[28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า  (อ่าน 129977 ครั้ง)

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย
หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบกรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลงหรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับนิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม





มาแจ้งว่า AzureICE เปิดเพจใหม่แล้วเน้อ เชิญไปกดไลค์กันได้ตามอัธยาศัย

"แค่ 1like ของท่านก็เป็นกำลังใจให้กับคนเขียนได้อื้อเลยจ้า"

     จริงๆ อันเก่าปิดไปเพราะเปลี่ยนเฟซหลัก มันเลยปิดตาม (*มีเหตุผลส่วนตัวนิดหน่อย)
     แฟนๆ #พี่ชัชน้องต้น ตามไปกดถูกใจกันใหม่ได้น้า  อยากให้ช่วยกดไลค์กันหน่อยจ้า  :hao5:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2015 20:05:17 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ

เมื่อหมาป่าเจ้าอารมณ์โคจรมาพบกับเด็กเลี้ยงแกะจอมดราม่า อะไรจะเกิดขึ้น?

     เรื่องราวความรักระหว่างต้นน้ำ เด็กหนุ่มเตรียมแอดมิชชั่นอายุ 18 ที่มีปัญหาส่วนตัวเรื่องครอบครัว กับชัยชัชเซลล์ขายยาหนุ่มอายุล่วงเข้าเลข 3X ที่พึ่งจะโดนแฟนสาวบอกเลิกหนีไปคบทอม คนทั้งสองจะรักกันได้อย่างไรในเมื่อคนนึงก็แสนจะเก็บกด สตอร์เบอร์รี่เรียกพี่ อีกคนก็ขี้โมโห เลือดขึ้นหน้าทีไรละก็อย่างกับก็อตซิล่าทำลายเมือง!
     ความรักที่มีสันดานเป็นอุปสรรคจะจบลงเช่นไร? ต้นน้ำจะหลอกล่อชัยชัชด้วยวิธีไหน? แล้วชัยชัชล่ะ เขาจะเปิดใจรักต้นน้ำได้หรือไม่?
โปรดติดตาม
     งานนี้ใครจะอยู่ใครจะไป? หมาป่าจะงาบลูกแกะ หรือเด็กเลี้ยงแกะจะจับหมาป่าลามโซ่ ติดตามความแหลของตัวเอกจอมดราม่าได้ ณ. บัดนี้!
     (*** นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักใสๆ มีฉากกุ๊กกิ๊กนิดหน่อย ไม่ค่อยมีฉากเรท แต่ดราม่าจัดเต็มนะเออ! )


============================================


สารบัญ

ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ - ปฐมบทแห่งตำนาน"หมาป่างาบเด็กเลี้ยงแกะ"(จบแล้วจ้า)

- บทนำ : - ##### ที่นี่ คือที่ไหน? ##### - 0
- บทที่ 1 : - ##### ตกลงว่าเราเป็นแฟนกัน? (ไม่งั้นผมก็ต้องเป็นผู้ต้องหาคดีพรากผู้เยาว์!?) ##### - 1 , 2
- บทที่ 2 : - ##### บางที การที่อยู่ๆ ก็มีน้องชายมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ ตัวก็ถือเป็นเรื่องดี ##### - 1 , 2
- บทที่ 3 : - ##### เป็นเด็กพี่ เอ้ย! เป็นน้องพี่ เดี๋ยวพี่ดูแลเอง ##### - 1 , 2
- บทที่ 4 : - ##### ผู้ชายที่ดีควรรับผิดชอบคำสัญญาให้ได้ทุกคำพูด (แต่การลวนลามนิดๆ หน่อยไม่ถือเป็นการทำร้ายนะครับ!) ##### - 1 , 2 , 3
- บทที่ 5 : - ##### ฉลองปีใหม่ และความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นในใจ ##### - 1 , 2
- บทคั่น : - ##### หมาป่าราศีเมษและลูกแกะราศีมังกร ##### - 1
- บทที่ 6 : - ##### เด็กเลี้ยงแกะผู้เฝ้ามองหมาป่า ##### - 1 , 2 , 3
- บทที่ 7 : - ##### ความรักของเด็กเลี้ยงแกะ ##### - 1 , 2
- บทที่ 8 : - ##### ความลับของเด็กเลี้ยงแกะ ##### - 1 , 2
- บทที่ 9 : - ##### เด็กเลี้ยงแกะที่ชื่อต้นน้ำ ##### - 1 , 2
- บทที่ 10 : - ##### น้ำตาของเด็กเลี้ยงแกะ ##### - 1 , 2
- บทคั่น : - ##### บทเรียนชีวิตของเด็กเลี้ยงแกะ ##### - 1
- บทสุดท้าย : - ##### บทสรุปของความรักระหว่างหมาป่าและเด็กเลี้ยงแกะ ##### - 1

- ตอนพิเศษ 1 - ##### ตัวหมากที่ชื่อแม็กซ์ ##### - 1
- ตอนพิเศษ 2 - ##### ราชาหมาป่างี่เง่าVSเด็กเลี้ยงแกะจอมดราม่า ##### - 1



============================================



Drama Queen & Dumb King ↔ The story after that.

ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ และ เรื่องราวหลังจากนั้น (จบแล้วน้า)

     เรื่องราวภาคต่อจาก "ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ" คราวนี้น้องต้นโตแล้ว กลายเป็นหนุ่มมหาลัยปี 2 และพี่ชัชก็หื่นขึ้นกว่าเดิม เป็นคุณลุงจอมลามกที่แสนเจ้าเล่ห์
     แต่เรื่องมันไม่ง่ายสิ ก็น้องต้นโตขึ้น สังคมก็กว้างขึ้น แถมยังรู้จักเปิดใจรับเพื่อนใหม่ๆ อีกเพียบ พี่ชัชที่หวงเมียยิ่งกว่าหมาหวงก้างจะทำเช่นไรดีละเนี่ย? ตัวเองก็แก่ขึ้นทุกวันๆ แต่เมียดันน่ากินมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีคนจ้องจะตีท้ายครัวอยู่เพียบ!
     เชิญพบกับเรื่องวุ่นๆ ของต้นน้ำภาคใหม่ที่ขนผองเพื่อนเด็กมหาลัยมาให้ฟินกันอื้อเลยจ้า อ้อแน่นอนว่า"เมษ"มาด้วยอยู่แล้ว ก็บอกละว่าสองคนนี้เขาแท็คทีมกัน แล้วยังมีสุดยอดชายหนุ่มผู้เสียสละแห่งปี"แม็กซ์"ที่กลับมารียูเนี่ยนกันกับต้นน้ำอีกครั้ง ร่วมป่วนไปด้วยหนุ่มKYสุดเป๋อ"อาร์ม" และหนุ่มAKYสุดซ่า"ไปป์"
     งานนี้จะวุ่น ป่วน ชวนสนุกไปกับความดราม่าขนาดไหนต้องติดตามชม หึ หึ.

     (*** นิยายเรื่องนี้ขายความดราม่านะเออ! มันจะหน่วงจิต ปวดตับ อึดอัด และมันส์กว่าเดิม คนแต่งไม่ได้เน้นฉากหื่นจริงจริ๊ง ฮารงฮาเรมไม่มี๊ เป็นนิยายรักตีแผ่ศิลปะการใช้ชีวิตคู่ การปรับตัวในสังคม และความสัมพันธ์ในหมู่เพื่อนจ้า)


============================================



สารบัญ

ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ และ เรื่องราวหลังจากนั้น

STORY 1 after that. - พี่ชัชน้องต้น # 1
STORY 2 after that. - การกลับมาของแม็กซ์ # 1
STORY 3 after that. - เมื่อหมาป่าจะงาบลูกแกะ # 1
STORY 4 after that. - ชีวิตของเด็กเลี้ยงแกะและหมาป่า # 1
STORY 5 after that. - เด็กเลี้ยงแกะและผองเพื่อน # 1
STORY 6 after that. - ดราม่าของเด็กเลี้ยงแกะ # 1
STORY 7 after that. - เมื่อเด็กเลี้ยงแกะไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน # 1
STORY 8 after that. - วันรวมญาติของหมาป่า # 1
STORY 9 after that. - เด็กเลี้ยงแกะและลูกหมาป่า # 1
STORY 10 after that. - เด็กเลี้ยงแกะและข่าวลือ # 1
STORY 11 after that. - มรสุมของเด็กเลี้ยงแกะ # 1
STORY 12 after that. - วันสำคัญของเด็กเลี้ยงแกะ # 1
STORY 13 after that. - ครอบครัวของเด็กเลี้ยงแกะ # 1
STORY 14 after that. - ความหวาดกลัวของเด็กเลี้ยงแกะ # 1
STORY 15 after that. - ตัวตนของเด็กเลี้ยงแกะ # 1
STORY 16 after that. - เปิดตัวคนรักของเด็กเลี้ยงแกะ # 1
STORY 17 after that. - ความชั่วร้ายของหมาป่า # 1
STORY 18 after that. - ความโหดร้ายของหมาป่า # 1
STORY 19 after that. - ความโชคร้ายของเด็กเลี้ยงแกะ # 1
STORY 20 after that. - เรื่องเลวร้ายที่เกิด # 1
STORY 21 after that. - ฉากจบ # 1
STORY 22 after that. - ชีวิตที่ยังต้องเดินต่อไป # 1
STORY 23 after that. - เรื่องราวของผม # 1
STORY 24 after that. - แล้วเรื่องก็จบอย่างมีความสุข # 1 -END-

STORY พิเศษ# after that.
ตอนพิเศษ 1 # เมื่อหมาป่า(ติดใจ)อยากงาบลูกแกะขี้ระแวง(อีกครั้ง)
ตอนพิเศษ 2 # สายธาร พิสุทธิจักร
ตอนพิเศษ 3 # บทสนทนาระหว่างแม็กซ์และกาย
ตอนพิเศษ 4 # "...มีปัญหา ใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่"
ตอนพิเศษ 5 # ขอบคุณที่รักกัน
ตอนพิเศษ 6 # พี่ต้น น้องเตอร์
ตอนพิเศษ 7 # เด็กเลี้ยงแกะและสาวน้อยราศีเมษ
ตอนพิเศษ 8 # ขอให้เรามีกันและกันตลอดไป
ตอนพิเศษ 9 # ขอแค่ได้รัก
ตอนพิเศษ 10 # วันธรรมดาๆ ของหมาป่ากับลูกแกะ
ตอนพิเศษ 11 # เจ้าหญิงเอาแต่ใจ Vs แม่มดร้าย
ตอนพิเศษ 12 # ลูกแมวเหมียว&พญาเหยี่ยว
ตอนพิเศษ 13 # “ข้อห้ามของเด็กดี” พ่อทูนหัว&เทวดาตัวน้อย
ตอนพิเศษ 14 # เด็กซื่อบื้อคนนั้นของธันย์
ตอนพิเศษ 15 # P1P2 ป่าน&ไปป์
ตอนพิเศษ 16 # ราชินีตัวร้าย ปะทะ เจ้าชายไซเบอร์
ตอนพิเศษ PockyDAY # ตอนพิเศษเกี่ยวกับต้นน้ำ ป็อกกี้ และ ...
อีเวนท์พิเศษ ปีใหม่ # สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม
อีเวนท์พิเศษ วันเกิด # แค่อยากให้เราได้อยู่ด้วยกัน



============================================

 


ขอบพระคุณสำหรับการติดตามและทุกๆ กำลังใจน้า รักคนอ่านทุกคนมากๆ เลยจ้า  :hao5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2015 18:32:35 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เมื่อหมาป่าเจ้าอารมณ์โคจรมาพบกับเด็กเลี้ยงแกะจอมดราม่า อะไรจะเกิดขึ้น?

งานนี้ใครจะอยู่ใครจะไป? หมาป่าจะงาบลูกแกะ หรือเด็กเลี้ยงแกะจะจับหมาป่าลามโซ่ ติดตามความแหลของตัวเอกจอมดราม่าได้ ณ. บัดนี้!


เนื้อเรื่องสิ....


- บทนำ -
##### ที่นี่ คือที่ไหน? #####

     เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นกระทันหันทำให้ชัยชัชรู้สึกตัวตื่น เขาสะลึมสะลือพลิกตัวพร้อมๆ กับรับรู้ถึงคลื่นความมึนปนริ้วพะอืดพะอมเล่นงานเสียจนเขารู้สึกอยากกลับไปหลับต่อไม่อยากตื่นให้ประสาทสัมผัสต้องมารับรู้อะไรเป็นอย่างมาก แต่แล้วคิ้วเข้มเป็นแนวบนโครงหน้าได้รูปก็ต้องขมวดมุ่นเพราะสัมผัสของเตียงที่ไม่คุ้นเคยนี้ชวนให้เขารู้สึกประหลาดใจจนต้องเรียกความทรงจำขึ้นมาทบทวน

     เขาจำได้ว่าเมื่อคืนตนต้องพาลูกค้าไปเลี้ยงฉลองล่วงหน้าในวาระคริสมาสต์คูณปีใหม่ แต่ด้วยปัญหาชีวิตบางประการประกอบกับการที่ไม่ต้องไปส่งลูกค้ากลับเลยถือโอกาสปล่อยผีอยู่ดื่มต่อจนเกือบเช้า แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังพอจำได้ว่าอุตส่ากัดฟันขับรถจนกลับมาถึงคอนโดได้สำเร็จ

     ‘แล้ว... หลังจากนั้นล่ะ? เกิดอะไรขึ้น!?’

     ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ในห้องใครก็ไม่รู้เช่นนี้? แถมยังเปลือยล่อนจ้อนทั้งตัว!

     ‘แล้วเด็กผู้ชายคนนี้มันใครวะ?’

     แม้จะรู้โดยสัญชาตญาณว่าตนเมาค้างชัวร์ป๊าบ! แต่สติของชัยชัชกลับแจ่มใสที่สุดในชีวิต!

    ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย!?’

     “อืม...”

     หลังจากที่ปล่อยเสียงครางเล็กๆ ลอดออกมาจากริมฝีปาก แพขนตายาวๆ นั้นก็เริ่มกระพริบตัวเผยให้เห็นนัยน์ตาสีดำสนิทที่ดึงดูดชัยชัชให้เผลอสบตาจนลืมสถานการณ์รอบตัว

     “คุณตื่นแล้วเหรอครับ? ขอโทษที ผมตั้งนาฬิกาไว้ทุกวัน ถ้าคุณง่วงจะนอนต่อก็ได้นะครับ”

     เด็กหนุ่มนิรนามพูดพลางเอื้อมมือไปกดปุ่มปิดเสียงเผยให้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่ม ชัยชัชรู้สึกสับสนยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิต

     ‘ไม่! มันต้องไม่เป็นแบบที่กูคิด นี่มันเกิดเหี้ยอะไรขึ้นวะ นี่กูคงไม่ได้...’

     ปากและลำคอของชัยชัชแห้งผาก สมองครุ่นคิดประมวลผลอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังหาทางออกไม่ทันความปากไวที่ส่งเสียงถามออกไปอย่างห้ามใจตัวเองไม่อยู่

     “น้อง... พี่มาอยู่ที่นี่ได้ไง แล้วเมื่อคืนมันเกิดไรขึ้น? อย่าบอกนะว่าพี่กับน้อง...”

     หลังจากที่คำพูดหลุดออกจากปากจนจบประโยค เจ้าของสายตาแสนดึงดูดคู่นั้นก็เริ่มมีสีหน้าที่เรียกได้ว่าฝันสลาย รอยยิ้มที่ค้างเติ่งอยู่บนใบหน้าดูสิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าตัวทำไหล่ตกพลางเบนสายตาน้ำตาคลอไปยังหัวเตียงพูดขึ้นเบาๆ ว่า

     “คุณชัชจำอะไรไม่ได้เลยเหรอครับ เรื่องของเราสองคนเมื่อคืนนี้?”

     ‘เฮ้ย เดี๋ยวเด่ะ! ทำไมไอ้ประโยคทำนองนี้มันคุ้นๆ วะ?’

     กริ่งสัญญานแห่งความตื่นตระหนกกรีดร้องอยู่ในหัวสมองของชัยชัช

     ไอ้ประโยคพรรณนี้ถ้าหลุดออกมาจากปากสาวๆ ละก็เขาจะไม่ว่าอะไรเลย กำลังอยากหาใหม่อยู่พอดี พูดแล้วก็เจ็บใจ! เขาพร้อมจะรับผิดชอบถึงไหนต่อไหนเลยทีเดียว เผลอๆ คงชวนทบทวนความทรงจำกันซักรอบสองรอบ

     ‘แต่ให้ตายเหอะ! อีกฝ่ายเป็นผู้ชายนะ ไม่ดิ ต้องบอกว่าเด็กผู้ชายด้วยซ้ำ อายุถึงสิบแปดหรือยังก็ไม่รู้!’

     “เอ่อ... พี่จำได้ว่า เมื่อคืน พี่เมามาก ใช่มั้ยครับน้อง? พี่คงเมามากแน่ๆ เลยจำอะไรไม่ค่อยได้ ฮ่าๆ”

     ไม่แม้แต่จะแน่ใจว่าที่พูดไปคือประโยคคำถามหรือพยายามตั้งสติทบทวนตัวเอง ชัยชัชจึงหัวเราะแห้งๆ แก้เก้อก่อนจะยิงเข้าคำถามสำคัญ

     “แล้ว... ตกลงน้องเป็นใครครับ พี่มาอยู่กับน้องที่นี่ได้ยังไง แล้วเรา...?”

     ยังไม่ทันจะได้ถามคำถามโลกแตก อีกฝ่ายที่ดูท่าจะปล่อยโฮได้ตลอดเวลากลับพูดขัดขึ้นเสียก่อน แถมยังมีแอบสูดจมูกซื้ดๆ โชว์ให้เห็นปลายจมูกแดงๆ ที่เริ่มมีสีก่ำไม่แพ้ดวงตาน้ำตาคลอคู่นั้น

     “ช่างเถอะครับ ถ้าคุณชัชนึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร ผมจะถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ครับ”

     ว่าแล้วเจ้าตัวก็ตัดบท ลุกขึ้นโชว์แผ่นหลังขาวๆ กับ... กับเอ่อ... บั้นท้ายขนาดงามๆ น่าขยำยิ่งกว่าก้นแฟ่บๆ ของสาวบางคนที่เขาเคยคั่วเสียอีก ชวนให้อยากลองท่ายากชะมัด!

     แต่เอ๊ะ... ไอ้คราบที่เปื้อนอยู่ตรงต้นขาด้านในนั่นมันอะไรกัน? ปานหรือไฝ? และในขณะที่กำลังจะเพ่งให้ลงลึกถึงรายละเอียดต่อจากการสแกนด้านหลังอีกฝ่ายผ่านๆ ภายในสองวินาที นั้นก็มีเสียง(มาร)สวรรค์มาเบรคเรียกให้คนแอบมองบั้นท้ายชาวบ้านต้องเป็นผู้ฟังที่ดีเงยหน้ามองสบตาคนพูด

     “คุณชัชปวดหัวรึเปล่าครับ ผมจะได้ไปหาอะไรแก้เมาค้างให้คุณ”

     พอพูดจบก็คว้าเสื้อผ้ามาใส่เดินหนีออกไปจากห้อง ทิ้งให้เหลือแต่เพียงคนเมาค้าง ที่ตอนนี้กำลังอารมณ์ค้าง จนเผลอทำตาค้างตามอาการกับอารมณ์

     ‘เดี๋ยวสิครับน้อง อย่าตัดบทพี่แบบน้าน! แล้วไอ้“ถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”ของน้องนั่นทำไมมันถึงได้มีน้ำตาหยดแหมะๆ ไหลเป็นสายแบบนั้นละครับ? แล้วตกลงเมื่อคืนพี่ทำอาร๊าย!’

     เร็วเท่าความคิดคนเมาค้างก็พุ่งตามไป มือของชัยชัชคว้าหมับเข้าที่ข้อมือขาวๆ ของคนตรงหน้า ส่งผลให้อีกฝ่ายหันเอาดวงตาค่าแอคแทคสูงคูณโฮลลี่เทียร์มองโจมตีจนชัยชัชคิดอะไรไม่ออกได้แต่คว้าคนตรงหน้ามากอดแล้วปากก็พล่ามว่า

     “พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ ถึงพี่จะเมาแต่พี่ก็ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ พี่แค่อยากรู้ว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น!”

     ไม่รู้ทำไมพอเห็นสายตาของคนตรงหน้าแล้วเขาใจอ่อนยวบไม่อยากให้ทำสีหน้าผิดหวังแบบนั้นอีก สายตาตัดพ้อที่มีพลังทำลายรุนแรงมหาศาลของเด็กหนุ่มตรงหน้าทำเอาเขาคิดอะไรไม่ออกได้แต่ปลอบไปเรื่อย ขอแค่คนในอ้อมกอดเลิกมองโลกผ่านดวงตาเศร้าๆ คู่นี้เสียที

     และเพราะมัวแต่กอดแถมโปรโมชั่นปลอบให้กับคนในอ้อมอกชัยชัชจึงไม่เห็นสีหน้าแสยะแย้มรอยยิ้มที่สุดแสนจะชั่วร้ายของเด็กหนุ่มในอ้อมกอด และหลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ชัยชัชก็ยังคงถูกหลอกไม่รู้ถึงความร้ายกาจของคนตรงหน้าไปอีกนาน

============================================


 :mc4: ขอแนะนำให้รู้จักตัวเอกผู้เป็นที่สุดแห่ง "3ร" ร้าย/แรง/แรดสมัยยังอ่อนต่อโลก และพระเอกที่อัตราการปรากฏตัวต่ำที่สุดเท่าที่นิยายวายเคยมี "พี่ชัชน้องต้น"

ฝากตัวเอกจอมดราม่าไว้ในหัวใจนักอ่านทุกท่านด้วยนะขอรับ ส่วนพระเอก ช่างมันเหอะ!  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2014 15:46:31 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 1 -
##### ตกลงว่าเราเป็นแฟนกัน? (ไม่งั้นผมก็ต้องเป็นผู้ต้องหาคดีพรากผู้เยาว์!?) #####

     เด็กหนุ่มวางแก้วน้ำมะนาวเย็นเจี๊ยบให้ชายหนุ่มตรงหน้าพลางฝืนใจส่งยิ้มที่คิดว่าคงแลดูอ่อนแอที่สุดไปให้อีกฝ่าย ตอนนี้เขาบอกตัวเองไว้ว่าต้องทำตัวให้น่าสงสารที่สุด ทำยังไงก็ได้ให้คนตรงหน้าหลงกลลวงของเขาให้จงได้!

     “เอ่อ ไม่มีกาแฟเหรอครับน้อง?”

     “มีครับ แต่พี่ชัชเมาค้าง กาแฟมันมีคาเฟอีนนะครับ ไม่ดีต่อสุขภาพของพี่ชัชหรอก ดื่มน้ำมะนาวเย็นๆ จะช่วยให้พี่สร่างเมาได้ดีกว่านะครับ”

     ‘แม่ม... แม่รึเมียวะ โคตรขี้บ่นเลย เฮ้ยไม่ดิ เอ็งยอมรับน้องเขาแบบนี้ได้ไงวะไอ้ชัช! คุกนะว้อยคุก ดูยังไงก็เด็กมัธยมชัดๆ! เฮ้ยไม่ดิ ปัญหาแรกมันอยู่ที่น้องเขาเป็นผู้ชายนะว้อย!’

     “คิดอะไรอยู่เหรอครับ?”

     เสียงของคนตรงหน้าทำเอาระบบความคิดรวนๆ ที่กำลังหาเหตุผลอย่างไร้สาระของชัยชัชสะดุดกึ๊กทันที

     “เอ่อ เปล่าครับน้อง แล้วนี่ น้องรู้จักชื่อพี่ได้ไงครับ? คือ พี่ยังไม่รู้จักน้องเลย”

     “ก็ต้องรู้จักสิครับ”

     เด็กหนุ่มว่าพลางระบายรอยยิ้มแต่งแต้มสีหน้าให้เห็น

     “ก็เมื่อคืนพี่ชัชเล่าอะไรตั้งหลายอย่างให้ผมฟัง ถึงพี่ชัชจะเมาแต่พี่ชัชก็ช่วยสอนผมในหลายๆ เรื่องเลยละครับ”

     ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ยิ้มให้อีกฝ่ายเป็นครั้งที่ล้าน เขาพยายามจะเล่นมุกให้ชายหนุ่มตรงหน้าผ่อนคลาย แต่ชัยชัชกลับเกิดความรู้สึกอยากขำก็ขำไม่ออกอยากร้องไห้ก็ร้องไม่ได้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสถานการณ์ตรงหน้า

     แม้ใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนี้จะพยายามฝืนส่งยิ้มมาให้ แต่ชัยชัชรับรู้ได้ถึงความว่างเปล่าหลังรอยยิ้มนั้น อีกทั้งดวงตาสีดำสนิทดูราวกับหลุมดำที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์คู่นั้นก็ดูอัดอั้นพร้อมที่จะระเบิดออกมาทุกเมื่อ

     เขาเองก็แก่จนอายุปูนนี้แล้ว ทำงานเป็นเซลล์มาก็นานติดต่อพบปะเจอะเจอผู้คนมาตั้งเยอะทำไมจะมองคนไม่ออก เด็กคนนี้ภายนอกพยายามทำตัวเรียบร้อยดูเหมือนคนหัวอ่อนแต่จริงๆ แล้วเป็นพวกดันทุรังหัวแข็งสุดๆ แบบเดียวกับเขาชัดๆ

     “แล้วตกลง เมื่อคืนเรารู้จักกันแบบไหนละครับน้อง?”

     ‘อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ช่างมันละว้อย ขอเสี่ยงดวงดูสักที ระดับไอ้ชัชคนนี้แล้ว ไม่น่ามองพลาด!’

     ทันทีที่ได้ยินเด็กหนุ่มก็เกิดอาการหน้าชาขึ้นมาทันที ความอายที่ไม่เคยคิดว่ามีก็มาเยือนเสียเกร็งจนรู้สึกเจ็บแก้ม แต่ก็ยังอุตส่าฝืนใจตอบอีกฝ่ายออกไป

     ‘ใช่แล้ว! เราจะมามัวอายอะไรอีก ในเมื่อก็ตัดสินใจไปแล้วไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้ได้ ขอเพียงบรรลุจุดประสงค์ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็ไม่แคร์’

     “งั้นเรื่องเมื่อคืนก็ช่างมันเถอะครับ ยังไงผมก็เป็นผู้ชาย ไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว”

     เด็กหนุ่มสูดหายใจรวมรวบความกล้า พร้อมที่จะแกรนด์โอเพ่นนิ่งตัวเองให้อีกฝ่ายได้รับรู้

     “ผมชื่อต้นครับ อยู่คอนโดห้องข้างๆ พี่ชัช”

     “หือ ห้องข้างๆ?”

     ‘ห้องข้างๆ จริงดิวะ? ทำไมกูไม่เคยเห็น นี่แปลว่ากูเมาแล้วขับ กลับถึงคอนโดได้ปลอดภัย แต่มาตกม้าตายเอาอีกก้าวเดียวจะถึงห้องตัวเองเนี่ยนะ?’

     “ใช่ครับ ห้องของพี่ชัชอยู่อีกฝั่งของกำแพงนี้ยังไงละครับ เมื่อคืนพี่เมามาก ผมก็เลยพาพี่มาพักที่ห้องผมก่อน เพราะผมจำได้ว่าพี่อยู่ห้องข้างๆ ผม แต่ว่าจู่ๆ พี่ชัชก็...”

     เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกล่าวต่อ แต่ท่าทางอาการตัวสั่นน้อยๆ ประกอบกับน้ำเสียงเครือหน่อยๆ นั่นมันชวนให้เขารู้สึกผิดราวกับโดนน้ำหนักบาปพันๆ ตันกดทับ!

     “ถือซะว่าผมแค่ผ่านมาดูแลพี่ชัชตอนเมาคืนนึงก็พอครับ เรื่องอื่นน่ะ ช่างมันเถอะ”

     ท้ายประโยคเจ้าตัวยังมีแก่ใจแผ่วเสียงลงอย่างน่าสงสาร

     ‘น้องครับ นางเอกเจ้าน้ำตาช่องเจ็ดยังแพ้เลยครับน้อง!’

     “แล้วครอบครัวน้องละครับ? เอ่อ...อีกอย่าง เท่าที่พี่ดู น้องคงยังอยู่มัธยม เออน้องอายุ...”

     ‘เอาละสิเหวย! มาถึงเรื่องสำคัญที่โคตรลุ้นเลย กูจะโดนพ่อแม่เขามาเอาเรื่องมั้ยวะ?’

     ในอดีตที่ผ่านมาแม้ว่าจะรักสนุกหรือเที่ยวเตร่มากแค่ไหนแต่เขาไม่กล้าทำให้ตัวเองต้องไปเสี่ยงหมดอนาคตนอนคุกนอนตารางอีก มาบัดนี้ชัยชัชนึกไม่ออกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะมาไม้ไหนกับเขากันแน่

     “สิบเจ็ดครับ ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนเรื่องเหตุการณ์เมื่อคืน ผมอยู่คอนโดคนเดียวครับ แม่ผมเป็นแอร์ ไม่ค่อยกลับบ้านอยู่แล้ว”

     ‘เฮ้อ โล่งอก! ไม่มีใครรู้ เฮ้ย! ไม่ใช่ดิวะ ตายห่ะ น้องเขาอายุสิบเจ็ด งี้กูก็พรากผู้เยาว์ไปเต็มๆ เลยดิวะเนี่ย เกิดน้องเขาเอาเรื่อง กูไม่ติดคุกเหรอวะ!’

     “แต่พี่ชัชสบายใจได้นะครับ ผมไม่บอกใครเรื่องของเราหรอกและผมไม่เรียกร้องอะไรจากพี่ชัชด้วย”

     ชั่วแว๊บหนึ่งชัยชัชคิดว่าตัวเองตาไม่ฝาด เขาเห็นรอยยิ้มอวดดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่พยายามแต่งแต้มความเจียมตัวแลดูน่าสงสารของคนตรงหน้า โทสะของยอดเซลล์จึงก่อกำเนิด

     “น้องไม่ได้ต้องการให้พี่รับผิดชอบ งั้นแล้วน้องต้องการอะไรจากพี่ละครับ”

     “การคุยกับผมมันน่าเบื่อมากเหรอครับ?”

     เสียงเรียบๆ ที่ชัยชัชสัมผัสได้ถึงความสั่นสะเทือนแสนเศร้าในน้ำเสียงดังขึ้น

     “หือ? น้องว่าไรนะครับ”

     มาไม้นี้เล่นเอาเขางงตกม้าตายไปต่อไม่เป็นเปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน

     “การที่เรานั่งคุยกันแบบนี้มันน่าเบื่อสำหรับพี่ชัชเหรอครับ? นั่นสินะครับ พี่ชัชคงพอใจความสัมพันธ์ชั่วคราวแบบตื่นมาแล้วทางใครทางมันมากกว่าสินะครับ เหมือนผู้หญิงพวกนั้น”

     ‘เช็ด! นี่น้องเขารู้ละเอียดชะมัดเลยว้อย เผ่นกลับห้องตอนนี้เลยได้มั้ยวะเนี่ย’

     แม้จะยังงงๆ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเด็กหนุ่มตรงหน้าถึงได้รู้ข้อมูลเชิงลึกของเขาเช่นนี้ แต่ชัยชัชก็รู้สึกไม่ดีราวกับกำลังเป็นไอ้หนุ่มแสนเลวหลอกฟันสาวน้อยช่างฝันให้ต้องเปื้อนราคีคาว เสร็จแล้วก็นั่งสูบบุหรี่สบายอารมณ์ก่อนจะโบยบินทิ้งไปอย่างไม่ใยดีปล่อยให้สาวน้อยต้องร้องไห้กระซิกๆ ด่าทอบุรุษแสนเลวแต่เพียงลำพัง

     “พี่ชัชสบายใจเถอะครับ สิ่งที่ผมต้องการก็แค่อยากให้พี่ชัชรู้จักผมก็แค่นั้น ไหนๆ เราก็อยู่ห้องข้างๆ กัน เมื่อคืนก็เป็นครั้งแรกที่ผม ..... ผมก็แค่อยากจะเก็บความทรงจำนั้นเอาไว้ แต่ถ้าพี่ชัชอยากลืม ผมก็จะทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นครับ”

     ‘น้องครับ พี่ยังไม่รู้เลยครับว่าตกลงเมื่อคืนมันเกิดไรขึ้นบ้าง ไม่ใช่ว่าพี่อยากลืมครับ แต่พี่จำไม่ได้ด้วยซ้ำ!’

     “โอเคครับน้องต้น อย่าพึ่งดราม่าครับน้อง คือพี่ ..... พี่ยังงงๆ อยู่ พี่ว่าถ้ายังไงพี่ขอกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พักผ่อนให้หัวมันโล่งๆ ก่อนได้มั้ยครับ? ตอนบ่ายพี่ต้องเข้าบริษัทด้วย ถึงตอนนั้นเราค่อยมาคุยกันอีกที ดีมั้ยครับ?”

     “แล้วแต่พี่ชัชละกันครับ ผมไม่ได้กะขายห้องหนีไปไหนอยู่แล้ว”

     ‘แล้วแต่ละทำไมต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นละครับน้อง!’

     ชายหนุ่มรู้สึกมึนตึ๊บเหมือนเวลาที่จู่ๆ ก็โดนคนอื่นเหวี่ยงใส่แล้วก็นั่งร้องไห้ประหนึ่งเขาเป็นต้นเหตุทั้งๆ ที่เขาแค่บังเอิญเดินผ่าน แถมไอ้ท้ายประโยคนั่นจงใจกัดกันชัดๆ เจ้าเด็กนี่รู้ได้ยังไงว่าเขาอยากขายห้องนี้ทิ้ง

============================================

     ชัยชัชกลับห้องไปแล้ว เวลานี้ภายในห้องชุดของคอนโดขนาดสองห้องนอนเหลือเพียงต้นน้ำนั่งอยู่ เขาเก็บรอยยิ้มหยันที่เผลอทำเพราะสมเพชตัวเองกลับไปยังส่วนลึกของจิตใจพลางนั่งคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้ดีว่าการจะทำให้ชัยชัชยอมให้เขาก้าวเข้าไปในชีวิตนั้นมันไม่ง่ายเลย แต่ในเมื่อโอกาสมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!

     เขาแอบมองผู้ชายคนนี้มาตั้งกี่ปีแล้ว และบัดนี้ก็สบโอกาสในวันที่ชัยชัชไม่มีใครอยู่เคียงข้าง มันจะเป็นไรไปถ้าหากเขาจะลองทำตามที่เสียงหัวใจเรียกร้องดูอีกสักครั้ง อย่างน้อยๆ ก็ครั้งสุดท้าย และหลังจากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาจะไม่ปล่อยให้อารมณ์มาบงการจนใช้หัวใจตัดสินปัญหาชีวิตอีกต่อไป

     ‘แต่ช่างเถอะ! ปล่อยให้ปัญหามันถูกแก้หลังจากนี้ก็แล้วกัน’

     ไม่ว่ายังไงตอนนี้เขาก็ต้องการการนอนหลับพักผ่อนเป็นอันดับแรก เมื่อคืนนี้เขาแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะชัยชัช และตอนนี้เขาก็เพลียจริงๆ อีกทั้งความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจโง่ๆ ก็ยังคงสร้างความปั่นป่วนเป็นระลอกอารมณ์จนต้นน้ำรู้สึกเกลียดชังความโง่งมของตัวเอง

     ‘ต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างมัน ยังไงตอนนี้พี่ชัชก็รู้จักเราแล้ว’

     เขาไม่เชื่อว่าคนใจดีอย่างชัยชัชจะใจร้ายลืมเขาได้ลงคอ ยิ่งเรื่องราวมันเลยเถิดไปขนาดนั้นแล้ว

     ‘ยังไงพี่ชัชก็หนีเราไม่พ้น!’

     ต้นน้ำเดินเข้าไปยังห้องนอนของตัวเองพลางล้มตัวลงบนเตียงที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นกายคนขี้เหล้าเมื่อคืนนี้ นึกถึงผู้ชายซื่อบื้อคนนั้นแล้วก็อดอมยิ้มขึ้นมาไม่ได้

     เมื่อคืนนี้ต้นน้ำตั้งใจไปค้างบ้านเพื่อนด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเพราะเกิดเรื่องขึ้นทำให้เขาตัดสินใจกลับคอนโดในที่สุด เพียงแต่เวลานั้นเข็มนาฬิกาได้ชี้ไปยังเลขหนึ่งแล้ว และโดยไม่คาดคิด ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆ ทบทวนเรื่องราวทั้งหมดของตัวเองขณะเดินเข้าลิฟท์ ในช่วงที่ประตูลิฟท์ยังไม่ทันจะปิดดีชัยชัชก็ก้าวเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ นั้น ท่าทางดูเมามายไร้สติและพยายามประคองตนเองเต็มที่ นิ้วมือที่จิ้มผิดจิ้มถูกน่ารำคาญจนต้นน้ำต้องยื่นมือเข้าช่วย มิหนำซ้ำพอถึงชั้นของพวกเขา ชายตรงหน้ากลับเดินสะเปะสะปะจะล้มแหล่มิล้มแหล่พาลเอาเด็กชายข้างห้องช่วยลุ้นจนตัวโก่ง

     แต่ยังไม่ทันจะถึงห้องของเจ้าตัว ณ. บานประตูห้องพำนักของเขา ชัยชัชกลับล้วงเอากุญแจขึ้นมาไขประตูห้องอย่างเอาเป็นเอาตาย(แถมยังทำลูกบิดประตูเป็นรอย!) และท้ายที่สุดนอกจากจะบ่นเรื่องกุญแจมีปัญหา เจ้าตัวก็ยังแถมอาเจียนเอาขยะโภชนาการในกระเพาะอาหารออกมา เล่นเอาเขาแทบของขึ้นที่เห็นคนเมามาขย้อนสิ่งอัปมงคลเจิมประตูที่อยู่อาศัยให้เขาต้องเหนื่อยแรงเก็บกวาดฟรี ส่วนตัวต้นเหตุก็ล้มลงไปนอนจมกองอ้วกหลังจากปล่อยของเสียออกมาจากกระเพาะ ไอ้ครั้นจะใจดำปล่อยกองไว้มันก็ออกจะใจร้ายเกินไปกับผู้ชายที่เขา… ต้นน้ำเลยตัดสินใจว่าจะส่งผู้ชายไร้สติคนนี้กลับห้องตัวเองก่อนค่อยกลับมาจัดการกองอ้วก

     แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นดังคาด เมื่อกุญแจพวงนั้นกลับไขห้องของเจ้าตัวไม่ได้ซักดอก! พอจะค้นตัวดูก็ทำได้ยากยิ่ง มิหนำซ้ำคนก่อเหตุยังเริ่มเอะอะโวยวายเสียงดังเรื่องปัญหาหัวใจที่หมักหมมอยู่ในชีวิต เดือดร้อนเขาต้องลากเอาคนเมาตัวโตๆ เข้ามาพักยังห้องของเขาเองเพื่อความสงบสุขของเพื่อนบ้าน ไอ้ครั้นจะกองไว้ตรงโซฟาก็เสียดายเพราะผ้าหุ้มเบาะมันถอดซักยาก

     ไหนๆ ก็อุตส่าช่วยแล้วทั้งที สุดท้ายก็ได้แต่ลากเข้าคนเมาตรงหน้าไปกองไว้ในห้องนอนตัวเอง ก็แหม ถึงห้องของมารดาเขาจะว่างอยู่แต่จะให้เอาไปไว้ในห้องนั้นเลยก็...นะ แต่สารรูปของคนตรงหน้าก็ซกมกเกินกว่าที่เขาจะทำใจให้กลิ้งเกลือกบนเตียงของตัวเอง ก็เลยต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อปกป้องที่นอนหมอนและผ้าห่มของตน สุดท้ายเลยต้องมาคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวดูแลแก้ไขกลิ่นสุราเหม็นหึ่งให้คนเมา

     กว่าจะทำความสะอาดทั้งคนรวมไปถึงสิ่งของเรียบร้อยได้เข้านอนก็เกือบเช้า นอกจากนี้ระหว่างพยายามแบกชัยชัชขึ้นเตียงเขายังถูกคนเมาปล้ำ! ถูกลวนลามจากคนไร้สติจน... ทั้งๆ ที่เขารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยากพักผ่อนเต็มกำลัง แต่นาฬิกาปลุกเจ้ากรรมดันทำหน้าที่ปลุกทั้งๆ ที่เขายังนอนได้ไม่จุใจ ไหนๆ ก็ไหนๆ เลยคิดแหย่แกล้งชายหนุ่มตรงหน้าเล่น ถือซะว่าการสร้างความรู้จักการแบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบ

     ‘ไหนๆ ก็แอบมองพี่ชัชมาตั้งนาน รับสมอ้างไปเลยแบบนี้ก็ไม่เลวดีเหมือนกัน’

============================================

     ชัยชัชรีบกระโจนกลับห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะตาลีตาเหลือกเข้าบริษัท ในวันนี้มีประชุมสำคัญเรื่องการจัดสรรงบประมาณให้ผู้แทนแต่ละคนในทีม แต่ระหว่างประชุมทีมอยู่นั้น สมองของชัยชัชแทบไม่รับรู้เนื้อหาเลยแม้แต่น้อย เขาเฝ้าคิดใคร่ครวญถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

     จะว่าไงดีล่ะ? โอเค นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเมาแล้วมึนไปตามอารมณ์ ขนาดลากสังขารพาตัวเองขับรถกลับไปถึงคอนโดได้ อย่างอื่นเขาก็คงไหว แต่ว่าปัญหามันอยู่ที่อีกฝ่ายเป็นเด็กผู้ชายเนี่ยสิ เขามั่นใจว่า ประตูหลังเขายังบริสุทธิ์อยู่ แต่ถ้าเขาเป็นฝ่ายที่ประตูหลังยังบริสุทธิ์อยู่จริงๆ งั้นละก็... อย่าบอกนะว่าเขาพรากความบริสุทธิ์ประตูหลังไอ้เด็กนั่นมาแทน!?

     ‘เฮ้ย นั่นมันคุกเลยนะ!’

     แต่เขาข้องใจจริงๆ ก็เมื่อคืนเขาท่าจะเมาหนัก แล้วตกลงมันมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ รึเปล่า? เพราะเขาก็คลับคล้ายคลับคลาว่ามีช่วงเวลารู้สึกดีๆ อยู่เหมือนกัน เหมือนฝันเห็นแฟนเก่าแล้วขอคืนดีด้วยวิธีพื้นฐานยังไงอย่างงั้น

     “พี่ชัช ตื่น ประชุมจบแล้ว!”

     เสียงเรียกดังสนั่นช่วยปลดเปลื้องความคิดยุ่งเหยิงในหัว เขาหันมามองเพื่อนข้างๆ ชายหนุ่มวัยใกล้เบญจเพศแต่มีรสนิยมพึงพอใจผู้ชายด้วยกันคนนี้เป็นรุ่นน้องที่พึ่งเข้ามาทำงานร่วมเขตกับเขาได้ราวๆ สองปี ใบหน้าของเจ้าตัวส่อแววระอาปนอิจฉาอย่างนึกขันและย่ำเกรงอยู่ในที

     “แหม เฝ้าพระอินทร์เพลินเชียวนะคะ นี่ถ้าไม่ใช่ว่าทำยอดได้เยอะขนาดนั้นละก็นะ ป่านนี้พี่ตาเฉ่งไปนานแล้ว”

     “ป่าว ก็ฟังอยู่ตลอดแหละ แต่พี่ขี้เกียจออกความเห็น งบเท่าที่พี่ได้มาก็โอเคดีอยู่แล้ว”

     “ค่าๆ นี่ถ้าหนูปิดยอดได้เยอะเท่าๆ พี่ก็ดี พี่ชัชได้งบก้อนใหญ่เลย น่าอิจฉา”

     ชัยชัชนั่งยิ้มมองอีกฝ่ายอย่างนึกขำ วงการแบบนี้นี่หลีกหนีเรื่องความอิจฉาเลื่อยขาโต๊ะกันไม่ได้จริงๆ แม้จะเล็กน้อยแต่อีกฝ่ายก็ออกอาการอิจฉาตนอย่างไม่ปิดบัง

     “พี่ได้มาเยอะก็ใช้ออกไปเยอะ หมอถึงได้ติด ถึงได้ขายเยอะ ไม่ได้มุบมิบ จ่ายน้อย”

     “พี่ชัชอ่ะ ไม่คุยด้วยแล้ว!”

     พอรู้ตัวว่าเถียงไปแล้วจะแพ้เป็นภัยแก่ตัวเองเจ้าตัวก็เฉไฉตัดบทเอาดื้อๆ ว่าแล้วคู่สนทนาก็ทำหน้างอนแก้มป่องไม่สมอายุตามประสาชายไทยใจไม่แมน เมื่อมองดูอีกฝ่ายที่กำลังลุกจากโต๊ะประชุม ชัยชัชก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงตัดสินใจเรียกแสตมป์เอาไว้

     “เดี๋ยว แตม ว่างป่าว พี่มีไรจะปรึกษานิดหน่อย”

     “อะไรค้า จะถามเรื่องงานสัมนาปีใหม่เหรอ?”

     “ป่าว เรื่องส่วนตัว”

     สีหน้าสงสัยงุนงงของอีกฝ่ายช่างชวนให้ชัยชัชเริ่มคิดหนักว่าจะถามหรือไม่ถามดี แต่แล้วเขาก็เหมือนมีอะไรมาดลใจให้หาบทสรุปของเรื่อง ดีกว่าการกลับไปเผชิญหน้าในแบบที่ยังไม่แน่ใจอะไรต่อมิอะไรอย่างที่เขากังวล

     ถึงจะดูโง่ๆ ซื่อๆ ไปบ้างเมื่อเช้านี้ แต่นั่นมันก็เพราะเขายังอยู่ในสภาวะที่ตั้งตัวไม่ได้ ด้วยความช็อคซ้ำซ้อนกับความเศร้าหมอง เลยทำให้เขาดูเหมือนคนปัญญาอ่อนที่ขี้ขลาด ทั้งๆ ที่ตลอดมาเขาเป็นคนที่คิดวางแผนต่างๆ ได้อย่างรอบคอบสมกับเป็นมือวางอันดับหนึ่งที่ปิดยอดได้สูงสุดจนได้โควต้าพาหมอไปประชุมนอกเป็นนิจได้อยู่เนืองๆ

     “เรื่องส่วนตัว เรื่องไรคะพี่? พี่ชัชมีไรจะถามหนูเหรอ?”

     “คือพี่อยากรู้ว่า... แตม... แตมมีแฟนแล้วรึยัง?”

     ‘ฮึ่ย นี่กูจะเริ่มเรื่องยังไงดีวะ แล้วกูไปถามเรื่องพรรณงั้น น้องเขาจะตอบกูเหรอวะเนี่ย?’

     “ฮั่นแน่! จะมาสนใจเรื่องหนูทำไม อย่าบอกนะว่าพี่ชัชจะจีบหนู”

     “ป่าว พี่แค่... พี่แค่อยากรู้อะไรนิดหน่อย”

     ชัยชัชสะดุ้งสุดตัวกับข้อสัณนิฐานของรุ่นน้องตรงหน้า ใบหน้าอารมณ์ดีสุขุมมาดเท่ยามทำงานที่ทุกคนรู้จักเริ่มมีสีเลือดผุดขึ้นจนสังเกตได้ชัด

     “แล้วไอ้เรื่องนิดๆ หน่อยๆ นี่มันเรื่องอะไรละค้าพี่ชัช เกี่ยวไรกับการที่หนูมีแฟน”

     ถามไม่ถามเปล่าเจ้าตัวยังส่งประกายตาวิบวับชนิดต่อมเผือกทำงานสุดๆ มาให้เขาอีก ดูท่างานนี้ถ้าไม่หาทางหนีทีไล่ให้ดีเขาคงลำบาก

     “พี่... พี่แค่อยากรู้ว่า ปกติเวลาผู้ชายสองคนฟีทเจอริ่งกัน มันต่างกับชายหญิงมากมั้ย”

     “กรี๊ด พี่ชัชทะลึ่ง! อย่าบอกนะคะว่าพี่ชัชจะเปลี่ยนรสนิยม โดนผู้หญิงทิ้งหนีไปคบทอมพี่ก็เลยจะประชดเปลี่ยนมาคบเกย์แทน!”

     “เฮ้ย ไม่ใช่เว้ย!”

     ชัยชัชรีบปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนจะตัดสินใจ อธิบายความจริง(บางส่วน)พร้อมกับถามคำถามที่ตนสงสัย

     “คืองี้...”

     เมื่อได้ฟังเรื่องราวต่างๆ จากสีหน้าสอดรู้สุดๆ ก็กลายเป็นสีหน้าสมน้ำหน้าปนขำรุ่นพี่ของตนจนชัยชัชจับสังเกตได้ เล่าไปอายเด็กรุ่นน้องไปที่ต้องให้มันมารู้ความลับว่าโดนคนเด็กกว่าลบเหลี่ยม แถมยังเสียทีได้เมียใหม่เป็นเด็กผู้ชาย

     “อ๋อ... สรุปว่า ก็คือพี่ไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ทำกับเด็กนั่นจริงๆ รึเปล่า? เพราะแน่ใจว่าตัวเองเมาจนลุกไปทำไรใครไม่ไหว?”

     “อืม ก็ทำนองนั้นแหละ”

     กลัวที่สุดก็คือกลัวโดนเด็กแบล็คเมล์นี่แหละ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเด็กคนนั้นต้องการอะไรจากเขา ท่าทางอ่อนแอที่แสร้งทำมาออดอ้อนนั้นทำให้เขาใจอ่อน แต่ความอวดดีที่แสดงให้เห็นตอนหลุดในบางครั้งก็ดูช่างหยิ่งผยองเกินกว่าจะชวนให้คิดว่าคนแบบนี้จะแบล็คเมล์ใคร แล้วโดยเฉพาะผู้ชายวัยทำงานหน้าตาธรรมดาๆ มนุษย์เงินเดือนเช่นเขาที่ไม่มีเส้นมีสายตระกูลใหญ่มาจากไหนยิ่งไม่มีค่าอะไรให้อีกฝ่ายขูดรีด

     “แต่มันก็ไม่แน่นะพี่ ถึงพี่จะนอนหลับเป็นท่อนซุง ร่างกายพี่ก็อาจจะไม่ปลอดภัยก็ได้นะ”

     “เฮ้ย ยังไงวะ! แต่ตูดพี่ยังอยู่ดีไม่เจ็บนะเว้ย”

     “แหม ข้างหลังพี่รอดปลอดภัยแล้วข้างหน้าพี่ละคะ ไม่ว่าจะบ๊วบรึจะนั่งเทียน ถ้าเด็กนั่นเซียนๆ มันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละค่ะ ยังไงๆ พี่ก็ไม่รอดคุกหรอกค่ะ เผลอๆ อาจจะโดนอัดคลิปก็ได้นะคะ”

     “เฮ้ย! น้องเขาดูออกจะเรียบร้อย คงไม่... ไม่แรดขนาดนั้นหรอกมั้ง”

     “โอ้ย! น้อยไปค่ะพี่ เก้งกวางยามเด็กเนี่ยแหละค่ะ แรด! ตุ๊ดเด็กนี่แหละค่ะแร๊ง! ละพี่จะมาดีเฟ้นให้เด็กมันทำไมละคะ อย่าบอกนะคะว่าสงสาร อยากกินเด็ก”

     ยิ่งพูดก็ยิ่งมันส์ ท่าทางของชายหนุ่มรุ่นน้องตรงหน้าอยู่ในโหมดเม้าท์มอย ไม่ต่างจากพวกแม่บ้านทำความสะอาดที่คอนโดเขาเลย ให้ตายสิ!

     “เฮ้ยเปล่า! แค่... แค่อยากรู้ว่ามันมีโอกาสมั้ย ที่พี่จะทำลงไปจริงๆ ไม่ว่าเด็กมันแรดไม่แรด แต่ถ้าพี่ทำไปแล้วก็คงไม่พ้นข้อหาพรากผู้เยาว์แล้วละแตม”

     “แล้วทำไมถึงคิดว่าทำลงไปจริงๆ ล่ะคะ ไหนพี่บอกว่าเมาหนัก กรึ่มๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนฝันไง”

     “ก็...”

     ชัยชัชคิดว่าตนเองตาไม่ฝาด ถึงแม้เมื่อเช้าเขาจะค่อนข้างสติแตกแถมตกใจจนสมองสูญเสียความเยือกเย็นไปเยอะ แต่ทว่าสมองส่วนสังเกตการณ์ของเขาไม่ได้ความสามารถลดน้อยถอยลงไป เขารู้สึกว่าแว๊บๆ ที่ลุกออกจากเตียงเขาเห็น... รอยเปื้อนแดงๆ คล้ายๆ คราบอะไรซักอย่างที่ดูเหมือนรอยเลือด!

     “เออช่างเถอะ”

     เขาตัดบททันที ในตอนนี้เขารู้คำตอบที่ต้องการแล้ว ต่อให้เมาคนเราก็ยังเอากันได้อยู่ดี แม้ว่าคนสองคนนั้นจะเป็นผู้ชายทั้งคู่ก็ตาม!

     “ขอบใจมากละกัน พี่กลับก่อนนะ แล้วเรื่องวันนี้อ่ะ ..... พี่ไม่อยากให้ใครรู้”

     “ค่า แหม รับรองหนูจะปิดปากเงียบเลยค่ะ ขืนเก้งกวางตัวอื่นมันรู้ว่าพี่ชัชข้ามเส้นเดี๋ยวหนูมีคู่แข่งเพิ่มอีก แค่รบกับชะนีก็เพลียแล้วค่ะ อิๆ”

     ชัยชัชส่ายหัวขำๆ ให้กับความคิดของรุ่นน้องร่วมทีม เขาคิดว่าเขาเชื่อใจรุ่นน้องคนนี้ได้เต็มร้อย ถึงจะอิจฉากันเรื่องงานบ้าง แต่เจ้าหนุ่มคนนี้ก็จัดเป็นคนที่เขามองเห็นเป็นเพื่อนซี้คนหนึ่ง แม้แต่ในยามที่ไปต่างประเทศแล้วต้องพักห้องเดียวกัน แสตมป์ก็ไม่เคยทำรุ่มร่ามกับเขา เพราะตอนนั้นทุกคนรู้ดีว่าเขามีแฟนแล้ว และเธอก็เป็นผู้แทนอยู่บริษัทขายอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ทำให้ถือว่าเปรียบเสมือนคนในสายงานเดียวกัน ย่อมต้องคุ้นเคยได้ยินหรือรู้จักพบปะกันบ้าง แสตมป์จึงไม่เคยจาบจ้วงอะไรกับเขา จะมีก็ตอนที่พึ่งเลิกกับแฟนพักหลังๆ นี่แหละ ที่เจ้าตัวขยันมากระแซะเขามากกว่าเดิมในยามที่ตนเข้าออฟฟิส

============================================

ช่างเป็นตัวเอกที่สตรอเบอร์รี่หน้าตายจริงๆ เล้ย พระเอกของเราจะทำเช่นไรต่อไป พี่ชัชจะตกหลุมพรางน้องต้นรึเปล่าน้อ? โปรดติดตาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2014 22:45:04 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     ออกจากออฟฟิสบึ่งกลับมาถึงคอนโดได้ เท้าสองข้างก็รีบพาร่างของเขาขึ้นไปยังชั้นเจ็ดที่เป็นห้องพักทันที แต่ขาเจ้ากรรมกลับไม่เลยไปหยุดอยู่ที่ประตูหน้าห้องตัวเอง ชัยชัชยกมือซ้ายที่สวมนาฬิกาขึ้นดูเวลา

     ‘อืม พึ่งบ่ายสาม ไม่รู้เจ้าตัวจะอยู่ในห้องรึเปล่า?’

     ถูกแล้ว ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าห้องของเด็กหนุ่มตัวปัญหา ชัยชัชกดกริ่งแต่เรียกอยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าประตูห้องจะเปิด

     ‘ไหนบอกว่าไม่หนียังไงละเว้ย! นี่อะไร ออกไปไม่กี่ชั่วโมง บังอาจหายหัวไปไหน!’

     แต่ในขณะที่กำลังจะรัวกำปั้นถล่มลงไปนั้นเองบานประตูก็ส่งเสียงขยับเปิดออกเผยให้เห็นเจ้าเด็กหนุ่มตัวดีที่...

     “เฮ้ย! เป็นไรป่าวเนี่ย? สีหน้าเราดูแย่มากเลยนะ”

     ชัยชัชไม่คาดคิดว่าจากกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง เจ้าเด็กตัวปัญหาจะดูโทรมขึ้นทันตาเห็น ใบหน้าซีดๆ กับดวงตาที่ดูบวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แถมยังดูราวกับไร้เรี่ยวแรงเหมือนคนไม่สบายขนาดหนัก

     “สงสัยไข้ขึ้นนิดหน่อยมั้งครับ”

     ‘แน่ะ! ยังจะมายิ้มอีก ไอ้เด็กเวรนี่เอะอะไรก็ชอบฝืนยิ้มทำตาเศร้าๆ ตลอด’

     แล้วก็เพราะไอ้ดวงตาเศร้าๆ นี้ไม่ใช่รึไง ที่ทำให้เขาติดใจสงสารไอ้เด็กเวรนี่

     “แล้วนี่กินยายัง?”

     ต้นน้ำได้แต่ส่งยิ้มแทนคำตอบให้ชัยชัช หลังจากที่ชายหนุ่มกลับไปแล้วเขาก็นอนหลับแทบไม่รู้สึกตัวจนมาตื่นอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงกริ่งจากชัยชัชนี่แหละ

     “อย่าบอกนะว่า หลับอยู่ตลอด”

     ถามเองเดาเองแล้วก็ตอบเองเพราะคนตอบๆ ช้าไม่ทันใจ ชัยชัชกล่าวพลางเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าบวมอืดจากการนอนมากเกินไปของอีกฝ่าย แต่แล้ว…

     “เฮ้ย! ตัวร้อนจี๋เลย”

     อารามตกใจด้วยนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าของตน ต้นน้ำจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ อึ้งๆ พลางหน้าแดงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นโครมคราม

     หน้าที่แดงขึ้นและอุณหภูมิร้อนฉ่าของอีกฝ่ายส่งผลให้ชัยชัชลืมเลือนเรื่องที่ตนตั้งใจไว้เสียสนิท เขาเองก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมพอเห็นคนตรงหน้าไม่สบายแล้วใจมันหวั่นๆ ทั้งๆ ที่พึงรู้จักกันเมื่อคืน คุยกันไม่ถึงร้อยคำ แต่ในใจกลับห่วงหาอาทรกันไปมากมายซะแล้ว เขารู้แต่เพียงว่า ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมพลาดอะไรไปอีกแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม เขาจะเป็นฝ่ายทุ่มเท่ให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกขาดแคลน

     ทั้งๆ ที่เรื่องยังไม่เคลียร์ แต่ชัยชัชกลับไม่รู้เลยว่า ในใจของตัวเองได้เหมาเอาเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็น“คนของเขา”ไปเรียบร้อยแล้ว

============================================

     ผลจากการที่ตัวเองไข้ขึ้น ต้นน้ำเกือบถูกชัยชัชบังคับพาไปหาหมอ แต่ด้วยความดื้อส่วนตัวเลยบ่ายเบี่ยงขี้เกียจทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ลงท้ายชัยชัชก็ยอมแพ้อนุญาตให้ต้นน้ำไม่ต้องไปหาหมอ แต่อย่างน้อยก็ต้องทานยาให้เขาเห็น

     “กินข้าวซะสิ จะได้กินยา”

     “คุยเรื่องของเราก่อนก็ได้ครับ ผมยังไม่หิว”

     คนป่วยยวนขึ้นอย่างถือดีจนคนฟังอดเกิดความรู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ ไม่ได้

     ‘ไข้ขึ้นจนตัวร้อนจี๋ขนาดนี้ยังจะมาอวดดีอีกนะ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย!’

     “ไม่ได้ ดูท่าเราไหวซะที่ไหน ไว้ค่อยคุยก็ได้ ไม่รีบหนีไปไหนไม่ใช่รึไง?”

     เจอมุกนี้เข้าไปต้นน้ำก็หน้างอทันที ชัยชัชสะใจบวกคะแนนแต้มต่อให้ตัวเองอยู่เงียบๆ ภายในใจ

     “แล้วนี่ในบ้านมีอะไรกินบ้าง?”

     แต่คนป่วยยังไม่ทันได้ตอบอะไร คนชอบคิดเองสรุปเองตรงหน้าก็ฉุดเขาลุกขึ้นแล้วดุนหลังพาไปยังห้องน้ำ

     “พี่ว่าน้องไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวพี่พาไปหาอะไรกิน จะได้คุยเรื่องของเราไปด้วยเลย”

     แม้ว่าจะยังตั้งตัวไม่ถูก แต่ลึกๆ แล้วต้นน้ำก็อดแอบปลื้มอยู่ในใจไม่ได้ที่ชัยชัชมีทีท่าเอาใจใส่เขา เจ้าตัวพยายามลากสังขารป่วยๆ ไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างมีความสุข แต่ดูท่าคงจะเพลินไปหน่อยคนใจร้อนเลยมาเคาะประตูเร่ง

     “เฮ้ย นานไปแล้ว ไม่สบายแล้วอาบน้ำนานขนาดนี้เดี๋ยวก็น็อกหรอก”

     กว่าจะเรียบร้อยได้มานั่งอยู่ในรถของชัยชัชได้ก็ปาไปเกือบครึ่งชั่วโมง เล่นเอาชัยชัชบ่นกะปอดกะแปด ส่วนตัวต้นเรื่องก็ได้แต่ทำหน้าอมยิ้มชี้แจงแบบไม่แคร์คนรอว่าเพราะตัวเองไม่ค่อยสบาย จะหยิบจับทำอะไรก็ไม่ค่อยไหว ไม่ค่อยมีแรงเลยทำให้ช้า เพราะรู้ดีว่าถึงแม้ชัยชัชจะบ่นเขา แต่อย่างน้อยชัยชัชก็ยังทนรอเขาอยู่นั่นเอง ชัยชัชขับรถพาทั้งคู่เลี้ยวเข้าไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้ๆ คอนโด บรรยากาศร้านถือได้ว่าเงียบสงบคนบางตาไม่ค่อยมีลูกค้า เหมาะกับการสนทนาตกลงเรื่องราวของทั้งคู่

     “กินไร”

     ชัยชัชถามพลางส่งเมนูให้อีกฝ่าย เด็กหนุ่มเปิดเมนูดูผ่านๆ แล้วก็เลือกอาหารจานเดียวมารับประทาน

     “สปาเก็ตตี้ผัดเขียวหวานครับ”

     ต้นน้ำสั่งอาหารกับเด็กเสริฟก่อนจะหันไปมองหน้าคนพามาเลี้ยงอย่างแปลกใจ

     “มีอะไรเหรอครับ?”

     “เปล่า”

     ชัยชัชปฏิเสธก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับเด็กเสริฟ

     “ขอสปาเก็ตตี้ผัดเขียวหวานที่นึง ข้าวเปล่าจาน ยำเนื้อกับต้มแซ่บเอ็นหมูอย่างละที่ แล้วก็น้ำเปล่าขวดแบบไม่แช่เย็น น้ำแข็งแค่แก้วเดียวพอนะน้อง อีกแก้วไม่ต้องใส่”

     ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายอย่างชัยชัชจะใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ เรียกได้ว่าความรู้สึกภายในอกของต้นน้ำยามนี้นั้นฟูพองไปด้วยความอบอุ่นจากการเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ ของผู้ชายตรงหน้า คนที่เขาแอบหลงรักมานานหลายปี ต้นน้ำรู้ดีว่า ผู้ชายตรงหน้าเป็นคนดี เพียงแต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาต้นน้ำได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ ไม่เคยมีโอกาสได้ทำความรู้จักหรือเข้าไปชิดใกล้
 
     จากอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ที่ชัยชัชเคยช่วยเขาไว้ จนถึงเรื่องบังเอิญที่ได้มาอยู่ใกล้ๆ กัน ต้นน้ำแอบมองอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลาโดยที่ชายหนุ่มไม่เคยรู้ตัวเลยแม้แต่น้อย

     การคอยแอบมองคนตรงหน้ามาตลอดทำให้ต้นน้ำรู้จักอุปนิสัยของอีกฝ่ายพอสมควร เขารู้ดีว่าชัยชัชเป็นผู้ชายแบบแมนเต็มร้อย แม้จะใจร้อนแต่ก็มีความสุขุมอยู่ในที แถมเจ้าตัวยังถือได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จึงมีความลำพองในศักดิ์ศรีแบบลูกผู้ชาย แม้จะมีดื่มมีสังสรรคบ้างแต่ก็ไม่ใช่คนติดพันอบายมุข แต่ในเรื่องนิสัยส่วนตัวการปฏิบัติตนกับคนรักทำนองนี้นั้น ต้นน้ำไม่เคยรู้เลยจริงๆ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้สัมผัสมัน

     ‘แต่ผู้ชายดีๆ แบบนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา’

     ต้นน้ำจึงได้แต่สงสัยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับอีกฝ่าย

     ‘ผู้ชายดีๆ แบบนี้ทำไมพี่ฟ่างถึงได้ทิ้งไปนะ?’

     ทั้งสองทานอาหารไปคุยกันไปด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกันสุดขั้ว ฝ่ายหนึ่งแฮปปี้ดี๊ด้าเงียบๆ อยู่ภายในใจ ส่วนอีกฝ่ายก็สับสนไม่รู้จะห่วงตัวเองหรือห่วงอาการคนตรงหน้าดี และเมื่อกับข้าวจานหลักผ่านไปเรียบร้อยก็มาถึงเวลาที่ทั้งคู่รอคอย

     “มีไข้แล้วไอหรือเจ็บคอด้วยเปล่าน่ะเรา?”

     “ไม่ครับ แค่ปวดหัวนิดหน่อย”

     “งั้นกินยานี่ไป”

     ชัยชัชมองต้นน้ำทานยาเงียบๆ พลางตัดสินใจอะไรบางอย่าง ทางด้านฝ่ายต้นน้ำก็รู้ดีว่าชัยชัชกำลังมองตนเองอยู่ ช่วงเวลาแห่งความสุขได้ผ่านพ้นไปแล้ว ต้นน้ำรู้ดีว่าเรื่องที่จะคุยต่อไปนี้มันคงมาถึงตอนสุดท้ายของฝันหวานกลวงๆ แต่ทว่า...

     “พี่รู้สึกว่า เหมือนน้องจะรู้จักพี่ดีพอสมควรเลย ถามจริงเหอะ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยรู้จักน้องแท้ๆ ทำไมน้องถึงได้ทำเหมือนรู้จักพี่ดีนัก”

     ‘จะให้พูดว่าไงล่ะ จะบอกพี่เขาไปเลยดีรึเปล่านะว่าแอบมองพี่เขามานานแล้ว’

     ต้นน้ำคิดในใจพลางเรียบเรียงคำพูดในหัวสมอง

     ‘ไม่ได้สิ ถ้าเกิดพี่เขารังเกียจเราขึ้นมาล่ะ จะตอบยังไงดีนะให้ดูดีในสายตาพี่เขา’

     “น้องรู้ได้ยังไงว่าพี่อยากขายห้อง แถมยังรู้อีกเรื่องที่พี่... พักหลังๆ บางทีก็มีเพื่อนมาค้าง”

     ‘อ๋อ ที่แท้ก็เรื่องนี้ หึๆ’

     “ก็ไม่ยากนี่ครับ เราอยู่ห้องข้างๆ กัน แค่พี่ชัชอาจจะไม่เคยสังเกตเห็นผมก็ได้”

     “อืม ก็จริง”

     ชัยชัชคิดในใจพลางเห็นด้วยกับที่เด็กหนุ่มตอบ เนื่องจากสมัยก่อนนั้นเขามักงานยุ่งตลอด ไม่ค่อยได้ใส่ใจรอบๆ ตัวมากนักเลยจำใครไม่ค่อยได้ เพราะเรื่องต่างๆ ทั้งการประชุมผู้อยู่อาศัยรวมไปถึงการจ่ายค่าส่วนกลางเขามักให้ฟ่างแฟนสาวของเขาเป็นฝ่ายจัดการแทนด้วยอัธยาศัยช่างคุยของเธอและความเจ้าระเบียบ ส่วนตัวเขาก็มักทำแต่งานไม่ค่อยสังสรรค์กับเพื่อนบ้านเท่าไหร่นัก

     แต่อย่างหนึ่งที่เขารู้เกี่ยวกับเด็กหนุ่มข้างห้องตัวดีคนนี้ก็คือ

     ‘เจ้าเด็กนี่มันฉลาด รู้จักตอบเลี่ยงหมดทุกคำถาม ไม่ยอมแบไต๋ออกมาซักที!’

     “แล้วเรื่องของเรา น้องอยากให้พี่ทำยังไง”

     “ถ้าผมบอกแล้วพี่ชัชจะยอมตกลงแต่โดยดีทุกๆ อย่างเหรอครับ”

     “มันก็ไม่แน่หรอก ขึ้นอยู่กับว่าน้องอยากให้พี่รับผิดชอบยังไง ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงพี่ก็ทำให้ได้ แต่ไอ้ถึงขั้นจะให้พี่พาไปจดทะเบียน พี่คงทำให้ไม่ได้ว่ะไอ้น้อง เพราะประเทศนี้ยังไม่ยอมให้ผู้ชายแต่งงานกัน”

     “งั้นถ้าผมขอให้พี่ชัชพาผมไปไหว้คุณพ่อคุณแม่พี่เปิดตัวในฐานะแฟนละครับ”

     กวนมาก็กวนตอบ คำขอของต้นน้ำทำเอาชัยชัชสะอึกอ้าปากค้าง

     “เฮ้ย เอางั้นเลยเรอะ!”

     “ได้มั้ยละครับ?”

     ต้นน้ำย้อนถามกลับด้วยท่าทางทีเล่นทีจริงเสียจนชัยชัชเริ่มผวา!

     “เฮ้ย! ถามจริงเหอะ น้องเป็นเกย์เหรอ พี่ไม่ชอบผู้ชายว่ะน้อง ถ้าจะหาแฟน ไปหาผู้ชายคนอื่นเหอะ พี่ไม่ว่างมาเล่นด้วยหรอก!”

     ตอนนี้ชัยชัชเริ่มอารมณ์ปะทุแล้ว ก็ดูสิเขาอุตส่าพามาทานข้าว ไม่สบายก็หายาให้ทาน ตั้งใจจะคุยตกลงกันดีๆ แต่ไอ้เด็กนี้กลับกวนเขาไปซะชิบ! แต่ที่ชัยชัชไม่รู้ตัวก็คือ คำพูดของเขาก็ทำเอาต้นน้ำจุกไปเหมือนกัน!

     เด็กหนุ่มนิ่งไป เขาคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเอง ความสับสนฉายชัดอยู่บนใบหน้า ร่องรอยความเศร้าหมองปรากฏขึ้นในแววตา ในที่สุดต้นน้ำก็เรียบเรียงคำพูดได้

     “ผม... ผมไม่รู้หรอกครับว่าผมเป็นเกย์รึเปล่า เพราะผมไม่เคยมีความรักมาก่อน จนเกิดเรื่องเมื่อคืน ผม... ผมคิดว่าตัวเองไม่ได้รังเกียจเรื่องที่เกิดขึ้น พี่ชัชคิดว่าผมเป็นเกย์รึเปล่าละครับ? แล้วพี่รังเกียจเรื่องที่เกิดขึ้นรึเปล่า? ….. พี่เกลียดผมรึเปล่า?”

     ดวงตาที่มองตรงมาอย่าวแน่วแน่สะกดให้ชัยชัชละสายตาไปไหนไม่ได้ นัยน์ตาสีดำสนิทที่ส่องสะท้อนภาพของตัวเขาดูราวกับหลุมลึกแห่งห้วงอวกาศที่สูบตัวเขาเข้าไป สายตานี้เองที่ทำให้เขาถลำลึกจนแทบถอนสติตัวเองกลับมาไม่ได้ ความโศกเศร้าที่เฝ้าเก็บกดไว้ฉายชัดอยู่ในนั้น ตั้งแต่ครั้งแรกที่เผลอสบตา ความอ้างว้างโดดเดี่ยวก็ถาโถมเข้ามาเกาะกุมจิตใจให้เขาไม่อาจปล่อยมือ เขาอยากค้นหา อยากสัมผัส อยากค้นพบดวงดาวอันสดใสที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้น!

     “พี่ก็ไม่รู้วะ บอกตามตรง เมื่อคืนพี่จำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำไรไปบ้าง แต่อย่างนึงที่พี่บอกได้ก็คือ ตอนนี้พี่ยังไม่อยากต่อยน้องหรือรู้สึกอยากอ้วกตอนที่คิดว่าเราสองคนอาจะเคยทำอะไรกัน”

     ทันทีที่ตอบออกไปเขาก็เห็นท่าทางผ่อนคลายของเด็กหนุ่ม สีหน้าราวกับยกภูเขาออกจากอกของอีกฝ่ายทำให้เขาอดสงสารคนตรงหน้านี้ขึ้นมาไม่ได้ มือหนาจึงยื่นออกไปยีหัวอีกฝ่ายอย่างพี่ชายเอ็นดูน้อง

     “ให้พี่ทำอะไรให้ก็ได้ แต่พี่คงเป็นแฟนให้เราไม่ได้หรอก คนอย่างพี่คงไม่เหมาะจะดูแลใคร แล้วอีกอย่างนึงนะน้อง พี่พึ่งอกหักมาว่ะ บอกตามตรง พี่ยังทำใจไม่ได้ ไม่ใช่ว่าพี่รังเกียจน้อง ต่อให้เป็นผู้หญิงคนไหนพี่ก็ยังไม่พร้อมหรอกว่ะ หวังว่าน้องคงเข้าใจ พี่พึ่งเลิกกับผู้หญิงที่พี่รักมาตลอดสี่ปีได้ไม่ถึงสองเดือน พี่ยังไม่พร้อมจริงๆ”

     รอยยิ้มเศร้าๆ ปรากฏบนหน้าเด็กหนุ่ม ต้นน้ำเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนให้ชัยชัช อ่อนโยนแต่ทว่าแสนเศร้า...

     “ผมเข้าใจครับ ถ้าอย่างนั้น ให้ผมเป็นน้องชายก็ได้ใช่มั้ยครับ ขอแค่โอกาสให้ผมได้อยู่ใกล้ๆ พี่ชัช แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว”

     ‘หยั่งกับคำสารภาพรัก เจ้าเด็กคนนี้มันชอบเราขนาดนี้เลยรึไง?’

     แว๊บแรกชัยชัชรู้สึกเหมือนถูกปั่นหัว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากตนกันแน่ แต่ไปๆ มาๆ อีกฝ่ายกลับยอมเข้าใจเขาเอาง่ายๆ แถมยังพูดราวกับหลงรักเขาเข้าซะงั้น เขาเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงกับเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ดี

     “น้องพอใจแค่นั้นเหรอ? แล้วเรื่องที่พี่... เอ่อ...”

     “ครับ แค่พี่ชัชไม่รังเกียจผมก็พอแล้ว ต่อให้ผมอยากได้มากกว่านี้พี่ชัชก็ให้ผมไม่ได้อยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ ผมไม่เรียกร้องอะไรมากหรอก ไม่อยากถูกพี่เกลียดเอา”

     ต้นน้ำกล่าวพลางยกยิ้มแลบลิ้นเผล่ให้อีกฝ่ายอย่างน่ารัก ในตอนนี้เขาสบายใจสุดๆ เขาประสบความสำเร็จแล้ว เมฆหมอกทั้งหลายภายในใจเขาได้จางหายไปแล้ว ชัยชัชเปรียบเสมือนพระอาทิตย์ที่ฉายแสงขับไล่พายุฝน

     “ไว้เราค่อยทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆ ก็ได้ครับ เผื่อวันนึงพี่ชัชอาจจะใจอ่อนให้ผมก็ได้”

     รอยยิ้มของคนตรงหน้าทำให้ชัยชัชอารมณ์ดี

     ‘ดีใจกับเรื่องเล็กน้อยพรรณนี้เนี่ยนะ?’

     ใจหนึ่งทั้งเอ็นดูแต่อีกใจก็สงสาร เขาอยากบอกอีกฝ่ายเหลือเกินว่าบางครั้งกาลเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็ไม่ช่วยอะไรเลย

============================================

     เช้าวันจันทร์ ขณะที่ต้นน้ำกำลังเดินเข้าโรงเรียน

     “ต้น! เป็นไร ทำไมไม่รับโทรศัพท์แม็กซ์!”

     เสียงทักจากคนที่ต้นน้ำไม่อยากเจอมากที่สุดในตอนนี้ดังขึ้นตอกย้ำปมในใจจนต้นน้ำต้องดึงเอาความรู้สึกดีๆ ที่ชัยชัชมอบให้มาเป็นเกราะกำบังกั้นอารมณ์อ่อนไหวของตัวเอง เขาหยุดเดินหันกลับไปส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งที่กำลังเดินเข้ามา

     “เราไม่ค่อยสบายน่ะ เลยนอนทั้งวัน อยากพักผ่อน”

     “อ้าว! แล้วทำไมไม่บอกแม็กซ์อ่ะ เป็นห่วงนะรู้ป่าว อยู่ๆ ต้นก็กลับบ้านไปแบบนั้น”

     “เราขอโทษ”

     “รู้ตัวก็ดี ทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วง”

     เพราะต้นน้ำมีท่าทีโอนอ่อน แม็กซ์จึงเสียงอ่อนลง เขาพยายามบอกตัวเองให้อ่อนโยนกับอีกฝ่ายมากกว่าเดิม

     “แม็กซ์กลัวต้นจะโกรธจนไม่ยอมคุยกับแม็กซ์แล้วซะอีก ที่แม็กซ์...”

     คิ้วสวยๆ ของต้นน้ำขมวดเครียดทันทีที่แม็กซ์พูดถึงเรื่องบางอย่าง อาการต่อต้านที่เพื่อนแสดงออกมาทำให้แม็กซ์จงใจเปลี่ยนหัวข้อทันที

     “โทรไปตั้งหลายครั้งก็ไม่รับ วันศุกร์ก็หยุด หายไปแบบนี้แม็กซ์เป็นห่วงนะ ถ้าต้นเป็นไรไปแม็กซ์คงไม่ให้อภัยตัวเอง”

     สีหน้าเป็นห่วงของเพื่อนรักทำให้ต้นน้ำเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย เขารับรู้ได้ว่าเพื่อนคนนี้เป็นห่วงเขาจากใจจริง

     “ช่างมันเถอะ เราไม่ได้เป็นไร รีบไปกันดีกว่า”

     “เออ งั้นขอลอกการบ้านวิทย์หน่อยดิ แม็กซ์ลืมทำ”

     “ทุกทีแหละ แม็กซ์อ่ะ”

     “แหะๆ”

     เด็กหนุ่มชื่อแม็กซ์หัวเราะเสียงอ่อยๆ อายที่เพื่อนรู้ทัน แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักด้วยรู้ว่ายังไงเพื่อนคนนี้ก็ต้องยอมให้เขาลอกอยู่ดี เด็กหนุ่มจึงอารมณ์ดีเดินกอดคอเพื่อนรักไปตลอดทางด้วยหัวใจที่รู้สึกเติมเต็มมากกว่าครั้งไหนๆ

============================================


น้องต้นจะขายอ้อยให้พี่ชัชสำเร็จหรือไม่ หรือตัวเอกของเราจะนก? หมาป่าจะโดนเด็กเลี้ยงแกะจับใส่ปลอกคอได้อย่างไรโปรดติดตาม... :mew1:

ทำไมรู้สึกว่าตัวเอกนิยายตัวเองช่างแร้แรด ปากเก่ง อวดดี ปลูกไร่สตรอเบอร์รี่อย่างแรง
ส่วนพระเอกตั้งแต่โผล่ออกมาก็เป็นตาลุงธรรมดาๆ ไร้คุณสมบัติตามมารตราฐานเมะนิยายวายทั่วๆ ไป
จะไปรอดมั้ยนี่? นิยายเรื่องนี้จะได้เกิดมั้ย? ไม่สิ มันต้องมีช่วงเปล่งออร่าให้นักอ่านรักได้แหละน่า... ซักตอนน่ะนะ... :mew5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2014 16:20:07 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ lolitar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0


สู้ต่อไปน้องต้นสักวันเขาต้องหันมามองหนูแน่ :m4: :m4:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
 :mew5: นิยายอาจจะไม่ค่อยสนุกมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งมากนัก อาจจะจัดหนักอารมณ์ดราม่าหน่อยๆ ตัวเอกร้ายพอสมควร แต่ก็อยากให้เป็นกำลังใจให้ด้วยนะขอรับ
     แอบเหงานะเนี่ย ถึงจะพอรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แนวที่นิยมก็เถอะ แต่ร้างแบบนี้ก็เหงาอ่ะ อยากเห็นคนมาร่วมด่าน้องต้นด้วยกัน เอ๊ะยังไง? 55
     แต่ลองอ่านไปเรื่อยๆ เถอะ เชื่อว่าจะต้องมีคนอินกับ "E ต้น" ในเรื่องนี้แน่ๆ (คือ... ส่งเนื้อเรื่องให้แฟนอ่านแล้วแฟนเราเรียก"น้องต้น" ของเราว่าแบบนี้อ่ะ)
** แต่ถ้าไม่อินก็คงรับไม่ได้แหละ แถมแบบหลังดูท่าจะเยอะกว่า  :hao5:

เอาเป็นว่ามาติดตามความ"ร้าย"ของน้องต้นกันต่อก็แล้วกัน ฮีเริ่มแล้ว...

:laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:


เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 2 -
##### บางที การที่อยู่ๆ ก็มีน้องชายมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ ตัวก็ถือเป็นเรื่องดี #####

     เสียงริงโทนเพลงพิเศษที่ตั้งสายไว้สำหรับใครบางคนดังขึ้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวต้องการคุยกับเขา ชัยชัชเอื้อมมือไปกดปุ่มตอบรับบนหน้าจอของรถยนต์ก่อนจะกรอกเสียงลงไป

     “หวัดดีครับพี่ชัช ยุ่งอยู่รึเปล่าครับ?”

     “ไม่ๆ พี่ขับรถอยู่ แต่คุยได้”

     “วันนี้พี่ชัชเลิกดึกรึเปล่าครับ พอดีผมจะทำอาหารเย็นให้คุณแม่ เลยกะว่าจะทำเผื่อพี่ชัชด้วย ถ้าพี่ชัชอยากกลับมาทานข้าวเย็นด้วยกัน”

     “หือ พี่น้ำกลับมาวันนี้เหรอต้น?”

     “ครับ แม่เครื่องลงวันนี้พอดี กลับถึงห้องตั้งแต่บ่ายแล้วครับ นี่ผมว่าจะแวะซุปเปอร์ซื้อของก่อนกลับ แต่อยากโทรมาถามพี่ชัชให้แน่ใจก่อน ถ้าพี่ชัชจะมาทานข้าวด้วยกันผมจะได้ซื้อของเพิ่มครับ”

     เจ้าเด็กนี่มันสกิลแม่บ้านสูงชะมัด! นับตั้งแต่คืนที่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านไปสองอาทิตย์แล้ว ชัยชัชไม่คิดไม่ฝันว่าจู่ๆ เขาก็มีน้องชายห้องข้างๆ เข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิต

     ต้นน้ำไม่เรียกร้องอะไรเลยจริงๆ สิ่งที่เปลี่ยนไปในชีวิตเขาก็มีแค่ได้คนมาเก็บกวาดห้องหับให้ บางคราวก็มีคนทำอาหารเย็นให้ทาน เวลาหยุดอยู่บ้านมีคนมานั่งดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนช่วยให้เขาไม่ต้องใช้เวลาที่เหลือไปกับการนั่งเศร้าอีกต่อไป ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่ารอยยิ้มของไอ้เด็กอวดดีบางคนพาเอาโลกของเขาสว่างไสวขึ้นมาทันตาเห็น

     บางครั้งความรู้สึกของคนเรามันก็เหมือนเรื่องตลกที่หาตรรกะอะไรมาอธิบายไม่ได้ เขารู้สึกว่าระยะเวลาสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ทำให้เขาลืมฟ่างคนรักเก่าได้รวดเร็วกว่าตลอดสองเดือนที่เขาพยายามทำใจเสียอีก

     เขายังจำได้ดีถึงผู้หญิงที่เขารักและตั้งใจจะสร้างอนาคตด้วย บาดแผลและความเจ็บปวดที่ถูกทิ้งมันกำลังสมานตัว ในวันนี้เขาจึงสามารถคิดถึงแฟนเก่าได้อย่างสบายอารมณ์มากขึ้น แม้จะยังเฮิร์ท แต่ก็ยอมเจ็บปวดด้วยความยินยอมพร้อมใจมากขึ้นกว่าเดิม

     แฟนเก่าของเขาอายุน้อยกว่าเขาสามปี เขาพบกับฟ่างครั้งแรกสมัยที่เธอพึ่งเข้ามาเป็นผู้แทนใหม่ๆ แม้จะขายสินค้ากันคนละอย่างแต่ก็สายงานใกล้เคียงกัน เขาจึงมีโอกาสได้ช่วยเธอที่เป็นผู้แทนมือใหม่อยู่หลายครั้งในยามพบเจอ ทั้งสองได้รู้จักผูกพันกันอย่างลึกซึ้งจนกระทั่งหัวใจของเขาร่ำร้องให้เธอเข้ามาครอบครอง

     เธอเป็นผู้หญิงสวย รูปร่างเล็ก เครื่องเคราบนใบหน้าจิ้มลิ้มชวนให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความรู้สึกเอ็นดูได้ไม่ยาก ประกอบกับน้ำเสียงเล็กๆ ที่ชอบสูงขึ้นเล็กน้อยเวลาเอาแต่ใจชวนให้เขายอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อตามใจเจ้าหญิงเช่นเธอ เพียงแค่อยากเห็นรอยยิ้มของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้น

     ที่จริงคอนโดนี้เขาก็ซื้อตามใจเธอด้วยซ้ำ ใจจริงเขาอยากได้บ้านเดี่ยวย่านชานเมืองหลังเล็กๆ สักหลังไว้ให้ลูกได้มีที่เลี้ยงสัตว์ เพราะเป็นความฝันของเขามาตั้งแต่เด็กๆ แล้วที่อยากเลี้ยงสัตว์ แต่พ่อกับแม่ที่บ้านนอกไม่อนุญาต พอโตมาสอบเข้ามหาลัยในเมืองกรุงได้ก็อยู่แต่หอพักจึงอดไปตามระเบียบ เมื่อได้งานทำก็ยุ่งเกินกว่าจะไปสนใจเรื่องเลี้ยงสัตว์ที่เป็นความฝันสมัยเด็กๆ แล้ว แค่เอาปากท้องของตัวเองให้รอดปิดยอดไปวันๆ ก็แทบไม่เหลือพลังไปดูแลใครอีก กลับกันที่มีแต่จะอยากได้คนมาคอยดูแล

     แต่ฟ่างไม่ชอบความยุ่งยาก แม้จะเป็นลูกคนเล็กแต่เธอก็โตมาในครอบครัวใหญ่ จึงค่อนข้างชอบความเป็นส่วนตัว และต้องการแต่งงานแยกบ้านออกมาอยู่กับเขาโดยเร็ว แต่เมื่อสามปีก่อนเขายังไม่พร้อมสำหรับการแต่งงาน เงินจะดาวน์บ้านที่ฝันไว้ก็ยังมีไม่พอ สินสอดที่พ่อตาเรียกก็ยังหาได้ไม่ครบ รถก็ยังต้องผ่อน ฟ่างจึงเสนอว่าให้หาคอนโดสักที่แทนเพื่อที่เขาและเธอจะได้อยู่ด้วยกัน ต่างฝ่ายจะได้ไม่ต้องเช่าอพาตเม้นท์กันคนละที่ให้เปลือง เขาจึงได้ตัดสินใจกัดฟันเจียดเงินมาดาวน์ห้องไว้ใช้เป็นรังหลับนอนของเขา และเป็นสถานที่พักกายแบบไม่ต้องสนใจญาติๆ ที่บ้านให้กับเธอระหว่างรอเรือนหอหลังใหม่

     แต่ทว่า... ด้วยความที่เขากับเธอยังไม่ได้แต่งงานกัน ในสภาวะไม่พร้อมต่างฝ่ายต่างก็งานยุ่ง ทั้งๆ ที่เขาตรากตรำเก็บเงินเพื่ออนาคตของคนทั้งคู่ ทั้งๆ ที่เขาขอให้เธอรอ สิ่งที่เขามีให้เธอก็ขาดเพียงงานแต่งกับแผ่นทะเบียน  แต่เธอกลับรับไม่ได้ เธอบอกเขาว่าเขาเฉื่อยชาเกินไป ไม่กระตือรือล้นที่จะรักเธอดังเช่นวันวาร

     เธอไม่เข้าใจถึงศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่รับปากกับพ่อตาว่าจะหาเงินไปขอลูกสาวเขาให้ได้ เธอคิดว่าเขาเกิดเบื่อและลังเลขึ้นมาจนไม่อยากถูกผูกมัด รวมไปถึงเรื่องเกี่ยวพันด้านสินทรัพย์ทั้งก่อนและหลังสมรส เธอคิดว่าเขาเห็นแก่ตัว โดยไม่รู้ตัว ...ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอเริ่มไม่พอใจในสิ่งที่เขาพยายามทำเพื่อเธอ ทั้งๆ ที่เขาก็ใช้ความพยายามมากขึ้นมาโดยตลอด แต่ทำไมมันกลับส่งไปถึงเธอได้น้อยลงกว่าเดิม

     และเมื่อเขาถูกย้ายเขต จำเป็นต้องออกต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อรายได้ที่มากกว่าเดิมสำหรับการทำความฝันของเธอให้เป็นจริงในเร็ววัน เขาก็ยิ่งมีเวลาตอบสนองความต้องการของเธอได้น้อยลง เขาไม่สามารถมาอยู่ใกล้ๆ ให้ความช่วยเหลือหรือรับฟังเรื่องราวงี่เง่าปัญหาต่างๆ ของเธอได้เช่นเดิม เขาจำเป็นต้องทำงานให้หนักมากกว่าเดิม แต่ผลที่ได้รับกลับไม่เป็นไปตามที่หวัง ช่วงเวลาวุ่นๆ ที่เขาไม่สามารถดูแลเธอ ฟ่างก็เปลี่ยนไป เธอให้เหตุผลหลายๆ อย่างแม้แต่เรื่องงี่เง่าเกี่ยวกับนิสัยของเขาที่เธอพึ่งไม่ชอบหรือทนไม่ได้เอาตอนปีที่สี่ที่เขาทั้งคู่คบกัน!

     และแล้ว... เธอก็จากลาไปพร้อมกับใครคนใหม่ที่เป็นเพื่อนสนิทผู้แสนดีคอยเข้าใจเธอมาตลอด และสิ่งที่น่าขำที่สุดสำหรับชัยชัชก็คือเพื่อนสนิทสุดที่รักของเธอคนนั้นไม่มีวันให้ทะเบียนสมรสกับเธอได้! นับเป็นความอัปยศที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตเมื่อผู้หญิงที่ตนรักโดนทอมแย่งไป แต่บาดแผลนั้นก็เริ่มสมานได้เพราะความจุ้นจ้านของเด็กห้องข้างๆ คนนี้นี่แหละ

     “พี่ชัช ฟังอยู่รึเปล่าครับ?”

     “หือ!? ฟังดิ พี่ฟังอยู่ เอางี้ละกัน นี่พี่เหลืออีกที่เดียวก็เสร็จงานวันนี้แล้ว เดี๋ยวพี่ไปรับเราไปซื้อของด้วยกันดีป่ะ ต้นบอกพี่วันก่อนว่าของใช้ในบ้านพี่หมดหลายอย่างไม่ใช่เหรอ?”

     ‘ที่แท้ก็สนใจที่เราพูดไปเหมือนกันนี่นา’

     ต้นน้ำคิดในใจอย่างยินดี นับตั้งแต่วันที่เขาทำตัวเนียนขอไปเป็นน้องชายของอีกฝ่าย เขาก็อ้างหาเหตุผลเข้าไปจัดการเรื่องต่างๆ ให้ชัยชัชได้อย่างแนบเนียน สภาพของชายหนุ่มที่อยู่ตัวคนเดียว แถมยังอยู่กับงานนอกบ้านมากกว่าใช้เวลาในที่อยู่อาศัยของตัวเองนั้นดูแทบไม่ได้

     จานชามใช้แล้วก็กองทิ้งไว้ในอ่างล้างจาน เสื้อผ้าที่ใส่ก็กองระเกะระกะยังไม่ได้ซัก ส่วนผ้าผ่อนที่ส่งไปซักรีดเรียบร้อยแล้วกลับวางพาดอยู่บนราวตากผ้าเช็ดตัวแทนที่จะอยู่ในตู้เสื้อผ้า แม้จะโชคดีที่ไม่ค่อยมีฝุ่น แต่ขยะลืมถังทั้งหลายก็วางรอคนไปจัดเก็บอยู่เป็นจำนวนมาก ถุงสำหรับแจก ตัวอย่างโบรชัวร์ รวมไปถึงของจุกจิกสำหรับแจกลูกค้าอันเป็นเครื่องมือทำมาหากินวางกองรวมๆ กันสุมไว้จนเต็มห้องว่าง สมกับเป็นห้องของหนุ่มโสดโดยแท้

     แม้เขาจะวางแผนเข้าไปจัดการธุระในบ้านให้อีกฝ่ายเพื่ออวดความเป็นแม่ศรีเรือน แต่เขาก็ไม่ได้เตรียมใจเจอกับบททดสอบหนักขนาดนี้ กว่าเขาจะช่วยจัดการทุกอย่างจนลงตัวก็เดือดร้อนอุปกรณ์สามัญประจำบ้านในห้องเขาไปหลายรายการ ชัยชัชพยายามตอบแทนเขาด้วยการให้เงิน แต่... ถ้าเขายอมรับเงินนั่นมาละก็ มันก็ไม่ต่างอะไรกับแม่บ้านรับจ้างสิ! เขาต้องการสร้างบุญคุณยืดเยื้อกับอีกฝ่ายต่างหาก เขาจะต้องทำทุกวิถีทางให้ชัยชัชเคยชินกับการมีเขาอยู่ข้างๆ จนขาดไม่ได้ให้สำเร็จ!

     “อย่าดีกว่าครับพี่ชัช หน้าโรงเรียนผมรถติดจะตาย”

     “แล้วเราจะกลับยังไง ซื้อของตั้งเยอะ”

     ‘เฮ้อ ใครบอกว่าไม่อยากให้มารับ พี่ชัชนี่ชอบคิดเองเออเองจริงๆ ผมอยากไปซื้อของกับพี่จะตาย แต่ให้มารับที่หน้าโรงเรียนไม่ได้เด็ดขาด ถ้าแม็กซ์เห็นเข้าคงเป็นเรื่องแน่ๆ พักนี้ยิ่งทำตัวแปลกๆ อยู่’

     “เราไปเจอกันที่พลาซ่าใกล้ๆ โรงเรียนผมดีกว่าครับ จอดรถง่ายกว่า ผมก็ว่าจะซื้อของตรงนั้นแหละครับ”

     “เอางั้นเหรอ เออๆ เดี๋ยวเจอกัน”

     “ครับ”

     ยังไม่ทันจะลับเสียงจากปลายสายก็มีเสียงทักดังมาจากบุคคลในความคิด

     “คุยกับใครอ่ะต้น?”

     แม็กซ์เดินเข้ามาหาเด็กหนุ่มพลางวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะแล้วย่อตัวลงนั่งข้างๆ ต้นน้ำจึงปิดหนังสือที่เปิดค้างอยู่เพราะรู้ดีว่าคงไม่ได้อ่านต่อแล้วแน่ๆ

     “แม็กซ์มีไรรึเปล่า ไม่ไปเล่นบาสกับพวกเก่งเหรอ”

     ตามปกติแล้ว ช่วงเวลาพักเที่ยงหลังทานข้าวเสร็จ แม็กซ์และผู้ชายบางคนในห้องมักจะจับกลุ่มพากันไปยึดครองสนามบาสโชว์สาวตามประสาวัยรุ่น แต่พักหลังๆ นี้หลังจากที่... หลังจากเกิดเรื่องบางอย่าง แม็กซ์ก็ดูจะตัวติดกับเขามากขึ้น ... มากเกินไปจนต้นน้ำชักรำคาญ

     “ไม่อ่ะ วันนี้ปวดแขน คุยกะใครอ่ะ?”

     “คุยธุระกับที่บ้านน่ะ”

     “งั้นก็แล้วไป อย่าให้รู้นะว่าต้นมีความลับกับแม็กซ์”

     เด็กหนุ่มกล่าวคาดโทษต้นน้ำอย่างทีเล่นทีจริง แต่การพูดล้อเล่นแบบนี้ต้นน้ำไม่ขำด้วย แม้เขาจะสนิทกับอีกฝ่ายมากแต่เขาไม่ได้ไว้ใจแม็กซ์ถึงขั้นบอกความลับทุกอย่าง โดยเฉพาะไม่ชอบที่อีกฝ่ายทำตัวราวกับเป็นผู้คุมเช่นนี้

     “แม็กซ์!”

     “โอเคๆ แม็กซ์ล้อเล่น แม็กซ์ก็แค่เห็นต้นไม่ค่อยสนิทกับใคร ชอบอยู่ตัวคนเดียว ก็เลยอยากสนิทกับต้นให้มากขึ้นก็เท่านั้นแหละ”

     เป็นความจริงดังที่แม็กซ์พูด ต้นน้ำนั้นมีเพื่อนน้อยมาก เรียกได้ว่าแทบไม่สนิทสนมกับใครในโรงเรียนนี้เลย และเหตุผลนั้นก็ไม่พ้น...

     “เฮ้ยแม็กซ์ ทำไมหนีมาก่อนวะ ไม่อยู่เล่นกันให้จบเกมก่อน อ้าว! แล้วไหงมานั่งกับไอ้ตุ๊ดต้นวะ ไม่กลัวมันปล้ำเอาเหรอ! ฮ่าๆ”

     เสียงตะโกนดังสนั่นมาจากกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่เดินตรงมาทางนั้นก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นถ้อยคำเสียดสีเมื่อเห็นต้นน้ำ เขาหน้าตึงทันที แต่แม้จะรู้สึกแย่เพียงไหนต้นน้ำก็ยังอุตส่ามีแก่ใจหันไปส่งรอยยิ้มให้คนเหล่านั้น

     “เงียบไปเลยพวกมึง! ต้นไม่ใช่ตุ๊ดโว้ย แล้วก็กูมีเรื่องคุยกับต้น พวกมึงอย่าแส่!”

     แม็กซ์ขัดขึ้นก่อนนะหันมาขอโทษต้นน้ำ

     “ต้น แม็กซ์ขอโทษแทนไอ้ปาล์มมันด้วยนะ มันแซวไปงั้นแหละ ไม่ได้คิดไรหรอก”

     “ช่างเถอะแม็กซ์ เราชินแล้ว ปาล์มก็ล้อเรามาตั้งแต่ตอน ม.4 แล้ว แต่นอกจากล้อแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเรา เราไม่ถือสาหรอก”

     เป็นความจริงที่เพื่อนๆ ของเขาในโรงเรียนมักจะล้อเขาว่า“ตุ๊ด”ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยทำตัวสาวแตกหรือทำตัวตุ๊งติ้งแม้แต่น้อย เพียงแต่ด้วยบุคลิคที่เงียบๆ และติดไปทางเรียบร้อยไม่ค่อยโหวกเหวกโวยวายเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่นๆ เขาจึงมักถูกคนอื่นสงสัยอยู่เสมอว่าเป็นกระเทยรึเปล่า แต่แทนที่เขาจะปฏิเสธหรือตอบรับกับการล้อเลียน เขากลับเลือกที่จะยิ้มให้แล้วเดินหนีไปเงียบๆ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรอีกกับคนกลุ่มนั้น

     เพราะความอดทนอดกลั้นของตัวเขาเองที่ค่อนข้างมากกว่าเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน ต้นน้ำจึงไม่ใส่ใจกับการกลั่นแกล้งแบบเด็กๆ เขาวางเฉยไม่ตอบโต้และหันไปยิ้มให้แทน แทบไม่เคยเถียงกลับใส่ใครผิดวิสัยของเด็กทั้งหลายที่มักจะจบลงด้วยการทะเลาะกัน พวกเพื่อนๆ จึงมักคิดว่าเขาหยิ่งและคบยากพากันทิ้งระยะห่าง ซึ่งต้นน้ำเองก็ไม่ได้ใส่ใจ เขามาเรียนไม่ได้มาหาเพื่อน

     และแล้วกาลเวลาก็พิสูจน์คน นับตั้งแต่หกปีก่อนที่เขาพึ่งเข้า ม.1 มาจนถึงวันนี้ที่เขาอยู่ ม.6 นานวันเข้าอุปนิสัยใจคอของคนเราก็แสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็น และเนื่องด้วย ชั้นมัธยมปลายในโรงเรียนเขานั้นไม่มีการเปลี่ยนห้อง เพื่อนๆ แต่ละคนจึงค่อนข้างเข้าใจนิสัยของกันและกันเป็นอย่างดี นานวันเข้าต่างฝ่ายต่างก็เกิดความเคยชิน

     ความใจเย็นของต้นน้ำเป็นที่เลื่องลือไปทั้งระดับชั้น เขาแทบไม่เคยก่อปัญหาใดๆ และมักจะสยบฝ่ายตรงข้ามด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินหนี และด้วยการแก้ปัญหาแบบนี้หลายๆ คนจึงตั้งฉายาให้เขาว่า“ไอ้ตุ๊ด” ทั้งเป็นการล้อเลียน รวมไปถึงความหมายที่ว่าเป็นพวกชอบหนีปัญหาไม่สู้คนนั่นเอง

     แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาหาได้ใส่ใจ เพราะผลการเรียนที่โชว์ตัวเลขสวยงามบนใบประกาศผลสอบทั้งหลายนั่นต่างหากที่สำคัญ ความรู้ความสามารถทั้งการเรียนการสอบการปฏิบัติงานกลุ่มรวมไปถึงการจัดทำโครงงานต่างๆ ความเก่งของเขานี่แหละที่สยบไอ้พวกไม่เก่งแต่ไม่เจียมให้ศิโรราบกับเขาเพื่อคะแนนรวมในแต่ละเทอม ต้นน้ำจึงไม่ลำบากในการเข้าสังคมที่โรงเรียนเพราะเขาเป็นผู้ที่ถูกเลือกอยู่เสมอด้วยผลงานโดดเด่นด้านการเรียน แม็กซ์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น เพียงแต่... มันมีอะไรที่มากกว่านั้น

     แม็กซ์เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างสูงร่างกายกำยำตามประสาคนออกกำลังกาย อีกทั้งครอบครัวมีฐานะจึงไม่แปลกที่สาวๆ ทั้งโรงเรียนจะกรี๊ดคนหล่อๆ อย่างแม็กซ์ แต่ข้อเสียของแม็กซ์คือใจร้อนและไม่ตั้งใจเรียน แม้จะเป็นหนึ่งในกลุ่มหัวโจกของห้องแต่ก็ต้องแพ้อาจารย์ที่ปรึกษาผู้ที่จับให้เขาคอยทำงานกลุ่มฉุดแม็กซ์ขึ้นมาจากปากเหวอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่สมัย ม. 4

     และด้วยความที่ต้องทำงานร่วมกันบ่อย นานวันเข้าอคติในใจคนเราก็ลบเลือนไปได้ด้วยความดี แม็กซ์เปิดใจมองเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งในโรงเรียน ไม่ค่อยล้อเลียนกลั่นแกล้งเขาแบบเด็กๆ อีกต่อไป ส่วนตัวเขาเองก็รู้สึกได้ว่าเมื่อไม่ใช่เป้าหมายที่อีกฝ่ายต้องการแกล้งแล้ว แม็กซ์ค่อนข้างดีกับเพื่อนฝูงรอบตัวมากทีเดียว อีกทั้งภาวะผู้นำที่พร้อมจะอ้าแขนปกป้องเพื่อนในกลุ่ม ต้นน้ำจึงเกิดความสนิทสนมกับอีกฝ่ายเป็นธรรมดา รวมไปถึงการที่แม็กซ์เป็นตัวเชื่อมให้เพื่อนผู้ชายในห้องคนอื่นๆ เลิกอคติกับเขาด้วย

     เมื่ออยู่ด้วยกันมาถึงจุดหนึ่งของช่วงเวลาในมัธยมปลาย กลุ่มตุ๊ดเด็กทั้งหลายต่างก็พากันแสดงตัวตนให้เห็นชัด จากที่อาจจะมีแอบแอ๊บแมนบ้างระยะที่ผ่านมา แต่ละนางเริ่มเปิดตัวชัดเจนว่าใครบ้างที่อยากโตไปเป็นผู้หญิงใครบ้างที่ไม่อยากมีนมแต่ก็ยังชอบทำตัวสาวแตกชอบผู้ชายมากกว่าชะนี และต้นน้ำไม่ใช่หนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้น เขายังเป็นตัวของตัวเองแบบเดิมๆ ไม่มีความเปลี่ยนแปลง

     ถึงแม้จะเคยถูกชักชวนให้ไปเข้ากลุ่มบ้างตามประสาเพื่อนสาว แต่เขาก็ปฏิเสธไปด้วยการให้ความเงียบเป็นคำตอบ เมื่อเทียวไล้เทียวขื่ออยู่หลายครั้งแต่เป้าหมายก็ยังไม่ยอมสาวแตก เหล่าสาวน้อยขาสั้นผมเกรียนทั้งหลายจึงขีดฆ่าชื่อเขาออกจากลิสต์รายชื่อ

     เพื่อนคนอื่นๆ ก็มองเห็นตรงจุดนี้จึงให้การยอมรับเขามากขึ้น เข้าใจว่าที่เขาเงียบๆ นั่นก็เป็นเพราะนิสัยไม่ใช่คนชอบแสดงออก และที่เรียบร้อยนั่นก็เพราะไม่ชอบมีปัญหากับใคร ไม่ใช่สาวน้อยในร่างผู้ชาย เลยพากันเลิกแกล้งเขาแรงๆ โดยเฉพาะการรังแกจากบุคคลที่ทำลงไปเพราะหมั่นไส้กระเทยเป็นเหตุ เหลือเพียงแต่... การแซวกันแรงๆ นี่แหละ ที่ไม่ว่ายังไงก็แก้ไม่ได้เสียที!

     “ต้น...”

     แม็กซ์มองเด็กหนุ่มเงียบๆ เขาไม่เข้าใจจริงๆ เลยว่า เพราะอะไรต้นน้ำจึงได้เก็บกดขนาดนี้ เขารู้ดีว่าต้นน้ำนั้นมีความอดทนสูง เพียงแต่เขาไม่มั่นใจว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะความใจเย็นไม่คิดอะไรมากมองโลกในแง่บวกจริงๆ หรือ... เพราะความเก็บกดที่ซุกซ่อนเอาไว้หลังรอยยิ้มไม่ถือสาหาความคนอื่นบนหน้ากากนั้น

     เขาเคยถอดหน้ากากต้นน้ำสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง และเขาตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายเลิกใส่หน้ากากเวลาอยู่ต่อหน้าเขาให้ได้!

     “ว่าแต่ แม็กซ์บอกมีเรื่องจะคุยอ่ะ มีอะไรเหรอ?”

     แม็กซ์รีบรับคำก่อนจะพูดเสียงอ่อยๆ

     “อ๋อ... เอ่อ คือเรื่องนั้นอ่ะ แม็กซ์อยากรู้ว่า ต้นยังอยากลองอยู่อีกมั้ย”

     “แม็กซ์… เราว่า พวกเราเลิกพูดถึงเรื่องนี้เถอะ”

     “ไมอ่ะ ต้นไม่อยากแล้วเหรอ ครั้งก่อนแม็กซ์ห่วยเอง แต่ว่าคราวหนะ”

     แม็กซ์ยังพูดไม่จบก็ถูกต้นน้ำตัดบท เด็กหนุ่มเผลอใส่อารมณ์ในน้ำเสียงจนเกือบจะเป็นการตะคอก

     “ไม่เอาแล้วล่ะแม็กซ์ มันจะไม่มีคราวหน้าอีก! ละเราไม่อยากพูดถึงมันแล้วด้วย”

     เสียงกริ่งดังบอกเวลาประจำชั่วโมงดังขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ต้นน้ำตัดบทอีกฝ่าย ช่วยให้เขาหลุดจากบทสนทนาที่น่าอึดอัดนี้ได้พอดี

     “ขึ้นเรียนเหอะ”

============================================


** คุณช่ากล่าวเอาไว้ว่า "ตุ๊ดไม่ปล้ำ เพราะเป็นฝ่ายถูกแทง" ... ใครก็ได้เดินไปตบไอปาล์มที บอกมันว่าน้องต้นแทงใครไม่เป็นนะค้า!
คิดถึง เจ้แบ๊ะ ตุ๊ด ตจว.

1. ถ้าสำนวนห่วยขออภัย เพิ่งหัดเขียนขอรับ ติชมได้เน้อ
2. ถ้าพระเอกห่วย ขออภัย คนแต่งอยากได้ผู้ชายที่หาได้ทั่วไปตามท้องถนน แถมยังอาชีพแปลกประหลาดเป็นผู้แทนยาอีก เหอะๆ ไม่ใช่คนในเครื่องแบบหรืออาชีพพิมพ์นิยม ไม่มีเรื่องเท่ๆ นี่มันมนุษย์เงินเดือนชัดๆ
3. ตัวเอกเขาน่ารักจริงๆ นะ พยายามเขียนให้ได้อารมณ์ "อยากจะเกลียดแต่ก็เกลียดไม่ลง" เต็มที่ เบสออนคาแรคเตอร์ที่คิดว่าโลกนี้มันมีคนนิสัยแบบนี้เต็มไปหมด แถมแต่ละคนไม่รู้ตัวด้วยนะ หึ หึ conflict ของน้องต้นอยู่ที่ "ข้างใน&การแสดงออก" นี่แหละ

ขอบพระคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านกันขอรับ  :call:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2014 16:24:37 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เคยลองกับแม็กแน่ๆเลยเขาถึงตามหึงตามหวงขนาดนี้

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
หมาป่าเริ่มติดกับเด็กเลี้ยงแกะแล้ว แต่อ๊ะ! ... หรือว่าเด็กเลี้ยงแกะจะโดนหมาป่าจับกิน? เขี้ยวเล็บหมาป่าก็น่ากลัวมิใช่น้อย หึ หึ


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     “ผมถึงแล้วครับ พี่ชัชอยู่ตรงไหนเหรอครับ?”

     “อ้าว ถึงแล้วเหรอ พี่อยู่ในแมคว่ะ มาดิ”

     ต้นน้ำเดินเข้าไปในร้านอาหารฟาสฟู๊ดแห่งหนึ่งของพลาซ่าที่ตนนัดกับชัยชัช โต๊ะที่ชัยชัชนั่งอยู่นั้นสังเกตไม่ยาก ชายหนุ่มมีเอกสารกองไว้เต็มโต๊ะกับแก้วกาแฟปั่นที่ดูชืดจากน้ำแข็งละลายเหลือเพียงครึ่ง

     “มานานแล้วเหรอครับ”

     เด็กหนุ่มกล่าวทักทายพร้อมกับย่อตัวลงนั่งบนโต๊ะตัวเดียวกันกับชายหนุ่ม

     “อือ พอดีบ่ายนี้พี่ว่างว่ะ กินไรก่อนป่ะ เดี๋ยวขอพี่เคลียร์ตรงนี้อีกนิดนึง”

     “ไม่ดีกว่าครับ”

     “เฮ้ย ไปซื้อมาเหอะ เอากาแฟเย็นให้พี่อีกแก้วนึงด้วย แม่งพนักงานมองพี่ชิบหายเลย เพราะเราอ่ะแหละมาช้า!”

     ชัยชัชแหวใส่ต้นน้ำก่อนจะควักแบงค์ห้าร้อยส่งให้แล้วก็ก้มหน้าทำงานของตนต่อ

     ต้นน้ำหัวเราะน้อยๆ เพราะขำในความหน้าบางของชายหนุ่ม แหม แมคตรงนี้ใครๆ เขาก็มานั่งแช่แอร์กันทั้งนั้น พนักงานก็เที่ยวไล่เดินเช็ดโต๊ะไปทั่วน่ะแหละ เขารู้ดีเพราะเคยนัดมาติวกับเพื่อนบ่อยๆ ที่ร้านฟาสฟู๊ดแห่งนี้

     เขาซื้อกาแฟเย็นให้ชัยชัชและสั่งโฟลตให้ตัวเอง เมื่อได้ของแล้วก็เดินกลับมาที่โต๊ะเสริฟกาแฟเย็นให้เจ้ามือก่อนจะนั่งลงและหยิบการบ้านของตนขึ้นมานั่งทำเงียบๆ เคียงคู่กันไป ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ อีกฝ่ายเขาก็มีความสุขมากพอแล้ว

     เวลาผ่านไปไม่นานชัยชัชก็บิดขี้เกียจและเริ่มเก็บเอกสารงานต่างๆ ของตนลงกระเป๋า เขาเหลือบมองดูเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ ต้นน้ำกำลังคร่ำเคร่งทำการบ้านของตนอยู่ใกล้ๆ กันแค่โต๊ะคั่น สิ่งนี้แหละที่ทำให้เขาค่อนข้างชอบใจเด็กคนนี้ ไม่ทำตัวน่ารำคาญ

     ตอนแรกที่อีกฝ่ายบอกว่าอยากมาเป็นน้องชายเขา เขานึกว่าชีวิตจะยุ่งเหยิงเสียอีก แต่แล้วมันก็กลับตาลปัตรไปหมดจากที่เขาทึกทักไว้ ต้นน้ำเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเขาก็จริง แต่ก็ทำให้ชีวิตเขาเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ตอนแรกเขานึกว่าการมีเด็กผู้ชายวัยรุ่นมาคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆ คงหาความสงบสุขไม่ได้ แต่ปรากฏว่าต้นน้ำเป็นเด็กที่เงียบอย่างเหลือเชื่อ

     นอกจากเรื่องงานหยุมหยิมภายในบ้านแล้วต้นน้ำไม่ค่อยแสดงความเห็นเรื่องอื่นๆ อีก เรียกได้ว่าถ้าเขาไม่เริ่มต้นประโยคชวนคุยเจ้าตัวก็ขอแค่นั่งอยู่ใกล้ๆ เขาก็พอ ไม่เคยเรียกร้องให้เขาพาไปไหนหรือทำอะไรให้ ถ้าเขาไม่ว่างงานยุ่งหรือติดลูกค้าเจ้าตัวก็จะแค่โทรมาถามเวลาที่เขาจะสะดวกเจอะเจอกันในครั้งต่อไป แล้วก็รอเงียบๆ ให้ถึงเวลาที่เขาบอกว่าว่าง

     สีหน้ายามตั้งอกตั้งใจทำการบ้านของต้นน้ำนั้นดูจริงจังจนชัยชัชแอบขำ

     ‘มีโหมดซีเรียสเหมือนกันนี่หว่า’

     เพราะเสียงหัวเราะในลำคอที่อีกฝ่ายเผลอทำ ต้นน้ำจึงได้สติ และเมื่อเขาเห็นว่าชัยชัชเก็บงานของตัวเองหมดแล้ว เขาจึงเลิกทำการบ้านของตนบ้าง

     “อ้าวเสร็จละเหรอ”

     “ยังหรอกครับ แต่ผมไว้ค่อยทำต่อคืนนี้ก็ได้ รีบไปซื้อของกันดีกว่า เดี๋ยวแม่จะรอ”

     “เออจริงด้วย พี่ลืมไปเลย”

     ว่าแล้วทั้งสองคนก็ออกไปช็อปปิ้งในซุปเปอร์ ภาพของเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนมัธยมปลายสะพายกระเป๋าเป้เดินเข็นรถเข็นเคียงคู่มากับชายหนุ่มวัยหนุ่มออฟฟิศใส่เชิ้ตลายทางสีอ่อนพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอกกับกางเกงแสล็กทรงพอดีตัวท่าทางดูสบายๆ นั้นดูใกล้ชิดสนิทสนมราวกับคนในครอบครัว

     แม้ต้นน้ำไม่ใช่คนตัวเล็กมากเนื่องจากมีสัดส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซ็นติเมตร แต่เมื่อมาเดินอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มโตเต็มวัยมาดผู้ใหญ่สไตล์หนุ่มหนุ่มออฟฟิศที่สูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซ็นติเมตรแบบชัยชัชแล้วละก็ภาพที่ออกมานั้นแทบจะทำให้ต้นน้ำกลายเป็นเด็กหนุ่มร่างบางไปเลยทีเดียว

     เย็นวันนี้ต้นน้ำเลือกทำสปาเก็ทตี้ครีมเห็ดกับสลัดผักอาหารโปรดของผู้เป็นมารดา เจ้าตัวเดินเข็นรถเข็นตรงไปยังชั้นวางวัตถุดิบต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว เล่นเอาชัยชัชทึ่งกับสกิลการช็อปปิ้งของอีกฝ่าย

     และเมื่อถึงชั้นวางเครื่องปรุงต่างๆ

     “เฮ้ย ต้น น้ำสลัดอ่ะ”

     ชัยชัชพูดพร้อมกับยื่นขวดน้ำสลัดสำเร็จรูปมาให้

     “ไม่เอาอ่ะพี่ชัช”

     “อ้าว ไมวะ?”

     “แม่ผมไม่ชอบแบบครีมครับพี่ แม่ชอบแบบน้ำใส”

     “งั้นก็ยี่ห้อนี้? แฟนพี่เคยทำให้กิน ก็อร่อยดีนะ”

     ชัยชัชหยิบน้ำสลัดสำเร็จรูปอีกยี่ห้อส่งให้โดยไม่ทันสังเกตว่าต้นน้ำมีสีหน้าหมองลงเล็กน้อยเมื่อเขาเผลอพูดถึงแฟนเก่าของตัวเอง

     “ไม่เอาหรอกครับ ฝีมือผมไม่ต้องใช้ของสำเร็จรูปหรอกพี่ ที่บ้านมีน้ำส้มสายชูอยู่แล้ว ซื้อแต่น้ำมันมะกอกที่หมดก็พอ”

     “โห ทำเองเลยเหรอ เก่งว่ะ! แม่บ้านนะเรา”

     ชัยชัชทำตาโตแซวต้นน้ำด้วยท่าทางไม่ค่อยเชื่อแบบที่เล่นทีจริงจนต้นน้ำเผลอทำหน้างอนๆ ใส่ ก่อนจะคุยโม้เกทับไปว่า

     “ก็แล้วแม่บ้านคนไหนที่จัดรังหนูของพี่ชัชให้กลับมาสะอาดเหมือนบ้านคนละครับ”

     “อื้อหือ ลามปามนะไอ้ต้น!”

     ว่าแล้วชัยชัชก็ยกมือขึ้นตบที่ศีรษะของอีกฝ่ายเบาๆ อย่างหยอกเย้า ก่อนจะถามต่อว่า

     “เรานี่ก็เก่งงานบ้านดีนะ ทำอาหารก็เก่ง ทำไรได้ตั้งหลายอย่าง ไปหัดมาจากไหนเหรอ?”

     “ก็ช่วยไม่ได้นี่นา แม่ผมทำงานคนเดียวต้องบินหนัก ไม่มีใครดูแลผมก็ต้องดูแลตัวเอง พอแบ่งเบาภาระอะไรของแม่ได้ผมก็อยากทำ แม่เหนื่อยมามากแล้วผมอยากช่วยแม่บ้างน่ะครับ”

     “อ้าว แล้วใครสอนเราอ่ะ? หัดทำเองหมดเลยเหรอ”

     “ก็ไม่เชิงหรอกครับพี่ชัช พวกงานบ้านอะไรพวกนี้ พอหยิบๆ จับๆ หัดๆ มันก็ทำได้เองแหละครับ”

     เด็กหนุ่มเดินหยิบสินค้าต่างๆ ที่ตนต้องการใส่รถเข็นพลางอธิบายให้คนข้างๆ ฟังต่อ คล้ายสบโอกาสได้ระบายความในใจกับชัยชัช ต้นน้ำมีความรู้สึกว่าเขากล้าเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้อีกฝ่ายฟังอย่างสบายใจ  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบุคลิคที่ดูอบอุ่นเป็นกันเองของพี่ชายห้องข้างๆ คนนี้หรือเปล่าที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย

     “คนเราไม่ต้องให้ใครมาสอนหรอกครับว่าต้องล้างจานยังไง พวกงานบ้านอื่นๆ ก็ด้วย ผมก็ช่วยแม่ตอนเด็กๆ อะไรที่ทำไม่ถูกแม่ก็จะสอน โดยเฉพาะเรื่องอาหารนี่แม่ผมทำอร่อยมากเลยนะ”

     ต้นน้ำกล่าวพลางหันมายิ้มให้ชัยชัชเป็นการสำทับความเชื่อมั่นขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง รอยยิ้มหวานๆ ยามต้นน้ำอารมณ์ดีก็ชวนเชื่อให้ชัยชัยนึกถึงใบหน้าสวยๆ คุณแม่ยังสาวลูกหนึ่งที่แก่กว่าเขาหกปี แต่ยังดูปิ๊งปั๊งเหมือนสาวเลขสามต้นๆ แถมหุ่นยังฟิตเปรี๊ยะดูดีชวนมองจนเขาแทบอยากร้องเพลงสามสิบยังแจ๋วให้เจ้าหล่อนฟัง

     “ก็อย่างที่พี่ชัชเห็น แม่ผมน่ะควบคุมเรื่องแคลอรี่จะตายไป ถึงปกติไม่ค่อยเข้าครัว แต่ถ้าคุณนายสายธารลงมือเองละก็ พิถีพิถันสุดๆ อ่ะ ผมก็ครูพักลักจำบ้างแม่สอนมาบ้างน่ะแหละครับ พอเราทำไปเรื่อยๆ มันก็เป็นเอง”

     เขาเดินเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ โดยมีชัยชัชเดินตามช่วยเข็นรถเข็นพร้อมทั้งเป็นผู้ฟังที่ดี คอยซักถามพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันในเรื่องต่างๆ จนกระทั่งต้นน้ำกวาดสินค้าที่ต้องการลงรถเข็นทั้งหมดแล้ว ทั้งสองก็เดินไปที่แคชเชียร์เพื่อคิดเงิน เป็นอันว่าข้าวของเครื่องใช้และวัตถุดิบทำอาหารทั้งหมดในมื้อนี้มีชัยชัชเป็นเจ้ามือ

============================================

     เมื่อทั้งสองกลับมาถึงคอนโด ชัยชัชช่วยต้นน้ำถือของเข้ามาถึงในห้องจึงได้พบกับคุณสายธาร หรือที่เธออนุญาตให้เขาเรียกว่า“พี่น้ำ” คุณแม่ของเด็กหนุ่มข้างห้องที่เขายอมให้มาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ ตัวเป็นน้องชาย

     ‘ให้ตายเหอะ! เห็นแล้วอยากเป็นพ่อเลี้ยงไอ้ต้นชิบ! ดีนะที่พี่เขาไม่รู้เรื่องนั้น ถ้าพี่เขารู้มีหวังกูได้แม่ยายที่สวยเอ็กซ์เซ็กส์ระเบิดที่สุดในโลกแน่ๆ เลยเว้ย ไอ้ชัช!’

     เขากับพี่น้ำพบกันเป็นครั้งที่สองแล้ว ต่างฝ่ายต่างทักทายกันอย่างสนิทสนม ด้วยความที่ทั้งคู่ต่างทำงานด้านการบริการจึงมีอัธยาศัยดีเยี่ยม การพูดคุยจึงเป็นไปอย่างสนิทสนมไม่ถือตัวตามประสาสาวสวยอัธยาศัยดี(ชอบเช็คเรทติ้ง)กับหนุ่มขี้เล่น(หมาหยอกไก่)

     แม้ว่าครั้งที่แล้วจะได้พบเจอกันแค่ช่วงสั้นๆ ตอนที่คุณเธอกลับมาถึงยามดึกแล้วพบว่าลูกชายไม่อยู่ แต่มีโน้ตเขียนแปะตู้เย็นไว้ว่า “อยู่ห้องข้างๆ นี้กับเพื่อนบ้าน มีอะไรโทรตามต้นได้นะครับ” เธอจึงมาเคาะห้องเขารัวๆ ถามหาลูกชายตัวเอง ส่วนต้นน้ำตัวก่อเรื่องนั้น จากตอนแรกที่วางแผนจะมานั่งดูแผ่นดีวีดีที่ห้องเขาตอนนี้ดันหลับสนิทคาโซฟาไปเรียบร้อย

     เดือดร้อนเขาต้องอธิบายเหตุการณ์ใหญ่ว่า เหตุใดคนข้างห้องที่ตลอดสามปีที่ผ่านมาไม่เคยแม้แต่จะทักทายกันถึงได้มาสนิทกันขนาดนี้ แต่ดีที่เด็กหนุ่มได้ยินเสียงจนตื่นขึ้นมาและหัวไวอ้างว่าบังเอิญช่วยเขาไว้ โดยดัดแปลงเหตุการณ์จากเรื่องจริงนิดๆ หน่อยๆ เป็นเขาทำงานเพลินจนลืมทานข้าวแถมกลับดึกเลยเป็นลมในลิฟท์ ส่งผลให้ต้นน้ำสงสารทนเห็นอีกฝ่ายเดือดร้อนไม่ได้ต้องเข้ามาช่วยและต่างก็พบว่าที่แท้ทั้งสองเป็นเพื่อนข้างห้องกัน

     “แหม ซื้ออะไรมาซะเยอะเชียว นายชัช”

     “ของใช้คืนเจ้าต้นมันแหละครับ พี่น้ำ”

     ชายหนุ่มว่าพลางส่งยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยให้สาวแก่กว่า

     ‘ให้ตายเหอะ เจอกี่ทีก็เอ็กซ์ ปอดบวมแน่ๆ แม่คุณเอ้ย!’

     สายตาของชัยชัชแทบจะละจากกระต่ายตัวน้อยที่ถูกรั้งจนตัวพองบนเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นเสมอหูใส่สบายสไตล์อยู่บ้านของคุณแม่ไปไม่ได้ ส่งผลให้ต้นน้ำมองตาขวางจนส่งเสียงกระแอมขึ้นมาเบาๆ

     “อะแฮ่มๆ”

     “อุ๊ยตายจริง! แหมพี่ก็เผลอแต่งตัวตามสบายไปหน่อย สงสัยจะอยู่กันสองคนกับตาต้นจนชิน งั้นเดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวลูกชายพี่จะหวงแม่จนไม่ยอมไปทำกับข้าว คิกๆ”

     ว่าแล้วคุณแม่ยังสาวก็เดินนวยนาดไปยังห้องของตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ทิ้งให้ชัยชัชมองตามจนตาค้าง และก็มีต้นน้ำที่งอนจนหน้างอมองจ้องเขม็งอยู่อีกต่อหนึ่ง!

     ‘กูไม่สงสัยละว่าต้นมันได้ก้นงอนๆ มาจากไหน ที่แท้ก็คุณแม่แบ่งให้นี่เอง แถมยังขาวโบ๊ะเหมือนกันอีก แม่เจ้าประคุณเอ้ย!’

     “อะแฮ่มๆ”

     “หื หือ!”

     “พี่ชัชกลับห้องไปก่อนก็ได้ครับ ขอผมเก็บของก่อนแล้วอีกเดี๋ยวค่อยลงมือทำกับข้าว แต่ถ้าพี่ชัชอยากสังสรรค์กับแม่ผมละก็ จะอยู่ต่อเลยก็ได้นะครับ”

     เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบพลางจิกตาใส่ชายหนุ่มจนชัยชัยเผลอกลืนน้ำลายดังเอื้อกออกอาการเหมือนคนทำผิดอะไรสักอย่าง!

     “เออ พี่ว่าพี่ร้อนๆ ว่ะ พี่ขอเอาของไปเก็บที่ห้องก่อนแล้วกัน ว่าจะอาบน้ำด้วยหน่อย ไว้เดี๋ยวพี่มาใหม่นะ”

     ‘ให้ตายดิ ลิ้นพันกันจนพูดมั่วไปหมด ละทำไมกูต้องเกรงใจไอ้ต้นด้วยวะ? ตอนอยู่กับฟ่างยังไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย!’

     เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วชัยชัชก็มุ่งหน้าไปยังห้องของสองแม่ลูก ตอนที่เขาเดินเข้าไปนั้นกลิ่นหอมของอาหารลอยอบอวลจนน้ำย่อยในกระเพาะเขาเริ่มทำงาน เขามองภาพของสองแม่ลูกช่วยกันทำครัวอย่างนึกอิจฉา ถ้าเพียงแต่ฟ่างอดทนให้เวลาเขาอีกสักปีสองปี ไม่แน่วันหนึ่งข้างหน้าในอนาคตเขาอาจจะได้นั่งมองภาพลูกและภรรยาของเขาช่วยกันทำกับข้าวในบ้านหลังเล็กๆ ตามที่เขาปราถนาก็เป็นได้

     “อื้อหือ หอมจังครับพี่น้ำ”

     เวลานี้คุณสายธารได้เปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านที่มิดชิดขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว และเธอกำลังช่วยลูกชายทำสลัดผักอยู่ โดยปล่อยให้ต้นน้ำวุ่นอยู่หน้าเตาลงมือปรุงซอสสปาเก็ตตี้สูตรเด็ด

     “แหม มาได้เวลาเชียวนะ นายชัช”

     ต้องยอมรับจริงๆ เลยว่า แม่น้ำของเจ้าเด็กต้นเป็นผู้หญิงสวยรวยเสน่ห์แถมยังค่อนข้างเป็นกันเองเสียจนเขาเผลอบ่อยครั้ง เล่นเอาลูกชายสุดที่รักของพี่น้ำเข้าโหมดงอนเงียบอยู่บ่อยๆ

    ‘แน่ะ! มองพี่ด้วยหางตาอีกแล้ว ไม่รู้มันหวงแม่หรือกลัวเราเอาจริงกันแน่ หึๆ ไม่ได้การละ ต้องโอ๋มันซะหน่อย เดี๋ยวอดข้าวเย็น’

     “ยังไม่เสร็จเหรอต้น มีไรให้พี่ช่วยป่าว”

     “ถึงผมยังทำอาหารไม่เสร็จ พี่ชัชก็คงช่วยไรต้นไม่ได้หรอกครับ ถ้าจะกรุณา พี่ชัชไปช่วยคุณแม่จัดโต๊ะก็ได้ครับ”

     ‘อื้อหือ ดูมัน คนแม่นี่อัธยาศัยดีอำมุกชิงไหวชิงพริบกันสนุกสนาน แต่ไอ้คนลูกนี่มันช่างเถียงคำไม่ตกฟากประชดประชันดีเหลือเกิน!’

     “แหม ตาต้น พี่เขาอุตส่ามีน้ำใจ ทำไมไปว่าพี่เขาแบบนั้นละลูก”

     “ก็ผมคิดว่าพี่ชัชคงอยากช่วยงานคุณแม่มากกว่ามายืนร้อนๆ อยู่หน้าเตากับผมละมั้งครับ”

     เด็กหนุ่มเถียงมารดาพลางตักสปาเก็ตตี้ราดด้วยครีมซอสลงบนจาน แม้ปากจะเถียงกับมารดารวมทั้งแขวะกลับชัยชัช แต่มือของเจ้าตัวกลับทำงานคล่องแคล่ว เพียงไม่นาน สปาเก็ตตี้ร้อนๆ หอมฉุ่ยสามจานก็พร้อมเสริฟ แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังเตรียมจะนั่งลงประจำที่ คุณนายสายธารก็ชูแก้วเครื่องดื่มที่ไปฉกมาจากตู้เย็น

     “แต่นแต้น! มานายชัช มาฉลองปีใหม่กัน!”

     “โห เอามาจากไหนครับพี่?”

     ชัยชัชมองดูขวดทรงสูงและแก้วไวน์สองใบในมือของหล่อน เขาสังหรณ์ว่าดูท่าคืนนี้เขาคงต้องอยู่นานกว่าทานอาหารเย็น!

     “แหม มันก็ต้องมีบ้าง มา มาดื่มกันหน่อย นานๆ จะมีเพื่อนมานั่งดื่มด้วยกันที่บ้าน จะออกไปสังสรรค์นอกบ้านตาต้นก็หวงแม่ คิกๆ”

     “แม่ก็... เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็แฮงค์หรอกครับ”

     ต้นน้ำปรามมารดาเบาๆ ก่อนจะหันไปทำหน้าหนักใจขมุบขมิบปากขอโทษชัยชัชทำนองว่า“อย่าถือสาแม่ผมเลยนะครับ”

     ‘ดูท่าคงหวงแม่น่าดู’

     ชัยชัชหัวเราะๆ เบาๆ ก่อนจะหันไปตอบผู้หญิงคนเดียวในห้องว่า

     “ไม่ดีกว่าครับ พรุ่งนี้ผมมีงาน ผมไม่ถนัดไวน์ด้วย”

     ‘ขืนเมาอีกรอบผมเกรงจะเผลอพาลูกชายพี่ขึ้นเตียงนะคร้าบ พี่น้ำ!’

     “แหมอะไรกัน! จำไว้เลยนะนายชัช ไม่ยอมดื่มเป็นเพื่อนพี่”

     เจ้าหล่อนมองค้อนเขาพลางทำแก้มป่องเสียจนน่ารักกระชากวัยก่อนจะหันไปสั่งลูกชายที่กำลังจัดวางอาหารเย็นลงบนโต๊ะ

     “ต้น ลูกไปหยิบเบียร์ที่อยู่ในตู้เย็นมาให้พี่เขาหน่อยสิลูก แล้วก็เอาที่ยังไม่ได้แช่เข้าช่องฟรีซด้วยนะ จะได้เย็นทันใจพี่ชัชเขา”

     พอจบประโยคก็หันมายิ้มหวานให้ชัยชัชอีกรอบ ดูท่าวันนี้เขาคงไม่ได้กลับห้องตัวเองง่ายๆ นี่เจ้าหล่อนเตรียมพร้อมมอมแอลกอฮอล์เขาเลยใช่มั้ยเนี่ย! เขาหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเด็กหนุ่ม แต่ทว่า... เจ้าตัวกลับส่ายศีรษะน้อยๆ แล้วพึมพำทำนองว่า “ตัวใครตัวมัน”

     ‘เฮ้ย! ทิ้งกันแบบนี้ได้ไงวะต้น เดี๋ยวก็ได้เป็นเมียพี่อีกรอบหรอกไอ้น้อง!’

     อาหารมื้อนั้นเป็นไปอย่างสนุกสนาน ชัยชัชกับสายธารแลกเปลี่ยนความเห็นกันหลายต่อหลายเรื่อง แม้อาหารเย็นบนโต๊ะจะพร่องไปเยอะแล้ว แต่เครื่องดื่มมึนเมากลับถูกรินเติมลงในแก้วเรื่อยๆ ชัยชัชเองก็กึ่งตอบรับกึ่งปฏิเสธ แม้เขาจะไม่ดื่มมากจนเมาแต่ก็ไม่ยอมปล่อยแก้วยกขึ้นจิบอยู่เรื่อยๆ เช่นกัน ผู้ใหญ่วัยกลางคนสองคนนั่งร่ำสุรากันสนุกสนานปล่อยให้ซินเดอเรล่าของบ้านอย่างต้นน้ำเก็บโต๊ะและจัดการจานชามอยู่ในครัว

     “แม่ครับ ผมเก็บครัวเสร็จแล้ว ขอตัวไปทำการบ้านก่อนนะครับ”

     ต้นน้ำร้องบอกมารดาก่อนจะหันมาแขวะแขกห้องข้างๆ

     “พี่ชัชเองก็อย่ายอมให้คุณแม่มอมจนเยอะเกินไปนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะทำงานไม่ไหวเอา”

     “สบายมากน่าไอ้น้อง นี่พึ่งกระป๋องที่สี่เอง”

     “ให้มันจริงเถอะครับ แม่เองก็เพลาๆ หน่อยนะครับ พรุ่งนี้หยุดก็จริง แต่มะรืนมีบินแต่เช้ามืดไม่ใช่เหรอครับ เดี๋ยวจะไม่ไหวเอา”

     “รู้แล้วจ้า คุณลูกบังเกิดเกล้า ไปๆ ไปอ่านหนังสือได้แล้ว ตรงนี้ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน”

     คุณสายธารส่งเสียงที่เริ่มจะอ้อแอ้แซวลูกชาย ส่งผลให้ต้นน้ำส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความปลงกับอุปนิสัยของมารดาก่อนจะเดินเข้าห้องไป

     “อ้าว? พี่น้ำมีบินเหรอครับเนี่ย”

     “จ้า”

     “งี้ก็อดอยู่กับต้นตอนปีใหม่สิครับ”

     “ก็คงงั้น แต่ถึงปีนี้พี่ไม่อยู่ตาต้นก็คงไม่เหงาแล้วนี่ มีชัชอยู่ด้วยทั้งคน”

     ชัยชัชสะดุ้งเฮือกเพราะร้อนตัว ชายหนุ่มรีบปฏิเสธเป็นพัลวันว่า

     “โอ้ย ไม่หรอกครับ ผมก็มีไปสัมนาที่หัวหินเหมือนกัน”

     “ว้า งี้ก็น่าสงสารลูกชายพี่แย่สิ ต้องอยู่คนเดียวตอนปีใหม่อีกแล้ว”

     “อ้าว ไม่มีคนอื่นๆ แวะมาหามั่งเลยรึไงครับ รึไปต่างจังหวัดแบบกลับไปเยี่ยมญาติอะไรทำนองนั้น?”

     “แหม ไม่มีหรอกจ้า พี่น่ะ คนกรุงเทพ จะให้กลับไปไหนล่ะ ฮ่าๆ”

     “แล้วพ่อเจ้าต้นละครับ เอ่อ ขอโทษนะครับถ้ามันฟังดูละลาบละล้วง”

     ความมึนนิดๆ จากแอลกอฮอล์ส่งผลให้ความยับยั้งชั่งใจลดลง ชัยชัชจึงหลุดปากถามคำถามสำคัญที่อยากรู้ออกไป แต่เมื่อคำพูดหลุดออกจากปากตนไปแล้วถึงระลึกได้ว่าไม่สมควร แม้จะรู้สึกผิดเข้าใจว่าแต่ละคนย่อมมีเหตุผลของตัวเอง แต่เมื่อเอ่ยคำขอโทษออกไปผู้หญิงตรงหน้ากลับไม่ถือสายกมือที่ถือแก้วไวน์โบกไปมาเป็นทำนองว่าไม่ต้องไปใส่ใจ

     “โอ๊ย พี่ไม่ถือหรอก ฮ่าๆ”

     “ครับ นึกว่าเผลอพูดเรื่องไม่สมควรซะแล้ว ถ้างั้นแล้วพ่อของต้นไปไหนละครับ ผมเห็นพี่น้ำทำงานหนักตลอดเลย แล้วไหนยังจะต้องเลี้ยงลูกคนเดียวอีก หรือว่าพ่อต้นไม่อยู่แล้วครับ?”

     “พี่กับเขาไปกันไม่ได้จ้ะ เราก็เลยจบกัน พี่ก็เลี้ยงตาต้นมาคนเดียว ตามนั้น”

     “แล้วเขาไม่ติดต่อมาเลยเหรอครับ พี่น้ำบินออกบ่อย เห็นว่าต้นต้องอยู่คนเดียวตั้งแต่เด็กๆ ฝ่ายนั้นน่าจะมาช่วยดูแลลูกมั่ง”

     “แหม ก็เขาจะมาดูแลได้ยังไงละจ้ะ ฮ่าๆ ก็ในเมื่อฝ่ายนั้นเขาไม่ยอมรับว่าตาต้นเป็นลูกเขาด้วยซ้ำ คิกๆ”

     แม้เสียงที่เปล่งออกมาจากปากจะเป็นเสียงหัวเราะ แต่ท่วงทำนอนที่ได้ฟังนั้นช่างดูราวกับถ้อยคำเยาะเย้ยตัวเองเหลือเกิน ชัยชัชรู้แล้วว่าเจ้าเด็กข้างห้องของเขานั้นได้เสียงหัวเราะเศร้าๆ นี้มาจากใคร

     “ผมขอโทษครับพี่น้ำ”

     “นายชัชจะมาขอโทษพี่ทำไม๊! ชัชไม่ได้ทำอะไรผิดนี่จ้ะ แหม เรื่องพรรณนี้มันธรรมดาจะตายไป รักๆ เลิกๆ ไม่รักก็จบ เรื่องธรรมชาติ พี่ปลงแล้วล่ะจ้ะ ทุกวันนี้ชีวิตพี่กับตาต้นก็มีความสุขดี พี่ไม่เสียใจหรอก จะมีก็แต่ตาต้นนั่นแหละที่พี่ยังห่วงอยู่ เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กวันยังค่ำ ยิ่งเจอพ่อแบบนั้น... โอ๊ยตายจริง! นี่พี่ว่าพี่ชักจะเมาแล้วมั้งเนี่ย พูดเลอะเทอะไปเรื่อย”

     “คงงั้นมั้งครับ”

     ชายหนุ่มส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเห็นใจในชะตากรรม ใช่สิ! ทำไมเขาจะไม่รู้ เรื่องความรักมันไม่เข้าใครออกใคร เขาเองก็เพิ่งผ่านประสบการณ์เดียวกันมาเป๊ะ! แต่คงดีกว่าอีกฝ่ายตรงที่ว่าพวกเขาทั้งสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน

     “แต่มีชัชอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ก็ดีนะ ตาต้นจะได้มีผู้ชายใกล้ๆ ตัว พี่เองก็เป็นผู้หญิงบางอย่างก็ไม่เข้าใจผู้ชายหรอกจ้ะ ยิ่งลูกโตแล้วด้วยบางทีพี่เองก็ลำบาก ถ้ามีนายชัชมาอยู่ข้างๆ คอยช่วยดูแลเขาบ้างก็ดี ลูกพี่จะได้มีผู้ชายไว้เป็นแบบอย่าง”

     ‘กลัวแต่ไอ้ผู้ชายต้นแบบคนที่ว่าพึ่งสอนลูกพี่ให้มีเซ็กส์กับผู้ชายด้วยกันไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนนะสิคร๊าบ!’

     ชัยชัชกรีดร้องอยู่ภายในใจอย่างสมเพชตัวเอง เขานี่มันไม่เหมาะจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้ใครเอาซะเลย แถมยังมีชนัฏปักหลังอีก!

     “ครับ”

     สุดท้ายจึงได้แต่ส่งยิ้งแห้งๆ ไปให้อีกฝ่าย พร้อมกับยกเบียร์ขึ้นจิบแก้เก้อ

     “จ้า ยังไงพี่ก็ฝากลูกพี่ด้วยนะนายชัช ตาต้นน่ะเป็นเด็กเงียบๆ ไม่ค่อยชอบพูดอะไรออกมา บางครั้งแม้แต่พี่เองถามเจ้าตัวก็ไม่ยอมบอกอะไรพี่เลย แต่ถ้าเป็นชัชพี่ก็เบาใจ พี่ว่าเธอเอาลูกพี่อยู่นะ”

     พรวด!

     “ว้าย ตายละ ชัช เป็นอะไรรึเปล่าจ้ะ?”

     “แค่กๆ มะ ไม่ เป็นไรครับพี่ แค่สำลักเฉยๆ”

     “ตายแล้ว ละทำไมจู่ๆ ถึงสำลักได้ละฮึ๊!”

     สายธารลูบหลังชายหนุ่มที่สะอึกจนตัวโยนพลางส่งกระดาษทิชชู่ให้ ชัยชัชรับมาเช็ดปาก เขารู้สึกแสบในลำคอที่ถูกแอลกอฮอล์เผาเป็นอย่างมาก แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขารู้สึกแย่เท่าความระแวงที่กัดกินใจเขาอยู่

     ‘ให้ตายเหอะ กูจะต้องอยู่กับอาการสันหลังหวะแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กันวะ!’

============================================


หมาป่าบุกถึงรังของลูกแกะได้แล้ว! ระวังโดนจับกินนะต้น! แต่... รึพี่ชัชจะเล็งท่านแม่?

พี่ชัชพระเอกของเรื่องนี้เป็นแค่ตาลุงพนักงานออฟฟิสหื่นๆ คนนึง พยายามเขียนให้ดูเป็นคนธรรมดาๆ น่าจะมีคาแรคเตอร์ใกล้เคียงกับหนุ่มๆ "เป็นต่อ" ทำนองนั้น ทำงาน สังสรรค์ ปาร์ตี้ นอนอยู่บ้าน ชีวิตไม่ค่อยมีอะไรมาก
แต่ก็นะ... อยากฝากพระเอกธรรมดาๆ คนนี้ให้ช่วยเชียร์กันหน่อยเน้อ ติดตามดูกันต่อไปแล้วจะรู้ว่าพี่ชัชไม่ธรรมดา ไม่งั้นน้องต้นไม่หลงหัวปักหัวปำหรอก ฮ่าๆ

ส่วนตัวเอก ... "เยอะ" ไม่มีอะไรมากนอกจาก ฮีเยอะ! ก็แม่ฮีเป็นงั้นแล้วลูกจะเป็นแบบไหนได้ หึ หึ ฝากตัวเอกจอมดราม่าคนนี้ไว้ด้วยนะคะ อนุญาตให้หมั่นไส้ได้ เกลียดได้ ด่าได้ แต่เชื่อเถอะ จะต้องอ่านไปลุ้นไปกับความเยอะของฮีแน่ๆ
แต่ฮีมีประเด็นน้า ไม่ได้อยู่ๆ ก็เยอะ เพราะคนแต่งชอบเขียนคาแรคเตอร์ที่มีมิติหน่อยๆ เวลาได้หยิบเอานิสัยของมนุษย์มาเขียนนี่มันสนุกจริงๆ ใครมีแฟน/เพื่อนก็ลองสังเกตตัวเองดูน้า อาจจะค้นพบต้นน้ำเข้าก็ได้ ฮ่าๆ

 :mew3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2014 14:51:05 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ NY_JK

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ลูกแกะวางแผนจับหมาป่า ท่าทางจะสำเร็จด้วย ร้ายใช่เล่น  :m19: :m17:
มีความรู้สึกว่าแม็กจะต้องเข้ามาป่วนแน่เลย  :a5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ก่อนอื่นขอขอบพระคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่าน ขอกราบงามๆ ให้กับคนที่เม้นท์ ดีใจที่นิยายเรื่องนี้ทำให้คนอ่านยิ้ม ลุ้น มีความสุขได้ขอรับ
 :hao5:

แม่บอกว่า "สัตว์หน้าขน ไว้ใจไม่ได้" หมาป่าเป็นสัตว์มีขนที่หน้า แปลว่าหมาป่าไว้ใจไม่ได้...  o18 o18
น้องต้นอย่าไว้ใจหมาป่าเด็ดขาดนะ! ถ้าเผลอระวังถูกจับกินไม่รู้ด้วย!

:laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:


เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 3 -
##### เป็นเด็กพี่ เอ้ย! เป็นน้องพี่ เดี๋ยวพี่ดูแลเอง #####

     วันที่ยี่สิบเก้าเดือนธันวาคม เวลาค่ำๆ ชัยชัชพึ่งกลับจากทำงาน แม้จะเหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่เมื่อเดินผ่านห้องของคนคุ้นเคยเขาก็อดไม่ได้ที่ยกมือเคาะเรียกเจ้าตัว

     ‘ไม่รู้จะอยู่ห้องรึเปล่า อาจจะไปฉลองกับเพื่อนมันก็ได้’

     ยืนรอไม่นานนักบานประตูห้องพักก็เปิดออก เชื้อเชิญให้เขาก้าวเข้าไป

     “อ้าว? อยู่ห้องเหรอต้น”

     ต้นน้ำทำสีหน้าหน่ายใจกลอกตาขึ้นด้านบนพลางถอนหายใจ แล้วตอบว่า

     “ก็ถ้าพี่ชัชคิดว่าผมไม่อยู่แล้วจะมาเคาะห้องผมทำไมละครับ?”

     “อ้าว กวนนะไอ้นี่”

     ชายหนุ่มเขกหน้าผากคนกวนส้นเบาๆ พลางถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องของเด็กหนุ่มอย่างคุ้นเคย

     “แล้วพี่ชัชมีอะไรรึเปล่าครับ มาหาผมเอาป่านนี้”

     “เปล่า ก็ไม่มีไรหรอก เห็นพี่น้ำไม่อยู่เลยว่าจะแวะมาดูเราซะหน่อย”

     ชัยชัชว่าพลางเอนกายลงบนโซฟา จิบน้ำผลไม้เย็นชื่นใจที่เจ้าบ้านรินมาบริการ ชายหนุ่มเอี้ยวคอไปมาพลางปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดบน ใบหน้าแดงเรื่อๆ ของชายหนุ่มทำให้รู้ได้ว่าเจ้าตัวไปดื่มมาอีกแล้ว

     “ดื่มมาอีกแล้ว เมื่อไหร่พี่ชัชจะเลิกดื่มแล้วขับซะทีครับ มันอันตรายนะครับ”

     “มันจำเป็นนี่หว่าต้น งานของพี่ต้องเอนเตอร์เทนลูกค้า พาลูกค้าไปดื่ม ถ้าพี่ไม่ดื่มแล้วจะให้ทำยังไง”

     “แต่ก็ไม่เห็นต้องขับรถกลับมาเลยนี่ครับ นั่งแท็กซี่เอาก็ได้ เมาไม่ขับน่ะรู้จักมั้ยครับ”

     “เออ รู้! แต่ถ้าเมาไม่ขับละจะให้พี่กลับยังไงวะ? หึๆ”

     ต่อปากต่อคำกันพอหอมปากหอมคอ ต้นน้ำรู้ดีว่าถึงบ่นไปยังไงผู้ชายอย่างชัยชัชก็ใช่จะฟังเขา

     ‘ก็ไอ้เรื่องคืนนั้นนั่นไงเล่า ถ้าพี่ชัชเขาไม่เมาแล้วจะได้เรื่องเหรอ! ละเรายังจะคิดไปเตือนอะไรพี่เขาอีก’

     สีหน้าหงุดหงิดใจ แก้มที่ป่องขึ้นเล็กน้อยผสมกับแนวคิ้วได้รูปที่เริ่มขมวดเป็นปม สายตาที่ดูไม่สบอารมณ์ ส่วนผสมทั้งหมดของคนตรงหน้าทำให้ชัยชัชอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก เหนือสิ่งอื่นใดนั้นเขารู้สึกได้ถึงความปราถนาดีๆ ที่คอยเป็นห่วงเป็นใยกันอย่างจริงใจ ซึ่งอย่างหลังนี้แหละที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจ

     “เอาหน่า พี่จะระวังแล้วกัน นี่เห็นมั้ย วันนี้พี่ก็ดื่มนิดเดียวแล้วนะ”

     “แล้วถ้าคราวหน้าเจอด่านละครับ จะทำยังไง พักนี้ยิ่งใกล้ปีใหม่ ตำรวจตั้งด่านกันให้ควัก”

     “เออน่ะ พี่มียันต์กันผีปิงปอง”

     “พี่ชัช! ทำแบบนั้นเดี๋ยวก็”

     “เอาน่าๆ ใจคอเราจะบ่นจนไม่ฟังที่พี่จะพูดเลยรึไงเฮอะ”

     ต้นน้ำได้สติหุบปากลงแล้วนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายคงมีธุระ มิฉะนั้นคงไม่มาหาตนยามวิกาลเช่นนี้

     ‘อารมณ์ห่วงของเราจะเผลอทำให้พี่ชัชรำคาญรึเปล่าก็ไม่รู้!’

     “เอ่อ ครับ... แล้วพี่ชัชมีธุระอะไรรึเปล่าครับ?”

     ‘นั่นไง พอถูกดุก็จะหงอยทันที เจ้าเด็กนี่มัน... จริงๆ เล้ย’

     เขาก็อธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก รู้แต่ว่ามันหมั่นเขี้ยว อยากแกล้งเจ้าเด็กขี้บ่นเก็บกดไม่สมอายุตรงหน้าเพราะอยากเห็นสีหน้าหลายๆ อย่างของอีกฝ่าย

     “ก็ไม่มีไร้ เป็นห่วงเลยแวะมาดู อุตส่าปีใหม่ทั้งที แต่ต้องอยู่คนเดียวนี่นาเราอ่ะ ละนี่ทำไรอยู่?”

     พูดจบก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะมาหยุดสายตาลงทีโต๊ะรับแขกกลางบ้าน

     ‘แน่ะ! หนังสือเรียน สมุดจดงาน เจ้าเด็กนี่มันขยันจริงๆ เล้ย เด็กเรียนนี่หว่า ขาดแต่ใส่แว่นนะเนี่ย หึๆ’

     “ก็ กำลังทบทวนบทเรียนอยู่ครับ ใกล้สอบแล้ว”

     “ขยันจริงๆ เลยเรา ไม่เหงาเหรอ วันส่งท้ายปีนั่งจับเจ่าอ่านหนังสืออยู่แต่ในห้อง”

     “แล้วจะให้ทำยังไงละครับ ก็แม่ผมต้องบิน”

     “แล้วเพื่อนเราไม่ชวนไปไหนบ้างเหรอไง?”

     ได้ยินชัยชัชทักดังนั้นแล้วต้นน้ำก็อดคิดถึงเพื่อนคนสำคัญของตนขึ้นมาไม่ได้ แม็กซ์พยายามตื้อให้เขาไปฉลองปีใหม่ด้วยกันอยู่หลายรอบ แต่เขารู้ดีว่าปาร์ตี้ของแม็กซ์ก็คงไม่พ้นเพื่อนๆ แก๊งหัวโจกของแม็กซ์ที่คงชวนกันไปเมาเฮฮาไร้สาระ เผลอๆ อาจจะมีผู้หญิงด้วยซ้ำ! ต้นน้ำไม่ค่อยชอบใจสไตล์ของแม็กซ์เท่าใดนัก เรื่องนี้นี่แหละที่ทำให้เขายังคงรักษาระยะห่างกับแม็กซ์ไว้มาก… มากเสียจนแม้จะเรียกแม็กซ์ว่าเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดในโรงเรียนก็ยังไม่อาจนับได้ว่าแม็กซ์เป็นเพื่อนซี้ของตน ต้นน้ำจึงผลิรอยยิ้มบางๆ ให้คนถามก่อนจะตอบว่า

     “ไม่เอาดีกว่าครับ ผมอ่านหนังสือดีกว่า ใกล้สอบวิชาหลักแล้วด้วย”

     “อือ สู้ๆ นะ พี่เอาใจช่วย”

     ชายหนุ่มเอื้อมมือไปโยกศีรษะของเด็กหนุ่มเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

     “ไว้เดี๋ยวพี่ค่อยโทรมาแฮปปี้นิวเยียร์เราแทนละกัน ว่าแต่อยากได้ของฝากไรป่าวล่ะ พี่จะได้ซื้อมาฝาก?”

     แม้จะเป็นถ้อยคำให้กำลังใจง่ายๆ แต่ต้นน้ำกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นอัดแน่นอยู่ในอก ถ้อยคำให้กำลังใจอย่างตรงไปตรงมาที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อนพร้อมทั้งสัมผัสอันอบอุ่นที่แสนจะจริงใจ ชัยชัชปฏิบัติต่อเขาด้วยความปรารถนาดีโดยไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน ความร้อนที่แผดเผานี้ทำให้เขารู้สึกดีจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกอัดแน่นอยู่ในใจจนล้นทะลัก และโดยไม่รู้ตัว…

     “ฮึก”

     เด็กหนุ่มต้องตกใจตัวเองที่จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา ต้นน้ำใช้มือปาดมันทิ้งไปลวกๆ พลางหันหน้าหนีชัยชัช

     “อ้าว เฮ้ย! ร้องไห้ทำไม?”

     “ปะ เปล่าครับพี่”

     “มาเปล่าไรล่ะ ผงเข้าตาเป็นนางเอกหนังไทยรึไง? ไอ้เด็กปากแข็ง ไหนเป็นไรบอกพี่มา”

     ชัยชัชสวนกลับประโยคปฏิเสธของต้นน้ำพลางดึงอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ เขาฉวยเข้าเกาะกุมมือของต้นน้ำโดยอัตโนมัติก่อนจะเช็ดหลักฐานการโกหกอย่างเบามือ

     ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรในยามที่ชัยชัชปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้แทนที่เขาจะรู้สึกสงบขึ้น กลับกันกลับรู้สึกราวกับว่า กำแพงที่เขาบรรจงก่อมานานหลายปีพังทลายลงง่ายๆ ด้วยสัมผัสแผ่วเบาจากปลายนิ้วของชายหนุ่ม น้ำตาเจ้ากรรมที่ตอนเริ่มต้นนั้นแค่คลออยู่ในดวงตาตอนนี้กลับหลั่งออกมาเป็นสายประจานความอ่อนแอของตัวเอง

     “ไหนดูซิ เนี่ยนะ แล้วมาบอกพี่ว่าไม่เป็นไร เป็นไรครับต้น บอกพี่ชัชมาซิ?”

     ชัยชัชเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายเบาๆ พลางปลอบ เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมจู่ๆ ต้นน้ำถึงได้ออกอาการเขื่อนแตกแบบนี้ ปกติเห็นแต่ทำสีหน้าเย็นชา แม้เขาจะพอรู้มาบ้างแล้วว่าแท้จริงนั้นเด็กหนุ่มมิได้แข็งแกร่งอย่างที่พยายามแสดงออก มิหนำซ้ำยังติดจะเก็บกดเล็กๆ แต่ทว่าเขาเองก็คาดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มจะบอบบางถึงเพียงนี้ เรื่องในวันนี้ทำเอาเขาตกใจมากจริงๆ

     เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาใช้อ้อมกอดปลอบประโลมอีกฝ่าย ครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่แตกตื่น จิตใจของเขาจึงสับสนทำไปตามสัญชาตญาณล้วนๆ แต่ในครั้งนี้เขามีสติครบถ้วนสมบูรณ์ เขาตั้งใจใช้ร่างกายของตัวเองแบ่งปันความเข้มแข็งให้ต้นน้ำ ชัยชัชรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนน้อยๆ จากการพยายามกลั้นสะอื้น คนในอ้อมกอดซุกหน้าลงกับอกของเขา ความเปียกชื้นจากคราบน้ำตาทะลุผ่านเสื้อจนเขาสัมผัสได้

     ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงคนตรงหน้าถึงจะหยุดร้องไห้ ชัยชัชจึงได้แต่วางคางเกยไว้บนศีรษะพลางลูบหลังปลอบ ทั่วทั้งห้องไร้ซึ่งถ้อยคำใดๆ  มีเพียงแต่เสียงสูดจมูกสะอื้นฮักที่ยังคงลอยล่องมาเป็นช่วงๆ กับเสียงของมือที่เสียดสีกับเนื้อผ้าไปมาเพื่อปลอบประโลม

     ‘เจ้าเด็กนี่ตัวบางไม่เบาเหมือนกันนี่หว่า ตัวเล็กแบบนี้โอบได้สบายๆ หยั่งกะกอดสาว อื้อหืม... ผมนิ่มชะมัด กลิ่นหอมดีจัง เหมือน...เหมือนไรวะ? ลูกพีช...’

     เป็นเวลาครู่เดียวที่เหมือนจะนานจนหยุดโลกของทั้งคู่ เมื่อสยบคลื่นอารมณ์ปั่นป่วนในตัวลงได้ต้นน้ำจึงค่อยๆ ขืนตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรงของชัยชัช เด็กหนุ่มรู้สึกประหม่ากับการถูกสัมผัสเช่นนี้ ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกอดเขาแบบนี้มาก่อน ความโหยหาจากส่วนลึกของจิตใจสั่งให้เขาซึมซับไออุ่นนี้ต่อ แต่ในที่สุดความกระดากอายก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ

     “ผม ผมไม่เป็นไรแล้วครับ”

     ‘ผมก็หอม ผิวก็นิ่ม ตัวก็เล็กพอดีมือ แก้มจะนุ่มมั้ยว้า เมื่อกี้จับไปนิดเดียวเอง รู้งี้กูน่าจะเนียนให้นานกว่านั้นซักหน่อย เลื้อยตอนนี้จะทันมั้ยวะ’

     เมื่อถูกขัดจังหวะระบบความคิดของชัยชัชที่กำลังเลยเถิดไปไกลจึงสะดุดลงทันที

     “หะ! อืม อือ ต้นไม่เป็นไรก็ดีแล้ว อยู่ๆ ก็ร้องไห้ เล่นเอาพี่ตกใจ”

     “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

     “แล้วตกลง เป็นไรน่ะเรา เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า มีไรไม่สบายใจเล่าให้พี่ฟังได้นะ”

     “ผมก็แค่... ดีใจมั้งครับ ...ดีใจที่มีคนเป็นห่วง”

     เสียงของต้นน้ำนั้นทั้งเบาหวิวแถมยังฟังดูไม่มั่นใจเสียจนราวกับคนที่กำลังหลงทางอยู่ในความอ้างว้าง

     “เฮ้ย! ไม่เอาน่า อย่ามาดราม่าทำเป็นเด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่นหน่อยเลย แค่แม่ตัวเองติดงานมาฉลองปีใหม่ไม่ได้แค่เนี้ยะนะ”

     “ก็นอกจากแม่แล้ว ผมไม่เคยมีใครนี่ครับ คนอื่นๆ … ผมไม่เคยมี”

     เจอประโยคนี้เข้าไปชัยชัชก็เถียงต่อไม่ออก ได้แต่ลูบหัวอีกฝ่ายอย่างปลงๆ

     ‘เฮ้อ ทำไมกูต้องมายุ่งเรื่องครอบครัวชาวบ้านเขาด้วยวะเนี่ย เมียก็ยังหาไม่ได้ เอาวะ! ช่วยเด็กมันหน่อยละกัน เผื่อผลบุญจะส่งให้ได้เมียซะที’

     “แต่พี่น้ำก็รักเรามาก ทุ่มเทเพื่อต้นทุกอย่าง แม้ความรักของแม่จะทดแทนพ่อไม่ได้ แต่มันก็มากพอไม่ทำให้เราขาดอะไรไปนะ พี่น้ำพยายามที่สุดแล้ว เพื่อต้น”

     “ครับผมทราบดี แม่พยายามดีที่สุดแล้วที่จะให้ผมเกิดมา แถมยังเลี้ยงดูผมมาอย่างดี ทั้งๆ ที่... ตอนแรกแม่เคยไปเอาผมออกด้วยซ้ำ”

     คำพูดของต้นน้ำทำให้ชัยชัชชะงัก!

     ‘พี่น้ำนะเหรอ เคยไปเอาไอ้ต้นออก! ตกลงเรื่องมันเป็นมายังไงวะเนี่ย?’

     ไม่ได้การแล้ว! เขาจะต้องหาทางเปลี่ยนเรื่องให้เร็วที่สุด ไม่อยากให้เจ้าเด็กนี่จมอยู่ในความทุกข์เลย ให้ตายสิ! จะปล่อยไว้คนเดียวก็ไม่ได้เด็ดขาด แต่จะให้อยู่ดราม่าทั้งคืนก็คงไม่ดีไม่งั้นคืนนี้ทั้งคืนเขาคงไม่ได้นอนแน่ๆ แถมพรุ่งนี้เขายังต้องตื่นไปรับหมอแต่เช้าอีก จริงสิ!

     “ต้น ไปกับพี่นะ”

     “ไปไหนครับ?”

     เพราะจู่ๆ คนตรงหน้าก็พูดอะไรแปลกๆ ออกมา ต้นน้ำจึงยังสับสนตามไม่ทัน

     “ไปหัวหินกับพี่”

     “...ครับ?”

     เด็กหนุ่มถามเอ่ยรับพลางเอียงคอมองอย่างสงสัย

     “เร็ว! ล้างหน้าล้างตาแล้วรีบไปเก็บกระเป๋า จัดเสื้อผ้าไปซักสามวันนะ”

     “แต่... พี่ชัชมีสัมนาไม่ใช่เหรอครับ?”

     “ก็ใช่ แต่พี่จะเอาเราไปด้วยไง อยู่ที่นี่ก็อยู่คนเดียว งั้นก็ไปนอนเล่นริมทะเลเย็นๆ เปลี่ยนบรรยากาศดีกว่า ถึงจะต้องอยู่คนเดียวบ้างแต่ก็ถือซะว่าไปหาที่อ่านหนังสือดูวิวสวยๆ ไง”

     “มันจะดีเหรอครับ”

     “เอาน่า ทีพวกหมอยังพาครอบครับไปยันคนรับใช้ พี่เป็นผู้แทนแอบพาน้องชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะไปดูแลบ้าง มันจะเป็นไรไป”

     ชัยชัชยิ้มให้ต้นน้ำอย่างอารมณ์ดีพลางเร่งให้เด็กหนุ่มรีบไปจัดกระเป๋าเดินทาง

     “เร็วเข้า ต้น จะได้ไปนอนกัน พรุ่งนี้พี่ต้องตื่นแต่เช้านะว้อย!”

============================================

     สั่งให้ต้นน้ำเก็บกระเป๋าเสร็จแล้วชัยชัชก็กลับไปห้องตัวเอง เขายังไม่ได้จัดกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองเลยด้วยซ้ำ น้ำก็ยังไม่ได้อาบ แม้จะเหนื่อยจนอยากล้มตัวลงนอนแต่ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบ ชัยชัชก็ฝืนถ่างตาจัดการเคลียร์ปัญหาเผือกร้อนๆ ที่เขาพึ่งก่อไฟย่างมาเมื่อครู่

     “แล้วกัน พี่ชัช! มาบอกหนูเอาตอนนี้เนี่ยนะ ละหนูจะหารถทันเหรอ”

     “เออน่า ถือว่าช่วยพี่ซักครั้ง หมอเอกเขาไม่ว่าไรหรอก ใจดีจะตาย ซี้กันกับพี่”

     “ก็ถ้าซี้กันแล้วทำไมไม่ไปด้วยกันละคะ โยนเรื่องมาให้หนูทำไม หมอเอกใจดีคงไม่ถือเรื่องที่พี่ชัชหนีบน้องชายไปด้วยหรอก”

     “เอ้า! ก็เราต้องไปรับหมออดุลย์กับครอบครัวอยู่แล้ว ก็แบ่งๆ ที่ไปให้หมอเอกซักที่นึงไง”

     “แหม ก็อิตาหมออดุลย์กับโขยงน่ะขึ้นชื่อเรื่องเที่ยวจะตาย แกอยากใช้รถร่วมกับหมอคนอื่นซะที่ไหน น่าสงสารหมอเอกออกค่ะ กลัวแกจะรำคาญเอาน่ะสิคะ”

     “พี่ถึงได้ให้แตมหารถตู้อีกคันไปรับแกไง เราคอนเนคชั่นเยอะ หาให้พี่หน่อยน่า”

     “แต่ว่า...”

     “นะ ช่วยพี่หน่อย เดี๋ยวขาดเหลืออะไรมาเบิกเอาที่พี่ งานนี้พี่เคลียร์บิลเอง”

     “คร่า แล้วจะช่วยดูให้ละกันนะคะ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าพี่ชัชต้องติดหนี้หนูหนนึง”

     “เออ ไว้มาทวงกับพี่ได้เลย”

     “ว้ายๆ งั้น... หนูขอเป็นดินเนอร์ใต้แสงเทียนได้มะคะ?”

     “ไม่ลากพี่ไปโรงแรมเลยล่ะแตม”

     “อ๊าย! หนูเอาจริงนะคะ”

     “ฮ่าๆ”

     “เชอะ! พี่ชัชนี่ละก็ อย่ามาให้ความหวังคนอื่นเค้าสิคะ ชอบหลอกใช้หนูแบบนี้อยู่เรื่อย”

     “พี่หลอกที่ไหน เรากรี๊ดกร๊าดไปเอง เอ่ย! แต่ไม่แน่นะ ไปเอาออกเมื่อไหร่พี่อาจจะสน ฮ่าๆ”

     “โอ่ย! อยู่มาปูนนี้เฉาะไม่ทันแล้วค่ะพี่ ชอบล้อหนูอยู่เรื่อยเลยอ่ะ”

     “เอ้า ก็เห็นงานปีใหม่ปีที่แล้วสวยดีออก พี่ชอบนะครับ”

     “ไม่ๆ อย่ามาทำให้หนูไขว้เขวหน่อยเลยค่ะ พี่ชัชเป็นผู้ชายที่เชื่อไม่ได้ อันตรายที่สุดในบริษัท ท่องไว้ๆ หนูไม่หลงกลพี่หรอกค่ะ”

     “เออๆ ละจะช่วยพี่มั้ยคร้าบน้องแสตมป์คนสวย?”

     “เชอะ ก็ได้ค่ะ! แต่ติดหนี้หนูทีนึงนะคะ”

     “คร้าบๆ งั้นพี่ฝากด้วยนะ”

     “ค่า”

     “หึๆ”

     ชัยชัชหัวเราะให้กับความตลกของเพื่อนร่วมงาน เขาเอ็นดูรุ่นน้องคนนี้จริงๆ ให้ตาย!

     ‘เบาใจไปทางนึง ทีนี้ก็คุยกับไอ้เอกล่ะ’

     ว่าแล้วชัยชัชก็ต่อโทรศัพท์หาคนสำคัญในเรื่องอีกคนหนึ่ง

     “เฮ้ยว่าไง ไอหมอ”

     “มึงโทรมาทำไมป่านนี้วะเนี่ยชัช เรานัดกันพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ?”

     “เออว่ะ มีเรื่องเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย มึงช่วยกูที”

     แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีฐานะเป็นหมอหรือก็คือคู่ค้าคนสำคัญ แต่ถ้อยคำที่ฟังแล้วสนิทสนมชิดเชื้อราวกับเพื่อนสนิทนี้กลับไม่ระคายหูของกันและกันเลยแม้แต่น้อย ชัยชัชและเอกดนัยนั้นถือเป็นสหายสนิทโดยแท้ เนื่องด้วยทั้งสองเคยเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมสถาบันกันมาก่อนแม้จะเป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม แต่ด้วยความที่เป็นสายรหัสกันมาก่อนทั้งสองจึงซี้ย้ำปึ้กเมื่อโคจรมาเจอกันอีกครั้ง และแน่นอนว่าเรื่องส่วนตัวพวกนี้นั้นไม่จำเป็นต้องให้คนนอกรู้ ทั้งสองต่างถือซะว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าวิน-วินกันทั้งคู่

     “อ๋อ สรุปว่ามึงจะพาน้องมึงไปด้วย เลยมารับกูไม่ได้ จะเป็นไรไปวะกูไม่ถือ ก็ไปด้วยกันเนี่ยแหละ แบ่งๆ กันใช้”

     “ก็เออ กูรู้มึงไม่ถือ แต่น้องกู กูถือ”

     “เหอะ หวงละสิมึง สวยป่าววะ?”

     “น้องชายโว้ย! แต่... น้องกูเขาขี้อาย ไม่ค่อยกล้าพูด กลัวไปกับมึงแล้วจะพากันกร่อย”

     “มึงมีน้องงอกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่ามาแหล”

     “เอาน่า พอดีน้องเขาต้องอยู่คนเดียวตอนปีใหม่กูสงสาร เลย... เออน่ะ คือ กูจะพาคนอื่นไปด้วย ไม่สะดวกไปรับมึง”

     “งั้นกูนั่งแท็กซี่ไปหามึงที่คอนโด?”

     “อย่าเรื่องมากน่ะ กูให้รถไปรับมึงแล้ว น้องกูเขาขี้อาย ไปกับมึงเดี๋ยวจะพากันอึดอัดเปล่าๆ”

     “มึงกลัวไรมากกว่ากันวะ ระหว่างน้องมึงอึดอัด กับเกรงใจกู กูเป็นลูกค้ามึงนะโว้ย ไอ้ชัช”

     “เออ กูรู้มึงเป็นลูกค้ากู แต่... นะ ช่วยกูครั้งนี้ซักครั้งเถอะ”

     “กูก็ช่วยมึงทุกครั้งอ่ะ ... กูชักอยากเห็นหน้าน้องชายคนนี้ของมึงซะแล้วสิชัช หึๆ”

     “เฮ่ยๆ ไม่มีอะไรโว้ย กูแค่...”

     “เออๆ กูรู้แล้ว กูไปเองก็ได้ แล้วเจอกันที่หัวหินนะมึง เลี้ยงเหล้ากูด้วยล่ะ ฮ่าๆ”

     “ทำหยั่งกับกูไม่เคยเลี้ยงมึง ไอ้หมอเวร!”

     “ฮ่าๆ”

============================================


ชักไม่รู้ว่าใครหลอกใคร หึ หึ น้องต้นก็ดราม่าซะ สาบานนะนั่นไม่ได้แอ๊บ? คุณพี่ชัชก็เนียนนะนั่น พวกกินเนื้อชัดๆ แต่น้องต้นก็เป็นพวกกินพืชที่มีการวิวัฒนาการนะ! ถ้าติดพิษรักเข้าไปละก็... ถอนยากนะ!

ถ้าเป็นเราแล้วเจอพวกสำออยแบบต้นเราคงหงุดหงิดน่าดู ไม่รู้ทำไมคนพวกนี้จะคิดว่าเรื่องของตัวเองมันเศร้าแล้วก็ชอบทำตัวดราม่าเรียกร้องความสนใจทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเรื่องมันไม่ได้มีอะไรเลย แล้วสิ่งที่ทำให้เราหงุดหงิดยิ่งกว่าคือดันมีพวกแบบพี่ชัชที่เชื่อด้วยนะ! เชื่อสิ รอบๆ ตัวคุณในสังคมมันต้องมีคนคล้ายๆ แบบนี้ให้เห็นกันมั่งแหละ
นิยายเรื่องนี้ตั้งชื่อเรื่องไม่ผิดหรอก ไม่ได้แนวเกาหลีอะไรทั้งนั้น ก็มันทั้งดราม่าทั้งโง่จริงๆ นี่

แต่คิดไปคิดมา พี่ชัชไม่ได้โง่หรอก จะด่าพระเอกนิยายตัวเองได้ยังง๊าย... เฮียแกก็แค่หลง
อ้าว เอ๊ะ! ตกลงหมาป่าติดกับลูกแกะแล้วเหรอเนี่ย? แต่แน่ใจนะว่าหมาป่าติดกับ? พี่แกเล่นยิ้มยิงฟันอวดเขี้ยวรอเชียวนะ อันตรายแล้วต้น!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2014 00:23:22 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ hibarihao

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ชอบหนุ่มวัยทำงานที่สู้ดดดด   :heaven
คนเขียนสู้ๆ

ออฟไลน์ NY_JK

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
และแล้วพี่ชัชก็หลงกล  :laugh:
แต่ต้นก็ชอบดราม่าจริงๆนั่นแหละ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
แล้ว อย่างนี้จะลงเอยกันท่าไหนล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
หมาป่าลักพาตัวเด็กเลี้ยงแกะไปแล้ว! ระวังตัวด้วยนะต้น!


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     “แล้วนี่ พี่ชัชไม่ต้องไปรับหมอแล้วเหรอครับ”

     “หือ ไม่ต้องแล้ว ต้นสบายใจเถอะ พี่ว่างจนกว่าจะไปถึงหัวหินน่ะแหละ”

     ต้นน้ำถามขึ้นเบาๆ ภายในรถของชัยชัช ขณะนี้ทั้งคู่กำลังบึ่งออกจากกรุงเทพเพื่อไปหัวหิน การเดินทางแบบสองต่อสองทำให้ต้นน้ำรู้สึกประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก วันนี้ชัยชัชอยู่ในชุดเสื้อยืดโปโลกับกางเกงยีนส์ แม้จะดูสบายๆ เป็นกันเองแต่ก็ยังดูหล่อเนี๊ยบ แถมเจ้าตัวยังใส่แว่นกันแดดเตรียมขับรถระยะไกลอีก เรียกว่าชัยชัชลุคนี้นั้นต้นน้ำไม่เคยเห็นมาก่อน เล่นเอาเจ้าตัวเผลอใจเต้นไม่หยุดเมื่อต้องมานั่งคู่กันในรถเพื่อไปเที่ยวทะเล ต่างจากที่แล้วๆ มาที่ต่างฝ่ายต่างปฏิบัติต่อกันแบบพี่ข้างห้องน้องข้างบ้านติดรถกลับคอนโดถ้อยทีถ้อยอาศัยไปวันๆ

     “เป็นไรน่ะเรา เงียบเชียว ถ้าง่วงก็หลับไปก่อนก็ได้ ถึงแล้วพี่ปลุก”

     “ผมไม่ง่วงหรอกครับ พี่ชัชต่างหาก เมื่อคืนก็คงดึกกว่าผม”

     “โอ้ย พี่ชินแล้ว แค่นี้สบายมากๆ ว่าแต่อยากแวะไปเที่ยวไหนก่อนรึเปล่า? พี่จะได้พาแวะ ยังพอมีเวลานะ”

     “ไม่รู้สิครับ แล้วแต่พี่ชัชก็แล้วกัน”

     “งี้ทุกทีอ่ะเรา”

     อาการ“แล้วแต่พี่”ของต้นน้ำทำให้ชัยชัชนึกหมั่นเขี้ยว ชายหนุ่มรู้สึกว่าแม้แว๊บแรกต้นน้ำจะแสดงท่าทีเป็นเด็กหัวอ่อน แต่จริงๆ แล้วเขามั่นใจว่าต้นน้ำซ่อนความดื้อเงียบไว้ในใจ แต่พอยิ่งคบๆ กันไปเขากลับไม่เข้าใจตัวเอง อยากเห็นต้นน้ำเอาแต่ใจให้มากขึ้นสมกับที่เป็นเด็ก แต่เจ้าตัวจากเดิมที่เคยกระสันอยากเข้ามาใกล้เขาในระยะประชิดมากนักกลับเปลี่ยนไปกลายเป็นลูกช้างเดินตามหลังเขายิ่งกว่าช้างเท้าหลังเสียอีก อะไรๆ ก็แล้วแต่เขาตามใจเขาไปเสียหมด

     “ตามใจพี่ก็ดี มีทีนึงน่าแวะพอดีเลย อยู่ระหว่างทางด้วย แต่ไปแล้วอย่าบ่นว่าร้อนล่ะ ฮ่าๆ”

     หลังจากเหยียบคันเร่งมาได้ราวๆ สองสามชั่วโมง ที่ๆ ชัยชัชพาต้นน้ำมาถึงก็คือฟาร์มแกะแถวๆ ชะอำ แต่เดิมนั้นต้นน้ำก็มิใช่คนชอบเที่ยวหรือสนใจข้อมูลข่าวสารต่างๆ เรื่องกิจกรรมนอกบ้านมากนัก เมื่อมาเห็นฟาร์มเลี้ยงแกะบรรยากาศดีๆ แบบนี้เจ้าตัวจึงตื่นเต้นสุดๆ

     “มาๆ ลงมา ถึงแล้ว”

     “โอ้โห! สวยจังเลยครับ”

     “ใช่มั้ยล่ะ มาๆ พี่อยากกินสเต็กเนื้อแกะว่ะ”

     “พี่ชัชพาผมมาถึงฟาร์มเลี้ยงแกะเพราะอยากทานสเต็กเนื้อแกะเนี่ยนะ!?”

     “อ้าวทำไมล่ะ เมื่อเช้าพี่รองท้องไปนิดเดียว หิว มาเหอะ แกะน่ารักนะ”

     “น่ารักแล้วยังจะกินมันลงอยู่อีกนะ พี่ชัชก็...”

     บทสนทนาต่อปากต่อคำแบบนี้ยิ่งทำให้ต้นน้ำรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก อารมณ์เศร้าเหงาหงอยเมื่อคืนจางหายไปทันตาเห็น เพียงแค่ความใจดีนิดๆ หน่อยๆ จากผู้ชายตรงหน้า แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายทำลงไปเพราะความสงสารเอ็นดูเด็กที่มีชะตากรรมรันทดอย่างเขา แต่มันก็อดไม่ได้ที่ต้นน้ำจะคิดเข้าข้างตัวเอง

     ‘ไม่แน่ ในอนาคตเราอาจจะได้เป็นคนพิเศษของพี่ชัชจริงๆ ก็ได้!’

     ชัยชัชพาต้นน้ำมาเดินเล่นในฟาร์ม ก่อนจะพากันไปนั่ง ณ. ร้านอาหารหนึ่งเดียวที่เปิดทำการ เจ้าตัวไม่รอช้าสั่งสเต็กเนื้อแกะมาทานจริงๆ ในขณะที่ต้นน้ำเลือกไม่ถูกจึงสั่งสปาเก็ตตี้มาทาน

     “สปาเก็ตตี้อีกละ ชอบจริงๆ นะเรา พี่เห็นกี่ทีๆ ก็กินแต่สปาเก็ตตี้เนี่ย”

     “ก็มันชินมั้งครับ แม่ผมชอบทาน เวลาคิดอะไรไม่ออกผมก็เลยติดทำแต่เมนูนี้ แถมยังทำง่ายดีด้วย พอทานบ่อยๆ เข้าก็เลยชิน”

     “หือ ไฮโซนะเรา คนอื่นเขามีเมนูสิ้นคิดเป็นกระเพรา ส่วนเราดันกินสปาเก็ตตี้”

     ชัยชัชเลิกคิ้วน้อยๆ พลางส่งสายตาแซวต้นน้ำ เล่นเอาเด็กหนุ่มเผลอทำหน้างองอนแก้มป่องโดยไม่รู้ตัว

     “ไม่เห็นจะไฮโซเลยครับ ก็แค่แป้งกับซอส ไม่ต่างอะไรกับก๋วยเตี๋ยวหรอก”

     “งั้นแล้วถ้าชอบสั่งสปาเก็ตตี้เพราะชิน ละจริงๆ ต้นชอบกินไรล่ะ?”

     “ถามทำไมเหรอครับ?”

     อาจจะเพราะแปลกใจที่จู่ๆ ชายหนุ่มก็ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่างความชอบนิสัยส่วนตัวต่างๆ ต้นน้ำจึงแปลกใจนิดๆ

     “ก็ไม่ใช่ไร วันหลังพี่จะได้พาไปกินไง พี่รู้จักร้านอร่อยๆ เยอะนะ”

     ชัยชัชเงยหน้าขึ้นจากจานเสต็กเนื้อแกะพลางยิ้มยิงฟันชูสองนิ้วรับประกันเพิ่มน้ำหนักให้กับคำพูดของตน

     “พี่ชัชจะพาผมไปทานข้าวด้วยกันจริงๆ เหรอครับ!?”

     อาจจะเพราะไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ท้ายประโยคเสียงของต้นน้ำจึงสูงขึ้นอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อ

     “อ้าว? แล้วที่เราสองคนทำอยู่นี่เรียกว่านั่งดูดาวรึไงวะต้น เรานี่ก็แปลก ทำหยั่งกับพี่ไม่เคยไปกินข้าวกับเรา กินข้าวด้วยกันมาก็ตั้งหลายครั้งแล้ว”

     ‘พี่ชัชอ่ะไม่รู้หรอก การที่พี่แวะมาฝากท้องที่ห้องผมมันคนละอย่างกับการที่พี่พาผมออกไปทานข้าวข้างนอกนะครับ’

     ต้นน้ำคิดว่าหัวใจของตนต้องทำงานหนักอยู่แน่ๆ พักนี้เขามีเรื่องให้ดีใจมากเกินไปแล้ว กลัวเหลือเกิน กลัวว่าฟองความสุขสีชมพูที่รายล้อมตัวเองนี้จะสลายกลายเป็นฟองอากาศไปในสักวันเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่…

     “เอ้า! มัวแต่นั่งเอ๋ออยู่นั่นแหละ พี่ถามว่าเราชอบกินไร?”

     “ผมชอบทานแกงกะทิครับ ชอบทุกอย่างทั้งพวกแกงเขียวหวาน มัสมั่น แกงเผ็ด”

     “หือ? จริงดิ พี่ไม่เห็นเราทำเลย เห็นส่วนใหญ่ไม่พวกอาหารฝรั่งก็ทำของง่ายๆ”

     “ก็เพราะมันยากนะสิครับ แล้วแม่ผมเองก็ไม่ค่อยชอบทานด้วย ผมก็เลยไม่ค่อยทำ”

     ‘มิน่า... วันนั้นถึงสั่งเขียวหวาน อึ๋ย!’

     ชัยชัชส่ายศีรษะเบาๆ ไล่ความคิดภายในใจ ส่งผลให้ต้นน้ำสังเกตได้ถึงสิ่งผิดปกติ

     “อ้าว? ทำไมทำหน้าแบบนั้นละครับพี่ชัช”

     “เปล๊า! ก็แค่... พี่ไม่ค่อยชอบอาหารกะทิว่ะ”

     “จริงเหรอครับ ...”

     สีหน้าของต้นน้ำหมองลงทันทีที่ได้ยิน ใบหน้าที่จากเดิมเคยบานเท่ากระด้งก็หดลงเหลือสองนิ้ว

     “เฮ้ย! ไม่ต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้น พี่แค่บอกว่าไม่ชอบ ไม่ได้หมายความว่ากินไม่ได้”

     “งั้นแล้วพี่ชัชชอบทานอะไรละครับ ผมจะได้ลองทำให้ทาน”

     “อ่ะแน่ะ พูดไปแล้วเราจะทำได้แน่เร้อ บอกไว้ก่อนนะว่าลิ้นพี่ระดับเทพชิวหา ไม่อร่อยพี่ติแหลกนะเออ”

     “โธ่ พี่ชัชก็... พูดแบบนี้ผมก็ไม่กล้าทำอะไรให้พี่ชัชทานแล้วละครับ กลัวโดนติ”

     เพราะเห็นต้นน้ำออกอาหารหงอยๆ เหมือนจะสูญเสียความมั่นใจ ชัยชัชจึงเลิกแกล้ง เขาบอกอีกฝ่ายพลางยิ้มน้อยๆ

     “พี่ชอบแกงป่าเนื้อ รู้แล้วไปหัดทำไว้ด้วยล่ะ”

     ดวงตาที่พราวระยับไปด้วยแววขี้เล่นดูเจ้าเล่ห์อยู่ในทีสะกดต้นน้ำจนละสายตาไปไม่ได้ ทั้งๆ ที่สปาเก็ตตี้ที่สั่งก็ไม่ได้มีรสเผ็ดเลยแม้แต่น้อย แต่พวงแก้มทั้งสองข้างกลับรู้สึกร้อนซู่โดยไม่ทราบสาเหตุ คิดจะหลบก็หลบไม่ได้ เหมือนจิตใจมันค้านอยากเก็บภาพสายตาหวานฉ่ำคู่นี้เอาไว้ให้นานที่สุดเพื่อสลักลึกในความทรงจำ

     ‘พี่ชัชไม่เคยมองเราแบบนี้มาก่อน พี่ชัชจะรู้ตัวมั้ยน้อ สายตาพี่ตอนนี้ทำผมเขินจนแทบบ้าแล้ว!’

     ใช่ว่ามีแต่ต้นน้ำคนเดียวที่ออกอาการ แม้ชัยชัชจะไม่รู้ตัวว่าเผลอทำสายตาละลายใจใครบางคนไป แต่อย่างหนึ่งที่เขารู้แน่ๆ ละ ว่าเขาอารมณ์ดีแถมยังมีความสุขสุดๆ ไปเลยด้วย

     เมื่อทานเสร็จ ชัยชัชก็พาต้นน้ำไปเดินเล่นถ่ายรูปให้อาหารแกะย่อยเสต็กเนื้อแกะที่ทานเข้าไปเมื่อครู่ ทั้งสองรู้สึกสนุกสนานกับการป้อนหญ้าแกะเป็นพิเศษ โดยเฉพาะชัยชัชที่ดูจะตื่นเต้นสุขีสโมสรสุดๆ ตอนเล่นกับลูกแกะ เขาทั้งล่อทั้งหลอกทำท่าจะให้แล้วก็ดึงมือกลับพลางถ่ายคลิปเก็บไว้จนเจ้าลูกแกะตัวน้อยงับหญ้าไม่ถึง ผลสุดท้ายก็ทิ้งชัยชัชเดินไปทางต้นน้ำที่ถือหญ้าอ่อนรออยู่กำใหญ่ ส่งผลให้คนแก่กว่าถึงกับเซ็งปล่อยให้คนหนุ่มกว่าหัวเราะร่วนเสียงใส

     “บังอาจนะเรา เป็นเด็กเป็นเล็ก”

     ชัยชัชดุเบาๆ พลางคิดวางแผนอะไรบางอย่างจนเผลอยิ้มกรุ้มกริ่มส่งให้ต้นน้ำที่ไม่ทันระวังตัว

     “ก็พี่ชัชเอาแต่แกล้งมันนี่ครับ สงสารมันออก ผมก็แค่มีเมตตาให้อาหารสัตว์เท่านั้นเอง”

     “ชิ! ริอาจเป็นเด็กเลี้ยงแกะนะเรา แบบนี้ต้องเจอลงโทษหน่อยละ”

     ว่าแล้วคนแก่กว่าแต่หัวใจยังเด็กก็รวบข้อมืออีกฝ่าย ฉวยจังหวะที่เด็กหนุ่มตกใจแย่งหญ้าทั้งหมดมาไว้กับตัวเอง

     “พี่ชัช! นั่นของผม! คืนมาเลยนะครับ เราได้หญ้ามาคนละกำไม่ใช่เหรอครับ”

     และก็เพราะมัวแต่ยื้อยุดกันอยู่แบบนั้นนั่นเอง หญ้าอ่อนๆ ของโปรดเจ้าแกะแพะและลูกม้าทั้งหลายในคอกจึงแกว่งสไวโบกไปมา ชวนให้ฝูงสัตว์กระเหี้ยนกระหือรือเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง จนสุดท้ายทั้งสองคนก็ล้มลงไปกองกับพื้น

     “โอ๊ย!”

     สองเสียงต่างโทนครวญออกมาพร้อมๆ กันกับที่ต้นน้ำล้มลงในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอนทับอยู่บนตักของชัยชัชที่กำลังแผ่หงายอยู่บนพื้น ปล่อยให้หญ้าที่กระจายตกรอบๆ ตัวถูกเหล่าน้องผู้หิวโหยเข้ามารุม กว่าที่ทั้งคู่จะหลุดออกมาได้ก็กินเวลาหลายนาทีพอดู มิหน้ำซ้ำยังถูกคนรอบๆ ข้างมองอย่างแปลกประหลาดต่ออีกทอดโทษฐานเล่นอะไรพิเรนทร์ แต่ ณ. เวลานั้นต้นเหตุทั้งสองคนแทบไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ต่างฝ่ายต่างมองหน้าแล้วยิ้มให้แก่กันก่อนจะออกมาจากฟาร์มแกะแห่งนั้น

     ‘ในที่สุด พี่ก็เห็นต้นยิ้ม เจ้าเด็กอมทุกข์เอ้ย มันจะรู้ตัวมั้ยวะว่าเวลามันยิ้มแล้วโคตรน่ารักเลย’

     “อ่ะนี่ น้ำ”

     ชายหนุ่มว่าพลางยื่นขวดน้ำเย็นมาให้ต้นน้ำ
 
     “ขอโทษนะครับ เสื้อพี่เปื้อนหมดเลย”

     “ไม่เป็นไรน่า แถวนี้แหล่งท่องเที่ยวเดี๋ยวก็ได้ไปช็อป พี่ซื้อเสื้อใหม่มาเปลี่ยนได้ ว่าแต่เราเถอะแผลถลอกที่ขาเป็นไงมั่ง?”

     ชัยชัชถามก่อนจะก้มลงคุกเข่าพลางจับขาของต้นน้ำหันบาดแผลมาดูใกล้ๆ

     คงเพราะวันนี้ต้นน้ำสวมรองเท้าผ้าใบใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตกแต่งฮู้ดพอดีตัว และตอนที่ล้มเด็กหนุ่มไม่ทันระวังตัวเผลอปล่อยตัวลงอย่างจัง ปลีน่องจึงขูดกับพื้นดินที่มีเศษหินเข้าเต็มๆ แตกต่างกับชัยชัชที่ใส่กางเกงยีนส์ แถมตอนล้มยังโอบกอดคนใกล้ตัวเอาไว้ จึงไม่ได้รับอันตรายใดๆ นอกจากความจุกมาเยือน

     “อืม... ดีนะ แผลนิดเดียว ถ้าขาต้นมีรอยแผลเป็นเพราะพี่เป็นต้นเหตุคงน่าเสียดายน่าดูเลย”

     เขากล่าวพลางรินน้ำใส่ผ้าเช็ดหน้าแล้วเช็ดบาดแผลให้ต้นน้ำ และเนื่องจากเขากำลังง่วงอยู่กับการดูแลบาดแผลของเด็กหนุ่ม เขาจึงไม่เห็นสายตาหลงใหลที่อีกฝ่ายมองมายังตัวเอง

     “เคแหละ ใส่ยานิดหน่อยก็คงดีขึ้น ในรถพี่มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลอยู่ กลับกันเลยมั้ย? ใกล้ได้เวลาที่พวกหมอน่าจะไปถึงโรงแรมแล้วด้วย พี่ต้องไปทำงานละ”

     “แล้วแต่พี่ชัชเถอะครับ พี่ชัชว่ายังไง ผมก็ตามนั้น”

     ไม่มีคำพูดใดๆ อีก ชายหนุ่มเพียงแค่ยื่นมือไปโยกศีรษะของเด็กว่าง่ายเบาๆ ก่อนจะพากันเดินกลับไปที่รถ

============================================

     ชัยชัชพาต้นน้ำมาถึงหัวหินแล้ว ที่พักของทั้งสองคนเป็นโรงแรมใหญ่โตโอ่อ่าและหรูหราสมกับมาตราฐานระดับห้าดาว เวลานั้นกรุ๊ปแขกคุณหมอจากบริษัทยาต่างทยอยเดินทางมาถึง ชัยชัชจึงบอกให้ต้นน้ำนั่งรอเขาสักครู่หนึ่งเพื่อขอไปจัดการธุระต่างๆ รวมทั้งรับรองคุณหมอผู้มีเกียรติทั้งหลาย เด็กหนุ่มจึงเลือกมุมสงบลับสายตาคนจากแขกกรุ๊ปอื่นๆ นั่งรอชายหนุ่มพลางมองอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยเปื่อย

     ชัยชัชเวลาทำงานนั้นช่างเหลือเชื่อ บุคคลิคที่ดูกวนๆ เปิดเผยเป็นกันเองถูกเก็บกลับไปเหลือแต่ชายหนุ่มผู้นอบน้อมสุภาพนุ่มนวลเป็นกันเอง เหล่าดีเทลยาที่มาทำหน้าที่รับรองแพทย์ผู้มีเกียรติทั้งหลายนั้นมีทั้งหญิงชายรวมไปถึงคนที่ระบุเพศได้ลำบาก แต่ทุกคนมีบุคลิคแทบจะถอดแบบกันมาคือช่างบริการเอาอกเอาใจลูกค้าคนสำคัญของตนยิ่งกว่าใดๆ ทั้งหมด สีหน้าที่แต่งแต้มรอยยิ้มไว้บนใบหน้าตลอดเวลานั้นทำให้ต้นน้ำที่มองอยู่รู้สึกเมื่อยแทน

     ช่วงเวลาที่แสนวุ่นวาย ไม่มีใครหันมาสนใจเขา มีแต่เขาที่เป็นฝ่ายจ้องมองผู้อื่นอยู่เงียบๆ ไม่สิ... เขามองแต่ชัยชัชคนเดียวต่างหาก เขาเห็นชัยชัชเดินเข้าไปคุยกับคนโน้นทีคนนี้ทีเรียกได้ว่าวิ่งวุ่นไปหมด ดูท่าคงเป็นระดับหัวหน้าแน่ๆ และเมื่อส่งแขกออกไปจากล็อบบี้เกือบหมดแล้วชัยชัชก็เดินถือสมุดคีย์การ์ดเข้ามาหาเขา

     “โทษที รอนานมั้ย”

     ต้นน้ำได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าแทนความรู้สึกก่อนจะตอบว่า

     “แค่พี่ชัชพาผมมาด้วยก็ดีกับผมมากแล้วครับ รอแค่นี้ไม่นานหรอก แต่ว่า... โรงแรมระดับนี้ แพงจะตายไม่ใช่เหรอครับ? แถมหมอก็มาเยอะ เมื่อกี้เหมือนผมได้ยิน... เห็นพวกพี่คุยกันว่าห้องแทบไม่พอ แล้วงี้ผม...”

     “เฮ้ย คิดมากน่า เป็นเด็กก็มีหน้าที่มาเที่ยวเฉยๆ ที่เหลือปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาจัดการรู้มั้ย”

     “แต่ว่า ถ้าการพาผมมาด้วยทำให้พี่ชัชทำงานลำบากละครับ ผมไม่อยา”

     แต่ยังพูดไม่ทันจบ ชายหนุ่มก็ตัดบทขึ้นเสียก่อน

     “เรื่องห้องพักหมอก็ส่วนของบริษัท ห้องที่พี่พักกับต้น พี่ออกตังค์เอง ไม่เกี่ยวไรกับงานพี่ พี่แค่หาห้องพักที่มันอยู่โรงแรมเดียวกับที่กรุ๊ปยาเลือก ตรงส่วนนั้นเป็นเรื่องของงานที่เซลล์แต่ละคนต้องจัดการคอนเฟิร์มแขกของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องกังวล รู้มั้ย”

     ว่าแล้วก็โยกหัวอีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยวเบาๆ ก่อนจะโอบไหล่พากันเดินไปยังห้องพัก

     “เดี๋ยวพี่ต้องไปทำงานนะ ก็อย่างที่เห็นแหละ ต้นอยู่คนเดียวไปก่อนได้ใช่มั้ย? แต่ตอนค่ำๆ เขาจะไปทานข้าวกันที่ร้านในเมือง อาจจะมีไปเที่ยวแถวนั้นบ้าง ถึงเวลาแล้วพี่จะแวะมารับต้นอีกทีนะ”

     “ผมหาไรทานเองก็ได้ครับ ไม่อยากรบกวนพี่ชัช”

     “เฮ้ย รบกวนไรกัน นี่พี่พาเรามาเที่ยวนะ ไม่ใช่มานั่งเฝ้าห้อง ถ้าเราไม่ไปกับพี่แล้วจะกินไร ห้องอาหารโรงแรมรึไง? อย่าบอกนะว่าจะกินมาม่ากระป๋อง”

     ชัยชัชว่าพลางยิ้มอย่างรู้ทัน เขาชอบใจเจ้าเด็กข้างห้องก็ตรงนี้แหละ เพียงแต่บางครั้งความเกรงใจของเจ้าตัวก็ดูจะมีมากเกินไปสักหน่อยแบบไม่เข้ากับสถานการณ์

     “รอพี่หน่อย เข้าใจมั้ยครับ หิวก็กินขนมไปก่อน เดี๋ยวพี่เสร็จงานแล้วจะมารับ”

     ห้องพักของทั้งคู่เป็นห้องพักแบบเดอลุกซ์ลากูนแอคเซสจึงมีระเบียงติดสระว่ายน้ำ ตัวห้องพักขนาดกว้างขวาง มีกระจกกั้นระหว่างตัวห้องกับระเบียงเอาไว้ ผ้าม่านที่ถูกรูดเก็บไว้ด้านข้างเผยให้เห็นสระว่ายน้ำสีฟ้าใสกับวิวสวยแบบที่ต้นน้ำไม่เคยเห็นมาก่อน เด็กหนุ่มตื่นตะลึงจนตาค้าง และค้างยิ่งกว่าเมื่อหันไปมองเตียง...เดี่ยวขนาดคิงไซส์!

     “เอ่อ... เราจะพักกันห้องนี้เหรอครับ?”

     “เออดิ ถามทำไมวะ? เดินเอาของเข้ามาเก็บขนาดนี้แล้ว”

     “แต่... นี่มันเตียงเดี่ยวไม่ใช่เหรอครับ”

     ต้นน้ำถามชายหนุ่มที่กำลังเก็บของอยู่ด้วยน้ำเสียงอ้อมๆ แอ้มๆ พลางก้มหน้าลงต่ำไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย

     ‘ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะผมไม่เป็นอะไรหรอกนะครับพี่ชัช แต่ว่าพักนี้พี่ดีกับผมมากเหลือเกิน แค่นี้หัวใจของผมก็แทบจะระเบิดอยู่แล้ว ถ้าขืนต้องนอนข้างๆ กันแบบนี้ทั้งคืนละก็ มีหวังผมต้องหัวใจวายตายแน่ๆ เลย!’

     เพราะอีกฝ่ายเงียบๆ ไป แถมยังส่งเสียงงึมงัมๆ ในลำคอ ชัยชัชจึงหันมามอง

     ‘เฮ้ย! ไอ้ต้นหน้าแดงขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย มันเขินไรวะ’

     เมื่อชัยชัชมองตามสายตากังวลๆ ของอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ ก็ไปจบลงที่ ….. เตียง

     ‘อ๋อ เข้าใจละ! ฮ่าๆ’

     “ทำไม นอนเตียงเดียวกับพี่ไม่ได้รึไง ไหนๆ เรากับพี่ก็เคย... หึๆ”

     เสียงที่ทิ้งช่วงของชัยชัชเร่งให้เลือดสูบฉีดขึ้นมากองรวมกันอยู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่มจนแทบจะแดงไปถึงหู

     “ก็นั่นมันไม่เหมือนกันนี่ ตอนนั้นพี่ชัชเมา แถมพี่ชัชยังบอกเองด้วยว่าให้ผมเป็นแค่น้องชาย ให้ผมนอนข้างๆ ไม่กลัวผมทำอะไรพี่ชัชรึไงครับ”

     แม้จะปากเก่งเถียงกลับอย่างคนอวดดี แต่พอเจอชัยชัชย่างสามขุมเข้ามาใกล้ๆ แล้วละก็… ต้นน้ำก็หงอลงทันที เด็กหนุ่มเลี่ยงเดินหนีไปยังกระเป๋าสัมภาระของตัวเองเพื่อลงมือเก็บข้าวของ

     “ก็ทำดิ พี่ไม่ได้ห้าม ว่าแต่ แล้วเราจะทำอะไรพี่เหรอครับ?”

     ท้าไม่ท้าเปล่า ชายหนุ่มยังแกล้งกดน้ำเสียงทุ้มๆ นั่นให้ต่ำลงเป็นการขู่พลางส่งรอยยิ้มชั่วร้ายของราชาปีศาจกับสายตาวิบวับๆ ของจอมเจ้าเล่ห์ให้จนต้นน้ำเขินอายม้วนทำอะไรไม่ถูก

     “งั้นผมนอนบนโซฟาก็ได้ครับ จะได้ไม่เบียดกัน ผู้ชายสองคนนอนเตียงเดียว คงอึดอัด”

     เด็กหนุ่มว่าพลางเดินอ้อมไปยังโซฟาแต่ก็ยังสลัดหมาป่าที่กำลังตามเหยื่อไม่หลุด ลูกแกะน้อยมีภัยเสียแล้ว!

     “ละเรารู้ได้ไงว่าอึดอัด ยังไม่ได้ลองดูเลยนะ?”

     ชัยชัชกล่าวพลางอมยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะใช้น้ำเสียงขี้เล่นกระซิบใส่หูของคนขี้อาย

     “เทสเตียงกันป่ะ?”

     ว่าแล้วชายหนุ่มก็ดึงข้อมือของอีกฝ่ายอย่างแรงจนล้มลงบนเตียงด้วยกัน แถมนอกจากจะดึงจนล้มแล้วเขายังถือโอกาสพลิกตัวขึ้นทาบทับคนตัวเล็กกว่าขังไม่ให้ขยับหนีไปไหนอีกต่างหาก

     “เฮ้ยพี่ชัช!”

     “ทำไมครับ หืม?”

     เวลานี้หน้าของทั้งสองอยู่ห่างกันแค่คืบ ลมหายใจอุ่นๆ ลอยมาปะทะทำเอาหัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรงจนแทบหายใจไม่ทัน ต้นน้ำนอนนิ่งไม่กล้าขยับตัวได้แต่หลบตาหนีสายตาของนักล่าอย่างชัยชัช

     “ปะ ปะ ปล่อยผมเถอะครับ พี่ชัชต้องไปสัมนาไม่ใช่เหรอครับ”

     ‘เวลาพูดเบาๆ ทำท่าเขินๆ แบบนี้ก็น่ารักเหมือนกันนี่หว่า น่ารักกว่าวันแรกที่เจอกันอีก ดูสิ ปากสั่นเชียว ถ้าเป็นตอนนี้ละก็... เฮ้ย! คิดไรของกูวะเนี่ย?’

     “ยังเหลืออีกตั้งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลา น้องต้นคิดว่าพี่ควรทำไรดีครับ?”

     แม้จะได้สติแล้วแต่อารมณ์ขี้แกล้งของชัยชัชยังไม่จางหายไป เขาจึงกดเสียงกระเส่าให้ทุ้มกว่าเดิม แถมยังจงใจเฉียดริมฝีปากไปใกล้ๆ ใบหูที่แดงยิ่งกว่าลูกตำลึง เป่าลมร้อนๆ เข้าใส่ เล่นเอาต้นน้ำตัวแข็งทื่อหลับตาปี๋ไม่รู้จะทำเช่นไร

     “มะ มะ ไม่รู้ครับ ปล่อยผมก่อนเถอะครับ พี่ชัช ผมกลัว”

     ต้นน้ำรีบละล่ำละลักตอบ สุดท้ายชัยชัชจึง… งับเข้าที่ใบหูแดงๆ ของต้นน้ำเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า

     “แกล้งน้องต้นยังไงละครับ ฮ่าๆ บ้า คิดว่าพี่จะทำอะไรเราฮึ๊!”

     ชายหนุ่มว่าก่อนจะดันตัวลุกขึ้นแต่กลับยังไม่ปล่อยมือตัวเองออกจากข้อมือของต้นน้ำ เขาขยับท่านั่งบนเตียงก่อนจะดึงตัวต้นน้ำให้ลุกมานั่งเผชิญหน้ากัน แม้สายตาของเด็กหนุ่มจะเสมองไปทางอื่นเพราะความเขินอายผสมกับความงอน แต่ทว่ามือของทั้งสองคนกลับกุมแน่นเข้าหากันยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

     “พี่ไม่ทำอะไรเราหรอกน่า รับปากพี่น้ำแล้วว่าจะดูแลต้นให้ พี่ไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายต้นหรอกนะ พี่สัญญา”

     ถ้อยคำที่แสนจะอบอุ่นและจริงใจถูกถ่ายทอดมาสู่หัวใจของต้นน้ำ เปรียบดังเชื้อเพลิงที่เติมเต็มเร่งพาเอาหัวใจเขาพองฟูลอยละล่องยิ่งกว่าเดิม แต่แล้วความจริงบางอย่างก็แว๊บเข้ามาในสมองจนหัวใจที่กำลังโบยบินเมื่อครู่มีสภาพดั่งบอลลูนที่มีรูรั่ว

     “เพราะผมเป็นน้องชายพี่ชัชใช่มั้ยครับ”

     เด็กหนุ่มถามกลับพลางยิ้มเศร้าๆ

     แม้จะเป็นยิ้มเศร้าๆ ที่ชัยชัชเคยไม่ชอบใจ แต่ในวันนี้พอเห็นสีหน้าผิดหวังแบบนี้แล้ว เขากลับ... รู้สึกดี

     “แล้วเป็นน้องชายพี่มันไม่ดีตรงไหนล่ะ?”

     “เปล่าครับ ไม่มีอะไร”

     เด็กหนุ่มเลือกที่จะตัดบทแล้วลุกไปเก็บของต่อโดยไม่ได้สังเกตว่าพี่ชายตัวดีคนที่ว่ากำลังนั่งยิ้มอยู่บนเตียง


============================================


โอ๊ะโอ! เล่นกับหมา หมาเลียหน้า

น้องต้นปอดแหก! ชอบมากแต่พอถึงเวลาจริงๆ แล้วทำอะไรไม่ถูกสินะ หึๆ ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ พี่ชัชชอบกินแกะเป็นพิเศษนะนั่น!
 :mew3:

ฉากแกงป่านั่นน่ะ เค้าเขียนไปอมยิ้มไปเชียวนะ! เขียนเองเขินเองดูสิ สงสัยเราจะแต่งอะไรหวานๆ กุ๊กกิ๊กไม่เก่งแฮะ เขียนแค่นี้ก็เขินแล้ว มากกว่านี้มีหวัง... ไม่ถนัดฉากหวานๆ ซักเท่าไหร่แฮะ
ขออภัยจริงๆ มีแต่ฉากบ้าๆ ไร้สาระอะไรก็ไม่รู้ ทำไงได้ พระเอกดัน... แต่ลองดูลีลาหมาป่าแก่ๆ ตัวนี้ไปซักตั้งหน่า... มาลุ้นกันเถอะว่าหมาป่าจะจับลูกแกะกินด้วยวิธีไหน บอกได้ว่าคิดไม่ถึงแน่ๆ หึๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-05-2014 15:41:07 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ขออนุญาตพูดคุยสักเล็กน้อย  :katai4:


เคยลองกับแม็กแน่ๆเลยเขาถึงตามหึงตามหวงขนาดนี้

อันนี้ต้องติดตามดูกันต่อไปขอรับ แต่พล็อตเรื่องนี้จะต่างกับสูตรสำเร็จนิดหน่อยเน้อ ไม่มีเรื่อง"เข้าใจผิด"แน่ๆ
แต่ไม่รู้ทำไม ในภาค 2 แฟนคลับที่เม้นท์เกือบทุกคนเชียร์แม็กซ์
  :sad4:


ลูกแกะวางแผนจับหมาป่า ท่าทางจะสำเร็จด้วย ร้ายใช่เล่น  :m19: :m17:
มีความรู้สึกว่าแม็กจะต้องเข้ามาป่วนแน่เลย  :a5:

เขาอยู่ถึงภาค 2  :hao7:


และแล้วพี่ชัชก็หลงกล  :laugh:
แต่ต้นก็ชอบดราม่าจริงๆนั่นแหละ


ใครจะหลงกลใครต้องติดตามขอรับ  :o8:
แต่ตอนแรกแอบกลัวคนอ่านรับตัวเอกเคะแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน ฉีกแนวเคะน่ารักสดใสฟุ้งฟริ้งไปเลย จะร้ายแก่นเซี้ยวน่าหยิกก็ไม่ใช่ คือแบบ... ทวิสคาแรคเตอร์โคตรๆ บางคนไม่ชอบอ่านนิยายที่ดราม่า แล้วเรื่องนี้ก็ดราม่าหนักด้วย แอบกลัว
   :sad4:


แล้ว อย่างนี้จะลงเอยกันท่าไหนล่ะเนี่ย

ในภาค 2 ก็หลายท่าอยู่ขอรับ เอ้ยไม่ใช่! หมาป่ากับเด็กเลี้ยงแกะจะรักกันได้ยังไงโปรดติดตาม คู่นี้เค้าลงเอยกันง่ายขอรับ แต่จะอยู่ยืดรึเปล่าต้องดู หึ หึ


โพสนี้ขอคนแต่งอธิบายอาชีพตัวละครสักเล็กน้อย

ไม่รู้นักอ่านจะคุ้นเคยกับอาชีพนี้รึเปล่า? กลัวอ่านไปแล้วงงกับชีวิตการทำงานของพี่ชัช-พระเอกของเรื่อง
พี่ชัชเป็น ผู้แทนยา เน้อ หรืออาจจะเรียกอีกอย่างว่า ดีเทลยา ก็คือพวกเซลล์ขายยาตามโรงพยาบาลนั่นแหละ ปกติจะมีแต่สาวๆ ซะเยอะ แต่ก็มีเซลล์ที่เป็นผู้ชายอยู่บ้าง ทั้งแท้และเก้ง ส่วนใหญ่พวกเซลล์ที่วิ่งต่างจังหวัดจะเป็นผู้ชายกันเยอะ เพราะต้องอึดขับรถไกลๆ

ถ้านึกไม่ออก... อืม... เวลาเข้าโรงพยาบาลแล้วเจอพวกคนสวยๆ หล่อๆ แต่งตัวดีๆ ถือถุงพิมพ์ลายโลโก้ยา หอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง นั่นแหละใช่เลย "ขี้ข้าหมอ"
พวกเซลล์บางคนชอบแอ๊บว่าขายความรู้ ข้อมูลแน่นปึ๊ก ไม่ใช้วิธีไม่โปร่งใส แต่เซลล์เก๋าเกมเขาจะรู้ เรียกวิธีนี้ว่า "พึ่งพาอาศัย" มันต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันซะมากกว่า หมอตรวจคนไข้เหนื่อยๆ ข้าวไม่ได้กิน ผู้แทนก็ออรอจะอธิบายคุณสมบัติยา .... หมอก็คงขี้เกียจฟังเนอะ "ความเห็นใจ" ที่มาในรูปของ "สินน้ำใจ" มันช่วยให้หมอ "จดจำ" ตัวเขา สินค้า และบริษัท ได้

เซลล์พวกนี้จะทำตั้งแต่รีมายด์หมอด้วยแผ่นพับข้อมูลของสินค้าแนบไปกับของชำร่วยเล็กๆ น้อยๆ จนไปถึงอาหารว่าง ข้าวเที่ยง หรือจัดเลี้ยงมีพูดหัวข้ออะไรซักอย่างให้พวกหมอมาฟัง(ที่เหลือก็เลี้ยงข้าว) ยันสนิทจนแบบไปรับไปส่งหมอ ครอบครัวหมอ ไปทำโน่นทำนี่ให้หมอ แบบที่ไม่โปร่งใสสุดๆ ประเภทยื่นซองหรือเอาตัวเข้าแลกก็มี ที่มีข่าวคลิปหลุดหมอกับผู้แทนทำนองนั้นอ่ะนะ บางทีก็ไม่ใช่ว่าผู้แทนเอาไว้แบล็กเมล์หมออย่างเดียวหรอก บางทีก็เอาไว้อัพค่าตัวตัวเอง "ฉันทำแบบนี้ได้ จะจ้างฉันทำงานรึเปล่าล่ะ?"

แต่พวกที่ยื่นซองนี่ ถ้าไม่รู้กันเขาก็ไม่ซี้ซั้วรับ-ยื่นนะ เพราะฉะนั้นงานนี้คอนเน็คชั่นต้องแน่นหนาพอสมควร อย่างน้อยๆ ก็ต้องรู้ว่าหมอคนไหนไม่ถูกกัน เกิดเชิญไปประชุมแล้วป๊ะกันเข้า มันจะซวยเอา ต้องคอยอัพเดทข่าวมากๆ แล้วก็พูดได้เลยว่าผู้แทนมักไปออกันอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐ เพราะล็อตใหญ่กว่าด้วยจำนวนคนไข้ หมอตามโรงพยาบาลเอกชนทำไปก็ไม่ค่อยคุ้ม เขาว่ามางี้

แล้วก็จะมีพวกงานสัมนาเยอะมาก ตั้งแต่ในประเทศยันต่างประเทศ ไปทัวร์ทั้งครอบครัว บริษัทยาจ่ายให้หมดอะไรทำนองนั้น มีรถตู้มารับถึงหน้าบ้าน ผู้แทนขับรถมารับบ้าง มีของฝากของขึ้นชื่อเตรียมไว้ให้เสร็จสรรพหมอไม่ต้องไปช็อปฯเอง ระหว่างคุณหมอเข้าฟังประชุม ครอบครัวคุณหมอมีทั้งสปา นวด เที่ยวเล่น จะทำอะไรผู้แทนบริการให้ทุกอย่าง หมอบางคนพาครอบครัวไปทัวร์ทีมีทั้งเมียลูกเขยลูกสะใภ้หลานยันพี่เลี้ยงหลาน

ส่วนเรื่องการขายก็อาจจะแบ่งเป็นเขต ทีม ไม่ก็แบ่งตามยาแล้วแต่บริษัท ดูผลงานเป็นทีม มีซุปเปอร์ไวเซอร์คุมทีมอีกที ก็มีงบให้กองนึง บริหารกันเอง เซลล์บางคนที่มีพาวเวอร์ก็จะได้เค้กก้อนใหญ่กว่าชาวบ้าน มีค่าน้ำมันให้อะไรทำนองนั้น มีตัวอย่างยาให้เอาไปแจก (แต่เซลล์บางคนก็เอาไปหมุน) นอกจากนี้ยังมีวิธีเล่นแง่ของพวกเซลล์อีก เช่นปิดยอดเดือนนี้ได้แล้ว เลยดึงคำสั่งซื้อไปสะสมเดือนหน้าด้วยวิธีผูกมิตรกับรถส่งยาก็มี เซลล์บางคนเก่งมากๆ จนมีรายได้ต่อเดือนเป็นแสนก็มีเยอะนะ(คนใกล้ตัวเรานี่แหละ)

งานของชัยชัชก็จะราวๆ นี้อ่ะนะ ฮียังยึดตำแหน่งเซลล์ ไม่ใช่ซุปฯ

เรื่องรายละเอียดของงานผู้แทนนี่เราก็เขียนจากที่เรารับรู้มานะคะ คือมีโอกาสได้สัมผัสบ่อย คนใกล้ชิดเคยเป็นเซลล์บริษัทไฟเซอร์ด้วย ทำเป็นสิบปีอ่ะ มีคนใกล้ชิดเป็นหมอด้วย เลยได้เจอพวกผู้แทนบ่อยมากๆ
แบบว่าเราไปเที่ยวฟรีกับงานสัมนาของหมอบ่อยมากๆ อ่ะ เที่ยวฟรี กินหรู อยู่สบายๆ สุดๆ ก็เลยปิ๊งไอเดียขึ้นมาเป็นฉากนี้ แหะๆ

ก็เห็นมาแบบนี้ ก็เอามาเล่าแบบนี้ แหะๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ขออภัยที่ห่างหายไปนานขอรับ แบบว่า หนีไปแต่งภาค2 อยู่ ในที่สุดก็ผ่านฉากหินของเรื่องแล้ว เย้ๆ! (เหมือนจะนั่งดีใจอยู่คนเดียว)

กลับมาแล้วขอรับ เอา #พี่ชัชน้องต้น มาเสริฟทุกคนแล้ว

น้องต้นจะอ่อยพี่ชัชอย่างไร? หรือพี่ชัชจะงาบน้องต้นวิธีไหน? บทนี้มีลุ้น

  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 4 -
##### ผู้ชายที่ดีควรรับผิดชอบคำสัญญาให้ได้ทุกคำพูด (แต่การลวนลามนิดๆ หน่อยไม่ถือเป็นการทำร้ายนะครับ!) #####

     หลังจากผ่านเหตุการณ์ลุ้นระทึกไปแล้ว ชัยชัชได้ขอตัวออกไปทำงาน ทำให้ในห้องเหลือแต่ต้นน้ำเพียงผู้เดียว แม้อีกฝ่ายจะบอกว่าสามารถไปเดินเล่นรอบๆ โรงแรมได้ แต่ต้นน้ำยังไม่อยู่ในอารมณ์อยากออกไปเดินเที่ยวที่ไหน เด็กหนุ่มต้องห้ามความรู้สึกตัวเองอีกพักใหญ่ หลังจากที่สงบจิตใจตัวเองแล้วเขาจึงเลือกสำรวจห้องพักแทน ความหรูหราของห้องพักทำให้ต้นน้ำทึ่ง อยากใช้บริการให้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ต้นน้ำตัดสินใจนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ รอเวลา จนกระทั่งชัยชัชกลับมาถึง

     ‘อ้าว หลับเหรอวะเนี่ย’

     ชัยชัชใช้คีย์การ์ดไขกุญแจเข้ามาในห้องพักโดยไม่เคาะประตู เพราะกะจะแกล้งต้นน้ำเล่น หวังดูปฏิกิริยาตอนที่อีกฝ่ายอาจจะไม่ทันระวังตัว แต่ทว่าภาพที่เห็นกลับทำให้เขาเป็นฝ่ายถูกทรมานมากกว่า เด็กหนุ่มนอนหลับตาพริ้มอยู่บนโซฟา ในมือยังมีหนังสือสรุปรวมข้อสอบวิชาสามัญ

     ‘ให้ตายเหอะ ขนาดตอนหลับยังขมวดคิ้ว จะเครียดไปถึงไหนกันครับน้องต้น’

     ชัยชัชตัดสินใจย่องเข้ามาใกล้ๆ โซฟาอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะย่อตัวลงให้ใบหน้าของตนอยู่ระดับเดียวกับคนที่กำลังหลับสบาย รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม

     ชัยชัชเพ่งมองใบหน้ายามหลับของต้นน้ำ แม้จะเคยเห็นหลายครั้งแล้ว แต่ภาพที่เห็นในวันนี้กลับดูแปลกไป จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่า ต้นน้ำในยามนี้น่ารักขึ้นเป็นกอง คิ้วที่เป็นเส้นตรงนั้นได้รูป ไม่รกเหมือนคิ้วผู้ชายทั่วไป แม้แพขนตาจะไม่หนามากเท่าฟ่างแฟนเก่าของเขา(ที่มักจะติดทับด้วยขนตาปลอม) แต่ก็เส้นยาวเสริมให้ดวงตาเรียวรีของเจ้าตัวดูมีเสน่ห์เป็นธรรมชาติ จมูกเชิดๆ ของต้นน้ำนั้นเทียบกับจมูกโด่งๆ บนหน้าหล่อๆ ของเขาไม่ได้ แต่ก็ดูรับกับใบหน้า ชวนให้นึกถึงเด็กดื้อรั้นจอมหยิ่ง รวมไปถึงรูปหน้าเรียวๆ องคาพยพทั้งหมดราวกับถอดแบบผู้เป็นมารดา ยกเว้นก็แต่ริมฝีปากของเจ้าตัวที่ดูบางอย่างคนเจ้าระเบียบ แตกต่างจากริมฝีปากอวบอิ่มของผู้ให้กำเนิด และเหนือสิ่งอื่นใดนั้น แก้มของเด็กหนุ่มที่ใสจนมองเห็นเส้นเลือดฝาด ..… ชวนให้อยากลองสัมผัส

     เพราะความเอ็นดูเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป รวดเร็วเกินกว่าสมองจะทันสั่งห้ามร่างกายหรือหาเหตุผลได้ มือของชัยชัชจึงแตะลงที่หว่างคิ้วของคนหลับผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราว เขาลูบเบาๆ เพื่อคลายปมบนหน้าผากของเด็กหนุ่ม และนั่นก็ทำให้ต้นน้ำรู้สึกตัวตื่น

     “พี่ชัช”

     ต้นน้ำลุกขึ้นขยี้ตาพลางจัดท่าทางนั่งให้ได้ระยะห่างมากพอที่หน้าของเขากับชัยชัชจะไม่อยู่ใกล้กันอย่างหมิ่นเหม่จนเกินไป

     “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”

     “พี่พึ่งมาถึงตะกี้ แอบอู้นะเรา หลับระหว่างอ่านหนังสือ อยากให้พี่ฟ้องแม่เรา หรืออนุญาตให้พี่จัดการลงโทษเราเองดีครับ?”

     ‘อีกแล้วนะพี่ชัช ทำแบบนี้กับผมอีกแล้ว!’

     ริมฝีปากของต้นน้ำเม้มเข้าหากันพลางส่งสายตาตัดพ้อไปให้ แต่ชัยชัชกลับตีความไปว่าเจ้าตัวคงโกรธที่ถูกเขาแซวเรื่องอู้ จึงไม่ติดใจอะไร ชายหนุ่มยกมือขึ้นขยี้ศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะบอกให้ต้นน้ำไปล้างหน้าล้างตา เตรียมตัวออกไปทานอาหารเย็น

     “ไปล้างหน้าไป พี่จะชวนเราไปกินข้าว เดี๋ยวเขาจะพาไปเที่ยวด้วยนะ อยากไปป่าว?”

     “อีกแล้วนะพี่ชัช! ทำไมชอบขยี้หัวผมจัง ผมยุ่งหมดแล้ว”

     ต้นน้ำว่าพลางจับมือของพี่ชายเกเรออกไปจากศีรษะของตน แต่ทว่าแทนที่ชัยชัชจะสำนึก เขากลับหาเรื่องแกล้งต้นน้ำขึ้นมาได้อีกหนึ่งกรณี

     “อ้าว ไม่ชอบให้พี่ขยี้หัวก็ไม่บอก งั้นให้พี่ทำไงดี หอมแก้มเราดีป่ะ?”
 
     เสียงของชัยชัชฟังดูทีเล่นทีจริงจนต้นน้ำเริ่มไม่มั่นใจ ว่าแล้วชัยชัชก็ใช้มืออีกข้างที่เป็นอิสระไล้แก้มของต้นน้ำเบาๆ

     สัมผัสร้อนๆ ที่แก้มทำให้ต้นน้ำรีบปล่อยมือของชัยชัชทันที เด็กหนุ่มรีบชักมือขึ้นมาเกาะกุมแก้มที่ร้อนผ่าวของตนเองไว้อย่างเคอะเขิน

     ‘พี่ชัช พี่กำลังทำให้ผม...’

     แต่ยังไม่ทันที่เขาจะทันคิดอะไรต่อก็ต้องรู้สึกเจ็บแปลบเบาๆ

     “โอ๊ย!”

     “นี่แน่ ฮ่าๆ ไปล้างหน้าได้แล้ว พี่ให้เวลาสิบนาที เร็วเข้า”

     หลังจากแกล้งหยิกแก้มหยอกอีกฝ่ายจนหนำใจแล้ว ชัยชัชก็ปล่อยให้ต้นน้ำเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าห้องน้ำไป

     ต้นน้ำเลือกหยิบกางเกงขายาวมาเปลี่ยนตามคำเตือนของชัยชัช ก่อนจะเดินออกมาพบว่าพี่ชายร่วมห้องกำลังถอดเสื้อผ้าอยู่กลางห้อง!

     “พี่ชัช!”

     “หือ?”

     “ทำอะไรน่ะครับ!”

     “เปลี่ยนเสื้อดิ เราเสร็จแล้วก็ออกมา พี่ร้อนว่ะ อยากอาบน้ำซะหน่อย”

     “ละ ละทำไมไม่ปิดม่านละครับ”

     ใจจริงนั้นต้นน้ำอยากจะพูดว่าเขาอยากให้ชายหนุ่มไปถอดเสื้อผ้าในห้องน้ำ แต่ทว่าอีกฝ่ายนั้นดูท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจอะไร เขาจึงเลือกที่จะเลี่ยงประเด็นแทน

     “คิดมากน่า ดีออก เผื่อมีแหม่มว่ายน้ำผ่านมา ฮ่าๆ”

     เนื่องด้วยเมื่อตอนบ่าย แสงข้างนอกยังสว่างอยู่ บรรยากาศค่อนข้างสงบเงียบ เขาจึงเปิดม่านในห้องเอาไว้ แล้วปล่อยให้ตนเองได้ดื่มด่ำบรรยากาศดีๆ ระหว่างนั่งอ่านหนังสือบนระเบียงริมสระน้ำ และเพราะห้องของเขาอยู่ชั้นหนึ่ง ติดกับสระว่ายน้ำที่ยาวล้อมรอบตึกห้องพักในโรงแรม ทำให้ในบางครั้งจะมีผู้คนว่ายน้ำผ่านไปมา โดยส่วนใหญ่มักเป็นครอบครัวที่มีเด็ก แต่ก็มีบ้างที่เป็นผู้ชายแถมยังหันมายิ้มให้เขาอีก จนเขาต้องแกล้งเดินหนีเข้าห้อง

     ดังนั้น ต้นน้ำจึงเดินไปปิดม่านพร้อมทั้งเปิดโคมไฟทั้งหลายในห้องเพื่อให้แสงสว่างแทน เสียงฝักบัวที่ดังซู่ซ่าในห้องน้ำผสานกับแอร์เย็นฉ่ำและแสงไฟสีส้มสลัวทำให้เขาใจสั่น ต้นน้ำรู้ดีว่าชัยชัชไม่ได้คิดอะไรกับตน แต่การหยอกล้อที่เจ้าตัวสรรหามากลั่นแกล้งเขาระยะนี้นั้นทำให้เขาไหวหวั่นอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ แม้จะเคยเกิดเรื่องราวบางอย่างระหว่างเขากับชัยชัชมาก่อน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้นมันเทียบไม่ได้เลยกับเศษเสี้ยวของความร้อนที่เผาผลาญอารมณ์เขาอยู่ในตอนนี้

     และแล้ว ชัยชัชก็สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมของชายหนุ่มแห้งแล้วบางส่วนด้วยอภิริหารจากไดร์เป่าผมที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ แต่บางส่วนแถวๆ ท้ายทอยก็ยังจับกันเป็นกลีบเปียกชื้นบ่งบอกถึงความรีบร้อน ชัยชัชใส่กางเกงยีนส์ตัวเดิมแต่เปลี่ยนเสื้อยืดตัวเก่าเป็นเชิ้ตเข้ารูปตัวใหม่โดยปล่อยชายเสื้อไว้นอกกางเกง เวลาที่เจ้าตัวเอื้อมหยิบข้าวของนั้นบางทีก็จะเห็นเข็มขัดหนังสีน้ำตาลเข้มที่คาดไว้ตรงขอบกางเกง ….. ต้นน้ำมองชัยชัชแต่งตัวอย่างเพลินตา

     “มองไร?”

     เสียงของชัยชัชนั้นทำเอาต้นน้ำสะดุ้ง

     “เปล่าครับ!”

     ชัยชัชไม่เถียงอะไรกับต้นน้ำ เขาแค่เพียงหันมายิ้มให้ จากนั้นก็หันกลับไปมองกระจกที่โต๊ะกลางห้องแล้วหวีผมต่อก่อนจะพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีว่า

     “เออ มองไปเหอะ พี่อนุญาต พี่หล่ออ่ะดิ”

     ความหลงตัวเองของชัยชัชนั้นบางครั้งก็ทำเอาต้นน้ำนึกขัน เด็กหนุ่มกลอกตาไปมาพลางกลั้นหัวเราะ

     “ไม่ต้องมาหัวเราะเลยเรา ละไม่อาบน้ำ เดี๋ยวก็ตัวเหม็นหรอก พี่ไม่นั่งกินข้าวกับคนตัวเหม็นนะว้อย”

     เพราะถูกปรามาสต้นน้ำจึงออกอาการตึงๆ ที่ใบหน้า เด็กหนุ่มกระแทกเสียงต่อปากต่อคำกลับไป

     “ผมเหงื่อไม่เยอะ ไม่เหม็นหรอกครับ ใครจะเหมือนพี่ชัช!”

     “อ้าว ไอ้นี่! ด่าพี่ตัวเหม็นนี่หว่า ไหนมาดมเดะ ไม่เหม็นจริงป่าว”

     ว่าแล้วชัยชัชก็ตรงเข้ามาคว้าคนปากดีเข้าไปใกล้ จมูกโด่งเป็นสันกดลงมาลงบนศีรษะของต้นน้ำ ก่อนที่กลิ่นหอมอ่อนๆ จะทำให้เขาเผลอจรดจมูกไปที่แก้ ..… แต่แล้วชัยชัชก็เฉไฉไปดมแถวบ่าของเด็กหนุ่มแทน

     “เออ ไม่เหม็นจริงด้วยว่ะ”

     ‘หืม... กลิ่นเหมือนพีซเลย หอมดีวุ๊ย!’

     “ตัวหอมนักนะ ไอ้ต้น”

     “ก็ผมเหงื่อไม่เยอะนี่ครับ”

     สุดท้ายเมื่อหาเรื่องจับผิดไม่ได้ชัยชัชก็ยอมเลิกราวี ปล่อยต้นน้ำไป

     “ดีว่ะ พี่ดิ เหงื่อโคตรเยอะ เลยต้องดับกลิ่นกันหน่อย ยิ่งไปกินข้าวตอนมืดๆ ค่ำๆ ยุงแม่มชอบตอมพี่ชิบหาย”

     ชัยชัชว่าพลางพรมดิโอสเปรย์ลงบนตัว กลิ่นหอมแบบสปอร์ตแต่ไม่ฉุนจนเกินไปลอยมาแตะจมูกของต้นน้ำ

     ‘กลิ่นนี้นี่เองที่พี่ชัชชอบใช้’

     “จริงๆ ก็ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งครับ พี่ชัชก็ไม่ได้กลิ่นตัวแรงขนาดนั้นซะหน่อย”

     อาจจะเพราะเห็นสีหน้าเซ็งๆ ของชัยชัชต้นน้ำจึงรีบพูดเพื่อเอาใจ แต่ชัยชัชไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเขาจึงหันมายิ้มให้ก่อนจะชวนคุยต่อ จนเมื่อชายหนุ่มแต่งตัวเสร็จทั้งคู่จึงได้ฤกษ์ออกจากห้อง ระหว่างทางนั้นชัยชัชนึกอะไรขึ้นได้จึงหันมาบอกต้นน้ำ

     “เออ เดี๋ยวรถคันที่เราจะไปนี่อ่ะ มีหมอไปด้วยนะ กับเพื่อนร่วมงานพี่อีกสองสามคน ร้านที่จอดมันน้อย เขาเลยให้เอารถตู้ไป ต้นโอเคนะ?”

     “ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วครับ จัดการตามที่พี่ชัชสะดวกเถอะ”

     “เออ ใจมาก ไอ้น้องชาย ทำตัวดีๆ แบบนี้เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าว ฮ่าๆ”

     “บริษัทเขาก็จ่ายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”

     ต้นน้ำอดขัดคอไม่ได้จริงๆ เมื่อเห็นท่าทางป๋าน่าหมั่นไส้ของชัยชัช เขาคลี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี

     “หน่า ก็ถือว่าพี่เลี้ยงเหมือนกันแหละ ฮ่าๆ”

============================================


พี่ชัชเกือบลวนลามน้องต้นซะแล้ว!

แต่น้องต้นก็ใช่ย่อย ออกอาการหลงอย่างหนัก อยากได้สุดๆ เลยนะนั่น

ขอบพระคุณสำหรับการติดตามขอรับ แค่ยังมีคนเปิดอ่านก็ดีใจแล้ว รักทุกคนจริงๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ hibarihao

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ FahFon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
ถามนิดนึงค่ะ

ดราม่าถี่ๆ แล้วจบแฮปปี้มั้ยคะ?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ตัวเอกเรื่องนี้น่ารำคาญเนอะ ดราม่าเยอะเกิ๊น! แล้วแบบนี้พี่ชัชจะหลงรักน้องต้นได้ยังไงละนี่?


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     เมื่อมาถึงรถ ชัยชัชแนะนำกับทุกคนว่าต้นน้ำเป็นน้องชายของตน สาวๆ เลยกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ เพราะหน้าตาน่ารักของต้นน้ำนั้นแตกต่างจากหน้าตาโหดๆ ของพี่ชายลิบลับ แต่ก็มีบางรายที่ส่งสายตาแปลกๆ มาให้ โดยเฉพาะหมอหนุ่มคนหนึ่งที่จับจ้องต้นน้ำไม่วางตา แถมยังจ้องไปอมยิ้มไปแบบเปิดเผยทุกครั้งที่ต้นน้ำหันไปสบตาอีกต่างหาก เล่นเอาต้นน้ำรู้สึกหน้าตึงๆ ประหนึ่งโดนคนจ้องจับผิดตลอดเวลา

     เพื่อตัดปัญหาต้นน้ำจึงตั้งใจว่าจะไม่หันไปมองอีกฝ่ายต่างคนต่างอยู่ แต่ดูท่าเหมือนเทวดาไม่เป็นใจ เมื่อมาถึงร้านอาหารทั้งเขาและหมอหนุ่มที่ฉายเดี่ยวไร้ครอบครัวคนนั้นถูกจัดให้นั่งฝั่งตรงข้ามกันบนโต๊ะอาหารที่กว่าครึ่งเป็นบรรดาผู้แทนฯ ซึ่งแต่ละคนต่างก็ต้องไปรับรองบรรดาคุณหมอกรุ๊ปของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่ชัยชัช จนแทบจะทิ้งให้เขาต้องนั่งเผชิญหน้ากับหมอโรคจิตนี่ตามลำพัง!

     อาหารเย็นตรงหน้าคืออาหารทะเลจัดเต็มชนิดที่เรียกได้ว่าขนมาทั้งกุ้งกั้งหอยปูปลาโคล่าเบียร์เหล้าไวน์ แถมยังมีน้ำจิ้มรสแซ่บแบบที่เห็นแค่สีก็จี๊ดไปถึงโคนลิ้น! ต้นน้ำนั่งทานอาหารเย็นเงียบๆ อย่างมีมารยาทเพราะเกรงใจสถานะของชัยชัช แต่ก็เงียบมากไม่ได้นัก เพราะระหว่างนั้นสาวๆ เพื่อนร่วมงานทั้งหลายรวมทั้งคนที่นั่งโต๊ะเดียวกับเขาต่างก็โฉบไปโฉบมาแวะมาทักทายเขาทานข้าวแล้วก็ออกไปดูแลแขกต่อ และอีกทั้ง…

     “เป็นน้องคุณชัชเหรอครับ?”

     เสียงของหมอหนุ่มเพื่อนร่วมโต๊ะดังขึ้น

     “ครับ”

     “แปลกนะครับ หมอไม่เห็นเคยได้ยินว่าคุณชัชมีน้องชาย”

     ถ้อยคำที่ฟังดูเป็นคำถามง่ายๆ แต่ใจความสารที่สื่อออกมานั้นค่อนข้างกำกวมจนต้นน้ำนึกโมโห

     “พี่ชัชคงไม่เคยบอกคุณหมอมั้งครับ”

     “โอ๊ย! ไม่หรอกครับ หมอกับไอ้ชัชสนิทกันดี ไปลงอ่างด้วยกันบ่อยๆ ไอ้นี่มันลูกคนเล็ก หมอยังเคยไปงานแต่งพี่สาวมันที่ลำปางเลย”

     สรรพนามที่เปลี่ยนไป รวมทั้งการแบไต๋ระดับความสนิทสนมเช่นนั้นทำให้ต้นน้ำรู้สึกราวกับโดนข่ม หมอนี่จงใจเกทับเขา!

     “ผมพึ่งรู้จักกับพี่ชัชได้ไม่นานครับ”

     เอกดนัยขำกับอาการปั้นปึ่งของต้นน้ำ เขายิ้มแล้วถามต่อ

     “มิน่าละ... ว่าแต่น้องเรียนที่ไหนครับเนี่ย? มัธยมหรือมหาลัยแล้ว?”

     ต้นน้ำมองเอกดนัยที่จงใจจุ้นจ้านกับชีวิตส่วนตัวของตนอย่างไม่พอใจ ใจหนึ่งอยากจะเงียบ ไม่อยากต่อปากต่อคำปฏิสัมพันธ์กับอีกฝ่าย แต่อีกใจหนึ่งก็เกรงใจ เพราะเขาเป็นลูกค้าคนสำคัญของชัยชัช ต้นน้ำเม้มปากแน่นลังเลว่าควรจะปฏิบัติตัวเช่นไร... ไม่ต้องรอนาน พระเอกขี่ม้าขาวก็ปรากฏตัวขึ้นและช่วยเด็กหนุ่มออกจากสถานการณ์อึดอัดที่น่ารำคาญ

     “น้องเขาอยู่มอไหนแล้ว ละคุณหมอเอกจะสนไปทำไมครับ ดูดิ หาเรื่องน้องผมจนเด็กมันเซ็งหมดแล้ว”

     “อ้าวๆ คุณชัช ก็คุณเล่นพาน้องเขามาทิ้งไว้แล้วก็หายไปไหนไม่รู้ หมอก็กลัวว่าน้องเขาจะเบื่อ เลยชวนคุยเท่านั้นเองครับ”

     ชัยชัชเลื่อนเก้าอี้ตัวข้างๆ ต้นน้ำออก เขาหันมายิ้มพลางลูบศีรษะเด็กหนุ่มก่อนจะนั่งลง และหลังจากนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองต่างก็โอภาปราศรัยกันอย่างสรวลเสเฮฮา คุยเรื่องที่เด็กอย่างต้นน้ำไม่เข้าใจกันอย่างสนุกสนาน และกว่าครึ่งเป็นการพูดถึงบุคคลที่สาม หรืออีกนัยหนึ่งที่ชาวบ้านตาดำๆ เรียกกันว่า“การนินทา”

     แม้บริบทของภาษาพูดจะเป็นไปอย่างสุภาพ แต่ทว่าคนฟังก็สัมผัสได้ถึงความสนิทชิดเชื้อระหว่างกัน เพราะวันนี้ไม่มีใครต้องขับรถ เนื่องจากบริษัทยาได้จ้างเอ้าซอร์ดมาเป็นทีมนันทนาการ ผู้ใหญ่ทั้งหลายจึงจิบเบียร์แกล้มอาหารกันอย่างสนุกสนาน โดยมีต้นน้ำคอยแกะซีฟู้ดทั้งหลายแหล่วางเรียงไว้บนจานให้คุณพี่ชายตัวดี

     จวบจนมื้ออาหารผ่านไป บรรดาคุณหมอแขกโต๊ะต่างๆ ก็เริ่มทะยอยลุก ส่วนใหญ่ตัดสินใจไปเที่ยวในตัวเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อดื่มดำบรรยากาศกันต่อ โต๊ะของต้นน้ำก็เช่นกัน เพียงแต่ชัยชัชต้องอยู่เคลียร์บิลทั้งหมดก่อน โดยมีหมอเอกนั่งจิบเบียร์เย็นๆ รอเนื่องจากขึ้นรถคันเดียวกันกลับ ต้นน้ำจึงขออนุญาตทั้งสองไปเข้าห้องน้ำ และระหว่างนั่นเอง ที่ทำให้เขาได้ยินบทสนทนาของผู้แทนคนอื่นเกี่ยวกับชัยชัช ด้วยเวลาที่เริ่มดึก ผู้คนจึงบางตา สรรพเสียงรอบตัวจึงมีน้อย ทำให้เขาได้ยินเสียงนินทาเหล่านั้นอย่างชัดเจน!

     “อ๊าว! แกไม่รู้เหรอ พี่ชัชพาน้องชายมาทริปด้วย ช่างกล้าเนอะ นี่ถ้าพี่ชัชไม่ใช่อันดับหนึ่งเขตหินๆ ละก็ มีหวัง”

     “แหม เค้าแค่พามากินข้าวด้วยติดรถด้วย แต่ค่าห้องก็ได้ข่าวว่าพี่แกออกเองเลยนะ ไม่ให้อยู่กับเซลล์คนอื่น สปอร์ตอ่ะ คืนตั้งเป็นหมื่น”

     “ก็งี้แหละ คงไม่รู้จะเก็บตังค์ไว้ทำไมแล้วมั้งย๊ะ โดนแฟนทิ้งไปแบบนั้นอ่ะ”

     “นั่นสิ น่าสงสารเนอะ คนอะไรหล่อก็หล่อ นิสัยก็ดี ทำงานก็เก่ง ยัยผู้แทนคนนั้นดันทิ้งพี่ชัชได้ลงคอ นี่ก็ได้ข่าวว่าเรือนหอที่ว่า พี่ชัชยังผ่อนไม่หมดเลย”

     “อ๊าว! เขาอาจจะมีลับลมคมในแบบที่พวกเราไม่รู้ก็ได้นะแก”

     “หล่อนรู้อะไรมาย๊ะ?”

     “แกรู้ไรมา”

     “อ๊าว ก็หมอเอกนั่นไง! ฉันเคยได้ยินมาว่าพี่ชัชกับหมอเอกสนิทกันมาก หมอเอกก็ช่วยพี่ชัชมาตลอด ยอดถึงได้ขึ้นเอาๆ แต่พอมาเห็นวันนี้แล้วยิ่งกว่าสนิทกันอีกอ่ะแก๊ เมื่อกี้ฉันชวนหมอเอกไปรถคันเดียวกันก็ไม่ยอมไป บอกจะไปกับพี่ชัช”

     “บ้าแล้วเธอ! หมอเอกนั่นเสือตัวพ่อเลยย่ะ ไม่มีทาง”

     สามสาวผู้แทนกำลังเม้าท์กันอย่างเมามันอยู่ที่ห้องน้ำหญิงฝั่งข้างๆ แต่โชคร้ายที่ฝั่งห้องน้ำชายกับฝั่งห้องน้ำหญิงนี้ห่างกันเพียงกำแพงคั่นต้นน้ำจึงได้ยินทุกคำนินทา และเมื่อออกมานอกห้องน้ำ ต้นน้ำก็เห็นพวกเธอถนัดตา สามสาวผู้แทนแต่งตัวเปรี๊ยวจี๊ดตั้งแต่หัวจรดเท้า เรียกได้ว่าเสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะหยั่งกับโมเดลมืออาชีพ พวกเธอกำลังล้างมืออยู่ที่อ่างล้างหน้ากันโดยมีผู้ชายคนหนึ่งที่พึ่งเดินตามหลังต้นน้ำตรงเข้าไปหาพวกเธอ

     “นี่พวกหล่อน! จะนินทากันก็เบาๆ หน่อย เสียงพวกเธอดังไปถึงห้องน้ำฝั่งโน้น คิดบ้างมั้ยถ้าพี่ชัชหรือหมอเอกเกิดเข้าห้องน้ำอยู่ จะทำยังไง! แล้วขอเถอะ ถ้าอดใจไม่ไหวจริงๆ อยากนินทาเพื่อนร่วมงาน ทำไมไม่ไปนินทากันในที่ลับย๊ะ หน๊อย! อิจฉาพี่ชัชกันละสิ รู้ไว้เถอะนะพวกหล่อน พี่ชัชน่ะเขาเข้ามาทำงานสะสมฐานลูกค้าตั้งแต่ตอนที่พวกเธอยังเรียนไม่จบกันเลยย่ะ เขาถึงได้เป็นอันดับหนึ่งแบบทุกวันนี้ ถ้าไม่เข้าใจเรื่องคอนเนคชั่นก็อย่ามาทำงานแบบนี้ให้เสียเวลาเลยย่ะ”

     ต้นน้ำจำได้ว่าชายคนนี้คือคนที่มองเขาด้วยสายตาประหลาดเมื่อตอนที่พี่ชัชแนะนำเขากับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ผู้ชายสาวแตกคนนั้นใช้น้ำเสียงจิกกัดสวดสามสาวผู้แทนเบาๆ ก่อนจะสะบัดหน้าเชิดใส่ และก็หันมาเห็นต้นน้ำเข้าพอดี

     “อุ๊ต๊ะ! คุณน้อง... มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”

     “ผมมาเข้าห้องน้ำครับ”

     ต้นน้ำตอบพลางส่งยิ้มให้อีกฝ่าย

     “แหม... คุณน้องต้นอย่าไปถือสาแม่พวกนี้เลยนะคะ พวกนี้มันขี้อิจฉาก็เม้าท์กันไปงั้นแหละค่ะ แป่ะไปที่โต๊ะกับพี่ดีกว่า ตรงนี้ยุงเยอะนะคะเนี่ย”

     ผู้ชายคนนี้พยายามกลบเกลื่อนดันไหล่เขาพาเดินออกมาจากหน้าห้องน้ำที่เกิดเหตุ ต้นน้ำรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเหมือนจะหวังดี ไม่อยากให้เขาคิดมาก

     “ซวยเลย พี่แตมมาได้ยิน พี่เขาจะไปฟ้องพี่ชัชมั้ยอ่ะแก”

     “ไม่แน่นะ ได้ข่าวว่าพี่แตมก็รอกิ๊กพี่ชัชอยู่เหมือนกัน”

     ‘เฮ้อ... คนเรานะ ตายเพราะปากยังไม่สำนึก’

     “อาหารอร่อยมั้ยคะน้องต้น”

     “ครับ อร่อยดีครับ”

     “แหม ดีจังเลยนะคะ พี่เห็นน้องต้นเงียบๆ งานพวกพี่ก็เยอะ ต้องดูแลคุณหมอ ปล่อยน้องต้นอยู่คนเดียว พี่ก็กลัวน้องต้นจะเบื่อ”

     “ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจ”

     “แหม น้องต้นนี่ดีจังเลยนะคะ มิน่า พี่ชัชถึงได้ชมใหญ่”

     “...พี่ชัชเคยพูดถึงผมให้คุณฟังเหรอครับ?”

     “อุ๊ยตาย! มาคุณเคินอะไรละคะน้อง เรียกพี่ว่าพี่แตมสิคะ”

     “ครับ”

     “พี่แตม”ของเขาจีบปากจีบคอพูดอย่างเป็นกันเองพลางส่งสายตามีเลศนัยให้ราวกับกำลังอบรมเขาด้วยความเอ็นดู

     “งานพวกเราน่ะหนักนะคะน้องต้น ก็อย่างที่น้องเห็น บางครั้งพวกเราก็แทบไม่มีเวลาแม้แต่จะดูแลตัวเอง จะกินข้าวก็ต้องรอหมอกินก่อน ถ้าหมอยังไม่ได้กินพวกเราก็อดไป งานแบบนี้ไม่ค่อยมีเวลาเหลือให้คนรอบตัวหรอกค่ะ น้องต้นต้องเข้าใจพี่ชัชนะคะ ถ้าพี่ชัชแกอาจจะไม่ค่อยว่างมากนัก แถมพี่ชัชแกน่าสงสารมากๆ เลยตอนที่แกอกหัก”

     คำพูดแปลกๆ ที่ต้นน้ำไม่เข้าใจจุดประสงค์ แต่ลึกๆ แล้วเขารู้ดีว่าตนกำลังดีใจและคิดเข้าข้างตัวเองแบบสุดๆ แม้จะไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้รู้อะไรมาบ้าง แต่ท่าทางที่แสดงว่าเขาคือคนสำคัญของชัยชัชก็ทำให้ต้นน้ำหัวใจพองฟู เด็กหนุ่มพูดอะไรไม่ออกได้แต่ใช้สายตาขอบคุณอีกฝ่าย

     “ถึงพี่จะต้องอกหักเพราะอดดามใจพี่ชัช แต่ถ้าเป็นน้องต้น พี่ยอมถอยค่ะ สู้ๆ นะคะน้อง พี่เชียร์อยู่!”

     “ผมเปล่า...”

     “คุยไรกันอ่ะสองคนนี้ แกล้งไรน้องชายพี่เฮอะ แตม?”

     ชัยชัชเดินตรงมาทางพวกเขาสองคนพอดี

     “พี่ชัช!”

     “ต๊าย! แตมเปล่านะคะ แล้วนี่เคลียร์บิลเสร็จแล้วเหรอคะ?”

     “เออ”

     ชัยชัชตอบคำถามเพื่อนร่วมงานแล้วหันมาคุยกับต้นน้ำ

     “ง่วงยังอ่ะเรา อย่าพึ่งง่วงนะ เดี๋ยวเขาจะพาไปเที่ยว”

     “ครับ”

     ต้นน้ำยิ้มให้ชัยชัชก่อนจะผละจากกองเชียร์ไปเดินเคียงข้างกัน

     และแล้ว ความดีใจของต้นน้ำก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อรถคันที่รับกรุ๊ปพวกเขาไปเที่ยวนั้นมีทั้งคุณหมอเอกสุดกวนรวมทั้งสามสาวเม้าท์มอยกลุ่มนั้นด้วย แต่โชคดีที่แขกของรถคันนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้แทนบรรยากาศจึงเป็นกันเอง คุณหมอเอกแพทย์หนึ่งเดียวของรถคันนี้ก็เลยกลายเป็นเป้าหมายให้สาวๆ ในรถขายอ้อยเช็คเรทติ้งแต่เพียงผู้ดียว จนในรถมีแต่เสียงแซวกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่

     คนทั้งหมดลงความเห็นว่าจะไปเดินช็อปชมชิลที่ตลาดนัดใกล้ๆ และเมื่อรถจอดให้คนลงเรียบร้อยแล้ว แต่ละคนต่างก็สนุกสนานเฮฮากับการถ่ายรูปกันสุดๆ และใช้เวลาเพียงไม่นานคุณหมอสุดหล่อก็ถูกสาวๆ เนียนพาหายไปท่ามกลางผู้คน

     “ไม่เป็นห่วงเหรอครับ”

     “หือ?”

     “ก็หมอเอกโดนลากไปโน่นแล้ว ลูกค้าไม่ใช่เหรอครับ”

     “โธ่ อย่างไอ้เอกนะเหรอ มันจะดีใจล่ะสิไม่ว่า รายนั้นมันชอบโดนสาวๆ รุมล้อมอยู่แล้ว ต้นไม่ต้องไปสนใจมันหรอก”

     เพราะไม่ได้อยู่กับคนอื่นแล้ว สรรพนามที่ใช้เรียกลูกค้าของชัยชัชจึงเปลี่ยนกลับมาเป็นแบบเรียบง่ายให้ความสนิทสนม

     “พี่ชัชกับหมอเอกสนิทกันจังเลยนะครับ กับหมอคนอื่นผมยังไม่เห็นซี้กันขนาดนี้เลย”

     อาจเพราะผู้คนมากหน้าหลายตาหรืออย่างไร เสียงรอบข้างจึงกลบให้เสียงเด็กหนุ่มฟังแล้วช่างเบาหวิวเป็นยิ่งนัก แถมแสงสีรอบๆ ตัวก็ยังทำให้ชัยชัชตาพร่า มองเห็นใบหน้าด้านข้างของต้นน้ำเขียนคำว่า“หึง”ตัวโตๆ ติดอยู่เต็มหน้าผาก อาการงอนนิดๆ หน่อยๆ แต่ไม่อยากแสดงออกแบบนี้ทำให้เขารู้สึกดี

     ‘นี่กูดื่มไปกี่แก้ววะเนี่ย...’

     “เออ ก็ต้องสนิทสิ ใครจะไปคิดว่าจะได้มาเจอกันอีก”

     “พี่ชัชเคยรู้จักคุณหมอมาก่อนเหรอครับ?”

     “ใช่ แกเป็นรุ่นพี่มหาลัยของพี่เอง คือพี่หมายถึง... ตอนก่อนที่พี่จะซิ่วอ่ะนะ”

     เพราะความที่พูดเบา และปลายเสียงนั้นอ้อมแอ้มๆ แบบไม่อยากจะสารภาพออกมาเท่าใดนัก ต้นน้ำจึงต้องใช้เวลาแปลสารอยู่ครู่ใหญ่

     “...พี่ชัชหมายถึง หมอเอกเป็นรุ่นพี่ แต่หมอเอกเป็นหมอ... แล้วแบบนี้ก็เท่ากับว่าพี่ชัช!”

     “อืม เห็นแบบนี้แต่พี่ก็เคยเอ็นท์ติดหมอนะ ฮ่าๆ”

     ชัยชัชลูบท้ายทอยตัวเองแก้เขินพลางหัวเราะแห้งๆ ชายหนุ่มรู้สึกเขินอายกับเรื่องราวในอดีตจนทำตัวไม่ถูก ต้นน้ำมองใบหน้าที่แดงนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แม้จะไม่รู้ว่าคนตรงหน้านั้นหน้าขึ้นสีเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะความเขิน แต่เขารู้แล้วแน่นอนว่า เวลาที่ชัยชัชออกอาการเขินนั้น พี่ชัชของเขาจะชอบยิ้มแห้งๆ และไม่กล้าสบตาตน

     ‘น่ารักจังเลยครับพี่ชัช’

     “แล้วเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”

     “ก็ไม่มีไรมาก พี่ซิ่ว เลยไปเรียนเภสัช ตอนนั้นก็คิดว่ามันคงคือๆ กันกับหมอ เพราะผู้ชายคงเป็นพยาบาลไม่ได้ แล้วพี่ก็จบออกมาได้งานเป็นผู้แทนเนี่ย”

     “ถามได้มั้ยครับ ว่าทำไมพี่ชัชถึงซิ่ว?”

     ชัยชัชเล่าไปพลางชักชวนให้ต้นน้ำเดินตาม จนเมื่อเดินมาถึงมุมพักผ่อนมุมหนึ่งที่จัดเก้าอี้ไว้คอยบริการ มีผู้คนมานั่งพักผ่อนถ่ายรูปเป็นที่ระลึกมากมาย ชัยชัชก็ดึงมือต้นน้ำให้นั่งลงข้างๆ ก่อนจะเล่าต่อ

     “อืม... พี่ไม่ได้ไปสอบหลายตัวน่ะ ก็เลยซิ่ว”

     “อ้าว? ไม่สบายเหรอครับ? เสียดายจัง”

     “โอ๊ย! ช่างมันเหอะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว”

     “แล้วที่บ้านพี่เขาว่าไงมั่งละครับ?”

     “โหย โดนด่าบรรลัยเลย! แม่พี่เขากะฉลองลูกชายได้เป็นคุณหมออวดคนในหมู่บ้านไปทั่วแล้ว ละอยู่ๆ มาโดนรีไทร์ แต่ดีว่าพี่เก่ง ปีต่อมาก็สอบเภสัชได้ ที่บ้านเลยให้อภัย”

     “ทำไมไม่เลือกทันตะละครับ?”

     “คงเพราะพี่ไม่เหมาะกับการเป็นหมอตรวจคนไข้มั้ง ฮ่าๆ พอได้เข้าไปสัมผัส เห็นชีวิตพวกพี่ๆ ปีปลายๆ ก็เลยเริ่มคิดได้ พี่ไม่ชอบบริการใคร เลยกะเป็นเภสัชวันๆ จะได้อยู่แต่ห้องยา แต่พอจบมาเห็นอาชีพผู้แทนมันเงินดีเลยมาลองสมัครดู นึกว่างานสบาย ยังไงโรงพยาบาลก็ต้องใช้ยาอยู่แล้ว เราจบเภสัชข้อมูลเป๊ะ ที่ไหนได้ ใครจะไปรู้ว่าอาชีพคนขายยามันจะเป็นแบบนี้ รู้ตัวอีกทีกลายเป็นขี้ข้าหมอไปซะแล้ว”

     “แต่พี่ชัชก็เก่งไม่ใช่เหรอครับ เห็นเขาว่าพี่ชัชทำยอดได้เยอะมากๆ”

     “ก็คนมันมีเป้าหมายนี่ต้น ก่อนหน้านั้นพี่ก็แค่ทำงานเก็บเงิน ออกรถป้ายแดงโก้ๆ แต่พอพี่มีแฟนพี่ก็ต้องเก็บตังค์สร้างครอบครัว”

     คำตอบแบบไม่ปิดบังของชัยชัชทำให้ต้นน้ำซึมไปจนชายหนุ่มสังเกตได้ เขาจึงลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ

     “ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เขาไม่อยากเป็นเมียพี่ก็แค่นั้น”

     “งั้นสมมุตินะครับ สมมุติถ้า... พี่ฟ่างกลับมาหาพี่ชัช พี่ชัชจะกลับไปคบกับพี่ฟ่างอีกมั้ยครับ?”

     แววตาลึกล้ำยิ่งกว่ามหาสมุทรใดใดสะท้อนแสงไฟเป็นประกาย ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นช้อนตามองชัยชัชด้วยสายตาวิงวอน สายตาของต้นน้ำสะกดชัยชัชจนแทบลืมหายใจ เขารับรู้ได้ถึงถ้อยคำที่ต้นน้ำได้ร้องขอผ่านแววตาคู่นั้น

     ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ก็ยังไม่มั่นใจที่จะตอบรับ ….. ชัยชัชไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไรจึงได้แต่ยืนนิ่ง

     ความเงียบบังเกิด ส่งผลให้เกิดความอึดอัดตามมา จนในที่สุด ชัยชัชก็เป็นฝ่ายหลบ ชายหนุ่มเบนสายตาหนีไปมองผู้คนรอบตัวแล้วตอบคำถาม

     “อาจจะนะ พี่เคยรักฟ่างมาก ถ้าถึงตอนนั้นพี่ยังไม่มีใครพี่ก็อาจจะให้โอกาสฟ่างดูอีกที”
     
     การกระทำและคำตอบของชัยชัชทำให้ต้นน้ำต้องเก็บความรู้สึกของตัวเองฝังไว้ยังก้นบึ้งของหัวใจเช่นเดิม เขาตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเพราะรู้ดีว่าหมดประโยชน์ที่จะเซ้าซี้ ..... คนที่ไม่รัก อย่างไรก็คือไม่รัก เช่นเดียวกับคนที่รัก ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็คงไม่ลืม

     “งั้นแล้วพี่ชัชจะขายห้องทิ้งจริงๆ หรือเปล่าครับ?”

     “หือ? เรื่องนี้นะเหรอ?”

     ชัยชัชแปลกใจกับคำถามของต้นน้ำ เขายักไหล่เหมือนไม่แคร์อะไรแล้วตอบไปตามที่คิด

     “ไม่รู้ดิ เดี๋ยวนี้คอนโดในเมืองผุดใหม่เยอะแยะ คอนโดชานเมืองแบบนี้ขายแล้วใครจะเอา ตอนแรกพี่กะซื้อไว้แล้วดาวน์บ้าน พอบ้านเสร็จก็ปล่อยห้องให้เช่า...”

     “แล้วตอนนี้ละครับ?”

     “ไม่รู้จะขายดาวน์บ้าน หรือปล่อยห้องให้เช่าดีอ่ะสิวะ แต่บ้านที่พี่จองไว้ เสาเข็มยังลงไม่หมดเลยว่ะไอ้น้อง”

     ต้นน้ำได้แต่นิ่งเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ชัยชัชเองก็รู้ดีว่าประเด็นที่คุยนั้นเปราะบางสำหรับคนข้างๆ เขาจึงจงใจสร้างบรรยากาศขึ้นมาใหม่

     “ว่าแต่ ไอ้ที่ถามแบบนี้ กลัวพี่ไม่อยู่ใกล้ๆ รึไงต้น กลัวอีกหน่อยจะไม่ได้เจอพี่แล้วคิดถึงอ่ะเด้”

     ชัยชัชว่ายิ้มๆ พลางโยกศีรษะต้นน้ำ พยายามแกล้งแหย่ แต่เจ้าเด็กข้างกายดันไม่รับมุกเอาซะนี่ ดูราวกับเจ้าตัวกำลังอยู่ในภวังค์อะไรบางอย่าง

     “ครับ อีกหน่อยถ้าไม่ได้เจอกันอีก ผมคงคิดถึงพี่ชัชน่าดู”

     ‘สายตานั่นอีกแล้ว เลิกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เถอะต้น พี่...’

     แต่ยังไม่ทันที่ชัยชัชจะได้ทำอะไรต่อ บรรดาแขกคนอื่นๆ ก็เดินมาถึงจุดพักนี้พอดี ทั้งสองจึงถือโอกาสปัดเป่าความอึมครึมที่เกิดขึ้นออกไปจากจิตใจและเดินเที่ยวร่วมกับกลุ่ม จนได้เวลาชาวคณะจึงเดินทางกลับโรงแรมพักผ่อนตามอัธยาศัย

============================================


คำตอบก็คือ ผู้ชายที่หลงตัวเอง มีพาวเวอร์ มักจะโง่ โดนจูงจมูกได้ง่ายสุดๆ เสร็จพวกจอมมารยาที่รู้ว่าทำยังไงให้ตัวเองมีคุณค่าในสายตาเขา
พูดแบบหรูๆ คือ พวกที่เกิดมาเป็นผู้นำ เขาชอบมีใครซักคนไว้ให้คอยปกป้องดูแล แบบ... ชีวิตคู่ก็เงี๊ยะ! ถ้ามีคนนึงนำ อีกคนก็ต้องคอยตาม

มีแอบดราม่าเล็กๆ ตามสไตล์น้องต้น ถ้าไม่ดราม่าก็ไม่ใช่ฮี!
คนอ่านแอบเหวอ? "นี่เรียกว่าดราม่าเล็กๆ แล้วหรือ?" คนแต่งบอกว่า "Yes!"

คือ..... มันจะมีดราม่าอีกเยอะ มีฉากกุ๊กกิ๊กแค่เล็กน้อย แต่ฉากดราม่าแรงมากๆ ด้วยเพราะคาแรคเตอร์ตัวเอกเป็นเช่นนั้น แบบ... ครึ่งแรกนี่ซอฟท์ๆ เลยแหละ คงไม่เหมาะสำหรับคนอยากหาอะไรใสๆ เบาๆ อ่าน เรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพื่อให้คนอ่านรำคาญหมั่นไส้ตัวเอกล้วนๆ แต่ลงท้ายอยากให้อ่านแล้วรู้สึกว่า "เกลียดไม่ลง" อินจนต้องเอาใจช่วย! 
แต่รับรองว่าจบแบบแฮฟปี้แน่นอน .... เอ๊ะ หรือเราจะสะกดผิด  :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2014 14:50:29 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ NY_JK

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
พี่ชัชแอบอ่อย(หลายครั้งเลย)  :mew3:  :mew1:
ต้นก็ชอบคิดมาก ยิ้มหน่อย  :hao7:

ออฟไลน์ hibarihao

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ถ้าจบหวาน กรุณากรี๊ดดังๆ คนแต่งไม่อยากมโนว่า "ฟิน" ไปเองคนเดียว....
(แบบ... พยายามแต่งโดยไม่ใช้ฉาก MUST HAVE พิมพ์นิยมอ่ะ พยายามใส่อะไรใหม่ๆ เขียนอะไรที่มันดูธรรมดาๆ แต่แอบหวานปนอบอุ่น แต่ไม่มั่นใจว่าคนอื่นจะฟินตามมั้ย? หรือคนแต่งฟินเองคนเดียว?)


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     ทั้งสองกลับมาถึงห้องพักตอนสามทุ่มกว่าๆ ชัยชัชเลยเสียสละไล่ต้นน้ำให้เข้าไปอาบน้ำก่อนเป็นคนแรก อาจจะเพราะบรรยากาศบางอย่างที่เกิดขึ้น ต้นน้ำจึงดูเงียบเป็นพิเศษ แม้ชัยชัชพยายามเล่นมุกแหย่ไปบ้างแต่ต้นน้ำก็เพียงแค่ยิ้มบางๆ ให้เท่านั้น ไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไรมากมายตามปกติ

     จนกระทั่งเด็กหนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพสวมชุดนอนเรียบร้อย เขาจึงเป็นฝ่ายเข้าไปอาบน้ำบ้าง กลิ่นพีซจางๆ ที่หอมกรุ่นอยู่ในนั้นเป็นคนละกลิ่นกับสบู่ที่ทางโรงแรมแจกให้ ชัยชัชรู้ดีว่านี่เป็นกลิ่นของต้นน้ำ เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเด็กหนุ่มยืนเปลือยกายอยู่ ณ. ตรงนี้เอง!

     ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่ชัยชัชจะสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงได้แล้วจัดการธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย แต่เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำเขากลับไม่เห็นต้นน้ำในห้อง ชัยชัชจึงเดินมาดูที่ระเบียงเผื่อว่าต้นน้ำอาจนั่งเล่นอยู่แถวนั้น และเมื่อเลิกผ้าม่านขึ้นภาพของเด็กหนุ่มนั่งยื่นขาลงไปในสระน้ำที่ถูกอาบไล้ด้วยแสงเทียนก็ทำเอาเขาหัวใจกระตุก ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายรู้สึกตัวหันมาสบตา ดวงตาของต้นน้ำสะกดเขาได้อีกแล้ว!

     “พี่ชัช?”

     “ยังไม่นอนอีกเหรอ พี่นึกว่าเรานอนแล้วซะอีก เห็นเงียบๆ”

     “ยังหรอกครับ นั่งคิดอะไรเพลินๆ”

     “คิดไรอีกน่ะเรา ทำหน้าเครียดอีกแล้ว?”

     ชัยชัชแทรกตัวเข้ามานั่งข้างๆ แต่เพราะพื้นที่คับแคบของทางลงสระน้ำที่เชื่อมติดกับระเบียงของแต่ละห้อง จึงทำให้ตัวของเขาแทบจะเกยกับเด็กหนุ่ม แม้ว่าต้นน้ำจะเขยิบที่ให้จนตัวแทบเบียดกับเสาขอบระเบียงแล้วก็ตาม

     “นั่งลำบากว่ะ เราอ่ะ ลุกขึ้นแปปดิ”

     “ครับ?”

     แม้จะงงๆ แต่ต้นน้ำก็ยอมทำตามที่ชัยชัชบอก ชัยชัชจึงเขยิบก้นนั่งลึกเข้ามาแล้วจับตัวต้นน้ำมานั่งระหว่างขาทั้งสองข้างของเขาแทน

     “พี่ชัช!”

     “จุ๊ๆ อย่าเสียงดัง มันดึกแล้ว เดี๋ยวโดนด่า”

     “ผะ ผมไปนั่งที่เก้าอี้ก็ได้ครับ ถ้าพี่ชัชจะนั่งตรงนี้”

     ไม่มีคำตอบขี้เล่นจากชัยชัช ชายหนุ่มเงียบอยู่นานก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

     “พี่ขอโทษ”

     “ขอโทษ? เรื่องอะไรครับ พี่ชัชไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย”

     “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าน้องชายของพี่กำลังเศร้าเลยอยากขอโทษ ทั้งๆ ที่พี่สัญญาว่าจะพาต้นมาเที่ยวให้สบายใจ แต่พี่ทำไม่ได้”

     เพราะคำตอบของชัยชัชเป็นเรื่องที่ต้นน้ำไม่คาดคิดมาก่อน ต้นน้ำเลยไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรดีในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงให้ความเงียบบรรยายความรู้สึกแทน

     “คิดอะไรอยู่เหรอ”

     “ก็ คิดไปเรื่อยๆ ครับ หลายอย่าง”

     “แล้วไอ้หลายอย่างที่ว่าอ่ะ มีอะไรบ้าง?”

     “ก็... เรื่องเลือกคณะ เรื่องสอบ เรื่องเรียนต่อ แล้วก็... เรื่องของแม่มั้งครับ”

     “ทำไมล่ะ?”

     “...ไม่แน่ว่าผมอาจจะไปเรียนต่อต่างประเทศก็ได้ครับ”

     คงเพราะไม่คาดคิดว่าสิ่งที่อยู่ภายในใจของต้นน้ำจะเป็นเช่นนี้ ชัยชัชจึงตกใจพอสมควร แต่นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของคนอื่น เขาจึงไม่อาจเข้าไปยุ่งได้แม้ในใจจะกระวนกระวายมากก็ตาม

     “ต้นจะสอบชิงทุนไปเมืองนอกเหรอ?”

     “ ... “

     ต้นน้ำเอาแต่ก้มหน้าลงและนิ่งเงียบ ท่าทางกลัดกลุ้มเหมือนมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะพูด ชัยชัชรู้ดีว่าตอนนี้ต้นน้ำคงกำลังคิดหนัก แม้ไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดของต้นน้ำแต่เขาก็อยากเป็นกำลังใจให้ ชายหนุ่มจึงกระชับวงแขนที่โอบล้อมคนตรงหน้าให้แน่นขึ้นพลางกระซิบถ้อยคำเบาๆ

     “ถ้าต้นไม่พร้อมจะเล่าก็ไม่เป็นไร แต่พี่อยากให้ต้นรู้ไว้นะครับว่าต้นปรึกษาพี่ได้ทุกเรื่อง พี่จะอยู่ข้างๆ ต้นเสมอนะ”

     ต้นน้ำไม่รู้จะเริ่มบทสนทนาอย่างไรดี ส่วนชัยชัชเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายจึงได้แต่ใช้ความเงียบสนทนากันผ่านภาษากายที่ตระกองกอดกันไว้จนกระทั่งความอบอุ่นจากอ้อมกอดของชัยชัชได้จุดไฟให้จิตใจบางส่วนที่สับสนของต้นน้ำกลับมาลุกโชน! ต้นน้ำจึงตัดสินใจเปิดปาก

     “พี่ชัช ความจริงแล้ว ผมสงสารแม่”

     “หืม?”

     “ผม... ผมคิดว่าแม่มีคนรักอยู่ที่เมืองนอก แต่แม่ไม่เคยบอกกับผมตรงๆ หรอกนะครับ”

     ต้นน้ำสูดหายใจเฮือกใจก่อนจะปลดปล่อยถ้อยคำระบายความในใจให้ไหลผ่านริมฝีปาก

     “หลายปีก่อน แม่เคยพาเพื่อนฝรั่งมาเที่ยวเมืองไทย ผมเห็นแม่กับเขาสนิทกันมาก แล้วแม่ก็เคยเปรยๆ เรื่องอยากชวนผมไปอยู่เมืองนอกด้วย แต่ตอนนั้นผม...”

     สีหน้าของต้นน้ำดูกลัดกลุ้มในแบบที่ชัยชัชไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกขณะที่เล่าไปนัยน์ตาคู่สวยที่ดูราวกับหลุมดำนั้นก็เริ่มคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ชัยชัชรู้ดีว่าหลุมดำที่ไม่เคยได้รับแสงสว่างมานานปีตอนนี้มันได้ระเบิดออกมาแล้ว!

     “ผมสงสารแม่! ถ้าแม่แต่งงานใหม่ แม่ก็จะสบายแท้ๆ จะมีคนมาช่วยดูแลแม่กับผม แต่เพราะผม!”

     ดูเหมือนเด็กหนุ่มอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนคำพูดของตนเอง

     “…แต่แม่ก็ทิ้งผมไปไม่ได้ เพราะแบบนั้น แม่เลยยังต้องเหนื่อยอยู่”

     “ใจเย็นๆ นะต้น พี่น้ำเขารักต้นมาก ถ้าต้นไม่ต้องการพี่น้ำเขาก็ไม่บังคับต้น มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”

     “ผมไม่ได้ไม่อยากให้แม่แต่งงานใหม่! แม่เหนื่อยเพื่อผมมามากแล้ว แต่ว่า... แต่ว่า เป็นเพราะผมอยากอยู่เมืองไทย แม่เลยทิ้งผมไปไม่ได้”

     “งั้นแล้วทำไมต้นถึงไม่อยากไปอยู่เมืองนอกล่ะ กลัวเหรอครับ?”

     “มันไม่ใช่แบบนั้นเลยพี่ชัช ฮึก ฮึ

     พอถึงตรงนี้ ต้นน้ำก็เก็บอาการไว้ไม่อยู่ หยดน้ำตาไหลลงมาเป็นสาย

     “เพราะว่า... เพราะผมอยากแก้แค้นผู้ชายคนนั้นต่างหาก!”

     น้ำเสียงที่ต้นน้ำเปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังเหลือคณานับ! ชัยชัชได้แต่นิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก

     ‘ถึงเวลาแล้วที่เราจะเล่าเรื่องนั้นให้พี่ชัชฟัง ขออย่าให้พี่ชัชรังเกียจเราเลยนะ!’

     ต้นน้ำสูดลมหายใจก่อนจะเล่าต่อ

     “พี่ชัชรู้มั้ย ความจริงแล้ว ผมไม่ได้เกิดมาจากความรัก ผม... เกิดมาจากความใคร่”

     น้ำเสียงเย้ยหยันนั้นแสดงออกถึงความสมเพชตัวเองเสียจนชัยชัชต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเพื่อถ่ายทอดให้อีกฝ่ายรับรู้ว่า ยังมีเขาอยู่ตรงนี้!

     “ผู้ชายคนนั้น คนที่ทำให้ผมเกิด… เขาเป็นอาจารย์ของแม่ผมสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แม่ผมไม่ค่อยตั้งใจเรียน พี่ชัชจะเรียกว่าเด็กเที่ยวก็ได้ครับ แม่ผมตอนนั้นยังเด็กแม่ก็เลยคิดอะไรง่ายๆ ….. ตอนนั้นแม่ผมยอมนอนกับผู้ชายคนนั้นเพื่อเกรด ผมรู้ว่ามันผิด แม่ไม่ควรทำแบบนั้น แต่ว่า... แต่ผู้ชายคนนั้นก็ใจร้ายมาก เขาทำแม่ผมท้องทั้งๆ ที่เขามีลูกมีเมียอยู่แล้ว ทำให้แม่ผมเสียอนาคต แถมยังไม่ยอมรับผิดชอบบอกให้แม่ไปเอาผมออก ผมไม่เข้าใจ ถ้าเขาไม่ต้องการผมแล้วทำไมเขาไม่ป้องกัน!
     แม่... แม่พยายามเอาผมออก แต่ว่า ผมดื้อยา สุดท้าย… แม้แต่คุณตาคุณยายยังไล่แม่ออกจากบ้าน หาว่าทำให้ครอบครัวต้องอับอาย แม่ผมต้องลำบากมากขนาดไหนพี่ชัชรู้มั้ย แม่ต้องทำแทบทุกอย่าง แทบจะขายตัวเลยด้วยซ้ำ! กว่าแม่จะได้งานดีๆ ผมโตมากับแม่สองคนอย่างยากลำบาก แต่พอถึงวันนึง วันที่หลานชายสุดที่รักของตัวเองไม่อยู่ เขากลับอยากได้ผมไปเอาใจพ่อตัวเอง เพราะกลัวตระกูลอันยิ่งใหญ่จะไม่เหลือใคร! ทุเรศสิ้นดี!”

     เรื่องราวในชีวิตของต้นน้ำนั้นน่าใจหายเป็นอย่างมากสำหรับชายหนุ่มที่มีครอบครัวธรรมดาๆ ตามประสาคนชนชั้นกลางอย่างเขา ชัยชัชฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารต้นน้ำ

     แม้แต่ยามนี้ ในยามที่ถ้อยคำเหยียดหยามชาติกำเนิดหลุดออกมาจากปากของตนเอง ต้นน้ำก็ยังคงสะกดกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ เด็กหนุ่มไม่เคยร้องไห้ให้กับชะตากรรมของตัวเอง ต้นน้ำเก็บความแค้นทุกอย่างสุมไว้ในอกและรอมันระเบิด!

     “แต่พี่น้ำก็รักต้นมาก ดูสิ พี่น้ำเลี้ยงต้นมาอย่างดี ถึงต้นไม่ได้เกิดมาจากความรัก แต่ต้นไม่ได้ขาดความรักหรอกนะครับ”

     ชัยชัชพยายามพูดปลอบต้นน้ำ แต่คำปลอบโยนกลับกลายเป็นเชื้อไฟเพิ่มความเกลียดชังเพราะอคติที่มีต่อผู้ให้กำเนิด

     “ใช่ครับ! เพราะแบบนี้ผมถึงได้สงสารแม่! แม่ควรจะมีความสุขได้แล้ว ผมอยากให้แม่ได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ ที่พร้อมจะดูแลแม่”

     “เรื่องในอดีตมันผ่านมานานแล้ว พี่ว่าตอนนี้พี่น้ำเองก็คงไม่คิดอะไรมากแล้วล่ะ พี่ก็เห็นเธอมีความสุขออกนะ แล้วต้นล่ะ จะเก็บความทุกข์ไว้ทำไมกันครับ?”

     “ผมเกลียดเขาครับพี่ชัช! ตอนที่ผมขึ้น ม.ปลาย อยู่ๆ เขาก็โผล่เข้ามาในชีวิตของพวกผมแม่ลูก บอกว่าอยากรับผมไปเป็นลูกบุญธรรม เอาผมที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่ไม่เคยยอมรับไปจดทะเบียนรับรองบุตรบุญธรรม! พี่ชัชคิดดูสิครับ เขาเกรงใจภรรยาตัวเอง แต่กลับจะพรากผมกับแม่ออกจากกัน! เขาหาว่าแม่ผม... เขาบอกว่าผู้หญิงอย่างแม่ผมคงเลี้ยงผมให้โตขึ้นมาเป็นคนดีไม่ได้ เขาใจร้ายมากเลยครับ เขาไม่ได้เห็นผมเป็นลูกเลยสักนิด เขาแค่ต้องการเครื่องมือไปสืบทอดนามสกุลของเขาต่างหาก!”

     ต้นน้ำระบายความรู้สึกออกมาอย่างอัดอั้นตันใจพลางเหม่อมองผืนน้ำที่สะท้อนภาพของแสงไฟ เขาเกลียดชีวิตของตัวเองเหลือเกิน จริงอยู่… ต้นน้ำรู้ดีว่ามารดารักตน เพียงแต่... เขารู้สึกมาตลอดว่าความรักที่มารดามีให้ตนนั้นเป็นเพราะภาระและหน้าที่ หาใช่ความรักที่ต้องการให้เขาออกมาลืมตาดูโลกเฉกเช่นครอบครัวอื่นๆ

     ตลอดเวลาที่ผ่านมาต้นน้ำพยายามทำตัวเป็นเด็กดีมาตลอด พยายามเรียนให้เก่งๆ สอบให้ได้ที่ดีๆ พยายามทำตัวเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เรียบร้อยไม่ก่อปัญหา ไม่สร้างความเดือดร้อนทุกข์ใจให้ผู้เป็นแม่ พยายามช่วยแบ่งเบาภาระทุกอย่างของมารดาทั้งเรื่องงานบ้านและการสอบชิงทุนต่างๆ ไม่เคยอยากได้อยากมีอะไรเหมือนเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน

     ตลอดชีวิตสิบเจ็ดปีที่ผ่านมาของเขามีแค่ตื่นเช้ามาเป็นเด็กดีไปวันๆ เป็นลูกที่ดีของแม่เพื่อที่เขาจะได้เป็นที่รักของผู้เป็นมารดา ถึงแม้จะไม่ใช่เด็กที่เป็นที่ต้องการแต่ก็ไม่อยากเป็นภาระ ต้นน้ำกลัวมาตลอดว่าสักวันแม่อาจจะทอดทิ้งตนไป ดังนั้นเขาจึงพยายามเป็นเด็กดี

     แต่แล้วความพยายามทุกอย่างก็สั่นคลอน เมื่อมีพ่อบังเกิดเกล้าก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา เมื่ออีกฝ่ายต้องการอ้างสิทธิ์ เขากลัวเหลือเกินว่าผู้เป็นแม่จะปล่อยมือไปจากเขา ทั้งๆ ที่เขาหวังว่าแม่จะปฏิเสธผู้ชายคนนั้น แก้แค้นที่ไม่เคยเหลียวแลโดยการไม่ยอมให้เข้ามาอ้างสิทธิ์ในตัวเขา แต่ว่าแม่กลับยอมให้อีกฝ่ายติดต่อกับเขา อนุญาตให้ผู้ชายคนนั้นเข้ามายุ่งวุ่ยวายกับชีวิตเขาได้ แม้จะเป็นไปโดยที่ต้องถามความสมัครใจจากเขาเป็นหลัก แต่ทว่าเขาก็เจ็บปวด เจ็บปวดที่แม่ทำท่าเหมือนจะทิ้งเขาไว้ให้เผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้นตามลำพัง!

     “ต้น....”

     ด้วยความที่หลังจากเล่าจบต้นน้ำก็เอาแต่เงียบ ปล่อยให้ลมทะเลยามค่ำคืนพัดพาเอาหยาดน้ำใสๆ บนใบหน้าเหือดแห้งไปเองเงียบๆ ชัยชัชจึงดึงตัวอีกฝ่ายให้ตะแคงหันมาหาตน คราบน้ำตาที่แสดงร่องรอยของความอ่อนแอปรากฏอยู่บนใบหน้าที่พยายามทำเป็นเข้มแข็งของเด็กหนุ่ม

     ‘เฮ้อ... ไอ้เด็กคนนี้นี่…’

     นิ้วของชัยชัชปาดไปมาบนแก้มของต้นน้ำ เขาพยายามจะถูคราบความเศร้าพวกนั้นออกอย่างเบามือ

     “สบายใจขึ้นรึยังครับ?”

     อาจจะเพราะคำถามที่ฟังดูกำกวมของชายหนุ่ม ริมฝีปากของต้นน้ำจึงเม้มเข้าหากัน เด็กหนุ่มหลบสายตาก่อนจะตอบว่า

     “ขอโทษครับ ผมมัวแต่พล่ามอะไรก็ไม่รู้ พี่ชัชคงรำคาญ”

     “คิดไปเองอีกแล้ว พี่บอกตอนไหนครับว่ารำคาญ ถ้าพี่รำคาญพี่จะมานั่งเช็ดน้ำตาให้เราเหรอ?”

     “ก็พี่ชัช… “

     “ที่พี่ถามก็เพราะว่าพี่เป็นห่วงความรู้สึกของเราต่างหาก พี่ไม่อยากเห็นต้นเศร้า ไม่ชอบเห็นต้นร้องไห้...”

     ‘หัวใจพี่มันเหมือนถูกบีบไปด้วย’

     ชัยชัชเก็บงำความรู้สึกของตนเอาไว้แล้วเลือกจะพูดอย่างอื่นแทน

     “พี่อยากให้ต้นมีความสุข ยิ้ม หัวเราะ ทำตัวให้ร่าเริงสมกับเป็นวัยรุ่นธรรมดาๆ ครับ”

     คำพูดที่ถ่ายทอดออกมาพร้อมกับสายตาอันแสนอบอุ่นของชัยชัชส่องแสงเข้าไปสู่หัวใจเย็นชาของต้นน้ำได้ไม่ยาก น้ำแข็งที่ปกคลุมหัวใจของต้นน้ำถูกความอ่อนโยนของชัยชัชหลอมละลายไหลออกมาเป็นน้ำตา

     “เรื่องของผู้ใหญ่ต้นอาจจะทำอะไรไม่ได้ แต่พี่เชื่อนะว่าพี่น้ำไม่ปล่อยให้ต้นต้องอยู่อย่างไร้ความสุขหรอก ผู้หญิงอย่างพี่น้ำน่ะ ทำทุกอย่างได้เพื่อต้นไม่ใช่เหรอครับ? แล้วทำไมต้นถึงต้องกลัวผู้ชายคนนั้นด้วยล่ะ”

     ชัยชัชพูดต่อพลางใช้หัวแม่มือไล้เบาๆ บนแก้มที่ตนประคองอยู่ เขาบรรจงส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นไปให้ต้นน้ำ

     “ถ้าต้นเกลียดผู้ชายคนนั้น พี่ว่าพี่น้ำคงไม่ยอมให้ผู้ชายคนนั้นมาทำอะไรให้ต้นไม่สบายใจหรอก เผลอๆ พี่น้ำคงเกลียดเขายิ่งกว่าต้นซะอีก เพราะพี่น้ำคือคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เหรอครับ? ผู้หญิงนี่แค้นแรงนะ ฮ่าๆ ลองนึกถึงวันที่ต้นมาหลับอยู่ห้องพี่ตอนนั้นดูสิ พี่น้ำนี่นึกว่าลูกหายแทบจะพังประตูห้องพี่แล้ว จำไม่ได้เหรอครับ”

     อาจจะเพราะรอยยิ้มขี้เล่นที่ดูจริงใจและสัมผัสอันอบอุ่นที่ประทับอยู่บนแก้ม ต้นน้ำจึงรู้สึกผ่อนคลาย เด็กหนุ่มยิ้มตอบทั้งน้ำตาให้กับผู้ชายที่อยู่เคียงข้างเขาคนนี้

     “พี่ชัชก็ พูดซะผมขำเลย”

     ต้นน้ำแหวขึ้นเบาๆ พลางหันหน้าหนีเพื่อซ่อนรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะที่เกือบจะเล็ดลอดออกมา

     ‘พี่ชัช พี่รู้มั้ย พี่เป็นเหมือนกับแสงสว่างสำหรับผมเลย!’

     ต้นน้ำหันกลับไปมองภาพทิวทัศน์ของสระว่ายน้ำอีกครั้ง ภาพผืนน้ำที่สะท้อนแสงไฟยามค่ำคืนนั้นเปลี่ยนไปเมื่อมีคนช่วยปัดเป่าความทุกข์ในใจให้ สระว่ายน้ำแห่งนี้ไม่ได้ดูอ้างว้างหดหู่แบบเดิมอีกแล้วเมื่อมีผู้ชายคนนี้อยู่เคียงข้าง โดยไม่รู้ตัวเด็กหนุ่มก็เผลอเบียดกายอิงแอบแนบแผ่นหลังของตนเข้ากับอกกำยำของชัยชัช

     “อ้าว หัวเราะก็ดีแล้วนี่ จะดราม่าทำไมล่ะ หัวเราะแล้วอารมณ์ดีออก”

     ชัยชัชพูดพร้อมกับกระชับวงแขนโอบกอดต้นน้ำให้ใกล้กันมากขึ้นจนแทบไม่เหลือช่องว่างระหว่างกัน

     ทั้งสองนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศริมสระน้ำยามค่ำคืนสงัดผู้คน แม้ไม่มีพระจันทร์ดวงโตหรือหมู่ดาราดวงใด มีเพียงแค่แสงไฟจากเปลวเทียนและโคมสนามรอบสระน้ำ แต่ทั้งคู่ก็รับรู้ได้ถึงอณูแห่งความโรแมนติกที่ลอยละล่องอยู่ในอากศรอบๆ ตัว

     ชัยชัชสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมากระทบจมูกของเขาจากเด็กหนุ่มตรงหน้า

     “พี่ว่าจะถามเรานานแล้ว เราใช้น้ำหอมไรอ่ะ? กลิ่นหอมดีจัง เหมือนลูกพีซเลย”

     “ผมไม่ได้ใช้น้ำหอมหรอกครับ สงสัยคงเป็นกลิ่นสบู่”

     ต้นน้ำพาซื่อตอบไปตามตรงโดยไม่เฉลียวใจเลยแม้แต่น้อย!

     “อืม สบู่หอมดีเนอะ”

     เสียงของชัยชัชเริ่มแหบพร่าเหมือนติดอยู่ในคอ

     “ครับ พอดีแม่ผมชอบใช้ยี่ห้อนี้มาตั้งนานแล้ว ชอบซื้อมาเป็นตุนไว้เยอะๆ ผมไม่อยากเรื่องมากก็เลยใช้ตามแม่ แล้วก็เลยติดน่ะครับ เลยพกมาใช้ที่นี่ด้วย ...เพราะกลิ่นมันทำให้ผมนึกถึงแม่”

     ‘พี่ชัชจะหาว่าเราติดแม่มั้ยน้า น่าอายจัง’

     บางครั้งต้นน้ำก็มัวแต่คิดเรื่องของตัวเองมากเกินไปจนเผลอซื่อบื้อ กว่าจะรู้ตัวลูกแกะก็ถูกหมาป่า...

     “มิน่า เวลาพี่อยู่ใกล้ๆ ต้นทีไร ได้กลิ่นลูกพีซทุกที”

     ‘หวานจนน่าลองชิม...’

     พูดไม่พูดเปล่า อ้อมแขนแกร่งๆ ของคนพูดยังกระหวัดเข้ามาเสียแน่นจนหัวใจของต้นน้ำเต้นโครมครามอยู่ในอกแทบหายใจไม่ออก!

     ต้นน้ำรู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนจากร่างกายของชัยชัช ปลายคางของชายหนุ่มที่เกยอยู่บนไหล่นั้นส่งผลให้ระลอกลมหายใจร้อนๆ โลมเล้าเข้ามาใกล้จนใบหูของเขาสั่นสะท้าน เด็กหนุ่มได้แต่เกร็งไม่กล้าหายใจ

     และท่ามกลางความเงียบ ...

     “หอมได้มั้ย?”

     'พี่ชัช!'

     ใบหน้าของต้นน้ำขึ้นสีอย่างตื่นตระหนก ดวงตาเรียวรีนั้นเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง อารามตกใจในคำขอของอีกฝ่ายต้นน้ำจึงเผลอหันกลับไปหาเพื่อดูว่าชัยชัชตั้งใจจะล้อเขาเล่นหรืออย่างใด

     และแล้วริมฝีปากของชัยชัชก็ประทับลงมาอย่างแผ่วเบา ดุจดั่งผีเสื้อกระพือปีก มันคลอเคลียอย่างอ้อยอิ่งอยู่บนกลีบปากก่อนจะวนไปสูดดมกลิ่นพีซจางๆ ที่ติดอยู่บนแก้มของเขา และโผไปหยุดลงตรงหน้าผากนานสองนาน

     ต้นน้ำรู้สึกราวกับว่าหัวใจของตนหยุดเต้น!

     “จ๋อม”

     เสียงน้ำกระเพื่อมดังขึ้นส่งผลให้คนทั้งคู่ผละออกจากกันทันที!

     “ดะ ดะ ดึกแล้ว ผมว่าผมขอตัวไปนอนก่อนดีกว่าครับ ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ชัช!”

     โดยไม่รอคำตอบ คนถูกขโมยจูบก็รีบเดินหนีเข้าห้องทิ้งให้ชัยชัชยังคงนั่งบื้ออยู่คนเดียวริมสระน้ำ และทันทีที่ถึงเตียงต้นน้ำก็รีบนอนคลุมโปงดึงผ้าห่มขึ้นมาจนเกือบมิดศีรษะ นอนหันหลังให้อีกฝั่งแกล้งหลับโดยโชว์ใบหูแดงๆ ไว้เป็นหลักฐาน ด้านฝ่ายชัยชัชที่ยังงงๆ กับตัวเองก็เริ่มรู้สึกตัว เขาสำรวจพบบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไปในใจของตนเอง!

     ‘นี่กูทำอะไรลงไปวะเนี่ย!?’

============================================


ไม่รู้ว่าใครเสร็จใคร ทำไมมันได้ เอ้ย! จูบกันง่ายจัง?
บทจะเคลิ้มก็จัดหนักไม่ทันให้ตัวเอกได้เล่นตัวสะดีดสะดิ้งเลยเนอะพี่ชัช! แต่ว่า... ต้นน้ำเองก็ไม่ใช่นายเอกเคะหวานใสแสบซ่าแอ๊บเล่นตัวแต่แอบไปหน้าแดงใจเต้นเช่นกัน! เรามารอดูกันว่าบทหน้าสองคนนี้จะเอายังไงกันต่อไป
นิยายเรื่องนี้สกินชิพเยอะ เพราะหมาป่าเจ้าเล่ห์!
ลีลาอ้อนแบบหวานๆ ปนอบอุ่น ไม่หวือหวาร้อนแรง แต่นุ่มนวลหนักแน่น พี่ชัชหยอดน้องต้นแบบนี้แล้วฮีจะไปไหนเสีย ไม่หลงก็บ้าแล้ว! ยกเว้นตอนกวนนะ เพราะเวลาเฮียลุยจีบก็รุกจริงจัง คนตามไม่ทันคงเป็นแฟนเฮียแบบงงๆ ฮ่าๆ บทหน้าเคลียร์ๆ
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

เรื่องราวของน้องต้นช่างดราม่า! คนอ่านจะลองวิเคราะห์ปมด้อยน้องต้นเล่นก็ได้นะ ฮ่าๆ แต่การกระทำทุกอย่างของน้องต้นจะมีสาเหตุมาจากปมที่เขาต้องเผชิญนี่แหละ
คนแต่งไม่ได้เขียนนิยายโดยวางพล็อตจาก "อยากให้ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร" แต่ดันบ้าเขียนโดย "คนแบบนี้ เจอเรื่องแบบนั้น จะแก้ปัญหาแบบไหน" นิยายมันเลยอีรุงตุงนังคาแรคเตอร์ปวดตับประการฉะนี้แล....
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:

คนแต่งไม่บอกหรอกว่าพี่ชัชทำอะไรในห้องน้ำ ให้คนอ่านคิดต่อเอาเอง  :-[
แต่ต้องบอกกันไว้อย่าง นิยายเรื่องนี้มุกลึกกว่าที่บรรยาย บางครั้งต้องคิดตามอีกนิด บางฉากบางตอนผู้หญิงอาจจะไม่เข้าใจ แต่ผู้ชายอาจจะเก็ทได้ง่ายกว่า เช่นไอ้เรื่อง.... ทรมานจนปวดทำนองนั้น ... นะ.... (แล้วทำไมนิยายดราม่ามันมีเรื่องหื่นๆ ได้ล่ะ!)

ออฟไลน์ hibarihao

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
อร๊าย เมื่อจะรักกันเนี่ย น่าสงสารน้องต้น

ออฟไลน์ Fellina

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
สำนวนที่เหมาะกับวันนี้คือ "หมาหยอกไก่" ถึงเฮียแกจะปากแข็ง แต่ถ้าคิดจะลุยเมื่อไหร่ ล้อฟรีเชียวนะพี่ชัช!

คนแต่งเข้าใจว่าคำว่า "รัก" บางทีมันก็ไม่ต้องการเหตุผลมากมาย แต่ความรักในนิยายก็ไม่ควรจะฉาบฉวย เราอยากเขียนตัวละครที่คนอ่านสัมผัสได้ว่าผู้ชายคนนี้รักคนๆ นึงจริงๆ แต่ในอารมณ์รักก็มีความรู้สึกอื่นๆ ปะปนอยู่ อยากให้คนอ่านเก็บตกคำว่ารักจากการกระทำของตัวละคร ไม่ใช่ประโยคที่คนแต่งเขียนบอกว่า "CรักTเหลือเกิน" ก็พยายามแต่งโดยสื่อความคิดและอารมณ์ของตัวละครออกไปเพราะอยากให้ตัวละครมีมิติ .... ก็ไม่รู้จะน่าเบื่อไปมั้ย แต่ยังไงก็มือใหม่ละนะ อาจจะขาดๆ เกินๆ ไปบ้างแหละ คนอ่านติชมได้เน้อ
 :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:
แบบ... แอบเครียดอ่ะ ก็คิดว่าแต่งหวานแล้วน้า แต่ไม่มีคนเม้นทำนองนั้นเลย คือเหมือนว่ามันยังไม่ฟินพอสำหรับคนอ่านรึเปล่า? แบบนิยายก็ใช้ได้ มีคนตามอ่าน แต่ฉากหวานๆ ไม่ชวนฟินพอ(ไม่มีคนกรี๊ด) ตัวละครงั้นๆ ไม่มีเสน่ห์(คนอ่านไม่พูดถึง)

งาบกันแล้ว

:o8: :o8: :o8: :o8: :o8:


เนื้อเรื่องสิ....


- บทที่ 5 -
##### ฉลองปีใหม่ และความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นในใจ #####

     เช้าวันรุ่งขึ้น ชัยชัชตื่นขึ้นมาแบบเบลอๆ ใช่ว่าเขาจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเขาทำอะไรลงไป เพียงแต่ ตอนนี้ …..

     ‘ให้ตายเหอะ! เสียงนาฬิกาดังขนาดนี้ ยังแกล้งหลับอีกเหรอครับน้องต้น คิดจะรอให้พี่ออกไปก่อนค่อยตื่นรึไง’

     ชัยชัชมองเด็กหนุ่มคนข้างกายที่ยังคงแกล้งนอนหลับตาปี๋ตะแคงข้างหันหลังให้เขา ต้นน้ำเลือกนอนชิดริมขอบเตียงจนเขานึกขัน อุ้งมือมารจึงเอื้อมไปหาพร้อมกับที่รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นมาบนใบหน้าของปีศาจหมาป่า ชายหนุ่มอยู่ในท่าเตรียมขย้ำลูกแกะตัวน้อยๆ ที่กำลังแกล้งนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว

     “ต้น ตื่นได้แล้วครับ เช้าแล้ว”

     ชัยชัชก้มลงกระซิบที่หูของต้นน้ำ ลมหายใจอุ่นๆ กับเสียงทุ้มๆ ทำปฏิกิริยากับใบหูบอบบางไวต่อสัมผัสจนคนแกล้งหลับสะดุ้งตื่นสุดตัว!

     “ตื่น ตื่นแล้วครับ”

     “แหม น้องต้นนี่ตื่นง่ายดีนะครับ”

     ชัยชัชนั่งยิ้มเผล่มองต้นน้ำลุกขึ้นนั่งพลางกระเถิบตัวหนีเขา ต้นน้ำเว้นระยะห่างออกไปอีกโขจนแทบจะตกเตียง ท่าทางเขินอายบ่งบอกให้รู้ว่าเด็กหนุ่มยังจำสัมผัสเมื่อคืนนี้ได้ จากเดิมที่เคยกังวลไม่เข้าใจการกระทำของตัวเอง ณ. เวลานี้ความสับสนทั้งหมดถูกโยนลงถังขยะ ชัยชัชรู้เพียงว่าขอให้ตนได้แกล้งแหย่คนตรงหน้านี้ก็พอ ขอเพียงแค่ได้เห็นใบหน้าเขินอายนั่นแต่งแต้มด้วยสีระเรื่ออีกนิดก็ยังดี ขอแค่นี้แหละ อย่างอื่นเขาขี้เกียจคิดให้มากความ

     “เอ... แต่พี่ว่าแปลกๆ นะครับ ปกติน้องต้นตื่นเช้าจะตายไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมวันนี้ตื่นช้าจัง หรือเมื่อคืนนี้พี่ทำให้น้องต้นเพลียครับ”

     คำพูดสองแง่สองง่ามทำให้ต้นน้ำหน้าแดงชนิดลมปราณแตกซ่านได้ออกกำลังกายหัวใจแต่เช้า ต้นน้ำพยายามไม่มองสบตากับชัยชัช เขาเสมองไปยังโคมไฟที่เปิดทิ้งไว้ตรงหัวเตียงพลางพูดตอบเฉไฉเบี่ยงประเด็นไปเรื่อย

     “คงเพราะเมื่อวานเที่ยวเยอะมั้งครับ ผมเลยเหนื่อยๆ ปกติผมไม่ค่อยได้ออกไปไหนน่ะครับ เลยอาจจะเพลีย นอนหลับลึกไปหน่อย”

     “งี้สงสัยพี่ต้องชวนน้องต้นออกกำลังกายบ่อยๆ แล้วมั้งครับ จะได้ไม่เหนื่อยง่าย สนใจมาออกกำลังกายรอบเช้ากับพี่ซักยกมั้ยครับ? หึๆ”

     เพราะชัยชัชยังเล่นไม่เลิก แถมยังส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้ไม่ยอมหยุด สุดท้ายต้นน้ำเลยหาเรื่องแหวใส่คุณพี่ชายตัวดีแบบจงใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

     “พี่ชัชก็! ถ้าตื่นแล้วก็รีบไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวไปช้าก็อดทานข้าวเช้ากันพอดี”

     “คร้าบๆ พี่ตื่นแล้วคร้าบ”

     ชัยชัชว่าพลางหัวเราะร่วนเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อเตรียมอาบน้ำ แม้ในครั้งนี้ชายหนุ่มจะไม่ได้แกล้งถอดผ้าถอดผ่อนโชว์เปลือยอวดกล้ามแขนได้รูปไร้ไขมันกับหน้าท้องวันแพ็คแต่เรียบไร้ส่วนเกินกลางห้องอีก แต่ก่อนเข้าห้องน้ำเขาก็ยังมิวายหันมาแกล้งต้นน้ำไปอีกหนึ่งดอก ด้วยเสียงที่จงใจดัดให้ทุ้มพร้อมกับแกล้งมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหู ขโมยหอมแก้มแดงๆ ของคนบนเตียงไปอีกฟอดใหญ่ด้วยความเร็วชนิดวอกเรียกพี่ก่อนจะเผ่นเข้าห้องน้ำ!

     “พี่ตื่นไปทั้งตัวเลยแหละต้น!”

     ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจิตใจของต้นน้ำจะสงบลง เขาไม่เคยเกิดอาการตื่นเต้นเช่นนี้จนรู้สึกปวดร้าวมาก่อนในชีวิต! เด็กหนุ่มนึกเคืองผู้ชายบางคนที่จงใจอาบน้ำแบบแง้มฉากกั้นหน่อยๆ ปล่อยให้เสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดีลอยออกมาสร้างความปั่นป่วนในตัวเขา เรียกได้ว่าต้นน้ำแทบจะขนทุกสูตรคณิตฟิสิกส์เคมีชีวะขึ้นมาท่องสงบสติอารมณ์อยู่นาน!

     ‘เฮ้อ... ในที่สุดมันก็สงบซะที!’

     ดังนั้น เมื่อชัยชัชเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาก็ต้องเซ็งเมื่อพบว่าต้นน้ำได้สวมหน้ากากสีหน้าเฉยสนิทนั่งเปิดข่าวดูรอเขาอยู่พร้อมกับเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนในมือ เจ้าตัวรีบเผ่นเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวแบบไม่อยู่รอให้เขาแซว!

     ‘ฝากไว้ก่อนเถอะต้น คอยดูเหอะ พี่ยังมีไม้เด็ดไว้ใช้แกล้งเราอีกเยอะ!’

     ชายหนุ่มจัดการคาดโทษน้องชายตัวดีไว้ในใจ

============================================

     อาหารเช้านั้นเป็นบุฟเฟ่ต์หลากหลายสัญชาติจนต้นน้ำตื่นเต้นจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เคาเตอร์อาหารนานาชนิดทั้งไทย ฝรั่ง อเมริกัน อังกฤษ จีน เด็กหนุ่มสนุกสนานกับการเดินไปมาตักอาหารตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย ทดลองชิมโน่นชิมนี่คอยวิ่งไปตักของชอบของชัยชัชมาเสริฟให้ที่โต๊ะ

     “ไปเอาออมเล็ตมาให้พี่หน่อยละกัน”

     ชัยชัชตอบขำๆ หลังจากที่ต้นน้ำถามเขาเป็นรอบที่ห้าว่า “พี่ชัยจะรับอะไรเพิ่มมั้ยครับ?” เขาขำเด็กลืมง่ายบางคนที่ตื่นเต้นกับบุฟเฟ่ต์ของโรงแรมจนหายเขิน ประกายแห่งความสุขในดวงตาของต้นน้ำทำเอาเขาอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก ความสดชื่นของต้นน้ำส่งผลให้หัวใจของชัยชัชชุ่มชื่นตามโดยไม่รู้ตัว เขามองท่าทางร่าเริงนั้นอย่างมีความสุข

     “ครับ”

     ต้นน้ำรับคำเสียงใสก่อนจะรีบวิ่งไปยืนต่อแถวกับบรรดาแขกคนอื่นๆ ตรงซุ้มบริการออมเล็ต ปล่อยให้ชัยชัชนั่งโด๊ปกาแฟแก้ง่วงแต่เช้า

     “หึๆ ซัดไข่แต่เช้าเลยเหรอ เมื่อคืนใช้แรงเยอะรึไงเพื่อน”

     เสียงกวนบาทาเอ่ยอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเลื่อนเก้าอี้นั่งร่วมโต๊ะตัวเดียวกันแบบไม่ได้รับเชิญ เอกดนัยหันไปมองต้นน้ำแล้วเริ่มยิงมุกใต้สะดือ

     “แต่... ดูท่าเด็กมันก็วิ่งปร๋อขนาดนั้น หรือว่าบ่อยจนชินแล้วล่ะ ไอ้ชัช?”

     “ไอ้หมอเวรนี่! พูดไรเกรงใจกันหน่อย น้องเขายังเด็กอยู่โว้ย”

     “ก็เห็นเอาอกเอาใจกันซะขนาดนี้ กูก็นึกว่ามึงจะเปลี่ยนรสนิยม”

     อาจจะเพราะบรรยากาศยามเช้านั้นกำลังสบาย แขกค่อนข้างบางตา รวมถึงการที่กรุ๊ปบริษัทยาคนอื่นกระจายกันอยู่ประปราย ทั้งสองคนจึงผ่อนคลายเป็นพิเศษจนหยอกเย้ากันด้วยเรื่องที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว

     หมอเอกเรียกบริกรมาเสริฟกาแฟ พลางเอ่ยถามเพื่อนสนิทต่อ

     “แล้วตกลงนี่เอาแน่แล้วเหรอวะ?”

     คำถามของเพื่อนรักเล่นงานจนชัยชัชแทบสำลัก! ความรู้สึกผิดเพราะความคิดอกุศลที่มีเล่นงานจนชายหนุ่มร้อนตัวรีบปฏิเสธ

     “เอาไรของมึ๊ง! ต้นเป็นน้องกู!”

     “น้องมากเลยนะมึง! ชอบน้องเขาก็ยอมรับมาเหอะ หวงซะขนาดนั้น กูแตะไม่ได้เนี่ย”

     “เวร กูไม่ใช่เกย์! แล้วน้องเขาก็เป็นผู้ชายด้วย”

     อาจจะเพราะศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่ระหว่างตนและเพื่อน ชัยชัชจึงแกล้งตอบเลี่ยงไปเรื่อย เขายกกาแฟขึ้นจิบแก้เก้อ ไม่ยอมสนทนากันแบบจริงจัง ชัยชัชในเวลานี้ไม่กล้าแม้แต่จะสำรวจความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง

     “ประเด็นมันอยู่ที่ว่ามึงรู้สึกยังไงกับน้องเขาต่างหาก”

     “...น้องเขายังเด็กอยู่ กูจะไปคิดอะไรได้”

     “มึงนี่แถเชียว! กูถามหน่อยเถอะ ถ้าน้องเขาไม่เด็กแล้วเป็นผู้หญิงมึงจะเอามั้ย? ถ้าเป็นแบบนั้นกูว่ามึงพาขึ้นเตียงเผลอๆ จดทะเบียนไปแล้วเสปคมึงเป๊ะ สวยใสไม่ไร้สติ มิเรื่องมาก แม่บ้านงานครัว อ้อนผัววันละสามเวลา”

     คำแดกดันของเพื่อนรักทำให้ชัยชัชรู้สึกว่ากาแฟในแก้วนี้ช่างฝืดคอเสียจริง

     “กูเตือนมึงไว้เลยนะ ถ้าไม่คิดอะไรก็อย่าไปให้ความหวัง สงสารเด็กมัน ดูก็รู้เด็กมันรักมึงหลงมึงขนาดหนัก”

     หมอเอกจ้องหน้าเพื่อนสนิทของตนอย่างจริงจัง ก่อนจะสั่นสอนหนุ่มรุ่นน้องไปอีกหนึ่งประโยค

     “มึงรู้สึกดีที่มีคนมารักมึงมาคอยเอาใจมึง อยู่ข้างๆ ช่วยให้มึงลืมฟ่าง แต่ถ้ามึงคิดจะใช้ประโยชน์จากน้องเขาแค่นั้น น้องเขาจะทำยังไงกับหัวใจที่ถูกมึงปฏิเสธ ปล่อยเด็กมันไปซะตั้งแต่ตอนนี้ไอ้ชัช กูไม่อยากเห็นมึงเผลอทำบาปกับใครอีก!”

     ทิ้งท้ายไว้แล้วคุณหมอหนุ่มสุดหล่อก็ถือแก้วกาแฟย้ายหนีไปนั่งโต๊ะอื่นกับผู้แทนสาวสวย ทิ้งให้ชัยชัชต้องรับหน้าต้นน้ำแต่เพียงผู้เดียว!

     “นั่นหมอเอกใช่มั้ยครับ?”

     “หือ… อืม ไอ้หมอมันแวะมาทักน่ะ”

     ต้นน้ำพยักหน้ารับรู้ก่อนจะวางจานออมเล็ตให้ชัยชัช

     “พี่ชัชอยากได้อะไรเพิ่มอีกรึเปล่าครับ ผมจะได้ไปตักให้”

     ดูเหมือนต้นน้ำจะลืมการหยอกเมื่อเช้าแล้ว เด็กหนุ่มมีสีหน้ายิ้มแย้มประดับอยู่บนใบหน้า เจ้าตัวกุลีกุจอบริการเขาเสียจนบนโต๊ะแทบไม่มีพื้นที่ว่าง แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ชัยชัชสัมผัสได้ถึงความรักที่ท่วมท้นออกมาจากการคอยเอาใจของต้นน้ำ

     ‘เพราะอะไรเหรอต้น ทำไมต้องรักพี่มากขนาดนี้ พี่แทบไม่เคยทำไรให้ต้นเลย ทำไมต้นถึงได้รักพี่เหลือเกิน’

     สีหน้าแปลกๆ ของชัยชัชทำให้ต้นน้ำกังวลใจ

     “เอ่อ ผมตักมาเยอะเกินไปรึเปล่าครับ? ขอโทษครับ พอดีผมเห็นมันน่ากินมาก ผมก็เลย...”

     “ไม่หรอกแค่นี้จิ๊บๆ ยังไม่ถึงครึ่งกระเพาะพี่เลย ว่าแต่เราน่ะนั่งได้แล้ว มัวแต่ตักเดี๋ยวก็ไม่ได้กินกันพอดี”

     “ครับ”

     อาหารเช้าเป็นไปอย่างเรียบง่าย พอเริ่มสาย บรรดาแขกคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยมา ชัยชัชนั้นจำต้องลุกขึ้นไปเสนอหน้าบริการคุณหมอผู้มีเกียรติและทบทวนแผนงานของวัน เมื่อทุกอย่างลงตัวเขาจึงเดินมาบอกให้ต้นน้ำกลับไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ส่วนเขาต้องต้อนหมอเข้าห้องประชุมทำกิจกรรมกันแต่เช้า ช่วงเที่ยงถึงจะออกไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารและนำเที่ยวรอบๆ หัวหิน ก่อนจะมีกิจกรรมฉลองวันสิ้นปีที่ร้านอาหารริมทะเลในตอนเย็น แล้วก็เป็นอันว่าแยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย ใครจะกลับโรงแรม ใครจะออกเที่ยวต่อก็ตามใจ แต่พรุ่งนี้เตรียมตัวกลับกันแต่เช้าตามการนัดแนะของกรุ๊ปใครกรุ๊ปมัน

     หลังมื้อเช้า ต้นน้ำจึงตัดสินใจกลับเข้าห้องพักไปหยิบกล้องถ่ายรูป เขาใช้เวลาในช่วงเช้าเดินสำรวจเที่ยวเล่นไปทั่วโรงแรมจนทะลุปรุโปร่ง แม้จะเคยไปเที่ยวกับมารดาและเพื่อนของท่านบ้าง แต่เขายังไม่เคยได้พักโรงแรมหรูหราระดับนี้มาก่อน ยังไม่รวมว่าส่วนมากแล้วเขามักเก็บตัวอยู่แต่ในคอนโด ไม่ค่อยได้ไปไหนนอกจากไปทำกิจกรรมกับทางโรงเรียน เจ้าตัวจึงเอ็นจอยสุดๆ เรียกได้ว่าเพลินจนแทบไม่ได้แตะหนังสือที่นำติดตัวมา จนกระทั่งได้ยินเสียงริงโทนโทรศัพท์คุ้นหูดังขึ้น

     “ต้น อยู่ไหนอ่ะพี่มาหาที่ห้องไม่เจอ”

     “เอ่อ ผมเดินเล่นอยู่ตรงริมหาดครับ พี่ชัชมีอะไรรึเปล่า?”

     “จะเที่ยงแล้วพี่มารับไปกินข้าวดิ”

     “อ้าว? เที่ยงแล้วเหรอครับ”

     “เพลินนะเรา”

     “ขอโทษครับ”

     “เออไม่เป็นไรหรอก มาเร็วพี่รออยู่ที่ห้อง”

     “ครับ”

     ต้นน้ำจึงรีบวิ่งกลับไปยังห้องพักเพื่อไม่ให้ชัยชัชต้องรอนาน และเมื่อถึงห้องพักเขาก็เห็นชัยชัชกำลังง่วนอยู่กับถุงของขวัญหลายถุงที่แปะป้ายโลโก้บริษัทกับชื่อยา

     “ไง ไปถึงไหนมาน่ะเรา?”

     “ก็ไปมาเกือบทั่วโรงแรมน่ะแหละครับ โรงแรมแบบนี้ผมไม่รู้จะมีโอกาสมาอีกรึเปล่า”

     ชัยชัชเงยหน้าขึ้นจากกองงานหันมายิ้มให้ต้นน้ำก่อนจะพูดทีเล่นทีจริงขำๆ ว่า

     “งั้นก็มากราบที่อกป๋าตรงนี้มา พูดเพราะๆ หวานๆ ว่า ต้นขอบคุณพี่ชัชมากๆ นะครับที่พาต้นมาเที่ยว แล้วอย่าลืมหอมแก้มขอบคุณพี่ด้วยล่ะ”

     ชัยชัชยืดตัวขึ้นอวดบารมีเสียจนต้นน้ำรู้สึกหมั่นไส้

     แต่แล้ว... สัมผัสเบาๆ ที่ข้างแก้ม ก็ถูกประทับมาพร้อมๆ กับคำพูดที่ตั้งใจบอก เล่นเอาชัยชัชแอบเหวอไปเล็กน้อย

     “ต้นขอบคุณพี่ชัชมากนะครับที่พาต้นมาเที่ยว”

     ดวงตาของต้นน้ำดูสดใสเป็นประกาย สีหน้าที่เต็มไปด้วยคำว่ารัก น้ำเสียงจริงใจที่เจ้าตัวตั้งใจถ่ายทอดออกมา ... ชัยชัชรู้สึกเหมือนจมอยู่ในบ่อลึกที่ปีนออกมาไม่ได้

     “เออ...”

     ชัยชัชตัดสินใจหันไปยุ่งกับกองของขวัญต่อพลางชวนคุย

     “เอาคืนเรื่องเมื่อคืนเหรอเรา?”

     ‘พูดถึงเรื่องเมื่อคืนจนได้นะพี่ชัช! ผมอุตส่าไม่นึกถึงแล้วแท้ๆ’

     “ใครบอกละครับ ก็พี่ชัชอยากบอกให้ผมหอมแก้มเอง ผมก็ทำแล้วไงครับ ไม่ได้เอาคืนซะหน่อย”

     แม้จะเขินแต่ก็ไม่ยอมแพ้ นิสัยต่อปากต่อคำมีอานุภาพมากกว่าคำว่าอาย ต้นน้ำแก้ตัวอย่างน่ารัก ริมฝีปากยื่นออกมาทำท่าทะเล้นอย่างน่าเอ็นดู

     “เรานี่ก็แปลกนะ พี่สั่งอะไรก็เชื่อบอกให้ทำไรก็ทำ ถ้าพี่บอกให้เราจูบพี่เราจะทำมั้ย”

     “พี่ชัช!”

     ต้นน้ำไม่แน่ใจว่าชัยชัชจะมาไม้ไหน การกระทำทุกอย่างของชัยชัช แม้จะดีกับเขามาก แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าตอบรับเขา ต้นน้ำไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปจึงระวังตัวแจ เด็กหนุ่มคิดหาคำตอบในสมองอย่างรวดเร็ว

     “ผม... ผมก็ไม่ได้ทำที่พี่สั่งทุกอย่างซะหน่อย! ถ้าพี่ชัชสั่งอะไรที่มันไม่มีเหตุผลผมก็ไม่ทำหรอกครับ”

     “ดีแล้ว พี่เองก็ไม่ใช่คนดีนักหรอก อย่าเชื่อพี่มากรู้เปล่า เดี๋ยวจะเสียคน หึๆ”

     ชัยชัชหัวเราะก่อนจะเก็บของขวัญทั้งหมดลงถุงรวบรวมไว้เตรียมขนออกจากห้อง เขาเดินไปหาต้นน้ำที่นั่งอยู่บนโซฟา ชัยชัชคุกเข่าลงพลางจับมือทั้งสองข้างของต้นน้ำ เขาสัมผัสมือขาวๆ คู่นั้นพลางคิดอะไรบางอย่าง

     ต้นน้ำตกใจจนทำอะไรไม่ถูก การกระทำของชัยชัชสร้างความปั่นป่วนขึ้นในอกเขา ต้นน้ำทั้งประหลาดใจปนเขินจนหายใจติดขัด ฝ่ามือร้อนๆ ที่เกาะกุมเขาอยู่ราวกับกุญแจมือที่จับกุมหัวใจของเขาจนไม่กล้าหนีไปไหน

     ในที่สุดชัยชัชก็เงยหน้าขึ้นสบตากับต้นน้ำแล้วถามด้วยเสียงอ่อนโยน

     “ว่าแต่ เรื่องเมื่อคืน ที่พี่ทำแบบนั้นกับต้น ... โกรธพี่รึเปล่าครับ?”

     เขาจงใจเว้นจังหวะเพื่อดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มคงไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้จึงเงียบไป

     “ถ้าต้นไม่ชอบใจที่พี่ทำแบบนั้น พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอีก ว่าไงครับโกรธพี่รึเปล่า?”

     ต้นน้ำต้านทานสายตาที่แสนจะอบอุ่นของชัยชัชไม่ได้เลย เขารู้สึกราวกับตัวเองกำลังหลอมละลาย เปรียบดังก้อนน้ำแข็งท่ามกลางแสงแดด

     “ไม่ยอมตอบ โกรธพี่เหรอครับ? หรือจะเกลียดพี่แล้ว?”

     อาจจะเพราะกลัวชัยชัชเข้าใจผิด ต้นน้ำจึงรีบปฏิเสธ

     “เปล่านะครับ! ผมไม่ได้โกรธ ผมไม่มีวันเกลียดพี่ชัชหรอกครับ”

     เมื่อได้ยินคำตอบ ริมฝีปากของชัยชัชก็ผลิรอยยิ้มอย่างอวดดี

     “ต้นไม่ได้โกรธก็แปลว่าไม่ได้ไม่ชอบ... ไม่ได้เกลียดก็คือรัก ต้นรักพี่เหรอครับ?”

     กว่าจะรู้ตัวว่าตกหลุมพรางของยอดเซลล์แมนต้นน้ำก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว เด็กหนุ่มทั้งเขินทั้งอาย แม้จะมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายระหว่างคนทั้งคู่ แต่.... ต้นน้ำยังไม่เคยปล่อยให้คำๆ นี้หลุดออกมาจากปากของตนเองเลยแม้แต่น้อย เขาไม่กล้าแม้แต่จะนึกถึงมันด้วยซ้ำ!

     “ผม...”

     “ว่ายังไงละครับ? พี่อยากรู้ว่าต้นรู้สึกยังไงกับพี่”

     “ผม... ผมยังไม่ตอบตอนนี้ได้มั้ยครับ ผมอาย ...”

     ต้นน้ำก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าขึ้นสีให้พ้นจากการจับจ้องของหมาป่า เขาเขินจนแทบทำอะไรไม่ถูก แม้จะรู้ดีว่าตนรู้สึกอย่างไรกับชัยชัชแต่เขาก็ไม่กล้าฝันถึงฉากสารภาพความในใจเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ชัยชัชกลับล่อลวงให้เขาตกหลุมพราง บังคับให้เขาต้องพูดคำๆ นี้ออกมา

     “ไม่เอาพี่อยากรู้ตอนนี้นี่ ไม่งั้นเดี๋ยวพี่ไม่มีสมาธิทำงานนะ เกิดเผลอทำพลาดมีหวังโดนไล่ออกแน่”

     ชายหนุ่มได้ทีดีดดิ้นงอแงเป็นเด็กๆ จนต้นน้ำเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย

     “หืม เวอร์ไปแล้วครับ”

     “นะครับบอกพี่หน่อย พี่ไม่อยากคิดไปเองว่าต้นรู้สึกยังไงกับพี่ ต้นไม่อยากรู้ความรู้สึกของพี่หรอกเหรอครับ?”

     สกิลการล่อลวงของชัยชัชทำให้ต้นน้ำเริ่มติดกับด้วยเหยื่อที่วางไว้ ภายในใจของต้นน้ำสับสนวุ่นวายความคิดตีกันยุ่งเหยิง ใจหนึ่งแอบเข้าข้างตัวเองแต่อีกใจก็กลัวคิดไปเอง สุดท้ายจึงเบี่ยงประเด็นประชดชัยชัชไปเรื่อย

     “แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนละครับ ไหนใครบอกตอนแรกว่ายังทำใจไม่ได้”

     “ก็แล้วมันเด็กคนไหนละครับ ที่เข้ามาป่วนชีวิตพี่จนเป็นแบบนี้ ปั่นหัวพี่ซะจนเบลอว่ารักแถบ แบบว่ารักเธอ”

     สำบัดสำนวนของชัยชัชเล่นเอาต้นน้ำหลุดขำพรืด เขากลั้นหัวเราะอมยิ้มจนแก้มป่อง ก่อนจะเถียงคืน

     “ใครว่า ผมต่างหากที่โดนปั่นหัว ใครก็ไม่รู้ชอบแกล้งแหย่ผมบ่อยๆ คนเขาอุตส่าทำใจได้”

     เพราะคำว่ารักที่ชัยชัชพูดขึ้น ต้นน้ำจึงเริ่มสบายใจ เด็กหนุ่มมีอารมณ์ต่อปากต่อคำกับคุณพี่ชายตัวดี

     “ก็แล้วน้องต้นอยากทำตัวน่ารักเวลาโดนพี่แกล้งทำไมละครับ น่ารักขนาดนั้นพี่ก็ห้ามใจไม่อยู่สิ นั่นก็นิดๆ หน่อยๆ เองนะ นอกนั้นพี่อุตส่าอดทน ไม่กล้าพรากผู้เยาว์กลัวพี่น้ำเอาตำรวจมาลากคอพี่เข้าคุก!”

     ถ้อยคำบ่งบอกความปราถนาของชัยชัชเล่นงานจนต้นน้ำหัวหมุนแทบทำอะไรไม่ถูก เด็กหนุ่มได้แต่นั่งเขินอายไม่กล้าคิดอะไรต่อ ปล่อยให้หัวใจของตนเต้นอย่างบ้าคลั่งเพราะคำพูดของคนที่ตนหลงรัก

     แต่แล้วเสียงริงโทนช่วยชีวิตต้นน้ำก็ดังขึ้น สมาร์ทโฟนของชัยชัชกำลังส่งเสียงประท้วงคนอู้งาน ทำลายบรรยากาศหวานๆ ลงราบคาบ ส่งผลให้ชายหนุ่มส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนจะหันเหความสนใจไปที่เครื่องมือสื่อสาร

     “เออ รู้แล้ว พี่กำลังจะออกไป เออไม่ลืมๆ เค เจอกันที่หน้าโรงแรม”

     ชัยชัชมองเห็นต้นน้ำถือโอกาสช่วยหิ้วถุงของขวัญพะรุงพะรัง หนีไปยืนรออยู่ตรงประตูทางออกอย่างหน้าเป็น เขาส่งยิ้มพลางชี้นิ้วคาดโทษต้นน้ำไว้

     ‘ให้ตายสิ! ไอ้ตัวแสบเอ้ย! กลับมาคืนนี้พี่จัดหนักแน่ไอ้น้อง!’

     “ไม่ๆ เดี๋ยวพี่ขับตามไป เอาของมาไว้รถพี่ดีกว่า อืมๆ ได้ๆ พี่จะรีบไป”

     ด้วยความพริ้วในการเอาตัวรอดของต้นน้ำ ชัยชัชจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจัดการดับไฟ ปิดแอร์ภายในห้อง แล้วล็อคประตูเดินตามเด็กหนุ่มออกไป

     ชัยชัชต้องขอโทษขอโพยผู้แทนสาวคนหนึ่งอยู่นาน โทษฐานที่ปล่อยให้เธอหอบของพะรุงพะรังรอ พวกเขาเป็นฝ่ายเตรียมของขวัญปีใหม่เล็กๆ น้อยๆ ให้บรรดาคุณหมอและแขกผู้มีเกียรติได้มาร่วมสนุกจับฉลากของรางวัลกันในงานฉลองปีใหม่สุดพิเศษค่ำคืนนี้!

============================================


     ชาวคณะเคลื่อนพลไปทานอาหารกลางวันกันที่ร้านอาหารทะเลขึ้นชื่อ เมื่อสำรองพลังกันเสร็จเรียบร้อยแล้วกรุ๊ปคุณหมอก็ได้ตะลอนเที่ยวกันจนเกือบทั่วหัวหิน แหล่งของดีต่างๆ บริษัทยาต่างก็พาไปทัวร์เสียเกือบทุกที่ เรียกได้ว่าเป็นวันกิจกรรมโดยแท้ ส่วนชัยชัชเองแม้จะไม่ต้องไปคอยดูแลบรรดาคุณหมอทั้งหลายมากนัก แต่ก็ต้องคอยประสานงานกับสถานที่ต่างๆ คอยวิ่งซื้อของกินของฝากเสริฟชาวคณะเสียจนหัวหมุน ต้นน้ำจึงตัดสินใจช่วยงานชายหนุ่ม เขาพยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อพี่ชัชของตนอย่างสุดความสามารถ

     ยามบ่ายคล้อย ต้นน้ำกำลังช่วยหอบหิ้วถุงขนมเค้กของร้านขึ้นชื่อแห่งหนึ่งในหัวหินมาที่รถของชัยชัช ชายหนุ่มเองก็เช่นกัน เขาถือของพะรุงพะรังไม่แพ้ต้นน้ำ แสงแดดหน้าหนาวแผดเผาร้อนจ้าเสียจนเสื้อยืดของเขาชุมโชกไปด้วยเหงื่อ ชัยชัชหันไปมองต้นน้ำที่กำลังจัดเรียงกล่องเค้กหลายกล่องไว้บนเบาะหลัง ต้นน้ำมีสีหน้าตั้งอกตั้งใจทำงานเสียจนชัยชัชนึกเอ็นดู

     'ไม่ใช่งานตัวเองแท้ๆ ขยันจริง ไอ้เด็กคนนี้'

     แม้เจ้าตัวจะเคยออกปากอวดสรรพคุณ“เหงื่อไม่เยอะ” แต่ในเวลานี้ หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่เบ้งกำลังซึมออกมาตามไรผมของต้นน้ำ ชัยชัชจึงรู้สึกตื้นตันใจสุดๆ ชายหนุ่มล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมาซับเหงื่อให้ผู้ช่วยจำเป็น

     “พี่ชัช?”

     “เหงื่อออกใหญ่แล้ว”

     ชัยชัชบรรจงซับเหงื่อให้ต้นน้ำ การกระทำที่แสดงถึงความห่วงหาอาทรนี้เรียกเอาความรู้สึกหวานๆ ขึ้นมาโอบล้อมคนทั้งสองเอาไว้เสียจนคนทั้งคู่แทบไม่รู้สึกถึงแสงแดดร้อนๆ อีกต่อไป

     “อดทนหน่อยนะครับ ไปอีกสองสามที่ก็จะได้ไปพักกินข้าวเย็นแล้ว”

     “ครับ”

     ต้นน้ำยิ้มตอบชัยชัชด้วยสีหน้าที่แสดงออกว่าพร้อมจะอดทนเพื่อพี่ชัชของตน!

============================================


พี่ชัชขี้แกล้งเน้อ... มีคนบอกว่าเมะเรื่องนี้อ่อย
เอ... พี่ชัชชอบยั่วต้นน้ำหรอกหรือนี่ ทำให้อยากแล้วเนียน แบบนี้ไม่ดีนะพี่ชัช น้องต้นเขายิ่งคิดมากอยู่
แต่เรารู้อย่างนึงว่าสิ่งที่น้องต้นกำลังเผชิญ แถวบ้านเรียก "คัน" 

แบบว่าตัวเอก(เคะ)ของเรื่องนี้ก็ใช่ย่อยเนอะ ฮ่าๆ ต่อไปฮีจะแซ่บกว่านี้อีก ส่วนอาเฮียพระเอกของเราก็แสบไม่แพ้กัน แสบจนน้องต้นน้ำตาร่วงกันเลยทีเดียว เอิ้กๆ
รักพี่ชัชมาก เพราะพี่ชัชดูเป็นผู้ชายธรรมดาๆ ดี แต่เป็นคนธรรมดาที่มีเสน่ห์นะ อยากให้มีคนหลงรักพี่ชัชไปกับเราจัง จะมีคนหลงรักเฮียแกมั้ยน้อ?

บทที่ 5 ครึ่งเรื่องแย้ว! ข่าวดีคือภาค2แต่งพล็อตไปจนจบแล้ว จบภาค1เมื่อไหร่จะต่อภาค2เลยรัวๆ เพราะลงที่อื่นไว้เยอะละ ไม่ต้องนั่งรีไรท์


รูปประกอบจ้า  :hao7:

กลัวตัวเองบรรยายห่วยเลยลองไปค้นรูปที่มีมาลงประกอบนิยาย แหะๆ อารมณ์ก็จะประมาณนี้ นอกนั้นใช้จินตนาการเมคๆ เอาเองอีกนิดหน่อย

ฉากกั้นในห้องน้ำก็ราวๆ นี้แหละ เปิดได้นะเออ

มองจากนอกห้องน้ำเข้าไปได้ถ้าเปิดฉากกั้น (แอบเซ็นเซอร์นิดหน่อยเพราะของรกมาก)


ส่วนสระว่ายน้ำที่นั่งกอดกันก็ประมาณนี้ ผู้ชายนั่งได้นะ แต่เบียด....

สระที่นี่จะทอดยาวไปรอบโรงแรมเลย ใครอยู่โซนติดสระชั้นล่างก็กระโดดลงได้เลย มีทางขึ้นทุกห้อง

รูปทั้งหมดเราถ่ายไว้เองแหละ ตอนไปเที่ยวอ่ะ แบบว่า... ไปฟรี กินฟรี บริษัทยาจ่าย คิกๆ สบ๊ายสบายเนอะ เชอราตัน!

แล้วจะมาต่อบทที่5 ตอน2 ให้เร็วๆ นี้น้า :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2014 02:34:02 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ hibarihao

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
หมาป่ากับเด็กเลี้ยงแกะคู่นี้สมการลงตัว!
ย้ำอีกที เมะเรื่องนี้ไม่ได้อ่อยจริงจริ๊ง! แต่เคะแรดน่ะใช่เลย  :m13:


เนื้อเรื่องต่อสิ....


============================================

     บริษัทได้เลือกร้านอาหารบรรยากาศชิลๆ แห่งหนึ่งเป็นสถานที่จัดเลี้ยงงานฉลองปีใหม่และรับประทานมื้อค่ำท่ามกลางบรรยากาศแดดร่มลมตก ชัยชัชติดต่อขอเหมาพื้นที่ฝั่งริมทะเลเพื่อให้ได้วิวที่สวยที่สุด ถือเป็นการคืนกำไรให้แก่ทั้งลูกค้าและพนักงานของบริษัท

     โต๊ะอาหารถูกตกแต่งด้วยดอกไม้และเทียนไขสไตล์โรแมนติก ตามต้นไม้ต่างประดับประดาไปด้วยโบว์หลากสีสัน ข้อความคำอวยพรปีใหม่กระจายอยู่ทั่วไป นอกจากนั้นยังมีเวทีเล็กๆ โต๊ะวางกองกล่องของขวัญ และชุดเครื่องเสียงเพื่อใช้สำหรับกิจกรรมของบริษัท ชัยชัชพาต้นน้ำไปนั่งยังโต๊ะตัวหนึ่งใกล้ๆ กับโต๊ะของกลุ่มผู้แทน

     กิจกรรมดำเนินไปอย่างสนุกสนาน ทีมสันทนาการได้ขนเอาเกมหลากหลายรูปแบบมาให้แขกผู้มีเกียรติได้ร่วมสนุก โดยเฉพาะกิจกรรมจับฉลากหาผู้โชคดีโดยมีของรางวัลที่บริษัทยาเตรียมมาเซอร์ไพรส์ ทำให้ภาพรวมของงานนั้นเป็นไปอย่างสนุกสนาน แม้ต้นน้ำจะไม่ค่อยได้ร่วมกิจกรรมมากนักเพราะส่วนมากเขาพอใจนั่งดูเฉยๆ เสียมากกว่า แต่เขาก็รู้สึกสนุกสนานตามบรรยากาศครื้นเครงของงาน เสียงหัวเราะอย่างชื่นมื่นดังขึ้นเป็นระยะๆ ต้นน้ำนั่งมองชัยชัชทำงานอย่างมีความสุข

     'แค่ได้มองพี่เขาไปแบบนี้เรื่อยๆ เราก็มีความสุขมากพอแล้วล่ะ'

     ต้นน้ำบอกตัวเองในใจเงียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปเดินเล่นริมหาด เนื่องจากเป็นช่วงที่งานเลี้ยงใกล้จะจบแล้ว ต้นน้ำจึงอยากออกไปเดินเล่นดูบรรยากาศริมหาดยามค่ำเสียหน่อยก่อนขึ้นรถกลับโรงแรม

     ร้านนี้เป็นร้านที่มีพื้นที่หาดส่วนตัว ทะเลช่วงหัวค่ำแม้จะมืดแต่ก็ยังพอมีแสงไฟที่ส่องมาจากร้าน รวมทั้งคบไฟที่ปักไว้ตามจุดต่างๆ คู่รักหลายคู่ต่างพากันเดินเล่นอาบแสงจันทร์ ต้นน้ำเดินเล่นพลางคิดอะไรบางอย่างในใจไปเรื่อยๆ

     ต้นน้ำยอมรับกับตัวเองว่าเขากลัว กลัวความใจดีของชัยชัช กลัวจิตใจของตัวเอง ไม่มั่นใจท่าทีของอีกฝ่าย ไม่แน่ใจว่าหัวใจของชัยชัชรู้สึกอย่างไรกันแน่ รวมทั้งไม่กล้ารับฟังเสียงจากหัวใจของตัวเอง เขาอยากหยุดทุกอย่างไว้ ไม่อยากให้ฝันดีแบบนี้ต้องจบลงเร็วเกินไป เขาไม่อยากตื่นจากความฝันนี้เลย ต้นน้ำเดินเล่นไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตามองตามตนเองอยู่

     'ถ้าพี่ชัชเขารู้เรื่องนั้น เขาจะต้องเกลียดเราแน่ๆ เป็นแค่น้องชายได้อยู่ใกล้ๆ พี่เขาตลอดไปก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ ไม่น่าเลย...'

     ต้นน้ำยืนเหม่อทำมิวสิควิดิโออยู่ตรงชายฝั่ง ปล่อยให้เกลียวคลื่นค่อยๆ ม่วนตัวเล่นอยู่รอบๆ ตัวเองนานสองนาน จึงไม่ทันรับรู้ว่าที่ด้านหลังของตนนั้นมีใครบางคนตามมา

     “เหม่อเชียว อยากเล่นน้ำเหรอ?”

     ชัยชัชนั่นเอง เขาเห็นต้นน้ำหายมานานจึงเป็นห่วงจนเดินมาตาม

     “พี่ชัช ข้างบนนั้นเสร็จแล้วเหรอครับ?”

     “เออ ก็ทยอยกลับกันแล้ว”

     “ขอโทษครับ ผมเพลินไปหน่อย”

     ต้นน้ำว่าพลางขยับตัวเดินมาหาชัยชัช ตั้งใจจะเดินกลับไปร่วมกลุ่มกับชาวคณะ

     “ก็ไม่ได้รีบอะไร เราไม่ต้องกลับกับเขาเพราะเอารถมาเอง ถ้าต้นอยากเล่นน้ำจะอยู่ต่ออีกพักนึงก็ได้”

     แต่ต้นน้ำกลับส่ายหน้าสั่นศีรษะ

     “อึ๋ย! ไม่เอาหรอกครับ ทะเลตอนกลางคืนน่ากลัวจะตาย!”

     “อ้าว พี่ก็เห็นเรายืนอยู่ตรงนี้ตั้งนาน นึกว่าอยากลงทะเลซะอีก”

     “ก็... นิดหน่อยมั้งครับ มาหัวหินทั้งทียังไม่ได้ลงทะเลเลย”

     ต้นน้ำรับคำอายๆ เขาไม่อยากให้ชัยชัชคิดมากว่าพาเขามาเที่ยวแล้วแต่ตัวเองมัวแต่ยุ่งทำแต่งานจนเขายังไม่ได้เล่นน้ำทะเลเลยแม้แต่น้อย

     “งั้นก็ลงไปดิ...”

     “ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวตัวเปียก”

     “ไรว้า คิดจะเล่นน้ำแต่กลัวเปียก ใช้ได้ที่ไหนต้น ฮ่าๆ”

     “ผมหมายถึงว่า ถ้าผมตัวเปียกน้ำทะเลแล้วพี่ชัชจะพาผมกลับยังไงต่างหาก เดี๋ยวรถพี่ชัชก็เหม็นกันพอดี เบาะผ้าด้วย...”

     ต้นน้ำบ่นอย่างขัดใจหน้างอ ส่งผลให้ชัยชัชขำกลิ้ง

     “อุ๊บ! ฮ่าๆ”

     ชัยชัชปล่อยเสียงหัวเราะดังกระหึ่มออกมาจนน้ำตาเล็ด

     “ไอ้เด็กแม่บ้านเอ้ย!”

     คำเรียกล้อเลียนของชัยชัชทำให้ต้นน้ำรู้สึกฉุนหน่อยๆ การที่เขารักความสะอาด ชอบทำอะไรให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมันผิดตรงไหน เพราะถ้าปล่อยเอาไว้จนหมักหมม ผลสุดท้ายคนที่ต้องลำบากมาเก็บกวาดทีหลังก็ไม่พ้นเขานั่นแหละ

     'กันเอาไว้ได้ก็กันเอาไว้ก่อน ไม่เห็นจะเสียหายเลย'

     “ช่างรถพี่เหอะ ว่าแต่เราเถอะ อยากเล่นน้ำรึเปล่า?”

     “ก็... อยากนิดหน่อยครับ”

     “งั้นก็ดี ไปเล่นเป็นเพื่อนพี่กัน ไหนๆ คืนส่งท้ายปีทั้งที”

     ชัยชัชว่าพลางจูงมือของต้นน้ำเดินออกไปทางลานจอดรถ

     “ไหนบอกจะพาผมไปเล่นน้ำ...”

     “ก็ใช่ แต่ไม่ใช่ที่นี่ นี่มันร้านอาหารไม่สนุกหรอก ต้นอยากว่ายน้ำไม่ใช่เหรอ? ว่าแต่... เราเอาชุดว่ายน้ำมารึเปล่า?”

     “ก็... เอามาครับ”

     “ดี งั้นตามพี่มา”

     และแล้ว... ชัยชัชก็ขับรถพาต้นน้ำกลับมาถึงโรงแรม

     “นี่มันโรงแรมไม่ใช่เหรอครับพี่ชัช?”

     “เออ ก็ใช่ดิ”

     “อ้าว ไหนบอกว่า...”

     “ก็นี่มันวันสิ้นปีที่ไหนๆ ก็คนเยอะ โรงแรมนี่แหละแจ่มสุดแล้วคนไม่ค่อยเยอะ เปียกแล้วก็เดินกลับห้องอาบน้ำนอนได้เลยไง”

     หมาป่าขี้โกงชัยชัชออกตัวดริฟจนสีข้างถลอกไม่พอ เขายังมีหน้าหันมายักคิ้วกวนๆ ส่งให้ต้นน้ำเด็กหนุ่มแสนซื่อที่ถูกหลอก!

     'พี่ชัชนะพี่ชัช!'

     ต้นน้ำได้แต่นึกระอาคุณพี่ขี้แกล้งอยู่ในใจ ลูกเล่นแพรวพราวจนเขาตามไม่ทันจริงๆ สมแล้วที่เป็นยอดผู้แทน คารมระดับราชา ล่อลวงให้เขาตายใจได้สนิท!

     'เอาเถอะ ยอมให้ก็ได้ เห็นว่าวันนี้เหนื่อยหรอกนะ'

     “ยิ้มไรอ่ะเรา”

     “เปล่าครับ”

     เพราะทั้งๆ ที่ปากตอบว่าเปล่า แต่ต้นน้ำกลับยิ่งอมยิ้มมีสีหน้าซุกซนมากกว่าเดิม ชัยชัชจึงเกิดความรู้สึกหมั่นเขี้ยวต้นน้ำขึ้นมา ชายหนุ่มเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะอีกฝ่ายอย่างเมามันพร้อมทั้งกึ่งลากกึ่งจูงเด็กหนุ่มเดินตรงไปทางห้องพัก

     “โอ๊ย! พี่ชัชอ่ะ เอาอีกแล้ว!”

     “ก็เรามันกวนนักนี่”

     เมื่อมาถึงห้องพัก ชัยชัชให้ต้นน้ำเข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ ส่วนตัวเขาจัดการถอดเสื้อผ้ามันกลางห้องแบบง่ายๆ กางเกงยีนส์กับเสื้อผ้าใช้แล้วถูกถอดวางพาดไว้ตามพนักเก้าอี้ ส่วนเจ้าตัวก็กำลังรื้อค้นหากางเกงว่ายน้ำของตนเองในกระเป๋า

     “พี่ชัชครับ?”

     “เออ มีไร”

     “เอ่อ... พี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จรึยังครับ?”

     เสียงหวั่นๆ ของต้นน้ำดังขึ้นจากในห้องน้ำ แต่ทว่าเด็กหนุ่มกลับยังไม่ยอมออกมาจากในนั้น ชัยชัชนึกขำ เขารีบใส่กางเกงว่ายน้ำที่หาเจอแล้วและนำผ้าเช็ดตัวมาพันไว้พลางตะโกนบอก

     “ยังเลย พี่หากางเกงว่ายน้ำไม่เจอว่ะ ต้นช่วยพี่หาหน่อยสิ”

     “เอ่อ จะดีเหรอครับ?”

     “เออน่า มาช่วยหน่อย เดี๋ยวก็อดว่ายน้ำกันหรอก”

     “แล้วพี่ชัช ...”

     “ไม่เป็นไร พี่นุ่งผ้าเช็ดตัวไว้แล้ว”

     ต้นน้ำจึงยอมเดินออกมาจากห้องน้ำ มาหยุดอยู่เคียงข้างชายหนุ่มและลงมือช่วยหากางเกงว่ายน้ำ ชัยชัชเหลือบมองต้นน้ำก่อนจะแกล้งทำเป็นยุ่งกับการหากางเกงว่ายน้ำต่อ

     “เอ... อยู่ไหนว้า”

     'อื้อหื้อ! ขาวชะมัดเลยว้อย ถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็เอวบางร่างน้อยเหมือนกันนี่หว่า ติดจะผอมไปหน่อยแฮะ อืม... แต่แขนขานี่แทบไม่มีขน เนียนดีจริงๆ ขนาดกางเกงว่าเอวต่ำแล้วยังไม่เห็นแพลมออกมาซักเส้น แถมยังก้นงอนชะมัด ยิ่งพอใส่กางเกงว่ายน้ำแบบนี้แล้วเซ็กซี่ชิบหาย จะว่าไปไอ้ต้นก็รูปร่างกลางๆ นี่หว่าไหล่ก็ไม่หนา เห็นไหปลาร้าเลย…'

     “พี่ชัชเก็บไว้ในกระเป๋านี้แน่เหรอครับ?”

     “อืม”

     “อยู่ใต้กองเสื้อผ้าใช้แล้วของพี่รึเปล่าครับ? ผมบอกแล้ว ให้ถอดเสื้อผ้าแล้วพับเก็บให้เป็นที่”

     “ไม่รู้ดิ”

     ชัยชัชว่าพลางยิ้มเผล่มองดูต้นน้ำรื้อกองเสื้อผ้าของเขาออกมาทีละชิ้นแล้วจัดการพับเก็บให้ ก่อนจะลงมือค้นหาต่อตามบรรดาช่องน้อยใหญ่ในกระเป๋าเดินทาง เด็กหนุ่มในชุดว่ายน้ำเคลื่อนไหวร่างกายไปมา ก้มๆ เงยๆ เอื้อมมือดันร่างตัวเองสลับกับยืดตัวขึ้นไม่หยุดอยู่กับที่ ภาพที่เห็นส่งผลกระทบทางอารมณ์กับชัยชัชคล้ายดังไฟที่ระอุด้วยท่อนฟืน แม้จะไม่ร้อนแรงแต่ก็ลุกลามอย่างเงียบเชียบและมอดไหม้ได้นานยิ่งกว่าเปลวเพลิงจากไม้ขีดไฟ ใช้เวลาสักพักต้นน้ำจึงรู้สึกผิดสังเกต

     “พี่ชัช?”

     “คร้าบ น้องต้น”

     “มองอะไรครับ ไม่หากางเกงแล้วเหรอ?”

     ต้นน้ำต่อว่าคนอู้แก้เก้อ เขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ เพราะสายตาโลมเลียของชัยชัชจนขนลุกซู่

     “ก็...กางเกงว่ายน้ำน้องต้นน่ารักดี พี่ก็เลยมองเพลิน”

     เพียงเท่านั้น ต้นน้ำก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักจะคิดผิดเสียแล้วที่ตอบตกลงไปว่ายน้ำเล่นกับชัยชัช!

     แม้กางเกงว่ายน้ำที่เขาใส่จะเป็นกางเกงว่ายน้ำขาสั้นทั่วๆ ไปแบบที่ใครๆ ก็ใส่กัน แต่เมื่อถูกมองด้วยดวงตาซุกซนแบบนี้ ต้นน้ำเองก็ชักจะประหม่าทำอะไรไม่ถูกพอสมควร

     “ก็ว่ายน้ำนี่ครับ ก็ต้องใส่แบบนี้”

     “ครับ แต่แหม เสียดายนะ น่าจะใส่แบบบิกินี่ หึๆ”

     “ถะ ถ้าพี่ชัชหากางเกงว่ายน้ำไม่เจอ งั้นผมขอตัวไปว่ายน้ำคนเดียวก็ได้ครับ ผมไปล่ะ!”

     ว่าแล้วต้นน้ำก็เดินหนีไปยังหน้าต่างริมระเบียง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอื้อมไปเปิดม่านให้ตัวเองออกไปยังระเบียงภายนอก  อ้อมแขนของชัยชัชก็กระหวัดเข้ามาซะก่อน ต้นน้ำจึงโดนอีกฝ่ายรวบตัวไว้จากด้านหลัง

     “เดี๋ยวดิครับน้องต้น ไม่รอพี่เลยอ่ะ”

     แม้ชัยชัชจะใช้เสียงในโทนออดอ้อน แต่การชิดใกล้ในระยะเนื้อแนบเนื้อแบบนี้ก็ทำให้ต้นน้ำใจสั่น เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงอาการขนลุกซ่านไปทั้งตัวแบบแปลกๆ สัมผัสแนบชิดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ชวนให้ต้นน้ำรู้สึกปั่นป่วนจนแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่

     “ก็... ก็ พี่ชัชหากางเกงว่ายน้ำไม่เจอ แล้วจะเล่นน้ำได้ยังไงละครับ”

     “อืม... งั้นพี่แก้ผ้าเล่นดีมั้ย ไหนๆ ก็ไหนๆ สี่ทุ่มกว่าแล้ว ไม่มีใครมองหรอก”

     เสียงทุ้มๆ ที่จงใจพูดอยู่ข้างหูผสานกับลมหายใจร้อนๆ เพราะความใกล้ชิดชวนให้ต้นน้ำสติแตก!

     “ไม่ดีมั้งครับ”

     แต่ทว่าชายหนุ่มกลับเฉไฉไปอีกเรื่อง

     “น้องต้นนี่ตัวผอมจังนะครับ ดูสิพี่โอบรอบเอวน้องต้นได้เลย ตัวก็เล็กนะเนี่ย”

     พูดไม่พูดเปล่าชัยชัชยังจงใจเอาคางมาเกยไว้ที่ไหล่ของเด็กหนุ่ม พอถูกหยามแบบนี้ต้นน้ำก็ฉักจะฉุนขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน อารมณ์เขินอายหายวับ!

     “ผมไม่ได้ตัวเล็กครับผมสูงตั้งร้อยเจ็ดสิบแล้ว ละก็ยังไม่หมดวัยด้วยยังสูงได้อีก พี่ชัชนั่นแหละครับตัวใหญ่เกินไป แถมยังมีพุงอีก!”

     ต้นน้ำกัดตอบไปแบบปากร้ายนิดๆ เขาสาบานเลยว่าเขาไม่ได้พูดเพราะเพียงแค่อยากจะเอาคืนชัยชัช เพราะต้นน้ำรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่แนบชิดหลังเขาอยู่จริงๆ ท้องอุ่นๆ ของชายหนุ่มนั้นนาบกับแผ่นหลังของเขาอยู่!

     'โอเค ถึงพุงพี่ชัชจะไม่มีไขมัน แต่ก็ใช่ว่าจะมีกล้ามหรอก ว่าแต่ว่า... ไอ้แข็งๆ นั่น ขอให้เป็นแค่พุงเถอะ!'

     “เออๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ เรานี่ก็...”

     ดูเหมือนว่าต้นน้ำจะไปสะกิดโดนจุดต้องห้ามของชัยชัชพอดี เขาจึงออกอาการงอนนิดๆ เป็นทีให้ต้นน้ำหาเรื่องมาเกทับแกล้งกลับได้ สองสิ่งที่ผู้ชายเลยวัยสามสิบกลัวกันมากที่สุดก็คือเรื่องลงพุงกับหัวล้านนี่แหละ!

     “เห็นมั้ยล่ะ เพราะพี่ชัชเอาแต่ดื่มเบียร์นั่นแหละครับเลยลงพุง”

     “อ้าว ก็มันช่วยไม่ได้นี่หว่ามันเป็นงานนี่นา ว่าแต่เราเถอะมาว่าพี่ลงพุง”

     ว่าแล้วชัยชัชก็จับมือของเด็กหนุ่มไปแปะอยู่บนหน้าท้องของตัวเอง

     “ไหนบอกดิ๊ว่าพี่ลงพุงตรงไหน ตรงส่วนไหนที่เป็นไขมันที่เราว่า?”

     หมาป่าแก้เกมกลับมาขย้ำลูกแกะทีเผลอ!

     “พี่ชัช!”

     ต้นน้ำไม่คิดว่าชัยชัชจะมาไม้นี้ แถมว่าแล้วชัยชัชก็ชักจะเลื่อนมือของต้นน้ำลงต่ำขึ้นเรื่อยๆ และ...

     “พี่ชัชปล่อยนะครับ”

     “ก็พี่ก็กำลังให้น้องต้นสำรวจไขมันพี่อยู่ไงครับ อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวผ้าพี่หลุดนะ!”

     พอได้ยินดังนั้นต้นน้ำก็มีสีหน้าเหวอสุดๆ ไม่กล้าขยับเขยื้อนมือตัวเองไปไหนอีก รวมไปถึงแทบจะแข็งไปทั้งตัวไม่กล้ากระดิกกระเดี้ย เล่นเอาชัยชัชหัวเราะอยู่ในลำคอจงใจแกล้งเผด็จศึกจบเกมอีกฝ่ายโดยเร็ว

     “อุ๊ยผ้าหลุด!”

     ฝ่ายหนึ่งแกล้งกระตุกผ้าเช็ดตัวของตัวเอง ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งรีบยกมือขึ้นไปปิดตาตัวเอง แต่ดูเหมือนจะช้ากว่า เพราะมืออีกข้างที่ว่างจากการกระตุกผ้าของชัยชัชนั้นแกล้งปัดมือของต้นน้ำอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองข้างที่เสร็จสิ้นภาระกิจเปลื้องผ้าตามมาช่วยง้างมือของต้นน้ำเอาไว้ ส่งผลให้เด็กหนุ่มหลับตาปี๋!

     'ไม่เอานะ ไม่อยากเห็นมังกรยักษ์ตอนนี้!'

     “ต้น ลืมตาสิครับ”

     “ไม่เอาอ่ะพี่ชัชอย่าแกล้งผม”

     ต้นน้ำเองก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองจะอายอะไร เขารู้แต่ว่าไม่อยากเห็น ไม่อยากมอง แค่นี้เขาก็แทบจะ... แทบจะคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว

     “เราจะอายอะไรเล่า ก็เห็นกันทั้งตัวมาแล้ว”

     “ก็มันไม่เหมือนกันนี่ ตอนนั้นพี่ชัชเมาหลับนี่ครับ! ปล่อยผมนะ ไปนุ่งผ้าให้เรียบร้อยเลยด้วย!”

     “อ้าว ตอนพี่หลับกับตอนที่พี่ตื่น มันไม่เหมือนกันเหรอครับ?”

     ต้นน้ำเต้นเร่าๆ อย่างดีดดิ้นพลางละลักละล่ำบอกให้ชัยชัชไปใส่เสื้อผ้า ชัยชัชเห็นอีกฝ่ายออกอาการดังนั้นก็เลยสำนึกได้ว่าครั้งนี้คงจะเผลอแกล้งแรงไปจริงๆ

     “ต้น ลืมตาได้แล้ว พี่ไม่แกล้งเราแล้วครับ”

     เมื่อเห็นว่าต้นน้ำยังไม่ยอมลืมตาเสียทีชัยชัชจึงทำเสียงเข้มๆ ดุอีกฝ่ายไป

     “ไอ้ต้น! ลืมตา!”

     คงเพราะเสียงดุๆ นั่นเองที่ทำให้ต้นน้ำเผลอสะดุ้งจนลืมตาขึ้นมาตามคำสั่งของชัยชัชทันที และเมื่อต้นน้ำลืมตาขึ้นจึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายใส่กางเกงเซิร์ฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว

     ชายหนุ่มขี้แกล้งเดินหัวเราะร่านำออกไปที่ระเบียงก่อนจะกระโจนลงน้ำและส่งเสียงท้าทายขึ้นมายั่วเด็กหนุ่ม ทิ้งให้อีกฝ่ายต้องออกอาการขัดใจอยู่เพียงผู้เดียว

     “ไปต้นไปว่ายน้ำกัน แข่งกับพี่ป๊ะ? รอบใหญ่ไหวป้าว”

     'แกล้งยั่วกันเสร็จแล้วยังมีหน้ามาหาเรื่องท้าผมอีกนะพี่ชัช คอยดูเถอะจะว่ายแซงให้ได้เลย!'

     ท้ายที่สุด คนไม่ค่อยออกกำลังกายแบบต้นน้ำก็เป็นฝ่ายแพ้ชัยชัช ชายหนุ่มทั้งแกล้งทั้งกวนจนต้นน้ำเสียสมาธิว่ายตามไม่ทัน และเมื่อถึงตอนนั้นชัยชัชก็จะชะลอตัวรอต้นน้ำพลางส่งเสียงเย้ยเบาๆ และเมื่อเด็กหนุ่มตามมาทันเขาก็จะออกตัวนำไปอีกครั้ง

     กว่าจะรู้ตัวต้นน้ำก็ตัวเปื่อยหน้าซีดปากสั่นพอสมควร ชัยชัชจึงชวนกลับห้องพัก เขาไล่ให้ต้นน้ำไปอาบน้ำก่อนเพราะอาการน่าเป็นห่วงส่วนตัวเองรออาบทีหลังเพราะอึดกว่า และเมื่อชัยชัชอาบน้ำเสร็จแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กคล้องไว้บนไหล่

     “ต้น เช็ดหัวให้พี่หน่อย”

     “ครับ?”

     อีกเพียงสิบนาทีกว่าๆ ก็จะเที่ยงคืนแล้ว ต้นน้ำที่กำลังนั่งดูรายการถ่ายทอดสดบรรยากาศเคาท์ดาวน์ปีใหม่อยู่บนเตียงหันไปทางชัยชัชที่กำลังยื่นศีรษะเปียกชื้นมาให้เขาเช็ดให้ ผิดกับตัวเขาที่จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วก่อนออกจากห้องน้ำ

     “ทำไมไม่ใช้ไดร์ในห้องน้ำละครับ”

     ชัยชัชมองหน้าต้นน้ำก่อนจะตอบเรียบๆ ว่า

     “เออน่า เช็ดให้พี่หน่อย พี่ชอบให้คนทำให้ สมัยอยู่กับฟ่างๆ ทำให้พี่ตลอดแหละ”

     เจอแบบนี้เข้าไป ต้นน้ำก็รู้สึกตื้อๆ ในอกขึ้นมาทันที

     'พี่ฟ่างอีกแล้ว....'

     ต้นน้ำขยับมือเช็ดผมให้ชัยชัชอย่างเบามือ แม้ร่างกายจะจดจ่อกับงานแต่ใจของเขากลับลอยไปไกลจมอยู่ในวังวนความอิจฉาเล็กๆ ที่ผุดขึ้นในใจ

     “นี่ ไม่ถามพี่เหรอว่าทำไมถึงให้ต้นทำให้”

     “ครับ?”

     อาจจะเพราะใจลอย ต้นน้ำจึงยังฟังไม่ได้ศัพท์

     “เอาอีกแล้วนะเรา ใจลอยอีกแล้ว พี่ถามเราว่าจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าทำไมพี่ถึงให้เรามาเช็ดหัวให้พี่”

     “แล้วเพราะอะไรล่ะครับ?”

     “ตอนเด็กๆ พี่ชอบให้คนมาลูบหัวพี่ มันสบายดี พอพี่มีเมีย พี่เลยชอบให้เมียเช็ดผมให้ ตอนนี้คนที่พี่ยอมให้โดนหัวพี่ก็มีแต่แม่กับเมียเท่านั้นแหละต้น”

     'ผมไม่เข้าใจ พี่ชัชหมายความว่ายังไง?'

     ต้นน้ำสับสนงุนงงจนพูดอะไรไม่ออก เขาไม่เข้าใจว่าการที่ชัยชัชชอบให้คนเช็ดผมมันเกี่ยวอะไรกับเมียของชายหนุ่ม

     “อ้าว! ทำหน้างงอีก ก็เราน่ะเป็นเมียพี่ไม่ใช่เหรอ?”

     ชัยชัชยิ้มขำๆ พลางนอนหนุนตักของ“เมีย”ตัวเอง

     “พี่ชัช!”

     เพราะคำพูดที่ชัยชัชใช้แซวตัวเองในครั้งนี้ตรงเกินไป ต้นน้ำจึงตกใจ ถ้อยคำเรียบง่ายนั้นมีความหมายมากมายจนเขาตั้งตัวไม่ติด!

     “ทำไมครับ? พี่พูดอะไรผิดเหรอ ก็คืนนั้น...”

     โดนแซวแค่นั้นเขาก็เขินอายจนพูดอะไรไม่ออก อารมณ์ใจลอยน้อยใจเมื่อครู่ของต้นน้ำหายไปจนเหลือแต่อาการเขินจัดไม่กล้าสบตา การที่ชัยชัชเรียกเขาเช่นนี้มันมากเกินกว่าที่เขาคาดหวังไว้จริงๆ

     'พี่เขายอมรับเราแล้ว'

     ชัยชัชจับมือของต้นน้ำมาจุมพิตเบาๆ ก่อนจะกุมไว้ที่หัวใจของตน แล้วถามบางอย่างออกไปเพื่อยืนยันในสิ่งที่ตัวเองคิด

     “ต้น สารภาพกับพี่มาตามตรงได้มั้ย คืนนั้นน่ะ ต้นยังไม่ได้เป็นของพี่ใช่มั้ยครับ?”

     แม้จะตกใจที่ชัยชัชรู้เรื่องที่ถูกเขาหลอกแล้ว แต่ต้นน้ำก็ไม่แน่ใจว่าควรจะตอบไปอย่างไรจึงได้แต่อ้ำอึ้ง

     “ดูดิ แค่พี่แซวต้นแค่นี้ก็หน้าแดง แกล้งหอมแก้มต้นไปทีต้นก็เขินจนแทบไม่กล้ามองหน้าพี่ แล้วจะให้พี่เชื่อเหรอครับว่าเด็กเรียบร้อยอย่างต้นจะแรดพอที่จะยั่วพี่ตอนเมาๆ ละถ้าพี่เมาหนักขนาดจำอะไรไม่ได้แบบนั้น พี่ว่าพี่คงไม่มีแรงไปทำไรต้นแล้วล่ะ ถึงพี่ไม่รู้ว่าต้นจะหลอกพี่ไปทำไม แต่พี่สัญญากับต้นไว้แล้วพี่ก็จะทำตาม พี่ถือว่าพี่ต้องรับผิดชอบ แล้วพี่ก็คิดไม่ผิด น้องชายพี่คนนี้เป็นเด็กดีไม่ทำให้พี่ผิดหวัง ถึงตอนแรกพี่จะสงสัยว่าต้นทำแบบนั้นไปทำไม แต่พี่ว่าพี่ได้คำตอบแล้วล่ะครับ ต้นแอบรักพี่ใช่มั้ย?”

     ชัยชัชมองใบหน้าแดงก่ำที่ขึ้นสีถึงขีดสุดของต้นน้ำแล้วรู้สึกยินดีอย่างบอกไม่ถูก

     'แม่ง น่ารักโคตรๆ ให้กูเป็นเกย์กูก็ยอมวะ ถ้าได้ไอ้ต้นทำเมีย'

     ต่อให้ต้องเป็นเกย์ก็ช่างชัยชัชไม่สนอะไรอีกแล้ว ร่างกายของเขาพร้อมจะมีเซ็กส์กับทุกคนที่เขาพึงตาต้องใจ แม้จะไม่เคยมีใจในรสสัมผัสของผู้ชายด้วยกันมาก่อน แต่กับต้นน้ำ เด็กคนนี้ทำให้เขาอยากสัมผัส ความร้อนที่แผดเผาอยู่นั้นไม่แพ้บรรดาเด็กสาวไซด์ไลน์ที่เขาเคยใช้บริการ แต่ต่างกันตรงที่เด็กคนนี้ชวนให้เกิดความรู้สึกอิ่มเอมใจอยากทะนุถนอมให้เป็นสมบัติของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว เป็นการเติมเต็มที่เขาเฝ้ารอเหมือนเมื่อตอนแรกที่เขาได้พบรักกับฟ่าง

     ตอนนี้เขาหลงรักเด็กผู้ชายคนหนึ่งหัวปักหัวปำ! เด็กคนนี้ทำให้เขารักได้อย่างง่ายดาย แม้ความรู้สึกมันจะแตกต่างกับตอนที่เขารักฟ่าง แต่ความดีและทุกๆ การกระทำของต้นน้ำที่แสดงออกว่ารักเขานั้นทำให้เกิดความเอ็นดู สายตาอมทุกข์และรอยยิ้มเศร้าๆ ทำเอาเขาใจหายอยากช่วยปัดเป่าเฆมหมอกในใจของเด็กหนุ่ม รอยยิ้มและเสียงหัวเราะนำพาให้เขามีความสุขเผลออมยิ้มตามไปด้วย สีหน้าเขินอายยามถูกแกล้งชวนเขาต้องการกลั่นแกล้งเด็กหนุ่มให้มากกว่าเดิม เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่ได้มองต้นน้ำเป็นแค่น้องชายอีกต่อไป เพราะพี่ชายจะไม่มีวันอยากครอบครองน้องชายตัวเอง!

     กับฟ่างเขาอยากเป็นสามีที่ดีของเธอ สร้างครอบครัวด้วยกัน มีเธอเป็นแม่ของลูก มีเจ้าหญิงตัวน้อยที่ถอดแบบหน้าตาจิ้มลิ้มมาจากผู้เป็นแม่ เขาอยากได้ลูกสาวน่ารักๆ ที่สุด มันคงจะดีไม่น้อยถ้าหากเป็นเช่นนั้น ฟ่างจึงเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขามุ่งมั่นแอคทีฟตัวเองเพื่ออนาคต เพื่อเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับเธอ แต่เขาก็ยังไม่ดีพอเธอจึงทิ้งเขาไป

     แต่กับต้นน้ำความรู้สึกทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง เขาไม่จำเป็นต้องพยายามอะไรมากมาย เพียงแค่เป็นตัวเองเท่าที่เป็นอยู่ เพียงแค่นั้น ต้นน้ำก็มอบความรักให้เขาอย่างไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน ราวกับพร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาทุกๆ สถานการณ์ ต้นน้ำทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย มีช่วงเวลาสบายๆ ทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ต้องกังวลว่าตนจะดีพอสำหรับเด็กหนุ่มหรือเปล่า เขาเสพติดความรู้สึกนี้จนอยากจะให้ต้นน้ำอยู่ข้างกายเขาไปตลอด เพราะต้นน้ำนั้นดีเกินพอสำหรับผู้ชายอย่างเขาแล้ว

     สายตาของชัยชัชจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทของต้นน้ำ สีหน้าจริงจังแบบที่ต้นน้ำไม่เคยเห็นมาก่อนกำลังบ่งบอกอะไรบางอย่างกับเขา

     'ในที่สุด ดวงตาของพี่ชัชมีภาพของเราสะท้อนออกมาแล้ว เรามีตัวตนในสายตาของพี่ชัชแล้ว!'

     ความรู้สึกของชัยชัชส่งผ่านความกล้ามาทางสายตา ความอบอุ่นที่แผ่จากมือของชายหนุ่มก็เพิ่มความมั่นใจให้ต้นน้ำ เวลาที่เขารอคอยมาถึงแล้ว ต้นน้ำรู้ดีว่าตนจะไม่ถูกปฏิเสธแน่นอน!

     “ผม... ผม”

     “ครับน้องต้น?”

     “ผม รักพี่ชัชครับ”

     ได้ยินแล้วชัยชัชก็ยิ้ม เขาหัวเราะน้อยๆ อย่างถูกใจ เจ้าลูกแกะตัวน้อยยอมเป็นเหยื่อของเขาแล้ว!

     “ครับพี่รู้ เราน่ะแอบรักพี่มาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ยล่ะ? หึๆ”

     อาจจะเพราะถูกจับได้ ต้นน้ำจึงออกอาการเขินอายอีกครั้ง

     “เล่าให้พี่ฟังทีสิครับว่าต้นแอบชอบพี่มาตั้งแต่ตอนไหน? เรารู้จักพี่ได้ยังไง ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเจอเราด้วยซ้ำ”

     “ต้องเล่าด้วยเหรอครับ?”

     “เล่าสิครับ ก็พี่อยากฟังนี่นา คิดดูสิ ต้นเป็นฝ่ายมาชอบพี่ก่อนแท้ๆ แต่พี่ต้องเป็นคนสารภาพรักอ่ะ ไม่ยุติธรรม เพราะงั้นต้นต้องบอกพี่มาเลยว่าต้นรักพี่ได้ยังไงตั้งแต่ตอนไหน”

     แม้จะอ้ำอึ้งอยู่นาน แต่สุดท้าย ต้นน้ำก็ยอมเปิดปาก

     “พี่ชัชอาจจะจำผมไม่ได้ แต่ว่า... ความจริงเราเจอกันครั้งแรกเมื่อราวๆ สามสี่ปีก่อนครับ”

     “หือ! นานขนาดนั้นเลยเหรอ?”

     ต้นน้ำพยักหน้าด้วยท่าทางเขินอายก่อนจะเล่าต่อไป

     “วันนั้นผมไปกับแม่สองคน แม่ผมตัดสินใจว่าจะย้ายจากอพาร์ทเม้นท์เก่ามาซื้อคอนโดอยู่ที่นี่ แต่ระหว่างที่แม่ผมกำลังจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ กับเซลล์อยู่ ผมปวดท้องเลยไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็... เอ่อ... ผมเจอ... ผมเจอกับพี่ชัชวันนั้นแหละครับ”

     ต้นน้ำอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนไม่อยากพูดอะไรต่อ เขาจึงตัดบทการเล่าแต่เพียงเท่านั้น ปล่อยให้อีกฝ่ายใช้ความคิด นึกต่อเอาเอง

     'หือ? คุ้นๆ นะ'

     “อ๋อ! พี่จำได้แล้ว! เราคือไอ้เด็กตัวเล็กๆ คนนั้นที่โดนฝรั่งลวนลามจนร้องไห้ใช่ป่ะ?”

     'โธ่! พี่ชัชอ่ะ ไม่เห็นต้องพูดออกมาก็ได้ ผมอายนะครับ'

     “ก็ตอนนั้นผมยังเด็กนี่ครับ ตัวก็ต้องเล็กเป็นธรรมดา”

     ภาพของเด็กน้อยที่ร้องไห้ตะโกนแต่คำว่า “โนๆ” ลั่นปรากฏขึ้นในความทรงจำ

     'สเปคเกย์เฒ่าหัวงูมากเลยต้น'

     “โหย... นั่นเราเหรอนั่น เรื่องนั้นมันนานมากเลยนะ พี่นึกไม่ถึงเลยว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้”

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
     เหตุการณ์ในครั้งนั้น อันที่จริงชัยชัชลืมไปหมดแล้ว ถ้าไม่ใช่ต้นน้ำพูดขึ้น เขาก็คงไม่นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก วันนั้นฟ่างชวนเขามาดูคอนโดเช่นเดียวกัน แต่เผอิญเขาปวดฉี่เลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำ และเมื่อไปถึงห้องน้ำก็เจอชายชาวต่างชาติกำลังยื้อยุดข้อมือของเด็กตัวน้อยๆ คนหนึ่งอยู่ในนั้น

     ด้วยความเป็นพลเมืองดีเขาจึงเข้าไปห้าม แต่พอเด็กน้อยคนนั้นหลุดออกจากอุ้งมือมารฝรั่งได้ก็รีบวิ่งหนีหายไป ส่วนฝรั่งคนนั้นก็อารมณ์เสียสบถใส่เขาสองสามคำแล้วก็เดินหนีออกไปเช่นกัน เขาจึงเข้าห้องน้ำต่อแบบงงๆ เรียกได้ว่าแม้แต่หน้าเด็กชัยชัชยังมองไม่ชัดเลยด้วยซ้ำ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วเสียจนเขาไม่ได้ใส่ใจจำ

     “ครับ ผมก็ไม่คิดว่าโลกมันกลมเหมือนกัน ตอนที่เห็นพี่ชัชกับพี่ฟ่างเดินออกมาจากห้องข้างๆ ห้องผมกับแม่”

     “อ้าว? แล้วเราจำพี่ได้ยังไง พี่ยังจำหน้าเราไม่ได้เลย”

     “ก็... ก็วันนั้น พอผมหนีออกมาได้แล้วตอนแรกก็ว่าจะไปขอบคุณพี่ชัชอยู่ แต่ไม่กล้าก็เลยมองตามอยู่ห่างๆ ครับ แล้วผมก็เห็นพี่ฟ่าง แต่ตอนนั้นผมกำลังตกใจแถมอายด้วยก็เลยไม่กล้าเข้าไปคุย”

     “เล่ามาแบบนี้ไม่ใช่ว่าเราแอบปิ๊งพี่มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะ! ไวไฟนะเราน่ะ หึๆ”

     เพราะกังวลว่าชัยชัชจะมองตนเว่าเป็นเด็กใจแตก ต้นน้ำจึงรีบแก้ตัว

     “มะ มะใช่นะครับ! ตอนนั้นผมประทับใจพี่ก็จริง แต่... ผมมาเริ่มชอบพี่จริงๆ จังๆ ตอนที่... ตอนที่บางทีพี่ฟ่างเขามาคุยเรื่องพี่ชัชให้ผมฟังต่างหาก ผมก็แค่รู้สึกว่า... นอกจากจะพี่จะหล่อแถมยังใจดีแล้ว พี่ชัชก็เป็นผู้ชายที่ดีมากๆ พี่ฟ่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีสุดๆ แล้วผมก็เลย... แอบอิจฉาพี่ฟ่างนิดหน่อย”

     ต้นน้ำอ้อมแอ้มตอบด้วยความเขินอาย แต่ชัยชัชกลับไม่ได้สนใจตรงจุดนั้น

     “...เรารู้จักฟ่างด้วย?”

     “ครับ”

     “ให้ตายเถอะ พี่ไม่รู้เลยนะเนี่ย!”

     ชัยชัชระบายลมหายใจอย่างเซ็ง เขาคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย ต้นน้ำเห็นท่าไม่ดีจึงรีบแก้ตัว

     “ก็... ไม่ได้รู้จักสนิทมากหรอกครับ แต่ก็เคยเจอกันบ้าง บางทีพี่ฟ่างก็ให้ขนมกับผมเพราะเธอรู้ว่าผมอยู่คนเดียว บางทีเวลาเธอไม่สบายใจก็เลยอาจจะมีหลุดๆ ปากเรื่องพี่ชัชมาบ้าง”

     “ไอ้เรื่องไม่สบายใจที่ว่านี่บ่นพี่ละสิ”

     “ก็...ก็ทำนองนั้นแหละครับ”

     ต้นน้ำรับคำเสียงอ่อยๆ เพราะในอดีตบางครั้งบางช่วงของบทสนทนาก็อาจจะมีเนื้อหาที่ข้าวฟ่างพี่สาวห้องข้างๆ เผลอระบายเรื่องที่ตนทะเลาะกับแฟนซึ่งก็คือชัยชัชให้ต้นน้ำฟัง

     “แล้วไงต่อ?”

     เสียงเข้มๆ ของชัยชัชนั้นเริ่มทำให้ต้นน้ำผวา

     “เอ่อ... แต่... ผมไม่รู้จริงๆ นะครับ เรื่องที่พี่ฟ่างเขาไปคบกับคนอื่น ผมมารู้อีกทีก็ตอนวันที่พี่ฟ่างกลับมาเก็บของแล้ว พี่เขาแวะมาตอนที่พี่ชัชไม่อยู่ แล้วก็เลยแวะเอาขนมมาให้ผม บอกว่าเลิกกับพี่ชัชแล้ว ละก็ฝากให้ผมช่วยดูห้องให้บ้าง เพื่อมีคนอยากมาดูห้อง”

     ชัยชัชถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ ว่า

     “งั้นก็แปลว่าเรารู้เรื่องพี่มาตลอด แต่พี่กลับไม่รู้จักเราเลย เฮ้อ! ทั้งๆ ที่พี่เป็นผู้ชายห่วยแตกขนาดนี้ แล้วต้นรักพี่ตรงไหนเหรอครับ?”

     ‘อย่าเอาเรื่องเซ็งๆ ของแฟนเก่ามาใส่ใจตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับแฟนใหม่สิวะไอ้ชัช!’

     พอนึกถึงวีรกรรมเด่นๆ ที่เคยทำไว้สมัยตอนยังคบกับฟ่างจนทะเลาะกันแต่ละครั้ง ชัยชัชก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา เขาไม่อยากให้ต้นน้ำรู้จักด้านเลวๆ ของเขาไปมากกว่านี้ เขาอยากให้ต้นน้ำเห็นแต่ภาพลักษณ์ของพี่ชายข้างห้องผู้แสนดีตลอดไป ชายหนุ่มจึงรีบปรับอารมณ์ของตัวเองให้กลับมาเข้าโหมดดีๆ ดังเดิม

     “ก็... ไม่รู้สิครับ พอเคยมองตามพี่ชัชไปครั้งนึงแล้วผมก็เลิกไม่ได้ ยิ่งรู้ว่าพี่เลิกกับพี่ฟ่าง ผมก็ ... แถมตอนช่วงอกหักพี่ชัชยังทำตัวเละเทะอีก ผมก็เลยอดหงุดหงิดแทนพี่ฟ่างไม่ได้มั้งครับ เพราะพี่ชัชอาการน่าเป็นห่วงมากๆ พอรู้ตัวอีกที ผมก็...”

     “จากหวงแทนคนอื่นก็กลายเป็นรักพี่แทน?”

     ชัยชัชยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางดึงข้อมือของคนแอบรักมาประทับรอยจูบ แววตาวิบวับของชัยชัชเรียกสีเลือดให้แผ่ซ่านอยู่บนแก้มของต้นน้ำ

     “สตอล์กเกอร์นะเราน่ะ หึๆ”

     “พี่ชัชก็...”

     “ขอบคุณนะครับต้น ขอบคุณที่รักและคอยเป็นห่วงพี่มาตลอด ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยรู้ตัวเลยแม้แต่น้อย”

     สายตาที่สบประสานกันนั้นหวานฉ่ำเกินบรรยาย เสียงเริ่มนับเคาท์ดาวน์ในโทรทัศน์ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงจุดพุลที่ดังสนั่นหวั่นไหว ปีเก่าผ่านพ้นไปแล้วปีใหม่กำลังก้าวเข้ามา ต้นน้ำเสมองภาพในโทรทัศน์อยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกหลายๆ อย่างได้ผลิบานในใจเขา

     “ปีใหม่แล้วครับพี่ชัช สุขสันต์วันปีใหม่นะครับ”

     ต้นน้ำพูดพลางยิ้มให้กับคนที่นอนหนุนตักอยู่

     “ครับ แฮปปี้นิวเยียร์นะครับแฟนพี่”

     “พี่ชัช ผม!”

     “ครับ? ที่รัก”

     คำพูดที่เปลี่ยนสรรพนามให้จาก“ไอ้น้องชาย”กลายเป็น“ที่รัก” เล่นงานเสียจนต้นน้ำเขินหัวใจแทบจะระเบิดออกมานอกอก

     ‘เราได้เป็นแฟนพี่ชัชแล้ว!’

     “เฮ้อ... ได้ฉลองปีใหม่กับแฟนใหม่มันก็ดีอยู่หรอก แต่พี่ชักอยากให้วันนี้เป็นวันอื่นมากกว่าวันปีใหม่ซะแล้วสิ”

     ชัยชัชทอดถอนใจบ่นขึ้นด้วยน้ำเสียงสุดเซ็งเสียจนบรรยากาศหวานๆ สลายไปหมด

     “เอะ! ทำไมละครับ พี่ชัชอยากให้วันนี้เป็นวันอะไรเหรอครับ?”

     ส่วนต้นน้ำก็พาซื่อนึกห่วง เผลอถามออกไปอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยไม่รู้เลยตัวแม้แต่น้อยว่าหมาป่าวางแผนอะไรเอาไว้

     “พี่อยากให้วันนี้เป็นวันเกิดน้องต้นครับ?”

     หมาป่าตอบพร้อมกับอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เจ้าลูกแกะแสนซื่อตัวน้อยช่างน่ารักน่ากินเหลือเกิน!

     “ผม... ไม่เข้าใจ”

     “อ้าว! ก็แฟนพี่ยังเป็นผู้เยาว์อยู่นิ่ครับ แต่ถ้าวันนี้เป็นวันเกิดต้น น้องต้นของพี่ก็จะได้อายุครบสิบแปดซะที พี่ก็... ปล้ำได้น่ะสิครับ ฮ่าๆ”

     “พี่ชัชก็!”

     ต้นน้ำหน้าแดงก่ำจนแทบทนความร้อนที่แผดเผาอยู่นี้ไม่ไหว

     “เอ... หรือว่าปล้ำเลยดีน้า เกินสิบห้าแล้ว ถือว่าสมยอมได้”

     ต้นน้ำไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว เขารู้แต่ว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงที่สุดในชีวิต! ท่ามกลางเสียงหัวใจที่ดังแข่งกับเสียงพุลฉลองปีใหม่ในโทรทัศน์นั้น ต้นน้ำรู้สึกว่าเขาได้ยินเสียงให้คำมั่นสัญญาของชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็น“แฟนคนแรก”ของตน

     “พี่ไม่ทำร้ายต้นหรอกครับพี่สัญญา พี่จะรอวันที่ต้นพร้อมนะ ไว้เมียพี่พร้อมเมื่อไหร่พี่จัดเต็มแน่”

============================================


เป็นแฟนกันแล้ว...

แล้วมันจะมีประเด็น!

เมะควรจะทำเท่ อบอุ่น สุขุมนุ่มลึก จริงจังจนเคะหวั่นไหว หรือไม่ก็แนวแบดบอย เลวสุดๆ แต่รักนี้เพื่อเธอ อ่อนโยนกันคุณคนเดียว
แต่ดูเหมือนพี่ชัชจะไม่ใช่เมะพิมพ์นิยม นี่มันตาลุงธรรมดาๆ ชัดๆ ออร่าพระเอกของแม็กซ์เจิดจ้ากว่าอีก แต่เอาหน่า เฮียแกเป็นพระเอกจริงๆ นะ

นิยายเรื่องนี้มันประหลาดอยู่อย่าง คือไม่ค่อยมีฉากซึ้งๆ หรือฉากชวนกรี๊ดแบบฟินเวอร์ คนแต่งก็พยายามๆ นะ แต่พอเขียนๆ ไปแล้วมันไม่ใช่ เพราะข้อจำกัดของคาแรคเตอร์
คือพี่ชัชเป็นแบบนั้น ผู้ชายธรรมดาๆ กวนตีนแต่เจ้าคารมลูกล่อลูกชนเยอะ เนื้อเรื่องกับบทพูดมันก็เลยออกแนวสบายๆ ไหลไปเรื่อย พระเอกไม่ต้องทำเท่อะไรอยู่ๆ ก็มีตัวเอกมาหลงรัก
มีปมมีความทรงจำที่เจ็บปวดมั้ย? มี๊!(ตอบเสียงสูง) แต่เชื่อว่าอ่านๆ ไปแล้วคนอ่านจะรู้สึกได้ว่า "สมแล้วที่โดนทิ้ง เฮียแกทำตัวเอง"
จุดเริ่มต้นของความรักมันปิ๊งปั๊งฉาบฉวย? ก็ไม่กลวงขนาดนั้น แต่ไอ้เรื่องดี๊ดีควรค่าแก่การถูกรัก พี่ชัชก็ไม่ใช่คนแบบนั้น เพราะคีย์มันอยู่ที่ต้นน้ำ แบบ... ฮีหลงของฮีอ่านะ คนนี้ปมมาเต็มจัดมาอย่างเยอะ เราเลยคิดว่าความรักของคู่นี้ก็สมเหตุสมผลอยู่นะ ต้นน้ำยังเด็กก็ยังมีอะไรหลายๆ อย่างให้เล่น เป็นคาแรคเตอร์ที่มีมิติ ดังนั้นความรักของคู่นี้ก็จะเป็นการปะทะกันของผู้ชายโคตรธรรมดากับตัวเอกสับสนชีวิต เหอๆ

ครึ่งทางแล้วสินะนักอ่านทุกท่าน
ดีใจจัง มีคนรักพี่ชัชน้องต้นเหมือนเรา ขอบคุณคนอ่านทุกคนน้า มันจะเริ่มดาร์คขึ้นเรื่อยๆ แล้วล่ะ
เมื่อคืนนั่งแต่งภาค2จบ ยังเสียดายอยู่เลย เฮ้อ... การเดินทางที่ยาวนานปีกว่าๆ ได้มา2ภาค หลายร้อยหน้าเวิร์ด ช่างเป็นตอนจบที่ต้นน้ำแรดจริงๆ แสบกว่าภาคแรกเยอะ ตั้งใจไว้ว่าพอลงภาค1จบจะเอาภาค2มาลงต่อกันเลย แต่แฟนคลับขาประจำอาจจะไม่ชอบก็ได้ เพราะโทนของเรื่องเปลี่ยนไปเยอะเลย แหะๆ

 :call:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด