเลือกหรอก ได้แต่งงานก็ดีเท่าไหร่แล้วชัช”
     “เออว่ะ ฮ่าๆ”
     ผมอดหัวเราะเมื่อนึกถึงได้ลูกชายคนเดียวของเตี่ยสุดประเสริฐคนนั้นไม่ได้ มันมุ่งมั่นเรียนเภสัชตั้งใจคว้าเกียรตินิยมเพื่อไปดูแลร้านขายยาเล็กๆ ของพ่อแม่มันเนี่ยนะ ฮ่าๆ
     “หึๆ งี้ต้องโทรไปแซวมันหน่อยแล้ว”
     “อ๊ะ อ๊ะ แน่ใจเร้อ? ระวังโดนทวงสัญญานะ”
     “หือ? สัญญาอะไรครับ?”
     “ชัชลืมจริงๆ ด้วยฮ่าๆ อย่างที่ยุทธบอกไว้เลย”
     ชื่อบุคคลที่สี่ปรากฏขึ้นในการสนทนา ยุทธ? ไอ้ยุทธ? ทำไมวะ?
     “อะไร? ไอ้ยุทธทำไมเหรอ?”
     “ก็ตาลโทรไปแสดงความยินดีกับพันมา พอดียุทธอยู่กับพันด้วยมั้ง อ๊ะ! ชัชรู้รึเปล่าว่ายุทธเป็นพ่องานครั้งนี้นะ ถ้างานนี้พันไม่ได้ยุทธก็คงจีบน้องเขาไม่ติดหรอก แล้วทีนี้ยุทธเขาก็เลยมาคุยกับตาล ย้ำว่าอย่าเพิ่งบอกชัช พวกเขาจะมาบอกชัชเอง ตาลก็เลยถามว่ามีเรื่องอะไรกัน แต่ยุทธ... อืม... ตาลไม่บอกดีกว่า เอาเป็นว่า เพื่อนๆ คิดถึงนะคะคุณชัยชัช แล้วก็... ตาลแนะนำด้วยความหวังดีนะ เตรียมตัวเตรียมเงินไว้เยอะๆ ก็แล้วกัน อย่าลืมเขียนคำร้องขออนุญาตกับคนที่บ้านด้วยล่ะ แล้วตาลจะเอาใจช่วยจากฝั่งเพื่อนเจ้าสาวค่ะ”
     ว่าแล้วเธอก็นวยนาดเดินออกจากห้องไปทิ้งผมไว้กับความงง น้ำตาลหมายความว่ายังไงวะ? ผมงงไปหมดแล้ว!

     ผมขับรถกลับคอนโดโดยละทิ้งเรื่องงี่เง่าไว้เบื้องหลัง ทั้งลูกทีมห่วยแตกกับเรื่องเพื่อนซี้กำลังจะมีครอบครัว ผมไม่อยากแบกเรื่องปวดหัวกลับไปเครียดต่อครับ ขี้เกียจ เวลาอยู่บ้านคือเวลาที่เราควรจะพักผ่อน และผมก็เหนื่อยมากด้วย อยากผ่อนคลายเต็มแก่ ผมถึงได้สงสัยมากกว่าต้นมันทำอะไรกับผม เพราะเพียงแค่ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องได้กลิ่นแกงส้มหอมๆ จากฝีมือเมียที่ยืนปรุงอยู่หน้าเตาผมก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
     “อ้าว! สวัสดีครับพี่ชัช วันนี้กลับเร็วจัง?”
     สุดที่รักของผมหันมายิ้มทักทายแล้วกลับไปง่วนอยู่กับแกงส้มในหม้อต่อ
     “วันนี้รถไม่ติดน่ะครับ”
     ผมตอบพร้อมถอดรองเท้าเก็บเข้าตู้ พอวางกระเป๋าปลดสำภาระเสร็จผมก็เดินไปหามัน
     “ทำไรครับเนี่ย? หอมจัง”
     แฟนผมเอวเล็กดีจริงๆ โอบง่ายดีครับ อดไม่ได้ที่จะขอหากำไรนิดๆ หน่อยๆ ด้วยการหอมแก้มมัน แม้แก้มใสๆ นั้นจะชื้นไอน้ำที่ระเหยจากหม้อแกงส้มก็ตาม มันยืนหน้ามันอยู่หน้าเตาก็เพื่อผม
     “แกงส้มครับ แต่เป็นแบบผักรวมใส่กุ้งนะครับ ”
     แค่ได้กลิ่นก็น้ำลายสอแล้วคร้าบ
     “นี่ใช้สำเร็จหรือพริกแกงครับเนี่ย สีดูเข้มข้นดีจัง”
     “พริกแกงเจ้าโปรดของพี่ชัชนั่นแหละครับ พอดีผมแวะตลาด ได้ไก่ต้มน้ำปลาเจ้านั้นมาให้พี่ด้วยนะครับ”
     ต้นมันหันมาตอบ ยิ้มไปทำอาหารไป มือก็คนแกงในหม้อ ท่าทีที่มันหันมายิ้มบอกผมอย่างร่าเริงว่ามันซื้อของชอบผมกลับมาได้นี่โคตร ปลื้มเลยครับ ตาเป็นประกายเชียว ผมจินตนาการถึงนิสิตหนุ่มต้องสะพายเป้ไปเดินตลาด ในมือถือทั้งถุงผักสดและเครื่องพริกแกงพะรุงพะรังด้วยถุงอาหารสำเร็จแล้วก็ชุ่มชื่นหัวใจเป็นบ้า! เมียแบบนี้จะไม่ให้รักไม่ให้หลงได้ไงคร้าบ ต้นมันแสนดีจริงๆ
     “ลาภปากพี่อีกแล้ว”
     ผมโชคดีจริงๆ ที่ได้มันเป็นเมีย
     “คร้าบ แต่ยังไม่เสร็จเลย ข้าวก็เพิ่งหุงเองครับ คงอีกซักพัก พี่ชัชไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนก็ได้ กลับมาเหนื่อยๆ”
     ผมปล่อยมือจากเอวมันตามข้อเสนอ
     “ครับ งั้นพี่ขอไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะมาช่วย”
     ต้นมันหัวเราะก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ แล้วเหล่มองผม ถึงผมจะพูดแบบนั้น แต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีอะไรเหลือให้ผมช่วยหรอก ต้นมันคงทำทุกอย่างเสร็จพอดี วันนั้นผมกินข้าวเย็นอย่างมีความสุขครับ ไม่ดิ ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้กินข้าวกับมันนั่นแหละ พอกินข้าวเสร็จผมก็ช่วยมันเก็บโต๊ะ ตอนที่มันไปอาบน้ำผมก็นั่งดูข่าวสารบ้านเมืองรอ พวกเรานั่งดูละครตบตีแย่งพระเอกกันได้ซักพักก็เบื่อ ผมเลยชวนมันไปนอน ต้นมันปิดหนังสือในมือแล้วก็เดินตามผมเข้าห้องนอน ถึงผมจะชวนมันมานอนแต่ก็ไม่ได้ง่วงอะไรนักหนา ใจจริงแค่อยากมานอนกอดมันเท่านั้นแหละครับ แต่ไอ้ต้นมันเล่นขึ้นเตียงได้ก็ทำซูชิผ้านวมกะหลับเต็มที่เลย
     “อ๊ะพี่ชัช!”
     “กอดหน่อยนะที่รัก”
     “แค่กอดจริงๆ นะครับ?”
     ฮ่าๆ เสียงของมันดูลังเล คงเพราะผมทั้งกอดทั้งรัดมันละมั้ง ใครใช้ให้มันดูแลตัวเองดีล่ะ ผิวโคตรดี ผมก็เลยลูบๆ คลำๆ เพลินดิ แก้มก็เนียนเลยโดนแถมด้วยการหอมแก้มอีกสามฟอด การได้กอดคนที่เรารักมันสบายใจแบบนี้นี่เองครับ
     “แค่กอดจริงๆ คร้าบ นอนเฉยๆ อย่างเดียวน่ะ”
     “แต่... กอดแล้วทำไมต้องจ้องผมแบบนี้ด้วยครับ?”
     “ทำไมอ่ะ อยากมองหน้าเมียไง”
     “อื้อ!”
     ต้นมันประท้วงแล้วยิ้มแปลกๆ ให้ผม สีหน้ามันดูงงๆ แต่ก็เขินอายอยู่ในที
     “อารมณ์ไหนครับเนี่ย?”
     มันอมยิ้มหน่อยๆ เหมือนกลั้นหัวเราะโดยมีสีแดงจางๆ แต้มอยู่บนแก้มบ่งบอกอาการชัดเจนว่ามันเขินผม ผมลูบหัวมันเล่นแล้วบรรจงจูบเบาๆ ลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลานั่น คนที่ทำให้ผมอยากทะนุถนอมปกป้องได้มีแต่มันคนเดียวจริงๆ นับตั้งแต่วันแรกที่ผมเผลอสบเข้ากับดวงตาสีดำสนิทอมทุกข์ของมันผมก็ละสายตาจากเด็กเลี้ยงแกะคนนี้ไม่ได้ ผมยอมตกหลุมพรางของมันทั้งๆ ที่รู้ว่าถูกหลอกเพราะผมไม่อยากเห็นมันร้องไห้หรือทำหน้าหว้าเหว่อย่างที่มันชอบทำ ถ้านี่ไม่ใช่ความรักแล้วมันคืออะไรกันล่ะครับ ความหลงทำให้ผมหน้ามืดตามัวเรียกผู้ชายด้วยกันว่าเมียไม่ได้หรอก
     “อารมณ์รักเมียครับ”
     พอได้ยินคำหยอดของผมมันก็หลุดขำออกมาพรืดใหญ่ ต้นหัวเราะน้อยๆ แล้วยิ้มให้ผม
     “ปากหวานเกินไปแล้วครับ”
     “ชิมมั้ยครับ?”
     ทั้งๆ ที่มันทุบไหล่ผมแต่มันก็ยังอุตส่าหลับตาลงแล้วเชิดคางขึ้นให้ผมก้มลงไปพิสูจน์อย่างเต็มใจ ผมพยายามคิดว่าเคยมีใครทำให้ผมอยากทะนุถนอมแบบนี้มาก่อนรึเปล่า? แต่คำตอบคือไม่ ผมรู้แล้วล่ะว่าผมรักมันเพราะอะไร ผมรักต้นเพราะตัวมันนั่นแหละ เพราะตัวตนของมัน นิสัยของมัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่หล่อหลอมมาเป็นมัน สิ่งที่มันแสดงออกกับผม ไม่เคยมีใครดีกับผมอย่างนี้มาก่อน เรื่องง่ายๆ แค่นี้แหละที่ทำให้ผมรักมันโดยไม่สนใจว่ามันเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ผมรู้แต่ว่าต้นรักผม และผมก็รักมันเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

     แล้วผมก็ได้รู้ว่าเกลอเก่าของผมมีแผนระยำอะไร! จู่ๆ วันหยุดที่แสนสงบสุขของผมก็ถูกรบกวน พวกมันนัดผมไปทานข้าว ไอ้ตอนแรกผมก็นึกว่าพวกมันคงจะบอกเรื่องงานแต่งไอ้พัน ไอ้ชิบหาย! พวกมันตั้งใจถล่มผมชัดๆ
     เรื่องมันเริ่มจากความปากดีของผมตอนเมาเมื่อห้าปีก่อน ผมเสือกไปท้าพนันกับพวกมันไว้ว่าหากใครได้แต่งงานเป็นคนสุดท้ายต้องเป็นเจ้ามือจัดปาร์ตี้สละโสดแบบสุดเหวี่ยงให้คนอื่นที่เหลือ สารภาพว่าผมกะจะสุดเหวี่ยงเองนั่นแหละ ไม่เคยคิดเลยว่าจะโดนไอ้พันตัดหน้า ก็ตอนนั้นผมกำลังไปได้ดีกับฟ่าง เป็นช่วงอินเลิฟสุดๆ เลยล่ะครับ ในกลุ่มพวกเราห้าคนก็แต่งงานไปแค่สอง อุ้มลูกหนึ่ง กำลังจะเข้าห้องหออีกหนึ่ง ผมคิดว่ายังไงผมก็ต้องได้แต่งงานเป็นคนที่สามชัวร์ ใครจะไปคิดว่าสองเดือนหลังจากนั้นไอ้ยุทธก็ต้องรีบตาลีตาเหลือกจัดงานแต่งก่อนที่ขนาดท้องของผู้หญิงจะโตเกินกว่าจะใส่ชุดเจ้าสาวเพราะมันเสือกทำถุงแตก!
     เหลือแต่ผมกับไอ้พัน การดวลกันระหว่างเสือรักความโสดกับราชาไร่แห้ว ของมันก็เห็นๆ กันอยู่ยังไงผมก็ไม่มีทางแพ้! แถมตอนนั้นผมยังคบกับฟ่าง ใครจะไปคิดว่าผมจะโดนทิ้ง กว่าจะผ่านช่วงเวลาอกหัก กว่าจะได้ปลูกต้นรักครั้งใหม่กับไอ้ต้น กาลเวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานจนผมเลยวัยสามสิบและลืมเรื่องนี้เสียสนิท ใครจะไปคิดว่าภายในระยะเวลาห้าปี ไอ้พันหาเมียได้ เวร!
     การ์ดสีแดงที่วางอยู่บนโต๊ะไม่น่าหนักใจเท่าสิ่งที่พวกมันทวงจากผม ไอ้เรื่องเงินเนี่ยไม่เท่าไหร่หรอกครับ เพื่อเพื่อนถึงไหนถึงกัน แต่ไอ้เรื่อง“สุดเหวี่ยง”นี่ดิ ... ขืนไอ้ต้นรู้ชิบหายแน่ครับ!
     “อะไรว้า เดี๋ยวนี้คุณถอดเขี้ยวเล็บแล้วเหรอคุณชัช”
     ผมได้แต่ยิ้ม พูดอะไรไม่ออก จะแกล้งปฏิเสธทำตัวโลกสวยก็ใช่ที่ ไอ้พวกนี้รู้จักไส้ผมแทบทุกขด!
     “พวกคุณไม่รู้อะไร ตอนนี้คุณชัยชัชของเราเขารักเดียวใจเดียวคร้าบ หญิงไม่ยุ่ง ฮ่าๆ”
     เออ! แซวกูเข้าไปไอ้กล้าปากหมา!
     “อะไรวะ คุณเปลี่ยนจากหลังตีนเป็นหน้ามือได้ด้วยเหรอวะ จากเจ้าชู้ฟันไม่เลือกกลายเป็นสงบเสงี่ยม เปลี่ยนกระทั่งรสนิยม”
     ได้ทีก็เอาเชียวนะมึง! ไอ้พงศ์มันแค้นผมมาตั้งแต่ชาติปางไหนวะนั่น ฉวยจังหวะกัดผมได้ทุกเรื่อง
     “เออๆ พวกคุณพูดไปเหอะ ผมยอมว่ะ”
     “กลายเป็นพวกกลัวเมียไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?”
     ใคร๊! ใครว่าผมกลัวไอ้ต้น ผมเกรงใจความดีของมันหรอก อย่างผมเนี่ยนะจะกลัวไอ้ต้น เหอะๆ ไม่มีทางครับ
     “ไม่ได้กลัว แต่ผมเกรงใจน้องเขา”
     ผมปฏิเสธแต่ไอ้ยุทธมันทำท่าไม่เชื่อ มันหัวเราะเยาะใส่ผมก่อนจะถามต่อ
     “นี่ผมบอกตามตรงนะ ตอนที่ได้ข่าวแฟนคนล่าสุดของคุณ ผมตกใจมากเลย ไม่คิดว่าคุณจะเบี่ยงเบน มันเกิดอะไรขึ้นวะคุณชัช?”
     “เห็นกันมาตั้งนาน โธ่... ไม่น่าเลยเพื่อนชัช”
     “ไอ้คุณกล้าครับ ผมยังไม่ตายครับ!”
     “ฮ่าๆ”
     “มันเริ่มได้ยังไงวะ? เฮ้ย! หรือคุณเป็นอยู่แล้วแต่แอบปิดไว้ ที่ผ่านๆ มาเคยคิดอะไรกับผมป่าววะ?”
     ไอ้หมากล้า! เอาใหญ่เชียวนะมึง! ปากหมาใส่กูไม่เลิกคอยดูเหอะกูจะแช่งให้มึงเจอลูกเขยกวนตีนแบบที่มึงทำกับพ่อตา!
     “คิดครับคุณกล้า ผมคิดมาตลอดจนถึงตอนนี้ก็ยังคิดอยู่”
     “คิดอะไรคร้าบ? ฮ่าๆ”
     ผมฉีกยิ้มให้มันแล้วตะโกนด่า!
     “คิดอยากกระทืบมึงโว้ย! กูไม่น่าช่วยมึงจีบเมียเลยไอ้เวร! ปากหมาใส่กูอยู่นั่นแหละ เลิกแซวกูได้แล้ว!”
     “ฮ่าๆ”
     ผมไม่น่าช่วยมันเล้ย! ไม่งั้นมันก็คงไม่มาปากเสียข่มผมแบบนี้หรอก อยากรู้นักถ้าตอนนั้นผมไม่ช่วยทุกวันนี้มันจะได้อุ้มลูกมั้ย เพราะเด็กคนนั้นดันมาปิ๊งผมก่อนด้วยซ้ำ ไอ้ผมก็อุตส่าเสียสละให้เพื่อน เห็นเพื่อนรักอยากได้ทำเมียจริงใจเกินร้อยผมเลยยอมถอยแถมยังช่วยมันจีบ ที่ไหนได้ กลับมาปากหมาใส่ผม!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#12/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน17
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 12-11-2014 01:22:37
     “เอาน่าๆ นานๆ ได้รวมตัวกันแบบนี้ที คุณก็อย่าโมโหนักเลย เพื่อนๆ ก็แซวเล่นไปงั้น”
     “นั่นสิ พวกผมก็แค่อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคาสโนวาประจำคณะครับ?”
     แล้วผมควรตอบพวกมันว่าไงดีครับ? เรื่องของผมกับต้นมันยาว แล้วผมก็ขี้เกียจพูดให้ต้นเสียหายด้วย จะให้เล่าว่าเมียผมแกล้งตอแหลว่าเสร็จผมตอนเมาแล้วก็หลอกให้ผมรับผิดชอบเพียงเพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ ผมงั้นเหรอ? ถึงพออยู่ใกล้กันจริงๆ แล้วผมจะแพ้ความดีไอ้ต้นมันก็เถอะ แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าถ้าวันนั้นผมไม่เผลอทำร้ายมันซะขนาดนั้นผมก็ไม่สำนึกหรอก ที่ผมไม่อยากนอกลู่นอกทางก็เพราะผมรู้ตัวว่าเคยทำไม่ดีกับต้นไว้เยอะนั่นแหละครับ ใช่ว่าผมลดละเลิกนิสัยเจ้าชู้ได้จริงๆ เห็นสาวในสเป็กเดินผ่านมาผมก็ยังคิดอกุศลอยากขึ้นเตียงด้วยเหมือนเดิมนั่นแหละ
     และไอ้พวกนี้รู้จักผมดีพอๆ กับที่ผมรู้ว่าพวกมันไม่มีวันเชื่อเรื่องน้ำเน่าที่ว่าบังเอิญได้รู้จักเด็กข้างห้องที่ผ่านเข้ามาในวันที่ผมเหงา เด็นคนนั้นดีจนผมหลงรักเลยตกลงปลงใจใช้ชีวิตด้วยกันทำนองนั้นแน่ๆ แต่จะให้บอกความจริงว่าผมโดนเด็กวางแผนแบล็คเมล์ผมได้ไง เสียศักดิ์ศรีหมดครับ เพราะถ้าวันนั้นไอ้ต้นมันไม่หลอกผม ผมก็คงไม่รู้จักมัน เป็นแค่เด็กผู้ชายธรรมดาๆ ไหนเลยผมจะสนใจ ผมไม่ใช่เกย์ ผมไม่บ้าพาผู้ชายด้วยกันขึ้นเตียงหรอกครับ ถ้าผมไม่มั่นใจว่าต้นมันรักผมมากจนยอมผมทุกอย่างผมก็ไม่เอามันมาทำเมียหรอก เป็นได้แค่คนรู้จักกันเท่านั้นแหละ
     “เอาหน่า... เรื่องของผมครับ”
     “ใจคอไม่คิดจะเล่าอะไรให้เพื่อนฝูงฟังบ้างเลยรึไงครับ นับตั้งแต่ที่คุณเลิกกับน้องคนนั้นก็เอาแต่ทำตัวเละเทะ แล้วมันยังไงวะ? พวกผมรู้ข่าวอีกทีก็กลายเป็นว่าคุณเบี่ยงเบนไปซะแล้ว”
     “ตอนแรกพวกผมไม่อยากจะเชื่อ”
     “ผมว่าที่ไม่น่าเชื่อคือคุณชัชของเราคบผู้ชายคนนั้นได้นานขนาดนี้มากกว่าว่ะ ฮ่าๆ ลองของแปลกแล้วติดใจได้หลังลืมหน้าเหรอคุณ”
     “อย่าชักใบให้เรือเสียสิวะคุณกล้า!”
     “เออ พวกผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ไอ้เรื่องรสนิยมประหลาดน่ะพวกผมเข้าใจ แต่พวกผมแปลกใจมากกว่าว่าเด็กคนนั้นมีดีอะไรถึงจัดการกับคุณอยู่หมัด แม้แต่กับผู้หญิงผมยังไม่เคยเห็นคุณจริงจังกับใครได้นานขนาดนี้”
     “เหลือเชื่อมากเลยว่ะที่คุณไม่มีข่าววอกแวกให้พวกผมได้ยินบ้างเลย”
     “พวกคุณก็พูดไป ผมดูเหี้ยขนาดนั้นเลยเหรอ?”
     “เออ!”
     โอ้โห! พวกมันเล่นตอบมาพร้อมเพรียงกันทั้งสี่เสียงเลยครับ!
     “กับน้องผู้แทนคนนั้นที่คุณเคยคลั่งไคล้นักหนา บอกพวกผมว่ารักสุดๆ ว่าที่แม่ของลูกยังสยบคุณไม่ได้เลยคุณชัช”
     “พวกคุณก็พูดไป ผมไม่เคยนอกใจน้องเขา”
     “ขนาดตอนกำลังตามจีบน้องเขา คุณยังมาเล่าเรื่องสาวที่คุณเพิ่งขึ้นเตียงด้วยให้พวกผมฟัง”
     เวรเอ้ย! เรื่องเหี้ยๆ นี่จำกันจังเลยนะพวกมึง!
     “แต่พอจีบติดแล้วผมไม่เคยนอกใจน้องเขาจริงๆ นี่หว่า”
     “ไม่นอกใจเลยคุณ แล้วไอ้ที่พาหมอไปนวดกระปู๋บ่อยๆ นี่ก็เรียกว่าไม่นอกกายเพราะคุณยังไม่ได้เอาของตัวเองไปยัดใส่รูใครใช่มั้ยวะ?”
     ผมเลี่ยงการตอบคำถามโดยการยกเบียร์ในแก้วขึ้นจิบ ทำไมผมต้องมาโดนไอ้พวกนี้ซักฟอกด้วยวะ!
     เรื่องที่จะให้ผมซื่อสัตย์ขนาดนั้นใช่ว่าผมทำไม่ได้ ผมเองก็ตั้งใจจะหยุดทุกอย่างหลังแต่งงานนะครับ แต่บังเอิญว่าผมกับฟ่างไปกันไม่รอดซะก่อนก็เท่านั้นเอง บางทีมันก็มีเรื่องงานมาเกี่ยวด้วยนี่หว่าจะให้ผมทำยังไง!
     “ตลอดเวลาหลายปีที่คุณคบกับผู้หญิงที่คุณอยากได้ทำแม่ของลูกคุณไม่ได้ลดความเหี้ยลงเลยแม้แต่น้อยคุณชัช ถึงพวกเราจะไม่ค่อยได้เจอกันแต่ชื่อเสียงคุณก็กระฉ่อนนะครับ คุณมันผู้ชายรักสนุกที่สาวๆ เขาอยากปราบ เรื่องไปลงอ่าง พวกผมก็เข้าใจว่ามันเป็นวิธีการทำงานของคุณ รู้ว่าเรื่องแบบนี้ถ้าลูกค้าต้องการคุณก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เวลาที่พวกผมได้ยินเรื่องของคุณทีไรพวกผมได้แต่เสียดายที่เกียตินิยมอันดับหนึ่งดันกลายไปเป็นผู้แทนเหี้ยๆ มันน่าทุเรศว่ะ เกียรติและจรรยาบรรณของเภสัชกรไม่ได้มีไว้เพื่อยอดขาย!”
     แล้วทำไมมึงต้องเนียนด่ากูด้วยวะพงศ์!
     ผมเถียงอะไรไม่ออก ใช่ว่าผมหาข้อโต้แย้งไม่ได้ แต่เป็นเพราะผมขี้เกียจพูดมากกว่า อาชีพอย่างผมไม่ได้นั่งสบายมีเงินเดือนทำงานไปวันๆ นี่หว่า รายได้ขึ้นอยู่กับยอดขาย ถ้าไม่กระเสือกกระสนแล้วจะเอาที่ไหนกิน คนทางบ้านผมอีก ครอบครัวผมไม่ใช่คนมีฐานะ ผมผิดเหรอที่อยากปลูกบ้านใหม่ให้แม่ ช่วยออกเงินซื้อที่นาให้พี่สาวกับพี่เขย ทำทุกอย่างเพื่อแบ่งเบาภาระพี่ชายที่ต้องหาเงินมาหมุนในอู่ ผมยินดีรับภาระของพี่น้องคนอื่นๆ มาใส่บ่าตัวเอง ผมไม่เถียงหรอกว่าผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อเงิน ตอนที่ยังกระเสือกกระสนอยู่ใครจะไปมีอารมณ์เสียสละต่อสังคมวะ!
     “คุณยิ้มแบบนี้อีกแล้วคุณชัช จะไม่เถียงพวกผมหน่อยเหรอ?”
     “เหอะ ผมขี้เกียจ”
     ผมสั่นศีรษะปฏิเสธ ให้เถียงกับไอ้พงศ์เนี่ยนะ? มันด่าผมมาตั้งแต่ผมเลือกไม่ใช้ทุนหันไปสมัครงานเป็นผู้แทนแล้วครับ ขี้เกียจพูด
     “คุณก็เป็นซะอย่างนี้ เฮ้อ...”
     ไอ้พันเหล่มองผมแล้วถอนหายใจ ผมเลยจัดให้มันหนึ่งดอกเพื่อเอาใจ มีแต่มันที่กลับไปทำร้านต่อจากพ่อแม่และผมที่เป็นเซลล์ นอกนั้นอีกสามคนที่เหลือทั้งไอ้ยุทธ ไอ้กล้าและไอ้พัน ทุกคนได้บรรจุมีเงินเดือนหมด
     “ที่พวกคุณด่าผมมาก็ถูกต้องแล้วนี่ ผมไม่รู้จะเถียงอะไร”
     “คุณเปลี่ยนไปมากนะชัช”
     ผมหันไปมองมันอย่างจริงจัง
     “ยังไง?”
     ผมว่ามันมากกว่าที่เปลี่ยนไป นอกจากจะไปดัดฟันจนเลิกเหยินยังตัดผมสั้นเป็นทรงใส่แว่นดูดีมีสง่าราศีขึ้นเป็นกอง ดูหล่อขึ้นจมเลยครับ หึๆ สมเป็นคนกำลังจะมีเมีย
     “คุณดูนิ่งขึ้นนะคุณชัช ไม่เหมือนไอ้หมาบ้าคนเก่า”
     “โตๆ กันแล้วก็ต้องสงบขึ้นบ้าง”
     ผมเฉไฉไปงั้น นี่พวกมันคิดกับผมแบบนั้นจริงๆ เหรอวะ?
     “บอกตามตรง ถ้าไม่ได้คบกันมานาน เห็นนิสัยใจคอกันลึกซึ้ง รู้ว่าคุณเป็นคนที่รักเพื่อนขนาดไหน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณช่วยผมเอาไว้มาก ผมแทบอยากเลิกรู้จักคุณเลยว่ะ กับคนอื่นโคตรเหี้ย!”
     “เฮ้ยๆ คุณก็พูดเกินไปแล้วคุณพงศ์ ไม่ถึงขนาดนั้น”
     ผมไม่ได้มาให้มันด่าผมนะครับ ไอ้ห่าพงศ์เอ้ย!
     “จะคุยเรื่องงานแต่งพันไม่ใช่เหรอวะ พวกคุณนี่ กัดกันไม่เลิกเว้ย!”
     ไอ้ยุทธเบรคสงครามน้ำลายระหว่างผมกับไอ้พงศ์ ส่วนไอ้พันก็เสือกไม่เลิก
     “งานแต่งผมก็ส่วนนึง แต่ผมอยากรู้เรื่องแฟนใหม่คุณมากกว่า”
     เพราะแบบนี้ใช่มั้ยพวกมึงถึงแห่กันมาแดกร้านแถวคอนโดกูเนี่ย! บอกว่าจองโต๊ะไว้แล้วชวนผมกับต้นออกมากินข้าว แถมยังจงใจโทรชวนผมออกมาแบบกระทันหันอีก นี่ดีนะครับต้นมันออกไปหาเมษแต่เช้าแล้วเหลือแต่ผมเฝ้าห้อง
     “เมียใช่มั้ยวะคุณชัช?”
     ปากเหรอวะนั่น! ไอ้หมากล้า!
     ถ้าผมเป็นไอ้หมาบ้าขี้โมโหอาละวาดไม่เลือก ไอ้กล้าก็เป็นมนุษย์ปากหมาแหละครับ ไหนจะยังไอ้พงศ์ปากเปราะชอบเห่า แม่งกัดผมไม่ปล่อย! ไม่รู้จะแค้นเคืองอะไรผมนักหนาที่ผมเลือกเป็นผู้แทนฯ
     “เออ!”
     “งั้นข่าวที่เขาพูดกันว่าแฟนใหม่คุณเป็น...”
     “พวกคุณรู้แค่ว่าน้องเขาเป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนนึงก็พอ แค่นี้แหละ”
     ผมตอบไปแบบนั้น ใช้ท่าทางการปฏิเสธตัดบทให้พวกมันรู้ว่าผมไม่อยากเล่าอะไร แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าต้นมันเหมือนผู้ชายปกติซะที่ไหน เมียผมโคตรสับสนตัวเองเลย แต่เอาวะ ไอ้ต้นบอกว่าตัวมันปกติ ผมก็ว่าตามมัน
     “โว้วๆ คุณชัชของพวกเราเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ว่ะ เป็นเมื่อก่อนคุณนินทาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว บอกผมครบทุกท่า!”
     “เฉพาะผมที่ไหนคุณกล้า คุณเล่าเรื่องน้องแก้มให้ผมฟังบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ แต่พอแต่งงานกับน้องเอินคุณก็ไม่เคยนินทาเมียตัวเองเหมือนกัน”
     “ฮ่าๆ”
     “รักมากดิวะคนนี้?”
     ผมนั่งนิ่ง รู้ดีว่าถ้าไม่ตอบอะไรออกไปให้พวกมันหายสงสัยพวกมันคงซักผมไม่เลิก เฮ้อ... ผมจะพยายามพูดเท่าที่มันจะเซฟที่สุดก็แล้วกันครับ
     “เออ รักมาก”
     “เจอกันได้ไงวะ ได้ข่าวน้องเขายังเด็กมากไม่ใช่เหรอ?”
     “น้องเขาอยู่ห้องข้างๆ เจอกันบ่อยๆ ใกล้ชิดกันก็รักเป็นธรรมดา เลยย้ายมาอยู่ด้วยกัน”
     “คุณตอแหลคุณชัช คุณข่มขืนน้องเขา พาเด็กไปรถคว่ำเกือบตาย อย่าคิดว่าวงการนี้มันกว้างสิวะ”
     เหี้ย! มันรู้ได้ไงวะ!
     แต่ในระหว่างที่ผมกำลังตกใจ ไอ้พงศ์มันก็พูดต่อ
     “เด็กคนนั้นเป็นหลานชายคนเดียวของเจ้าสัวชื่อดัง แต่คุณกลับดึงเด็กมาอยู่กับคุณ ผมโคตรสงสัยเลยว่าทำ-”
     “ผมไม่ได้หน้าเงินขนาดนั้นว่ะพงศ์!”
     ถึงยังไงผมก็มีศักดิ์ศรีนะครับ ผมไม่ใช่แมงดาเกาะไอ้ต้นกิน!
     “เฮ้ยๆ พวกคุณ ใจเย็นกันหน่อย ผมยังอยากได้เพื่อนเจ้าบ่าวสี่คนอยู่นะครับ”
     ไอ้พงศ์มันยักไหล่กวนตีนใส่ผม! ผมอยากรู้จริงๆ ว่ามันรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ถึงเรื่องที่ผมกับต้นรถคว่ำจะมีคนอื่นรู้ก็เถอะ แต่เรื่องที่ว่ามีร่องรอยบาดแผลอย่างอื่นบนตัวต้นตอนที่ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลน่ะมันไม่น่าจะมีใครรู้ แล้วยิ่งเรื่องครอบครัวไอ้ต้น เรื่องนี้คนนอกไม่มีทางรู้เด็ดขาดครับ
     “อย่าคิดว่าเรื่องที่ตัวเองทำจะไม่มีใครรู้สิครับ พอดีพยาบาลแถวนั้นเป็นคนรู้จักเมียผม ตอนที่ได้ยินผมยังแปลกใจ แต่เห็นคุณตอนนี้ผมชักเชื่อคุณว่ะ ผมถึงได้สงสัยไง เพราะอะไรเด็กคนนั้นถึงทำให้คุณเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ผมรู้ว่าคุณไม่เกาะใครกินหรอก คุณใจกว้างกับคนอื่นจะตาย เพย์ไม่อั้น สาวๆ ถึงได้โคตรปลื้มคุณ แต่นี่มันผู้ชายนะคุณชัช รักกับผู้ชายด้วยกัน ผมไม่เห็นว่ามันจะมีอนาคตตรงไหน ไม่มีทางยืนยาวหรอก”
     มีหลายสิ่งที่ผมอยากพูด ไอ้พงศ์กับผมต่างกันมากทั้งนิสัยและพื้นฐานทางครอบครัว ตอนรวมกลุ่มกันใหม่ๆ ผมสนิทกับไอ้กล้า ไอ้กล้ากับไอ้ยุทธและไอ้พันรู้จักกันเป็นแก๊งอยู่แล้ว ส่วนไอ้พงศ์มันก็เป็นบัดดี้กับไอ้ยุทธ พวกเราห้าคนเลยกลายเป็นกลุ่มเดียวกัน แต่ผมกับไอ้พงศ์นี่แทบจะฟาดปากกันบ่อยๆ ตั้งแต่ปีหนึ่ง ไอ้นี่มันเด็ก ถูกเลี้ยงมาแบบลูกคนเดียว เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ผมก็ยอมๆ มันนะ แต่บางทีก็เหลืออดครับ มันชอบยัยเยียดมุมมองของตัวเองให้คนอื่น ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้ยุทธที่เป็นผู้ใหญ่กว่ามากๆ คอยดึงมันไว้บ้าง ผมคงรำคาญมันมากกว่านี้เยอะ
     ยิ่งมองหน้ามันก็ยิ่งเซ็ง ในดวงตาของมันไม่มีคำว่า“อะไรควรอะไรไม่ควร”อยู่เลยแม้แต่น้อย ทำอย่างกับผมเป็นนักโทษทำผิดมหันต์งั้นแหละ ทั้งๆ ที่นี่มันเป็นชีวิตผม!
     แม่ผมไม่ใช่ข้าราชการที่จะมีบำนาญกินเหมือนพ่อแม่มัน บ้านผมไม่ใช่ผู้ดีเก่า แล้วผมก็ไม่ใช่ลูกคนเดียว ยังมีพี่มีหลาน ถึงทุกวันนี้แม่ผมจะมีบ้านหลังใหม่อยู่แทนบ้านไม้สองชั้นเสาปูนใต้ถุนสูงที่ผมเคยอยู่ตอนเด็กๆ แต่ก็ยังต้องกินต้องใช้ เงินเดือนน้อยนิดของพี่สาวผมไม่พอเลี้ยงคนสี่ชีวิตหรอกครับ บ้านผมไม่ได้มีสมบัติเก่าอะไรให้ผมเอาไว้ไปหมั้นสาว แหวนทองที่พ่อซื้อให้แม่ก็เสร็จพี่ผมเอาไปขอเมียมาแต่งแล้ว สร้อยทองเส้นโตที่แม่ผมใส่อยู่นั่นก็เงินผมด้วยซ้ำ! ผมไม่ได้โชคดีเหมือนมันที่ได้แต่งงานกับคนรักที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม มีลูกให้ปู่ย่าได้ชื่นใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเทอม ไม่ต้องห่วงเรื่องเรือนหอที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่งั้นคิดว่าผมจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงินซื้อคอนโดสองห้องนอนทำห่าอะไรถ้าผมไม่ได้อยากใช้ชีวิตร่วมกับฟ่าง! ผมอุตส่าเตรียมซื้อบ้านเดี่ยวอีกหลังด้วยซ้ำเพราะผมอยากมีลูกใจจะขาด แต่สุดท้ายแล้วเป็นยังไงล่ะ มีใครแลผมมั้ย? หึๆ
     ถ้าผมยังเป็นลูกที่ดีทำให้แม่ผมสบายไม่ได้ ผมจะกล้าเป็นพ่อคนได้ยังไง เรื่องแบบนี้คนที่ไม่ต้องปากกัดตีนถีบอย่างมันจะรู้อะไร!
     “คุณมีลูกสาวสองคนใช่มั้ยพงศ์? ลูกสาวคนโตกี่ขวบแล้วนะ?”
     “คนโตหกขวบกว่าๆ คนเล็กสามขวบ ถามทำไมวะ?”
     “เป็นพ่อคนนี่เหนื่อยมั้ยวะ?”
     แต่ผมไม่รอให้มันตอบหรอก มันพูดไปเยอะแล้วครับ คืนนี้ถึงทีผมพูดบ้าง
     “เหนื่อยแต่คุณก็เต็มใจทำ เลี้ยงลูกจนเติบใหญ่เพื่อที่วันนึงลูกคุณก็ต้องแต่งงานไปกับคนอื่น วันนึงก็แยกบ้านไปเลี้ยงลูกของตัวเอง ไม่ดิลูกที่ดีไม่ทอดทิ้งพ่อแม่แก่ๆ ของตัวเองหรอก พ่อแม่คุณโชคดีที่มีหลานสาวตั้งสองคน ถึงผมกับแฟนจะแต่งงานมีลูกด้วยกันไม่ได้ แต่ผมโชคดีที่มีทั้งหลานชายกับหลานสาว แม่ผมเป็นทั้งย่าและยาย แกไม่เหงาหรอกคุณ แล้วที่ผมโชคดีสุดๆ คือแฟนผมเขาเข้ากันได้ดีมากๆ กับแม่ผม ไม่ต้องคอยปวดหัวเรื่องปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้แบบแฟนคนก่อนๆ ผมมั่นใจว่าต่อให้ผมเป็นอะไรไปผมก็มีคนคอยดูแลแม่ผมแทนด้วยซ้ำ ลูกผมก็ไม่มีไม่มีอะไรให้กังวล ไม่ต้องห่วงอะไรอีก พวกคุณว่าอนาคตแบบนี้มันแย่มากเหรอวะ?”
     “นี่คุณเป็นไปได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ?”
     ผมกำลังจะอ้าปากถามมันว่าไอ้เป็นไปได้ของมันที่ว่าคืออะไร แต่มือถือผมมันดังขึ้นซะก่อน ไอ้ต้นโทรมา ผมมองหน้าพวกมันที่กำลังมองผมแบบเหลือเชื่อ ผมเลยตัดสินใจคุยมันตรงนั้น ปล่อยให้พวกมันมองกันไป
     “ครับต้น?”
     “เอ่อ... ผมโทรมารบกวนพี่ชัชรึเปล่าครับ?”
     “ไม่เลยคร้าบที่รัก พี่คุยได้”
     ไอ้พวกนั้นมันทำหน้าประหลาดใส่ผมแว๊บนึง
     “อืม... คือ ... พี่ชัชเสร็จธุระแล้วยังครับ?”
     “ทำไมเหรอครับ? อยากให้พี่รีบกลับเหรอ?”
     ผมพูดพร้อมกับเหล่มองไอ้สี่ตัวที่เหลือ
     “เปล่าครับ! ผมแค่ถามดูเฉยๆ ผมไม่ได้ คือ... พอดีผมเสร็จธุระกับเมษแล้วน่ะครับ เลยลองโทรมาถามดูเฉยๆ”
     “นานๆ ทีจะได้เจอกันคงอีกซักพักอ่ะ ว่าแต่เราเถอะ กินอะไรรึยังครับ? มากินกับพี่มั้ย?”
     “เอ๋! อืม... ไม่ดีกว่าครับ พี่ชัชตามสบายเถอะครับ”
     “มาสิต้น จะได้มารู้จักเพื่อนพี่ด้วย”
     ผมพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่พวกมันกลับมองหน้ากันเหมือนผมเพิ่งพูดเรื่องคอขาดบาดตายออกไป
     “นั่งแท็กซี่มาหาพี่ที่ร้านสิเดี๋ยวพี่รอ แป๊ะซะที่นี่อร่อยดีว่ะ อยากให้เรามาชิม ทีหลังจะได้จำไว้ทำให้พี่กิน พี่ชอบรสแบบนี้”
     “เอ่อ... เอางั้นก็ได้ครับ”
     น้ำเสียงไอ้ต้นดูลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมตามใจผม พอบอกทางมันเสร็จแล้วผมก็กดวางสาย ผมเหลือบไปมองไอ้พวกเวรนี่
     “ไร? พวกคุณอยากรู้จัก ผมก็จัดให้แล้วไง ทีตอนแรกคะยั้นคะยอให้ผมชวนน้องเขามาดีนัก อยากเจอไม่ใช่เหรอครับ? แต่บอกไว้ก่อนนะ พวกคุณจะคิดยังไงก็ช่างหัวพวกคุณ รู้ไว้ว่าผมรักน้องเขามากก็พอ”
     แล้วไอ้พงศ์มันก็เริ่มหัวเราะขึ้นเป็นคนแรกก่อนที่คนอื่นๆ ที่เหลือจะพากันประสานเสียง แล้วไอ้กล้าก็ปากหมาใส่ผมอีกครั้งก่อนจะหัวเราะต่อ
     “แบบนี้ค่อยสมเป็นไอ้เหี้ยชัชที่ผมรู้จักหน่อย ฮ่าๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ฝูงหมาป่า

     “มองหน้าผมทำไมครับ”
     “มองให้แน่ใจว่าคุณใช่ชัยชัชเพื่อนผมจริงๆ รึเปล่า ฮ่าๆ”
     “เออๆ คุณจะด่าอะไรผมก็ด่ามาเหอะไอ้คุณพงศ์ แต่อย่าทำอะไรเมียผมเด็ดขาด”
     “หวงซะด้วย”
     “ผมไม่ได้หวง แต่เรื่องบางเรื่องคุณควรจะหุบปากไว้บ้าง ตำแหน่งคุณจะได้ไม่ย่ำอยู่กับที่”
     “อ้าวๆ ไอ้คุณชัช!”
     “เฮ้ยๆ พอๆ พวกคุณสองคนนี่ จริงๆ เชียว”
     “... เออ! ผมไม่ปฏิเสธหรอกผมปล้ำน้องเขาเองแหละ ... ทะเลาะกันนิดหน่อย น้องเขาเลยหนีผมไป ใครจะไปคิดวะว่ารถคว่ำ แม่งเสือกมีมอร์เตอร์ไซต์ผ่าไฟแดงมา ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นนี่หว่า”
     “สม! ผมเคยเตือนคุณแล้วเรื่องอารมณ์คุณน่ะ แล้วไงวะ? เลิกขาดเลยดิ?”
     “อย่าสอดสิวะไอ้คุณกล้า! ผมยังพูดไม่จบเลย กำลังจะด่าไอ้พงศ์มันอยู่!”
     “อ้าวๆ ยังไม่จบอีก คุณ”
     “ไม่จบเว้ย! เรื่องนี้ผมต้องคุยกับคุณให้รู้เรื่อง เรื่องผมกับน้องเขาอ่ะผมยอมรับผิดทุกอย่าง คุณจะด่าผมยังไงก็ได้ แต่เรื่องครอบครัวน้องเขาอ่ะคุณห้ามเอาไปพูดซี้ซั้วเว่ย!”
     “ผมพูดอะไรซี้ซั้ว?”
     “ผมถามคุณหน่อย คุณรู้ได้ไงว่าน้องเขาเป็นหลานเจ้าสัว? น้องเขาอยู่กับแม่สองคนมาทั้งชีวิตจนมาเจอผมนี่แหละ!”
     “มันมีลับลมคมในอะไรเหรอคุณชัช?”
     “เฮ้ยนี่ผมไม่ได้พูดเล่นนะเว้ย! นี่มันเรื่องละเอียดอ่อนของเมียผม คนนอกไม่ควรเสือก! เข้าใจตรงกันนะคร้าบ”
     “เออๆ ผมก็แค่ได้ยินเขาเล่าว่ามีอากงแก่ๆ มาเยี่ยมแฟนคุณ ท่าทางรวย แถมเด็กคุณนอนห้องพิเศษจ้างพยาบาลพิเศษเต็มที่ ผมก็คิดว่าคุณคงโชคดีได้แฟนเด็กแถมยังรวย”
     “คนพวกนั้นจ่ายที่ไหนล่ะ นั่นมันเงินผมกับประกัน! ผมให้เพื่อนที่เป็นทนายฟ้องคู่กรณีแทบตายกว่าจะได้ค่าทำขวัญมา รถตัวเองก็เสีย เมียก็เจ็บ ... แม่น้องเขาไม่ตบผมก็บุญเท่าไหร่แล้ว พี่เขาเป็นแอร์ก็ต้องลามาเฝ้าลูก งานก็ไม่ได้ทำทั้งๆ ที่ต้องหาเงินเลี้ยงลูกคนเดียว นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเงินช่วยส่วนนึงจากประกันชีวิตที่พี่เขาทำไว้ให้ลูกนะ ผมเองยังไม่รู้จะหมุนเงินจากไหนมาจ่ายเลย”
     “อ้าว แล้ว?”
     “นี่แหละๆ ผมถึงได้บอกคุณว่าอย่าซี้ซั้วพูดไป เข้าใจตรงกันนะครับเมียผมใช้นามสกุลแม่ พี่น้ำแกฝากลูกไว้กับผม โชคดีเมียผมได้ทุนเลยไม่ต้องลำบากเรื่องค่าเล่าเรียน แค่แฟนคนเดียวผมเลี้ยงได้ ที่ขยันทำงานทุกวันนี้ก็เพื่อเมียคร้าบ พวกคุณรู้กันแค่นี้ก็พอ ที่เหลือมันเรื่องส่วนตัวของแฟนผมเขา พวกคุณไม่รู้ก็อย่าเอาไปพูด เพราะคนที่เสียมันไม่ใช่ผมแต่เป็นแฟนผม ถ้าจะด่าอะไรผมก็มาด่าผมตรงๆ นี่มา”
     “ปัญหาครอบครัวว่างั้น?”
     “เออ! น้องเขาเลือกอยู่กับผมไม่ตามแม่ไปอยู่เมืองนอกครับ พี่เขาอุตส่าไว้ใจผมให้ดูแลลูกเขาผมก็ต้องรับผิดชอบน้องเขาเต็มที่ ผมเห็นใจผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เลี้ยงลูกคนเดียวว่ะ”
     “ตกลงคุณจีบแม่หรือจีบลูกวะ?”
     “หึๆ ไอ้ตอนแรกก็อยากได้คนแม่ว่ะ แต่ไปๆ มาๆ คนที่เข้าตาผมคือคนลูก ผมก็เลยเลยตามเลย แต่พวกคุณคิดดูสิน้องเขาให้อภัยผมทั้งๆ ที่ผมทำกับน้องเขาขนาดนั้น แม่งใจเด็ดจริงๆ ทั้งแม่ทั้งลูกเลย เป็นคนอื่นผมโดนลากคอเข้าคุกไปแล้ว น้องเขายอมผมทนผมถึงขั้นนี้เลยนะ ผมไม่เคยเจอใครแบบนี้มาก่อนเลย”
     “เพราะแบบนี้คุณเลยไม่กล้าหือว่างั้น?”
     “เออดิ น้องเขาดีกับผมขนาดนั้นผมทำร้ายเขาไม่ลงว่ะ ผมเกือบทำให้เด็กคนนึงต้องตายเลยนะคุณ ต่อให้ผมไม่พาน้องเขาไปรถคว่ำไอ้ที่ผมทำกับน้องเขาก็ยับเยินสุดๆ อ่ะรู้สึกตัวเองชั่วมาก ผมยังรู้สึกผิดไม่หายเลย ผมไม่เคยรุนแรงกับผู้หญิงคนไหนแบบนั้นมาก่อนเลยนะ แต่วันนั้นที่ผมทะเลาะกับน้องเขาผมโคตรโมโหอ่ะ พอรู้ตัวอีกทีผมเจ็บกว่าเดิมอีกผมทำร้ายน้องเขาเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง แล้วน้องเขาไม่เหมือนใครที่ผมเคยเจอเลยนะ เขาไม่เรียกร้องอะไรจากผมเลย ไม่โวยวาย แค่หนีผมไปดื้อๆ เขาโกรธผมจนหน้าผมยังไม่อยากจะมองทำอย่างกับผมไม่มีตัวตน ผมโดนผู้หญิงทิ้งมาก็เยอะแต่ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมคิดในใจว่าผมจะไม่ยอมเลิกกับน้องเขาเด็ดขาด มันเหมือนมีอะไรบางอย่างบอกผมว่าห้ามปล่อยน้องเขาไป”
     “คุณทำกับน้องเขาแบบนั้น แม่น้องเขายังไฟเขียวยอมให้น้องเขาคบกับคุณอีกเหรอวะ?”
     “ก็เกือบแหละ ตอนที่ผมต้องโทรไปบอกพี่เขาว่าผมทำอะไรกับลูกเขาไว้บ้างนะ ผมคิดในใจว่าไม่แคล้วคงโดนแล้ว แต่พี่เขาฟังแล้วก็เล่าเรื่องตัวเองกับลูกให้ผมฟัง ไม่ด่าผมซักคำ แต่ผมฟังแล้วโคตรรู้สึกผิดเลยครับ พี่เขาลำบากลำบนเพื่อลูกเขา เลี้ยงลูกเขามาอย่างเหนื่อยยาก แต่ผมกลับทำให้ลูกเขาเกือบตาย! แถมยังทำระยำไว้อีก ตั้งแต่นั้นมาผมเลิกทุกอย่างเลยคุณ ตั้งใจว่าขอลูกเขามาทำเมียแล้วก็จะดูแลให้ดีที่สุด”
     “มิน่า พักหลังถึงไม่ได้ข่าวคาวคุณเลย ฮ่าๆ”
     “โอยจะไปได้ได้ไง๊! พวกคุณไม่รู้อะไร ต้นมันดูแลผมทุกอย่างเลยคร้าบ ซักเสื้อผ้าเก็บกวาดบ้านทำทุกอย่างให้ผมด้วยตัวเองหมด! ขืนผมกลับบ้านแล้วมีอะไรแปลกๆ สิคุณ บ้านแตกตายอ่ะ”
     “เหมือนเมียผมเลยว่ะ เช็คมือถือผมตลอด คุยอะไรกับผู้หญิงไม่ได้เลย ระแวงไปหมด! ขนาดวันก่อนน้องเขาทักมาในเฟสฯ เมียผมซักทันทีว่าใคร มีการไปแอดเฟสฯ น้องเขาไว้ดูด้วยนะ ทำอย่างกับผมจะมีชู้!”
     “เอ้ยๆ แต่ของผมไม่มีแบบนั้นนะ ต้นมันไม่ก้าวก่ายเรื่องงานผม แต่ถ้ามันรู้ว่าผมต้องพาลูกค้าไปเอนเตอร์เทนเหรอ โน่น มานั่งรอผมทั้งคืนไม่ยอมหลับยอมนอน แล้วก็ทำหน้าเศร้าๆ ถามผมว่าทำไมต้องไปที่แบบนั้น เอนเตอร์เทนอย่างอื่นไม่ได้เหรอ? บอกว่ามันเป็นห่วงผมบ้างล่ะ ผมงี้ไม่อยากออกไปทำงานเลยคุณ”
     “ห่วงเมีย?”
     “เออสิครับ”
     “ฮ่าๆ”
     “ฟังแล้วท่าทางคุณโคตรมีความสุขกับชีวิตเลยนี่หว่า”
     “อ่ะแน่นอน”
     “รักน้องเขามาก?”
     “เออ คนนี้สุดๆ อ่ะ ผมไม่เคยอยู่กับใครแล้วมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย”
     “คุณก็พูดแบบนี้ทุกที”
     “แต่คนก่อนๆ ก็ไม่สุขเท่านี้ไงคุณ แล้วเขาก็ทิ้งผมไปหมดแล้วด้วย เหลือแต่ต้นนี่แหละยังทนผมได้”
     “ประเด็นคุณคือตรงนี้มากกว่าว่ะ ฮ่าๆ”
     “เออสิวะ!”
     “คุณนี่มันจริงๆ เลยคุณชัช ทีตอนนั้นมีคนดีๆ มาชอบคุณก็ไม่เอา”
     “ก็ตอนนั้นยังหนุ่มยังแน่นผมก็ขอซ่าหน่อยล่ะ แต่ตอนนี้แก่ว่ะ รู้ตัวอีกทีมันไม่ไหว อยากลงหลักปักฐานกับเขาบ้าง เหนื่อยแล้ว”
     “ลงกับใครไม่ลง ลงกับผู้ชายนะคุณ”
     “ทำไงได้วะ น้องเขาบอกไม่ได้เป็นกระเทย ไม่อยากไปแปลงเพศ ไอ้ผมมันก็ชิวๆ ละ เลยๆ ตามเลยครับ”
     “อยากเห็นหน้าคนที่สยบคุณได้จริงๆ”
     “เมียผมน่ารักนะบอกไว้ก่อน เรียบร้อยด้วย ดูเผินๆ ไม่รู้หรอก ไม่ใช่แนวแอ๊บๆ อะไรพวกนั้นแน่นอน แต่เวลาอยู่กับมันนะ ผมไม่รู้สึกว่าต่างอะไรกับเวลาอยู่กับผู้หญิงเลย”
     “ทำไมวะ? เรียบร้อยจัด?”
     “เปล่า! โคตรขี้บ่น”
     “ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชครับผมบอกกี่ครั้งแล้ว เสื้อผ้าต้องโยนให้ลงตะกร้า อย่าทำเลอะ บลาๆ แม่งบ่นผมทุกวันอ่ะ แต่บ่นไปมือมันก็เก็บไปนะ บ้านช่องเป็นระเบียบ ไม่สุรุ่ยสุร่าย เก่งงานครัว แม่ผมโคตรปลื้ม ต่างกับตอนคบกับฟ่างลิบลับ!”
     “ถูกใจแม่คุณเลยสิ”
     “เออ แม่แกบ่นเสียดายที่เป็นผู้ชาย นอกนั้นนะ มันเข้ากับคนในบ้านผมได้ทุกคน โคตรตอแหลอ่ะ”
     “อ้าว? ไหนบอกเรียบร้อยไงครับ?”
     “ไอ้เรียบร้อยน่ะมันเรียบร้อยคร้าบ แต่เมียผมปากจัดสุดๆ อ่ะ เข้าทางแม่ผมโคตรๆ เวลามันโมโหแล้วด่าผมนะ หืม ซิบๆ อ่ะ”
     “สรุปว่าผ่านทุกด่าน?”
     “คร้าบผม เจอคนดีๆ แบบนี้ผมไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอก ยิ่งคนดีๆ ที่เข้ากับแม่ผมได้เนี่ย ฮ่าๆ”
     “ความดีอย่างเดียวเอาคุณไม่อยู่หรอก”
     “ฮ่าๆ นั่นมันขึ้นกับผมคร้าบ เซียนอยู่นี่เทรนเองกับมือ จากไม่เป็นผมเทรนจนคล่องแล้วครับ ฮ่าๆ”
     “คุณนี่มัน ฮ่าๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#12/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน17
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 12-11-2014 01:51:42
ต้นน้ำ

     ตอนที่ผมมาถึงร้านผมไม่ได้โทรหาพี่ชัช ผมตัดสินใจว่าจะลองเดินหาโต๊ะเองก่อนถ้าไม่เจอค่อยโทร แต่โต๊ะของพี่ชัชกับเพื่อนหาไม่ยากเลยครับ คุณลุงขี้เมาที่ส่งเสียงดังทั้งห้าคนกับทาวเวอร์เบียร์เกือบครึ่งโหล เฮ้อ... ผมว่าบางทีวันนี้ผมอาจจะต้องเป็นคนขับรถพาพี่ชัชกลับก็ได้ครับ หรือไม่คิดอีกที พี่ชัชโทรตามผมเพราะเหตุนี้หรือเปล่า? ผมถอนหายใจให้กับตัวเองเงียบๆ แล้วเดินเข้าไป แต่พี่ชัชหันมาเห็นผมพอดีเลยยกมือขึ้นเรียกผม
     “ทางนี้ ต้น”
     ทันใดนั้นสายตาของทุกคนในโต๊ะก็หันมามองผมอย่างพร้อมเพรียง! ทำไมต้องจ้องกันแบบนั้นด้วยนะ ผมเกิดอาการประหม่าจนอยากกลับคอนโดชะมัดเลยครับ! ไม่ชอบแบบนี้เลย
     “เอ่อ... สวัสดีครับ”
     ยังไงก็ตามยกมือไหว้ไว้ก่อนดีที่สุดครับ กับผู้ใหญ่ในสังคมไทยยกมือไหว้ไว้ก่อนจะได้ดูนอบน้อม ถ้าเขาเอ็นดูแล้วที่เหลือค่อยว่ากัน
     “มาๆ มานั่งข้างๆ พี่”
     พี่ชัชตบลงข้างๆ ตัวแล้วหันไปโบกมือเรียกเด็กเสิร์ฟ
     “น้องๆ เอาเมนูให้พี่หน่อย ละขอจานชุดนึง เอ้า! นั่งสิต้น”
     “เอ่อ ครับ”
     บอกตามตรงผมทำตัวไม่ถูกนี่ครับ รู้สึกประหม่ายังไงก็ไม่รู้ ไม่ชินกับบรรยากาศแบบนี้เลย ผู้ชายที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายของพี่ชัชเขยิบที่ให้ผมแล้วสะกิดพี่ชัชให้ขยับตาม ผมก็เลยเดินอ้อมไปอีกด้านแล้วนั่งลงตรงฝั่งขวาของพี่ชัช
     “รับอะไรครับพี่?”
     “ขอน้ำเปล่าสองขวดแล้วก็เอาน้ำแข็งเพิ่มด้วย ต้นอยากกินอะไรมั้ยครับ?”
     ผมมองซากอาหารบนโต๊ะที่ยังเหลือประปรายจานละนิดจานละหน่อย มันก็ยังมีหลายจานอยู่นะครับ เมี่ยงปลาเผานั่นเหลืออีกตั้งครึ่งตัว! ไอ้พวกกินทิ้งกินขว้างเอ้ย!
     “ไม่ดีกว่าครับ ตามใจพี่ชัชเถอะ”
     “งั้นพวกคุณเอาไรเพิ่มมั้ย?”
     “ผมเอาหมูมะนาว”
     “ผมขอทอดมันกุ้ง”
     ยังจะสั่งเพิ่มอีกเหรอครับนั่น! เพื่อนพี่ชัชสั่งอาหารเพิ่มพลางตักของเหลือในจานตรงหน้าไปจัดการในจานของตัว เอง เอ่อ... ผมนึกว่าเขาอิ่มกันแล้วซะอีก ยังไม่อิ่มกันเหรอครับนั่น แล้วพี่ชัชก็ปิดเมนูก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับเด็กเสิร์ฟครับ
     “พี่ขอหมูมะนาว ทอดมันกุ้ง แกงเขียวหวานเนื้อ แล้วก็แป๊ะซะอีกที่ครับ ขอข้าวเปล่าจานด้วย”
     พอพี่ชัชจัดการเรื่องอาหารเสร็จเขาก็หันมายิ้มให้ผม พี่เขาเลื่อนมือมากุมมือผมที่วางอยู่บนตักด้วยครับ พอผมหันไปมองพี่ชัชพี่เขาก็บีบมือผมเบาๆ ก่อนจะคลายออกแล้วปล่อย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากแต่ผมก็รับรู้ได้ว่าพี่ชัชพยายามให้กำลังใจผม
     “ต้น พวกนี้เป็นเพื่อนพี่สมัยเรียน คนที่นั่งข้างๆ พี่ชื่อพี่กล้า ส่วนคนนั้นชื่อพี่พงศ์ พี่ยุทธ แล้วก็พี่พัน”
     ผมยกมือไหว้พี่ๆ เขาทีละคนตามคำบอกของพี่ชัชอีกครั้ง คือ... พี่ๆ เขาก็ดูยิ้มๆ กันนะครับ แต่... ผมรู้สึกแปลกๆ กับแววตาของพวกพี่เขาจังเลย
     “เอ้า! แนะนำตัวหน่อยเรา”
     คนเป็นเพราะผมมัวแต่อ้ำอึ้งทำตัวไม่ถูก พี่ชัชเลยสะกิดผม ... ก็ผมไม่ชินนี่ครับ
     “เอ่อ สวัสดีครับ ผมชื่อต้นน้ำครับ”
     “นี่คุณบังคับขู่เข็นน้องเขามารึเปล่าเนี่ยคุณชัช ฮ่าๆ”
     “ผมบังคับที่ไหน ก็พวกคุณนั่นแหละ หึๆ”
     อื้อ! พี่ชัชนะพี่ชัชมาขยี้หัวผมแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นได้ยังไง
     “นี่ต้น แฟนผม คบกันได้สองปีแล้ว คงไม่เปิดตัวช้าไปนะคร้าบ”
     คนอื่นๆ พากันหัวเราะ แต่ผมหัวเราะไม่ออกนะครับ
     “นี่คุณไปหลอกน้องเขามาได้ยังไงเนี่ย”
     “หลอกเด็กชัดๆ ปล่อยน้องเขาไปเถ้อ จะได้ไปเจออนาคตที่สดใสปราศจากคุณ”
     “เด็กที่ไหน แฟนผมอายุเกินยี่สิบแล้วนะคร้าบ เพิ่งเกินมาหมาดๆ เดือนก่อน ฮ่าๆ”
     “พรากผู้เยาว์นี่กว่าคุณ ฮ่าๆ”
     “ฮ่าๆ”
     พี่ๆ เขาแซวพี่ชัชแต่พี่ชัชกลับยิ้มรับคำแซวพวกนั้นด้วยท่าทีสบายๆ แล้วหันมาขยิบตาให้ผม
     “บังเอิญผู้เยาว์คนนี้น่ารักจนผมอดใจไม่อยู่ว่ะครับ”
     พี่ชัช! พูดแบบนี้ได้ยังไงครับ!
     “ดูๆ น้องเขาเหวอเลยคุณ สันดานคุณนี่จริงๆ เล้ย”
     ผมอายคนอื่นเขานะครับ ถึงพี่ชัชไม่อายแต่ผมอาย! ผมทำอะไรไม่ถูกก็เลยหยิบน้ำในแก้วขึ้นดื่ม
     “ใครเทเบียร์ให้น้องเขาดื่มเปล่าวะ? เมาเบียร์หน้าแดงหมดแล้วนั่น”
     โอ๊ย! เพื่อนพี่ชัชแต่ละคน ผมเขินจนไม่อยากจะละสายตาไปจากจานเปล่าตรงหน้าเลยครับ
     “เฮ้ย! รังแกเด็กแบบนี้ไม่อายมั่งเหรอ แต่ละคนลูกโตกันหมดแล้วยังทำตัวปากหมาอีก เมียผมๆ รังแกได้คนเดียวพอ”
     ผมหันขวับไปมองหน้าตัวต้นเหตุ พี่ชัชนั่นแหละตัวดีเลยครับ แถมยังมีการมาโอบผมอีก พี่ชัชบ้าที่สุด! ผมอดไม่ได้เลยเผลอต่อยพี่เขาไปเบาๆ พี่เขารับหมัดผมด้วยท่าทางสบายๆ แล้วหัวเราะ
     “โหดแบบนี้นี่เองถึงคุมคุณอยู่หมัด”
     “อยู่บ้านผมโดนเมียกดขี่ประจำแหละ”
     ยังมีหน้ามายักคิ้วอีกนะครับ!
     “พี่ชัช เมาแล้วพูดมากนะครับ”
     “ฮ่าๆ”
     ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ทั้งเขินทั้งโมโห ผมเลยแกล้งขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็แอบโทรศัพท์หาเมษ
     “ว่าไงย้า?”
     “ไม่ไหวแล้วอ่ะเมษ”
     “ทำไมยะ?”
     “มีแต่พวกขี้เมาอ่ะ แต่ละคนงี้ปากพอๆ กับพี่ชัชเลย”   
     “เอ้า! ก็ถูกแล้ว คนเราถ้านิสัยไม่เหมือนกันจะคบกันได้ยังไงยะ”
     “แต่ไม่ไหวอ่ะ เรา... เราโดนแซวจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว เราเลยหนีมาเข้าห้องน้ำเนี่ย”
     “แกก็ทำตัวปกตินั่นแหละ เป็นตัวของตัวเองไปสิยะ”
     “บ้า! ขืนเราทำแบบนั้น โอ๊ย! เรากลัวถูกคนอื่นมองว่าก้าวร้าวนี่ ไม่รู้คนอื่นเขาจะคิดยังไง เราไม่กล้าหรอก”
     “สมน้ำหน้า คิดซะว่ากรรมตามสนองแล้วกันย่ะแก ทีเวลาแกไปกัดคนอื่นละยะ โฮะๆ”
     “มันไม่ใช่แบบนั้น โอ๊ย! เราไม่รู้จะวางตัวยังไงนี่เมษ เรากลัวทำตัวไม่ดีแล้ว... แล้วพี่ชัชจะ... เราไม่อยากเสียมารยาทกับเพื่อนพี่ชัชนี่”
     “โอ๊ย! นังนี่ โรควิตกจริตขึ้นสมองอีกแล้วนะแก ฉันทายได้เลยว่าผัวแกต้องเป็นหนึ่งในเสียงแซวพวกนั้น ใช่ม๊ะ? ขนาดผัวแกยังเฉยๆ ไม่คิดมากเลย แล้วแกจะคิดมากแทนผัวทำไมย๊ะ? ไม่คิดบ้างเหรอว่าที่เขาแซวก็เพราะต้องการพูดกับแก ลองคนอื่นๆ เขานิ่งเงียบทำเหมือนแกไม่มีตัวตนสิยะ อันไหนจะน่ากลัวกว่ากัน!”
     “นาย... นายคิดแบบนั้นเหรอ?”
     “ย่ะ! สูดหายใจลึกๆ แล้วตั้งสติ โอเค๊? กลับไปที่โต๊ะไปแล้วเชื่อคนสวยซะ แล้วก็แอ๊บเข้าไว้ ฉีกยิ้มเข้านะแก แล้วก็เงียบ คอยเออออนั่งหัวเราะตามคนอื่นๆ ก็พอ ทำอะไรไม่ถูกก็กินซะ ปากจะได้ไม่ว่าง ไม่เผลอหลุดอะไรบ้าๆ ออกไป โอเคป่ะ?”
     “โอเค เราจะพยายาม”
     “ย่ะ”
     “ขอบใจนะเมษ”
     “จ้า”
     ผมกดวางสายพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ฮ้า! ผมพร้อมแล้วครับ

     โชคดีที่ตอนผมกลับมาถึงโต๊ะพวกเขากำลังคุยกันเรื่องอื่น แล้วอาหารก็มาเสิร์ฟพอดี ผมเลยแกล้งวุ่นกับการช่วยเด็กเสิร์ฟเคลียร์จานเก่าก่อนจะลำเลียงอาหารวางลงบนโต๊ะ แล้วหลังจากนั้นผมก็สนใจแต่อาหาร ผมตักแป๊ะซะใส่ถ้วยแบ่งให้พี่ๆ ในโต๊ะแล้วยุ่งกับการแกะก้างออกจากเนื้อปลาให้พี่ชัช เสร็จแล้วก็นั่งทานข้าวของตัวเองไป ส่วนพี่ๆ เขาก็คุยเรื่องงานแต่งงานครับ
     ดูเหมือนผู้ชายที่ชื่อพันกำลังจะเป็นเจ้าบ่าวมั้งครับ ผมเห็นเขาคุยเรื่องพรีเวดดิ้ง แล้วก็บ่นเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงาน มีแอบนินทาว่าที่เจ้าสาวด้วยนิดหน่อย แบบนี้ไม่ดีเลยครับ แต่ละคนพูดถึงตอนงานแต่งของตัวเองกันใหญ่ ดูเหมือนทุกคนจะแต่งงานแล้วยกเว้นพี่ชัช...
     “เอ้า! ท่าทางแฟนคุณจะหิวมากนะนั่น ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียวเลย”
     “แค่กๆ”
     ผมสำลักเลยครับ! อยู่ๆ ผู้ชายคนที่ชื่อพงศ์ก็มาแซวผม พี่ชัชลูบหลังพร้อมส่งทิชชู่ให้ ผมรับทิชชู่มาเช็ดปากตัวเองพลางคิดว่าจะด่ากลับไปยังไงดี
     “ข้าวอีกจานมั้ยน้อง? เห็นหิวจัดเอาแต่กินไม่พูดไม่จา”
     แล้วมันมีช่องให้ผมพูดตรงไหนกันครับ!
     “ดูๆ น้องเขาจะร้องไห้แล้วนั่น ตาแดงเชียว ฮ่าๆ”
     ผมจะไม่ร้องได้ยังไงครับก็ผมสำลักแป๊ะซะ ไอ้ลุงขี้เมาพวกนี้นี่!
     “พวกคุณก็ แกล้งเด็กอีกแล้วนะคร้าบ”
     แซวผมกันเข้าไป ผมหันไปสบตากับพี่ชัช แต่พี่ชัชกลับยักไหล่
     “ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรน่ะครับ”
     ผมตอบอย่างสุภาพโดยใช้น้ำเสียงนุ่มนวลแล้วยิ้มทั้งๆ ที่ในใจผมกำลังด่าเขาไฟแล่บ! พี่ชัชได้โอกาสเลยเสริมขึ้นทันที
     “แฟนผมบอกว่าคุณพูดมากจนคนอื่นพูดไม่ทันว่ะ ฮ่าๆ”
     ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น! พี่ชัชนี่หาเรื่องให้ผมแล้ว ขอซักทีเหอะ!
     “โอ๊ยๆ กลัวแล้วคร้าบที่รัก! หึๆ”
     ผมแอบหยิกพี่ชัชเบาๆ แต่พี่ชัชกลับแกล้งร้องโอดโอยซะโอเวอร์ คนอื่นๆพากันหัวเราะผสมโรงด้วยซะงั้น!
     “พวกคุณก็ชวนน้องเขาคุยดีๆ สิครับ”
     ค่อยยังชั่วหน่อยที่ในกลุ่มยังมีคนดีๆ อยู่บ้าง ผมชอบพี่ยุทธที่สุดในกลุ่มเลยครับ
     “น้องอยู่มหาวิทยาลัยแล้วยังครับ?”
     “ครับ ปีสองแล้วครับ”
     “เหรอ แล้วเราเรียนอะไรล่ะ?”
     แล้วมันกงการอะไรของพวกคุณถึงต้องมาสัมภาษณ์ผมด้วยครับ!
     “ผมเรียนวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ที่จุฬาครับ”
     “อื้อหือ! เรียนรู้เรื่องด้วยเหรอน้อง สาขานี้พี่ได้ข่าวว่าคนไม่เต็มเท่านั้นนี่หว่าถึงจะเรียนได้ เข้าง่ายออกง่ายไทร์เพียบ ยังเหมือนเดิมอยู่ป่ะ?”
     ผมว่าถ้าจะมีใครไม่เต็มก็คุณนั่นแหละครับ!
     “ที่จุฬาเหรอ? งี้ก็เป็นรุ่นน้องพวกพี่ดิ”
     ผมจะทำอะไรได้นอกจากฉีกยิ้มครับ
     “ครับ”
     “เอ้าๆ ซักแก้วให้เกียรติพวกพี่หน่อย”
     แล้วพี่พงศ์เขาก็แกล้งเทเบียร์ใส่แก้วแล้วเอามาวางลงตรงหน้าผม! ผมรู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยากให้ผมดื่มหรอก ตอนที่ผมมาถึงเขายังรินน้ำเปล่าให้ผมด้วยซ้ำ พวกเขาแค่อยากแกล้งผม แค่อยากรู้ว่าผมจะหาทางออกยังไงก็เท่านั้นแหละ
     “เฮ้ยๆ แฟนผมไม่ดื่มครับ พอๆ พอเลยพวกคุณ”
     พี่ชัชสุดที่รักของผมรีบหยิบเบียร์แก้วนั้นคืนไปให้พี่พงศ์
     “ไรว้า ผู้ชาย นิดๆ หน่อยๆ น่า น้องเขาก็ยี่สิบแล้วไม่ใช่เหรอ?”
     พี่ชัชน่ะปกป้องผมจริงจังมากครับ ถึงผมจะรู้สึกดีแต่ผมเกลียดค่านิยมงี่เง่าแบบนี้เป็นบ้าเลย! แล้วก็เกลียดวิธีการที่เขาใช้แกล้งผมด้วย
     “ไม่ดีกว่าครับ ผมเกรงว่าพี่ชัชอาจจะดื่มไปเยอะ ถ้าเผื่อพี่เขาขับรถกลับไม่ไหว ผมจะได้ขับกลับแทนได้ครับ”
     “คุณนี่เป็นที่พึ่งพาให้แฟนไม่ได้เลยคุณชัช ฮ่าๆ”
     ให้ตายเหอะ! ยังมีหน้ามาว่าแฟนผมอีก!
     “พี่ชัชเป็นที่พึ่งให้ผมได้เสมอครับ เพียงแต่ผมยังไม่อยากได้เงินประกันชีวิตของพี่เขาเร็วเกินไป”
     ทั้งๆ ที่ผมจงใจกัด แต่พวกเขากลับฮาครืนกันทั้งโต๊ะเลยครับ แปลกจัง...
     “ต้องแบบนี้สิครับอีแก่ขี้บ่นของพี่ ฮ่าๆ”
     พี่ชัช! ใครเป็นอีแก่ขี้บ่นกันครับ! ผมหัวขวับไปมองหน้าพี่ชัช แต่พี่ชัชกลับเอาแต่ยิ้มแล้วหัวเราะ
     “โหดสมราคาคุยจริงๆ ผมไม่แปลกใจละ ทำไมคุณหงอได้ขนาดนี้ ฮ่าๆ”
     “หงอที่ไหน ผมก็แค่เกรงใจแฟนผม รักนะจ้ะต้น”
     ยังมีหน้ามาทำทะเล้นอีกเหรอครับ!
     “ฮิ้ว!”
     “ไอ้เสือสิ้นลายเลยว่ะ ฮ่าๆ”
     คุณลุงพวกนี้นี่!
     “ฮ่าๆ”
     “งี้แล้วสงสัยคุณคงเป็นโต้โผจัดปาตี้ไม่ได้ซะละม้าง คุณชัช”
     ปาร์ตี้! ปาร์ตี้อะไรกันครับ?
     “ถ้าเมียผมอนุญาตก็เอา ถ้าของบประมาณไม่ผ่านก็อดว่ะ น้องเขาคุมกระเป๋าเงินผมอยู่”
     “นั่นๆ น้องเขางงเป็นไก่ตาแตกแล้ว พวกคุณก็อธิบายน้องเขาสิครับ”
     “คืองี้”
     พี่กล้าอ้าปากจะอธิบาย แต่... ผมว่าเขาควรพักให้สร่างก่อนนะครับ เสียงเขาเริ่มอ้อแอ้แล้ว
     “ในวาระที่คุณพันเพื่อนสุดที่รักยิ่งของพวกเราจะสละโสด พวกพี่ก็เลยอยากจะพามันไปเปิดหูเปิดตาหน่อย แต่พวกพี่พนันกันไว้ว่าใครได้แต่งงานคนสุดท้าย”
     แล้วพี่ๆ เขาก็เหล่มองมาทางพี่ชัชก่อนจะพากันหัวเราะ
     “คนนั้นเป็นเจ้ามือครับน้อง”
     “เอาแบบสุดเหวี่ยงอ่ะน้อง”
     พี่กล้ากับพี่ยุทธตอบพร้อมกัน แต่ไอ้ “สุดเหวี่ยง” ที่พี่กล้าพูดมันคืออะไรกันครับ!
     “อ๋อ... เหรอครับ”
     “น้องรู้จักปาร์ตี้สละโสดป่าว แบบนั้นอ่ะน้อง”
     พี่กล้าพูดพลางเต้นยึกยัก ทุเรศเป็นบ้าเลยครับ! ผมว่านี่มันปาร์ตี้อบายมุขแล้ว!
     “งั้นเสียใจด้วยนะครับ เพราะพี่ชัชคงไม่ใช่คนสุดท้าย”
     พอผมพูดออกไปแบบนั้น แม้แต่พี่ชัชยังมองหน้าผมเลยครับ
     “หือต้น?”
     แฟนผมเป็นผีขี้เกียจที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์!
     “พี่ชัชละก็... แก่แล้วขี้ลืมนะครับ”
     “เอ่อ...”
     ผมยิ้มแล้วแกล้งหัวเราะขึ้นเบาๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าพี่ๆ คนอื่นที่เหลือ ถึงเวลาเอาคืนแล้วครับ!
     “อำอ่ะดิน้อง!”
     “จริงๆ นะครับ ผมกับพี่ชัชผูกข้อมือกันแล้วจริงๆ ตอนที่พี่ชัชพาผมกลับไปเยี่ยมบ้านครั้งแรกไงครับ พิธีแบบนั้นสำหรับชาวเหนือก็คือการแต่งงานไม่ใช่เหรอครับ?”
     สีหน้าพี่ชัชค่อยๆ คลายความงงคล้ายเพิ่งจำได้ สงสัยคงระลึกชาติได้แล้วมั้งครับ น่าโมโหที่สุด!
     “เออ ... จริงด้วยว่ะ”
     “ทำไมพวกกูไม่รู้เลยวะ!”
     “ไม่แปลกหรอกครับ ก็จัดเป็นการภายในเฉพาะญาติสนิททางฝั่งพี่ชัชเท่านั้นนี่ครับ พอดีแม่แกอยากให้พี่ชัชทำอะไรให้มันถูกต้อง แล้วมันก็กระทันหันด้วยเลยเหมือนชวนญาติๆ มาทานข้าวกันซะมากกว่าเพราะพี่ชัชไม่ได้กลับบ้านนานมากแล้ว”
     “คุณนี่อุบเงียบเลยนะคุณชัช”
     “เอ่อ... ผม แหะๆ”
     ลืมล้านเปอเซ็นต์!
     “แหมพี่ชัชจะไปจำอะไรได้ล่ะครับ ก็ เอา แต่ เมา!”
     “ทิ ที่ร้าก...”
     “ถึงจะเป็นการจัดงานเล็กๆ ตามธรรมเนียมถิ่น แต่ก็คงถือว่าแต่งแล้วนะครับ”
     “ไม่เอาดิน้อง แบบนั้นไม่นับครับ ไม่ได้โจะ-”
     “แฮ่ม!”
     พี่กล้าอ้าปากจะพูดแต่พี่ยุทธรีบเบรคพี่กล้าเอาไว้ แต่ไม่ทันหรอกครับ ผมรู้ว่าพี่เขาจะพูดอะไร!
     “พี่หมายถึงว่า ไม่ใช่งานทางการไม่นับครับ ขั้นตอนไม่ครบ บอกข่าวเพื่อนฝูงก็ไม่มี”
     ใช่สิ! ผมจดทะเบียนกับพี่ชัชไม่ได้หนิ!
     “พวกพี่พนันกันว่าแต่งงาน ไม่ได้พนันว่าจดทะเบียนนี่ครับ แล้วคนที่แต่งงานเลี้ยงภายในครอบครัวนี่ผิดสมัยนิยมมากเหรอครับ ผมนึกว่าการแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนเสียอีก ทำไมต้องไปลำบากลำบนเชิญใครก็ไม่รู้มาด้วย สิ้นเปลืองทั้งๆ ที่บางทีเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวอาจจะไม่รู้จักแขกคนนั้นด้วยซ้ำ! แถมสมัยนี้คู่รักบางคู่เขาก็นิยมไม่จดทะเบียนกันนะครับ เวลาหย่ากันจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องทรัพย์สิน”
     สมน้ำหน้า!
     “แล้วที่สำคัญ พวกพี่อยากไปเที่ยวที่แบบนั้น ลูกและภรรยาที่บ้านอนุญาตแล้วเหรอครับ?”
     “ต้นคร้าบ...”
     พี่ชัชสะกิดแขนผมเบาๆ พลางทำหน้าขอร้อง ถึงผมจะขัดใจ แต่ว่า ... เฮอะ! ผมหยุดก็ได้ครับ ใครใช้ให้พวกเขามากวนผมก่อนล่ะ!
     “ยอมแพ้เลยว่ะ”
     “ผมซึ้งเลยคุณชัช”
     “นี่หลังแต่งงานผมจะเจอแบบนี้ด้วยรึเปล่าเนี่ย?”
     “ผมก็สงสัยอยู่ว่าคนแบบไหนที่จะจัดการคุณได้ สมน้ำสมเนื้อดีนะคุณชัช เดาว่าแม่คุณคงปลื้มน่าดู”
     พี่ยุทธยกแก้วให้พี่ชัชซะงั้น! แถมพี่ชัชยังยกแก้วไปชนด้วยซะอีก มันน่าโมโหนัก พี่ชัชจิบเบียร์แล้วหันมามองผม พี่เขามองผมแล้วก็ยิ้ม ยิ้มแบบนี้ไม่ชอบเลยครับ ทำอย่างกับเห็นผมเป็นเด็กแน่ะ!
     “ปาร์ตี้กินดื่มนิดๆ หน่อยๆ พักสายตาดูกระต่ายเต้นระบำ ทำบุญปล่อยโคเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีของเสี่ยงๆ คร้าบต้น นะพี่ขอนะ นานๆ จะได้เจอกันครบๆ ก๊วน พอต่างคนต่างมีครอบครัวแล้วก็ยุ่งจนไม่ค่อยได้มาแฮงค์เอ้าท์กันเลย”
     แล้วทำไมจะต้องไปสังสรรค์กันในที่อโคจรแบบนั้นด้วยครับ! ให้ตายสิ! ทำไมพี่ชัชถึงต้องมาออกหน้าแทนคนอื่นด้วย ตกลงว่าเพื่อนๆ อยากไปหรือตัวเองอยากกันแน่ครับ!
     “พี่รับรองว่าไม่มีอะไรเกินเลย เชื่อพี่นะครับ”
     ผมโมโหนะครับ!
     “ปากพวกมันก็งี้แหละต้น แต่ไอ้พวกนี้เป็นแฟมมิลี่แมนทั้งนั้น พี่กับพวกมันถึงไม่ค่อยได้เจอกันไง มันมัวแต่เลี้ยงลูกกันอยู่”
     พี่ชัชหัวเราะพลางพยักเพยิดไปทางคนอื่น ออกหน้าแทนเพื่อนเต็มที่เชียวนะครับ เฮอะ!
     “นะครับ อนุญาตนะครับที่รัก นะจ้ะ เมียจ๋า”
     แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ พี่ชัชลงทุนอ้อนผมถึงขนาดนี้เชียว ทั้งๆ ที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นแท้ๆ จะให้ผมหักหน้าแฟนตัวเองรึไง นี่แหละน้าแฟนผม หน้าใหญ่กับคนอื่นเสมอ! ลงท้ายผมก็เลยต้องพยักหน้าให้ เท่านั้นแหละครับ
     “เฮ!”
     “เอ้า! ฉลองเว้ย!”
     “ฮ่าๆ”
     เฮ้อ... แค่คิดก็ปวดหัวแล้วครับ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... สกิลสังคมของน้องต้นช่าง... ไม่งามนะคุณลูกขา แต่ฝูงหมาป่าเขาโหดจริงไรจริง
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#12/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน17
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 12-11-2014 01:57:16
ชัยชัช

     “พี่ชัชไม่เป็นไรจริงๆ นะครับ ถ้าพี่ไม่ไหว?”
     “พี่โอเคคร้าบ หน่า พี่สัญญาแล้วไงว่าจะไม่ดื่มมาก ต้องพาพวกมันไปส่งบ้านอีก กลัวขับรถกลับไม่ไหว”
     ในกลุ่มพวกเราห้าคน พวกมันสี่คนไม่มีใครเอารถไปกันเลยครับ แต่ละคนกะไปเมากันเต็มที่ ใช้ให้ผมเป็นสารถีประจำกลุ่มไปรับพวกมันด้วยซ้ำ
     “ครับ งั้น...”
     ต้นมันทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ดูลังเล ผมรู้ว่ามันไม่อยากให้ผมไป แต่มันก็ไม่ได้ห้ามผม ไม่แม้แต่จะวีนหรือเหวี่ยงใส่ผมด้วยซ้ำ เห็นสายตาเหงาๆ แล้วมันก็อดไม่ได้ ผมดึงตัวมันมาจูบ ต้นมันหลับตาลงแล้วยืนนิ่งให้ผมจูบอย่างว่าง่าย
     “ไม่ต้องห่วงนะครับ แค่พาเพื่อนไปเที่ยว คิดซะว่าพี่ไปทำงานตามปกตินั่นแหละ เดี๋ยวพี่ก็กลับมาแล้ว ถ้ามีอะไรแล้วพี่จะโทรบอกนะครับ”
     “ครับ”

     แล้วผมก็ได้มาปาร์ตี้สละโสดกับเพื่อนๆ พวกมันสี่คนนั่งอยู่ในรถผมสบายๆ พวกเราคุยกันเรื่องรถ มันถามเรื่องรถรุ่นที่ผมใช้ ผมก็ตอบมันไป อธิบายถึงความประหยัดน้ำมันของระบบไฮบริด พูดไปพูดมาก็กลายเป็นถกปัญหาเรื่องค่าน้ำมันที่แพงขึ้น ค่าแก๊สที่แพงตาม ยันพาลไปด่ารัฐบาล ระบายปัญหาหน้าที่การงาน บ่นเรื่องหัวหน้าเฮงซวย ด่าเมียขี้หึง พวกเราคือผู้ชายวันกลางคนห้าคนที่ไม่มีใครโสดอีกต่อไป แต่ละคนมีห่วงผูกคออันใหญ่คล้องอยู่ แม้บางคนอยากถอดแต่ก็ถอดไม่ได้เพราะสงสารลูก ไม่รู้อีกกี่ปีจะมีโอกาสออกมาเฮฮาประสาผู้ชายแบบนี้อีก แต่จะให้ไปทำอะไรเสี่ยงๆ จัดเต็มเหมือนเมื่อก่อนก็ติดแหวนบนนิ้ว พวกผมก็เลยมานั่งกินดื่มในค็อกเทลเล้านจ์ที่ขึ้นชื่อว่ามีโมเดลไนท์โชว์เซ็กซี่อาบน้ำในสระแทน
     ไอ้พวกนี้มันรู้ดีว่าผมเชี่ยวชาญ เพราะผมพาลูกค้ามาเลี้ยงขอบคุณในสถานที่แบบนี้บ่อยๆ ปากพวกมันก็ด่าผม ตำหนิวิธีการทำงาน ด่าสันดานผม แต่ตอนที่จะให้ผมหาร้านให้เสือกบอกผมว่า “ขอร้านที่เด็กแจ่ม แต่ไม่ถือตัว” แม่งเอ้ย!
     ตอนที่ผมพาพวกมันเข้าร้านน้องเซลล์เก่าบางคนจำผมได้รีบตรงเข้ามาทัก เมมเบอร์ผมหมดอายุไปแล้ว แต่เพราะพักหลังๆ ผมไม่ได้มาเหล้าเลยเหลือ น้องเขาเลยตื้อให้ผมเปิดเมมใหม่เดี๋ยวแถมเหล้าเพิ่มให้ ตอนแรกผมก็อยากอยู่นะครับ สันดานเก่ามันกำเริบ กะเอาไว้เผื่อตอนทำงานด้วย แต่พอคิดได้ว่าที่พักหลังๆ ไม่ค่อยได้พาลูกค้ามาสังสรรค์ในร้านแนวนี้มากเท่าไหร่เพราะเกรงใจไอ้ต้นผม เลยลังเล ยิ่งคิดถึงหน้าไอ้ต้นแล้วภายในอกผมก็หน่วงๆ พิกล เลยปฏิเสธน้องเขาไป จะได้ไม่ต้องมีเรื่องให้มาอีกบ่อยๆ ครับ
     พวกผมเลือกนั่งตรงโซนชั้นลอย เพราะมากันแต่หัวค่ำคนเลยยังไม่แน่น ที่วิวดีๆ เลยยังเหลืออยู่ครับ โซฟาตรงนี้วิวแจ่มมองเห็นสระน้ำได้ชัดเจน แต่ก็ได้แค่มองห่างๆ นั่นแหละครับ ไม่ได้ใกล้ชิด หมดโอกาสสัมผัสหยดน้ำที่กระเซ็นตอนน้องๆ นางแบบลงสระแน่นอน เหมาะกับพวกที่มีห่วงผูกคอแบบพวกผมดีนักแล ได้แค่มองกระพือตัณหาอยู่ห่างๆ แบบนี้เนี่ย เฮ้อ...
     นั่งกันไม่นานนัก เหล้าก็มาเสริฟ สาวๆ ก็มาคลอเคลีย งานนี้ถึงผมไม่ได้เปิดเมมแต่ก็เต็มที่จ่ายค่าดริ้งค์น้องๆ ไม่อั้นครับ กะทิ้งทวนชีวิตโสดผมไปในตัว ถือซะว่าไว้อาลัยให้กับชีวิตที่ต่อไปนี้คงทำได้แค่ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบเองอยู่หน้าทีวีที่คอนโด ไอ้เรื่องจะมานั่งดื่มชิลๆ มีสาวๆ แนบข้างมีคนคอยบริการ เฮ้อ... ชาตินี้คงไม่มีอีกแล้วล่ะครับ
     เมื่อทุกอย่างพร้อม พวกมันก็เมากันสิครับ ผมเองก็คงต้องมีบ้าง แต่ว่า...
     “หืม อ่อนกว่านี้อีกนิดก็ได้จ้ะน้องกิ๊ก”
     ผมรีบเบรคมือนุ่มๆ ของน้องกิ๊กที่กำลังรินแบล็กลงแก้วผมเสียเข้ม!
     “เข้มไปพี่จะไม่ไหวเอานะครับ”
     ทั้งๆ ที่ผมเบรคน้องเขาเพราะต้องขับรถไปส่งพวกมันนั่นแหละ แต่ไอ้กล้ากลับไม่สำนึกเล้ย ไอ้ปากหมาเอ้ย!
     “เดี๋ยวนี้คออ่อนนะคุณ ฮ่าๆ”
     ผมได้แต่ยิ้มแล้วยักไหล่ ปล่อยมันด่าไปครับ รักเมียต้องอดทน ผมสัญญากับไอ้ต้นไว้แล้วนี่หว่า...
     บนเวทีกำลังเริ่มโชว์เลยครับ เพลินตาผมจริงจริ๊ง น้องๆ นางแบบในชุดบิกินี่หลากหลายสไตล์เดินมาอวดรูปโฉมยั่วยวนแขกด้วยเรือนร่างสุดเร่าร้อน แค่ท่าทางลีลาการโพสสุดร้อนแรงก็ทำเอากระทิงเปลี่ยวทั้งหลายคึกคักจนส่งเสียงเฮเป่าปากแซวไม่หยุด ตามที่แบบนี้โชว์คือโชว์ครับ ดูได้แต่ตาห้ามแตะต้อง ไอ้เรื่องจับลูบๆ คลำๆ ขยำนมเด็กเป็นไปไม่ได้ครับ ต่อให้อ้างว่าเมาไม่รู้เรื่องยังไงก็ทำไม่ได้อยู่ดี โชว์คือโชว์ น้องเขาไม่ได้อยากมาขายตัวแลกเงิน ถึงเขาจะทำงานแบบนี้ก็เถอะ ถ้าไปปาร์ตี้ไนท์ตามอาบอบนวดที่เดินโชว์นมปิดแค่จุกก็ว่าไปอย่าง ตามที่แบบนั้นฟัดได้เต็มที่เด็กเขารู้งาน ส่วนตามที่แบบนี้แม้แต่เด็กนั่งดริ้งค์ยังมีข้อห้ามเลยคร้าบ แต่ของแบบนี้มันก็ขึ้นกับฝีมือแล้วแต่ว่าใครจะหลอกล่อเด็กได้ถึงขั้นไหน ถ้าถูกใจโอเคเซย์เยสกันก็อาจจะชวนกันไปจัดหลังเลิกงานได้ครับ ยิ่งถ้าเจอแขกหล่อๆ รวยๆ เผลอๆ แทบจะบริการฟรีให้เราก็มี ไอ้ผมเองพอโดนไอ้ต้นใส่ปลอกคอแล้วก็ต้องหักห้ามใจไม่เอานิสัยเก่าๆ มาใช้ครับ ผมได้แต่จับแก้วตัวเองไว้แน่นเพราะกลัวตัวเองจะมือซนเลื้อยเข้าเดรสสั้นของน้องกิ๊กที่ขยันเอาสะโพกมาเบียดขาผมซะเหลือเกิน วิวในสระก็ดี๊ดี บิกินี่เปียกน้ำโคตรแจ่ม เนื้อสัมผัสข้างตัวก็นิ๊มนิ่มอวบดีจริงๆ แม่คุณ จากที่ผมนั่งยุบหนอพองหนอตอนนี้แทบจะพองอย่างเดียวแล้วครับ!
     เวลาที่ผู้ชายมาเที่ยวที่แบบนี้คงไม่ต้องบอกนะครับว่าพวกเรามาทำอะไร อุตส่าลงทุนเรียกเด็กมานั่งด้วยคงไม่ได้ชวนมาชงเหล้าอย่างเดียวหรอกครับ มันก็ต้องมีสกินชิพกันบ้าง ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมซนกว่านี้เยอะ น้องๆ ที่มานั่งกับผมแทบไม่อยากลุกจากตักผมเลยแหละ แต่ตอนนี้ผมซนได้แค่สายตาครับ ที่เหลือต้องหักห้ามใจตัวเองสุดชีวิต ผิดกับน้องกิ๊กที่ฮาร์ดเซลล์ผมเหลือเกิน ใจคอน้องเขาจะขายตรงผมให้ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย เฮ้อ...
     “นั่งนิ่งเชียวคุณชัช เอ้าๆ น้องดูแลป๋าเขาหน่อย ท่าทางเครียดเชียว สงสัยเส้นที่ขมับจะตึง นั่งหน้าเครียด ผ่อนคลายป๋าเขาหน่อยคร้าบ”
     ไอ้เวรกล้า! พอขาดคำก็มีไขมันสองก้อนมาอยู่ตรงหน้าผม ตามด้วยอีกสองที่ด้านล่างบนตัก อื้อหือ... เด็กที่นี่สั่งได้ดั่งใจจริงๆ ถือตัวอีกนิดก็ได้นะน้อง
     “เดี๋ยวหนูนวดให้นะคะ”
     โอย จ้า... ขาวเว้ย!
     น้องเขาพูดพลางขยับเข้ามาบีบๆ นวดๆ ที่ขมับให้ผม แต่หน้าอกหน้าใจน้องเขาที่ลอยอยู่ตรงหน้าผมนี่ดิคร้าบ ... ต้นเอ้ย พี่ขอโทษว่ะ! ผมพยายามส่ายหน้าหนีนมน้องเขาสุดชีวิตครับ
     “พอๆ พี่หายละครับน้อง”
     “หนูนวดดีมั้ยคะป๋า”
     “วิวดีมากครับ”
     “ฮ่าๆ”
     ไอ้เพื่อนเวรเอ้ย! พวกมันกะลากผมมาทรมานชัดๆ
     “เฮ้ยๆ ว่าที่เจ้าบ่าวน่ะไอ้พันคร้าบ ไม่ใช่ผม ไปเอ็กซ์คลูซีฟกับมันเถอะครับ”
     พอผมโต้คืนพวกมันบ้าง ไอ้เพื่อนเวรพวกนี้ก็ฮาครืน
     “พวกคุณให้น้องๆ ไปติวให้มันดีกว่าครับ จะได้มีวิชาไปใช้ไม่อายเมีย หึๆ”
     “ถึงผมจะอ่อนปฏิบัติแต่ทฤษฏีผมปึ๊กคร้าบ”
     “อ่านตำรามาเป็นร้อย?”
     “เปล่า ผมโหลดคลิปมาเป็นพัน!”
     “ฮ่าๆ”
     การอยู่กับเพื่อนฝูงนี่มันสนุกจริงๆ ครับ ไม่ได้เจอคนรู้ใจต่อมุกกันแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ววะ รักพวกมันจริงๆ ต่อให้ผมเป็นพวกพูดมากช่างเจ๊าะแจ๊ะ แต่เวลาอยู่กับคนอื่นผมก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมพูดไปเขาจะคิดยังไงกับผม บางทีต้องชิงไหวชิงพริบกันมันก็เหนื่อยนะครับ แต่กับไอ้คนพวกนี้ด่ามาเหอะ พูดอะไรมาพวกเราก็ไม่โกรธกันหรอก พวกเราคุยกันได้ทุกเรื่องแม้แต่เรื่องระยำก็ยังเอามาเล่ากันขำๆ ได้ ไม่ถือโทษโกรธเคืองกัน แม้แต่ผมกับไอ้พงศ์ กัดกันเป็นประจำก็ยังมองหน้ากันติดครับ ผมมัวแต่กังวลเรื่องไอ้ต้นจนลืมไปเลยว่าพวกมันไม่มองผมเปลี่ยนไปเพียงเพราะผมคว้าผู้ชายด้วยกันมาเป็นแฟนหรอก เรื่องเหี้ยๆ กว่านี้ผมก็เคยทำมาแล้ว โดนพวกมันด่าซะเละไม่มีชิ้นดี
     “แล้วคุณล่ะคุณชัช ร้างปฏิบัติไปนานยังจะลงถูกรูมั้ยคุณ ฮ่าๆ”
     หนอยๆ ไอ้ยุทธ เอากับเขาด้วยนะมึง!
     “ถูกสิคร้าบ ยังไงเมียผมก็มีรูเดียวโว้ย ฮ่าๆ”
     “ว้าย! คนอะไรคะมีรูเดียว เมียป๋าพิการเหรอคะ?”
     ผมมองไม่ทันว่าน้องคนไหนพูดขึ้นมา แต่ช่างเถอะครับผมไม่ถือ มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมเลยเอานิ้วชี้ของมือข้างที่ว่างอยู่มาแตะริมฝีปากแล้วทำท่ากระซิบกระซาบ มองน้องๆ ทุกคนก่อนจะเฉลยว่า
     “ความจริงแล้วพี่เป็นเกย์จ้ะ”
     เท่านั้นแหละครับ แม่งฮาครืนกันทั้งโต๊ะ!
     “ต๊าย! จริงเหรอคะป๋า แหม... หนูเสียดายจังเลยค่ะ”
     พอมองก้อนเนื้อสองก้อนที่ขยับเข้ามาใกล้ผมแล้วก็เสียดายเช่นกันครับ น้องกิ๊กนี่ขาวดีจริงๆ เลย หุ่นอวบอัดนิดๆ โดนใจผมอย่างแรง เสียดายน้องเขาผมสั้นไปหน่อยยาวแค่ประบ่า เพราะผมชอบผู้หญิงผมยาว แต่ผมสั้นๆ แบบนี้ก็ดีครับ ไม่มีอะไรมาบังวิวดี ผมเหล่มองไหล่กลมมนเกลี้ยงเกลาเลยไปจนถึงเนินเนื้ออวบอับที่ถูกยัดอยู่ในเกาะอกแล้วก็มึนกับราคะตัวเอง ผมว่าผมเมาแล้วล่ะ
     “หืม... พี่ก็เสียดายจะ”
     “แต่หนูไม่เชื่อหรอกค่ะ ถ้าป๋าเป็นเกย์จริงๆ ป๋าไม่มาที่แบบนี้หรอก”
     น้องฟ้าที่อยู่ในวงแขนของไอ้กล้าพูดขึ้น ผมเลยหันไปทางน้องเขา ความจริงแล้วน้องเขาตรงสเปคผมที่สุดอ่ะ หน้าตาโคตรน่ารัก ดูใสๆ ดี ลุคแนวคุณหนูแรดๆ โดนใจผมอย่างแรง ถึงจะแบนไปนิดแต่ใจถึงจัดเต็ม จะว่าไปไอ้กล้ากับผมนี่ก็เล็งหญิงคนเดียวกันประจำเลย ตอนที่เขาพาเด็กมาให้เลือกผมก็เลยต้องยกผลประโยชน์ให้เพื่อนก่อน เสียสละเพื่อเพื่อนคร้าบ
     “นั่นสิ พี่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน”
     “ฮ่าๆ”
     “แบบนี้พี่ว่าต้องพิสูจน์ พวกน้องเล่นเกมกับป๋ามั้ยจ้ะ ใครตอบถูกเดี๋ยวป๋าชัชเขาให้ทิป”
     “เฮ้ยๆ คุณถามความเห็นผมรึยัง?”
     “อย่างกน่าคุณ ทิปน้องๆ เขาหน่อย ฮ่าๆ”
     ไอ้ผมน่ะไม่ได้งก แต่ผมเกรงว่าเกมที่ว่ามันจะลำบากผมอ่ะสิคร้าบ!
     แล้วหลังจากนั้นน้องๆ แต่ละคนก็ผลัดกันมานั่งตักผม ช่วงสองสามคนแรกนี่ผมยังพอทนไหวนะ แต่คนที่สี่เด็กไอ้พงศ์นี่ดิ น้องนุ่นเธอจัดหนักเหลือเกิ๊น แค่โชว์เซ็กซี่ในสระกับเหล้าผมก็กรึ่มจะตายละ ไหนจะยังหุ่นอวบๆ ของน้องกิ๊ก นี่ยังโดนเวียนเทียนขยี้ตักผมอีก โอย ตายครับ!
     ในที่สุดน้องเขาก็เอียงมากระซิบที่ข้างหูผมตามกติกาป้องกันการลอกคำตอบ
     “เก้าใช่มั้ยคะป๋า”
     “ป๋าขอโทษที่ทำให้ผิดหวังนะคร้าบ”
     ผมส่ายหน้าให้คำตอบของน้องเขาด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ น้องเขาทำท่าเสียดายรางวัลนิดหน่อยก่อนจะลุกออกไป เป็นอันว่าไม่มีใครตอบถูกครับ น้องๆ แต่ละคนพากันแกล้งตอบเพื่อเอาใจลูกค้า แต่พอดีไอ้ผมมันคนซื่อสัตย์ ไม่ใช่พวกหลงตัวเองมีเท่าไหร่ใช้เท่านั้นครับฮ่าๆ ผมเลยไม่ต้องเสียตังค์ แต่ทรมานชิบ!
     “ป๋าจะไม่เฉลยหน่อยเหรอค้า หนูอยากรู้”
     “จุ๊ๆ ของแบบนี้ต้องเฉลยกันสองต่อสองค่ะ”
     มาถึงขั้นนี้แล้วนิดๆ หน่อยๆ เราก็อย่าโกรธพี่เลยนะต้น โดนเด็กมันยั่วขนาดนี้ถ้าผมไม่หยอกน้องเขากลับไปบ้างผมก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว ครับ!
     น้องๆ เขาแกล้งหัวเราะคิกคักกัน เพื่อนผมแต่ละคนเฮฮา บางคนดื่มด่ำกับเหล้า บางคนกอดสาว บางคนเพลิดเพลินกับการดูโชว์ ส่วนผมถึงจะได้เด็กหน้าตาบ้านๆ ไปหน่อย แต่หุ่นเนื้อนมไข่ของน้องเขาก็เต็มไม้เต็มมือดีครับ ผมแกล้งขยับแขนจากท่าโอบไหล่น้องเขาเลื่อนต่ำลงมาที่เอว เอียงหูคุยกระซิบกับน้องเขาไปเรื่อย เนียนวางมือผิดที่บ้าง ดูน้องกิ๊กเธอก็ไม่ถือตัวอะไรกลับชอบใจเบียดผมมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ผมก็รู้ทันเกมน้องเขานะ ทำไงได้ในกลุ่มผมมันหล่อที่สุดนี่หว่า แล้วผมก็มีเงินด้วย(อย่างน้อยๆ ทุกคนก็แสดงออกว่าผมเป็นเจ้ามือครับ) น้องเขาเลยทำท่าอยากพิสูจน์คำตอบกับผมเต็มที่ แรดได้ใจผมจริงๆ
     ผมสั้นๆ ของน้องเขาสะบัดไปมาตอนที่น้องเขาหันไปชงเหล้าให้ผม ผมก็เลยช่วยเก็บผมปอยนั้นกลับไปเหน็บให้เข้าที่ ผมสัมผัสน้องเขาอย่างนุ่มนวลทิ้งไออุ่นจากปลายนิ้วตัวเองไว้เฉียดๆ ใบหูน้องเขาเพียงเท่านั้น ผมไม่ใช่แขกไร้มารยาทประเภทที่ล้วงควักน้องๆ เขาอย่างน่ารังเกียจพวกนั้นเพราะผมรู้ดีว่าสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ กับการปฏิบัติตัวอย่างสุภาพและคำพูดหวานๆ ของผมนี่แหละทำให้ผมได้ของฟรีมานักต่อนัก แม้ว่าส่วนใหญ่ผมจะปฏิเสธก็เหอะครับ ผมก็กลัวเอดส์เหมือนกันนะคร้าบ ยังไงก็ต้องขอเลือกกินบ้าง  แต่นานๆ ครั้งได้มาทำอะไรแบบนี้มันก็กระชุมกระชวยดีครับ
     การมาเที่ยวที่แบบนี้ปลุกความชั่วในตัวผมได้มากทีเดียว สัมผัสนุ่มนิ่มข้างตัวผมก็ช่วยโหมกระพือไฟกำหนัดในตัวผมได้เป็นอย่างดี พูดกันตรงๆ แบบไม่อายคือตอนนี้ผมอยากมีอะไรกับผู้หญิงมากๆ มันไม่ใช่แค่การมีอารมณ์ แต่ผมต้องการนอนกับผู้หญิง! แล้วก็ขอเป็นผู้หญิงแรดๆ ด้วย! ความอยากมากมายมันแข่งกันแหกปากตะโกนอยู่ในหัวผม แต่สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือ ... นั่งถือแก้วเหล้าแล้วดูเพื่อนๆ ผมสนุกสนานต่อไปครับ เพราะผมต้องเป็นคนพาพวกมันกลับบ้าน และ... เพราะผมมีต้นแล้ว
     ในที่สุดความทรมานของผมก็จบลง ผมถีบไอ้ยุทธลงจากรถเป็นคนสุดท้าย ผมกำจัดภาระออกจากรถตัวเองได้หมดแล้วครับ หลังจากนี้ผมก็กลับคอนโดนอนได้ซักที ผมขับรถกลับด้วยสติอันชัดเจนกับอารมณ์ที่เป็นปกติ นับว่าผมเมาน้อยมากต่างกับครั้งที่ผ่านๆ มา เพราะส่วนใหญ่แล้วผมมัวแต่ดื่มด่ำกับอย่างอื่นมากกว่า แต่การอยู่กับเมียที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแถมยังสะกิดยากสะกิดเย็นช่วยให้ผมควบคุมความต้องการของตัวเองได้เก่งขึ้นครับ สถานการณ์ในกางเกงผมสงบราบเรียบ ไม่นานนักผมก็มาถึงคอนโด
     การที่ผมเดินเข้าห้องพักมาแล้วเปิดประตูห้องนอนเห็นเมียตัวเองนอนเหงาอยู่บน เตียงขนาดคิงไซส์คนเดียวมันเป็นอีกหนึ่งความรู้สึกจริงๆ ใช่ว่าผมลืมไปว่าความอยากต้องการระบายกับผู้หญิงของผมเมื่อครู่นี้มันรุนแรงขนาดไหน แต่พอได้เห็นภาพแผ่นหลังบอบบางนั่นตะแคงซุกตัวอยู่ใต้ผ้านวมเพียงลำพังคนเดียวตรงริมเตียงทางด้านขวาโดยเว้นพื้นที่ฝั่งซ้ายของเตียงเอาไว้ให้ผมแล้วความอยากกอดเมียมันสูงกว่าครับ
     ผมล้วงทุกอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะถอดเสื้อผ้าแล้วคลานขึ้นเตียง พออยู่บนเตียงแล้วผมก็สวมกอดเข้าที่เอวลากมันมานอนกอดกันตรงกลางเตียงทันที ต้นมันดิ้นยุกยิกรู้สึกตัวตื่น
     “อื้อ?”
     เสียงครางหวานๆ ของคนเมาขี้ตาดังขึ้น ผมจูบบอกให้มันรู้ว่าผัวมันกลับมาแล้ว
     “พี่กลับมาแล้วครับที่รัก”
     ต้นมันงึมงัมตอบแล้วพลิกตัวเข้ามากระแซะผม ลูกแกะของผมดิ้นขลุกขลักอีกสองสามทีจนได้ที่แล้วก็นิ่งไป ผมเองก็หลับไปทั้งอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เหอะๆ หวังว่าคนอ่านคงได้อรรถรสของเสือ อา... พี่ชัชนี่เสือตัวพ่อจริงๆ  :m25:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#12/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน17
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 12-11-2014 02:11:21
ต้นน้ำ

     และแล้วก็ถึงวันแต่งงานของพี่พันครับ ผมตื่นเต้นมากเพราะพี่ชัชจะพาผมไปด้วย! พี่พันกับพี่ชัชเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน แล้วแบบนี้การที่พี่ชัชพาผมไปงานแต่งพี่พันด้วยมันจะต้อง... ผมกังวลจังเลยครับ
     “ต้นคร้าบ เห็นสูทสีน้ำเงินเข้มของพี่มั้ย?”
     เสียงพี่ชัชทำให้ผมละสมาธิจากการผูกหูกระต่ายของตัวเอง ผมมองพี่ชัชที่ใส่แต่เสื้อเชิ้ตสีแดงเข้มยังไม่ได้ติดกระดุมกับผ้าเช็ดตัวที่พันไว้หลวมๆ ตรงท่อนล่างแล้วก็หน่ายใจ พี่ชัชพึ่งอาบน้ำเสร็จครับ ผมยังเช็ดไม่แห้งดีด้วยซ้ำ
     “ตัวไหนนะครับ?”
     ให้ตายเถอะ! แล้วก็ไม่รู้จักเตรียม มาถามผมตอนนี้แล้วผมจะรู้มั้ยครับ เมื่อวานผมถามพี่เขาแล้วนะว่าเตรียมเสื้อผ้าที่จะใส่วันนี้แล้วยังต้องให้ผมซักรีดอะไรให้มั้ย พี่เขาก็บอกว่าเอาไปซักแห้งเองแล้วแท้ๆ แต่พี่ชัชไม่ได้ตอบผมหรอกครับ พี่เขามัวแต่ยุ่งกับการเปิดถุงสูทในตู้เสื้อผ้านั่นแหละ
     “เอ่อ... งานเขาให้ใส่สีแดงไม่ใช่เหรอครับ?”
     “นี่ไงแดง”
     พี่ชัชชี้ไปที่เสื้อเชิ้ตตัวเองก่อนจะบ่นต่อ
     “แม่งคิดได้ไงวะ ธีมงานสีแดง จัดงานไม่เกรงใจคนตัวดำกันบ้างเลย งานนี้สาวๆ ตัวดำตายสนิทอ่ะ สงสัยเจ้าสาวกะฆ่ารักแรกไอ้พันกลางงานแหง๋ๆ พวกมันขาวกันนี่หว่า ไอ้พันก็เออออตามเมีย ไม่ได้คิดถึงเพื่อนมันเล้ย มันคิดถึงผู้ชายที่ต้องแต่งตัวไปงานมั้ยวะเนี่ย มีหวังเชิ้ตแดงกันทั้งงาน ใครจะบ้าใส่กางเกงแดงไปวะ ไม่ใช่เกย์นะว้อยจะได้แต่งนู่นนี่นั่นสีแดงได้ จะให้พี่ใส่สูทแดงเป็นยากูซ่าหรือไง จะใส่สีขาวก็แย่งซีนเจ้าบ่าวอีก แต่งตัวยากชิบหายเลยว่ะต้น”
     พี่ชัชบ่นเป็นหมีกินผึ้งเชียวครับ ผมก็เพิ่งจะรู้นะครับว่าพี่พันมีรักแรกสมัยเรียนผิวคล้ำ แต่ผมว่าพี่ชัชก็ไม่ได้ตัวดำซักหน่อย แค่อาจจะคล้ำแดดไปบ้าง แต่ก็ดูมาดแมนสมชายชาตรีดีออกครับ แฟนของผมทั้งสูงทั้งรูปร่างดี หน้าตาก็คม ยิ่งมีผิวเข้มๆ นิดหน่อยแล้วยิ่งเท่เป็นบ้าเลย!
     “จะดีเหรอครับ ใส่สีน้ำเงินไป ไม่ลองสูทดำตัวที่”
     ผมยังเสนอแนะไม่ทันจบพี่ชัชก็รีบแทรกผมซะแล้ว
     “ไม่ใช่ๆ ตัวที่สีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำแล้วเนื้อผ้าออกเงาหน่อยๆ อ่ะต้น ตัวสีดำมันดูทางการไปหน่อย ใส่แล้วแก่ว่ะ งานนี้พี่ขอดูดีนิดนึง”
     ผมล่ะเพลียครับ สูทพี่ชัชน่ะถ้าไม่สีดำก็กรมท่าแล้วก็เทา มีอยู่สามสีเท่านั้นแหละครับ บางตัวก็มีแต่เสื้อ บางตัวก็สั่งตัดเข้าชุดคู่กับกางเกง เฮ้อ... แล้วผมก็ต้องไปช่วยผีแก่อัลไซเมอร์ของผมหาสูทครับ ผมจะหาเจอมั้ยเนี่ย ชุดทำงานของพี่ชัชก็เยอะซะจริง ทั้งเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คเพียบ เทียบกับชุดอยู่บ้านแล้ว… ผมอยากให้พี่ชัชใส่ใจกับเสื้อผ้าเวลาอยู่บ้านบ้างจังเลยครับ เรื่องที่เสื้อผ้าใส่ไปทำงานนอกบ้านต้องดูดีดูเนี๊ยบผมก็เข้าใจนะครับ แต่... ทำไมเวลาอยู่บ้านนี่อย่างกับยาจก พี่เขาชอบใส่แต่กางเกงเก่าๆ ใส่เสื้อยืดขาดๆ บางทีก็เกือบจะแก้ผ้าเป็นชีเปลือยด้วยซ้ำ! ผมก็เข้าใจนะครับว่าเสื้อผ้าเก่าๆ มันเนื้อนิ่มใส่สบาย แต่บางตัวมันโทรมยิ่งกว่าผ้าขี้ริ้วแท้ๆ ยังไม่ยอมให้ผมเอาไปทิ้งอีกอ่ะ!
     “เจอละ ขอบคุณครับที่รัก”
     ไม่นานนักก็หาเจอจนได้ครับ
     “อื้อ!”
     พี่ชัชนะพี่ชัช มาขยี้หัวผมได้ยังไง อุตส่าหวีแล้วนะครับ!
     “ฮ่าๆ”
     แล้วพี่ชัชก็เดินฮัมเพลงไปแต่งตัวครับ พี่เขาฉีดดิโอสเปรย์ลงบนตัวซะหอมฟุ้งเลย เสียงไดร์เป่าผมดังขึ้นอยู่ครู่หนึ่งแฟนของผมก็มีเส้นผมสั้นๆ ที่แห้งและจัดทรงเรียบร้อยแล้วต่างกับผมยุ่งๆ ของผมที่ถูกพี่เขาขยี้จนเละ พี่ชัชหยิบกางเกงเข้าชุดกับสูทมาสวมก่อนจะคาดเข็มขัดหนังสีดำทับ ส่วนสูทสีน้ำเงินเข้มตัวที่ว่าก็คือสูทสีกรมท่าที่สีเข้มจนผมคิดว่ามันคือ สูทสีดำครับ เฮ้อ...แฟนผม
     แต่ก็นะ... พอพี่ชัชใส่สูทพอดีตัวสีเข้มๆ แบบนี้กับเสื้อเชิ้ตสีแดงเข้มพี่เขาก็ดูหล่อมากเลยครับ อย่างกับพวกตัวร้ายเท่ๆ ในหนังเลย ปกติพี่เขาก็ตัวสูงอยู่แล้วเลยใส่สูทได้สมาร์ท แต่พักหลังพี่เขาออกกำลังกายแล้วก็ไม่ดื่มจัดจนเผละเหมือนเมื่อก่อนเลยดูดี ขึ้นตั้งเยอะ พี่ชัชจงใจปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตมากกว่าปกติด้วย เซ็กซี่ชะมัด! แฟนผมหล่อเกินไปแล้วครับ เห็นแล้วผมอิจฉาพี่ชัชเป็นบ้าเลย คนอะไรดูดีชะมัด! ไม่สิ ความจริงต้องบอกว่าบ้านพี่ชัชรูปร่างหน้าตาดีกันทั้งบ้านมากกว่าครับ ตาคมจมูกโด่งกันทั้งบ้านเลย ยิ่งนายเตอร์ยิ่งได้ความขาวมาจากแม่หล่อยันแก่เหมือนพ่อแน่ๆ ครับ เฮ้อ... คิดแล้วก็เศร้า ผิดกับผมเลย ตัวก็เล็ก หน้าตาก็ธรรมดา ไม่มีจุดเด่นอะไรซักอย่าง ... รีบแต่งตัวให้เสร็จดีกว่าครับ
     “วันนี้แฟนพี่น่ารักจัง ใครเลือกชุดให้ครับเนี่ย”
     พี่ชัชถามพลางหัวเราะ ผมรู้สึกเจ็บใจยังไงก็ไม่รู้ครับ!
     “พี่ษาครับ”
     “หืม? มิน่า...”
     ผมก้มลงมองเสื้อเชิ้ตพื้นขาวตกแต่งผ้าสีแดงตรงขอบปกกับแขนเสื้อแล้วก็งง พี่ษาบอกว่างานแต่งแบบนี้ผมใส่เสื้อมีลูกเล่นจับคู่กับหูกระต่ายแฟชั่นแล้ว ก็กางเกงสีดำยังไงก็เซฟครับ เราเป็นเด็กแต่งตัวสบายๆ ให้ดูน่ารักเป็นกันเองจะดูดีกว่าใส่สูทเป็นทางการเพราะมันจะดูเคร่งขรึมเกินไปไม่สมวัย ผมก็เชื่อพี่ษาแล้วนะ แต่ทำไมพี่ชัชถึงได้ทำเสียงแบบนั้นล่ะ?
     “มิน่าอะไรครับ?”
     “มิน่าถึงได้น่ารักเป็นพิเศษครับ ฮ่าๆ”
     “พิเศษ” ที่ว่านั่นมันหมายความว่ายังไงครับ? พี่ชัชนะพี่ชัช! นี่แปลว่าปกติผมแต่งตัวแย่มากรึไง
     เซ็งจังเลยครับ รู้งี้ผมไปซื้อเสื้อผ้ากับเมษก็ดี ถ้าเมษเลือกให้ผมต้องได้เสื้อผ้าที่เป็นแบบเรียบๆ มากกว่านี้แน่ๆ ครับ ไหนจะยังโบว์หูกระต่ายแบบผูกสีชมพูอ่อนนี่อีก ดูอย่างกับบอยแบนเกาหลียังไงก็ไม่รู้ สไตล์แบบนี้คงไม่เหมาะกับคนหน้าจืดๆ แบบผมหรอก!
     “เสร็จแล้วก็รีบไปเถอะครับ เดี๋ยวรถติด”
     “งอนเหรอเรา ฮ่าๆ”
     มีการมากอดผมอีกแน่ะ! ผมพยายามผลักพี่ชัชที่แกล้งหอมแก้มผมออกไป แต่พอถูกรวบตัวไว้จากด้านหลังแบบนี้แล้วมันก็ขัดขืนลำบากจังเลยครับ
     “พี่ชัชอ่ะ! เดี๋ยวสูทก็ยับหรอกครับ”
     “ไม่เป็นไร งานมันกลางคืน ไม่มีใครเห็นหรอก มาให้พี่หอมซะดีๆ”
     พี่ชัชนะพี่ชัช เล่นเป็นเด็กๆ ไปได้ แต่ว่า... พอถูกพี่ชัชที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จใหม่ๆ กอดแล้วมันก็... อยากซบอีกนานๆ จังเลยครับ แฟนผมตัวหอมจัง
     “ฮั่นแน่! มีแอบยิ้มนะต้น เคลิ้มเลยเหรอครับ?”
     “บ้าละครับ!”

     และวินาทีที่ผมขึ้นลิฟท์มาถึงงานแต่ง บรรยากาศหน้าห้องจัดงานที่เต็มไปด้วยฉากแนวยุทธภพตกแต่งด้วยสีแดงก็ปรากฏสู่สายตา สวยมากๆ เลยล่ะครับ ถึงจะดูแปลกแหวกแนวแต่ก็น่ารักดี ทำเอาผมอดนึกถึงเรื่องที่พี่พันบ่นเรื่องค่าใช้จ่ายจ้างออร์แกไนเซอร์จัดงาน ไม่ได้ พี่พันบ่นสารพัดเรื่องที่เจ้าสาวร่ำร้องอยากให้ครั้งหนึ่งในชีวิตนั้นพิเศษสุดๆ สารพัดอย่างที่ทำเอาตัวเลขค่าใช้จ่ายพุ่งสูงจนค่าสินสอดแทบไม่พอ ตอนแรกที่ได้ยินผมก็ว่าทำไมมันแพงจัง แต่พอเห็นแล้วก็... อืม มันก็สวยดีนะครับ จากเดิมที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องลงทุนทำอะไรตั้งมากมาย ทำเอาผมนึกอิจฉาขึ้นมาเลยล่ะครับ ตอนนี้ผมเข้าใจคำว่า“ครั้งหนึ่งในชีวิต”ขึ้นมาแล้ว แต่ว่า... ผมคงไม่มีโอกาสแบบนี้หรอก
     “ต้นทางนี้ครับ”
     เสียงพี่ชัชเรียกผมดังขึ้น ผมเลยเดินไปหาพี่เขา พี่ชัชกำลังรับของชำรวยจากเพื่อนเจ้าสาวอยู่เลยครับ ผมไม่รู้ว่าภายในซองการ์ดงานแต่งที่คล้ายเทียบเชิญนั่นพี่ชัชใส่เงินไปเท่าไหร่ แต่ผมรู้ดีว่าคืนนั้นน่ะหลายหมื่นเชียวครับ ให้ตายสิ!
     “เขียนอะไรอวยพรคู่บ่าวสาวหน่อยครับ หรือเราจะลงชื่อต่อจากชื่อพี่ก็ได้นะ”
     ผมเหลือบมองข้อความที่พี่ชัชเขียน “ในที่สุดคุณก็เลิกทำไร่แห้วหันมาปลูกต้นรักเหมือนคนปกติ ดีใจด้วยที่หาเมียได้สักที - ชัช” เอาล่ะ นี่คือสิ่งที่ผมจะเขียน “ยินดีกับพี่พันด้วยนะครับ ขอให้พี่ทั้งสองครองรักกันตราบนานเท่านาน - ต้นน้ำ” พอผมหันไปมองพี่ชัชก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ พลางชี้ให้ผมดูข้อความใกล้ๆ กัน “ใน ที่สุดคุณก็ลงมาอยู่ในนรกขุมเดียวกับพวกผมแล้ว ยินดีต้อนรับสู้นรกไร้ทางออกขุมนี้ว่ะเพื่อน แต่ถ้าคุณมีน้ำยาพอ คุณอาจจะได้ขึ้นสวรรค์ทั้งคืน ไปให้ถึงนะเว้ย ฮ่าๆ - แกล้วกล้า”
     เชื่อเขาเลยคุณลุงพวกนี้!

     พี่พันกับเจ้าสาวยืนต้อนรับอยู่หน้างาน พี่พันใส่ชุดสีขาวผูกหูกระต่ายสีแดง ส่วนเจ้าสาวของพี่พันสวยมากครับ ชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่ประดับด้วยผ้าลูกไม้ปักดิ้นแซมมุกแพรวพราวนั่นดูโดด เด่นตัดกับบรรดาแขกเหรื่อคนอื่นๆ เพราะผิวขาวผ่องของเธอกับปากสีแดงสดนั่น เธอเลยดูสง่างามสุดๆ เป็นความสวยที่เรียบง่ายแต่สามารถรวมจุดสนใจไว้ที่เธอและพี่พันครับ ผมยืนมองเพลินเลยเพราะนี่เป็นการมาร่วมงานแต่งงานครั้งแรกในชีวิตของผม
     “อ้าวๆ คุณชัช มาๆ”
     พอพี่พันหันมาเห็นพี่ชัชก็เรียกพี่เขาเข้าไปถ่ายรูปด้วยกันครับ พี่ชัชเลยหันมาพยักหน้าให้ผม
     “ต้น มา”
     “โว้ว! ควงมาเปิดตัวด้วยเหรอคุณ? สาวร้องไห้กันทั้งงานแน่ๆ”
     เสียงแซวของพี่พันช่วยตอกย้ำความไม่มั่นใจของผม สิ่งที่ผมกลัวที่สุดเกิดขึ้นแล้วครับ! ผมไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าเลยด้วยซ้ำ แต่พี่ชัชจับมือผมแล้วดึงให้ผมเดินตามพี่เขาไปด้วยกัน
     “มาๆ ถ่ายรูปกันหน่อย”
     ผมไม่ได้ใส่ใจว่าพี่ชัชกับพี่พันคุยอะไรกันเพราะผมไม่กล้าฟัง ผมพยายามฉีกยิ้มคงหน้ากากใบนั้นค้างไว้บนหน้าเพียงอย่างเดียว เรื่องอื่นผมไม่กล้าสนใจครับ ผมไม่กล้าสำรวจว่าสายตาของตากล้องตอนที่เขามองผมกับพี่ชัชนั้นเขามองพวกเรา ด้วยสายตาแบบไหน ผมรู้แค่ว่ามีหน้าที่ยืนให้พวกเขาถ่ายรูปให้มันจบๆ ไป...
     “หน้าน้องเขาซีดๆ นะ พาไปนั่งพักข้างในไป ผมให้พวกคุณนั่งโต๊ะเดียวกันนะ ยุทธมันมาคนเดียวว่ะ”
     แล้วพี่ชัชกับพี่พันก็หันมากระซิบกันก่อนจะพยักหน้าสื่อความหมาย หลังจากนั้นพี่ชัชก็จูงผมเข้ามาด้านในห้องจัดงาน
     “ไหวมั้ยครับต้น?”
     จู่ๆ พี่ชัชก็หันมาถามผม แถมพี่เขายังบีบมือผมด้วยครับ ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่เขา ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร แต่ตอนที่ผมกำลังพยายามจะตอบพี่ชัชก็พูดขึ้นมาว่า
     “เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะครับ”
     ด้วยคำพูดเพียงแค่นั้นผมก็น้ำตาไหล ผมรู้ดีว่าการที่พี่ชัชทำแบบนี้คนที่กดดันที่สุดก็คือพี่เขา นอกจากผมจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้วผมยังทำให้มันแย่ลงไปอีกโดยการทำให้แฟนผมเป็นห่วง!
     “เฮ้ย! ไม่เอานะต้น ห้ามร้อง”
     พี่ชัชเอ็ดผมเบาๆ ก่อนจะแหย่ต่อพลางดึงผมไปกอด
     “นี่มันงานแต่งเพื่อนพี่นะต้น ห้ามร้อง คนเขาถือ”
     ผมซบพี่ชัชอยู่สามวิแล้วก็ยิ้มออกมา ผมพร้อมแล้วครับ!
     แล้วพี่ชัชก็จูงผมไปนั่งที่โต๊ะตัวเดียวกับพี่พงศ์ พี่กล้า และพี่ยุทธ พี่พงศ์มากับภรรยาสองคน ส่วนพี่กล้าพาภรรยาที่กำลังอุ้มท้องกับลูกชายมาด้วยแหละครับ สามขวบนี่วัยกำลังซนเลย ผมก็เลยนั่งติดกับภรรยาพี่กล้าแล้วก็นั่งเล่นกับน้องเขา แต่ดูเหมือนแฟนพี่กล้าจะรู้จักพี่ชัชด้วยล่ะครับ เธอเรียกพี่ชัชว่า“เฮีย”อย่างสนิทสนมแถมยังมองมาทางผมบ่อยๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร ออกจะคุยกับพี่ชัชซะมากกว่า
     ผมกับพี่ชัชนั่งลงบนโต๊ะได้แปปเดียว โต๊ะจีนยังมีแค่ออเดริฟวางเสิร์ฟอยู่เลยครับ แต่แฟนผมถูกพี่กล้าดึงตัวไปร่อนทั่วงานอย่างกับเป็นเจ้าบ่าว พวกเภสัชนี่เขาสนิทสนมกันดีนะครับ รุ่นพี่รุ่นน้องมากันเพียบ แฟนผมก็คงกว้างขวางพอตัวถึงได้รู้จักคนโน้คนนี้ไปทั่ว จะว่าไปสาวๆ ในงานหลายคนเลยครับที่แวะเวียนมาเช็คเรทติ้งกับแฟนผม แต่ละคนแวะมาทักทาย “ต๊าย ไม่เจอกันนานเลยค่ะชัช” ซ้ำๆ กันอยู่ได้ พี่ๆ คนอื่นไม่อยู่ในสายตาของพวกเธอ ทุกคนจ้องแฟนผมตาเป็นมัน!
     ผมนั่งเล่นกับน้องเพชรได้ซักพักพวกพี่ๆ เขาก็กลับมากัน
     “ป๊า! ลากเฮียไปตั้งนาน ปล่อยน้องเขาไว้คนเดียว สงสารน้องเขา”
     “ทำไงได้ พาไปหาเพื่อนแต่ระหว่างทางอุปสรรคเพียบ กิ๊กเก่าคุณชัชเขาเยอะ”
     “อะแฮ่มๆ พูดดีๆ หน่อยคุณกล้า อย่าให้ผมแฉ”
     “ไหนๆ มีอะไรเฮีย แฉมาเลยพลอยรอฟังอยู่ อย่าให้รู้ว่าป๊าแอบไปทำอะไรลับหลังพลอยนะ!”
     “โถๆ มีที่ไหน ชัชมันก็พูดไปงั้น เฮ้ย! ไม่ช่วยผมเลยพวกคุณนี่”
     “หึๆ”
     แล้วพี่พงศ์ก็เริ่มอีกแล้วครับ
     “ต้น อยากรู้มั้ยคนไหนกิ๊กเก่านายชัชเขา อยากรู้เดี๋ยวพี่ชี้คนที่ไม่ใช่ให้ ง่ายกว่านับคนที่ใช่”
     “ไม่ถึงขนาดนั้นคุณ แค่พูดคุยสนิทสนมกันเฉยๆ”
     “ตอนเรียนนี่ไม่เท่าไหร่ แต่ตอนทำงานนี่สิ ขนาดต่างบริษัทยังได้ข่าวว่าไม่เหลือ ฮ่าๆ”
     “พูดไป แค่สานสัมพันธ์เรื่องงาน”
     “ฮ่าๆ”
     แล้วพวกเขาก็หัวเราะกันสนุกสนาน พี่ๆ เขาแซวกันขำๆ เพราะอาจจะรู้สึกว่าการเลือกประเด็นนี้ขึ้นมาอำกันน่าจะดีกว่าพูดเรื่องของผม แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะสงบใจดีรึเปล่าครับ เพราะยิ่งพี่ๆ เขาพูดผมก็ยิ่งกลัว ทั้งๆ ที่ผมควรจะร่วมยินดีและอวยพรแด่คู่บ่าวสาวแต่ใจผมไม่สามารถสงบลงได้เลย ภาพพรีเซนเทชั่นการพบกันระหว่างเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวได้รับคำชมจากแขกเหรื่อมากมาย แต่ผมแทบไม่ได้สนใจ ผมไม่รู้ด้วยว่าเค้กงานแต่งของทั้งคู่มีกี่ชั้น จนกระทั่ง...
     “คุณแม่ขา หนูจะไปหาลุงชัช”
     “โอ้ย ช้าๆ สิคะลูก อย่าวิ่งค่ะน้ำหวาน”
     ผมจำเสียงใสๆ ของเด็กผู้หญิงคนนี้ได้ครับ!
     “อ้าวตาล?”
     “ดีค่ะชัช”
     ผมมองผู้หญิงคนนี้ทักทายกับพี่ชัชและคนอื่นๆ ในโต๊ะ เธอไม่ได้รู้จักแค่พี่ชัช กับคนอื่นๆ พวกเขาก็ดูสนิทสนมกันดี
     “นั่งโต๊ะไหนเหรอน้ำตาล นั่งด้วยกันมั้ย?”
     ระหว่างที่พี่ยุทธพูดผมก็แอบสังเกตพี่ชัช พี่เขาไม่มีอะไรผิดปกติ มีแต่หัวใจผมเองที่เต้นเร็วขึ้น
     “ว่าจะไปนั่งกับน้องๆ ที่บริษัทเก่าน่ะยุทธ แต่ยังหาไม่เจอเลย”
     “อยู่มุมโน้นมั้ง โน่นแขกเจ้าสาว มุมนี้แขกเจ้าบ่าว สัดส่วนผิดกันเห็นๆ ความจริงน้ำตาลนั่งกับพวกเราก็ได้ เพื่อนกันทั้งนั้น”
     แทนที่เธอจะตอบคำถามพี่พงศ์ เธอกลับปรายตามาทางผมแล้วยิ้ม แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ เด็กผู้หญิงคนนั้นก็งอแง
     “คุณแม่ขา หนูอยากนั่งกับลุงชัช”
     น้องเธอไม่งอแงเปล่าแต่ยังปีนขึ้นมานั่งตักพี่ชัชอีกด้วยครับ พี่ชัชก็ยิ้มๆ เอาใจเด็กก่อนจะชวนคุยสัพเพเหระ
     “พึ่งมาถึงรึไงตาล?”
     “ค่ะ มัวแต่รอเจ้าหญิงแต่งตัวเนี่ย”
     เธอก้มลงมาจับแก้มลูกสาวตัวเองบนตักพี่ชัชก่อนจะพูดต่อ
     “อยู่ๆ ก็ร้องไห้งอแงดื้ออยากตามมาด้วย น้ำตาลเลยมาสายเพราะกว่าเจ้าหญิงจะแต่งตัวเสร็จ เฮ้อ! แล้วนี่เขาเริ่มกันไปนานหรือยังคะ?”
     “ยังๆ จะนั่งกับพวกเรามั้ย เมียยุทธมันไม่มา เก้าอี้ว่าง ฮ่าๆ”
     พี่กล้าแซวพี่ยุทธแล้วหัวเราะ ทุกคนหลุดขำกันนิดหน่อย ผู้หญิงคนนั้นมองตรงมาที่ผม เธอส่งยิ้มให้อย่างท้าทายแล้วก็พูดขึ้น
     “อย่าดีกว่าค่ะ น้ำตาลนัดกับน้องๆ เอาไว้แล้ว ไปค่ะน้ำหวาน ไปกับคุณแม่นะคะ”
     “แต่ว่าหนูอยากอยู่กับลุงชัชนี่คะ”
     น้องเธองอแงครับ เธอไม่ยอมลุกออกจากตักของแฟนผมเลย
     “เอ๊ อะไรเนี่ยคุณชัช! กับเด็กก็ไม่เว้นนะคุณ”
     “ทำไงได้ เสน่ห์ผมมันเกินห้ามใจครับ แม้แต่เด็กยังรักยังหลง ฮ่าๆ รักลุงชัชมั้ยลูก?”
     “รักค่า”
     “ฮ่าๆ”
     ผมรู้ดีนะครับว่าผมไม่ควรถือสาอะไรกับเด็ก ถ้าเพียงแต่น้องเขาจะไม่ใช่ลูกของผู้หญิงคนนี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ผมเกลียดเธอครับ ผมไม่ชอบเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ!
     “ชัช! อย่าให้ท้ายยัยน้ำหวานสิคะ ไปเร็ว ไปกับคุณแม่นะคะ ไปสวัสดีเพื่อนคุณแม่ก่อนนะ แล้วหนูค่อยมาหาลุงชัชอีกทีก็ได้”
     “แต่หนู...”
     “เชื่อฟังคุณแม่นะครับ เด็กดีห้ามดื้อนะ เด็กดื้อไม่น่ารักเดี๋ยวลุงชัชไม่พาเด็กดื้อไปเที่ยวแล้วนะเออ”
     ผมเพิ่งรู้นะครับว่าแฟนผมเคยพาเด็กดีไปเที่ยวด้วย!
     “ก็ได้ค่า หนูจะเชื่อฟังคุณแม่กับลุงชัช”
     น้องเธอยิ้มแก้มปริ และพี่ชัชก็หอมแก้มน้องเขาก่อนที่จะส่งลูกสาวคืนให้แม่ ตอนที่พวกเขาสองแม่ลูกเดินออกไป เสียงแซวพี่ชัชยังคงดังมาจากพี่ๆ ในกลุ่ม พี่ชัชปฏิเสธอ้างไปเรื่อย ผมรู้ดีว่าพี่ๆ เขาแกล้งแหย่ให้พี่ชัชเหงื่อตกไปงั้น ผมเลยได้แต่แกล้งยิ้มทำเป็นไม่ถือสาคำแซวพวกนั้น ถึงผมพอจะเดาได้ว่าพวกเขาคงเคยคบกันแต่พอมาได้ยินชัดๆ อีกทีผมก็เจ็บจี๊ดอยู่ดีครับ พี่ชัชปฏิเสธเรื่องรีเทิร์น เล่าว่าเพราะทำงานด้วยกันเลยกลับมาสนิทกันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ยิ่งฟังผมก็ยิ่งเจ็บ ผมรู้ได้ทันทีว่าพี่ชัชเคยรักผู้หญิงคนนี้มาก ... มากเสียจนแม้แต่เพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆ ยังแวะมาแซว สัญชาตญาณของผมบอกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แค่กิ๊กชั่วคราวทั่วๆ ไปที่พี่ชัชเคยเหลวไหลด้วย เธอเป็นมากกว่านั้น เพราะอย่างน้อยเพื่อนพี่ชัชเกือบทุกคนก็พากันแซวให้พวกเขากลับมารักกัน!
     ผมอดทนนั่งยิ้มอยู่ตรงนั้นจนถึงคิวเจ้าบ่าวเจ้าสาวออกมาเดินทักทายแขกเหรื่อ น้องน้ำหวานเธอวิ่งมาหาพี่ชัชเองเดือดร้อนพี่ชัชต้องพากลับไปส่งให้ที่โต๊ะ ตอนที่พี่ชัชลุกออกไปผมเลยขอตัวกับทุกคนในโต๊ะออกมาเข้าห้องน้ำ
     ผู้หญิงที่แวะเวียนมาทักทายพี่ชัชมีทั้งสวยและไม่สวย แต่ภาพที่สะท้อนออกมาจากกระจกเหนืออ่างล้างมือคือผู้ชายคนหนึ่ง แตกต่างกับคนพวกนั้น แค่คุณสมบัติพื้นฐานผมก็สู้อะไรคนพวกนั้นไม่ได้แล้ว ผมไม่ใช่ผู้หญิงที่ถูกสร้างมาให้ครองคู่กับผู้ชาย บางทีผมอาจไม่ควรมางานนี้แต่แรก งานแต่งงานไม่เหมาะกับคนไม่สมประกอบแบบผมหรอก
     “ล้างมือนานจังต้น เหม่ออะไรอยู่ครับ”
     “พี่ชัช!”
     พี่ชัชยืนกอดอกมองผมอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ครับ พอพี่เขาเห็นผมสะดุ้งก็เดินเข้ามาใกล้แล้วกอดผม พี่เขาสวมกอดผมอยู่แปปนึงก่อนจะผละออกแล้วจับศีรษะผมโยกไปมา สายตาของพี่ชัชไม่มีแววขี้เล่นเหมือนเมื่อตอนอยู่ในงานก่อนหน้านี้เลยครับ พี่เขามองสบตากับผมอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนหายใจออกมา
     “ไหวมั้ยต้น? ถ้าไม่ไหวพี่จะพาเรากลับ”
     “ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ”
     ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องรีบปฏิเสธพี่เขาแบบนั้น ทั้งๆ ที่ความจริงผมอยากร้องไห้เสียด้วยซ้ำ!
     “ทนได้รึเปล่าต้น อดทนเพื่อพี่อีกนิดได้มั้ยครับ เชื่อใจพี่ ทำใจให้หนักแน่นแล้วอยู่ข้างๆ พี่นะครับ”
     ไม่ไหวแล้วครับ! ผมเป็นฝ่ายพุ่งไปกอดพี่ชัชเอง โชคดีที่ในห้องน้ำไม่มีคนอยู่ ต่อให้มีคนอยู่ผมก็ไม่สนแล้วครับ พี่ชัชกอดผมโดยที่ไม่กลัวว่าสูทตัวเองจะเลอะคราบน้ำตาผม
     “พี่รู้ว่าเรื่องในวันนี้อาจทำให้ต้นคิดมาก พี่ไม่แน่ใจว่าต้นจะได้ยินเรื่องอะไรบ้าง พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะเอาเราไปพูดอะไรต่อ แต่พี่อยากให้ทุกคนรู้ว่าพี่รักต้นครับ พี่ถึงได้พาต้นมาด้วย ต้นทำเพื่อพี่ได้มั้ยครับ? แสดงให้พวกเขาเห็นว่าพี่เลือกคนไม่ผิด ต้นมีดีมากพอที่พี่จะทุ่มเทให้ ทำให้พวกเขารู้ว่าเรารักกันนะครับ”
     “ครับ พี่ชัช”
     ผมจำได้ว่าผมตอบพี่ชัชไปแบบนั้น ผมสัญญาจะอดทนเพื่อพี่ชัชของผม ... ผมทำสัญญาเพื่อกักขังตัวเองไว้กับหมาป่าอีกแล้วสินะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... บีบคั้นกันเข้าไป เค้นกันเข้าไป  :hao5:  ดราม่าอึดอัดหน่วงจิตปวดใจจริงหนอ มันไม่โศกเนาะนิยายเรื่องนี้ มันอึดอัดบีบรัดหัวใจเนาะ ปวดตับใช่มั้ยล่ะ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#12/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน17
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 12-11-2014 02:20:45
ชัยชัช

     ในที่สุดงานสังสรรค์ก็จบลง ไอ้พันมีเมีย แต่ผมนี่สิ... มีปัญหา ผมรู้สึกได้ว่าระหว่างผมกับต้นมีคลื่นความไม่สงบบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ ผมสังเกตเห็นแต่ผมไม่รู้ว่าจะรับมือยังไงได้แต่มองคลื่นลูกนั้นขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนี้ผมไม่โทษต้น แต่ผมโทษตัวเอง ใครใช้ให้ผมทำตัวเลวไว้เยอะในอดีตล่ะครับ
     คิดไว้ไม่ผิดว่าน้ำตาลจะทำให้ชีวิตรักผมมีปัญหา น้ำตาลอาจจะเคยรักผม แต่เวลานี้เธอไม่ได้รักผมแล้ว เธอแค่อยากเอาชนะผมเพราะความแค้นที่มีต่อผมมันบงการหัวใจเธอ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่เธอรู้ว่าผมกำลังคิดจีบฟ่างอย่างจริงจัง ตอนนั้นเธอก็เข้ามาพัวพันกับผมแบบนี้เหมือนกัน ดีที่ฟ่างสู้คน แต่คราวนี้ ... ต้นไม่ใช่ฟ่าง เด็กผู้ชายคนที่ผมคบด้วยตอนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงมั่นใจในตัวเองแบบฟ่าง แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าต้นรับมือกับปัญหาได้เก่งเท่าฟ่างก็คงจะดี ฟ่างเป็นผู้หญิงที่ผมอยากได้เป็นคู่คิดไว้เดินเคียงข้างกันจริงๆ เธอเก่งพอที่จะรับมือกับเรื่องยุ่งเหยิงในชีวิตของผม แต่ผมคงห่วยเกินไปสำหรับเธอ
     ใช่ว่าผมไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่จะให้ผมตัดขาดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับน้ำตาลมันก็เป็นไปไม่ได้ พวกเรายังต้องทำงานร่วมกันอยู่ครับ  และอีกอย่างเด็กไม่มีความผิดอะไร ผมรู้ดีว่าตอนนี้น้ำตาลก็เหมือนคนกำลังจมน้ำ ใครผ่านเข้ามาเธอก็คว้าเอาไว้หมด เธอเห็นผมเป็นชูชีพให้ลูกของเธอ หัวอกแม่น่ะผมเข้าใจครับ ผมจะเป็น“ลุงชัช”ให้ใครก็ได้ กับหลานๆ ผมก็ทำแบบนี้ แต่บังเอิญว่าแม่ของเด็กคือน้ำตาล และผมก็เคยคบกับเธอ เรื่องมันถึงบานปลายแบบนี้เพราะเสียงแซวที่ดังขึ้นเนื่องจากเพื่อนร่วมรุ่นบางคนรู้แค่ว่าผมโสดและน้ำตาลเลิกกับแฟน
     ไอ้เพื่อนเวรบางคนถึงขั้นจ้องหา DNA ผมบนหน้าเด็ก ผมไม่ใช่คุณพ่อฉึกๆ นะครับ พวกมันเล่นแซวกันแบบนี้เมียผมไม่คิดมากก็แปลก เพื่อนร่วมรุ่นพวกนี้นานๆ รวมตัวกันที บางคนก็ไม่ใช่คนในแวดวงการทำงานของผม พวกมันเลยไม่รู้ข่าวของผมกับต้น
     ความจริงแล้วแค่ในวงการผู้แทนยังมีคนรู้เรื่องน้อยเลยครับ รู้กันก็เฉพาะคนใกล้ชิดที่เห็นหน้ากันบ่อยๆ คนในบริษัท หรือพวกที่รู้มาจากคนที่สนิทกับผมอีกที ดังนั้นเสียงแซวในงานนี้ระหว่างผมกับน้ำตาลจึงหนาหนูเป็นพิเศษ บางคนถึงขั้นยุเด็กให้เรียกผมว่าพ่อ และแน่นอนเด็กก็ตอบอย่างไร้เดียงสาว่าอยากให้ผมเป็นพ่อ ไม่ต้องรอให้น้ำตาลยุยงลูกหรอกครับ แต่ระหว่างพ่อที่ไม่เคยเหลียวแลกับคุณลุงใจดีอย่างผมเดาได้ไม่ยาก แล้วจะให้ผมดุเด็กเหรอครับ? หรือจะให้ผมทำตัวขวานผ่าซากประกาศกลางงานแต่งของเพื่อนว่าผมอยู่กินกับเมียที่เป็นผู้ชายอย่างนั้นเหรอ? โลกนี้มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นนะครับ ผมควงต้นไปอย่างเปิดเผย ตอบทุกคนที่ถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับต้น แต่ไม่ได้ลากต้นไปเดินเปิดตัวกับคนรู้จักของผมทุกคนก็เท่านั้น เพราะผมกับต้นไม่ใช่เจ้าบ่าวเจ้าสาวของงาน
     หลังจบงานแต่ง ผมมีโอกาสอยู่กับน้ำตาลสองต่อสอง พวกเราเจอกันที่ออฟฟิสตอนประชุม หลังเสร็จงาน เธอชวนผมคุยแล้วก็เปิดฉากโจมตีผมด้วยคำถามที่ว่า
     “ไม่คิดว่ายัยน้ำหวานเป็นลูกชัชบ้างเหรอ?”
     ผมพอจะรู้ว่าเธอคิดอะไร แต่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะมาไม้นี้ครับ
     “ม่ายอ่ะ”
     “ทำไมล่ะ แกอาจจะเป็นลูกชัชก็ได้นะ ช่วงนั้นเราก็มีเจอกันบ้างนี่”
     “ชัชใส่ถุงนะตาล”
     ผมยอมรับว่าผมนอนกับน้ำตาล แต่ผมป้องกัน แถมนับเดือนแล้วก็ไม่ใช่ด้วย ดังนั้นผมมั่นใจว่าผมไม่มีทางพลาดแน่ๆ ครับ
     “ก็อาจจะพลาด”
     “ไม่มีทาง เรานอนกันก่อนที่ตาลจะท้องตั้งสามสี่เดือน ตาลท้องสิบสองเดือนรึไง?”
     “น้ำตาลอาจจะโกหกเรื่องวันเกิดยัยน้ำหวานก็ได้”
     “หึๆ ไม่หร้อก ถ้าน้องน้ำหวานเป็นลูกชัชจริงตาลต้องรีบมาตบชัชตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าตัวเองท้องแล้ว ชัชรู้จักตาลดีน่ะ”
     เธอยิ้มแล้วหัวเราะน้อยๆ พลางโคลงหัวไปมาเหมือนขำซะเต็มประดา เธอรู้ดีว่าผมพูดถูก
     “แล้วไม่อยากได้ยัยน้ำหวานเป็นลูกบ้างเหรอ น้ำตาลยกให้ ยัยน้ำหวานติดชัชน่าดู ชัชชอบเด็กผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?”
     “เป็นแค่ลุงน่ะดีแล้ว”
     “ทำไมล่ะ ตัวเองก็ไม่มีลูกนี่”
     “ชัชรับยัยน้ำหวานเป็นหลานได้ เป็นเพื่อนสนิทคุณแม่ให้แกได้ แต่อย่าให้ชัชเป็นพ่อยัยน้ำหวานเลย ชัชมีเมียแล้ว ขี้เกียจอธิบายให้เด็กฟังว่าทำไมเมียคุณพ่อเป็นผู้ชาย”
     “เมียที่มีลูกด้วยกันไม่ได้แถมยังจืดชืดแบบนั้นเนี่ยนะ? น้ำตาลไม่ยักรู้ว่าชัชหันไปชอบแกงจืด”
     “หืม... รู้ได้ไงว่าจืด อาจจะอร่อยก็ได้นะคร้าบ ต้มจืดก็กินง่ายดีออกซดคล่องคอ กลืนง่าย”
     ผมยักคิ้วให้เธอ แต่เธอกลับยิ้มยั่วผมอย่างรู้ทัน
     “น้ำตาลไม่เชื่อหรอกว่าอย่างชัชจะทนกินแกงจืดชืดๆ ถ้วยเก่าได้นาน ยังไงซะชัชก็ชอบกินแกงเผ็ดรสจัดจ้านอยู่ดี นิสัยคนเราเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆ หรอก”
     “ก็แก่แล้ว เลยอยากถนอมสุขภาพบ้างไรบ้าง ให้กินของเผ็ดๆ ทุกวันก็ไม่ไหวนะ เหนื่อย แต่สำหรับต้มจืดชัชกินได้ทุกวันแหละ เพราะคนทำเขาตั้งใจปรุงเพื่อชัชคนเดียว รสมันเลยถูกใจ รู้สึกได้ถึงความรักทุกครั้งที่กิน”
     “พูดเป็นเล่นน่ะชัช”
     น้ำตาลเธอเสยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเพราะเริ่มเป๋ไปต่อไม่ถูก ผมเลยเย้าเธอต่อ
     “เอ้าจริงๆ นะ! ต้นมันทำกับข้าวให้ชัชทุกวันเลยรู้เปล่า? เมนูต้มจืดเจ็ดวันไม่ซ้ำกันซักอย่าง หึๆ”
     “ค่ะ แล้วน้ำตาลจะคอยดูว่าชัชจะทนกินแต่แกงจืดไปได้อีกนานเท่าไหร่ ... แล้ว... ไม่อยากได้อะไรหวานๆ ซักหน่อยเหรอคะ?”
      เธอหันกลับมาจ้องตาผมอย่างท้าทาย ผมเหนื่อยกับความอาฆาตของเธอจริงๆ
     “ไม่ดีกว่าจ้ะ แก่แล้วกินหวานเยอะๆ เดี๋ยวเบาหวานจะถามหา”
     “ฮะๆ จริงเหรอ? ชัชเนี่ยนะปฏิเสธของหวาน”
     “เมื่อก่อนชัชอาจจะกินไม่เลือก ชอบของฟรี แต่มีนะ เวลาที่ชัชอิ่มจนไม่คิดจะกินอะไรอีก ต่อให้มีของหวานฟรีมาวางตรงหน้าก็ตาม”
     “เหรอคะ มีด้วยเหรอเวลาแบบนั้น?”
     เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงแสดงความแปลกใจอย่างเสแสร้ง ผมจับกระแสดูถูกได้ในนั้น เธอยังคงเกลียดผมเพราะเรื่องนั้นอยู่ เธอแค้นผม
     “มีสิตาล เวลาที่ชัชมีแฟนไง เวลาที่ชัชพูดออกจากปากตัวเองว่ารักใครเวลาแบบนั้นแหละที่ชัชอิ่มเป็น เพราะชัชไม่เรียกคู่นอนชั่วคราวว่าแฟนหรอก ชัชไม่เคยนอกใจแฟนตัวเอง”
     น้ำตาลเธอหน้าตึงทันทีครับ เธอรู้ดีว่าผมหมายความถึงอะไร
     “ชัชอาจจะดูเจ้าชู้มักมากฟันไม่เลือก เจ๊าะแจ๊ะกันคนโน้นคนนี้ไปทั่ว ถ้าให้นับว่าชัชเคยเอากับใครบ้างคงไล่ชื่อได้เยอะ แต่ถ้าชัชไม่คิดจริงจังชัชไม่เรียกคนๆ นั้นว่าแฟนหรอก และชัชก็ไม่เคยนอกใจแฟนตัวเอง ต้นเป็นคนที่สามที่ทำให้ชัชรักมากขนาดนี้ กับฟ่าง... มันน่าเสียดายที่เราไปกันไม่รอด เราเข้ากันไม่ได้หลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องบ้านชัช แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่ ตาลรู้มั้ยว่าตอนที่ชัชกับต้นรถคว่ำแล้วต้นต้องนอนโรงพยาบาล ฟ่างขับรถพาชัชไปเยี่ยมต้นทุกวันจนชัชหายเจ็บ ฟ่างกลับมาดูแลชัชทั้งๆ ที่ชัชโคตรงี่เง่า ... ชัชยังด่าตัวเองอยู่ทุกวันที่โง่ปล่อยให้ผู้หญิงดีๆ แบบนั้นหลุดมือไป แล้วสิ่งที่ทำให้ชัชรู้สึกดีที่สุดก็คือผู้หญิงคนนั้นบอกกับชัชว่าอย่าปล่อยให้ต้นหลุดมือเพราะถ้าไม่ใช่ต้นโลกนี้ก็คงไม่มีใครทนชัชได้อีกแล้ว”
     เธอเงียบไปเลยครับ ผมเลยถอนหายใจแล้วพูดต่อ
     “ถ้าตัดเรื่องที่ต้นเป็นผู้ชายออกไป ชัชหาข้อเสียของต้นไม่เจอ แต่ถ้าชัชโอเคกับเรื่องที่ต้นเป็นผู้ชายมันก็เท่ากับต้นไม่มีข้อเสีย สุดท้ายแล้วเราก็แค่อยากได้ใครซักคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายทั้งกายและใจไม่ใช่เหรอตาล ตาลเองก็รู้นี่ความรักอย่างเดียวมันไปไม่รอดหรอก ความเหมาะสมอย่างเดียวมันก็ไม่ช่วยให้ชีวิตคู่ยืนยาว เราต้องเลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเราที่สุดเท่าที่เราจะหาได้ โตๆ กันแล้วอะไรที่มันผ่านไปแล้วก็แล้วกันไป ต่อให้ตาลเกลียดชัชมากกว่านี้ แค้นชัชยิ่งกว่านี้ มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา”
     “ชัชก็พูดได้นี่ ชัชไม่ใช่น้ำตาล! ชัชใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แล้วน้ำตาลล่ะ? ทั้งๆ ที่ทุกอย่างเป็นแบบนั้นเพราะชัชนั่นแหละ ถ้าตอนนั้น...”
     เธอดูแค้นผมมาก จริงอยู่ผมเป็นคนทำให้เธอเสียใจ แต่เธอก็เลือกที่จะพังชีวิตของตัวเอง ผมไม่ได้เลือกให้เธอ ผมนึกเปรียบเทียบเธอกับ“แม่”อีกคนที่ผมรู้จัก ผู้หญิงคนนั้นเธออดทนเลี้ยงลูกตามลำพังไร้ความช่วยเหลือจากพ่อของเด็ก เธอเองก็เกลียดผู้ชายมักง่ายเช่นกัน แต่เธอยอมลดทิฐิของตัวเองเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของเธอ และที่สำคัญก็คือเธอไม่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความแค้นนั้น เธอมีความรักครั้งใหม่ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในต่างแดน พี่น้ำ แม่ยายผมเอง
     “ชัชอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตาลเสียใจ แต่คนที่เลือกทางเดินชีวิตก็คือตาลเองนะ แค้นชัชไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เรื่องมันผ่านไปแล้ว จะให้ชัชขอโทษตาลกี่ร้อยกี่พันครั้งเราก็เปลี่ยนเรื่องในอดีตไม่ได้”
     น้ำตาลคนสวยของผมเธอตบผมครับ เธอตบผมแล้วก็ร้องไห้ออกมา ผมอดไม่ได้ที่จะกอดเธอ
     “ชัชมันเห็นแก่ตัว ทุเรศที่สุด ฮือๆ”
     “แล้วคิดว่าชัชไม่เสียใจเหรอที่ตาลทำแบบนั้นกับชัช คิดว่าชัชไม่เจ็บเหรอ ตาลมีทิฐิ ชัชก็มีศักดิ์ศรีของชัชนะ ตาลรู้มั้ยว่าชัชเฝ้าถามตัวเองกี่พันครั้งว่าชัชทำผิดอะไรทั้งๆ ที่ชัชไม่เคยทำผิดกับตาล แต่โอเค... ชัชยอมรับว่าชัชเลวมากที่ชัชทำแบบนั้นกับตาลแทนที่เราจะคุยกันดีๆ พวกเราเอาแต่แก้แค้นกันเพราะทิฐิมันบังตา ชัชไม่ควรทำกับคนที่ตัวเองรักแบบนั้น ตาลให้อภัยชัชได้มั้ย ชัชขอโทษ”
     นานมากแล้วที่ผมไม่ได้กอดน้ำตาลแบบนี้ และก็เป็นครั้งแรกที่เราเปิดอกเถียงกันเรื่องนั้นตรงๆ ในที่สุดผมก็ได้ขอโทษเธอ
     “ไม่มีวัน! ถ้าชัชอยากให้น้ำตาลให้อภัยชัชก็เลิกกับเด็กคนนั้นสิ แล้วมาดูแลน้ำตาลกับลูกชดเชยในสิ่งที่ชัชเคยทำไว้”
     “ไม่ได้หรอกตาล ต้นไม่ได้ทำผิดอะไร แล้วชัชก็ไม่ได้รักตาลแบบนั้นแล้ว สิ่งที่ชัชมีให้ตาลเหลือเพียงความปรารถนาดีแบบเพื่อนเท่านั้น ชัชสงสารยัยหนูก็จริงแต่ความรู้สึกผิดมันไม่ใช่ความรักนะตาล ให้ชัชเป็นลุงช่วยตาลดูแลลูกน่ะชัชทำได้ แต่ถ้าจะให้ชัชทิ้งต้นชัชทำไม่ได้หรอก”
     “ไม่มีทางที่ชัชจะกลับมารักน้ำตาลอีกครั้งจริงๆ เหรอ?”
     “ขอโทษนะ ชัชยินดีชดใช้ให้ตาลทุกอย่าง แต่ระหว่างเราให้มันเป็นแค่อดีตเถอะ ตาลก็รู้นิสัยแบบเราสองคนช้าเร็วยังไงก็ต้องเลิกกัน ไปกันไม่รอดหรอก ชัชมันก็เป็นไอ้งี่เง่าที่ชอบเอาแต่ใจตัวเองคนเดิมนั่นแหละ ตาลทนชัชไม่ได้หรอก”
     ผมจำได้ว่าผมบอกเธอไปแบบนั้น ผมนึกว่าเธอจะให้อภัยผม แต่แล้วผมก็ถูกเธอเล่นงานเสียยับเยิน เธอให้ผมชดใช้ความแค้นของเธอด้วยต้น!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เป็นพระเอกที่ถูกด่าเยอะมาก ... ก็สมควร เขียนให้เลวนิไม่ได้เขียนเอาดี ชอบกันไม่ใช่เหรอคาสโนว่า เจ้าชู้ พระเอกเลวๆ โหดๆ นี่ไง เลวของแท้เลย สะใจมั้ย เหอะๆ ถึงจะเลวก็มีสเน่ห์นะจ้ะ กรั่กๆ

เชื่อว่าพอลงตอนต่อไปต้องมีคนแช่งพี่ชัชอีกตรึม!  :hao7: จบบทนี้จ้า เจอกันบทหน้า 18
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#12/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ15
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 12-11-2014 20:46:01
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 15

P1P2 ป่าน&ไปป์

      นี่คือวิกฤตของชาวแก๊งหก! เรื่องราวน่ากลัวนี้เริ่มต้นจากเชื้อร้ายตัวเล็กๆ ที่เรียกว่า“ไวรัส” สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เป็นต้นเหตุของโรคหวัดเข้าเล่นงานโอมอย่างจัง แต่ความโหดร้ายของการสอบนั้นน่ากลัวกว่า โอมผู้แข็งขันจึงไม่สามารถพักผ่อนจำต้องฝืนสังขารพาร่างกายอันหนักอึ้งมาเข้าห้องเรียนอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะกลัวพลาดเนื้อหาที่อาจารย์จะออกสอบ เขามุมานะอ่านหนังสืออย่างหนักจนร่างกายอ่อนแอของตัวเองรับไม่ไหวได้แต่นอนซมอยู่กับบ้าน
     แต่ถ้าจะหาตัวการของเรื่องละก็ ทุกคนสมควรกล่าวโทษไปป์! เนื่องจากนายไปป์ตัวดีไม่ระมัดระวังไปเยี่ยมเยือนโอมถึงบ้านและหยิบน้ำกับขนมของโอมมารับประทานแล้วก็เที่ยวไปแจกจ่ายเชื้อโดยการรับประทานขนมของเพื่อนคนอื่นๆ ต่ออย่างไม่เกรงใจใคร โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตนนั้นกำลังเป็นพาหะของเชื้อร้ายตัวนี้ ดังนั้นวันรุ่งขึ้นเชื้อร้ายจึงแผลงฤทธิ์ใส่คนทั้งห้า และผลของมันก็ทำให้หนุ่มไปป์นอนซมลุกจากเตียงไม่ขึ้น สาวเมย์เกิดอาการตัวร้อนเป็นไข้คล้ายจะเป็นลมทั้งวัน แม้แต่สาวแก้วเองก็เพลียๆ พากันรีบกลับบ้านไปพักผ่อน เหลือแต่หนุ่มต้นที่เหมือนจะรู้แกวชิงกินยาตัดหน้านอนหลับเป็นตายตั้งใจสู้กับเชื้อร้ายด้วยการพักผ่อนนั่งอ่านหนังสือตามลำพังในมหาวิทยาลัย เพราะหนุ่มโอมยังนอนซมเป็นวันที่สาม ส่วนสาวป่าน เธอคือคนที่แกร่งที่สุด เชื้อร้ายพวกนั้นไม่สามารถทำอะไรกับเธอได้เลย! เธอแข็งแรงและปลอดภัย สมบูรณ์ครบร้อยเปอเซ็นต์!
     ดังนั้น เมื่อได้ข่าวว่ายอดชายนายไปป์ล้มหมอนนอนเสื่อ ป่านจึงตัดสินใจไปเยี่ยมเพื่อน เธอนั่งรถสาธารณะไปยังซอยวกวนของถนนลาดพร้าวเจ็ดสิบเอ็ด หมู่บ้านจัดสรรเก่าแก่โครงการเล็กๆ ในซอยลึกนั้นเป็นที่อยู่ของเพื่อนเธอ การต้องเข้าไปในซอยเปลี่ยวนั้นน่าหวาดกลัวพอๆ กับการซ้อนท้ายพี่วินมอเตอร์ไซต์หัวทองที่ชอบขับฉวัดเฉวียนเร่งทำรอบ แต่มันก็เป็นทางเลือกเดียวของป่าน เธอบ่นอุบด้วยความเซ็งถึงความลำบากของการเดินทาง
     และเมื่อการเดินทางอันทรหดได้ผ่านพ้นไป เธอก็มาถึงบ้านของเพื่อนสนิท บ้านสองชั้นหน้าตาคล้ายกันแตกต่างกันไปตามแต่รสนิยมของเจ้าของปลูกอยู่ชิดเสียจนหลังคาแทบจะเกยทับกัน แม้เธอจะไม่ค่อยได้มาที่นี่บ่อยนักหากจะนับก็เป็นเพียงครั้งที่สามตั้งแต่รู้จักกันมา แต่ทว่าเธอจำได้อย่างแม่นยำว่าบ้านของเพื่อนเธอนั้นหลังไหนแม้เธอจะจำลักษณะและเลขที่บ้านไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอจำได้แม่นยำก็เพราะเธอรู้ดีว่าบ้านหลังข้างๆ ของบ้านเพื่อนเธอนั้นเป็นบ้านร้าง...
     ป้ายประกาศขายเก่าๆ สีซีด ทั้งฝุ่นและคราบควันรถเกาะจนแลดูกระดำกระด่าง ตัวบ้านภายนอกที่ปรากฏสู่สายตาก็เช่นกัน ทั้งสีลอกร่อนกระเทาะหลุดเป็นแผ่นๆ หญ้าขึ้นหรอมแหรมประปรายตามพื้นสนามว่างๆ ซากต้นไม้แห้งตายยืนต้นอยู่บ่งบอกให้รู้ว่าครั้งหนึ่งที่แห่งนี้เคยเป็นสวนขนาดหย่อมที่มีคนคอยเอาใจใส่ บ้านหลังนี้ประกาศขายแต่ไม่เคยขายได้ มันร้างมาเกือบสิบปีแล้ว มันขายไม่ออกเพราะสาเหตุบางอย่าง แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุใด สำหรับเธอมันก็ช่วยให้รู้ว่าบ้านหลังข้างๆ นั้นคือบ้านของเพื่อนเธอ
     ป่านล้วงเข้าไปในกล่องจดหมายเขรอะสนิมของบ้านร้าง เธอล้วงเอากุญแจสำรองออกมาและไขประตูรั้วบ้านหลังข้างๆ กันเข้าไปในอาณาเขตของบ้าน หลังจากนั้นก็หยิบกุญแจที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกขึ้นมาจากอ่างบัวในสวน ไปป์จอมพิลึกช่างหาที่เก็บกุญแจสำรองได้ประหลาดดีแท้! แต่แล้วเธอก็หย่อนกุญแจสำรองสำหรับไขเข้าตัวบ้านได้ที่เดิม เพราะเพื่อนของเธอไม่ได้ล็อกประตูบ้าน!
     ป่านเดินผ่านห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารที่อยู่ติดกันของชั้นล่างตรงไปยังบันได เธอตรงขึ้นไปชั้นสองอย่างไม่ลังเล เธอรู้ดีว่าห้องของเพื่อนนั้นคือห้องทางด้านหลัง ป้ายรูปไปป์สูบยาถูกแขวนไว้หน้าห้องนอน และเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องที่ปิดผ้าม่านจนทึบแสง เธอก็พบกับเจ้าของบ้านนอนซมอยู่บนเตียง แต่เพื่อนของเธอไม่ได้หลับ เขาเอ่ยทักเธอขึ้น
     “ป่าน เราหิวข้าว”
     “นี่อย่าบอกนะว่าแกยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เที่ยง!”
     “เช้า... เราลุกไม่ขึ้น หิวอ่า”
     “อิไปป์!”
     ว่าแล้วเธอก็รีบพุ่งลงมายังชั้นล่าง เธอไม่คิดว่าเพื่อนจะอาการหนักเช่นนี้จึงไม่ได้ซื้ออะไรติดมือมาฝาก สาวแว่นเปิดตู้เย็นของเจ้าของบ้านพบเพียงอาหารแช่แข็งจากร้านสะดวกซื้อ “ผัดพริกแกง” อันนี้ก็เผ็ดไป เธอคิด แต่เมื่อมองไปทางตู้เก็บอาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสหมูสับกับโจ้กกระป๋องแบบเติมน้ำร้อน ผงชูรสทั้งเพ! เธอเซ็ง แต่เพื่อสุขภาพกระเพาะของเพื่อน ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่ไข่แบบกินกันตายให้กับเพื่อนชาย
     ไปป์ซดบะหมี่อย่างหิวโหย เขาทานไปบ่นไปส่งเสียงครวญครางพลางอ้าปากที่ลิ้นพองเพราะความร้อนเป็นระยะ
     “ช้าๆ ก็ได้แก ลวกปากละนั่น”
     “ก็มันหิวอ่า”
     “ขี้เกียจเองอ่ะ ช่วยไม่ได้”
     “เราไม่สบายนะ มันปวดหัวจนลุกไม่ขึ้นเลย ตัวก็ร้อน”
     “ย่ะ ละนี่ถ้าฉันไม่มาแกจะทำไงย๊ะ”
     “นอนจนกว่าจะลุกไหว แต่ไม่หรอก เรารู้ว่ายังไงเธอก็ต้องมาหาเรา”
     คนป่วยยิ้มก่อนจะยกชามขึ้นซดน้ำซุปซะเกลี้ยง
     “เชอะ!”
     สาวแว่นโบกไปที่หน้าผากของคนป่วยเบาๆ เธอรู้ดีว่าเพื่อนของเธอพูดถูกแต่ทว่าก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ เมื่อเช้านี้ตอนที่เธอกำลังโดนสารรถเมล์มายังมหาวิทยาลัย อยู่ๆ ก็มีโทรศัพท์จากเพื่อนส่งเสียงขอความช่วยเหลือดังขึ้นอย่างอ่อนระโหยโรยแรง “ป่าน ช่วยด้วย ลุกไม่ขึ้น” เธอเป็นห่วงเพื่อน แต่การเรียนสำคัญกว่า กระทั่งเรียนเสร็จเธอจึงรีบบึ่งมาหาเพื่อนเพื่อดูอาการทันที
     “แกนะแก สร้างความเดือดร้อนให้ฉันจริงๆ กินเสร็จละก็เอาชามมา ฉันจะเอาไปล้าง ละขยะในถังหัดเอาไปทิ้งบ้างเหอะ กล่องอาการสำเร็จรูปทิ้งจนปิดฝาถังขยะไม่ลงละอ่ะแก ในซิงค์ก็มดเต็ม”
     “ฝากหน่อย เดี๋ยวหายละเลี้ยงหนัง”
     “ย่ะ หลังสอบเสร็จฉันจัดแน่”
     หลังจัดการกับความรกของห้องครัวเสร็จเธอก็แถมบริการทำความสะอาดปักกวาดเช็ดถูห้องนั่งเล่นและห้องครัวให้ด้วย โชคดีที่มีฝุ่นไม่มากเพราะส่วนใหญ่แล้วเพื่อนของเธอมักจะปิดบ้านทึบตลอดแทบไม่เปิดหน้าต่างให้แสดงแดดได้ส่องเข้ามาฆ่าเชื้อโรคเลยแม้แต่น้อย เธอหอบถุงขยะใบใหญ่ออกไปทิ้งยังถังขยะหน้าบ้าน อดคิดไม่ได้ว่าช่างเป็นหมู่บ้านที่เงียบเหงาเสียจริง
     เมื่อเธอกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้ง เพื่อนของเธอก็หลับไปเรียบร้อยแล้ว เธอเหลือบไปเห็นยาที่ยังไม่ได้ถูกแกะรับประทานแล้วก็โมโห “อิไปป์ดื้อ!” แต่เมื่ออังมือบนหน้าผากของเพื่อนแล้วก็ต้องตกใจ เพื่อนของเธอตัวร้อนจี๋! ป่านปลุกไปป์ทันที
     “อิไปป์ แกตื่นๆ ลุกมากินยาเลยแก”
     “งื้อ ง่วง อิ่มแล้ว จะนอน”
     “อย่าพึ่งนอนสิยะ ลุกขึ้นมากินยาก่อนแก๊ เฮ่ยแกตัวร้อนมากนะ เดี๋ยวน็อคหรอก หาหมอป่ะ”
     ไม่มีสัญญานตอบรับจากคนป่วยที่ท่านเรียก ไปป์เกเรไม่ยอมทานยาดึงผ้าห่มมาคลุมโปงไปทั้งตัว! ป่านสุดทนกระชากผ้าออกก่อนจะเคาะกะโหลกคนป่วยดื้อไม่ยอมทานยา
     “อย่างอแงอิไปป์ กินยาเดี๋ยวนี้ ละเดี๋ยวฉันจะเช็ดตัวให้ ไม่งั้นฉันจะบังคับพาแกไปหาหมอ”
     “ขี้เกียจอ่า ง่วง เหนื่อย เพลีย โอ้ย หมดแรง”
     คนป่วยดื้อแพ่งเถียงคำไม่ตกฟากด้วยเสียงงัวเงีย แต่ในที่สุดป่านก็จับไปป์เช็ดตัวได้สำเร็จ เธอจับคนป่วยถอดเสื้อราวกับแก้ผ้าให้ลูกชายวัยอนุบาลก่อนจะใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดตามแขนขาและหน้าอก เธอไม่รู้สึกเขินอายที่ต้องทำเรื่องแบบนี้เลยแม้แต่น้อย กระทั่งคนป่วยที่อยู่บนเตียงก็ยังยอมชูมือยกขานอนคว่ำนอนหงายให้เพื่อนสาวเช็ดตัวให้อย่างสะดวก นอกจากนี้ป่านยังดึงดันให้คนป่วยลุกขึ้นมาเปลี่ยนกางเกงบ็อกเซอร์ ก่อนจะใช้ผ้าอีกผืนที่เล็กกว่าชุบน้ำวางพาดไว้บนหน้าผากเพื่อลดอุณหภูมิ ป่านรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแม่คนเข้าไปทุกที
     “นี่แกเป็นเพื่อนหรือเป็นลูกฉันกันแน่ยะอิไปป์”
     “ขอบใจนะพีหนึ่ง”
     “ย่ะ พีสอง”
     “ละวันนี้อาจารย์สอนไรมั่ง?”
     “เก็งข้อสอบทั้งนั้นเลยแก แต่ต้นฝากชีทสรุปฯ มาให้แกละ ครบทุกวิชา!”
     “โหย ต้นโหดอ่า”
     “ก็คราวนี้มันท่าทางยาก เตรียมตัวตายกันได้เลย มันฝากฉันมาติวให้แกเนี่ย”
     ป่านเปิดกระเป๋าหยิบชีทออกมาส่งให้เพื่อน ไปป์ยื่นมือไปรับมาพลิกเปิดดูสองสามทีแล้วก็เอากระดาษมาวางปิดหน้าทำท่านอนตาย
     “ตาย ตาย ตาย ตายแน่ๆ คราวนี้ แงๆ”
     “เออ ถ้าแกไม่รีบหายแล้วรีบอ่านแกได้ตายจริงๆ แน่อิไปป์ ฉันเองก็ต้องกลับไปอ่านพวกนี้เหมือนกัน”
     “เง้อ! นายจะทิ้งเราไว้คนเดียวจริงๆ เหรอพีหนึ่ง!”
     “ละแกจะให้ฉันอยู่ค้างกับแกรึไง”
     “งึมๆ ไม่ได้เหรอ”
     “แกไม่ไหวเหรอ?”
     “ค่อนข้าง ถึงอยากอ่านก็ลำบาก มันลุกไม่ขึ้น เธออยู่ติวให้เราหน่อยจิ”
     “อิขี้เกียจ”
     “นะ พรุ่งนี้จะได้ลากเราไปมหาวิทยาลัยไหว วิชานั้นเราโดดไปเยอะละ ไม่อยากอ่ะ”
     “เอางั้นก็ได้แก งั้นขอโทรบอกพ่อฉันก่อน”
     แล้วคุณเพื่อนก็จัดแจงโทรไปขออนุญาตผู้ปกครองของตนโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจที่ต้องขออนุญาตคนที่บ้านมาค้างบ้านเพื่อนผู้ชายแต่อย่างใด
     “อิไปป์มันไม่สบายมากๆ เลยค่ะพ่อ หนูกลัวมันไม่ไหวอ่ะ ม่ายค่ะพ่อ ไม่มีคนอื่นอยู่ค่ะ อ๋อ! หนูตั้งใจจะเข็นมันให้หายให้ได้ก่อนวันพรุ่งนี้ค่ะ หา? ให้ลากมันกลับบ้านเรา โอเคค่ะพ่อ พรุ่งนี้ถ้ามันยังท่าทางแย่ๆ หนูจะพามันกลับบ้านด้วย ชุด? ไม่เป็นไรมั้งคะ น่าจะยังซักทันอยู่”
     ไปป์มองดูเพื่อนสาวคุยโทรศัพท์อย่างลุ้นระทึก แต่แล้วป่านก็หันมา
     “อิไปป เครื่องซักผ้าบ้านแกอบผ้าได้ป่ะ?”
     “ได้จิ”
     แล้วสาวแว่นก็หันไปคุยกับพ่อของตนต่อ เธอกรอกเสียงลงไปอย่างไร้กังวล
     “มี ค่ะพ่อ ไม่ต้องห่วง อย่างอื่นก็ยืมมันก่อนได้ พวกหนูไม่ถือ พระ? มีค่ะมี สบายมาก พ่อบอกแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ถ้าแม่ถามฝากบอกว่าหนูไปค้างกับแก้ว เดี๋ยวหนูโทรไปเตี๊ยมกับแก้วให้ หา? อ๋อ ฮ่าๆ ได้เลยค่ะพ่อ”
     ป่านหัวเราะคิกคักก่อนจะกดวางสาย เธอหันไปส่งยิ้มให้ไปป์
     “โอเคมั้ยพีหนึ่ง?”
     “โอเคอยู่พีสอง”
     “ดีจังที่คืนนี้ป่านจะนอนกับเรา เราไม่อยากนอนคนเดียว”
     “แก... ... เหรอ?”
     แต่ทว่าไปป์ไม่ตอบ หนุ่มน้อยประจำกลุ่มยิ้มให้แล้วทิ้งตัวลงนอนหลับตา
     “ง่วงอ่ะ ขอนอนแปป เดี๋ยวค่ำๆ ค่อยตื่นมาอ่านหนังสือ แต่ตอนเย็นจากินโจ้ก”
     “โจ้กอะไรของแกอีก?”
     “โจ้กชามดินเผาหนึ่งในยุทธภพ! ถัดไปอีกสิบซอยเปิดขายตอนห้าโมงเย็น”
     “อิไปป์! แล้วฉันจะไปสรรหามาให้แกได้ยังไง”
     “จักรยานเราไง จอดอยู่หน้าบ้าน”
     “อิเพื่อนนรก! ฉันไม่น่านั่งติดกับแกวันสอบสัมภาษณ์เลย ดวงซวยอะไรของฉันเนี่ย แกนี่เกิดมาเบียดเบียนฉันจริงๆ ลำบากอะ”
     “เป๋าตังค์อยู่ในกางเกงตัวที่ใส่เมื่อวาน”
     “อิคนซกมก!”
     ถึงปากจะพูดเช่นนั้นแต่สาวแว่นก็เดินไปล้วงในกระเป๋ากางเกงตัวที่ใส่เมื่อวานของเพื่อนแล้วหยิบเงินออกมา แต่ทว่าพอหันไปมองหน้าเจ้าของบ้านที่นอนหลับตายิ้มกริ่มอยู่บนเตียงแล้วเธอก็ตัดสินใจว่าจะใช้เวลานี้จัดการธุระลับๆ ของผู้หญิงเสีย เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยใช้ข้าวของส่วนตัวของเพื่อนชายมาผลัดเปลี่ยน ก่อนจะลงมือซักชุดนักศึกษาของตัวเองตากเอาไว้หลังบ้าน ติดขัดก็แต่เรื่องชุดชั้นใน... “เอาวะ ไว้ค่อยซักคืนนี้น่าจะแห้งทัน”
     เมื่อจัดการ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วป่านก็เดินกลับมายังห้องนอนของเพื่อน เธอหยิบสมุดเลคเชอร์ของตัวเองออกมานั่งทบทวนบทเรียนตรงโต๊ะเขียนหนังสือข้างๆ เตียง ไปป์นอนหลับไม่รู้เรื่อง แต่สีหน้าไม่สู้ดีของไปป์นั้นน่าเป็นห่วง เธอเลยหยิบผ้าผืนที่วางอยู่บนหน้าผากของเพื่อนไปชุบน้ำเย็นแล้วนำมาวางแปะให้ใหม่ก่อนจะยกมือขึ้นพนมแล้วสวดมนต์ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ปกป้องเพื่อนเธอ
     จนกระทั่งเข็มนาฬิการชี้ไปที่ห้าโมงเย็น เธอเดินลงไปดูชุดนักศึกษาของตัวเองที่ตากไว้ “ผ้าแห้งดีแล้ว” เธอคิดอย่างยินดีรีบนำเสื้อกับกระโปรงไปรีดก่อนจะใส่ไม้แขวนๆ ไว้หน้าตู้เสื้อผ้าของเพื่อน ป่านเช็คอาการของเพื่อนอีกครั้งแล้วคว้าจักรยานปั่นออกจากบ้านไปซื้อโจ้กอย่างที่เพื่อนต้องการ “ทำไมฉันต้องมาลำบากเพราะแกด้วยย๊ะอิเพื่อนเวร!” แม้ในใจเธอจะก่นด่าไปป์เช่นนั้นตลอดเวลาแต่ทว่าสองขาเธอก็ออกแรงปั่นไปยังจุดหมายปลายทางร้านโจ้กชามดินเผาเจ้าอร่อยหนึ่งในยุทธภพ!
     ดังนั้นเมื่อไปป์ตื่นขึ้นมาในตอนหัวค่ำ โจ้กของโปรดก็วางรอให้เขารับประทาน
     “กินเร็วๆ เลยแก แล้วมาอธิบายสูตรนี้ให้ฉันฟังเร็วเข้า งงว่ะ แก้มาสามรอบละแต่ยังแก้ไม่ได้”
     “ละพีหนึ่งล่ะ”
     “ฉันจะรอแกทำม๊าย ซัดไปตั้งแต่แกยังไม่ตื่นละ”
     ไปป์ยิ้มให้ป่าน แล้วลงมือทานอาหารเย็นของตนอย่างมีความสุข เมื่อทานเสร็จเพื่อนสาวก็เก็บชามไปล้างให้เขา แต่ชายหนุ่มรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำจึงลุกขึ้นไปทำธุระ และแล้ว...
     “ป่าน นายตากชั้นในไว้ในห้องน้ำเหรอ?”
     “เออ ของฉันเองแหละ ไม่อยากตากไว้นอกบ้าน”
     “อ้าว ละตอนนี้นายใส่อะไรอยู่อ่ะพีหนึ่ง?”
     “ของแม่แกไง ยืมมาใส่ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันซักคืนให้”
     “งึมๆ ดีละๆ นึกว่านายโป๊ ไม่งั้นเราจาให้ยืมของเรา”
     “อิปัญญาอ่อน แกมีเสื้อในให้ฉันยืมรึไงย๊ะ?”
     “เออนั่นสิ ลืมไปว่าผู้หญิงต้องมีข้างบนด้วย”
     “บ็อกเซอร์ข้างล่างของแกฉันก็ไม่ใส่ย่ะ ซักบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้”
     “เฮ้ย ซักทุกวันน้า เราไม่ในกางเกงในซ้ำกันหรอก คัน”
     เสียงคุยดังขึ้นพร้อมๆ เสียงน้ำไหลเป็นสายกระทบโถส้วม คนทั้งสองคุยกันอย่างเป็นธรรมชาติโดยปราศจากความเขินอาย ไม่รู้ว่าป่านขาดความละเอียดอ่อนแบบผู้หญิงหรือว่าไปป์ปัญญาอ่อนเกินไปกันแน่ ชายหญิงทั้งสองจึงไม่มีความกระอักกระอ่วนใดใดเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งไปป์รู้สึกดีขึ้นจากอาหารและการปฐมพยาบาล ไปป์กับป่านก็มานั่งติวเตรียมสอบกันอย่างจริงจัง แม้ว่าหนนี้จะไม่มีต้นอยู่ด้วย แต่ในชีทที่ต้นฝากมาให้ไปป์ก็มีลายมือที่ต้นเขียนคำอธิบายกำกับเพิ่มให้ไปป์เป็นพิเศษราวกับรู้ล่วงหน้าว่าไปป์จะต้องสงสัยตรงนั้น ดังนั้นไปป์จึงทำความเข้าใจกับเนื้อหาได้ไม่ยาก
     นักศึกษาเตรียมสอบทั้งสองถกกันเรื่องวิชาการจนกระทั่งทะลุปรุโปร่งก่อนจะชักชวนกันเข้านอน ป่านดึงเตียงเสริมออกมากางแล้วจัดแจงเตรียมหมอนและผ้าห่มพร้อมนอน แต่ทว่า...
     “อิไปป์ ยาก่อนนอน”
     “ง่า ไม่กินได้ป่าว”
     “อยากหายป่ะ เลือกเอาจะหายหวัดหรือหายไปจากโลกนี้”
     “โหดร้าย จะฟ้องต้น”
     “ฟ้องมันให้มาด่าแกซ้ำเรอะ! กินๆ ฉันง่วงละ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามาซักเสื้อผ้าคืนให้แกอีก”
     “นายทิ้งไว้ก็ได้เดี๋ยวเราซักเอง”
     “แกจะซักชั้นในที่ฉันใส่ให้ด้วยรึไงย๊ะ อิบ้า!”
     “เออ ลืมไป แหะๆ”
     แล้วป่านก็บังคับขู่เข็ญไปป์ให้ทานยาได้สำเร็จ คนทั้งสองเข้านอนและหลับไปในที่สุด แต่ทว่ากลางดึกอยู่ๆ ป่านก็ต้องสะดุ้งเมื่อไปป์ตะโกนลั่น!
     “ไม่เอานะพี่ตาผมไม่ให้พี่เอาต้นไป ฮือๆ อย่าพาต้นไป”
     “อิไปป์ ไปป์!”
     ป่านตกใจทั้งร้องเรียกและเขย่าตัวไปป์เพื่อปลุก แต่ไปป์ก็ไม่ตื่นยังคงตะโกนโวยวายอยู่ในความฝันจนป่านต้องตบหน้าไปป์!
     “แก ตื่น!”
     ไปป์ลืมตาขึ้นพร้อมกับคราบน้ำตา เขาโผเข้าหาป่านแล้วร้องไห้ เสียงของไปป์ฟังดูทั้งสับสนและไร้สติ
     “ป่านๆ พี่ตาจะเอาต้นไปอยู่ด้วย พี่ตามาบอกเรา ฮือๆ เขาบอกจะพาต้นไปเกิดใหม่ด้วยกัน เราไม่ยอมนะป่าน เราไม่ให้ต้นทิ้งเราไปนะ”
     “เฮ้ยแก ใจเย็นๆ มันก็แค่ความฝัน”
     “ป่านโทรหาต้นนะ ต้นไม่เป็นอะไรนะ โทรสิป่าน”
     “แกตั้งสติหน่อย อิไปป์”
     “ฮือๆ ป่าน”
     ป่านพยายามปลอบ แต่ถ้อยคำที่สับสนของไปป์ทำให้เธอรู้ว่าไปป์ไม่ได้ฟังเธอเลย ไปป์กำลังสับสน เพื่อนของเธอกำลังกลัว
     “แก๊! หยุด มีสติหน่อยไปป์ นี่มันตีสอง ไม่มีใครเป็นอะไรหรอก แกแค่ฝัน โอเคนะ ไม่มีอะไรนะแก นอนต่อนะ นอนๆ”
     ป่านโอ๋ไปป์ในอ้อมอกราวกับแม่นกกกลูก
     “แต่พี่ตา ... พี่ตามาหาเรา”
     “แก ห้ามพูดแบบนี้นะ! เขาจะมารึไม่มาฉันก็ไม่ให้ใครพาต้นไปไหนทั้งนั้น ป่านนี้มันคงหลับอยู่ถ้าแกโทรไปกวนระวังมันจะด่าเข้าให้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ถ้าแกหายแกก็ได้เจอต้นแล้ว นะหลับต่อนะไปป์”
     “แต่ป่าน...”
     ไปป์งอแงพลางมองไปทางหนึ่งของห้องแต่ป่านกลับไม่สนใจ เธอกอดไปป์เอาไว้และชวนเขาสวดมนต์ก่อนที่คนทั้งคู่จะหลับไปด้วยกันทั้งแบบนั้น
     ป่านรู้ดีว่าเวลาที่ไปป์ไม่สบาย ไปป์จะอ่อนไหวกับบางเรื่องเป็นพิเศษ เธอจึงอดเป็นห่วงไม่ได้จนต้องรีบมาหาเพื่อนถึงที่บ้าน
     ไปป์อาศัยอยู่คนเดียว เพราะเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้น คุณแม่ของไปป์จึงตัดสินใจย้ายไปหางานทำที่ต่างจังหวัดเพื่อที่คุณพ่อของไปป์จะได้ไม่ต้องไปๆ มาๆ อีก พวกเขาพยายามทำให้ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันมากกว่าเดิม คนทั้งคู่ประกาศขายบ้าน แต่ทว่านานแล้วก็ยังขายไม่ได้เสียที เช่นเดียวกับบ้านร้างหลังข้างๆ มิหนำซ้ำไปป์ยังพยายามมุ่งมั่นจนสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆ ของกรุงเทพฯได้ ตามมาด้วยการสอบติดมหาวิทยาลัยใจกลางกรุง ไปป์ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ในบ้านหลังเดิมแม้ว่าเขาจะดูแลตัวเองได้แค่ระดับตามมีตามเกิด ทุกคนรู้ดีว่าไปป์ยึดติดกับบ้านหลังนี้ ไม่สิ... ไปป์ยึดติดกับบ้านหลังข้างๆ นี้ ดังนั้นนานๆ ทีเมื่อพ่อหรือแม่ว่าง พวกเขาก็จะกลับเข้ามายังกรุงเทพเพื่อดูแลไปป์ ทุกคนวางใจที่เห็นไปป์อาการดีขึ้น กลายเป็นเด็กที่สดใสร่าเริง จะมีก็เพียงบางครั้งเท่านั้นที่ไปป์พูดไม่รู้เรื่อง นั่นคือเวลาที่ไปป์ไม่สบาย... เหมือนตอนนี้
     ป่านรู้ดีว่าไปป์พิเศษ เธอไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ไปป์กลัวแท้จริงแล้วเป็นเช่นไรกันแน่ แต่เธอเองก็สัมผัสได้ว่าโลกเรานี้มีเรื่องพิศวงไม่น้อย และหนึ่งในนั้นก็คือการที่ความพิเศษของไปป์เข้มข้นขึ้นในยามที่เขาไม่สบาย ป่านจึงเป็นห่วง เธอรักไปป์และไม่อยากเห็นเพื่อนต้องเผชิญกับความกลัวตามลำพัง ป่านรู้ดีว่าเวลาที่เพื่อนของตนไม่สบายเขาจะงอแงและไม่ค่อยมีสติ แตกต่างจากตอนปกติที่ยังเป็นคนร่าเริงสดใสสามารถต่อสู้กับความกลัวของตัวเองได้อย่างมีสติ ปมในใจของไปป์มืดมนเกินไป แม้แต่เธอยังไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ ความผูกพันคือพันธะที่แข็งแกร่งที่สุดมันเหนี่ยวรั้งทุกสะสารที่มีความรู้สึกเข้าไว้ด้วยกัน ถ้าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมตัดใจพันธะนี้จะไม่มีวันสูญสลาย
     ไปป์พิเศษ พิเศษทั้งในแง่ของสิ่งที่อธิบายไม่ได้และสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนอย่าง “บุคลิก” และเธอเคยเห็นบุคลิกทั้งหมดของเพื่อนคนนี้มาแล้ว เธอได้แต่ภาวนาขออย่าให้เด็กคนนั้นกลับมา!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... หนุ่มน้อยทานตะวันเริ่มดาร์ก ไปป์เริ่มคลั่งแล้น!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#12/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน18
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 12-11-2014 21:42:30
ความชั่วร้ายของหมาป่า

ชัยชัช

     ผมมองผู้ร่วมเตียงที่นอนตะแคงหันหลังให้ผมก่อนจะพยายามลุกออกจากเตียงอย่างเงียบเชียบ ร่างที่นอนตะแคงหันหลังให้ผมนั้นเป็นผู้ชาย แต่ว่าส่วนเว้าส่วนโค้งทั้งเนินสะโพกและไหล่กลับดูบอบบางไม่บึกบึนเหมือน ผู้ชายวัยฉกรรจ์ทั่วไป เมียผมเป็นผู้ชายตัวเล็ก
     เมื่อคืนต้นบ่นว่ารู้สึกไม่ค่อยดีตัวรุมๆ มันเลยขอตัวนอนตั้งแต่หัวค่ำ ส่วนผมก็มีงานต้องออกแต่เช้ามืดเลยมัวแต่ยุ่งรีบเตรียมเอกสารให้เสร็จจะได้ รีบนอนรีบตื่น เราเลยไม่ได้คุยอะไรกันมาก แต่ผมใจไม่ดีเลยครับ เพราะจนผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วต้นก็ยังไม่ตื่น ทั้งๆ ที่ปกติมันรู้สึกตัวง่ายจะตาย สงสัยมันจะเป็นหนัก ผมอดไม่ได้ที่จะปลุกมัน เข็มนาฬิกายังชี้อยู่ที่เลขสี่ ยังพอมีเวลา ผมน่าจะเหยียบทัน ขอผมสั่งเมียหน่อยเถอะ
     ขนาดแสงไฟสว่างแบบนี้มันก็ยังไม่ตื่น แต่หน้าตามันก็ไม่ได้ดูผิดปกติอะไร ผมอังมือตรงหน้าผากและตามซอกคอ อุณหภูมิอุ่นนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับร้อน ต้นมันหลับตาพริ้มหายใจเข้าออกเป็นจังหวะหลับสนิทไร้การตอบสนอง มองแล้วไม่อยากไปทำงานเลยครับ อยากมองหน้าเมียแบบนี้ไปนานๆ
     ผมไม่เคยต้องห่วงใครแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต เพราะต้นมันเด็กกว่าผมมากรึเปล่า? ผมรู้สึกเหมือนได้เมียแถมลูก ไม่อยากไปไหน อยากอยู่กับมัน เป็นห่วงมัน อยากดูแลมัน ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ตอนคบกับผู้หญิงคนไหนเลย ว่าแล้วก็ทนไม่ไหว ขอลวนลามคนหลับซักเล็กน้อยครับ แก้มไอ้ต้นนี่ทั้งนิ่มทั้งหอม ผมมันก็เส้นเล็กนุ่มดีลูบแล้วเพลินมือครับ
     “อือ...”
     สงสัยผมจะลวนลามหนักมือไปหน่อย ต้นมันเลยส่งเสียงหวานๆ ประท้วงผมแต่เช้ามืด ผมทนไม่ไหวก้มลงสัมผัสปากซึ่งกันและกัน
     “พี่ชัช...”
     ต้นมันพยายามลืมตา แต่กระพือขนตาได้สองสามทีแล้วมันก็หลับตาต่อยอมแพ้ให้กับความง่วง ได้แต่พลิกตัวมาหาผมแล้วซุกแถมยังคว้ามือผมไปกอด โอย... เจอแบบนี้ไม่อยากไปไหนแล้วครับ อยากล้มตัวลงแล้วนอนกอดเมียให้ชื่นใจชะมัด!
     “พี่ต้องไปแล้วนะครับ ต้นดูแลตัวเองดีๆ กินยาด้วยนะ”
     “จะไปเลยเหรอครับ”
     “ครับ”
     ขอหอมแก้มมันอีกซักทีเหอะ คนอะไรขนาดตอนเมาขี้ตายังน่ารักเลย
     “ไม่ทานอะไรก่อนเหรอครับ”
     “เดี๋ยวพี่ไปหากินข้างหน้าเอา เราเถอะถ้าวันนี้ไปไม่ไหวก็หยุดนะครับ”
     “ผมไหวครับ”
     มันตอบผมพร้อมๆ กับลืมตาขึ้น ท่าทางฝืนตัวเองน่าดู เฮ้อ...ไอ้ต้นนะไอ้ต้น ขยันเกินไปแล้ว
     “พี่ชัชขับรถดีๆ นะครับ”
     “คร้าบๆ พี่รู้แล้ว”
     ผมยิ้มให้มันแล้วขยี้หัวมันเล่น แต่มันกลับยันตัวลุกขึ้นมากอดผม วินาทีนั้นผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่างบอกไม่ถูก เพราะผมรู้สึกไม่ดีผมเลยกอดต้นอยู่นาน ผมกอดมันอย่างกับกลับว่าจะไม่มีโอกาสได้กอดมันอีก ผมจูบมันหอมมันซะทั่วตัว ต้นมันทิ้งตัวเอนซบผมแล้วครางงึมงึม แต่คำพูดส่งท้ายที่มันพูดชัดที่สุดคือการบอกกับผมว่า
     “รับไปรีบกลับนะครับพี่ชัช ผมเหงา”
     มันอาจจะเป็นแค่คำพูดส่งผมไปทำงานตามปกติก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมวันนั้นผมถึงได้ตอบมันไปว่า
     “คร้าบ พี่รักต้นนะ พี่สัญญาพี่ไม่ทิ้งเราไว้คนเดียวหรอก”
     แล้วหลังจากนั้นผมก็จัดการห่มผ้าห่มปล่อยให้มันนอนต่อก่อนจะออกจากห้องขับรถ ไปทำงาน แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างขาดหายไป อกผมมันโหวงๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     “เราว่าวิชานี้ไม่ยากหรอก นายลองทำความเข้าใจทฤษฎีให้ได้ เดี๋ยวพอจำได้ก็ไม่งงแล้ว”
     “กูไม่เก่งเหมือนมึงนี่หว่า”
     “นี่ไง เราก็สรุปไว้ละเอียดแล้วนะ”
     “แล้วจารย์เขาจะออกตรงไหนบ้างอ่ะ?”
     “นายก็อ่านตามนี้แหละ แต่ต้องจำสูตรให้ได้ อาจารย์คงไม่เอาอย่างอื่นมาออกสอบหรอก”
     “เออๆ ขอบใจมึงมากนะต้น”
     “ไม่เป็นไรหรอกเอก อย่าลืมเอาไปให้นนด้วยนะ”
     “เออ”
     เอกรับคำผมแต่ยังทำหน้ายุ่งอยู่ ท่าทางจะเครียดกับการสอบพอสมควรเลยครับ เฮ้อ...จะไหวมั้ยน้อ...
     “เฮ้ย! พวกมึงจะนั่งมองหน้ากันอีกนานมั้ยวะ เสร็จธุระแล้วก็ลุกได้ละไอ้เอก ตากูแล้ว”
     ให้ตายเหอะมิวนิค! ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้ยักษ์บ้าตัวนี้ ส่วนเอกนั้นเขาแค่พูดลอยๆ ขึ้นมา
     “น่ารำคาญว่ะ ลำบากหน่อยนะต้น วันนี้หมาเฝ้าบ้านไม่อยู่”
     “บ้า หึๆ”
     เอกนะเอก เรื่องอะไรไปว่าไปป์ แต่ผมก็ขำนะ เลยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ก็วันนี้ลูกหมาน้อยของผมไม่สบายเลยลาหยุดครับ นี่ดีนะที่ผมค่อยยังชั่วแล้วเลยมาเรียนได้ แต่เมย์สิครับท่าทางไม่ค่อยไหว พอเรียนเสร็จก็เลยรีบกลับไปพัก แก้วก็เลยกลับบ้านไปพร้อมเมย์ ส่วนโอมรายนี้โดนไปเต็มๆ ครับ นอนซมลุกไม่ขึ้นคนแรก ไปป์ไปเยี่ยมโอมแต่ไม่ระวังติดหวัดกลับมาอีกคนแล้วก็เอาเชื้อมาแพร่ใส่พวก เรา มีแต่ป่านเท่านั้นที่แข็งแรงที่สุดทำท่าจะไม่เป็นอะไรเลย พอเลิกเรียนก็เลยรีบกลับบอกจะไปเยี่ยมไปป์
     คงเพราะผมเผลอเลยมัวแต่นั่งขำกับคำพูดของเอก ส่วนเอกก็ไม่ใส่ใจคำพูดของมิวนิค ยักษ์เกเรที่ไม่มีใครสนใจเลยอาละวาดฟาดงวงฟาดงา
     “มึงจะนั่งยิ้มให้ไอ้เอกอีกนานมั้ยต้น สอนข้อนี้เลย เร็วๆ”
     ไอ้ยักษ์บ้า!
     “ไอ้ควายเอ้ย!”
     เอกหันไปด่ามิวนิคก่อนจะหันกลับมาพูดกับผม
     “ต้นกูไปก่อนนะ วันหลังค่อยไปหาที่เงียบๆ ติวกันสองคน”
     “กูไม่อนุญาต! เฮ้ยต้น! มึงจะไปไหน?”
     “กลับ”
     “แล้วโจทย์กูล่ะ?”
     “นั่นชีท อ่านเอาเองแล้วกันครับ ผมไปล่ะ”
     “เฮ้ยต้น! ทีไอ้เอกมึงยัง-“
     “ก็ถามเป้เอาสิครับ เป้ก็อธิบายได้เหมือนผมนั่นแหละ ส่วนเอกเขาไม่มีใคร แล้วผมก็ติวให้เอกมาตั้งนานแล้วด้วย ตั้งแต่ตอนปีหนึ่ง!”

     ผมหนีมานั่งอ่านหนังสือเงียบๆ คนเดียวที่หอสมุด แต่อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัวครับ ผมคิดถึงพี่ชัช ผมนึกถึงเรื่องที่ผมคุยกับพี่ฟ่าง ผมคิดถึงผู้หญิงคนนั้น... ผมรู้ดีครับว่าผมควรจะเชื่อใจพี่ชัช คนรักกันก็ควรจะเชื่อใจกัน สองปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าพี่เขารักและจริงใจกับผมมากแค่ไหน ความจริงสิ่งที่พี่เขาทำให้ผมนี่มันมากกว่าที่ผมหวังไว้ซะอีก แต่... ไม่รู้ทำไมผมถึงกลัว ผมมีลางสังหรณ์ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมาแย่งพี่ชัชไปจากผม คำพูดของพี่ฟ่างผุดขึ้นในหัว
     “ระวังยัยป้านั่นไว้หน่อยก็ดีนะต้น คนบางคนถือคติที่ว่าถ้าตัวเองไม่มีความสุข คนอื่นก็ห้ามมีความสุข ชัชน่ะชอบใจอ่อนเพราะความสงสาร”
     พี่ชัชก็ใจอ่อนกับผมเพราะความสงสารเหมือนกัน พี่เขาถึงได้ยอมเปิดโอกาสให้ผมเข้าไปใกล้ชิด ผมอยากบอกพี่ฟ่างแบบนั้นแต่กลับพูดไม่ออกเลยได้แต่ปล่อยให้พี่เขาพูดต่อ
     “ชัชน่ะไม่ละเอียดอ่อนเอาซะเลย บางครั้งก็ตามมารยาผู้หญิงไม่ทันหรอก พี่กลัวชัชจะเสียทีให้ยัยป้านั่น”
     “แต่ถ้าเกิดเขาสองคนกลับมารักกันจริงๆ ละครับพี่ฟ่าง ใครๆ ก็บอกว่า... พวกเขาเหมาะสมกัน”
     “โอ๊ย! พี่ค้านหัวชนฝาเลยต้น! ต้นก็รู้ว่าชัชน่ะนอกบ้านกับในบ้านต่างกันขนาดไหน งี่เง่าอย่างชัชน่ะต้องใจเย็นแบบต้นถึงจะเอาอยู่ ยัยป้าอำมหิตคนนั้นไม่เหมาะกับชัชหรอก”
     “แต่ถ้าเขารักกัน...”
     “อย่าคิดแบบนั้นนะต้น! ห้ามน้อยใจตัวเองนะรู้มั้ย แล้วต้นไม่รักชัชรึไง ที่สำคัญชัชรักต้นมากนะ มั่นใจตัวเองหน่อยสิจ้ะ”
     “แต่ผมกลัวนี่ครับพี่ฟ่าง เขาเคยคบกันมาก่อน บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะยังรักพี่ชัชอยู่ก็ได้”
     “แล้วไง? มันสำคัญตรงที่ตอนนี้ชัชรักใครจ้า แล้วพี่บอกได้เลยว่าชัชเลือกต้น พี่ว่าต้นกับชัชเหมาะกันมากเลยนะ ชัชเปลี่ยนไปในทางที่ดีตั้งหลายอย่าง และที่สำคัญต้นทนญาติพี่น้องครอบครัวชัชได้”
     “หึๆ พี่ฟ่างก็”
     “ก็มันจริงนี่! พี่เข็ดจนวันตายเลย คราวหน้าพี่จะหาแต่ผู้ชายที่ไม่มีญาติพี่น้องมาเป็นแฟน แต่งกับลูกแถมแม่ไม่พอยังมีหลานมาให้เลี้ยง”
     “แม่แกก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอกครับ”
     “กดขี่จะตาย พี่ล่ะนับถือต้นเลย ทนได้ยังไง”
     “ครับ”
     “เห็นมั้ย ต้นน่ะแหละเหมาะกับชัชที่สุดแล้ว ที่สำคัญพี่ไม่เชื่อหรอกจ้ะว่ายัยป้านั่นจะรักชัชจริง”
     “ทำไมเหรอครับพี่ฟ่าง?”
     “ยัยนั่นเข้ามาวุ่นวายกับพี่และชัชก็จริง ตอนที่ชัชกำลังจะจีบพี่ แต่ตอนที่พี่กับชัชเลิกกันเค้าก็ไม่ได้สนใจชัชเลยนะ ทั้งๆ ที่ช่วงนั้นชัชทำตัวเละเทะมาก เค้าไม่ได้มาอยู่ข้างๆ ชัช ไม่แม้แต่จะฉวยโอกาส ถ้าเค้าอยากได้ชัชจริงเค้าไม่ปล่อยหรอก”
     “แต่เค้าอาจจะยุ่งๆ อยู่ก็ได้นี่ครับ เค้าเพิ่งกลับมาติดต่อกันบ่อยช่วงหลังๆ นี่เอง พี่ชัชบอกว่าเพราะอยู่บริษัทเดียวกัน พอได้ใกล้ชิดถ่านไฟเก่าอาจจะ...”
     “ถ้าอย่างนั้นต้นก็ดับไฟซะสิ ไม่เห็นต้องแคร์อะไรเลย ต้นรักชัชแค่นั้นก็พอ ชัชเป็นผู้ชายของต้นแล้วนะ จับไว้ให้แน่นเลย ยังไงชัชก็ไปไหนไม่รอดหรอก ถึงชัชจะขี้หลีไปหน่อยแต่ชัชเป็นคนจริงจังนะ ถ้าเขาบอกว่ารักคือรัก ต้นต้องมั่นใจในตัวเอง เชื่อในความรักของต้นกับชัชนะ พี่เอาใจช่วยจ้ะ”

     ผม... ต้องมั่นใจในตัวเอง ... เฮ้อ มันทำยากนะครับ ถ้าผมมีดีได้ซักครึ่งนึงของพี่ฟ่างก็ดีสิ ผมเครียดจนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ใกล้สอบแล้วแท้ๆ ไปหาของหวานทานแก้เครียดดีกว่าครับ อยากทานอะไรหวานๆ เป็นบ้าเลย

     ผมนั่งทานไอศกรีมคนเดียวกะว่าจะทำใจให้สบายๆ แล้วดื่มด่ำกับรสหวานเย็นของไอศกรีมแสนอร่อย นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้อยู่คนเดียวแบบนี้ พักหลังผมไปไหนมาไหนกับเพื่อนตลอด แล้วแม็กซ์ก็มาหาผมบ่อยๆ ด้วย ผมก็เลยไม่ค่อยได้อยู่คนเดียวเหมือนเมื่อก่อน ผมนึกถึงคำเตือนของอาร์ทที่บอกว่าอย่าอยู่คนเดียว ความจริงการอยู่คนเดียวมันก็ไม่ได้เลวร้ายมากซักหน่อย ถึงผมจะไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ คนที่ไม่รู้จักกันก็มาเกลียดผม แต่คงไม่มีใครบ้ามาทำอะไรหรอกครับ ผมไม่เคยไปทำอะไรให้ใครซักหน่อย แล้วจะมีคนโกรธแค้นผมถึงขั้นจะมาทำร้ายกันได้ยังไง
     “ได้ข่าวว่าไม่สบาย ไหงมานั่งกินไอติมแบบนี้ล่ะต้น”
     พอผมหันไปตามเสียงทักก็เจอเข้ากับคิวว์ที่ถือถ้วยไอศกรีมยืนยิ้มอยู่
     “นั่งด้วยคนนะ”
     โดยไม่รอให้ผมตอบ เขาก็นั่งลงข้างๆ ผม ผมก็เลยเขยิบแบ่งที่ให้เขานั่ง
     “เป็นหวัดไม่ใช่เหรอ ได้ข่าวยกแก๊ง”
     “ข่าวผิดแล้ว ยกเว้นป่านไว้คนนะ”
     “โห! อึด ถึก แกร่ง”
     “ฮ่าๆ”
     คิวว์ก็พูดซะผมขำเลย ผมหลุดขำ ส่วนคิวว์ก็เอาแต่ยิ้ม
     “เดี๋ยวก็น็อคแบบไปป์หรอก ซ่านะเนี่ย กินของเย็นๆ แบบนี้ได้ไง มาๆ เราเสียสละเอง”
     ว่าแล้วคิวว์ก็จ้วงไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ของผมเข้าปาก! คำสามคำผุดขึ้นในใจผม ‘เนียน กิน ฟรี’
     “บ้าละคิวว์! อย่ามาเนียน”
     “ขอมั่งสิ แบ่งเราหน่อยนะ”
     ผมมองถ้วยที่มีก้อนของหวานสีน้ำตาลแล้วก็เซ็ง
     “อยากทานทำไมไม่สั่งเอง”
     “ก็ตอนแรกอยากกินช็อกโกแลต แต่ตอนนี้อยากชิมสตรอเบอร์รี่ แล้วทำไมมานั่งคนเดียวแบบนี้ล่ะ”
     “อยากกินอะไรเย็นๆ ให้สมองมันโล่งมั้ง”
     ผมตอบไปแบบนั้น
     “รำคาญมิวนิคเหรอ หึๆ”
     ผมเหล่มองคิวว์ แต่ไม่ตอบอะไร แกล้งตักไอศกรีมเข้าปาก
     “คนอื่นเขาเครียดเรื่องสอบแทบตาย มีแต่นายมั้งที่สบายๆ”
     “เราเนี่ยนะ? ถ้างั้นแล้วนายล่ะ ไม่รีบกลับไปอ่านหนังสือเหรอไง”
     “แวะมาเติมพลังก่อน สอบก็เครียด งานก็เครียด”
     คิวว์พูดแล้วทำเสียงง๊องแง๊งซะน่ารักเลยครับ แถมยังเหยียดแขนซบหน้าลงบนโต๊ะอีก ท่าทางของคิวว์เป็นธรรมชาติมาก เขาดูสบายๆ ทั้งๆ ที่คนแถวนี้แอบให้ความสนใจเขาอยู่ ก็คิวว์เป็นนายแบบนี่ครับ ถึงจะไม่ใช่ดาราดังมากแต่ก็มีงานโฆษณาหลายตัว เล่นMVด้วยนะครับ เอาเป็นว่าคิวว์เป็นหนุ่มหล่อที่คนจำหน้าได้ก็แล้วกัน แต่ตอนนี้หนุ่มหล่อคนนั้นกำลังทำเสียงครวญครางแหกปากระบายความเครียดอยู่
     “คิวว์ เบาหน่อย คนมองนายอยู่นะ”
     “โอ๊ย เครียดๆๆๆ คิวว์เครียดคร้าบ!”
     คิวว์พ่นถ้อยคำประหลาดๆ ออกมาแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะจ้วงไอศกรีมในถ้วยทานจนเกลี้ยงภายในไม่กี่คำ แถมยังยกถ้วยเทส่วนที่ละลายขึ้นดื่มอีกด้วยครับ!
     “เชื่อเค้าเลย!”
     “ทำไมล่ะ?”
     “นายเป็นดารานะ น่าจะเก็กๆ บ้าง ไม่อายเค้าเหรอไง”
     “ยังไม่ได้เป็นดารา เป็นแค่นายแบบโฆษณา นายแบบก็เครียดได้นะต้น”
     คนเครียดหันมายิ้มให้ผมซะงั้น อิจฉาคนหล่อชะมัดเลยครับ ขนาดเครียดยังยิ้มได้ดูดีเป็นบ้า! ผมตักไอศกรีมของตัวเองทานบ้าง คิวว์ที่ทานเสร็จแล้วนั่งจ้องผมทานไม่ลุกไปไหน เขามองผมอยู่นานแล้วก็พูดขึ้น
     “ต้นนี่ มองๆ ไปมองมาก็น่ารักดีเนอะ ไม่น่าใส่แว่นเลยอ่ะ ทำไมไม่ใส่คอนแทคเลนส์ล่ะ ความจริงถ้านายแต่งตัวอีกนิดนายจะน่ารักสุดๆ ไปเลยล่ะเราว่า”
     พูดไม่พูดเปล่าเขายังขยับเข้ามาใกล้จนผมเขิน โดนคนหล่อๆ อย่างคิวว์จ้องระยะประชิดผมก็เขินเป็นนะครับ จะจ้องทำไมก็ไม่รู้ บนหน้าผมไม่มีเลขให้จ้องซะหน่อย!
     “สายตาสั้นมากเหรอ? เสียดายตาออกจะสวยแท้ๆ สีดำสนิทดีจัง แปลกดี”
     ผมเอนตัวหนีใบหน้าของคิวว์เล็กน้อย แต่แล้วคิวว์ก็พูดขึ้น
     “อ้าว! หน้าแดงทำไมอะต้น?”
     ผมเขินก็เพราะเขามาจ้องผมใกล้ๆ นั่นแหละ! คิวว์หัวเราะเสียงใสแล้วก็ถอยออกไปครับ แต่ดันหย่อยนระเบิดแกล้งผมต่อด้วย!
     “ต้นนี่หน้าแดงง่ายจัง แต่หน้าตอนเขินน่ารักดีนะ มิน่า มิวนิคมันถึงหลงรักนาย ฮะๆ”
     “บ้า! นะ นะ นายพูดอะไรของนาย!”
     “อะไร? ต้นไม่รู้เหรอ เขารู้กันทั้งภาคแล้ว ฮ่ะๆ”
     ผมทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่ตักไอศกรีมทาน มันสับสนนะครับ
     “โห! แดงเถือกไปถึงคอ”
     “บ้า!”
     “ฮ่าๆ”
     “แบบนี้แสดงว่ารู้อยู่แล้วใช่มั้ย”
     “รู้อะไร?”
     “หึๆ”
     “ต้นนี่น้า ใจร้ายจัง สงสารมิวนิค อกหักแหง๋ๆ”
     “เรามีแฟนอยู่แล้วนะ! ละมิวนิคเขาก็แค่ชอบเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรกับเราซักหน่อย”
     “อืม... ทุกคนชอบต้นทั้งนั้นแหละ ต้นน่ารักขนาดนี้ใครไม่ชอบก็บ้าแล้ว เอาล่ะ! เราตัดสินใจละ ไปกับเราเหอะ”
     จู่ๆ คิวว์ก็ดึงมือผมให้ลุกขึ้นตามเขา
     “อะไร? ไปไหน?”
     “ว่างไม่ใช่เหรอ ไปช่วยงานเราหน่อยนะ”
     “เฮ้ยคิวว์! เดี๋ยวๆ”

     แล้วคิวว์ก็ลากผมมาที่บริษัทโมเดลลิ่งแห่งหนึ่ง โฮมออฟฟิศสี่ชั้นถูกปรับแต่งให้เป็นสตูดิโอขนาดย่อม ผมถูกคิวว์ลากมาถ่ายรูป! และตอนนี้ผมก็กำลังจะถูกจับแต่งหน้า!
     “เอ่อ... ไม่ดีทั้งคิวว์ คือเรา...”
     “นะ นะ ช่วยหน่อยนะ ถ้าต้นไม่ช่วยก็ไม่มีใครช่วยเราแล้ว”
     “แต่... แต่ว่าเรา ไม่เหมาะหรอก”
     ให้ผมถ่ายรูปเป็นนายแบบไม่ไหวหรอกครับ!
     “เอาไงคะคุณน้อง พี่ไม่ได้ว่างทั้งวันนะคะ”
     “ขอผมคุยกับเพื่อนแป็บนึงนะครับ”
     คิวว์หันไปบอกพี่ช่างแต่งหน้า พี่เขาพยักหน้าแล้วก็เดินออกไป คิวว์เลยหันมาอ้อนวอนผมอีกรอบ
     “ความจริงเราก็ไม่อยากทำงานนี้หรอก แต่มันก็เป็นโอกาสใช่มั้ยล่ะต้น พิสูจน์ฝีมือ เราไม่อยากเรื่องมากปฏิเสธงานทั้งๆ ที่เราอาจจะแคสไม่ผ่านก็ได้ แต่ตอนที่คุยกันแล้วนายยิ้ม เหมือนเราจะจับความรู้สึกบางอย่างได้อ่ะ เราก็พูดไม่ถูก ผู้ชายปกติที่ไหนจะมองผู้ชายด้วยกันแล้วหลงรัก เราทำยังไงก็ไม่เข้าใจอารมณ์นี้ซักที แต่นายทำให้เรารู้สึกว่านายน่ารักได้อ่ะ เอ้ยๆ ไม่ใช่ คือแค่รู้สึกว่านายน่ารักดี เราไม่ได้คิดอะไรแบบน้าน ... เราคิดว่ามันอาจจะทำให้เราเข้าใจอารมณ์ของเกย์ได้ดีขึ้น เลยต้องขอให้นายมาช่วย”
     ผมควรจะโล่งอกรึเปล่าครับที่คิวว์ไม่ได้คิดอะไรแผลงๆ เหมือนมิวนิค ตอนปีหนึ่งสองคนนี้ยิ่งเคยสนิทๆ กันอยู่ก่อนที่คิวว์จะงานยุ่งจนไม่ซี้กับก๊วนพวกนั้นเหมือนก่อน ไม่สิจริงๆ ต้องบอกว่าคิวว์เคืองที่มิวนิคแย่งจีบผู้หญิงที่ตัวเองชอบมากกว่า คิวว์เลยทุ่มเทให้งานในวงการเต็มตัวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
     ส่วนงานที่ว่าของคิวว์คือรายการอะไรซักอย่างที่ให้คนมาจับผิดเกย์ ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมสังคมต้องมาจับผิดเกย์ด้วย แล้วคิวว์ก็ถูกบริษัทส่งเข้าไปแคสเป็นตัวหลอกในเทปเกี่ยวกับคู่รักเกย์อะไรซักอย่าง ในแง่ของคิวว์มันคือการแสดง คิวว์มุ่งมั่นกับการสร้างความเชื่อว่าเขามีความรักให้กับผู้ชายอีกคน เป็นคู่เกย์แมนๆ ที่รักกัน ดังนั้นบุคลิกจะไม่ออกทางตุ้งติ้งแต่ต้องหลอกคนด้วยสายตาและการแสดงความรู้สึกแทน แต่สำหรับผม ผมอยากเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนนึงที่รักพี่ชัชก็แค่นั้น ผมไม่ได้อยากถูกสังคมจับผิด ไม่อยากให้ใครมาจับจ้องความรักของเรา
     “นะต้น ช่วยเราหน่อยนะ เขาไม่ถ่ายเห็นหน้าชัดหรอก จะถ่ายเจาะที่อารมณ์เรามากกว่า แค่คลิปแนะนำตัวแล้วก็ภาพนิ่งไม่กี่ภาพเอง”
     “เราเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากว่างั้น”
     “โห! คม ตรง บาด ซิบๆ”
     “บ้า!”
     “ยอมนะ นะ”
     “อือ ก็ได้”
     แล้วผมก็ถูกจับแต่งหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า คิวว์ก็เช่นกัน เฮ้อ... ราศีดารากับคนธรรมดาๆ อย่างผมมันต่างกันลิบลับเลยครับ ตอนที่เขาเรียกไปเข้ากล้องผมก็เกิดสั่นขึ้นมา ผมเงอะงะทำตัวไม่ถูกเพราะผมต้องนั่งคร่อมตักคิวว์! แถมยังต้องโอบไหล่คิวว์ไว้อีก พวกเราต้องจับมือกันทำท่าหวานชื่น! พวกเขาจะถ่ายเจาะสีหน้าของคิวว์ จะเห็นแค่หลังกับมือของผม แต่... ผมเขินนะ ให้ผมมาทำแบบนี้กับคนอื่นผมทำไม่ได้หรอก ขืนพี่ชัชรู้ผมตายแน่!
     พวกทีมงานเขาหัวเราะ แซวคิวว์ว่าจะไหวเหรอ ถ่ายกับนายแบบอีกคนก็ดีอยู่แล้ว แต่คิวว์บอกว่าขอเลือกผมแทนเพราะผมส่งอารมณ์ได้ดีกว่า รู้สึกอารมณ์นี้มันใช่กว่า พวกเขาเลยยอมพัก บอกว่าอีกสิบนาทีค่อยมาถ่ายใหม่ คิวว์ขอตัวไปคุยกับตากล้อง ปล่อยให้ผมนั่งพักคนเดียว แล้วผมก็ได้ยินคำนินทาที่ตราหน้าว่าคิวว์ก็แค่พวกอยากดัง อาศัยบารมีครอบครัวดันตัวเองเข้าในวงการทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มีฝีมือมากมาย รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้เลิศ
     คิวว์คือผู้ชายนิสัยดีที่ยิ้มง่ายที่สุดเท่าที่ผมรู้จักในภาค! อยู่กันมาจะสองปี ผมยังไม่เคยเห็นคิวว์คิดร้ายกับใคร คนพวกนี้ไม่มีสิทธิ์มาว่าเพื่อนผมแบบนี้!
     “คิวว์ เราพร้อมแล้วหล่ะ”
     พวกปากหอยปากปูเอ้ย! ตัวเองก็ไม่ได้ดูดีอะไรนักหนา หน้าที่ไปศัลยกรรมมาก็งั้นๆ ตัวเตี้ยกล้ามปู จะแมนก็ไม่แมนแถมยังสาวแตก มีสิทธิ์อะไรมานินทาเพื่อนผมว่าหน้าเน่าขายเป้า! ถึงเพื่อนผมจะไม่ได้หล่อระดับพระเอกแต่ก็ดูดีจะตาย!
     “โห เป็นไรไป ไฟลุกเชียวต้น?”
     “เอ่อ...”
     “หายเกร็งก็ดีแล้ว สบายๆ นะต้น ปล่อยตัวเล่นไปตามที่เรานำ นอกนั้นเราจัดการเอง”
     “เฮ้ย บ้า!”
     ผมว่าคำพูดมันแปลกๆ ละ!
     “ฮ่าๆ แบบนี้แหละ นั่นๆ หน้าแดงแล้ว”
     ไม่รู้ทำไมผมถึงเขินกับคำพูดเมื่อกี้ของคิวว์ เผลอใจเต้นโครมครามเลยครับ สายตาของคิวว์เมื่อกี้นี้เหมือนไม่ใช่คิวว์ที่ผมรู้จักเลย พวกดาราเป็นแบบนี้นี่เอง
     แล้วผมก็ถูกคิวว์ลากไปถ่ายรูป สถานการณ์ที่ผมได้รู้ว่าการที่หัวใจของเราเต้นเร็วติดต่อกันตลอดเวลาแถมยัง เขินจนเราไม่กล้าสู้สายตาอีกฝ่ายแบบนอนสต็อปมันเป็นยังไง นอกจากพี่ชัชแล้วก็มีแต่คิวว์นี่แหละครับที่ใช้สายตาได้เข้มข้นขนาดนี้ ถ้าผมไม่รู้มาก่อนว่าคิวว์ชอบพี่คนนึงอยู่ผมคงนึกเข้าข้างตัวเองว่าคิวว์ชอบผม ตอนที่เขาให้โพสกอดกันผมแทบบ้าตาย! ทุกส่วนบนร่างกายตัวเองที่ถูกคิวว์สัมผัสมันร้อนอย่างกับถูกไฟเผา! ผมที่ไม่เคยคิดอะไรกับผู้ชายคนอื่นนอกจากพี่ชัชรู้ตัวดีว่าเผลอเคลิ้มเพราะสายตาของคิวว์
     “โอเค พอได้ครับ”
     อย่างกับเสียงสวรรค์เลยครับ เฮ้อ!
     “ขอบใจนะต้น เดี๋ยวเลี้ยงข้าวเย็น”
     “อือ...”
     “เฮ้ย! มองเราดิ อย่ามองพื้น ต้นนี่ตลกดีอ่ะ”
     คิวว์แกล้งผม!
     “รุ รู้แล้วน่ะ ไป...ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”
     ก็ผมยังเขินคิวว์อยู่นี่ครับ ถึงจะรู้ว่านั่นคือการแสดง รู้ว่าคิวว์ไม่ได้คิดอะไรกับผม แต่มันห้ามกันไม่ได้นี่ หัวใจของผมเต้นเร็วจี๋เหมือนผมพึ่งวิ่งร้อยเมตรมายังไงยังงั้น!
     “ฮะๆ”
     คิวว์หัวเราะขึ้นแล้วจู่ๆ ก็ดึงผมเข้าไปยืนใกล้ๆ เขากอดคอผมแล้วก็ยกมือถือตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปคู่
     “เฮ้ย! ทำไรอ่ะ”
     “ถ่ายรูปไง ได้ทำงานด้วยกันทั้งที ถ่ายเป็นที่ระลึกหน่อย”
     “อะ อะ เอางั้นเหรอ”
     “อาฮะ”
     แล้วผมก็ถูกรัวรูปคู่ คิวว์พยายามให้ผมทำหน้าทะเล้นคู่กันด้วยครับ เชื่อเค้าเลย... แต่ค่อยยังชั่วหน่อยที่คิวว์กลับมาเป็นคิวว์ที่ผมรู้จักแล้ว หัวใจผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อยจนเกินไป เฮ้อ...
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#12/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน18
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 12-11-2014 21:47:25

     หลังจากนั้นคิวว์ก็พาผมไปหาอะไรทานใกล้ๆ ก่อนจะส่งผมกลับคอนโด แต่ระหว่างทางตอนที่รถติด คิวว์หยิบโทรศัพท์มาดูแล้วก็หัวเราะ เขาโยนโทรศัพท์มาให้ผมดู ‘สัสคิว’ เอ่อ... ช่างเป็นข้อความไลน์ที่... ผมพูดไม่ออก
     “มิวนิคมันคลั่งเลยต้น ฮะๆ”
     คิวว์พูดด้วยท่าทางสบายๆ เขาขยับตัวมากดโทรศัพท์เปิดหน้าอินสตาแกรมให้ผมดู รูปคู่ที่เขากับผมถ่ายเล่นกันเมื่อกี้มีบางคอมเม้นท์ที่เดาได้ไม่ยากว่าใคร
     “ขำอ่ะ ท่าทางมิวนิคมันชอบนายมากนะ”
     “บ้า ไม่มีอะไรหรอก”
     ผมตอบพลางเลื่อนดูรูป คิวว์โพสไว้ว่า ‘ถ่ายรูปคู่กับเพื่อน♡♡’ เขินตัวเองชะมัดเลยครับ แต่อยู่ๆ ผมก็นึกขึ้นได้ แต่ละรูปมีคนกดชื่นชอบเป็นพัน อินสตาแกรมคิวว์มีคนติดตามตั้งเยอะ! และคิวว์เป็นดารา!
     “นายอัพรูปลงสาธารณะแบบนี้ไม่กลัวเสียหายเหรอ?”
     “เสียหายอะไร ถ่ายเล่นกับเพื่อน”
     “แต่เรา... เป็น”
     “อย่ามองตัวเองในแง่ลบแบบนั้นสิต้น ไม่ว่านายเป็นอะไรเราก็เป็นเพื่อนกันนะ ยกเว้นนายกลัวแฟนนายหึงอะ ถ้าเป็นแบบนั้นเราขอโทษ ลืมคิดเรื่องนี้ไป แหะๆ”
     “ไม่ได้ใช้เราสร้างกระแสให้ตัวเองใช่มั้ยเนี่ย?”
     ผมก็รู้นะว่าคิวว์ตั้งใจแกล้งใคร แท็กไปหามิวนิคแบบนั้น เลยอดไม่ได้ที่จะปากเสียใส่คิวว์ แต่คิวว์กลับหัวเราะ
     “อาจจะมั้ง ฮะๆ หรือเราจะจีบนายดี? มิวนิคต้องบ้าแน่ๆ”
     “นายนี่ก็ชอบแหย่มิวนิคจัง แค้นอะไรกันนักหนา กะอีแค่แย่งสาวกัน”
     “ก็แย่งสาวนี่ละเรื่องใหญ่ของผู้ชาย เคืองกันยันลูกบวชอ่ะต้น อ๊ะ! แต่เรื่องนั้นไม่เกี่ยวนะ ที่เราชวนนายมาด้วยเพราะเรื่องงานจริงๆ เราไม่เอางานไปปนกับเรื่องเล่นๆ หรอก ส่วนเรื่องแกล้งมิวนิคมันผลพลอยได้”
     “นายนี่นะ หึๆ”
     “ต้นไม่ชอบพวกโซเชี่ยลใช่มั้ยล่ะ โทษทีนะ”
     “ก็ไม่เชิงหรอก เรา... เราไม่รู้จะทำอะไรละมั้ง”
     “นั่นสิ ก็ต้นเป็นคนเงียบๆ นี่เนอะ ละแฟนต้นล่ะ?”
     “อืม ไม่รู้สิ เราไม่กล้าก้าวก่ายสังคมของพี่เขาหรอก บางทีอาจจะเป็นเพราะเรื่องงานด้วยก็ได้ เรากลัวทำให้พี่เขาลำบาก”
     “ดีจังน้า... เป็นคนอื่นคงบังคับขึ้นสเตตัสไปแล้ว แฟนต้นโชคดีเนอะ”
     “ไม่รู้สิ...”
     “ห๊ะ?”
     “เปล่าๆ ไม่มีไรหรอก! ว่าแต่ บทที่นายไปแคสก็แปลกดีนะ”
     ผมพูดไม่ออกว่าควรจะบอกว่า “ดีจังที่ยอมรับเกย์” หรือ “ทำไมถึงใช้ประเด็นนี้เป็นจุดขาย” เลยตัดสินใจพูดแค่นั้น
     “แล้วต้นคิดไงล่ะ?”
     “เอ่อเรา...”
     “ไม่ตื่นเต้นดีใจเลยเหรอ ได้ใกล้ชิดกับเราแบบนั้น ฮะๆ”
     “บ้า!”
     คิวว์พูดแหย่ผมแต่แล้วก็กลับมาใช้น้ำเสียงจริงจังคุยให้ผมฟัง
     “ไม่เฉพาะแต่กลุ่มตุ๊ดเกย์กระเทยที่เยอะขึ้นนะต้น ผู้หญิงเองก็เยอะ บางทีผู้ชายอย่างเราก็โดนขายด้วยเหมือนกัน ขายรูปร่างหน้าตา ขายอิมเมจ ขายความฝันให้คนดูเอาไปจิ้น ชอบไม่ชอบก็ต้องทำ มันคืองาน นักแสดงก็ต้องแสดงให้ได้ทุกบทใช่มั้ยล่ะ งานนี้เขาต้องการตัวหลอกที่ชัวร์จริงๆ ว่าไม่ได้แอ๊บแมน บริษัทเลยเสนอเราไปแคส มันก็เป็นโอกาสของเรานะต้น ถึงจะเป็นก้าวเล็กๆ แต่ถ้าเราทำได้เข้าตาเราก็มีสิทธิ์ไปต่อในบทอื่นๆ”
     “ทำไมนายไม่เรียนด้านนั้นไปเลยล่ะ”
     “เราโลภน่ะ ตอนนี้ยังหล่อก็อยากทำตรงนี้ให้ได้มากที่สุดก่อน แต่เราก็ไม่ทิ้งความฝันที่อยากทำงานกับนาซ่าหรอกนะ”
     คิวว์หันมายิ้มให้ผม แต่แหม... นาซ่าเลยเหรอครับ ความฝันของคิวว์ยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว
     “พูดแล้วก็ขอบคุณนายด้วยนะ ถ้าไม่มีนายคอยช่วยติวเราคงลำบาก”
     “ฟังที่นายพูดแล้วน่าอิจฉาจังเลยนะ ทั้งความฝันของนายทั้งงานขายฝันพวกนั้นด้วย”
     “ก็ชีวิตจริงมันไม่สวยงามละมั้ง คนเราถึงได้ชอบอยู่กับความฝัน ได้เสพในสิ่งที่ตัวเองชอบ ได้จิ้น จับคู่คนนู้นคนนี้ กระแสแนวนี้กำลังมาแรงเลย แล้วนายล่ะ ไม่เคยจิ้นอะไรบ้างเลยเหรอ?”
     “บ้า! เรามีแฟนแล้วนะ จะให้ไปจิ้นได้ยังไง”
     “ฮะๆ ต้นนี่น่ารักชะมัดเลย จริงจังเกินไปแล้ว คนเราต้องอยู่กับความฝันบ้างนะต้น เพราะความฝันคือความหวัง”
     คิวว์หันมาขยิบตาให้ผม บางทีคิวว์ก็ชอบพูดอะไรยากๆ แบบที่คิดว่าคม ถ้าเป็นคนอื่นคงเป็นแค่ไอ้ขี้เก็ก แต่สำหรับคนหล่อยิ้มง่ายอย่างคิวว์ มันดูดีเป็นบ้าเลยครับ คิวว์สามารถพูดอะไรคมๆ ได้อย่างมั่นใจ เท่จริงๆ
     “แต่เราไม่กล้าฝันมากหรอกคิวว์ เรากลัว”
     “ก็ฝันในสิ่งที่เป็นไปได้สิ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ก่อนค่อยขยายไปสู่สิ่งที่ใหญ่ขึ้น ความฝันไม่ใช่เรื่องไร้สาระเสมอไปหรอกนะต้น มันเป็นได้ทั้งแรงผลักดันและจินตนาการที่ทำให้เรามีกำลังใจสู้ต่อไป เออ! แต่ฝันเฟื่องมากไปก็ไม่ดีนะ แบบน้องคนนั้นที่มีเรื่องกับนายไง แบบนั้นเรียกแยกระหว่างความจริงกับความฝันไม่ออก แฟนคลับแบบนี้น่ากลัวนะ ทำลายไอดอลของตัวเองชัดๆ”
     ผมเข้าใจมุมมองของดาราแบบคิวว์นะครับ ผมเองก็อยากจะพูดว่าไม่แคร์หรอก แต่พอนึกถึงว่ามีคนได้ยินเรื่องไม่ดีของผมแล้วก็เอาผมไปด่าทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันเลยซักนิดแล้วมันก็อดเจ็บแปลบไม่ได้ ผมถูกใครก็ไม่รู้เอาไปด่าในโลกโซเชี่ยล มีคนเข้ามาซ้ำเติมผมมากมายอย่างสนุกปากทั้งๆ ที่เขาไม่รู้จักตัวตนผมเลยซักนิด บางทีผมก็อยากถามว่าผมไปทำอะไรให้พวกเขา มาจับจ้องผมทำไม ผมเกลียดคนพวกนี้ที่สุดเลยครับ!
     เพราะแบบนี้ ผมถึงต้องนิ่ง ผมไม่อยากมีเรื่อง ผมเหนื่อยที่ต้องไปคอยตอบโต้ใครต่อใคร ผมถึงได้พยายามอยู่ให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะผมไม่ใช่ดาราหน้ากล้องที่ยิ้มสู้ทุกอย่างเหมือนคิวว์ ผมแก้ปัญหาไม่เก่ง มนุษย์สัมพันธ์แย่ แถมยังมีแต่ความลับที่บอกใครไม่ได้...
     “แล้วความฝันของต้นล่ะ? ต้นฝันอะไรไว้เหรอ?”
     คิวว์ถามพลางขับรถไปเรื่อยๆ อีกไม่ไกลก็จะถึงคอนโดผมแล้ว ... นั่นสิครับ ความฝันสูงสุดของผมคืออะไร? ผมถามตัวเองซ้ำเพราะผมเองก็ไม่รู้ แต่แล้วภาพของคนสามคนที่ประกอบด้วยผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กก็ปรากฏขึ้นในหัว...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ปักป้ายเตือนตัวโตๆ ว่า ตอนต่อไปมี NC หือ!  o22  จะว่าไปนิยายเรื่องนี้ก็มีประปรายอยู่แล้วมิใช่เหรอ? ทำไมต้องเตือนอีก?

ก็มัน ..... มันเป็น นอมอล น่ะสิ   :a5:   ดังนั้นคนที่รับแต่Yเกลียดชายหญิงกรุณาติดเบรคตัวเองไว้บ้าง เดี๋ยวจะหาว่าเราไม่เตือน
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#12/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน18
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 12-11-2014 22:12:59
ชัยชัช

     ในที่สุดงานสัมมนาวันที่สองก็จบลงครับ ผมกะจะชิ่งตั้งแต่คืนที่สองนี่แหละ พรุ่งนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากตื่นสายๆ ละเลียดเบรคฟาสต์แล้วก็นั่งรถกลับกรุงเทพแวะกินอาหารเที่ยงที่ร้านชื่อดังระหว่างทาง แต่ผมเอารถมาเองเลยกะจะซิ่งกลับก่อน ผมหนีขึ้นมาแพ็คกระเป๋าแต่เก็บของได้แปปเดียวก็มีเสียงเคาะประตู พอเปิดประตูก็เจอน้ำตาลยืนอยู่
     “น้ำตาลไม่เห็นชัชในงานเลยขึ้นมาตาม หมอเจตน์ถามหาแน่ะ”
     “หมอแกมีไรเหรอ?”
     “ก็คุยกับชัชถูกคอมั้ง ชัชไม่ไหวเหรอ น้ำตาลจะได้ไปบอกแกว่าไม่เจอชัช”
     “เฮ้ยอย่าๆ เดี๋ยวชัชลงไปคุยกับแกอีกแปปก็ได้”
     “แล้วนี่ทำไรอยู่เหรอคะ?”
     “เก็บกระเป๋าไง”
     “แหม เตรียมพร้อมเชียวนะคะ พรุ่งนี้กลัวตื่นสายเหรอ”
     ยัยน้ำตาล สีหน้าอมยิ้มรู้ทันผมนั่นมันอะไรกัน ถ้าเป็นเรื่องงานไม่มีคำว่าสายสำหรับผมคร้าบ ยัยนี่ชอบขุดเอาเรื่องสมัยเก่าๆ มาทับถมกันอยู่เรื่อย
     “ชัชกะจะกลับคืนนี้เลย พอดีเอารถมาเอง”
     “อ้าว! ไม่รอกลับพรุ่งนี้ล่ะ เขาจะพาไปแวะอีกหลายที่เลยนะ”
     “ไม่อ่ะ อยากกลับเลยมากกว่า จะหนีงานแล้วปล่อยเด็กๆ พาหมอเที่ยว”
     “งั้นน้ำตาลกลับด้วยสิ แวะไปส่งน้ำตาลได้มั้ยคะ”
     หือ? เสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะ เห็นผมเป็นเบ๊ขึ้นมาทีไรใช้ลูกอ้อนกับผมตลอด
     “เอางั้นเหรอ? ชัชไม่มีปัญหาหรอกแต่งานตาลล่ะ?”
     “เดี๋ยวน้ำตาลไปคุยกับพี่นกเอง”
     “อืมๆ งั้นชัชไปหาหมอเจตน์ก่อนนะ คุยเสร็จแล้วก็กลับเลยแหละ ตาลก็เก็บของรอเลยละกัน”
     “ค่ะ ตกลงตามนี้นะคะ?”
     “คร้าบ”
     แล้วผมก็ลงไปในห้องอาหารอีกรอบ นั่งคุยกับอาจารย์แกอีกเกือบๆ สองชั่วโมง บอกน้องคนอื่นๆว่าผมหนีกลับ แล้วก็มานั่งรอยัยน้ำตาล รอไม่นานเธอก็ลากกระเป๋าเดินมาจิกให้ผมไปช่วยยกให้ เฮ้อ...
     หลังจากนั้นผมก็บึ่งรถกลับกรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่ความเหนื่อยมันรุมเร้า นาฬิกาบอกเวลาใกล้สี่ทุ่ม จากกำแพงเพชรเหยียบดีๆ น่าจะถึงกรุงเทพราวๆ ตีหนึ่ง...
     “ชัช! ยังโอเคมั้ยจ้ะ?”
     “หืม! เคจ้ะ”
     ผมตอบน้ำตาลโดยอัตโนมัติ แต่หนึ่งวินาทีหลังจากนั้นผมก็สำนึกได้ว่าเมื่อกี้ผมหลับใน! ผมวูบไปพักหนึ่งครับ ดีที่ได้เสียงยัยน้ำตาลมาช่วย ไม่งั้นคงพาเพื่อนลงข้างทางแน่ๆ
     “ชัช เปลี่ยนให้น้ำตาลขับมั้ยคะ ท่าทางชัชเพลียมากเลยนะ”
     ถ้าผมบอกว่าไม่ไหวยัยน้ำตาลต้องตกใจแน่ๆ ครับ ทำไงได้มาถึงขั้นนี้แล้ว ศักดิ์ศรีของผมมันรั้นบังคับให้ผมจบสิ่งที่ตัวเองเริ่มเอาไว้ ผมดื้ออยากขับรถกลับเองจะมาขี้เกียจเอากลางทางได้ยังไงครับ
     “ชัชยังไหวจ้ะ นี่เข้าเขตอยุธยาแล้ว เดี๋ยวก็ปทุมละ ใกล้จะถึงบ้านตาลแล้ว”
     “แต่คอนโดชัชยังต้องไปต่ออีกนี่คะ ไปคนเดียวเกิดไปวูบกลางทาง”
     “โอ๊ย! สบายๆ คร้าบ ตาลไม่ต้องห่วง”
     “ห่วงสิ น้ำตาลฝากชีวิตไว้กับชัชนะ”
     เพื่อนร่วมทางผมบ่นเสียงสูงแถมยังทำหน้างอนผมอีก หึๆ
     “ไม่พาลงข้างทางหรอกน่า คันนี้ยังผ่อนไม่หมดเลย ยังไม่อยากเคลมคร้าบ กะขับดีๆ เอาไว้ลดเบี้ยประกัน ฮ่าๆ”
     “ชัชนี่ละก็...กวนน้ำตาลได้แบบนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย แอบหลับอีกน้ำตาลจะหยิกชัชเลยคอยดู!”
     “แหม โหดนะครับ ฮ่าๆ”
     แล้วผมก็ตื่นตัวประคองสติขับมาถึงบ้านยัยน้ำตาลจนได้ เธอเสนอให้ผมเข้าไปล้างหน้าล้างตาในบ้านของเธอรอระหว่างที่เธอต้มน้ำร้อนชงกาแฟให้ผม ผมเองก็ไม่อยากปฏิเสธในเมื่อความง่วงมันบังตาตัวเองขนาดนี้นี่ครับ ผมจะน็อกให้ได้เลย
     บ้านที่มีคนอยู่สามคนจึงได้รับแขกผู้ชายอย่างผมเพิ่มตอนตีหนึ่ง เด็กรับใช้บ้านนี้มีห้องส่วนตัวเล็กๆ ด้านล่างของบ้านครับ แต่ส่วนมากในวันที่น้ำตาลไม่อยู่ เธอก็จะขึ้นไปนอนกับน้องน้ำหวานบนชั้นสองของบ้าน เปิดแอร์นอนสบายกับลูกเจ้าของบ้าน อาหารสามมื้อกินอยู่ฟรีมีเงินเดือน งานบ้านไม่หนัก โคตรสบายอ่ะ อย่างกับคุณนายเจ้าของบ้าน!
     “ชัชรอน้ำเดือดแปปนึงนะคะ น้ำตาลขอเอาของไปเก็บก่อน แล้วเดี๋ยวจะมาชงกาแฟให้”
     นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินเสียงยัยน้ำตาลหลังจากที่เธอเชิญผมเข้าบ้านแล้วปล่อยให้ผมนั่งรอบนโซฟานุ่มๆ ก่อนที่เธอจะหายไป ผมไม่รู้ว่าเธอไปเก็บของหรือต้มน้ำกันแน่เพราะผมไม่ได้สนใจ ผมตั้งใจจะตักตวงเวลาแห่งความสุขช่วงนี้ไว้ให้มากที่สุด ผมหลับตาลงแล้วปล่อยให้สติตัวเองดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา ก็ผมง่วงนี่หว่า! ฝืนขับมาถึงนี่ได้โดยไม่ลงข้างทางก็ปาฏิหาริย์แล้ว ขอผมพักสายตาซักแป็บเหอะ เดี๋ยวน้ำเดือดแล้วยัยน้ำตาลก็มาปลุกผมเองแหละ
     “ชัชคะ ชัช อ้าว!”
     สัมผัสเย็นๆ ชื้นๆ ประคบลงบนหน้าช่วยลากสติผมกลับมาจากโลกแห่งการหลับใหล เอาจริงๆ คือผมสะดุ้งเลยแหละ ผมต้องตั้งสติอยู่พักนึงก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นใครและกำลังทำอะไรอยู่ แต่พอผมนึกขึ้นได้แล้วหันไปมองยัยเพื่อนตัวดีเพื่อจะถามเวลา
     “กี่โมงแล้วตาล?”
     แม่เจ้าโว้ย! ชุดนอนแหล่มเป็ด! ไม่ยักรู้ว่าแม่ม่ายสาวโสดยามนอนคนเดียวก็ใส่ชุดยั่วผัวแบบนี้นอน สายเดี่ยวผ้าซาตินตกแต่งลูกไม้โคตรเซ็กซี่ ยังดีที่มีเสื้อคลุม แต่ไอ้เสื้อคลุมพร้อมถอดแบบนั้นมันก็ไม่ได้ปิดเนินอกขาวๆ นั่นเล้ย... ผมรู้ว่าน้ำตาลเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ผมยกมือสนับสนุนนโยบายนี้นะ แต่ผมอยากรู้ว่าสองเต้านั่นจะเปลี่ยนรูปร่างไปมากขนาดไหนนับจากวันที่ผมเคยสัมผัส เท่าที่มองผ่านๆ จากสายตาอันชั่วช้ากับระบบประมวลผลหื่นๆ ในสมองของผม เพื่อนผมคนนี้ยังดูแลรูปร่างได้สวยเซี๊ยะน่าเจี๊ยะครับ!
     “จะตีสามแล้วค่ะ”
     เธอตอบพลางเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ผมต่อเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร แต่ผมนี่ดิ โคตรทุกข์!
     “เฮ้ยจริงดิ! แล้วทำไมตาลไม่ปลุกชัช”
     “ปลุกแล้วแต่ไม่ตื่น น้ำตาลเห็นชัชเพลียเลยปล่อยให้นอนต่อ จะได้พักหน่อย”
     “เวร...”
     ผมเผลอสบถออกมาจนคนใกล้ตัวงอน ยัยน้ำตาลสะบัดเสียงงอนใส่ผมเป็นสาวๆ ไปได้
     “ฮึ๊! รู้งี้น้ำตาลหนีไปนอนดีกว่า ไม่มาปลุกหรอก ปล่อยให้ชัชนอนตากยุงข้างล่างนี้ก็ดี”
     แน่ะๆ มีเชิดหน้าด้วย น่ารักนะเนี่ย... ผมแพ้สาวขี้งอนซะด้วยสิ
     “แหม... ขอโทษคร้าบ ขอบคุณตาลนะ อุตส่าดูแลชัช”
     “ค่ะ แล้วนี่จะเอายังไงต่อคะ จะนอนต่อมั้ย ถ้าชัชไม่ไหวชัชนอนบ้านน้ำตาลได้นะ ข้างบนน้ำตาลทำห้องไว้ให้แล้ว น้ำตาลไปนอนห้องยัยน้ำหวานแทนได้ แต่ถ้าจะกลับเลยน้ำตาลชงกาแฟไว้ให้แล้ว แต่อยากให้ชัชไปล้างหน้าล้างตาซักหน่อย จะได้สดชื่น น้ำตาลกลัวชัชไปน็อกกลางทาง”
     ความจริงผมยังง่วงอยู่เลยครับ แต่จะค้างบ้านยัยนี่ได้ไง ผมต้องเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว
     “เดี๋ยวชัชกลับเลยดีกว่า”
     “เอางั้นเหรอ ขับกลับไหวแน่นะ?”
     “ไหวคร้าบ”
     เธอส่งกาแฟให้ผม หือ... รสที่ผมกินเลยนี่หว่า
     “อยากต่ออีกซักงีบก่อนมั้ย หน้าชัชง่วงมากเลย”
     “ไม่อ่ะ เดี๋ยวขอใช้ห้องน้ำหน่อยละกัน อยากล้างหน้า”
     “เอาสิ แต่ไปใช้ข้างบนดีกว่า ข้างล่างนี่เด็กใช้ ค่อนข้างสกปรกน่ะ”
     น้ำตาลเธอบอกผมพลางย่นจมูก ดูๆ ไปก็น่ารักดีนะครับ ถึงจะบ่นแต่เธอก็อนุญาตเด็กเอง ช่างเป็นนายจ้างแสนดี มิน่าคนใช้ถึงได้ไม่ฆ่าหมกลูกเธอ ฮ่าๆ
     แล้วเธอก็นั่งเป็นเพื่อนผมซดกาแฟ ชายชุดนอนร่นขึ้นไปถึงหน้าขาเพราะความสั้น น้ำตาลนั่งไขว้ห้างอยู่ข้างๆ ผม เธอล้างเครื่องสำอางออกหมดเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง
     ผมชอบผู้หญิงสวยนะ แต่ถ้าคนเราจะฉาบสีสันไปโบกหน้าเยอะขนาดนั้นทั้งขนตาปลอม ทั้งคอนแทคเลนส์ ผมกลับชอบผู้หญิงที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ไม่รู้ว่าใครมันเป็นคนเริ่มเทรนบ้าๆ นั่น ไอ้เทรนที่ถ้าไม่ได้ติดขนตาปลอมไม่เขียนคิ้วไม่กรีดอายไลนเนอร์แล้วไม่กล้าออกจากบ้านเนี่ย โคตรอันตรายสำหรับผู้ชายอย่างผมเลยครับ!
     ตอนเลิกกับฟ่างใหม่ๆ ผมเคยคั่วอยู่คนนึง ตอนดึกผมเมาทุกอย่างก็ยังโอเคอยู่ครับ แต่พอตอนเช้าผมตื่นแล้วเกิดอยากจะฟัดกันอีกรอบนี่ดิ หันมาหาคนข้างๆ แล้วถึงกับผงะ! ตกใจว่าใครวะ? แต่ฟ่างไม่ใช่แบบนั้นครับ ฟ่างน่ารักตลอดเวลา ต่อให้ตื่นมาเขียนคิ้วไม่ทันก็ยังน่ารักในสายตาผม แต่หลังๆ เธอจิ๊กตังค์ผมไปสักคิ้วสามมิติครับ ดีชะมัดที่ไอ้ต้นเป็นผู้ชาย มันเลยไม่เคยขอเงินผมไปอัพหน้า
     ส่วนน้ำตาลผมคงต้องบอกว่าพอเธอลบคราบสาวมั่นพวกนั้นออกไป เธอก็กลายเป็นผู้หญิงสวยคนนั้นที่อยู่ในความทรงจำผม ... คนที่ผมเคยจีบ
     “นี่จะนอนแล้วสิ?”
     น้ำตาลเธอหันมามองผมแล้วยิ้มให้
     “ค่ะ รอชัชนั่นแหละว่าจะเอายังไง น้ำตาลจะได้ปิดบ้านนอนซะที”
     หือ! เจ็บอ่ะ
     “แหม นอนดึกกลัวตีนกาขึ้นเหรอครับคนสวย ไหนๆ มาดูซิ ตีนกาขึ้นกี่เส้นแล้ว”
     “อุ๊ยไม่เอา! มีที่ไหนล่ะ ชัช!”
     ผมแกล้งเธอ ผมจงใจนั่นแหละ และเธอก็โมโหปนเขินผมจริงๆ เลยเบี่ยงตัวหลบสายตาผมไปมาเอามือมาบังหน้าให้วุ่น ผมเลยแกล้งดึงมือเธอไว้
     “ไหนๆ ปกติโบกซะหนา พอล้างออกแล้วเยอะเหมือนกันนะตาล ฮ่าๆ”
     “ปากนะชัช!”
     เราแกล้งกันอยู่อย่างนั้นจนผมรู้ตัวอีกทีก็กอดน้ำตาลซะแล้ว เสื้อคลุมเลื่อนหลุดลงมาเพราะการดิ้น เหลือผ้าปิดหัวไหล่กลมมนนั่นเพียงข้างเดียว ... เย้ายวน
     “เอ่อ... ชัชว่าชัชไปล้างหน้าดีกว่าว่ะ”
     ผมทำเหี้ยอะไรลงไปวะ! เมื่อกี้ผมเกือบจะจูบน้ำตาล!
     “อืม งั้นเดี๋ยวน้ำตาลเอาแก้วไปเก็บก่อนนะ ห้องน้ำอยู่ชั้นสองตรงกลางนะ”
     ผมขึ้นมายังชั้นสองของบ้าน ยืนสงบสติอารมณ์ตัวเองในห้องน้ำ ข้อเท็จจริงที่ผมพึ่งตระหนักได้ทำให้ผมตกใจ ความง่วงไม่หลงเหลืออยู่ในสมองผมอีกแล้ว แต่ผมก็ยังล้างหน้า ใช้สายน้ำเย็นๆ สาดเข้าไปดับไฟในตัว
     “ชัชคะ เสร็จแล้วใช้ประตูนี้นะ อีกฝั่งยัยน้ำหวานหลับอยู่”
     เสียงเตือนของเพื่อนทำให้ผมรู้ตัว ผมถอนหายใจแล้วเปิดประตูเข้าไปยังห้องนอนของเพื่อน น้ำตาลกำลังเปิดตู้เสื้อผ้าก้มลงหยิบผ้าขนหนูออกมา ผมไม่น่าออกมาตอนนี้เล้ย!
     “อ้าวชัช?”
     พอเธอหันมาเห็นผมก็ปิดเก๊ะแล้วลุกขึ้น ทำท่าเดินมาหาผม
     “นี่ตั้งใจจะยั่วชัชรึเปล่า?”
     น้ำตาลชักสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะอมยิ้ม
     “ก็แล้วแต่จะคิด”
     เธอตอบแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าผมก่อนจะยกผ้าขนหนูผืนนั้นมาซับหยดน้ำเปียกๆ ให้
     “ล้างหน้ายังไงคะ เปียกไปหมดทั้งตัว”
     ผมจับมือของเธอเพื่อหยุดการกระทำนั้น น้ำตาลมองหน้าผมแล้วรู้สึกตัว
     “ขอโทษค่ะ น้ำตาลลืมตัว แล้ว... เสื้อเปียกเชียวค่ะ น้ำตาลเอาไปเป่าให้นะ”
     เธอเฉไฉทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ
     “ตาลไม่ต้องทำดีกับชัชขนาดนี้ก็ได้”
     “น้ำตาลทำอะไรผิดอีกรึไงคะ”
     “เปล่าตาลไม่ผิด แต่ตาลทำให้ชัชรู้สึกผิดเพราะชัชรู้สึกเหมือนตาลยังรักชัชอยู่”
     น้ำตาลหันหลังตั้งใจจะเดินหนีผมเพราะพูดไม่ออก และก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงเกิดบ้าดึงตัวเธอเข้ามากอด ผมซบลงบนผมหนาเป็นลอนนั่นแล้วก็พร่ำขอให้เธอให้อภัย
     “ขอโทษ ขอโทษนะ ชัชขอโทษนะครับ”
     ผมเดาเอาเองว่าน้ำตาลคงทั้งรักทั้งเกลียดผม
     “ชัชรู้สึกดีกับตาลนะ แต่เราสองคนคงกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ตาลอย่าทำให้ชัชรู้สึกผิดไปมากกว่านี้เลย เลิกมองชัชเหอะ”
     “ทีเมื่อก่อนชัชไม่เคยขอโทษน้ำตาล ไม่เคยรู้สึกผิด แล้วตอนนี้จะมาบอกว่ารู้สึกผิดเหรอคะ น้ำตาลไม่ได้จะเอาอะไรกับชัชแล้วนี่ ชัชบอกให้เราเป็นเพื่อน น้ำตาลก็ทำ”
     “ครับ ยิ่งตาลดีกับชัชๆ ยิ่งรู้สึกผิด แต่ยังไงชัชก็... ชัชมีคนอื่นแล้ว”
     “น้ำตาลดีใจนะที่ชัชตัดน้ำตาลไม่ขาด ให้ชัชทรมานเพราะความรู้สึกผิดนั่นแหละสมน้ำหน้า!”
     “โธ่ตาล... ทำยังไงตาลถึงจะให้อภัยชัช”
     “ถ้าน้ำตาลรู้ว่าทำยังไงน้ำตาลถึงจะเลิกเกลียดชัชน้ำตาลทำไปนานแล้ว ถ้าชัชทำให้น้ำตาลเกลียดอย่างเดียวก็ดี กับคนอื่นน้ำตาลยังไม่ตัดยากขนาดนี้เลย ชัชนั่นแหละที่ดีเกินไป ชัชดีกับผู้หญิงทุกคนเกินไปแม้แต่คนอย่างน้ำตาล น้ำตาลถึงต้องทั้งรักทั้งเกลียดตัดชัชไม่ขาดแบบนี้!”
     “ชัชขอโทษ”
     “ต่อให้น้ำตาลให้อภัยชัชความรู้สึกพวกนั้นมันก็ไม่หายไปหรอก”
     เรากอดกันอยู่นาน ผมกอดน้ำตาล น้ำตาลซบอกผมแล้วร้องไห้ ผมลูบผมเธอ กระชับอ้อมแขน กอดเธอให้แน่นขึ้นจนกระทั่งเธอสงบ น้ำตาลสงบอย่างน่าประหลาด
     “ชัชยังรักน้ำตาลรึเปล่า?”
     เธอถามผม ใครมันจะลืมรักครั้งแรกได้ลงวะ! แต่ผมพูดออกไปไม่ได้หรอก
     “รัก แต่แบบเพื่อนนะ ที่เหลือความรู้สึกผิดล้วนๆ เลย”
     “ถ้าอย่างนั้นน้ำตาลขออะไรชัชอย่างนึงได้มั้ย”
     “อะไรอ่ะ ถ้าทำให้ได้ชัชยินดีหมดแหละ ยกเว้นเรื่องกลับไปคบกัน”
     “งั้นนอนกับน้ำตาลสิ”
     “เฮ้ย!”
     ผมตกใจนะ ไม่คิดว่าเธอจะยื่นข้อเสนอแบบนี้
     “ทำไมล่ะ คิดซะว่าสงสารผู้หญิงที่ถูกผู้ชายทิ้ง ถ้าชัชไม่พูด น้ำตาลไม่พูด เรื่องนี้ก็จะไม่มีใครรู้”
     “ไม่ได้หรอกตาล ชัชทำไม่ได้ ชัชไม่อยากนอกใจต้น”
     ผมเห็นความโกรธในดวงตาของเธอ แต่แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นการยั่วยวน
     “แต่น้ำตาลอยากให้ชัชชดใช้ให้นี่ ทำให้น้ำตาลมีความสุขไม่ได้เหรอ น้ำตาลอยากให้ชัชทำให้ ต้องเป็นชัชเท่านั้น”
     “ตาล...”
     “นะคะ น้ำตาลรู้ว่าชัชทำได้”
     น้ำตาลแตะที่มือของผม
     “ชัชไม่ถือเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เหรอ น้ำตาลรู้นะว่าชัชต้องการผู้หญิง”
     “ตาลต้องการแบบนี้จริงๆ เหรอ นี่มันเหมือนกับขอให้ชัชเลิกกับต้นเลยนะ”
     “ใช่ น้ำตาลอยากให้ชัชทำผิดต่อคนที่ชัชรัก อยากให้ชัชรู้สึกผิดแบบที่ชัชไม่เคยมีให้น้ำตาล แต่ว่า ... น้ำตาลก็หวังว่าบางทีชัชอาจจะกลับมารักน้ำตาลอีก”
     “ตาลก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
     “แต่น้ำตาลรู้ว่าชัชช่วยน้ำตาลได้ น้ำตาลก็เหงาเป็นนะชัช ช่วยคลายเหงาให้เพื่อนคนนี้หน่อยไม่ได้เหรอคะ เราไม่ต้องมีเซ็กกันจริงๆ ก็ได้ ผู้หญิงคนนึงอ้อนวอนชัชอยู่ตรงหน้านี้นะคะ ชัชจะใจร้ายกับน้ำตาลอีกกี่ครั้งกัน”
     น้ำตาลใช้คำพูดของเธอหลอกล่อผม และเรือนร่างของเธอก็ยั่วยวนผมด้วยเช่นกัน
     “นะคะชัช เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้นอกจากเรา ช่วยน้ำตาลด้วยนะคะ เด็กคนนั้นรักชัชมากจนให้อภัยชัชได้ทุกอย่างไม่ใช่เหรอ เรื่องแค่นี้เองไม่ใช่นอกใจกันจริงๆ ซักหน่อย”
     “ตกลงใส่ชุดนี้มายั่วชัชจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย?”
     ผมถามพร้อมกับอุ้มน้ำตาลไปที่เตียง เธอหัวเราะแล้วตอบผม
     “เปล่าค่ะ นี่ชุดนอนปกติ”
     “จริงเหรอ?”
     ผมนั่งลงตรงขอบเตียงพลางจัดให้น้ำตาลคุกเข่าคร่อมอยู่บนหน้าขา เธอโอบไหล่ผมเอาไว้เพราะกลัวตก
     “จริงสิ เวลาที่น้ำตาลใส่ชุดแบบนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองสวยเซ็กซี่น่ะ เป็นการสร้างความมั่นใจให้ตัวเองนะ”
     “อืม... จริง มิน่าเพื่อนชัชเซ็กซี่ขึ้นทุกครั้งที่เจอ”
     “คิกๆ”

     สองมือของผมกอบกุมเนินอกของน้ำตาลและสัมผัสมันด้วยปากอย่างหิวกระหาย ผมทั้งดูดทั้งเล็มผ่านเนื้อผ้าเรียบลื่นนั่นจนความเปียกชุ่มบนเนื้อผ้าประจานความตะกละตะกลามของผม น้ำตาลแอ่นอกครางแผ่วเบาราวกลับกลัวหนูน้ำหวานในห้องข้างๆ จะตื่น เธอแอ่นตัวรับการแตะต้องจากผมพลางขยำหัวผมซะแน่น แต่ในขณะเดียวกันก็เสียดสีหน้าท้องไปมาเหมือนบ่งบอกความนัย ผมไม่รอช้าเลื้อยมือฝ่าไปใต้ชุดนอน สะโพกกลมมนที่ผมสัมผัสได้ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยผ้าลูกไม้ เธอชันตัวขึ้นเพื่อให้ริมฝีปากของผมสร้างรอยประทับอุ่นๆ บนหน้าท้อง ในยามที่ผมไล้มือตามร่องจากด้านหลังมายังด้านหน้าเธอก็บิดตัวครางเรียกชื่อผมเบาๆ เธอกางขาแยกจากกันเปิดกว้างให้ผมมากขึ้น นิ้วของผมสัมผัสจุดเร้นลับของเธออย่างชำนาญ ปลายนิ้วที่หยอกเอินลูบไล้เบาๆ สลับกับการบดขยี้ทำให้เธอสั่นไปทั่วทั้งร่าง เพียงไม่นานคราบชื้นแฉะก็ปรากฏให้ผมได้สัมผัสผ่านเนื้อผ้าของกางเกงในลูกไม้ตัวนั้น ผมแทรกนิ้วเข้าไปควานหาจุดกำเนิดของความเปียก เมือกลื่นๆ เลอะอยู่เต็มมือผม น้ำตาลครางพลางซบลงกับไหล่ เสียงเรียกชื่อผมดังไม่ขาดปาก
     “ดีค่ะ ช่วยน้ำตาลที อา ชัช..”
     เธอแยกขาคร่อมผมพลางพรมจูบซอกคอผมระบายความรู้สึก สองแขนที่โอบรัดนั้นทำให้ผมขยับตัวลำบากได้แต่ฝังหน้าลงบนอกอิ่มคู่อวบนั่น ปลายนิ้วผมขยับด้วยความคล่องแคล่ว ทั้งถูไถและบดขยี้ก่อนจะแทงเข้าไปเพื่อปลดปล่อยความสุขสมให้เธอ ถ้ำแห่งนั้นตอบสนองต่อนิ้วของผมราวกับต้องการดูดกลืนไม่ให้ผมชักนิ้วออกมาได้อีก แรงบีบที่ปะทะเข้ามาเป็นระลอกทำเอาผมดึงนิ้วออกมาอย่างยากลำบาก
     น้ำตาลแอ่นตัวเอนไปด้านหลังทั้งครางทั้งดิ้นขย่มนิ้วผมเป็นจังหวะ ผมใช้ปากเขี่ยสายชุดนอนเส้นจิ๋วนั่นออกไปให้พ้นไหล่ก่อนจะดึงมันร่นลงมาเผยให้เห็นเต้าขาวๆ ลอยยั่วอยู่ตรงหน้า โดยไม่รอช้าผมก็ได้โอกาสครอบครองสิ่งที่ผมโหยหา แต่ไม่ว่าผมจะขยำซักเท่าไหร่ น้ำนมสีขาวบริสุทธิ์ก็ไม่ไหลออกมา ‘เสียดายชะมัด’ ผมพับความคิดพิเรณหนึ่งในสิ่งที่อยากทำเก็บเข้ากรุแล้วขยับมือเรียกน้ำลื่นๆ ให้หลั่งออกมามากกว่าเดิมจนในที่สุดประตูสวรรค์ก็เปิดออก น้ำตาลก้าวพ้นช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นแล้ว และเมื่อผมดึงมือออกมาชูตรงหน้าเธอพร้อมกับยิ้ม คราบที่เยิ้มอยู่บนมือผมก็ทำให้เธอเขินอาย แต่เธอกลับดึงมือข้างนั้นเข้าไปหาเธอก่อนจะเลียจนมันสะอาด
     “ถึงตาชัชแล้วค่ะ”
     น้ำตาลบอกกับผมพลางกอบกุมส่วนนูนเด่นตรงเป้ากางเกง เธอรูดซิบเปิดมันออกก่อนจะก้มเข้ามาใกล้ น้ำตาลก้มลงมาจะใช้ปากให้ผมแต่ผมเบรกเธอไว้
     “อย่าดีกว่าตาล”
     “แล้วชัชจะปล่อยไว้แบบนี้เหรอคะ?”
     เธอลูบเป้าของผมเพื่อหยอกมัน
     “ไม่อยากให้ใช้ปากน่ะ ชัชจัดการตัวเองได้”
     “ถึงขั้นนี้แล้วนะคะ ชัชให้น้ำตาลทำให้นะ”
     “อย่าเลย”
     แต่น้ำตาลไม่ฟังผมเลยครับ เธอจัดการคว้ามันออกมาเล่นซะแล้ว เพราะผมจับไหล่ขืนตัวเธอไว้เธอเลยได้แต่ส่งมือมาแกล้งผม
     “ตาลปล่อยเถอะ”
     “อะไร? จะไม่ไหวแล้วเหรอ เร็วไปรึเปล่าคะ? คิกๆ”
     “ชัชไม่อยากทรยศต้น”
     น้ำตาลชะงักไปครับ เธอคงคิดไม่ถึงว่าผมจะพูดถึงคนอื่นตอนนี้
     “ทั้งๆ ที่ชัชทำแบบนี้กับน้ำตาล?”
     “ชัชยอมช่วยตาล ถ้าตาลอยากเห็นชัชเลว ชัชก็จะเลว ชดใช้ให้ตาล แต่ถ้าจะให้ชัชมีความสุขทั้งๆ ที่มันผิดต่อต้นชัชไม่อยาก โอ้ย! ตาลคร้าบ”
     เธอโกรธผมแน่ๆ ถึงได้ขยี้หัวซะผมคราง เสียวนะครับ สติก็ต้องประคอง ทั้งๆ ที่ผมแข็งสุดๆ มาตั้งแต่ตอนล้วงแล้ว!
     “งั้นน้ำตาลยิ่งอยากแกล้งชัชมากกว่าเดิมอีกค่ะ ขอน้ำตาลเอาคืนชัชให้สะใจหน่อยเถอะ น้ำตาลจะทำให้ชัชรู้สึกผิดเพราะน้ำตาล”
     นางมารร้าย แฟนเก่าผมเป็นนางมารร้าย!
     “โอ้ย โอเคคร้าบ ยอมแล้ว เสียวครับตาล”
     จะให้ผมทำอะไรได้ครับ ตัวประกันอยู่ในมือเธอแล้ว โดนขนาดนี้ผมก็ไม่ไหวนะครับ ต้องข่มความอยากอะไรตั้งหลายอย่างในหัว อย่างน้อยๆ ก็ภาพที่ผมอยากผลักยัยเพื่อนตัวดีล้มลงบนเตียงแล้วยัดตัวประกันเข้าไปในรูลื่นๆ ฉ่ำเยิ้มความต้องการก่อนจะกระแทกแบบสดๆ ให้ได้ยินเสียงบรรเลงของเนื้อกระทบเนื้อทุกครั้งที่เกิดการเสียดสี ชิบ!
     “เดี๋ยวตาล!”
     ผมได้สติแต่ผลักน้ำตาลออกไม่ทัน! หลักฐานแห่งการทรยศของผมเลอะอยู่บนมือของน้ำตาลและมือผมที่กุมมือเธอไว้อีกที พวกเราร่วมมือกันทำร้ายต้น!
     “โทษที บอกไม่ทัน เลอะเลย”
     “เดี๋ยวตาลไปหยิบทิชชู่ให้นะคะ”
     “ตาลไปล้างมือเถอะ ชัช...”
     น้ำตาลยิ้มให้ผมแล้วหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดมือตัวเอง ก่อนจะส่งมาให้ผมจัดการตัวเองบ้าง ผมเช็ดคราบข้นๆ ที่มันเลอะอยู่ทั้งบนแสล็กและกางเกงในของผมออกก่อนจะเดินไปทำความสะอาดตัวเองในห้องน้ำอีกรอบ อยากกลับห้องชะมัดเลยครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อุตส่ารอเผือก เมื่อจับชู้ได้3ครั้ง18+ ยกมือมา ใครตามเผือกกระทู้นี้บ้าง? นังชู้แรงส์มาก อ่านแล้วรู้สึกพี่ชัชดีกว่าเย้อ อย่างน้อยๆ พี่ชัชก็ยังสำนึก(นิดๆ)

จริงๆ เรามองว่า ถ้าน้ำตาลไม่ใช่แฟนเก่า ถ้าพี่ชัชไม่เคยทำน้ำตาลเจ็บ ถ้าพี่ชัชไม่รู้ว่าตัวเองเคยทำผู้หญิงเขาแค้น พี่ชัชจะไม่ยอมน้ำตาลเด็ดขาด!
คือ... เสือกจะมาเป็นสุภาพบุรุษเอาแบบโง่ๆ เอาตอนนี้ไง ลืมคิดถึงใจต้น กะว่าตัวเองเอาต้นอยู่ยังไงก็ต้องยอมให้อภัย เลยยอมเสี่ยงแลกหมัดกับน้ำตาล
เพราะอาเจ้นี่แค่อยากจะแก้แค้นเท่านั้น ทำไงก็ได้ให้พี่ชัชไม่มีความสุขในชีวิตคู่ คืออิจฉาว่าตอนตัวเองทำไมไม่ดีแบบนี้ ทำไมกับคนนี้ที่เป็นแค่เด็กผู้ชายพี่ชัชถึงยอมศิโรราบหมดใจ พูดง่ายๆ พวกพวกอาฆาตแค้น อีพี่ชัชก็เสือกโง่เกิ๊น! ไปยอมแลกกับเขาทำไม

ลองสังเกตดูนะ ในโลกนี้มันจะมีคนประเภทนี้อยู่จริงๆ คือยอมเจ็บ ยอมเข้าเนื้อตัวเองเพื่อให้ทุกอย่างจบ แต่กับบางคนเขาจะไม่ขอรับผิดอะไรเลย เวลามีปัญหาคนอื่นผิดหมด ตัวเองไร้มลทินไม่มีแม้แต่เปอเซ็นต์(คุ้นๆ ว่าเป็นตัวเอกแถวๆ นี้แหละ)
แต่อย่าไปยุ่งกะพวกเมษเชียวนะถ้าฮีไม่ผิดมีสวนกลับ คนเจอสวนจะโดนจนเละ! พวกเมษนี่แมนก็จริงแต่ถ้าไม่ผิดเอามีดมาจ่อก็ไม่ยอมก้มหัวให้ใครเหอะๆ

ไม่อยากให้มองแต่พี่ชัชเลว จริงอยู่ความเลวเขาเยอะแต่ส่วนสำนึกผิดมันก็มี อารมณ์มันกึ่งๆ ไปหมด ตอนแต่งนะคิดแล้วคิดอีกต้องบรรยายแบบไหนถึงจะดูสำนึกผิดนะแต่ก็เคลิ้มไปตามอารมณ์ด้วย ต้องรู้สึกผิดต่อน้ำตาลด้วยเลยยอมแต่คือยอมเลวเพื่อเพื่อนนะ ไม่ใช่ทำไปเพราะตัวเองอยากทำ คิดสารพัด
ตอนลงฉากนี้ในเด็กดี มีแต่คนด่า อา... สงสารใจคนแต่งบ้างเถอะ  :ling2:  ผู้ชายเจ้าชู้มันก็ต้องออกมาแบบนี้ดิ จะให้มาเจ้าชู้ฟันดะแต่ใจแข็งไร้รักอะไรล่ะ แบบนั้นเขาเรียกมักมาก ส่ำส่อน เอาอย่างเดียวหัวใจไม่เกี่ยว ไม่ใช่เจ้าชู้!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#12/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน18
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 13-11-2014 00:05:42
ต้นน้ำ

     ผมไม่แน่ใจว่าพี่ชัชกลับมาราวๆ ตีสี่หรือตีห้า รู้แต่ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาในห้อง พี่ชัชคงทำอะไรนิดหน่อยก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ แล้วหลังจากนั้นพี่เขาก็ดับโคมไฟก่อนจะคลานขึ้นเตียงมานอนกอดผม แต่สิ่งที่มันไม่ปกติคือครั้งนี้แฟนของผมทั้งจูบทั้งหอมผมเป็นพิเศษ เสียงงึมงำของพี่ชัชทั้งบอกรักและขอโทษผมอยู่นาน ผมได้แต่แปลกใจ แต่ผมไม่ไหวหรอกครับ ง่วงจะตายอยู่แล้ว ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบแทบตาย ไหนจะต้องทำชีทสรุปแจกชาวบ้าน ไว้พรุ่งนี้คอยตื่นมาคุยก็ได้ครับ ยังไงก็วันหยุดอยู่แล้ว ก่อนที่จันทร์นี้ผมจะโดนเชือดในห้องสอบ!

     ยอมรับเลยครับว่าตอนนั้นผมห่วงแต่เรื่องสอบในวันมะรืน ใครจะไปคิดว่าจะมีเรื่องที่สำคัญกว่าการสอบเกิดขึ้นกับผม ผมถูกแฟนนอกใจ!

     เช้าวันอาทิตย์ผมตื่นเช้าทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ พี่ชัชยังหลับอยู่ แฟนผมกลับมาตอนใกล้รุ่ง ใช่ว่านี่เป็นครั้งแรก พี่ชัชชอบฝืนขับรถกลับทันทีที่เสร็จงานอยู่แล้ว ซึ่งผมก็แอบดีใจปนเป็นห่วงนะครับที่พี่เขารักผมขนาดนี้ แต่ผมกลัวเกิดอันตรายขึ้นกับพี่เขานี่นา ฝืนขับรถกลับแล้วก็มานอนอืดทั้งวัน เฮ้อ... แถมยังทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ให้ผมจัดการเป็นประจำ
     ดังนั้นวันนี้ผมตั้งใจว่าจะรีบทำงานบ้านที่เหลือให้เสร็จแล้วจะได้อ่านหนังสือต่อ ดีที่ผมซักรีดเสื้อผ้าไปแล้วเมื่อวาน ตอนนี้ก็แค่จัดการกับกระเป๋าใบนั้น
     อืม... คงไม่มีเสื้อผ้าตัวไหนที่พี่ชัชจะใส่เร็วๆ นี้หรอกมั้งครับ จะมีสูทหรือเสื้อแจ็กเก็ตที่จะใส่ต่อรึเปล่าน้า?
     ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยขณะจัดการกับเสื้อผ้าใช้แล้วของพี่ชัช แต่ทันใดนั้นบางสิ่งบางอย่างก็ทำให้ผมชาวาบไปทั้งตัว!
     กางเกงของพี่ชัชเปื้อนคราบอะไรบางอย่างจนผ้าแข็งขึ้นเงาเล็กน้อย มีร่องรอยของการทำความสะอาดด้วยทิชชู่ แต่กางเกงของพี่ชัชเปื้อนอะไรบางอย่างที่มันทำให้ทิชชู่ติดหนับเหมือนกาว!
     ผมรู้สึกไม่ดีเลยครับ สมองผมมันตื้อไปหมด แม้กระทั่งมือยังสั่นแบบที่ผมห้ามตัวเองไม่อยู่ ผมพยายามปฏิเสธว่ามันอาจจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิด แต่เสียงกรีดร้องภายในตัวผมมันสั่งให้ผมก้มลงไปพิสูจน์ ผมลังเลอยู่นานจนในที่สุดก็ตัดสินใจยกกางเกงตัวนั้นขึ้นมาใกล้ๆ ผมก้มหน้าลงไปสูดดมกลิ่นของมันพลางภาวนาว่าขออย่าให้เป็นอย่างที่คิด แต่ทว่ากลิ่นที่คุ้นเคยนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม ผมไม่ได้หน้ามืดเพราะกลิ่น แต่ผมหน้ามืดเพราะความจริงที่รับรู้!
     มีคนบอกว่าผมชอบคิดมาก ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ผมเองก็ไม่สามารถทำใจให้คิดไงแง่ดีได้เลยจริงๆ ผมจะต้องเพ้อถึงขนาดไหนกันถึงจะมโนให้การมีคราบอสุจิเปื้อนอยู่บนกางเกงของแฟนผมเป็นเรื่องธรรมดา!
     ผมคุ้ยไปในตะกร้าหากางเกงในตัวที่พี่ชัชใส่เมื่อวานทันที มันเปรอะเปื้อนไม่ต่างกัน!
     เกิดอะไรขึ้นกับแฟนผมเหรอครับ? หรือผมควรทำตัวโลกสวยหลอกตัวเองต่อไปว่าแฟนผมอาจจะมีอารมณ์กะทันหันจนต้องช่วยตัวเองเลอะเทอะขนาดนี้ ผมหาคำตอบไม่ได้จริงๆ ยิ่งมองพี่ชัชที่หลับอยู่บนเตียงก็ยิ่งสับสน ผมควรทำอย่างไรดี?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ผมตื่นตอนเที่ยงกว่าๆ ต้นไม่อยู่ในห้องนอน หลังจากที่นอนพลิกไปพลิกมารวบรวมความคิดที่กระจัดกระจายของตัวเองเสร็จผมก็ ตัดสินใจลุกขึ้น คงเพราะความรู้สึกผิดผมถึงได้ไม่รีบร้อนออกไปหาเมียตัวเองแต่กลับคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้ามาอาบน้ำแปรงฟันในห้องน้ำแทน ผมพยายามยื้อเวลา
     ผมรู้ตัวดีว่าผมทำผิดต่อต้น แต่ผมยอมเลวถ้ามันจะทำให้น้ำตาลสะใจ เธอจะได้รู้สึกดีขึ้นบ้าง ผมรู้ดีว่าเธออยากเห็นผมทรมาน ผมกับต้นจะต้องมีปัญหากัน ต้นต้องเสียใจ และผมเองก็ต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าที่เป็นคนทำให้ต้นเสียใจ ผมยอมเลวเพื่อให้น้ำตาลชนนะเกมนี้ ผมอยากให้เธอชนะถ้านั่นมันจะทำให้เธอหายแค้นผมได้ ถือว่าผมชดใช้ให้เธอแล้วต่อไปนี้ไม่มีอะไรติดค้างกัน
     แต่ยังไงเสียสิ่งที่ผมทำมันก็คือการทรยศต้น เป็นการทรยศที่ผมเต็มใจ ผมรู้ว่าต้นรักผม และผมเชื่อว่าต้นจะรักผมมากพอที่จะให้อภัยผม เพียงแต่... ผมควรจะอธิบายกับต้นยังไง? ต้นไม่ใช่ฟ่าง ต้นเปราะบางมากกว่านั้น ผมจะทำยังไงถึงจะทำให้ต้นเสียใจน้อยที่สุด
     “เฮ้อ! กล้าๆ หน่อยไอ้ชัช อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดวะ!”
     ผมยิ้มให้กำลังใจผู้ชายในกระจกแล้วแต่งตัว

     ตอนที่ผมเปิดประตูออกมา ต้นนั่งอยู่ที่โซฟามีชีทวางอยู่บนตัก เป็นภาพที่ผมคุ้นตา ตันมักใช้เวลาว่างอ่านหนังสือ แต่คราวนี้ต้นดูเหม่อลอย ตาของต้นไม่ได้จับจ้องอยู่บนกระดาษพวกนั้น มันมองออกไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า แต่พอต้นเห็นผมต้นก็สะดุ้งแล้วรีบลุกไปยืนหันหลังให้ผมสาละวนอยู่กับการอุ่นอาหาร
     “ตื่นแล้วเหรอครับ รอผมแป็บนึงนะครับ เดี๋ยวขออุ่นแกงก่อน”
     ผมรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของมัน แต่ผมยังไม่แน่ใจ
     “หิวจังเลยคร้าบที่รัก”
     ผมเดินเข้าไปกอดต้น ไหล่ของมันสั่นเล็กน้อย แต่เมียผมก็ทำเป็นไม่มีอะไร เกิดความไม่สบายใจขึ้นในอกผม!
     “พี่ชัชไปนั่งรอที่โต๊ะก็ได้ครับ เดี๋ยวเสร็จแล้วผมยกไปให้”
     มันไม่ใช่น้ำเสียงหรือคำพูดที่แปลกไป ท่าทางปกติกับใบหน้าที่เหมือนใส่หน้ากากนั่นก็ไม่มีพิรุธ แต่ผมสัมผัสได้จากแววตาของต้น มีความคลางแคลงซ่อนอยู่ในนั้น
     “ไม่เอา คิดถึงเมีย ขอกอดหน่อยนะครับ”
     “พี่ชัชก็ อย่าสิครับ”
     ต้นแกล้งหัวเราะแล้วขืนตัวหนีผม ชั่วขณะที่เราประสานสายตากันผมเห็นความระแวงอยู่ในนั้นก่อนที่ต้นจะยิ้มแล้วทำตัวตามปกติ
     ต้นพยายามทำตัวเป็นปกติ มันใส่หน้ากากต่อหน้าผมอีกแล้ว แต่สายตาของมันที่มองมายังผมนั้นหลอกกันไม่ได้ ผมรู้ดีว่ามันมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่และนั่นก็ทำให้ผมกลัว จนกระทั่งผมกินข้าวเสร็จมันก็แกล้งขอตัวไปอ่านหนังสือต่อ มันหนีผม!
     บางทีต้นอาจจะระแคะระคายอะไรบางอย่าง ลางสังหรณ์ผมบอกแบบนั้น ผมควรจะทำอย่างไรดี? จะเริ่มแบบไหน จะพูดกับต้นยังไง แต่แล้วผมก็นึกขึ้นได้ ต้นทำเหมือนไม่อยากรับรู้อะไร จริงสิ! ต้นไม่ถามผมเลยว่าผมกลับมาถึงตอนกี่โมง ทำไมผมถึงกลับมาก่อนทั้งๆ ที่ผมบอกจะกลับเย็นนี้ มันไม่บ่นเรื่องที่ผมชอบฝืนขับรถเลยด้วยซ้ำ!
     นี่มันกี่โมงแล้ววะ? ตายละ! ผมยังไม่ได้โทรหาเด็กๆ เลย ไม่รู้งานเรียบร้อยดีมั้ย ถ้าจำไม่ผิดเมื่อวานผมไม่ได้เก็บของ พอกลับมาถึงก็อาบน้ำนอนเลย โทรศัพท์ผมน่าจะอยู่ในกระเป๋ากางเกง ผมกะจะเข้าไปหยิบโทรศัพท์ในห้องนอน แต่พอเปิดประตูเข้าไปภาพที่ผมเห็นคือต้นนั่งคุยโทรศัพท์ในสภาพน้ำตาคลอ!
     “เป็นไรครับต้น!”
     ผมถามด้วยความตกใจแล้วเดินเข้าไปหา แต่มันกลับกระซิบใส่โทรศัพท์แล้ววางสาย
     “ไม่ได้เป็นไรครับ”
     มันโกหกแล้วแกล้งยิ้มให้ผม!
     “โกหกไม่เนียนเลยที่รัก น้ำตาไหลพรากแบบนี้”
     ผมช้อนคางมันขึ้นมาให้สบตากับผมแล้วปาดน้ำตาให้มัน
     “มีอะไรก็บอกพี่ได้นะครับ”
     ชั่วขณะผมเห็นสายตาแข็งกร้าวแบบเดียวกับวันนั้น สายตาที่ทำให้ผมแทบหยุดหายใจ มันคือความเกลียดชัง!
     “ผมเครียดเรื่องสอบนิดหน่อยครับ ไม่มีอะไรหรอก”
     “ไม่มีอะไรได้ไงครับ ร้องไห้ขนาดนี้ ข้อสอบยากมากรึไง”
     “ร้องไห้เครียดเรื่องสอบก็ยังดีกว่าร้องไห้เพราะเรื่องอื่นไม่ใช่เหรอครับ?”
     “ต้น?”
     “พี่ชัชต่างหากละครับ มีอะไร?”
     ผมพูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่จ้องตามัน พยายามค้นหาว่าที่มันพูดหมายถึงอะไร จะใช่เรื่องที่ผมกลัวรึเปล่า แต่แล้วมันกลับพูดต่อ
     “เข้ามามีอะไรรึเปล่าครับ ต้องการอะไรรึเปล่า?”
     “เอ่อ... พี่มาเอาโทรศัพท์น่ะ เมื่อวานไม่ได้เอาออกจากกางเกง”
     “ผมซักเสื้อผ้าพวกนั้นแล้วครับ เอาของออกมาให้หมดแล้ว แต่ไม่เจอโทรศัพท์ครับ”
     “อ้าวเหรอ! แล้วมันหายไปไหนหว่า?”
     “หล่นที่ไหนรึเปล่าครับ?”
     “นั่นสิ”
     เพราะโทรศัพท์อันเป็นอวัยวะที่สามสิบสามเครื่องมือทำมาหากินของผมหาย ผมเลยพักเรื่องของเราไว้ก่อน ต้นช่วยผมหาโทรศัพท์เหมือนทุกที่ผมหาของไม่เจอ เราสองคนกำลังเล่นเกม“ปกติ”
     “เห็นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ครับ?”
     “เมื่อวานพี่ยังโทรคุยกับน้องอีกคนในรถเลย”
     “หล่นในรถรึเปล่าครับ”
     “เออว่ะ งั้นพี่ไปดูในรถก่อนนะ”
     “ผมไปด้วยสิครับ เผื่อเอาโทรศัพท์ของผมยิงหา”
     “เออๆ กดตอนนี้เลยสิ เผื่อหล่นในห้อง”
     แต่มันไม่มีเสียงริงโทนดังครับ พวกเราเลยเดินลงไปที่รถผม ไม่ว่าผมจะตรวจดูทุกซอกทุกมุมขนาดไหนก็ไม่เจอ และไม่ว่าต้นจะเพียรโทรเข้าเครื่องผมมากแค่ไหนก็ไม่มีทั้งเสียงตอบรับที่ปลายสายและเสียงริงโทนดังขึ้น
     ผมทำโทรศัพท์หาย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     พวกเราไม่เจอโทรศัพท์ของพี่ชัชในรถ แต่ผมสิ ผมค้นพบอะไรบางอย่าง กลิ่นน้ำหอมนี่ชวนให้รู้สึกวิงเวียนมากกว่าเดิม
     “พี่ชัชเปลี่ยนน้ำหอมในรถรึไงครับ? กลิ่นฉุนเชียว”
     เงื่อนงำที่เริ่มเผยปมออกมาทำให้ผมเก็บอาการไม่อยู่ ความจริงมันเหลือแค่กลิ่นหอมจางๆ เท่านั้นไม่ได้ฉุนอะไรมากมาย แต่สำหรับผมมันน่าขยะแขยงมาก! ผมได้แต่หวังว่าหน้าผมคงจะยิ้มตามปกติไม่ใช่การยิ้มสมเพชตัวเอง!
     “หืม? เปล่านี่ครับ”
     “แต่เหมือนกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงเลยนะครับ คล้ายน้ำหอมพี่ฟ่าง”
     ผมแกล้งใช้น้ำเสียงจริงจังทำเป็นหึงหวง แต่ท่าทีของพี่ชัชที่ควรจะกะล่อนใส่ผมเวลาที่ผมโกรธกลับดูจริงจังยิ่งกว่าผมเสียอีก พี่ชัชไม่หลบตาผม ไม่ยิ้ม แต่พูดขึ้นเรียบๆ สายตาของพี่ชัชพยายามบอกอะไรบางอย่างกับผม แต่ผมไม่อยากรู้อะไรแล้วครับ!
     “พอดีเมื่อวานเพื่อนพี่เขาขอติดรถกลับมาด้วยน่ะ”
     “เหรอครับ”
     ผมไม่กล้าถามอะไรต่อแล้วครับ มือที่ถือโทรศัพท์ก็สั่นจนเกือบจะทำมันร่วง แถมน้ำตาก็พาลจะไหล ในหัวผมคิดอะไรไม่ออก มีแต่ชื่อของผู้หญิงคนนึงปรากฏขึ้น!
     “ช่างมันเถอะต้น คงไม่อยู่ในรถหรอก กลับห้องกันเถอะ”
     พี่ชัชยิ้มให้ผมแบบเหนื่อยๆ เรากลับขึ้นมาบนห้อง ผมตั้งใจจะปลีกตัวไปอ่านหนังสือในห้องนอนต่อแม้จะรู้ดีว่าอ่านเท่าไหร่ก็คงไม่เข้าหัวเพราะไม่มีสมาธิ แต่หวังว่ามันคงช่วยให้ผมมีอะไรทำจะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน แต่พี่ชัชไม่ยอมให้ผมทำอย่างนั้น พี่เขาตามผมมาแล้วก็กอดผมไม่ยอมปล่อย ผมควรจะแกล้งทำเป็นเขินแล้วยิ้มก่อนจะหันไปดุพี่ชัช แต่ผมไม่มีอารมณ์จะแสดงละคร ผมทนไม่ไหวแล้วครับ!
     “ปล่อย!”
     “พี่ไม่ปล่อย พี่รักต้นนะครับ”
     “ผมไม่อยากคุยอะไรตอนนี้! เราไม่มีอะไรต้องคุยกันหรอกครับ”
     “แต่พี่มีเรื่องจะบอกต้น ฟังพี่นะครับ”
     “ผมไม่อยากฟัง!”
     ตอนที่ผมพูดคำว่าไม่โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมสะบัดตัวออกมาจากอ้อมกอดของพี่ชัชแล้วรับสายเบอร์ที่ผมไม่คุ้นเบอร์นั้น
     “สวัสดีค่ะ นั่นใช่น้องต้นรึเปล่าคะ?”
     ผมจำเสียงนังปีศาจนี่ได้! ผมยืนน้ำตาไหลหันไปมองพี่ชัชแล้วกรอกเสียตอบไป
     “ครับ”   
     “เอ่อ ชัชเขาถึงห้องรึยังคะ พอดีพี่ติดต่อเขาไม่ได้เลยก็เลยโทรมาเช็ค”
     “ครับ พี่ชัชถึงห้องเรียบร้อยแล้วครับ พี่น้ำตาล!”
     สีหน้าพี่ชัชตอนที่ผมพูดชื่อนี้ออกมาทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกแทงเข้าที่หัวใจ พี่ชัชไปทำอะไรไว้เหรอครับถึงได้ทำสีหน้ารู้สึกผิดแบบนั้นกับผม ทำไมถึงมองผมด้วยสายตาขอโทษขนาดนั้น
     “เหรอจ้ะ เอองั้นพี่ขอคุยกับชัชหน่อยได้มั้ย พอดีงานด่วนน่ะค่ะ”
     “ได้สิครับ เดี๋ยวผมเรียกพี่ชัชให้ ว่าแต่พี่น้ำตาลมีเบอร์ผมได้ยังไงครับ?”
     “พี่ก็ขอมาจากชัชไงคะ เผื่อมีอะไรด่วนๆ จะได้ติดต่อเราได้ เกิดชัชเป็นอะไรไปอีก”
     เอาเบอร์มาจากโทรศัพท์แฟนผมสิไม่ว่า!
     “รอบคอบจังเลยนะครับ ขอบคุณที่คอยดูแลพี่ชัชมาตลอด ทั้งๆ ที่เป็นซิงเกิ้ลมัมก็ลำบากจะแย่อยู่แล้ว ยังอุตส่าแบ่งเวลามาดูแลผู้ชายของผมอีก”
     ปลายสายเงียบไปครับ เธอคงไม่คิดว่าผมจะกล้าเปิดศึกตรงๆ แบบนี้ พี่ชัชเองก็ดูอึ้งไปเหมือนกัน ผมเลยแกล้งพูดกับพี่ชัชเสียงดังๆ ให้เหมือนคนตะโกน
     “พี่ชัชครับ พี่น้ำตาลโทรมาครับ บอกว่ามีเรื่องงานจะคุยด้วย”
     พี่ชัชยื่นมือมาจะรับ แต่ผมไม่ปล่อยโทรศัพท์ให้ ผมถือโทรศัพท์ไปจ่อไว้ที่หูพี่เขาแล้วทำปากว่า “พูด”  พี่ชัชมองตากับผมไม่กล้าหลบแล้วก็ทำตามที่ผมพูด
     “มีอะไรเหรอตาล”
     ทันทีที่พี่ชัชตอบผมก็กดสปีกเกอร์ แล้วเสียงจากปลายสายก็ดังเข้ามา
     “ชัช! ชัชลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องน้ำบ้านน้ำตาลนะคะ มีสายยัยแป้งโทรเข้ามาด้วยแต่น้ำตาลไม่กล้ารับ จะเอายังไงดี?”
     ผมไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วครับ ผมกดปิดโทรศัพท์แล้วเดินหนีพี่ชัช แต่พี่เขากลับขวางผมไว้แถมยังรวบตัวผมไปกอดไว้แน่นกว่าเดิม
     “ต้นฟังพี่ก่อน!”
     “ผมไม่ฟัง!”
     ผมตะโกนกลับ สะบัดตัว พยายามดิ้นให้หลุดจากแฟนทรยศ!
     “ต้นอย่าทำแบบนี้”
     “พี่ชัชนั่นแหละ พี่ทำแบบนี้กับผมได้ยังไง ปล่อยผม ผมไม่อยากฟัง!”
     “ต้น! ใจเย็นๆ มันไม่ได้มีอะไรอย่างที่ต้นเข้าใจ”
     “แล้วผมควรจะเข้าใจว่ายังไงเกี่ยวกับคราบน้ำนั่นบนกางเกงของพี่ แถมยังไปลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องน้ำบ้านเขา พี่จะให้ผมเข้าใจว่าอะไร ฮือๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#12/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน18
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 13-11-2014 00:20:12
ชัยชัช

     ต้นทั้งดิ้นทั้งร้องไห้ มันสะบัดตัวเตะขาสะเปะสะปะพยายามจะหนีผม เสียงตะโกนของมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ผมได้แต่กอดมันไว้ คิดอะไรไม่ออก แต่อยู่ๆ แรงต่อต้านในอ้อมกอดผมก็หายไป ร่างของต้นนิ่งแล้วมีสภาพไม่ต่างกับหุ่นกระบอกที่เชือกขาด ต้นเป็นลม!
     “ต้น!”
     ผมเรียกชื่อของคนที่ผมรักแต่ไร้การตอบสนอง ผมทำให้แฟนตัวเองเสียใจจนเป็นลม ร่างของต้นอ่อนปวกเปียกไม่ได้สติ ผมอุ้มมันไปวางบนเตียงแล้วรื้อกล่องยาหายาดมมาปฐมพยาบาล ผมไม่รู้ว่าถ้ามันฟื้นขึ้นมาแล้วผมควรจะทำยังไงต่อดีแต่ผมอยากให้มันฟื้น การเห็นคนที่เรารักหมดสติแบบนี้มันทรมานครับ
     ผมทำร้ายคนที่ผมรักที่สุดไปแล้ว ความรู้สึกผิดนี้รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ที่ผมเคยสำนึก!

     ไม่นานเปลือกตาของต้นก็เริ่มขยับ เมียผมรู้สึกตัวแล้ว!
     “ต้น! โอเคมั้ยครับ?”
     พอได้สติมันไม่ได้ปัดแค่ยาดมออก มันผลักไสผมทั้งตัวให้ออกห่างจากมัน!
     “ต้น ฟังพี่ก่อน”
     ผมยึดมือของต้นไว้แล้วขอร้องมัน แต่ต้นกลับร้องไห้ออกมา ผมเลยดึงมันมากอด คราวนี้ต้นไม่ปฏิเสธผม แต่เสียงร้องไห้ของต้นโหยหวนยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยได้ยิน ต้นสะอื้นแทบขาดใจ ผมเองก็น้ำตาไหล พูดอะไรไม่ออก พยายามจะกอดต้นให้แน่นกว่าเดิม
     เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ต้นสงบขึ้น หัวของมันพิงอยู่กับอกผม ผมลูบหลังปลอบมันไปเรื่อย พยายามหาคำพูดดีๆ มาอธิบายให้มันเข้าใจ
     “ฟังพี่ก่อนนะครับคนดี ฟังแล้วจะโกรธจะเกลียดพี่ก็ไม่ว่า”
     “ผมไม่อยากฟัง ผมไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว!”
     “แต่พี่อยากบอกนะครับ เชื่อพี่ พี่รักเราที่สุดในชีวิตนะ”
     “คนที่เขารักกันเขาทำแบบนี้เหรอครับ พี่ชัชทำกับผมได้ยังไง ฮือๆ
     “พี่ขอโทษ ... แต่พี่อยากให้ต้นให้โอกาสพี่อธิบาย”
     “มีอะไรต้องพูดอีกครับ พี่ชัชทรยศผมได้ยังไง หรือเพราะผมไม่ดีพอ เป็นเพราะผมไม่ใช่ผู้หญิงใช่มั้ยครับ พี่เบื่อผมแล้วใช่มั้ย”
     ยิ่งพูดเสียงมันก็ยิ่งสั่น ต้นร้องไห้โฮออกมาอีกรอบ เสียงตัดพ้อของต้นเหมือนคมมีดกรีดลงบนหัวใจผม
     “ไม่ใช่ครับ พี่...”
     ผมนึกคำแก้ตัวดีๆ ไม่ออกเลยครับ ปกติผมมักจะตอแหลเอาตัวรอดได้เสมอ แต่หนนี้ผมรู้ว่าผมผิดจริงๆ ความผิดที่ก่อทำให้ผมไม่กล้าแก้ตัว
     “พี่ชัชชอบผู้หญิง ผมทำให้พี่มีความสุขไม่ได้ใช่มั้ยครับ สุดท้ายพี่ก็เบื่อผมเพราะผมเป็นผู้ชาย”
     ผมพูดอะไรไม่ออก ถึงผมจะไม่ได้ทำไปเพราะเหตุผลพวกนั้น ต้นทำให้ผมอิ่มทั้งกายและใจจนไม่คิดไปซนที่ไหนอีก แต่สิ่งที่มันพูดก็เป็นเรื่องจริง ผมชอบผู้หญิง ผมยังคิดถึงรสชาติแบบที่เคยกิน ผมตัดสินใจบอกมัน
     “พี่ไม่ได้มีอะไรกับน้ำตาล”
     ต้นมันเถียงผมทันทีครับ
     “แต่ผมเห็น-”
     “แต่พี่ไม่ปฏิเสธว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น”
     ผมตัดบทมันก่อนที่เรื่องจะเลยเถิดไปไกล ถึงเวลาที่ผมต้องสารภาพความจริงแล้ว!
     “ต้น รักพี่มั้ยครับ”
     ผมถามแต่ต้นไม่ตอบ ผมเลยกระชับอ้อมแขนของตัวเองแล้วก้มลงไปจูบกระหม่อมมัน ต้นเองก็ขยับซุกเข้ามามากกว่าเดิม มันพยายามกลั้นสะอื้น
     “พี่อยากรู้ว่าเรารักพี่มากแค่ไหน ความรักของเราสองคนหนักแน่นพอจะอภัยซึ่งกันและกันได้รึเปล่า?”
     “พี่ชัชจะบอกว่า พี่ลองใจผมเหรอครับ?”
     “ไม่ใช่ครับ พี่ไม่ได้ลองใจ เรื่องนี้พี่ผิดจริงๆ แต่พี่อยากถามเราว่าต้นจะให้อภัยความพลั้งเผลอครั้งนี้ของพี่ได้รึเปล่า พี่สัญญาว่าจะไม่มีอีกแน่ๆ ครับ ทุกอย่างมันจบลงละต้น พี่ชดใช้ให้เขาหมดแล้ว เหลือแต่เรื่องของเรา ต้นจะยอมให้อภัยพี่อีกซักครั้งได้มั้ยครับ อย่าพึ่งหมดรักพี่เลยนะ”
     พอผมพูดจบ ต้นมันก็สะอื้นหนักกว่าเดิม มือของมันกำเสื้อผมซะแน่น ผมรู้ดีว่าผมเห็นแก่ตัว ผมเห็นแก่ตัวที่ขอให้มันทนคนเห็นแก่ตัวแบบผม!
     “พี่มันงี่เง่า ห่วยแตก ถึงปากจะบอกว่าจะรักใครแต่พี่กลับไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนที่ตัวเองรัก สมควรแล้วที่จะโดนทิ้ง แต่พี่ขอร้องเราได้มั้ยต้น อย่าทิ้งพี่ไปนะครับ พี่รักเรามากนะ ไม่มีเราพี่คงอยู่ไม่ได้ ให้อภัยพี่อีกซักครั้ง อดทนกับผู้ชายไม่ได้เรื่องคนนี้อีกนิด แล้วพี่จะเป็นคนดีกว่าเดิมครับ ต้นทำให้พี่อยากเป็นผู้ชายที่ดีนะรู้เปล่า?”
     พูดถึงตรงนี้ผมก็ร้องไห้ เราสองคนกอดกันร้องไห้ครับ ผมรู้ดีกว่าต้นโกรธผมมาก และต้นก็เกลียดที่ผมใช้วิธีมัดมือชกแบบนี้ด้วย เพราะทั้งต้นและผมต่างก็รู้ดีว่าต้นรักผมมาก เรื่องนี้อาจจะทำให้ต้นเกลียดผม แต่มันจะไม่มีวันเลิกรักผม ผมจะต้องอยู่กับคนที่ทั้งรักทั้งเกลียดผมด้วยความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต น้ำตาลเธอทำสำเร็จแล้ว เธอทำให้ผมจมอยู่กับความระแวงหวาดกลัวการถูกหมดรัก!
     จนกระทั่งเสียงสะอื้นของต้นแผ่วไป ผมดันตัวมันออกแล้วจับมันให้มาเผชิญหน้ากัน ตาของต้นบวมแดง เปรอะคราบน้ำตาเต็มไปทั้งหน้า ผมทำให้แฟนร้องไห้หนักมาก ผมจูบลงบนเปลือกตาของมัน ไล้นิ้วเช็ดคราบน้ำตาให้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้แต่ผมอยากมองใบหน้านี้ให้นานๆ ใจของผมมันสั่งให้จำภาพของต้นเอาไว้ให้ดี ผมจะไม่ทำให้มันต้องทำหน้าแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สาม!
     “ตาบวมหมดแล้วแฟนพี่”
     ผมขยับตัวจะจูบมันแต่คราวนี้ต้นกลับผลักผมออก
     “ที่บอกว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น มันเกิดอะไรขึ้นบ้างครับ พี่ชัชมีอารมณ์กับพี่น้ำตาลเหรอ?”
     เสียงของมันสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด ผมรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของต้น ต้นกำลังประเมินผม!
     ผมเรียบเรียงคำพูดในหัว พยายามใช้ความถนัดของตัวเองเพื่อพลิกลิ้นในสถานการณ์นี้ แต่กลับพบว่าตัวเองทำไม่ได้ ผมไม่อยากโกหกต้น
     “พี่... พี่ก็มีกับผู้หญิงทุกคนแหละต้น”
     “แปลว่ามี แล้วเกิดอะไรขึ้นพี่ชัชถึงได้ไปมีอารมณ์จนลืมมือถือไว้ในห้องน้ำบ้านเขาล่ะครับ”
     “ที่รัก...”
     ผมพยายามอ้อนวอนมัน แต่สายตาแข็งกร้าวของต้นไม่เปิดโอกาสให้ผมเลยแม้แต่น้อย ถึงเวลาแล้วครับ
     “พี่เสร็จงานดึกตั้งใจจะกลับพอดีน้ำตาลเขาขอกลับพร้อมพี่ แต่เพราะพี่เหนื่อยมากก็เลยวูบๆ ไป น้ำตาลเขาเป็นห่วงเลยชวนพี่ไปพักที่บ้านเขา แต่ระหว่างรอกาแฟพี่เผลอหลับ...”
     เป็นครั้งแรกที่ผมต้องมานั่งสาธยายความผิดของตัวเองให้แฟนฟัง ตอนคบกับน้ำตาลผมไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด ตอนอยู่กับฟ่างผมชอบตอแหลเอาตัวรอด แต่กับต้น สายตาของมันสะกดผมให้พูดแต่ความจริง และยิ่งความจริงออกจากปากผมมากเท่าไหร่ แววตาของมันก็ยิ่งทิ่มแทงผมมากเท่านั้น
     “พี่... ตอนที่พี่อยู่กับเขา เราใกล้ชิดกันนิดหน่อย พี่...”
     “พี่ชัชก็เลยมีอารมณ์ ห้ามนิสัยตัวเองไม่อยู่”
     ผมจับร่องรอยความสมเพชได้จากเสียงของต้น แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้โมโห ผมกลับกลัวมากกว่า
     “ใช่พี่ไม่เถียง พี่มีอารมณ์ แต่ที่พี่ทำไปไม่ใช่เพราะพี่ห้ามตัวเองไม่อยู่”
     “ถ้างั้นมันเพราะอะไรล่ะครับ”
     “มันเป็นเรื่องระหว่างพี่กับน้ำตาล พี่ติดค้างเขา เขาขอให้พี่ชดใช้ให้”
     “ชดใช้ด้วยวิธีนี้น่ะเหรอครับ? ถ้าผมติดค้างใครผมต้องยอมให้คนๆ นั้นเอาผมด้วยรึเปล่า?”
     ความกลัวแล่นไปตามสันหลังตรงเข้าสู่สมอง หัวใจผมเหมือนถูกบีบ!
     “อย่าประชดพี่แบบนั้นนะต้น!”
     “ห้ามประชด แต่ถ้าเป็นความพึงพอใจคงไม่ว่าสินะครับ ทำเหมือนที่พี่ชัชทำ!”
     “ต้น! เราคุยกันด้วยเหตุผลไม่ได้เหรอครับ มันก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย แค่สัมผัสภายนอกผิวเผิน พี่ไม่ได้นอนกับเขาจริงๆ ซะหน่อย!”
     “พี่ชัชมีเหตุผลแต่ผมไม่มีเหรอครับ! ความเจ็บปวดที่ถูกแฟนตัวเองแอบไปทำอะไรกับผู้หญิงคนอื่นมันไร้เหตุผลเหรอครับ?”
     น้ำหยดเล็กๆ ก่อตัวขึ้นที่หางตาของมัน ผมทำผิดอีกแล้ว!
     “พี่ขอโทษ”
     “ผมไม่ควรเรียกร้องเลย ผมไม่มีสิทธิ์อะไรแท้ๆ ผมไม่ใช่ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของพี่ซักหน่อย แค่พี่ชัชให้ความเมตตาหยิบยื่นความรักให้ก็ดีถมไปแล้ว”
     “ทำไมพูดแบบนี้ละครับ พี่รักเรานะ”
     “นั่นสิครับ พี่ชัชอุตส่ารักผู้ชายแบบผมๆ ยิ่งต้องสำนึกบุญคุณพี่ชัช!”
     เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นนี้ผมเป็นคนทำมันเอง ผมผิดเอง!
     “ต้นครับ”
     ผมพยายามจะกอดมัน แต่มันไม่ยอมครับ
     “ปล่อยเถอะครับ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว”
     “ไม่ครับ พี่รักเรานะ พี่ผิดเองพี่ขอโทษ ให้โอกาสพี่อีกครั้งนะ”
     “ผมว่าอะไรพี่ชัชไม่ได้หรอกครับ ผมเองต่างหากที่ผิด เป็นผู้ชายแล้วยังไม่เจียมไปรักเสืออย่างพี่ ไม่แปลกหรอกที่จะโดนเบื่อ ที่ทุกวันนี้พี่ชัชยังยอมทนอยู่กับผมก็เหลือเชื่อแล้ว แค่พี่ไม่ทิ้งผมก็บุญละครับ”
     ถ้าคำพูดของมันเป็นมีด หัวใจผมคงแหลกสลายไม่มีชิ้นดี แต่ละคำของมันบาดลึกทำลายหัวใจผมย่อยยับ ฉากวันคืนเก่าๆ ที่ผมตามไปง้อมันกลับคืนมา ต้นมันกำลังจะทิ้งผม!
     “ปล่อยเถอะครับ ผมจะไปล้างหน้า ยังเหลือหนังสือที่ต้องอ่านอีกเยอะเลย พรุ่งนี้ผมมีสอบวิชายากด้วยครับ”
     “แต่ที่รักครับ พี่...”
     “พอเถอะครับ! สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วยังไงก็แก้ไขอะไรไม่ได้ พี่ชัช...”
     ต้นเองก็ดูสับสนไม่แพ้ผม พวกเราต่างคนต่างกลัวการถูกหมดรัก เพียงแต่ต้นมีความเกลียดชังที่เกิดขึ้นจากความผิดหวังเป็นตัวแปร... แต่ในที่สุดมันก็ตัดสินใจได้
     “อาทิตย์หน้าผมมีสอบทั้งอาทิตย์ ขอร้องล่ะครับ ผมไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว”
     “ครับ”
     ทั้งๆ ที่มันบอกผมว่าจะไปล้างหน้า แต่ผมกลับได้ยินเสียงสะอื้นดังมาจากในห้องน้ำ ต้นสร้างกำแพงขึ้นมาขวางผมไว้ และผมไม่กล้าทลายกำแพงนั้นเพราะผมคือต้นเหตุของความเจ็บปวดนั่น
     ตอนเข้านอน ต้นนอนตะแคงหันหลังให้ผมตามปกติของท่าที่มันถนัด แต่แผ่นหลังของมันในวันนี้กลับดูเปราะบาง ไหล่ของมันสั่นน้อยๆ เสียงสูดจมูกเบาๆ ดังขึ้นเป็นระยะ แต่ผมกลับไม่กล้าคว้าตัวมันมากอด ผม... ผมมันโคตรเหี้ยเลย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ผมพยายามไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากเนื้อหาที่ผมทบทวนแต่ผมกลับไม่มีสมาธิ ทั้งๆ ที่ผมมีสอบควรจะนอนพักผ่อนแต่หัวค่ำแต่ผมกลับไม่ง่วงเลยแม้แต่น้อย ผมนอนไม่หลับแถมยังน้ำตาไหลทั้งคืน
     ในหัวผมพาลแต่จะคิดเรื่องพี่ชัชกับผู้หญิงคนนั้น ผมเคยทำใจไว้ตั้งแต่ตอนตกลงคบกับพี่เขา ใครๆ ก็รู้แฟนผมเป็นผู้ชายขี้เอา! พี่ชัชเป็นเสือผู้หญิงจอมกะล่อน ผมมันโง่เองที่คิดว่าความดีจะเปลี่ยนผู้ชายหมาๆ ให้กลายเป็นคนดีได้ ขนาดผู้หญิงดีๆ ที่ครบเครื่องทุกด้านอย่างพี่ฟ่างยังทำไม่ได้เลย แล้วผู้ชายจืดชืดอย่างผมจะทำได้ยังไง ได้เวลาตื่นจากฝันแล้วสินะ แต่เวลาฝันหวานของผมมันช่างสั้นจริงๆ แค่สองปี ... แค่สองปีพี่ชัชก็เบื่อผมแล้ว
     ผมเคยบอกตัวเองให้ทำใจ แต่สุดท้ายผมก็ทนไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นระหว่างพี่ชัชกับผู้หญิงคนอื่นผมจะรู้สึกยังไง ผมรู้แต่ผมเกลียดยัยป้านั่น! จงใจอ่อยแฟนผมมาตลอดชัดๆ แล้วพี่ชัชก็ติดกับทั้งๆ ที่รู้ดี แบบนี้ใช่มั้ยครับที่เขาเรียกหญิงร้ายชายโฉด!
     ผมนอนร้องไห้ทั้งคืนจนเช้า ปวดหัว ปวดตา แถมยังปวดหัวใจสุดๆ ผมเสียใจมากจนไม่อยากมองหน้าพี่ชัช! แต่สิ่งที่ต้องทำก็ยังต้องทำ ผมลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตอนตีห้าตามปกติ ภาพสะท้อนในกระจกสภาพแทบดูไม่ได้ ไม่รู้ถ้าผมโกหกคนอื่นว่าผมตาแดงเพราะอ่านหนังสือทั้งคืนแล้วจะมีใครเชื่อผมบ้าง
     พอผมอาบน้ำเสร็จผมก็ออกมาจากห้องน้ำ ปกติพี่ชัชมักจะยังไม่ตื่น แต่วันนี้พี่เขาตื่นแล้วครับ หรือไม่ก็อาจจะไม่ได้นอนเหมือนผม พี่เขาดูแก่ขึ้นไปอีกหลายปี สีหน้าและแววตาของพี่เขาชวนให้ผมนึกถึงตอนนั้น ตอนที่พี่เขาเข้ามาขอโทษผมวันนั้น ตอนนั้นผมให้โอกาสพี่เขาเพราะมันเป็นเรื่องระหว่างเรา แต่ว่าคราวนี้มันมีมือที่สาม มันทำใจให้อภัยยากกว่ากันเยอะเลยครับ
     “เช้านี้พี่ว่าง ให้พี่ไปส่งเรานะครับ”
     “แล้วแต่พี่ชัชครับ”
     ผมพยายามไม่สนใจ ไม่มองหน้าพี่เขาแล้วรีบใส่เสื้อผ้า
     “ที่รัก”
     พี่ชัชลุกขึ้นมากอดผม แต่พอคิดว่าพี่ชัชทรยศผมแล้วผมก็รู้สึกแค้น ผมไม่อยากถูกผู้ชายที่นอกใจผมกอดเลยเบี่ยงตัวหลบ
     “ถ้าจะไปส่งผมก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเถอะครับ เดี๋ยวจะสายแล้วรถติด”
     “ครับ”
     พี่ชัชชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็ยอมผมแต่โดยดี พี่เขาคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ผมเลยได้แต่งตัวสงบๆ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงน้ำตาไหลอีกแล้ว
     พี่ชัชจะทำหน้าเสียใจทำไมในเมื่อผมต่างหากที่เป็นคนเสียใจ ท่าทางของพี่เขาเหมือนรู้สึกผิด พยายามขอให้ผมยกโทษให้ ทำให้เหมือนผมกลายเป็นคนผิดที่ไม่ยอมให้อภัย ผมผิดเหรอครับที่ยังทำใจให้อภัยพี่เขาไม่ได้ ผมผิดเหรอที่เสียใจ ถ้าใครรู้ช่วยบอกผมทีสิ เราควรจะใช้เวลาสำหรับโกรธแฟนที่นอกใจกี่วัน!
     ผมออกมาต้มน้ำร้อนชงกาแฟให้พี่ชัช ปิ้งขนมปัง ทอดไข่ดาว ผมทำทุกอย่างตามปกติเหมือนที่เคยทำแม้แต่ในวันแบบนี้ จะว่าไปผมก็ทำให้พี่ชัชทุกอย่าง ทั้งทำอาหาร ทำงานบ้าน ซักรีดเสื้อผ้า ผมขาดตกบกพร่องตรงไหนเหรอครับ? ผมก็ทำเท่าที่ทำได้แล้ว ถ้ามันจะมีเรื่องที่ผมสู้ใครไม่ได้มันก็มีอยู่เรื่องเดียว ผมรู้ดีว่าผมแพ้ผู้หญิงพวกนั้นตรงไหน ผมไม่เก่งเรื่องบนเตียง แถมยังเป็นผู้ชาย ผมมันก็แค่ท่อนไม้จืดสนิทคงเทียบกับผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้ แถมผมยังไม่ค่อยยอมพี่ชัชบ่อยๆ แต่ร่างกายของผู้หญิงกับผู้ชายมันต่างกันนี่ครับ ผมไม่สามารถพร้อมตลอดเวลาที่พี่ชัชต้องการซะหน่อย ถ้าผมเป็นผู้หญิงแล้วถูกพี่ชัชเล้าโลมผมก็คงจะพร้อมเลย แต่ร่างกายผมมันไม่ใช่ ผู้ชายมีอารมณ์มันไม่ได้แปลว่าพร้อมสำหรับการถูกสอดใส่นะครับ!
     ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกดีหรือไม่ต้องการพี่ชัช ผมเองก็ชอบที่จะถูกกอด ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่เราทำแบบนั้นกัน แต่ผมต้องการเรื่องนี้น้อยกว่าพี่ชัช ความจริงผมว่าผมก็พยายามเต็มที่แล้ว ผมช่วยพี่เขาเท่าที่ผมจะทำได้ อะไรที่ไม่เคยผมก็พยายาม แต่ความพยายามของผมคงสู้ความเชี่ยวชาญของผู้หญิงกร้านโลกแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ คิดแล้วก็สมเพชตัวเองชะมัด! นี่ผมจะทนทำตัวเป็นคนดีไปทำไม สุดท้ายเรื่องบนเตียงก็สำคัญที่สุดสำหรับผู้ชายอยู่ดี ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้เกิดมาบนโลกนี้หรอก บ้าจริง! น้ำตาผมหยดลงบนขนมปังในจาน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ต้นมันเหม่อจนไม่รู้ตัวว่าผมมองมันอยู่ มันนั่งเหม่อทาเนยที่ขนมปังท่าทางซังกะตายแต่แล้วก็น้ำตาไหลจนต้องรีบคว้าทิชชู่มาเช็ด ต้นมันทิ้งขนมปังแผ่นนั้นแล้วลุกไปปิ้งขนมปังแผ่นใหม่ ท่าทางของเมียที่ดูสับสนไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกแย่มากครับ ทุกอย่างเป็นความผิดผม!
     “ต้น”
     ผมเรียกต้นเบาๆ แต่มันกลับสะดุ้ง มันหันมามองผมแล้วรีบเฉไฉ
     “ผมเตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้วครับ พี่ชัชรีบทานเถอะ เดี๋ยวออกสายแล้วรถติด”
     ผมชักท้อครับ ผมต้องทำยังไงต้นมันถึงจะให้อภัยผม รักผมเหมือนเดิม ผมเดินเข้าไปกอดมัน
     “ปล่อยครับพี่ชัช!”
     “ขอพี่กอดเราหน่อยไม่ได้เหรอครับ”
     ผมรัดมันแน่นจนมันขัดขืนผมไม่ได้ ผมจูบลงบนผมมันแล้วถามมันตรงๆ
     “พี่รักเรานะครับ รักมากกว่าที่เคยรักใคร แล้วต้นล่ะครับ รักพี่รึเปล่า? ตอนนี้ต้นยังรักพี่อยู่มั้ย?”
     ต้นมันนิ่งไป ผมเลยจับมันหันมามองหน้ากัน ดวงตาของต้นสะท้อนไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ผมพยายามค้นหาความรักในแววตาของมัน
     “ถ้างั้นพี่ชัชก็บอกผมมาก่อนสิครับ พี่รักผู้หญิงคนนั้นรึเปล่า? ที่พี่ทำลงไปมันแต่ความใคร่หรือเพราะความรัก
     “พี่...”
     “ถ้าพี่ทำไปเพราะความใคร่ผมก็จะได้เข้าใจว่าพี่ซน ผมคงทำอะไรไม่ได้เพราะดันไปหลงรักผู้ชายไม่รู้จักพอ แต่ถ้าพี่ทำไปเพราะความรัก หรือแม้แต่ความสงสาร ผม ... ผมคงสมเพชตัวเองที่แฟนไม่ซื่อสัตย์ เขาสงสารผู้หญิงคนอื่นมากกว่าผู้ชายที่เขาเรียกว่าเมีย
     ถ้อยคำของต้นบาดลึก แฟนผมชอบประชดเวลาโกรธเสมอ และทุกคำของมันก็ทำให้ผมจุกจนเถียงไม่ออก
     “พี่รู้ว่าต้นโกรธพี่”
     “ครับ ผมโกรธ ผมผิดหวังในตัวพี่ชัชมาก แล้วตกลงพี่ทำไปเพราะอะไรล่ะครับ ถ้ามันเพราะอย่างแรกผมจะได้ทำใจ ไม่รู้พี่จะเผลออีกเมื่อไหร่ เพราะยังไงผมก็เป็นผู้ชาย คงปรนนิบัติพี่ได้ไม่ถึงใจ อีกหน่อยพี่อาจจะเบื่อผมขึ้นมาอีกก็ได้”
     “พี่ไม่มีวันเบื่อเราหรอกครับ พี่ไม่ทิ้งเราหรอก”
     “ครับ พี่ชัชเป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ พี่ไม่ทิ้งผมหรอก แล้วผมล่ะ? ผมต้องทนอยู่กับคนที่หมดรักกันแล้วแบบนั้นเหรอครับ? ถ้าพี่มีคนอื่นที่พี่คิดว่าดีพร้อมกว่าผม สามารถแต่งงานมีลูกกับพี่ได้พี่ก็บอกผมมาเถอะครับ”
     “พี่ไม่ได้หมดรักเรานะครับ พี่ไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นเลย มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบอ่ะต้น เราจะให้อภัยพี่ไม่ได้เลยเหรอครับ”
     “แล้วพี่ชัชจะเผลอเพราะอารมณ์ชั่ววูบอีกมั้ยล่ะครับ?”
     ต้นมันถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ผมควรจะรับปากให้สัญญากับต้นว่าจะไม่ทำอีก แต่ลึกๆ แล้วผมเองก็ไม่มั่นใจเลยลังเล
     “ผมถามจริงๆ เถอะครับ ที่พี่ชัชรักผม พี่ชัชรักผมเพราะอะไร? พี่ชัชรักผมเพราะผมรักพี่ชัชใช่มั้ยครับ ถ้าวันนึงมีผู้หญิงคนอื่นที่ดีกว่าผมทุกอย่างและเขาก็รักพี่ชัชมากปรากฏตัวขึ้น พี่ชัชยังจะรักผมอยู่มั้ย?”
     ผมเคยสัญญาว่าจะทำให้มันมั่นใจว่าผมรักมัน แต่วันนี้ผมกลับทำให้มันลังเล ต้นกำลังกลัวที่จะรักผม ผมจำครั้งที่มันหึงฟ่างได้ คราวที่ผมไปเจ๊าะแจ๊ะกับสาวๆ คนอื่นหรือแม้แต่ตอนที่ผมต้องพาหมอไปเที่ยวมันยังไม่โกรธผมขนาดนี้ แม้ผมจะถอนหนามพิษของรักแรกออกจากอกตัวเองได้แล้ว แต่พิษร้ายก็ลามไปทั่ว น้ำตาลแพร่ความระแวงใส่ในตัวต้น เธอทำให้เรื่องแย่ๆ กลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งกับคนที่ผมรัก เพราะเธอรู้ดีว่าครั้งนี้ผมจะไม่มีวันทำกับต้นเหมือนที่ผมทำกับเธอ น้ำตาลคือยาพิษสำหรับต้น!
     “พี่รู้ว่าพี่รักต้นไม่เท่ากับที่เรารักพี่ แต่ผู้ชายคนนี้กำลังปรับปรุงตัวเพื่อต้นอยู่ ต้นจะไม่ให้โอกาสพี่หน่อยเหรอครับ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#12/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน18
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 13-11-2014 00:37:37
โอม

     ไม่รู้ว่าช่วงที่ผมไม่สบายเกิดอะไรขึ้นกับต้น ผมถามคนอื่นๆ แต่เขาก็บอกว่าก่อนหน้านี้ต้นยังดูปกติ บางคนบอกว่าต้นอาจจะเครียดเพราะเป็นช่วงสอบ แต่ต้นจะเครียดจนถึงขึ้นเหม่อแล้วร้องไห้เลยเหรอครับ? ต้นแยกตัวออกจากกลุ่ม บอกว่าอ่านหนังสือไม่ทันอยากไปนั่งทบทวนคนเดียวเงียบๆ ปฏิเสธทุกคนแม้แต่ไปป์ ผมว่าคงไม่ใช่เรื่องสอบแล้ว
     ผมเป็นห่วงต้นมาก นอกจากต้นจะเหม่อแล้วต้นยังตาแดงแอบน้ำตาซึมตลอดเวลาเหมือนมีปัญหาทุกข์ใจมาก ตอนเข้าห้องสอบก็เหมือนไม่มีสมาธิ ผมแอบมองเห็นต้นเหม่อไม่สนใจข้อสอบต่างจากปกติ
     พวกเราพยายามชวนต้นคุยเผื่อต้นจะมีเรื่องกลุ้มใจ แต่ต้นก็ปฏิเสธ ต้นพยายามยิ้มแล้วทำเป็นไม่มีอะไร ไม่ยอมปริปากเรื่องปัญหา
     ผมรู้สึกว่าต้นเปลี่ยนไป ระยะหลังพวกเราหกคนสนิทกันมากขึ้น ถึงต้นจะไม่ชอบพูดเรื่องตัวเองเหมือนก่อนแต่ก็ร่าเริงขึ้น แต่ตอนนี้ต้นดูซึมเศร้าเก็บตัวไม่ยอมสนใจใครเลย ผมคิดว่าต้องมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับต้นแน่นอน
     ไปป์เองก็พยายามชวนต้นคุยเรื่องสอบ ไม่พูดเล่นกวนใจต้นต่างจากตอนปกติ ผมไม่สบายใจเลยครับ เป็นห่วงต้นเหลือเกิน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ผมไหว้ทักทายคุณแม่ของเมษก่อนจะเดินตามเขาขึ้นมายังชั้นสองของบ้าน
     “เอ้า เข้ามาๆ”
     เมษเชิญผมเข้าห้องนอนของเขา ผมนั่งลงบนเตียง ส่วนเจ้าของห้องกลับเลือกนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
     “ขอบคุณนะ ขอโทษที่มารบกวนเอาตอนสอบ”
     ผมซึ้งใจจริงๆ ที่เมษอยู่กับผมทุกครั้งที่ผมมีปัญหา
     “ไม่เป็นไรย่ะ แล้วนี่แกจะอยู่กินข้าวกับฉันมั้ยยะ? ฉันจะได้บอกแม่ให้ทำของโปรดแกให้”
     “ไม่ดีกว่า เราเกรงใจ แค่นี้ก็ลำบากนายมากแล้วเมษ”
     “เกรงใจอะไรกัน ถ้าแกไม่ไหวแกค้างกับฉันก็ได้นะ”
     “อย่าเลย พี่ชัชไม่ยอมหรอก เดี๋ยวจะมาอาละวาดที่นี่เปล่าๆ”
     ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องราวในอดีต แต่พอนึกแล้วน้ำตาผมก็ไหล
     “แก! อย่าร้องสินังต้น ถ้าผัวแกมาอาละวาดนะฉันจะไปตบมันให้เลย! หนอยๆ ทำแบบนี้กับแกได้ยังไง”
     เมษโอ๋ผมก่อนจะพูดเอาใจ แต่ผมรู้ว่าเมษจะปกป้องผมอย่างที่พูดจริงๆ
     “พี่ชัชยังรักผู้หญิงคนนั้นอยู่อ่ะเมษ ฮือๆ
     ผมอ่อนแอเสมอเวลาอยู่กับเมษ ผมไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร เมษเข้ามาปลอบผม ถึงไหล่ของเมษจะบอบบางแต่มันก็เป็นที่พึ่งให้ผมได้เสมอ
     “โอ๊ย! อย่าคิดมากสิแก ผัวแกอาจจะแค่ซนเฉยๆ ก็ได้ ผัวแกเจ้าชู้จะตาย”
     “เขารักกัน เรารู้ ยัยป้านั่นยังรักพี่ชัชอยู่ พี่ชัชเองก็ยังตัดเขาไม่ขาด เราเห็นแววตาเขา”
     “ตัดไม่ขาดแกก็ตัดเองไปเลยสิ ยื่นคำขาดไปเลยว่าพี่เขาจะเลือกใคร พี่ชัชรักแกจะตาย ยังไงก็ต้องเลือกแก”
     “แต่เรากลัวอ่ะเมษ ถ้าพี่ชัชมีคนอื่นอีกล่ะ มันเจ็บนะ เราทุ่มเทเพื่อพี่เขาทุกอย่างแต่ทำไมพี่ชัชทำกับเราแบบนี้ เพราะเราเป็นผู้ชายใช่มั้ยเมษ! ถ้าเกิดเราเป็นผู้หญิงพี่เขาคงไม่เบื่อไปหาผู้หญิงคนอื่นใช่มั้ยเมษ ฮือๆ เราเกลียดผู้หญิงคนนั้น!”
     “ใจเย็นๆ แก พี่เขายังไม่ได้ทิ้งแก แค่เผลอ!”
     “นั่นแหละ เพราะพี่เขาเบื่อเราแล้วใช่มั้ย เพราะเราเป็นผู้ชายใช่มั้ย!”
     “นี่ฟังฉันนะนังต้น! สันดานอย่างผัวแกน่ะ ต่อให้แกเป็นผู้หญิงมันก็ช่วยอะไรไม่ได้ คนมันมักมากแบบนั้นน่ะ”
     เมษพูดแรงๆ เพื่อเตือนสติผม ใช่ว่าผมไม่รู้ ผมรู้แต่ผมพยายามหลอกตัวเอง ที่ผ่านมาผมคิดว่าพี่ชัชรักผมมากพอจะหยุดนิสัยแย่ๆ พวกนั้น แต่ผมคิดผิด ในที่สุดพี่เขาก็เบื่อผม
     “แกรักพี่เขามากเลยเหรอ?”
     “ใช่ เรารักพี่ชัชมาก เพราะงั้นเราถึงได้เสียใจมากที่พี่เขาทรยศเรา ทั้งๆ ที่พี่เขาบอกว่ารักเราแต่ก็ไปทำอะไรแบบนั้นกับคนอื่น แล้วยังมาขอให้เราให้อภัยเขาอีก พี่เขาถามเราว่าเรารักเขามากพอจะให้อภัยการเผลอของเขาครั้งนี้ได้มั้ยเรา เจ็บอ่ะเมษ!”
     “โอ๊ย! แล้วแกจะเอายังไงต่อ ยังไงเรื่องมันก็เกิดไปแล้ว แกกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนังต้น ตกลงแกจะรักหรือจะเลิก ถ้าคิดจะรักก็ต้องทน ยังไงผัวแกก็เปลี่ยนนิสัยยาก”
     “เราไม่รู้อ่ะเมษ มันสับสนไปหมด เราทำใจไม่ได้อ่ะ”
     “งั้นก็เลิก”
     “ไม่นะ เราไม่อยากเลิกกับพี่ชัช! เราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่เขา!”
     “แล้วแกจะทนกล้ำกลืนความเจ็บปวดอยู่กันไปแบบคาราคาซังทั้งๆ ที่ยังให้อภัยพี่เขาไม่ได้เหรอ? แกจะยื้อไปทำไม อย่างว่าฉันแส่เลยนะ ฉันอยากให้แกเลิกซะ บอกตามตรงฉันกลัวอารมณ์ผัวแกจริงๆ ตอนดีก็ดีใจหายแต่ตอนร้ายน่ากลัวเป็นบ้า! ตอนพาแกไปรถคว่ำก็มาขอโอกาสแกดิบดีแล้วยังกล้านอกใจแกอีกเนี่ยนะ! ยิ่งฟังแกพูดแล้วรู้สึกเห็นแก่ตัวมากอ่ะ นี่คงได้ใจคิดว่าแกรักมันมากจนต้องยอมมันทุกอย่าง เห็นแกเป็นของตาย ผู้ชายแบบนี้นะนังต้น ต่อให้แกดีอีกเท่าไหร่มันก็ไม่พอหรอก”
     “แต่เรารักพี่เขามากนี่”
     “โอ๊ย งั้นก็ไม่ต้องเลิกสิยะ!”
     “ก็เรากลัวนี่เมษ พี่ชัชเขาขอโอกาสกับเรา เราอยากเชื่อใจพี่เขา แต่ว่า... เรา”
     “แกระแวงสันดานผัวตัวเอง”
     “เราไม่ไว้ใจยัยป้านั่น! เขาต้องทำงานด้วยกัน เรากลัว”
     “นี่แก เคยได้ยินมั้ย ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก ถ้าผัวแกไม่ได้เล่นด้วยแต่แรกมันก็ไม่เกิดเรื่อง”
     “แล้วเราควรทำยังไงดีเมษ?”
     ผมสับสนที่สุดในชีวิตเลยถามเมษออกไปแบบนั้น แต่เมษไม่ได้ตอบคำถามผม เมษถอนหายใจแล้วยื่นกระดาษทิชชู่ให้ผมเช็ดน้ำตาแทน
     “ตั้งสติก่อนเลยย่ะ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ รอดูอาการพี่เขาไปซักระยะ ยังไงก็ตามอย่าให้เรื่องนี้มาทำลายชีวิตแก นี่มันช่วงสอบ แกอย่าพึ่งคิดมากเรื่องนี้ หยุด! ไม่ต้องพูด ฉันรู้ว่ามันทำยาก แต่แกควรลืมๆ เรื่องนี้ไปก่อน การสอบสำคัญกว่านะแก แล้วอีกอย่างถ้าขืนแกยังซึมอยู่แบบนี้แล้วเรื่องรู้ถึงหูอิแม็กซ์ ฉันว่า...”
     “ไม่ได้นะ! จะให้แม็กซ์รู้ไม่ได้นะ!”
     “ช่าย แต่แกอย่าลืมสิ ถ้าแกทำตัวผิดปกติแล้วอิอาร์มปากสว่าง แกคิดว่าแกจะปิดแม็กซ์ได้เหรอ? แล้วถ้าแม็กซ์รู้...”
     ผมเห็นเค้าความยุ่งยากก่อตัวขึ้นครับ แม็กซ์กับพี่ชัชเกลียดกันอย่างกับอะไร ถ้าแม็กซ์รู้ว่าพี่ชัชทำให้ผมเสียใจ แม็กซ์ไม่ปล่อยพี่ชัชไว้แน่! ผมไม่อยากให้แม็กซ์มาทำอะไรพี่ชัช ถึงผมจะเสียใจมากแค่ไหนแต่ผมก็ไม่อยากเห็นแม็กซ์มีปัญหากับพี่ชัช ต่อให้เขาจะทำเพื่อผมก็ตาม และสิ่งที่ผมกลัวที่สุดก็คือ ผมกลัวแม็กซ์จะเลิกถอดใจ

     ผมไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ผมกลัวในวันนั้นจะเป็นความจริง แม็กซ์ไม่เคยถอดใจเรื่องของผม!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ชีวิตคู่ของผมช่วงนี้เหมือนสงครามเย็น โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง เราสองคนทะเลาะกัน ไม่ดิ! เรียกว่าต้นโกรธผมจะถูกกว่า เพราะผมนอกใจมัน และด้วยความที่ช่วงนี้เมียผมมีสอบมันเลยมีข้ออ้างหลบหน้าผม บอกว่าติวบ้างล่ะ เข้าห้องสมุดบ้างล่ะ กลับมาก็หมกตัวเอาแต่อ่านหนังสือไม่ยอมพูดยอมจาแม้แต่หน้าผมมันยังไม่มอง
     ไอ้ผมก็รีบทำงานกลับบ้านมารอมันทุกวันแต่มันดันกลับมาซะดึก แถมไม่พอ มันไม่ยอมสบตาผมเลยแม้แต่น้อย ผมก็รู้นะครับว่าผมผิดแต่ต้นมันทำแบบนี้อึดอัดเป็นบ้า! ให้มันโกรธผมวีนใส่ผมเลยยังจะดีกว่า แต่นี่มันเล่นเงียบ คุยกันทีไรก็ประชดผมกลับสองสามประโยคแล้วหนี ผมรู้ว่ามันยังไม่หายโกรธผมแต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงมันถึงจะหายโกรธ
     วันนี้ก็เหมือนเคยมันกลับมาซะดึก พักหลังมันไม่โทรรายงานผมอย่างเคย ปล่อยให้ผมเป็นห่วงว่าเมียหายไปไหน พอกลับมาถึงก็หนีเข้าห้องนอน ผมซื้อขนมจีนเขียวหวานของชอบมาให้มันก็ไม่กิน ต้นอ้างว่าเหนื่อยขอตัวอาบน้ำนอนพรุ่งนี้ต้องไปสอบแต่เช้า ดีที่ผมเตรียมรับมือไว้แล้ว
     พอมันเข้านอนผมก็เข้านอนตามมัน ผมนอนลงข้างๆ แล้วยื่นแขนออกไปกอดมัน ผมหอมแก้มอ้อนมันแต่ต้นกลับขืนตัวหนีผม ปฏิเสธจูบของผม หรือมันจะรังเกียจผมแล้ว?
     “อย่าครับพี่ชัช”
     “กอดนิดเดียวเองครับที่รัก เราไม่ได้นอนกอดกันนานแล้วนะ”
     ผมคิดถึงลูกแกะช่างมุดของผมนี่หว่า อยากให้มันหายโกรธผมแล้วมาอ้อนผมเหมือนเดิมเร็วๆ
     “พรุ่งนี้ผมมีสอบแต่เช้า ผมอยากนอนสบายๆ ครับ”
     ต้นมันปฏิเสธผมจริงจังจนผมเจ็บแปล๊บในอกเพราะความเย็นชาของมัน ชักท้อแล้วครับ หรือต้นจะไม่มีวันให้อภัยผมจริงๆ?
     “โอเคๆ โอเคครับ พี่ไม่กวนเราก็ได้ แล้วเหลือสอบอีกเยอะมั้ยครับ?”
     “เหลืออีกไม่กี่ตัวครับ”
     “งั้นสอบเสร็จเราไปเที่ยวกันสองคนมั้ยครับ ขับรถไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้วน้า ต้นอยากไปไหนมั้ยครับ เราปะ-”
     “พอเถอครับผมง่วงแล้ว!”
     มันตัดบทผม!
     “พี่รู้ว่าเราโกรธพี่ แต่ตอนนี้พี่ชักไม่แน่ใจว่าเราถึงขั้นเกลียดพี่รึเปล่า พี่ต้องทำยังไงต้นถึงจะพอใจ บอกพี่มาสิครับ จะให้พี่ทำยังไงเราถึงจะให้อภัย”
     มันอยากนอน ผมก็จะให้มันนอน!

     เราสองคนแทบไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยแม้กระทั่งหลังมันสอบเสร็จ พวกเราอยู่ด้วยกันแต่ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง มันตื่นเช้ามาทำกับข้าวให้ผม ไปเรียนกลับมาเตรียมข้าวเย็นรอ ดูแลผมเหมือนเดิมทุกอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ส่วนผมก็มีหน้าที่ทำงานหาเงินเข้าบ้าน สิ่งที่แตกต่างจากเดิมก็คือต้นมันไม่เคยยิ้มให้ผมอีกเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเซ็ก แค่การหันมามองหน้าผมสบตากันตรงๆ มันยังไม่ทำ!
     ทั้งที่เราอาศัยร่วมกันในห้อง นอนคู่กันบนเตียงอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันแต่เหมือนอยู่กันคนละโลก ผมจะต้องเสียต้นไปจริงๆ เหรอ?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     พี่ชัชพูดเหมือนผมเป็นคนผิด! ทำไมเวลามีอะไรเกิดขึ้นทุกคนถึงชอบทำเหมือนผมเป็นคนผิดทั้งๆ ที่เรื่องที่เกิดผมไม่ใช่คนเริ่ม! ผมเป็นเหยื่อที่ต้องมาทนรับผลจากการกระทำของคนอื่นแท้ๆ แต่ผมกลับต้องถูกด่าเพราะว่าผมซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง ผมเป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อเชื้อไขมีหัวใจเจ็บเป็นรู้สึกเป็นนะครับ! ทำไมทุกคนถึงเอาแต่พูดว่าผมดราม่า หรือผมควรจะเป็นรูปปั้นยืนนิ่งๆ ไร้ชีวิตไม่คิดไม่รู้สึกไม่ตอบโต้อะไรใคร ถ้าไม่รักไม่สนิทสนมไม่ผูกพันไม่คาดหวังเราก็จะไม่ต้องเจ็บแท้ๆ บางทีโลกนี้อาจจะไม่ต้องการให้ผมเกิดมาจริงๆ ก็ได้ ผมน่าจะตายๆ ไปซะตั้งแต่ตอนที่คุณแม่พยายามเอาผมออก!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... จบบทที่18 ยังมีแฟนคลับอยู่มั้ย?  :hao5:  ดราม่ารัวๆ อย่าพึ่งฆ่าคนแต่งน้า
บอกเหมือนทุกๆ ครั้งที่ย้ำในเด็กดี จบแฮปปี้จ้า มั่นใจว่าจบสวยด้วย แต่ยังไม่จบง่ายๆ เหอะๆ ก่อนจะจบมันต้องมีฉากของเหล่าฮาเรมซักนิด!
แบบมันเลือกไม่ถูกอ่ะ จะเอารั่ว เอาเฮฮา เอาฮาเรม เอาอบอุ่น หรือเอาดราม่า ลงท้ายเลยยัดทุกสิ่งทุกอย่างมารวมกันไว้หมดเยย! แถมใช้มุกเสียดสีประชดประชันสังคมใส่ลงไปอีกติ๊ด เหมาะสำหรับคนชอบความเรียลแบบปวดตับไตไส้พุง หึๆ

ติดตามกันไปนานๆ น้า คิดถึงคนเม้นจัง พักนี้เห็นแต่คุณ bebe คนเดียว คุณ batandty ก็ไม่มาทวง (สงสัยเพราะเราขยัน ฮ่าๆ) คนที่เคยตามอ่านภาคแรกเคยเม้นตอนภาคแรกสงสัยเลิกอ่านไปแล้วมั้ง เหอะๆ หายไปหมดเยย แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่านจ้า
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#13/11/57]ทำร้ายจิตใจคนแต่งมาก
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 13-11-2014 00:48:40
เนื่องจากไม่มีคนเม้นท์ เค้าเลยอาศัยกำลังใจจากยอดวิว

อุตส่ารอ ร้อ รอ เลขดีเลขสวย เลขอินฟินิต 8888

วันนี้ก็อัพ อัพไปปุ๊ปกดเข้ากระทู้เช็คเนื้อหา รีเฟรชกลับมาอีกที


(http://image.ohozaa.com/i/47f/dx5HBZ.jpg)


 :freeze: :freeze: :freeze: :freeze: :freeze: :freeze: :freeze: :freeze:

ใคร๊! ใครมันทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆ ของเก๊า!  o9 o9 o9 o9 o9 o9


อุตส่าห์ทำใจกับเม้น ไม่กล้าคาดหวังว่าจะมีคนอ่านถึงหมื่น แต่แค่เลขสวยๆ เก็บสถิติให้ชื่นใจ แง๊ๆ อด!

(แล้วคนอ่านก็รู้ทันทีว่าต้นแบบความปัญญาอ่อนของไปป์มาจากไหน)


แต่ยังไงก็ขอขอบคุณคนอ่านทุกคนนะขอรับ  o1


โอ๊ะ ได้เปิดบริสุทธิ์คุณ กาสะลอง ใช่ที่ไหนละเว้ย!
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะค้า รักจังเยยอ่ะ  :mew1:

ดีใจค่ะ ดีใจที่ทุกคนชมพี่ชัชว่าเฮียมาก  :hao5:  แต่งได้เลวสมจริงเกินไปใช่มั้ย
ทีเรื่องอื่นพระเอกก็ข่มขืนนายเอก เจ้าชู้ เอากับผู้หญิงไม่เลือก เรื่องอื่นก็ใช้มุกชะนีราวีตั้งเยอะ บลาๆ :o11: 
ฮ่าๆ ชอบล้อพล็อตนิยายวายเรื่องอื่นอ่ะค่ะ แม็กซ์มันถึงได้โคตรพระเอกไงคะ แต่เดี๋ยวมันจะได้ป้ายไฟมากกว่านี้อีก จะทั้งแมนทั้งน่าสงสารจนคนอ่านอยากลุกขึ้นมากระซวกพี่ชัชทิ้ง ส่วนพี่ชัชก็เรียลเกินทน คือผู้ชายจริงๆ แบบจับต้องได้ เอาหินปาไปบนถนนเดี๋ยวก็เจอ

อันนี้ต้องลุ้นจริงๆ ว่าตอนจบจะเป็นยังไง ถ้าคนอ่านไม่ลุกขึ้นมาฆ่าคนแต่งนะคะ ฮ่าๆ บทหน้านี่แหละ คนแต่งโดนด่าอื้อเยย... เพราะโหดร้ายกับ...มาก!

หัวข้อ: Re: [UPภาค2#12/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน18
เริ่มหัวข้อโดย: กาสะลอง ที่ 13-11-2014 12:03:18
อ่านเรื่องนี้เพราะชื่อเรื่องมันแปลก  อ่านๆไปนายเอกมันดราม่าดีจริงๆ แต่ยังไม่คิดจะเม้นจนวันนี้ ทนไม่ไหวคิดว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แต่พออ่านแล้ว ทำไมอีชัชมันเหี้ยแบบนี้ อ่านมาเรื่อยๆ บอกตรงไม่เคยคิดว่าอิชัชมันจะเป็นพระเอกของเรื่องได้เลย  มาดพระเอกมันควรเป็นแม็กจริงๆ แต่อิชัชมันคือผช. ที่มีจริงๆในโลกใบนี้  อ่านไปสงสารต้นจริงๆปากมันบอกรักแต่ใจมันยังรักมากแค่ไหน รู้อยู่ว่าต้นเป็นเด็กที่มีปมถ้าต้องเจอกับเรื่องพวกนี้อีกจะเป็นไง   ถ้าต้นยอมคืนดีมันก็เหมือนง่ายไปถึงจะบอกว่ารักมากก็ตามเถอะ อยู่ๆไปจะทำใจได้จริงเหรอยิ่งเป็นคนคิดมาก แต่จะให้แม็กเป็นพระเอกแทนมันก็ไม่ใช่นิสัยต้นที่จะเลือกแม็กนะเราว่า เป็นเราจะหนีแม่งไปอยู่กับแม่ดูทุกคนวุ่นวายกับต้นจัง 
    เราอยากอ่านต่ออยากรู้ว่าคนเขียนจะเขียนเรื่องยังไงให้ต้นยกโทษให้อิชัช โดยไม่มีปมในใจ
    อยากอ่านต่อ อยากรู้ว่าคนเขียนจะทำเขียนยังไงให้เรารู้สึกว่าอิชัชมันรักต้นจริง และมากพอที่จะทำให้ต้นยกโทษให้
   มาต่ออีกเถอะอึดอัดมาก
   แต่ข้อสำคัญเขาจะรักกันโดยยอมรับความเป็นจริงได้ไหมว่าเขาคือผชกับผช ไม่ใช่ยังมานึกสภาพครอบครัว ที่ต้องมี พ่อ แม่ ลูก
  คนแต่งจ๋าช่วยหน่อย
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#13/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน19
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 13-11-2014 14:01:02
ความโชคร้ายของเด็กเลี้ยงแกะ

แม็กซ์

     ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้น ช่วงที่ผ่านมาผมยุ่งกับการสอบ ผมโทรหาต้นแต่ต้นไม่รับและไม่โทรกลับ ผมคิดว่าต้นก็คงวุ่นเรื่องสอบเหมือนกัน แต่ไอ้อาร์มส่งข่าวบอกผม ต้นแปลกไป ในความแปลกที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนนั้นทุกคนสัมผัสได้ถึงความเศร้าที่ซุกซ่อนอยู่ในแววตาของต้น
     และเมื่อผมมาถึง ต้นที่ผมเห็นไร้ชีวิตชีวา เพื่อนของผมผอมลง ต้นยิ้มทักทายผมแต่เบื้องหลังหน้ากากใบนั้นผมได้ยินเสียงร้องไห้
     “คืนนี้ไปนอนบ้านแม็กซ์ป่ะ”
     “อะไรของนาย? บ้าป่ะ! อยู่ๆ ก็มาชวน”
     “ไม่ได้บ้า เอาจริง มาเป็นแฟนแม็กซ์เหอะ แม็กซ์จะดูแลต้นให้ดีกว่ามัน”
     “พล่ามไรเนี่ย”
     ต้นพยายามกลบเกลื่อน เพื่อนของผมก้มหน้าลงแล้วแกล้งยิ้มก่อนจะแอบลอบมองสีหน้าของเพื่อนในกลุ่ม ต้นไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ แต่ที่ต้นไม่รู้คือทุกคนรู้แค่ไม่มีใครพูด ทุกคนทำในสิ่งที่ต้นต้องการ แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่แตะต้องเรื่องที่ทำให้ต้นไม่สบายใจ ต้นเก่งเสมอในเรื่องนี้ เพื่อนผมเป็นที่รักของคนอื่นเสมอ และผมก็รักต้นสุดหัวใจ ดังนั้นผมจะไม่มีวันให้อภัยมัน!
     “งั้นก็บอกแม็กซ์มาดิ มันทำอะไรต้นอีก ต้นถึงได้เสียใจแบบนี้”
     “แม็กซ์!”
     ต้นตะคอกผมแล้วก็น้ำตาไหล ผมเซ็งที่ต้นไม่ยอมปริปากอะไรอีกแล้ว เมื่อไหร่ต้นจะเลิกปกป้องมัน!
     “กลับบ้านกับแม็กซ์ๆ จะไปส่ง”
     “เรา!”
     “เคยบอกแล้วไง อยากไปไหนอยากทำอะไรแม็กซ์จะพาไป อย่ามานั่งหลอกตัวเองไปวันๆ น่ะต้น ถ้าไม่อยากกลับห้องแม็กซ์จะอยู่เป็นเพื่อนเอง จะได้ไม่ต้องมานั่งฝืนยิ้มต่อหน้าคนอื่นแบบนี้”

     ผมพาต้นไปหาที่เงียบๆ คุย แมคใกล้ๆ โรงเรียนเก่าของพวกเราเป็นตัวเลือกที่ดี ผมสั่งเฟรนช์ฟรายส์ให้ตัวเองและไม่ลืมเลี้ยงพายต้น เด็กรุ่นน้องร่วมสถาบัน คนทำงาน ติวเตอร์กระจายอยู่ตามโต๊ะต่างๆ ไม่มีใครสนใจใคร ภาพเหล่านี้ทำให้ผมนึกถึงอดีต ผมโดนต้นหักอกที่นี่
     “อุตส่าห์เลี้ยง ไม่กินเสียของว่ะ”
     “โทษที เรายังไม่ค่อยหิว”
     “งั้นจะเปิดปากได้ยัง?”
     “ก็ไม่มีอะไรนี่”
     “ต้นก็รู้ว่าโกหกแม็กซ์ไม่ได้”
     “มันไม่มีอะไรหรอกแม็กซ์ ลิ้นกับฟันมันก็ต้องมีบ้าง”
     “ต้นไม่ไว้ใจแม็กซ์เหรอ?”
     ต้นมองหน้าผม ในแววตาของต้นมีความลังเล แต่ต้นก็เลือกปิดปากเงียบ
     “คิดว่าปิดได้ก็ปิดไป สุดท้ายแม็กซ์ก็รู้ทุกทีแหละ อย่าให้รู้ละกันว่ามันทำอะไรต้น ไม่งั้นแม็กซ์เล่นมันแน่!”
     “ไม่ใช่นะแม็กซ์ พี่ชัชไม่ได้ทำอะไรเรา!”
     “มันทำต้นเสียใจต้นยังไปปกป้องมันอยู่ได้!”
     “ก็บอกว่าไม่มีอะไรไง! เรากับพี่ชัชไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ พี่เขาไม่ได้ทำอะไรเรา!”
     “มันไม่มีกับต้นแต่ไปมีกับคนอื่นอะดิ มันมีคนอื่นใช่มั้ยต้นถึงได้ซังกะตายแบบนี้”
     สีหน้าของต้นดูตกตะลึง ต้นตกใจที่ความลับของตัวเองถูกเปิดเผย แปลว่าผมเดาถูก มันนอกใจเพื่อนผมจริงๆ!
     “มันไม่ซื่อสัตย์ก็เลิกเล้ย จะไปรักมันทำไม แม็กซ์ยังว่าง”
     “นายก็นอกใจแฟนบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ”
     “ผู้หญิงพวกนั้นแค่ควงกันเฉยๆ ไม่ได้รัก แต่แม็กซ์รักต้น แม็กซ์ไม่ทำแบบนั้นกับคนที่แม็กซ์รักหรอก”
     “แล้วคนที่ทำทั้งๆ ที่บอกว่ารักล่ะ”
     “พวกเหี้ยไง มันไม่รักใครจริงนอกจากรักตัวเอง”
     ผมพูดเท่ๆ ไปงั้น แต่ก็รู้ตัวดีว่าผมเองก็เหี้ยพอกัน ผมฉวยจังหวะที่ต้นกำลังมีปัญหาสร้างโอกาสให้ตัวเอง
     “แม็กซ์จะรักเราได้ยังไง เราเป็นผู้ชาย”
     “รักได้ไงไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว”
     “เราไม่ใช่ผู้หญิง มันไม่เหมือนกันหรอกแม็กซ์ ยังไงผู้หญิงก็ดีกว่าใช่มั้ยล่ะ”
     ต้นพูดด้วยท่าทางเจ็บปวดแล้วก็น้ำตาไหล ต้นคิดมากเรื่องนี้นี่เอง ไอ้เหี้ยนั่นมีผู้หญิงอื่น!
     “เราเป็นผู้ชาย แต่งงานจดทะเบียนทำอะไรก็ไม่ได้ ท้องก็ไม่ได้ ร่างกายก็แตกต่างกัน ไม่มีหน้าอก ต่อให้ดีแค่ไหนก็ไม่มีผู้ชายแท้ๆ ที่ไหนจะชอบเราหรอก”
     “ได้ไม่ได้ลองไปกับแม็กซ์ซักคืนเดี๋ยวก็รู้ แม็กซ์ไม่แคร์เรื่องพวกนั้น แม็กซ์ชอบที่ต้นเป็นแบบนี้ อยากอยู่กับต้น อยากกอด อยากทำ ไม่รู้ตัวรึไงว่าเกือบโดนลักหลับไปกี่ครั้ง”
     “พ่อแม่แม็กซ์ไม่มีวันยอมหรอก ผู้ชายกับผู้ชายรักกันไม่ได้หรอกแม็กซ์”
     “ไม่มีคำว่าไม่ได้หรอกต้นถ้าคนเราพยายาม มันอาจจะมีอุปสรรคแต่แม็กซ์พร้อมจะสู้ ถ้าต้นเลือกแม็กซ์ๆ จะทำให้ทุกคนยอมรับต้นให้ได้ แค่ต้นเป็นตัวเองแบบนี้ก็น่ารักแล้ว ไม่มีใครเกลียดต้นลงหรอก แม็กซ์จะทำให้ต้นมีความสุขเอง”
     “แต่ความรักกับความเหมาะสมมันคนละเรื่องกันไม่ใช่เหรอ เราไม่เหมือนผู้หญิงหรอกนะ เรื่องนั้นเราก็ไม่เก่ง ทำให้นายมีความสุขไม่ได้หรอก”
     “ก็ไม่ได้ให้ทำ ให้เป็นคนโดนทำ”
     “ผู้ชายด้วยกันมีลูกไม่ได้หรอกนะ นายเป็นลูกชายคนเดียวนะแม็กซ์!”
     “ต้นก็หลานชายคนเดียวเหมือนกัน เรื่องเด็กไม่ยากหรอก คนรับจ้างอุ้มบุญเยอะแยะ มีเงินหน่อยก็จ้างได้ บ้านแม็กซ์รวย ถ้าป๊ากับม๊าอยากอุ้มหลานแม็กซ์จะทำให้ แต่ยังไงแม็กซ์ก็รักต้น ต้นฝันอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นใช่มั้ยล่ะ แม็กซ์ให้ต้นได้แน่ๆ
     ผมไม่รู้ว่าต้นจะใจอ่อนรึเปล่า เพราะต้นมองตรงมาที่ผม เราสบตากันอยู่นานก่อนที่ต้นจะหลบตาผมแล้วตัดบท
     “รีบทานเถอะ เราอยากกลับแล้ว”
     “เฮ้อ สรุปว่าแม็กซ์แห้วใช่ป่ะ?”
     “แม็กซ์ก็รู้ว่าเราไม่ได้คิดอะไรกับนาย”
     “ก็รู้ แต่ขอแม็กซ์หวังไม่ได้รึไง อย่างน้อยต้นก็ไม่ทำหน้าเบื่อใส่เวลาแม็กซ์บอกรักต้นแล้ว บางทีซักวันต้นอาจจะใจอ่อนยอมรับรักแม็กซ์จริงๆ ก็ได้”
     ต้นก้มหน้าลงแล้วนิ่งไป แต่ผมเห็นความสับสนในดวงตาของต้น มันไม่ใช่ความรังเกียจเหมือนเมื่อก่อน ต้นไม่ได้เย็นชาใส่ผม ผมยังมีหวัง!

     หลังกินเสร็จผมขับรถมาส่งต้นที่หน้าคอนโด ต้นกลับไปซึมอีกแล้ว เอาแต่นั่งเหม่อน้ำตาไหล เห็นละเจ็บใจชะมัด!
     “แน่ใจนะว่าอยากกลับจริงๆ แม็กซ์พาไปเที่ยวแถวๆ นี้ก่อนได้นะ”
     “เอ่อ เรา...”
     เพื่อนผมใจลอยอีกแล้ว
     “ถึงละ”
     “ขอบคุณที่มาส่งนะ”
     ต้นพยายามฝืนยิ้มให้ผม ต้นจะรู้มั้ยว่าผมเจ็บที่ต้องเห็นคนที่ตัวเองรักเจ็บปวดแบบนี้ ผมดึงต้นมากอด ต้นตกใจดิ้น แต่ผมแข็งแรงกว่า
     “ถ้าไม่อยากกลับแล้วบอกให้มาส่งทำไม ทำหน้าแบบนี้แม็กซ์ไม่ปล่อยต้นไปหรอก เลิกกับมันเหอะ”
     ต้นนิ่งเลิกขัดขืน แต่ตัวสั่น ต้นตอบผมด้วยเสียงสั่นเครือเหมือนคนร้องไห้
     “เพราะเรารักเขาไง! เราทั้งรักทั้งเกลียด เจ็บจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว แต่เราก็ยังเลิกรักเขาไม่ได้ เราเกลียดจนไม่อยากเห็นหน้าเขา แต่เราก็ไม่อยากถูกทิ้ง!”
     “แม็กซ์จะรอวันที่ต้นตัดใจจากมันได้”
     “ไม่มีทางหรอกแม็กซ์ เราทำไม่ได้ เขาเป็นทุกอย่างของเรา ไม่มีทาง! นายเข้าใจมั้ย? เราไม่อยากเสียเขาไป เรารักเขา!”
     ต้นร้องไห้เหมือนคนบ้า ผมเองก็บ้าพอกัน ผมบ้าหลงรักต้นที่ตะโกนว่ารักคนอื่นอย่างบ้าคลั่ง พวกเรามันบ้า!
     “ตัดไม่ได้ก็ไม่ต้องตัด รักก็คือรัก ต้นรักมัน แม็กซ์รักต้น แค่นี้ก็พอแล้ว ต้นยังมีแม็กซ์นะ”
     ต้นซบหน้าลงแล้วร้องไห้แบบกลั้นเสียง ถึงจะรู้ว่าต้นไม่ได้กอดผมเพราะความรักแต่ผมก็ดีใจ อยากหยุดเวลาไว้แบบนี้ ต้นไม่ต้องรักผมก็ได้ ขอแค่ให้ผมได้รักต้นก็พอ แค่ได้ดูแลต้นแบบนี้ก็พอ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     พูดกันตรงๆ ผมเครียดครับ เป็นปัญหาชีวิตคู่ครั้งที่เครียดที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตผมเลย ครั้งนี้ผมไม่ได้หงุดหงิดโมโหเลยแม้แต่น้อย กลับกันผมชักจะเหนื่อยและท้อจนแทบไม่มีแรงทำอะไร ต้นเย็นชากับผมมากจนผมกลัว ผมกลัวมันจะเลิกรักผม แต่กลัวที่สุดคือกลัวว่ามันจะประชดผมเหมือนที่น้ำตาลเคยทำ!
     วันนี้ช่วงบ่ายผมโดดไปหาไอ้เอก ตั้งใจจะไปปรับทุกข์กับมัน ในชีวิตผมก็มีแต่มันนี่แหละที่พอจะคุยเรื่องปัญหาได้โดยไม่ต้องแคร์อะไรและมั่นใจว่ามันจะเก็บเรื่องเหี้ยๆ ของผมไว้เป็นความลับ ต่อให้มันด่าผมว่าเหี้ยแต่มันก็จะยังเป็นเพื่อนกับผมเหมือนเดิม ถึงคราวคับขันมันก็เป็นที่พึ่งให้ผมได้เสมอ ผมคิดว่ามันน่าจะว่างไปแดกเหล้าเป็นเพื่อนผม โชคไม่ช่วย มันติดเคส เราเลยไม่ได้คุยกันมาก มันรู้แค่ผมทะเลาะกับต้นเพราะน้ำตาล แต่ผมยังไม่ลงลึกรายละเอียด มันสัญญากับผมว่าพรุ่งนี้จะโทรหา บอกให้ผมใจเย็นอย่าพึ่งอาละวาด แต่ที่มันไม่รู้คือผมเล่นสงครามเย็นมาเป็นอาทิตย์แล้วครับ!
     ผมเลยกลับคอนโดแบบเซ็งๆ ใครจะไปคิดว่าผมกลับมาเห็นช็อตเด็ดเมียตัวเอง ตอนแรกผมไม่ทันได้ใส่ใจว่าเบ๊นซ์คันที่จอดขวางอยู่หน้าทางเข้าเป็นของใคร ผมก็แค่สบถด่าพวกเกะกะขวางทางกะจะมองหน้าคนขับมันซะหน่อย แต่แล้วภาพที่ผมเห็นทำเอาผมช็อก เมียผมมัวแต่กอดกับกิ๊กเก่าจนไม่ทันสังเกตรถผัว!
     ผมวนรถออกมาแล้วจอดซุ่มอยู่ห่างๆ ใช้เวลาพอสมควรกว่าเมียผมจะลงจากรถ ไม่รู้ว่ามัวทำอะไรอยู่!
     ต้นเดินขึ้นคอนโดไปแล้วแต่ผมต้องนั่งสงบสติอารมณ์ในรถอยู่นาน บางทีมันอาจไม่มีอะไร ใช่แล้ว! มันไม่มีอะไรหรอก ต้นไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ภาพที่มันอยู่ในอ้อมกอดของคนอื่นก็ทำให้ผมจี๊ด มันปฏิเสธผมแต่กลับไปซบคนอื่น! หรือมันจะทำไปเพราะประชดผม? เรื่องเก่าๆ ย้อนกลับมาหลอกหลอนผมอีกครั้งเหรอ?

     กว่าผมจะลากสังขารตัวเองขึ้นห้องได้ก็ลำบากพอดู สองขาผมหนักอึ้งแต่หัวใจผมทรมานยิ่งกว่า ต้นมันขยี้หัวใจผมซะแล้ว
     ภาพที่ผมเห็นเมื่อเปิดประตูเข้าห้องพักก็คือไอ้ต้นกำลังทำข้าวเย็นให้ผม ตาทั้งสองข้างมันแดงจัดแบบที่ดูก็รู้ว่าร้องไห้มา ไม่รู้ไปออดอ้อนออเซาะอะไรกันไว้บ้าง ในสายตาไอ้ต้นผัวมันคงเลวมากจนต้องไปร้องห่มร้องไห้กับชู้!
     มันเหลือบมามองผมแล้วทำกับข้าวต่อไปเงียบๆ ปกติผมต้องพยายามอ้อนมัน แต่วันนี้ผมไม่มีแรง ผมไม่มีอารมณ์จะปั้นหน้าง้อมัน ผมเหนื่อย
     ผมทิ้งสัมภาระแล้วตรงเข้าไปกอดมัน ต้นตกใจพยายามผลักผมออก แต่ผมใช้กำลังบังคับให้มันหันหน้ามารับจูบจากผม มันทั้งดิ้นทั้งร้อง พอมือมันเป็นอิสระมันก็ตบผมแล้วผลักออก
     เมียผมยืนหายใจหอบ น้ำตาไหล ผมหน้าชาไปครึ่งซีก เจ็บจนน้ำตาไหลเช่นกัน ไอ้ต้นมันตบผม!
     “ทำไมอ่ะต้น ผัวจะกอดเมียหน่อยไม่ได้รึไง?”
     เราสองคนตะเบ็งเสียงใส่กันแต่เสียงผมดังกว่า
     “เป็นบ้าอะไรครับ!”
     “พี่ก็เป็นผัวต้นไง! ทีผัวกอดทำเย็นชาแต่ไปซบคนอื่นหน้าตาเฉย อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะ!”
     ผมหลุดปากไปเพราะความริษยาครอบงำสติ รู้ดีว่าหึงต้น แต่ผมหน้ามืดเกินกว่าจะยั้งปากตัวเองทัน แต่ต้นมันย่นคิ้วทำหน้างง
     “พี่ชัชพูดเรื่องอะไร?”
     โอ้โห เมียผมโคตรตอแหล! เอารางวัลตอแหลแห่งปีไปเลย มันคิดว่าผมโง่มากรึไง?
     “ให้ใครมาส่งล่ะ? ผัวขอไปรับทำรำคาญ ขอกอดทำรังเกียจ ทีมันล่ะต้น!”
     ต้นมันจนด้วยหลักฐาน แต่การที่มันไม่ปฏิเสธแบบนี้ยิ่งทำให้ผมเจ็บ!
     “เราถึงขนาดตบพี่!”
     “ก็เพราะพี่ชัชไม่มีเหตุผล”
     “งั้นแล้วเรามีเหตุผลอะไรถึงไปให้มันกอดแต่ไม่ยอมพี่ล่ะ! คิดจะประชดพี่ด้วยวิธีนี้มันไม่แรงไปหน่อยเหรอต้น! หรือเราจะไปคบกับมันจริงๆ”
     “ผม ...”
     ต้นสูดหายใจจ้องหน้าผมด้วยแววตาเอาเรื่อง แต่ทั้งๆ ที่สายตาของมันแข็งกร้าวตรงขอบตามันกลับมีหยดน้ำก่อตัวขึ้น มันสั่นไปทั้งตัว ผมลืมไปได้ยังไงว่าเมียผมรักศักดิ์ศรีเป็นที่หนึ่ง!
     “อย่า คิด ว่าคนอื่น จะเป็นเหมือนตัวเองสิครับ”
     ผมยังโกรธอยู่ แต่ความโมโหของผมหายไปกว่าครึ่งเมื่อเห็นต้นที่โกรธจนตัวสั่น มันโกรธจนพูดไม่ออก ผมเองก็นึกไม่ออกว่าเคยทะเลาะกับมันครั้งไหนรุนแรงเท่าครั้งนี้รึเปล่า การทะเลาะที่ไม่มีการยอมลดลาให้กันแบบนี้นี่น่าจะเป็นครั้งแรก
     “งั้นแล้วต้นไปกอดมันทำไมล่ะ ทีพี่-”
     ผมยังพูดไม่จบต้นก็ตะโกนสวนขึ้นมา
     “แม็กซ์เขากอดผมเอง! ผมไม่ได้ทำ”
     ปกติเวลาผมร้อน ต้นจะเย็น แต่คราวนี้ต้นมันไม่สนใจจะดับไฟให้ผม เราทั้งคู่ไม่เหลือสติกันอีกแล้ว ต้นไม่ยอมลงให้ผมอีกต่อไป
     “แต่ต้นก็ยอมมัน! แล้วพี่ล่ะ? พี่เป็นผัวต้นนะ!”
     “ถ้าพี่ชัชเป็นผัวผมแล้วไปมั่วกับผู้หญิงอื่นทำไม! อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะมีสันดานมักมากแบบตัวเองเลย แม็กซ์เขามีเกียรติพอครับ เขาไม่มั่วกับคนมีเจ้าของหรอก แล้วผมก็ไม่ได้ร่านด้วย!
     พอพูดจบต้นก็เดินหนีผมเข้าห้องนอน ปล่อยให้ผมยืนตะลึงอยู่ที่เดิม ฟังแล้วเหมือนต้นมันด่าผม ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือมันชมไอ้เด็กเวรนั่น!
     ผมดีรู้ว่าต้นเจ็บและผมเป็นคนผิด ก็เพราะแบบนี้ไม่ใช่รึไงผมถึงได้กลัว ผมกลัวโดนต้นทิ้ง กลัวมันจะเลิกรักผม กลัวมันคิดบ้าๆ ประชดผม ผมกลัวไอ้เด็กเวรนั่น ไอ้พวกที่เกิดมามีพร้อมทุกอย่างผิดกับผม ผมที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับหลายชายคนเล็กของเจ้าสัว ผมจะต้องทำยังไงให้ต้นไม่ทิ้งผมไป?
     เสียงร้องไห้โฮของต้นที่ดังมาจากในห้องทำเอาผมไม่กล้าเปิดประตู ผมกลัวจะเห็นภาพของต้นที่ต้องร้องไห้เพราะผม ผมยังไม่อยากถูกตอกย้ำความเหี้ยของตัวเองตอนนี้ ผมมันโคตรเลวเลย!
 
     ผมตัดสินใจออกมาหาอะไรดื่มเงียบๆ ทบทวนตัวเอง
     ถ้าต้นมันขอเลิกกับผมแล้วผมจะทำยังไงดี? ชีวิตที่ไม่มีมัน? ไม่! ไม่มีทางเด็ดขาด ผมจะไม่มีวันปล่อยมันไป ต้นเป็นของผม เป็นของผมคนเดียวเท่านั้น!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ผมเกลียดพี่ชัช! แต่ผมก็รู้อีกนั่นแหละว่าคำว่าเกลียดมันคือ“รัก” และเพราะรักผมถึงได้เกลียดเวลาที่ถูกพี่ชัชทำร้ายจิตใจแบบนี้
     ผมร้องไห้อยู่พักใหญ่กว่าจะสงบ อันที่จริงต้องบอกว่าผมแหกปากคร่ำครวญต่างหาก มีเสียงเท่าไหร่ผมงัดออกมาใช้ไม่อั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ถึงเป็นแบบนี้ คงเพราะมันสุดจะทนแล้วครับ ผมเกลียดพี่ชัช! ผมถามตัวเองซ้ำๆ ว่าผมจะทนอยู่กับคนใจร้ายแบบนี้ทำไม ผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ชอบระแวงและดูถูกผม! พี่ชัชดูถูกผมทุกครั้งที่เราทะเลาะกันเรื่องแม็กซ์
     คนที่ผมเกลียดไม่ได้ตามเข้ามาในห้อง เขาเข้ามาไม่ได้หรอกเพราะผมล็อกประตูเอาไว้ พอผมสงบลงแล้วก็นึกถึงต้มจืดที่ตัวเองทำค้างไว้! ผมยังไม่ได้ปิดเตา!
     บางทีผมก็เกลียดที่ตัวเองมีความรับผิดชอบดีเกินไป!
     ผมปั้นหน้าให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ หน้ากากแห่งความเย็นชาใบที่หนาที่สุดถูกเอาออกมาใช้ แล้วผมก็เปิดประตูออกไปพบกับความว่างเปล่า พี่ชัชไม่อยู่แล้ว แฟนผมหายไป ... หึ
     ต้มจืดในหม้อเดือดจนน้ำแห้ง เตาไฟฟ้าตัดไฟไปนานแล้ว ผมเทสิ่งที่อยู่ในหม้อทิ้ง เก็บของในครัวมาล้างทำความสะอาดแล้วอาบน้ำเข้านอน
     ผมเหนื่อยจนไม่อยากคิดอะไร ถ้าผมหลับไปเลยเมื่อผมลืมตาตื่นก็จะเป็นอีกวัน ผมได้แต่ใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยตั้งแต่เราทะเลาะกันทั้งๆ ที่มันไม่ช่วยอะไร แต่จะให้ผมทำยังไงล่ะ? ผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว และผมก็ไม่อยากคิดอะไรแล้วด้วย ผมแค่อยากลืมตาขึ้นมาแล้วยังเป็นที่รักของพี่ชัชอยู่...
     แต่พี่ชัชทำร้ายจิตใจผมไม่พอพี่เขายังดูถูกผมด้วย ทำไมใครต่อใครถึงคิดว่าผมร่านกันจัง ทั้งๆ ที่ผมมีแค่พี่ชัชคนเดียว
     น้ำตาของผมไหลเปียกหมอนจนต้องพลิกด้านแล้วสั่งให้ตัวเองหยุดร้อง ผมควรนอนได้แล้ว ผมต้องหยุดร้องไห้ซักที ก่อนที่หมอนจะเปียกจนนอนไม่ได้
     แล้วผมก็หลับไป...

     ผมรู้สึกตัวอีกทีตอนที่ถูกพี่ชัชจูบ!
     น้ำหนักที่ทับอยู่บนตัวผมให้ความรู้สึกคุ้นเคย กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์กับสัมผัสสะเปะสะปะก็ชินชา พี่ชัชเมามาอีกแล้ว
     เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่พี่เขาเมาแล้วมาลวนลามผม นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเขาก็ทำแบบนี้กับผม แต่ตอนนั้นเขานึกว่าผมเป็นพี่ฟ่างและผมเอาตัวรอดได้ ส่วนครั้งอื่นๆ ผมก็เลยตามเลยบ้างปฏิเสธบ้างแล้วแต่อารมณ์ แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ และสัมผัสของพี่ชัชก็รุนแรงกว่าปกติ!
     ผมพยายามผลักพี่ชัชออก แต่พี่เขาไม่ยอมกลับซุกไซ้ผมมากกว่าเดิม
     “พี่ชัช! ไม่เอานะครับ”
     “หน่า โต้น
     พี่ชัชเมาแอ๋! แฟนผมส่งเสียงอ้อแอ้พยายามจะถอดกางเกงผม พอถอดเสื้อผมไม่ได้ก็พยายามจะถอดกางเกง ไอ้แฟนบ้าเอ้ย!
     “หยุดนะครับ! ดึกแล้วผมจะนอน”
     “นอนเฉยๆ ให้พี่ทำเถอะน่ะ! ยอมพี่นะครับคนดี เราไม่ได้ทำกันนานแล้วน้า เป็นของพี่นะ”
     พี่ชัชพล่ามพลางรูดซิบตัวเอง บ้าแล้ว!         
     ผมพยายามจะหนีแต่กลับถูกดึงกางเกงลงไปคาไว้ที่เข่า พี่ชัชไม่เคยหยาบคายแบบนี้กับผม!
     “ยอมผัวนะครับคนดี ต้นเป็นเมียพี่นะ เมียต้องยอมให้ผัวเอาสิ”
     ผมสังหรณ์ใจว่าแฟนผมไม่มีสติ! คุยไม่รู้เรื่องแล้วครับ พี่ชัชใช้กำลังกดผมลงกับเตียง พยายามปลุกอารมณ์ผม แต่พี่ชัชในเวลานี้กลับทำให้ผมกลัว!
     “พี่ชัช! มีสติหน่อยครับ!”
     ในที่สุดผมก็ผลักพี่ชัชออกไปได้ ผมรีบกระเถิบหนีผีร้ายที่กำลังคุกคามผม หวังให้พี่เขาได้สติ แต่นอกจากพี่ชัชจะไม่ได้สติแล้วดูท่าคงโมโหมากกว่าเดิม
     “กล้าผลักผัวตัวเองเหรอต้น!”
     พี่ชัชตะคอกผมกลับแล้วดึงแขนผมอย่างแรง!
     “เดี๋ยวนี้ทำเล่นตัวนักนะ แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้ จะหวงตัวไว้ให้ใครห๊ะ!”
     ผมคิดว่าบางทีพี่ชัชอาจจะไม่ได้ทำไปเพราะเมา พี่เขาตั้งใจใช้กำลังบังคับผมตั้งแต่ต้น พอความคิดนี้ปรากฏในหัวผมก็สั่นไปทั้งตัว
     ผมเกิดความรู้สึกบางอย่าง พี่ชัชเห็นผมเป็นอะไร ของตายเหรอ?
     “พี่ชัชเห็นผมเป็นอะไร?”
     ผมหลุดเสียงถามออกไปเบาๆ แต่พี่เขาได้ยิน แฟนผมไม่ได้เมาจนไร้สติ!
     “ต้นก็เป็นเมียพี่ไง ผัวจะเอาเมียผิดด้วยเหรอ!”
     พอที!
     “ผมเกลียดพี่ชัช!”
     ทันทีที่ผมพูดจบผมก็รู้สึกเจ็บจากแรงปะทะ!
     ผมอึ้ง! รสเค็มปะแล่มเกิดขึ้นในปาก ผมยังงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก จนกระทั่งความชาหายไปเหลือแต่ความเจ็บแผ่ซ่านอยู่บนแก้ม ผมถึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ชัชตบผม!
     “ลองพูดอีกทีสิเจ็บตัวแน่ไอ้ต้น! พี่ไม่มีวันยอมหรอก ต้นเป็นของพี่ต้องรักพี่เข้าใจมั้ย!”
     ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมรู้ว่าตัวเองถูกผลักลงกับเตียง ผมได้แต่น้ำตาไหล ผมมีสติรับรู้อยู่แค่นี้
     “เป็นเมียพี่ พี่กอดเราได้คนเดียว ห้ามปฏิเสธพี่!”
     ผมรู้ว่าชุดนอนผมถูกกระชากออกไปแล้ว
     “ต้นต้องรักพี่ เป็นของพี่ ห้ามทิ้งพี่ไปไหน!”
     พี่ชัชก้มลงมาทับผม ผมรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปคืออะไร พี่ชัชกำลังจะข่มขืนผม พี่เขาถึงขั้นตบผมด้วยซ้ำ! หัวใจผมแหลกสลายไม่มีชิ้นดี!
     ความทรงจำเก่าๆ ย้อนกลับมา ผมรักผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนี้ได้ยังไง พี่ชัชทำแบบนี้กับผมได้ยังไง!
     ทั้งๆ ที่ผมดีกับพี่เขาทุกอย่างแต่พี่เขาก็ยังทรยศผม แถมยังทำแบบนี้กับผม... อีกแล้ว พี่ชัชกำลังข่มขืนผม พี่เขาเห็นผมเป็นอะไร ...
     ผมร้องไห้ ดิ้นสุดชีวิต แต่ยิ่งขัดขืนพี่ชัชก็ยิ่งรุนแรงกับผม แรงบีบจากมือพี่เขาไม่มีความปราณีให้ผมเลยแม้แต่น้อย แขนผมถูกกดจนชา เล็บของพี่ชัชจิกเข้าเนื้อ แต่ความเจ็บนี้ไม่เท่ากับความรวดร้าวที่เกิดขึ้นในใจ พี่เขาหยาบคายใส่อย่างกับผมไม่ใช่คนรัก
     พี่ชัชไม่สนใจอะไรอีกนอกจากความต้องการของตัวเอง พี่เขาไม่สนใจแม้แต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของผมตอนที่พี่เขาล่วงเกินผมสำเร็จ และแล้วผมก็ถูกแฟนตัวเองข่มขืนเป็นครั้งที่สอง!
     ผมหมดแรงจะต่อต้าน ได้แต่ปล่อยให้พี่ชัชหาความสุขจากตัวผม ความเจ็บปวดเหมือนร่างกายถูกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ นี้ช่างทรมาน แต่อะไรก็ไม่เท่ากับการที่คนที่ผมรักเป็นคนหยิบยื่นความทรมานนี้ให้เอง
     ผมไม่มีแรงแม้แต่จะร้อง ทำได้แค่นอนสะอื้น แต่พี่ชัชก็ไม่พอใจ
     “ครางสิต้น เอากับพี่มันไม่ถึงใจรึไงถึงได้ปฏิเสธ! มีคนอื่นรึไงห๊ะถึงได้เลิกรักพี่”
     “โอ๊ย!”
     พี่ชัชรุนแรงกับผมจนผมต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พี่เขาก้มลงมาจูบผมพยายามสอดลิ้นเข้ามา พอผมหันหน้าหนีพี่เขาก็บีบคางผมให้อ้าปาก คนรักกันเขาทำแบบนี้เหรอ? ผมเกลียดพี่ชัช! ผมได้แต่ภาวนากับสิ่งศักดิสิทธิ์ให้มันจบลงซะที!
 
     ผมไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปตั้งแต่ตอนไหน แต่พอผมรู้สึกตัวก็พบว่าพี่ชัชหลับไปแล้ว พี่เขานอนทับอยู่บนตัวผมทั้งๆ อย่างนั้น ผมรวบรวมแรงผลักพี่เขาออกไป พอร่างกายผมเป็นอิสระแล้วก็รู้สึกแสบเหมือนมีแผลฉีกขาด ผมพยายามลุกขึ้นจะไปห้องน้ำ แต่ว่า... ผมกลับทำไม่ได้ ผมลุกไม่ไหว ไม่มีแรง เจ็บไปทั้งตัว สุดท้ายเลยได้แต่นอนร้องไห้เงียบๆ อยู่ข้างๆ คนที่ทำร้ายผมให้เจ็บแบบนี้

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



 :hao5:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#13/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน19
เริ่มหัวข้อโดย: กาสะลอง ที่ 13-11-2014 14:19:57
โอ๊ย!...ยิ่งอ่านยิ่งอึดอัด มองไม่ออกเลยมันลงเอยด้วยดียังไง
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#13/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน19
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 13-11-2014 14:27:06
ชัยชัช

     ตอนที่ผมตื่นผมมองหาต้นเป็นอย่างแรก ใช่ว่าผมไม่รู้ตัวว่าเมื่อคืนผมทำระยำอะไรไป ผมไม่ได้เมามาก ผมมีสติ แต่ผมไม่สามารถหยุดยั้งความชั่วร้ายของตัวเองเพราะความกลัว ผมกลัวต้นจะทิ้งผมไป
     ดังนั้นเมื่อผมตื่นมาแล้วไม่เจอต้นผมถึงได้คลั่ง ภาพเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตตามมาหลอกหลอน ผมผลุนผลันออกจากห้องนอนคิดกลัวสารพัด แต่พอเปิดประตูออกมาก็เห็นมันนั่งอยู่ที่โซฟา
     ต้นมันพูดโทรศัพท์ว่า “อืม ฝากด้วยนะโอม” แล้วมันก็วางสายทันทีที่เห็นผม
     ผมแทบเข่าอ่อน ความกังวลในใจสลายไปทันตา โชคดีที่ผมยังจับลูกบิดประตูอยู่เลยไม่ล้มลงไป ผมกลัวมันหายไปเหมือนวันนั้น
     “พี่...”
     ผมอยากจะพูดอะไรกับมัน แต่ภาพที่เห็นทำเอาพูดอะไรไม่ออก ผมเพิ่งเห็นสภาพของต้นชัดๆ เต็มตา ต้นเหลือบตาบวมแดงคู่นั้นมามองผม สายตาตัดพ้อของมันแทนคำพูดนับสิบ เพียงแค่ตวัดตามองผมแว๊บเดียว ความโหดร้ายที่ผมทำกับมันก็ฉายชัดออกมาผ่านแววตาคู่นั้น ต้นมันเกลียดผมแล้ว!
     “อาหารเช้าอยู่บนโต๊ะครับ”
     ต้นหลบตาผมแล้วพูด ชุดอยู่บ้านแบบเสื้อยืดกางเกงขาสั้นของมันทำให้ผมเห็นรอยช้ำเป็นจ้ำๆ ตามตัว โดยเฉพาะบนแก้มที่เห็นชัดมาก ผมอยากพุ่งไปกอดต้นแต่ก้าวขาไม่ออก ผมรู้ดีว่าผมผิดและต้นมีสิทธิ์เกลียดผม
     “วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ”
     ผมรู้ดีว่าผมถามอะไรโง่ๆ ออกไป เหตุผลที่ทำให้เด็กรักเรียนอย่างมันต้องหยุดเรียนมีอยู่เรื่องเดียว
     “ผม... รู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะครับ”
     ต้นก้มหน้าซ่อนน้ำตาแล้วตอบ มือของต้นสั่นทั้งๆ ที่กำโทรศัพท์แน่น ผมทำร้ายต้น!
     “เออ แล้ว... กินยาไรยัง?”
     “ครับ”
     ต้นตอบผมแบบนั้นทั้งๆ ที่เราทั้งคู่รู้ดีว่าร่องรอยพวกนี้ใช่ว่ากินยาแล้วจะหาย ผมอยากขอโทษต้น
     “อยากให้พี่พาไปหาหมอมั้ย พี่...”
     “พี่ชัชรีบอาบน้ำเถอะครับ สายมากแล้วเดี๋ยวจะไปทำงานไม่ทัน”
     ให้มันด่าผมยังดีกว่าตัดบทผมแบบนี้ ต้นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ยิ่งมันทำแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกผิด ต้นมันห่างผมไปทุกที เสียงของต้นที่พูดว่าเกลียดยังก้องอยู่ในหู ต้นเกลียดผมแล้ว และผมก็สมควรถูกเกลียด ต้นเกลียดผมจนไม่แม้แต่จะมองหน้า
     พอผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จออกมานั่งกินมื้อเช้า ต้นมันก็เดินหนีเข้าห้องนอน อ้างว่ารู้สึกไม่ค่อยดี ผมตรงเข้าไปหากะจะประคองมันไปนอน แต่มันไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ไถ่โทษ ผมเลยได้แต่มองตาม กลายเป็นไอ้งั่งทำอะไรไม่ถูก เดินคอตกกลับมานั่งกินไข่ดาวที่มันทอดให้
     ผมกินไข่ดาวเคล้าน้ำตา ต้นมันดีกับผมมากแต่ผมกลับตอบแทนมันด้วยความโหดร้าย ผมทรยศต้น ทำเลวกับต้นเพราะหึงจนหน้ามืด ผมถามตัวเองว่าต้นขาดตกบกพร่องตรงไหน คำตอบที่ได้คือต้นดีเกินไปสำหรับผู้ชายเหี้ยๆ อย่างผมด้วยซ้ำ ไข่ดาวจานนี้คือคำตอบ!

     ผมมันขี้ขลาด เพราะผมกลัวต้นจะทิ้งผมไป กลัวต้นเปลี่ยนใจไปรักไอ้เด็กเวรนั่น ผมถึงได้ใช้วิธีเลวๆ แบบนั้น ผมขืนใจต้น ผมทำลงไปเพราะอยากจะกอดต้นให้มั่นใจว่ามันยังเป็นของผมอยู่ แต่พอมันบอกว่าเกลียดผมๆ เลย... ขาดสติ ผมนี่แม่งโคตรเหี้ยเลย!
     ผมไม่โทษใครนอกจากโทษตัวเอง น้ำตาทำให้วิสัยทัศน์ของผมแย่ลง ผมขับรถไปน้ำตาไหลไป ผมไม่ได้ร้องเพราะต้นเกลียดผม ผมร้องเพราะความเลวของตัวเอง ผมทำร้ายคนที่ผมรักได้ยังไง!
     ผมทำร้ายต้นซ้ำแล้วซ้ำอีก สมควรแล้วที่ต้นจะเกลียดผม

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


สหายผู้คอยห่วง

     “ต้นว่าไงมั่งแก?”
     “ต้นบอกว่าไม่สบาย วันนี้คงหยุดน่ะ”
     “เออๆ เป็นห่วงมันว่ะ แล้วมันบอกอะไรแกอีกมั่ง”
     “เอ่อ เราไม่กล้าถาม”
     “แกนะแก เป็นฉันหน่อยไม่ได้”
     “เพราะโอมไม่ใช่คนพูดมากเหมือนมึงไงป่าน”
     “ยุ่งละอิมิว มาเสือกอะไรย๊ะ!”
     “ก็กุ! ... เออน่ะ แล้วตกลงเกิดอะไรขึ้นกับต้น”
     “หูหนวกรึไงยะ โอมก็พึ่งบอกว่าต้นไม่สบาย”
     “หุบปากไปยัยเตี้ย กูไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ตกลงต้นทะเลาะกับแฟนจริงป่ะ?”
     “แกเอาที่ไหนมาพูด!”
     “ที่เมื่อวานไอ้ขี้เก็กมันพูดไง พวกมึงก็เห็นต้นซึมเป็นอาทิตย์ กูอยากรู้ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับต้น”
     “จะเกิดอะไรก็เรื่องของต้นย่ะ อย่าเสือก!”
     “เฮ้ย! พวกมึงไม่ห่วงต้นเลยเหรอวะ”
     “พอเถอจะ! ใช่ว่าพวกเราไม่ห่วงต้นนะจ้ะ แต่ถ้าต้นไม่อยากเล่า พวกเราก็ไม่กล้าซักหรอก”
     “ใช่ๆ อย่างน้อยต้นก็ยังมาเรียนทำตัวปกติน่ะ มันคงไม่มีอะไรมากหรอก”
     “ปกติตายอ่ะ! ข้าวปลาไม่กิน เอาแต่นั่งเหม่อคนเดียว มาเรียนเหมือนมานั่งร้องไห้ ตอนเย็นก็ไม่ยอมกลับนั่งแช่ในห้องสมุด แล้ววันนี้ก็หยุดอีก พวกมึงว่านี่ปกติเหรอ?”
     “แล้วแกจะให้พวกฉันทำยังไงวะ! ให้บังคับมันให้พูดรึไงแก แกคิดว่าพวกเราที่นั่งหัวโด่อยู่นี่ไม่ห่วงต้นมันเหรอ?”
     “ไม่ไหวแล้ว! เราไปก่อนนะ”
     “อ้าว! เอ๊ะ อิไปป์! แกจะไปไหน?”
     “ปล่อยเราป่าน เราจะไปหาต้น!”
     “เฮ้ย! ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวพอต้นหายมันก็มาเรียนเอง ไปป์! แก กลับม๊า! เฮ้ย ฟังกันมั่งดิวะ!”
     “ไรอีกวะ ไอ้ไปป์เป็นไรไปอีกอ่ะป่าน?”
     “ยังจะมาถามอีก เพราะแกนั่นแหละอิมิว ไม่น่าพูดมากเลย”
     “อ้าว! กูผิดอีก?”
     “เออ! เมย์ฝากเก็บชีทด้วยนะ ฉันจะไปตามอิไปป์”
     “ได้ๆ”
     “ไอ้สองคนนั้นเป็นอะไรของมันอ่ะ?”
     “ฉันจะไปรู้แกเหรอ ไปเหอะแก้ว รำคาญ!”
     “ขอโทษนะมิวนิค ไปก่อนนะจ้ะ”
     “เกิดอะไรขึ้นกับไปป์วะโอม? พักนี้ทำตัวแปลกๆ”
     “ไม่รู้สิ”
     “มึงเคยรู้อะไรมั่งมั้ยวะ?”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ป่านนี้พี่ชัชคงออกไปทำงานแล้ว ผมขังตัวเองอยู่ในห้องนอนกี่ชั่วโมงแล้วนะ? ภาพสะท้อนในกระจกแทบดูไม่ได้ ผมปากแตก แก้มก็บวม ช้ำ ตามแขนขามีรอยเต็มไปหมด แค่ตาแดงๆ นี่ก็แย่มากพอแล้ว ถ้าขืนมีใครเห็นสภาพนี้คงแย่มากกว่าเดิม ผมคิดว่าผมเก็บอาการได้ดีแล้วซะอีก แต่หน้ากากของผมถูกแม็กซ์ถอดออกอีกแล้ว
     โชคดีที่แผลตรงนั้นไม่รุนแรงมาก อย่างน้อยๆ เช้านี้ผมก็ลุกไหว ไม่ได้สาหัสจนไข้ขึ้นเหมือนครั้งแรก... หรือผมควรพูดว่าผมชิน การมีอะไรกับพี่ชัชบ่อยๆ คงทำให้อะไรๆ มันง่ายขึ้นละมั้ง คิดแล้วน่าขำชะมัด ผมเพิ่งมีแฟนได้สองปีก็กลายเป็นของตายเก่าเก็บน่าเบื่อจนพี่ชัชต้องออกไปหาอะไรที่มันเร้าใจกว่าผม ผมเอาพี่ชัชไม่อยู่จริงๆ นั่นแหละ ความดีไม่ช่วยอะไรเลย สุดท้ายทุกอย่างก็แพ้... เรื่องอย่างว่า นี่ไม่รวมถึงเรื่องที่ผมเป็นผู้ชาย ผู้ชายจืดชืดน่าเบื่อแบบผมคงไม่เหมาะกับพี่ชัช
     ผมคิดวนไปวนมาเป็นร้อยรอบ แต่สุดท้ายผมก็ไม่อยากปล่อยมือเพราะคำๆ เดียว ‘ผมรักพี่ชัช’ ผมจะยื้อความรักของผมไปได้อีกนานแค่ไหนกัน?
     ผมนอนลงบนเตียงที่เดิม ตรงที่เมื่อคืนนี้ผมถูกพี่ชัชทำร้าย ผมนึกถึงวินาทีที่ตัวเองหน้าชาเพราะแรงตบของพี่ชัชผมก็น้ำตาไหลอีกรอบ พี่ชัชใจร้ายกับผมเหลือเกิน...

     ผมหลับไปได้ครู่เดียวเสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ตอนแรกผมนึกว่าพี่ชัชลืมของ แต่คิดอีกทีพี่ชัชมีกุญแจ แล้วใครกัน? ผมลังเลว่าควรจะลุกไปดูดีมั้ย? แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อผมดังมาจากหน้าประตู ไปป์!
     ไปป์มาที่นี่ได้ยังไง! ผมควรจะทำยังไงดี ถ้าไปป์เห็นสภาพของผมละก็...
     ไปป์ทุบประตูแรงมาก! เสียงตะโกนของไปป์ก็ดังจนผมกลัวเพื่อนบ้านรำคาญ หรือผมควรจะแกล้งทำเป็นไม่อยู่ดี?
     ผมลังเลไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ผมไม่พร้อมเผชิญหน้ากับใครทั้งนั้นในตอนนี้ แต่ในที่สุด เสียงทุบประตูอย่างบ้าคลั่งของไปป์กับเสียงห้ามของป่านก็เร่งรัดผม!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ป่าน

     “อิไปป์ เบาๆ เดี๋ยวคนก็แห่มากันหรอก!”
     “ต้นไม่เปิดประตูอ่ะป่าน”
     “มันอาจจะไม่อยู่มั้ง”
     “ต้นๆ ต้นเปิดสิ ต้น!”
     โอ๊ย! ฉันจะบ้าตาย! ทำไมมันต้องมาคลั่งเอาตอนนี้ด้วยวะ!
     ห่วงต้นก็ห่วง แต่ห่วงอิไปป์มากกว่า เป็นอาทิตย์แล้วมันยังไม่กลับเป็นปกติซะที! ทำไมคราวนี้เฮี้ยนจังวะ
     แต่อยู่ๆ ประตูก็เปิด ต้นแง้มประตูออกมาหาพวกเรา อ้าว! อยู่นี่หว่า
     “ป่าน ไปป์”
     “ต้น! นายไม่เป็นไรใช่มั้ยต้น?”
     ฉันกำลังงงเพราะมัวแต่ห่วงอิไปป์เลยยังไม่ทันสนใจต้น แค่พริบตาเดียวเท่านั้นอิไปป์ก็ดันประตูเข้าไป!
     “อื้อ!”
     ต้นตกใจแต่ไม่ยอมถอยดันประตูกลับไม่ให้พวกเราเข้าไป ฉันไม่รู้จะทำยังไงก็เลยดึงไปป์ไว้ แรงควายจริงๆ
     “อิไปป์!”
     “นายไม่เป็นไรใช่มั้ย นายเปิดประตูให้เราเข้าไปสิต้น!”
     “โอ้ย! นายอย่าดันสิไปป์”
     “เปิดสิต้น!”
     “โอ้ย!
     ต้นแพ้แรงอิไปป์จนได้ ซวยแล้วเดี๋ยวต้นก็โกรธหรอก แต่แล้วสภาพของต้นก็ทำให้ฉันอึ้ง!
     “ต้น เกิดอะไรขึ้นกับแก!”
     ตายละวา ไปป์! ฉันหันไปดูมันแล้วก็เห็นว่าไปป์ยืนนิ่งไปแล้ว สภาพแบบนี้สงสัยต้องพามันไปรดน้ำมนต์ซักหน่อย
     “ต้น นาย...”
     อิไปป์เริ่มร้องไห้ออกมาแล้วเดินเตาะแตะไปกอดต้น ต้นงงเป็นไก่ตาแตก แต่ฉันยังอึ้งกับร่องรอยบนหน้าแกอยู่ ไปโดนใครซ้อมมาวะ!
     “อย่าทิ้งเราไปนะต้น นายต้องไม่เป็นไรนะ นายต้องอยู่กับเรานะ ฮือๆ”
     ช่างเรื่องต้นไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้อิไปป์สำคัญกว่า ถึงสภาพต้นจะดูไม่ได้แต่ก็ดูมีสติกว่าอินี่เยอะ!

     กว่าเราสองคนจะปลอบไปป์ให้สงบก็นานพอดู ไปป์ปกติก็ว่าเด็กแล้วตอนนี้มันยิ่งทารกเลย มันยึดโซฟานอนจับมือต้นไม่ยอมปล่อย หน้าต้นนี่เหวอสุดชีวิตเลย แล้วฉันจะอธิบายให้ต้นฟังยังไงวะเนี่ย ต้นมันจะเชื่อเหรอ? ดีไม่ดีจะมองไปป์แปลกๆ รู้งี้น่าจะห้ามมัน ไม่น่าให้มันมาเลย
     แต่เฮ้ย! ไม่สิ ถ้าฉันไม่ตามไปป์มาก็คงไม่รู้ว่าต้นมีสภาพเป็นแบบนี้
     “แก ... แกอย่าถือสามันนะ คือ ช่วงนี้มันไม่ค่อยสบายอ่ะ เลยเพี้ยนๆ”
     ดีนะที่อิไปป์หลับง่าย เลยด่ามันได้สะดวกปาก ไปป์ยิ่งเกลียดคำพวกนี้อยู่
     “ไปป์ดู... แปลกๆ ไปนะ”
     “เอ่อ ... ฮ่าๆ คงงั้นมั้ง”
     สายตาของต้นจริงจังมากจนฉันไม่กล้าสบตาเลยวุ้ย!
     “ป่าน ไปป์เป็นอะไรเหรอ?”
     “เอ่อ มัน ... มันก็แค่ไม่สบายอะแก คือ ... แต่มันห่วงแกนะ แต่แบบ... ช่วงนี้มันเพี้ยนๆ เลยทำไรแปลกๆ แก ... แกอย่าโกรธมันเลยนะ มันรักแกจริงๆ”
     “ช่างเถอะ เราไม่โกรธไปป์หรอก”
     ดีจังที่ต้นไม่โกรธเรื่องที่ไปป์มันบุกมาหาถึงที่นี่ โล่งอกที่ต้นไม่ถามอะไรมากฉันเลยไม่ต้องอธิบาย จำไม่ได้แล้วว่าใครตั้งสมญานามให้ต้นว่าเป็นแม่อิไปป์ แต่ต้นที่กำลังลูบหัวไปป์ตอนหลับนี่โคตรแผ่ออร่าคุณแม่เลย
     ไม่ใช่แค่แกหรอกนะไปป์ ต้นมันก็รักแกมากเหมือนกัน
     “เหมือนเด็กเลยเนอะ ไปป์นี่โชคดีนะ มีป่านคอยดูแล”
     “โชคดีของมันโชคร้ายของฉันอะสิ!”
     “แต่ป่านก็ยังไม่ทิ้งไปป์ไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าไปป์จะเป็นยังไงป่านก็ยังอยู่ข้างๆ ไปป์”
     แกพูดถึงฉันกับไปป์หรือแกพูดถึงใครกันแน่วะต้น ทำไมแกต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้นด้วยวะ ถามมันตอนนี้ดีมั้ยน้า ...
     เฮ้อ! เอาก็เอาวะ!
     “ก็เพื่อนกันนิ แล้ว ... แล้วแกล่ะ คือแบบว่า ... ถ้าแกมีเรื่องอะไร”
     “มันไม่มีอะไรหรอกป่าน”
     ทำไมแกชอบตัดบทปฏิเสธชาวบ้านเขาจังเลยวะ! โอ๊ยหงุดหงิด!
     “ถึงขั้นนี้แล้วแกจะยังบอกว่าไม่มีอีกเหรอต้น!”
     ให้ตายเหอะ! ถ้าฉันไม่ห่วงแกฉันไม่เสือกหรอก
     “เกิดแกโดนทำร้ายมากกว่านี้ล่ะ”
     “พอเถอะป่าน!”
     “ไม่พอ! ฉันไม่หยุด นี่มันทำร้ายร่างกายนะต้น! ถึงขั้นลงไม้ลงมือแบบนี้ เกิด...”
     ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ถ้ามันซ้อมแกหนักกว่านี้ละต้น ทำไมแกไม่ห่วงตัวเองบ้างวะ!
     “มันไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องเข้าใจผิด”
     “เข้าใจผิดอะไรของแก”
     ทนไม่ไหวแล้วโว้ย! ไอ้คนปากหนัก! ไอ้เพื่อนบ้า!
     ฉันจับคางมันหันมาดูแก้มชัดๆ ร่องรอยที่เห็นไม่ใช่น้อยๆ ต้นมันรีบจับมือฉันออก แต่ที่ข้อมือมันก็มีรอยช้ำเป็นจ้ำโคตรน่ากลัว ถึงขั้นนี้แล้วมันยังจะโกหกฉันอีกเหรอวะ!
     “หลักฐานเห็นอยู่ทนโท่แบบนี้แกยังจะว่าเข้าใจผิดอีกเหรอต้น แกนั่งซึมมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ แกไม่อยากให้พวกฉันยุ่ง พวกฉันก็ไม่ยุ่ง แต่สภาพนี้ไม่ยุ่งไม่ได้แล้วว่ะ พวกเราเป็นเพื่อนกันนะโว้ย”
     วันนี้ฉันจะต้องคุยกันให้รู้เรื่องให้ได้! เอาวะ อย่างน้อยๆ ก็ทำเพื่ออิไปป์ และเพื่อตัวอิต้นมันด้วย
     เอ้า! นั่งน้ำตาไหลอีก ทำไมต้นมันถึงไม่พูดอะไรออกมาบ้างนะ
     “แก จนป่านนี้แล้วแกยังไม่ไว้ใจพวกเราอีกเหรอต้น ถึงพวกเราจะไม่สนิทกับแกมากเท่าเพื่อนคนอื่นๆ ของแกแต่พวกเราก็ห่วงแกนะ”
     “ไม่ใช่นะป่าน! เรา ... เรารู้ว่าพวกเธอหวังดีกับเราจริงๆ แต่ ... ขอร้องล่ะ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะทำยังไง มันสับสนน่ะป่าน”
     “งั้นแกก็เล่าให้ฉันฟังสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
     เงียบอีกแล้ว ชาตินี้ฉันจะรู้เรื่องมั้ยวะ!
     “เขาทำร้ายแกเหรอต้น? ทะเลาะกันเหรอ?”
     “ไม่ใช่หรอก! เอ่อ ... พี่เขาแค่เมาน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
     “ผู้ชายที่เมาแล้วซาดิสแบบนี้ถ้าเลิกได้ก็เลิกเถอะ แกจะทนเขาไปทำไม แกก็มีพี่สาวไม่ใช่เหรอ ไม่จำเป็นต้องอยู่กับเขาหรอก”
     “ไปกันใหญ่แล้ว! มันไม่มีอะไรหรอกป่าน”
     “ไม่มีอะไรได้ไงล่ะ แล้วไอ้ที่แกนั่งเหม่อน้ำตาไหลมาทั้งอาทิตย์ล่ะ สอบแกก็ทำไม่ได้ ถ้ามีความรักแล้วฉุดตัวเองให้แย่ลงแบบนี้แกจะทนไปทำไม”
     “ก็เพราะเรารักเขาไง ไม่ว่าเขาทำให้เราเสียใจมากแค่ไหน เราก็เลิกรักเขาไม่ได้ เราถึงได้เจ็บแบบนี้ไงป่าน”
     แกรักหรือแกหลงมันวะต้น แกจะรู้ตัวมั้ยว่าแกยิ้มโคตรเศร้า ฉันเกลียดการฝืนยิ้มเฟคๆ แบบนี้ของแกเป็นบ้า!
     “เราไม่เป็นอะไรหรอก แผลพวกนี้เล็กน้อยน่ะ ยังไงเราก็เป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ หึ ... ต่อให้พี่ชัชทำร้ายเรามากกว่านี้ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะเราไม่ใช่ผู้หญิง ที่เราหยุดก็เพราะไม่อยากให้คนอื่นแตกตื่นเท่านั้นแหละ”
     ฉันทนไม่ไหวแล้วโว้ย!
     “ทำไมแกต้องดูถูกตัวเองด้วยวะต้น! มันไม่เกี่ยวหรอกว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่คนที่ทำร้ะ-“
     “เรารู้ป่าน เรารู้ ฮึก พี่ชัชเขาก็แค่ ... พี่เขาแค่อารมณ์ร้อน ขี้โมโหไปหน่อย พอดีช่วงนี้มีปัญานิดหน่อยน่ะ ละเมื่อคืนพี่เขาเมาก็เลย ... ช่างเถอะ แต่เราโอเคนะป่าน เราโอเคจริงๆ นะ”
     อิต้นนั่งน้ำตาร่วง มันยิ้มเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่แววตากับเสียงไม่ชวนให้คล้อยตามเลยซักนิด ฉันต้องทำใจให้เชื่อเรื่องโกหกของแกใช่มั้ย ฉันควรจะเชื่อว่าแกสบายดีจริงๆ งั้นสิต้น สายตาแกมันขอร้องฉันว่าให้หยุดชัดๆ
     สงสารต้นชะมัด แต่ถ้ามันไม่รักตัวเอง พูดให้ตายยังไงมันก็คงไม่ฟัง จะทำยังไงดีวะ ... โอ้ย!
     “เออ เอาเหอะ ตามใจแก”
     “ขอบคุณที่เข้าใจเรานะป่าน”
     ถ้าต้นมันจะยิ้มเศร้าแบบนี้สู้มันทำหน้าเย็นชาใส่ฉันจะดีกว่า กลัวลางสังหรณ์อิไปป์จริงๆ เลย
     “แกดูแลตัวเองดีๆ นะต้น”
     “อืม”
     สีหน้ามันค่อยดีขึ้นหน่อย เอาวะ ในเมื่อเพื่อนไม่ให้ยุ่ง ฉันก็จะไม่เสือก!
     “เอ่อ เรามีเรื่องจะขอร้องเธออย่างนึง”
     “ฉันรู้ ฉันไม่บอกคนอื่นหรอก”
     คนอื่นที่ไม่ใช่พวกเรานะต้น จะให้ฉันปล่อยแกไปแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีทาง!
     “ขอบคุณนะ”

     เสร็จธุระกับต้นแล้วยังต้องมีธุระอิไปป์ต่อ กว่าจะลากมันออกจากห้องต้นได้ เอาวะ โดดก็โดด! ยังไงวันนี้ก็ต้องพามันไปวัดให้ได้
     “ไปป์ ไปวัดกัน”
     “ไม่ไป”
     ทีงี้ล่ะเดินนำฉันลิ่วๆ เลยนะแก นี่ดีนะขาฉันยาวเลยจ้ำตามแกทัน
     “อย่าดื้อน่ะ”
     “จะกลับบ้าน”
     อย่ามางอแงใส่ฉันนะว้อย แกเป็นเด็กรึไง ไอ้ท่าทางเอาแต่ใจคุณชายเกาหลีนั่นมันอะไรกันวะ!
     “จะกลับไปหมกมุ่นกับพี่สาวสุดที่รักของแกรึไง”
     “อย่ามาว่าพี่ตานะ!”
     อ๊ะๆ มีตวาดกลับ แกกล้าแข็งข้อกับฉันงั้นรึไอ้ไปป์P2!
     “ถ้าแกดื้อ ฉันจะให้พ่อฉันนิมนต์พระไปบ้านแก เอาแบบชุดใหญ่เลย ละฉันจะเอาสร้อยพระให้แกใส่ติดตัวด้วย แล้วถ้าแกไม่ทำตามที่ฉันบอก ฉันก็จะ ไม่ เป็น เพื่อน กับ แก!”
     เอาซี้! ถ้าแกคิดว่าจะหือกับฉันได้ หึๆ
     “ทำไมต้องบังคับเราด้วยอะป่าน”
     อย่ามาทำสายตาแบบนั้นใส่ฉันนะโว้ย ฉันพยายามช่วยแกอยู่นะ! ไอ้บ้านี่!
     “ป่านก็รู้ว่าเราเกลียดวัด!”
     “ฉันจะชวนแกไปทำบุญให้จิตใจมันปลอดโปร่ง เผื่อผลบุญจะช่วยคนที่แกรักได้ แกจะได้เลิกบ้าแบบนี้ด้วย”
     “เออสิ เรามันบ้านี่!”
     “ใช่! แกบ้า แกไม่มีสติ! แกรั้งเขาไว้เพราะความเห็นแก่ตัวของแก ทำให้เขาเป็นห่วงจนไม่ยอมไปไหน ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต มีแต่แกรึไงที่เจอกับความสูญเสีย! คิดบ้างมั้ยว่าไอ้ต้นมันก็มีปัญหาของมัน แล้วแกยังเป็นแบบนี้อีก สภาพแกแบบนี้ช่วยอะไรมันได้วะ ดูสารรูปตัวเองสิ!”
     อย่ามาร้องไห้นะโว้ย ไอ้ลูกหมานี่!
     “กรรมใครกรรมมัน แกขวางใครไม่ได้หรอก ถ้าแกคิดจะช่วยใครแกต้องมีสติก่อน แกไม่ควรทำให้คนที่รักแกเป็นห่วง โตได้แล้วนะไปป์”
     เงียบไปเลยแฮะ ... หรือจะด่ามันแรงไป?
     “รู้แล้ว ฮือๆ ขอโทษนะป่าน”
     “เฮ้ยๆ เออๆ แกขอโทษฉันเฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องกอด นี่มันกลางถนน ฉันอายเขา”
     ตกใจหมด! อี๋! น้ำมูกอิไปป์ เสื้อฉัน!
     “โทษที”
     แกนี่น้าอิไปป์ เด็กจริงๆ ร้องไห้งอแงเป็นเด็กไปได้
     “เออๆ ฉันก็ขอโทษแกเหมือนกันนะที่เรียกแกว่าบ้า”
     “อืม ช่างมันเถอะ ก็มันเรื่องจริง”
     ค่อยยิ้มได้ซะทีนะอิไปป์ เฮ้อ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#13/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน19
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 13-11-2014 15:06:32
หมอเอก

     “มาหากูถึงที่มีธุระอะไรวะ เรื่องใหญ่รึไง?”
     “ไม่ทันแล้วว่ะไอ้หมอ”
     “เป็นอะไรของมึง ทำหน้าเศร้าแบบนี้ โดนบอกเลิกรึไง”
     ผมพูดแซวมันขำๆ แต่ใครจะคิดว่าเดาถูก!
     “ถ้าต้นจะบอกเลิกกูๆ ก็ไม่แปลกใจหรอก กูสมควรโดน”
     “เฮ่ย! อาการหนักนะมึง ตกลงมึงจะเลิกกันจริงๆ เหรอ?”
     เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนผมวะ! ชัชไม่เคยท้อแบบนี้มาก่อน
     “กูไม่รู้”
     “ยังไงวะ”
     “ต้นเย็นชากับกูมาก กูกลัวโดนทิ้งว่ะ”
     “แล้วมึงไปทำอะไรมาล่ะ”
     “กูมันเหี้ยไง”
     ผมรู้ว่าเพื่อนผมเหี้ย แต่คราวนี้มันทำอะไรมาวะ
     “เล่าให้เคลียร์ดิ กูงง”
     “เมื่อคืน ... กูข่มขืนต้น”
     “ไอ้ชัช! สันดานมึงนี่!”
     “เออกูรู้ แต่ตอนนั้นกูเมานี่หว่า กูกลัวต้นจะทิ้งกูไปกับไอ้เด็กเวรนั่น ต้นเย็นชากับกูมาเป็นอาทิตย์ กูก็เลย ...”
     “มึงก็เลยเลือดขึ้นหน้า จริงๆ เล้ย”
     นิสัยใจร้อนของมันเกินเยียวยาจริงๆ
     “กู ... กูตบหน้าต้นไปทีนึงด้วยว่ะ ต้นช้ำไปทั้งตัวจนต้องหยุดเรียน”
     นี่มันสติแตกถึงขั้นนั้นเลยเหรอวะ!
     “เวร! ทำไมวะ? มึงไม่เคยเป็นแบบนี้นี่หว่า มึงหลุดกับเด็กคนนี้สองครั้งแล้วนะ”
     “กูก็ไม่รู้ แต่พอกูได้ยินมันตะโกนว่าเกลียดกูๆ ก็หน้ามืดอ่ะ มือมันไปเอง”
     “สติมึงหายไปไหนหมด”
     “สติกูไม่อยู่ตั้งแต่เห็นมันกอดกับไอ้เด็กเวรนั่นแล้ว!”
     เพื่อนผมพูดด้วยเสียงลอดไรฟัน อะไรจะแค้นฝังใจขนาดนี้วะ มันไปแย่งเขามาแท้ๆ
     “เด็กมึงรักมึงหลงมึงจะตาย คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง มึงขี้หึงเกินไปแล้ว”
     “ไม่ใช่ว่ะไอ้หมอ”
     อ้าว! มันกลับมาซึมอีกแล้ว เพื่อนผมอาการหนักน่าจับไปคัดกรองโรคซึมเศร้าว่ะ หงอยแบบนี้ไม่สมเป็นมันเลย
     “ยังไงวะ?”
     “ต้น ... กูทำให้ต้นเสียใจ ต้นโกรธจนไม่ยอมมองหน้ากู กูพยายามง้อแล้ว แต่... ต้นปฏิเสธกูตลอด นอนอยู่ด้วยกันทุกคืนแต่เหมือนอยู่ไกลกันคนละโลก ละเมื่อวานที่กูมาหามึงละมึงไม่ว่าง กูก็เลยกลับคอนโด กูไปเห็นต้นกับไอ้เด็กเวรนั่น เมียกูร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนอื่น มึงจะให้กูคิดอะไรอีกวะ กูโคตรกลัวเลย กูกลัวต้นจะทิ้งกูไปจริงๆ”
     “มึงก็เลยสติแตก”
     “เออ ... ทำนองนั้น กูออกไปดื่ม พอกลับมาก็เลย ...”
     ผมส่ายหน้าให้ชัช ถ้ามันทิ้งนิสัยนี้ไปได้เรื่องก็คงไม่เกิด มันไม่ผิดที่มันดื่ม แต่ใจร้อนแล้วไปดื่มจนเมาขาดสติใช้แต่อารมณ์นี่ล่ะที่ผิด!
     “แล้วตกลงมึงไปทำเหี้ยอะไรเมียถึงได้ทิ้ง”
     “กู ... กูเผลอกับแฟนเก่านิดหน่อย”
     “ไอ้สัส!”
     “กูรู้กูผิด แต่ กูก็พยายามง้อต้นแล้วนะเว่ย มึงไม่เข้าใจหรอก เรื่องแม่ง...”
     “ไหนมึงบอกรักเด็กคนนี้มากไง แล้วมึงก็ออกลาย สมควรโดน”
     “ไม่ใช่เว่ย! กู ... มึงไม่เข้าใจ เหี้ย! กูจะพูดยังไงดีวะ”
     สีหน้ากลัดกลุ้มของมันโคตรน่าถีบเลยครับ
     “เออ ระบายมา วันนี้กูว่าง เดี๋ยวฟังจบแล้วกูค่อยด่าทีเดียว”
     “กูชอบผู้หญิง”
     “กูรู้”
     “ตั้งแต่ที่กูคบกับต้นกูไม่ได้เอากับผู้หญิงอีกเลย มึงเข้าใจมั้ย? มีนมมาอยู่ตรงหน้ากูเนี่ย กูจะทนได้ไงวะ!”
     “ความเงี่ยนไม่เข้าใครออกใคร แต่มึงมีพันธะแล้วนะชัช”
     “ใช่! กูรู้! ถึงต้นจะเป็นผู้ชายแต่กูก็รัก กูไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อนเลยนะ มึงรู้มั้ยขนาดตอนกูอยู่กับฟ่างกูยังเหี้ยกว่านี้เยอะ แต่กับต้นกูไม่กล้าว่ะ กูกลัวต้นเสียใจ กูรู้ว่าต้นไม่เหมือนฟ่าง กูทำไม่ลง”
     “มึงทำไม่ลงแล้วมึงเผลอได้ยังไง”
     “น้ำตาลเป็นแฟนเก่ากูตอนเรียน กู ... เขาเคยทิ้งกูไปเพราะกูเจ้าชู้ เขาไปมีคนอื่นประชดกู”
     “ก็สมควรโดนแล้วนี่หว่า”
     “กูคุยเล่นเฉยๆ ไม่มีอะไร แต่เขาไปนอนกับคนอื่นประชดกูนะเว่ย! กูรับไม่ได้ว่ะ”
     “มึงมันเหี้ยไง! ตัวเองเหี้ยไม่เป็นไร มีข้ออ้างสารพัด แต่รับไม่ได้ถ้าจะโดนเอง”
     “เออ! กูหวงของๆ กูแล้วไงอ่ะ กูผิดมากจนเขาต้องประชดกูแบบนั้นเหรอวะ! กูก็แค่คุยไม่ได้ไปเอากับใครนี่หว่า!”
     “แล้วไงต่อ?”
     ไอ้นี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆ
     “น้ำตาลโดนคนอื่นหลอกฟัน เขากลับมาหากู กูก็เลยทำดีกับเขาเหมือนเดิมแต่กูไม่ยอมกลับไปคบกับเขา จนเขาทนไม่ไหวเลยสาปส่งกู”
     “มึงนอนกับเขา เอาฟรี ให้ความหวัง แต่ไม่รับเดนคนอื่น โคตรเห็นแก่ตัวเลยมึง”
     “เออน่ะ กูรู้กูเหี้ย”
     “แล้วอีท่าไหนถึงกลับมาเจอกันอีก”
     “ก็ทำงานด้วยกัน”
     “มึงใจอ่อน?”
     “เออ กูคิดว่าเป็นเพราะกูรึเปล่าเขาถึงทำตัวแบบนั้น กูรู้ว่ากูผิดนะที่ทำแบบนั้นกับเขา แต่กูสงสารเขาอ่ะ รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายมันเหี้ยก็ยังไปยุ่ง ทำเหมือนคนไม่มีอะไรจะเสีย ประชดชีวิตไปเรื่อย พอกูเห็นผู้หญิงคนนึงที่ต้องเจอแต่เรื่องเหี้ยๆ เพราะกูๆ ก็เลย...”
     “ชัชเอ้ย...”
     ไอ้เวรนี่มันใจอ่อนจริงๆ เล้ย นิสัยสุดโต่งเป็นบ้า!
     “กูรู้ว่าเขาแค้นกู เขาอยากเห็นกูเลิกกับต้น แต่จริงๆ กูก็ผิดแหละ กูหน้ามืดเอง แต่กูก็คิดนะ ถ้าเป็นคนอื่นกูคงปฏิเสธได้ง่ายกว่านี้”
     สรุปก็คือเพื่อนผมมันยังมีเยื่อใยแต่ปากแข็ง
     “พอเด็กมึงรู้เรื่องเลยบ้านแตก”
     “ไม่หรอก ให้ต้นโวยวายมาเลยยังดีกว่า นี่ประชดกูสองสามคำแล้วก็เดินหนี เอาแต่เงียบ หน้ากูก็ไม่มอง แต่ลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้กูทุกวัน เมื่อเช้าก็ด้วย ทั้งๆ ที่สภาพดูไม่จืด กูโคตรรู้สึกผิดเลย กูไม่รู้จะทำยังไงแล้วว่ะไอ้หมอ”
     “แหกมั้ย?”
     “กูจะไปรู้เหรอ! กูไม่ได้ดู ... แต่ก็ได้เลือดเหมือนกัน กูเห็นเลือดติดอยู่บนผ้าปู”
     “ต้องถึงมือกูมั้ย”
     “กูไม่รู้ วันนี้ต้นหยุด กู ... กูไม่กล้าสู้หน้าต้น”
     “ละอายเป็นด้วยเหรอมึง หึๆ”
     “ไม่ตลกว่ะ”
     “มึงไม่กล้ากลับห้องเลยมาหากู ระวังเหอะกลับไปแล้วเมียจะหายอีกรอบ”
     “กูไม่รู้ ... แต่ถ้าต้นจะหนีกูไปกูก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามหรอก ใครจะทนอยู่กับคนแบบกูได้”
     เพื่อนผมมันบ้าไปแล้ว เดี๋ยวโวยวาย เดี๋ยวซึม เฮ้อ ... แต่ก็สมน้ำหน้ามันว่ะ ฮ่าๆ
     “มึงอยากให้มีคนทนมึงได้ก็ปรับตัวสิวะ”
     “กูก็ปรับอยู่”
     “ปรับไรของมึง พลาดกับแฟนเก่า สันดานเดิมชัดๆ”
     ผมไม่อยากตอกย้ำมันเล้ย แต่นิสัยชัชเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร เสือมันต้องไร้รัก เสือรักอิสระไม่ชอบการผูกมัด แต่ชัชมันไม่ใช่เสือ หมาที่ยังจำเจ้าของเก่าอย่างมันเหมาะจะถูกใส่ปลอกคอล่ามโซ่ ชัชมันก็แค่หมาที่ชอบกินไม่เลือก
     “ถามจริงเถอะ คนนี้รักมากเหรอ?”
     “เออ เคยรักมาก แต่พอเขาทำแบบนั้นกับกูๆ ก็เจ็บจนตั้งใจว่าจะไม่มีวันคืนดีกับเขา”
     “ทิฐิสิมึง”
     “ก็กูรู้แล้วว่านิสัยไปกันไม่ได้อ่ะ”
     เถียงผมอีก ไอ้นี่มันจะยอมรับดีๆ ซักครั้งได้มั้ยวะ ชัชมันหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองได้ตลอดจริงๆ
     “กับฟ่างกูก็เห็นไปกันไม่ได้ เพราะมึงมันคิดแต่ว่าฟ่างเข้าใจมึง ฟ่างไม่เรื่องมาก เป็นคนง่ายๆ สุดท้ายวันนึงเขาก็ทนมึงไม่ได้”
     “เออกูรู้กูเหี้ย! พอใจยัง?”
     ก็เป็นเสียแบบนี้ ...
     “ยัง กับเด็กคนนี้สเป็กมึงสุดๆ มึงก็ยังพลาด เพราะมึงคิดเข้าข้างตัวเอง มึงคิดว่าเด็กรักมึงมากยังไงก็ต้องยอมทนมึง แต่มึงนึกไม่ถึงว่าเขาจะทนอยู่กับมึงสภาพนี้ มึงเลยกลัวขึ้นมา”
     “เออ! มึงพูดถูก”
     สีหน้ามันหงุดหงิดไม่ยอมรับผิดชัดๆ
     “มึงรู้มั้ยปัญหาของมึงคืออะไร?”
     “กูใจร้อน กูรู้”
     “ไม่ใช่ มึงลองถามตัวเองดีๆ เถอะ มึงรักเด็กคนนี้หรือมึงรักตัวเอง กูว่ามึงลองคิดทบทวนดูดีๆ เถอะไอ้ชัช ไม่งั้นมึงคบอีกกี่คนก็ไปกันไม่รอดหรอก”
     ผมทิ้งท้ายไว้แบบนั้น แต่สิ่งที่ผมไม่ได้บอกมันก็คือถ้ามีใครสักคนที่จะไปกับมันรอด ผมว่าก็คือเด็กคนนี้แหละ จะหาใครหลงรักมันไม่ลืมหูลืมตาอย่างนี้ได้อีก จะรักหรือจะหลงก็ช่าง จะคบกันเพราะอะไรก็แล้วแต่ ถ้าคนสองคนคือส่วนเติมเต็มที่ปรับตัวเข้ากันได้ ที่เหลือก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะสำหรับผมชีวิตคู่คือความสมดุล ถ้าทุกเรื่องตกลงกันลงตัวก็อยู่กันยืด

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ผมกลับมาถึงห้องตอนห้าทุ่มเพราะรู้ดีว่าต้นน่าจะหลับแล้ว ผมละอายจนไม่กล้าสู้หน้ามันก็เลยนั่งดื่มกับไอ้หมอเอกปล่อยเวลาไปเรื่อย แต่คราวนี้ผมไม่กล้าดื่มหนัก กลัวตัวเองเมาจนขาดสติอีก
     แล้วคุณรู้มั้ย ผมกลับมาเจออะไร?
     มีข้าวผัดวางอยู่บนโต๊ะกินข้าว โป๊ะไข่ดาวแบบไข่แดงสุกเยิ้มๆ อย่างที่ชอบผม ผมโคตรอิ่มเลย กินอะไรไม่ลงเพราะเหล้าเต็มท้อง แต่ผมกลับนั่งลงแล้วทานข้าวผัดเย็นชืดที่ทำไว้นานแล้วจานนั้น ผมไม่ได้เหยาะพริกน้ำปลาแต่ไข่ดาวโคตรเค็มเพราะน้ำตาตัวเอง
     นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมปวดใจจนเสียน้ำตา แต่มันเป็นครั้งแรกที่ผมไม่ฟูมฟายเพราะผมรู้ดีว่าผมไม่มีสิทธิ์
     พอกินข้าวคลุกน้ำตาเสร็จแล้วก็ถึงเวลาเผชิญกับความเหี้ยของตัวเอง ผมไม่ได้เปิดไฟดวงใหญ่ เปิดแต่โคมไฟพอให้หยิบเสื้อผ้าจากตู้ไปอาบน้ำได้
     เมียผมสะดุ้ง แต่มันยังแกล้งทำเป็นหลับ ต้นนอนนิ่งหลับตาพริ้มแต่จังหวะการหายใจของมันไม่สม่ำเสมอ ถึงมันจะใส่ชุดนอนแขนยาวแต่รอยที่หน้าก็ยังพอมองเห็น ... ไม่รู้พรุ่งนี้มันจะหยุดอีกรึเปล่า?
     ผมอาบน้ำไปฟุ้งซ่านไป ต้นมันจะเอายังไงกับผม? มันจะเลิกกับผมมั้ย หรือมันจะอยู่กับผมสภาพนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่มันไม่อยากทนผมอีก ผมคิดแต่ในทางร้ายเพราะผมมองไม่เห็นเลยว่าต้นมันจะกลับมารักผมได้ยังไง
     จนกระทั่งผมอาบน้ำเสร็จ ผมยืนนิ่งอยู่นาน อยากคลานขึ้นเตียงไปกอดมันเหมือนทุกครั้งแต่ไม่กล้า ต้นมันนอนหันหลังให้ผม...
     เอาวะ! ผมขยับเข้าไปใกล้มัน เหมือนต้นมันรับรู้ได้ว่าผมอยู่ข้างหลังมันห่างกันไม่ถึงคืบ หลังมันสั่นน้อยๆ เหมือนกลัวผม
     ผมรู้ดีว่ามันแกล้งหลับ มันตื่นตั้งแต่ผมเข้ามาในห้องแล้วแต่มันไม่อยากเผชิญหน้ากับผม ผมจะไม่บังคับมันหรอก สมควรแล้วที่มันจะเกลียดผม
     ผมลูบหัวมัน แตะลงบนรอยช้ำที่แก้ม แก้มใสๆ ของมันต้องมีรอยช้ำเพราะมือผม ผมตั้งใจจะปกป้องดูแลมันแท้ๆ แต่มือคู่นี้ของผมทำร้ายมันมากี่ครั้งแล้ว?
     ผมอดใจไม่ไหว นานมากแล้วที่ไม่ได้สัมผัสมันแบบนี้ ผมอยากกอด อยากจูบ อยากหอมแก้มมันเหลือเกิน ผมต้องต่อสู้กับความละอายของตัวเอง เพราะรู้ดีว่าต้นกลัวผม ต้นเผลอขมวดคิ้ว ตัวมันเกร็งไปหมด มันกลัวผมจะทำร้ายมันอีก มีใครบ้างจะไม่กลัวผู้ชายสารเลวที่เคยขืนใจตัวเอง
     ผมจรดจมูกลงบนแก้มช้ำๆ นั่น สัมผัสเบาๆ ก่อนจะเลยไปกระซิบที่ข้างหู
     “พี่ขอโทษนะครับคนดี ผัวรักเมียนะครับ”
     ผมปิดท้ายด้วยจูบบนหน้าผากก่อนจะถอยออกมา ผมไม่ได้ล้มตัวลงนอนกอดมันในทันที ดังนั้นผมถึงได้เห็นว่าไหล่ของเมียผมสั่นแล้วก็มีเสียงสูดจมูกเบาๆ ต้นมันร้องไห้
     ไม่ไหวครับ! ผมเองก็น้ำตาไหลเหมือนกัน ผมทนไม่ไหวแล้ว! ผมขยับไปใกล้ต้นแล้วกอดมันเอาไว้ ต้นสะดุ้ง แต่ผมก็ปลอบมันด้วยเสียงสะอื้นของผมเอง ผมแค่อยากกอดมันอีกครั้ง อยากเก็บมันไว้แนบอกแบบนี้ตลอดไป
     “พี่ขอโทษ พี่รักเรานะ”
     ผมรู้ว่าผมเห็นแก่ตัว ผมทรยศต้น ทำร้ายมัน แต่ผมไม่อยากเสียมันไปจริงๆ แม้ว่ามือคู่นี้จะทำให้มันต้องเจ็บมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่ผมก็ไม่อาจปล่อยมันไป ผมจะไม่ยอมสูญเสียมันเด็ดขาด!
     ผมนอนร้องไห้กอดมันที่นอนน้ำตาไหลเกือบทั้งคืน...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     พี่ชัชพูดว่ารักผมอย่างนั้นเหรอ?
     ถ้ารักแล้วเมื่อคืนนี้มันคืออะไร? ถ้ารักแล้วทำไมถึงไปทำแบบนั้นกับคนอื่น? พี่ชัชเห็นผมเป็นอะไร?
     คนรักกันเขาทำแบบนี้เหรอครับ?
     ผมอยากผลักพี่ชัชออก ปัดแขนที่กอดผมอยู่ทิ้ง ไม่ใช่ผู้ชายใจร้ายคนนี้รึไงที่ทำให้ผมเหมือนตกนรกทั้งเป็นเมื่อคืน!
     พี่ชัชรั้งผมไว้ด้วยคำว่ารัก ขังผมไว้ด้วยความเห็นแก่ตัว แต่ความรักของเราไม่เท่ากัน ผมมอบทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตให้พี่เขา ทั้งตัวและหัวใจก็ให้ไปหมด แต่กลับเป็นแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ ในโลกของพี่ชัช
     ผมไม่เคยขอให้เขาลืมอดีต แต่ผมอยากให้ปัจจุบันของพี่ชัชมีแต่ผมเหมือนที่อนาคตของผมก็มีแต่พี่ชัช ผมอยากเป็นคนสำคัญเป็นใครคนนั้นที่พี่เขารักสุดหัวใจ แต่พี่ชัชมีใครคนอื่นในใจเสมอมา เขายังตัดกันไม่ขาด ในหัวใจของพี่ชัชพื้นที่ของผมคงมีนิดเดียว ใครอีกคนคงสำคัญมากกว่าผม พี่ชัชถึงไม่สนใจแฟนคนปัจจุบันอย่างผมเลย
     ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดทรยศพี่ชัช แต่พี่เขากลับหักหลังผม กล่าวหาผมเพื่อปัดความผิดของตัวเอง พี่ชัชทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง!
     ผมเกลียดอ้อมแขนแข็งแกร่งนี่เหลือเกิน มันรัดผมแน่นเหมือนกรงขังจนผมหนีไปไหนไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นความอบอุ่นที่ผมโหยหา ผมจะต้องทำยังไงถึงจะได้รับสัมผัสนี้ตลอดไป...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



มีต้นที่ไหน มีไปป์ที่นั่น ถ้าไปป์ไม่สำคัญ คนแต่งคงไม่เชียร์ ...  :impress2: ไปป์นี่ตัวตัดดราม่าจริงๆ เนาะ ส่วนหมอเอกก็ด่าได้สะใจละซี่ เหอๆ

แบบว่า... บางทีสาระของเรื่องก็ชอบไปอยู่ที่ตัวละครรอง เหมือนเวลาที่คนเราตั้งกระทู้เครียดๆ ปรึกษาปัญหาชีวิต บางทีมุมมองจากคนนอกอาจจะดีกว่าความคิดของคนใน
แต่จากกระทู้ "เมื่อจับชู้ได้3ครั้ง18+" เราทึ่ง! เจ้าของกระทู้เขาก็ตัดสินใจแล้วแท้ๆ แต่มีคนไปด่าเขา อารมณ์ประมาณด่าว่า "ผู้หญิงก็งี้แหละ ตอนทะเลาะก็ฟูมฟาย พอเคลียร์กันได้ก็กลับไปดีกัน คนอื่นกลายเป็นหมา" แล้วทุกคนก็พากันยุว่าให้เลิก ออกมาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว บางทีก็อยากถาม มึงไปให้ค่านมลูกเขาป่ะ มึงจะไปเป็นพ่อให้ลูกเขามั้ย?
บางทีคนที่ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านก็เอามันเข้าว่า ยุเอาสะใจ คิดแบบฟาดฟัน เอาคืน เอาถูกต้อง(ที่ถูกใจตัวเอง) โดยไม่เคารพการตัดสินใจของคนในเหตุการณ์ แถมยังไปด่าเขาอีก คนแสดงความเห็นลืมไปเปล่า? ชีวิตเขาไม่ใช่ชีวิตมรึ๊ง!

ก็เป็นสัจธรรมอีกอย่างที่เราได้จากกระทู้ดราม่าในพันติ๊บอ่ะนะ อ่านแล้วทำให้นึกถึงพี่ชัชตอนนี้พิกล (จริงๆ บทที่19นี้ลงในเด็กดีไว้หลายอาทิตย์แล้ว)  เออเนอะ..... ถ้าผัวของเจ้าของกระทู้สำนึกผิดจริงๆ แล้วเขาปรับตัวได้ดี อีก6ปีต่อมาครอบครัวเขาอยู่กันอย่างมีความสุข พ่อแม่ช่วยกันเลี้ยงลูก อบอุ่นล่ะ? ..... เข้าใจว่าผู้ชายเลวๆ มันมีเยอะ แต่ผู้ชายเลวๆ ที่จะปรับตัวมันไม่มีเลยเหรอ? คนเฒ่าคนแก่คนสมัยก่อนที่ผู้ชายมันเจ้าชู้มากๆ แต่ก็ยังอยู่กันจนเป็นคุณตาคุณยายนี่เขาอยู่กันยังไงนะ? เพราะผู้หญิงสมัยก่อนไม่มีทางเลือกรึเปล่า? หรือเพราะผู้หญิงสมัยนี้มีทางเลือกเลยไม่จำเป็นต้องอดทน? แต่คนบางคนเอาประสบการณ์กับความกลัวของตัวเองไปยัดเยียดให้คนอื่นรึเปล่า?

อยากบอกว่า ณ. จุดนี้ คนแต่งอินกว่าคนอ่านอีก  :serius2:  เสพอารมณ์ของคนในพันติ๊บ อีโมชั่นนอลมาเต็ม! ลงนิยายตัวเอง รับฟังความเห็นของคนอ่านที่ส่วนใหญ่จะด่าพี่ชัช เครียดกับการปรับตอนจบให้ออกมาสวยที่สุด เฮ้อ...
ไม่เชื่อลองไปหาอ่านดู กระทู้จับชู้มันส์จริงๆ คนแต่งยังอินจัดเลยเห็นมั้ย
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#13/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน19
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 13-11-2014 15:34:01
ชัยชัช

     ผมเข้าหน้าต้นไม่ติด มันไม่ใช่ว่าผมขี้เกียจง้อต้น เพียงแต่ผมไม่กล้าสู้หน้ามัน ผมทนบรรยากาศอึดอัดรอบๆ ตัวมันไม่ไหว จะเอาอะไรมันก็ไม่พูด ผมกลัวจะโมโหแล้วลงกับมันอีก ครั้นจะให้ผมยิ้มแย้มตื้อมันแบบกะล่อนๆ ผมก็ทำไม่ได้เพราะความรู้สึกผิดมันกัดกินในใจ ผมอยากคุยกับมันดีๆ ให้เคลียร์ ไม่อยากให้มันเมินกันแบบนี้เลย
     ผมหวังว่าต้นจะสังเกตเห็นที่ผมพยายามเอาใจมัน ผมพยายามซื้อของชอบของมันมาให้ แต่ทำได้ไม่กี่วันผมก็จนแต้มคิดอะไรไม่ออก นอกจากพวกกับข้าวที่เป็นแกงกะทิกับคุ๊กกี้แล้วไอ้ต้นมันชอบอะไรอีกวะ? ผมเป็นแฟนที่แย่จริงๆ แบบนี้แล้วเมื่อไหร่มันจะหายโกรธผม
     ต้นมันทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ไม่เคยยิ้มหรือหัวเราะให้ผมเห็นอีกเลย มันหมกตัวอยู่กับตำรา เอาแต่อ่านหนังสือ พูดคุยกับผมน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเย็นชา เหินห่าง ผมเกลียดเวลาแบบนี้เป็นบ้า! ผมรับมือกับมันไม่ถูกจริงๆ ครับ ไม่รู้แล้วว่าควรจะทำยังไง ต้นมันแตกต่างกับผู้หญิงที่เคยเจอลิบลับ

     จนเวลาผ่านไปเกือบอาทิตย์ อยู่ๆ ต้นก็เดินมาหาผมแล้วขอไปค้างบ้านปู่
     “ผมขออนุญาตไปค้างบ้านคุณปู่ซักระยะได้มั้ยครับ?”
     ผมสังหรณ์ใจว่าตัวเองกำลังจะโดนทิ้งครับ
     “ต้นจะไปกี่วันเหรอครับ?”
     ผมยิ้มให้มัน แต่มันหลบตาผมแล้วเงียบอยู่ครู่นึงก่อนจะตอบ
     “ไม่รู้สิครับ คงซักพัก”
     มันพูดเสียงเรียบตีหน้านิ่งจนผมหนาว
     “จะไปนานเหรอต้น”
     “ครับ ช่วงนี้ลุงไกรบอกว่าไม่ค่อยสบาย ผมอยากไปดูแลท่านครับ”
     เมียผมโคตรตอแหล! มันคิดว่ามันโกหกผมแบบนี้แล้วผมจะเชื่อรึยังไง ความหงุดหงิดเกิดขึ้นในใจแต่ผมพยายามระงับมัน!
     “เราจะหันหน้ามาคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยเหรอต้น”
     “ก็ไม่มีอะไรต้องคุยนี่ครับ”
     นี่นะไม่มีอะไรต้องคุยของมัน! มันจะโกรธจะเกลียดจะด่าว่าอะไรผมก็พูดออกมาตรงๆ สิ มันอยากให้ผมชดใช้ความผิดยังไงก็บอก จะขอสัญญาอะไรกับผม จะเอายังไงขอแค่มันพูดออกมา ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยวะ!
     “จะหนีปัญหาไปถึงเมื่อไหร่? ทำไมต้องทรมานพี่แบบนี้ด้วย!”
     ผมหมดแรง ท้อ เหนื่อยจนไม่รู้จะเหนื่อยยังไงแล้ว ผมรู้ดีว่าผิด แต่ถ้าต้นเอาแต่เงียบแบบนี้ผมรับมือไม่ถูก
     “ผมทำให้พี่ชัชทรมานเหรอครับ?”
     ต้นมันพูดเสียงสั่นแล้วก็เริ่มน้ำตาไหล เวร! ผมทำให้มันร้องไห้ อะไรกันนักกันหนาวะ! หงุดหงิดชะมัดเลยครับ ทั้งโมโหตัวเองที่เผลอจนทำมันร้องไห้แล้วก็โมโหต้นที่ไม่ยอมคุยกับผมดีๆ
     “โอเคๆ อยากไปไหนก็ตามสบายเลยต้น พี่ไม่ห้าม พี่เป็นคนผิดเอง พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเราหรอก อยากทำอะไรก็ตามสบายเลย!”
     ใช่ดิ! หัวใจผมอยู่ในกำมือมันแล้วนี่ อยากจะทำอะไรก็ทำเลย
     “ห่างกันซักพักก็ดีเหมือนกัน เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น”
     ถึงอยู่ด้วยกันก็เหมือนไม่อยู่ บางทีไม่เห็นหน้ากันซักพักต้นมันอาจจะคิดตกว่าจะเอายังไงกับผม

     ผมอนุญาตมันไปแบบนั้นแต่ใครจะคิดล่ะว่ามันจะเก็บเสื้อผ้าไปคืนนั้นเลย! แม่งเอ้ย! เมียผมหนีออกจากบ้านอีกแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ร่องรอยตามตัวผมหายหมดแล้ว แต่แผลในใจผมยังไม่จางหายไปซะที ผมรักพี่ชัชมาก แต่พี่เขาก็ทำให้ผมช้ำมากเช่นกัน พี่เขาทำเหมือนผมเป็นที่ระบายอารมณ์ เขาทำร้ายผม ความเจ็บปวดที่เจอพวกนี้ทำให้ผมสับสนจนคิดอะไรไม่ออก
     เวลาเห็นหน้าพี่ชัชก็จะรู้สึกเจ็บแปลบในอก ความจริงที่ว่าพี่เขาทรยศผมมันคอยทิ่มแทงหัวใจ ลืมไม่ได้ มิหนำซ้ำพี่ชัชยังทำแบบนั้นกับผม ผมเสียใจจนไม่อยากเห็นหน้าพี่เขาอีก ผมเป็นแฟน เป็นคนรัก ไม่ใช่ที่ระบายความใคร่ให้ใคร แต่ว่า... ผมรักพี่ชัชมากเหลือเกิน สับสนจังเลยครับ อยากหนีไปให้พ้นๆ ไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้าย ผมรับมืออะไรไม่ไหวแล้วตอนนี้!
     “ผมขออนุญาตไปค้างบ้านคุณปู่ซักระยะได้มั้ยครับ?”
     ผมตัดสินใจไปขออนุญาตพี่ชัช ผมอยากพักสมองซักระยะ พี่ชัชพึ่งกลับจากทำงาน ผมก็เลยเอาน้ำไปเสิร์ฟแล้วลองขอดู
     “ต้นจะไปกี่วันเหรอครับ?”
     ผม... ผมอยากอยู่คนเดียวซักพักครับ
     “ไม่รู้สิครับ คงซักพัก”
     ผมไม่อยากอยู่กับคนใจร้ายแบบพี่
     “จะไปนานเหรอต้น”
     ถ้าผมหายไปนานๆ แล้วพี่ชัชจะคิดถึงผมมั้ย? ผมมีค่าสำหรับพี่ชัชรึเปล่า บอกผมทีสิครับว่าผมมีความสำคัญสำหรับพี่รึเปล่า...
     “ครับ ช่วงนี้ลุงไกรบอกว่าไม่ค่อยสบาย ผมอยากไปดูแลท่านครับ”
     “เราจะหันหน้ามาคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยเหรอต้น”
     “ก็ไม่มีอะไรต้องคุยนี่ครับ”
     ผมรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ผมยังทำใจไม่ได้นี่ครับ ขอเวลาให้ผมซักพักไม่ได้เหรอ
     “จะหนีปัญหาไปถึงเมื่อไหร่? ทำไมต้องทรมานพี่แบบนี้ด้วย!”
     ผม... ผมเป็นคนเริ่มเรื่องทั้งหมดนี่เหรอ?
     พี่ชัช ... การอยู่กับผมมันทรมานเหรอครับพี่ชัช
     “ผมทำให้พี่ชัชทรมานเหรอครับ?”
     ทำไมพี่ชัชพูดแบบนี้กับผม ผมทำอะไรผิด คนที่ผิดคือพี่แท้ๆ ไม่ใช่ผม! ผมต้องก้มหน้าก้มตาให้อภัยพี่ทันทีเลยเหรอครับ ผมเป็นอะไรสำหรับพี่ชัชกันแน่
     “โอเคๆ อยากไปไหนก็ตามสบายเลยต้น พี่ไม่ห้าม พี่เป็นคนผิดเอง พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเราหรอก อยากทำอะไรก็ตามสบายเลย!”
     พี่ชัชพูดเหมือนไล่ผมเลย ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่ผมด้วย ... ผมทำให้พี่หงุดหงิดอีกแล้วสินะ
     “ห่างกันซักพักก็ดีเหมือนกัน เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น”
     หมายความว่ายังไง? พี่ชัชเบื่อผมแล้วเหรอครับ ผมมีค่าให้พี่ใส่ใจแค่นี้เองสินะ ถึงผมหายไปพี่ก็คงไม่แคร์ ผมจะเป็นตายร้ายดียังไงพี่ก็คงไม่สนใจผมแล้วใช่มั้ย ขนาดความรู้สึกผมพี่ยังไม่สนเลย
     พี่ชัชไม่สนใจผมแล้ว ... เวลาแห่งความสุขของผมหมดลงแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อาร์ม

     “ไงต้น”
     “อ้าว? ดีอาร์ม”
     “ช่วงนี้ดูว่างๆ นะ อยู่อ่านหนังสือในหอสมุดถึงดึกทุกวัน ไม่รีบกลับไปทำกับข้าวให้แฟนเหรอ?”
     ต้นยิ้มแล้วเลือกที่จะเงียบ ต้นยิ้มแต่แววตาของต้นไม่สดใสเท่าที่ควร ต้นไม่แม้แต่จะชักสีหน้าใส่ผม เฮ้อ...
     “ตกลงหายกลุ้มใจยัง?”
     “ก็ไม่มีอะไรซักหน่อย”
     “หมกตัวอยู่กับตำรา ไม่ยอมกลับบ้านเนี่ยนะ”
     “เรารอกลับพร้อมอาจารย์เขาหรอก”
     “อ้าวจริงดิ?”
     “อืม เรา... เราไปค้างที่บ้านคุณปู่น่ะ พอดีคุณลุงเขาไม่ค่อยสบาย”
     ลองแบบนี้สงสัยจะเรื่องใหญ่ ถึงผมจะดีใจกับแม็กซ์แต่ถ้าต้องเห็นต้นร้องไห้ทุกวันผมก็รู้สึกไม่ดีเลย
     “แล้วต้องรออาจารย์เลิกช้าแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ? อยู่คนเดียวเหงาแย่”
     “เอ่อ...”
     “ไม่ชวนแม็กซ์มันไปเที่ยวล่ะ ละค่อยให้มันไปส่ง”
     “เรา ... เราอยากอยู่คนเดียวซักพักน่ะอาร์ม เรายังไม่อยากเจอแม็กซ์”
     “ทำไมอะ แม็กซ์มันทำอะไรให้ต้นไม่พอใจเหรอ?”
     “เปล่าหรอก เรา...”
     “กลัวมันตื้อ? หึๆ”
     งั้นก็แปลว่าเพื่อนผมหมดสิทธิ์ ต้นยังรักแฟนมันอยู่
     “เราไม่ได้รำคาญแม็กซ์หรอกนะอาร์ม แม็กซ์ดีกับเรามาก แต่...”
     “ต้นยังรักแฟนอยู่?”
     ถ้าแม็กซ์มันได้มาเห็นรอยยิ้มเศร้าๆ ของต้นแบบที่ผมเห็นมันต้องอาละวาดแน่ๆ
     “แล้วตกลงเลิกกันยัง?”
     ถ้าเป็นปกติต้นต้องด่าผมแล้ว แต่นี่กลับยิ้มเศร้าๆ แทน เฮ้อ...
     “ไม่รู้สิ ขึ้นกับว่าพี่เค้าจะเบื่อเราจนทนไม่ไหวเมื่อไหร่มั้ง”
     ต้นคงอัดอั้นมากจริงๆ ถึงยอมเปิดปากกับผมแบบนี้ น้ำตาของต้นหยดลงบนหน้าหนังสือจนต้นต้องรีบเช็ด ผมเห็นต้นปาดน้ำตาตัวเองแล้วก็ปวดใจชะมัด ไม่อยากเห็นเพื่อนร้องไห้เลยน้า
     “เก็บตัวอยู่คนเดียวแบบนี้คนอื่นเขาเป็นห่วงนะ”
     “เรารู้ แต่ขอเวลาเราพักบ้างเถอะ เราใส่หน้ากากร่าเริงทั้งวันไม่ไหวหรอกนะอาร์ม”
     “ก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อน คุยกับพี่ๆ นายก็ได้ จะได้ไม่ต้องคิดมากไง”
     “เราไม่อยากให้พี่ๆ แกเป็นห่วงน่ะ เดี๋ยวเรื่องมันจะไปถึงหลานเราละมันจะไปกันใหญ่”
     “ไม่คิดว่าคนอื่นเขารู้แล้วบ้างเหรอ ต้นเป็นแบบนี้ใครๆ ก็ดูออก”
     ต้นเงียบไม่ยอมตอบ เฮ้อ...
     “ถึงได้หนีมาอยู่คนเดียวแบบนี้ใช่มั้ย?”
     “เรายังไม่พร้อมจะตอบคำถามใครทั้งนั้นแหละอาร์ม”
     “โอเค แต่เราอยากเห็นต้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมไวๆ นะ เป็นห่วง”
     “ขอบใจนะ”
     “อืม กลับๆ กับเรามั้ย? เดี๋ยวไปส่ง”
     “อย่าเลย รถติดเปล่าๆ”
     ต้นนี่นา โกหกไปเรื่อยจริงๆ
     “ไปเถอะ อยู่แบบนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน”
     “อืม...”

     “เออ สรุปว่าต้นยังไม่เลิกกับแฟน แค่อยากอยู่คนเดียวซักพัก”
     “มึงก็เชียร์กูเยอะๆ ดิ”
     “จะให้กูเชียร์ยังไงวะ ต้นยังรักแฟนมันอยู่”
     “ไม่รู้ แต่มึงต้องช่วยกู”
     “มึงก็ลุยเองดิ”
     “มึงไม่เข้าใจ ถ้ากูลุยเองเดี๋ยวต้นก็รำคาญกูอีก กูต้องถอยออกมาบ้าง ต้นจะได้ไม่อึดอัด”
     “กูไม่ชอบยุให้คนเลิกกัน มันบาปนะเว้ย!”
     “แล้วมึงอยากเห็นต้นร้องไห้แบบนี้เหรอวะ?”
     “ถ้าเขาดีกันเดี๋ยวต้นก็ยิ้มเองแหละ”
     “อ้าวสัสอาร์ม! แล้วเพื่อนมึงละวะ”
     “มึงก็เงี่ยนต่อไปไง! ไหนบอกกูว่าแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็พอ”
     “ก็โอกาสเสือกหล่นมาหน้ากูนี่หว่า ไม่ให้กูเสียบตอนนี้จะให้กูรอตอนไหน กูถามมึงหน่อยเหอะ ไอ้เหี้ยนั่นทำกับต้นสารพัด มึงว่าดีแล้วเหรอที่ต้นคบกับมันต่อ ถ้าเป็นกูๆ ไม่ทำให้ต้นร้องไห้แบบนั้นหรอก”
     “แต่มีผู้หญิงร้องไห้เพราะมึงเป็นร้อย”
     “ก็ผู้หญิงพวกนั้นไม่ใช่ต้น กูรักต้น กูไม่มีทางทำให้ต้นเสียใจหรอก”
     “มึงมันแค่ชอบความท้าทาย ถ้ามึงได้ต้นแล้วมึงก็เบื่อ”
     “กูเคยจะได้แล้วอาร์ม กูมีโอกาสทำหลายครั้ง แต่กูไม่ทำ กูไม่ได้อยากได้ตัวต้น กูอยากได้หัวใจ มึงคิดว่ากูรักต้นมากี่ปี มึงเคยเห็นกูจริงจังกับใครแบบนี้มาก่อนมั้ย ช่วยกู แล้วมึงคอยดูนะต้นจะไม่มีวันต้องร้องไห้เพราะกู”
     ผมสองจิตสองใจระหว่างการเลือกสิ่งที่ถูกกับสิ่งที่ควร แต่ไม่ว่าผมจะเลือกอะไร คนตัดสินใจก็คือต้น
     ผมไม่อยากเห็นต้นร้องไห้แบบนี้เลย ปวดใจชะมัด...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     “วันนี้ลุงจะออกไปข้างนอกนะ”
     ผมหันไปมองคุณลุงที่เดินลงมาร่วมโต๊ะอาหารเช้าเป็นคนสุดท้ายของบ้าน คุณลุงถูกคุณปู่มองด้วยสายตาไม่พอใจ ส่วนป้าณีท่านไม่เคยพูดอะไรอยู่แล้ว
     “จะดีเหรอครับ เกิดความดันขึ้นอีก”
     “ให้อีไป ไม่ต้องไปสนใจอี ลื้อมีอั๊วะน้าอาตี๋เล็ก”
     เฮ้อ ... คุณปู่นี่ละก็
     “ไม่ถามอีก่อนล่ะว่าอีจะกลับมากินข้าวกับป๊ารึเปล่า เกิดพ่ออี เพื่อนอีจะชวนไปไหน”
     คุณลุงก็ชอบขัดท่านจริงๆ เล้ย ผมยิ้มเอาใจคุณปู่แล้วตอบท่านไปว่า
     “ผมว่าจะทำรายงานหน่อยนะครับ อาจจะกลับเย็น”
     “ลื้อเอาแต่ทำงานอ่า”
     “โธ่ป๊า! หลานมาค้างด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว นี่ถ้าอั๊วะไม่ป่วยอีก็ไม่มาหรอก เห็นความดีของอั๊วะรึยัง ฮ่าๆ”
     “ไม่ตลกนะครับคุณลุง เกิดขับรถอยู่แล้วความดันขึ้นละก็...”
     ป้าณีแอบส่งข่าวมาบอกว่าคุณลุงความดันขึ้นจนหมดสติแต่ไม่ยอมไปโรงพยาบาลครับ ท่านอยากให้ผมมาช่วยปรามแกบ้างเพราะคุณลุงค่อนข้างเอ็นดูผม แต่คุณลุงกลับไม่ห่วงตัวเองเอาซะเลย
     “สบายๆ ลุงไม่เป็นอะไรแล้ว”
     “ฮึ! ปล่อยอีไป”
     คุณลุงนี่ดื้อจังเลยครับ คนเป็นความดันอันตรายจะตาย ถ้าเกิดไปหน้ามืดหมดสติที่ไหนจะทำยังไง รู้ทั้งรู้ว่าคุณปู่เป็นห่วงก็ยังจะแกล้งอีก ผมนั่งทานอาหารเช้าท่ามกลางสงครามของพ่อลูก
     จริงสิ! วันนี้แม็กซ์บอกว่าจะมาทานข้าวกลางวันกับผมนี่นา...
     การต้องรับมือกับปัญหาระหว่าคุณปู่และลุงไกรทำให้ผมลืมเรื่องร้ายๆ ไปได้ช่วงเวลาหนึ่ง ผมพยายามทำตัวเองให้ยุ่งเพื่อจะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้น แต่พออยู่คนเดียวทีไรผมก็หวนนึกถึงมันทุกที ป่านบอกว่าผมฟุ้งซ่าน แถมผมยังต้องพยายามยิ้มต่อหน้าไปป์ แล้วก็ห้ามร้องไห้ต่อหน้าแม็กซ์ บางทีก็รู้สึกว่าชีวิตตัวเองมีข้อห้ามเยอะดีนะครับ
     ผมสวมบทบาทเป็นลูกที่ดี เป็นหลานกตัญญู เป็นเพื่อนที่น่ารัก เป็นที่พึ่งให้ไปป์ เป็นอะไรหลายๆ อย่าง ยกเว้น... เป็นเมียที่ดี ถ้าผมดีจริงอย่างที่ผมเคยเชื่อพี่ชัชคงไม่ทิ้งผมไปหรอก ผมไม่ใช่คู่รักที่ประเสริฐจนให้อภัยคนรักได้ทุกอย่าง แต่ผมรักพี่ชัช และผมก็รู้ดีว่าสุดท้ายความรักจะชนะทิฐิของผม เพียงแต่ผมขอเวลาทำใจซักพัก ทั้งทำใจให้ยอมอภัยให้พี่เขา และ... ทำใจเตรียมโดนทิ้ง
     ใครจะไปรู้ล่ะครับ ผมเคยเชื่อว่าพี่ชัชรักผมมาก พี่เขาจะไม่ทำให้ผมเสียใจเด็ดขาด แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ไม่แน่ใจอนาคต ผมอาจจะโดนบอกเลิกขึ้นมาจริงๆ ก็ได้
     ความคิดด้านลบสุมอยู่เต็มหัวผมไปหมด แต่ผมก็ยังไปเรียน ใส่หน้ากากยิ้มแย้มคุยเรื่องตลกกับเพื่อนๆ พยายามทำตัวตามปกติ ยิ่งอยู่ต่อหน้าแม็กซ์ผมยิ่งต้องใส่หน้ากากใบที่หนาที่สุด ผมรู้ว่าแม็กซ์มีความหวัง แต่ผมไม่อยากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแม็กซ์มากไปกว่านี้ต่อให้ผมถูกทิ้งก็ตาม ผมรู้ดีว่ามันฟังดูงี่เง่า แต่ผมรักพี่ชัชและจะรักตลอดไป
     “ดีต้น”
     “อ้าวอาร์ม”
     พอผมเรียนเสร็จก็เจออาร์มมารออยู่หน้าตึก
     “แล้วแม็กซ์ล่ะ?”
     “อ๋อ มันติดธุระนิดหน่อยคงมาไม่ได้อ่ะ”
     “อ้าว?”
     “มันโดดประชุมไม่ได้น่ะต้น เลยให้เรามาแทน”
     ผมอยากบอกอาร์มว่าผมอยู่คนเดียวได้ เขาไม่จำเป็นต้องมาคอยดูแลผม แม็กซ์ชอบทำแบบนี้อยู่เรื่อย...
     “ไม่เป็นไรหรอก”
     “ไม่ต้องเกรงใจ เราว่างพอดี”
     “นายไม่ต้องตามเราขนาดนี้ก็ได้นะอาร์ม เราไม่เป็นไรแล้วจริงๆ แม็กซ์เวอร์ไปเองแหละ”
     “เราเต็มใจ ไม่อยากให้ต้นอยู่คนเดียวอะ เดี๋ยวฟุ้งซ่านอีก ฮ่าๆ”
     “บ้า!”
     “ยิ้มได้ละนี่”
     อยู่กับอาร์ม ใครไม่ยิ้มก็บ้าแล้วครับ

     เราสองคนไปกินข้าวด้วยกัน แล้วอาร์มก็เกิดอยากจะดูหนังขึ้นมาเลยชวนผมไปดูหนัง หนังรักที่อาร์มชวนไปดูนั้นน่าเบื่อสำหรับผม ผมเลยหลับเกือบทั้งเรื่อง แต่อาร์มไม่ถือสา เขายิ้มแล้วแซวผม
     “นึกว่าต้นจะอินจนร้องไห้ซะอีก”
     “เราไม่ได้อ่อนไหวขนาดนั้น นายตั้งใจทำอะไรกันแน่”
     มันแปลกตั้งแต่ชวนผมมาดูหนังเรื่องนี้แล้วครับ ปกติผู้ชายที่ไหนจะชวนกันมาดูหนังรัก ผมไม่รู้ว่าอาร์มคิดอะไรอยู่
     “ก็อยากดูหนัง ต้นไม่ชอบเหรอ”
     “อืม ... มั้ง เราไม่ค่อยสนใจหนังรักพวกนี้หรอก”
     “คล้ายๆ แม็กซ์เลยนะ แม็กซ์มันก็ไม่ชอบ เราว่าสนุกจะตาย ยิ่งฉากที่พระเอกโดนทิ้งอ่ะโคตรโดนเลย”
     “นายนี่ประหลาด มาดูอะไรพวกนี้ตอกย้ำตัวเองทำไม”
     “เขาไม่เรียกว่าตอกย้ำ อืม ไงดีล่ะ? พอมันอินแล้วมันก็สนุกขึ้นละมั้ง มีอารมณ์ร่วมไปกับหนัง”
     อาร์มตอบแล้วมองผม สายตาของอาร์มทำให้ผมยอมแพ้ ผมไม่กล้าสบตากับเขาต่อ อาร์มก็เลยหัวเราะ
     “แม็กซ์มันเป็นพวกเชื่อมั่นใจตัวเองจนมันไม่สนใจอะไรพวกนี้ ต่อให้มีเพลงเพราะๆ ที่มันชอบ มันก็แค่ฟังว่าเพราะ แต่มันไม่อิน แล้วต้นล่ะเป็นแบบไหน?”
     “ไม่รู้สิ เราไม่ค่อยสนใจฟังเพลง”
     ผมโกหกผมรู้ตัวดี ผมมันพวกหนีปัญหา!
     “ฮะๆ เอาเถอะ แต่ในหนังก็มีคติสอนใจให้เก็บไปคิดได้นะ ต้นไม่ชอบเหรอ?”
     “สอนใจว่าอะไรล่ะ ชีวิตคนเรามันจะแฮปปี้เอ็นดิ้งได้เหมือนในหนังเหรออาร์ม ไม่ใช่นิยายนะจะได้จบแบบมีความสุขทุกครั้ง!”
     อาร์มมองหน้าผมแล้วพูดเสียงเรียบๆ สายตาของเขามองมาที่ผมด้วยแววตาอ่อนโยน
     “สุขได้สิถ้าเราทำให้มันมีความสุข”
     ภายใต้ประโยคเรียบๆ พวกนั้นผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ อาร์มผู้มองโลกในแง่ดี! พระอาทิตย์กำลังฉายแสงใส่ผม เหอะ!
     ผมยอมรับว่าผมโกรธ! อาร์มไม่เข้าใจผมแท้ๆ เขาไม่เข้าใจปัญหาด้วยซ้ำ! คนที่มองโลกในแง่ดีไม่เคยทุกข์ร้อนอะไรอย่างเขาจะมาเข้าใจอะไรผม!
     “คนอย่างนายเคยรักใครจริงๆ รึเปล่าอาร์ม? เวลาที่นายโดนทิ้งนายไม่เจ็บเหรอ? ใช่สินายหล่อ! นิสัยก็ดี ยังไงก็มีคนเข้ามาหานายเยอะอยู่แล้ว นายไม่แคร์หรอก ผู้หญิงคนนั้นทิ้งนายไปนายก็มีคนใหม่ แต่เราไม่ใช่! นายก็รู้ว่าเราเป็นอะไร เราชอบผู้ชาย เราไม่ได้ชอบเกย์! แล้วนายคิดว่าจะมีผู้ชายแท้ๆ กี่คนที่ยอมรับคนแบบเรา นายเข้าใจมั้ยว่าเรารักเขา เราต้องการเขาคนเดียวเราไม่สนใจคนอื่น ทั้งๆ ที่เราพยายามมาตลอด ทุ่มเททุกอย่าง แต่พี่เขากลับ... ฮึก!
     “ขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายร้องไห้”
     ผมอายคนอื่น ผมรู้ดีว่ามีสายตาหลายคู่มองมาที่เรา ผมพยายามปาดน้ำตาตัวเองทิ้งพร้อมกับรับรู้ว่าแผลของตัวเองยังไม่ตกสะเก็ด มันยังเจ็บอยู่ทุกครั้งที่ถูกสะกิด
     “กลับกันเลยมั้ย?”
     “อือ”
     ผมทำทุกอย่างพังอีกแล้ว เกลียดที่ตัวเองอ่อนแอแบบนี้ชะมัด!
     อาร์มเดินนำผมไปที่รถ ผมเดินตามอาร์ม
     “ขอโทษนะ”
     “ช่างเถอะ เราผิดเอง”
     แล้วอาร์มก็พาผมกลับบ้าน ตอนที่เราขับออกมาจากห้างได้ซักพักอาร์มก็หันมาถามผม
     “แฟนนายมีคนอื่นเหรอต้น?”
     “พอเถอะอาร์ม เราไม่อยากพูดอะไรตอนนี้”
     “เขาทิ้งนายไปมีคนอื่นเหรอนายถึงต้องกลับไปอยู่บ้านปู่ เขาไล่นายเหรอ?”
     น้ำเสียงของอาร์มเริ่มที่ขุ่นมัวบ่งบอกความห่วงใยที่เขามีให้ผม แต่เรื่องมันไม่ใช่แบบนั้น และผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไม่อยากให้ใครมาว่าพี่ชัช
     “ถ้าเขาทำแบบนั้นเราคงทำใจได้ง่ายกว่านี้ แต่นายจะให้เราทำยังไง พี่เขาบอกว่าเขาแค่เผลอแต่เขารักเรามากและขอให้เรายกโทษให้ แล้วเราก็ต้องยอมหลับหูหลับตาให้อภัยเขาง่ายๆ หรือไง? นายบอกเราทีสิว่าเราควรจะทำยังไงมันถึงจะแฮปปี้เอ็นดิ้ง เราไม่มีสิทธิ์เจ็บเหรออาร์ม?”
     พออาร์มได้ยินคำตอบของผมเขาก็เงียบไม่พูดอะไรอีก ผมไม่รู้ว่าอาร์มคิดอะไร เขาอาจจะรำคาญผมก็ได้ แต่ผมผิดเหรอที่ผมยึดมั่นกับความรักของผม

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#13/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน19
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 13-11-2014 15:38:36
อาร์ม

     คำตอบของต้นทำให้ผมสงสาร ต้นสมควรเจอคนดีๆ คนที่จะรักและดูแลต้นได้ เพียงแต่ผมเริ่มลังเลว่าผมควรเชียร์ให้แม็กซ์เป็นคนๆ นั้นดีรึเปล่า?
     ผมรู้ว่าเพื่อนผมจะดูแลต้นได้เพราะเขาทำสิ่งนี้มาตลอดแม้แต่ตอนที่ต้นไม่รู้ตัว มันติดตรงที่ต้นกับแฟนยังรักกันดี แค่มีปัญหากันนิดหน่อย ถ้าผมเชียร์แม็กซ์มันก็เท่ากับว่าผมสนับสนุนให้เพื่อนแย่งแฟนชาวบ้าน แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่เหมาะสมจะดูแลต้นก็ตาม
     ผมยังจำได้ดีถึงวันที่ผมเห็นต้นกับแฟนตอนไปดูหนัง สีหน้าของต้นดูมีความสุขมาก แต่แล้วสภาพต้นตอนวันเกิดก็ทำให้ผมตกใจ นอกจากผมจะปากโป้งจนทำให้ต้นทะเลาะกับแม็กซ์แล้วต้นยังมีปัญหากับแฟนจนรถคว่ำ ผมบอกตัวเองว่าถ้าต้นเป็นอะไรไปผมจะไม่ให้อภัยตัวเอง
     หลังจากนั้นผมพยายามดูแลต้นมาตลอด ชดเชยความผิดของตัวเอง ทำแทนส่วนของแม็กซ์ ไม่ว่าผมจะใกล้ชิดกับต้นเพราะอะไร มิตรภาพของพวกเราที่เกิดขึ้นตลอดสองปีนี้ก็เป็นเรื่องจริง ตอนนี้ต้นคือเพื่อนคนสำคัญของผม
     ต้นไม่ใช่พวกอ่อนไหวง่าย แต่จิตใจของต้นไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่ต้นพยายามแสดงออก ชีวิตของต้นน่าสงสารและต้นก็รับมือกับปัญหาได้ห่วยแตก ผมเห็นแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ และการได้อยู่ข้างๆ ต้นทำให้ผมเข้าใจได้ไม่ยากว่าทำไมใครต่อใครถึงรักต้น เพื่อนผมเป็นคนดี ต้นน่ารักมากๆ ไม่ว่าใครก็อยากมีแฟนน่ารักๆ แบบต้นอยู่เคียงข้างกัน
     แล้วมันยุติธรรมเหรอที่ต้นจะมีแฟนแบบนั้น?
     ผมถามตัวเองเป็นร้อยๆ รอบระหว่างขับรถไปส่งต้น จนในที่สุดผมก็ได้คำตอบ แฟนของต้นเป็นคนเฉลยด้วยตัวเอง

     ต้นดึงแขนผมแน่น เสียงของต้นสั่น เพื่อนผมน้ำตาไหล
     “อาร์ม เราลืมซื้อของเข้าบ้าน พาเราไปที”
     ผมตัดสินใจแล้ว แฟนของต้นจะเป็นใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่คนที่ทำให้ต้นร้องไห้แบบนี้!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ผมตั้งใจมาง้อเมียแต่ใครจะไปคิดต้นมันเสน่ห์แรงดีแท้ มีผู้ชายมาติดพันมันเยอะจริงๆ มันยอมให้เพื่อนคนอื่นมาส่งถึงบ้านปู่มัน แถมยังดูท่าทางมาหลายครั้งแล้วด้วย ต่อให้มันเลิกกับผมไปมันก็ยังมีตัวเลือกอีกเพียบ!

     ผมบากหน้ามาง้อเมีย ไอ้ต้นหนีผมมานอนบ้านปู่มันเป็นอาทิตย์แล้วครับ นานเกินไปแล้ว ผมอยากให้มันหายงอนซักที โชคดีที่ไม่มีใครอยู่นอกจากแม่บ้านผมเลยไม่ต้องโดนปู่มันค่อนขอดเอาอีก
     ผมนั่งรอมันในบ้านอยู่นาน แต่มันก็ยังไม่มา ปกติวันนี้มันเรียนครึ่งวันนี่ครับ? ป้าแม่บ้านแกก็ดี๊ดีมาช่วยบิ๊วผมว่าเมียผมอยู่ติวที่มหาลัยกลับดึกทุกวัน มันจะติวอะไรอีก? สอบก็สอบเสร็จแล้ว ไหนมันบอกว่าลุงมันไม่สบาย แต่นี่อะไร? ลุงมันก็ไม่อยู่ ไอ้ต้นโกหกเป็นไฟ ถ้าลุงมันหายดีแล้วทำไมมันไม่กลับไปหาผม? มันจะหนีผมอีกนานเท่าไหร่?
     ผมนั่งรออยู่นานจนทนไม่ไหวเลยขอตัวกลับ ไม่ใช่อะไรครับแต่ผมต้องเตรียมตัวไปต่างจังหวัดพรุ่งนี้ ผมยังไม่ได้จัดกระเป๋าเสื้อผ้าเลย ต้องรีบกลับไปเอาผ้าที่ร้านซักรีดก่อนร้านปิดด้วย พอต้นไม่อยู่แล้วโคตรลำบากเลยครับ ผมกะจะรีบกลับหนีเวลาคนเลิกงาน แต่พอเดินออกมาเท่านั้นแหละ เมียผมเดินลงมาจากรถคนอื่น เห็นแล้วโคตรเคืองครับ นี่มันยังมีคนจ้องจะตีท้ายครัวผมอีกกี่คนวะ!
     “พี่ชัช!”
     ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยครับเมียพี่ ทำเหมือนไม่อยากเจอ
     “เพื่อนเหรอต้น”
     “ครับ”
     “ไปไงมาไงถึงมาส่งกันได้ล่ะ”
     “เอ่อ... ผมชวนต้นไปดูหนังมาครับ”
     “เหรอ...”
     เมียผมมีอารมณ์ไปดูหนังกับผู้ชายตัวอื่นด้วย หึๆ
     “ไปดูเรื่องอะไรมาล่ะ สนุกมั้ยครับ”
     “เรื่อ-”
     “พอเถอะอาร์ม!”
     “ทำไมล่ะต้น พี่ก็อยากรู้ว่าเราไปดูเรื่องไรมา อีกหน่อยพี่จะได้ไม่เช่ามาดูซ้ำ เราจะได้ไม่เบื่อพี่”
     ผมยอมรับว่าผมหึง และผมก็กำลังพาล ต้นมันเม้มปากท่าทางโกรธจัดปนจะร้องไห้แล้วตอกกลับ
     “ไม่เป็นไรหรอกครับ ทีผมยังต้องใช้ของซ้ำกับคนอื่นเลย!”
     “เบื่อใช้ของซ้ำก็เลยสรรหาแต่ของใหม่ๆ เหรอต้น คนเก่าไปไหนซะล่ะ? ไอ้เราก็อุตส่ามาง้อเมีย แต่ต้นดูเพลิดเพลินดีนี่ มีคนมาส่งไม่ซ้ำหน้า!”
     “พี่ชัชพูดอะไร!”
     “ถ้าต้นจะมีคนอื่นก็ช่วยบอกเลิกพี่มาตรงๆ อย่าหนีพี่มาเงียบๆ แบบนี้ เลิกกับพี่ให้เคลียร์ๆ แล้วจะไปแจกบัตรคิวที่ไหนก็ไป!”
     ความหึงมันบังตาผม แต่ผมหยุดตัวเองไม่ได้ ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองทำพัง นาทีนี้ต้นเดินกับผู้ชายคนไหนผมก็หึงทั้งนั้นแหละ
     “ถ้าพี่ชัชคิดว่าผมแรดขนาดนั้นก็ตามสบายครับ”
     มันท้าทายผม! ไอ้...
     ผมต้องตั้งสติห้ามตัวเองไม่ให้ไปกระชากตัวมันมาลงโทษ! ผมจ้องใบหน้าอวดดีนั่น ต้นมันน้ำตาไหลทั้งๆ ที่ท้าทายผม ความรู้สึกหลายอย่างปนเปกันมั่วซั่วจนผมทำตัวไม่ถูก เหตุการณ์ในอดีตฉายซ้ำ! ผมไม่ควรทำแบบนี้!
     พอคิดได้มันก็สายไปแล้ว ผมยืนนิ่งด้วยความรู้สึกผิด ไอ้ต้นยืนน้ำตาไหลจ้องมองผมอย่างเกลียดชัง ผมทำพังอีกแล้วแม่งเอ้ย!
     “พี่... พี่กลับก่อนละกัน”
     ผมไม่ควรไปลงกับต้น ผมทำเหี้ยอะไรลงไปวะ! ผมเกลียดตัวเองชะมัด!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     “อาร์ม เราลืมซื้อของเข้าบ้าน พาเราไปที”
     ผมอยากจะหนี อยากไปไหนก็ได้ ขอแค่ไปให้พ้นๆ จากที่ตรงนี้! ที่ๆ ไม่เสี่ยงให้ใครมาเห็นน้ำตาของผม!

     พี่ชัชทำแบบนี้กับผมอีกแล้ว การถูกคนอื่นด่าว่าผมอ่อยไปทั่วมันเจ็บก็จริง แต่ระดับความเจ็บปวดมันน้อยกว่าการถูกแฟนตัวเองหาว่าแรดลิบลับเลยครับ
     ผมรู้ดีว่าแฟนผมเป็นคนขี้โมโห แถมยังเป็นพวกขี้หึง แต่พี่ชัชพูดเหมือนไม่รู้จักผม พูดมาได้ยังไงว่าผมมีคนอื่น ตัวเองนั่นแหละที่ทำ!
     เหมือนฟางเส้นสุดท้ายมันขาด ผมรักผู้ชายคนนี้ได้ยังไง! ผมจะทนอยู่กับผู้ชายที่ไม่ยอมปรับปรุงตัวคนนี้ไปเพื่ออะไร! ผมจะเอาความรักความซื่อสัตย์ที่ผมมีไปทุ่มเทให้คนเห็นแก่ตัวแบบพี่ชัชทำไม!
     “ต้น อยากไปไหนเป็นพิเศษรึเปล่า?”
     เสียงทักของอาร์มทำให้ผมเลิกวุ่นวายกับความคิดแย่ๆ ในหัวตัวเอง เรากลับมาอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยรถติดอีกครั้ง ผมลืมขอบคุณอาร์มที่อยู่เป็นเพื่อน
     “ไม่รู้สิ ... ขอโทษนะอาร์ม ทำให้นายลำบากอีกจนได้”
     ผมรู้แค่ว่ายังไม่อยากเข้าบ้าน ไม่อยากให้ใครเห็นสภาพผม แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนหรือไปทำอะไรต่อ
     “เฮ้ยช่างเถอะ! เพื่อนกัน แค่นี้เล็กน้อย”
     “ขอบคุณนายมาก ขอบคุณจริงๆ”
     “แฟนต้นขี้หึงเป็นบ้าเลย!”
     “หึๆ เหรอ? นั่นสินะ เค้าว่าผู้ชายเจ้าชู้มักขี้หึง คงจะจริง...”
     “ไม่มีเหตุผลเลยอ่ะ น่ากลัวชะมัด! นึกว่าจะโดนต่อยแล้ว”
     ถ้าอาร์มรู้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับผมอาร์มจะทำหน้ายังไงนะ ผมไม่กล้าบอกอาร์มจริงๆ
     “ที่ผ่านมาแม็กซ์มัน...”
     “เรื่องเรากับแม็กซ์น่ะเหรอ ช่างเถอะ ตอนนี้อะไรมันก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ นายก็ได้ยินกับหูนี่อาร์ม พอเลิกกันเราก็ไม่ต้องกลัวใครจะหึงเราแล้ว ฮ่ะๆ”
     “ต้น... ถ้านายอยากร้องจะร้องออกมาก็ได้นะ”
     “เราไม่เป็นไรอาร์ม”
     ผมไม่กล้าหันไปสบตาอาร์ม ผมกลัวตัวเองจะคุมคลื่นอารมณ์พวกนี้ไม่อยู่ แต่แล้วก็มีสัมผัสเบาๆ ที่ไหล่สองสามที อาร์มตบไหล่ผม เขาพูดกับผมว่า
     “ระบายออกมามั่งก็ได้ เก็บกักไว้มากไปต้นจะแย่นะ”
     แต่ผมใช้การเงียบแทนคำตอบ ผมไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพทุเรศๆ ของตัวเอง ผมนั่งอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ ให้อาร์มเป็นคนตัดสินใจ ผมแค่ยังไม่อยากกลับบ้าน อาร์มเปิดเพลงฟัง เราสองคนนั่งมองรถราบนถนน จนกระทั่ง...
     “ต้น ไปหาห้องซ้อมเล่นกันป่ะ? ไปซ้อมดนตรีกัน คลายเครียด”
     “ซ้อม?”
     “อืม ไปเล่นดนตรี ร้องเพลง เอาให้มันสุดๆ ไปเลย ไปป่ะ”
     “สองคนเนี่ยนะ? แม็กซ์ไม่ว่างไม่ใช่เหรอ?”
     มาไม้ไหนนี่? บางทีผมก็ตามอาร์มไม่ทันจริงๆ
     “เดี๋ยวโทรเรียกเพื่อนให้ก็ได้ เอาป่ะ จะได้ระบายออกมามั่ง นายร้องได้นี่ ร้อง กีต้าร์ กลอง แค่นี้ก็พอแล้ว”
     ผมไม่เข้าใจก็เลยเงียบแล้วมองอาร์มเพื่อรอดูว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
     “บางทีเจอเรื่องแย่ๆ ก็ไปทำตัวบ้าๆ มั่งก็สนุกดีนะ ซ้อมดนตรีแหกปากดังๆ มันก็ผ่อนคลายดี ต้นต้องเอามันออกมาบ้างนะรู้เปล่า นายเก็บเอาไว้เยอะเกินไปแล้ว”
     “แหกปากเนี่ยนะช่วยได้?”
     ผมร้องไห้ไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว น้ำตาผมไหลอย่างกับก็อกรั่ว!
     “อื้ม เหมือนพระเอกมิวสิคไง อย่างน้อยๆ ก็สร้างสรรคกว่าต่อยกำแพงป่ะ?”
     เพราะคนข้างๆ ผมตอนนี้เป็นอาร์ม ผมถึงยิ้มได้ แม็กซ์คอยเป็นห่วงผมอยู่เสมอ แต่บางครั้งอาร์มทำให้ผมสบายใจมากกว่าจริงๆ
     “แล้วแต่นายสิ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อาร์ม..... โอ๋เยอะไปนิดป่าว? แล้วมาดูกันว่าหนุ่มอาร์มจะทำอะไรอีก...
ไม่มีเรื่องไม่ใส่ตัวละครเข้ามาเด็ดขาด ไม่แน่นะ ตัวละครที่ทุกคนลืมไปแล้วอาจจะกลับมามีบทบาทสำคัญก็ได้ หึๆ  o18

จบตอนที่ 19 จ้า เจอกันตอนที่ 20 จะพยายามอัดให้ทันวันศุกร์ ประมาณศุกร์เสาร์จะได้อัพตอนใหม่พร้อมกับในเด็กดี เหอะๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#13/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน20
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 13-11-2014 17:48:45
เรื่องเลวร้ายที่เกิด

ต้นน้ำ

     “ต้น หมอนั่นมารอนายอีกแล้ว”
     ไปป์เดินมาบอกผมด้วยท่าทางซึมๆ แววตาของไปป์แห้งแล้วยิ่งกว่าคนอกหักแบบผมซะอีก ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับไปป์ พักนี้ไปป์ไม่ค่อยยิ้มแย้มเลยครับ ลูกหมาน้อยที่แสนร่าเริงของผมหายไปเลยขาดตัวกวนประจำกลุ่ม
     “ขอบใจที่มาบอกนะ”
     ผมยิ้มให้ไปป์แต่ไปป์ไม่ยอมยิ้มกลับ เขานั่งลงข้างๆ แล้วก็เอาหัวตัวเองมาพิงไหล่ผม เฮ้อ... ไปป์อ้อนผมหยั่งกับเด็กทารกเลยครับ แต่ผมต้องเร่งมือให้เร็วขึ้นซะแล้วสิ อาร์มมารอแล้ว
     “ทำไมพักนี้ต้นไปกับหมอนั่นทุกวันเลยอ่ะ”
     “ก็ไปเล่นดนตรีน่ะ”
     “จะดีเหรอต้น ที่ๆ นายจะไปน่ะ?”
     ภาพของร้านอาหารกึ่งผับที่มีวงดนตรีเล่นสดโชว์ปรากฏขึ้นในหัวผม ไม่หรอกน่า... ไปป์จะรู้ได้ยังไง แล้วอีกอย่างผมก็แค่ไปเล่นดนตรี รุ่นพี่ที่อาร์มรู้จักเขาชวนพวกผมไปเล่นแก้ขัดเพราะสมาชิกในวงบางคนติดธุระกะทันหัน ร้านนี้เป็นร้านหุ้นกันกับเพื่อน วงที่เล่นโชว์ช่วงหัวค่ำเลยเป็นคนกันเองไม่ได้จ้าง อาศัยดึงๆ คนรู้จักมาช่วยกันโชว์แขกก่อนจะมีดีเจเปิดเพลงตอนช่วงดึกให้แขกฟังเป็นเรื่องเป็นราว ผมไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีนี่ ใช่มั้ย?
     ผมยิ้ม ผมหันไปยิ้มให้ไปป์ ผมพยายามยิ้ม แต่ไปป์ไม่ยิ้มตามผมซักที
     “นายไม่ได้ประชดตัวเองอยู่ใช่มั้ยต้น”
     “เราแค่ไปเล่นดนตรีนะไปป์ แล้วเราก็ไปกับอาร์มด้วย มันไม่มีอะไรเสียหายนี่ ก็... หาอะไรที่ชอบทำไง”
     “นายโอเคจริงๆ นะต้น”
     ผมโอเคมั้ยนะเหรอ? นั่นสิผมยังไม่รู้ตัวเองเลยว่าผมโอเครึเปล่า? ผมรู้แต่ว่าผมเจ็บจนชินแล้วครับ ความด้านชาที่เกิดขึ้นทำให้ผมตัดสินใจว่าถ้าพี่ชัชกลับมาแล้วผมจะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง ผมรักพี่เขาแต่ผมจะไม่ทนให้พี่เขาเผลออีกเป็นอันขาด และถ้าพี่เขาไม่เชื่อใจผมเราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ผมถูกข่มขืนเพราะความหึงหวงมาสองครั้งแล้ว และมันจะต้องไม่มีครั้งที่สาม!
     “ก็โอเคเท่าที่ทำได้แหละ แต่ก็โออยู่นะ เรารู้สึกดีขึ้นตั้งเยอะ”
     ผมพยายามยิ้มให้ไปป์เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงผม ผมไม่อยากให้ไปป์เป็นห่วง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ผมสัมผัสได้ว่าไปป์รักผมมาก ไปป์เป็นห่วงผมแต่การแสดงออกของเขากลับทำเหมือนเด็กๆ ไปป์ติดผมมาก แต่เขาไม่ได้หึงหวงผมเหมือนที่แม็กซ์เคยทำ
     “เราโอเคน่ะไปป์”
     ผมสำทับไปอีกครั้งเพื่อให้ไปป์เชื่อ แต่เขากลับพูดในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ
     “ต้น นายรักเรารึเปล่า?”
     “อะอะไรนะ?!?”
     “นายรักเรารึเปล่า”
     ผมตกใจหมด! จู่ๆ ไปป์ก็ถามอะไรแปลกๆ แต่พอสบสายตาจริงจังของไปป์แล้วผมพูดอะไรไม่ออก ผมเห็นแววตาของเด็กที่ถูกทิ้ง เด็กที่รอใครซักคนมารัก แววตาของไปป์ทำให้ผมนึกถึงตัวเองสมัยก่อนที่ต้องรอแม่อยู่ในห้องคนเดียวทุกวัน ตอนนั้นผมก็ชอบถามคุณแม่และลุงพลบ่อยๆ ว่าพวกท่านรักผมรึเปล่า โดยเฉพาะลุงพลที่นานๆ ทีถึงจะมาเยี่ยมผม ผมบอกรักท่านแล้วก็ชอบฟังท่านพูดว่ารักผมมาก
     “บ้า! ถามอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้ไปป์”
     ผมงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก ไปป์เป็นบ้าอะไร? เขาทำให้ผมกลัวแล้วนะครับ แต่สายตาของไปป์จริงจังจนผมไม่กล้าทำเป็นเล่น
     “ก็ต้องรักสิ เพื่อนกันนี่”
     “เรารักนายมากนะต้น รักมาก... ต่อให้ไม่มีใครแต่นายห้ามลืมนะว่านายยังมีเรา”
     ไปป์ไม่ได้อยากได้ตัวผมแต่ความรักของไปป์เป็นของจริง ทั้งๆ ที่ผมเป็นเพื่อนที่แย่แต่ไปป์ก็ยังรักเพื่อนแย่ๆ คนนี้ ผมดีใจมากที่รู้ว่ายังมีความรักบริสุทธิ์อยู่บนโลก แววตาของไปป์ทำให้ผมรู้สึกว่าคนๆ นี้รักผมจริงๆ แต่เขาไม่ใช่คนที่ผมรัก แล้วเราก็ไม่ใช่คนรักกันด้วย เราเป็นเพื่อนกัน
     “อย่ามาพูดอะไรแบบนี้สิไปป์ เราอุตส่าห์ทำใจได้แล้วนะ”
     ผมซึ้งจนน้ำตาคลอเลยครับ น่าอายจัง   
     “ก็เรากลัวนี่ต้น เรารักนายจริงๆ นะ เราเป็นห่วงนาย”
     ลูกหมาน้อยของผมน่ารักที่สุด ผมโชคดีจังที่ได้เป็นเพื่อนกับไปป์
     “รู้แล้ว ขอบคุณนะ”
     ปกติมีแต่ไปป์ที่เป็นฝ่ายกอดผมแต่คราวนี้ไปป์ทำให้ผมอยากกอดเขา เฮ้อ ลูกหมาน้อยขี้อ้อนของผม!
     “นายเป็นเพื่อนที่เราสนิทที่สุดในนี้เลย เรารักนายนะไปป์”
     ผมกอดไปป์ด้วยความรู้สึกดีๆ แต่ไปป์ไม่ได้กอดผมตอบ เขากำเสื้อผมไว้แน่น!
     “สัญญานะต้น อย่าทำ!”
     ผมไม่เอะใจท่าทีที่แปลกไปของไปป์ตลอดช่วงที่ผ่านมา ผมไม่เคยถามป่านว่าทำไมป่านถึงบอกว่าไปป์พิเศษ ผมไม่เคยฉุกคิดเลยด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรผู้ชายแท้ๆ อายุเกือบยี่สิบคนนี้ถึงได้ทำตัวเหมือนเด็กแถมยังติดผมแจ ผมไม่เคยใส่ใจเรื่องของคนที่ผมคิดว่าสนิท... ผมละเลยไปป์ และที่สำคัญผมผิดสัญญา!

     ก็ใครจะไปคิดล่ะครับว่าแค่ไปเล่นดนตรีก็เกิดเรื่องได้ หรือผมจะถูกสาป? เหมือนที่เพื่อนคุณปู่เคยอุทานว่าโหวงเฮ้งผมไม่ดีจะมีภัยเพราะความงามของตัวเอง ใครมันจะเชื่อละครับ ผมเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง ผมเลยไม่ใส่ใจ แต่ถ้าไปถามน้าอัฐ เขาคงบอกผมว่า “กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมสนอง” ผมเลยได้รับผลจากการกระทำของตัวเองมั้งครับ
     แต่บางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่าชีวิตของผมเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมให้ใครหรือเปล่า? เรื่องเลวร้ายถึงได้เกิดกับผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อาร์ม

     “ต้นก็ท่าทางดีขึ้นนะ แต่กูไม่รู้ว่าตกลงมันจะเอายังไง”
     “มึงก็ถามดิวะ”
     ถ้าผมถามแล้วต้นยอมตอบก็ดีสิ
     “พูดเหมือนไม่รู้จักต้น”
     “เออน่ะ มึงมีหน้าที่สืบให้กู ตกลงต้นจะเลิกกับแฟนมันรึเปล่า”
     “เขาอาจจะไม่เลิกกันก็ได้ ต้นมันรักแฟนจะตาย”
     “มึงก็บิ๊วช่วยกูไง”
     “ให้กูช่วยยังไงวะ เรื่องหัวใจบังคับกันได้ที่ไหน”
     “เออน่า เชียร์กูไม่ได้กันคนอื่นให้กูก็ยังดี”
     “มึงยังไม่เสร็จอีกเหรอวะ”
     “ยังเลยว่ะ นอกจากเรื่องยุ่งๆ ในมหาลัยแล้วยังมีธุระแม่กูอีก บังคับกูออกงานติดๆ กันเลย”
     “แล้วเรื่องพ่อแม่มึงล่ะ กูไม่อยากเห็นต้นเจ็บ”
     “กูว่าพ่อกูไม่รังเกียจต้นนะ กูเคยพามาเจอที่บ้านหนนึง พ่อกูคงรู้แหละ ปกติกูไม่เคยพาใครเข้าบ้าน”
     “มึงไม่ได้บอกพ่อมึงว่าต้นเป็นอะไร”
     “เออน่ะกูรู้ เรื่องบ้านกูอ่ะเรื่องเล็ก กูจัดการได้”
     “แล้วถ้ามึงจัดการไม่ได้ล่ะ ต้นเจ็บนะเว้ย”
     “แม่ง! ทำไมต้นต้องเป็นผู้ชายด้วยวะ ถ้าเป็นผู้หญิงไม่ยุ่งยากงี้หรอก กูปล้ำให้ท้องแม่ง แล้วดูดิจะหนีกูได้มั้ย”
     “มึงอย่าพูดให้ต้นได้ยินเชียวนะ!”
     “เออๆ กูรู้น่ะ กูก็บ่นไปงั้น เอ้ยๆ แค่นี้ก่อนนะมึงกูต้องวางแล้ว”
     “เออๆ”
     “เออ”
     แม็กซ์มันวางสายไปแล้ว เหลือแต่ผมนี่ล่ะต้องนั่งกลุ้มต่อ สองวันก่อนผมพาต้นไปซ้อมดนตรีแล้วบังเอิญเจอกับรุ่นพี่ที่รู้จักกัน เขาชวนผมไปช่วยเล่นดนตรีให้ที่ร้าน ผมรับปากแล้วชวนต้นไปด้วยกันเพราะอยากให้ต้นผ่อนคลาย ผมนึกไม่ถึงว่าพี่เขาจะจีบต้น ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่เขาเป็นไบ และท่าทางต้นไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนเล็งอยู่ด้วย ผมไม่อยากให้ต้นมาด้วยกันแต่ดันไปรับปากเขาไว้แล้ว นี่ถ้าแม็กซ์มันรู้นะผมตายแน่!

     “รอนานมั้ยอาร์ม?”
     ต้นมาถึงก็ยิ้มให้ผม เฮ้อ... เพราะรอยยิ้มแบบนี้แหละ คนอื่นเขาถึงหัวใจกระตุกมานักต่อนัก เวลาต้นยิ้มน่ารักจริงๆ น้า
     “ไม่หรอก ความจริงต้นไม่ต้องไปกับเราก็ได้นะ”
     “ได้ไง? ก็พวกเรารับปากพี่เขาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ”
     ก็ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าพี่เขาเล็งนายอะดิ
     “เล่นดนตรีในร้านดึกอ่ะ เดี๋ยวที่บ้านต้นจะว่าเปล่าๆ เมื่อคืนก็กลับดึก”
     “ไม่เป็นไรหรอก เราขออนุญาตคุณปู่ไว้แล้ว นานๆ ทีได้ไปทำอะไรแบบนั้นก็สนุกดีนะ จริงอย่างที่นายว่า โล่งขึ้นเยอะเลย”
     เพราะท่าทางแบบนี้รึเปล่าน้าพี่บอมถึงได้ชอบต้น ต้นดีกับทุกคนไม่เคยปฏิเสธใคร จนกว่าจะจวนตัวจริงๆ ต้นถึงร้ายใส่ เพราะไอ้ท่าทางแบบนี้แหละคนอื่นเขาถึงเข้าใจผิดคิดว่าเล่นด้วย
     “อาร์ม? ฟังอยู่รึเปล่า?”
     “หา? ต้นว่าอะไรนะ?”
     “เราถามว่าเพลงที่จะเล่นเหมือนเมื่อคืนรึเปล่า?”
     “อืม ก็คงเหมือนเดิมแหละ แล้วแต่พวกพี่เค้า”
     ช่างมันละกัน สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้แค่ต้นยิ้มได้ก็พอแล้ว
     “ไปกันเถอะ ต้องไปตั้งสายกีตาร์อีกอ่ะ เมื่อวานรู้สึกเพี้ยนๆ ไงไม่รู้ เล่นไปอายไป”
     “สนุกเหรอ?”
     ต้นหันมามองผม รอยยิ้มของต้นหายไปครู่หนึ่ง เพื่อนของผมสูดลมหายใจเข้าก่อนจะฝืนยิ้มออกมาแล้วระบายให้ผมฟัง แต่สายตาของต้นทำให้ผมรู้ว่าต้นไม่ได้เข้มแข็งเหมือนที่พยายามทำ
     “สนุกสิ เราไม่ได้ปลดปล่อยอะไรแบบนี้ตั้งนานแล้ว ทำแต่งานบ้านทุกวัน พอว่างก็ต้องท่องหนังสือ ... เบื่อจะตาย พึ่งนึกได้มั้งว่าเอาเวลาในชีวิตการเป็นวัยรุ่นของตัวเองไปทุ่มเทกับเรื่องไร้สาระมาตั้งนาน รู้งี้น่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนบ่อยๆ พูดแล้วก็เสียดายเนอะ ช่วงนี้แม็กซ์ยุ่งๆ”               
     “พูดเหมือนจะเลิกกันแบบนั้นแหละ”
     “วันนั้นนายก็ได้ยินไม่ใช่เหรอ”
     “แล้วต้นอยากเลิกกับแฟนรึเปล่า?”
     ต้นหันมายิ้มแบบคนที่ทำใจได้แล้วตอบผมว่า
     “จะยังไงซักวันมันก็ต้องมาถึงแหละอาร์ม ความรักของผู้ชายกับผู้ชายมันไม่มีวันยาวนานหรอก เรา... จะพยายามมีความสุขกับมันเท่าที่เราทำได้นะ”
     “เฮ่ย! อย่ามองโลกในแง่ร้ายแบบนั้นดิ”
     ใช่ว่าผมไม่เชียร์เพื่อนนะ แต่พอเห็นต้นทำหน้าเศร้าแบบนี้แล้วรู้สึกไม่ดีอ่ะ ผมอยากให้ต้นสมหวังไม่เกี่ยงว่าคนๆ นั้นจะเป็นใคร ขอแค่เขาทำให้ต้นยิ้มได้ก็พอ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


บอม

     ต้นมีปัญหากับแฟน แต่แหล่งข่าวยังไม่ยืนยันว่าเลิกกันแล้วหรือยัง ช่วงนี้อาร์มตามติดต้นเป็นเงาตามตัว ส่วนต้นก็ทำนิสัยเดิมๆ หนีจากทุกคนไม่ยอมปริปากบอกอะไรใครแกล้งทำตัวเป็นปกติต่อหน้าคนอื่น แต่ต้นตบตาผมไม่ได้ สะใจผมจริงๆ ผมรอเวลานี้มานานแล้ว หึๆ
     “พี่บอม!”
     “ไงต้น”
     ต้นมีสีหน้าตกตะลึงเพราะเจอผมที่ร้าน ผมชอบสีหน้าแบบนี้จริงๆ สะใจกูจริงๆ เว้ย ฮ่าๆ
     “เอ่อ... สวัสดีครับ”
     “มาเที่ยวเหรอ”
     “ผม...”
     “ต้นมากับผมเองพี่ พี่วุธเขาขาดคนเลยให้ผมมาช่วย”
     ขัดคอผมจริงๆ มันตามติดต้นไม่เปิดโอกาสให้ผมเลย มึงขวางกูได้อีกไม่นานหรอก!
     “พี่ไม่แปลกใจเราหรอก แต่คิดไม่ถึงว่าต้นจะมาที่แบบนี้เป็นด้วย”
     “แล้วทำไมผมจะมาไม่ได้ล่ะครับ ก็มาช่วยพี่เขาเล่นดนตรีแค่นั้นเอง”
     เชิดหน้าหยิ่งได้อีกไม่นานหรอกต้น หึๆ
     “เปล่า พี่ก็นึกว่าเราหัดเที่ยวเพราะอกหักทำนองนั้น ฮ่าๆ”
     “พอดีพักนี้ผมว่างครับ ก็เลยมาช่วย ผมมาเล่นดนตรีไม่ได้มาเที่ยว”
     หึๆ ปากเก่งให้ได้ตลอดนะ ฮ่าๆ
     “ต้น ไปได้แล้ว จะถึงคิวละ ขอตัวก่อนนะพี่”
     ไอ้อาร์มกันท่าผมอีกแล้ว มันพาต้นไปเตรียมตัว ช่างมัน ผมยังไม่ลงมือตอนนี้หรอก แค่เห็นต้นหน้าซีดมองผมด้วยสายตาหวาดระแวงก็สะใจแล้ว หึๆ

     ผมไม่เคยเห็นต้นเล่นดนตรีบนเวทีมาก่อน ต้นทำให้ผมทึ่ง! ฝีมือของต้นคือของจริง เผลอๆ เก่งกว่าผมอีก ต้นเล่นเข้าขากับนักดนตรีคนอื่นได้อย่างลงตัว มีการเล่นกับคนดู ท่าทางของต้นไม่มีคำว่าตื่นเวทีแม้แต่น้อย  แต่สำเนียงกีตาร์ของต้นทำให้ผมนึกถึงใครอีกคน ถึงลีลาจะไม่พลิ้วเท่าไอ้ขี้เก็กนั่นแต่ฝีมือก็ไม่แพ้กัน
     ผมเห็นแล้วยิ่งแค้น ถ้าต้นเปิดใจยอมรับคนอื่นได้แล้วทำไมต้นถึงไม่เปิดใจให้ผมบ้าง! ไอ้ขี้เก็กนั่นก็ไม่ได้ดีไปกว่าผมสักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อต้นว่าผมเลวผมก็จะเลวให้สะใจ อีกไม่นานต้นต้องยอมสยบให้ผม!
     “ไงบอม”
     “อ้าวพี่วุธ หวัดดีพี่”
     ผมทักทายพี่วุธไปงั้น ผมรู้ว่าแกเป็นหุ้นส่วนของที่นี่ พี่วุธเป็นรุ่นพี่ในคณะแต่เป็นเด็กป.โท แต่ผมไม่กินเส้นกับพี่แกเท่าไหร่ นี่ถ้าต้นไม่มาเล่นดนตรีที่นี่ผมไม่มาเหยียบร้านนี้หรอก! เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้เพราะผมรู้ว่าแกเป็นแบบเดียวกับผม
     “มองตาไม่กระพริบเชียวนะ หึๆ”
     คำพูดของแกทำให้ผมรู้ตัวว่ามีคู่แข่ง ผมน่าจะเอะใจแต่แรกว่าทำไมต้นถึงมาเล่นดนตรีที่นี่
     “อะไรที่มันน่ามองผมก็มองแหละพี่”
     “ท่าทางเล่นด้วยยากนะ”
     “พี่จะแข่งกับผมเหรอ?”
     “พี่จะให้ความช่วยเหลือต่างหาก เด็กคนนี้แค่มอมเหล้าไม่พอหรอก แล้วพี่ว่าเขาไม่อยากดื่มกับบอมด้วย”
     “หมายความว่าไง?”
     “ทำไมเราไม่ร่วมมือกันล่ะ พี่เสียสละให้นายเปิดก่อนก็ได้”
     สัส! เชิญมึงไปสวิงให้เอดส์แดกคนเดียวเหอะ
     “ทำไมผมต้องแบ่งพี่? ในเมื่อผมครอบครองคนเดียวได้”
     “อย่างกน่าบอม หรือนายจะจริงจัง? เห็นกันอยู่ว่าเด็กมันไม่เล่นกับนาย ไหนจะยังเจ้าอาร์มอีก กันท่าน่าดู”
     “ผมจัดการได้”
     “จัดการยังไง? ด้วยการเรียกแฟนเก่ามันมาช่วยเหรอ? อาร์มมันไม่โง่หรอกนะ พักเดียวมันก็ต้องกลับมาหาเพื่อนมัน ระยะเวลาแค่นั้นนายจะกล่อมเด็กคนนี้ยังไง เหล้าขวดนึงยังเอาไม่อยู่เลย”
     ใช่ว่าผมไม่คิดถึงปัญหานี้ ผมคิด แต่ผมรู้สึกว่าถ้าไม่มีอาร์มทุกอย่างจะง่ายขึ้น ผมไม่คิดว่าต้นจะยอมไปกับผมง่ายๆ หรอกแต่ผมตั้งใจจะใช้ทิฐิของต้นให้เป็นประโยชน์ แต่ถ้าเหล้าขวดนึงยังเอาไม่อยู่ผมก็คิดหนักละ
     “แปลว่าพี่ลองแล้ว?”
     “ก็เจอสายแข็ง เลยต้องหาตัวช่วย”
     พี่วุธล้วงถุงที่มีเกล็ดสีขาวขึ้นมาโชว์ มันจะมอมยาต้น!
     “พี่จะสนุกคนเดียวก็ได้ แต่เห็นแก่นายที่ได้ข่าวว่าตามจีบมานาน เลยอยากชวนมาร่วมมือกัน”
     ผมรู้ดีว่าพี่วุธอันตราย ผมก็แค่พวกรักสนุก แต่พี่วุธเป็นพวกมั่ว บ้าสวิงกิ้ง ผมเคยได้ข่าวว่าพี่แกชอบอัดคลิปแล้วปล่อยลงเว็บหาเงิน เป็นคราวซวยของต้นแล้ว นอกจากจะได้เป็นดาราคลิปหลุดแล้วเผลอๆ อาจได้ผัวเป็นกลุ่ม ผมอดสงสารต้นไม่ได้ แต่ต้นทำตัวเอง
     “แล้วผมต้องเสียอะไร?”
     “แล้วแต่นายจะกรุณาเลย ยังไงพี่ก็ได้กำไร”
     กำไรจากการเสยตูดกู ฝันไปเหอะมึง!
     “พี่จะทำอะไรก็ทำ แต่ผมไม่เอากับพี่ ผมไม่เล่นยา”
     ถ้าผมไม่ร่วมมือกับพี่วุธผมก็อด แต่ผมไม่อยากเสี่ยงกับมัน!
     “เฮ่ยๆ ใจเย็นไอ้น้อง ไม่มีอะไรเสี่ยงหรอก”
     “ผมไม่ได้มันก็มีคนอื่นอีกเยอะแยะให้เอา”
     “พี่อุตส่าห์มาชวนนาย เห็นว่าตามจีบเป็นปี ไม่เสียดายโอกาสเหรอ”
     “ผมตั้งใจมาเย้ยมัน ถ้าพี่ทำแทนผมๆ ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก”
     ผมคิดไม่ออกว่าจะมีวิธีไหนที่จะทำให้ต้นยอมเป็นของผม ต่อให้ผมช่วยต้นให้พ้นจากมือพี่วุธ ต้นก็ไม่มีวันเห็นผมเป็นพระเอก แล้วผมจะช่วยต้นทำไม ผมตั้งใจมาทำลายต้นอยู่แล้ว ฮ่าๆ   
     “แล้วแต่นายนะบอม พี่ชวนนายแล้ว”
     กูไม่อยากเสี่ยงไปกับมึง!
     “ผมไม่ชอบสวิงกิ้ง”
     “ไม่มีคนอื่นหรอกน่า พี่ยอมให้เราบรรเลงคนเดียวยังได้ แค่จะขอบันทึกความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ”
     ไอ้เหี้ย!
     “ผมปฏิเสธ!”
     “ใจเย็น พี่จะระวังไม่ให้เห็นหน้านาย”
     “แต่พี่จะเอาคลิปผมไปขาย!”
     “อย่าเล่นตัวน่ะ กูรู้ว่ามึงก็โหลดคลิปคนอื่นมาดู”
     “แต่กูไม่ได้ชอบโชว์ว่ะ”
     ผมภูมิใจอาวุธของผม ผมมั่นใจว่าแค่ได้เห็นใครๆ ก็อยากโดน ทั้งขนาดและรูปร่างรวมทั้งสีโชว์ได้ไม่อายใคร แต่ผมไม่อยากเป็นดาราคลิปโป๊! ดีไม่ดีผมจะโดนเสยเองอีก...
     “มีของดีก็อย่าเก็บไว้คนเดียวสิวะ แบ่งๆ คนอื่นดูบ้าง ถ้ามึงเอาด้วยกูแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้มึงยังได้ แต่มึงต้องโชว์ลีลาให้สุดฝีมือ กูให้เวลามึงตัดสินใจไม่งั้นกูจะเรียกคนอื่นมา”
     ผมจะเอายังไงดี? ไอ้วุธมันเห็นผมลังเลเลยยื่นข้อเสนออีกข้อ
     “มึงคิดดีๆ นะบอม ได้เอาไอ้เด็กนี่ ได้เงิน จะเก็บคลิปไว้แก้แค้นมันก็ยังได้ ไหนๆ มึงก็ตั้งใจจะมอมมันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? กูแค่ขอไปบันทึกภาพเล็กๆ น้อยๆ ไม่รบกวนพวกมึงเอากันหรอก”
     “โอเค กูตกลง แต่ต้องไม่เห็นหน้า!”
     “เออ! กูให้มึงปิดหน้าได้เลย เห็นแต่ค.วยมึง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     คืนนี้เล่นดึกกว่าเมื่อวาน แต่ผมไม่ใส่ใจเรื่องนั้น ผมขออนุญาตคุณปู่ไว้แล้วบอกว่าอาจจะกลับดึกมาก ท่านก็ไม่ว่าอะไร แค่รำพึงรำพันเหมือนนึกได้ว่าผมเป็นผู้ชาย ผมขำตอนที่ท่านอุทานมากกว่า “ไอหย๋าอาตี๋เล็ก ลื้อเล่นดนตรีด้วยเหรอ?” มาดผมคงไม่ให้มั้งครับ
     เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ช่วยให้ผมสบายใจขึ้นมากจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ผมชักไม่สบายแล้วล่ะครับ ผมไม่รู้ว่าพี่บอมคิดจะทำอะไร เหมือนพี่เขาจงใจมาสมน้ำหน้าผมเลย ทำไมไม่ต่างคนต่างอยู่นะ จะได้จบๆ กันไป
     ผมหนีมาเปลี่ยนเสื้อเพราะตัวที่ผมใส่เล่นดนตรีเมื่อกี้มันชุ่มเหงื่อ ทั้งอากาศร้อนๆ และการโชว์บนเวทีที่มีสปอร์ตไลท์จ้าๆ มันก็ร้อนเอาการเหมือนกันครับ แถมผมยังมันมากๆ ด้วย โคตรสนุกเลย แต่น่าเสียดายว่าวันนี้ผมคงอยู่คุยต่อกับพี่ๆ เขาเหมือนเมื่อวานไม่ได้เพราะพรุ่งนี้มีคาบเช้า อาร์มบอกผมว่าเขาขอตัวไปเคลียร์ธุระส่วนตัวซักพักแล้วจะไปส่งผมกลับ เฮ้อ... ดูเหมือนแฟนเก่าอาร์มจะมาขอคืนดีมั้งครับ ใครๆ ก็มีแฟนเก่าทั้งนั้นเลยน้า ผมเองอีกเดี๋ยวก็จะเป็นแบบนั้นด้วยรึเปล่า?
     “อ้าว? มาทำไรตรงนี้ล่ะต้น นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก”
     พี่วุธเดินเข้ามาทักผมแต่พอเห็นผมที่กำลังบิดน้ำออกจากเสื้อก็ชะงัก ผมไม่ควรแอบเอาเสื้อชุ่มเหงื่อมายืนซักตรงอ่างล้างจานใช่มั้ย? ก็ผมไม่อยากไปใช้ห้องน้ำในร้านนี่นา คนมันเยอะ เลยแอบหลบมาในครัวกะว่าไม่น่ามีใครเห็นแท้ๆ ปกติตรงนี้ไม่ค่อยมีใครเข้ามาหรอกครับ ห้องล้างจานมีแต่เด็กล้างจานเท่านั้นแหละ 
     “เอ่อ...ขอโทษครับ พอดีเสื้อมันเปียกเหงื่อนะครับ ผมเลยเอามาซัก ถ้าเก็บลงกระเป๋าทั้งๆ แบบนั้นแล้วผมกลัวเป้ผมจะเหม็นกลิ่นเหงื่อไปด้วย”
     “ฮ่าๆ รักสะอาดนะ”
     “ขอโทษครับ ผมเห็นอ่างตรงนี้ไม่ค่อยมีคนใช้ก็เลย...”
     “ไม่เป็นไรๆ”
     พี่วุธเดินมาใกล้ๆ ผมแล้วชวนคุยต่อ ดีจังครับที่พี่เขาไม่โกรธ
     “แอร์ร้านพี่ไม่เย็นเหรอ”
     “ไฟบนเวทีแรงมากกว่าครับ”
     “กวนใช้ได้นะ”
     “ผมพูดเรื่องจริง”
     “พี่ก็หาตัวเรากับอาร์มตั้งนาน จะเอาค่าตัวมาให้ซะหน่อย ทำไมมาอุดอู้อยู่ในนี้ล่ะ”
     “ก็พอดีแว่บมาซักเสื้อครับ แล้วก็ขี้เกียจไปนั่งข้างนอกด้วย”
     ผมรำคาญสายตาพี่บอม! แต่พูดออกไปได้ที่ไหนล่ะครับ
     “อาร์มเขาไปคุยธุระของเขาซักพักน่ะครับ เดี๋ยวก็คงมา แต่พี่ฝากเงินไว้กับผมก็ได้”
     “งกสมคำเล่าลือว่ะ”
     “ผมเปล่าซักหน่อย!”
     “ฮ่าๆ ละจะไม่ออกไปนั่งรออาร์มข้างนอกเหรอ ไปนั่งดื่มอะไรเย็นๆ รอจะได้หายร้อนไง ถือว่าพี่เลี้ยง เดี๋ยวใครรู้เข้าจะหาว่าพี่ดูแลนักดนตรีไม่ดี”
     “เมื่อวานพี่เลี้ยงผมไปเยอะแล้วล่ะครับ”
     นานๆ ทีทำตัวสุดเหวี่ยงบ้างก็สนุกดี แต่ให้ผมทำแบบนั้นทุกวันก็ไม่ไหวนะครับ แล้วที่สำคัญวันนี้ผมเข้มแข็งขึ้นมากแล้วด้วย
     “งั้นต้นจะเอาน้ำอะไรมั้ย จะสั่งน้ำแตงโมของชอบเราก็ได้นะถ้าไม่ดื่ม ร้านพี่ขายเหมือนกัน”
     พี่วุธตลกเป็นบ้าเลย!
     “รู้ได้ไงครับ”
     “อาร์มมันบอก”
     “ได้อะไรเย็นๆ ซักหน่อยก็ดีครับ”
     ผมตอบไปแบบนั้นเพราะรู้สึกคอแห้งจริงๆ ไม่นานนักก็มีเด็กเสิร์ฟยกแก้วน้ำแตงโมมาให้ พี่วุธอนุญาตให้ผมนั่งรออาร์มอยู่ในห้องทำงานของเขาได้ บอกว่าเดี๋ยวจะบอกอาร์มให้ โชคดีจังที่ไม่ต้องไปเบียดกับนักเที่ยวคนอื่นๆ แต่คงเพราะความเพลียผมก็เลยรู้สึกง่วง ผมก็เลยกะจะหลับตาซักพัก คงเพราะนอนดึกติดๆ กันสองวันบวกกับใช้พลังมากแน่ๆ ผมถึงได้เพลีย ผมคงทำงานกลางคืนไม่ได้แหง๋ๆ พี่ธันย์ทำได้ยังไงน้า...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


คนโฉด

     “เรียบร้อยมั้ย?”
     “น่าจะออกฤทธิ์แล้ว แต่อย่าทำอะไรกระโตกกระตากล่ะ อาร์มยังอยู่ในร้าน”
     “ตกลงมึงเอายาอะไรให้ต้น?”
     “แค่ยานอนหลับธรรมดาๆ อีกสองสามชั่วโมงก็ฟื้นแล้ว กูไม่ถ่ายคนเอากับท่อนไม้หรอกมึงไม่ต้องกลัว”
     “แน่นะ? กูไม่อยากพัวพันกับยาเสพติด”
     “อย่าปอดน่ะไอ้น้อง มาถึงขั้นนี้แล้วจะยาอะไรก็ช่าง มึงไม่ใช่คนกิน ยังไงมึงก็ได้เอาไอ้เด็กนั่นอยู่แล้วจะกลัวอะไร”
     “แล้วตอนนี้ต้นอยู่ไหน?”
     “หลับอยู่ในห้องกู รถมึงจอดอยู่ไหนไปถอยมาหลังร้าน แล้วกูจะพาต้นออกทางนั้น อาร์มจะได้ไม่สงสัย”
     “แล้วมึงจะบอกมันว่าไง? ถ้ากูหายไปด้วยเดี๋ยวมันก็สงสัยกูอีก ไอ้นี่มันไม่โง่”
     “สั่งให้ผู้ช่วยมึงดึงมันไว้ให้นานที่สุดก็แล้วกัน กูจะบอกมันว่าต้นขี้เกียจรอเลยกลับก่อน มึงก็แกล้งกลับได้แล้ว เดี๋ยวค่อยไปเจอกันที่โรงแรม”
     “ตกลงตามนั้น”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#13/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน20
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 13-11-2014 19:56:34
  **เพลงประจำตัวอาร์มตอนนี้ล่ะ ニビョウカン (https://www.youtube.com/watch?v=Vh9vi6CF6Bc) มันเข้าม๊าก! เดี๋ยวรู้กันว่าอาร์มจะพลีชีพอะไรให้ต้น เหอๆ
     I won't break! I won't crack, I won't let myself break down! I've dragged in regrets to the mix and That's tripped me to peak sensitivity.
     You'll practically lose all the credit in the end. Even so, won't we be living on? Now everything material, even the blunders, all that's gone from sight.
    Careless blabbering from the victors, and their tabs— I've had enough! I want to cry, I want to vanish As I clutch to my heart what little scraps I have Just as humans do.

   จริงๆ ชอบจังหวะของเพลงกับเสียงร้องVer.窓付き@ (https://www.youtube.com/watch?v=e5d7itaxVpg) เพราะมันให้ความรู้สึกว่า"ชิบห-ยแล้ว!"ดีมากๆ ได้อารมณ์ดีนะ แต่เพราะพ่อหนุ่มอาร์มเค้าเป็นมือกลอง เราก็เลยต้องฟังแบบคัฟเวอร์กลอง แหม๋! ไปได้ผู้ชายคนนี้มา สาบานว่าฟังเสียงกลองเค้าจริงๆ ไม่ได้มัวแต่มองกล้ามแขนแน่นๆ นั่นเล้ย....

************************************************

อาร์ม

     “อาร์มจะไม่ลองคิดดูใหม่จริงๆ เหรอ พี่ยังรักอาร์มอยู่นะ”
     ผมรู้ดีว่าเธอหมายถึงเธอสนุกที่ได้ปั่นหัวผม ความจริงผมก็ไม่ได้รักเธอมากมายแต่ผมคิดถึงลีลาบนเตียงของเธอมากกว่า ผมชอบเซ็ก แต่ถ้ามันทำให้ผมกลายเป็นไอ้โง่ที่ต้องยอมมีเขาเพื่อเธอละก็ผมผ่านดีกว่า ผมไม่อยากโดนจูงจมูกอีก
     “ผมจบแล้ว พี่แพรวอย่ารื้อฟื้นมันอีกเลย”
     “แต่พี่คิดถึงเธอนะอาร์ม เขาไม่ดีกับพี่เหมือนเธอ”
     แต่ผมก็รู้อีกว่านอกจากเขาคนนี้อดีตแฟนผมก็ยังมีอีกหลายเขา ขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้คนเราคบกิ๊กได้เป็นร้อยพร้อมๆ กัน
     ผมไม่ถือเรื่องเล็กน้อย แต่ผมไม่ชอบที่เธอหลอกผู้ชายพวกนั้น ถ้าเธอแอบคบกับคนอื่นเพราะความรักผมพอรับได้ ผมเข้าใจว่าตัวเองอาจไม่ดีพอ แต่การที่เธอปั่นหัวผู้ชายทุกคนเพื่อเงินผมรับไม่ได้! ดังนั้นตอนหลังผมถึงเฉยๆ ไม่เสียดาย ไม่ง้อ ผมไม่เอาผู้หญิงแบบนี้ทำแม่ของลูกหรอก เทียบกันแล้ว... เฮ้ย! ช่างเหอะ
     “ฟังอยู่รึเปล่าอาร์ม?”
     “ผมไม่เหมาะกับพี่แพรวหรอก”
     “แต่ว่า-”
     “คนเราคบกันก็ต้องมีไม่เข้าใจกันบ้าง พี่แพรวใจเย็นๆ แล้วคุยกับเขาอีกทีดิ เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น”
     “ถ้าเขาเป็นผู้ใหญ่ได้เท่าเธอก็ดี”
     หึๆ ผมเป็นเด็กที่มีความเป็นผู้ใหญ่ แต่ผู้ใหญ่คนนั้นมีเงิน เอาล่ะ! กลับไปหาต้นดีกว่า ให้รอนานๆ เดี๋ยวผมโดนด่าอีก
     “ผมต้องไปแล้ว พี่ก็คุยกันดีๆ นะ”
     “เดี๋ยวสิอาร์ม!”
     พี่แพรวร้องเสียงสูงแล้วดึงแขนผมไว้แน่น แค่ขอคืนดีกับแฟนเก่าต้องทำถึงขั้นนี้เลยเหรอพี่! คนมองกันเต็ม
     “เอ่อ พี่... ไหนๆ ก็ไหนๆ นั่งดื่มเป็นเพื่อนพี่ก่อนสิ พี่กลุ้มใจ”
     “ไม่ได้หรอก ว่าจะกลับแล้วครับ”
     “อะไรกัน เล่นเสร็จก็จะกลับเลยเหรอ? เป็นเด็กดีตั้งแต่เมื่อไหร่”
     “ใช่พี่ ต้นมันเด็กดี”
     ผมหัวเราะเพราะนึกถึงเรื่องบ้าๆ ที่พวกเราเคยทำด้วยกัน ต้นเป็นเด็กดีที่ยืนมองเด็กไม่ดีแบบพวกผมทำเลวได้หน้าตาเฉย ไม่มีใครรู้จักต้นดีไปกว่าแม็กซ์อีกแล้ว
     “นายต้นน้ำนี่ก็เสน่ห์เหลือร้ายนะ พึ่งเจอไม่เท่าไหร่ก็หลงเสน่ห์กันหมด ใครๆ ก็สนใจแม้แต่อาร์ม”
     ผมรู้สึกไม่สบายใจเพราะคำประชดของพี่แพรวมีบางอย่างผิดปกติ
     “ต้นเป็นเพื่อนผม ผมชวนเขามาก็ต้องพากลับ”
     “เพื่อนอาร์มกลับเองไม่เป็นรึไง! เห็นเพื่อนดีกว่าแฟนตลอด”
     ผมไม่ชอบที่เธอทำแบบนี้เลย การที่ผมรักเพื่อนมันผิดมากรึไง
     “ผมขอตัวก่อนนะพี่แพรว ต้นรออยู่”
     “เออดูแลกันเข้าไป อิตุ๊ดนั่นมันมีอะไรดีนักหนาคนถึงได้แย่งกันนักแม้แต่นายยังหลงมัน!”
     ผมว่าแล้วว่ามันผิดปกติ ไม่อย่างนั้นจู่ๆ แฟนที่เลิกกันไปนานแล้วจะมาง้อผมทำไม!
     ผมตามหาต้นทั่วร้าน แต่ไม่เจอ!
     “พี่ปิง เห็นต้นป่ะ?”
     ผมถามพี่อีกคนที่เป็นนักดนตรี หวังว่าเขาจะเห็นต้น
     “ไม่เห็นว่ะ”
     “ขอบคุณพี่”
     “ว่าแต่นั่นแฟนเอ็งเหรอ แฟนสวยดีนี่หว่า”
     “แค่แฟนเก่าน่ะพี่”
     ผมยิ้มรับคำชมนั่นก่อนจะปฏิเสธ เวลานี้ต้นสำคัญกว่า ผมไม่ได้สังเกตเลยว่าพี่บอมหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เวรแล้ว!
     ผมเดินตามหาต้นซะทั่ว ถามคนอื่นๆ ว่าเห็นต้นมั้ยแต่ไม่มีใครเห็น ทุกคนถามผมกลับว่าไม่ใช่กลับไปแล้วเหรอ ซวยแล้ว ผมทำต้นหาย!
     “ใจเย็นนะพี่ เขาอาจจะกลับไปแล้วก็ได้”
     ต้นจะกลับไปได้ยังไง เวลาอยู่กับพวกผมต้นเคยกลับเองซะที่ไหน มันแทบจะเป็นกฎประจำกลุ่มเราแล้วว่าจะไม่ทิ้งกัน เวลาไปเที่ยวต้นไม่กล้ากลับเองคนเดียวหรอก เขาไหวไม่ได้แปลว่าพวกผมไหว ต้นต้องคอยเก็บศพพวกผมกลับ มันเป็นข้ออ้างที่แม็กซ์ใช้เพื่อปกป้องต้นมาตลอด ต่อให้ถึงที่สุดยังไงแต่ถ้าพวกผมไม่ไปส่งต้นก็ไม่กล้าหนีกลับเองหรอก
     “แล้วเราไม่เห็นต้นจริงๆ เหรอ?”
     “ก็พอผมเอาน้ำไปให้พี่เขาในห้องพี่วุธเสร็จผมก็ไม่ได้สนใจแล้วอ่ะ งานโคตรยุ่ง”
     “แล้วเขาไม่ได้บอกอะไรเราเลยเหรอ”
     “ไม่นี่พี่ ก็แค่คุยว่าเหนื่อยๆ งานกลางคืนก็หนักเหมือนกัน ถามผมเรื่องงานเสิร์ฟ”
     “เออๆ แล้วมีใครเข้าไปคุยกับต้นอีกมั้ย”
     ใจผมนึกไปถึงพี่บอม
     “ในห้องนั้นใครจะเข้าไปได้พี่ถ้าไม่ใช่พี่วุธอนุญาต”
     นอกจากพี่วุธกับหุ้นส่วนแล้วพี่เขาไม่ให้ใครเข้าไปในห้องนั้นอีก เพราะเป็นห้องทำงาน แต่สำหรับพวกผมที่เป็นรุ่นน้องกับพี่ๆ นักดนตรีที่เป็นคนกันเอง เข้านอกออกในได้เสมอ เพราะถือว่ามาช่วยกัน เมื่อวานพวกผมก็นั่งกินกันในห้องนั้นแหละ ผมเลยกลัวพี่บอมจะฉวยโอกาสกับต้น
     “ไม่มีใครเห็นต้นจริงๆ เหรอ”
     “ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นพี่ต้นก็นั่งอยู่ในห้องพี่วุธแหละ พี่ต้นแกบอกเพลียๆ พี่วุธเลยให้ไปพักในห้องแก แล้วแกก็สั่งให้ผมเอาน้ำไปให้พี่ต้น แล้วผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก วันนี้แขกเยอะงานยุ่งจะตาย ขนาดพี่วุธยังต้องลงมือปั่นน้ำให้พี่ต้นเองเลย”
     เวรแล้ว!
     “แล้วพี่วุธล่ะ?”
     “เห็นว่ามีธุระด่วนเลยออกไปแล้ว พี่มีอะไรรึเปล่า ยังไม่ได้ค่าตัวเหรอ?”
     เช็ดแม่ม!
     ลางสังหรณ์ผมบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ ผมไม่รู้ว่าใครพาต้นไป พี่บอมหรือพี่วุธ แต่จะใครก็ไม่ดีทั้งนั้น ต้นไม่มีทางหนีกลับไปก่อน แล้วคนที่พอจะบังคับต้นได้ก็ไม่อยู่ ผมรู้ว่าแฟนต้นยังไม่กลับจากต่างจังหวัด แปลได้อย่างเดียวว่าอาจมีอะไรเกิดขึ้นกับต้น ผมถึงได้ติดต่อต้นไม่ได้ ผม... ผมคงไม่ทำพลาดเป็นครั้งที่สองใช่มั้ย?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แม็กซ์

     “แม็กซ์ กูทำต้นหาย!”
     “... ทำเหี้ยไรของมึง?”
     “กูพาต้นมาเล่นดนตรี แต่ต้นหายไป”
     “ใจเย็นๆ สิวะอาร์ม กูฟังไม่รู้เรื่อง”
     “แม็กซ์!”
     “โทษครับม้า ผมขอตัวแปปนึงนะครับ”
     ผมหลบงานจับคู่นี่ได้ซักที เบื่องานสังคมชะมัด ทำอย่างกับผมจะสนยัยเด็กแอ๊บนั่น เด็กม.ปลายบ้าไรหน้าแก่อย่างกับสาวออฟฟิศ ให้เอาฟรีผมยังไม่เอาเลย
     “ตกลงมึงมีไรว่ามา ช้าๆ ชัดๆ นะเว่ย”
     “ต้นหายไป!”
     “ยังไงวะ?”
     “กู... กูพาต้นมาเล่นดนตรีกับกู แต่พอดีแฟนเก่ากูมาเค้าขอคุยด้วย พอกูกลับไปหาต้นๆ ก็ไม่อยู่แล้ว!”
     “มึงโทรหามันยัง!”
     “โทรแล้วแต่ไม่มีคนรับ”
     “มันไม่ได้บอกอะไรมึงเหรอ? มึงถามคนอื่นยัง”
     “ไม่ กูถามทุกคนแล้ว เด็กเสิร์ฟบอกว่ามันนั่งแดกน้ำรอกู”
     “แล้วมันจะหายไปได้ไงวะ มึงไม่ได้ทะเลาะอะไรกันนะ”
     ผมใจไม่ดีแต่พยายามมีสติ ไม่บ่อยที่ไอ้อาร์มจะสติแตกปากคอสั่นจนพูดไม่เป็นภาษาแบบนี้
     “แม็กซ์ กูกลัว...”
     “เฮ้ย ใจเย็นๆ มันอาจจะ”
     “ไม่ใช่งั้นมึง! คืนนี้รุ่นพี่กูมาด้วย”
     “รุ่นพี่มึง?”
     “พี่บอม”
     สัส!
     “เฮ่ย... ต้นไม่ได้จัดการง่ายๆ แบบนั้น”
     ผมพยายามคิดว่าต้นไม่ได้อ่อนแอโดนใครทำอะไรได้ง่ายๆ แต่ไอ้อาร์มก็ดับขวัญผม
     “เด็กเสิร์ฟบอกว่าพี่เจ้าของร้านลงมือทำน้ำปั่นให้ต้นกินเอง พี่เขาเป็นคนชวนกูกับต้นให้มาช่วยเล่นดนตรีที่ร้าน เมื่อคืนก็ชวนกูกับต้นแดกเหล้า แล้วกูพึ่งรู้ว่าพี่เขาเป็นไบ”
     “ไอ้เหี้ย!”
     ไอ้สัสอาร์ม! ผมอยากฆ่ามันจริงๆ
     “มึงพาต้นไปด้วยได้ไงวะ!”
     “ก็กูไม่รู้! กูพึ่งสังเกตเห็นแววตาพี่เขาเมื่อคืนตอนที่แอบมองต้น ตอนแรกกูไม่แน่ใจด้วยซ้ำ แต่พอกูเห็นมันพยายามมอมไอ้ต้นกูเลยแน่ใจ กูบอกต้นแล้วว่าไม่ต้องมากับกูแต่ต้นมันยืนยันจะมา แล้วมึงจะให้กูทำยังไง ให้บอกว่ามีคนจ้องจะเอาตูดมันเหรอ? กูอยากทำให้ต้นสบายใจแต่กูไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นนี่หว่า กูยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนกล้าวางยาต้น!”
     “มึงเป็นเด็กอมมือเหรอทำอย่างกับไม่รู้ว่าโลกนี้มีพวงชิงหมาเกิด ตอนนี้มึงอยู่ที่ไหน?”
     “ร้านสแตนอัพแถวรามอินทรา กูไม่คิดว่าต้นจะโดนนี่หว่า”
     “กูจะรีบไป มึงรอกูอยู่ที่นั่น หาข่าวให้ได้มากที่สุด เดี๋ยวกูบอกให้ป๊ากูช่วยด้วย”
     “มึงจะให้กูหาข่าวยังไงกูไม่รู้ว่าใครพาต้นไปด้วยซ้ำ!”
     “คนที่เล็งต้นเป็นเจ้าของร้านใช่มั้ย? เดี๋ยวกูจัดการเอง พังร้านแม่ง!”
     “เฮ้ยแม็กซ์!”
     “เออน่ะ กูจัดการได้ เส้นป๊ากูใหญ่อยู่แล้ว มึงโทรหารุ่นพี่มึงซะ ถ้ามันรับก็ดีไป แต่ถ้าไม่รับมึงทำใจได้เลย ถ้าต้นเป็นไรไปกูเอามึงตายแน่!”
     สัสอาร์ม! คนอย่างมันไว้ใจไม่ได้จริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าต้นเสี่ยงมันก็ยังจะทิ้งต้นไว้แล้วไปหาหญิง เหี้ยเอ้ย! งานนี้ผมต้องให้ป๊าช่วยซะแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


บอม

     ในที่สุดต้นก็มาอยู่ในกำมือผม ฮ่าๆ ถึงมันจะแย่ไปหน่อยที่ต้องแบ่งต้นกับคนอื่นแต่ก็ยังดีที่ผมจะได้ชำระแค้นให้สะใจ
     มองร่างของต้นที่หลับไม่ได้สติแล้วมีความสุขเป็นบ้า! ฮ่าๆ ทนไม่ไหวแล้ว! ขอผมชิมหน่อยละกัน
     ผมอาศัยจังหวะรถติดไฟแดงก้มลงไปหอมแก้มต้น แก้มเนียมนุ่มเหมือนที่ผมฝัน ปากก็นิ่มสมการรอคอย กลิ่นเหงื่อกับกลิ่นหอมจากตัวต้นเร้าอารมณ์จนผมแทบทนไม่ไหว ต้นมีกลิ่นหอมบางอย่าง เวลาอยู่ใกล้ๆ ผมมักจะได้กลิ่นนี้เสมอ อาจจะเป็นสบู่หรือน้ำหอม ผมโคตรชอบเลย
     ผมลวนลามต้นได้ตามใจชอบ ต้นไม่สามารถขัดขืนผมได้ นี่มันยิ่งกว่าที่ฝัน! ภาพหน้าตอนหลับทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่ผมเคยจินตนาการเอาไว้ ผมฝันว่าอยากจะทำให้หน้าหยิ่งๆ นี่เลอะเทอะจนดูไม่ได้ อีกไม่นานหรอก!
     ผมชอบคนขาว ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นต้นผมก็คิดว่าคนอะไรขาวจริงจัง ตอนนั้นต้นยังไม่ได้ใส่แว่น เด็กหน้าจืดที่ชอบทำหน้าบึ้งไม่มีเสน่ห์ในสายตาผม แต่พออยู่ๆ ไปแล้วเห็นต้นยิ้มให้อาร์ม ไอ้เด็กตาตี่คนนี้น่ารักขึ้นมาทันตา ผมก็เลยเริ่มชอบมัน ต้นพูดน้อย สงวนท่าที ไม่ว่าผมจะแซวอะไรมันก็ไม่ตอบโต้ มันรำคาญผมแต่ผมกลับหลงรักมัน
     พอมันเริ่มใส่แว่นผมกลับทำแว่นมันหัก มันเกลียดผมแต่ก็ยอมใส่แว่นที่ผมชดใช้ให้มาตลอด ถ้ามันโดนคนอื่นจีบมันจะเดินหนีแต่มันกลับไม่หนีผม ต่อให้มันเกรงใจที่ผมเป็นรุ่นพี่ของอาร์มแต่กับรุ่นพี่มันอย่างไอ้ณตมันยังไม่ไว้หน้า แล้วจะไม่ให้ผมคิดไปเองได้ยังไง
     ให้ยอมอกหักจีบไม่ติดผมทนได้ แต่ให้เป็นตัวตลกให้มันกับเพื่อนหัวเราะผมยอมไม่ได้! อีกไม่นานผมจะได้แก้แค้นมันแล้ว ความรู้สึกของการเป็นผู้ชนะมันสะใจจริงๆ
     ที่ผ่านมาผมนึกว่าต้นยังซิงมาตลอดจนเพื่อนมันโผล่ ผมเลยคิดว่ามันสองคนได้กันแล้ว แต่ต้นมันหวงตัวแม้แต่กับเพื่อนคนนั้นของมัน ได้ข่าวว่ามันไม่เคยกับคนอื่นนอกจากแฟน อยากรู้จริงๆ ถ้ามันรู้ว่าตัวเองเป็นเมียผมแล้วจะทำยังไง ถ้ามันรู้ว่าตัวเองโดนรุมจะทำหน้ายังไง?
     ที่จริงมีคลิปไว้เป็นที่ระลึกก็ดี ต้นจะได้ไม่ลืมผม แค่คิดก็แข็งแล้ว อยากลงโทษปากอวดเก่งของมันชะมัด! แต่ผมไม่อยากระบายความแค้นกับท่อนไม้จืดชืดแบบนี้หรอก ผมจะรอให้ต้นตื่น หึๆ ตอนนี้ขอผมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยละกัน
     ไอ้อาร์มโทรเข้ามาอีกแล้ว มันคงรู้แล้วว่าเพื่อนหาย ฮ่าๆ อ้าว? มีไอ้วุธโทรมาด้วยนี่หว่า
     ผมสองจิตสองใจว่าจะโทรกลับไปดีมั้ย ใจจริงผมอยากจะหนีไปเสพสุขคนเดียวแต่ผมไม่อยากมีปัญหากับมันทีหลัง ดีไม่ดีผมจะโดนเอง เอาวะ!
     “มีไร?”
     “มึงอยู่ไหนแล้ว?”
     “ยังอยู่บนถนนอยู่เลย รถติด แต่ใกล้ถึงโรงแรมละ แล้วตามมายัง?”
     “เออกูกำลังไป แต่ที่ร้านมีปัญหานิดหน่อยกูต้องกลับไปดู มีตำรวจมายัดยาร้านกู”
     สวรรค์! คืนนี้จะไม่มีมารคอหอยระหว่างผมกับต้นแล้ว ฮ่าๆ
     “ไม่ใช่ว่าโดนจับได้เหรอ ฮ่าๆ”
     “มึงอย่าปากดี! ถ้าไม่ใช่เพราะยากูไอ้ไก่อ่อนนั่นจะไปอยู่ในรถมึงมั้ย ถ้ากูจะทำอะไรกูไม่ให้ใครจับได้หรอก”
     “จะให้กูรอ?”
     รอให้โง่! ผมจะเหลือเดนให้พวกมันไปสนุกกันต่อก็ได้ แต่ต้องหลังจากที่ผมอิ่มนะ หึๆ
     “ไม่ เพื่อนกูจะไปแทน กูตกลงกับมันให้แล้ว มึงจะทำอะไรก็ทำไป เพื่อนกูจะเป็นคนถ่าย”
     “มันรู้นะว่าห้ามเห็นหน้ากู”
     “เออน่ะ เพื่อนกูมืออาชีพ โชคดีของมึงที่เพื่อนกูไม่ชอบตูด รอดตัวไป”
     สัส! มึงกะรวบกูตั้งแต่แรกนี่หว่า
     “อย่าคิดเบี้ยวกู! ถ้ามึงเบี้ยวกูๆ รับรองว่าชีวิตมึงไม่สงบสุขแน่ แต่ถ้ามึงให้ความร่วมมือกับพวกกูดีๆ ยอมเป็นพระเอกหนังให้พวกกู มึงจะได้ของขวัญพิเศษ”
     “ของขวัญอะไร?”
     ของเหี้ยไรอีกวะ
     “ยาที่จะช่วยให้พวกมึงมีความสุขไง กูให้ฟรี ไม่จำเป็นต้องใช้กับมึง แต่ถ้าใช้กับไอ้เด็กนั่น มันจะร่านถึงใจมึงแน่ๆ กูรับรอง”
     ความจริงผมไม่ชอบเรื่องยา แต่ช่างมัน ไม่ใช่ผมที่ซวย
     “แล้วแต่พวกมึงเหอะ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ผมมึนๆ ลืมตาไม่ขึ้น แต่ผมรู้สึกเหมือนมีคนกำลังถอดเสื้อผ้าผมเลยครับ ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นความฝันหรือความจริง ผมพยายามลืมตาแต่เปลือกตามันหนักจัง ... ผู้ชาย ... ใคร?
     พี่บอม!
     พี่บอมมาอยู่นี่ได้ไง! เกิดอะไรขึ้นกับผม? ผมหลับตาลงตั้งสติก่อนจะลืมตาขึ้นอีกรอบ ประสาทสัมผัสต่างๆ กลับมาทำงานอีกครั้งแม้ผมจะยังไม่หายมึนแต่ผมก็มีสติพอจะรับรู้ว่าตัวเองอยู่ในห้องของโรงแรมที่ไหนซักแห่ง และพี่บอมกำลังพยายามถอดเข็มขัดผมอยู่!
     “ตื่นแล้วเหรอต้น ดีใจมั้ย คืนนี้เราจะได้สนุกกันซะที”
     ไอ้สารเลวเอ้ย!
     ผมปัดมือเขาออกแล้วพยายามจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่โลกมันโคลงเคลงไปหมด ผมอ้าปากอยากจะด่าแต่สมองผมรวนจนคิดอะไรไม่ทัน ความช้าที่เกิดขึ้นราวกับระบบประสาทถูกกดไว้นี้ผมคุ้นเคยดี มันเหมือนเมื่อตอนที่ผมแอบหยิบยาของพี่ชัชทาน แต่ร้ายแรงกว่าสิบเท่า! เพราะแค่จะยันตัวลุกผมยังทำไม่ได้เลย!
     เกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่! ผมมาอยู่ที่นี่กับพี่บอมได้ยังไง? ผมพยายามคิดทบทวน ... ก่อนหน้านี้ผมไปเล่นดนตรีกับอาร์ม แต่แฟนเก่าของอาร์มมาหาอาร์มเลยขอตัวไปคุย ... ผมนั่งรออาร์มในห้องพี่วุธ ผมดื่มน้ำที่เด็กเสิร์ฟเอามาให้! แต่ผมมั่นใจว่าในนั้นไม่มีเหล้าแน่ๆ ต่อให้มีเหล้าผมก็ไม่น็อกหมดสภาพแบบนี้หรอก ต้องมีคนวางยาผม!
     “น้ำ”
     ถ้าผมจะรอดได้ผมต้องใช้สติมากกว่าอารมณ์!
     “ขอน้ำ”
     ผมลองอ้อนวอนดูอีกครั้ง ผมหวังว่าการดื่มน้ำจะช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นแม้จะรู้ว่าH2Oเจือจางยานรกในตัวผมไม่ได้หรอก ผมต้องรอจนกว่าร่างกายผมจะขับมันออกมาเอง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่ถ้าผมฟื้นก็แปลว่ายาไม่น่าจะแรงมาก
     “หิวน้ำ”
     พี่บอมดูขัดใจแต่ในที่สุดก็ยอมเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาแกะให้ผม
     “ไม่ไหว”
     ผมไม่ได้โกหกผมลุกเองไม่ไหวจริงๆ พี่บอมเลยมาช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้นนั่ง ผมเลยเอนตัวไปพิงเขาหวังว่าอย่างน้อยมารยานี่คงทำให้เขาใจอ่อนขึ้นบ้าง พี่เขาจ่อขวดน้ำเข้าที่ปาก แต่ไม่มีหลอด ผมก็เลยดื่มค่อนข้างลำบาก แล้วผมก็สำลัก แต่ผมแกล้งไอให้มันโอเวอร์มากขึ้น พี่บอมเลยหยุดป้อนหันมาลูบหลังผมแทน
     โอเค อย่างน้อยๆ พี่เขาก็ไม่ได้ใจดำกับผมนัก!
     “ที่ไหน? อยากกลับบ้าน”
     “ไม่มีทาง คืนนี้ต้นต้องเป็นของพี่”
     ผมไปทำอะไรให้เขา! นอกจากคุยทักทายในชมรมแล้วผมแทบไม่ได้ยุ่งกับเขาเลย ผมไม่เคยอ่อยเขาด้วยซ้ำ จะมาติดใจอะไรผมนักหนา!
     “ทำไม! ผมไปทำอะไรให้?”
     น้ำและความโกรธช่วยผลักดันให้สติผมเข้าที่เข้าทาง
     “คนอื่นมีตั้งเยอะแยะ”
     “พี่อยากได้อะไรก็ต้องได้”
     “งี่เง่า! ผมไม่ใช่เด็กบริสุทธิ์ด้วยซ้ำ”
     “พี่ไม่ได้อยากเปิดซิง พี่สนแต่เรา”
     “บ้าป่ะ? พี่บอมไม่ได้รักผมซักหน่อย”
     “เคยรัก แล้วต้นทำให้พี่แค้นทำไม มาหลอกพี่ทำไม!”
     ผมนะเหรอ? ผมไปทำอะไรให้เขาแค้น! เขาแค้นของเขาเองต่างหาก ไม่ได้โดนทรยศแบบผมซักหน่อย อยู่ๆ หัวใจผมก็เจ็บแปลบขึ้นมา สาเหตุที่ทำให้ผมต้องเสียศูนย์แบบนี้เป็นเพราะใคร!
     “นอนกับผมแล้วจะหายแค้นรึไง?”
     ถ้าผมนอนกับคนอื่นแล้วผมจะหายแค้นรึเปล่า?
     “เอาสิ คิดว่าดีก็ทำ จะได้จบๆ กันไปซักที”
     ผมอยากให้พี่ชัชเจ็บเหมือนที่ผมเจ็บ ถ้าผมนอนกับคนอื่นบ้างพี่ชัชจะรู้สึกยังไง!
     “ถ้าทำแล้วมันจะช่วยให้พี่รู้สึกดีขึ้นก็เอาเลย!”
     ผมไม่แน่ใจว่าผมถามพี่บอมหรือถามตัวเอง แต่ผมรู้ว่าผมน้ำตาไหล และพี่บอมหัวเราะขึ้น
     “สะใจจริงๆ โว้ย ฮ่าๆ มันทิ้งต้นใช่มั้ย?”
     “เรื่องของผม!”
     “ทำไม? พี่พูดถูกเหรอ? เราโกหกพี่ไม่ได้หรอกต้น มันทิ้งต้นใช่มั้ย มันมีคนอื่น? ฮ่าๆ ที่แท้ที่นั่งซึมก็เพราะอกหักนี่เอง น่าสงสาร ฮ่าๆ”
     “อย่ามายุ่งกับเรื่องของผม!”
     รอยยิ้มของพี่บอมทำให้ผมโกรธ การที่ต้องมาถูกพี่เขาสมน้ำหน้าทำให้ผมแค้นใจเพิ่มอีกเป็นร้อยเท่า!
     “ผมจะรักหรือจะเลิกกับใครก็เป็นเรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับพี่!”
     “โดนมันบอกเลิกมารึไง พี่จะรับเซ้งให้ก็ได้นะ ฮ่าๆ”
     “ผมยังไม่ได้เลิกกับพี่ชัช!”
     ไม่นะ! ผมไม่เลิกกับพี่ชัชเด็ดขาด!
     “ไอ้ปากหมาเอ้ย!”
     “โอ้ย!”
     ผมถีบพี่บอมเข้าที่ท้องแล้วพุ่งลงจากเตียงตั้งใจจะหนีไปที่ประตู แต่ผมหน้ามืด!
     “ไอ้เวรนี่!”
     พี่บอมตามมากระชากผมที่กองอยู่ข้างเตียงให้หันไปเผชิญหน้ากัน ผมมึน เจ็บ แต่ความโมโหมีมากกว่า
     “น้ำหน้าอย่างพี่ฝันไปเหอะ ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีใครรัก คนอย่างพี่ให้ตายผมก็ไม่เอา!”
     “เออ! มึงไม่ต้องรักกู แต่ยังไงกูก็ต้องได้มึง”
     “ไอ้สารเลว!”
     “เออกูเลว! แล้วมึงก็ต้องมาเป็นเมียคนเลวๆ แบบกูนี่แหละ!”
     ผมพยายามดิ้นแต่พี่บอมจับคอเสื้อผมไว้แน่นแถมยังกดผมติดพื้นจนผมหายใจไม่ออก
     “ดิ้นเข้าไปต้นดิ้นเข้าไป ฮ่าๆ แบบนี้ถึงจะสนุกหน่อย พี่รอวันขยี้ศักดิ์ศรีเรามานานแล้ว หยิ่งนักใช่มั้ย คืนนี้แหละหายหยิ่งแน่!”
     “ฝันไปเหอะ!”
     แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พี่บอมดูลังเลที่จะปล่อยผม แต่พอเสียงเคาะประตูดังรัวๆ พี่บอมก็ชะงัก ชั่วขณะที่พี่เขาลังเลว่าจะเอายังไงกับผม แขนผมก็เป็นอิสระ
     ผมดิ้นแล้วฉวยโอกาสต่อยไปที่ดั้งพี่บอม เขาเจ็บจนกุมจมูก ผมหลุดจากพี่เขาจนได้!
     ผมตรงไปที่ประตู กะจะเรียกให้คนข้างนอกช่วย แต่พอผมเปิดประตูผมก็รู้สึกเจ็บยิ่งกว่าครั้งที่โดนพี่ชัชตบ! คราวนี้ไม่ใช่แค่หน้าหันแต่ผมลงไปกองกับพื้นเลยด้วยซ้ำ ผู้ชายคนที่เข้ามาใหม่มันกระชากตัวผมขึ้นมาแล้วอัดเข้าที่ลิ้นปี่ ผมร้องไม่ออกได้แต่นอนตัวงอ เป็นครั้งแรกที่ผมถูกต่อยจังๆ แบบนี้
     “ฤทธิ์เยอะนักเหรอมึง”
     มันเดินมาตบผมซ้ำ! ไอ้นรกเอ้ย! ผมไปทำอะไรให้มัน ไอ้เลวนี่มันหลังแหวนใส่ผมจนในปากมีแต่เลือด
     “เฮ้ยพี่! แรงเกินไปแล้ว”
     “ก็มึงเอามันไม่อยู่เอง ฟื้นเร็วจังนะมึง”
     พวกมันพูดกันก่อนที่ไอ้คนมาใหม่จะใช้เท้าเขี่ยผม พวกมันรู้กัน!
     “พึ่งฟื้นพี่ มันยังไม่มีแรงหรอก ไม่ต้องรุนแรงกับมันก็ได้”
     “แรงๆ สิดีจะได้เข็ด ต้องบอกมันให้ความร่วมมือกันหน่อย”
     ผมพยายามมองไอ้คนมาใหม่ให้ชัดๆ ผู้ชายน่าจะยี่สิบปลายๆ มันไว้หนวดเครา ท่าทางเถื่อนๆ สะพายกระเป๋ากล้องมาด้วย ผมไม่คุ้นหน้ามันเลยแต่แน่ใจว่าไม่เคยเจอมันมาก่อนในชีวิตแน่ๆ หรือจะเป็นเพื่อนพี่บอม?
     “มึงจะเล่นบทตบจูบก็ได้ ท่าทางดื้อแบบนี้กูทำเป็นหนังข่มขืนแม่ง ฮ่าๆ”
     พวกมันพูดอะไรกัน!
     “แล้วข้อตกลง?”
     “เออน่ะกูรู้ กูไม่ใช่ไอ้วุธ กูไม่สนรูขี้หรอก แต่ดิ้นแบบนี้มึงเอาคนเดียวไหวเหรอ หรือมึงจะใช้ตัวช่วย?”
     ผมไม่สนแล้วว่าพวกมันจะคุยอะไรกันต่อ แต่ผมรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม พี่วุธวางยาผม!
     ไม่น่าเชื่อ! ก็คุยกันดีๆ แท้ๆ พี่เขาทำแบบนี้ทำไม ผมไม่เคยทำอะไรพี่เขาซักหน่อย!
     ความแค้นกับความกลัวรีดเค้นพลังเฮือกสุดท้ายในตัวผมออกมา ผมพยายามลุกขึ้น แต่ผู้ชายคนนั้นหันมาเห็น มันกระชากเสื้อผมจากด้านหลังผมเลยหันไปถีบมันโดยเล้งไปที่เป้า มันเบี่ยงหลบเท้าผม แต่เซจนกระเป๋ากล้องที่ไม่ได้ปิดฝาตกกระแทกพื้น
     “เวรเอ้ย!”
     เอาดิ ต่อให้ผมไม่รอดแต่ผมก็จะไม่ยอมอยู่เฉยๆ หรอก เอาให้มันเจ๊งกันไปข้าง!
     “สมน้ำหน้า เหอะ!”
     เลือดหยดจากปากผมตอนที่หัวเราะมัน ผมน่าจะถุยน้ำลายใส่หน้ามัน!
     “มึงมาจับมันไว้ กูจะดูกล้อง!”
     ไอ้เลวนี่มันพุ่งไปหากล้อง พี่บอมดูเก้ๆ กังๆ เหมือนไม่รู้จะเอายังไงกับผมดี ระหว่างพุ่งไปที่ประตูที่มีคนยืนขวางกับเตียง ... และอีกฟากที่มีห้องน้ำ โทรศัพท์ยังอยู่ในกระเป๋ากางเกงผม
     ผมมองตาพี่บอมแล้วก็ตัดสินใจพุ่งไปที่หัวเตียง หางตาผมเหลือบไปเห็นน้ำขวดที่ดื่มเมื่อกี้ยังไม่ได้ปิดฝา ผมหยิบขวดน้ำปาไปที่ไอ้เลวนั่น ขวดกระแทกเข้าที่หน้ามัน น้ำในขวดหกรดกล้องที่มันถือ มันสบถลั่น แต่ผมไม่อยู่ดูผลงานรีบหนีไปอีกด้านของเตียงตั้งใจจะเข้าไปหลบในห้องน้ำ อีกแค่สองก้าวเท่านั้น!
     บางทีผมควรจะรีบหนีไปซ่อนในห้องน้ำเฉยๆ
     ไอ้สารเลวนั่นทิ้งกล้องลงกับพื้นแล้วตรงมาที่ผม มันจับหัวผมโขกกับผนังจนมึน เสียงพี่บอมร้องห้ามดังขึ้น
     “เฮ้ยพี่เบาๆ เดี๋ยวมันตาย!”
     แล้วหลังจากนั้นผมก็โดนซ้อม ทั้งหมัดทั้งเท้าถูกประเคนมาจนผมหลบไม่ไหว พอผมคู้ตัวหลบมันก็กระทืบลงมาที่หลังผม ผมเจ็บจนหายใจไม่ออก การโดนทำร้ายของจริงมันต่างกับตอนที่แม็กซ์แกล้งซ้อมผมมาก ผมรู้เลยว่าคนเราเกิดมามีพละกำลังไม่เท่ากันจริงๆ ผมสู้แรงใครไม่ได้ ผมนึกถึงคำเตือนของอาร์ท แต่มันสายไปแล้ว ผมไม่ควรทำตัวอวดเก่งเลยจริงๆ
     “เก่งนักนะมึง ดูซิจะเก่งได้อีกนานมั้ย!”
     มันด่าผมแล้วก็ยัดอะไรบางอย่างเข้ามาในปาก มันกรอกน้ำตามจนผมสำลักกลืนสิ่งแปลกปลอมลงคอ
     ตอนนี้แทนที่จะกลัวว่าตัวเองจะถูกข่มขืน ผมกลับคิดว่าบางทีผมอาจจะตายก่อนถูกมันข่มขืนก็ได้...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#13/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน20
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 13-11-2014 21:22:51
แม็กซ์

     เส้นสายที่มีของป๊าช่วยให้งานนี้ง่ายสำหรับผม คนรู้จักสองคนแกล้งเข้าไปตรวจค้นยาเสพติด แน่นอนร้านมันไม่ยอม แต่คนพวกนี้มีวิธีการที่ชำนาญอยู่แล้ว ในระหว่างที่กระบวนการยัดยาดำเนินไปผมกับอาร์มก็นั่งรออยู่ในรถ ผมไม่กลัวว่าจะเจอตอเพราะมั่นใจว่าแบ็กผมใหญ่กว่า
     ก่อนออกมาป๊าถามความจริงจากผม ป๊าไม่ได้ถามว่าผมเป็นเกย์รึเปล่าแต่ป๊ากลับถามว่าต้นเป็นอะไรกับผม ผมตอบป๊าไปตามตรง ผมรักต้น แต่ต้นไม่ได้รักผม ต้นรักคนอื่น ป๊าพยักหน้าแล้วก็ปล่อยผมมา ผมเอารถของป๊ามาเพราะต้องการใช้ของในเก๊ะหน้ารถ
     ไม่นานนักโทรศัพท์ผมก็ดัง ทางนั้นบอกว่าจัดการเรียบร้อย กำลังตกลงกันอยู่ จากท่าทีมันน่าจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังพอสมควร แต่ผมไม่แคร์ ผมสนแต่ต้น
     “แม็กซ์ ให้กูไปหยั่งเชิงก่อนดีมั้ย?”
     ไม่อาร์มกลัวแต่ผมไม่กลัว!
     “เฮ้ยใจเย็น! กูรู้ว่ามึงห่วงต้น กูก็ห่วง แต่ถ้าเกิด...”
     มันยังจะมองโลกในแง่ดีอีกเหรอวะ!
     “มึงจะทำอะไรก็ทำ แต่ถ้าไม่ได้ผล ใช้วิธีของกู!”
     “เออ!”
     แล้วมันก็ลงจากรถเดินเข้าร้านไป
     ผมหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่มันแล้วใครจะวางยาต้น! มันจะรีบออกจากร้านไปทำไม? ต้นจะหายไปไหน? ถ้าต้นสบายดีแล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์? ทำไมผมติดต่อต้นไม่ได้!
     นั่งรออยู่นานในที่สุดก็เห็นไอ้เจ้าของร้านเดินออกมา มันตรงไปที่รถตัวเอง ไอ้อาร์มเดินตามมันมาพยายามจะถาม แต่มันทำท่าไม่อยากคุย
     แผนพวกผมตอนแรกคือแอบขับรถตามมัน แต่ไม่ไหวแล้ว ผมเป็นห่วงต้น!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อาร์ม

     ผมพยายามถามหาต้นกับพี่วุธ แต่พี่เขาปฏิเสธ พอผมถามว่าเห็นต้นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่พี่เขาก็บ่ายเบี่ยงบอกไม่รู้เรื่อง อ้างแต่จะรีบไปธุระ ผมเลยถามต่อว่าธุระอะไร พี่วุธก็ไม่ยอมบอก ผมรู้สึกว่าพี่เขามีพิรุธ
     “พี่พาต้นไปไว้ที่ไหน พี่พาต้นไปใช่มั้ย?”
     “อะไรอีกอาร์ม? ก็บอกว่าพี่ไม่รู้ไง!”
     “เพื่อนผมอยู่ไหน!”
     ผมขวางไม่ให้พี่เขาขึ้นรถ ผมคิดว่าพี่วุธต้องรู้แน่ๆ ผมเป็นห่วงต้น!
     “ถอยไป! พี่จะรีบไปธุระ”
     ผมหมดความอดทนแล้วครับ!
     “ธุระอะไรอีกพี่ มีอะไรสำคัญกว่าร้านโดนยัดยาอีกเหรอ?”
     พี่วุธมองหน้าผมด้วยแววตาสงสัยแล้วโกหก
     “เออก็ธุระเรื่องนี้แหละ”
     “อย่าโกหกน่ะพี่ พี่ให้เงินเขาไปแล้วผมรู้ บอกผมมาดีกว่าว่าพี่พาต้นไปไว้ที่ไหน?”
     “เฮ้ยอะไรวะอาร์ม!”
     มันผลักอกผม ผมเกือบจะสวนมันแล้วถ้าไม่มีคนมาขัดจังหวะ
     “ต้นอยู่ที่ไหน!”
     แม็กซ์เดินมาหาพวกผมแล้วตะคอกใส่พี่วุธ ซวยแล้ว!
     “อะไรของน้อง!”
     “กูให้โอกาสมึงตอบดีๆ ต้นอยู่ที่ไหน?”
     ไอ้แม็กซ์น็อตหลุดแล้วนี่หว่า!
     “แม็กซ์ใจเย็น!”
     ระหว่างที่ผมหันมาห้ามแม็กซ์ พี่วุธก็เปิดประตูรถ แม็กซ์เลยโมโหกระชากพี่วุธออกมาแล้วเอาปืนจ่อหลัง สัสแม็กซ์!
     “ไอ้แม็กซ์!”
     “กูถามมึงดีๆ แล้วนะ เลือกเอา จะพากูไปหาต้นหรือจะนอนเป็นศพตรงนี้!”
     ผมไม่กล้าผลีผลามเข้าไปห้ามแล้ว ไอ้แม็กซ์ปลดเซฟปืนรอเลยนี่หว่า!
     “มึงเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ? ให้กูพามึงไปสวรรค์ด้วยลูกปืนกูเอามั้ย?”
     แม็กซ์มันจ่อปืนไปที่ก้นพี่วุธ น่ากลัวเหี้ยๆ ถ้าพี่วุธมันยังลีลาอยู่แบบนี้ไอ้แม็กซ์ฆ่ามันแน่!
     “เฮ้ยๆ น้องใจเย็น! เราตกลงกันได้นะ”
     “พากูไปหาต้น!”
     แม็กซ์มันเลือดขึ้นหน้าสุดๆ แล้ว!
     “ต้นอะไร? พี่ไม่รู้เรื่อง!”
     “มึงยังทำไขสืออีกเหรอ? มึงเห็นนี่ป่ะ? เค้าเรียกที่เก็บเสียงว่ะ กูพาตำรวจมายัดยาร้านมึงได้กูก็ทำให้มึงหายไปแบบเนียนๆ ได้เหมือนกัน”
     “เราคุยกันดีๆ ก็ได้”
     “เออๆ นั่นดิ ใจเย็นๆ หน่อยเหอะแม็กซ์ พี่วุธบอกพวกผมมาเหอะพี่! เพื่อนผมมันเอาจริงนะ ปืนจริงนะพี่!”
     ผมรู้ดีว่าพี่วุธไม่เชื่อแต่ไม่กล้าผลีผลาม แต่พี่เขาควรจะคิดให้เร็วกว่านี้เพราะเพื่อนผมมันใจร้อน
     “ปุ๊!”
     “โอ๊ย!”
     “สัสแม็กซ์!”
     แม็กซ์มันลั่นไกไปที่ขาของพี่วุธ พี่เขาลงไปดิ้นเลยครับ
     “กูกลัวมึงไม่เชื่อ”
     ไอ้แม็กซ์ยิ้มโคตรโรคจิต!
     “ลากมันขึ้นมาอาร์ม เราจะไปตามหาต้นกัน”
     ผมขยับจะเข้าไปหาพี่วุธแต่ก็กลัว พี่เขาหันมามองผมตาแดงก่ำ โชคดีที่ร้านปิดแล้วเลยไม่มีคนอีก เด็กเสิร์ฟบางคนออกมายืนมองแต่พอเห็นปืนในมือแม็กซ์ก็รีบหลบไป
     “หาอะไรอุดปากมันด้วย กูรำคาญ กูบอกมึงไว้เลยนะ อย่าตุกติก เพราะกูรู้ว่ายิงตรงไหนมึงไม่ตายแต่ทรมาน พากูไปหาต้นดีๆ ดีกว่า อย่าเสี่ยงให้ตัวมึงมีรูเพิ่มเลย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     เกิดอะไรขึ้นกับผม ผมรู้สึกเหมือนนอนอยู่บนก้อนเมฆเลยครับ ตัวมันเบาๆ แต่ร้อนวูบวาบแปลกๆ มีเสียงคนคุยกันแต่ผมฟังไม่ได้ศัพท์ ผมว่าผมคุ้นๆ แต่นึกไม่ออก
     “แม่มกล้องกูเจ๊งหมด ไอ้ห่าเอ้ย!”

     ...

     “เอาจริงเหรอพี่?”
     “เออ จับมันขึ้นมา!”
     “สภาพนี้เนี่ยนะ?”
     “เออ!”

     ...

     ผมร้อนๆ หนาวๆ แต่รู้สึกเหมือนตัวเองเหงื่อออก

     ...

     “พี่ช่วยจับมันหน่อย โคตรดิ้นเลย ผมถอดกางเกงมันไม่ได้”
     “อื้ม...”
     “ยังจะฤทธิ์เยอะอีกนะมึง”
     ผมไม่รู้ว่าใคร แต่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรบางอย่างกับผม จั๊กจี้ชะมัด

     ...

     “อ้าปากหน่อยต้น”
     “อื้อ”
     อะไรบางอย่างอุ่นๆ จ่อมาตรงปาก กลิ่นมันคาวผมเลยพยายามหันหน้าหนี มันถูกดันเข้ามาทิ่มปากผมจนน่ารำคาญ
     “อื้อ!”
     อ๊ะ! หายใจไม่ออก ทำไมอยู่ๆ ผมหายใจไม่ออก อื้ม มีอะไรเข้ามาในปากผมก็ไม่รู้!
     “อึ๊!”
     “นั่นแหละ อยู่นิ่งๆ ให้กูเก็บภาพซะที”
     “โหดไปป่าวพี่”
     “อย่ามัวแต่พูดมากน่ะ แข็งยังอะมึง”
     “ใจเย็นดิพี่ ขอเวลาผมหน่อย”
     ผมหายใจไม่ออกแล้วก็อยากสำลักเป็นบ้า!
     “อื้อ”
     ผมพยายามส่งเสียงประท้วง แต่มันกลับอู้อี้เพราะอะไรบางอย่างในปาก ผมพยายามจะคาย แต่มันดันเข้ามาอยู่เรื่อย

     ...

     นานพอสมควรกว่าที่ปากผมจะเป็นอิสระ ผมรีบหายใจเอาอากาศเข้าปอดทันที แต่แล้วก็รู้สึกเจ็บที่ซี่โครง
     ทำไมผมถึงเจ็บซี่โครงล่ะ?

     ...

     เอ๊ะ? ใครทำอะไรกับก้นผม? รู้สึกเย็นๆ ตรงก้นจังเลยครับ เปียกๆ เย็นๆ อะไรน่ะ? เหมือนโดนละเลงครีมตรงนั้นเลยฮ่าๆ เย็นวาบเลย

     ...

     อื้อ เสียวอ่ะ!
     การถูกสัมผัสตรงนั้นทำให้ผมมีอารมณ์แปลกๆ
     แต่ผมรู้สึกเหมือนถูกรูด เหมือนมีคนเล่นกับตรงนั้นของผมเลย อย่างกับมีคนใช้ปากให้ ... แปลกจัง เสียว... เกิดอะไรขึ้น?
     เกิดอะไรขึ้นกับผม? พี่ชัช ... พี่ชัชปล้ำผมเหรอ? ผมคืนดีกับพี่ชัชแล้วเหรอ?
     ไม่สิ ... สองคน ใคร?
     หายใจยากจัง เจ็บหน้าอก

     ...

     ผมโดนซ้อมนี่นา!
     ซ้อม ...
     พี่บอม!
     “อื๊อ!”
     “แม่มดิ้นอีกแล้ว!”
     “รูมันคับคงเจ็บมั้งพี่”
     “มึงจะเล่นอีกนานมั้ยวะ?”
     “จะเอาตูดต้องใจเย็นนิดพี่”
     “มึงให้กูถ่ายนิ้วเหรอ! โชว์ค.วยมึงได้แล้ว!”
     “ถ้ารูมันคับผมก็เข้าไม่ได้ ฝืนยัดไปตอนนี้มันเจ็บหัว”
     ไอ้สารเลว!
     “ออกไป!”
     “ยังมีสติอีกเหรอต้น ฮ่าๆ”
     “ไอ้สารเลว!”
     ผมพยายามจะดิ้นแต่กลับทำไม่ได้ แขนผมถูกมันจับมัดไว้ทั้งสองข้าง ขาผมก็ไม่มีแรง มันล็อกขาผมไว้จนดิ้นไม่ได้!
     “ขอกูซูมหน้าชัดๆ หน่อยเถอะ ดื้อจังนะมึง”
     ผมพยายามจะหันหน้าหนี พยายามจะพลิกตัวหลบ แต่ทำได้ลำบาก พี่บอมจับข้อเท้าผมไว้ข้าง ผมขยับตัวหนีสิ่งแปลกปลอมที่มันใส่เข้ามาในตัวผมไม่ได้!
     “ยิ่งดิ้นยิ่งตอดดีจังเลยต้น ฮ่าๆ”
     “ไอ้ชาติชั่ว ฮือๆ
     “ร่อนเอวหนีแบบนี้เสียวมากเหรอ ฮ่าๆ”
     ไอ้สารเลว!
     ผมไม่ตายแต่ผมกำลังตกนรก! พี่ชัชช่วยผมด้วย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อาร์ม

     ผมเคยเห็นแม็กซ์โมโหหลายครั้ง แม็กซ์โมโหอาละวาดบ่อยแต่ผมไม่เคยเห็นมันบ้าเลือดครั้งไหนรุนแรงเท่าครั้งนี้ เหนือสิ่งอื่นใดผมโมโหตัวเอง ผมยืนห้ามแม็กซ์ไม่ให้ยิงพวกมันทั้งๆ ที่ตัวเองอยากฆ่าไอ้สัตว์นรกพวกนี้! คนที่สมควรโดนยิงไม่ใช่พวกมันแต่เป็นผม! ผมปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้กับต้น!

     ผมขับรถตามคำบอกของพี่วุธที่โดนแม็กซ์ถือปืนจ่ออยู่เบาะหลัง พี่วุธกุมขาบอกทางแล้วก็เงียบไม่กล้าลองดีกับแม็กซ์อีก แม็กซ์ยิงขาพี่วุธถากๆ ก็จริงแต่เลือดที่ไหลออกมาก็มีจำนวนไม่น้อย มันไม่แคร์ว่าใครจะตาย ผมก็ไม่สนใจถ้าพี่วุธจะตาย แต่ถ้ามันตายเพราะเพื่อนผมๆ ห่วงเพื่อน
     “เฮ่ยแม็กซ์ เลือดพี่เขาไหลเยอะเหมือนกันนะเว้ย”
     “ช่างแม่ง”
     “พี่เขาหน้าซีดละนะมึง เดี๋ยวก็เสียเลือดตายหรอก”
     “มันหน้าซีดเพราะปืนในมือกูหรอก ใช่ป่ะ?”
     มีการเอาปืนไปตบหน้าพี่วุธอีกนะมึง! เป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
     “มึงรีบๆ ขับไปเหอะอาร์ม กูยิงถากๆ ไม่โดนเส้นเลือดใหญ่ เลือดไหลแค่นี้ไม่ตายหรอก”
     บทสนทนาจบลงแค่นั้นเพราะผมไม่กล้าขัดใจแม็กซ์ ใครจะไปกล้าเถียงกับมันตอนมีปืนอยู่ในมือ ที่สำคัญผมห่วงพี่วุธก็จริงแต่ห่วงต้นมากกว่า
     พอถึงโรงแรมพี่วุธตุกติกบอกว่าไม่รู้ห้อง เพราะเพื่อนเป็นคนพาต้นมา แม็กซ์โมโหจนเอาปืนตบหน้าพี่วุธไปอีกดอก!
     “กูบอกละไงอย่าตุกติก!”
     “กูไม่รู้จริงๆ พวกกูนัดกันที่นี่ก็จริงแต่ไอ้บอมเป็นคนพาต้นมา!”
     พี่วุธกับพี่บอมร่วมมือกัน! สีหน้าแม็กซ์เดือดดาลกว่าเดิมเมื่อได้ยินชื่อพี่บอม
     “มึงรู้เรื่องนี้รึเปล่าอาร์ม?”
     เหงื่อเย็นๆ  ไหลลงมาตามขมับผม
     “กูก็พึ่งรู้”
     ผมจ้องตาตอบแม็กซ์ไปตามตรง แม็กซ์โกรธผม ผมรู้ดี ขนาดผมยังโกรธตัวเองเลย ผมน่าจะระวังให้มากกว่านี้ ผมน่าจะรู้อยู่แล้วว่าพี่บอมไม่ได้มาดี สายตาของแม็กซ์ทำให้ผมยิ่งเกลียดตัวเอง
     “โทรหามัน ถามมันว่าอยู่ห้องไหน”
     แม็กซ์ไม่ได้ด่าผมด้วยคำพูด แต่มันใช้สายตาฆ่าผมแทน!
     “ถ้าตุกติกมึงตาย”
     มันล้วงโทรศัพท์ของพี่วุธออกมายื่นให้ พอพี่วุธกดโทรมันก็แย่งมาถือแล้วกดลำโพง รอไม่นานก็มีคนรับ แต่เสียงที่รับไม่ใช่เสียงของพี่บอม และเสียงร้องของต้นที่ได้ยินจากโทรศัพท์ก็บีบหัวใจพวกผม!
     ระหว่างที่พวกมันคุยกันพวกผมกลับถูกเสียงร้องไห้ของต้นแย่งความสนใจ ต้นร้องไห้พลางด่าพวกมัน เสียงหัวเราะของคนในห้องกับคำพูดที่บ่งบอกว่าพวกมันกำลังสนุกกับต้นทำให้แม็กซ์ใกล้ขาดสติเข้าไปทุกที ไม่ใช่แต่มันหรอก ผมเองก็เช่นกัน!
     พวกมันทำอะไรต้น! ทำไมต้นถึงเป็นแบบนั้น? ผมไม่รู้ว่าตัวเองน้ำตาไหลตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมรู้อย่างนึงว่าผมอยากรีบไปหาต้น!
     “ห้องสองศูนย์หก”
     พี่วุธรีบบอกทันทีที่วางสาย ความจริงพี่เขาพยายามถามห้อง แต่คนในสายไม่รู้เรื่องทางนี้เลยโอ้อวดอย่างเมามันถึงเหตุการณ์สนุกๆ ภายในห้อง และนั่นก็ทำให้เพื่อนผมคลั่ง
     “กูจะตอบแทนมึงยังไงดีวะ?”
     แม็กซ์จ่อปืนเข้าที่ขมับของพี่วุธ
     “กูพามึงมาแล้วไง! พวกมันทำกันเอง กูไม่รู้เรื่อง!”
     แม็กซ์ยิ้มแล้วเอาด้ามปืนฟาดไปที่หน้าของพี่วุธอย่างแรง!
     “สัตว์นรกอย่างมึงอะ ตายๆ ไปซะเหอะ!”
     แม็กซ์มันกระหน่ำทุบพี่วุธไม่ยั้ง!
     “เฮ้ยแม็กซ์พอเหอะ รีบไปหาต้นกันดีกว่า นะ กูขอ”
     ต่อให้พี่วุธตายผมก็ไม่สน แต่ผมห่วงต้น!
     พวกเราทิ้งซากพี่วุธไว้ในรถแล้วเดินเข้าโรงแรมไปยังห้องสองศูนย์หก ผมรู้ว่ามันประหลาดที่ผู้ชายสองคนเดินน้ำตาไหลเข้าโรงแรมตอนเที่ยงคืน แต่ผมไม่รู้ว่าสภาพของต้นที่เห็นจะทำให้ผมร้องไห้

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     “เสียงเคาะประตู สงสัยไอ้วุธมาแล้ว”
     “พี่จะให้ผมลุกไปเปิดเหรอ?”
     “เออๆ กูรู้ มึงถือโทรศัพท์ถ่ายต่อแทนกูแปป กูไปเปิดประตูเอง”
     “เคพี่”
     “เฮ้ยอะไรวะ!”


     ผมกรีดร้องจนเสียงแหบแห้ง
     ผมตะโกนด่ามันเท่าที่สมองผมจะคิดออก
     ผมพยายามดิ้นเท่าที่ร่างกายจะทำไหว
     เมื่อไหร่ความทรมานนี้จะจบลงซักที?
     ผมไม่เคยไปทำอะไรใคร ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับผม!

     ความชั่วร้ายของพวกมันดำเนินไปท่ามกลางสติอันเลือนราง ผมไม่อยากรับรู้แล้วว่าตัวเองถูกพวกมันย่ำยีอะไรบ้าง ให้ผมตายไปเลยยังจะดีซะกว่า!

     แต่แล้วเสียงครางเรียกชื่อผมก็แว่วมา มีคนกอดผม!
     ถึงผมจะไม่คุ้นเคยกับอ้อมกอดนี้ แต่ผมรู้ดีว่ามันปลอดภัย กลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆ นี้ผมจำได้! กลิ่นที่ทำให้ผมนึกถึงดวงอาทิตย์!
     “อาร์ม...”
     อาร์มใช่มั้ย?
     “อาร์มช่วยเราด้วย”
     ผมรอดแล้วใช่มั้ย?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แม็กซ์

     ทันทีที่ประตูเปิดผมก็ผลักบานเข้าไปกระแทกคนด้านในแล้วชักปืนออกมาขู่ ผมยืนคุมเชิงกับมันเลยไม่ทันได้สังเกตสภาพในห้อง ไอ้อาร์มตามเข้ามาทีหลัง เสียงของมันทำให้ผมต้องหันตาม
     “ต้น!”
     ผมรู้เลยอาการหัวใจสลายเป็นยังไง
     “เฮ้ยอะไรวะ!”
     ไอ้เหี้ยบอมตกใจที่เห็นผมกับอาร์ม มันหยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วถอยออกไปอยู่ข้างๆ ต้น และนั่นก็ทำให้ผมเห็นสภาพของต้นชัดขึ้น ปืนในมือผมสั่นจนอยากจะลั่นกระสุนเจาะกะโหลกพวกมัน!
     อาร์มไม่สนใจอะไรอีกแล้ว มันรีบวิ่งไปหาต้นแล้วช้อนร่างปวกเปียกขึ้นมาแนบอก ผมเคยเห็นอาร์มร้องไห้หลายครั้งแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันฟูมฟาย
     “ไอ้สัส! มึงทำกับเพื่อนกูแบบนี้ได้ยังไง! กูไม่น่านับถือมึงเลย!”
     ผมเองก็น้ำตาไหลเหมือนมัน
     “ไอ้หน้าตัวเมีย!”
     “อาร์ม ... อาร์มช่วยเราด้วย”
     เสียงพึมพำของต้นดังขึ้นเบาๆ ท่ามกลางเสียงตะโกนของอาร์ม ผมปล่อยให้อาร์มดูแลต้นเพราะมีเศษสวะที่ต้องจัดการ!
     พวกมันมีกันสอง พวกผมก็มากันสอง แต่ผมมีปืน!
     “พวกมึง ถอยไปยืนรวมกันตรงโน้น”
     ตอนแรกพวกมันขัดขืน แต่พอผมโบกปืนขู่มันก็ไม่กล้า
     ผมปล่อยให้อาร์มเป็นคนจัดการกับต้นเพราะผมไม่กล้าหันไปมองมากกว่านี้ ผมกลัวตัวเองฟิวส์ขาด!
     ผมกวาดตาสำรวจภายในห้องให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรอันตรายสำหรับพวกผม อาร์มกอดต้นที่กองอยู่บนเตียง พวกมันสองคนยืนยกมืออยู่ตรงมุมห้อง ภายในห้องไม่มีคนอื่น แต่แล้วกล้องวีดีโอที่วางอยู่บนโต๊ะก็สะดุดตาผม!
     “นี่อะไร?”
     ไอ้บอมกับไอ้หนวดมองหน้ากันเลิกลั่ก
     “กูถามว่านี่อะไร! พวกมึงจะถ่ายคลิปเพื่อนกูเหรอ!”
     “เปล่าๆ กล้องมันเจ๊ง ถ่ายอะไรไม่ได้หรอก!”
     “งั้นเหรอ? แต่ที่กูได้ยินในโทรศัพท์ไม่ใช่แบบนี้นี่หว่า”
     ผมไม่รู้ว่ามันตัวไหนเป็นคนซ้อมต้น แต่พวกมันสองตัวต้องตายคาตีนผม!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อาร์ม

     ทันทีที่ประตูเปิดแม็กซ์ก็นำเข้าไปก่อน ผมรู้ว่ามันคุมสถานการณ์ภายในห้องได้ด้วยปืนของมัน ผมรีบตามเข้าไปแล้วมองหาต้น
     แล้วสายตาของผมก็ไปสะดุดกับร่างเปลือยเปล่าที่กองอยู่บนเตียง!
     “ต้น!”
     พี่บอมตกใจที่เห็นพวกเราเลยกระเด้งตัวหนี มันถอยออกไปทำให้ผมเห็นสภาพของต้นเต็มตา
     มีร่องรอยตามตัวต้นเต็มไปหมด! แค่ที่หน้าอย่างเดียวก็ช้ำจนแทบดูไม่ได้ ตอนที่ผมไปต่อยกับคู่อริแล้วแพ้ยังไม่น่วมถึงขั้นนี้เลย!
     ต้นนอนนิ่งผิดปกติ ผมรู้ดีว่าเพื่อนผมไม่มีทางนอนให้คนอื่นทำอะไรง่ายๆ นอกจากพวกมันจะวางยาเพื่อนผมแล้วยังซ้อมต้นปางตาย!
     ใจคอพวกมันทำด้วยอะไรถึงได้ทำกับคนไร้ทางสู้แบบนี้!
     “ไอ้สัส! มึงทำกับเพื่อนกูแบบนี้ได้ยังไง กูไม่น่านับถือมึงเลย!”
     ผมแค้นตัวเองที่เคยเรียกมันว่ารุ่นพี่ เคยยกมือไหว้มัน เคยเกรงใจมัน คนอย่างมันไม่มีค่าอะไรให้ผมเคารพแม้แต่น้อย!
     “ไอ้หน้าตัวเมีย!”
     “อาร์ม ... อาร์มช่วยเราด้วย”
     ต้นในอ้อมแขนผมพึมพำเสียงแผ่วเบา
     “ต้นขอโทษนะ ขอโทษ เรามาช่วยนายแล้วนะ”
     ผมผิดเองทุกอย่างเป็นความผิดของผมเอง เพราะผมดูแลต้นไม่ดี ผมน่าจะกันต้นไว้แต่แรก ผมไม่ควรพาต้นมาเสี่ยงเลย ต้นต้องเจอเรื่องแบบนี้เพราะผม! ผมทำให้ต้นเจอกับเรื่องเลวร้ายอีกแล้ว!
     “กูถามว่านี่อะไร! พวกมึงจะถ่ายคลิปเพื่อนกูเหรอ!”
     เสียงตะคอกของแม็กซ์เรียกให้ผมเงยหน้าไปมองพวกมัน
     “เปล่าๆ กล้องมันเจ๊ง ถ่ายอะไรไม่ได้หรอก”
     “งั้นเหรอ? แต่ที่กูได้ยินในโทรศัพท์ไม่ใช่แบบนี้นี่หว่า”
     แม็กซ์มันตอบกลับแล้วเอาปืนฟาดไปที่หน้าของไอ้สัสนั่น มันกระทืบเขาไม่ยั้งเท้าจนไอ้บอมยืนตัวสั่น มันถืออะไรบางอย่างไว้ในมือ
     “แม็กซ์ ในมือมัน!”
     แม็กซ์หันมาตามเสียงแล้วมองไปยังไอ้บอม
     “มันบอกให้กูถ่าย! ไม่ใช่ความคิดกู!”
     ไอ้คนแรกนอนสลบจมกองเลือดคาเท้าเพื่อนผมไปแล้ว ผมไม่ห้ามมันหรอก โดนกระทืบซี่โครงหักก็สาสมดี เหลือแต่มึงแหละไอ้เหี้ยบอม!
     “ส่งมาให้กู!”
     ไอ้บอมลนลานส่งมือถือให้แม็กซ์ๆ มันกดดูแล้วก็ทำหน้าทะมึนขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างนั้นผมมองหาเสื้อผ้าของต้น เสื้อและกางเกงตกอยู่ใกล้ๆ กระเป๋าต้นถูกวางไว้ตรงโต๊ะ ต้นบอบช้ำแบบนี้ผมใส่กางเกงให้ต้นไม่ได้แน่ๆ ผมอยากเช็ดคราบสกปรกพวกนี้ออกไปจากตัวเพื่อนผมแต่ผมอยากรีบพาต้นออกไปจากที่นี่มากกว่า! อดทนหน่อยนะต้น
     “นอกจากในคลิปนี้มึงทำอะไรต้นอีกบ้าง?”
     “เปล่ากูไม่ได้ทำ”
     ไอ้บอมรีบปฏิเสธ แต่แม็กซ์จ่อปืนเข้าที่ขมับของมัน
     “กูไม่ใช่คนซ้อมต้น มันเป็นคนทำ! กูห้ามมันแล้วแต่ต้นขัดขืนมันเลยโมโหไม่ฟังกู”
     “อ้อ... มึงเป็นคนเอา มันเป็นคนถ่าย หึๆ”
     ไม่ไหวแล้วแม่ง!
     “หัวใจมึงทำด้วยอะไรวะ! มึงยังเป็นคนอยู่รึเปล่า? ไอ้สัส! มึงรักต้นไม่ใช่เหรอ? มึงปล่อยให้คนอื่นซ้อมต้นปางตายแล้วมึงยังจะเอาต้นลงอีกเหรอวะ!”
     ผมไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ามันดี เลวไม่มีที่ติจริงๆ คนรักกันเขาทำแบบนี้เหรอ?
     “นี่โทรศัพท์ใคร?”
     “ของมัน”
     “อาร์ม ค้นตัวมัน”
     แม็กซ์หันมาสั่งผม ตอนแรกผมไม่เข้าใจแต่ประโยคถัดมาก็ทำให้กระจ่าง
     “ยึดกล้องมัน ค้นให้ทั่ว อย่าให้มีอะไรหลุดไปเด็ดขาด!”
     ผมวางต้นลงตั้งใจจะไปเก็บของตามคำสั่งของแม็กซ์ แต่ต้นร้องขึ้น!
     “อาร์ม! อย่าทิ้งเราไป ช่วยด้วย! เรากลัว ฮือๆ
     ต้นพยายามกอดผม มือของต้นคว้าเสื้อผมไว้แน่น ต้นไม่มีสติ ผมไม่อยากปล่อยต้นเลยแต่จำเป็นต้องทำเพราะผมอยากจัดการเคลียร์ที่นี่ให้เสร็จ พวกเราจะได้ออกจากนรกซะที!
     “โอเคนะต้น เดี๋ยวเรามา เดี๋ยวเราพานายกลับบ้านนะ”
     “ไม่ๆ อย่าทิ้งเรา”
     “แป็บนึงนะต้น นะ”
     ผมปลอบต้นอีกสองสามประโยคก่อนจะผละออกมา ผมเริ่มจากค้นไอ้บอมก่อนจะไปค้นอีกคน มันยังไม่ตายแต่สลบคาเท้าแม็กซ์ไปแล้ว แต่แม็กซ์มันไม่กล้าประมาทมันยืนถือปืนคุมเชิงไว้ตลอดเวลา ผมเก็บของทุกอย่างใส่กระเป๋าส่งให้แม็กซ์ มันรอบคอบเสมอ ผมรู้ดีถ้าคลิปนรกนี่หลุดออกไปต้นจะเจอกับเรื่องเลวร้ายมากแค่ไหน แค่นี้ต้นก็โชคร้ายมากพอแล้ว
     แม็กซ์ยืนถือปืนขู่ไอ้บอมและคอยซ้ำอีกคนระบายอารมณ์เป็นระยะขู่ไอ้บอมไปในตัว ไอ้สัสนี่ยังไม่โดนตีนเพื่อนผมสักแอะแต่กลับกลัวจนลนลาน เอาเข้าจริงมันก็กลัวจนไม่กล้าขัดขืนพวกผม ไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี!
     ผมดึงผ้าห่มมาพันตัวต้นไว้แล้วช้อนร่างของต้นมาอุ้มก่อนจะหันไปมองแม็กซ์ มันหันมาพยักหน้าให้ผมก่อนจะเล็งไปที่หัวของไอ้บอม!
     “เฮ่ยอย่า!”
     “แม็กซ์! ไม่คุ้มกันนะเว้ย! รีบพาต้นไปจากที่นี่ดีกว่า”
     “กูถามมึงอีกครั้ง นอกจากที่กูเห็นในคลิป มึงได้ทำอะไรต้นอีก?”
     “ยังไม่ทันได้ทำอะไรพวกมึงก็มา”
     “มึงแน่ใจนะ?”
     แม็กซ์กดปืนเข้าที่หัวของไอ้บอมจนมันสติแตก
     “แน่ๆ กูแค่จูบนิดหน่อย นอกนั้นไม่มีแล้ว!”
     “แล้วอีกคนล่ะ?”
     “มันแค่ซ้อมต้นอย่างเดียว พวกกูยังไม่ได้เอาต้น”
     มึงเรียกว่าแค่เหรอวะ? พวกมึงซ้อมต้นสะบักสะบอม แค่แผลแตกพวกนี้ต้นก็ติดเชื้อได้แล้ว! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับต้นผมคงไม่ให้อภัยตัวเอง!
     “ไปเหอะแม็กซ์”
     ผมแทบไม่มีแรงอุ้มต้นแล้ว ความกลัวกัดกินจนแขนผมไร้กำลัง
     “อีกแป็บอาร์ม”
     แม็กซ์มันหันมาบอกผม ผมเห็นแววตาของมัน
     “ทีนี้มึงรู้แล้วยังว่ากูกับมึงมันคนละชั้น”
     “กูรู้แล้ว! รู้แล้ว!”
     “มึงรู้ใช่มั้ยกูรักต้นมาก?”
     “รู้ๆ”
     “แต่ต้นไม่ได้รักกู กูยอมทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ข้างๆ มัน ถึงต้นไม่รักกูก็ไม่เป็นไร กูขอแค่ได้ดูแลมัน แล้วมึงมีสิทธิ์อะไรมาแตะต้องคนที่กูรัก! กูยังไม่เคยคิดจะใช้วิธีเหี้ยๆ แบบนี้เลย ละมึงเป็นใคร!”
     เพื่อนผมกดปืนเคาะกับขมับขู่มัน ไอ้เหี้ยบอมมันกลัวจนใกล้บ้า!
     “กูผิดไปแล้วกูขอโทษ!”
     สายตาของแม็กซ์บ่งบอกทุกอย่าง มันดูเจ็บปวดที่สุดตั้งแต่รู้จักมันมา แม็กซ์มันโคตรรักต้น ผมว่ามันตายเพื่อต้นได้ และมันไม่แคร์ถ้าต้องฆ่าใครเพื่อต้น!
     “ขอโทษกูเหรอ? ไปขอโทษต้นเหอะ แต่มึงต้องไปขอโทษในนรก!”
     “ปุ๊!”
     ไอ้แม็กซ์ยิงไอ้บอม!
     “แม็กซ์!”
     “อย่า!”
     ไอ้บอมตะโกนลั่นเหมือนคนเสียสติ โล่งอก! แม็กซ์มันเบี่ยงปืนวินาทีสุดท้าย มันไม่ได้ฆ่าไอ้เหี้-ยนี่!
     “คนอย่างมึงไม่มีค่าให้กูกับพ่อต้องเหนื่อยเก็บกวาดหรอก”
     มันพูดทิ้งท้ายก่อนจะตบปืนเข้าที่ท้ายทอยของไอ้บอมจนสลบ
     ค่อยยังชั่ว เพื่อนผมยังไม่ฆ่าคนตาย!
     “ไปเหอะแม็กซ์”
     “เออ!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



รอด! อาร์มกอดต้นแน่นๆ นะ ฮือๆ  :hao5:  ชูป้ายไฟอาร์ม!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#14/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน20
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 14-11-2014 00:10:11
แม็กซ์

     ผมปล่อยให้อาร์มอุ้มต้นออกมา พวกเรารีบแผ่นกันเงียบๆ ผมไม่รู้ว่าเสียงโวยวายในห้องจะดังพอให้ใครสนใจรึเปล่า แต่คิดว่าภายในห้องพักไม่น่าจะมีกล้องวงจรปิด โรงแรมกึ่งหอพักรายวันกระจอกๆ แบบนี้ผมมั่นใจว่าถ้าผมจ่ายเรื่องก็คงจบ
     จากที่คนของป๊าผมประเมินไอ้วุธมันน่าจะมีเรื่องผิดกฎหมายใจมือไม่มากก็น้อย ถ้ามันไม่อยากเสี่ยงเจอตอมันคงไม่กล้าเอาเรื่องผม รวมถึงไอ้เวรสองตัวนั่นด้วย เพราะผมเก็บหลักฐานประจานความเลวมันกลับมาทั้งหมด ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมจะไม่โดนตั้งข้อหาใดๆ แต่ผมต้องโทรไปตกลงกับป๊าผมก่อน อย่างน้อยก็ควรจะปรึกษาป๊าว่าจะเอายังไงต่อ
     ผมมีเรื่องต้องคิดมากมายระหว่างเดินออกมาจากโรงแรม ผมรู้ว่าคราวนี้ผมทำเรื่องหนัก ผมรู้ว่าป๊าต้องยอมช่วยผม ป๊าจะไม่ปล่อยให้ผมเป็นอะไร แต่ผมอาจจะต้องแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างกับป๊า เวร! พวกเราไม่ได้เอารถมากัน ผมต้องให้คนไปเอารถผมกับอาร์มที่ร้านด้วยนี่หว่า!
     “แม็กซ์ แท็กซี่มาแล้ว”
     มันโคตรน่าสงสัยที่ผู้ชายสองคนอุ้มห่อผ้าที่มีผู้ชายหมดสติมาเรียกแท็กซี่ตอนดึก และต้นถูกห่อไว้ด้วยผ้าห่มเปื้อนเลือด! สายตาหวาดระแวงของคนขับไม่ไว้ใจพวกผม ผมต้องเก็บปืนของผมให้มิดชิด!
     “ไปร้านแสตนอัพ”
     ผมบอกแล้วเปิดประตูหลังให้อาร์ม มันประคองต้นนั่งที่ด้านหลังส่วนผมขึ้นไปนั่งด้านหน้าคู่คนขับ
     “ไปมีเรื่องมาเหรอน้อง?”
     “แล้วถ้าพี่ยอมเงียบตลอดทางผมให้พี่เพิ่มอีกสองพัน”
     “คงไม่มาตาย-”
     “เพื่อนผมโดนมอมยาเฉยๆ พวกผมกำลังจะพาเพื่อนกลับบ้าน พี่ไปส่งพวกผมหน่อยนะครับ รับรองพี่ไม่เดือดร้อนหรอก”
     คนขับหันไปมองอาร์มที่นั่งกอดต้น สายตาของอาร์มทำให้มันใจอ่อน อาร์มมันใจสลายยิ่งกว่าตอนเลิกกับหญิงคนแรกของมันอีก
     “เออๆ ไปก็ไป แฟนน้องเหรอ?”
     “ไม่ใช่พี่ พวกเราสามคนเป็นเพื่อนกัน”
     เสียงของอาร์มโคตรเจ็บปวด คำพูดมันแทงใจดำผม ผมคือคนที่รักต้น ส่วนมัน ... ผมคิดว่าอาร์มชอบต้น มันคือคนที่ดีกับต้นที่สุดตั้งแต่แรก เพราะมันรู้ดีว่าต้นชอบมัน
     ถ้าต้นเป็นผู้หญิง มันคงไม่ลังเลที่จะจีบ แต่เพราะผมแสดงตัวว่ารักต้นมาตลอดอาร์มมันเลยไม่คิดอะไรอีก มันเป็นคนไม่ชอบแย่งของๆ เพื่อน
     “อาร์ม เดี๋ยวกลับไปที่ร้านแล้วเอารถมึงกลับคอนโดต้นนะ ส่วนของกูเดี๋ยวกูให้เด็กของป๊ามาเคลียร์”
     “ไปคอนโดเหรอ?”
     “แล้วมึงจะให้พากลับไปให้ปู่มันหัวใจวายตายเหรอ?”
     “กูอยากพาต้นไปโรงพยาบาล”
     “ให้แฟนมันจัดการ โทรบอกแฟนมันให้มาดูเอง จะโรงบาลจะแจ้งความให้แฟนมันตัดสินใจ”
     “มึงไม่ห่วงต้นเหรอแม็กซ์”
     “กูห่วง แต่กูคิดว่ามีคนสมควรเห็นสภาพต้นมากกว่ากู”
     “เอางั้นก็เอา...”
     ผมคงเหมือนคนใจร้ายที่ไม่รีบพาต้นไปโรงพยาบาล แต่เรื่องนี้ต้องรอบคอบ ผมไม่อยากให้มีปัญหา
     “กุญแจห้องไอ้ต้นอยู่ในกระเป๋ามันแหละ ส่วนโทรศัพท์คงอยู่ในกางเกง มึงจัดการไป กูจะโทรคุยกับป๊ากู”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 
ชัยชัช

     เสียงโทรศัพท์ผมไม่ดังเพราะผมปิดไว้ แต่มันสั่นจนน่ารำคาญ ผมกำลังหลับเพลินๆ เพราะวันนี้ประชุมกับหมอทั้งวันโคตรเหนื่อย แต่จำใจต้องลุกไปหยิบมือถือมารับสาย
     ใครมันโทรมาตอนนี้วะจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว พรุ่งนี้กูต้องทำงานอีกนะมึง!
     “ฮัลโหล ขอสายชัยชัชครับ”
     “พูดอยู่ครับ”
     “ผมเพื่อนต้นนะครับ”
     เพื่อนไอ้ต้น? ผมเอาโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอ เบอร์ไอ้ต้นจริงๆ ด้วย!
     “พี่อยู่ที่ไหนครับ พอจะกลับกรุงเทพตอนนี้เลยได้รึเปล่า?”
     อย่าบอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมียผม!
     “พี่อยู่กาญจนบุรีครับ มีอะไรเหรอ?”
     มึงจะเงียบทำไมวะ รีบๆ พูดมาสิโว้ย!
     “ต้น... ต้นอาการไม่ค่อยดีครับ ผมอยากให้พี่รีบกลับมาดูต้น”
     “เกิดอะไรขึ้นกับต้น!”
     “พี่กลับมาดูเองเถอะครับ”
     “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นน้องก็บอกพี่มาสิ พี่ต้องทำงานนะครับ อยู่ๆ จะกลับไปเลยได้ไง”
     แต่แล้วเสียงที่ผมเกลียดก็ดังแทรกเข้ามา
     “เอามานี่ กูคุยเอง”
     ไอ้มารหัวใจผมมันก็อยู่ด้วยเหรอ!
     “ต้นถูกมอมยา โดนซ้อม หนักพอที่มึงจะรับกลับมาดูเมียตัวเองได้รึยัง? แกร๊ก!
     โทรศัพท์ผมร่วงจากมือตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมต้องตั้งสติทบทวนใหม่อีกรอบ
     ถูกมอมยา? โดนซ้อม? พูดเป็นเล่นน่า ...
    ผมเข่าอ่อน พาลจะหน้ามืดจนต้องหลับตาแล้วสูดหายใจลึกๆ พยายามบอกตัวเองว่าอย่าพึ่งความดันขึ้นตอนนี้ อย่างน้อยผมต้องกลับไปดูให้เห็นกับตาว่าไอ้เด็กเวรนั่นมันโกหก เมียผมไม่ได้เป็นอะไร!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อาร์ม

     “แม็กซ์”
     “หุบปากนะอาร์ม ถ้าไม่ใช่เพราะมันทำให้ต้นเสียใจ ต้นก็คงไม่ต้องเจอเรื่องเหี้ยๆ แบบนี้หรอก”
     ไม่ใช่หรอกแม็กซ์ ไม่ใช่เพราะแฟนต้น เพราะกูนี่แหละ ถ้ากูดูแลต้นให้ดีกว่านี้
     ผมอยากพูดแบบนั้นแต่ไม่อยากขัดใจแม็กซ์ เลยปล่อยให้มันโทรปรึกษาป๊าเรื่องเก็บกวาดที่เหลือแล้วหันมาสนใจต้นแทน
     ต้นหลับ แต่มือของต้นกำเสื้อผมไว้แน่น ผมเลยกอดต้นเอาไว้ ผมอยากให้ต้นรู้ว่ามันปลอดภัยแล้ว ต้นเห็นผมเป็นที่พึ่งแต่ผมกลับปกป้องต้นไม่ได้ ผมทำอะไรไม่ได้เลย ผมมันกากจริงๆ
     พวกเราพาต้นกลับคอนโด ผมไม่เคยมาที่นี่แต่แม็กซ์ดูคุ้นเคยดี มันนำผมเข้าไปในห้อง ผมวางต้นลงบนเตียง พวกเราช่วยกันทำความสะอาดตัวให้ต้น สัสเอ้ย!
     “แม็กซ์ กูขอโทษ ฮือๆ
     ยิ่งเช็ด ร่องรอยบอบช้ำตามตัวต้นก็ยิ่งหลอกหลอนผม ต้นไม่ควรเจอกับเรื่องแบบนี้!
     “ใจเย็นๆ อาร์ม”
     แม็กซ์มันกัดฟันตอบโดยไม่มองหน้าผม ผมรู้ว่ามันโกรธผม
     “มึงเอาน้ำไปเปลี่ยนให้กูที”
     แม่ง!
     “มึงจะชกกูก็ได้ มึงชกกูเลยแม็กซ์! กูขอโทษ”
     เลือดเต็มไปหมด!
     “ไอ้เหี้ย! มีสติหน่อยสิวะ คิดว่ากูไม่โกรธมึงเหรอ? กูต่อยมึงแล้วได้อะไร มันลบล้างสิ่งที่เกิดได้มั้ย!”
     แม็กซ์มันตะโกนใส่หน้าผมเสร็จแล้วก็ร้องไห้ พวกเราร้องไห้
     “ช่วยกูเช็ดตัวให้ต้นก่อน เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าต้นเสร็จแล้วมึงจะไปตายที่ไหนก็ไป อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีกจนกว่าต้นจะฟื้น”
     พวกเราไม่เคยแตกคอกัน ไม่เคยทะเลาะกันเพราะเรื่องผู้หญิง แต่ครั้งนี้พวกเราทะเลาะกันเพราะต้น และผมเป็นคนผิดเอง ผมสมควรโดน แค่แม็กซ์มันไม่กระทืบผมก็บุญแล้ว
     “ฮึก กูขอโทษ”
     “เก็บคำขอโทษของมึงไว้บอกกับต้นตอนมันตื่นเหอะ”

     ใกล้ตีสองแล้ว พรุ่งนี้ผมมีคลาสเช้า ผมยังต้องขับรถกลับบ้าน น้ำก็ยังไม่ได้อาบ บ้านก็โคตรไกล เวลาของค่ำคืนนี้เหลืออีกน้อยนิด แต่สิ่งที่ต้องทำมีเพียบ และบาปในใจผมก็พึ่งเริ่มต้นเท่านั้น!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ผมส่งข้อความไปบอกน้องในทีมแล้วรีบออกมา ผมตั้งสติแล้วเหยียบคันเร่งเร็วที่สุดเท่าที่รถผมจะทำได้ โชคดีที่ทางหลวงพัฒนาแล้วผมเลยซิ่งกลับได้แบบไม่ต้องกลัวหลุมบ่อบนถนนจะทำให้รถเสียหลัก ชาวบ้านคงด่าผมน่าดูเพราะผมทั้งปาดทั้งมุด ถ้าทำได้ผมอยากเป็นผู้วิเศษที่เสกให้ตัวเองไปอยู่ที่คอนโด ณ. ตอนนี้เลย! ใจผมร้อนยิ่งกว่าไฟ!
     ขอบคุณที่ผมไม่ตายกลางทาง ไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะซิ่งกลับจากกาญจนบุรีมากรุงเทพได้ภายในสองชั่วโมง! แต่ระยะทางจากที่จอดรถขึ้นไปยังห้องตัวเองนี่สิครับ โคตรไกลเลย อย่างกับปีนขึ้นภู ขาผมสั่นไปหมด ยิ่งกลับมาเห็นแสงไฟในห้องตัวเองสว่างความกังวลผมยิ่งพุ่งตามตัวเลขในลิฟต์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมไขกุญแจเข้าห้องตัวเองอย่างยากลำบาก ผมไม่ได้ดื่มแต่มือผมสั่นยิ่งกว่าคนติดเหล้าที่ลงแดงระยะสุดท้าย พอเปิดเข้าไปในห้องได้ผมเห็นไอ้เด็กเวรนั่นนั่งอยู่ตรงโซฟา
     มันหันมามองผม ระหว่างเราไม่มีคำพูดอะไร แต่ผมรู้ดีว่าสิ่งที่ผมภาวนาไม่เป็นจริง ผมแทบทรุดก้าวขาไม่ออก เกิดอะไรขึ้นกับเมียผม!
     “ต้นล่ะ?”
     “อยู่ในห้อง หลับ”
     สมองผมสั่งให้ตรงไปยังห้องนอน แต่ขาผมมันไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง ยิ่งตอนที่จับลูกบิดประตูจะหมุนเปิดเข้าไปในห้องผมแทบล้มทั้งยืน ผมกลัว!
     และแล้วภาพที่เห็นก็ทำให้ผมทรุด ผมร้องไห้ออกมาไม่อายใคร จำได้ว่าตัวเองถลาเข้าไปกอดต้นแล้วฟูมฟาย ไอ้เด็กเวรนั่นไม่ได้ตามเข้ามา มีแต่ผมกับต้น ต้นหลับไม่ได้สติ ผมเองก็ไร้สติ คุณจะมีสติได้ยังไงถ้ากลับมาพบว่าเมียตัวเองแก้มช้ำ ที่หน้าผากมีรอยคล้ำม่วงๆ ตรงมุมปากก็มีแผลแตก มีร่องรอยถูกทารุณอยู่เต็มไปหมด ผมบอกตัวเองให้กล้าเข้าไว้แล้วสำรวจใต้ร่มผ้า ร่องรอยที่เห็นทำให้ผมทรมานแทน ตามชายโครงของต้นเป็นจ้ำอย่างเห็นได้ชัด รอยช้ำกระจายไปทั่วบ่งบอกความโหดร้ายที่เกิดขึ้น ไอ้สัตว์นรกตัวไหนมันทำกับเมียผมแบบนี้!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แม็กซ์

     “เกิดอะไรขึ้นกับต้น?”
     ในที่สุดมันก็ออกมาเผชิญหน้ากับผม
     “ต้นโดนมอมยา พวกมันกะจะถ่ายคลิปต้น แต่ต้นขัดขืนเลยโดนพวกมันซ้อม”
     “ใคร?”
     “พวกที่ต้นไปเจอที่ร้านกับ... คนที่เคยตามจีบต้น”
     “น้องปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้กับต้นได้ยังไง!”
     อะไรนะ? ผมเงยหน้ามองมันชัดๆ ว่าผมฟังผิดไปรึเปล่า?
     “มึงถามใคร?”
     หึๆ ฮ่าๆ
     “ถามกูเหรอ? กูเป็นใคร? คนที่เป็นแฟนต้นก็คือมึง! คนที่ไปเอากับคนอื่นจนต้นเสียใจแบบนี้ก็คือมึง กูควรจะถามมึงมากกว่าว่ามึงยังมีหน้าพูดว่ารักต้นอีกเหรอ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     คำพูดของไอ้เด็กนี่ทำให้ผมสะอึก ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นผุดขึ้นในใจ ผมก็ไม่ได้ดีไปกว่าไอ้คนที่ทำต้นเลย นี่ผมยังกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นแฟนต้นอยู่อีกเหรอ?
     “มันเกิดขึ้นได้ยังไง? น้องช่วยเล่าให้พี่ฟังหน่อย”
     “ต้นไปเล่นดนตรีกับอาร์มๆ มันไปคุยธุระ พอกลับมาก็ไม่เจอต้น ถามเจ้าของร้านมันก็บ่ายเบี่ยง มันเลยโทรหากู พวกเราไปตามหาต้น พอไปเจอ ... ก็สภาพอย่างที่เห็น”
     “แล้วน้องรู้มั้ย เกิดอะไรกับต้นบ้าง พวกมันให้ต้นกินยาอะไร?”
     “ยาอะไรกูก็ไม่รู้ แต่ถ้ามึงอยากรู้ว่าเกิดอะไรบ้าง มึงดูเองเหอะ”
     มันส่งโทรศัพท์ให้ผม
     “ของพวกมัน เพราะต้นขัดขืนทำกล้องมันเจ๊งเลยโดนอย่างที่เห็น กูยึดของพวกนี้มาด้วยเพราะไม่แน่ใจ”
     ผมรับมาด้วยมือที่สั่นเทา ยิ่งภาพในคลิปดำเนินไปผมก็แทบล้มทั้งยืน!
     ภาพรอยยิ้มของต้นปรากฏขึ้นในความทรงจำขัดกับเสียงด่าทอในคลิป ผมยังจำได้ดีถึงวันที่ผมได้มันด้วยความเต็มใจเป็นครั้งแรก ต้นซุกหน้าลงบนอกผมด้วยสีหน้าเขินอายแตกต่างกับใบหน้าบิดเบี้ยวที่กำลังกรีดร้องในคลิป พวกมันทำลายต้น! แต่สาเหตุที่ทำให้ต้นเจอกับเรื่องเลวร้ายพวกนี้คือผมเอง ผมควรจะรู้ว่าเมียผมไม่มีทางมีคนอื่น ต้นมันรักผมจะตาย ผมยังกล้าทำร้ายจิตใจมัน
     ผมจำหนึ่งในพวกมันได้ ผมจะจองเวรกับมันให้ถึงที่สุด!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แม็กซ์

     “พี่ฝากน้องดูแลต้นซักพักได้มั้ยครับ”
     ผมมองหน้ามันแทนคำถาม มันดูคลิปจบแล้วและมีสภาพไม่ต่างกับผมตอนเห็นคลิป น้ำตามันไหลอาบหน้า
     “พี่จะออกไปทำธุระข้างนอกหน่อย”
     “ไปไหน?”
     มึงยังจะออกไปไหนอีกเหรอวะ!
     “หลักฐานนอกจากคลิปนี้แล้วมีอะไรอีกบ้างครับ?”
     “ไม่มีแล้ว ในกล้องพวกนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับต้นนอกจากไฟล์อุบาทว์ของพวกมัน ไอ้พวกหาเงินกับคลิป!”
     “ครับ งั้นพี่ขอโทรศัพท์เครื่องนี้ไว้เป็นหลักฐาน”
     “มึงจะไปแจ้งความ!”
     ไอ้เหี้ยเอ้ย!
     “นี่มันคดีอาญานะน้อง ทำร้ายร่างกายกันแบบนี้ยอมความกันไม่ได้หรอก”
     “แต่ต้น!”
     “แล้วน้องจะปล่อยพวกมันลอยนวลเหรอ”
     ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าต้นรู้ว่าคนอื่นรู้เรื่องนี้แล้วต้นจะเป็นยังไง
     “กูกระทืบพวกมันไปแล้ว เรื่องอื่นป๊ากูก็เคลียร์ให้ มันคงไม่กล้ายุ่งกับต้นอีก”
     “ไม่เกี่ยวกันครับ คนผิดสมควรได้รับโทษ ถ้าพี่ฆ่าพวกมันแล้วไม่ติดคุกพี่คงทำไปแล้ว พี่จะหาทางเล่นงานพวกมันไม่ให้ผุดไม่ให้เกิด อย่างไอ้คนที่มันเป็นรุ่นพี่เพื่อนน้องก็สมควรหมดอนาคต"
     “มึงหมายความว่าไง?”
     “ถ้าแบ็กน้องใหญ่ให้เขาช่วยสิครับ ตามเรื่องขบวนการปล่อยคลิป คงได้ผลงานไม่น้อย เอาให้ทั้งจำทั้งปรับส่งให้พวกมันไปหาผัวอยู่ในคุกเล่น ส่วนไอ้เวรนี่พี่คิดว่าพ่อของต้นสมควรรู้ว่าเกิดอะไรกับลูกชายเขา และควรจะรู้โดยเร็วด้วยจะได้ไม่ต้องมีไอ้เวรนี่อยู่เป็นเสนียดสถาบันพี่อีก”
     ผมมองตามัน ไฟแค้นในแววตามันลุกโชน ผมสะใจกับสิ่งที่มันเสนอ
     “เดี๋ยวกูเฝ้าต้นให้เอง”
     “ฝากด้วยนะครับ พี่จะพยายามรีบกลับมาก่อนเช้า”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เด็กที่ถูกทิ้ง

     “โอ๊ย! แกโทรมาทำไมป่านนี้ นี่มันตีสามนะ”
     “ไม่ทันแล้วป่าน ฮือๆ
     “ใจเย็นๆ อิไปป์! เกิดอะไรขึ้น?”
     “ฮือๆ ไม่ทันแล้ว พี่ตาบอกว่าไม่ทันแล้ว ฮือๆ
     “แกเพ้ออีกแล้วใช่มั้ย!”
     “ฮือๆ
     “ช่วยต้นไม่ทันแล้ว ฮือๆ
     “นี่แกฟังฉันให้ดีๆ นะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด กรรมใครกรรมมัน แกขวางกรรมใครไม่ได้หรอก
     “แต่ต้น...”
     “ต้นไม่เป็นไรหรอก พวกเราทำเท่าที่จะทำได้แล้วไปป์”
     “แต่เรากลัว ป่าน”
     “เชื่อฉัน เขาแค่มาเตือน พวกเราก็ทำเท่าที่ทำได้แล้ว ที่เหลือเป็นเรื่องของต้นมัน พวกเรายุ่งอะไรไม่ได้”
     “แต่”
     “อย่างอแงน่าไปป์”
     “ฮือๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#14/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน20
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 14-11-2014 00:24:00
ต้นตระการ

     แฟนของลูกชายผมบุกมาที่บ้านตอนตีสี่ ผมไม่คิดตำหนิด้วยรู้ดีว่าปกติพวกเราต่างคนต่างอยู่ การที่เขาซึ่งไม่ถูกชะตากับผมบุกมาขอคุยธุระด่วนเช่นนี้ทำให้ผมกังวล เรื่องที่เขาจะคุยกับผมคงมีเพียงเรื่องเดียวและนั่นก็คงเกี่ยวกับต้น
     ผมบอกคุณสุให้ขึ้นไปนอนต่อและขอคุยกับเขาตามลำพัง โชคดีที่ยัยษาอยู่หอไม่อย่างนั้นเธอคงอยากรู้เรื่องของน้องด้วยเช่นกัน และนั่นอาจทำให้เธอหัวใจสลายเหมือนผม
     ผมคิดไว้แต่แรกแล้วว่าคงไม่ใช่เรื่องดี แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายถึงเพียงนี้!

     ผมเชิญเขาเข้ามาในบ้านแล้วนั่งคุยกับเขาในห้องรับแขก ผมถามเขาว่ามีธุระด่วนหรือ? เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดถึงมาหาผมยามวิกาลเช่นนี้ แต่เขาไม่ตอบ เขายื่นโทรศัพท์มือถือให้ผมแล้วบอกให้ผมเปิดดูคลิปเอง
     เนื้อหาที่เห็นจากคลิปทำให้ผมใจสลาย เหมือนมีคนเอามือมาบีบเค้นหัวใจผม ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคหัวใจหาไม่แล้วผมคงขาดใจตายตรงนี้! เสียงร้องของต้นทำให้ผมเจ็บเจียนใจจะขาด ทำไมต้องเกิดเรื่องเลวร้ายกับลูกชายของผม!
     “ตอนนี้ต้นอยู่ที่ไหน?”
     ผมรู้ข่าวว่าลูกไปพักบ้านพ่อผม มันไม่ควรจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!
     “ต้นหลับอยู่ที่คอนโด เพื่อนเขาพากลับมาส่งให้ พรุ่งนี้... ผมจะพาต้นไปโรงพยาบาล คง... ต้นคงต้องตรวจร่างกายหลายอย่าง”
     “ต้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
     “บอบช้ำพอสมควร เพื่อนของต้นบอกว่าตอนที่ไปช่วยต้นรู้ตัวดี แต่ไม่มีสติเพราะกลัว และ... ดูเหมือนต้นจะโดนวางยา”
     “ยาอะไร!”
     “ผมไม่รู้ คงต้องรอผลตรวจอีกที”
     “ทำไมคุณไม่รีบพาลูกผมไปโรงพยาบาล!”
     “เพราะผมอยากตกลงกับคุณ”
     “ตกลง?”
     “คุณจะปล่อยให้เรื่องนี้มันหายไปเงียบๆ หรือคุณจะจัดการเอาคนผิดมาลงโทษ”
     “คุณหมายความว่ายังไง?”
     “หนึ่งในนั้นเป็นรุ่นพี่ชมรมเดียวกับต้น อีกคนเป็นเจ้าของร้านที่ต้นไปเล่นดนตรีให้ เพื่อนของต้นไม่รู้ว่าเขาถูกใจต้นเลยไม่ทันระวัง พวกมันร่วมมือกันทำร้ายต้น”
     ผมรับรู้ผ่านสีหน้าและแววตาของเขา ผู้ชายคนนี้รักลูกผมมาก ความเจ็บปวดของเขาไม่ใช่การเสแสร้ง เขาเป็นทุกข์เช่นเดียวกับผม
     “สำหรับผมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะยังรักต้นเหมือนเดิม แต่ผมไม่ต้องการเห็นคนผิดลอยนวล ผมอยากเอาเรื่องพวกมันให้ถึงที่สุด และถ้าจะดำเนินคดีกับพวกมัน พวกคุณอาจต้องตอบคำถามสังคม”
     ผมรู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าพ่อผมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้นแกคงทำใจไม่ได้ คนอื่นจะพูดถึงลูกผมอย่างไร ต้นคงรับไม่ได้
     หึๆ ลูกชายผมโดนมอมยา พวกมันพยายามข่มขืนลูกผม นี่มันอะไรกัน! สังคมมันวิปริตถึงขั้นนี้เชียวหรือ?
     รึมันเป็นเวรกรรมที่ผมเคยทำไว้กับคนอื่น เพราะความมักมากของผม บาปกรรมต่างๆ ถึงมาตกที่ต้น เวรกรรมมันตามสนองผมด้วยเคราะห์กรรมที่เกิดกับลูกผม ลูกชายไม่ใช่ลูกสาว ลูกคนที่เปราะบางที่สุดของผม ผมไม่อยากคิดถึงสภาพจิตใจของต้นเลย เด็กคนนั้นต้องทนไม่ได้แน่ๆ โธ่ ต้นลูกพ่อ...
     แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะเป็นลูกผม! และผมจะไม่ปล่อยให้คนที่ทำร้ายลูกผมลอยนวล!
     “ผมจะจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ ของต้นให้เรียบร้อย ฝากคุณรวบรวมพยานหลักฐานด้วย แล้วเราจะไปแจ้งความกัน”

     “ไม่จำเป็นครับ เรื่องคดีผมกับเพื่อนของต้นจะจัดการเอง ผมจะพยายามให้มันกระทบถึงตัวต้นน้อยที่สุด แต่ที่ผมมาขอความร่วมมือจากคุณคือเรื่องของผู้ชายคนนี้ มีทั้งข้อมูลและหลักฐานชัดขนาดนี้ผมหวังว่าคุณคงไม่ปล่อยให้คนเลวๆ ลอยนวลอยู่ในสถาบันต่อไปนะครับอาจารย์!”
     ผมเข้าใจจุดประสงค์ของเขาแล้ว!
     “เรื่องนี้ผมว่า”
     “หรือคุณจะปล่อยให้เรื่องมันเงียบไปแล้วให้มันลอยนวลทั้งๆ ที่ทำกับต้นแบบนั้น”
     “แต่ถ้าหากเราทำอะไรคนที่เสียหายก็คือต้น ลูกผมยังต้องใช้ชีวิตที่นั่นอีกหลายปี!”
     “แล้วที่ผ่านมาต้นยังเสียหายไม่พออีกเหรอครับ? เรื่องแบบนี้มันปิดกันไม่ได้อยู่แล้ว ข่าวคาวๆ มันกระพือเร็วแค่ไหนคุณก็รู้ สู้ลงดาบจัดการคนผิดให้มันถูกต้องไม่ดีกว่าเหรอครับ จัดการทุกอย่างให้มันถูกต้องใครจะว่าอะไรต้นได้ ต้นคือผู้เสียหายนะครับ ผู้เสียหายไม่ใช่ผู้กระทำผิด ไม่มีเหตุผลที่ต้องอับอาย!
     ความคิดตรงไปตรงมาของผู้ชายคนนี้ทำให้ผมทึ่ง เขาทำให้ผมย้อนกลับมามองตัวเองว่าที่ผ่านมาผมเอาใจใส่ลูกด้วยวิธีไหน ความเปิดเผยของเขาทำให้ผมที่ตลอดชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องลับๆ รู้สึกนับถือ ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมลูกชายผมถึงหลงรักผู้ชายคนนี้ ลูกผมต้องการใครสักคนที่พร้อมจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างเขา คนที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะรักเขาโดยไม่มีข้อแม้ ผู้ชายที่เข้มแข็งพอจะเป็นที่พึ่งให้เขาได้
     คนๆ นี้คือ“พ่อ”ในอุดมคติของลูกชายผม
     “ผมจะจัดการให้เร็วที่สุด”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แม็กซ์

     ผมเผลอหลับไป! ผมหลับคาโซฟาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ผมสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกว่ามีคนพุ่งเข้ามากอดผม และเมื่อผมลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้าให้ชัดๆ ต้น!
     ผมไม่คิดว่าไอ้เหี้ยนั่นจะมากอดผมหรอก ถ้ามันทำโลกคงถึงกาลอวสาน แต่การที่ต้นลุกขึ้นมากอดผมนี่ก็แปลกโคตรพอกัน
     ต้นมันกอดผมถึงขั้นนัวเนีย มันปีนขึ้นมานั่งทับบนตัวผม แล้วต้นก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คิดไม่ฝันมาก่อนในชีวิต ต้นจูบผม!
     มันไม่ใช่จูบแบบที่ผมเคยทำ มันพยายามสอดลิ้นเข้ามาด้วย นอกจากนี้ก้นมันยังเบียดอยู่กับน้องชายผม มันนั่งร่อนอยู่บนตักผม!
     สติผมกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้วครับ! เหมือนสมองผมไม่สั่งการ ผมรู้ว่าตัวเองตื่นแต่อดคิดไม่ได้ว่าอาจจะฝัน ความจริงที่นัวเนียอยู่ในปากผมมันโคตรฟินกว่าที่ผมฝันไว้มาก
     ผมรู้ดีว่าผมหลงรักต้น แต่ผมไม่ใช่เกย์ กว่าผมจะทำใจได้ว่าหลงรักตุ๊ดผมต้องใช้เวลาเป็นปี ผมต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองแทบตายเพื่อตัดสินใจว่าไม่ว่าต้นจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายผมก็จะรักมันเพื่อที่จะมาอกหักเพราะพบว่าต้นมันรักคนอื่นไปแล้ว และผมทำได้แค่หลงรักมันเงียบๆ รอเวลา แต่ผมไม่คิดว่ามันจะมาถึงเร็วแบบนี้!
     การโดนต้นจู่โจมกะทันหันทำให้ผมตั้งสติไม่ทัน ไม่เคยรู้เลยว่ามันจะเร่าร้อนแบบนี้ นึกว่ามันดีแต่ยั่วแล้วไม่ประสีประสา มันจูบเก่งเหมือนกันนี่หว่า หรือที่ผมไม่มีปัญหาอารมณ์ขึ้นเพราะนี่คือต้นวะ!
     แต่แล้วผมก็คิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้น ผมหายมึนขี้ตา เลิกเมาจูบ ต้นไม่มีวันทำแบบนี้กับผมอยู่แล้ว สามัญสำนึกของผมบอกให้ผมผลักต้นออกก่อนที่ผมจะหยุดตัวเองไม่อยู่ ผมไม่ควรซ้ำเติมต้น!
     ต้นมันมองหน้าผมแบบงงๆ
     “พี่ชัช...”
     ชัดเลย ... เพื่อนผมมันไม่มีสติ ต้นกำลังหลอนเพราะฤทธิ์ยา ก็คิดอยู่ว่ามันไม่มีทางพุ่งมานัวเนียกับผมอย่างดูดดื่มแบบนี้หรอก โคตรเซ็งเลย!
     แต่ในระหว่างที่ผมกำลังเซ็ง ต้นมันก็เล่นบทโศก
     “ฮึก ... ฮึก พี่ชัชเกลียดผมแล้วเหรอครับ”
     ผมไม่รู้ว่าควรจะสงสารตัวเองหรือสงสารต้นดี
     “พี่ชัชรังเกียจผมเหรอ ฮือๆ
     ต้นมันรัดคอผมแน่นจนผมหายใจไม่ออก
     “เพ้อแล้วต้น!”
     “พี่ชัชเกลียดผม!”
     เพื่อนผมกรี๊ดเหมือนคนบ้า เหี้ยเอ้ย! ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับต้นด้วยวะ!
     เพราะไอ้ยานรกนั่นแท้ๆ ที่ทำให้เพื่อนผมประสาทหลอนแบบนี้
     “ต้นๆ ฟังแม็กซ์ก่อน นี่แม็กซ์เอง”
     “ผมไม่ได้มีอะไรกับแม็กซ์ ผมรักพี่ชัช!”
     โอ๊ย ... เจ็บว่ะต้น!
     “ครับๆ แม็กซ์รู้ แม็กไม่เคยมีอะไรกับต้น แต่ต้นปล่อยแม็กซ์ก่อนนะ แม็กซ์หายใจไม่ออก”
     “แม็กซ์...
     เหมือนมันจะได้สติ ต้นปล่อยคอผมเป็นอิสระแล้วผละออกมาจ้องหน้าผม
     “แม็กซ์เหรอ?”
     สายตาของต้นดูสับสน แต่แล้วมันก็เริ่มคร่ำครวญอีกครั้ง
     “แม็กซ์ ฮือๆ ช่วยเราด้วย”
     ต้นโผเข้าหาผมแล้วร้องไห้
     “ปลอดภัยแล้วต้น”
     ผมปลอบต้นตามอัตโนมัติ
     “พี่ชัช! พี่ชัชเขาเบื่อเราแล้ว เขาจะทิ้งเราแล้ว เขาไม่รักเราแล้ว ฮือๆ ช่วยเราด้วยแม็กซ์”
     เพื่อนผมพึ่งโดนซ้อม เกือบโดนข่มขืน โดนมอมยา มันเพ้อเพราะฤทธิ์ยา แต่สิ่งที่เป็นปีศาจคอยหลอกหลอนต้นอยู่ตอนนี้กลับเป็นเรื่องของไอ้เหี้ยนั่น นี่คือความกังวลที่ต้นกลัวมากที่สุดในชีวิตใช่มั้ย? ในสมองของต้นมีแต่เรื่องของมัน โคตรเจ็บเลยครับ!

     กว่าผมจะทำให้มันสงบแล้วลากไปส่งที่เตียงได้ก็นานโข ต้นประสาทหลอน มันเพ้อ แต่สิ่งที่มันกลัวกลับเป็นเรื่องของไอ้เหี้ยนั่น หรือไม่ต้นก็อาจจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ผมมองสภาพของต้นแล้วก็กลัว ถ้าต้นรู้ความจริงต้นจะรับได้มั้ย?
     ผมห่มผ้าห่มให้ต้นแล้วออกจากห้องนั้น
     “อ้าว!”
     มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!
     “ต้นสงบแล้วเหรอครับ”
     “เออ หลับไปแล้ว”
     “พี่... พี่ขอบใจน้องมากที่ดูแลต้นเป็นอย่างดี”
     กูจุกว่ะ!
     “กูรักต้น และกูไม่คิดจะทำเรื่องเหี้ยๆ กับคนที่กูรัก ... ต้นมันโคตรรักมึงเลย แต่มึงทำให้มันเสียใจกี่ครั้งแล้ว ถ้ามึงรักต้นอย่าทำให้มันร้องไห้อีกไม่งั้นกูสาบานว่ากูจะทำทุกวิธีให้ได้มันมา!”
     “พี่รู้ครับว่าพี่ดูแลต้นไม่ดีพอ ถ้าต้นให้โอกาสพี่ๆ จะดูแลเขาให้ดีกว่าเดิม”
     คำพูดของมันทำให้ผมมีความหวัง แต่ผมยังไม่กล้าฟันธง!
     “งั้นกูกลับล่ะ”
     มันพยักหน้าให้ผม ... ช่างเหอะ ยังไงตอนนี้อาการของต้นก็สำคัญที่สุด มันมาดูแลต้นต่อก็ดีแล้ว ผมจะได้กลับไปจัดการธุระของผมต่อ ผมจะเอาพวกมันเข้าคุกให้หมด ยัดได้กี่ข้อหาผมจะยัดแม่ง! เอาให้มันหาผัวในคุกนานๆ เลย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ผมกลับมาถึงเห็นไฟในห้องรับแขกเปิดทิ้งเอาไว้แต่ไร้เงาคน เสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากในห้องนอน นั่นคือเสียงของต้น!
     แวบแรกผมตกใจนึกว่าเกิดอะไรกับเมียผม แต่พอจับใจความได้ผมเหมือนถูกตีแสกหน้า
     “พี่ชัชเค้าจะทิ้งเราแล้ว เค้าเบื่อเราแล้ว เค้าไปเอากับผู้หญิงอื่น เค้าไม่รักเราแล้ว ฮือๆ
     เสียงร้องไห้น่าเวทนาดังมาทำเอาผมเจ็บแปลบเหมือนโดนมีดเสียบเข้าตรงกลางหัวใจ
     “ไม่มีทาง มันรักต้นจะตาย ต้นอย่าคิดมากนะ”
     “แต่พี่เค้าเบื่อเราแล้ว เค้าไล่เรา ฮือๆ
     “ต้นไม่ต้องกลัวหรอก ถึงไม่มีมันก็มีแม็กซ์นะ”
     “นายไม่เข้าใจ! เรารักพี่ชัช ฮือๆ ได้ยินมั้ย เรารักพี่ชัช ฮือ
     “โอเคๆ แม็กซ์รู้ แต่ต้นนอนก่อนนะ”
     “ไม่! เราจะไปหาพี่ชัช ฮือๆ พี่ชัชไปไหน เค้ารังเกียจเราแล้วใช่มั้ย? พี่ชัชทิ้งเราแล้วใช่มั้ย?”
     “แฟนต้นไปทำงานไง เดี๋ยวก็กลับ นิ่งก่อนต้น นอนซะนะ”
     “ไม่! ฮือๆ เราอยากเจอพี่ชัช พี่ชัชไปไหน นายโกหก! ฮือๆ พาเราไปหาพี่ชัชนะ เราอยากเจอพี่ชัช แม็กซ์พาเราไปนะ เราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ฮือๆ
     ถ้อยคำเพ้อเจ้อในยามไร้สติของต้นทำให้ผมน้ำตาไหล ไม่ว่ามันจะหายใจเข้าออกมีสติหรือไม่มันก็มีแต่ผม ผมสิวอกแวกนับครั้งไม่ถ้วน ภาพที่เห็นจากประตูที่ปิดไม่สนิทคือต้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงเหมือนคนบ้า ไอ้เด็กเวรนั่นต้องกดตัวต้นไว้แล้วปลอบ อย่างน้อยก็ต้องยอมรับเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษของมันที่ไม่ฉวยโอกาสกับเมียผม แล้วผมล่ะ? ทำได้ครึ่งนึงของไอ้เด็กนี่มั้ย? ไม่เลย... ผมเลวกว่ามันเยอะ
     นอกจากความเจ้าชู้แล้วผมยังไม่ให้เกียรติต้น ผมทำร้ายมันสารพัด ผมระแวงมันเพราะความเลวทรามของตัวเอง กลัวมันจะเอาคืนผมเหมือนเรื่องแย่ๆ ที่ผมเคยเจอ แต่ต้นมันรักษาเกียรติของตัวเองไว้อย่างมั่นคงจนกระทั่งศักดิ์ศรีของมันถูกทำลาย ทำไมเรื่องเลวร้ายต้องเกิดกับคนดีๆ แบบมันด้วย! ทำไมไม่มาเกิดกับคนเลวๆ แบบผม!
     หรือบางที ผมอาจจะเป็นสิ่งชั่วร้ายที่สุดในชีวิตของต้น...
     เป็นเวลานานที่ผมนั่งฟังเสียงร้องไห้ของมัน จนกระทั่งเสียงเงียบไป ไอ้เด็กนั่นก็เดินออกมา
     “อ้าว!”
     “ต้นสงบแล้วเหรอครับ”
     “เออ หลับไปแล้ว”
     มันพยักหน้าให้ผมกลายๆ ผมเคยเกลียดมัน แต่ถ้าไม่มีมันต้นคงถูกย่ำยีมากกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะความรักที่มั่นคงของมันคงไม่มีใครอยู่ข้างๆ ต้นในวันที่ผมทำตัวงี่เง่า ผมเป็นแฟนของต้นแต่ผมกลับ...
     “พี่... พี่ขอบใจน้องมากที่ดูแลต้นเป็นอย่างดี”
     ถึงไม่อยากยอมรับแต่ผมเป็นหนี้บุญคุณมัน มันดูแลต้นได้ดีกว่าผมเสียอีก
     “กูรักต้น และกูไม่คิดจะทำเรื่องเหี้ยๆ กับคนที่กูรัก”
     มันหยุดพูดแล้วทำสีหน้าเจ็บปวดก่อนจะพูดต่อ
     “ต้นมันโคตรรักมึงเลย แต่มึงทำให้มันเสียใจกี่ครั้งแล้ว”
     นั่นสิ ผมทำให้ต้นร้องไห้ไปตั้งมากมาย กี่ครั้งที่มันน้อยใจผม
     “ถ้ามึงรักต้นอย่าทำให้มันร้องไห้อีก ไม่งั้นกูสาบานว่ากูจะทำทุกวิธีให้ได้มันมา!”
     “พี่รู้ครับว่าพี่ดูแลต้นไม่ดีพอ ถ้าต้นให้โอกาสพี่ๆ จะดูแลเขาให้ดีกว่าเดิม”
     ถ้าเพียงแต่ต้นมันจะให้อภัยผม ผมสัญญากับตัวเองว่าจะดูแลมันให้ดีกว่าเดิม ผู้ชายไม่ได้เรื่องคนนี้จะมีแต่มันคนเดียวตลอดไป
     ถ้าต้นมันจะยอมให้อภัยผมนะครับ เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับต้น มันก็ยังบริสุทธิ์งดงามในสายตาผมเสมอ คนที่สกปรกคือผมเอง
     “งั้นกูกลับล่ะ”
     ผมพยักหน้าให้มันเพราะจุกกับความเป็นจริง หลังจากมันกลับไปแล้วผมต้องสะกดจิตตัวเองอยู่นาน ผมสั่งตัวเองให้เข้มแข็งเพื่อเผชิญหน้ากับเรื่องที่เกิด
     แต่พอผมเข้ามาให้ห้องนอนแล้วนั่งลงบนเตียงที่ต้นหลับไม่ได้สติผมก็ร้องไห้ กี่คืนแล้วที่มันไม่ได้กลับมาที่นี่ ผมต้องนอนคนเดียวภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของมัน แต่พอมันกลับมา มันกลับมีสภาพยับเยินเพราะถูกคนอื่นทำลาย ยิ่งนึกถึงคำพูดตอนมันเพ้อผมก็ยิ่งเจ็บ! ต้นมันรักผมมากแต่ผมกลับตอบแทนความรักของมันอย่างน่าทุเรศ!
     ผมควรจะทะนุถนอมมันอย่างดีแท้ๆ ผมไม่ควรทำร้ายคนที่รักผมอย่างมันเลย ผมไม่คู่ควรกับมันจริงๆ
     “พี่ขอโทษนะต้น พี่รักเรานะครับ”
     ผมจูบลงบนหน้าผากช้ำๆ ของมัน รู้ดีว่ามันคงไม่ได้ยิน แต่ผมอยากบอกมันเหลือเกินว่าผมรักมันมากจริงๆ

     ผมนอนไม่หลับ ใครมันจะไปหลับลงละครับ มีเรื่องบ้าๆ เกิดขึ้นกับคนที่ผมรัก ต่อให้วิ่งวุ่นทั้งคืนมากแค่ไหนเหนื่อยแสนเหนื่อยเพียงไรผมก็หลับไม่ลงอยู่ดี ผมนอนรอเวลาให้พระอาทิตย์ขึ้น อาบน้ำแต่งตัวออกไปซื้อข้าวเช้าให้มัน ระหว่างนั้นก็โทรคุยเรื่องงานที่หนีกลับมาก่อน ถึงเด็กมันไม่พูดแต่ผมก็รู้ดีว่าผมทิ้งหน้าที่กลางคัน คงเป็นหัวหน้าที่ดูไม่ดีเท่าไหร่ คิดแล้วก็เหนื่อยครับ งานของพวกผมต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าเสมอ บางคนต้องพาครอบครัวหมอไปธุระแต่ไม่มีเวลาดูแลลูกตัวเองก็มี ผมเริ่มเหนื่อยกับงานที่ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัว บางทีผมอาจจะหาวันลาจริงๆ จะได้หยุดมาดูแลต้น
     ต้นหลับสนิทไม่รู้สึกตัว และผมก็ไม่อยากปลุกมันเลยแอบออกมาซื้อโจ๊ก คิดแล้วก็ขำชะมัด นึกถึงสมัยที่อยู่กับมันใหม่ๆ ตอนมันไม่สบายมันกินอะไรไม่ลง ผมก็เห็นมันกินน้อยเป็นปกติเลยไม่ได้ใส่ใจ ปรากฏว่าคืนนั้นอยู่ดีๆ มันลุกออกไปเซเว่นตอนตีสองบอกว่าหิวข้าว ไอ้ผมก็เป็นห่วงเลยไปกับมันแล้วมันก็ถือโจ๊กกระป๋องกลับมาต้มน้ำร้อนกิน กว่าผมจะง้างปากมันได้ว่ามันชอบกินโจ๊กตอนไม่สบาย ถ้ามันหัดอ้อนผัวซักคำนะ ตีสองก็ตีสองเถอะ ผมขับรถพามันไปหาร้านโจ๊กอร่อยๆ กินแล้ว
     ตั้งแต่วันนั้น ถ้าวันไหนรู้ว่ามันไม่สบายผมก็มักจะซื้อโจ๊กไปให้มัน
     ไอ้ต้นมันขี้เกรงใจผมเสมอ จะเอาอะไรก็ไม่ค่อยบอก ปล่อยให้ผมต้องคอยสังเกตเอาเอง เหนื่อยชิบเป้ง! แต่พอได้เห็นรอยยิ้มของมันผมก็อิ่มใจนะ ... ไม่รู้ว่ามันจะยิ้มให้ผมอีกรึเปล่า ผมหวังว่าต้นจะยิ้มให้ผมเหมือนเดิม
     ภาพความสุขของคืนวันเก่าๆ ย้อนกลับมาในความทรงจำ ยิ่งนึกผมก็ยิ่งมีความสุข ผมอมยิ้มน้อยๆ เมื่อคิดถึงสีหน้ามีความสุขของมันยามอ้อนผม ไม่น่าเชื่อว่าสองปีที่ผ่านมาต้นทำให้ผมมีความสุขมากจนคิดถึงผู้หญิงคนอื่นไม่ออก ต้นทำให้ผมลืมทุกคนและจำแต่มัน ต่อให้เป็นเรื่องงี่เง่าที่ผมมักจะโดนคนอื่นบ่นใส่ผมยังคิดถึงแต่เสียงหงุดหงิดที่คอยบ่นผมด้วยถ้อยคำสุภาพของมัน ผมตั้งใจว่าจะกลับไปแล้วทำทุกอย่างเพื่อขอคืนดีกับมัน   
     ผมคิดเล่นๆ ว่าต่อให้ต้องกราบมันผมก็ยอมวะ แบบว่าผมรักเมียคนนี้มากครับ ไม่ใช่แต่มันหรอกที่ขาดผมไม่ได้ ผมเองก็อยู่โดยไม่มีมันไม่ได้เช่นกัน
     ผมกลับถึงห้อง วางถุงโจ๊กลงบนโต๊ะกินข้าว คิดว่าต้นคงยังไม่ตื่นเพราะความเงียบเชียบไร้การเคลื่อนไหวเลยเปิดประตูห้องนอนเข้าไปเบาๆ กลัวทำมันตื่นครับ แต่ไร้ร่างของต้นบนเตียง!
     ผ้าห่มถูกเลิกออกยับยู่ยี่ไม่ได้พับผิดวิสัยเมียผมสุดๆ ตู้เสื้อผ้าถูกเปิด กล่องยาถูกรื้อกระจุยกระจาย! ประตูห้องน้ำปิดแต่ไม่มีเสียงน้ำไหล ผมสังหรณ์ใจไม่ดี ความเย็นยะเยือกแล่นเข้าสู่หัวใจผม มันต้องไม่ใช่แบบที่ผมคิด!
     ผมรีบตรงไปยังห้องน้ำ พอเปิดประตูออก ภาพที่เห็นทำผมช็อก!
     ต้นนั่งอยู่บนพื้น แผงยานอนหลับตกอยู่ข้างตัว ในมือขวามันถือใบมีดโกน ส่วนข้อมือซ้ายมีเลือดไหลทะลัก เมียผมฆ่าตัวตาย!
     “ต้น!”
     ผมรีบพุ่งไปหามัน นาทีนี้ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว!
     “พี่ชัช...”
     เสียงของต้นฟังดูเลื่อนลอยผิดกับเสียงตะโกนของผม มันเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้ม มันพยายามฉีกยิ้มทั้งๆ ที่คิ้วผูกโบว์แถมยังร้องไห้
     “ทำแบบนี้ทำไม!”
     “ผมขอโทษ ผมรักพี่ชัชนะ ฮือๆ
     ผมอยากห้ามเลือดให้มันแต่ต้นจับมีดโกนแน่นไม่ยอมปล่อย ผมกลัวมันจะเชือดคอตัวเองเป็นบ้า! ผมกอดมันไว้แล้วพยายามจะบีบมือข้างที่ถือมีดของมัน แต่ต้นขัดขืน
     “ปล่อยมีดเดี๋ยวนี้!”
     “ให้ผมไปเถอะ ผมไม่อยากอยู่แล้ว ผมกลัว ผมสกปรก พี่ชัชก็ไม่รักผมแล้ว ไม่มีใครแล้วฮือๆ
     ยิ่งมันเพ้อ ผมยิ่งเจ็บ ใครว่าผมไม่รักมัน ผมรักมันสุดหัวใจ!
     “ผมไม่อยากอยู่แล้ว ทุกคนต้องรังเกียจผมแน่ๆ ฮือๆ
     “พี่บอกให้ปล่อย! ทำร้ายตัวเองทำไมห๊ะ!”
     “พี่ชัชไม่รักผมแล้ว ฮือๆ
     “ใครบอก พี่รักเรานะ”
     “แต่ผม ... ฮือๆ พวกมัน ปล๊อย! ปล่อยผม ผมอยากตาย
     “พวกมันไม่ได้ทำอะไรต้น ไม่มีใครทำอะไรเรานะครับ”
     “โกหก! ผม ... ฮือๆ
     “เชื่อสิพี่เห็นหมดแล้ว พี่ไม่ได้โกหกนะครับ เพื่อนเราเข้าไปช่วยเราไว้ทันนะ ต้นไม่ได้เป็นอะไร เราปลอดภัย พวกมันยังไม่ได้ทำอะไรเรานะ”
     “ผมไม่เชื่อ! พี่ชัชหลอกผม ฮือๆ ปล่อย”
     ผมต้องกอดมันไว้ ไม่สนว่าคมมีดที่แกว่งไปมาจะบาดตัวเองหรือไม่ ผมรู้แต่ผมไม่อยากให้ต้นทำร้ายตัวเอง
     “เชื่อพี่นะครับ ต่อให้ต้นเป็นอะไรพี่ก็จะยังรักต้นนะ พี่รักต้นนะครับ”
     “พี่ชัชโกหก! ขนาดผมพยายามทำทุกอย่างพี่ยังทิ้งผมเลย ฮือๆ
     “พี่ผิดไปแล้วพี่ขอโทษ”
     “ผมไม่เชื่อ พี่ชัชเบื่อผมแล้วใช่มั้ยละ! คนอย่างผมตายๆ ไปได้ก็ดี เกิดมาก็ไม่มีใครรัก ฮือ
     “พี่ไง! พี่รักเรานะครับ”
     “โกหก! ผมเกลียดพี่ชัช ฮือๆ ให้ผมตายผมไม่อยากอยู่แล้ว ฮือๆ
     ต้นมันกรี๊ดออกมาเหมือนคนบ้า ผมก็ร้องไห้เหมือนคนเสียสติ ทั้งกอดทั้งรัดมัน ร้องไห้ไปแย่งมีดไป ทำไมมันถึงคิดสั้นแบบนี้!
     “ถ้าต้นไม่รักพี่แล้วก็ฆ่าพี่เลยสิ! อย่าทำแบบนี้ ถ้าต้นโกรธพี่ทำไมไม่มาทำพี่ ทำร้ายตัวเองทำไม!”
     “ฮือๆ ผมรักพี่ชัชนะ ฮือๆ
     เสียงของต้นเริ่มเบาลง ต้นพูดช้า แรงต่อต้านในอ้อมกอดผมหายไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้การ!
     ในที่สุดผมก็แย่งมีดจากมันได้ โชคดีที่มันไม่ได้เสียเลือดมากจนช็อก แต่เพราะยาที่เริ่มออกฤทธิ์ต้นเลยเริ่มซึมและหมดแรง ผมรีบหาผ้ามาห้ามเลือดแล้วอุ้มมันออกมา ยาพวกนั้นไม่มีฤทธิ์ฆ่าต้นขอแค่พามันไปล้างท้องทัน เมียผมยังหายใจได้เองยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่ ฤทธิ์ยายังไม่กดศูนย์ควบคุมการหายใจจนน็อก แต่เลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดนี่สิครับที่ผมห่วง ผมกลัวมันตาย แค่นี้สภาพเมียผมก็เหมือนคนตายทั้งเป็นแล้ว!
     รปภ.ของคอนโดตกใจที่เห็นผมในสภาพเลือดโชก เขาช่วยผมแบกต้นไปใส่รถ ต้นหมดสติไปแล้ว เวร! ผมทั้งกลัวทั้งสับสน กลัวมันน็อกจากภาวะช็อกเลยพยายามเรียกชื่อมันทางตลอดทาง ผมไม่รู้ว่าจะสื่อไปถึงมันรึเปล่าแต่ผมไม่รู้จะทำยังไงอีกแล้ว! เบอร์โรงพยาบาลใกล้ๆ กันถูกกดโทรออก ผมถามหมอที่รู้จักกันให้ทางนั้นรอประสานงาน ผมจอดรถหน้าแผนกฉุกเฉินแล้วอุ้มมันวางลงบนเตียง พวกเขาเข็นต้นเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว ผมพึมพำประโยคเดิมซ้ำๆ แม้ต้นจะไม่ได้อยู่ข้างๆ ผมแล้ว
     “อย่าเป็นอะไรนะครับต้น พี่รักต้นนะ พี่ขอโทษ”

     ผมหมดแรงแล้วครับ ผมยอมทุกอย่าง ต้นจะเอายังไงกับผมก็ได้ขอแค่ให้มันหายดี การต้องมาเห็นต้นทุรนทุรายเพราะความเลวของตัวเองแบบนี้ทำให้ผมตายทั้งเป็น นรกมันสุมอยู่ในอกผมนี่เอง ความทรมานที่บีบคั้นหัวใจผมอยู่นี้ทำให้ผมอยากยอมแพ้
     เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าวันนั้นผมคิดถึงใจต้นมากกว่าน้ำตาล และน้ำตาลจะไม่แค้นผมถ้าผมไม่ทำร้ายเธอแบบนั้น นิสัยแย่ๆ ของผมส่งผลให้คนอื่นต้องทุกข์ใจ ต้นเจ็บเพราะผมแท้ๆ ถ้าเราไม่ทะเลาะกัน เรื่องเลวร้ายพวกนั้นก็คงไม่เกิดกับต้น...
     ผมไม่รู้ว่าบทสรุปของเรื่องบ้าๆ พวกนี้จะจบลงแบบไหนแต่ผมรู้ดีว่าผมเป็นคนผิด ผมรักต้นมาก แต่มันสายไปเสียแล้ว ถ้าผมย้อนเวลากลับไปเริ่มต้นใหม่ได้ ผมควรจะย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องไหนดี? ขนาดแค่คิดว่าจะเริ่มใหม่กับต้นผมยังกลัวตัวเองเลยเมื่อคิดถึงสิ่งที่ทำกับต้น สันดานอย่างผมไม่มีวันทะนุถนอมมัน! ผมมันเหี้ย ถ้าไม่สูญเสียผมไม่เคยสำนึก!
     ผมคือความชั่วร้ายในชีวิตต้นแท้ๆ!

     
มีหนทางมั้ยครับที่เรื่องนี้จะจบลงแบบมีความสุข?

     ผมยอมทุกอย่าง ขอแค่ต้นมีความสุขก็พอ...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา..... คนอ่านจะคิดยังไงมั่งน้อ ...  :hao4:  คงไม่บอกเศร้าไปใช่มั้ย?

นาทีนี้เชื่อว่าคงสงสารต้น แต่อย่าลืมว่าต้นทำอะไรไว้กับพี่บอมบ้าง เจ้ากรรมนายเวรเขามาทวงคืน เหมือนที่พี่ชัชเองก็เจออาเจ้น้ำตาลมาเอาคืนเช่นกัน ต่างคนต่างมีเคราะห์กรรมของตัวเอง ที่ต้นโดนหนักกว่าเนอะ คิดซะว่าชาติที่แล้วพี่ชัชทำบุญมาดีแล้วกัน ชาตินี้ต้นเลยเหมือนเกิดมาผจญเคราะห์กับพี่ชัชพิกล!

แต่เรื่องฆ่าตัวตาย ไม่ได้เขียนเอาบีบเค้นหัวใจคนอ่านเล่นแน่ๆ จริงๆ ใบ้Hintมาตลอด เหมือนฉากนึงที่อาร์ทกับยศเคยพูดไว้ เราเขียนคาแรคเตอร์ตัวนี้ให้มีแนวโน้มมาตลอดอยู่แล้ว เมื่อโลกของเขาพังทลายแล้วเขารับไม่ไหวก็งี้แหละ ไหนจะเมายาอีก ฤทธิ์หลอนประสาทนี่เนอะ มันซึมเศร้านะเออ! เลยคิดอะไรบ้าๆ

ส่วนแม็กซ์ก็ยังคงเป็นแม็กซ์ พระเอก เท่ ทำอะไรก็ดูดี เช่นเคย บทเขาถูกเขียนมาแบบนี้แหละ โคตรพระเอก พี่ชัชก็เป็นผู้ชายธรรมดาๆ ที่โง่และงี่เง่าเป็นพิเศษ ส่วนต้นก็โคตรดราม่า เอาล่ะ มาติดตามนิยายเรื่องนี้ต่อไปเรื่อยๆ ดีกว่าเนอะว่าจะปิดฉากลงแบบไหน ดูรายชื่อตอนไปที่หน้าแรกน้า สารบัญมีไว้แล้ว

สุดท้ายนี้ รักคนอ่านทุกคน  :mew1:  รักทุกคนที่กดเข้ามาอ่านจ้า
ขอบคุณทุกคลิ๊ก ทุกกำลังใจ ทุกเม้นในเล้าเป็ดและเด็กดี รวมถึงคนที่ทักทายกันมาในเฟซด้วย  :c3: :
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#14/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน20
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 14-11-2014 00:52:52
รีบมาต่อเถอะคะ :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#16/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน21
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 16-11-2014 02:29:57
ฉากจบ

The story after that.

     ชัยชัชเดินเข้าไปในห้อง
     คนบนเตียงผู้ป่วยนอนนิ่งมองออกไปนอกหน้าต่าง

     ต้นน้ำฟื้นแล้ว ผลการตรวจร่างกายออกมาค่อนข้างดี แฟนของเขาปลอดภัย อีกไม่นานรอยช้ำต่างๆ ก็จะจางหายไป เหลือแต่แผลที่ข้อมือซึ่งคงหลีกเลี่ยงรอยแผลเป็นไม่ได้ ... เช่นเดียวกับแผลในจิตใจ จากการประเมินแพทย์ประจำเคสสรุปให้เขาฟังว่าต้นน้ำมีภาวะซึมเศร้าค่อนข้างรุนแรง สมควรปรึกษาจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการบำบัด คำแนะนำของหมอทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้น แค่ต้องบอกกับครอบครัวของต้นน้ำว่าเด็กหนุ่มฆ่าตัวตายก็ลำบากมากแล้ว พ่อของต้นน้ำรู้เรื่องดีจึงไม่ต่อว่าเขา แต่สำหรับคนอื่น เขาคือตัวต้นเหตุ แต่เมื่อตำรวจมาทำคดีเรื่องก็ปิดไม่มิด ทุกคนรู้เรื่องที่ต้นน้ำถูกมอมยาแม้จะโชคดีที่เพื่อนของต้นน้ำไปช่วยไว้ทันแต่ต้นน้ำก็ถูกล่วงละเมิดทางเพศไปพอสมควร ข่าวนี้ทำให้ท่านเจ้าสัวถึงกับเป็นลมหมดสติต้องพาส่งโรงพยาบาล
     แฟนของเขาถูกพาส่งโรงพยาบาลห้าวันก่อนเพราะกินยานอนหลับเกินขนาดและกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย หมอช่วยชีวิตไว้ได้ทัน แต่... นับตั้งแต่ที่ฟื้นต้นน้ำไม่สื่อสารกับใครอีกเลย ต้นน้ำเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่พูดไม่คุยไม่สนใจสิ่งรอบตัว ต่อให้เหลือบตามองคนตรงหน้าเขาก็มองผ่านๆ แล้วหันกลับไปเหมือนคิดอะไรในใจตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นพี่สาว พ่อ หรือปู่ ต้นน้ำไม่ตอบสนองกับใครทั้งนั้น แม้แต่เพื่อนคนสำคัญเช่นแม็กซ์ต้นน้ำก็เฉยเมยใส่ ต้นน้ำคือร่างที่มีเลือดเนื้อและลมหายใจแต่จิตใจของเขาแหลกสลายไปแล้ว
     “ต้น...”
     คนบนเตียงยังคงนิ่งไม่ตอบสนองต่อเสียงของชัยชัชแม้แต่น้อย
     “พี่น้ำจะมาถึงเย็นนี้นะครับ เดี๋ยววันนี้พี่ทำงานเสร็จแล้วจะไปรับพี่น้ำมาหาเรานะ”
     ชัยชัชยืนพูดอยู่ข้างเตียง เขาจับมือของต้นน้ำตลอดเวลา นาทีนี้เขาภาวนาให้ต้นน้ำชักมือกลับเหมือนตอนที่ทั้งคู่ยังทะเลาะกันก็ยังดี แต่ต้นน้ำก็ยังนิ่งเฉยเหมือนโลกใบนี้ไม่มีความหมายต่อตนอีกแล้ว
     “ไม่ดีใจเหรอครับคนดี จะได้เจอพี่น้ำแล้วนะ”
     ต้นน้ำนิ่งจนชัยชัชท้อ เขาก้มหัวลงหลับตาไล่หยดน้ำที่คลออยู่ให้มันจางหายไปแล้วสูดลมหายใจไล่ความอ่อนแอของตน ดังนั้นเขาจึงไม่ทันเห็นประกายตาไหววูบของคนบนเตียง
     ชัยชัชถอนหายใจรวบรวมความเข้มแข็งแล้วก้มลงจูบแก้มของต้นน้ำอย่างรักใคร่ก่อนจะผละออก
     “พี่ไปนะครับที่รัก ต้นเป็นที่รักของพี่เสมอนะ”
     เมื่อคนมาเยี่ยมเดินออกนอกห้องไปแล้ว ร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก็มีหยดน้ำตาไหลลงมาเป็นสาย ในดวงตาที่ว่างเปล่าเมื่อครู่มีความเศร้าอัดแน่นเต็มไปหมด

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     “อีอาร์ม!”
     อาร์มสะดุ้งเพราะตกใจกับเสียงเรียกที่ดังสนั่น และเมื่อเขาหันมาก็พบกับเพื่อนสาวในร่างชายยืนจังก้าอยู่! อาร์มหันหลังเตรียมจะหนีแต่อีกฝ่ายไม่ยอมวิ่งมายื้อดึงเสื้อเขาไว้แน่น แค่ลำพังนักศึกษาต่างสถาบันบุกมาถึงลานเกียร์วิศวะก็เป็นเป้าสายตาแล้ว แถมเธอคนนี้ยังเป็นสาวมาดมั่นที่กล้าแต่งชุดนักศึกษาหญิงอย่างไม่หวาดหวั่นสายตาประชาชีอีก คนทั้งสองจึงเป็นจุดสนใจของผู้คนแถวนั้น
     “จะไปไหน! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
     “มีอะไรเมษ”
     อาร์มหันมาตอบเซ็งๆ แต่ไม่ยอมสบตา
     “เกิดอะไรขึ้นกับต้น?”
     อาร์มสะอึกกับคำถาม แต่ชั่วพริบตาก็แกล้งทำตัวเป็นปกติ
     “ไม่รู้ดิ ไม่ไปถามเพื่อนที่ภาคมันอ่ะ”
     “อ๋อหรา... แล้วคิดว่าฉันไม่ไปรึไงยะ!”
     เมษเท้าสะเอวตอบเสียงสูงใส่ก่อนจะดึงเสื้อของอาร์มไว้อย่างเอาเรื่อง
     “นี่มันอะไรกันแน่ อยู่ๆ ฉันก็โทรหามันไม่ได้ ปิดเครื่องมาสี่ห้าวันแล้ว พอฉันโทรไปหาผัวมันพี่ชัชก็ไม่ยอมรับสาย เป็นบ้าอะไรกันยะ! ละพอฉันโทรหาอีแม็กซ์ มันก็บอกแค่ว่ามันยุ่งๆ อยู่ ทั้งที่ปกติมันต้องห่วงต้นจะตาย มีพิรุธชัดๆ แต่ถามอะไรก็ไม่ยอมบอกฉันถึงต้องถ่อมาถึงเนี่ย! พวกเพื่อนๆ มันที่ภาคก็บอกต้นขาดเรียนไปเป็นอาทิตย์ แต่ทั้งๆ ที่ไม่มีใครติดต่อมันได้กลับมีคนมายื่นใบลาให้เสร็จสรรพ นี่มันอะไรกั๊น!”
     เมษตะโกนระบายอารมณ์ใส่อาร์มก่อนจะผ่อนลมหายใจ
     “เฮ้อ เหนื่อย!”
     สาวน้อยเหล่ตามองแต่อาร์มก็ยังมีทีท่านิ่งเฉย เพื่อนเก่าของเธอในวันนี้ดูแปลกไป รอยยิ้มร่าเริงสดใสเหือดแห้งเหลือแต่ความแห้งแล้งในท่าที อาร์มราวกับคนไม่สนใจโลกผู้หันหลังให้สังคม
     “ฉันถาม!”
     “ก็เราไม่รู้!”
     “แกคิดว่าแกตอแหลเก่งเหรออีอาร์ม! แกจ้องตาฉันแล้วพูดใหม่สิแน่จริง!”
     “จะเอาอะไรกับเรานักหนา อยากรู้ทำไมไม่ไปถามแม็กซ์มันล่ะ มันอยู่กับต้นเป็นคนสุดท้าย”
     “แกจะไม่รู้ได้ไง! คนอื่นบอกว่าแกไปรับต้นทุกวัน แล้วไหนจะไอ้รุ่นพี่แกที่มีข่าวว่าโดนไล่ออกอีก เกิดอะไรขึ้นกับต้น!”
     เสียงของคนทั้งคู่เริ่มดัง อาร์มรู้ดีว่าสิ่งที่เมษพูดกำลังเป็นประเด็นที่คนอื่นสนใจ เขาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้เลย อาร์มเป็นห่วงต้น แต่เขาไม่รู้แล้วว่าควรจะทำเช่นไร เขากลัวว่าถ้าหากเขายื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องมันจะแย่ไปมากกว่าเดิม อาร์มกลัวจนไม่กล้าทำอะไรอีก เขาอยากอยู่เงียบๆ
     น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาทันทีที่ภาพของต้นน้ำตอนร้องไห้ให้เขาช่วยผุดขึ้นในความทรงจำ ฝันร้ายนี้คอยหลอกหลอนเขาอยู่เสมอทั้งยามตื่นแล้วยามหลับ
     “ขอร้องล่ะเมษ เราไม่อยากพูดอะไรที่นี่ตอนนี้ อย่าทำให้เราทำผิดซ้ำๆ เลยนะ”
     “แล้วแกไปทำอะไรล่ะ? เกิดอะไรขึ้นกับต้น?”
     “เมษไปถามพ่อต้นเหอะ เราไม่รู้จริงๆ พอพาต้นกลับคอนโดแล้วแม็กซ์มันก็ไล่เรา ตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อใครอีกเลย”
     ท่าทางหมดแรงของอาร์มทำให้เมษตกใจ เธอรู้ดีว่าการที่แม็กซ์กับอาร์มแตกคอกันมันหมายถึงอะไร มีบางอย่างที่ร้ายแรงเกิดขึ้นกับต้น!
     “ฉันไปแน่! แต่แกต้องไปกับฉันด้วย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


      คนราศีเมษพูดจริงทำจริง เมษลากอาร์มไปถึงห้องพักอาจารย์ภาคเคมีเพื่อขอพบพ่อของต้นน้ำ ต้นตระการประหลาดใจเมื่อได้พบกับเพื่อนสนิทของลูกชายคนนี้ เขาพอรู้มาบ้างว่าเพื่อนของลูกเป็นอะไร แต่นิสัยกล้าได้กล้าเสียตรงไปตรงมาของเมษก็ทำให้เขาทึ่ง!
     “หนูอยากทราบว่าเพื่อนของหนูยังสบายดีอยู่ใช่ไหมคะ หนูหวังว่าคุณพ่อคงให้คำตอบหนูได้เพราะหนูติดต่อใครไม่ได้เลย”
     สบายดีงั้นหรือ? ต้นตระการพูดไม่ออก
     วันที่รู้ว่าลูกถูกข่มขืน เขาหัวใจสลาย แต่วินาทีที่เขารู้ว่าต้นน้ำฆ่าตัวตายเขาแทบขาดใจตายตาม! ทำไมต้องเกิดเรื่องเลวร้ายกับลูกของเขาด้วยหนอ? หรือจะเป็นเวรกรรม...
     ต้นตระการมองไปยังอาร์มที่อยู่ด้านหลังของเมษแล้วถอนหายใจ อาร์มยังไม่รู้เรื่องนี้และโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ปล่อยให้ต้นน้ำถูกมอมยา
     “ผมขอบคุณๆ มากนะอนพัทย์ที่ช่วยเป็นพยานให้ผมจัดการคดีให้เรียบร้อย”
     “ต้นเป็นยังไงบ้างครับ?”
     เมษมองการสนทนาของคนทั้งคู่ด้วยความรู้สึกแปลกๆ เธอสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเพื่อนของเธอ
     “ต้นอยู่โรงพยาบาล”
     พอขาดคำอาร์มก็มีสีหน้าตกตะลึง!
     “ต้นเป็นอะไรมากเหรอครับ?”
     “ไม่หรอก บาดแผลภายนอกคงไม่เท่าไหร่ แต่ลูกผม... เฮ้อ
     ต้นตระการถอนหายใจแล้วพูดต่อ
     “ต้นน้ำเขาเปราะบางกว่าที่พวกเราคิด พอเขาฟื้นขึ้นมาก็ทำร้ายตัวเอง ดีที่คุณชัยชัชพาส่งโรงพยาบาลทัน แต่ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาเขาไม่ยอมพูดกับใครเลย”
     ได้ยินแล้วอาร์มถึงกับทรุด เมษเองก็เซจนแทบยืนไม่อยู่ เธอต้องตั้งสติพักใหญ่
     “อาจารย์ครับผมขอโทษ ฮือๆ ผมขอโทษครับ”
     อาร์มยกมือขึ้นพนมที่อกพลางคร่ำครวญ เขาคลานเข่าเข้าไปกราบขอขมาแทบเท้าต้นตระการแล้วพร่ำคำขอโทษ
     “ขอโทษครับ เป็นเพราะผม ถ้าผมดูแลต้นให้ดีกว่านั้น”
     ต้นตระการปลอบแล้วพยุงอาร์มให้ลุกขึ้น
     “ช่างมันเถอะ ไม่ใช่ความผิดคุณหรอก”
     สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เมษสับสน เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้นน้ำ แต่เธอรู้อย่างหนึ่งว่าเพื่อนเธอฆ่าตัวตาย!
     “เกิดอะไรขึ้นกับต้นคะ!”
     เสียงของเมษเรียกความสนใจจากคนทั้งคู่
     “ถ้าหนูแปลไม่ผิด คุณพ่อพึ่งจะพูดว่านังต้นมัน... คุณพ่อคงไม่ได้บอกว่านังต้นมันฆ่าตัวตายใช่มั้ยคะ?”
     เมษถามด้วยเสียงสั่นเครือ เธอปากสั่นจนแทบพูดไม่เป็นภาษา เพื่อนสนิทของเธอฆ่าตัวตาย! นี่มันอะไรกัน!
     “คุณเล่าเถอะอนพัทย์ ผมเองก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ชัยชัชเขาเล่าคร่าวๆ น่ะ”
     อาร์มเช็ดน้ำตาก่อนจะพยักหน้า แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็หลุดออกมาจากปากของอาร์ม ยิ่งเล่าเมษก็ยิ่งหน้าซีดมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนต้นตระการเขากำหมัดแน่นด้วยความแค้นเพราะสงสารลูก!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     หญิงสาววัยกลางคนๆ หนึ่งเดินตรงมาหาชัยชัชทันทีที่สังเกตเห็นเขา เธอยังดูสวยพริ้งเสียจนหนุ่มๆ ในสนามบินพากันมองตาม ท่าเดินกระฉับกระเฉงคล่องแคล่วยามลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กก้าวไปอย่างมาดมั่นราวกับนางพญา แต่เมื่อเธอเดินไปหยุดตรงหน้าชัยชัชผู้ชายเหล่านั้นก็ต้องอกหัก ชายหนุ่มที่มารอรับเธอคนนี้เป็นผู้ชายดูดี เขาโดนเด่นจนกลบรัศมีคนอื่นมิด คนทั้งคู่ช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน ผู้คนที่เฝ้ามองต่างก็ทอดถอนใจพากันอิจฉา
     โดยไม่มีใครคาดคิด! สาวสวยคนนี้กลับยกมือขึ้นตบหน้าหนุ่มหล่อฉาดใหญ่!
     “เธอทำกับลูกพี่แบบนี้ได้ยังไง นายชัช!”
     ชัยชัชก้มหน้าลงสำนึกผิด
     “พี่น้ำ ผม... ขอโทษ”
     “ขอโทษเหรอ พี่ให้โอกาสเธอไปแล้ว เธอสัญญาว่าจะดูแลต้นให้ดีที่สุด แล้วเธอปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้กับต้นได้ยังไง!”
     สายธารระบายความโกรธใส่ชัยชัชอย่างกราดเกรี้ยว ชัยชัชได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้สายธารทำตามใจชอบ ชัยชัชรู้ดีว่าหัวอกคนเป็นแม่คงแหลกสลายเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น เขาผิดจนไม่อาจจะแก้ตัวได้
     “พาพี่ไปหาลูกเดี๋ยวนี้!”
     สายธารนำชัยชัชตรงไปยังประตูทางออกพลางสั่ง
     “แล้วระหว่างทางช่วยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่ฟังด้วย อ้อ! โดยละเอียดนะนายชัช! พี่อยากรู้ว่าเธอทำอะไรกับลูกชายพี่บ้าง!”
     “ครับ”
     พอรับคำเสร็จ ชัยชัชก็ลากกระเป๋าเดินตามด้วยท่าทางอมทุกข์ ถึงเวลาที่เขาต้องสารภาพบาปอย่างหมดเปลือกแล้ว!
     ระหว่างที่รถแล่นจากสนามบินไปยังโรงพยาบาล ชัยชัชก็เปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างไม่ปิดบัง เขารู้ดีว่าตนหลอกลวงสายธารไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ทันคนและมีนิสัยบางอย่างคล้ายเขาอย่างน่าประหลาด ต่อให้เขาหลบเลี่ยงไม่พูด เธอก็เดาถูกว่าเขาทำอะไรลงไป ที่สำคัญเธอมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกของเธอ
     “ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัวหรอกพี่น้ำ ผมผิดเอง ผมหึงมันเพราะกลัวมันจะเลิกกับผม ผมรู้ตัวพี่ว่าผมทำไม่ดีกับมัน”
     “นายก็รู้ว่าปัญหาของนายคืออะไร”
     “ผมรู้พี่! ผมรู้ว่าผมใจร้อน แต่... เฮ้อ ผมผิดเอง”
     ใจจริงชัยชัชอยากจะเถียงแทบขาดใจว่ายามที่เห็นผู้ชายคนอื่นอยู่กับเมียรักใครมันจะไปมีสติ โดยเฉพาะเมื่อต้นน้ำปฏิเสธเขาแต่กลับไปออดอ้อนออเซาะคนอื่น เขาทนไม่ได้!
     “ความใจร้อนของนายก่อเรื่องมากี่ครั้งแล้วนายชัช! พี่ไว้ใจให้นายดูแลต้น แต่นายกลับ... พี่ว่านายยังไม่พร้อมจะมีครอบครัวหรอก นายเป็นผู้ใหญ่ ต้องเป็นผู้นำครอบครัว กลับสร้างแต่ปัญหา พอเกิดเรื่องแทนที่จะใช้สติก็ใช้แต่อารมณ์ ถึงตาต้นจะใจเย็นมากแต่ก็เป็นเด็ก เขาไม่ได้ผ่านโลกมาเท่านาย นายจะหวังให้ตาต้นเป็นฝ่ายเข้าใจนายทุกอย่างได้ยังไง นายเป็นแบบนี้ไม่มีใครทนนายได้หรอก”
     “ผมรู้พี่ ผมรู้ตัว คราวนี้ถ้าต้นมันจะขอเลิกผมก็คงไม่ยื้อมันไว้หรอก ผมขอโอกาสอีกครั้งเท่านั้น ให้ต้นมันอาละวาดใส่ผมยังดีซะกว่า”
     เกิดความเงียบชั่วขณะ สายธารกลืนน้ำลายก่อนจะถามต่อ
     “แล้วหมอว่ายังไงบ้าง ร้ายแรงถึงขั้นนั้นจริงๆ เหรอ?”
     “ผมเองก็ไม่รู้ เท่าที่คุยสมองไม่มีอะไรผิดปกติ ต้นรับรู้นะ แต่เหมือนไม่ยอมสนใจ คงเป็นเรื่องของจิตใจมากกว่า แต่ไม่ถึงกับเป็นบ้าไปจริงๆ หรอก”
     “แล้วซึมเศร้า ไม่พูดไม่จาแบบนี้มันไม่หนักเหรอไง ลูกพี่ฆ่าตัวตายนะ ต้นไม่ได้ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากนาย ตาต้นต้องการตายจริงๆ!”
     พูดถึงตรงนี้สายธารก็น้ำตาไหล ชัยชัชเองก็ขบกรามแน่น คำพูดที่บอกว่า “ไม่มีใครรัก” ยังก้องอยู่ในหัว ชัยชัชรู้ดีว่าปัญหาของต้นน้ำคืออะไร ต้นน้ำต้องการใครสักคนที่รักตน ต้นน้ำเติบโตมาพร้อมกับการโหยหารักแท้จากครอบครัว แต่เมื่อเขาทรยศ ความผิดหวังทั้งหมดจึงเป็นแรงผลักดันให้ต้นน้ำคิดสั้น
     “พี่น่าจะพาต้นไปอยู่ด้วย”
     ชัยชัชรู้ดีว่านั่นไม่ใช่ทางแก้ ปมในใจของต้นน้ำไม่อาจถูกลบได้ง่ายๆ เช่นนั้น เขาอยากเอ่ยออกไปว่า “เราทุกคนรักต้น แต่ต้นมันต้องหัดเชื่อใจความรักของคนอื่นบ้าง” ทว่าไม่กล้า ชนักที่ปักหลังเขาอยู่ค้ำคอจนต้องกลืนประโยคนี้ลงไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... สงครามนางงามวันนี้ พี่ต้นน่าสงสารมาก รู้เขาหลอกแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ อินเนอร์มาเต็มว่ารักโซ่ "คนฉลาดคือคนที่รู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ (https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xaf1/v/t1.0-9/p552x414/10522668_399473656874450_5615900877866604116_n.jpg?oh=94dd70dfcf2d9a76ac189a0ed244bc85&oe=5514E8CA&__gda__=1423173933_fa70f84dba11ed6ee10cc409c048d400)" โดนอ่ะ!
มันเกี่ยวอะไรกับนิยายเรื่องนี้มั้ย? ไม่เกี่ยว แค่คนแต่งติดสงครามนางงาม ส.+อ.เลยมาช้า เหอะๆ
ชอบละครที่ทุกตัวมันมีสีเทาๆ ดูไปดูมาชักจิ้นคุณชยุตกับคุณก้องซะงั้น สองหนุ่มนี่เขาเคมีเข้ากันแบบแปลกๆ ดูคุณชยุตแล้วนึกถึงพี่ชัช แต่เจ้าชู้คนละแบบกันนะ เหอะๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#16/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน21
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 16-11-2014 02:57:56
The story after that.

     ภายในห้องพิเศษวันนี้มีเจ้าสัววีรชัยนั่งอยู่เพียงผู้เดียว เจ้าสัวกึ่งนั่งกึ่งนอนเอนหลังพิงเบาะหลับพลางกรน ภาพของคุณปู่แก่ๆ ที่มาเฝ้าหลานชายเกือบทุกวันเป็นที่โจษจันไปทั่ว นับตั้งแต่เกิดเรื่องเจ้าสัวก็ล้มป่วย แต่เมื่อมีแรงพอจะออกจากบ้านได้เจ้าสัวก็รบเร้าจะมาเฝ้าหลานชายทุกวัน ทำให้ณีร์นันท์ต้องเป็นหัวเรือหลักในการดูแลกิจการ เกรียงไกรเองก็ต้องคอยเป็นธุระช่วยงานอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
     สมาชิกคนอื่นในครอบครัวผลัดกันมาเยี่ยมต้นน้ำไม่ขาดสายแม้จะติดพันภาระหน้าที่การงาน โดยเฉพาะชลิษาที่ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยกับการเรียนมากเพียงใดก็จะแวะมาหาต้นน้ำสม่ำเสมอ เธอถึงกับน้ำตาร่วงเมื่อเห็นสภาพของน้องชายต่างมารดา แขกที่เหลือก็มีแต่ชัยชัชและแม็กซ์ แต่ฝ่ายหลังดูจะเป็นที่ต้อนรับมากกว่า ทุกคนไม่รู้เลยว่าแขกที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับต้นน้ำใกล้จะมาถึงแล้ว
     เวลาเย็นใกล้ค่ำสายธารเปิดประตูนำชัยชัชเข้ามาในห้อง เธอยกมือไหว้คนที่อยู่ก่อนแล้วอย่างมีมารยาท เจ้าสัววีรชัยและเกรียงไกรหันมารับไหว้สายธารแต่เจ้าสัวกลับมองผ่านชัยชัชไปอย่างไร้ตัวตน เกรียงไกรจึงได้แต่ส่งสายตาแสดงความเห็นใจให้ ท่านเจ้าสัวกับสายธารทักทายกันนิดหน่อยก่อนจะปล่อยให้สายธารเดินเข้าไปหาลูกตัวเอง
     ต้นน้ำหลับอยู่บนเตียง ร่องรอยพกช้ำจางไปมากแล้ว แต่แผลที่ข้อมือก็ทำให้เธอน้ำตาร่วง
     นิ้วเรียวยาวของผู้เป็นแม่สัมผัสใบหน้ายามหลับของลูกเบาๆ ด้วยความรักใคร่ เธอคิดถึงลูกแทบขาดใจ การอยู่กันคนละซีกโลกทำให้เธออาวรณ์ต้นน้ำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ตั้งใจว่าหากได้กลับมาเยี่ยมกันเธอจะกอดเจ้าชายของเธอให้หนำใจด้วยแรงคิดถึง แต่เธอไม่คิดเลยว่าจะต้องกลับมาเพราะเหตุร้ายเช่นนี้
     สายธารก้มลงจูบบนกระหม่อมของต้นน้ำ หยดน้ำตาของเธอจึงร่วงหล่นลงบนแก้มของคนหลับ ต้นน้ำกระพริบตารู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจับจ้องที่สายธารอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาลง
     เมื่อสายธารเห็นอาการของลูกชายก็หลุดสะอื้นออกมา เธอยืนร้องไห้ท่ามกลางความสงสารจากคนในห้อง เกรียงไกรที่เห็นท่าไม่ดีจึงลุกขึ้นเปลี่ยนบรรยากาศ
     “เอ้าๆ ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมาหน่อยสิต้น เดี๋ยวพยาบาลจะเอาข้าวเย็นมาให้แล้วนะ”
     เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ เอ่ยปลุกต้นน้ำพลางปรับเตียงให้เป็นลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอน
     “เอาแต่นอนทั้งวัน ตื่นได้แล้วลุกๆ”
     เกรียงไกรเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ต้นน้ำที่ถูกรบกวนจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง ลุงและหลานสบตากันชั่วขณะก่อนที่ต้นน้ำจะยอมแพ้ประคองตัวนั่ง แต่สายตาของเขากลับไม่ยอมมองใครเลย ต้นน้ำเอาแต่มองความว่างเปล่าในอากาศ
     “แม่เขาอุตส่าห์กลับมาหาเรา ไม่ดีใจเหรอ?”
     สายธารหันไปสบตาเป็นเชิงขอบคุณ
     “เป็นยังไงบ้างครับ?”
     สายธารพยายามทักทายลูกของเธอแต่แล้วก็อับจนคำพูด
     “แม่คิดถึงเรานะตาต้น”
     เธอกล่าวด้วยเสียงสะอื้น มือของเธอจับลูกชายไว้แน่น แรงบีบเบาๆ ที่ส่งมาทำให้แววตาเศร้าๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของต้นน้ำ ความอ้างว้างที่ปรากฏชั่วครู่สร้างความดีใจให้กับเกรียงไกร หลานชายของเขาตอบสนองแล้ว!
     แต่นั่นก็เพียงครู่เดียว ต้นน้ำทำตัวนิ่งเป็นหุ่นปล่อยให้สายธารเป็นฝ่ายพร่ำพรรณนา เกรียงไกรจึงทนไม่ไหวเอ่ยปากชวนสายธารคุยบ้าง พูดกับต้นน้ำบ้าง ไม่ปล่อยให้บรรยากาศอึดอัด นานเข้าทั้งคู่ก็พูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนสารทุกข์สุกดิบกันโดยมีชัยชัชนั่งฟังเงียบๆ

     จนกระทั่งแขกคนสุดท้ายของวันมาถึง ต้นตระการพาเมษเข้ามาในห้อง เขารู้อยู่แล้วว่าสายธารจะมาถึงวันนี้ คนทั้งคู่กล่าวทักทายกันตามมารยาทแล้วต่างคนต่างอยู่ สายธารวางช้อนอาหารอ่อนลงแล้วรับไหว้เมษ
     “สวัสดีค่ะคุณแม่”
     เมษกล่าวพลางย่อตัวลงทำความเคารพอย่างอ่อนช้อย
     “ดีจ้ะหนูเมษ หนูมาเยี่ยมตาต้นเหรอลูก”
     “ค่ะ แต่หนูพึ่งทราบเรื่องค่ะ ไม่มีใครบอกอะไรหนูเลย!”
     เมษกล่าวเสียงเย็นพลางจิกสายตาไปที่ชัยชัช ความจริงแล้วเธอรู้ดีทุกอย่างนับตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นต้นน้ำก็เล่าทุกอย่างให้เธอฟัง แม้แต่เรื่องที่ชัยชัชตามไปหึงหวงอาร์มเธอก็รู้ สิ่งที่เมษไม่รู้มีเพียงเรื่องเดียวคือเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับต้นน้ำตนเพื่อนของเธอคิดสั้น เมษจึงโกรธมาก!
     สายธารเห็นท่าไม่ดีจึงหันไปแนะนำแขกในห้องที่เหลือ
     “หนูเมษรู้จักคุณปู่ของต้นรึยังจ้ะ ส่วนนั่นคุณลุงจ้ะ”
     “อุ๊ยสวัสดีค่า หนูชื่อเมษาเป็นเพื่อนรักนังต้นค่ะ มันเคยสัญญากับหนูว่าจะแก่ตายด้วยกัน!”
     เมษกระแทกเสียงพลางหันไปจ้องคนบนเตียงที่ก้มหน้าลงมากกว่าปกติ
     “ป้อนข้าวมันอยู่เหรอคะ”
     “จ้ะ แต่สงสัยอาหารโรงพยาบาลไม่ค่อยถูกปาก ไม่ยอมทานเลย”
     “คงงั้นแหละค่ะ ได้ข่าวว่ามันต้องล้างท้องด้วยนี่คะ!”
     เสียงของเมษเต็มไปด้วยอารมณ์ประชดประชันจนทุกคนรู้สึกได้ ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่เมษจนไม่มีใครสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงขององศาในการก้มหน้าของคนบนเตียง แต่เมษเห็น! เธอหันไปย่อตัวลงไหว้ทุกคนอีกครั้งแล้วเอ่ยขอโทษ
     “ขออนุญาตนะคะคุณพ่อ ขออภัยนะคะคุณปู่ คุณลุง ลองวิธีของหนูนะคะคุณแม่”
     แล้วเมษก็เดินไปที่ข้างเตียงคนป่วย เมษสังเกตเห็นหยดน้ำตาของต้นน้ำ สายธารที่มองตามก็เห็นเช่นกัน แต่เธอยังไม่ทันเอ่ยทักเรื่องนี้เรื่องที่น่าตกใจกว่าก็เกิดขึ้น!
     “เพี๊ยะ!”
     เมษตบเพี๊ยะไปยังแก้มของต้นน้ำจนคนถูกตบเผลอยกมือกุมแก้มอ้าปากค้างมองหน้าเพื่อนรัก!
     “นังโง่!”
     เมษด่าต้นน้ำพลางหลั่งน้ำตาท่ามกลางความตกใจของทุกคนในห้อง!
     “แกจะฆ่าตัวตายให้มันได้อะไรขึ้นมาย๊ะ!”
     ท่ามกลางสายตาของทุกคน ตัวของต้นน้ำเริ่มสั่นเพราะแรงสะอื้น หยดย้ำตาร่วงลงมาเป็นสาย เจ้าสัววีรชัยตกใจเตรียมอ้าปากตำหนิเมษแต่เกรียงไกรก็ขัดพ่อของตนไว้เพราะปฏิกิริยาของต้นน้ำ สายตาที่มองสบกับเมษทำให้ทุกคนรอลุ้นอยู่ในใจ ต้นน้ำมองเมษด้วยแววตาละอาย
     “แกไม่คิดถึงคนที่รักแกเลยรึไงห๊ะนังโง่! อยู่ๆ ก็คิดสั้น ชีวิตแกมันทุกข์มากรึไงห๊ะ กะอีแค่ผู้ชายคนเดียว!”
     “นายไม่รู้อะไรซักหน่อยเมษ!”
     นั่นคือประโยคแรกที่ต้นน้ำเอ่ยออกมานับตั้งแต่ฟื้น
     “ทำไมฉันจะไม่รู้! อีอาร์มมันเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว”
     สาวน้อยราศีเมษสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้
     “แกมันชอบหนีปัญหา แต่อย่างน้อยๆ ฉันก็รู้ว่าคนอย่างแกไม่ทนโดนตบอยู่ฝ่ายเดียว”
     เมษพูดพร้อมเบะปากใส่ ต้นน้ำได้แต่เม้มปากกัดฟันแน่นพลางสะอื้น
     “ฉันตบแกเพราะคราวนี้แกผิดเต็มๆ เลยนังต้น แกคิดสั้นแบบนี้ได้ยังไงห๊ะ แกทำร้ายตัวเองทำไม”
     พอขาดคำเมษก็พุ่งไปสวมกอดต้นน้ำ น่าเหลือเชื่อที่ต้นน้ำเองก็ซบลงบนไหล่เล็กๆ ของเมษเช่นกัน คนทั้งคู่ต่างกอดกันร้องไห้ท่ามกลางความสะเทือนใจของคนในห้อง
     “นังโง่!”
     “เราขอโทษ ฮือๆ เราไม่อยากอยู่แล้ว เรากลัว ฮือๆ
     “ไหนแกสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนซี้กันไปจนตายไง”
     ต้นน้ำตะเบ็งเสียงร้องไห้โฮท่ามกลางสายตาของทุกคน ความอัดอั้นตันใจทั้งหมดพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
     “เรากลัวนี่เมษ เรากลัวเป็นเอดส์ มันเอาอะไรให้เราทานก็ไม่รู้  เรากลัวติดยา ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้เราจะทำยังไง พวกมันอัดคลิปไว้ด้วย เราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ฮือๆ
     “บ้า! แกไม่ได้โชคร้ายถึงขั้นนั้น”
     “นายไม่เข้าใจ! เราทำให้ทุกคนผิดหวัง ถ้าคนอื่นรู้ทุกคนต้องขายหน้าเพราะเรา! แค่ที่เป็นแบบนี้ก็น่าอายแล้ว เราไม่อยากให้คุณปู่เกลียดเรา ไหนจะที่มหาวิทยาลัยอีก พ่อเราจะทำยังไง เราจะกลับไปเรียนได้ยังไงเมษ เราไม่อยากถูกเกลียด เรากลัว พี่ชัชก็ไม่รักเราแล้ว เราไม่เหลือใครแล้ว! นายเข้าใจมั้ยเมษ ฮือๆ ถ้าต้องถูกเกลียดเราขอตายดีกว่า เราไม่อยากอยู่โดยไม่มีใครรัก ฮือๆ
     ความหวาดกลัวของต้นน้ำทำให้ทุกคนเศร้าใจ ต้นน้ำโหยหาความรักจากทุกคน เจ้าสัววีรชัยส่ายหน้าด้วยความช้ำใจพลางรำพึงรำพัน
     “อาตี๋เล็กเอ๊ย อากงรักลื้อน้า อากงไม่เคยเกลียดลื้อ”
     เกรียงไกรรู้ดีจึงปลอบพ่อของตนด้วยความสงสาร เขารู้จักนิสัยปากร้ายใจดีของผู้เป็นพ่อแต่เขาไม่เคยรู้เลยว่าหลานชายขาดความอบอุ่นถึงเพียงนี้
     ต้นตระการหลับตาลงด้วยความสำนึกผิด เขาน่าจะทำดีกับลูกให้มากๆ ต้นน้ำจะได้ไม่ต้องหวาดกลัวว่าตนไม่เป็นที่ต้องการเช่นนี้ เขาเสียใจที่ยังชดเชยให้ลูกไม่พอ
     สายธารเองก็เสียใจ เธอคิดเสียดายว่าเธอน่าจะพาลูกไปอยู่ด้วยกัน เธอรู้จักลูกของตนดีแต่กลับไม่รอบคอบพอปล่อยให้ต้นน้ำต้องตกอยู่ในสภาพนี้
     เสียงคร่ำครวญอย่างไร้สติของต้นน้ำดังสลับกับเสียงปลอบของเมษ
     “แค่ผู้ชายคนเดียวเองแก หาผัวใหม่ก็ได้ มีคนรอต่อคิวอีกเพียบ ถ้าใครมันมาด่าแกๆ เชิดหน้าใส่ไปเลยสิ บอกว่าเพราะแกสวยพวกมันเลยหน้ามืด หรือแกจะเอาอย่างฉันก็ได้นะ ไม่แคร์ผู้ชายแต่รักเพื่อนจนวันตายไงแก แกมีฉันอยู่ทั้งคนนะนังต้น”
     แม้จะเป็นคำปลอบที่มีเนื้อหาประหลาดแต่ทุกคนก็รับรู้ว่าเพื่อนสาวของต้นน้ำคนนี้มีแต่ความปรารถนาดีให้กับคนที่พวกเขารัก
     ต้นน้ำร้องไห้ให้เมษโอ๋เหมือนเด็ก คนทั้งคู่อยู่ในโลกส่วนตัวไม่แคร์ใคร สายธารเองก็รู้ดีจึงปล่อยให้เสียงร้องไห้ดำเนินต่อไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     “ต้นหลับแล้วเหรอครับ?”
     ชัยชัชเอ่ยถามสายธารที่ออกมาจากห้องพักผู้ป่วย
     “จะ ร้องไห้จนหลับไป”
     ชัยชัชพยักหน้าแสดงอาการรับรู้ ใบหน้าของเขามีทั้งแววตาเศร้าหมองปะปนอยู่กับสีหน้าโล่งใจ
     “แล้วพี่น้ำจะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนรึเปล่า?”
     “พี่จะกลับคอนโดก่อน คงต้องรบกวนนายสักพักนะนายชัช”
     แม้จะเป็นห้องพิเศษ แต่ก็มีแต่แขกฝั่งตระกูลรัตนมงคลไชย สายธารคิดว่าคงไม่ดีแน่ถ้าเธอจะมาเฝ้ากินนอนที่นี่
     “ครับ เดี๋ยวผมเอากุญแจห้องให้ พี่จะได้ไม่ต้องรอผม แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่าต้นมันเก็บกุญแจรถคันนั้นไว้ไหน คงต้องไปหาอีกที”
     ชัยชัชรับคำแล้วเดินนำสายธารไปยังลานจอดรถ เขาออกมาก่อนหน้าสายธารพักใหญ่เพราะทนไม่ไหว สภาพของต้นน้ำสร้างบาดแผลลึกในใจจนชัยชัชรู้สึกราวกับตัวเองแก่ขึ้นนับสิบปี
     สายธารมองหน้าของชัยชัชที่ตาแดงก่ำเหมือนคนพึ่งผ่านการร้องไห้หนักมาแล้วก็พูดขึ้น
     “ตาต้นรักนายมากนะนายชัช”
     “ผมรู้พี่ผมรู้ ผมเองก็รักต้น แต่คงไม่ดีพอ”
     ชัยชัชรู้ดีว่าความรักที่ต้นน้ำมีให้กับเขานั้นมันมากมายมหาศาล ผิดกับเขาที่แม้จะรักแต่ก็คงเทียบกันไม่ได้ เขารักต้นน้ำก็จริงแต่กลับทุ่มเทได้ไม่เท่าที่ต้นน้ำทำ เขาเห็นแก่ตัวคิดถึงแต่ตัวเองเป็นใหญ่จึงรักความรู้สึกดีๆ ที่ได้จากต้นน้ำและกลัวว่าสักวันมันจะหายไป ที่ผ่านมาเขาคิดแต่เพียงว่าทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดจึงเผลอละเลยเรื่องสำคัญอย่างเรื่องจิตใจ เขาปล่อยให้ต้นน้ำทนทุกข์กับปัญหารบกวนจิตใจนานเกินไป นานวันเข้ากว่าเขาจะรู้ตัวมันก็สายเสียแล้ว เกิดรูรั่วในหัวใจของต้นน้ำที่ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม!
     “พี่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องปัญหาของเธอกับต้น แต่พี่จะทำทุกอย่างให้ลูกพี่มีความสุข หวังว่าเธอคงเข้าใจ”
     “ครับ อะไรที่เป็นความสุขของต้น ผมยอมทุกอย่าง ตอนนี้ขอแค่ได้เห็นมันยิ้มผมก็พอใจแล้ว”
     “ต่อให้ตาต้นไม่ได้ยิ้มให้เธอ?”
     ชัยชัชยิ้มด้วยแววตายอมแพ้ให้สายธาร
     “ครับพี่ ขอแค่คนที่ผมรักมีความสุขผมก็พอใจแล้ว”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     ต้นน้ำรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสองอาทิตย์ แม้ยานอนหลับที่ต้นน้ำทานจะเป็นยานอนหลับกลุ่มที่ค่อนข้างแรงแต่เมื่อไม่ได้ใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์และพาไปล้างท้องทันจึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่บาดแผลที่ข้อมือก็สาหัส โชคดีที่แพทย์ผู้ทำการเย็บแผลให้ค่อนข้างมีฝีมือ ทุกคนจึงได้แต่หวังว่ารอยแผลเป็นที่ทิ้งไว้จะไม่น่าเกลียด
     เพราะอาชีพผู้แทนของชัยชัชชายหนุ่มจึงผูกพันกับยา เขามียาหลายชนิดเก็บไว้ที่คอนโด ทั้งตัวอย่างยาหายากและยาราคาแพงที่เขามักจะแอบนำไปหมุนเป็นเงินเสมอ และเพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องยา ในกล่องยาประจำบ้านของเขาจึงมีแต่ยาที่ค่อนข้างปลอดภัย ผลข้างเคียงน้อย เขาอดโล่งใจไม่ได้ว่าดีที่ต้นน้ำเลือกหยิบยานอนหลับพวกนี้ทานแทนพาราที่เป็นพิษต่อตับ ดีที่เขาเก็บยาไว้ไม่กี่แผง ฤทธิ์ยาจึงไม่มากพอจะกดระบบหายใจจนตาย และโชคดีที่เขากลับมาทันต้นน้ำยังไม่เสียเลือดมากจนช็อก เขานึกขอบคุณที่ตนมีความรู้เรื่องพวกนี้จึงรู้เท่าทันอาการของต้นน้ำไม่ปฐมพยาบาลผิด ชัยชัชรู้ดีว่าปัญหาใหญ่ของต้นน้ำคืออาการซึมเศร้า เขาก็ได้แต่หวังว่าทางนั้นจะยอมพาต้นไปเข้ารับการรักษา ที่เหลือนี้ก็มีแต่ฝากความหวังไว้ที่สายธาร

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     “หน่าป๊า อั๊วะว่าคุณน้ำอีก็พูดมีเหตุผลนะ”
     “แต่เกิดอาตี๋เล็กอีน้อยใจอีกล่ะ เกิดอีคิดว่าพวกเราหาว่าอีเป็นบ้า”
     “ไม่หรอกค่ะเจ้าสัว คนที่ไปพบจิตแพทย์ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นโรคประสาทนะคะ”
     “แต่...”
     สายธารเข้าใจที่เจ้าสัวห่วงความรู้สึกของต้นน้ำ เธอเองก็ห่วง แต่คิดว่าตนรับมือได้
     “จำที่หนูเมษบอกไม่ได้เหรอคะ หนูยังคิดเลยว่าบางทีหนูอาจจะโอ๋ลูกเกินไป ตาต้นถึงได้อ่อนแอแบบนี้”
     “แล้วอาตี๋เล็กอีจะยอมไปเหรอ อีไม่ยอมออกจากห้องนอนด้วยซ้ำ”
     “ก็เราต้องพาอีไปตรวจแผลอยู่แล้วนี่ป๊า ก็พาอีไปตอนนั้นสิ”
     “หนูมีวิธีจัดการค่ะ ตาต้นไม่กล้าดื้อกับหนูหรอก ถ้าจัดการไม่ไหวก็ขอแรงหนูเมษให้มาช่วยสิคะ”
     สายธารยิ้มเมื่อคิดถึงเพื่อนรักของลูกชาย เธอโล่งใจที่ต้นน้ำมีเพื่อนดีๆ อยู่เคียงข้าง ร่างกายของลูกชายเธอไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เรื่องจิตใจทุกฝ่ายก็พยายามช่วยกัน ส่วนเรื่องสังคม เรื่องการเรียนก็คงต้องปล่อยให้พ่อของต้นน้ำจัดการ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... โรคซึมเศร้าแหละ ต้นเป็นโรคซึมเศร้า ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจจนอยากจะหนีความจริง แต่ไหนแต่ไรก็เป็นพวกหนีปัญหาอยู่แล้ว ดีนะมีน้องเมษคอยดึงไว้
พยายามถ่ายทอดสาระลงไปเล็กน้อย ใครที่คิดจะฆ่าตัวตายอย่าไปกินพารานะ ตับเสื่อม ล้างโคตรท้องทรมาน ยานอนหลับดูชนิดดีๆ ด้วย บางอันกินเข้าไปเยอะๆ ก็ใช่ว่าจะตาย ก่อนจะฆ่าตัวตายทุกวิธีต้องมั่นใจว่าจะไปชัวๆ ไม่งั้นผลของการกระทำมันทรมานนะ ยังต้องอยู่แบบนั้นไปอีกนาน หรือไม่วิธีที่ง่ายกว่านั้น ดูชีวิตน้องต้นแล้วเอาเป็นอุทาหรณ์สอนใจ อย่าไปทำอะไรแบบนั้นตามตัวเอกงี่เง่านะ ฮ่าๆ

วันนี้ดีใจมาก มีน้องคนนึงส่งข้อความมาในเพจ บอกว่าตามอ่านเรื่องนี้เพราะเพื่อน ตอนแรกเขาก็ไม่สนใจแต่พออ่านๆ ไปแล้วติด คือรักเลยอ่ะ โคตรปลื้ม กำลังใจมาเต็มเปี่ยม มันคือน้ำทิพย์สำหรับเราจริงๆ ... แต่อีกใจนึงก็แอบกลัวนะ
นิยายเรื่องนี้มันแรงพอสมควร ถึงเราไม่เคยจั่วหัวกระทู้ล่อเป้าว่า "NCจ้า เชิญเข้ามาหื่น" แต่เรามั่นใจว่าถ้าคนที่อ่านมีประสบการณ์พอจะรู้ว่าไอ้ความฟินตอน "เฮ้อ โล่งไปหมดเลยครับ" มันคืออะไร ฮ่าๆ จะมีนิยายบ้าๆ กี่เรื่องที่หยิบเอาชนิดของถุงยางมาพูด เอาเรื่องขลิบไม่ขลิบมาเป็นประเด็น กลัวทำเด็กๆ ใจแตกเหมือนกัน
ดังนั้นถ้ามีเด็กคนไหนมาอ่านฟังพี่ต้นเขานะลูกเอ้ย ฉากพี่ต้นสอนน้องเตอร์นั่นแหละ อย่าพึ่งไปหื่นมาก ถ้าจะหื่นหัดพกถุงไว้บ้าง ไม่จำเป็นต้องรักนวลสงวนตัวเป็นชะนีไม่โดนน้ำก็ได้ อยากสนุกก็ทำไปแต่ต้องมั่นใจว่าไม่ทำให้ตัวเองและสังคมเดือดร้อน ต้องมีวุฒิภาวะพอ
ถ้ามีเกเก้ผ่านมาอ่านก็ระวังไว้ด้วย อย่างที่ตาอาร์มบอก แม้การออรัลจะเสี่ยงน้อยแต่ไม่ได้แปลว่าไร้ความเสี่ยง ใช้ถุงยางทุกครั้งเถอะนะ สถิติคนเป็นเอดส์เยอะมากจริงๆ ตอนนี้ ต่อให้มียาต้านกินไปเรื่อยๆ แต่มันก็เสี่ยง ถ้าคุณไม่รู้ตัวแล้วไปซั่มแบบไร้การป้องกันมันก็เป็นการแพร่เชื้ออีก
อย่าทำตัวแบบอีพี่ชัช เราไม่รู้หรอกว่าแฟนเราไว้ใจได้มากแค่ไหน เกิดมันไป ยสตน. กับคนอื่นมาล่ะ ป้องกันได้ก็ป้องกันนะทุกคน
นอกนั้นอะไรที่ดีและไม่ดีในเรื่องเราว่าคนอ่านนิยายเรื่องนี้มีความคิดพอ คือถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ได้คงได้อะไรไปบ้างไม่มากก็น้อยอ่ะ แต่ห่วงเรื่องเซ็กส์ในเด็กวัยรุ่นมากกว่า ไม่งั้นคงไม่เขียนคุณแม่สายธารออกมาแบบนั้น เขียนส่งๆ เป็นอิสาวใจแตกคลอดแล้วทิ้งเหมือนนิยายน้ำเน่าเรื่องอื่นก็ได้ แต่เราอยากเน้นว่ามันมีผลกระทบกับชีวิตมากจริงๆ นะ แต่ต่อให้คุณผิดพลาดไปแล้วก็ยังกลับมาเดินทางที่ถูกที่ควรแบบสวยๆ ได้ถ้ากลับตัวทัน
ด้วยรักจากใจคนเขียนจ้า เป็นห่วงคนอ่านทุกคนนะ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#16/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน21
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 16-11-2014 03:18:08
The story after that.

     ต้นน้ำพักฟื้นอยู่ที่บ้านภายใต้การประคบประหงมของทุกคน แม้สาธารจะพักอยู่ที่ห้องของชัยชัชแต่เธอก็แทบจะขลุกอยู่กับลูกทุกวัน เจ้าสัวเลยเอ่ยปากชวนมาพักด้วยกันที่บ้าน แต่สายธารเพียงแต่กล่าวขอบคุณแล้วปฏิเสธน้ำใจนี้ เธอยืนยันว่าเกรงใจทุกคนและยินดีขับรถไปกลับเพื่อมาดูแลลูกเช่นนี้ทุกวัน ทิฐิและความทะนงตนของสายธารทำให้เกรียงไกรถึงกับกุมขมับเพราะสัมผัสได้ถึงชิ้นส่วนเล็กๆ พวกนี้ในตัวต้นน้ำที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นมารดา นอกจากนี้หลานชายของเขายังได้เชื้อหัวแข็งจากต้นตระการมาเต็มเปี่ยม
     ระหว่างนี้แม็กซ์ขยันมาเยี่ยมต้นน้ำเป็นประจำ แม้ส่วนมากแล้วต้นน้ำจะนั่งนิ่งๆ และใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเหม่อลอย แต่แม็กซ์ก็ไม่ยอมแพ้ เขาพยายามเข้าตามตรอกผ่านทางเจ้าสัวสุดชีวิต และเหมือนว่าเจ้าสัวจะชอบใจแม็กซ์มากเมื่อได้ยินว่าแม็กซ์คือคนที่ไปช่วยต้นเอาไว้ ความรู้สึกที่แม็กซ์มีให้กับต้นปรากฏออกมาชัดเจนจนทุกคนรับรู้ เจ้าสัวจึงเปิดไฟเขียวให้แม็กซ์เต็มที่
     ส่วนเมษเองก็กลายมาเป็นแขกประจำของบ้าน เพื่อนทั้งคู่พยายามชักชวนต้นน้ำทำกิจกรรมต่างๆ แม้จะไม่ค่อยสำเร็จก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็โล่งใจเพราะเวลาที่เมษมาหาต้นน้ำจะสนใจเรื่องรอบตัวมากกว่าปกติ
     วันนี้ก็เช่นกันเมษชวนต้นน้ำลงมานั่งเล่นในสวน
     “ฮ้า! สดชื่น แกนะแกมีสวนสวยๆ ร่มรื่นแบบนี้อยู่ในบ้านแท้ๆ เอาแต่อุดอู้อยู่ในห้อง”
     “แดดร้อน”
     “แดดเดิดอะไรยะ! นี่มันจะห้าโมงแล้ว เอาแต่นอนทั้งวันจนอืดหมดแล้วอ่ะแก”
     เมษพูดพลางพิจารณาสภาพของเพื่อนรัก เพื่อนของเธอผอมลงไปมากจนเรียกได้ว่าโทรม ทุกคนเล่าว่าต้นน้ำไม่ค่อยยอมทานอะไร ป้อนอะไรให้ก็ทานได้คำสองคำแล้วอาเจียน แม่ของต้นน้ำเล่าว่ายารักษาอาการซึมเศร้าจะทำให้ต้นน้ำซึม อาจจะมีอาการเบลอไปบ้างแต่ในที่สุดร่างกายก็จะปรับสภาพไปเอง เพราะในระยะยาวแล้วนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับต้นน้ำ
     “แกนะแก ปากแห้งหมดแล้ว ปล่อยให้ปากลอกแบบนี้ได้ยังไงยะ เอาลิปฉันไปทามะ?”
     โดยไม่รอคำตอบ เมษเปิดกระเป๋าคว้าลิปมันจะเอามาทาให้แต่ต้นน้ำกลับหยุดมือของเมษไว้
     “ช่างมันเถอะ”
     “ช่างได้ไง แกไม่เจ็บเหรอ? ปากแห้งแตกเป็นขุยแบบนี้น่าเกลียดอะ ไม่ได้ๆ ฉันจะไม่ปล่อยให้เพื่อนฉันโทรม”
     “ทาไปเราก็ไม่สวยเท่าเมษหรอก”
     “อ๊ะมันแน่อยู่แล้ว แต่ต่อให้แกสวยสู้ฉันไม่ได้ก็ยังต้องสวยย่ะ”
     เมษว่าพลางบรรจงถูกลิปเข้าที่ริมฝีปากของต้นน้ำ
     “จะสวยไปทำไม พยายามให้ตายเราก็ไม่สวยหรอกเมษ เราเป็นผู้ชาย ถึงสวยได้ก็เป็นของปลอม ไม่ใช่ผู้หญิง”
     ต้นน้ำเริ่มน้ำตาร่วงอีกครั้งแต่เมษกลับแหวใส่!
     “แล้วไงย๊ะ! ถึงฉันจะไม่มีมดลูก แต่ฉันสวยแล้วมีความสุข ทำตัวเองให้ดูดีแล้วมีความสุขออก แค่อกหักครั้งเดียวจะปล่อยตัวเองให้โทรมทำไม เครื่องเคราแกก็ยังดีไม่สึกหรอจะกังวลไปทำไม บำรุงตัวเองอีกนิด สวยแล้วแกจะมีผัวกี่คนก็ได้”
     “แต่เราไม่เข้มแข็งเหมือนนาย เรารักพี่ชัช ฮือๆ
     “โอ๊ยอีนี่! ร้องไห้คิดถึงผัวอีกแล้ว ถ้ารักเขามากแล้วทำไมตอนเขามาขอคืนดีไม่เซย์เยสกับเขาไปละย๊ะ!”
     “ก็เรา ...”
     สีหน้าขมขื่นของต้นน้ำทำให้เมษขัดใจ
     “โอ๊ย ทีผัวแกยังไปแรดกับคนอื่นได้เลย แกก็มีนิดๆ หน่อยๆ บ้างจะเป็นไรไป ตาต่อตาฟันต่อฟันไงแก นึกซะว่าแก้แค้น”
     “แต่เรากลัวนี่ ถ้าพี่ชัชรังเกียจเราล่ะ”
     “ก็ไม่เห็นจะรังเกียจอะไรแกนิ เห็นเอาแต่ยืนร้องไห้ แกไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย รอดเอดส์ รอดตาย ไม่ติดยา จบป่ะ? สู้ได้แล้ว จะซึมอะไรนักหนา”
     “นายไม่เข้าใจหรอกเมษ!”
     “ย่ะ! ฉันไม่เข้าใจแก แต่ฉันเป็นห่วง ไม่อยากเห็นแกเศร้า โอเคมะ เข้าใจมั้ยว่าเพื่อนเป็นห่วง!”
     น้ำเสียงจริงจังของเมษทำให้ต้นน้ำรู้สึกตัว
     “ขอโทษนะ”
     “ย่ะ! จำไว้นะ ฉันอนุญาตให้แกโง่แค่ครั้งเดียว ถ้าแกทำอะไรบ้าๆ แบบนี้อีกฉันจะไปขุดศพแกมาแต่งหญิงประจานก่อนเผาเลยคอยดู!”
     “อื้ม”
     มุกตลกของเมษทำให้ต้นน้ำอมยิ้มน้อยๆ อารมณ์ขันเชิงประชดประชันแต่แฝงไว้ซึ่งความจริงใจของเมษเรียกร้อยยิ้มจากต้นน้ำได้เล็กน้อย ต้นน้ำดูผ่อนคลายขึ้นเมื่อมีเมษอยู่ใกล้ๆ ทำให้คนในบ้านรู้สึกขอบคุณเมษอยู่ไม่น้อย
     เด็กทั้งสองนั่งสนทานากันอีกพักใหญ่ก่อนที่เมษจะขอตัวกลับ แต่พอเมษกลับไปแล้วต้นน้ำก็นั่งซึมอีกรอบ เขานั่งนิ่งอยู่ตรงโต๊ะตัวเดิมปล่อยให้น้ำตาไหลจนฟ้ามืดท่ามกลางความกังวลของทุกคน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     “สวัสดีครับพี่น้ำ ต้นละครับ”
     “หลับอยู่ข้างบนจ้ะ”
     “เป็นไงบ้างครับ?”
     “ก็เหมือนเดิมแหละ ทานน้อย ยังทานอะไรไม่ค่อยได้นอกจากพวกซุป เจ้าสัวแกก็เลยขยันหายาบำรุงอะไรมาเยอะแยะ แต่ตาต้นทานเข้าไปแล้วก็อ้วกออกมาตลอด”
     ชัยชัชยิ้มน้อยๆ ให้กับความรักหลานของเจ้าสัววีรชัย วันนี้ดูเหมือนทุกคนจะไม่อยู่บ้าน เหลือแต่สายธารที่มาดูแลต้นน้ำตั้งแต่เช้า ช่วงบ่ายชัยชัชจึงแอบเอายามาให้ ตั้งใจอยากมาหาคนรักของตน เขาเข้าหน้าเจ้าสัวไม่ติดและรู้ดีกว่าคนอื่นๆ อยากให้ตนเลิกติดต่อกับต้นน้ำ เขาเองก็รู้ตัวดีจึงไม่กล้าโผล่หน้ามาเรียกร้องอะไร เพราะต่อให้ทุกคนยอมให้เขาได้พบกับต้นน้ำ แต่ตัวต้นน้ำเองล่ะ จะอยากพบเขาด้วยหรือเปล่า?
     “นายแน่ใจนะนายชัชว่านี่ไม่ใช่ผลข้างเคียงของยา? ทำไมตาต้นทานอะไรไม่ค่อยได้แถมยังเอาแต่นอนล่ะ?”
     “ยาคลายเครียดมันทำให้ง่วงซึมแบบนี้แหละพี่ ส่วนยาต้านซึมเศร้าก็อาจจะทำให้คลื่นไส้นิดหน่อย แล้วก็เบื่ออาหาร แต่เรื่องอ้วกนี่ผมไม่แน่ใจ คราวหน้าพี่ลองบอกอาการหมอดูแล้วหมอจ่ายยาอะไรพี่ก็มาบอกผม เดี๋ยวผมเอามาให้”
     “ลำบากนายแย่เลย พี่พึ่งรู้ว่ายาพวกนี้มันราคาสูงมากขนาดนี้ นี่ถ้าไม่ได้นายช่วยเรื่องยาไม่ได้เจ้าสัวช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาลพี่ก็คงแย่เหมือนกัน”
     ชัยชัชยิ้มเศร้าๆ เขาตอบสายสายธารในใจว่า “ก็ผมเป็นต้นเหตุนี่ครับ” แต่กลับพูดออกไปอีกอย่าง
     “ก็ต้นเป็นที่รักของทุกคนนี่ครับ”
     สายธารหันมายิ้มให้ แม้ตอนนี้คนทั้งสองจะเป็นรูมเมทแต่กลับไม่ค่อยได้เจอกัน สายธารขลุกอยู่กับต้นน้ำทั้งวันพอกลับไปก็อาบน้ำนอนทันที ส่วนชัยชัชเองก็โหมงานหนักเพราะไม่อยากว่างจนฟุ้งซ่าน เขาไม่รู้จะเอาเวลาพวกนั้นไปทำอะไร ต้นน้ำมีคนดูแลแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีเขาอีก ชีวิตของเขาเหลือตัวคนเดียว ไม่มีใครอยู่ข้างกายให้คิดถึง และเขาไม่คิดว่าจะมีใครมาแทนทีต้นน้ำได้อีก
     ชัยชัชคิดถึงคนรัก เขาอยากพบต้นน้ำเขาไม่ได้เห็นต้นน้ำอีกเลยนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาล ชัยชัชอยากรู้ว่าแฟนของตนเป็นเช่นไร อยากพบ อยากเจอ อยากสัมผัส แต่...
     ถ้อยคำแสดงความต้องการวนเวียนอยู่ในหัว “ขอผมไปหาต้นได้มั้ย”
     วันนี้เป็นโอกาสดี หาไม่แล้วเขาคงไม่มีจังหวะเหมาะๆ เช่นนี้อีก เขารู้มาว่าเจ้าสัวต้องออกไปพบลูกค้าเก่าแก่จึงอ้างเรื่องเอายามาให้เพราะอยากมาเจอแท้ๆ แต่ความรู้สึกผิดมันค้ำคอจนพูดไม่ออก
     “งั้นเดี๋ยวผมกลับก่อนนะพี่น้ำ ยังต้องไปทำงานอีกหลายที่”
     ในที่สุดชัยชัชก็เก็บความต้องการของตนกลับไป สายธารมองท่าทางของชัยชัชแล้วก็สงสาร
     “นายจะขึ้นไปดูต้นหน่อยมั้ย ไหนๆ ก็มาแล้ว”
     “ได้เหรอพี่?”
     “ได้สิพี่พาไปเอง”
     “แต่...”
     ชัยชัชกลัวว่าถ้าเจ้าสัวรู้เรื่องแล้วจะโกรธ
     “ไม่เป็นไรหรอก ตาต้นหลับอยู่ คงไม่ตื่นมาเห็นหน้านายแล้วอาละวาดหรอก”
     “ขอบคุณมากครับพี่”
     สายธารปล่อยให้ชัยชัชขึ้นไปหาต้นน้ำด้านบนส่วนตัวเองไปกำชับแม่บ้าน
     ชัยชัชตรงไปยังห้องของต้นน้ำ เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปก็เห็นคนรักนอนอยู่บนเตียง ต้นน้ำนอนหลับตาท่าทางอิดโรย แม้ภาพที่เห็นจะแตกต่างกับภาพที่เขาเห็นจนชินตาทุกๆ เช้า แต่คนๆ นี้ก็คือคนที่เขารัก ความทรุดโทรมของร่างกายที่ขาดการดูแลไม่ได้ทำให้เขารังเกียจหรือรักต้นน้ำน้อยลงเลย กลับกันเขากลับรู้สึกผิดอยากจะทุ่มเทดูแลต้นน้ำให้ดีกว่าเดิม ถ้าเพียงแต่เขาจะได้รับโอกาสอีกครั้ง
     “ต้นครับ พี่มาเยี่ยมเรานะ หายเร็วๆ กลับมาเป็นอีแก่ขี้บ่นคนเดิมของพี่เร็วๆ นะครับ พี่คิดถึงเรานะ”
     ชัยชัชเพ้อทั้งๆ ที่รู้ดีว่าต้นน้ำไม่ได้ยิน เขาบรรจงลูบแก้มของคนหลับอย่างทะนุถนอม ชัยชัชรู้ดีว่าเขาโหยหาต้นน้ำมากเพียงใด แต่เมื่อคิดถึงว่าบางทีเขาอาจไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้วก็สั่นไปทั้งตัว
     ชัยชัชสะเทือนอารมณ์จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ใกล้ชิดต้นน้ำ สองมือของเขาสั่นเทาในขณะที่ไล้ใบหน้าของคนรักเบาๆ เขาสลักความรู้สึกนี้ลงบนหัวใจตัวเอง สมองของเขาสั่งให้จดจำทุกสัมผัสตราบนานเท่านาน เรื่องราวมากมายผุดขึ้นในหัว ภาพของต้นน้ำที่นอนหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุขในอ้อมกอดของเขา ดวงตาเป็นประกายสีดำสนิทที่มองตรงมาด้วยสายตารักใคร่ในยามตื่น ชัยชัชถามตัวเองว่าตนจะมีโอกาสได้เห็นมันอีกไหมทั้งที่ภายในใจรู้ดีว่าคงไม่มีหวัง
     ท้ายที่สุดชัยชัชก้มลงจูบริมฝีปากแห้งแตกอยู่เนิ่นนานราวกับต้องการประทับความรู้สึกนี้จวบจนวันตาย! เขาหลับตาลงเพื่อกลั้นน้ำตาของตนก่อนจะผละออก
     “พี่รักต้นนะครับ พี่รักเราที่สุด หัวใจของพี่เป็นของเราคนเดียวนะรู้มั้ย”
     ชัยชัชกระซิบถ้อยคำที่ถ่ายทอดออกมาจากหัวใจให้ต้นน้ำฟังแม้จะรู้ดีว่าคนหลับไม่มีทางรับรู้ แล้วเขาก็ก้าวออกจากห้องนั้นเพื่อเผชิญหน้ากับความจริง
     “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”
     ชัยชัชรำพึงกับตัวเองเบาๆ พลางก้าวเท้าลงบันได

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


      วันเวลาผ่านไปเป็นเดือน ต้นน้ำหายเป็นปกติทุกอย่างยกเว้นสภาพจิตใจ ระหว่างนั้นต้นตระการยื่นเรื่องลาเป็นกรณีพิเศษให้ต้นน้ำ ไม่เสียแรงที่มีตำแหน่งในคณะ ธุระต่างๆ ของต้นน้ำกลายเป็นเรื่องง่ายท่ามกลางความสงสัยของเพื่อนในภาค ไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ได้แต่อาศัยเดาจากข่าวลือและเรื่องที่เด็กวิศวะที่เคยตามจีบต้นน้ำโดนไล่ออก อาร์มที่เคยสนิทกับต้นน้ำก็ปิดปากเงียบและกลายเป็นคนเก็บตัว มีปัญหากับรุ่นพี่ในคณะ ทุกคนพากันพูดว่าที่บอมถูกไล่ออกต้องเกี่ยวกับต้นน้ำ บางคนรู้ว่าบอมแค้นเลยหาทางจัดการกับต้นน้ำแต่ก็คิดว่าบอมไม่สมควรถูกลงโทษสถานหนัก ไม่มีใครรู้ว่าบอมร่วมมือกับคนอื่นทำร้ายต้นน้ำอย่างไรนอกจากอาร์ม
     ทุกคนรู้เพียงแต่ว่าต้นน้ำไม่สบายและมีเหตุให้มาเรียนตามปกติไม่ได้ ไม่มีใครติดต่อต้นน้ำได้ เหมือนประหนึ่งว่าจู่ๆ ต้นน้ำก็หายไปดื้อๆ อย่างไร้ร่องรอย พอจะไปหาที่บ้านคนที่รู้จักที่อยู่ของต้นน้ำอย่างไปป์ก็กลายเป็นคนที่เอาแต่เงียบเหมือนมีอะไรในใจตลอดเวลา ผีเข้าผีออกจนเพื่อนๆ พากันส่ายหน้า แม้แต่ป่านเองก็บอกว่าต้นน้ำไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้วแต่ตนก็ไม่รู้จักที่อยู่ใหม่จึงบอกอะไรใครไม่ได้ พูดง่ายๆ ว่าทุกคนขาดหนทางในการติดต่อโดยสิ้นเชิง
     ภาคฟิสิกส์ที่ขาดติวเตอร์ตัวพ่อคอยนั่งอธิบายเนื้อหาวิชาหลังเลิกเรียนจึงดูเงียบเหงาลงพอสมควร ทุกคนพากันคิดถึงเจ้าของชีทเลคเชอร์ที่อ่านง่ายด้วยลายมือสะอาดตาเนื้อหาครบถ้วนทุกประเด็นแถมเข้าใจได้ไม่ยาก ทุกคนอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้นน้ำ แม้แต่เปาและทิงก็ยังไม่กล้าฟันธงเพราะต้นตระการไม่ยอมบอกอะไรคนทั้งคู่ เตอร์ทำได้เพียงแค่ส่งข่าวที่รู้คร่าวๆ จากชัยชัชว่าต้นน้ำกลับไปอยู่กับพ่อแม่แล้วเท่านั้น รุ่นพี่ทั้งสองจึงไม่รู้อะไรพอๆ กับคนอื่น
     ทุกคนเป็นห่วงต้นน้ำ แต่ต้นน้ำเหมือนไม่ยอมรับรู้ความเป็นห่วงของใคร เขาจมอยู่กับเรื่องกังวลภายในใจ ต้นน้ำไม่กล้าเผชิญความจริง เขาจึงเลือกหนีปัญหาด้วยการซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้าน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


      กลางดึกคืนหนึ่ง ต้นน้ำกำลังหลับอยู่บนเตียง เขารู้ว่าตนฝัน ในฝันนั้นเขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา ต้นน้ำเห็นใบหน้านั้นไม่ชัด แต่เขารู้ว่าผู้ชายคนนี้ใส่แว่น ผู้ชายคนนี้กอดเขา! แม้จะอยู่ในฝันแต่ต้นน้ำก็เห็นตัวเองในฝันร้องไห้เพราะถ้อยคำสั้นๆ ที่กระซิบมา “ทุกคนรักนายนะ”
     ต้นน้ำร้องไห้เหมือนเด็ก แล้วภาพก็เปลี่ยนไปเป็นเขาตอนเด็กแทน ต้นน้ำถูกใครบางคนจูงมือพาไปสวนสนุก คนๆ นั้นเป็นผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสีดำเหมือนชุดนักศึกษา เขาพาต้นน้ำไปนั่งดูดาวในท้องฟ้าจำลอง อ้อมกอดที่อบอุ่นและตักกว้างๆ ทำให้เขานั่งดูดาวอย่างมีความสุข แต่แล้วภาพก็เปลี่ยน เขาเห็นตัวเองเล่นเครื่องเล่นต่างๆ อย่างเพลิดเพลิน ไม่นานเขาก็เริ่มกังวลเมื่อสัมผัสได้ว่าคนข้างๆ เขาหายไป!
     ต้นน้ำในวัยเด็กวิ่งตะโกนร้องหาคนที่มาด้วย แต่พอจะร้องเรียกชื่อคนๆ นั้นเขากลับไม่รู้ต้องเอ่ยนามว่าอะไร เด็กน้อยยืนเคว้งคว้างอย่างเดียวดาย!
     และแล้วต้นน้ำก็สะดุ้งตื่น! ต้นน้ำรีบปาดเหงื่อของตนด้วยความตกใจ เขาอยู่ในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศ ณ. อุณหภูมิยี่สิบห้าองศาแท้ๆ
     “ฝันร้ายเหรอ?”
     ต้นน้ำพูดกับตัวเองเบาๆ แต่แล้วก็ฉุกใจมองไปทางตู้โชว์ภายในห้อง บนนั้นมีกรอบรูปวางอยู่ เป็นรูปของเจ้าของห้องคนเก่าที่ต้นน้ำบอกกับคนอื่นๆ ว่าตั้งไว้เช่นเดิมก็ได้เพราะตนไม่มีข้าวของอะไร ผู้ชายในรูปยืนยิ้มอย่างมีความสุขหน้าซุ้มดอกไม้ภายใต้ชุดครุย ผู้ชายใส่แว่นคนนี้คือพี่ชายของเขา ต้นน้ำฝันถึงลูกพี่ลูกน้องที่เสียชีวิตไปแล้ว!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     ขณะที่เกรียงไกรกำลังเดินเข้าบ้านหลังกลับจากธุระก็ต้องแปลกใจ เขาเห็นแสงไฟสว่างมาจากในครัวผิดไปจากปกติจึงเดินเข้าไปดู
     ต้นน้ำยืนนิ่งอยู่ในนั้น สายตาเหม่อลอยไปยังจุดหนึ่งบนชั้นวางของ ที่เก็บมีด!
     “มีอะไรเหรอต้น!”
     เกรียงไกรผลุนผลันออกไปยืนข้างหลานชาย ต้นน้ำจึงหันมากระพริบตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
     “ผมหิวน่ะครับ เลยว่าจะลงมาหาอะไรทาน แต่ผม... ผมไม่รู้ว่าที่นี่เก็บพวกโจ๊กกระป๋องไว้ไหน”
     “อ้อ เหรอ หิวหรอกเหรอ”
     เกรียงไกรลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขานึกยินดีที่ได้ยินเสียงหลายชายบ่นว่าหิว
     “ทำไมเหรอครับ คิดว่าผมจะหามีดมาเชือดตัวเองอีกรอบรึไง?”
     ต้นน้ำยิ้ม หากแต่เกรียงไกรเดาเจตนาของรอยยิ้มไม่ออก
     “คิดมากน่า ลุงก็แค่เป็นห่วง เห็นเราไม่ค่อยสบายกลัวจะเป็นอะไรไป”
     เกรียงไกรพูดกลบเกลื่อนพลางลงมือคุ้ยหาของกินในตู้เย็น
     “ขอบคุณครับ”
     “หิวไม่ใช่เหรอ มาๆ เดี๋ยวลุงหาอะไรให้กิน”
     “แต่คุณลุงครับ ผมอยากทานโจ๊กกระป๋อง”
     เกรียงไกรหันมามองหน้าหลานชายทั้งที่เปิดตู้เย็นค้างไว้
     “ได้มั้ยครับ?”

     และแล้วโจ๊กกระป๋องที่ใส่น้ำเยอะจนใสเห็นแต่น้ำซุปก็วางอยู่ตรงหน้าต้นน้ำ ลุงและหลานนั่งกันอยู่ในห้องครัว
     “ขอบคุณนะครับคุณลุง อุตส่าห์ออกไปซื้อมาให้ผม”
     “ไม่เป็นไรหรอก ตอนที่ลุงไม่สบายเราก็คอยดูแลลุงเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
     “ขอบคุณครับ”
     ต้นน้ำยิ้มน้อยๆ ก่อนจะตักน้ำโจ๊กเข้าปาก
     “ค่อยๆ กินนะ เดี๋ยวจะอ้วกออกมาอีก ยังคลื่นไส้อยู่รึเปล่าน่ะเรา?”
     “นิดหน่อยครับ แต่ผมจะพยายามทานดู”
     “ดีแล้ว ผอมไปเยอะเลยนะเรา ต้องบำรุงหน่อยแล้ว ต้นอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกนะ ป๊าแกจะได้สั่งให้คนไปหามาให้”
     “อื้อไม่ไหวหรอกครับ!”
     ต้นน้ำยิ้มเขินๆ ก่อนจะกล่าวต่อว่า
     “ยาจีนพวกนั้นผมทานไม่ไหวหรอก เหม็นจะตาย”
     เกรียงไกรหัวเราะด้วยความเอ็นดูหลาน เขารู้สึกได้ว่าต้นน้ำใกล้เคียงกับตอนปกติแล้วแม้จะยังดูอ่อนแรงแต่ก็พูดคุยกับเขาได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น เขานั่งเฝ้าหลานชายคนเล็กซดน้ำโจ๊กอย่างมีความสุข
     “เอ่อ... คุณลุงครับ ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”
     “ได้สิ ต้นจะถามอะไรล่ะ?”
     “คือ ... คุณลุงช่วยเล่าเรื่องของพี่ธีร์ให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยครับ”
     “หืม? ทำไมล่ะ ทำไมอยู่ๆ ก็อยากรู้เรื่องของอาธีร์ขึ้นมา”
     “ก็ไม่มีอะไรครับ พอดีผมเห็นรูป อืม... ห้องที่ผมอยู่เป็นห้องของพี่ธีร์ใช่มั้ยครับ?”
     “ช่าย อาธีร์เหรอ อีก็เป็นคนดี ขยัน เก่ง เหมือนพ่ออีนั่นแหละ”
     ต้นน้ำนั่งฟังเกรียงไกรอย่างเพลิดเพลิน
     “แต่อีไม่ค่อยสนิทกับพี่สาวลื้อเท่าไหร่หรอก”
     “อ้าว! ทำไมละครับ”
     “ก็อาต้นน่ะสิ อีโกรธป๊า เลยไม่ค่อยพาเด็กๆ มาเจอกัน อาษาอีเลยสนิทกับบ้านนั้นมากกว่า เพราะเป็นเด็กผู้หญิงเหมือนกันมั้ง”
     “แล้วคุณลุงว่า... ถ้าเกิด... ถ้าเกิดพี่ธีร์ยังอยู่เขาจะยอมรับผมมั้ยครับ”
     “ก็ต้องยอมซี่! ลื้อน่ารักขนาดนี้ใครๆ ก็อยากได้เป็นน้อง!”
     “แต่ว่าผมเป็น...”
     เกรียงไกรได้แต่ถอนหายใจให้กับความคิดมากของหลานชาย
     “ทำไมล่ะ เกิดอยากมีพี่ชายกับเขาบ้างรึไง”
     “คงงั้นมั้งครับ ก็ผมมีแต่พี่สาว”
     “ไม่มีใครเป็นพี่ชายให้เลยเหรอ?”
     ต้นน้ำมองสายตาล้อเลียนอย่างรู้ทันของเกรียงไกรแล้วก็หลบตา
     “พี่ชัชเป็นทุกๆ อย่างของผมครับ แต่... ผมคงไม่ดีพอสำหรับเขา”
     ต้นน้ำซึมไปครู่หนึ่งก่อนจะตั้งสติแล้วเปลี่ยนเรื่อง
     “ว่าแต่คุณลุงละครับ ทำไมถึงอยู่เป็นโสดจนป่านนี้ ไม่เหงาเหรอครับ”
     “โสดสิดี สบายดีออก ฮ่าๆ”
     “แล้วคุณลุงเคยรักใครรึเปล่าครับ”
     เกรียงไกรยิ้มก่อนจะตอบ
     “เคยสิ”
     “เล่าให้ผมฟังได้มั้ยครับ”
     “ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่คนรู้จักสมัยเด็ก ครอบครัวเราสนิทกัน แต่เขาไม่ได้ใจตรงกับลุงก็เท่านั้น”
     “แล้วคุณลุงไม่เจ็บปวดเหรอครับ”
     “ฮ่าๆ เจ็บสิ แต่จะให้ลุงไปขวางคนสองคนที่ใจตรงกันได้ยังไง ลุงทำอะไรไม่ได้หรอก เลยได้แต่แอบรักไปวันๆ นานเข้าความเจ็บปวดก็เหลือแต่ความปรารถนาดี ลุงยินดีที่ชีวิตคู่เขามีความสุขนะ”
     “ฟังแล้วน่าสงสารคุณลุงจังเลยนะครับ”
     “เศร้าแต่สวยงามนะต้น จนถึงทุกวันนี้ลุงก็ยังภูมิใจกับความรักของตัวเอง แอบรักผู้หญิงคนนึงมาได้ตั้งห้าสิบปี! ไม่ใช่ขี้ๆ นะ”
     ต้นน้ำยิ้มเศร้าๆ ภายในใจเกิดความนับถือคุณลุงของตน เกรียงไกรที่ผ่านโลกมามากจึงสำทับต่อ
     “ชีวิตลุงมีแต่เรื่องไร้สาระ แต่ขอให้มีเรื่องที่ลุงจะเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้าง ถึงจะไม่มีใครมาชื่นชมแต่ลุงก็ภูมิใจนะ”
     “ใครบอกละครับ คุณลุงมีดีตั้งหลายเรื่อง ผมรักคุณลุงนะครับ”
     “ลุงก็รักต้น”
     เกรียงไกรยิ้มให้ต้นน้ำด้วยความเอ็นดู เขาอิ่มใจว่าเขาน่าจะช่วยหลานได้สำเร็จแน่ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


      สายธารกลับเดนมาร์กไปแล้ว พอต้นน้ำอาการดีขึ้นเขาก็เอ่ยปากกับผู้เป็นมารดาว่าตนดูแลตัวเองได้ ต้นน้ำเกรงใจแม่ที่ต้องทิ้งร้านมาเฝ้าตน ต้นน้ำรู้ดีว่าร่างกายของตัวเองไม่ได้เป็นอะไรแล้ว บาดแผลที่เหลือมันอยู่ในใจและคงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องเยียวยาเท่านั้น แต่เขาไม่อยากให้แม่ต้องลำบากเพราะเขา
     ต้นน้ำพยายามเข้มแข็งขึ้นเท่าที่ตนจะทำได้ แต่เพราะเขายังทานยาอยู่จึงไม่พร้อมจะกลับไปเรียนเนื่องจากอาการง่วงซึมเกือบทั้งวันที่มาจากฤทธิ์ยา
     ก่อนจะกลับต้นน้ำกอดสายธารอยู่นาน คืนนั้นสายธารมาค้างด้วยต้นน้ำจึงนอนกอดมารดา เขาอ้อนสายธารราวกับเป็นเด็ก เขาเปิดปากเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ผู้เป็นแม่ฟัง
     “แม่รู้มั้ย ความจริงผมเจอพี่ธันย์ด้วย”
     “เหรอลูก เจอที่ไหนล่ะ”
     “ที่มหาวิทยาลัยครับแม่ พี่ธันย์เข้ามาเป็นรุ่นน้องต้น เราอยู่ภาคเดียวกัน”
     “แล้วพี่เขาสบายดีหรือเปล่า เขายังจำต้นได้มั้ย?”
     “พี่ธันย์สบายดีครับ เขาจำผมได้แต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจผมด้วยนะ”
     ต้นน้ำเล่าให้มารดาฟังอย่างมีความสุข แต่แล้ว...
     “ไม่รู้ผมหายมาแบบนี้พี่ธันย์จะเป็นห่วงผมมั้ย”
     “ถ้างั้นต้นก็ต้องรีบรักษาตัวนะจ้ะ จะได้กลับไปเจอตาธันย์เร็วๆ ไง”
     “อื้ม ผมก็ว่างั้นครับแม่”
     คำพูดของสายธารและความรักที่ทุกคนมีให้ทำให้ต้นน้ำพยายามเข้มแข็งขึ้น เขาบอกตัวเองว่าห้ามอ่อนแอ มันถึงเวลาแล้วที่ตนต้องลุกขึ้นสู้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าอะไรจะจบลง ยังไงเสียเขาก็ต้องเดินหน้าต่อไปเพราะเขายังหายใจอยู่ อย่างน้อยเขาก็ควรดีใจที่ยังได้อยู่บนโลกนี้ ต้นน้ำตั้งใจจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแทนธีร์ เขาควรจะใช้ชีวิตที่ได้มานี้ให้คุ้มค่า ชีวิตที่มีคนสองคนอยากมอบให้เขา เขารู้สึกผิดต่อธนพล ต้นน้ำห้ามไม่ให้สายธารบอกข่าวร้ายนี้กับลุงพลของตน เขาขอมารดาไว้ว่าเมื่อถึงวันที่เขาเข้มแข็งแล้วเขาจะเป็นคนไปสารภาพผิดกับลุงพลด้วยตัวเอง ต้นน้ำนึกไม่ออกจริงๆ ว่าถ้าลุงพลสุดที่รักรู้ว่าเขาฆ่าตัวตายเพราะผู้ชายจะเสียใจมากแค่ไหน ต้นน้ำไม่อยากเป็นเกย์คิดสั้นที่ทำให้ลุงพลต้องเสียความรู้สึก เขาอยากมีความสุขกับชีวิตเหมือนเมษ และหวังว่าสักวันตนจะเข้มแข็งได้เหมือนพี่ธันย์ ผู้ผ่านเรื่องเลวร้ายมากมายกว่าเขา

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... น้องต้นลุกขึ้นสู้แล้ว เหมือนฮีจะเริ่มคิดได้ ... พี่ชัชก็ยังรักเมีย ... จะเกิดอะไรขึ้นน้อ... ชีวิตตัวเอกของนิยายเรื่องนี้จะเป็นเช่นไรน้า... มันไม่จบง่ายๆ แบบนั้นหรอกน่า!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#16/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน21
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 16-11-2014 04:47:24
The story after that.

     แม็กซ์กำลังขับรถพาต้นน้ำไปบ้านเมษ วันนี้ต้นน้ำออกไปนอกบ้านเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเรื่อง เป็นนัดสำคัญที่ต้นน้ำปฏิเสธไม่ได้ ทุกคนช่วยกันยุให้ต้นน้ำรับนัดนี้ เจ้าสัววีรชัยถึงกับลงทุนฝากของขวัญเป็นสร้อยเพชรเม็ดเล็กๆ น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มไปให้เจ้าของวันเกิด
     วันนี้เป็นวันเกิดของเมษ สาวน้อยราศีเมษคนนี้เกิดวันที่ยี่สิบสี่เมษายน ปีนี้เธออายุครบยี่สิบจึงจัดปาร์ตี้เล็กๆ ในครอบครัวขึ้นที่บ้าน
     “ฉันจะเข้าครัวเอง จะทำอาหารโชว์ความเป็นกุลสตรีให้พ่อแม่ฉันได้ประจักษ์ พ่อฉันจะได้ภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้! อ้อ! มีของโปรดแกเพียบเลยนะนังต้น แต่แกต้องเอาเค้กฝีมือแกมาแลก เพราะฉันอยากกิน!”
     “แต่เรา...”
     ต้นน้ำกำลังจะบอกว่าตนไม่ได้อบเค้กนานแล้วแต่เมษกลับขัดขึ้น
     “ไม่ได้! นี่วันเกิดฉันนะยะแก ฉันอายุครบยี่สิบแล้วมันมีความหมายกับฉันมากเลยนะ! แกต้องมาให้ได้เข้าใจมั้ย? เพราะฉันมีเรื่องสำคัญจะประกาศ อ้อฉันอนุญาตให้แกหนีบคนขับรถมาด้วยก็ได้ย่ะ!”
     เมษมัดมือชกเสร็จแล้วก็วางสายไปทิ้งให้ต้นน้ำไม่มีทางเลือกต้องไปขออนุญาตเจ้าสัว ซึ่งท่านก็รีบอนุญาตอย่างยินดีเมื่อแม็กซ์อาสามาขับรถให้ ดังนั้นต้นน้ำจึงใช้โอกาสที่ถูกเมษมักมือชกนี้เป็นการเริ่มต้น
     พ่อแม่และพี่สาวของเมษทักต้นน้ำอย่างเป็นกันเองไม่มีใครพูดอะไรให้ต้นน้ำไม่สบายใจ แม็กซ์เองก็ปรับตัวได้กลมกลืนจนแม้แต่เมษยังแอบเบะปากใส่ แม้จะบอกว่าเป็นปาร์ตี้เล็กๆ แต่ก็เหมือนการรับประทานอาหารร่วมกันธรรมดาๆ แต่แล้วเมษก็หยิบสมุดบัญชีออกมาโชว์และประกาศเรื่องสำคัญ
     “แต่นแต๊น! ฉันเก็บเงินค่าผ่าตัดครบแล้วแก๊!”
     ตอนแรกต้นน้ำยังตั้งสติไม่ทันแต่แล้วเมื่อคิดตามได้ก็มีสีหน้ายินดี
     “ในที่สุดชีวิตครึ่งๆ กลางๆ ของฉันก็จะจบลง ฉันจะได้กลายเป็นผู้หญิงแล้ว โอ๊ย! ดีใจ! แกดีใจกับฉันหน่อยสิ”
     “จริงเหรอเมษ!”
     “ย่ะ”
     เมษตอบพร้อมยิ้มกว้าง ต้นน้ำรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไรจึงหันไปมองพ่อกับแม่ของเมษ แต่คนทั้งคู่ไม่มีท่าทางตกใจราวกับรับรู้อยู่แล้ว
     “พ่อกับแม่รู้แล้วเหรอครับ”
     “ฮื่อ รู้แล้วมันบอกแล้ว”
     “แหมพ่อ ทำเก็กนะ”
     เมษแซวพ่อตัวเองแล้วก็หัวเราะอย่างได้ใจ
     “เมษเก่งจัง เงินตั้งเยอะเก็บได้ยังไงอ่ะ”
     “ฉันคนเดียวที่ไหนล่ะ ถ้าไม่ได้พี่กับพ่อฉันก็ทำไม่ได้หรอก โอ๊ยซึ้ง! เป็นลูกคนเล็กมันดีอย่างงี้นี่เอง”
     พอเห็นต้นน้ำทำหน้างงแม่ของเมษจึงเฉลยให้ฟัง
     “พ่อแกถูกหวยก้อนใหญ่น่ะ แกก็เลยอยากให้นังเมษมันสมใจซะที”
     “หนูรักพ่อนะค้า มาๆ จุ๊บๆ”
     ต้นน้ำมองภาพนั้นอย่างมีความสุข แม็กซ์เองก็มีความสุขตาม เขามองรอยยิ้มที่ต้นน้ำมีเพราะร่วมยินดีไปกับเพื่อนด้วยความสบายใจ เขายิ้มมาตลอดทางขากลับ
     “ต้นอยากแวะที่ไหนก่อนกลับป่าว?”
     “ไม่หรอกแม็กซ์ เหนื่อยอ่ะ อยากกลับบ้าน”
     “คร้าบๆ”
     ต้นน้ำมองแม็กซ์ที่รับคำกวนๆ แล้วเอ่ยขึ้น
     “ขอบคุณที่พาเราไปหาเมษนะ”
     “ขอบคุณไรกัน บอกแล้วไง อยากไปไหนบอก ไม่ต้องเกรงใจ”
     “แม็กซ์ไม่เหนื่อยเหรอ ไหนยังต้องไปมหาวิทยาลัย บ้านก็ไกล แล้วก็ต้องแวะมาหาเราบ่อยๆ แบบนี้”
     “ทำให้คนที่เรารักไม่มีทางเหนื่อยหรอกต้น”
     แม็กซ์ลองหยอดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ต้นน้ำกลั้นยิ้มบางๆ แล้วตอบว่า
     “ขอบคุณนะ”
     ต้นน้ำไม่ปฏิเสธเขา! ไม่แกล้งหลบตาหรือทำเป็นไม่รับรู้ ต้นน้ำรับฟังเขา หัวใจของแม็กซ์เต้นโครมคราม!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     บ่ายแก่ๆ ของวันถัดมา แม็กซ์เอ่ยชวนต้นน้ำทางโทรศัพท์
     “ต้น พรุ่งนี้เราไปทำบุญกันป่ะ?”
     “คิดยังไงถึงชวนเราไปทำบุญ”
     “ก็ไปหาสิ่งดีๆ เข้าตัวไง ชีวิตจะได้ร่าเริงสดใส ไปปล่อยนกปล่อยปลาทิ้งเรื่องแย่ๆ จะได้เริ่มต้นใหม่ซะที”
     “หมายความว่ายังไง?”
     “เปล๊า แต่ต้นจะหมกตัวอยู่กับบ้านแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ไปเรียนได้แล้วม้าง หรืออยากรอจบพร้อมแม็กซ์ฮ่าๆ”
     “บ้า! เรา... เราก็คิดอยู่นะ ไม่ใช่ไม่คิดซักหน่อย นี่เราก็คุยๆ กับพ่ออยู่ว่าจะเอายังไงดี”
     “ตกลงจะดรอปของเทอมนี้จริงดิ?”
     “ไม่รู้สิ พ่อกำลังดูให้อยู่ว่าทำอะไรได้บ้าง ถ้าจะกลับไปเรียนต่อจะทันมั้ย...”
     “เริ่มเสียดายเวลาอะดิ ฮ่าๆ ต้องได้อยู่แล้ว พ่อต้นใหญ่ซะอย่าง”
     “บ้า! แม็กซ์ก็”
     ได้ยินแล้วแม็กซ์ก็ยิ้มกริ่ม เพื่อนของเขากลับมาเป็นตัวของตัวเองแล้ว ทีนี้ก็เหลือเพียงเรื่องเดียวที่ฉุดรั้งต้นน้ำไว้
     “แล้วตกลงจะไปไหว้พระกับแม็กซ์ป่าว? ไปนะ อยากทำบุญร่วมกัน”
     “ต้องไปขอคุณปู่ก่อน”
     “โหยบอกว่ามากับแม็กซ์ได้อยู่แล้ว นะตกลงนะ”
     “อืม ... ก็ได้”

     ต้นน้ำรับปากจะไปทำบุญกับแม็กซ์ แต่เขาไม่ได้ถามว่าจะไปที่ไหน ดังนั้นเมื่อแม็กซ์ขับรถพาต้นน้ำมายังวัดใกล้คอนโดที่เขาเคยมากับชัยชัช ต้นน้ำจึงออกอาการ
     “เอ้าถึงแล้ว ลงมาๆ”
     “อื้ม”
     แม้จะคิดถึงวันคืนเก่าๆ จนน้ำตาตกในแต่ต้นน้ำก็ยังหันไปยิ้มให้แม็กซ์ เขาเก็บความอ่อนแอเอาไว้แล้วยื่นมือไปรับชุดสังฆทาน ต้นน้ำบอกตัวเองให้เข้มแข็ง เขาใส่หน้ากากแล้วทำตัวเป็นปกติเดินเคียงคู่ไปกับแม็กซ์
     คนทั้งคู่ทำสังฆทานกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรแล้วแผ่เมตตา
     “วัดนี้ร่มรื่นดีเนอะ”
     “อื้ม”
     “ไปให้อาหารปลากันป่ะต้น”
     “เอางั้นเหรอ?”
     ต้นน้ำแปลกใจที่แม็กซ์ชวนเขาไปให้อาหารปลา ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เขากลัว
     “เขาว่าที่นี่ปลาเยอะ ต้นชอบให้อาหารปลาใช่ป่ะ? เดี๋ยวแม็กซ์ไปซื้อมาให้”
     “ไปด้วยกันก็ได้”
     “ต้นไปก่อนเหอะ เดี๋ยวแม็กซ์ตามไปที่ท่าน้ำนะ”
     “ทำไม...”
     ต้นน้ำอ้าปากจะพูดแต่แล้วก็พูดไม่ออก แม็กซ์ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
     “รออยู่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวเอาไปให้ แม็กซ์ไม่อยากให้ต้นเดินไปมา มันร้อน เดี๋ยวต้นเป็นลม”
     คล้อยหลังต้นไปแล้ว แม็กซ์เดินไปหาผู้ชายคนหนึ่ง สีหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่เปลี่ยนไปไม่เหลือรอยยิ้มอีก
     “ต้นรออยู่ที่ท่าน้ำ กูให้โอกาสมึงครั้งสุดท้าย”
     ชัยชัชที่ดูเคร่งเครียดเงยหน้าขึ้นมองแม็กซ์ที่เดินมาหยุดตรงหน้า แววตาของคนทั้งคู่มีแต่ความเจ็บปวด ทั้งสองรู้ดีว่านี่คือการตัดสิน แต่แล้วชัยชัชก็ยิ้มออกมา เขายิ้มให้ความเป็นลูกผู้ชายของแม็กซ์
     “พี่ขอบคุณน้องมากนะครับ”
     “มึงไม่ต้องมาขอบคุณกู กูทำทุกอย่างเพื่อต้น ไม่ว่าผลจะออกมายังไง กูขอแค่ต้นมีความสุข”
     “ครับ”
     ชัยชัชลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปหาต้นน้ำ แต่พอเดินไปได้สองก้าวก็ได้ยินเสียงเรียกของแม็กซ์
     “เดี๋ยว! ... สัญญากับกู ถ้าต้นให้โอกาสมึงๆ จะไม่ทำให้ต้นร้องไห้อีก”
     ในที่สุดความกลัวภายในใจแม็กซ์ก็เอาชนะทิฐิ แม็กซ์รู้ดีว่าต้นน้ำไม่มีวันจะรักตน แต่อย่างน้อยเขาก็อยากเห็นต้นน้ำมีความสุข
     “พี่ยอมทุกอย่างเพื่อความสุขของต้นครับ”
     ชัยชัชยิ้มเศร้าๆ แล้วเดินจากไป

     ต้นน้ำยืนรอแม็กซ์อยู่ที่ท่าน้ำ แต่มือที่ยื่นขนมปังเลี้ยงปลาให้เขากลับเป็นใครคนอื่น ... คนที่อยู่ในใจเขาเสมอมา
     ต้นน้ำสบตากับชัยชัชด้วยความคิดถึง ภายในใจเกิดอารมณ์หลายหลากปะปนกัน ใบหน้าที่คุ้นเคยยังคงยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน ต้นน้ำแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จึงรับขนมปังแล้วเสมองไปยังพื้นน้ำเบื้องหน้า ชัยชัชยิ้มแล้วค้อมตัวลงเท้าราวกั้นพลางบิขนมปังเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะโยนให้ปลา
     คนทั้งคู่ใช้ความเงียบสนทนากัน แม้ต้นน้ำจะแสร้งให้ความสนใจแต่กับขนมปังและการให้อาหารปลา แต่ชัยชัชก็สัมผัสได้ว่าน้ำตาของคนข้างๆ รื้นออกมามากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งจังหวะการหายใจของต้นน้ำแปลกไป
     ต้นน้ำรีบสูดจมูกกลั้นเสียงสะอื้นพลางใช้หลังมือปาดดวงตา
     “ได้มาทำบุญ สบายใจขึ้นมั้ยครับ?”
     ในที่สุดชัยชัชก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ
     “ครับ”
     ต้นน้ำตอบสั้นๆ เพราะกังวลว่าเสียงของตนจะสั่นที่เคยคิดว่าตนเข้มแข็งนั้นกลับไม่ใช่เลย เพียงแค่เจอหน้าความปั่นป่วนทั้งหมดก็ถาโถมเข้าเล่นงานจนเขาแทบคุมสติตัวเองไม่อยู่
     ชัยชัยปัดเศษขนมปังในมือทิ้ง เขามองต้นน้ำให้อาหารปลาเงียบๆ แฟนของเขาดูดีขึ้นมาก แม้จะยังดูซีดเซียวอยู่บ้าง ต้นน้ำผอมลงไปมาก เขาอยากคว้าตัวคนรักมากอดแต่ก็ต้องห้ามใจไว้
     “ของต้นจะหมดแล้ว พี่ไปซื้อมาเพิ่มให้มั้ยครับ”
     “ไม่ต้องหรอกครับ ผมจะกลับแล้วพอดี”
     ต้นน้ำรีบปฏิเสธห้วนๆ จนชัยชัชใจเสีย เขารวบรวมสติอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลั้นใจถามออกไป
     “ตกลงต้นจะไม่ให้โอกาสพี่จริงๆ เหรอครับ”
     ชัยชัชมองหน้าของคนรักพลางถามทั้งน้ำตา
     “เราสองคนกลับมารักกันเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ?”
     ต้นน้ำเกร็งจับราวกั้นแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีขาว เขาเม้มปากมองตรงไปข้างหน้าด้วยดวงตาที่พร่ามัวโดยไม่ยอมสบตากับชัยชัช แม้จะพยายามเข้มแข็งมากเท่าไรคลื่นอารมณ์ก็ทลายกำแพงที่ก่อไว้ทุกที หยดน้ำใสๆ หยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่น
     “ต้นไม่รักพี่แล้วเหรอครับ”
     คำถามสุดท้ายช่างเจ็บปวดสำหรับคนทั้งคู่ ต้นน้ำสะอึกสะอื้นอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ แต่กระนั้นปากที่สั่นก็ยังบอกคำตอบออกไป
     “มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ผู้ชายกับผู้ชาย ไม่มีอะไรดีหรอก”
     “แต่พี่รักต้น”
     “แต่ความรักอย่างเดียวมันไม่ช่วยอะไรหรอกครับ ผมไม่เหมาะจะเป็นใครคนนั้นของพี่ชัชหรอก ผมไม่ใช่ผู้หญิงจริงๆ สุดท้ายซักวันพี่ชัชก็ต้องเบื่อผมอยู่ดี มีผู้หญิงอยู่รอบตัวพี่ชัชตั้งเยอะ พี่ชัชมีโอกาสสร้างครอบครัวใช้ชีวิตตามปกติ พี่อาจจะเสียดายแล้วนึกรำคาญผมทีหลังก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงทนไม่ได้”
     แวบแรกที่ได้ยินชัยชัชอยากสวนกลับไปว่า “พี่ไม่มีวันทิ้งต้น” แต่พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองเผลอทำแล้วก็ระงับคำพูดนั้นเอาไว้ เขาไม่มีอะไรจะแก้ตัว
     “งั้นแปลว่าต้นจะเลิกกับพี่”
     ชัยชัชยิ้มให้ต้นน้ำอย่างเศร้าสร้อย
     “จบกันตอนนี้ก็ดีกว่าต้องทรมานกันไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เหรอครับ ยังไงจะช้าหรือเร็วมันก็ต้องมาถึงอยู่ดี”
     ต้นน้ำมองหน้าชัยชัชแล้วตอบ
     “ผมไม่อยากรั้งพี่ชัชไว้กับคนไม่สมประกอบอย่างผม”
     “ต้นคือคนที่ดีที่สุดที่ผ่านเข้ามาในชีวิตพี่! คนที่ผิดคือพี่เอง ถ้าพี่รู้ว่าเด็กผู้ชายคนนั้นเขาจะทุ่มเทให้พี่ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตพี่จะไม่ขอให้เขามาทนพี่! พี่ไม่ควรลากเด็กคนนั้นมาเจอกับเรื่องเลวร้าย!”
     ชัยชัชโกรธตัวเอง เขาเกลียดความเห็นแก่ตัวของตน มือที่กำแน่นบ่งบอกความรู้สึก ต้นน้ำมองสบตากับชัยชัชแล้วกล่าว
     “ขอบคุณสำหรับสองปีที่ผ่านมาครับ ตลอดเวลาที่ผมอยู่กับพี่ชัชผมมีความสุขที่สุดในชีวิต ผม...”
     ต้นน้ำกลืนคำว่า “รักพี่ชัช” ลงไป เขาเลือกที่จะยิ้มให้ชัยชัชแทน ต้นน้ำยิ้มทั้งน้ำตามองสบตากับชัยชัชราวกับจะจดจำภาพนี้เอาไว้ให้นานที่สุด
     ชัยชัชหมดแรง เขารู้ดีว่าหมดหวังแล้ว น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่อายใคร เขาสูญเสียคนรัก คนที่ดีกับเขาที่สุดในชีวิตที่ผ่านมา คนที่รักเขายิ่งกว่าใคร เขาเสียต้นน้ำไปเพราะความโง่เง่าของตนเอง เสียจนเกือบจะสูญเสีย...
     ความรู้สึกส่วนหนึ่งอยากฉุดร่างตรงหน้าเข้ามากอด เขาอยากโอบคนตรงหน้าไว้ไม่ให้หนีไปไหน แต่รู้ดีว่าตนไม่มีสิทธิ์ เขาไม่อาจแตะต้องต้นน้ำอีกแล้ว เด็กคนนี้ไม่ใช่คนรักของเขาแล้ว!
     “ผมขอให้พี่ชัชมีความสุขมากๆ นะครับ อย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลา ... หักโหมมากไปก็ไม่ดี อืม...”
     ต้นน้ำบอกกับตัวเองให้ตัดใจ เขาต้องจบมัน!
     ปากพล่ามไปเรื่อย แต่สมองกลับคิดอะไรไม่ออก เขายังมีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่อยากพูด เขาอยากโผเข้าหาผู้ชายตรงหน้า อยากอยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคยนี้อีกครั้งแต่ก็รู้ดีว่าทุกอย่างควรยุติ เขาต้องบอกลากับความสุขจอมปลอมนี้เสียที เขาไม่ใช่เจ้าหญิงที่จะได้ครองรักกับเจ้าชายอย่างมีความสุข ในชีวิตจริงเขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่โหยหาความรักจากเพศพ่อ อยากมีครอบครัวแสนสุขแล้วมีลูกที่เกิดจากความรักชดเชยปมในใจ
     “ต้นไม่รักพี่แล้วก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ต้นรู้ไว้นะครับ เราคือคนสุดท้ายในชีวิตพี่”
     ชัยชัชยิ้มให้ต้นน้ำเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินจากมาทิ้งต้นน้ำไว้ที่เดิม
 
     ภาพของต้นน้ำที่สั่นเทิ้มไปทั้งตัวอยู่ในสายตาของแม็กซ์ เขายืนอยู่ใกล้ๆ แอมมองเหตุการณ์ทั้งหมด แม็กซ์อยากรีบเข้าไปหาต้นแต่เขาเห็นชัยชัชเดินตรงมาจึงหยุดรอ
     “พี่ฝากน้องดูแลต้นแทนพี่ด้วยนะครับ พี่คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
     แม็กซ์มองใบหน้าของชัยชัชที่อาบไปด้วยน้ำตาแล้วพยักหน้า
     “พี่ขอบใจน้องมาก ฝากหัวใจพี่ด้วยนะ”
     แล้วคนทั้งสองก็ก้าวสวนกัน ร่างหนึ่งตรงดิ่งไปยังคนที่ยังยืนร้องไห้อยู่อย่างเร่งรีบ ส่วนอีกหนึ่งเดินกลับไปที่รถของตัวเองอย่างเดียวดาย
     “แม็กซ์ พาเรากลับบ้าน”
     แม็กซ์ประคองต้นที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นมานั่งในรถ
     ต้นน้ำที่กลั้นสะอื้นปล่อยโฮออกมาอย่างน่าสงสาร แม็กซ์รู้ดีว่านี่คือเขตวัด แต่ความต้องการและความสงสารสั่งให้เขากอดต้นน้ำเอาไว้
     “ร้องออกมาเหอะต้น ให้ทุกอย่างมันจบตรงนี้ แม็กซ์จะอยู่ข้างๆ ต้นเอง”
     ในช่วงเวลาที่ใครคนหนึ่งสิ้นหวัง ใครอีกคนร้องไห้ ใครบางคนกลับยิ้มอย่างเป็นสุข

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     “อะแฮ่ม! ของนังต้นมีแค่นี้เหรอคะ?”
     เมษที่รับหน้าที่มาเก็บข้าวของๆ ต้นน้ำเอ่ยถามชัยชัช
     “ใช่ครับ พวกข้าวของส่วนตัวกับเสื้อผ้าก็มีเท่าที่เห็นแหละ”
     “งั้นหนูไปละนะค้า”
     “แล้วเมษจะขนไปยังไง ให้พี่ไปส่งมั้ย”
     “โอ๊ยไม่ต้องหรอกค่ะคุณพี่! อากงแกให้ลุงเข้มมากับหนูด้วย เดี๋ยวหนูเรียกแกขึ้นมาช่วยถือของไปใส่รถได้ค่ะ”
     เมษรีบปฏิเสธความหวังดีของชัยชัชแบบไม่สงวนท่าที
     “ต้นให้เมษมาเก็บของแทนเหรอ?”
     “ก็แบบ... มันยังไม่ค่อยสบาย ก็เลยให้หนูมาแทนน่ะค่ะ”
     “หึๆ”
     ชัยชัชหัวเราะเศร้าๆ เพราะรู้ทัน
     “อ่ะๆ ก็ได้ มันไม่อยากมาค่ะ มันไม่อยากเจอคุณพี่อีกแล้ว ก็... เลิกกันแล้วอ่ะน้า...”
     “ไม่เป็นไรหรอกเมษ พี่เข้าใจ”

     ในที่สุดก็ไม่เหลืออะไร...
     ข้าวของๆ ต้นน้ำลังสุดท้ายถูกลุงเข้มขนออกไปแล้ว เมษหันมาหาชัยชัชแล้วพูดขึ้น
     “อ๊ะ! หนูเกือบลืมแน่ะ อันนี้ค่ะ”
     เมษยื่นกุญแจห้องส่งให้ชัยชัช
     “นังต้นมันฝากให้หนูเอามาคืนคุณพี่ค่ะ”
     ชัยชัชมองพวกกุญแจรูปแกะกับหมาป่าแล้วส่ายหน้า
     “เมษเอากลับไปให้ต้นเถอะ มันเป็นของต้น บอกเขาว่าอะไรที่เป็นของเขาพี่จะเก็บไว้ให้ จะรอเขากลับมาเอา”
     เมษเบะปากใส่พลางหย่อนกุญแจลงกระเป๋า เธอไม่รู้ว่าชัยชัชหมายความถึงสิ่งอื่นนอกเหนือจากนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงินสดในธนาคาร ประกันชีวิต รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ ชัยชัชยังคงทิ้งชื่อของต้นน้ำไว้เช่นเดิม
     “หนูยังไงก็ได้ค่ะ ขอบพระคุณที่ให้หนูมารบกวนนะคะ”
     เมษย่อตัวลงไหว้อย่างอ่อนช้อยก่อนจะชวนคุย
     “ว่าแต่วันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอคะ?”
     “ไม่หรอก พี่เหนื่อยน่ะ”
     “คนพึ่งอกหักคงไม่มีอารมณ์ไปฉลองวันเกิดเนอะ”
     เมษยักไหล่แบบไม่สะทกสะท้าน ส่วนชัยชัชก็ยิ้มยอมแพ้ให้สาวน้อยโดยไม่ถือโทษโกรธเคือง
     “งั้นหนูให้นี่แล้วกันค่ะ ถือซะว่าเป็นของปลอบใจจากคนสวย”
     เมษหยิบกล่องเค้กออกมาให้ชัยชัช
     “อะไร? เราซื้อเค้กให้พี่เหรอ? หึๆ”
     แต่เมษไม่ตอบ
     “ก็นะ...”
     เมษยักไหล่ ทำหน้ามีลับลมคมในแล้วหมุนตัวเดินออกมาทันทีทิ้งให้ชัยชัชมองตามขำๆ

     ชัยชัชคิดว่าเขาต้องปาร์ตี้วันเกิดครบรอบสามสิบสี่ปีด้วยของเหลือในตู้เย็นซะแล้ว เดิมทีเขากะจะฉลองวันเกิดด้วยการนอนอกหักทั้งวันแท้ๆ แต่อยู่ๆ เมษก็โทรมาบอกว่าจะเข้ามาเก็บข้าวของๆ ต้นน้ำ ทำให้เขาวุ่นวายเกือบทั้งวันจนค่ำ ทุกครั้งที่เก็บเสื้อผ้าลงกล่องเขาก็จมอยู่ในภวังค์ความทรงจำ เสื้อผ้า ตำราเรียน ของใช้ ... แต่แล้วเสียงแปร๋นๆ ของเมษก็ฉุดเขาขึ้นมาพบความจริง พอรู้ตัวอีกทีก็แทบไม่เหลือกลิ่นอายของต้นน้ำในห้องนี้อีกแล้ว
     ชัยชัชยิ้มสมเพชตัวเองพลางเปิดกล่องเค้ก ตั้งใจจะกินมันเป็นมื้อเย็น เค้กนมสดหน้าตาธรรมดาๆ ปรากฏสู่สายตา หัวใจของชัยชัชเต้นระรัว!
     ยิ่งเมื่อได้ตักคำแรกเข้าปาก รสชาติที่คุ้นเคยถึงกับทำให้เขาหลั่งน้ำตา!
     นี่เป็นเค้กที่อร่อยที่สุดในโลก! เสียดายที่เขาคงได้กินเค้กแบบนี้เป็นครั้งสุดท้าย
     “ขอบคุณครับต้น ที่รักของพี่รู้ใจพี่ที่สุด”
     ผู้ชายคนหนึ่งนั่งรำพึงรำพันทั้งน้ำตาพลางละเลียดเค้กสีขาวบริสุทธิ์ก้อนนั้นอย่างเดียวดาย...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



  :bye2:  จบแล้วสำหรับคนที่เกลียดพี่ชัช ใครที่เกลียดพี่ชัช ชอบตอนจบแบบเศร้าๆ แนะนำให้อ่านแค่นี้  :bye2:

แต่เอาเข้าจริงมันยังไม่จบหรอก ประเด็นของตัวเอกยังไม่เคลียร์ซักอย่าง ดังนั้นนิยายเรื่องนี้จะยังมีอีกสองสามตอนเกี่ยวกับการปฏิวัติตัวเองของน้องต้น ซึ่งพี่ชัชจะอยู่ในสถานะสาบสูญตามประสาแฟนที่เลิกกันแล้วของน้องต้น และเป็นการปรากฏตัวของหนุ่มคนอื่นๆ ในฮาเรม!
เนื่อเรื่องจะเน้นไปที่ตัวเอกหรือน้องต้น และอาจจะเปลี่ยนตัวพระเอก หรือไม่ก็มีนางเอกคนใหม่(?!) และขอยืนยันว่านิยายเรื่องนี้จบแอปปี้นะเออ! ดังนั้น มาลุ้นกันต่อเถอะว่ามันจะแอปปี้ได้ยังไง

พี่ชัชโดนบอกเลิกแบบนี้ไม่รู้คนอ่านชอบรึเปล่า เหอะๆ แต่ก็สมควรแล้วล่ะกับคนแบบเฮียชัช เป็นไงล่ะ เมียเก็บของย้ายออกตัวเองก็มีชนัฏตามไปง้อไม่ได้อีกแล้ว สม!

ตอนถัดไป เจอกันวันจันทร์โลด o13
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#17/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 17-11-2014 02:17:57
ชีวิตที่ยังต้องเดินต่อไป

The story after that.

     เช้าที่เงียบสงบ นิสิตชายคนหนึ่งนั่งอ่านหนังสือรอเวลาเงียบๆ ในห้องเรียนตามลำพัง ถังข้าวผู้ชื่นชอบการมาเช้าเดินเข้าห้องมาเจอเรื่องน่าตกใจจึงเผลอตะโกนลั่นชนิดลืมติดอ่าง!
     “ต้นมาเรียนแล้ว!”
     ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นจากตำราแล้วยิ้มทักทาย
     “สวัสดีถัง มาเช้าตลอดเลยนะ”
     และด้วยแอพพลิเคชั่นยอดนิยม ข้อความสั้นๆ ก็กระจายไปในหมู่เด็กฟิสิกส์อย่างรวดเร็วยกกลุ่ม “ต้นมาเรียนแล้ว” ไม่นานต้นน้ำก็ถูกห้องล้อมโดยบรรดาฟิสิกส์มุง เพื่อนๆ ต่างรีบมาหาต้นน้ำและไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ โดยเฉพาะจอมเสือกเช่นอาร์ท
     “มึงหายไปไหนมา?”
     “เราก็ไม่สบายไง”
     ต้นน้ำตอบยิ้มๆ ตามสไตล์ ดูก็รู้ว่าโกหก ไม่สบายแบบไหนถึงได้หยุดหายไปดื้อๆ เช่นนั้น นอกจากนี้ยังมีข่าวลือไม่ดีบางเรื่องอีก แต่พอมองใบหน้าซูบซีดของเพื่อนที่ผอมจนแก้มตอบแล้วอาร์ทก็เปลี่ยนใจไม่ซัก ต้นน้ำดูซีดเซียวไปมากจริงๆ เขาตัดบทยอมแพ้เพื่อนปากแข็งคนนี้
     “เออๆ แล้วนี่หายแล้วเหรอถึงกลับมาเรียนอ่ะ”
     “อืม ค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้วล่ะ หยุดนานๆ เรากลัวเรียนไม่ทัน”
     “ดีแล้ว มีไรให้พวกกูช่วยก็บอกล่ะ”
     “อย่างนายจะช่วยอะไรต้นได้ยะ ต้น ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจตรงไหนถามเราได้นะ”
     “ขอบคุณนะเมย์”
     ทุกคนคุยกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งไปป์เดินเข้าห้องมา ท่าทางของไปป์ที่แปลกไปทำให้ไม่มีใครอยากสนใจ ต่างคนต่างคิดว่าเดี๋ยวพอหายบ้าไปป์ก็คงกลับมาดีเอง แต่ต้นน้ำไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของไปป์ เขาหันไปยิ้มให้ไปป์ด้วยความคิดถึง แต่ว่า... ไปป์กลับเดินเลยไปนั่งด้านหลังแทนที่นั่งประจำโดยไม่มองต้นน้ำเลยแม้แต่น้อย ป่านที่เดินตามไปป์มาจึงยิ้มแหยๆ ให้แล้วตรงมาร่วมวง
     “คิดถึงจังเลยต้น”
     สีหน้าช็อกค้างของต้นน้ำยังปรากฏอยู่บนใบหน้า ต้นน้ำมองไปทางไปป์ที่ทำเป็นไม่สนใจเขาแล้วก็น้ำตาคลอ เขาหันไปถามป่านด้วยสายตา ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างไม่กล้าพูดอะไร
     “มัน... มันไม่ค่อยสบายเลยยังไม่หายบ้า ไว้อีกซักพักก็เป็นปกติเองแหละ”

     พอจบคาบต้นน้ำรีบตรงไปหาไปป์ เขาพยายามยิ้มแล้วชวนไปป์ไปทานมื้อกลางวันเชื่อมสัมพันธ์
     “ไปป์ ไปทานข้าวกัน”
     “เกะกะว่ะ ถอยไป!”
     ไปกลับตะคอกสวนแล้วลุกขึ้นเดินหนีต้นน้ำ ทิ้งให้คนชวนยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
     “เฮ้ย! มึงเป็นบ้าไรวะ ต้นไปกับกูก็ได้”
     มิวนิคเห็นการกระทำของไปป์แล้วก็มีน้ำโห น่าแปลกที่ครั้งนี้ป่านไม่พูดอะไร เธอหันมามองต้นก่อนจะตัดสินใจวิ่งตามไปป์ออกไปทิ้งให้ทั้งห้องเรียนมีแต่ความเงียบ

     “อ่ะนี่ กินเยอะๆ นะมึงผอมไปตั้งเยอะ”
     เที่ยงวันนี้มิวนิคมาร่วมกลุ่มกับชาวแก๊ง เขานั่งลงข้างต้นน้ำตรงที่ประจำของไปป์ น่าแปลกที่การกระทำคอยเอาใจต้นน้ำอย่างออกหน้าออกตาของเขาไม่มีใครว่าอะไรแม้แต่เมย์ มิวนิคคีบลูกชิ้นในชามก๋วยเตี๋ยวของตนไปใส่ในชามของต้นอย่างคะยั้นคะยอ
     “ขอบคุณนะ แต่พอเถอะ เราทานไม่หมดหรอก”
     “ไม่หมดอะไร ก๋วยเตี๋ยวชามเล็กนิดเดียว สองชามกูยังกินไม่อิ่มเลย”
     ได้ฟังแล้วต้นน้ำก็ยิ้ม
     “งั้นก็เอาของเราไปเพิ่มสิ”
     ต้นน้ำคีบเครื่องในชามเกาเหลาของตนส่งคืนให้มิวนิค เล่นเอาคนหลงรักปลื้มจนนั่งเอ๋อ เมย์ที่นั่งอยู่อีกฝั่งจึงส่ายหน้าในความซื่อบื้อของใครบางคน
     “กินแค่นั้นจะอิ่มเหรอต้น น้อยไปป่ะ?”
     “ไม่เป็นไรหรอกเมย์ เราไม่ค่อยหิวน่ะ”
     ทุกคนได้แต่มองหน้ากันแล้วมองต้นน้ำคีบผักเข้าปากก่อนจะตักน้ำซุปซดตาม สัญญาณบางอย่างบอกพวกเขาว่าอย่าพึ่งถามอะไรตอนนี้ พวกเขาไม่อยากทำให้เพื่อนไม่สบายใจ แต่ต้นน้ำก็เป็นคนพูดขึ้นมาเอง
     “ป่าน ไปป์ไปไหนเหรอ?”
     “โอ๊ย! แกไม่ต้องไปสนใจมันหรอก มันก็ไปไหนของมันแหละ”
     “ไปป์เขาเป็นอะไรเหรอ”
     “เอ่อ... อันนี้ฉันก็ไม่รู้ว่ะ”
     ป่านเองก็จนปัญญา เธอรู้ว่าไปป์มีปัญหาเพราะต้นน้ำ แต่ไปป์รักต้นน้ำมาก ดังนั้นเธอเองก็ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไง นอกจากจะไกล่เกลี่ยสถานการณ์ไปวันๆ เพราะคนที่จะแก้ปัญหานี้ได้มีแต่ไปป์และต้นน้ำสองคนเท่านั้น
     “มึงไม่ต้องไปสนใจมันหรอก มีกูอยู่ทั้งคน”
     มิวนิคขัดขึ้น เขาพยายามเรียกร้องความสนใจจากต้น แม้เมย์จะแอบหมั่นไส้แต่เธอก็เห็นด้วยที่มิวนิคเปลี่ยนเรื่องในครั้งนี้ เพราะเหตุการณ์เมื่อเช้าก็ทำให้เธอตกใจไม่แพ้กัน เธอไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้ไปป์เปลี่ยนไป แม้จะถามป่านเท่าไหร่ป่านก็ไม่ยอมบอก เธอจึงเบื่อความงี่เง่าของไปป์เต็มทน!
     อีกด้าน ไปป์ที่นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวก็พึมพำขึ้นในความเงียบ
     “ต้นไม่รักษาสัญญา”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     ร่างที่เดินตรงมายังคณะวิศวะทำให้ใครหลายๆ คนให้ความสนใจ ทุกคนพากันหันไปมองแต่ไม่มีใครกล้าทัก ต้นน้ำเดินเข้าไปหาอาร์มที่พึ่งเดินลงมาจากตึก เขาหยุดยืนตรงหน้าอาร์มที่ยืนนิ่งทันทีที่เห็นต้นน้ำเดินเข้ามา
     “อาร์ม ขอคุยหน่อยได้มั้ย”
     ต้นน้ำพูดเบาๆ แม้เขาจะเป็นฝ่ายชวนแต่กลับไม่กล้าสบตากับอาร์ม ได้แต่หลบตาเสมองไปทางอื่นมีแอบชำเลืองมองเป็นระยะ ผิดกับอาร์มที่ยืนจ้องต้นน้ำด้วยแววตาสับสน
     ท่ามกลางผู้คนที่เฝ้าลุ้นจดจ้องสถานการณ์ระหว่างคนทั้งคู่ ในที่สุดอาร์มก็เป็นฝ่ายขยับ
     “เรามีธุระ ขอตัวก่อนนะ”
     อาร์มพูดแล้วก็หันหลังทำท่าจะหนี ต้นน้ำจึงรีบดึงเสื้ออาร์มไว้
     “นายรังเกียจเราเหรอ”
     ต้นน้ำถามเสียงสั่นเหมือนคนจะร้องไห้ แต่กลับกลายเป็นอาร์มที่น้ำตาร่วงก่อน
     “คนที่สมควรโดนเกลียดคือเรามากกว่า ต้น นายอย่ามาอยู่ใกล้เราเลย เราไม่อยากทำให้นายต้องเดือดร้อนเพราะเราอีก”
     “แต่คนที่ผิดไม่ใช่นายนะอาร์ม! นายไม่ได้ทำผิดอะไร!”
     “แค่ปกป้องนายไม่ได้ก็ผิดมากพอแล้วต้น”
     ต้นน้ำได้แต่ก้มหน้าเงียบไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ เขารู้ว่าเขาควรมาให้กำลังใจอาร์ม ต้นน้ำได้ยินเรื่องของอาร์มจากเมษ เขาไม่ต้องการให้อาร์มโทษตัวเอง และที่สำคัญเขาไม่อยากให้อาร์มกับแม็กซ์แตกคอกัน แต่คำพูดของอาร์มก็ทำให้เขาเถียงไม่ออก ภาพเหตุการณ์เลวร้ายผุดขึ้นในหัวจนต้นน้ำยืนตัวสั่น เขายังกลัวเรื่องในวันนั้นอยู่ แม้เขาจะพยายามเข้มแข็งขึ้นแล้วแต่เรื่องที่เกิดขึ้นก็ยังคอยหลอกหลอนเขาอยู่ดี
     แต่แล้วก็มีเสียงทำลายความสงบดังขึ้น
     “เพื่อนกูไปทำอะไรให้! แค่เสียตัวนิดๆ หน่อยๆ ถึงกับต้องเอาเพื่อนกูออกเลยเหรอวะ!”
     เด็กปีสามคนหนึ่งตรงมาผลักอกต้นน้ำ และโดยไม่มีใครคาดคิด อาร์มหันไปเงื้อหมัดต่อยรุ่นพี่จนเลือดกบปาก!
     “อ้าวไอ้สัส!”
     เพื่อนอีกสองคนที่เหลือพากันพุ่งเข้ามาหาอาร์ม คนที่เห็นเหตุการณ์บางส่วนจึงรีบวิ่งเข้ามาห้าม
     อนพัทธ์ หนุ่มวิศวะขี้เล่นผู้มองโลกในแง่ดีมีรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอขณะนี้กำลังมีสีหน้าเคียดแค้นและลงมือใช้กำลังกับรุ่นพี่!
     “พวกมึงหุบปากไปเลย! มึงไม่รู้หรอกว่าพวกมันทำอะไรกับเพื่อนกูไว้บ้าง แค่โดนไล่ออกยังน้อยไป กูขอแช่งให้พวกมันได้ไปหาผัวในคุก!”
     เสียงตะโกนดังมาพร้อมๆ กับหมัดและเท้าของอาร์ม ไม่เหลือมาดของหนุ่มขี้เล่นคนเดิมอีกแล้ว อาร์มในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าที่พร้อมจะใช้กำลังยำพวกปากดี
     “เพื่อนมึงมันแรดอยู่แล้ว ชอบให้ท่าชาวบ้านไปทั่ว โดนแบบนั้นก็สมควรแล้ว”
     “ไอ้สัส! ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ มึงไม่มีสิทธิ์มาว่าเพื่อนกู!”
     “เฮ่ยๆ แยก”
     “ไอ้อาร์มใจเย็น นั่นรุ่นพี่มึงนะเว้ย!”
     แม้อาร์มจะโดนสามรุมหนึ่งแต่เขากลับมีท่าทีเกรี้ยวกราดมากที่สุด เขาพยายามพุ่งเข้าไปเอาเรื่องต่อจนต้องใช้คนห้ามถึงสามคน!
     “รุ่นพี่เหี้ยๆ แบบนี้กูไม่เคารพหรอก กูไม่น่าเรียกสัสบอมว่าพี่เลย เสียแรงที่กูเคยนับถือ ชิงหมาเกิดชัดๆ”
     “ปากดีนักนะมึง กูจะเอาเลือดมึงมาล้างตีนกู!”
     ท่ามกลางความชุลมุน ต้นน้ำยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น ไม่มีใครสนใจ ทุกคนมัวแต่ยุ่งกับการแยกคู่กรณี
     “พอเถอะอาร์ม ... พอเถอะ เราขอ”
     แต่อาร์มสน เขาได้ยินเสียงของต้นน้ำ แม้จะยังมีท่าทีฮึดฮัดอยากเอาเรื่องรุ่นพี่ของตนต่อแต่ก็คลายความกราดเกรี้ยวลงไปมาก เขาหันมาทางต้นน้ำ อาร์มเห็นเพื่อนของตนยืนร้องไห้น้ำตานองหน้าแล้วก็ใจหาย
     “ปล่อยกู!”
     อาร์มสะบัดแขนที่ถูกเพื่อนยึดไว้แล้วตรงมาฉุดมือต้นน้ำเดินหนีจากหน้าคณะไปด้วยกัน แต่เดินไปได้สักพักอาร์มก็ปล่อยมือต้นน้ำ เขายืนหายใจหอบด้วยความแค้นที่อัดอั้นอยู่ในใจก่อนจะหันกลับมากอดต้นน้ำ
     “ต้นเราขอโทษ”
     คำขอโทษถูกเอ่ยออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้อาร์มกอดต้นไว้อย่างหวงแหน นาทีนี้เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาดีใจที่เพื่อนยังมีชีวิต!
     แม้จะรู้ดีว่าแค่ขอโทษคำเดียวคงชดใช้อะไรไม่ได้ แต่อาร์มก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว เขาได้แต่พร่ำขอโทษไม่ขาดปาก ต้นน้ำเองก็สวดกอดอาร์มไว้เต็มอ้อมแขน เขายืนสะอื้นน้ำตานอง
     “ไม่เป็นไรหรอกอาร์ม มันไม่ใช่ความผิดนาย เราต่างหากที่ต้องขอบคุณนาย ขอบคุณที่ไปช่วยเรานะ ขอบคุณ”
     “ขอโทษ ฮือๆ

     ภายในร้านขนม ต้นน้ำมองอาร์มที่ถือแก้วน้ำปั่นมาวางให้เขาแล้วก็สงสาร บนหน้าของอาร์มมีร่องรอยโดนต่อยเล็กน้อย
     “เจ็บมากมั้ยอาร์ม”
     “แค่นี้เล็กน้อย”
     ใจจริงอาร์มอยากบอกว่าการเจ็บตัวที่เขาได้รับมันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ต้นน้ำเจอ เขาอยากชดใช้ให้เพื่อน รอยยิ้มของอาร์มในวันนี้ดูแปลกไป ความสดใสหายไปจนต้นน้ำรู้สึกไม่ดี เขาจึงก้มหน้าลงไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้
     “ต้นกลับมาเรียนแล้วเหรอ?”
     “อืม พ่อเราจัดการให้นะ เห็นว่ายื่นเรื่องขอเป็นกรณีพิเศษให้ เพราะเราเรียนดีอยู่แล้วด้วยมั้ง”
     “ดีจัง”
     อาร์มอยากพูดอะไรมากมาย เขาอยากบอกว่าตนดีใจที่เห็นต้นน้ำมาเรียน ดีใจที่เห็นเพื่อนหายเป็นปกติ แต่แล้วก็พูดไม่ออก เพื่อนของเขาอาจจะหายจากอาการบาดเจ็บ แต่มันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก อาร์มจมอยู่กับความหดหู่จนเอาแต่เงียบ บรรยากาศอึดอัดดำเนินไปจนกระทั่ง...
     “อาร์ม...”
     ในที่สุดต้นน้ำก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
     “เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดนาย เราไม่อยากให้นายโทษตัวเอง”
     “งั้นต้นลืมเรื่องเลวร้ายพวกนั้นได้แล้วเหรอ?”
     ต้นน้ำชะงักไปทันที ภาพความทรงจำปรากฏขึ้นในหัว แม้จะเลือนรางเพราะฤทธิ์ยาแต่ต้นน้ำก็ปะติปะต่อได้ว่าตนเองถูกทารุณเช่นไร
     “ต้นไม่คิดอะไรเวลาได้ยินคนพวกนั้นพูดไม่ดีใส่ได้รึเปล่า ตอนนี้ต้นมีความสุขกับชีวิตรึเปล่าล่ะ? จะให้เราทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้หรอก นายจะให้เราเลิกเกลียดตัวเองได้ยังไงในเมื่อเรายังเห็นนายร้องไห้อยู่แบบนี้”
     สายตาของอาร์มมีแต่ความจริงจังจนต้นน้ำไม่อาจปฏิเสธ อาร์มมองทะลุไปถึงก้นบึ้งในใจต้นน้ำ จนเขาไม่สามารหลบดวงตาคู่นั้นได้
     อาร์มจับมือซ้ายของต้นน้ำที่มีนาฬิกาข้อมือราคาแพงสวมอยู่แล้วพูดขึ้น
     “ต้นเลิกใส่นาฬิกาที่มือซ้ายเมื่อไหร่เราถึงจะเลิกเกลียดตัวเอง”
     สิ่งที่อาร์มพูดทำให้ต้นน้ำๆ ตาไหลอีกครั้ง
     “เราขอโทษ! เราไม่ได้ตั้งใจ เรา... มันหลายอย่างนะอาร์ม แต่มันไม่ใช่ความผิดนาย!”
     “ใช่ดิ! ต้นทะเลาะกับแฟนตั้งนานไม่เห็นเป็นไร เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ต้นคิดมาก เพราะไอ้ยานรกพวกนั้นมันทำร้ายนาย นายถึงได้คิดอะไรบ้าๆ แบบนั้น! ถ้าเราดูแลนายดีๆ เรื่องก็คงไม่เกิดหรอก”
     น้ำเสียงของอาร์มเต็มไปด้วยอารมณ์ ต้นน้ำรู้ดีว่าอาร์มโทษตัวเองมากแค่ไหน อาร์มคิดว่าเขาฆ่าตัวตายเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น แม้มันจะจริงแต่ต้นน้ำไม่อยากให้อาร์มโทษตัวเอง เขาไม่อยากสูญเสียเพื่อนผู้ร่าเริงมองโลกในแง่ดีคนนี้ไป
     ต้นน้ำตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องทันที เขาบอกตัวเองให้เข้มแข็งแล้วขอกำลังใจจากเพื่อน ต้นน้ำอยากให้อาร์มกลับมาเป็นอาร์มคนเดิม
     “เราเลิกกับเขาแล้ว”
     ต้นน้ำตอบกลับประโยคโทษตัวเองของอาร์มด้วยถ้อยคำเรียบง่าย แต่ประโยคนี้กลับหยุดการตีโพยตีพายของอาร์มได้ชะงัด อาร์มหลับตานิ่ง ถอนหายใจก่อนจะมองหน้าต้นน้ำให้ชัดๆ
     “จริงเหรอ?”
     “อืม...”
     “เขา...”
     อาร์มไม่กล้าพูด เขากลัวแฟนของต้นน้ำจะรังเกียจเรื่องที่เกิดขึ้นจนขอเลิก แต่ต้นน้ำรีบแย้ง
     “มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอกอาร์ม!”
     คนทั้งสองมองหน้ากันก่อนที่ต้นน้ำจะหลบตาแล้วเปิดปากเล่า
     “พี่เขาไม่ได้บอกเลิกเราหรอก เราเป็นคนขอเลิกเอง ... ยังไงก็ไปกันไม่รอดอยู่แล้ว เราไม่อยากเจ็บอีก ... อืม อยู่คนเดียวสบายใจกว่า”
     พูดแล้วต้นน้ำก็แกล้งยิ้ม แต่อาร์มกลับถามขึ้นว่า
     “แม็กซ์รู้แล้วยัง?”
     “รู้สิ แม็กซ์เป็นคนพาเราไปเจอพี่ชัช เราตกใจหมดเลย คนยังไม่พร้อมแท้ๆ ...”
     อาร์มรู้จักเพื่อนสนิทของตนดี แม้จะขัดใจที่แม็กซ์ใช้วิธีหักดิบมักมือชกต้นน้ำแต่เขาก็เข้าใจเหตุผลของเพื่อนที่มองอุปสรรคของต้นน้ำออก
     “แต่เอาเถอะ ปล่อยทิ้งไว้นานมันก็ไม่ดีใช่มั้ยล่ะ? อะไรที่ควรจบก็ต้องจบ ให้มันเคลียร์ๆ ไปซะเราจะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติซะที จะได้เรียนอย่างมีความสุขไง เรา...”
     อาร์มฟังต้นน้ำที่พยายามพล่ามแล้วก็สงสาร เขากุมมือของต้นน้ำแน่น ความอบอุ่นจากมือของอาร์มถ่ายทอดเข้าสู่หัวใจของต้นน้ำ เขาเห็นความพยายามของเพื่อน ต้นน้ำพยายามทำตัวเข้มแข็ง แต่มันไม่สำเร็จ และเขาอยากช่วยเพื่อน
     “ต้นยังมีเรานะ นายไม่ได้ไม่มีใคร นายยังมีเพื่อนนะต้น”
     “อืม... เรารู้ เรามีนาย มีแม็กซ์ แล้วก็เมษ เพื่อนที่ภาคก็ด้วย”
     แล้วต้นน้ำก็ยิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะพูดต่อ
     “เราอยากให้เพื่อนรักของเรากลับมาเป็นอาร์มคนเดิมเร็วๆ นะ ช่วยกลับมาเป็นคนที่สดใสร่าเริงคนนั้นได้รึเปล่า? เราชอบนายที่เป็นแบบนั้นนะอาร์ม เวลาอยู่ใกล้ๆ แล้วสบายใจดี ช่วยเข้มแข็งเผื่อเราด้วยได้มั้ย”
     “ได้ดิ”
     อาร์มยิ้มด้วยแววตาปวดร้าว เขาตัดสินใจทิ้งความโกรธความเกลียดตัวเองและตั้งใจว่าตนจะดูแลต้นน้ำให้ดีที่สุด เขาอยากเป็นมือที่ช่วยประคองให้เพื่อนของเขาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
     “ต้นไม่ใช่คนอ่อนแอนะ นายเข้มแข็งมาก เรื่องร้ายๆ มันผ่านไปแล้วก็อย่าไปสนใจมันเลย ใช้ชีวิตให้สนุกดีกว่าเนอะ”
     “อื้ม”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     ถึงต้นน้ำจะพยายามเข้มแข็งขึ้นแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าข่าวลือจะสงบ การที่อาร์มต่อยกับรุ่นพี่ก็ยิ่งทำให้เรื่องมันแย่ลง จากเดิมที่อาร์มรู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้นจนกระด้างกระเดื่องกับรุ่นพี่ปีสามบางคนที่โทษว่าต้นน้ำเป็นสาเหตุทำให้บอมถูกไล่ออกจนถูกแอนตี้จากพวกโซตัสแล้ว ตอนนี้อาร์มแทบถูกแบน บางคนที่ไม่เข้าใจก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้ามายุ่งกับอาร์ม บางคนที่ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านก็พากันไถ่ถามแต่คราวนี้อาร์มกลับไม่ปริปาก คนทั้งสี่ถูกเรียกไปตักเตือนเรื่องการทะเลาะวิวาท แต่คราวนี้อาจารย์ได้ชี้แจงเรื่องของบอมที่ถูกไล่ออกด้วย และข้อหายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดรวมทั้งทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอที่เจ้าตัวบันทึกไว้ด้วยความคึกคะนองก็ทำให้ทุกคนหุบปากเงียบ ทุกคนต่างเข้าใจตรงกันว่าต้นน้ำถูกถ่ายคลิป!

     บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่ต้นน้ำเดินไปยังห้องพักอาจารย์ประจำภาคเคมี เสียงแซวก็ดังขึ้น โค้กกับเดย์เจ้าเดิม!
     “หน้าหนาดีว่ะ โดนรุมโทรมแถมยังถูกถ่ายคลิปยังกล้ามาเดินลอยหน้าลอยตาอีก นี่ถ้าเป็นกูนะ ฆ่าตัวตายไปนานละ ฮ่าๆ”
     “นั่นสิวะ เฮ้ยต้น! พ่อแม่มึงว่าไงมั่งวะที่ลูกชายถูกข่มขืน แย่หน่อยนะ มึงเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังโดนลากไปข่มขืน สงสัยมึงต้องลดความแรดหน่อยแล้ว ฮ่าๆ”
     ต้นน้ำตาแดงก่ำมองคนทั้งคู่ด้วยความเคียดแค้น เขากำหมัดแน่นพยายามไม่ใส่ใจเสียงหัวเราะของคนทั้งคู่
     “ทำไมไม่ถามเขาดูละครับ”
     “ถามไรวะ?”
     “ถามพ่อผมไงว่าเขาอายที่มีลูกแบบผมรึเปล่า”
     เสียงรอดไรฟันของต้นน้ำช่างเจ็บปวดสำหรับคนที่ผ่านมาได้ยิน แต่โค้กกับเดย์กลับหัวเราะร่า
     “กูว่าไม่ต้องถามหรอก เป็นกูคงเอาปี๊บคลุมหัวไปแล้ว”
     “ผมถึงบอกไงว่าให้ถามเขาเอาเอง เพราะเขายืนอยู่ข้างหลังพวกคุณ!”
     พอขาดคำโค้กกับเดย์ก็รีบหันกลับไปด้วยความตกใจ ทั้งสองพบต้นตระการยืนอยู่ใกล้ๆ อาจารย์ประจำภาคเคมีถอนหายใจพลางส่ายหน้าเบาๆ
     “ต้นน้ำ คุณตามผม ... ตามพ่อไปที่ห้องพักอาจารย์ด้วย”
     แล้วสองพ่อลูกก็เดินจากไปทิ้งให้โค้กกับเดย์ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
     “คุณไม่เป็นอะไรนะ”
     “ช่างเถอะครับ โค้กกับเดย์เขาก็ชอบหาเรื่องผมอยู่แล้ว”
     แม้ปากจะบอกว่าช่างแต่ต้นน้ำกลับน้ำตาคลอ
     “ยังไงซะ เรื่องที่เขาพูดมันก็จริง ผม... ฮึก!
     “เฮ้อ...”
     ต้นตระการได้แต่ถอนหายใจด้วยความสงสารลูก ลูกของเขาไม่ได้เข้มแข็งขึ้นเลย ต้นน้ำแค่พยายามเข้มแข็งแต่ยังทำไม่ได้เช่นเดิม

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#17/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 17-11-2014 02:36:31
อีโค๊กกะอีเดย์ทำไมปากหมาตลอดดดด น่าตบ
อิพวกเพื่อนอิบอมอีกนี้ละน้าโซตัส เอาพวกพ้องก่อนจนไม่ยอมรับความเป็นจริง
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#17/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 17-11-2014 02:56:02

     ข่าวลือแพร่ไปเรื่อยๆ ตามแต่ปากของมนุษย์จะพาไป ถ้อยคำนินทาทั้งเรื่องจริงและเรื่องหลอกถูกบอกกันปากต่อปาก ต้นน้ำต้องแบกรับความอับอายที่เกิดขึ้น พยายามทำตัวเป็นปกติ ไม่ร้องไห้ไม่โวยวายไม่นิ่งซึม เขาพยายามยิ้ม แกล้งทำเป็นไม่สนใจเสียงลือที่เกิดขึ้น เพื่อนในภาคก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องประเด็นละเอียดอ่อนนี้ อย่างน้อยเรื่องที่เด็กวิศวะปีสามถูกไล่ออกเพราะ“ทำอะไรบางอย่าง”กับต้นน้ำก็เป็นเรื่องจริง ส่วนคนที่รู้ความจริงเช่นอาร์มก็เลือกที่จะเงียบ
     ทุกคนสังเกตเห็นความไม่มีชีวิตชีวาในตัวต้นน้ำประกอบกับบุคลิกที่แปลกไปของไปป์ก็ทำให้สถานการณ์แย่ลง ภาคฟิสิกส์ปีสองอึมครึมอยู่ยากเข้าไปทุกที
     ไม่ว่าต้นน้ำจะเพียรพยายามเข้าหาไปป์มากเท่าไหร่ ไปป์ก็เมินเฉยไม่สนใจเสียงเรียกของต้นน้ำเลยแม้แต่น้อย ต้นน้ำเหมือนไร้ตัวตนสำหรับไปป์ จนกระทั่งวันสุดท้ายของภาคเรียนมาถึง ในที่สุดความอดทนของมิวนิคก็สิ้นสุดลงเมื่อไปป์ทำเป็นไม่เห็นต้นน้ำที่รออยู่แล้วเดินชนจนต้นน้ำหงายหลังลงไปนั่งกับพื้น
     “ไอ้ไปป์! มากไปแล้วนะมึง”
     มิวนิคปรี่เข้าไปหาไปป์อย่างเอาเรื่อง เขากระชากคอเสื้อไปป์ท่าทางดุดัน ส่วนไปป์ก็ทำหน้านิ่งไม่แคร์อะไรยียวนกลับ เดือดร้อนต้นน้ำต้องรีบลุกมาห้ามทั้งน้ำตา
     “อย่ามิวนิค! เราไม่เป็นไร ปล่อยไปป์เหอะ”
     ต้นน้ำกลัวมิวนิคจะชกไปป์จึงยื้อแขนเพื่อนร่างยักษ์ไว้สุดชีวิต คนอื่นๆ ต่างตกใจ แม้แต่ป่านก็ทำอะไรไม่ถูก
     “มึงเป็นบ้าไรวะ ทำไมทำกับต้นแบบนี้!”
     มิวนิคผลักอกไปป์จนเซ ต้นน้ำจึงรีบเข้าไปขวางเพราะกลัวไปป์ถูกซ้ำ คนอื่นๆ ที่เห็นต่างสลดใจ
     “พอๆ มิวนิค เราขอ! นะ”
     “มึงดูเดะ! ต้นมันดีกับมึงโคตรๆ แล้วมึงไปทำมันทำไม!”
     เสียงตะคอกของมิวนิคดังลั่น ส่วนไปป์ก็กลอกตาทำหน้าเซ็งใส่ด้วยความกวนตีน ไปป์หันไปแค่นหัวเราะใส่ต้นน้ำทำให้มิวนิคยิ่งโมโห คนทั้งสองฮึ่มๆ ใส่กันจนเพื่อนๆ ชักเป็นห่วง กลัวจะมีเรื่อง
     “มีอะไรก็พูดกันดีๆ น่ะไปป์”
     อาร์ทที่เห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาห้ามศึก
     “กูไม่มีอะไรจะพูด”
     “อย่ามาทำนิสัยเด็กๆ แบบนี้น่ะ มึงโกรธอะไรไอ้ต้นก็บอกมันไปดิ มันตามง้อมึงมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ”
     “กูไม่ได้โกรธ!”
     ไปป์หันไปตะคอกใส่อาร์ทก่อนจะหันมาสบตากับต้นน้ำแล้วพูดต่อ
     “แต่กูเกลียด!”
     สายตาของไปป์ฆ่าต้นน้ำทั้งเป็น!
     “อ้าว! ไอ้เด็กนี่ อย่ามาพาลนะมึง มึงมีปัญหาไรก็พูดมาตรงๆ เลยมา”
     “กูไม่ได้มีปัญหา กูเกลียดมัน ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากเจอ รำคาญ จบป่ะ”
     ถ้อยคำของไปป์กรีดลึกลงในใจของต้นน้ำ เขายืนร้องไห้อยู่ตรงหน้าไปป์
     “ไอ้ไปป์!”
     มิวนิคเงื้อหมัดขึ้นแต่แล้วก็ชักกลับ เขาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตนเต็มที่ ยศและวินเห็นท่าไม่ดีเลยเตรียมตัวเข้ามาประกบมิวนิค คิวว์เองก็มาอยู่ใกล้ๆ พร้อมจับบ่าให้กำลังใจต้น พัทกับนันเตรียมเข้ามาขวางไปป์ไว้อีกแรง สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน นอยซ์เลยพูดเตือนสติทุกคน
     “เฮ่ย ใจเย็นกันหน่อยดิวะ”
     พัทรีบเออออตามนอยซ์ทันที
     “มึงจะต่อยเพื่อนเหรอมิว”
     ในที่สุดมิวนิคก็ยอมสงบ แต่ก็ยังไม่วายด่าไปป์ทิ้งท้าย
     “ต้นไปทำไรให้มึง! มึงเป็นเพื่อนสนิทมันไม่ใช่เหรอวะ!”
     “มึงก็ถามมันดูดิ ว่ามันทำอะไร!”
     ไปป์สวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะระเบิดเสียงตะโกนออกมาทั้งน้ำตา
     “คนที่ไม่รักษาสัญญากับกูอ่ะ กูไม่รักหรอก!”
     “ฮือๆ”
     ต้นน้ำปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
     “มึงถามมันสิว่าอยู่ๆ เปลี่ยนมาใส่นาฬิกาที่มือซ้ายทำไม”
     ไปป์พุ่งเข้าไปหาต้นน้ำแล้วดึงมือไว้ก่อนจะถอดนาฬิกาออกแล้วถลกแขนเสื้อขึ้น ร่องรอยที่เห็นสร้างความตกตะลึงให้กับชาวฟิสิกส์ปีสองทุกคน!
     “มึงถามมันดูดิว่าไอ้รอยพวกนี้คืออะไร บอกพวกมันไปสิต้น บอกไปสิว่านายทำอะไร!”
     ไปป์ชูข้อมือของต้นน้ำที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นขึ้นพลางตะคอก
     “ต้นทำร้ายตัวเองทำไม! นายผิดสัญญากับเราทำไม!”
     “เราขอโทษไปป์ เราขอโทษ”
     “ขอโทษแล้วมันได้อะไรขึ้นมา คนที่ไม่รักตัวเองอย่างต้นอ่ะสมควรแล้วที่ไม่มีใครรัก! คนอย่างนายมันไม่สมควรได้รับความรักจากใครหรอก!
     “เราขอโทษ อือๆ
     ใครเลยจะเข้าใจความเจ็บปวดภายในใจผู้อื่นได้ ร้อยพ่อพันแม่ แต่ละคนเกิดมาก็แตกต่างกันแล้ว ยังได้รับการเลี้ยงดูมาแตกต่างกันอีก ประสบการณ์ต่างๆ ที่พบเจอก็ไม่เหมือนกัน เมื่อผ่านการหล่อหลอมมาแตกต่างกัน ไปป์จึงไม่เข้าใจความเจ็บปวดของต้นน้ำ และต้นน้ำเองก็ไม่เคยรับรู้ปมในใจของไปป์
     “มากไปแล้วนะไปป์!”
     “ไม่มากไปหรอกเมย์ ทีตอนที่ต้นมันฆ่าตัวตายอ่ะ มันนึกถึงพวกเรามั้ยล่ะ มันไม่ได้รักพวกเราเลย มิตรภาพของพวกเรามันไม่มีค่าสำหรับนายเลยเหรอต้น! นายถึงได้คิดอะไรเห็นแก่ตัวแบบนั้น!”
     ต้นน้ำพูดอะไรไม่ออกนอกจากยืนร้องไห้ต่อหน้าไปป์ คำขอโทษถูกพร่ำออกมาซ้ำๆ แต่ไม่สามารถลบล้างความโกรธในใจไปป์ได้เลย คนอื่นๆ ต่างก็อึ้งกับข้อมูลใหม่ว่า“ต้นน้ำฆ่าตัวตาย!” เสียงของไปป์ยังคงดังต่อเนื่องเหมือนเด็กน้อยยามอาละวาด จนในที่สุด
     “พอได้ยังไปป์?”
     ป่านที่ทนไม่ไหวก้าวเข้ามายุติการงอแงของไปป์
     “ต้นมันจะยืนไม่ไหวแล้วนะแกๆ ด่ามันพอแล้วมั้ง”
     เสียงเรียบๆ ของป่านไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น แต่ถึงกระนั้นไปป์ก็ยังพาล เขาหันมามองป่านทั้งน้ำตาแล้วตัดพ้อ
     “แม้แต่นายก็เข้าข้างต้นเหรอป่าน?”
     “ฉันไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น ต้นมันไม่ตายก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ แกจะอาละวาดจนมันคิดสั้นอีกรอบเลยรึไง ทั้งๆ ที่แกจะเสียใจที่สุดแท้ๆ”
     ไปป์ฮึดฮัดทำท่าจะเหวี่ยงต่อแต่แล้วสายตาจริงจังของป่านก็หยุดเขาเอาไว้ ไปป์จึงหมุนตัวเดินจากไป
     “ต้น แกต้องเข้มแข็งนะ ไปป์มันรักแกมาก หวังว่าแกคงไม่ถือสามัน”
     “ป่านเราขอโทษ”
     ถึงป่านจะไม่โวยวายแบบไปป์แต่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าป่านเองก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ต้นน้ำทำ เขาจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางความไม่พอใจของ“เพื่อน”
     “เออๆ แกไม่ผิดหรอก ชีวิตแกนิ ฉันไปก่อนนะ จะตามไปดูอิไปป์มัน”
     เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่ป่านตามไปป์ออกไป
     “ต้นน้ำฆ่าตัวตาย” เรื่องนี้ทำให้ทุกคนอึ้ง!
     ชาวฟิสิกส์แต่ละคนแอบเหลือบมองข้อมือของต้นน้ำ
     เมย์กับแก้วมองหน้ากันพยายามหาคำพูดมาปลอบต้นน้ำที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่
     โอมพยายามส่งผ้าเช็ดหน้าให้แต่เหมือนต้นน้ำจะมองไม่เห็น
     ส่วนมิวนิคยืนอ้าปากค้าง
     แต่ทันใดนั้นอัฐก็เดินมาหาต้นน้ำ เขาเก็บนาฬิกาที่ถูกไปป์ถอดเหวี่ยงทิ้งขึ้นมาใส่ให้ที่ข้อมือซ้ายของต้นน้ำแล้วหยิบทิชชู่ยื่นให้
     “เย็นนี้ว่างป่ะ ไปเดทกัน”
     คำพูดที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ถูกส่งมาให้ต้นน้ำพร้อมกับรอยยิ้ม อัฐโยกศีรษะต้นน้ำด้วยความเอ็นดูแล้วเอ่ยชวนซ้ำอีกครั้ง
     “ไปกับเรานะต้น มีที่ๆ อยากพานายไปเยอะเลย”
     ต้นน้ำไม่แน่ใจว่าอัฐต้องการอะไร เขาเลยสบตากับเพื่อนที่ไม่สนิทคนนี้เพื่อหาคำตอบ ต้นน้ำไม่รู้เลยว่าตัวเองเงียบเสียงร้องไห้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่
     “ไม่ปฏิเสธ แปลว่าตกลง งั้นไปกันเลย ชักช้าละเดี๋ยวเขาจะปิดซะก่อน ป่ะ!”
     และแล้วอัฐก็ชิงตัวต้นน้ำไปต่อหน้าต่อตาทุกคน!
     “เกิดอะไรขึ้นวะ? ต้นฆ่าตัวตายจริงเหรอเมย์?”
     เหลือเชื่อที่มิวนิคพัฒนาขึ้นแล้ว เขาฉลาดพอที่จะไม่ถามคำถามเปราะบางเช่นนี้ต่อหน้าต้นน้ำ
     “ฉันจะไปรู้เหรอยะ! ก็พึ่งได้ยินไปป์พูดพร้อมๆ นายเนี่ย”
     “พวกเธอไม่รู้มาก่อนจริงๆ อ่ะ?”
     “เอ๊ะ! จริงสิอาร์ท ฉันจะโกหกไปทำไมยะ”
     “แต่ยัยป่านมันรู้ไม่ใช่เหรอ? ละทำไมพวกเธอไม่รู้”
     “ไปป์มันบอกมั้ง พวกฉันไม่ได้ซี้กับไปป์มากเท่าป่านนี่”
     “แล้วไอ้ไปป์มันรู้ได้ไงวะ?”
     “โอ๊ย! พวกแกจะเอาอะไรกับฉันนักหนา มีเรื่องอะไรของต้นที่ไปป์มันไม่รู้บ้างล่ะ! ไปเหอะแก้ว อัฐพาต้นไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
     “เออ จริงด้วย! ไอ้อัฐ โว๊ย!”
     เมย์หันมาจิกตาใส่มิวนิคที่ความรู้สึกช้าเกินอย่างขัดใจก่อนจะจูงมือกับแก้วเดินออกไปทิ้งให้โอมยืนมองไปทางที่อัฐกับต้นเดินออกไปตามลำพัง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อา... หนุ่มอาร์มไปซะแล้ว จากหนุ่มโลกสวยกลายเป็นผู้ชายมืดมนไปละ จริงๆ แอบล้อระบบโซตัสนิดหน่อย ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ อาร์มคงเละน่าดู ใช้ชีวิตไม่มีความสุขแน่
แต่ก็นะ ... เห็นชอบหนุ่มวิศวะ ทำไมนิยายวายต้องวิศวะฟร่ะ(วะ)? เลยใส่หนุ่มอาร์มมาคนนึง ชอบแนวโซตัสเรื่องรุ่นพี่กันดีนัก เอารุ่นพี่แบบแก๊งพี่บอมไปละกัน ชอบเถื่อนๆ กันใช่ม๊ายยย ทีนี้อาร์มเถื่อนได้ใจกันรึยัง แมนดีแมะ? ฮ่าๆ
จริงๆ แล้วเถื่อนกับถ่อยนี่มันแค่เส้นบางๆ เองนะ แล้วผู้ชายแมนๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเอะอะมึงกูทำตัวเถื่อนด้วย นิยายเรื่องนี้เลยมีเมะขี้หลีจอมกะล่อนพูดครับอ้อนเมียทุกคำ ฮ่าๆ

แต่พระเอกของต้นนี่มาแนวดาร์กจริงๆ (ย้ำนะพระเอกของต้น มิใช่พระเอกของเรื่อง!) น้องไปป์ออกโรง ฮ่าๆ อยากใส่อะไรดาร์กๆ ลงไปด้วย แต่เล่นประเด็นให้ดาร์กๆ จิตๆ นิดนึง แล้วไปป์ก็เป็นคาแรคเตอร์ที่เหมาะม๊ากกกก ความเด็กของไปป์นี่แหละคือจุดพลิกผันเลย
เดาว่าคนอ่านคงเก็ทคอนฟลิคแล้ว พี่ชัชผิดต่อต้น แต่ต้นก็ไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับไปป์ เราว่าฉากนี้ต้นมีจุกอ่ะ แทบกระอักเลือดตายที่โดนไปป์ระเบิดใส่
แต่ไม่รู้สิ บางทีคนเราก็ไม่ได้เข้มแข็งขึ้นเพื่อตัวเอง บางคนเข้มแข็งเพื่อคนอื่น เช่นคุณแม่สายธารเป็นต้น เราว่าเพราะความรักที่บริสุทธิ์ของไปป์นี่แหละที่จะทำให้ต้นคิดได้ และต้นจะเข้มแข็งเพื่อไปป์ โอย! ยิ่งฉากห้ามมิวนิค "เราขอ" นะ แต่งเองยังน้ำตาซึมเลย นี่มันอารมณ์คุณแม่ปกป้องลูกน้อยชัดๆ! ฟีลเพื่อนรักกลิ่นโชเน็นมาเต็ม! มิตรภาพลูกผู้ชายแหละ ซึ้งเน้อ...

มาลุ้นกันต่อเถอะว่าต้นจะรับมือกับปัญหาที่ตัวเองก่อไว้ยังไง?
ถ้าเป็นนิยายเรื่องอื่น ฟื้นขึ้นมาแล้วคงต่างฝ่ายต่างสำนึกผิดหลังจากนั้นก็แฮปปี้เอ็นดิ้ง หรือไม่ก็เขียนให้ตัวเอกเลิกกันจบแบบแบดเอ็น เศร้าสวยงาม แต่ไม่ๆ นิยายเรื่องนี้เราเน้นความเรียล คนอ่านจงรับความปวดตับไปซะ
"หล่อนคิดว่าฆ่าตัวตายไม่ตายฟื้นขึ้นมาแล้วก็จบเหรอย๊ะ! ชีวิตมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกย่ะ"
เอาจริงๆ ก็คือสงสัยเสมอว่าทำไมข่าวเด็กจุฬาฆ่าตัวตายมันเยอะจริงๆ แล้วก็พวกข่าวนักศึกษาฆ่าตัวตาย ยิ่งเรียนเก่งยิ่งโดนสังคมด่า "เรียนมาตั้งสูง ฉลาดก็ฉลาด แต่ทำไมคิดได้แค่นี้" แล้วก็จะมีพวกเพื่อนๆ คนใกล้ชิดออกมาให้ข่าว "วอนสังคมอย่าเข้าใจผิด ยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณไม่รู้ อย่าพึ่งตัดสิน"
ไปป์ก็ไม่เข้าใจต้น ต้นก็ไม่รู้ปมในใจไปป์ อา... สนุกละสิ! คนเราไม่มีวันเข้าใจความคิดคนอื่นหรอก มันถึงต้องคุยกันไง หึๆ ต้นจะง้อไปป์ยังไงน้า?
อะไรกัน! นิยายผ่านจุดพีคมาแล้วยังไม่ยอมจบอีก? แถมทำท่าจะมีปมแซ่บกว่าเดิม เหมือนคนอ่านกำลังเบาใจว่าเรื่องร้ายๆ กำลังจะผ่านแต่คนแต่งดันกระชากคนอ่านโยนลงเหวอีกครั้ง! ยัยคนแต่งนี่โรคจิตจริงๆ เลยเนอะ!

มาลุ้นกันต่อเถอะ แต่เอ๊ะๆ ใครมันชิงตัวต้นไปว้า! คนอ่านเคยสังเกตการมีอยู่ของตาคนนี้รึเปล่า? มันชวนต้นไปเดทแล้วจ้า!  :a5:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#17/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 17-11-2014 03:13:54
โอ้ยย ปวดตับเบยยย คือแบ๊บบ คือทุกคนไม่เข้าใจกัน ไปป์ไม่รุ้ต้นเจอไรมาบ้าง แต่ไปป์ก้ไม่ผิดอะ คือแบบเป็นห่วงจริงๆ ปสดตับที่สุด แล้วนายอิฐจะใช่โอกาสนี้สร้างความประทับใจกับต้นน้ำได้รึป่าาว
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#17/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 17-11-2014 03:17:42
เข้าใจเรื่องโซตัสมากๆเพราะสมัยก่อนคณะเราไม่รับน้องคืออยุ่ไม่ได้เลย ไม่มีสังคมจิงๆ เดินไปไหนมีแต่เพื่อนมองผ่านแล้วรับน้องหนักมากในสมัยนั้น เดวนี้เบาลงเยอะละ สงสารอามมาก อิพวกวิศวะ โซตัสมันแข็งมากจริงๆ อามจะใช้ชีวอตยังไงทั้งๆที่ไม่ใช้คนผิด เฮ้ออ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#17/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 19-11-2014 00:57:56
รอออยู่นะ คะ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#19/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 19-11-2014 20:52:01
The story after that.

     “สบายใจขึ้นมั้ย?”
     อัฐถามพร้อมกับยื่นดอกไม้ธูปเทียนให้ต้นน้ำอีกชุดหนึ่ง ต้นน้ำมองอัฐด้วยแววตาไม่เข้าใจ อัฐจึงอธิบาย
     “ชุดเมื่อกี้ไหว้ท่านหมอ แต่ชุดนี้เราจะพาไปไหว้พระ”
     แล้วคนทั้งคู่ก็ฝ่ากลุ่มนักท่องเที่ยวไปไหว้พระแก้วมรกต พอไหว้เสร็จแล้วทั้งต้นน้ำและอัฐก็เดินดูภาพเขียนรอบพระอุโบสถ
     “ทำไมอัฐถึงพาเรามาที่นี่เหรอ?”
     “คนไทยเข้าฟรีไง”
     มุกหน้าตายของอัฐทำเอาต้นน้ำเงิบ!
     “ฮ่าๆ พูดเล่นน่ะ เราอยากให้ต้นสบายใจขึ้นมั้ง”
     ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่มีรอยยิ้มน้อยๆ ตรงมุมปากของอัฐด้วยแววตากังขา อัฐเองก็ก้มลงมาสบตาต้นน้ำเช่นกัน ดวงตาที่จ้องมองมาเหมือนล่วงรู้ทุกสรรพสิ่ง แต่ถึงกระนั้นต้นน้ำก็ยังไม่อาจล่วงรู้จุดประสงค์ของเพื่อนคนนี้
     “ได้มาเดินดูของสวยๆ งามๆ ได้มาไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่สนุกเหรอ?”
     ต้นน้ำทำหน้าเบื่อโลกใส่อัฐก่อนจะพูดต่อ
     “นายจะหาว่าเราไม่เคยเข้าวัดก็บอกมาเถอะ!”
     “เปล่า เราว่าจะพานายเที่ยวจริงๆ แต่เราคิดไม่ออกว่าจะพานายไปไหนดีเลยชวนมาแถวนี้ ใกล้ๆ นี้ยังมีวัดโพธิ์ วัดอรุณ ศาลหลักเมือง สนามหลวงอีกนะ”
     “พอเถอะอัฐ! นายมีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก”
     “ถึงเราพูดไปแต่ถ้านายไม่ฟังแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร เราแค่อยากเห็นนายสบายใจขึ้นก็เท่านั้น”
     อัฐยิ้มราวกับผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก
     “เราคิดว่าถ้านายสบายใจแล้วเดี๋ยวนายก็ดีขึ้นเอง”
     คำพูดของอัฐไม่มีทั้งความสงสารและคำตำหนิ เขาแค่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วให้ต้นน้ำเป็นคนตัดสินใจ
     “ทุกข์น่ะมันอยู่ตรงนี้”
     อัฐชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้ายของต้นน้ำแล้วพูดต่อ
     “มีแต่นายเท่านั้นที่จะเอามันออกไปได้”
     “แล้วเราต้องทำยังไงถึงจะหายทุกข์ล่ะ มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะเต็มไปหมด เราไม่ได้เข้มแข็งนี่ เราสู้ไม่ไหวหรอก”
     “นายไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอกต้น”
     อัฐพูดพร้อมกับมองไปบนท้องฟ้า เขานั่งลงบนศาลาราย ผืนฟ้าสดใสไร้หมู่เมฆตัดกับยอดพระศรีรัตนเจดีย์สีทองอร่ามระยิบระยับ
     “เราว่าคนที่ฆ่าตัวตายนี่เข้มแข็งนะ กรีดลงไปแบบนั้นได้นี่ก็แสดงถึงความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยว แถมยังอดทนต่อความเจ็บปวดอีก”
     “พอเถอะ ไม่ต้องมาประชดเราหรอก!”
     ต้นน้ำสวนกลับก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ อัฐ หน้าของเขางอเป็นม้าหมากรุกจนอัฐนึกขำ
     “เปล่า เราไม่ได้ประชด เราชมจริงๆ แต่เราว่ามันใช้ผิดทางไปหน่อยนะ ถ้ามีความกล้ามากแบบนั้นก็ไม่น่าหนีปัญหาด้วยวิธีมักง่ายอย่างการฆ่าตัวตาย”
     อัฐมองหน้าต้นน้ำแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
     “นายมีเรื่องทุกข์ใจมากจนไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกแล้วเหรอต้น? ปัญหาของนายมันหนักถึงขั้นนั้นจริงๆ เหรอ?”
     “เรารู้ว่าการฆ่าตัวตายเป็นสิ่งที่ผิด แต่ว่า... นาทีนั้น... ตอนที่เราสิ้นหวังน่ะ เราคิดไม่ออกหรอกอัฐ นายอาจจะคิดว่าเราโง่ก็ได้ แต่... มันหลายอย่างนะ”
     สีหน้ากลัดกลุ้มของต้นน้ำเรียกความเอ็นดูจากอัฐได้ เขายิ้มแล้วฉุดแขนต้นน้ำให้ลุกขึ้น
     “ย้ายที่กันเหอะ ใกล้สี่โมงละ ที่นี่ใกล้ปิดแล้ว ไปวัดโพธิ์กัน”
     แล้วต้นน้ำก็ถูกอัฐลากไปวัดโพธิ์แบบงงๆ ท่ามกลางอารมณ์ดราม่าค้างๆ คาๆ
     ระหว่างเดินชมเจดีย์กระเบื้องเคลือบภายในวัดต้นน้ำจึงหน้ามุ่ย อัฐถือขวดน้ำเย็นแนบแก้มของต้นน้ำเล่นจึงโดนต้นน้ำงอนเพิ่มไปอีกกระทง คนขี้แกล้งหัวเราะร่าก่อนจะยื่นน้ำให้
     “ให้ตายเหอะ! ไม่ยักรู้มาก่อนว่านายขี้แกล้งแบบนี้”
     “นั่นสิ”
     อัฐยิ้มให้ต้นน้ำอย่างอ่อนโยนแล้วยกน้ำขวดของตัวเองขึ้นดื่ม
     “ถ้านายตายไปก่อนคงไม่มีวันรู้ แล้วตอนนี้นายดีใจรึเปล่าที่รู้ว่าเราขี้แกล้ง?”
     สายตาของอัฐมีความหมายลึกซึ้งมากกว่าคำพูด ต้นน้ำยกน้ำขึ้นดื่มบ้างแต่กลับน้ำตาไหล
     “ดีใจมั้ยที่ยังมีชีวิตอยู่?”
     “อื้อ!”
     อัฐยิ้มแล้วถือโอกาสเอามือเปียกๆ มาโยกหัวต้นน้ำเป็นการเช็ดไปในตัวแบบเนียนๆ เขาถือโอกาสพูดต่อ
     “คนเราจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ นายไม่ต้องรีบหรอก ของแบบนี้เดี๋ยวถึงเวลาก็ไปเอง สู้เอาชีวิตที่มีมาทำเรื่องที่เราอยากทำสนุกให้เต็มที่ดีกว่า”
     สายลมโชยพัดผ่านทิ้งความสดชื่นไว้ในใจของคนทั้งคู่ ต้นน้ำรู้สึกดีกับร่มไม้ที่ปกป้องเขาจากแสงแดด ความสงบในวัดช่วยชำระล้างความมัวหมองในจิตใจ
     “ขอบคุณนะอัฐ”
     “ขอบคุณทำไม เราไม่ได้ทำอะไร”
     “อย่างน้อยนายก็ไม่คาดคั้นเรา”
     “ถ้าต้นมีอะไรอยากพูดเดี๋ยวนายก็พูดออกมาเองแหละ”
     “ทำไมนายถึงได้ดีกับเราแบบนี้เหรออัฐ?”
     “นั่นดิ...”
     อัฐหันมายิ้มกวนๆ ให้ต้นน้ำ
     “นายรู้เปล่า พิสุทธิจักรนี่ไม่ใช่นามสกุลตานายนะ มันเป็นนามสกุลของยายนาย”
     “เอ๋?”
     การเปลี่ยนเรื่องกะทันหันของอัฐทำเอาต้นน้ำเงิบอีกรอบ แต่อัฐก็ยังพูดต่อไปโดยไม่สนใจว่าคนฟังจะตามทันหรือไม่
     “ไม่รู้ล่ะสิว่าตาแท้ๆ ของตัวเองเป็นผู้มีอิทธิพลชื่อดัง”
     “เอ่อ...”
     “คนสมัยก่อนมีเมียหลายคนน่ะ มีลูกเยอะด้วย พอยายทวดของนายตาย ตาทวดนายก็มีเมียใหม่ มีลูกหลายคนเลย ลูกสาวคนเล็กอายุสี่สิบกว่าเอง”
     “เอ่อ... แล้ว...”
     ต้นน้ำสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาชักงงกับเพื่อนคนนี้แล้ว ปัญหาชีวิตของเขามันเกี่ยวอะไรกับทวดและตายายที่ไม่รู้จักเล่า!
     “นายรู้ป่าวทำไมเราถึงยังไม่มีแฟน”
     หัวข้อที่เปลี่ยนไปอีกครั้งชวนให้ต้นน้ำหันมามองใบหน้าของอัฐชัดๆ สายตาของต้นน้ำสื่อความสงสัยแทนคำพูด
     “เรารอเจอคนที่ใช่ เรายังไม่เจอใครที่ทำให้เราอยากทุ่มเทชีวิตเพื่อเขาคนเดียว แต่ถ้าเราเจอ เราคงทำทุกอย่างเพื่อให้เขารักเรา”
     “แล้วถ้าเขาไม่รักนายล่ะ?”
     “ถ้าเราพยายามเต็มที่แล้วมันก็ช่วยไม่ได้ เราอาจจะเสียใจนะ แต่สักวันมันก็จะผ่านไป ไม่มีอะไรติดค้างเพราะเราทำดีที่สุดแล้ว”
     “พูดเหมือนพระเอกนิยายเลยเนอะ”
     ต้นน้ำยิ้มเศร้าๆ เพราะสมเพชตัวเอง
     “ใครบอก พระเอกต้องพูดว่า ‘ขอแค่เธอคนนั้นมีความสุขผมก็พอใจแล้ว’ หรอก”
     “อ้าว?”
     “เราเป็นมนุษย์ธรรมดานะต้น เราไม่จดจ่ออยู่กับคนๆ เดียวที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อเราหรอก หาใหม่สิ มันต้องมีสักคนที่ใช่แหละ”
     “เรานึกว่านายจะเป็นพวกหนักแน่นซะอีก!”
     “ก็หนักแน่นนะ ถ้าเจอคนที่ใช่ ฮ่าๆ”
     ต้นน้ำส่ายหัวน้อยๆ ปลงกับความกริบของเพื่อนคนนี้ เขาถอนหายใจระบายความอัดอั้นออกมาแล้วถาม
     “พูดเหมือนนายรู้เลยนะว่าเราเลิกกับแฟนแล้ว”
     “จริงดิ?”
     “อืม”
     “เราไม่รู้หรอก แต่เดาเอาว่านายน่าจะมีปัญหากับแฟน เห็นซึมๆ ไป”
     “นายอยากรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา”
     “แล้วต้นอยากเล่ารึเปล่าล่ะ?”
     “อื้ม ถึงขั้นนี้แล้วนี่”
     แล้วเรื่องทั้งหมดก็พรั่งพรูออกจากปากของต้นน้ำ แต่น่าแปลกที่เขาในวันนี้กลับพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างสบายใจ ต้นน้ำเล่าไปโดยมีอัฐคอยฟังอยู่ข้างๆ คนฟังคอยพยักหน้าไม่ขัดคนเล่า จนกระทั่งต้นน้ำเล่าจบ อัฐก็พูดขึ้น
     “ดีแล้วที่นายไม่เป็นอะไร”
     “อืม ... กลัวแทบแย่แน่ะ ดีแล้วที่ไม่ได้เป็นโรคอะไร”
     “กลัวเป็นโรคแต่ไม่กลัวตายเนี่ยนะต้น เฮ้อ...”
     “นายไม่เข้าใจหรอก! ก็ตอนนั้นมัน ...”
     “อืมๆ ทะเลาะกับแฟน เลยคิดมาก เอาเหอะก็สมกับเป็นนายดี”
     “สมกับเป็นเรา? ยังไง?”
     “จอมดราม่าของภาคไง ฮ่ะๆ”
     “บ้า! อัฐนี่ ให้ตายเหอะ!”
     ต้นน้ำแหวใส่อัฐ ผู้ชายคนนี้พูดว่าเขาชอบสร้างปัญหาหน้าตาเฉย แต่หลายๆ ครั้งก็กระโดดเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้เขาอยู่ร่ำไป
     “อัฐ ... นาย ... คิดยังไงกับเราเหรอ?”
     “หือ? ยังไง?”
     “ก็แบบ... เรื่องที่เราชอบผู้ชาย เป็นเกย์ ถูกข่มขืน”
     ต้นน้ำยังพูดไม่จบแต่อัฐก็ขัดขึ้น
     “เฮ้ย! ยังไม่ใช่เหรอ”
     “เราไม่รู้ แม็กซ์อาจจะพูดปลอบใจเราก็ได้ ตอนนั้นยามันทำให้เราเบลอไปหมด จำอะไรไม่ค่อยได้หรอก! เขาอาจจะโกหกเราก็ได้”
     “คนอื่นคงไม่ชอบโกหกเหมือนนายหรอกมั้ง?”
     “เออๆ นั่นแหละ”
     ต้นน้ำหัวเสียกับคำเย้า
     “เป็นเกย์ ถูกทำมิดีมิร้าย ฆ่าตัวตาย บอกเลิกแฟน ถูกเพื่อนสนิทโกรธ แถมนิสัยก็ไม่ดี ทำให้ครอบครัวขายหน้า นายว่าคนอย่างเราสมควรอยู่บนโลกนี้ต่อมั้ย?”
     “ไม่มีใครที่ไม่สมควรมีชีวิตหรอกต้น อุตส่าห์เกิดมาแล้วก็ต้องสู้กันไป”
     “แล้วทำยังไงเราถึงจะอยู่อย่างมีความสุขได้ล่ะ นายช่วยบอกทีสิ”
     “อันนั้นก็ต้องดูว่าความสุขของนายคืออะไร หรือนายจะเริ่มจากการดับทุกข์ที่มีอยู่ก่อนก็ดีนะ นายยังกังวลเรื่องอะไรอีกบ้างล่ะ?”
     “มีตั้งเยอะ”
     ต้นน้ำกังวลทั้งเรื่องข่าวลือในมหาวิทยาลัย เรื่องพ่อ เรื่องของแม็กซ์ และที่สำคัญคนที่เขาคงไม่มีวันลืม สิ่งที่เขากังวลมีมากมายเหลือเกิน ... แววตาของต้นน้ำหม่นแสงลงเข้าโหมดดราม่า อัฐจึงขำ
     “อืม... เยอะจริงๆ ด้วย”
     อัฐพูดพร้อมกับใช้สายตาจ้องไปยังต้นน้ำตรงๆ ต้นน้ำจึงนิ่วหน้า
     “อย่ามาว่าเรานะ!”
     “ฮ่าๆ”
     อัฐหัวเราะร่า
     “งั้นก็ไล่เป็นเรื่องๆ ดีมั้ย แก้ปัญหาไปทีละเรื่อง ไม่สร้างเพิ่ม ซักวันมันก็หมด”
     อัฐยิ้มให้ต้นน้ำก่อนจะพูดต่อ
     “ถึงต้นจะเป็นเกย์ แต่ก็เป็นคนน่ารักนะ รู้ตัวป่ะว่าตาสวย ฮะๆ”
     อัฐชมขำๆ เล่นเอาต้นน้ำหน้าแดงเขินหน่อยๆ แล้วพระประจำรุ่นก็พูดต่อ
     “นายไม่ได้นิสัยไม่ดีนะต้น เราว่านายเป็นคนน่ารักนะ ถึงจะโลกส่วนตัวสูงเพราะมีความลับเยอะไปหน่อย แต่ก็เผื่อแผ่กับเพื่อนๆ นายคอยช่วยเข็นไอ้พวกนั้นเสมอทั้งๆ ที่นายจะไม่ทำก็ได้ แต่นายปากร้ายไปนิด ได้ฟังแล้วก็เข้าใจแหละว่าปมนายเยอะ บางทีนายก็ใจร้อนไปนะ ใครสะกิดโดนไม่ได้เลย บางครั้งนายทำเป็นไม่สนใจแต่สีหน้านายมันแสดงออกหมด เราว่านายน่าจะลองนั่งสมาธิดูนะ มันช่วยให้นายใจเย็นได้จริงๆ”
     “เราว่าเราใจเย็นแล้วนะ”
     “เย็นชาแต่พร้อมติดไฟอะดิ”
     อัฐว่าพลางหันมาดีดหน้าผากต้นน้ำเบาๆ จนคนคิดว่าตัวเองใจเย็นได้แต่อ้าปากค้างแบบเหวอๆ
     “เรารู้สึกว่านายเก็บกดเกินไป เรื่องบางเรื่องก็ปล่อยๆ ไปซะบ้าง คิดซะว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
     เพราะเถียงไม่ออกต้นน้ำเลยได้แต่หน้ามุ่ย
     “นายมีข้อเสียมากก็จริง แต่ข้อดีก็มีอีกเยอะ มีคนรักนายเพียบ ไม่ต้องกังวลหรอก มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดนั่นแหละ”
     “เรารู้ ... แต่บางทีมันก็...”
     “หวั่นไหว? ฮะๆ นายต้องลองฝึกสมาธิจริงๆ นะต้น จะได้ตามใจตัวเองทัน พอรู้เท่าทันจิตใจของตัวเองแล้วก็จะได้มีสติมากขึ้น”
     ถึงจะฟังแล้วเริ่มคล้อยตามแต่ต้นน้ำก็อดเบ้ปากใส่อัฐไม่ได้ เขาพูดขำๆ ว่า
     “ฟังแล้วอย่างกับพวกขายตรงแน่ะ นายตื้อซะ ... เฮ้อ!”
     “แล้วจะซื้อมั้ยล่ะ แพ็คเก็จชวนไปเข้าวัดนั่งสมาธิ แถมกูรูหนึ่งคนคอยดูแลมือใหม่ให้”
     “บ้า!”
     ต้นน้ำอมยิ้มขำๆ อัฐมองภาพนั้นแล้วก็ยิ้มอย่างโล่งใจ
     “อยากไปไหนต่อมั้ย?”
     อัฐถามขึ้นเรียบๆ ต้นน้ำจึงหันมากระพริบตาใส่ด้วยความสงสัย
     “ก็คิดว่านายคงสบายใจขึ้น ไม่จำเป็นต้องเอาวัดเข้าข่มแล้วล่ะ นายคงไม่วีนใส่เราแล้ว เลยว่าจะพาไปเที่ยวต่อ”
     ต้นน้ำอ้าปากค้างมองคนข้างๆ
     “นี่นายเกรียนขนาดนี้เชียวเหรออัฐ?”
     แต่คนข้างๆ กลับหันมายักคิ้วกวนๆ ส่งให้ ต้นน้ำเลยได้แต่ขำปนหมั่นไส้พลางเม้มปากอย่างขัดใจ ต้นน้ำไม่รู้เลยว่าสีหน้าของตนมีความร่าเริงฉายชัดอยู่เต็มเปี่ยม
     “สบายใจขึ้นยัง? ยิ้มได้แล้วนี่”
     คนถามเอ่ยพลางแกล้งจิ้มแก้มใสๆ ของคนแอบอมยิ้ม ต้นน้ำปัดมือของอัฐแบบไม่จริงจังแล้วตีเข้าที่ไหล่ก่อนจะพูดต่อ เขารู้สึกดีกับการหยอกล้อของเพื่อนคนนี้
     “อื้ม ... ความจริงเราก็คิดได้มาตั้งนานแล้วนะ แต่เรามัวแต่กลัวอยู่แม้แต่เรื่องแฟนเรา บางทีต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ก็อาจต้องเลิกกันอยู่แล้ว อย่างที่นายพูดแหละอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เขาอาจจะไม่ใช่คู่ของเราก็ได้ ...”
     สีหน้าของต้นน้ำปรากฏร่องรอยเหงาๆ ขึ้นชั่วขณะก่อนที่เจ้าตัวจะฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดต่อ
     “เพราะกลัวว่าจะถูกรังเกียจก็เลยคิดมาก อยากเป็นของเขาคนเดียว จะได้ดูมีคุณค่าในสายตาเขา เรานี่บ้าชะมัดเลย ...”
     “ก็เพราะนายบ้าได้น่ารักแบบนี้ละมั้ง คนถึงได้รัก นายเป็นพวกเพอร์เฟคชั่นนิสเหรอต้น ฮ่ะๆ”
     “บ้า! ไม่ถึงขนาดนั้น ... บางทีเรายึดติดกับเขามากอาจจะเพราะเรากลัวไม่มีใครรักละมั้ง บางทีที่เราเป็นแบบนี้ก็เพราะเราอยากได้ยินคำว่ารักจากคนอื่นอยู่ก็ได้ ขอบคุณที่ทำให้เรามั่นใจนะอัฐ”
     “รักตัวเองเป็นแล้วนี่ ถ้าไปป์มันรู้คงดีใจนะ”
     พอพูดถึงไปป์ต้นน้ำก็หน้าหมองลงทันที อัฐเองก็เอาแต่ยิ้ม
     “เราทำผิดกับไปป์มาก...”
     “แล้วนายจะเอายังไงต่อ”
     “ก็คงต้องง้อจนกว่าไปป์จะหายโกรธแหละ ไปป์เปลี่ยนไปก็เพราะเรา”
     “เวลาที่เราเห็นคนที่เรารักไม่ร่าเริงเหมือนเก่านี่มันทรมานเนอะ ทุกข์ของคนอื่นแท้ๆ แต่ก็เต็มใจทรมานเพราะคำว่ารักคำเดียว”
     ได้ฟังแล้วต้นน้ำก็หันมายิ้มสดใสให้อัฐ
     “นั่นสิ ขอบคุณที่รักเรานะ”
     อัฐเองก็ยิ้มตอบให้ต้นน้ำอย่างเอ็นดู ต้นน้ำที่ได้ทีจึงรีบพูดต่อ
     “งั้น... ช่วยพาเราไปเที่ยวต่อหน่อยสิ เลี้ยงข้าวเย็นเราด้วยได้เปล่า? ไปไหนต่อดีอ่ะ?”
     “เยอะนะต้น”
     “ก็ ... ไหนๆ ก็ไหนๆ”
     “งั้นไปเดินเล่นสะพานพุทธกันมั้ย”
     “แต่มันอีกตั้งนานนะ”
     “ไม่นานหรอก เดี๋ยวพาเดินเที่ยวแถวนั้นไปพลางๆ เดินเล่นรอซักพักก็มืด เดินไหวป่าว?”
     “เอ้า! เอาก็เอา!”

     เวลาสามทุ่ม ต้นน้ำและอัฐยืนมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน สีหน้าของอัฐราบเรียบแต่คงรอยยิ้มละไมไว้ที่มุมปากเหมือนดังปกติ ต้นน้ำคิดว่าการที่อัฐได้ฉายาพระนอนคงเหมาะสมแล้ว นอกจากเรื่องที่ชอบนั่งหลับแล้วสีหน้าและแววตาของอัฐทำให้ต้นน้ำนึกถึงพระพุทธรูป บางทีอัฐก็ทำตัวเหมือนพระมาโปรดสัตว์พวกทโมนอย่างเขา ทั้งๆ ที่อัฐดื่มเหล้าแต่กลับพูดจามีเหตุผลคอยเตือนสติคนอื่น การได้ใช้เวลากับอัฐวันนี้ทำให้ต้นน้ำรู้สึกเลื่อมใสเพื่อนคนนี้อย่างน่าประหลาด
     ในที่สุดต้นน้ำก็ทนไม่ไหว
     “อัฐ”
     ต้นน้ำลองส่งเสียงออกไป อัฐเลยหันหน้ามามอง เขารอฟังคำของต้นน้ำอยู่แต่ต้นน้ำกลับลังเล
     “เอ่อ...”
     ต้นน้ำสับสน แต่อัฐก็ยังอดทนรอ ท้ายที่สุดต้นน้ำก็ตัดสินใจได้ เขาต้องถามให้แน่ชัด
     “ที่นายพูดเรื่องทวด เรื่องยายเราเมื่อเย็นนี้อ่ะ นายพูดเหมือนนายรู้จักตาเราเลย นาย...”
     ต้นน้ำอยากจะถาม เขาไม่รู้จักตาของตัวเองเพราะคำบอกเล่าจากสายธารว่าคุณยายของเขาเสียไปนานแล้ว และต้นน้ำไม่มีคุณตา สายธารห้ามไม่ให้เขาถาม เขาจึงไม่เคยนึกสงสัย ก็ในเมื่อเขาเองยังไม่มีพ่อแล้วแม่ของเขาจะเหมือนกันบ้างจะเป็นไรไป
     แต่ต้นน้ำเริ่มประโยคไม่ถูก และอัฐเองก็เอาแต่เงียบ
     “ทำไมอยู่ๆ นายถึงพูดแบบนั้นอ่ะ นายรู้จักตายายของเราเหรอ?”
     “อยากรู้เหรอ?”
     “อื้ม!”
     “ถ้าอยากรู้ก็ไปกับเราสิ ปิดเทอมนี้กลับบ้านกับเราๆ จะพานายไปหาแม่”
     “เฮ้ย! บ้า!”
     “ไม่บ้า เราพูดจริง เราอยากพานายไปบ้านมาตั้งนานแล้วแต่ไม่สบโอกาสชวนซักที ไปกับเรานะต้น”
     “ทำไมเราต้องไปด้วยล่ะ นายยังไม่ยอมบอกเราเลย”
     “ดื้ออีกแล้ว นายมันน่าจับไปอยู่วัดให้หลวงพ่อดัดนิสัยให้เข็ดจริงๆ”
     อัฐอมยิ้มขำๆ แต่แล้วก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ เขารู้ดีว่าถ้าไม่ให้เหยื่อตัวโตๆ ปลาจะไม่ฮุบเบ็ด
     “เรารู้จักนามสกุลของนายน่ะ”
     “พูดจริงเหรอ?”
     หัวใจของต้นน้ำเต้นรัว
     “หึๆ ไปมั้ย?”
     “ไป!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



น้องต้นจะซื่อไปมั้ย? เชื่อคนง่ายไปรึเปล่า? นายอัฐล่อลวงต้นน้ำไปหาแม่ตัวเองแล้วเรียบร้อย!

บทนี้ตั้งใจเขียนมาก เป็นบทสนทนาปราบเซียนของเราเลย มันไม่ใช่แค่คิดประโยคสวยๆ แล้วยัดใส่ปากตัวละคร มันต้องดูจังหวะ ฟีลลิ่งและอื่นๆ โดยเฉพาะคาแรคเตอร์พ่อหนุ่มกริบคนนี้ อัฐเขียนยากมากกกกก
ทีนี้ก็คงไม่มีใครมาหาว่านิยายเขาไร้ศีลธรรมแล้วนะ มันเจ็บจริงๆ นะคำปรามาสที่บอกว่าเราแต่งนิยายแย่เพราะตัวละครไม่ได้รับผลกรรม คนอ่านบางคนอาจจะมองแค่กรรมเฉพาะหน้า แต่คนแต่งนิยายอย่างเราลึกซึ้งกว่านั้นหลายเท่าเพราะเรามองไกลกว่านั้นมาก
 :mew6:  ปาดน้ำตา

ใครที่ชอบอิมเมจของพี่รุกข์คงจะชอบหนุ่มคนนี้ หมอนี่ไม่ค่อยเด่นมากแต่จะโผล่มาอยู่เคียงข้างต้นน้ำตลอดเวลา แต่จะไม่ใช่แนวหน้าคอยออกตัวปกป้องต้นน้ำแบบหนุ่มแม็กซ์ ตาคนนี้จะแนวกริบกว่า มาแบบนุ่มๆ นิ่งๆ ถ้าคาใจต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่นะว่าเขาออกมาฉากไหนบ้าง ฮ่าๆ

ไปป์คือคนที่ทำให้ต้นน้ำฉุกคิดรู้จักรักตัวเองและรักคนอื่นอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่คนที่จะสอนให้ต้นน้ำคิดได้ คนที่จะให้กำลังใจต้นน้ำ คนที่จะทำให้ต้นน้ำเชื่อฟัง(ไอดอล) มันต้องเฉลี่ยบท อิๆ
มาดูกันเถอะว่าต้นน้ำจะรับมือกับบรรดาหนุ่มในฮาเรมยังไง ช่างเป็นนิยายวายที่เน้นความสัมพันธ์ในหมู่เพื่อนจริงๆ เลย ไฟโชเน็นเร่าร้อนเชียวแหละ!
** ขออภัยที่ "ฮาเรม" ที่ว่าไม่ใช่แนวมะรุมมะตุ้มรุมรักเคะ เหอๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#19/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 19-11-2014 22:39:39
อัฐน่ารักจัง พูดให้คนอื่นสบายใจได้แบบน่ารักกวนๆดีอะ
มีปริศนาเพิ่มแล้ว นายอัฐเกี่ยวข้องอะไรกับต้นน้าา
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#19/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 19-11-2014 22:54:45
The story after that.

     เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ธันย์แปลกใจ ห้าทุ่มแล้ว เขาไม่คิดว่าจะมีใครมีธุระกับเขาอีก ในใจธันย์ไพล่คิดไปถึงใครคนหนึ่ง แต่แล้วเขาก็สะบัดหัวไล่ความคิดเมื่อเสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง ธันย์เดินไปเปิดประตูพลางพึมพำกับตัวเอง
     “ไม่ใช่มั้ง...”
     แต่แล้วคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ธันย์ถอนหายใจ
     ‘ใช่จริงๆ ด้วย’ ธันย์บอกกับตัวเองในใจแล้วหันหลังเดินมานั่งบนเตียง
     ต้นน้ำลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเข้ามาในห้องด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว เขาเดินมานั่งข้างๆ ธันย์ ต้นน้ำมองหน้าธันย์ด้วยแววตาหลากอารมณ์ตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างแต่แล้วก็เกิดอาการอ้ำอึ้งไม่กล้าพูดได้แต่เม้มปากแน่น
     “มีอะไร มาดึกๆ ดื่นๆ”
     “ต้นขอโทษ”
     ต้นน้ำรีบขอโทษแต่พอคิดจะพูดก็ติดขัดอีกครั้ง
     “คือ ... เอ่อ... ต้น ... คือ”
     ธันย์นั่งฟังต้นน้ำอึกอักจนรำคาญ
     “มีอะไรก็พูดมา พรุ่งนี้พี่เข้ากะเช้า ไม่มีเวลาทั้งคืน”
     “พรุ่งนี้พี่ธันย์ต้องไปทำงานเหรอ?”
     “เออ”
     “พี่ธันย์อยากได้เงินมั้ย?”
     ลางสังหรณ์แปลกๆ ทำให้ธันย์มองหน้าต้นน้ำแบบไม่ไว้ใจ เรื่องราวของคนตรงหน้ายุ่งเหยิงจนธันย์ได้ยินแล้วปวดหัวตาม แม้จะแอบยินดีที่ต้นน้ำเหมือนไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ธันย์ไม่เชื่อว่าต้นน้ำจะปกติแล้วจริงๆ ธันย์รู้จักต้นน้ำดีพอๆ กับที่รู้จักตัวเอง
     เพราะสายตาดุๆ ของธันย์ ต้นน้ำจึงอ้ำอึ้งมากกว่าเดิม
     “คือ ... ต้นหมายถึงต้นอยากให้พี่ธันย์ช่วยต้นอย่างนึง แต่ต้นไม่บังคับให้พี่ธันย์ทำฟรีๆ นะ ต้นจะจ้างพี่ธันย์”
     ยิ่งพูดก็ดูยิ่งสับสน ธันย์รู้ดีว่าเด็กคนนี้นำปัญหามาให้เขาอีกแล้ว ตัวเองยังไม่แน่ใจแต่กลับตัดสินใจเสี่ยงโยนปัญหามาให้คนอื่นสะสาง ธันย์ไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเรื่องที่ต้นน้ำอยากให้เขาช่วยคงมีไม่กี่เรื่อง ยิ่งถึงขนาดต้อง“จ้าง”เขาแล้วมันคงไม่ใช่เรื่องดี
     “ทำไมต้องเป็นพี่?”
     “เอ๋!”
     ต้นน้ำที่กำลังสับสนเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ
     “คือ... คือ ก็ต้นไม่รู้จะไปขอร้องให้ใครช่วย ต้น... ต้นคิดว่าเป็นพี่ธันย์น่าจะดีที่สุด”
     ต้นน้ำละลักละล่ำตอบ
     “แล้วอยากให้พี่ช่วยอะไร?”
     สายตาที่มองตรงมากับคำถามที่ตรงประเด็นกดดันจนต้นน้ำกลัว เขาปอดแหกไม่กล้าเอ่ยคำตอบได้แต่นั่งกังวลทำท่าอึกอักอ้าปากแต่แล้วก็เปลี่ยนใจนั่งนิ่งจนธันย์นึกรำคาญ ยิ่งมองใบหน้าที่เคร่งเครียดจนคิ้วแทบจะผูกโบว์แล้วธันย์ก็ยิ่งหงุดหงิด
     “ไม่มีอะไรก็กลับไปได้แล้ว”
     เพราะถูกไล่อารามตกใจต้นน้ำจึงหลุดคำพูดออกไปได้ในที่สุด
     “เดี๋ยวสิพี่ธันย์! ต้นอยากนอนกับพี่ธันย์!”
     สีหน้าของธันย์ยังคงสงบราบเรียบทั้งๆ ที่ภายในใจเขาร้อนราวกับไฟ! ต้นน้ำจึงไม่ทันสังเกตเห็น เขาจดจ่ออยู่แต่เรื่องของตัวเอง เครียดจนลืมนึกถึงคนฟัง! แต่เมื่อพูดไปแล้วต้นน้ำก็กัดฟันข่มความอายพูดต่อ
     “พี่ธันย์ทำกับใครก็ได้ไม่ใช่เหรอ งั้นก็ทำกับต้นทีสิ แต่พี่ธันย์ไม่ต้องห่วงนะ ต้นไม่ได้เป็นอะไร คือ ... ต้นหมายถึงต้นปลอดภัย”
     ยิ่งฟังธันย์ก็ยิ่งอยากตบกะโหลกเด็กซื่อบื้อสักทีสองที! ต้นน้ำเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมาถึงได้มาขอนอนกับเขา! ธันย์โกรธจนแทบบ้า! แต่แล้วเขาก็ข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ ดูท่าต้นน้ำคงห่างมือเขาไปนาน โดนเสียมั่งก็ดี!
     “จะเอาแบบไหน?”
     ธันย์ถามพร้อมกับลุกขึ้นไปใส่เสื้อยืด
     ต้นน้ำที่กำลังก้มหน้าด้วยความสับสนจึงตามไม่ทัน เขาทั้งประหม่าทั้งขลาดกลัว ลังเลและทิฐิจนความรู้สึกตีกันวุ่นวาย
     “พี่ถามว่าเราจะทำหรือให้พี่ทำ?”
     “เอ่อ... แบบ... แบบไหนก็ได้แล้วแต่พี่ธันย์ คือต้น...
     ใจจริงต้นน้ำอายที่จะบอกว่าเขาทำไม่เป็น เขาเคยชินกับการถูกสอดใส่ เขาชอบความรู้สึกยามถูกกอดและไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายทำเสียเอง เขารับไม่ได้ถ้าต้อง... ต้นน้ำสะบัดหัวไล่ความคิดของตัวเอง
     “อ๊ะ! แล้วพี่ธันย์จะไปไหนครับ?”
     “ไปซื้อถุงยาง”
     ธันย์ตอบสั้นๆ พร้อมกับเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันหลังกลับมามองคนบนเตียง
     ต้นน้ำไม่รู้เลยว่าตัวเองหน้าซีดเผือด เขาอ้าปากหายใจแรงก่อนจะกลืนน้ำลาย ต้นน้ำนั่งนิ่งอยู่พักใหญ่แต่แล้วก็เกิดกลัวขึ้นมาจนแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่ เขาลังเลสองจิตสองใจพึมพำให้กำลังใจตัวเอง
     “เป็นพี่ธันย์น่ะดีแล้ว พี่ธันย์ทำกับใครก็ได้ ทำๆ ให้มันจบไปเราจะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นอีก ยังไงก็เสียไปแล้วจะเพิ่มอีกคนก็ไม่เห็นเป็นไร แล้วพี่ธันย์ก็ดีกับเรามากๆ ด้วย เป็นพี่ธันย์แหละดีที่สุด พี่ธันย์จะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ซักวันเราจะลืมพี่ชัช เราต้องเลิกยึดติดกับพี่ชัช เรา...
     ต้นน้ำพยายามสะกดจิตตัวเองแต่แล้วก็สติแตก เขาผลุนผลันลุกขึ้นอยากหนีกลับบ้าน ต้นน้ำคว้ากระเป๋าเดินไปที่ประตูมือจับลูกบิดเตรียมพร้อมแต่แล้วก็ลังเลทรุดตัวนั่งพิงประตู
     “ต้องทำได้สิต้องทำได้ เราต้องลืมพี่ชัช!”
     ต้นน้ำนั่งกอดเข่าซุกหน้าลงบนท่อนแขนพลางสะกดจิตตัวเอง น้ำตาของเขาไหลออกมาเรื่อยๆ แต่ต้นน้ำก็ไม่สนใจจะเช็ด เขาคิดง่ายๆ ว่าถ้าตนกล้านอนกับคนอื่นอีกหน่อยการจะเปิดใจมองใครก็คงทำได้ไม่ยาก ใครก็ได้ที่ไม่ใช่แม็กซ์ เขาไม่อยากถูกคนอื่นตราหน้าว่าแอบกิ๊กกับแม็กซ์ลับหลังแฟน! ต้นน้ำตั้งใจจะเลิกยึดติดกับชัยชัชแล้วมีใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ทางใจหรือเฉพาะเพียงร่างกายเขาก็พร้อมจะลอง
     การทุ่มเทหัวใจให้กับคนๆ เดียวโดยไม่เผื่อใจช่างเจ็บปวด ไม่มีรักแท้ในหมู่เกย์อย่างที่ลุงของเขาเคยพูดไว้ ถึงชัยชัชจะไม่ใช่เกย์เป็นผู้ชายปกติแต่ผู้ชายกับผู้ชายอย่างไรก็ไม่มีวันเป็นไปได้ เขาอาจจะหาแฟนใหม่ที่เป็นเกย์จริงๆ แต่ถ้าเขาจะมีแฟนแบบนั้นเขาก็ต้องเผื่อใจยอมรับความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวย อย่างน้อยเขาก็ต้องนอนกับใครก็ได้โดยไม่สนใจเรื่องของความรู้สึก!
     ต้นน้ำคิดอะไรไปเรื่อยโดยไม่รู้เลยว่าทุกลมหายใจของตัวเองมีแต่“ชัยชัช” แต่ในที่สุดเวลาฟุ้งซ่านของต้นน้ำก็หมดลงเมื่อธันย์กลับมาถึง ธันย์กลับเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วทักขึ้น
     “อ้าว? ไม่อาบน้ำล่ะ”
     “ครับ?”
     ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมองธันย์ทั้งน้ำตา ธันย์เห็นแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดกับความซื่อบื้อของเด็กดื้อบางคน เขาพยายามข่มความโมโหเอาไว้แล้วตอบ
     “จะให้พี่เอาไม่ใช่เหรอ? หรือต้นชอบแบบเลอะๆ”
     “เปล่าๆ ต้น...”
     ต้นน้ำรีบปฏิเสธแต่พอเห็นธันย์หยิบกล่องถุงยางกับหลอดเจลหล่อลื่นออกมาโยนไว้บนเตียงก็หน้าซีดแล้วเงียบทันที ธันย์เห็นแล้วก็แอบยิ้มก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวโยนใส่หน้าต้นน้ำ
     “ทำเองเป็นนะ พี่คงไม่ต้องสอน”
     ธันย์พูดพลางมองท่าทางคล้ายคนจะเป็นลมของต้นน้ำอย่างสะใจภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย
     ต้นน้ำมัวแต่กังวลไม่ทันสังเกต เขารับคำปากสั่นจนเสียงตอบเบาหวิวแล้วก็ลุกขึ้นยืนอย่างไร้เรี่ยวแรงก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
     ท่ามกลางความเงียบที่กินเวลาเนิ่นนาน ต้นน้ำหายเข้าห้องน้ำร่วมสิบนาทีแล้ว ธันย์จึงเคาะประตูเร่ง ใบหน้าของธันย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ขัดกับเสียงดุๆ
     “เฮ่ย! พี่ไม่มีเวลาทั้งคืนนะ เร็วๆ”
     อีกสิบนาทีให้หลังต้นน้ำก็เดินออกมาในชุดเดิม ชุดนักศึกษาที่ชายเสื้อถูกปล่อยออกมานอกกางเกงมีคราบน้ำเปียกเป็นดวง ขาสองข้างของต้นน้ำหนักอึ้งแต่เขาฝืนใจลากตัวเองออกมาจนได้
     “เอ้า ไม่ถอดเสื้อผ้าล่ะ?”
     ธันย์ที่เหลือเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวถามเหมือนเป็นเรื่องปกติ
     “คือต้น...”
     ต้นน้ำพูดไม่ออกเขาไม่รู้ว่าตนอยากบอกอะไรธันย์
     “เออช่างเหอะ พวกที่ชอบแบบค่อยๆ ถอดก็มี”
     ชั่วขณะหนึ่งต้นน้ำอยากยุติ เขาอยากกลับบ้าน! แต่ธันย์ก็เดินเข้ามาพอดี พี่ธันย์ของเขาจูงเขาไปนั่งที่เตียงก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวไปแขวนให้ และแล้วต้นน้ำก็สติแตก เขากลืนความกลัวลงคอ!
     “ชอบแบบไหนเป็นพิเศษป่าว? อยากให้พี่ทำอะไร?”
     เสียงธันย์ถามขึ้นเรียบๆ ไม่มีรอยยิ้มเอาใจอยู่บนใบหน้า แต่ต้นน้ำกลับนึกถึงเสียงขี้เล่นที่เคยสอนให้เขาบอกความต้องการของตนเอง ธันย์ประคองต้นน้ำลงนอนราบกับเตียงต้นน้ำจึงได้สติ เขากระพริบตาแล้วตอบธันย์เสียงสั่น
     “ไม่มีครับ ต้นแล้วแต่พี่ธันย์”
     ธันย์มองอาการของเด็กซื่อบื้อแล้วก็ขำ เขาก้มลง“ทำงาน”โดยเริ่มจากไซ้คอ ต้นน้ำตกใจและขลาดกลัวกับสัมผัสของคนอื่นจนหลับตาปี๋! เขาเผลอนึกถึงช่วงเวลาเลวร้ายที่ผ่านมา ภาพความโหดร้ายทารุณฉายซ้ำวนเวียนอยู่ในหัว
     เพราะจิตใจต่อต้านร่างกายจึงเกิดปฏิกิริยา ตัวของต้นน้ำเกร็งโดยอัตโนมัติ เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองเผลอขยับหลบสัมผัสของธันย์ ความคิดยุ่งเหยิงในหัวตีกันสับสนจนต้นน้ำไม่ว่างไปใส่ใจธันย์ และนั่นทำให้เขาไม่เห็นว่าธันย์ลอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
     ประสบการณ์ที่ช่ำชองส่งผลให้นิ้วของธันย์ทำงานอย่างคล่องแคล่ว เขาปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของต้นน้ำได้โดยง่าย มือของธันย์เฉียดผ่านสร้างความร้อนบนผิวเนื้ออย่างเป็นธรรมชาติ แต่ลีลาเล้าโลมอย่างสุภาพไร้จังหวะตะกรุมตะกรามไม่ได้ช่วยให้ต้นน้ำผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเมื่อธันย์แบะเสื้อออกแล้วล้วงเข้าไปสัมผัสยอดอกต้นน้ำก็ถึงกับผวา!
     ธันย์หลุดขำเบาๆ แต่ก็แกล้งทำหน้าดุตามเดิม เขาจ้องตาต้นน้ำด้วยมาดนิ่งตามปกติ
     “เป็นไรอีก?”
     “ปะเปล่า... ต้น... ต้นจั๊กจี้เฉยๆ คือ...
     “นอนเฉยๆ ไป อย่าเรื่องมาก”
     ธันย์ผลักต้นน้ำนอนลงตามเดิมแล้วพลิกตัวขึ้นคร่อมก่อนจะครอบปากลงไปที่จุดเดิม เท่านั้นแหละต้นน้ำร้องลั่น!
     “พอก่อนพี่ธันย์! คือต้น... ต้น ... ไม่เอาเล้าโลมได้มั้ย ต้น...”
     ต้นน้ำเอ่ยความรู้สึกของตัวเองไม่ถูก เขาก็ไม่เชิงว่ากลัว ไม่ได้รังเกียจ แต่เขารับไม่ได้ เขาบอกไม่ถูกว่าทำไมเขารู้สึกผิด แต่เขาไม่อยากทำแบบนี้กับคนอื่น!
     “เอาก็เอา ไงก็ตามใจลูกค้า”
     ธันย์กล่าวเรียบๆ พลางเอื้อมมือไปปลดตะขอกางเกงของต้นน้ำ
     “แล้วต้นไหวแน่นะ”
     ธันย์ถามพร้อมๆ กับจับไปที่เป้า เขาเคลื่อนมือเข้าไปด้านในจนต้นน้ำสะดุ้ง!
     เวลานี้มีเพียงผ้าบางๆ ของกางเกงในเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่กั้นระหว่างมือของธันย์และผิวเนื้อของต้นน้ำ!
     ต้นน้ำเหงื่อแตก! เขาอยากร้องไห้ ต้นน้ำอยากหันหลังหนีไปจากที่ตรงนี้ อยากหยุดทุกอย่าง ล้มเลิก ไม่สานต่อ แต่ทิฐิและอคติที่มีก็คอยยุแยงหัวใจเขา ต้นน้ำนึกถึงคำพูดมักง่ายของชัยชัชที่บอกว่า “ความสัมพันธ์ข้างนอกมันไม่มีอะไร” ใช่สิ! ไหนๆ เขาก็ถูกพวกสารเลวบังคับลวนลามทั้งข้างนอกข้างในขาดแต่การสอดใส่เจ้าสิ่งนั้นเข้ามาในตัวเขาอยู่แล้วนี่!
     เพราะทิฐิที่มีต้นน้ำเขาจึงกัดฟันนิ่งแม้จะน้ำตาไหล ธันย์เห็นดังนั้นจึงล้วงเข้าไปในกางเกงในของต้นน้ำพร้อมกับพรมจูบเรื่อยไปจากข้างแก้มไล่ไปจนถึงหน้าท้อง ธันย์ค่อยๆ เลื่อนต่ำลง ... ต่ำลง มือของธันย์ลูบผ่านไปมาบนเนื้อผ้าเหมือนจงใจแกล้ง ต้นน้ำหายใจทางปากพร้อมกับหลุดเสียงสะอื้นด้วยความกลัว จนในที่สุดธันย์ก็จูบลงตรงนั้น ริมฝีปากร้อนระอุที่แนบลงมาบางครั้งก็ประทับอยู่บนผืนผ้าและบางครั้งก็คลอเคลียอยู่บนผิวของเขา แล้วมือทั้งสองข้างของธันย์ก็สอดเข้ามาตรงขอบก่อนจะดึงกางเกงในลง!
     ต้นน้ำตะโกนลั่นพลางดีดตัวหนีธันย์ทั้งน้ำตา!
     “ไม่! พอก่อนพี่ธันย์ หยุด! ต้นๆ ต้น...”
     ต้นน้ำสะอึกสะอื้นพูดไม่เป็นภาษา
     “ใจเย็นๆ ต้น”
     ธันย์ขยับเข้าไปหาแต่ต้นน้ำกลับกระเถิบหนี
     “ไม่ๆ ต้นไม่ทำแล้ว พี่ธันย์อย่าทำอะไรต้นนะ!”
     ธันย์ยิ้มด้วยความสะใจแล้วเข้าไปใกล้ต้นน้ำ แม้คนขี้ขลาดกลัวจนลนลานแต่ธันย์ก็ไม่ใส่ใจ เขาขยับเข้าประชิดต้นน้ำก่อนจะยกมือขึ้นตบที่ศีรษะของเด็กซื่อบื้ออย่างแรง!
     “ไอ้เด็กซื่อบื้อ! พี่ไม่แข็งจะเอาเราได้ไง”
     แล้วธันย์ก็ยิ้มกว้าง สายตาของธันย์มีแต่ความรักใคร่ส่งให้ต้นน้ำ
     “ไม่มีพี่ชายคนไหนเอาน้องตัวเองลงหรอก”
     เพียงเท่านั้นต้นน้ำก็ปล่อยโฮแล้วพุ่งเข้าไปกอดธันย์อย่างโล่งใจ ธันย์สวมกอดต้นน้ำแล้วลูบหลังปลอบคนขี้แยอยู่นาน...
     
     “หายบ้ายัง?”
     ธันย์ว่าพลางส่งแก้วน้ำให้ ต้นน้ำรับมาดื่มทั้งๆ ที่ยังตาแดงก่ำ
     “อืม”
     “คิดอะไรถึงมาขอนอนกับพี่”
     “ก็คิดว่าถ้ามีอะไรกับคนอื่นแล้วจะลืมแฟนได้ง่ายขึ้น แล้วก็จะได้ลืมเรื่องเลวร้ายพวกนั้นด้วย”
     “แล้วลืมได้มั้ย?”
     ต้นน้ำได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ
     “คิดอะไรโง่ๆ”
     แม้ปากจะด่าแต่ธันย์กลับเขกหัวต้นน้ำเบาๆ แสดงออกถึงความรัก ต้นน้ำรู้ตัวดีว่าผิดจึงไม่เถียง ธันย์คว้าหมอนมารองหลังแล้วเอนตัวพิงในท่าสบายก่อนจะถามต่อ
     “นอกจากเรื่องนี้แล้วมีอะไรอีกมั่ง?”
     “มี”
     “อะไร?”
     “ตอนที่พวกนั้นทำแบบนั้นกับต้น ต้นขยะแขยงมากเลย มันรังเกียจขนลุกจนอยากจะอ้วก แต่พอเป็นพี่ธันย์ ต้นไม่ได้ขยะแขยงแบบนั้น ต้นแค่รู้สึกว่าไม่ได้ ไม่อยากมีอะไรกับคนอื่นนอกจากแฟน”
     ต้นน้ำมองสบตากับธันย์ก่อนจะถามต่อ
     “ต้นเป็นเกย์จริงๆ ใช่มั้ย?”
     “ก็คงงั้น เคยลองกับผู้หญิงป่ะล่ะ?”
     ต้นน้ำส่ายหน้าอีกรอบก่อนจะพูดต่อ
     “ต้นเคยกับแฟนแค่คนเดียว”
     แต่เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของธันย์ก็อธิบายเพิ่ม
     “ไอ้พวกนั้น ... เพื่อนต้นบอกว่าพวกนั้นมันยังไม่ได้ทำอะไรต้นมากเท่าไหร่ แล้วเวลาที่ต้น... เอ่อ... เวลาที่ต้นมีอารมณ์ส่วนมากก็เพราะผู้ชาย แต่! แต่ต้นไม่เคยคิดถึงใครนอกจากแฟนนะ ต้นไม่กล้าคิด...”
     ธันย์ฟังคนขี้อายที่พูดไปหน้าแดงไปแล้วก็ขำ
     “แล้วไม่เคยคิดถึงผู้หญิงเลยเหรอ?”
     แต่ใครจะรู้ว่าคำตอบที่ได้รับกลับฉุดธันย์กลับไปยังอดีต
     “ไม่หรอก ต้นจะกล้าได้ยังไง แม่ต้องขายตัวเลี้ยงต้นนะ แค่คิดว่าแม่ต้องทำแบบนั้นเพื่อต้นๆ ก็... ต้นคิดแบบนั้นกับใครไม่ลงหรอก”
     น้ำเสียงของต้นน้ำทำให้ธันย์ขมขื่น เขาเงียบไปจนต้นน้ำกลัว
     “เพราะแม่พี่?”
     ต้นน้ำอยากจะเงียบแต่ก็กลัวว่าพี่ชายของตนจะรู้สึกผิดจึงรีบปฏิเสธ
     “แต่พี่ธันย์ไม่ผิดนะ มันไม่ใช่ความผิดของพี่ธันย์”
     ภาพของเหตุการณ์ในอดีตตามมาหลอกหลอนคนทั้งคู่ มีอยู่วันหนึ่งที่ต้นน้ำแอบไปหาธันย์ที่ห้องเพราะอยากชวนพี่ชายคนนี้ไปเล่นด้วยกัน แต่ปรากฏว่าธันย์กำลังถูกแม่แท้ๆ ทุบตีอย่างทารุณ นางหงุดหงิดที่ธันย์ไปชกต่อยกับเด็กคนอื่นจนแม่ของคู่กรณีมาเอาเรื่อง ฝ่ายนั้นเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลและค่าทำขวัญจนเกินเหตุ
     ตอนแรกธันย์ไม่ยอมบอกเหตุผลที่ชกต่อยกันจึงถูกตัดสินจากคนอื่นว่าผิด ต้นน้ำที่มาเห็นเข้าตกใจจึงพยายามเข้ามาห้าม แม่ของธันย์จึงพาลลงมือกับต้นน้ำอีกคนด้วยความโมโห เมื่อถูกทุบตีมากเข้าธันย์ก็ทนไม่ไหวระเบิดอารมณ์ออกมา เขาสวนกลับไปว่าเขาชกคนอื่นเพราะถูกเรียกว่าไอ้ลูกกะหรี่ เพราะเขาอับอายที่ต้องมีแม่ขายตัว!
     ผู้เป็นแม่ได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโห นางด่ากลับว่าธันย์เป็นไอ้ลูกเนรคุณและทวงบุญคุณว่าเงินที่ส่งเสียเลี้ยงดูธันย์อยู่ทุกวันนี้ก็มาจากการขายเรือนร่างของนาง ด้วยความขาดสติที่ต้องการสั่งสอนลูกตัวเองแบบผิดๆ แม่ของธันย์จึงจับเด็กทั้งสองขังไว้ในตู้เสื้อผ้า นางเรียกแขกมาใช้บริการในห้องนั้น!
     จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จสมอารมณ์หมายแขกออกจากห้องไปแล้วนางจึงได้เดินมาหาเด็กทั้งคู่แล้วชูเงินในมือให้ดูพร้อมกับพ่นพิษร้ายใส่ คำพูดที่เปรียบเสมือนดั่งยาพิษยังคงหลอกหลอนคนทั้งคู่มาจนถึงทุกวันนี้ “ดูไว้ซะ เงินที่พวกมึงใช้อยู่ทุกวันนี้ก็มาจากการขายxีของกูแหละโว้ย มึงดูไว้นะไอ้ต้น แม่มึงก็ต้องทำแบบกูนี่แหละอย่ามาทำตัวเป็นคุณหนูหน่อยเลย แม่มึงก็ไม่ต่างอะไรกับกูหรอก!” ความลับนี้มีเพียงธันย์และต้นน้ำเท่านั้นที่รู้ และเขาทั้งสองก็ไม่เคยปริปากบอกใคร
     เมื่อประกอบกับการที่ต้นน้ำได้รับรู้ชาติกำเนิดของตัวเองว่าตนเป็นเด็กที่เกิดจากความใคร่หาใช่ความรัก เขาก็ยิ่งรังเกียจ ต้นน้ำไม่กล้ามองผู้หญิงในแง่ของวัตถุทางเพศอีกเลย! ต้นน้ำรักแม่ของตนมาก ยิ่งเมื่อไม่มีธันย์เขาก็ไม่เหลือใคร ความกลัวส่งผลให้ต้นน้ำพยายามทุกอย่างเพื่อเป็นเด็กดีในอุดมคติ เพื่อที่สายธารจะได้ภาคภูมิใจในตัวเขา เขาพยายามไม่สนใจความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ไม่คิดเรื่องคนรัก จนกระทั่งเขาได้รับรู้เรื่องราวของชัยชัชและข้าวฟ่าง ความรักของคนทั้งคู่ทำให้ต้นน้ำอิจฉา แล้วเขาก็ตกหลุมรักชัยชัช
     แต่ในวันนี้ทุกอย่างมันจบลงแล้ว ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใด ต้นน้ำรู้ดีว่าเขาเป็นเกย์ เขาชอบผู้ชายด้วยกัน
     “พี่ธันย์ไม่ผิดหรอก ถ้าต้นเป็นเกย์เพราะเรื่องนั้นพี่ธันย์ก็ต้องเป็นด้วยสิ แต่พี่ธันย์ไม่ใช่... ไม่ใช่เหรอ?”
     “เป็นเกย์วัดกันที่ไหนล่ะ? พี่ทั้งเอาทั้งโดนเอาขายตัวเป็นอาชีพ มันแยกไม่ออกแล้วต้น”
     “แต่พี่ธันย์ชอบผู้หญิง?”
     “ผู้หญิง”ที่เขาหลงรักมีเพียงคนเดียว แม้จะเป็นผู้หญิง แต่ก็ผิดบาป ธันย์จึงเปลี่ยนเรื่อง
     “พี่นอนกับผู้หญิงน้อยกว่าโดนเอาซะอีก ช่างมันเหอะ”
     “ถ้าอย่างงั้นแล้วพี่ธันย์ทนได้ยังไง พี่ธันย์ไม่... เหรอ?”
     สีหน้าสงสัยใคร่รู้แต่ก็ไม่กล้าถามทำให้ธันย์นึกเอ็นดู
     “ก็บอกแล้วว่าเพื่อเงิน มันคืองานยังไงก็ต้องทำ ไม่งั้นก็อดตาย”
     “แบบ... พี่ธันย์... พี่ธันย์มีความสุขเหรอ?
     ถ้อยคำที่ต้นน้ำเลือกใช้ทำให้ธันย์นึกขำ “ความสุข”หรือ? มันจะไปมีได้อย่างไร แต่เขาเข้าใจความหมายของน้องชายคนนี้
     “ก็บิ้วท์ตัวเองไงต้น ถ้าพี่เป็นคนทำส่วนมากแขกอยากให้เอานานๆ อยู่แล้ว บางคนก็ขอกินน้ำ โดนดูดโดนชักไม่แตกก็บ้า! แต่ถ้าพี่โดนเอาส่วนใหญ่ก็แหลๆ ไปแหละ ไอ้พวกแขกโรคจิตชอบให้พี่ครางแบบแมนๆ เสียวครับดีครับอะไรก็ว่าไป พี่ก็ต้องบิ้วท์ตัวเองช่วยไม่งั้นไม่แตกหรอก
     “ทำแบบนั้นได้ด้วย?”
     ต้นน้ำทำหน้างงก่อนจะถามต่อ
     “แล้วพี่ธันย์คิดอะไรเหรอ?”
     “พี่ก็คิดถึงผู้หญิงสิ”
     ธันย์ตอบเลี่ยงเพราะไม่กล้าบอกความจริง เขากลัวว่าถ้าต้นน้ำรู้ว่าผู้หญิงในฝันของเขาเป็นใครแล้วจะโกรธ เขาอยากเก็บความลับนี้ไว้กับตัวเองจนตาย!
     “พี่ธันย์เป็นผู้ชาย ทำแบบนั้น... มีอะไรกับใครก็ไม่รู้ไปเรื่อยพี่ธันย์ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ?”
     สีหน้าท้อแท้ของต้นน้ำทำให้ธันย์สงสาร
     “คงเพราะเห็นแม่ขายตัวบ่อยมั้งเลยชิน พี่ไม่ใช่เด็กดีแบบต้นพี่ไม่คิดมากกับเรื่องพรรณนี้หรอก”
     ธันย์ถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ
     “แถมตอนนั้นติดยาด้วย อะไรที่ได้เงินไปซื้อยาพี่ไม่สนหรอก”
     “มีอะไรกับคนที่ไม่ได้รักไม่เห็นดีเลย ... พี่ธันย์ ต้นคิดถึงแม่”
     ต้นน้ำไม่กล้าพูดว่า “ต้นสงสารแม่” เขาสงสารมารดาที่ต้องทนทำอาชีพน่ารังเกียจเพื่อเขา!
     “ร้องไห้อีกละ น่าเบื่อว่ะ!”
     “ขอโทษ! มันอดไม่ได้อ่ะ”
     ต้นน้ำรีบปาดน้ำตาแล้วพูดต่อ
     “พี่ธันย์ทำยังไงถึงลืมเรื่องตอนนั้นได้เหรอ?”
     “ก็ไม่ต้องทำอะไร พอเวลาผ่านไปมีอย่างอื่นให้สนใจเดี๋ยวมันก็ลืมเอง”
     “หมายความว่าเดี๋ยวอีกหน่อยต้นก็จะลืม...”
     ใจจริงต้นน้ำอยากจะพูดคำว่า“เรื่องแย่ๆ”แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
     “ลืมแฟนได้เองน่ะเหรอ?”
     “อาจจะนะ ต้นอาจจะลืม เจอคนใหม่ หรืออยากกลับไปหาเขาก็ได้ คนบางคนก็ไม่ลืมอะไรง่ายๆ บางคนเขาก็ชอบสนุกไปเรื่อยไม่คิดจะรักใครเพราะรักแต่ตัวเอง ต้นแค่รักตัวเองบ้างก็พอ อย่ามัวแต่รักคนอื่นมากกว่าตัวเองนะ รู้เปล่า?”
     ธันย์หยิกแก้มต้นน้ำเบาๆ อย่างอ่อนโยน
     ต้นน้ำมองธันย์ด้วยสายตาเคารพยกย่อง การได้เปิดอกระบายกับธันย์ทำให้เขาคิดได้ ต้นน้ำตัดสินใจแล้ว! เขาพุ่งเข้ากอดธันย์อย่างรักใคร่
     “งั้นพี่ธันย์เป็นแฟนต้นนะ!”
     “อ้าว! ไหงงั้นอ่ะ?”
     “ก็ต้นเลิกกับแฟนแล้ว อยากมีแฟนใหม่ ให้ค่าจ้างด้วยก็ได้ เป็นแฟนต้นหน่อย”
     “ทำไมต้องเป็นพี่ด้วย?”
     ธันย์ถามด้วยเสียงหน่ายใจ
     “เป็นพี่ธันย์น่ะดีที่สุดแล้ว!”
     ต้นน้ำตอบเสียงใส!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... น้องต้นตัวเอกผู้ไขว่คว้าหาความรัก เป็นตัวเอกที่มีคาแรคเตอร์บิดเบี้ยวมาก  :hao5:
อาจจะมีหลายคนเสียดายบอกอยากให้น้องต้นได้กับพี่ธันย์ แต่ถ้าต้นทำแบบนั้นลงไปจริงๆ ต้นจะงี่เง่าไม่ต่างอะไรกับน้ำตาล และเลวพอๆ กับชัยชัช

นายอัฐเขาก็พูดไว้อยู่ว่าต้นบ้าได้น่ารัก ความหยิ่งและการรักศักดิ์ศรีไม่ยอมแพ้จิตใฝ่ต่ำการอดทนต่อไฟแค้นนี่แหละที่เป็นความดีของต้นน้ำ มันทำให้ต้นน้ำมีค่าจนชวนให้สมน้ำหน้าพี่ชัชมากกว่าเดิม
แฟนร่านๆ ที่สักแต่แก้แค้นน่ะไม่มีใครเขาเสียดายหรอก คนที่คิดง่ายๆ ว่าตัวเองสวย/หล่อขึ้นแล้วแฟนเก่าจะเสียดายก็คิดง่ายไป โลกนี้มีคนอีกมากที่พร้อมจะโมหน้าออกมาเป๊ะกว่าคุณ มีแต่ความดีงามเท่านั้นแหละที่จะทำให้คนเขาเสียดายคุณขึ้นมาจริงๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#19/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 19-11-2014 23:31:50
ช่ายยเราคิดแบบคนเขียนเรยความดีเท่านั้นแหละที่จะทำให้เค้าเสียดาย
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#19/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 19-11-2014 23:48:58
The story after that.

     “เมษ ไปช็อปปิ้งกัน!”
     เมษประหลาดใจที่จู่ๆ ต้นน้ำก็โทรศัพท์มาหาเธอแต่เช้า แต่คำชวนของต้นน้ำกลับทำให้เธองงยิ่งกว่า!
     “เดี๋ยวๆ อะไรของแก?”
     “เราอยากช็อปปิ้ง ไปกับเราหน่อยนะ”
     น้ำเสียงของต้นน้ำร่าเริงเกินเหตุจนเมษนึกสงสัย หรือเพื่อนของเธอจะกินยาผิด?
     “เป็นอะไรยะ? อยู่ๆ มาชวนฉันไปช็อป แกไม่ได้ละเมอใช่มั้ยนังต้น?”
     “เปล่าๆ เราโอเค เราอยากเปลี่ยนตัวเองนิดหน่อยน่ะ”
     “เปลี่ยนตัวเอง?”
     “อื้ม ไหนๆ ก็ไหนๆ เราอยากลองใช้ชีวิตเพื่อตัวเองบ้าง นะๆ ไปกับเรานะ”
     “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับช็อปปิ้งย๊ะ?”
     “ก็... เปลี่ยนลุคไง เราอยากไปเจาะหู อยากไปร้านสักด้วย อืม... นายว่าถ้าเราจะทำสีผมเราจะทำสีอะไรดีอ่ะ? อยากเปลี่ยนทรงผมด้วย”
     “เยอะนะแก... พูดจริงเหรอยะ? ถามจริงแกเป็นอะไร?”
     “โธ่! เราไม่เป็นอะไรทั้งนั้นแหละเมษ นะๆ ไปกับเรานะ แต่งตัวรอเลยเดี๋ยวเราไปรับที่บ้าน แกร็ก!
     เมษสับสนงุนงงตามต้นน้ำไม่ทันแต่พอจะถามต้นน้ำก็ชิงวางสายไปเสียก่อน
     “นังต้น!”

     แล้วต้นน้ำก็มาพร้อมคนขับรถส่วนตัว เพื่อนของเธอกลายเป็นคุณหนูไปแล้ว เมษถูกต้นน้ำลากไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง รอยยิ้มร่าเริงบนใบหน้าของต้นน้ำไม่ใช่หน้ากากลวงหลอก เมษสัมผัสได้ว่าเพื่อนของเธอแฮปปี้ดี๊ด๊ากับชีวิตจริงๆ เพียงแต่เวลาแค่ไม่กี่วันเหตุใดต้นน้ำถึงเปลี่ยนไปราวกับกินยาลืมเขย่าขวดเช่นนี้?
     “ฉันถามจริงเถอะย่ะ แกไปกินยาผิดมาจากไหนยะ?”
     ต้นน้ำกำลังลองเสื้อที่เธอเลือกให้อยู่หันมาตอบอย่างร่าเริง
     “ทำไมล่ะ? เรามีความสุขกับชีวิตไม่ดีเหรอเมษ”
     “อันนั้นฉันก็รู้ แต่... สงสัย”
     “อืม... คิดได้มั้ง? อยู่ๆ มันก็เหมือนกับ เออเนอะ ชีวิตคนเรามันก็มีอยู่แค่นี้ สิ่งที่เราเจอมันก็ไม่ได้แย่มากซักหน่อย ยังมีคนรักเราอีกตั้งเยอะ ตอนที่เราทุกข์เราก็ไม่ได้อยู่คนเดียว ในขณะที่บางคนเขาไม่มีใครด้วยซ้ำ แล้วเราจะมานั่งซึมเศร้าทำไม สู้ใช้ชีวิตให้สนุกดีกว่า มีอะไรอีกตั้งเยอะที่เราอยากทำ
     “ย่ะ! แหมคิดได้เนอะ แกคิดได้แบบนี้ฉันก็เบาใจละ อ๊ะๆ ตัวนี้ฉันว่าแกใส่ขึ้นนะ”
     “อื้ม เราก็ชอบ”
     ต้นน้ำหมุนซ้ายหมุนขวาดูภาพตัวเองในกระจก เขายิ้มให้กับตัวเอง คอร์สนั่งสมาธิของน้าชายเขาได้ผลดีจริงๆ การได้เจอญาติพี่น้องคนอื่นที่ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้พบก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น แม้ว่าคนพวกนั้นหากนับแล้วจะเป็นเพียงแค่ญาติห่างๆ ก็ตาม ช่วงเวลาสามวันสองคืนกับอัฐช่วยเปิดมุมมองใหม่ในชีวิต ต้นน้ำลิสรายการสิ่งที่อยากทำเต็มหัว!
     “แกแฮปปี้แบบนี้ฉันก็ดีใจ ว่าแต่คิดยังไงถึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนลุคย๊ะ?”
     “ทำไมล่ะ อยากดูดีมั่งไม่ได้เหรอ? ไหนนายบอกว่าสวยแล้วจะมี...กี่คนก็ได้ไง”
     สีหน้าทะเล้นและแววตาซุกซนของต้นน้ำทำให้เมษอ้าปากค้าง!
     “อ๊ะนี่แก! อึ๊อื่อ อย่าบอกนะว่า...”
     เมษตกตะลึงจนไม่กล้าพูดออกมา เธอยกนิ้วชี้ขึ้นมาพ้อยท์ก่อนจะส่งสายตาถึงสิ่งที่รู้กันให้ต้นน้ำ ต้นน้ำเองก็ยักไหล่รับมุกก่อนจะเฉลยตามสไตล์ของตน
     “บ้า! เราพูดเล่นเฉยๆ”
     “งั้นถามจริง แกลืมผัวเก่าได้แล้วเหรอ?”
     “ใครจะไปลืมลง”
     เป็นครั้งแรกของวันที่รอยยิ้มเหงาๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของต้นน้ำ ต้นน้ำถอนหายใจก่อนจะถอดเสื้อตัวที่ใส่อยู่ออกแล้วหยิบตัวใหม่ขึ้นมาลอง
     “เราไม่มีทางลืมพี่ชัชหรอกเมษ ไม่มีทางเลิกรักด้วย เรารู้ดี ... รู้ดีพอๆ กับที่รู้ว่าตราบใดที่เรากับพี่ชัชยังเป็นแบบนี้มันก็ไปไม่รอดหรอก เราทนไม่ได้ถ้าพี่ชัชจะมีใครคนอื่น แค่พี่เขาต้องใกล้ชิดกับผู้หญิงสาวๆ สวยๆ เราก็แทบบ้าแล้ว เรากลัวแล้วมันก็มีแต่ความระแวงเต็มไปหมด เราเอาแต่เปรียบเทียบตัวเองกับผู้หญิง ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เราต้องบ้าเข้าซักวันแน่ ความจริงแล้วไม่ใช่แต่พี่ชัชหรอกที่มีข้อเสีย เราก็มี”
     “แหมแก แต่ข้อเสียของแกนี่ใครๆ ก็เป็นย่ะ มันเบๆ มาก แต่ผัวแกนะ-“
     “ถึงพี่ชัชจะเจ้าชู้แต่พี่เขาก็ดีกับเรามากๆ นะ พี่เขาจะโกหกเราก็ได้ แต่เขาเลือกที่จะบอกเรา เป็นเราเองที่อยากปิดหูปิดตาไม่อยากฟัง แต่ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของพี่ชัชไม่ใช่เจ้าชู้หรอก ฮะๆ เราเกลียดนิสัยขี้โมโหของพี่เขามากกว่า คนอะไรเจ้าอารมณ์เป็นบ้า! งี่เง่าสุดๆ อ่ะ”
     “อันนี้ฉันเห็นด้วยเลยย่ะ!”
     “แต่ว่านะ ... สิ่งดีๆ ในตัวพี่ชัชมีอีกตั้งเยอะ เราไม่อยากจบแล้วจำแต่ความทรงจำเลวร้าย เราอยากจดจำแต่สิ่งดีๆ อย่างน้อยเวลาเรานึกถึงพี่ชัชเราจะได้นึกถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นของพี่เขาไม่ใช่...อะไรโหดๆ พวกนั้น”
     แม้ต้นน้ำกำลังดราม่าแต่เมษกลับหาช่องยิงมุกได้เสมอ เธอรู้ดีว่าต้นน้ำหมายถึงเรื่องที่ถูกชัยชัชใช้กำลังด้วยแต่ก็จงใจพูดล้อ
     “แหมๆ แน่ใจนะแกว่าคิดถึงอ้อมกอดที่อบอุ่น ไม่ใช่อะไรแบบว่า... นั่นอ่ะ แข็งๆ”
     “บ้า!”
     ต้นน้ำหันไปเถียงเมษพลางหน้าแดง
     “ไม่เห็นจำเป็นต้องคิดถึงพี่ชัชเลย ผู้ชายมีอีกตั้งเยอะ โสดแล้วจะคิดถึงใครก็ได้ ไม่ผิดศีล!”
     “อ๊าย! คิดหรืออะไรยะแก แหมๆ หายหน้าหายตาไปไม่กี่วัน กลับมาปิ๊งปั๊งเชียวนะ มีใครฉีดยาให้เหรอยะแก?”
     เมษยังกระแซะแซวเพื่อนอย่างไม่ยอมแพ้
     “บ้า! ไม่มีซักหน่อย เรากับเขาเป็นญาติกัน”
     เมษทำหน้าไม่เชื่อล้อเลียน สายตารู้ทันทำให้ต้นน้ำต้องรีบยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง
     “จริงๆ เขาเป็นน้าแท้ๆ เรา”
     “แกมีญาติงอกมาจากไหนอีกยะนังต้น แหมๆ ไม่เนียนเลยย่ะ”
     “เมษอ่ะ! แม่เขาเป็นน้องคนละแม่กับยายแท้ๆ ของเรา เขาก็เลยเป็นน้าเราไง”
     “เหรอย้า... แล้วแกคิดกับเขาแค่น้าป่ะ?”
     “ไม่ได้คิดอะไรนี่ ... ก็แค่ ... ปลื้มเฉยๆ”
     “ว้ายตายแล้วแก!”
     “บ้าอ่ะเมษ! ไม่เอาแล้ว รีบๆ ลองเหอะ เกรงใจร้านเขา”
     “เกรงใจอะไร แกควรจะเกรงใจตั้งแต่หยิบเสื้อมาเป็นสิบแล้ว!”
     “ก็เราไม่มีเสื้อผ้านี่! นานๆ ทีอยากช็อปปิ้งมันผิดด้วยเหรอ อุตส่าห์มีเงินกับเขาแล้วทั้งที”
     ต้นน้ำกระมิดกระเมี้ยนก่อนจะอ้อมแอ้มต่อ
     “แล้วที่สำคัญ ที่นี่ซื้อห้าฟรีหนึ่งด้วย คุ้มดีออก”
     “ย่ะ! แล้วตกลงแกจะเอาตัวไหนบ้างละยะ?”
     “อืม... เลือกไม่ถูกอ่ะ ที่เมษเลือกให้สวยทุกตัวเลย ของเขาดีจริงๆ”
     ต้นน้ำทำหน้าซุกซนก่อนจะหันไปพยักหน้าให้เมษ
     “งั้นก็...”
     เมษพูดค้างไว้ก่อนจะให้ต้นน้ำต่อประโยค
     “เอาหมด!”
     คนทั้งสองร้องออกมาพร้อมกันก่อนจะหอบเสื้อไปให้พนักงานคิดเงิน ต้นน้ำหยิบบัตรเครดิตขึ้นมารูดอย่างมีความสุข
     ต้นน้ำลากเมษทำกิจกรรมช็อปแหลกเมคโอเวอร์ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เริ่มจากช็อปเสื้อผ้าจนทั้งคู่ต้องหอบของพะรุงพะรังเต็มสองแขนต่อด้วยการพักแข้งขาในร้านทำผม สี่ชั่วโมงหลังจากนั้นต้นน้ำก็ได้ผมทรงพังค์สีน้ำตาลแดงสุดซ่า ก่อนจะตบท้ายด้วยการเดินเข้าไปในร้านแทททู แต่รอบนี้ต้นน้ำทิ้งให้เมษเฝ้าของรออยู่ในร้านกาแฟแล้วไปตามลำพัง เขาไม่อยากเผยปมอ่อนแอให้เพื่อนเห็น
     “ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอครับ?”
     “ไม่มีหรอกน้อง ก็ต้องสักสีเนื้อทับ อย่างของน้องนี้อาจต้องซ้ำหลายรอบหน่อย ไม่งั้นก็ไปเลเซอร์ แล้วก็ระวังเรื่องแผลเป็นเอา”
     ต้นน้ำเผลอถอนหายใจแล้วทำหน้ามุ่ย ช่างสักรุ่นพี่เห็นดังนั้นจึงจัดไปอีกดอก
     “ทำไมล่ะน้อง เลิกกับแฟนมาดิ?”
     แม้ต้นน้ำจะอยากปฏิเสธแต่เขาก็เถียงช่างคนนี้ไม่ทัน
     “งี้แหละ พวกวัยรุ่นสมัยนี้ ไม่รู้จักคิดให้ดีก่อนมาทำ ถึงเวลาก็คิดง่ายๆ รอยสักมันไม่ได้ลบง่ายเหมือนเลิกกับแฟนนะน้อง ถ้าน้องจะสักพี่แนะนำว่าควรจะรักในศิลปะของมันมากกว่าไม่ใช่ทำไปเผื่อเอาใจใคร รอยสักจะอยู่ติดตัวเราไปจนตาย ให้มันแสดงออกถึงตัวตนของเราดีกว่ามั้ย? อย่าให้มันกลายเป็นความผิดพลาดคอยตอกย้ำเราเลย”
     แม้จะเกลียดท่าทางอินดี้โชว์เหนือของช่างคนนี้แต่ต้นน้ำก็เถียงไม่ออก เขารวบรวมสติข่มอารมณ์ก่อนจะตอบ
     “ผมชอบรอยสักครับ ผมไม่เสียใจที่สัก แต่สิ่งที่ผมพลาดก็คือผมควรจะเลือกลายอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ชื่อเฉพาะ”
     “มันก็เหมือนกันแหละน้อง น้องควรจะคิดก่อนเลือกลาย รอยสักไม่ใช่เสื้อผ้านะน้องจะได้ถอดเปลี่ยนได้ตามแฟชั่น น้องตัดสินใจเลือกลายนี้เองไม่ใช่เหรอ?
     แม้จะเถียงกันเรื่องรอยสักแต่สีหน้าอวดดีของช่างกลับทำให้ต้นน้ำรู้สึกเหมือนถูกด่าเรื่องคนรักมากกว่า เขาคือคนที่ตัดสินใจเข้าไปพัวพันกับชัยชัชด้วยตัวเอง!
     “ผมรู้ครับ ผมถึงได้พยายามหาทางแก้ไขมันอยู่”
     “หนึ่งไปเลเซอร์ สองสักสีเนื้อทับ สามแก้ลาย มันมีวิธีอยู่แค่นี้ หรือทางที่สี่ เก็บมันไว้คอยเตือนตัวเองว่าทีหลังอย่าคิดอะไรตื้นๆ อีก แต่พี่ว่ามันเข้ากับน้องดีนะ พี่ชอบ”
     “งั้นผมเลือกทางที่ห้าได้มั้ยครับ”
     “อะไร?”
     “ผมอยากเจาะหู”
     แล้วต้นน้ำก็เดินออกจากร้านในสภาพที่หูข้างขวาสวมจิว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



น้องต้นเริ่มซ่า ฮีเริ่มทำตัวแซ่บ! เมคโอเวอร์ขนาดนี้มีเฮแน่ๆ หึๆ  :a14:
แต่อันที่จริงคนอ่านคิดว่าน้องต้นเป็นคนยังไงกัน? ถ้าฮีไม่ร้ายฮีไม่แอ๊บหลอกชัยชัชหรอก ต้นน้ำมีความซุกซนในตัวเองพอสมควร แต่ที่ผ่านมาแอบเก็บกดไง ฮีถึงติดแม็กซ์มากเพราะเพื่อนคนนี้ชอบพาฮีแหกคอก ฮ่าๆ มันคงเหมือนได้ปลดปล่อย พอคิดจะเปลี่ยนตัวเองเลยจัดเต็ม
เคยอ่านจากที่ไหนไม่รู้ประมาณว่าพวกชอบสักชอบเจาะหูจะออกแนวมาโซดิสนิดๆ ชื่นชอบความเจ็บปวด มีปมลึกๆ ทางอารมณ์ ก็เลยเขียนให้ต้นสัก แล้วก็คิดไว้ตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่าต้นต้องเจาะหูด้วยแน่ๆ ต้นชอบดนตรีร็อค น่าจะชอบแนวพังก์ ชอบความรุนแรงแต่เป็นในทางตรงกันข้าม ฮ่าๆ ... นี่คนแต่งคิดปมน้องต้นไว้ลึกเกินไปใช่มั้ย?
แต่พี่ช่างสักเขาพูดโดนใจจริงๆ นะ ต้นสะอึกเลย เหอๆ เจ็บมั้ยล่ะต้น?
ฮีก็ยังคงเป็นต้นน้ำคนเดิม โลกนี้มันไม่มีหรอกพวกที่รีเฟรชตัวเองจนเปลี่ยนไปแทบเป็นคนละคน มันมีแต่ปรับตัวดีขึ้นหรือแย่ลงเท่านั้นแหละ แล้วก็ต้องค่อยๆ ปรับกันไปด้วย มนุษย์จริงๆ ก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? เรียลใช่ม๊า? ฮ่าๆ

เอาละซี่! ต้นทำใจเรื่องชัยชัชได้เกลี้ยงแล้วเพราะพี่ธันย์ เลิกคิดมากกับเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นเพราะน้าอัฐ(เฉลยกันง่ายๆ ซะงั้น!) ต้นเริ่มทำตัวแซ่บ นี่มัน! ..... อย่าบอกนะว่าน้องต้นจะมี...ใหม่! "สวยแล้วจะมีผัวกี่คนก็ได้ - คุณช่า(บันทึกของตุ๊ด)กล่าว"
แต่ จุ๊ๆ ... น้าอัฐกล่าวไว้ว่า "พระเอกต้องพูดว่า ‘ขอแค่เธอคนนั้นมีความสุขผมก็พอใจแล้ว’"  ประโยคนี้ ใครกล่าวไว้ในเรื่องน้า?

 :laugh: คนอ่านต้องด่าคนแต่งแน่ๆ ว่าโรคจิต เรื่องมันเหมือนจะจบก็ไม่จบ ปมเหมือนจะคลายก็ไม่คลาย ทำคนอ่านคลั่งตายว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก นิยายเรื่องนี้ "บ้า!" เนอะ?
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#19/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 20-11-2014 21:47:33
ต้นน้ำจะเปลี่ยนลุคไปขนาดไหนน้อ
นายอัฐนึกว่าจะเข้ามาจีบที่แท้เป็นน้านี้เอง
รอดูฮาเร็มต้นน้ำจะมีหนุ่มไหนออกมาอีกมั้ยย
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#19/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 21-11-2014 23:59:00
ดันๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#19/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 22-11-2014 00:02:19
ตามตอนต่อไปค่ะ ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆ
อยากให้น้องต้นเจอคนที่รักน้องต้นมากๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#22/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 22-11-2014 18:07:56
The story after that.

     มะรืนนี้ต้นน้ำจะไปเที่ยวกับพวกแม็กซ์ เพราะแม็กซ์กับอาร์มยังไม่คืนดีกันเสียทีต้นน้ำจึงไม่สบายใจ เพื่อการนี้เขายอมลงทุนโทรไปปรึกษากาย น่าแปลกที่กายให้คำแนะนำเขาเป็นอย่างดี ต้นน้ำข่มความอายเล่าต้นสายปลายเหตุทุกอย่างให้กายฟังแต่เหมือนกายจะรู้อยู่แล้ว เพื่อนที่เขาเกลียดขี้หน้าคนนี้เพียงแค่รับฟังเงียบๆ ไม่ด่าสวนตามปกติแถมยังรับปากจะช่วยเคลียร์ให้
     ต้นน้ำจึงปิ๊งแผนการไปเที่ยวทะเลขึ้นมา เขาอ้างกับแม็กซ์ว่า“อกหัก”และอยากไปทะเล แม็กซ์ไม่ขัดใจเขาอยู่แล้ว เมื่อได้ยินว่าต้นน้ำอยากไปเที่ยวทะเลเขาก็อาสาจัดการเรื่องทุกอย่างให้ ส่วนกายที่เตี๊ยมกันไว้แล้วก็ใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างชวนไปเที่ยวสงขลา ทำให้จุดหมายปลายทางเปลี่ยนจากพัทยาไปเป็นภาคใต้ ต้นน้ำจึงสบโอกาสเอ่ยชวนให้ขับรถไปกันเองและใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างบีบบังคับให้แม็กซ์ยอมให้อาร์มไปด้วย และนั่นก็ทำให้แม็กซ์ยอมแพ้ เขายอมให้อาร์มเข้าร่วมทริปในที่สุด
     ดังนั้นวันนี้ต้นตระการจึงหาเรื่องชวนเพื่อนทั้งสองของต้นน้ำมาทานอาหารร่วมกัน ระหว่างที่คุณพ่อผู้เข้มงวดกำลังฝากฝังลูกชายกับเพื่อนทั้งสอง ต้นน้ำก็ช่วยเตรียมอาหารอยู่ในครัว ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและภรรยาของพ่อยังคงเหมือนเดิม ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตนตามเห็นสมควร ไม่มีความห่วงหาอาทรมากไปกว่านั้น ป้าสุไม่เอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาเลยแม้แต่น้อย และมันก็ทำให้ต้นน้ำรู้สึกดี เขานึกไม่ออกว่าถ้าต้องถูกป้าสุมาแสดงความเห็นใจในความโชคร้ายของเขาแล้วตนจะรู้สึกเช่นไร เขาแทบไม่เคยได้สนทนากับผู้หญิงคนนี้เลย
     ในที่สุด...
     “ผมขออนุญาตถามอะไรป้าสุได้มั้ยครับ”
     ภรรยาของพ่อเหลือบตามามองเขาแล้วพยักคางน้อยๆ เป็นเชิงอนุญาต
     “ป้าสุ ... ให้อภัยคุณพ่อได้ยังไงเหรอครับ?”
     ถามออกไปแล้วก็กลัวต้นน้ำจึงก้มหน้าคลุกสลัดในชามอย่างเอาเป็นเอาตาย
     “ฉันไม่เคยต้องให้อภัยเขา”
     เสียงเรียบๆ เอ่ยขึ้นทำให้ต้นน้ำละมือจากชามสลัด
     “ฉันรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นอย่างไร ฉันก็ต้องรับมือกับนิสัยของเขาให้ได้”
     เมื่อเห็นต้นน้ำทำหน้าไม่เข้าใจสุดาจึงพูดต่อ
     “คุณต้นมีผู้หญิงมากหน้าหลายตามาตั้งแต่แรก ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะหยุดเขาได้หรอก แต่ฉันรู้ว่าเขาจะรักและยกย่องฉันเพียงคนเดียว”
     “เพราะอะไรครับ?”
     ต้นน้ำทั้งสับสนและงุนงง ป้าสุแต่งงานกับพ่อของเขาทั้งๆ ที่รู้ว่าพ่อจะไม่มีวันเลิกเจ้าชู้น่ะหรือ? มีผู้หญิงที่ทนให้ผู้ชายไปมีคนอื่นนอกเหนือจากตัวเองอยู่บนโลกนี้ด้วยหรือไร!
     “เพราะเขาคือผู้ชายที่เหมาะสมจะเดินเคียงข้างฉันน่ะสิ เขาขอร้องให้ฉันสร้างครอบครัวร่วมกับเขา”
     “ทั้งๆ ที่คุณพ่อเจ้าชู้? แล้วก็มีคนอื่นลับหลังคุณตลอด? คุณยอมได้ยังไง!”
     “คงเพราะเขาสั่งให้แม่ของเธอไปเอาเด็กออกโดยไม่ลังเลยังไงล่ะ ถึงมันจะผิดแต่ก็แสดงให้เห็นว่าเขาเห็นฉันกับลูกสำคัญกว่าสายเลือดของตัวเอง เขาเลือกฉัน แล้วทำไมฉันจะต้องกลัวผู้หญิงไม่สำคัญพวกนั้น”
     ความเด็ดเดี่ยวของแม่เลี้ยงเขาช่างโหดร้าย
     “คุณรู้เรื่องของผม คุณ...ใจร้ายมาก”
     “เปล่าเลย ฉันไม่รู้เรื่องของเธอ แต่ฉันคิดว่าเขาต้องพลาดเข้าสักวัน แล้วเขาก็พลาดจริงๆ กว่าฉันจะรู้เรื่องก็ได้ข่าวว่าคุณแม่ให้เงินแม่ของเธอไปนานแล้ว แม่ของเธอเงียบหายไป ฉันก็เลยคิดว่าคงไม่มีอะไรต้องกังวล”
     “แล้วคุณเสียใจมั้ยครับที่ผมยังอยู่ แถมยังเดินเข้ามาในชีวิตพวกคุณ”
     ต้นน้ำกัดฟันถามออกไป เขาบอกไม่ถูกว่าตนแค้นหรือกลัว เขารับมือผู้หญิงเลือดเย็นคนนี้ไม่ได้เลย ทุกอย่างมันประหลาดไปหมด!
     “ตราบใดที่สามีของฉันไม่ต้องไปทำหน้าที่สามีให้ผู้หญิงคนไหนอีกนะ ฉันกับคุณต้นมีลูกศิษย์ตั้งมากมาย กับแค่เด็กที่เป็นน้องยัยษาคนเดียวฉันไม่ถือหรอก เธอไม่ได้มาแย่งสามีฉันนี่ เธอมาเติมเต็มให้พี่สาวและพ่อของเธอ”
     “คุณหมายความว่ายังไง?”
     ต้นน้ำไม่เข้าใจ ป้าสุควรจะเกลียดเขาไม่ใช่หรือ?
     “หมายความว่าฉันเฉยๆ กับการมีเด็กเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวเพิ่มแต่ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาแบ่งหัวหน้าครอบครัวของฉันไปใช้ร่วมกันน่ะสิ ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวจะขูดรีดสามีฉันได้สักเท่าไหร่กัน แต่กับคนที่ต้องการครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างร่วมกับฉัน ฉันไม่มีวันยอม”
     “แล้วถ้าเกิดคุณพ่อมีบ้านอื่นจริงๆ ล่ะครับ”
     “ฉันก็จะให้เขาเลือก เพียงแต่ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาเลือกฉัน แต่เขาจะต้องการบ้านหลังอื่นไปทำไมในเมื่อบ้านหลังนี้มีให้เขาทุกอย่าง เขาไม่จำเป็นต้องอดอยากปิดบังความต้องการของตัวเองต่อหน้าฉันแล้วเขาจะไปหาห่วงผูกคออันใหม่มาทำไมกัน”
     ผู้หญิงคนนี้ทั้งฉลาดและน่ากลัว! แต่ต้นน้ำกลับรู้สึกนับถือเธอ เขารู้แล้วว่าเหตุใดต้นตระการถึงรักสุดา ผู้หญิงคนนี้พร้อมจะยืนหยัดเคียงข้างพ่อของเขา เธอทำให้เขารู้สึกว่าเธอจะไม่มีวันทิ้งพ่อของเขาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
     “คุณเกลียดผมรึเปล่า? คุณพ่อรับรองบุตรผมแล้ว ผมใช้นามสกุลเดียวกับพวกคุณ อีกหน่อยผมจะมีสิทธิ์ทุกอย่างเท่าพี่ษา”
     ในที่สุดต้นน้ำก็ตัดสินใจถามคำถามสำคัญ เขาเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างซื่อตรงแต่สุดากลับยิ้มและหัวเราะขึ้นเบาๆ
     “ทำไมฉันต้องเกลียดเธอ? การที่คุณต้นรับผิดชอบเธอก็ถูกแล้ว ฉันไม่เดือดร้อนหรอก เงินทองเป็นของนอกกาย และฉันว่าฉันกับคุณต้นมีมากพอจะดูแลพวกเธอสองคนได้สบายๆ แต่เราคงไม่เลี้ยงใครไปจนแก่หรอก ฉันกับคุณต้นอบรมยัยษาให้แสวงหาวิชาความรู้เพื่อดูแลตัวเอง ส่วนเรื่องคุณพ่อ ท่านจะยกอะไรให้ใครก็เป็นเรื่องของท่าน ถ้ายัยษาอยากได้เขาก็ต้องไขว่คว้าเอาเอง ฉันเลี้ยงยัยษามากับมือฉันรู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร ถ้ามีอะไรที่ยัยษาอยากได้เขาไม่รีรอหรอก เธอคิดอย่างนั้นไหม?”
     ต้นน้ำบอกไม่ถูกว่าตนควรรู้สึกเช่นไร เขารู้แต่ว่าเขาไม่มีวันชนะผู้หญิงคนนี้!
     ป้าสุพูดถูก พี่ษาของเขาไม่ลังเลที่จะรุกเพื่อไขว่คว้าในสิ่งที่ตนต้องการแตกต่างกับเขา การบุกมาหาเขาตรงๆ ด้วยความจริงใจของพี่ษาเคยสยบเขามาแล้ว และในที่สุดเขาก็กลายเป็นน้องชายในกำมือให้พี่สาวจนได้! ใครจะไปเกลียดพี่สาวแสนดีคนนี้ได้ลงคอ
     “ป้าสุพูดถูกครับ พี่ษาเป็นพี่สาวที่น่ารักมากๆ”
     “เธอก็เป็นเด็กดีเช่นกันต้นน้ำ แม่ของเธอเลี้ยงเธอได้ดีมากจริงๆ หาไม่แล้วยัยษาคงไม่รักเธอมากเช่นนี้หรอก แล้วเธอว่าฉันจะต้องกังวลอะไรในเมื่อน้องชายและพี่สาวต่างก็รักกันดี เธอว่าจริงไหม?”
     “ครับ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



แม่เลี้ยงน้องต้นโหดจริง! ขอขอบคุณผู้หญิงหลายๆ คนในพันดริฟไว้นะตรงนี้เลย! เราได้แบบคาแรคเตอร์มาจากผู้หญิงหลายคนในนั้น

ผู้ชายบางคนต่อให้ซนมากแค่ไหนก็รู้ดีว่าสุดท้ายคนที่จะแก่ตายกับเขาคือใคร? แหะๆ ก็เป็นมุมมองความรักอีกรูปแบบนึงอ่านะ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#22/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 22-11-2014 18:33:47
The story after that.

     เพราะรถคันที่จะขับไปสงขลาเป็นรถของแม็กซ์ อาร์มจึงมารวมตัวที่บ้านปู่ของต้นน้ำ ทุกคนรู้ดีว่าอีกเดี๋ยวแม็กซ์จะขับรถมารับต้นน้ำและอาร์มที่นี่ ป้าณีอดไม่ได้ที่จะเตรียมเสบียงให้หลายชายกับเพื่อนไปทานระหว่างทาง ทุกคนวุ่นวายอยู่ในครัวปล่อยให้ต้นน้ำและอาร์มคุยกันอยู่ในห้องโฮมเธียเตอร์
     แม็กซ์รู้แผนนี้ดีจึงตรงมาหาต้นน้ำที่บ้านย่านสุขุมวิทโดยไม่เสียเวลาโทรนัดกับอาร์มอีก แต่แม็กซ์ไม่ทันเตรียมใจว่าเขาจะมาพบภาพบาดตาบาดใจของเพื่อนรักทั้งสอง!
     “นี่ไง ตีแบบนี้”
     “ยากอ่ะ ช้าๆ ไม่ได้เหรอ?”
     “อย่าฝืนสิ ตามเรา ได้มั้ยต้น?”
     อาร์มกำลังจับมือทั้งสองข้างของต้นน้ำตีไปตามจังหวะของปุ่มที่ไหลในหน้าจอโทรทัศน์ ถ้ามันเป็นเพียงแค่การสอนเล่นเกมธรรมดาๆ แม็กซ์คงไม่หงุดหงิด แต่ทำไมเพื่อนสนิทเขาถึงต้องสอนต้นน้ำด้วยวิธีโอบจนแทบจะเกยตักกันด้วยหนอ! คนทั้งคู่ตั้งสมาธิอยู่กับเกมจนไม่สนใจการมาถึงของเขา เห็นแล้วแม็กซ์เซ็งสุดชีวิต!
     “เปลี่ยนจากกีต้าร์ไปชอบกลองตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะต้น?”
     เมื่อได้ยินเสียงทักต้นน้ำและอาร์มเลยผละออกจากกัน แต่สีหน้าของต้นน้ำกลับร่าเริงไม่ขัดเขินเลยแม้แต่น้อย คนที่กระดากอายกลับเป็นเพื่อนรักของเขา อาร์มหลบตาแม็กซ์แล้วถอยฉากไปสนใจเกมบนหน้าจอทำเนียนไม่ยุ่งกับใคร ต้นน้ำเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วตอบ
     “ก็สนหมดแหละ แต่เราเล่นกีต้าร์เป็นแล้วนี่ พอดีในชุดเกมที่ซื้อมามันมีกลองด้วย เลยให้อาร์มสอนให้ไง”
     แม็กซ์เดินมานั่งลงข้างๆ ต้น เขาจ้องหน้าคนที่ตนแอบรักมาเนิ่นนานแล้วเอ่ย
     “งั้นจะไปยัง? หรือจะเล่นเกมอยู่นี่”
     “ถามอาร์มสิอาร์มพร้อมยังล่ะ?”
     “เอ้า! โยนกันเฉยเลยนะต้น ฮ่าๆ”

     แล้วคณะที่ประกอบด้วยคนสามคนก็ออกเดินทาง BMW-X3เคลื่อนตัวโดยมีแม็กซ์เป็นสารถีผลัดแรก อาร์มนั่งด้านหลังปล่อยให้ต้นน้ำนั่งเคียงคู่กับแม็กซ์ สีหน้าหงุดหงิดและความเร็วของรถที่แล่นไปบนถนนบ่งบอกอารมณ์ของแม็กซ์ได้ดี ต้นน้ำรู้สาเหตุแต่ก็ยังแอบเอาแต่ใจพยายามให้แม็กซ์กับอาร์มคืนดีกัน เขาพยายามชวนเพื่อนทั้งคู่คุย ด้วยความเกรียนแม็กซ์เลยเผลอกวนส้นใส่จนต้นน้ำเริ่มเซ็ง เขาหยิบเอาขนมขบเคี้ยวขึ้นมาทานพลางยัดใส่ปากคนขับแก้เบื่อ แต่ทำได้เพียงไม่นานก็ชักจะหมดความอดทน ต้นน้ำจึงปีนไปนั่งด้านหลังข้างๆ อาร์ม
     “ขอซุกหน่อย หนวกหูเกรียน”
     ว่าแล้วต้นน้ำก็หยิบแขนของอาร์มคล้องไหล่ตนก่อนจะซุกหน้าลงซบอกของเพื่อนรักแล้วหลับตา อาร์มที่พยายามแสดงออกว่าไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดโดยการเงียบมาตลอดทางเลยไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้นอกจากปล่อยให้คนขี้งอนซุกอกตัวเองแล้วเนียนโอบเพื่อนรักตามน้ำ เขาสบตากับเพื่อนซี้ในกระจกทำนองว่า “กูเปล่านะ ต้นมาเอง”
     เจอช็อทประชดกันโต้งๆ แบบนี้แม็กซ์ก็มียอมแพ้
     ต้นน้ำหงุดหงิด เขาเซ็งที่แม็กซ์คอยหึงเขาอีกแล้ว แต่ก็แค่เซ็งที่แม็กซ์หึงเขากับอาร์ม ต้นน้ำไม่ได้เบื่อหรือรำคาญ ...

     จนกระทั่งถึงจุดพักรถ ต้นน้ำขอตัวไปตุนเสบียงปล่อยให้สองหนุ่มอยู่ตามลำพัง แม็กซ์มองหน้าอาร์มแล้วถามขึ้น
     “กูถามมึงตรงๆ ตกลงมึงคิดยังไงกับต้น”
     “กูอยากเห็นต้นมีความสุข”
     “อย่ากวนตีนกู สัสอาร์ม!”
     แม้จะถูกแม็กซ์ด่าว่ากวนตีนแต่อาร์มกลับไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้า
     “มึงรู้ว่ากูหมายถึงอะไร มึงชอบต้นรึเปล่า?”
     “กูชอบต้น แต่ไม่ได้ชอบแบบแฟน”
     “แล้วถ้าต้นชอบมึง”
     อาร์มนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาพยายามเฟ้นหาคำตอบ แต่แล้วเสียงของต้นน้ำก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน
     “แม็กซ์ด่าอะไรอาร์มอีกแล้ว? เลิกโกรธอาร์มซะทีเถอะน่า เราไม่ได้ชวนพวกนายมาทะเลาะกันนะ”
     “ไม่ได้ทะเลาะนะต้น”
     อาร์มรีบเปลี่ยนท่าทีหันไปยิ้มเอาใจ ต้นน้ำยิ้มรับแล้วส่งถุงพลาสติกใส่ขนมคบเขี้ยวให้คนทั้งคู่
     “ดีละ ดีๆ กันไว้ ชีวิตเราฝากไว้ที่พวกนายนะ ฮ่าๆ”
     “เชื่อมือเราเหอะ รับรองถึงสงขลาแน่นอน”
     “เอาแบบปลอดภัยด้วยสิอาร์ม นายอ่ะซิ่งเกินไปแล้ว”
     “ก็ซิ่งแบบปลอดภัยไง”
     แม็กซ์มองต้นกับอาร์มแซวกันแล้วก็เซ็ง นี่มันควรจะเป็นทริปสุดสวีทของเขากับต้นน้ำไม่ใช่หรือ? ต้นน้ำที่กำลังโสดเหมาะแก่การเสียบอย่างแรงแต่กลับต้องมีก้างขวางคอชิ้นโตอย่างอาร์ม!

     เพราะออกเดินทางสายรวมทั้งแวะระหว่างทางไปเรื่อยจึงมืดก่อนถึงหาดใหญ่ ต้นน้ำเลยเสนอให้หาที่พักนอนกันสักคืนเพราะไม่อยากให้ขับรถตอนกลางคืน คนทั้งสามเลือกโรงแรมเล็กๆ ระหว่างทางแห่งหนึ่งเพื่อเป็นที่พักผ่อนสำหรับคืนนี้ แต่มันก็มีประเด็นจนได้...
     “นายสองคนนั่นแหละนอนด้วยกัน เราจะนอนคนเดียว”
     “ได้ไง แม็กซ์ห่วงต้น นอนกับแม็กซ์นะ”
     “งั้นเรานอนกับอาร์ม”
     ต้นน้ำพูดยิ้มๆ แต่แม็กซ์กลับมองไปทางอาร์มตาขวางเล่นเอาอาร์มยิ้มไม่ออก
     “เราไม่อยากนอนกับแม็กซ์อ่ะ กลัวโดนปล้ำ ฮ่าๆ”
     ต้นน้ำปล่อยมุกอวดดีจนแม็กซ์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจก่อนจะสรุป
     “งั้นก็นอนด้วยกันหมดนี่แหละ! แม็กซ์จะปล้ำต้นโชว์ไอ้อาร์มให้ดู!”
     “ปล้ำดิ ปล้ำมามีต่อยอ่ะ”
     ต้นน้ำเชิดคางขึ้นพลางท้าทาย อาร์มอมยิ้มกับความดื้อรั้นแบบเปิดเผยของต้นน้ำ เขาเข้าใจแม็กซ์แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
     “หัวเราะไรของมึง สัส! มาเป็นก้างกูทำเหี้ยไร!”
     “งั้นคืนนี้กูช่วยจับต้นให้มึงปล้ำอ่ะ”
     “กูปล้ำของกูเองได้ไม่ต้องเสือก คืนนี้ตอนกูกะต้นเอากันมึงก็ว่าวเอาละกัน ไม่ต้องมาแจมกู”
     “ปากเหรอแม็กซ์!”
     “ฮ่าๆ”
     แม้จะบ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่ต้นน้ำกลับรู้สึกดีที่แม็กซ์ทำท่าเหมือนจะให้อภัยอาร์ม ต้นน้ำเลยจองห้องพักเพียงห้องเดียว แล้วคนทั้งสามก็เดินกัดกันไปยังห้องพัก แต่เมื่อถึงห้องพักต้นน้ำฉวยโอกาสหอบเสื้อผ้าหนีเข้าไปจองห้องน้ำชำระร่างกายเป็นคนแรก แม็กซ์เลยเลี่ยงออกมานั่งด้านนอกระเบียง เมื่ออาร์มโวยวายเรื่องแย่งห้องน้ำกับต้นน้ำเสร็จแล้วก็เดินออกมานั่งข้างๆ แม็กซ์ เขายื่นเบียร์ให้เพื่อนรัก
     “พรุ่งนี้กูขับ มึงอยากดื่มก็ดื่มเหอะ”
     แม็กซ์ไม่ได้พูดขอบคุณแต่กลับยื่นมือไปรับเครื่องดื่มต้องห้ามขณะขับมาเปิดก่อนจะยกขึ้นซด
     “สัส! ทำไมมึงไม่แช่มาด้วยวะ”
     “รถมึงมีตู้เย็น?”
     “กระติกอ่ะ?”
     “น้ำแข็งละลายเกลี้ยงตั้งแต่เย็นแล้ว”
     “มึงโคตรกากอ่ะอาร์ม”
     “เออกูรู้กูมันห่วยไม่เหมือนมึง”
     “ช่างมันเหอะ ต้นมันยิ้มได้ก็เพราะมึง”
     สีหน้าของเพื่อนทำให้อาร์มไม่สบายใจ อาร์มรู้ว่าแม็กซ์คิดอะไร สิ่งที่ต้นน้ำทำเขาก็รู้ สิ่งเดียวที่เขาไม่รู้คือไม่แน่ใจตัวเอง ในที่สุดอาร์มก็ทนไม่ไหว
     “มึงคิดว่ามึงรู้จักต้นคนเดียวเหรอแม็กซ์ มึงก็รู้ว่าต้นไม่มีวันรักใครอีก ต้นอยากให้กูยิ้มกูก็จะยิ้ม กูทำไปเพราะอยากเห็นรอยยิ้มของต้น กูไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นคนทำให้ต้นยิ้ม ความรู้สึกของกูใช้แค่คำว่ารักหรือชอบมาบอกไม่ได้หรอก”
     มากกว่าคำว่ารัก ยิ่งกว่าคำว่าชอบ เกินกว่ามิตรภาพ สิ่งที่อาร์มมีให้ต้นคือความปรารถนาดีจากใจจริง แต่เพราะรู้จักต้นน้ำดีเกินไปอาร์มจึงรู้สถานะของตัวเองและไม่คิดครอบครองต้น เขาพอใจถอยห่างออกมาอยู่เคียงข้างกันแบบนี้ แต่แม็กซ์ก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง
     “แล้วมึงอยากเอาเพื่อนมึงมั้ยล่ะ?”
     “กูเอากับผู้ชายไม่เป็นว่ะ”
     มุกของอาร์มทำเอาแม็กซ์เงิบ!
     “ไอ้สัส! กูซีเรียส”
     “กูไม่เคยมีอารมณ์กับต้น แต่กูชอบมัน มีด้วยเหรอวะคนที่อยู่ใกล้ๆ แล้วไม่หลงรักมัน”
     “ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
     “ตอนมันติวให้กูแลกกับน้ำแตงโม คนเชรี่ยไรโคตรงก โดนใจว่ะ”
     อาร์มยิ้มออกมาอย่างมีความสุข สีหน้าของอาร์มทำให้แม็กซ์รู้ว่าอาร์มชอบต้นน้ำมากจริงๆ
     “งั้นมึงจะจีบแข่งกะกู?”
     “ไม่อ่ะ กูไม่แย่งของเพื่อน”
     “เพราะมึงเป็นเพื่อนกู ถ้ามึงจะจีบต้นก็แข่งกันแฟร์ๆ ไม่ต้องมาเสียสละให้กูๆ ใจพอว่ะ”
     “กูจะจีบมันไปทำไม จีบให้ตายมันก็ไม่มองกู กูอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ดีกว่า เป็นเพื่อนกันดีสุดแล้ว กูขี้เกียจทรมานตัวเองเหมือนมึง มึงก็เคยไม่ใช่เหรอวะ? แค่ชอบเฉยๆ ไม่คิดอะไร”
     อาร์มหันมาตอบแม็กซ์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใช่ว่าแม็กซ์ไม่เชื่ออาร์ม เขาเชื่อคำพูดของเพื่อน เพียงแต่...
     “มึงสบายใจได้เลย ศัตรูของมึงไม่ใช่กู มึงรู้จักต้นดีไม่ใช่เหรอวะ”
     “เพราะกูรู้อะดิกูถึงโคตรหมั่นไส้มึงเลย สัส!”
     “ก็เพราะกูไม่คิดอะไรไง มันเลยชอบกู มึงลองเลิกจีบมันดูดิ ฮ่าๆ”
     “...เหอะ!”
     แม็กซ์ทำปากด่าอาร์มแล้วยกกระป๋องเบียร์ขึ้นกระดก เป็นเวลาเดียวกับที่ต้นน้ำเปิดประตูห้องน้ำออกมาเขาจึงหันไปมอง แม้จะชินกับลุคใหม่ของต้นน้ำแล้วแต่สภาพชุดนอนเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเสมอต้นขาก็ทำเอาแม็กซ์สะอึก!
     “เหี้ย! มึงช่วยออกไปไหนก็ได้ซักสองชั่วโมงเด๊ะ”
     “แค่สองเองเหรอ?”
     “ได้ทั้งคืนยิ่งดี!”
     “คุยไรกันอยู่เหรอ? อาร์ม ตานายแล้ว”
     ต้นน้ำชะโงกหน้าออกมาเรียกอาร์มที่นั่งหัวเราะแม็กซ์ตรงระเบียง
     “เออๆ รู้แล้ว ฮ่าๆ กูไปนะ”
     อาร์มตบไหล่ต้นน้ำแบบขำๆ แล้วผิวปากเดินเข้าห้องน้ำ ต้นน้ำเลยได้แต่งง
     “มีอะไรเหรอแม็กซ์? อาร์มเป็นอะไรอ่ะ?”
     “ช่างหัวมันเหอะ ไอ้ปัญญาอ่อนนั่นอ่ะ”
     “อะไรกัน ยังไม่ดีกันอีกเหรอ? เห็นหัวเราะก็นึกว่าดีกันแล้ว”
     ต้นน้ำถามพลางนั่งลงแทนที่อาร์ม แม็กซ์ลอบมองเรียวขาของต้นน้ำแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นจิบแก้กลุ้ม
     “แม็กซ์ไม่ใช่เด็กนะต้น อย่าทำแบบนี้ได้ป่ะ”
     “ก็เลิกโกรธอาร์มก่อนสิ เราไม่อยากเห็นเพื่อนทะเลาะกันนี่!”
     ต้นน้ำว่าพลางหน้ามุ่ยแม็กซ์เลยแอบยิ้ม ต้นน้ำคนใหม่ตรงเผงไม่มีปิดบังความรู้สึกอีกต่อไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้นน้ำคงไม่กล้าโวยวายใส่เขาตรงๆ เช่นนี้ จะพูดอะไรแต่ละทีก็มี“เอ่อ” แต่ไม่ว่าอย่างไรต้นน้ำก็ยังคงเป็นต้นน้ำคนที่เขาหลงรัก แม็กซ์รู้ดีว่าต้นน้ำมีหน้ากากหลายแบบแต่เขาคิดว่าตัวเองรู้จักหน้ากากทุกใบของเพื่อนคนนี้
     “ไม่ได้เคืองกันเรื่องนั้นแล้ว”
     “อ้าว? มีอะไรอีกเหรอ? นายโกรธอะไรอาร์มอีกอ่ะ”
     “โหยต้นอ่ะ! ทำไมเป็นแม็กซ์ทุกทีวะ? ไม่คิดว่าเป็นไอ้อาร์มมันเริ่มก่อนบ้างอ่ะ?”
     “ไม่มีทาง! อาร์มไม่กล้าหาเรื่องนายหรอก มีแต่นายนั่นแหละชอบหาเรื่องคนอื่น”
     “ชิ!”
     แม้แม็กซ์จะส่งเสียงประท้วงแต่ก็เป็นไปแบบขำๆ ไม่ได้จริงจังมาก ต้นน้ำจึงพูดต่อ
     “เราคบกับนายมากี่ปีแล้ว ทำไมเราจะไม่รู้จักนิสัยนาย หึๆ”
     ต้นน้ำได้ทีข่มทับ แต่แม็กซ์เกทับกลับแรงกว่า!
     “งั้นก็ต้องรู้ดิว่าที่แม็กซ์ทะเลาะกับไอ้อาร์มก็เพราะแข่งกันจีบต้นอยู่”
     “เฮ่ยบ้า! พูดอะไร?”
     “ละไปอ่อยมันทำไมอ่ะ ไอ้อาร์มมันเลยหลงรักต้นจนคิดจีบแข่งกะแม็กซ์เลย”
     “อ่อยอะไร พูดดีๆ นะแม็กซ์”
     “โหย! ไม่อ่อยเลยมั้ง”
     แม็กซ์พูดพลางใช้สายตากวาดมองเรือนร่างของต้นน้ำ
     “บ้า! นี่มันชุดนอน ใครๆ ก็ใส่แบบนี้นอน นายยังใส่แต่บ็อกเซอร์นอนเหมือนกันไม่ใช่รึไง?”
     “คิดไงเนี่ย โคตรเกย์เลยต้น”
     “ก็เราเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ?”
     เพราะแม็กซ์ปากเสียต้นน้ำจึงยียวนกลับ แต่แล้วเขาก็ยักไหล่ก่อนจะเฉลยความจริงให้เพื่อนรักฟัง
     “เอาจริงๆ ก็ได้ ซื้อยกโหลแล้วมันลดเยอะดี มีแถมด้วย เลยแบ่งกันกับเมษ ตอนแรกก็ไม่ชอบหรอกนะแต่พอใส่ๆ ไปแล้วมันสบายดีเหมือนกัน”
     “ติดใจอ่ะดิ บอกแล้วใส่แต่บ็อกเซอร์นอนสบายจะตาย วันหลังลองแก้ผ้านอนดิสบายกว่านี้อีก แต่ถ้าจะให้สบายที่สุดต้องมานอนกับแม็กซ์”
     “หื่นอ่ะ!”
     “เออ แม็กซ์หื่น ก็ต้นอยากมายั่วแม็กซ์เองนี่หว่า คืนนี้ก็ระวังตัวดีๆ ละกัน แม็กซ์กินเบียร์ เมา!”
     มุกของแม็กซ์ทำเอาต้นน้ำเขินปนหมั่นไส้ เบียร์แค่นี้ทำเพื่อนเขาเมาได้ที่ไหนกัน คิดจะปล้ำเขาเหรอ ฝันไปเหอะ!
     “ขี้เกียจคุยละอ่ะ แม็กซ์โคตรเกรียน!”
     “ใช่ดี๊! ใครมันจะไปน่ารักเหมือนอาร์มมันอ่ะ”
     “น้อยใจเหรอ? โอ๋ๆ”
     ต้นน้ำแหย่แม็กซ์อย่างได้ใจ
     “น้อยใจดิ จีบมาตั้งสี่ห้าปีไม่ติดซักที โดนคนอื่นตัดหน้าตลอด เมื่อไหร่ต้นจะมองแม็กซ์บ้าง?”
     เพราะจู่ๆ เกรียนก็เข้าโหมดดราม่า ต้นน้ำเลยไปต่อไม่ถูก
     “แม็กซ์... เรา...”
     “อย่าขอโทษ! เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้แม็กซ์รู้ แต่แม็กซ์อยากให้ต้นรู้ว่าแม็กซ์รอต้นอยู่ตรงนี้ แม็กซ์รักต้นนะ”
     ต้นน้ำกระพริบตามองแม็กซ์ด้วยท่าทางขลาดกลัว เพื่อนของเขาเม้มริมฝีปากด้วยความกังวล แม็กซ์เห็นดังนั้นจึงค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ ต้นน้ำไม่ได้เอียงตัวหนีแต่กลับหลบตาเขาแทน แม็กซ์จึงก้มเข้าไปใกล้ อีกเพียงนิดเดียวริมฝีปากของเขาทั้งคู่ก็จะสัมผัสกันแล้ว...
     “เหี้ยไม่มีน้ำอุ่นว่ะ! น้ำโคตรเย็นเลย อ้าว? ... นี่กูออกมาผิดเวลาป่ะ?”
     “สัสอาร์ม!”
     “แม็กซ์ ตานายแล้ว เราว่านายรีบไปอาบน้ำเหอะจะได้นอนซักที พรุ่งนี้จะได้ตื่นเช้าๆ”
     “โหยต้นอ่ะ!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



สมกับเป็นพ่อหนุ่ม KY อาร์มโผล่มาผิดจังหวะตลอด! :katai5:
**KY "空気を読めない"(Kuuki Wo Yomenai) คนที่ไม่มีกาลเทศะ ไม่รู้จักอ่านบรรยากาศ ไม่ดูสถาณการณ์ มีทั้งแง่ดีและไม่ดี ถ้าเป็น AKY ก็จะตรงกันข้ามคือจงใจทำ**

สมกับเป็นบทฮาเรมจริงๆ ชักอิจฉาต้นละ แม็กซ์คงเซ็งน่าดู เหอะๆ ไม่รู้ตอนนี้คนอ่านจะยกป้ายไฟใครมากกว่ากัน ระหว่างแม็กซ์และอาร์ม
แต่เหมือนน้องต้นจะมีความเปลี่ยนแปลง... คนกำลังโสด ตัวเลือกเยอะ กำลังลั่นล้ากับชีวติ คงมีเขว้ๆ บ้างแหละ  :-[
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#22/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 22-11-2014 19:29:39
The story after that.

     ปกติแล้วพวกปีสามมักไม่ค่อยมายุ่งกับการรับน้องยกเว้นพวกบ้าพลัง แต่หนนี้จอมพลังอย่างมิวนิคไหงมาจับคู่กับเจ้าแม่กิจกรรมอย่างเมย์ลากต้นน้ำไปงานวันเปิดบ้านด้วยกันก็ไม่รู้ พวกเขาพยายามแต่ไม่แน่ใจว่าจะทำสำเร็จรึเปล่า M&Mแอบไปซุ่มวางแผนเตรียมตัวมาอย่างดี
     นับตั้งแต่วันสุดท้ายที่ไปป์อาละวาดใส่ต้นน้ำก็แทบไม่มีใครได้เจอต้นอีก การปิดเทอมทำให้ทุกคนกลัวว่าต้นน้ำจะหายไปเงียบๆ อีกครั้ง ท่ามกลางข่าวลือว่าต้นน้ำอาจจะลาออก บางคนถึงขั้นใส่ไข่ว่าต้นน้ำจะหนีอายไปเรียนต่อเมืองนอกเสียด้วยซ้ำ โชคดีที่ต้นน้ำยังรับโทรศัพท์ แผนการนี้จึงได้เริ่มขึ้นท่ามกลางการจับมือของคู่แค้นM&M!
     แต่ต้นน้ำก็ยังคงเป็นต้นน้ำ ดราม่าตัวแม่บ่ายเบี่ยงอ้างธุระไม่ยอมเข้าร่วมกิจกรรมตามเคย
     “เราไม่สะดวกจริงๆ”
     “อะไรวะ มึงอย่าเล่นตัวน่ะ คนไม่พอจริงๆ ไม่เชื่อถามเมย์ดู บ้านจะร้างอยู่แล้วมึง”
     “แต่เราไม่ว่างจริงๆ”
     “ไม่ว่างไรอีก กูรู้นะมึงเลิกกับแฟนมึงแล้วมึงว่าง”
     ต้นน้ำเบ้ปากใส่คนในสาย เขาอยากทะลุไปตบคนบางคนสักฉาด!
     “เราก็มีครอบครัวที่ต้องกตัญญู ต้องช่วยงานที่ร้าน แล้วก็มีเพื่อนที่ต้องผ่าตัดไงมิวนิค สำคัญพอมั้ย?”
     “อ้าว เฮ้ย! ใครเป็นไรวะ?”
     “เพื่อนสมัยมอปลายนายไม่รู้จักหรอก”
     “เป็นไรมากป่ะ?”
     “มาก! เกี่ยวพันถึงชีวิตทั้งชีวิต! เราอยากไปเฝ้าเพื่อนเราเพราะตอนเราไม่สบายเขาก็คอยดูแลเราตลอด”
     ความจริงเมษเดินไปไหนมาไหนเองได้แล้วแต่อิดออดชอบอ้างว่าปวดแผลนอนอยู่เฉยๆ ให้เขาทำโน่นทำนี่ให้อยู่เรื่อย ต้นน้ำจึงต้องคอยเอาใจเพื่อนสนิทคนนี้เป็นพิเศษ แต่การไปช่วยมารดาของเมษขายกับข้าวก็สนุกไปอีกแบบสำหรับต้นน้ำ เขาได้พบปะผู้คนหลากหลายแบบทำให้มั่นใจตัวเองมากขึ้นและเริ่มสนุกกับการขาย ต้นน้ำแอบตั้งเป้าหมายในใจว่าคราวหน้าเขาจะลองขายแหวนในร้านให้ได้สักวง
     “เออๆ งั้นมึงไม่ต้องมาเตรียมงานก็ได้ แต่วันเปิดบ้านมึงต้องมานะ”
     “แล้วจะไปให้แล้วกัน แค่นี้นะ”
     ต้นน้ำเตรียมจะวางสายแต่มิวนิคขัดขึ้นเสียก่อน
     “เดี๋ยวๆ กูมีอีกเรื่องจะบอกมึงด้วย คือคอนเซปต์ของบ้านอ่ะ มึงต้องแต่งแฟนซีว่ะ”
     “...”
     “มึงฟังอยู่รึเปล่าต้น?”
     “ไว้ใกล้ๆ วันแล้วค่อยคุยกันอีกทีนะ”
     “เออ”
     และแล้วมิวนิคก็วาดฝันไว้อย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ‘ทีนี้แหละ ต้นก็จะ... หึๆ’ ความคิดชั่วร้ายสร้างความหฤหรรษ์ให้เขาจนเผลอหัวเราะเหมือนคนบ้า!

     แต่แล้วเมื่อถึงวันจริง ฝ่ายที่อ้าปากค้างกลับเป็นคนอื่นไม่ใช่ต้นน้ำ! เจ้าแผนการทั้งสองคนยืนอึ้งกับลุคใหม่ของต้นน้ำจนลืมหุบปาก!
     ผมสั้นสไตล์พังก์แอบอันเดอร์คัตซอยปัดมาปรกด้านขวาสีน้ำตาลอมแดงสุดร้อนแรง คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลอ่อน ผิวที่คล้ำขึ้นเล็กน้อย ตุ้มหูเพชรเม็ดเล็กๆ ตรงขอบหูขวาและสายข้อมือหนังตกแต่งโซ่ที่ข้อมือด้านซ้าย!
     “เรามาได้แป๊บเดียวนะ เดี๋ยวจะกลับไปเฝ้าเพื่อนเราต่อ”
     ต้นน้ำโกหกหน้าตาย! เขาแอบไขว้นิ้วขณะซุกมือในแจ็คเก็ตแบบเนียนๆ แล้วมองเพื่อนๆ ที่อ้าปากค้างกันด้วยความสงสัย แต่เมื่อไม่เห็นใครขยับต้นน้ำก็นิ่วหน้าอย่างขัดใจ
     “เฮ้! เรามาได้แป๊บเดียว จะให้เราช่วยอะไรก็บอก”
     “มึง ... มึงดูเปลี่ยนไปนะ”
     “อืม แล้วนี่เราต้องทำอะไรบ้าง?”
     มิวนิคมองต้นน้ำอย่างใช้ความคิด เสื้อยืดกับแจ็คเก็ตไม่เท่าไหร่ แต่กางเกงยีนส์รัดรูปกับรองเท้าไบค์เกอร์นี่สิ...
     “มิวนิคเป็นอะไรของเขาอ่ะเมย์ แล้วเราต้องทำอะไรบ้าง?”
     เมย์ที่ได้สติรีบใช้ศอกสะกิดมิวนิค ทั้งสองคนส่งซิกกันก่อนที่มิวนิคจะหยิบชุดนางพยาบาลสีชมพูออกมาให้
     “ธีมฮาเรมหมอ มึงใส่ชุดนี้”
     ต้นน้ำมองชุดแล้วช็อกค้าง เขาสูดหายใจลึกๆ ตั้งสติแล้วพูด
     “ถึงเราจะชอบผู้ชายก็ไม่ได้แปลว่าเราอยากแต่งหญิงนะ”
     “เอ้ย ขำๆ น่ะ ใส่เล่นสนุกๆ ใครๆ ก็ใส่กัน เมย์ก็ใส่”
     ‘นายก็พูดได้นี่นายใส่แค่เสื้อกาวน์นี่!’ ต้นน้ำคิดอย่างหงุดหงิดแต่พยายามมีสติไม่หลุดปรี๊ดใส่เพื่อน
     “ก็เมย์เป็นผู้หญิงใส่แล้วน่ารัก”
     “คนเขารู้หมดแล้วมึงไม่ต้องอายหรอก”
     เมย์แทบอยากกระโดดตบคนข้างตัวให้หายโง่! เรื่องความฉลาดน้อยของมิวนิคไม่เป็นรองใครเลยจริงๆ
     ต้นน้ำสูดหายใจก่อนจะผ่อนลมออกมา เขาใช้เสียงเรียบๆ เอ่ยเตือนเพื่อน
     “เฮ้อ... เราไม่รู้ว่านายคิดอะไรนะมิวนิค แต่เราไม่เคยอยากแต่งหญิง โอเคนะ?”
     “กูแค่คิดว่ามึงน่ารักดี ตัวก็เล็ก แต่งหญิงแล้วคงสวย”
     “ใช่ๆ คือพวกเราก็แค่หวังดี งานจะได้สนุกด้วย เผื่อต้นอยาก... เราว่านายต้องแต่งออกมาแล้วดูดีแน่ๆ”
     เรื่องมันจะล่ม เมย์เห็นท่าไม่ดีเลยรีบช่วยพูดแต่ผลกลับทำให้ต้นน้ำหน้าตึงมากขึ้นเรื่อยๆ
     “เลิกคิดแทนคนอื่นซะทีได้มั้ยเมย์”
     “ป่าวนะเราก็แค่... เราก็แค่อยากให้ต้น...”
     “นี่มันพล็อตนิยายน้ำเน่าเหรอ? ที่พอตัวเอกถูกจับแต่งหญิงแล้วก็สวยจนมีแต่คนมาหลงรัก ชื่นชม? เราไม่แคร์อะไรแล้วล่ะเมย์ ใครมันอยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะเราเป็นของเราแบบนี้ ถ้าใครจะรักเราก็ต้องรักที่เราเป็นแบบนี้ ไม่ใช่มาปิ๊งเพราะเห็นเราแต่งหญิงแล้วสวย!”
     ต้นน้ำที่ยังคงรักษาความเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเหนียวแน่นตอกกลับพลางจิกตาใส่คนบางคน
     “แล้วที่สำคัญ ถ้าเราจะหาแฟนใหม่นะ เราไม่ต้องมาใส่ชุดบ้าๆ อ่อยใครหรอก เราจะทำให้เขารักที่ตัวเราให้ได้!”
     มาดนางพญาเช่นนี้กลับทำให้มิวนิคหัวใจกระตุกมากกว่าเดิม
     “ช่ายเลย... เห็นด้วย แค่นี้ก็น่ารักแล้ว”
     เมย์หมั่นไส้อาการโอเวอร์ของมิวนิคจนอยากจะอ้วก!
     “แล้วต้นโอเคแล้วจริงๆ เหรอ แบบ...”
     เมย์พูดพร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วร่างต้นน้ำ ต้นน้ำจึงยิ้มน้อยๆ แล้วตอบเสียงใส
     “โอเคสิ! ทำไม? เราดูไม่ดีเหรอ?”
     “เปล่าๆ คือนาย... นาย...”
     “ไม่เข้ากับเราเหรอ?”
     ต้นน้ำพูดพลางเอียงหูมาให้เมย์ดูชัดๆ ใบหูข้างขวาของต้นน้ำตรงขอบหูมีรูเจาะที่ถูกประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ อยู่อย่างโดดเดี่ยว
     “ของแท้นะนี่ ... ปู่เราให้มา เราว่ามันเท่ดีนะเพราะขอบหูเราแบน แถมพอเอาผมมาปิดๆ แบบนี้ก็ไม่มีใครเห็นแล้ว ยังแอ๊บเรียบร้อยได้เหมือนเดิม”
     ต้นน้ำภาคพูดมากแบบใหม่นี้ทำเอาเมย์อึ้ง!
     “เอ่อ... เข้าสิ! เท่มากๆ เลยต้น”
     ต้นน้ำยิ้มด้วยความยินดี
     “ใช่มั้ยล่ะ! เราคิดว่าถ้าอีกหน่อยต้องใส่อะไรที่ข้างซ้ายนี่ตลอดเวลาเราก็อยากหาอะไรมาถ่วงที่ด้านขวาให้บาลานซ์กัน แต่ถ้าเจาะที่ติ่งหูข้างเดียวเรากลัวมันโหล เลยเจาะตรงนี้ เท่ใช่ม๊า?”
     ว่าแล้วต้นน้ำก็ยกข้อมือซ้ายขึ้นมาโชว์ เขาถลกแขนเสื้อแจ็คเก็ตอวดเครื่องประดับชิ้นนี้อย่างภาคภูมิใจ
     “อันนี้น่ารักมั้ย? พี่สาวเราออกแบบเองเลยนะ เขาดีไซน์แล้วส่งไปให้ช่างที่ร้านช่วยทำให้ ตัวโซ่นี่เป็นสแตนเลสนะ ตรงหนังเป็นหนังลูกวัวย้อมสี เจ๋งใช่มะ? สะดวกดีชะมัด แต่ลุงเราปิ๊งไอเดียล่ะ เลยบอกว่าจะลองทำตลาดดู เป็นไลน์สินค้ากลุ่มกลางๆ น่ะ ไม่แพงมากแต่เน้นคุณภาพใช้วัสดุดีกว่าตามท้องตลาด มีขายในอินสตาแกรมนะ รับสั่งทำตามแบบด้วย ร้านเรามีช่างของเราเอง”
     “เอ่อ... จะ”
     “สนมั้ย? ถ้าสนเราลดให้ได้นะ”
     เมย์ที่ยังคงอึ้งอยู่เกิดอาการพูดไม่ออก ต้นน้ำเปี๋ยนไป๋!
     สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้นน้ำก็ยังคงเป็นต้นน้ำคนเดิมเพียงแต่เมย์บอกไม่ถูกว่าเพื่อนของเธอเปลี่ยนไปอย่างไร จะว่าพูดมากขึ้นก็ไม่ใช่ เวลาปกติถ้าต้นน้ำคุยเขาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว นิสัยเอาแต่ใจตัวเองไม่สนใจใครก็ปกติ เพียงแต่ต้นน้ำคนนี้ดูมีพลังแตกต่างกับต้นน้ำคนเดิมที่ดูนิ่งเฉย เพื่อนของเธอกล้าแสดงออกดูเปิดเผยมากขึ้นละมั้ง
     เมย์มองต้นน้ำในมาดใหม่ที่ดูมั่นใจจนเกินเหตุแล้วก็อยากให้แก้วกับป่านมาอยู่ด้วยกันเหลือเกิน เธอไม่น่าคิดว่าตัวเองกับอีตายักษ์นี่จะรับมือเรื่องนี้ได้ตามลำพังเลย!
     ระหว่างที่เมย์กำลังคิดไม่ตกต้นน้ำก็เถียงเรื่องชุดกับมิวนิคอย่างไม่ยอมแพ้
     “ขำๆ น่ะอย่าคิดมาก สนุกๆ เอง บ้านอื่นก็มีแต่งหญิงเยอะแยะ”
     “แล้วทำไมนายไม่แต่งเองซะล่ะ? ขำๆ ไง เราไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงนะ จะได้เอะอะมีโอกาสก็ขอแต่งหญิงเพราะเก็บกด”
     “ยังไม่มีใครว่าอะไรนายเลย”
     “อัฐ!”
     ต้นน้ำยิ้มกว้างแล้วพุ่งไปหาอัฐโดยทิ้งมิวนิคไว้ที่เดิม
     “มาไงอ่ะ?”
     แววตาของต้นน้ำเป็นประกายสดใสแตกต่างกับเมื่อครู่ลิบลับ!
     “ก็ต้องมาเฝ้าบ้านไง แต่เห็นคนบอกว่านายจะมาเลยมาดู”
     ต้นน้ำทำหน้าหงิกแต่อัฐก็ตอบโต้ด้วยรอยยิ้มนิ่งๆ จนในที่สุดต้นน้ำก็ยอมแพ้
     “ก็มิวนิคจะให้เราใส่ชุดประหลาดๆ อ่ะ ใครจะไปใส่”
     M&Mยืนมองอาการกระเง้ากระงอดของต้นน้ำตาค้าง!
     “เอ้ยๆ พวกมึงสองคน...”
     มิวนิคพูดได้แค่นั้นแล้วก็พูดไม่ออก
     ความเปลี่ยนแปลงของต้นน้ำมีมากเกินกว่าที่สมองน้อยๆ ของเขาจะรับไหว เขาเอ๋อจนตามเกมต้นน้ำไม่ทันด้วยซ้ำเมื่อถูกหลอกให้แต่งหญิงแทน
     ดังนั้นภาพที่ทำเอาคนอื่นพากันสยองจึงเกิดขึ้น ผู้ชายกล้ามโตร่างยักษ์ที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรยัดตัวเองอยู่ในชุดนางพยาบาลสีชมพูหวานแหววแต่งหน้าทาปากตลกๆ ใส่วิกสีทองเป็นลอนพูดจามี“คะขา”แต่ห้าวสุดติ่งคอยต้อนรับน้องๆ และใกล้ๆ กันนั้นก็มีคุณหมอหนุ่มสุดเคะนั่งไขว้ห้างอมยิ้มขำเพื่อน ดวงตาสีน้ำตาลหลังหลังแว่นปลอมดูพราวระยับไปด้วยแววแห่งความสุข
     อัฐมองภาพนั้นอย่างยินดีก่อนจะหันหลังเดินกลับบ้าน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เปิดตัวน้องต้นลุคใหม่ แสบใช่เล่น  :laugh:
ไม่รู้คนอ่านจะถูกใจพัฒนาการของตัวละครตัวนี้รึเปล่า แต่นอกจากนิสัยมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เราว่าที่เหลือต้นยังเหมือนเดิมนะ คือเขาก็ร้ายแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร แค่เมื่อก่อนมักจะนิ่ง แอ๊บ แต่ตอนนี้เขาแกรนด์ตัวเองแล้วจ้า ฮ่าๆ

แอบแขวะพล็อตพิมพ์นิยมเล็กน้อย คิกๆ เราเคยอ่านจากเพจคุณช่า เขาเคยพูดประมาณว่า เกิดเป็นตุ๊ด(เป็นเกย์รับออริจินัล)ก็ลำบากแล้ว หาแฟนยาก ยิ่งดันแต่งหญิงอีก ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แทบจะเป็นชนชั้นล่างๆ เลย .... ก็ไม่รู้จริงไม่จริงนะ แต่เราเห็นนิยายวาย ตัวเอกต้องหน้าหวานบอบบางแล้วเกือบทุกเรื่องมันต้องมีฉากให้แต่งหญิงแล้วสวยทั้งนั้น หรือไม่ถ้าเจอคนเขียนแอนตี้เคะสาวน้อยก็มักจะพยายามเขียนให้ตัวเอกคิดไปเองว่าตัวเองโคตรแมน แต่จะบรรยายเมะคิ้วเข้มกว่า สูงกว่า หล่อกว่า สาวมองเยอะกว่า

ดังนั้นเราเลยไม่ค่อยบรรยายพี่ชัชว่าหล่อ ไม่บรรยายหน้าตาแม็กซ์ ในภาคหนึ่งลองเขียนประกวดเลยต้องทำไรตามพิมพ์นิยมนิดนึง แต่พอเป็นภาคสองเราเลยทำตามใจโดยการไม่ครอบงำคนอ่านด้วยหน้าตาน้องต้น แทบจะไม่บรรยายอะไรมาก เขียนไปตามสายตาของตัวละคร ให้คนอ่านค่อยๆ ทำความรู้จักกับต้นเอาเอง เหอะๆ มาถึงจุดนี้เลยดีใจพอสมควรที่มีคนอินกับนิยายเรื่องนี้ทั้งๆ ที่ตัวเอกเป็นเคะหน้าจืดส่วนเมะเป็นลุงวัยกลางคน
ส่วนถ้าถามว่าใครหล่อที่สุดในเรื่อง เชื่อกันมั้ยว่าเป็นมิวนิค? หนุ่มคนนี้เป็นลูกครึ่งเยอรมันนะ สูง189 หุ่นล่ำแบบนักกีฬา หน้าตาดี แต่สาเหตุที่ต้นไม่เคยกล่าวถึงเพราะต้นรังเกียจมิวนิคอย่างแรง ฮ่าๆ ต้นเลยมองว่าคิวว์กับไปป์หล่อแทน ไปป์จะหล่อแนวหนุ่มน่ารักร่าเริง คิวว์ก็ทำนองนายแบบอ่ะ ได้ที่รูปร่างเพราะคิวว์มีซิกแพ็ค ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#22/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 22-11-2014 19:48:43
The story after that.

     เมื่อถึงวันเปิดเทอม เสียงบิ๊กไบค์ที่แล่นเข้ามาก็ชวนให้คนสนใจ นิสิตชายรูปร่างเพรียวคนหนึ่งควบเจ้าสองล้อคันใหญ่เข้ามาจอดก่อนจะก้าวลงจากรถ
     ต้นน้ำถอดหมวกกันน็อกออกแล้วเก็บใส่กระเป๋า เขาสะพายเป้แล้วมุ่งหน้าไปยังตึกเรียนอย่างมาดมั่น
     “หวัดดีเอก”
     เสียงทักอย่างร่าเริงที่ดังขึ้นทำให้เอกแปลกใจ และเมื่อเขาหันไปมองก็ต้องตาค้าง
     “ฮึๆ นายไม่ใช่คนแรกที่ตะลึงหรอก ทำไมอะไม่เข้ากับเราเหรอ?”
     เอกมองต้นน้ำที่เดินมานั่งใกล้ๆ เขาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็ตอบเรียบๆ
     “เปล่า กูแค่ไม่ชิน มึงมีความสุขก็ทำไปเหอะ”
     “ขอบใจนะ คิดอยู่แล้วว่านายต้องเข้าใจ”
     “กูไม่ได้เข้าใจมึง แต่ชีวิตเป็นของมึงไม่เกี่ยวกับกู อะไรที่มึงคิดว่าดีก็ทำไปแต่อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกก็พอ”
     “เป็นห่วงเราด้วยเหรอ?”
     เสียงของต้นน้ำเต็มไปด้วยความร่าเริงไม่มีอาการสลดเลยแม้แต่น้อย เอกมองรอยยิ้มอวดดีแล้วก็เริ่มหมั่นไส้ เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้น
     “เออๆ กูห่วงตัวเองเนี่ยแหละ เกรดกูตกก็เพราะมึง ร่วงระนาวกันทั้งภาค”
     “ขนาดนั้นเลย? งั้นเทอมนี้สัญญาว่าจะช่วยกู้เกรดให้ โอเคป่ะ?”
     ต้นน้ำนั่งคุยจุกจิกกับเอกไม่แคร์สายตาชาวบ้าน ท่าทางมั่นใจบวกกับรอยยิ้มเชิดๆ อย่างเป็นต่อนั้นดูแปลกไปจนคนบางคนเริ่มหมั่นไส้ บางคนให้ความสนใจกับรูปลักษณ์ใหม่ บางคนสนใจเหตุผล เพื่อนๆ ในภาคเองก็ให้ความสนใจเขาเช่นกัน แต่เพราะความเปลี่ยนแปลงช่างมีมากเหลือเกิน บางคนจึงไม่กล้าเดินเข้ามาทัก เช่นอาร์ทกับวิน
     “นั่นไอ้ต้นใช่มั้ยวะ?”
     “เออๆ ใช่ โห! มันไปทำไรมาวะ?”
     “กูจะไปรู้กับมันเรอะ! แล้วนั่นมันนั่งคุยอะไรกับไอ้เอกวะ? ท่าทางโคตรแรดเลย แปลกว่ะ ไอ้เอกยังทนมันได้อีก”
     “มึงอยากรู้ก็เดินเข้าไปถามมันเด่ะ”
     “นั่นไอ้เอกนะมึง กูไม่อยากมีเรื่องกับมัน”
     จนกระทั่งพวกชาวแก๊งมาถึงนอกจากเมย์แล้วทุกคนต่างตะลึงกับลุคใหม่ของต้นน้ำและตกใจยิ่งกว่ากับนิสัยที่แปลกไป
     “ต้นเปลี่ยนไปเยอะเลยนะจ้ะ”
     “เราก็ยังเป็นเรานั่นแหละแก้ว”
     “แก้วหมายถึงแกดูร่าเริงขึ้นนะแบบแฮปปี้ดี๊ด๊าอะไรทำนองนั้น แกจะแกรนโอเพนนิ่งเหรอ?
     ต้นน้ำทำหน้างอใส่ป่าน
     “เราดูสาวแตกขนาดนั้นเลยเหรอ?”
     “เปล๊า! แต่แบบ... แกเอาแต่ยิ้มเหมือนคนบ้า แฟชั่นจัดเต็มอะไรงี้ฉันก็นึกว่า... นะ”
     “เราอยากเปลี่ยนลุคดูน่ะ เลยไปตัดผม แต่พอไปที่ร้านแล้วช่างเขายุให้เราลองทำสีด้วย ตอนแรกว่าจะซื้อสีน้ำตาลมาทำเองแต่นะ... เคยเจอลมปากช่างจนมึนมั้ย? ละพอพี่สาวเรารู้เท่านั้นแหละ! ออฟชั่นมาเต็ม! แล้วจะให้เราใส่แว่นเหมือนเดิมเหรอ? มันก็เลยต้องเปลี่ยนกันนิดหน่อย ตอนพยายามใส่เองครั้งแรกนะ แทบตายอ่ะ!”
     ต้นน้ำบ่นด้วยท่าทางชวนขนลุกเหมือนยังสยองอยู่จริงๆ จนทุกคนขำตาม
     “เออๆ ฉันเข้าใจ เพราะงี้แหละฉันเลยใส่แต่แว่น ฮ่าๆ”
     “แต่ต้นเจาะหูด้วยนี่จ้ะ แปลกจัง ทำไมเจาะแต่ตรงนี้ล่ะ? ปกติคนนิยมเจาะตรงติ่งหูมากกว่านี่จ้ะ”
     “อื้ม ... เราอยากเจาะเองน่ะ ตรงนี้มันเด่นดีมั้ง ก็... เจาะให้คนมองนั่นแหละ จะได้เลิกมองตรงอื่นซักที”
     สีหน้าท่าทางที่ปรากฏออกมาชั่วขณะทำให้เพื่อนๆ รับรู้ได้ว่าคนๆ นี้คือต้นน้ำคนเดิมของพวกเขา เพียงแต่... ต้นน้ำพยายามซ่อนตัวตนเดิมเอาไว้
     “แกโอเคแล้วจริงๆ นะ?”
     “โอเคสุดๆ เลยแหละป่าน”
     ต้นน้ำตอบอย่างสดใสก่อนจะหน้ามุ่ยลง เขาถอนหายใจอยู่สองสามทีแล้วพูดขึ้น
     “อืม... เราขอโทษที่ทำให้พวกเธอเป็นห่วงนะ ตอนนั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นกะทันหันมาก แล้วเราก็กำลังมีปัญหากับแฟนด้วย เราก็เลย... คิดอะไรแบบนั้น แต่เรารักพวกเธอทุกคนนะ พวกเธอดีกับเรามาก เป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา ไงดีล่ะ ... อืม... ขอโทษนะ”
     “เออ แกคิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว ฉันจะได้หายห่วง”
     “แล้วตกลงเกิดอะไรขึ้นกับต้นเหรอ?”
     คำถามของเมย์ทำให้ต้นน้ำชะงัก รอยยิ้มค้างเติ่งอยู่บนหน้า เขาสูดหายใจเฮือกใหญ่แล้วตอบ
     “ก็... ก็อย่างที่ได้ยินในข่าวลือนั่นแหละ เรา... เราไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่”
     ร่องรอยความเศร้าหมองที่ปรากฏในแววตาของต้นน้ำทำให้สามสาวรีบหุบปาก โอมที่นั่งฟังมาตลอดจึงเอ่ยขึ้น
     “อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ช่างมัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอ”
     ต้นน้ำจึงหันไปยิ้มให้โอม
     “งั้นตกลงมันมอมยาแก ซ้อมแก เอ่อ... ถ่ายคลิปแกจริงเหรอ? ไอ้วิศวะคนนั้นทำแกถึงขั้นนั้นจริงเหรอ?”
     ต้นน้ำเบนสายตาเศร้าๆ มามองป่าน เขาสบตากับเพื่อนแล้วตอบ
     “เราไม่รู้หรอกป่าน ... เราเมายาอยู่น่ะ เรายังสับสนอยู่เลยว่าเรื่องจริงหรือเรื่องหลอก เรารู้แต่หมอบอกว่าเราโชคดีมากที่สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน กะโหลกไม่ร้าว ซี่โครงไม่หัก ขอบคุณที่พวกมันโง่ถ่ายคลิปไว้มัดตัวเอง”
     คำตอบของต้นน้ำทำให้เกิดความเงียบภายในกลุ่ม ถึงต้นน้ำจะตอบเลี่ยงประเด็นแต่พวกเขาก็พอเดาได้ว่าเกิดอะไรกับต้นน้ำบ้าง ต้นน้ำถูกทารุณอย่างหนักแถมคนที่ทำไม่ได้มีแค่หนึ่ง!
     “ช่างมันเถอะ! เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า”
     ต้นน้ำเสแสร้งชวนเปลี่ยนหัวข้ออย่างร่าเริง
     “แกเก่งมากนะต้นที่ผ่านมันมาได้ แกเข้มแข็งมาก”
     “อื้ม ถ้าเราไม่ได้คนที่รักและหวังดีกับเราคอยอยู่ข้างๆ ละก็เรายังไม่รู้เลยว่าจะผ่านมันมาได้รึเปล่า เรื่องในครั้งนี้ให้บทเรียนกับเราหลายอย่างเลยแหละ ขอบคุณพวกเธอมากนะที่อยู่ข้างๆ เรามาตลอด”
     ต้นน้ำยิ้มพร้อมกับสบตาเพื่อนๆ ในกลุ่มก่อนจะพูดต่อ
     “แต่บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ... อย่าทำให้ไปป์โกรธ”
     ต้นน้ำหัวเราะอย่างร่าเริงก่อนจะหันไปจ้องป่าน
     “เธอช่วยเราหน่อยได้มั้ยอ่ะ เราอยากได้ลูกชายของเราคืน”
     ได้ยินแล้วป่านก็ยิ้ม
     “ก็ไม่มีอะไรมาก แค่แกใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอ ตอนนี้มันก็คงงอนๆ อยู่แหละ แต่ฉันว่ามันคงไม่โกรธอะไรแกแล้ว”
     “ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับไปป์เหรอป่าน? ฉันตกใจเลยนะที่มันชนต้นจนล้ม”
     “ก็แค่ลูกหมาอาละวาดน่ะแก อย่าไปใส่ใจเลย”
     ป่านพยายามตัดบทแต่สายตาจริงจังของต้นน้ำสะกดให้ป่านยอมแพ้
     “เออๆ พวกแกบังคับฉันเองนะ เล่าแล้วอย่ากลัวล่ะ”
     ป่านมองหน้าทุกคนแล้วเริ่มเล่า
     “เมย์ แกรู้ใช่มั้ยที่ฉันมี... แบบว่า นั่นอ่ะ”
     “เดี๋ยวๆ เรื่องไปป์เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่แกก็รู้ว่าอะไรแต่ไม่ควรทักยะ”
     เมย์ขัดขึ้นด้วยท่าทางขนลุกจนทุกคนทำหน้าสงสัย
     “เกี่ยวสิแก เกี่ยวมากด้วย คือพี่ฉัน เอ้ย! ฉันรู้สึกได้ว่าอิไปป์มันมีอะไรบางอย่าง คือ... ฉันนั่งข้างมันตอนสอบไงแก แกจำมันตอนเข้าใหม่ๆ ได้ใช่มั้ย? แกคิดป่ะว่าอิไปป์มันเปลี่ยนบุคลิคไปเพราะใคร”
     ป่านพูดแล้วทุกคนก็หันมามองต้น!
     “เอ่อ... เกี่ยวอะไรกับเราเหรอ?”
     “อิไปป์มันอาจจะดูบ้าๆ บ๊องๆ แต่มันเริ่มมาทำตัวปัญญาอ่อนจริงๆ ก็ตอนเริ่มซี้กับแกนี่แหละ แกอาจจะไม่รู้ตัวนะต้นแต่ไปป์มันเปิดกับคนอื่นก็เพราะแก”
     “เราเนี่ยนะ?”
     สายตาจริงจังของป่านยิ่งทำให้ต้นน้ำแปลกใจ ไปป์เกี่ยวอะไรกับเขา?
     “แกคล้ายใครคนนึงที่มันรักมาก”
     “ต้นคล้ายแฟนเก่าไปป์เหรอ?”
     “ไม่ใช่ พี่สาวข้างบ้าน คือ... พวกแกห้ามไปว่าอะไรมันนะ มันก็แค่มีอะไรแปลกๆ”
     ป่านพูดขึ้นด้วยท่าทางลังเลแต่แล้วก็ตัดสินใจเล่าต่อ
     “ไปป์มันเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ทำงานหนักทั้งคู่ มันเลยต้องอยู่บ้านคนเดียวตั้งแต่เด็กๆ แต่แบบ... ข้างบ้านมันมีเด็กผู้หญิงที่โตกว่ามันอยู่ไง ก็สนิทกันมากแหละ คงรักกันมากถึงได้ยังผูกพันกันอยู่...”
     ป่านเบาเสียงลงพลางทำสีหน้าแปลกๆ เมย์เห็นแล้วจึงพยักหน้าหนึ่งครั้ง ป่านเองก็พยักหน้าตอบ เมย์ทำท่าขนลุกจากนั้นป่านก็เล่าต่อ
     “ไปป์มันเคยบอกฉันว่าแกคล้ายพี่สาวคนนั้นของมันมากนะต้น”
     “แล้วยังไงเหรอ?”
     “พอเริ่มเป็นสาวก็มีคนมาจีบเยอะ ผู้หญิงคนนั้นมีเวลาให้ไปป์น้อยลง ไปป์มันก็เลยงอแง แต่แล้วผู้หญิงคนนั้นก็โดนทิ้ง ไปป์มันดีใจมากที่ต่อไปจะไม่มีใครมาแย่งพี่สาวไปจากมัน มันไปหาเขาทุกวัน แต่แล้ววันนึงมันไปเจอเขาผูกคอตาย อิไปป์มันก็ไม่รู้เรื่องมันยังปอหนึ่งปอสองเองมั้ง มันเลยพยายามช่วยพี่สาวมัน แล้วก็แบบ... มันตัวเล็กไงเลยช่วยไม่ได้ พอช่วยไม่ได้มันก็เลยนั่งอยู่ตรงนั้นจนพ่อของผู้หญิงคนนั้นกลับมาเจอ”
     เรื่องราวของไปป์ทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง โดยเฉพาะต้น! เขารู้แล้วว่าทำไมไปป์ถึงได้โกรธเขามาก
     “ไปป์มันเกลียดการฆ่าตัวตาย”
     “เรา...”
     ต้นน้ำพูดอะไรไม่ออก เสียงของเขาเบาหวิว ปากก็แห้งผาก เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าไปป์ที่ร่าเริงคนนั้นจะมีปมในใจมืดมนเช่นนี้!
     “อึ๊ย! ขนลุกอ่ะ! แกอย่าบอกนะว่า...”
     ป่านหันไปพยักหน้าให้เมย์แล้วพูดต่อ
     “พวกแกรู้มั้ย ทุกวันนี้บ้านหลังนั้นยังขายไม่ออกเลย อิไปป์มันเรียนโฮมสคูลถึงมอต้นเชียวนะ เพราะมันบอกทุกคนว่าพี่ตาของมันยังอยู่กับมันไม่ได้ไปไหนตามสัญญา กว่ามันจะกลับเข้าสังคมปกติได้ก็ตอนมอปลาย พ่อแม่มันพยายามพามันไปอยู่ต่างจังหวัดจะขายบ้านทิ้งแต่ขายไม่ออกเพราะบ้านติดกันก็... อิไปป์มันมุ่งมั่นจะสอบเข้ามอในกรุงเทพให้ได้เพื่อที่จะกลับมาอยู่บ้านหลังนั้น...คนเดียว
     ความดาร์กของไปป์ทำเอาทุกคนหลอน
     “ช่วงก่อนหน้านี้อ่ะ ที่มันไม่สบายแล้วเริ่มแปลกไป ไปป์มันฝันถึงแก แต่ช่วงนั้นแกดูเครียดๆ เลยไม่ได้สังเกตมันมั้ง”
     “ไปป์รู้?”
     “มีคนมาเตือนมันเรื่องแก”
     ป่านพูดเรียบๆ แต่เล่นเอาคนทั้งกลุ่มสะดุ้งโหยงเมื่อมิวนิคเดินเข้ามาทัก
     “คุยไรกัน?”
     “กรี๊ด!”
     เมย์กรี๊ดลั่นแม้แต่ต้นน้ำยังเผลอกอดกับโอม แก้วเองก็สะดุ้งสุดตัว!
     “ไอ้บ้า! โผล่มาทำไมย๊ะ อิยักษ์บ้า ถ้าฉันตกใจตายฉันจะมาหักคอแก!”
     “กูอุตส่าห์มาเรียก พวกมึงคุยอะไรกันอยู่ได้ อาจารย์จะเข้าแล้ว”
     “เออๆ จริงด้วย พวกแกไปก่อนเหอะ”
     “โอ๊ย! ขนลุกจนเดินไม่ไหวเลยอ่ะ”
     สามสาวต่างอิดออดก่อนจะลุกเกาะกลุ่มไปยังห้องเรียน ต้นน้ำกับโอมก็ใช่ย่อย แทบจะเดินตัวติดกันไม่ยอมห่าง โอมหน้าซีดส่วนต้นน้ำเหงื่อแตกมองซ้ายมองขวาเลิกลั่กเสียภาพลักษณ์ใหม่หมด...
     และก็เป็นดังที่ป่านพูด พอไปป์เดินเข้าห้องมาเห็นต้นน้ำในลุคใหม่แจกรอยยิ้มให้อาการมึนตึงทำเหมือนต้นน้ำไม่อยู่ในสายตาก็หายไปกว่าครึ่ง แม้ไปป์จะเล่นตัวไปอีกสองสามวันแต่เมื่อต้นน้ำโผล่มานั่งข้างๆ พร้อมกับช็อกบอลทำเองเคลือบช็อกโกแลตแท้จากเบลเยี่ยมไปป์ก็เริงร่าหายงอนกระโดดเข้ากอดต้นน้ำทันที ว่ากันว่าสีหน้าของต้นน้ำตอนยิ้มหลังจากที่ง้อไปป์สำเร็จเจ้าเล่ห์สุดๆ ความร้ายกาจที่ปรากฏในรอยยิ้มขณะนั้นราวกับราชินีผู้ชั่วร้าย ไปป์ที่มัวแต่ซบจึงไม่เห็นความจริงข้อนี้ หรือบางทีไปป์อาจจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดแต่ไม่ใส่ใจ สุนัขล่าเนื้อเชื่องๆ จะไม่มีวันขัดคำสั่งเจ้าของตราบใดที่ยังได้รับอาหาร

     
และแล้วราชินีน้ำแข็งผู้ชั่วร้ายก็ใช้ชีวิตนิสิตอย่างมีความสุขกับผองเพื่อน Happy Ending

     เดี๋ยวสิ! แล้วบทสรุปของราชาหมาป่าปีศาจผู้ชั่วร้าย(กว่า)ล่ะ? อัศวินแม็กซ์อีก ไหนจะยังมีผู้กล้าและโจ๊กเกอร์ด้วย ยังมีต่ออีกนิดหน่อยน่า...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... จบ  :bye2: ใช่ที่ไหนละเว้ย! ยังมีต่ออีก 2 บทน่า แต่บทหน้าเรามาดูความแสบของต้นกัน

น้องต้นคัมมิ่งเอ้าท์แล้วนะ ฮ่าๆ ป่านบอกต้นสาวแตกล่ะ แต่ต้นไม่คิดว่าตัวเองสาว
เอาจริงๆ คือเราวางอิมเมจว่าต้นออกแนวเรียบร้อยไม่วี๊ดว้ายแรดสาวแตกอะไรขนาดนั้น ออกแนวหยิ่งๆ นิ่งๆ เชิดๆ มากกว่า แต่ต้นไม่ใช่แนวเกย์แอ๊บแมนทำนองนั้นนะ ออกแนวเนิร์ดมากกว่า แต่พอเปลี่ยนตัวเองแล้วฮีจะอัพมาดราชินีขึ้นอีกเท่าตัว เหอะๆ

ขับบิ๊กไบค์ สัก(ของเก่าที่อยากไปลบแต่ดันไปเถียงกับช่าง) เจาะหู ทำสีผมเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว มั่นใจในตัวเองมากขึ้นสุดๆ
แต่จริงๆ เราคิดว่าต้นน่าจะชอบอะไรทำนองนี้มาตั้งแต่แรก เพราะฮีไปกับแม็กซ์บ่อยๆ แต่เมื่อก่อนเก็บกด พอสบโอกาสเลยจัดเต็ม เป็นตัวของตัวเองสุดๆ ฮ่าๆ

เอาแล้ว น้องต้นคนใหม่ที่ทำอะไรตามใจตัวเองคนนี้จะทำให้ภาคฟิสิกส์ป่วนขนาดไหนกันนะ แล้วบทสุดท้ายจะจบลงยังไงล่ะเนี่ย? นับวันมันยิ่งไร้วี่แววขึ้นทุกที
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#22/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 23-11-2014 00:32:01
กรี๊ดดดชอบต้นน้ำลุดใหม่มากก เป็นรสชินี มากก
แต่เหมือนแอบซ้อนตัวต้นเดิมๆอยู่
 แต่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ทุกอย่างกำลังดูดีขึ้น ดีใจจัง
สุดท้าย คนเขียนรักษาสุขภาพด้วยนะค้าา ไว้หายค่อยมาต่อก้ได้น้าา เป็นห่วงจัง กลัวหักโหมม
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#22/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 23-11-2014 01:33:11
น้องต้นเปลี่ยนไป
อยากให้น้องต้นมีความสุขกับเค้าเสียที
ปูเสื่อรอตอนต่อไปค่ะ ^________^
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#22/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 23-11-2014 12:42:10
เอาตรงๆไหม  เรายังรู้สึกว่าอยากให้กลับไปคบกับชัชเหมือนเดิม คือแบบความรู้สึกมันเหมือนไม่ใช่อ่ะ

สงสารนะทั้งต้นทั้งพี่ชัช แต่คือเราชอบความรู้สึกตอนที่ต้นคบกับพี่ชัชมากกว่าอ่ะ  เสียใจมากเราอินจนร้องไห้เลย555
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#22/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน22
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 24-11-2014 14:22:37
ขอแวะมาตอบเม้นท์ซักนิด ถือเป็นการพักไปในตัว  :mew3:

กรี๊ดดดชอบต้นน้ำลุดใหม่มากก เป็นรสชินี มากก
แต่เหมือนแอบซ้อนตัวต้นเดิมๆอยู่
 แต่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ทุกอย่างกำลังดูดีขึ้น ดีใจจัง
สุดท้าย คนเขียนรักษาสุขภาพด้วยนะค้าา ไว้หายค่อยมาต่อก้ได้น้าา เป็นห่วงจัง กลัวหักโหมม

ถูกเผงจ้า! ตามชื่อเรื่องเลย ฮีคือราชินีดราม่าตัวแม่ ฮ่าๆ กว่าจะเขียนจากเด็กดราม่าเก็บกดให้แกรนด์โอเพ่นนิ่งกลายมาเป็นราชินีได้แบบยังคงตัวตนเดิมนี่ลำบากสุดๆ เลยแหละ เพราะเราเชื่อว่ากระบวนการพัฒนาทางบุคลิกภาพมันไม่มีแบบเปลี่ยนไปร้อยเปอเซ็นต์หรอก มันมีแค่ปรับปรุงให้มากขึ้นหรือลดลงเท่านั้นเอง นิสัยคนเราเปลี่ยนลำบากมากจริงๆ คนขี้โมโหยังไงก็ยังอารมณ์ขึ้นง่าย แต่อยู่ที่ว่าจะแสดงออกหรือรู้เท่าทันตัวเองแล้วเลิกโมโหได้รึเปล่า อันนี้เราจะมองแนวจิตวิทยานิดๆ เราเลยไม่เขียนน้องต้นออกมาแบบเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเกินไป แหะๆ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้กันมาตลอดเลยน้า ตอนนี้อาการก็ค่อนข้างดีขึ้นแล้วจ้า เกือบต้องไปทำกายภาพแล้ว ฮ่าๆ


น้องต้นเปลี่ยนไป
อยากให้น้องต้นมีความสุขกับเค้าเสียที
ปูเสื่อรอตอนต่อไปค่ะ ^________^

อ่าฮะ แน่นอน มันคือประเด็นหลักของบทต่อไปเลยแหละว่าต้นจะทำยังไงให้ตัวเองรู้จักความสุขที่แท้จริง
บทที่ผ่านมาเราพยายามเขียนถึงพัฒนาการของน้องต้น คือเหมือนกันได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากประสบการณ์ของคนอื่น มีคนสอนจนต้นเริ่มคิดได้ แต่คิดได้แล้วจะเดินต่อไปยังไงนี่แหละ น่าลุ้น หึๆ
บทต่อไปต้นจะตระหนักรู้ในตนเองมากขึ้น มันคือทักษะชีวิต (http://lifeskills.obec.go.th/lifeskills.php)อ่ะ
** คนอ่านอาจจะต้องทำใจนิดนึงเพราะคนแต่งบ้าจิตวิทยา เลยเขียนอะไรออกมาประมาณนั้น


เอาตรงๆไหม  เรายังรู้สึกว่าอยากให้กลับไปคบกับชัชเหมือนเดิม คือแบบความรู้สึกมันเหมือนไม่ใช่อ่ะ

สงสารนะทั้งต้นทั้งพี่ชัช แต่คือเราชอบความรู้สึกตอนที่ต้นคบกับพี่ชัชมากกว่าอ่ะ  เสียใจมากเราอินจนร้องไห้เลย555

ตอบคนอ่านตรงๆ ว่า "รออ่านตอนต่อไปก่อนเถอะนะ" เค้าโดนด่ามาเยอะแล้ว เจ็บปวด :hao5: (ความจริงคือถ้าพูดอะไรมากก็เป็นการสปอยนิยายตัวเองอีกอ่ะ)
บทที่พี่ชัชเผลอ ตอนแรกคนก็ด่ากันอิ๋บอ๋าย นักอ่านบางคนแช่งมันทุกเม้นท์ด่าว่าเมื่อไหร่จะให้คู่นี้เลิกกัน ขู่จะเลิกอ่านก็มี เล่นเอาคนเขียนนอยด์ เป็นไงล่ะ พอเขาเลิกกันแล้วหายไปเลย ไม่นึกถึงที่คนแต่งพยายามบอกให้รออ่านไปเรื่อยๆ เล้ย
นิยายเรื่องนี้เดาจุดจบง่าย แต่ให้ตายเราว่าคนอ่านเดาเนื้อเรื่องระหว่างทางไม่ถูกหรอก ตัวแปรเยอะ เป็นนิยายที่ไม่ได้เดินตามพล็อตทั่วไปด้วย ระหว่างทางเราว่ามันมีอะไรน่าสนุกตั้งมากมายนะ อยากให้คนอ่านรออ่านไปถึงตอน(สุดท้าย)จบจริงๆ เป็นชีวิตของคนๆ นึงที่ต้องก้าวผ่านกาลเวลาพวกนั้น เราอยากเล่าว่าระหว่างทางเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาถึงได้คิดหรือเปลี่ยนไปยังไงบ้าง (ถ้าเป็นนิยายเรื่องอีกจะแนวๆ 2ปีผ่านไป เหอๆ)

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ยังไงก็ขอบคุณทุกกำลังใจน้า เรารับฟังทุกความเห็นน้า ไม่กัดคนเม้นท์หรอก ฮ่าๆ แต่บางทีก็ตอบได้ บางทีก็ตอบไม่ได้ทำได้แค่พล่าม เพราะถ้าพูดไปมันก็จะสปอยเนื้อหาหมดความลุ้นอ่ะ (แต่ความจริงเราใบ้ Hint ไว้ตลอด เยอะมากๆ)
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#24/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน23
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 24-11-2014 15:11:51
เรื่องราวของผม

ต้นน้ำ

     ผมเห็นไปป์เดินผ่านพวกเราไป ไปป์ไม่ยอมแวะทักทายคนอื่นๆ เพราะผมนั่งอยู่ด้วย เฮ้อ... รู้สึกแย่จังเลยครับ เรื่องที่ได้ยินจากป่านทำให้ผมขนลุก หลอนสุดๆ ครับ มันยิ่งกว่าตอนที่ผมฝันถึงพี่ธีร์ซะอีก การที่ผมยังมีชีวิตอยู่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ผมไม่ควรทำอะไรโง่ๆ อีก ยิ่งนึกถึงสิ่งที่ไปป์ขอผมเอาไว้ “สัญญานะต้น อย่าทำ” ไปป์รู้แต่แรกว่าผมจะคิดสั้น ผมผิดสัญญากับไปป์...
     ผมถูกพี่ชัชทรยศหักหลังทำร้ายจิตใจกันผมเองก็เจ็บปวด พี่ชัชแทบไม่เคยรักษาสัญญาอะไรได้เลย ขนาดเรื่องจุกจิกในบ้านยังรับปากส่งๆ แล้วก็ลืม ... แต่ผมก็ยังรักพี่ชัช จนทุกวันนี้ผมยังลืมเขาไม่ได้เลยให้ตาย!
     แต่ผมก็ผิดสัญญากับไปป์ด้วยเช่นกัน ผมจะอ้างว่าผมกำลังย่ำแย่ก็ได้ แต่ยังไงซะผิดสัญญาก็คือผิดสัญญาไม่ว่าผมจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม เพียงแต่เรื่องนี้ทำให้ผมคิดได้ว่าบางทีคนให้สัญญาก็อาจจะไม่อยากผิดสัญญานักหรอก เขาคงมีเหตุผลบางอย่าง ... เหมือนที่ผมเองก็ใช่ว่าไม่รักเพื่อนๆ แต่ในสถานการณ์แบบนั้นที่ตื่นมารับรู้ว่าตัวเองถูกข่มขืน ถูกแฟนที่กำลังทะเลาะกันเห็นสภาพแล้ว จะเป็นเอดส์รึเปล่าก็ไม่รู้ ถูกถ่ายคลิปที่อาจจะทำให้ครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง พวกเขาต้องผิดหวังในตัวผมแน่ๆ กำลังประสาทเพราะยาบ้าๆ ที่พวกมันใช้กับผม จากเดิมที่แทบไม่ต่างอะไรกับคนป่วยซึมเศร้าเพราะโดนนอกใจคุณว่าผมจะคิดอะไรออกอีกล่ะ ผมไม่ได้เข้มแข็งนี่! แต่ตอนนี้ผมก็พยายามอยู่นะ อย่างน้อยผมก็ต้องง้อไปป์ให้สำเร็จ! เฮ้อ... นายต้องทำได้น่ะต้นน้ำ!
     ผมเห็นไปป์นั่งอยู่หลังห้อง ปกติเขาต้องนั่งถัดจากผมไปหนึ่งแถวแท้ๆ ลองหยั่งเชิงก่อนแล้วกัน ถึงไปป์จะไม่ยอมพูดอะไรกับผมแต่ผมก็เห็นนะ เมื่อกี้ตอนเดินผ่านไปป์แอบมองผมใหญ่เลย เอาละนะ ผมจะลองดู!
     ผมเดินไปนั่งข้างๆ ไปป์ เขาเหลือบตามามองผมนิดหน่อยแล้วก็หันหน้าหนี เฮ้อ... คงไม่สำเร็จง่ายๆ แน่ แต่ก็เอาเหอะ ผมสมควรถูกโกรธนี่นา ก็ต้องง้อกันต่อไป ผมพยายามนั่งส่งยิ้มให้ไปป์ทั้งคาบ ปวดแก้มมากครับ!

     “นี่วันที่สามแล้วนะป่าน!”
     ผมโอดครวญให้ป่านฟัง ไม่เคยต้องง้อใครนานขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ตอนทะเลาะกับพี่ชัช ... ช่างมันเถอะ ขนาดตอนนั้นที่ผมไปง้อแม็กซ์เขายังยอมให้อภัยผมง่ายๆ เลย
     “เอาน่ะแก อิไปป์มันก็ไม่ได้ทำหน้าทะมึนออร่ามาคุใส่แกแล้วไม่ใช่เหรอ ปล่อยมันเล่นตัวอีกนิดน่ะ”
     “เราก็รู้ แต่ถ้าไปป์หายโกรธเราแล้วทำไมไม่พูดกับเราซักทีล่ะ”
     ผมนึกถึงผู้ชายหน้าตาหล่อที่สูงร้อยเจ็ดสิบหกเซ็นฯรูปร่างสมส่วนร่าเริงเป็นกันเอง คุณสมบัติพวกนี้ไม่ด้อยไปกว่าคิวว์เลยนะครับ ผมยกให้ไปป์เป็นอันดับสองของรุ่นเลย เพราะคิวว์จะให้อารมณ์แบบเจ้าชายแต่ไปป์จะดูร่าเริงสดใสแบบเด็กๆ แต่ผู้ชายคนที่ว่าสองวันมานี้เวลาเขาเผลออายคอนแทคกับผมแล้วกลับทำแก้มป่องสะบัดหน้า “ฮึ” เชิดคางใส่ผมเหมือนเด็กสามขวบ!
     “แกก็ทนๆ เอาหน่อยเถอะ ง้อมันอีกนิดเดี๋ยวก็หายเองแหละ!”
     “เธอช่วยอะไรต้นไม่ได้เหรอป่าน เราชักรำคาญมันละ หมั่นไส้! ทำงอนปากยื่นมันแลบลิ้นใส่ต้นด้วยนะ อยู่ปีสามนะไม่ใช่อนุบาลสาม!”
     “แต่เราว่าไปป์เป็นแบบนี้ก็น่ารักออก ดีกว่าตอนนั้นนะจ้ะ”
     “เออ จริงของแก้ว”
     ผมเห็นด้วยกับแก้วนะ แต่ผมจะง้อไปป์ยังไงดีล่ะ?

     วันที่สี่ ทั้งๆ ที่ผมลงคนละวิชาเลือกกับไปป์ผมก็ยังอุตส่าห์ไปหาเขา แต่ผมไปแล้วไม่เจอ ใครจะไปคิดว่าไปป์มานั่งอยู่แถวๆ ตึกที่ผมต้องเรียน ลูกหมาน้อยของผมทำท่าซะน่าสงสารเชียว ท่าทางหงอยๆ เหมือนรอเจ้าของมาหา แต่พอผมเดินเข้าไปหาแล้วเขาหันมาเห็นผมเท่านั้นแหละ ลูกหมาน้อยของผมก็วิ่งหนีไปซะงั้น! ให้ตายสิไปป์!
     “เราทนไม่ไหวแล้วนะป่าน ไปป์งี่เง่ามาก!”
     ผมโทรหาป่านทันที ผมบ่นเรื่องไปป์ให้เขาฟังแต่เขากลับหัวเราะผม
     “แกก็ยอมๆ มันหน่อยน่ะ นี่ยังไม่ถึงห้าวันเลย”
     “จะเอายังไงก็ไม่พูด หายโกรธแล้วก็ไม่ยอมคืนดี!”
     “เออ ฉันก็ว่าน่ารำคาญเนอะนิสัยแบบนี้”
     “ป่าน!”
     ป่านว่าผมนี่!
     “อะไร? ฉันแค่เห็นด้วยกับแก ฮ่าๆ”
     โอ้ย! จุกครับ!
     “นี่แกไม่เคยง้อใครเลยใช่มั้ยเนี่ย? ปกติมีแต่งอนคนอื่นเขาไปทั่ว”
     พูดไม่ออกครับ
     “อืม...”
     “ปกติเวลาแกทะเลาะกับคนอื่นแกทำไงอ่ะ”
     “ก็... เข้าไปพูดตรงๆ”
     ‘ไม่งั้นก็หนี’ ผมแอบต่อประโยคในใจ ก็ถ้าผมไม่ถึงที่สุดผมไม่เคยไปอะไรกับใครอยู่แล้ว
     “แกก็ใช้วิธีที่แกถนัดนั่นแหละ แกรู้จักอิไปป์ดีจะตาย ไม่ยากเกินความสามารถแกหรอก”
     คำแนะนำแบบนี้ไม่ช่วยอะไรเลยครับ เฮ้อ... วิธีที่ผมถนัดเหรอ? ... จริงสิ! นึกออกแล้ว! เย็นนี้แวะวิลล่าก่อนกลับบ้านดีกว่าครับ

     วันนี้ผมมั่นใจมากๆ ว่าผมต้องง้อไปป์สำเร็จ! ผมอุตส่าห์ทำตั้งนาน ป้าณีก็ชมว่าอร่อย ขนาดคุณปู่ที่ไม่ชอบทานของหวานยังขอชิมเลยครับ ยกเว้นลุงไกร ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าลุงไกรไม่ชอบช็อกโกแลต!
     ผมเดินเข้าไปหาไปป์ส่งยิ้มให้เขาเป็นใบเบิกทาง พอนั่งลงข้างๆ แล้วก็เอา“ตัวช่วย”ออกมาวาง กล่องใส่ขนมแพ็กเก็จสวยๆ ที่ฝาด้านบนใสจนมองเห็นขนมด้านในช่วยผมได้เยอะ จากตอนแรกที่ไปป์ทำหน้าสงสัยแต่พอเห็นของข้างในชัดๆ เขาก็ยิ้มหน้าบาน
     “เราทำเองเลยนะ มิลค์ช็อกบอลสอดไส้ไวท์ช็อก”
     ผมมั่นใจมากๆ ว่าขนมของผมต้องเอาไปป์อยู่
     “รักต้นที่สุดเลย เย้!”
     ไปป์กอดผมแรงมากครับ! จุกเป็นบ้าเลย เขารัดซะจนผมแทบหายใจไม่ออก แต่เอาเถอะ ในที่สุดผมก็ได้เพื่อนผมคืนมา ลูกหมาน้อยขี้งอนที่ประท้วงผมตอนนี้กลับมาเชื่องเหมือนเดิมแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     หลังจากนั้นผมก็ยังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะแยะ ใช่ว่ามีแต่ไปป์ที่ห่วงผมคนเดียวซะเมื่อไหร่ แล้วผมก็ไม่ได้มีแต่คนห่วงด้วยครับ คนคอยซ้ำเติมก็มี แต่ผมพยายามบอกตัวเองว่าคนพวกนั้นทำอะไรผมไม่ได้อีกแล้ว กะอีแค่ลมปากของคนอื่นมันคงไม่เจ็บเท่าโดนแฟนนอกใจหรอก คนที่เกือบจะโดนข่มขืนจนฆ่าตัวตายอย่างผมยังเหลืออะไรให้ต้องกลัว? ผมต้องไม่อ่อนแอ!
     “กลับเลยรึเปล่าต้น?”
     “อืม รบกวนนายหน่อยนะ”
     “ไม่เป็นไร วันนี้เราว่าง จะแวะห้องเรามั้ย?”
     ผมรู้นะคิวว์คิดอะไร
     “...อย่าบอกนะว่า ...”
     “แหะๆ ... เราหาแรมโบ้ไม่เจออ่ะ แต่รอบนี้เราปิดประตูห้องน้ำแล้วนะ ดึงพวกสายไฟขึ้นหมดแล้วด้วย”
     “เราเตือนนายแล้วว่าอย่าซื้อมาเลี้ยง!”
     “ไปช่วยหาหน่อยสิ นะๆ”
     ผมมาสนิทกับตานี่ได้ยังไงนะ!
     เริ่มจากคิวว์เห็นผมดูรูปเกี่ยวกับรอยสัก เราก็เลยคุยกัน ผมบอกเขาว่าผมชอบรอยสักแต่ไม่กล้าสักอะไรเพิ่มแล้วเพราะมันลบลำบาก เขาเลยเล่าให้ผมฟังว่ามันมีสีเพ้นท์ที่ใช้แทนรอยสักได้ บางชนิดก็อยู่ทนทำออกมาสวยเหมือนรอยสักจริงๆ คุยกันไปคุยกันมาก็เลยจบลงที่ผมกับคิวว์ไปหาซื้อเฮนน่าสำหรับเพ้นท์มาลอง คิวว์ที่นอกจากจะเรียนเก่ง หน้าตาดี เป็นดารา อยากทำงานกับนาซ่า เป็นเพอร์เฟคแมน เพื่อนผมคนนี้ยังมีงานอดิเรกสุดติสท์คือการวาดรูป เขาเลยเสนอตัวช่วยเพ้นท์ให้ผม ผมก็เลยได้ไปห้องเขา แต่ส่วนใหญ่แล้วผมจะให้คิวว์เพ้นท์ลายให้ตรงในร่มผ้ามากกว่าเพราะผมไม่อยากโชว์ให้ใครเห็น ไปๆ มาๆ เราก็เลยสนิทกัน คิวว์มีคอนโดอยู่แถวสุขุมวิทใกล้บ้านคุณปู่บางทีเราก็เลยกลับด้วยกันเพราะคุณพ่อไม่ชอบให้ผมขี่รถมาเอง บางวันเราก็เลยไปเที่ยวด้วยกัน แล้วคิวว์ก็ไปซื้อลูกกระต่ายจากข้างทางมาเลี้ยง ตายสิครับ! ลูกกระต่ายยังไม่หย่านมมันจะรอดได้ยังไง คิวว์เศร้ามากผมเลยต้องไปอยู่เป็นเพื่อนเขา แล้วเราก็ไปหาอะไรทานด้วยกันในห้าง แต่ดันมีเทศกาลสัตว์แปลก แล้วคิวว์ก็หอบแฮมสเตอร์แคระกลับบ้านเพราะคนขายยืนยันว่าเลี้ยงง่ายตายยาก!
     “เราว่านายเปลี่ยนกรงเถอะ”
     คิวว์พึ่งเลี้ยงแฮมสเตอร์แคระพันธุ์โรโบรอฟสกี้ได้สองอาทิตย์เองนะครับ แต่เจ้าหนูบ้าพลังตัวนี้เปิดกรงออกมาวิ่งเล่นเองเฉพาะอาทิตย์นี้ก็สี่ครั้งแล้ว! ผมมองหน้ามันทีไรแล้วตงิดๆ ทุกที นึกถึงยักษ์งี่เง่าบางคนเป็นบ้า! แล้วพอเจ้าแรมโบ้หายไปทีไรคิวว์ก็จะรีบโทรหาผม แหง๋แหละ! บางทีคิวว์ต้องไปทำงานนี่ครับ เดือดร้อนผมต้องไปหาให้ตลอดเพราะอยู่ใกล้กัน บางทีการที่เรามีเพื่อนใกล้ๆ บ้านก็ใช่ว่าจะดี เฮ้อ...
     “เราสั่งแล้วนะ แต่ของยังส่งมาไม่ถึงอ่ะ”
     “อืม รู้แล้ว”
     ทำไงได้ละครับ เพราะผมต้องอาศัยรถเขากลับก็เลยต้องช่วยๆ กัน คิดแล้วก็เซ็งครับ ทั้งๆ ที่คุณปู่อนุญาตแท้ๆ แต่คุณพ่อกลับห้าม ท่านไม่ชอบให้ผมขี่ชาโดว์มามหาวิทยาลัย ความจริงท่านค้านหัวชนฝาเลยครับตอนที่รู้ว่าผมซื้อเจ้านี่มา เกือบต้องเอาไปขายต่อแล้ว ท่านบอกจะซื้อรถเล็กให้ผมอีกคันแต่ผมไม่อยากได้ มหาวิทยาลัยผมหาที่จอดยากจะตายครับ ตอนนี้ผมก็เลยแอบดื้อกับคุณพ่อด้วยการขึ้นรถสาธารณะมาเรียนเหมือนเดิม บางทีก็ได้อาศัยติดรถคิวว์นี่แหละครับ
     ก็นะ ... ผมเลิกกับแฟน แม่แต่งงานใหม่ไปเมืองนอก พ่อเองก็มีครอบครัวเดี่ยวที่อยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก เหลือที่ตรงไหนให้ผมเข้าไปแทรก? ผมก็เลยต้องเก็บข้าวของย้ายมาอยู่กับคุณปู่ ทุกคนดีใจกันมากเพราะรู้ว่าผมต้องมาอยู่แบบถาวรเนื่องจากเลิกกับพี่ชัชแล้ว แต่ละคนเอาใจใส่ผมพยายามชดเชยให้ผมทุกอย่างไม่มีอะไรที่ผมอยากได้แล้วไม่ได้ ผมมีบัตรเครดิตเป็นของตัวเองด้วยนะครับ ขนาดวันที่ผมไปเมคโอเวอร์กลับมาแล้วคุณปู่เห็นท่านทำหน้าเหมือนจะเป็นลมแต่แล้วก็เลี่ยงไปพูดว่าจิวคริสตัลที่ผมใส่อยู่ไม่สวยเดี๋ยวจะหาอันใหม่สวยๆ มาให้ผมใส่แทน แล้วผมก็ได้เพชร! ส่วนพี่สาวแฟชั่นนิสต้าตัวแม่ของผมพอได้ข่าวก็รีบบึ่งมาดูลุคใหม่ผม ผมก็เลยมีคนช่วยเป็นสไตลิสต์ให้เพียบ!
     ผมพยายามเปลี่ยนอะไรตั้งมากมายแต่สุดท้ายผมก็ยังเป็นต้นน้ำคนเดิม ความหวาดกลัวความกังวลต่างๆ ยังคงอยู่แต่ผมก็ต้องสู้กับมัน อย่างน้อยผมก็ควรจะใช้ชีวิตให้คุ้มก่อนตาย และต้องใช้มันอย่างมีความสุขด้วยครับ
     ดังนั้นตอนที่คุณปู่บอกว่าจะซื้อรถให้ผมถึงขอให้ท่านซื้อเจ้านินจา650สีดำคันนี้ ยังไม่อยากเวอร์มากจนถอยดูคาร์ติคันเป็นล้านแบบแม็กซ์หรอกนะครับ
     ผมชอบเวลาที่โดนสายลมปะทะกับตัว มองแต่ทางข้างหน้าไม่ต้องคิดอะไร แค่ไปให้ถึงจุดหมาย เหมือนผมได้ควบคุมชีวิตตัวเองโดยไม่ต้องกลัวว่าผมจะโดนทิ้งรึเปล่าเพราะรถไม่มีทางทิ้งคนขับ มีแค่ผมกับมัน
     ผมรู้ดีว่าต้องมีคนคิดว่าผมกำลังทำตัวประชดชีวิตอยู่แน่ๆ เป็นเด็กดีมาตั้งนานแต่สิ่งที่ผมได้รับกลับ... ขอดีแตกนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้คงไม่เลวร้ายเกินไป ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้วครับ ขนาดอยู่เฉยๆ ภาพลักษณ์ผมยังเละเทะ งั้นก็เอาให้มันเต็มที่ไปเลยละกัน
     ความจริงแล้วผมไม่มีอินสตราแกรม แต่คิวว์มี ดังนั้นพอผมสนิทกับคิวว์แล้วเขาทำบอดี้เพ้นท์ให้ผมหรือวันที่เรามีชาบูปาร์ตี้ที่ห้องเขา คิวว์ผู้น่ารักก็มักจะอัพรูปถ่ายคู่ผมแท็กไปแกล้งมิวนิคบ่อยๆ พวกเราชาวฟิสิกส์เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องขำๆ แฟนคลับคิวว์ก็กรี๊ดกราดไปตามประสาแม้จะมีบางคนที่เริ่มคิดบ้าๆ จิ้นผมกับคิวว์ก็ตาม แต่ที่ร้ายที่สุดคือมีคนเอาผมไปด่าอีกแล้วว่าผมฟาดคิวว์เรียบร้อย
     คนพวกนี้ไม่รู้ว่าไปขุดรูปที่ผมถ่ายเล่นตอนไปเที่ยวใต้กับแม็กซ์และอาร์มมาจากไหน ก็กายกำลังบ้ากล้องนี่ครับ ตอนแรกพวกเราก็ถ่ายรูปเล่นกัน แต่ผมอยากแกล้งแม็กซ์ก็เลยแกล้งโพสท่านิดๆ หน่อยๆ ไปๆ มาๆ ก็คุยว่าผมลุคใหม่คล้ายๆ แนวพังก์ผมก็เลยลองแต่งสโมกกี้อายเล่นดู พวกเราวิ่งเข้าเซเว่นไปซื้อของมาเล่นกันตรงนั้นเลยแหละครับ ภาพมันก็เลยออกมาแนวแบดมากๆ ผมมาดูทีหลังยังอายตัวเองเลย ถึงกายจะถ่ายออกมาได้สวยมากทั้งการจัดแสงและอารมณ์ของภาพแต่ผมไม่คิดว่าจะออกมาแรดขนาดนั้น ไม่ต้องพูดว่าแม็กซ์เกรียนอยู่แล้วในภาพที่ผมอยู่กับเขาก็เลยมีเหล้าด้วย บางภาพก็กลายเป็นผมนัวเนียกับอาร์มยั่วแม็กซ์ มันต้องเป็นเพราะตอนนั้นผมเมาแน่ๆ แล้วรูปมันหลุดไปถึงมือคนพวกนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้ ก็เลยกลายเป็นว่าผมแรดมาก ผู้ชายคนไหนอยู่ใกล้ผมไม่แคล้วโดนจับกินหมดทุกคน!
     ดีจังเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นต้นน้ำคนเดิมหรือต้นน้ำคนใหม่ ไม่ว่าผมจะมีลุคแบบไหนก็ไม่เคยอดอยากเรื่องผู้ชายในสายตาชาวบ้าน! ให้ตายเหอะ! ถ้าผมแซ่บอย่างที่เขานินทาจริงผมคงไม่โดนทิ้งหรอก! จากความจริงที่เลิกกันเพราะผมโดนนอกใจกลายเป็นว่าแฟนทนความร่านของผมไม่ไหวต้องขอเลิก บ้าที่สุด!
     “ขอบใจนะต้น”
     “เราต่างหากที่ต้องขอบใจนาย ให้เราติดรถกลับบ่อยๆ เมื่อไหร่พ่อเราจะเลิกห้ามซักทีน้า...”
     “ต้นนี่ดื้อกว่าที่คิดเนอะ เขาก็คงเป็นห่วงมั้งเนื้อหุ้มเหล็กอ่ะ”
     “ขี่มันจะตาย สนุกดีนะเราชอบ”
     “ฮ่าๆ มีพ่อสอนอยู่ที่เดียวกัน จะแอบขับมาก็คงยากเนอะ แต่ตกใจเลยนะที่พ่อนายคืออาจารย์ต้น”
     ผมไม่รู้ว่าควรจะรับมุกยังไงดี ผมรู้ว่าคิวว์ไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ผมไม่อยากใส่หน้ากากต่อหน้าคิวว์นี่ครับ ภาพเหตุการณ์หลายอาทิตย์ก่อนผุดขึ้นในหัว ตอนที่พวกเราเข้าเรียนแล้วมีการเช็กชื่อ นามสกุลผมเปลี่ยนไป หลังจากนั้นมิวนิคก็ทักผม
     “เฮ้ยต้น มึงเปลี่ยนนามสกุลเหรอ?”
      ตอนนั้นผมประหม่ามาก ผมรู้ดีว่ามิวนิคจำนามสกุลผมได้แต่ไม่ฉลาดพอจะนึกออกว่านามสกุลใหม่ของผมมันเหมือนใคร แต่สายตาของเพื่อนบางคนก็มีแววสงสัย ผมรู้ว่าพวกเขาต้องคุ้นหูนามสกุลนี้แน่ๆ พวกเราเรียนกับพ่อผมมาตั้งเทอมเชียวนะ! ผมก็ลังเลนะแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกความจริงออกไป
     “ทำไมเหรอ? ก็ใช้นามสกุลพ่อไง”
     “อ้าว? ละก่อนหน้านี้อ่ะ? ไหนมึงบอกพ่อมึงตายไง?”
     “ไอ้ยักษ์บ้า! อย่ามาแช่งพ่อคนอื่นนะ เราไม่เคยพูดว่าพ่อเราไม่อยู่แล้วซะหน่อย”
     “ก็มึงชอบพูดว่าไม่มีพ่ออะ”
     “ก็ตอนนั้นไม่มีแต่ตอนนี้มีแล้ว จบมั้ย?”
     “แต่นามสกุลมึงเหมือน...”
     เป้ฉลาดพอที่จะจำได้ เขาทำให้ผมยิ่งประหม่า ผมรู้ว่าเพื่อนๆ รอคำตอบจากผมอยู่
     “ก็... เมื่อก่อนอยู่กับแม่สองคนก็ใช้นามสกุลแม่ แต่พอดีตอนนี้ย้ายไปอยู่กับปู่แล้วทางนั้นเขาอยากให้ใช้นามสกุลนี้ พ่อเขาบอกให้ไปเปลี่ยนน่ะ มันจะได้ทำอะไรสะดวก”
     “มึงเป็นลูกอาจารย์ต้น?”
     ผมกำลังอึ้งอยู่ เขาถามตรงชะมัด! ผมพยายามรวบรวมความกล้าตอบออกไป ความลับนี้ผมไม่เคยบอกใครนอกจากไปป์ แต่ตอนนั้นไปป์ยังงอนผมอยู่เลยครับผมเลยไม่มีตัวช่วย แต่ใครจะไปคิดว่าอาร์ทช่วยพูดให้ผม
     “ต้นมันจะลูกใครก็ช่าง พวกมึงเลิกเสือกกันได้แล้ว ไปๆ แยกย้าย กูหิวข้าว”
     “มึงอะตัวเสือกเลยไอ้อาร์ท!”
     ผมนึกว่าผมจะรอดแล้วซะอีก แต่นอยซ์ยังคงนรกสมชื่อ
     “มึงเป็นลูกเมียน้อยของจารย์ต้นเหรอ?”
     “อีนอยซ์!”
     อื้อหือ! ผมหน้าชาเลยนะครับ ก็คิดไว้แล้วว่าถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปคงไม่พ้นถูกมองแบบนี้ ผมก็ทำใจแล้วแต่พอเจอกับตัวเข้าจริงๆ แล้วโคตรเจ็บ! ถึงเมย์จะหันไปด่ามันแทนผมแล้วแต่ผมก็ยังอยากด่ามันอีกอยู่ดีครับ!
     “เอ้า! ก็กูอยากรู้กูผิดเหรอ?”
     “แกไม่ผิดที่อยากรู้แต่ปากแกนี่นะ... เวลาถามหัดถนอมน้ำใจชาวบ้านเขามั่ง!”
     ป่านที่อยากรู้พอๆ กับนอยซ์ช่วยปกป้องผมอีกแรง แต่สายตานี่บ่งบอกมากครับ เฮ้อ...
     “แล้วตกลงจริงป่ะวะ?”
     นอยซ์ยังมีหน้าหันมาถามผมอีกนะครับ ตอนนั้นผมก็อายนะ เคยคิดอยู่ตั้งนานว่าถ้าคนอื่นรู้จะทำยังไง ผมไม่อยากให้ใครขุดเรื่องนี้มาพูด แต่พอมาถึงจุดนี้ ผมอายนะ แต่คิดว่าพูดออกไปตรงๆ เลยดีกว่า ขี้เกียจปิดบังแล้วครับ
     “เปล่า ไม่ใช่เมียน้อย แค่ความผิดพลาดชั่วครั้งชั่วคราวน่ะ เราอยู่กับแม่สองคนมาตลอดแม่ไม่เคยบอกอะไรเราหรอก แต่สงสัยเราโชคดีมั้งในที่สุดก็ได้เจอพ่อบังเกิดเกล้า เหมือนละครเลยเนอะ ฮ่าๆ”
     ผมพยายามพูดให้ขำนะ แต่มุกของนอยซ์กลับทำให้ผมหน้าชามากกว่าเดิม
     “งั้นมึงก็สมเป็นนางเอกละครสุดๆ เลยสิวะ โดนข่มขืนด้วย”
     ผมอึ้งมาก มันชาไปทั้งหน้าจนไม่รู้จะทำยังไง ผมต้องตั้งสติตัวเองอยู่สองสามวิถึงจะสั่งให้ตัวเองฝืนยิ้มแล้วพูดติดตลก คนอื่นเงียบทั้งห้องเลยครับ
     “ไม่หรอก ... คือ... ในทางเทคนิคแล้วถ้าเขายังไม่ได้เอา ไอ้นั่น ใส่เข้ามาในของเราก็ยังถือว่าไม่โดนได้ใช่มั้ย? คือ... คนที่เขาเห็นคลิปยืนยันมาน่ะว่าเราปลอดภัยจริงๆ พอดีเราก็จำอะไรไม่ค่อยได้ด้วย ฮะๆ แบบ เราเมายาอยู่อะนะ”
     “มิน่า ไอ้เด็กวิดวะนั่นถึงต้องออก เล่นกับใครไม่เล่นเสือกลากลูกรองไปมอมยา มึงนี่โคตรน่ากลัวเลย กูไม่กล้ามีเรื่องกับมึงแน่ๆ”
     ผมเจ็บนะ ผมเจ็บที่คนอื่นคิดกับผมแบบนี้
     “บ้า! เราก็อยู่ของเราเงียบๆ แบบนี้มาตั้งนานแล้ว เราไม่ไปหาเรื่องนายหรอกน่ะ”
     ตอนนั้นผมแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน แต่วันนี้คิวว์ทำให้ผมนึกถึงเรื่องในวันนั้น เฮ้อ... แผลสด ผมยังไม่ชินกับการมีพ่อเลยครับ
     “ชีวิตเรามันแย่ใช่มั้ยล่ะ ลูกนอกสมรส”
     “ใครบอก มันก็ไม่ได้แย่นะ แต่เราก็พอเข้าใจละว่าทำไมเมื่อก่อนต้นชอบเก็บตัว ตอนนี้นายโอเคป่ะล่ะ? ถ้ามีอะไรอยากให้เราช่วยก็บอกนะ”
     คิวว์ยิ้มให้ผมอย่างจริงใจ การที่เขามาใกล้ชิดผมอาจจะทำให้ภาพลักษณ์ตัวเองเสียหายแท้ๆ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ นิสัยก็ดีหน้าตาก็หล่อ มีซิกแพค บ้านรวย เฮ้อ... คุณสมบัติแบบนี้เจ้าชายชัดๆ ผู้ชายในฝันของสาวๆ เลย
     “ขอบใจนะคิวว์ เท่านี้ก็มากพอแล้วล่ะ”

     พอผมถึงห้องคิวว์ ผมก็ช่วยเขาหาเจ้าแรมโบ้ โชคดีที่ห้องคิวว์ไม่รกผมเลยไม่ต้องลำบากเก็บกวาดเหมือนตอนไปห้องแม็กซ์ แต่ผมก็ต้องรื้อห้องนอนของเขาทุกซอกทุกมุม ผมบอกให้คิวว์เอากรงไว้ในห้องนั่งเล่นเขาก็ไม่เชื่อ บอกอยากอยู่ใกล้ๆ ลูกตัวเองทุกคืน เสียงเจ้าหนูประสาทนี่วิ่งปั่นกรงล้อดังจะตายนอนเข้าไปได้ยังไง! คราวนี้เจ้าแฮมสเตอร์บ้าพลังมันหนีเข้าไปอยู่หลังหัวเตียง ผมต้องช่วยคิวว์ยกเตียงห้าฟุตออกมาแล้วพยายามล้วง แต่เจ้าแรมโบ้โรคจิตมันไม่ยอมออกมาครับ! เลยต้องไปหาไม้ยาวๆ มาเขี่ย กว่าจะไล่มันออกมาได้ เฮ้อ...
     ผมจับเจ้าแรมโบ้ใส่กรงแล้วกะจะเอาสก็อตเทปยึดประตูไว้แต่คิวว์ก็ดันมาห้ามผม บอกเผื่ออยากลูบหัวลูกก่อนนอน เพราะแบบนี้แหละเจ้าแรมโบ้ถึงหลุดออกมาทุกคืน!
     “ขอบคุณน้าต้น ช่วยเราไว้อีกแล้ว”
     “ไม่เป็นไร แต่ขอร้องอย่าบ่อย เราเหนื่อย”
     “ฮะๆ”
     คิวว์ยิ้มรับแล้วหัวเราะสดใสมากครับ เขาไม่ต้องเหนื่อยเหมือนผมนี่! ไม่รู้ทำไมไอ้หนูบ้านี่ชอบนิ้วผมจัง ถ้ามันได้กลิ่นนิ้วผมนะมันจะรีบพุ่งเข้ามางับทันทีเลย ผมก็เลยต้องมาเก็บหนูหายให้คิวว์บ่อยๆ
     “งั้นค้างกับเราป่ะ พรุ่งนี้คาบเช้าก็เรียนเหมือนกันอยู่แล้ว”
     “ขอโทรบอกปู่ก่อนดีกว่า ว่าแต่นายไม่มีงานเหรอ ช่วงนี้ว่างเยอะจัง”
     “ฮะๆ ก็ขึ้นปีสามแล้ว อยากตั้งใจเรียนอ่ะ เทอมที่แล้วเกรดไม่ค่อยดี เราเลยเพลาๆ งานอ่ะ”
     ได้ยินแล้วรู้สึกผิดจังเลยครับ ปกติคิวว์ได้งานเดินแบบเยอะจะตาย มาปีนี้เหลืองานถ่ายแบบไม่กี่ตัวเอง งานโฆษณาก็น้อยลงด้วย
     “ขอโทษนะ”
     “เฮ้ย! ไม่เกี่ยวกับนาย เราไม่ขยันเอง”
     นี่แหละครับคิวว์ ผมโชคดีจังที่มีเพื่อนแบบนี้ คิวว์กับผมเจอกันในวิชาเลือก พอขึ้นปีสามแล้วพวกเราก็กระจายกันพอสมควรครับ คิดถึงไปป์จัง
     “ขอบคุณนะ งั้นเย็นนี้อยากทานอะไรเดี๋ยวทำให้”
     “อา... สลัดผักกับอกไก่อบได้ป่ะ ของสดอยู่ในตู้เย็น”
     แหม เตรียมไว้พร้อมเลยนะครับ ชักยังไงๆ ละ
     “นี่ไม่ได้หาเรื่องแอบปล่อยเจ้าแรมโบ้ใช่มั้ยเนี่ย?”
     “เอ้ย เปล่า! มันหลุดออกมาเอง แต่ความจริงก็กะจะชวนต้นมาอยู่แล้วล่ะ พอดีมีลายใหม่อยากนำเสนอ ส่วนเรื่องของกินมันผลพลอยได้ ฮะๆ”
     แล้วผมก็เลยต้องทำอาหารให้คิวว์ ผมสงสารเขาเหมือนกันนะ ต้องดูแลรูปร่างแทบตาย จะทานอะไรตามใจตัวเองมากก็ไม่ได้ เวลาผมมาค้างด้วยเขาก็คงทานอาหารสนุกขึ้นมั้งครับ เพราะผมทำอร่อยด้วยแหละ แต่เอ๊ะ! ... พอคิดไปคิดมาแล้ว ทำไมผมอยู่กับใครก็ต้องเป็นแม่บ้านให้คนอื่นหมดเลยล่ะ!
     เป็นอันว่าคุณปู่อนุญาต ผมได้ค้างกับคิวว์ครับ พอทานอาหารเย็นเสร็จแล้วผมก็เปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้น(มาก)ให้คิวว์ทำบอดี้เพ้นท์ให้ คิวว์ให้ผมขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ ส่วนตัวเองก็นั่งตรงเก้าอี้ ผมต้องวางเท้าไว้ตรงหว่างขาเขาเพราะคิวว์บอกว่าไม่งั้นจะวาดไม่ถนัด ถึงคิวว์จะวาดภาพสวยมากแต่ติดนิสัยชอบก้มติดหน้ากระดาษครับ จมูกเขาแทบจะชนกับต้นขาผมอยู่แล้ว! แต่ก็คุ้มนะ เพราะผมได้เถาวัลย์หนามสุดเท่มาพันอยู่รอบต้นขาผมเกือบถึงหัวเข่า เท่ดีครับ โคตรชอบเลย!
     “ต้นไม่อยากทำตรงหน้าท้องแล้วเหรอ?”
     ผมเคยให้คิวว์วาดดอกไม้กับผีเสื้อลงตรงหน้าท้องครับ ไล่ไปจนถึงสะโพก แต่รับรองว่าแค่เพ้นท์ลายเฉยๆ ครับ ผมกับคิวว์ไม่มีอะไรกันทั้งนั้น เพื่อนผมคนนี้ยังเป็นหนุ่มเวอร์จิ้นอยู่เลย
     “ไม่เอาแล้วล่ะ ไปป์ยุ่ง วันก่อนมาเปิดเสื้อเราดูด้วย สีมันเข้มไปอ่ะ เสื้อขาวมันมองเห็นชัด”
     สำคัญกว่าไปป์คือคุณพ่อผมนี่แหละครับ ท่านไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ เฮ้อ... แล้วเสื้อนิสิตก็เป็นสีขาวด้วย มันเห็นชัดมาก ผมก็เลยได้แต่แอบทำตรงขานี่แหละ คงไม่มีใครมาถอดกางเกงผมดูหรอกมั้ง?
     “ตรงข้อเท้ากับแขนก็ไม่ได้แล้วใช่มั้ย? เราอยากวาดภาพใหญ่ๆ อ่ะ ที่ต้นเคยบอกว่าอยากได้มังกรไง คิดได้ลายนึง น่าจะเหมาะกับต้น”
     ลายทั้งหมดที่คิวว์วาดให้ผมเขาออกแบบเองครับ เพื่อนผมคนนี้จะเพอร์เฟคไปไหนเนี่ย! เขาจะเก่งทั้งวิชาการและงานอาร์ตเลยรึไง? อิจฉาชะมัด!
     “เราก็อยาก แต่ถ้าพ่อเราเห็นเราแย่แน่ๆ ไม่อยากให้มีปัญหาน่ะ”
     “แล้วตอนปิดเทอมล่ะ? ช่วงปิดเทอมคงไม่เป็นไรมั้ง”
     “อาจจะนะ ตอนนั้นพ่อเราคงไม่ว่าหรอกมั้ง”
     พอได้ยินผมพูดคิวว์ก็ยิ้ม เฮ้อ... นี่มันเหมือนผมรับปากเขากลายๆ เลยไม่ใช่รึไง
     “งั้นมาถ่ายรูปกัน สวยนะเนี่ย ฝีมือใครน้า?”
     “ชมตัวเองนะคิวว์”
     คิวว์ยิ้มแล้วก็เอามือถือมาถ่ายขาของผมอัพลงในอินสตราแกรม ปกติเวลาคิวว์ถ่ายลายเพ้นท์เขาถ่ายแค่ผลงานตัวเอง ไม่เคยถ่ายติดให้เห็นหน้าผมๆ ก็เลยปล่อยให้เขาเล่นสนุกไป แต่เพราะวันนี้เป็นทั้งขามั้งครับไม่ได้ถ่ายเจาะตรงลายเลยมีคนถามเข้ามาว่าขาของใคร แล้วซักพักก็มีเสียงไลน์เด้งรัวๆ คิวว์หัวเราะก๊ากแล้วยื่นให้ผมดู
     “มึงอยู่กับต้นเหรอ”
     “สัส มึงทำไรต้นวะ”
     “อย่าบอกนะว่าคนที่มึงเพ้นท์ให้มาตลอดคือต้น”
     “กูจะฆ่ามึง สัสคิวว์”

     ผมหัวไปมองหน้าคิวว์ เฮ้อ...
     “มิวนิวมันจำขานายได้ด้วยนะต้น เหลื่อเชื่อเลย”
     ผมควรจะดีใจที่มีคนจำขาผมได้งั้นเหรอ?
     “มันหวงนายน่าดู”
     “ช่างเขาเถอะ”
     “ไม่ใจอ่อนบ้างเหรอ?”
     “ใจอ่อนอะไร เราไม่ได้คิดอะไรกับมิวนิค”
     “แต่ท่าทางมันชอบนายจริงๆ นะ ไม่มองมันหน่อยเหรอ?”
     ผมจะรักใครได้ยังไงในเมื่อหัวใจของผมยังมีแต่พี่ชัช
     “อ๊ะ! หรือนายยังไม่ลืมแฟนเก่า?”
     “เอาเป็นว่าเราอยากอยู่คนเดียวซักพักแล้วกัน”
     “ฮะๆ ปากแข็งจัง ต้นนี่น่ารักดีเนอะ ใครได้เป็นแฟนคงโชคดี นายเจ๋งกว่าผู้หญิงบางคนอีก ทำได้ทุกอย่าง นิสัยก็น่ารัก เสียดายแทนแฟนนายจริงๆ เขาน่าจะรักษานายไว้ดีๆ ไม่น่าปล่อยนายหลุดมือเลย แต่มีคนมาจีบนายตั้งเยอะ ไม่ลองมองใครบ้างล่ะต้น?”
     “ใครจีบเราเยอะ? มาจีบคนที่เคยโดนมอมยาเนี่ยนะ บ้าละ! ไม่เห็นจะมี ว่าแต่นายยังไม่ได้ออกกำลังเลยนะคิวว์ รีบๆ ไปทำเหอะ จะได้อาบน้ำนอนกัน”
     “คร้าบ พี่ต้น ฮะๆ”
     ผมยิ้มขำๆ ให้คิวว์ทั้งๆ ที่ในใจแอบคิดถึงคนบางคน ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะเสียดายผมรึเปล่า... แต่ช่างมันเถอะครับ ก็เลิกกันแล้ว ต่างคนต่างมีชีวิตใหม่ของตัวเอง...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



น้องไปป์น่ารักมั้ย? เลี้ยงง่ายเนาะ แต่ต้นร้ายที่สุด ฮ่าๆ เมื่อก่อนน้องต้นเดินตลาด ตอนนี้ฮีเดินวิลล่าแล้วนะจ้ะ เหอะๆ (มีคนเก็ทมุกมั้ยเอ่ย?)
ชอบคู่นี้อ่ะ ต้นกับไปป์ไม่ใช่ความสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่มันมุ้งมิ้งดี คุณแม่ต้นกับลูก(หมา)ไปป์ อิๆ

เปิดตัวหนุ่มอีกคนในฮาเรม คิวว์น่ารักมั้ยเอ่ย? ฮ่าๆ เป็นผู้ชายที่เลี้ยงแฮมสเตอร์ด้วยแหละ แต่อ๊ะๆ ... มิวนิคชักเยอะน้า ยังไงๆ แฮะ!

เป็นยังไงบ้าง น้องต้นคนใหม่ มันใหม่ตรงไหนวะเหมือนเดิมเด๊ะ! ดูเผินๆ อาจจะเหมือนเดิม แต่เก็บกดน้อยลงนะว่ามั้ย ปล่อยวางมากขึ้น ยอมรับแล้วก็เปิดใจกับเพื่อนๆ มากขึ้น ต้นกำลังพยายามปรับตัวเข้าสังคมสุดชีวิต ฮ่าๆ
ต้นทิ้งท้ายไว้แบบนี้ คนอ่านจะคิดยังไงน้อ ...  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#24/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน23
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 25-11-2014 00:09:16
แอบเชียร์ มิวนิคดูเป็นผู้ชายโง่ๆ ตรงๆคิดอะไรแสดงออกมาอย่างนั้น หลอกง่ายดี เหมาะให้เป็นผู้ชายในคอนโทล
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#25/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน23
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 25-11-2014 03:10:17
ต้นน้ำ

     เมื่อเทอมใหม่เริ่มเข้าที่เข้าทางชีวิตของผมก็เริ่มวุ่นวายมากขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาคนพูดถึงผมเขาก็คงพูดถึงต้นน้ำภาคฟิสิกส์ที่หยิ่งๆ แต่ตอนนี้คงกลายเป็นลูกรองที่โดนมอมยา แถมยังเพิ่มดีกรีความหมั่นไส้ให้ชาวบ้านด้วยการเป็นซี้กับคิวว์ ผมถูกแฟนคลับคิวว์บางคนวิจารณ์ว่าไม่สมควรเสนอหน้าไปเป็นเพื่อนกับคิวว์ การที่เขามาสนิทกับผมจะทำให้ถูกมองไม่ดีตามไปด้วยเพราะผมมีพฤติกรรมน่ารังเกียจหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องผู้ชาย เรื่องนี้ทำให้คิวว์เสียความรู้สึกมากครับ เขาตอบโต้ว่าเขาเป็นเพื่อนกับผมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ถึงผมจะเป็นเกย์แต่ก็เป็นเพื่อนรักของเขา เราสองคนไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แต่ใครจะเชื่อละครับ ยังอุตส่าห์มีคนออกมาดริฟว่าถ้าผมบริสุทธิ์ใจจริงผมก็ควรจะถอยห่างออกมาจากคิวว์เพราะผมทำให้คิวว์ต้องมัวหมองจากภาพลักษณ์อื้อฉาวของผม ให้ตายเหอะ!
     ผมห้ามได้เหรอที่อยู่ๆ จะมีรูปแอบถ่ายผมกับคิวว์หลุดออกไปลงเว็บสาธารณะแล้วก็มีคอมเม้นท์งี่เง่าจากไหนไม่รู้มาโพสอย่างกับรู้จักผมดีไล่ตั้งแต่ประวัติสมัยเรียนประถมยันมัธยม ผมเกลียดโซเชี่ยล! แต่คิวว์เพื่อนรักของผมเป็นนายแบบและมีชื่อเสียง ดังนั้นคิวว์เลยมีคนรู้จักเยอะ บางคนก็เป็นเน็ทไอดอลและก็อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับผมและคิวว์ แต่เขาเกลียดผม เขานินทาผมลับหลังว่าผมเกาะติดคิวว์เพราะอยากดัง ผมเนี่ยนะอยากดัง? จะบ้าตายครับ! ผมผิดเหรอที่ผมเรียนภาคเดียวกับคิวว์ ลงวิชาเลือกเดียวกัน บ้านอยู่ใกล้กัน แล้วช่วงหลังนี้เราก็สนิทกันมากเพราะมีงานอดิเรกร่วมกัน
     พวกเราพยายามหากันว่าใครเป็นต้นตอข่าวลือบ้าๆ พวกนี้ แต่ลำพังเด็กฟิสิกส์ที่ไม่มีใครเป็นอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์แบบพวกเราจะจับมือใครดมได้ละครับ ผมก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลยแล้วแต่ปากคนพูดไป อย่างน้อยเด็กปีหนึ่งภาคผมก็ไม่เข้าใจผิดคิดว่าผมชอบอ่อยผู้ชายก็แล้วกัน! แล้วผมก็ได้น้องๆ พวกนี้แหละคอยแก้ข่าวให้ บางคนก็คอยอัพเดทข่าวให้ผมฟัง แต่ผมไม่อยากฟังมากหรอกครับ ปวดหัว! แค่รับมือเรื่องแม็กซ์ก็จะตายอยู่แล้ว
     ผมสนิทกับอาร์มมากกว่าเดิมเพราะผมไม่กล้าใช้แม็กซ์เป็นกันชนเหมือนเมื่อก่อน คือ... บางทีมันก็อึดอัดนะครับ แม็กซ์ไม่ได้รุกผมหนักหรอก แต่... การที่คุณปู่เชียร์แม็กซ์มากเกินไปผมก็รู้สึกไม่ค่อยดี แม็กซ์มาทานข้าวที่บ้านเกือบทุกอาทิตย์ เขาปรับตัวเข้ากับคนแก่ที่บ้านผมได้เก่งเหลือเชื่อ แม็กซ์ไม่ได้เร่งรัดผมแต่พอสบสายตาย่ามใจของเขาแล้วผมก็หมั่นไส้ขึ้นมา เพราะงั้นบางครั้งผมเลยหนีแม็กซ์ไปกับเพื่อนคนอื่นในภาคหรือบางทีก็ไปกับอาร์มแทน ผมก็เลยยังโดนข้อหาฟาดเรียบอยู่เรื่อยๆ
     แต่สิ่งที่ผมรำคาญที่สุดก็คือพวกเกย์ที่เข้ามาจีบผมตรงๆ ครับ เหมือนกับตอนนี้
     “ต้นชอบฟังเพลงแนวไหนเหรอ?”
     “ก็ฟังได้เรื่อยๆ”
     “เจกำลังฝึกดีเจอยู่ ต้นอยากดูป่ะ?”
     หมอนี่ชื่อเจ เจอกันในวิชาเลือกและผมอยู่กลุ่มเดียวกับเขา ทำไมผมต้องมานั่งทำงานกลุ่มกับหมอนี่ด้วย! คิดถึงเมษจังเลยครับ คิดถึงเพื่อนๆ ของเมษด้วย ผมเคยไปเที่ยวกับพวกนั้นครั้งนึง รู้สึกสบายใจกว่าตอนอยู่กับเจเยอะเลยครับ อย่างน้อยเพื่อนเมษก็ไม่แอ๊บ ทุกคนเป็นตัวของตัวเองไม่ดูเฟคเหมือนเจ
     “เจรีบทำงานให้เสร็จเถอะ เราอยากกลับบ้าน”
     “งั้นเสร็จแล้วต้นไปกินข้าวกับเจนะ”
     “เราไม่สะดวกน่ะ โทษที”
     “งั้นคืนนี้เจขอโทรหาต้นนะ”
     “เรานอนแต่หัวค่ำน่ะ”
     “ต้นไม่ชอบเจเหรอ...”
     ปฏิเสธขนาดนี้คงชอบมั้ง! ถามมาได้ แต่ผมไม่อยากทำตัวไม่ดีใส่เจ
     “เปล่า คือ... เรา ... เรา
     เจไม่ได้ทำอะไรผิด เขาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกไม่ดี แต่... ผมไม่ชอบเขานี่นา
     “เจออยากให้ต้นเปิดใจกับเจบ้าง อย่าปิดกั้นตัวเองเลย”
     ผมไม่ได้ปิดกั้นตัวเองแต่ผมรำคาญ!
     “ต้นลองคุยกับเจก่อนก็ได้ ถ้าต้นไม่ชอบเจจริงๆ เจก็ไม่ฝืนต้นหรอก”
     ให้ตายยังไงก็ไม่มีวันครับ!
     “เจชอบต้นนะ เจอยากมีแฟนแมนๆ เหมือนกัน คบกันแบบเพื่อน ไปไหนไปกันลุยๆ แบบผู้ชายอ่ะ”
     ผมก็มีเพื่อนผู้ชายเยอะจะตาย ทั้งภาคเลย ไม่เห็นอยากได้แฟนที่คุยแบบเพื่อนเพิ่ม!
     “ต้นตรงสเปคเจเลยนะ”
     อี๋! เขากุมมือผม! ผมพยายามจะชักมือกลับแต่เจกุมมือผมแน่นมาก เขายิ้มในแบบที่คงคิดว่าตัวเองหล่อให้ผม การยิ้มแบบเอียงคอนิดๆ ทำสายตาเป็นประกายอมยิ้มให้ดูอบอุ่น เฟคชะมัดเลยครับ! อะไรจะประดิษฐ์ขนาดนั้น ผมเกลียดจมูกที่โด่งจนโอเวอร์ของเขาด้วย เห็นแล้วขัดใจชะมัด!
     “เราไม่ได้แมนขนาดนั้นหรอกเจ เราเตะบอลไม่เป็นนะ มีแต่คนบอกว่าเรานิสัยจุกจิกเหมือนผู้หญิง”
     “ฮ่าๆ ต้นน่ารักจัง”
     เจหัวเราะกว้างแบบที่ผมรู้สึกว่าเหมือนการจีบปากจีบคอ แล้วเขาก็เอียงหน้าด้วยมุมแห่งดวงดาวที่กะว่าคงดูดีที่สุดส่งยิ้มให้ผม เจจ้องตาผมกะให้เอาซึ้งจนผมขนลุก!
     “แต่เจชอบนะ อยากเป็นแฟนต้นจัง”
     แต่ผมไม่ชอบ! ผมไม่อยากมีผัวที่พกแป้งพัฟแถมยังใช้แป้งขาวกว่าผิวตัวเองจนหน้าเทา ปากก็แดงแทนที่จะใช้ลิปมันไม่มีสี หมอนี่แอบทาทิ้นท์เชียวนะ! ที่สำคัญเจสักคิ้วด้วยครับ ผมรับไม่ได้หรอก!
     ถึงผมจะไม่ชอบเวลาที่มีคนมาบอกว่าตัวเองสาวแตกแต่ผมก็มั่นใจว่าผมไม่เยอะเท่าเจแน่นอน! การพยายามเฟคความแมนพวกนั้นของเจคืออะไร? ความแมนมันไม่ได้ออกมาจากท่าทางซะหน่อย แล้วผมก็ไม่ได้เลือกรักใครเพราะความแมนด้วย อยากได้แมนๆ ก็นั่นไงครับมิวนิค แมนมีแต่กล้ามจนไร้สมอง!
     “ต้น นายเสร็จรึยัง?”
     ขอบคุณสวรรค์! เพราะคิวว์เดินเข้ามาทักเจเลยปล่อยมือผมซะที ผมเลยหันไปยิ้มขอบคุณคิวว์
     “ยังเลยอ่ะคิวว์”
     “ไม่เป็นเดี๋ยวเรารอ”
     “งั้นเจ เดี๋ยวเราขอเอากลับไปทำต่อเองนะ มีอะไรจะส่งเข้าเมลล์ให้ โอเคมั้ย?”
     “ได้สิต้น”
     เจพยายามยิ้มเท่ให้ผม แต่ผมเห็นนะ เขาแอบมองคิวว์ตาไม่กระพริบ สีหน้านี่จิกพอๆ กับเมษเลยครับ แมนอะไรกัน!

     ผมหนีมาได้เพราะคิวว์แท้ๆ
     “ขอบใจนะคิวว์ เมื่อกี้เกือบแย่”
     “ไม่เป็นไร ต้นก็ ... ฮะๆ ต้นก็ดูแลตัวเองดีๆ นะ”
     มีหัวเราะเยาะผมนะ!
     “รู้แล้วน่ะ!”
     “ฮะๆ กลับเลยเปล่า? หาอะไรกินกันก่อนมั้ย?”
     “ไม่อ่ะ วันนี้เรามีธุระต่อ นายกลับไปก่อนเถอะ เรากลับเองได้”
     “จะไปไหนเหรอ ให้เราไปส่งมั้ย?”
     “ไม่เป็นไร เราไปเองได้ ไปนะ บาย”
     ผมทนไม่ไหวแล้วครับ! ต่อให้ต้องโดนพี่ธันย์เตะผมก็ยอม!
     ดังนั้นพอพี่ธันย์เดินออกมาจากห้องผมก็ถลาเข้าไปหาพี่เขา พี่ธันย์หน้าเปลี่ยนสีไปแค่แว๊บเดียวแล้วก็เดินหนีผม
     “เดี๋ยวสิ พี่ธันย์! อย่าทิ้งต้นนะ!”
     ผมรู้ว่าพวกรุ่นน้องต้องสนใจแน่ๆ เป็นดังคาดพี่ธันย์เดินกลับมาหาผมแล้วเขกกะโหลกผมต่อหน้าคนอื่น ผมมีหวังแล้ว! พี่ธันย์ต้องช่วยผมแน่ๆ
     “คืนนี้ขอต้นไปค้างห้องพี่ธันย์นะ”
     พี่ธันย์ถอนหายใจแล้วจ้องผมนิ่งเลย
     “เดี๋ยวต้นโทรบอกปู่ได้ ขอปู่แล้วพ่อไม่ว่าหรอก”
     “มีงานกะเย็น”
     “กุญแจ”
     ผมแบมือตรงหน้าพี่ธันย์ พี่เขาส่ายหน้าเหมือนปลงๆ แล้วก็หยิบกุญแจออกมาให้ผม สำเร็จครับ พี่ธันย์ยอมผมแล้ว!
     “ต้นไปรอที่ห้องนะ เดี๋ยวเย็นนี้จะทำของโปรดให้ทาน”
     ดังนั้นผมก็เลยได้มารออยู่ที่ห้องพี่ธันย์ ถึงพี่ธันย์จะเป็นผู้ชายหน้าดุแต่ก็เนี้ยบกว่าพี่ชัชอีกครับ ห้องของพี่ธันย์สะอาดเป็นระเบียบไม่ค่อยมีอะไรให้ผมทำเลย ดังนั้นพอผมทำรายงานเสร็จผมก็เลยทำกับข้าว ผมแอบซื้อกระทะไฟฟ้าใบเล็กๆ กับหม้อหุงข้าวมาใช้เองแหละ โดนพี่ธันย์ด่าเละเลยบอกว่าเปลืองไฟ แต่พอผมมาค้างด้วยแล้วทำกับข้าวทีไรพี่ธันย์ก็ทานเกลี้ยงนะ หึๆ ผมอยู่กับพี่ธันย์มาตั้งหลายปีรู้หมดแหละว่าพี่ธันย์ชอบอะไร
     ราวๆ สามทุ่มกว่าพี่ธันย์ก็กลับมาถึง ผมกำลังตากผ้าเช็ดตัวเพราะพึ่งอาบน้ำเสร็จเลยครับ พอพี่ธันย์เข้ามาในห้องก็ตรงมาหาผมแล้วยกขาขึ้นเตะ!
     “โอ้ย! ต้นเจ็บนะพี่ธันย์”
     ถึงพี่ธันย์ไม่ได้เตะแรงมากแต่มันก็เจ็บอ่ะ ชอบใช้กำลัง!
     “เล่นบ้าอะไร! บอกกี่ครั้งแล้วอย่าทำแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น”
     “ก็ต้นทนไม่ไหวแล้วอ่ะ พี่ธันย์เป็นแฟนต้นนะ พี่ธันย์รับปากกับต้นแล้ว ละต้นก็จ่ายค่าจ้างให้แล้วด้วย!”
     ผมชี้ไปที่หม้อหุงข้าวกับกระทะไฟฟ้า มีจานใส่กุนเชียงทอดของโปรดพี่ธันย์วางอยู่ใกล้ๆ
     “ค่าจ้างที่ทำให้พี่ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มเนี่ยนะ?”
     “พี่ธันย์ก็ย้ายไปอยู่กับต้นสิ ปู่ต้นใจดีไม่ว่าหรอก”
     ผมพยายามอ้อนแต่พี่ธันย์ตบหัวผมอีกแล้ว!
     “เพ้อเจ้อ!”
     “งั้นเราไปหาห้องใหม่อยู่กันสองคนก็ได้”
     “หุบปาก!”
     พี่ธันย์ถอดเสื้อผ้าตัวเองทำท่าจะอาบน้ำ ไม่สนใจผมเลย!
     “แต่ต้นอยากอยู่กับพี่ธันย์นี่!”
     “รำคาญ!”
     คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปแล้ว ... พี่ธันย์นี่เล่นตัวชะมัด!
     พอพี่ธันย์ออกมาจากห้องน้ำผมก็เลยตักข้าวให้ พี่ธันย์มองจานข้าวแล้วทำหน้าดุ
     “แฉะ!”
     อึ๋ย! โดนด่าเลย...
     “ขอโทษ ต้นยังไม่ชินกับหม้ออันนี้”
     “เออช่างเหอะ พี่ไม่หวังอะไรกับเด็กซื่อบื้ออยู่แล้ว”
     นั่นว่าผมอีก ผมซื่อบื้อก็เพราะเมื่อก่อนพี่ธันย์ตบหัวผมทุกวันนั่นแหละ!
     “พี่ธันย์ ... เปิดตัวกันซะทีไม่ได้เหรอ?”
     “แล้วเพื่อนคนนั้นล่ะ?”
     “ต้นไม่อยากให้เขามีความหวังเพิ่ม”
     “คนอื่น”
     ผมมองไม่เห็นใครอื่นที่จะช่วยผมได้อีก ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้อาร์ม
     “ต้นไม่อยากทำให้เพื่อนเดือดร้อน พวกเขาดีกับต้นมาก ต้นเกรงใจเขา”
     พี่ธันย์ไม่ยอมตอบอะไรผมเอาแต่ทานข้าวเงียบๆ กุนเชียงทอดนี่มันอร่อยขนาดนั้นเลยรึไงนะพี่ธันย์
     “นะพี่ธันย์ เปิดตัวกันนะ ต้นเบื่อ รำคาญจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
     “สม!”
     พี่ธันย์ยิ้มร้ายกาจมาก!
     “วันนี้มันจับมือต้นด้วยนะ! วันก่อนก็มีพวกแปลกๆ ไลน์มา ไม่รู้มันได้ไอดีต้นไปได้ยังไง มันชวนต้นเข้ากลุ่มสวิงกิ้ง โรคจิตชะมัด!”
     พี่ธันย์ยังคงนั่งทานข้าวไปพร้อมกับทำหน้าสมน้ำหน้าผม ใจร้าย!
     “ไม่ห่วงน้องเลยรึไง? เนี่ยวันก่อนไปทานข้าวกับเพื่อนก็ถูกคนอื่นหาเรื่อง เพื่อนต้นเป็นนายแบบมีคนรู้จักเยอะ มีคนมานั่งคุยด้วยไปๆ มาๆ ก็แกล้งถามเรื่องอินสตราแกรมต้น ต้นบอกไม่มีมันก็แกล้งทำเป็นไม่เชื่อ อ้างว่าต้นดังจะตายใครๆ ก็รู้จัก พี่ธันย์คิดดูสิต้นจะดังเรื่องอะไรได้อีกล่ะ? แล้วก็มาบลัฟว่าตัวเองมีคนติดตามเป็นหมื่น แฟนคลับเพียบเพราะเขาไม่มีเรื่องฉาว ตั้งใจพูดข่มกันเห็นๆ ไร้สาระ!”
     “ก็รู้นี่”
     “แต่ต้นไม่ไหวแล้วนะพี่ธันย์ คิดไม่ออกแล้วว่าจะตอบโต้ยังไงดี เบื่อพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านพวกนี้สุดๆ อ่ะ”
     “อยู่เฉยๆ”
     ผมอ้าปากค้างมองพี่ธันย์ที่ใจร้ายกับผมมาก เล่าขนาดนี้แล้วยังไม่เห็นใจกันอีก!
     “พี่อิ่มแล้ว กินเสร็จแล้วล้างจานให้พี่ด้วย การบ้านพี่เยอะ”
     พี่ธันย์วางจานข้าวใบนั้นลงตรงหน้าผมแล้วเดินไปหยิบหนังสือในกระเป๋าออกมาอ่าน
     “พี่ธันย์จะไม่ช่วยต้นจริงๆ เหรอ?”
     “พี่ไม่เห็นว่าเปิดตัวแล้วจะมีประโยชน์อะไร”
     “ก็เวลามีคนมาจีบต้นจะได้อ้างว่ามีแฟนแล้ว คนอื่นจะได้ไม่หาว่าต้นชอบอ่อยด้วย”
     “เป็นแฟนกับพี่ไม่ช่วยอะไร ต้นก็รู้ว่าพี่หวานไม่เป็น”
     “ไม่เห็นเป็นไรเลย ยังไงต้นก็ถือว่ามีแฟนแล้ว นะ เป็นแฟนกับต้นนะ”
     “แล้วต้นก็จะถ่ายรูปคู่ลงเน็ททำเป็นว่ามีความสุขทำนองนั้นเหรอ? บอกเลิกเขาเองไม่ใช่รึไง สมน้ำหน้า!”
     “ไม่เกี่ยวกับแฟนเก่าต้นซักหน่อย!”
     ตายล่ะ! ผมเผลอตวาดใส่พี่ธันย์ แต่พี่เขากลับเงยหน้ามามองผมแล้วยิ้มแทน
     “หรา...”
     โอ้ย! โมโหครับ! พี่ธันย์ใจแข็งชะมัด ผมงอนก็เลยนั่งทานข้าวต่อเงียบๆ ไม่อยากง้อแล้ว! แต่อยู่ๆ พี่ธันย์ก็พูดขึ้น
     “พี่จะยอมเปิดตัวก็ได้ แต่มีเงื่อนไขข้อนึง”
     “จริงนะ?”
     “รับปากพี่ก่อน”
     “ต้นรับปาก”
     “อย่าโกหกตัวเองอีก ทำได้รึเปล่า?”
     คำขอของพี่ธันย์ทำให้ผมสะอึก
     “ต้นก็ไม่ได้โกหกอะไรนี่ ต้นว่าตอนนี้ต้นสบายๆ นะ”
     “ก็เหลือแต่เรื่องนั้นเรื่องเดียวแหละ พี่ไม่อยากเห็นน้องตัวเองแกล้งทำเป็นมีความสุข พี่อยากเห็นต้นมีความสุขจริงๆ”
     “ก็ต้นยังทำใจไม่ได้นี่พี่ธันย์!”
     “พี่ก็ไม่ได้เร่ง พี่รู้ว่าของแบบนี้ต้องใช้เวลา แต่ถ้าถึงเวลาขึ้นมาจริงๆ ต้นจะกล้ายอมรับความจริงรึเปล่า?”
     “แล้วถ้าตอนนั้นอะไรๆ มันเปลี่ยนไปแล้วล่ะพี่ธันย์”
     “ก็เป็นบทเรียนให้ตัวเองว่าอย่าเยอะไง”
     ผมสับสน ... เวลานั้นมันจะมีจริงๆ เหรอ?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เพราะน้องต้นขี่บิ๊กไบค์=แมน? เอาเหอะ อย่างน้อยต้นไม่เดินตูดบิด ไม่พูดเสียงจีบปากจีบคอ ท่าทางไม่กรีดกราย ในสายตาเกย์แม๊นแมนนะตัวเธอว์อย่างเจคงคิดแล้วว่าต้นคู่ควรกับคำว่า"แมนๆ" แล้วมันจะมีประโยคยอดฮิต "ผมผู้ชายแท้ๆ เลยนะครับ กินเหล้า เตะบอล" ที่เอาไปล้อกันโคตรฮา "แมนๆ เตะบอล"
ข้อมูล"เจ"นี่เราอาศัยการติดตามเพจบันทึกของตุ๊ดแล้วก็ดูสิ่งที่คุณช่า&แฟนคลับเม้นๆ กันมาเขียนน่ะ คุณช่าให้คะแนนผู้ชายไว้ แต่ถ้าสักคิ้ว&พกแป้งพัฟเมื่อไหร่จะคะแนนติดลบ  บางทีรูปโปรไฟล์อย่างหล่อ แต่เค้าเม้นท์ "ค่ะ/ขา&หนู" เรียกคุณช่าว่าขุ่นแม่ ฮือๆ ... เสียดายอ่ะ ดีนะเรามีแฟนแล้ว
 :katai1:

ต้นกะพี่ธันย์น่าร๊าก พี่น้องมุ้งมิ้ง คุณพี่ชอบทารุณคุณน้อง แต่คุณน้องก็อ้อนเท้าคุณพี่เหลือเกิน
น้องต้นแสบพอตัวเวลาอยู่กับธันย์เพราะไม่ต้องเก็ก ธันย์ก็แอบร้าย สองคนนี้จะคล้ายๆ กันพอสมควร หึๆ ก็เขาโตมาด้วยกันนิ จะเหมือนกันก็ไม่แปลก

มีคนเชียร์มิวนิคด้วย โฮะๆ ต้องรออ่านตอนพิเศษ16ล่ะ! :-[
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#25/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน23
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 25-11-2014 03:22:27
ต้นน้ำ

     แล้วเรื่องที่ผมเป็นแฟนกับพี่ธันย์ก็แพร่ออกไป ขอบคุณใครซักคนที่เป็นเจ้ากรมข่าวลือ แต่ผมไม่ได้บอกที่บ้านเรื่องนี้ ดังนั้นพอคุณพ่อผมรู้เข้าท่านก็เลยบอกให้ผมพาพี่ธันย์ไปพบ แต่พี่ธันย์นิ่งมาก เป็นเด็กเรียน ขยัน ทำงานส่งตัวเองคุณสมบัติทุกอย่างไม่มีที่ติท่านก็เลยไม่รู้จะพูดอะไรกลายเป็นทานอาหารกลางวันเงียบๆ สามคน พอเสร็จแล้วพี่ธันย์ก็ขอตัวบอกมีธุระต่อ เหลือแต่ผมกับคุณพ่อสองคน
     “คุณพ่อไม่พอใจเหรอครับ?”
     ผมก็พอรู้ตัวนะ แต่... สีหน้าพูดไม่ออกของท่านทำให้ผมรู้สึกผิดจัง
     “ถ้าคุณมีความสุขผมไม่ว่าอะไรหรอก แต่ผมแปลกใจที่คุณทำใจได้เร็ว ผมนึกไม่ถึงว่าคุณจะมีคนใหม่เร็วแบบนี้”
     “ผมเลิกกับพี่ชัชได้ห้าเดือนแล้วครับ เกือบครึ่งปีแล้ว”
     “คุณรักเขาจริงหรือต้นน้ำ”
     “ทำไมละครับ พี่ธันย์ก็ดีออก สนิทกับผมมาตั้งแต่เด็ก อย่างน้อยเป็นแฟนกับพี่ธันย์ก็ยังดีกว่าโดนพวกบ้าๆ ตามตื้อ”
     คุณพ่อท่านถอนหายใจแล้วมองผมด้วยสีหน้าสงสาร ผมคิดว่าท่านรู้ทันผม
     “เอาเถอะ ผมไม่ห้ามคุณหรอก แต่ระวังคุณปู่คุณจะโกรธเอาล่ะ ท่านถูกใจว่าที่หลานเขยคนนี้มากทีเดียว”
     “ก็เพราะแบบนี้ไงครับผมถึงคบพี่ธันย์ แล้วพี่ธันย์ก็รับปากจะช่วยผมแล้วด้วย”
     แต่เรื่องที่คุณพ่อกังวลไม่เกิดขึ้นครับ คุณปู่ท่านไม่ทราบข่าวนี้แต่แม็กซ์รู้!
     เย็นวันเสาร์แม็กซ์มาหาผมที่บ้านตามเคย ผมชวนแม็กซ์ไปคุยกันสองต่อสองเพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน เดี๋ยวนี้แม็กซ์ไม่ค่อยไปหาผมที่มหาวิทยาลัยแล้ว เขามาหาผมถึงบ้านแทนครับ แหง๋สิ! เข้านอกออกในได้สะดวกเลยแหละ ผมเลยบอกเขาว่าไม่ต้องไปรับผมบ่อยๆ ก็ได้ผมเกรงใจ เพราะถึงยังไงเขาก็มาหาผมทุกเสาร์อาทิตย์อยู่แล้ว ดูเหมือนแม็กซ์เองก็เข้าใจเลยยอมตื้อผมน้อยลง เฮ้อ... ผมต้องทำได้น่ะ แค่บอกแม็กซ์ไปตรงๆ
     ผมมองผู้ชายที่นั่งยิ้มให้ผมแล้วก็เจ็บแปลบยังไงก็ไม่รู้ เฮ้อ... สงสารแม็กซ์จัง แต่ว่านะ...
     “ต้นมีไรจะคุยกับแม็กซ์เหรอ?”
     ขอบคุณห้องโฮมเธียเตอร์ที่ให้ความเป็นส่วนตัวระหว่างผมกับแม็กซ์
     “คือ... แม็กซ์ เรา... เรามีแฟนใหม่แล้วนะ!”
     พูดออกไปแล้ว! แต่เอ๊ะ... ทำไมแม็กซ์นิ่งจัง? เขาดูไม่แปลกใจเลย
     “อ๋อรู้ละ”
     แม็กซ์เฉยมากเลยครับ!
     “แล้วนาย...”
     แม็กซ์รักผมไม่ใช่เหรอ?!?
     “ฮ่าๆ ต้นรู้ตัวป่าวว่าโกหกไม่เก่ง”
     “เราไม่ได้โกหกนะ! เราคบกับพี่ธันย์แล้วจริงๆ”
     “แม็กซ์รู้ คนนี้ใช่ป่ะ? หล่อไม่ได้ครึ่งของแม็กซ์เลย”
     แม็กซ์ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดู เพจบ้าอะไรเนี่ย! นี่มันรูปแอบถ่ายชัดๆ มีคนแอบถ่ายรูปพี่ธันย์แล้วโพสว่า “ผู้ชายคนล่าสุดของเจ้าแม่ดราม่า” ด่าผมซะเสียแถมยังพาดพิงถึงพี่ธันย์อีก! ผมเกลียดนักสืบไซเบอร์ จะมาลากไส้พวกผมทำไม!
     “ประวัติไม่ค่อยดีเลยนะ แฟนต้นอ่ะ”
     “พี่ธันย์ไม่แคร์หรอก พี่ธันย์เข้มแข็งกว่าเราเยอะ”
     “กำลังเสียใจที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเหรอต้น บอกแล้วเป็นแฟนกับแม็กซ์ก็สิ้นเรื่อง”
     ได้ทีข่มเชียวนะ! แม็กซ์ยิ้มเจ้าเล่ห์มองผม น่าหมั่นไส้สุดๆ
     “มาเป็นเมียแม็กซ์ดิ ไม่มีใครกล้าแตะหรอก”
     แม็กซ์ไม่เข้าใจ ผมรักแม็กซ์ไม่ได้หรอก!
     “เมื่อไหร่จะเปิดใจให้แม็กซ์ซักที”
     “เป็นเพื่อนกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้รึไง”
     ผมไม่รู้จะเถียงอะไรอีกแล้ว ถ้าแม็กซ์ทำตัวแย่ๆ ผมคงปฏิเสธเขาง่ายกว่านี้ ผมสงสารแม็กซ์ที่มารักคนอย่างผม แต่ผมรักแม็กซ์ไม่ได้!
     ผมหวังว่าแม็กซ์จะพูดอะไรบ้างแต่เขาเอาแต่เงียบ แม็กซ์ยิ้มแล้วก็จับมือผมไว้อย่างนั้น แล้วเขาก็นั่งมองผมเงียบๆ บ้าเอ้ย!
     “โอเคๆ เรารำคาญพวกที่เข้ามาจีบ รำคาญปากคนอื่น เบื่อที่โดนนินทาลับหลังเราเลยขอให้พี่ธันย์มาเป็นแฟนเราสยบข่าวลือ มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วจะได้ซาๆ ไปบ้าง เรื่องที่เราอยากบอกนายก็มีเท่านี้”
     ผมพยายามจะดึงมือกลับแต่แม็กซ์เหนียวชะมัด ผมเกลียดสายตาของแม็กซ์!
     “แม็กซ์ ปล่อย!”
     ไอ้บ้าเอ้ย!
     “ปล่อยได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น”
     “ไม่มีใครมากวนหรอก ต้นก็รู้”
     “อย่าทำแบบนี้น่ะ”
     “เพื่อนจับมือกัน อย่าคิดมากดิ”
     ไอ้! ... กวนชะมัด ยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตาอีก ไม่ไหวแล้วครับ!
     “เพื่อนกันก็ปล่อยสิ ปล่อยเราไปเถอะแม็กซ์ นายก็รู้ว่าเราไม่ได้คิดกับนายแบบนั้น”
     “ตอนนี้ไม่แต่อนาคตไม่แน่ แม็กซ์จะทำให้ต้นรักแม็กซ์”
     “ไม่! เราคบกับพี่ธันย์แล้วเราไม่นอกใจแฟนตัวเองหรอก”
     “โหย เลิกพูดถึงไอ้แฟนแต่ในนามคนนั้นได้ป่ะ?”
     “อย่ามาว่าพี่ระ พี่ธันย์นะ!”
     “เห็นป่ะ หลุดเอง ต้นไม่ได้คิดอะไรกับมัน”
     ฮึ่ย! เกลียดแม็กซ์ชะมัด!
     “ใครบอก เราคิด เราเกือบจะนอนกับพี่ธันย์ด้วยซ้ำ เราจริงจังนะแม็กซ์ เราไม่ล้อเล่นกับความรักหรอก”
     แม็กซ์อ้าปากค้างไปเลย ท่าทางนิ่งอึ้งของแม็กซ์ทำให้ผมรู้สึกไม่ดียังไงก็ไม่รู้ครับ แต่ผมไม่อยากให้แม็กซ์รอผมเลย
     “โกหก”
     “ไม่ได้โกหก”
     “ทำไม? ... ทำไมอยู่ๆ ต้นไปนอนกับคนอื่นง่ายๆ แบบนั้นวะ!”
     แม็กซ์เสียงดังมาก เขาไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่ผมแบบนี้!
     “อย่ามาตะคอกเรานะ! นายไม่ได้เป็นอะไรกับเรา นายไม่มีสิทธิ์!”
     ผมเห็นสายตาเจ็บปวดของแม็กซ์ ผมเองก็ไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ แต่ว่า ... ขอโทษนะแม็กซ์
     “ทำไมอ่ะต้น เป็นแม็กซ์ไม่ได้เหรอ? แม็กซ์อุตส่าห์รอให้ต้นลืมมัน แล้วต้นก็แอบไปมีคนอื่นเนี่ยนะ?”
     “ก็บอกแล้วไงว่าอย่ามารักเรา คนอื่นดีๆ มีตั้งเยอะแยะจะมายุ่งอะไรกับเรา!”
     “ก็แม็กซ์ก็อยู่ตรงนี้แล้วต้นไปรักคนอื่นทำไมวะ!”
     พวกเราขึ้นเสียงใส่กัน ขอบคุณที่ห้องนี้เก็บเสียงไม่งั้นคุณปู่ต้องตกใจแน่ๆ ผมหงุดหงิดเลยหันหลังให้แม็กซ์ๆ เองก็หันหน้าหนีไปอีกทาง ไม่ชอบการทะเลาะกันแบบนี้เลยครับ
     “ขอร้องล่ะแม็กซ์ เลิกรักเราไม่ได้รึไง”
     “นายเป็นลูกชายคนเดียวนะ นายดีกับเรามากจนเราไม่อยากให้นายต้องมาลำบากเพราะเราอีก...” ผมได้แต่ต่อประโยคในใจไม่กล้าพูดออกไปดังๆ
     “งั้นตอบแม็กซ์มาตามตรง ต้นยังรักมันอยู่ใช่มั้ย?”
     ให้ตายผมก็ไม่มีวันลืมพี่ชัชหรอก!
     “อืม
     ผมส่งเสียงไปเบาๆ เพราะขี้เกียจโกหกแม็กซ์ ผมรู้ดีว่าเขารู้อยู่แล้ว
     “ต้นยังไม่ลืมมันแล้วต้นก็ไปนอนกับแฟนใหม่เนี่ยนะ? โหยร่านว่ะ!”
     อ้าว! ไอ้แม็กซ์บ้า!
    “ใครบอก! แค่เกือบต่างหาก เราพยายามจะลืมพี่ชัชแต่คนมันยังไม่ลืมใครจะไปทำได้!”
     พอผมสวนไปแบบนั้นแล้วหันไปเห็นแม็กซ์ยิ้มผมก็รู้ตัวว่าพลาดแล้ว แม็กซ์บ้า!
     “งั้นถามอีกข้อ ต้นชอบแม็กซ์บ้างรึเปล่า?”
     “เราไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น”
     “เออรู้! ต้นเห็นแม็กซ์เป็นแค่เพื่อน แต่ตอบมาก่อนดิ ต้นคิดยังไงกับแม็กซ์ เคยมีแม็กซ์ในใจบ้างรึเปล่า”
     “เรา... เรา เฮ้ยแม็กซ์!”
     อยู่ๆ แม็กซ์ก็ดึงผมไปกอด!
     “ถ้าต้นโกหกแม็กซ์ก็รู้อีกอยู่ดี แต่ต้นก็รู้แม็กซ์ยอมเชื่อต้นทุกอย่าง แม็กซ์แค่อยากรู้ว่าต้นเคยมีใจให้แม็กซ์บ้างมั้ย?”
     พอแม็กซ์พูดจบก็ผละออก เขาจ้องจนผมไม่กล้าสบตา ผม... คำๆ นึงมันปรากฏชัดอยู่ในใจแต่ผมพูดออกไปไม่ได้!
     “อย่าหลบตาดิ มองแม็กซ์แล้วตอบ รักแม็กซ์บ้างป่ะ?”
     ไอ้บ้าแม็กซ์มันเชยคางผม! ผมควรจะสะบัดหรือไม่ก็ต่อยมันซักที แต่ถ้าผมเงยหน้ามองมันตอนนี้ก็ต้องสบตากัน ผมเกลียดความผูกพันที่มัดผมกับแม็กซ์ไว้ด้วยกัน มันมีค่ามากกว่าคำอธิบายความรู้สึกสั้นๆ หนึ่งพยางค์ซะอีก!   
     ผมควรจะพูดอะไรซักอย่าง แต่ลมหายใจอุ่นๆ ของแม็กซ์ทำให้ผมรวบรวมความคิดไม่ได้เลย ผมจะโกหกแม็กซ์ว่าอะไรดีนะ ... ผม...
     “ขอจูบนะ”
     ผมควรจะด่าหรือตอบปฏิเสธ แต่ร่างกายของผมกลับเป็นไปเอง ผมหลับตาลงโดยอัตโนมัติ จากนั้นผมก็รู้สึกว่าแม็กซ์เข้ามาใกล้ ผมเผลอสูดลมหายใจของแม็กซ์เข้าปอดตัวเอง กระทั่งปากของเราสัมผัสกัน!
     ผมคิดว่าผมเคยจูบแม็กซ์มาก่อนแต่ผมจำไม่ได้แล้ว ผมไม่ได้หวงตัวจนคิดมากเรื่องจูบเหมือนพวกแต๋วแตก แต่ผมรู้ดีว่าผมไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมาจูบปากง่ายๆ แบบนี้ ... แต่ผมกำลังยอมให้แม็กซ์จูบผม! และผมไม่ได้รังเกียจแม็กซ์ กลับกันผมรู้สึกผิดกับพี่ชัช เพราะผมยังรักพี่ชัชอยู่ใช่มั้ยผมถึงรู้สึกแบบนี้? แต่เหตุผลที่ผมยอมแม็กซ์ล่ะ? ... ถ้าพี่ชัชยังอยู่ผมจะไม่มีวันรักแม็กซ์! ผมรู้ดีว่าที่ผมคิดไปไม่มีตรงไหนเลยที่ผมรังเกียจแม็กซ์ เกลียดตัวเองเป็นบ้า! ผมกลัวตัวเองชะมัด ที่สำคัญผมเริ่มจะรู้สึกแล้วด้วยสิ ร่างกายของผมตอบรับแม็กซ์!
     ให้ตายเหอะ ผมไม่ควรทำแบบนี้!
     “อื้อแม็กซ์ ... พอเหอะ
     ผมพยายามหันหน้าหลบแม็กซ์ โชคดีที่เขายอมหยุดให้ผม
     “ต้นไม่ได้รังเกียจแม็กซ์ ถ้าเป็นเมื่อก่อนแม็กซ์โดนต่อยไปละ”
     “แม็กซ์! นายไม่เข้าใจ เรารักนายไม่ได้”
     “ทำไม?”
     “เรา... เรารักพี่ชัช”
     “แต่ต้นก็รักแม็กซ์ ที่สำคัญต้นเลิกกับมันแล้วนะ”
     “แต่เรายังไม่ลืมพี่เขา”
     “แม็กซ์ก็รออยู่นี่ไง”
     “แต่เราไม่อยากรักนาย!”
     “อะไรวะ รักก็รักดิต้น!”
     “ถ้านายเป็นแฟนเราพ่อนายจะว่ายังไง? เราไม่อยากให้นายมีปัญหากับพ่อ แล้วถ้าเราสองคนทะเลาะกันจนเลิกล่ะ เรา... เราขาดนายไม่ได้นะแม็กซ์ เรากลัว”
     ผมไม่อยากสูญเสียแม็กซ์ไป
     “มันอาจจะไม่น่ากลัวอย่างนั้นก็ได้ แม็กซ์รักต้นจะตายไม่มีทางทิ้งต้นหรอก”
     “ก็ไม่ได้อยู่ดี เรา... เราไม่อยากถูกมองว่าที่เลิกกับพี่ชัชเพราะจะมาคบนาย แฟนเราจะเป็นใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่นาย แม็กซ์ นายคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา แล้วเราก็ไม่อยากเสียนายไป
     ผมรู้ว่าแม็กซ์เจ็บปวดกับคำพูดของผม ผมมันเห็นแก่ตัว
     “ระหว่างเลือกรักแม็กซ์กับกลับไปหาแฟนเก่า อันไหนทำยากกว่ากัน”
     “ถามอะไรบ้าๆ”
     “ตอบมาดิ”
     “จะไปรู้เหรอ!”
     “จับปลาสองมือว่ะต้น”
     “เราเปล่านะแม็กซ์!”
     ผมโกรธนะมาว่าผมแบบนี้!
     “ใช่ดิ! ตกลงว่าจะไม่มีวันรักแม็กซ์จริงๆ ใช่ป่ะ? จะได้เลิกรอ”
     แม็กซ์พูดอะไรน่ะ!
     “ตาโตเชียวต้น ไหนบอกไม่รักแม็กซ์ไง”
     ผมเปล่านะ! ... แม็กซ์ถอนหายใจชุดใหญ่ ผมเองก็สับสน ผมเกลียดที่ตัวเองคอยแต่จะนึกถึงพี่ชัช ไม่ใช่พี่ธันย์ แฟนคนปัจจุบันของผม
     “ต้น แม็กซ์จะจีบต้นแค่ตอนนี้เท่านั้น พอเรียนจบแล้วถ้าต้นไม่ใจอ่อน แม็กซ์จะแต่งกับคนที่ป๊ากะม๊าหาให้”
     “ก็ดีแล้ว”
     “ถ้าต้นยอมเป็นแฟนแม็กซ์ๆ จะสู้เพื่อความรักของเรา แต่ถ้าต้นอยากให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถึงตอนนั้นอย่าลืมพาคนที่ต้นเลือกไปงานแต่งแม็กซ์นะ
     สายตาของแม็กซ์จริงจังจนผมไม่กล้าปฏิเสธ แม็กซ์พูดจริงทำจริงเสมอผมรู้
     “แล้วแม็กซ์จะดีใจมากถ้าคนๆ นั้นคือไอ้เหี้ยนั่น แม็กซ์ไม่อยากแพ้ใครที่ไหนก็ไม่รู้ มันรักต้นมากพอๆ กับแม็กซ์ ถ้าเป็นมันแม็กซ์ก็วางใจ”
     พอแม็กซ์พูดจบเขาก็ถอนหายใจ เรานั่งกันเงียบๆ แบบนั้นผมรู้สึกผิดต่อแม็กซ์มากๆ ผมไม่ควรดึงแม็กซ์เข้ามาเล่นเกมด้วยแต่แรกเลย...
     “แม็กซ์ ... เราขอโทษนะ ขอโทษและขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง”
     “เออ ช่างเถอะ ชินละว่ะต้น”
     แม็กซ์พูดพร้อมกับเอนตัวลงพิงเบาะ ผมไม่รู้ว่าควรจะปลอบแม็กซ์ยังไงก็เลยเอนลงไปซบแม็กซ์ด้วย ผมอยากช่วยให้แม็กซ์รู้สึกดีแต่บางทีถ้าผมไม่ยุ่งกับแม็กซ์ตั้งแต่แรกอาจจะดีที่สุด
     “ต้นแม่ง... ใจร้ายชะมัด”
     “ขอโทษ”
     “งั้นขอเอาทีดิ เงี่ยน ตั้งแต่กลับมาหาต้นไม่ได้เอาใครมาเป็นปีละ”
     “บ้า!”
     “บ้าก็เพราะรักมึงแหละไอ้ตุ๊ด!”
     “เหรอครับ!”
     บังอาจมาเรียกผมว่าตุ๊ดนะไอ้เกรียนเอ้ย!
     “กูรักมึงได้ไงวะ?”
     “จะไปรู้เหรอ?!”
     “อ่อยจนคนอื่นหลงหัวปักหัวปำ!”
     “เปล่าซะหน่อย!”
     แล้วหลังจากนั้นผมกับแม็กซ์ก็ขุดเรื่องเก่าๆ มาด่ากัน เราต่อว่ากันขำๆ จนผมเผลอหลับไปไม่รู้ตัว ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาก็อยู่คนเดียวแล้ว ป้าณีบอกว่าแม็กซ์กลับไปแล้วครับ ... แม็กซ์คือเพื่อนที่ดีที่สุดของผม

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



กรี๊ดกร๊าด จูบที่4ล่ะ! แฟนคลับแม็กซ์ถูกใจมั้ยเออ? แต่แม็กซ์ก็มาได้แค่นี้แหละ BitterSweet อีกแล้ว บอกลาแม็กซ์ได้แล้วนะทุกคน!

เชื่อว่าแฟนคลับแม็กซ์กำลังเตรียมเขวี้ยงเม้าใส่คนแต่งแน่นอน ฮ่าๆ แต่ก็นะ อย่างที่ต้นพูดนั่นแหละ คิดว่าเขียนไว้เคลียร์มากแม้จะเขียนให้ต้นสับสนตัวเองพอสมควร แต่คนอย่างต้นน้ำทั้งหยิ่งทั้งทิฐิ เขาก็มีกำแพงบางอย่างที่ตัวเองจะไม่มีวันก้าวข้ามไป หึๆ

ลุ้นมั้ยๆ จะจบยังไงหว่า? คนอ่านต้องกำลังลุ้นสุดๆ แน่ๆ เลย เหอๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#25/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน23
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 25-11-2014 03:46:33
ไปป์

     ไปป์เองค้าบ วันนี้ผมมีเรื่องของต้นมาเล่าให้ฟังด้วยแหละ ตอนนี้ต้นเนื้อหอมสุดๆ ไปเลย เพราะช่วงหลังไอ้คิวว์มันบังอาจมาแย่งความรักของต้นไปจากผม ต้นก็เลยมีรูปออกสื่อเยอะขึ้น แล้วก็มีคนมาจีบต้นเพียบ ต้องเป็นเพราะมีคนเอาพวกเราไปเขียนฟิคชั่นแน่ๆ มีน้องปีหนึ่งบางคนเอาต้นไปเขียนฟิคค้าบ แล้วเขาก็เขียนให้ต้นกับคิวว์รักกันด้วยแหละ ผมโคตรขำเลย ตอนที่ต้นรู้ต้นหัวเสียมาก พวกเราเจ็ดคนไปคุยกับน้องเขาผมนึกว่าต้นจะบอกให้น้องเขาลบเรื่องแต่งพวกนั้นทิ้งซะอีก แต่ต้นกลับอนุญาตให้น้องเขาแต่งต่อได้ด้วย
     ต้นให้น้องเขาแก้ไขคำโปรยนิยายจากที่บอกว่าเรื่องเล่าเป็นเรื่องแต่ง น้องเขาจินตนาการเอาเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับต้นแทนค้าบ แค่ยืมชื่อกับฉากมาใช้เฉยๆ น้องเขาเลยปิ๊งไอเดียถามว่าจะแต่งนิยายที่มีต้นเป็นตัวเอกกับคนอื่นๆ อีกได้มั้ยต้นก็ยอมคับ แต่บอกว่าห้ามโกหกว่าตัวเองเป็นคนที่อยู่ในภาคจริงๆ ถ้าจะเอาชื่อพวกเราไปใช้ต้องบอกให้คนอ่านเข้าใจ แล้วก็ต้องไปขออนุญาตคนที่โดนเอาไปเขียนเรื่องด้วย ดูเหมือนลัทธินี้กำลังเป็นที่นิยมเลยค้าบ พวกนิยายที่ชอบเขียนให้ผู้ชายรักกัน พวกผมบางคนเฉยๆ แต่บางคนแอนตี้มากเลยคับโดยเฉพาะไอ้เอก แต่ไอ้มิวนิคมันแฮปปี้มากเพราะมันได้เป็นพระเอกนิยายคู่กับต้น ฮ่าๆ
     ถึงต้นจะอ้างเรื่องมีแฟนแล้วเวลาโดนจีบแต่ผมว่าทุกคนที่สนิทกับต้นก็รู้ความจริงอยู่ดี ต้นนี่โกหกไม่เก่งเลยน้า คนที่เก่งกลับเป็นปีสองคนนั้น ผมเคยเห็นตอนที่เขายิ้มเยาะเย้ยคนที่มาจีบต้น ตัวร้ายโคตรๆ แต่ตอนที่ผมสะใจที่สุดต้องตอนที่ไอ้มิวนิคมันรู้เรื่องแล้วโวยวายใส่ต้น แต่พอต้นย้อนว่ามันไปยุ่งอะไรด้วยต้นจะมีแฟนแล้วเกี่ยวอะไรกับมันไอ้ควายก็ใบ้กิน ฮ่าๆ แล้วไอ้คิวว์ก็เลยโดดลงมาเล่นด้วย แต่ไอ้หมอนี่ไม่น่าไว้ใจเลยคับ แต่ช่างเถอะ ยังไงผมก็เป็นที่หนึ่งของต้นอยู่ดี ละครรักสามเส้าสนุกจังเลย ดีนะที่ต้นยังไม่มา มิวนิคกับคิวว์เปิดฉากดวลกันแล้ว!
     “พูดกันแบบแมนๆ เลย มึงคิดอะไรกับต้นป่ะ!”
     “กูคิดอะไรแล้วมึงจะยุ่งไรด้วยวะ”
     โอ้ว! ไอ้คิวว์ได้เสียงเฮสนับสนุนจากไอ้นอยซ์ ท่าทางมันอย่างกับตัวร้าย ผมว่ามันไม่เหมาะกับบทพระเอกหรอก
     “ถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรกับต้นก็ถอยไปซะ อย่ามาขวางทางกู”
     “กูไปขวางมึงตรงไหน”
     “มึงก็รู้ว่ากู ...”
     “มึงมันกาก ชอบเขาแต่ไม่กล้าพูด ต้นไม่สนคนแบบมึงหรอก ต้องแบบคิวว์ว้อย คนจริง ต้นเสร็จคิวว์แน่!”
     ผมรู้ว่านอยซ์มันจะแกล้งมิวนิค แต่ถ้าต้นมาได้ยินมีเคืองแน่ๆ มึงเตรียมตัวโดนต้นด่าได้เลย ฮ่าๆ
     “ไอ้ต้นมันมีแฟนแล้ว มันไม่สนมึงหรอก!”
     “บอกตัวเองเหรอวะมิวนิค วี้ดวิ๊ว!
     ป๊าด! ขนาดไอ้นนยังมาร่วมวงปากเสียแซวมันเลย มึงเละแน่! ไอ้พวกนี้รวมหัวกันแกล้งมิวนิคแน่ๆ ใครใช้ให้มึงเสือกหล่อล่ำเกินหน้าเกินตาพวกกูวะ ฮ่าๆ
     มิวนิคมันยังไม่ยอมสารภาพรักกับต้นเลยคับ แต่มันชอบทำตัวหวงก้างต้นอยู่เรื่อย จนตอนนี้เขารู้กันทั้งคณะแล้วว่ามันชอบต้น ฮ่าๆ
     “กู ... กูเป็นห่วงไม่อยากให้ต้นมีข่าวลือไม่ดีอีกไง”
     “มึงกลัวต้นมีข่าวหรือกลัวต้นมีใครวะ ฮ่าๆ”
     ไอ้โค่หยอดได้เจ๋ง! ทุกคนแทคทีมกันแกล้งไอ้มิว สะใจผมจัง
     “เฮ่ย พวกมึงเลิกเล่นได้ละ แม่ไอ้ไปป์มาโน่นแล้ว”
     อ้าว! ต้นมาแล้วเหรอ ว้า... ดราม่ากำลังสนุกเลย ไอ้ยศนี่ตัวตัดอารมณ์จริงๆ เห... ทำไมต้นมากับพวกยศหว่า... อ๊ะ! ต้นกับอัฐ!
     “กูจะบอกมึงเอาบุญ กูอะแค่เล่นๆ แต่บางคนไม่แน่นะเว้ย เห็นนิ่งๆ มันอาจจะเอาจริงก็ได้ มึงว่าเสปคต้นเป็นแบบไหนล่ะมิว?”
     “ใช่เลย ผู้ชายที่ดูอบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ พึ่งพาได้”
     อันนี้ผมเผลอพูดออกเสียงเองแหละ แล้วที่สำคัญ ผมพึ่งสังเกตว่าไอ้อัฐมันตาเจ้าชู้ชะมัด ปกติชอบทำหน้านิ่งๆ แต่ตอนมันยิ้มให้ต้นโคตรของโคตรมีอะไรอ่ะ!
     ไม่ใช่แค่อัฐด้วย! สายตาต้นก็มี! เกิดอะไรขึ้นหว่า? มีอะไรระหว่างสองคนนี้ที่ผมไม่รู้?
     จริงด้วย! เสปคต้นนี่มันแบบอัฐเลยนี่หว่า! ไม่ได้การละ ผมต้องรีบไปปกป้องตำแหน่งของผม! ผมไม่ยอมให้ใครมาแย่งต้นไปหรอก!
     “โต้น คิดถึงจาง”
     “โอ้ยไปป์! เราเจ็บ อย่าพุ่งเข้ามารัดเราแบบนี้สิ”

     
ชีวิตในแต่ละวันของพวกเราก็เป็นแบบนี้แหละค้าบ!  :bye2:

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



จบแล้ว!

ซะที่ไหน

ลืมใครไปรึเปล่า?



เอ้า! นับ 1 2 3 แล้วไปสมน้ำหน้าเขากันเถอะ!



ชัยชัช

     ผมเลิกกับแฟนคนล่าสุดได้ครึ่งปีแล้วครับ ชีวิตที่ไม่เหลือใครแม่งห่วยแตกชิบ!
     ตอนที่ผมเลิกกับแฟนคนก่อนๆ ผมทำตัวเละเทะไปเรื่อยเพราะมั่นใจในตนเอง คิดว่าคนอย่างผมไม่จำเป็นต้องง้อใคร มีสาวๆ อยากได้ผมเยอะแยะ แต่กับแฟนคนล่าสุด เด็กผู้ชายที่ผมเรียกมันว่าเมีย มันทำให้ผมหลงหัวปักหัวปำแล้วมันก็หนีผมไปโดยเอาหัวใจผมไปด้วย ผ่านมาครึ่งปีไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดถึงมัน ผมหยุดทุกอย่างมีแค่งานกับตัวเอง อยู่คนเดียวเหงาๆ ในห้องนี่ ผมคิดถึงต้น
     ผมเลิกหลีสาวจนคนทักว่าผมไม่ใช่ชัยชัชคนเดิม ขรึมจนเด็กใหม่กลัว เพื่อนก็แซวว่าโสดแล้วแทนที่จะลั้นลาปล่อยเสือคืนป่าผมดันกลายเป็นเสือแก่หมดเขี้ยวเล็บ ... เขี้ยวเล็บที่ทำร้ายไอ้ต้นมานักต่อนักผมโยนทิ้งแม่ม!
     ผมเกือบจะเลิกดื่มด้วยซ้ำ มีดื่มบางโอกาสเฉพาะงานเลี้ยง แต่ในตู้เย็นผมแทบไม่มีเบียร์แช่เอาไว้ โคตรตลกเลยที่เดี๋ยวนี้ผมชอบทำงานบ้านเอง ทำไปก็คิดถึงมันไป คิดถึงเสียงบ่นของคนที่เคยลำบากทำเรื่องพวกนี้ให้ผม
     ผมยอมแลกทุกอย่างกับโอกาสขอแค่ได้ต้นคืนมาแต่มันก็เป็นแค่ฝัน ผมแอบหวังว่ามันจะใจอ่อน เราจะกลับมาคุยกันซักวัน ต้นจะอภัยให้ผม แต่คงไม่มีหวังแล้วครับ ผมได้ข่าวว่าต้นมีแฟนใหม่เป็นคนในภาคมัน เตอร์โทรมาโวยวายใส่ผม เรื่องที่เกิดขึ้นกับต้นดังกระฉ่อนไปทั่ว เพื่อนที่เรียนที่นั่นคงเล่าให้มันฟังแล้วมันถึงได้โทรมาด่าผม ไอ้เตอร์มันถามผมว่าทำไมผมถึงไม่ยอมทำอะไร ผมเลยแกล้งตัดบทวางสายมัน ทำไมผมจะไม่ทำ ผมนี่แหละที่ทำให้พี่มันเสียใจจนหนีไปเจอเรื่องเลวร้ายพวกนั้น ดังนั้นตอนที่เตอร์บอกผมว่าต้นมีแฟนใหม่ผมถึงได้คิดออกแต่คำว่า “สาสมแล้ว”
     หลังจากนั้นผมก็เลิกหลอกตัวเอง ต้นไม่มีวันกลับมาหาผมอีก ผมบ้างาน ใช้งานเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ อย่างน้อยการที่ผมบ้างานก็ทำให้ผมได้เงิน และเงินจะทำให้ญาติพี่น้องผมสบาย
     ผมใช้ชีวิตหลังจากเลิกกับต้นแบบนั้นทุกวัน จนกระทั่งวันนี้ วันที่ผมเหนื่อยจนขี้เกียจทำงาน หมดแรงจะทำทุกๆ อย่างเพราะภาพที่เห็น
     คืนวันปล่อยผี ปาร์ตี้ฮาโลวีน น้องที่รู้จักกันชวนผมไปสังสรรค์ ให้ผมไปช่วยรับรองหมอ ผมก็ไปนะ ถือซะว่าไปพบปะพูดคุยกับคนคุ้นเคยเพราะหมอคนนี้ผมก็สนิทสนมพอสมควร แต่ผมไม่รู้รสอะไรแล้ว กินเหล้าไม่อร่อยเลยครับ ของพวกนี้สร้างความเพลิดเพลินให้ผมไม่ได้อีกต่อไป
     ร้านหรูย่านทองหล่อกับคอนเสิร์ตนักร้องเพลงร็อคชื่อดังแสงสีเสียงสุดมัน ผมนั่งอยู่โซนชั้นลอย ส่วนคนที่ยืนเต้นอยู่ตรงนั้นเมียเก่าผมเอง ต้นมันมากับใครผมไม่รู้แต่ท่าทางสนิทสนมที่มีให้กันทำผมโคตรจี๊ด ไม่มีเงาของได้เด็กเวรอยู่ข้างๆ ผมอดเป็นห่วงต้นไม่ได้ แต่จากความใกล้ชิดที่ไอ้ต้นมันโอบรอบคอไอ้หล่อนั่นแล้วยิ้มเหมือนคนบ้าบางทีผมอาจกังวลเกินไป คนๆ นั้นอาจเป็นแฟนใหม่ต้น ไม่ว่าต้นมันจะเที่ยวหรือจะมีใครผมก็ไม่มีสิทธิ์อีกแล้ว
     ผมนั่งอยู่ในมุมมืด แอบมองคนที่ผมคิดถึงมาตลอดหกเดือนเงียบๆ ในร้านที่โคตรอึกทึก มองอดีตคนรักแจกยิ้มหวานยกแก้วเหล้าเข้าปากเป็นว่าเล่นทั้งที่เมื่อก่อนมันด่าผมสารพัด
     ผมอยากเดินเข้าไปกอดมันแล้วพูดกับมันว่ามันเมาหนักแล้วละผมจะพามันกลับห้อง อยากช่วยดูแลมันเหมือนที่มันเคยดูแลผม แต่ผมไม่กล้าปรากฏตัวออกไป มีคนทำหน้าที่นั้นแล้ว ผมไม่จำเป็นสำหรับต้นอีกต่อไป
     ผมหันหลังเดินออกจากร้าน จากมาด้วยความว่างเปล่าในอก ผมจำมันได้ทั้งๆ ที่มันแต่งแฟนซี ผมจำคนที่ผมรักได้เสมอแม้ว่าสายตามันจะไม่ได้มีไว้มองผมอีกแล้ว อย่างน้อยวันปล่อยผีนี้ก็มีข้อดีที่ทำให้ผมได้เห็นหน้ามัน ได้รับรู้กับตาตัวเองว่าต้นมีความสุข ... โดยไม่มีผม

     หลายวันผ่านไปในที่สุดผมก็ตัดสินใจได้ ผมโทรหาแม่ นับตั้งแต่เลิกกับต้นผมไม่ได้คุยกับท่านเลย... ผมไม่กล้าบอกท่าน ... แต่มันคงไม่เป็นไรแล้วละครับ

     “อีแม่ ... เปิ้นไค่บวชเลาะ ถ้าบ่อมีเปิ้นยะก๋านอีแม่กะอีปี้จะอยู่ได้ก่อ?”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



บทนี้"จบหลอก" บทหน้า"จบจริง"

ใจหายกันมั้ยเอ่ย? ในที่สุดนิยายเรื่องนี้ก็จะจบลงแล้ว!  o7 (ต้องมีคนตะโกนว่า"ในที่สุดก็จบซักที!"แน่ๆ ฮ่าๆ)
ถึงคนเม้นท์จะน้อย จำนวนหน้าจะนิดเดียว กระทู้ดูไม่ค่อยวิ่ง แต่พิมพ์ในเวิร์ดฟร้อน14นี่ล่อไปหลายร้อยหน้านะเกิน500อ่ะ! โพสลงทีไรเกิน20000ตัวอักษรทุกที เพราะจัดหนักให้คนอ่านตลอด ขี้เกียจปั่นเป็นเปอเซ็นต์เพื่อเนียนขุดกระทู้นิยายตัวเองบ่อยๆ
แต่นิยายทุกเรื่องต้องมีตอนจบอ่ะ(ถ้าคนแต่งไม่ดองอ่ะนะ) นี่ก็ยืดจนไม่รู้จะยืดยังไงแล้ว จริงๆ มุกมันยังไม่หมด แต่คิดว่ามันควรแก่เวลา ก็เลยต้องให้มันจบลงซะที หึๆ
ในฐานะคนแต่งก็ใจหายมาก เรื่องนี้รักเหมือนลูกเลย มันสนุกมากๆ สำหรับเราเพราะเป็นเรื่องที่เขียนอะไรหลายๆ อย่างใส่ลงไปได้สะใจสุดๆ มีตัวละครทุกแบบรองรับการกระทำทั้งที่เวอร์และที่เรียล มันครบรสแซ่บนัวทั้งดราม่า ฮา หื่น และอบอุ่น
มีคนอ่านคิดเหมือนเค้ามั้ย? หรือเค้าคิดไปเอง :o11:

เหลือเพียงแค่ตอนพิเศษอีก1ตอนแล้วก็บทสุดท้ายเท่านั้น!
เอาล่ะ เรามาลุ้นกันเถอะ นับถอยหลังสู่วันลา ฮ่าๆ  :hao5:


*** มุมโฆษณา! ***
STR/INT : Love Trick ปิ๊งรักหนุ่มเกมเมอร์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44552.0) <<< เปิดเรื่องใหม่รอไว้ละ แต่คนละอารมณ์กับเรื่องนี้เน้อ ตัวเอกก็คนละแบบ แต่ความอบอุ่น ความฮา ฟีลกู๊ด ยังเหมือนเดิม ไม่มีดราม่านะเออ! เพราะมันเกรียน!
"ปานเทพเป็นเกมเมอร์ตัวพ่อที่สนใจเกมออนไลน์มากกว่าการออกไปเปิดหูเปิดตากับเพื่อนฝูงยังโลกภายนอก แต่แล้วเขาก็ตกหลุมรัก NongDAO✩ เพื่อนในเกมเข้าจนได้ แต่ทว่าเรื่องกลับไม่ง่ายเมื่อน้องดาว..."
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#25/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน23
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 25-11-2014 13:52:05
เสียดาย แล้วก้ใจหายจังจะจบแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราเปิดรอทุกวันเลยอะ ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ ที่เขียนเรื่องดีดีแบบนี้ให้อ่าน
สำหรับ พี่ชัช ดีแล้วคะที่คนเขียนให้เป็นแบบนี้ แอบสงสารแกหน่อยๆเหมือนกันนะ แต่สงสารต้นมากกว่า บวชแล้วสึกออกมาจะคืนดีกันหรือไงก็ขอให้เป็นไปตามที่คนเขียนต้องการเลยคะเราเชื่อว่าคนเขียนต้องเขียนได้จบอย่างแฮปปี้แอนดิ้งแน่นอน น้องต้นในตอนนี้หมุ่นๆในฮาเร็มเพียบดีละ จะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องพี่ชัช ก็สมกับชื่อตอนอะเนาะชีวิตมันต้องเดินต่อไป นึกๆแล้วก้ใจหายจริงๆไม่อยากให้จบเลยย
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#27/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ16
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 27-11-2014 03:26:34
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 16

ราชินีตัวร้าย ปะทะ เจ้าชายไซเบอร์

     “ต้น เอมมี่รู้ตัวคนปล่อยข่าวตัวเองในเน็ทละนะ”
     “จริงเหรอเอม?”
     ดีจังเลยครับ ใครมันหาเรื่องผมจัง คราวนี้แหละผมจะจัดการให้สาสมเลย!
     “ค่า เอมมี่ส่งเฟซมันไปในเมลล์ต้นละนะ ตอนแรกเอมมี่เกือบหาไม่เจอแน่ะ แต่ดีนะที่มันโง่แบไต๋ตัวเอง กร่างจนอวดความโง่ว่าเป็นว่าที่ทันตะมอดัง เอมมี่ตามไปตามมาก็เลยเจอจนได้ อิๆ”
     “ขอบคุณเอมมากเลยนะที่ช่วยเรา ถ้าไม่ได้เอมช่วยเราก็ไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว เราไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้”
     ผมหยิบโน้ทบุ๊คมาเปิดตั้งใจว่าจะเข้าเมลล์ดูลิงค์ที่เอมมี่ส่งมาให้ ใครบอกว่าผมไม่มีเฟซ ผมมีแต่ผมไม่เคยบอกใคร มีแต่เตอร์เท่านั้นที่รู้ เพราะผมใช้เฟซปลอมของเตอร์ที่เขาทำเฟซแยกร่างเอาไว้เกรียน แล้วพอเขารู้ว่าผมไม่มีเฟซเขาก็เลยเอารหัสอันนี้ให้ผม ก็แหม ถ้าเราไม่มีเฟซเราจะเข้าไปดูอะไรไม่ได้เลยนี่ครับ ตอนนั้นบางทีเตอร์ก็ชอบแชร์อะไรแปลกๆ มาให้นี่นา
     “แหม นี่ขนาดไม่ค่อยถนัดนะยังมีกระแสขนาดนี้ ถ้าต้นมีเฟซของตัวเองจริงๆ เอมมี่ว่าดังระเบิดค่ะ เน็ทไอดอลแน่ๆ”
     “บ้า! เน็ทไอดอลอะไรกัน ขอเราอยู่สงบๆ เถอะ แค่นี้ก็จะบ้าตายอยู่แล้ว ขืนมีเฟซไม่แคล้วคงโดนคนเข้ามาด่าเล่น”
     ขนาดผมอยู่เฉยๆ ยังมีคนทำเพจแอนตี้ต้นน้ำให้เลยครับ ผมไปทำอะไรให้ก็ไม่รู้ ขยันหาเรื่องผมจัง! ชอบขุดเอาเรื่องของผมไปตีไข่ใส่สีจนเละเทะ!
     อันที่จริงคุณพ่อเคยคุยกับผมเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ผมไม่อยากให้ท่านเข้ามายุ่งหรอกครับ เดี๋ยวมันจะไปกันใหญ่ เพราะคุณพ่อของผมท่านก็ไม่ได้ขาวสะอาดสักเท่าไหร่ ดีไม่ดีจะพากันซวย ผมเลยพยายามไม่ใส่ใจเพจโรคจิตนี้
     “ค่ะ แต่ต้องตามสัญญานะ ต้นต้องไปเที่ยวกับเอมมี่น้า พวกเจ้ก้องกับอีจอยกระสันเต็มที่ละ”
     “ทานข้าวเฉยๆ ไม่ได้เหรอเอม เราไม่อยากไปแบบนั้นแล้วอ่ะ... เราอาย”
     ตอนนั้นผมกำลังเมคโอเวอร์ตัวเอง เมษเลยชวนผมไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่มอเขา ตอนแรกผมก็เกร็งนะครับ แต่ไม่รู้สิ คงเพราะทุกคนพูดเก่งแล้วเคยเห็นหน้ากันมาก่อนมั้งครับ พอเหล้าเข้าปากไปๆ มาๆ ก็เลยต่อกันติด ผมคุยกับพวกเขาเหมือนรู้กันกันมานาน พวกเขารู้เรื่องที่เกิดกับผมคร่าวๆ พวกเขาไม่ได้ปลอบหรือล้อผม กลับกันเขากลับแซวเรื่องที่ผมริอาจเป็นเก้งน้อยมือใหม่หัดแรด คืนนั้นผมเลยได้ลองทำตัวแรดแบบสุดเหวี่ยงเป็นครั้งแรก แต่ผมก็ยังถูกวิจารณ์ว่าแอ๊บอยู่ดี แพ้ตัวแม่อย่างเจ้ก้องครับ
     “อายอะไรต้นออกจะน่ารัก! คราวนี้เอมมี่ว่าเอมมี่จะแต่งบอยด้วย จะดูสิว่าใครจะจิกผู้ได้ก่อนกัน อิๆ”
     ผมคงจะแซวต่อขำๆ ถ้าไม่ใช่เพราะลิงค์ในอีเมลล์ที่ผมเปิดมันโหลดเรียบร้อยแล้ว และคนในรูปที่ผมเห็นคือ เนม!
     “เอม... เราดูเฟซแล้วนะ”
     “ว้ายๆ ดูแล้วเหรอ ใครอ่ะ ต้นรู้จักมันมั้ย?”
     ทำไมผมจะไม่รู้จักมันละครับ! มันคือเดือนทันตะ ปีเดียวกับผม และเป็นไอ้บ้าที่ชอบอ้างว่าตัวเองเป็นเน็ทไอดอล!
     “เสียด๊ายเสียดาย หน้าใสๆ ไม่น่าร้ายลึกเลยค่ะ ดูผ่านๆ ก็แมนดีแต่เอมมี่สัมผัสได้นะว่านางเป็นพวกเดียวกับเรา ถ้าไม่ใช่เอมมี่ยอมเลิกแต่งหญิงเลยค่ะ!”
     “เขาเป็นคนรู้จักของเพื่อนในภาคเราเองเอม”
     “เพื่อน? เพื่อนที่เป็นนายแบบคนนั้นน่ะเหรอ?”
     “ใช่ ... เขาทำแบบนี้ทำไมอ่ะเอม? เราไม่เคยไปทำอะไรให้เขาเลยนะ!”
     ข้อความจากเพจแอนตี้ที่คอมเม้นท์รูปผมที่น้องปีหนึ่งคนนึงถ่ายคู่กันผุดขึ้นมาในหัว ‘อีตุ๊ดนี่จะกินเด็กอีกแล้วเหรอ เสียดายน้องปีหนึ่งคนนี้หน้าตาก็น่ารักดีไม่น่าหลงผิดไปคบกับตุ๊ดร่าน’ กับอีแค่ผมติวให้น้องป็อป น้องเขาไม่ใช่เกย์แล้วก็ไม่ได้ชอบตุ๊ดแบบผมแน่ๆ แต่ป็อปเป็นพวกบ้ากล้องชอบเซลฟี่ เขาก็เลยถ่ายรูปกับพวกผมไปอัพลงเฟซตัวเอง แล้วก็มีคนแชร์ไปเพจหนุ่มหล่อ แล้วเพจโรคจิตก็ไม่พลาดเอาไปด่า! เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน มีสิทธิ์อะไรมาทำกับผมแบบนี้!
     เรื่องนี้ทำให้น้องป็อปไม่สบายใจมากครับ เขาโพสระบายอารมณ์ด่าเพจนั้นแต่ติดที่มีคำหยาบเยอะไปหน่อย สุดท้ายเลยยิ่งถูกมองไม่ดี กลายเป็นว่าตุ๊ดร่านอย่างผมเหมาะสมแล้วที่คว้าผู้ชายสันดานถ่อยมาเป็นผัว! ผมสงสารเด็กเป็นบ้าเลย ป็อปยังเด็กไม่น่าต้องมาเจอเรื่องอะไรเลวร้ายแบบนี้เลย เพราะความเกลียดชังที่คนอื่นมีต่อผมแท้ๆ
     ป็อปนี่ถือว่าหล่อขั้นเทพของปีหนึ่งภาคฟิสิกส์เลย นานๆ ทีพวกเราถึงจะได้ช้างเผือกมาไว้ในภาคครับ ไม่นับรุ่นผมที่แหกคอกมีทุกแบบแต่ไม่สมประกอบซักคนนะ ตอนปีหนึ่งมิวนิคกับไปป์นี่หล่อมากแต่อยู่ๆ ไปแล้วไม่ได้เรื่องเลย มีแต่คิวว์ที่พอเป็นหน้าเป็นตาได้บ้างแต่คิวว์นี่ตอนปีหนึ่งก็เนิร์ดมาก ถ้าไม่ใช่เพราะอยากเอาคืนมิวนิคเขาไม่ลุกมาเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วไปเป็นนายแบบหรอกครับ เจอแบบนี้กลัวน้องป็อปจะเสียศูนย์จัง
     เพราะมันเป็นรูปถ่ายคู่กับผมถึงกลายเป็นแบบนี้ เพจนั้นเกลียดผมอย่างกับอะไรดี คนที่ไปคอมเม้นก็ไม่รู้ว่าจงเกลียดจงชังผมมาจากไหน แต่มันมีอยู่คอมเม้นหนึ่งครับทำเอาผมของขึ้น ‘สันดานขุดยากจริงๆ อีนี่มันจะคันอะไรนักหนา สงสัยคงกินนายแบบคนนั้นจนเบื่อแล้วเลยหาผัวใหม่ ใครอยากยุ่งกับอีร่านนี่ก็ระวังจั่วด้วยนะ ลำไส้ใหญ่นางอมกล้วยผู้ชายมานับไม่ถ้วน’ ด่าผมคนเดียวไม่พอ เขาด่าคิวว์ของผมด้วย! แถมมันยังหาว่าผมเป็นเอดส์! แล้วผมสังเกตว่าคอมเม้นโรคจิตคนนี้คอยกดไลค์ให้คนที่ด่าผมตลอด มีการเอารูปผมไปทำภาพตัดต่อคำพูดแย่ๆ ใส่ลงไป คือ... เจอแบบนี้ผมก็ไม่ไหวนะครับ นี่มันถือเป็นการรังแกบนโลกไซเบอร์ชัดๆ!
     แล้วเนมทำแบบนี้กับผมทำไม! ปลอมเฟซตามด่าผมทำไม! ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าเผลอๆ เขาอาจจะเป็นแอดมินเพจบ้าๆ นี้ก็ได้ ทุเรศที่สุดเลยครับ!

     วันนี้วันศุกร์ คืนนี้ผมมีนัดกับพวกเอม พี่ก้อง แล้วก็จอยกับเมษไปเที่ยวกันครับ ผมพักเรื่องงี่เง่าพวกนั้นไว้ก่อนเพราะเอาเข้าจริงผมก็ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงกับเนม จะเดินเข้าไปหาแล้วเคลียร์กันตรงๆ เลยมั้ย? จะบ้าเหรอผมไม่มีหลักฐาน! ต่อให้ผมหอบข้อมูลที่มีไปถามก็ใช่ว่าเขาจะสารภาพ ต่อหน้าเขายังพูดดีกับผมอยู่เลยแล้วจะให้ผมไปวีนแตกใส่เขางั้นเหรอ? จะให้ใช้แผนเหนือชั้นอะไรกันล่ะครับมันไม่ใช่นิยายนะ หรือจะให้ผมแฉเขากลับผ่านโลกไซเบอร์?
     ผมเบื่อนะ สร้างความเกลียดชังใส่กันไปมาเพื่ออะไร? ถึงยังไงทุกคนรอบตัวผมก็เข้าใจผมอยู่แล้ว ผมไม่อยากเหนื่อยไปแก้ไขความเข้าใจผิดของคนในเน็ทที่ผมไม่รู้จักหน้าค่าตา ถ้าผมชนะมันก็ดีไปแต่ถ้าผมพลาดละก็มือมืดที่ซุ่มรอจังหวะเล่นงานผมอยู่คงไม่พลาดตามมาเหยียบซ้ำ ถึงตอนนั้นผมนึกไม่ออกเลยว่าระหว่างผมเงียบๆ ไว้แบบนี้กับออกตัวแรงลุยกับคนพวกนั้นอันไหนมันจะดีกว่ากัน?
     พวกเรากะว่าจะไปหาอะไรทานกันนิดๆ หน่อยๆ จุดประสงค์คือพวกเขาจะไปหาคู่ แต่จะเอาผมไปเป็นเหยื่อ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสัดส่วนเกย์ที่เดินเข้ามาจีบผมถึงมีแต่พวกรุกมากกว่ารับ บางคนสาวแตกมากพูดจาคะขาแต่กลับมาคุยกับผมว่า “พี่ชอบรับแมนๆ ค่ะ น้องอยากลองโดนรุกสาวๆ เสียบมั้ยคะ” ผมโคตรสยองเลยครับ!
     เขาบอกว่าผีเห็นผี แต่ผมไม่เห็นจะเห็นอะไรเลย! สังคมเกย์เดี๋ยวนี้มันประหลาดเกินกว่าที่ผมจะเข้าใจแล้วครับ เกย์สาวแตกบางคนกลับชอบเสียบผู้ชายแท้ๆ ซะงั้น! ทำไมเขาไม่ไปหารับที่เป็นเกย์ด้วยกันก็ไม่รู้ เห็นแล้วผมสงสารพี่ธันย์ชะมัด! ขนาดผมเป็นเกย์ผมยังสยองเลย แต่พี่ธันย์ต้องทนคนพวกนี้ ... สังคมสมัยนี้มันวิปริตยิ่งกว่าตัวตนที่สับสนของผมซะอีก โลกหมุนไปไวมากครับ ดูอย่างเอมสิชอบแต่งหญิงแท้ๆ แต่กลับเป็นรุก เอมเป็นสาวเสียบ ส่วนพี่ก้อง... พี่ก้องเป็นเกย์สาวแต่เพราะอดยากบางทีก็เลยต้องคบกับเพื่อนสาวแล้วผลัดกัน เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็จะแอ๊บทำตัวแมนๆ แต่พออยู่กับพวกผมก็จะสาวแตกสุดขีดครับ ทำให้ผมนึกถึงเวลาลุงพลอยู่กับแม่ เก็กกันไปเก็กกันมา... ดังนั้นพี่ก้องเลยเจอปัญหาสามีแอบไปเป็นเมียคนอื่นบ่อยๆ ส่วนจอยหรือชื่อเดิมจอม เป็นตุ๊ด อยากเป็นผู้หญิงเหมือนเมษ แต่ที่บ้านยังไม่ยอมรับเลยต้องคอบแอ๊บแมน อยู่กรุงเทพแต่งหญิงทั้งนมปลอมทั้งวิกแต็บงูใส่ส้นสูง แต่พอกลับบ้านต้องถอดทุกอย่างแล้วทำตัวเป็นผู้ชายธรรมดา คิดๆ ไปแล้วผมโชคดีกว่ามาก ถึงผมจะเป็นเกย์แปลกๆ ที่ชอบแต่ผู้ชายแท้ๆ แต่ผมก็เป็นตัวของตัวเองได้ไม่ต้องปิดบังอะไรแล้ว จอยเคยบอกว่าผมเป็นตุ๊ดเหมือนเขาครับ แต่ผมว่าไม่เหมือนนะ ก็ผมไม่ได้อยากมีหน้าอกไม่อยากเป็นผู้หญิงเหมือนเขาซักหน่อย
     แต่ช่างเขาเถอะครับ รีบแต่งตัวต่อดีกว่า เดี๋ยวผมไปตามนัดช้าแล้วพวกเราจะหาโต๊ะนั่งไม่ได้
     อ๊ะ! โทรศัพท์ใครโทรมาป่านนี้นะ ริงโทนนี้เป็นของแก๊งพวกผมนี้นา...
     “ต้นแย่แล้ว! นายอยู่ไหน?”
     “อะไรป่าน?”
     ทำไมเสียงป่านดูร้อนรนแปลกๆ
     “ไปป์มันโดนรถเฉี่ยว!”
     “อะไรนะ!”
     ลูกหมาน้อยของผมโดนรถเฉี่ยว!
     “แล้วเป็นอะไรมากมั้ย? ที่ไหนยังไง แล้-
     “ฉันกำลังจะออกไป มันโทรมาเมื่อกี้ เสียงไม่ค่อยดีเลย อยู่โรงพยาบาล แกรีบไปดูมันก่อนได้มั้ย?”
     “ได้ๆ ป่านรีบตามเรามานะ”
     แล้วผมก็รีบบิดชาโดว์ไปหาไปป์ที่โรงพยาบาล ก่อนออกจากบ้านผมโทรไปยกเลิกนัดกับเมษแล้วฝากขอโทษเอมแทนด้วย คุณปู่เป็นห่วงผมบอกให้ผมระวังตัวขับรถดีๆ อย่าซิ่งมาก ป่านบ้านอยู่แถวบางนาคงอีกนานกว่าจะถึง ดังนั้นผมถึงต้องรีบไปหาไปป์
     พอไปถึง สภาพของไปป์ไม่ได้แย่อย่างที่คิด ไปป์แขนซ้นต้องคล้องผ้าเอาไว้ มีแผลถลอกตามตัวนิดหน่อย จักรยานพัง ส่วนคู่กรณีเหมือนว่าเขาจะขับรถหลบมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งสวนมาจากอีกเลนส์มั้ง ครับเลยมาเกี่ยวจักรยานของไปป์แล้วลากไปจนรถล้ม เฮ้อ... โล่งอก! ผมนึกว่าไปป์จะเป็นอะไรซะแล้ว
     “ไปป์ เป็นไงมั่ง?”
     ลูกชายผมยิ้มแป้นเชียวครับ
     “โอ้โห! ต้นมาเต็มอ่ะ”
     “มันใช่เวลามาแซวเรามั้ย!”
     ผมก็แอบอายเหมือนกันนะ ก็... คนกำลังจะไปเที่ยวนี่ มันก็ต้องมีแต่งตัวนิดนึง ชุดผมก็ไม่ได้เกย์มากมายอะไรขนาดนั้นซักหน่อย... แค่กางเกงมันขาดๆ แบบเซอร์แต่มันขาดเยอะไปนิดเอง เลยโชว์ให้เห็นลายเพ้นท์ตรงต้นขาผมวับๆ แวมๆ
     “กำลังจะไปเที่ยวกับเพื่อนน่ะ”
     “มิน่า ฮ่าๆ”
     “ว่าแต่นายเถอะ เป็นไงมั่ง แล้วนี่คู่กรณีว่าไง”
     “ค้าบ เรียบร้อยแล้ว ลงบันทึกประจำวันแล้ว เขาบอกจะซื้อจักรยานใหม่ให้เรา”
     “แล้วค่ารักษานายล่ะไปป์!”
     ลูกหมาของผมนี่ แทนที่จะห่วงตัวเองดันห่วงจักรยาน!
     “อ้าว? เราก็มีประกันของเราไง กับบัตรทอง?”
     “บ้าละ! เขาทำนายเขาต้องจ่ายให้นายด้วย แล้วตอนอยู่โรงพักตำรวจเขาไม่บอกอะไรเลยเหรอ?”
     “ต้องบอกด้วยเหรอ?”
     “โอ๊ยไปป์! นายอ่ะนั่งรอป่านไปเถอะ เอาเบอร์เขามานี่เราคุยเอง!”
     แล้วผมก็แกล้งทำเป็นพี่ของไปป์โทรไปตกลงเรื่องค่ารักษาพยาบาล ค่าทำขวัญ ค่าซ่อมจักรยาน ดีที่เขายอมตกลงง่ายๆ ผมอ่านสำเนาบันทึกประจำวันของไปป์แล้วก็เบาใจไม่เสียเปรียบมากเท่าไหร่ เฮ้อ... เพื่อนคิดน้อยของผม!
     พอจัดการเรื่องในโรงพยาบาลเสร็จแล้วผมก็พาไปป์ซ้อนท้ายผมกลับบ้าน ไปป์ฝากซากจักรยานไว้ที่สถานี ป่านจะไปเจอพวกเราที่บ้านไปป์เลยครับ ป่านบอกว่าคืนนี้จะค้างกับไปป์ ผมอยู่เป็นเพื่อนป่านดีรึเปล่าน้า?
     ความจริงผมเคยมาบ้านไปป์แล้วครั้งนึง บรรยากาศไม่ได้สยองอย่างที่คิดไว้แต่มันก็นะ... ให้ผมค้างคืนก็... อึ๋ย! ผมกลัวอ่ะ!
     ไปป์เกาะเอวผมเป็นตุ๊กแก แต่พอมาส่งถึงบ้านไปป์กลายเป็นโคอาล่าไปแล้วครับ
     “น้าต้นอยู่กับเราน้า”
     “นี่ไง เรารอป่านเป็นเพื่อนนาย”
     “อีกนิดป่านก็ถึงแล้ว แต่ต้นค้างกับพวกเราน้า เราหิวข้าว จะออกไปซื้อของกินแต่โดนรถชนยังไม่ได้กินอะไรเลย”
     “ตอนอยู่โรงพยาบาลก็กินซาลาเปาไปสองลูกไม่ใช่รึไง?”
     นั่นๆ อย่ามาทำแก้มป่องนะ
     “ไม่อาว จานอนกับต้น นะ น้า วันนี้ค้างบ้านเราน้า แม่โต้น”
     “ไปป์!”
     เรียกผมแบบนี้อีกแล้วเดี๋ยวเหอะ! แขนก็มีแขนเดียวแต่กอดผมเหนียวอย่างกับตังเม!
     “แกสมองกระทบกระเทือนเหรออิไปป์ ทำตัวเป็นเด็กสามขวบอีกแล้วนะแก”
     ป่านมาพอดีครับ
     “อ่ะ โจ๊กของโปรดแก ฉันซื้อมาเผื่อแกด้วยนะต้น ค้างด้วยกันป่ะ?”
     เอาแล้วไง ... คู่หูจอมป่วน2Pเล่นผมซะแล้ว...
     “อืม... ก็ได้ แต่เดี๋ยวขอโทษบอกปู่เราก่อน”
     แล้วผมก็ต้องค้างกับไปป์ พวกเรานอนด้วยกันในห้องของไปป์ ป่านกับไปป์ดูชิลมาก แต่ผม... ไม่ๆ ผมต้องไม่คิด เขาว่ากันว่ายิ่งคิดจะยิ่งเจอ รีบสวมมนต์แล้วนอนหลับดีกว่าครับ!
     “ต้นๆ”
     “ไรเหรอ?”
     “หลวงปู่ทวด ให้แกยืมฉันรู้ว่าแกกลัว”
     “ปะเปล่านี่ เราโอเคป่าน”
     “เออน่ะ เอาไปเหอะ”
     ป่านยิ้มให้ผมแปลกๆ ผมก็เลยรับพระมาแล้วตั้งจิตอธิฐานแผ่เมตตา ผมวางหลวงปู่ทวดไว้ข้างๆ หมอนแล้วก็หลับไป ไปป์หลับไปก่อนหน้าผมด้วยฤทธิ์ยา แต่ว่าจะนอนได้ก็งอแงนิดหน่อย ทำไมผมเป็นห่วงไปป์จัง อยากโอ๋ไปป์เป็นบ้าเลย...
     ผมรู้สึกเหมือนตัวเองฝันเลยครับ ในฝันผมลุกขึ้นแล้วเดินไปหาไปป์ ผมลูบหัวไปป์เบาๆ ก่อนที่ผมจะก้มลงหอมแก้มเขา!
     “พี่ตา...”
     ไปป์ละเมอแน่ๆ แต่เอ๊ะ! ผมฝันไม่ใช่เหรอ?
     “เป็นเด็กดีนะไปป์”
     ทำไมเสียงของผมกลายเป็นเสียงผู้หญิงล่ะ! แล้วนี่คือตัวผมจริงๆ เหรอ? ผมเห็นไปป์ลืมตา ไปป์กระพริบตาอยู่สองสามที เขาจ้องหน้าผมในความมืด ดวงตาของไปป์วาบวับจนน่าประหลาด!
     “โตะ... พี่ตาเหรอ? พี่ตามาหาผมเหรอ?”
     แล้วหลังจากนั้นก็เหมือนผมก็ฝันว่าเหมือนตัวเองอยู่ในความฝันเลยครับ ผมควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ มองเห็น ได้ยิน รู้สึกทุกความคิดแต่ห้ามมันไม่ได้เหมือนผมต้องปล่อยให้ร่างกายของตัวเองทำตามใจชอบ
     “โตขึ้นเยอะเลย ไปป์ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
     “พี่ตา ผมคิดถึงพี่ตา!”
     ไปป์ลุกขึ้นมากอดผม แนบแน่นมาก แต่ผมกลับกอดไปป์กลับแทนที่จะผลักออก! ผมทั้งกอดทั้งหันไปหอมแก้มของไปป์ที่อยู่ไหล่ผม!
     “ไปป์อยู่คนเดียวได้แล้วใช่มั้ย พี่ต้องไปแล้วนะ พี่ไม่เหลือพลังแล้ว มันถึงเวลาที่พี่ต้องไปชดใช้กรรมของพี่”
     “ไม่เอานะผมไม่ให้พี่ตาไป!”
     ผมกอดไปป์แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองน้ำตาไหล
     “ผมไม่อยากอยู่คนเดียว! พี่ตาห้ามทิ้งผม ไหนสัญญากับผมว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไง!”
     “พี่ต้องไปแล้ว แต่พี่จะกลับมาอยู่กับไปป์ให้ได้พี่สัญญา”
     “ไม่เอา อย่าไป!”
     “ไปป์ไม่ได้อยู่คนเดียวนะ คนๆ นี้เขาก็รักไปป์ อีกหน่อยจะมีผู้หญิงที่เขาจะรักไปป์มาก เขาจะอยู่กับไปป์ตลอดไปด้วยนะ น้องพี่มีแต่คนรัก เราจะสมหวังทุกอย่าง”
     “แต่ผมคิดถึงพี่ตา ฮือๆ พี่ตาอย่าทิ้งผมไปนะ”
     “ไปป์ห้ามงอแงนะ ถ้างอแงสาวไม่รักไม่รู้ด้วย โตได้แล้ว”
     “พี่ตา”
     ผมไม่รู้อะไรอีกแล้ว มีแต่ความเศร้าโศกเสียใจไหลเข้ามาในอกผม เป็นความอาลัยอาวรณ์ ผมโหยหาอะไรบางอย่างแต่ก็รู้ว่าต้องตัดใจ ความรู้สึกผิดหวังที่เลวร้ายปรากฏขึ้นวูบหนึ่งแล้วมันก็แทนที่ด้วยความเสียดาย ผมขนลุกซู่เมื่อจิตสำนึกของตัวเองแย้งคลื่นอารมณ์ประหลาดพวกนั้นว่าผมโชคดีที่ผมยังไม่ตาย! แล้วผมก็รับรู้โดยพลันว่าไปป์คือห่วงสุดท้ายของเธอ เหมือนผมได้ยินเสียงกระซิบเล็กๆ บอกผมว่า ฝากไปป์ด้วยก่อนที่ผมจะหมดสติไป...
     ผมตื่นขึ้นอีกครั้งในตอนเช้า ป่านเป็นคนปลุกผมๆ นอนอยู่ที่เดิม มีผ้าห่มของไปป์คลุมหน้าจนแทบหายใจไม่ออก ไปป์นอนดิ้นเตะผ้าห่มลงมาทับผม บ้าจริง!
     พวกเราตื่นแต่เช้าแล้วลากไปป์ไปวัด ไปป์อิดออด ทำท่าจะงอแง แต่ในที่สุดก็ยอมเพราะขัดขืนผมกับป่านสองเสียงไม่ได้ พวกเราไปทำบุญถวายสังฆทาน หลวงพ่อท่านรดน้ำมนต์ให้ ก่อนจะกลับท่านทักผมว่าพึ่งผ่านเคราะห์กรรมมาใช่มั้ย? ท่านบอกให้ผมขยันทำบุญอุทิศส่วนกุศลแผ่เมตตาเยอะๆ เพราะสิ่งที่ติดตัวผมมามันเป็นกรรมเก่าตั้งแต่อดีตชาติ ผมเองก็ไม่รู้หรอกครับว่าผมเคยไปทำอะไรให้ใครเจ็บช้ำไว้ ชาตินี้ผมถึงต้องเกิดมาด้วยความใคร่ กลายเป็นเกย์ ถูกทำร้าย โดนแฟนนอกใจ แต่เอาเถอะทุกอย่างมันจบลงแล้ว ผมตั้งใจไว้แล้วนี่นาว่าผมจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุข ผมจะไม่ยอมให้มีอะไรมาทำร้ายผมอีก
     ท่านยังบอกอีกว่าเพราะคนเราเคยผูกพันร่วมกันมาชาตินี้ถึงกลับมาเจอกัน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ผมทำดีกับคนอื่นเอาไว้ให้มากๆ ‘เราดีกับเขาๆ จะได้ไม่ร้ายกับเรา แต่ถ้าเขาร้ายกับเราก็ถือเสียว่าเราอาจจะเคยล่วงเกินเขาไว้จึงกลายเป็นเวรกรรมในชาตินี้’ คำสอนของท่านทำให้ผมนึกถึงพี่บอม ถ้าผมไม่ทำแบบนั้นกับเขาๆ จะแค้นผมหรือเปล่า? จริงอยู่คนพาลอย่างไรก็คือคนพาล แต่ถ้าผมไม่เติมเชื้อไฟลงไปคนพาลคนนั้นคงไม่ลุกขึ้นมาเผาผมให้มอดไหม้ด้วยไฟแค้นหรอก
     พวกเราสามคนเดินไปให้อาหารปลา ไปป์ค่อยร่าเริงขึ้นหน่อยตอนที่มีคนมาชวนพวกเราไปดูดวง เขาทักป่านเรื่องป่านมีเทวดาคอยพิทักษ์ แต่ป่านดันถามเขาเรื่องเนื้อคู่แทน ไปป์หัวเราะขำที่หมอดูบอกป่านว่าถ้าไม่แต่งภายในอายุยี่สิบห้าจะหาสามีไม่ได้ต้องขึ้นคาน ผมเห็นไปป์หัวเราะแบบนี้แล้วค่อยสบายใจหน่อยครับ ผมสามารถให้อาหารปลากับเพื่อนคู่หู2Pตัวป่วนได้โดยไม่รู้สึกจี๊ดในใจ แม้ผมจะคิดถึงเขา แต่ใจผมก็สงบนิ่ง มันราบเรียบ...
     ผมกลับบ้านตอนเย็น ปล่อยให้ป่านอยู่กับไปป์ เข้าใจเลยครับว่าอารมณ์ปล่อยไปไม่ได้มันเป็นยังไง ผมโชคดีที่เคยรู้จักความรัก มีคนที่ผมอยากดูแล มีเพื่อนที่ผมเป็นห่วงและพวกเขาก็เป็นห่วงผม พวกเราปล่อยมือจากกันไม่ได้จริงๆ แต่นั่นไม่เกี่ยวกับเนม!

     ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ เอมส่งรูปมาให้ผมดู เหมือนเขาจะไปเจอเนมในที่เที่ยวเมื่อคืนแล้วก็เลยแลกไลน์คุยกัน พอเอมแต่งบอยก็หล่อมากครับ จำแทบไม่ได้ เสียดายของสุดๆ เพราะปกติเขาจะแต่งหญิงตลอดแถมยังอัพรูปแอ๊บนีตลอดเวลา สวยจนจอยหมั่นไส้เลยแหละครับ ฮ่าๆ เอมกำลังช่วยสืบให้ผม ดังนั้นพอผมเจอเนมที่มหาวิทยาลัยอีกผมเลยลองสังเกตเขาดู ผมถึงได้รู้ว่าที่แท้มูลเหตุมันคืออะไร เขาแอบชอบคิวว์!
     โธ่เอ้ยไอ้เกย์ขี้อิจฉา! อ๊ะไม่ๆ ผมไม่ควรคิดถึงคนอื่นในแง่ลบ มันบาป! กายกรรมวจีกรรมมโนกรรม ถ้าน้าชายผมรู้ผมโดนเทศน์อีกแน่ๆ มันลำบากนะครับการมีพ่อเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่คุณเรียนเนี่ย แถมผมยังมีน้าแท้ๆ เป็นเพื่อนร่วมภาคอีก เขาอุบเงียบไม่ยอมบอกความจริงผม กว่าจะเฉลยผมก็แผลงฤทธิ์ไปเยอะ! ตอนนี้เลยรู้สึกเหมือนโดนจับตามองความประพฤติตลอดเวลานิดๆ แต่เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างผมกับเขาสองคนเท่านั้นนะครับ ไม่กล้าบอกเพื่อนคนอื่นๆ ในภาค ถ้าขืนคนอื่นรู้ผมต้องโดนล้อแน่ๆ!
     ดังนั้นผมเลยไม่อยากปะทะกับเนมตรงๆ ผมสงสารคิวว์ ผมเหนื่อยแล้วด้วย สู้กันแล้วได้อะไร? ด่ากันไปมาก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร ชนะแล้วก็ใช่ว่าจะมีผู้ชายดีๆ หล่นลงมาตรงหน้าผม ต่อให้หล่นมาก็ใช่ว่าผมจะเอา แล้วผมก็ไม่ได้ชอบคิวว์ ใครจะไปชอบผู้ชายที่แม้แต่แฮมสเตอร์ตัวเดียวยังไม่มีปัญญาดูแล! ... ทุกวันนี้ผมยังต้องรบกับเจ้าแรมโบ้เหมือนเดิมครับ
     บอกตามตรงผมไม่อยากทำอะไรให้ใครผูกใจเจ็บอีก นี่ไม่ใช่นิยายที่ตัวเอกตบตัวอิจฉาจนสะใจแล้วทุกอย่างก็จบนะครับ ชีวิตผมไม่มีตอนจบ ก็ดูสิตัวร้ายที่ทำร้ายผมโดนส่งเข้าคุกไปแล้วผมยังไม่เห็นจะสะใจอะไรเลย ชื่อเสียงผมก็เสีย สิ่งที่เคยเกิดขึ้นถูกคนลือกันทั่ว ตรงไหนครับที่สะใจ? ต่อให้ผมจองเวรฆ่าพวกมันแช่งชักพวกมัน ผมว่าสุดท้ายคนที่ทุกข์ก็คือผมอยู่ดี จมอยู่กับความแค้น... ผมไม่อยากจมอยู่กับอดีต ผมต้องก้าวไปข้างหน้า!
     ดังนั้น ผมต้องรับมือกับเนมให้ดี!
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#27/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ16
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 27-11-2014 03:31:05

      ขอถอนคำพูดทุกอย่างที่ผมเคยคิดได้เลยครับ แค่เห็นเนมลอยหน้าลอยตาเข้ามาทักผมกับคิวว์แล้วก็เปิดประเด็นแกล้งถามคิวว์ด้วยความเป็นห่วงว่ารู้ข่าวลือที่มีคนพูดว่าผมเป็นเอดส์แล้วรึยังผมก็หมั่นไส้มันแล้ว!
     “เมื่อไหร่คนพวกนี้จะเลิกว่าต้นซะที เราเซ็งจะแย่อยู่แล้ว”
     นี่ก็ซื่อเกิ๊น! คนปล่อยข่าวนั่งอยู่หน้านายนั่นแหละคิวว์!
     “นายต้องทำใจนะคิวว์เป็นคนดังก็แบบนี้แหละ เราถึงพยายามทำตัวดีๆ ไม่ให้มีอะไรเสียหายไง ต้องเลือกคบเพื่อนดีๆ ด้วยจะได้ไม่โดนเหมา เออ! แต่เราไม่ได้ว่านายนะต้น เราเข้าใจว่าเรื่องของนายมันสุดวิสัยจริงๆ ก็งี้แหละเป็นเพื่อนกับคนดังนายก็ต้องระวังตัวด้วยอย่ามีอะไรไม่ดี ไม่งั้นโดนเล่นหมด”
     แหม ยังมีหน้าหันมาแสดงความเป็นห่วงผมอีกนะ เมื่อก่อนผมก็คิดว่าเขาแค่บลัฟ เป็นเน็ทไอดอลหลงตัวเอง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเขาอิจฉาที่ผมสนิทกับคิวว์มากกว่าเขา เหอะ!
     “อืม ช่างมันเถอะ เราไม่อยากใส่ใจหรอก คนพวกนั้นไม่ใช่เพื่อนเรา ปล่อยเขาพูดไป แค่เพื่อนรอบๆ ตัวเราเข้าใจเราก็พอแล้ว”
     พูดแล้วผมก็หันไปยิ้มให้คิวว์ ผมจงใจยิ้มหวานหยดย้อยส่งให้คิวว์ คิวว์เองก็ยิ้มให้ผมแถมยังเอาแขนมากอดคอผมอีก
     “ฮ่ะๆ เพื่อนกันอยู่แล้ว”
     “ขอบใจนะคิวว์ เราโชคดีมากๆ เลยที่ได้มาซี้กับนาย”
     “แน่นอน นายไม่แย่งหญิงเราเหมือนไอ้มิวอยู่แล้ว ใช่มะ? ฮะๆ”
     “บ้า!”
     ผมแกล้งตีแปะไปที่กล้ามแขนแน่นๆ ของคิวว์เบาๆ ผมจงใจสร้างบรรยากาศหมอกสีชมพูหวานๆ พวกนี้ให้เนมอิจฉา หึๆ อิจฉาผมละซี้ ไม่อยากจะคุยว่าเวลาอยู่ด้วยกันที่ห้องคิวว์ชอบให้ผมนวดให้ด้วยล่ะ ดังนั้นพวกเราเลยไม่ถือสาการสัมผัสร่างกายกัน จะถือได้ยังไงละครับ ตอนคิวว์เพ้นท์ลายที่ท้องผมนี่เขาแทบจะหายใจรดสะดือผมสองชั่วโมงเต็ม! แต่เพราะคิวว์ไม่คิดอะไรนั่นแหละผมถึงกล้าปล่อยตัวแบบนี้ ถ้าเป็นมิวนิคน่ะเหรออย่าหวังว่าจะเห็นแม้แต่ข้อเท้าผม!
     ว่าแล้วก็จัดอีกซักประโยค...
     “เราโชคดีเป็นบ้าเลยที่เพื่อนๆ ในภาคทุกคนยอมรับเราทั้งๆ ที่เราเป็นแบบนี้ มีพวกนายคอยปกป้องเวลาถูกคนอื่นรังแก เวลามีใครมองเราไม่ดีพวกนายก็ออกรับแทน แม้แต่เอกที่เกลียดเกย์ก็ไม่รังเกียจที่เราชอบผู้ชาย เราโคตรจะมีความสุขเลยแหละ คำว่าเพื่อนที่ดีจังเลยเนอะ ซึ้งอ่ะ”
     แหวะ! พูดเองเลี่ยนเองครับ นี่ดีนะครับที่พักหลังอยู่ใกล้คิวว์บ่อยๆ เลยกล้าพูดอะไรเลี่ยนๆ แบบนี้ได้
     “ใช่แล้ว! นี่แหละชีวิตมหาวิทยาลัย เออ ไว้ว่างๆ ชวนพวกมันไปเที่ยวด้วยกันอีกดีป่ะ?”
     “เอาสิ ไปไหนไปกัน! ไปกับเพื่อนเราเต็มที่อยู่แล้ว เนมอยากไปด้วยกันมั้ย?”
     “เออ ไปด้วยกันมั้ย? คนเยอะ สนุกดี”
     “จะดีเหรอ เราไม่ได้อยู่ภาคเดียวกับพวกนาย”
     หึๆ ผมเห็นความอิจฉาในแววตาเนมเต้นระริกเชียวครับ คงหมั่นไส้ผมเต็มประดา แต่พอโดนผมกับคิวว์ชวนก็แทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เหอะ!
     “อืมจริงด้วย พวกทันตะคงยุ่งไม่เหมือนพวกเรา ไว้โอกาสหน้าก็ได้เนอะ เออคิวว์ คราวนี้เราอยากไปแบบครบทุกคนจังเลยอ่ะ ถ้าหาวันว่างตรงกันได้ก็ดีสิ แต่ไม่รู้เต็มจะยอมมั้ยเนอะ”
     แล้วคิวว์ก็หลงกลผม ผมแกล้งชวนคิวว์คุยแต่เรื่องเพื่อนๆ ในภาคที่เนมสอดปากไม่ถนัด แหมผมไม่ใช่พวกขาลุยนี่ครับจะได้ฉะกลับปาวๆ แบบเมษ ผมมันชอบเนียนเปลี่ยนเรื่องเบี่ยงประเด็นต่างหาก ให้เนมอึดอัดอ้าปากไม่ได้แบบนี้ต่อไปแหละดีแล้ว! ดูสิว่าจะเสนอหน้านั่งอิจฉาผมได้อีกกี่น้ำ หึๆ
     เก่งจริงก็ลองมาแข่งความอดทนกับผมดูซักตั้งนะเนม เขาจะสาดโคลนอะไรใส่ผมในเน็ทก็ทำไป คนพวกนั้นจะทำอะไรผมก็ช่าง แต่ผมจะรับมือด้วยวิธีนี้นี่แหละ ผมจะมีเพื่อนเพิ่มอีกเยอะๆ แล้วดูสิว่าถ้าพวกเขารู้จักผมในชีวิตจริงแล้วเขาจะยังเกลียดผมอีกมั้ย ไม่ช้าเดี๋ยวผมก็มีเครือข่ายที่จะคอยปกป้องผมเอง ก็เพื่อนต้องปกป้องเพื่อนอยู่แล้วนี่ครับ ผมจะเอาชนะความเกลียดด้วยความรักนี่แหละ หึๆ
     แล้วยกนี้ผมก็ชนะ ผมแกล้งชวนคิวว์แวะซุปเปอร์มาเก็ตก่อนกลับ ผมคุยกับเขาเรื่องอาหาร แกล้งหันไปคุยกับเนมบ้าง แล้วคิวว์ก็ไม่พลาดเชียร์เพื่อนตัวเอง เขาอวดสรรพคุณผมให้เนมฟังโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นหลุมพรางที่ผมใช้เขาแกล้งเนม สะใจชะมัดที่เห็นเนมหมั่นไส้ผมจนแทบกระอัก ก่อนกลับผมเลยหันไปยิ้มให้เนมเป็นพิเศษ ฮ่าๆ

      เอมคอยส่งข่าวมาบอกผมเป็นระยะ เขาแกล้งตีซี้กับเนมจนสนิท แต่ก็ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรมากเพราะเนมระวังตัวสุดๆ ผมเลยต้องทนไปก่อน โชคดีที่พักนี้ไม่ค่อยมีคนโจมตีอะไรผมมากมาย ผมไม่โง่ทำเรื่องให้ตัวเองถูกด่าบ่อยๆ หรอกครับ ผมก็ได้แต่หวังว่าซักวันเพจนั้นจะล่มสลายไปเอง ส่วนทางเนมผมคงทำอะไรไม่ได้เพราะผมไม่อยากแตกหัก แต่วันแตกหักก็มาถึงจนได้ครับ ความจริงเสาร์นั้นผมนัดกับเมษว่าจะไปเดินเล่นที่จตุจักร เมษอยากช็อปครับ พอคิวว์รู้เรื่องเลยขอมาด้วย เขาอยากมาดูของเล่นให้เจ้าแรมโบ้ แล้วไหงมิวนิคมาด้วยก็ไม่รู้! ตายสิครับมิวนิคกับคิวว์ ลำพังแค่คิวว์น่ะไม่เท่าไหร่แต่ผมรำคาญมิวนิคครับ!
     พวกเราสี่คนเดินช็อปตามใจเมษก่อน ละพอดื่มด่ำกับบรรยากาศเสร็จแล้วก็ได้เวลาไปลุยดงสัตว์เลี้ยงครับ เมษกับคิวว์เข้ากันได้ดีผมเลยเบาใจ รำคาญก็แต่ไอ้ยักษ์งี่เง่าบางคนแหละครับ เพราะมีผมผนึกกำลังกับเมษคิวว์เลยได้ของเล่นเฉพาะอันที่จำเป็นกลับไปให้แรมโบ้ เกือบได้ลูกกระต่ายกลับไปแล้วครับ ดีนะผมห้ามไว้ทัน
     ระหว่างนั้นผมโดนเมษแกล้งดึงคิวว์หนีไปเป็นระยะ ทำไมนะ? รู้สึกเหมือนสองคนนั้นจงใจปล่อยผมไว้กับมิวนิคเลย ไม่มีทางซะล่ะ!
     “เฮ้ยๆ มึงจะรีบไปไหน ดูนี่ก่อนดิ ลูกหมาน่ารักดีว่ะ”
     “เราไม่ชอบลูกหมา”
     “ไรว้า น่ารักออก ดูดิ”
     มิวนิคพยายามดึงผมให้ดูเจ้าเซนต์เบอร์นาดพุงอืด ลูกหมาตอนเด็กๆ ก็น่ารักทั้งนั้นแหละครับ แต่พอโตแล้วมันไม่เหมือนกันนะ ไหนจะค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล ยิ่งตัวใหญ่ก็ยิ่งลำบาก ทั้งอาหารการกินการขับถ่าย แค่ช่วยคิวว์เลี้ยงเจ้าแรมโบ้ผมยังแทบตาย จะใครละครับที่ต้องคอยเปลี่ยนวัสดุปูนอนให้เจ้าแรมโบ้ ก็ผมนี่แหละ! นั่นขนาดไม่มีอึกับฉี่เยอะนะครับ อาหารก็ใส่ถ้วยวางไว้ได้ แค่คอยดูเติมน้ำทุกวันเท่านั้นเอง แค่นี้ผมยังเหนื่อย คนที่มีงานรัดตัวไม่เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์หรอกครับ แค่สัตว์เลี้ยงยังยุ่งยากขนาดนี้ถ้ามีลูกคงลำบากกว่ากันเยอะ... ไม่ ผมจะไม่คิดถึงเขาอีก!
     “อืม น่ารัก แต่เราไม่ชอบเลี้ยงสัตว์”
     “กูเห็นมึงชอบดูแลคนอื่น มึงลองเลี้ยงหมาซักตัวดิต้น กูซื้อให้เอามะ?”
     “แล้วนายจะคอยจ่ายค่าอาหารให้เราไปตลอดด้วยรึเปล่า? อย่าคิดง่ายๆ สิมิวนิค สัตว์เลี้ยงไม่ใช่แค่จ่ายเงินซื้อเขามาแล้วก็จบนะ แล้วอีกอย่างถ้าเราเลี้ยงสัตว์ขึ้นมาเราคงไม่มีเวลาไปรบกับพวกนายแล้ว!”
     “เออว่ะ... งั้นมึงลองเลี้ยงปลาป่ะ?”
     “พอเหอะ เราขี้เกียจดูแลใครแล้ว”
     “ไรว้า มึงนี่ไม่มีความอ่อนโยนในหัวใจเลย”
     เรื่องอะไรมาว่าผมแบบนี้ ผมกำหมัดชักสีหน้าเตรียมอ้าปากจะด่าไอ้ยักษ์บ้า แต่ดันมีคนมาชนผมซะก่อน ผมเลยโผเข้าไปหาถาดที่เขาใส่ลูกหมาเต็มแรง! ซวยแล้ว!
     “เฮ้ย ต้น!”
     เฮ้อรอด! ดีนะที่มิวนิคคว้าผมไว้ทัน ไม่งั้นผมต้องทับเจ้าตัวน้อยพวกนี้แน่ๆ จตุจักรวันเสาร์อาทิตย์นี่คนเยอะจริงๆ ครับ อายคนก็อายมายืนกอดกันหน้าร้านขายลูกหมา กลัวเจ้าของร้านก็กลัว เขามองผมด้วยท่าทางไม่พอใจ แหง๋สิครับ ผมเกือบล้มทับสินค้าของเขาเลยนะ!
     “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
     หนีดีกว่าครับ
     “เดินยังไงวะ!”
     เอาแล้ว เพื่อนสมองกล้ามขาลุยของผม! มิวนิคตามไปฉุดแขนของคนชนเอาไว้ได้ พอผมตามไปดู อ้าว! เนม!
     “เดินไงวะ ชนเพื่อนผม”
     “ผมชนเหรอ ขอโทษครับ”
     “พอเหอะมิวนิค คนกันเอง”
     หมั่นไส้ครับ แอ๊บได้ใสซื่อมาก! ชนผมจังๆ แท้ๆ
     “อ้าวต้น ดี”
     “มาเที่ยวเหรอเนม?”
     “อ๋อเปล่าหรอก มาซื้อของนิดหน่อยน่ะ แล้วต้นล่ะ”
     จากสายตาของเขาผมเดาได้เลยครับว่าเดี๋ยวต้องมีเฟซปลอม(ของเขา)เอาผมไปด่าลง เน็ทอีกแน่ๆ ว่ามาเที่ยวกับกิ๊ก ดีไม่ดีอาจมีรูปแอบถ่ายฉากเมื่อกี้ที่ผมกอดกับมิวนิคแล้วก็ได้
     “อ๋อ เรามาซื้อของกับคิวว์นะ เออเนมรู้จักมิวนิคแล้วยัง? นี่มิวนิค หมอนี่เป็นเพื่อนซี้ของคิวว์ล่ะ”
     มิวนิคทำหน้างงพยายามจะแย้งผม แต่ผมไวกว่า ผมเอาศอกถองท้องเขาก่อนหน้านี้แล้วครับ มิวนิคเลยได้แค่พยักหน้ารับแบบงงๆ
     “อ้าว คิวว์ก็มาเหรอ?”
     แหม ตาเป็นประกายเชียวนะเนม!
     “อืม กำลังต่อราคาอยู่ที่ร้านนั้นอ่ะ”
     แล้วก็เป็นอย่างที่คิดครับ เนมไม่พลาดเกาะกลุ่มไปหาอะไรทานกับพวกผม พวกเรานั่งทานของทานเล่นพักขากันชิลๆ มีเมษอยู่ด้วยกลุ่มเราก็ครึกครื้น เมษคุยกับคิวว์อย่างออกรส ผมเลยแอบหัวเราะเยาะสะใจเนมอยู่เงียบๆ เพราะเนมทำท่ารังเกียจเมษมากเลยครับ ก็เห็นกันอยู่ว่าเมษเป็นอะไร แต่คนอย่างเมษหาได้แคร์ หึๆ
     จนเมษลุกไปเข้าห้องน้ำแหละครับ อยู่ๆ เนมก็พูดออกมา
     “นายไปสนิทกับคนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะคิวว์?”
     ผมที่กำลังจะหยิบลูกชิ้นเข้าปากชะงักเลยครับ “คนแบบนั้น”มันหมายถึงอะไรกัน! แต่เพื่อความไม่ประมาทผมเลยนิ่งไว้แล้วดูคิวว์กับเนม เนมคงไม่รู้ว่าเมษป็นเพื่อนซี้ผม แต่คิวว์รู้เขาเลยหันมามองผมนิดหน่อย แต่พวกผมลืมใครอีกคนไป
     “คนแบบนั้นหมายความว่าไง?”
     มิวนิคจอมเสือกเอ้ย!
     “ก็กะเทยไง คิดไม่ถึงว่าคิวว์มีเพื่อนแบบนี้ด้วย”
     “แล้วกะเทยไม่ใช่คนรึไงคะ!”
     อ้าวเมษมาพอดีแฮะ เป็นเรื่องแน่ๆ ครับ
     “ฉันกลับมาเอากระเป๋าเพราะลืมทิชชู่ คิดไม่ถึงว่าจะมี อิแอบนินทา”
     “เมษ ใจเย็นนะ”
     ผมละกลั๊วกลัวเมษจะลุกขึ้นมาตบเนม!
     “เราไม่ได้หมายความแบบนั้น คือแปลกใจว่าเธอกับคิวว์รู้จักกันได้ไงเฉยๆ น่ะ เราไม่คุ้นหน้าเธอเลย น่าจะคนละมหาลัยกันใช่มั้ย?”
     “ค่ะ ที่มหาวิทยาลัยของอิฉันเสรี ฉันเลยสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นผู้หญิงเต็มตัว ไม่ต้องคอยแอ๊บแอบหลบๆ ซ่อนๆ อิจฉาคนอื่น!”
     โอ้โห! ผมนับถือเมษเลย ผมไม่กล้าทำแบบนี้แน่ๆ
     “นังต้น เอาทิชชู่มาให้ฉันซิ แย่จังเลย ห้องน้ำหญิงที่นี่ไม่มีทิชชู่แหละแก ลำบ๊ากลำบาก”
     แล้วเมษก็เดินสวยจากไปเข้าห้องน้ำครับ เมษรู้เรื่องที่เนมคอยหาเรื่องผม แต่ผมยังไม่ได้บอกเมษเรื่องที่เนมปลอมเฟซด่าผมเลย ผมขอเอมเอาไว้ นี่ถ้าเมษรู้นะ มีหวังเนมเละกว่านี้แน่!
     คิวว์หน้าเสียเลยครับ ส่วนมิวนิคท่าทางไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ กร่อยเลยครับ แล้วเนมไม่คิดจะขอโทษเพื่อนผมเลยรึไง!
     “เราขอโทษแทนเมด้วยนะเนม เมใจร้อนไปหน่อย แต่เค้าไม่มีอะไรหรอก ปากร้ายไปแบบนั้นเองแหละ”
     เจ้าชายจริงๆ เพื่อนผมคนนี้
     “ไม่หรอก พวกเพศที่สามก็งี้แหละ อารมณ์รุนแรงเป็นปกติ เราไม่ถือ ฮะๆ”
     “แล้วเพศที่สามไม่ใช่คนเหรอเนม?”
     ผมทนไม่ไหวแล้วครับ!
     “เราไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น เราหมายถึงว่าคนพวกนี้จะมีความรู้สึกรุนแรงกว่าคนทั่วไปไง เราลืมไปว่ามันกระทบนายด้วย ขอโทษนะต้น”
     ตัวเองแมนแท้ๆ ตายแหละ!
     “ไม่เป็นไร ก็เราเป็นเกย์นี่เนอะ”
     ถึงผมจะเป็นเกย์แต่ผมก็ไม่ใช่อีแอบสารพัดพิษแบบเนมก็แล้วกัน!
     “เอ้ยๆ พอเหอะ จะเพศที่เท่าไหร่ก็คนเหมือนกันแหละ ความรักไม่จำกัดเพศหรอก ต้นมึงอย่าคิดมาก”
     เห็นแก่คิวว์หรอกนะครับ! ผมเลยหันไปถลึงตาใส่มิวนิคจอมเสือกแทน ความรักไม่จำกัดเพศอะไรกัน!
     “แต่มึงก็ไม่ควรพูดแบบนั้นกับเพื่อนกู”
     “อ้าว เพื่อนนายหรอกเหรอ โทษที เรานึกว่าเพื่อนนายซะอีก คิวว์”
     ทุเรศ! นี่เนมจะทำตัวหวงก้างใส่ทุกคนที่เข้าใกล้คิวว์เลยรึยังไงครับ?
     “จะเพื่อนใครก็ช่าง แต่รู้จักกันแล้วก็คือเพื่อน แล้วกูก็ไม่ชอบให้ใครพูดไม่ดีกับเพื่อนกู”
     ผมต้องแคะหูตัวเองรึเปล่าครับ? วันนี้มิวนิคพูดจามีสาระมาก ผิดปกติ!
     แล้วก็แยกย้ายกันแบบกร่อยๆ ครับ เฮ้อ... พังเพราะเนมแท้ๆ วันนั้นผมโทรไปคุยกับเมษ เมษหายโมโหแล้วครับ แต่พอผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเมษถึงกับอุทานว่า “มิน่า ฉันว่าละทำไมมีรังสีขี้อิจฉาแร๊งแรงแผ่มาทางฉันอยู่เรื่อย!”

     หลังจากวันนั้นผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ แต่แล้วก็มีคนโทรมาหาผมครับ เขาชวนผมไปทานข้าวด้วยกัน ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะปฏิเสธเพราะผมไม่รู้จักเขา แต่เขากลับบอกว่ามีอะไรจะเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับเนม อยากรู้ผมก็อยากนะแต่ก็กลัวด้วย ผมเลยว่าจะหาตัวช่วยไป มองซ้ายมองขวา อย่าชวนไปป์เลยครับ เดี๋ยวจะยุ่ง ผมจะชวนคิวว์ไปดีรึเปล่าน้า... นี่ถ้าพี่เปาอยู่ใกล้ๆ ก็ดีสิครับ ในลิสรายชื่อเพื่อนที่นั่งหน้าสลอนอยู่นี่ไม่มีใครซักคนที่ใจเย็นแล้วก็ท่าทางพึ่งพาได้เลย
     “พัท เห็นอัฐมั้ย?”
     “ไม่ว่ะ กลับไปแล้วม้าง ทำไม? มีไรเหรอ?”
     “เปล่าๆ”
     ผมกำลังจะปฏิเสธว่าไม่มีอะไรแต่พัทกลับแซวผม!
     “เฮ่ยๆ มีไรว้า มึงมีไรกับไอ้อัฐป่าว? พักนี้บ่อยนะมึง ฮ่าๆ”
     “บ้า! ไม่มีไรซะหน่อย”
     “เอ้ยๆ หน้าแดงด้วย มึงบอกกูมาตามตรง มึงกับไอ้อัฐ... แนๆ
     ใครหน้าแดง ผมเปล่านะ! เรื่องอะไรมาล้อผม! หนีดีกว่าครับ อยากรู้ก็อยากแต่ให้ไปคนเสี่ยงเอาคนเดียวผมก็ไม่เอา
     “มึงมีธุระไรกับอัฐวะต้น?”
     ให้ตายเหอะ โผล่มาทำไมเนี่ย!
     “ไม่มีไรหรอกมิวนิค”
     “เออน่ะ จะไปไหนให้กูไปเป็นเพื่อนมั้ย?”
     “รู้ได้ยังไง?”
     “ถ้าเป็นธุระไม่สำคัญมึงคงโทรหามันไปแล้ว มึงอุตส่าห์ย้อนกลับมาหามันถึงนี่คงอยากให้มันไปกับมึงตอนนี้เลย มึงเลือกมาหาไอ้อัฐแสดงว่ามึงไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่งั้นมึงคงชวนไอพวกนั้นไปด้วยละ”
     จะมาฉลาดอะไรเอาตอนนี้!
     “หน้ามึงนี่ชื่นชมความฉลาดกูมากเลยว่ะต้น”
     “ผิดเวลาไปหน่อยนะ”
     ผมเดินหนี แต่มิวนิคพยายามวิ่งตามผมมา จะตามมาทำไมก็ไม่รู้!
     “กูก็ไม่ได้โง่ทุกเรื่องก็แล้วกัน อยู่ใกล้ๆ มึงก็ต้องปรับตัวบ้าง”
     “หมายความว่าไง?”
     ผมหันไปมองหน้าไอ้ยักษ์บ้าบางตัว เขาคิดอะไรของเขาเนี่ย?
     “กูไม่อยากโดนมึงมองว่าโง่ไปตลอดชาตินี่หว่า กูก็อยากมีมุมดีๆ ให้มึงเห็นบ้าง”
     “นายก็เป็นเพื่อนที่ดีของเราอยู่แล้วมิวนิค”
     “มึงก็รู้ว่า ... เออน่ะ เพื่อนต้องช่วยเพื่อน เพื่อนเดือดร้อนกูปล่อยไว้ไม่ได้หรอก มึงทำหน้าเครียดทั้งวัน บอกมา มีอะไร เดี๋ยวกูเคลียร์ให้”
     “งั้นไปเป็นเพื่อนเราหน่อยละกัน แต่บอกไว้ก่อนนะ ห้ามพูดมาก มีอะไรค่อยคุยกันทีหลัง”
     แล้วผมก็ได้มิวนิคไปเป็นบอดี้การ์ดให้ครับ พวกเราไปรอที่ร้านอาหารตามนัด คนที่นัดผมมาเป็นผู้ชายที่หล่อมาก ถ้าผมจำไม่ผิด เขาเป็นนายแบบสังกัดเดียวกับคิวว์ ผมน่าจะเคยเจอเขาตอนไปเที่ยวกับคิวว์...
     พอเขานั่งลงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาเอาโทรศัพท์ของเขาออกมาแล้วยื่นให้ผม ผมเลื่อนภาพในนั้นดูแล้วก็ตกใจ! นี่มันไลน์ของเนมนี่นา!
     ‘โอย ไม่เข้าใจอีนั่นมีอะไรดีนักหนา ทำไมผู้ชายถึงได้หลงมันจัง หน้าตาก็งั้นๆ แรดจะตาย คนยังหลงมันอยู่ได้ ผู้ชายรุมตอมหึ่ง’
     ‘เพราะมันไม่แอ๊บเหมือนแกไงอิเนม ฮ่าๆ แกลองเลิกแอ๊บแมนดูสิ จะได้มีผัว’
     ‘ปากเหรออีแชมป์’

     นี่มันอะไรกันครับ! ผมเงยหน้ามองผู้ชายคนนี้แล้วตัดสินใจถามตรงๆ
     “เอ่อ ... นี่มัน ... ผม”
     “พี่ชื่อซัน เป็นแฟนเก่าของแชมป์ คนที่คุยกับเนมในรูป”
     “อ่า... ครับ แล้ว?”
     “ต้นอาจจะจำพี่ไม่ได้ แต่เราเคยเจอกันในผับ ตอนที่ต้นไปเที่ยวกับคิวว์”
     “ครับ ผมพอจำได้”
     “วันนั้นพี่เมาทำเหล้าหกรดกางเกงต้น แต่นอกจากต้นจะไม่เอาเรื่องพี่แล้วต้นกับคิวว์ยังช่วยเรียกแท็กซี่ไปส่งพี่ให้อีก พี่เลยอยากขอบคุณต้น”
     “ไม่หรอกครับ ความจริงผมก็แค่ช่วยคิวว์เรียกแท็กซี่ คิวว์เขาเป็นคนไนซ์อยู่แล้วเขาเลยช่วยพี่ ยังไงก็โมเดลลิ่งเดียวกัน”
     “ครับ ความจริงตอนนั้นพี่รู้จักเราอยู่แล้ว เพราะแชมป์ชอบมาถามพี่เรื่องคิวว์บ่อยๆ เขาเคยหลุดนินทาคิวว์กับต้นให้พี่ฟังแล้วถามพี่ว่าคิวว์เป็นพวกเดียวกับเรารึเปล่า?”
     “อ่า ครับ”
     สีหน้าสำนึกผิดของพี่ซันทำให้ผมเชื่อพี่เขา
     “พี่ไม่รู้จักเรา แต่รู้จักคิวว์ ตอนแรกพี่หึงนึกว่าเขาจะเปลี่ยนใจจากพี่ไปชอบคิวว์ แต่เขาปฏิเสธบอกว่าถามไปให้เพื่อนเขา พี่เลยไม่เอะใจ”
     “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
     “พี่เลิกกับแชมป์แล้วครับ เขานอกใจพี่ แต่ช่างเถอะ นั่นเป็นเรื่องระหว่างพี่กับเขา เรื่องที่พี่อยากบอกก็คือมีคนไม่หวังดีกับต้น พี่เคยแอบดูโทรศัพท์ของแชมป์ แล้วพี่ก็เห็นที่เขาคุยกับเนม พี่พอรู้จักเนมอยู่แล้ว เขาเป็นเน็ทไอดอลใช่มั้ย? เรียนอยู่ที่เดียวกับต้นและคิวว์ด้วย ได้ข่าวว่าเขาสนิทกับคิวว์ พี่เห็นเขาด่าต้นแบบนี้แล้วพี่เป็นห่วง”
     “ขอถามตรงๆ ได้มั้ยครับ พี่มาเตือนผมทำไม? ความจริงพี่ซันจะเงียบก็ได้”
     “คงเพราะพี่แค้นมั้ง ไม่อยากเห็นคนดีๆ ถูกรังแก พี่ก็เคยคิดไม่ดีกับต้น เชื่อตามที่แชมป์บอก พี่คิดไปว่าคิวว์คงโดนต้นหลอกด้วยซ้ำ แต่พอได้เจอต้นวันนั้นแล้วถึงรู้ว่ามันไม่ใช่ ต้นกับคิวว์ไม่มีอะไรกันจริงๆ ใช่มั้ยล่ะ? คิวว์เป็นคนดีนะ พี่ไม่อยากเห็นคิวว์โดนปลิงพวกนี้เกาะอีก พี่ก็เลยมาบอกต้น แชมป์คือหนึ่งในแอดมินเพจแอนตี้ต้นน้ำ”
     คนใกล้ตัวจริงๆ ด้วย หึๆ เนมนะเนม แค้นผมเพราะเรื่องของคิวว์มากขนาดนี้เชียว? มิวนิคทำหน้าตาตื่นหันมามองหน้าผมๆ เลยส่ายหน้าห้ามไม่ให้เขาพูดอะไรตามที่ตกลงกันไว้
     “ผมพอจะรู้อยู่แล้วครับ”
     “ถ้าต้นจะเอาหลักฐาน พี่พอมี พี่ไม่มีรหัสเข้าเพจแอนตี้แต่ถ้าแจ้งความแล้วไปยึดโน้ตบุ๊กของแชมป์ก็คงเจออะไรบ้าง”
     “ช่างมันเถอะครับ ผมไม่รู้จะทำไปทำไม ถ้าผมไปแจ้งความ เรื่องก็จะไปกันใหญ่ ยังไงคิวว์ก็ต้องเสียหาย ผมไม่อยากทำอะไรให้กระทบกับชื่อเสียงเพื่อนผม”
     “แล้วต้นจะปล่อยให้พวกมันเปิดเพจด่าต้นไปเรื่อยๆ เหรอ?”
     “บอกตามตรงนะครับ ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าผมจะทำยังไงต่อ ผมไม่เคยไปทำอะไรเขาด้วยซ้ำ แต่เขาเกลียดผมตั้งแต่ก่อนเราสองคนจะรู้จักกันเสียอีก ถ้าผมทำแบบนั้นเขาคงยิ่งเกลียด ผมอยากยุติปัญหามากกว่าสร้างเพิ่มครับ
     “พี่ยอมแพ้ใจต้นเลย พี่คงทำไม่ได้แบบเราแน่ๆ พี่แค้นเขา”
     “ใครบอกครับ ถ้าผมโดนแฟนนอกใจผมก็คงแค้นและไม่ให้อภัยเขาง่ายๆ เหมือนกัน แต่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นี่ครับ เนมไม่ใช่แฟนผม จะเรียกว่าเพื่อนก็คงไม่ได้ ผมไม่อยากเสียเวลาเปลืองสมองไปคิดถึงคนที่ไม่มีค่าอะไรในชีวิตผมแบบนั้น”
     “หึๆ ร้ายเหมือนกันนะต้น”
     “ก็นิดหน่อยครับ”
     ผมยิ้มให้พี่ซัน ความจริงพี่ซันก็หล่อดีน้า ถึงบางอย่างจะจริตเยอะไปหน่อยแต่โดยรวมแล้วก็แมนใช้ได้ น่าเสียดายที่ผมไม่ชอบเกย์
     “แต่ยังไงผมก็ขอบคุณพี่ซันนะครับที่ให้ข้อมูลผม”
     “ไม่เป็นไร ต้นอยากเก็บหลักฐานไว้มั้ยล่ะ?”
     “ได้ก็ดีครับ”
     ผมยิ้มให้พี่ซันแล้วเราก็แลกไลน์กัน เราสามคนนั่งทานอาหารด้วยกัน ผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงขอบคุณพี่ซัน พอส่งพี่ซันเสร็จ มิวนิคก็พูดมากทันทีครับ
     “ตกลงมันเรื่องอะไรวะ? มึงจะคายหรือให้กูไปเค้นคอไอ้คิวว์”
     “คิวว์ไม่รู้เรื่องนี้หรอก สัญญากับเราก่อนว่านายจะไม่พูดมาก เราไม่อยากให้คิวว์รู้ ไม่งั้นเราไม่เล่า”
     ทำไมวันนี้ผมถึงได้ใจอ่อนกับยักษ์โง่น้า... เฮ้อ! เพราะเจ้าแรมโบ้แน่ๆ เหมือนเป๊ะ!
     “เออ รีบๆ เล่ามาได้ละ”
     แล้วผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง พอเล่าจบเขาถึงกับอุทาน
     “กูว่าแล้วว่าทำไมมันจ้องไอ้คิวว์เป็นพิเศษ ไอ้คิวว์โคตรโง่อ่ะ!”
     “งี้แหละมั้งความรัก คนนอกถึงจะรู้ คนในบางทีก็ไม่รู้ตัวหรอก ว่าแต่นายกับคิวว์ก็คล้ายๆ กันบางอย่างเนอะ มิน่าตอนปีหนึ่งสนิทกันได้”
     “ตอนนี้ก็ยังสนิท แค่ไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกันบ่อยๆ ไอ้คิวว์มันงานเยอะ”
     “นายไม่ได้เกลียดคิวว์หรอกเหรอมิวนิค?”
     “ไม่ ถึงจะเคยแย่งหญิงกันแต่กูไม่เลิกคบกับเพื่อนเพราะเหตุผลงี่เง่าแบบนั้นหรอก
     “อ้าว! แต่ท่าทางคิวว์เกลียดนายเข้ากระดูกดำเลยนะ”
     “มึงพูดจริงอ่ะต้น?”
     มิวนิคหน้าเสียเลยครับ สมน้ำหน้า ฮ่าๆ
     “ฮ่าๆ พูดเล่น ถ้าคิวว์เกลียดนายคงไม่ชวนนายไปจตุจักรด้วยกันหรอกมั้ง”
     ผมพอเข้าใจแล้วครับว่าทำไมคิวว์ชอบแกล้งมิวนิค ฮ่าๆ แต่นึกไม่ถึงผมจะเป็นฝ่ายอึ้งแทน
     “งั้นมึงก็รู้ดิว่าทำไมกูถึงไป”
     “เอ่อ... ไม่รู้สิ กลับกันเหอะ เดี๋ยวรถติด บ้านนายไกลไม่ใช่เหรอ?”
     “ต้น กูชอบมึง”
     นี่มันเป็นการสารภาพรักที่กะทันหันที่สุดในโลก! ผมยังไม่ทันได้เตรียมใจเลยนะ! มิวนิคจับมือผมไว้แล้วก็พูดขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ให้ตาย! ผมจะปฏิเสธยังไงดีครับ
     “เรา ... เอ่อ เรา...
     “กูรู้ว่ามึงไม่ชอบกูหรอก มึงชอบคนที่อบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ ฉลาดๆ กูไม่มีอะไรใกล้เคียงผู้ชายในฝันของมึงเลย ให้กูปรับให้ตายกูก็เป็นแบบนั้นไม่ได้ กูเป็นของกูแบบนี้ กูรู้ดีว่ามึงคงไม่มีวันมองกู แต่กูชอบมึงว่ะ”
     “เรา... เราไม่ได้เกลียดนายนะมิวนิค คือโอเค เราอาจจะรำคาญนายบ้าง แต่...
     “แต่มึงก็ไม่เคยคิดกับกูมากไปกว่าเพื่อน มึงยังไม่ลืมแฟนเก่าของมึง”
     เพื่อนผมคนนี้ไปทานยาวิเศษมาจากไหน พักนี้มิวนิคฉลาดเกินไปแล้วครับ!
     “กูพูดถูกอ่ะดิ มีแต่ควายอ่ะที่ไม่รู้ว่ามึงยังไม่ลืมแฟนเก่า”
     “ถ้าผมจะไม่ชอบคุณก็เพราะปากแบบนี้แหละมิวนิค”
     “เออ โทษทีกูปากเสียไปหน่อย”
     เฮ้อ... ความรู้สึกผมมันปนเปกันจนยุ่งเลยครับ ทั้งตกใจ แปลกใจ อึ้ง แล้วก็เซ็ง มิวนิคนี่ปากพล่อยชะมัด!
     “ขอบคุณที่ชอบเรานะ”
     “เออ ไม่เป็นไร ก็มึงน่ารัก ใครๆ ก็ชอบมึง”
     “น่ารัก? เราเนี่ยนะน่ารัก หน้าก็จืดนิสัยก็แย่ พวกนายว่าเราประจำไม่ใช่เหรอ?”
     “ส่วนแย่ๆ มึงเยอะแต่ส่วนดีมึงก็มีไง แล้วไอ้พวกนั้นแหละทำกูใจละลาย พอกูชอบมึงแล้วกูก็เฉยๆ กับนิสัยงี่เง่าพวกนั้นของมึง”
     ถ้าผมแปลไม่ผิดมิวนิคเขากำลังบอกว่าเขาไม่ถือนิสัยงี่เง่าของผมใช่มั้ยครับ? ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครชอบนิสัยพวกนั้นของผมเลย! ผมรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นรัวเลยครับ!
     “ถ้าไม่นับเรื่องปากแย่ๆ นั่นเราก็ชอบนายนะมิวนิค แต่... อย่างที่นายพูดนั่นแหละ เราคงเจ็บปวดกับความรักละมั้ง เลยไม่อยากมีใครอีก ตอนนี้เราอยากสนุกกับเพื่อนๆ มากกว่า”
     “เออ ได้จีบมึงไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน”
     “บ้า!”
     เจ้ายักษ์ทึ่มนี่พูดว่าตามจีบผมหน้าตาเฉยเลยครับ หน้าด้านมากอ่ะ โอ๊ยผมไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ตัวเองต้องเขินเพราะมัน!

     เหตุการณ์หลังจากนั้นราบเรียบดีครับ แต่เหมือนไอ้ยักษ์งี่เง่าบางคนจะได้ใจ ชอบมาอยู่ใกล้ๆ ผมมากกว่าเดิม ผมไม่อยากหลุดหน้าแดงต่อหน้าคนอื่นซะด้วยสิ กลัวชาวแก๊งผิดสังเกตนี่ครับ เกิดผมโดนเค้นคอแล้วต้องไปเล่าว่า... เล่าว่ามิวนิคสารภาพรักกับผม โอ๊ย! ไม่เอาหรอกครับ แค่คิดก็อยากจะบ้าตายแล้ว ผมไม่รู้ว่ามิวนิคบอกเป้กับนันแล้วรึเปล่า อาจจะมั้งครับเพราะมิวนิคไม่เคยมีความลับอะไรกับสองคนนั้นอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยผมก็เบาใจที่คนอื่นๆ ในภาคยังไม่มีใครรู้ คือผมอายอ่ะ...
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#27/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ16
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 27-11-2014 04:16:03

     ผมใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างมีความสุข การที่มีคนเข้าใจผมและพร้อมจะยืนเคียงข้างกันทำให้ผมเข้มแข็งขึ้น ก็กำลังใจเต็มเปี่ยมนี่ครับ ผมไม่ต้องแคร์สายตามุ่งร้ายของใครแล้ว ผมมั่นใจว่าคนรอบตัวผมรู้จักผมดีพอ ขอแค่ผมไม่พลาดคนพวกนั้นก็ไม่มีอะไรมาโจมตีผมหรอกครับ จะเต้าข่าวมันก็ต้องมีมูลบ้าง สักแต่เขียนด่ากันลอยๆ คนอ่านก็ชักรำคาญและเริ่มไม่เห็นด้วย เขาก็คงรอให้ผมพลาดอยู่แหละครับ

     แต่มันมาพลาดเอาก็ตอนฮาโลวีน คือ... เพราะผมคุยไลน์กับพี่ซัน แล้วพี่ซันกับคิวว์ก็อยู่สังกัดเดียวกัน คือพวกเขามีปาร์ตี้อาโลวีนกันครับ คิวว์เลยมาชวนผมไปด้วย ผมก็ไปนะ แบบว่า... วันฮาโลวีนปล่อยผีเต็มที่ มีคอนเสิร์ตของวงร็อคที่ผับแถวทองหล่อใกล้ๆ คอนโดคิวว์ ไปกับคนที่ไว้ใจได้ทั้งนั้น ผมก็เลยดื่มนิดหน่อย อาจจะเมาเล็กน้อย ผมก็เลยสนุกสุดเหวี่ยง... แล้วเพจแอนตี้ก็ไม่พลาดเอาผมไปเม้าครับ ผมเละอีกแล้ว และแน่นอนเนมก็ไม่พลาดจะมา“แสดงความเป็นห่วง”ผม!
     “ต้นต้องระวังตัวเองรู้ป่ะ ไปเมาแบบนั้นอันตรายนะ”
     “ไม่เป็นไรหรอก เราไปกับคนที่ไว้ใจได้ คิวว์ไม่ปล่อยให้เราเป็นไรไปหรอก จริงมะ?”
     ผมหันไปยิ้มให้คิวว์ เนมที่หมั่นไส้ผมจัดเลยขุดเอาอดีตของผมขึ้นมาตบหน้า!
     “เดี๋ยวก็โดนมอมยาอีกหรอก คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ ระวังตัวไว้หน่อยดีกว่า”
     หน้าชาเลยครับ ผมสูดลมหายใจลึกๆ แล้วยิ้ม คิวว์ก็อึ้ง เขาเห็นท่าไม่ดีแต่ก็นั่งเงียบเพราะผมยังนิ่ง ผมเลยเพ่งสมาธิไปกับการคนน้ำแข็งในแก้วแทน พยายามสั่งตัวเองให้นับหนึ่งถึงสิบครับ ไม่งั้นผมคงลุกขึ้นมาเอาน้ำแข็งพวกนี้ยัดปากเนม!
     “ต้นเอาน้ำไรเพิ่มมั้ย? เราไปซื้อให้”
     “เอางั้นเหรอ? อืมเอามาอีกแก้วก็ได้”
     ผมยิ้มให้คิวว์ๆ ตบไหล่ผมเบาๆ แล้วเดินไปซื้อน้ำ ผมเห็นแววตาสะใจจากเนม เขาคงคิดว่าชนะ! ถ้าเขาอยากแข่งกับผมมากนักก็ได้ ผมจะแข่ง!
     “จริงอย่างที่เนมว่าเนอะ คนสมัยนี้อันตราย รู้หน้าไม่รู้ใจ ต้องระวังไว้”
     ผมฉีกยิ้ม!
     “ดีนะที่เรามีเพื่อนดีๆ เนมรู้มั้ยคิวว์ดีกับเรามาก”
     เนมเริ่มจิกสายตาใส่ผม หึๆ
     “เราโชคดีที่มีเพื่อนแท้แบบคิวว์ ตอนนี้เรามีความสุขกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย มีเพื่อนดีๆ เพิ่มขึ้นเยอะแยะ เราพยายามมีเพื่อนเยอะๆ ตามที่เนมบอกแล้วนะ ต้องขอบคุณเนมจริงๆ ที่คอยสอนเรื่องต่างๆ ให้เรา เราเองก็พยายามทำตัวดีๆ นะ ไม่อยากทำอะไรแย่ๆ ให้มีปัญหากับใครเพราะไม่รู้ว่าเขาจะเอาเราไปว่าอะไรบ้าง เพราะเนมแท้ๆ เลยที่ทำให้เราคอยระวังตัว เออ! จริงสิ! เรามีเพื่อนใหม่คนนึงชื่อพี่ซัน พอเขารู้ว่าเราอยู่ที่เดียวกับเนมเขาก็ฝากมาทักทายเนมด้วยนะ โลกมันกลมจังเลยเนอะ ไม่คิดว่าเขาจะรู้จักกับเพื่อนสนิทเนมที่ชื่อแชมป์”
     “แชมป์ไหนเหรอ? เราไม่รู้จักหรอก”
     หึๆ ไม่รู้จักแล้วทำไมหน้าซีดจังล่ะเนม
     “แต่เอ? พี่ซันยังเคยเปิดไลน์ที่เขาคุยกับเนมให้เราดูเลยนะ”
     ผมยิ้มแต่เนมเริ่มปากสั่นแล้วครับ สะใจผมจริงๆ
     “สงสัยเราคงจำไม่ได้มั้ง เราคุยกับคนเยอะน่ะ”
     “งั้นมั้ง ก็เนมเพื่อนเยอะนี่เนอะ ผิดกับเราเลยคุยแค่ไม่กี่คน แต่โชคดีที่ทุกคนที่เราคุยเป็นเพื่อนแท้ของเราทั้งนั้น ถึงเวลาถ้าเราขอร้องให้เขาช่วยอะไรเขาคงเต็มใจช่วยเรา นายคิดงั้นมั้ย?”
     “นายพูดเรื่องอะไรอ่ะต้น! เราไม่เก็ท”
     “ก็เรื่องเพื่อนไง เนมคิดว่าเรื่องอะไรล่ะ?”
     ผมยิ้มแล้วหัวเราะ ก่อนจะพูดปิดท้าย
     “คนที่ยอมคนเห็นเขานิ่งๆ มันไม่ได้แปลว่าเขาโง่นะเนม เขาอาจจะเบื่อ ขี้เกียจมีเรื่องก็ได้ แต่มันไม่ได้แปลว่าเขาไม่รู้สึกอะไร ถ้ามันโดนกระทำมากๆ ซักวันนึงเขาก็คงไม่ทนเหมือนกัน แต่ถ้าเลือกได้เขาก็คงไม่อยากมีปัญหากับใครหรอก เราไม่อยากเอาปัญหางี่เง่าพวกนี้มาใส่ใจ เลิกแล้วต่อกันจบกันแบบเงียบๆ ไม่ดีกว่าเหรอ?”
     หึๆ สมน้ำหน้า! เนมหน้าซีดเชียวครับ สะใจผมจริงๆ
     “เนมรู้จักพรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มั้ย? ปกติคนเขาไม่อยากฟ้องให้เป็นคดีความกันหรอก มันเปลืองเงินเสียเวลา แต่พอดีว่าบ้านเรามีเงินแล้วเราก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วด้วย เราก็แค่เสียเวลาแต่คู่กรณีเราคงต้องเสียมากกว่านั้น ยิ่งดังยิ่งมีคนรู้จักเวลาล้มขึ้นมาคงยิ่งอับอาย เผลอๆ มีคนรอวิจารณ์เพียบ เนมคิดแบบเรามั้ย? น่ากลัวเนอะ เพราะแบบนี้แหละเราถึงชอบอยู่เงียบๆ”
     “เราขอตัวนะต้น ต้องไปแล้ว!”
     “อื้ม ตามสบายเลย เดี๋ยวบอกคิวว์ให้”
     เนมหนีไปแล้วครับ สะใจผมจริงๆ ผมก็ได้แต่หวังว่าเขาคงสำนึกนะครับ โดนขู่ไปขนาดนั้นต้องกลัวบ้างแหละ เฮ้อ...

     แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่เคยเห็นเนมเฉียดเข้ามาใกล้คิวว์อีกเลย ดูเหมือนว่าเพจแอนตี้จะหายไปด้วย แต่ไปป์แอบมากระซิบผมว่าอาทิตย์ก่อนเห็นคิวว์กับมิวนิคไปนั่งอยู่แถวๆ ทันตะ ลูกหมาน้อยของผมไปหลีสาวแถวนั้นอีกแล้วแน่ๆ! ผมก็ไม่รู้ว่าคิวว์กับมิวนิคไปทำอะไร แค่การที่เขาสองคนไปไหนด้วยกันมันก็แปลกแล้วครับ สงสัยจะจริงเหมือนที่มิวนิคว่า “เพื่อนกันยังไงก็ตัดกันไม่ขาด” ส่วนสำหรับผม ... ช่างมันเถอะครับ ผมเลือกแล้วว่าจะมีความสุขกับเพื่อนๆ ของผมนี่นา เรื่องอื่นผมไม่สน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... น้องต้นแซ่บมั้ย? ก็บอกแล้วว่าฮีร้าย ตอนนี้น้องต้นอัพสกิลทุกอย่างเต็มแล้วเลยตอกกลับแบบนางพญา หึๆ
แต่เราว่าถึงต้นจะดูร้ายมากกว่าเดิมแต่ก็น่ารักขึ้นนะ ดูรับมือกับปัญหาได้เก่งขึ้น นิ่งขึ้นไม่สติแตกเอาง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อน กับเพื่อนๆ ก็ความสัมพันธ์ดีขึ้นด้วย ปรับตัวเข้าหาสังคมได้เก่งขึ้น ร่าเริงขึ้นเยอะ ใช้ชีวิตได้มีความสุขจริงๆ ซักที

แต่คาดว่าบทนี้ไปป์กับคิวว์หรือแม้แต่ตัวร้ายแบบเนมก็คงโดนคนบางคนแย่งซีน ดีใจที่มิวนิคมีแฟนคลับนะเออ ฮ่าๆ
ไม่อยากบอกว่าในหัวเรานะ เราจินตนาการว่าถ้าต้นเลิกกับพี่ชัชถาวรคนที่จะมีโอกาสจีบต้นได้ติดที่สุดก็คือมิวนิคนี่แหละ แม้จะเป็นม้านอกสายตาใครหลายๆ คน คนที่สองคืออาร์ม แต่น่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบอยู่ๆ ไปจนถึงวันนึงก็คบกัน ความสัมพันธ์ทางร่างกายมาก่อนเพราะอาร์มนี่ก็ใช่ย่อย แล้วก็ต่างฝ่ายต่างอยู่ตรงนั้นจนทิ้งกันไม่ได้มากกว่า
กับมิวนิคนี่นั่งจิ้นเองคนเดียวไปไกลเป็นภาคสปินออฟเลยแหละ มันจะเลิฟคอมเมดี้มากๆ ต้นจะใจแข็งรำคาญสุดๆ แต่มิวนิคก็จะโคตรตื้อจนน่าจะจีบสำเร็จตอน ป.โทโน่นอ่ะ ต้นถึงจะใจอ่อน เห็นใจในความพยายามของคนโง่ที่กระเสือกกระสนเรียนโทตามตัวเอง ฮ่าๆ แล้วคนแต่งมานั่งจิ้นอะไรให้คนอ่านฟังเนี่ย!
ก็แบบ... บอกแล้ว รักนิยายเรื่องนี้มาก ไอ้เราก็เขียนแบบคิดทางเลือกไว้โคตรเยอะ มันคิดเรื่องต่อไปเรื่อยๆ ได้โคตรสนุกเลย บทที่แม็กซ์ได้กับต้นก็มีนะ แต่เป็นหลังจากที่ต้นคืนดีกับพี่ชัชแล้วโน่นอ่ะ คืออายุประมาณสามสิบกว่า แม็กซ์มีลูกแล้ว แยกกับเมียเรียบร้อย พี่ชัชเดี้ยง ไม่นะ อย่าด่าคนแต่งว่าใจร้ายนะ! แต่สันดานอย่างเฮียแกอ่ะมันน่าขับรถแล้วเกิดเรื่องจริงๆ แม็กซ์ที่อยู่ข้างๆ ต้นมาตลอดจะสบโอกาสตอนนั้นแหละ เพราะแม็กซ์คือเพื่อนที่จะอยู่ข้างๆ ต้นน้ำตลอดไปไม่มีวันปล่อยมือจากต้น
แต่... สุดท้ายก็ต้องตัดใจแล้วเลือกบทจบที่ดีที่สุด และสมกับเป็นต้นน้ำที่สุดละนะ! ว่าแต่คนอ่านล่ะ อยากอ่านตอนพิเศษแบบไหนรึเปล่า? หรือจะรออ่านบทสุดท้ายก่อน หึ? อาจจะอยากอ่านตอนพิเศษของคู่รักในบทสุดท้ายก็ได้นะ คู่นั้นมีแววว่าจะมาแรง!

หวังว่าคนอ่านจะสนุกกับตอนพิเศษน้า ครั้งหน้าบทสุดท้ายแล้ว ใจหายอ่ะ  :hao5:


ส่วนพูดคุย  :laugh3:
แถม Sweet Devil (rap cover) Remix by @nqrse (naruse) (http://youtu.be/slkEtwEWKRE?list=PL2bzfOX34J0ggevNxucVYTCOheeg6Jdtd) <<< เพลงที่ฟังประจำเวลาจะนึกถึงอิมเมจร้ายๆ ของน้องต้น แสบๆ ซนๆ ประมาณนี้แหละ แต่ชอบเวอร์ชั่น Rap ของ nqrse เป็นพิเศษ มันไม่แรปจ๋าฮาร์ดคอร์มากแบบของคนอื่น เซ็กซี่กำลังดี แบบเอาไว้โยกอย่างเดียวก็มีนะ มิกซ์ซะมันส์เลย SweetDevil(8# Prince Raver Remix) (https://www.youtube.com/watch?v=shBsooAVVVg)
เผื่อมีคนอ่านไม่รู้ จริงๆ คนแต่งไม่ค่อยฟังเพลงไทยนะ ฮ่าๆ เห็นแบบนี้แต่ความจริงเป็นคุนิดๆ นะเออ!  :-[ (หน้าไม่อายเนอะ กล้าพูดมาได้ ฮ่าๆ)
ช่วงอายุ10กว่าๆ ฟังแต่แด๊นซ์ที่ดีเจเปิดกันในผับจากคลื่นวิทยุต้องตื่นมาฟังตอนตีหนึ่งตีสอง ต่อมาฟังแต่เพลงการ์ตูน ร้องได้ทั้งButterFly BraveHeart  BreakUp! แต่ตอนนี้กลับชอบฟังแต่ Vocaloid กับ Utaite ไม่อยากบอกว่าคลั่งเสียงผู้ชายมากๆ ชอบจริงๆ ไม่ต้องรู้จักหน้าตาหรอก แค่ฟังเสียงแล้วก็จินตนาการเอาก็น้ำเดินละค่ะ ฟินมาก บางคนเค้าร้องเพลงเซ็กซี่จริงๆ น้า
แต่เพลงที่ชอบก็มีนะ บางเพลงโครตชอบๆ มากๆ มีเป็นสิบกว่าเวอร์ชั่นเพราะคนคัฟเวอร์เยอะเราก็โหลดมาฟังหมดนะ อย่างเช่นเพลงนี้ 威風堂々 คือตัดสินไม่ได้ว่าเวอร์ชั่นไหนครางได้อารมณ์กว่ากัน ระหว่าง しゅーず (https://www.youtube.com/watch?v=Tz5SddRg8Zc) กับ らびぽ (https://www.youtube.com/watch?v=58pHd7ZVbBE)
ไอ้เพลงพวกเนี๊ยะ... นั่งฟังได้เป็นวันๆ ฟังแล้วฟินจริงๆ นะเออ ทั้งๆ ที่แฟนก็มีแล้วเป็นตัวเป็นตนแต่กลับเป็นสาววายที่คลั่งผู้ชาย2Dมาก หื่นสุดๆ เห็นอะไรก็จิ้น คลั่งไคล้ผู้ชายเสียงได้อารมณ์มากจนเข้าขั้นนั่งหัวเราะคนเดียวแล้วเอามืออุดจมูก ช่างเป็นนิสัยที่งี่เง่าซะจริง .... แล้วไอ้คนแบบนี้มาเขียนนิยายดราม่าเรื่องนี้เนี่ยนะ!
 :impress2: くるみぽんちお (https://www.youtube.com/watch?v=qX43SWRB874) << สาบานสิว่าดู MV นี้แล้วไม่คิดอะไร อา... 5P ชัดๆ พวกท่านจะกินนมรึอะไรก๊าน! ฟินอ่ะ เอามือตบโต๊ะรัวๆ ดูอะไรเสื่อมๆ รั่วๆ แบบนี้มันกว่าดูเมะวายอีก เราดูไอ้ของพวกนี้แหละ เสริมสร้างจินตนาการ แหะๆ แบบว่า ... เพจเค้าเหง๊าเหงา ใครจะเม้าเรื่อง Utaite ก็แวะมาเม้าได้นะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#27/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ16
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 27-11-2014 04:39:17
กรี๊ดดด กับมิวนิค ก็ดีอะ ฟินจัง แบบต้นเขิลด้วย มิวนิคก็จีบแบบซื่อๆ  เขิลแทนอะ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#27/11/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ16
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 27-11-2014 04:49:39
มาเม้นอีกรอบ หลังจากได้อ่าน ช่วงพูดคุยของคนเขียน แล้ว อยากกรี๊ดด ตอนมิวนิคเรียนป โท ก็น่าจิ้น
ตอนกับ อาร์มก็น่าอ่าน ใช่แหละฟิลนั้นเลย คือแบบรักที่บริสุทธิ์ไม่ทิ้งกันไปไหน
แต่ก็มีความสัมพันธ์ทางการกัน แล้ว อะไร จะเปลี่ยนไปรึเปล่า อาร์มจะหึงห่วงต้นมั้ย
และคนแบบอาร์มเวลาหึงเป็นแบบไหนน ยิ่งคิดยิ่งอยากอ่าน
กับตอนของแม็กยิ่งอยากอ่าน รอมาจนมีลูกเพิ่งได้กะต้นโอ้ยยยย
คืออยากอ่านหมดอะ แย่จังทำไมหลายใจ ชอบทุกคนเรยละ 555
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#1/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน24
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 01-12-2014 05:45:50
แล้วเรื่องก็จบอย่างมีความสุข

The story after that.

     ต้นน้ำเดินเหลียวซ้ายแลขวามองรอบตัวแล้วก้มหน้าลงก่อนจะรีบตรงไปยังหอพักผู้ป่วยหญิง แม่ของเมษนอนพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ หากเขาไม่มาเยี่ยมก็คงดูไม่ดี แต่ถ้าเลือกได้เขาก็ไม่อยากมา ต้นน้ำเดินบ่นงึมงำ
     “ทำไมต้องมารักษาที่นี่ด้วยนะ!”

     เอกดนัยรู้สึกเหมือนเห็นคนคุ้นตาเดินผ่านไป แต่เขาไม่แน่ใจว่าจะใช่คนที่เขาคิดรึเปล่า คุณหมอวัยกลางคนเดินมาเช็กอาการคนไข้ตามปกติ แต่เสียงแจ๋นๆ จากญาติผู้ป่วยเตียงข้างๆ ก็ทำให้เขารำคาญ เขาอยากบอกหล่อนเหลือเกินว่าในโรงพยาบาลไม่ควรใช้เสียงดัง แต่เมื่อมองดูดีๆ และฟังเสียงนั้นให้ชัดๆ เขาถึงพบว่าหล่อนเป็นผลงานที่ประณีตนัก แม้จะเป็นของปลอมแต่ก็ปรุงแต่งออกมาได้งดงามไม่แพ้ของจริง ที่สำคัญชื่อที่ออกมาจากปากของเธอก็คุ้นหูเขาเหลือเกิน
     “นังต้นมันบอกว่าเดี๋ยวมันมารับแม่ให้ หนูเองก็น่าจะว่าง พ่อจะได้ไม่ต้องหยุด ไม่ต้องลำบากอีมุกมันด้วย”
     “แล้วเราไปรบกวนต้นจะดีเหรอนังเมษ เผื่อเขามีเรียน”
     “โอ้ยไม่เป็นไรหรอกแม่ มันแอบโดดได้ พ่อมันใหญ่จะตาย มันบอกว่ามาได้”
     “แล้วจะกลับยังไง จะให้แม่ซ้อนมอเตอร์ไซค์กลับเหรอ?”
     “อย่ามามุกน่ะแม่! นังต้นมันก็ให้รถตู้มารับพวกเราสิ นี่ปู่มันยังใจดีให้เรายืมรถเข็นมาใช้อีกด้วยนะแม่ แม่ตัวหนักจะตายหนูเอาคนเดียวไม่ไหวหรอก ต้องให้นังต้นมันมาช่วยยก”
     “ปากนะนังลูกคนนี้”
     “ก็มันจริงนี่แม่! เนี่ยเพราะอ้วนนั่นแหละเลยล้มแล้วหักไปทั้งตัวแบบนี้ แก่แล้วทีหลังก็ระวังๆ หน่อยสิแม่”
     “เอ๊ะนังนี่! ยังไม่หักโว้ย! ไปๆ กลับไปได้แล้ว แม่จะนอน”
     “แม่อะ ยังไม่มืดเลยจะรีบนอนไปไหน”
     “เออๆ ไปๆ แม่รำคาญ”
     “เช๊อะ! หนูกลับก็ได้”
     ต่อปากต่อคำกับมารดาพอหอมปากหอมคอแล้วเมษก็สะบัดก้นกลับบ้าน เธอยังต้องกลับไปเคลียร์ของสดสำหรับเตรียมเปิดร้านอีก อาจจะต้องประกาศปิดร้านสักพักจนกว่าแม่ของเธอจะอาการดีขึ้น เธอต้องเรียนและทำงานพิเศษคงไม่ว่างเปิดร้านอาหารตามสั่งแทนแม่ แปลว่าบ้านของเธอคงขาดรายได้ไปสักระยะ ... แต่เมษก็ยังยิ้มได้เมื่อผลการเอ็กซเรย์ออกมาว่าแม่ของเธอแค่เคล็ดขัดยอกเฉยๆ ไม่มีอะไรแตกหักเสียหาย สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือภาวะความดันโลหิตสูงที่เกิดร่วมกับโรคเบาหวานมากกว่า เมื่อนึกถึงภาพที่ตนพบแม่นอนหมดสติอยู่ในห้องน้ำก็ยิ่งกังวล เธอก็ได้แต่ภาวนาว่าขอให้ผลตรวจอย่างอื่นออกมาดีตาม เธอจะได้พาแม่กลับไปพักที่บ้านเสียที
     เมษกลับบ้านไปโดยไม่รู้ตัวเลยว่าถูกจับตามอง หมอเอกร่างแผนการต่างๆ ในใจ เขาทนเห็นหมาหงอยมานานเกินไปแล้ว ถึงความรักจะเป็นเรื่องของคนสองคนแต่ถ้ามีตัวช่วยเข้าไปมีเอี่ยวด้วยก็คงไม่เลวนัก ที่สำคัญเขาเจอของเล่นชิ้นใหม่แล้ว!

     เช้าวันถัดมาเมษรีบมาเฝ้าแม่ตัวเองเช่นเคย แม่ของเธอเกิดหน้ามืดจนหกล้มหัวฟาดพื้น เคราะห์ดีที่กระดูกไม่หักแต่ความดันก็ไม่ค่อยดีไหนจะยังเบาหวานอีก เธอจึงไม่วางใจให้แม่อยู่คนเดียว แม้จะปากเก่งแต่เมษก็รักและเป็นห่วงแม่ของตน แต่ในขณะที่กำลังวิ่งเข้าลิฟต์ เธอก็เผลอไปชนเข้ากับคนข้างหน้า ผู้ชายวัยกลางคนหันมามองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ
     “ขอโทษค่ะ”
     เมษย่อตัวลงกล่าวขอโทษเสียงอ่อย แต่โชคร้ายเมื่อผู้โดยสารคนอื่นออกไปจนเหลือแต่เขากับเธอ ด้วยรู้ตัวว่าผิดจึงไม่กล้าหันไปมองด้านหลัง แต่เมษรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาอย่างเข้มข้น!
     “เนี่ยชนมันนิดเดียวมองฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ”
     “ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง?”
     “มนุษย์ลุงชัดๆ ว่าแต่แกถึงไหนละยะ?”
     “หมอว่าหมอยังไม่แก่พอจะเป็นลุงคุณได้นะเมษา”
     “ใครเรียกชื่อฉันยะ?”
     ในระหว่างที่เมษกำลังเม้าแตกกับต้นน้ำผ่านโทรศัพท์ก็มีเสียงทักดังขึ้น และเมื่อเธอหันไปเธอก็พบกับ“มนุษย์ลุง”ยืนอยู่ด้านหลัง!
     “แป๊บนะนังต้น งานเข้า!”
     เมษกดวางสายแล้วหันไปยิ้มเอาใจ
     “คะ?”
     “ในโรงพยาบาลงดใช้เสียงดัง คุณไม่รู้เหรอ?”
     “เอ่อ ... หนูพูดดังไปเหรอคะ?”
     “ไม่เคยรู้ตัวเลยเหรอ?”
     เมษขัดใจนัก! อยากอ้าปากด่าคุณลุงผู้ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านคนนี้เหลือเกิน
     “คร่า งั้นหนูจะเบาเสียงให้ละกันค่ะ!”
     เมษเชิดใส่ทำเป็นไม่สนใจแล้วหันไปกดโทรศัพท์เม้ากับเพื่อนรักต่อโดยลืมไปเสียสนิทว่าเมื่อครู่นี้คุณหมอมนุษย์ลุงคนที่ว่าพึ่งเรียกเธอว่า“เมษา”

     ต้นน้ำมารอรับแม่ของเมษกลับบ้าน แต่ระหว่างรอคุณหมอเจ้าของไข้อยู่กับเมษคนที่ต้นน้ำกลัวก็มาถึง เอกดนัยยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น!
     “คนนี้แหละแก๊!”
     เมษรีบสะกิดบอกเพื่อน แต่ต้นน้ำกลับรีบก้มหน้า
     “หมอขอคุยด้วยได้มั้ย”
     แม่ของเมษงง เมษก็งง ทั้งสองคนมองต้นน้ำแต่ต้นน้ำกลับเลี่ยงไม่ยอมตอบ
     “ต้น”
     เมษแปลกใจที่อีตาหมอจอมจุ้นนี่รู้จักเพื่อนของเธอ เมษสะกิดเพื่อนยิกๆ แต่ต้นน้ำกลับไม่ยอมอธิบายอะไร
     “ขอเวลาซักครู่ หมอไม่รบกวนเรานานหรอก”
     “ผมไม่มีอะไรจะคุยครับ”
     “แต่หมอมีเรื่องจะเล่าเยอะเลย”
     “แกรู้จักเขาด้วยเหรอนังต้น?”
     เมษที่อดทนไม่ไหวกระซิบถาม ต้นน้ำเหลือบมองดูหมอจอมดื้อแล้วก็หันไปตอบเพื่อนเบาๆ
     “เพื่อนสนิทพี่ชัช”
     เพียงเท่านี้เมษก็ถึงบางอ้อ...

     แล้วคนทั้งหมดก็ออกมานั่งคุยกันที่ด้านนอก เมษตามมาเป็นกำลังใจให้เพื่อน ส่วนต้นน้ำก็เอาแต่นั่งก้มหน้านิ่ง เอกดนัยมองมิตรภาพของทั้งสองคนแล้วก็ขำ เมื่อไม่มีใครเริ่มเมษก็ทนไม่ไหว
     “คุณหมอมีอะไรจะพูดกับเพื่อนหนูก็รีบพูดเถอะค่ะ หนูจะได้พาแม่กลับบ้านซะที”
     หมอเอกปรายตาไปมองผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มแล้วก็หัวเราะในคอ ท่าทางของเขาทำให้เมษหมั่นไส้อย่างแรง
     “ฮาโลวีนปาร์ตี้แถวทองหล่อสนุกมั้ยต้น เสียดายคืนนั้นหมอติดเคสเลยอด”
     คำพูดของเอกดนัยทำเอาต้นน้ำอ้าปากค้าง เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาคนถาม เมษหันไปมองหน้าเพื่อนรักแล้วต่อว่า
     “แกไปปาร์ตี้ไม่ชวนฉัน! ไหนแกบอกว่าจะอยู่บ้านไง?”
     “ไม่ใช่นะ! ตอนแรกก็ตั้งใจแบบนั้นจริงๆ”
     “นังเพื่อนทรยศ แกเทฉัน!”
     “เราเปล่านะ! คือเราไม่ได้ไปกับแม็กซ์ พอดี ... เราไปกับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยน่ะ เขาชวนกะทันหัน”
     “ต๊าย! ถ้าพ่อแกรู้นะ”
     “อย่าบอกใครนะเมษ”
     “แหม ไปกับผู้คนไหนมาละยะ!”
     เอกดนัยมองเด็กทั้งสองแล้วอมยิ้ม ยิ่งฟังก็ยิ่งขำ ต้นน้ำแก้ตัวกับเพื่อนพลางเหลือบมามองเขาบ่อยๆ เหมือนกลัวความลับรั่วไหล เขารู้แต่แรกแล้วว่าแฟนเพื่อนคนนี้ซนพอตัว ต้นน้ำไม่ใช่ผ้าที่ถูกลงแป้งจนแข็งแล้วพับไว้บนหิ้ง
     จนในที่สุด...
     “คุณหมอรู้ได้ยังไงครับ?”
     “มีคนเล่าให้ฟัง”
     ต้นน้ำทำหน้าสงสัยเข้าแผนของหมอเอกพอดี
     “คงบังเอิญมั้ง มันไปกับลูกค้า เห็นมันบอกว่าต้นแต่งแฟนซีเป็นแวมไพร์ด้วยนี่ หมอพึ่งรู้นะว่าเราดื่มเก่ง ว่างๆ ไปดื่มกันมั้ยไอ้ชัชเลิกดื่มไปแล้วหมอไม่มีเพื่อนกินเหล้าเลย”
     ยิ่งเล่าต้นน้ำก็ยิ่งหน้าซีด เหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาเพราะถูกจับได้!
     “เขาจำคนผิดรึเปล่าครับ”
     “ไม่หรอก เพื่อนหมอมันความจำดีจะตาย มันไม่มีทางลืมเราหรอก”
     ต้นน้ำตัวเย็นวาบ เขาถูกชัยชัชเห็นซะแล้ว! ต้นน้ำอยากบริสุทธิ์งดงามในสายตาของชัยชัชตลอดไป เขาไม่อยากถูกล่วงรู้ใบหน้าภายใต้หน้ากาก
     ความกลัวปรากฏขึ้นแว๊บหนึ่งในใจ แต่แล้วต้นน้ำก็ตระหนักได้ เขาเลิกกับชัยชัชแล้ว!
     “เหรอครับ แต่คงไม่บังเอิญบ่อยหรอกเพราะผมไม่ได้เที่ยวบ่อย”
     เลิกกันแล้วเขาจะใช้ชีวิตยังไงมันก็เรื่องของเขา ต้นน้ำแอบคิดเข้าข้างตัวเอง
     “หมอก็ไม่ได้ว่าอะไร”
     เอกดนัยยิ้มกวนเพราะเป็นต่อ
     “ธุระของหมอมีแค่นี้ใช่มั้ยครับ”
     ต้นน้ำถามพลางทำท่าจะลุกขึ้น
     “ยังมีอีกเรื่อง หมอพึ่งไปงานบวชไอ้ชัชมา”
     ข้อมูลใหม่ทำเอาต้นน้ำหูผึ่ง เขามองตรงมาทางเอกดนัยด้วยความสงสัย อดีตแฟนเขาน่ะหรือบวช?
     ท่าทางของต้นน้ำยิ่งทำให้เอกดนัยมั่นใจ เขายิ้มพรายพลางเล่า
     “ก็คนมันอกหัก คนที่มันรักก็มีความสุขไปแล้ว มันไม่รู้จะอยู่ดูแลใคร พอเหลือตัวคนเดียวเลยหนีไปบวช”
     หมอเอกมองสีหน้าคับข้องใจคล้ายคนจะร้องไห้เพราะโดนสะกิดแผลของต้นน้ำแล้วก็ยิ้มอย่างยินดี ต้นน้ำยังรักเพื่อนของเขาอยู่!
     “ต้นอยากรู้มั้ย? ใครถือหมอนให้มัน”
     “พี่เขาบวช ผมก็อนุโมทนาด้วยครับ”
     สายตาไม่ยอมแพ้กับน้ำเสียงที่แกล้งทำเป็นเข้มแข็งทำให้เอกดนัยยิ้มกริ่ม เขาจงใจวางกับดักเพิ่มอีกชิ้น
     “น่าเสียดายนะ งานกำลังรุ่งเลย ไปบวชอยู่บ้านนอกไกลหูไกลตาเป็นอะไรขึ้นมาลำบากแย่ อ้อ! ต้นไม่รู้นี่ว่าไอ้ชัชมันเป็นความดัน มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงร่วมด้วย แต่มันไม่ยอมให้หมอเอ็กซเรย์หลอดเลือดหัวใจ อันตรายน้า...”
     ในที่สุดต้นน้ำก็ทนไม่ไหว!
     “หมอเอกต้องการอะไรจากผมกันแน่!”
     “หมออยากรู้ว่าเรายังรักเพื่อนหมออยู่รึเปล่า เพราะไอ้ชัชมันรักต้นมาก”
     “รักแล้วยังไง? ความรักอย่างเดียวมันช่วยอะไรไม่ได้ซักหน่อย หมอก็รู้ว่าพี่ชัชทำอะไรไว้กับผมบ้าง ที่สำคัญผมเป็นผู้ชาย ยังไงก็ไปกันไม่รอดหรอก!”
     “แต่ต้นยังรักมันอยู่ไม่ใช่เหรอ เราจะไม่ให้อภัยมันเลยรึไง?”
     “ผมต้องทนให้อภัยพี่ชัชอีกกี่ครั้งกัน!”
     “ต้นจะไม่ให้โอกาสมันหน่อยเหรอ? หมอไม่อยากให้มันมีอะไรติดค้างในใจอีก”
     “หมอหมายความว่ายังไง?”
     “ชัชมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ หมออยากให้ต้นเห็น อยากให้ต้นอโหสิให้เพื่อนหมอ มันจะได้หมดห่วง”
     “ผมไม่อยากยุ่งอะไรกับเขาอีก ผมเหนื่อย...”
     “จะไม่ลองไปเจอมันอีกสักครั้งเหรอ ถ้ามันจบลงด้วยดีไม่ได้ก็ถือซะว่าไปซ้ำเติมมันก็ได้ ไอ้ชัชมันทำกับเราไว้เยอะนี่ ไม่อยากเอาคืนมันหน่อยเหรอ?”
     เมษยิ่งฟังก็ยิ่งงงกับตรรกะแปลกๆ ของหมอคนนี้ เธออ้าปากค้างด้วยความไม่เข้าใจ ตกลงว่าเขาจะเชียร์หรือซ้ำเติมเพื่อนกันแน่? แต่เธอเข้าใจตัวเอง เธอหมั่นไส้อีตานี่! เพื่อนของเธอต้องร้องไห้ก็เพราะเขา!
     ต้นน้ำสูดลมหายใจรวบรวมสติแล้วเอ่ยลา
     “ขอตัวก่อนนะครับ ผมมีธุระ”
     เมษลุกขึ้นจะตามเพื่อนไปแต่ถูกเอกดนัยยึดมือเอาไว้แน่น
     “เดี๋ยว! เอาเบอร์คุณมาที”
     เมื่อเห็นเมษชักช้าหมอเอกก็คว้ากระเป๋าไปเปิดหยิบของที่ต้องการด้วยตัวเอง
     “เอ๊ะ! เกินไปแล้วนะ เอาของหนูคืนมา”
     “ไม่อยากเห็นเพื่อนมีความสุขเหรอ?”
     เอกดนัยว่าพลางกดโทรศัพท์ต่อ เมษพยายามยื้อคืนแต่อีตาหมอโรคจิตคนนี้สูงกว่าเธอมากนัก แถมยังเป็นมนุษย์ลุงวัยกลางคน! เธอไม่กล้าเสียมารยาทมากเกินไป อย่างไรเสียกุลสตรีที่ดีก็ไม่ควรกระโดดแย่งของในมือผู้ชายรุ่นพ่อ!
     “จะทำอะไร คืนโทรศัพท์หนูมานะ”
     “ไลน์ไง เวลามีอะไรจะได้ส่งไปหาคุณ ถ้าหมอส่งไปหาต้นเขาคงไม่ยอมดูหรอกใจแข็งแบบนั้น แต่เขาเชื่อคุณใช่มั้ยล่ะ เพราะงั้นคุณต้องช่วยหมอ”
     “หนูไม่ช่วย หนูไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นค่ะ!”
     “คุณน่ะตัวยุ่งเลย ได้ข่าวชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจะตายหมอรู้”
     “เอ๊ะอิ!”
     เมษขัดใจจนอยากจะร้องกรี๊ด แต่ก่อนที่เธอจะปล่อยเสียงด่าแสบแก้วหูออกมาหมอเอกก็หันมากวนใส่อีกรอบ
     “อยู่เฉยๆ น่ะอย่าขัดขืน ยอมร่วมมือกับหมอแป๊บเดียวก็เสร็จ ทุกคนจะได้มีความสุข”
     เมษอ้าปากค้างพยายามตั้งสติว่าตัวเองฟังผิดหรือไม่! เธอเกลียดอีหมอโรคจิตนี่จริงๆ ให้ตาย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนสุดท้ายมาแล้วนะ เศร้าอ่ะ  :mew4: จะจบแล้วเหรอนี่ นิยายเรื่องแรกในชีวิตของเค้า  :hao5: ฝ่าฟันมาตั้งนาน
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#1/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน24
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 01-12-2014 05:50:06
The story after that.

     “แก! ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ มันกวนฉันทุกวัน น่ารำคาญเป็นบ้า!”
     ต้นน้ำมองเมษที่บ่นกระปอดกระแปดด้วยอาการสงบนิ่ง
     “แกจะยอมใจอ่อนเพื่อเพื่อนไม่ได้เลยรึไง”
     แต่ต้นน้ำก็ยังเงียบ...
     “เอ๊อีนี่! อย่าเงียบสิ”
     “ก็เราไม่รู้นี่!”
     “ไม่รู้อะไรย๊ะ! รู้อยู่เต็มอกว่ายังรักเขาละไม่ว่า”
     ต้นน้ำค้อนเมษแล้วตอบ
     “เราไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีต่างหาก อะไรๆ มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
     “โอเค แกกลายเป็นคุณหนู แรดขึ้น มีคนตามจีบแกเป็นพรวนทั้งผู้ทั้งเก้ง”
     “เอ๊ะเมษ!”
     ต้นน้ำหันไปเขวี้ยงค้อนใส่เพื่อนรักอีกหนแต่เมษไม่แคร์!
     “แต่ปู่แกจับแกใส่ตะกร้าล้างน้ำส่งให้อิแม็กซ์ และ! แกก็หลงรักมันหน่อยๆ”
     “ไม่ใช่นะเราไม่ได้รักแม็กซ์!”
     ต้นน้ำรีบร้อนรนปฏิเสธก่อนจะเสียงอ่อยลง
     “ก็... ก็แค่คิดว่าเขาก็ดี เราไม่อยากร้ายกับเขาอีก”
     “แกชอบมัน”
     ต้นน้ำทำท่าจะเถียงแต่เมษชิงพูดขึ้นก่อน
     “อย่าปากแข็ง! ฉันรู้ แกหลอกฉันไม่ได้หรอก”
     เมษกอดอกเชิดหน้าทำท่าราวแม่หมอมูเตรูทำเอาต้นน้ำแอบหมั่นไส้
     “เราตั้งใจไว้แล้วว่าเราจะไม่รักใคร! อยู่คนเดียวแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”
     สองเพื่อนรักเบ้ปากใส่กันก่อนที่ต่างคนจะต่างยิ้มออกมา เมษทนหมั่นไส้เพื่อนช่างแอ๊บไม่ไหวเลยจัดไปอีกดอก
     “จ้า ... แหม ผู้ชายอุดมสมบรูณ์ดีสินะเลยอยากโสด”
     “บ้า! ไม่มีอะไรซักหน่อย”
     สีหน้าแดงระเรื่อแอบอมยิ้มของต้นน้ำทำให้เมษมีความสุขตามไปด้วย เพื่อนของเธอแฮปปี้เธอก็ดีใจ เพียงแต่...
     “ฉันถามแกจริงๆ นะนังต้น แกจะเอายังไง?”
     “บอกตามตรงเราไม่รู้อ่ะเมษ ที่ผ่านมาเราก็เอาแต่เรียน มีแต่แม็กซ์ที่พาเราไปเปิดหูเปิดตา พอเรามีพี่ชัชเราก็ทุ่มเททุกอย่างให้เขา แต่มันเจ็บอ่ะ ถ้าจะให้กลับไปคบกันอีกเราก็กลัว แต่กับแม็กซ์ เรา... เราชอบความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่รู้สิ ตอนนี้เราสนุกมากๆ เลยนะ มีเพื่อนแก๊งอื่นเพิ่ม มีคนที่ไม่รังเกียจคนแบบเรา เราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ เที่ยว ทำเรื่องสนุกๆ ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ เยอะแยะ เมื่อก่อนเราไม่เคยได้ทำแบบนี้เลยนะ”
     “แกติดใจชีวิตโสดมากกว่าเหรอ?”
     ต้นน้ำหงอยไปเล็กน้อยเมื่อคิดถึงคำตอบ บางครั้งการมีความรักก็ใช่ว่าจะมีความสุข เขาตัดสินใจพูดความรู้สึกของตัวเองให้เมษฟัง
     “เปล่า ... แต่จะมีอะไรรับประกันล่ะว่าพี่ชัชจะไม่ทำให้เราเจ็บอีก ขนาดเมื่อก่อนเราพยายามแทบตายเรายังไม่ดีพอจะหยุดพี่เขาเลย”
     “งั้นแกก็ไม่ต้องหยุดเขาสิ ให้เขาหยุดแกแทน”
     “ยังไง?”
     “ก็แบบ... เอางี้แมะ”
     แล้วต้นน้ำกับเมษก็กระซิบกระซาบกัน แผนการต่างๆ ถูกวาดไว้โดยไอเดียของสาวน้อยราศีเมษ
     “จะดีเหรอ? พี่เขาเป็นพระนะ เราไม่อยากทำมันบาป”
     “แล้วมันไม่ดีตรงไหน ดีออกถ้าเขาทนไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ในผ้าเหลืองแล้ว ไม่ผ่าน ศาสนาจะได้ไม่เสื่อม”
     “แต่ยั่วพระ มันบาปนะเมษ”
     “โอ้ยไม่ได้ให้แกไปยั่ว! แค่ให้ไปลองเซิฟๆ ดูความรู้สึกเขา แกจะได้แน่ใจความรู้สึกตัวเองด้วยไงว่าเขายังใช่รึเปล่า? ถ้าใช่ก็ฉุดพี่เขาออกจากผ้าเหลืองเลยแก แต่ถ้าเขาสงบจริงๆ แกจะได้ตัดใจไปเลยไง อนุโมทนากับผัวเก่าแล้วหาผัวใหม่สบายใจเฉิบ โฮะๆ”
     “บ้า! บอกแล้วไงว่าไม่คิดจะมีใครแล้ว”

     “สรุปว่าหนูช่วยได้แค่นี้นะคะ ที่เหลือหมอไปจัดฉากเอาเองละกัน ยังไงนังต้นมันก็ตกลงแล้ว”
     “แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วล่ะคนสวย”
     คำหยอดของอีตาหมอโรคจิตทำเอาเมษแทบอ้วก!
     “แหวะ!”
     “เอ๋? หมอที่ไหนยกเครื่องให้เหรอ มีมดลูกกับเขาด้วย?”
     “กรี๊ด! อีหมอบ้า อีหมอปากเสีย!”
     “หนูเมพูดไม่เพราะไม่สุภาพกับผู้ใหญ่เลยนะ ฮ่าๆ”
     “แค่นี้นะคะหนูมีธุระต่อ!”
     “เดี๋ยวๆ!”
     “อะไรอีก!”
     “อย่าทำเสียงแบบนั้นใส่หมอสิ หมอก็แค่ล้อเล่นเอง”
     “เหรอค้า!”
     เมษจิกเสียงใส่ปลายสายด้วยความหมั่นไส้
     “โอเคๆ หมอขอโทษ แซวแรงไปหน่อย”
     “มีอะไรก็รีบๆ พูดมาค่ะ หนูไม่ได้ว่างงานแบบหมอบางคน!”
     “หมออยากเลี้ยงขอบคุณหนูเมที่ช่วยเรื่องนี้ไง”
     “อ๋อไม่ต้องหรอกค่ะ แค่เลิกโทรมากวนหนูก็พอ!”
     “ได้ไง หมอไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร ไปกินข้าวกัน”
     “ไม่ค่ะ เห็นหน้าหมอแล้วเกรงว่าจะกินไม่ลง!”
     เมษตอบปฏิเสธแล้วตัดสายทิ้งอย่างไม่ใยดีทิ้งให้เอกดนัยหัวเราะเพราะขำอาการรังเกียจเขาอย่างไม่ปิดบังของสาวน้อยคนนี้ สาวๆ คนอื่นมีแต่จะอยากจับเขาแท้ๆ ยิ่งเป็นสาวประเภทสองหากมีผู้ชายมาจีบก็น่าจะดีใจแต่เมษกลับแปลกกว่าใครที่เขาเคยรู้จัก กะเทยเรียบร้อยรักนวลสงวนตัวน่ะเขาเคยเห็น แต่กะเทยที่รังเกียจผู้ชายโปรไฟล์สูงอย่างเขาแบบเมษเขาพึ่งเคยพบ!

     ระหว่างที่เมษกำลังทานอาหารกลางวันกับเพื่อนก็มีเสียงเตือนของไลน์ดังขึ้น เมษจึงหยิบมาเปิดดูแล้วก็พบกับรูปของเอกดนัยส่งยิ้มกวนๆ มาให้ คุณหมอหนุ่มนั่งอยู่ในห้องพักมีข้าวกล่องวางเป็นพร็อพ ทำหน้าตาเบื่ออาหาร และมีข้อความกำกับ ‘บอกเห็นหน้าหมอแล้วเบื่ออาหาร เลยส่งรูปมาให้ ไดเอทให้สำเร็จนะคนสวย’
     เมษกำโทรศัพท์ในมือแน่น นึกอยากเขวี้ยงทิ้งแต่ก็เสียดายจึงกดตอบไป ‘ผอมสวยอยู่แล้วค่ะ ออกกำลังทุกวัน ไม่จำเป็นต้องงดอาหาร’
     สักพักก็มีข้อความตอบกลับจากคุณหมอจอมกวน ‘เป็นกะเทยต้องรักสวยรักงาม อย่าปล่อยให้ไขมันกองผิดที่ล่ะ ป.ล. ผมว่าคุณเลือกเบอร์เล็กไปหน่อยนะ ใหญ่อีกนิดกำลังเร้าใจเลย’
     เมษแทบกรี๊ด! เธออยากเป็นผู้หญิงสมบรูณ์สวยตามสภาพไม่ใช่พยายามสวยจนโอเวอร์ด้วยการอัพไซส์เอาไว้ดึงดูดใคร เธอพิมพ์ตอบอย่างรวดเร็ว ‘หนูสวยทั้งตัวค่ะ ขอบคุณในความหวังดีแต่ไม่จำเป็น’
     “เม้ากับใครยะ? เมามันเชียวแก”
     แม้เพื่อนจะสาระแนแต่เมษก็ไม่หวั่น เธอตอบปฏิเสธไปตรงๆ ด้วยอารมณ์คุกรุ่น!
     “เปล่าย่ะด่าคน!”
     “แหม เดี๋ยวนี้มีลับลมคมในนะยะหล่อน”
     “ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ! โอ้ยอย่ามาเซ้าซี้ฉันได้แมะ รมณ์เสีย!”

     แต่เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน เมษก็ต้องตกใจเมื่อพบมนุษย์ลุงคนหนึ่งมารอ เธอพยายามจะเดินหลบแต่หมอโรคจิตบางคนกลับฉีกยิ้มแล้วตรงมาหาเธอ!
     “จะหนีหมอไปไหน เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ”
     “โทรเอาก็ได้ จะมาทำไม”
     “ก็หนูเมไม่ยอมรับโทรศัพท์หมอ”
     เอกดนัยตอบสบายๆ ไม่แคร์สายตาใครต่างกับเมษที่อายจนแทบซุกแผ่นดิน ใครจะไปอยากรับโทรศัพท์หมอโรคจิต! แต่เมษก็ได้แค่คิดไม่กล้าพูดออกไป ตอนนี้ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เธอและเอกดนัย ด้วยสภาพหนังหน้าของเขาและเธอดูยังไงก็ไม่ใช่ญาติกันแน่ๆ เมษไม่อยากจะคิดเลยว่าคนอื่นจะเม้าเรื่องของเธอว่าอย่างไร โดยเฉพาะการที่เอกดนัยเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่ยังหล่อดูดีเหมือนสามสิบต้นๆ แถมยังดูรู้ว่ามีตังค์! และเขามาหาเธอที่เป็นกะเทยสภาพสมบรูณ์!
     “ไปคุยกันที่อื่น! ได้มั้ยคะ?”
     เมษเอ่ยเสียงเข้มแต่แล้วเมื่อเห็นหมอบางคนนิ่วหน้าไม่พอใจเธอก็เติมหางเสียง เอกดนัยยิ้มร่าที่ลูกแมวเลิกขู่เขา
     “เอาสิ ไปหาอะไรกินกัน หมอหิวชะมัด จะได้คุยเรื่องแผนลับๆ ของเราสองคนต่อ”
     อีหมอไร้ยางอาย! เมษได้แต่ด่าอยู่ในใจ ฟ้าส่งเธอมาเกิดแล้วทำไมต้องส่งคนปากร้ายกว่าเธอมาเกิดด้วยหนอ...

     ระหว่างทานอาหาร เมษก็ต้องใช้ความอดทนทั้งหมดที่มีสั่งให้ตัวเองระงับความโกรธอีกรอบ!
     “คุณหมอว่ายังไงนะคะ!"
     “บริษัทไอ้ชัชจะจัดสัมมนา หมอจะพาหนูเมกับต้นไปด้วย”
     “ไม่ใช่ๆ ก่อนหน้านั้น”
     “ไอ้ชัชต้องไปสัมมนา หมอเลยปิ๊งไอเดีย”
     “ไหนบอกว่าพี่แกบวชยังไงละคะ!”
     “อืมมันบวชอยู่สองอาทิตย์ บริษัทให้ลาได้แค่นั้น”
     “หนูนึกว่าพี่เขาบวชตลอดชีวิตซะอีก! หมอพูดซะ!”
     “ตรงไหนๆ หนูเมชอบคิดไปเองจริงๆ”
     “หมอหลอกหนูกับต้น!”
     “หมอไม่ได้หลอก เราสองคนคิดไปเองต่างหาก หมอเป็นพุทธศาสนิกชนนะ หมอไม่ทำอะไรให้เพื่อนผ้าเหลืองร้อนหรอก”
     เอกดนัยยิ้มพรายน่าตบ เขาหยิบพิซซ่าเข้าปากแล้วพูดต่อ
     “แต่เรื่องที่ไอ้ชัชมันเปลี่ยนไปก็เรื่องจริงนะ ซึมกะทือ ไร้ชีวิตชีวา โหมงานจนสุขภาพย่ำแย่ หนูเมก็รู้ไม่ใช่เหรอ?”
     เป็นความจริงที่เมษไม่กล้าบอกต้นน้ำ บางครั้งชัยชัชก็ทำทีมาสั่งข้าวกล่องร้านเธอ แต่ทุกครั้งจะแอบถามเรื่องต้นน้ำจากแม่ของเธอเสมอ เมษรู้ดีว่าอดีตแฟนของเพื่อนไม่มีใคร ยังคงรักและรอเพื่อนของเธอตลอดมา แต่ว่าต้นน้ำ... เธอต้องเคารพการตัดสินใจของเพื่อน!
     ช่วงหลังนี้เพื่อนของเธอเข้าสังคมเก่งขึ้นเลยไม่ค่อยติดเธอแจเหมือนเมื่อก่อน แต่ถึงกระนั้นต้นน้ำก็ยังชอบโทรมาเล่าทุกอย่างให้เธอฟังอยู่ดี
     เมษรู้สึกว่ารายชื่อผู้ชายที่เข้ามาพัวพันกับเพื่อนของเธอชักเยอะจนน่าหมั่นไส้ เดี๋ยวก็พี่ธันย์อย่างโน้นอย่างนี้ คิวว์ชวนไปนั่นไปนี่ น้าอัฐเท่จัง มิวนิคงี่เง่ามาก แถมยังมีแม็กซ์กับอาร์มที่ชักจะยังไงๆ เข้าไปทุกที ถ้าเพื่อนของเธอจะมีใครใหม่ก็คงไม่ยากในเมื่อตัวเลือกเพียบ แต่เมษรู้ดีว่าลึกๆ แล้วที่ต้นน้ำไม่ยอมมีใครจนต้องแกล้งโกหกคนที่มาจีบว่ามีแฟนแล้วก็เพราะต้นน้ำยังไม่ลืมชัยชัช
     เอกดนัยมองเมษที่ใช้ความคิดจนเผลอทำหน้ายุ่งแล้วแอบตีปีกในใจอย่างเริงร่าว่าเพื่อนของเขายังพอมีหวัง
     สาวน้อยคนนี้ดูเผินๆ ก็เหมือนสาวประเภทสองทั่วไป แรง ปากจัด แกร่งกล้าไม่เกรงสายตาใคร แต่ลึกๆ ข้างในก็มีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ การพยายามเก็บงำความอ่อนแอของตัวเองแล้วทำเป็นเก่งก็น่าสนใจ หรือนี่จะเป็นนิสัยของคนราศีเมษกันหนอ? เขาถูกใจความมีชีวิตชีวาของเมษ ท่าทางโอเวอร์ก็ชวนมอง เมษสร้างสีสันให้ชีวิตน่าเบื่อของเขา เอ... หรือเขาจะติดรสนิยมกินเด็กจากเพื่อน?
     ในที่สุดเมษก็คิดได้
     “หนูบอกไว้ก่อนนะคะ ที่หนูยอมร่วมมือกับหมอก็เพราะอยากให้นังต้นมันเคลียร์ความรู้สึกตัวเอง แต่เรื่องผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงหนูไม่ยุ่ง”
     “งั้นถือว่าเรานัดกันแล้วนะ หนูเมอย่าลืมเตรียมชุดว่ายน้ำสวยๆ ไปด้วยล่ะ”
     เมษงง อีตาหมอนี่จะเปลี่ยนเรื่องเร็วไปมั้ย?
     “เกี่ยวอะไรกับชุดว่ายน้ำคะ?”
     เอกดนัยนึกขำเมษ แม้จะตามเกมเขาไม่ทันแต่ก็ยังอุตส่าห์จิกเขาทางน้ำเสียงแทน เขาใช้สายตามองไปยังเรือนร่างบอบบางตรงหน้าด้วยแววตาของเสือแล้วพูดขึ้น
     “อุตส่าห์ไปทำมาทั้งตัว เก็บไว้ดูคนเดียวเสียดายแย่ ให้หมอช่วยดูให้มั้ยหมอเห็นมาเยอะนะ จะได้บอกได้ว่าทำมาเป๊ะเปล่า?”
     อีหมอปากหมา! เมษข่มโทสะที่อยากจะเอาถาดพิซซ่าฟาดใส่หน้าหมอลามก!
     “หนูไม่ได้ทำเพราะกะจะเอาไปอวดใครค่ะ!”
     “เสียดาย ... ทำมาเป็นแสน ไม่คิดจะใช้หน่อยเหรอ?”
     “ก็เพราะทำมาแพงไงคะเลยต้องทะนุถนอมกันหน่อย ไม่ใช้ทิ้งใช้ขว้าง”
     “แล้วไปผ่ามาแบบไหนล่ะ ต้องใช้กราฟรึเปล่า?”
     “จะแบบไหนก็เรื่องของหนู!”
     “ดูแลดีรึเปล่า? ยังใช้โมลทุกวันมั้ย? ระวังมีปัญหานะ ถ้ามันตื้นก็ต้องขยาย สนใจอุปกรณ์หมอมั้ย? หมอให้ใช้ฟรีๆ”
     เอกดนัยถามพลางทานพิซซ่าด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนคุยสารทุกข์สุกดิบจนเมษอยากจะกรี๊ด เธอชักจะทนปากอีหมอโรคจิตคนนี้ไม่ไหวแล้ว!
     “คุณหมอคะ! หนูไม่ตลกด้วยนะคะ ถึงหนูจะเป็นกะเทยแต่ช่วยให้เกียรติหนูด้วย!”
     เมษวีนแตกแต่เอกดนัยยังทองไม่รู้ร้อน เขารับมือด้วยการหยิบพิซซ่าเข้าปากเคี้ยวหยับๆ ก่อนจะกลืนและพูดคุยต่อเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
     “หมอก็จริงจังนะ หมอเป็นหมอศัลย์ก็ต้องสนใจเรื่องผ่าตัดเป็นธรรมดา”
     ท่าทีปกติของเอกดนัยชวนให้เมษข้องใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจำใจเชื่อ
     “หนูเมไม่ทานอีกหน่อยเหรอ? พิซซ่าเตาถ่านร้านนี้อร่อยจะตาย อุตส่าห์พามาเลี้ยง”
     อยู่กับหมอปากหมาใครจะไปมีอารมณ์กิน! เมษด่าเอกดนัยไปเจ็ดชั่วโคตรแล้วแต่ก็ยังพยายามรักษามารยาทด้วยการตอบออกไปว่า
     “ไม่เอาล่ะค่ะ หนูกลัวอ้วน”
     “หึๆ ไหนใครบอกหมอว่าหุ่นสวยไม่ต้องไดอดไง”
     กรี๊ด! เมษแอบกรีดร้องอยู่ในใจครั้งที่ร้อย

     “ฉันทนไม่ไหวแล้วนะแก มันพูดแบบนั้นกับฉันได้ยังไง หลอกด่ากันชัดๆ มันว่าฉันอ้วน!”
     และเป็นอีกครั้งที่เมษต้องโทรมากรี๊ดให้ต้นน้ำฟัง
     “ฉันเกลียดอีหมอนี่ วิเศษวิโสมาจากไหน กะเทยก็คนนะย๊ะ มันดูถูกฉันอ่ะแก๊! ฮือๆ”
     “เอ่อเมษ ... เราว่า... ถ้าเราพูดไปแล้วนายห้ามโกรธเรานะ”
     ต้นน้ำอ้ำอึ้งจนเมษหมดอารมณ์โศก
     “อะไรย๊ะ? คนจะเศร้าอย่าขัดได้แมะ!”
     “พี่ชัชเคยบอกว่าหมอเอกเป็นคาดิโอศัลย์”
     “ละมันคืออะไรล่ะ? ฉันจะรู้มั้ยยะ ไม่ได้มีผัวอยู่สาธารณะสุข!”
     “หมอเอกผ่าแต่ระบบหัวใจ ไม่ใช่ศัลยกรรมตกแต่ง เราว่านะ... เราว่าหมอเอกเขาจีบนายนะเมษ”
     “จีบอะไร! มันหาเรื่องฉัน มันดูถูกกะเทย มันเอาปมด้อยมาถากถางฉัน มันเหยียดหยามหาว่ากะเทยต้องใจง่าย!”
     “แต่เราว่าหมอเอกคงไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกมั้ง?”
     “จะคนแบบไหนฉันไม่สน! ฉันรู้แต่ว่าฉันเกลียดม๊าน! แกได้ยินมั้ยนังต้น ฉันเกลียดอีหมอโรคจิตนี่!”
     เมษวีนจนต้นน้ำต้องยอมแพ้ เสียงกรี๊ดของเพื่อนเขาแสบแก้วหูจริงๆ ให้ตาย!
     “โอเคๆ เราเข้าใจแล้ว...”
     “เฮ้อ... ค่อยยังชั่วหน่อย ค่อยหายโมโห โล่ง!”
     “อืม”
     “อ๊ะเกือบลืมเลย! พักเรื่องอีหมอบ้าไว้ก่อน แล้วเรื่องนั้นอ่ะแกจะเอายังไง ตกลงมั้ย?”
     “เรา...”
     “อย่าบอกนะว่าปอด เฮอะ!”
     “ไม่ๆ เรา... โอเค เราตกลง!”
     “มันต้องแบบนี้สินังต้น!”
     “อืม...”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... คู่นี้ฉะกันแร๊งส์!   :m31:   
ตบหมอเอกเลยเมษตบเยย มาหลอกคนอื่นว่าพี่ชัชบวชไม่สึกได้ไง ย้อนเจ็บอีก น่าตบจริงๆ   :fire:
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#1/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน24
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 01-12-2014 06:01:19
The story after that.

     ชัยชัชต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าเอกดนัยพาใครมาสัมมนาด้วย เขาไม่ได้ใส่ใจเมื่อเพื่อนรักบอกว่าจะพาแฟนใหม่มาเที่ยวด้วยโดยมีผู้ติดตามอีกหนึ่ง แต่เมื่อร่างคุ้นตาของสาวน้อยคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถและตามด้วยคนที่เขาคิดถึงทุกลมหายใจชัยชัชก็นิ่งไป!
     แม้จะยืนห่างกันหลายเมตรแต่ชัยชัชก็จำต้นน้ำได้ตั้งแต่แว็บแรกที่เห็น ต่อให้รูปลักษณ์ภายนอกเปลี่ยนไปมากเพียงไรเขาก็จำได้ไม่มีวันลืม ในสายตาของชัยชัชไม่มีเอกดนัยและเมษที่แกล้งกระหนุงกระหนิงกันเลยแม้แต่น้อย เขาให้ความสนใจแต่กับต้นน้ำจนไร้สมาธิ
     “พี่ชัช ฟังอยู่รึเปล่า? กรุ๊ปของหมอถวิลอยากได้ห้องเพิ่ม”
     ชัยชัชที่พึ่งได้สติรีบหันมาสนใจเพื่อนร่วมงาน แต่ก็ยังคอยเหลือบไปมองแขกกรุ๊ปของเอกดนัยเป็นระยะ แม้เขาจะพยายามทำตัวตามปกติมากเท่าไหร่แต่ท่าทางไม่ปกติหลายอย่างก็บ่งบอกถึงภายในใจที่ร้อนรนยิ่งกว่าไฟ เขาอยากเดินเข้าไปหา ทักทาย อยากสนทนากับเด็กคนนั้นเหลือเกิน แต่ภาพของต้นน้ำที่ดูเฉยเมยกับเขาราวคนไม่รู้จักก็ทำให้เขาไม่กล้าเดินเข้าไป ต้นน้ำกับเมษทำตัวประหนึ่งนักท่องเที่ยว ทั้งสองคนเซลฟี่กันสนุกสนานไม่ชายตามามองเขาเลยแม้แต่น้อย

     เอกดนัยได้บ้านพักส่วนตัวแบบวิลล่าหนึ่งหลังภายในบ้านมีสองห้องนอนจึงแบ่งสรรกันได้ไม่ยาก เขาไม่ใส่ใจคำครหาที่ว่าเด็กใหม่ของเขาเป็นสาวเทียมเลยแม้แต่น้อย คุณหมอหนุ่มชิลล์มากเสียจนคนนินทาต้องผิดหวัง เขายังกวนเด็กทั้งคู่ได้อย่างหน้าระรื่น
     “หนูเมเล่นเป็นแฟนหมอก็ต้องนอนห้องเดียวกับหมอสิ”
     “เสียใจค่ะ หนูจะนอนกับเพื่อน!”
     เมษพูดใส่หน้าคนพามาเที่ยวก่อนจะปิดประตูกั้นเสียงหยอกล้อของอีตาหมอโรคจิต ต้นน้ำที่มองปฏิกิริยาของทั้งสองคนแอบอมยิ้มในใจเงียบๆ ไม่กล้าแสดงออกให้เพื่อนเห็นเพราะกลัวลูกหลง
     “โอ๊ย! ได้อยู่คนเดียวซะที ฉันอ่ะรำคาญมันจะแย่”
     “จุ๊ๆ อย่าพูดดังสิ เดี๋ยวหมอเอกได้ยินก็เสียใจหรอก”
     “ดี! จะได้รู้ว่าฉันไม่มีจิตพิศวาสมัน”
     “แน่เหรอ...”
     ต้นน้ำยิ้มอย่างรู้ทันจนเมษเขินหน้าแดง
     “เอ๊ะแกนี่! ไม่ต้องมาล้อฉันเลย ละของแกล่ะ แหม... ทำเป็นเมินเขานะย๊ะ”
     “เปล่าซะหน่อย”
     ต้นน้ำแก้ตัวแล้วแกล้งทำเป็นยุ่งกับการรื้อเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า เมษจึงมานั่งข้างๆ แล้วสะกิด แต่ต้นน้ำก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ เมษเลยยื้อสัมภาระออกจากมือเพื่อนแล้วเปิดประเด็น
     “คิดไง?”
     “อะไร?”
     ต้นน้ำแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ
     “ก็เรื่องผัว”
     เมษหลุดปากตามความเคยชินแต่พอเห็นสายตาของต้นน้ำก็รีบเปลี่ยนคำพูด
     “เรื่องแฟนเก่าแก”
     “ละให้คิดอะไรล่ะ?”
     “ก็แบบเห็นแล้วแกรู้สึกยังไง?”
     “ไม่รู้สิ”
     ต้นน้ำแกล้งนิ่งต่อจนเมษชักทนไม่ไหว
     “โอ้ย! อย่ามาฟอร์ม”
     “เปล่าซะหน่อย จะให้เราคิดอะไรล่ะ พี่เขาไม่เห็นจะสนใจเราเลย”
     “แหมนี่ขนาดไม่สนนะยังหันมาทุกห้าวิ!”
     “ก็มองเฉยๆ ไม่เห็นจะเข้ามาหาเราเลย”
     “ก็แกเล่นเมินเขาแบบนั้นเขาคงกล้ามาหรอก”
     บทจะทิฐิต้นน้ำก็ดื้อแสนดื้อ หยิ่งจนน่าหมั่นไส้ เมษชักเพลียกับนิสัยของเพื่อนรัก
     “แกน่าจะยิ้มให้เขาซักหน่อย ไม่งั้นป่านนี้คงเรียบร้อยไปละ”
     “ทำไมเราต้องยิ้มให้เขาด้วย ทีเขายังไม่ยิ้มให้เราเลย”
     “เอ๊ะอีนี่!”
     “นายบอกให้เราเอาคืนเขาไม่ใช่เหรอเมษ เรื่องอะไรเราต้องไปปั้นหน้ายิ้มยอมเขาทุกอย่างด้วย ต้นน้ำคนเก่าตายไปละ!”
     เมษมองท่าทางงอนหน้าหงิกของเพื่อนแล้วก็เบะปากใส่
     “จ้า ... เฮอะ! ฉันจะดูว่าแกจะเชิดใส่เขาไปได้กี่น้ำ ระวังเถอะ เล่นตัวมากเขาจะหันไปหาคนอื่นจริงๆ เห็นแม่ชะนีพวกนั้นมั้ย? เดินตามผัวแกเป็นฝูง!”
     แม้จะปากแข็งทำปากเก่งแต่ต้นน้ำก็แอบลังเล สายตาที่หันไปมองเมษมีความกังวลเจืออยู่ชัด!

     “มึงพาต้นมาได้ไง?”
     “ก็เด็กมันอยากมาเที่ยวกัน”
     “ทำไมมึงไม่บอกกูก่อน”
     “แล้วทำไมกูต้องบอกมึง”
     “ไอ้หมอ!”
     “ทำไมวะ ถ้ากูบอกแล้วมึงจะโดดงานนี้รึไง? ตอนกูบอกมึงว่ากูจะจีบหนูเมมึงยังไม่สนใจ กูถามว่าจะให้กูช่วยมั้ยมึงก็บอกไม่อยากสนอะไรแล้ว เจอตัวจริงละทำสำออยเหรอวะ”
     “แล้วมึงจะให้กูทำยังไงเขาขอเลิกกับกู! กูเหี้ยใส่เขาไว้มากกูไม่มีหน้าไปยื้อเขาไว้หรอก ที่สำคัญ! เขามีคนใหม่แล้ว มึงจะให้กูทำอะไรอีก เขาไม่แคร์กูหรอก!”
     เสียงในสายเงียบไปก่อนจะมีเสียงสูดจมูก เอกดนัยยิ้มที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทีนี้ก็เหลือแต่รอให้ต้นน้ำใจอ่อน เพื่อนของเขาหงอยขนาดนี้ต้นน้ำจะใจแข็งก็ให้มันรู้ไป หึๆ
     “เขาไม่แคร์มึงก็สาสมกับที่มึงทำไว้ มึงจะจมอยู่กับความเศร้าก็ตามใจแต่กูจะมีความสุขกับหนูเม อุตส่าห์มีโอกาสกูไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอก กูไม่เชื่อเรื่องปาฏิหาริย์ กูเชื่อเรื่องความพยายาม กูไม่นั่งรอให้พระเจ้ามาเมตตากู กูจะตื้อจนกว่าเขาจะยอมใจอ่อน
     เอกดนัยแกล้งพล่ามให้เพื่อนรักรุ่นน้องฟัง เขาได้แต่หวังว่าชัยชัชจะตกผลึกได้และมีกำลังใจฮึดสู้อีกครั้ง

     คุณหมอต้องเข้าประชุมสัมมนา แต่ผู้ติดตามมีเวลาว่างจนถึงเย็น เมษและต้นน้ำเลยพากันไปเดินเล่นรอบโรงแรม บรรยากาศหรูหราทำเอาเมษตาลุกวาว ตั้งใจจะเก็บบรรยากาศให้ครบทุกมุม ต้นน้ำแม้จะแอบขำแต่ก็เอากับเขาด้วย ทั้งคู่จึงเป็นคู่หูบ้ากล้องไปโดยปริยาย ต้นน้ำเพลิดเพลินกับการมาเที่ยวจนลืมจุดประสงค์หลัก เขาสนุกสนานกับการหามุมถ่ายรูปจนไม่ระวังถอยหลังไปชนแขกคนอื่น
     “ขอโทษครับ”
     “Oh! Sorry”
     เมื่อเห็นว่าเป็นแขกต่างชาติต้นน้ำจึงตั้งสติแล้วกล่าวขอโทษอีกหน
     “I’m sorry”
     เขาพยายามขอโทษพร้อมกับแจกยิ้มสยามไปให้ หนุ่มฝรั่งคนนั้นจึงยิ้มตอบก่อนจะเดินจากไป แต่เมษที่ยืนอยู่ใกล้ๆ สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างเลยอดไม่ได้
     “แหมๆ เล่นหูเล่นตานะยะ”
     “บ้า!”
     “มันมองแกตาค้างเลย คนสวยยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน!”
     “สวยไปมั้ง เขาเลยนึกว่าเป็นผู้หญิง”
     ต้นน้ำตอบพร้อมกับหันมายิ้มด้วยมาดของคนที่เหนือกว่าอย่างน่าหมั่นไส้
     “อ๊ายๆ นังต้น! เดี๋ยวนี้แรดนะแก”
     “ฮ่าๆ”
     เมษกรี๊ดกราดวิ่งไล่ตีต้นน้ำที่วิ่งหนีชุลมุน คนทั้งคู่ลืมทุกๆ อย่างสนใจแต่ความสุขตรงหน้าจึงไม่ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งแอบยืนมองอยู่ห่างๆ ได้พักใหญ่
     ชัยชัชแอบแว่บออกมาจากห้องประชุมเพื่อมาหาต้นน้ำ แต่เขากลับไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปจึงเอาแต่แอบดูเงียบๆ ท่าทางร่าเริงของต้นน้ำทำให้เขาเผยรอยยิ้มเศร้าๆ ออกมา เขาดีใจที่เห็นต้นน้ำมีความสุขแต่ในขณะเดียวกันก็ใจหายเมื่อคิดได้ว่าไม่จำเป็นต้องมีเขาต้นน้ำก็มีความสุข!

     ต้นน้ำกับเมษตัดสินใจจะไปว่ายน้ำ แต่ว่า...
     “เร็วๆ สิแกฉันอยากว่ายน้ำ จะได้ถ่ายรูปสวยๆ ไปอวดอีพวกนั้นด้วย”
     เมษที่ใส่ชุดว่ายน้ำทูพีชคลุมทับด้วยเอี๊ยมขาสั้นพูดพลางหมุนตัวแอ่นอกบิดเอวสะดีดสะดิ้ง
     “ทำไมต้องรีบขนาดนี้ด้วยล่ะ?”
     ต้นน้ำไม่เข้าใจว่าเหตุใดเมษถึงเร่งเขามากผิดปกติ เขาใส่กางเกงว่ายน้ำเอวต่ำตัวสั้นอวดบอดี้เพ้นท์ลายเถาวัลย์รอบต้นขา ด้วยความที่บ้านพักอยู่ไม่ไกลจากสระว่ายน้ำต้นน้ำจึงมีแค่ผ้าเช็ดตัวคลุมทับมาเพียงผืนเดียวเตรียมพร้อมลงเล่นน้ำสุดๆ
     “เอ้า! เดี๋ยวเกิดอีหมอโรคจิตนั่นประชุมเสร็จฉันก็อดสิ”
     ต้นน้ำหัวเราะตัวงอด้วยความขำ
     “อย่ามาหัวเราะนะแก เห็นสายตามันละขนลุก!”
     “ขนลุกหรือฟู?”
     “ว๊ายนังต้น! ทะลึ่ง!”
     “ฮ่าๆ”
     แต่เมื่อเดินไปถึงสระน้ำทั้งคู่ก็ได้พบกันฝรั่งคนนั้นโดยบังเอิญ ต้นน้ำเผลออายคอนแทคกับเขาเลยส่งยิ้มไปให้ เมษเห็นจึงอดไม่ได้แอบหยิกเพื่อนรักเบาๆ
     “ชม้ายตาอ่อยสุดชีวิตเลยนะ”
     “บ้า! แค่ยิ้มให้เฉยๆ”
     “สงสัยแกจะได้ผัวใหม่ก็งานเนี๊ยะ มันมองตามแกตลอดเลย”
     “บ้า ไม่ได้คิดอะไร ก็เขายิ้มให้เราอะ ไม่ยิ้มตอบเสียชื่อคนไทยแย่”
     “ย๊า... สนป่ะ ฉันช่วยเอามะ?”
     “ช่วยไร?”
     ต้นน้ำถามแต่เมษไม่ตอบ เธอเดินไปส่งภาษาอังกฤษกับฝรั่งคนนั้นอย่างรวดเร็วจนต้นน้ำอึ้ง
     “เอ็กคิ้วมี๊ คูดยูเทคโฟโต้ฟอมี้แอนด์มายเฟรนด์”
     ฝรั่งคนนั้นตอบรับด้วยความยินดี เมษจึงลากต้นน้ำไปยืนแอคเป็นนายแบบคู่กันให้ฝรั่งคนนั้นรัวชัตเตอร์ เมษแอบเหล่สีหน้าเขินๆ แอบอมยิ้มของต้นน้ำแล้วก็หมั่นไส้ เธอว่าเธอจริตมารยาเยอะแล้วแต่ก็ยังแพ้ต้นน้ำเรื่องนี้ เพื่อนของเธอชอบเผลอชม้ายตาใส่คนอื่นไปทั่ว ด้วยนิสัยขี้อายชอบหลบตาคนแต่ก็แอบซนอยากรู้อยากเห็นพอบวกกับสีหน้าและแววตาคู่นั้นใครเผลอสบตาละก็... เฮ้อ ... คิดแล้วกะเทยสุดมั่นอย่างเธอคงต้องยอมยกตำแหน่งมิส(จริต)เวเนฯให้เพื่อนรักไปครอบครอง ปากก็บอกว่าไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงแต่จริตจะก้านการอ่อยเกินหน้าเกินตาเธอเหลือเกิ๊น!
     ลงท้ายคนทั้งสามก็เลยเล่นน้ำด้วยกันจนเพลิน ต้นน้ำสนิทสนมกับเพื่อนใหม่ถึงขั้นรู้ว่าเขาชื่อนิค อายุยี่สิบสี่ รักการท่องเที่ยว ไปมาหลายที่แต่พึ่งเคยมาประเทศไทยครั้งแรก ชอบประเทศไทยมากเพราะผู้คนน่ารัก แต่น่าเสียดายว่าต้นน้ำเล่นไลน์ส่วนนิคเล่นวอทแอพ!
     เอกดนัยมองสาวน้อยในชุดทูพีชสีส้มติดระบายหวานแหววแล้วยิ้มกริ่มผิดกับคนข้างๆ ที่ลมเพชรหึงกำลังก่อตัว!
     ชัยชัชมองภาพในสระด้วยดวงตาวาวโรจน์ อารมณ์คุกรุ่นเพราะเห็นอดีตเมียรักเฟลิร์ตใส่ผู้ชายคนอื่นจนต้องขบกรามแน่น
     เป็นจังหวะเดียวกับที่เมษหันมาเห็นทั้งคู่พอดีเธอจึงหันไปสะกิดเพื่อน และเมื่อต้นน้ำหันมาเห็นชัยชัชเขาก็ตกใจจนหน้าถอดสีแต่แล้วก็นึกขึ้นได้จึงเชิดหน้าท้าทายกลับไปทำเป็นไม่สนใจสายตาหึงหวงของชัยชัช ทั้งสองบอกลานิคแล้วเลิกเล่นน้ำ ต้นน้ำสะกิดให้เมษหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้ตนโดยไม่ยอมขึ้นจากสระ เขาใช้ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ห่มคลุมทั้งตัวปกปิดร่างกายจากสายตาของอดีตคนรัก เขาไม่ต้องการให้ชัยชัชเห็นหลักฐานระบุเจ้าของหัวใจตรงด้านหลัง
     ส่วนเมษเองก็เริ่มคิดหนักว่าตนน่าจะหยิบชุดคลุมอาบน้ำมาแทนเอี๊ยมแถมจากชุดว่ายน้ำเพราะรับรู้ได้ว่ากำลังถูกสายตาลามกของหมอหื่นกามแสกนรูปร่างของเธอไปทุกสัดส่วน!
     “เขาให้กินข้าวเย็นให้เสร็จที่นี่เลยแล้วค่อยไปลงเรือตอนทุ่มนึง มึงอย่าลืมเอาบัตรไปด้วยล่ะ”
     ชัยชัชทำเป็นพูดเรื่องงานแต่กลับมองตามต้นน้ำทุกก้าว จนกระทั่งเด็กทั้งคู่เดินผ่านจุดที่พวกเขายืนอยู่ในระยะประชิด เขาก็ได้สบตากับต้นน้ำที่เผลอชำเลืองมาพอดี คนทั้งคู่แลกเปลี่ยนถ้อยคำหลากความรู้สึกภายในเสี้ยววินาที
     สีหน้าบึ้งตึงของชัยชัชยังคงทำให้ต้นน้ำกลัวได้เสมอ เขาหันไปหาเมษทำเป็นเร่งแล้วเดินผ่านชัยชัชไปโดยไม่สนใจทั้งๆ ที่สั่นไปทั้งตัวเพราะสายตาคู่นั้น
     เมื่อเห็นปฏิกิริยาของต้นน้ำชัยชัชก็แทบระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
     “ก็เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอวะ เขาจะไปมีใครมันก็เรื่องของเขาไม่ใช่เหรอ”
     เสียงเตือนสติของเอกดนัยส่งผลให้ชัยชัชเดินจากไปอย่างงุ่นง่าน เมษเห็นสายตาของชัยชัชแล้วก็ขนลุก เธอรู้แล้วว่าทำไมต้นน้ำถึงชอบบอกว่าชัยชัชน่ากลัวมากเวลาโกรธ!
     เอกดนัยเดินตามเมษที่ถูกต้นน้ำทิ้งห่างแล้วชวนคุย
     “เพื่อนของหนูเมไม่เห็นจะหมดเยื่อใยอย่างปากว่า”
     “เพื่อนของหมอก็ไม่เห็นพัฒนาขึ้นตรงไหน!”
     เมษเชิดหน้าพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเร่งฝีเท้าตามต้นน้ำเข้าบ้านพักทิ้งให้เอกดนัยอมยิ้มกับฝีปากของเธอ

     ชัยชัชโกรธจนแทบบ้า! เขาพยายามทำใจเรื่องที่ต้นน้ำมีคนใหม่แต่พอมาเห็นกับตาวันนี้แล้วเขาก็ทนไม่ได้ เขาพยายามอ้างเหตุผลว่าเคืองที่ต้นน้ำเฟลิร์ตใส่คนอื่นทั้งๆ ที่มีแฟน แต่แล้วก็ต้องยอมจำนนกับหัวใจตัวเอง เขาโกรธที่ต้นน้ำทำเป็นไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา เขาไม่ต้องการให้ต้นน้ำไปเฟลิร์ตใส่คนอื่นไม่ว่าใครหน้าไหนก็ตาม เขาอยากเก็บรอยยิ้มนั้นเอาไว้คนเดียว ... แต่มันคงเป็นไปไม่ได้เพราะเขากับต้นน้ำไม่ได้เป็นอะไรกัน เขาไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวต้นน้ำอีกแล้ว ชัยชัชนั่งร้องไห้คนเดียวเงียบๆ ไร้เสียงท่ามกลางต้นไม้ร่มรื่นในรีสอร์ท

     “มีเวลาอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปกินข้าวชั่วโมงครึ่งนะ แล้วเขาจะพาไปล่องเรือดูหิ่งห้อย”
     “ครับ”
     “ต้นกับหนูเมไปกินกันก่อนเลย ถ้าไม่ว่าอะไรหมอของีบซักพัก”
     “ตามสบายครับ พวกผมดูแลตัวเองได้”
     เอกดนัยยิ้มให้กับมารยาทยามปกติของต้นน้ำ ในเวลาที่ไม่ดื้อไม่ทิฐิต้นน้ำเหมือนลูกแกะเชื่องๆ เสียงจริง ไม่แปลกที่เพื่อนของเขาจะหลงหัวปักหัวปำ แต่ในยามที่แกะตัวนี้โกรธละก็... หึๆ หมาป่าก็หมาป่าเถอะ โดนขวิดไส้ทะลักจนต้องหลบไปรักษาแผลใจเพียงลำพัง ฮ่าๆ
     “ถ้าห้องน้ำไม่พอมาใช้ห้องน้ำในห้องนอนหมอได้นะหนูเม”
     เมษถลึงตาใส่ก่อนจะลากต้นน้ำเข้าห้องแล้วปิดประตูกระแทกใส่หน้าหมอลามกดังปั้ง!
     “แก๊! เห็นสายตาป่ะ ฉันขนลุกเลยย่ะ”
     “อะไร?”
     ต้นน้ำปลดผ้าเช็ดตัวออกแล้วหยิบเสื้อผ้าออกมาเตรียมอาบน้ำ
     “ใครจะอาบก่อน?”
     “แกแหละ ฉันล้างเมคอัพก่อน”
     เมษหยิบคลีนซิ่งออยสำหรับล้างเครื่องสำอางสูตรกันน้ำออกมาเตรียมแล้วหันไปพูดต่อ
     “ฉันหมายถึงผัวแกแหละ สายตาฮีน่ากลัวม๊าก หึงแกสุดๆ”
     “เขาอยากคิดอะไรก็เรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกันแล้ว”
     ต้นน้ำตอบเลี่ยงๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ เมษถอนหายใจก่อนจะลงมือล้างเครื่องสำอาง

     ชัยชัชเก้ๆ กังๆ เดินวนอยู่หน้าบ้านพัก เขาทำใจไว้แล้วว่าอย่างน้อยขอแค่ได้พูดทักทายกันสักประโยคก็พอ เขาไม่หวังให้ต้นน้ำกลับมารักตัวเองเหมือนเดิม เขาแค่อยาก... เขาอยากบอกต้นน้ำว่าเขายังรักเด็กหนุ่มสุดหัวใจ แต่แล้วคนที่เดินออกมากลับเป็นเพื่อนรัก
     “ถ้ามึงมาหาคนอื่นที่ไม่ใช่กู สองคนนั้นเขาไปกินข้าวนานแล้ว”
     “อ่าว!”
     ชัยชัชอุทานด้วยความเสียดายก่อนจะกลบเกลื่อน
     “กูมาตามมึงแหละ ขืนไม่ปลุกมึงก็นอนเพลินลืมกินข้าวอีก ลำบากพวกกูต้องเช็กหมอ”
     เอกดนัยยิ้มเพราะรู้ทัน เขาเดินออกมายืนข้างเพื่อนรัก สูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดแล้วเอ่ย
     “ตัดไม่ขาดนี่หว่ามึง”
     “แต่กูโดนตัดขาดสนิท”
     “ไม่คิดว่าตัวเองยังมีหวังบ้างเหรอวะ?”
     “ขอแค่ได้คุยกันซักคำกูก็พอใจแล้ว”
     ชัยชัชยิ้มเศร้าๆ แล้วเริ่มระบาย
     “แม่ง เปลี่ยนไปจนกูจำแทบไม่ได้ ไม่เหมือนตอนอยู่กับกูซักนิด เมื่อก่อนขี้อายจะตาย มึงดูตอนนี้ดิ”
     “เขาเป็นยังไงมึงรู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอวะ”
     “กูไม่รู้แล้วว่ะไอ้หมอ กูเหนื่อย กูนึกว่าตัวเองทำใจได้แต่เปล่าเลย”
     “เมียมึงก็พูดอย่างเดียวกันเป๊ะ พวกมึงใจตรงกันกว่าที่คิดนะ เขาไม่ยอมคืนดีมึงก็จีบเขาใหม่สิวะ มึงเคยจีบเขารึเปล่า ไว้ลายไอ้เสือหน่อยสิมึง”
     ชัยชัชนึกถึงอดีตที่ต้นน้ำเป็นฝ่ายคอยเอาใจเขาทุกอย่างจนเขาตกหลุมรักแล้วก็อึ้ง เขาไม่เคยต้องใช้ความพยายามก็เป็นฝ่ายถูกรัก เขาเคยทำอะไรให้ต้นน้ำประทับใจหรือเปล่าแทบนึกไม่ออก

     ในขณะที่ต้นน้ำและเมษกำลังเม้าแตกอยู่กับนิคที่เจอกันในห้องอาหารก็มีมือยื่นของหวานมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ
     “ของหวานครับ”
     ต้นน้ำหันไปมองด้วยความแปลกใจแล้วก็เห็นชัยชัชที่มาพร้อมเอกดนัยกำลังยื่นถ้วยสาคูมะพร้าวอ่อนให้ นิคงงกับการปรากฏตัวของคนแปลกหน้าทั้งสองหมอเอกเลยได้ทีเนียนแนะนำตัวว่าเป็นแฟนกับเมษ คนทั้งสามคุยทักทายกันส่วนต้นน้ำ เขาหันมาปฏิเสธชัยชัช
     “ขอบคุณครับ แต่ผมไม่ทานสาคู”
     ชัยชัชมองต้นน้ำที่หันมาปฏิเสธด้วยท่าทางหงอยๆ แล้วก็จ๋อย เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ
     “ไหนมันบอกว่าชอบกะทิไงวะ?”
     เมื่อไม่มีทางเลือกชัยชัชเลยต้องถือขนมถ้วยนั้นกลับไปนั่งทานเองที่โต๊ะพลางแอบมองคนทั้งสี่ เอกดนัยแกล้งจี๋จ๋ากับเมษแล้วก็ลากคนรักปลอมๆ ไปตักอาหารทำให้ในโต๊ะเหลือแต่ไอ้ฝรั่งกับเมียรักของเขา ต้นน้ำคุยไปหัวเราะไปจนชัยชัชรู้สึกตงิดๆ
     ต้นน้ำใส่เสื้อยืดคอลึกเนื้อบางเบากับกางเกงขาสั้นแบบสั้นเวอร์อวดขาขาวๆ ท้าทายยุงไม่กลัวหนาว เมียเก่าเขานั่งไขว้ห้างเท้าคางฟังไอ้ฝรั่งขี้นกคุยด้วยดวงตาเป็นประกายท่าทางสนอกสนใจ ยิ่งมองชัยชัชก็ยิ่งหึงเขาไม่อยากให้คนรักใช้สายตาเช่นนั้นมองใคร
     ต้นน้ำเปลี่ยนไปมากจริงๆ ทั้งนาฬิการาคาแพงบนมือขวาและสายรัดข้อมือสุดอินเทรนด์ที่ข้างซ้าย ต่างหูเพชรเม็ดเล็กๆ ตรงหูขวา สร้อยคอที่ห้อยจี้รูปตัวที ทรงผมทำสีตามแฟชั่น แนวการแต่งตัวแบบที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีทางได้เห็น เหนือสิ่งอื่นใดลายบอดี้เพ้นท์บนต้นขาที่โผล่ออกมาวับๆ แวมๆ ยิ่งมองชัยชัชก็ยิ่งสำเหนียกได้ว่าต้นน้ำคนที่เคยรักเขาไม่มีอีกแล้ว

     จวบจนมื้อเย็นผ่านพ้นไปทุกคนจะไปล่องเรือเที่ยว แต่ต้นน้ำกลับทำท่าจะขอตัวทิ้งให้เมษไปกับเอกดนัยสองคน
     “แก๊ ไม่ไปไม่ได้นะ ฉันอยากไป”
     “ก็ไปกับหมอเอกไง”
     “ไม่เอา! ฉันจะไปกับแก”
     เมษว่าพลางพยักพเยิดไปทางนิคที่ยืนรอต้นน้ำอยู่ไม่ไกล
     “แกเห็นผู้ดีกว่าเพื่อนเหรอ”
     “เฮ่ยบ้า! เขาแค่จะเดินไปส่งเราที่ห้อง เรารู้สึกไม่ดีหรอก”
     “โอ๊ยแกนี่บอบบางจัง เล่นน้ำนิดหน่อยทำเป็น!”
     จนกระทั่งผู้แทนบอกว่าเรือมาถึงแล้ว เมษจึงหันมาขอร้องต้นน้ำอีกรอบ
     “ไปนะแก”
     สุดท้ายต้นน้ำจึงจนใจ เขาพยักหน้าแล้วหันไปบอกลานิค แต่พอถึงเวลาลงเรือๆ ลำที่จอดอยู่ยังว่างอีกสองที่ เมษจูงมือกับต้นน้ำทำท่าจะขึ้นเรือลำนั้น ต้นน้ำลงไปก่อนเมษทำท่าจะตามลงไปแต่เอกดนัยกลับคว้ามือเมษเอาไว้แล้วส่งชัยชัชลงเรือตามต้นน้ำไปแทน ต้นน้ำตาโตหันไปมองคนนั่งข้างๆ ก่อนจะหันกลับไปมองเมษ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของเอกดนัยจากเดิมที่กะจะวีนกลับเป็นห่วงเพื่อนรักแทน! เขาแอบภาวนาเอาใจช่วยเพื่อนเงียบๆ
     “หมอ! ขวางหนูทำไมหนูจะไปกับเพื่อน”
     “ได้ไง มันต้องมีผู้แทนไปกับเรืออย่างน้อยลำละคน คอยดูแลหมอ”
     “แล้วทำไมหมอไม่บอกแต่แรกล่ะ พวกหนูจะได้รอลำอื่นที่มันมีที่”
     “ขืนหมอบอกหมอก็อดสิ”
     เอกดนัยโดนเมษถลึงตาใส่จึงรีบแก้ตัว
     “หมอหมายถึงหมออดช่วยไอ้ชัชมันไง หนูเมลืมแล้วเหรอ”
     “เชอะ!”

     ทริปล่องเรือดูหิ่งห้อยไม่มีอะไรแปลกใหม่สำหรับต้นน้ำ เขาเคยมาเที่ยวแบบนี้แล้ว และถ้าพูดให้ชัดก็คนข้างๆ เขานี่แหละที่พาเขามาเปิดหูเปิดตา ดังนั้นตลอดเส้นทางต้นน้ำเลยอดจมอยู่ในภวังค์ไม่ได้ ภาพในอดีตภาพแล้วภาพเล่าปรากฏขึ้นในความทรงจำ พอคิดแล้วก็พาลตื้อจนน้ำตาปริ่ม ยิ่งเรือเป็นเรือเล็ก ที่นั่งก็คับแคบต้องมานั่งใกล้จนเข่าแทบเกยกันเช่นนี้ กลิ่นดีโอสเปรย์เดิมๆ ของชัยชัชโชยมาอ่อนๆ ก็ทำให้ต้นน้ำคิดถึงช่วงเวลาที่เคยได้อิงแอบซบอกอุ่นๆ ของแฟนเก่า
     ต้นน้ำแกล้งขยับตัวลูบตามใบหน้าและแขนขาของตัวเองแล้วถอนหายใจเรียกความเข้มแข็งออกมา เขาแอบปาดน้ำตาที่คลออยู่แบบเนียนๆ ชัยชัชที่นั่งสังเกตต้นน้ำมาตลอดทางจึงส่งแจ็คเก็ตให้
     “หนาวเหรอครับ เอาเสื้อคลุมไว้มั้ย?”
     ต้นน้ำมองแบบเหยียดๆ แล้วตอบด้วยแรงทิฐิ
     “อ๋อผมร้อนครับ เหนียวตัว!”
     เมื่อได้ยินดังนั้นชัยชัชจึงสลดยิ่งกว่าผักโดนน้ำร้อน เขาเก็บแจ็คเก็ตที่อุตส่าห์หยิบมาเผื่อกลับไปแล้วมองใบหน้าด้านข้างของคนที่คิดถึงอย่างโหยหา
     คู่หนึ่งก็เล่นสงครามเงียบ ส่วนอีกคู่ก็ทะเลาะกันอย่างเปิดเผย เอกดนัยแกล้งโอบแต๊ะอั๋งเมษบ่อยจนเมษหงุดหงิด เธอฮึดฮัดทำรำคาญปัดแล้วปัดอีกจนผู้โดยสารคนอื่นหันมามอง เอกดนัยยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่างกับเมษที่หงุดหงิดเกินบรรยาย
     “สงสัยยุงจะเยอะ ทนๆ เอาหน่อยนะหนูเม”
     “ค่ะ! ยุงเยอะมว๊าก! น่ารำคาญสุดๆ”
     เมษกระแทกเสียงกลับไป แต่แล้ว...
     “ชู่! ดูหิ่งห้อยต้องเงียบๆ นะหนูเม”
     เอกดนัยแกล้งเตือนแล้วเนียนโอบเธออีกแล้ว! อีตาหมอโรคจิตคนนี้เอาเปรียบเธอหน้าตาย! เมษอึดอัดแต่ไร้หนทางตอบโต้ได้แต่กรี๊ดอยู่ในใจเพราะไม่รู้จะจัดการกับหมอโรคจิตได้ยังไง จนกระทั่งชาวคณะกลับมาถึงโรงแรม
     เรือลำของต้นน้ำและชัยชัชกลับมาถึงก่อน ชัยชัชที่อยู่ท้ายเรือก้าวขึ้นฝั่งก่อนใครเพื่อน เขาส่งมือมาช่วยผู้โดยสารคนอื่นขึ้นจากเรือ
     ชัยชัชส่งมือให้ต้นน้ำจับ ต้นน้ำลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจส่งมือออกไปเพราะเกรงใจผู้โดยสารคนอื่น วินาทีที่มือของคนทั้งคู่สัมผัสกันชั่วขณะความรู้สึกต่างๆ ที่เก็บเอาไว้ก็ถูกเรียกออกมาจากส่วนลึกในความทรงจำ ต้นน้ำกลืนน้ำลายก่อนจะกระพริบตาไล่ความร้อนที่แผดเผาออกไป เขาก้มหน้าลงหลบสายตาที่เต็มไปด้วยคำขอโทษจากชัยชัช
     “ขอบคุณครับ”
     ต้นน้ำกล่าวเบาๆ ก่อนจะก้าวขึ้นฝั่งไป ชัยชัชหันไปมองได้เพียงแว็บเดียวแล้วก็กลับมาปั้นหน้ายิ้มช่วยคนอื่นขึ้นจากเรือต่อ เขารู้ดีว่าต้นน้ำเดินจากไปแล้ว
     เมษกลับมาถึงช้ากว่าต้นน้ำมากเพราะเอกดนัยถูกบรรดาผู้แทนรุม คุณหมอหนุ่มผู้มีฝีมือด้านการผ่าตัดหัวใจสนทนากับผู้แทนต่ออีกครู่หนึ่ง เมษแอบมองหมอจอมกวนคุยเรื่องงานแล้วก็หมั่นไส้จนเบ้ปากใส่ เอกดนัยหันมาเห็นเลยหลิ่วตาคาดโทษให้ เมษจึงแลบลิ้นตอกกลับแล้วก็หันหน้าหนีแทน แต่สาวน้อยก็ยังรอเสือหนุ่มอยู่ตรงนั้นโดยไม่หนีกลับก่อน

     เมื่อเมษกลับมาถึงบ้านพักก็พบว่าเพื่อนของเธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในชุดนอนแล้วเรียบร้อย เธอพักเรื่องงี่เง่าของตัวเองไว้แล้วรีบถามไถ่เรื่องราวของเพื่อน
     “เป็นไงมั่งยะ? พี่เขาว่าไงมั่ง?”
     “ก็ไม่ได้ว่าไง”
     “อ้าว! ไม่ได้คุยกันเลยเหรอ?”
     “อื้อ”
     เมษทำหน้าเสียดายส่วนต้นน้ำก็จมอยู่ในภวังค์ แต่แล้ว...
     “เมษ ถามหน่อยสิ ความรักของผู้ชายกับผู้ชายมันเป็นไปได้จริงๆ รึเปล่า?”
     เมษหันมามองเพื่อนแล้วตอบ
     “ก็คงมีมั้ง”
     “แต่ทำไมเราเห็นมีแต่ข่าวจบลงด้วยการเลิกรามีคนใหม่ล่ะ?”
     “แล้วแกจะไปดูคู่ที่มันชอบออกสื่อจนเป็นข่าวทำไม รักกันจริงหรือรักโปรโมทก็ไม่รู้!”
     “ก็เราอยากรู้นี่”
     เมษเข้าใจความสับสนของเพื่อนเธอจึงปลอบใจ
     “แก คู่ชายหญิงที่ไม่จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งมันก็มีเยอะนะ ฉันว่าความรักไม่เกี่ยวที่เพศหรอก มันเกี่ยวกับคนมากกว่า บางทีที่ไหนซักที่ในโลกนี้อาจจะมีคู่เกย์ที่รักและอยู่ด้วยกันจนแก่ตายก็ได้นะ แต่แค่ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น และฉันว่าเขาสองคนก็คงไม่สนหรอกว่าคู่ของตัวเองจะถือเป็นคู่รักเกย์ดีเด่นรึเปล่า พวกเขาแค่มีความสุขกับชีวิตคู่ของเขาก็พอ ทำไมแกไม่ทำตัวให้มีความสุขล่ะนังต้น”
     “แล้วแบบไหนเราถึงจะมีความสุขล่ะเมษ? เราจะรู้ได้ยังไงว่ามันคือความสุขจริงๆ ไม่ใช่แค่ชั่วคราวแล้วต้องเจอกับความเจ็บปวดอีก”
     “แกก็ต้องถามใจตัวเองไง ความสุขของฉันคือการได้เป็นผู้หญิง ฉันยอมทิ้งทุกอย่างทั้งๆ ที่รู้ว่าหันหลังกลับไปไม่ได้โดยไม่เสียดาย เพราะฉันมั่นใจว่าตัวเองจะไม่เสียใจทีหลัง แล้วแกล่ะ แกเคยเสียใจที่รักเขามั้ย? ลองถามใจแกดูนะ”
     ต้นน้ำเงียบไปจนเมษสงสาร สีหน้าของเพื่อนรักมีแต่ความกลัดกลุ้ม แต่เรื่องนี้เธอช่วยได้ที่ไหน เพื่อนของเธอต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง
     “เฮ้อ... ฉันไปอาบน้ำก่อนนะแก”
     “ห๊ะ! อืม ... งั้นเราขอไปเดินเล่นหน่อยนะ”

     ชัยชัชยังไม่ง่วง เขาขี้เกียจกลับห้องพัก ไม่มีอารมณ์สนใจเพื่อนร่วมงานจึงออกมาเดินเล่น แต่ไม่รู้ทำไมทั้งๆ ที่เขาพักอยู่ฝั่งเรือนไทยขาเจ้ากรรมกลับพาเขาเดินมาถึงบ้านพักฝั่งวิลล่า
     สระน้ำยามค่ำคืนตกแต่งด้วยแสงไฟสีส้มให้บรรยากาศแปลกตา เขานั่งอยู่อย่างนั้น จ้องมองผืนน้ำนึกถึงภาพที่เห็นตอนเย็น แม้จะเจ็บปวดที่ต้นน้ำหมดเยื่อใยกับเขาแล้วแต่อีกใจหนึ่งเขาก็มีความสุขที่ได้เห็นคนที่เขารักหัวเราะอย่างร่าเริง รอยยิ้มบนใบหน้าต้นน้ำไม่ใช่ของปลอม ถึงไม่มีเขาอยู่ข้างๆ ต้นน้ำก็มีความสุข
     ภาพของคนรักตอนพยายามฆ่าตัวตายย้อนกลับมา ความทรงจำเมื่อครั้งที่เขาแอบไปเยี่ยมต้นน้ำยามหลับไม่รู้สึกตัวผุดขึ้นในหัว
     “เข้มแข็งขึ้นมากเลยนะต้น พี่ดีใจที่เห็นเรามีความสุข”
     ชัยชัชรำพึงรำพันเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจยุติทุกอย่าง เขาจะไม่ยื้ออดีตไว้อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#1/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน24
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 01-12-2014 06:15:14
     สระว่ายน้ำกลางสวนในเวลากลางคืนแม้จะประดับประดาด้วยแสงไฟแต่ก็ยังครึ้ม ต้นน้ำตั้งใจออกมานั่งเล่นใช้ความคิด แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะมีใครนั่งอยู่ก่อน ชัยชัชหันมามองต้นตอของเสียงฝีเท้ากระทบพื้นแล้วก็ต้องตกตะลึง! ต้นน้ำสองจิตสองใจมีท่าทีลังเล ชัยชัชจึงพูดขึ้น
     “ต้นนั่งตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปเอง ... พี่กำลังจะกลับพอดีครับ”
     น้ำเสียงยอมแพ้ทำให้ต้นน้ำหวั่นไหว ชัยชัชลุกขึ้นเตรียมจะเดินจากไป แต่แล้ว
     “ถ้าพี่ชัชอยากนั่งตรงนี้ก็นั่งเถอะครับ ที่ตรงนี้สำหรับแขกทุกคนอยู่แล้ว ผมไม่ถือ”
     ต้นน้ำพูดพร้อมกับหย่อนตัวลงจับจองเก้าอี้ริมสระน้ำ
     แม้จะตั้งใจว่าไม่อยากรบกวนให้ต้นน้ำลำบากใจอีกแต่ชัยชัชกลับละสายตาจากคนตรงหน้าไม่ได้ สองขาถูกยึดไว้ด้วยความคิดถึงตรึงเขาอยู่กับที่ ขอเพียงต้นน้ำไม่ว่าอะไรเขาก็อยากเก็บภาพนี้เอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
     ชัยชัชสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่คุ้นเคยจากต้นน้ำ สีหน้าและแววตาของเด็กคิดมากคนเดิมชวนให้เขาเผลอยิ้ม เขามีคำว่าอยากเต็มหัว อยากบอกรัก อยากขอโทษ อยากขอคืนดี อยากพูดคุย ถามไถ่ แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปสักอย่าง ชัยชัชทำได้แค่แอบมองต้นน้ำเงียบๆ
     ต้นน้ำในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเนื้อผ้าบางเบาเริ่มห่อตัวเพราะอากาศที่เย็นลง ชัยชัชเห็นดังนั้นเลยถอดแจ็คเก็ตเอาไปคลุมให้อีกครั้ง ต้นน้ำหันมามองชัยชัชจึงพูดขึ้น
     “อากาศเย็นแบบนี้คงไม่บอกว่าร้อนอีกนะครับ”
     ต้นน้ำไม่ตอบโต้เขา แต่กลับกระชับเสื้อคลุมเข้าหาตัว ชัยชัชเห็นดังนั้นจึงนั่งลงข้างๆ เพียงเท่านี้เขาก็ดีใจแล้ว ความสุขของการเป็นผู้ให้ทำให้เขาอิ่มเอมใจเมื่อนึกถึงครั้งที่ใครคนหนึ่งเคยพยายามทำอะไรมากมายให้เขาเกินกว่าฐานะน้องชาย โชคร้ายที่พี่ชายอย่างเขามันไม่ได้เรื่อง ชัยชัชยิ้มสมเพชตัวเองก่อนจะกระพริบตาไล่ความอ่อนแอที่เริ่มก่อตัว
     “ต้นสบายดีเหรอครับ?”
     ต้นน้ำหันมามองชัยชัชที่ชวนคุย
     “ครับ”
     ชัยชัชพยักหน้ารับรู้พลางยิ้ม เพียงเท่านี้ก็ดีใจแล้ว ได้แค่นี้ก็พอ เขาไม่ขออะไรมากมาย
     ต้นน้ำมองกิริยาของชัยชัชแล้วเกิดความคาดหวังในใจ เขาเฝ้ารอให้ชายหนุ่มเอ่ยอะไรขึ้นอีก แต่ชัยชัชกลับเลือกที่จะเงียบ ต้นน้ำทั้งสับสนทั้งไม่เข้าใจตัวเอง จนในที่สุด
     “พี่ชัชไม่เหนื่อยเหรอครับ เห็นทำงานทั้งวัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องตื่นเช้าอีก”
     “หือ? พี่ชินแล้ว”
     รอยยิ้มสบายๆ แฝงความอ่อนล้าในน้ำเสียงทำเอาต้นน้ำใจหาย
     “แต่หมอเอกบอกว่าพี่ชัชเป็นความดัน ไขมันในเลือดสูงด้วย น่าจะพักผ่อนเยอะๆ”
     “แล้วเราละครับ ทำไมยังไม่นอน ทิ้งเมษไว้แบบนั้นเดี๋ยวเพื่อนก็โดนไอ้หมอปล้ำหรอก”
     มุกของชัยชัชทำให้ต้นน้ำแอบอมยิ้ม
     “ผมนอนไม่หลับเลยออกมาดูดาว”
     ชัยชัชมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วตอบ
     “เสียดายนะ คืนนี้เมฆครึ้ม”
     “ไม่รู้สิครับ บางทีอาจเป็นข้ออ้างตอนอยากคิดอะไรเพลินๆ ก็ได้ ไม่คิดว่าสระน้ำตอนกลางคืนโรแมนติกเหรอครับ? บางทีเราอาจจะเจอใครซักคนที่นั่นก็ได้ ผมมีแฟนคนแรกก็เพราะบรรยากาศแบบนี้แหละ”
     น้ำเสียงซุกซนกับประโยคที่คาดไม่ถึงชวนให้ชัยชัชต้องอมยิ้มให้ความแสบของต้นน้ำ สายตาของชัยชัชมีแค่คำว่ารักและถ้าต้นน้ำตาไม่ฝาดเขาคิดว่าเขาเห็นชัยชัชหน้าแดง คนทั้งคู่สบตากันเป็นระยะ จนในที่สุดชัยชัชก็ทนไม่ไหว
     “พี่อยากให้มีดาวตกชะมัด! พี่จะได้อธิฐานขอให้พี่ได้หัวใจของพี่คืนมา”
     “แล้วทำไมไม่ลองขอกับคนตรงหน้าดูละครับ อาจจะศักดิ์สิทธิ์กว่าดาวตกก็ได้”

     ต้นน้ำต้องแอบตะโกนลั่นภายในใจว่าตนไม่ได้อ่อย เขาแค่ต่อมุกกับคู่สนทนาขำๆ ต้นน้ำหาข้ออ้างให้ตัวเองทั้งๆ ที่ใบหน้าร้อนผ่าว!
     ชัยชัชมองท่าทางเขินอายแต่แอ๊บมั่นแล้วก็ขำ เขามองริมฝีปากแดงระเรื่อที่กำลังเม้ม แก้มกลมๆ ที่แอบอมยิ้มจนขึ้นสี สายตาซุกซนที่พยายามหลบตาเขาแต่แอบชำเลืองกลับมาเป็นระยะ เขารู้ดีว่าหลงรักเด็กเลี้ยงแกะคนนี้เต็มหัวใจ
     “ฝีปากคมขึ้นนะเรา”
     ต้นน้ำอ้าปากจะเถียงแต่กลับถูกปิดปากด้วยวิธีเดิมๆ รสจูบที่คุ้นเคยหยุดทุกอย่างไว้หลงเหลือแต่สัมผัสที่เคยชิน ชัยชัชกอดต้นน้ำอย่างหวงแหน เขาบดจูบอย่างโหยหา ต้นน้ำเองก็หลับตาลงรับสัมผัสอย่างยินดี เขายอมให้ชัยชัชปลุกทุกความรู้สึกที่เคยมีให้แจ่มชัดอีกครั้ง เขายอมรับกับตัวเองว่าตนรักชัยชัชมากเกินจะตัดใจ ไม่มีใครเติมเต็มเขาได้สมบรูณ์เท่าผู้ชายคนนี้อีกแล้ว
     เมื่อต่างฝ่ายต่างเต็มใจต่างคนต่างเต็มที่รสจูบจึงเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่แตะริมฝีปากประกบกันด้วยความโหยหาต่อมากลับยิ่งกระหาย อ้อมกอดแห่งความคิดถึงกลายเป็นสัมผัสแห่งราคะ ต้นน้ำเบียดตัวเข้าหาชัยชัชอย่างออดอ้อนพลางหายใจหอบสลับกับครางกระเส่า แต่แล้วจู่ๆ ชัยชัชกลับยุติทุกอย่างแล้วประคองต้นน้ำออกห่างอย่างเบามือ ต้นน้ำมองหน้าชัยชัชด้วยความสงสัยพลางใช้สายตาประท้วง!
     “พี่... พี่ว่าเราคืนดีแค่นี้ก่อนดีกว่าครับ ไม่งั้นพี่ว่าพี่จะไม่ไหวเอา”
     ต้นน้ำได้ยินดังนั้นก็ยิ้มยั่ว เขาจงใจโอบรอบคอชัยชัชแล้วเอียงคอมองอย่างท้าทายพลางไล้นิ้วมือเล่นกับหลังคอของคนรัก
     “คือ... พี่ไม่ได้อยู่ห้องเดี่ยวครับ แล้วก็คงไม่ดีแน่ถ้าเราจะยืมห้องแล้วปล่อยให้เมษอยู่กับไอ้หมอ”
     “แล้ว?”
     “พี่ไม่บ้าพอจะจัดแบบเอาท์ดอร์ครับ เพราะเรานั่นแหละ ร้องดังเป็นบ้า!”
     ชัยชัชยิ้มก่อนจะใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปากของต้นน้ำอย่างหมั่นเขี้ยว!
     “แปลว่าถ้าผมเงียบๆ ก็ได้?”
     “เกรงว่าจะไม่ได้ครับเพราะพี่จะทำให้เราแหกปากสุดเสียงแน่ๆ”
     ต้นน้ำเชิดหน้าขึ้นมองผู้ชายที่พูดประโยคน่าอายพวกนั้นหน้าตาย เขาหลงรักผู้ชายคนนี้!
     ชัยชัชมองอาการกัดริมฝีปากโดยไม่ตั้งใจของต้นน้ำอย่างหลงใหล เขาเห็นต้นน้ำกลืนน้ำลายข่มความปรารถนาของตัวเอง ถ้าไม่ติดหน้าที่การงานเขาอยากจะกดต้นน้ำลงบนเก้าอี้แล้วจัดการสุดที่รักของเขาเดี๋ยวนี้! เขาแทบรอไม่ไหวแล้ว!
     “งั้นทำไมเราไม่หาที่ส่วนตัวแล้วพิสูจน์ละครับ ผมอยากรู้ว่าพี่ชัชจะทำได้อย่างที่พูดรึเปล่า? ชอบผิดสัญญาอยู่เรื่อย”
     “นี่เขาไม่เรียกว่าสัญญาครับ เขาเรียกว่า ขู่”

     ต้นน้ำรู้สึกถึงอาการสั่นระริกทั่วร่าง แต่ไหนแต่ไรเขาเคยยอมให้ใครขู่ซะที่ไหน!
     “กลัวตายล่ะ!”
     ชัยชัชมองริมฝีปากที่เอ่ยท้าทายเขาแล้วก็ทนไม่ไหว เขาสาบานว่าจะใช้เขี้ยวเล็บทั้งหมดที่มีทำให้เด็กเลี้ยงแกะคนนี้ยอมสยบหมาป่าอย่างเขาให้จงได้!

     จะมีคู่ไหนสมกันยิ่งกว่าหมาป่ากับเด็กเลี้ยงแกะอีก? ดังนั้นทั้งสองจึงผูกพันกันนัวเนีย แล้วเรื่องก็จบลงอย่างมีความสุข

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     วันนั้นว่ากันว่าอยู่ๆ ก็มีแขกมาขอเปิดห้องเพิ่มยามดึก คนทั้งคู่ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นห้องแบบไหนราคาเท่าไหร่พวกเขาขอแค่ให้ได้ห้องเร็วๆ ก็พอ แถมยังไม่ยอมรอรถกอล์ฟบริการพาไปส่งที่ห้องด้วยซ้ำ พอได้กุญแจแล้วทั้งคู่ก็วิ่งหายไปเลย...

     โชคดีที่ดึกแล้วและไม่มีคนผ่านไปมาจึงไม่มีใครเห็นคู่รักที่นัวเนียกันตั้งแต่ยังไขประตูเข้าห้องไม่ออก ชัยชัชต้องใช้มือขวาเพียงข้างเดียวในการเปิดประตูเพราะแขนอีกข้างต้องคอยโอบรอบเอวลูกแกะบางตัวที่นัวเนียเขาไม่ยอมห่าง และเมื่อเปิดประตูเข้าไปได้สิ่งแรกที่ต้นน้ำทำคือการปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของชัยชัช!
     “ใจเย็นครับที่รัก ขอพี่เปิดแอร์แป๊บนึง เดี๋ยวหายใจไม่ออกกันนะครับ”
     ชัยชัชเองก็ใช่ย่อย ปากเขาก็บอกขอเวลานอกแต่มือกลับถอดเสื้อยืดของต้นน้ำเหวี่ยงไปไหนไม่รู้ และเมื่อชัยชัชหันกลับมาจากการผละไปเสียบกุญแจเปิดสวิตช์แอร์ต้นน้ำก็กระโจนขึ้นเกาะเขาทันที!
     “เปลี่ยนจากลูกแกะกลายเป็นลิงตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
     ชัยชัชตกใจแต่ก็ช้อนร่างของต้นน้ำไว้ได้ทัน เขาเอ่ยถามพลางยิ้ม ต้นน้ำกอดก่ายขาของตนไว้กับเอวของคนรักแล้วเถียง
     “ก็ใครไม่รู้สอนผมทำบ่อยๆ”
     “หึๆ”
     ชัยชัชหัวเราะคำตอบของต้นน้ำ เขากระเตงลูกแกะกลายพันธุ์ไปทุ่มลงบนเตียงแล้วถอดเสื้อตัวเองทิ้ง ต้นน้ำนอนแผ่อยู่บนเตียงมองภาพนั้นอย่างยินดี ชัยชัชถลกกางเกงลงพลางมองตาของต้นน้ำที่จับจ้องมายังร่างของตัวเองอย่างอวดดี
     “เสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนะต้น”
     เขาดึงกางเกงออกจากปลายขาแล้วก้าวขึ้นเตียงไปเผชิญหน้ากับจอมยั่ว
     “อืม... พี่ชัชทำผมเสียใจมาตั้งเยอะ จะเสียใจอีกซักทีสองทีก็คงไม่เป็นไรมั้งครับ”
     สายตาซุกซนของต้นน้ำที่แอบชำเลืองไปมองสิ่งที่จะทำให้เสียใจทำเอาชัยชัชแทบคลั่ง! เขายิ้มมุมปากแล้วถามขึ้น
     “แค่สองเองเหรอ?”
     “มีแรงมากกว่านั้นมั้ยล่ะครับ?”
     ต้นน้ำท้าทายพลางยกก้นขึ้นให้ชัยชัชถอดพันธนาการของตัวเองออก
     “เสียงแหบแน่ไอ้ต้น ไม่สลบพี่ไม่เลิก!”

     ต้นน้ำนอนกัดปากครางทุกครั้งที่ปลายลิ้นอุ่นๆ ถูกแหย่เข้ามาสลับกับนิ้ว เขานอนอ้าขาหลับตาซึมซับดื่มด่ำกับทุกสัมผัสที่ชัยชัชมอบให้ แม้จะเป็นอุปกรณ์ที่เคยชินกับช่องทางที่คุ้นเคยแต่เมื่อห่างหายกันไปนานชัยชัชก็ไม่กล้าผลีผลาม เขาไม่อยากให้คนรักเจ็บตัวแม้ว่าจะใกล้ลิมิตของตัวเองเต็มทน เขาปวดจนแทบระเบิด! แต่เหมือนมีคนทนไม่ไหวมากกว่าเขา
     “อื๊อพี่ชัช! ผมไม่ไหวแล้ว ...เลยเหอะ นะ
     “ไหวเหรอครับ?”
     ชัยชัชลุกขึ้นจากออร์เดิร์ฟตรงหน้าแล้วถามคนรักด้วยน้ำเสียงห่วงใย
     “ไม่เป็นไร ผมไหว”
     “แต่พี่ไม่อยากให้ต้นเจ็บ”
     ความห่วงใยที่ชัยชัชมีให้กันช่างน่าปลื้ม แต่ตอนนี้ต้นน้ำอยากซาบซึ้งกับอย่างอื่นมากกว่า เขาอยากฟินแบบเนื้อๆ เน้นๆ!
     “เจ็บนิดๆ หน่อยๆ ผมโอเค ถึงไงพี่ชัชก็ทำให้ผมมีความสุขทุกทีไม่ใช่เหรอครับ นะ”
     ถูกสปอยล์ให้ท้ายขนาดนี้ชัยชัชก็ไม่ทนอีกต่อไป เขาจัดการตามที่จอมเอาแต่ใจเรียกร้อง
     “อ๊ะ!”
     สีหน้าเจ็บปวดปนเสียวซ่านของคนรักบวกกับสัมผัสแนบเนื้อที่บีบรัดรอบทิศทำเอาชัยชัชแทบทนไม่ไหว เขากัดฟันแข็งใจถาม
     “โอเคมั้ยครับต้น?”
     แต่ต้นน้ำตอบไม่ไหว เขาไม่เหลือสติจะสนใจอะไรอีกแล้วเลยได้แต่พยักหน้ารัวๆ พลางใช้มือช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของตัวเอง ชัยชัชจับขาของต้นน้ำไว้แล้วค่อยๆ ดันเข้าไปช้าๆ
     “อื๊อพี่ชัช!”
     กว่าจะสุดลำได้เขาแทบตาย! ชัยชัชต้องเกร็งกดความรู้สึกของตัวเองเอาไว้กันขายหน้า แต่แล้ว... หมาป่าสูญเสียสติสัมปชัญญะ!
     “เมียจ๋า พี่ขอโทษนะ ทนผัวหน่อยนะครับคนดี พี่ไม่ไหวละ!”
     “อ๊า!”

     ว่ากันว่าหลังจากนั้นต้นน้ำก็แหกปากสุดเสียงทั้งคืนเพราะโดนชัยชัชขย่มจนเตียงแทบพัง ทั้งคู่รำลึกความทรงจำกันทุกกระบวนท่า ผลสุดท้ายต้นน้ำลุกไม่ขึ้น แม้แต่จะไปห้องน้ำชำระร่างกายยังลุกไม่ไหวได้แต่ปล่อยให้ของเหลวบางอย่างทะลักออกมาทุกครั้งที่ขยับตัว เขาแสบจนไม่มีแรงขมิบของเหลวปริมาณมหาศาลที่ถูกปล่อยไว้จึงไหลเปรอะเปื้อน
     ส่วนคนก่อเรื่องก็เอาแต่นอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ข้างๆ เดี๋ยวก็หอมซ้ายหอมขวาจูบหน้าผากจูบแก้มจนต้นน้ำต้องดิ้นพลิกตัวหนีไปเรื่อย
     “พอแล้วครับ...”
     ชัยชัชไม่ตอบนอกจากยิ้มแล้วจูบต้นน้ำต่อ
     “อื้อ พี่ชัช...”
     ในที่สุดต้นน้ำก็ผลักชัยชัชออกไปได้
     “เป็นอะไรครับ แกล้งผมอยู่ได้”
     “พี่ไม่ได้แกล้ง ก็พี่คิดถึงเรานี่นา ใครจะไปคิดว่าพี่จะได้นอนกอดเราแบบนี้อีก พี่ถอดใจไปแล้วนะรู้มั้ย?”
     ต้นน้ำงอนจนปากยื่น
     “ไหนว่ารักผมไง ไหนบอกผมเป็นคนสุดท้าย”
     ถ้อยคำอำลาที่ต้นน้ำจำได้ทำให้ชัยชัชยิ่งปลื้ม เขามองต้นน้ำด้วยสายตารักใคร่แล้วตอบ
     “ก็ไม่ได้มีใคร พี่แค่... พี่แค่ ... พี่ไม่คิดว่าต้นจะให้โอกาสพี่อีกหน”
     น้ำเสียงเศร้าๆ ทำเอาต้นน้ำใจหาย จะว่าไปเขาเองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขายอมให้อภัยชัยชัชได้อย่างไร มันก็แค่... ถึงจุดๆ หนึ่งที่เขารู้ตัวว่าอยากอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้อีกสักครั้ง
     “พี่ไม่ขอให้ต้นให้อภัยพี่ก็ได้ พี่รู้ดีว่าสิ่งที่พี่ทำกับต้นมันเลวมาก ยิ่งครั้งสุดท้ายนั่น... พี่ไม่ควรทำแบบนั้นกับต้นเลย พี่ทำร้ายหัวใจตัวเองได้ยังไง พี่... ซึด!
     ชัยชัชสูดจมูกพลางปาดน้ำตา ต้นน้ำรับรู้ได้ถึงความเสียใจของชัยชัชจึงจับมือเขาไว้
     “ต้นจะให้พี่ทำอะไรก็ได้พี่ยอมทุกอย่าง กลับมารักพี่อีกครั้งได้มั้ยครับ คราวนี้พี่สาบานว่าพี่จะไม่ทำให้ต้นต้องเสียใจ ถ้าพี่ทำผิดกับต้นอีกเอาชีวิตพี่ไปได้เลย! แต่พี่ขอร้อง ต้นอย่าทำร้ายตัวเองแบบนั้นอีกนะ พี่... ฮึก
     น้ำตาลูกผู้ชายของชัยชัชหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาอาบไปทั่วทั้งหน้าจนต้นน้ำสะเทือนใจ
     “ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นอีก”
     “คนที่โง่คือพี่เอง มีเพชรแท้อยู่กับตัวแต่ไม่รู้จักรักษาให้ดีปล่อยให้หลุดมือไป เรากลับมารักกันเหมือนเดิมได้มั้ยครับ?”
     ใช่ว่ามีแต่ชัยชัชที่แพ้น้ำตาของต้นน้ำ ในยามนี้ต้นน้ำก็อึ้งทำอะไรไม่ถูกเช่นกันเมื่อผู้ชายที่ตนรักบ่อน้ำตาแตกเพราะตน และเพราะต้นน้ำมัวแต่เงียบ ชัยชัชจึงแปลความหมายผิด
     “โอเค พี่... พี่ไม่ขอโอกาสเราก็ได้ พี่รู้ว่าพี่มันเลวไม่คู่ควรกับต้น พี่จะไม่เรียกร้องอะไร ขอแค่ได้ทักทายกันบ้างได้มั้ย อย่าเมินพี่อีกเลยนะ”
     เรื่องชักจะไปกันใหญ่ ในที่สุดต้นน้ำก็ทนไม่ไหว
     “แล้วตกลงจะไม่รับผิดชอบผมเหรอครับ เมื่อกี้นั่นเอาฟรีเหรอ?”
     “พี่... เอ่อ...”
     ชัยชัชเงิบจนพูดไม่ออก
     “ผมยอมพี่ชัชถึงขั้นนี้แล้ว”
     พอได้ฟังชัยชัชก็ยิ้มออกมา
     “ก็พี่... พี่ได้ข่าวว่าเรามีแฟนใหม่แล้ว”
     “แม้แต่คนที่โง่ที่สุดในภาคผมยังรู้เลยว่าคบหลอกๆ พี่ชัชเห็นผมเป็นคนยังไงกันแน่ ผมไม่นอนกับคนอื่นทั้งๆ ที่มีแฟนหรอก!”
     ต้นน้ำแอบเนียนด่าแต่ชัยชัชไม่ยักจะโกรธ นาทีนี้เขามีความสุขมากจนไม่ถือสาอะไร
     “เป็นคนที่มีค่ามากครับ คงไม่มีใครดีกับพี่เท่าต้นอีกแล้ว พี่จะรักต้นให้มากกว่าเดิมจะไม่ปล่อยให้ที่รักของพี่หลุดมือเป็นครั้งที่สอง”
     ชัยชัชให้คำมั่นสัญญาแล้วประทับจูบบนหน้าผากอย่างอ่อนโยน
     “จริงอ่ะ? แต่ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ ไม่มีหน้าอก คลอดลูกให้พี่ชัชไม่ได้ด้วย เกิดอีกหน่อยพี่ชัชอยากอีกผมจะทำยังไง”
     อาการแง่งอนของต้นน้ำทำให้ชัยชัชแอบหัวเราะ เขาขำกับความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเมียรัก
     “ไม่แล้ว กลัวเมียน้อยใจ หึๆ แต่จะว่าไปนอกจากข้างบนแล้วข้างล่างเรามันกว่าผู้หญิงอีก ฟิตชะมัดเลยต้น ไม่ได้ใช้เลยใช่มั้ยเนี่ย? ฮ่าๆ”
     “บ้า! แล้วจะให้ผมไปใช้กับใครครับ”
     ต้นน้ำโมโหจนค้อนปะหลับปะเหลือก!
     “ใช้กับพี่คนเดียวน่ะดีแล้ว ขอใช้ตลอดไปเลยได้มั้ยอ่ะ?”
     “ถามคุณปู่ผมสิครับ ถ้าคุณปู่ผมยอมยกให้ผมก็โอเค”
     “เอางั้นเลยเหรอต้น!”
     ชัยชัชตกใจแต่ต้นน้ำกลับพยักหน้าด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
     “ไม่งั้นมีหวังคุณปู่ยกผมให้แม็กซ์แน่ๆ ถ้าไม่มีใครมาจีบผมแข่งกับแม็กซ์...”
     “ได้ไง? แฟนพี่มีผัวแล้วห้ามจีบครับ พี่หวง!”
     “งั้นก็จีบผมแข่งกับแม็กซ์สิครับ”
     “ถึงขั้นนี้แล้วยังต้องจีบอีกเหรอต้น จัดพิธีเลยไม่ได้เหรอ? แต่พี่ขอเก็บตังค์อีกซักพักนะ ยังไม่มีค่าแหวน”
     “ไม่เป็นไรครับ บ้านผมเป็นร้านเพชร ผมออกค่าแหวนให้ก็ได้แต่ต่อไปพี่ชัชใส่ชื่อผมทุกอย่างก็พอ”
     “โห! นึกว่ารวยแล้วจะเลิกงกนะนี่”
     “ไม่ได้ครับ เพราะแฟนผมสปอร์ตเกินไปเลยมีคนอยากตีตราจองเต็มไปหมด ผมจะดูซิว่าถ้าพี่ชัชเหลือแต่ตัวจะมีผู้หญิงที่ไหนอยากมาจับอีกมั้ย”
     ทั้งๆ ที่เป็นคำพูดที่มีเนื้อหาร้ายกาจแต่ชัยชัชก็ฟังเสียเพลิน
     “ไม่ดีเหรอครับ? เราจะได้ไม่ต้องมีปัญหากันอีกไง”
     “ได้เลยคร้าบ พี่ยอมทุกอย่าง ทั้งตัวและหัวใจชีวิตทั้งชีวิตพี่ยกให้เราคนเดียวนะ”
     ชัยชัชก้มลงจูบต้นน้ำเบาๆ ในที่สุดเขาก็ได้กระซิบคำๆ นี้ให้คนรักฟังอีกครั้ง
     “พี่รักต้นนะ”
     “ผมก็รักพี่ชัช”


     และแล้ว นิยายเรื่องนี้ก็จบแบบ ‘Happy Ending’

     ในที่สุดเด็กเลี้ยงแกะจอมวายร้ายก็ล่ามโซ่พันธนาการหมาป่าไว้ได้ตลอดกาล

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



วาทะกรรมน้องต้น "คนตรงหน้าศักดิ์สิทธิ์กว่าดาวตก" และ "เมื่อกี้เอาฟรีเหรอ?" เคะเรื่องนี้นี่มันอาร๊าย!   :serius2:
แซ่บมั้ยล่ะเมียเฮียชัช :impress2: ฮีกลับมาแบบนางพญา รับรองว่าพี่ชัชหือไม่ขึ้นแล้วแน่ๆ หมาป่าหมดเขี้ยวเล็บจริงๆ ล่ะงานนี้ ฮ่าๆ

แต่สงสารมิวนิคอ่ะ อยู่ดีๆ ก็โดนต้นด่า หึๆ คนที่โง่ที่สุดในภาคยังรู้ว่าต้นคบหลอกๆ เอ๊ะ งี้พี่ชัชก็โง่กว่ามิวนิคอ่ะดิ? อ้าว ต้นชอบจูงจมูกผู้ชายโง่ๆ ก็ไม่บอก! ร้ายนะเธอว์ วางแผนมาเป็นอย่างดีสินะ
 :laugh:
หัวข้อ: [UPภาค2#1/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน24 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 01-12-2014 06:42:15
The story after that.

     จริงๆ เรื่องมันควรจะจบแล้วนะ แต่ว่า ... เหลืออีกคู่นึง

     รุ่งเช้าชัยชัชประคองต้นน้ำที่ท่าทางอ่อนแรงเดินแทบไม่ไหวกลับมาส่งที่ห้องพัก แม้จะดูเพลียๆ ไม่สดชื่นแต่สีหน้าอิ่มเอิบก็ฉายชัดจนคนที่เห็นเดาได้ไม่ยาก แต่ทว่าทันทีที่เมษเห็น เธอกลับกรี๊ดออกมาอีกเรื่อง!
     “แก๊! นังต้น อีเพื่อนทรยศหลงผัวจนทิ้งเพื่อน! แกหายไปไหนมาทั้งคืน แกปล่อยฉันไว้กับ... ได้ยังไง อินังเพื่อนเลวเห็นผู้ดีกว่าเพื่อน โฮๆ
     เงิบสิ! ทั้งชัยชัชและต้นน้ำต่างหันมามองหน้ากัน เกิดอะไรขึ้นหนอ?
     เสียงคร่ำครวญของเมษทำเอาต้นน้ำงง เขาหันไปถามความเห็นจากชัยชัช ส่วนชัยชัชก็หันไปมองเพื่อนรักที่ยืนยิ้มกริ่มแบบตื่นเช้าผิดปกติ
     ต้นน้ำรีบพุ่งไปหาเพื่อนที่นั่งร้องไห้
     “เกิดอะไรขึ้นเมษ อย่าบอกนะว่านาย...”

     ย้อนกลับไปเมื่อคืน...
     ต้นน้ำขอตัวออกไปเดินเล่นนานแล้ว เมษนึกเป็นห่วงเลยออกจากห้องนอนมาดู เอกดนัยเข้าห้องนอนเงียบไปแล้วเมษเลยวางใจนั่งรอต้นน้ำอยู่ในห้องนั่งเล่น เธอหยิบรีโมทมาเปิดดูละครหลังข่าวเรื่องโปรด แต่ในขณะที่ดูเพลินๆ เอกดนัยก็เดินออกมา
     “ยังไม่นอนเหรอหนูเม?”
     “กำลังจะไปค่ะ!”
     “ชุดนอนน่ารักดีนะ”
     ชุดนอนขาสั้นสีชมพูติดระบายลายคิตตี้ตัวโปรดกลับทำให้เธอไม่มั่นใจ เนื้อผ้าที่เคยคิดว่าใส่สบายกลับดูบางเกินไปเมื่อเผชิญกับสายตาของหมอโรคจิตบางคน เมษตั้งใจจะลุกหนีกลับเข้าห้องแต่เอกดนัยกลับฉุดมือของเธอให้นั่งลงที่เดิมแล้วนั่งลงข้างๆ ตาม
     “ไม่รอเพื่อนแล้วเหรอ?”
     เอกดนัยพูดเหมือนรู้ทัน เมษไม่มีทางเลือกเลยจำใจรอ เธอรู้ว่าเพื่อนไม่ได้พกอะไรติดตัวไปด้วยเลยเป็นห่วงกลัวว่าถ้าตนนอนแล้วเพื่อนจะเข้าห้องไม่ได้ ถึงกระนั้นเมษก็แอบขยับตัวหนีคนบางคนแบบเนียนๆ เอกดนัยมองอาการหวงเนื้อหวงตัวแล้วหัวเราะร่วน
     “เวลาเราไม่แต่งหน้าก็สวยดีนะ จมูกเราดูเป็นธรรมชาติดี”
     เมษโกรธจนหันไปถลึงตาใส่!
     “ของหนูของจริงค่ะหมอ! ของแท้แต่ดั้งเดิมทั้งหน้า!”
     เอกดนัยขำกลิ้ง
     “คนใต้เหรอ ตาโตเชียว”
     “เชื้อทางพ่อค่ะ!”
     “แล้วทำไมขาวจัง”
     เอ๊ะอีนี่! เมษอยากหันกลับไปตบหมอปากมอมสักฉาด!
     “แล้วคนใต้ต้องดำรึไงคะ? หนูก็ดูแลตัวเองสิคะหมอ ความสวยมันไม่ได้เสกกันได้ง่ายๆ นะคะ”
     “หนูเมมีความพยายามดีจัง เทียบกับรูปตอนมอหกหมอจำแทบไม่ได้”
     เมษหันขวับ!
     “ผ่านไปไม่กี่ปีสวยขึ้นตั้งเยอะ”
     เมษอ้าปากค้าง
     “หมอเคยเห็น?”
     “ไอ้ชัชไง ก็เราอยากบ้ากล้องเอง ไอ้ชัชมันชอบแชร์มาให้หมอดูบ่อยๆ”
     เมษอยากจะกรี๊ดเป็นภาษาสันกฤต! แต่เอกดนัยไม่หยุดแค่นั้น เขายังคงสนุกกับการแหย่ลูกแมวต่อ
     “อืม... เทคนิคแต่งหน้าจริงๆ ด้วย พอลบหน้าออกแล้วดั้งหายไปเยอะนะ ฮ่าๆ”
     เมษทนไม่ไหวแล้ว เธอคว้าหมอนอิงมาทุบใส่ผู้ชายปากเสียบางคน
     “อีหมอบ้า! อีหมอปากเสีย!”
     เอกดนัยหยุดหมอนที่ถูกนำมาใช้แทนอาวุธไว้ได้และขยับปากหาเรื่องแม่เสือสาวของเขาต่อ
     “ถ้าอยากโด่งถาวรบอกนะ พี่ชายหมอรับทำอยู่ หมอจะได้ค่าหัวคิว ฮ่าๆ”
     “อ๊าย!”
     เมษหงุดหงิดจนทำอะไรไม่ถูก จะดึงหมอนกลับก็ดึงไม่ออกเลยฮึดฮัดอย่างขัดใจ
     “งั้นสรุปว่าที่ไปทำมาก็มีแค่สองที่สินะ”
     เอกดนัยจับมือของเมษกางออกแล้วมองตรงส่วนที่เคยผ่านมีดหมอจนเมษขนลุก! เธอพยายามจะชักมือกลับแต่ติด
     “แล้ววันนี้ใช้โมลรึยังจะหนูเม? ใช้ของปลอมช่วยทุกวันไม่อยากลองของจริงบ้างเหรอ?”
     เมษหน้าแดงจัดเธอทั้งโกรธทั้งอาย เมษตวาดออกไปอย่างเหลืออด!
     “มันจะตีบมันจะตันก็เรื่องของหนู! ทำเอาไว้ฉี่ไม่ได้ทำเอาไว้ใช้!”
     เอกดนัยมองสาวน้อยเจ้าอารมณ์แล้วก็สะใจ พวกราศีเมษนี่ขี้โมโหดีจริงๆ เขาเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงชอบหาเรื่องพวกแกะใจร้อนแบบนี้
     “โอ๋ๆ หมอล้อเล่น อย่าพึ่งโกรธสิ ก็กลัวเบื่อ เลยชวนคุย”
     เอกดนัยบอกขำๆ แล้วปล่อยมือเมษ
     “ชวนคุยแบบนี้ไม่ต้องคุยเลยดีกว่าค่ะ!”
     เมษเหวี่ยงกลับไม่แคร์อายุ!
     “งั้นชวนทำอย่างอื่นได้มั้ย?”
     “หมอ!”
     เมษร้องเสียงสูงปรี๊ดแล้วเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
     “ช่วยให้เกียรติหนูบ้างได้มั้ยคะ ถึงหนูจะไม่ใช่ผู้หญิงแท้ๆ แต่หนูก็เป็นคนนะคะ”
     “ถ้าหนูเมเป็นผู้หญิงจริงๆ หมอคงชวนขึ้นเตียงตรงๆ ไปแล้วไม่มานั่งจีบแบบนี้หรอก”
     เอกดนัยพูดออกมาง่ายๆ ราวกับการตอบเรื่องดินฟ้าอากาศ
     “หมอไม่เคยต้องจีบใครหรอก ถ้าหมออยากได้คนไหนหมอก็แค่เดินไปสะกิดถามตรงๆ ถ้าเขาไม่ตบก็แปลว่าโอเค”
     เมษหน้าแดงเขินโกรธปนอาย ทั้งดีใจทั้งไม่อยากจะเชื่อ ความคิดในหัวตีกันยุ่งเหยิง ใจหนึ่งก็ปลื้มที่มีคนออกตัวว่าจีบ อีกใจก็แอบแหวะเพราะดันเป็นผู้ชายแก่วัยใกล้สี่สิบ แต่เสียงจากส่วนลึกในจิตใจก็แย้งว่าเอกดนัยเป็นคุณหมอวัยสามสิบเจ็ดที่ยังหล่อโฮก!
     “เลิกใช้มุกโกหกแบบนี้เถอะค่ะ ให้ตายหนูก็ไม่เชื่อหรอก”
     “เอ้า! หมอเป็นหมอมีจรรยาบรรณ ไม่โกหกหรอก”
     แต่ตอแหลเป็นไฟ! เมษแอบด่าเอกดนัยเงียบๆ
     “หนูไม่เชื่อ มีที่ไหนอยู่ๆ มาจีบกะเทย เชื่อก็บ้าแล้ว”
     เอกดนัยยิ้มพราย
     “ก็เพราะหนูเมษเป็นกะเทยไงหมอเลยจีบ หมอยังไม่เคยลองกับกะเทยเลยอ่ะ”
     “อ๊าย! อีหมอบ้า!”
     “ฮ่าๆ”
     เมษพุ่งเข้าไปพร้อมอาวุธในมือ เอกดนัยโยกหลบหมอนที่กำลังจะกระหน่ำลงหัวของตนแล้วพลิกตัวมารวบเอวคนตัวเล็กสูงไม่ถึงมาตรฐานชายไทยไว้ในวงแขนได้อย่างง่ายดาย
     “ถ้าหนูไม่ได้เอาเลือดปากหมอมาสังเวยอย่ามาเรียกหนูว่าเมษา!”
     “สังเวยจากตรงอื่นแทนได้มั้ยหมอจะได้เรียกเราว่าที่รัก”
     “กรี๊ด อีหมอบ้า!”
     แล้วเมษก็ดิ้นขลุกขลักก่อนจะถูกอุ้มเข้าห้อง ...

     ส่วนผล...
     “แล้วตกลง... นายโดน... นาย... ยังจิ้นอยู่มั้ย?”
     ต้นน้ำถามด้วยความอยากรู้ เขาหันไปมองเอกดนัยสลับกับเพื่อนรัก นัยน์ตาของเขาเป็นประกาบวาววับกับข่าวใหม่ล่าสุด ในที่สุดเพื่อนของเขาก็สละคานแล้ว! แต่เมษกลับทำท่าเอียงอายไม่ยอมตอบ
     “บะบ้า ... แกแหละ ตกลงคืนดีกันแล้วใช่มั้ย โทรมมาเชียว”
     เป็นครั้งแรกที่เมษเนียนเปลี่ยนเรื่อง ต้นน้ำพยายามจับผิดเพื่อนจนลืมสนใจแฟน
     “ไอ้หมาเอก มึงทำไรเพื่อนเมียกู?”
     เอกดนัยซดกาแฟไม่ตอบ
     “น้องเมษเป็นเด็กดีมากนะมึง อย่ามาทำน้องกูเสียคน เขาไม่ใช่ของเล่น เกิดมึงฟันแล้วทิ้งไอ้ต้นมันฆ่ากูแน่!”
     อ้าว... ที่แท้ชัยชัชก็ห่วงตัวเอง
     “กูทำอะไรให้คนอ่านคิดเองเหอะ ง่วงว่ะ เมื่อคืนไม่ได้นอนเลย ซักแก้วมั้ยเพื่อน”
     ชัยชัชเลยรับกาแฟมาแบบงงๆ
     “ช่างแม่ง! ยังไงก็ได้คืนดีกับไอ้ต้นแล้ว เรื่องอื่นขี้เกียจยุ่งวุ๊ย!”

จบ (จริงๆ นะ)
[END]

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา สงสารน้องเมษ แต่คาดว่าให้ตายก็คงไม่ปริปากบอกหรอกว่ารอดรึไม่รอด แต่ดูเรียบร้อยขึ้นนะ หรือชีจะออกเรือน? ฮ่าๆ

***เกร็ดความรู้ประจำตอน - สาวประเภทสองที่เฉาะแล้วต้องมีพิธีกรรมเบิกรูทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ หลังการผ่าตัด ไม่งั้นรูที่ทำมามันจะตื้น ตีบ และตันในที่สุด ทำได้แค่ฉี่เพียงอย่างเดียว อุปกรณ์ที่ใช้ก็เรียกว่า"โมล" ข้อมูลอื่นหาอ่านได้ตามเว็บที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการแปลงเพศจ้า


จบแล้วจ้า! จบแบบนี้ตรงใจคนอ่านมั้ย? ฟินมะ? เค้าอมยิ้มล่ะ นิยายเรื่องนี้ไม่ค่อยจิกหมอนเนาะ ส่วนมากมักจะอมยิ้ม ฮ่าๆ

ใครถูกใจเชิญกรี๊ดดังๆ ให้คนแต่งชื่นใจที  :hao5:

ขอบคุณสำหรับการติดตามน้า  :bye2: 
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#1/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน24
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 01-12-2014 06:55:42
 o13 o13
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#1/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน24
เริ่มหัวข้อโดย: กาสะลอง ที่ 01-12-2014 11:02:46
จบแล้วจริงเหรอ อยากอ่านต่อ. ตอนอิพี่ชัชมันเลวก็เกลียดมันมาก พอต้นเลิกก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป ในความรู้สึกคนอื่นมันไม่ใช่สำหรับต้น.  แม็ก อาร์ม มิวนิค หรือใครก็ยังไม่ใช่  ในความรู้สึกคือเอาต้นไม่อยู่หรอก ถ้าต้นเลือกใครสักคนสุดท้ายก็ต้องเลิกอยู่ดี.

คนบางคนดีจริง แต่เหมาะกับการเป็นเพื่อนมากกว่าการเป็นคู่ชีวิต
ส่วนคู่ชีวิต ใช่ว่าต้องดีเลิศหรือเพอร์เฟค แค่คือคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข

ดีใจนะที่ได้อ่านเรื่องนี้. เขียนเรื่องใหม่จะตามไปอ่านนะ. แต่อยากอ่านต่อนะ อยากรู้สมาชิกในฮาเร็มจะเป็นไง เมื่อรู้ว่าพี่ชัชกลับมา ทั้งครอบครัวต้นอีก เราว่ามันยังไม่จบนะ อิพี่ชัชมันน่าจะต้องเจออีกหลายด่านนะ อีกอย่างชีวิตคู่หลังจากการเปลี่ยนลุคของต้นมันน่าจะแซ่บ
หัวข้อ: Re: [UPภาค2#1/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน24
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 01-12-2014 13:23:14
อิพี่ชัช แกยังได้เป็นพระเอกเพราะต้นรัก และรักต้นอ่ะ


ถ้านับความดีแบบใครดีแล้วได้เป็นพระเอก แกไม่ติดหนึ่งใน 3 แน่นอน
เรื่องนี้ผู้แต่ละคนเป็นมนุษย์มากไม่ใช่พระเอกเลย มีดีมีเลวปนกัน

แอบเสียดายที่จะจบ

จบจริงเหรอค่ะ ขอคุณพ่อกับคุณปู่รู้เรื่องอีกซักตอนได้ไหมค่ะ
หัวข้อ: Re: [ภาค2#1/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน24 END
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 01-12-2014 23:27:34
ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามค่า

ขอบคุณคุณ nokkaling เราจำอวาต้าร์คุณได้ ฮ่าๆ แฟนตะแต่ภาคแรกเลยมั้ง เหอๆ 

ขอบคุณคุณกาสะลอง หุๆ เอาไม่อยู่เลยเหรอค้า ไม่น้า ต้นไม่ได้ร้ายขนาดนั้น แค่จอมดราม่า เลยต้องหาคนนิ่งๆ มาปราบ ซึ่งบทพี่ชัชจะเก็กขรึมเฮียแกก็ทำได้ อีกคนเห็นจะเป็นคุณน้าสุดคูลเขาล่ะ
นอกนั้น แม็กซ์นี่ปล่อยให้เป็นไปตามพล็อตนิยายวายเถอะ อาร์มนี่เราก็อยากสื่อถึงมุมมองความรักแบบ "ชอบนะ แต่เป็นเพื่อนกันดีกว่า แค่ชอบเฉยๆ" เห็นคนอื่นชอบเอาประเด็นนี้ไปเล่นแบบเศร้าๆ กันเยอะ อีกอย่างตอนที่เราอ่านพื้นดวงราศีธนูของพ่อหนุ่มอาร์ม เขาบอกว่าคนราศีนี้มักจะแบบนี้แหละค่ะ สุดท้ายก็กลายเป้นเพื่อนไปหมด ฮ่าๆ ส่วนตามิวนิคหรือหนูมิวของเรา รายนี้ให้มันแอบชอบต่อไปเห้อ ขำๆ ความจริงเราว่าฮาเรมทุกคนรู้ดีเลยแหละว่าต้นยังไม่ลืมแฟนเก่าแล้วก็ไม่คิดจะมีใคร ฮ่าๆ บอกแล้ว น้องต้นโกหกไม่เก่ง ที่เก่งคือสามารถทำให้คนอื่นยอมเชื่อคำโกหก เอิ้กๆ
จริงๆ เราก็คิดไว้ในหัวอีกเยอะ แต่ถ้าไม่ยอมจบมันจะยืดเกินไป เท่านี้ก็โดนว่าๆ เนื้อเรื่องอืดจากนักอ่านบางท่านแล้วมั้งคะ ฮ่าๆ ก็ทำไงได้นิยายแนว Slice of life บทละประเด็นเล่าต่อกันไปเรื่อยๆ ผ่านตัวละครหลายๆ ตัว บางทีต้องขยี้ปมในใจตัวละครอีกตะหากมันเลยยืด ตอนที่เราเขียนช่วงที่เป็นเรื่องในมหาลัยเรานึกภาพแบบสเก็นแด๊นซ์เลยนะ ฮ่าๆ ยิ่งฉากที่ทุกคนโทรหาต้นอ่ะ เราอยากได้ฟีลโชเน็นมิตรภาพในหมู่เพื่อนประมาณนั้นเลยค่ะ
แต่ไงก็ขอบคุณนะค้า รับรองยังไงเราก็จบแบบฟีลกู๊ดเสมอ ฮ่าๆ

ขอบคุณคุณ fuku ฮ่าๆ ก็คนแต่งเป็นมนุษย์นี่คะ เลยอยากเขียนนิยายที่มีพระเอกเป็นคนธรรมดา ดีใจมากเลยนะเนี่ย คำชมคำใหม่ "สมกับเป็นมนุษย์" ฮ่าๆ ปลื้มมากค่ะ จริงๆ ก็อยากเขียนตอนพิเศษหลังจากนี้อยู่น้า แต่ว่ายังไม่ว่างเลยอ่า ได้แต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แหะๆ อาจจะมีช่วงปีใหม่มั้งคะ รอดูก่อน แต่คงไม่ใช่เนื้อเรื่องหลักแล้วล่ะ น่าจะเป็นตอนพิเศษสั้นๆ มากกว่า แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับการติดตามค่า

ถ้ามีคนอยากอ่านนิยายสายเรียล ฝากนักอ่านแนะนำต่อทีน้า ฮ่าๆ บอกตามตรง นิยายเรื่องนี้ไม่รู้จะเอาไปโฆษณาชาวบ้านเค้าว่าอะไรดี มันครบทุกรสแต่ไม่สุดซักอย่าง เอิ้กๆ
 :-[
หัวข้อ: Re: [ภาค2#1/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน24 END
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 02-12-2014 01:15:53
หึ้ยยคือแบบ ทำไมตอนจบชั้นไม่ฟินกับชัช ต้น
แต่ไปฟินกับหนูเมษกับอิหมอเอกแทน แบบกรี๊ดดดเลย
ดีใจและแอบใจหายเรื่องนี้จบแล้วยังอยากอ่านหนุ่มๆในฮาเร็มอยุ่เลย คือไม่คิดเลยว่าหมอเอกกับหนูเมษจะมาเกี่ยวข้องกันได้ แบบอร๊าายยยบอกไม่ถูก ในส่วนของความรุ้สึกในตอนจบก็รุ้สึกดีคะ คือมันโหยหามานาน พออยุ่ไกล้กันเลยได้ปลดปล่อยเนาะ แอบเปลี่ยนอารมกะทันหันหน่อยตอนฟีตกับพี่ชัชเสร็จแล้วพี่ชัชร้องให้ บทนี้เขียนดีเลยคะ ชอบบบ
สุดท้ายขอตอนพิเศษของเหล่าหนุ่มในฮาเร็ม และก้ของหนูเมษกับหมอเอกหน่อยได้มั้ยคะ นี้ยังกลับไปอ่านตอนที่น้องเมษนอต้นในห้องนั่งเล่นอีกครั้งเลยแบบว่าฟินมากกก
หัวข้อ: Re: [ภาค2#1/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน24 END
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 11-12-2014 05:16:10
ตอนจบฟินกับเมษเอกจริงๆ อยากจะรู้ซะมัดสรุปเมษเสร็จไปแล้วหรือยัง 55555555
หัวข้อ: Re: [ภาค2#1/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน24 END
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 18-12-2014 15:09:47
ชอบเรื่องนี้มาก แม้จะตามมาอ่านทีหลัง

edit------------------


เอาจริงๆคือเรื่องนี้เรียลค่อนข้างมาก แต่ก็ยังมีส่วนที่ดึงสติให้เราคิดอยู่ว่ามันคือนิยาย ใช้เวลาหลายวันจริงๆกว่าจะอ่านจบ แต่ค่อนข้างชอบมากๆ

จะบอกว่าคนเขียนทำร้ายจิตใจมันก็คงไม่ใช่นะ 55555 ช่วงหลังๆที่มันดราม่าหนักๆนี่แทบทนอ่านต่อไปไม่ไหว เพราะว่าฝังตัวเองลงไปให้เป็นต้นน้ำ กลัวจะจิตตกเสียก่อน โดยเฉพาะตอนที่ของพี่ชัชกะยัยป้าน้ำตาลนี่บอกเลย เลื่อนหนีอย่างรวดเร็วอ่ะ ต้องข้ามไปอ่านตอนจบก่อนถึงจะทำใจกลับมาอ่านได้ ไม่ไหวๆ รู้สึกหน้ามืดจะเป็นลม เครียดมากกกกกกก

แต่นี่แหละที่สื่อถึงความเรียลของตัวละคร พี่ชัชไม่ได้เป็นคนดีเด่อะไรหรอก ออกจะชั่วด้วยซ้ำ ดังนั้นที่ต้นน้ำบอกเลิกก็นับว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องนะ ถ้าเรายึดเรื่องเหตุผลและเหตุการณ์เวลานั้นเป็นหลัก แต่ดีใจมากที่ในที่สุดก็กลับมาอยู่ด้วยกัน

ต้นน้ำเป็นตัวละครที่ปั้นได้ดี ดีจนเกลียดในบางการกระทำจริงๆ ต้นน้ำมีหลายความคิดความรู้สึกที่คล้ายเรานะ โดยเฉพาะเรื่องการใส่หน้ากากกับหวงพื้นที่ส่วนตัว อันนี้เป๊ะ แต่ไอ้การอ้ำๆอึ้งๆหนีปัญหา ทำอะไรไม่เคลียร์เนี่ย บอกเลยว่าไม่ใช่ ตอนที่อ่านยังรู้สึกหงุดหงิดต้นน้ำแทบแย่ รู้เลยว่าเพราะเป็นแบบนี้แหละ ต้นน้ำถึงได้ปวดหัววุ่นวายทีหลัง

ชอบกลุ่มเพื่อนกลุ่มสังคมนะ เพราะคนแบบนี้มีอยู่จริงๆ แต่เราก็ไม่เคยเจอใครที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านมากขนาดนี้มาก่อนเลยนะ คือคนประเภทชอบเสือกน่ะเราก็มีที่รู้จัก แต่ถ้าหากบอกเขาว่าเรื่องส่วนตัว เขาก็ไม่เซ้าซี้นะ แต่กลุ่มสังคมต้นน้ำนี่ ทั้งเสือกทั้งเซ้าซี้เลย มันอาจจะตรงไปหน่อย แต่ลักษณะที่เขียนมามันให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ คนที่ชัดเจนที่สุดเลยคือ ไปป์

ไม่ชอบไปป์นะ ถึงแม้ไปป์จะไม่มีพิษมีภัยจริงๆก็เถอะ แต่เกลียดคนประเภทที่ชอบเซ้าซี้ รุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว คิดว่ามันมากเกินไป หลายๆครั้งเลยที่คิดเหมือนต้นน้ำ ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัว ทำไมเราต้องมานั่งรายงานตอบคำถามคนอื่นล่ะ? ถึงจะเพื่อนก็เถอะ สำหรับเรานะ เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว เราต้องการพื้นที่เอาไว้หายใจบ้าง และคิดว่าคนอื่นๆก็คงเหมือนกัน อย่างน้อยๆคนเราก็ต้องมีเรื่องที่อยากจะเก็บเป็นความลับใช่ไหมล่ะ กับเพื่อนก็เป็นแบบนั้นนะ คือมีระยะที่เว้นเอาไว้เป็นส่วนตัวของเพื่อนแต่ละคน แต่เราคิดว่า เพราะต้นน้ำเก็บแทบจะทุกเรื่องออกห่างเพื่อน เข้าใกล้เพื่อนเฉพาะสิ่งที่เขาทำเป็นประจำเท่านั้น มันก็เลยทำให้กลายเป็นอย่างที่เห็นละมั้ง

โดยรวมแล้ว เรื่องนี้ถือว่าโอเคมาก มีส่วนที่เราข้ามๆไปเหมือนกันคือช่วงหลังเลิกกับพี่ชัช เพราะดูมันออกทะเลแล้วก็เหมือนไม่ค่อยใช่ต้นน้ำ แต่ก็โอเคตอนจบมากๆ

อยากให้มีตอนพิเศษที่พูดถึงเรื่องราวหลังกลับมาคืนดีกันนิดๆหน่อยๆนะ แล้วก็เรื่องของป้าน้ำตาล เพราะรู้สึกว่าเป็นจุดที่น่าสนใจมาก ผู้หญิงคนนี้เข้ามาสร้างความร้าวฉานแล้วไม่ควรหายตัวไปเฉยๆ นางเป็นตัวร้ายที่ควรมีบทอีกนิดนึงเพื่อให้จบ อยากรู้ว่าหลังจากที่พี่ชัชกับต้นน้ำทะเลาะกันครั้งแรก กับน้ำตาลพี่ชัชเป็นไง หรือหลังจากคืนดีกันแล้ว พี่ชัชกะยัยป้าเป็นไงมั่ง รู้สึกว่ามันยังไม่สุดนิดหน่อย

จะติดตามเรื่องอื่นๆต่อไป  o13
หัวข้อ: Re: [ภาค2#1/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอน24 END
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 24-12-2014 03:31:05
อา... ยังไม่ถึงไหนเลย จะพยายามมาต่อวันละนิดนะ เหมือนจะเคยสัญญาไว้ว่าจะมีตอนพิเศษช่วงปีใหม่ เพราะเป็นวันที่พี่ชัชกับต้นคบกันพอดี ดังนั้นมันเป็นอีเว้นท์ที่ควรจะเขียน

แต่... ช่วงนี้ติดเกมติดหาข้อมูล STRING LOVE TRICK เลยไม่ได้แต่งตุนไว้ ยังบอกไม่ได้ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง อาจจะแต่งๆ ไปแล้วฆ่าตัดตอนก็ได้ ประเด็นหลักๆ ก็คิดไว้แล้ว แต่ระหว่างทางยังไม่ได้สรุปเลยอ่ะ

กะว่าจะแต่งให้เสร็จก่อนค่อยเอาไปลงให้เด็กดีทีเดียวเลย แฟนๆ ทางโน้นก็รอหน่อยน้า

 :hao5: :hao5:



ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม

เสียงริงโทนที่ดังขึ้นขัดจังหวะทำให้เอกดนัยต้องส่งสัญญาณให้เมษช่วยรับโทรศัพท์แทน เมษรีบตะครุบโทรศัพท์มือถือมากดรับสายด้วยเกรงว่าจะรบกวนคนที่หลับอยู่
“ฮัลโหลว? ต้องการพูดกับใครคะ?”
“อ้าวเมษเหรอ? ไอ้เอกอยู่มั้ย?”
“อยู่ข้างๆ แต่ไม่สะดวกรับค่ะ พี่ชัชมีอะไรรึเปล่าคะ?”
ปลายสายเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“เออ ดีเนาะ ฉลองปีใหม่กันสองคนหนุกหนาน ไปไหนกันมาอ่ะ?”
“อะแฮ่มๆ ตกลงว่าที่โทรหาผัวหนูเพราะเหงาเหรอคะ? ไม่ได้มีธุระอะไรใช่มั้ยหนูจะได้บอกผัวหนูให้ขับรถต่อ ยังต้องเอาเด็กไปส่งอีก”
“อ้าว โอ๊ตก็อยู่เหรอ? พากันไปเที่ยวไหนมาล่ะ? สนุกมั้ย?”
“เหอะๆ สนุกค่ะ สนุกม๊ากเท่าที่กะเทยเกลียดเด็กจะทำได้!”
เมษว่าพลางหันไปค้อนปะหลับปะเหลือกให้เอกดนัยที่อมยิ้มไปขับรถไป
“แต่ก็ยังได้อยู่ด้วยกัน ... ดีเนอะ เดี๋ยวพอส่งเสร็จแล้วจะไปไหนต่ออ่ะ?”
“โอ๊ย! ไม่ไปแล้วค่ะ เหนื่อย! ขอกลับบ้านนอนดีกว่า ทำไมคะอยากตามมาเป็นก้างขวางคอหนูกับผัวต่อรึไง!”
“หนูเม เบาๆ หน่อย เดี๋ยวโอ๊ตก็ตื่นหรอก”
“คร่า!”
เมษรับคำไม่จริงจังก่อนจะร่ายยาวใส่ “เพื่อนสนิทของแฟนผู้เป็นแฟนเก่าเพื่อนรักของตน” ต่อ
“พี่ชัชก็ปล่อยๆ มันไปบ้างเถอะค่ะ กับอีแค่เคาท์ดาวน์ปีใหม่เอง ปีที่แล้วพี่ยังติดงานเลย ปีนี้นังต้นมันจะไปแรดกับเพื่อนมันบ้างจะเป็นไร”
“รู้แล้วน่ะ”
“รู้แล้วก็เลิกกวนผัวหนูได้แล้วค่ะ พี่ทำตัวเองๆ นะคะ ต้องทำใจหน่อยล่ะ นังต้นมันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วจะให้อยู่แต่ในห้องรอพี่ทุกวันคงเป็นไปไม่ได้ ต่อให้มันไม่ได้ไปกับเพื่อนมันก็ต้องอยู่กับปู่มันอยู่ดี หนูว่าพี่คิดเรื่องนี้ให้ตกก่อนดีกว่ามั้ยคะ?”
“พี่ก็แค่โทรมาคุยกับเพื่อน ถ้ามันว่างแล้วบอกมันโทรกลับด้วยล่ะ”
แล้วชัยชัชก็งอนวางสายไป ส่วนเมษก็ยิ้มอย่างสะใจก่อนจะกดปิดหน้าจอแล้ววางโทรศัพท์มือถือลงที่เดิม
“หนูเมนี่ร้ายจริงๆ ด่าซะไอ้ชัชมันงอนเลย หมอพึ่งรู้ว่าแฟนหมอเป็นนางมารร้ายนะนี่ หึๆ”
เอกดนัยเอ่ยแซว ส่วนเมษก็ยิ้มหวาน
“แล้วถ้าหนูไม่ร้ายหนูจะเอาหมอเจ้าเล่ห์บางคนอยู่เหรอคะ บังเอิญหนูขึ้นหลังเสือแล้ว ถ้าไม่อยากตกลงมาเจ็บหนูก็ต้องมีวิชาปราบเสือกันบ้าง”
คารมของแมวสาวทำให้คุณหมอวัยกลางคนยิ้มกว้าง
“คิดถูกจริงๆ ที่จีบหนูเม ได้ทั้งเมีย ได้ทั้งแม่”
“แม่อะไรคะ!”
เมื่อเมษหันกลับมาแว้ดใส่เอกดนัยจึงแก้ลำ
“แม่ของโอ๊ตไง”
“โอย... มิกล้ารับค่ะ รีบๆ เอาลูกเขาไปส่งคืนแม่ตัวจริงดีกว่า หนูอยากกลับบ้านนอนแล้ว”
“ค้างกับหมอนะ”
เอกดนัยเอ่ยชวนเรียบๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้ แต่เมษไม่ตอบ เธอหันไปมองวิวนอกหน้าต่างรถแทน



 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:

จะพยายามมาต่อทุกวัน ถ้าไม่ติดเก็บเควสวันในเกม ส่วน #พี่เทพน้องดาว เจอกันอาทิตย์ละวันเน้อ อัพทุกศุกร์(หรือเสาร์)

  :bye2:
หัวข้อ: Re: [ภาค2#24/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 24-12-2014 22:37:23
โอ๊ตคือลูกใคร เค้าลืมอะ หนูเม ยอมรับหมอเอกเป็นผัวแล้ววว ดีจัง น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: [ภาค2#24/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 25-12-2014 02:08:52
รีเควสตอนพิเศษเยอะๆๆได้ม้ายยยค้าาา

ขอบคุณคนเขียนค่าา

บุ่ยๆๆกลับไปอ่านต่อก่อน จริงๆข้ามมาอ่านตอนจบก่อนกลัวโศกนาฏกรรม
ทั้งๆที่กะว่าจะสแกนตอนท้ายๆผ่านๆว่าตอนจบแฮปปี้เท่านั้น แล้วค่อยเริ่มอ่านตอนแรก แต่สุดท้ายก็นั่งอ่านมัน
ทุกบรรทัดปาเข้าไป3ชั่วโมงกับ3ตอนสุดท้ายของภาคสอง มันอึดอัดมันหน่วงมันลุ้นจนหยุดอ่านไม่ได้เลย
มาเม้นท์จองที่ก่อนจะกลับไปอ่านตอนแรกๆใหม่
หัวข้อ: Re: [ภาค2#24/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 28-12-2014 21:58:02
โฮะๆ ไม่แปลกที่จะไม่คุ้นกับ "โอ๊ต" เพราะเด็กคนนี้ไม่เคยโผล่มาจริงๆ แต่...พี่ชัชรู้จัก หึๆ เดาจากบริบทเอาเอง (ใจจริงว่าจะเขียนฉากตอนตกลงคบกันของเมษกับหมออยู่แต่ยังไม่ว่าง)

แบบว่า คนเขียนชอบฮาเรมหนุ่มๆ ชอบความสัมพันธ์ในหมู่เพื่อน ชอบอิ๊อะแบบอมยิ้ม ไอ้นิยายวายประเภทเคะ&เมะแล้วก็ตัวร้ายเนี่ยแถวนี้มีเกลื่อนแล้วมั้ง?
ไหนคนชอบถามหานิยาย"แนวแอบรักเพื่อน"ไม่ใช่เหรอ? นี่ไงๆ ยกมือชูนิยายเรื่องนี้ขึ้นโบกหยอยๆ (เจอคนอ่านโบกโทษฐานกวนตี๊ดแน่ๆ)
แต่เอาน่า นิยายเรื่องนี้ก็เป็นอย่างนี้แหละ เป็นสเน่ห์เลยนะ จะมีซักกี่เรื่องที่พระเอกหายหัวไปตลอดเกือบทั้งเรื่องแถมเหล่าตัวประกอบทำคะแนนกันถ้วนหน้า แต่คนเขียนต้องเขียนให้เคะยังรักพระเอกอยู่อย่างสมเหตุสมผล จะมีซักกี่เรื่องที่พระเอกโคตรเลวแต่ก็ยังมีแฟนๆ อยากให้คู่นี้กลับมารักกัน แถมในบางอารมณ์คนที่เชียร์ตัวรองคนอื่นๆ ก็มีเหตุผลที่จะเชียร์อย่างสมเหตุสมผล ไม่ว่าจะจากความทุ่มเท ความน่ารัก หรือการทำคะแนน แล้วแต่ว่าคนอ่านชอบเคมีแบบไหน

ดังนั้น ตอนพิเศษมันเลยออกจะเรื่อยๆ เปื่อยๆ ชอบกล บางคนเรียกว่าไร้สาระ จะรออ่านแต่พระเอกกับนายเอกได้รักกัน คือ... เราว่านั่นไม่ใช่สาระของนิยายเรื่องนี้หรอกมั้ง? นับไม่ถูกหรอกว่าคนแต่งหลอกด่าเสียดสีสังคมไปกี่มุกกี่ตอน ฮ่าๆ เป็นนิยายรักเชิงเสียดสีพฤติกรรมมนุษย์น่ะ เน้นเรื่องความสัมพันมากกว่าความรัก เรื่องอื่นเขาอาจจะเล่าแบบคู่นี้รักกันได้ยังไง แต่เราชอบเล่าแบบคู่นี้เขาพัฒนาความสัมพันธ์ยังไงมากกว่าอ่ะ
หึ หึ ตอนนี้ต้นน้ำเลยพัฒนาความสัมพันธ์กับ .... ไม่บอกดีกว่า อ่านเอาเอง อิ อิ (จริงๆ ฮีก็แค่พัฒนาความสัมพันธ์กับผู้คนในสังคมเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก)

เอาล่ะมาดูกันเถอะว่าต้นน้ำเวอร์ชั่นติดสกิลราชินีlv.maxจะร้ายขนาดไหน?
เห็นมะ เขาบอกอยู่ป่าวๆ ว่าตัวเอกเขามี "3ร" ร้าย แรง แรด ถ้าไม่ร้ายฮีจะหลอกพี่ชัชว่าได้กันรึ? ความแรงของน้องแกก็เห็นๆ กันอยู่ ความแรดหลบในที่ตอนนี้เริ่มแสดงออก อืม... นึกถึงฉากเปิดตัวเข้าไว้ เคะดีๆ ที่ไหนจะไปแอ๊บหลอกผู้ชายว่าได้กันแล้วละขอเป็นแฟน
เบื่อพล็อตเดิมๆ ซ้ำ ดาวพระศุกร์ มุกแก้แค้น ควงกันเป็นแฟนหลอกๆ มั้ย? คนแต่งก็เบื่อ มาอ่านอะไรบ้าๆ แบบน้องต้นดีกว่ามา ฮ่าๆ

*** แต่ยังแต่งไม่จบนะ ฉากจบของตอนพิเศษคิดไว้แล้ว ยังไงคู่รักก็ต้องลงเอยด้วยกันอยู่ดี แต่ระหว่างทางนี่สิมันมีอะไรให้เขียนอีกเยอะ รักใครชอบใครคิดถึงใคร บอกกันได้นะ ถ้ายัดทันจะยัดให้ เหอะๆ ***

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม (ต่อ)

ชั่วโมงแรกของปีกำลังจะผ่านไป ต้นน้ำเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการอยู่กับตัวเองตามลำพัง ท่ามกลางเสียงคลื่นซัดสาดยังมีเสียงเพลงแว่วมาให้ได้ยิน ต้นน้ำไม่แน่ใจว่าเสียงนั้นดังมาจากเวทีคอนเสิร์ตหรือผับบาร์ใกล้เคียง เขานั่งกอดเข่ามองทะเลเงียบๆ โดยกำโทรศัพท์มือถือไว้ในมือ
“ออกมานั่งคนเดียวเงียบๆ กูนึกว่ามึงไปนอนแล้วซะอีก”
“เอก”
“กูสูบได้ป่ะ?”
ต้นน้ำพยักหน้าให้เอกจึงหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟแล้วสูดควันเข้าปอด
“ข้างในเลิกกันแล้วเหรอ? เสียงเงียบไปตั้งเยอะ”
“เริ่มน็อกกันแล้วมั้ง มิวนิคเมาคว่ำ คิวว์ก็หลับไปคนแรก เหลือพัทจอมแหกปากกับอัฐนั่งกินกันสองคน”
อา... น้าชายเขาคอทองแดงจริงๆ เหมือนแม่เขาไม่มีผิด!
“อ้าวแล้วนอยซ์กับถังล่ะ?”
“ถังมันเข้าห้องนอนตั้งแต่กลับจากคอนเสิร์ตแล้ว ส่วนนอยซ์ไม่รู้ว่ะ สงสัยหลับคาห้องน้ำไปแล้วมั้ง”
เอกนั่งสูบบุหรี่ ส่วนต้นน้ำก็นั่งเหม่อทำมิวสิคเช่นเดิม เวลาผ่านไปซักพักเอกจึงทักขึ้น
“มึงมีอะไรไม่สบายใจรึไง กูเห็นจ้องโทรศัพท์นานละ รอใครเหรอ?”
“เขาไม่โทรมาหรอก เขาคงไม่อยากกวนเรา”
“แล้วทำไมมึงไม่โทรไปหาเขา”
“ก็เรามาเที่ยวกับเพื่อน อยากเก็บบรรยากาศแบบนี้ไว้ ไม่รู้จะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่”
ต้นน้ำพยายามปรับตัวเข้าหาคนอื่น เขาตั้งกฎเหล็กของตัวเองว่าต้องให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ในเวลาที่เขาทุกข์คนที่อยู่เคียงข้างเขาก็คือเพื่อน ดังนั้นเขาจะใส่ใจกับเพื่อนให้มากกว่าเดิม ต้นน้ำอยากทะนุถนอมช่วงเวลาดีๆ แบบนี้เอาไว้ เขาอยู่ปีสามแล้ว ถ้าจบปริญญาตรีอีกหน่อยเขาอาจไม่มีโอกาสได้ไปสนุกสนานเฮฮากับเพื่อนฝูงแบบนี้อีกแล้ว ส่วนเรื่องคนรักนั้นต้นน้ำคิดเอาแต่ใจนิดๆ ว่าถ้าชัยชัชรักเขาจริงก็ต้องเข้าใจ ถ้าพวกเขาสองคนเป็นคู่แท้ของกันและกันจริงๆ ต่อไปเขากับชัยชัชจะมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกทั้งชีวิต แต่ถ้าไม่ใช่เขาก็พร้อมจะเดิมพัน!
“มึงไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่ามึงกลับไปคบกับแฟนเก่ามากกว่า”
เอกพูดพลางพ่นควัน ถ้าไม่ใช่เพราะเจอกันโดยบังเอิญที่สวนอาหารที่เขาชอบไปเชียร์บอลเป็นประจำเขาก็คงไม่รู้ว่าต้นน้ำกลับไปคบกับแฟนเก่า ดูเหมือนต้นน้ำจะปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ไม่ยอมบอกใคร
“มั้ง ไม่รู้สิ เราไม่รู้จะบอกคนอื่นยังไง เรากลัวเขาไม่เข้าใจ”
ความจริงนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้นน้ำกังวล เขากลับไปคบกับชัยชัชได้ราวๆ สองเดือนแล้ว แต่เป็นสองเดือนที่เจอกันน้อยมาก บางอาทิตย์ก็ไม่ได้เจอเพราะเขาเองก็มีโลกของเขาที่กว้างขึ้น แม้จะแอบดีใจที่ผู้ชายขี้หึงคนนั้นยอมเข้าใจแต่อีกใจหนึ่งเขาก็อดรู้สึกโหวงๆ ในอกไม่ได้
แต่ถ้าให้เปิดเผยเรื่องนี้กับคนอื่น เขาก็ไม่รู้จะทำเช่นไร เขาให้อภัยไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะให้อภัยตาม แม้ชัยชัชจะไม่ใช่คนที่ทำให้เขาเจอกับเรื่องเลวร้ายแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือต้นเหตุ ทุกคนรู้ดีว่าเขาทะเลาะกับชัยชัชเพราะชายหนุ่มนอกใจเขา แล้วแบบนี้ใครที่ไหนจะยอมให้หลานตัวเองกลับไปคบกับผู้ชายแย่ๆ แบบนั้นอีก กระทั่งตัวเขาเองยังแอบกลัว แต่ลึกๆ แล้วต้นน้ำเชื่อว่าต่อไปนี้ชัยชัชจะรักและซื่อสัตย์กับเขาคนเดียว เขารู้ว่าแฟนของเขาพูดจริงทำจริงคำไหนคำนั้น ในเมื่อชัยชัชชดใช้ให้ยัยแม่มดร้ายนั่นไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มีสิทธิ์อะไรมาทวงความยุติธรรมจากแฟนเขาอีก อันที่จริงเรื่องที่ชัยชัชกลับมาคบกับเขาเหมือนเดิมนี้มีแต่หมอเอกเท่านั้นที่รู้ ในสายตาคนอื่นชัยชัชจึงเป็นเสือแก่หมดไฟไร้เขี้ยวเล็บเช่นเดิม
“มึงพูดถึงไอ้พวกบ้านั่นหรือบ้านมึง?”
“ก็รวมๆ แหละ อืม... เรากลัวคนอื่นไม่เข้าใจว่าทำไมละมั้ง เพราะเมย์แท้ๆ เลย”
ถึงต้นน้ำจะรักแฟนแต่เขาก็แคร์ความรู้สึกของเพื่อนด้วยเช่นกัน ดูเหมือนเรื่องที่ต้นน้ำถูกแฟนนอกใจจนทะเลาะกันถึงขั้นมีการลงไม้ลงมือจะรู้กันลับๆ ภายในเหล่าฟิสิกส์มุง บางคน โดยเฉพาะเมย์โทษว่าชัยชัชเป็นสาเหตุทำให้ต้นน้ำไปเจอกับเรื่องเลวร้าย “ถ้าต้นไม่ทะเลาะกับมันจนซึมเศร้าต้นก็ไม่ต้องไปที่นั่นจนเกิดเรื่องหรอก”
“ชีวิตมึงใครจะมีสิทธิ์เสือกให้ มึงเลือกเองทั้งนั้น แต่ถ้ามึงมีความสุขก็ทำไปเหอะ ไม่ต้องคิดมากหรอก”
เพราะเอกเป็นคนแบบนี้แหละต้นน้ำถึงได้รู้สึกดีกับเพื่อนคนนี้ ตอนที่ทะเลาะกันทั้งคู่ถึงได้เสียความรู้สึกไปพอสมควร ไม่มีใครอยากเสียคนที่เราถูกคอไปหรอก แต่เมื่อต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันต้นน้ำกับเอกจึงสนิทกันมากกว่าเดิม
“เรารู้ แต่เรา... เราพยายามหาวิธีประนีประนอมอยู่มั้ง หลายๆ อย่างน่ะ”
“เพราะงี้แหละกูถึงไม่อยากมีแฟน”
“เราโลภมากอ่ะ เราอยากมีทั้งแฟนแล้วก็อยากสนุกกับเพื่อนด้วย เมื่อก่อนเราไม่เคยมีอะไรแบบนี้เลย รู้สึกดีเป็นบ้าที่ได้ฉลองปีใหม่กับเพื่อน เป็นครั้งแรกของเราเลยนะ!”
น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจของต้นน้ำทำให้เอกแอบขำ เพื่อนเขากำลังหัดใจแตก
“สนุกกว่าตอนอยู่กับแฟนมึง?”
“ไม่รู้สิมันคนละแบบอ่ะ... แต่เราไม่อยากโกหกที่บ้าน เราเลยตัดปัญหามากับพวกคิวว์ดีกว่า อีกอย่างเรากับเขาจะได้ชินกับระยะห่างนี่ด้วย ถ้าทนไม่ได้ก็คงไปกันไม่รอดจริงๆ”
เดิมพันที่วางไว้ช่างน่ากลัว ลึกๆ แล้วต้นน้ำก็แอบกลัวลางสังหรณ์ของตนไม่ได้ ปีที่แล้วชัยชัชติดงาน เขาต้องรอชัยชัชอยู่ในห้องคนเดียว แล้วก็เกิดเรื่องไม่ดีหลายๆ อย่างขึ้น พอมาปีนี้ต้นน้ำเลือกทำแบบนี้ เขาเองก็แอบกลัว...
“มึงกลัวไปไม่รอดอ่ะดิ ฮ่าๆ”
“ก็เรารักเขานี่ แต่เราอยากให้เขาปรับตัวเพื่อเราๆ ผิดด้วยเหรอ? ถ้าเขารักเราจริงก็ต้องรับทุกอย่างที่เป็นเราได้สิ เมื่อก่อนก็เป็นเรื่องของเมื่อก่อน แต่ตอนเรานี้อยากสนุกกับชีวิต อยากเรียนต่อ อยากทำอะไรที่เราอยากทำแค่นั้นเอง เมื่อก่อนมีแต่เราที่เป็นฝ่ายเข้าใจเขายอมเขาตลอด ตอนนี้เราอยากให้เขาเป็นฝ่ายเข้าใจเราบ้างแค่นั้นเอง”
“กูว่าเมื่อก่อนมึงเอาแต่ใจแล้วนะ ตอนนี้โคตรเลยว่ะต้น”
เมื่อถูกว่าต้นน้ำจึงหน้างอ เขาไม่ได้เอาแต่ใจซักหน่อย!
“แต่กูชอบแบบนี้มากกว่าเดิมเยอะว่ะ เข้าถึงง่ายดี”
แม้จะรู้ดีว่าเอกหมายถึงอะไรแต่อีกใจต้นน้ำก็อดนึกถึงเรื่องร้ายๆ ขึ้นมาไม่ได้ แม้เพจแอนตี้จะปิดไปแล้วแต่ความเกลียดชังยังคงอยู่ เขาห้ามปากคนไม่ได้หรอก ดังนั้นเสียงนินทาจึงยังคงดังมาให้ได้ยิน
“เข้าถึงง่าย? หวังว่าคนอื่นคงคิดเหมือนนาย”
“ฮ่าๆ เออว่ะ ไม่รู้คราวนี้กลับไปมึงจะมีข่าวกับใคร น้องคนนั้นจะเอาพวกมึงไปเขียนนิยายอีกรึเปล่าวะ?”
“ช่างเขาเหอะ! เราขี้เกียจสนใจแล้ว”
ต้นน้ำคุยจุกจิกกับเอกเรื่อยเปื่อยจนเอกสูบบุหรี่หมดมวนทั้งสองคนก็ชวนกันเข้าบ้าน
ทั้งคู่พักห้องเดียวกันท่ามกลางความประหลาดใจแกมอิจฉาจากมิวนิค แม้เอกจะเกลียดตุ๊ดแต่เอกไม่รังเกียจต้นน้ำ และเพราะเอกเกลียดตุ๊ด ต้นน้ำจึงพักกับเอกได้อย่างสบายใจ แถมห้องเขายังมีน้าชายพักร่วมกันอีกคนยังไงๆ ก็ปลอดภัย ดีกว่าไปพักกับมิวนิคและคิวว์ที่ดูจะเชียร์เพื่อนตัวเองออกนอกหน้า
แต่เมื่อผ่านวงเหล้าที่ยังตั้งวงกันอย่างขันแข็ง ต้นน้ำก็ถูกคนเมาคะยั้นคะยอให้อยู่เป็นเพื่อนเพื่อรอดูแสงอาทิตย์แรกของปี
แล้วเขาก็หลับไปตอนไหนไม่รู้ เมื่อต้นน้ำรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตนนอนซุกอยู่ในอ้อมกอดของมิวนิคตามลำพังสองต่อสอง!



คิดใช่ป่ะ?  :a5:  รู้น่ะว่าคนอ่านต้องคิด รอดูละกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น หึๆ
ขอหนีไปอัพพี่เทพน้องดาวก่อนล่ะ ศุกร์ที่ผ่านมาติดธุระเลยยังไม่ได้อัพเลย เรื่องนั้นต้องใส่โค้ดตารางด้วย อัพทีเหนื๊อยเหนื่อย อยากได้รักใสๆ มุ้งมิ้งเชิญทางโน้น #พี่เทพน้องดาว "STR/INT:LoveTrick ปิ๊งรักหนุ่มเกมเมอร์" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44552.0) เรื่องราวของเกรียนคนนึงที่หลงรักเพื่อนในเกม แต่มันจะเงิบเกินคาดเดาเชียวล่ะ จริงๆ นะ เขาไม่โกหกหรอก
หัวข้อ: Re: [ภาค2#28/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 29-12-2014 06:35:04
กรี้ดกับตอนใหม่. ต้นน้ำไปอยู่ในอ้ออมกอดมิวนิคได้งายยย
ขอกรี้ดดอีกรอบ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วไม่ยึดติดกับพระเอกคน
ใดคนหนึ่งดี แบบหลายใจเชียร์หลายคนนี่ นานๆจะมี พี่ชัชก็
เถอะ.แม็กซ์ก็น่าสงสาร อาร์มก็เข้าท่า ไปป์ก็น่ารัก คิวว์ก็โดน
มิวนิคก็ชอบ เอ. มีใครอีกน้าหวังว่าคงไม่ตกหล่นใครไป คึคึ
เหมือนปมยัยป้าน้ำตาลจะเคลียร์แต่ไม่ค่อยสะใจแฮะ จริงๆ
แอบหวังให้ชีได้รับบทเรียนสักนิดจากสิ่งที่ชีกระทำ แม้จะเห็นใจ
นิดหน่อยในชะตากรรมที่ชีต้องเจอหลังจากเลิกกับพี่ชัช
 แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นเพราะชีเลือกทำมันเองทั้งนั้น
ดีใจกับเมษที่สละคานได้แถมยังได้มนุษย์ลุงที่อายุมากกว่าพี่ชัช
ที่เจ้าตัวเคยแขวะต้นไว้ สุดท้ายก็ชะตากรรมเดียวกัน คึคึ
ชอบนิยายของคนเขียนนะแหวกแนวแปลกใหม่ดีไม่ค่อยได้บรรยา
กาศเหมือนอ่านนิยายเท่าไหร่ เพลินจนอ่านได้ตลอด อาจเพราะ
ชอบแนวหน่วงๆแบบนี้ด้วยแต่ถ้าให้อ่านแบบยังไม่จบล่ะก็. คงไม่ไหว
แน่ มันลุ้นแทบจะทุกตอนคงได้มีลงแดง ถึงต้องข้ามไปอ่านตอนจบ
ก่อนไง ได้ความรู้ใหม่ๆจากเรื่องนี้เยอะนะ ไหนจะสาระ คติ มุมมอง
การใช้ชีวิต แนวคิด คนเขียนเก่งนะ ขนาดเรื่องแรกยังแต่งได้ดีขนาดนี้
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
ลูแปง..รอตอนต่อไปอยู่น้าาา :mew3:
หัวข้อ: Re: [ภาค2#28/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 29-12-2014 15:09:02
นางมิวนิค แกแอบฉวยโอกาสอีกแล้วนะ
แต่ชั้นก้ชอบเพราะมันฟินดีอะ
หัวข้อ: Re: [ภาค2#30/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 30-12-2014 20:42:11
** ขออนุญาตคุยซักนิด เดี๋ยวคนอ่านคิดว่าเราไม่สนใจคำติชม

สำหรับประเด็นเจ้น้ำตาล จริงๆ เราคิดเรื่องราวของเธอไว้ในใจนะ แต่ในเมื่อคนเล่าคือพี่ชัชกับต้น มันก็...
     ก็แหมตอนนั้นคุณน้องต้นซึมเศร้า ต้นแทบไม่ออกจากบ้านจะไปไฟท์กับเจ้เขาได้ยังไง? ให้แม็กซ์ไปเอาเรื่องแทนงั้นเหรอ? แม็กซ์มันก็ต้องคิดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดของตัวเองซึ่งคือต้นสิ พี่ชัชเลิกกับต้นแม็กซ์มันตีปีกเชียวแหละ เผลอๆ แม็กซ์มันยิ้มขอบคุณเจ้เลยด้วยซ้ำ
     ยิ่งเป็นพี่ชัชยิ่งแล้วใหญ่ พี่ชัชยอมทำแบบนั้นกับน้ำตาลเพื่ออะไร? ถ้าไม่ได้โดนอคติบังจนเกลียดพี่ชัชสุดลิ่มทิ่มประตูจะเห็นว่าเฮียแกก็หยอกสาวแทบทุกคนแหละ แต่พี่ชัชจะมีระยะปลอดภัยของตัวเองอยู่นะ หยอกเฉยๆ แต่ไม่คิดอะไรจริงจัง ถึงพี่ชัชจะสงสารน้ำตาลแต่คนอย่างพี่ชัชเจอน้ำตาลแก้แค้นบ่อยๆ เข้าก็คงอยากจบเลยยอมเป็นผู้แพ้ให้เจ้เขาชนะ อารมณ์แบบชดใช้ให้แล้วนะ ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว เขายอมเจ็บถึงขั้นนี้แล้วจะเอาไรกับเขาอีก? เขาไม่มีอะไรจะให้น้ำตาลแล้ว
สถานการณ์ต่อมาคือต้นฆ่าตัวตาย อะไรที่สำคัญกับพี่ชัชมากกว่ากันระหว่างไปนั่งเคลียร์กับเจ้เขาต่อหรือสนใจต้น? พี่ชัชเลือกต้นนะ  พี่ชัชอาจจะไปทำงานแล้วเจอหน้ากันบ้าง แต่พี่ชัชไม่เก็บน้ำตาลมาใส่ใจอีกเลย ผิดกับตอนที่น้ำตาลมาร่วมงานกันใหม่ๆ พี่ชัชถึงกับเป๋ (ที่ไปเมาเละตอนปีใหม่)
     เราว่าแบบนี้มันแปลว่าพี่ชัชตัดได้แบบหมดจดจริงๆ มากกว่านะ คิดดูสิ น้ำตาลเหมือนไร้ตัวตนไปเลยสำหรับพี่ชัช เราว่ามันแมนกว่าการให้พี่ชัชไปนั่งแก้แค้นเคลียร์อะไรแบบนั้นอีก เหมาะกับนิสัยของพี่ชัชออก
หรืออยากเห็นฉากพี่ชัชไปโวยวายใส่น้ำตาลว่าเพราะเจ้เขาต้นเลยฆ่าตัวตาย แบบ "ตาล ชัชมีเรื่องจะบอก ต้นเขาขอเลิกกับชัชแล้วนะ ต้นเขารับไม่ได้ที่ชัชทรยศเขาๆ เลยฆ่าตัวตาย ชัชไม่เหลือใครแล้ว สะใจตาลรึยัง?" คือ... ถ้าพี่ชัชไปพูดแบบนี้จริงๆ นี่มันงี่เง่ามากเลยนะ
     แล้วมันกงการอะไรที่ต้องให้พี่ชัชไปรายงานน้ำตาลว่าต้นฆ่าตัวตาย? นิสัยพี่ชัชต่อให้เป็นข้าวฟ่างพี่ชัชก็ไม่เล่าหรอก นอกจากหมอเอกแล้วพี่ชัชไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟังทั้งนั้นแหละ แล้วเรื่องมันหลุดไปได้ยังไง? แต่ทุกคนสังเกตได้อยู่แล้วว่าพี่ชัชเปลี่ยนไป ซึมลง โหมงานหนัก เดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำตาลเองก็คงเดาได้แหละ แต่หลังจากนั้นไม่ว่าชีจะสะใจเลิกแค้นพี่ชัชหรือมาตามตอแย ในส่วนของพี่ชัชคือไม่สนใจแล้วไง มันเลยไม่จำเป็นต้องพูดถึง ยิ่งเนื้อหาหลังจากนั้นเป็นการแกรนโอเพนนิ่งของต้นน้ำด้วย มันเลยไม่เกี่ยวกัน พี่ชัชเป็นพระเอกก็จริงแต่ต้นน้ำคือตัวเอกนี่นา นิยายเรื่องนี้หมุนรอบตัวเขานะ ต้นคือตัวเดินเรื่อง
     นี่คือสิ่งที่เราคิดอ่ะ เราเลยไม่ได้เขียน นิยายเรื่องนี้ฉีกพิมพ์นิยมพล็อตเดิมๆ ที่ชอบเขียนกันทั้งในแง่ของฉากแล้วก็การดำเนินเรื่อง โดยเฉพาะคาแรคเตอร์หลักอย่างต้นกับพี่ชัช เราเขียนไว้แบบที่ถ้าอ่านแล้ววิเคราะห์ตามจะสนุกมาก เพราะประเด็นในเรื่องเกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจของคนพวกนี้ล้วนๆ แต่ถ้าจะอ่านเอาสะใจแบบเคะเมะตัวอิจฉาพระรองไฟท์กันมันจะไม่มันหรอก
     ดังนั้นเราจะขอพูดอีกครั้ง ปมต่างๆ ในเรื่องเราเขียนล้อเลียนเสียดสีสิ่งที่เราเห็นๆ กันอยู่ในสังคม เราหยิบมาเล่าหลายประเด็นเลยล่ะ แต่เราหยิบเอามาเล่าผ่านมุมมองของตัวละครแล้วปล่อยให้คนอ่านตกผลึกเอาเอง เราไม่ต้องไปแปะป้ายตัวละครว่าบทดีบทร้ายให้คนอ่านหรอก ตัวเปรียบเทียบมันมีให้เห็นเยอะแยะ นี่ไม่ใช่นิยายที่มานั่งเขียนว่าใครดีเลวยังไง แต่เป็นนิยายที่เล่าว่าใครทำอะไรเท่านั้น และหน้าที่ในการแต่งให้ตัวละครทำสิ่งต่างๆ ก็เป็นของเรา แต่เราจะไม่ตัดสินใจแทนตัวละครเราเขียนเรื่องไปตามนิสัยของตัวละคร
     ถ้ามองไม่ออก ลองเปรียบเทียบระหว่าง "สายธาร" แม่ของต้นน้ำกับ "น้ำตาล" ที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเหมือนกันดู คนอ่านตอบได้มั้ยว่าผู้หญิงสองคนนี้ใครเลวกว่ากัน? แล้วอ่านการกระทำของสายธารแล้วคิดว่าสายธารรู้สึกยังไงกับพ่อของต้นน้ำ? แต่ผลสุดท้ายล่ะ ใครเจอความสุขที่แท้จริงในชีวิตมากกว่ากัน? นี่คือสิ่งที่เราเล่า ถ้าใครมองออกก็จะเห็นบทสรุปเอง เป็นนิยายที่ชีวิตของตัวละครไม่มีบทสรุป แต่คนอ่านสามารถรู้ได้ว่าเขาจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขหรือไม่
หัวข้อ: Re: [ภาค2#30/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 30-12-2014 20:57:33
ตอนที่แล้วทิ้งท้ายไว้ให้ชวนหวาดเสียว เอาล่ะสิเกิดอะไรขึ้น! ตอนต่อไปมาแล้วจ้า

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม (ต่อ)

     ต้นน้ำลืมตาตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของมิวนิค! แต่คนที่ผ่านอะไรมามากเช่นต้นน้ำไม่เสียสติสิ้นสัมปชัญญะง่ายๆ เหมือนนางเอกละครไทย เขาพิจารณาสภาพร่างกายของตัวเองแล้วพบว่าปลอดภัยหายห่วงทุกอย่าง ไม่มีอะไรล่วงล้ำเข้าไปในร่างกายของเขาแน่นอน ส่วนยักษ์ซื่อบื้อยังคงนอนกรนครอกๆ หลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว หรือเขาจะเมาแล้วเข้าผิดห้อง?
     ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามแต่การที่ตัวเองมานอนหนุนแขนไอ้ยักษ์บ้านี่ก็น่าอายมากพอแล้ว ในเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ควรจะให้มันจบลงแบบเงียบๆ คิดได้ดังนั้นแล้วต้นน้ำก็ค่อยๆ ย่องลงจากเตียง
     แต่เมื่อก้าวขาลงพลางจับตามองคนหลับอย่างระมัดระวังต้นน้ำกลับเหยียบคนที่นอนอยู่บนพื้นจนล้มโครม!
     “โอ๊ย!”
     ต้นน้ำสะดุดอัฐที่นอนดิ้นจนตกเตียงอย่างจัง! นี่ก็อีกหนึ่งมหากาพย์ชมรมคนนอนดิ้น นับตั้งแต่ครั้งที่ไปเที่ยวบ้านน้าชายคนนี้แล้วได้นอนด้วยกัน ต้นน้ำสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ขอนอนร่วมเตียงกับคุณน้ายังหนุ่มคนนี้อีกเด็ดขาด ลีลาของน้าเขาร้ายกาจกว่าชัยชัชอีกเท่าตัว!
     คนถูกเหยียบสะดุ้งตื่น คนเหยียบก็ตกใจ แต่คนหลับยังคงนอนกรน
     “น้าอัฐบ้า!”
     “เจ็บ...”
     “มานอนอะไรตรงนี้”
     ต้นน้ำเจ็บไปทั้งตัวแทบลุกไม่ขึ้น เขานอนจับกบอยู่ข้างๆ น้าชายของตัวเองพลางคลำหน้าผากป้อยๆ เหมือนเขาจะเอาหน้าลงจนหัวกระแทกพื้นปาเก้อย่างแรง!
     “เหยียบท้องเราพอดีเลยนะต้น อีกนิดมีเสียวอ่ะ”
     “เมื่อคืนอัฐพาเรามานอนเหรอ?”
     “อืม ต้นหลับเราเลยพามานอนในห้อง”
     “รู้ป่ะว่าผิดห้อง นี่ห้องมิวนิค ไม่ใช่ห้องที่พวกเรานอน”
     “อ้าว! โทษที สงสัยเมื่อคืนตาลาย”
     คนถูกเหยียบกับคนล้มกลิ้งยังคงลุกไม่ขึ้นสนทนาจุกจิกกันต่อ แน่นอนว่าเนื้อหาในการสนทนาจะเป็นอะไรไปมิได้นอกจากคุณหลานบ่นคุณน้า คนหลับก็ยังหลับไม่รู้เรื่อง แต่อนิจจาต้นน้ำคงลืมไป เสียงล้มโครมเมื่อกี้ไม่ใช่เบาๆ ดังนั้นประตูห้องจึงเปิดออก
     หนุ่มติสท์ขี้โวยวายจึงเห็นภาพของต้นน้ำกับอัฐนอนกะหนุงกะหนิงคาตาพอๆ กับนายแบบหนุ่มที่มองไปทางเพื่อนร่างยักษ์ที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องด้วยความเพลียละเหี่ยใจ
     “อัฐ! ต้น! มึงสองคน!”
     อา... เรื่องมันชักจะยุ่งแล้ว จะมีใครสงสารคนตกเตียงที่ถูกเหยียบมั้ยนะ? แต่ในวินาทีที่ต้นน้ำกำลังจะอ้าปากบอกให้พัทหุบปากเงียบ มิวนิคก็ตื่นขึ้น
     “มึงไปทำอะไรตรงนั้นวะต้น มึงนอนดิ้นจริงๆ เลย มาๆ มาซุกกูต่อนี่”
     เป็นอันว่าเมื่อคืนเขานอนกอดมิวนิคจริงๆ
     “เมาขี้ตาเหรอมิวนิค?”
     ต้นน้ำพูดหยิ่งๆ ก่อนจะสะบัดหน้าลุกออกจากห้องไปด้วยใบหน้าแดงซ่าน แล้วเขาก็หนีไปทั้งๆ อย่างนั้น ทิ้งคนอื่นๆ ไว้เบื้องหลังโดยเฉพาะน้าชายดวงซวย!

     ต้นน้ำคนโกโก้ในแก้วด้วยความอดทนอดกลั้นพลางข่มตบะเรียกขันติทั้งหมดออกมารับมือยักษ์งี่เง่า
     “เมื่อคืนกูฝันดี๊ดี ฝันว่าได้หอมแก้มมึงด้วย มึงว่ากูฝันหรือกูละเมอวะ?”
     “ไม่รู้สิ”
     “แต่มึงละเมอนะต้น กอดกูแน่นเชียว”
     “ไม่ใช่นายฝันหรอกเหรอ? เมาเละเลยนี่ อ่ะๆ ทานกาแฟแก้แฮงค์ไป”
     ในที่สุดความอดทนก็หมด ต้นน้ำเสือกแก้วกาแฟดำร้อนๆ ใส่มือมิวนิคก่อนจะเดินหนี ต้นน้ำตรงไปนั่งข้างๆ อัฐพลางวางกาแฟอีกแก้วลงตรงหน้า
     “เชี่ย ร้อน!”
     แม้จะอุทานบ่นถึงความร้อนแต่ลงท้ายมิวนิคก็ยกกาแฟดำฝีมือคนขี้งอนขึ้นจิบ
     “กูไม่แฮงค์หรอกเว้ย ได้นอนกอดมึงก็หายแฮงค์ละ”
     “ฮิ๊ว! ตกลงเมื่อคืนมึงสองตัวได้เสียกันยัง?”
     “หุบปากไปเลยนอยซ์!”
     ปวดหัวจริงหนอ แต่ใครใช้ให้เขามาทริปกับเสียงนรกคนนี้ล่ะ ต้นน้ำรู้จักนิสัยปากเสียเกินซ่อมของเพื่อนคนนี้ดี ครั้นจะด่ามิวนิคคนนี้นี่ก็หน้าหนาเกินทน สุดท้ายเมื่อทำอะไรใครไม่ได้เลยหันไปแยกเขี้ยวใส่น้าชาย แต่พออัฐทำไม่รู้ไม่ชี้ต้นน้ำเลยหมั่นไส้แอบศอกใส่เบาๆ อัฐเลยหันมาเอาคืนด้วยการดีดหน้าผากเล่นเอาต้นน้ำย่นคิ้ว
     “มึงสองคนคบกันเหรอ?”
     อยู่ๆ พัทก็แทรกขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
     “ใครบอก?”
     “ก็กูเห็นมึงสองคนสวีทกันอ่ะ”
     “สวีทบ้าไร!”
     “มึงพูดดีๆ นะพัท ต้นมันชอบกูหรอก!”
     ต้นน้ำหันไปถลึงตาใส่มิวนิค! เขากลอกตาอย่างเบื่อหน่ายส่งให้เพื่อนจอมหลงตัวเองก่อนจะด่าซ้ำ
     “น้อยๆ หน่อย ใครชอบนาย อย่าหลงตัวเองให้มันมากนักมิวนิค”
     “ก็มึงชอบหน้าแดงเวลาอยู่กับกู มึงยอมรับมาเหอะมึงชอบกู คนเขารู้กันทั้งภาคละมึงไม่ต้องอาย”
     “พอเหอะๆ เราเสียดายโกโก้”
     “ตกลงมึงชอบใครกันแน่วะต้น อัฐหรือมิว?”
     “ยังไม่จบอีกเหรอพัท! นายเห็นเราเป็นคนยังไง? เราไม่ตาต่ำไปชอบคนแบบนั้นหรอก!”
     ต้นน้ำร้องออกมาพลางชี้ไปที่มิวนิค คนถูกมองว่าต่ำเลยร้อนตัว
     “มึงว่าใคร กูไม่เตี้ยนะเว้ย ร้อยเก้าสิบสามนี่สูงกว่ามึงตั้งยี่สิบเซ็น!”
     “เหอะ!”
     ต้นน้ำหันไปแลบลิ้นใส่อย่างไม่จริงจังก่อนจะตอบด้วยความจริงใจ
     “เราไม่คิดอะไรกับใครทั้งนั้นแหละพัท นายอย่าสงสัยอะไรอีกเลย เพื่อนกันทั้งนั้นแหละ”
     “เออๆ กับไอ้มิวกูเชื่อ แต่กับอัฐ กูไม่เชื่อ มึงสองคนชักเยอะว่ะ มีอะไรปิดพวกกูป่ะวะ?”
     “เอาไงดีล่ะต้น? จะบอกพวกมันเลยมั้ย?”
     ในที่สุดอัฐที่นั่งเงียบมานานก็เอ่ยปาก เล่นเอาเพื่อนๆ หูผึ่ง!
     “นั่นไงๆ พวกมึงมีอะไรปิดกันจริงๆ ด้วย กูว่าแล้ว!”
     “อัฐคิดยังไงอ่ะ? จะดีเหรอ?”
     “เราแล้วแต่นาย เอาที่นายสะดวกใจเถอะ”
     “พวกมึงมีอะไรกัน?”
     คราวนี้มิวนิคเริ่มขำไม่ออกเมื่อเห็นคาตา อันที่จริงเขาสงสัยมานานแล้ว แต่อัฐเคยเอ่ยปากว่าไม่คิดอะไรกับต้นน้ำเขาจึงสบายใจ เขารู้ดีว่าอัฐไม่ใช่คนชอบโกหก เขาอาจไม่ได้ความจริงจากปากของต้นน้ำแต่เขามั่นใจว่าเขาไม่มีทางได้คำโกหกจากปากอัฐแน่นอน แต่คราวนี้อัฐกลับพูดเหมือนมีลับลมคมในบางอย่าง เจอแบบนี้มิวนิคก็มีเสียว!
     “ให้กูเดานะ มึงสองคนได้กันละใช่ป่ะ? ถังมันบอกกูว่ามึงพาต้นกลับบ้านตอนปิดเทอม ถึงขั้นพาไปไหว้แม่มึงแบบนั้นกูว่าชัวร์ละ”
     “กุ ปะ ปะ
     น่าสงสารถังข้าวที่อ้าปากเตรียมปฏิเสธไปได้ไม่ทันจบประโยคก็ถูกต้นน้ำตวาดกลบ
     “หุบปากไปเลยนอยซ์! เอะอะก็ได้ เราไม่ได้ง่ายแบบนั้นซักหน่อย!”
     “โห กูแซวเล่น”
     “แซวแบบนี้ไม่ต้องแซวเลย ขอร้อง! เราไม่ชอบโดนแซวเรื่องแบบนี้ นายก็รู้”
     สีหน้าไม่สบายใจของต้นน้ำทำให้เพื่อนๆ ระลึกถึงความจริงที่ว่าต้นน้ำเคยผ่านอะไรมา แม้จะเข้มแข็งแล้วแต่อย่างไรเสียต้นน้ำก็เกลียดมันอยู่ดี
     “ขอโทษๆ กูลืมตัวไปหน่อย อย่างอนกูนะ”
     “เหอะ!”
     “แล้วตกลงพวกนายมีอะไรปิดพวกเราเหรอต้น?”
     เพราะเป็นคิวว์ถาม ต้นน้ำเลยยอมตอบแต่โดนดี เขาหันไปสบตาอัฐก่อนจะพูด
     “คือ... ความจริงแล้วเรากับอัฐเป็น... เราสองคนเป็นญาติกันอ่ะ”
     “ห๊ะ!”
     เหล่าฟิสิกส์มุงพากันร้องเสียงสูง
     “แม่ของอัฐเป็นยายเล็กของเราน่ะ”
     “เอาใหม่อีกทีดิกูงง!”
     “คือ... โอ้ย! นายพูดเองดีกว่าอัฐ”
     “กูเป็นน้าต้น”
     “ฮ่าๆ มึงโกหกไม่เนียนเลยว่ะอัฐ”
     “เออๆ พวกมึงสองคนจะคบกันก็เปิดเผยเหอะ ไม่ต้องเกรงใจไอ้มิวมันหรอก ฮ่าๆ”
     “อ้าวๆ ไอ้นอยซ์”
     “นามสกุลก่อนแต่งของแม่กูคือพิสุทธิจักร กูคงไม่ต้องบอกนะว่านามสกุลใคร ถ้าพวกมึงยังไม่ลืมนามสกุลเก่าของเพื่อน”
     “เชี่ย! จริงดิ”
     “อืม จริง แม่ของอัฐเป็นน้องสาวคนละแม่กับยายแท้ๆ ของเรา”
     “เช็ดเข้! พวกมึง... ไม่บอกกูเลยนะ”
     “บ้า! เราก็พึ่งรู้ตอนปิดเทอมหรอก! อัฐนั่นแหละอุบเงียบไม่ยอมบอกอะไรเราเลย”
     “โห!”
     “มึงรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะอัฐ? อุบเงียบเลยนะมึง”
     “ก็รู้ว่าเป็นญาติกันตั้งแต่แรกแหละ แต่แม่กูมีพี่น้องหลายคนเลยไม่แน่ใจ กูกลับบ้านไปเล่าให้แม่กูฟัง แม่กูเลยเล่าว่าพี่สาวคนโตที่ตายไปมีลูกสาวชื่อน้ำ แต่เขาไม่ได้ติดต่อใครนานแล้วเลยไม่แน่ใจ”
     “ไม่น่าเชื่อ!”
     “อืม เราก็ไม่คิดเหมือนกันว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้ อัฐไม่ยอมบอกอะไรเราเลย อยู่ๆ ก็ชวนเราไปบ้าน ตอนที่รู้ว่าอัฐเป็นน้าแท้ๆ ของเรานะ ตกใจแทบแย่แน่ะ มิน่าชอบดุเราชะมัด!”
     ต้นน้ำย่นหน้าทำท่าสยองอัฐขำๆ บ่งบอกให้รู้ว่าเขาเกรงใจน้าคนนี้พอสมควร
     “ถึงว่า พักหลังกูว่ามึงทำตัวเรียบร้อยขึ้นเยอะ ไม่ค่อยดราม่า มีคนคอยคุมความประพฤตินี่เอง ฮ่าๆ”
     พอสบายใจแล้วมิวนิคก็ปากเสียแซวเขาซะงั้น! ต้นน้ำเลยหน้างอหันไปถลึงตาใส่ แต่มิวนิคมีหรือจะกลัว ในเมื่ออัฐไม่ใช่ศัตรูหัวใจของเขาๆ ก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว
     “งั้นมึงต้องรีบฝากตัวเป็นหลานเขยอัฐแล้วดิวะ ฮ่าๆ”
     “เออว่ะ! ฝากตัวด้วยนะเว้ยไอ้น้าชาย เร็วๆ นี้เราคงได้เป็นครอบครัวเดียวกัน”
     “ฮิ้ว!”
     นับวันมุกของมิวนิคชักจะแรงขึ้นทุกวันๆ แถมยังยิงตรงไม่เกรงใจคนถูกจีบ เพื่อนคนอื่นๆ ก็รับมุกเชียร์ เจอแบบนี้แล้วมีหรือต้นน้ำจะไม่เขิน เขาหน้าแดงจัดด่ากลับไม่ออก!
     “กูว่าละ มีไอ้ต้นงานไหน มึงถ่อไปทุกงาน ที่แท้ก็หวงหลานเหมือนกันนี่มึง”
     พัทเอ่ยแซวอัฐก่อนจะนินทาคนอื่นต่อ
     “นี่ถ้าไอ้พวกที่เหลือมันรู้ว่ามึงกับต้นเป็นอะไรกันนะ ฮ่าๆ กูนึกหน้าไอ้อาร์ทออกเลยว่ะ มันชอบนินทาต้นให้มึงฟังไม่ใช่เหรออัฐ?”
     ต้นน้ำตาโตหันไปถามอัฐด้วยสายตา แต่อัฐกลับยิ้มๆ แกล้งนิ่งตามปกติ
     “ทำนิ่งนะมึง เฮ้ยๆ มิว ไหนๆ น้ามันก็นั่งอยู่ตรงนี้แล้วมึงก็สู่ขอไอ้ต้นทำเมียตรงนี้เลยสิวะ ผู้ใหญ่พร้อม ฮ่าๆ เดี๋ยวคืนนี้มึงก็เข้าหอเลย”
     ต้นน้ำทั้งโกรธทั้งอายหน้าแดงเถือก! เขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว! แต่ในขณะที่คิดว่าจะเอาอะไรอุดปากนอยซ์ดีก็มีคนยุติเสียงจากนรกให้
     “มึงไม่บอกพวกมันไปล่ะต้น มึงเลิกโสดแล้วไม่ใช่เหรอ?”
     เอกพูดลอยๆ ก่อนจะเดินผ่านไปชงกาแฟด้วยท่าทางเหมือนคนพึ่งตื่น แต่คำพูดของเอกชวนให้คนที่เหลือชะงัก ทุกคนพากันเงียบแล้วมองไปที่เอกโดยมิได้นัดหมาย!
     “จะบ้าเหรอเอก! พูดอะไร พอๆ พวกนายแซวเราเยอะเกินไปแล้ว”
     ต้นน้ำรีบทำเป็นโกรธกลบเกลื่อนแกล้งเปลี่ยนเรื่องเนียนๆ
     อัฐยิ้มให้กับการเฉไฉของดราม่าตัวแม่ นอกจากเพื่อนสมัยเด็กที่ชื่อธันย์และเอกที่รู้โดยบังเอิญ เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้ว่าต้นน้ำกลับไปคบกับชัยชัชเช่นเดิม ดูเหมือนความลับเรื่องนี้ต้นน้ำจะไม่กล้าบอกใครโดยเฉพาะชาวแก๊ง!
     “จะแซวไปถึงไหนเนี่ย ไม่เบื่อบ้างรึไง เล่นเป็นเด็กๆ ไปได้”
     ต้นน้ำบ่นกะปอดกะแปดก่อนจะลุกหนีไปเนียนๆ ตามเคย
     “ต้นหนีไปแล้ว สงสัยงานนี้ท่าจะยากว่ะเพื่อนมิว”
     “ต้องทำยังไงต้นมันถึงจะชอบกูว้า... นี่กูงัดมาทุกมุกแล้วนะ ใจแข็งโคตรๆ”



อา... ถึงน้องต้นจะแรด(นิดๆ)แต่ก็ไม่ร่านนะ เขาเขียนนิยายฮาเรมหนุ่มๆ ไม่ได้เขียนนิยาย3Pที่ชอบเล่นมุกตัวเอกหลายใจเลือกไม่ได้ทำนองนั้น
ดังนั้นเรื่องมันเลยออกมารั่วแบบนี้แหละ สะดุดน้าตัวเองล้มหัวทิ่ม ฮ่าๆ ต้องมีทั้งคนอ่านที่รู้แกวคนแต่งแล้วก็คนอ่านที่ขัดใจอยากให้มันมีซังติงแน่ๆ คนเขียนอาจจะโดนโบก อิๆ

ชอบฮาเรมใสๆ แบบนี้มากกว่าน่ะ บรรยากาศอุดมผู้ชายมีแต่ตัวป่วนบ้าๆ บอๆ มารวมตัวกันมันสนุกสนานดีออก จากตอนพิเศษที่ต้นฟาดปากกับเนม หนุ่มคิวว์เลยจัดทริปให้ต้นหวังผลเชียร์เพื่อนมิวไปในตัว แน่นอนว่าพัทขาติสท์ไม่พลาด งวดนี้คิวว์เป็นโต้โผเลยลากนอยซ์มา และมีนอยซ์ที่ไหนมีน้องถังที่นั่น ไม่รู้ในนิยายเรื่องนี้ระหว่างน้องถังกับโอมใครน่าสงสารกว่ากัน แต่เอาเป็นว่าถ้าถามว่าใครเคะที่สุด2คนนี้เข้าชิงตำแหน่งแหละ หุๆ
แต่แปลกใจมั้ยทำไมเอกโผล่ หึๆ ก็ถ้าต้นกับเอกไม่สนิทกันในระดับนึงนะ เที่ยวทะเลคราวที่แล้วไม่งอนกันหรอก ที่จริงเอกมันก็แค่หื่นชอบสาวนมใหญ่กับเกลียดตุ๊ดแค่นั้นแหละ นอกนั้นเอกก็ชอบต้นนะ มันนั่งทำการบ้านกับต้นแทบทุกเย็น ฮ่าๆ

ไม่ว่าในสังคมไหนมันต้องมีตัวสร้างสีสันอยู่ ไอ้พวกผู้นำหรือคนคุมบรรยากาศอ่ะ แล้วก็จะมีพวกที่เงียบตามคนหมู่มากไปเรื่อยๆ ไปเที่ยวคราวที่แล้วก็จะให้อารมณ์แบบนึง แต่เพราะคราวนี้ทุกคนสนิทกันจนรู้ไส้รู้พุงแล้วแถมยังมีนอยซ์เป็นแกนนำ สถานการณ์เลยออกมาแนวๆ นี้ แต่... เหมือนจะขาดอะไรไปน้า? ขาดคนงอแงรึเปล่า? ฮ่าๆ 8หนุ่มนี่เขาจะเฮฮากันขนาดไหนต้องติดตาม

อะไรนะ? ถามถึงพระเอก? นิยายเรื่องนี้มีพระเอกด้วยเหรอ? สงสารพี่ชัชแป๊บฮ่าๆ เป็นพระเอกที่น่าสงสารที่สุดเลยมั้ง พระเอกจืดจางไม่ค่อยปรากฏตัว รอดูน่า หึๆ พี่ชัชจะเด่นตอนอีเว้นท์หน้าล่ะ อิ อิ (มีแต่พล็อต ยังไม่ได้ลงมือเขียน ฮ่าๆ)
หัวข้อ: Re: [ภาค2#31/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 31-12-2014 23:51:03
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม (ต่อ)

แม้จะทำเป็นบ่นไม่ชอบใจเพื่อนๆ แต่พอทุกคนลงมติว่าจะไปเดินเล่นรอบตัวเมืองแล้วให้มิวนิคมาชวน ต้นน้ำก็ไม่อิดออดตามเพื่อนในกลุ่มไปเที่ยวทันที
ดูเหมือนครั้งนี้ทุกคนจะจงใจจับคู่ต้นน้ำกับมิวนิคเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าหนุ่มร่างยักษ์จ่ายใต้โต๊ะล็อบบี้ชาวบ้านไปกี่สตางค์ทุกคนถึงให้ความร่วมมือสุดชีวิต ว่ากันว่าสมาคมเพี้ยนๆ นี้ถึงกับยกมือโหวตว่าระหว่างให้ต้นน้ำคบกับมิวนิคหรือต้องทนเห็นต้นน้ำถูกเกย์นอกภาคตามตื้ออย่างไหนจะสบายตามากกว่ากัน
แต่ในเมื่อความลับของเขาและอัฐไม่ใช่เรื่องลับๆ ชวนเข้าใจผิดอีกต่อไป ต้นน้ำเลยผูกติดตัวเองไว้กับน้าชายไม่ยอมห่าง เล่นเอามิวนิคไม่กล้ารุกมากเพราะเกรงใจหน้ายิ้มๆ แต่เอาจริงของเพื่อนมาดนิ่งคนนี้
ชาวฟิสิกส์เลือกร้านอาหารข้างทางแห่งหนึ่งสำหรับมื้อกลางวัน มิวนิคหมายมั่นปั้นมือตั้งใจจะนั่งเคียงข้างคนที่ตัวเองรักให้ได้ แต่ต้นน้ำกลับนั่งลงข้างคิวว์ตามความเคยชินก่อนจะชวนกันสุมหัวดูเมนูไม่สนใจเขาที่อุตส่าห์เลื่อนเก้าอี้รอ ส่วนอีกด้านก็ถูกอัฐกันท่าไปแบบนิ่งๆ ลงท้ายจึงไปอ้อนวอนขอแลกที่นั่งกับถังข้าวผู้น่าสงสารจนได้นั่งตรงข้ามต้นน้ำสมใจ
มื้ออาหารจึงเป็นไปอย่างสนุกสนาน แต่ระหว่างนั้นเองโทรศัพท์ของต้นน้ำก็ดังขึ้น เขาดูเบอร์ที่โทรเข้ามาแล้วก็เผลอยิ้ม
“ขอตัวแป๊บนะ กินกันไปก่อน แต่ห้ามแย่งส่วนของเรานะ!”
สั่งเสร็จแล้วต้นน้ำเลี่ยงออกมานอกร้าน เขากดรับสายที่คิดถึง
“สวัสดีครับ”
“สุขสันต์วันปีใหม่คร้าบที่รัก”
“ขอบคุณครับพี่ชัช”
“ทำอะไรอยู่ครับ? กินข้าวยังเอ่ย?”
“กำลังจะทานครับ ผมอยู่ร้านอาหารกับเพื่อนๆ พอดีพวกเรามาเที่ยวรอบๆ ตัวเมือง”
“มิน่า เสียงดังจัง แล้วเมื่อคืนเป็นไงบ้าง? เคาท์ดาวน์สนุกมั้ยครับ?”
“สนุกมากๆ เลยครับ คอนเสิร์ตมันสุดๆ ไปเลย”
เสียงตื่นเต้นสนุกสนานของต้นน้ำทำให้ชัยชัชระบายยิ้มออกมา เขานึกภาพแววตาสดใสของต้นน้ำออกเลยด้วยซ้ำ แค่เห็นว่าแฟนมีความสุขเขาก็ยิ้มตาม ความรักในแง่มุมนี้เขาพึ่งเข้าใจ การทำความเข้าใจต้นน้ำไม่ได้ยากอย่างที่คิด เขาแค่ต้องอดทนเลิกเอาแต่ใจตัวเองแล้วปล่อยให้ต้นน้ำเป็นฝ่ายเอาแต่ใจบ้าง ที่ผ่านมาที่ต้นน้ำไม่เคยเรียกร้องอะไรใช่ว่าเด็กหนุ่มไม่มีความต้องการ เพียงแต่ต้นน้ำไม่กล้าเอ่ยปากบอกเขาก่อนเพราะเกรงว่าเขาจะไม่รัก ดังนั้นเมื่อเขาแสดงให้เห็นว่าพร้อมจะรักอย่างไม่มีเงื่อนไขต้นน้ำจึงเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น แฟนเขายังคงเป็นต้นน้ำคนเดิมแต่สดใสขึ้นเป็นเท่าตัว!
“แล้วพี่ชัชละครับ?”
“พี่ก็นอนดูทีวีอยู่ที่ห้องแหละ แก่แล้วขี้เกียจออกไปเที่ยว”
“อ้าว? อยู่คนเดียวเหงาแย่เลย ผมนึกว่าพี่ชัชจะกลับลำปางซะอีก”
“ตอนแรกพี่ก็ว่าจะกลับครับ แต่หาตั๋วไม่ได้ ได้ตั๋ววันที่สามโน่น ไปก็อยู่ได้แป๊บเดียว เลยขี้เกียจกลับ”
“เดี๋ยวก็โดนแม่บ่นหรอกครับ”
“ไม่หรอก พี่โทรหาแกแล้ว แกเลยด่าพี่มาละเรียบร้อย หูชาเลยว่ะ”
“พี่ชัชก็ ...”
เฮ้อ... แฟนของเขาก็ยังไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม แต่เอาเถอะ ถ้าจะให้ชัยชัชขับรถไกลๆ คนเดียวอีกต้นน้ำก็เป็นห่วง ต้นน้ำจึงไม่อยากบ่นมาก
“แล้วต้นจะกลับเมื่อไหร่เหรอครับ?”
“อืม... พัทบอกว่าคงกลับพรุ่งนี้อ่ะครับ คืนนี้จะค้างกันอีกคืน พรุ่งนี้สายๆ ค่อยกลับ”
“ครับ”
เสียงรับคำเศร้าๆ ทำเอาต้นน้ำใจหาย เขาสัมผัสได้ว่าแฟนของตนเหงาตัวเท่าบ้าน ชัยชัชไม่แม้แต่จะใช้มุกอ้อนเขาว่าคิดถึง ต้นน้ำรู้ดีว่าชัยชัชไม่อยากทำให้เขาเป็นห่วงจนเที่ยวไม่สนุก
“อืม... พี่ชัชเหงารึเปล่าครับ? ขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้อยู่ด้วยตอนปีใหม่ ผมไม่แน่ใจว่าพอกลับไปแล้วผมจะปลีกตัวไปหาพี่ได้รึเปล่า? บางทีคุณปู่อาจจะ...”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่รู้ว่าเราธุระเยอะ ฮ่าๆ ถึงปีใหม่นี้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ขอให้ปีนี้พี่ยังมีต้นอยู่ข้างๆ พี่ก็พอแล้วครับ แค่ต้นยังรักพี่อยู่ก็โอเคแล้ว อย่าไปหลงเสน่ห์ฝรั่งแถวนั้นล่ะ”
“บ้า! พี่ชัชก็... ผมไม่ได้ชอบฝรั่งซะหน่อย”
“หืม? จริงอ่ะ? เห็นคราวก่อนนู้นออกจะปลื้ม นั่งคุยตั้งนานสองนาน”
“พอๆ เลิกล้อผมได้แล้วครับ”
“งั้นบอกพี่ให้ชื่นใจหน่อยสิ ต้นชอบแบบไหนเหรอครับ?”
“ยังจะมาถามอีก ส่องกระจกเอาสิครับ”
“ฮ่าๆ”
ต้นน้ำทั้งเขินทั้งอายจนหน้าแดง เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอยืนหมุนไปหมุนมา อานุภาพของความรักจากชัยชัชทำให้เขาหัวใจพองโตทุกครั้งที่สัมผัส มันแตกต่างกับอาการเขินอายเพราะคำแซวจากเพื่อนคนอื่น ต้นน้ำรู้ดี อย่างไรเสียสิ่งที่ทำให้คนเรามีความสุขที่สุดก็คือการได้รับความรักตอบจากคนที่เรารัก ไม่ใช่แค่ความรักจากใครก็ได้ การมีคนหยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้มันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่จะดีที่สุดถ้าหากสิ่งนั้นคือสิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริง ต้นน้ำในตอนนี้กำลังลักกี้อินเกมลักกี้อินเลิฟแฮปปี้กับเพื่อนฝูงครอบครัวอบอุ่นรู้สึกมีความสุขที่สุดในชีวิต! นี่แหละน้าฟ้าหลังฝนที่ทุกอย่างกระจ่างสดใสไร้เมฆครึ้ม!

สีหน้ามีความสุขของต้นน้ำที่คุยโทรศัพท์ไปยิ้มไปทำให้มิวนิคสงสัย เขาแอบดูอยู่ห่างๆ เลยได้ยินบทสนทนาไม่ชัด แต่เขาว่าเขารู้อะไรบางอย่างแล้ว!
เมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จทุกคนก็ย่อยอาหารด้วยการไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวสุดชิค “พิพิธภัณฑ์ภาพสามมิติ” ต้นน้ำไม่สังเกตเลยแม้แต่น้อยว่ามิวนิคเงียบไปนิดหน่อย เขามัวแต่สนุกกับการเซลฟี่รูปคู่กับคิวว์ ยิ่งมีพวกทโมนมารวมตัวกันทุกคนเลยยิ่งครื้นเครง คิวว์ยังคงเป็นจุดสนใจเช่นเดิมมีสาวๆ มากหน้าหลายตาจำเขาได้จากโฆษณาเลยมาขอถ่ายรูปด้วย คนไหนที่สวยเป็นพิเศษก็ดูจะมีนอยซ์เข้าไปแจมด้วยตลอดจนต้นน้ำหลุดขำ
ระหว่างนั้นถังข้าวซุ่มซ่ามไปชนเข้ากับเด็กที่วิ่งมาอีกทางจนล้มลงไปร้องไห้ ด้วยความตกใจเลยยิ่งติดอ่างทำอะไรไม่ถูก โชคดีที่คิวว์มีรอยยิ้มการค้าเลยทำให้พ่อแม่ของเด็กไม่เอาเรื่อง ต้นน้ำเองก็โอ๋เด็กเก่งขั้นเซียนเด็กน้อยเลยเงียบในที่สุด แต่คนสำคัญที่สุดเห็นจะเป็นเอกที่อุดปากเสียๆ ของนอยซ์ไว้ได้ทันไม่ให้หลุดปากออกไปด่าพ่อแม่คู่นี้ว่ามัวแต่ถ่ายรูปจนลืมดูแลลูก ทุกคนเริ่มคิดตรงกับอัฐว่าเรื่องบางเรื่องแม้จะเราจะไม่ใช่คนผิดแต่อะไรยอมความได้ก็ยอมๆ กันไปดีกว่าปล่อยให้เรื่องมันยื้อเยื้อไม่จบ พวกเขามาเที่ยวไม่ได้มามีเรื่อง!
เพื่อนทุกคนต่างรู้ซึ้งถึงตัวตนที่แท้จริงของต้นน้ำ จะเกย์หรือไม่ใช่เกย์ก็ช่าง จะนิสัยสาวแตกหรือแมนแท้ๆ ก็ช่าง เพื่อนที่ชอบผู้ชายคนนี้ลุยกับพวกเขาได้คือๆ กัน คนเราจะแบ่งแยกกันไปทำไมในเมื่อทุกคนสามารถเฮฮามีความสุขร่วมกันไม่ว่าเพศอะไร การอยู่ร่วมกันคือการที่คนหลายๆ แบบจากสังคมที่แตกต่างกันมาใช้ชีวิตด้วยกัน และเมื่อผ่านช่วงเวลาหนึ่งไปแล้วพวกเขาก็พร้อมจะเรียกกันว่า “เพื่อน” ต้นน้ำพิสูจน์แล้วว่าควรค่ากับคำๆ นี้ ต้นน้ำเป็นเพื่อนที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียไม่ต่างอะไรกับผู้ชายคนอื่น พวกเขาทนปากหมาๆ ไม่รู้กาลเทศะของนอยซ์ได้ นิสัยอาร์ตตัวแม่เจ้าน้ำตาชอบดราม่าขี้งอนของต้นน้ำจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่
ไม่มีใครระแวงเพราะต้นน้ำไม่เคยลดคุณค่าของตัวเองด้วยการฉวยโอกาสอย่างอดอยาก มีแต่ต้นน้ำเองนั่นแหละที่แอบกลัวเพราะรู้ว่ามีคนบางคนเอาจริง! ทุกคนรู้ดีว่าคนอย่างต้นน้ำไม่มีวันลวนลามใคร แต่ถ้าพวกเขาแกล้งละก็นั่นเป็นเพราะต้นน้ำน่ารักเกินไป เพื่อนๆ เลยรักดอกจึงหยอกเล่น ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครคิดทำอะไรบ้าๆ กับต้นน้ำอยู่แล้ว พวกเขาไม่ใช่ “ไอ้หื่นโค่” ส่วนมิวนิคก็... ถ้ายักษ์ซื่อบื้อมีปัญญาทำอะไรต้นน้ำได้พวกเขาก็ตั้งใจไว้ว่าจะแอบหลับตาเสียข้างเปิดโอกาสให้เพื่อนคนนี้ได้ทำคะแนน!
ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงบ้านพักแล้วมีโอกาสอยู่ตามลำพังกับต้นน้ำ มิวนิคจึงแก้ต่างให้ตัวเอง
“ต้น กูมีอะไรจะบอกมึง”
“อะไรเหรอ?”
ต้นน้ำหันไปมองท่าทางจริงจังของเพื่อนร่างยักษ์ด้วยความสงสัย
“ถึงกูจะเป็นลูกครึ่งแต่กูสัญชาติไทย แม่กูเป็นคนเยอรมันก็จริงแต่พ่อกูเป็นคนไทย กูถือสัญชาติตามพ่อ แล้วพ่อแม่กูก็อยู่เมืองไทยมานานแล้วด้วย แม่กูพูดไทยชัดนะ บ้านกูใช้ภาษาไทย กูถือว่าตัวเองเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์!”
ต้นน้ำงง!
“อืม มั้ง นาย... เป็นคนไทย ... เอ่อ แล้วไงเหรอ?”
“ถึงตอนเด็กๆ กูจะพูดเยอรมันได้แต่ตอนนี้กูพูดไม่ได้ละ”
“เอ่อ ... อืม”
ต้นน้ำคิดไม่ออกว่าสิ่งที่มิวนิคกำลังโอ้อวดอยู่นี้มันน่าภูมิใจตรงไหน? และที่สำคัญมิวนิคมาบอกเขาทำไม?
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราขอตัวก่อนนะ คือ... พัทรอเราอยู่อ่ะ เราขึ้นมาเอากีต้าร์เฉยๆ”
“เฮ่ยเดี๋ยวเดะ! กูเป็นคนไทยไม่ใช่ฝรั่งที่นี้มึงก็รักกูซะทีดิ”
“เกี่ยวอะไรเนี่ย?!”
“ก็กูได้ยิน”
“นายแอบฟังเราคุยโทรศัพท์!”
“กูไม่ได้แอบฟัง กูไปตามมึงเฉยๆ พอดีได้ยิน”
ต้นน้ำถอนหายใจด้วยความเซ็ง
“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเราไม่ได้ชอบนายแบบนั้นก็แล้วกันมิวนิค มันไม่เกี่ยวกับว่านายถือสัญชาติอะไรหรอก”
“งั้นกูไม่ดีพอสำหรับมึงเหรอ?”
ไม่ดีพองั้นหรือ? อันที่จริงถ้าเทียบกับคนที่เข้ามาจีบเขาทั้งหมดแล้วมิวนิคแทบจะขาวสะอาดที่สุดเลยด้วยซ้ำ ดีพอจะใช้คำว่า “คนดี” ได้เลย แต่เขากลับเลือกรักผู้ชายงี่เง่าที่ทำให้เขาร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างชัยชัช
“นายไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก แค่นายไม่ใช่เท่านั้นแหละ มันคงเป็นเงื่อนไขของเวลาละมั้ง”
ใช่ว่าต้นน้ำไม่เคยสำรวจหัวใจตัวเอง เขาเองก็พยายามค้นหาคำตอบแทบตายว่าทำไมถึงยังคงรักชัยชัช แม้จะรู้สึกดีกับแม็กซ์แต่ทำไมแม็กซ์ถึงแทนที่ชัยชัชไม่ได้ สิ่งที่เรียกว่าความรักและความผูกพันมันช่างซับซ้อน สุดท้ายเขาก็เลือกชัยชัชเพราะชายหนุ่มคือคนที่เติมเต็มเขาได้ดีที่สุด แต่ต้นน้ำก็เคยคิดเล่นๆ ว่าถ้าหากเขาไม่เคยหลงรักชัยชัช เขาจะมีวันรักแม็กซ์หรือไม่? แต่ถ้าเขาไม่เคยรู้จักความรักเขาคงไม่มีวันเปิดใจให้แม็กซ์ เขากับแม็กซ์คงไม่มีสถานการณ์ที่จะมาบรรจบซึ่งกันและกัน และตอนนั้นต้นน้ำก็ต้องตกใจตัวเองเมื่อนึกถึงว่าใครเป็นคนทำให้เขาใจเต้นตอนถูกจีบ!
“กูไม่เข้าใจ กูก็จีบมึงนานแล้วนะ หรือยังนานไม่พอ?”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกมิวนิค”
เมื่อเห็นว่าท่าจะยาว ต้นน้ำเลยวางกีต้าร์ลงแล้วดึงแขนมิวนิคให้นั่งลง เพื่อนร่างยักษ์นั่งตามอย่างว่าง่ายต้นน้ำเลยแอบยิ้ม อย่างไรเสียบรรดาคุณหมาก็ฝึกง่ายกว่าราชสีห์เยอะ! ใครเล่าจะไม่ชอบการมี “ผู้ชายในคอนโทรล” เป็นของตัวเอง ต้นน้ำนั่งประจันหน้ากับมิวนิคแล้วเอ่ยอย่างจริงใจ
“ความจริงเราทึ่งนายนิดๆ นะ ทั้งๆ ที่เราร้ายใส่นายตั้งเยอะแต่นายกลับยังชอบเราอยู่ ถึงตลอดเวลาที่ผ่านมาเราจะแอ๊บไว้บ้างก็เถอะ แต่เราชอบปากร้ายใส่นายมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว นายโดนเราด่าตลอดเลยนะ อยู่ๆ นายก็มาชอบเราซะงั้น เราตกใจมากเลย มาถึงตอนนี้เรายังไม่รู้เลยว่านายชอบเราตรงไหน? แต่เราก็ดีใจนะที่นายชอบเราทั้งๆ ที่เราเป็นแบบนี้”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ๆ กูก็ใจเต้นเพราะมึง กูรู้ว่ากูชอบมึงแค่นั้นแหละ ก็มึงอยากน่ารักเกินไปเอง”
“เราก็ชอบที่นายเป็นแบบนี้นะ บางทีถ้า... ถ้าเราเจอนายในสถานการณ์อื่นเราอาจจะชอบนายก็ได้ แล้วความชอบอาจจะพัฒนากลายไปเป็นความรักขึ้นมาจริงๆ เวลาอยู่กับนายแล้วเราสบายใจนะ ถึงนายจะน่ารำคาญไปบ้างแต่เราไม่อึดอัดเหมือน... อืม ช่างเหอะ”
“เหมือนใคร? เหมือนเพื่อนมึงคนนั้น? มึงพูดแบบนี้เหมือนให้ความหวังกูเลยว่ะ! ตกลงมึงชอบกูป่ะวะต้น? กูชักงงละ”
ต้นน้ำเริ่มกังวล การที่เขาพยายามจริงใจแล้วเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้คือการให้ความหวังงั้นหรือ? เงียบก็เหมือนให้ความหวังเพราะไม่ปฏิเสธ พอพูดความรู้สึกจริงๆ ออกมาก็เหมือนให้ความหวัง ต้นน้ำจะบ้าตาย! การพยายามสื่อสารกับคนอื่นนี่มันยากจริงๆ
“ก็ชอบนะ แต่มันไม่ใช่ความรักอ่ะ เรารักคนอื่นไปแล้ว มันเหมือนกับแก้วที่มีกาแฟอยู่เต็ม ต่อให้นายพยายามเทโกโก้ใส่เข้าไปอีกเท่าไหร่มันก็แทนที่กันไม่ได้หรอก”
เพียงเท่านี้มิวนิคก็รู้แล้วว่าเขาจีบต้นน้ำไม่ติดเพราะอะไร คำพูดกำกวมของเอกและท่าทียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของต้นน้ำตอนคุยโทรศัพท์ทำให้เขาพอเดาได้
“มึงก็เทของเก่าในแก้วทิ้งดิ”
เสียงของมิวนิคฟังดูท้อแท้หมดแรงจนต้นน้ำสงสาร
“ก็เรารักเขามากนี่”
“มึงคิดดีแล้วเหรอต้น? เขาเคยนอกใจมึงนะ”
“เรารู้ แต่คนเรามันก็ผิดพลาดกันได้ไม่ใช่เหรอ? เราอยากลองให้อภัยเขาอีกซักครั้ง ทีนายยังรับตัวตนแย่ๆ ของเราได้เลย เรารักพี่เขาไปแล้วก็ต้องรับให้ได้ทุกเรื่องละมั้ง เขาสัญญากับเราว่าจะไม่มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นอีก”
“มึงจะยอมโดนซ้อมจนตายรึไง!”
“เมย์ก็พูดไปงั้นแหละ มันไม่ร้ายแรงถึงขั้นนั้นหรอก ความจริงแล้วพี่เขาตบเราทีเดียวเอง พอดีทะเลาะกันนิดหน่อยอ่ะ พี่เขาเมาด้วยเลย...”
“ทำไมมึงต้องไปรักคนเลวๆ แบบนั้นด้วยวะ ผู้ชายดีๆ อยู่ตรงหน้ามึงนะเว้ย!”
“แต่คนเลวคนนั้นเขาต้องการเรานี่ แล้วเราก็ขาดเขาไม่ได้ด้วย แต่อันที่จริงนายก็ไม่ได้ดีเลิศขนาดนั้นหรอกนะมิวนิค แค่นายไม่ใช่อ่ะ”
มุกหน้าตายของต้นน้ำทำเอามิวนิคเจ็บจนจุก เขาหันหน้าไปทางอื่นด้วยความหงุดหงิด ต้นน้ำเห็นแล้วก็ขำปนสงสาร เขารู้ว่าเพื่อนหวังดีกับตนจากใจจริง
ดังนั้นต้นน้ำจึงกระเถิบไปใกล้ เขาคว้ามือของมิวนิคเอาไว้แล้วกุมมันด้วยสองมือ
“เราเข้าใจนายนะ เรารู้ว่านายหวังดี แต่ให้อธิบายจนตายนายก็คงไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงรักเขาหรอกใช่มั้ย? ความรักมันพูดยาก นายยังหาเหตุผลที่มาชอบเราไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอ เราแค่ไม่อยากตัดใจจากพี่เขาก็เท่านั้นเอง ที่สำคัญเราไม่อยากให้นายต้องเจ็บปวด ความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชายมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะมิวนิค หนทางข้างหน้ามันไม่ได้สวยงามนักหรอก อาจจะมีทั้งคนที่ยอมรับแล้วก็คนที่รับไม่ได้ เราผ่านตรงนั้นมาแล้วเรารู้ดี”
“กูไม่มีปัญหา”
“เพราะนายยังไม่เคยเจอปัญหาน่ะสิถึงพูดได้ ความรักหวานๆ ฝันๆ มันก็ดีนะ การถูกจีบมีคนมารุมรักมันก็ดี แต่เราไม่อยากอยู่กับความฝัน พี่เขาทำให้เรารู้สึกว่าเขาอยากมีอนาคตร่วมกับเราตลอดไป เขาทำให้เราเห็นต่อให้เขาพยายามได้ห่วยแตกแต่เขาก็พยายามทำมัน มันทำให้เรารู้สึกมั่นคงน่ะ”
น้ำเสียงของต้นน้ำที่แปรเปลี่ยนไปทำให้มิวนิคเลิกตีโพยตีพาย เขาสัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยวแห่งความกังวลในน้ำเสียง เพื่อนของเขามองตรงไปเบื้องหน้าคล้ายคนเหม่อ มือที่เคยกุมเขาไว้ก็คลายออกแล้วกำหมัดเสียแน่น หลุมดำในใจของต้นน้ำลึกจนมิวนิคหยั่งไม่ถึง!
“ทุกคนบอกว่าชอบเรา รักเรา อยากคบกับเรา แต่ไม่เห็นมีใครซักคนที่พาเราไปเปิดตัวกับสังคมของตัวเอง ให้เราได้เป็นครอบครัวของเขาไม่ใช่แค่แฟน เราไม่อยากได้แค่คนรักแต่เราอยากมีครอบครัวที่เป็นของเรา นายเข้าใจมั้ย?”
สิ่งที่ต้นน้ำอยากได้มากที่สุดในชีวิต ความฝันที่เขาเคยไขว่คว้าไล่ตามมาตลอด มาบัดนี้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับประเดประดังเข้ามาจนเขาอยากหัวเราะให้กับโชคชะตาของตัวเอง เขามีปู่ที่หวงหลานชายยิ่งกว่าหลานสาว มีคุณพ่อเป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัย มีน้าชายนั่งเรียนคลาสเดียวกัน แม้แม่ของเขาจะอยู่แสนไกลแต่ก็รักเขายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด อยู่ๆ ก็มีคนที่มีสายเลือดเดียวกันกับเขาเยอะแยะเต็มไปหมด แถมพี่ชายข้างห้องที่เขารักที่สุดยังกลายมาเป็นรุ่นน้องในภาค!
“อันที่จริงตอนนี้เราไม่ได้ลำบากอะไรแล้วมีทั้งพ่อทั้งปู่ บ้านเราก็มีเงิน ถ้าเราอยากได้อะไรคนอย่างแม็กซ์คงเนรมิตให้เราได้ทันที แต่ผู้ชายที่ยังใส่ชื่อเราเอาประกันทั้งๆ ที่เลิกกันแล้วมันไม่โรแมนติกกว่าเหรอ? เขารอเราอยู่ทั้งๆ ที่เกิดเรื่องกับเราตั้งมากมาย สิ่งดีๆ ที่เขาทำให้เรามันกลบข้อเสียไม่ได้เลยเหรอ? ที่สำคัญตอนนี้พี่เขาปรับตัวดีขึ้นตั้งเยอะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่ปล่อยให้เราไปค้างกับคิวว์บ่อยๆ หรอก”
เมื่อนึกถึงวันที่ชัยชัชหึงจนหน้ามืดแล้วต้นน้ำก็หลุดขำ หมาป่าขี้หึงอย่างชัยชัชกลายเป็นหมาแก่สงบเสงี่ยมไม่กล้าอาละวาด ชัยชัชยอมเขาถึงขนาดนี้แล้วต้นน้ำจะไม่ใจอ่อนได้อย่างไร
“เออ กูแพ้! แต่ที่กูแพ้ก็เพราะกูไม่มีโอกาส มึงลองมาคบกับกูดูดิ กูจะเทคแคร์มึงให้ดีกว่าที่แฟนมึงเคยทำ”
อา... ยักษ์อาละวาด ขี้แพ้ชวนตีชัดๆ
“เวลาผู้ชายสองคนมีอะไรกันมันไม่เหมือนกับการนอนกับผู้หญิงนะ ถ้าเราสองคนเป็นแฟนกันแล้วนายจะใช้ปากกับเราได้รึเปล่า?”
อยู่ๆ ต้นน้ำก็ถามหน้านิ่งๆ จนมิวนิคไปต่อไม่ถูก!
มึ มึ มึงถามกูว่าอะไรนะ!?”
ต้นน้ำเลยจงใจขยับเข้าไปใกล้แล้วกระซิบถามข้างๆ หูของยักษ์ซื่อบื้อที่กำลังหน้าแดง
“เราชอบเวลาที่แฟนใช้ลิ้นให้ ถ้านายเป็นแฟนเรานายจะทำแบบนั้นกับเราได้รึเปล่า? เราไม่ยอมโดนทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอก เราอยากมีแฟนที่ช่วยให้เราเสร็จด้วยเหมือนกัน”
กุกุกู...”
เหลือเชื่อที่มิวนิคติดอ่างตามถังข้าว!
“ฮ่ะๆ”
ต้นน้ำหัวเราะเสียงใสก่อนจะลุกขึ้นยืน เขาคิดว่าคงรู้ผลแพ้ชนะแล้ว มิวนิคคงไม่กล้าทักท้วงอะไรอีก ต้นน้ำหยิบกีต้าร์ตั้งใจจะไปหาพัท ป่านนี้คงรอเขาแย่ แต่แล้ว!
“กูไม่เคยแต่ถ้ามึงอยากให้กูทำกูก็จะทำ!”
“ให้ตายเถอะทำไมถึงเข้าใจอะไรยากแบบนี้!”
ในที่สุดราชินีน้ำแข็งผู้ชั่วร้ายก็พ่ายแพ้ต่อสมองทื่อๆ ของยักษ์โง่
“โดนแกล้งขนาดนี้ยังหน้าด้านหน้าทนอยู่ได้ ไอ้ยักษ์บ้า!”
“ต้น! มึงแกล้งกูเหรอ?”
“ทำไม? ทีนายยังชอบมาแกล้งเราบ่อยๆ เลย”
“ร้ายกาจว่ะ”
“ถึงเราจะแกล้งพูดแหย่นายแต่รับรองว่าเรื่องจริง เมื่อก่อนเราคิดซื่อๆ เหมือนนายนั่นแหละ แต่แค่ความรักมันไม่พอหรอกมิวนิค เราไม่ได้ตายด้านนะ แรดแล้วยังไงเราไม่อยากทนแล้ว! ละเราก็ไม่อยากรักกับคนที่เราต้องกังวลว่าเขาจะชอบผู้หญิงมากกว่าอีกแล้วด้วย เราไม่อยากไปเสี่ยงเรียนรู้ใครอีกแล้วในเมื่อสิ่งที่มันอยู่ในมือเราคือสิ่งที่ดีพอ เรากลัว”
จู่ๆ ต้นน้ำก็น้ำตาไหล ใช่ว่าเขาไม่กังวล เขาเองก็กังวลแต่พยายามกัดฟันสู้อยู่ เขาคิดว่าเขาดูชัยชัชไม่ผิด เวลานี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนโผล่มาระรานพวกเขาอีกแล้วต้นน้ำจึงเบาใจไปเยอะ ระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านไปช่วยให้เรื่องราวบางอย่างตกตะกอน ข้อเสียเกี่ยวกับนิสัยแย่ๆ ชัยชัชก็ปรับตัวขึ้นดีมาก เขาจึงพร้อมจะลองเสี่ยงกับ “แฟนเก่า” อีกครั้ง เขาไม่กล้าพอจะเสี่ยงเปิดใจกับใครคนใหม่ที่เขาไม่เคยรู้จัก!
“กูขอโทษ...”
มิวนิคงง! อยู่ๆ ดราม่าตัวแม่ก็ต่อมน้ำตาแตกแบบไม่มีเหตุผล มิวนิคไม่เข้าใจต้นน้ำ ปมในใจบางอย่างต่อให้เวลาผ่านไปก็ใช่ว่าจะลบเลือน ลึกๆ แล้วต้นน้ำก็ยังกลัว
“ช่างเหอะ เราสติแตกเอง โทษนะ”
“มึงเป็นอะไรอ่ะ?”
“แค่กลัวน่ะ เพราะงี้แหละมั้งเราถึงไม่อยากคบใคร ทุเรศตัวเองเป็นบ้าเราดันชอบแต่ผู้ชายแท้ๆ แต่พอไปชอบเขาแล้วก็กลัวว่าเขาจะทิ้งเราไปกับผู้หญิง”
“หรือว่าที่มึงไปกับนายแบบที่เป็นเกย์คนนั้นบ่อยๆ ก็เพราะ!”
“บ้า! พี่ซันเขาเป็นแค่พี่ชายเราหรอก ก็แค่ไปเปิดหูเปิดตา แต่ก็ อืม... มั้ง เราก็เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าจะลองมองพวกเกย์ดู แต่สุดท้ายก็ทำใจไม่ได้อ่ะ รับไม่ได้”
“กูไงกูไง ผู้ชายแท้ๆ แต่ชอบมึง กูไม่ถือเรื่องนั้นด้วยกูให้มึงเปิดซิงกูเลยอ่ะ”
“จะบ้าเหรอเขาต้องพูดว่าขึ้นครูหรอก เอ้ยไม่ใช่! โอ๊ยพอเหอะมิวนิค! ไม่มีผู้ชายแท้ๆ ที่ไหนชอบผู้ชายด้วยกันหรอก เหอะ!”
“เอ้ยๆ ยังนับอยู่ กูไปตั้งกระทู้ถามคนในพันดริฟมาว่าถ้าชอบตุ๊ดแล้วจะถือว่าเป็นเกย์มั้ย? เขาบอกว่าไม่เป็นว่ะ”
“งั้นก็เรียกตัวเองว่าไบได้แล้วล่ะ ยกเว้นว่านายจะเป็นพวกหื่นขอแค่มีรูแบบโค่ และแฟนเรา”
“แล้วมึงก็ไปชอบคนแบบนั้นเนี่ยนะ! ทำไมคนเราถึงชอบผู้ชายเลวๆ วะ?”
“ก็ถ้าชอบคนดีป่านนี้คิวว์คงมีแฟนไปแล้วล่ะ ฮ่าๆ”
“อ้าวๆ ว่ากูอีกแล้ว เดี๋ยวจับจูบซะหรอก”
“เอาสิ ถ้าทำได้ นายกล้าจริงๆ ป่ะล่ะ? เราเป็นผู้ชายนะ ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่มีหน้าอก ถ้านายจูบเราแล้วนายจะเอามือนายไปวางตรงไหน? จะลวนลามเราเหรอ? ระวังนะล้วงไปเดี๋ยวก็เจออะไรแบบเดียวกับที่อยู่ในกางเกงของนาย จูบสิ”
เจอต้นน้ำท้ามาตาแป๋วแบบนี้มิวนิคก็ชักเขิน เขารู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงมากกว่าเดิม เขาร้อนซู่เพราะเลือดสูบฉีด เขาไม่กล้าทำอะไรต้นน้ำคนนี้!
“ฮ่ะๆ”
“เออ! ฝากไว้ก่อนเหอะมึง แต่กูไม่เลิกจีบมึงง่ายๆ หรอกบอกไว้ก่อน กูจะจีบมึงไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละสนุกดี!”
“ใช่มั้ยล่ะ? เป็นเพื่อนกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ดีกว่าเนอะ”
“ต้น มึงนี่...”
“ฮ่าๆ”
“กวนว่ะ!”
“เอาน่ะ เห็นแก่ที่เป็นวันปีใหม่ เราจะให้ของขวัญนายก็ได้นะ”
“อะไรอ่ะ?”
“เอาหูมาดิ”
แล้วต้นน้ำก็กระซิบอะไรบางอย่างกับมิวนิค
“มึงพูดจริง!”
“อืม เราพูดคำไหนคำนั้น แต่ถึงแค่พรุ่งนี้เท่านั้นนะ”
“ได้เลย รับรองมึงต้องหลงรักกูแน่”
“แล้วเราจะรอดู ฮ่าๆ”

“พวกมึงว่าต้นกระซิบไรกับมิววะ?”
“มันกระซิบอะไรกูไม่รู้ แต่กูรู้อย่างนึง”
“อะไรวะพัท?”
“ต้นมันร้ายว่ะ ไอ้มิวแพ้ราบคาบ”
“แต่น่าสงสารมิวออก ต้นกลับไปคบกับแฟนเก่าอ่ะ แบบนี้มิวก็อกหักดิ”
“มึงแหละคิวว์ ต้นไปค้างห้องมึงบ่อยจะตายไม่ระแคะระคายอะไรเลยรึไงวะ?”
“ก็กู...”
“มึงจะเอาอะไรกับตัวโง่หมายเลขสองของภาควะพัท?”
“แล้วพวกมึงสี่ตัวจะแอบฟังสองคนนั้นอีกนานมั้ยวะ”
ระ เรา เปล่า!”
“มึงก็เสือกพอๆ กับกูแหละเอก”
“กูไม่ได้เสือก กูมาตาม อัฐบอกให้กูมาเรียกต้น”
“ทำไมวะ?”
“มีคนมาหามัน”
หัวข้อ: Re: [ภาค2#31/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-01-2015 18:12:07
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: [ภาค2#31/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 01-01-2015 19:31:13
อ้ากกก. ใครมาหาต้นอ่าาา :ling1:
ตอนนี้ต้นกะมิวนิคน่าจิ้นมว้ากกก อ้ายย
ปกติไม่ค่อยชอบการ์ตูนหรือนิยายแนวฮาเร็มทั้งหลาย
แต่มาเจอะเรื่องนี้ดันชอบเว้ย แถมจิ้นตัวเอกกะคนอื่น
ในฮาเร็มที่ไม่ใช่พระเอกได้อีก แต่แอบสงสารพี่ชัชเบาๆ
ตอนนี้มาแค่เสียงเอง มิวนิคทำคะแนนนำแย้วว แต่ก็นะ
ยังไงๆพี่ชัชแกก็นัมเบอร์วันในใจนุ้งต้นอยู่ดี
ลูแปง...คนเขียนขาส่งพี่ชัชมาบ้างนะค่าาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: [ภาค2#31/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 01-01-2015 22:07:32
คือแบ๊บ มิวนิค น่ารักวะ โอ้ยยแบบไม่ไหวแล้วว นางซื่อบื้อแบบน่ารักสุดๆ
แล้วใครมาหาต้นน้าาา
หัวข้อ: Re: [ภาค2#31/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that.
เริ่มหัวข้อโดย: ordinary_y ที่ 03-01-2015 08:02:41
พอดีเพิ่งมีโอกาสได้อ่าน(เฉพาะภาคแรก เดี๋ยวมีโอกาสจะกลับมาอ่านภาค 2 ต่อนะค้า) สนุกมากเลยจ้า แต่เห็นคนเขียนชื่นชอบตัวละครที่ชื่อแม็กซ์มากเลย เลยอยากมายกมือบอกว่าเป็นตัวละครที่เราไม่ค่อยชอบ อ่านไปอ่านมาแล้วโมโห :katai1:(คืออิน) 555+ คือคาแรคเตอร์ของแม็กซ์(เท่าที่เห็น)เป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง ดันทุรันโดยที่มองข้ามความรู้สึกของคนอื่น ชอบแสดงความเป็นเจ้าของ วุ่นวาย ที่สุดท้ายยอมถอยเพราะมันเกิดปัญหาลุกลาม เลยรู้สึกว่าน่ารำคาญมากกว่าน่าสงสาร เห็นพระเอกนายเอกโดนด่าเละเลย สงสาร
หัวข้อ: Re: [ภาค2#31/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 05-01-2015 03:02:23
รอกันนานมั้ย? นาน นานเพราะอะไร? เพราะคนเขียนเค้นอารมณ์ตัวเองไม่ออก  :katai1:
แต่ในที่สุดก็แต่งจบแล้ว ฮ่าๆ เดี๋ยวขอไปเกลาให้มันสะใจก่อนแล้วจะเอามาลงนะ ตอนนี้อ่านต้นน้ำ's ปาร์ตี้(รั่ว!) ไปก่อนแล้วกัน ตอนหน้าเฮียเขากลับมาแน่!


ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม (ต่อ)

และเมื่อทั้งเจ็ดคนไปถึงก็พบกับ!
“โต้น คิดถึงจังเลย หวัดดีปีใหม่น้า”
“มาไงวะนั่น?”
พรรคพวกที่เหลือหันไปกระซิบกระซาบกัน แต่มีหรือที่ไปป์จะสนใจในเมื่อต้นน้ำอยู่ตรงหน้านี่แล้ว! ไปป์ทั้งกอดทั้งถูต้นน้ำเสียยิ่งกว่าลูกหมาจนต้นน้ำแอบทำหน้าเอือม
“มาได้ยังไงน่ะไปป์?”
ต้นน้ำรู้มาว่าไปป์โดนป่านล็อกตัวไปสวดมนต์ข้ามปีกับครอบครัวของเธอเลยไม่ได้มาเคาท์ดาวน์ด้วยกัน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าไปป์จะโผล่มาแบบนี้
“ก็พอใส่บาตรเสร็จเมื่อเช้าก็แอบหนีมาเลย แหะๆ”
ไปป์กระดิกหางดิ๊กๆ เหมือนรอให้เจ้าของชื่นชม แต่เจ้าของอย่างต้นไม่มีวันชมลูกหมาน้อยจอมยุ่งอย่างไปป์หรอก!
ละนี่บอกป่านแล้วรึยัง?”
“บอกแล้วล่ะ ป่านยังบอกให้เราตามมาดูแลต้นเลย แถวนี้เหลือบไรมันเย้อ”
อัฐนั่งมองภาพที่ไปป์กอดต้นน้ำเอาไว้อย่างหวงแหนแล้วหันไปยักคิ้วยิ้มราวกับเหนือกว่าใส่มิวนิคแล้วก็ขำ ส่วนต้นน้ำก็หน้าซีดเหงื่อแตกเมื่อนึกถึงข้อตกลงสนุกๆ ที่ตัวเองทำไว้กับมิวนิค!
“จะมาทำไมว้า เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกกูก็กลับละ”
“กูมาหาต้น ไม่ได้มาหามึง ไอ้ยักษ์!”
สงครามน้ำลายคงจะมีต่อถ้าหากต้นน้ำไม่เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนหวานเชื่อม หากแต่ชื่อของคนที่ถูกเรียกกลับเป็น!
“มิวนิค...”
เมื่อเห็นต้นน้ำส่งสายตาแฝงความหมายบางอย่างมาให้มิวนิคก็หน้าแดง เขายอมหยุดเถียงกับไปป์ก่อนจะยักไหล่ทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่น้ำเสียงที่ต้นใช้ก็สะกิดต่อมคนอื่น
และแล้วทุกคนก็ต้องแปลกใจ ตลอดทั้งวันจนถึงเย็นต้นน้ำกับมิวนิคตัวติดกันไม่ยอมห่าง แม้จะมีไปป์มาคอยแทรกแต่ก็ทำอะไรยักษ์ซื่อบื้อไม่ได้ ดูเหมือนว่าคราวนี้ต้นน้ำจะให้ท้ายเปิดไฟเขียวใส่มิวนิคและคอยปรามไปป์แทน ที่สำคัญพวกเขายังไม่ได้ยินต้นน้ำด่าเจ้ายักษ์โง่ซักประโยค!
จะนั่งจะยืนจะเดินต้นน้ำก็อยู่เคียงข้างมิวนิคตลอดเวลา เดี๋ยวป้อนน้ำเดี๋ยวป้อนขนม มีกระทั่งซับเหงื่อ! เวลาคุยกันก็ใช้เสียงหวานเจี๊ยบน้ำตาลเรียกพี่ จากเดิมที่คอยเชียร์เหล่าฟิสิกส์มุงเลยแอบสยองนึกว่าต้นน้ำผีเข้า! ไปป์น้อยที่อุตส่าห์เก็บข้าวของตามต้นน้ำมาถึงทะเลเลยออกอาการงอน ลูกหมาน้อยงอนได้น่ารำคาญเหมือนเด็กสามขวบ! แต่คราวนี้ต้นน้ำกลับไม่ง้อ! ชาวฟิสิกส์มุงจึงเห็นภาพของต้นน้ำสวีทกับมิวนิคโดยมีเรือพ่วงลำน้อยๆ ที่ชื่อไปป์
อา... นี่มันฉากแนะนำแฟนใหม่ของคุณแม่ในสถานการณ์คุณลูกหวงแม่ปะทะพ่อเลี้ยงชัดๆ
สุดท้ายเมื่อไปป์งอนมากๆ เข้าต้นน้ำจึงยอมบอกความจริงว่าตนสัญญาจะเป็นแฟนให้มิวนิคควงหนึ่งวัน ไปป์น้อยเลยโวยวาย แต่เมื่อต้นน้ำบอกว่ากลับไปแล้วจะอนุญาตให้ไปป์ไปค้างที่บ้านได้ตามสบายลูกหมาน้อยก็เงียบกริบเพราะสินบนน่าสนใจกว่าเห็นๆ ถึงจะเป็นลูกหมาเอาแต่ใจแต่ก็ฉลาดพอจะอดเปรี้ยวไว้กินหวาน!
เพราะคราวนี้ไปป์น้อยโดนต้นน้ำดุ คนอื่นเลยนึกสนุกแกล้งแหย่ไปป์ นอยซ์คิดว่าไปป์ยังไม่รู้ความลับของต้นกับอัฐจึงไปยุให้ไปป์หันไประแวงอัฐเพิ่มอีกคน แต่ว่า...
“มึงคิดว่ากูโง่เหรอนอยซ์ อัฐกับต้นไม่มีวันมีอะไรแบบนั้นหรอก หึๆ”
“เชื่อกูดิ ระวังไว้นะมึง เห็นมันนิ่งๆ มันเอาจริงนะ เมื่อคืนก็นอนห้องเดียวกับต้น ตอนเช้ากูเห็นพวกมันกอดกันคาตาเลย”
บางทีอัฐก็นึกเคืองปนขำเพื่อนคนนี้ เขาผ่านมาได้ยินพอดีเลยยืนหลบอยู่ใกล้ๆ ปล่อยให้ทโมนที่เหลืออำไปป์กันสนุกสนาน
“ไม่มีทาง เพราะถ้าอัฐชอบต้นจริงๆ มันไม่ไปกินข้าวน้องยาหยีหรอก อัฐมันชอบสายแบ๊ว ซึ่งต้นไม่ใช่เสป็กอัฐ!”
“มึงรู้ได้ไงวะ? อัฐเนี่ยนะชอบสายแบ๊ว? กูนึกว่ามันชอบแบบเรียบร้อยซะอีก”
“ก็กูเห็น อัฐมันชวนน้องเขาไปดูหนัง ปกติมันไปกับสาวที่ไหน มันจีบน้องเขาชัวร์!”
“น้องเขาว่างพอดีเลยไปด้วยกัน กูไม่ได้จีบเขา”
เป็นอันว่าข้อมูลของไปป์แน่นปึ๊กจนอัฐร้อนตัว จากเดิมที่เหล่าฟิสิกส์มุงรุมแกล้งไปป์เลยกลายเป็นรุมซักอัฐแทน
“มึงยังไม่ได้จีบแต่ก็ชอบ ใช่ป่ะๆ”
“แล้วไปดูหนังกับสาว ใครจะไม่ชอบวะ?”
เพียงเท่านี้ก็มีเฮ นอยซ์รีบป้องปากตะโกน
“ไอ้ต้นโว้ย! มึงจะมีน้าสะใภ้แล้วโว้ย!”
แต่ไปป์งง!
“น้า?”
นะ นะ นาย ยังไม่รู้สินะ นะ นะ อะ อะ อัฐเป็นน้า นะ น้าของต้น”
“อะไรนะ!”
ถังข้าวอ้าปากเตรียมจะพูดอีกรอบแต่ไปป์ยกมือห้าม
“ไลน์มาก็ได้ถัง มึงพิมพ์เร็วว่าพูด!”
และแล้วข้อความก็เข้า ไปป์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านทันทีที่ได้ยินเสียงเตือน ‘อัฐเป็นน้าแท้ๆ ของต้น’ ไปป์มีสีหน้าตกใจ ‘แม่ของอัฐเป็นน้องคนละแม่ของยายต้น’ ไปป์อ้าปากค้าง ตั้งใจจะพิมพ์ข้อความกลับไปถามว่าจริงดิแต่ไม่ทัน ถังข้าวส่งข้อความที่สามมาเสียก่อน ‘ต้นบอกว่าพึ่งรู้ตอนปิดเทอม อัฐพาต้นกลับไปหาแม่ที่อยุธยา’ และข้อความทั้งหมดนั้นถังข้าวพิมพ์ส่งอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงห้าวินาที!
แต่อนิจจา ... น้องถังข้าวพลาด! ด้วยความรีบเขาเลยเผลอคุยกับไปป์ในไลน์กลุ่มไม่ใช่ไลน์ส่วนตัว ดังนั้นเลยมีข้อความจากฟิสิกส์มุงคนอื่นๆ กระหน่ำเข้ามา ต้นน้ำเลยวิ่งหน้าตื่นมาหาคนทั้งคู่!
“นี่มันอะไรกันอ่ะถัง!”
ดราม่าตัวแม่ยืนถือโทรศัพท์ในมือ แล้วใช้อีกมือชี้ไปที่หน้าจอ ข้อความไลน์ยังคงเลื่อนไม่หยุดแสดงให้เห็นว่าฟิสิกส์มุงที่เหลือให้ความสนใจกับข่าวนี้ รู้กันทั้งรุ่นแล้ว! ไม่สิ ในกลุ่มมีรุ่นพี่รุ่นน้องบางคนด้วย รู้กันทั้งภาคแหง๋ๆ!
ถังข้าวยืนหน้าซีดแล้วกดพิมพ์ตอบไปว่า ‘เราขอโทษ เราลืมออกกลุ่มไปแชทส่วนตัว’
“ถังข้าว!”
แล้วก็เกิดมหกรรมวิ่งไล่จับขึ้น ต้นน้ำไล่กวดถังข้าวที่วิ่งหนีเอาเป็นเอาตาย อา... บรรดาเด็กหนุ่มฟิสิกส์รุ่นนี้มีแต่พวกแปลกๆ จริงด้วยแฮะ
ส่วนไปป์น้อย เขาหันไปมองอัฐที่ยังคงนั่งยิ้มอยู่ที่เดิม
“ที่ถังเล่า จริงเหรอ?”
“จริง”
“งั้นถ้าต้นเป็นแม่กู มึงไม่ต้องเป็นตากูเหรออัฐ?”
“ตาเลยเหรอ? เอาเหอะ แล้วแต่นะ ฮะๆ”

หนุ่มๆ เดินดูแสงสียามค่ำคืนของเมืองพัทยากันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะรัซเซียเบบี้ นอยซ์ตาลุกวาวกับภาพของสาวโคโยตี้ในตู้กระจก ผู้ชายวัยรุ่นกลุ่มใหญ่เดินไปตามถนนสายราตรี ผับบาร์มีสาวๆ ยืนเรียกลูกค้าอย่างครึกครื้น แต่กลับไม่มีใครมาจิกหนุ่มๆ ในกลุ่มเลยแม้แต่น้อย ด้วยหนังหน้าบอกยี่ห้อสัญชาติไทยแลดูแล้วยังเด็กไม่น่าจะกระเป๋าหนักจึงถูกเมิน นาทีนี้ความหล่อของคิวว์ก็ไม่ช่วยอะไรเพราะถนนสายนี้ไม่นิยมลูกค้าชาวไทย มิหนำซ้ำลูกครึ่งสุดหล่ออย่างมิวนิคยังเดินควงมากับต้นน้ำ ดูก็รู้ว่าไม่มีหวังไม่ต้องเรียกให้เปลืองน้ำลาย เหล่าฟิสิกส์เลยถ่ายรูปบรรยากาศเล่นกันสนุกๆ
แต่ไปป์ไม่สนุกเลยเพราะต้นน้ำกระหนุงกระหนิงกับมิวนิคจนน่าหงุดหงิด นอกจากต้นน้ำจะไม่ด่าหลุดปากมิวนิคสักคำแล้วต้นน้ำยังมองมิวนิคด้วยสายตาหวานเชื่อมอีก อา... แม่ต้นสุดที่รักของเขาต้องโดนไอ้ยักษ์โง่ทำเสน่ห์ยาแฝดใส่แน่ๆ
“กินลูกชิ้นมั้ย?”
ไปป์หน้าบูดนับหนึ่งถึงสิบในใจมองต้นยกลูกชิ้นปิ้งขึ้นไปจ่อปากมิวนิค ตัวเกะกะในสายตาเขาก้มลงมาแล้วจับมือต้นน้ำเอาไว้นิ่งๆ ก่อนจะงับลูกชิ้นปิ้งเข้าปาก
“อ้อนอีๆ อิ เออะอะ”
“ขอโทษ น้ำจิ้มมันหกอ่ะ”
ต้นน้ำกล่าวขอโทษก่อนจะยกทิชชู่ขึ้นเช็ดมุมปากให้มิวนิคต่อหน้าธารกำนัล หลังจากนั้นก็ส่งยิ้มหวานให้
“เอาอีกมั้ย?”
อา... ไปป์ทนไม่ไหวแล้ว ดังนั้นลูกชิ้นคำต่อไปจึงถูกลูกหมาน้อยกระโดดเข้ามางาบไปรวดเดียวสามลูกหมดไม้!
“ไปป์!”
ในที่สุดก็ได้ยินเสียงวีนของต้น ฮ่าๆ แต่เอ๊ะ! ทำไมต้นวีนเขาล่ะ?
“เล่นบ้าอะไรห๊ะ! เดี๋ยวก็โดนไม่เสียบลูกชิ้นจิ้มหรอก”
“แล้วต้นไปป้อนมันทำไมอ่ะ สนใจแต่มัน เราก็หิวนะ”
“ก็บอกดีๆ สิ”
เมื่อเห็นหน้าไปป์ชัดๆ ต้นก็ดุไม่ลง หนุ่มหล่อหน้าตาน่ารักแก้มตุ่ยเพราะอมลูกชิ้นสามลูกไว้ในปาก แถมยังมีรอยน้ำจิ้มเลอะข้างแก้มเป็นแนว
“แย่งลูกชิ้นกู”
สงครามลูกชิ้นกำลังจะเกิด แต่ทว่า
“มิวนิค ... เราขอนะ”
เพียงแค่ต้นน้ำหันมาส่งเสียงอ้อนเข้าหน่อยมิวนิคก็ยอมแพ้ สายตาของต้นน้ำสื่อความหมายว่าอย่าเอาเรื่องไปป์เต็มที่มิวนิคจึงทำอะไรไม่ได้ เขาไม่อยากหลุดฟอร์มเสียคะแนนตอนนี้
“เออๆ เลิฟมีเลิฟมายด็อก”
เขาบ่นเซ็งๆ ก่อนจะเดินหนีไปหาคิวว์ ต้นน้ำที่ยิ้มหวานเลยกลับคืนสู่สีหน้าปกติแล้วหลุดขำพลางส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะหันกลับมามองไปป์ที่ยังทำหน้าบูดอยู่
“หิวเหรอ? แล้วตอนอยู่ร้านเมื่อกี้ก็ไม่กิน”
“ก็ต้นเอาแต่สนใจมันอ่ะ”
“ก็เราสัญญากับเขาไว้นี่”
“ไม่เห็นต้องไปสัญญาอะไรแบบนั้นเลยอ่ะ!”
“แค่พนันกันสนุกๆ น่ะ อ๊ะ! ตรงนั้นมีเซเว่น ซื้อขนมกินมั้ย? เราเลี้ยงก็ได้”
“กินๆ แต่เราอยากกินปลาหมึกย่างอ่ะต้น นายว่าแถวนี้จะมีป่ะ?”
“ไม่รู้สิ เดินหาเอาละกัน”

“เป็นไงบ้างวะมิว?”
“เซ็งว่ะ กูอุตส่าห์มีโอกาสทำไมต้องมีก้างขวางคอด้วยวะ”
“เอาน่า มึงไม่มีวันชนะไปป์หรอกมึงก็รู้”
“แฟนก็ส่วนแฟนดิว้า ลูกหมาไม่เกี่ยว”
“แต่ลูกหมาตัวนั้นของมึงต้นมันรักยิ่งกว่าแฟนอีกนะ บอกว่าต้นเบ่งไอ้ไปป์ออกมากูยังเชื่อเลย ตอนนี้ต้นโคตรโอ๋ไอ้ไปป์ มันเลยยิ่งทำตัวปัญญาอ่อนเข้าไปใหญ่”
ฟังนอยซ์พูดแล้วมิวนิคก็เซ็ง คิวว์เลยตบบ่าให้กำลังใจเพื่อนเบาๆ
“เออ แล้วไปป์รู้รึยังว่าต้นกลับไปคบกับแฟนอ่ะ?”
เมื่อคิวว์เปิดประเด็นนอยซ์เลยมีสีหน้าชั่วร้าย
“กูมีแผนเจ๋งๆ จะช่วยมึงแล้วว่ะเพื่อนมิว”
“อะไรของมึงวะ?”

แต่แผนทั้งหมดไม่สำเร็จ!
เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านพักต้นน้ำชวนมิวนิคไปเดินเล่นสองต่อสองซะงั้น! นอยซ์ได้ทีเลยล้างสมองไปป์ตามแผน ทว่านอยซ์คาดการณ์ผิด! จิตใจของไปป์ซับซ้อนเกินกว่าอารมณ์ขั้นพื้นฐานของมนุษย์ขี้อิจฉาตามปกติ
“แล้วไง? ต้นกลับไปคบกับแฟนเก่าแล้วยังไง?”
“มึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอไปป์! แฟนเก่าต้นโคตรชั่วเลยนะเว้ย”
“ต้นจะรักใครชอบใครกูไม่สน ยังไงกูก็เป็นที่หนึ่งของต้นอยู่ดี”
“แต่แฟนเก่าต้นมัน-”
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง? ให้กูห้ามไม่ให้ต้นกลับไปคบกับพี่เขาเหรอ? กูไม่มีสิทธิ์ซักหน่อย ก็คนเขารักกัน แล้วตอนนี้เขาเข้าใจกันแล้วก็ดีออก ต้นของกูจะได้มีความสุขซักที”
ไปป์ยิ้มออกมาอย่างสดใส ใบหน้าน่ารักของเขาบริสุทธิ์ไร้เดียงสาราวกับเด็ก แต่ประโยคถัดมากลับเอาแต่ใจจนนอยซ์สยอง!
“ต้นจะคบใครเป็นแฟนก็ช่าง แต่ที่หนึ่งของต้นต้องเป็นของกู หึๆ ฮ้าว! ชักง่วงว่ะ กูไปนอนก่อนนะ ฝากบอกแม่กูด้วยว่ากูหลับแล้ว”
ว่าแล้วไปป์ก็หายเข้าไปในห้องนอน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้นนอนห้องไหนไปป์นอนห้องนั้น อัฐมองตามแล้วก็หันไปมองหน้าเอก
“มึง! หลานมึงๆ รับผิดชอบ”
อา... ดูเหมือนคืนนี้ต้องมีคนเสียสละนอนพื้นห้องเสียแล้ว จะมีใครสงสารคุณน้าดวงซวยบ้างมั้ยน้อ?
“อะไรของมันวะ งงว่ะ”
นอยซ์หันไปขอความเห็นจากถังข้าว ส่วนคิวว์ยังคงมองตามไปป์ด้วยอาการงงไม่แพ้กัน เขาไม่เข้าใจเพราะไม่เคยเจอฤทธิ์เดชของไปป์ ที่หนึ่งอะไรกันหนอ?
อัฐเห็นดังนั้นจึงลอบยิ้ม ในขณะที่เอกพูดขึ้นลอยๆ เล่นเอาสามคนที่เหลือแปลกใจ
“มึงคิดว่าไปป์มันโง่รึไง ถึงมันจะปัญญาอ่อนแต่คนที่รู้จักต้นดีที่สุดก็คือมัน ไปป์มันไม่พลาดทำสิ่งที่ต้นเกลียดหรอก”
“มึงหมายความว่าไงวะ?”
“ก็หมายความว่าไม่ว่าต้นจะรักใคร จะดีจะร้ายไอ้ไปป์มันก็หลับหูหลับตารักด้วยทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่ไปยุ่งกับตำแหน่งของมันไปป์มันไม่สนหรอก”
“เอกหมายถึงว่าอย่าไปแย่งความสนใจของต้นจากไปป์น่ะ กูเคยโดนมาแล้ว”

“ไม่เห็นดาวเลยเนอะ?”
“แสงไฟเยอะแบบนี้มึงไม่เห็นหรอก อยากเห็นมึงต้องไปหาดที่มันสงบๆ กว่านี้”
บางครั้งมิวนิคก็เกิดจะมาฉลาดในสถานการณ์ที่ควรใช้หัวใจมากกว่าสมอง ต้นน้ำอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหมาป่าคารมดีบางคน คนๆ นั้นทำให้เขาอมยิ้มได้เสมอด้วยคำพูดไม่กี่คำ
“เสียดายนะ ถ้ามีดาวให้เห็นบ้างก็คงดี”
“ทำไมอ่ะ มึงชอบดูดาวเหรอ?”
“อื้ม ชอบสิ แล้วนายไม่ชอบหรอกเหรอ? อุตส่าห์มาเรียนฟิสิกส์อ่ะ”
“กูเลือกคณะมั่วๆ ว่ะ”
เมื่อได้ยินคำตอบต้นน้ำก็เพลีย เพื่อนเขาคนนี้จะรอดมั้ยนี่?
“วันนี้สนุกมั้ย?”
“หา? อะไรนะ?”
มิวนิคงงที่อยู่ๆ ต้นน้ำก็ชวนคุยหัวข้อแปลกๆ เลยตั้งตัวไม่ทัน
“ได้ควงเราวันนึง สนุกมั้ย?”
มิวนิคได้ยินแล้วก็หน้าแดง สนุกมั้ยน่ะหรือ? เขามีความสุขจะตาย แต่อีกใจก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมันไม่ใช่
“กู...”
“นายรู้ป่ะ เราไม่เคยทำแบบนั้นกับแฟนเก่าเราหรอกนะ”
เมื่อเห็นมิวนิคทำหน้างงต้นน้ำเลยอธิบาย
“เราไม่เคยสวีทอะไรแบบนี้กับพี่ชัชหรอก ที่เห็นนั่นเราแอ๊บล้วนๆ”
“อ้าว! มึงหลอกกูเหรอ?”
มิวนิคเสียงดังใส่ แต่ต้นน้ำก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เขาตอกกลับหน้าตายจนมิวนิคพูดไม่ออก
“หลอกอะไร? ก็เป็นแฟนควงกันหลอกๆ อยู่แล้วนี่นา ฮะๆ ใจเย็นน่ะ อืม... ไงดีละ เอาเป็นว่าเราไม่เคยทำตัวแบบนี้ตอนที่เราคบกับแฟนก็แล้วกัน ไม่เคยสวีทกับพี่ชัชหรืออ้อนกันแบบนี้หรอก”
“อ้าว? แล้วมึงเป็นยังไงวะ?”
“ก็เป็นแบบนี้แหละ เป็นเหมือนปกติแบบที่วีนใส่นาย บางทีเราโมโหพี่เขามากๆ ก็ด่า หงุดหงิดมากๆ ก็มีตบบ้าง”
ได้ยินแล้วมิวนิคก็อึ้ง!
“แล้วมึงทำแบบนั้นทำไม?”
มิวนิครู้ดีว่าต้นน้ำมีเหตุผลที่ทำเช่นนั้น แต่เขาไม่เข้าใจว่าต้นน้ำทำไปทำไม ถึงเขาจะดีใจที่ได้ควงกับต้นน้ำหนึ่งวัน แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการให้ต้นน้ำฝืนความรู้สึกตัวเองเช่นนี้
“แล้วเราที่เป็นเราแบบนี้ กับเราที่หวานกับนายแบบนั้น นายชอบแบบไหนมากกว่ากันเหรอ?”
“กู...”
มิวนิคพบคำตอบในใจตัวเองแล้ว แต่เขาไม่จำเป็นต้องตอบ ต้นน้ำยิ้มให้เพื่อนสมองกล้ามอย่างจริงใจ
“ปกติพี่ชัชเขามักจะเป็นคนทำอะไรหวานๆ ให้เราก่อนเสมอ เราเป็นคนชอบพี่เขาก่อนแท้ๆ แต่สิ่งที่เราทำได้ก็มีแค่พยายามทำโน่นทำนี่ให้พี่เขา เราหมายถึงพวกงานบ้านน่ะ เพราะเราทำได้แค่นั้น เราไม่ใช่คนโรแมนติกแถมยังขี้บ่น แย่เนอะ”
“เอ้ย! ไม่หรอก มึงก็มีส่วนน่ารักของมึง”
“ขอบใจ”
ต้นน้ำฉีกยิ้มอย่างสดใสก่อนจะรวบรวมความคิดในหัวตัวเอง
“อืม เราชอบนายนะมิวนิค แต่นายไม่ใช่อ่ะ ละถ้านายหวังอยากให้เราหวานอะไรแบบนั้นกับนาย ต้นน้ำคนที่นายฝันถึงก็คงไม่ใช่ตัวเรา แต่นายก็คงมีคำตอบในใจอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ?”
“เออ กูชอบมึงแบบปกติมากกว่า แบบนั้นมันก็ดีอ่ะแต่เหมือนไม่ใช่ตัวมึง”
“เนอะ แต่ถ้าเป็นเราในแบบปกติ งั้นความสัมพันธ์ของเราสองคนมันก็คงไม่ต่างอะไรกับตอนนี้ใช่มั้ย? ก็เหมือนที่เราเป็นเพื่อนกันงั้นสิ?”
“กู...”
เจอย้อนกลับมาแบบนี้มิวนิคก็ยอมแพ้เถียงกลับไม่ออก
“แล้วที่กูใจเต้นเพราะมึงล่ะ? กูไม่ใจเต้นกับเพื่อนธรรมดาๆ หรอก”
อัลเซเชี่ยนตัวโตหงอยไปถนัดตาจนต้นน้ำสงสาร
“กูไม่เคยชอบผู้ชายด้วยกันมาก่อน อยู่ๆ กูก็รู้สึกว่ามึงน่ารัก แล้วก็ชอบมึง มึงว่าความชอบของกูเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบเหรอวะ? กูจริงจังนะ กับสาวคนอื่นกูยังไม่รักมากขนาดนี้เลย”
“แต่เราก็ให้นายได้แค่นี้จริงๆ เรามองนายได้แค่เพื่อน เราไม่ได้อยากใช้ชีวิตร่วมกับนาย!”
เจอต้นน้ำปฏิเสธตรงๆ แบบหมดเยื่อใยเช่นนี้แล้วมิวนิคจะตื้ออย่างไรได้อีก เขารู้ดีว่าแพ้แต่ยังไม่อยากยอมรับ
ต้นน้ำจึงถอนหายใจยาวก่อนจะใช้มารยา เขาต้องจบมันให้ได้ ต้นน้ำไม่อยากปล่อยให้มิวนิคหวังลมๆ แล้งๆ อีก เขารักชัยชัชและจะรักพี่ชัชของเขาคนเดียวตลอดไป!
“เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มันไม่โอเคเหรอมิว?”
เจอลูกอ้อนของคนเอาแต่ใจเข้าไปมิวนิคก็ใจอ่อน แต่เขาก็รู้สึกว่าต้องแบบนี้แหละถึงจะสมเป็นต้นน้ำ เย่อหยิ่งเอาแต่ใจร้ายกาจแต่ก็ทำให้เขาปฏิเสธไม่ลง สุดท้ายยักษ์โง่จึงทำได้แค่ถอนหายใจแก้กลุ้ม
“ทำไมอยู่ๆ มึงใจดีกับกูจัง?”
“เพราะนายเป็นคนดีมั้ง เราไม่อยากเผลอทำให้ใครมาคิดแค้นเราอีกแล้ว ชอบไม่ชอบก็อยากบอกตรงๆ แล้วก็... เราอยากพูดให้เคลียร์ด้วย ไม่อยากปิดหูปิดตาแล้วปล่อยให้นายมีความหวังจนคิดไปเอง เราไม่อยากเห็นนายยึดติดกับเรามั้ง”
“เมย์มันคงอิจฉากูน่าดู ฉากอกหักกูเบากว่ามันเยอะ!”
“เราขอโทษ”
“ช่างเหอะ ยิ่งมึงน่ารักขึ้นแบบนี้กูก็ยิ่งชอบว่ะ คงเลิกชอบมึงยาก แต่กูไม่โกรธมึงหรอกนะ เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้กูรู้”
ได้ยินแล้วต้นน้ำก็ยิ้ม
“งั้นกลับบ้านพักกันมั้ย? ดึกแล้ว”
“เดี๋ยวดิ กูยังไม่หมดเวลานะเว้ย!”
เมื่อเห็นต้นน้ำทำหน้างงมิวนิคเลยอธิบาย
“ก็มึงบอกถึงตอนกลับไง กูยังไม่หมดเวลา ตอนนี้มึงยังเป็นแฟนกูอยู่ กูอยากนั่งดูดาวกับมึงสองต่อสอง”
เมื่อเห็นมิวนิคโวยวายแถมยังกลับคำต้นน้ำเลยหรี่ตาลงจับผิด ถึงเขาจะรู้ว่าเพื่อนเป็นคนดีแต่ก็ใช่ว่าคนดีหาเศษหาเลยไม่เป็น เขายอมลงทุนถึงขั้นนี้แล้วไม่อยากขาดทุนมากไปกว่าเดิมหรอกนะ!
“ไหนบอกไม่เห็นดาวไง?”
“ก็กูรำคาญไปป์อ่ะ อยากอยู่กับมึงสองคน”
อันที่จริงต้นน้ำเข้าใจดีเชียวล่ะ ถึงเขาจะรักไปป์มากแต่ก็มีแอบรำคาญบ่อยๆ แต่ทำไงได้ ลูกหมาน้อยตัวนั้นเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขาไปซะแล้ว ต้นน้ำรู้สึกเหมือนเวรกรรมที่เคยทำไว้กับธันย์จะย้อนกลับมาเล่นงานเขาด้วยเพื่อนชายที่ชื่อไปป์!
แต่เอ... ป่านนี้ไปป์จะนอนแล้วรึยังนะ? แล้วไปป์จะแปรงฟันก่อนนอนรึเปล่า? คิดแล้วต้นน้ำก็แอบกังวลจนต้องไล่ความคิดในหัวตัวเองด้วยการส่ายหน้าเบาๆ เขาหันกลับมาสนใจมิวนิคตามเดิม
“อืม ก็ได้ แต่! ห้ามลวนลามเรานะ เราไม่ชอบ ห้ามจูบ ห้ามกอด ห้ามหอมแก้ม ห้ามใช้ข้ออ้างมาแต๊ะอั๋งเรา ไม่งั้นเราโกรธจริงๆ ด้วย”
“มึงห้ามกูแบบนี้แล้วกูจะทำอะไรมึงได้วะ?”
“คิดอกุศลกับเราจริงๆ ใช่มั้ย! ทุเรศอ่ะ!”
“แล้วกูผิดเหรอ? ก็มึงมันน่า...”
“น่าอะไร! พูดให้มันดีๆ นะ!”
“เออๆ กลับก็กลับ มันต่างกับปกติตรงไหนวะเนี่ย! อุตส่าห์ได้เป็นแฟนมึง เอาเปรียบว่ะ ไหนบอกจะให้ของขวัญกูไง?”
“อ่ะๆ งั้นจับมือก็ได้ ให้จับมือเดินกลับบ้านอ่ะ”
ต้นน้ำลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือมาตรงหน้ายักษ์ซื่อบื้อที่ยังนั่งงอนอยู่
“จับมือ? กูไม่ใช่ไอ้ไปป์นะจะได้เป็นเด็กหลงให้มึงจูง”
“แล้วจะเอาไง? เรื่องมากอ่ะ นี่เราก็ยอมทุ่มทุนแล้วนะ”
จากเดิมที่บนใบหน้ามีรอยยิ้มสดใสเอาใจเพื่อนมาบัดนี้คิ้วของต้นน้ำเริ่มจะขมวดแล้ว มิวนิคเล่นตัวเกินไปละ!
“เอาแบบนี้!”
ว่าแล้วมิวนิคก็ลุกขึ้นช้อนตัวต้นน้ำลอยสูงจากพื้นด้วยท่าอุ้มเจ้าสาว!
“เฮ้ย! ไอ้บ้า! มิวนิคปล่อยเรานะ!”
ต้นน้ำไม่ทันตั้งหลักลอยหวือจึงตกใจ เขาเกาะเพื่อนร่างยักษ์แน่นเพราะกลัวตก!
“มึงตัวเบาจัง กูอุ้มสบายเลยว่ะ”
“ไอ้บ้า! ไม่เล่น!”
“ฮ่าๆ”
“เฮ้ย ปล่อย!”
“กูไม่ปล่อย!”
นอกจากมิวนิคจะไม่ปล่อยแล้วยังแกล้งต้นน้ำอีก เขาแกล้งเหวี่ยงร่างของต้นน้ำจนคนถูกแกล้งได้แต่หลับตาปี๋!
จะเอาอะไรกับยักษ์สมองกล้าม ผู้ชายอายุยี่สิบต้นๆ ยังมีความเป็นเด็กอยู่ในตัว ยิ่งอยู่ในหมู่เพื่อนความซุกซนแบบเด็กๆ ยิ่งฉายชัด มิวนิคเลยแกล้งต้นน้ำเหมือนเด็กสิบขวบแกล้งกัน แม้จะเป็นการรังแกใช้กำลังแบบไม่คิดหน้าคิดหลังแค่ทำเอามันแต่มิวนิคก็คิดว่าตนได้กำไร นอกจากจะได้แกล้งคนแล้วต้นน้ำยังกอดเขาแน่นอีกต่างหาก
ในที่สุดต้นน้ำก็ยอมแพ้ เขาร้องขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน ต้นน้ำถูกมิวนิคจับเหวี่ยงจนมึน!
“พอๆ จะอ้วกแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าต้นน้ำเอ่ยขอร้องด้วยเสียงอ่อนระโหยปนหอบมิวนิคก็เลิกแกล้ง
“อ่ะๆ กูปล่อยก็ได้”
ดังนั้นเมื่อต้นน้ำถูกปล่อยตัวให้เอาเท้าลงเหยียบพื้นทรายเขาเลยยังไม่กล้ายืนด้วยกำลังขาของตัวเอง ต้นน้ำยืนซบพิงอกของเพื่อนตัวใหญ่อย่างลืมตัว สองมือของเขากำเสื้อกล้ามของมิวนิคแน่นพลางสูดหายใจเอาลมเข้าปอดอย่างเอาเป็นเอาตาย!
ก็ต้นน้ำเป็นเสียแบบนี้แล้วมิวนิคจะตัดใจง่ายๆ ได้อย่างไร คนบางคนยอมตายเพื่อปกป้องต้นน้ำ บางคนก็ไม่อาจละสายตาได้แม้จะรู้ดีว่าไม่มีวันได้ครอบครอง ใครอยู่ใกล้ก็เผลอเป็นห่วงจนไม่อาจปล่อยมือ ดราม่าตัวแม่อย่างต้นน้ำชอบเผลอทำหัวใจคนอื่นกระตุกอยู่เรื่อย!
“เรา...”
ต้นน้ำเอ่ยเสียงสั่นเบาๆ
เพราะบรรยากาศริมทะเลเป็นใจมีเสียงคลื่นคลอเคลียหรืออย่างไร มิวนิคจึงรู้สึกว่าเหมือนตัวเองถูกสะกด
“อะไรนะ?”
เพราะไม่ได้ยินมิวนิคจึงก้มลงไป ประจวบเหมาะกับที่ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมาพอดี
ฉากแบบนี้ใช่แน่ๆ มิวนิคแอบคิดเข้าข้างตัวเองไปไกล
“อ้วก!”
แล้วอาหารอุ่นๆ ส่งตรงจากกระเพาะอาหารของต้นน้ำก็พุ่งออกมา มิวนิคร้องลั่น! ส่วนต้นน้ำ เขาแสบคอสุดๆ ต้องเป็นเพราะน้ำจิ้มปลาหมึกย่างที่ไปป์ชวนหม่ำแน่ๆ!
ดังนั้นต้นน้ำกับมิวนิคจึงกลับถึงบ้านพักในสภาพเปลือยท่อนบนทั้งคู่ แน่นอนว่าเหล่าฟิสิกส์มุงต่างตาโตแตกตื่นกับเรื่องนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปอีกนิดจนกลิ่นอาเจียนโชยมาและพอพิจารณาซากเสื้อยืดในมือของทั้งคู่ดีๆ จนรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วต่างคนต่างแยกย้าย เพราะไม่มีอะไรในกอไผ่ ยกเว้นมนุษย์ปากดีผู้หาเรื่องทำให้ปากมีสีได้ทุกสถานการณ์
“โห! ไวไฟว่ะมิว พาต้นไปแป๊บเดียว แพ้ท้องกลับมาเลยเหรอวะ ฮ่าๆ”
แต่ครั้งนี้ต้นน้ำทำแค่ถลึงตาส่งกลับไปให้เท่านั้น เขาเหนื่อยจนไม่มีแรงงจะเถียงกับใครแล้ว!
แม้การมาฉลองปีใหม่กับเพื่อนๆ ครั้งแรกในชีวิตจะจบลงด้วย “อ้วก” ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นสีสันในชีวิต เป็นความทรงจำดีๆ อีกบทหนึ่งที่ต้นน้ำหวงแหน เขามีความสุขท่ามกลางเรื่องบ้าๆ เหล่านี้ ชีวิตของเขากำลังเข้าที่เข้าทาง ต้นน้ำกำลังพยายามเติมสีสันใหม่ๆ ให้ชีวิตตัวเอง ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี ไม่ว่าจะเรื่องงี่เง่ามากน้อยเพียงใด ต้นน้ำจะยิ้มรับมันทั้งหมด เขาจะสนุกกับชีวิตให้เต็มที่!


มีแม่ต้นที่ไหน มีนุ้งไปป์ที่นั่น อา...ลูกหมาน้อย หนุ่มทานตะวัน จอมดาร์กของรุ่น นับวันยิ่งชักจะปัญญาอ่อนเข้าไปทุกที แหง๋ล่ะอินี่มัน"การ์ตูน" เป็นคาแรคเตอร์ที่ปั้นมาเลียนแบบไทป์พิมพ์นิยม"หนุ่มลูกหมา" ซื่อสัตย์ดีใช่มั้ยล่ะเธอว์! อิๆ ก็ร่าเริงนะแต่ง๊องแง๊งด้วย ทวิสด้วยการแอบดาร์กนิดๆ ออกมาเป็น"ไปป์"
มีเสียงบ่นจากคนอ่านบางท่านว่ารำคาญไปป์ เอาจริงๆ ก็เขียนให้รำคาญนะ เพื่อนๆ ในภาคคนอื่นก็คงเขม่นกันอยู่บ้าง แต่อารมณ์ประมาณว่าพออยู่กันไปเรื่อยๆ ไม่มาเดือดร้อนตูๆ ก็ไม่สนทำนองนั้นละมั้ง ฮ่าๆ ส่วนต้นนี่จะเห็นว่าตอนแรกๆ รำคาญมากเลย แต่ไปๆ มาๆ ความน่ารักของไปป์ก็ชนะใจต้นได้ในที่สุด ถ้ามองดีๆ อีกอย่างนี่ไปป์แทบจะเป็นกระจกหยินหยางกับต้น คล้ายๆ กันในบางส่วน
จุดที่ชอบชอบไปป์ที่สุดคือความเอาแต่ใจนี่แหละ รักต้นแบบไม่มีข้อแม้ เพราะไปป์วางต้นไว้สำคัญในใจมากต้นถึงได้รักไปป์สุดๆ ยิ่งผ่านฉากดาร์กๆ มาแล้วต้นยิ่งรู้สึกผิดเลยยิ่งโอ๋ ฮ่าๆ เปล่าหรอก จริงๆ แค่รู้สึกว่าสมการ"แม่ต้นลูกไปป์"มันน่ารักดี ต้นเป็น"ไทป์คุณแม่"อยู่แล้วด้วยเลยยิ่งไม่ขัดกับคาแรคเตอร์ ฮ่าๆ แต่จุดที่ชอบเขียนคือไปป์มันปัญญาอ่อน เขียนง่านดี สนุกในการปั้นคาแรคเตอร์ให้ทำอะไรปัญญาอ่อน อิๆ
ปิดท้ายตอนด้วยยักษ์โง่กับราชินีน้ำแข็ง ให้คนอ่านตัดสินกันเอาเองว่าหวานรึรั่ว ฮ่าๆ แต่ต้นน่ารักน้า ให้มิวนิคจูงมือด้วย อิๆ เสียแต่มิวนิคมันบ้าพลังไปหน่อย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [ภาค2#31/12/57]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 06-01-2015 14:57:16
แหม สงสารมิวนิคเลยโดนต้นอ้วกใส่
แอะ แอะ
หัวข้อ: Re: [ภาค2#7/1/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่[จบ!]
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 07-01-2015 23:41:22
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม (ต่อ)

     วันนี้เป็นวันหยุดยาววันสุดท้ายของเทศกาลปีใหม่ ชัยชัชจึงนอนอืดอยู่ในห้องตามลำพังดื่มด่ำกับการอยู่เฉยๆ เต็มที่ งานเขายุ่งจนแทบไม่มีเวลาพัก ไหนๆ มีโอกาสทั้งทีเขาก็อยากนั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านให้เต็มคราบ
     วันหยุดยาวช่วงปีใหม่แต่ซื้อตั๋วกลับบ้านไม่ทัน ไปแล้วก็อยู่ได้ไม่กี่วันไม่คุ้ม จะเดินทางไปกลับให้เหนื่อยเปลืองเงินเล่นทำไม? จะให้ไปเที่ยวไหนหมาแก่อย่างเขาก็หมดไฟเสียแล้ว คนรักไม่อยู่ข้างกายใครมันจะไปมีอารมณ์เที่ยว? ดังนั้นชัยชัชจึงตั้งใจว่าวันนี้จะนอนกลิ้งไปกลิ้งมาดูหนังที่เช่ามาให้จบ เพราะตำแหน่งที่สูงขึ้นภาระหน้าที่จึงมีมากตามทำให้เขาไม่มีเวลาสำหรับงานอดิเรกสุดรักเช่นการดูภาพยนตร์ เขาจำไม่ได้แล้วว่าเข้าโรงหนังครั้งสุดท้ายกี่เดือนก่อน แต่น่าจะเป็นตอนก่อนเลิกกับต้นน้ำนั่นแหละ ไปดูหนังคนเดียวในโรงใครจะไปอยากดู!
     หลับๆ ตื่นๆ ได้พักใหญ่นาฬิกาในร่างกายก็เรียกร้องให้เขาลุกขึ้นมาหาอะไรใส่ท้อง ชัยชัชจึงลุกจากที่นอนตั้งใจจะอุ่นข้าวมันไก่ที่ซื้อมาตุนไว้ในตู้เย็นตั้งแต่สองวันก่อนทาน แต่เมื่อเปิดประตูห้องนอนออกมาเขาก็พบกับ!
     “อ้าว ตื่นแล้วเหรอครับพี่ชัช?”
     ชัยชัชแทบอยากจะยกมือขึ้นขยี้ตาเพื่อดูว่าตัวเองฝันไปหรือไม่ แต่เขารู้ดีว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะเขาไม่ได้ฝัน ต้นน้ำยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์ครัวและกำลังทำมื้อเที่ยงให้เขาจริงๆ
     “เมื่อกี้ผมเข้าไปดูเห็นพี่ชัชหลับเลยไม่อยากปลุก กะว่าจะทำกับข้าวให้เสร็จก่อน ... พี่ชัช?”
     ต้นน้ำพูดพล่ามก่อนจะชะงักไปเมื่อรู้สึกถึงอ้อมกอดที่ตรงเข้ามารัดตัวเขาไว้จากด้านหลัง
     “ปล่อยสิครับ มากอดแบบนี้ผมทำกับข้าวไม่ถนัด”
     “ขอพี่อยู่แบบนี้แป๊บนะ พี่คิดว่าตัวเองจะไม่ได้เห็นภาพแบบนี้อีกแล้ว”
     แม้คนทั้งคู่จะกลับมาคบกันได้หลายเดือนแล้ว แต่จากการที่ชัยชัชงานยุ่งและต้นน้ำเองก็มีสังคมใหม่ๆ มีเพื่อนฝูงมากมายรายล้อมทำให้พวกเขาไม่ค่อยได้เจอกัน การต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับยิ่งทำให้ต้นน้ำแทบไม่มีโอกาสมาหาชัยชัชที่ห้อง หากมาก็อยู่ได้แป๊บเดียวคนทั้งคู่จึงแทบจะกระโจนใส่กันเพื่อใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่า บรรยากาศเดิมๆ เหมือนเมื่อครั้งที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันจึงไม่ได้กลับคืนมาตามไปด้วย ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงเป็นได้แค่คู่รักไม่ใช่คู่ชีวิตดั่งวันวาน
     การตื่นมาเห็นภาพของต้นน้ำยืนหันหลังทำกับข้าวให้จึงสร้างความสะเทือนใจแก่ชัยชัช เขาอาลัยอาวรณ์บรรยากาศเช่นนี้แม้จะรู้ดีว่าคงเรียกมันกลับมาได้ยากยิ่ง และเขาคือคนที่ทำลายทุกสิ่งเองกับมือ!
     “พี่ชัชก็...”
     ใช่ว่ามีแต่ชัยชัชคนเดียวที่ออกอาการ ต้นน้ำเองก็สับสน เขารู้ดีว่าชัยชัชหมายถึงสิ่งใด เขาเองก็คิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เคยใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ถ้าหากจะให้เขากลับมาอยู่กับชัยชัชเหมือนเมื่อก่อนแล้วใครจะดูแลคุณปู่ของเขาล่ะ? เขาสนุกกับการไปค้างห้องคิวว์แล้วคุยสัพเพเหระเรื่องโน้นเรื่องนี้ไม่น้อย มังกรที่เคยโผบินในอากาศคงยากจะให้กลับมาอยู่แต่ในรังเหมือนดั่งสมัยที่เป็นเพียงลูกมังกรตัวน้อย โลกของต้นน้ำไม่ได้มีแต่ชัยชัชอีกต่อไป!
     ถึงกระนั้นต้นน้ำก็คิดว่าแม้เขาไม่อาจกลับมาอยู่กับชัยชัชเช่นเดิมแต่ถ้าหากเขาได้มาค้างกับชายหนุ่มบ้างก็คงดี ถ้าเพียงแต่เขาจะครองรักกับชัยชัชได้อย่างเปิดเผย... แต่เขาไม่อยากโกหกอีกแล้ว ที่สำคัญเขาจะบอกกับคุณปู่ว่าอย่างไร? หนทางในการครองคู่กับชัยชัชช่างมืดมนเหลือเกิน
     ในที่สุดความโหยหาก็เป็นฝ่ายชนะ ต้นน้ำยืนนิ่งปล่อยให้ข้าวต้มในหม้อเดือดปุดๆ ต่อไปแล้วซึมซับอ้อมกอดของชัยชัชทุกสัมผัส นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาโหยหาที่สุดหรอกหรือ? จะมีอ้อมกอดไหนที่ทำให้เขาเปี่ยมสุขได้เท่าอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้ 
     ชัยชัชกอดต้นน้ำอยู่ครู่หนึ่ง เขาฝังหน้าลงสูดกลิ่นเรือนผมของคนรัก กลิ่นแชมพูที่เปลี่ยนไปเจือกลิ่นหอมของอาหารผสานกับกลิ่นเหงื่อไม่ใช่กลิ่นเดิมๆ ที่เขาคุ้นเคย แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีกลิ่นอายของคนรักที่ไม่เคยเปลี่ยนคงอยู่ กาลเวลาผ่านไปอะไรๆ ก็เปลี่ยน แฟนของเขายังคงเป็นต้นน้ำคนเดิมเพียงแต่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม จนกระทั่งเขาตัดสินใจปล่อยมือ เสียงของชัยชัชก็กลับมาร่าเริงตามปกติ
     “ไหน ดูสิวันนี้ทำอะไรให้พี่กินครับ?”
     “ข้าวต้มกระดูกหมูครับ แต่ใส่ปลาหมึกแห้งด้วยนะ สูตรของคุณป้า พอดีผมซื้อปลาหมึกแห้งกลับมาเยอะเลยลองเอามาทำให้พี่ชัชทานดู”
     ชัยชัชฟังแล้วก็ยิ้ม เขาไม่ได้ยิ้มให้เมนูน่าลิ้มลองหรอกแต่เขายิ้มให้กับเสียงเจื้อยแจ้วของคนรัก นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้ฟังเสียงของเมียรักเช่นนี้ ท่าทางของต้นน้ำยังคงเป็นสุดที่รักของเขาคนนั้นเช่นเดิม ช่างเอาใจไม่เคยเปลี่ยน
     “น่าทานจังเลยครับ”
     กลิ่นหอมๆ ของข้าวต้มผสานกับกลิ่นอายของพ่อครัวเกิดเป็นบรรยากาศอบอบอุ่นที่ช่วยทำให้บ้านเป็นบ้าน หลายเดือนที่เขาอยู่ตามลำพังคนเดียวในห้องชุดแห่งนี้ทำให้เขารู้สึกอ้างว้าง คอยแต่จะคิดถึงเด็กข้างห้องบางคนที่เคยเติมเต็มเขา ในวันนี้ต้นน้ำกลับมาแล้ว ร่างที่อยู่ตรงหน้าปลอบประโลมเขาอีกครั้งด้วยการกระทำเรียบง่าย ชัยชัชรู้ซึ้งถึงความสำคัญของต้นน้ำในใจตน ต้องเป็นคนๆ นี้เท่านั้น!
     “ใกล้เสร็จยังครับเนี่ย? หิวจะแย่อยู่ละ”
     “อื้ม พอเลยๆ พี่ชัชพึ่งตื่น ไปอาบน้ำแปรงฟันก่อนเลยครับ”
     ได้ยินแล้วชัยชัชก็ยิ้มพราย เขาหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะขโมยหอมแก้มต้นน้ำแล้วรับคำ
     “ครับ งั้นพี่ไปอาบน้ำนะ”

     บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย ชัยชัชอาบน้ำแต่งตัวออกมาทานข้าวต้มฝีมือต้นน้ำเป็นมื้อเที่ยง เมื่อทานเสร็จแล้วคนทั้งคู่ก็อิงแอบแนบชิดกันอยู่บนโซฟา หมาป่านอนย่อยอาหารด้วยการดูภาพยนตร์ มีลูกแกะแสนซนคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง ผลไม้ถูกปอกวางจัดใส่จานรอเสิร์ฟ บางครั้งก็มีมือมาสะกิดให้หยิบป้อนถึงปาก สงบสุขจนไม่น่าเชื่อว่าสถานะของพวกเขาเปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาไม่ใช่คู่รักที่ใช้ชีวิตร่วมกันเช่นกาลก่อน!
     เมื่อหนังจบก็เป็นรายการโทรทัศน์ ไม่สำคัญว่าจะเป็นรายการอะไร ชัยชัชปล่อยให้ภาพในจอฉายไปเรื่อยๆ คนทั้งคู่ก็แค่อยากใช้เวลาร่วมกัน ไม่จำเป็นต้องไปไหนหรือทำอะไรเป็นพิเศษ แค่ได้อยู่ข้างๆ แล้วกอดกันทั้งสองต่างก็มีความสุขมากแล้ว แต่เข็มนาฬิกาไม่เคยหยุดนิ่ง... และซินเดอเรลล่าที่กลายเป็นเจ้าชายก็ต้องเสด็จกลับวัง
     “จะเย็นแล้ว ต้นบอกที่บ้านว่าจะกลับกี่โมงเหรอครับ?”
     “บอกไว้ว่าจะกลับราวๆ ห้าหกโหงน่ะครับ ผมต้องกลับไปทานมื้อเย็นกับคุณปู่”
     ชัยชัชรู้ดีว่าเวลาของตนกำลังจะหมดลง แต่เขาต้องทำใจยอมรับมัน ต้นน้ำไม่ใช่เด็กผู้ชายข้างห้องที่ไร้ญาติขาดมิตรคนนั้นแล้ว
     “ให้พี่ไปส่งมั้ยครับ?”
     “ไม่ต้องหรอกครับ ผมเอาชาโดว์มา ถ้ารถไม่ติดเดี๋ยวใกล้ๆ ห้าโมงแล้วค่อยออกก็ได้ครับ”
     นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ชัยชัชเป็นห่วง แฟนของเขากลายเป็นเด็กแว๊นซ์ไปแล้ว ถึงต้นน้ำจะไม่ใช่คนขับรถเร็วหรือประมาท แต่พอได้ยินว่าพาหนะสุดโปรดของแฟนคือเจ้าสองล้อคันใหญ่นี่ชัยชัชก็นึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย สถิติการเกิดอุบัติเหตุที่เยอะที่สุดของประชากรไทยก็คือมอเตอร์ไซค์ไม่ใช่หรือ?
     “พี่ไม่ชอบให้เราซิ่งเลยอ่ะ อันตราย”
     ได้ยินแล้วต้นน้ำก็เบ้หน้า เขานะหรือซิ่ง? เทียบกันแล้วต้นน้ำคิดว่าตนขับรถปลอดภัยกว่าแฟนหนุ่มเยอะ!
     “ผมขับรถปลอดภัยกว่าพี่ชัชอีกครับ ผมไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงหรอก!”
     “ครับๆ แต่ความจริงต้นน่าจะขอรถคันเล็กๆ ซักคันแทนนะ”
     ทำไมคนเราถึงชอบมีค่านิยมว่ารถเก๋งดีกว่ารถมอเตอร์ไซค์ด้วยหนอ? ต้นน้ำอดเซ็งไม่ได้เมื่อแฟนหนุ่มพูดจากถอดแบบพ่อของตนเป๊ะ! ความชอบของคนเรามันไม่เหมือนกันสักหน่อย คำว่าสิ่งที่ชอบแถมยังทำแล้วไม่เดือดร้อนใครแค่นี้ยังไม่พออีกหรือไง?
     “ก็สองล้อมันคล่องตัวกว่านี่ครับ บ้านผมรถเยอะจะตาย ไม่มีที่จอดแล้ว”
     ได้ยินต้นน้ำใช้คำว่า “บ้าน” เต็มปากเต็มคำแล้วชัยชัชก็ยอมแพ้ คอนโดแห่งนี้คงไม่ใช่โฮมสวีทโฮมของต้นน้ำอีกแล้ว
     “คร้าบๆ พี่ไม่เถียงกับเราแล้ว ขากลับก็ขับระวังๆ นะครับ”
     “จะไล่ผมกลับแล้วเหรอไงครับ!”
     แม้ต้นน้ำจะงอนแต่ชัยชัชกลับขำ เขาดีใจที่ต้นน้ำงอนเพราะอยากอยู่กับเขา สุดที่รักของเขาเอาแต่ใจขึ้นมาก แต่การที่ต้นน้ำกล้าเอาแต่ใจกับเขามากขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดี เหมือนชัยชัชได้ทำความรู้จักกับคนรักใหม่อีกครั้ง และครั้งนี้เขาจะเรียนรู้กันและกันให้ดีไม่ให้พลาดเหมือนคราวที่แล้ว!
     “ใครบอกละครับ แต่พี่ไม่อยากทำให้ต้นเดือดร้อนต่างหาก เดี๋ยวก็โดนที่บ้านดุหรอก”
     แม้จะเลี่ยงไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่คนทั้งคู่ก็รู้ดีว่าชัยชัชหมายถึงว่าไม่อยากให้ต้นน้ำลำบากใจเพราะเกรงว่าที่บ้านจะสงสัย จิตใจของต้นน้ำจึงห่อเหี่ยวเมื่อคิดถึงสิ่งที่ต้องเผชิญ
     “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมบอกว่าจะออกมาหาเพื่อน เย็นๆ กลับ คงไม่มีใครว่าอะไรหรอก”
     เพราะเป็นเพื่อนจึงไม่มีใครว่าอะไร ถ้าหากคุณปู่ผู้หวงหลานชายคนนั้นรู้ว่าต้นน้ำออกมาหาแฟนเก่าอย่างชัยชัชคงเป็นเรื่อง!
     ชัยชัชรู้ดีว่าต้นน้ำกลายเป็นที่รักของเพื่อนฝูงมากมาย แม้แฟนเขาจะไม่มีไอจีหรือเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่รูปที่มีต้นน้ำปรากฏอยู่ในภาพก็ถูกอัพขึ้นสู่โลกโซเชี่ยลผ่านไอดีของคนอื่น และคนอื่นที่ว่านี้ก็มีหลายคนหลายกลุ่มเสียด้วยสิ ไม่นับน้องเมษเพื่อนสนิทสุดซี้แล้วเมียเขายังมีเพื่อนทั้งแก๊งฟิสิกส์และกลุ่มชาวเก้ง แถมเมียรักเขายังมีคนรู้จักเป็นนายแบบ 
     ชัยชัชรู้ว่ามาต้นน้ำรู้จักนายแบบหลายคน บางคนก็สนิทกันมาก วันดีคืนดีก็มีรูปต้นน้ำไปกินข้าวสองต่อสองกับเพื่อนนายแบบรุ่นพี่โพสลงในไอจีของเจ้าตัว โดยเฉพาะนายแบบที่เรียนที่เดียวกันคนนั้นที่ต้นน้ำไปค้างด้วยบ่อยๆ กระแสสังคมแทบจะเชียร์ให้ทั้งคู่กลายเป็นคู่ขวัญเกย์เน็ตไอดอล! เมียเขาเป็นคนน่ารักชัยชัชไม่แปลกใจที่มีคนมากมายถูกชะตากับต้นน้ำ ยิ่งพักหลังเมียเขาเปลี่ยนลุคหันมาตามเทรนด์มากขึ้นต้นน้ำยิ่งน่าหลงใหลขึ้นเป็นกอง
     ถึงชัยชัชจะแอบหึงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างน้อยคนพวกนั้นก็ทำให้เขามีช่องทางในการติดตามข่าวคราวของต้นน้ำ รูปภาพของเมียรักในอิริยาบถต่างๆ ดูร่าเริงสมกับเป็นวัยรุ่นทำให้ชัยชัชอมยิ้มได้เสมอ นอกจากนี้เขายังได้สอดส่องรสนิยมความชอบของแฟนไปในตัว ชัยชัชไม่เคยรู้เลยว่าต้นน้ำชอบเพลงร็อก สนใจเรื่องความเร็ว รวมถึงแอบคลั่งรอยสักอาร์ตๆ มิน่าแฟนของเขามีลวดลายแปลกๆ เพ้นท์อยู่ในที่ลับตาคนประปราย ดูเหมือนความชอบของต้นน้ำจะขัดกับภาพลักษณ์ทุกอย่างยามอยู่กับเขา ต้นน้ำคนที่ขี้บ่นขี้วีนคนนั้นชอบกิจกรรมท้าทายพอๆ กับชอบทำงานบ้าน!
     คบกันมาหลายปีรู้จักนิสัยกันดีแต่เรื่องรสนิยมความชอบของแฟนชัยชัชกลับพึ่งได้เปิดหูเปิดตาเอาก็คราวนี้ และนี่เองที่ทำให้เขารู้สึกว่าช่องว่างระหว่างวัยมีจริง ต้นน้ำเป็นเพียงแค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่กำลังจะก้าวไปเป็นผู้ใหญ่ ส่วนเขานั้นแก่แล้วสมควรจะทำตัวให้มีวุฒิภาวะสมกับวัยวุฒิ!
     “ขอโทษที่ทำให้ต้นต้องโกหกที่บ้านนะครับ แต่พี่ดีใจมากๆ ที่ต้นมาหาพี่”
     ชัยชัชจูบหน้าผากต้นน้ำเบาๆ แล้วกล่าวต่อ
     “วันนี้พี่มีความสุขมาก ขอบคุณนะครับ”
     เมื่อเห็นแฟนของตนยิ้มรับชะตากรรมอย่างพ่ายแพ้ต้นน้ำก็ใจเสีย ถ้าเพียงแต่คุณปู่ของเขาจะให้อภัยชัยชัช เขาคงใช้เวลาร่วมกับคนรักได้สะดวกกว่านี้ แต่ต้นน้ำในวันนี้รักทั้งคุณปู่และชัยชัช เขาเลือกไม่ได้หรอกว่าใครสำคัญกว่ากัน
     “ผม...”
     ต้นน้ำหน้าหมองลง แววตาที่เคยสดใสหายไป ชัยชัชรู้ดีว่าคนรักของตนกำลังลำบากใจ ลูกแกะโลภมากของเขากำลังสับสนและกังวลเพราะทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ต้องการ และตอนนี้ลูกแกะน้อยก็กำลังต้องการเขา ใครเล่าจะไม่อยากอยู่กับคนรักให้ฉ่ำปอด?
     “ไม่เป็นไรครับ ได้แค่นี้พี่ก็ดีใจแล้ว ไม่ได้ชิมฝีมือเราตั้งนาน พี่จะตั้งตารอมื้อหน้านะ”
     มาดพี่ชายอารมณ์ดีถูกนำมาใช้ ชัยชัชขยี้หัวต้นน้ำเบาๆ ด้วยความขี้เล่น
     แม้ต่อหน้าจะทำเป็นไม่เป็นอะไรแต่ภายในใจชัยชัชจะยิ้มจริงหรือไม่? ต้นน้ำไม่อาจรู้ได้ แต่เขารู้ว่าเขาไม่โอเค! เขายังไม่พอ! ต้นน้ำอยากใช้เวลากับคนรักของตนมากกว่านี้ เขาอยากสัมผัสซึมซาบอารมณ์รักจากชัยชัชทุกอณู เขายังไม่อิ่ม!
     และแล้วต้นน้ำก็เป็นฝ่ายจูบชัยชัชก่อน ชายหนุ่มยิ้มรับจูบของคนรักอย่างยินดี เขาจูบตอบตามอัตโนมัติไม่ได้คาดหวังสิ่งใด แต่เมื่อผ่านไปซักพักเขาก็รู้ว่าต้นน้ำต้องการอะไรจากร่างที่เบียดเข้ามาแนบชิดอยู่บนตัวเขา
     “ต้น?”
     “นะครับ”
     ต้นน้ำกล่าวด้วยเสียงอ้อนวอน ไม่มีความเอียงอายปรากฏอยู่ในนั้น แต่สิ่งที่ชัยชัชสัมผัสได้คือการร้องขออย่างโหยหา
     “จะดีเหรอ?”
     ชัยชัชรู้ดีว่าสิ่งที่ต้นน้ำต้องการไม่ใช่แค่เซ็ก ต้นน้ำอยากถูกเขากอดเอาไว้ในอ้อมแขน การสัมผัสที่จะช่วยเติมเต็มว่าคนทั้งคู่เป็นของกันและกัน ต้นน้ำโหยหาความมั่นคงจากร่างกายของเขาเพื่อปลอบประโลมว่าพวกเขายังรักกันอยู่
     “ไม่ได้เหรอครับ?”
     ได้ยินแล้วชัยชัชก็ยิ้ม เขานึกขันท่าทางของคนรัก ต้นน้ำยามเอียงอายก็ดี ตอนที่เอาแต่ใจแบบนี้ก็ดี เขารักต้นน้ำในทุกๆ แบบ ไม่ว่าต้นน้ำจะหยิบหน้ากากใบไหนมาใช้เขาก็ยังรักต้นน้ำคนนี้เสมอ
     “พี่อ่ะได้เสมอครับ แต่เดี๋ยวต้นกลับบ้านไม่ทันนะ”
     “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมบิดเอาได้ นะครับ ผมคิดถึงพี่ชัช”
     ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่มีวันได้ยินอะไรแบบนี้ แต่ชัยชัชก็ยังสัมผัสได้ถึงสุดที่รักผู้ขี้อายคนนั้นจากต้นน้ำตรงหน้านี้อยู่ดี ใช่แล้ว! แฟนของเขาขี้อายเสมอ
     “ฮั่นแน่ คิดถึงพี่หรือคิดถึงอะไรครับ?”
     เมื่อถูกล้อแถมยังโดนตบก้นเบาๆ ต้นน้ำก็หน้าแดง แต่คนขี้อายก็ยังปากเก่งเถียงต่อไป
     “ก็ทุกอย่างที่เป็นตัวพี่ชัชนั่นแหละครับ ผมมีแต่พี่ชัชคนเดียวนี่นา”
     เห็นแฟนเขินอายหน้าแดงแต่ยังแสนงอนจนปากยื่นแบบนี้แล้วชัยชัชก็มีฟองความสุขพองฟูล้นอยู่ในอก จะมีใครทำให้เขาอิ่มเอมใจได้เท่านี้อีก? ดังนั้นหมาป่าจึงอุ้มลูกแกะเข้าห้องนอน

     บทรักเต็มไปด้วยความโหยหา ต้นน้ำกระหายไออุ่นจากชัยชัชเหลือเกิน เขากอดก่ายชัยชัชไว้ราวกับอาลัยอาวรณ์ในสัมผัส ชัยชัชเองก็อ้อยอิ่งคลอเคลียอย่างเนิบนาบคล้ายไม่อยากให้ทุกอย่างจบลง แต่ท้ายที่สุดคนทั้งคู่ก็ห้ามความปรารถนาที่ต้องการจะปลดปล่อยไม่ได้ เมื่อชัยชัชเริ่มขยับตัวต้นน้ำจึงครางออกมาประสานสอดรับกับจังหวะ ต้นน้ำรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่แทรกเข้ามาในร่างของตนอย่างนุ่มนวล 
     เขารู้ดียิ่งกว่าใครว่าชัยชัชทะนุถนอมเขามากแค่ไหน เพราะแอบกลับมาคบกันแบบลับๆ ทั้งคู่จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้ร่วมรักกันบ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่เกิดขึ้นต้นน้ำสัมผัสได้ว่าสิ่งที่คนรักของตนทำมันยิ่งกว่าการมีเซ็ก ชัยชัชกอดเขาด้วยความรักจนแทบจะดื่มด่ำเขาไปทั้งตัว นี่ไม่ใช่แค่การปลดปล่อยอารมณ์ตามธรรมชาติของมนุษย์ แต่ชัยชัชละเลียดเขาราวกับจะจดจำรสชาติทุกคำ 
     เมื่ออารมณ์ของทั้งคู่พุ่งสู่จุดสูงสุดต้นน้ำก็กรีดร้องออกมาก่อนจะเร่งให้ชัยชัชจบมัน ความวาบหวิวก่อตัวเป็นระลอกซัดสาดอยู่ภายในจนต้นน้ำแทบทนไม่ไหว เขาตะเกียตะกายอยู่ท่ามกลางทะเลแห่งความใคร่รอคอยให้ชัยชัชนำพาเขาเข้าฝั่ง แต่คลื่นอันอ่อนโยนที่เคยโอบกอดเขาไว้ในยามนี้กลับโหมกระหน่ำจนเขาแทบสำลักจมดิ่งสู่ก้นบึ้งในวังวนของราคะจนไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน ต้นน้ำหมดแรงจะต่อต้านได้แต่ให้ตัวเองไหลไปกับกระแสอารมณ์ สายน้ำแห่งชีวิตที่เอ่อล้นอยู่ภายในตัวกระตุ้นให้เขารู้สึกถึงความรักจากชัยชัช
     จวบจนคลื่นแห่งความปรารถนาสงบลงแล้วชัยชัชก็ถอนตัวออกมาก่อนจะมองหน้าของคนรักที่เหนื่อยหอบ สายตาของทั้งคู่ประสานกันต้นน้ำเห็นความรักที่ลึกซึ้งสะท้อนอยู่ในนั้น เขายิ้มออกมาด้วยสีหน้าหลงใหลไม่แพ้กัน หมาป่าจึงก้มลงไปจูบลูกแกะอีกครั้ง
     “โดนพี่ขี่หนักขนาดนี้จะยังขี่รถกลับไหวมั้ยครับที่รัก?”
     ต้นน้ำได้ยินแล้วก็หน้าแดง เขาเม้มปากด้วยความเขินอายแล้วชกไปที่อกของคนเย้าเบาๆ
     “เลิกแซวผมได้แล้วครับ”
     แม้จะอาลัยอาวรณ์อยากต่อปากต่อคำแต่เวลาไม่รอท่าแล้ว เข็มนาฬิกาบนหัวเตียงบ่งบอกว่าอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจะได้เวลาเคารพธงชาติ ต้นน้ำจึงยันตัวลุกขึ้นตั้งใจจะแต่งตัวแต่ชัยชัชกลับยังอ้อยอิ่งกอดเอวเขาไว้หลวมๆ ไม่ยอมปล่อย
     “เลิกได้ไง ไม่ให้แซวเมียแล้วจะให้ไปแซวใครครับ?”
     “พอแล้วครับ ผมต้องกลับแล้ว ห้าโมงกว่าละนะครับ”
     เพราะเสียงของคนรักเจือแววอ่อนอกอ่อนใจผสานกับการขอร้องชัยชัชจึงใจอ่อน เขายอมปล่อยมือในที่สุด
     “ครับๆ”
     ชัยชัชไม่ชอบแบบนี้เลย ความสัมพันธ์ที่มีแต่เซ็กประเภทน้ำแตกแล้วแยกทางใช่ว่าเขาไม่เคย แต่กับเด็กคนนี้เขาอยากกอดเอาไว้ไม่อยากให้จบแล้วทางใครทางมัน เขาคิดถึงอดีตที่เคยมีต้นน้ำนอนซุกอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะหลับเคียงข้างกันแล้วก็เศร้า
     “แล้วผมจะพยายามาหาพี่ชัชอีกนะครับ”
     ต้นน้ำดึงตัวคนรักเข้ามาจูบปลอบใจก่อนจะลุกขึ้นแต่งตัว ไม่มีเวลาสำหรับการพิรี้พิไรทำความสะอาดร่างกายอีกแล้ว
     “จะไปเลยเหรอต้น?”
     “เดี๋ยวกลับไม่ทันครับ”
     น้ำเสียงร้อนรนของต้นน้ำทำให้ชัยชัชยิ้ม ศรีภรรยาผู้รักความสะอาดของเขาเปลี่ยนไป!
     “งั้นกลับดีๆ อย่าซิ่งมากนะครับ เดี๋ยวกระเทือนลูกพี่”
     ต้นน้ำหน้าแดงแปร๊ด! เขาคว้าหมอนโยนใส่ชัยชัชแล้วใส่เสื้อผ้าต่ออย่างรีบร้อน ชัยชัชหยิบกางเกงขาสั้นมาสวมแล้วนั่งมองแฟนแต่งตัวอย่างมีความสุข ลูกแกะขี้อายคนนั้นรีบจนคว้าเสื้อผ้าที่ถอดกองอยู่ขึ้นมาใส่ไม่อายสายตาเขา ยิ่งมองต้นน้ำดึงกางเกงยีนส์พอดีตัวขึ้นสวมแล้วชัยชัชก็ยิ่งหวิว ขาคู่นี้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนยังตวัดรัดเอวเขาอยู่เลย 
     ต้นน้ำคว้าแจ็กเก็ตไบก์เกอร์มาใส่เป็นอย่างสุดท้ายบ่งบอกว่าจะไปแล้วจริงๆ ชัยชัชจึงหันไปหยิบเสื้อยืดของตนมาใส่บ้าง
     “มา เดี๋ยวพี่ลงไปส่ง”
     “ขอบคุณครับ”
     ต้นน้ำหันมายิ้มก่อนจะตรงไปยังชั้นวางรองเท้า และเมื่อเขาใส่รองเท้าเสร็จแล้ว ชัยชัชก็นำเขาออกจากห้อง 
     จริงอยู่ว่าแค่ได้กลับมารักกันแบบนี้เขาก็มีความสุขแล้ว เพียงแต่เขาอยากได้ความสุขเพิ่ม ต้นน้ำรู้ดีว่าอะไรๆ มันไม่เหมือนเดิม แต่เขาไม่อยากมีความรักที่รีบเร่งเช่นนี้เลย เขาต้องทำอย่างไรหนอคุณปู่ถึงจะให้อภัยชัยชัช? เด็กหนุ่มเดินเข้าลิฟต์เคียงคู่มากับแฟนพลางใช้ความคิด
     จนกระทั่งทั้งคู่เดินมาถึงลานจอดรถที่ต้นน้ำจอดมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เอาไว้ ชัยชัชยิ้มให้คนรักก่อนจะช่วยใส่หมวกกันน็อกให้
     “ผมไปนะครับ”
     “คร้าบ ขับรถดีๆ นะ”
     ชัยชัชไม่เคยคิดเลยว่าตนจะต้องมองส่งต้นน้ำแล้วพูดคำๆ นี้!
     “ครับ”
     ต้นน้ำยิ้มรับก่อนจะออกรถไปโดยมีสายตาของคนรักมองตามจนลับหายไป ต้นน้ำกังวลถึงอนาคตชีวิตรักของเขากับชัยชัชโดยไม่รู้เลยว่าภายในใจของหมาป่านั้นมีแผนการณ์สำหรับเรื่องนี้อยู่แล้ว!

------------------------------------------------END------------------------------------------------


จบจ้า เจอกันอีเว้นท์วันเกิดเน้อ!  :bye2:

ชอบมั้ย? สะใจกับมิตรภาพลูกผู้ชายรึเปล่า? ฮ่าๆ เคลียร์ด่านฮาเรมหนุ่มมิวเรียบร้อย เหลือบอสตัวสุดท้าย น้องต้นไปชุบตัวอัพสกิลแม็กซ์มาแล้ว ปราบมินิบอสเรียบ! อิๆ

บอสตัวสุดท้าย หรือก็คือพี่ชัช พระเอกของเรื่อง เรียกอีกชื่อได้ว่า "ผัวตัวเอก" เพราะไม่ค่อยมีออร่า"เมะ"ที่เคะคู่ควร ฮ่าๆ
บทนี้น่าสงสารมั้ยเอ่ย? ใครคิดถึงเฮียเขาเต็มอิ่มมั้ย? คนแก่เหงาน่ารักมั้ยล่ะ อิๆ พี่ชัชก็ยังคงเป็นพี่ชัชเนอะ แต่นิ่งขึ้น ยอมแบบไม่มีเงื่อนไขเลย แอบเหวี่ยงใส่น้องเมษหน่อยๆ ตอนคุยก็คิดถึงแต่ไม่กล้าทำให้ต้นเที่ยวไม่สนุก พอต้นมาหาก็ไม่กล้างอแงมากเพราะรู้ว่าแฟนมีข้อจำกัดเยอะ ตัวเองทำตัวเองแท้ๆ เลยได้แต่ยอมรับชะตากรรม ผิดแล้วไม่ค่อยเถียง ข้อดีของอีพี่ชัชมันล่ะ ฮ่าๆ ดังนั้น ติดตามการไฟท์แบ็กของเฮียเขาเพื่อเอาเมียคืนได้ในอีเว้นท์หน้า วันเกิดน้องต้นจ้ะ อิๆ

บายน้า  :bye2:
หัวข้อ: Re: [ภาค2#7/1/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่[จบ!]
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 08-01-2015 04:00:11
สงสารพี่ชัช...นิดนุง 555 ตอนนี้ต้นน้ำกลายเป็นมังกรเต็มวัย
ผงาดสู่โลกกว้างซะแล้ว จากที่เคยมีพี่ชัชเป็นโลกทั้งใบ ใน
ตอนนี้โลกของต้นน้ำกว้างใหญ่ขึ้น พี่ชัชคงต้องรับชะตากรรม
และพยายามต่อไป หวังว่าคุณปู่และครอบครัวฝั่งพ่อต้นจะ
ยอมรับพี่ชัชและให้อภัยพี่ชัชในเร็ววันน้า. สู้ๆต่อไปนะ พี่ชัช
แต่รุ้สึกคู่แข่งจะเยอะเหลือเกิน 555 ที่แน่ๆลูกไปป์ของแม่ต้น
คะแนนนำคว้าอันดับหนึ่งความสำคัญไปอยู่น้า ดูท่าพี่ชัชคงจะ
เอาชนะยากนะ 555  :hao3:
ตั้งหน้าตั้งตารอตอนต่อไป  :hao7: เป็นกำลังใจให้คนเขียนน้า
ขอบคุณสำหรับนิยายด้วยค่าาา
หัวข้อ: Re: [ภาค2#7/1/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่[จบ!]
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 09-01-2015 12:22:10
โอ้... อ่านภาค 2 จบแล้วเหรอคะ? ฮ่าๆ ชอบภาคแรกรึภาค 2 มากกว่ากันเอ่ย?
พี่ชัชไม่ใช่เมะในอุดมคติแต่มีเสน่ห์ใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆ
ดีใจที่อ่านแล้วสนุกค่า ฮ่าๆ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว:ภาค1]#ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ#ปฐมบทแห่งตำนาน"หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ"
เริ่มหัวข้อโดย: เพทาย ที่ 09-01-2015 13:24:26
 o18

สู้ต่อไปน้องต้นสักวันเขาต้องหันมามองหนูแน่ :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: [ภาค2#7/1/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่[จบ!]
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 09-01-2015 13:32:43
พี่ชัช น้องต้น   :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ภาค2#7/1/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์ปีใหม่[จบ!]
เริ่มหัวข้อโดย: เพทาย ที่ 23-01-2015 15:52:39
 :m28:
โอ้... อ่านภาค 2 จบแล้วเหรอคะ? ฮ่าๆ ชอบภาคแรกรึภาค 2 มากกว่ากันเอ่ย?
พี่ชัชไม่ใช่เมะในอุดมคติแต่มีเสน่ห์ใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆ
ดีใจที่อ่านแล้วสนุกค่า ฮ่าๆ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ภาค2#31/1/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์วันเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 31-01-2015 23:50:35
อ่า... มีใครจำได้มั้ยวันนี้วันอะไร? ใช่แล้ว วันเกิดน้องต้น ฮี 21 แล้วนะ ฮ่าๆ
พึ่งปั่นเสร็จสดๆ ร้อนๆ กว่าจะเค้นอารมณ์อีพี่ชัชออกมาได้ แทบตายเลยค่ะ (ติดความเกรียนของพี่เทพมาเยอะไปหน่อย)
แต่ในที่สุดก็เสร็จแล้ว กรี๊ดดดด! โห่ร้องด้วยความดีใจ 15 หน้า! เอาให้จุใจกันไปข้าง สำหรับคนที่คิดถึงคู่รักงี่เง่าคู่นี้

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:



ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that.
# ตอนพิเศษ แค่อยากให้เราได้อยู่ด้วยกัน

บรรยากาศภายในร้านกำลังสนุกสนาน เหล่านักเที่ยวต่างคึกคักกับบรรยากาศ คนโสดพากันสอดส่ายสายตาหาคนไร้คู่เผื่อจะฟลุ๊กได้คนนอนกอดให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับชัยชัช ยกเว้นแต่ว่าทั้งร้านแทบจะมีแต่ผู้ชาย! ส่วนไอ้ที่ดูเหมือนสาวเขาก็ชักไม่แน่ใจว่าเป็นสาวเฉาะแล้วหรือแค่แต๊บ ในสถานการณ์ปกติเขาคงไม่เฉียดกรายเข้ามาใกล้ย่านเกย์ให้เสียวหลังเล่น แต่งานนี้เป็นตายยังไงก็ต้องมา! เมียรักกริ๊งกร๊างมาอ้อนว่าเมามากกลับบ้านเองไม่ไหวเขาจะใจร้ายไม่มารับได้อย่างไร ที่กลัวมากกว่านั้นคือเขากลัวคนอื่นจะหอบเมียเขากลับเนี่ยสิ!
“ไอ้ต้นนะไอ้ต้น ไม่เข็ดรึไง เดี๋ยวก็โดนฉุดไปอีกหรอก!”
แม้ปากจะบ่นแต่ชัยชัชก็ยังคงกวาดตามองหาเมียต่อไปท่ามกลางแสงไฟสลัวและสายตาจากเก้งนักล่า&กวางนักอ่อย?

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ครู่หนึ่ง...
ต้นน้ำเดินเข้ามาในร้านท่ามกลางสายตาจับจ้องจากนักเที่ยวคนอื่น แม้จะมีคนส่งสายตาสื่อความหมายมาให้มากมายแต่คอของต้นน้ำกลับเชิดหยิ่งจนไม่สนใคร ถ้าหากธนพลมาเห็นหลานรักของตัวเองยามนี้ละก็คงต้องพูดว่า “ได้แม่มาครบ!”
สายตาของต้นน้ำมีไว้มองแต่สิ่งที่เขาสนใจเท่านั้น และเมื่อเขามองเห็นซัน ต้นน้ำก็ยิ้มออก
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ครับพี่ซัน”
ต้นน้ำพุ่งเข้าไปหาเพื่อนรุ่นพี่ก่อนจะกอดซันไว้หลวมๆ เป็นการทักทาย
“มาแล้วๆ พี่คิดว่าเราจะไม่มาแล้วซะอีก”
“แหม เมาไม่ขับกะนั่งแท็กซี่ แต่รถมันดันติดน่ะสิครับ”
ทั้งคู่ทักทายกันพอหอมปากหอมคอก่อนที่บรรยากาศงานเลี้ยงเล็กๆ จะดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ซันแนะนำต้นน้ำให้เพื่อนๆ ของตนรู้จัก ต้นน้ำยิ้มแจกจ่ายไมตรีให้ผู้ร่วมโต๊ะ ความจริงแล้วต้นน้ำไม่ค่อยได้เที่ยวกลางคืนบ่อยนัก หากไม่ใช่ไปกับเพื่อนที่ไว้ใจแล้วเขาไม่เคยเอาตัวเองไปเสี่ยงอีก แต่กับซันเพื่อนนายแบบรุ่นพี่คนสนิทคนนี้ต้นน้ำไว้ใจเต็มร้อย
ซันเป็นเพื่อนนายแบบโมเดลลิ่งเดียวกับคิวว์ แต่เขาเปิดเผยตัวเองและรับงานถ่ายแบบต่างๆ จากรูปร่างที่ฟิตแอนด์เฟิร์มมาอย่างดี ซันไม่ใช่แค่เกย์กล้ามปูแต่ซันเป็นรุกที่เฟอร์เฟ็คไปทั้งรูปร่างและหน้าตา แม้ความหล่อเหลาของใบหน้าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะมีดหมอบันดาลแต่ความสมส่วนของรูปร่างนั้นเกิดจากความพยายามของซันล้วนๆ แต่โชคร้ายที่เกย์บางคนก็ให้ความสำคัญกับเรื่องอย่างว่ามากกว่าสิ่งอื่น โดยเฉพาะปัจจัยของขนาด ซันจึงถูกทิ้ง และเหตุการณ์นั้นก็ทำให้ซันได้มาสนิทกับต้นน้ำ
เมื่อทั้งสองแลกเปลี่ยนเบอร์ติดต่อและมีโอกาสคุยกันผ่านแอพพลิเคชั่นยอดนิยมบ่อยๆ แล้วถึงพบว่าพวกเขาเข้ากันได้ดีเหลือเชื่อ ต้นน้ำไม่เคยหัวเราะเมนูอาหารคลีนหน้าตาจืดชืดของซัน ไม่เคยจิกกัดหรือริษยาแอบนินทาใครแบบที่ซันเจอมาก่อน วงการมายาและสังคมที่ฉาบฉวยทำให้ซันเพลียเมื่อได้พบกับต้นน้ำเขาเลยรู้สึกถึงมิตรภาพที่จริงใจ แถมต้นน้ำกับซันยังเกิดเดือนเดียวกันอีกพวกเขาจึงถูกคอกันสุดๆ ไปๆ มาๆ ต้นน้ำเลยเหมือนได้พี่ชายกึ่งๆ พี่สาวเพิ่มมาอีกคน แตกต่างกับก๊วนสาวๆ ในแก๊งของเมษ
ทว่า... แม้ซันจะไม่คิดอะไรกับต้นน้ำ แต่ผู้ร่วมโต๊ะบางคนคิด ต้นน้ำคนใหม่ที่สดใสร่าเริงเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ถึงกระนั้นต้นน้ำก็ระวังตัวเป็นอย่างดี เขาทำตัวเฟรนด์ลี่แต่จีบยากจนคนแอบมองรู้ว่าถ้าอยากจะหาคนนอนกอดสนุกๆ ต้นน้ำไม่ใช่ตัวเลือกที่จะคว้ามาง่ายๆ
ต้นน้ำคิดว่าอีกเดี๋ยวพอคิวว์เสร็จงานแล้วก็จะตามมาจึงกล้าดื่มค็อกเทลแก้วเล็กๆ พลางนั่งเฮฮากับซันอย่างออกรส แต่ละคนอวยพรขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของซัน แต่แล้วก็งานเข้า คิวว์โทรมาบอกว่าเขามาไม่ได้ แผนการณ์ “เมา=ค้างห้องเพื่อน” ของต้นน้ำจึงถูกพับ!
“คิวว์ว่าไงเหรอต้น?”
“มาไม่ได้ครับ งานไม่เสร็จ”
“อัดรายการก็แบบนี้แหละ แล้วต้นจะเอายังไงล่ะ? พี่แวะไปส่งให้ได้นะ”
“อื้อ! ไม่เอาหรอกครับ ผมบอกคุณปู่ว่าจะไปค้างกับคิวว์ คุณปู่ก็นึกว่าผมคงไปติวทำงานอะไรตามปกติ ขืนให้พี่ซันไปส่งที่บ้านแล้วให้คุณปู่เห็นสภาพนี้โดนดุตาย!”
“แหมๆ หลานชายคนเล็กของเจ้าสัว ปู่เขาก็หวงเรามั้ง ให้เพื่อนหน้าดุคนนั้นมารับสิต้น อิๆ หรือจะหนุ่มขี้เล่นคนนั้นดีน้า?”
“พี่ซันก็ เลิกล้อผมซักทีเถอะครับ บอกแล้วไงผมไม่ได้คิดอะไรกับอาร์มกะแม็กซ์”
“จ้าๆ แล้วจะเอาไงล่ะ?”
ซันรับคำทีเล่นทีจริงแล้วถามต่อด้วยความเป็นห่วง เพราะเมื่อก่อนเคยคบกับแชมป์ ซันจึงพอรู้เรื่องที่เคยเกิดกับต้นน้ำมาบ้าง แต่ต้นน้ำกลับทำหน้าเหมือนนึกสนุก
“ก็... ให้แฟนมารับสิครับ”
“แฟน?”
“ครับ พอดีผมพึ่งเลิกโสดอย่างไม่เป็นทางการ”

กลับมาที่ปัจจุบัน...
เมื่อชัยชัชสอดส่ายสายตาหาต้นน้ำเจอแล้วเขาแทบจะพุ่งไปอุ้มเมียรักกลับบ้าน ภาพที่เขาเห็นคือต้นน้ำนั่งเฮฮากับเกย์ร่วมโต๊ะอย่างเป็นกันเอง ชัยชัชแทบไม่เคยเห็นต้นน้ำอยู่กับเพื่อน ไม่สิ... ชัยชัชคิดแล้วก็เพลีย ก็เพื่อนรอบตัวเมียรักของเขามีคนปกติซะที่ไหน เด็กกลุ่มนั้นดูๆ ไปก็เหมือนจะมีแต่เรื่องให้เมียเขาบ่นมากกว่าคุย เพื่อนเม้ามอยเพียงคนเดียวของเมียเขาก็มีแต่น้องเมษ แต่พอเขามาเห็นต้นน้ำในมาดใหม่สนุกสนานกับสังคมใหม่ๆ แบบนี้แล้วหัวใจมันก็เจ็บจี๊ด! ไอ้งานดื่มกินสังสรรค์แบบนี้น่ะเขาเข้าใจ แต่ที่เขาไม่เข้าใจก็คือทำไมคนพวกนั้นต้องมองเมียเขาด้วยสายตาฉ่ำเยิ้มแบบนั้นด้วยวะ!?
“ต้น”
เพราะเป็นร้านกินดื่มเน้นบรรยากาศสบายๆ เสียงเพลงในร้านไม่ดังมากเกินไปทุกคนจึงได้ยินเสียงเรียกชื่อแขกร่วมโต๊ะที่แทบจะเป็นเสียงคำราม สายตาทุกคู่หันมามองชัยชัชโดยพร้อมเพรียง แต่แล้วหมาป่าก็ครางหงิง...
“พี่มารับแล้วครับ”?
“อ้าว พี่ชัชมาเร็วจัง งานเลี้ยงยังไม่จบเลยครับ”
“ผู้ปกครองมารับกลับบ้านเหรอครับน้องต้น”
‘แล้ว มึงจะสะเออะทำไมวะ’ ชัยชัชคำรามอยู่ในใจแต่ไม่กล้าพูดได้แต่ยิ้ม ใครมันจะไปอยากหาเรื่องเกย์ในถิ่นเกย์ ถึงเมียเขาจะเป็นผู้ชายแต่ชัยชัชก็ไม่สะดวกใจจะนับรวมว่าตนเป็นหนึ่งในพวกเกย์
ต้นน้ำยิ้มหวานหันไปตอบปฏิเสธคนเสือกก่อนจะเฉลย
“ไม่ใช่หรอกครับพี่เจ็ท ผัวน่ะครับ”
ชัยชัชต้องร้องอื้อหือในใจเมื่อเห็นเมียตัวเองตอบกลับหน้าตาย แต่สิ่งที่ชัยชัชไม่รู้ก็คือซันแอบส่งซิกบางอย่างให้ต้นน้ำก่อนหน้านี้เรียบร้อยตอนที่ทั้งคู่ออกไปเข้าห้องน้ำ
“ขอโทษนะต้น ไม่รู้ว่าไมค์จะชวนเจ็ทมาด้วย พี่จะไล่อิเจ็ทกลับก็ใช่ที่”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เขาก็ไม่ได้รุ่มร่ามอะไรกับผมมากมาย”
‘ออกจะหว่านเสน่ห์จนน่ารำคาญมากกว่า’ ทว่าต้นน้ำก็ไม่ได้พูดออกไป เขาเลือกถามซันไปตรงๆ
“พี่ซันไม่ถูกกับพี่เจ็ทเหรอครับ?”
“ไม่เชิงหรอก พี่ก็ไม่ได้อะไรกับมันหรอกนะ แต่เหมือนมันจ้องจะแข่งกับพี่มากกว่า ชอบมาแย่งคนที่พี่สนใจ นี่คงนึกว่าพี่กิ๊กกับเรามั้ง”
ต้นน้ำยืนพิงผนังห้องน้ำฟังซันบ่นไปซับหน้าไปพลางแอบยิ้ม
“ว่าแต่เราเถอะ แฟนที่ว่าเมื่อกี้หมายความว่าอะไรจ้ะ? แอบอินเลิฟไม่บอกพี่เลยนะ”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่... ผมกลับไปคืนดีกับแฟนเก่าก็แค่นั้น”
“แฟนเก่า? ตายแล้วใช่คนที่เคย...”
ซันพูดไม่ออกไม่กล้าถามต่อเพราะสิ่งที่ได้ยินมาไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่ เขาเคยได้ยินเนมใส่ร้ายว่าต้นน้ำร่านจนแฟนทนไม่ไหวขอเลิก แต่เมื่อได้สัมผัสกับตัวแล้วเขารู้สึกว่าต้นน้ำไม่ใช่คนแบบนั้น ดังนั้นคนที่นอกใจก็คงไม่พ้นแฟนเก่าของต้นน้ำ แล้วนี่เพื่อนรุ่นน้องของเขากลับไปคบกับคนที่นอกใจตัวเองคนนั้นน่ะหรือ?
“เรื่องมันยาวครับพี่ซัน เอาไว้ว่างๆ ผมจะเล่าให้ฟัง”
รอยยิ้มของต้นน้ำแสดงออกถึงความมั่นใจในตนเอง เมื่อประกอบกับท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ระคายเคืองเพราะแผลเก่าตกสะเก็ด ซันก็ยอมเชื่อ เขาพยักหน้าให้ต้นน้ำก่อนจะหันไปเช็คความเรียบร้อยของตัวเองในกระจก
ดังนั้นต้นน้ำจึงยิ้มหวานอยู่ได้ทั้งๆ ที่กระแทกหน้าเจ็ทกลับไปแบบไม่แคร์สื่อ เกย์หนุ่มมั่นหน้าผู้ภูมิใจในรูปร่างเลยหน้าม้านไปด้วยความอาย จีบเขาแล้วเขาไม่เล่นด้วย แถมแพ้ใครไม่แพ้ๆ ผู้แก่ๆ วัยกลางคน!
ซันที่แอบยิ้มเยาะด้วยความสะใจเลยถือโอกาสเปลี่ยนหัวข้อ
“ไงต้น แนะนำแฟนให้พี่รู้จักหน่อยสิ แอบมีแฟนตอนไหนเนี่ย ไม่เห็นรู้เลย”
“ทุกคนนี่แฟนผมครับ พี่ชัชนี่พี่ซันเพื่อนผมกับคิวว์ไงครับ แล้วนี่ก็เพื่อนๆ ของพี่ซัน วันนี้วันเกิดพี่ซันพี่ชัชนั่งเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ”
เมื่อสุดที่รักขอร้องแล้วหันมาส่งยิ้มหวานแกมบังคับให้ชัยชัชก็รู้ดีว่าต้องทำตาม คำสั่งภรรเมียไม่ทำได้ที่ไหน! แล้วผู้ชายแท้ๆ ที่เคยเป็นเสือผู้หญิงอย่างเขาก็ต้องนั่งปั้นหน้ายิ้มในดงเกย์ตามคำสั่งเมียรักที่เป็นเพศชาย

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา... ตลอดเวลาชัยชัชลอบสังเกตต้นน้ำและคนอื่นๆ เขาเห็นเมียรักดื่มอย่างระมัดระวังเช่นเดียวกับเจ้าของวันเกิดที่ชื่อซัน ทั้งคู่ไม่ค่อยแตะแอลกอฮอล์มากนักเมื่อเทียบกันคนอื่น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเม้ามอยเรื่องนั้นโน้นนี้เสียมากกว่า ชัยชัชยอมรับกับตัวเองว่าเบาใจไปเปลาะหนึ่ง แต่กระนั้นก็ยังหงุดหงิดเพราะสายตาที่ส่งมาให้แฟนของตนบางส่วน โต๊ะนี้หมดหวังเลิกจีบแต่โต๊ะอื่นยังขยันส่งยิ้มมาให้ไม่หยุด!
ใช่ว่ามีแต่ชัยชัชคนเดียวที่ลอบสังเกต ต้นน้ำเองก็แอบเก็บข้อมูลชัยชัชด้วยเช่นกัน อาการหึงแต่ไม่กล้าแสดงออกปรากฏอยู่ในแววตาวาวโรจน์ของชัยชัชตลอดเวลา แต่หนนี้ต้นน้ำไม่กล้าอ่อยแกล้งชัยชัชจนเกินเหตุเหมือนคราวที่คุยกับนิค ต้นน้ำก็แค่อยากวัดระดับความอดทนของแฟนไม่ใช่หาเรื่องเอาคืน เขาไม่ได้อยากให้หมาป่ากลับมาบ้าเลือด!
แต่กระนั้น “ไม่อ่อย” ที่ว่าก็ไม่ได้เหมารวมถึงแฟนของตัวเอง เมื่ออยู่กันสองคนต้นน้ำจึงแกล้งเมากระแซะชัยชัชเต็มที่!
“มึนจังเลยครับพี่ชัช”
ถึงจะรู้ว่าเด็กเลี้ยงแกะกำลังตอแหลแต่ชัยชัชก็อดบ่นไม่ได้
“แล้วดื่มทำไมครับ”
“ก็งานวันเกิดเพื่อนผม แค่ค็อกเทลเองนะ ไม่กี่แก้วเอง”
“ค็อกเทลเมาง่ายกว่าเหล้าอีก ไม่รู้เหรอครับ?”
แม้ชัยชัชจะนึกถึงภาพที่เขาเห็นต้นน้ำถือแก้วเหล้าสาดลงคอแก้วแล้วแก้วเล่าตอนวันฮาโลวีน แต่เขาก็พูดออกไปตามบทที่ควรพูดพลางประคองต้นน้ำที่กอดเขาแน่นเดินไปเรียกแท็กซี่
“ไม่รู้สิครับ มึนจัง”
มังกรร้ายแอบอมยิ้มพลางกระแซะไหล่แฟนของตนให้ชาวบ้านอิจฉาเล่น
“แท็กซี่มาแล้วครับ”
ชัยชัชอยากพาต้นน้ำไปให้พ้นๆ สีลมเสียที เขาทนสายตาน่าขนลุกไม่ไหวอีกแม้แต่นาทีเดียว!
เมื่ออยู่ในแท็กซี่ตามลำพังแล้วชัยชัชก็เอ่ยถาม
“ให้ไปส่งที่บ้านปู่เราใช่มั้ย?”
“ไม่เอา คืนนี้ผมอยากไปนอนห้องพี่ชัช”
ถ้าเมียเขาจะแกล้งเมาเพื่อเอาแต่ใจเช่นนี้ละก็... ชัยชัชจะทำอะไรได้
“ไปลานจอดสามย่านครับ”
ต้นน้ำแกล้งเมาเอาแต่ใจสมจริงซบเขาแนบแน่นจนคนขับแท็กซี่เหล่มองผ่านกระจกมองหลังบ่อยๆ แต่ชัยชัชไม่ใส่ใจ เมียรักเขาเป็นผู้ชาย ถ้าหากชายหญิงโอบกอดกันด้วยความรักดูแล้วงดงามชวนอบอุ่นใจได้ แล้วทำไมผู้ชายกับผู้ชายจะมีรักบริสุทธิ์ที่เอื้ออาทรต่อกันบ้างไม่ได้
แต่เมื่อเห็นลูกแกะช่างมุดนิ่งไปชัยชัชก็เริ่มกังวล
“ต้น... ต้นครับ ไหวมั้ย?”
ชัยชัชลองเรียกพลางเขย่าตัวต้นน้ำเบาๆ แต่สิ่งที่เขารับรู้คือคนแกล้งเมาหลับไปแล้วเรียบร้อย โชคดีที่พรุ่งนี้ไม่มีประชุมเช้า แต่เอาเถอะ ในเวลาที่เขาเมาแอ๋กลับห้องคนที่คอยดูแลเขาก็คือคนในอ้อมแขนคนนี้มิใช่หรือ? ว่าแล้วชัยชัชก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

ต้นน้ำไม่รู้เลยว่ากลิ่นกายผสานกลิ่นโคโลนจ์เดิมๆ ของชัยชัชจะทำให้เขาผ่อนคลายได้มากเช่นนี้ เขาแค่คิดถึงกลิ่นคุ้นเคยที่ไม่ได้ใกล้ชิดมานาน ครั้นพอสบโอกาสได้เนียนเป็นคนเมาซุกมุดอ้อมกอดอุ่นๆ ของชัยชัชแล้วเขาก็เลยเผลอปล่อยตัวจมไปกับสัมผัสอันโหยหา กระทั่งหลับไปไม่รู้ตัว! เขาต้องสะดุ้งตื่นเพราะชัยชัชปลุกเขาลงจากรถแท็กซี่ แต่เพราะหลับๆ ตื่นๆ ผสมกับความมึนนิดๆ จากแอลกอฮอล์ สุดท้ายต้นน้ำเลยกรึ่มเพราะความง่วง แผนการที่วางไว้ว่าอยากแกล้งเลยเป็นหมันโยนทุกอย่างทิ้งลงถังขยะ!

ชัยชัชต้องจูงต้นน้ำเดินมาที่รถ เขาประคองสุดที่รักขึ้นนั่งในรถ ปรับเอนเบาะให้คนรักด้วยความเป็นห่วงก่อนจะคาดเข็มขัดนิรภัยให้
“พี่ชัช”
“ครับ?”
“ผมหนาว”
“ครับๆ เดี๋ยวพี่ปรับแอร์ให้นะ โอเคยัง?”
ในยามที่ลูกแกะเอาแต่ใจเช่นนี้ก็น่ารักดี สีหน้ามึนๆ คล้ายคนง่วงนอนของต้นน้ำทำให้ชัยชัชยิ้มหลุดออกมา เขาเอนตัวมาใกล้พลางเขี่ยปอยผมที่ปรกหน้าของคนรักออกอย่างเบามือ ต้นน้ำกระพริบตาถี่ๆ พยายามสู้กับเปลือกตาที่หนักอึ้งของตนแล้วเอาแต่ใจอีกครั้ง
“จูบผมหน่อย”
“หือ?”
“ไม่ได้เหรอครับ ผมอยากจูบพี่ชัชตอนนี้นี่”
ชัยชัชชักไม่แน่ใจแล้วว่าต้นน้ำแกล้งเมาหรือว่าของจริงกันแน่ แต่เขาสาบานกับตัวเองว่าถ้าเกิดเมียรักเขาเมาแล้วยั่วเช่นนี้จริงๆ เขาจะไม่ปล่อยให้ต้นน้ำไปดื่มกับใครอีกเด็ดขาด!
“ไปค้างกับพี่ ที่บ้านไม่ว่าแน่นะครับ”
“จูบผมก่อนแล้วจะบอก”
คนเมาคลี่ยิ้มอวดดี ชัยชัชทั้งอ่อนอกอ่อนใจปนกับความเอ็นดู เขาหลงใหลต้นน้ำมากเหลือเกิน...
ชัยชัชก้มลงไปจูบต้นน้ำเบาๆ ที่หน้าผาก แต่ทว่าต้นน้ำกลับรั้งเสื้อเขาไว้แล้วยื่นปากมาจุ๊บเขาก่อนจะปล่อยมือ
“คิดถึงพี่ชัชจัง ให้ผมไปนอนกับพี่ชัชนะ”
“แล้วที่บ้านต้น?”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณปู่คงนึกว่าผมไปค้างห้องคิวว์ตามปกติแหละ”
“แล้วเพื่อนเราล่ะ?”
“คิวว์ติดงานเลยอดไปงานวันเกิดพี่ซัน ป่านนี้ไม่รู้กลับถึงห้องแล้วรึยัง ผมเลยไม่กล้าดื่มมาก เลยให้พี่ชัชมารับ อยากนอนกับพี่ชัช”
เสียงอ้อแอ้นิดๆ ผสานสำเนียงเอาแต่ใจฟังแล้วน่าเอ็นดู ถ้าเมียเขาจะเมาแล้วน่ารักขนาดนี้ชัยชัชยอมตาย!
“ครับ งั้นกลับห้องเรากันนะ”

เมื่อถึงที่หมาย ต้นน้ำก็สร่างเมาพอสมควรเขาเดินได้เองโดยไม่ต้องให้ชัยชัชช่วยพยุง ทว่าความง่วงกลับจู่โจมจนเขาแทบต้านไม่ไหว ดังนั้นเมื่อเข้าห้องพักได้ต้นน้ำก็ไม่รอช้ารีบจัดการอาบน้ำทำความสะอาดตัวเองพร้อมพุ่งขึ้นเตียงสุดชีวิต แต่สำหรับชัยชัช คืนนี้เป็นคืนแรกที่ต้นน้ำจะกลับมานอนเคียงข้างเขานับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น!
คู่รักสองคนที่เคยห่างหายร้างกันไปแรมปีกลับมาอิงแอบแนบออเซาะเคียงคู่กันอยู่บนเตียง ในยามนี้อารมณ์ใดๆ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน เพียงแค่ได้กอดต้นน้ำไว้ในอ้อมแขนเฉยๆ ชัยชัชก็มีความสุขมากแล้ว ต้นน้ำเองเช่นกัน เขาคิดถึงวงแขนแข็งแกร่งที่เคยโอบกอดเขายามนอนแทบขาดใจ
ไม่ต้องมีคำพูดใดใดให้มากความ เพียงแค่ชัยชัชลูบผมของต้นน้ำไปมากล่อมเขาด้วยฝ่ามืออันอบอุ่นต้นน้ำก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของคนรักผ่านการสัมผัส หมาป่าจะปกป้องลูกแกะเสมอ และแล้วต้นน้ำก็หลับไปในอ้อมกอดของชัยชัช 
ท่ามกลางความเรียบง่าย ชัยชัชสัมผัสได้ถึงความสุขที่แสนสงบ ไม่ใช่ไฟรักอันเร่าร้อนหรือสายน้ำเย็นฉ่ำที่คอยปลอบประโลมกัน บางครั้งความรักก็เรียบง่ายกว่านั้น เพียงแค่ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอของคนรักที่หลับอย่างเป็นสุขเขาก็มีความสุขแล้ว เขาอยากได้ยินเสียงนี้ตลอดไป! จะต้องทำอย่างไรถึงจะได้กอดคนๆ นี้ไว้ทุกคืน!
และแล้วยามเช้าก็มาเยือน เหลือเชื่อที่ต้นน้ำตื่นมาพบว่าชัยชัชรู้สึกตัวก่อนเขา หมาป่าจ้องมองเจ้าลูกแกะอยู่เงียบๆ เขารอคอยให้ต้นน้ำลืมตาตื่นขึ้นในอ้อมแขนของตนเพื่อเฝ้ามองภาพเก่าๆ อีกครั้ง ชัยชัชรู้ดีว่าโอกาสแบบนี้หาใช่มีอีกง่ายๆ ชัยชัชคิดถึงภาพของคนรักลืมตาตื่นในอ้อมแขนตัวเองก่อนจะกล่าวอรุณสวัสดิ์แทบขาดใจ!
“พี่ชัชตื่นนานแล้วเหรอครับ?”
“ไม่นานครับ ก่อนหน้าต้นแป๊บเดียว”
ต้นน้ำรู้สึกได้ถึงความหวานที่ลอยละล่องอบอวลรับบรรยากาศยามเช้า สายตาหวานเชื่อมของชัยชัชมองตรงมาที่เขาอย่างรักใคร่ เขาเองก็รักชัยชัชไม่แพ้กัน ดังนั้นลูกแกะจึงจูบอรุณสวัสดิ์หมาป่าก่อนจะหยอดคำหวาน
“อรุณสวัสดิ์ครับ คิดถึงพี่ชัชจัง”
ชัยชัชยิ้มรับแล้วถาม
“เมื่อคืนหลับสบายมั้ยครับ”
“ก็ดีครับ แต่ไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่”
“หืม? พี่กอดเราแน่นไปเหรอครับ?”
ต้นน้ำหลุดหัวเราะทันทีที่ได้ยิน แฟนของเขายังจำได้เสมอว่าเขาชอบบ่นปวดหลังทุกครั้งที่นอนกอดกัน แต่ปวดหลังแล้วอย่างไร เขายอมปวดหลังเพื่อแลกกับการได้มานอนซุกอกอุ่นๆ ของชัยชัช ต้นน้ำเองก็ตระหนักดีว่าโอกาสเช่นนี้หาไม่ได้ง่ายๆ
“เปล่าครับ แต่เมื่อคืนเพราะง่วงผมก็เลยนอนทั้งๆ ที่หิว”
พูดไม่พูดเปล่าต้นน้ำยังใช้ขาของตัวเองเสียดสีกับขาของชัยชัช เห็นเมียรักแสดงอาการคลอเคลียเช่นนี้แล้วชัยชัชก็หลุดยิ้ม
“แล้วหิวมากมั้ยครับที่รัก?”
ว่าแล้วชัยชัชก็พลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบน หมาป่าขึ้นคร่อมเจ้าแกะน้อยเรียบร้อย!
“ก็... นิดหน่อยครับ”
“งั้นกินอะไรดีครับ?”
ขณะที่ปากถามมือของชัยชัชก็ปฏิบัติการดึงกางเกงของต้นน้ำลงแล้ว! 
“แล้วพี่ชัชจะเสิร์ฟอะไรผมล่ะครับ?”
ต้นน้ำเองก็ใช่ย่อยเขาใช้สองแขนคล้องคอของคนรักพลางยิ้มยั่ว
“แล้วทำไมเมื่อคืนไม่กินหึ๊? วันนี้สายพี่ไม่รู้ด้วยนะ”
“ก็เมื่อคืนผมอยากนอนกอดแฟน”
“ละตอนนี้อ่ะ?”
ชัยชัชถามกระเซ้า
“ผมหิว”
ต้นน้ำตอบหน้าตาย
“ไอ้ต้นนะไอ้ต้น”
ว่าแล้วคู่รักก็ลงมือรับประทานมื้อเช้ากันอย่างเผ็ดร้อน ชัยชัชขึ้นคร่อมได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกต้นน้ำผลักอกในนอนราบแล้วจัดการขย่มให้จนตอแทบหัก เขาอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าต้นน้ำมาดใหม่นี่ถึงใจเขาโคตรๆ ต้นน้ำที่ขี้อายก็ดี เอาแต่ใจกดขี่สามีแบบนี้ก็ดี คนไหนก็ได้เขารักหมดทุกตัวตนของแฟน ดีเสียอีกมีเมียคนเดียวแต่ได้อารมณ์หลากหลายรสชาติไม่มีเบื่อ! 
จนกระทั่งสงครามสงบลง ชัยชัชอดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบรอยสักอักษรย่อชื่อของตน ต้นน้ำที่นอนคว่ำอยู่จึงหันมายิ้มขำๆ 
“หัวเราะไรห๊ะไอ้ต้น?”
ชัยชัชถามพลางลุกออกจากร่างของต้นน้ำ
“ชอบเหรอครับ?”
“รักเลย”
ใครเล่าจะไม่ชอบใจที่ได้แสดงความเป็นเจ้าของคนรักของตน?
“เกือบไม่มีละครับ”
“หือ?”
“ผมกะไปเอาออกแล้ว แต่เขาบอกว่าเลเซอร์แล้วจะเหลือรอยแผลเป็น ผมไม่อยากมีแผลก็เลยปล่อยทิ้งไว้”
ต้นน้ำเล่าหน้าตายไม่แคร์จิตใจคนฟังเลยซักนิด!
“ใจร้ายว่ะต้น!”
“ใครกันแน่ที่ใจร้ายกับผมก่อน!”
เมื่อถูกเหวี่ยงกลับชัยชัชก็สำนึกได้ว่าบางครั้งเพื่อความสงบสุขของครอบครัวก็ไม่ควรเถียงเมีย!
“โอ๋ๆ ขอโทษคร้าบผัวผิดไปแล้วคร้าบ เมียอย่าทิ้งผัวอีกเลยนะ”
ฟังแล้วต้นน้ำก็ยิ้มออก แต่เขาก็ยังเล่นตัว
“ไม่รู้สิครับ ดูความประพฤติก่อน ไม่โอเคผมเลิกทันที”
“โห! อย่าขู่พี่สิต้น!”
“ฮะๆ”
แต่คนที่ถือไพ่เหนือกว่ากลับหัวเราะเสียงใส เล่นเอาชัยชัชหนาวๆ ร้อนๆ กลัวโดนทิ้งอีกรอบขึ้นมาจริงๆ
“ไม่ได้นะครับ ต้นต้องเป็นเมียพี่คนเดียวนะรู้มั้ย? พี่ไม่ยอมให้เรามีคนอื่นแน่ๆ”
“งั้นก็สัญญาสิครับว่าจะรักผมคนเดียว”
ว่าแล้วหมาป่าก็ยื่นนิ้วก้อยออกมาเกี่ยวนิ้วของลูกแกะ 
“สัญญาครับ”
ชัยชัชให้คำสัญญาพลางแถมจูบหนึ่งที ต้นน้ำมีความสุขสุดๆ จนโผเข้ากอดชัยชัชด้วยอารามอยากอ้อน
“เฮ้อ... มีความสุขสุดๆ ไปเลย ได้นอนกอดเมีย ตื่นเช้ามาเมียยังอยู่ไม่หนีหายไปไหน อยากนอนกอดเราแบบนี้ทั้งวันเลย”
ชัยชัชตีรวนทิ้งน้ำหนักลงทับต้นน้ำจนแผ่ไปกับเตียง
“อื้อพี่ชัช! ไม่ไปทำงานรึไงครับ? ผมเข้าสายไม่ได้แปลว่าไม่มีเรียนนะครับ!”
“ก็คนมันขี้เกียจอ่ะ อยากนอนกอดเมีย พี่ไม่อยากให้เราไปเลย ไม่รู้ต้นจะมาให้พี่กอดอีกเมื่อไหร่ ... โดดกันมั้ยต้น?”
และแล้วน้ำเสียงงอแงก็เปลี่ยนเป็นทะเล้น
“ถ้าเป็นเมื่อคืนผมเชื่อนะครับว่าแค่กอดจริงๆ แต่ตอนนี้ผมไม่เชื่อแล้วครับ ไอ้นั่นมันประจานความคิดพี่หมดแล้ว!”
ต้นน้ำผลักชัยชัชออกแล้วลุกขึ้นนั่งข้างๆ กัน หมาป่านอนแผ่โอ้อวดอาวุธไม่อายสายตาใคร
“งั้นเบิ้ลมั้ยครับที่รัก?”
“เสียใจ! ไม่มีเวลาแล้วครับ”
“ไม่เป็นไร เราอาบน้ำพร้อมกันก็ได้”
ต้นน้ำไม่รู้ว่าชัยชัชหมายถึงว่าเขาทั้งคู่จะประหยัดเวลาด้วยการอาบน้ำพร้อมกัน หรือว่า... ชัยชัชจะประหยัดเวลาด้วยการอาบน้ำพร้อมทำอย่างอื่น เขารู้แต่ว่าทันทีที่ชัยชัชพูดจบเขาก็ถูกอุ้มลอยหวือเข้าห้องน้ำ!

เพราะเช้านี้ว่าง ชัยชัชเลยขับมาส่งต้นน้ำที่มหาวิทยาลัย เริ่มสายแล้วแต่รถยังติดพอสมควร แม้จะทำให้ต้นน้ำบ่นคิดถึงมอเตอร์ไซต์ของตนแต่ชัยชัชกลับนึกดีใจอยู่เงียบๆ ที่ได้ใช้เวลากลับแฟนมากขึ้นอีกนิด ต้นน้ำต้องยืมเชิ้ตสีขาวของเขาใส่เพราะเจ้าตัวเก็บข้าวของทุกอย่างไม่เหลืออะไรทิ้งไว้ที่ห้องเขา โชคดีที่กางเกงที่ใส่เมื่อคืนสีดำต้นน้ำเลยแอบเนียนเอาได้ เห็นแล้วชัยชัชก็ยิ้มขำ เมียเขาแต่งตัวผิดระเบียบมหาวิทยาลัย!
“ผมไปนะครับพี่ชัช ขอบคุณที่มาส่งครับ”
เมื่อถึงที่หมายต้นน้ำก็แทบจะโดดลงจากรถ เขากล่าวขอบคุณชัยชัชสั้นๆ แล้ววิ่งหน้าตั้งไปเข้าคลาสทันที อา... สายมาสิบนาทีแล้ว จะโดนเชิญออกจากห้องมั้ยนะ?
ครั้นต้นน้ำลงจากรถไปแล้วชัยชัชก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาคนๆ หนึ่ง
“ไอ้เอก ช่วยอะไรกูอย่างนึงได้มั้ย”
หัวข้อ: Re: [ภาค2#31/1/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์วันเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 01-02-2015 00:33:38
“อะไรนะครับ!?”
ต้นน้ำร้องลั่นด้วยความตกใจ แต่ชัยชัชยังยิ้มน้อยๆ แล้วพูดประโยคเดิมอีกครั้ง
“เสาร์หน้าจะมีงานเลี้ยงวันเกิดเราใช่มั้ยครับ? พี่จะพาเถ้าแก่เข้าไปหาปู่ต้นนะ”
น้ำเสียงและแววตาของชัยชัชไม่มีแววล้อเล่นเจืออยู่เลยแม้แต่น้อย!
อันที่จริงต้นน้ำแอบขัดใจเรื่องงานวันเกิดของตนนิดๆ ปีนี้เขาจะอายุยี่สิบเอ็ด แม้ปีที่แล้วเขาจะคืนดีกับคุณปู่แต่เขากลับเลือกฉลองวันเกิดกับเพื่อนๆ คุณปู่ของเขาเลยจัดงานเลี้ยงเล็กๆ พบปะญาติขึ้นที่บ้านเพื่อแนะนำเขากับคนอื่นๆ มันไม่ประทับใจเขาเลยแม้แต่น้อย แต่สำหรับปีนี้ที่เขากลับไปอยู่กับคุณปู่เต็มตัว คุณปู่ของเขาจึงจองโรงแรมเพื่อเลี้ยงเปิดตัวเขาโดยเฉพาะ!
ต้นน้ำแทบนับไม่ถูกว่าปีที่ผ่านมาเขาต้องออกงานกับคุณปู่และป้าณีกี่ครั้ง! หนังสือกอสซิบเคยลงข่าวเขาว่าเป็นว่าที่ผู้บริหารเดอะพรีเชียสไดมอนด์รุ่นที่สามด้วยซ้ำ! แต่เขาเรียนฟิสิกส์ไม่ใช่บริหาร! เขาอยากเรียนต่อโทและถ้าทำได้เขาอยากไปต่อปริญญาเอกที่ต่างประเทศ เขาอยากกลับมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเหมือนพ่อของเขา อันที่จริงต้นน้ำแอบคิดหน่อยๆ ว่าถ้าเขารีบเรียนให้จบดอกเตอร์ภายในเวลาที่พ่อเขายังมีอำนาจอยู่นั้นเขาอาจจะได้ตำแหน่งอาจารย์ในภาคได้ไม่ยาก ก็แหมนักเรียนดีเด่นอย่างเขาที่ใครๆ ต่างก็เอ็นดู อาจารย์ในภาคต้องส่งเสริมเขาอยู่แล้ว ยิ่งพ่อเขามีตำแหน่งในคณะ อนาคตที่วาดหวังไว้ไม่ใช่เรื่องยาก!
แต่คุณปู่ผลักดันจับร้านยัดใส่มือเขาสุดๆ ทำไงได้ในเมื่อพี่ธีร์ก็ไม่อยู่แล้ว ป้าณีเองก็แก่ลงทุกวัน พี่ษาก็เรียนหนักจบออกมาก็คงไม่พ้นเปิดคลินิกเสริมความงามของตัวเอง นี่ได้ข่าวว่าพี่สาวเขาเล็งจะเรียนหลักสูตรแพทย์ผิวหนังให้เป็นเรื่องเป็นราว พูดง่ายๆ ว่าไม่มีใครสนใจร้านเพชรของครอบครัว ต้นน้ำที่รู้จักแต่องค์ประกอบของคาร์บอนเลยปวดหัวกับการพยายามแยกแยะ “น้ำงาม” สุดชีวิต! แต่อะไรก็ไม่เท่ากับการต้องปั้นหน้ายิ้มให้พวกคุณหญิงคุณนาย!
มาปีนี้คุณปู่ตั้งใจจะเลี้ยงวันเกิดเปิดตัวเขาเต็มที่! แค่นี้เขาก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ละนี่ชัยชัชยังจะมาพบปู่เขาอีกหรือ? ต้นน้ำไม่อยากจะคิดว่ามันจะวุ่นวายขนาดไหน!
“พี่ชัช...”
ใจจริงต้นน้ำอยากจะถามว่าชัยชัชคิดอะไรของเขาแต่พูดไม่ออก ทำไมเขาจะไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของชัยชัช เขารู้ดีแต่ว่าอย่างไรเขาก็กลัว... หากชัยชัชมาเฉยๆ คงไม่เท่าไหร่ แต่ชายหนุ่มเอ่ยปากว่าจะพาเถ้าแก่มาด้วย... เถ้าแก่ที่ว่า... ต้นน้ำสับสนทั้งตื่นเต้นปนดีใจจนความคิดในหัวตีกันวุ่นวาย!
เมื่อเห็นต้นน้ำเงียบไปชัยชัชก็ยิ้ม สีหน้ากังวลสับสนจนพูดไม่ออกของต้นน้ำทำให้เขาเอ็นดู
“เชื่อพี่นะครับ ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี พี่ทำผิดพี่ก็ต้องยอมรับผิด พี่จะฝ่าด่านปู่เราให้ได้”
“แล้วถ้าเกิดคุณปู่...”
“ยังไงปู่ต้นก็คงไม่เอาไม้ตะพดออกมาไล่หวดพี่หัวแบะหรอกม้าง แกแก่แล้วเดินยังไม่ค่อยจะไหว พี่ไม่กลัวหรอก ฮ่าๆ”
“ยังจะเล่นอีกนะครับ”
แต่มุกของชัยชัชก็ทำให้ต้นน้ำผ่อนคลาย เขายิ้มออกมาได้ในที่สุด
“ไม่ต้องห่วงหรอกต้น ความจริงเรื่องนี้พี่ปรึกษาพ่อเราแล้ว แกแนะนำให้พี่พาเถ้าแก่ไปด้วย พี่เลยว่าจะรบกวนพ่อไอ้เอกมัน ระดับผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั้งที ปู่เราคงไว้หน้าพี่บ้าง”
นี่ชัยชัชแอบเข้าหาพ่อเขาตั้งแต่เมื่อไหร่! ต้นน้ำตกใจจนตาโตเผลออ้าปากค้าง แต่แล้วประโยคถัดมาก็ทำให้เขาต้องหุบปากอมยิ้มด้วยความอาย
“รอพี่ไปขอดีๆ นะครับ ไม่ต้องเครียด”
“พี่ชัชก็... บ้า! ผมปวดหัวจะตายอยู่แล้วยังจะหาเรื่องมาให้ผมอีก”
“หืม? ปวดหัวเรื่องอะไรครับ?”
“ก็เรื่องร้านน่ะสิครับ งานนี้นอกจากจะเป็นงานวันเกิดแล้วคุณปู่ยังจะเปิดตัวผมด้วย ยังไงคุณลุงก็คงไม่มาทำร้านนี้แล้ว พี่ษาก็ไม่เอาเหลือแต่ผม พวกญาติๆ คนอื่นก็อยากเข้ามาจนตัวสั่น ผมเหมือนอยู่ท่ามกลางฝูงแร้งเลย”
ได้ยินต้นน้ำบ่นแล้วชัยชัชก็นึกห่วง อนาคตของเมียรักผัวจะไม่ห่วงได้อย่างไร ชัยชัชรู้จักต้นน้ำดีจึงรู้ว่าคนรักหนักใจเรื่องอะไร
“ต้นไม่อยากทำร้านเพชรเหรอครับ?”
“ครับ ผมขายของเป็นซะที่ไหน แถมยังดูเพชรไม่เก่งอีก ให้ไปขายสร้อยเพชรเส้นละสิบล้านน้ำงามอย่างโง้นอย่างงี้ให้พวกไฮโซผมทำไม่ได้หรอก เวลามีคนเอาของเก่าต้นตระกูลมาขายผมก็ดูไม่เป็น ไม่รู้ว่าอันไหนคุ้มที่จะรับซื้ออันไหนไม่ควรรับ ป้าณีซะอีกที่เก่ง แต่พักหลังท่านก็บ่นว่าอยากให้ผมรับช่วงต่อจากท่านซักที”
ฟังเสียงคนรักบ่นด้วยความหนักใจแล้วชัยชัชก็สงสาร กับงานขายยาตามโรงพยาบาลเขายังเหนื่อยแทบตาย นี่เมียรักเขาต้องกระโจนลงสนามเจรจาซื้อขายเพชรพลอยกับพวกเขี้ยวๆ ไม่แปลกที่คนไม่ถนัดใส่หน้ากากเข้าสังคมอย่างต้นน้ำจะอยากวิ่งหนี
“แล้วต้นอยากทำอะไรเหรอครับ?”
“ผมอยากเรียนโทให้จบเร็วๆ แล้วไปต่อเอกที่อังกฤษครับ ผมอยากเป็นด็อกเตอร์ก่อนสามสิบแล้วกลับมาเป็นอาจารย์เหมือนคุณพ่อ”
เมื่อได้เห็นสีหน้ายิ้มแย้มขณะเล่าความฝันของต้นน้ำแล้วชัยชัชก็ระบายยิ้มด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“ทำไมถึงอยากเป็นอาจารย์ละครับ”
พอถูกถามต้นน้ำก็ชะงัก เขาย่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“อืม... ไม่รู้สิครับ ตอนแรกที่ผมชอบฟิสิกส์ก็เพราะผมชอบดาว ตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นนักบินอวกาศ แต่ความฝันแบบนั้นต่อให้พยายามทั้งชาติผมก็คงทำไม่ได้ ผมไม่มีทางฟิตพอจะเป็นนักบินอวกาศได้แน่ๆ แล้วนาซ่าเขาก็คงไม่มีตั๋วนักบินอวกาศให้คนไทยง่ายๆ หรอกครับ ผมก็ควรจะเลิกฝันแล้วมองความจริงซะที”
แม้จะเป็นบทสนทนาชวนหดหู่แต่ชัยชัชกลับยิ้ม เขานึกเอ็นดูความฝันของคนรัก เด็กทุกคนมีความฝันเสมอ แต่พอโตแล้วกลับมีน้อยรายที่ทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จ เด็กบางคนลืมความฝันของตัวเองไปแล้วเสียด้วยซ้ำ เช่นเขาเป็นต้น
“พูดอะไรอย่างนั้น เราอาจจะไปเรียนต่อแล้วได้ทำงานกับนาซ่าจริงๆ ก็ได้ใครจะไปรู้”
“อื้อไม่เอาหรอกครับ ถ้าไปอยู่บนอวกาศก็เหงาตายเลย อยู่กับพี่ชัชบนโลกดีกว่า ผมไม่อยากเป็นเจ้าชายน้อยผู้โดดเดี่ยวคนนั้น”
มุกตลกของต้นน้ำทำเอาชัยชัชหลุดขำพรืด
“เดี๋ยวนี้ร้ายกาจนะเรา”
“ก็นิดหน่อยครับ”
ต้นน้ำขยิบตาก่อนจะยกโกโก้ร้อนขึ้นจิบปกปิดสีแดงจางๆ บนพวงแก้ม ภาพอากัปกิริยาน่ารักเหล่านี้ทำให้หัวใจของชัยชัชเต้นรัว เขาบอกตัวเองให้เอื้อมมือไปยกกาแฟบนโต๊ะขึ้นดื่มแทนการคว้าตัวคนรักมาบดริมฝีปาก อย่างไรเสียพวกเขาก็นั่งสนทนากันในร้านกาแฟหาใช่ที่ลับตาคน
“ต้นอยากอยู่กับพี่จริงอ่ะ?”
ต้นน้ำไม่รู้ว่าโดนชัยชัชหยั่งเชิงจึงแอบหนักใจ
“ผม... ผมก็อยากนะครับ แต่คุณปู่คง...”
“พี่อยากชวนเราไปอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เหมือนเมื่อก่อน... ต้นจะว่าไง?”
เพียงเท่านี้ต้นน้ำก็ตาโต! แต่ชัยชัชไม่ปล่อยโอกาส เขารุกต่ออย่างนิ่มนวล
“ความฝันที่เราอยากเป็นนักบินอวกาศพี่คงช่วยอะไรเราไม่ได้ แต่ความฝันที่เราอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นพี่ทำให้ได้นะครับ คราวนี้พี่อยากทำอะไรให้มันถูกต้องซะที พี่จะสร้างครอบครัวกับต้นนะ”
พูดไม่พูดเปล่าชัยชชัชยังแอบจับมือของต้นน้ำ เขาบีบมือของคนรักเบาๆ แล้วส่งยิ้มให้ ต้นน้ำเขินจัดหน้าแดงจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่หลบตาเสมองไปทางอื่น
“ผู้ชายด้วยกันสร้างครอบครัวได้ที่ไหน”
“ไม่รู้สิ มีบ้านแล้วเดี๋ยวอะไรๆ ก็ตามมาเองแหละ”
ต้นน้ำงงจนต้องหัวมาถามคนรักด้วยสายตา แต่ชัยชัชกลับพูดสบายๆ
“โครงการเขาสร้างไปได้เยอะแล้ว สิ้นปีนี้คงเข้าไปอยู่ได้ พี่กะว่าจะตกแต่งให้เสร็จก่อนค่อยย้ายเข้า ต้นอยากได้แบบไหนต้องมาเลือกเองนะ ไม่งั้นเดี๋ยวได้บ้านไม่ถูกใจจะให้ทุบทำใหม่พี่ไม่มีตังค์นะเออ!”
“พูดเป็นเล่น...”
ต้นน้ำอ้าปากค้าง! แฟนเขาพูดจริงหรือ? ความรู้สึกหลายหลากปนเปกันจนยุ่ง ต้นน้ำทั้งดีใจทั้งทึ่งจนพูดไม่ออก! 
“ใครบอก พี่เอาจริงนะเออ เตรียมเรือนหอรอไว้แล้ว เหลือก็แต่แต่งเมียนี่แหละ ไปเป็นแม่บ้านให้พี่นะครับ รับรองผ่อนหมดเมื่อไหร่เป็นชื่อเราแน่ๆ แต่คงอีกซักยี่สิบปีนะต้น พี่กู้ระยะยาวว่ะ”
 “แล้วคอนโดละครับ?”
“ก็ขายเอาเงินมาโป๊ะสิ ไม่ก็ปล่อยเช่า เดี๋ยวพี่ก็หาทางได้เองแหละ พี่ไม่โสดแล้ว คนมีครอบครัวไม่เหมาะกับการอยู่คอนโดหรอก เผื่อที่ไว้ให้ลูกวิ่งเล่นด้วยไง”
“ลูกอะไรครับ?”
“เอ้า! ก็ลูกหมาไง พี่อยากเลี้ยงหมาว่ะ”
และแล้วต้นน้ำก็เบ้ปากใส่แฟนหนุ่มก่อนจะใช้มือซ้ายยกแก้วโกโก้ขึ้นจิบโดยปล่อยให้มือขวาของตนถูกชัยชัชกุมไว้หลวมๆ

แม้วันนี้จะมีงานเลี้ยงสังสรรค์เปิดตัวต้นน้ำตอนค่ำแต่ทุกคนกลับวุ่นวายกันตั้งแต่เช้า ทุกคนในบ้านตื่นเช้าเตรียมตัวไปทำบุญที่วัด แต่ต้นน้ำกลับกระวนกระวายเรื่องอื่นมากกว่า เขาลุกลี้ลุกลนผิดปกติจนเจ้าสัวเอ่ยปากทัก ทุกคนคิดว่าเขาตื่นเต้นเรื่องงานเลี้ยงคืนนี้ มีแค่ต้นตระการเท่านั้นที่รู้ดีว่าลูกชายกังวลเรื่องอะไร จนกระทั่งกลับถึงบ้าน ทุกคนก็พบกับแขกที่มารอ...
แม้จะมีเถ้าแก่เป็นถึงระดับผู้อำนวยการโรงพยาบาลชื่อดังมาช่วยพูดให้แต่บรรยากาศก็ยังตึงเครียด ต้นน้ำถูกเจ้าสัวไล่ให้ไปช่วยณีรนันท์เตรียมของว่างสำหรับแขกไม่เปิดโอกาสให้เขาได้สบตากับชัยชัชเลยแม้แต่น้อย เกรียงไกรที่ไม่ชอบบรรยากาศอึดอัดจึงหนีเข้าครัวไปอีกคนทิ้งให้ต้นตระการรองรับอารมณ์ผู้เป็นพ่อเพียงลำพัง
ดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่ได้เห็นฉากเด็ดที่ชัยชัชยกพานดอกไม้ธูปเทียนคลานเข่าเข้าไปกราบเท้าขอขมาท่านเจ้าสัว แต่ท่านเจ้าสัวกลับชักเท้าหนีจนชัยชัชหน้าเสีย
“คุณพ่อครับ”
ท่านเจ้าสัวขัดใจยิ่งนักเมื่อเห็นว่าลูกชายของตนทำท่าจะอยู่ข้างเดียวกับชัยชัช
“ฮึ! อั๊วะเป็นคนจีน”
“เดี๋ยวผมจัดพิธียกน้ำชาแบบจีนก็ได้ครับ”
“ใครจะยกอาตี๋เล็กให้ลื้อ!”
“ผมตกลงกับคุณชัชแล้ว ผมไม่อยากฝืนใจลูกอีก คุณพ่อไม่อยากเห็นหลานมีความสุขเหรอครับ”
“แล้วที่อาตี๋เล็กฆ่าตัวตายเพราะอีล่ะ อาต้น ลื้ออยากเห็นลูกทุกข์ใจอีกรึไง ผู้ชายแบบนี้จะดูแลอาตี๋เล็กได้ยังไง ฮึ! หลานอั๊วะๆ ดูแลเองได้”
สถานการณ์เริ่มย่ำแย่ เอกดนัยจึงสะกิดพ่อของตนบ้าง ฝ่ายผู้อำนวยการก็จ้องหน้าศิษย์คนโปรดจนตาถลน ดีแต่สร้างเรื่องตั้งแต่หนุ่มยันแก่! ไม่มีใครบอกเขาสักคนว่าชัยชัชสร้างเรื่องไว้ถึงขั้นคนรักฆ่าตัวตาย!
“แม้ว่าเจ้าชัชจะใจร้อนไปบ้างแต่ก็เป็นคนขยันขันแข็ง เอาการเอางาน”
ถ้าจะมีข้อดีก็เห็นจะเป็นเรื่องเอาการเอางานนี่แหละที่แม้แต่ท่านเองยังอดชื่นชมชัยชัชไม่ได้ แต่ยังพูดไม่ทันจบก็โดนแทรก
“อั๊วะรวยอยู่แล้ว อาตี๋เล็กไม่ต้องทำอะไรก็สบายมีกินไปทั้งชาติ!”
“เป็นคนรักครอบครัว...”
ผู้อำนวยการพยายามนึกถึงข้อดีของชัยชัชแต่กลับทำได้ยากเย็น
“คนเจ้าชู้อย่างอีจะรักใครมากกว่ารักตัวเอง”
ท่านเจ้าสัวกล่าววาจาเฉือดเฉือนขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้ยังปรายตาเผื่อไปให้ลูกชายคนเล็กของตนแถมอีกคนที่พึ่งจะมาทำตัวได้เรื่องเอาก็ตอนแก่!
“ฐานะอีรึก็งั้นๆ วีรกรรมก็มีมิใช่น้อย ดีแต่ทำให้อาตี๋เล็กเสียใจ พวกลื้อคิดว่าคนอย่างอีเหมาะจะดูแลหลานชายคนเดียวของอั๊วะเหรอ?”
“ผมอาจจะทำร้ายต้นไว้มากแต่ผมขอสัญญาว่าจากนี้ต่อไปผมจะไม่ทำให้ต้นเสียใจอีกเด็ดขาด ผมขอโอกาสจากท่านเจ้าสัวอีกครั้งนะครับ รับรองความนี้ผมจะดูแลต้นให้ดีที่สุด ผมจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังครับ”
น้ำเสียงจริงจังและแววตาที่มุ่งมั่นของชัยชัชทำให้คุณปู่ผู้หวงหลานชายเชื่อ เจ้าสัวเชื่อว่าชัยชัชรักต้นน้ำจริงๆ แต่ท่านไม่เชื่อว่าชัยชัชจะปรับปรุงนิสัยแย่ๆ ได้แล้ว ชัยชัชไม่ได้มีข้อเสียเพียงเรื่องเดียวเสียหน่อย
ในที่สุดท่านผู้อำนวยการก็ถอนหายใจ....
“ว่ากันตรงๆ เลยนะท่านเจ้าสัว ไอ้ผมเองก็เห็นลูกศิษย์คนนี้มานาน ไม่ใช่ลูกก็เหมือนลูกไปแล้ว ผมเห็นเขามาตั้งแต่ยังเป็นเด็กไร้หัวคิด จนกระทั่งวันนี้ที่มันแก่มันก็ยังงี่เง่าเหมือนเดิม เคยอันธพาลอย่างไรก็ยังใจร้อนอยู่อย่างนั้น แต่ผมก็ไม่เคยเห็นเจ้าชัชมันรักใครมากขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน มีแต่หลานชายท่านเจ้าสัวคนเดียวที่ทำให้มันเป็นผู้เป็นคนขึ้น ไอ้ลูกศิษย์ตัวแสบถึงขั้นบากหน้ามาขอให้ผมเป็นเถ้าแก่สู่ขอหลานท่านให้เป็นเรื่องเป็นราว ผมก็รู้ทันทีว่ามันรักของมันมาก อย่างไรเสียเรื่องร้ายๆ ก็ผ่านไปแล้ว ในเมื่อเด็กมันรักกันท่านจะไม่ให้โอกาสมันหน่อยหรือ?”
แม้ท่านผู้อำนวยการจะช่วยพูดให้แต่ท่านเจ้าสัวก็ยังไม่มีท่าทีจะใจอ่อน ต้นตระการจึงช่วยสำทับให้อีกแรง
“เรื่องนี้เกี่ยวพันกับความสุขของต้น คุณพ่อน่าจะถามความเห็นหลานนะครับ”
“เข้าข้างกันเข้าไป พวกลื้อมันก็เหมือนกัน! ได้! งั้นให้ใครไปเรียกอาตี๋เล็กมา อั๊วะจะถามอีเอง!”
ท่านเจ้าสัวหงุดหงิดจนส่งเสียงล้งเล้งเรียกหาหลานชายคนโปรด และเมื่อต้นน้ำมาถึงก็ถูกเจ้าสัวเรียกให้ไปนั่งข้างๆ ต้นน้ำจึงนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ข้างๆ ผู้เป็นปู่ประจันหน้ากับชัยชัชที่แทบไม่ได้ขยับจากจุดเดิม
“อาตี๋เล็ก อีมาขอลื้อๆ จะว่าไง?”
“ผม...”
สีชมพูจางๆ บนแก้มของต้นน้ำบ่งบอกคำตอบได้เป็นอย่างดี เกรียงไกรที่แอบลุ้นอยู่ยังเผลอดีใจแทนหลาน ทว่าคำพูดต่อมาของเจ้าสัวก็ดับฝันของทุกคน!
“ลื้อโตแล้วน้า... ยี่สิบเอ็ดแล้ว ลื้อจะทำอะไรอั๊วะคงห้ามลื้อไม่ได้ แต่อั๊วะอยากให้ลื้อคิดดีๆ ถ้าสิ่งที่ลื้อฝันมันไม่เป็นไปตามที่ลื้อคิดลื้อจะรับได้รึเปล่า? อั๊วะไม่อยากเห็นลื้อเสียใจอีก เรื่องบางเรื่องใครก็ช่วยลื้อไม่ได้นอกจากตัวลื้อเอง อั๊วะเองก็อยากเห็นลื้อมีความสุขกับคนดีๆ แต่อั๊วะไม่อยากบังคับจิตใจลื้อ ถึงลื้อจะเป็นผู้ชายแต่อั๊วะก็เป็นห่วงน้าอาตี๋เล็ก”
ได้ยินแล้วต้นน้ำก็น้ำตาร่วง...
“ผม... ผม...”
เห็นอาการอึกอักของเมียรักแล้วชัยชัชก็สะอึก เขารู้ทันทีว่าลึกๆ แล้วต้นน้ำยังแอบกลัว และเพราะความกลัวนี้เองต้นน้ำถึงไม่กล้าทุ่มเทให้เขาหมดหัวใจเช่นกาลก่อน กำแพงบางๆ ที่ขวางกั้นเขาเอาไว้ก็คือผลกระทบทางจิตใจจากเรื่องราวในอดีตนี่เอง!
“ลื้อรักอีรึเปล่าอาตี๋เล็ก?”
“ครับ”
แม้จะเป็นการตอบรับแต่เสียงของต้นน้ำกลับเบาหวิว หยดน้ำตาที่ไหลเป็นทางบนแก้มชวนให้คนมองแล้วสงสาร ต้นน้ำก้มหน้าลงไม่กล้ามองสบตากับใคร
“แล้วถ้าเกิดอีทำให้ลื้อเสียใจอีกลื้อจะทำยังไง?”
ชัยชัชอยากตะโกนออกไปเหลือเกินว่าเขาไม่มีวันทำให้ต้นน้ำเสียใจอีกแน่นอน แต่อีกใจก็อดลุ้นไม่ได้ว่าต้นน้ำจะตอบเช่นไร
“ผมจะทิ้งเขาทันทีครับคุณปู่”
ได้ยินแล้วชัยชัชแทบร้อง! เขามองคนรักปาดน้ำตาก่อนจะเงยหน้าพูดต่อด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว!
“ผมเชื่อว่าพี่ชัชคงจะไม่ทำให้ผมต้องเสียใจอีก แต่ว่า... แต่ผมเองก็ไม่มั่นใจ ผมอยากจะตอบว่าผมจะให้อภัยเขา แต่ว่า... หลังจากผ่านอะไรมาตั้งเยอะผมให้โอกาสเขาถึงขั้นนี้แล้วถ้าเขายังกล้าทำให้ผมเสียใจอีกเขาก็ไม่คู่ควรกับความรักของผมแล้วครับ”
ชัยชัชหลุดยิ้มออกมาเมื่อถูกต้นน้ำหันมาสบตา ดวงตาฉ่ำคราบน้ำตาแต่แฝงแววเด็ดเดี่ยวทำให้เขาเอ็นดู ลูกแกะน้อยของเขาเข้มแข็งขึ้นมากทีเดียว
“พี่จะไม่ทำให้ต้นผิดหวังในตัวพี่อีกแน่ๆ ครับ ขอให้ผมได้ดูแลต้นอีกครั้งนะครับเจ้าสัว”
คำพูดสั้นๆ แต่หนักแน่นและจริงใจส่งผ่านไปถึงท่านเจ้าสัว ต้นน้ำขยับไปนั่งเคียงข้างชัยชัชก่อนจะก้มลงกราบพร้อมกัน คราวนี้ท่านเจ้าสัวไม่เล่นแง่อีก สายตาของชายชรามีแต่ความอบอุ่นอ่อนโยนส่งมาให้หลานคนเล็ก ในที่สุดหลานชายเขาก็ออกเรือน... น่าเสียดายนัก พึ่งอยู่ด้วยกันได้ไม่นานก็จะต้องเสียต้นน้ำไปให้คนอื่นอีกแล้วหรือ... 
ท่ามกลางความเงียบทุกคนต่างกระวนกระวาย ชัยชัชหายใจไม่ทั่วท้องนั่งจ้องตากับท่านเจ้าสัวจนนิ่งแข็งเป็นรูปปั้น กระทั่งต้นน้ำยังแอบลุ้นจนตัวโก่งกลัวจะไม่ผ่านการอนุมัติ ในที่สุดก็มีเสียงถอนหายใจของเจ้าสัวดังขึ้นทำลายความอึดอัด
“ถึงหลานอั๊วะจะเป็นผู้ชายแต่ลื้อก็ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณีน้า อั๊วะเองก็มีหน้ามีตาลื้อจะเอาหลานอั๊วะไปอยู่ด้วยกันเฉยๆ ไม่ได้ ใครรู้เข้ามันจะไม่ดี อั๊วะอนุญาตให้หมั้นกันไว้ก่อน ถ้าลื้อรักอาตี๋เล็กจริงก็ต้องรอให้อีเรียนจบก่อนถึงจะเอาอีไปอยู่ด้วยได้ ลื้อต้องให้เกียรติอี ลื้อทำได้รึเปล่า?”
ท่านเจ้าสัวใจอ่อนถึงขั้นนี้แล้วชัยชัชจะไม่รีบรับปากได้อย่างไร 
“ได้ครับได้!”
หมาป่าตกปากรับคำอย่างรวดเร็วจนลืมคิดถึงความจริงบางอย่าง หมาป่าจะดุร้ายเพียงไรก็ไม่มากเล่ห์เท่าจิ้งจอกเฒ่า!
“แต่อั๊วะมีข้อแม้! ถ้าลื้อทำไม่ได้ก็แปลว่าลื้อไม่เหมาะจะดูแลอาตี๋เล็กของอั๊วะ ต่อไปลื้อห้ามมายุ่งกับอาตี๋เล็กของอั๊วะอีก!”
ทันทีที่ได้ยินชัยชัชก็ยิ้มค้าง!
“ข้อแม้?”
หมาป่าหันไปมองหน้าเด็กเลี้ยงแกะๆ ก็ทำหน้างงก่อนจะหันไปขอความเห็นจากพ่อของตน แม้แต่ต้นตระการยังส่ายหัวไม่รู้เรื่องด้วยเลย!
“ใช่! ลื้อต้องหาสินสอดมาหมั้นอาตี๋เล็กให้ได้ก่อนอีเรียนจบ ไม่งั้นอั๊วะไม่ยกให้!”
ได้ยินแล้วชัยชัชก็ชักเหงื่อตก...
“แล้ว... เจ้าสัวจะเรียกเท่าไหร่เหรอครับ”
ชัยชัชยังทำใจดีสู้เสือต่อ หารู้ไม่ว่าคำตอบของเจ้าสัวจะทำให้เขาอ้าปากค้าง!
“เงินสดเก้าล้าน ทองอีกเก้าสิบเก้าบาท!”
ว่าแล้วท่านเจ้าสัวก็หัวเราะด้วยความสะใจ ต้นน้ำหน้าซีดได้แต่ปล่อยให้ชัยชัชอ้าปากค้าง! สินสอดสิบกว่าล้านเขาจะไปมีปัญญาหามาจากไหน! หมาป่าหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เหงื่อกาฬแตกพลั่กพลางหันไปมองหน้าผู้ใหญ่ของตน
“เอ่อ... ท่านเจ้าสัวครับ เรื่องนี้ผมว่า...”
“ฮึ๊! สินสอดแค่นี้ยังไม่มีปัญญาจะมาดูแลหลานอั๊วะได้ยังไง ชีวิตอาตี๋เล็กของอั๊วะมีค่ามากกว่าสิบล้าน!”
โดนว่าเข้าแบบนี้ชัยชัชก็เถียงไม่ออก แต่เจ้าสัวยังคงซ้ำเติมไม่หยุด
“ลูกหลานเพื่อนอั๊วะแต่งงานแต่ละคนได้สินสอดเป็นร้อยล้าน ลื้อคิดดูน้าอาตี๋ อีกหน่อยอาตี๋เล็กต้องเป็นคนมาดูแลร้านต่อจากอั๊วะ เกิดลื้อให้อีไม่สมศักดิ์ศรี ไอหย๊า! อาตี๋เล็กอีไม่ขายหน้าหมดเหรอ ลื้อไม่อายเขาเหรออาตี๋ คนอื่นเขาจะว่าลื้อเอาได้น้า ลื้อก็ต้องพิสูจน์ตัวเองซี่ว่าลื้อเองก็เป็นลูกผู้ชายคนนึง หรือลื้อจะให้อาตี๋เล็กเป็นคนไปขอลื้อแทนล่ะ อั๊วะไม่มีปัญหาหรอกน้า เท่าไหร่ก็เรียกมาเลย ฮ่าๆ”
ชัยชัชขบกรามแน่น แม้ศักดิ์ศรีจะค้ำคอเขาอยู่จนแทบกระอัก แต่เมื่อพิจารณาแล้วก็เห็นตามที่เจ้าสัวพูด เขาเองก็ไม่อยากให้ใครมาค่อนขอดว่าเกาะเมียกิน สุดท้ายชัยชัชจึงได้แต่ก้มหน้ารับคำอย่างจนใจ
“ครับ ผมเข้าใจแล้วครับ”
เพราะชัยชัชรับคำเสียงอ่อยแถมยังคอตกต้นน้ำที่กลัวเจ้าบ่าวถอดใจเลยพยายามกุมมือให้กำลังใจคนรักของตนสุดชีวิต ฝ่ายชัยชัชเองเมื่อเห็นสีหน้าเป็นห่วงของต้นน้ำก็พยายามฝืนยิ้มออกมา หมาป่าส่งยิ้มแห้งๆ ไปปลอบลูกแกะทั้งๆ ที่ในหัวมีแต่เพลงสิบหมื่นจากมนต์รักลูกทุ่งวิ่งวน อา... ค่าตัวเมียรักเขาแพงจริงๆ
ท่านเจ้าสัวเห็นอาการของคู่รักแล้วก็ลอบยิ้ม
“สมัยนี้ผู้ชายจัดงานแต่งกันเยอะแยะ ถ้าลื้อจะแต่งงานกันอั๊วะจะจัดงานให้เอง เอาให้ใหญ่โตไปเลยเพื่อนฝูงอั๊วะเยอะแยะ แต่ต้องรออาตี๋เล็กอีเรียนจบก่อนน้า อียังเด็ก แต่กว่าอีจะเรียนจบก็อีกตั้งนาน เกิดอีไปเมืองนอกเจอฝรั่งหล่อๆ อั๊วะก็ช่วยลื้อไม่ได้น้า หมั้นกันไว้ก่อนแหละดี เวลามีคนมาทาบทามอาตี๋เล็กอั๊วะจาได้ปฏิเสธได้ ไอหย๊าสมัยนี้น้าผู้ชายจีบกันเยอะจริงๆ! ลูกหลานเพื่อนอั๊วะก็เป็นเกย์ไปตั้งเยอะ แต่ละคนบอกว่าอาตี๋เล็กของอั๊วะน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้อยากได้ไปเป็นหลาน อั๊วะก็เกรงใจเพื่อนไม่รู้จะปฏิเสธอียังไง คนกันเองทั้งนั้น ลื้อเข้าใจมั้ยอ่า ถ้าอั๊วะยกอาตี๋เล็กให้คนอื่นแล้วใครจะมาดูแลร้านของอั๊วะ”
“ครับ ผมเข้าใจครับ”
ชัยชัชยังนั่งคอตกอยู่จึงไม่ทันฉุกใจ แต่มีหรือต้นตระการจะไม่รู้ทันพ่อตัวเอง แต่เขาก็อยากดูท่าทีของชัยชัชเช่นกันจึงยังคงนิ่งเฉยปล่อยให้เจ้าสัวแกล้งว่าที่ลูกเขยไม่หยุด
“แต่ถ้าเกิดอั๊วะยกอาตี๋เล็กให้ลื้อฟรีๆ คนเขาจะมองไม่ดีเอาได้น้า หลานชายคนเดียวทั้งทีอั๊วะก็อยากให้สมน้ำสมเนื้อ เงินไม่กี่ล้านคงไม่ยากเกินความสามารถลื้อใช่มั้ย? ลื้อทำงานเก่งไม่ใช่เหรอ? หรือลื้อจะมาทำงานกับอั๊วะก็ได้นะ ถ้าขยันๆ อั๊วะจะจ่ายโบนัสให้ลื้อเยอะๆ เลย ฮ่าๆ”
นาทีนี้ชัยชัชจะทำอะไรได้นอกจากนั่งน้ำตาตกปล่อยให้ประมุขของบ้านหัวเราะร่วนด้วยความสะใจ
“ไปๆ วันนี้วันมงคล เชิญที่ห้องอาหารดีกว่า อั๊วะสั่งให้คนเตรียมของว่างเอาไว้แล้ว จะได้คุยเรื่องฤกษ์ยามกันด้วย ฮ่าๆ”
สถานการณ์เหมือนจะดี ทุกคนลุกตามท่านเจ้าสัวย้ายไปยังห้องอาหารเหลือแต่ชัยชัชและต้นน้ำนั่งให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
“ต้นครับ ปกติแล้วโทเนี่ย เขาเรียนกันกี่ปีนะครับ? ลงตัวละเทอมได้รึเปล่า? พี่จะได้มีเวลาเก็บเงินก่อนต้นไปเมืองนอกนานๆ”
“จะบ้าเหรอครับ! ขืนผมเรียนช้าแบบนั้นคนเขาได้ด่าว่าผมโง่ตาย! ผมกะจะเรียนปีครึ่งด้วยซ้ำ! อุตส่าห์หาหัวข้อไว้แล้วด้วย”
“แล้วถ้าพี่หาเงินไม่ทันละครับที่รัก?”
“พี่ชัชก็หาให้ได้สิครับ”
ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่ต้นน้ำก็หนักใจไม่แพ้แฟนของตน
“สิบล้านเชียวนะครับ พี่ไม่ได้เสกเงินได้เองนะน้อง!”
“ไม่รู้แหละ ก็ผม... หรือพี่ชัชจะไม่รักผมแล้วล่ะ?”
ต้นน้ำงอนปากยื่นพลางคิดในใจว่าถ้าเขาแอบจิ๊กเครื่องเพชรที่คุณปู่ยกให้ไปขายจะได้เท่าไหร่กันหนอ... แต่มีหวังถูกจับได้แน่ๆ เพราะเครื่องเพชรชุดนั้นว่ากันว่าเป็นของโบราณฝีมือปราณีตน้ำงามมาก มีคนสนใจอยากซื้อต่อเยอะแยะแต่คุณปู่หวงมากไม่ยอมยกให้ใครจะเก็บไว้ให้พี่ธีร์เอาไปหมั้นสาว แต่ในเมื่อพี่ธีร์ไม่อยู่แล้วถ้าเขาจะเอาเครื่องเพชรชุดนั้นไปขายให้คนมาหมั้นตัวเองจะผิดไหมหนอ?
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับที่รัก... พี่แค่... ต้นก็รู้ว่าพี่ไม่มีเงินมากขนาดนั้น”
“ผมจะช่วยด้วย คิวว์เคยบอกผมว่ามีคนอยากได้ผมไปแคสตัวละครในซีรี่ย์ บทมันตรงกับบุคลิกผม ถ้าผมเป็นดาราน่าจะได้เงินเยอะ”
“หยู๊ด! พอเลยต้น พี่ไม่อนุญาตให้เราออกสื่อครับ แค่นี้พี่ก็หึงเราแทบบ้าแล้ว! เกิดคนอื่นเห็นความน่ารักของเราแล้วพากันรุมจีบพี่ก็แย่สิครับ พี่หึงนะครับ”
“พี่ชัชก็... บ้า!”
แม้ปากจะด่าแต่ก็เขินจนหน้าแดง ใครใช้ให้หมาป่าของเขาคารมดีแบบนี้กันเล่า ต้นน้ำเลยแอบอมยิ้มเพราะมุกตลกของชัยชัช
“แล้วคิดออกรึยังครับว่าจะหาเงินยังไง?”
“กู้นอกระบบมาแต่งเมียมั้งครับ คงได้หยิบยืมเงินเพื่อนฝูงมาใส่พานก็งานนี้ หึๆ”
แล้วคนทั้งสองก็ยิ้มให้แก่กันอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรก็ตามชัยชัชรู้ดีว่าข้างกายหมาป่าจะมีเด็กเลี้ยงแกะอยู่เคียงข้างช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคเสมอ เพราะเหตุนี้ไม่ใช่หรือเขาถึงเลือกเด็กผู้ชายคนนี้มาเป็นคู่ชีวิต ต้นน้ำไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนับจากวันที่ถือถุงเค้กพะรุงพะรังวิ่งตามเขา ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงไปแต่มือของต้นน้ำยังกระชับมั่นอยู่กับมือของเขาราวกับไม่มีวันจะทิ้งกัน ความรักของต้นน้ำไม่เคยเปลี่ยนเช่นเดียวกับหัวใจของเขา หมาป่าอยากดูแลลูกแกะน้อยตัวนี้ตลอดไป ชัยชัชรู้ดีว่าหากหมาป่ามีปัญหา ลูกแกะน้อยจะคอยเป็นกำลังใจให้เขาแน่นอน!
“พี่รักต้นนะครับ”
“มาหวานอะไรตอนนี้ครับ รีบไปดีกว่าเดี๋ยวถูกคุณปู่ดุเอา”
ต้นน้ำเขินเลยเนียนเปลี่ยนเรื่อง แต่ทว่า...
'หมับ'
และแล้วเขาก็ถูกกอดก่อนที่สัมผัสอุ่นๆ จะประทับลงบนแก้ม
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ครับที่รักของพี่”



:mew1:
หัวข้อ: Re: [ภาค2#31/1/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์วันเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 01-02-2015 01:23:22

อา... คิดถึงเฮียชัชกันมั้ย? เมะที่เล๊วเลวแต่ก็มีคนอ่านรักมากพอๆ กัน เป็นผู้ชายที่ควรค่ากับคำว่า"เกลียดไม่ลง"จริงๆ แบบ... ส่วนดีเสน่ห์ในตัวพี่แกเยอะ แต่ไอ้เรื่องเห้ๆ นี่เกินจะทนจริงๆ ดีนะ พี่ชัชแกรู้จักปรับตัว ไม่งั้นคาดว่าคงโดนคุณน้องต้นสะบัดบ็อบใส่ยาวๆ
มาบทนี้พี่ชัชมาเต็ม กลับมาเขย่าบัลลังก์พระเอกอีกครั้งหลังจากปล่อยให้หนุ่มๆ คนอื่นในฮาเรมทำคะแนนนิยมแซงเกินหน้าเกินตา แถมงวดนี้มาแบบจริงจังซะด้วย บุกไปขอคุณน้องต้นถึงรังจิ้งจอกเฒ่า ฮ่าๆ
ก็ไม่รู้ว่าคนอ่านจะชอบตอนนี้มั้ย แต่เรารู้สึกว่าคนอย่างอีพี่ชัชมันต้องเลือกทำแบบนี้แหละ พี่ชัชมันไม่ทนอยู่แบบค้างๆ คาๆ กับต้นหรอก เฮียแกพลาดมาเยอะแล้วคงถึงเวลาต้องลุกขึ้นมาทำอะไรจริงๆ จังๆ กับเขาบ้างเพื่อเอาตัวต้นน้ำคืนมา แต่คราวนี้พี่ชัชเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่คิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป(ไอ้ความคิดที่ว่ายังไงต้นก็รักตัวเองยังไงก็ต้องยอมตามใจพี่แก) เวลาเอาจริงเฮียแกก็แมนพอตัวนะ หึๆ

ส่วนคุณน้องต้นที่ตอนหลังๆ มาเต็ม ไงดีล่ะ...? สำหรับเคะที่คู่ควรกับรางวัลตอแหลระดับชาติอย่างฮี... เห็นนางเงียบๆ นางเก็บสแปร์เรียบนะเคอะ! ฮารงฮาเรมนางอุดมสมบรูณ์จริงๆ ไม่รู้ไปอ่อยอีท่าไหนผู้ชายไม่ได้กินนางแท้ๆ แต่ก็ยังเชื่องให้จูงจมูกอยู่ได้ ถ้าไม่น่ารักไม่ร้ายไม่ใช่คุณน้องต้นทำไม่ได้นะเนี่ย!
คิดดูสิ ไม่ต้องทำตัวเป็นวันทองสองใจเป็นเคะสองผัวก็มีคนมารักไม่เลิก ต้นไม่เคยให้ความหวังใครแท้ๆ ขนาดปฏิเสธชัดเจนผู้ชายยังตามตื้อนาง แม็กซ์อาจจะเป็นตัวอย่างของรักแบบโง่ๆ ตามสไตล์พระรองดีเด่น(ที่คนแต่งโคตรหมั่นไส้ตัวละครแนวนี้!) แต่คนอื่นๆ นี่ตามมาเพราะเสน่ห์ของนางล้วนๆ (คือคนแต่งชอบฉากบ้าๆ น่ารักกุ๊กกิ๊กแบบมากกว่าเพื่อนแต่กินกันไม่ได้มากเลยอ่ะ) เป็นเคะที่อยู่ๆ ไปแล้วทำให้หัวใจคนรอบข้างกระตุกจริงๆ เล้ย

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว คนอ่านชอบหนุ่มๆ คนไหนบ้าง? 
พี่ชัช แม็กซ์ อาร์ม ไปป์ มิวนิค อัฐ คิวว์ พี่ธันย์ เอก พี่บอม พี่ทิง พี่เปา เจ้าเตอร์ พี่ซิคซ์ ... ให้ตายเถอะ ฮาเรมเยอะจริง!

ตัวละครสาวๆ ก็น่ารักนะ ชอบใจอย่างที่นิยายเรื่องนี้ไม่ค่อยขายฉาก "สาววาย" เบื่อมากกกกกกกกก กับนิยายที่ต้องมีสาววายโผล่มาเป็นกองอวยแล้วพูดทำนองว่า "พวกเราสนับสนุนให้ผู้ชายรักกันเคอะ!" แม่ พี่สาว น้องสาว เป็นสาววายกันหมดบ้าน! เบื่อนะพล็อตแบบนี้ เราถึงได้เขียนอาเจ๊ป่านออกมาแบบนี้ไง ป่านเป็นตัวละครหญิงที่เราชอบที่สุด (จริงๆ ชีมีพี่ชายฝาแฝดที่ประสบอุบัติเหตุตายตั้งแต่ยังเด็กชีเลยมี...แถมยังต้องใส่แว่น หึๆ เดี๋ยวพอชี25ก็โดนคนใกล้ๆ ตัวขอแต่งงานเองแหละ เอ... ลูกชายนางจะชื่อน้องพีรึเปล่านะ? บ้านั่นมันเคะอีกเรื่อง ฮ่าๆ)
ส่วนไนน์เราเขียนล้อพวก"โอตาคุซิสค่อน" ต้นก็บอกอยู่ว่าบางคนคงปลื้มที่มีสาวน้อยน่ารักมาแอ๊บแบ๊วเป็นน้องสาว แต่ต้นเขาไม่ปลื้มนะจ้ะ ความแบ๊วเอาแต่ใจแบบเด็กๆ ไม่ได้ใช้ได้ผลกับผู้ชายทุกคนคุณผู้หญิงโปรดจำไว้!
และแน่นอน เราเกลียดพล็อตกองอวยสาววายมากแค่ไหน เราเกลียดพล็อตที่เขียนให้ผู้ชายทุกคนในเรื่องเป็นเกย์จับคู่มั่วกันเองมากกว่า! มันก็จริงนะที่คนเหมือนๆ กันมักจับกลุ่มกัน แต่เราชอบแยกแยะอะไรให้มันชัดเจนไปเลยมากกว่า อย่างแก๊งสาวๆ ของน้องเมษ เกย์โซเชี่ยลแมนๆ ไม่ตุ๊ดแตกแบบพี่ซัน ก็เดี๋ยวนี้ไทป์ของเพศที่สามมันเยอะ! เราอยากเขียนอะไรเรียลๆ ถ้าเราเขียนนิยายเรื่องนี้ตามพล็อตลูกกวาดประเภทนั้นเชื่อสิเดี๋ยวอีอาร์มกับอีแม็กซ์มันต้องกินกันเอง!
สมมุติถ้าเราจะเชียร์ให้มีคู่จิ้นอีกคู่ในนิยายเรื่องนี้รู้มั้ยเราเชียร์ใคร? คู่ไหนน่ารักที่สุด เราเชียร์น้องถังข้าวกับอีนอยซ์เสียงนรกค่ะ! คู่นี้มันต้องเป็นเลิฟคอมเมดี้สุดๆ แน่นอน! ลองนึกดูนะอีนอยซ์ขาหื่นเมาลวนลามน้องถังข้าว นางเอกแนวพจมานลูกกำนัน ถึงปกติน้องถังจะยอมอีนอยซ์ตลอดแต่เอาเข้าจริงก็แสบใช่เล่น ถ้าน้องแกเสียตัวไปคงมีเอาคืนมิใช่น้อยๆ งอนกันไปง้อกันมา แต่ปากอย่างนอยซ์คงโดนถังกระโดดถีบมากกว่า ฮ่าๆ
นิยายเรื่องนี้ตัวละครทุกตัวมีสตอรี่เป็นของตัวเองแล้วก็น่ารักจริงๆ เลยอ่ะ เสียดายนะ แต่มีข่าวร้าย....

ก็... มีข่าวร้ายแหละ เป็นตอนสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้แล้ว มันมาถึงขั้นนี้แล้วเราคิดไม่ออกแล้วแหละว่าคู่นี้จะมีวิบากกรรมอะไรอีก คงต้องจบแล้วล่ะ ทุกคนมันเคลียร์ปมหมดแล้ว ไม่มีอะไรค้าง

อ่านมาถึงขั้นนี้แล้วคงรู้สไตล์นิยายเรื่องนี้แล้วเนอะ นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายขายฝันขายอะไรเวอร์ๆ ระหว่างเมะกับเคะที่จำเป็นจะต้องมีฉากในตำนานทั้งหลาย
เราเขียนออกมาแนวๆ การใช้ชีวิตคู่อ่ะ สองคนนี้ก็ผ่านอะไรมาสุดๆ ละ สองคนนี้คงไม่เผลอทำชีวิตรักล่มจมอีกแล้วล่ะ มันอิ่มตัวแล้ว ต่างคนต่างเติบโตได้บทเรียนกันไปมิใช่น้อย จริงๆ แล้วคนที่ร้ายที่สุดในเรื่องไม่ใช่น้ำตาลหรือพี่บอมแต่เป็นคุณน้องต้นกับเฮียชัชนี่แหละ ร้ายทั้งนิสัย การแก้ปัญหา ความคิด คือทุกอย่างอ่ะ ความเป็นคนที่ดูมีชีวิตจิตใจของพวกฮีนี่แหละที่ทำให้เกิดอารมณ์ต่างๆ จนตัดสินใจทำเรื่องงี่เง่าลงไปแล้วก็ส่งผลร้ายตามมา ชอบตัวละครแบบนี้จัง

แต่อา... มันขายไม่ออกสินะ มีคนอ่านเฉพาะกลุ่มแค่หยิบมือ คนรักก็อินจัด คนไม่ปลื้มก็ไม่สนทนอ่านไม่ได้บอกดราม่า โธ่ๆ คุณเอ๋ย ฉากน้องไปป์กับแม่ต้นมันก็ปัญญาอ่อนดีนะ ฉากคุณหลานต้นกับน้าอัฐก็ออกจะซาบซึ้งรสพระธรรม กับมิวนิคก็กุ๊กกิ๊กดีออก กับแม็กซ์ก็โคตรจะหวาน มันไม่ได้มีแต่ดราม่านะเออ! ตอนฟาดปากกับเนมก็ออกจะแซ่บ! คุณน้องต้นออกจะครบรส ฮือๆ

ไม่เป็นไร ขายไม่ออกก็ไม่เป็นไร แต่เขาแต่งแนวนี้แล้วสนุกอ่ะ กำลังพยายามเขียนเรื่องใหม่เร็วๆ นี้ เคะยิ้มสู้กับเมะหนีปัญหา! ตอนนี้ก็ตามอ่านชีวิตรักของเกมเมอร์ดวงซวยไปก่อนแล้วกัน รู้สึกเรื่องนั้นคนจะอิ๊อ๊ะมาก กรี๊ดพี่เทพกันสุดฤทธิ์ ลุ้นพี่สตาร์กันตัวโก่ง บางคนยังทายไม่ถูกว่าใครเคะใครเมะ (ทั้งๆ ที่คนเขียนโคตรสปอย! ฮ่าๆ)
คนอ่านส่วนใหญ่ชอบคอมเมดี้สินะ หึๆ รอบทหลังๆ เถอะ! เดี๋ยวก็รู้จัก Aziสไตล์ ฮ่าๆ ไม่หน่วงไม่เรียลไม่ใช่เค้า  \(^o^)/

สุดท้ายนี้ขอบคุณมาก แล้วก็ขออภัยแฟนๆ ทั้ง65คน(ที่กดไลค์)ด้วยที่เราปิดเพจไปเรียบร้อยแล้ว พอดีมีเหตุผลส่วนตัวนิดหน่อยเลยจำเป็นต้องลบเฟซหลักทำให้เพจโดนลบไปด้วย ขอโทษจริงๆ ค่ะ ถ้าอยากรู้ว่านิยายเรื่องไหนอัพบ้างก็คงต้องตามจากหน้านิยายอย่างเดียวแล้วล่ะตอนนี้ แหะๆ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [ภาค2#31/1/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์วันเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 02-02-2015 14:11:47
เป็นละ ลุงชัช ซีดเรยสิบล้านอะ ทำไงละที่นี้
หัวข้อ: Re: [ภาค2#31/1/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์วันเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 06-02-2015 02:59:54
เป็นละ ลุงชัช ซีดเรยสิบล้านอะ ทำไงละที่นี้
เก็บตังแต่งเมียไงคะ 55 พี่ชัชรักน้องต้นนี่เนอะ ทำไงได้ เราเขียนล้อประเด็น "สินสอด" นิดหน่อยแหละ เห็นกระทู้ในพันทิพชอบถกประเด็นนี้กัน อิๆ แต่ปรับเอามาเขียนฮาๆ ให้เข้ากับพี่ชัชและน้องต้นค่า
หัวข้อ: Re: [ภาค2#31/1/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # อีเวนท์วันเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 07-02-2015 03:32:47
รออีเว้นวาเลนไทน​์ นะคะ
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #แจ้งข่าวจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 28-03-2015 20:29:20
** ขออนุญาตมาแจ้งข่าวจ้า

https://www.facebook.com/AZI824

มาแจ้งว่า AzureICE เปิดเพจใหม่แล้วเน้อ เชิญไปกดไลค์กันได้ตามอัธยาศัย

"แค่ 1like ของท่านก็เป็นกำลังใจให้กับคนเขียนได้อื้อเลยจ้า"

     จริงๆ อันเก่าปิดไปเพราะเปลี่ยนเฟซหลัก มันเลยปิดตาม (*มีเหตุผลส่วนตัวนิดหน่อย)
     แฟนๆ #พี่ชัชน้องต้น ตามไปกดถูกใจกันใหม่ได้น้า  อยากให้ช่วยกดไลค์กันหน่อยจ้า  :hao5:

หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #แจ้งข่าวจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 30-04-2015 09:40:02
21 แล้ว จริงๆแล้วแต่งได้โดยไม่ต้องขออนุญาตผู้ปกครอง

แต่เจ้าต้นมีผู้ปกครองเยอะมาก ไม่นับว่าเป็นผู้ชายเหมือนกันนะ

แอบสงสารคนมีความรักคับอกคู่นี้เล็กๆ



หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #แจ้งข่าวจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 30-04-2015 23:54:04
21 แล้ว จริงๆแล้วแต่งได้โดยไม่ต้องขออนุญาตผู้ปกครอง

แต่เจ้าต้นมีผู้ปกครองเยอะมาก ไม่นับว่าเป็นผู้ชายเหมือนกันนะ

แอบสงสารคนมีความรักคับอกคู่นี้เล็กๆ

สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในวันเกิด  :sad4: ถูกละคับ วันนี้วันเกิดอิคนแต่งนี่แล!

ขอบคุณที่สละเวลามาเมนท์ให้คับ
บางทีแม็คก็คิดนะ ... นิยายเรื่องนี้มันเป็นอัลไล คนอ่านเยอะแต่ไม่มีคนเมนท์ หรือมันจะอึนมึนหน่วงจิตปวดตับเกินไปอย่างที่เขาว่าจริงๆ แต่ก็ไม่เห็นมีใครบอกว่ามันดราม่าเวลาคนถามหานิยายดราม่า หรือมันจะไม่สนุกจริงๆ?

ส่วนประเด็นแต่งงานนี่ จริงๆ ปู่แกคงเอาคืนพี่ชัช เพราะถ้าอ่านตะแต่ตอนแรกๆ จะเห็นว่าอีพี่ชัชมันถือดีฝั่งแม่ต้น ไม่ยอมเข้าหาคนทางฝั่งพ่อเลย อารมณ์แบบ "แม่เค้ายกลูกให้ตูแล้ว ไอ้ต้นก็รักตู ใครจะทำไม ตูก็พาต้นไปบ้านคบกันเปิดเผยนะเว้ย" แต่พี่แกลืมไปว่า "สิ่งที่ควรกระทำ" ก็คือเข้าหาผู้ใหญ่ทุกคนของต้น ยังไงมันก็คือสังคมไทยอ่ะ พี่ชัชหวังให้ต้นเข้ากับบ้านตัวเองได้ แต่ไม่ยอมปรับตัวเข้ากับบ้านพ่อต้น
... เห็นแก่ตัวเนอะ แต่นี่แหละ ชัยชัช พระเอกของเรื่อง #เอี้ย ค่ะ คอนเซ็ปเฮียแกเป็นงี้
ตอนนี้เราเลยเขียนแบบล้อๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง จากที่ต้นต้องคอยตามใจ สุดท้ายต้องมาตามใจต้น จากที่เคยทิ้งให้ต้นรอ สุดท้ายต้องมาคอยรอต้น กระวนกระวาย ยอมหมดรูป ฮ่าๆ ต้นเองก็โตขึ้น สังคมกว้างขึ้นด้วยแหละ โลกที่เคยมีแต่พี่ชัชเปลี่ยนไป แต่ก็ยังมีพี่ชัชเป็นที่รักเหมือนเดิม

โคตรจะรักนิยายเรื่องนี้เลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #แจ้งข่าวจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: yaing ที่ 06-05-2015 15:52:40
อ่านจบเมื่อวาน แต่ง่วงมากเลยเพิ่งมาเม้นท์

ภาค1  อ่านมาถึงช่วงพูดคุยประมาณ3-4ตอนแรก  เรารู้สึกว่าคุณคนเขียนดิสเครดิตตัวละครหลักพอสมควร(เลยอ่านแต่เนื้อเรื่องเอา เดี๋ยวจะอินยาก ฮาาาา)   ก็งงๆอยู่บ้าง ว่าเขียนถึงต้นน้ำด้วยความรู้สึกอย่างไร   คือในเนื้อเรื่องเราว่่าต้นน้ำก็เป็นเด็กธรรมดา โลกแคบ ต้องการเป็นที่รัก กลัวถูกทิ้ง ไม่กล้าปฎิเสธตรงๆเพราะกลัวโดนเกลียด  ภาคนี้เราค่อนข้างชอบตัวละครทุกคน เพราะคำว่า"รัก"เลยทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด    


ภาค2   อ่านแล้วที่อยากจะพูดแทนต้นคือ "อย่าเสือกเรื่องชาวบ้าน"  สังคมมหาลัยมันน่ารำคาญ  อิพวกขี้เมาท์ก็เยอะ  คนที่เราไม่ชอบที่สุดคือ ไปป์ค่ะ   อาจจะมีช่วงเบื้องหลังนิยายที่ไปป์ไปทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูกับต้น แต่ที่เราสัมผัสได้คือ ไปป์เป็นผู้ชายขี้เสือกมากกก  แค่นี้ยังไม่พอ ดันเป็นโทรโข่งอีกตั้งหาก(คือถ้าไม่มีคนเตือนให้คิดได้ ฮีก็กะจะบอกทุกสิ่งเลยใช่มั้ย?)  คือเราก็พวกโลกส่วนตัวสูง คนที่เราไม่สนิทใจที่จะพูดความลับของตัวเองก็คนแบบฮีนี้แหละ  เสือกเพราะห่วงใยกับอยากรู้อยากเห็นมันต่างกัน  รับรู้ได้อ่ะ   ถึงช่วงดราม่าจัดเต็มก็รำคาญฮีมิใช่น้อย   เพื่อนก็ปัญหารุมเร้า  อินี่ไม่คิดจะถามไถ่แบ่งเบาภาระ ก็ดราม่าเพื่อ?   อ่านมาถึงตอนหลังเริ่มเข้าใจนิดๆ(ส่งฮีไปหาจิตแพทย์ด่วน)     ส่วนอิพี่ชัชก็เลว&โง่อย่างที่เห็น ขี้เกียจด่า   ตัวละครช่วงฮาเร็มก็อ่านขำๆ  ภาคนี้ปัญหาเยอะดี   ต้นก็ดราม่าเยอะขึ้นจนสมชื่อดราม่าควีนซะที(แต่ก็สงสารนาง  ปัญหาส่วนใหญ่มีแต่คนโยนขี้มาให้)    อยากให้ฮาเร็มเน้นที่แมกซ์กับอาร์ม(แต่คิวก็น่ารัก)  หลังๆหายไปเลย  ชอบ2คนนี้อ่ะ   ดูแบบพระเอกละครดี   อิพี่ชัชนี้แบบเทียบไม่ติด555   แต่สรุปเราก็ชอบให้คู่กับพี่ชัชมากกว่า  คู่นี้เหมือนพวกอยู่กินกันมานานจนเริ่มเบื่อ  ถ้าไม่มีเรื่องที่อิพี่ชัชก่อไว้ จนทำให้ต้องห่างกัน   ในความเป็นจริงอาจจะเลิกกันไปแล้วก็ได้มั้ง  

ชอบนิยายเรื่องนี้นะ เราว่ามันเรียลดี ไม่ค่อยสะดุดเท่าไหร่    โชคดีที่ได้เข้ามาอ่านตอนจบแล้ว  ไม่งั้นอาจทนดราม่าจัดๆไม่ไหว  ขอบคุณมากที่เขียนนิยายดีๆให้อ่านนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #แจ้งข่าวจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 07-05-2015 20:04:28
อ่านจบเมื่อวาน แต่ง่วงมากเลยเพิ่งมาเม้นท์

ภาค1  อ่านมาถึงช่วงพูดคุยประมาณ3-4ตอนแรก  เรารู้สึกว่าคุณคนเขียนดิสเครดิตตัวละครหลักพอสมควร(เลยอ่านแต่เนื้อเรื่องเอา เดี๋ยวจะอินยาก ฮาาาา)   ก็งงๆอยู่บ้าง ว่าเขียนถึงต้นน้ำด้วยความรู้สึกอย่างไร   คือในเนื้อเรื่องเราว่่าต้นน้ำก็เป็นเด็กธรรมดา โลกแคบ ต้องการเป็นที่รัก กลัวถูกทิ้ง ไม่กล้าปฎิเสธตรงๆเพราะกลัวโดนเกลียด  ภาคนี้เราค่อนข้างชอบตัวละครทุกคน เพราะคำว่า"รัก"เลยทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด   


ภาค2   อ่านแล้วที่อยากจะพูดแทนต้นคือ "อย่าเสือกเรื่องชาวบ้าน"  สังคมมหาลัยมันน่ารำคาญ  อิพวกขี้เมาท์ก็เยอะ  คนที่เราไม่ชอบที่สุดคือ ไปป์ค่ะ   อาจจะมีช่วงเบื้องหลังนิยายที่ไปป์ไปทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูกับต้น แต่ที่เราสัมผัสได้คือ ไปป์เป็นผู้ชายขี้เสือกมากกก  แค่นี้ยังไม่พอ ดันเป็นโทรโข่งอีกตั้งหาก(คือถ้าไม่มีคนเตือนให้คิดได้ ฮีก็กะจะบอกทุกสิ่งเลยใช่มั้ย?)  คือเราก็พวกโลกส่วนตัวสูง คนที่เราไม่สนิทใจที่จะพูดความลับของตัวเองก็คนแบบฮีนี้แหละ  เสือกเพราะห่วงใยกับอยากรู้อยากเห็นมันต่างกัน  รับรู้ได้อ่ะ   ถึงช่วงดราม่าจัดเต็มก็รำคาญฮีมิใช่น้อย   เพื่อนก็ปัญหารุมเร้า  อินี่ไม่คิดจะถามไถ่แบ่งเบาภาระ ก็ดราม่าเพื่อ?   อ่านมาถึงตอนหลังเริ่มเข้าใจนิดๆ(ส่งฮีไปหาจิตแพทย์ด่วน)     ส่วนอิพี่ชัชก็เลว&โง่อย่างที่เห็น ขี้เกียจด่า   ตัวละครช่วงฮาเร็มก็อ่านขำๆ  ภาคนี้ปัญหาเยอะดี   ต้นก็ดราม่าเยอะขึ้นจนสมชื่อดราม่าควีนซะที(แต่ก็สงสารนาง  ปัญหาส่วนใหญ่มีแต่คนโยนขี้มาให้)    อยากให้ฮาเร็มเน้นที่แมกซ์กับอาร์ม(แต่คิวก็น่ารัก)  หลังๆหายไปเลย  ชอบ2คนนี้อ่ะ   ดูแบบพระเอกละครดี   อิพี่ชัชนี้แบบเทียบไม่ติด555   แต่สรุปเราก็ชอบให้คู่กับพี่ชัชมากกว่า  คู่นี้เหมือนพวกอยู่กินกันมานานจนเริ่มเบื่อ  ถ้าไม่มีเรื่องที่อิพี่ชัชก่อไว้ จนทำให้ต้องห่างกัน   ในความเป็นจริงอาจจะเลิกกันไปแล้วก็ได้มั้ง 

ชอบนิยายเรื่องนี้นะ เราว่ามันเรียลดี ไม่ค่อยสะดุดเท่าไหร่    โชคดีที่ได้เข้ามาอ่านตอนจบแล้ว  ไม่งั้นอาจทนดราม่าจัดๆไม่ไหว  ขอบคุณมากที่เขียนนิยายดีๆให้อ่านนะคะ :pig4:

ไม่ได้ดิสเครดิตตัวละครตัวเองน้า  :sad4:
เค้ารักพี่ชัชน้องต้นจะตาย ต้นน้ำนี่ลูกรักเลยจะเกลียดได้ยังไง แต่เพราะเป็นลูกที่เค้าจงใจปั้นน่ะแหละเลยรู้จักดี อืม... "เกลียดไม่ลง" คำๆ นี้แหละจ้า
ในสายตาคนนอกแบบเราๆ ว่าต้นน้ำเป็นคนที่มีนิสัยน่ารำคาญมาก จอมดราม่าแล้วก็เห็นแก่ตัวมากพอสมควร คือHEร้ายอ่ะ แต่เราดันจับ"คนแบบนี้"มาเป็นตัวเอกในนิยายซะงั้น
ซึ่งโจทย์ตอนนั้นของเราคือ "อยากได้เคะร้ายๆกันนักใช่มั้ย?" เราเบื่อตัวละครแบบร้ายแนว"คุณหนูเอาแต่ใจ" ร้ายเพราะโดนทำร้ายก่อนเลยกลับมาแก้แค้น มันเป็นอะไรที่... นั่นแหละเอาเป็นว่าในความรู้สึกเรา แบบนี้มันไม่ใช่"ความร้ายกาจที่แท้จริง"
ในสังคมเรามีคนนิสัยน่ารังเกียจอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด คนแบบที่คนอื่นพากันยี้ใส่อ่ะค่ะ แต่ชีไม่รู้ตัวคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วมองว่าสังคมรังแกชี เราก็วางคาแรคเตอร์ให้ต้นเป็นงี้ แต่ในความร้ายของต้นน้ำมันก็มาจากอะไรหลายๆ อย่างทั้งปมในใจนิสัยการการอบรมเลี้ยงดูสภาพแวดล้อมที่เจอ

ที่เราพยายามไปทั้งหมดเราไม่ได้ทำแค่โยนเหตุผลสักข้อให้ต้นน้ำดูร้าย แบบเป็นตัวเอกร้ายแรงลุยคนแบบกลวงๆ แต่บทจะท้อให้คนง้อก็ยอมแพ้ง่ายๆซะงั้น เพื่อเขียนฉากเรียกคะแนนสงสารเล่น มัน"อะไรวะ?"ในความรู้สึกเรามาก
เราเลยต้องปั้นให้ต้นน้ำเป็นตัวละครที่ร้ายบริสุทธิ์แบบ"ฉันผิดด้วยเหรอที่..." เป็นความร้ายกาจเล็กๆ น้อยๆ ที่คนคิดเข้าข้างตัวเองจะไม่มองว่าตัวเองผิดเด็ดขาด ในขณะเดียวกันมันก็ต้องทำให้คนอื่นเจ็บปวดเพราะนิสัยตรงนี้ แต่ก็ยังต้องมีมุมที่ทำให้คนอ่านรักและส่งแรงเชียร์ไปให้ตัวเอกคนนี้ด้วยเช่นกัน
เราตั้งใจเขียนต้นน้ำให้ออกมาเป็นแบบนี้อ่ะค่ะ

ส่วนน้องไปป์ โจทย์แรกในใจคือ "ลูกหมา" แล้วก็คำว่า "ไม่สนกาลเทศะ" ใส่ความเป็นการ์ตูนๆ เข้าไปอ่ะค่ะ แนวๆ พวกคาแรคเตอร์ไทป์ร่าเริงอ่ะค่ะ แต่ก็นั่นแหละ จริงๆ แอบดาร์ก
แต่เราว่าถ้าต้นไม่เจอของหนักของแรงแบบไปป์ต้นจะไม่เข้าใจโลกนะคะ เอาจริงๆ มีแต่คนโอ๋อ่ะทั้งแม็กซ์ทั้งอาร์ม ไนน์ก็โคตรโอ๋ ต้นต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับคนอื่นบ้าง ในแก๊งค์นี่โอมก็เงียบเอาแต่ตามเป็นเงา(ไร้เสียง) แก้วก็งั้นๆ เมย์นี่มีแต่ทำให้ต้นรำคาญ ป่านก็มีความเป็นผู้ใหญ่นะถึงจะชอบเสือกแต่ถ้าต้นหนีป่านจะไม่ยื้อไว้ เลยต้องมีไปป์อ่ะค่ะตัวเสือกที่จุ้นจ้านแต่ดึงทุกคนเข้าหากัน ซึ่งเป็นคนที่คนใกล้ชิดด่านะแต่ลงท้ายก็จะพูดว่า"เอาอะไรกับเด็กวะ?" มันจะมีคนแบบนึงได้รับสิทธิ์พิเศษแบบนี้จริงๆ นะคะ
เราเลยแอบเขียนคิวว์มาเปรียบเทียบ คือเวลาที่ต้นอยู่กับคิวว์มันดูสบายๆ ไม่เยอะเหมือนไปป์แต่เห็นว่าต้นก็เทคแคร์คนอื่นอีกอยู่ดีแหละ แต่ต้นกลับเต็มใจทำนะ ดูสนุกแล้วมีความสุขด้วย เป็นการเขียนให้ต้นเจอคนหลายๆ แบบด้วยอ่ะค่ะ

อันที่จริง "อาร์ม" นี่คือที่หนึ่งในใจเราเลย แต่แบบนะต้นเป็นพวกใช้แล้วทิ้ง พอตัวเองโอเคแล้วก็ไม่หลบหลังอาร์มอีก จริงๆก็คนละคณะอยู่แล้ว ซึ่งเราว่าช่วงท้ายนั่นแม็กซ์คือถอดใจไปแล้วอ่ะ เลยหายไป อาร์มก็คงแบบมองตามต้นอยู่ห่างๆแล้วยิ้มว่า"เออดีจังต้นเข้ากับเพื่อนได้แล้วท่าทางมีความสุข" อาร์มจะเป็นคนแบบนี้อ่ะค่ะ แม็กซ์ก็คงติดต่อกันบ้างแต่ไม่กวนใจต้นเยอะเพราะรู้ดีว่ามันจะกระอักกระอ่วนใจกันเปล่าๆ แม็กซ์เจ็บสุดแหละ ฮ่าๆ ทำไงได้อ่ะเราเขียนแม็กซ์มาให้เป็นคาแรคเตอร์แบบพระเอ๊กพระเอก แต่พี่ชัชคือความจริง
พี่ชัชเป็นผู้ชายแบบที่พบได้ทั่วไป อยากให้จับต้องได้ดูสมจริง เขียนเพื่อบอกคนอ่านว่า "ผู้ชายเจ้าชู้น่ะเหรอ? มันก็คือผู้ชายเอี้ยๆ แบบอีพี่ชัชนี่แหละ! คาสโนวาร้อยหอยจะมามีรักเดียวกับเหมืองทองง่ายๆ ได้ยังไง หยุดฝันได้แล้ว!" เป็นการทำลายความมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งของคนอ่านนิดๆ เหอะๆ

เราเป็นคนแต่งนิยายชั่วร้ายล่ะ ชอบทำลายความฝันของนิยายโดยการเสียดสีด้วยเรื่องจริง เราว่ามันสนุกง่ะ
ชอบอารมณ์แบบ โคตรอินโคตรโดน สะใจ! ใช่เลย! อะไรแบบนี้อ่ะค่ะ
ดังนั้นขอบคุณนะคะที่สนุกกับนิยายเรื่องนี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 09-05-2015 08:35:22
ทำไมขึ้นหัวข้อว่า "จบแล้วจ้า" ล่ะคะ

จะไม่มาต่อเหรอคะ อยากอ่านจนกระทั่งชีวิตหลังแต่งงานของทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: AI.NoR ที่ 25-05-2015 21:06:57
ทำไมขึ้นหัวข้อว่า "จบแล้วจ้า" ล่ะคะ

จะไม่มาต่อเหรอคะ อยากอ่านจนกระทั่งชีวิตหลังแต่งงานของทั้งคู่เลย
มันอิ่มตัวแล้วมั้งคะ นิยายเรื่องนี้ยาวมากด้วยอ่า หมดมุขแล้ว
พล็อตต่อไปนี่ไม่ค่อยอยากเขียนเท่าไหร่ เราคิดไปถึงตอนที่ต้นอายุซักสามสิบ เป็นอาจารย์ และพี่ชัช .... แม็กซ์เป็นซิงเกิ้ลแด๊ด ... อืม มันไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ อ่านเพลินๆ เองคนเดียวดีกว่า แหะๆ
 :mew5:
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 27-05-2015 11:13:44
ถ้าเปลี่ยนใจก็อย่าลืมเอามาลงให้อ่านนะคะ

จะรอทั้งๆ ที่ไม่มีความหวังนี่ล่ะ
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 08-09-2015 14:05:59
รักพี่ชัชกับต้นมาก ดีใจที่เจอเรื่องนี้ สนุกมากครับ แอบกดไลค์เพจละด้วยนะ จะติดตามเรื่องอื่นๆต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 28-12-2015 23:28:26
เสียดายว่าเพิ่งมีโอกาสได้อ่าน
เรานั่งอ่านม้วนเดียวจบเป็นวันเลย
บอกจริงๆ ว่าแต่ละตอนนี่ทำเราต้องนั่งคิดตามเรื่องเลย ไม่ก็อินจนจุกแทน

อยากบอกว่าคนแต่งเก่งแล้วนะ มันจริงมาก ไม่ต้องมีใครดีหรือแย่จนเกินไป
เป็นมนุษย์เทาๆ เรื่องจริงๆ แบบนี้ล่ะ ชอบ
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: MonkeYMauS ที่ 11-01-2016 07:59:00
อยากให้มีต่อนะครับ พล็อตเรื่องหลังจากนีิผมว่าเป็นของจริงหลังชีวิตคู่นะ (แต่คู่นี้เขามีชีวิตคู่กันตั้งนานแล้ว)ความเปลี่ยนแปลง ของทั้งคู่จนกระทั่งถึงวัยทำงาน ผมคล้ายต้นน้ำอยู่อย่างหนึ่ง ที่คิดว่าไม่มีใครรัก อยู่ตัวคนเดียว และเรื่องคิดฆ่าตัวตาย อยากให้มีต่อจริงๆ นะครับ มันเป็นความสุขที่ได้ติดตามคนที่มีนิสัยคล้ายๆ กัน ว่ามันจะเป็นอย่างไร ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้ครับ จะมีโอกาศลงเล่มหนังไหมครับ ผมอยากเก็บไว้อ่านมากเลย
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 14-01-2016 08:42:48
เขียนดราม่าได้ดีมากๆเลยค่ะ! อ่านสนุกมากกก โครงเรื่องมันส์ดีแท้ ยาวดีด้วย สะใจ
ที่ชอบอีกอย่างคือ บทพูดบทสนทนา เขียนดีจริงๆ ลื่นไหล สื่อสารเป็นธรรมชาติมาก
นี่ตามมาจากเรื่อง "SRT/INT:LoveTrick ปิ๊งรักหนุ่มเกมเมอร์" อันนั้นก็พล็อตดี บทพูดดี๊ดีเช่นกัน

เรื่องนี้ชอบทั้งพี่ชัชและต้นน้ำ ดีใจที่ไม่เปลี่ยนตัวพระเอกกลางทาง ชอบที่เรียล ดีชั่วทึ่มฉลาดปนๆกันไป
ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกว่า นายเอกตอแหล แอ๊บ หรือดราม่าตัวแม่อะไรขนาดนั้น
มองว่านางมีเหตุปัจจัย กระตุ้นให้มีพฤติกรรมและความคิดอย่างที่เป็น นางยังเด็กด้วยแหละ
ชีวิตนางก็ช่างเหมือนดวงตก โดนทำของใส่ตลอดเวลา ซวยซ้ำ ซวยซ้อน ซวยซ่อนเงื่อนที่สุด
แต่ตอนหลังที่นางมั่นแล้ว คือเริ่ดมากกกก เป็นนายเอกที่ถูกใจเลย

ตัวละครที่ชอบที่สุด ต้องยกให้น้องเมษจริงๆ นางดีงามชนะเลิศศศศ (ยิ่งมาเข้าคู่กับหมอเอกยิ่งสนุก)
นางสร้างซีนประทับใจสุดๆ คือตอนมาตบหน้าเรียกคืนสติต้นที่รพ. ทำเอาน้ำตาซึม พาร์ทนี้เขียนดีมากเลยค่ะ

อีกสิ่งที่คนเขียนๆถึงแก่น ...จนทำให้ไม่ชอบอย่างจริงจัง ถ้าเป็นต้นคงไม่คบด้วยแน่ๆ
คือไปป์และรูปแบบความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนในภาค อะไรจะสำคัญตนสุดโต่งกันขนาดนั้น
เหมือนต้นถูกก้าวล่วง ถูกมัดมือชก ถูกแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เหมือนต้องแบกเพื่อนไว้บนบ่า!
มองว่าคนจะเป็นเพื่อนสนิทกัน น่าจะเกิดจากความสบายใจทั้งสองฝ่าย และเป็นไปโดยธรรมชาติ
แต่งานนี้ดูทุกคนอยากเผือกเรื่องนางม๊ากมาก อยากเข้าหา อยากเป็นส่วนหนึ่งของนางกันจัง รำฯแทนแลยค่ะ

จะตามอ่านเรื่องอื่นๆของคนเขียนอีกนะคะ อ่านมา 2 เรื่องแล้ว ติดใจพล็อตและการเขียนจริงๆนะ ชวนติดตามที่สุด (+1)

ปล. เรื่องนี้คนเขียนคือ ป่าน กับ เมษ เมิร์จรวมกันใช่มั้ย? นี่สัมผัสได้แบบนั้น ^^
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 22-02-2016 02:30:04
สนุกมากกกขอบคุณนะสำหรับนิยายดีดี
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: lipure ที่ 29-06-2017 19:47:47
อ่านภาคแรกทั้งหมด  :mew6:

ส่วนภาคสองนี่ อ่านแรกๆ เว้นตรงกลาง และมาอ่านด้านหลัง

เพราะว่ามันปวดใจอย่างมากกกก

เนื่องจากเรื่องมันเรียล และคนอ่านก็มี "ปม"    :m15:
แต่เพื่อเป็นการให้เกียรติผู้แต่ง เราจะขอเวลาทำใจ และกลับไปอ่านตรงกลาง    :z6:
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงพิษ ธิดาซาตาน ที่ 26-03-2019 05:08:35
สวัสดีค่ะ คุณนักเขียน เราตามมาจากเรื่องไม่ฟิตค่ะ บอกเลยว่าเราชอบตัวละครพี่ชัชต้นน้ำและคนอื่นๆมาก นิยายเรื่องนี้ในขณะที่เราอ่านเรารู้สึกว่าเราได้เข้าไปอยู่ในนั้นจริงๆได้เห็นพวกเขาดำเนินชีวิตจริงๆส่วนตัวรู้สึกเป็นนิยายที่เรียลมาก เราค่อนข้างชอบคาแรกเตอร์ของต้นน้ำ แบบแม่ศรีเรือนมากกกก ซึ่งเราอยากจะเป็นให้ได้แบบต้นน้ำเลยเชียว      แล้วเราก็อยากได้ปั๋วแบบพี่ชัชมากกก(ถึงแม้จะเป็นตาลุงผีขี้เกียจแถมยังหื่น) แต่พี่เขาก็มีมุมอบอุ่นหัวใจ ไม่แปลกใจเลยที่ต้นน้ำรักพี่ชัชมากมาย เราแอบชอบเรื่องชีวิตคู่การดำเนินชีวิตประจำวันของทั้งคู่ แบบถึงมันจะเรื่อยๆแต่เราอบอุ่นหัวใจมาก ในขณะที่อ่านถึงตอนดราม่าตอนที่ชัชนอกใจต้นน้ำ เราอินมากค่ะ ยิ่งฉากที่เหมือนชัชกำลังจะนอกกายต้นน้ำ เรามือสั่นใจเต้นรั่วมาก ปากสั่นไปหมด เป็นฉากที่ทำให้เรากรีดร้องออกมาอย่างหนัก ต้องใช้คำว่ากรีดร้องเลยค่ะ มันจุกไปหมด เหมือนเราอินและเข้าใจความรุ้สึกต้นน้ำในตอนนั้นมาก เราอ่านไม่หยุดเกือบเบรกแตก แต่ตอนเราต้องทำงานแต่เช้าาา เลยต้องหักห้ามใจที่จะอ่านต่อ ไม่เกมือนเรื่องไม่ฟิตที่เราอ่านในวันหยุดแบบรวดเดียว ทำให้อารมณ์ประดังประเดในวันเดียว แต่นี่อารมคลั้งค้างไปทั้งวันแน่ เรายังอ่านไม่จบนะคะแต่ขอมาเม้นระบายอารมณ์ก่อน เดี๋ยวจะอัดอั้นไปมากกว่านี้ 55555 ถ้าอ่านจบแล้ว เราจะมาเม้นอีกที เราเรียบเรียงคำพูดไม่ค่อยเก่ง ถ้าอ่านแล้ว งงๆ ก็ขออภัยด้วยนะคะ รักคุณนักเขียนนะคะ ขอบคุณที่เขียนนิยายเรื่องนี้ออกมาให้ได้อ่านเรามีความสุขมาก มีเรื่องที่เราอยากจะบรรยายออกมามากกว่านี้ แต่เราบอกไม่ถูก อ่านจบจะมาเม้นอีกที ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงพิษ ธิดาซาตาน ที่ 28-03-2019 19:24:39
ไม่รู้คุณนักเขียนเป็นไงบ้าง ได้เข้ามาในเล้าบ้างหรือเปล่า ได้เขียนนิยายอีกไหม นอกจากสามเรื่องของคุณนักเขียน แต่เราชอบสำนวน พล็อตการเล่าเรื่องของคุณนักเขียนมาก แบยรู้สึกอยากอ่านแต่งานของคุณนักเขียนแบบไม่รู้จบ อารมณ์แบบคิดถึงสำนวนการเขียนแบบนี้ อยากร้องไห้ :o12:
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ปาลี ที่ 22-07-2019 21:27:41
อ่านจนจบดูเหมือนคนเขียนพยายามสรุปปิดตอนเกือบทุกตอนว่าต้นน้ำเป็นคนไม่ดี ขอแสดงความคิดเห็นในมุมของคนอ่านบ้างว่าถ้าคนที่ตกอยู่ในสถานะแบบต้น การแสดงออกมันก็จะประมาณนี้อยู่แล้ว ดีที่ต้นรักแม่ถึงไม่ได้ออกนอกลู่นอกทางไปมากกว่านี้ การไม่ชอบสังคม ไม่มีเพื่อนเยอะ ไม่ได้แสดงว่าเป็นคนไม่ดี ก็แค่ไม่ชอบเราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวอ่ะ ยิ่งไนน์ ยิ่งน่ารำคาญ ส่วนเรื่องหลอกแม็กซ์อันนี้ต้นผิดจริง ด้วยวัยแค่นี้ แลเวดันมีพ่อแบบนี้ ปีชาติไม่มายุ่ง พอมีเรื่องจำเป็นถึงมามองเห็นกัน มันก็เป็นไปได้ที่จะคิดตอบโต้ ครอบครัวทางพ่อที่ร่ำรวยแบบนั้น ถ้าคิดจะสนใจต้นจริง ๆ คงทำนานแล้ว เกิดเพิ่งมาพิศวาทอะไรเอาป่านนี้ ตอนที่พี่สาวตบต้นเป็นเราคงมีสวน มีสิทธิ์อะไรมาทำ ทุกคนรอบตัวต้นมาวุ่นวายกีบค้นเองทั้งนั้น พอต้นไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวเองคิด หรือไม่ได้เป็นเหมือนคนในสังคทส่วนใหญ่เป็น ต้นกลายเป็นคนไม่ดี มันก็โหดร้ายเกินไป
หัวข้อ: Re: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: lipure ที่ 21-01-2023 22:05:38
6 ปีผ่านไป กลับมาอ่านอีกรอบ 555

คิดถึงคนเขียนโนะ นิยายสไตล์นี้ คงมีเธอคนเดียวที่เขียนออกมาได้

กดเลิฟ