[28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า  (อ่าน 130003 ครั้ง)

ออฟไลน์ hibarihao

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ขอบคุณค่า. รอตั้งนาน สมใจแล้วค่า

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เนื้อเรื่องสิ....


- บทคั่น -
##### หมาป่าราศีเมษและลูกแกะราศีมังกร #####

     ชัยชัชและต้นน้ำอยู่ระหว่างทางกลับกรุงเทพฯ ทั้งคู่ตัดสินใจแวะทานเสต็กเนื้อแกะเป็นมื้อเที่ยงอีกรอบ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมก็คือในหนนี้สถานภาพของทั้งสองคนได้เปลี่ยนแปลงจาก“พี่ข้างห้องน้องข้างบ้าน”ไปเป็น“แฟน”กันเรียบร้อยแล้ว คนทั้งคู่จึงคลอเคลียกันกระหนุงกระหนิงมากกว่าเดิม

     และเนื่องจากอุบัติเหตุตอนมาเที่ยวรอบแรกทำให้ต้นน้ำเจ็บขา รวมทั้งภาระกิจเร่งด่วนของชัยชัช ทั้งสองจึงไม่ได้แวะร้านขายของฝากจากฟาร์มแกะ คราวนี้ชัยชัชตั้งใจจะแก้มือ นอกจากจะไม่แกล้งต้นน้ำแล้วเขายังไม่แกล้งบรรดาแกะแพะทั้งหลายในคอกตอนให้อาหารอีกด้วย และเมื่อเที่ยวซ่อมจนสำราญแล้วคนทั้งคู่ก็เข้าไปเลือกซื้อของฝากเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาส“เดทครั้งแรก ณ. สถานที่ปลูกต้นรัก”

     ชัยชัชซื้อพวงกุญแจรูปตุ๊กตาแกะหน้ากวนกับบรรดาคุณแกะอีกหลายรายการ จนต้นน้ำอดซักถามด้วยความสงสัยไม่ได้

     “พี่ชัชชอบแกะเหรอครับ? ซื้อเยอะเชียว”

     “เออ เนื้อมันอร่อยดี”

     แต่เมื่อเห็นสีหน้าตัดพ้อของต้นน้ำ ชายหนุ่มจึงรีบกลับลำทันที

     “พี่พูดเล่น กะซื้อไปฝากลูกค้าน่ะ เล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ทำให้คนประทับใจได้ ทำให้เขารู้ว่าเราไม่ลืมพวกเขาเขาจะได้ไม่ลืมเรา”

     “แหม พี่ชัชนี่สมกับเป็นผู้แทนอันดับหนึ่งเลยนะครับ ว่าแต่ทำไมไม่เลือกของกินอย่างอื่นเป็นของฝากละครับ ผมไม่ค่อยเห็นคนนิยมของจุกจิกแบบนี้ซักเท่าไหร่”

     “คงเพราะพี่เกิดเดือนเมษามั้ง”

     “พี่ชัชราศีเมษเหรอครับ”

     “ใช่ พี่เป็นแกะตัวผู้ หึๆ”

     ว่าแล้วชัยชัชก็หันมายักคิ้วกวนๆ ให้จนต้นน้ำรู้สึกว่าชายหนุ่มมาดกวนแบบนี้ช่างดูเหมือนกับเจ้าแกะหน้ากวนที่วางขายอยู่แถวนี้เหลือเกิน

     “พี่เกิดยี่บเจ็ดเมษา”

     “ครับ?”

     ต้นน้ำงงที่จู่ๆ ชัยชัชก็พูดขึ้น แต่ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะนึกว่าชัยชัชคงบอกข้อมูลตามธรรมดา แต่ทว่าชายหนุ่มกลับหันมาแยกเขี้ยวใส่

     “ยังจะมาครับอีก ต้นต้องพูดว่า ได้เลยครับ วันนั้นต้นจะทำเค้กวันเกิดให้พี่ชัชสุดฝีมือเลยครับ ดิ”

     “พี่ชัชก็...”

     ต้นน้ำโดนชัยชัชแกล้งเข้าไปอีกดอกจนได้ ให้ตายเถอะ! เขาลืมไปได้ยังไงนะว่าผู้ชายมาดกวนคนนี้ขี้บังคับชอบเอาแต่ใจมากขนาดไหน

     'แต่ก็โกรธไม่ลงซักที...'

     “ว่าแต่เราเหอะ เมื่อไหร่พี่จะปล้ำต้นได้ฮึ๊?”

     “พี่ชัช! จู่ๆ ก็พูดอะไรแบบนี้ ผมอายเขานะครับ”

     “จุ๊ๆ เรานั่นแหละเสียงดัง ดูดิคนมองเต็ม”

     “ก็ถามดีๆ สิครับ ถามดีๆ ก็ได้ว่าผมเกิดวันที่เท่าไหร่ ไม่เห็นต้องเล่นมุกแบบนั้นเลย”

     แต่มีหรือที่ผู้ชายชื่อชัยชัชจะสำนึก

     “ถ้าไม่แกล้งเราก็ไม่ใช่พี่ดิ แฟนพี่เวลาเขินโคตรน่ารักเลย พี่จะอดใจไหวได้ไง”

     ชัยชัชยักคิ้วส่งให้ต้นน้ำก่อนจะเร่งเอาคำตอบที่ตนอยากรู้ต่อ

     “เอ้า มัวแต่อายอยู่นั่นแหละ รีบๆ บอกพี่มาซะทีดิ ไม่งั้นพี่ทนไม่ไหวจัดเลยนะ”

     “สามสิบเอ็ดมกราคมครับ”

     “หืม? อีกเดือนเดียว? จริงดิ พี่ทนอีกเดือนเดียวก็จะได้ต้นเป็นเมียแล้ว ฮ่าๆ”

     ต้นน้ำรู้ดีว่าชัยชัชเพียงแค่ต้องการแหย่เขาเล่น เจ้าตัวจึงทำท่าไม่ใส่ใจ พยายามเชิดหน้าไม่ยอมทำสีหน้าเอียงอายอีก แต่ชัยชัชก็ไม่ยอมแพ้พยายามส่งสายตาวิบวับสุดกะล่อนตอบโต้ จนในที่สุดการก่อกวนของชายหนุ่มก็ได้ผล ต้นน้ำทั้งเขินทั้งขำ เด็กหนุ่มหลุดหัวเราะออกมายอมแพ้ผู้ชายกวนๆ คนนี้ในที่สุด

     “พอแล้วครับ ไม่เอาแล้ว ผมไม่อยากคุยกับพี่ชัชแล้ว”

     “แน่ะ เขินอ่าเด้ เสร็จพี่จนได้”

     “พี่ชัชอ่ะ รีบๆ ซื้อของเถอะครับ เดี๋ยวกลับช้าแล้วรถจะติดเอานะครับ”

     ต้นน้ำพยายามตัดบทไม่ต่อความยาวสาวความยืดกับผู้ชายคารมดีคนนี้อีก แถมท้ายประโยคต้นน้ำยังทำเสียงดุดูจริงจัง

     “คร้าบๆ ที่รัก เรานี่ร้ายนะต้น ดูดิเป็นแฟนกันได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ออกลายซะแล้ว ชอบข่มสามี หึๆ”

     “แต่โบราณเขาก็ว่าเชื่อเมียแล้วจะเจริญไม่ใช่รึไงครับ”

     “โห... มีเอาคืนด้วยอ่ะ ฮ่าๆ”

============================================


สกิลฮีเริ่มออกแล้ว
น้องต้นไม่ใช่เคะใสซื่อแนวแบ๊วๆ หรือพวกที่แอ๊บซึ่นไปวันๆ แน่นอน บอกแล้ว ฮี ร้าย แรง แรด!

แต่โอเค คนอ่านชอบแบบมุ้งมิ้งฟินจุงเบยใช่มั้ยล่ะ  :laugh3: ซึ่งหาได้น้อยมากแถวนี้ คนแต่งขอโทษนะ  :mew6:
ดังนั้นเราคิดว่าต่อไปอาจจะมีคนอ่านนิยายเรื่องนี้น้อยลงเพราะ "ต้นน้ำ" ก็ได้ คือ... ไม่ได้ขู่คนอ่านนะ แต่แค่อยากนำเสนอตัวเอกที่มีปมร้ายกาจในตัวดูบ้างก็เท่านั้นเอง

"แก่น" ที่เราเชื่อมั่นมาตลอดในการแต่งนิยายเรื่องนี้คือ มนุษย์ทุกคนมีความเลวร้ายในตัวเอง และบางทีคนเราก็แก้ไขนิสัยเลวๆ นั่นลำบาก แต่เราจะปรับตัวยังไงให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขล่ะ? แต่ถ้าเราปรับตัวไม่ได้ ละทิ้งนิสัยแย่ๆ ไปไม่ได้ เราจะอยู่ในสังคมไม่ได้เลยเหรอ?
ลองมองไปรอบๆ ตัวดู เชื่อว่าคนอ่านต้องเคยนึกรำคาญนิสัยเพื่อนตัวเองซักเรื่องสองเรื่อง แต่ก็"ยอมๆ ให้กัน"ได้ในบางคน/บางเรื่อง แต่กับบางกรณีอาจจะยอมไม่ได้ อคติ? เจ็บปวดเกินกว่าจะให้อภัยหรืออะไรก็ว่าไป
เราอยากหยิบแง่มุมหลายๆ อย่างมาเขียน พูดง่ายๆ คือนิยายเรื่องนี้เราใส่ทัศนคติเราลงไปไม่น้อย แล้วให้ตัวละครเป็นคนดำเนินเรื่องต่อ ซึ่งบางทีมันก็ตรง บางทีก็ขัดแย้งกับความรู้สึกของเราก็มี แต่เราไม่อยากไปตัดสินตัวละครว่าคนนั้นดี คนนี้ร้าย ไม่อยากชี้นำคนอ่านแบบนั้น เราแค่เขียนให้คนอ่านรับรู้ในมุมมองของตัวละครก็พอ ที่เหลือคนอ่านค่อยตัดสินเองว่าจะรักหรือเกลียด
บางทีพอได้รู้จักหลายๆ มุมแล้วอาจจะเกลียดไม่ลงแม้จะไม่ชอบนิสัยบางอย่าง หรือบางกรณียังไม่ได้ทำความรู้จักเลยแต่ก็แอนตี้ไปซะแล้วก็มี!
เราเขียนนิยายด้วยแนวคิดแบบนั้นแหละ ส่วงนึงก็เลยเคารพความคิดเห็นของคนอ่านด้วย "เขามีสิทธิ์" สิทธิ์ที่จะไม่เม้นนิยายงั้นๆ สิทธิ์ที่จะไม่อ่านนิยายดราม่า  :hao5:

ดังนั้น แม้ต้นน้ำจะมีปม แต่ปัญหาของเขาก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไปเหยียบย่ำความรู้สึกของคนอื่น เน้อ!
เราอยากให้คนอ่านรอลุ้นผลสรุปของเหตุการณ์นี้จัง ไม่อยากติดตามหน่อยเหรอว่าคนแบบต้นจะได้รับผลอะไรจากการกระทำของตัวเองบ้าง ฮ่าๆ แต่บอกได้เลยว่า "สมควรแล้ว!"

แล้ว "ความโง่" ล่ะ? ทิฐิก็ถือเป็นความโง่ชนิดนึงนะ "โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า" อันนี้ก็จริงเสมอมา "หลงจนโง่งมงาย" อันนี้ก็น่าเห็นใจ แล้วตกลงใครจะโง่กว่าใครละเนี่ย?

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 6 -
##### เด็กเลี้ยงแกะผู้เฝ้ามองหมาป่า #####

     การเปิดเรียนวันแรกหลังหยุดยาวเทศกาลปีใหม่เริ่มแล้ว ความสุขที่อบอวลอยู่ในใจของต้นน้ำยามนี้ช่างมากมายจนเขารู้สึกว่าปีนี้ต้องเป็นปีที่เขามีความสุขมากที่สุดในชีวิตสิบเจ็ดปีของเขาแน่ แต่ทว่าความจริงช่างโหดร้าย ต้นน้ำไม่รู้เลยว่าปีนี้จะเป็นปีที่โหดร้ายสำหรับตัวเองมากขนาดไหน ปมปัญหาต่างๆ ที่เคยผูกไว้เริ่มขมวดจนตึงแล้ว และสิ่งแรกที่รอต้นน้ำอยู่ที่โรงเรียนก็คือ...

     “ต้น! แม็กซ์โทรหาตั้งหลายที ทำไมไม่รับเลยอ่ะ ไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่ จะไปไหนทำไมไม่บอกกันบ้าง!”

     ทันทีที่เห็นต้นน้ำ แม็กซ์ที่ดักรออยู่ตรงหน้าประตูโรงเรียนก็ตรงเข้าไปหาด้วยท่าทางเอาเรื่อง!

     'แม็กซ์มาที่ห้องเลยเหรอ!'

     สีหน้าตกตะลึงของต้นน้ำสร้างรอยปะทุบางอย่างขึ้นในใจของแม็กซ์ เขาสัมผัสได้ว่าต้นน้ำมีอะไรปิดบังเขาอยู่

     “แม็กซ์ นายไปหาเราที่ห้องเหรอ?”

     น้ำเสียงที่ถามอย่างระแวงระวังของต้นน้ำนั้นชวนหงุดหงิดจนแม็กซ์รู้สึกโมโห

     'กูไม่เคยต้องตามตื้อใครมากเท่ามึงเลยให้ตาย!'

     มีแค่ต้นน้ำที่คอยแต่จะผลักไสเขา ทั้งๆ ที่ตอนแรกต้นน้ำเป็นคนเข้าใกล้เขาก่อนแท้ๆ แม็กซ์พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่อยากจะกระชากตัวคนตรงหน้ามาระบายโทสะเอาไว้ เขารู้ดีว่ากับต้นน้ำนั้นห้ามเข้าใกล้อีกฝ่ายเกินกว่าที่เจ้าตัวกำหนด ต้นน้ำไม่ชอบให้ใครรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว

     “แม็กซ์กะไปเซอร์ไพรส์ต้นตอนปีใหม่ไง แต่ไม่เจอใครเลย โทรหาต้นๆ ก็ไม่รับ บางทีก็โทรไม่ติด”

     “สัญญาณไม่ดีมั้ง ช่วงปีใหม่คนคงใช้โทรศัพท์เยอะ”

     'เลี่ยงไม่ตอบอีกแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมเปิดใจซะทีวะ! ตลอดเวลาที่ผ่านมากูเข้าใกล้มึงได้แค่นี้เองเหรอ'

     “แล้วตกลงต้นไปไหนมาเหรอ?”

     “...พอดีเพื่อนแม่เราเขาพาไปเที่ยวน่ะ ก็เลยไม่อยู่ห้อง”

     “อ้าว! แล้วไม่บอก นึกว่าปีนี้ต้องอยู่คนเดียวเหมือนที่ผ่านมาซะอีก”

     คำตอบของต้นน้ำคลายความสงสัยให้แม็กซ์ เขาสบายใจจนยิ้มกว้างส่งให้ต้นน้ำ ส่วนต้นน้ำเองก็ลอบยิ้มอยู่ภายในใจ เขาดีใจที่แม็กซ์ไม่ติดใจสงสัยซักถามอะไรมากไปกว่านี้ ต้นน้ำจึงยิ้มตอบให้อีกฝ่ายก่อนจะชักชวนกันเดินเข้าโรงเรียน

     “แล้วไง ไปเที่ยวไหนมาเหรอหนุกป่าว? โหยแล้วไม่บอกแม็กซ์อ่ะ ทิ้งแม็กซ์ให้หง่าวอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวเลย”

     “เราขอโทษ”

     เด็กหนุ่มทั้งสองคนเดินคุยกันไปเรื่อยๆ จนถึงห้องเรียน

     “ต้น!”

     เสียงเรียกของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้น ต้นน้ำจึงละสายตาจากแม็กซ์หันไปมอง ไนน์นั่นเอง เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เป็นคู่เต้นตอนเรียนลีลาศกับเขาเป็นเจ้าของเสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่ แถมดูท่าว่าเธอกำลังตรงมาหาเขาด้วย แม้ว่าสาวเจ้าจะตัวเล็กสูงแค่หนึ่งร้อยห้าสิบเอ็ดเซ็นติเมตร แต่พลังเสียงของเธอช่างเกินตัว ต้นน้ำดูเธอวิ่งตรงมาทางเขาอย่างอารมณ์ดี ไนน์เป็นอีกคนที่อยู่ด้วยแล้วต้นน้ำไม่รู้สึกรังเกียจ แม้เธอจะช่างพูดตรงกันข้ามกับคนเงียบๆ แบบเขา แต่ความร่าเริงของเธอก็พลอยทำให้เขาสดชื่นตามไปด้วย แต่ทว่า เมื่อเจ้าหล่อนแลนดิ้งลงตรงหน้าเขาเรียบร้อยแล้วนั้น…

     “หลบไปยัยเตี้ย เรายังคุยกับต้นไม่เสร็จ ขัดคอชาวบ้าน ที่บ้านไม่สอนเรื่องมารยาทเหรอ”

     “ไอ้...ไอ้”

     แต่ก่อนที่ศึกน้ำลายรอบสองจะดังขึ้น กรรมการอย่างต้นน้ำก็เป็นฝ่ายเคาะระฆังเบรคทั้งคู่เอาไว้ได้พอดี

     “แม็กซ์”

     ต้นน้ำปรามเพื่อนชายเบาๆ ก่อนจะพยักเพยิดไปทางห้องเรียนให้เจ้าตัวเห็น

     “แม็กซ์ไปก่อนเถอะ ไว้ถ้าเราคุยกับไนน์เสร็จแล้วจะตามไป”

     แม็กซ์ขัดใจที่สุด แต่เขาไม่อยากมีปัญหากับต้นน้ำตอนนี้ แม็กซ์ไม่ต้องการให้ต้นน้ำโกรธเขาจึงยอมสงบศึกเดินออกไป

     “มีอะไรเหรอไนน์?”

     ต้นน้ำหันมาคุยกับเด็กสาวอย่างอารมณ์ดี

     “แฮปปี้นิวเยียร์!”

     เด็กสาวตอบกลับเขาด้วยรอยยิ้มอันเจิดจ้าพร้อมกับชูสองมืออวดของขวัญให้เด็กหนุ่ม

     “อะไรเหรอ?”

     “คืองี้น้า ที่บ้านเค้าอ่ะ พาเค้าไปเที่ยวฮ่องกงมา เค้าเห็นหนมน่ากินเพียบเยย มีเยอะแยะไปหมด เค้าก็เลยนึกถึงตะเอง แล้วก็เลยซื้อมาฝากตะเองงาย”

     แม้จะฟังดูแล้ว... ค่อนข้างฟังยากกับภาษาที่เธอใช้ เนื่องจากไนน์เป็นพวกแบ๊วๆ ติดจะโก๊ะๆ หน่อยด้วยซ้ำ แต่ต้นน้ำรู้ดีว่านั่นเป็นบุคลิคของเธอ การกระทำของเธอไม่ได้เสแสร้งในแบบที่เรียกกันว่า“แอ๊บ” แตกต่างจากคนแบบเขาที่ใส่หน้ากากตลอดเวลา

     เพราะความที่อายุน้อยกว่าใครเพื่อน แถมเป็นลูกคนเล็กของบ้านท่ามกลางพี่ชายสามคน เธอเลยค่อนข้างทำตัวราวกับเป็นน้องสาวของใครต่อใครตลอดเวลา แม้จะมีคนแสดงออกว่าหมั่นไส้เธอ แต่เธอก็หาได้สนใจคำครหาของใคร เธอมีความสุขกับโลกส่วนตัวของเธอ บรรดาหนังสือทั้งหลายแหล่เป็นเพื่อนซี้ที่เธอรักมากที่สุด เรียกได้ว่าเธอเป็นเจ้าแม่การ์ตูนของห้องเลยก็ว่าได้ เวลาพักก็มักจะหมดไปกับการอ่านหนังสือต่างๆ ทั้งพวกนิยายและการ์ตูน คล้ายกับตัวเขา เพียงแต่ต่างชนิดหนังสือก็เท่านั้น

     “ไม่เห็นต้องลำบากเลย ไนน์ก็ให้ของขวัญเราตอนวันฉลองปีใหม่เมื่ออาทิตย์ก่อนไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

     “ก็มันไม่เหมือนกันอ๊ะ!”

     เด็กสาวขึ้นเสียงสูงพลางทำแก้มป่อง เธอยัดถุงขนมถุงโตที่ผูกโบว์สวยเก๋ใส่มือของเขาก่อนจะคล้องแขนลากเขาไปยังห้องเรียน

     “อันนั้นก็ส่วนอันนั้น อันนี้ก็ส่วนอันนี้ คราวก่อนเป็นของขวัญตามธรรมเนียมกิจกรรมปีใหม่ในห้อง แต่คราวนี้เป็นของขวัญพิเศษที่เค้าอยากให้ตะเองคนเดียว”

     ต้นน้ำก้มลงมองเด็กสาวที่กำลังฉอเลาะอยู่ข้างๆ

     “จะดีเหรอ... แล้วคนอื่นๆ จะไม่ว่าเอาเหรอ”

     เขารู้ดีว่ายังไงเสียก็มีกลุ่มเพื่อนสนิทของไนน์อยู่ แล้วหลายๆ คนในนั้นก็... เห็นแก่กิน ไม่สิ! ชอบทานขนมหวาน เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องผิดใจกับเพื่อนเพราะเขาเป็นต้นเหตุ

     “อื้อ ไม่เป็นไรหรอก เค้าซื้ออย่างอื่นมากฝากพวกปลาด้วยแล้ว!”

     คนตัวเล็กกว่าตอบพร้อมกับยิ้มแฉ่งให้เขา แถมยังชูมือนิ้วแสดงท่าวิคตอรี่เป็นการบ่งบอกว่าไม่มีปัญหา ต้นน้ำกับเด็กสาวจึงพากันเดินไปยังห้องเรียน และเมื่อคนทั้งคู่เข้ามาถึงยังห้องเรียนก็ได้เห็นแม็กซ์กับแก๊งหลังห้องจ้องมองพวกเขาตาขวาง

     “วี๊ววว หวานกันแต่เช้า”

     เสียงเป่าปากแซวดังมาจากคนทั้งกลุ่มอย่างจงใจหาเรื่อง ยกเว้นแม็กซ์ที่ยังคงใช้สายตาไม่พอใจจ้องมองมายังคนทั้งคู่ แต่ดูเหมือนจะเพิ่มแรงอาฆาตส่งไปให้สาวน้อยข้างกายเขามากเป็นพิเศษ! ส่วนต้นเหตุที่กำลังคล้องแขนต้นน้ำอวดแก๊งหลังห้องอยู่นั้นก็กำลังทำหน้ายิ้มเยาะอยู่ ต้นน้ำส่ายศีรษะอย่างปลงๆ พลางวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ เขานั่งลงและกำลังจะเริ่มทบทวนบทเรียนล่วงหน้าของวันนี้ แต่ทว่าไนน์ยังคงไม่ปล่อยให้เขาเป็นอิสระ เธอยังคงชวนเขาคุยต่อ

     “นี่ๆ ต้น ปีใหม่ตะเองไปไหนมาเหรอ?”

     “ทำไมเหรอ?”

     “ก็แจนอ่าสิ บอกว่าเห็นตะเองที่หัวหินด้วยแหละ จริงป่าว ตะเองไปเที่ยวหัวหินตอนปีใหม่มาเหรอ? แปลกเนอะปกติตะเองไม่ค่อยยอมไปไหนนี่นา”

     อาการเย็นวาบแผ่กระจายออกไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่หัวใจ ต้นน้ำรู้สึกตัวชาอย่างบอกไม่ถูก เขารู้ดีว่ามีใครบางคนกำลังสนใจบทสนทนานี้ แม้ตนเองจะนั่งหันหลังให้แต่เขารู้สึกได้ถึงสายตาแข็งกร้าวที่จ้องมองมา และขณะนั้นเองพวกของแจนก็เดินมาสมทบที่โต๊ะของเขาพอดี

     “แจ แจนก็ไปเที่ยวหัวหินเหมือนกันเหรอ”

     ต้นน้ำพยายามฝืนทักออกไป เด็กหนุ่มพยายามทำตัวปกติไม่แสดงพิรุธ หารู้ไม่ว่าเสียงของตัวเองนั้นเบาหวิวและการกระทำทุกอย่างก็อยู่ในสายตาของแม็กซ์

     “ใช่ เราไปเที่ยวกับครอบครัว เจอต้นที่ตลาดนัดจั๊กจั่น ตอนแรกเราไม่แน่ใจว่าใช่นายรึเปล่า จะไปทักต้นแล้ว แต่ว่าพอดีมีคนเดินมาหาต้นเป็นกลุ่มเบ้อเร่อซะก่อน ก็เลยว่าจะรอ แต่พอหันไปอีกที ต้นก็หายไปไหนแล้วไม่รู้”

     “อืม คงงั้นแหละ พวกเพื่อนๆ แม่เราขาช็อปกันทั้งนั้น”

     “เสียดายจัง ต้นใส่ชุดไปรเวทแล้วน่ารักดี เสียดายอดถ่ายรูปด้วยกันเลย”

     ว่าแล้วสาวน้อยชื่อแจนก็ทำตาเยิ้มแสดงสีหน้าชวนฝันออกมา ชวนให้บรรยากาศมาคุในจิตใจของต้นน้ำผ่อนคลายตามไปด้วย เพราะมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้รู้สึกผิดสังเกตใดๆ

     “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ก็แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ปกติน่ะแหละ”

     ต้นน้ำตอบขำๆ พลางยิ้มน้อยๆ และเพียงแค่เห็นเด็กหนุ่มยิ้มเท่านั้นแหละ สาวๆ ในกลุ่มทั้งหลายต่างก็แย่งกันพูดขึ้นมาทันทีอย่างกับนกกระจอกแตกรัง

     “ก็แหม... ปกติเห็นต้นแต่ชุดนักเรียนนี่ แถมชอบทำหน้านิ่งๆ ใครจะไปรู้ว่าพอจับต้นแต่งตัวเข้าหน่อยแล้วต้นจะหล่อระเบิด แถมยังเล่นกีตาร์ได้อีก เท่ชะมัดเลย”

     ต้นน้ำไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรกับปฏิกิริยาของสาวช่างฝันทั้งหลายที่รุมล้อมอยู่รอบตัวเขา เขารู้แต่ว่าตอนนี้ตัวเองผ่อนคลายแล้ว เด็กหนุ่มจึงสนทนาพูดคุยกับกลุ่มสาวๆ อย่างสบายใจ

     'เฮ้อ... ดีนะที่ไม่ใช่อย่างที่เราคิด ไม่งั้นต้องมีเรื่องยุ่งๆ ตามมาแน่'

     ต้นน้ำไม่รู้ตัวหรอกว่าระหว่างที่ตัวเองกำลังลอบคิดอยู่อย่างโล่งใจนั้น สายตาของตัวเองดันเผลอเหลือบไปทางหลังห้องเพื่อดูปฏิกิริยาของแม็กซ์ แต่เด็กหนุ่มหัวโจกคนนี้รู้! เขาสังเกตต้นน้ำตลอดเวลาและฟังบทสนทนาทั้งหมดพลางคิดอะไรในใจอยู่เงียบๆ

     “แม่ง! หมั่นไส้ไอ้ต้นว่ะ แค่ได้ขึ้นเวทีเล่นกีตาร์แทนชาวบ้านเขาหน่อยเดียวก็มาทำเท่ มึงดูมันสิวะ ทำเก็กใหญ่เลย คงนึกว่าสาวๆ หลงตัวเอง ไอ้ตุ๊ดเอ้ย!”

     ปาล์มบ่นขึ้นอย่างหมั่นไส้ เขาแสดงความอิจฉาต้นน้ำอย่างไม่ปิดบัง

     “ก็ความผิดมึงนั่นแหละ ถ้ามึงหัดจำคอร์ดให้แม่นๆ ไอ้ต้นมันก็ไม่ต้องเล่นแทนมึง”

     แต่แทนที่จะได้แนวร่วมเขากลับโดนกายสวนกลับ กายไม่พอใจเพื่อนสนิทเป็นทุนอยู่แล้วที่ทำเสียเรื่อง เดิมทีนั้นวงของพวกเขามีกันสี่คน คือปาล์มเล่นตำแหน่งกีตาร์คอร์ด เขาที่เล่นเบส อาร์มเล่นกลอง และแม็กซ์กีต้าร์ลีดควบตำแหน่งร้องนำ

     เขามั่นใจว่าตนเองเท่เป็นอันดับสองรองจากแม็กซ์ ยิ่งถ้ายืนเทียบกันแล้วเขาจะต้องเด่นกว่าปาล์มแน่นอน สาวๆ ต้องหันมาสนใจเขาเพิ่มขึ้นเพราะอาร์มที่เล่นกลองนั้นถือว่าตำแหน่งไม่เด่นมาก สาวไม่ค่อยกรี๊ดถ้าเทียบกับพวกเขาที่เล่นกีตาร์ และที่สำคัญคืออาร์มมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ต่างจากพวกเขา ทั้งๆ ที่เขามั่นใจว่าเวทีนี้ต้องทำให้เขาเกิดมีสาวมากรี๊ดไม่แพ้แม็กซ์

     แต่พอถึงวันจริง ปาล์มเกิดตื่นเวทีจำคอร์ดไม่ได้ แม็กซ์จึงให้ต้นน้ำที่ไม่รู้ว่าไปแอบซุ่มมาตั้งแต่ตอนไหนขึ้นมาเล่นคอร์ดให้แทน และนั่นก็ทำให้เกิดกระแสลมปั่นป่วนพัดพาความกรี๊ดไปทางทิศที่ชื่อว่าต้นน้ำแทนเขา! อีกทั้งต้นน้ำยังเป็นเด็กเรียนทำคะแนนได้ไม่เคยตกจากสิบอันดับแรกของโรงเรียน มิหน้ำซ้ำยังมีความประพฤติดี หน้าตาจัดว่าดี(พอสมควร) มีคุณสมบัติให้สาวกรี๊ดเป็นทุนอยู่แล้ว เพียงแค่ที่ผ่านมาเจ้าตัวมักจะเงียบๆ หงิมๆ ไม่ค่อยแสดงออกเลยทำให้ไม่เด่น

     ส่วนเรื่องล้อเลียนที่ชอบพูดกันว่า“ตุ๊ด”นั้น ที่ผ่านมานอกจากต้นน้ำจะไม่แสดงอาการใดๆ ตอบโต้ต่อคำล้อเลียนแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรผิดปกติไปจากเด็กผู้ชายคนอื่นๆ ถึงแม้จะไม่เคยมีข่าวเรื่องจีบสาวให้เห็น แต่ก็ไม่เคยแสดงอาการตุ้งติ้งหรืออาการชอบพอผู้ชายด้วยกัน แถมยังดูสนิทสนมกับเด็กสาวตัวเล็กที่ชื่อไนน์ผู้กุมหัวใจเขา

     'ฮึ่ย! หมั่นไส้โว้ย รอก่อนเถอะมึงไอ้ต้น มึงทำเท่ได้ไม่นานหรอก'

     “ก็ถ้ามึงไม่ไปรับปากเล่นรอบเช้าเลยกูก็ไม่มีปัญหาหรอก ไหนตอนแรกบอกว่าวงเราเล่นรอบบ่าย มึงอ่ะเสือกไปรับปากอาจารย์ว่าจะเล่นรอบเช้า กูก็เลยเตรียมใจไม่ทันดิวะ”

     ปาล์มเถียงกลับจนกายอ้าปากจะเถียงต่อ แต่ทว่าแม็กซ์กลับขยับตัว เอ่ยปากระงับเรื่องไร้สาระนี้ หยุดสงครามน้ำลายที่กำลังจะเกิดขึ้น

     “พวงมึงเลิกเถียงกันได้แล้ว กูผิดเอง กูเป็นคนให้ต้นมาเล่นแทนมึงปาล์ม แล้วกูว่าต้นมันคงไม่แย่งสาวไปจากมึงหรอกกาย”

     “มึงมั่นใจได้ไงวะแม็กซ์ ไม่แน่ จริงๆ ไอ้ต้นอาจจะโคตรหื่นคิดจะใช้โอกาสนี้จีบสาวอยู่ก็ได้ เห็นหงิมๆ มาตลอด พอได้ทีมันทำกร่างใหญ่ เนียนเปิดฮาเร็ม!”

     “ไอ้เชี่ยนี่ เลิกด่าต้นได้แล้ว กูบอกว่าต้นมันไม่มีวันแย่งผู้หญิงของมึงยังไงละวะ!”

     “เฮ้ย! แม็กซ์ มึงเป็นไรวะ? พักหลังๆ นี่มึงเข้าข้างไอ้ต้นตลอด พวกกูเป็นเพื่อนมึงนะเว้ย!”

     “พวกมึงเพื่อนกู ไอ้ต้นก็เพื่อนกู!”

     เสียงทุ่มเถียงกันที่เริ่มดังขึ้นและจบลงที่เสียงตะโกนอย่างเหลืออดของแม็กซ์ส่งผลให้คนทั้งห้องหันมามอง รวมทั้งต้นน้ำด้วย เด็กหนุ่มหันมามองแม็กซ์ด้วยสายตาที่เดาความหมายไม่ออก แต่แม็กซ์นั้นรู้ดีว่าจิตใจของตนปวดร้าวยิ่งนัก

     “พวกเราไปเข้าแถวกันเหอะ ได้เวลาล่ะ”

     ต้นน้ำชวนเด็กสาวกลุ่มนั้นเดินออกไปแล้ว... เขาทิ้งแม็กซ์ไว้กับบรรดาเพื่อนร่วมแก๊งที่กำลังมองมาด้วยสายตาแปลกๆ

     “มึงดูเพื่อนมึงแล้วกันแม็กซ์ เดินไปโน่นแล้ว มันเลือกสาวมากกว่ามึง”

     ปาล์มพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะพากันเดินออกไปกับกาย สวนกับตัวละครของแก๊งคนสุดท้าย อาร์มที่พึ่งมาถึงห้องเรียน

     “เฮ้ย! นี่กูพลาดไรไปป่าวเนี่ย? อ้าวพวกมึงเป็นไรกัน ทำหน้าหยั่งกะไปแดกขี้มา”

     เมื่อเด็กหนุ่มผู้ลั่นล้าไม่เข้ากับสถานการณ์ปล่อยมุขผิดเวลาร่ำเวลา อาร์มจึงถูกกายกับปาล์มลากออกไปทิ้งไว้เพียงแต่แม็กซ์ที่ยังคงมีปัญหาขบคิดในใจ

     'ขอให้เป็นผู้หญิงเถอะ กูจะไม่ว่าไรเลยปาล์ม ที่กูกลัว กูกลัวอย่างอื่นมากกว่า แต่เรื่องแบบนี้กูจะกล้าพูดกับพวกมึงตรงๆ ได้ยังไง'

============================================


เอาแย้ว ตัวละครปรากฏตัวออกมาเรื่อยๆ แล้ว   :katai5:

ไม่รู้เพราะอะไร ในภาค 2 อีตาแม็กซ์นี่แฟนคลับเยอะเหลือเกิน 80% ของคนอ่านจะปลื้มอีตานี่ทั้งนั้น แต่พี่ชัชคือพระเอกนะ!
ส่วนคนแต่งนะเหรอ... ชอบหนุ่มอาร์มมากจนแอบแต่งบทที่เขี่ยคนอื่นทิ้งในใจคนเดียวเงียบๆ เพราะพ่อหนุ่มคนนี้มุ้งมิ้งดีจริงๆ นะ หึ หึ ถ้าแม็กซ์=แบดบอยสุดเลว อาร์มก็=ผู้ชายแสนดีละวะ!
แต่ก็นะ สุดท้าย คนที่จะเป็นพระเอกของนิยายเรื่องนี้ได้ก็คือคนที่ต้นเลือก เราต้องคิดแบบตัวละคร ไม่ใช่เอาแต่ใจยัดเยียดให้ใครเป็นพระเอกเพราะชอบคนๆ นั้น ชอบคาแรคเตอร์แบบนั้น เวลาแต่งต้องคิดแค่ว่าต้นจะชอบคนแบบไหน จะรู้สึกยังไงกับคนแบบนี้? เขาน่าจะไปได้ดีกับใคร? เพราะคนแต่งต้องคิดแบบนั้น ต้นก็เลย.... เฮ้อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-07-2014 17:29:58 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ถ้าน้องต้นจะตอฯขนาดนี้ เปิดร้านขายสตรอเบอร์รี่เลยมั้ย?


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================


     เย็นวันเดียวกัน ขณะที่ต้นน้ำกำลังจะกลับบ้าน ไนน์เดินมาหาต้นน้ำอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอเอากล่องของขวัญขนาดกลางกล่องหนึ่งมาด้วย ของขวัญถูกห่อมาด้วยอย่างดีใส่อยู่ในถุงหิ้วสกรีนลายห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง

     “ตะเอง ลุงเขาฝากมาให้”

     “ไนน์ เราว่าเราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วนะ”

     “อ้าว แต่เมื่อเช้าตะเองยังรับของขวัญจากเค้าเลยนี่?”
 
     “ก็เพราะเรากับไนน์เป็นเพื่อนกัน แต่เรากับคนพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องไม่ได้เป็นอะไรกัน เราไม่อยากรับของจากคนที่เรารู้ไม่จัก”

     “แต่ลุงเขาเป็นพ่อแท้ๆ ของต้นนะ”

     “ถ้าไนน์ยังอยากเป็นเพื่อนกับเราอยู่อย่าทำให้เราลำบากใจเลยนะ เราขอร้อง”

     “แต่ว่า...”

     “นะ ถือว่าเราขอร้อง”

     ต้นน้ำอ้อนวอนไนน์ด้วยสายตาจนไนน์ยอมแพ้ เธอต้านทานสายตาเศร้าๆ ของเขาไม่ได้จริงๆ

     “ก็ได้ ไม่เอาก็ไม่เอา …แต่ว่า ตะเองอย่าเกลียดเค้านะ เค้าไม่อยากเลิกเป็นเพื่อนกับตะเอง อย่ารำคาญเค้านะ”

     “อืม ไนน์เป็นเพื่อนคนสำคัญของเรา เราไม่รำคาญไนน์หรอก”

     ต้นน้ำพูดก่อนจะเก็บของใส่กระเป๋าและเดินออกจากห้องเรียน ทิ้งให้ไนน์ต้องมองตามแบบไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของเด็กหนุ่มสักเท่าไหร่

     “ว้า... งี้ก็ต้องเอาของให้ป๊าไปคืนลุงต้นน่ะสิเนี่ย”

     และขณะที่แจนกำลังจะกลับบ้าน เธอนึกไม่ถึงว่าจะมีคนดักรอเธออยู่ เด็กหนุ่มยิ้มให้แจนทันทีที่เธอมองมาทางเขา ภาพของหนุ่มหล่อหน้าตาดีคงจะทำให้ใครหลายๆ คนอิจฉา แม้แต่ตัวเธอเองยังแปลกใจที่คนๆ นี้มารอพบเธอ

     “แม็กซ์ มีไรป่าว?”

     “เราถามไรเธอหน่อยดิ”

     “เรื่อง?”

     “ไปเดินเล่นซีค่อนกัน เดี๋ยวเลี้ยงติม”

     แม้จะแปลกใจที่จู่ๆ หนุ่มฮอทของโรงเรียนก็มาชวนเธอไปเดท เอ้ย! ไปเที่ยวห้าง แต่ว่ามีโอกาสได้ควงหนุ่มหล่อทั้งทีใครจะไม่เอาล่ะ แม็กซ์เป็นเจ้ามือเลี้ยงไอศครีม แจนรู้สึกราวกับโชคหล่นทับ! แม้ใจจริงจะชอบแนวคุณหนูเงียบๆ แบบต้นน้ำมากกว่าลุคแบดบอยแบบแม็กซ์ แต่เธอไม่มีปัญหา!

     “ว่าแต่ แกมีไรจะถามเรา”

     “เรื่องต้น เธอเห็นต้นที่หัวหินจริงเหรอ?”

     “ก็เออสิย๊ะ ต้นก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอไงว่าไปหัวหินมา”

     “แล้วเธอเห็นรึเปล่าว่าต้นไปกับใคร”

     “โอ๊ย... คนมันตั้งเยอะ เห็นอยู่ไกลๆ แถมมากันตั้งหลายคน ใครจะไปจำได้”

     “แล้วในกลุ่มนั้นมีแม่ต้นด้วยหรือเปล่า?”

     ไม่แปลกที่เด็กทั้งสองจะรู้จักผู้เป็นมารดาของต้นน้ำ แม้คุณนายสายธารจะงานยุ่ง แต่กิจกรรมอะไรที่ผู้ปกครองจำเป็นต้องมา เธอก็พยายามแลกเวรมาได้เกือบทุกครั้ง ทำให้เพื่อนฝูงมีโอกาสได้พบเจอมารดาของต้นน้ำอยู่บ้าง

     “อืม... พูดแล้วเราก็แปลกใจเหมือนกันนะ เพราะไม่เห็นแม่ต้นเลย มีแต่สาวๆ ทั้งนั้น แถมในกลุ่มนั้นยังเรียกกันว่าคุณหมอๆ ไรนี่แหละ เรายังงงเลย ก็ต้นน่ะไม่มีพ่อใช่มั้ยล่ะ หวังว่าผู้ชายคนนั้นคงไม่ใช่พ่อต้นหรอกมั้ง ยังหนุ่มๆ อยู่เลย”

     “งั้น คนที่อยู่กับต้นตอนแรกล่ะ ลักษณะเป็นไงเหรอ?”

     “เป็นไงเหรอ? ….. อืม... ก็... สูงๆ หุ่นล่ำหยั่งกะนายแบบ คงอายุราวๆ สามสิบมั้ง แต่หล่อชะมัดเลยล่ะ”

     พอนึกถึงผู้ชายหล่อๆ คนที่อยู่กับต้นน้ำเธอก็อดใจไว้ไม่อยู่เผลอทำสีหน้าเคลิบเคลิ้ม แต่ทว่ารอบนี้แม็กซ์กลับไม่ได้สนใจจะหมั่นไส้สีหน้าของเธอแม้แต่น้อย เขากำลังคิดหนักอยู่เช่นกันจึงไม่มีอารมณ์จะไปใส่ใจสีหน้าของคนอื่น

     'ยังไม่แก่งั้นเหรอ ไม่ใช่พ่อต้นแน่ๆ มันเป็นใครกัน ต้น...'

     “เออ! เราเห็นเขาทำหน้าเครียดๆ ตอนคุยกับต้นด้วยอ่ะ แต่พอคนอื่นๆ มานะ พี่แกก็ทำเฉยๆ ต้นเองก็ทำท่าแปลกๆ เราเลยไม่กล้าเข้าไปทัก”

     “ยังไง?”

     “ก็ตอนที่เราเห็นอ่ะ ต้นกำลังนั่งคุยกับผู้ชายคนนั้นอยู่ตรงลานถ่ายรูป เราว่าจะไปหาต้นละชวนมาถ่ายรูปกันแต่ต้นอ่ะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เลย เราเลยไม่กล้าเดินไปทัก กลัวเขากำลังดราม่ากันอยู่ แต่พอคนอื่นๆ มานะ ทั้งคู่ดันยิ้มเฮฮาซะงั้น ละนายจะอยากรู้ไปทำไมเหรอ?”

     “ไม่มีไรหรอก ช่างเถอะ”

     แม็กซ์ตัดบทพลางตัดสินใจอะไรบางอย่าง

     “รีบกินเหอะ เราอยากกลับบ้านแล้ว”

     “ไรอ่ะ ชวนเรามากินติมแล้วทำงี้เหรอแก!”

     “อิ่มยังล่ะ ไม่อิ่มก็รีบสั่งรีบกินเลย เร็ว จะได้กลับบ้านซะที!”

     “อะไรกัน!”

============================================


     แม้จะได้ชื่อว่าเป็นแฟนกันแล้วแต่ต้นน้ำกับชัยชัชก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก เนื่องจากชัยชัชยังงานยุ่งเหมือนเดิม ต้นน้ำไม่อยากรบกวนเวลาของชัยชัชมากเกินไป เขาไม่อยากถูกมองว่าเอาแต่ใจหรือทำนิสัยเด็กๆ ให้ชัยชัชรำคาญ ประกอบกับการสอบวิชาหลักใกล้เข้า พวกเขาจึงตกลงกันว่าเอาไว้ต่างคนต่างเสร็จเรื่องแล้วพวกเขาค่อยมาคุยกันอีกที

     หลายวันต่อมา ต้นน้ำตื่นแต่เช้าตรู่อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปโรงเรียนตามปกติ แต่ทว่า… เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาเรียกให้เขาต้องแปลกใจ

     'ใครกันโทรมาแต่เช้า?'

     “ต้น แม็กซ์จะรออยู่ที่แมค แวะมาคุยกันหน่อยดิ”

     “คุยที่โรงเรียนไม่ได้เหรอ?”

     “อย่าเลย เรื่องนี้แม็กซ์อยากคุยกับต้นสองคน ไม่อยากให้คนอื่นเสือก”

     แม้ในใจไม่อยากเผชิญหน้ากันแต่ต้นน้ำก็รู้ดีว่าเลี่ยงไม่ได้ นับตั้งแต่ที่แม็กซ์ทำตัวแปลกไป เหมือนจะคอยตามเอาใจใส่เขาเกินเพื่อน ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขามากเกินเหตุ เขารู้ดีว่าเวลานี้ต้องมาถึงสักวัน แต่ทุกอย่างมันผิดแผนเพราะชัยชัชก้าวเข้ามาในชีวิตเขา ต้นน้ำจึงได้แต่ปลอบใจตัวเอง

     'ช่างมันเถอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด'

     ต้นน้ำไปตามคำชวน แม็กซ์นั่งรอเขาตรงโต๊ะด้านนอกของร้านอาหาร มุมข้างๆ ร้านตรงนั้นมีโต๊ะและเก้าอี้อยู่ชุดหนึ่ง และข้างๆ กันก็มีเก้าอี้ที่พี่โรนัลด์นั่งอยู่ บริเวณที่นั่งมีกระถางต้นไม้ประดับไว้ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว

     “มีธุระอะไรเหรอแม็กซ์ ทำไมไม่รอคุยกันที่โรงเรียน เรียกเรามานี่เดี๋ยวก็ไปสายหรอก”

     “แม็กซ์อยากคุยกับต้นเรื่องของเรา”

     “ถ้าเป็นเรื่องนั้นเราพูดชัดเจนแล้วนะแม็กซ์ แล้วเราก็อยากให้มันจบด้วย เราไม่อยากคุยกับแม็กซ์เรื่องนี้อีก”

     ต้นน้ำพยายามตัดบทความสัมพันธ์อย่างรวบรัด แต่ทว่าที่เขานึกไม่ถึงก็คือ...

     “แต่แม็กซ์ชอบต้นนะ”

     ต้นน้ำอึ้งไปทันทีที่ถูกสารภาพรัก แต่แล้วก็เหยียดยิ้มออกมา

     “ไม่หรอก แม็กไม่ได้ชอบเราหรอก แม็กซ์แค่อยากเอาชนะเรา แม็กซ์อยากได้เราก็แค่นั้นแหละ”

     “ไม่ใช่นะ! จริงอยู่ตอนแรกแม็กซ์อาจจะคิดง่ายๆ แบบนั้นกับต้น แต่... แต่แม็กซ์ไม่เคยแคร์ใครเท่าต้นนะ! ทำไมอะต้น? ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม็กซ์นึกว่าต้นชอบแม็กซ์ซะอีก ถึงได้ขอนอนกับแม็กซ์!”

     “แต่เราก็ไม่เคยพูดว่าชอบแม็กซ์นี่ เราแค่ขอมีอะไรด้วย เพราะแม็กซ์เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเรา แม็กซ์ก็รู้เหตุผลไม่ใช่เหรอว่าเพราะอะไร”

     เสียงของต้นน้ำราบเรียบผิดกับอารมณ์ของแม็กซ์ ภายในใจของเขาลุกเป็นไฟเมื่อเห็นความเย็นชาของต้นน้ำ

     “แล้วเรื่องที่มันเกิดขึ้นระหว่างเราละต้น แม็กซ์ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลยนะ แม็กซ์พยายามเพื่อต้นมากแค่ไหนต้นก็รู้! ต้นไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ?”

     “ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้คิดแบบนั้นกับนายจริงๆ เราเห็นนายเป็นแค่เพื่อนมาตลอดนะแม็กซ์”

     “แต่เราสองคนก็มีอะไรกันแล้วนะต้น ต้นไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ? ทำไมถึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา อย่าทำกับแม็กซ์แบบนี้ดิ ขอร้อง...”

     น้ำเสียงของแม็กซ์ช่างเจ็บปวดรวดร้าว เขาแทบจะร้องไห้อ้อนวอนคนตรงหน้าด้วยซ้ำ แต่ต้นน้ำยังคงมีสีหน้าเฉยเมยเหมือนคนไม่มีหัวใจ ใบหน้าที่เชิดคางขึ้นเล็กน้อยจ้องมองแม็กซ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาเปล่งเสียงเย็นชาออกมาจากคอที่เกร็งจนหายใจลำบาก

     “นั่นเขายังไม่เรียกว่าเซ็กส์หรอกนะแม็กซ์ เราสองคนไม่ได้จูบกันด้วยซ้ำ แถมแม็กซ์เองก็เคยนอนกับผู้หญิงที่มาปลื้มแม็กซ์ไม่ใช่เหรอ แม็กซ์ก็ไม่ได้รักคนพวกนั้นเหมือนกัน มันก็แค่การตอบสนองทางร่างกายของแม็กซ์ไม่ใช่เหรอ”

     “แต่แม็กซ์จริงจังนะ! แม็กซ์ให้ความสำคัญกับต้นยังไงต้นก็เห็น แม็กซ์อุตส่าหยุดตามที่ต้นขอ เพราะต้นพิเศษสำหรับแม็กซ์จริงๆ แม็กซ์อยากให้ต้นเต็มใจ”

     แม็กซ์ต้องหยุดเพื่อรวบรวมสติตัวเอง เขาไม่อยากโมโหใส่ต้นน้ำ เขาสูดลมหายใจก่อนจะสบตากับต้นน้ำ พยายามใช้สายตาสื่อความในใจของตน

     “แม็กซ์รักต้น”

     “แม็กซ์ก็แค่อยากให้เราเป็นของแม็กซ์จริงๆ เพราะที่ผ่านมาแม็กซ์ต้องการใครแม็กซ์ก็ได้หมด ครั้งนี้แม็กซ์แค่เจ็บใจที่มันพลาดเท่านั้นแหละ ก็เป็นแค่วิธีเอาชนะของนายเท่านั้นอย่าพูดถึงเรื่องความรักอะไรนั่นเลย มันไม่เกี่ยวกันหรอก”

     ต้นน้ำพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก สีหน้าของเด็กหนุ่มราวกับกำลังสวมหน้ากากเรียบเฉยไร้ชีวิตชีวา เขาสะกดหัวใจของตนให้ตายด้านจนสะท้อนแต่ความเย็นชาให้กับแม็กซ์

     “เข้าโรงเรียนเถอะแม็กซ์ เดี๋ยวจะไปสาย”

     “แม็กซ์รักต้นจริงๆ นะ ขอร้อง อย่าทำแบบนี้ อย่าทำเหมือนเราสองคนไม่เคยมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน”

     สีหน้าของแม็กซ์แฝงไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่าง น้ำเสียงที่แม็กซ์ใช้ก็ยิ่งบีบคั้นจนใจของต้นน้ำสั่นไหว

     “คบกันนะต้น เป็นแฟนกับแม็กซ์นะ”

     “แล้วแม็กซ์ไม่กลัวคนอื่นล้อเอารึไงว่าเป็นเกย์ แม็กซ์ทนได้เหรอ?”

     “แม็กซ์ไม่สน แม็กซ์รู้แต่ว่าแม็กซ์ต้องการต้น”

     แววตาจริงจังของแม็กซ์ทำให้ต้นน้ำจำต้องหลบสายตา

     “ขอโทษนะ แต่ว่าใกล้สอบวิชาหลักแล้วเราไม่อยากคิดเรื่องนั้นตอนนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มันรบกวนสมาธิเรา แม็กซ์เลิกพูดเรื่องนี้ซักพักได้มั้ย? พวกเรายังเด็กอยู่นะแม็กซ์ เรื่องสำคัญตอนนี้คือเรื่องเรียน ไหนจะยังเรื่องแอดมิชชั่นอีก เราไม่อยากคิดเรื่องพรรณนั้นตอนนี้ พวกเราเป็นแค่เพื่อนกันไปก่อนไม่ได้เหรอ? แม็กซ์เองก็ด้วย ครูปรัชญ์ฝากให้เราดูแลแม็กซ์ เราอยากให้เราสองคนติวหนังสือกันได้สะดวกใจกันทั้งสองฝ่าย ถ้าแม็กซ์ยังไล่ต้อนเราแบบนี้อีกเราอึดอัด เราคงวางตัวลำบากถ้าต้องอยู่ด้วยกัน”

     “โธ่ต้น...”

     “เราเลิกคุยเรื่องนี้แล้วเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ?”

     ต้นน้ำช้อนตาขึ้นมองแม็กซ์ สายตาของเขามีแต่ความกังวล แม็กซ์เห็นความกลัวแฝงอยู่ในนั้น เขายอมแพ้...

     “แล้วเมื่อไหร่ต้นถึงจะเปิดใจให้แม็กซ์ล่ะ?”

     “ขอเวลาให้เราซักพักนะ ถือว่าเราขอร้อง แต่ตอนนี้พวกเรารีบไปโรงเรียนเรียนกันก่อนเถอะ เราไม่อยากให้นายสายอีก“

     แม็กซ์มองรอยยิ้มกล้าๆ กลัวๆ กับมือที่ดึงชายเสื้อตนแล้วก็ใจอ่อน เขารู้ดีว่านี่คือวิธีบ่ายเบี่ยงของต้นน้ำ แต่เขาไม่อยากขัดใจคนที่ตัวเองรัก

     แม้จะไม่มีคำตอบจากแม็กซ์นอกจากแววตาตัดพ้อ แต่ว่าเขาก็หยิบกระเป๋านักเรียนของตนขึ้นมาและเดินนำต้นน้ำไปทางทิศที่โรงเรียนของทั้งสองตั้งอยู่ ต้นน้ำจึงแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก!

============================================


กรุณาอย่าบอกว่าสงสารแม็กซ์ นายคนนี้ถูกเขียนให้ติดสกิลพระเอก เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้!
เชื่อว่าอีตาแม็กซ์จะได้กองอวยเพียบจากฉากนี้  :hao7:

มีทั้งเย็นชา โกหกหน้าตาย พูดเองเจ็บเอง ออดอ้อน ตอแหล และล่อลวง นี่มันคุณสมบัติตัวเอกรึนี่! เคะแบบนี้คนอ่านจะปลื้มมั้ยนะ ฮ่าๆ

แต่ถ้าวิเคราะห์ตัวละครแล้วจะเห็นว่าต้นก็ไม่กล้าแตกหักกับแม็กซ์เหมือนกันนะ ชอบแม็กซ์พอสมควร ไม่อยากเสียแม็กซ์ไป แต่ความรู้สึกที่มีมันไม่ใช่แบบที่ต้นมีต่อพี่ชัช คนแต่งบอกแค่นี้เพราะที่เหลือเป็นปมของฮี ฮ่าๆ

นิสัยไม่ดีแบบนี้สมควรถูกลงโทษจริงๆ เล้ย  :katai2-1:
เป็นเคะไม่รักนวลสงวนตัวได้ไง อ่อยพระเอก วิ่งไปขอนอนกับพระรอง เหอๆ เพลียกับน้องต้นมั้ย ฮีลำไยเนอะ!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2014 17:40:24 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ยังรักกันอยู่มั้ย? อย่าเกลียดน้องต้นเลยนะ


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     'เรื่องทั้งหมดมันเริ่มต้นตรงไหนนะ?'

     ต้นน้ำคิดอย่างใจลอย

     'ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชายคนนั้น ชีวิตเราก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้!'

     ต้นน้ำกล่าวโทษโยนความผิดทุกอย่างไปให้ผู้ชายคนนั้น คนที่เขาเกลียด คนที่ทำให้เขาเกิดมาบนโลกใบนี้ คนที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันยุ่งขึ้น แม้แต่ในเวลาที่เขากำลังจะมีความสุข ผู้ชายคนนั้นก็ปรากฏตัวตามมาสร้างเรื่องยุ่งๆ ให้เขาอีกจนได้

     จริงอยู่ เรื่องทุกอย่างเขาเป็นคนลงมือกระทำเอง ไม่มีใครบังคับหรือขีดเส้นให้เขาเดิน การกระทำทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของเขาแต่เพียงผู้เดียว แต่ว่า... คนที่บังคับให้เขาต้องตัดสินใจแบบนี้ก็คือผู้ชายคนนั้น!

     แม้ต้นน้ำจะมีไม่พ่อ แต่เขาก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามประสาเด็กเงียบๆ ไม่เคยเกเร ตั้งใจเรียน พยายามเป็นลูกที่ดีเพื่อให้แม่ของตนภูมิใจ ตื่นเช้าไปโรงเรียน ตกเย็นรีบกลับบ้านทำการบ้านท่องหนังสือ ช่วยงานบ้านแล้วก็เข้านอน เป็นเช่นนี้เกือบทุกวันจนกระทั่งช่วงมัธยมศึกษาปีที่ห้า เพื่อนคนหนึ่งของเขาได้ชวนไปงานวันเกิด ไนน์บอกว่าเธอรู้สึกดีกับเขาเป็นพิเศษเพราะเขาช่วยเธอให้รอดพ้นจากข้อหาแย่งแฟนรุ่นพี่ เธออยากให้เขาไปด้วยเพราะอยากแนะนำให้ที่บ้านรู้จัก ต้นน้ำจึงขอมารดาไปงานวันเกิดเพื่อน แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะได้พบพ่อบังเกิดเกล้าที่นั่น!

     คุณต้นตระการรู้จักสนิทสนมกับครอบครัวของไนน์มาตั้งแต่รุ่นอากง จึงไม่แปลกที่งานเลี้ยงวันเกิดหลานสาวคนเล็กอายุครบสิบหกปีจะเต็มไปด้วยแขกเหรื่อรุ่นใหญ่ ในเมื่อบรรดาพี่ชายทั้งสามของเธอนั้นต่างก็ยังโสด(และรวย) งานเลี้ยงใหญ่โตโอ่อ่าของครอบครัวจึงเป็นเวทีให้พวกผู้ดีมีชาติตระกูลทั้งหลายพากันนำลูกสาวมาออกงานหวังได้ดองเครือญาติ แล้วยิ่งป้าสะใภ้ของเขาเองก็เป็นพี่สาวแท้ๆ ของคุณพ่อไนน์ ทั้งสองครอบครัวจึงสนิทกันเป็นพิเศษ

     คุณป้าท่านพึ่งเสียสามีและลูกชายไปในอุบัติเหตุจึงยังรู้สึกโศกเศร้าไม่คลาย คุณปู่ของเขาเช่นกัน ท่านต้องเสียทั้งลูกชายคนโตและหลานชายคนเดียวไปพร้อมๆ กัน คุณปู่ของเขาจึงได้เดินทางมางานวันเกิดหลานของเพื่อนซี้พร้อมกันกับลูกสะใภ้ทั้งๆ ที่ท่านเองก็สุขภาพไม่แข็งแรง และก็ได้บังคับให้คุณพ่อของเขาควงภรรยาและลูกสาวคนเดียวมาเปิดตัวพร้อมกัน เนื่องด้วยพี่ษา หรือนางสาววริษา รัตนมงคลไชย พี่สาวคนละแม่ของเขาคือผู้ที่คุณปู่วางตัวอยากให้รับช่วงดูแลกิจการทั้งหมดของครอบครัว เพราะมีแกะดำในตระกูลที่ไม่เอาถ่าน ไม่ยอมทำการทำงานดีแต่ผลาญสมบัติไปวันๆ เช่น คุณลุงรอง พี่ชายคนที่สองของคุณพ่อ จนถูกคุณปู่ขู่จะตัดหางปล่อยวัด ส่วนคุณป้าสะใภ้ของเขานั้นก็เรียกได้ว่าเป็นแม่หม้ายสามีตายไร้บุตรธิดาอยู่ดูแลพ่อสามีไปวันๆ

     ในงานนั้นต้นน้ำยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนจากโรงเรียน คุยกันเรื่อยเปื่อยรับประทานอาหารและขนมกันอย่างสนุกสนาน ไม่ได้สนใจงานเลี้ยงใส่หน้ากากของพวกผู้ใหญ่ เขาไม่ได้ใส่ใจใครเลยจนกระทั่งถึงเวลาที่เด็กๆ ควรแยกย้ายกันกลับบ้าน คุณแม่ของเขาเป็นห่วงจึงบอกว่าจะมารับ แต่เพราะความที่เขาต้องอยู่รอจนเหลือเป็นคนสุดท้ายในขณะที่คนอื่นๆ กลับกันไปหมดแล้ว ต้นน้ำจึงได้นั่งคุยกับไนน์และพี่ชายจนดึก เป็นจุดเด่นให้แขกคนอื่นๆ พากันให้ความสนใจ

     และที่นั่นเองที่แม่ของเขาได้พบกับผู้ชายคนนั้นพร้อมกันทั้งครอบครัว เมื่อแม่ของเขาก้าวเข้ามาในงาน ความสวยสง่าในชุดแอร์โฮสเตสต่างดึงดูดความสนใจจากผู้คนรวมทั้งผู้ชายคนนั้น! แม่ของเขาตกใจมากและพยายามเร่งให้เขาบอกลาทุกคนเพื่อกลับบ้าน แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ต้นน้ำก็เชื่อฟังมารดา เขาบอกลาไนน์และเดินตามผู้เป็นแม่ออกมาจากงานทันที สองแม่ลูกพากันเดินอย่างรวดเร็วจนเกือบจะเป็นวิ่งเพื่อหนีจากสายตาของคนกลุ่มนั้น เรื่องมันไม่ควรจะมีอะไรตามมาเพราะผู้ชายคนนั้นไม่ใยดีอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย

     'เขาไม่ได้ต้องการเรามาตั้งแต่แรกแท้ๆ เผลอๆ จากสีหน้าเยียดหยามอาจจะคิดไปว่าเราเป็นลูกของแม่กับผู้ชายคนอื่นก็ได้'

     แต่ทว่าเรื่องมันก็เกิดขึ้นจนได้เมื่อคนที่ติดใจสงสัยคือคุณปู่ของเขาเอง ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสืบว่าต้นน้ำเป็นใครมาจากไหน เนื่องจากเด็กมัธยมที่มาในงานนั้นมีน้อยแทบนับคนได้หากเทียบกับบรรดาแขกเหรื่อไฮโซ โดยเฉพาะเมื่อเขาเป็นเพื่อนสนิทกับไนน์เจ้าของวันเกิดนั่นเอง!

     และเพราะเหตุนั้น หัวหน้าตระกูลรัตนมงคลไชยจึงสั่งให้ลูกชายคนเล็กจัดการเรื่องรับตัวเขาไปเป็นคนของรัตนมงคลไชยให้จงได้! อีกทั้งคุณปู่ยังดูดีอกดีใจที่เห็นไนน์สนิทชิดเชื้อกับเขาราวกับต้องการเห็นหลานสองคนเกี่ยวดองกันตามรุ่นลูก

     แต่เขาไม่ใช่รัตนมงคลไชย! เขาคือนายต้นน้ำ พิสุทธิจักร ลูกของแม่สายธาร พิสุทธิจักร! และเพราะแบบนั้น เขาจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อตอกกลับคนพวกนั้น! แม้เขาจะไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ในตระกูลจะคิดยังไงกับเขา แต่เขาต้องการให้ผู้ชายคนนั้นรู้ว่า เขาจะไม่มีวันเป็น ไม่มีวันยอมรับ และไม่มีวันถ่ายทอดสายเลือดของตระกูลไปให้ใครอีกเด็ดขาด! และแล้วแผนการณ์ทุกอย่างก็เริ่มขึ้น

     'ไม่สิจริงๆ แล้ว เราแค่อยากจะทำอะไรก็ได้ให้ถูกเกลียด ให้คนพวกนั้นรังเกียจจนเลิกมายุ่งกับชีวิตเราต่างหาก'

     เรื่องราวทุกอย่างมันช่างประจวบเหมาะเหลือเกิน ก่อนหน้านั้นไม่กี่เดือน ในวันเข้าค่าย ต้นน้ำบังเอิญไปรู้ความลับของแม็กซ์กับเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งที่เป็นตุ๊ด แม็กซ์เป็นพวกเสเพล คงอยากรู้อยากลอง เรียกได้ว่าความพลุ่งพล่านมันไม่เข้าใครออกใคร

     คนทั้งสองตกใจมาก แม็กซ์ถึงขั้นข่มขู่เขาเสียด้วยซ้ำ แต่ท่าทีวางเฉยประหนึ่งไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์อะไรทั้งสิ้นของต้นน้ำก็ทำให้แม็กซ์เบาใจ เขาเลิกระแวงต้นน้ำแต่ยังไม่ไว้ใจเต็มร้อยจึงมาพูดคุยกับต้นน้ำตัวต่อตัว แต่ทว่าคำตอบที่ต้นน้ำมีให้คือ “มันไม่ใช่เรื่องของเรา เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องของนาย”

     เพียงเท่านั้นเองที่ทำให้แม็กซ์ไม่ทำอะไรเขา เจ้าตัวลดละเลิกการกลั่นแกล้งและคอยปรามเพื่อนให้ เพราะผลการเรียนห่วยๆ ของแม็กซ์นั่นแหละเป็นสาเหตุให้อาจารย์ที่ปรึกษาย้ำเขาให้คอยช่วยแม็กซ์ และเมื่อได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากๆ แม็กซ์ก็เริ่มเปิดใจให้เขาทำดีกับเขามากขึ้น แผนการทั้งหมดจึงเริ่มขึ้น...

     แต่เดิมต้นน้ำตั้งใจแค่อยากเกาะกลุ่มกับอีกฝ่าย เขาคิดว่าแม็กซ์จะเป็นคนกันไนน์ให้ห่างเขาออกไป เพราะต้นน้ำรู้ดีว่ามีเพื่อนในกลุ่มของแม็กซ์คนหนึ่งที่แอบชอบไนน์อยู่ เขาคิดว่าแม็กซ์ต้องช่วยเพื่อนแน่นอน โดยการดึงเขาให้ห่างออกมา แต่ทว่า... เหมือนเสือกับแมวปะฉะดะกันแท้ๆ ยิ่งไนน์พยายามทำตัวสนิทสนมกับเขา พยายามโน้มน้าวให้เขาใจอ่อนยอมรับบิดามากเท่าไหร่ คนที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอย่างแม็กซ์ก็ยิ่งรำคาญ และเอาเรื่องกับไนน์มากขึ้นเท่านั้น

     ต้นน้ำไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่เขารู้สึกได้ว่ายิ่งพอไนน์รู้ว่าเขาเป็นหลานอากง ไนน์ก็ยิ่งพยายามทำตัวสนิทสนมกับเขาแบบคนที่มีความเกี่ยวข้องกันมากขึ้น ทำให้คนอื่นๆ ในห้องสงสัยพากันนินทาพฤติกรรมของไนน์ แต่ก็เป็นเขาอีกนั่นแหละ ที่ขอร้องให้ไนน์ปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ให้เพื่อนๆ ของเขารู้แค่ว่าเขาไม่มีพ่อก็พอ เขาไม่อยากมีเรื่องอะไรให้คนอื่นมาสนใจโดยเฉพาะเรื่องละเอียดอ่อนอย่างเรื่องครอบครัว

     'คนอื่นจะมองแม่แบบไหน เราไม่อยากให้แม่ถูกพูดจาไม่ดีใส่...'

     เมื่อไนน์ทำตัวสนิทสนมกับเขามากขึ้นทางฝั่งผู้ใหญ่ก็ยิ่งดีใจ นายต้นตระการพยายามคุยกับเขาเรื่องรับเขาเป็นบุตรบุญธรรมบ่อยขึ้นจนน่ารำคาญ แรกๆ คุณแม่เขาก็กีดกัน แต่ต่อมาก็บอกว่าให้เขาตัดสินใจเอาเอง “แม่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นอีก ให้ลูกเป็นคนตัดสินใจ”

     และเหมือนโชคชะตาเล่นตลก เขาบังเอิญได้พบกับผู้ชายคนนั้นโดยการจัดฉากของไนน์ที่หวังจะให้พ่อลูกได้พบกันโดยมีแขกไม่ได้รับเชิญอย่างแม็กซ์เข้ามาเอี่ยวถูกลากเข้าไปเกี่ยวด้วยเต็มๆ ท่าทีดูถูกเหยียดหยามที่คุณต้นตระการมีต่อนักเรียนเกเรแบบแม็กซ์สะใจเขาที่สุด เมื่อเขารู้ว่าพ่อของเขารังเกียจคนที่มีบุคคลิคแบบใดเขาจึงคิดแผนนี้ขึ้น แผนการณ์ที่จะรวมเอาสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นเกลียดทุกๆ อย่างมาใส่ไว้ในตัวเขาให้มากที่สุด!

     เขาตัดสินใจใช้แม็กซ์เป็นเครื่องมือ ถ้าผู้ชายคนนั้นได้รู้ว่าลูกชายของตัวเองที่เกิดกับผู้หญิงที่ตนรังเกียจนั้นเป็นเกย์แถมยังคบอยู่กับเด็กเกเรแบบแม็กซ์ ผู้ชายคนนั้นจะต้องรู้สึกอับอายขายหน้าจนไม่อยากมาข้องแวะกับเขาอีกแน่ๆ เขาคิดว่าคนที่ห่วงชื่อเสียงแบบผู้ชายคนนั้นคงไม่มีทางอยากได้แกะดำครึ่งๆ กลางๆ แบบเขาไปใช้นามสกุล ต้นน้ำจึงเริ่มเดินหมากทั้งหมดเพื่อหลอกล่อให้แม็กซ์เดินตามเกมของตนเอง

     เขาคิดว่าเพลย์บอยแบบแม็กซ์คงไม่ถือสาเรื่องประสบการณ์ทางเพศแปลกใหม่ เขานึกว่าคนแบบแม็กซ์จะเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ทางกายที่ไม่ต้องการการผูกมัด ดังนั้นตอนช่วงใกล้สอบที่คะแนนเก็บของแม็กซ์ไม่ค่อยดีและรายงานที่กำลังทำอยู่ก็ยังไม่เสร็จ ความหวังสุดท้ายที่จะยื้อคะแนนเก็บจึงดูเลือนราง แม็กซ์จึงขอร้องให้เขาช่วย ต้นน้ำจึงได้ไปค้างที่ห้องของแม็กซ์เป็นครั้งแรก

     ต้นน้ำสังเกตว่าแม็กซ์ลอบมองเขาตลอดเวลา และเมื่อทำรายงานเสร็จแม็กซ์ลองหยั่งเชิงเขาด้วยการชวนดูหนังโป๊ แต่เขาปฏิเสธ อ้างว่าอยากรีบนอนเพราะกลัวตื่นไม่ทัน เกรงว่าถ้านอนไม่พอแล้วจะเรียนไม่รู้เรื่อง ทางแม็กซ์เองก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่... แม็กซ์ชวนเขาไปค้างที่ห้องบ่อยขึ้น ทั้งให้ไปช่วยทำรายงานสอนการบ้านติวหนังสือ แม้แต่ชวนไปเล่นเกม และบางครั้งแม็กซ์จะชวนเขาดูหนังโป๊ บางทีก็คุยเรื่องใต้สะดือให้ฟัง แน่นอนว่าเขาปฏิเสธทุกครั้ง เขาบอกแม็กซ์ว่าไม่อยากคุยเรื่องทำนองนั้น แสดงท่าทีให้แม็กซ์คิดว่าเขาไม่ประสีประสาและเขินอายต่อเรื่องทางเพศ เขาแกล้งถอยทิ้งระยะห่างเพื่อให้แม็กซ์ติดกับ...

     จนกระทั่งวันหนึ่ง แม็กซ์ถามเขาตรงๆ ว่าเคยช่วยตัวเองรึเปล่า? เขาจึงตอบไปตามความจริงว่าไม่เคยเพราะเขาพยายามไม่คิดถึงเรื่องแบบนั้น และ... เขาไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน เขาแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจให้แม็กซ์ว่าบางทีเขาอาจจะชอบผู้ชาย แม้ตอนแรกแม็กซ์จะอึ้ง แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจเขา และ... เขารู้สึกได้ถึงไฟปราถนาแห่งความอยากรู้อยากลองที่ปรากฏอยู่ในดวงตาของแม็กซ์!

     ในที่สุดโอกาสเหมาะที่เขาจะทอดสะพานให้แม็กซ์ก็มาถึง วันหนึ่งที่โรงเรียนมีตุ๊ดคนหนึ่งเดินสวนกับเขาและแม็กซ์ ตุ๊ดคนนั้นจิกตามองเขาแล้วพูดล้อเลียนขึ้นว่าแม็กซ์คงติดใจผู้ชายแต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่คนที่เคยแย่งปรนนิบัติให้แม็กซ์ กลายเป็นว่าแม็กซ์ดันไปติดใจตาอยู่แบบเขาแทน และได้ด่าเขาเสียๆ หายๆ ว่าไม่นึกว่าคนเงียบๆ แบบเขาที่จริงแล้วแรดเงียบ บริการแม็กซ์ได้ถึงอกถึงใจจนแม็กซ์ไม่ไปเสเพลกับใครอีก

     เหตุการณ์นี้ทำให้แม็กซ์โกรธมากจนมีเรื่องกับตุ๊ดคนนั้น แม็กซ์โมโหตุ๊ดปากพล่อยที่กุเรื่องไม่จริงขึ้นมาพูด สร้างข่าวให้ตัวเองกับเขาต้องเสียหาย เขาเลยแกล้งหยั่งเชิงแม็กซ์อีกครั้ง และ... แม็กซ์ติดกับ! เพราะแม็กซ์มีท่าทียินดีพูดแบบทีเล่นทีจริงชวนเขาลองพิสูจน์กับผู้ชายด้วยกัน

     แต่มันกลับไม่ง่ายเลย แม้แม็กซ์จะเคยมีอะไรกับผู้หญิงมามากแต่ร่างกายของผู้ชายนั้นแตกต่างออกไป แม็กซ์ไม่รู้วิธีปลุกเร้าอารมณ์เขาและเขาก็ไม่ประสีประสา การร่วมเพศกับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเป็นเรื่องสุดจะทนเกินกว่าเขาจะฝืนใจทำ เขาไม่อยากเสียจูบแรกไปกับการจูบคนที่เขาไม่ได้รัก แถมยังเป็นการทำไปเพื่อประชด เขาไม่อยากมีความทรงจำของจูบแรกโง่ๆ แบบนั้น!

     ต้นน้ำไม่รู้วิธีผ่อนคลายตัวเองมาก่อนร่างกายของเขาจึงไม่พร้อม แม็กซ์พยายามใช้กำลังถาโถมเข้ามาในตัวเขาแต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เขาเจ็บปวดราวกับร่างกายฉีกขาด เขากลัว เขาอยากกลับบ้าน เขาอยากเลิกกลางคัน เขาไม่พร้อมจะจ่ายค่าตอบแทนการเป็นเกย์ด้วยการถูกผู้ชายที่ไม่ได้รักชี้นำ และเขาไม่ได้ต้องการแม็กซ์!

     ต้นน้ำขอร้องให้แม็กซ์หยุด แม้แม็กซ์จะดูเจ้าอารมณ์และเร่งเร้าเอากับเขาในตอนแรกแต่เพราะเสียงร้องไห้ของเขาที่กรีดร้องขึ้นทำให้แม็กซ์ได้สติ แม็กซ์ยอมหยุดให้เขากลางคัน หาทิชชู่มาทำความสะอาดให้เขา หยิบเสื้อผ้ามาให้เขาใส่ และยอมปล่อยให้เขาสงบสติอารมณ์ทบทวนตัวเอง พอเขามีสติเขาจึงขอตัวกลับบ้าน จนได้พบกับชัยชัชในเวลาต่อมา

     ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดฉายชัดอยู่ในความทรงจำ ถึงเขาจะไม่ได้รักแม็กซ์ แต่แม็กซ์ก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา ชีวิตเรียบๆ ขาดสีสันมีแม็กซ์เป็นคนแต่งแต้มเรื่องราวต่างๆ ลงไป แต่เมื่อเขามีชัยชัชแล้ว แม็กซ์ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ต้นน้ำเชื่อว่าชัยชัชจะปกป้องคุ้มครองและแก้ปัญหาทุกอย่างให้เขาได้ เขาไม่จำเป็นต้องหลอกลวงใช้แม็กซ์เป็นเครื่องมืออีก แต่เขาถอยกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว แม็กซ์คิดกับเขามากกว่าเดิม

     แม้เขาจะรักชัยชัชมาก แต่เขากลับไปแก้ไขเรื่องในอดีตไม่ได้ เขากลัวชัยชัชจะรังเกียจเขา เขาไม่อยากให้หน้ากากของตนถูกถอด เขาอยากเป็นเด็กดีในสายตาของพี่ชัชสุดที่รัก เขาไม่ต้องการสูญเสียความอบอุ่นนั้น! และเขาก็ชอบแม็กซ์ ไม่อยากสูญเสียเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่มี แต่เขากลัวว่าแม็กซ์จะทำให้ความรักของเขากับชัยชัชต้องมีอุปสรรค เพราะแม็กซ์ไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่ๆ ต้นน้ำรู้จักนิสัยแม็กซ์ดี เขาควรจะทำเช่นไรดี? เขามองไม่เห็นทางออกของปัญหานี้จริงๆ 

============================================

     “มึงมีไรจะคุยกับกูวะ? โทรมาป่านนี้”

     “กูมีเรื่องจะปรึกษา ออกมาเจอกูหน่อย”

     “มึงคุยทางโทรศัพท์ไม่ได้เหรอวะ กูขี้เกียจไป”

     “เรื่องนี้สำคัญกับกูมากจริงๆ กูไม่รู้จะไปปรึกษาใครดี มึงเป็นเพื่อนที่กูสนิทที่สุด แต่กูกลัวว่าถ้าพูดไปแล้วมึงจะวางสายกู”

     “เรื่องเหี้ยไรวะแม็กซ์ ทำหยั่งกะมึงไปฆ่าใครตาย เฮ้ย! หรือว่ามึงทำผู้หญิงท้อง ฮ่าๆ”

     “เฮ่ยกูไม่ขำนะเว่ยกาย! ซีเรียสนะมึง”

     “ไรวะ แค่นี้ก็ต้องกริ้ว เรื่องห่าไรของมึง สำคัญขนาดนั้นเลย?”

     “เออ สำคัญกับกูมาก แต่ถ้าพูดไปแล้วมึงห้ามวางสายกูนะ อย่ารังเกียจกูจนเลิกเป็นเพื่อนกับกูด้วยนะมึง”

     “เหี้ย! จะดราม่าอีกนานมั้ย เป็นบ้าไรของมึง มีไรก็พูดๆ มาเหอะ กูฟังอยู่”

     “กูชอบคนๆ นึง แต่กูไม่รู้จะทำยังไงดี”

     “โห ไอ้เหี้ย! แค่เรื่องหัวใจขี้ปะติ๋ว สัส เกริ่นซะกูลุ้น! ชอบก็จีบเขาไปดิวะ หน้าอย่างมึงอ่ะ หยอดสองสามทีก็พาหญิงไปห้องได้แล้ว แม่มกูนึกว่าเรื่องอะไร”

     “กูพาเค้ามาห้องกูแล้ว แต่กูทำเค้าไม่ลง เค้าบอกเจ็บ กูเลยหยุด”

     “แล้วไง มึงจะมาขอคำแนะนำอะไรจากคนไม่เคยฟันหญิงแบบกูวะ จะเอาแผ่นกูไปศึกษาเหรอ ได้ฟันแล้วก็โอเคละนี่หว่าจะปรึกษาไรอีก”

     “ศึกษาพ่องมึงดิ! กูจะปรึกษามึงว่าจะจีบเค้ายังไงดี คนนี้กูจริงจังว่ะ ไม่ได้กะฟันเฉยๆ”

     “ทำไมวะ มึงกับเขาไม่ได้ปิ๊งกันก่อนเอาเหรอไง?”

     “เออ เขาแค่อยากลองเฉยๆ เลยชวนกู แต่มันไม่ราบรื่นว่ะ ละพอกูพยายามตื้อเขาก็ปฏิเสธกู แถมยังทำตัวห่างๆ กูไปอีก”

     “แล้วไงอีก”

     “กูอยากลุยจีบเขา แต่กูไม่กล้าว่ะ”

     “ไมวะ?”

     “กูกลัวโดนเขาเกลียด ท่าทางเขาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องระหว่างเรา กูก็เลยไม่กล้าบอกพวกมึง”

     “เค้ากลัวโดนผู้หญิงของมึงดักตบเอามั้ง ที่มึงเคยๆ มามีแต่พวกแรดๆ ทั้งนั้น ไม่ก็กลัวเป็นข่าวกับมึง ภาพลักษณ์มึงดีชิบหาย เป็นแฟนกับมึงก็เท่ากับประกาศให้คนทั้งโรงเรียนรู้ว่าโดนมึงเอาแล้ว”

     “มันไม่ใช่อ่ะดิ พูดยากว่ะกาย แม้แต่ตัวกูเองยังไม่กล้าบอกใครเลยว่ากูชอบเค้า”

     “ไอ้เหี้ย! สาวคนไหนของมึงวะ? เรื่องมากชะมัด กล้าขอนอนกับมึงแต่ไม่ยอมให้มึงจีบเนี่ยนะ กูฟังแล้วงงว่ะ คนในโรงเรียนป่ะ”

     “เออ”

     “มึงก็เดินหน้าจีบเค้าไปดิ มึงกับเขาถึงขั้นนั้นกันแล้วนี่ ถ้าเขาไม่ชอบมึงคงไม่มาให้ท่ามึงหรอก แต่มึงจีบแบบไม่ต้องแสดงออกว่ามึงกับเขาได้กันแล้วก็ได้ จะได้ดูเหมือนมึงให้เกียรติเค้าไง มึงก็จีบแบบเทคแคร์อ่ะ เค้าจะได้เห็นว่ามึงจริงจังกับเค้าจริงๆ ดีป่ะ?”

     “กูลองแล้ว กูพยายามทำทุกอย่างแล้วนะมึง กูไม่เคยเทคแคร์ใครขนาดนั้นมาก่อนเลย แถมกูสารภาพรักกับเค้าไปแล้ว แต่เค้าไม่รับรักกู กูเลยไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เลยโทรมาหามึงเนี่ย”

     “เหี้ย! กูถามจริงๆ เหอะ คราวนี้มึงไปชอบใครเข้าวะ โคตรเล่นตัวเลย เรื่องมากชิบ”

     “ถ้ากูบอกมึงแล้วมึงห้ามเกลียดกูนะ อย่าเลิกเป็นเพื่อนกับกูนะเว้ย!”

     “ไอ้เหี้ย! ตกลงมึงจะบอกไม่บอกวะ มึงไม่บอกแล้วกูจะช่วยมึงได้ยังไง”

     “กู กูชอบต้นว่ะกาย”

     “...........”

     “ …. “

     “มึงล้อกูเล่นป่าวแม็กซ์”

     “กูไม่ได้ล้อเล่น กูชอบต้นจริงๆ สงสัยกูคงเป็นเกย์แล้วว่ะ”

     “มึง… มันเกิดไรขึ้นวะ”

============================================


แต่อนุญาตให้หมั่นไส้ฮีได้!
ชั่วร้ายจริงๆ สาบานนะว่าน้องต้นเป็นตัวเอก นี่มันตัวร้ายชัดๆ ตลบแตลง แหลสารพัด หลอกแม็กซ์ แอ๊บต่อหน้าพี่ชัช โอ้ว... สาบานนะว่าเธอเป็นนายเอก!
มาถึงขั้นนี้คงไม่ต้องถามแล้วว่าชื่อเรื่องเป็นมายังไง ฮ่าๆ น้องต้นเป็นดราม่าตัวแม่เนอะ แต่คงไม่ต้องถามแล้วว่าใครคือคนโง่ พี่ชัชของเรานั่นเอง แต่ช้าก่อน เฮียแกยังจะโง่ได้เจ็บแสบกว่านี้อีก ฮ่าๆ
 :hao7:

ย้ำกันอีกครั้ง แม็กซ์ไม่ใช่พระเอก แต่เราไม่ว่าอะไรถ้าคนอ่านจะเทใจไปให้แม็กซ์ เพราะตัวละครตัวนี้เราเขียนเอาเท่เข้าว่า พระเอกนิยายวายพิมพ์นิยมเป็นยังไง เราโกยมายัดไว้ในตัวละครตัวนี้หมด หึ หึ

นิยายเรื่องนี้ตัวละครทุกตัวมีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเอง มีแนวต่างกันไปคนละแบบตามที่เราตั้งใจไว้
พี่ชัชเราจะเขียนให้ดูเป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนทำงานปกติทั่วไปคนนึง ซึ่งบังเอิญไปรักตุ๊ดเด็กผู้ชายคนนึง แต่ด้วยความเป็นมนุษย์ราศีเมษ ฮีจะไม่คิดมาก พวกแกะไฟฮีจะชัดเจนสุดๆ

น้องต้นก็จะมีปมเพียบ สับสนตัวเองนิดๆ โหยหาความอบอุ่นจากพ่อ เลยมองพี่ชัชเป็นตัวแทนของเพศชายที่เค้าวาดฝันไว้ อยากได้อยากมี ว๊อนท์นั่นแหละ
ส่วนกับแม็กซ์ก็จะแนวๆ อิจฉาริษยา เพราะแม็กซ์คือวัยรุ่นชายที่ป็อป แต่ตัวเองทำไม่ได้อย่างเค้า เพราะแตกต่างกันมาก ก็จะมองๆ แม็กซ์เป็นไอดอลทั้งชื่นชมและอิจฉาไปพร้อมๆ กัน
ซึ่งนิสัยแบบต้นมันจะไม่ใช่"ผู้ชาย"ตามนิยายวายทั่วๆ ไป แต่ก็ไม่ใช่เคะแนวหญิงจ๋าหรือออกมาเป็นสาวน้อยอะไรทำนองนั้นนะ เราตั้งใจเล่นกับปมให้มันมีที่มาที่ไปเป็นพิเศษ มันจะดูเรียลลำไยมากๆ อารมณ์แบบ คนทั้งโรงเรียนบอกฮีเป็นตุ๊ด แต่ฮีบอกฮีไม่ใช่ ฮีไม่อยากมีจิมิ๊ ไม่ได้ชอบแต่งหญิง ฮีบอกตัวเองว่าต้องแมน เพราะปมที่โดนล้อมาตั้งแต่เด็ก เก็บกดสุดๆ ทำนองนั้น (เรื่องในภาค2จะเน้นปมตรงนี้มากขึ้น)

คาแรคเตอร์หลักๆ ก็จะประมาณนี้แหละค่ะ ยังไงก็อย่าเกลียดน้องต้นเลยนะ  :sad2:
แบบ... หลังๆ ไม่มีคนเม้นเลย กลัวว่าคนอ่านจะอ่านแล้วรับไม่ได้จนพากันเลิกอ่านอ่ะ แหะๆ แต่เราก็ดีใจนะที่มียอดวิวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รักคนที่กดเข้ามาอ่านทุกคนน้า
 :c4:

มันเป็นเรื่องยากที่จะไม่ขู่คนอ่านว่า "บทหน้าน้องต้นร้ายกว่าเดิม ฮีจะอัพความแรงเพิ่มขึ้นอีกเยอะ"



---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ศัพท์ชวนดราม่าประจำวันนี้
อนึ่ง บางทีจะติดภาษาแปลกๆ เลยขอพื้นที่ไว้อธิบายสักนิด บางคำเราชอบติดมาจากคุณช่า-บันทึกของตุ๊ดอ่ะ

1.ลำไย
ลำไยก็จะใช้กับคนน่ารำคาญ แบบใช้เรียกอาการของคนที่เรื่องเยอะ หลายสิ่ง เวิ่นเว้อ รุงรัง บางกรณีก็อืดอาด ยืดยาด ชักช้า

2.จริตเวเน
ใช้กับเพศชาย เก้ง หรือตุ๊ดที่มีจริตจก้านเกินชาย เช่น แววตา งานนั่ง งานเดิน งานพูด งานจีบปากคอ งานตอแหลเกินบุรุษเพศ มักใช้กับบุคคลที่ปูพื้นฐานว่าตนนั้นแมน แต่พลาดหลุดจริตเวเนกลางที่สาธารณะ หรือ ใช้กับทุกเพศที่ดัดจริตเกินจริง
(เครดิต - คุณช่า ไม่อาจลงลิงค์ได้ เกรงใจเจ้สอง แต่คุณช่ามีเพจชื่อนี้แหละ)

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ขออภัยขอรับ หายไปเป็นเดือน  :hao5:  หนีไปปั่นภาค2มาง่ะ

"ดูดปาก ไม่ใช่ การจูบ" หมาป่ากล่าว

:mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:


เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 7 -
##### ความรักของเด็กเลี้ยงแกะ #####

     การสอบวิชาหลักจบลงแล้ว แต่การสอบปลายภาคก็ใกล้เข้ามา แม้ช่วงนี้ทั้งต้นน้ำและชัยชัชเริ่มหายหัวหมุน แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าทั้งสองจะมีเวลาให้กันมากมาย เพราะงานที่ยุ่งจนกลับบ้านกลับช่องไม่เป็นเวลา ทั้งๆ ที่ห่างกันเพียงผนังห้องกั้นแต่ก็ใช่ว่าชัยชัชจะได้เจอต้นน้ำบ่อยดังใจหวัง จะออดอ้อนมากไปก็เกรงใจแถมยังไม่สามารถสวีทหวานช่วงดึกเหมือนที่เคยทำกับสาวๆ คนอื่น เพราะคราวนี้แฟนสุดที่รักดันเป็นนักเรียนมัธยมปลายปีสุดท้ายที่กำลังวุ่นวายเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยสุดชีวิต เรียกได้ว่าเป็นช่วงรีดเค้นพลังใจวัดระดับความรักที่ชัยชัชมีต่อต้นน้ำอย่างที่ไม่เคยต้องทำมาก่อนในชีวิต

     ข้างฝ่ายต้นน้ำเองก็มีสิ่งที่ต้องฝ่าฟัน เขาต้องผจญกับการสอบตัดสินชะตาชีวิตนักเรียน ม.6 รอลุ้นผลการสอบเก็บคะแนนรายการต่างๆ เครียดกับการเรียนพิเศษต้องตระเวนติวจากหลากหลายสถาบัน แถมยังมีเรื่องความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงที่ตัวเองผูกปมไว้ ทำให้ต้นน้ำแทบไม่มีเวลาพบปะกับชัยชัช

     ทั้งๆ ที่เพิ่งเป็นแฟนกันแท้ๆ แต่กลับไม่มีช่วงโปรโมชั่นเริ่มรักเหมือนคู่รักคู่อื่นๆ สิ่งที่แตกต่างไปจากความสัมพันธ์พี่น้องข้างห้องแบบเดิมก็มีแค่ระดับความหวานที่ชัยชัชเติมลงไปไม่ยั้งจนน้ำตาลตกผลึก เนื่องจากต้นน้ำเป็นพวกไม่สนใจสังคมออนไลน์ส่วนชัยชัชเองก็งานยุ่ง ทั้งสองจึงทำได้แค่โทรหากันสั้นๆ หรือบางครั้งชัยชัชก็แวะมาหาที่ห้อง

     ต้นน้ำรู้สึกดีกับสิ่งที่ชัยชัชทำให้ ไม่เคยมีใครดีแบบนี้กับเขามาก่อน สิ่งดีๆ ที่ชัยชัชมีให้กันทำให้ต้นน้ำรู้สึกราวกับตัวเองเป็นคนพิเศษ การเทคแคร์แสดงความห่วงใยคอยดูแลเอาใจใส่ทั้งหลายทำให้เขาคิดว่าตนเป็นคนที่ชัยชัชให้ความสำคัญ ต้นน้ำหลงใหลได้ปลื้มไปกับความสัมพันธ์ที่ถูกชัยชัชปรนเปรอ

     'เราเป็นคนที่พี่ชัชเลือก ต่อไปนี้เราจะไม่ใช่คนไร้ค่าไม่มีความสำคัญสำหรับใครอีกต่อไป เราเป็นคนสำคัญของพี่ชัช เราไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว'

     เย็นวันหนึ่ง ต้นน้ำเปิดประตูต้อนรับแขกขาประจำ นอกจากข้าวฟ่างแล้วห้องของเขาแทบไม่มีใครเคยแวะมาหา เพิ่งจะมีชัยชัชที่พักหลังทำตัวเป็นแขกขาประจำแวะมาบ่อยๆ

     วันนั้นชัยชัชแวะมาหาเขาตอนเกือบๆ สามทุ่มได้ ชายหนุ่มดูโทรมจนน่าสงสาร เมื่อมาถึงชัยชัชก็เล่นบทคร่ำครวญมาออดอ้อนขอข้าวเย็นฝีมือสุดที่รักทาน มีหรือที่ต้นน้ำจะปฏิเสธ สุดยอดแม่ศรีเรือนอย่างเขาจึงรีบวางมือจากตำราสรุปสุดยอดเก็งข้อสอบสายวิทย์ เดินเข้าครัวทำอาหารง่ายๆ ให้คุณพ่อบ้านรับประทานทันที

     “เฮ้อ พี่ทนไม่ไหวแล้วว่ะต้น ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้กันแค่นี้แต่เราสองคนแทบไม่ได้เจอกันเลย”

     “ทีตอนที่พี่คบพี่ฟ่าง ผมก็เห็นพี่งานยุ่งแบบนี้ตลอดเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ ผมไม่เห็นพี่ชัชจะเดือดร้อนอะไร”

     'แหม ไอ้ต้นมันรู้ละเอียดดีจังเลยโว้ย... งี้กูจะแหลยังไงดีวะเนี่ย?'

     ชัยชัชแทบสะอึก ใครจะไปนึกว่าอยู่ๆ ต้นน้ำจะพูดถึงแฟนเก่าของเขา

     “ไอ้เรื่องนั้นพี่ก็รู้ พี่ถึงได้อยากแก้ตัวอยู่นี่ไง ถ้าต้นน้อยใจพี่อีกคนพี่คงหมดปัญญาว่ะ ต้นก็รู้พี่ง้อหญิงไม่เก่ง”

     ว่าแล้วก็ทำตาเชื่อมส่งสายตาน่าสงสารแบบลูกหมาตัวโตๆ ไปอ้อนขอความรักจากพ่อครัวเอกที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตาจนไม่ได้หันมาสบสายตาเขาเลยซักนิด!

     “ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกครับผมเข้าใจดี งานของพี่ชัชมันค่อนข้างลำบากช่วยไม่ได้จริงๆ แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ใช่สาวๆ ขี้งอนด้วยครับ พี่ชัชสบายใจได้”

     ต้นน้ำพูดโดยไม่หันมามองเพราะเขากำลังตักไข่ดาวทอดจนขอบกรอบสีเหลืองทองแต่ด้านในไข่แดงยังไม่สุกดีตามแบบที่ชัยชัชชอบโปะลงบนจานข้าวผัดกระเพรา

     “เราไม่โกรธพี่แน่นะ?”

     “ครับ ไม่มีเรื่องอะไรต้องโกรธนี่”

     ต้นน้ำว่าพลางเสริฟข้าวผัดกระเพราโปะไข่ดาวร้อนๆ ให้แฟนหนุ่มที่นั่งรออยู่ตรงโต๊ะอาหาร แล้วเดินไปหยิบน้ำเย็นมารินลงในแก้วที่ชัยชัชดื่มพร่องไป

     “เฮ้อ งั้นพี่ก็ค่อยสบายใจหน่อย”

     ชัยชัชรับอาหารมื้อดึกมาทานอย่างเอร็ดอร่อย แม้ว่าฟ่างจะทำกับข้าวเป็นและเคยบริการเขาอยู่บ้าง แต่ทุกครั้งก็จะให้อารมณ์เหมือนดินเนอร์มื้อพิเศษหรือเรียกง่ายๆ ว่า “มื้อที่แฟนคุณตั้งใจอวดฝีมือ” นั่นแหละ มันเลยออกจะให้ความรู้สึกที่ต้องตื่นเต้นดีใจหรือคอยชมกันเกินเหตุหน่อยๆ ต่อให้การเห็นเธอดีใจยามเขาชมว่าอร่อยจะทำให้เขามีความสุขก็ตาม แต่ถ้าต้องอยู่กันไปนานๆ เขากลับชอบบรรยากาศเรียบง่ายเวลาต้นน้ำคอยทำกับข้าวให้เขาทานในยามหิวมากกว่า เขาชอบบรรยากาศสบายๆ ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายแบบนี้ มันให้ความรู้สึกของการกลับบ้านแล้วได้พักผ่อนที่แท้จริง

     “ว่าแต่ต้นนี่ก็คบง่ายดีเนอะ ถ้าเป็นยัยฟ่างป่านนี้โวยวายพี่ไปแล้ว อาทิตย์นึงต้องมีพาไปเดทมั่งล่ะ ดูหนังบ้างล่ะ ดินเนอร์บ้าง ไอ้ตอนจีบกันแรกๆ พี่ก็พอไหวนะ แต่พักหลังๆ นี่แทนที่จะเข้าใจกันบ้างว่าที่พี่ยุ่งๆ นี่มันเพราะอะไร ดันหาว่าพี่เปลี่ยนไปทั้งๆ ที่ตัวเองบางทีก็ต้องพาหมอไปตีกลอฟ์เหมือนกันนั่นแหละ คนสายงานเดียวกันแท้ๆ น่าจะเข้าใจกันบ้าง”

     'สาบานได้จริงๆ นะว่าพี่ไม่ได้ตอแหล ตอนนั้นพี่ก็มุ่งมั่นทำงานเก็บตังค์แต่งเมียจริงจริ๊ง แต่ตอนนี้พี่ไม่ต้องเก็บตังค์หาค่าทำคลอดกะค่าเทอมให้ลูกแล้วนี่หว่า'

     ชัยชัชรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก พอรู้เรื่องทุกอย่างจากปากต้นน้ำแล้วเขาก็เลยไม่ต้องเก็กอะไรอีก สามารถพูดได้ทุกเรื่อง อย่างไรเสียต้นน้ำก็คงรู้ปัญหาจากแฟนเก่าเขามาบ้าง แม้ตอนแรกจะหวั่นใจว่าพูดเรื่องแฟนเก่าต่อหน้าแฟนใหม่มันจะดีหรือเปล่า? แต่เปล่าเลย ต้นน้ำดูใจกว้างและไม่แคร์เรื่องนั้นสักเท่าไหร่ แถมในบางครั้งยังเข้าข้างแฟนเก่าเขาอีก การที่แฟนใหม่วิจารณ์พฤติกรรมตัวเองโดยเอนเอียงไปทางเห็นด้วยและสนับสนุนความคิดของแฟนเก่านี่มันช่าง... ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมันแย่คูณสองจริงๆ แต่อีกนัยหนึ่ง ชัยชัชพอจะรู้แล้วว่าเหตุใดแฟนเก่าของเขาถึงชอบมาระบายให้เด็กคนนี้ฟัง ต้นน้ำจะรับฟังทุกเรื่องอย่างตั้งใจโดยไม่ขัดคอและจบด้วยคำปลอบโยนอีกต่างหาก ทำให้รู้สึกว่าคนๆ นี้พร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป

     “ก็พี่ฟ่างเป็นผู้หญิงนี่ครับ แถมเพราะอยู่สายงานเดียวกันถึงได้ข่าวกันเยอะ ข่าวที่ว่าพี่ชัชไปก้อร่อก้อติกกับเซลล์สาวๆ คนอื่น แล้วไหนจะข่าวพี่ชัชพาหมอไปลงอ่างอีก”

     ต้นน้ำเดินถือแอปเปิ้ลและมีดปอกผลไม้กับจานเล็กๆ ตรงมาทางเขา เด็กหนุ่มนั่งลงฝั่งตรงกันข้ามและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เสียจนชัยชัชแอบเหวอนิดๆ ทั้งตกใจกับข้อมูลเชิงลึกของแฟนเก่าไม่แน่ใจในท่าทีสงบนิ่งของแฟนใหม่

     “มันก็... นิดหน่อยน่า งานน่ะต้น”

     “ครับ”

     ต้นน้ำสบตาแฟนของตนก่อนจะพูดต่อแบบไม่จริงจังพลางปอกแอปเปิ้ลวางลงในจานให้เป็นผลไม้ล้างปาก

     “ยังไงพี่ฟ่างก็เป็นผู้หญิง ถึงพี่ฟ่างจะเข้าใจงานของพี่ชัช แต่พี่ฟ่างก็คงอยากให้พี่ชัชแสดงให้เธอมั่นใจละมั้งครับว่าพี่ชัชยังรักเธอที่สุด อยากให้พี่ชัชเอาใจเธอเพื่อที่เธอจะได้แน่ใจว่าใจของพี่ชัชยังไม่เปลี่ยนแปลง”

     คำพูดเรียบง่ายที่ชัยชัชเคยได้ยินคำถามซ้ำๆ จากอดีตผู้หญิงที่เขาเคยรักปักเข้าตรงกลางใจเขาอย่างจัง!

     “แล้วถ้าพี่ต้องทำแบบนั้นล่ะ ต้นจะโกรธพี่มั้ย?”

     ชัยชัชล่ะหวั่นใจจริงๆ เพราะต้นน้ำเป็นคนที่เขาเดาใจไม่ถูก เขาจ้องมองดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นของคนรักที่ชะงักการปอกผลไม้ในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา

     'อย่าเอามีดมาแทงพี่นะเว้ยต้น!'

     “ไม่หรอกครับ แค่ที่พี่ชัชบอกว่ารักผมแค่นั้นผมก็ดีใจมากแล้วล่ะครับ ผมไม่กล้าเรียกร้องอะไรมากมายจากพี่หรอก ขอแค่ให้ได้อยู่ข้างๆ พี่ชัชตลอดไป ขอแค่พี่ไม่รังเกียจผมแค่นั้นผมก็พอใจแล้วล่ะครับ”

     เป็นความจริงที่กลั่นออกมาจากหัวใจอันบริสุทธิ์ของต้นน้ำ ชัยชัชรู้ดีถึงความหมายที่แฝงอยู่ในนั้น เขาเคยหลุดปากเล่าความฝันของเขาให้เด็กหนุ่มฟัง อนาคตที่เขาเคยวาดฝันไว้ บ้านหลังเล็กๆ แถบชานเมือง ครอบครัวที่อบอุ่น มีภรรยาแสนสวย มีลูกสาวน่ารักๆ เลี้ยงหมาตัวโตๆ อนาคตที่เขาเคยพยายามไขว่คว้าแต่ทุกอย่างดันพังทลาย ถึงจะพบรักครั้งใหม่มีต้นน้ำมาช่วยรักษาแผลใจให้ แต่แฟนคนนี้ก็ช่วยสานฝันของเขาให้เป็นจริงไม่ได้ ต้นน้ำคลอดลูกให้เขาไม่ได้ จดทะเบียนกับเขาก็ไม่ได้ ทำได้เพียงแค่อยู่เคียงข้างกันและกันไปเรื่อยๆ เขารู้สึกสงสารคนรักที่กดฐานะตัวเองเสียต่ำต้อย เขาอยากบอกเหลือเกินว่าเขารักต้นน้ำมากแค่ไหน

     มือที่หยุดตักอาหารเข้าปากของชัยชัชเอื้อมมาเกาะกุมมือของต้นน้ำไว้หลวมๆ พลางลูบเบาๆ สายตาของชายหนุ่มทำให้ต้นน้ำตัวลอย เขารู้สึกได้ถึงหมอกสีชมพูที่เกิดจากสายตาเคลือบน้ำตาลของชัยชัช

     “พี่ชัช? อาหารไม่อร่อยเหรอครับ?”

     “เปล่า... แต่พี่อยากกินอย่างอื่นมากกว่าว่ะ”

     “ล้อผมเล่นอีกแล้วนะครับ”

     “หน่านะ จูบหน่อยเดียวเอง”

     “ไม่เอาอ่ะ ผมไม่ชอบกระเพรา”

     “งั้นก็ป้อนแอปเปิ้ลพี่ก่อนดิ จะได้เป็นรสแอปเปิ้ล”

     “พี่ชัชก็! ไม่เอาแล้วรีบๆ ทานเลยครับ ทานเสร็จแล้วผมจะได้เก็บจานไปล้าง ดึกแล้ว ผมยังมีเรื่องต้องทำอีกตั้งเยอะ พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปเรียนแต่เช้าด้วยนะครับ”

     “ไม่เอาอ่ะ ถ้าพี่ไม่ได้จูบต้นเดี๋ยวนี้ พี่ไม่กินต่อด้วย”

     “เสียของนะครับ ผมอุตส่าทำให้”

     “จูบพี่ก่อน”

     ว่าแล้วชัยชัชก็ทำท่าหลับตาพริ้มเท้าคางลอยหน้าลอยตารอรับจูจุ๊บจากต้นน้ำ

     แม้ต้นน้ำจะเขินแต่ก็ขำมากกว่ากับลีลาอ้อนรักของชายหนุ่มตัวโตอายุสามสิบกว่าแล้วแต่ยังทำตัวเป็นเด็กคนนี้

     “ก็ได้ แค่ทีเดียวนะครับ”

     ต้นน้ำเอ่ยเสียงสั่นเพราะความประหม่า

     “ที่ปากนะต้น ไม่เอาแก้ม”

     “เกินไปแล้วนะครับพี่ชัช ได้คืบจะเอาศอก”

     ถึงแม้จะหลับตาแต่เสียงที่ได้ยินก็ทำให้ชัยชัชจินตนาการได้ไม่ยากว่าต้นน้ำต้องกำลังหน้าแดงแน่ๆ แฟนเขาช่างขี้อาย

     “ซักนิ้วพี่ก็ยังไม่เคยรุกคืบเลยต้นเอ้ย เร็วๆ พี่หิวข้าวอยากกินต่อแล้วเนี่ย”

     เพราะแบบนี้ ต้นน้ำเลยจำใจต้องเดินอ้อมโต๊ะไปใกล้ๆ ชัยชัชเพื่อก้มลงแตะริมฝีปากของตนเข้ากับริมฝีปากของอีกฝ่าย แต่จังหวะที่ต้นน้ำกำลังก้มชัยชัชกลับดึงให้เขาเสียหลักล้มลงบังคับให้เขาต้องนั่งตักอย่างช่วยไม่ได้ แถมยังใช้แขนโอบกอดเขาไว้แล้วส่งมือมาประคองหน้าของเขาให้เงยขึ้นเพื่อรับสัมผัสจากชายหนุ่มแทน

     ใช่ว่าหลังจากที่ตกลงปลงใจคบกันต้นน้ำไม่เคยถูกชัยชัชลวนลามหรือจูบ นับตั้งแต่กลับมาจากโรงแรมที่หัวหินมันก็มีบ้างที่เขาถูกแฟนหนุ่มแต๊ะอั๋ง เพียงแต่ที่ผ่านมาต้นน้ำมักจะเอาตัวรอดไปได้ทุกครั้ง ยอมให้ชัยชัชสัมผัสเพียงริมฝีปาก หรือไม่ก็ขโมยหอมแก้มกันนิดๆ หน่อยๆ โอบกอดเล็กน้อยพอให้ชุ่มชื่นหัวใจ แต่ทว่าคราวนี้เขารู้สึกถึงสัมผัสที่มากกว่านั้น เขารู้สึกได้ถึงรสเผ็ดร้อนหอมฉุนของกระเพราที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งปาก!

     ต้นน้ำถูกดันให้แหงนคอขึ้นจึงต้องเผยอปากโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้ลิ้นของชัยชัชได้โอกาสรุกล้ำเข้ามาในปากของต้นน้ำ สัมผัสของกระเพราลากไล้ไปทั่ว ริมฝีปากของเขาถูกเล็มเลียจนต้นน้ำไม่แน่ใจว่าความร้อนที่รู้สึกได้นั้นมาจากอุณหภูมิร่างกายของชัยชัชหรือกระเพราแดงที่เขาใช้ทำอาหาร ชัยชัชละเลียดจูบเขาอยู่อย่างนั้น เนิ่นนานและอ้อยอิ่งจนต้นน้ำรับรู้ถึงความตั้งใจในการย้ำสัมผัสแต่ละรอยประทับที่ชายหนุ่มจงใจ

     จากนั้นริมฝีปากของชัยชัชก็ปิดท้ายด้วยการแตะเบาๆ ไล่จากริมฝีปากของต้นน้ำเรื่อยไปถึงข้างแก้ม ใบหู และจบท้ายที่หน้าผาก ก่อนที่ชัยชัชจะยกมือของเด็กหนุ่มขึ้นมากัด ปล่อยให้ลิ้นของเขาได้สัมผัสกับนิ้วของต้นน้ำ

     “อืม แอปเปิ้ลจริงๆ ด้วย”

     “ใครบอกละครับ กระเพราทั้งนั้นเลยต่างหาก”

     แม้จะใจสั่นจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแต่ต้นน้ำก็ยังปากเก่ง

     “เป็นกระเพราน่ะดีแล้ว ผัดกระเพราไม่ใส่กระชายนะต้น ไม่งั้นต้นลำบากกว่านี้อีก”

     “พี่ชัชบ้า!”

     “อืม พี่ก็ว่างั้นแหละ พี่บ้าขึ้นเยอะเลยตั้งแต่เจอคนน่ารักน่าแกล้งแบบต้นเนี่ย”

     “ชอบแกล้งผมนักนะครับ”

     “แล้วจะยอมให้พี่แกล้งรึเปล่าล่ะ?”

     สายตาวิบวับของชัยชัชทำให้ต้นน้ำรู้สึกหวิวๆ จนสั่นสะท้านไปทั่วทั้งกาย เขาพยายามหลบสายตา แต่ก็ยังลุกหนีจากอ้อมกอดของคนขี้แกล้งไม่ได้

     “ปะ ปล่อยได้แล้วครับพี่ชัช จูบผมไปแล้วนี่ จะได้ทานข้าวให้เสร็จๆ ซะที”

     เสียงของต้นน้ำสั่นเพราะคลื่นอารมณ์บางอย่าง

     'ต้นไม่รู้ตัวหรอกว่าเวลาที่ต้นเขินมันน่ารักขนาดไหน'

     ชัยชัชมองแฟนเด็กที่ทั้งเขินทั้งอายจนหน้าแดง ริมฝีปากของต้นน้ำฉ่ำแวววาวด้วยคราบไขมันและน้ำลายจากปากเขาเอง ปากแดงๆ ที่เพิ่งผ่านปฏิบัติการจูบ! ลูกแกะน้อยพยายามก้มหน้างุดๆ หลีกหนีสายตาเร่าร้อนของหมาป่า!

     “ไม่ใช่ซักหน่อย เมื่อกี้เขาเรียกว่าดูดปากกัน แล้วที่สำคัญเมื่อกี้พี่เป็นคนทำ ต้นยังไม่ได้จูบพี่เลย”

     “พี่ชัช! แกล้งผมเยอะเกินไปแล้วนะครับ”

     ถึงจะพูดแบบนั้นแต่พอจ้องตากันซักพัก ต้นน้ำก็ตัดสินใจยืดตัวขึ้นไปประทับริมฝีปากกับแฟนหนุ่มเบาๆ ด้วยกลัวว่าถ้าขืนชักช้าอีกเขาอาจจะต้องเสียอะไรต่อมิอะไรมากกว่านี้

     “ปล่อยผมได้แล้วครับพี่ชัช”

     แม้คนพูดจะก้มหน้าส่งเสียงขอร้องเบาๆ แต่ชัยชัชก็ได้ยิน เขายิ้มแล้วตอบว่า

     “ครับ”

     ชัยชัชปล่อยให้ต้นน้ำลุกออกจากตักเขาโดยง่าย ชายหนุ่มนั่งทานอาหารค่ำต่ออย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้ต้นน้ำเดินกลับไปนั่งที่แล้วก้มหน้าลงเพ่งเป็นพิเศษกับการปอกแอปเปิ้ลอีกครึ่งลูกให้เขา

     'หน้าแดงกว่าแอปเปิ้ลอีก ต้นเอ้ย!'

     คืนนั้นจบลงที่ชัยชัชได้กำไร ทั้งอิ่มท้องอิ่มใจสบายกายได้บันเทิงหากำไรจากแฟนของตนไปเต็มๆ แต่เพื่อฉลองให้กับการคบกัน ชัยชัชจึงนัดต้นน้ำว่าวันหยุดสัปดาห์นี้เขาจะมารับต้นน้ำไปเดินเล่นห้างใกล้บ้าน เลี้ยงหนังฉลองเดทแรกกันแบบง่ายๆ

============================================


ก็หวานได้เท่าเนี๊ยะ
ขออภัยที่แต่งอะไรมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งไม่เก่ง ฉากกุ๊กกิ๊กมีแต่สถานการณ์แปลกๆ ขอรับ  :mew6:
แบบ... มันเป็นสกิลของเฮียชัชเขา ก็พระเอกไม่เก๊ก ไม่ใช่เมะขรึม มันก็เลยกะล่อนแบบนี้แหละ พยายามเขียนผู้ชายธรรมดาๆ คาแรคเตอร์แบบผู้ชายหลั่นล้าอ่ะนะ มันก็เลยได้เมะหมาหยอกไก่แบบนี้

ส่วนน้องต้น ฮีก็ไม่ใช่เคะซึนอีกเช่นกัน จะใสซื่อรึก็ไม่ใช่? จะร้ายแรดก็ไม่เชิง ...
ไม่อ่ะ ต้นน้ำไม่ใช่แบบนั้นเนอะ คิดมั้ยว่าน้องต้นประหลาด มันจะสุดทางไหนก็ไม่สุดซักทาง ยึกยักอยู่นั่นแหละ หาคำจำกัดไทป์ฮียากจริงๆ แต่มีคำนึงที่ใช้ได้คือ "แอ๊บ"
ต้นน้ำไม่ซึนเดเระ แต่ต้นน้ำแอ๊บ! หรือพูดง่ายๆ ว่าตอแหลนั่นเอง  :hao7:

แล้วคนแต่งมันแต่งอะไรมาวะนี่? เคะตอแหล เมะไม่เท่ ประหลาดแท้! นิยายแบบนี้ใครเขาจะอยากอ่าน!

รอดูตอนหน้าสิ รับรองคนอ่านหายเกลี้ยง ตอนหน้าน้องต้นแร๊ง! (ที่สุดของที่สุดอ่ะ) .... ขู่คนอ่านอีกละ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เคยอ่านเรื่องน้องต้นน้ำ+พี่ชัชในเด็กดี ดีใจจังเลยที่เอามาลงที่นี่ด้วย   :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
  :L2: 
เคยเห็นภาค ๒ ในเด็กดี  แต่ยังไม้ได้อ่าค่ะ  กลัวอ่านไไม่รู้เรื่องกะรอ  ภาค ๑ ก่อน 
 :pig4: ค่ะ ที่เอามาลงที่นี่ด้วย  (เราเนตเต่าเลยไม่ชอบเข้าเด็กดี กว่าจะโหลดได้แต่ละหน้า   :เฮ้อ:)

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
นิยายเรื่องนี้ขายความดราม่านะเออ!

ฉากนี้แรงที่สุดของภาค1แล้วล่ะ  :hao5:
ถ้าอ่านตอนนี้แล้วไม่อยากลุกขึ้นมาตบนังน้องต้น ดีใจด้วยที่คุณเริ่มรักตัวละครตัวนี้แล้ว!


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     “ฮัลโหล นั่นใช่น้องต้นรึเปล่าคะ?”

     “ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับ”

     “พี่เป็นลูกสาวของคุณต้นตระการ เป็นพี่สาวของเธอ”

     ต้นน้ำเงียบไปอึดใจหนึ่งแล้วถามต่อด้วยน้ำเสียงกระด้าง!

     “คุณได้เบอร์ผมไปได้ยังไง! ถ้าไม่มีธุระอะไรคงต้องขอวางสายก่อนนะครับ ใกล้จะเข้าเรียนแล้ว”

     “อย่าวางนะต้น! เธอมาพบพี่หน่อยได้มั้ย? พี่อยากเจอเธอ”

     “เราไม่มีธุระอะไรที่ต้องพบกัน! สวัสดีครับ!”

     “เดี๋ยวสิพี่จะรอเธอนะ! ตอนเย็นพี่จะรอเธออยู่ที่หน้าโรงเรียน มาพบพี่หน่อยนะถือว่าพี่ขอร้อง พี่มีบางอย่างอยากจะคุยกับเธอ”

     อาจเพราะเสียงนั้นดูร้อนรนต้นน้ำจึงใจอ่อน เขาตัดสินใจลองไปพบ“พี่สาว”ของตัวเอง

     “... ก็ได้ครับ ผมจะไปพบคุณ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะครับ”

============================================

     “ต้น กลับด้วยกันป่าว”

     เสียงแม็กซ์ดังขึ้นทันทีที่ต้นน้ำเก็บข้าวของลงกระเป๋า แม็กซ์เดินมาหาเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ต้นน้ำสัมผัสอะไรบางอย่างได้จากรอยยิ้มของแม็กซ์โดยเฉพาะท่าทีเป็นกันเองแบบแปลกๆ ต้นน้ำเหล่ไปมองหลังห้องเพื่อดูปฏิกิริยาพรรคพวกของแม็กซ์คนอื่นๆ

     ตั้งแต่เขาตอบปฏิเสธ แม็กซ์ก็ยอมลดระดับความสัมพันธ์มาเป็นเพื่อนเหมือนกาลก่อน แม้ท่าทีที่มีต่อเขาจะยังคงความพิเศษเหมือนเดิม แต่ก็ยอมถอยเว้นที่ว่างไว้ให้เขาได้หายใจไม่บีบคั้นให้อึดอัด แม็กซ์ไม่เคยตื้อขอครอบครองเขาอีกเลยแม้แต่น้อย

     “แม็กซ์ไม่กลับกับพวกนั้นเหรอ”

     “ไม่อ่ะ อยากกลับกับต้นมากกว่า วันนี้ไปดูหนังกันป่าว แม็กซ์เลี้ยงเอง”

     ท่าทางสดใสเป็นกันเองดูแปลกไปสำหรับคนอย่างแม็กซ์จริงๆ ต้นน้ำรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ เมื่อเห็นสายตาที่มองจากกายและอาร์มแล้วยิ่งรู้สึกถึงความคลุมเครือที่เกิดขึ้น สายตาของคนพวกนั้นแม้จะลดความไม่เป็นมิตรลงแต่ก็มีนัยแห่งความสับสนฉายชัดอยู่แทน มิหน้ำซ้ำ...

     'จริงสิ วันนี้ไม่เห็นปาล์มอยู่กับพวกแม็กซ์เลย'

     “แต่เรามีเรียนพิเศษ”

     “อีกแล้วเหรอต้น เรียนพิเศษทั้งปีอ่ะ”

     “อืม โทษทีนะ”

     ว่าแล้วต้นน้ำก็เดินออกจากห้องทิ้งแม็กซ์ไว้เบื้องหลังแบบไม่ใยดี แบดบอยประจำห้องก็เลยคอตกเดินหงอยกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนฝูง

     “เฮ่ย เป็นไงมั่งวะแม็กซ์?”

     กายทักขึ้นทันทีที่เพื่อนกลับมาถึง พวกเขาทั้งสามคนรู้เรื่องที่แม็กซ์ชอบต้นแล้ว เพื่อนของเขาออกตัวว่ากำลังเดินหน้าจีบต้นน้ำอยู่ แม้เขาจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าต้นน้ำมากนัก แต่ยังไงเสียเขากับแม็กซ์ก็ถือเป็นเพื่อนสนิทกัน และมันก็ช่วยไม่ได้ถ้าเขาจะเชียร์เพื่อนตัวเองให้เผด็จศึกศัตรู ดีกว่าปล่อยให้อยู่ขวางหูขวางตาจิ๊จ๊ะกับสาวที่เขาชอบต่อไป ส่วนคนคิดน้อยแบบอาร์มไม่เคยคิดอะไรมากอยู่แล้ว ไม่ว่าเพื่อนจะเป็นตุ๊ดหรือเป็นเกย์ก็เฮฮาไปกับเขาได้หมดด้วยมนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศ แตกต่างกับปาล์มที่ดูค่อนข้างจะช็อค รับไม่ได้จนเฟดตัวเองออกจากลุ่ม

     “ต้นมีเรียนพิเศษว่ะ”

     แม็กซ์ตอบเสียงอ่อยแบบเซ็งสุดชีวิต เขาสารภาพรักไปแล้วแท้ๆ แต่ต้นน้ำก็เอาแต่บอกให้เขารอ เขาเลยได้แต่อดทนเพราะดันไปหลงรักเด็กเรียนดีเด่นแบบต้นน้ำ พอถึงช่วงที่ไม่ได้มีสอบอะไรเช่นนี้ ต้นน้ำกลับอ้างว่าติดเรียนพิเศษ ไม่ยอมไปไหนมาไหนกับเขาเหมือนเมื่อก่อน แถมพอเขาอยากจะรุกหัวใจของต้นน้ำ เจ้าตัวดันตัดบทพูดปฏิเสธย้ำว่ายังไม่อยากคิดเรื่องหัวใจ จะเป็นคนรักก็ทำได้ยากจะเป็นเพื่อนก็ยังเป็นลำบาก แม็กซ์ที่ไม่เคยต้องเหนื่อยจีบใครมาก่อนในชีวิตกำลังรู้สึกเซ็งอย่างแรง!

     “เรียนพิเศษ เรียนพิเศษไรวะ? ก็ต้นมันลงคอร์สเดียวกับกูเนี่ย ละวันนี้กูไม่มีเรียนแล้วต้นมันจะมีเรียนได้ยังไง?”

     อาร์มที่ขี้สงสัยพูดขึ้นแบบงงๆ ส่งผลให้แม็กซ์ต้องออกรับแทน

     “ต้นมันขยัน ไม่เหมือนมึง มันอาจจะลงไว้หลายคอร์สก็ได้”

     “แต่กูว่าต้นโกหกเพราะมันไม่อยากกลับบ้านกับมึงมากกว่า มึงแน่ใจเหรอวะแม็กซ์ ว่าต้นมันชอบมึง?”

     แม้ว่ากายจะไม่รังเกียจที่เพื่อนของตนชอบต้นน้ำ แต่เขาก็ยังคงเกลียดต้นน้ำอยู่เหมือนเดิม และเขาว่าเขาดูไม่ผิด ต้นน้ำไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนเขาเลยแม้แต่น้อย! มีแต่เพื่อนของเขาเองนั่นแหละที่คิดไปไกล!

    'ไม่รู้ว่าไอ้ต้นมันทำอีท่าไหน ทำไมแม็กซ์ถึงได้หน้ามืดขนาดนี้วะ!'

     “ต้นชอบไม่ชอบกูไม่รู้ กูรู้แต่ว่ากูชอบต้นก็พอ”

     แม็กซ์พูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีตามประสาคนกำลังอินเลิฟ ส่งผลให้เพื่อนอีกสองคนพากันคลื่นไส้กับอาการคลั่งรักของเขา

     “แหวะ! เลี่ยนจังมึง กูกลับล่ะ”

     กายเป็นคนแรกที่ทนไม่ไหวคว้ากระเป๋าออกจากห้องตามด้วยอาร์ม ทิ้งให้ไอ้หนุ่มคลั่งรักนั่งกระหยิ่มยิ้มย่องต่อไปเงียบๆ แม็กซ์รู้สึกโล่งใจเป็นพิเศษที่ได้บอกความจริงกับเพื่อนว่าตนชอบต้นน้ำ แม้ว่าเพื่อนคนหนึ่งจะรังเกียจที่เขาชอบผู้ชายด้วยกันแต่อย่างน้อยเพื่อนอีกสองคนก็ยังอยู่ข้างเขาคอยลุ้นให้เขาจีบต้นน้ำต่อไป

     ตอนที่กายเดินมาถึงหน้าโรงเรียน เขาเห็นเด็กผู้หญิงที่ตัวเองชอบกำลังทำลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงป้ายรถเมล์ และเมื่อเขามองไปไกลขึ้นก็เห็นว่าเด็กสาวคนนี้กำลังสะกดรอยต้นน้ำอยู่ ส่วนต้นน้ำก็กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคน ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งแวะมาจอดรับต้นน้ำ เพราะฟิล์มกรองแสงที่ค่อนข้างมืดกายจึงมองไม่เห็นคนในรถ แต่ดูท่าไนน์คงรู้ตื้นลึกหนาบางพอสมควรเพราะนอกจากจะไม่ตกใจแล้วยังออกแนวเชียร์ให้ต้นน้ำขึ้นรถอีกด้วย ต้นน้ำดูลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ในที่สุดก็ก้าวขึ้นรถไป เมื่อเห็นดังนั้นไนน์จึงพุ่งตัวออกจากที่ซ่อนรีบเรียกแท็กซี่ตามไปทันที

     “ลุง ตามรถสีฟ้าคันข้างหน้านั้นไปเลยค่ะ!”

     และทันใดนั้นเอง

     “รอด้วย!”

     กายนั่นเอง เขาเบียดขึ้นมาทางเบาะหลังติดๆ กันกับไนน์

     “เฮ้ย! ลงไปนะ มาได้ยังไงอ๊า!”

     “ไม่ลง! เธอตามไอ้ต้นมันใช่มั้ย เราก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันไปกับใคร”

     “แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องของนาย!”

     “แล้วมันใช่เรื่องของเธอตายล่ะ! ไม่งั้นเธอคงเกาะแขนไอ้ต้นไปแล้วถ้ามันยอมให้เธอเสือก”

     “ฮึ๋ย!”

     ขิงก็ราข่าก็แรง ทั้งสองทำท่าจะเถียงกันไม่เลิกจนกระทั่งคนขับแท็กซี่ขัดขึ้นมาเสียก่อน

     “เอ่อ... แล้วตกลงพวกน้องจะเอายังไง ตำรวจไล่แล้ว พี่จะได้ทำตัวถูก?”

     “ตามรถสีฟ้าคันข้างหน้าไปเลยค่ะลุง!”

     เมื่อได้ยินดังนั้น คุณพี่คนขับแท็กซี่จึงเหยียบคันเร่งแซงซ้ายป่ายขวารีบตามเป้าหมายรถสีฟ้าไปทันที

     ทั้งสองตามต้นน้ำไปจนถึงช็อปปิ้งมอลล์แห่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน รถของเป้าหมายเลี้ยวเข้าไปในนั้น ทั้งกายและไนน์ต่างแย่งกันออกค่าแท็กซี่พลางถกเถียงกันเรื่องตามหาต้นน้ำต่อ ไนน์พยายามไล่กายกลับส่วนกายก็พยายามเค้นเอาความจริงไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายเด็กสาวจึงได้แต่ยอมให้เด็กหนุ่มเดินตามไปเรื่อยๆ เพราะกลัวคลาดกับต้นน้ำ หลังจากเดินตามหาอยู่นานพวกเขาก็เห็นหญิงสาวสวยคนหนึ่งกับต้นน้ำนั่งอยู่ในร้านกาแฟเล็กๆ แถวนั้น ทั้งสองจึงรีบสวมบทบาทนักสืบต่อทันที

     “คุณควรจะพูดธุระของคุณมาได้แล้วครับ”

     ต้นน้ำพูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบเบาจนทั้งสองนักสืบแทบไม่ได้ยินบทสนทนา

     “ไม่ทราบนัดผมออกมามีอะไร”

     “ไม่เห็นต้องไร้เยื่อใยแบบนั้นเลยนี่ต้น อย่างน้อยๆ พี่ก็เป็นพี่สาวต้นนะ พี่สาวอยากพบน้องชายมันผิดด้วยเหรอ”

     “ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่มีพี่น้องที่ไหน ผมเป็นลูกคนเดียวของแม่น้ำครับ”

     ทันทีที่ได้ยินหญิงสาวปริศนาก็หน้าเจื่อน เธออุตส่าคิดตั้งนานว่าทำอย่างไรถึงจะเป็นการพบกันที่ดีที่สุด ใจจริงเธออยากมาพบต้นน้ำนานแล้ว เพียงแต่เธอได้ยินจากคุณพ่อว่าต้นน้ำไม่ค่อยให้ความร่วมมือ จนในที่สุดก็มาถึงโอกาสดีที่จะทำให้เธอมีข้ออ้างมาพบหน้าน้องชาย

     “ต้นเกลียดพี่มากเหรอ”

     “คุณพ่อคุณแม่ของคุณมากกว่ามั้งที่เกลียดผมกับแม่ คุณเองก็แปลกนะครับไม่คิดแค้นผมบ้างรึไง? ผมเป็นผลผลิตจากความสำส่อนของคุณพ่อคุณนะครับ”

     ถ้อยคำหยาบคายที่ต้นน้ำใช้ทิ่มแทงหัวใจเธอช่างโหดร้ายเหลือเกิน เธอรับรู้ถึงความเกลียดชังที่น้องชายมีต่อบุพการีของตนอย่างชัดเจน แต่เธอผ่านช่วงเวลาเป็นเด็กไร้เหตุผลมาไกลแล้ว ณ. เวลานี้เธอดีใจที่รู้ว่าตนมีน้องชาย หญิงสาวจึงไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรนอกจากได้แต่ฝืนยิ้มให้เด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นน้องของเธอด้วยเลือดครึ่งหนึ่งที่เหมือนกัน

     “พอเขาเกลี้ยกล่อมเองไม่ได้ก็ส่งคุณมาเหรอครับ? ถ้าคุณทำไม่สำเร็จอีกหน่อยเขาจะบอกให้คุณแม่ของคุณมาพูดเองเลยรึเปล่า หึๆ”

     “พอแล้วนะต้น เลิกพูดจาดูถูกตัวเองกับคนอื่นเถอะ ที่พี่ขอมาเจอต้นไม่ใช่เพราะเรื่องพวกนั้น”

     “งั้นแล้วคุณนัดเจอผมเพื่ออะไรล่ะครับ? จะบอกว่าจู่ๆ เกิดอยากเจอน้องชายร่วมสายเลือดขึ้นมาให้ซึ้งเล่นแบบนั้นรึไง?”

     ชลิษาเริ่มรู้สึกแล้วว่าเหตุใดคุณพ่อของเธอถึงได้อารมณ์เสียทุกครั้งหลังพบต้นน้ำ ทั้งยังไม่ค่อยพูดถึงน้องชายของเธอให้ใครฟัง ไม่ใช่เพราะเกรงใจคุณแม่ แต่เป็นเพราะเด็กหนุ่มคนนี้ไม่สร้างความประทับใจใดๆ ชวนให้พูดถึงต่างหาก แต่เธอก็ยังพยายามทำใจดีสู้เสือต่อ

     'เธอดีกับไนน์ได้แล้วเธอจะดีกับพี่สาวแท้ๆ หน่อยไม่ได้เลยรึไงนะต้น'

     “ก็แล้วไม่ได้หรือไงล่ะต้น พี่อยากเจอต้นจริงๆ นี่นา อีกไม่กี่วันก็วันเกิดต้นแล้วไม่ใช่เหรอ? ปีที่แล้วพี่ไม่ทันได้รู้จักต้นแต่ปีนี้ต้นจะอายุครบสิบแปดแล้วพี่ก็เลยอยากฉลองให้ พี่อยากมีน้องมาตั้งนานแล้วรู้มั้ย”

     ทั้งๆ ที่พยายามแสดงความเป็นมิตรอย่างจริงใจแล้ว แต่ชลิษากลับเห็นต้นน้ำยกยิ้มที่มุมปากแสดงสีหน้าไม่เชื่อคำพูดของเธอสุดๆ ขาดแค่พูดออกมาตรงๆ ว่า“ตอแหล”เท่านั้น

     “ถึงขนาดรู้วันเกิดผมเชียว? นี่คงได้ข้อมูลส่วนตัวผมจากไนน์ไปเยอะเลยสิครับ พวกคุณใช้เด็กผู้หญิงซื่อๆ คนนึงเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้ตัวผมไปเป็นเครื่องมือให้พวกคุณอีกทีเลยเหรอครับ? แผนซับซ้อนสมกับเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเลยนะครับ หึ คุณพ่อของคุณน่ะ ดูท่าท่านคงรักคุณมากทีเดียว อยากให้คุณได้เรียนในสายที่ตัวเองชอบต่อไป แล้วก็เอาผมไปเป็นผู้รับเคราะห์แทน”

     “ไปกันใหญ่แล้ว! เรื่องของคุณพ่อกับอากงน่ะพี่ไม่สนใจหรอก เรื่องนั้นตัวพี่เองก็มีวิธีของพี่อยู่ เพียงแต่... ทำไมล่ะต้น? ต้นไม่ดีใจเหรอที่ได้รู้ว่าเรายังมีคนที่มีสายเลือดเดียวกันกับเราเพิ่มขึ้นบนโลกนี้”

     ชลิษาเริ่มฉุนขึ้นมาแล้ว ต่อให้ไม่รักต้นน้ำก็ไม่ควรแสดงกิริยาไม่เคารพถึงเพียงนี้  เธอยอมรับว่าน้องชายของเธอนั้นเป็นเด็กมีปัญหาของแท้! ถ้าไม่ติดว่าตนไม่อยากให้เรื่องมันแย่มากไปกว่านี้ ด้วยฐานะพี่สาวเธอเองก็อยากตบเด็กหนุ่มตรงหน้านี้สักทีสองที คำพูดแต่ละคำช่างร้ายกาจ ทั้งเย่อหยิ่งและแสนเย็นชา เปิดปากแต่ละทีก็พ่นออกมาแต่ลาวาบาดหู!

     'ให้ตายเถอะ! เกิดมาไม่เคยเจอใครปากร้ายเท่านี้มาก่อนเลย!'

     วันที่ชลิษารู้ว่าตัวเองมีน้องชายพึ่งผ่านไปไม่นาน เหตุการณ์ที่เธอและครอบครัวได้พบกับผู้หญิงคนนั้นช่างบังเอิญเหลือเชื่อ เธอไม่ตกใจเรื่องคุณพ่อแอบนอกใจแม่บังเกิดเกล้าเพราะเติบโตมากับปัญหานี้จนชินชา คุณพ่อของเธอสมัยยังหนุ่มๆ ถือว่าเป็นอาจารย์ ดร. หนุ่มอนาคตไกล ลูกผู้ดีมีตระกูล จึงไม่แปลกที่มีผู้หญิงมาติดพัน คุณแม่ของเธอยอมรับการซุกซนเล็กๆ น้อยๆ นอกบ้านได้ ขอเพียงคุณพ่อไม่ซนเกินไปหรือติดพันใครเกิดเหตุจนทำอะไรให้เกิดปัญหากระทบกับชื่อเสียงครอบครัว คุณแม่ของเธอก็ทำเป็นหลับหูหลับตาอย่างละข้างมองข้ามความเจ้าชู้ของคุณพ่อปล่อยให้มันผ่านไปทุกครั้ง

     เมื่อครั้งยังเด็ก ตอนที่รู้ว่าคุณพ่อแอบไปมีกิ๊กครั้งแรกนั้นชลิษาร้องไห้อาละวาดน้อยใจคุณพ่ออยู่นานจนคุณพ่อเลิกซุกซนนอกบ้านไประยะหนึ่ง เธอทำใจไม่ได้ไม่เข้าใจว่าคุณพ่อทำเช่นนั้นได้อย่างไร และยิ่งไม่เข้าใจว่าคุณแม่ทนได้ยังไง ถ้าเป็นเธอๆ จะไม่มีวันแต่งงานกับผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวมีเมียเดียวไม่ได้เด็ดขาด!

     เธอเคยได้ยินคุณแม่บอกว่า “เรามีทะเบียนสมรสอยู่ในมือ ผู้หญิงพวกนั้นจะทำอะไรได้ ขอแค่คุณพ่อรู้จักป้องกัน ไม่ให้มีอะไรมาเดือดร้อนคนทางบ้านก็พอแล้ว” เธอทราบมาว่าคุณพ่อยอมทำหมันตามที่คุณแม่ขอเพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองคงเลิกซนไม่ได้ เธอไม่ทราบว่าคุณแม่ของเธอมีปัญหาอะไรที่ทำให้คุณพ่อต้องออกไปหาความสุขนอกบ้าน แต่เธอรู้สึกว่าคุณพ่อรักพวกเธอแม่ลูกมากที่สุดในชีวิต

     เมื่อมีผู้หญิงหน้าด้านมาระรานพวกเธอแม่ลูก คุณแม่ก็จะจัดการตอกกลับผู้หญิงพวกนั้นเสียจนไม่กล้าโผล่มาราวีพวกเธอแม่ลูกอีก และคุณพ่อก็จะเลิกยุ่งกับตุ๊กตาที่ไม่รู้จักอยู่อย่างสงบในที่ของตัวเองพวกนั้นด้วย คุณแม่เป็นผู้หญิงสมัยใหม่แบบที่รู้บทบาทของตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้คุณพ่อจะแอบไปหาเศษหาเลยนอกบ้านแต่ก็เกรงใจคุณแม่อยู่เสมอ ไม่เคยมีปัญหากวนใจ แต่ใครจะไปนึกว่าตัวปัญหาที่แท้จริงอย่างต้นน้ำจะเกิดออกมาตั้งนานแล้ว ก่อนที่เธอจะพูดคำว่าพ่อกับแม่ได้ชัดเสียอีก!

     ชลิษาตกใจมากที่รู้ว่าตัวเองมีน้องชาย แถมยังอายุห่างกันแค่ปีกว่าๆ เด็กคนนั้นต้องโตมากับมารดาสองคน รับรู้ต้นเหตุแห่งคำถามที่ว่าทำไมตัวเองไม่มีพ่อมาตลอด ถึงเธอจะสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเลี้ยงน้องชายเธอมาด้วยทัศนคติแบบไหน ต้นน้ำถึงได้กลายเป็นเด็กก้าวร้าวแบบนี้ แต่เธอมั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นเลี้ยงดูต้นน้ำมาอย่างดี เพราะน้องชายของเธอรักมารดาของตนมาก แต่ก็ขาดความอบอุ่นต้องการความรักจากคนรอบข้างมากด้วยเช่นกัน

     แม้จะนับถือผู้หญิงคนนั้นที่กัดฟันยอมให้ต้นน้ำออกมาเผชิญโลก อดทนเลี้ยงลูกมาด้วยตัวคนเดียว แต่อีกใจหนึ่งเธอก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าที่ฝังเมล็ดความเกลียดชังเอาไว้ในตัวต้นน้ำจนเป็นเช่นนี้

     อย่างไรก็ตาม ต้นน้ำคือน้องชายของเธอ น้องชายที่เป็นผู้บริสุทธิ์ท่ามกลางวังวนความใคร่ของพวกผู้ใหญ่เช่นเดียวกับเธอ ชลิษาจึงอดไม่ได้ที่จะเห็นใจน้องชายผู้เผชิญชะตากรรมแบบเดียวกัน ก่อเกิดเป็นความเอ็นดูอยากเป็นครอบครัวเดียวกันกับเด็กหนุ่มคนนี้ แม้ไม่ถึงกับอยากแย่งต้นน้ำมาอยู่ร่วมครอบครัวกับตนแต่ก็มากพอจนอยากให้ตัวเองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของต้นน้ำ เธออุตส่าหาทางเข้าใกล้น้องชายคนนี้ แต่เขากลับผลักไสเธออย่างไม่ปิดบังความรังเกียจ นี่มันอะไรกัน! ฝ่ายที่ต้องเจ็บปวดมันควรจะเป็นเธอกับแม่ไม่ใช่หรือ?

     “D.N.A. กับความรักมันคนละเรื่องกันนะครับ นอกจากผมจะไม่รักแล้วยังไร้ซึ่งความผูกพันใดๆ กับพวกคุณด้วย แล้วคุณจะให้ผมมีความรู้สึกดีๆ กับพวกคุณได้ยังไงละครับ? ในเมื่อวันนั้นพ่อของคุณยังทำสีหน้าดูถูกผมกับแม่อยู่เลย ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งคุณปู่ของคุณเขาจะยอมติดต่อผมกับแม่เหรอครับ?”

     ต้นน้ำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่แฝงแววเสียดสีเย้ยหยันลงไปในสำเนียงเสียจนชลิษาเถียงอะไรไม่ออก ต้นน้ำหยุดพูดพักจิบน้ำผลไม้ในแก้วพลางสังเกตสีหน้าของหญิงสาวอยู่เงียบๆ อย่างสะใจ! ที่มุมปากของเขามีรอยยิ้มชั่วร้ายแสยะอยู่แบบไม่ปิดบัง เมื่อใช้สายตาและท่าทางแย้มยิ้มเหยียดหยามอีกฝ่ายจนพอใจแล้วเขาก็เริ่มลงมือต่อทันที

     “ส่วนเรื่องที่เขายอมติดต่อผมกับแม่ก็เป็นเพราะเรื่องบาดหมางระหว่างเขากับคุณปู่ของคุณไม่ใช่เหรอครับ? แหม... อย่านึกแต่ว่ามีแต่พวกคุณที่รู้ข้อมูลผมฝ่ายเดียวสิครับ ไนน์เธอเป็นเด็กดีนะครับ ทั้งใส ทั้งซื่อ คุณหลอกใช้เธอได้ผมก็คุ้ยข้อมูลพวกคุณได้เหมือนกัน!”

     หญิงสาวพยายามข่มใจอดทนฟังต้นน้ำลอยหน้าลอยหน้าพล่ามต่อไป เธอได้แต่บอกตัวเองให้อดทนไว้...

     “ผู้ชายคนนั้นอีโก้สูงนะครับ เพราะเป็นลูกชายคนเล็กเลยมักถูกเปรียบกับพี่ชายอยู่บ่อยๆ กว่าจะกัดฟันหาทุนจนเรียนจบจากเมืองนอกได้ พอกลับมาเลยปีกกล้าขาแข็ง ยิ่งพอมีตำแหน่งอาจารย์พ่วงท้ายก็มัวแต่ทำวิจัยเอาหน้าเอาตา ทำเป็นหยิ่งไม่ง้อทรัพย์สมบัติพ่อตัวเองไม่อยากมีปัญหากับพี่ชายอีกสองคน
     แต่พอพี่ชายคนโตตายไปพร้อมหลานชายพี่ชายคนรองก็ดันไม่เอาถ่าน ตัวเองก็ไม่อยากยุ่งกับปัญหาธุรกิจที่ตนไม่ถนัด ครั้นจะให้คุณไปรับช่วงแทนก็ไม่อยากบังคับ เพราะเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่เป็นถึงนักศึกษาแพทย์ คณะที่โก้กว่าบริหาร แหมพูดแล้วผมปลื้มในความรักที่เขามีต่อคุณจริงๆ เลยละครับ”

     พอได้ฟังถ้อยคำเกลียดชังกันซึ่งๆ หน้าชลิษาก็จนมุมเหมือนกัน ดูท่าต้นน้ำกับเธอคงไม่สามารถเข้าใจกันได้ในเร็วๆ นี้ ก็ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงออกถึงความชิงชังมาซะขนาดนี้ เธอก็ไปต่อไปเป็นแล้ว

     'วันนี้คงไม่ได้อะไร...'

     “พี่รู้ว่าเธอเกลียดคุณพ่อมาก แต่เชื่อเถอะว่าคุณพ่อเองก็รักเธอนะต้น ไม่งั้นเธอคิดเหรอว่าคุณพ่อจะยอมรับเธอเป็นลูก คุณพ่อจะปฏิเสธเธอสองแม่ลูกก็ได้”

      “ผู้ชายคนนั้นปฏิเสธผมกับแม่มาตั้งนานแล้วครับ! ที่เขาอยากได้ผมไปเป็นลูกก็เพราะเขารักคุณมากกว่า ผมอยู่ได้โดยไม่มีเขามาตั้งนาน เขาไม่จำเป็นกับชีวิตผมหรอก!”

     ต้นน้ำกระแทกเสียงตอบหญิงสาวตรงหน้าอย่างหงุดหงิด เขาไม่ได้น้อยใจที่พ่อไม่รัก เขาไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อยที่เขาไม่ใช่คนที่ถูกเลือกให้เกิด!

     “แต่แม่ของเธอต้องทำงานหนักตลอดไม่ใช่เหรอ แทบไม่ได้อยู่บ้านเลยนี่ เธอไม่คิดเหรอว่าถ้าเธอมาอยู่กับเราเธอจะสบายขึ้น ยิ่งเรื่องมหาวิทยาลัยเธอก็จะ-”

     แม้ว่าชลิษาจะพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบชักจูงให้ต้นน้ำเห็นผลดีต่ออนาคตของตัวเอง แต่ทว่าเด็กหนุ่มกลับตัดบทอย่างรำคาญ

     “ระดับผมแล้วเรื่องเรียนมหาวิทยาลัยมันของง่ายๆ ครับ ทุนต่างๆ ก็มีตั้งเยอะแยะ แม่ผมเองก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญญาส่งลูกชายตัวเองเรียน ผมยังมีอะไรที่ต้องให้พวกคุณช่วยอีกเหรอครับ?”

     “ก็แค่คำว่าครอบครัวนะต้น ต้นไม่ดีใจเหรอที่รู้ว่าตัวเองมีพี่สาว สำหรับพี่ๆ ดีใจมากนะที่รู้ว่าตัวเองมีน้องชาย”

     พอได้ฟังต้นน้ำก็เบะปากใส่ชลิษา คนที่เติบโตมามีพร้อมทุกอย่างจะไปเข้าใจอะไรเขา!

     “แหม โชคร้ายจัง พอดีผมรู้มาตั้งแต่เกิดแล้วว่าผมมีพี่สาว ส่วนผมเป็นลูกที่เขาไม่ต้องการ เลยโตมาแบบชาตินี้ไม่คิดว่าจู่ๆ ตัวเองจะมีพี่มีพ่อเพิ่ม!”

     “ต้น! เธอพูดแรงไปแล้วนะ! ทิ้งเรื่องในอดีตไว้แล้วเริ่มต้นกันใหม่ไม่ได้เหรอ พี่อยากเป็นพี่สาวต้นจริงๆ นะ คุณแม่พี่เองก็ทำใจได้แล้วด้วย นอกจากให้อภัยคุณพ่อแล้วคุณแม่ยังบอกพี่เลยนะว่านับถือคุณแม่ของเธอที่เลี้ยงเธอมาได้ขนาดนี้ อากงเองก็ดีใจมากที่รู้ว่ามีหลานชายเพิ่ม คุณป้าเขายังดีใจจนอยากจะรับเธอเป็นลูกบุญธรรมเองเลยด้วยซ้ำเพราะรู้มาว่าเธอสนิทกับไนน์ ถึงคุณพ่อจะไม่แสดงออกแต่พี่ว่าเขาก็คงดีใจ เขาก็รักเธอเหมือนกันนะต้น คุณพ่อเองก็อยากชดเชยที่ไม่ได้ดูแลเธอนะ ทั้งๆ ที่ทุกคนมีความสุขที่รู้ว่ามีต้น อยากช่วยกันดูแลต้น แล้วทำไมเธอถึงต้องทำตัวให้จมอยู่ในความทุกข์ด้วยล่ะ”

     “ก็แล้วทุกคนมายุ่งกับชีวิตผมทำไม! ผมอยู่เฉยๆ ก็มีความสุขของผมดีอยู่แล้ว มาวุ่นวายกับผมทำไม!”

     หางเสียงท้ายประโยคที่เผลอตะคอกออกมานั้นดังจนพนักงานในร้านหันมามอง ต้นน้ำสุดจะทนแล้ว! เขาแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ อารมณ์ต่างๆ ปะทุอยู่ในอกจนใจเขาปั่นป่วนไปหมด หยาดน้ำใสๆ เริ่มเอ่อออกมา การรับมือผู้หญิงคนนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ ผู้หญิงคนนี้แตกต่างกับผู้ชายคนนั้นลิบลับ กับคนๆ นั้นเขาไม่เคยรู้สึกสับสนแบบนี้เลยแม้แต่น้อย!

     “ก็เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกันยังไงล่ะต้น เรามีสายเลือดเดียวกันนะ”

     “พวกคุณเรียกผมว่าสายเลือดเดียวกัน ยอมรับให้ผมเป็นครอบครัวของคุณ ถามผมรึยังล่ะครับว่าผมอยากด้วยรึเปล่า? แล้วผมก็ไม่คิดว่าพวกคุณจะอยากได้ผมไปเป็นคนในตระกูลหรอกครับ ก็ขนาดลุงแท้ๆ ของคุณยังร่ำๆ จะโดนตัดออกจากกองมรดกเลยไม่ใช่เหรอครับ เพราะเอาแต่เที่ยวทำงานไม่ได้เรื่อง!”

     'ไม่ได้นะ เราจะเสียความเยือกเย็นไปไม่ได้ นั่นมันไม่ใช่เราเลยแม้แต่น้อย! เราต้องทำให้พวกมันเจ็บปวดสิ! ไม่ใช่ปล่อยให้พวกมันมาทำให้เราเจ็บปวด!'

     “ใครทำตัวไม่ดีก็ต้องถูกลงโทษเป็นธรรมดา แต่ถึงอากงจะลงโทษคุณลุงแบบนั้น อากงก็ไม่ได้ใจร้ายตัดพ่อตัดลูกกับลุงไกรซักหน่อย”

     “เหมือนที่แม้จะเกลียดคนอวดดีแบบคุณพ่อของคุณ แต่ก็รักหลานสาวสุดๆ จนถอยรถใหม่ป้ายแดงให้ทันทีที่สอบติดหมอใช่มั้ยละครับ หึๆ แต่โชคร้ายนะครับที่บางทีผมอาจมีพฤติกรรมน่ารังเกียจกว่าคุณลุงของคุณก็ได้”

     อาจจะเพราะสีหน้าที่กลับมาเย็นชาเย้ยหยันตัวเองของต้นน้ำ ชลิษาจึงตกใจ

     “หมายความว่ายังไง! ต้นติดยาเหรอ?”

     “ฮ่าๆ ของแพงๆ พรรณนั้นผมจะมีปัญญาหามาเสพได้ไง อย่ามองโลกในแง่ร้ายแบบนั้นสิครับ ผมไม่ใช่พวกเด็กมีปัญหาแล้วก็พึ่งยาเสพติดซักหน่อย”

     “งั้นแล้วต้นมีปัญหาตรงไหนล่ะ? มีแต่ตัวต้นนั่นแหละที่ไม่ยอมรับพวกเรา พวกเราน่ะรอให้ต้นเปิดใจอยู่นะ”

     ถึงตรงนี้ชลิษาเองก็เริ่มมีน้ำโหแล้ว น้องชายของเธอไม่น่ารักเอาเสียเลย!

     “คุณปู่คุณรับได้เหรอครับถ้าหลายชายดันเป็นเกย์น่ะ คุณพ่อคุณคงไม่ทราบสินะครับว่าผมชอบนอนกับผู้ชายด้วยกันสุดๆ ผมเองก็คงได้เชื้อสำส่อนมาจากเขานั่นแหละครับ แต่ต่างกันที่ว่าในขณะที่เขามองหาสาวๆ มากก ผมกลับชอบให้ผู้ชายคนอื่นมาหิ้วผมไปขึ้นเตียงมากกว่ะ”

     “เพี๊ยะ!

     แรงตบที่ส่งมาจากฝ่ามือของชลิษาอย่างฉับพลันนั้นมากพอจะทำให้ต้นน้ำหน้าหัน! เขารู้สึกว่าแก้มของตนเจ็บแปลบจากแรงปะทะก่อนจะเริ่มชา ต้นน้ำเบนสายตาหันกลับมามองคนที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวของเขาเงียบๆ เขายกมือขึ้นเช็ดมุมปากตรงที่เจ็บและก็เห็นว่าตนปากแตกเพราะมีเลือดเปื้อนอยู่บนหลังมือเล็กน้อย ต้นน้ำเห็นผู้หญิงตรงหน้ามีสีหน้าซีดเผือด ชลิษากำลังสั่นเทิ้มไปทั้งตัวด้วยความโกรธ สองแก้มของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาไม่แพ้เขาเช่นกัน!

     “นี่ถือว่าเป็นการสั่งสอนเธอ! พี่ขอใช้สิทธิ์ความเป็นพี่อบรมมารยาทเธอต้นน้ำ! เธอจะเกลียดจะแค้นคุณพ่อก็ไม่เป็นไรแต่เธอห้ามไม่รักตัวเองเด็ดขาด! คนที่แม้แต่ตัวเองยังรักไม่เป็นแบบเธอน่ะน่าสมเพชนะ วันไหนที่เธอรู้จักรักตัวเองขึ้นมาวันนั้นเธอคงจะมองเห็นความรักที่พี่กับคนอื่นมีให้เธอ!”

     หลังจากทิ้งท้ายไว้กับแบงค์พันบนโต๊ะชลิษาก็ลุกออกไปทันที เธอรับไม่ไหวแล้วจริงๆ กับน้องชายปากร้ายคนนี้ ครั้งนี้เธอคงต้องขอตัวกลับไปตั้งหลักก่อน ส่วนเรื่องที่ว่าจะมีครั้งหน้าอีกหรือไม่นั้นคงต้องรอเวลาสักพักให้ตัวเองใจเย็นลงและให้ต้นน้ำปล่อยวางเสียก่อน แม้จะเตรียมใจมาแล้วว่าการเจอกันครั้งแรกคงไม่สวยงามซาบซึ้งใจเหมือนในนิยายหรือละคร แต่เธอไม่คิดเลยว่าต้นน้ำจะรับมือยากขนาดนี้!

     'เฮอะ! รักตัวเองเหรอ...'

     ต้นน้ำได้แต่สมเพชตัวเองอยู่เงียบๆ ทำไมเขาจะไม่รู้จักความรัก แม่น้ำของเขานั่นไงที่มอบความรักให้กับผู้เป็นบุตรอย่างเขา เขาเองก็รักแม่น้ำมากด้วยเช่นกัน แล้วจะบอกว่าเขาไม่รู้จักความรักได้ยังไง

     ต้นน้ำเดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์แคชเชียแบบไม่สะทกสะท้าน เขาไม่สนว่าพนักงานในร้านจะมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่หรือไม่ เขาไม่แคร์ว่าชาวบ้านจะพูดยังไง เขาเพียงแค่จ่ายเงินเงียบๆ แล้วก็นั่งรถประจำทางกลับบ้าน หาอาหารเย็นทาน ทบทวนหนังสือ นอนหลับพักผ่อนเพื่อเตรียมใช้ชีวิตในวันพรุ่งนี้ก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่จำเป็นต่อชีวิตเขาสักนิด!

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     และเพราะต้นน้ำมัวแต่ใจลอยเดินเหม่อฉาบสีหน้ายิ้มแย้มค้างไว้บนใบหน้าโดยไม่กล้ามองหน้าสบตาใครทั้งสิ้น เจ้าตัวกำลังใส่หน้ากากเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาต่อหน้าพนักงานคิดเงินและผู้คนแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ เขาจึงไม่ทันสังเกตเห็นสตอล์กเกอร์ทั้งสองที่กำลังทำตัวเป็นนักสืบ

     เมื่อต้นน้ำเดินออกจากร้านไปแล้ว หนึ่งในสองสตอล์กเกอร์ก็กำลังจะวิ่งตามไปถ้าไม่ได้สตอล์กเกอร์อีกคนที่มาด้วยกันหยุดเธอไว้

     “จะไปไหนยัยเตี้ย!”

     “ก็จะไปหาต้นน่ะสิ”

     “หยุดเลย! เรื่องของเรามันยังไม่จบ”

     กายคว้าแขนของคนตัวเล็กกว่าไว้ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขที่คุ้นเคย

     “เฮ้ย! แม็กซ์เหรอ นี่กูเอง มึงอยู่ไหน? กูมีเรื่องดีๆ จะบอก... เออๆ รอกูอยู่ที่นั่น เดี๋ยวกูเสร็จทางนี้แล้วจะตามไป”

     ว่าแล้วกายก็หันมาใช้สายตากดดันนักสืบจำเป็นอีกคนที่ร่วมขบวนการด้วยกัน

     “เรื่องมันเป็นไงมาไง เล่ามาให้หมดเลย ยัยเตี้ย!”

============================================

     “สรุปว่า เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ ไอ้เหี้ยต้นแม่งหลอกใช้มึง มันไม่ได้ชอบมึงแม้แต่น้อย แถมผลสุดท้ายยังปอดแหกไม่กล้าเอากับมึงอีก”

     แม็กซ์ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากกาย ตอนนี้เขารู้ที่มาที่ไปและสาเหตุที่ช่วงหลังๆ ต้นน้ำทำดีกับเขาเป็นพิเศษแล้วแต่เขาก็ยังอยากจะเชื่อมั่นในตนเอง

     “กูพอรู้อยู่แล้วว่าต้นแค่อยากนอนกับกู ไม่ได้ชอบกู”

     “มึงรู้อยู่แล้วละมึงไปชอบมันทำไมวะ! ผู้หญิงดีๆ มีตั้งเยอะแยะ หรือมึงจะชอบผู้ชาย? คนอื่นที่ดีกว่ามันก็ยังมี”

     “มันไม่เกี่ยวกันเว้ย! กูต้องการแค่ต้นคนเดียวเท่านั้น กูรักต้น มึงเข้าใจป่ะ?”

     “เออ กูไม่เข้าใจ! ไอ้ต้นมันแค่อยากนอนกับผู้ชาย ซึ่งมันจะเอากับใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นมึง! มึงเป็นแค่หนึ่งในตัวเลือกของมัน ละมันก็เขี่ยมึงทิ้ง มึงยังจะรักมันอีกเหรอวะ?”

     “เออ! ถึงไงกูก็ยังดีใจที่ต้นเลือกกู กูรู้อยู่แล้วว่าต้นมันแค่อยากลองนอนกับผู้ชาย กูนึกว่ามันแค่อยากรู้ว่าตัวเองเป็นเกย์รึเปล่า แค่นั้นกูก็ดีใจแล้วที่ต้นมันเลือกกู แต่กูไม่รู้ว่าต้นมันจะดราม่านี่หว่า กูรู้แค่ต้นมันไม่ถูกกับพ่อตัวเอง เป็นลูกเมียน้อยทำนองนั้น กูไม่รู้นี่ว่าต้นมันมานอนกับกูประชดพ่อมัน แล้วจะให้กูทำไงวะก็กูรักมันไปแล้ว”

     “มึงนี่ กู่ไม่กลับแล้ว!”

     “เออ! กูกู่ไม่กลับแล้ว”

     “เฮ้ยพวกมึง กูขอพูดไรหน่อยได้ป่ะ?”

     “อะไร!” / “ไรของมึงอีกอาร์ม!”

     สองเสียงสวนขึ้นมาพร้อมกันจนอาร์มสะดุ้ง เขายิ้มแหยๆ ก่อนจะตอบเสียงอ่อย

     “เอาน่ากาย มึงก็ใจเย็นๆ กูไม่เคยเห็นแม็กซ์รักใครมากเท่านี้เลยนะเว้ย มึงควรจะเชียร์เพื่อนนะ”

     “ถ้ามันเสือกไปรักคนดีๆ กูจะไม่ว่าเลย นี่แม่ง!”

     “แต่แม็กซ์มันพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้นะเว้ย มันไม่เกี่ยวว่าต้นจะมีปัญหาอะไร จุดสำคัญอยู่ที่แม็กซ์จะจีบต้นยังไงให้ติดมากกว่า ถ้าแม็กซ์มันจีบติดแค่นี้ก็หมดปัญหาไม่ใช่เหรอวะ? น้ำหยดลงหินไงมึง ต้นมันต้องใจอ่อนกับแม็กซ์บ้างแหละ”

     “ละกูจะคอยดู กูไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบไอ้ต้นจะมีหัวใจ!”

     กายส่งเสียงดูถูกไม่เชื่อคำพูดของเพื่อน ส่งผลให้อาร์มต้องส่ายหน้าเซ็งกับความเกลียดชังแค้นฝังหุ่นของกาย ส่วนแม็กซ์นั้นก็ได้แต่เงียบคิดอะไรในสมองอย่างใจลอย
 
============================================

     สุดสัปดาห์นั้นแทนที่ชัยชัชจะแวะมาหาต้นน้ำแต่เช้าตามสัญญา จนแล้วจนรอดสายโด่งจนเกือบเที่ยงชัยชัชก็ยังไม่โผล่มา ต้นน้ำที่รอแฟนมารับไปเดทแรกเลยเริ่มฉุน เขาตัดสินใจเดินไปเคาะประตูห้องข้างๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอด!

     สภาพของผู้ชายตัวโตหัวฟูที่เดินมาเปิดประตูทั้งชุดนอนทำให้ต้นน้ำเซ็งจนพูดอะไรไม่ออก

     'ให้ตายเถอะ! เราลืมไปได้ยังไงนะว่าพี่ชัชเป็นคนแบบนี้ ไม่น่าหวังไว้เลย เฮ้อ...'

     “แปปนึงนะต้น! ขอพี่อาบน้ำแต่งตัวแปปนึง!”

     “ไม่เป็นไรครับ พี่ชัชไม่ต้องรีบก็ได้ อยากทานอะไรรองท้องรึเปล่าครับ? ผมจะได้ทำให้”

     “ไม่อ่ะต้น! ไว้ไปกินที่ห้างเลย”

     ชัยชัชตะโกนตอบต้นน้ำพลางถือผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำ

     'พลาดได้ไงวะเนี่ย! กูว่ากูตั้งปลุกแล้วนะ'

     ชัยชัชใช้เวลาไม่นานจัดการตัวเอง และแล้วจากผู้ชายสภาพโทรมๆ ก็กลายเป็นผู้ชายดูดีทันตาเห็น ชัยชัชพร้อมแล้วที่จะพาแฟนใหม่ของตัวเองไปประเดิมเดทแรกด้วยกัน

     “มองไรครับ น้องต้น พี่หล่อเกินห้ามใจเหรอครับ?”

     ชัยชัชยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยใส่ต้นน้ำ แต่เด็กหนุ่มกลับยิ้มรับแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

     “ผมกำลังคิดว่าผมมารบกวนพี่ชัชรึเปล่า เมื่อคืนพี่คงกลับดึกน่าดู บางทีพี่ชัชอาจจะอยากพักผ่อนอยู่ห้องมากกว่า”

     “แหม พูดอะไรแบบนั้นกันครับน้องต้น พี่ไม่เหนื่อยเลยครับ”

     'ชิบหาย! ต้นมันเล่นกูอีกแล้ว'

     “ก็ผมเห็นตื่นซะเกือบเที่ยงเลยนี่ครับ”

     “เอ่อ... พี่ว่าเรารีบไปกันดีกว่าครับ เนาะ!”

     'เวร! เดทแรกก็ทำท่าจะไม่รอดแล้วกู ถึงไอ้ต้นมันไม่โวยวายแบบฟ่าง แต่ว่ามันกัดเจ็บชะมัดเลยโว้ย'

     ชัยชัชขับรถพาต้นน้ำไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้คอนโด ทั้งสองหาอะไรง่ายๆ ทานเป็นมื้อกลางวันกันก่อนดูหนัง แต่เหมือนบรรยากาศไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ เพราะมีแต่หนังบู๊แอคชั่นเลือดสาดไม่เหมาะกับเดทแรก มิหนำซ้ำคนยังแน่นโรงจนทั้งคู่ได้แต่ดื่มด่ำไปกับการเพ่งฉากเลือดสาดบนจอภาพยนต์ไม่มีช่วงเวลาดีๆ ให้ชัยชัยได้กุ๊กกิ๊กทำคะแนนเรียกความเชื่อมั่นให้ต้นน้ำหายงอนได้เลย แม้จะอาศัยความมืดในโรงหนังแตะอั๋งทั้งจับมือง้อหรือจุ๊บอ้อนๆ กันแล้วก็ตาม ต้นน้ำกลับแสดงออกอย่างมีวัฒนธรรมด้วยการหันมายิ้มให้อย่างสุภาพแล้วนั่งดูหนังเงียบๆ อย่างที่คนมีมารยาทพึงกระทำในโรงหนัง ชัยชัชเลยนั่งเครียดกลัวแฟนงอนตลอดทั้งเรื่อง เพราะการงอนของต้นน้ำเป็นแบบงอนเงียบ ไม่แสดงอาการใดๆ ให้ง้ออย่างเปิดเผย เล่นเอาชัยชัชจนปัญญา มีปัญหากับวิธีง้อแฟนนิสัยเงียบๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต

     เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และมีงานออกบูธสัตว์เลี้ยงกลางลานน้ำพุ ผู้คนจึงค่อนข้างมาก ชัยชัชเลยชวนต้นน้ำเดินดูบูธขายของแก้เซ็ง(แฟนงอนเงียบ)ตามประสาคนรักสัตว์ โดยหวังว่าเหล่าสัตว์ขนปุยทั้งหลายจะทำให้รอยยิ้มที่หายไปกลับคืนมาบนใบหน้าของต้นน้ำได้บ้าง แต่ลงท้ายคนที่สนุกที่สุดกลายเป็นเขาแทน ต้นน้ำทำแค่เดินตามพลางตอบรับคำสนทนาแบบแกนๆ

     “เฮ้ย! ต้นดูเด่ะ กระต่ายโครตน่ารักเลยอ่ะ”

     “ครับ”

     “เฮ้ย อย่าเอาแต่ครับดิ เบื่อเหรอ?”

     “เปล่าครับ”

     “หน่านะ รู้ว่างอนที่พี่ตื่นสาย แต่เลิกงอนได้แล้วหน่าต้น นานแล้วนะ”

     “ผมเลิกคิดเรื่องนั้นไปตั้งนานแล้วครับ”

     “อ้าว! ก็เห็นเงียบเชียว พี่ก็นึกว่างอนพี่ไม่เลิก”

     'ฮึ๊! รู้ตัวก็ดี!'

     ต้นน้ำไม่ตอบอะไรนอกจากทำสีหน้าเรียบๆ ตวัดตาขึ้นมองค้อนชัยชัช

     “ถ้าไม่ได้งอนพี่แล้วยิ้มหน่อยนะครับที่รัก นะน้าคนดี”

     พอเห็นแฟนสุดที่รักค้อนตอบ ชัยชัชก็ใส่ลูกอ้อนทันที เขาส่งนิ้วก้อยมาเกี่ยวนิ้วของต้นน้ำไม่อายสายตาประชาชีดึงเอามือขาวๆ ของแฟนหนุ่มขึ้นมาจุมพิตเสียงดังฟอดอย่างไม่ขัดเขิน เล่นเอาต้นน้ำอายม้วนต้วนเลิกงอน เด็กหนุ่มรีบเก็บสีหน้าแดงเถือกเดินหนีออกจากลานแสดงสัตว์ไปทางอื่นเพราะความอาย แต่ชัยชัชไม่ปล่อยโอกาสทองไปง่ายๆ ในเมื่อเขาชอบมองสีหน้าตอนเขินของต้นน้ำที่สุด เขาจึงรีบตามไปแหย่ทำคะแนนต่อทันที

     'ใครใช้ให้แฟนพี่หน้าแดงแล้วน่าปล้ำขนาดนี้วะ โครตน่ารักเลยต้นเอ้ย'

     ลูกแกะแสนซื่อตัวนี้ทำให้เขาคันหัวใจอยากรังแกสุดๆ เขาอยากเห็นสีหน้าเขินอายที่ถูกแต่งแต้มสีแดงระเรื่อโดยฝีมือของเขา แต่ในขณะเดียวกันก็อยากปกป้องซับน้ำตาลูกแกะน้อยตัวนี้ไม่ให้มีเรื่องทุกข์ใจใดๆ อีก เขาตั้งใจจะโอบกอดลูกแกะหลงทางตัวนี้อย่างสุดความสามารถ อยากประคับประคองลูกแกะน้อยให้อยู่ในอ้อมกอดของเขาแต่เพียงผู้เดียว

     การจู่โจมของชัยชัชทำเอาต้นน้ำเขินจนไปไม่เป็น นี่เป็นการไปข้างนอกด้วยกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เป็นแฟนกันมา แม้หลังจากที่เป็นแฟนกันแล้วเขาจะโดนพี่ชัชของเขาทำรุ่มร่ามด้วยบ้าง แต่นั่นก็อยู่ในที่ลับ ต้นน้ำไม่คิดว่าชัยชัชจะกล้าแสดงออกอย่างเปิดเผย อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้ชาย เขานึกว่าชัยชัชคงไม่สะดวกใจเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขา ที่ไหนได้ ชัยชัชยังคงมอบรอยยิ้มทะเล้นๆ ให้เขาตามปกติ ความรู้สึกอบอุ่นพองฟูอยู่ในอกทำเอาหัวใจเขาเต้นโครมคราม ต้นน้ำรักพี่ชัชคนนี้มากจริงๆ

     ตอนแรกต้นน้ำเพียงแค่ประทับใจที่ชัยชัชเคยช่วยเหลือ เด็กน้อยแอบมองตามฮีโร่ทุกครั้งที่เจอ เขาอดสนใจใคร่รู้เรื่องของพี่ชายคนนั้นไม่ได้ เวลาได้ยินข่าวคราวหรือเรื่องเล่าต่างๆ ก็เกิดอาการห่วงใยอยู่เงียบๆ ไม่กล้าเปิดเผย เมื่อเห็นสภาพของชายหนุ่มยามอกหักต้นน้ำยิ่งกระวนกระวาย พอได้รู้จักได้ใกล้ชิด ความใจดีของชัยชัชทำให้เขาหลง ความอบอุ่นอันอ่อนโยนของพี่ชายคนนี้ทำให้เขาหลงรักจนถอนตัวไม่ขึ้น เหมือนแมลงเม่าถูกดึงดูดด้วยกองไฟ

     ต้นน้ำหลงรักผู้ชายคนนี้เต็มหัวใจ ชัยชัชทำให้เขารู้สึกราวกับตัวเองเป็นสิ่งล้ำค่าที่ชายหนุ่มเฝ้าทะนุถนอม เขาชอบความรู้สึกนี้ ต้นน้ำชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเวลาเขาอยู่เคียงข้างชัยชัช

     ทั้งสองกระเซ้าเหย้าแหย่กันโดยไม่รู้เลยว่ากำลังถูกใครบางคนจับตามองอยู่!

============================================


ใครอ่านตอนนี้แล้วหมั่นไส้น้องต้นบ้าง? เอ้า! เต็มที่!  :katai2-1:
อนุญาตให้ด่าต้นน้ำได้เต็มที่ รู้นะว่าหมั่นไส้

คิดกันมั้ยว่าจริงๆ แล้วรอบๆ ตัวต้นน้ำนี่มันไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยนะ ถ้าเป็นเรื่องอื่นต้องมีทรูม่าเจ็บช้ำโน่นนี่นั่น ตัวเอกมีบาดแผลในใจใช่มะ?
เรื่องนี้คนเขียนเอากับเค้าด้วยเหมือนกาน แต่จับมันมาทวิสเล็กน้อย กลายเป็นตัวเอกนั่นแหละที่ชอบทำตัวเป็นดราม่าควีน มาม่าไปเอง น่ารำคาญสุดๆ แต่คนประเภทนี้จะไม่รู้ตัวหรอก เขาจะมองแค่ว่าชีวิตตัวเองดราม่ามว๊าก! เจ็บช้ำสุดๆ! ต้นน้ำเป็นคนแบบนั้นแหละ

ปมในวัยเด็กมีส่วน การเลี้ยงดูมีผล แต่! ถ้าต้นน้ำรู้จักคิดบวก ปล่อยวาง หัดทำตัวโลกสวยซะบ้าง ชีวิตฮีคงไม่ดราม่าขนาดนี้
แล้วนิยายเรื่องนี้ก็อาจจะได้เคะสู้ชีวิตยิ้มรับความเศร้าทุกอย่างแบบหน้าชื่นตาบาน เมะก็อาจจะติดใจความเข้มแข็งของฮีอยากเป็นพลังให้อะไรก็ว่าไป ฮ่าๆ
แต่ต้นไม่ใช่ไง น้องต้นเป็นดราม่าควีนเจ้าค่ะ(แล้วคนแต่งก็ตั้งชื่อเรื่องหลอกซะเกาหลี ฮ่าๆ) เรื่องมันก็เลยอีรุงตุงนังตามประสาจอมแอ๊บแบบนี้ เพราะแก่นของเรื่องคือกรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมสนอง ใครทำอะไรก็ได้ผลแบบนั้นแหละ

คนแบบน้องต้น น่ารำคาญ ให้มีเพื่อนแบบต้นน้ำจะเอามั้ย? เชื่อว่าหลายคนคงส่ายหน้า
แต่ในสังคมก็มีคนแบบนี้อยู่เยอะแยะ บางคนอาจจะยกมือร้องว่า "ใช่เลยฉันก็มีเพื่อนแบบนี้ โคตรรำคาญมันเลย" แล้วคุณทิ้งเพื่อนคนนี้ของคุณมั้ย? มีอะไรในตัวเขาที่ทำให้คุณยอมทนทั้งๆ ที่โคตรเบื่อ? นั่นเป็นคำตอบที่เราพยายามเขียน

เราอยากเขียนตัวเอก "เคะ" ที่เย่อหยิ่ง อวดดี ตอแหล น่ารำคาญ ชอบดราม่า ช่างแอ๊บ แอบแรด โกหกเป็นไฟ หลอกใช้คนอื่นหน้าตาย ตัวเอกแบบที่ต่อให้มีปมด้อยคนอ่านก็ยังสงสารไม่ลงจนอยากสมน้ำหน้าด้วยซ้ำว่ามันทำตัวเอง เราอยากเขียนเคะที่เป็นแบบนั้น ... แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นตัวเอกที่คนอ่านละความสนใจไม่ได้ อยากรู้ว่าชีวิตฮีจะเป็นยังไงต่อไป บางคนอาจจะรอสมน้ำหน้า บางคนอาจจะลุ้นเอาใจช่วยด้วยความสงสาร แต่ถ้ามีคนรักฮีบ้างก็คงจะดี เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่คนแบบต้นน้ำต้องการก็คือความรักความสนใจเท่านั้นเอง

แต่มันก็ลำบากนะ มันต้องปั้นพระเอกโง่ๆ มารับกับเคะดราม่าควีนให้ได้ ก็ต้องเขียนให้ต้นน้ำที่โคตรร้ายมีมุมน่ารักๆ จนคนที่อยู่ใกล้ๆ เผลอหลงรักได้ อย่างพี่ชัชอาจจะไม่แปลกเพราะเฮียมีคอนเซ็ปของเฮีย แต่กับแม็กซ์ต้นน้ำต้องมีเคมีอะไรบางอย่างที่ทำให้แม็กซ์หลงให้ได้
ไอ้อาการแสนงอนเอาแต่ใจชอบปากร้ายช่างอาละวาดแบบนั้นเราไม่นับว่าร้ายนะ ต้นน้ำต้องร้ายแบบเลวร้ายจริงๆ แต่คนเกลียดไม่ลงถึงจะเป็นเนื้อเรื่องที่เราต้องการ "ร้ายนะแต่เพราะเค้ามีปม"แบบนั้นมันธรรมดาไปหน่อย มันไม่ได้อารมณ์ แหะๆ

กรุณาอย่าจับคู่ 3P   :ling1: โอเคนะ เพื่อนคือเพื่อน กาย แม็กซ์ อาร์ม อย่าเด็ดขาด!
แต่เชื่อดิ มันต้องมีคนแอบคิดมั่งแหละ ขนาดคนแต่งยังคิดเลย ฮ่าๆ
ไนน์น่ารัก แต่กาย ปากแบบนี้จีบหญิงไม่ติดหรอกลูก... ส่วนพ่อหนุ่มโลกสวยอาร์ม อืม... ในภาคสองคิดว่าต้องมีคนเชียร์ชัวๆ สำหรับแม็กซ์ขานี้ลอยลำ คนกรี๊ดกว่าพระเอกอีก ก็แหง๋สิ! เขียนขึ้นมาเพื่อให้คนกรี๊ด ติดสกิลพระเอกเต็มขั้น หึๆ แต่แม็กซ์ไม่ใช่พระเอก งงแมะ? คิกๆ

ไม่รู้ว่าจะรับได้กับนิยายประหลาดๆ เรื่องนี้รึเปล่า แต่คนเขียนพยายามสุดๆ เลยแหละ
ก็นะ นี่เป็นภาค1 เราลองแต่งนิยายเป็นครั้งแรกเพื่อส่งประกวดอ่ะ แต่แต่งไปแต่งมามันหยุดไม่ได้เลยเขียนภาคสองต่อมาเรื่อยๆ เหมือนๆ ที่เม้นด้านบนกล่าว คือภาค2 ลงอยู่ในเด็กดีไปไกลแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงถ้าภาค1 จบเมื่อไหร่ภาค2 จะมาลงทีนี่แน่ๆ
แอบเขินเหมือนกันแฮะ มีคนรู้จักภาค2 ด้วย แบบ... นิยายเรื่องนี้ขายดราม่าจริงๆ นะเออ  :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 8 -
##### ความลับของเด็กเลี้ยงแกะ #####

     ต้นน้ำเดินเข้าห้องเรียนตามปกติแต่ทว่า

     ‘เกิดอะไรขึ้น! ทำไมทุกคนมองเราแปลกๆ’

     ต้นน้ำรู้สึกถึงบรรยากาศผิดปกติของเพื่อนร่วมห้อง แต่คนอย่างต้นน้ำมีหรือจะสนใจ ถ้าหากไม่มาวุ่นวายกับเขาไม่ว่าจะมองเหยียดหยามจะแอบนินทาหรือด่ากันซึ่งๆ หน้าเขาไม่เคยเก็บไปใส่ใจอยู่แล้ว ต้นน้ำวางกระเป๋าลงบนโต๊ะเตรียมจะหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาทบทวน แต่ยังไม่ทันได้เปิดกระเป๋า แขนของเขาก็ถูกใครบางคนคว้าไปซะก่อน!

     “มานี่!”

     แม็กซ์นั่นเอง  เขาตรงเข้ามาคว้าแขนของต้นน้ำเอาไว้ทำท่าจะใช้กำลังลากต้นน้ำออกไป

     “มีอะไรเหรอแม็กซ์!”

     “ออกไปคุยกันข้างนอก!”

     แม็กซ์กำแขนของต้นน้ำเสียแน่น สีหน้าและแววตาที่แสดงออกมาชวนให้ต้นน้ำรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง!

     ‘แม็กซ์กำลังโมโห!’

     “แม็กซ์ ปล่อยเราก่อน พูดกันดีๆ ก็ได้ เราเจ็บ”

     ต้นน้ำจ้องตาตอบพลางพยายามแกะมือของแม็กซ์ออก เขาฉาบรอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้าเพื่อเอาใจแม็กซ์ แต่หน้ากากของต้นน้ำร้าวเสียแล้ว ต่อหน้าราชสีห์เด็กเลี้ยงแกะกลับโกหกไม่ออก!

     การพยายามทำตัวปกติกลับกลายเป็นพิรุธ! สีหน้าซีดเผือดของต้นน้ำและการไม่หลบตากลับทำให้แม็กซ์ฉุนมากกว่าเดิม แต่แล้วก็มีคนเข้ามายุ่ง

     “หยุดนะ! นายจะพาต้นไปไหน!”

     ไนน์นั่นเอง! ตอนแรกเธอตั้งใจจะเดินมาหาต้นน้ำอยู่แล้วเพื่อถามเรื่องบางอย่าง แต่ดูท่าว่าตอนนี้เธอต้องช่วยต้นน้ำให้พ้นจากหัวโจกตัวร้ายประจำห้องให้ได้เสียก่อน

     “เสือก! เรื่องของกูกับต้น มึงไม่เกี่ยว!”

     ปกติแม้แม็กซ์จะเถื่อนๆ กวนๆ หรือหาเรื่องกัดกับไนน์มากแค่ไหน แต่เขาไม่เคยหยาบคายใส่ผู้หญิงถึงขั้นนี้ ต้นน้ำรู้แล้วว่าคราวนี้แม็กซ์ฟิวส์ขาดจริงๆ เพียงแต่เขานึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายโมโหด้วยเรื่องอะไร

     “ไอ้บ้าแม็กซ์! เกินไปแล้วนะ มีสิทธิ์อะไรมาด่าเค้า ปล่อยต้นเดี๋ยวนี้!”

     โดนแม็กซ์ด่ากราดเข้าไปไนน์เองก็ไม่อยู่เฉย เธอพุ่งมายื้อแขนเด็กหนุ่มทั้งสองไว้ทันที เด็กสาวพยายามจะแกะคีมเหล็กที่งับอยู่บนข้อมือของเพื่อนเธอ

     “เอ๊ะ! อิ-”

     เมื่อเห็นดังนั้น ต้นน้ำจึงกลัวว่าแม็กซ์จะทำอะไรรุนแรง เขารีบบอกปัดไนน์แล้วหันมาใช้น้ำเย็นเข้าลูบคู่กรณี

     “พอก่อนนะไนน์เราจัดการเองได้ แม็กซ์ปล่อยเราก่อนเถอะ เราเจ็บจริงๆ นะ ไว้มีอะไรค่อยคุยกันตอนอื่นก็ได้นี่ จะเข้าแถวแล้ว”

     “สำออยว่ะ ไอ้ตุ๊ดเอ้ย!”

     เป็นกายนั่นเองที่สอดเข้ามา เขาตรงเข้ามาดึงตัวไนน์ออกไป เปิดทางให้แม็กซ์ใช้กำลังกับต้นน้ำได้เต็มที่ แถมยังวางระเบิดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามต้นน้ำ

     “เธอเองก็เหมือนกัน อย่าไปยุ่งเรื่องผัวเมียเลยน่า คนเขาจะเคลียร์กัน”

     วินาทีนั้นต้นน้ำรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว!

     'กายรู้ได้ยังไง!?!'

     ต้นน้ำหันไปมองหน้าแม็กซ์เพื่อหาคำตอบแต่สิ่งที่ได้รับมีเพียงสายตาเย็นชา

     “นายหมายความว่ายังไง!”

     ไนน์ถามขึ้นด้วยเสียงที่ดังจนเกือบเป็นเสียงกรี๊ด

     “หมายความว่ายังไงเธอไม่ลองถามเพื่อนเธอดูเองอ่ะ เธอเองก็เคยได้ยินกับหูไม่ใช่เหรอ ว่ามันชอบผู้ชาย”

     กายเยาะเย้ยกลับแถมยังประกาศข้อมูลลับนี้กลางห้องแบบกะเอาให้คนอื่นรู้กันทั่ว

     “ไอ้ต้นมันเป็นเมียแม็กซ์ตั้งนานแล้ว ตอนแรกก็นึกว่ามันไม่กล้าบอกใครเพราะอายที่เป็นเกย์ ที่ไหนได้ แม่งเห็นเงียบๆ ติ๋มๆ เสือกร่าน ลับหลังเพื่อนกูก็ให้ท่าผู้ชายคนอื่นไปทั่ว”

     “นายพูดอะไรน่ะกาย! ถึงนายจะเกลียดเราแค่ไหนก็อย่าพูดอะไรที่ทำให้เพื่อนตัวเองเสียหายสิ นายพูดแบบนี้ก็เหมือนด่าแม็กซ์ไปด้วยนะ”

     ต้นน้ำเริ่มร้อนรนจนหาเหตุผลดีๆ มาปฏิเสธคำพูดของกายไม่ออก ได้แต่พูดจาเฉไฉไปเรื่อย

     “แม็กซ์ไม่เสียหายหรอกต้น ก็มันเรื่องจริงนี่ แม็กซ์สารภาพรักกับต้นไปแล้ว เรื่องที่เราได้กันก็จริง แม็กซ์ไม่แคร์หรอก แต่เรื่องที่ต้นโกหกต่างหากที่แม็กซ์แคร์!”

     น้ำเสียงเอื่อยๆ ของแม็กซ์ที่แสดงท่าทีไม่ยี่หระได้แปรเปลี่ยนเป็นเสียงตะคอกดุดันในตอนท้าย แม็กซ์เจ็บจนจุก เขาพึ่งรู้วันนี้เองว่าการที่ถูกคนที่ตนรักเห็นเป็นของเล่นมันรู้สึกเช่นไร

     “เราโกหกอะไรนาย”

     แต่ต้นน้ำก็ยังคงเป็นต้นน้ำ เด็กหนุ่มพยายามเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเช่นเดิม เขาคิดว่าถ้าครั้งนี้ตนพยายามนิ่งเข้าไว้ ท้ายที่สุดแล้วเรื่องมันก็จะผ่านไป เดี๋ยวเรื่องมันก็จบเอง

     “โห! ยังจะเล่นบทใสซื่ออีกนะมึง! คนเขาเห็นกันทั่วแหละ เมื่อวานนี้มึงเดินอยู่กับใครล่ะ? คนรู้จักแถวบ้านมึงเขาจูบกันด้วยเหรอ”

     คำพูดของกายทำให้โลกของต้นน้ำเหมือนอุณหภูมิติดลบ! ความเย็นเยียบแผ่นขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้าไปจนจรดศีรษะ เขารู้สึกถึงรสขมปร่าที่เอ่อล้นขึ้นมาในลำคอ ในหัวมันวูบจนเกิดอาการหน้ามืดแทบยืนไม่อยู่!

     แม้จะรู้สึกแย่มากขนาดไหน แม้จะหน้าชาเพียงไร แต่ต้นน้ำก็ยังคงตีหน้าซื่อแล้วเค้นเสียงออกไปจนได้

     “นายพูดอะไรน่ะ เราไม่เข้าใจ”

     “ยังจะปฏิเสธอีกเหรอต้น ต้องให้คนอื่นเป็นพยานด้วยมั้ย? ต้นคงไม่รู้ว่าเมื่อวานอาร์มกับแฟนไปดูหนังที่เดียวกับต้นมั้ง แต่พอดีว่าแม็กซ์จริงจังกับต้นมากจนบอกพวกมันไปแล้วว่าแม็กซ์รักต้น”

     ต้นน้ำมองหน้าแม็กซ์แบบไม่อยากจะเชื่อ!

     “ใช่! แม็กซ์เล่าทุกอย่างให้พวกมันฟังแล้ว ทุกเรื่องรวมถึงเรื่องนั้นด้วย พวกมันรู้แล้วว่าแม็กซ์กำลังจีบต้นอยู่ ไอ้อาร์มมันถึงได้โทรมาบอกแม็กซ์ไง แม็กซ์เลยได้ไปเห็นต้นอยู่กับคนอื่นทั้งๆ ที่ต้นอ้างว่ายังไม่คิดจะมีใครปฏิเสธแม็กซ์มาตลอด!”

     “เรื่องนี้ไปคุยกันข้างนอกดีมั้ยแม็กซ์”

     “อายอะไรเหรอต้นจะมาอายอะไรตอนนี้! ทีต้นทำแบบนั้นกับผู้ชายคนอื่นอ่ะ ไม่อายบ้างเหรอ? จูบกันกลางห้าง! แล้วบังเอิญนะต้น เมื่อวานมีเพื่อนห้องเราหลายคนนัดไปดูหนังกันที่นั่น แต่ต้นคงไม่ได้สังเกตใครมั้ง ก็มัวแต่จู๋จี๋อยู่กับมัน!”

     ทันทีที่แม็กซ์ตวาดใส่ ต้นน้ำก็โกรธจัดจนลืมตัวเผลอตะโกนสวนกลับไปเช่นกัน ที่เขาพยายามอดทนมาตลอดไม่ใช่ว่าเขาโกรธใครไม่เป็นหรือไร้ความรู้สึกเสียหน่อย เขาก็แค่พยายามอดทนไม่อยากให้มีเรื่องมีราว แต่คนอย่างต้นน้ำถ้าถูกรุกมากๆ เขาก็ไม่มีถอยเหมือนกัน และคนอย่างเขาไม่เคยคิดจะถอยอย่างสงบเสียด้วย!

     “เราไม่ได้อาย! เราไม่แคร์อยู่แล้ว ยังไงพวกนายก็คอยแต่จะเรียกเราว่าตุ๊ดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ที่เราอยากคุยกับนายแค่สองคนเพราะนั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของเราต่างหาก!”

     “เออใช่ดิ! แม็กซ์ลืมไป! ต้นอยากเป็นเกย์ประชดพ่อตัวเองอยู่แล้วนี่ ต้นไม่แคร์ไรอยู่แล้ว เพื่อตัวเองคนอื่นจะเป็นไงก็ช่าง ต้นใช้แม็กซ์เป็นไม้กันยัยเตี้ยนั่นอยู่แล้วนี่”

     “หมายความว่าไง?”

     เมื่อถูกพาดพิง ไนน์ก็อดทนสงบปากไว้ไม่อยู่ เด็กสาวร้องถามทั้งๆ ที่ยังถูกขังอยู่ในวงแขนของกาย

     ถึงแม้เหตุการณ์ในร้านกาแฟระหว่างต้นกับพี่ษาทำให้เธอได้ยินเรื่องที่ต้นน้ำชอบผู้ชาย แต่เธอก็ยังหวังไว้ว่านั่นอาจจะเป็นการพูดประชด เธอพอจะรู้ว่าไม่มีหวังที่จะได้ไปอยู่ในใจของต้นน้ำ แต่ถ้าถึงขั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาต้นไม่ได้คิดจริงใจกับเธอในฐานะเพื่อนแล้วละก็... เธอไม่ชอบใจเลยจริงๆ

     “ก็หมายความว่าต้นไม่มีวันชอบเธอไงยัยเตี้ย! แล้วไอ้เรื่องที่เธอพยายามให้มันยอมรับพ่อตัวเองก็ด้วย แต่มันไม่กล้าบอกเธอตรงๆ ว่ารำคาญไงเลยใช้เรา เพราะเราชอบหาเรื่องเธอ ให้เราคอยกันเธอออกไปห่างๆ มัน”

     “มากเกินไปแล้วนะแม็กซ์ นั่นมันเรื่องส่วนตัวของเรา!”

     เขาไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนทุกคนพร้อมกันนะ! ทำไมแม็กซ์ถึงต้องลากไนน์เข้ามาเกี่ยวด้วย!

     “เออ! เรื่องส่วนตัวของต้นที่ลากแม็กซ์เข้าไปยุ่งด้วย พอใช้เสร็จแม็กซ์ก็ไร้ค่าแล้วใช่มั้ยต้น ทั้งๆ ที่แม็กซ์จริงจังกับต้นแต่ต้นเคยจริงใจกับแม็กซ์บ้างมั้ย? ถามจริงเหอะหัวใจต้นทำด้วยอะไร ชีวิตนี้เคยจริงใจกับใครบ้าง!”

     แม็กซ์กระชากตัวต้นน้ำมาตะคอกใส่ แรงบีบบนไหล่ทั้งสองข้างหนักมากจนต้นน้ำเจ็บ เขาตกใจทำอะไรไม่ถูก ทั้งกังวลทั้งกลัวจนรู้สึกถึงหยดน้ำที่เริ่มไหลลงมาบนโหนกแก้มของตัวเอง ต้นน้ำพยายามจะอ้าปากเอ่ยอะไรสักอย่างกับแม็กซ์ แต่เสียงของเขากลับไม่ยอมหลุดออกมาจากคอ พอพยายามเปล่งเสียงมากขึ้นก็มีแต่เสียงสะอื้นที่เล็ดรอดมาแทน

     สถานการณ์ตึงเครียดที่แม็กซ์ระเบิดออกมากลางห้องทำเอาหลายคนพูดไม่ออก ทุกคนรู้ว่าแม็กซ์เกเรอารมณ์ร้อน แต่ไม่เคยมีใครเห็นแม็กซ์มีสีหน้าเจ็บปวดราวกับจะร้องไห้เวลามีเรื่องกับคนอื่น ภาพที่เห็นตอนนี้จึงเป็นเรื่องชวนตกใจสำหรับคนในห้อง หลายคนกำลังลุ้นเรื่องชาวบ้าน และมีอีกหลายคนที่ยังสับสนงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก

     แม้จะโชคดีที่ในห้องเรียนมีคนไม่มากเพราะใกล้เวลาเข้าแถว แต่ในไม่ช้าเรื่องนี้จะต้องแพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียนแน่นอน ต่อให้ต้นน้ำไม่ใส่ใจกับข่าวเสียๆ หายๆ ที่คนอื่นอาจเอาไปนินทากันสนุกปาก แต่เรื่องที่แม็กซ์กำลังอาละวาดอยู่ตอนนี้ ต้นน้ำไม่ใส่ใจไม่ได้จริงๆ เขารู้ดีว่าแม็กซ์ไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ แน่ ต้นน้ำทั้งกลัวทั้งสงสารแม็กซ์ เขาทั้งกังวลและเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป แววตาของคนตรงหน้ามีแต่ความเจ็บปวดอย่างที่ต้นน้ำไม่เคยเห็นมาก่อน แม็กซ์ถึงขั้นหลั่งน้ำตาร้องไห้แบบไม่มีเสียง!

     เขาเผลอยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่งเข้าแล้ว! ใครจะคิดว่าแม็กซ์จะรักเขาเข้าจริงๆ ต้นน้ำได้แต่ยืนนิ่งชาไปทั้งตัว ทำอะไรไม่ถูก แม้แต่คำว่าขอโทษเขายังพูดไม่ออก

     “เฮ่ย! กูว่าพวกมึงมีอะไรค่อยๆ เคลียร์กันดีกว่ามั้ย? ต้นมันกลัวมึงจนทำไรไม่ถูกแล้วแม็กซ์ นะได้เวลาเข้าแถวแล้วด้วย”

     เป็นอาร์มนั่นเองที่สอดขึ้น เขาพยายามเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์เพราะเห็นท่าไม่ดี

     “เรื่องของพวกมึงสองคนก็ไปเคลียร์กันสองคนเหอะกูขอ พวกมึงจะเปิดเผยหรือจะแอ๊บก็แล้วแต่ กูไม่รังเกียจมึงหรอก แต่คนที่เขารักกันจริงๆ เขาไม่หักหน้ากันแบบนี้นะเว้ยแม็กซ์”

     ทั้งๆ ที่อาร์มพยายามจะเตือนสติแม็กซ์ แต่กายกลับสอดปากเข้ามาทำให้เรื่องมันแย่ไปกว่าเดิม

     “แล้วมึงเห็นที่ต้นมันตีหน้าซื่อมั้ยวะอาร์ม มึงไม่แค้นแทนเพื่อนมึงบ้างเหรอที่โดนไอ้ต้นปั่นหัว”

     'ไม่สิ เพราะมันนี่แหละปากสว่าง ถ้ากายมันไม่พูดขึ้นมา ต้นกับแม็กซ์มันคงไปคุยกันดีๆ แล้ว'

     “มึงเงียบไปเลยกาย ถึงกูกับมึงจะเป็นเพื่อนแม็กซ์แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าไปยุ่งได้นะเว้ย นั่นมันปัญหาของไอ้แม็กซ์กับต้น ให้พวกมันไปเคลียร์กันเอง มึงอ่ะอยู่เฉยๆ เลยไอ้ตัวชง คนอื่นๆ ก็ด้วย เลิกเสือกกันได้แล้ว แยกย้ายๆ เดี๋ยวสอบเสร็จจบ ม.6 ก็ไม่ได้เจอกันแล้ว พวกมึงก็รักกันไว้หน่อยดิวะ จะเกลียดกันไปถึงไหน”

     ท้ายประโยคนั้นเหมือนจงใจส่งไปให้ใครอีกคนที่ช่วงหลังหนีออกจากกลุ่มตั้งแต่ที่รู้ว่าแม็กซ์ชอบต้น และเมื่อปาล์มได้ยินอาร์มพูด สายตาขุ่นเคืองจึงถูกส่งมาปะทะกับพ่อคนอารมณ์ดีทันที แต่คราวนี้อาร์มกลับทำสีหน้าจริงจังจ้องกลับไปจนปาล์มทนไม่ไหวเดินหนีออกไปนอกห้อง

     เรื่องมันวุ่นวายจนต้นน้ำแทบรับไม่ไหว แม้จะตั้งใจว่าอยากทำให้ผู้เป็นพ่อต้องพบกับความอับอายจากการที่ลูกชายเป็นเกย์ แต่ผลที่เขาต้องการคือให้พ่อของเขาเป็นฝ่ายต้องอับอาย ไม่ใช่ตัวเขาเอง! ต้นน้ำไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจรับการถูกขุดคุ้ยเรื่องตัวเองมาแฉกลางห้องเรียนเช่นนี้ แล้วไหนจะปัญหาที่พัวพันติดค้างอยู่กับแม็กซ์อีก แม็กซ์มอบความรู้สึกให้มากเกินกว่าที่เขาต้องการ

     ต้นน้ำคิดว่าตัวเองไม่ใส่ใจสายตาดูถูกล้อเลียนที่คนอื่นๆ มองว่าตนเป็นตุ๊ด แต่สายตาที่เพื่อนในห้องส่งมาเวลานี้มันอึดอัดกว่าที่เขาคิด ต้นน้ำไม่กล้าหันไปสบตาใครและไม่รู้ว่าเพื่อนแต่ละคนคิดกับเขาแบบไหน เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างแรงกดดันมหาศาลจริงๆ 

     และทันใดนั้น จู่ๆ แม็กซ์ก็รู้สึกถึงแรงฉุดจากน้ำหนักตัวของต้นน้ำที่ร่วงลงไป ต้นน้ำเป็นลม!

     “เฮ้ย ต้น!”

============================================

     ต้นน้ำลงจากรถโดยมีสารธารช่วยพยุง เขาหน้าซีดจนสายธารนึกห่วง สองแม่ลูกช่วยประคับประคองซึ่งกันและกันไปยังห้องพักที่เปรียบเสมือนรังน้อยๆ ของตน คอนโดที่แลกมาด้วยเงินเก็บเกือบทั้งชีวิตของสายธารก็เพื่อสถานที่ๆ จะกลายเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับเธอและลูกนี่แหละ เธอทำได้เพียงวางรากฐานให้เท่านั้นที่เหลือก็เป็นเรื่องที่ต้นน้ำต้องขวนขวายต่อเอาเอง

     สายธารส่งลูกชายเข้าห้องก่อนจะหาชุดอยู่บ้านมาให้เปลี่ยน เธอบังคับให้ต้นน้ำทานยาแล้วนอนพักผ่อน แม้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแต่การที่จู่ๆ มีโทรศัพท์มาบอกว่าลูกชายเธอเป็นลมหัวฟาดโต๊ะก็ทำให้เธอตกใจ ต้นน้ำไม่ใช่เด็กขี้โรคกลับไม่สบายจนขอลาครึ่งวัน ลูกขอร้องให้เธอไปรับที่โรงเรียน แล้วเอาแต่เงียบไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ทั้งเรื่องที่ตัวเองเป็นลมหรือเรื่องที่ขอกลับก่อนครึ่งวัน แบบนี้มันผิดปกติวิสัยของเจ้าตัวชัดๆ ปกติแล้วต้นน้ำที่เธอรู้จักมักจะทำตัวประหนึ่งเข้มแข็งเสียเต็มประดา แต่ตอนนี้ต้นน้ำราวกับคนอ่อนแอไม่มีแม้แต่แรงจะเสแสร้งแกล้งทำเป็นร่าเริงตามปกติ

     “ขอโทษนะครับ เลยต้องลำบากแม่เลยทั้งๆ ที่แม่พึ่งกลับมาถึงแท้ๆ”

     “พูดไรแบบนั้นละต้น แค่ไปรับลูกกลับบ้านนี่แม่ไม่ลำบากหรอก”

     “ขอบคุณครับ”

     ต้นน้ำมองมารดาของตนพลางกล่าวขอบคุณ สายตาที่แสดงออกถึงความรักและเทิดทูนทำให้สายธารอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปลูบหัวลูกชายตัวดีเบาๆ

     “นอนซะ แล้วเดี๋ยวตื่นมาอยากทานอะไรแม่จะทำให้ แม่เองก็จะไปนอนต่อแล้วเหมือนกัน”

     “ครับ”

     ต้นน้ำรู้สึกแย่สุดๆ เขาปวดหัวมาก ดูเหมือนตอนที่เป็นลมศีรษะจะไปฟาดเข้ากับขอบโต๊ะ แม้จะโชคดีที่หัวไม่แตกแต่ว่ามันก็เจ็บเอาการ พักนี้คงถึงคราวซวยของเขาแล้วจริงๆ เขาไม่เคยเจอปัญหารุมเร้าเช่นนี้มาก่อน ไหนจะเรื่องสอบที่เขาต้องคร่ำเคร่งปวดหัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแล้วเขายังต้องผจญกับเรื่องงี่เง่าของผู้ชายคนนั้นอีก แค่นี้ก็มากจนทำให้เขาเซ็งสุดๆ แล้ว นี่เขายังมีปัญหากับเพื่อนสนิทที่โรงเรียนอีกหรือ?

     'นี่พอจะเรียกว่าเป็นการทะเลาะกับเพื่อนสนิทได้มั้ยนะ? ไม่สิเรากับแม็กซ์ไม่ได้เป็นเพื่อนกันนี่'

     ตลอดเวลาที่ผ่านมาต้นน้ำไม่กล้าเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับใครลึกซึ้งจนเรียกว่าเพื่อนสนิท เขาสูญเสียและเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธโดยผู้คนรอบข้าง นานวันเข้าต้นน้ำก็เรียนรู้ว่าคนเราต่อให้ไม่มีเพื่อนก็ยังดำเนินชีวิตอยู่ได้ เขาเก็บความเหงาของตัวเองไว้รอวันที่ใครสักคนจะมองเห็น แม็กซ์เป็นคนแรกที่เข้ามาในโลกของต้นน้ำ อย่างน้อยแม็กซ์ก็รู้อะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับเขา ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจแม็กซ์รู้ทั้งหมด รวมถึงเรื่องบางอย่างที่เขาเคยเปิดเผยให้แม็กซ์ฟังด้วยความตั้งใจของตัวเอง แต่แม็กซ์ไม่เคยรังเกียจ

     แม้สิ่งที่ต้นน้ำทำก็เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับแม็กซ์ แต่อย่างน้อยๆ นั่นก็เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เข้ามาในโลกของเขาได้ ต้นน้ำไม่คิดเลยว่าการกระทำของตนจะก่อให้เกิดผลกระทบถึงขั้นนี้ จริงอยู่เขาอาจจะหลอกใช้แม็กซ์เพื่อสนองความต้องการบางอย่าง แต่นอกจากเรื่องนั้นแล้วเขาไม่เคยโกหกหลอกลวงอะไรอีกเลย มิตรภาพดีๆ เรื่องอื่นๆ ที่เกิดขึ้น ทุกอย่างเขาทำไปโดยบริสุทธิ์ใจทั้งสิ้น เพียงแต่... ใครจะไปรู้ล่ะว่าแม็กซ์จะเกิดหลงรักเขาเข้าจริงๆ

     ต้นน้ำไม่ชอบที่แม็กซ์ทำตัวเป็นเจ้าของเจ้าของเขาเลย มันทำให้เขาอึดอัด แม้ต้นน้ำไม่ค่อยชอบแม็กซ์คนที่ชอบพูดจาห้วนๆ หยาบคายกับเขา แต่แม็กซ์ที่เว้นระยะห่างให้เขาได้หายใจคนนั้นอยู่ด้วยง่ายกว่าแม็กซ์คนที่หลงรักเขา ต้นน้ำไม่แน่ใจว่าแม็กซ์เริ่มรู้สึกเกินเลยกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะมัวแต่สนใจว่าแม็กซ์จะลงมือกับเขาเมื่อไหร่มากกว่า เขาคิดว่ามันก็แค่เล่ห์เหลี่ยมที่แม็กซ์ใช้เพื่อทำให้เขายอมนอนกับแม็กซ์ง่ายๆ เขาไม่รู้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่แม็กซ์ทำมันมาจากความรู้สึกไม่ใช่เพียงแค่ความต้องการ แต่มันไม่ใช่ความต้องการของเขา! เขาไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ เขาไม่อยากให้มันมีอะไรเกินเลยมากไปกว่านี้เพราะในตอนนี้เขามีแต่พี่ชัชอยู่เต็มหัวใจ!

     ต้นน้ำไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร เขารู้ดีว่าแม็กซ์คงโกรธมากที่โดนปั่นหัวแบบนี้ แม็กซ์ไม่ได้โกรธที่เขาหลอกใช้แต่แม็กซ์แค้นที่เขามีคนอื่น แม็กซ์ต้องการครอบครองเขา และเขารู้ดีว่าแม็กซ์จะไม่หยุดถ้ายังไม่ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ แต่เขาไม่สามารถให้ในสิ่งที่แม็กซ์ต้องการ เพราะเขาไม่ได้ชอบแม็กซ์ เขารักพี่ชัช

     หากตอนนั้นเขากล้าปฏิเสธแม็กซ์ไปตรงๆ ว่าเขารักคนอื่นแล้วมันจะดีกว่านี้หรือเปล่านะ? แม็กซ์จะได้ไม่รู้สึกว่าโดนเขาหักหลังเอาแบบนี้ เขาจะต้องหาวิธีคุยกับแม็กซ์ให้รู้เรื่อง ต้นน้ำไม่ชอบเรื่องยุ่งยากแบบนี้เลยจริงๆ ถ้าเขาไม่ได้รู้สึกดีๆ กับแม็กซ์ก็คงจะดี เขาจะได้เขี่ยอีกฝ่ายทิ้งโดยไม่ต้องใส่ใจความรู้สึกของกันและกัน…

============================================

ต้นแคร์แม็กซ์ มาก แต่ต้นไม่ได้รักแม็กซ์

อูย... ดุเดือด สิงห์ปะทะมังกร! สงสารใครมากกว่ากันเอ่ย? ระหว่างต้นกับแม็กซ์?

ต้องมีคนสะใจแน่ๆ คนแต่งเชื่อแบบนั้น มันต้องมีคนสะใจสมน้ำหน้าต้นน้ำแน่ๆ เพราะฮีร้ายซะขนาดนั้น แต่ถ้าสงสารน้องต้นก็จะดีมากๆ เลย ต้นน้ำแค่เลือกวิธีผิดเท่านั้นแหละ ก็เด็กอะนะ จะเอาไรมาก คิดอะไรง่ายๆ อยากแก้แค้น แต่พอมันเกินควบคุมก็รับไม่ไหว ซึ่งคนแบบนี้ก็มีอยู่เยอะจริงๆ ประเภท "ตอนทำไม่คิดพอทำผิดแล้วรับไม่ได้"

พยายามเขียนคาแรคเตอร์หลายๆ แบบ ทั้งกายและไนน์แล้วก็อาร์ม เป็นสีสันแก่เรื่องจริงๆ
ไม่ว่าสิ่งที่กายทำจะเพราะรักเพื่อนหรือความเกลียดชังแอบแฝง แต่มันก็ทำให้เรื่องแย่ลง คนสมัยนี้มีแบบนี้เยอะ เห็นคนที่ตัวเองเกลียดล้มแล้วต้องขอช่องเข้าไปร่วมกระทืบ มันเจ็บจี๊ดจริงๆ
ส่วนหนุ่มอาร์ม แม้จะหวังดี คิดดี แต่บางทีก็คิดน้อย แต่โดยรวมก็โอเคแหละ ...

แบบ... นิยายเรื่องนี้มีแต่ตัวละครขาดๆ เกินๆ เทาเข้มมาแทบทุกตัว คนแต่งพยายามจับคาแรคเตอร์บางอย่างในสังคมที่เราเห็นกันจนชินตาออกมาปรุงแต่งเป็นคาแรคเตอร์ในเรื่อง อย่างแม็กซ์นี่เกิดมาเพื่อเป็นพระเอก แม็กซ์จะคล้ายกับพระเอกในนิยายวายทั่วๆ ไปที่ออกแนวแบดๆ หน่อย ส่วนพี่ชัชถูกเขียนให้ดูเป็นคนธรรมดาๆ เอาตรงๆ ก็คือผู้ชายประเภทหนึ่งที่เอี๊ยเอี้ยแต่ก็ยังมีคนทนมันอยู่ได้ และคำตอบมันก็จะอยู่ในตอนท้ายของเรื่อง คิกๆ แต่แบบ... ภาคแรกตัวละครน้อย เขียนแบบแอ๊บๆ ไม่มันเท่าไหร่ ขึ้นภาค2นี่แหละสนุก คนเขียนสาดไปไม่ยั้ง ได้สร้างคาแรคเตอร์หลายๆ แบบจนสะใจเลย 55 นิยายวายมันจะกลายเป็นโชเน็นรักเพื่อนอยู่ละ แค่ตัวเอกเป็นน้องต้น เหอะๆ

ฝากผลงานบ้าๆ เรื่องนี้ไว้ในหัวใจนักอ่านทุกท่านด้วยน้า ดีใจมากๆ ที่ยังมีคนหลงเข้ามาอ่าน คนแต่งสัญญาว่าจะอัพเร็วๆ จ้า อีกไม่นานก็จะจบภาคแรกแล้วล่ะ เหอะๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ขุ่นแม่มาแล้ว!


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     “ก๊อกๆ”

     เสียงที่ดังมาจากหน้าห้องเรียกให้ชัยชัชไปเปิดประตู เขาพึ่งเสร็จงานกลับถึงคอนโดไม่นานนัก ต่อให้โชคดีเสร็จงานตั้งแต่เที่ยงได้กลับมาพักผ่อนแต่เขาก็ยังไม่ได้ทานข้าวกลางวัน อาหารเหลือจากการเลี้ยงหมอที่อุตส่าหอบกลับมาจึงยังวางรออยู่บนโต๊ะ ชัยชัชตั้งใจว่าจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวเสียก่อน แต่ยังไม่ทันได้อาบน้ำเสียเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น

     “คร้าบ มาแล้วครับ อ้าวพี่น้ำ?”

     แม้จะแปลกใจที่ผู้มาเยือนคือคุณแม่คนสวยของแฟนคนล่าสุด แต่ชัยชัชก็เปิดประตูให้เธอเข้ามา เขาเบี่ยงตัวหลบให้สายธารเดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยทักทาย

     “มาไงครับเนี่ย”

     “พี่เอาข้าวกลางวันมาเผื่อ”

     สายธารยกชามสลัดที่นำมาด้วยอวดชัยชัชพลางยิ้มให้อย่างน่ารัก

     “โอ้โห! ลาภปากผมแล้ว วันนี้จะได้ชิมฝีมือพี่น้ำซะที เห็นต้นมันบอกว่าพี่น้ำทำสลัดอร่อยสุดๆ ซะด้วย”

     “พอเลยนายชัชก็ ชมพี่แบบนี้เดี๋ยวถ้าไม่อร่อยขึ้นมาก็เสียหน้าแย่”

     สายธารหันไปมองค้อนชัยชัชอย่างมีจริตพลางวางชามสลัดที่เธอเอามาด้วยลงบนโต๊ะอาหาร

     “โธ่ ฝีมือลูกยังอร่อยขนาดนั้น แล้วคุณแม่ผู้ถ่ายทอดวิชาจะไม่อร่อยได้ยังไงละคร๊าบ”

     “นายนี่ก็ปากหวานจริงนะ ชอบหยอดคนอื่นแบบนี้สาวๆ คงติดตรึมล่ะสิ พี่ชักห่วงแล้วซิ”

     อาจเพราะพี่น้ำของเขาทิ้งท้ายไว้อย่างมีจริตพลางทำหน้าอมยิ้มมองเขาด้วยสายตารู้ทัน ชัยชัชจึงออกอาการงงๆ ตามไม่ทัน ได้แต่หยอดไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่รู้เลยว่าคำตอบของสายธารจะทำให้เขาสะดุ้งจนพูดอะไรไม่ออก

     “ห่วงอะไรเหรอครับ?”

     “แหม ก็ห่วงว่าลูกชายพี่จะตามคนอย่างชัชทันรึเปล่าน่ะสิ ถ้าเกิดนายแอบไปมีกิ๊กขึ้นมา น่ากลัวว่าลูกชายพี่คงตามนายไม่ทัน”

     “พะ พะ พี่น้ำก็ เหอะๆ พูดอะไรครับเนี่ย”

     “ไม่ต้องตกใจไปหรอกย่ะ! คิดว่าจะปิดพี่ไปได้นานแค่ไหนฮึ? พี่ว่าจะคุยกับนายหลายทีแล้ว แต่ไม่มีโอกาสซักที”

     'เวรแล้วไง! พี่น้ำจะฆ่ากูมั้ยวะ? แล้วพี่เค้ารู้ได้ไงวะ? หรือว่าไอต้นมันบอก?'

     “หน้าซีดเป็นไก่ต้มเลยนะ ไปๆ ไปเอาจามเอาชามมา แล้วไปช่วยพี่ยกกับข้าวที่เหลือจากห้องพี่มาด้วย วันนี้พี่จะมาทานมื้อเที่ยงที่ห้องนาย อ้อ! ตอนไปห้องพี่เบาๆ ด้วยล่ะ ตาต้นหลับอยู่”

     แม้จะกำลังตกใจกับความเผด็จการของแม่ยาย แต่ชัยชัชก็อดเงี่ยหูฟังไม่ได้ เขาแปลกใจขึ้นมาทันที

     “ต้นอยู่ห้องเหรอครับ?”

     “จ้ะ ไม่สบาย หลับอยู่ ท่าทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ตอนแรกพี่ก็นึกว่าทะเลาะกับนายซะอีก แต่เห็นชัชเขินแบบนี้ พี่เดาว่าก็คงเรื่องอื่นละมั้ง”

     สายธารยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะเงียบไป

     'ดูท่าวันนี้เราคงต้องเล่าให้นายชัชฟังซะแล้ว อย่างน้อยๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้นตาต้นจะได้มีคนช่วยดูแล พักหลังนี้ตาต้นทำแรงเกินไปแล้ว'

     ทั้งสองคนตั้งสำรับกันที่ห้องของชัยชัช แน่นอนว่าคุณนายสายธารไม่พลาดที่จะเปิดแอลกอฮอล์เย็นๆ ทานแกล้มกัน สายธารทานอาหารไปชวนคุยไปเรื่อยสร้างความคุ้นเคยกันก่อนที่จะหาจังหวะเหมาะๆ ชักชวนเข้าสู่บทสนทนาสำคัญ ด้านชัยชัชเองหลังจากที่ตื่นตกใจในตอนแรก แต่พอเห็นท่าทีที่ไม่เปลี่ยนไปของสายธารเขาก็เบาใจขึ้น ในเมื่อแม่ยายกล้าบุกมาขนาดนี้ เขาก็จะทำตัวเป็นลูกเขยที่ดีตั้งรับให้สมน้ำสมเนื้อหน่อยก็แล้วกัน!

     “ว่าแต่ พี่น้ำรู้ได้ยังไงครับเนี่ย เรื่องของผมกับต้น”

     “เฮอะ! เรื่องของนายน่ะเหรอ มันจะไปยากอะไร๊ ก็ตาต้นน่ะ ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วเงียบๆ เรียบร้อยจะตาย ไม่ค่อยสนใจใคร เพื่อนก็น้อย เพื่อนสนิทนี่แทบจะไม่มี พี่เองก็กลุ้มใจอยู่นะ ว่าเป็นเพราะพี่เลี้ยงลูกไม่ดีรึเปล่า ตาต้นถึงไม่เคยพูดถึงเพื่อนให้พี่ได้ยินบ้างเลย แต่พอช่วงหลังๆ ที่พี่เห็นเขาสนิทกับแฟนเก่านายนั่นแหละ พี่ยังนึกอยู่เลยว่าสงสัยลูกชายพี่จะชอบสาวแก่กว่า ที่ไหนได้พอลองดูดีๆ ถึงได้รู้ว่าไม่ใช่สาวแต่เป็นหนุ่ม! ตาต้นน่ะติดใจนายมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว แฟนของพี่ฟ่างอย่างโน้นแฟนของพี่ฟ่างอย่างนี้ โอ๊ย! พี่ล่ะหมั่นไส้เลยแหละ อยากเห็นหน้าแฟนของพี่ฟ่างขึ้นมาทันทีเลย แต่ใครจะไปนึกล่ะว่าในที่สุดก็ได้มารู้จักกันจริงๆ แต่ดันไม่ใช่แฟนของพี่ฟ่างซะแล้ว ดันกลายเป็นแฟนของลูกชายพี่แทน ฮึ๊!”

     “แหะๆ ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นครับ ผมยังเป็นแค่แฟนเก่าของฟ่างอยู่เลย”

     “ยอกย้อนนะนาย”

     สายธารทั้งขำทั้งฉุนกับคารมของคนตรงหน้า ลูกเขยเธอนี่แสบใช่เล่นเลย สายธารจึงเติมเครื่องดื่มลงในแก้วพลางคะยั้นคะยอให้ชัยชัชดื่มอีกเป็นการลงโทษ

     “งั้นพวกนายไปตกลงเป็นแฟนกันตอนไหนล่ะ?”

     “อ้าว! นี่ตกลงพี่น้ำยังไม่รู้หรอกเหรอครับ ผมก็นึกว่าต้น”

     “โอ๊ย! อย่างตาต้นน่ะเหรอจะกล้าพูดอะไร ถ้าไม่ใช่หลุดพูดออกมาแบบไม่รู้ตัวตอนกำลังเล่าอะไรเพลินๆ ให้พี่ฟังละก็ เจ้าตัวไม่มีทางคายความลับออกมาหรอก ต่อให้เผลอก็หาเรื่องเฉไฉไปตลอดน่ะแหละ”

     'เวรกรรมเอ้ย รู้งี้เมื่อกี้ไม่น่าร้อนตัวเลยกู'

     “งั้นพี่น้ำรู้ได้ยังไงเหรอครับ?”

     “ฮึ๊! ก็สังเกตเอาน่ะสิย๊ะ เดี๋ยวนี้พอพูดถึงนายทีไร ตาต้นก็มักจะเผลอทำหน้าแดงตลอด ลูกชายพี่หน้าแดงอย่างกับเด็กผู้หญิง บอกมาเลย นายทำอะไรลูกชายพี่ พี่จำได้ว่าเมื่อก่อนอย่างดีตาต้นก็แค่เขินๆ เวลาพูดถึงนาย ไม่ได้ออกอาการชัดแบบนี้”

     อาจจะเพราะถูกสายธารคาดโทษชัยชัชจึงไม่กล้ายอมรับความจริง ก็แหม... จะให้เขายอมรับว่าลวนลามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของอีกฝ่ายรึไง อย่างไรเสียเขากับต้นน้ำก็ยังไม่มีอะไรเกินเลยไปไกล เขาจึงยังสามารถตอบเลี่ยงๆ สายธารได้อย่างสบายใจ

     “ผมไม่ได้ไรเลยพี่”

     “จริงแน่นะนายชัช?”

     “คร๊าบพี่น้ำ ผมยังไม่ได้ทำอะไรต้นจริงๆ ครับ”

     “งั้นก็แล้วไป”

     สายธารผ่อนลมหายใจก่อนจะพูดต่อ

     “ต้นน่ะยังเด็ก ถึงแม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกชายพี่ไม่ใช่คนโลกแคบ เขาเลือกที่จะชอบนายเองก็จริง แต่พี่ก็ยังคิดว่าต้นยังเรียนรู้โลกน้อยเกินไป เขายังมีโอกาสพบเจออะไรอีกเยอะ”

     พอถูกผู้เป็นมารดาของคนรักพูดเช่นนี้ ชัยชัชก็เกิดอาการหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก สายธารจึงรีบพูดต่อทันที

     “พี่ไม่คิดว่านายจะทำลูกชายพี่เสียใจหรอกนะ แต่อะไรๆ มันไม่แน่ไม่นอน บางทีชัชกับต้นอาจไม่เหมาะจะใช้ชีวิตร่วมกันก็ได้ นายเข้าใจที่พี่พูดใช่มั้ยนายชัช ตาต้นอาจจะรักนายเพราะนายเป็นรักแรก แต่ชีวิตต้นยังอีกไกล พี่ไม่ได้บอกว่าลูกพี่จะเป็นคนหลายใจ เพียงแต่ พี่ไม่มั่นใจว่าถ้าลูกพี่กับนายรักกันแล้วนายจะดูแลลูกชายพี่ได้ดีแค่ไหน นายเองก็เป็นผู้ชายที่ดีเพียบพร้อมขนาดนี้ ถ้าวันหนึ่งนายเจอผู้หญิงดีๆ ที่พร้อมจะสร้างครอบครัวด้วยกัน แล้วนายจะเอาลูกชายพี่ไปไว้ที่ไหน? ยิ่งถ้าต้นเผลอถลำลึกไปมากๆ แล้ว พี่กลัวว่าลูกชายพี่จะถอนตัวจากเธอไม่ได้ พี่ไม่อยากเห็นลูกตัวเองเจ็บ”

     “ผมไม่เคยทิ้งใครก่อนหรอกครับพี่น้ำ สบายใจได้”

     “นายไม่ทิ้งแต่ก็ไม่ดูแล การทนอยู่ในสภาพนั้นมันเจ็บปวดกว่านะนายชัช”

     “ผมไม่ได้...”

     คำพูดของสายธารทำให้ชัยชัชนึกถึงฟ่าง เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตย้อนกลับมาทำเอาเขาพูดไม่ออก ชัยชัชไม่แน่ใจว่าสายธารรู้อะไรมาบ้าง แต่เขาไม่กล้าปฏิเสธ เป็นครั้งแรกที่ชัยชัชลองสำรวจตัวเองเพราะคำพูดของผู้หญิง เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของแฟนคนปัจจุบัน

     “งั้นแล้วเธอจะบอกว่าเธอรักลูกชายพี่หรือไงนายชัช เธอสร้างครอบครัวกับต้นได้ซะที่ไหน ตรงไหนของต้นที่เธอรักล่ะ? เธออาจจะแค่เหงาก็เลยชอบที่มีคนมาคอยอยู่ข้างๆ เธอก็ได้ แล้วที่สำคัญลูกพี่เป็นผู้ชาย เธอไม่ใช่เกย์นี่นายชัช เธอจะพอใจหยุดอยู่แค่ต้นเหรอ? ให้พี่คิดยังไงพี่ก็คิดไม่ออกว่าเธอติดใจอะไรลูกชายพี่ บอกตามตรงนะพี่เป็นห่วงลูก ต้นยังเด็กเกินไป พี่ไม่อยากให้ต้นมีปัญหาตอนนี้”

     ชัยชัชเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบออกไป

     “ครับ ผมเข้าใจ ผมกับต้นเป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมไม่เองก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน แต่ผมขอสารภาพกับพี่น้ำตามตรงว่าต้นเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้ผมมีอารมณ์ครับ แล้วมันก็ไม่ใช่อารมณ์ที่เกิดจากความใคร่เพราะถูกกระตุ้นทำนองนั้นด้วย ไม่รู้สิพี่ เวลาผมอยู่กับต้น ผมรู้สึกว่าต้นมันน่ารัก เวลาที่ผมแหย่มันแล้วมันเขินมันทำให้ผมรู้สึกดีครับ ซึ่งผมก็ไม่ได้หน้ามืดอยากปล้ำผู้หญิงทุกคนที่ผมคุยเล่นด้วย แบบนี้แปลว่าต้นมันมีความพิเศษสำหรับผมได้รึเปล่าครับ?”

     “เธอไม่เคยลอง ละถ้าถึงเวลาเธอจะทำได้เหรอ? แล้วเธอคิดว่าคำตอบแบบนี้จะทำให้พี่ไว้ใจเธอได้รึยังไง นั่นมันความหื่นของเธอล้วนๆ เลยนะ ตรงไหนกันที่หมายถึงว่าเธอรักลูกพี่”

     “ก็ผมคิดว่าพูดความจริงกับพี่น้ำคงดีกว่านี่ครับ ผมรู้สึกยังไงกับต้นก็พูดไปตามนั้น ฮ่าๆ ถ้าพี่น้ำอนุญาตให้ผมลอง เดี๋ยวก็รู้ผลเองแหละครับว่าผมทำได้จริงหรือเปล่า?”

     “ทะลึ่งแล้วนาย! ลูกชายพี่ไม่ใช่ของแจกชิมฟรีตามห้างนะยะ จะได้ขอลองชิมกันง่ายๆ แบบนี้”

     ชัยชัชหัวเราะร่วนกับมุกของสายธาร เขานั่งขำอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยเข้าประเด็น

     “เวลาผมอยู่กับต้นแล้วผมมีความสุขครับ ต้นไม่เคยขอให้ผมทำอะไรมากมาย ผมเหนื่อยกับงานผม กลับมาเจอต้น มีมันมาคอยเอาใจผมรู้สึกดีครับ เมื่อก่อนผมมีแฟนมาก็เยอะ คบเล่นๆ บ้างจีบตามสเป็คบ้าง กับฟ่างเองผมก็คิดจริงจัง ผมอยากแต่งกับเธอด้วยซ้ำ แต่ไปๆ มาๆ ดันกลายเป็นเข้ากันไม่ได้ แต่พออยู่กับต้น มันเหมือนกับไม่ต้องคิดอะไร ผมไม่ต้องปรับตัวต้นมันก็รับผมได้ ผมไม่ต้องเหนื่อยได้พักผ่อนจริงๆ ถ้าต้นเป็นผู้หญิงผมรับรองว่าจะรีบลากมันไปจดทะเบียนเลยครับกลัวตัวเองแห้วอีก เป็นเมียในอุดมคติแบบที่ผมฝันไว้เลย แต่ในเมื่อต้นมันเป็นผู้ชายผมก็ไม่รู้จะผูกมัดมันไว้ยังไง ผมเองก็รู้ตัวดีครับว่าต้นมันยังเด็กผมก็เลยไม่กล้าคิดอะไรมาก ไม่ใช่แค่พี่น้ำหรอกครับที่กลัวลูกเจ็บ ผมเองก็เหมือนกัน กลัวว่าซักวันต้นมันจะเลิกรักผม ถึงตอนนั้นผมเองก็คงเจ็บไม่แพ้กันหรอกครับ พี่น้ำจะด่าว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้ที่รักไอ้ต้นมันเพราะมันรักผม แต่ในเมื่อต้นมันทั้งรักทั้งดีกับผมขนาดนี้ คอยดูแลเทคแคร์เอาใจใส่กันขนาดนั้น ผมจะไม่ใจอ่อนได้ยังไงล่ะครับผมมันเป็นผู้ชายใจอ่อนนะ ฮ่าๆ แถมตัวมันก็น่ารักใช่เล่นถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็ทำให้ผมมีอารมณ์ได้ ผมอยู่กับมันแล้วมีความสุขครับ ยิ่งเวลาที่เห็นมันเศร้าผมยิ่งทนไม่ได้ไม่อยากเห็นมันร้องไห้ ความรักของผมที่มีให้ต้นแบบนี้พี่น้ำอาจจะมองว่าง่ายไป แต่สำหรับผม ผมคิดว่าผมโอเคกับมันนะครับ สุดท้ายแล้วผมก็แค่เลือกรักใครซักคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจก็เท่านั้นเอง”

     “เฮ้อ... พี่ล่ะ ยอมแพ้นายจริงๆ ครั้งนี้พี่จะยอมให้นายไปก่อนก็ได้ แต่นายยังไม่รู้จักลูกพี่จริงๆ หรอกนะนายชัช”

     “หมายถึงเรื่องอะไรเหรอครับ?”

     “ก็หมายถึงนิสัยจริงๆ ของต้นน่ะสิ ลูกพี่ก็ร้ายเหมือนพี่นั่นแหละ ไม่ใช่เด็กดีเรียบร้อยอะไรหรอก”

     “ผมไม่เข้าใจครับ”

     “พี่หมายถึงว่า ถ้าตาต้นของพี่มีส่วนแย่ๆ บ้าง นายจะให้อภัยและรับได้รึเปล่าล่ะ?”

     “แล้วเรื่องแย่ๆ ที่ว่านี่มันคืออะไรล่ะครับ?”

     “เด็กคนนี้เป็นคนเจ้าทิฐิน่ะ มากพอดูเลยล่ะ ซึ่งพี่เองก็ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงด้วย พี่ถึงไม่เคยห้ามปรามลูก ต้นมีสิทธิ์เต็มที่ๆ จะเกลียดใครก็ตามที่เขาเกลียด และเวลาที่ต้นเกลียดใคร ลูกชายพี่ร้ายน่าดู นายเคยเห็นมุมร้ายๆ ของต้นแล้วรึยังล่ะ?”

     “พี่น้ำหมายถึง... เรื่องพ่อของต้นน่ะเหรอครับ?”

     “ดูนายเองก็รู้อะไรเยอะเหมือนกันนี่นา ตาต้นคงเล่าให้ฟังล่ะสิ ไม่ธรรมดานะ ทำให้ต้นเปิดปากได้ขนาดนั้น”

     สีหน้าแววตาท่าทางและน้ำเสียงของสายธารตอนนี้ทำให้ชัยชัชนึกถึงต้นน้ำในวันที่ได้เจอกันครั้งแรก

     'มิน่า คนโบราณเขาถึงบอกว่า ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ไอ้ต้นแม่งถอดแบบพี่น้ำมาเปี๊ยบเลย แต่ว่า ไอ้ต้นมันนายนี่หว่า ไม่ใช่นาง เหอะๆ'

     “ก็นิดหน่อยครับ ถ้าเรื่องที่ต้นเกลียดพ่อเป็นเรื่องจริง แล้วเรื่องที่ต้นเคยบอกผมว่าพี่น้ำเคยคิดจะไม่เอาต้นไว้มันจริงรึเปล่าละครับ?”

     ชัยชัชยักคิ้วไปให้แบบกวนๆ ส่วนสายธารก็ยกยิ้มที่มุมปากไม่พูดอะไร เธอจิบเครื่องดื่มมึนเมาที่อยู่ในแก้วเฉไฉอยู่ครู่หนึ่งทิ้งช่วงให้คู่สนทนาเกิดความกระหายใคร่รู้มากขึ้นจนเริ่มอดรนทนไม่ไหว กระทั่งเครื่องดื่มหมดแก้วเธอค่อยเปิดปากพูด

     “จริง นายอยากจะรู้เรื่องของต้นมั้ยล่ะ นายชัช แลกกับที่พี่จะฝากให้นายดูแลลูกชายพี่ได้หรือเปล่าล่ะ?”

     “ถ้าพี่น้ำช่วยเล่าต้นสายปลายเหตุให้ผมฟังบ้าง ผมก็จะดูแลต้นได้ง่ายขึ้นครับ”

     สายธารจ้องมองดวงตาแน่วแน่ของชัยชัชแล้วก็ผ่อนลมหายใจระบายยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ เปิดปากเล่าเรื่องชาติกำเนิดของต้นน้ำออกมา

     “ต้นเป็นลูกที่เกิดจากอาจารย์ของพี่เอง ก็อย่างที่เธอเห็น พี่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีอะไรนักหนา พื้นเพพี่เป็นคนต่างจังหวัด พ่อพี่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นมีหน้ามีตา แม่แท้ๆ ของพี่ก็เสียตั้งแต่พี่เล็กๆ พ่อเลยแต่งงานใหม่มีน้องคนละแม่ให้พี่ทั้งน้องชายน้องสาว พ่อพี่หลงนังเมียใหม่จนโงหัวไม่ขึ้น พวกมันจะเอาอะไรก็ได้ทุกอย่าง พี่รู้สึกอย่างกับตัวเองเป็นหมาหัวเน่า ก็ทำนองเด็กมีปัญหานั่นแหละ แต่พี่ยังไม่กล้ากบฏซึ่งๆ หน้ากับพ่อตัวเองหรอกนะ คิกๆ จนกระทั่งพี่สอบติด ได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพนี่แหละ เห็นแบบนี้แต่พี่ก็เรียนเก่งน้า สอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้ด้วย มีหนุ่มๆ มารุมจีบพี่เยอะไปหมดเลยแหละ พี่เองก็รู้ตัวว่าพี่สวย ... การใช้ความสวยทำให้ผู้ชายมาหลงรักมันไม่ผิดใช่มั้ยนายชัช ในเมื่อมันทำให้พี่ได้ทุกอย่างที่ต้องการ”

     สายธารเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง และถ้าชัยชัชตาไม่ฝาดเขาว่าเขาเห็นหยดน้ำใสๆ ก่อตัวขึ้น สายธารจ้องหน้าเขาเหมือนจะขอคำตอบ

     “แต่ตอนนั้นพี่ก็แค่สนุกไปวันๆ เปลี่ยนแฟนบ่อยทำนองนั้น บางทีก็ไปอยู่กับผู้ชายที่ซัพพอร์ทพี่ได้พี่ไม่ได้ถึงกับหาเงินด้วยวิธีนั้นหรอกนะ แต่โชคร้ายตอนปีสุดท้ายที่พี่ใกล้จบ พี่เที่ยวมากไปหน่อยเลยมีบางวิชาที่เกรดไม่ถึง พี่รู้มาว่าอาจารย์คนนั้นเป็นคนยังไง เพราะเคยได้ยินเรื่องแกซื้อบริการมาจากกลุ่มเพื่อนๆ ที่ทำงานที่เดียวกัน ใครจะไปคิดว่ามันจะบังเอิญล่ะ พี่เคยเห็นแกไปคลับที่พี่เคยไปทำงานพิเศษ อ๊ะๆ อย่ามองพี่แบบนั้น ก็แค่นั่งดริ๊งค์ย่ะ พี่ไม่ได้ไปขายตัว กลัวโดนแฟนตบเอาเหมือนกันนะยะ พี่ก็เลยลองอ่อยเขาดู ไหนๆ พี่ก็รู้ความลับอาจารย์แกแล้ว แล้วก็เป็นไปตามที่นายคิดนั่นแหละนายชัช เมียแกพึ่งคลอดลูกอ่อน คงอดอยากมั้ง คิกๆ ผู้ชายความต้องการสูงแบบนั้นก็คงอยากปลดปล่อยเป็นธรรมดา เวลาแกเอากับพี่แกชอบบ่นว่าเมียสนองไม่ถึงใจ แล้วเผอิญแกดันติดใจพี่ซะด้วยสิ พี่เองก็เป็นคนเก็บความลับเก่ง อีกทั้งแกยังจ่ายค่าปิดปากรายเดือนให้พี่อย่างงาม เรื่องสอบหลังๆ ก็แทบไม่มีปัญหา พี่เก่งอยู่แล้ว แค่บอกว่าพี่ขยันขึ้นเลยไม่มีคนสงสัย  อาจเพราะพี่สะอาด แถมสนองความต้องการแกได้ทุกอย่าง พักหลังๆ แกก็ขอว่าให้พี่ไปฉีดยาคุม เพราะแกอยากทำแบบไม่ใส่ถุง พี่ก็ไปฉีดนะ แต่คงนับวันผิด แล้วมันก็พลาด ตอนแรกพี่นึกว่าตัวเองแพ้ยาคุมซะอีก พี่ท้องทั้งๆ ที่เหลืออีกไม่กี่ตัวจะจบแล้ว พี่อยู่กับแฟนแต่พักหลังแฟนพี่แทบไม่ได้มานอนที่ห้องเลย เราไม่มีอะไรกันนานมากแล้ว ละแฟนพี่นะ เวลามีอะไรกันเขาจะใส่ถุงทุกครั้ง พี่เลยมั่นใจว่าเด็กในท้องต้องเป็นลูกอาจารย์แกนั่นแหละ เรื่องที่พี่ทำอยู่พี่ไม่กล้าบอกแฟน พี่ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยไปปรึกษาอาจารย์ แต่พอพี่ไปบอกแกกลับปัดความรับผิดชอบ หาว่าพี่มั่วกับคนอื่นไปทั่ว ออกปากไล่ให้พี่ไปทำแท้ง พี่ทั้งโกรธทั้งแค้นเลย คนที่ไม่ยอมป้องกันก็คือแกนั่นแหละ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมาดันปฏิเสธความรับผิดชอบ พี่เครียดไม่รู้จะทำยังไงแถมแพ้ท้องจนแฟนสงสัย สุดท้ายก็ปิดกันไม่ได้หรอก เขาโกรธพี่มาก พี่โดนตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงร่าน โอเค พี่ไม่ได้เสียใจเท่าไหร่หรอก ก็ไม่ได้รักอะไรมากอยู่แล้ว แค่รักสบาย พี่เองก็ยอมรับว่าพี่ผิดกับเขา แต่ก็ยังดีนะ ที่เขาเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น เลยไปเอาคืนกับที่ปรึกษาตัวเองนิดๆ หน่อยๆ ด้วยการส่งบัตรสนเท่ห์ไปแสดงความยินดีที่จะได้ลูกคนที่สอง เขาบอกกับอาจารย์ว่าเขาไม่ได้นอนกับพี่ตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว ทีนี้แหละ อาจารย์แกก็เลยยิ่งเผยสันดานเลวๆ ออกมา แกบังคับขั้นเด็ดขาดให้พี่ไปทำแท้ง พี่ไม่หวังหรอกนะว่าแกจะหย่ากับเมียมาแต่งงานกับพี่ แต่พี่ยอมรับนะว่าตอนนั้นอยากเป็นเมียน้อยแก เหตุผลหลักๆ คือพี่อยากสบาย แต่ความจริงคือพี่ไม่กล้าฆ่าลูกตัวเองหรอก พี่ไม่กล้าไปคลีนิคทำแท้งนี่นานายชัช พี่กลัวมากๆ ไม่รู้จะทำยังไง แฟนก็ไล่ อาจารย์แกก็ไม่รับผิดชอบ สุดท้ายพี่เลยประชดแกกินยากะตายทั้งแม่ทั้งลูก หวังให้แกมาสนใจพี่บ้าง ที่ไหนได้ นอกจากแกจะไม่สนใจแล้วเรื่องนี้ยังทำให้ที่บ้านพี่รู้เรื่อง พ่อพี่โกรธมากถึงขั้นตัดพ่อตัดลูกสมใจนังแม่เลี้ยงนั่น ท้องพี่ก็โตขึ้นทุกวันๆ จนสุดท้ายพี่เลยบุกไปที่บ้านอาจารย์ ทีนี้แหละเป็นเรื่องเลย แกโกรธพี่มาก เล่นงานพี่กลับจนพี่โดนโทษทางวินัย ต่อหน้าคนอื่นแกก็สร้างภาพอยู่แล้ว ส่วนภาพลักษณ์พี่ก็เป็นผู้หญิงใจแตก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสังคมจะเชื่อใคร แถมทางบ้านเขา แม่ของอาจารย์แกก็ยังเอาเงินมาฟาดหัวพี่อีก ให้เงินก้อนใหญ่มาเพื่อบอกให้พี่ไปเอาเด็กออกให้จบๆ กันไป หาว่าพี่เป็นผู้หญิงหยำฉา พี่แค้นมากเลยนะนายชัช พี่เกลียดเด็กบ้าในท้องของตัวเองมากๆ จนคราวนี้พี่กล้าทำแท้งเลยแหละ พี่หายาขับเลือดมาทานจนได้ แต่ผลก็คือพี่ตกเลือดเกือบตาย ถ้าตอนนั้นพี่ไม่ได้เพื่อนคนนึงช่วยไว้พี่คงตายไปแล้ว เด็กก็ไม่ออก แถมตัวพี่เองก็เกือบไม่รอด อนาคตก็ไม่มี ชัชลองคิดดูสิว่าพี่จะเจ็บปวดมากแค่ไหน ต้องนั่งมองคนอื่นๆ เขาเรียนจบหางานทำสนุกกับชีวิต แต่พี่ต้องแบกท้องที่โตขึ้นทุกวันๆ”

     ชัยชัชเชื่อว่าความเจ็บปวดเคียดแค้นของสายธารเป็นของจริง ขนาดนั่งฟังอยู่อย่างนี้เขายังรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงสั่นๆ และสังเกตเห็นน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาคู่สวยของเธอ กับตัวเขาที่เคยถูกรีไทน์เพราะเผลอทำเรื่องงี่เง่าไปตอนปีหนี่งเขายังช้ำใจไม่หาย แต่ก็ยังโชคดีที่กลับตัวได้ทัน อย่างน้อยๆ ก็เรียนจบจน แต่กับเธอเล่า? สายธารกำลังจะมีอนาคตที่ดีกลับต้องดับวูบเพราะเด็กในท้อง ได้ฟังเช่นนี้แล้วเขารู้สึกนับถือพี่น้ำคนนี้ของเขาจริงๆ ที่กัดฟันเลี้ยงดูเด็กคนนั้นจนโตเป็นมาแฟนที่น่ารักของเขาได้

     “แล้วพี่น้ำทำยังไงต่อละครับ?”

     “ตอนนั้นพี่อาศัยอยู่กับเพื่อน เพื่อนคนนั้นของพี่เขาพูดกับพี่ว่า ถึงพี่จะไม่อยากได้ลูก แต่ไหนๆ เด็กมันก็เกิดมาแล้ว เขาขอให้พี่เก็บเด็กไว้ เพราะกลัวพี่จะทำอะไรโง่ๆ จนตายไปอีก เขาซัพพอร์ทพี่เต็มที่เลยนะบ้านเขารวยอยู่แล้ว ใครๆ ก็คิดว่าพี่กับเขาเป็นแฟนกัน แต่ไม่นานเขาก็ต้องไปเรียนต่อเมืองนอกเพราะสอบได้ทุน ถึงเขาจะยอมให้พี่อยู่ที่ห้องของเขาแบบไม่คิดค่าเงิน โกหกกับพ่อแม่เขาให้ว่าปล่อยเช่าให้พี่ แต่การเลี้ยงเด็กคนนึงมันก็ต้องใช้เงินมากอยู่ดี เพราะไม่ได้มีแค่ปากท้องเดียวอีกต่อไปแล้ว นายชัชรู้มั้ย ตอนที่ต้นเกิดมานะ พี่ถึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขของพี่เป็นสายเลือดของพี่เอง เขาไม่มีใครในโลกนี้อีกแล้วนอกจากพี่ เหมือนกับตัวพี่ที่กลายเป็นคนไร้ญาติขาดมิตร พี่เลยตั้งใจว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุด พี่ต้องทำแทบทุกอย่าง ทิ้งลูกไว้คนเดียว กัดฟันทำงานกลางคืนเป็นพริตตี้เด็กนั่งดริ๊งค์ไซด์ไลน์ อะไรที่ได้เงินพี่ไม่รังเกียจเลย จนเพื่อนพี่เรียนจบกลับมาจากเมืองนอก เขาก็มาช่วยพี่ดูแลต้น เขาให้พี่ไปสมัครเรียนทางไปรษณีย์ให้ได้วุฒิปริญญาตรีอะไรก็ได้มาสมัครงาน จนมีคนรู้จักแนะนำงานแอร์โฮสเตรทให้พี่ แถมตาต้นก็เริ่มโตพอจะดูแลตัวเองนิดๆ หน่อยๆ ได้แล้วด้วย พี่กับลูกก็เลยพอลืมตาอ้าปากกันได้บ้าง ไม่กล้ารบกวนเพื่อนอีก ถ้าไม่ใช่เพราะความสวยของพี่ๆ คงไม่ได้งานหรอกนายชัช แก่ก็แก่ไปสู้กับเด็กจบใหม่ ดีนะที่พี่สวยแล้วก็เส้น”

     สีหน้ายามพูดถึงเพื่อนสนิทของสายธารมีความสุขเสียจนชัยชัชอดยิ้มตามไม่ได้ เธอขยิบตายอมรับความสวยเล่นเส้นของตัวเองอย่างร่าเริง

     'ดูท่าเพื่อนคนนี้ของพี่น้ำคงจะเป็นคนพิเศษจริงๆ'

     “เพื่อนพี่น้ำคงรักพี่น้ำน่าดูนะครับ อุตส่าช่วยพี่ถึงขนาดนั้น”

     “ใช่แล้วล่ะนายชัช พลเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่รักพี่แล้วก็ดีกับพี่จากใจจริง เขาเคยชวนพี่แต่งงานกันด้วยซ้ำ บอกว่าจะรับต้นเป็นลูก แต่เพราะเขาดีกับพี่มากๆ พี่ถึงไม่กล้าเห็นแก่ตัว พี่อยากให้เขาเปิดใจยอมรับความจริงแล้วสนุกกับชีวิตตัวเองมากกว่า”

     อาจจะเพราะคำพูดกำกวมแปลกๆ ของสายธาร ชัยชัชจึงเผลอย่นหัวคิ้วทำหน้าสงสัย สายธารจึงหลุดหัวเราะออกมาเสียงใสกังวาน

     “ไม่ต้องทำหน้างง คือเพื่อนพี่คนนี้เป็นเกย์น่ะ แต่ตอนแรกเขายังไม่มั่นใจ เขาเป็นเพื่อนของอดีตแฟนคนนึงของพี่อยู่แล้ว เราเลยสนิทกันได้คุยกันบ้าง เพราะภายนอกเขาดูแมนมากๆ เลยไง แต่ที่บ้านเขาเข้มงวดมากๆ อยากให้เขาแต่งงานกับคู่หมายที่ทางบ้านหาไว้ให้ เขาเลยสองจิตสองใจว่าจะยอมทำตามที่ๆ บ้านต้องการดีมั้ย? จนวันหนึ่งเขามาปรึกษาพี่เรื่องนี้ ทำนองว่าเขาอยากรู้ว่าตัวเองจะตอบสนองกับผู้หญิงได้มั้ย เลยมาขอลองกับพี่ แล้วพี่ก็เลยทดสอบให้เขาเพราะตอนนั้นพี่ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คงเป็นเพราะพี่ปากหนัก ช่วยเก็บความลับเรื่องแอ๊บแมนให้เขามาตลอด เขาเลยซึ้งใจพี่มั้ง หลังๆ เราเลยสนิทกันมาก จนกระทั่งเกิดเรื่องกับพี่น่ะแหละก็ได้เขายื่นมือเข้ามาช่วย แต่ที่บ้านเขาเคร่งมาก ก็เลยไม่กล้าเปิดเผยตัวเองซะที เคยกลุ้มใจจนถึงขั้นจะแกล้งแต่งงานกับพี่เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปแต่งกับผู้หญิงคนอื่นที่พ่อแม่หาให้ด้วยนะ คิกๆ ตลกใช่มั้ยล่ะ”

     'เพราะแบบนี้รึเปล่าวะ ต้นเลย...'

     “แน่ะ! ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น เรื่องนี้พี่เองก็ไม่รู้หรอกย่ะนายชัช ว่าต้นน่ะเป็นแบบนั้นไปตั้งแต่ตอนไหน แต่พี่ไม่รังเกียจหรอก จะเป็นอะไรยังไงต้นก็ยังเป็นลูกของพี่ แถมพี่ก็เจอมากับตัวแล้วว่าเกย์บางคนยังเป็นลูกผู้ชายมากกว่าผู้ชายแท้ๆ ซะอีก คนเราจะดีจะชั่วไม่ได้ตัดสินกันที่เพศนี่นานายชัช”

     “เพราะแบบนี้พี่น้ำก็เลยไม่ตกใจที่รู้เรื่องผมกับต้นเหรอครับ?”

     “พี่ก็พอจะรู้ตัวอยู่แล้วแหละว่าต้นน่ะมีความเสี่ยง พี่ไม่เคยเห็นต้นมองผู้หญิงที่ไหนเลยนี่นา อาจจะเพราะตัวพี่เองเป็นแบบนี้ด้วยแหละ ... แต่ส่วนหนึ่งพี่เดาว่าที่ตาต้นดันไปหลงรักนายก็คงเพราะนายอบอุ่นละมั้ง ยังไงเด็กคนนี้ก็ต้องการความอบอุ่นจากพ่ออยู่ดี เพื่อนพี่ดันเป็นพวกสาวแตกเวลาอยู่กับเพื่อนซะด้วยสิ พอมาเจอนายที่แมนๆ ดีกับตัวเองเข้าหน่อยแถมยังแก่ปูนนี้ก็เลยเผลอเอาภาพนายไปซ้อนกับความต้องการลึกๆ ของตัวเองจนหลงรักนายหัวปักหัวปำ ฮึ๊!”

     'พี่น้ำต้องกำลังแก้แค้นกูอยู่แน่ๆ ด่ากูซะเสีย ฮือๆ'

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     “โอ้ย พี่น้ำก็ ไม่เห็นต้องพูดกันขนาดนี้เลยคร๊าบ ผมแค่สามสิบต้นๆ เอง”

     “ก็แก่พอจะเป็นพ่อลูกพี่ได้น่ะแหละย่ะ”

     “แหม ก็แก่น้อยกว่าแม่ต้นหน่อยนึงแหละครับ ฮ่าๆ”

     “พอเลยๆ พูดแบบนี้เดี๋ยวพี่ไม่อนุญาตให้คบซะเลยดีมั้ยย๊ะ!”

     “คร้าบๆ คุณแม่ยายสุดสวย ยกลูกชายให้ผมเถอะนะครับ ฮ่าๆ”

     “ย่ะ!”

     สายธารมองชัยชัชอย่างค้อนๆ แต่แล้วก็กลับมาตีสีหน้าจริงจังอีกครั้ง เธอเปิดปากพูดเรื่องสำคัญต่อ

     “ยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่พี่อยากจะปรึกษานาย นายชัช ในฐานะที่นายรักลูกชายพี่”

     “เรื่องอะไรเหรอครับ?”

     “เรื่องพ่อตาต้น”

     “เรื่องนี้ผมเองก็พอได้ยินมาบ้าง เขากลับมาหาต้นเหรอครับ?”

     “ใช่ เธอคิดว่าพี่ควรจะทำยังไงดี นายชัช?”

     “หมายความว่ายังไงครับ?”

     “ต้นน่ะ ทิฐิแรงเหมือนพี่ พี่ล่ะกลัวใจต้นจริงๆ ความจริงแล้ว สองสามปีมานี้พี่ได้รู้จักฝรั่งคนนึง เขาเป็นกัปตันที่สายการบินที่พี่ทำอยู่ เราได้มีโอกาสเจอกัน พูดคุยกันบ่อยๆ พี่ถูกคอกับเขามากๆ จนเขาชวนพี่ไปอยู่ด้วย คือแบบว่าเขาขอพี่แต่งงานนะชัช ทั้งชีวิตพี่ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาขอพี่แต่งงานด้วยความรักมาก่อนเลย แถมเขายังไม่รังเกียจลูกพี่ ตอนที่เขามาเที่ยวแล้วพี่แนะนำให้รู้จักกัน ต้นเองก็ดูค่อนข้างโอเคกับเขาด้วย เราวางแผนกันว่าจะรอให้ต้นเรียนมัธยมที่นี่ให้จบก่อนแล้วค่อยทำเรื่องแต่งงาน ย้ายไปเมืองนอกด้วยกัน ถ้าพี่จดทะเบียนกับเขา พี่กับต้นจะสบายขึ้น พี่กับเขาว่าจะลงขันเปิดร้านอาหารกัน นี่เขาก็กำลังดูลู่ทางทางโน้นอยู่ เขาอยากให้พี่กับต้นไปอยู่ด้วย แต่จู่ๆ อีตานั่นก็โผล่มา มาตื้อจะเอาต้นไปจากพี่ให้ได้ พี่คิดว่าต้นไม่ได้อยากให้ทางนั้นมาดูแลอะไรหรอก พี่ว่าพี่ให้ลูกพี่ครบไม่ได้ขาดอะไร เพราะตอนแรกต้นก็ทำท่าจะไปเมืองนอกกับพี่แล้วด้วยซ้ำ แต่พอเกิดเรื่องขึ้น ต้นกลับบอกว่าอยากเรียนต่อที่เมืองไทย อยู่คนเดียวได้ ตั้งใจจะสมัครเข้าเรียนที่มหาลัยนั่นให้ได้ แล้วไหนจะยังนายอีกนายชัช ต้นรักนายขนาดนี้ แล้วลูกจะตามพี่ไปอยู่ที่โน่นได้ยังไง พี่น่ะอยากจบๆ เรื่องนี้ไปซะ แต่...”

     “แต่พี่น้ำก็คิดว่าต้นมันควรจะได้รับความยุติธรรมจากทางนั้นบ้าง พี่น้ำไม่อยากบังคับจิตใจลูก อยากให้ต้นมันเลือกที่จะหาทางเดินให้ชีวิตมันเองใช่มั้ยครับ”

     “ใช่! พี่ไม่อยากบังคับลูก พี่อยากให้ต้นเลือก ถ้าพี่บังคับพาต้นไป ลูกพี่ก็จะกลายเป็นเด็กที่ไม่ได้เกิดจากความรัก เป็นแค่ภาระที่พี่เอาติดตัวไปรับผิดชอบจนวันตาย ตาต้นคิดมากเรื่องนี้กลัวว่าพี่จะไม่รักจนพี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว! ... บอกตามตรงเทียบกันแล้วถ้ามีนายอยู่ข้างๆ ต้นแบบนี้ พี่ก็อยากให้ต้นอยู่ที่นี่มากกว่า นายอยากให้ต้นอยู่ข้างๆ ต้นเองก็ต้องการนาย เป็นแบบนี้มันจะดีกับต้นมากกว่า เป็นอย่างที่นายพูดนั่นแหละนายชัช สุดท้ายแล้วคนเราก็แค่อยากอยู่กับใครซักคนที่ทำให้เราสบายใจ พี่เองก็อยากอยู่กับคนที่ทำให้พี่สบายใจ แต่อีกใจนึงก็อยากให้ลูกพี่มีความสุขด้วย พี่ไม่อาจอยู่อย่างสบายใจบนความทุกข์ของลูกตัวเองหรอก ไม่ใช่ว่าพี่ไม่รักต้น แต่ตาต้นเอาแต่สงสัยความรักของพี่มาตลอด เขากลัวฝังใจเรื่องความรักที่พี่มีให้เขา ซึ่งพี่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ ตอนแรกพี่ไม่ได้อยากให้ต้นเกิดมาก็จริงแต่ในเมื่อเกิดมาแล้วพี่ก็รัก เพราะแบบนี้ความรักของพี่เลยไม่อาจเติมเต็มหัวใจของต้นได้ ถ้าจะมีใครซักคนมาช่วยเติมเต็มตรงจุดนั้นให้ลูกพี่ พี่ก็จะดีใจมากๆ พี่อยากเห็นลูกมีความสุข”

     “พี่น้ำจะลองไว้ใจผมมั้ยละครับ?”

     “แล้วพี่ไว้ใจนายได้จริงๆ หรือเปล่าล่ะ นายชัช?”

     สายธารตอกกลับไปด้วยแววตารู้ทัน ส่วนชัยชัชก็สบตากลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ ดั่งคนทั้งสองได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนคำสาบานต่อกันผ่านการประสายสายตาที่มุ่งมั่นนี้

============================================

     ต้นน้ำเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ และเมื่อเขาตื่นมาอีกทีก็ได้ยินเสียงคุยดังมาจากห้องครัว เด็กหนุ่มเดินออกมาดูก็ได้พบกับชัยชัชที่กำลังช่วยมารดาของตนเก็บอุปกรณ์ครัวอยู่

     “แม่! พี่ชัช?”

     “อ้าว ตื่นแล้วเหรอเรา”

     ชัยชัชหันมายิ้มกว้างให้อย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินมาลูบศีรษะของคนเพิ่งตื่นเล่น

     “ไหนดูดิ? หืม หน้าซีดๆ นะต้น เป็นไรมากเปล่าเห็นพี่น้ำบอกว่าต้นไม่สบายเหรอ?”

     “เอ่อ ครับ”

     ต้นน้ำแปลกใจพอสมควร เขาไม่รู้จริงๆ ว่าแม่ของเขาไปใกล้ชิดสนิทสนมกับชัยชัชตอนไหน ท่าทางของทั้งสองคนที่หัวเราะต่อกระซิกกันอยู่เมื่อครู่นี้ทำให้เขากังวล สายตาของเขาจึงยังดูงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก

     “นี่ตาต้น เย็นนี้ลูกอยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า?”

     “เอ่อ ไม่นี่ครับ”

     “ไม่ได้นะจ๊ะ ป่วยแบบนี้ต้องรีบหาของกินดีๆ มาบำรุง เมื่อกี้พี่ชัชของลูกบอกว่าจะพาพวกเราแม่ลูกไปเลี้ยงฉลองด้วยนะ”

     เพราะมุกของคุณนายสายธารที่พูดออกมาแบบไม่ทันให้คนอื่นตั้งตัว จึงทำให้เธอได้รับสายตาฉงนสองคู่มองเขม็งจ้องกลับมาเป็นการถามคำถามสื่อความไม่เข้าใจ

     “อ้าว! ยังจะทำหน้างงกันอีก ก็ถือซะว่าเป็นการฉลองวันเกิดล่วงหน้าให้ตาต้นไง แหม ลูกก็รู้นี่จ้ะว่าวันเกิดลูกแม่ติดงาน กลับมาไม่ได้ แล้วอีกอย่างปีนี้บางทีลูกอาจจะอยากฉลองกับแฟนสองคน ไหนๆ ก็ไหนๆ นายชัชก็ถือว่าเป็นว่าที่ลูกเขยแม่ไปแล้ว วันนี้เราก็ไปเลี้ยงฉลองวันเกิดล่วงหน้าให้ลูกเลยไม่ดีเหรอไงจ๊ะ?”

     คุณนายสายธารเผด็จการเอาเองแบบเสร็จสรรพ เล่นเอาต้นน้ำที่ไม่รู้เรื่องว่ามารดาแอบไปจับมือเป็นพันธมิตรกับแฟนหนุ่มของตนตอนไหนหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกเลยทันที

     “แม่ก็... รู้ได้ยังไงครับ”

     “แหม แม่เป็นแม่เรานะตาต้น คิดว่าจะปิดแม่ได้รึไง นายชัชเค้าสารภาพกับแม่มาหมดแล้ว เราไม่ต้องมาทำอายหรอก หนอยๆ แอบมีแฟนไม่ยอมบอกแม่ ดีนะพี่ชัชเขาเป็นผู้ใหญ่พอ รู้จักบอกกล่าวผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ทำอะไรลับหลังกัน”

     'หือ พี่น้ำครับ ถ้าจะพูดถึงขนาดนี้ด่าผมมาตรงๆ เลยเหอะ'

     ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่สายตาจิกๆ และคำพูดยกยอปอปั้นจนเกินจริงนั้นก็ทำให้ชัยชัชสะอึกจนได้ ทั้งสองผู้ใหญ่ต่างแลกสายตาหยั่งชั้นเชิงไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่กันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ปลาไหลตัวพ่อแบบชัยชัชจะกู้บรรยากาศกลับคืนมาเพราะไม่อยากให้แฟนเครียด

     “คือพอดีพี่เป็นพวกชอบเข้าตามตรอกออกตามประตูน่ะครับน้องต้น พี่น้ำอนุญาตพี่เต็มที่แล้วด้วย”

     ว่าแล้วชัยชัชก็หยอดสายตากรุ้มกริ่มใส่จนต้นน้ำสะท้าน เขาหันกลับไปยักคิ้วให้แม่ยายสุดสวยอย่างอวดดี!

     'น้อยๆ หน่อยย่ะนายชัช ได้คืบจะเอาศอกเชียวนะ ลูกพี่จะรอดมือนายได้นานกี่วันเนี่ย โอ้ย...'

     สายธารได้แต่ขำกับความกะล่อนของชัยชัช แต่ทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่ถลึงตาโตๆ ทำตาดุคืนกลับไป

============================================


คุณแม่แซ่บจริงๆ! พี่ชัชตอแหลไม่ออกเลยฮ่าๆ

ขอโทษนะ เขียนฉากบ้าๆ ออกมาอีกแล้ว เอาแม่ยายกับลูกเขยมานั่งคุยกัน แต่ชอบคุณแม่จริงๆ นี่นา แซ่บออก
แบบ... เห็นนิยายเรื่องอื่นก็มีพล็อตชาติกำเนิดเน่าๆ นี่นา เลยลองทำบ้าง แต่แค่ทำในแบบของเรา ให้สายธารเป็นผู้หญิงสมัยใหม่สุดมั่น แล้วก็บุกมาคุยกับลูกเขยจอมกะล่อนแบบพี่ชัช แหะๆ

สองคนนี้เค้าทันกันสุดๆ ไปเลยแหละ แถมยังเป็นคนราศีเมษเหมือนกันด้วย เลยไม่แปลกที่จะเข้ากันได้ดีสุดๆ 

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 9 -
##### เด็กเลี้ยงแกะที่ชื่อต้นน้ำ #####

    ชัยชัชโดนสายธารเอาคืนด้วยการมัดมือชกเป็นเจ้ามือเลี้ยงดินเนอร์ ณ. ห้องอาหารญี่ปุ่นใจกลางเมือง คนทั้งสามต่างเพลิดเพลินกับมื้อเย็นโดยเฉพาะคุณนายสายธารที่ดูจะแฮปปี้ดี๊ด๊าเป็นพิเศษ ชายหนุ่มรูปร่างสมาร์ตดูดี หญิงสาวสวยและเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก เมื่อประกอบกันกับความสนิทสนมบนโต๊ะอาหารช่างเป็นครอบครัวในฝันที่ใครๆ ต่างมองแล้วต้องอิจฉา แต่ใครเลยจะรู้ว่าแท้จริงแล้วคนทั้งสามหาใช่คุณพ่อคุณแม่ยังสาวและคุณลูกวัยรุ่น แต่กลับเป็นแม่ยายลูกชายและลูกเขยต่างหาก

     มื้ออาหารจบลงด้วยดี ชัยชัชพาสองแม่ลูกกลับถึงคอนโดพร้อมกับกระเป๋าเงินที่เบาเป็นพิเศษ และเมื่อกลับมาถึงคุณแม่ยายผู้รู้ใจก็หนีเข้าห้องนอนอ้างจะว่าอาบน้ำพักผ่อนแล้ว สายธารเปิดโอกาสให้ชัยชัชนั่งคุยอยู่กับต้นน้ำที่ดูไม่ค่อยร่าเริงเท่าที่ควร โดยหวังให้ว่าที่ลูกเขยเป็นผู้ง้างปากงัดเอาความไม่สบายใจออกไปจากตัวลูกชายของเธอเสียที

     “เป็นไรไปต้น วันนี้ดูไม่ค่อยสดชื่นเลย”

     ชัยชัชถามพลางยื่นมือรับแก้วน้ำดื่มจากต้นน้ำ เด็กหนุ่มหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ชัยชัชบนโซฟาพลางตอบปฏิเสธ เขาจะกล้าบอกชัยชัชถึงเรื่องวุ่นๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน

     “เปล่านี่ครับ สงสัยคงเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายมั้งครับ”

     “ยังปวดหัวอยู่เหรอ? พี่เห็นเราไม่ค่อยร่าเริงเลย อุตส่าพาไปดินเนอร์นะเนี่ย”

     “ก็นิดหน่อยครับ สงสัยตอนเป็นลมหัวคงฟาดกับโต๊ะแรงไปหน่อย”

     “เฮ้ย! แล้วเป็นไรมากเปล่า?”

     “ไม่แล้วละครับ ยังเจ็บๆ อยู่นิดหน่อย แต่ทานยาแล้วเดี๋ยวก็คงดีขึ้นครับ”

     “เฮ้อ... ก็ดีแล้ว ค่อยยังชั่ว พี่นึกว่าเราโกรธไรพี่ซะอีก”

     “ผมจะโกรธอะไรพี่ชัชละครับ?”

     ต้นน้ำทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจความหมายของชัยชัช ถ้าหากจะพูดกันจริงๆ แล้ว เขาต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายขอโทษ เพราะมัวแต่กังวลจนไม่สนุกกับดินเนอร์มื้อพิเศษเท่าที่ควร

     “อ้าว ก็หึงพี่กับแม่เราไง ทีเมื่อก่อนยังชอบงอนพี่เลยไม่ใช่เหรอเวลาพี่คุยกับแม่เรา”

     เพราะสายตาวิบวับที่จ้องมองมากับคำตอบที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวเองก็คอยสังเกตอาการเขามาตลอดนั่นเองที่ทำให้ต้นน้ำรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ ผู้ชายคนนี้ทำให้เขารู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันเสมอ

     “พี่ชัชก็... แล้วตกลงแม่รู้ได้ยังไงครับ พี่ชัชกล้าบอกเรื่องของเรากับแม่ด้วยเหรอครับ ไม่กลัวหรือไง”

     “ก็พี่น้ำเขาบุกมาถามพี่ตรงๆ แล้วจะให้พี่ตอบว่าไงล่ะ? จะให้พี่โกหกปิดบังหรือตอบปัดๆ ไปรึไง พี่ไม่ชอบโกหกนี่หว่าโดยเฉพาะเรื่องแบบนี้ พี่น้ำเขาถามพี่ว่าพี่คิดยังไงกับเรา ถึงต้นจะเป็นผู้ชายแต่พี่ว่ามันก็คล้ายๆ อารมณ์ไปขอลูกสาวเค้านั่นแหละ ถ้าพี่ไม่ตอบพี่ก็หน้าตัวเมียเกินไปแล้ว นอกจากจะไม่ให้เกียรติต้นแล้วพี่ยังขี้ขลาดไม่กล้ารับผิดชอบการกระทำของตัวเองอีก ถึงพี่จะทำตัวแย่ไปบ้างในบางเรื่องแต่เรื่องนี้พี่จริงจังเสมอนะ ที่สำคัญต้นยังเด็ก พี่เป็นผู้ใหญ่โตกว่าต้นตั้งเยอะ พี่ก็ควรจะทำตัวดีๆ แบบคนที่โตๆ เขาทำกันไม่ใช่เหรอ? โชคดีนะที่แม่ของต้นน่ะคุยง่าย แล้วพี่น้ำแกก็ฝากให้พี่ดูแลต้นด้วย”

     “หมายความว่ายังไงครับ?”

     “ก็หมายความว่าต่อไปนี้พี่สามารถดูแลต้นได้เต็มที่ยังไงล่ะ หึๆ อีกหน่อยถ้าพี่น้ำไม่อยู่แล้ว ต้นจะเก็บเสื้อผ้าย้ายไปอยู่ห้องพี่เลยก็ได้นะ พี่น้ำแกอนุญาต”

     “พี่ชัชก็! ใครเขาจะไปครับ ไม่เอาด้วยหรอก ห้องพี่ชัชรกจะตาย”

     “อ้าว ก็เพราะมันรกอ่ะดิ พี่เลยอยากได้แม่ศรีเรือนไปช่วยดูแล บ้านพี่ขาดคนหุงข้าวว่ะต้น”

     “เก่ามากเลยนะครับ บอกอายุเลย”

     ต้นน้ำเขินจนหน้าแดง เขาทั้งขำทั้งเขินจนทำตัวไม่ถูก

     “ทำไงได้ก็พี่แก่แล้วนี่หว่า ว่าแต่ต้นเหอะ แม่เราเขายกเราให้พี่แล้ว ยินดีแต่งมาเป็นเมียพี่มั้ยล่ะ?”

     “ผู้ชายด้วยกัน แต่งงานกันได้ที่ไหนละครับ”

     “งั้นหนีตามกันก็ได้เอ้า ฮ่าๆ”

     เจอคำหยอดกวนๆ ปนหวานของชัยชัชเข้าไป เรื่องที่ตัวเองกลุ้มใจก็พลันมลายหายวับ ต้นน้ำเขินจนต้องคว้าหมอนอิงมากอดหันหน้าหนีทำเป็นหยิบรีโมทโทรทัศน์มาเปิด

     “แน่ะๆ ยิ้มซะที ในที่สุดแฟนพี่ก็ยิ้มได้ เห็นทำหน้าซึมๆ ทั้งวัน พี่เป็นห่วงนะรู้เปล่า”

     “ขอบคุณนะครับ พี่ชัชดีกับผมที่สุดเลย”

     “ก็รักนี่ ไม่รักพี่ไม่สนหรอก”

     “แต่พี่ชัชก็ดีกับผมมาตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันเลยนี่ครับ ขนาดผมหลอกพี่ชัชเรื่องคืนนั้น พอพี่ชัชกลับมาเห็นผมไม่สบาย พี่ชัชก็ยังดูแลผมเลย”

     “อืม... งั้นเหรอ”

     ชัยชัชเก้อไปนิดหน่อย เขาไม่ได้รู้สึกว่าตนเป็นคนดีอะไรนักหนา สิ่งที่เขาทำเขาไม่ค่อยเก็บมาใส่ใจ อาจจะเพราะอาชีพที่ต้องเป็นฝ่ายบริการคนอื่นจนชิน พอนานวันเข้าเขาก็คงติดมาเป็นนิสัยกระมัง

     “กลับกันนะ พี่กลับไม่รู้สึกว่าพี่เป็นคนดีอะไรหรอก คนเราถ้าเห็นคนกำลังไม่สบายตรงหน้า เป็นใครก็ใจร้ายด้วยไม่ลงหรอกต้น แล้วที่สำคัญ ตอนนั้นก็ถือว่าพี่กับต้นรู้จักกันแล้ว จะให้พี่ปฏิเสธไม่ดูดำดูดี พี่ทำไม่ได้หรอก”

     “ผมถึงได้บอกว่าพี่ชัชเป็นคนดียังไงละครับ”

     “ชมแบบนี้ระวังพี่เหลิงนะเว้ย ยังมีอะไรอีกเยอะที่เราไม่รู้เกี่ยวกับตัวพี่ ถ้าเรารู้แล้วบางทีเราอาจจะเลิกรักพี่ก็ได้”

     เมื่อเห็นต้นน้ำนิ่วหน้าเตรียมปฏิเสธ ชัยชัชจึงพูดต่อทันที น้ำเสียงจริงจังที่เขาใช้ทำให้ต้นน้ำจำต้องหุบปากลงและนั่งฟังชายหนุ่มอย่างตั้งใจ

     “ที่พี่พูดไปเมื่อกี้พี่เอาจริงนะต้น พี่ชอบเราจริงๆ พี่เองก็แก่แล้วแม่เราก็ไฟเขียว พี่คิดว่าเท่าที่มีก็พร้อมสำหรับต้นแล้ว ที่พี่พูดว่าอยากแต่งกับต้นพี่หมายถึงพี่อยากอยู่ด้วยกันกับต้น อยากให้ต้นมาเป็นเมียพี่จริงๆ นะ”

     “เรื่องนี้ผม...”

     'เขินชะมัดเลย พี่ชัชเนี่ยพูดตรงเกินไปแล้ว นี่เรากำลังถูกพี่เขาขอแต่งงานอยู่ใช่มั้ยเนี่ย?'

     อาจจะเพราะว่าต้นน้ำมัวแต่ก้มหน้าซ่อนความเขินอยู่เงียบๆ ไม่ยอมตอบอะไรออกมา ชัยชัชจึงอดคิดในแง่ร้ายไม่ได้

     “พี่รู้ มันเหมือนเห็นแก่ตัว ต้นเองก็ยังเด็ก ยังมีโอกาสเจอคนอีกมาก พี่...”

     'ไปกันใหญ่แล้ว!'

     “ไม่ใช่นะครับ ผมไม่มีวันรักใครนอกจากพี่ชัชหรอก!”

     “อนาคตมันไม่แน่ไม่นอนนะต้น ผัวเมียกันยังมีทะเบียนสร้างพันธะ ยังมีลูกเป็นโซ่ผูกใจกันได้ แต่ผู้ชายด้วยกันมันไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวนอกจากตัวกับหัวใจล้วนๆ เลยนะ”

     “ถึงแบบนั้นผมก็จะยังมองแต่พี่ชัชคนเดียวครับ พี่ชัชดีที่สุดสำหรับผมแล้วผมไม่สนคนอื่นหรอก!”

     “พี่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ? แล้วถ้าเกิดพี่มีอะไรที่ต้นไม่ชอบขึ้นมาล่ะ มานั่งๆ นึกดูแล้วพี่กับฟ่างเองก็รักกันมาก ไอ้ตอนจีบอะไรๆ มันก็ดี แต่พอมาใช้ชีวิตด้วยกันแล้วนิสัยเราดันเข้ากันไม่ได้ เรื่องแบบนี้มันมาชัดเอาสุดๆ ก็ตอนที่อยู่ด้วยกันเนี่ยแหละ พี่บอกตามตรงนะพี่เหนื่อยว่ะ อายุพี่มันก็เยอะแล้ว ถ้าพี่จะคิดจริงจังกับใครพี่ก็อยากคบยาวๆ ขี้เกียจเล่นเกมเดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิกแล้ว มันไม่ใช่แค่เรื่องทางกาย หัวใจพี่ก็ต้องการที่ๆ จะพักใจด้วย ถ้าพี่อยากปลดปล่อยพี่ไปเที่ยวสนุกๆ เอาก็ได้ แต่ก็อย่างที่ต้นเห็นพี่เป็นผู้ชาย ร่างกายพี่ตอบสนองกับผู้หญิง พี่ชอบสาวๆ สวยๆ ชอบมองนมหื่นกับขาอ่อนขาวๆ ตามธรรมชาติของผู้ชาย แต่ต้นเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้พี่อยากมีอะไรด้วย ไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาของต้น แต่เป็นเพราะตัวของต้นนั่นแหละที่ทำให้พี่อยากกอด พี่เองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน แต่อย่างนึงที่พี่รู้แน่ๆ ถ้าต้นตกลงคบกับพี่ๆ จะดูแลเมียพี่ให้ดีที่สุด พี่จะทำให้ต้นทุกอย่างเท่าที่สามีคนนึงจะทำให้ภรรยาได้ ต้นจะยอมรับได้รึเปล่าถ้าต้นต้องอยู่ในฐานะภรรยาของพี่ตลอดไป? เรื่องนี้พี่อยากให้ต้นลองคิดทบทวนดูให้ดีๆ ก่อน”

     ต้องใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าต้นน้ำจะเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของชัยชัช เขาทั้งดีใจและรู้สึกหดหู่กับเพศของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก

     “ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงดีกว่านี้ใช่มั้ยครับ”

     “อืม ถ้าต้นเป็นผู้หญิงพี่จะดีใจมากๆ พี่เห็นภาพอนาคตที่มีเราเป็นแม่ของลูกได้เลยล่ะ จะต้องเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากแน่ๆ ต้นเป็นเมียในเสปคพี่เลย”

     “งั้นทำไมพี่ชัชไม่ไปจีบแม่ผมละครับ ใครๆ ก็ชอบบอกว่าผมกับแม่หน้าคล้ายกัน อะไรที่ผมทำได้แม่ก็ทำได้หมด”

     เสียงของต้นน้ำเบาลง ชัยชัชสังเกตได้ถึงกระแสความน้อยเนื้อต่ำใจที่เกิดขึ้น ความรู้สึกเอ็นดูจึงเอ่อล้นอยู่ในอก เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของคนรักเบาๆ พลางดึงตัวเข้ามากอด

     “พี่ยอมรับนะว่าพี่น้ำน่ะสวยแถมเซ็กส์ด้วย ผู้ชายคนไหนเห็นแล้วก็ต้องคิดอกุศลกันทั้งนั้นแหละ แต่คนที่พี่เห็นแล้วอยากอดคือต้นนะ ทั้งแค่กอดไว้เฉยๆ แบบนี้ หรือกระทั่งกอดกันอยู่บนเตียง พี่พูดแบบนี้แล้วต้นคิดว่าพี่รักใครล่ะ หึๆ”

     “แต่ผมไม่ใช่ผู้หญิง”

     “ก็ใช่ไง พี่เลยอยากถามความสมัครใจเราก่อนว่าเราจะยอมเป็นเมียพี่ไปตลอดได้รึเปล่า? พี่รับไม่ได้หรอกนะถ้าวันนึงพี่ต้องกลายเป็นเกย์แบบบางวันก็เป็นผัวบางวันก็เป็นเมีย พี่เป็นผู้ชายนะต้น พี่รับไม่ได้ว่ะ! ถ้าต้นรักพี่ต้นก็ต้องทน ต้นจะทนเพื่อพี่ได้มั้ยล่ะ? แถมพี่เองก็สามสิบแล้ว ต้นยังเด็ก ต้นยังไม่ทันจะสามสิบพี่ก็ปาไปสี่สิบแล้ว ถึงเวลานั้นพี่อาจจะเป็นแค่ตาลุงแก่ๆ คนนึง ต้นยังจะรักพี่อยู่รึเปล่าในเมื่อโลกของต้นมันกว้างกว่าตอนนี้ ถ้าต้นไม่มั่นใจพี่ก็จะปล่อยต้นไป พี่จะเป็นพี่ชายที่ดีของต้นไปเรื่อยๆ แต่ถ้าต้นพร้อมที่จะเสี่ยงกับพี่ พี่ก็สัญญาว่าจะดูแลต้นให้ดีที่สุดครับ”

     คำพูดทุกประโยคของชัยชัชพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจของต้นน้ำ ประกอบกับอ้อมแขนแข็งแกร่งอันแสนอบอุ่นที่รัดตัวเขาอยู่ ต้นน้ำได้แต่นั่งอมยิ้มละลายซบอยู่กับแผงอกกำยำ

     'พี่ชัชดีกับผมขนาดนี้แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไงละครับ ถ้าพี่ชัชยอมกอดผมแบบนี้ไปตลอดละก็ให้ผมทำอะไรก็ยอม'

     “ผมกลัวแต่พี่ชัชนั่นแหละครับ จะเบื่อผมก่อนจนทิ้งผมไปมีคนใหม่ เพราะผมเป็นแค่เด็กผู้ชายน่าเบื่อคนนึง ไม่มีอะไรน่าสนใจ ผมกลัวว่าผม...”

     ‘ยังไงเราก็เป็นผู้ชาย จะทำให้พี่ชัชมีความสุขได้เต็มที่เหรอ แถมเรื่องพรรณนั้นเรายัง...’

     “ไม่เป็นไร โบราณเขาบอกว่าคนเรียบๆ แต่งงานไปแล้วมักจะเป็นแม่บ้านที่ดี เรียบร้อยอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน สกิลแม่ศรีเรือนต้นพี่ให้สิบเต็มสิบเลย ส่วนเรื่องบนเตียงของแบบนี้มันฝึกกันได้ เดี๋ยวพี่สอนเอง หึๆ”

     “พี่ชัชก็... ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลยครับ ทีพี่ฟ่างสาวๆ สวยๆ น่ารักขนาดนั้นยังเอาพี่ชัชไม่อยู่เลย ผมรู้นะพี่แอบไปเที่ยวมาด้วยสมัยยังคบกับพี่ฟ่างอยู่ ดูๆ ไปแล้วถ้าคบกันขึ้นมาคนที่เสี่ยงกับการร้องไห้ต้องเป็นผมมากกว่าไม่ใช่เหรอครับ?”

     “โอ๊ยต้น! ไปฟังไรยัยฟ่าง เอาจริงๆ นะ ใช่ พี่ยอมรับว่าพี่ไปเที่ยวพวกนี้มาบ้าง ก็งานน่ะต้น มันก็มีบ้างที่พี่ซิกแซกพาหมอลงอ่าง แต่ว่าพี่ไม่ได้นอนกับใครจริงๆ”

     ชัยชัชรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน แต่พอเห็นสีหน้าจับผิดของต้นน้ำในที่สุดเขาก็รับคำเสียงอ่อยๆ

     “แต่ถ้าเอ่อ... แบบข้างนอกนิดๆ หน่อยๆ ผ่อนคลายตัว พี่ก็มีเผลอๆ บ้าง นวดนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง แค่สัมผัสนอกกายนี่ต้น ไม่ใช่ไปเอากับใครซักหน่อย คือ... พี่เลี่ยงไม่ได้นี่หว่า ไปถึงที่แล้วบางทีมันก็นะ... ต้องมีบ้าง”

     “พี่ชัชน่าจะพูดไปตรงๆ กับพี่ฟ่างนะครับ”

     “พูดแล้วทำให้คนฟังไม่สบายใจพี่ไม่อยากทำว่ะ แถมฟ่างยังเป็นพวกชอบฟังแต่เรื่องที่อยากฟังเท่านั้นแหละ ไม่เคยฟังอะไรที่พี่อยากพูดหรอก แต่ตอนนั้นพี่ก็ยอมเขานะ พอคิดอีกทีเลิกๆ กันไปมันก็ดี ขืนแต่งกันไปจริงๆ เลิกกันตอนมีลูกคงลำบาก ตั้งแต่พี่เจอต้นพี่รู้เลยว่าเวลาอยู่กับคนที่เรารักแล้วสบายใจมันเป็นยังไง มันทำให้พี่นึกย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับตัวเองเมื่อก่อนอยู่บ่อยๆ หลายครั้งเลยที่พี่แว๊บขึ้นมาว่าตัวเองกับฟ่างคงไปกันไม่รอด อย่างดีก็ทนกันได้อีกไม่กี่ปี”

     ชัยชัชไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของเขามีอำนาจต่อต้นน้ำมากแค่ไหน สิ่งที่ต้นน้ำปรารถนามากที่สุดในชีวิตก็คือได้เป็นที่ต้องการของใครสักคน ใครก็ได้ที่ยอมรับตัวตนที่บิดเบี้ยวนี้!

     “ผมมีค่ากับพี่ชัชมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”

     “ใช่ ต้นมีค่ากับพี่มาก ต้นดีมากจนพี่กลัวตัวเองจะดีไม่พอสำหรับต้นเลย”

     “ทำไมละครับ?”

     “ก็... พี่มีนิสัยแย่ๆ เยอะมั้ง กลัวต้นจะอยู่ด้วยกันแล้วพาลเบื่อพี่หนีไปอีกคนแบบฟ่าง”

     “ถ้าเป็นเรื่องที่ชอบทำตัวซกมก ชอบวางข้าวของระเกะระกะ แล้วก็ชอบกินข้าวแล้ววางจานชามทิ้งไว้ผมว่าผมทนไหวครับ”

     “หือ จริงอ่ะ? แต่พี่นอนดิ้นด้วยนะเว้ยต้น บางทีอยู่กับบ้านพี่ก็ชอบตดด้วยนะ แล้วถ้าอีกหน่อยพี่หัวล้าน ต้นยังจะรักพี่อยู่เปล่า?”

     “หัวล้านเลยเหรอครับ? ผมว่าพี่ชัชน่าจะลงพุงมากกว่า”

     “เออๆ ว่าพี่นะ แล้วถ้าพี่หัวล้านลงพุงล่ะ ต้นจะยังรักพี่อยู่มั้ย?”

     ต้นน้ำแกล้งไม่ตอบทำท่าคิดหนัก แต่แล้วก็หลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นคนแก่งอน ชัยชัชเอาคืนเด็กปากดีด้วยการขยี้ผมเป่าเหม่งหวังให้มีคนหัวล้านเป็นเพื่อน ต้นน้ำจึงหัวเราะคิกคักพลางปัดป้องเป็นพัลวัน

     เสียงหัวเราะต่อกระซิกยังคงดังอยู่อีกครู่ใหญ่ จนกระทั่งชัยชัชขอตัวกลับห้อง ต้นน้ำจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเข้านอน การได้ใช้เวลากับชัยชัชมันช่างรู้สึกดีเสียจนเขาแทบจะลืมปัญหาทุกอย่างในชีวิต ชายหนุ่มเปรียบเสมือนกองไฟที่ขับไล่ความมืดในจิตใจ ช่วยให้ความอบอุ่นแก่หัวใจเขา หลอมละลายความเย็นชาในโลกใบเล็ก ทำให้เขามีความสุขลืมความทุกข์ที่สะสม และมันก็ทำให้เขามีกำลังใจต่อสู้กับปัญหามากขึ้น!

     พรุ่งนี้ยังมีเรื่องบางอย่างรอเขาไปแก้ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำตัวต่อหน้าเพื่อนๆ ในห้องอย่างไร เขาไม่แน่ใจว่าข่าวเรื่องของเขาจะแพร่ไปในโรงเรียนขนาดไหน

     'ไม่หรอกมั้ง เราไม่ได้ดังอะไรขนาดนั้น ไม่มีใครสนใจเราหรอก'

     ต้นน้ำปลอบใจตัวเอง เขาเพ่งมองหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังโชว์สายเรียกเข้าด้วยระบบสั่นสะเทือนแต่ไร้เสียงพลางคิดอะไรในใจ
   
============================================

     ต้นน้ำไปโรงเรียนโดยเตรียมใจรับสถานการณ์ทุกอย่างที่อาจจะเกิดขึ้น ใบหน้าของเขายามนี้ฉาบไปด้วยหน้ากากไร้อารมณ์ที่หนากว่ายามปกติ พรุ่งนี้ก็จะวันเกิดเขาแล้ว แม้จะน่าเสียดายที่แม่ของเขาไม่สามารถอยู่ฉลองด้วยได้ แต่ชัยชัชก็สัญญาว่าจะรีบกลับแล้วพาเขาไปฉลองวันเกิดด้วยกัน

     'เราต้องเข้มแข็งไว้สิ เจอกับเรื่องแย่ๆ มามากกว่านี้ยังทนได้เลย อีกไม่นานมันก็จะต้องผ่านไป พรุ่งนี้มีเรื่องดีๆ รอเราอยู่'

     ก้าวแรกที่ย่างเท้าเข้าห้องต้นน้ำก็ถูกต้อนรับด้วยสายตาคลางแคลงใจจากเพื่อนๆ ต้นน้ำพยายามมองข้ามสายตาไม่เป็นมิตรเล่านั้นแล้วทำหน้าที่“นักเรียน”ของตนตามเดิม แต่แล้วเสียงใสๆ ของไนน์ก็ช่วยเขาไว้ได้อีกแล้ว

     “ตะเอง เป็นไรมากป่าว? เมื่อวานเค้าโทรหาทำไมตะเองไม่รับอ่า”

     “ขอโทษที เราปิดเสียงเอาไว้แถมนอนเกือบทั้งวันน่ะ เลยไม่ได้รับ”

     ในเมื่อไนน์ไม่ขุดคุ้ย เขาก็จะไม่พูด! ต้นน้ำรักสาวน้อยคนนี้จริงๆ

     “เมื่อวานตะเองไม่สบายมากเหรอ”

     “อืม ขอบคุณที่เป็นห่วงนะแล้วก็ขอโทษด้วย”

     “ก็น่าอยู่หรอกน้า ตะเองล้มลงไปหัวฟาดแร๊งแรงอ่ะ ยังเจ็บอยู่ป่าว”

     “ก็นิดหน่อย”

     บทสนทนาตามปกติกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่แสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติราวกับต้นน้ำไม่รู้สึกสะทกสะท้านใดๆ ทั้งสิ้น! ต้นน้ำเมินเฉยต่อสายตาและเสียงซุบซิบจากเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ราวกับเมื่อวานนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งไนน์ที่พยายามลากเขาไปไหนมาไหนด้วยตอนช่วงพักเที่ยงเพื่อไม่ให้ต้นน้ำต้องอยู่คนเดียวก็สะท้อนอะไรหลายๆ อย่างให้คนอื่นได้เห็น และแน่นอนว่าคนที่เห็นภาพนี้แล้วเจ็บจี๊ดในใจมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นแม็กซ์! แต่ใครเล่าจะรู้ว่าต้นน้ำกำลังพยายามทำอะไรอยู่

     “นี่ๆ พรุ่งนี้วันเกิดตะเอง พวกเราไปฉลองด้วยกันมั้ย ไปกินข้าวแล้วก็ดูหนัง นะ นะ ได้มั้ยอ่ะตะเอง”

     ไนน์เปิดประเด็นขึ้นมากลางกลุ่มส่งผลให้ต้นน้ำรู้สึกซึ้งในน้ำใจของเพื่อนสาวคนนี้ แม้จะจุ้นจ้านชอบพูดมากและในบางครั้งก็วุ่นวายไปบ้าง แต่อะไรที่เขาไม่ชอบไม่ต้องการเจ้าตัวก็ไม่แตะ และยอมทำเป็นลืมไม่ถือสาอะไรกับคนแบบเขา ต้นน้ำยิ้มบางๆ ตอบไนน์

     “ไม่ได้หรอก เรามีนัดแล้ว”

     “เอ๋! กับแม่ตะเองเหรอ? ขอเค้าไปด้วยคนสิ รับรองพวกเราไปกันเองแค่นี้ก็ได้ ตะเองไม่อยากให้ใครโผล่ไปเค้าก็จะไม่พาไปเด็ดขาด!”

     เพราะท่าทีสำนึกผิดของไนน์ที่ออดอ้อนขอร้องเขานั้นช่างน่ารักเสียจนต้นน้ำอดหัวเราะออกมาไม่ได้

     “ไม่ได้หรอก เราอยากฉลองกับคนพิเศษสองคนน่ะ”

     “หา? หมายถึงกับแฟนนายน่ะเหรอ ตกลงแล้วนายเป็นเกย์จริงๆ เหรอต้น?”

     เด็กสาวในกลุ่มที่ชื่อปลาเอ่ยถามขึ้นทันควันทำให้ได้รับตาเขียวปั๊ดจากเพื่อนร่วมกลุ่มคนอื่น เจ้าตัวจึงรู้สึกผิดกับการไม่ระวังคำพูดของตัวเอง ต้นน้ำมองดูเธอพลางสบสายตาคนอื่นๆ ในกลุ่มก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยยอมรับ

     “อืม ก็คงงั้นแหละ”

     “เอ๋... จริงอะ?”

     “พวกเธอรังเกียจเรารึเปล่าล่ะ?”

     “ถ้าพวกเราจะเกลียดก็ไม่ได้เกลียดที่นายเป็นเกย์หรอกต้น แต่บอกตามตรงนิสัยแบบนายเราโคตรเกลียดเลย นายชอบทำเหมือนหลอกใช้คนอื่นตลอดเวลา แค่เห็นนายที่ทำท่าเหมือนใส่หน้ากากตลอดเวลาเราก็หงุดหงิดละ แต่ในเมื่อไนน์ชอบนายมากๆ แล้วนายก็ยังไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับไนน์ เราก็เลยไม่อยากยุ่งเรื่องของนาย”

     เพื่อนของไนน์คนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยออกมาอย่างฉะฉานจนต้นน้ำจุกกับความจริงในสายตาเพื่อนแทบพูดอะไรไม่ออก

     “แหวน! ที่ตกลงกันมันไม่ใช่แบบนี้นี่!”

     ไนน์แหวขึ้นอย่างตกใจ แต่แหวนกลับดึงไนน์ให้นั่งลงแล้วเอามืออุดปากคนตัวเล็กกว่าอาศัยพละกำลังเข้าข่ม

     “เราดูแย่ในสายตาเธอขนาดนั้นเลยเหรอแหวน?”

     “ใช่! โดยเฉพาะเรื่องที่แม็กซ์พูดเมื่อวาน พวกเราไม่รู้หรอกว่าเรื่องจริงเป็นยังไง แต่พวกเราเองก็ไม่เคยเห็นแม็กซ์ร้องไห้เพราะใครมาก่อนเหมือนกัน ถึงเรื่องความรักมันบังคับกันไม่ได้แต่นายก็มีส่วนผิด ถ้าไม่รักก็ไม่ควรเที่ยวไปให้ความหวังคนอื่น กับยัยนี่ก็เหมือนกัน อย่านึกว่าพวกเราโง่นะต้น นายหลอกไนน์ให้ทำไรบางอย่างให้นายอยู่ใช่มั้ยล่ะ? พวกเราต้องทนฟังยัยนี่พร่ำเพ้อถึงนายมาตลอด นายไม่เคยยอมรับความรู้สึกของยัยนี่แต่ก็ไม่ยอมปฏิเสธ ปล่อยให้ยัยนี่ต้องเป็นฝ่ายตัดใจเอาเอง แล้วพอเกิดเรื่องขึ้น ยัยนี่ก็ห่วงนายจนมาขอร้องพวกเราให้ช่วยเป็นเพื่อนกับนาย แล้วนายก็ดันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอาแต่หลบอยู่หลังคนอื่นให้เขาออกหน้าปกป้อง บอกตามตรงเราไม่ชอบคนนิสัยแบบนี้”

     คำพูดตรงๆ จากปากเพื่อนที่ไม่เคยสนิทกันมาก่อนนั้นช่วยเตือนสติต้นน้ำ

     “งั้นแล้วเราควรทำยังไงดีล่ะ? เราไม่รู้จริงๆ นี่นาว่าควรทำตัวยังไง ตั้งแต่ตอนเข้าเรียนใหม่ๆ แล้วเราถูกคนอื่นแกล้งสารพัด เราไม่อยากมีเรื่องกับใครอยากเรียนอย่างสงบพอรู้ตัวอีกทีเราก็ชินกับการทำตัวแบบนี้ แค่เพราะเราพยายามอดทนไม่อยากมีเรื่องกระทบกระทั่งกับใคร มันทำให้เราดูเหมือนไม่จริงใจกับคนอื่นแบบนั้นเหรอ?”

     “การมีเรื่องกับการพูดความความรู้สึกของตัวเองมันต่างกันนะต้น นายต้องหัดเปิดใจ มันก็อาจจะจริงที่ถ้านายเปิดใจแสดงความเป็นตัวของตัวเองแล้วมันอาจจะมีคนที่ไม่ชอบนาย แต่ถ้านายไม่ยอมเปิดใจกับใครเลยแล้วก็เอาแต่เก็บความรู้สึกแบบนี้นายจะหาเพื่อนแท้ได้ยังไง ที่พวกเราพูดก็เพราะหวังดีกับนายนะต้น เห็นแก่ยัยตัวเล็กมัน”

     นี่เป็นครั้งแรกที่ต้นน้ำมีโอกาสสนทนาเปิดอกกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นนอกจากแม็กซ์ มันทำให้เขารู้สึกแย่พอๆ กับที่ทำให้รู้สึกดี แม้จะใจหนึ่งจะคิดไปว่าการชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านก็เป็นนิสัยพื้นฐานของมนุษย์ แต่คำพูดที่จริงใจไร้การปรุงแต่งไม่เสแสร้งของสาวห้าวแบบแหวนก็ทำให้เขารู้สึกดี

     “เราไม่เคยนอนกับแม็กซ์”

     “ห๊ะ?”

     คนทั้งกลุ่มร้องออกมาด้วยความประหลาดใจเพราะหัวข้อสนทนาที่เปลี่ยนกระทันหันของต้นน้ำ

     “ก็พวกเธออยากให้เราเปิดใจเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน เราก็พูดความจริงอยู่นี่ไง มันก็อาจจะจริงที่เราเกรงใจไนน์และก็... บางทีก็ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ เพราะเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง...”

     พอพูดถึงตรงนี้ต้นน้ำก็เหลือบไปสบตากับดวงตากลมโตของไนน์ เขาเห็นเธอทำหน้าเศร้าๆ แต่ก็สื่อแววตาเข้าอกเข้าใจกลับมาให้เขา

     “แล้วก็อย่างที่พวกเธอรู้ อาจารย์ให้เราจับคู่กับแม็กซ์ มันก็เลยช่วยไม่ได้ถ้าเรากับแม็กซ์จะสนิทกันมากกว่าคนอื่นๆ ในห้อง เราก็เลย... แค่อยากลองดูว่าเราเป็นเกย์รึเปล่ามันก็แค่นั้นแหละ แต่ว่าเราทำไม่ได้เราก็เลยไม่อยากพูดถึงมันอีก แต่เราไม่รู้จริงๆ ว่าแม็กซ์จะคิดกับเราแบบนั้น เราก็พยายามปฏิเสธแม็กซ์มาตลอดแล้วนะ พวกเธอก็เห็นที่ผ่านมาแม็กซ์เป็นยังไง ใครจะไปคิดว่าแม็กซ์จะชอบเราขึ้นมาจริงๆ ส่วนเรื่องที่เรามีแฟนเป็นผู้ชายเราก็พึ่งตกลงคบกับพี่เขาได้ไม่นาน แต่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวก็เลยไม่ได้บอกใคร เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้แหละ”

     ต้นน้ำเล่าอย่างสงบ น้ำเสียงของเขาราบเรียบราวกับกำลังพูดคุยเรื่องธรรมดาเช่นเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่ทุกขณะที่เล่าเขาก็คอยสบตากับเพื่อนๆ ในกลุ่มไปด้วย ท่าทางของต้นน้ำชวนให้คนอื่นใจอ่อนให้อภัยได้ไม่ยาก ถ้อยคำที่ปรุงแต่งมาอย่างดีก็ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้จนทุกคนยอมรับ ต้นน้ำตีบทแตกกระจุย!

     “เค้าขอโทษนะ ต่อไปนี้เค้าจะไม่ยุ่งวุ่นวายเรื่องของตะเองแล้ว เรื่องไรที่ตะเองไม่อยากให้เค้าพูดเค้าก็จะไม่พูด”

     ไนน์เอ่ยขอโทษอย่างน่าสงสารประหนึ่งตัวเองเป็นจำเลยของคดี พลางหันไปพยักหน้าขอความเห็นจากเพื่อนคนอื่นๆ ในโต๊ะ แต่ทว่าแหวนกลับขัดขึ้นเสียก่อน

     “เอาเหอะ คิดๆ ดูมันก็จริงอย่างที่นายพูดนะ แต่ยังไงเราว่านายก็ควรไปขอโทษแม็กซ์”

     “เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เราว่าจะไปคุยกับแม็กซ์ตอนเย็นน่ะ”

     แม้บรรยากาศระหว่างเพื่อนชายหญิงทั้งคู่จะคลี่คลายไปบ้างแล้วแต่ความเงียบมันก็น่าอึดอัดอยู่ดี ปลาและไนน์จึงสะกิดกันชวนคุยเรื่องไร้สาระต่างๆ เพื่อไกล่เกลี่ยบรรยากาศไม่ให้กลับมาอึมครึม
   
============================================

     “ต้น เย็นนี้ให้พี่ไปรับเปล่า? จะได้ไปเลือกเค้กกัน พี่กลัวพรุ่งนี้จะซื้อมาไม่ถูกใจต้นอ่ะ”

     “เอ่อ... ไม่ดีกว่าครับ ผมว่าผมอยากทำเค้กเองน่ะครับ เดี๋ยวซื้ออุปกรณ์นิดหน่อยก็พอแล้ว”

     ต้นน้ำปฏิเสธชัยชัชไปเพราะตนมีแผนอื่นในใจ

     'เราไม่ได้โกหกพี่ชัชนะ เราอยากลองทำเค้กให้พี่ชัชชิมจริงๆ แต่ว่าวันนี้เราให้พี่ชัชมารับไม่ได้เด็ดขาด ขอไปจัดการธุระก่อนแล้วผมจะรีบกลับนะครับ'

     “งั้นพี่ไปรับมั้ย? จะได้ไปซื้อของด้วยกัน”

     “ไม่ต้องหรอกครับ! คือ... ผมซื้อของนิดหน่อย กลับเองได้”

     “เอางั้นเหรอ? เอาๆ ตามใจ”

     เมื่อได้ฟังแฟนสุดที่รักยืนยันมาแบบนั้นเขาจะทำอะไรได้ ชัยชัชยอมถอยให้ต้นน้ำพลางวางแผนเซอร์ไพรสในใจ

============================================


น้องต้นก็ยังแอ๊บเหมือนเดิม โกหกหน้าตาย
ส่วนพี่ชัชก็เคลียร์ตัวเองชัดมาก

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เอาแล้ว ความลับแตกแล้ว!


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     เสียงออดคาบสุดท้ายดังขึ้นพร้อมกับบรรดานักเรียนที่เฮโลกันเก็บกระเป๋าเตรียมตัวแยกย้ายทางใครทางมัน บ้างก็ตรงดิ่งกลับบ้านบ้างก็ไปเถลไถลในขณะที่อีกหลายคนก็บ้าเรียนพิเศษ แม็กซ์ผู้อยู่ในกลุ่มพวกลอยชายไม่เรียนพิเศษก็เตรียมตัวเดินออกจากห้องเช่นกัน เขาดูเงียบเป็นพิเศษจนแม้แต่กายและอาร์มก็ยังเข้าหน้าไม่ติด

     แม้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานจะทำให้มีเสียงลือเล่าข่าวเรื่องของเขากับต้นน้ำลอยไปทั่วทั้งโรงเรียน แต่ความหน้าชาระหว่างข่าวเม้างี่เง่ากับความเจ็บปวดที่ถูกคนที่เขารักหลอกนั้นเทียบกันแทบไม่ได้ นาทีนี้แม็กซ์ยอมโดนคนอื่นๆ มองด้วยสายตาแปลกประหลาดยังดีกว่าที่ต้องทนเห็นสายตาเฉยชาไร้ความจริงใจมองตรงมาจากต้นน้ำ

     แม็กซ์ทั้งรักทั้งแค้น เขารักต้นน้ำแบบที่ไม่เคยรู้สึกดีๆ แบบนี้กับใครมาก่อน แต่ก็แค้นมากเพราะถูกคนที่รักทำร้ายอย่างที่ไม่เคยมีใครเคยทำไว้เช่นกัน แม็กซ์ไม่คิดว่าความรู้สึกที่ตนมีให้ต้นน้ำเป็นของปลอม ต้นน้ำเหมือนโอเอซิสในใจที่แห้งผากของเขา เพียงแค่อยู่ด้วยกันความกระหายของเขาก็ดับลงได้โดยไม่จำเป็นต้องปลดปล่อย ความรู้สึกยามที่อยู่กับต้นน้ำมันมีความอิ่มเอมที่ทำให้เขารู้จักพออยากทะนุถนอมแหล่งน้ำชั้นดีนี้เอาไว้ ต่างกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาไม่คิดจะใส่ใจ ต้นน้ำคือสายน้ำที่ดับไฟในตัวเขาทั้งเพลิงแห่งอารมณ์และไฟราคะ แม็กซ์ไม่เคยเจอใครแบบนี้มาก่อน น่าเสียดายที่ต้นน้ำเป็นผู้ชาย เขาอุตส่าทำใจยอมรับความจริง ยอมฝ่าฟันกำแพงในหัวใจของตนเพื่อหาวิธีคว้าหัวใจต้นน้ำมาครอบครอง แต่สิ่งที่เขาได้รับคืออะไร? แม้แต่ความจริงใจต้นน้ำก็ไม่เคยมีให้เขา!

     แม็กซ์เดินตรงไปเรื่อยๆ ไม่สนใจคนรอบข้าง เมื่อวานเขาคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่จนเผลออาละวาดใส่ต้นน้ำ  ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะออกไปคุยกันแค่สองคนแท้ๆ แต่พอมีคนอื่นมาร่วงวงและเห็นต้นน้ำแกล้งทำตัวใสซื่อเหมือนหน้ากากบนใบหน้าที่เจ้าตัวใส่ยามอยู่ต่อหน้าเขาตลอดเวลาแล้วมันก็หงุดหงิดจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ แม็กซ์เกิดความรู้สึกอยากจะกระชากหน้ากากของต้นน้ำออกมาทำลายเสีย ถึงแม้ต้นน้ำเคยมอบรอยยิ้มและเผยสีหน้าต่างๆ ให้เขาเห็น แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับสีหน้าในยามที่ต้นน้ำอยู่กับผู้ชายคนนั้น การกระทำทุกอย่างทั้งสีหน้าท่าทางรวมไปถึงรอยยิ้มที่คนทั้งสองมีให้แก่กันดูเป็นธรรมชาติเสียจนเขาทนไม่ไหวเพราะความอิจฉาที่เดือดดาลอยู่ในอก ทั้งๆ ที่เขาพยายามมาตั้งนาน ผู้ชายคนนั้นกลับมาแย่งต้นน้ำไปจากเขา แม็กซ์แค้นจนแทบบ้า! แต่เรื่องทั้งหมดก็จบลงที่ต้นน้ำเป็นลมไปเสียก่อน

     การที่ต้นน้ำเป็นลมอยู่เหนือความคาดหมายของแม็กซ์ แถมช่วงที่ต้นน้ำทรุดลงไปเขาตกใจเลยรับร่างเพื่อนไม่ทันจนศีรษะของต้นน้ำกระแทกเข้ากับโต๊ะอย่างแรง แม็กซ์ในเวลานี้ทั้งสับสนทั้งเป็นห่วงแต่ไม่กล้าเดินไปถามไถ่อาการของต้นน้ำเพราะความบาดหมางที่เกิดขึ้น ประกอบกับการที่ต้นน้ำเปลี่ยนสีง่ายๆ ยอมไปไหนมาไหนกับไนน์ยิ่งทำให้เขาเกลียดนิสัยของต้นน้ำมากขึ้น แม็กซ์ได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าสบตาตรงๆ กับต้นน้ำ เขาเฝ้ารอให้ต้นน้ำเห็นความสำคัญของเขา แต่กลับถูกละเลยอย่างไร้เยื่อใย ความรู้สึกนี้มันช่างเจ็บปวดเกินกว่าสายตาสอดรู้สอดเห็นของพวกชอบเสือกจะทำอะไรเขาได้

     “แม็กซ์ เราได้ข่าวเรื่องนายกับต้น จริงรึเปล่าที่เขาบอกว่านายเป็นเกย์”

     เด็กสาวคนหนึ่งที่แม็กซ์เคยจีบเมื่อตอน ม. 4 ทักขึ้นพร้อมยกพวกมาขวางทาง ท่าทางสอดรู้สอดเห็นบวกความท้าทายของเธอทำให้เขาหงุดหงิด เธอคงอยากจะเอาคืนเพราะโดนเขาทิ้งไปมีคนอื่นเมื่อสมัยก่อน อันที่จริงแม็กซ์เคยนอนกับเด็กคนมานี้แล้วเพียงแต่อีกฝ่ายก็ใช่ย่อย การคบหาดูใจกันเพราะความต้องตาต้องใจเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกจึงจืดจางลงอย่างง่ายดาย นานวันเข้าเขาก็เริ่มเบื่อของเน่าๆ สุดท้ายต่างคนเลยต่างไปมีคนใหม่ ไม่ผูกพันอะไรกันอีก

     “ยุ่งไรด้วย”

     “ก็แค่สงสัยว่าตกลงนายยังชอบผู้หญิงอยู่หรือเป็นเกย์ตามที่เขาลือน่ะสิ”

     เด็กสาวคนนั้นเชิดหน้าขึ้นท้าทายเขาอย่างถือดี แม็กซ์กำลังอารมณ์ไม่ดี เขาไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมาท้าทายแล้วปล่อยผ่านไปง่ายๆ

     “ถ้าอยากรู้ทำไมไม่ลองเองล่ะ”

     “นายทำได้เหรอ?”

     “จะไปไม่ไป ถ้าอยากรู้ก็ตามมา”

     แม็กซ์ตอบทิ้งท้ายไว้แล้วเดินนำหน้ามาอย่างไม่ใส่ใจ คำตอบของเขาเรียกเสียกรี๊ดเกรียวกราวได้จากเด็กสาวคนนั้นและเพื่อนของเธอ เด็กสาววิ่งไปหยิบกระเป๋าแล้ววิ่งกลับไปหาแม็กซ์เพื่อเดินเคียงคู่ไปด้วยกัน คนทั้งสองเรียกแท็กซี่บอกจุดหมายตรงไปยังอพาร์ทเม้นท์ของแม็กซ์ทันที และมันก็เดาได้ไม่ยากว่าแม็กซ์ตอบคำถามเธอด้วยวิธีไหน!

============================================

     ทันทีที่แม็กซ์ให้คำตอบกับเด็กสาวด้วยการให้เธอทดลองของจริงจนเสร็จการพิสูจน์คำตอบบนเตียงแล้วเขาก็ออกปากไล่เธอกลับทันที เขาเอ่ยปากทั้งที่ยังสวมกางเกงไม่เสร็จเสียด้วยซ้ำ!

     “มันจะไม่เลวไปหน่อยเหรอไงแม็กซ์ เอาเสร็จแล้วก็ไล่กลับทันทีเนี่ย!”

     “เธออยากรู้ เราก็ลองให้เธอดูแล้วไง จะเอาไรอีก”

     แม็กซ์ตอบกลับอย่างเย็นชาพลางเร่งให้เธอแต่งตัวให้เรียบร้อย ตอนแรกเด็กสาวทำท่าจะโวยวายแต่พอเห็นสายตาเอาจริงของแม็กซ์แล้วก็เริ่มกลัวจนพูดอะไรไม่ออก

     “กลับไปได้แล้ว!”

     แม็กซ์หยิบกระเป๋านักเรียนของเธอพร้อมกับยื่นแบงก์ร้อยสองใบส่งให้พร้อมกัน

     “อะไรวะ! กูไม่ใช่กะหรี่นะแม็กซ์!”

     “จะเอาไม่เอาค่ารถอ่ะ อยากนั่งรถเมลล์กลับเหรอไง?”

     เมื่อเจอกับสีหน้านิ่งๆ ไม่แคร์ใครของแม็กซ์เธอก็ทำอะไรมากไม่ได้ เธอได้แต่ขัดใจและแสดงออกด้วยการกระชากเงินในมือนั้นก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง

     คู่นอนของเขากลับไปแล้ว แม็กซ์ไม่แปลกใจที่พบว่าตนยังมีอะไรกับผู้หญิงได้ตามปกติ อันที่จริงระหว่างนั้นเขาไม่ได้รู้สึกหรือคิดอะไรเลยนอกจากทำๆ ไปตามอารมณ์ให้มันเสร็จๆ ไปก็เท่านั้น เขาใส่กางเกงเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้ใส่เสื้อ แม็กซ์คิดไม่ออกว่าตนควรอาบน้ำเลยดีหรืออยากจะทำอะไรต่อ แต่ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ความหงุดหงิดพุ่งขึ้นสู่สมองของเขาทันที

     “อะไรอีกวะ ..... ต้น!”

     “อืม เราเอง ขอเข้าไปคุยได้มั้ย?”

     แม็กซ์ตกใจ! เขาคิดไม่ถึงว่าต้นน้ำจะมาหาเขาถึงห้องแบบนี้! แม็กซ์ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดประตูอ้าออกเชิญให้ต้นน้ำเข้ามาข้างใน ต้นน้ำยังคงยิ้มให้เขาเช่นเคยขณะที่ก้าวผ่านเขาเข้ามาในห้อง

     “ไม่กลัวโดนปล้ำรึไง มาถึงที่แบบนี้”

     “แม็กซ์พึ่งทำเสร็จไปไม่ใช่เหรอ? นายไม่ได้แรงดีขนาดจะทำติดๆ กันสองรอบได้หรอกมั้ง”

     วาจาเชือดเฉือนถูกหยิบมาใช้กัดเล่นในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม็กซ์รู้ดีว่าต้นน้ำปากเก่ง แต่ที่ผ่านมาต้นน้ำไม่เคยกล้าท้าทายเขาแบบนี้

     “เดี๋ยวจัดให้ลองจริงๆ หรอกไอ้ต้น”

     “ไม่หรอกน่า แม็กซ์ไม่ทำหรอกเรารู้ แม็กซ์ไม่เคยทำอะไรบังคับจิตใจเรานี่นา”

     ต้นน้ำพูดพลางวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะหน้าโทรทัศน์กลางห้อง เขาตรงไปเก็บเสื้อนักเรียนยับยู่ยี่ที่กองอยู่ข้างเตียงส่งไปลงตะกร้าผ้าให้เจ้าของห้องอย่างคุ้นเคยภายใต้สายตาที่มองตามทุกการกระทำจากแม็กซ์ ต้นน้ำเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเกลือแร่มายื่นให้คนที่นั่งมองตัวเองอยู่บนเตียง แม็กซ์รับขวดน้ำมาเปิดดื่มพลางถามขึ้นเบาๆ

     “มาทำไม”

     “มาปรับความเข้าใจกับเพื่อน”

     แม็กซ์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ

     “กูเป็นได้แค่เพื่อนมึงเองเหรอต้น?”

     ต้นน้ำเดินมาใกล้ๆ พลางย่อตัวลงนั่งบนเตียงติดกับแม็กซ์ เพียงแต่เขาจงใจนั่งให้หลังของตนชนกับอีกฝ่าย

     “อืม ขอโทษนะ”

     “งั้นตลอดเวลาที่ผ่านมามันคือไรล่ะต้น! ต้นบอกแม็กซ์ทีดิว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีแต่แม็กซ์ที่คิดไปเอง ต้นไม่ได้รู้สึกอะไรเลย รวมทั้งเรื่องที่เราสองคนทำนั่นก็ด้วย ทั้งหมดต้นจงใจหลอกใช้แม็กซ์เฉยๆ”

     “เราขอโทษ แต่...”

     ต้นน้ำเงียบไปพักใหญ่ปล่อยให้ทั้งห้องมีเพียงเสียงสะอื้นของแม็กซ์ เขารวมรวบความคิดก่อนจะเปิดปากพูดในสิ่งที่เขาอัดอั้นออกมา

     “เราไม่ปฏิเสธหรอกว่าเราเกลียดพ่อตัวเองมาก เราก็เลยหลอกใช้นายเพื่อทำเรื่องแบบนั้น แต่นอกเหนือจากเรื่องนั้นแล้ว เราไม่ได้โกหกอะไรนายเลย เราเห็นนายเป็นเพื่อนคนนึงของเรานะแม็กซ์ เพื่อนที่สนิทที่สุดในโรงเรียน ถึงเราจะหลอกใช้นายเรื่องนั้นแต่เราก็คิดว่านายเป็นเพื่อนคนนึงของเราจริงๆ นะ ..... ที่จริง เราเจอกับพี่เขาหลังจากที่เรากับนาย... นั่นแหละ เรื่องระหว่างเรากับพี่เขาเกิดขึ้นทีหลังนาย แต่ที่เราปฏิเสธนายเป็นเพราะเราไม่ได้คิดอะไรกับนายเกินกว่าคำว่าเพื่อนจริงๆ เราไม่คิดนี่ว่านายจะคิดจริงจังกับเรา ก็แม้แต่กับผู้หญิงคนอื่นๆ เราก็ไม่เห็นนายเคยคบใครจริงจังนี่นา เราก็เลยนึกว่านายแค่อยากเอาชนะเราเฉยๆ เราไม่รู้เลยจริงๆ ว่านายจะรักเราแบบนั้น ขอโทษนะที่เราไม่ยอมพูดตรงๆ กับนายตั้งแต่แรก เรากลัวว่าถ้าเราปฏิเสธนายไปตรงๆ ว่าเรามีคนที่รักแล้วนายจะเกลียดเรา แล้วเราสองคนจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีก”

     “ทั้งๆ ที่ต้นไม่รักแม็กซ์แต่ต้นก็ยังโลภมากอยากเป็นเพื่อนกับแม็กซ์เหรอ”

     “อืม แม็กซ์อาจจะไม่รู้ตัวนะ แต่เวลาที่เราอยู่กับนายเราสนุกมากๆ ไม่เคยมีใครสนใจเรามาก่อน ถึงนายจะชอบแกล้งเราแต่นายก็สอนเราเล่นกีตาร์ บังคับให้เราหัดดื่มเหล้า พาเราไปแว๊นซ์ หึๆ โคตรบ้าเลย เรารู้ว่านายจงใจแกล้งเรา ทั้งๆ ที่นายแกล้งเราแต่นายกลับไม่เคยปล่อยให้เราอยู่ในอันตราย คอยปกป้องเราเสมอ เวลาเราเหงาก็ชวนเราเข้ากลุ่มไม่ปล่อยเราทิ้งไว้ให้ต้องอยู่คนเดียว ชวนเราไปทานข้าวด้วยกัน ตอนที่เราถูกคนอื่นหาเรื่องนายก็คอยปรามให้ นายคอยเป็นห่วงเวลาเราไม่สบาย ถึงนายจะชอบทำให้เราลำบากใจบ้างบางครั้งแต่นายก็ทำให้เรารู้สึกเสมอนะว่านายคือเพื่อนแท้คนนึงของเรา”

     “แล้วต้นรู้มั้ยว่าแม็กซ์ทำแบบนั้นก็เพราะว่าแม็กซ์รักต้น! ทำไมอ่ะต้นเป็นแม็กซ์ไม่ได้เหรอ?”

     “ขอโทษนะ เราคิดกับนายแค่เพื่อนจริงๆ”

     “แม็กซ์ไม่เข้าใจมันมีอะไรดี! มันมีไรที่แม็กซ์ไม่มี ต้นบอกมาดิ!”

     แม็กซ์ตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวัง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความริษยา เขาหันมาผลักต้นน้ำล้มลงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แม็กซ์ใช้แรงทั้งหมดของตัวเองตรึงไหล่ของต้นน้ำไว้กับเตียง เขาจ้องหน้าต้นน้ำพลางก้มลงไปช้าๆ

     “แม็กซ์! อย่าทำแบบนี้ เราไม่ชอบ ปล่อยนะ เราเจ็บ แม็กซ์ อื๊อ!

     ริมฝีปากที่ปิดลงมาอย่างไม่ยอมแพ้ทำให้ต้นน้ำเริ่มโกรธ! เขาไม่ต้องการแบบนี้! ทั้งๆ ที่เขาเห็นแม็กซ์เป็นเพื่อน ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจมาคุยกันให้รู้เรื่อง แต่แม็กซ์กลับไม่ยอมรับฟัง ทั้งๆ ที่เขาเชื่อใจแม็กซ์ แต่แม็กซ์กลับฉวยโอกาส ต้นน้ำจึงตัดสินใจชกไปที่ใบหน้าของเพื่อนสนิททันทีแล้วฉวยโอกาสดันตัวลุกขึ้นหนีคนอารมณ์ร้อน

     “พลั่ก”

     แม็กซ์ถูกต่อยจนหน้าหัน เขาหันมามองหน้าต้นน้ำช้าๆ ด้วยสายตาที่เจ็บปวด

     “ทำไมอ่ะต้น! ทีมันอ่ะ ทีไอ้นั่นมันจูบต้นๆ ยังยอมมันเลย ทั้งๆ ที่แม็กซ์มาก่อนทำไมแม็กซ์ถึงจูบต้นบ้างไม่ได้ แม็กซ์ก็รักต้นไม่แพ้ไอ้นั่นเหมือนกัน แม็กซ์มาก่อนมันด้วยซ้ำ!”

     เสียงตะโกนอย่างปวดร้าวดังออกมาจากปากแม็กซ์ เขาปลดปล่อยความเศร้าออกมาด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง

     “ก็เพราะเรารักเค้ายังไงล่ะ! เรารักพี่เค้า ไม่ได้รักนาย!”

     แม็กซ์กระชากตัวต้นน้ำเข้ามาใกล้ก่อนจะเขย่าร่างของคนที่ตนรักอย่างรุนแรง

     “งั้นบอกแม็กซ์มาดิ! ต้นรักมันเพราะอะไร? มันมีไรที่แม็กซ์ไม่มีต้นถึงได้รักมันยอมให้มันจูบ ต้นนอนกับมันแล้วใช่มั้ยล่ะมันเก่งกว่าแม็กซ์มากนักรึไง!”

     เมื่อถูกกระทำต้นน้ำก็ไม่ทนอีกต่อไป เขาผลักแม็กซ์ออกไปอย่างแรงแล้วขึ้นเสียงตะโกนสวนกลับไม่ลดละ!

     “มากไปแล้วนะแม็กซ์! ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องเราจะกลับแล้ว ทั้งๆ ที่เราตั้งใจอยากจะมาคุยให้เรื่องของเรามันจบลงด้วยดีแท้ๆ”

     “แต่แม็กซ์ไม่อยากให้มันจบ! แม็กซ์รักต้น! เลือกแม็กซ์แทนไม่ได้เหรอ”

     แม็กซ์ร้องไห้พลางพุ่งเข้ามากอดต้นน้ำเอาไว้ แบดบอยประจำห้องเวลานี้เรียกได้ว่าไร้มาดโดยสิ้นเชิง แต่ต้นน้ำในเวลานี้ก็ถูกอารมณ์ครอบงำสติไปกว่าครึ่งเช่นกัน เขาปัดอ้อมกอดของแม็กซ์ออกอย่างไม่ใยดี

     “ปล่อย! แม็กซ์ปล่อยเรานะ! ถ้านายทำแบบนี้เราจะไม่มองหน้านายอีกต่อไป แม้แต่ความเป็นเพื่อนของเราสองคนก็จะไม่เหลือ!”

     “แต่แม็กซ์ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับต้น แม็กซ์อยากเป็นแฟนต้น! ได้ยินมั้ยว่าแม็กซ์รักต้น!”

     “แต่เราไม่ได้รักนาย ไม่เคยรัก! เราเห็นนายเป็นเพื่อนมาตลอด”

     “ไม่หรอกต้น เพราะแม็กซ์ไม่ดีพอต้นเลยไม่กล้ารักแม็กซ์ใช่มั้ยล่ะ แม็กซ์สัญญานะต่อไปนี้แม็กซ์จะมีต้นคนเดียว ถ้าต้นไม่รักแม็กซ์ต้นไม่มานอนกับแม็กซ์หรอก แม็กซ์ไม่เชื่อหรอกว่าต้นจะไม่รู้สึกอะไรกับแม็กซ์ ต้นนอนกับคนที่ไม่รักไม่ได้หรอกต้นไม่เหมือนแม็กซ์ ต้นจะใช้แม็กซ์เป็นเครื่องมือประชดพ่อแบบไหนยังไงก็ได้ จะให้แม็กซ์ทำอะไรก็ได้แม็กซ์ยอมทุกอย่าง”

     แม็กซ์ฟูมฟายร้องขอความเห็นใจจากต้นน้ำ แต่คนที่ถูกขอร้องกลับรำคาญ ต้นน้ำเกลียดแม็กซ์ที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ

     “เราไม่ได้รักนายจริงๆ เรื่องนั้นเราก็บอกแล้วไงว่าเราทำไปเพราะไม่คิดว่านายจะจริงจังกับเรา เราแค่อยากประชดพ่อเราก็แค่นั้น เราเห็นนายเป็นได้แค่เพื่อนคนนึงเท่านั้น!”

     แต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะได้เถียงขึ้นเสียงใส่กันต่อเสียงเคาะประตูที่ดังมาจากหน้าห้องก็เรียกความสนใจจากทั้งคู่ แม้ในตอนแรกทั้งสองไม่อยากสนใจเสียงเพรียกนั่น แต่เมื่อมันดังรัวมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดแม็กซ์ก็หมดความอดทน เขาตะโกนออกมาอย่างหงุดหงิดตรงดิ่งไปกระชากประตูเปิดออก!

     “ใครวะ! ผัวเมียจะทะเลาะกัน อย่าเสือ-”

     เสียงของแม็กซ์ขาดห้วงลงทันทีที่เห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู! คนที่ยืนตาแดงด้วยอารมณ์คุกรุ่นอยู่หน้าห้องของเขาคือคนที่ประทับอยู่ในความทรงจำที่แผดเผาไปด้วยความริษยามาตลอดหลายวันนี้ ผู้ชายคนนี้เป็นแฟนของต้นน้ำ! และแน่นอนว่าคนที่ยังนั่งอยู่บนเตียงก็ช็อกไม่แพ้กัน ต้นน้ำตกอยู่ในภาวะตะลึงงันจนตัวแข็ง เขาแทบหายใจไม่ออก ริมฝีปากที่สั่นระริกทำได้เพียงแค่พึมพำออกมาเบาๆ

     “พี่ชัช!”

     “ใช่! พี่เองต้น”

     ชัยชัชมองเลยไปสบตาต้นน้ำที่นั่งอยู่ในห้องก่อนจะเผยรอยยิ้มเย็นเฉียบให้เด็กหนุ่ม จากนั้นก็หันมามองสบตากับเจ้าของห้องที่ยืนคั่นระหว่างเขากับต้นน้ำ

     “เผื่อน้องจะไม่รู้ อพาร์ทเม้นท์ที่นี่มันไม่เก็บเสียงนะครับ ทีหลังจะทำไรกันก็เบาๆ หน่อย”

     คำพูดเรียบง่ายเพียงประโยคเดียวแต่สั่นคลอนต้นน้ำได้ราวกับโลกกำลังทลายลงมาต่อหน้าต่อตา เขารีบวิ่งไปหาชัยชัชที่หน้าประตู

     “พี่ชัชฟังผมก่อน!”

     แต่ดูเหมือนว่าชัยชัชไม่ได้สนใจต้นน้ำเลยสักนิด เขาหันไปจ้องตากับแม็กซ์โดยไม่แลมาทางต้นน้ำเลยแม้แต่น้อย สายตาของคนที่ปวดร้าวสองคนมองสบกันอยู่นานก่อนที่ชัยชัชจะเป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นก่อน

     “พี่พึ่งรู้นะครับ ว่าแฟนพี่เป็นเมียน้อง”

     “เออ! ต้นอ่ะเมียกู!”

     ‘มาถึงขั้นนี้แล้วกูไม่ถอยให้มึงเด็ดขาด ต้นต้องเป็นของกู กูมาก่อนมึงอีก!’

     คนทั้งสองเล่นเกมจ้องตากันโดยไม่ลดราวาศอกแม้แต่น้อย โดยเฉพาะชัยชัชเขาพยายามบังคับตัวเองไม่ให้หันไปมองต้นน้ำที่กำลังใช้สายตาเว้าวอนเขาอยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาไหลเป็นทางอาบเต็มสองแก้ม

     “งั้นต้องขอโทษด้วยนะครับ พี่ไม่รู้มาก่อนจริงๆ ว่าแฟนพี่จะมีผัวอยู่ก่อนแล้ว แถมดูท่าทางน้องก็รักต้นมากด้วย พี่ผิดเองเพราะเป็นคนมาทีหลัง”

     ชัยชัชหันไปมองต้นน้ำอยู่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ทั้งรักทั้งแค้นผิดหวังและเสียใจมากเกินกว่าคำว่าช้ำ แค่คำว่าเจ็บปวดยังไม่พอ ถึงกระนั้นเขาก็ยังจงใจยิ้มให้กับคนรัก ชัยชัชยิ้มให้ต้นน้ำเสมือนคำบอกลา รอยยิ้มบนหน้าบิดเบี้ยวไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเพราะความสมเพชตัวเองหรือมอบให้คนโกหกตรงหน้า จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับแม็กซ์ด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้ฟังเหมือนยินดีด้วยกับเด็กหนุ่มทั้งคู่สุดชีวิต

     “และเพื่อให้น้องสบายใจ พี่ขอบอกว่าพี่กับเมียน้องยังไม่เคยมีอะไรกันครับ ขอให้ปรับความเข้าใจกันดีๆ นะครับพี่ไม่รบกวนพวกน้องแล้ว”

     เมื่อพูดจบชัยชัชก็หันหลังเดินจากมาทันทีทิ้งเด็กหนุ่มสองคนไว้ที่เดิม หัวใจของเขาแหลกสลายยิ่งกว่าคราวที่เลิกกับข้าวฟ่างเสียอีก แม้จะช้ำใจที่อีกฝ่ายบอกเลิกเขาไปคบทอม แต่ตอนนั้นสัญญาณแห่งความระหองระแหงก็ปรากฏออกมาเตือนเขาเป็นระยะๆ แล้ว เขาก็ได้แต่พยายามประคับประคอง เมื่อมันไปไม่รอดเขาก็ทำได้แค่ช้ำเป็นธรรมดา แต่อย่างไรเสียเธอกับเขาก็ยังได้พูดคุยตกลงเลิกกันเป็นเรื่องเป็นราว ส่วนต้นน้ำ เด็กหนุ่มทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกสวมเขา ภายใต้ท่าทีที่ใสซื่อกับใบหน้าเขินอายแอบซ่อนไว้ด้วยหัวใจของคนเลือดเย็นหลอกลวงคนอื่นได้อย่างง่ายดาย!

     'อย่างน้อยๆ ฟ่างก็บอกเลิกพี่ตรงๆ ไม่ได้หักหลังกันแบบนี้ ต้นเอ้ย... เราทำให้พี่รู้สึกว่าตัวเองโคตรโง่เลยว่ะ ฮ่าๆ'

     ชัยชัชเดินหัวเราะทั้งน้ำตาลงไปยังรถของตัวเองโดยไม่สนใจเสียงเรียกของต้นน้ำเลยแม้แต่น้อย ขายาวๆ ทั้งสองข้างของเขาเร่งทำหน้าที่พาเขาก้าวเกือบจะเป็นวิ่งเพื่อหนีเสียงร้องเรียกของคนโกหกอย่างรวดเร็ว ต้นน้ำพยายามจะวิ่งตามชัยชัชไปแต่ติดตรงที่แม็กซ์นั้นยื้อตัวเขาไว้ไม่ยอมปล่อย

     “พี่ชัช! รอผมก่อน!”

     “ต้น! อย่าไป! อย่าไปเลยนะแม็กซ์ขอร้อง”

     “ปล่อยเรา!”

     “ไม่! แม็กรักต้น”

     “แต่เราไม่ได้รักนาย! ไม่มีวัน! ได้ยินมั้ย ปล่อยเราซะที!”

     ต้นน้ำตะโกนออกมาอย่างเหลืออดพลางพลักแม็กซ์ออกไปอย่างแรง เขารีบวิ่งไปหยิบกระเป๋าก่อนจะสวมรองเท้าแล้ววิ่งตามชัยชัชทิ้งให้แม็กซ์นั่งร้องไห้อยู่ที่เดิมเพียงลำพัง ต้นน้ำพยายามวิ่งตามคนรักไปติดๆ แต่เพราะเสียเวลายื้อยุดอยู่กับแม็กซ์ประกอบกับช่วงขาที่สั้นกว่าเลยทำให้ไล่หลังชัยชัชไปไม่ทัน เมื่อเขาวิ่งมาถึงที่ลานจอดรถหน้าอพาร์ทเม้นท์ รถของชัยชัชก็เคลื่อนตัวออกไปด้วยความเร็วสูงแล้วเรียบร้อย เสียงล้อบดถนนยังคงก้องอยู่ในหูของต้นน้ำชวนให้สองขานั้นสั่นจนพยุงตัวเองไม่ไหวทรุดลงนั่งร้องไห้กับพื้น

     “พี่ชัช... ฮึก ผมขอโทษ ฟังผมก่อน ฮือๆ

============================================


กรรมตามสนองแล้วน้องต้น นี่มันจุดจบของเด็กเลี้ยงแกะชัดๆ

สงสารน้องต้นนะ แต่เมื่อดูสิ่งที่ฮีทำก็สมควรโดน
คนที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องคือแม็กซ์ต่างหาก แต่จะว่าไปแม็กซ์ก็แบดเกิน เลวอ่ะ (แต่บางคนอาจจะชอบแนวเย็นชาแบบนี้ก็ได้มั้ง)
ส่วนพี่ชัช พระเอกของเรื่อง ... เฮียคือคนที่เลวที่สุด ยันภาค2
 :hao5:

สรุปนิยายเรื่องนี้หาคนดีไม่ได้เลยใช่มั้ย? ทุกคนเล่นมีเหตุผลของตัวเอง ติสแตก เอาตัวเองเป็นที่ตั้งกันหมด เฮ้อ... เพลียจิต

นิยายเรื่องนี้ไม่เหมาะกับคนที่ใฝ่หาความมุ้งมิ้งจริงๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-09-2014 00:38:27 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
พี่ชัชปะทะน้องต้น!(บนเตียง)

**ไม่เหมาะกับคนหัวใจอ่อนไหว ฉากไม่รุนแรง คำบรรยายไม่เรท แต่ทำร้ายจิตใจคนอ่าน เป็นฉากได้กันที่โคตรหดหู่


เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 10 -
##### น้ำตาของเด็กเลี้ยงแกะ #####

     'ทำไมพี่ชัชไม่รับโทรศัพท์'

     ต้นน้ำพึมพำอยู่ในใจหลังจากที่กดโทรศัพท์ไปหาชัยชัชแล้วเจ้าตัวไม่ยอมรับสาย แม้เขาจะกระหน่ำโทรไปมากเท่าไหร่ชัยชัชก็ไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย ต้นน้ำจึงรีบกลับคอนโดแล้วตรงดิ่งไปยังห้องของคนรักที่อยู่ติดกัน เขาพยายามเคาะอยู่สองสามครั้งก่อนจะร้อนใจล้วงเอากุญแจสำรองที่ชัยชัชเคยให้ไว้ขึ้นมาไข ประตูห้องเปิดออกเผยให้เห็นว่าภายในไร้ร่องรอยของคนที่ตามหา

     'พี่ชัชไม่ได้กลับมาที่ห้อง'

     ภายในใจของต้นน้ำร้อนรนยิ่งกว่าไฟ เขามั่นใจว่าชัยชัชจะต้องได้ยินเสียงตะโกนทะเลาะระหว่างเขากับแม็กซ์แน่ๆ ที่เขาตัดสินใจไปเคลียร์กับแม็กซ์ก็เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเป็นขวากหนามความรักของเขากับชัยชัชแท้ๆ เขาไม่อยากให้มีอุปสรรคใดๆ เกิดขึ้นระหว่างเขากับชัยชัช เขาอยากให้เรื่องราวของเขาและแม็กซ์จบลงด้วยดีให้มันเงียบหายไปกับกาลเวลา แต่ใครจะไปคาดคิดว่าชัยชัชจะเป็นคนเดินมายุติเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยตัวเอง!

     ต้นน้ำไม่รู้ว่าชัยชัชรู้จักอพาร์ทเม้นท์ของแม็กซ์ได้อย่างไร แต่เขาคิดว่าชัยชัชอาจไปรับเขาแล้วสะกดรอยตามไปที่ห้องของแม็กซ์โดยบังเอิญ

     'พี่ชัชได้ยินตั้งแต่ตอนไหน แล้วนี่เราจะบอกกับพี่ชัชว่าอะไรดี'

     ต้นน้ำจนปัญญา เขาไม่เคยเห็นชัยชัชโกรธจัดเช่นนี้มาก่อน ท่าทีนิ่งเงียบประกอบกับสายตาตัดพ้อปนแค้นเคืองของชัยชัชทำให้ต้นน้ำผวา เขาถูกตรึงโดยดวงตาของชัยชัชจนไม่กล้าขยับตัว

     ต้นน้ำตัดสินใจรอชัยชัชอยู่ที่นี่ เขาไม่แม้แต่จะกลับไปยังห้องของตัวเองเพื่อเก็บข้าวของเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือจัดการธุระส่วนตัว เขานึกถึงแต่ชัยชัชเท่านั้น ต้นน้ำรอคอยคนรักจนเผลอหลับ

     กระทั่งเข็มนาฬิกาเลยเวลาห้าทุ่มไปพักใหญ่ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ต้นน้ำสะดุ้งตื่นรีบลุกขึ้นจากการขดตัวบนโซฟาทันที

     “พี่ชัช!”

     ชัยชัชหันมาตามเสียงเรียก ทันทีที่เห็นต้นน้ำเขาก็แค่นหัวเราะออกมาทีหนึ่งก่อนจะโยนกุญแจรถลงบนโต๊ะแล้วเดินหนี สภาพของชัยชัชโทรมยิ่งกว่าวันที่ทั้งสองเจอกันคืนนั้น ถึงแม้เนื้อตัวของชัยชัชจะแผ่กลิ่นแอลกอฮอล์ออกมาแต่ท่าทางการเดินกลับบอกว่าสติของเขายังอยู่ครบถ้วน ทว่าสีหน้าเฉยชาบนใบหน้าอิดโรยทำให้ชัยชัชราวกับคนอมทุกข์ เขาครองสติไว้ได้ด้วยโทสะโดยแท้ ชัยชัชโกรธต้นน้ำมากเหลือเกิน รักมากย่อมผิดหวังมาก และเมื่อความผิดหวังมีมาก ความโกรธจึงพุ่งเป็นทวีคูณ!

     “พี่ชัชฟังผมก่อน”

     เมื่อเห็นว่าชัยชัชไม่ยอมหันมามองตนต้นน้ำก็รวบรวมความกล้าพุ่งเข้าไปกอดชายหนุ่มจากด้านหลัง แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นการตอบสนองจากชัยชัชด้วยการแกะมือของเขาออกอย่างรังเกียจ

     “ปล่อยพี่ต้น อย่ามาแตะต้องตัวพี่ๆ ไม่ชอบเป็นชู้กับเมียใคร”

     “มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะครับ! ผมกับแม็กซ์ไม่เคยมีอะไรกันแล้วผมก็ไม่ได้รักแม็กซ์ด้วย!”

     “เหรอ? แต่ที่พี่ได้ยินมันไม่ใช่แบบนั้นนี่หว่า”

     “เรื่องนี้ผมอธิบายได้นะครับ พี่ชัชเข้าใจผิด”

     “พอเถอะต้นพี่เหนื่อย! ต้นกลับห้องไปเถอะเราไม่มีอะไรต้องพูดกันหรอก”

     เสียงตวาดของชัยชัชดังจนต้นน้ำสะท้าน ถ้อยคำตัดรอนความสัมพันธ์ทำให้เขาสิ้นหวัง ต้นน้ำไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ คลื่นอารมณ์ภายในปั่นป่วนจนเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ก่อเกิดหยดน้ำใสๆ กลั่นออกมา

     “ไม่ครับ! จนกว่าพี่ชัชจะฟังผมก่อน ฮึก

     ใบหน้าของต้นน้ำอาบไปด้วยน้ำตาเช่นเดียวกับดวงตาของชัยชัช ทั้งสองต่างหลั่งความเศร้าในใจออกมาเป็นหยดน้ำหยดเล็กๆ ที่ไหลรินจากหน้าต่างของหัวใจลงสู่ปลายคาง ต้นน้ำไม่เคยดื้อดึงกับใครเท่านี้มาก่อน แม้จะเจ็บปวดมากแค่ไหน ต้องถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามเพียงใดเขาก็ยินดีรับมัน ต้นน้ำเชื่อว่าชัยชัชจะให้อภัยเขาถ้าได้ฟังความจริงทั้งหมด

     ชัยชัชทั้งเจ็บปวดและสับสน ใจหนึ่งเขาอยากจะให้อภัยแล้วฟังเหตุผลของต้นน้ำแต่อีกใจก็แค้นแสนแค้น เขาแค้นที่ตัวเองถูกหลอก เขาแค้นเพราะต้นน้ำปั่นหัวเขา แม้ชัยชัชจะเชื่อว่าบางทีต้นน้ำอาจจะรักเขาจริงๆ แต่อีกใจเขาก็ไม่สามารถให้อภัยการกระทำของต้นน้ำได้ ศักดิ์ศรีที่มีทำให้เขารู้สึกขมขื่นกับการเป็นผู้ชายโง่ๆ เป็นเพียงตัวหมากในเกมของต้นน้ำ

     “ยังมีอะไรที่พี่ไม่รู้อีกเหรอ? พอเหอะต้นพี่ขี้เกียจฟัง ต้นจะไปทำอะไรกับใครที่ไหนก็ตามสบาย อย่าเอาความรักของพี่เข้าไปเกี่ยวกับเกมบ้าๆ ที่ทำเพียงเพราะอยากประชดใคร พี่ไม่ใช่เครื่องมือของต้น!”

     “ไม่ใช่นะครับ! ผมหลอกใช้แม็กซ์ก็จริงแต่กับพี่ชัชน่ะ ผมรักพี่ชัชจริงๆ นะครับ!”

     ถ้อยคำปฏิเสธของต้นน้ำยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดของชัยชัช เด็กคนนี้ใช้คนอื่นเป็นเครื่องมืออย่างเลือดเย็น เขาเกิดคำถามขึ้นในใจว่าคนอย่างต้นน้ำนั้นเคยจริงใจกับใครบ้างหรือไม่? ตัวตนของต้นน้ำยามที่อยู่กับเขานั้นก็เสแสร้งแกล้งทำเพื่อหลอกใช้เขาด้วยหรือเปล่า?

     “นะครับพี่ชัช เชื่อผมนะครับ ผมกับแม็กซ์ไม่มีอะไรกันจริงๆ คนที่ผมรักมีแต่พี่ชัชคนเดียวนะครับ ผมไม่เคยหลอกอะไรพี่ชัชเลยนอกจากครั้งแรกที่เราเจอกัน”

     ต้นน้ำร้องไห้พลางยื้อแขนของเขาอย่างน่าสงสาร แต่ชัยชัชกลับรู้สึกปวดใจยิ่งกว่า

     “เลิกใส่หน้ากากซะทีได้มั้ยต้น! พี่ทนกับความตอแหลของเรามามากพอแล้ว!”

     ชัยชัชตะเบ็งเสียงตะคอกต้นน้ำดังลั่น เขาเจ็บปวดมากจริงๆ ถึงได้พลั้งปากไปโดยไม่ทันคาดคิดว่าคนที่ได้ยินก็อาจเจ็บปวดไม่แพ้กัน

     “พี่ชัช...”

     ในดวงตาของต้นน้ำเต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อออกมา ถ้อยคำรุนแรงกับเสียงตะโกนของชัยชัชสร้างความร้าวรานให้กับจิตใจของต้นน้ำเป็นอย่างมาก เขายืนนิ่งตัวชากับคำบริภาษของคนรัก

     'พี่ชัชไม่เคยพูดกับเราแบบนี้มาก่อน พี่เกลียดผมแล้วเหรอครับ'

     ต้นน้ำยืนสะอื้นไห้จนตัวโยน น้ำตาของเขาไหลออกมาหยดแล้วหยดเล่า จิตใจที่ถูกบดขยี้จากถ้อยคำเย็นชานั้นกำลังรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดที่มีเพื่อถ่ายทอดออกไป เขาพยายามเรียบเรียงคำพูดที่กลั่นออกมาจากใจส่งไปให้ชัยชัช ต้นน้ำได้แต่หวังว่าชัยชัชจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่ปราศจากการหลอกลวงของเขา

     ‘ขอให้คำพูดของเราสื่อไปถึงพี่ชัชทีเถอะ’

     “ถึงผมจะชอบใส่หน้ากาก แต่พี่ชัชรู้มั้ย หน้ากากใบที่ผมใส่เวลาอยู่กับพี่เป็นหน้ากากที่ผมไม่เคยใช้เวลาอยู่กับใคร มีแต่พี่ชัชคนเดียวที่ทำให้ผมหยิบหน้ากากใบนั้นขึ้นมาใส่ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะนั่นคือตัวตนที่แท้จริงของผม หรือเพราะว่า... นั่นเป็นตัวตนที่ผมเฝ้าฝันมาตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ก็คือ... ผมมีความสุขทุกครั้งที่ใส่มัน ผมมีความสุขมากทุกครั้งที่ผมได้ใช้เวลาอยู่กับพี่ชัช”

     “เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว จะหลอกพี่ไปถึงไหน!”

     ชัยชัชยังไม่อาจทำใจยอมรับได้ เขาพยายามจ้องมองค้นหาความจริงจากดวงตาของต้นน้ำ แต่แล้วภาพของต้นน้ำกับเพื่อนคนนั้นก็ฉายผ่านเข้ามาในสมอง ความอิจฉาริษยาที่ถูกช่วงชิงของรักและความเจ็บปวดรวดร้าวจากการถูกหักหลังกำลังกระหน่ำโจมตีสติของเขาอยู่

     ลมเพชรหึงไม่เข้าใครออกใคร และผู้ชายอย่างชัยชัชก็ไม่ขอเป็นผู้แพ้เด็ดขาด!

     ชัยชัชคว้าข้อมือของต้นน้ำอย่างแรงและฉุดให้เด็กหนุ่มต้องเดินตามเขามา เขาใช้กำลังลากต้นน้ำตรงไปทางห้องนอนของตัวเอง

     “พี่ชัช ฮือๆ ผมเจ็บ”

     “เออ! ต้นเจ็บแล้วพี่เจ็บมั้ย? ต้นเคยคิดถึงหัวใจของพี่ที่ต้องเจ็บปวดเพราะต้นบ้างมั้ย? มาหลอกพี่ทำไม!”

     “ผมไม่ดะ-”

     ต้นน้ำอ้าปากจะปฏิเสธแต่เสียงเฉียบขาดของชัยชัชก็หยุดประโยคนั้นเสียก่อน

     “พอซะทีเถอะ! เลิกแก้ตัวได้แล้ว!”

     ชัยชัชเขย่าร่างของต้นน้ำอย่างไร้ปราณี เขาเก็บความรู้สึกที่แท้จริงไว้ยังส่วนลึกของจิตใจแล้วปล่อยให้ความแค้นครอบงำสติ เขาใช้ความโกรธเกรี้ยวบังหน้าเป็นข้ออ้างในการครอบครอง!

     “ดีล่ะ ในเมื่อต้นเป็นฝ่ายปั่นหัวพี่ก่อนหลอกพี่ให้โง่มาตั้งนาน งั้นคราวนี้พี่จะเป็นฝ่ายทำมันให้เป็นเรื่องจริงเอง จะได้สมใจต้นไง! อยากนอนกับผู้ชายประชดพ่อไม่ใช่เหรอ?”

     “พี่ชัช อย่า!”

     แต่หมาป่าที่กำลังโมโหไฉนเลยจะฟังคำขอร้องของเด็กเลี้ยงแกะ ชัยชัชเหวี่ยงต้นน้ำลงไปกระแทกกับเตียงอย่างแรง เด็กหนุ่มรู้สึกมึนจากแรงกระแทกจนตั้งตัวไม่ติด แต่เมื่อเขาพยายามจะลุกขึ้นตั้งสติ ร่างกายหนักๆ ของชัยชัชก็ทาบทับลงมาเสียก่อน ชายหนุ่มส่งลิ้นเข้ามาบุกรุกในปากของต้นน้ำด้วยความเกรี้ยวกราด!

     “อุ๊บ!”

     จูบครั้งนี้เต็มไปด้วยความหยาบคาย สัมผัสรุนแรงที่ได้รับชวนให้ตื่นตระหนก ต้นน้ำพยายามผลักชัยชัชออกแต่แขนที่บอบบางกว่าของเด็กอย่างเขาสู้แรงของผู้ชายวัยฉกรรจ์ที่กำลังโมโหไม่ได้ ชัยชัชรวบข้อมือผอมๆ ของต้นน้ำไว้โดยง่าย พี่ชายใจดีห้องข้างๆ กลับกลายเป็นผู้ชายกักขฬะที่กำลังยัดเยียดสัมผัสอันน่ารังเกียจให้ต้นน้ำอย่างป่าเถื่อน!

     ต้นน้ำรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก วันนี้เขาถูกรังแกเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่สิ่งที่แม็กซ์ทำก็เป็นเพียงแค่การแตะริมฝีปากกันเท่านั้น อาจเพราะเขาไม่เคยยอมให้แม็กซ์แตะต้องมาก่อน แม็กซ์คงคิดว่าถ้าหากได้จูบเขาแล้วบางทีเขาอาจจะรับรู้ความรู้สึกของตัวเอง แต่มันไม่ได้ผลและเขาก็ไม่ต้องการ เมื่อปฏิเสธแม็กซ์ไปด้วยการต่อต้านสุดกำลังแม็กซ์ก็ยอมถอยแต่โดยดี และที่สำคัญจูบของแม็กซ์ไม่ได้โหดร้ายแบบที่ชัยชัชกำลังทำ รสจูบของชัยชัชเต็มไปด้วยโทสะที่พร้อมจะบดขยี้ริมฝีปากของเขาให้แหลกราน ทั้งๆ ที่ต้นน้ำเคยคิดว่าจูบของชัยชัชช่างอบอุ่นและแสนหวาน แต่ตอนนี้เขาเกิดความรู้สึกขยะแขยงจนทนไม่ไหว ต้นน้ำตัดสินใจกัดลิ้นของชัยชัชที่พัวพันอยู่ในปากของตนทันที!

     “ไอ้ต้น!”

     แม้ต้นน้ำจะกัดลงมาไม่แรงมากแต่มันก็เจ็บจนทำให้เขาสะดุ้ง ชัยชัชเผลอปล่อยให้ต้นน้ำเป็นอิสระทันทีที่ยกมือขึ้นมาสัมผัสบาดแผลที่ปาก และเมื่อร่างกายตัวเองถูกปล่อยออกจากการเกาะกุม ต้นน้ำก็ไม่รอช้า เขารีบกระเสือกกระสนลงจากเตียง ตั้งใจจะหนีไปจากผู้ชายน่ากลัวคนนี้ ทว่าชัยชัชไวกว่า เขาไม่ปล่อยให้ต้นน้ำได้ทำเช่นนั้น ชัยชัชตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยให้ต้นน้ำหนีรอดเงื้อมมือตน เขาตั้งใจจะแก้แค้นต้นน้ำ ชัยชัชคว้าข้อเท้าของต้นน้ำไว้ได้และดึงตัวเด็กหนุ่มกลับมาสู่พายุอารมณ์ของตนอีกครั้ง!

     ต้นน้ำตกใจกลัวจนสติกระเจิดกระเจิงคิดอะไรไม่ออกอีกนอกจากความรู้สึกที่อยากหนีไปให้พ้นๆ สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานบีบให้เขาจนตรอก สองมือจึงยกขึ้นประนมด้วยหมดทางสู้ เขาได้แต่ร้องวิงวอนขอความเมตตาจากชัยชัช

     “พี่ชัยปล่อยผมไปเถอะ ผมขอร้อง ฮือๆ

     ต้นน้ำร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร แต่ชัยชัชกลับไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

     “นะครับ ปล่อยผมไปเถอะ อย่าทำไรผมเลย ผมกลัวแล้วจริงๆ”

     “ทีงี้กลัวเหรอต้น? ทีเมื่อก่อนต้นอยากเองไม่ใช่เหรอ? พี่ก็จะสนองให้แล้วไง”

     ชัยชัชคำรามด้วยเสียงทุ้มต่ำ เขาเริ่มทึ้งเสื้อผ้าชุดนักเรียนออกจากร่างของต้นน้ำพร้อมๆ กับที่ใช้น้ำหนักของร่างกายตนคร่อมกดเด็กหนุ่มเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน การซุกไซ้อย่างป่าเถื่อนนี้มิใช่การโอ้โลม แต่มันคือการย่ำยี! ชัยชัชตั้งใจย่ำยีศักดิ์ศรีของต้นน้ำให้แหลกเหมือนที่เขาถูกขยี้หัวใจ!

     ต้นน้ำรู้เพียงแต่ว่าตนต้องดิ้นรน เขาไม่อยากมีอะไรกับหมาป่าบ้าเลือดแบบนี้! เขาไม่พร้อมและไม่ต้องการ! ต้นน้ำพยายามหนีจากใต้ร่างของชัยชัชแต่ไม่มีกำลังมากพอ และในจังหวะที่กำลังยื้อยุดกันอยู่นั้นเอง นาฬิกาข้อมือที่ต้นน้ำสวมไว้ก็ถูกยื้อจนสลักคลายออก เมื่อชัยชัชเผลอปล่อยข้อมือต้นน้ำให้เป็นอิสระในจังหวะที่กระชากเสื้อนักเรียนออก ต้นน้ำก็ปัดมือไปที่หน้าของชัยชัชพลางถีบเข้าไปที่ท้องอย่างแรง!

     “โอ๊ย!”

     หยดน้ำสีแดงที่ไหลออกมาจากหางคิ้วของชัยชัชสร้างความตกใจให้กับต้นน้ำเป็นอย่างมาก บาดแผลที่เห็นมีเลือดซึมออกมาพอสมควร เขาไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้!

     ชัยชัชที่เป็นฝ่ายถูกแขนฟาดจนโดนสายนาฬิกาเกี่ยวเลือดออกแถมยังถูกถีบจนจุกหันกลับมาสบตากับต้นน้ำช้าๆ สายตาของเขาแทบฆ่าต้นน้ำทั้งเป็น!

     “ต้นกล้าทำกับพี่ขนาดนี้เลยเหรอ ต้นไม่อยากเป็นของพี่ถึงขั้นนี้เชียว?”

     น้ำเสียงแหบแห้งที่เค้นออกมาเอ่ยถามเขาเบาๆ ประหนึ่งชัยชัชกำลังรำพึงกับตนเองมากกว่าเอ่ยถามอย่างจริงจัง

     “พี่ชัช ผมขอโทษ ผม...”

     แต่ชัยชัชนั้นน็อตหลุดไปแล้ว เขาไม่ฟังคำขอโทษใดๆ ของต้นน้ำอีก ชัยชัชบดจูบลงมาอย่างรุนแรงอีกครั้งพลางใช้แขนซ้ายของตนตรึงแขนบอบบางของต้นน้ำไว้ ส่วนมือขวาข้างที่ถนัดก็กำลังปลดเปลื้องกางเกงนักเรียนของเด็กหนุ่มออกจากตัว

     แม้ต้นน้ำจะเหลือมือข้างที่เป็นอิสระอีกหนึ่งข้าง แต่น้ำหนักของร่างกายชัยชัชนั้นก็เกินกว่าที่เขาจะผลักออกได้ด้วยแรงจากแขนเพียงข้างเดียว สัมผัสจากฝ่ามือของชัยชัชในยามนี้สร้างความหวาดกลัวให้เขาทุกจุดที่ถูกแตะต้อง ฝ่ามือร้อนรุ่มรุกคืบคลานขึ้นมาตามหน้าอกเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม ชัยชัชซุกไซ้สัมผัสต้นน้ำไร้ความอ่อนโยน ต้นน้ำจึงขัดขืนสัมผัสน่ารังเกียจเหล่านั้นด้วยความขยะแขยง

     จนกระทั่งชัยชัชปลดกางเกงนักเรียนและดึงกางเกงในของเขาออกไป ต้นน้ำเย็นวาบไปทั้งตัว! เขาคู้ร่างเปลือยเปล่าของตนไว้อย่างหวาดหวั่น สีหน้าของชัยชัชไม่เหลือภาพชายหนุ่มอารมณ์ดีขี้เล่นที่เขาเคยรู้จักสร้างความหวาดกลัวให้กับเขาเป็นอย่างมาก ชัยชัชยืดตัวขึ้นพลางปลดเปลื้องพันธะของตัวเองช้าๆ ด้วยแววตาสะใจ

     “ไม่ต้องห่วงว่าพี่จะทำไม่ได้หรอกนะต้น ถึงพี่จะไม่เคยลองกับผู้ชายด้วยกันมาก่อนแต่รับรองพี่ทำได้แน่ พอดีว่าบริษัทพี่เป็นเจ้าของไวอากร้าว่ะ พี่สนองเราได้ถึงใจแน่!”

     ถ้อยคำประกาศเจตนารมณ์ของชัยชัชช่างเลือดเย็น ชายหนุ่มจงใจดูถูกเขา! ต้นน้ำเริ่มส่งเสียงร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เขาพยายามวิงวอนขอร้องชัยชัชให้ยุติการกระทำอันป่าเถื่อนนี้ เขาหมดสิ้นแล้วทั้งความหวังและเรี่ยวแรงจะขัดขืน แต่ชัยชัชกลับไม่สนใจเสียงร้องไห้อย่างน่าเวทนาของต้นน้ำเลยแม้แต่น้อย เขายังคงดำเนินบทรักอันรุนแรงต่อไปด้วยการใช้หัวเข่าดันขาของต้นน้ำให้แยกจากกันก่อนจะสอดมือขวาเข้าที่ใต้ข้อพับของเด็กหนุ่มดันขึ้นไปและชำแรกแทรกแก่นกลางของร่างกายเข้าไปอย่างรุนแรง!

     วินาทีที่ช่องทางบอบบางของตนถูกรุกล้ำเข้ามาด้วยฝีมือของคนรัก หัวใจของต้นน้ำก็แหลกสลายเหมือนแก้วที่ตกลงสู่พื้น ความรู้สึกดีๆ ทั้งหมดที่เคยมีพังทลายเป็นชิ้นๆ ด้วยน้ำมือของผู้ชายคนเดียวกันที่ก่อมันขึ้นมา!

     “อ๊า!”

     ต้นน้ำกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดสุดเสียงแล้วสะอื้นฮักไม่เป็นภาษา ทั่วทั้งร่างสั่นเทิ้มไปด้วยความเจ็บปวดทั้งรวดร้าวตรงที่ถูกทำลายและเจ็บตรงหัวใจที่ถูกย่ำยี!
 
    “ผมเจ็บ! เอามันออกไป! ฮือๆ เจ็บ ฮือ

     เสียงหวีดร้องที่ดังขึ้นอย่างแหลกสลายของต้นน้ำเรียกสติของชัยชัชให้คืนมา นาทีนั้นชัยชัชเหมือนโดนน็อคเข้าที่ศีรษะด้วยกองหิมะจากพายุถล่ม เขาชาวาบไปทั้งตัว!

     'นี่กูกำลังทำอะไรอยู่!'

     เมื่อสติสัมปชัญญะกลับคืนมา ชัยชัชเพิ่งตระหนักว่าตนได้กระทำเรื่องเลวร้ายลงไป!

     'กูข่มขืนต้น!'

     ชัยชัชมองเด็กหนุ่มคนรักที่นอนสะอื้นอยู่ใต้ร่างของตนแล้วก็เกิดความรู้สึกเวทนา สภาพของต้นน้ำน่าสลดยิ่งนัก น้ำหนักของบาปที่ก่อขึ้นทับถมจนเขาไม่รู้สึกแค้นเคืองอีกต่อไป

     'ทั้งๆ ที่พี่ตั้งใจจะถนอมต้นแท้ๆ นี่กูทำไรลงไปวะ'

     ชัยชัชที่เคยผ่านประสบการณ์มามากย่อมรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แต่เหตุการณ์เมื่อครู่เขาไม่ได้ใช้สติไตร่ตรองให้รอบคอบ ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลกระทำทุกอย่างไปตามความรู้สึก ใจเขาจึงมีแต่ไฟแค้นและความริษยาต้องการครอบครองต้นน้ำเพื่อความสะใจของตน แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าต้นน้ำไม่ต่างอะไรกับผู้บริสุทธิ์ และเขาเองที่เป็นผู้ร้ายป้ายความโสมมให้กับคนรักของตน!

     หนทางร่วมรักนั้นฝืดจนเขาขยับได้ลำบาก ต้นน้ำกัดริมฝีปากกลั้นเสียงเอาไว้จนเลือดออก ชัยชัชมองเห็นเด็กหนุ่มคนเดิมที่บอบบางใกล้แหลกสลายจนเขาอยากโอบอุ้มคอยปกป้องคนนั้นอีกครั้ง

     ความรู้สึกทั้งหวานและขมปร่าแผ่ซ่านอยู่ในอก ชัยชัชตัดสินใจก้มลงไปจูบซับน้ำตาให้ต้นน้ำ จูบในครั้งนี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ แตกต่างกับสัมผัสเมื่อครู่ลิบลับ ต้นน้ำไม่ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย เขานอนนิ่งปล่อยให้ชัยชัชทำตามอำเภอใจ จนกระทั่งริมฝีปากนั้นผละออก เสียงเล็กๆ จึงพูดขึ้นเพื่อทำให้หัวใจของชัยชัชแหลกสลายไปตามกัน

     “สะใจพี่ชัชแล้วใช่มั้ยครับ ดีใจกับพี่ด้วยนะครับที่ได้ครั้งแรกของผมไป”

     ต้นน้ำกัดฟันกลั้นเสียงสะอื้นไว้ก่อนจะเอ่ยต่อเบาๆ

     “ตอนที่ผมทำกับแม็กซ์ ฮึก... ตอนนั้นเรียกว่ามีเซ็กส์กันไม่ได้หรอกครับ เพราะแม็กซ์เขาใส่ของเขาไม่เข้า ฮึก เขาหยุดให้ผมไม่ทำต่อ แต่พี่ชัชได้ตัวผมถึงขนาดนี้แล้วนี่”

     ต้นน้ำหยุดแค่นเสียงหัวเราะจอมปลอมออกมาหนึ่งคำก่อนจะพูดต่อหวังทำร้ายความรู้สึกของผู้ชายตรงหน้าให้มากขึ้นไปอีกขั้น

     “อ้อ! แต่นี่ก็คงเรียกว่าเซ็กส์ไม่ได้อีกเหมือนกันใช่มั้ยครับ เพราะสำหรับผม ฮึก... ผมเรียกมันว่าการข่มขืน”

     สายตาที่มองตรงมาของต้นน้ำในยามที่กระซิบถ้อยคำๆ นั้นออกจากปากช่างสิ้นหวังมากกว่าครั้งไหนๆ ที่ชัยชัชเคยเห็น และทั้งหมดนี้เขาเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นเอง! เป็นเขาเองที่ทำให้ต้นน้ำมีแววตาเช่นนี้!

     “ต้นพี่ขอโทษ”

     ไม่มีอะไรจะทำให้ชัยชัชเจ็บได้มากกว่านี้อีกแล้ว สายตาเย็นชาของต้นน้ำแทบแช่แข็งหัวใจเขาให้หยุดเต้น คำพูดตัดพ้อของเด็กหนุ่มฆ่าความรู้สึกของเขาทั้งเป็น! ชัยชัชจุมพิตคนรักของตนอย่างไร้สติ

     บทเพลงรักที่บรรเลงต่อไปเป็นอย่างไรชัยชัชไม่อาจรับรู้ เขาคิดแต่เพียงว่าอยากจะกอบเอาความรักที่อาจยังหลงเหลืออยู่ในจิตใจแหลกสลายดวงนี้เอาไว้ให้มากที่สุด สิ่งที่เขาคิดฝันไว้ไม่ใช่บทเพลงหดหู่เช่นนี้ ต้นน้ำที่แตกร้าวราวกับแก้วแหลกละเอียดนี่ไม่ใช่คนที่เขาจินตนาการถึง ถึงกระนั้นต้นน้ำที่เขากอดก็คือต้นน้ำคนนี้... คนที่เขาเผลอทำลายด้วยมือตัวเอง!

     ความเจ็บปวดทางกายราวกับถูกฉีกร่างออกเป็นเสี่ยงๆ ทุกครั้งจากการขยับของชัยชัชเทียบไม่ได้เลยกับบาดแผลในใจที่เขาสร้างขึ้น ต้นน้ำเหมือนอยู่ในนรก!

     'ไหนพี่ชัชบอกว่ารักผม พี่สัญญากับผมว่าพี่จะไม่มีวันทำร้ายผม แล้วพี่ทำแบบนี้กับผมทำไม'

     ต้นน้ำรู้สึกทั้งเจ็บและจุกไปพร้อมๆ กัน เขาได้แต่นอนกัดฟันภาวนาให้ความทรมานนี้จบลงเสียที แม้เขาพยายามจะห้ามเสียงร้องไห้เอาไว้เพื่อไม่ให้ตนรู้สึกอ่อนแอมากไปกว่านี้ แต่เสียงสะอื้นก็ยังหลุดออกมาเป็นระยะผสานกับเสียงหอบหายใจหนักของชัยชัชที่กำลังดำเนินบทรักอยู่
 
    แม้ชัยชัชจะพยายามมากเพียงใดเขาก็รู้ดีว่าต้นน้ำไม่สามารถยิ้มให้เขาได้อีกแล้ว ทุกจุมพิตที่สัมผัสเต็มไปด้วยถ้อยคำรักเฝ้ากระซิบคำขอโทษรอคอยการให้อภัยจากเด็กหนุ่ม แต่สิ่งที่เขาได้รับก็มีเพียงการเฉยชาประหนึ่งเขาไร้ตัวตนต่อต้นน้ำ!

     ในยามที่เขาโกรธ ถ้อยคำวิงวอนที่เพียรพยายามขอโทษจากต้นน้ำไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา เพราะเขาโกรธแค้นเกินกว่าจะรับฟังคำอธิบาย แต่ในยามที่ต้นน้ำโกรธ แม้เขาพยายามจะร้องขอการอภัยให้จากต้นน้ำมากเท่าไหร่ เด็กหนุ่มก็เฉยชาราวกับเขาไม่มีตัวตน

     'อย่าทำกับพี่แบบนี้สิต้น มองพี่เถอะอย่าเมินพี่แบบนั้น ได้โปรดมองผู้ชายคนนี้ทีเถอะ'

     ทั้งๆ ที่อยู่ตรงหน้ากันแท้ๆ แต่สายตาเหม่อลอยของต้นน้ำปราศจากเงาของเขาในแววตา ต้นน้ำคงจะเกลียดเขาแล้วถึงได้ทำราวกับเขาไม่มีตัวตนทั้งๆ ที่กำลังสัมผัสกันอยู่อย่างชิดใกล้ ความรู้สึกที่ถูกปฏิเสธเช่นนี้เจ็บปวดยิ่งกว่าการที่เขากอดตุ๊กตาไร้ชีวิต!

     จวบจนเพลงรักดำเนินมาถึงจุดสูงสุด ชัยชัชโถมเข้าสู่ตัวต้นน้ำเป็นครั้งสุดท้ายพลางมอบจูบให้เด็กหนุ่มอย่างลึกซึ้ง ภาวนาให้ความร้อนของตนเข้าไปละลายความเย็นชาในตัวต้นน้ำ แต่ความอบอุ่นของชัยชัชที่แปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มดั่งไฟที่เผาผลาญต้นน้ำไม่สามารถฉายแสงอันงดงามมอบความรู้สึกดีๆ ให้กับเขาได้อีก

     ชัยชัชกอดต้นน้ำเอาไว้แนบอกราวกับกลัวว่าคนรักจะหายไป เขาปล่อยให้ร่างของตนทาบทับคาอยู่ในตัวของต้นน้ำแล้วซุกหน้าลงกับไหล่เล็กๆ

     “ถ้าพี่ชัชเสร็จแล้ว กรุณาเอามันออกไปจากตัวผมด้วยครับ”

     เสียงของต้นน้ำไร้ก้อนสะอื้นแล้ว มันเย็นเฉียบไม่ต่างอะไรกับก้อนน้ำแข็ง

     “ต้น...”

     เสียงของชัยชัชเบาหวิวยามเมื่อเอ่ยชื่อคนรัก

     “พี่ชัชได้ในสิ่งที่พี่ต้องการแล้วนี่ครับ ปล่อยผมได้แล้วมั้ง?”

     “พี่ขอโทษ พี่”

     ทว่าต้นน้ำกลับตัดบทด้วยคำพูดที่แสนจะเย็นชา

     “ไม่ต้องห่วงหรอกครับพี่ชัช ป่านนี้คงเลยเที่ยงคืนแล้ว ก็ถือว่าผมอายุครบสิบแปด พี่ชัชไม่ต้องห่วงเรื่องคดีพรากผู้เยาว์หรอกครับ วันนี้เป็นวันเกิดผม”

     ท้ายประโยคกลับสั่นขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ต้นน้ำพยายามสะกดกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ส่งผลให้ชัยชัชรีบขยับตัวมาสบตากับเขา แต่ต้นน้ำกลับเบือนหน้าหนีสายตาของชัยชัชและปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่เช่นนั้น ไม่ยอมรับสัมผัสจากมือของชัยชัชที่หวังจะช่วยเช็ดน้ำตาให้ สุดท้ายชัยชัชจึงก้มลงจูบเบาๆ ที่เปลือกตาของต้นน้ำ

     “พี่ขอโทษ”

     “เอาของๆ พี่ออกไปจากตัวผม!”

     เสียงของต้นน้ำเฉียบขาดจนชัยชัชต้องยอมแพ้ เขาถอดถอนร่างกายออกมาแล้วก้มลงมองคราบสกปรกที่เจือไปด้วยคราบคาวสีขาวกับเลือดสดๆ ที่ไหลเยิ้มออกมาจากตัวต้นน้ำ

     'ทั้งหมดนี่กูเป็นคนทำ กูทำให้ต้นเจ็บ!'

     แต่ยังไม่ทันที่ชัยชัชจะได้สมน้ำหน้าความเลวของตัวเองต่อ การกระทำของต้นน้ำก็เรียกความสนใจจากเขาได้เสียก่อน

     ทันทีที่เป็นอิสระต้นน้ำก็รีบดันตัวหนีจากชัยชัชทันที เขาพยายามลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ต้นน้ำเจ็บจนเผลอนิ่วหน้า เขาพยุงตัวลุกขึ้นแทบไม่ไหวจึงกัดฟันคลานโซเซไปที่ขอบเตียง
 
    สีหน้าเหยเกของต้นน้ำระหว่างที่พยายามลุกไปรวบรวมเสื้อผ้าที่ถูกเขาทึ้งทำเอาหัวใจของชัยชัชหลอมละลายยิ่งกว่าขี้ผึ้งลนไฟ เวลานี้เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญอีกแล้ว เขาตรงเข้ามากอดต้นน้ำไว้พลางเอ่ยถามเบาๆ

     “จะไปไหนครับต้น”

     “ปล่อยผม! ผมจะกลับห้อง”

     “ไม่ พี่ไม่ให้ต้นกลับ”

     “พี่ชัชยังจะเอาอะไรกับผมอีก! สมใจพี่แล้วก็ปล่อยผมไปเถอะครับ ผมมันห่วยแตกแถมยังเป็นผู้ชายสนองอารมณ์พี่ไม่ถึงใจเท่าผู้หญิงพวกนั้นหรอก!”

     ต้นน้ำตะเบ็งเสียงออกมาอย่างเจ็บปวดพลางดิ้นรนขัดขืนหนีจากอ้อมกอดของชัยชัช เขาเสียใจที่ถูกทรยศหักหลังผิดคำสัญญาอีกทั้งยังเจ็บปวดเพราะสิ่งที่ชัยชัชกระทำ ความน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกชัยชัชระบายความกราดเกรี้ยวใส่โดยไม่เห็นแก่ความรู้สึกดีๆ ในอดีตผลักดันให้เขาต่อต้านอ้อมกอดของคนรัก

     “พี่ขอโทษ พี่ขอโทษอย่าโกรธพี่เลยนะ พี่รักต้นนะ พี่รักต้นนะครับ นะคนดีของพี่”

     “ปล่อยผม ฮือๆ

     อาจเพราะน้ำเสียงที่เจ็บปวดไม่แพ้กันของชัยชัช ต้นน้ำจึงเผลอร้องไห้ตามไปด้วย แม้เขาพยายามดิ้นมากเท่าไหร่แต่อ้อมกอดหลวมๆ ที่ตระกองกอดอยู่นั้นก็แข็งแกร่งยิ่งกว่ากรงขังใดๆ เขารักชัยชัชมากเหลือเกิน! เพราะรักมากถึงได้เจ็บปวดมากเมื่อถูกคนที่รักทำลายเช่นนี้

     “พี่รักต้นนะ พี่ขอโทษ ให้อภัยพี่นะครับ”

     “ปล่อยผม!”

     ยิ่งขัดขืนแผลของเขาก็ยิ่งเปิดออก หยดเลือดที่ไหลเป็นทางลงมาตามต้นขาด้านในชวนให้ตกใจ ต้นน้ำหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ต้นน้ำแทบยืนไม่อยู่แล้ว อันที่จริงแม้แต่แรงจะยืนก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ ที่ดิ้นรนอยู่ได้ก็เพราะแรงทิฐิที่มีต่อชัยชัชล้วนๆ

     เมื่อเห็นดังนั้นชัยชัชจึงไม่พูดมากอีก เขาตัดสินใจช้อนร่างของต้นน้ำมาอุ้มไว้แนบอก ชัยชัชพาต้นน้ำไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     ความรักของคนสองคนกำลังแตกสลาย ความเจ็บปวดที่ผลัดกันร้าวรานใจ ต้นน้ำไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ ตอนนี้ไม่ว่าชัยชัชจะรักหรือแค้นเขาอยู่ก็ตามเขาไม่สน เขารู้แต่เพียงว่าไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนี้อีก เขาไม่พร้อมที่จะอยู่ใกล้หมาป่ากระหายเลือดตัวนี้ แม้ตอนนี้เจ้าหมาป่าอาจจะดูสงบและเสียใจในสิ่งที่ตนเองได้ทำลงไป แต่ใครจะรู้ว่าหมาป่าแสนดีที่โมโหร้ายสุดๆ ตัวนี้จะเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ เขาไม่อยากต้องคอยรองรับอารมณ์ของใคร!

     แต่ชัยชัชก็ไม่ปล่อยให้เขาทำเช่นนั้น หลังจากจัดการธุระในห้องน้ำเสร็จ ต้นน้ำก็ถูกพาตัวไปที่เตียงทันที ชัยชัชประคองต้นน้ำลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลพลางอิงแอบแนบกายเข้ามานอนเคียงข้าง ท่อนแขนของชัยชัชกอดเขาเอาไว้หลวมๆ พลางลูบหัวเขาในแบบที่ชายหนุ่มชอบทำในยามปกติ

     ชัยชัชไม่ได้พร่ำคำขอโทษใดๆ อีกเลย เขานอนนิ่งๆ อยู่เคียงข้างต้นน้ำกอดเด็กหนุ่มเอาไว้แบบนั้น ไม่ยอมปล่อยแม้ว่าต้นน้ำจะขัดขืนมากเพียงใด ต้นน้ำทั้งทุบทั้งถอง แต่ชัยชัชก็นอนกอดเขานิ่งๆ ราวกับยินดีให้ต้นน้ำเอาคืนตนให้สาสม ขอเพียงแค่ต้นน้ำยังอยู่ในอ้อมกอดของตนก็พอ จนกระทั่งความเหนื่อยล้ามาเยือน ในที่สุดต้นน้ำก็ผล็อยหลับไปทั้งน้ำตา คนทั้งคู่จึงได้พักผ่อนในเวลาล่วงเข้าวันที่สามสิบเอ็ดมกราคม

============================================

     'เช้าแล้วเหรอวะ'

     แสงสว่างส่องแยงตาของชัยชัช ดูท่าเมื่อคืนคงหนักสำหรับเขาพอสมควรเขาได้ถึงหลับเป็นตายเช่นนี้ เพราะการที่แสงสว่างจะลอดผ่านม่านหนาๆ ของเขาเข้ามาได้คงต้องสายมากแล้วแน่ๆ

     'มีหวังออกสายแบบนี้รถติดชัวร์'

     อาการปวดหัวแบบมึนนิดๆ ที่คุ้นเคยทำให้เขาเซ็งจนขี้เกียจลุกจากที่นอน แต่แล้วเมื่อตั้งสติได้ ชัยชัยก็รู้ตัวว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น! อ้อมแขนที่ว่างเปล่าของเขากวาดไปทั่วเตียงพร้อมกับดวงตาที่เปิดขึ้นเพื่อพบว่า

     'ต้นหายไป!'

     ชัยชัชกระชากตัวเองลุกขึ้นนั่งทันที บนเตียงขนาดหกฟุตของเขาปราศจากร่างของต้นน้ำเหลือไว้เพียงแต่ร่องรอยความโหดร้ายฝีมือตัวเอง เขารีบวิ่งไปดูที่ห้องน้ำแต่ก็ไม่พบคนที่ตามหา

     ‘ไม่อยู่!’

     ใจของชัยชัชร้อนยิ่งกว่าไฟ เขาวิ่งโทงๆ ตามหาต้นน้ำเสียทั่วห้อง แต่ไม่มีวี่แววของต้นน้ำที่ไหนเลย แม้แต่กระเป๋านักเรียนที่วางไว้เมื่อวานก็ไม่อยู่ เขาเหลือบตาขึ้นไปมองนาฬิกาบนผนัง ตัวเลขที่เข็มชี้บ่งบอกว่าเวลาได้ล่วงผ่านเลยไปเกือบเก้าโมงแล้ว ชัยชัชเดาว่าต้นน้ำอาจจะไปโรงเรียน

     'ไม่มั้ง มันจะไปไหวได้ยังไง'

     แต่สภาพน่าสังเวชของต้นน้ำเมื่อคืนชวนให้คิดว่าคนที่พึ่งผ่านประสบการณ์ครั้งแรกรุนแรงแบบนั้นไม่น่าจะขยับลุกไปไหนไหว

     'หรือมันจะกลับห้องไปแล้ว'

     ไวเท่าที่คิด ชัยชัชรีบหยิบกางเกงขาสั้นออกจากตู้มาสวมแล้วตรงไปที่ประตูห้องทันที เขาพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของต้นน้ำ เคาะเรียกชื่อของคนรักอย่างเป็นห่วง แม้ต้นน้ำจะมีกุญแจสำรองของห้องเขา แต่เขากลับไม่มีกุญแจสำรองห้องของต้นน้ำ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจำเป็น เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาต้นน้ำมักจะเป็นฝ่ายรอเขาอยู่ที่นี่เสมอไม่ค่อยออกไปไหน แต่คราวนี้ไม่มีร่างคุ้นตาเดินมาเปิดประตูมอบรอยยิ้มให้เขาแล้ว!

     แม้จะออกแรงเคาะเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ภายในห้องไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ  ชัยชัชรีบวิ่งกลับเข้าห้องตัวเองไปหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์โทรหาต้นน้ำทันที แต่ทว่า...

     “แม่งเอ้ย! ปิดโทรศัพท์!”

     ชัยชัชโมโหจนเผลอปาเครื่องมือสื่อสารทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี เสียงสบถอย่างเดือดดาลดังออกมาจากปากของผู้ชายที่กำลังยืนทำหน้าเครียดอยู่กลางห้อง ชัยชัชเครียดจนทำอะไรไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เขาทำมันโหดร้ายมากเพียงใด เขารู้ดีว่าต้นน้ำคงโกรธเขามาก เพียงแต่... สิ่งที่เขาทำลงไปมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

     'ต้นหนีพี่ไปไหน'

     เมียคืนเดียวของเขาหายไปเสียแล้ว...

============================================

     แท้จริงแล้วต้นน้ำไม่ได้หายไปไหน เขาใช้ชีวิตที่มีแต่บ้านกับโรงเรียนมาตลอด ไม่มีเพื่อนสนิทให้ไปหา ไร้ญาติให้พึ่งพิง ดังนั้นเมื่อมีปัญหาอยากหนีจากบ้านที่ตนอยู่ ต้นน้ำจึงเลือกมาตั้งหลักที่โรงเรียน สถานที่ๆ เขาคุ้นเคย
 
    ต้นน้ำมาถึงโรงเรียนตั้งแต่ยังไม่หกโมง เขาเลือกมุมสงบไร้ผู้คนนั่งเงียบๆ ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าน้ำตาของตนกำลังทอประกายเพราะแสงอาทิตย์ที่ส่องมากระทบ

     ความจริงต้นน้ำรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ตอนรุ่งสาง เขาลอบสังเกตชัยชัชแต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะหลับเป็นตาย โชคดีที่การนอนดิ้นของชัยชัชช่วยปลดกรงขังที่ทำจากอ้อมแขนมนุษย์ออกไป ต้นน้ำกัดฟันสะกดกลั้นความเจ็บปวดฝืนขยับตัวหนีลงจากเตียงตั้งใจจะไปให้พ้นจากสถานที่ๆ มีแต่ความทรงจำเลวร้าย

     สองขาอ่อนแรงจนแทบพยุงตัวไม่ไหว ต้นน้ำปวดหน่วงๆ ในท้องจนต้องเดินตัวงอ ทุกครั้งที่ขยับก็แสบตรงช่องทางที่เคยถูกล่วงล้ำจนเผลอซี้ดปากอุทานด้วยความเจ็บปวด ต้นน้ำตกใจจนต้องหันกลับไปมองผู้ร้ายที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง เขาเกลียดเรื่องที่เกิดนี้ชะมัด!

     ต้นน้ำรีบฉวยข้าวของส่วนตัวพลางใส่เสื้อผ้าลวกๆ แล้วกะโผลกกะเผลกหนีออกจากห้องของชัยชัช เขาพยายามเงียบที่สุดเท่าที่สังขารของตนจะทำได้เพราะเขาไม่ต้องการให้ชัยชัชตื่น และทันทีที่กลับไปถึงห้องตัวเองต้นน้ำก็รีบเข้าไปในห้องน้ำอาบน้ำล้างคราบสกปรกออกจากตัวทันที แต่ว่า... แม้ต้นน้ำจะพยายามขัดถูอย่างไรความรู้สึกนั้นก็ไม่จางหาย ต้นน้ำเกลียดความจริงที่ว่าเขาถูกข่มขืมจากคนที่เขารัก!

     ต้นน้ำคิดว่าร่างกายของตนมีมลทิน และผู้ที่ตีตราไว้ก็คือชัยชัช ชายหนุ่มหาได้ประทับรอยรักไว้ด้วยเสน่หาหรือความใคร่ ต้นน้ำคิดว่าชัยชัชต้องการทำลายเขาเพราะไฟแค้นแค่นั้น การเสพสมที่ปราศจากอารมณ์รักจึงเหลือเพียงแต่คลื่นความโกรธซัดสาดเข้าสู่ตัวเขาเป็นระลอกจนสิ้นสุดลง ต้นน้ำรู้ดีว่าการร่วมรักแตกต่างกับการข่มขืน และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาก็คืออย่างหลัง ศักดิ์ศรีความเป็นคนของเขาถูกทำลายลงย่อยยับโดยฝีมือของชัยชัช ความทรมานที่ได้รับก่อให้เกิดบาดแผลในจิตใจ เขาคือผู้ชายที่ถูกคนรักข่มขืน!

     ต้นน้ำคิดว่าตัวเองสกปรกเสียแล้ว เขาต้องแปดเปื้อนเพราะผู้ชายที่เขารัก!

     'เลือดไหลอีกแล้ว'

     ต้นน้ำทั้งกลัวทั้งกังวล เขาตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนนึกกลัวชัยชัช ต้นน้ำไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชายหนุ่มที่แสนอ่อนโยนคนนั้นจะโมโหร้ายเช่นนี้ เขาทรุดลงนั่งร้องไห้ท่ามกลางสายน้ำจากฝักบัวที่โปรยปราย เขาไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้!
 
    ความคิดสับสนวนเวียนอยู่ในหัว เกิดเรื่องผิดพลาดไปเสียทุกอย่าง ต้นน้ำรู้ดีว่าโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคิดว่าบทลงโทษของชัยชัชรุนแรงเกินไป เขาไม่สมควรได้รับการปฏิบัติอย่างป่าเถื่อน! เขาร้องไห้เสียใจให้กับความรักที่ไกลเกินเอื้อม สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่เหลือใคร...

     'เราเหลือตัวคนเดียวแล้วใช่มั้ย ... ต้นต้องเข้มแข็งใช่มั้ย ห้ามร้องไห้ เป็นเด็กผู้ชายห้ามอ่อนแอ'

     ต้นน้ำสั่งตัวเองให้เข้มแข็ง เขาปาดน้ำตาแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนจะอาบน้ำตามปกติ เขายังมีหน้าที่รออยู่

     'เราจะหนีไปไหนดี… ช่างเถอะ ไปให้ไกลจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน เรายังไม่อยากเห็นหน้าพี่ชัชตอนนี้'

     ต้นน้ำคิดขณะเก็บเสื้อผ้าชุดนักเรียนและชุดลำลองลงกระเป๋า เขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ต้นน้ำอยู่ในชุดนักเรียนเตรียมตัวไปโรงเรียนตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต้นน้ำไม่ปล่อยให้สิ่งที่ชัยชัชทำมามีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ต้องทำก็คือสิ่งที่ต้องทำ เขาคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก!

     'ถ้าเรายังจะมีคุณค่าอะไรเหลืออยู่ในชีวิต ก็คงมีแต่เรื่องเรียนละมั้ง'

     ต้นน้ำนึกสมเพชตัวเองที่ดูเหมือนจะขาดแคลนทุกอย่างในชีวิตไปเสียหมด เกิดมาก็ไม่มีพ่อ แม่ก็ต้องทำงานหาเลี้ยงตนอย่างยากลำบากด้วยอาชีพที่ถูกใครต่อใครเหยียดหยาม เขาต้องทนฟังคำปรามาสตั้งแต่เล็กจนโต ถูกล้อเพราะมีลุงตุ้งติ้ง โดนรังเกียจ เข้าสังคมกับใครไม่เก่ง มองหน้าเพื่อนที่คิดว่าสนิทที่สุดไม่ได้ แถมยังถูกคนที่รักย่ำยี ชีวิตเขาจะมีอะไรบัดซบมากกว่านี้อีกไหม? ต้นน้ำได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ

     ต้นน้ำตั้งใจรอให้เลยเวลาเข้าแถวไปแล้วค่อยเข้าเรียน เขาไม่อยากตอบคำถามใคร แม้เขาจะยังไม่อยากเจอหน้าชัยชัช แต่เขาก็ยังไม่อยากมองหน้าแม็กซ์อีกเช่นกัน โชคดีที่ๆ นั่งของเขาอยู่ด้านหน้าเลยไม่ต้องเผชิญกับสายตาของแม็กซ์มากนัก

     'แค่นั่งหันหลังให้แบบนี้ก็อึดอัดจะตายอยู่แล้ว!'

     มือของต้นน้ำกำปากกาเสียแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีขาวซีด ซีดพอๆ กับใบหน้าไร้สีเลือดของเขา บนปากของต้นน้ำมีรอยแตกบวมแดงอยู่เล็กน้อย มิหนำซ้ำยังมีรอยช้ำอยู่ตามลำตัวทั่วไปหมด โดยเฉพาะรอยนิ้วที่ถูกบีบตรงข้อมือ
 
     ร่องรอยทรุดโทรมที่ปรากฏอยู่บนตัวของต้นน้ำชวนให้คนสงสัยใคร่รู้ บ้างก็ทายว่าเด็กหนุ่มอาจจะไปมีเรื่องชกต่อยมา แต่แม็กซ์รู้ดีว่าไม่ใช่ คนอย่างต้นน้ำไม่มีวันเงื้อหมัดใส่ใครถ้าไม่จำเป็น และที่สำคัญบนใบหน้าของต้นน้ำไม่มีรอยหมัดเหมือนเขา!

     ต้นน้ำหาโอกาสหลบเลี่ยงแม็กซ์ตลอดวันทั้งยังพยายามหลบสายตาไนน์อีกด้วย เขาแผ่ออร่าของคนที่อยากอยู่คนเดียวออกมาจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ จนกระทั่งพักกลางวันมาถึงต้นน้ำก็หนีออกจากห้องอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยสภาพสังขารของเขาที่อิดโรยเต็มทนเพราะไม่ได้นอนแทบทั้งคืนและความรู้สึกปวดแสบตรงแผลจากการอักเสบก็ทำให้มีไข้จนตัวรุมๆ นั้นก็ชวนให้ต้นน้ำอยากหาที่สงบๆ พักที่สุด

     'สงสัยต้องหาอะไรทานซักหน่อยแล้วไปขอยาที่ห้องพยาบาลดีกว่า เรายังไม่ได้ทานไรตอนเช้าเลยนี่นา รู้สึกแย่ชะมัด'

     ต้นน้ำเร่งฝีเท้าไปยังโรงอาหาร เขาตั้งใจจะหาอะไรทานแต่จู่ๆ ก็รู้สึกหน้ามืด ต้นน้ำไม่ทันระวังตัวจึงถูกชนจนทรุดลงไปกองกับพื้น

     “ว้าย! นาย นาย เป็นอะไรมั้ย?”

     และแล้วสติของเขาก็ดับวูบไป ต้นน้ำมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาลของโรงเรียนแล้ว เมษกำลังเอาสำลีชุบแอมโมเนียให้เขาดมอยู่ เขาปัดมือของเมษออกไปเบาๆ พลางขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง

     “เรามาอยู่ที่นี่ได้ไง?”

     “แม็กซ์มันอุ้มมา”

     เมื่อได้ฟังคำตอบนั้นต้นน้ำก็ชะงักไปทันที

     “จะ จริงเหรอ?”

     เมษมองหน้าต้นน้ำแล้วกลอกตาด้วยความเซ็ง

     “ย่ะ! คิดว่าสาวน้อยบอบบางอย่างฉันจะแบกแกมาไหวรึไงยะ”

     เมื่อเจอกับคนปากร้าย ต้นน้ำก็จำต้องสงบเสงี่ยม เขากลืนน้ำลายแล้วนั่งนิ่ง ต้นน้ำไม่สนิทกับเมษ รู้จักแค่ชื่อกับหน้าเพราะเรียนคนละห้อง เขาไม่รู้ว่าควรปฏิบัติตัวเช่นไรกับคนๆ นี้

     มองคนป่วยที่นั่งนิ่งเหมือนคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อแล้วเมษก็เพลีย ต้นน้ำเบิกตาจ้องเขาไม่พูดไม่จาเหมือนทำตัวไม่ถูก เขาตัดสินใจเริ่มบทสนทนา

     “โทรมเชียวนะแก ถามจริงไปโดนใครรุมโทรมมา”

     เมษถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจิกเล็กน้อยพลางเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเข้าที่

     “รู้ได้ไง เราอาจจะแค่ไม่ได้ทานข้าวเช้าก็เลยเป็นลมก็ได้”

     ได้ยินมือใหม่หัดแถตอแหลแล้วเมษก็เครียด ดูท่าต้นน้ำคงไม่รู้ตัวจริงๆ

     “แหม เป็นลมบ้านแกสิ โน่น! ดูกางเกงตัวเองก่อนเถอะ ขนาดนั้นไม่เรียกว่าโดนรุมโทรมก็แปลกแล้ว มีหวังอาจารย์แกคงนึกว่าชะนีที่มานอนก่อนหน้าแกเมนส์ทะลัก”

     เมื่อได้ยินดังนั้นต้นน้ำก็หน้าซีดทันที เขารีบพลิกตัวดูอย่างรวดเร็ว รอยเปื้อนเล็กๆ บนผ้าปูบ่งบอกให้เห็นว่าอาการของตนแย่เพียงใด และเมื่อเมษเห็นอาการของต้นน้ำ ต่อมขี้สงสารก็กำเริบ แม่พระออกโรง!

     “เอ้านี่”

     ต้นน้ำมองเมษที่ยื่นบางสิ่งบางอย่างมาให้แล้วทำหน้างง

     “อะไร?”

     “ผ้าอนามัย เอาไว้ซับเลือด”

     “จะดีเหรอ? นี่มันของผู้หญิง ไม่ยาอะไรที่กินหรือทาแล้วเลือดมันหยุดไหลเหรอ?”

     “โอ๊ย! อย่าเรื่องมากนักเลยหน่านังต้น! เอานี่ไปใช้ก่อน หรือแกจะเดินให้เลือดมันไหลหยั่งกับคนเป็นริดสีดวงแบบนี้”

     เมื่อได้ยินเพื่อนร่วมโรงเรียนแหวใส่ ต้นน้ำก็ไม่กล้าอิดออดอีก เขารีบเดินไปเข้าห้องน้ำด้านในห้องพยาบาลเพื่อจัดการธุระของตัวเอง โชคดีแท้ที่ขณะนี้เป็นเวลาพักกลางวันและอาจารย์ห้องพยาบาลก็ไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นเนื้อหาของบทสนทนาเมื่อครู่คงน่าอายไม่น้อย ต้นน้ำพบรอยเลือดบนกางเกงชั้นในสีขาวของเขาและสังเกตว่ามันซึมทะลุออกมายังกางเกงนักเรียน โชคดีที่กางเกงเป็นสีดำร่องรอยเลยดูไม่ชัดเท่าไหร่ เมื่อจัดการธุระเสร็จแล้วเขาก็ออกมาพบกับเมษที่ถือยาแก้ปวดรอไว้ในมือ พอเห็นต้นน้ำเมษก็ส่งยาให้ทันที

     “เอ้านี่ ละแกอย่าลืมไปหาอะไรกินด้วยนะ”

     “ขอบใจนะ”

     “เออๆ ไม่เป็นไร ฉันช่วยก็เพราะสงสารแกหรอกนะ เนี่ยแม็กซ์มันรออยู่ข้างนอก แกจะเอายังไง?”

     “นายไปบอกแม็กซ์หน่อยได้มั้ยว่าให้กลับไปก่อน เรายังไม่อยากคุยอะไรกับแม็กซ์ตอนนี้”

     พอได้ยินต้นน้ำพูด ต่อมมโนของเมษก็ทำงานเป็นตุเป็นตะ

     “แม็กซ์มันทำแกถึงขั้นนี้จริงๆ เหรอ ไหนยัยแอนห้องสี่มันคุยไปทั่วไงว่าเมื่อวานมันไปกับแม็กซ์มา”

     “เปล่า แม็กซ์ไม่ได้ทำอะไรเราหรอก”

     “อ้าว...”

     พูดถึงตรงนี้ต้นน้ำก็อดรู้สึกแย่ขึ้นมาอีกไม่ได้ เขาไม่ชอบเลยจริงๆ เขาไม่ชอบพูดคุยกับใครในเวลาแบบนี้เลย เขารู้ดีว่าตัวเองนั้นเปราะบางเกินกว่าที่จะอดทนได้เมื่อมีคนมาทำดีกับเขา

     “เอ้า! เป็นไรอีกละเนี่ย ร้องไห้ทำไมยะ”

     “เราไม่เป็นไร ฮึก

     'ทั้งๆ ที่พยายามกลั้นแล้วแต่ทำไมน้ำตามันถึงไหลไม่ยอมหยุดนะ แย่ชะมัด'

     เพราะจู่ๆ ต้นน้ำก็เกิดอาการบ่อน้ำตาตื้นกะทันหัน เมษจึงงง ต้นน้ำนั่งร้องไห้เงียบๆ พยายามกลั้นเสียงไว้สะอึกสะอื้นเสียจนตัวโยน ท่าทางเก็บกดชวนให้สงสาร เมษที่ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยนั่งลงข้างๆ พลางปลอบ

     “แกเป็นไรแกเล่าให้ฉันฟังได้นะต้น แกจะร้องไห้ออกมาก็ได้ฉันไม่ว่า ระบายกับฉันได้นะแก ถึงฉันจะไม่สนิทกับแกแต่ฉันยินดีช่วยแกนะ”

     เสียงอันอ่อนโยนปลอบเขาด้วยความเข้าอกเข้าใจ ต้นน้ำแพ้ทางคนทำดีกับเขาแบบนี้จริงๆ ไม่รวมถึงสัมผัสอุ่นๆ จากมือที่คอยลูบหลังเขาอยู่และความทุกข์ที่ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง สุดท้ายต้นน้ำจึงคายความลับทุกอย่างออกมาให้เมษฟัง

     “สรุปว่าแฟนแกเป็นคนทำแบบนี้กับแก เพราะเข้าใจผิดเรื่องแกกับแม็กซ์”

     “อื้อ”

     “แกจะโทษใครได้ล่ะนังโง่เอ้ย! ก็รู้อยู่ว่าแม็กซ์มันเป็นคนแบบไหน แล้วเล่นไปหามันถึงห้อง นี่แกไม่โดนมันปล้ำเอาก็บุญแล้ว เฮอะ! รอดจากแม็กซ์แต่กลับไปโดนแฟนตัวเองข่มขืนแทนเนี่ยนะ ฉันละปวดหัวกับแกจริงๆ”

     “ก็เราไม่อยากคุยกันที่โรงเรียนนี่เราอาย อีกอย่างเราอยากให้แม็กซ์รู้ว่าเราเชื่อใจแม็กซ์ เราเห็นแม็กซ์เป็นเพื่อนสนิทจริงๆ”

     “แต่แม็กซ์มันไม่ได้อยากเป็นเพื่อนแก มันอยากได้แกทำเมีย! นังต้นเอ้ย! แกรู้ป่าวว่านอกจากแม็กซ์แล้วมีอีกกี่คนที่มันคิดจะงาบแกอ่ะ นี่ถ้าที่ผ่านมาแกไม่ได้แอ๊บแมนแล้วก็มีแม็กซ์เป็นไม้กันหมานะ เผลอๆ แกโดนเล่นไปนานแล้ว ทั้งพวกที่ชอบแกจริงๆ กับพวกที่หมั่นไส้อยากปล้ำแกอ่ะ”

     “เรา...”

     “เอ้า! ยังมามองอีก เลิกทำหน้าโง่ได้แล้ว ก็แบบว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาแกอ่ะชอบทำท่าหยิ่งๆ ใช่มั้ยล่ะ? เลยมีคนหมั่นไส้แกเยอะพอสมควรเลย ยิ่งไอ้พวกรุ่นพี่ปีก่อนอ่ะ ที่มันเคยแซวแกไง ที่จริงอิรุ่นพี่คนนั้นก็เป็นเกย์นะ มันชอบแกจะตายแต่พอแกทำหยิ่งๆ ใส่มันแบบนั้นมันเลยแค้นแกอ่ะ แต่เพราะแม็กซ์มันกันไว้ให้แกเลยรอดมาได้นี่ไง ไม่เคยรู้ตัวเลยละสิ”

     เมษจิกตามองด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะพูดต่ออีกว่า

     “แต่แกอ่ะนะ โชคดีไปที่ดั๊นเกิดมาหน้าตาดีเลยมีชะนีชอบแกเยอะ ผิวก็ขาวไม่เตี้ยไม่สูงหุ่นกลางๆ แล้วแกก็ไม่ค่อยแสดงออกด้วย ฉันล่ะชื่นชมสกิลเก็กชงของแกจริงๆ ไหนจะยังมียัยเด็กตัวเล็กๆ ห้องเดียวกับแกอีก คนนั้นอ่ะ พวกมันเลยไม่แน่ใจว่าแกใช่รึเปล่า เลยไม่กล้าเข้ามาจีบแกตรงๆ แต่ฉันอ่ะว่าแล้ว... ว่าแกต้องใช่ แล้วแกก็ใช่จริงๆ ด้วย โอ๊ย! สูญเสียประชากรชายมาแย่งผู้ชายกับฉันไปอีกคน! หันไปทางไหนก็มีแต่พวกตั้งรับหาคนบุกไม่เจอ! เป็นไงละล่อซะตูดฉีกเลือดบานขนาดนี้ สะใจมั้ยล่ะแก”

     “เรา...”

     “พูดไรไม่ออก หึ๊! ฉันดูแกออกมาตั้งนานแล้วย่ะ แล้วแกรู้ป่าวอิแทนอ่ะ ที่มันสาวๆ หน่อยคนนั้นอ่ะ มันยังเคยบ่นว่าอยากเสียบแกเลยตอนที่มีข่าวออกมาว่าแกเป็นเมียแม็กซ์ ฉันก็พึ่งรู้นะว่าอินั่นมันเป็นสาวรุก อี๋! ผัวสาวกว่าเมีย!”

     “พอเหอะเมษ เราปวดหัว”

     “เอ๊า! ขอโทษๆ ฉันหมั่นไส้แกไปหน่อยเลยเผลอพล่ามซะเยอะ ใกล้หมดเวลาพักแล้วแกยังไม่ได้กินไรเลยนี่นา แกรีบไปเหอะฉันก็จะไปแล้วเหมือนกัน นี่ถ้าไม่ติดว่าแม็กซ์มันขอให้ฉันมาดูแกนะ แกอย่าลืมไปคุยกับมันด้วยล่ะ”

     “เดี๋ยวสิ! เรา...”

     “เออๆ ฉันรู้ว่าแกอึดอัด แต่คุยๆ ให้มันจบๆ ไปเหอะนังต้น สงสารแม็กซ์มันนะแก”

     “เราขอร้องอีกเรื่องนึงได้มั้ย?”

     “อะไรอีกย๊ะ?”

     “บ้านนาย วันนี้เราขอไปค้างบ้านนายคืนนึงได้มั้ย?”

     “เอ๊!”

     เมษลากเสียงสูงขึ้นอย่างตกใจแต่พอได้สติก็รีบตะครุบปากตัวเองทันที

     'ห้องพยาบาลไม่ควรใช้เสียง!'

     “แกจะไปนอนบ้านฉันทำไม! หนีออกจากบ้านมารึไง?”

     “อืม ทำนองนั้นแหละ ได้รึเปล่า?”

     “ไอ้ได้อ่ะมันก็ได้อยู่หรอก บ้านฉันไม่เคร่ง แต่แกเนี่ยนะ โอ้ยมายก็อด! ไม่นึกไม่ฝัน!”

     “นะ ขอร้องเถอะเมษ เราไม่รู้จะไปไหนแล้วจริงๆ เราไม่ค่อยมีเพื่อน”

     “อ้าว ก็แกเล่นไปหยิ่งกับคนอื่นซะเยอะนี่ สมน้ำหน้ามั้ยล่ะ ละถ้าฉันไม่สะดวกให้แกไปค้างแกจะไปนอนไหน?”

     “เรา... เราว่าจะไปเปิดห้องรายวันอยู่ซักสองสามวัน”

     “โอ้ย! ทำตัวน่าสงสารเกินไปละอีต้น!”

     “ก็เรายังไม่พร้อมจริงๆ นี่นา เรายังไม่อยากเห็นหน้าพี่ชัช แม่เราก็ยังไม่กลับ เราไม่อยากอยู่คนเดียว ละห้องของพี่ชัชก็อยู่ติดกันเรากลัว”

     “กลัวว่าเขาจะปล้ำแกอีกงั้นเหรอ?”

     “อื้อ”

     “เอ้า! เอาก็เอา แต่แกก็ไปคุยกับแม็กซ์มันให้เคลียร์ๆ ละกัน ฉันสงสารมัน หงอยจนไม่มีมาดแล้ว เห็นคนหล่อเล่นบทโศกแล้วฉันเศร้าใจ”

     “อืม ขอบคุณนะ”

     เมษเดินจากไปแล้ว แต่ต้นน้ำยังคงนั่งอยู่ เขารวบรวมความกล้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องพยาบาล ต้นน้ำพยายามบังคับตัวเองไม่ให้หันไปมองแม็กซ์ที่รออยู่หน้าห้อง

     “ต้น เป็นไงบ้าง?”

     แม็กซ์ถามด้วยความเป็นห่วง แต่ต้นน้ำยังคงเดินหนีเหมือนเสียงของแม็กซ์เป็นเพียงลมพัดผ่านเท่านั้น

     “ต้น”

     เมื่อเห็นอาการเฉยชาที่ต้นน้ำแสดงออกประหนึ่งเขาไม่มีตัวตน แม็กซ์ก็จับเบาๆ ที่ข้อพับแขนดึงให้ต้นน้ำหยุดเดิน แต่ต้นน้ำกลับสะบัดออกและหันมาพูดด้วยใบหน้าอาบน้ำตา

     “ขอบคุณนะที่ทำให้เราได้ประชดพ่อเราสมใจ! เราได้มีไรกับผู้ชายแล้ว ต่อไปนี้คงไม่ต้องรบกวนนายอีก!”

     ต้นน้ำคิดว่าเขาจะเห็นแม็กซ์โมโหหรืออาละวาดใส่เขาอีกเหมือนเมื่อวาน

     'เอาเลยสิ อาละวาดใส่เราเลย เหมือนที่พี่ชัชทำ!'

     แต่ว่านอกจากสายตาที่ดูปวดใจพอๆ กันจนแทบหลั่งน้ำตาแล้วแม็กซ์กลับยืนนิ่งๆ แม็กซ์ยื่นซองขนมปังสังขยาให้ต้นน้ำแทนการตอบโต้ด้วยถ้อยคำประชดประชัน น้ำเสียงที่ฝืนเอ่ยออกมาราบเรียบอย่างเสแสร้ง แต่ที่แฝงอยู่คือความเป็นห่วงที่ปิดบังกันไม่มิด

     “ต้นเป็นลม ป่านนี้โรงอาหารไม่มีไรเหลือแล้ว แม็กซ์เลยไปซื้อนี่มาให้ ต้นยังไม่ได้กินไรไม่ใช่เหรอ กินนี่ได้เปล่า? เอาน้ำไรมั้ย? เดี๋ยวแม็กซ์ไปซื้อให้”

     ท่าทีของแม็กซ์ทำให้ต้นน้ำสับสน

     “นายมาทำดีกับเราทำไม?”

     “เพราะแม็กซ์รักต้น”

     ต้นน้ำขยับปากจะพูดตัดบทแต่แม็กซ์ก็ขัดขึ้นเสียก่อน

     “แม็กซ์รู้แล้วว่าต้นไม่ได้รักแม็กซ์ แต่เห็นต้นเป็นแบบนี้แล้วแม็กซ์เป็นห่วง ต้นเห็นสภาพตัวเองมั้ย แม็กซ์โกรธต้นไม่ลงหรอก ส่วนนึงก็เพราะความผิดของแม็กซ์เอง ที่ทำให้ต้นมีปัญหากับแฟน”

     สายตาของแม็กซ์ที่มองมาในตอนนี้ดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ต้นน้ำเคยเห็นแม็กซ์มองเขาแบบนี้บ่อยๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่เขาไม่เคยใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ต้นน้ำคิดว่ามันก็เป็นแค่แววตาของคนที่เจ็บใจเพราะไม่สมหวังก็เท่านั้น แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าไม่ใช่ เพราะเมื่อเช้าตอนที่ส่องกระจก ต้นน้ำพบว่าตัวเองก็เผลอทำสายตาแบบนี้ในยามคิดถึงชัยชัชเหมือนกัน มันเป็นแววตาของคนที่ถูกคนที่ตัวเองรักหักหาญน้ำใจ!

     “มันเป็นคนทำใช่มั้ยต้น”

     “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย”

     ทั้งๆ ที่ถูกกระทำย่ำยีถึงเพียงนี้ แต่ต้นน้ำก็อดไม่ได้ที่จะปฏิเสธแม็กซ์ออกไป เขาไม่อยากให้คนตรงหน้าเข้ามาพัวพันกับปัญหานี้มากไปกว่านี้

     เมื่อแม็กซ์ได้ยินเช่นนั้นก็เกิดคลื่นอารมณ์ปั่นป่วนในช่องท้อง อารมณ์ผิดหวังตีกลับจนน้ำตาแทบหยด เขาคงต้องยอมแพ้แล้วสินะ? แม็กซ์ละสายตาจากดวงตาคู่สวยของต้นน้ำเสมองไปยังภาพบรรยากาศในโรงเรียนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับความจริงที่ตนเฝ้าปฏิเสธมาตลอด

     “มันเจ็บนะต้น ไอ้นั่นมันทำกับต้นขนาดนี้แล้วต้นยังทำท่าว่ารักมันอยู่ได้ แม็กซ์ก็ไม่รู้จะสู้ยังไงแล้ว แต่ขอเป็นห่วงกันแค่นี้คงไม่มากเกินไปใช่มั้ย? แม็กซ์ยังเป็นเพื่อนสนิทของต้นได้ใช่มั้ย?”

     คำประกาศยอมแพ้อย่างเป็นทางการของแม็กซ์ที่เค้นออกมาจากหัวใจที่หมดแรงจะยื้อสร้างผลกระทบมหาศาลกับความรู้สึกในใจของต้นน้ำ เขานิ่งไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะใช้สองมือปาดคราบน้ำตาบนใบหน้าออกไปลวกๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาๆ ลอดไรฟัน

     “เราไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณนายมากนะแม็กซ์ ขอบคุณสำหรับขนมปังด้วย นายไปเรียนเถอะ เราว่าจะไปหาไรทานแล้วกลับไปขอนอนพักต่อที่ห้องพยาบาล เรารู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ”

     “อืม ดูแลตัวเองล่ะ”

     “อืม”

     ต้นน้ำตอบรับเบาๆ พลางหันหลังเตรียมเดินจากไปแต่ทว่า...

     “ต้น”

     “อะไรเหร-”

     เร็วเกินกว่าที่ต้นน้ำจะทันระวังตัว เมื่อเขาหันกลับไปตามเสียงเรียกก็พบว่าแม็กซ์ได้เข้ามาประชิดตัวแล้ว แม็กซ์ส่งจุมพิตเบาๆ มาสัมผัสที่ริมฝีปากของเขาอย่างนุ่มนวล

     “แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะต้น”

     แม็กซ์อวยพรวันเกิดเขาด้วยจูบอย่างนุ่มนวล เมื่อแม็กซ์ผละออก เขาก็ยิ้มให้ด้วยสายตาที่อ่อนโยนเสียจนต้นน้ำใจหาย แล้วแม็กซ์ก็หันหลังเดินจากไปเงียบๆ ทิ้งให้ต้นน้ำยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างสับสน

     'ทำไมเราถึงเป็นแค่เพื่อนกันไม่ได้นะแม็กซ์'

============================================

แม็กซ์ไม่ใช่พระเอก แต่การกระทำพระเอกมาก ส่วนพระเอกอย่างพี่ชัช เอาไปเลย3คำ! "เลว เอี้ย เอี้ย!"

ฉากยกมือไหว้นั่นเคยโดนเพื่อนบอกว่าแรงไปด้วยแหละ แต่เอาจริงๆ นะ อยากใส่มากเลย มันหดหู่ดี
ข่มขืนนะเธอไม่ใช่ขายตรงจะได้เชิดหน้าให้เค้าปล้ำ! อารมณ์คนอยากรอดมันก็ต้องทำทุกอย่างแหละ จะได้เน้นความเลวของพี่ชัชด้วย ฮ่าๆ น้องต้นนอนเจ็บแทบตายเฮียแกยังมีอารมณ์ทำจนเสร็จ ไม่เอี้ยทำไม่ได้นะแบบนี้
แต่แล้วทุกอย่างก็โดนน้องเมษแย่งซีน นางโผล่มาเพื่อปราบดราม่าน้องต้น ฮ่าๆ

ไงล่ะ ชอบกันไม่ใช่เหรอ? พระเอกเลวๆ เจ้าชู้คาสโนว่า ตบจูบ ฉากข่มขืน คนเขียนเรื่องนี้ก็พยายามนะ แต่เอามาเขียนแบบตัดฉากฝันๆ พวกนั้นออกไปให้เหลือแต่ความจริงล้วนๆ แล้วมันก็จะได้ผู้ชายเต่าถุยธรรมดาๆ คนนึงนี่แหละ ฮ่าๆ
โดนคนอ่านตบแน่ๆ แฟนก็ด่าอยู่ว่าหัดใส่ความมุ้งมิ้งลงนิยายตัวเองซะบ้าง แต่ว่า... ขออีกนิดหน่า...
ชื่อเรื่องดราม่าควีนก็ต้องขายฉากดราม่าสิ ตัวละครหลักทำตัวดราม่ายังไงล่ะ! ส่วนพระเอกก็ทำตัวโง่งี่เง่าดีมั้ย? โดนคนอ่านเอาเม้าเขวี้ยงแน่ๆ โทษฐานต้มคนอ่านด้วยชื่อเรื่อง นึกว่าจะแนวเกาหลีเคะเอาแต่ใจแง๊วๆใส่เมะซื่อๆ ล่ะสิ ฮ่าๆ ขอโทษค้าบ

ติดตามตอนจบได้เร็วๆ นี้ อีก 2 ตอนก็จบแล้วล่ะ ทนๆ นิยายประหลาดเรื่องนี้กันหน่อยนะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
 :pig4:


ขอบคุณค่า   ไม่ได้เข้ามาหลายวัน  อัพหลายตอนแล้ว   :katai5:  ไปตามอ่านก่อนค่า   :pig4: again

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
คือขอเลยคำนี้ สมน้ำหน้าว่ะต้น ทำตัวเอง เคยจริงใจกับใครบ้างไหม สมควร อยากลองเล่นกับไฟก็ต้องยอมรับผลไหม เอาจริงเพราะทำตัวเองทั้งนั้นปะต้น สันดานเลวเอง แค้นพ่อแล้วไง หลอกคนอื่นเห็นคนอื่นเป็นของเล่น บอกเลยถ้านี่เป็นแมกซ์ คงเอาคืน ไม่ใช่ตัวตลก อีกอย่างทั้งรักทั้งแค้น ส่วนไอ้ พี่ชัชก็เหี้ยอะ ข่มขืนนะเฮ้ย แมร่งเลว ชาติชั่ว สันดาร เป็นผู้ชายปะวะ ข่มขืนแต่ไม่ทีความผิดคิดว่าต้นเป็นแฟน ไม่นานก็ให้อภัยงั้นสิ ตรรกะของคนเลวที่เห็นแก่ตัว
ส่วนนายแมกซ์ ไม่มีอะไรจะพูด เพราะนายไม่ผิดอะไรเลย คนผิดคือไอ้ต้นน้ำโดนแค่นี้น้อยไปปะ ลองนึกดูในชีวิตจริง มันมี หมั่นไส้จับรุมโทรม โลกมันโหดร้าย นี่ยังดีที่คนที่ทำยังเป็นไอ้เหี้ยพี่ชัช  แต่แมร่งก็เลวอยู่ดี แต่สมกันละ เลวกะตอแหลมาปะกัน

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชีสวย ชีเริ่ด ชีเอาต้นน้ำอยู่หมัด แม้ชีจะเป็นดอกไม้ปลอม ชีคือน้องเมษ

เนื้อเรื่องสิ....


- บทคั่น -
##### บทเรียนชีวิตของเด็กเลี้ยงแกะ #####

     ต้นน้ำมาพักบ้านเพื่อนคนอื่นนอกจากแม็กซ์เป็นครั้งแรก การไปนอนค้างที่อพาร์ทเม้นท์ของแม็กซ์ไม่ทำให้รู้สึกแปลกอะไรเนื่องจากแม็กซ์เองก็อยู่คนเดียว แต่การมาค้างคืนที่บ้านของเมษสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับเขา บ้านของเพื่อนคนนี้อยู่กันเป็นครอบครัว บ้านไม้สองชั้นหลังเล็กในซอยลึกย่านชุมชนระดับล่าง หน้าบ้านเปิดเป็นร้านอาหารตามสั่ง มีแม่ของเมษเป็นแม่ครัว ส่วนผู้เป็นพ่อมีอาชีพขับรถสองแถวรับจ้าง แม้ไม่รวยมากแต่ก็ไม่ฝืดเคืองเนื่องจากพี่สาวของเมษทำงานแล้วจึงช่วยส่งเงินมาจุนเจือครอบครัว

     สภาพครอบครัวที่เป็นไปอย่างครอบครัวคนปกติควรจะเป็นสร้างความสะเทือนใจไม่น้อยสำหรับเขาที่ทะเลาะกับแฟนจนหนีจากบ้านในวันเกิดของตัวเอง ไม่ค่อยมีใครรู้มากนักว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา มีแต่ไนน์และแม็กซ์ที่รู้ แต่ด้วยสภาพของเขาที่เป็นเช่นนี้ แม้แต่ไนน์ก็ยังไม่กล้าเข้ามาทักทายตามปกติ เขาจงใจหลบสายตาและเลี่ยงไนน์ตลอดทั้งวัน

     “เอ้า เข้ามาๆ นี่ห้องฉันเอง พี่สาวฉันย้ายไปอยู่กับผัวมันละ ฉันเลยยึดห้องสบาย”

     เมษกล่าวเชื้อเชิญพลางชี้ให้ต้นน้ำดูมุมที่เขาจะวางกระเป๋าได้ ต้นน้ำมองดูห้องที่เต็มไปด้วยข้าวของสีชมพูสดใสแล้วก็เผลอทำหน้าแปลกๆ

     “แหมนังนี่! คิดว่าห้องฉันเริ่ดละสิ หน้าตาชื่นชมมากเลยนะแก”

     แม้เมษจะจีบปากจีบคอประชดใส่แต่ก็ไม่ได้โกรธจริงจัง แต่ต้นน้ำไม่รู้ใจเมษจึงทำตัวไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าควรจะวางตัวอย่างไรกับเพื่อนสาวคนนี้

     “เปล่า ก็ไม่ได้เกลียดอะไร แต่... นายแต่งห้องนี้เองเหรอ?”

     “จะพูดไรก็พูดมาตรงๆ เลยดีกว่านังต้น มีไรอยากพูดก็พูดมาเถอะถึงขั้นนี้แล้ว”

     เมษนั่งลงบนเตียงพลางเริ่มปลดเข็มขัดและปล่อยชายเสื้อออกจากางเกง

     “ก็แค่คิดว่าแม่นายดูใจดีจัง”

     “แกจะถามฉันว่าทำไมพ่อแม่ฉันไม่ตบเอาทั้งที่เป็นตุ๊ดใช่มะ? แกเห็นตู้เสื้อผ้าตรงนั้นมั้ย”

     ต้นน้ำหันไปมองตามที่เมษชี้ ตู้เสื้อผ้าสีซีดจางที่ครั้งหนึ่งคงเคยเป็นสีชมพูปรากฏสู่สายตา

     “นั่นน่ะของพี่สาวฉัน พอเกิดมาก็ต้องรับช่วงของใช้ต่อจากพี่เกือบทุกอย่าง ฉันใส่เสื้อผ้าเด็กผู้หญิงมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ แต่คนมันสวยอะนะ ยิ่งโตก็เลยยิ่งชอบ สมัยก่อนบ้านยังเป็นชั้นเดียวอยู่เลยฉันก็เลยต้องนอนกับพี่ ฉันก็ชินกับข้าวของพวกนี้ ละพอรู้ตัวฉันก็รู้สึกว่าตัวเองเกิดมาเพื่อสิ่งนี้แล้วล่ะ อารมณ์แบบว่ารู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกสาวของบ้านมาตั้งแต่เกิดละ”

     “นายเทคยาคุมด้วยใช่มั้ย?”

     “เอ๊ะ! ทำไม? แกอยากลองมั่งรึไง?”

     เมษหันมาถามพลางทำสายตาจับผิดเสียจนต้นน้ำต้องรีบปฏิเสธ

     “เปล่าไม่ใช่! แค่สงสัยว่ามันไม่อันตรายเหรอ พ่อกับแม่นายไม่ว่าอะไรรึไง”

     “ก็ฉันเห็นพี่ฉันมันสวยก็เลยอิจฉาละมั้ง ตอนเด็กๆ เคยชอบพี่ผู้ชายอยู่คนนึงแต่มันดันไปชอบพี่ฉัน ก็เลยคิดว่าถ้าฉันมีนมบ้างก็คงมีคนมาชอบเหมือนกันก็เลยแอบซื้อยามากิน มันก็ไม่ดีหรอกนะแกริกินยาคุมตั้งแต่ประถม แต่คนมันอยากสวยนี่นา กว่าพ่อกับแม่จะรู้เขาก็ทำไรไม่ได้แล้ว แต่ฉันว่าเขาก็คงพอรู้ล่ะเพราะฉันเรียบร้อยมาตั้งแต่เด็ก ขอแค่ไม่แรดจนทำให้พ่อแม่ต้องขายขี้หน้าบ้านฉันก็ไม่ว่าไรหรอก ฉันคงโชคดีละมั้งที่เกิดมาในครอบครัวนี้”

     “อืมนั้นสิ บ้านนายนี่น่าอิจฉาดีเนาะ”

     “ทำไมล่ะ? แกมีปัญหาที่บ้านเหรอนังต้น แกก็ดูบ้านรวยดีออก ใครๆ ก็บอกว่าแม่แกสวยจะตาย สมัยนี้ไม่มีพ่อหรือไม่มีแม่พวกเด็กที่ผู้ปกครองหย่าร้างกันมันธรรมดาจะตายไป แกจะมานั่งคิดมากทำไมกับเรื่องแบบนี้ย๊ะ หรือว่าแม่แกรับไม่ได้ที่แกเป็นเกย์”

     “ไม่ใช่หรอก แม่เรารู้เรื่องเรากับพี่ชัช”

     “อ้าว? ก็ดีไม่ใช่เหรอ แล้วแกจะมานั่งเครียดอะไรอีก แม่แกรับได้ก็ดีแล้ว ผัวคนนี้ไม่ดีไว้ค่อยหาใหม่ก็ได้ ไม่ก็ให้แม่แกหาผัวใหม่ให้เลยเป็นไง”

     “บ้าแล้ว หึๆ ฮ่าๆ”

     อารมณ์ขันช่างประชดประชันของเมษทำให้ต้นน้ำหัวเราะด้วยความขำ เขาไม่นึกเลยว่าเพื่อนร่วมโรงเรียนที่เคยรู้จักแค่ชื่อกับหน้าตาจะกลายมาเป็นเพื่อนคนที่สองที่เขาไปค้างด้วย แถมยังช่วยปลอบใจเขาอีกหลายเรื่อง

     “ขอบคุณนะเมษ นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในวันเกิดเราเลยแหละ”

     สีหน้ายามหัวเราะของต้นทำให้เมษชะงักไปพอสมควร

     “อ้าว! วันนี้วันเกิดแกเหรอ?”

     “อื้ม แต่ช่างมันเถอะ”

     ต้นน้ำช่างแต่เมษไม่ช่าง! เมษรู้สึกหงุดหงิดกับนิสัยของต้นน้ำ

     “แกทะเลาะกับแฟน แถมแม่แกก็ติดงานไม่อยู่ แล้วแกก็ไม่บอกใครเรื่องวันเกิด โอ๊ย... อีต้น! แกนี่จะปากหนักเกินไปแล้ว บางครั้งเรื่องในชีวิตปล่อยให้มันง่ายๆ มั่งก็ได้นะยะ แกตามฉันมาถึงบ้านขนาดนี้แล้วแค่เรื่องวันเกิดบอกกันหน่อยก็ได้”

     “เอาน่า ไม่สำคัญหรอกเราชินแล้ว แม่เราทำงานแบบนี้ตลอดแหละ ไม่มีคนฉลองด้วยอีกซักปีจะเป็นไร อีกอย่างเราเกรงใจนาย มาขอค้างบ้านนายก็เกรงใจจะแย่แล้ว”

     ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต้นน้ำก็มักจะยิ้มกลบเกลื่อน แต่อย่างน้อยคราวนี้รอยยิ้มของเขาก็ไม่ได้มาจากการกลบเกลื่อนเพียงอย่างเดียว ต้นน้ำสบายใจมากจริงๆ เขาจึงยิ้มให้เพื่อนอย่างสดใสเล่นเอาเมษมองตาค้าง

     “โอ๊ย เสียดาย”

     “หือ?”

     “เสียดายที่คนหล่อแบบแกดั๊นมีผัวไปซะแล้วน่ะสิ เฮ๊อะ! ผู้ชายแท้ๆ หายากขึ้นทุกวัน”

     น้ำเสียงดัดจริตและท่าทางที่เมษแสดงออกมาแบบโอเวอร์ชวนให้ต้นน้ำหัวเราะ เขาย้อนกลับไปเบาะๆ

     “ด่าตัวเองเหรอเมษ”

     “อีนี่!”

     “ฮ่าๆๆๆ”

     แม้จะกะทันหัน แต่อาหารเย็นมื้อพิเศษที่ประกอบด้วยเมนูโปรดของต้นน้ำ แกงเขียนหวานไก่และเค้กก้อนเล็กๆ จากร้านสะดวกซื้อที่เมษลงทุนวิ่งไปซื้อมาก็ทำให้ต้นน้ำมีความสุขมากในปีนี้ พ่อกับแม่ของเมษดีต่อเขามาก แม้ต้นน้ำจะรู้สึกไม่ค่อยดีกับสายตาของลูกพี่ลูกน้องชายที่อายุมากกว่าเมษสองปีแต่เขาก็พยายามไม่ใส่ใจ เมื่อทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้วเมษก็บอกให้ต้นน้ำไปอาบน้ำก่อนได้เลยเพราะลูกสาวคนเล็กของบ้านต้องช่วยแม่เก็บล้างจานชามอีกครู่หนึ่ง

     ต้นน้ำถือเสื้อผ้าสำหรับผลัดตรงไปยังห้องน้ำ เขาอาบน้ำอย่างสบายใจโดยไม่ทันระวังตัวเนื่องจากกำลังอิ่มเอมกับความรู้สึกอบอุ่นของคำว่าครอบครัว ต้นน้ำอาบน้ำพลางสำรวจร่างกายของตน เขารู้สึกดีขึ้นพอสมควร ร่องรอยต่างๆ แม้จะยังชัดอยู่แต่ก็ไม่ปวดมากนักเมื่อได้ทานยาและนอนหลับพักผ่อนไปตลอดช่วงบ่าย จนกระทั่งเขาเสร็จธุระในห้องน้ำ เขาตกใจเมื่อออกมาแล้วพบว่าพี่ชายของเมษยืนอยู่หน้าห้องน้ำ สายตาไม่น่าไว้ใจทำให้ต้นน้ำรู้สึกระแวง

     “จะใช้ห้องน้ำเหรอครับ? ขอโทษครับ ผมเผลออาบน้ำซะนานเลย”

     “มึงน่ะ ผัวไอ้เมษเหรอ”

     สายตาชวนขนลุกกับคำพูดน่ารังเกียจทำให้ต้นน้ำรู้สึกขยะแขยง

     “พูดจาไม่ให้เกียรติน้องตัวเองเลยนะครับ”

     “พี่ช้าง! ทำอะไรเพื่อนหนู อย่ามาแกล้งเพื่อนหนูนะ”

     เมษที่เดินผ่านมาทางหลังบ้านส่งเสียงมาแต่ไกลแล้วรีบวิ่งเข้ามาหา ชายที่ชื่อช้างทำหน้าเซ็งเล็กน้อยแต่ก็ยังอุตส่าหันมาต่อปากต่อคำกับต้นน้ำ เขาพูดขึ้นเบาๆ จงใจให้ได้ยินกันสองคน

     “แต่ดูจากที่เห็นแล้วไม่น่าจะใช่ผัวนะ สนใจอยากเป็นเมียพี่อีกคนด้วยมั้ยน้อง หึๆ ถ้ามาหาพี่ที่ห้องคืนนี้รับรองจะพาไปสวรรค์ ลีลาพี่ดีกว่าเยอะรับรองไม่มีเจ็บ”

     ต้นน้ำเกลียดคนแบบนี้ที่สุด! ความหยิ่งผยองบงการให้เขาหยิบหน้ากากออกมาใส่ ใบหน้ามึนตึงแปรเปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้ม เขาใช้สายตาเชิญชวนเอ่ยท้าทายเป้าหมายของตน

     “จะดีเหรอครับ ผมไม่รังเกียจหรอกนะครับ ชอบอยู่แล้ว แต่พอดีเมื่อวานผมพึ่งถูกเพื่อนหลอกไปโทรมมาเนี่ยสิ แถมไม่ยอมใช้ถุงด้วย ผมยังเครียดอยู่เลยครับไม่กล้าไปตรวจเลือด แต่ครั้งเดียวคงไม่เป็นไรหรอก ถ้าพี่ไม่ถือ...”

     ต้นน้ำตีบทแตกกระจุย! เขาแกล้งทำสีหน้ากลัดกลุ้มก่อนจะทำเป็นไม่ใส่ใจแล้วเอ่ยเชิญชวนต่อ แต่ยังไม่ทันจบประโยคช้างก็หน้าซีดไปทันที ชายหนุ่มเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เมษงงเป็นไก่ตาแตก

     “แกพูดไรกับมันอ่ะต้น หนีไปเลย”

     “ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่ผู้ชายคนนี้...”

     “อย่างที่แกคิดแหละ ลุงเขาฝากมาอยู่ด้วย เมื่อก่อนมันชอบทำรุ่มร่ามกับพี่สาวฉันจนพี่ฉันย้ายหนีมันไปไง ไม่กล้าบอกพ่อ แต่ถ้ามันไม่บ้าจี้ถึงขนาดปล้ำฉันๆ ก็ไม่เอาเรื่องมันหรอก ไม่อยากกัดกับหมา”

     “แล้วถ้า...”

     “โอ๊ย! แม่ฉันขายกับข้าวอยู่บ้านทุกวัน โอกาสมันไม่เกิดง่ายๆ หรอกแก ถึงฉันจะเป็นตุ๊ดฉันก็เลือกนะย๊ะ ถ้าเกิดไรขึ้นก็สู้ตายไว้ก่อนแหละ แกอาบน้ำเสร็จก็ดีละฉันจะได้อาบมั่ง ไปๆ แกไปห้องก่อนเลย ล็อกห้องไว้ด้วยละแกฉันไม่อยากนับญาติกับแกย่ะ”

     เมื่อเมษอาบน้ำเสร็จก็มาเคาะประตูห้อง ต้นน้ำเปิดประตูให้เจ้าของห้องเข้ามาก่อนจะเดินไปนั่งบนฟูกที่ปูขึ้นเพื่อใช้เป็นที่นอนของตัวเองในคืนนี้ เขามองตามเมษที่ตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้งแล้วเริ่มบรรจงทาครีมต่างๆ ลงบนตัว

     “มองไรย๊ะ เกิดอยากเปลี่ยนใจเป็นผัวฉันรึไง”

     “เฮ้อ... หลงตัวเอง”

     “ทำไมล่ะก็คนมันสวย ว่าแต่แกเถอะ แผลเป็นไงมั่ง?”

     เมษหันมาถามด้วยสีหน้าจริงจังเสียจนต้นน้ำรู้สึกกระดากอาย

     “อืม... เลือดหยุดไหลแล้ว”

     เกิดความกระอักกระอ่วนขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เมษจะตัดสินใจถามออกมา

     “ถามจริง มันเจ็บมากเลยเหรอ ครั้งแรกเนี่ย”

     ต้นน้ำมองหน้าเพื่อนพลางนิ่วหน้าสงสัย

     “นายไม่เคยหรอกเหรอเมษ ก็ตอนนั้น...”

     “โอ๊ย! กินกล้วยกับโดนแทงมันคนละเรื่องกันนะนังนี่! ตอนนั้นฉันก็ไปมุดเต็นท์ผู้ชายตามๆ พวกมันไปงั้นแหละ ใครจะไปรู้ว่าส้มจะหล่นอิแม็กซ์มันจะเลือกฉันหนีอีนนนี่ แกก็ไม่น่ามาขัดจังหวะเลย”

     “ก็เราปวดฉี่นี่... ว่าแต่ นายไม่เคยจริงๆ เหรอ เรานึกว่า...”

     “เอ๊ะนังต้น! ก็บอกว่ามันไม่เหมือนกันไง ถึงฉันจะแรดแต่ก็ไม่ร่านนะย๊ะ ยังไม่อยากมีผัวหรอกย่ะ”

     “มันไม่เหมือนกันยังไง เราถามได้มั้ย”

     “ปากแกก็ไม่เคยงั้นสิ”

     “อืม”

     ต้นน้ำตอบอย่างเอียงอาย ก็ตอนครั้งแรกของเขามันเกิดขึ้นในสถานการณ์ไม่ปกตินี่นา เลยออกจะตบจูบพิศาลมากไปหน่อย ไม่มีการเล้าโลมใดๆ ทั้งนั้น ชัยชัชนึกจะยัดก็ยัด ผลมันก็เลยแหกจนเขาต้องเจ็บตัวแบบนี้

     “ก็ฉันน่ะอยากเป็นผู้หญิงนะ แต่ฉันกลัวว่าถ้าฉันทำแบบนั้นไปแล้วฉันจะไม่ใช่ผู้หญิงอีก แกเห็นพวกเกย์สาวแตกพวกนั้นมั้ย ตอนแรกๆ ก็เป็นตุ๊ดเด็กทั้งนั้นแหละ แต่งหญิงตามโอกาส แต่ใครจะมารักตุ๊ดล่ะ? ก็เลยต้องแมนเพื่อหาผัว ไปๆ มาๆ ก็มั่วในหมู่เก้ง แยกไม่ออกใครผัวใครเมีย อิพวกตุ๊ดก็หาคนรุกไม่ได้คิดจะรักใครก็ต้องทำใจบางวันอาจจะต้องทำหน้าที่ผัว ฉันไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนั้น ฉันอยากเป็นผู้หญิงทั้งตัวและหัวใจนะแก ขอยืนหยัดเพื่อเป้าหมายสูงสุดนี้ดีกว่า เรื่องอย่างว่าฉันไม่แคร์! รอฉันเฉาะก่อนเถอะ สวยๆ ครบเครื่องอย่างฉันรับรองผู้ชายหลง แต่... แบบ... แค่ถวายบัวเนี่ย มันยกเว้นใช่มั้ยล่ะ แบบว่า... นะ ใครๆ ก็ทำกัน ฝึกไว้ก่อน เวลามีผัวจะได้เป็นงาน”

     คำตอบจากเมษทำให้ต้นน้ำอึ้ง แต่เขาก็อึ้งได้ไม่นานเมื่อโดนรุกถามคำถามกลับเช่นกัน

     “ว่าแต่แกเถอะ แล้วตกลงจะเอายังไงเรื่องแฟนแก แกยังรักเขาอยู่ป่ะ?”

     “รักสิ รักมากด้วย แล้วก็เสียใจมากๆ ด้วยที่เขาทำแบบนั้นกับเรา”

     ต้นน้ำตอบแบบไม่ต้องคิด เขาไม่อยากโกหกความรู้สึกตัวเอง ในตอนนี้เขาใจเย็นขึ้นแล้วและรู้สึกถึงอารมณ์ที่มั่นคงกว่าเดิมของตน ต้นน้ำกำลังทบทวนความรู้สึกของตัวเอง และการได้มาค้างคืนกับเมษพบเห็นภาพบรรยากาศครอบครัวที่อบอุ่นมีเพื่อนดีๆ คอยช่วยเหลือก็ทำให้เขารู้สึกเข้มแข็งมากขึ้น

     “แก อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ แกเห็นพ่อแม่ฉันมั้ย แม่ฉันเล่าว่าเมื่อก่อนพ่อติดเหล้ามากๆ มันก็มีนะบางทีที่เมาแล้วทะเลาะกันจนเผลอลงไม้ลงมือ มันก็ไม่ดีหรอก แต่สุดท้ายพ่อก็จะมาขอโทษแม่ทุกครั้ง แม่ก็ทนๆ จนเกือบจะเลิกกันแล้ว จนตอนสุดท้ายนั้นแหละที่แม่ทนไม่ไหวหอบผ้าหอบผ่อนจะพาพี่ฉันหนีกลับบ้านนอก พ่อฉันบุกไปตามถึงบ้านตาเลยนะ โดนตายิงเอาเกือบตาย แต่แม่ฉันวิ่งมาขวางไว้ สุดท้ายก็เพราะรักนั่นแหละ ตาให้พ่อสัญญาว่าจะดูแลแม่ฉันดีๆ ไม่กินเหล้าอีก แล้วพ่อฉันก็รักษาสัญญานะแก ทุกวันนี้ถึงมีดื่มบ้างก็ไม่มาก ไม่กล้าหือกับแม่ฉันด้วย ถ้าแฟนแกเป็นคนขี้โมโห แกรักเขาแกก็ต้องอดทนหน่อยแหละ เรื่องนี้แกเองก็มีส่วนผิดเต็มๆ เลยนี่นา เขาอาจจะหน้ามืดไปหน่อยก็ได้เลยปล้ำแกอ่ะ”

     “อืม... ไม่รู้สิ เราก็รู้ตัวนะว่าผิด แต่มันก็... มันเจ็บนะเมษ ถ้าเป็นคนอื่นทำมันไม่เจ็บเท่าคนที่เรารักทำเราหรอก”

     “ก็เพราะว่าแกรักเขาน่ะสิแกถึงต้องทน ยกเว้นว่าหมดรักกันแล้วก็เลิกรากันไปไม่ต้องทนแล้ว แกจะไม่ให้โอกาสเขาหน่อยเลยเหรอนังต้น เท่าที่ฟังแกเล่ามาฉันยังอิจฉาแกเลย ดูแล้วแบบว่าโรแม๊นซ์สุดๆ อ่ะ”

     “ขนาดนั้นเลยเหรอ?”

     “อื้อสิ ฉันล่ะอิจฉาอยากโดดไปแทนแกจริงๆ เลย ถ้าฉันเจอผู้ชายดีๆ แบบนั้นบ้างก็ดีสิ ว่าแต่... แกไม่ได้เป็นแบบฉันจริงๆ เหรอนังต้น”

     “หมายถึงอะไร?”

     “ก็หมายถึงว่า แกเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิงน่ะสิ”

     “เรา... เราตอบไม่ได้อ่ะ เราไม่ได้รู้สึกแย่อะไรนะที่ตัวเองเป็นผู้ชายแบบนี้ แต่ถ้าได้เกิดเป็นผู้หญิงจริงๆ มันก็คงดี ถ้าเราเป็นผู้หญิงเราก็แต่งงานมีลูกกับพี่เขาได้ ที่เราคิดแบบนั้นเพราะเรารักพี่เขาใช่มั้ยเมษ? ถ้าเราไม่เจอพี่เขาเราก็คงไม่รู้สึกอะไรแบบนี้หรอก”

     “แล้วเรื่องที่แกอยากประชดพ่อแกล่ะต้น?”

     คำถามของเมษทำให้ต้นน้ำอึ้ง เขาฉุกคิดขึ้นมาได้

     “ไม่รู้สิ บางทีเราอาจจะชอบผู้ชายมาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้มั้ง เราเลยคิดบ้าๆ แบบนั้นไปได้ ก็เราไม่มีพ่อนี่ มันก็ช่วยไม่ได้ถ้าเราจะโหยหาความอบอุ่นจากผู้ชาย เราอยากให้มีผู้ชายซักคนมารักเรา”

     “เก็บกดจริงนะแก”

     “ก็เราอยู่กับแม่สองคนนี่นา มันก็ช่วยไม่ได้ถ้าเราจะหลงรักพี่ชัช พี่เขาแมนจะตาย”
 
    “ย่ะ! แมนมว๊าก ข่มขืนแกตามตำราพระเอกไทยเป๊ะ! ขาดแคลนผู้ชายมากเหรอยะ หมั่นไส้!”

     “บ้า! ไม่ถึงขนาดนั้น อืม... ตอนเด็กๆ นะ เรามีลุงอยู่คนนึง เขามาช่วยดูแลเรากับแม่ เรายังเคยคิดอยากให้เขามาเป็นพ่อของเราเลยนะ แต่ว่าลุงเขาชอบผู้ชาย เขากับแม่เราก็เลยเป็นได้แค่เพื่อนกัน แม่เราไม่ยอมแต่งงานกับลุงเขา สุดท้ายลุงเขาไปมีแฟนเป็นผู้ชายก็จริงแต่ก็ยังปิดบังคนที่บ้านอยู่ไม่กล้าบอกใครจนพ่อแม่ลุงเขาเสียหมดแหละ”

     “เฮอะแม่แกคงกลัวแกเป็นเบี่ยงเบนมั้ง เลยไม่กล้าแต่งกับลุงแก แต่เอาเหอะสุดท้ายแกก็เป็นเกย์ตามลุงแกไปจนได้”

     “ไม่รู้สิ แต่ถึงลุงแกจะเปิดเผยว่าเป็นเกย์แล้วแต่ก็ไม่ค่อยเห็นแกมีใครนะ แกแค่แฮปปี้กับการใช้ชีวิตแบบของแกอ่ะ ทำนองว่าไม่อยากปกปิดตัวเองอีกต่อไป ส่วนเรื่องความรัก... แกบอกว่าสำหรับคนแบบแกอ่ะ หารักแท้ยาก...”

     “แกก็เลยกลัวเรื่องแกกับแฟน”

     “อืม”

     “คิดไรมากนังต้นอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มีความสุขกับวันนี้ไปก่อนสิยะ แฟนแกไม่ใช่เกย์ซะหน่อย ยังไงก็คงรักกันยืดกว่าคบเกย์ด้วยกันแหละ เพราะไม่ต้องกังวลว่าผัวตัวเองจะแอบไปเป็นเมียใคร แกก็แอ๊บๆ ละมุนนีหน่อยเค้าจะได้หลงแก ถ้ากลัวแฟนแกได้หน้าละจะลืมหลัง แกก็ปรนเปรอจนเขาลืมหลังแกไม่ลงเลยไง แกจะได้ไม่ต้องกลัวโดนเขาทิ้ง”

     “บ้า... ปรนเปรออะไร เจ็บจะตายหยั่งกับถูกฉีก”

     “แหมๆ ทำมาว่าฉัน ถ้าเมื่อคืนแฟนแกเขาไม่เมาไม่ทำรุนแรงกับแก เริ่มแบบนิ่มๆ นุ่มนวลกับแก มีบิ๊วอารมณ์ ต้นครับเป็นของพี่นะครับ แกจะตกใจหนีมาแบบนี้มั้ยยะถามจริง อ๊าย! มาทำหน้าแดง ใจจริงแกก็คิดอยากโดนแบบนั้นอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ แหมทำมาเป็นพูดดี โอ๊ยอิจฉาอ่ะ! หาผัวมั่งดีกว่ามั้ยเนี่ยฉัน”

     ต้นน้ำไม่ได้ตอบอะไรได้แต่อมยิ้มเขินหน้าแดง พลางหลบสายตาล้อเลียนของเมษ

     “บ้า! ไหนบอกไม่สนใจผู้ชายไง”

     “ใครบอกไม่สน ฉันสน แต่รอฉันสวยก่อน”

     เด็กทั้งสองแหย่กันไปมาจนกระทั่งความหมั่นไส้ของเมษพุ่งสุดขีด เมษทั้งหมั่นไส้ปนเอ็นดูต้นน้ำอย่างบอกไม่ถูก

     “โอ๊ย! พอแล้ว นอนๆ เดี๋ยวนอนดึกแล้วผิวฉันเสียหมด”

     เมษเดินไปปิดไฟก่อนจะเดินมาล้มตัวลงบนเตียงที่สีชมพูลายแมวเหมียวคิตตี้ แต่แล้วจู่ๆ เขาก็พูดขึ้น

     “นังต้น แกหลับรึยัง?”

     “อือ”

     “หลับบ้านแกสิอือได้ ... นี่แก ฉันดีใจนะที่ได้คุยกับแก มัวแต่หลงไปคบกับอีนนนี่ตั้งนานเสียเวลาชะมัด เสียดายฉันกับแกน่าจะซี้กันไวๆ กว่านี้ไม่น่ารอถึงมอหกเลยอ่ะอีกไม่กี่เดือนพวกเราก็จะจบกันละ”

     เมษชะโงกหน้ามามองต้นน้ำที่นอนอยู่ข้างเตียงพลางพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า

     “ความจริงถ้าแกไม่มัวแต่เก๊กไม่ทำตัวหยิ่งๆ แกก็คุยสนุกดีนะต้น นิสัยแกก็ดีอยู่แล้ว จำตอนมอห้าได้มั้ย ที่แกทำดีกับฉันไม่ใช่เพราะแกเป็นเกย์เลยไม่ดูถูกตุ๊ดแบบฉัน แต่แกทำดีกับฉันก็เพราะแกเป็นคนให้เกียรติคนอื่นอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ต่อให้แกโดนคนอื่นหาเรื่อง แกก็อดทนไม่ตอบโต้ใคร ฉันชอบนิสัยตรงนั้นของแกนะ แต่บางทีฟังจากที่แกเล่ามาฉันก็ว่าแกเก็บกดมากไปหน่อย แต่ไงก็เถอะฉันดีใจนะที่ได้เป็นเพื่อนกับแก”

     อาจจะเพราะสายตาจริงใจกับหน้าเงามันสะท้อนแสงไฟด้วยไนท์ครีมของเมษเลยทำให้ต้นน้ำอดกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่ไหว เขายิ้มออกมาจากใจทั้งความขำและความสบายใจ

     “อื้ม เราเองก็ดีใจที่มีโอกาสพูดคุยกับนาย นายทำให้เราอยากลองเปิดใจมีเพื่อนคนอื่นๆ เพิ่มขึ้นนะเมษ นายเป็นคนดีมาก ยอมช่วยเราทั้งๆ ที่ไม่สนิทกัน เราโชคดีมากๆ ที่ได้เป็นเพื่อนกับนาย”

     ถึงจะเกิดเรื่องแย่ๆ แต่ในความโชคร้ายก็มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น เขาได้พบเพื่อนดีๆ อย่างเมษ มีงานวันเกิดที่มีคนมาร่วมอวยพรมากกว่าสองคน ต้นน้ำยิ้มอย่างสดใส

     เพราะรอยยิ้มของต้นน้ำที่ระบายออกมาอย่างหมดกังวลนั่นเองที่ทำให้เมษเบาใจ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเกิดความรู้สึกเอ็นดูเห็นต้นน้ำเป็นน้องไปซะได้

     'อารมณ์ของคนเป็นพี่สาวคงเป็นแบบนี้ละมั้ง'

     “ย่ะ! แกอ่ะชอบอยู่คนเดียวมากเกินไปละ อีกหน่อยเข้ามหาลัยละระวังจะลำบากนะแก แกต้องหัดหาเพื่อนหากลุ่มอยู่นะรู้ป่าว”

     “อื้อๆ รู้แล้ว”

     “ละนี่แกกะเข้าที่ไหนอ่ะ?”

     “จุฬา”

     “โห! อีนี่หวังสูงนะยะ”

     เด็กทั้งสองนอนคุยกันจนกระทั่งความง่วงเข้าครอบงำ เปลือกตาของคนทั้งคู่เริ่มหนักอึ้งจนในที่สุดก็หลับไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

============================================


ตามหลัก เมะข่มขืนเคะแล้วควรจะมุ้งมิ้งดีกัน หรือไม่ก็เข้าโหมดงอนน้อยใจ แล้วนี่อะไร คนเขียนยัดฉากเพื่อนสาวเข้ามาเพื่อ? ฮ่าๆ
ถ้าจะเอาแบบมุ้งมิ้งต้นต้องหนีไปซบอกแม็กซ์ เอาแบบจบหวานๆ พี่ชัชต้องตามมาง้อขอโทษ เอาแบบโชว์สกิลคนเขียนต้องใส่สถานการณ์เท่ๆ คิดเรื่องให้น่าติดตาม แต่เขาจะเอาแบบความสัมพันธ์ของมนุษย์เลยใส่เพื่อนไปแบบนี้ ฮ่าๆ เพื่อนสาวด้วยนะเธอว์!

คนอย่างต้นน้ำให้ตายก็ไม่สำนึกหรอก คิดแต่ว่า"ฉันทำอะไรผิด" คิดแบบ "ถึงฉันจะผิดแต่ก็เพราะ..."
ส่วนพี่ชัชดีทุกอย่าง เสียที่อารมณ์ ทำดีมาตลอดเผลอหลุดหนเดียวพังเลย พี่แกโมโหได้เอี้ยมาก โหดร้ายมากด้วย(ใครมีเพื่อนราศีเมษหรือคนใจร้อนลองสังเกตดู)

เคยดูรายการเรียลริตี้รายการนึง เค้าสอนว่านักแสดงจะต้องเชื่อในสิ่งที่ตนแสดงไม่ใช่การแอ๊คติ้งเฟค มันไม่เกี่ยวกับนิยาย แต่เราเขียนนิยายที่เน้นความสัมพันธ์ของตัวละครเราเลยต้องเชื่อในตัวละครของเรา
ให้เขียนให้ต้นทิ้งพี่ชัชไปซบอกแม็กซ์เอาใจคนอ่าน ให้เขียนฉากเอาคืนพี่ชัชจะได้สะใจ เราแต่งได้ แต่ในความเป็นจริงถ้าต้นน้ำมีชีวิตจริงๆ เขาจะคิดจะทำแบบนั้นมั้ย? เราเลยต้องเขียนนิยายในสิ่งที่ต้นน้ำเป็นแม้มันจะไม่ถูกใจแฟนคลับ

ดังนั้นถ้าจะมีใครซักคนที่จะเอาต้นน้ำอยู่ ต้นจะต้องเชื่อคนๆ นั้นมากๆ เงื่อนไขของการพบกันอีก คนที่ทำให้ต้นน้ำไว้ใจ แม็กซ์ที่อยู่ข้างๆ มาตลอดยังทำไม่ได้เลย ส่วนพี่ชัชแน่อยู่แล้วว่าต้นมันหลงเค้า เมษเลยเป็นตัวเลือกที่ดี คาแรคเตอร์เมษเป็นพวกชอบเผือกอยู่แล้วแต่ก็จิตใจดี รักเพื่อน แล้วก็นิสัยแบบอาเจ้หน่อยๆ น่าจะจัดการต้นน้ำอยู่หมัด คือต้นไม่กล้าหืออ่ะ คนที่คอยเตือนคอนสอนและด่าต้นน้ำได้ทำนองนั้น ต้นจะได้คิดได้ว่าจะเอายังไงกับชีวิตมันต่อ ฮ่าๆ

ตอนหน้าก็จะจบแล้วล่ะ อวสานแล้ว จบแล้ว เย้ๆ เจอกันวันศุกร์นะ

รักคนอ่าน กราบคนเม้น คุณTennyo_Yเม้นโดนใจเรามากเลย
ใช่แล้ว เราเขียนนิยายเรื่องนี้แล้วอยากให้คนอ่านลุ้นตาม ถ้าได้ราวๆ อารมณ์เผือกกระทู้ชีวิตชาวบ้านในพันติ๊บจะดีใจมาก
เขียนเรื่องให้คนสมน้ำหน้าต้นน้ำนี่แหละ ทุกคนรู้ว่าต้นน่าสงสารแต่ต้นไม่มีสิทธิ์ไปร้ายใส่คนอื่น ไม่ใช่เคะแรงๆ ที่ร้ายเพราะมีเหตุผลก็เลยสู้คนทำนองนั้น คือเค้าร้ายเพราะตัวเค้าเองแล้วดันคิดว่าตัวเองไม่ผิดอ่ะ มันเลยชวนหมั่นไส้ใช่มั้ยฮ่าๆ
ส่วนพี่ชัชก็ตามนั้น ผู้ชายธรรมดาๆ คนนึง คนแบบที่เห็นได้ทั่วไป เราอยากได้เมะที่มันกะล่อน เจ้าคารม มีส่วนน่าหลงใหล แต่บางส่วนก็ห่วยแตก ไม่อยากได้เมะที่ข่มขืนเคะด้วยความเข้าใจผิดแล้วคนอ่านก็ยังเชียร์ขอให้เข้าใจกันเร็วๆ จริงๆ พี่ชัชก็น่าสงสารนะโดนต้นแอ๊บใส่ ก็โมโหแหละ แต่สิ่งที่ทำมันก็เอี้ยไง
เราตั้งใจมากๆ เลยแหละ พยายามเขียนฉากข่มขืนให้มันเป็นการข่มขืน "ฉากข่มขืนนิยายวาย=เมะได้เคะ" เราไม่ได้เน้นบรรยายSMขั้นตอนความโหดร้าย เราไม่ได้ขายการบรรยายฉากเซ็ก และการข่มขืนมันก็ไม่ใช่เซ็ก อยากสื่อเนื้อหาตรงนี้ ถ้ามีคนรับสารได้เราก็ปลื้มแล้ว

แล้วเจอกันตอนจบน้า...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
เสียดายที่เจอช้าไป รู้สึกดีที่มันไม่ชิ่งไปหาผู้ชายอีกคนมิงั้นจะรังเกียจต้นมากกว่านี้ หึหึ แต่คนแบบต้นจะเรียกความไว้ใจคืนจากพี่ชัชได้หรอ ถ้ากลับมารักกัน อีกอย่างเมษเป็นคนดีมากนะ ส่วนต้นหมดคำพูดทำตัวเองสรุปคือสำนึกไหมว่าตัวผิด หรือยังคิดว่าถูกอยู่

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ระหว่างหมาป่าเจ้าอารมณ์และเด็กเลี้ยงแกะจอมดราม่า ใครจะเป็นฝ่ายให้อภัย?

งานนี้จะง้อกันด้วยวิธีไหน จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก ติดตามบทสรุปได้ ณ. บัดนี้!


เนื้อเรื่องสิ....


- บทสุดท้าย -
##### บทสรุปความรักระหว่างหมาป่าและเด็กเลี้ยงแกะ #####

- ต้นน้ำ -

     ผมตื่นเช้าออกจากบ้านของเมษมาพร้อมๆ กัน ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าเมษตื่นมาช่วยป้าแมวเตรียมของไว้ทำอาหารตามสั่งขายด้วย เมษต้องช่วยงานที่บ้านมากกว่าที่ผมทำซะอีก ถึงผมกับแม่จะเคยลำบากแต่ตอนนี้ผมว่าผมสุขสบายกว่าเมษเยอะเลยครับ แต่ผมกลับไม่เห็นเมษท้อ เขาดูมีความสุขกับชีวิตมากๆ ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น เมษเข้มแข็งมากจริงๆ ผิดกับผมเลย ครอบครัวของเมษก็น่ารัก อาหารฝีมือป้าแมวก็อร่อยมากๆ ดูท่าผมคงต้องแวะมาขอเคล็ดลับอาหารไทยกับป้าแมวบ่อยๆ ซะแล้ว เพราะพี่ชัชชอบอาหารรสจัดแบบนี้ บ้าจริง! ผมเผลอคิดถึงพี่ชัชอีกแล้ว!

     ผมยอมรับนะครับว่ารักพี่ชัชมาก แต่ก็ไม่ปฏิเสธด้วยเช่นกันว่าผมรู้สึกแย่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

     คุณคงจะคิดว่าผมมันบ้าใช่มั้ยล่ะ? โดนผู้ชายทำถึงขนาดนั้นแล้วยังหลงหัวปักหัวปำโงหัวไม่ขึ้น แต่ถ้าคุณลองนึกถึงเด็กคนหนึ่งที่ในชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีใคร แล้วจู่ๆ วันหนึ่งก็มีคุณพ่อขายาวก้าวเข้ามาในชีวิต คุณคิดว่าเด็กน้อยคนนั้นจะหักห้ามใจไม่ให้หลงรักได้เหรอครับ?

     มิหนำซ้ำก็อย่างที่เมษพูดเมื่อวาน ผมควรจะให้โอกาสพี่ชัชได้แก้ตัว... ไม่ใช่เหรอครับ? ตอนที่ผมทำผิด ผมยังอยากให้พี่ชัชฟังคำพูดของผมเลย แต่เป็นเพราะแฟนของผมใจร้อนผมถึงควรจะเป็นคนที่เย็นกว่า ใช่มั้ยครับ? ผมคิดแบบนี้มันไม่ผิดใช่มั้ย? ก็ในเมื่อสิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดไม่ใช่การเลิกรากับพี่ชัชซักหน่อย สิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดคือการที่พี่ชัชกลับมาใจดีกับผมเหมือนเดิมต่างหาก ผมอยากเป็นที่รักของพี่ชัชเหมือนเดิมครับ

     เราสองคนนั่งรถประจำทางไปโรงเรียน นับว่าแปลกสำหรับผมพอดูเลยละครับ เพราะปกติแล้วผมมักจะออกจากคอนโดตั้งแต่เช้า ถึงโรงเรียนก่อนเจ็ดโมง แต่นี่เกือบเจ็ดโมงครึ่งแล้วเรายังไม่ถึงโรงเรียนเลยครับ ผมเริ่มจะร้อนใจแต่เมษก็ยืนยันกับผมนะครับว่าทัน อาทิตย์ที่ผ่านมาผมคงใช้ชีวิตวัยเรียนแบบเกเรได้คุ้มสุดๆ เลยละครับ ทั้งโดดกลับก่อนครึ่งวัน แอบอู้นอนตลอดคาบบ่าย นี่ถ้าวันนี้ผมไปสายอีกละก็ครบสูตรครับ ผมเหล่ตาไปมองเมษที่ยังคงนั่งสวยอยู่ท้ายรถสองแถว อ้อ! ผมเองก็นั่งนะครับ ถึงจะยังเจ็บตรงนั้นอยู่นิดหน่อยแต่ให้ผมไปยืนท้ายรถสองแถวตอนเช้าๆ ในชั่วโมงเร่งรีบนี่ผมยังไม่ไหวจริงๆ ครับ ยอมนั่งดีกว่า

     “โอ๊ย! นังต้น แกจะจิกตาใส่ฉันทำไมยะ บอกว่าทันก็ทันน่า”

     ก็ผมกลัวไม่ทันน่ะสิ แต่... เฮ้อ! ให้เถียงกับเมษไม่เอาดีกว่า นั่งลุ้นการจราจรเงียบๆ ต่อดีกว่าครับ

     ในที่สุดเราสองคนก็ไปถึงโรงเรียนจนได้ เกือบเจ็ดโมงห้าสิบแล้ว ผมกับเมษเลยรีบเดินตรงไปยังเป้าหมายของเราที่ประตูรั้วโรงเรียนทันที เนื่องจากหนทางในซอยยังอีกไกล ผมพยายามกระฉับกระเฉงเท่าที่ เอ่อ... เท่าที่ร่างกายของผมจะเอื้ออำนวย ของแบบนี้มันไม่ได้หายเจ็บภายในวันสองวันนี่ครับ แล้วพี่ชัชก็ทำแรงมากๆ ด้วย ทั้งๆ ที่แค่ขนาดอย่างเดียวผมก็จะตายอยู่แล้ว นึกแล้วยังโมโหไม่หายเลยครับ ผู้ชายอะไรตอนดีกับตอนร้ายนี่ต่างกันราวฟ้ากับเหว!

     เกือบจะถึงหน้าโรงเรียนแล้ว ผมคิดว่าพวกเราเซฟแล้วครับ ทันแน่นอน อาจจะเพราะผมกับเมษเดินคุยกันเพลินจนไม่ได้ใส่ใจรอบข้าง ผมถึงไม่เห็นรถสีแดงที่จอดอยู่ริมถนน ไม่ทันสังเกตผู้ชายในชุดทำงานสภาพยับยู่ยี่คนที่ก้าวลงมาจากรถแล้วก็กระชากแขนผมอย่างแรง!

     “ต้น!”

     ผมหันไปตามเสียงเรียกทันที เสียงๆ นี้ผมจำได้ดีไม่มีวันลืมครับ

     “พี่ชัช!”

     “เมื่อคืนเราไปไหนมา ทำไมไม่กลับห้อง หนีพี่ทำไม”

     ผมพูดอะไรไม่ออก ขอบตาผมร้อนผ่าว มันรู้สึกแย่นะครับ ผมเพิ่งจะพยายามทำใจให้หายโกรธพี่ชัชไปได้เมื่อคืน แล้วดูสิ่งที่พี่เขาทำกับผมสิครับ นี่มันอะไรกัน? คนที่ทำกับผมแบบนั้นก็คือเขาไม่ใช่เหรอครับ ทำไมถึงทำราวกับผมเป็นคนผิดแบบนี้ล่ะ? ผมรู้สึกแย่สุดๆ ไปเลยครับ อยากจะหัวเราะเยาะตัวเองจริงๆ ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้ด้วย

     แต่ดูเหมือนผมคงจะทำให้พี่ชัชโมโห พี่ชัชถึงได้กระชากแขนผมแรงขึ้นอีก ดึงตัวผมเข้าไปซะใกล้ ตอนนี้พวกเราเริ่มเป็นจุดสนใจแล้วละครับ ก็ลองมีผู้ชายวัยทำงานสภาพเหมือนเมาค้างแฮงค์โอเวอร์มายืนยื้อยุดฉุดกระชากนักเรียนมัธยมปลายที่เป็นผู้ชายอยู่แบบนี้ภาพที่ออกมาคงดูไม่ดีแน่ๆ ครับ ให้ตายสิ! เดี๋ยวได้มีข่าวผมอีกแน่ๆ

     “เอ่อ... คุณพี่ขา หนูว่ามีอะไรค่อยๆ คุยกันดีมั้ยคะ นี่มันหน้าโรงเรียนนะคะคุณพี่”

     นั่นไง! ได้สติซักที พี่ชัชเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย ผมเห็นพี่ชัชหันไปมองเมษ ส่วนเมษก็มองสบตาผม ผมพยักหน้าให้เขาหนึ่งที

     “น้อง...”

     “หนูเป็นเพื่อนต้นค่ะ เมื่อวานต้นมันไม่สบายนอนอยู่ห้องพยาบาลเกือบทั้งวัน หนูสงสารก็เลยชวนไปค้างบ้านหนูเพราะได้ยินว่าบ้านมันไม่มีใครอยู่ ละหนูกับพ่อแม่หนูก็เลยถือโอกาสฉลองวันเกิดให้มันด้วย ต้นมันไม่ได้ไปทำอะไรเสียหายนะคะคุณพี่”

     พี่ชัชหันมามองผมเหมือนจะเค้นเอาความจริง บนหน้าผมไม่มีความจริงอะไรให้เขาค้นหาหรอกครับ แล้วผมก็ไม่อยากมองหน้าเขาด้วยตอนนี้ ผมก็เลยเมินไปทางอื่นแทน เล่นเอากองเชียร์อย่างเมษร้องขึ้นมาทันทีที่เห็นอาการมึนตึงของผม

     “อีโต้น! พี่คะใจเย็นๆ นะคะ เฮ้ยแก! ไปยั่วพี่เขาทำไม!”

     “เราไม่มีอะไรจะคุยกับเขานี่ ใกล้เข้าเรียนแล้วด้วย ถ้าคุณจะกรุณาก็ปล่อยแขนผมได้แล้วครับ”

     พี่ชัชทำสีหน้าแบบจะฆ่าคนอีกแล้ว ปกติผมไม่เคยกวนใส่พี่เขาแบบนี้นะ แต่ขอทีเถอะ! ถึงผมจะรักเขาแต่ผมก็ไม่ใช่ทาสของเขานะครับ จะได้ให้เขาทำตามใจชอบกับผมแบบนี้ เอะอะก็ใช้กำลังไม่รู้จักคุยกันด้วยเหตุผล!

     “พี่คะใจเย็นๆ ก่อนนะ หนูว่ามีอะไรพี่รอคุยตอนเย็นดีมั้ยคะ นี่มันใกล้เข้าแถวแล้วพวกหนูต้องรีบเข้าโรงเรียน”

     ผมหันมาส่งสายตาท้าทายให้เขา ปากของผมเม้มเข้าหากันเล็กน้อยพลางเชิดคางขึ้นท้าทาย พอพี่ชัชเห็นสายตาของผมจู่ๆ เขาก็คลายสีหน้าฆาตกรของเขาแล้วก็ ยิ้ม... ผมบอกไม่ถูกแต่ผมรู้ว่าเขายิ้ม แต่มันเป็นยิ้มแบบที่ผมเดาอารมณ์ไม่ถูก

     “น้อง”

     จู่ๆ พี่ชัชก็หันไปเรียกเมษซะงั้น ผมงงนะครับ

     “น้องเป็นเพื่อนต้นใช่มั้ยครับ ชื่ออะไรเหรอครับ?”

     ฮึ๊! ทำเป็นเก๊ก ทีเมื่อกี้ยังทำหน้าอยากฆ่าคนอยู่เลย แล้วนั่นก็เหมือนกัน นายจะเขินทำบ้าไรนะเมษ พี่ชัชก็เหมือนกันทำไมต้องยิ้มแบบนั้นให้เมษด้วยนะ!

     “คะคุณพี่? หนูชื่อเมษค่ะ”

     “น้องเมษ ชื่อน่ารักดีนะครับ ใช่เกิดเดือนเมษารึเปล่า? พี่ก็เกิดราศีเมษพอดีเลย พี่ฝากน้องเมษไปบอกอาจารย์ให้หน่อยได้มั้ยครับว่าวันนี้ต้นลา”

     “เอ๋?”

     “พี่ชัช!”

     ผมกับเมษอุทานขึ้นพร้อมกัน แน่ละจู่ๆ ใครใช้ให้พี่ชัชพูดเองเออเองแบบนี้อีกแล้ว!

     “ฝากหน่อยนะครับน้อง พี่จะพาเมียพี่ไปเคลียร์”

     พี่ชัชพูดแบบนี้ได้ยังไง! แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พ่นคำด่าพี่ชัชออกมาพี่ชัชก็เล่นลากตัวผมไปซะก่อน ผมพยายามขัดขืนสุดแรง ใครจะไปรู้ละครับว่าพี่ชัชจะทำอะไรผมอีกรึเปล่า พี่ชัชตอนโมโหเนี่ยน่ากลัวที่สุดเลยล่ะครับ

     “จะไปกับพี่ดีๆ หรือจะให้พี่จูบเราตรงนี้แล้วอุ้มไป”

     พี่ชัชหันมาขู่ผมด้วยเสียงต่ำๆ อย่างกับเสียงคำรามของหมาป่า อีกแล้ว... ชอบขู่ผมแบบนี้อีกแล้ว ผมไม่ใช่ทาสของใครนะ!

     เจอแบบนี้เข้าไปอารมณ์ที่เริ่มจะคงที่ของผมมันก็ปั่นป่วนขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผลทันที บ้าจริง! ผมเผลอน้ำตาไหลอีกแล้ว ผมไม่รู้จะทำยังไงทั้งอายคนแถวนี้ทั้งกลัวพี่ชัช พอถูกพี่ชัชดึงแขนก็เลยจำใจต้องเดินตามไปเงียบๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองเมษด้วยซ้ำ แต่ผมได้ยินเสียงของเมษดังไล่หลังมาอยู่นะครับ

     “พี่คะ เดี๋ยวสิคะ! ต้น อีต้น โอ๊ย! ละฉันจะทำยังไงดีเนี่ย?”

     พี่ชัชบังคับเอาผมมายัดไว้ในรถจนสำเร็จ พอขึ้นรถได้พี่ชัชก็รีบบึ่งออกจากที่นั่นทันที ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะพูดอะไรทั้งนั้นแหละครับ ก้อนทิฐิในตัวผมมันก็ก่อตัวจนล้นออกมาเป็นน้ำตาเต็มไปหมด ผมพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เพราะไม่อยากให้พี่ชัชเห็นว่าผมกำลังร้องไห้ ผมไม่อยากเสียน้ำตาให้กับพฤติกรรมเอาแต่ใจของคนใจร้ายแบบนี้หรอกครับ แต่ผมก็เห็นจากภาพสะท้อนของกระจกว่าพี่ชัชหันมามองผมบ่อยๆ สุดท้ายพี่เขาคงทนไม่ไหวก็เลยยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ผม แต่พอผมไม่ยอมรับพี่ชัชก็ส่งเสียงหงุดหงิดออกมาทันที

     “จะดื้อกับพี่ไปถึงไหนห๊ะต้น!”

     พี่ชัชฉวยโอกาสตอนที่รถติดไฟแดงตรงสี่แยกเอื้อมมาจับหน้าผม บังคับให้หันไปทางพี่เขาแล้วก็ขยับตัวมาเช็ดน้ำตาให้ คิดว่าทำแบบนี้แล้วผมจะรู้สึกดีขึ้นรึไงครับพี่ชัช โอเค... มันก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยเพราะผมชอบการกระทำที่แสดงออกถึงความห่วงใยแบบนี้ของพี่ชัชมากที่สุด แต่ว่าทางที่ดีพี่ไม่ทำให้ผมรู้สึกแย่ตั้งแต่ต้นไปเลยไม่ดีกว่าเหรอครับ พี่ชัชควรจะอ่อนโยนกับผมไม่ใช่บังคับกันแบบนี้

     ตอนนี้ผมรู้ตัวดีว่าผมกำลังทิฐิล้วนๆ เลย ผมไม่ชอบพี่ชัชคนที่ชอบเอาแต่ใจและใช้กำลังบังคับผมแบบนี้ พี่ชัชเห็นท่าทางดื้อดึงของผมแล้วก็ชักสีหน้า พี่เขาผละออกไปไม่ได้พูดอะไร แต่หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันกับกรามที่ขบกันแน่นจนเป็นขึ้นสันนั้นบ่งบอกอาการได้ดี ส่วนผมเองก็ไม่มีอะไรจะพูดเลยเลือกที่จะหันหน้าหนีพี่ชัชโดยการมองออกไปนอกหน้าต่างรถแทน

     “เราจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอต้น ทำไมเราต้องมาทะเลาะกันแบบนี้ด้วย”

     โอ้โห! พูดเหมือนผมเป็นคนเริ่มก่อนเลยนะ โอเคใช่! ผมอาจจะผิดที่ทำแบบนั้น ผมหลอกแม็กซ์ปิดบังพี่ชัชก็จริง แต่นั่นเป็นเรื่องตั้งแต่ก่อนที่ผมจะรู้จักกับพี่ชัชซะอีก แล้วผมก็ไม่ได้มีอะไรกับแม็กซ์ด้วย แม็กซ์คิดไปเองคนเดียวทั้งนั้น ผมพยายามจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้พี่เขาฟังแล้วด้วยซ้ำ! แต่คนที่ไม่ยอมฟังอะไรก่อนมันก็เขาไม่ใช่หรือไง คนที่ทำแบบนั้นกับผมมันก็เขา ทำไมถึงโยนความผิดทั้งหมดมาให้ผมคนเดียวแบบนี้ล่ะ? การที่พี่เขาพูดแบบนั้นมันก็เหมือนว่าผมเป็นเด็กงี่เง่าเอาแต่ใจงอนอยู่ฝ่ายเดียวไม่ใช่เหรอครับ คิดแล้วก็พาลน้ำตาไหลออกมาอีกจนได้ เสียงตะคอกด้วยความหงุดหงิดของพี่ชัชช่างส่งผลกระทบกับอารมณ์ของผมเหลือเกิน ทำไมคำพูดของผู้ชายคนนี้ถึงมีอิทธิพลกับผมมากขนาดนี้นะ

     “ถ้าผมแย่มากขนาดนั้นพี่ชัชจะเลิกกับผมก็ได้นะครับ ผมมันไม่มีอะไรดีอยู่แล้วนี่ เป็นแค่เด็กผู้ชายใจแตกคนนึงก็เท่านั้น”

     “ต้น!”

     เสียงของพี่ชัชที่ตวาดออกมามันดังกว่าเมื่อกี้อีก แต่ช่างมันเถอะผมไม่สนใจอะไรแล้ว ผมไม่อยากเถียงอะไรกับพี่ชัชอีกแล้ว ถ้าผมไม่ดีพอก็ไม่ต้องมารักผม

     “อย่าทำตัวงี่เง่าหน่า หันมาคุยกันดีๆ มองหน้าพี่เดี๋ยวนี้ หันมา!”

     เมื่อเห็นผมยังนิ่งเฉยอยู่พี่ชัชก็ใช้กำลังกับผมอีกรอบ พี่ชัชใช้มือซ้ายดึงตัวผมให้หันกลับไปเผชิญหน้ากันจนได้ ผมเองก็สุดทนแล้วเลยเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่เขา ผมจ้องตอบอย่างไม่ลดละ

     ผมเห็นพี่ชัชเหลือบไปมองสัญญาณไฟแล้วก็หันกลับไปออกรถข้ามแยกอย่างหงุดหงิด และทันใดนั้นผมก็รู้สึกถึงแรงปะทะจากด้านข้างที่มาพร้อมกับเสียงดังที่ทำให้ผมแก้วหูแทบฉีก แล้วหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยอาการเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผมสับสนมึนงงไปหมด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเห็นแต่สีแดงๆ มีเศษกระจกร่วงลงมาจากบานหน้าต่างของรถ ผมหายใจไม่ออก มันรู้สึกแย่ไปหมดเสียงที่ผมได้ยินมันตีกันมั่วจนผมแยกไม่ออกว่ามีเสียงอะไรบ้าง ภาพตรงหน้าก็เริ่มพร่าไปเพราะเห็นแต่สีแดงของเลือด นี่เลือดผมรึเปล่า? รถเราเกิดอุบัติเหตุเหรอ? แล้วพี่ชัชล่ะ! พี่ชัชเป็นยังไงบ้าง? ผมขอร้องล่ะสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรก็ได้ในโลกนี้ ได้โปรดช่วยพี่ชัช ผมยังไม่ได้บอกพี่ชัชเลยว่าผมขอโทษ ผมอยากได้ยินเสียงพี่ชัช ผมอยากบอกพี่ชัชว่าผมให้อภัยเขาแล้ว ผมอยากบอกพี่ชัชว่าผมรักเขา ผมเจ็บจนน้ำตาไหล ให้ตายสิเหมือนอยู่ท่ามกลางนรกเลย! นี่มันผ่านมานานแค่ไหนแล้วนะ ผมคิดอยู่แบบนั้นจนกระทั่งหูของผมได้ยินเสียงพี่ชัชแว่วๆ แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ยินอะไรอีก

     “ต้น ต้น ทำใจดีๆ ไว้ต้น”

     “แม่งห่าเอ้ย! ใครก็ได้รีบช่วยแฟนผมหน่อย โทรเรียกรถพยาบาลที ต้นได้ยินเสียงพี่มั้ย ต้น!”

     “ใจเย็นๆ นะคุณ ถอยออกมาก่อน”

     “ช่วยแฟนผมด้วยครับ”

     “ต้นๆ ตื่นสิต้น ได้ยินเสียงพี่มั้ย”

============================================

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

- ชัยชัช -

     ซากรถเก๋งสีแดงที่ฝั่งซ้ายถูกชนจนยับเยินไถลไปหยุดขวางช่องทางจราจรอีกฝั่งปรากฏแก่สายตาผมทันทีที่ผมคลานออกมาจากรถได้ รถมอเตอร์ไซต์ที่พุงมาชนถูกเกี่ยวลากไปไกล ช่างหัวไอ้คนขับมันเถอะ มันจะกองอยู่ตรงไหนก็เรื่องของมัน สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมตอนนี้ก็คือต้น!

     โชคดีที่ไม่มีรถคันไหนซิ่งมาซ้ำกับรถผมอีก แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มันก็แค่ไม่ทำให้แย่ลงไปมากกว่าเดิมจากที่เป็น ภาพที่ผมเห็นไม่ช่วยให้ใจชื้นเลยแม้แต่น้อย ร่างของต้นถูกชโลมไปด้วยเลือดสีแดง ผมรู้สึกแย่มากๆ ถ้าผมเป็นลมได้ผมคงล้มไปแล้ว คุณไม่รู้หรอกครับเวลาเห็นภาพของคนที่ตัวเองรักในสภาพโชกเลือดแบบนี้มันสามารถทำให้คุณเข่าอ่อนได้แค่ไหน

     นี่มันเกิดเหี้ยอะไรขึ้นกับผม! วันนี้ผมตั้งใจมาหาต้นเพื่อคุยกันให้รู้เรื่องแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าผมต้องทะเลาะกับต้น ผมทำให้มันร้องไห้อีกรอบ ผมเกลียดตัวเองชิบเป๋ง! แค่ผมข่มขืนต้นในวันเกิดมันก็ชั่วพอแล้ว ทั้งๆ ที่วันนี้ผมตั้งใจมาขอโทษแท้ๆ ถ้าต้นเป็นไรไปผมจะทำยังไง ผมยังไม่ได้ขอโทษต้นเลย แม่งเอ้ย!

     เสียงของรถกู้ชีพดังเข้าหูผม มีเจ้าหน้าที่บางคนวิ่งมาหาผม เขามาปฐมพยาบาลผม ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองหัวแตก แต่ผมไม่ได้ใส่ใจเพราะผมชาไปทั้งตัวจนถึงขั้วหัวใจ บาดแผลพวกนี้มันเทียบไม่ได้เลยกับภาพของคนที่ผมรักถูกงัดออกมาจากซากรถในสภาพทั่วทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือด

     ผมร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ผมกลัวเหลือเกิน ต้นหมดสติไปแล้ว ขออย่าให้ต้นเป็นอะไรเลย ผมไม่กล้าคิดต่อจริงๆ ว่าต้นเพียงแค่หมดสติหรือว่า... ไม่สิ! แค่หมดสติในสภาพนี้ก็อันตรายมากแล้วถ้าอาการบาดเจ็บมันรุนแรงถึงขั้นช็อกหมดสติไปแบบนี้

     ถ้าหากว่าต้นไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาอีก ผมจะทำยังไงดีครับ ผมเพิ่งรู้ตัวก็วันนี้แหละ มันไม่ใช่ว่าผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีต้น แต่ผมไม่อยากใช้ชีวิตที่เหลือโดยไม่มีมัน แค่ต้นหายไปหนึ่งวันผมยังแทบบ้าตาย แล้วถ้าต้นหายไปจากชีวิตผมถาวรล่ะ?

     ภาพของเจ้าหน้าที่กู้ชีพช่วยกันรับร่างของต้นส่งเข้ารถพยาบาล ภาพของคนที่ลากผมขึ้นรถตามไปโรงพยาบาล ภาพพวกนั้นผ่านหัวผมไปแบบเบลอๆ ผมรู้แต่ว่าต้นถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินทันที ผมกลัวจนไม่รู้จะทำยังไง ผมคงคิดถูกแล้วล่ะที่ไม่เรียนหมอต่อ ผมสู้ไม่ไหวจริงๆ กับเรื่องแบบนี้ ผมมันก็แค่คนขี้ขลาดแค่จะยอมรับความจริงยังไม่กล้าเลย

     ผมรู้ตัวดีว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดผม ความผิดของคนขี้ขลาดที่ไม่กล้ายอมรับความจริงว่าตัวเองอิจฉา ความผิดของผู้ชายขี้โมโหที่เอาความหงุดหงิดมาลงที่คนรัก เป็นความผิดของผมเองที่ไม่รู้จักขอโทษต้นดีๆ ได้แต่ใช้วิธีบังคับมัดมือชกต้นมาตลอด ไม่เคยถามความสมัครใจจากปากต้นเลยซักครั้ง เพราะผมรู้ดีว่าต้นไม่มีทางปฏิเสธผมๆ ถึงได้ใจบังคับต้นให้ยอมเดินตามเกมผมมาตลอด ผมรู้สึกดีที่เห็นต้นยอมให้ผมเป็นฝ่ายตัดสินใจในทุกๆ เรื่อง มันทำให้ผมรู้สึกถึงอำนาจบางอย่าง แต่ผมคิดผิด ความรักมันไม่ใช่การควบคุม และต้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะควบคุมได้ ต้นยอมอ่อนข้อให้ผมมาตลอด แต่ต้นไม่เคยยอมให้ผมควบคุม

     มานึกๆ ดูแล้ว เรื่องทั้งหมดมันสดใหม่ยิ่งกว่าแผลสดที่หมอเย็บให้เสียอีก ถูกแล้วครับ บาดแผลในใจผมมันยังมีเลือดไหลซิบๆ อยู่เลย ในขณะที่แผลบนหัวผมเลือดหยุดไปตั้งนานแล้วหลังจากที่หมอเย็บเสร็จ

     เมื่อวานซืนผมว่างเลยตั้งใจจะไปรับต้นเพราะอยากเซอร์ไพรส์ แต่แล้วผมก็พบว่าแฟนตัวเองทำตัวน่าสงสัย ทั้งๆ ที่ผมตั้งใจจะไปโผล่ให้ต้นตกใจตอนกำลังเดินซื้อของอยู่ในห้าง แต่กลับเป็นผมเองที่ต้องตกใจเพราะเห็นแฟนตัวเองขึ้นไปหาเด็กหนุ่มวัยเดียวกันถึงบนห้องในอพาร์ทเม้นท์

     แต่แล้วผมก็ต้องตกใจมากกว่าเดิมเมื่อสุ้มเสียงการถกเถียงกันมันดังมากพอที่จะทำให้คนแอบฟังอยู่หน้าห้องอย่างผมตัวชา ต้นเคยมีอะไรกับคนอื่นมาก่อน! แฟนที่ผมเฝ้าทะนุถนอมเคยมั่วกับผู้ชายคนอื่นแล้ว แถมยังมาตีหน้าซื่อหลอกผมเสียสนิท ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมโคตรเจ็บเลย ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นควายที่ถูกต้นสวมเขา ผมรู้สึกเหมือนต้นแกล้งทำตัวใสซื่อบริสุทธิ์ต่อหน้าผม แต่ลับหลังก็...

     แต่มันก็เป็นแค่อัตตาศักดิ์ศรีโง่ๆ ของผมที่อุปโลกน์ขึ้นมาเองก็เท่านั้น บริสุทธิ์แล้วยังไงไม่บริสุทธิ์แล้วทำไม? ผมเองก็ใช่ว่าจะดีนักหนา ตอนผมจีบฟ่างก็ใช่ว่าผมจะได้เป็นคนแรกของฟ่าง มันก็แค่ศักดิ์ศรีบ้าบอที่ผมคิดไปเองแล้วก็โมโหหงุดหงิดเมื่อพบว่าความฝันของตัวเองมันไม่มีอยู่จริงก็เท่านั้น ผมพาลต้นเพราะอิจฉาที่ตัวเองไม่ใช่คนที่ได้ครอบครองต้นเป็นคนแรก ผมอิจฉาไอ้เด็กเวรนั่น! ผมเลยทำร้ายต้นแบบนั้น ถ้าผมไม่ได้คนอื่นก็ต้องไม่ได้ ช่างเป็นความคิดที่งี่เง่าสิ้นดี ผมปล่อยให้นิสัยแย่ๆ มามีอิทธิพลกับผมได้ไงนะ ทั้งๆ ที่อายุปูนนี้แล้ว ผมคิดว่าผมเลิกนิสัยแย่ๆ พวกนั้นได้แล้วซะอีก

     ถ้าผมไม่ขืนใจต้นก็คงจะดีกว่านี้ ให้ตายเหอะ! ผมเกลียดนิสัยโมโหแล้วพาลของตัวเองชะมัด! ผมมันเป็นไอ้ชั่วที่ทำร้ายต้นได้เจ็บปวดจริงๆ ทำตอนไหนไม่ทำเสือกมาหน้ามืดเอาตอนวันเกิดมันแบบนั้น คำพูดทั้งน้ำตาของต้นทำให้ผมจุกยิ่งกว่าโดนหมัดน็อคตอนต่อยกับนักเลงสมัยเรียนมหาลัย ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าแทนที่ผมจะได้ให้ของขวัญวันเกิดต้น กลับเป็นผมเสียเองที่ได้กำไร ผมได้เป็นคนแรกของต้นสมใจ แลกกับการที่ต้นต้องเจ็บปวดทั้งกายและใจ

     ความจริงเมื่อวานนี้ผมอุตส่าวางแผนหลังจากที่ตื่นมาพบว่าต้นไม่อยู่ ผมกะจะรอเซอร์ไพรส์วันเกิดให้ต้นพร้อมกับขอโทษ ผมกะจะทำทุกอย่างให้โรแมนติกมากที่สุดเท่าที่คนอย่างผมจะคิดออกเพื่อขอให้ต้นให้อภัยคนอย่างผม แต่ต้นก็ไม่กลับห้อง ผมนั่งรอต้นจนถึงตีสอง อาหารจากร้านเจ้าอร่อยที่ผมอุตส่าซื้อมาเอาใจต้นวางอยู่บนโต๊ะจนเย็นชืด เค้กที่ผมอุตส่าปักเทียนรอไว้ ผมให้เขาเขียนไว้ด้วยนะครับว่า “พี่ขอโทษนะครับที่รัก พี่รักต้นมาก แฮปปี้เบิร์ธเดย์” โคตรอายเลยครับตอนที่ไปสั่ง แต่แล้วก็ไม่มีแม้แต่เงาของมัน ไม่ว่าผมจะกระหน่ำโทรหามากเท่าไหร่ สิ่งที่ผมได้ยินก็มีแค่ “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก” คุณคิดว่าผมจะทนใจเย็นไหวเหรอครับ ผมนั่งคิดอยู่เกือบทั้งคืน ต้นจะไปไหนได้? ผมขับรถมาเฝ้าอยู่ที่โรงเรียนต้นตั้งแต่ตีห้า คุณคงคิดว่าผมบ้า ผมเองก็ว่าผมใกล้บ้าแล้วล่ะ ในเมื่อผมไม่เคยทำกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้มาก่อน มีแค่ต้นคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ผมคลั่งได้ขนาดนี้!

     ช่างหัวมันเถอะครับว่าผมแค่หลงหรือผมรัก ผมยังเป็นผู้ชายแท้ๆ อยู่หรือผมเป็นเกย์ ผมไม่สนใจอะไรแล้ว ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าผมขาดต้นไม่ได้ ผมยินดีแลกอะไรก็ได้ทุกอย่างในชีวิตผมเพื่อขอให้แฟนผมฟื้นขึ้นมา

     “ไอ้ชัช!”

     เสียงเรียกชื่อช่วยเรียกสติของผมให้คืนมา ไอ้พี่หมอเอกดูท่าทางตกใจที่เห็นสภาพผม

     “เป็นไงบ้าง?”

     “เข้าห้องผ่าตัดไปได้สองชั่วโมงแล้ว ยังไม่ออกมาเลย”

     เสียงของผมฟังดูแหบแห้งขนาดนี้เชียวเหรอ? ไอ้เอกมันตบบ่าผมสองสามทีแล้วก็ซักฟอกผมต่อ

     “เอาหน่า ทำใจดีๆ ไว้ แฟนมึงคงไม่เป็นไรหรอก แล้วเรื่องคดีล่ะ?”

     “ตำรวจมาสอบปากคำเรียบร้อยแล้วว่ะ มอเตอร์ไซต์คันนั้นมันเสือกเร่งผ่าไฟแดงมาตอนรถทางกูปล่อยพอดี มันคงกะว่าทัน แต่พอดีกูออกตัวเร็ว ก็เลยประสานงานกัน”

     “แล้วฝั่งนั้นเป็นไงบ้าง?”

     “ไม่รู้ดิกูไม่สน กูยังไม่ได้ดูเลยเพราะไงกูก็ไม่ผิด ต่อให้มีกล้องกูก็มั่นใจว่ากูชนะแน่ๆ กูไม่มีอารมณ์จะไปดูแลใครหรอก ต้นเจ็บหนักขนาดนี้”

     “เออๆ งั้นเดี๋ยวกูไปดูเรื่องทางนั้นให้ มึงมีไรให้กูช่วยก็บอกนะชัช”

     ผมรู้นะว่ามันคงเซ็งสันดานเห็นแก่ตัวของผม แต่แฟนผมนอนผ่าตัดเจ็บหนักขนาดนั้นจะให้ผมไปสนใจไอ้คนพวกนั้นได้ไง ผมไม่พุ่งเข้าไปกระทืบพวกมันซ้ำก็บุญแล้ว!

     นานพอสมควรกว่าหมอจะออกมาจากห้องผ่าตัด อาการของต้นยังโคม่าจนต้องอยู่ในห้องไอซียู ต้นสมองบวมมีเลือดคั่งในสมองและมีเลือดออกในช่องท้องจำเป็นต้องผ่าตัดด่วน ผมมองดูต้นที่ยังไม่สามารถหายใจได้ด้วยตนเอง แขนซ้ายของต้นมีเฝือกหุ้มไว้ ร่องรอยของอุบัติเหตุกระจายอยู่ทั่วทั้งตัว นี่ผมสร้างรอยแผลเป็นให้ต้นไปกี่แผลกันแล้วนะ?

     “ชัช มึงกลับบ้านไปพักก่อนเถอะ สภาพมึงไม่ไหวแล้ว”

     “กูเป็นห่วงต้น”

     “งั้นมึงก็แอดมิดเข้าที่นี่”

     “กูไม่ได้เป็นไรมาก กูอยากเฝ้าต้น”

     “กูเป็นหมอกูสั่งมึงก็ต้องทำมึงจะเถียงหมอเหรอ มึงกลับบ้านไปพักผ่อนจัดการเคลียร์กับประกันให้ดีเหอะ ทางโน้นถึงไม่ตายแต่ก็เจ็บหนักไม่แพ้ต้นไปคนนะมึง ถ้าหลักฐานออกมาว่ามึงผิดมึงเละแน่”

     มันพ่นลมหายใจออกมาชุดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

     “เรื่องแฟนมึงเดี๋ยวกูดูให้ รับรองแฟนมึงต้องไม่เป็นอะไร ถ้ามีอะไรไม่ดีกูจะรีบโทรบอกมึงทันทีเลย”

     ผมหันไปมองหน้าไอ้เอกอยู่ครู่หนึ่ง เห็นสายตาของมันแล้วก็รู้ว่าคดีคงยุ่งยากแน่ๆ แต่ผมยังมีอะไรให้กลัวอีกเหรอครับ ไม่สิ ผมยังไม่ได้บอกพี่น้ำเลย! ถ้าพี่น้ำรู้ว่าลูกของเธอเจ็บหนักขนาดนี้เพราะผมจะเกิดอะไรขึ้น ต้นมันเป็นเด็กรักเรียน ผมต้องทำเรื่องลาป่วยที่โรงเรียนให้ต้นด้วยใช่มั้ย? ผมนึกถึงสิ่งที่ผมต้องทำเพื่อต้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าตกลง

     “เออ เดี๋ยวกูกลับบ้านไปอาบน้ำแล้วจะมาเฝ้าต้นต่อ ขอยืมกุญแจรถมึงหน่อย”

     “มึงยังจะขับอีกเหรอไอ้ชัช ไม่ต้องอ่ะ กูเรียกคนมาดูมึงแล้ว”

     “ใครวะ?”

     “เมียเก่ามึง”

     “เฮ่ย!”

     “เออนะ เมื่อกี้ฟ่างโทรบอกว่าถึงแล้ว กำลังจอดรถอยู่ มึงก็อยู่นิ่งๆ ให้เขาบริการหน่อยเหอะ อยู่คนเดียวเดี๋ยวมึงก็เละอีก”

     ผมไม่รู้จะเถียงมันยังไงดีก็เลยนั่งรอฟ่างอยู่กับมัน ผมซักมันเรื่องคู่กรณีพอสมควร ไอ้เอกรับปากผมแล้วว่าจะช่วยดูต้นให้ผมก็สบายใจ ตอนนี้ก็คงได้แต่รอปาฏิหาริย์และกำลังใจของตัวต้นเองเท่านั้น ผมรู้ดีว่าทีมแพทย์ได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว อันที่จริง ผมคุ้นเคยดีกับโรงพยาบาลเขตนี้พอสมควร ถ้าหากคุณยังไม่ลืมผมเป็นผู้แทนครับ เคยวิ่งอยู่เขตนี้จนคุ้นเคยกันดีกับบรรดาหมอและเจ้าหน้าที่ๆ นี่

     ตอนแรกที่ผมถูกพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินพร้อมกับต้น บรรดาพี่ๆ พยาบาลยังตกใจกันเลย พวกเธอไม่คิดว่าผมจะเป็นผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์รถชนกันกลางสี่แยก แล้วยิ่งไม่คาดคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเด็กหนุ่มคนเจ็บจะเป็นคนรักกัน เรื่องราวของคู่รักที่คนขับเป็นห่วงแฟนเจ็บหนักจนไม่ยอมไปทำแผลปล่อยให้เลือดไหลอาบหน้ามันคงกินใจคนฟังมั้งครับ ผมไม่ถืออยู่แล้วที่พี่ๆ เขาเม้าเรื่องนี้กันสนุกปาก ก็ในเมื่อผมเองบางทียังเผลอทำ เพียงแต่ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้มาเป็นตัวเอกในโศกนาฏกรรมเอาซะเอง ต้องมาแสดงเองกับบทที่ยังไม่รู้ว่าจะจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งหรือแบดเอ็น พี่ๆ พยาบาลพากันทำแผลไปปลอบผมไป แม้แต่อาจารย์หมอที่ผ่าตัดต้นยังเดินมาตบไหล่ให้กำลังใจผม ทุกคนให้กำลังใจผมถึงขนาดนี้ ต้นต้องไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ?

     “ชัช เป็นไงบ้าง?”

     ฟ่างตรงเข้ามาหาผมพร้อมกับสำรวจร่องรอยอุบัติเหตุบนตัวผม น่าแปลกนะครับ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เลิกกันก็จบแบบไม่ได้จากด้วยดี แต่พอรู้ว่าผมประสบอุบัติเหตุเธอก็รีบมาหาผมทันที แถมยังมีสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยผมเหมือนเมื่อตอนที่ผมไม่สบายแล้วเธอเฝ้าไข้ผมเลย ไม่ดิ เธอห่วงผมมากกว่าตอนนั้นซะอีก ผมมองหน้าฟ่างพลางยกมือขึ้นกุมฝ่ามือขาวเนียนเล็กๆ คู่นั่นที่กำลังจับผ้าพันแผลที่ปิดอยู่บนหัวของผมแล้วเอ่ยถามเธอช้าๆ

     “ฟ่างไม่ได้เกลียดชัชหรอกเหรอ?”

     “เกลียดอะไรกัน! ฟ่างไม่ได้เลิกกับชัชเพราะเกลียดชัชซักหน่อย ถึงตอนนี้ฟ่างจะรักคนอื่นมากกว่าชัช แต่ฟ่างก็ยังรักชัชเหมือนเดิมนะ”

     “งั้นฟ่างเลิกกับชัชเพราะอะไรล่ะ”

     “ห่วงตัวเองก่อนเถอะ จะมาถามอะไรตอนนี้ กลับห้องไปพักก่อนดีมั้ย”

     “ชัชก็แค่สงสัย ทั้งๆ ที่ชัชมันแย่จนฟ่างทนชัชไม่ไหว แต่ทำไมฟ่างถึงยังเป็นห่วงคนเลวๆ แบบชัชอยู่ ชัชดีใจนะที่ฟ่างบอกว่ายังรักชัชอยู่”

     “ไปๆ กลับห้องก่อนเถอะ ชัชเพ้อแล้ว ไม่สบายทีไรเพ้อทุกที พี่เอกบอกว่าเมื่อคืนก็ไม่ได้นอนใช่มั้ย ชอบทรมานตัวเองจนเดือดร้อนคนอื่นไปทั่วจริงๆ”

     “ขอโทษ”

     หลังจากนั้นเหมือนผมน็อตหลุด ผมจำอะไรไม่ค่อยได้ เท่าที่พอจำได้เลาๆ คือฟ่างพาผมกลับคอนโด เธอเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ผมประหนึ่งสมัยที่เรายังรักกัน เธอเตรียมอาหารและยาให้ผม ไล่ผมไปนอนนิ่งๆ ให้สมกับที่เป็นคนป่วย ฟ่างอาสาจะป้อนข้าวผม สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เราเคยมีด้วยกัน ผมพลาดอะไรไปนะ? รอยร้าวระหว่างผมกับฟ่างมันเกิดขึ้นตอนไหน? ทำไมเราสองคนถึงต้องเลิกกันทั้งๆ ที่เราก็รักกัน แต่พอมือเล็กๆ นั่นยกชามข้าวต้มมาป้อนผมถึงบนเตียง ผมกลับคิดถึงเจ้าของนิ้วมือเรียวยาวที่เคยทำอาหารให้ผมทาน ต้นยังไม่เคยป้อนข้าวผมซักมื้อ  ผมภาวนาให้เจ้าของมือขาวซีดคู่นั้นในห้องไอซียูรู้สึกตัวตื่นซักทีเถอะ

     ผมตื่นอีกทีตอนบ่ายแก่ๆ แผลบนหัวเริ่มระบมเพราะยาหมดฤทธิ์แล้ว ผมเดินสะโหลสะเหลอกมาจากห้องนอน มีโน้ตวางอยู่บนโต๊ะ ผมจำลายมือของฟ่างได้

     'ฟ่างไปทำงานแป๊บเดียวเดี๋ยวตอนเย็นจะหิ้วของโปรดมาฝากชัชนะคะ อย่าหนีไปโรงพยาบาลเองล่ะรอฟ่างด้วย แล้วเราไปเยี่ยมต้นพร้อมกันนะคะชัช'

     ผมไม่รู้ว่าฟ่างรู้เรื่องของผมกับต้นรึเปล่า แต่นั่นไม่สำคัญหรอกครับ ยังไงตอนนี้ก็ต้องรู้แล้วแน่ๆ ฟ่างจะคิดยังไงเรื่องของผมกับต้นนะ เธอไม่นึกแค้นผมบ้างเลยเหรอ? เธอจะคิดว่าผมประชดเลียนแบบเธอหรือเปล่า? ตอนนั้นที่ฟ่างทิ้งผมไปผมโคตรเจ็บ นึกแค้นทั้งเธอและคู่รักทอมของเธอ แล้วตอนนี้เธอคงจะรู้เรื่องผมกับต้นแล้ว ฟ่างจะคิดยังไงกับเรื่องนี้นะ จะเคืองเหมือนที่ผมเคยรู้สึกรึเปล่า? คิดไปคิดมาแล้วผมก็เป็นผู้ชายใจแคบชะมัด

     “แอ๊ด”

     เสียงเปิดประตูทำให้ผมต้องหันไปมอง ฟ่างเดินเข้ามาในห้องพลางหอบข้าวของพะรุงพะรัง ผมเดินไปช่วยฟ่างตามอัตโนมัติ

     “หอบอะไรมาเยอะเชียวครับฟ่าง”

     เธอหันมายิ้มให้ผมก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริงที่เคยทำให้ผมหลงรักว่า

     “ฟ่างซื้อข้าวเย็นมาฝากชัชไง แล้วนี่ก็กระเป๋าเสื้อผ้า ฟ่างจะย้ายกลับมาอยู่เป็นเพื่อนชัชซักระยะค่ะ”

     “จะดีเหรอ ไม่กลัวแฟนใหม่โกรธเอารึไง”

     “ฮึ๊! พี่ตาเขามีเหตุผลย่ะ! พี่เขาใจกว้างแล้วก็เข้าอกเข้าใจอะไรง่ายกว่าชัชเยอะ”

     “อ้าว ว่าชัชนี่”

     ผมถามยิ้มๆ ด้วยสีหน้าอิดโรยของคนไม่สบาย หวังว่าผมคงไม่ดูแย่เกินไปนะ ยังไงผมก็ยังอยากหล่อในสายตาแฟนเก่าอยู่ดี

     “ก็มันจริงมั้ยเล่า ชัชน่ะใจแคบจะตาย ทานนี่ก่อนเร็ว ฟ่างซื้อบะหมี่เกี๊ยวปูร้านโปรดของชัชมาฝาก กำลังร้อนๆ เลย ฟ่างไปเทใส่ชามให้นะ”

     “ครับ”

     ผมจำได้แล้วแหละว่าทำไมตอนนั้นผมถึงอยากได้ฟ่างมาเป็นแม่ของลูกผม มันคงมีความสุขไม่น้อยถ้ามีเมียช่างเอาใจแล้วก็คอยฉอเลาะเราแบบนี้ ผู้ชายคนไหนก็อยากเป็นราชาบนฮาเร็มมีสาวน้อยน่ารักมาคอยปรนนิบัติกันทั้งนั้นแหละครับ แต่ฟ่างเธอมีคุณสมบัติข้ออื่นๆ เพิ่มนอกเหนือไปจากนั้นด้วยนี่สิ ส่วนต้นถึงมันจะไม่ค่อยพูดมาก เอาใจผมไม่เก่ง พูดจาหวานๆ ไม่เป็น แต่ภาพที่มันกระวีกระวาดทำโน่นทำนี่ให้ผมก็ดูแล้วน่ารักดีไม่หยอก ผมนึกถึงสายตาเอียงอายของมันเวลาที่ผมหาเรื่องแกล้งมันแล้วก็อยากกอดมันขึ้นมาซะงั้น

     ฟ่างแกะบะหมี่ของตัวเองนั่งทานเป็นเพื่อนผมด้วย ฝนตกแน่ หรือเป็นเพราะผมไม่สบายเธอเลยดีกับผมเป็นพิเศษ? ผมยิ้มขำๆ กับนิสัยรักสวยรักงามของฟ่าง ‘งดทานอาหารหลังหกโมงเย็น!’ กฏเหล็กประจำตัว เมื่อก่อนนอกจากมื้อพิเศษแล้วถ้าผมจะได้นั่งทานข้าวเย็นกับเธอก็ต้องก่อนหกโมงเย็นเท่านั้นครับ นอกนั้นก็มีแต่ประเภทเธอลุกขึ้นไปหาอะไรให้ผมนั่งทานอยู่คนเดียว ไม่ก็บ่นเรื่องที่ผมชอบกินตอนดึกๆ ทำให้เธอพลอยหิวไปด้วย บางทีผมก็ต้องออกไปหาอะไรกินมื้อดึกรอบๆ คอนโดก็มี ผิดกับตอนที่อยู่กับต้นขอแค่ไม่ดึกจนเกินไปหรือไม่ก็ไม่ใช่วันธรรมดาที่มันต้องตื่นเช้า แค่ผมไปเคาะประตูห้องมันแล้วบ่นว่าหิว ไม่ว่าจะกินแล้วหรือยังไม่ได้กินมันจะรีบเข้าครัวทำให้ผมก่อนทันที

     เราสองคนนั่งทานอาหารเย็นกันพลางคุยเรื่องต่างๆ ในชีวิตของแต่ละคนหลังจากที่แยกกันไป น่าแปลกที่เราต่อกันติดเหมือนไม่เคยมีเรื่องผิดใจกันมาก่อน จนผมเปิดประเด็นขึ้น

     “ฟ่างไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนชัชก็ได้นะ ชัชเกรงใจ”

     “อ้าวทำไมละ? ถึงซี่โครงจะไม่หักแต่มันก็กระแทกแรงมากเลยนี่คะ ชัชเจ็บจนขยับแขนแทบไม่ไหวไม่ใช่เหรอ”

     “ชัชเกรงใจฟ่างนี่นา ฟ่างต้องทำงาน จะให้มาคอยดูแลแฟนเก่าแบบชัชได้ยังไง เราเลิกกันแล้วนะฟ่าง”

     “หัดเป็นคนคิดถึงความรู้สึกคนอื่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ ทีเมื่อก่อนฟ่างขอร้องชัชเรื่องบางอย่าง ชัชยังไม่ยอมทำให้เลย”

     เธอเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงงอนๆ น่ารักชะมัด

     “ชัชเกรงใจแฟนฟ่าง แล้วก็ไม่อยากให้ต้นคิดมาก”

     “ชัชชอบต้นจริงๆ เหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย!”

     “นั่นสิ คิดไม่ถึงเหมือนกัน”

     “ชัช สัญญากับฟ่างได้มั้ยว่าจะไม่ทำแบบที่ชัชทำกับฟ่าง ต้นเป็นเด็กดีมากนะชัช แต่ต้นเป็นเด็กขี้อายชอบเกรงใจคน ไม่ค่อยพูด ชัชต้องดูแลต้นดีๆ นะคะ อย่าทิ้งขว้างเหมือนตอนที่ทำกับฟ่าง”

     “ชัชไปทิ้งขว้างฟ่างตอนไหน! ชัชยังงงอยู่เลยว่าตัวเองทำอะไรไม่ดีจนฟ่างขอเลิกกับชัชเนี่ย”

     “ก็เพราะชัชเป็นแบบนี้ไงเล่าชอบเอาตัวเองเป็นใหญ่ ถ้าเป็นฟ่างๆ ก็ยังพอขัดชัชได้ แต่ถ้าเป็นต้นๆ ไม่มีวันขัดชัชหรอก ต่อให้ชัชรังแกต้นมากแค่ไหนก็คงมีแต่กล้ำกลืนไว้นั่นแหละ แล้วซักวันก็คงระเบิด ต้นแตกต่างกับฟ่างตรงที่ฟ่างเป็นพวกถ้ารู้ตัวว่าไม่ใช่ฟ่างก็ถอย แต่ต้นเป็นเด็กที่ยึดมั่นถือมั่นนะชัช ต้นจะไม่มีวันเลิกรักชัชง่ายๆ หรอก ฟ่างไม่อยากเห็นชัชทำบาปกับต้น ไม่งั้นคงรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ชัชกับต้นได้รู้จักกัน”

     อื้อหือ ยาวเป็นชุด! ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้สัมผัสมาตั้งนาน แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว มันก็จริงอย่างที่ฟ่างพูดนั่นแหละครับ ผมไม่มีอะไรจะเถียงเธอจริงๆ ก็เลยได้แต่ยิ้มยอมแพ้

     เราออกไปเยี่ยมต้นอีกครั้ง อาการต้นยังทรงตัวอยู่ แต่ยังไม่รู้สึกตัว พยาบาลพิเศษที่จ้างไว้ช่วยดูแลต้นแทนไอ้เอกที่กลับไปแล้ว แต่ผมยังยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องต่อ ผมคิดไปเองว่าถ้าผมยืนอยู่ตรงนี้บางทีต้นอาจจะได้ยินเสียงเรียกของผมแล้วก็กลับมาหาผมซะที ฟ่างอยู่เป็นเพื่อนผมจนดึก แล้วเธอก็กลับมาส่งผมที่คอนโด ช่วยผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบายๆ เตรียมตัวพักผ่อน เราแยกย้ายกันโดยเธอให้ผมรับปากว่าจะพรุ่งนี้ผมจะรอให้เธอหรือไอ้เอกมารับถึงจะหนีออกจากห้องไปหาต้นได้

     ผมคิดว่าทีมผมคงรู้ข่าวเรื่องผมประสบอุบัติเหตุแล้ว แต่ว่ายังไงเสียผมก็ควรจะโทรไปคุยด้วยตัวเองเสียหน่อย ผมจัดการธุระของตัวเองเสร็จแล้ว แต่พรุ่งนี้ล่ะ ถ้าพี่น้ำกลับมาแล้วไม่เจอต้น พี่น้ำจะทำยังไง?

     วันรุ่งขึ้นฟ่างมาหาผมแต่เช้า เธอช่วยผมจัดการธุระส่วนตัวก่อนจะพาผมไปทิ้งไว้ที่โรงพยาบาล ถึงผมจะขยับตัวได้ลำบากแต่ร่างกายของผมกลับไม่มีอะไรแตกหักเสียหายนอกจากรอยฟกช้ำดำเขียวไปทั้งตัว ผมเลยนั่งเฝ้าต้นอยู่ที่โรงพยาบาล ภาวนาให้ต้นฟื้นขึ้นมาเสียที มีสายเข้ามาหาผมไม่หยุด เพื่อนๆ คนรู้จักในวงการต่างโทรศัพท์มาถามข่าวคราวผม โชคดีชะมัดที่พื้นเพผมอยู่ไกลถึงลำปาง ถ้าแม่ผมรู้ผมคงลำบากมากกว่านี้ ส่วนใหญ่คนที่โทรมามักจะถามเรื่องอุบัติเหตุเป็นส่วนมาก แต่ก็มีบ้างที่กล้าถามเรื่องเด็กหนุ่มคนที่นั่งมาด้วยกันกับผม ไม่ใช่ว่าผมไม่ยอมรับต้นหรืออะไรหรอกนะครับ แต่ผมในตอนนี้ยังไม่พร้อมจะมานั่งตอบคำถามเรื่องชีวิตรักของผมให้ชาวบ้านฟังทั้งๆ ที่แฟนผมยังนอนเป็นผักอยู่แบบนี้

     แตมแวะมาหาผมตอนสายๆ มันถือส่วยติดมือมาให้ผม แต่บังเอิญผมรับของเหลือจากเลี้ยงหมอของน้องผู้แทนเขตนี้ที่แวะมาให้กำลังใจผมไปแล้วก่อนหน้าที่มันจะมาเพียงแค่แป๊บเดียว แถมผมยังเบื่อยี่ห้ออาหารกล่องที่มันเอามาเผื่อผมแล้วด้วย ไอ้นี่นิสัยมันไม่เคยเปลี่ยนชอบเอาสะดวกเข้าว่า ต่อให้หรูแค่ไหนแต่ถ้าให้หมอกินแต่ข้าวกล่อง S&P ทุกวันๆ หมอก็เบื่อนะครับ ส่วนสไตล์ผมถ้าหมอต้องการละก็ ต่อให้เป็นบะหมี่จับกังผมก็ต้องไปต่อแถวหาซื้อมาเลี้ยงหมออยู่ดี งานดีเทลยาแบบผมไม่ได้สบายหรอกนะครับ ถึงใครจะดูถูกว่าพวกเราเป็นขี้ข้าสปอยล์หมอแต่ผมก็พอใจกับอาชีพแบบนี้ มันช่วยเลี้ยงปากเลี้ยงท้องผมได้นี่ครับ

     แต่ตอนนี้ผมก็คงขอลาป่วยก่อน รออะไรๆ มันเข้าที่ก่อนล่ะครับ อู่แจ้งมาแล้วว่ารถผมสภาพค่อนข้างเยิน ถึงจะสบายใจได้เรื่องคู่กรณีเพราะผมเป็นฝ่ายถูกชนิดมีหลักฐานซัพพอร์ ทจากกล้องวงจรปิดตรงแยกก็เถอะ ลงท้ายผมก็คงต้องปวดหัวกับรถที่ยังผ่อนไม่หมดแต่ต้องขายทิ้งคันนี้อยู่ดี คู่กรณีผมก็ดูมีฐานะอยู่บ้างคงเรียกเงินได้พอสมควรแหละครับ แค่ได้รู้ว่าผมไม่ต้องซวยเป็นแพะก็สบายใจแล้ว เพราะเรื่องรถผมก็มั่นใจว่ามีประกันคอยเคลียร์ให้แล้ว ค่ารักษาคู่กรณีผมกับอื่นๆ ก็ให้เขาจ่ายกันเองแล้วกัน ผมไม่ได้ขอให้เขามารับผิดชอบต้นก็บุญแล้ว แฟนผมๆ ดูแลเองได้ ผมทำต้นเจ็บผมพร้อมจะรับผิดชอบทุกกรณีครับ

     ผมนั่งเฝ้าอยู่แบบนั้นจนกระทั่งบ่ายๆ พี่น้ำก็มาถึง ผมเดาเอาว่าพี่น้ำคงจะอ่านข้อความที่ผมส่งให้แล้ว พี่น้ำเดินตรงมาหาผมด้วยสีหน้าตื่นตกใจยิ่งกว่าตอนที่เราเจอกันครั้งแรกเสียอีก เวลาที่ผมกลัวที่สุดมาถึงแล้ว และครั้งนี้ผมก็ต้องยอมรับมันแบบลูกผู้ชายเต็มตัวด้วย ผมยังไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้พี่น้ำฟัง ผมแค่บอกเธอไปว่ารถที่ผมกับต้นนั่งประสบอุบัติเหตุ การปะทะเกิดด้านที่ต้นนั่ง ต้นเลยอาการไม่ค่อยดี เธอรู้เพียงแค่นี้

     ผมพาเธอไปดูต้น สีหน้าของพี่น้ำที่มองลูกชายตัวเองนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียูทำให้ผมรู้ว่าคำพูดที่ว่าหัวอกคนเป็นแม่แหลกสลายมันเป็นยังไง พี่น้ำเข้มแข็งมาก เธอประคองสติไว้ได้ดีพอสมควรถ้าไม่นับหยาดน้ำตาที่ไหลอาบเต็มหน้า ผมได้แต่ปลอบเธอด้วยการประคองเธอไว้ให้เธอรู้ว่าผมเองก็ยังอยู่ตรงนี้ข้างๆ เธอ เพราะผมไม่มีคำแก้ตัวใดๆ รวมทั้งไม่รู้จะสรรหาคำปลอบใจไหนมาใช้เนื่องจากว่าผมเองก็ต้องการให้คนในห้องนั้นฟื้นขึ้นมาไม่น้อยไปกว่าเธอเช่นกัน

     เธอขอให้ผมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แน่นอนผมเล่าเรื่องทุกอย่าง ผมเริ่มประโยคด้วยการบอกเธอว่าผมทะเลาะกับต้น ผมไม่กล้าปิดบังเธอหรอกครับ พี่น้ำเป็นแม่ของต้น เธอมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าผมทำระยำอะไรไว้กับลูกเธอบ้าง ผมเล่าให้เธอฟังทุกอย่าง

     ผมเตรียมใจไว้แล้วว่าเธอคงจะโกรธเกลียดผมมาก อาจจะสั่งห้ามไม่ให้ผมคบกันต้นอีก หรือไม่ก็อาจจะตบผมสักฉาดก่อนจะเรียกตำรวจมาลากคอผมเข้าคุก แต่เปล่าเลย เธอเพียงแค่พูดกับผมด้วยน้ำเสียงติดสะอื้นเล็กน้อย เธอสอนผมเรื่องความรัก เธอเตือนผมให้หยุดคิดและตั้งสติให้ดีก่อนจะทำอะไร เธอบอกว่าเธอรู้ว่าผมรักลูกของเธอ และเธอก็พอดูออกว่าผมเป็นคนอารมณ์ร้อน เธอย้ำเรื่องอายุของผม แล้วกล่าวว่าผมต้องใจเย็นให้มากกว่านี้ เพื่อที่ผมจะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาดจนเสียใจแบบนี้อีก เพราะความผิดบางประการเราสามารถขอให้คนอื่นยกโทษให้ได้ เราสามารถทำความดีชดเชยเรื่องไม่ดีที่เราก่อขึ้นได้ แต่มันก็มีที่บางครั้งเราเผลอทำในสิ่งที่เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ และมันจะทำให้เราเสียใจไปจนตาย เพราะความผิดที่เราทำมันไม่สามารถหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

     เราสองคนนั่งกอดคอกันร้องไห้อยู่พักหนึ่ง แล้วผมก็พาพี่น้ำไปหาแพทย์คนที่ผ่าตัดต้น เธอรับฟังอาการของลูกชายเงียบๆ พยักหน้าเข้าใจเป็นบางครั้ง เธอขอบคุณแพทย์เจ้าของเคส และสุดท้ายเธอหันมาขอบคุณผมที่อยู่เคียงข้างลูกชายของเธอ ผมถามเธอเรื่องเอกสารเพื่อจะไปยื่นที่โรงเรียนของต้น เพราะต้นขาดเรียนได้สองวันแล้ว เธอจึงฝากให้ผมไปจัดการแทน ผมเรียกแท็กซี่ไปยังโรงเรียนของต้น โชคดีที่โรงเรียนอยู่ไม่ไกล และก็ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนรถเลยไม่ติด

     ผมเดินเข้ามาในโรงเรียนของต้น แจ้งความจำนงว่ามายื่นใบลาป่วยให้เด็กนักเรียนที่ประสบอุบัติเหตุ เรื่องราวเรียบร้อยโดยง่าย ผมได้พบกับที่ปรึกษาของต้น เขาถามว่าผมเป็นอะไรกับนักเรียนของเขา ผมก็ได้แต่ตอบว่าผมเป็นผู้รับมอบอำนาจมาจากมารดาของต้นที่ไม่สะดวกมาเอง แล้วเขาก็ไม่ซักถามอะไรผมอีก ผมกลับไปเฝ้าต้นที่โรงพยาบาล พวกเราสองคนไม่รู้เลยว่าเย็นนั้นเองที่มันจะเกิดเรื่องซวยล้างบางขึ้นกับผมอีกครั้ง


ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     ในขณะที่ผมกับพี่น้ำกำลังนั่งเฝ้าคนที่พวกเรารักอยู่เงียบๆ หน้าห้องไอซียู พวกผมก็เจอเข้ากับพายุ ผมเคยได้ยินแต่เสียงบ่นของต้นที่เคยเล่าถึงพายุลูกนี้แต่วันนี้ผมเจอเข้ากับตัว ผู้ชายวัยสี่สิบกว่าคนหนึ่งตรงมาหาพวกเราอย่างเร็ว สายตาของเขาจ้องมาที่ผมกับพี่น้ำเขม็ง และโดยที่ไม่ฟังอะไรเลยเขาก็เริ่มต้นสร้างความประทับให้ผมโดยการด่าผู้หญิงที่ผมคิดว่าเป็นแม่ที่ประเสริฐมากคนหนึ่งให้ผมฟัง

     “เธอดูลูกประสาอะไร! ทำไมถึงปล่อยให้ลูกเจอเรื่องแบบนี้ นี่ลูกนอนสลบมาสองวันแล้วเธอคิดจะบอกฉันบ้างมั้ย ถ้าหนูไนน์ไม่โทรมาบอกป่านนี้ฉันก็คงไม่รู้ว่าต้นนอนโคม่าอยู่ในห้องไอซียู!”

     ผู้ชายคนนี้ทำให้ผมเกลียดตัวเองขึ้นมาทันที ผมตอนที่อาละวาดไม่ฟังเหตุผลของต้นจะทำตัวแบบนี้รึเปล่าหนอ? ผมไม่รู้ว่าปณิธานที่ผมตั้งใจว่าจะมีสติรู้จักฟังคนอื่นให้มากขึ้นยามโกรธนั้นจะทำได้มากน้อยแค่ไหน แต่ผมรู้อย่างนึง ผมโคตรเกลียดสายตาดูถูกของไอ้หมอนี่เลย มันดูถูกทั้งผมและพี่น้ำชัดๆ

     “ถ้าไม่มีเวลาดูแลลูกก็ให้ลูกมาอยู่กับฉันได้แล้ว เธอจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้เต็มที่!”

     น่านับถือพี่น้ำนะครับที่มีความอดทนสูงขนาดนี้ เธอแค่ทำหน้าเบื่อโลกแล้วก็หันหลังหนีไปจากผู้ชายคนนี้เฉยๆ ผิดกับผมที่ชักเดือดแทน ถ้าพวกเราไม่ทำงานแล้วเงินมันจะหล่นมาจากบนฟ้ารึยังไงครับ? คนที่ไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดูอะไรต้นแบบเขาไม่มีสิทธิ์พูดจาดูถูกพี่สาวผมแบบนี้!

     แค่พี่น้ำต้องไปทำงานไม่ได้ฉลองวันเกิดให้ลูกชายตัวเองแถมยังต้องกลับมารับรู้ว่าลูกตัวเองนอนไม่ได้สติอยู่แบบนี้ผมว่ามันก็สาหัสแล้วนะ ทำไมยังต้องมาเจอกับไอ้เลวนี่อีกด้วยวะ! ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ผมไม่แปลกใจหรอกที่ต้นมันจะเกลียดเอาซะขนาดนั้น ถ้าผมมีพ่อที่ไม่เคยยอมรับกันเลยมาปรากฏตัวแล้วบังคับให้ผมไปอยู่ด้วยกันด้วยท่าทางแบบนี้แล้วละก็ ให้ตายผมก็ไม่ไป!

     “ขอโทษนะครับ แต่ดูเหมือนคุณจะเข้าใจผิด กรุณาให้เกียรติพี่น้ำด้วยครับ”

     “นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัว ผมว่าคุณอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า”

     “เกรงว่าคงไม่ได้หรอกครับ ผมถือเป็นคนใกล้ชิดของต้นกับพี่น้ำมากกว่าคุณเสียอีก”

     ผมท้าทายเขาไปแบบกวนๆ แล้วยืนขวางระหว่างพี่น้ำกับเขาเอาไว้ ส่งผลให้เขาหงุดหงิดใส่ผมทันที

     “นี่คุณ!”

     “ผมว่าตอนนี้เรื่องที่เราควรทำคือเอาใจช่วยให้ต้นฟื้นขึ้นมาอย่างปลอดภัยมากกว่ามั้งครับ ถ้าคุณยังมีสำนึกของความเป็นพ่ออยู่ก็ได้โปรดอย่าทำร้ายหัวใจของแม่คนนึงที่กำลังเศร้าเพราะลูกตัวเองนอนโคม่าอยู่ในห้องไอซียูเลยครับ”

     ผมได้แต่แขวะไปแบบนั้นแล้วก็เดินไปยืนข้างๆ พี่น้ำ เราสองคนเลิกใส่ใจกับผู้ชายคนนั้นแล้วก็มองดูร่างของบุคคลอันเป็นที่รักที่นอนหายใจแผ่วๆ อยู่ในห้องไอซียูนั้นแทน

     ผู้ชายคนนั้นฮึดฮัดอยู่พักใหญ่ก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นโทนปกติ

     “สายธาร ผมจะขอคุยกับคุณเรื่องการรักษาของต้น”

     “ฉันไม่ใช่คนจัดการเรื่องนี้ค่ะ”

     แน่ละครับ ผมไม่กล้าให้พี่น้ำต้องมาเดือดร้อนเพราะการกระทำของผมหรอก ถึงผมจะไม่ได้รวยมากแต่ก็พอจะมีวิธีหมุนเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาลต้นอยู่ เรื่องนี้ผมขอพี่น้ำรับผิดชอบเองแต่แรกแล้วครับ เพราะฉะนั้นสายตาของพี่น้ำจึงมองมาทางผมส่งผลให้ผู้ชายคนนั้นอาฆาตมาดร้ายใส่ผมมากกว่าเดิม

     “ผมขอตกลงกับคุณซักครู่”

     “ครับ”

     ผมหันไปเผชิญหน้ากับเขา

     “ไม่ทราบว่าคุณเกี่ยวข้องอะไรกับสายธารและต้น”

     “ผมก็แค่รับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำครับ รถคันที่ต้นนั่งไปจนเกิดอุบัติเหตุคือรถของผม ผมเป็นคนขับ”

     ทันทีที่ได้ยินสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากอาฆาตมาดร้ายเป็นสีหน้าของคนที่อยากจะฆ่าผมแทน

     “และผมก็เป็นคนรักของต้น ผมกับต้นเราเป็นแฟนกัน”

     ขาดคำปั๊บ หมัดขวาตรงก็เสยเข้าที่หน้าผมอย่างแรง!

     “แก!”

     ผู้ชายอารมณ์ร้ายคนนี้เป็นอาจารย์ได้ไงวะ! ถึงผมจะตั้งใจกวนตีนมันแต่ผมก็ไม่คิดว่าผมจะโดนหมัดตรงในโรงพยาบาลหน้าห้องไอซียูแบบนี้ แม่งเอ้ย! มึนเห็นดาวเลยครับ จากเดิมสังขารผมก็เดี้ยงอยู่แล้ว ทีนี้แหละผมลงไปกองกับพื้นเลย หลังจากนั้นพี่น้ำก็ออกโรงเอง ผู้ชายคนนั้นไม่มีสิทธิ์อะไรอยู่แล้วครับ เขาไม่ได้เซ็นรับรองบุตรไอ้ต้นมันด้วยซ้ำ!

     วันนี้ผมกับพี่น้ำได้คุยอะไรกันหลายๆ อย่าง พี่น้ำเล่าเรื่องชีวิตของพี่เขาให้ผมฟังอย่างหมดเปลือก คงเพราะเราสองคนคล้ายๆ กันมั้งครับ ถึงพี่น้ำแกจะเป็นสาวเซ็กซี่ แต่จริงๆ ข้างในนี่เป็นคนใจสปอร์ตพอตัวครับ แมนสุดๆ ไปเลย พี่แกเลยเตือนสติผมด้วยเรื่องราวในอดีตของแก แบบว่าผมแทบจะรู้หมดแหละครับว่าพี่น้ำแกผ่านผู้ชายมากี่คนแล้วแกต้องทำอะไรเพื่อต้นบ้าง แน่นอนครับว่าสิ่งที่แกเล่ามามันทำให้ผมรู้สึกตัวได้เลยว่าผมยังดูแลต้นได้ไม่ดีพอ มันก็เหมือนคำถามที่แฝงอยู่ในเรื่องเล่าพวกนั้นนั่นแหละครับว่าผมจะเสียสละให้ต้นได้มากแค่ไหน ถ้าผมคิดจริงจังกับต้นผมจะทุ่มเทให้ต้นได้มากเท่าที่พี่น้ำทำรึเปล่า ไม่งั้นพี่น้ำแกก็จะพาต้นไปอยู่ด้วยกันกับแฟนใหม่ที่ต่างประเทศ เพราะไม่ว่ายังไงแกก็จะไม่มีวันทิ้งลูกถ้าลูกแกไม่มีใครอยู่ข้างๆ

     ไอ้เวรนั่นโดนพี่น้ำเล่นงานจนเสียหน้า พี่น้ำเกือบจะเรียกให้รปภ.มาช่วยลากมันออกไปแล้วครับ ถ้าไม่ติดว่าเสียงๆ นึงดังขึ้นซะก่อน

     “พอเถอะ อิหนูเอ้ย ลื้อเองก็ใจเย็นๆ หน่อยเถอะอาต้น ถือซะว่าคนแก่ขอเถอะนะ”

     ผมเห็นตาแก่คนนึงเดินมากับผู้หญิงที่ใส่ชุดนักศึกษา ผมไม่รู้ว่าสองคนนั่นเป็นใครแต่ผมก็พอเดาได้หรอกครับ พี่น้ำของผมหน้าซีดไปแล้ว แต่ผมเองก็มีเรื่องตกใจไม่แพ้กัน พ่อไอ้ต้นก็ชื่อต้นเหมือนกัน ผมเคยนึกว่าชื่อของต้นมาจากชื่อของพี่น้ำซะอีก คุณแม่สายธาร คุณลูกต้นน้ำ ที่ไหนได้... ผมเดาใจพี่น้ำไม่ถูกเลยว่าเธอตั้งชื่อลูกตัวเองด้วยอารมณ์ไหน และแล้วตาแก่นั่นก็เริ่มพูดอีกครั้ง

     “อาษา พาพ่อลื้อไปสงบสติอารมณ์ที่อื่นก่อนไป กงจะคุยกับอีสองคน”

     ผมเห็นพี่น้ำทำสีหน้าไม่ค่อยดี แต่นี่เป็นเรื่องในครอบครัว ผมก็เลยไม่รู้จะทำยังไง จนกระทั่งพี่น้ำเธอเหมือนตัดสินใจได้นั่นแหละ เลยหันมาบอกผม

     “ชัช นายไปให้พยาบาลทำแผลก่อนเถอะ เหมือนเลือดมันจะซึมนะ”

     โอเคล่ะ ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าพี่น้ำไล่ผมทางอ้อม เอาเถอะ บางทีมันก็คงมีอะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวพอสมควร ผมก็เลยไปทำแผลตามที่พี่น้ำบอก บ้าเอ้ย! เลือดซึมออกมาจริงๆ ด้วย แถมตอนที่หลบเมื่อกี้ยังลื่นล้มทำผมเจ็บจนแทบไม่อยากขยับตัว คืนนี้ผมแอดมินโรงพยาบาลดีมั้ยวะเนี่ย จะได้เฝ้าไอ้ต้นใกล้ๆ ด้วย ผมนั่งอยู่ตรงร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลฆ่าเวลาเล่นเพราะยังไม่อยากไปเฝ้าต้นตอนนี้ กะรอให้แขกจากทางนั้นยกทัพกลับไปก่อน ใครจะไปคิดพี่น้ำก็มีแขกของพี่น้ำผมเองก็มีแขกของผม

     “กูขอคุยกับมึงหน่อย!”

     “อิแม็กซ์! ใจเย็นๆ”

     ความซวยมาเยือนผมแบบครบทีมเลย ไอ้เด็กเวรนั่น เพื่อนต้น แล้วก็... เด็กผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก เด็กผู้หญิงคนนั้นมองผมด้วยสายตาอยากฆ่าผมพอๆ กับไอ้เด็กเวรนั่นเลย!

     “เค้าจะไปหาต้น พี่ษาบอกว่ากงวีกับลุงต้นก็อยู่ที่นี่ด้วย เมษจะอยู่ตรงนี้หรือไปกะเค้า”

     เธอหันไปถามน้องเมษ ผมคิดว่าเด็กคนนี้น่าจะรู้จักกับบ้านใหญ่ไอ้ต้น แต่เธอไม่ถูกกับไอ้เด็กเวรนี่ และอย่างสุดท้ายเธอเกลียดผม

     “เธอไปก่อนเถอะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนแม็กซ์”

     น้องเขาไม่ใส่ใจผมกับไอ้เด็กเวรนี่เลยด้วยซ้ำ เธอเดินเชิ่ดจากไปทั้งแบบนั้น เวรเอ้ย! ผมถูกเด็กที่ไม่รู้จักเกลียดซะงั้น ผมเลยหันไปแข่งจ้องตากับไอ้เด็กเวร ท่าทางมันแทบอยากกระโจนมาฆ่าผมเต็มที่ละถ้าไม่ติดว่ามีมือน้องเมษรั้งอยู่

     “มึงทำไรต้น!”

     “พูดจากับผู้หลักผู้ใหญ่ให้มันดีๆ หน่อยไอ้น้อง”

     “เออ แกนั่งลงคุยกันดีๆ เหอะ ที่นี่โรงพยาบาลนะแม็กซ์ คนมองใหญ่แล้ว”

     “แกทำไรต้น”

     โอเค จากมึงเป็นแกก็ไม่เลว อย่าเรียกผมไอ้เหี้ยขึ้นมาก็แล้วกันไม่งั้นมีต่อยเด็กอ่ะ แค่เห็นหน้ามันผมก็โมโหแล้ว ภาพของต้นที่อาจจะเคยทำอะไรๆ กับมันโผล่ขึ้นมาในหัวผม ไม่ได้ดิวะ! ผมต้องใจเย็น ถ้าผมคุมตัวเองไม่อยู่อีกก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้เด็กเวรนี่แล้ว ผมต้องมีวุฒิภาวะให้สมกับเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้!

     “รถที่พี่กับต้นนั่งไปเกิดอุบติเหตุครับ”

     “ขับรถประสาไรวะ ถ้าต้น-”

     “ต้นไม่ได้เป็นอะไรครับ ต้นปลอดภัยดี ต้นต้องฟื้น”

     ใช่ว่าผมไม่กลัว ผมกลัวนะครับ กลัวมากๆ ด้วย แต่ทุกวันผมจะบอกกับตัวเองแบบนี้ แล้วผมก็จะไม่ยอมให้ใครมาแช่งแฟนผมด้วย

     “เออ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก แกใจเย็นๆ นะแม็กซ์”

     น้องเมษช่วยพูดให้ผม แต่ดูจากสีหน้าแล้วก็คงเคืองผมเหมือนกัน เพราะถึงจะคอยดึงเพื่อนไว้แต่น้องเค้าก็ไม่ยอมสบตาผมเลย ใช่ว่าผมไม่คิด ถ้าตอนนั้นผมไม่พาต้นมากับผม ต้นก็คงเรียนหนังสือเลิกเรียนกลับบ้านตามปกติ ทุกอย่างเป็นความผิดของผมจริงๆ นั่นแหละ

     “คนอย่างมึงอ่ะดูแลต้นไม่ได้หรอก ถึงกูจะไม่ดีเท่ามึง แต่อย่างน้อยกูก็ไม่เคยบังคับจิตใจต้น คนที่เขารักกันเขาไม่ทำเหมือนสัตว์แบบนี้หรอก!”

     ไม่ไหวแล้วครับ! ถ้าผมยังอยู่ผมต้องต่อยหน้าไอ้เด็กเวรนี่แน่ๆ ผมหนีออกมาจากโรงพยาบาลเรียกแท็กซี่กลับคอนโดทันที ใช่ว่าผมไม่รู้ตัวว่าผมผิด แต่โดนศัตรูหัวใจมาพูดเหยียดหยามกันต่อหน้าแบบนี้มันก็ไม่ไหวนะครับ ผมรู้ดีว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากใคร ผมทำอะไรไว้กับต้นบ้าง แต่ถึงแบบนั้น แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงละครับ? ผมย้อนเวลากลับไปได้ซะที่ไหน ใช่ว่าผมอยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมเองก็เจ็บเหมือนกันนะครับ เจ็บปวดกับความโง่ของตัวเอง ตอนแรกผมคิดว่าผมโง่ที่โดนต้นหลอก แต่ต่อมาผมถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วผมมันโง่งมที่สุดเลยต่างหาก ผมโง่ตรงที่ปล่อยให้ความโกรธมีอำนาจเหนือสติแล้วตัดสินใจทำอะไรไปเพียงเพื่อความสะใจแบบนั้น เป็นความโง่ในกมลสันดานที่ผมมักจะแก้ไม่หายเสียที และแทนที่ผมจะต้องเป็นฝ่ายจ่ายค่าตอบแทนให้กับผลของความโง่พวกนั้น คราวนี้ผมดันทำให้คนที่ผมรักต้องเจ็บแทนผม เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับต้นเป็นเพราะความโง่งี่เง่าของผมเอง!

============================================

- ต้นน้ำ -

     ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมๆ รู้สึกเหมือนหลับๆ ตื่นๆ ตลอดเวลา อยากจะลืมตาก็ทำไม่ได้เหมือนคนไม่มีแรง เจ็บปวดจนไม่อยากทนอยากหลับไปให้พ้นๆ จะได้ไม่ต้องรู้สึกอะไร แต่พอพยายามทบทวนความทรงจำถึงได้นึกได้ว่าผมประสบอุบัติเหตุมา ถ้าอย่างนั้นการที่ผมยังรู้สึกตัวเจ็บปวดหลับๆ ตื่นๆ คล้ายอยู่ในความฝันแบบนี้ก็คงแปลว่าผมยังไม่ตายใช่มั้ยครับ? แล้วพี่ชัชล่ะ! พี่ชัชปลอดภัยดีมั้ย? ผมเป็นห่วงพี่ชัช

     ในที่สุดผมก็มีสติจนได้ ผมรู้สึกว่ามีพยาบาลเข้ามาดูผมๆ ได้ยินเสียงของแม่ๆ ผมปลอบผมตลอดเวลา แต่ผมอยากเจอพี่ชัช! พี่ชัชเป็นยังไงบ้าง? ทำไมพี่ชัชไม่อยู่ที่นี่? หรือพี่ชัชเป็นอะไรไป? ผมรู้สึกแย่มากเจ็บไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง แต่ผมก็ดีใจที่ยังไม่ตาย การที่ผมเห็นหน้าแม่มันไม่ใช่ความฝัน ผมหลับสลับกับตื่นอยู่แบบนั้นจนกระทั่งผมแว่วๆ เสียงพี่ชัช ผมพยายามจะลืมตาขึ้นแต่รู้สึกว่าทำได้ยากเหลือเกิน มีสัมผัสอบอุ่นคอยลูบหัวผมอยู่ ผมจำได้! นั่นเป็นฝ่ามือของพี่ชัชแน่ๆ

     ทุกอย่างเหมือนความฝันเลยครับ ผมรู้ตัวดีว่าผมหลับมากกว่าตื่น หรือความจริงแล้วผมไม่ได้ตื่นเลยแม้แต่น้อย? ความรู้สึกของผมมันเบลอไปหมด ไม่แน่ใจว่าสิ่งไหนคือเรื่องจริงสิ่งไหนคือภาพหลอน เกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ รึเปล่า? ผมรอดตายจริงๆ หรือเปล่า? ผมฟื้นขึ้นมาได้ยินเสียงได้เห็นหน้าแม่ผมจริงมั้ย? แล้วไหนจะยังคนพวกนั้นอีก! พี่ชัชก็ด้วย ทำไมเวลาที่ผมคิดว่าผมกำลังตื่นอยู่ผมถึงไม่ได้เจอพี่ชัชเหมือนที่ผมเห็นแม่ผมละครับ? ตกลงพี่ชัชปลอดภัยดีจริงๆ หรือเปล่า?

     ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่วัน และแล้วผมก็ถูกย้ายตัวมาอยู่ห้องพิเศษ ผมคิดว่าผมมีสติครบถ้วนแล้วนะครับ อย่างน้อยๆ ผมก็รู้ตัวว่าแขนหัก คงมีแผลที่ท้องเพราะผมเจ็บจนขยับตัวแทบไม่ไหว ผมปวดหัวมากด้วย แต่ผมก็ยังไม่ตาย ผมถามแม่ว่าท่านมาได้ยังไง ท่านบอกว่าพี่ชัชบอก ผมเดาเอาว่าการที่แม่พูดถึงพี่ชัชสะดวกปากแบบนี้แม่คงไม่โกรธพี่ชัชหรอกครับ และมันก็คงแปลว่าพี่ชัชไม่บาดเจ็บอะไรมากด้วย ผมไม่อยากพูดอะไรอีก การที่ผมพึ่งฟื้นจากอุบัติเหตุเกือบตายมาได้ มีแม่ที่อุตส่าหยุดงานลากิจมาดูแลผมอยู่ข้างๆ ผมควรจะนอนนิ่งๆ เป็นคนป่วยลูกกตัญญูใช่มั้ยครับ ไม่ควรถามถึงคนรักที่ทำให้ผมเกือบตาย ผมไม่ควรฟื้นขึ้นมาแล้วก็คิดถึงแต่เรื่องของผู้ชาย ผมพยายามบอกตัวเองว่าผมไม่ได้แรดแบบนั้น

     ผมกำลังหลับอยู่ แต่เหมือนได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ตามมาด้วยเสียงของคนที่ผมคุ้นเคย

     “ดีครับพี่น้ำ”

     “ต้นหลับอยู่เหรอครับ?”

     “จะ ทานข้าวเย็นเสร็จก็หลับไป สงสัยคงยังเพลียอยู่น่ะ”

     “แล้วพี่ทานอะไรรึยังครับ? ผมมีข้าวหน้าเป็ดมาฝาก แต่พี่คงต้องเอาไปอุ่นหน่อยนะครับ มันหายร้อนแล้ว”

     “ไม่เป็นไรหรอก นายชัชไม่ต้องลำบากแบบนี้ก็ได้นะ โรงพยาบาลนี่ก็มีอาหารขาย”

     “ไม่เป็นไรหรอกพี่ เหลือเลี้ยงหมอเยอะเลยครับ แล้วนี่ต้นเป็นไงบ้างครับ?”

     “หลับๆ ตื่นๆ น่ะแหละจะ แต่ก็ดีขึ้นนะเพ้อน้อยลงแล้ว มีแต่บ่นปวดแผลแทน”

     อาจจะเพราะผมนอนหลับตาอยู่เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ผมได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาใกล้ๆ สัมผัสที่แผ่วเบาวางลงบนศีรษะผม ต้องเป็นพี่ชัชแน่ๆ นึกว่าเขาจะไม่มาเยี่ยมผมแล้วซะอีก ไม่รู้พี่ชัชเจ็บตรงไหนบ้าง แต่คงไม่มากเท่าไหร่มั้งครับ ก็ลองไปทำงานได้ขนาดนั้น ได้ยินแบบนี้ผมก็สบายใจแล้วละครับพี่ชัชไม่ได้เป็นอะไร แล้วผมก็หลับไปอีกด้วยหัวใจที่ปลอดโปร่ง แฟนของผมปลอดภัย

     หลายวันต่อมาพวกไนน์มาเยี่ยมผม มีเพื่อนในห้องมาด้วย อาการผมดีขึ้นมากแล้ว สามารถประคองตัวได้นิดหน่อย พูดคุยรู้เรื่องมีสติไม่เบลอเหมือนเมื่อตอนฟื้นวันแรกๆ แม่เลยอนุญาตให้ผมอยู่ตามลำพังกับพวกเพื่อนๆ ผมกังวลเรื่องสอบพอสมควร ไม่รู้ว่าตัวเองจะหายทันมั้ย? แต่ถ้าผมพลาดผมคงต้องรอไปอีกปี ผมไม่อยากเข้าเอกชนจริงๆ นะครับสงสารแม่ ผมมั่นใจว่าความสามารถของผมดีพอจะได้เข้าคณะที่ผมต้องการแน่ๆ แต่ผมเริ่มกังวลเรื่องที่ว่าผมจะได้เรียนจบพร้อมเพื่อนๆ มั้ย? แต่ผมจะทำอะไรได้ละครับ ผมขยับตัวไม่ได้แบบนี้แค่จะพูดแต่ละทีก็ยังลำบาก แต่เพื่อนๆ ที่มาก็ดูจะเข้าใจผม บางคนที่แทบไม่เคยคุยกันก็ยังอุตส่าเอาของฝากมาเยี่ยม ทุกคนอวยพรให้ผมหายเร็วๆ แต่พอพวกไนน์กลับไปก็มีแขกอีกคู่นึงเข้ามาแทน เมษกับแม็กซ์ แปลกนะครับที่คู่นี้มาด้วยกันได้ แม็กซ์ไม่ถามอะไรผมมาก แค่ใช้สายตานิ่งๆ มองมาที่ผมแล้วก็ให้กำลังใจให้ผมหายเร็วๆ แม็กซ์อยู่เพียงครู่เดียวก็กลับไป แต่เมษยังอยู่ต่อ และแล้วผมก็เห็นเมษร้องไห้

     “ร้องอะไร?”

     “ก็ฉันกลัวนี่ กลัวแกตาย”

     “บ้า”

     “แกไม่รู้หรอกแกสลบไปนานแค่ไหน พอแกฟื้นมาก็ทำท่าเบลอๆ เอ๋อๆ อีก ฉันนึกว่าแกจะเหมือนในหนังที่แบบตื่นมาแล้วจำใครไม่ได้ไม่ก็เอ๋อไปแล้วซะอีก”

     ผมยิ้มให้เมษแบบแปลกๆ คงเพราะยังเจ็บๆ ที่ศีรษะอยู่ ตึงไปทั้งหน้าเลยครับ หวังว่าแผลจะไม่ทิ้งรอยน่าเกลียดเอาไว้นะครับ หมดหล่อกันพอดี

     “แม็กซ์มันห่วงแกมากเลย ตอนที่พวกเพื่อนแกมาเป็นกลุ่ม มันก็ไม่กล้ามากับพวกนั้น แอบรออยู่จะมาหาแกคนเดียว มันแทบไม่กล้าสู้หน้าแกเลยนะ”

     “แต่เขาก็มากับนาย...”

     “ฉันตามมากับมันต่างหาก!”

     เมษขึ้นเสียงนิดหน่อยก่อนจะเอามืออุดปากแล้วก็ลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ เตียงผม เมษเปิดปากเล่าเรื่องราวหลายวันในช่วงนี้ให้ผมฟังอย่างรู้ใจ

     “ฉันกลัวมันจะเป็นบ้าขึ้นมาอีกน่ะสิ จะว่าไปแล้วก็สงสารแม็กซ์มันนะ มันคงไม่กล้าสู้หน้าแกอ่ะต้น เลยอึกๆ อักๆ อยู่ตั้งนาน เกือบไม่เข้ามาหาแกแล้ว พอมาก็เลยอยู่แป๊บเดียว”

     “ทำไม?”

     ไม่ใช่ว่าผมกลัวดอกพิกุลจะร่วงนะครับ เพราะความเจ็บปวดที่ผมเจออยู่นี่ทำให้ผมเปิดปากคุยได้แค่นี้จริงๆ แต่อวัยวะทำหน้าที่ฟังของผมยังดีอยู่ เพราะงั้นผมเลยถามน้อยๆ ฟังให้มากครับ และเมษเองก็เป็นนักเม้าชั้นหนึ่งอยู่แล้ว

     “วันก่อนมันไปด่าแฟนแกว่าสัตว์นะสิ”

     ผมตกใจ! แม็กซ์นะเหรอ? ปะทะกับพี่ชัช!

     “ฉันละกลั๊วกลัว เกือบต่อยกันแล้ว แต่แฟนแกเดินหนีไปซะก่อน พูดแล้วก็สงสารแม็กซ์ แกรู้มั้ยมันแอบมาดูแกบ่อยๆ นะ แต่ทุกครั้งก็เห็นแกเอาแต่เพ้อหาแฟนอ่ะ แล้วยิ่งบางทีเวลามันมาแล้วเห็นภาพบาดตาบาดใจที่แบบว่าแม่แกกับแฟนแกซี้กันดีอ่ะ อารมณ์เหมือนถอดใจมั้ง แต่แม่แกกับแฟนแกนี่ดีเนาะดูไม่กีดกันดี อิจฉาอ่ะ”

     ผมไม่รู้จะทำยังไงนอกจากยิ้ม แต่ยิ้มแล้วแก้มผมก็เจ็บ ผมก็เลยพยายามไม่ยิ้ม แต่คงห้ามยากแหละครับเพราะผมภูมิใจเรื่องนี้สุดๆ ไปเลย

     “แล้วนี่แกได้คุยกับแฟนแกเรื่องนั้นยัง? ยังโกรธเขาอยู่ป่าว ละมันเกิดไรขึ้นย๊ะ ฉันไม่กล้าถามเขา ทำไมจู่ๆ แกถึงรถชนละพี่เขาไม่เป็นไรเลย?”

     “มีรถมอเตอร์ไซค์ฝ่าไฟแดงมาชนตอนที่รถพี่กำลังออกตัวครับ แต่รถมันชนฝั่งคนนั่งพี่เลยไม่ค่อยเป็นอะไร”

     พูดถึงโจโฉๆ ก็มา! ผมเห็นพี่ชัชเดินเข้ามาพอดี แปลกจัง ปกติเขาจะมาตอนค่ำๆ กว่านี้ ซึ่งเป็นเวลาที่ผมมักจะหลับ วันนี้มาเอาตอนเย็นซะได้ ผมเลยแกล้งหลับไม่ทันเลย ถึงผมจะหายโกรธพี่เขาแล้วแต่ว่าผมยังไม่ได้เตรียมใจจะเจอกันจังๆ นะครับ ไม่รู้จะพูดอะไรดี นอกจากผมที่ยังเขินๆ ก็มีเมษด้วยที่ดูอึ้งๆ เมษท่าทางกระอักกระอ่วนไม่รู้จะเอายังไงต่อ

     “เอ่อ... พี่ไม่ต้องทำงานเหรอคะ”

     ผมเห็นเขาถามแล้วก็ทำท่าตบปากตัวเองเหมือนถามอะไรโง่ๆ ออกไป ผมไม่กล้ามองหน้าพี่ชัชหรอกครับ แต่ได้ยินเสียงเหมือนพี่เขากำลังกลั้นหัวเราะอยู่หน่อยๆ

     “ไม่คุยกันต่อเหรอ หัวข้อกำลังน่าสนใจเลย พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าต้นหายโกรธพี่แล้วรึยัง”

     โจโฉที่เป็นหัวข้อสนทนาเมื่อกี้เดินมาหยุดตรงข้างเตียงแล้วก็จ้องหน้าผมด้วยสายตาลึกซึ้ง ให้ตายสิครับ! แบบนี้มันโกงกันชัดๆ เล่นใช้สายตาแบบนี้มามองผม แล้วผมก็ขยับตัวหนีลำบากด้วย จะแกล้งหลับก็ไม่ทันแล้ว แต่จู่ๆ ผมที่ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีก็ถูกพี่ชัชรุกเข้าจนได้ ฝ่ามือที่แสนอบอุ่นลูบศีรษะผมเบาๆ ก่อนจะไล้มาตามข้างแก้ม นิ้วของพี่ชัชคลอเคลียอยู่ตรงนั้นตอนที่ถามผมว่า

     “เจ็บมั้ยครับ คนดีของพี่ ... เพราะพี่แท้ๆ ต้นถึงได้ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ พี่ขอโทษนะครับ ยกโทษให้พี่นะ”

     เจอแบบนี้เข้าไปต่อให้ผมยังโกรธอยู่ก็โกรธต่อไม่ลงแล้วละครับ แถมยังมีพยานมาช่วยเชียร์ผมอยู่ในระยะเผาขนแบบนี้อีก พี่ชัชก็... เล่นมาง้อกันต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ผมอายเพื่อนนะครับ เพราะสายตาที่ผมต้านทานไว้ไม่อยู่นั่นแหละ ผมถึงได้หลุดปากประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่ผมฟื้นขึ้นมาได้

     “ผมหายโกรธพี่ชัชตั้งนานแล้วครับ”

     ถึงเสียงของผมจะแหบๆ แห้งๆ กระท่อนกระแท่นตามประสาคนป่วยมากแค่ไหน แต่ปฏิกิริยาที่พี่ชัชมีต่อคำพูดของผมก็ทำราวกับเสียงของผมไพเราะที่สุดเท่าที่พี่เขาเคยได้ยินในชีวิตซะงั้น พี่ชัชทำท่าดีใจยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งซะอีก แถมเมษที่อยู่ข้างๆ นี่ก็ยังจะช่วยส่งเสียงลุ้นวี้ดว้ายแต่พองามช่วยรุมผมอีก ผมทั้งเขินทั้งอาย อยากแกล้งทำเป็นหลับให้รู้แล้วรู้รอด

     “น้องเมษทานขนมที่พี่เอามาก็ได้นะครับ บนโต๊ะมีขนมเยอะเลย จะเอากลับบ้านก็ตามสบายนะ”

     “แหม พอสวีทกันแล้วก็ไล่หนูเลยนะคะคุณพี่ งั้นหนูกลับก่อนแล้วกันค่ะ นังต้น ไว้ละฉันจะมาเยี่ยมใหม่นะ”

     เมษทิ้งท้ายไว้อย่างน่าหมั่นไส้ ส่วนพี่ชัชเองก็เนียนเข้ากันกับเพื่อนผมได้หน้าตาเฉย แถมยังเดินไปหยิบขนมส่งให้เมษติดไม้ติดมือกลับบ้านไปอีก นั่นมันของเยี่ยมผมไม่ใช่รึไงครับพี่ชัชก็...

     พอไล่กขค.ออกไปแล้ว แฟนผมก็ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จ้องผมไม่วางตา คนอะไรก็ไม่รู้เผด็จการสุดๆ เลยครับ ดูท่าผมคงต้องทำใจซะแล้วเรื่องนิสัยของพี่ชัช ผมหลบสายตาพี่ชัชไม่ได้ก็เลยมองสำรวจพี่เขาแทน ไม่ได้เห็นหน้าแฟนตัวเองชัดๆ มาตั้งหลายวัน บนศีรษะของพี่ชัชมีแผลที่ยังปิดด้วยผ้าก๊อซ ถึงภายนอกอื่นๆ ดูแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าพี่ชัชของผมดูแก่ไปอีกหลายปี ท่าทางอิดโรยยังไงก็ไม่รู้ครับ ผมหลุดปากถามไปด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างโหยหา ผมอยากสัมผัสพี่ชัชเหลือเกิน ไม่รู้พี่ชัชจะเจ็บมากแค่ไหน

     “เป็นอะไรมากมั้ยครับ?”

     “ไกลหัวใจอยู่ รถมันไม่ได้ชนข้างพี่ แค่โดนถุงลมอัดนิดๆ หน่อยๆ ไม่มีอะไรแตกหักเสียหาย แค่ต้นไม่เกลียดพี่หัวใจพี่ก็ปลอดภัยแล้ว”

     “แล้วคนชนละครับ”

     “ก็หนักหนึ่งนิดๆ หน่อยๆ หนึ่ง”

     “แล้วพี่ชัชจะติดคุกรึเปล่าครับ?”

     “จะแช่งพี่รึไงฮะเรา พี่ไม่ผิดทางนู้นหรอกผิด นี่รถพี่ก็พังยับต้นก็เจ็บ พี่ไม่เอามันเข้าคุกก็ดีแล้วต้น”

     “รถพัง?”

     “อืม ชนหนักมาก พี่เลยว่าซ่อมเสร็จคงต้องขาย พี่เป็นเซลล์ขับรถทุกวัน ไม่อยากขับรถที่ไม่ปลอดภัยไปไหนมาไหนหรอกต้น”

     “ลำบากแย่ ละนี่พี่ชัชทำงานยังไงละครับ”

     “รถประกัน ลำบากหน่อยแต่ก็พอไหวละวะ พี่ไม่ได้เป็นไรมากไม่ทำงานก็ไม่มีตังค์”

     “แม่บอกว่าพี่ชัชจ่ายค่ารักษาให้ผม”

     “ก็พี่ทำต้นเจ็บ พี่ก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องห่วงน่าพี่หาได้”

     “แต่พี่ชัชจะซื้อรถใหม่?”

     “พี่หาทางได้น่า เรารีบพักผ่อนให้หายเร็วๆ ก็พอแล้ว”

     พี่ชัชมักเก็บปัญหาทุกอย่างไว้กับตัวเสมอ ผมก็รู้อยู่ว่าผมเป็นเด็กคงช่วยอะไรพี่ชัชไม่ได้ แต่ว่าถ้าให้ผมนอนอยู่เฉยๆ ไม่คิดอะไรผมก็ทำไม่ได้ครับ ผมรู้ว่าแฟนของผมไม่ใช่คนรวยมีเงินมากพอจะถลุงเล่นได้มากมาย แค่ค่าห้องพิเศษนี่ก็คงเยอะแล้ว พี่ชัชคงเห็นสายตาเป็นห่วงของผมก็เลยอธิบายเพิ่มมากอีก

     “ไม่ต้องห่วงน่า ไม่มีไรทำให้พี่ลำบากหรอก ฝั่งโน้นผิดเต็มๆ เขาเรียกร้องไรพี่ไม่ได้ รถพี่มีประกันช่วยส่วนนึงแล้ว ตัวต้นพี่น้ำก็ทำประกันไว้ เคลมได้ส่วนหนึ่ง ที่เหลือทนายที่พี่รู้จักก็รับปากจะช่วยจัดการให้แล้ว คงได้เงินอยู่ อีกฝั่งขับบิ๊กไบต์เชียวนะต้น ไม่มีตังค์ได้ไง เพราะรถมันใหญ่เจอกระแทกไปเต็มๆ ต้นถึงได้เจ็บขนาดนี้”

     ผมไม่รู้จะทำยังไงนอกจากยิ้มให้กับพี่ชัช ถึงแม้พี่ชัชจะพยายามทำเป็นเฮฮาไม่ซีเรียสอะไร แต่ผมสัมผัสได้ถึงความเครียดที่แฝงอยู่บนใบหน้าของพี่ชัช ถ้าเพียงแต่ผมจะเป็นกำลังให้พี่ชัชได้บ้างก็คงดี... แต่ผมทำได้แค่ยิ้ม

     “เห็นต้นยิ้มให้แบบนี้พี่ก็สบายใจ พี่รู้ตัวว่าพี่ทำผิดกับต้นไว้มาก แต่จากนี้ต่อไปพี่จะพยายามปรับปรุงตัวนะ พี่คงไม่กล้าให้สัญญาอะไรอีกเพราะพี่ก็ไม่กล้ารับประกันเหมือนกัน แต่ถ้าพี่จะขอร้องต้นตรงๆ ว่าพี่อยากให้ต้นช่วยทนผู้ชายไม่ได้เรื่องคนนี้ พี่ขอความรักจากต้น ขอให้ต้นรักพี่เหมือนเดิม ต้นจะยอมตกลงมั้ยครับ เราเป็นแฟนกันเหมือนเดิมได้เปล่า?”

     ท่าทางของพี่ชัชในตอนนี้อย่างกับหมาหงอยเลยครับ เหมือนหมาตัวโตๆ ที่คอยอ้อนขอความรักจากเจ้าของชะมัด รู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าผมไม่มีวันปฏิเสธ ยังไงผมก็ไม่มีวันทิ้งเขาลงก็ยังจะอ้อนขอให้ผมลูบหัว แสดงสัญญาณว่าผมยังรักเขาอยู่ ขอเอาคืนหน่อยเถอะ คิดได้ดังนั้นแล้วผมก็ส่ายหน้าช้าๆ แล้วแกล้งทำหน้าเศร้าๆ ให้พี่ชัช ฮ่าๆ พี่ชัชหน้าเสียเลยแหละครับ ภาพพี่ชัชตอนทำหน้าเหวอๆ นี่ทำเอาผมแอบสะใจนิดๆ จนเผลอยิ้มออกมาเลย

     “ผมเป็นแฟนพี่ชัชเหมือนเดิมไม่ได้หรอกครับ”

     ผมตั้งใจกะจังหวะทิ้งช่วงให้คำพูดของผมทรมานพี่ชัชอีกนิด ก่อนจะเฉลยให้สุดที่รักของผมฟัง

     “ผมเป็นเมียพี่ชัชแล้วนะครับ แล้วหลังจากที่ผมเกือบตาย มันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมรักพี่มากแค่ไหน ยิ่งพอเห็นพี่ดีกับผมขนาดนี้ ผมคิดว่าผมรักพี่ชัชมากว่าเดิมครับ”

     หน้าของพี่ชัชจากเดิมที่ซีดยิ่งกว่าคนป่วยอย่างผมตอนนี้บานจนหุบยิ้มไม่ลงเชียวแหละครับ น่าหมั่นไส้จริงๆ ผมน่าจะให้พี่เขาตามง้อผมอีกหน่อยนะนี่

     “ไอ้ต้นเอ้ย! หลอกพี่ได้นะเรา ฮ่าๆ”


ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
     หลังจากนั้นคงไม่ต้องบอกนะครับว่าคนป่วยที่ได้กำลังใจดีสุดๆ แบบผมจะหายวันหายคืนขนาดไหน ก็กำลังใจดีซะขนาดนี้ แต่ว่าตอนบ่ายของวันหนึ่ง ในขณะที่ผมซึ่งเริ่มจะปรับตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงได้แล้วกำลังดูทีวี มีแขกกลุ่มนึงมาเยี่ยม และการที่ผมขยับตัวไม่ได้ต้องนอนอยู่บนเตียงก็ทำให้ผมหนีแขกกลุ่มนี้ไปไหนไม่ได้ จะแกล้งหลับก็คงไม่สมเหตุสมผลพอ บ้าชะมัดเลยครับ!

     พวกเขามากันสามคน ผู้ชายคนนั้นมากับชายชราที่นั่งอยู่บนรถเข็น แล้วก็ผู้หญิงคนนั้นที่เคยมาหาผม ดูเธอตาแดงๆ เมื่อแม่ผมเห็นแขกกลุ่มนี้ แม่ก็ขอตัวเอาผลไม้ที่แขกนำมาให้ไปจัดใส่จาน ผู้หญิงที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวคนละแม่ของผมก็แยกตัวไปช่วยแม่ผมล้างผลไม้อยู่ในห้องน้ำ ทำไมแม่ถึงล้างผลไม้นานจัง ผมควรจะแกล้งหลับเลยดีมั้ย ถ้าคนที่ยังอยู่มีแต่ผู้ชายคนนั้นละก็ผมคงแกล้งหลับไปแล้ว แต่แววตาอ่อนโยนของชายชราที่มองผมอยู่เนี่ยสิ ผมไม่กล้าเสียมารยาทกับคนแก่คนนี้ คนทั้งสองเงียบอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งผู้ชายคนที่แก่กว่าเป็นฝ่ายเปิดปากออกมา

     “อาตี๋น้อย ลื้อเกลียดอากงมากนักเหรอ อั๊วะรอให้ลื้อไปหาอั๊วะอยู่ทุกวัน แต่ลื้อก็ไม่ไปหาอั๊วะ จนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อั๊วะกลัวจะไม่ได้เห็นหน้าหลาน อากงแก่แล้วเป็นไม้ใกล้ฝั่ง ไม่เคยคิดเลยว่าลูกชายคนโตกับหลานชายคนแรกจะจากโลกนี้ไปก่อนตัวเอง ไม่ทันไรหลานชายคนเล็กของอั๊วะก็มาเจ็บหนักอีก อั๊วะก็เลยตัดสินใจมาหาลื้อเอง อั๊วะกลัวจะไม่ได้เห็นหน้าลื้อ”

     ผมได้แต่เงียบ ไม่รู้จะพูดอะไร มันทั้งอึดอัด ทั้งรำคาญ ทั้งอยากจะหนีจากสถานการณ์ตรงนี้ให้พ้นๆ แต่อีกมุมหนึ่งในใจก็มีความรู้สึกบางอย่างที่ผมอธิบายไม่ถูกระอุอยู่ข้างใน มันควบแน่นจนเกือบจะกลั่นตัวเป็นหยดที่หางตาผมแล้ว โชคดีที่พี่ชัชเข้ามาซะก่อน

     พี่ชัชคงสังเกตได้ถึงบรรยากาศบางอย่าง เขายกมือไหวคนอาวุโสกว่าก่อนจะเอาของกินที่หอบมาวางไว้บนโต๊ะแล้วเดินมายืนข้างๆ ผม ฝ่ามืออบอุ่นที่คอยลูบหัวผมไล่หมอกบางๆ ในอกให้หายไป ผมรู้สึกเข้มแข็งขึ้น นิ้วของพี่ชัชเกี่ยวกระหวัดเข้ากับนิ้วที่สั่นเทาของผม ความร้อนนั้นถ่ายทอดเข้ามาจนผมรู้สึกกล้าเผชิญหน้า

     “อาตี๋ ลื้อเป็นคนที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลหลานอั๊วะเหรอ ลื้อทำงานอะไรวะ?”

     พี่ชัชทำหน้างงๆ เล็กน้อย คงนึกไม่ถึงว่าหวยจะออกที่ตัวเอง ผมเองก็ยังนึกไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ อากงของผมจะสัมภาษณ์พี่ชัชอย่างนั้น อากงไม่ถามเรื่องที่พี่ชัชเป็นคนพาผมไปเจออุบัติเหตุซักคำ แต่กลับถามแบบนี้

     “ผมเป็นเซลล์ขายยาครับ”

     “ไอหย๊า! งานกระจอกอ่า ลื้อจะดูแลหลานชายอั๊วะไหวเหรอ”

     โดนเข้าไปแบบนี้พี่ชัชก็มีฉุนหน่อยๆ ละมั้งครับ แต่เอ๊ะ! ถ้าเมื่อกี้ผมฟังไม่ผิด? อากงถามพี่ชัชว่าจะดูแลผมไหวรึเปล่าใช่มั้ยครับ?!?

     “ครับ ผมไม่ได้รวยมาก แต่ผมคิดว่างานนี้ก็คงพอจะเลี้ยงผมกับต้นได้สบายๆ ครับ ถ้าเราสองคนอยู่กันแบบไม่ฟุ้งเฟ้อ”

     ผมหันไปมองพี่ชัชทันที! พี่ชัชครับ บทพูดแบบนั้นมันเอาไว้ใช้ตอนขอลูกสาวชาวบ้านเขาไม่ใช่เหรอครับ? แล้วที่สำคัญมันต้องบอกว่าจะดูแลอย่างดีสิครับ ไม่ใช่มีวงเล็บให้อยู่แบบพอเพียง ถึงผมจะไม่ใช่พวกสุรุ่ยสุร่ายก็เถอะ!

     นี่มันอะไรกัน? ผมนึกว่าพวกเขาจะมาคุยเรื่องของผมซะอีก เอ่อ... ไม่สิ นี่มันก็เรื่องเกี่ยวกับตัวผมเหมือนกัน แต่เป็นเรื่องของผมกับพี่ชัช คือผมหมายถึงว่าผมนึกว่าเขาจะมาคุยเรื่องการรับผมเป็นลูกอะไรนั่นซะอีก!

     “ลื้อเป็นคนหัวอ่อนนะอาตี๋เล็ก อากงกลัวลื๊อจะโดนผู้ชายไม่ดีหลอก แต่ถ้าลื้อเลือกแล้ว อั๊วะก็จะไม่บังคับลื๊ออีก อั๊วะเคยบังคับเตี่ยกับลุงลื้อมาแล้ว เตี่ยลื๊อมันหัวแข็งเลยชอบพยศอั๊วะ แต่ยังไงมันก็เป็นลูก อากงตัดมันไม่ขาด อั๊วะเลยไม่อยากบังคับลื้อ แต่ถ้าลื้ออยู่กับมันแล้วมีปัญหาอะไรหรือโดนมันทำให้ร้องไห้มาบอกอั๊วะนะ อั๊วะจะช่วยลื้อเอง ต่อให้ลื้อชอบผู้ชายอั๊วะก็จะหาผู้ชายดีๆ ให้ลื้อแต่งก็ยังได้ อั๊วะขอแค่อาตี๋เล็กไปเยี่ยมอากงแก่ๆ คนนี้บ้างได้มั้ย”

     ผมบีบมือของพี่ชัชแน่น แม่ของผมกับผู้หญิงคนนั้นออกมาจากห้องน้ำพอดี เธอเดินไปนั่งบนโชฟาข้างๆ คุณพ่อของเธอ แม่ผมเดินไปเสิร์ฟจานผลไม้ให้อากงแล้วก็เดินมายิ้มให้ผมที่อีกฟากของเตียงคนละด้านกับพี่ชัช แม่ลูบหัวผมเบาๆ ผมตัดสินใจพูดขึ้นหลังจากที่ได้บทสรุปในใจ

     “ผม... ผมเป็นลูกแม่น้ำครับ และจะเป็นตลอดไป ผมไม่คิดว่าผมมีพ่อ ถึงเรื่องของผู้ใหญ่จะเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวผม แต่ผมไม่สะดวกใจจริงๆ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยมีพ่อ ไม่รู้ว่าระหว่างพ่อกับลูกควรจะเป็นยังไง แต่สิ่งที่ผมพบเจอมันห่างไกลกับพ่อในความฝันของผมมากครับ ผมไม่คิดว่าผมจะยอมรับคนอื่นเป็นพ่อได้เพียงเพราะสายเลือด ถ้าผมจะยอมรับมันก็ต้องมาจากการกระทำ”

     แววตาของผู้ชายคนนั้นตอนที่ได้ฟังคำพูดของผมดูไหววูบอยู่ครู่หนึ่ง ผมเองก็บอกไม่ถูกว่าผมรู้สึกยังไงเมื่อเห็นสีหน้าแบบนั้นของเขา ผมก็เลยตัดสินใจพูดในสิ่งที่ผมคิดต่อ

     “แล้วผมก็รักพี่ชัชมาก แม่กับพี่ชัชเป็นคนที่ผมรักมากที่สุดสองคนบนโลกนี้ เสียดายที่ผมไม่ใช่ผู้หญิง เพราะนามสกุลที่ผมอยากใช้มากที่สุดตอนนี้คือนามสกุลของพี่ชัช ผมอยากอยู่ที่นี่กับพี่ชัชครับ ผมอยากเรียนมหาวิทยาลัยในไทยอยากอยู่เมืองไทย พี่ชัชดีกับผมมาก เพราะงั้นถึงแม่จะแต่งงานใหม่ผมก็ไม่เป็นไรครับ เพราะผมมีพี่ชัชอยู่ข้างๆ ผมแล้ว แม่ลำบากมามากควรได้พบผู้ชายดีๆ ที่ทำให้แม่มีความสุขได้ซะที แล้วผมก็ชอบเดนส์มากด้วย”

     ผมรู้สึกถึงแรงบีบเบาๆ ที่อุ้งมือ ความรู้สึกของพี่ชัชส่งผ่านมาถึงผม ขอแค่คนๆ นี้จับมือผมไว้ ไม่ว่าต่อไปต้องเจอกับอะไรผมก็ไม่กลัวครับ

     “แล้วตอนนี้ผมก็มีเพื่อนดีๆ อยู่ที่นี่เยอะด้วย ผมเลยคิดว่าผมคงไม่เหงา เพื่อนผมคนนึงเคยบอกว่าผมควรจะเปิดใจให้คนอื่นบ้าง เพื่อนอีกคนของผมก็ทำให้ผมรู้สึกว่าบางครั้งคนที่เราไม่เคยคุยกันมาก่อนก็ใช่ว่าจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้ ผมคิดว่าผมไม่มีปัญหากับการทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ ในชีวิตผมครับ รวมถึงการติดต่อพบปะผู้คนใหม่ๆ คนอื่นๆ ด้วย เพียงแต่ผมไม่เคยเข้าหาคนแก่มาก่อน ผม...”

     ได้ยินผมพูดแบบนั้นแล้วอากงของผมก็หัวเราะร่วนขึ้นมาทันที พี่สาวของผมก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ให้ตายเถอะ! บ่อน้ำตาตื้นแบบนี้ผมว่าผมคุ้นๆ นะ ส่วนผู้ชายคนนั้น ... หรือคุณพ่อของผม ท่านไม่ทำสีหน้าอะไรหรอกครับ ไม่มีทั้งรอยยิ้มเสียงหัวเราะความเศร้าหรือความหงุดหงิดตามปกติ แล้วนี่ผมอยากเห็นสีหน้าแบบไหนจากเขากันหรือ? ถึงได้มองดูผู้ชายคนนั้น การที่ผมเป็นแบบนี้นี่ไม่ใช่แปลว่าจริงๆ แล้วผมเองก็คาดหวังรอคอยอะไรบางอย่างจากเขาอยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ?

     “แก่เก่ออาไรกานอาตี๋เล็ก อั๊วะยังหนุ่มยางแน่น ฮ่าๆ”

     ผมเองก็ทั้งเขินทั้งตื่นเต้น แต่ประสบการณ์เฉียดตายของผมมันทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องอะไรที่มันไม่หนักหนาสาหัสนั้น มนุษย์เราก็ควรจะอโหสิลืมๆ มันไปเถอะครับ ดีกว่าตายไปทั้งๆ ที่คาใจ ส่วนเรื่องที่ผมเกลียดใครผมก็ควรจะตอบตัวเองให้ได้ว่าเกลียดเพราะอะไร แทนที่ผมจะมามัวแต่ทิฐิใส่แล้วก็หลับหูหลับตาเกลียด ผมควรจะบอกคนพวกนั้นไปตรงๆ ดีกว่ามั้ยครับ เผื่อเขาจะสำนึก? หรือไม่ก็จะได้ปรับตัว ถ้าปรับกันไม่ได้จะได้เลิกยุ่ง แต่ในเมื่อดูแล้วอีกฝั่งเขาก็ไม่ได้เกลียดผมซักกะหน่อย แต่แค่เผลอทำสิ่งที่ผมเกลียดก็แค่นั้นเอง ผมก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะปรับตัวนะครับ

     ผมรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าเป็นบ้า นั่งกอดความเกลียดพวกนั้นไว้กับอกตั้งนาน มันไร้สาระจริงๆ เลยใช่มั้ยละครับ? แต่ก็เอาเถอะครับ คงเป็นไปตามวัย เด็กน้อยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจะอารมณ์แปรปรวนบ้างก็เป็นธรรมดา ก็ฮอร์โมนมันพลุ่งพล่านนี่ครับ ชีวิตคนเรามันก็ดราม่าแบบนี้ไม่ใช่เหรอไง?

     บ้าจริง! ผมรู้สึกถึงหยดน้ำในจมูกทำให้หายใจลำบาก สงสัยแอร์ห้องนี้มันต้องแรงไปแน่ๆ แต่ช่างเถอะครับ เพราะตอนนี้ความเหน็บหนาวพวกนั้นไม่มีวันทำอะไรหัวใจผมได้อีกแล้ว ก็ในเมื่อตอนนี้ผมมีไฟกองย่อมๆ อยู่ข้างตัวผมนี่นา

     ผู้ชายคนนี้เป็นได้ทั้งเปลวเพลิงที่เผาผมให้ทรมาน และในบางครั้งก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นมากเหลือเกิน และตอนนี้ ไม่สิ... ตั้งแต่เมื่อตะกี้แล้ว ฝ่ามือของผู้ชายคนนี้ลูบอยู่บนศีรษะของผมมาตลอด ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว ตกลงใครเป็นเจ้านายกันแน่? เพราะมีแต่เจ้านายไม่ใช่เหรอครับที่จะคอยลูบหัวชมเชยสัตว์เลี้ยงของตัวเอง แต่ผมก็นึกขึ้นได้ว่า พวกสุนัขก็ชอบเลียออดอ้อนเจ้าของเหมือนกัน เอาเป็นว่า ฮีโร่หมาป่าของผมได้ช่วยชีวิตเด็กเลี้ยงแกะไว้ด้วยความอบอุ่นนั้นก็แล้วกันครับ แล้วผมก็เลิกผิดใจกับพวกชาวบ้านแล้วด้วย

     ผมรู้สึกดีจริงๆ นะเวลาที่พี่ชัชลูบศีรษะปลอบผมแบบนี้ ขอเพียงแต่มีเจ้าของมือคู่นี้อยู่เคียงข้างผม ไม่ว่าต่อไปวันข้างหน้าผมต้องเจอกับอะไรผมก็พร้อมทนครับ ต้นน้ำซะอย่างขึ้นชื่อเรื่องความอดทนเป็นเลิศอยู่แล้ว

=== END ===

และแล้วเด็กเลี้ยงแกะก็ครองคู่กับหมาป่าอย่างมีความสุข

Happy Ever After(?)

============================================


 :pig3: :pig3: :pig3:

อาจจะแปลกใจเล็กน้อยเพราะวิธีเล่าเปลี่ยนไป ฮ่าๆ
ลองให้ตัวละครออกมาสรุปดูน่ะ แต่พอเป็นตัวละครออกมาพล่ามแล้ว แหม๋! นิยายเรื่องนี้มีแต่คนเห็นแก่ตัว!

เอาเข้าจริงนังน้องต้นนี่ทิฐิล้วนๆ เลยนะ สมกับเป็นเด็กที่นิสัยยังเจือด้วยอารมณ์ส่วนนึง แต่ก็ชัดเจนดีว่าหลงผู้ชายมากถึงขั้นแรดแบบแอ๊บๆ
เป็นไงล่ะ วิธีการง้อเมียของเฮียชัช พระเอกของเรื่อง งี่เง่าดีมั้ยเธอ? ฉากทะเลาะในรถนั่นกรี๊ดมาก ใครเคยมีประสบการณ์จริงจะอินไม่น้อย
เราพยายามให้มันดูธรรมชาติๆ อ่ะ อยากให้คนฟินกับอะไรธรรมดาๆ แต่ไม่รู้ว่ามันจะมีคนฟินตามมั้ย ฮ่าๆ เราพยายามเค้นอารมณ์น้อยใจแฟนออกมาให้คนอ่านสัมผัสอ่ะ ถ้าทำไม่ได้ต้องขออภัย

ตั้งแต่ฉากเปิดตัว เฮียแกก็เมาแล้วขับ ดื่ม+ขับตลอด รอดมาได้ไงวะ? ใจก็ร้อน นิสัยก็เสีย ขี้หงุดหงิด มันน่าเนอะ!
ใครขับรถเป็นจะรู้เลยว่าเวลาเราอยู่หลังพวงมาลัยทุกอย่างมันแค่เสี้ยววินาทีจริงๆ บางทีเราขับดีไม่ได้แปลว่ารอด ต่อให้เราระวังแค่ไหนก็50เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคือเพื่อนร่วมถนน ตรงนี้อยากฝากคนอ่านไว้ด้วย ถ้าทุกคนช่วยกันทำ50มันก็จะกลายเป็น100ได้จ้า

เราไม่ต้องการเขียนนิยายที่สักแต่ใส่ฉากเข้ามาสักฉากเพื่อให้เนื้อเรื่องดำเนินต่อ เราอยากเขียนอะไรที่มันเป็นเหตุเป็นผล สิ่งที่เกิดก็เป็นเพราะนิสัยของพี่ชัชล้วนๆ เลย เรื่องมันยุ่งยากก็เพราะนิสัยของต้น "ถ้าxxxไม่ทำแบบนี้ เรื่องก็คงไม่เกิด" อะไรทำนองนั้นอ่ะ

แล้วพอมาดูนิสัยพี่ชัชตอนอยู่กับแฟนเก่า แบบว่า... เนอะ พูดไม่ออกกันบ้างแหละ เชื่อว่าหลายๆ คนคงส่ายหน้าถ้าให้มีแฟนแบบนี้ เข้าใจแล้วใช่มั้ยทำไมเฮียแกโดนทิ้ง ส่วนดีพี่ชัชก็มีแต่ส่วนงี่เง่ามันเยอะ!
ตรงจุดนี้เกิดมาจากการเห็นเฟซชาวบ้าน กระทู้ในพันxx ประเภทที่ชอบบ่นว่าหาแฟนไม่ได้ ไม่ก็ทำไมไม่มีใครมาจีบดีพร้อมรออยู่ หรือพวกที่คบกับแฟนแล้วไม่มีความสุขบ่นตลอด ที่ตลกสุดๆ คือพวกเลิกกับแฟนแล้วเจ็บใจว่าแฟนใหม่ของแฟนเก่าแย่กว่าตัวเองตั้งเยอะ มันทิ้งเราทำไม ถามจริงไม่เคยส่องกระจกบ้างเลยเหรอ? พี่ชัชคือตัวแทนของผู้คนแบบนั้นแหละ เฮียแกส่องกระจกซะที่ไหน! เลยเสร็จน้องต้น ฮ่าๆ

เพราะน้องต้นนี่ก็พวกขาดความอบอุ่นอย่างแรง รักฝังใจแบบไร้เหตุผล แต่ดีตรงที่ฮีมั่นคง ตัดสินใจไปแล้วคือทุ่มเททุกอย่าง อันนี้จริงๆ ก็แอบใส่ปมที่เคยได้ยินมาด้วย แต่หลักๆ ก็แค่เด็กเก็บกดขาดความอบอุ่นที่ชอบเรียกร้องความสนใจแหละ แต่ห้ามทำให้ฮีเคืองนะ ถ้าฮีไม่โอเคต่อให้รักฮีแค่ไหนฮีก็ไม่ชายตาแล สงสารแม็กซ์จริงๆ
แต่แม่ยกแม็กซ์รอกรี๊ดได้ในภาค2 (ถ้าไม่ปันใจไปหลงรักไปป์น้า ฮ่าๆ)

คนเขียนมันบ้า! ยัดฉากดราม่าทุกอย่างไว้ตอนท้ายอัดติดๆ กัน!
ถ้าเอาพล็อตดราม่าแบบปกติชน สมองบวมคือตื่นมาเอ๋อ ไม่ก็นอนเป็นเจ้าชายรอปาฏิหาร แต่ระหว่างปอดฉีกกับสมองบวม อย่างแรกอันตรายกว่า เพราะสมองบวมนี่ขึ้นกับว่าด้านไหน รุนแรงมากมั้ย? วิธีรักษาก็มีทั้งผ่าตัดและให้ยา คนผ่าตัดมะเร็งในสมองบางคนออกมาครึ่งวันก็ฟื้นนั่งเล่นเกมในมือถือได้แล้ว สามวันกลับบ้าน พี่เราเอง เหอะๆ
ดังนั้นนิยายประหลาดๆ เรื่องนี้เลยพอใจจะเขียนให้ตัวเอกโดนอุบัติเหตุโคตรแรงแต่ฟื้น ฟื้นแบบชิลๆ ด้วย ขืนใส่พล็อตดราม่าโหลๆ ก็ซ้ำชาวบ้านเขาสิ ฮ่าๆ เป็นอีกหนึ่งปมที่อยากสื่อว่าถ้าคุณเข้าถึงโอกาสทางการรักษาได้นะ จะโรคอะไรก็ไม่น่ากลัวทั้งนั้น เป็นเอดส์เดี๋ยวนี้ก็คือๆ กับเบาหวานแหละ กินยาต้านไว้ก็ไม่ตายหรอก(แต่ต้องรู้จักดูแลตัวเองด้วย)
เพราะถ้าไม่ลืม พระเอกเรื่องนี้เป็นผู้แทนฯ คอนเนคชั่นเฮียแกปึ๊กด้วยนะ ดังนั้นถึงแม้พี่ชัชไม่รวยพาต้นไปเมืองนอกต้นก็ฟื้นขึ้นมาแบบชิลๆ ได้ครบ32 ฮ่าๆ ในฐานะที่เราเป็นน้องผู้แทนมีพี่เขยเป็นหมอเราต้องฟังพี่ๆ บ่นเรื่องทำนองนี้ทุกวันเลย เลยแอบเอามาเขียนบ้างเท่านั้นเอง ฮ่าๆ หมอเรื่องอื่นคงดูดีมีสกุลหรือไม่ก็เน้นเชิดชูวิชาชีพกว่านี้เย้อ... ไหงหมอเอกกับก๊วนผู้แทนเรื่องนี้มันชิลกันจัง ทำงานตามหน้าที่ประหนึ่งมนุษย์เงินเดือน ฮ่าๆ

นิยายตอนสุดท้ายนี่เป็นอะไรที่... เราว่ามันดำเนินเรื่องประหลาดมากเลยแหละ มันก็ใช้หลักแบบนิยายทั่วไปนะ แต่การกระทำกับความคิดของตัวละครมันอาจจะอินดี้ไปเล็กน้อย เพราะนี่คือต้นกับพี่ชัช ในความรู้สึกของคนเขียนมันก็อิ่มฟินซึ้งอยู่นะ เพียงแต่ไม่ได้เขียนเอาจงใจหวานเวอร์ ไหนจะน้องเมษอีก แย่งซีนทุกคน!
มีที่ไหนตัวเอกตื่นมาแล้วคุยเรื่องประกันรถกัน แทนที่จะง้อกันก่อน ฮ่าๆ บ้าอ่ะ แต่มันก็สื่อว่าต้นห่วงพี่ชัชไม่ใช่เหรอ? อีหรอบนี้ถ้าพี่ชัชไม่โง่จนเกินไปก็น่าจะรู้แหละ แต่คำอ้อนวอนของเฮียแกก็นะ สมกับเป็นหมาป่าเห็นแก่ตัว ฮ่าๆ สะใจสุดคือฉากครอบครัว น้องต้นชัดเจน! เลิกแอ๊บแล้วนะ ฮ่าๆ

ตัวละครทุกคนได้บทเรียนนะ แต่เรียนรู้แล้วจะปรับตัวได้มากน้อยแค่ไหนก็อีกเรื่อง เราอยากสื่อแบบนั้น พี่ชัชน้องต้นจบเรื่องตรงนี้ไปแล้วก็ใช่ว่าพี่ชัชจะกลายเป็นมนุษย์ใจเย็นขึ้นมาได้ ให้น้องต้นเลิกทำนิสัยหยิ่งๆ โอ๊ย! ยาก!
ดังนั้น ด้วยความกลัดมัน คนเขียนเลยปั่นภาค2ออกมายังไงล่ะ ฮ่า แจกเทียบเชิญมาตามติดชีวิตน้องต้นล่วงหน้าเลยน้า! เพราะรับรองว่าภาค2 แซ่บกว่าเดิม! เป็นนิยายดราม่าเช่นเดิม ไม่เน้นฉากเรท แค่พระเอกมันหื่น เหอๆ

ก็ไม่รู้จะจบถูกใจมั้ย? ตัวละครจะทำในสิ่งที่ทุกคนคาดหวังไว้รึเปล่า? ไม่แน่ใจว่าคนอ่านชอบมั้ย? แต่คนเขียนชอบมาก มันบ้าดี กวน เกรียน แอ๊บ แรดนิดๆ แต่ฟินแบบแอบอมยิ้ม ถ้าอ่านแล้วแอบอมยิ้มตามคนเขียนจะดีใจมาก ฮ่าๆ

 :bye2: :bye2: :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-09-2014 00:07:28 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
- ตอนพิเศษ 1 -
##### ตัวหมากที่ชื่อแม็กซ์ #####

     คืนที่ผมได้ไปเห็นความลับของแม็กซ์ผ่านมานานพอสมควร นานจนผมเกือบจะลืมไปหมดแล้ว เพราะในตอนแรกผมไม่ได้ใส่ใจจำรายละเอียดมากนัก สิ่งที่ผมพอจำได้ก็มีแค่...
 
     คืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายของการเข้าค่าย ผมลุกออกไปเข้าห้องน้ำกลางดึก แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนซี๊ดปากดังขึ้น ไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าเสียงที่ผมได้ยินเป็นกิจกรรมประเภทไหน ผมรู้อยู่แล้วว่าเรื่องทำนองนี้เป็นเรื่องปกติ ปีไหนๆ ก็มี ไม่แปลกที่พวกตุ๊ดจะลาภปากหรืออาจจะได้มากกว่านั้น ส่วนพวกรักสนุกก็ได้ลองของแปลก วิน-วินกันทั้งสองฝ่าย ขำๆ ตามประสาวัยรุ่นอยากรู้อยากลอง ผมคงจะไม่สนใจถ้าไม่ใช่เพราะเสียงพูดที่ดังขึ้นนั้นคุ้นหูผมพอสมควร

     “เหี้ย! มึงอมดีๆ หน่อย โดนฟันมึงแล้ว”

     อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไร แน่ล่ะ อะไรต่อมิอะไรมันคงจะเต็มปากจนตอบได้หรอก ผมลังเล ไม่อยากเดินเข้าไปหาเรื่องให้ตัวเองเพราะรู้ดีว่าคนๆ นั้นเป็นใครและอารมณ์ร้ายแค่ไหน ที่สำคัญเขาเรียนอยู่ห้องเดียวกับผมซะด้วย แถมยังชอบรังแก“ตุ๊ด”แบบผมอีก

     “ไม่ได้เรื่องเลยว่ะ กูอุตส่าให้โอกาสมึงได้ลองของดี แม่งเสียอารมณ์จริงๆ”

     เสียงบ่นที่ดังขึ้นเบาๆ นั้นมาจากเพลย์บอยประจำห้อง ผมได้แต่ภาวนาให้พวกเขาเสร็จกิจกรรมกันซักที เพราะผมอยากเข้าห้องน้ำเต็มแก่แล้ว และการที่ผมจะไปห้องน้ำได้นั่นก็ต้องผ่านตรงที่พวกเขาอยู่ ใช่ว่าผมเอียงอายอะไรกับเรื่องพรรณนั้น ถ้าเป็นคนอื่นที่ผมไม่รู้จัก ผมคงจะเดินผ่านไปแบบไม่แคร์แล้ว ผมก็แค่ไม่อยากถูกหมายหัวจากเพลย์บอยสุดกร่างคนนั้นนั่นแหละ ถึงได้อดทนยืนเงียบๆ ไม่ขยับอยู่แบบนี้ แต่ทว่าเสียงทำลายความสงบก็ดังมาจากด้านหลังผมเสียก่อน เสียงของเพื่อนอีกคนที่รู้จักผมดังขึ้น

     “ต้น นายมายืนทำอะไรตรงนี้”

     ทันทีที่ฟรังก์เพื่อนต่างห้องของผมทักขึ้น ผมก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรซักอย่างหล่นมาจากทางที่ผมอยากผ่านไป คงเป็นเสียงขันหล่นมั้งครับ ในมือของฟรังก์มีไฟฉาย เขาเดินมากับเพื่อนร่วมห้องของเขา ดูท่าคงจะมาเข้าห้องน้ำเหมือนกัน ผมหวังว่านะ

     “เราว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่มันมืดเราเลยกลัว”

     “ฮ่าๆ ต้นนี่ไม่ไหวเลย นายไม่ได้เอาไฟฉายมาเหรอ”

     “เราไม่คิดว่าเขาจะปิดไฟไว้น่ะ เราเลยไม่กล้าเดินเข้าไป”

     “งั้นไปกับเราก็ได้ เรามีไฟฉาย”

     “จะดีเหรอ?”

     ผมได้แต่หวังว่าสองคนด้านในคงจะเคลียร์สถานการณ์เรียบร้อยแล้วนะ เพราะผมเองก็ไม่รู้จะยื้อเวลามากไปกว่านี้ยังไงเหมือนกัน

     “อืม”

     “งั้นนายค่อยๆ เข้าไปช้าๆ นะ เรากลัว”

     “นายจะกลัวอะไรอ่ะต้น นายมีมุมขวัญอ่อนแบบนี้ด้วย?”

     ฟรังก์หันมาล้อผมนิดหน่อยก่อนจะยกขบวนไปเข้าห้องน้ำ แถมเขายังใจดีอยู่รอจนผมเสร็จธุระและเดินไปส่งผมกลับอีกต่างหาก สมกับเป็นนักเรียนตัวอย่างที่ได้รับรางวัลคุณธรรมจริงๆ เลยล่ะครับ ผมเองก็ได้แต่หวังว่าคนๆ นั้นจะมีคุณธรรมให้กับผมบ้าง แต่ดูท่า ผมคงคาดหวังมากเกินไป

     หลังจากคืนนั้น ผมก็ต้องเจอกับสายตาไม่เป็นมิตรสุดๆ ที่ส่งมาจากเพลย์บอยหลังห้อง แม็กซ์ใช้ตาขวางๆ ของเขาจ้องเขม็งมาทางผมพร้อมกับพูดขึ้นแบบไม่มีเสียงให้ผมอ่านปากได้ว่า “ถ้ามึงพูดอะไรออกมา มึงตายแน่” ดูท่าคงจะกังวลเรื่องที่เพลย์บอยอย่างเขายอมมีสัมพันธ์กับตุ๊ดมากๆ

     ถึงแม้แม็กซ์จะส่งสายตาข่มขู่มาให้ผมตลอดเวลาแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรผมเป็นพิเศษ ผมรู้ดีว่าแม็กซ์คงกำลังสับสนว่าตกลงผมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่? และคงกำลังชั่งใจว่าจะเข้ามาลุยกับผมเลยดีหรือเปล่า? เพราะผมเองก็เป็นหนึ่งในเหยื่อที่แม็กซ์กับพวกเอาไว้รังแกสนุกๆ รับเคราะห์เวลาคนกลุ่มนั้นคันปากอยากจะหาเรื่องใครซักคนเล่นมาตลอดตั้งแต่ ม.4

     อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเลยด้วยซ้ำเพราะผมไม่อยากยุ่งเรื่องของเขาอยู่แล้ว แถมเรื่องที่ว่าอีกคนเป็นใครผมก็ไม่รู้ ... ถ้าเขาไม่โง่เผยไต๋ออกมาเองละก็นะ...

     เย็นวันนั้นเองที่ผมเห็นเมษมาหาแม็กซ์ เมษมายืนแอบรออยู่ใกล้ๆ ประตูห้องเรียน และชะเง้อหน้ามองมาทางแม็กซ์ แต่เมื่อสบตากันก็โดนแม็กซ์ถลึงตาใส่จนเขากลัวต้องรีบหลบไปทันที

     เมษเป็นเพื่อนนักเรียนห้องข้างๆ ที่ดูเรียบร้อยกว่าปกติ ทั้งในแง่ของการเป็นเด็กผู้ชายและแง่ของการเป็นตุ๊ด เมษเป็นคนตัวเล็กชนิดที่ว่าตัวเล็กกว่าผมซะอีก(ทั้งๆ ที่ตอนนั้นผมสูงแค่ 168 เซ็นติเมตร) แถมยังผอมบางกว่าผมอีกด้วย แขนขาก็เรียวหยั่งกับผู้หญิง ผิวขาว หน้าตาก็กระเดียดไปทางผู้หญิง อาจจะเพราะดวงตากลมโต ปากแดงๆ กับคิ้วได้รูปที่โก่งเล็กน้อยจากการกันคิ้ว ผมรู้เลยแหละว่าเมษเทคฮอร์โมน ใช่ว่าผมอิจฉาเมษหรอกนะ ในเมื่อผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงซักหน่อย ผมเพียงแค่รู้สึกนับถือความกล้าของเขาที่เลือกตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้ได้ง่ายๆ ต่างหาก การเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงเพศตัวเองมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรอกนะครับ

     ถ้าถามว่าทำไมผมถึงจำเมษได้น่ะเหรอ? ก็เพราะการถูกล้อว่าเป็นตุ๊ดนี่แหละครับที่ทำให้มีบรรดาเพื่อนสาวหลายคนและหลายกลุ่มมาชวนผมไปเป็นพวก กลุ่มหนึ่งค่อนข้างแรงเป็นพิเศษ มีตัวแม่ชื่อนนหรือที่เจ้าตัวพอใจเรียกเองว่า“นนนี่” นนนี่เป็นตุ๊ดตัวแม่ แรงเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียนนี้เลยแหละครับ ออกตัวแรงแต่งตัวแรงทำอะไรแรงๆ ตลอดจนผมอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ว่าเขาไม่เหนื่อยที่ต้องคอยทำตัวโอเวอร์แบบนั้นหรือยังไง?

     ตอนเข้าเรียนใหม่ๆ เขาเห็นผมถูกล้อว่าเป็นตุ๊ดจากคนอื่นๆ นนนี่จึงชอบมาจิกผมให้ไปเป็นพวกด้วย นัยว่าแก๊งตุ๊ดพาวเวอร์ละมั้งครับ บางทีก็แวะมานั่งเม้าตอนพักกลางวันระหว่างที่ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่ แต่คนอย่างผมน่ะเหรอจะตอบรับ ผมมีแต่เงียบแล้วก็เดินหนีน่ะสิครับ หลังๆ พวกเขาก็เลยพากันว่าๆ ผมหยิ่งบ้างล่ะ เป็นอีแอบแอ๊บแมนบ้างล่ะ เลยทำให้นอกจากผมจะโดนพวกผู้ชายเกเรหาเรื่องแกล้งแล้ว ผมยังต้องโดนตุ๊ดแรงๆ ด่าเอาอีกต่างหาก เซ็งสุดๆ เลยละครับ

     แม้เมษจะเงียบๆ แต่ก็อยู่ร่วมกลุ่มกับนนนี่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผมว่าเมษคงถือหลักรวมกันเราอยู่มั้งครับ เพราะถ้าลำพังคนเรียบร้อยแบบตัวเมษเองแล้ว ผมไม่คิดว่าเขาจะมีปัญญาปกป้องตัวเองได้หรอก ถ้าอยู่คนเดียว คนที่เป็นเด็กเข้าใหม่ตอน ม. ปลาย ไร้เพื่อนและขี้กลัวอย่างเขาก็จะไม่มีกลุ่ม ไม่มีพื้นที่ของตัวเอง ต้องอยู่อย่างลำบากในสังคมโรงเรียน แถมเขายังไม่สามารถใช้วิธีแบบผมได้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังชอบเมษอยู่เล็กน้อย เพราะเมษเป็นคนเดียวที่เวลานนนี่จีบปากจีบคอหาเรื่องแขวะผม เมษไม่เคยเออออห่อหมกไปกับพวกนนนี่และแก๊งแรงตัวแม่

     วันนั้นผมอุตส่านึกว่าผมจะรอดแล้ว แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินขึ้นรถเมล์เพื่อกลับบ้าน แขนของผมก็ถูกกระชากอย่างแรง ตอนแรกผมนึกว่าตัวเองอาจจะโดนกระชากกระเป๋าเข้าซะแล้ว ที่ไหนได้ เจ้าหนี้ผมยืนรออยู่นี่เอง แม็กซ์...

     “มานี่กับกู!”

     แม็กซ์ลากผมขึ้นแท็กซี่ สั่งคนขับให้พาไปที่ห้างดังใกล้โรงเรียน ตอนแรกผมไม่กล้าพูดอะไรเพราะว่าแม็กซ์ตัวโตกว่าผมมาก ให้ผมไฟท์กับคนที่เหนือกว่า ผมไม่ทำหรอกครับ ผมได้แต่พยายามนิ่งเข้าไว้และจ้องมองแม็กซ์เพื่อดูท่าทีว่าเขาจะเอายังไง แม็กซ์ทำหน้าเหมือนสองจิตสองใจ มีเหลือบมาทางผมบ่อยครั้งสลับกับดูวิวข้างนอกหน้าต่าง ถนนเดิมๆ ที่รถติดตามปกติ ... จนท้ายที่สุด ความอดทนของเขาคงจะหมด เพราะแม็กซ์หันมาหาผมและพูดว่า

     “มึงใช่มั้ย ที่แอบดูกูคืนนั้น”

     “นายเข้าใจผิด เราไม่ได้แอบดู”

     “มึงกวนตีนเหรอ อยากเจอต่อยเหรอวะ!”

     ไวเท่าๆ กับที่ปากพูด มือของแม็กซ์ก็คว้าหมับเข้าที่คอเสื้อของผมซะแล้ว ท่าทีของแม็กซ์ทำให้พี่แท็กซี่เริ่มเหล่มองพวกเราจากทางกระจกมองหลัง ผมจึงส่งสายตาให้แม็กซ์มองไปทางนั้น แม็กซ์เลยเริ่มคลายมือออกจากเสื้อของผม แต่ก็ยังแสดงอาการฮึดฮัดอยู่

     “เราไม่เห็นอะไรเลย แค่ผ่านไปได้ยินเสียง ถ้านายอยากให้เรื่องของนายเป็นความลับ ทีหลังเวลาจะทำอะไรก็อย่าพูดมาก แล้วก็คิดก่อนพูดด้วย”

     “ไอ้เหี้ย! มึงจะเอาไงกับกู!”

     “เราไม่เอายังไงทั้งนั้นแหละ มันไม่ใช่เรื่องของเรา เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องของนาย”

     ดูท่าเขาก็อึ้งไปเหมือนกัน คิดว่าผมจะเอาคืนที่เขาเคยแกล้งผมไว้รึไง? ถึงได้เตรียมเปิดศึกกับผมขนาดนี้! เฮอะ เด็กชะมัด!

     “เราอยากกลับบ้านแล้ว ขอเราลงตรงป้ายหน้าได้มั้ย?”

     แม็กซ์เงียบไปครู่หนึ่ง สายตาของเขากวาดไปมาทั่วตัวผมเหมือนกำลังประเมินอะไรบางอย่าง และแล้วเขาก็พูดขึ้นว่า

     “บ้านมึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูให้แท็กซี่วนไปส่งให้”

     ผมอุตส่านึกว่าหลังจากวันนั้นแล้วผมจะหมดเคราะห์หมดโศกไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้อีก แต่ที่ไหนได้ เพราะเกรดของแม็กซ์นั้นห่วยเกินทน อาจารย์ที่ปรึกษาของห้องผมจึงได้จับคู่ให้ผมคอยช่วยดูแลรายการเก็บคะแนนต่างๆ ของแม็กซ์ ทั้งเรื่องงานและเรื่องสอบ เพราะชื่อเสียงเพลย์บอยของแม็กซ์น่ะแหละที่ทำให้อาจารย์ไม่กล้าให้เพื่อนผู้หญิงมาทำงานคู่ด้วย ประกอบกับชื่อเสียงเรื่องความประพฤติเรียบร้อยความอดทนเป็นเลิศของผมเองนั่นแหละที่คู่ควรกับคนเจ้าอารมณ์แบบแม็กซ์ มิหนำซ้ำพักหลังๆ อาจารย์ท่านยังบอกว่าเห็นแม็กซ์ยอมลงให้ผมเป็นพิเศษ ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าการที่เขาไม่แกล้งด่าทอหรือเรียกผมว่า“ไอ้ตุ๊ด”นี่มันเรียกว่ายอมลงให้ตรงไหนกัน ก็แค่ทำดีเอาหน้ากับอาจารย์ชัดๆ

     ก็ทำยังไงได้ละครับ... ในเมื่อผมมันนักเรียนทุนเรียนดี ส่วนแม็กซ์เป็นเด็กเส้นกวยจั๊บ นามสกุลใหญ่ ที่บ้านบริจาคเงินให้โรงเรียนตลอด จึงไม่แปลกที่อาจารย์จะดูแลเป็นพิเศษ ลงท้ายผมก็เลยต้องมาคอยจับคู่บัดดี้ ทำงานคู่งานกลุ่มและช่วยงานเดี่ยวนายนี่ตลอด

     แต่ผมก็สังเกตได้ว่าแม็กซ์ดูจะดีกับผมมากขึ้น ไม่ค่อยพูดกับผมด้วยน้ำเสียงตะคอกเหมือนเดิม แถมแม็กซ์ยังช่วยผมเคลียร์กับสาวๆ อีก ใจจริงแล้วผมน่ะโคตรเกลียดเรื่องตบตีสุดๆ เลยละครับ โดยเฉพาะเรื่องตบตีกันเพราะแย่งผู้ชายเนี่ย ไม่รู้ว่าเดือนนั้นเป็นช่วงดวงซวยของผมรึไง ผมถึงได้เดินไปเจอรุ่นพี่ ม.6 ที่กำลังช่วยกันรุมตบเพื่อนร่วมห้องของผมที่ชื่อไนน์อยู่ เสียงด่าทอดังขึ้นไม่หยุดพร้อมกับเสียงตวาดของไนน์ที่ดังขึ้น

     “แรดนักนะมึง มาแย่งผัวกู อีเตี้ย!”

     “ผัวพี่เป็นใครหนูยังไม่รู้เลย ปล่อยสิเว้ย อิพวกหมาหมู่!”

     “หนอย! ทำมาเป็นไม่รู้ ก็คนที่มึงไปอ่อยจนเขาเอาดอกไม้กับตุ๊กตาไปให้มึงวันนั้นไง คนนั้นแหละผัวกู!”

     “ก็ไม่ได้ไปขอซะหน่อย เขาเอามาให้เองนี่ ถึงเขาเอามาให้ก็ใช่ว่าหนูจะชอบเขาซะหน่อย”

     “ถ้ามึงไม่ชอบแล้วรับของเขาทำไม”

     “ก็ตุ๊กตามันน่ารักนี่ โอ๊ย!”

     “หนอย อิแรด!”

     “ปล่อยนะ หนูเจ็บนะ กรี๊ด!”

     ผมได้ยินเสียงก็รู้ว่าเพื่อนของผมกำลังเพลี่ยงพล้ำ ผมเองก็จนปัญญา ถึงจะเป็นผู้ชาย แต่มีตัวคนเดียว มิหนำซ้ำให้ไปตีกับผู้หญิงตอนบ้าเลือดฆ่าตัวตายชัดๆ เลยครับ ดีที่ผมคิดอุบายออก

     “อาจารย์ ทางนี้แหละครับที่ผมได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน”

     ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ไอ้กลุ่มที่กำลังรุมตีกันนัวเนียอยู่เมื่อตะกี้ตกใจสลายตัวทันที ผมเห็นสบโอกาสเลยวิ่งไปฉุดไนน์ออกมา เราสองคนวิ่งหนีจนไปถึงที่โล่ง โชคดีที่มีอาจารย์เดินผ่านมาพอดี ผมโกหกว่าไนน์ล้มและกะจะช่วยพาไปห้องพยาบาล เมื่อพวกที่ตามไนน์กับผมมาเห็นผมยืนสนทนากับอาจารย์อยู่แบบนั้น พวกเธอก็ไม่กล้าเข้ามาเอาเรื่องต่อหรอกครับ

     แต่ว่าแรงอาฆาตของผู้หญิงนี่ช่างลึกล้ำ ผมเองก็เกือบโดนดักตบเหมือนกัน แต่ดีที่แม็กซ์คอยช่วยไว้ แม็กซ์ไปเคลียร์กับพวกรุ่นพี่ให้ แถมยังช่วยเคลียร์เรื่องของไนน์ให้อีกด้วยว่าแท้จริงแล้วผัวของรุ่นพี่นั่นแหละที่เจ้าชู้เองจีบดะไม่เลือก เคยแย่งหญิงกับแม็กซ์ด้วยซ้ำ ฟังแล้วก็รู้สึกแย่นะครับ สงสารผู้หญิงที่ถูกผู้ชายหลอก แต่ช่างมันเถอะ นั่นไม่ใช่เรื่องของผม แค่ผมรอดจากการถูกตบก็พอแล้วล่ะครับ และแน่นอน ... แบดบอยระดับแม็กซ์ออกโรง ใครจะกล้าหือล่ะครับ?

     หลังจากนั้น ไนน์เข้ามาตีสนิทกับผมเป็นพิเศษ ยกให้ผมเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอ เฮ้อ... เหมือนผมได้น้องสาวแปลกๆ มาคนหนึ่ง เพื่อนผู้ชายบางคนที่ชอบพล็อตเรื่องน้องสาวขี้อ้อนคงจะชอบ แต่คนเงียบๆ แบบผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ครับ ผมชอบอยู่อย่างสงบ แต่ก็ขัดใจเธอไม่ค่อยได้หรอก ไนน์มีวิธีมัดมือชกผมเสมอ เหมือนคราวที่เธอชวนผมไปงานวันเกิด วันที่ผมได้เจอกับพ่อแท้ๆ ของตัวเอง

     ไนน์ทำตัวสนิทกับผมมากขึ้น เธอวนเวียนมาคุยกับผมบ่อยจนเพื่อนๆ ในห้องยังแปลกใจที่ไนน์เลือกเข้าใกล้คนเงียบๆ แบบผม มีหลายคนเริ่มแซวเรื่องคู่หูหนอนหนังสือ ต่างกันตรงที่คนหนึ่งอ่านแต่การ์ตูนส่วนอีกคนเอาแต่ท่องตำราเรียน อันที่จริงผมเองก็ไม่ได้เดือดร้อนรำคาญอะไรไนน์หรอกนะครับ ถ้าเพียงแต่เธอจะไม่ยกเรื่องครอบครัวของอากงสุดที่รักของเธอมาพูดกับผมบ่อยๆ ผมได้แต่บอกเธอไปว่าผมไม่อยากคุยเรื่องนี้และคอยหาวิธีหลบเลี่ยงเธอ แต่เธอก็มีวิธีเข้าใกล้ผมอยู่เรื่อย

     ในตอนแรก เธอคงเข้ามาใกล้เพราะผมทำดีกับเธอ เป็นเพราะความประทับใจ ถึงผมรำคาญแค่ไหนแต่ผมก็ไม่กล้าตัดไมตรี แต่หลังจากที่เธอรู้ว่าผมเป็นใครแล้ว นอกจากไมตรีที่มีให้แล้วมันยังฉาบความหวังดีของคนนอกที่ไม่เคยเข้าใจปัญหาอะไรเลยเอาไว้อีกชั้น! มันอึดอัดครับ เธอเคยหลอกผมให้ผู้ชายคนนั้นมารับที่โรงเรียนด้วยซ้ำ! แต่นับเป็นโชคของผมที่เห็นแม็กซ์กับสาวของเขาเดินผ่านมาพอดี ผมเลยหาข้ออ้างเอาตัวรอดไปได้ ไม่ต้องไปทนนั่งทานอาหารกับคนพรรณนั้น แต่นั่นก็แลกกับการที่แม็กซ์ได้รู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องครอบครัวของผม

     จนกระทั่งแม็กซ์เริ่มรำคาญแทนผม เขาช่วยให้ผมได้มีเวลาส่วนตัว นั่งสงบๆ พักดูไนน์เถียงกับเขาแทน แม็กซ์เลยเริ่มหนีบผมไปไหนมาไหนด้วยบ่อยขึ้น ทำนองว่าตัวเองได้ลูกน้องคนใหม่ใช้ง่ายสั่งคล่องไม่เรียกร้องไม่บ่นละมั้งครับ... คนอื่นๆ ก็พากันหัวเราะเยาะผมด้วยซ้ำ ที่ต้องกลายมาเป็นขี้ข้าจำเป็นให้แม็กซ์ แต่ผมสังเกตได้ถึงแววตาไม่เป็นมิตรจากกาย เวลาที่กายเห็นผมกับไนน์คุยกัน ผมรู้ได้ทันทีถึงสายตาฉาบความอิจฉาจากเพื่อนร่วมแก๊งของแม็กซ์คนนี้ แต่บอกตามตรง ผู้ชายคนนี้จีบไนน์ไม่ติดหรอกครับ ผู้หญิงแบบไนน์ไม่ปลื้มผู้ชายนิสัยเด็กๆ ที่ชอบแกล้งแซวผู้หญิงที่ตัวเองชอบแรงๆ หรอก

     ช่างหัววังวนของพัพพี่เลิฟไปเถอะครับ แค่ปัญหาของผมเองก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว ผมเกลียดผู้ชายคนนั้น ไม่อยากให้เขาเข้ามายุ่งวุ่นวายกับผมอีก เมื่อเขาบังคับแม่ผมไม่ได้เพราะแม่ผมทำหน้าที่แม่ที่ดีมาตลอดจนเขาไม่มีสิทธิ์จะมาเรียกร้องอะไร เขาก็หันมาบังคับผมผ่านทางไนน์ นี่แหละสาเหตุที่ทำให้ผมพยายามเลี่ยงไนน์ทุกครั้งที่เจอ ไม่อยากพูดคุยกันมากเกินความจำเป็น เรียกได้ว่าช่วงนั้นผมแทบจะหายตัวไปทุกพักกลางวันเลยแหละครับ ไปไหนก็ได้ที่ไกลจากไนน์ เลิกเรียนรีบกลับบ้าน คุยกันเฉพาะเท่าที่จำเป็น โชคดีที่แม็กซ์สามารถเป็นได้ทั้งข้ออ้างและช่วยกันไนน์ให้ผมได้

     แต่ผู้ชายหน้าหนาคนนั้นกลับยิ่งใช้ไนน์เป็นเครื่องมือ เขาให้ไนน์ช่วยหลอกผมไปเจอกับเขาเข้าจนได้ ทั้งๆ ที่พ่อควรจะใจดีและพูดคุยกันดีๆ กับลูกชายของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกชายที่ตนอยากได้เป็นบุตรบุญธรรม! หรือไม่ก็ควรจะทำดีชดเชยให้ลูกชายที่ไม่เคยเลี้ยงดูมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา แต่ทว่าคำพูดแต่ละคำที่พูดออกมามีแต่เชือดเฉือนศักดิ์ศรีของผม

     “หนูไนน์เขายอมเป็นเพื่อนสนิทด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว ทำตัวดีๆ อย่าเอาเลือดแม่มาใช้ให้ผมเสียหน้าล่ะ”

     ตอนที่เขาพูดแบบนั้นผมยังจำได้ดีถึงน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามและสายตาเย็นชาที่มองมายังตัวผม ถ้ารังเกียจเลือดแม่ผมถึงขนาดนั้นแล้วจะมาข้องแวะกับผมทำไม! ผมเองก็ไม่ได้อยากไปเป็นลูกของเขาซักหน่อย ผมอยู่ของผมสองคนกับแม่ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ถ้ากรีดเอาสายเลือดส่วนของเขาส่งคืนกลับไปได้ผมคงจะทำไปนานแล้ว ไม่อยากต้องข้องแวะกับผู้ชายคนนี้อีก คนเห็นแก่ตัว!

     และแน่นอนว่าคนอวดดีอย่างผมไม่ปล่อยให้เขาทับถมจนผมเจ็บอยู่ฝ่ายเดียวหรอกครับ ผมร่างแผนการณ์ต่างๆ ขึ้นในหัวทันที และในเมื่อเขารังเกียจสายเลือดแม่ของผมมากนัก ผมก็จะทำแบบที่เขาเกลียด! แต่ผมจะไม่ทำตัวแบบเขาหรอกครับ ผมจะไม่เอาความเห็นแก่ตัวของผมไปรังแกเพศแม่ที่ไหนเด็ดขาด! และผมเองนั่นแหละที่จะต้องเป็นฝ่ายถูกรังแก ผมจะเป็นจะทำจะพยายามก่อเรื่องอะไรก็ได้ที่มันอัปยศอดสูสุดๆ ไปเลยสำหรับ รศ.ดร. ผู้ทรงคุณวุฒิแบบเขา! ดูสิว่าเขายังจะอยากได้ผมไปใช้นามสกุลตัวเองอีกมั้ย!

     จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผมจำเป็นต้องไปช่วยแม็กซ์เพราะเขายังปั่นรายงานไม่เสร็จ คะแนนเก็บของแม็กซ์แย่มากๆ ถ้าส่งไม่ทันก็ตายแน่ครับ แม็กซ์โทรศัพท์มาขอร้องผมให้ไปช่วยเขาเป็นพิเศษ ถึงขนาดยอมออกค่าแท็กซี่ไปกลับแถมเลี้ยงข้าวกลางวันฟรีให้ผมอีกเป็นอาทิตย์ เรื่องมีแต่ได้กับได้แบบนี้เรื่องอะไรผมจะพลาดละครับ ก็ต้องยอมอยู่แล้ว

     ผมตกลงรับปากช่วยเขา แม็กซ์บอกให้ผมเก็บเสื้อผ้าไปนอนค้างที่อพาร์ทเม้นท์เขาได้เลย และเมื่อผมไปถึงงานยุ่งยากเกินระดับสมองของแม็กซ์ก็สำเร็จลงอย่างง่ายดายด้วยข้อมูลรายงานของผมนั่นแหละครับ จะเรียกว่าลอกมาและดัดแปลงก็ได้ แค่ผมสามารถบรีฟงานให้แม็กซ์เข้าใจว่าพรีเซ็นต์หน้าห้องพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้างก็พอแล้ว แต่ว่า... ในขณะที่ผมกำลังเก็บของเตรียมกระเป๋าสำหรับไปเรียนวันรุ่งขึ้น แม็กซ์กลับพูดขึ้นว่า

     “เฮ่ย มึงอยากดูหนังโป๊ป่าววะต้น?”

     ผมยอมรับว่าผมค่อนข้างตกใจนะที่อยู่ๆ แม็กซ์มาชวนผมแบบนี้ จริงอยู่ ผมรู้ดีว่าในหมู่เพื่อนผู้ชายเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยถือกันเท่าไหร่ แต่สำหรับเพลย์บอยแบบแม็กซ์ ผมได้ข่าวว่าสาวๆ ที่เขาชวนไปดูหนังที่ห้องเสร็จเขาหมดทุกคนนั่นแหละ! แล้วกับคนแบบผม... คนที่เขาชอบล้อเลียนว่าเป็นตุ๊ด ผมไม่แน่ใจว่าเขาชวนผมเพราะอยากแกล้งหรืออยากให้ผมช่วยอะไร

     ห้องของแม็กซ์เป็นห้องขนาดกลางๆ กว้างพอจะแบ่งโซนวางเตียงขนาดใหญ่กับตู้เสื้อผ้ารกๆ โต๊ะทานข้าวที่พวกผมใช้นั่งทำรายงานวางอยู่ใกล้ๆ กับตู้เย็นที่เต็มไปด้วยเบียร์ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปซื้อมาได้ยังไง มุมนั่งเล่นมีโซฟากับชั้นวางทีวี เครื่องเล่นเกมกองอยู่กับแผ่นที่วางซ้อนกันเป็นตั้งๆ ลำพังค่าเช่าต่อเดือนก็หลายพัน แต่ก็ถือว่าคุ้มกับบริการแม่บ้านทำความสะอาดและความสะดวกสบายที่มี เนื่องจากแม็กซ์เป็นลูกคนรวย ครอบครัวมีฐานะ จากเดิมที่ต้องคอยฝ่ารถติดขับรถข้ามจังหวัดมาส่งคุณหนูไปโรงเรียนแต่เช้าทุกๆ วัน เสียค่าน้ำมันค่าคนรถเดือนละหลายๆ ตังค์ ครอบครัวแม็กซ์จึงตัดสินใจเช่าอพาร์ทเม้นท์ขนาดพอเหมาะให้ลูกชายอยู่ คงไม่รู้กระมังว่าในบางครั้งลูกชายจะพาผู้หญิงมานอน!

     แต่ขอโทษทีเถอะ ผมไม่ใช่ผู้หญิงพวกนั้น ผมไม่ง่าย! ไม่ใช่ว่าผมหยิ่งหรือเพราะเหตุผลน้ำเน่าที่ว่าผมไม่ได้รักแม็กซ์ เรื่องพวกนั้นไม่ได้อยู่ในหัวผมเลยแม้แต่น้อย ความคิดของผมมีแค่ว่าจะทำยังไงให้มันไม่จบลงแบบผิวเผิน จะทำยังไงให้แม็กซ์ต้องการผมจริงๆ ต้องทำให้แม็กซ์ต้องการตัวผมจนไม่หยุดอยู่ที่ความสัมพันธ์ภายนอกแบบช่วยกันเฉยๆ ผมต้องการให้แม็กซ์ทำลายผม! ผมตัดสินใจใช้แม็กซ์เป็นเครื่องมือแก้แค้นผู้ชายคนนั้น!

     “ไม่ดีกว่า เราง่วงแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ทัน”

     “โหย เด็กดีนะมึง เออนอนก็นอนวะ”

     แม็กซ์ก็ยังเป็นแม็กซ์ เพลย์บอยแบดๆ คนเดิม ... ผมไม่ตอบอะไรเพียงแต่ใช้สายตาไม่พอใจเล็กน้อยจ้องไปทางแม็กซ์

     “มองไรกูอีกอ่ะ ไม่พอใจอะไรกู มึงนอนบนเบาะไม่ได้เหรอ”

     ดูเหมือนเขาจะคิดว่าผมงอนที่ต้องนอนเบาะเสริมบางๆ ที่ปูบนพื้นส่วนตัวเองได้นอนสบายๆ บนเตียง

     “เปล่า... ก็ไม่เชิง”

     “กูบอกไว้ก่อนเลยนะ กูนอนดิ้น มึงไม่อยากนอนเตียงเดียวกับกูหรอก แล้วกูอุตส่าไปหาเบาะมาให้มึง เชื่อกูเหอะ นอนบนเบาะข้างๆ เตียงกูดีกว่านอนบนโซฟาอีก ไม่ปวดหลังนะมึง”

     “เราก็ไม่ได้อยากนอนบนเตียงกับนาย ผู้ชายสองคนนอนเตียงเดียวกัน ไม่เอาหรอก เรายอมนอนพื้นดีกว่า”

     “อ้าว? แล้วมึงจะจ้องกูทำเหี้ยอะไร เป็นปลากัดเหรอมึง”

     “แม็กซ์ เราชื่อต้น”

     “เออกูรู้”

     “ถึงเราจะไม่สนิทกัน แต่เราก็อุตส่าช่วยงานนายขนาดนี้แล้ว อย่างน้อยๆ เวลาพูดกันก็ให้เกียรติกันหน่อยได้มั้ย”

     “สำออยจังว่ะ ให้กูเรียกมึงว่าคุณเลยมั้ย?”

     “แล้วแต่ละกัน”

     ผมได้แต่เซ็งกับนิสัยกักขฬะของแม็กซ์ ผมจะใช้หมอนี่เป็นเครื่องมือเนี่ยนะ! ไม่รู้ตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดเลยนอนหลับไปแบบขี้เกียจคิดอะไร ปล่อยให้เขานั่งดูสื่อการศึกษาทางเพศต่อไปนั่นแหละ แม็กซ์เองก็เหมือนได้ใจ แกล้งเปิดเสียงซะดังจนผมต้องนอนคลุมโปงเพราะความรำคาญ แถมตอนเช้าเขายังตื่นยากอีก จนผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขายังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ พอผมจะออกจากห้องก็ทำมาเป็นโกรธผม สั่งให้ผมรอไปโรงเรียนด้วยกัน แล้วก็แกล้งพาผมซ้อนมอเตอร์ไซค์บิดอย่างเร็วฝ่ามันทุกไฟแดง ไอ้เด็กแว๊นเอ้ย!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2014 23:02:34 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
     และหลังจากนั้น แม็กซ์ยังคงมีเรื่องมารบกวนผมอยู่สม่ำเสมอ พยายามชวนผมไปห้องบ่อยขึ้น แหง๋ล่ะสิ! นอกจากผมจะช่วยเหลือเรื่องเรียนแล้วผมยังช่วยเรื่องงานบ้านจุกจิกเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างที่เขาขี้เกียจทำเองให้อีกต่างหาก ก็จะให้ผมไปนั่งทำรายงานในห้องที่มีแต่อะไรก็ไม่รู้หมักหมมไว้เต็มนะเหรอครับ พื้นก็สกปรก เสื้อผ้าใช้แล้วแม้แต่กางเกงในบางทียังวางแมะอยู่บนโซฟา น่าขยะแขยงนะครับ พักหลังๆ มานี่แม็กซ์เลยอ่อนข้อให้ผมเยอะ

     “ต้น... ช่วยกูหน่อยนะ กูทำการบ้านอิงค์ไม่ทัน”

     “เราไม่ใช่คนใช้นาย”

     “โห่ ต้นอ่ะ อย่าใจร้ายดิ เราเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?”

     “ผมจำไม่เห็นได้เลยนะครับว่าผมกับคุณสนิทกันจนเรียกว่าเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่”

     เจอมุขนี้เข้าไปแม็กซ์ก็มีเหวอบ้างแหละครับ แต่ทำไงได้ ผมก็มีความอดทนนะ ไม่ชอบโดนใครกดขี่จนไม่เห็นหัวเหมือนกัน! แต่ใครจะไปรู้ว่าผมจะโดนแก้เกม ขึ้นชื่อเรื่องจีบสาวอย่างแม็กซ์ก็ต้องมีชั้นเชิงการง้อสาวมั่งแหละครับ ถึงผมจะไม่ใช่สาวก็เถอะ

     “โอ๋... ต้นก็ อย่างอนแม็กซ์เลยนะ แม็กซ์จะไม่แกล้งไรต้นแล้ว จะไม่ตะคอกเสียงดังใส่แล้วด้วย”

     ผมหลุดขำพรืดออกมาแบบห้ามไม่อยู่

     “มุขจีบสาวจากที่ไหนเนี่ย! เวลาคุยกับผู้หญิงนายพูดแบบนี้เหรอ?”

     พอเห็นผมหลุดหัวเราะเท่านั้นแหละ เพลย์บอยมาดแบดๆ แบบนายแม็กซ์ก็รีบฉวยโอกาสทันที

     “อือ มุขที่กูเอาไว้ง้อเมีย”

     คราวนี้เป็นผมเองแหละที่เป็นฝ่ายอึ้ง ไม่รู้จะอึ้งที่แม็กซ์ดีแตกขึ้นกูขึ้นมึงกับผมเหมือนเดิมหรืออึ้ง... ประโยคหลังดี

     “เฮ้อ... พูดกับเราดีๆ หน่อยไม่ได้เหรอไงแม็กซ์ เราไม่ชอบคนพูดกูพูดมึง มันไม่สุภาพ ต่อให้สนิทกันก็เถอะ”

     “กูก็ไม่เห็นมึงจะสนิทกับใครซักที ...เออ เอาเถอะๆ ไม่ให้พูดกูพูดมึง ให้แทนตัวเองว่าแม็กซ์เลยดีมั้ย สิทธิพิเศษให้มึงคนเดียวเลยต้น”

     ตอนแรกแม็กซ์ตั้งท่าจะเถียงผมน่ะแหละครับ แต่พอเจอสายตาเย็นๆ ของผมเข้าไปยังไงก็แพ้ การบ้านอิงค์อยู่ในกำมือผมซะอย่าง สรุปว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฝ่ายที่ตกเป็นลูกไก่ในกำมือก็กลายเป็นแม็กซ์แทน และผมก็ได้ไปช่วยติวให้แม็กซ์ที่ห้องบ่อยขึ้น

     เป็นธรรมดาของผู้ชายช่วงวัยรุ่นที่คงจะสนใจเรื่องอย่างว่ามากเป็นพิเศษ และแรงขับดันภายในตัวแม็กซ์ก็คงมากพอสมควรถึงได้ขยันชวนผมดูหนังโป๊ด้วยกันบ่อยๆ ความจริงแล้วแม้ผมจะแอบวางแผนอะไรต่อมิอะไรเอาไว้ แต่... อันที่จริงแม้แต่ช่วยตัวเองซักครั้งผมยังไม่เคยทำ!

     อย่างมากผมก็เคยแค่ฝันเปียก แต่ถ้าจะให้ผมลงมือทำอย่างว่าผมยังไม่กล้าครับ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเอาแต่เรียน เลยทำให้ไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้ซักเท่าไหร่ ผมไม่เคยสนใจหรือชอบพอสาวคนไหนมาก่อน ยิ่งคุณแม่ของผมท่านก็ยังสาวยังสวยมากๆ แถมหุ่นก็ดีสุดๆ ผู้หญิงคนอื่นๆ ในสายตาผมจึงไม่มีใครให้หลงใหลเก็บเอาไปฝันได้

     ส่วนเรื่องสื่อทางเพศรูปแบบต่างๆ ผมไม่กล้าหรอกครับ กลัวว่าถ้าแม่รู้เข้าแล้วท่านจะเอ็ดเอา ผมมีเหตุผลบางอย่างที่ผม... ไม่อยากแตะต้องหัวข้อเรื่องละเอียดอ่อนพวกนี้มากนัก ผมอยากเป็นเด็กดีครับ อยากแสดงให้แม่เห็นว่า ไม่ว่าที่ผ่านมาท่านจะเป็นอย่างไร แต่ลูกชายของแม่เป็นคนดี เป็นเด็กดี ไม่ใช่เด็กเหลวแหลกใจแตกอย่างที่ผู้ชายบางคนเคยดูถูกแม่เอาไว้

     แล้วยิ่งเมื่อผมตั้งใจที่จะ ... เมื่อผมตั้งใจที่จะเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชาย ... ผมยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะคิด ให้ผมคิดถึงผู้ชายเพื่อ... เพื่อทำเรื่องแบบนั้น ผมยอมรับว่าผมกลัว ผมไม่กล้า

     การชวนดูหนังโป๊ของแม็กซ์จึงเป็นเรื่องที่ผมออกจะหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะผมเขิน แต่ผมก็ยังต้องทำเป็นเล่นตัวพอประมาณเพื่อให้แม็กซ์ติดกับสนใจหยอกผมมากขึ้น ผมต้องทำเป็นเขินอายแต่ก็ให้ท่าไปพร้อมๆ กัน การพยายามทำให้ตัวเองดูแรดอย่างสุขุมนี่มันไม่ง่ายเลยครับ เพราะความจริงแล้วผมรู้สึกอายมากจริงๆ ถึงแปดสิบเปอเซนต์!

     จนกระทั่งวันหนึ่งแม็กซ์เก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ เลยถามผมออกมาว่า

     “เฮ้ย! ต้น กูถามจริงๆ เหอะ มึงเคยช่วยตัวเองมั่งมั้ยวะ เวลากูเปิดหนังโป๊มึงก็นอนหลับซะงั้น มึงยังมีอารมณ์แบบคนปกติเขามั้ยวะ?”

     “เรา...”

     แน่ละ ผมต้องหน้าแดงพูดอะไรไม่ออก ใครจะไปนึกละครับว่าแม็กซ์จะถามอะไรตรงจนแทงใจดำผมแบบนี้!

     “ไม่รู้สิ เราไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน”

     “ซักนิดก็ไม่มีเลยรึไงวะ? ถามจริง? ตกลงมึงชอบผู้หญิง... หรือผู้ชาย”

     “...ไม่รู้สิ บางทีเราอาจจะชอบผู้ชายขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ เลิกคุยเรื่องนี้กันเถอะแม็กซ์ นายยังเหลือรายงานอีกตั้งสามหน้านะ”

     “เออ รู้แล้ว เซ็งมึงจริงๆ ให้ตายเหอะ”

     ทั้งๆ ที่ผมวางแผนและตัดสินใจไว้แล้ว แต่ผมกลับไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย ผมอดคิดไม่ได้ว่า สิ่งที่ผมทำนี่มันถูกต้องแล้วหรือ?

     แทนที่จะใช้แม็กซ์เป็นเครื่องมือ ผมควรจะคบใครซักคนเป็นแฟนเป็นตัวเป็นตนดีกว่ามั้ย? แต่คนอย่างผมจะมีใครมารักมาชอบละครับ ความรักของมนุษย์ชายหญิงยังเกิดขึ้นและจบลงได้ง่ายๆ เลย แล้วผู้ชายธรรมดาๆ ไม่เคยมีใครมาสนใจที่อยู่ๆ ก็เกิดอยากจะลองรักกับผู้ชายด้วยกันอย่างผมนี่จะมีใครมาแล ... นอกจากพวกที่หวังแต่เรื่องอย่างว่า ถ้าเป็นแบบนั้นสู้ผมเก็บหัวใจตัวเองใส่กล่องล็อกเอาไว้ไม่ยกให้ใครเลยซักคนดีกว่าไหมครับ? สนุกกับชีวิตไปวันๆ

     เทพบุตรหรือพระเอกขี่ม้าขาวในสายตาเรามันเป็นแค่มุมมองที่ขึ้นอยู่กับว่าเขาปรากฏตัวตอนไหนต่างหาก เจ้าชายใจดีที่เราเฝ้าใฝ่ฝันถึงทุกวันไม่แน่ว่าวันหนึ่งก็อาจจะกลายเป็นผู้ชายหื่นกามที่เดินสวนกับเราตอนพาสาวเข้าห้องก็ได้ และเพราะแบบนั้น ผู้ชายที่ตั้งใจจะมีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันอย่างผมจึงต้องการแค่การสัมผัสทางร่างกายเท่านั้น เพราะผมไม่รู้ว่าในโลกนี้ยังมีผู้ชายคนไหนอีกที่ดีพอที่ผมจะเชื่อใจได้!

     และแล้ว ..... โอกาสของผมก็มาถึงจนได้...

     อาจเพราะช่วงที่ผ่านมาผมแวะไปค้างที่ห้องแม็กซ์บ่อยๆ เพื่อช่วยสะสางงานต่างๆ และคอยติวหนังสือให้ เลยทำให้พักนี้มีข่าวลือแปลกๆ แพร่สะพัดออกไป เช่นเรื่องที่ว่า... ผมกินแม็กซ์แล้ว... ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องตีไข่ใส่สีกันหาว่าผมแรดเงียบแอบงาบแม็กซ์โดยอาศัยเรื่องติวเข้าล่อ ใครว่าล่ะ สิ่งที่พวกเขาพูดกันน่ะมันผิดถนัดเลย! ผมวางแผนหลอกล่อให้แม็กซ์อยากกินผมต่างหากล่ะ! และที่สำคัญเราสองคนก็ยังไม่เคยแม้แต่จะจับมือกันด้วยซ้ำ!

     ตอนเที่ยงของวัน ผมทานข้าวเสร็จแล้วก็กำลังจะปฏิบัติภารกิจซ้ำๆ ซากๆ เช่นเดิมคือหามุมสงบๆ นั่งอ่านหนังสือ แต่ดันไปเจอเข้ากับกลุ่มแม็กซ์ซะก่อน

     “ไปเว้ยต้น ไปเล่นบาสกัน”

     “ไม่อ่ะ เราขอไปอ่านหนังสือต่อดีกว่า”

     “กูสั่ง มึงก็มีหน้าที่ทำตามเหอะน่ะ ตามมานี่”

     แม็กซ์ไม่พูดเปล่าแถมยังจงใจลากคอผมให้ตามไปด้วย นี่เหรอครับกินกันแล้ว? แม็กซ์สัมผัสผมแค่สองแบบเท่านั้นแหละครับ ไม่เตะก็ผลัก นอกนั้นก็ดึงเสื้อ ทารุณกันชัดๆ

     ผมเห็นสีหน้าของเพื่อนร่วมแก๊งเขาแล้วก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่อย่ามาถามผมเลยครับ เพราะผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าแม็กซ์จะชวนผมไปเล่นบาสด้วยกันทำไม และแล้วผมก็ถึงบางอ้อ! แม็กซ์ให้ผมมาเป็นเด็กเก็บลูกนั่งเฝ้าอยู่ข้างสนาม เฝ้ากองข้าวของมีค่าอย่างพวกกระเป๋าตังค์ร้อยโซ่หนักๆ ซึ่งไม่รู้เจ้าตัวจะร้อยมาทำไมให้เกะกะเวลาวิ่งอยู่ในสนามบาส แล้วก็ใช้ให้ผมวิ่งไปซื้อน้ำมาให้ พอผมไม่ทำตามก็ขู่จะเตะผม เอาผมมาเป็นคนใช้ชัดๆ เห็นทีผมคงต้องอดทนกับนิสัยคุณชายของแม็กซ์ไปอีกนาน และอาจจะมากกว่านี้ เพราะผมตกลงใจเลือกเขาไปแล้ว

     แต่ในตอนที่พวกเรากำลังจะเดินกลับไปเรียนคาบบ่ายนั่นเอง แม็กซ์และอาร์มรวมทั้งผมสามคนเดินไปเจอเข้ากับกลุ่มตุ๊ดของนนนี่พอดี ในตอนแรกผมไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเพราะชินอยู่แล้วกับการจีบปากจีบคอแขวะชาวบ้านของพวกตุ๊ดกลุ่มนี้ แต่ผมลืมไปครับว่าแม็กซ์ไม่ใช่“ตุ๊ด”แบบผม แล้วเรื่องนี้แม็กซ์ก็โดนเอี่ยวเข้ามาเต็มๆ

     “อ๊าว... นึกว่าใคร อิต้นแอ๊บแมนนี่เอง แหม เดี๋ยวนี้เดินตามผัวทุกก้าวเลยนะย๊ะ หวงของเรอะ ฮ่าๆ แต่ระวังไว้เถอะ ถ้าเฝ้าไว้ไม่ดีระวังจะมีชะนีมาฉกไปอีกนะ เหมือนที่แกไปฉกมันมาจากอีเมษนั่นไง”

     ผมเองก็พอจะรู้อยู่ครับ เรื่องที่นนนี่กับเมษแตกคอกันเพราะเรื่องเมื่อตอนเข้าค่าย ก็แหม ใครๆ ก็คงอยากจะกินแม็กซ์กันทั้งนั้นแหละครับ ในฐานะเจ้ใหญ่ของแก๊ง ตัวเองก็คงจะหมายมั่นปั้นมือเอาไว้พอสมควรว่าต้องได้ เพราะคนอื่นในกลุ่มคงไม่กล้าแย่ง แต่ใครจะไปรู้ว่าแม็กซ์กลับปฏิเสธ แล้วไปคว้าเอาเด็กเงียบๆ ไม่แรงไม่แรดไม่ร่านแบบเมษมาแทน แม็กซ์เป็นคนเลือกเสมอๆ ไม่ใช่รอให้ใครมาเลือกแบบผม

     แต่ว่าครั้งนี้ผมเฉย ไม่ได้แปลว่าแม็กซ์จะเฉยนะครับ... แม็กซ์รักหน้าตัวเองมาก มากพอจะเผื่อแผ่มารักหน้าผมให้ด้วย!

     “มึงว่าใคร อีนน!”

     “อ้าวแหม ก็ใครจะไปรู้ล่ะ แค่บอกให้ลองเล่นๆ ครั้งเดียวแล้วแกดันติดใจผู้ชายขึ้นมา แต่เอ๊ะได้ข่าวอีเมษมันห่วยจะตายไม่ใช่เหรอ แกถึงได้ไม่เอามัน แล้วไหงถึงได้มาติดใจอีต้นได้ล่ะแม็กซ์ หรืออีต้นมันจะเก่ง เห็นเงียบๆ หงิมๆ นี่ที่จริงแรดกว่าพวกกูอีกนะเนี่ย ฮ่าๆ”

     “ไอ้ตุ๊ดเหี้ยเอ้ย มึงอย่าอยู่เลย!”

     “จำไว้ กูกับต้นไม่ได้เป็นอะไรกันเว้ย!”

     “ปากหมานักนะมึง จะอม_วยกูอมส้นตีนกูก่อนเหอะ!”

     นั่นแหละครับ แม็กซ์เพื่อนผม หยาบคาย เถื่อน และใจร้อน แถมเรียนไม่เก่ง มีดีที่รูปร่างดี หน้าหล่อ เป้าตุง บ้านรวย จีบ เอ๊ะ! ไม่สิ ... ต้องบอกว่าฟันหญิงเก่ง หญิงติดเพียบดีกว่าครับ ผมควรจะขอบคุณเขาที่ออกหน้าแก้ตัวให้ผมรึเปล่า?

     เรื่องทั้งหมดจบลงที่... แยกย้ายกันไปครับ แม้นนนี่จะโดนกระทืบไปหนึ่งทีแต่ก็ไม่ถึงกับเลือดออก ก็โชคดีที่ตอนนั้นสหายข้างกายแม็กซ์เป็นอาร์มกับผม เพราะกายกับปาล์มไปเข้าห้องน้ำ ถ้าเป็นสองคนนั้นอยู่นอกจากจะไม่ช่วยห้ามแล้วเผลอๆ คงช่วยเข้าไปกระทืบซ้ำ แต่อาร์มเป็นพวกร่าเริงแบบไม่ค่อยดูตาม้าตาเรือซักเท่าไหร่ พอเห็นแม็กซ์โกรธก็เลยทำพระเอกเข้าไปห้ามทัพแบบไม่ดูทิศทางลม ผลก็คือเจอลูกหลงโดนแม็กซ์ต่อยไปหนึ่งหมัดน่ะสิครับ แต่ถึงอาร์มจะอ่านบรรยากาศไม่เก่ง ร่าเริงเกินเหตุ และคิดน้อยไม่ค่อยสุขุม แต่ผมก็ชอบนะครับ เพราะคนแบบอาร์มไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรให้ต้องกลัว

     “อ้าว ไอ้เหี้ย! มึงต่อยกูทำไมวะ!”

     อาร์มหันมาตะโกนใส่แม็กซ์ทั้งๆ ที่เลือดกำลังไหลซิบๆ ออกจากมุมปาก

     “ถ้ามึงจะต่อยก็หัดเล็งให้มันแม่นๆ หน่อยสิโว้ย กูเพื่อนมึงนะ!”

     เจออาร์มตบมุขไปแบบนี้ ทุกคนก็ชะงักแหละครับ ผมว่าแม้แต่แม็กซ์เองยังดูงงๆ กับชีวิตเลย

     “พอได้แล้วแม็กซ์ เดี๋ยวอาจารย์มาหรอก ดูสิ อาร์มปากแตกด้วย พาไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ”

     “แต่ต้น!”

     “แม็กซ์! นะ ถือว่าเราขอร้อง พาอาร์มไปห้องพยาบาลก่อน”

     “เออ! มึงต่อยกันไปเลย กูไม่ห้ามมึงแล้ว ไอ้สัส! เพื่อนมีเรื่องกูอุตส่าห้าม เสือกต่อยผิดอีก กูปากแตก แทนที่มึงจะห่วงเพื่อน มึงเสือกห่วงมีเรื่อง ต้นเราเจ็บปากอ่ะ พาเราไปห้องพยาบาลหน่อย”

     ไม่รู้ว่าผมควรจะซีเรียสเป็นห่วงแม็กซ์ที่กำลังมีเรื่อง เป็นห่วงอาร์มที่ปากแตก หรือว่าหลุดขำดีนะครับ แต่ตอนนั้นน่ะ ผมได้แต่คิดในใจว่า“ถ้าไม่อยากเจ็บปากไปมากกว่าเดิมก็เลิกบ่นซะทีเถอะอาร์ม”

     “เออ ฝากไว้ก่อนเลยพวกมึง โดยเฉพาะมึง อีนน!”

     นั่นแหละครับ ต้องทิ้งท้ายไว้ให้สมกับเป็นแบดบอยนักเรียนนักเลง แม็กซ์ถึงได้ยอมเดินจากมากับพวกผม ไปส่งอาร์มทำแผลที่ห้องพยาบาล แล้วก็ตอแหลสดๆ กันว่าเล่นบาสแล้วพลาดเอาศอกกระแทกปากกัน อาจารย์ถึงได้พาอาร์มไปทำแผล แล้วก็ปล่อยให้ผมกับแม็กซ์ที่ยังอารมณ์กรุ่นๆ อยู่นั่งรออยู่ด้านนอก

     “ใจเย็นขึ้นรึยัง?”

     ผมถามแม็กซ์ที่กำลังนั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่

     “เออ...”

     แม็กซ์เงียบไปได้แค่ห้าวินาทีเท่านั้นแหละครับ แล้วเขาก็ต้องเปิดปากพล่ามอีกจนได้

     “เฮ้ย! ต้น ถามจริง มึงไม่รู้สึกไรมั่งเหรอไงวะ ไม่โกรธมันมั่งเหรอ”

     “ทำไมต้องโกรธล่ะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”

     บอกความจริงก็ได้ว่าผมโกรธ ผมก็คนนะมีอารมณ์เป็น แต่จะให้ผมทำยังไงครับ โกรธแล้วด่ากลับให้เป็นเรื่องแบบนั้นเหรอ? ให้ไปต่อยตีเจ็บตัวกันทั้งสองฝ่าย? ขนาดผมอดทนไม่ตอบโต้ยอมอยู่เงียบๆ แบบนี้เขายังไม่หยุดหาเรื่องผมเลย ผมก็เลยได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอีกเดี๋ยวพอเรียนจบก็ไม่ต้องเจอคนพวกนี้แล้ว ผมต้องอดทนอดกลั้นแทบตายแน่ะ!

     แต่ไม่ได้หรอกครับ ต่อหน้าแม็กซ์ ผมควรจะตอบให้ตัวเองดูดี ผมยังไม่ลืมแผนการที่จะทำให้เขาหลงรักผม!

     “ผ่านไปกับผีดิ มันคงเอาไปเม้าแหลกแล้ว”

     “ก็ปล่อยเขาพูดไป ใครจะว่าอะไรเราๆ ไม่สนอยู่แล้ว แต่ถ้าแม็กซ์กลัวเรื่องชื่อเสียงตัวเองจะเสียเพราะเรา ถ้ามีใครมาถาม เราจะแก้ข่าวให้ก็แล้วกัน”

     แม็กซ์มองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วใช้น้ำเสียงที่ฟังดูสงบสติอารมณ์มากกว่าเดิมคุยกับผม ตอนนี้หน้าที่ของผมคือยิ้ม ผมต้องยิ้มให้แม็กซ์!

     “มึงไม่โกรธพวกนั้นบ้างเหรอไง ไม่โกรธพวกกูบ้างเหรอ มึงทนได้ยังไงวะ?”

     โกรธสิ! มีใครไม่โกรธบ้างถ้าโดนเรียกว่าไอ้ตุ๊ด ผมโดนพวกเขาล้อมาตลอดเชียวนะ! แต่ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องแอ๊บ!

     “ก็... เราไม่รู้ละมั้ง ว่าควรจะโกรธดีมั้ย”

     “ไมล่ะ?”

     ก็เพราะตอนนี้เราอยากนอนกับนายน่ะสิ! ผมรู้แค่ว่าผมอยากนอนกับผู้ชาย จะใครก็ได้แต่แม็กซ์เป็นตัวเลือกที่ง่ายที่สุดที่ผมหาได้ แล้วผมก็ต้องการเป็นฝ่ายถูกกระทำจะได้สำส่อนถูกใจพ่อผม! แต่ว่า... ถ้าผมจะทำตัวแบบนั้นผมควรเรียกตัวเองว่าเกย์หรือตุ๊ดดีล่ะ? ในเมื่อผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง ผมแค่อยากถูกผู้ชายด้วยกันทำก็แค่นั้น ชายรักชายมือใหม่อย่างผมจะไปนิยามตัวเองถูกได้ยังไง

     “ก็... เราเองยังตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าเราเป็นอย่างที่พวกนายล้อจริงๆ รึเปล่า? ถ้ามันเป็นเรื่องจริง เราก็ไม่จำเป็นต้องโกรธ เพราะความจริงก็คือความจริง แต่ถ้ามันไม่จริง ก็ไม่รู้จะโกรธไปทำไม แต่นี่จริงรึไม่จริงเราก็ไม่รู้ เลยไม่รู้จะแสดงออกยังไงละมั้ง”

     “อ้าว? ยังไงกันแน่วะนี่ ถามจริง มึงเป็นตุ๊ดจริงๆ เหรอ”

     “เปล่านะ! เราไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง!”

     ข้อนี้ผมกล้ายืนยันเลยครับว่าผมไม่ได้เสแสร้งแกล้งแอ๊บหลอกแม็กซ์ แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ว่าผมพอใจกับร่างกายเดิมที่เป็นผู้ชาย และผมก็นึกภาพตัวเองที่กลายเป็นผู้หญิงไม่ออกด้วย ผมยังอยากเป็นลูกชายของแม่อยู่ครับ ไม่อยากเปลี่ยนไปถึงขนาดนั้น ผมอยากเป็นผมคนเดิมก็เท่านั้น

     “งั้นนายก็เป็นเกย์”

     “ไม่รู้สิ...”

     ผมไม่ค่อยเข้าใจคำว่าเกย์ซักเท่าไหร่ ผมไม่ได้อยากมีกล้ามลำบึก แล้วก็... ไงดีล่ะ ผม... ไม่คิดว่าผมอยากทำตัวตุ้งติ้งสาวแตกแบบนั้นด้วย ผมพอใจที่ตัวเองเป็นแบบนี้ ละผมไม่ชอบเรื่องแฟชั่นด้วยครับ ผมเลยคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายปกติมากกว่า แล้วที่สำคัญ... ผมว่าผมไม่เหมือนลุงพลนี่นา ทั้งๆ ที่ลุงพลเป็นแบบนั้นแต่ลุงพลกลับ... ไม่นะ! ผมรับไม่ได้หรอกถ้าผมจะโดนคนที่มีจริตเยอะกว่าผมมาทำอะไรด้วย! แต่ถ้าจะให้ผมเป็นฝ่ายไปทำอะไรใคร โอ้ยไม่นะ! ไม่เอาอ่ะ ผมรับไม่ได้!

     “อ่าว! ผู้หญิงก็ไม่ชอบ ผู้ชายก็ไม่ชอบ ตกลงมึงเป็นไรแน่วะ?”

     แม็กซ์จะมาคาดคั้นอะไรผม! ผมยังตอบตัวเองไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะอยากแก้แค้นผู้ชายคนนั้นผมก็คงไม่ลุกขึ้นมาทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้หรอก!

     “ก็เราจะไปรู้ได้ไงล่ะ! เราไม่เคย... เราไม่เคยนี่นา จะไปรู้ได้ยังไงว่าเราชอบแบบไหน”

     “งั้น... มึงอยากลองป่ะล่ะ”

     ผมพูดไม่ออก ... คือเอาจริงๆ นะ ผมพูดไม่ออกจริงๆ ผมไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนว่าแม็กซ์จะจู่โจมผมรวดเร็วแบบนี้ ก็เมื่อตะกี้เขายังพึ่งไปมีเรื่องกับคนอื่นมาอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมาทำตาเจ้าชู้ใส่ผมซะแล้ว ผมได้แต่จ้องหน้าแม็กซ์ ไม่รู้จะตอบอะไรเพราะความสับสน ผมรับเกย์แบบนั้นไม่ได้ แต่พอเป็นผู้ชายอย่างแม็กซ์ผมกลับ... ผมกลับไม่นึกรังเกียจ

     ทั้งๆ ที่โอกาสของผมมาถึงแล้วแท้ๆ ผมจะยังมัวลังเลอะไรอีก แต่ก่อนที่ผมจะได้ทันพูดอะไรออกไป พวกผมก็เห็นอาร์มเดินออกมาจากห้องพยาบาลเสียก่อน แม็กซ์จึงหันมาทิ้งท้ายให้ผมอีกหนึ่งประโยคพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ ให้สมกับมาดแบดบอยของตัวเอง

     “ถ้ามึงอยากลองกับผู้ชายก็บอก ถ้าเป็นมึง กูยินดีทดลองทำให้ว่ะ”

     “เหี้ย! มึงต่อยกูปากแตกแบบนี้แล้วมึงยิ้มไรวะ”

     ผมรู้ว่าแม็กซ์ไม่ได้ยิ้มให้อาร์ม เขายิ้มให้ผม แล้วผมก็สั่นเพราะรอยยิ้มนั้นด้วย แม็กซ์ติดกับผมแล้ว! ผมควรจะดีใจแต่ผมกลับกลัว!

     “กูก็ยิ้มให้มึงไงอาร์ม เสือกโง่เข้ามาขวางกูเอง สมน้ำหน้าว่ะ”

     ผมได้ยินเสียงอาร์มเถียงกับแม็กซ์ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แถมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผมเดินตามสองคนนั้นกลับมาถึงห้องเรียนได้ยังไง ก็หัวใจของผมมันเต้นแรงซะจนผมทำอะไรไม่ถูกเลยละครับ

     หลังจากนั้น ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าเวลาที่แม็กซ์คุยกับผม เขาจะแทนตัวเองว่า“แม็กซ์”แทบทุกคำ เวลาเรียกชื่อผมก็เรียกซะกองทัพมดมาตั้งแถวรอรับเศษน้ำตาล! เขาขยันป้อผมมากขึ้น ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่การจีบเพราะความรัก มันก็แค่ความอยากเอาชนะแบบเด็กๆ ของแม็กซ์ที่อยากรู้อยากลองและก็คงเกิดนึกสนุกอยากลองกับคนแบบผมก็แค่นั้น

     แต่... แม็กซ์ก็ยังคงเป็นแม็กซ์คนเดิม เรื่องเสียหน้าอย่าให้พูดเลยครับ ยอมซะที่ไหน อาการอ่อนโยนจนผิดสังเกตกับผมที่คนทั้งห้องช่วยกันจับผิดถูกแม็กซ์พลิกสถานการณ์เป็นการทำความดีเพื่อชดเชยความผิดที่เขาก่อขึ้นจนทำให้ผมต้องเดือดร้อนตามไปด้วย นัยว่าแกล้งทำเป็นกลัวว่าผมจะโกรธจนไม่ช่วยติวให้ไปซะแบบนั้น ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วชวนผมไปห้องอยู่แทบทุกวัน เห็นๆ กันอยู่ว่าแม็กซ์แค่อยากนอนกับผม ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ...

     เล่นเอาผมต้องคิดแล้วคิดอีกว่านี่ผมตัดสินใจเดินหมากดีแล้วหรือ? ผมไม่อยากเจ็บปวดเพราะหมากของตัวเอง! ถ้าคนพวกนั้นยอมถอยเมื่อไหร่เกมก็จบ ผมกับแม็กซ์ก็คงจบตาม แต่หมากตัวนี้จะยอมให้ผมใช้แล้วเขี่ยทิ้งเหรอ? ถ้าแม็กซ์รู้เขาต้องโกรธผมแน่ๆ แต่ผมจะไม่มีวันยอมถูกหมากของตัวเองล้มกระดานเด็ดขาด!

     แล้ววันที่ผมตัดสินใจไปค้างห้องแม็กซ์เพื่อทำตามแผนก็มาถึงจนได้ เรื่องน่าหงุดหงิดหลายอย่างที่ผมเจอในวันนั้นมันช่วยเร่งให้ผมตัดสินใจทำลายความบริสุทธิ์ตัวเองได้ง่ายราวกับทิ้งขยะลงถัง! ผู้ชายคนนั้นแวะมาหาผมที่คอนโดอีกแล้ว แต่เขาไม่มีบัตรผ่าน เลยเข้ามาได้แค่ล็อบบี้หน้าคอนโดเท่านั้นแหละครับ เขาขึ้นมาถึงบนห้องผมไม่ได้หรอกถ้าผมไม่ได้แจ้ง รปภ. ไว้ และที่หงุดหงิดที่สุดก็คือระหว่างที่ผมต้องนั่งฟังคำพล่ามของผู้ชายคนนั้น ผมเห็นภาพของใครบางคนเดินจูงมือโอบไหล่สาวสวยขึ้นลิฟต์ไป เขาทำแบบนี้กับพี่ฟ่างได้ยังไง! ถึงจะเลิกกันแล้วแต่พาผู้หญิงอื่นมานอนห้องที่เคยอยู่ด้วยกันทั้งๆ ที่เขากับพี่ฟ่างยังเคลียร์ห้องนั้นไม่เรียบร้อยเลยด้วยซ้ำ! มันเกินไปแล้วนะครับ สมน้ำหน้าแล้วที่โดนพี่ฟ่างทิ้ง ผู้ชายงี่เง่าแบบนี้น่ะ!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2014 21:36:27 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
     เช้าวันต่อมาผมไปโรงเรียนด้วยหัวใจที่ด้านชา ผมพร้อมแล้วครับ ผมรอจนแม็กซ์ชวนผมไปค้างที่ห้องของเขาอีกครั้ง และเมื่อแม็กซ์หลุดปากแซวตามนิสัยผมจึงรับข้อเสนอของเขาทันที ... แล้วแม็กซ์ก็ยิ้มออกมา

     “วันนี้ยอมไปช่วยทำรายงานที่ห้องแม็กซ์สองต่อสอง ไม่กลัวโดนปล้ำเหรอต้น”

     แม็กซ์บอกอย่างอารมณ์ดีตอนไขกุญแจเข้าห้องตัวเอง แต่ผมเตรียมใจมาแล้ว ผมไม่กลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว!

     “ถ้าแม็กซ์จะทำ เราก็คงสู้แรงแม็กซ์ไม่ได้”

     ผมจำได้ว่าผมตอบไปแบบนั้น ในตอนแรกแม็กซ์หน้าเหวอพอสมควร แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าแสดงความพอใจ แม้แม็กซ์จะพยายามนิ่งไว้ แต่ประกายระยิบระยับที่พราวอยู่ในดวงตาบ่งบอกว่าแม็กซ์กำลังดีใจ ผมดูออก! ผมไม่รอดแน่!

     เราสองคนนั่งทำงานกันตามปกติจนถึงดึก ผมเองก็ตั้งรับอยู่เงียบๆ จนกระทั่งแม็กซ์พูดขึ้นว่าให้ผมไปอาบน้ำก่อน ผมถึงได้รู้ความหมายที่เขาตั้งใจแฝงมาว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผมต่อจากนั้น แม็กซ์เอาจริง!

     “อาบน้ำให้สะอาดล่ะต้น ถ้าไงก็ใช้ห้องน้ำนานๆ ได้ ไม่ต้องเกรงใจ แม็กซ์ไม่รีบ”

     ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันชาไปหมด แขนขาที่ลุกขึ้นยืนนี่แทบไม่มีแรงเลยแม้แต่น้อย ผมรู้ดีว่าแม็กซ์หมายถึงอะไร ปกติเวลาผมอาบน้ำแม็กซ์ชอบบ่นว่าผมใช้ห้องน้ำนาน แต่มาวันนี้เขากลับพูดแบบนั้น ผมอาบน้ำแบบคนหมดเรี่ยวแรง พยายามขัดถูตัวเองให้สะอาดทั้งๆ ที่มือไม้มันสั่นไปหมด ผมหวังว่าผมคงจะสะอาดพอสำหรับสิ่งที่ผมจะทำต่อไปนี้

     แต่เมื่อผมอาบน้ำเสร็จ ผม... ผมอายมากๆ ผมเกิดสับสนขึ้นมากะทันหันและคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อม ผมเลยเลือกที่จะใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ ตั้งใจจะออกมาพูดกับแม็กซ์ แต่เขากลับทำตัวปกติจนผมไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตรงไหน หรือผมจะคิดมากไปเอง? แม็กซ์อาจจะแซวผมเล่นเฉยๆ ผมก็เลยไม่รู้จะทำยังไง จนกระทั่งแม็กซ์เข้าไปอาบน้ำ ผมก็เลยแกล้งหลับ เพราะปกติผมมักนอนก่อนเขาอยู่แล้ว เขาใช้เวลาอาบน้ำพอสมควร แล้วผมก็เลยเผลอหลับไปจริงๆ

     ผมกำลังเคลิ้มๆ แต่เริ่มรู้สึกตัวเพราะสัมผัสแปลกประหลาดที่กำลังเล้าโลมผมอยู่ เหมือนจับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่แนบชิดเข้ามาทางด้านหลังของผม ผมตกใจจนสะดุ้งตื่น แต่มารู้สึกตัวเต็มที่อีกทีก็ตอนที่รู้สึกว่า มี...อะไรซักอย่างมานัวเนียกับซอกคอของผม แม็กซ์กำลังไซ้คอผมอยู่ ผมถูกผีแม็กซ์อำ!

     ผมนอนตะแคงอยู่โดยมีแม็กซ์แนบชิด มือของเขาสอดเข้าที่ใต้เอวและอีกมือก็จับคางของผมบังคับให้หันไปหาเขา แม็กซ์กำลังกอดผมอยู่ เขามีหอมผมบ้าง แต่แล้วมือของแม็กซ์ก็ขยับเข้ามาใต้เสื้อของผมพร้อมๆ กับริมฝีปากที่ก้มลงมาใกล้ แต่แม็กซ์ยังไม่ทันจะได้จูบปากผม ผมก็ขยับหนีซะก่อน ผมไม่อยากจูบเขาอ่ะ!

     “แม็กซ์!”

     “แอบหลับแบบนี้ได้ไงอ่ะต้น ไม่รอแม็กซ์เลยอ่ะ มา ขอลงโทษคนแอบหลับหน่อย”

     “ไม่เอานะแม็กซ์ ห้ามจูบ!”

     “ทำไมล่ะ?”

     “เรา... เรา เราเปลี่ยนใจแล้ว นอนเฉยๆ ได้มั้ย”

     ผมเกิดอาการติดอ่างขึ้นมาทันที ผมยอมรับว่าผมกลัวขึ้นมาจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาถึงผมจะวางแผนอะไรไปมากมาย แต่เอาเข้าจริงผมก็แค่คิดแค้นไปตามอารมณ์ และผมก็ไม่คิดว่าคนอย่างแม็กซ์จะอยากทำเรื่องแบบนั้นกับผมจริงๆ ผมคิดว่าแม็กซ์คงแค่อยากลองแต่คงไม่ได้คิดจะทำอะไรกับผม ยังไงผมก็เป็นผู้ชาย แม็กซ์ก็แค่หาเรื่องแหย่ผมไปเรื่อย แต่ว่า... ดูเหมือนผมจะรู้จักแม็กซ์น้อยเกินไป แม็กซ์คิดจริงจังกับผม เขาเอาจริง!

     “คิดว่าแม็กซ์จะยอมปล่อยให้ต้นรอดเหรอ ดูดิ ขึ้นขนาดนี้แล้วอ่ะ”

     แม็กซ์กระซิบบอกผม แล้วเขาก็คว้ามือผมไปจับที่ตรงนั้นของตัวเอง แม็กซ์นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัว ข้างใต้นั้นไม่ได้ใส่อะไรไว้ อืม... มันเป็นอะไรที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน ผมเพิ่งรู้ว่าตรงนั้นของคนเรามันแข็งได้ขนาดนี้! ตรงส่วนนั้นของแม็กซ์มันทั้งแข็งแล้วก็อุ่น แต่ขนาดมันน่ากลัวมากครับ ผมตกใจรีบชักมือกลับ!

     “ฮ่าๆ กลัวเหรอต้น ไม่ทันแล้ว”

     แม็กซ์หัวเราะแล้วหอมแก้มผม เขาขยับเอวเอาไอ้นั่นมาถูกับด้านหลังผม! อีกมือก็ล้วงใต้เสื้อผมอย่างเมามัน ผมกำลังทำบ้าอะไรอยู่!

     ผมคิดอะไรไม่ออกกลัวไปหมด ความใจเย็นที่เคยมีก็หายไปเหลือแต่ความตื่นตระหนก ผมไม่อยากมีเซ็กส์ครั้งแรกแบบนี้!

     ผมกลัวแต่ผมไม่รู้จะทำยังไง ผมวางแผนเอาไว้แต่ผม... ผมจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นจริงๆ น่ะเหรอ? แล้วถ้าแม็กซ์ไม่หยุดล่ะ? ถ้า... ถ้าเขาเกิดโมโหแล้ว... ล่ะ ผมกลัว ใครก็ได้ช่วยผมด้วย!

     เมื่อแม็กซ์เห็นว่าปลุกอารมณ์ผมไม่ได้ผล เขาเลยหันมาไซ้หน้าอกผมแทน เขาพลิกให้ผมนอนหงายแล้วขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้ มือของแม็กซ์ที่ผมเคยคิดว่ามันกว้างเหมือนกรงเล็บเหยี่ยวเวลาจับลูกบาสตอนนี้กำลังขยับอยู่ภายใต้เสื้อผม เขาทั้งบีบทั้งเค้นสลับกับดูดเลีย 

     แม็กซ์ที่ผมรู้จักเป็นคนเจ้าอารมณ์ เหลือเชื่อว่าเขาจะนุ่มนวลกับผมได้ขนาดนี้ เขาอ่อนโยนกับผมมากจนผมแปลกใจ ผมควรจะเสียวใช่มั้ย? ตามหลักแล้วถ้าถูกเล้าโลมผมต้องมีอารมณ์สินะ? ไม่เคยมีใครทำกับผมแบบนี้มาก่อน ผมคิดไม่ออกว่าควรจะรู้สึกยังไงเพราะผมมีแต่ความกลัว!

     แม็กซ์จับแขนผมยกสูงขึ้นพลางดึงเสื้อผมออกไป ลิ้นสากๆ กับนิ้วยาวๆ ของแม็กซ์เลื้อยผ่านจากหน้าอกลงไปถึงท้อง แม็กซ์ดีกับผมมาก ผมนึกว่าแม็กซ์จะทำกับผมแค่“ใส่ ทำ แล้วก็จบ” แต่เขาปฏิบัติกับผมด้วยการเอาใจใส่ แต่ยังไงผมก็ไม่พร้อม!

     ผมรู้สึกว่าตัวเองน้ำตาไหล แต่ผมไม่ได้รังเกียจหรือขยะแขยงแม็กซ์ คงเพราะผมตกใจจนคิดอะไรไม่ออกมากกว่า ผมกำลังจะมีเซ็กส์ครั้งแรกกับผู้ชายด้วยกัน! ผมกำลังจะมีเซ็กส์จริงๆ นะเหรอ?

     และแล้วแม็กซ์ก็เริ่มรุกผมมากขึ้น ดูท่าแม็กซ์คงไม่ไหวแล้วจริงๆ ที่เขาเล้าโลมผมอยู่นานสองนานนี่ก็โคตรเหลือเชื่อแล้ว แต่ผมมันห่วยเอง ผมมันด้านตายถึงได้ไม่รู้สึกอะไรจากสัมผัสของแม็กซ์นอกจากความกลัว!

     ถึงแม็กซ์จะไม่ได้จูบปากผมตามที่ผมขอร้อง แต่ร่างกายส่วนอื่นๆ ของผมก็ไม่รอดพ้นริมฝีปากของแม็กซ์ แถมตอนนี้เขายังดึงกางเกงผมลงต่ำ แม็กซ์ถอดกางเกงผมแล้ว! นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่!?! ผมไม่รอดแน่ๆ!

     “หันหลังให้แม็กซ์หน่อยนะ ต้น เข้าข้างหลังง่ายกว่า แม็กซ์ไม่อยากให้ต้นเจ็บ”

     ไม่รอให้ผมตอบแม็กซ์ก็จัดการพลิกตัวผมให้นอนคว่ำซะแล้ว ผมมีสติขึ้นมาว่าผมจะนอนกลัวอยู่แบบนี้ไม่ได้ ผมต้องทำอะไรซักอย่าง! ผมพยายามจะดันตัวขึ้นแต่ก็ไปเข้าทางของแม็กซ์พอดี กลายเป็นผมยันตัวขึ้นโก้งโค้งให้แม็กซ์ซะงั้น!

     ผมรู้สึกได้ว่ามีอะไรเย็นๆ ถูกป้ายไปที่ตรงนั้นของผม ทุกครั้งที่นิ้วของแม็กซ์สัมผัสตรงนั้นมันทำให้ผมสะดุ้ง! แม็กซ์ชโลมอะไรบางอย่างใส่จนผมรู้สึกได้ถึงของเหลวเปียกๆ ไหลไปตามต้นขาด้านในของผมเป็นทาง รู้สึกหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ ใจมันสั่นเหมือนจะเป็นลมซะให้ได้ ผมตายแน่!

     “ไม่ต้องกลัวนะต้น แม็กซ์จะทำเบาๆ”

     แม็กซ์ปลอบผมแล้วเขาก็หันไปวุ่นกับการฉีกซองถุงยาง ผมรู้เพราะได้ยินเสียงบ่นอู้อี้ของเขา

     พอผมหันไปมองแม็กซ์ ภาพที่ผมเห็นตอนนั้นก็คือ แม็กซ์คุกเข่าอยู่ข้างตัวผม เขาคาบซองถุงยางไว้ในปาก มือนึงกำลังฉีกซองถุงยาง แล้วอีกมือก็กำลังถกผ้าเช็ดตัวที่พันอยู่รอบเอวของตัวเองออก แล้วผมก็ได้เห็นไอ้นั่นของแม็กซ์ มันมีน้ำไหลเยิ้มออกมาจากหัวบานๆ โคตรน่ากลัว! จากนั้นแม็กซ์ก็ใช้มือนึงประคอง ส่วนอีกมือค่อยๆ สวมถุงยางใส่ครอบลงไปตั้งแต่หัวจรดโคนที่ขนาดมันทั้งยาวทั้งใหญ่กว่าของผมแน่ๆ แล้วผมก็หน้ามืด!

     ผมทำได้แค่ก้มหน้าซุกลงกับหมอน ในหัวสมองของผมเหมือนกับคนเสียสติ ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองกำลังจะถูกผู้ชายด้วยกันรุกล้ำในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ แรงแค้นที่ผมมีต่อผู้ชายคนนั้นมันกำลังหัวเราะอย่างสะใจ แต่ในขณะเดียวกันผมก็กำลังหวั่นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำแบบนี้จะดีแล้วเหรอ? ผมจะไม่เสียใจเพราะเรื่องนี้จริงๆ นะ? ผมกำลังจะมอบความบริสุทธิ์ของตัวเองให้กับแม็กซ์จริงๆ ใช่มั้ย? และคำถามสุดท้าย เป็นแม็กซ์น่ะ ดีแล้วเหรอ?

     แว๊บหนึ่งผมเห็นภาพของคนๆ นึงโผล่ขึ้นมาในหัว แต่ช่างเขาเถอะครับ เขาแทบไม่รู้จักผมด้วยซ้ำ มีแต่ผมที่เฝ้ามองเขาอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด ผมไม่เคยมีตัวตนในสายตาพี่เขา!

     แล้วแม็กซ์ก็เอาเจ้าสิ่งนั้นมาจ่อตรงปากทางเข้าของผม ผมคิดว่าเรื่องที่แม็กซ์เก่งเรื่องบนเตียงจนหญิงติดนั้นคงจะไม่ได้พูดเกินจริง เพราะแม็กซ์พรมจูบแทบจะทุกตารางนิ้วบนแผ่นหลังผมแล้ว แต่... เส้นขนที่ลุกชันอยู่บนตัวผมนี่มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความสยิวที่แม็กซ์มอบให้ มันเกิดขึ้นจากความกลัวในจิตใจผมล้วนๆ ผมไม่พร้อม ไม่ไหวหรอก ผมทำไม่ได้แน่ๆ!

     ผมไม่สามารถผ่อนคลายได้ แม้แม็กซ์จะเก่งเรื่องผู้หญิงแต่ผมเป็นผู้ชาย ถึงแม็กซ์จะพยายามกระตุ้นผม แต่... ผู้ชายในสภาวะตื่นกลัวถูกกระตุ้นด้วยวิธีการเดียวกับผู้หญิงบางทีมันก็ไม่เวิร์ค และอีกอย่าง... แม็กซ์ใจร้อนเสมอ รวมทั้ง... แม็กซ์อาจจะตอบสนองได้ดีกับพวกผู้หญิงแรดๆ ประเภทพร้อมตั้งแต่ผ้ายังไม่หลุดตามที่ผมได้ยินมา แต่คงไม่ชินที่จะปลอบประโลมคนอ่อนต่อโลก(ทางเพศ)เหมือนถ่านชื้นติดไฟยากแบบผม!

     “อย่าเกร็งนะต้น”

     แล้วโลกของผมก็มีแต่สีแดง!

     การโดนสอดใส่ครั้งแรกในชีวิตของผมเจ็บปวดราวกับร่างกายฉีกขาดออกจากกัน ผมกรีดร้องทันที ไม่องไม่อายอะไรอีกแล้ว เจ็บครับ! ใครจะเรียกผมว่าตุ๊ดจะด่าผมสาวแตกผมก็ยอม ขอให้แม็กซ์เอามันออกไปจากตัวผมซะที! ผมกลัวมากๆ แล้วก็กำลังสติแตกแล้วด้วย!

     “โอ๊ย! แม็กซ์ หยุดก่อน เอาออกก่อน เจ็บ!”

     ผมร้องขอให้แม็กซ์หยุด แต่แม็กซ์ไม่หยุด แม็กซ์กำลังติดลม เขาพยายามดันเข้ามาอีก แต่ผมเกร็งจนเขาดันไม่เข้า

     “แม็กซ์! เอาออก เราเจ็บ!”

     ผมขยับตัวจะหนีแต่แม็กซ์จับสะโพกของผมไว้แน่น

     “อย่าดิ้นสิต้น ตั้งสติแล้วหายใจลึกๆ”

     แม็กซ์ไม่ใช่ผมก็พูดได้สิครับ! ผมได้แต่แหกปากร้องด้วยความเจ็บปนความกลัว น้ำตาที่ตอนแรกไหลออกมาปริ่มๆ ที่หางตาก็กลายเป็นไหลทะลักสะอื้อฮักร้องขอให้แม็กซ์หยุดแบบไม่มีมาดอะไรอีกแล้ว ผมอยากรอด!

     “แม็กซ์เราขอร้อง ฮึก หยุดก่อน ...เรา ฮึก เจ็บ”

     ผมขอร้องแม็กซ์แต่เขากลับดันไอ้นั่นเข้ามาลึกขึ้น ความรู้สึกตอนที่มันค่อยๆ มุดเข้ามาในตัวนี่โคตรแสบเลย ผมรู้เลยว่ามันกำลังแทรกเข้ามาในร่างผมแน่ๆ เพราะตรงปากทางผมเจ็บทุกครั้งที่แม็กซ์ขยับ แต่พอแม็กซ์หยุดแล้วความแสบมันไม่หายไปไหน มันระดมความเจ็บปวดไปแสบอยู่ตรงที่แม็กซ์คาของเขาไว้ตรงนั้นแหละ

     “เอาออก ฮึก เจ็บ ฮือๆ หยุด!”

     แหกแน่ๆ ครับ ผมคิดว่าตรงนั้นของผมต้องฉีกแน่ๆ มันแสบไปหมด ผมต้องแย่แน่ๆ

     “ได้โปรด ฮือๆ เราขอร้อง ฮึก เจ็บ”

     แม็กซ์แช่ของเขาค้างไว้ ไม่พยายามดันเข้ามาอีก แต่ลำพังที่แช่คาไว้ก็ทำผมเจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว! เขาพยายามปลอบผม แต่ผมตอนนี้ไม่รู้เรื่องอะไรอีกแล้วนอกจากนอนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ไม่เอาแล้วครับ!

     “เอาออกก่อนนะแม็กซ์ เราขอร้อง ฮือๆ

     สุดท้ายคงเพราะเห็นผมทนไม่ไหว แม็กซ์เลยตัดสินใจถอนต้นเหตุแห่งความเจ็บปวดออกไปจากตัวผม แม็กซ์ประคองผมให้นอนราบลงกับเตียง ถอดถุงยางของตัวเองทิ้ง หันไปหยิบทิชชู่มาให้ผมที่ยังนอนร้องไห้อยู่ เราไม่ได้พูดอะไรกัน แต่พอแม็กซ์ขยับมานั่งใกล้ๆ แล้วจับขาของผมอ้าออกเท่านั้นแหละ ผมหลุดเสียงเกือบจะกรี๊ดขึ้นมาทันที ก็ผมกลัวนี่!

     จนแม็กซ์ต้องมองตาผม สีหน้าของแม็กซ์แปลกไปกว่าทุกครั้งที่ผมเคยเห็นมา เขาดูนิ่งจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นคนเดียวกันกับแม็กซ์แบดบอยที่ผมเจออยู่ทุกวันๆ ที่โรงเรียน

     “เลือดออกน่ะต้น แม็กซ์แค่จะเช็ดให้เฉยๆ”

     แม็กซ์พูดเรียบๆ พร้อมกับบรรจงเช็ดเลือดตรงแผลให้ผม

     อะไรนะ! ผมเลือดออกด้วยเหรอ? ผมไม่ใช่ผู้หญิงซักหน่อยแต่ทำไมถึงมีเลือดออก หรือมันจะฉีกอย่างที่ผมสงสัยจริงๆ ไม่ไหวหรอก ผู้ชายกับผู้ชาย เป็นไปไม่ได้แน่ๆ

     ผมรู้สึกแสบจากการฉีดขาดจนเผลอส่งเสียงครวญคราง มืออีกข้างของแม็กซ์ที่ตอนแรกจับขาข้างนึงไว้กันผมดิ้นก็ปล่อยให้ขาผมเป็นอิสระ แล้วเอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้ผมเบาๆ เขาบ่นพึมพัมกับตัวเองพอให้ผมได้ยิน

     “แม็กซ์ยังใส่เข้าไปไม่ถึงครึ่งเลยนะต้น ทนไม่ได้แบบนี้แม็กซ์ว่าคงไม่ไหวแล้วแหละ วันนี้นอนก่อนเถอะ”

     นั่นแค่ครึ่งเดียวเองเหรอครับ? ถ้าเป็นทั้งหมดผมต้องตายแน่ๆ ดีจังที่แม็กซ์ยอมหยุดให้ผม

     ว่าแล้วแม็กซ์ก็โยนทิชชู่เปื้อนเลือดนั่นทิ้งไป เขาเอนตัวลงมานอนตะแคงหันหน้ามาทางผมแทน แม็กซ์ให้ผมหนุนแขนเขา แม็กซ์มองตาผม ดวงตาของแม็กซ์เป็นประกาย สายตาก็ดูแน่วแน่มั่นคง ผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างจากแววตาของเขา แล้วแม็กซ์ก็สวมกอดผม ตัวของแม็กซ์ที่ควรจะเย็นจากการอาบน้ำเสร็จแล้วเปลือยเปล่าตากแอร์กลับร้อนระอุจนผมรู้สึกถึงอุณหภูมิอุ่นๆ ตอนที่แม็กซ์กอด

     เรานอนกอดกันอยู่แบบนั้นครู่ใหญ่ จนกระทั่งผมเริ่มรู้สึกดีขึ้น ไม่เจ็บมากเหมือนโดนฉีกทึ้งร่างกายทั้งเป็นอีก แม็กซ์ใช้สองแขนของตัวเองมอบความอบอุ่นให้ผมตลอดเวลา เขากอดผม แต่ผมกลับไม่รู้สึกถึงมันเลยแม้แต่น้อย แม้ผิวกายเปลือยเปล่าของเราจะสัมผัสกันอย่างแนบชิดแต่ตัวของผมกลับเย็นเฉียบ

     “ต้นไหวรึเปล่า โอเคมั้ย?”

     แม็กซ์พูดพร้อมกับมองหน้าผมอย่างเป็นห่วง

     “ต้นไม่ได้เกลียดแม็กซ์ใช่มั้ย?”

     ต้องตั้งสติอยู่ซักพักผมถึงจะเข้าใจว่าแม็กซ์หมายถึงอะไร

     “เราไม่ได้รังเกียจสัมผัสจากผู้ชาย แม็กซ์... แต่เราคิดว่าเราคงไม่พร้อม”

     “แค่ต้นไม่ได้รังเกียจแม็กซ์ๆ ก็ดีใจแล้วล่ะ”

     น้ำเสียงผ่อนคลายที่แม็กซ์พูดออกมามันเสียดแทงเข้าไปตรงกลางใจของผม คนที่สมควรถูกรังเกียจน่าจะเป็นผม! ผมหลอกใช้แม็กซ์ ผมทำให้ผู้ชายคนนึงต้องมาพัวพันกับคนแบบผม ผมไม่ควรมาอยู่ที่นี่เลย ผมไม่ควรทำแบบนี้!

     “เราอยากกลับแล้ว!”

     ผมว่าพลางตัดสินใจลุกขึ้น พยายามคว้าเสื้อผ้าที่ถูกแม็กซ์ถอดเหวี่ยงไปไหนแล้วก็ไม่รู้ขึ้นมาใส่อย่างยากลำบาก

     “ค้างที่นี่ก็ได้ สภาพแบบนี้จะกลับบ้านไหวเหรอ”

     “เราขอร้องล่ะแม็กซ์ เราอยากกลับบ้าน เราอยากอยู่คนเดียวซักพัก”

     ผมไม่อยากรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ ผมไม่ควรดึงแม็กซ์มาเล่นเกมนี้เลย ถ้าเขาใจร้ายกับผมเหมือนเคยผมคงไม่ต้องสับสนแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่นะที่เขาใจดีกับผมแบบนี้ นี่มันมากเกินไป ผมก็เป็นแค่ของแปลกที่เขาอยากลองไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาไม่ทำให้มันจบๆ ไปล่ะ? แล้วยิ่งสายตานั่น... ผมเริ่มกลัวแม็กซ์ขึ้นมาจริงๆ

     แม็กซ์ไม่ว่าอะไรนอกจากช่วยผมใส่เสื้อผ้า ผมเก็บข้าวของลงกระเป๋า แม็กซ์โทรเรียกแท็กซี่ให้ผม เดินลงมาส่งผมที่หน้าอพาร์ทเม้นท์ มองตามส่งผมขึ้นรถจนลับหายไป แล้วผมก็ได้อยู่คนเดียว

     นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่กันแน่? ผมได้แต่ถามตัวเองเป็นครั้งที่ร้อย จนกระทั่งรถแท็กซี่มาจอดที่หน้าคอนโด ผมเดินสะโหลสะเหลลงจากรถเดินเข้าคอนโด แต่ในขณะที่ผมกำลังเดินเข้าลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังชั้นที่ผมอาศัยอยู่ แขกที่ตามเข้าลิฟท์ตัวเดียวกันกับผมก็ทำให้ผมต้องตกใจจนลืมเรื่องที่คิดในสมองทั้งหมด ผมอยู่ในลิฟท์สองต่อสองกับพี่ชัช!

============================================


การเอาแปรงสีฟันเข้าไปในปากเฉยๆ ไม่เรียกว่าแปรงฟันฉันใดน้องต้นก็คิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ฉันนั้น

เป็นตอนพิเศษที่ตั้งใจเขียนมากๆ หวังว่าคงถูกใจคนอ่านไม่มากก็น้อย แม็กซ์มีพัฒนาการทางความรู้สึกจนจะเลยไปเพชรบุรีอยู่ละ น้องต้นก็ไม่เคยรู้ตัวเล้ย... จดจ่อกับสิ่งที่ตัวเองคิดมากไป(หรืออีกนัยเรียกว่าเห็นแก่ตัวจนไม่ใส่ใจคนรอบข้าง) แต่ก็แอบมุ้งมิ้งเล็กน้อยนะ ฮ่าๆ
แล้วก็เป็นการเฉลยไปกลายๆ ว่าทำไมแม็กซ์จีบต้นไม่ติด ทำไมต้นโคตรหลงพี่ชัช คารมล้วนๆ น้องต้นเกลียดเกรียน ฮ่าๆ ก็แหม ต้นน้ำเขาชอบผู้ชายอบอุ่นนิ เขาไม่ได้ชอบแนวหนุ่มแบดเลือดเย็นร้อนระอุเพื่อเธอ ฮ่าๆ

ตอนพิเศษหน้าเป็นของพี่ชัชแล้ว ละเจอกันน้า

 :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2014 23:35:28 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
- ตอนพิเศษ 2 -
##### ราชาหมาป่างี่เง่า VS เด็กเลี้ยงแกะจอมดราม่า #####

     ต้นน้ำออกจากโรงพยาบาลเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว บาดแผลบนศีรษะของต้นน้ำก็ตัดไหมออกแล้ว อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่มีผลกระทบอะไรต่อระบบสมองและอาการกระดูกซี่โครงหักของต้นน้ำก็ฟื้นตัวได้ดี จึงเหลือแต่รอให้กระดูกแขนซ้ายของเด็กหนุ่มเชื่อมติดกันภายในเฝือกที่ใส่ไว้ทำให้ต้นน้ำลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันพอสมควร นอกนั้นถือได้ว่าเขาไม่มีอาการบาดเจ็บอะไรที่น่าเป็นห่วงอีก ต้นน้ำรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานเป็นเดือนเพราะสายธารจำเป็นต้องกลับไปทำงาน เขาจึงต้องใช้ชีวิตในโรงพยาบาลในระหว่างที่ยังช่วยตัวเองไม่ไหว เพราะแม้แต่ชัยชัชเอง เขาก็ต้องทำงานเกือบทุกวันไม่สามารถมาดูแลต้นน้ำได้ตลอดเวลา

     แม้ต้นน้ำจะออกจากโรงพยาบาลแล้วแต่เขาก็ยังไม่ได้ไปโรงเรียนตามปกติ ต้นน้ำยังไม่สามารถไปไหนมาไหนไกลๆ ได้เอง แม้สภาพร่างกายจะดีขึ้นมากกว่าเดิม ไม่มีอาการเจ็บปวดตอนเคลื่อนไหวร่างกาย แต่แขนข้างซ้ายที่ยังใช้การได้ไม่เต็มที่นั้นก็เป็นอุปสรรคมากพอสมควร ชัยชัชจึงตั้งใจให้ต้นน้ำพักรักษาตัวอยู่ที่คอนโดอีกสักระยะ

     แต่ตอนนี้ต้นน้ำกำลังนั่งอยู่ในรถคันใหม่เอี่ยมของชัยชัชไปยังสนามสอบทั้งๆ ที่แขนข้างซ้ายของเขายังอยู่ในเฝือกและขยับแทบไม่ได้!

     รถป้ายแดงคันนี้ชัยชัชพึ่งถอยมาใหม่ได้ไม่ถึงสัปดาห์ เขาพาต้นน้ำไปที่โชว์รูมด้วยกันในวันออกรถนัยว่าอยากให้เป็นของขวัญเซอร์ไพรส์ที่ต้นน้ำออกจากโรงพยาบาล โดยชัยชัชทำเนียนเป็นพาขึ้นแท็กซี่กลับตอนออกจากโรงพยาบาลแล้วก็สั่งให้พาไปโชว์รูมรถเสียอย่างนั้น หลังจากนั้นก็อ้อนว่าอยากให้ต้นน้ำเลือกสีรถให้เพื่อที่เวลาขับรถจะได้นึกถึงเขาและเพื่อความเป็นศิริมงคลของชีวิตหากเชื่อคำพูดของเมีย! เล่นเอาต้นน้ำเขินหน้าแดงเพราะชัยชัชเล่นแซวกันต่อหน้าเซลล์ขายรถ

     แต่ถึงจะอายมากแค่ไหนสมองส่วนงกของเขาก็ยังทำงานอย่างเต็มที่ ต้นน้ำตกใจเป็นอย่างมากที่เห็นชัยชัชตัดสินใจซื้อรถใหม่ง่ายๆ แบบนั้น ยิ่งตอนที่เห็นชัยชัชวางเงินดาวน์หลายแสนก็ยิ่งรู้สึกหน้ามืด! เขาเป็นห่วงสภาพคล่องกระเป๋าเงินของคนรักขึ้นมาทันใด ต้นน้ำจึงนั่งนิ่วหน้าเป็นตุ๊กตาหน้างอให้แฟนหนุ่มมาตลอดทางกับการตัดสินใจแบบใจร้อนไม่คิดหน้าคิดหลังทำอะไรไม่ปรึกษากันแบบเดิมๆ จนมารู้ทีหลังว่าชัยชัชได้เทิร์นรถคันเก่าไปเรียบร้อยแล้วเลยได้เงินมาหมุน  และด้วยคำขอโทษกับคำอธิบายเรื่องการใช้ชีวิตในรถบนท้องถนนของอาชีพเซลล์ที่จำเป็นต้องมีรถยนต์เป็นปัจจัยที่ห้าของชีวิตแล้ว ต้นน้ำจึงคลายความฉุนเฉียวลงบ้าง

     “ต้น เป็นอะไรรึเปล่าครับ? นั่งหน้าเครียดเลย?”

     เสียงของชัยชัชดังขึ้นแทรกความคิดของต้นน้ำ สีหน้าของชัยชัชดูกังวลสื่อถึงความห่วงใยที่มีให้ต้นน้ำเป็นอย่างมาก ต้นน้ำกำลังเครียดเรื่องการสอบแอดมิชชั่น เพราะเขาประสบอุบัติเหตุจึงต้องหยุดเรียนไปช่วงเวลาหนึ่ง เขากังวลว่าตนจะตามคนอื่นไม่ทันและคิดมากเรื่องสอบ เขากลัวตัวเองจะพลาดจนต้องรอโอกาสใหม่ในปีถัดไป แม้คุณปู่ของเขาจะปลอบใจว่าหากสอบไม่ติดก็จะช่วยสนับสนุนทุนให้เรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำ หรือถ้าหากว่าเขาต้องการไปศึกษาต่อยังต่างประเทศท่านก็ยินดีช่วยเต็มที่ แต่ด้วยศักดิ์ศรีของเขา คนอย่างต้นน้ำไม่มีวันยอมแน่ๆ!

     แม้การที่ต้องหยุดเรียนไปช่วงหนึ่งจะทำให้เขาต้องพยายามขวนขวายเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า แต่เขาก็ตั้งความหวังกับผลการเรียนและการสอบแอดมิชชั่นมากๆ เพราะมั่นใจว่าเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดด้วยการพยายามของตัวเอง ต้นน้ำต้องการสอบติดคณะที่ตนต้องการให้ได้ภายในปีนี้เพื่อพิสูจน์ความสามารถของเขาให้ทุกคนได้รับรู้ เขาอยากชนะเกมกระดานนี้ด้วยฝีมือของตัวเอง

     “เจ็บแผลเหรอต้น หน้าบึ้งเชียว?”

     ชัยชัชยอมโดดงานขับรถพาต้นน้ำไปส่งยังศูนย์สอบ ช่วงที่ผ่านมาเรียกได้ว่าชัยชัชดูแลต้นน้ำแบบเช้าถึงเย็นถึง ส่งข้าวส่งน้ำคอยช่วยดูแลเขาทุกวัน ช่วยเขาจัดการธุระส่วนตัวที่ทำเองไม่สะดวกอย่างสุภาพ แถมยังช่วยทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ให้แบบที่ต้นน้ำเองยังต้องเผลอตบแก้มตัวเองเบาๆ ด้วยนึกว่าตนกำลังฝันไป เล่นเอาต้นน้ำรู้สึกได้กำไรกับการบาดเจ็บหนนี้พอสมควร

     ‘นี่ละมั้งที่เขาเรียกว่าฟ้าหลังฝน พอเมฆหมอกมันหายไปแล้วก็มีแต่ความสดใสของพระอาทิตย์ มีความสุขชะมัด’

     “ปวดแขนเหรอครับ?”

     “ขับรถไปดีๆ เลยครับ ไม่ต้องหันมามองหน้าผม”

     “โธ่ต้นอ่ะ ก็พี่เป็นห่วงนี่ครับ”

     “เดี๋ยวก็เกิดเรื่องอีกหรอกครับ”

     ใช่ว่าต้นน้ำไม่ดีใจที่แฟนหนุ่มเป็นห่วง เขาไม่ได้เจ้าคิดเจ้าแค้นเรื่องที่ชัยชัชทำให้เขาเจออุบัติเหตุ เพียงแต่... อย่างไรเสียต้นน้ำก็ยังกลัว เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องซ้ำสองขึ้นอีก และความกังวลเรื่องการสอบนี้เขาก็ไม่อยากบอกให้ชัยชัชฟังด้วย ต้นน้ำรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นตามธรรมชาติสำหรับเด็ก ม.6 ทุกคน และถึงบอกไปชัยชัชก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี

     ‘ถ้าเรากำลังขับรถสิ่งที่เราควรจะมองก็คือถนนไม่ใช่เหรอครับพี่ชัช ไม่ใช่หน้าแฟน!’

     “คร้าบๆ วันนี้เมียพี่ดุจัง สงสัยใกล้วันนั้นของเดือนแหง๋ๆ”

     “พี่ชัช! ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะครับจะได้มีแบบนั้นได้อ่ะ”

     ต้นน้ำขึ้นเสียงสูงใส่ชัยชัชทันที พักหลังนี้ต้นน้ำเผลอขึ้นเสียงและชักสีหน้าใส่ชัยชัชบ่อยขึ้น ต้นน้ำไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นและชัยชัชก็สังเกตเห็น แต่ชัยชัชไม่ว่าอะไรเพราะอยากให้ต้นน้ำเป็นธรรมชาติเวลาอยู่กับเขา ดังนั้นชัยชัชจึงแอบยิ้มและปล่อยให้ต้นน้ำทำหน้างอต่อไป

     ต้นน้ำไม่ชอบและไม่ขำกับมุขเปรียบเทียบเขาเป็นผู้หญิงแบบนี้ เพราะถึงเขาจะยอมเป็น"เมีย"ของชัยชัชแต่อย่างไรเสียเขาก็ยังคงเป็น"ผู้ชาย" และไม่สามารถกลายเป็นผู้หญิงจริงๆ ได้

     “คร้าบ ไม่แซวแล้วก็ได้ อย่าโกรธพี่น้า พี่ก็แค่อยากให้ต้นผ่อนคลายบ้าง”

     ชัยชัชขับรถไปพูดไปโดยไม่ได้ละสายตาจากท้องถนนตรงหน้า เขาเริ่มใช้ทักษะด้านคารมของตนหว่านล้อมต้นน้ำให้เลิกคิดมาก มีหรือที่คนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างเขาจะไม่รู้ว่าต้นน้ำกำลังคิดอะไรอยู่ อย่างน้อยเขาก็เป็นเด็กเอ็นท์มาตั้งสองครั้งเชียวนะ!

     “พี่รู้น้าว่าเราเครียดเรื่องสอบ แต่ว่าเราเตรียมตัวมาตลอดไม่ใช่เหรอต้น เราพลาดไปไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ แล้วในสิบเปอเซ็นต์ที่พลาดพี่ก็เห็นต้นทั้งลองทำแบบฝึกหัดล่วงหน้าอ่านหนังสือไปติวเตรียมตัวมาตลอด ถ้าต้นไม่พลาดในอีกเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือ พี่ว่าไงต้นก็ฉลุยน่า แฟนพี่เป็นถึงระดับท็อปของโรงเรียน ถึงจะคะแนนตกๆ ลงมาหน่อย แต่ยังไงก็อยู่ลำดับบนๆ แหละน่า ที่เราเตรียมตัวมาตลอดนั่นเผลอๆ ทำได้ดีกว่าคนที่พึ่งมาขยันเอาตอน ม.6 ซะอีก แล้วอีกอย่างถ้าต้นมัวแต่เครียดแบบนี้จะยิ่งหมดกำลังใจนะ เดี๋ยวไปเจอข้อสอบก็ตื่นเต้นจนลืมที่อ่านไปหมดหรอก ผ่อนคลายหน่อยเถอะครับคนดีของพี่ ต้นเก่งอยู่แล้วไงก็ไม่พลาดหรอก”

     ตรรกะเพี้ยนๆ ของชัยชัชทำให้ต้นน้ำสบายใจบอกไม่ถูก เขาปลื้มที่ชัยชัชมีวิธีให้กำลังใจแปลกๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหนไม่ว่าเขาจะกลุ้มใจเรื่องอะไรอารมณ์ขันและกำลังใจจากชัยชัชก็สามารถคลี่คลายปัญหาได้ทั้งหมด

     ‘ผมรักพี่ชัชชะมัด’

============================================

     เทศกาลแห่งการสอบของต้นน้ำผ่านพ้นไปแล้ว เฝือกที่แขนของเขาก็เอาออกแล้ว กระดูกที่หักก็ติดกันดีมากแต่หมอยังห้ามออกแรงมากหรือทำกิจกรรมหนักๆ แต่โรงเรียนปิดเทอมแล้วเขาจึงไม่มีปัญหาอะไรเพราะไม่ต้องโหนรถเมล์ไปไหนอีก ตอนนี้ต้นน้ำสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายแล้ว เขาได้แต่อยู่ในห้องไปวันๆ คอยเก็บกวาดคอนโดทำงานบ้านนิดๆ หน่อยๆ รอลุ้นผลสอบต่างๆ พลางศึกษาสูตรอาหารใหม่ๆ จากอินเตอร์เน็ทไว้ทดลองทำให้ชัยชัชทาน มีแอบแวะไปเที่ยวที่บ้านเมษบ้างเป็นครั้งคราว ทั้งสองคนสนิทกันมากเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนซี้ย่ำปึ๊ก จนกระทั่งล่วงเข้าเดือนเมษายน เดือนแห่งเทศกาลหยุดยาวประจำเมืองไทย

     “ต้น สงกรานต์นี้เรามีแผนจะไปไหนกับพี่น้ำป่าว?”

     “หืม? ไม่นี่ครับ แม่ผมไม่ได้หยุดหรอกครับ ตอนนั้นที่ผมอยู่โรงพยาบาลแม่ก็ลามาเฝ้าผมเกือบเดือน”

     “อ้าว เสียดายจัง งี้พี่น้ำก็ต้องทำงานเหนื่อยแย่ดิวะ สงกรานต์แท้ๆ”

     “ก็คงแบบนั้นแหละครับ แม่หวังกับโบนัสก้อนสุดท้ายนี้มาก ถ้าเรื่องมหาวิทยาลัยผมเข้าที่เข้าทาง แม่ก็คงจะลาออกปีนี้แหละครับ แล้วก็คงจะแต่งงานไปอยู่กับเดนส์ตอนปลายปี”

     “โหเร็วจัง! งี้แล้วต้นจะทำยังไงอ่ะ?”

     “ผมก็เรียนต่อที่นี่ตามแผนที่วางไว้น่ะสิครับ ยังไงก็อยู่ตัวคนเดียวมาจนชินแล้วคงไม่ลำบากอะไร แถมถ้าเหงาก็บินไปหาแม่ที่โน่นได้ ใช่ว่าจะจากกันตลอดไป”

     “พูดเหมือนทำใจได้เลยนะนั่น”

     “ก็... พอรู้เลาๆ มาซักพักแล้วครับ”

     ต้นน้ำหันมายิ้มเศร้าๆ ให้กับชัยชัชเช่นเคย เขาเอนหัวพิงเข้าที่ไหล่อันอบอุ่นของแฟนหนุ่มก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับเป็นร่าเริงว่า

     “แต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับ ผมไม่ได้อยู่คนเดียวซักหน่อย ยังมีพี่ชัชอยู่ทั้งคนอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง”

     คำพูดออดอ้อนนั้นทำให้ชัยชัชอารมณ์ดี เขาลูบศีรษะต้นน้ำเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปสูดกลิ่นหอมจางๆ

     “งั้นไปเที่ยวสงกรานต์ที่บ้านพี่ป่าว?”

     “.....”

     ‘บ้านของพี่ชัช? หมายถึงบ้านที่กำลังสร้างหรือไง?’

     “หมายถึงอะไรเหรอครับ?”

     “เอ้าๆ งง... งง ทำหน้างงอยู่นั่นแหละ พี่หมายถึงบ้านเกิดพี่ ที่พี่เคยบอกว่าเป็นคนต่างจังหวัดไง”

     ‘นั่นไม่ได้แปลว่าบ้านพ่อแม่พี่ชัชหรอกเหรอไง พี่ชัชชวนเราไปบ้านเนี่ยนะ!’

     “เอ่อ... พี่ชัชจะกลับไปเยี่ยมบ้านตอนช่วงสงกรานต์เหรอครับ?”

     “อืม ไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว ละพี่ก็คิดว่ารอบนี้พี่อยากพาเราไปด้วย”

     “ไม่ต้องก็ได้มั้งครับผมอยู่คนเดียวได้ ผมใกล้หายแล้ว”

     ต้นน้ำเริ่มปฏิบัติการเฉไฉตามสไตล์เด็กเลี้ยงแกะอีกแล้ว ชัยชัชจึงรีบขัดขึ้นพลางดึงกลับเข้าประเด็น

     “อย่าปฏิเสธนะต้น ต้นก็รู้ว่าพี่ชวนเราไปเพราะอะไร”

     น้ำเสียงจริงจังกับแขนหนักๆ ที่ย้ำน้ำหนักลงมาทำให้ต้นน้ำรู้สึกกระวนกระวาย เขายังไม่ได้เตรียมใจเลยนะ!

     “แต่ว่าถ้าเกิดที่บ้านของพี่...”

     “แล้วต้นจะอยู่แบบนี้ไปตลอดเหรอ ไหนตอนนั้นบอกว่าอยากให้พี่พาไปเปิดตัวไง”

     “นั่นผมก็แค่พูดเล่น! ผม... ถ้าที่บ้านพี่ชัชไม่ยอมรับผมละครับ แล้วถ้าที่บ้านพี่ชัชโกรธพี่ชัชมากๆ ละครับ แล้วถ้า...”

     คงเพราะดราม่าควีนเริ่มสติแตกจนตีตนไปก่อนไข้อีกแล้ว หมาป่าเจ้าอารมณ์ก็เลยใช้วิธีสงบสติอารมณ์เด็กเลี้ยงแกะด้วยการ"งับปาก"

     เพียงแต่... พักหลังนี้สัมผัสของชัยชัชดูดดื่มลึกซึ้งมากกว่าเดิมหลายเท่า ริมฝีปากที่บรรจงประทับรอยจูบอย่างละเมียดละไมชวนให้เคลิบเคลิ้มเสียจนต้นน้ำรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ปะทุอยู่ตรงแกนกลางของอารมณ์ เล่นเอาเขาแทบตั้งสติไม่อยู่!

     ลิ้นของชัยชัชสอดประสานเข้ามาด้วยจังหวะหวานซึ้ง ต้นน้ำได้กลิ่นอาฟเตอร์เชฟจางๆ ยามที่คางของทั้งสองแนบชิดกัน ชัยชัชกอดต้นน้ำเสียแน่นจนไม่เหลือช่องว่าง กลิ่นอายคุ้นเคยแผ่ออกมาจากร่างของชัยชัช กลิ่นเหงื่อที่บางวันก็ชวนให้หันหน้าหนีแต่ในยามนี้กลับปลุกเร้าให้ต้นน้ำรู้สึกถึงตัวตนของชายคนรักมากขึ้นไปอีกในยามชิดใกล้ ต้นน้ำแทบจะมอดไหม้หลอมละลายเพราะจูบนี้อยู่รอมร่อแล้ว! แต่อย่างไรก็ไม่ได้เด็ดขาด! ต้นน้ำรู้สึกถึงออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกายน้อยลงจึงผลักชัยชัชออกเบาๆ เพื่อให้สมองสั่งการไปยับยั้งหัวใจให้ระงับอารมณ์

     “พอ... พอเถอะครับพี่ชัช”

     ต้นน้ำหันใบหน้าที่แดงระเรื่อด้วยพิษจูบหนีชัยชัชอย่างเอียงอาย

     “หายนอยด์ยังครับที่รัก?”

     คิ้วของต้นน้ำขมวดขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ชอบวิธีแบบนี้เลยจริงๆ ถึงมันจะช่วยหยุดความคิดมากของเขาได้ก็เถอะ แต่มันทำให้เขาใจเต้นโครมครามไปหมด!

     “พี่ชัชก็ ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ”

     “ทำไมครับ ต้นเขิน? หึๆ เวลาเมียพี่หน้าแดงน่ารักที่สุดเลยครับ เห็นแล้วอยากแกล้งให้หน้าแดงแบบนี้ทั้งวันเลย”

     พอเจอมุขชวนคิดมากแบบนี้เข้าไป ต้นน้ำก็ใจสั่นยิ่งกว่าเดิม ถึงตลอดเวลาที่ผ่านมานับจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ชัยชัชจะไม่ได้แตะต้องเขาด้วยการบังคับฝืนใจอะไรอีก แต่เรื่องที่ชอบฉวยโอกาสจนเขาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวกลับเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม แถมยังลึกซึ้งมากขึ้นทุกครั้ง พัวพันนานขึ้นจนเขาแทบขาดใจ ความร้อนรุ่มที่ถูกปลุกเร้าก็ช่างแผดเผาเขาจนแทบครองสติไม่อยู่ แม้จะกลัวแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ และชัยชัชก็เลือกวิธีจู่โจมได้แสนสุภาพ รสสัมผัสอันอบอุ่นอ่อนหวานก็ช่างนุ่มนวลเสียเกินกว่าจะผลักไส ต้นน้ำตกเป็นเบี้ยล่างของชัยชัชในเกมนี้เห็นๆ

     “พอเลย ไหนบอกจะไม่ฝืนใจผมไงครับ”

     “ก็ไม่เห็นต้นห้ามไรนี่ พี่ก็เลย... หึๆ แต่ตอนต้นบอกให้พี่หยุดพี่ก็หยุดแล้วน้า กลัวแฟนขาดอากาศตาย ฮ่าๆ”

     ‘ก็ปากผมว่างร้องห้ามพี่ซะเมื่อไหร่ละครับ คนอะไรก็ไม่รู้จูบเก่งเป็นบ้า! ผมก็เคลิ้มเป็นนะ’

     ต้นน้ำก็ทำได้แค่คิดในใจ เขาไม่กล้าพูดออกไปเด็ดขาด ดังนั้นจึงได้แต่งอนทำหน้างอมองค้อนคนจูบเก่ง

     “หน่า... โอ๋ๆ อย่างอนพี่เลยนะครับ”

     ว่าแล้วชัยชัชก็สวมกอดต้นน้ำอย่างรักใคร่ เขาเกลี้ยกล่อมแฟนหนุ่มตัวน้อยอีกรอบ

     “นะไปกับพี่หน่อย พี่อยากพาต้นไปเที่ยวบ้านพี่จริงๆ แอ่วเมืองเหนือสนุกน้า ละรู้ป่าวที่ลำปางมีฟาร์มแกะเปิดใหม่ด้วย พี่ยังไม่เคยไปเลย”

     ชัยชัชเริ่มเล่นบทลูกหมาป่าตัวโตๆ อีกแล้ว น้ำเสียงขี้อ้อนของผู้ชายตัวโตที่กำลังไถคางหนวดหรอมแหรมไปมากับแก้มของเขาขณะโอบกอดกันอยู่นี้ทำให้ต้นน้ำหลุดหัวเราะออกมาได้ไม่ยาก

     “ชอบแกะจังนะครับ”

     “ครับ ก็บอกแล้วไงพี่ราศีเมษ แถมยังเผลอหลงรักเด็กเลี้ยงแกะด้วยเนี่ย”

     “พี่ชัชว่าผมนี่!”

     ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเป็นแฟนกันแล้วพักหลังชัยชัชชอบแซวเขาแรงขึ้น ถึงบางทีจะเป็นแค่การแซวกันขำๆ แต่ก็ทำเอาต้นน้ำจุกเหมือนกัน แต่ก็เอาเถอะเขาหลวมตัวไปถึงขนาดนี้แล้วนี่นา ก็พอรู้อยู่บ้างว่าแฟนของตนนั้นคารมไม่ธรรมดา เลยไม่ค่อยแปลกใจที่พบว่าเมื่อคบๆ กันไปแล้วชัยชัชปากเสียมากกว่าเดิมเยอะ โดยเฉพาะเวลาหยอกเขาที่ทั้งแรงและเรทมากขึ้นเรื่อยๆ

     “ทำอย่างกับตัวเองดีนักนี่ครับ เป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ชัดๆ แถมเวลาโมโหแล้วยังน่ากลัวเป็นบ้า!”

     แม้จะบ่นอุบเบาๆ แต่ต้นน้ำก็จงใจพูดในระดับเสียงที่ชัยชัชได้ยิน เขาจึงหัวเราะร่วนก่อนจะต่อปากต่อคำว่า

     “เอาน่าๆ คนเขาบอกว่าพวกราศีเมษอารมณ์ร้ายแต่รักใครรักจริงนะ แถมเป็นหมาป่าไม่ดีตรงไหน ได้จับเด็กเลี้ยงแกะกินด้วย”

     ว่าแล้วชัยชัชก็จับคางเชิ่ดๆ ของต้นน้ำหันมาสบตากัน สายตาพราวระยิบระยับแฝงไปด้วยแววเจ้าเล่ห์ชวนให้ต้นน้ำหายใจไม่ทั่วท้อง

     “อร่อย”

     ถ้อยคำสั้นๆ แต่แฝงไว้ด้วยความหมายมากมาย ต้นน้ำร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้า สีแดงจัดระบายไปจนถึงใบหูและลำคอ เขาอยากหลบสายตานี้ก็หลบไม่ได้ ผู้ชายคนนี้มีชั้นเชิงแพรวพราวมากเกินไป ต้นน้ำได้แต่ฝืนจ้องตอบ ยิ่งจ้องก็ยิ่งเขิน ยิ่งเขินก็ยิ่งหน้าแดง

     “กินอีกรอบได้ป่ะ?”

============================================
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2014 22:33:33 โดย AI.NoR »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด