ตอนที่ 42คอเป็นผง ริมฝีปากแห้งผาก ปวดไปหมด ขยับตัวแทบไม่ไหว ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แค่ว่าก่อนที่จะหลับไปเขายังคงอยู่ในตัวผม ความต้องการของพี่ทองราวกับจะไม่มีที่สิ้นสุด ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เราทำกัน...แต่เขาก็เหมือนจะยังไม่พอ
ผมเหนื่อยมาก และช่องทางข้างหลังตอนนี้ก็เจ็บมากด้วย คงระบมไปหมดแล้ว หุบขาแทบไม่ได้ถึงต้องนอนด้วยท่าน่าเกลียดอย่างนี้ แต่แม้ผมจะเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่เท่ากับพี่ทองที่ยังไม่ได้นอนเลย
“เฮียขอโทษ...ทำไมไม่บอกว่าเลือดออกเยอะขนาดนี้ เด็กบ้าเอ้ย!” เขาโมโหมากเลย แต่ผมก็ทำได้เพียงยิ้มให้เขาเท่านั้น ก็ตอนที่ทำมันไม่ได้รู้สึกเจ็บเหมือนตอนที่เขาใส่เข้าไปแรกๆ นี่นา...
เขาขยี้หัวผม แล้วกดโทรศัพท์โทรหาใครสักคน
“โปรด เออ กูเอง ไอ้เหี้ยไม่ใช่เวลากวนตีน กูอยากถามอะไรหน่อย อืม...”
พี่ทองเดินออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง สักพักเขาก็กลับเข้ามาในห้อง เดินมานั่งลงบนเตียงแล้วยกมือลูบหัวผมพร้อมกับถอนหายใจออกมา
“เด็กโง่”
ผมจับมือเขาไว้แล้วยิ้มให้ “ไม่เจ็บหรอก เฮียอย่าทำหน้ากังวลอย่างนี้สิครับ”
“จะไม่ให้เฮียกังวลได้ยังไง ถ้าชงโคเป็นอะไรไป...”
“ผมไม่เป็นอะไรหรอก ปวดนิดเดียวเดี๋ยวก็หาย”
เป็นคำโกหกคำโตสำหรับชีวิตลูกผู้ชายอย่างผมเลยก็ว่าได้ นี่มันไม่นิดเลยจริงๆ มันปวดมาก รู้สึกแย่สุดๆ ทั้งๆ ที่ตอนที่มีเขาอยู่ข้างในตัวผมยังรู้สึกดีมากแท้ๆ แต่ทำไมตอนนี้มันแย่อย่างนี้กันล่ะ
“เดี๋ยวเฮียไปซื้อยาให้”
“อืม...อย่าไปนานนะ”
“ครับ”
มันรู้สึก...แปลกนะ ผมรู้สึกว่าไม่อยากอยู่ห่างจากพี่ทองเลย ผมกำลังหลงเขาอย่างหัวปักหัวปำ ถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว ยิ่งมองก็ยิ่งหลงรัก พอได้รู้ว่าทั้งตัวทั้งหัวใจเป็นของเขาก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีสุดๆ
อธิบาย...ไม่ถูกเลยจริงๆ
ผมเป็นของเขาแล้ว -///- เป็นของพี่ทอง อ่า...ทำไงดี ผมกำลังจะเป็นบ้าเพราะความรู้สึกพวกนี้
พี่ทองจูบหน้าผากผมแล้วก็เดินออกจากห้องไป สักพักพี่ยิมก็เข้ามาในห้องพร้อมกับถ้วยข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอม
“ทองบอกว่าชงโคไม่สบาย พี่เลยทำข้าวต้มมาให้” พี่ยิมบอกพลางยิ้มล้อ
“ขอบคุณครับ”
“เมื่อวานก็เห็นดีๆ อยู่เลยน้า”
“อย่าล้อผมสิครับพี่”
“ฮ่าๆๆ โอเคจ้า ว่าแต่ไม่สบายอย่างนี้ คืนนี้ก็ให้น้องพลอยนอนกับพวกพี่ก็แล้วกันนะ กลัวน้องจะติดไข้ไปด้วย”
“ครับ” เสียดายจัง ผมอยากนอนกอดน้องพลอยจริงๆ แต่สังขารตอนนี้กระดิกนิ้วเท้าก็ยังทำไม่ไหว ปวดตั้งแต่กระดูกสันหลังยันปลายนิ้วเท้า
“แต่เมื่อคืนพวกพี่ถูกผีหลอกล่ะ เสียงอะไรไม่รู้กระทบผนังดังตึกๆ ทั้งคืน ห้องนี้ได้ยินไหม”
อ่า...เสียงนั้นมัน...
“-///- ไม่...ไม่ได้ยินเลยครับ หูฝาดกันรึเปล่า”
“ไม่นะ น้องพลอยก็ได้ยินเหมือนกัน ร้องไห้ใหญ่เลยนึกว่าผีหลอก แต่ดีที่โนกล่อมให้หลับได้”
ให้ตาย...ผมสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขาใช่ไหมครับ T_T
“ฮ่าๆๆ พี่พอจะรู้แล้วล่ะ เอาเถอะนะ กินข้าวต้มก่อน พี่ขอตัวไปซักผ้าก่อนละ ไว้น้องพลอยตื่นแล้วจะให้มาหานะ”
“ขอบคุณมากครับพี่ยิม”
“ไม่เป็นไรจ้า”
พี่สาวคนนี้เป็นคนดีจริงๆ ถ้าพี่โนทิ้งพี่ยิมแล้วหลงกลไปกับผู้หญิงอย่างพี่นิลล่ะก็ผมจะขอด่าใส่หน้าเลยว่าโง่มาก คนที่ใช่หาไม่ได้ง่ายๆ ก็จริง แต่คนที่ใช่และที่ดีก็หายากมากกว่า
พี่ยิมเดินออกไปแล้ว ผมเลยค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง แต่คิดว่าคงฝืนสังขารมากเกินไป มันเจ็บจนนั่งแทบไม่ได้เลย พยายามมากหน่อยก็กลิ้งตกเตียงไปนอนจับกบอยู่ที่พื้นอย่างหมดท่า เดี้ยงสนิท
“ชงโค!!!” ฟังจากน้ำเสียง พี่ทองคงตกใจมาก ส่วนผมน่ะอายมากเลย ทำไมถึงได้มีแต่เรื่องน่าขายหน้าอย่างนี้นะ T_T
“เป็นอะไรมากไหม”
เขาเข้ามาช้อนตัวผมขึ้นแล้ววางกลับลงบนเตียงตามเดิม แต่ผมนี่น้ำตาไหลพรากเพราะแรงกระเทือนที่ตกลงไปเมื่อกี้แล้ว ส่วนพี่ทองทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาเลย
“ไปโรงพยาบาลดีกว่านะ”
“ไม่ไป” ผมส่ายหน้าแล้วยกหลังมือเช็ดน้ำตา แต่พี่ทองจับมือผมไว้แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาออกจากแก้มให้เบาๆ “เป่าให้หน่อย...นะเฮีย ไม่ไปโรงพยาบาลนะ เฮียเป่าให้ต้องหายแน่นอน”
“เด็กโง่” ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่เขาก็ยกมือลูบหัวผม รอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งมาให้ทำให้ภายในใจรู้สึกอบอุ่นยิ่งกว่าเดิม “กินข้าวก่อนแล้วค่อยกินยา เดี๋ยวเฮียเป่าให้ แล้วก็จะนวดให้ด้วย ดีไหม”
“เฮียไม่ต้องไปโรงพยาบาลเหรอ”
“อีกตั้งสองชั่วโมง ยังมีเวลา”
อ่า...อยู่กับผมทั้งวันไม่ได้สินะ ถึงแม้จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังคิดเรื่องงี่เง่า แต่ผม...ก็อยากให้เขาอยู่กับผมให้มากกว่านี้ ไม่อยากห่างจากเขาเลย
ผม...กำลังจะเป็นบ้าแล้ว
“เฮีย”
“หืม?”
ผมมองเสี้ยวหน้าดูดีของเขา มองริมฝีปากที่กำลังเป่าข้าวต้มที่กำลังจะตักป้อนผมให้หายร้อน มองจมูกโด่งๆ ที่ซุกไซ้ไปทั่วทั้งตัวผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา มองดวงตาคมที่จับจ้องผมด้วยความต้องการ
“ผมเป็นของเฮียแล้วนะ...ห้ามนอกใจผม ห้ามคุยกับผู้หญิงคนอื่นเกินจำเป็น ผู้ชายแบบเดียวกับผมก็ห้ามด้วย ผมขี้หึงมากนะ บอกไว้ก่อน”
พี่ทองหัวเราะเบาๆ แล้วยกช้อนขึ้นจ่อที่ปากผม “อ้าปากสิ”
“เฮียได้ยินที่ผมพูดไหมล่ะ”
“ได้ยิน คบกันมานานแล้ว เฮียเคยนอกลู่นอกทางรึไง อย่ากังวลอะไรไม่เข้าเรื่องน่า กินข้าวก่อนเร็ว จะได้กินยา”
ผมมองสำรวจใบหน้าเขาพร้อมกับที่อ้าปากรับข้าวต้มที่เขาป้อนให้
“ไม่ให้กังวลได้ไง เฮียได้ผมแล้ว ถ้าเกิดคิดอยากฟันแล้วทิ้ง ผมจะทำยังไงล่ะ”
“เอ...คิดมากจริงๆ สินะเนี่ย ยิ่งได้เป็นเมียเฮียก็ยิ่งรัก ไม่มีวันหักขาเตียงตัวเองหรอกน่า ไม่สบายแล้วรวนจริงๆ นะเรา”
“ก็ผมกังวลนี่”
“ครับๆ เข้าใจแล้ว รักมากนะครับ ไม่ทิ้งครับไม่ทิ้ง”
“จริงนะ”
แทนคำตอบพี่ทองก็ก้มลงมาจูบที่ริมฝีปากของผม “หายเร็วๆ สิ เฮียจะได้พิสูจน์ให้ดูอีกทีว่าจริงรึเปล่า”
“อืม”
มันเป็นเพียงแค่ความกังวลหลังจากความสัมพันธ์ของเราขยับเข้าใกล้กันมากขึ้น เพราะยิ่งผมต้องการเขามากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งกลัวว่าเขาจะทิ้งผมไปมากเท่านั้น พอคิดว่าได้เป็นคนๆ เดียวกับเขาแล้ว ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองจะขาดเขาไม่ได้ ทำไมเป็นแบบนี้กันนะ...แย่จริงๆ
พี่ทองป้อนข้าวผมจนหมดถ้วย ให้ผมกินยาแล้วเขาก็ทายาตรงจุดที่ระบมให้ แต่มันน่าอายจริงๆ ถึงเขาจะเพียงแค่สอดนิ้วเข้าไปทายา ผมก็ร้องครางออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ที่บอกว่าจะเป่าให้เขาก็ทำจริงๆ ลมหายใจอุ่นๆ ของเขารดลงบนช่องทางด้านหลังของผมจนรู้สึกร้อนไปหมด แถมยังสั่นไปทั้งตัว
“เฮีย...จำเป็นต้องสอดนิ้วเข้ามาด้วยเหรอ อาาาา อย่าทำอย่างนี้สิครับ มันน่าอายนะ”
“แค่ทายาให้...”
“อื้ออออ คนบ้า อาาา พอแล้วเฮีย รีบไปทำงานเลยนะ สายแล้ว”
ผมซบหน้าลงกับแขนตัวเอง ในขณะที่ก็พยายามกลั้นเสียงแปลกๆ ไว้ แต่พี่ทองก็เหมือนยิ่งแกล้ง เขาวนนิ้วอยู่ภายในช่องทางนั้น มืออีกข้างก็รั้งเอวผมไว้ให้สะโพกตกแนบไปกับที่นอน
ก๊อกๆๆๆ
“เฮียขาเฮีย หมวยตื่งแล้วค่า เปิกปะตูหน่อยยยยย/ไอ้ทองงงง เปิดประตูเลยมึง จะแปดโมงแล้ว เร็วๆ เข้า” เสียงของน้องพลอยตามด้วยเสียงของพี่โนทำให้ผมตกใจมากจริงๆ
“เฮีย พอแล้ว”
“ตัวขัดจังหวะมีเยอะจริงๆ” พี่ทองหน้าบึ้ง พลิกตัวผมให้นอนหงาย ก่อนจะใส่ริมฝีปากครอบครองส่วนกลางลำตัวของผม เขาไม่ได้สนใจเสียงเคาะประตูหรือเสียงตะโกนของใครเลย กลับตั้งอกตั้งใจทำตามความต้องการของตัวเอง ในขณะที่ผมทำเพียงแค่กลั้นเสียงร้องและบิดตัวไปมา ก่อนจะปล่อยทุกอย่างใส่ในปากของเขา พี่ทองกลืนมันลงไปแล้วยืดตัวขึ้นมาจูบผม กลิ่นคาวที่คละคลุ้งอยู่ในปากทำให้รู้สึกมัวเมาเล็กน้อย
“เฮียรังแกคนป่วย”
“คนป่วยจำเป็นต้องออกกำลังกาย เห็นไหม แป๊บเดียว เหงื่อท่วมเลย”
ผมยิ้มอย่างอายๆ ในขณะที่พี่ทองก้มลงมาจูบผมอีกครั้งแล้วผละไปเข้าห้องน้ำ เสียงที่ประตูเงียบไปแล้ว สงสัยว่าน้องพลอยกับพี่โนจะคิดยังไงกันนะที่ไม่มีใครไปเปิดประตูให้อย่างนี้
สักพักพี่ทองก็ออกมาจากห้องน้ำ เขาพันผ้าเช็ดตัวไว้ที่เอวทำให้ผมได้เห็นเรือนร่างของเขา แผ่นหลังขาวๆ ที่เต็มไปด้วยรอยข่วนทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาเล็กน้อย เขาน่ามองมากจริงๆ หุ่นแบบนี้เป็นนายแบบได้สบาย
“เด็กลามก มองเฮียด้วยสายตาแบบนั้นหมายความว่าไง”
“ไม่ได้มอง” ผมรีบซ่อนหน้าไว้ใต้ผ้าห่ม ได้ยินเสียงพี่ทองหัวเราะเบาๆ แล้วก็อดรู้สึกเขินขึ้นมาไม่ได้...
“เดี๋ยวยิมจะมาดูแลนะ ห้ามดื้อล่ะ ตอนเย็นเฮียจะรีบกลับ”
พี่ทองในชุดที่พร้อมจะไปทำงานแล้วเดินมาบอกผม แผ่นหลังที่น่าหลงใหลของเขาถูกเสื้อกาวน์ของนักศึกษาสัตวแพทย์ปีหกบดบังไว้ แต่ไม่เป็นไรหรอก...เมื่อเขากลับมา ผมจะถอดออกให้เอง ก็เพราะร่างกายของเขา...มีผมเป็นเจ้าของแล้วนี่นา
“ห้ามเถลไถลนะ”
“อืม แต่ก็ไม่แน่ กลัวจะเจอหมาน่ารักๆ เข้าน่ะสิ”
“หมาหรือเจ้าของหมา”
“ฮ่าๆๆ คิดมาก ไปละๆ” พี่ทองก้มลงหอมแก้มผม ขยิบตาให้แล้วสะพายกระเป๋า เดินออกจากห้องไป
ผมหลับตาลงเพราะเริ่มรู้สึกเหนื่อยๆ เพลียๆ ขึ้นมา แต่ทันทีที่หลับตาก็ต้องสะดุ้งกับเสียงของน้องพลอยที่พาร่างป้อมๆ วิ่งเข้ามาในห้อง
“ซ้อขา เฮียบอกว่าซ้อไม่สบาย ให้หมวยมาดูแล ฮี่ๆ” เด็กน้อยฟันหลอยิ้มยิงฟันมาให้
“ไม่เป็นไรมากครับ นอนพักแป๊บเดียวก็หาย”
“จริงเหลอคะ งั้งเดี๋ยวหมวยวักไข้ให้นะ หมวยโตขึ้งอยากเป็งหมอล่ะ อยากเป็งหมอเหมืองเฮียขา วังนี้ซ้อเป็งคงไข้ของหมวยนะ”
ผมควรบอกน้องพลอยดีไหมว่าเฮียขาของน้องไม่ได้รักษาคน แต่เห็นน้องตั้งอกตั้งใจเล่นบทบาทคุณหมอแบบนี้แล้วก็ไม่อยากอธิบายอะไรให้มากความ เพราะความจริงในความรู้สึกผม ไม่ว่าจะแพทย์หรือสัตวแพทย์ พวกเขาก็คือหมอผู้ช่วยชีวิตเหมือนกัน อาจจะแตกต่างกันที่ผู้ป่วยที่ต้องรักษา แต่เจตนาของพวกเขาก็ไม่ได้ต่างกันแน่นอน
“เมื่อกี้หมวยได้ยิงเสียงซ้อล้องด้วยล่ะ เป็งอะไลไหมคะ เฮียโนบอกว่าเฮียขากำลังเล่งกับซ้อ แต่ซ้อล้องดังเลย เจ็บตงไหนบอกหมวยนะ หมวยจะลักษาให้ ก็เฮียขาตัวใหญ่ ต่อไปซ้อมาเล่งกับหมวยก็ได้นะ หมวยไม่ทำให้เจ็บหลอก”
ผมทำหน้าไม่ถูกเลย ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วขยี้หัวน้องพลอยไป
บ้าจริงๆ ทำไมห้องพักนี้มันไม่เก็บเสียงบ้างนะ!!
“แต่ซ้ออย่าโกดเฮียขานะคะ เพาะเฮียขาลักซ้อมากๆ เลย”
“ไม่โกรธหรอกครับ เพราะซ้อก็รักเฮียขาของหมวยนะ เอ...ว่าแต่ว่า คุณหมอตัวน้อยๆ คนนี้จะรักษาคนไข้ยังไงดีล่ะครับ”
“ฉีกยา หมวยมีเข็มมาด้วยล่ะ อยู่ในกะเป๋า” คงเป็นชุดอุปกรณ์ของเล่นคุณหมอที่น้องเตรียมใส่กระเป๋ามาด้วย แต่เพราะกระเป๋ามันอยู่บนชั้นวางที่สูงเกินกว่าน้องพลอยจะเอื้อมถึงและผมก็ฝืนสังขารลุกไปหยิบให้ไม่ได้ คงต้องตัดบทไป
“ไม่เอาหรอก ซ้อกลัวเข็ม”
“แต่เฮียโนบอกว่าเมื่อคืงเฮียขาก็ฉีกยาให้ซ้อ ฉีกไปหลายเข็มเลย หมวยได้ยิงเสียงซ้อล้องไห้ด้วย เจ็บมากไหมคะ”
นี่ถ้าผมไม่เดี้ยงอย่างนี้ผมขอโดดสกายคิกพี่โนสักสิบทีเป็นอย่างน้อย พี่เอาอะไรยัดใส่หัวเด็กที่เปรียบเสมือนผ้าขาวบางคนนี้กันหา!!!
“มะ...ไม่เจ็บหรอกครับ”
“ซ้อเก่งจัง เฮียโนบอกว่าเข็มของเฮียขาใหญ่มากเลย”
“ฮาๆ ใหญ่มากจริงๆ ครับ -_-”
“แล้วซ้อ...”
“น้องพลอยยย ปล่อยให้อาซ้อของหนูนอนพักนะคะ หนูมาวาดรูปกับพี่ยิมนะ พี่ยิมเตรียมสมุดกับดินสอสีมาให้แล้ว”
“ค่า”
กราบขอบพระคุณพี่ยิมที่มาช่วยผมจากสถานการณ์น่าอับอายได้ทัน ทำไมกันนะ ทำไมกัน!! ทำไมห้องมันไม่เก็บเสียง! โธ่! T_T
.
.
.
หลายวันผ่านไปอาการของผมก็ดีขึ้น ไม่ต้องนอนง่อยอยู่บนเตียงให้แฟนคอยเซอร์วิสอีกแล้วครับ แต่ตอนเดินก็ยังรู้สึกเจ็บๆ ตึงๆ อยู่บ้าง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รบกวนการดำเนินชีวิตของผมมากเท่าไหร่ ผมสามารถออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ พาน้องชายไปกินข้าว หรือแม้แต่แวะไปบ้านของพ่อแม่พี่ทองได้ตามปกติแล้ว
ตอนนี้ผมก็กำลังพาเดซี่ออกมาเดินเล่น เพราะพ่อของมันไม่ว่าง ผมก็เลยต้องมารับหน้าที่แทน เดซี่น่ะตัวโตขึ้นมากเลยครับ มากจนน่ากลัว แม้จะมีดวงตาที่บ้องแบ้วอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแรงเตะของขาหลังจะแบ้วตามไปด้วย มองตามจริงแล้วขืนผมยังเข้าไปจ้องอวัยวะสืบพันธุ์ของเดซี่จากข้างหลังอย่างที่เคยทำคงโดนดีดกระเด็นไปไกลสิบแปดหลาแน่ๆ
ผมพาเดซี่เดินมาจนถึงประตูรั้ว ระหว่างทางก็แวะชมสวนดอกกุหลาบที่อาม่าเป็นคนปลูกไว้ กำลังบานสะพรั่งได้ที่เลย ลุงคนสวนเลยตัดมาให้ผมหนึ่งดอกเพราะเห็นว่าผมยืนมองอยู่นาน ผมบอกขอบคุณเบาๆ ในขณะที่เดซี่ร้องมอๆ คลอไปด้วย
“บอกให้กลับไปไง! ก็รู้ว่าไม่ชอบให้มาที่บ้าน ถ้าพูดไม่รู้เรื่องอย่างนี้ก็เลิกกันไปเลยเถอะ” เสียงญาติของพี่ทองคนที่ไม่ชอบหน้าผมดังมาแต่ไกล ผมจะไม่สนใจก็ได้นะถ้าหากว่าไม่ได้กำลังเห็นใครกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่
“กูไม่เลิก! คิดจะเขี่ยคนอย่างกูทิ้ง ฝันไปเถอะ!”
แฟนของเล้งเหรอ เอ...คงตามอย่างที่พี่ทองว่าไว้ล่ะนะ หน้าตาก็ดีแต่สายตาไม่เข้าท่า ถึงได้หาแฟนดีๆ ไม่ได้สักคน ไอ้หมอนั่น...ท่าทางนักเลงอย่างนั้น คบลงไปได้ยังไง
“ปล่อยนะ!”
“อยากให้ปล่อยก็เอาเงินมา!”
โหะ สปีชีร์เดียวกับแมงดาอีกต่างหาก -_-
“ไม่มีให้เว้ย! ไสหัวไปได้แล้วไอ้ชั่ว!”
“นี่มึงกล้า...”
“ถ้าคุณตบ ผมจะแจ้งตำรวจนะ” ผมรีบเดินเข้าไปในเหตุการณ์ จูงเดซี่ที่ร้องมอๆ ไปด้วย ไอ้หน้าอูฐนั่นปล่อยแขนเล้งที่รีบเข้ามาหลบข้างหลังผม
“มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย หรืออยากจะโดนวัวขวิด”
“มึงเป็นใครวะ!”
“มนุษย์คนหนึ่งที่บังเอิญจูงลูกสาวเดินผ่านมา”
“กวนตีน!”
ผมยักไหล่พร้อมกับกดโทรศัพท์ แสร้งโทรหาผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่พอไอ้หน้าอูฐเห็นมันก็ถุยน้ำลายลงพื้นแล้วรีบเดินไปขึ้นรถของมันแล้วขับออกไป
“เป็นอะไรไหม” ผมหันมาถามคนที่หลบอยู่ข้างหลัง ตัวสั่นเทาแถมน้ำตาคลอเบ้า
“มะ..ไม่เป็นไร”
“ก็ดีแล้ว”
ผมมองคนที่อยู่ข้างๆ แล้วก็ยิ้มให้ เล้งดูเหมือนจะรู้ตัวว่าเกาะแขนผมอยู่ก็รีบผละออกห่าง
“นี่ ถึงช่วยก็ไม่ได้ทำให้ชอบขึ้นมาหรอกนะ”
“ผมก็ไม่ได้ช่วยให้คุณชอบผมนี่ครับ อย่างนั้นแฟนผมโกรธตายเลย”
“ไอ้บ้า”
ผมหัวเราะแล้วผลักหัวเล้งไปสองที “เลิกไปเถอะนะครับคนแบบนั้น ครอบครัวของคุณเป็นห่วงมากรู้บ้างไหม”
“มะ...ไม่ใช่เรื่องของนายเลยนะ”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิ ถ้าเป็นเรื่องของผม ผมไม่โง่คบกับคนแบบนั้นหรอก สักนิดก็เทียบกับเฮียทองไม่ได้ คุณน่าจะเอาอย่างผมบ้างนะ ^^”
“โอ้ยยย หมั่นไส้ที่สุดในโลกไอ้บ้านี่!”
“ฮ่าๆๆๆๆ ถึงจะบอกว่าเอาอย่าง แต่อย่ามาแย่งเฮียของผมล่ะ ไม่งั้น...เละไปข้าง”
“มีแต่นายนั่นแหละที่ชอบคนบ้า ไม่คุยด้วยแล้ว!”
“ไม่ได้บ้าสักหน่อย เฮียแค่เป็นตัวของตัวเองต่างหาก อย่ามาว่านะ!”
“ชงโค ไอ้คนบ้า หลงแฟน งี่เง่า!”
“อ๋อเหรอออออ เดซี่ ขวิดเลย มันว่าพ่อหนูอ่ะ”
“อย่าเข้ามา!!!”
ผมหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อเห็นว่าเล้งรีบวิ่งหนีไป ความจริงก็ไม่ใช่คนไม่น่าคบหรอกครับ แค่เขามีทิฐิสูง แถมยังอคติกับผมเพราะผมหน้าตาดีกว่า อืม...อาจจะไม่ใช่เหตุผลนี้ก็ได้นะ แต่เห็นหน้าผมทีไรก็ดัน ชิชะเชอะใส่ผมตลอดเลย
“ไปแกล้งอะไรไอ้เล้งมัน วิ่งหน้าตั้งไปฟ้องอาม่าในครัวเลย” เสียงของพี่ทองดังมาจากข้างหลัง ผมเลิกสนใจปลาคาร์ฟที่กำลังว่ายน้ำเล่นอย่างร่าเริง แล้วหันกลับไปมอง
ไม่ใช่วันหยุดของพี่ทองก็จริง แต่ว่านานๆ ครั้งก็ต้องมากินข้าวกับที่บ้านบ้าง เพราะเขาทนที่อาม่าโทรจิกไม่ไหว
“ไม่ได้แกล้ง เดซี่อยากเล่นด้วยต่างหาก แต่ญาติเฮียหยิ่งเอง”
“มอออออ”
“อืม ช่างเถอะๆ” พี่ทองว่าอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเดินมานั่งลงข้างๆ ผมที่กำลังจุ่มเท้าลงในบ่อปลา “เตี่ยมาเห็นได้ชักแน่ เอาเท้าไปจุ่มในบ้านลูกรักเขา”
“ก็มันเย็นดีนี่นา”
“ดื้อขึ้นรึเปล่าเนี่ยเรา”
“เปล่า” ผมเอียงศีรษะพิงกับไหล่พี่ทอง ก่อนจะเอาเชือกที่ล่ามเดซี่ไว้พันมือเขาเล่น
“ซนเนอะ”
“ถ้าซนก็ลงโทษสิ ผมอยากโดนตี...”
ผมช้อนตาขึ้นมองเขาแล้วขยับเข้าไปใกล้ แลบลิ้นเลียริมฝีปากของเขาเบาๆ
“เพิ่งหายดี แต่ทำซ่า” พี่ทองพึมพำ ยกมือข้างหนึ่งรั้งต้นคอของผมให้เข้าไปชิดอีก “ไว้งานเฮียเสร็จเมื่อไหร่ โดน”
“กลัวจังเลย”
“ชงโค -_-”
“ฮ่าๆ เฮียทำหน้าเหมือนคนแก่เลย ช่วงนี้เฮียเครียดไปแล้วนะ พักผ่อนก็น้อย ผมเป็นห่วงรู้ไหม”
“อืม ถ้าเป็นห่วงก็ดื้อให้น้อยลง เฮียจะได้ไม่ต้องปวดหัว”
“ผมสร้างปัญหาให้เหรอ”
“เปล่า”
“แล้วอะไรล่ะ เฮียพูดแบบนี้ผมเสียใจนะ ทั้งๆ ที่ผมก็เป็นเด็กดีของเฮียมาตลอด”
“แน่ใจ?”
“อื้ม”
“งั้นเอากางเกงยีนกับเสื้อตัวบางๆ คอลึกๆ ไปทิ้งให้หมด”
“ไม่”
“...”
“แต่จะใส่ให้น้อยลง โอเคไหมครับ ถ้างั้นวันอาทิตย์เฮียต้องพาผมไปซื้อเสื้อผ้าด้วย ให้เฮียเลือกเลยว่าชอบแบบไหน ดีป่ะ”
“แล้วชงโคจะชอบเหรอ”
“ชอบไม่ชอบผมก็ใส่ได้...เพราะถึงยังไงเฮียก็เป็นคนถอดมันออกนี่นา”
“หึหึ เด็กบ้า”
เวลาพี่ทองหัวเราะ ผมจะพลอยมีความสุขไปด้วย ความจริงเสื้อผ้าแนวไหนผมก็ใส่ได้ ไม่ได้ฟิกอะไรมาก แค่มันไม่ทำให้อึดอัดหรือร้อนจะเหงื่อท่วมเวลาใส่เป็นพอ
“เฮีย...”
“หืม?”
“คิดอะไรอยู่เหรอ”
ที่ผ่านมา...มีเรื่องเกิดขึ้นกับผมและเขามากมายจริงๆ จนผมไม่ทันสังเกตเลยว่าพี่ทองบ้าบอน้อยลง จากตอนแรกที่รู้จักเขา มาจนถึงตอนนี้ ผมคิดว่าเขาเปลี่ยนไป ไม่ใช่อะไรที่มันไม่ดีนะครับ แต่ผมรู้สึกว่าเขาพยายามที่จะเป็นที่พึ่งให้ผม คำสัญญาที่เขาให้ไว้กับพ่อกำลังกดดันเขารึเปล่านะ... ทั้งๆ ที่พี่จะสนุกกับชีวิตให้มากกว่านี้ก็ได้ ไม่ต้องคอยตามดูแลผมก็ได้ ผมโอเคทุกอย่างแล้วแค่มีพี่อยู่ข้างๆ
“เฮียเหนื่อยรึเปล่าที่คบกับผม”
“ทำไมถึงถามแบบนี้” พี่ทองถามกลับเสียงดุ ใบหน้าของเขาบึ้งตึงขึ้นมาทันที
“ผมก็แค่ถามดู ก็เพราะตอนนี้ผมไม่มีใครแล้ว เลยดูเหมือนจะเป็นภาระของเฮีย”
“ไปเอาความคิดแย่ๆ นี่มาจากไหน!”
“โกรธเหรอครับ ขอโทษนะ ผมทำบรรยากาศเสียจนได้”
แค่เพราะ...เขาดูเหนื่อยเกินไป ผมถึงเป็นห่วง ผมก็อยากเป็นคนรักที่ดีกว่านี้ แต่ผมก็ทำอะไรให้เขาไม่ได้มากนัก เราห่างกันหกปี เขากำลังจะเรียนจบในขณะที่ผมยังไม่ได้เริ่มต้นชีวิตการเรียนของตัวเองเลย มันก็เป็นเพียงความคิดแย่ๆ ของผมที่กลัวว่าสักวันหนึ่งจะมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา กลัวจะวิ่งตามไม่ทัน...
ผมมีความสุขนะที่ในทุกๆ วันเราได้อยู่ด้วยกัน แต่ช่วงเวลาแบบนี้...มันจะมีได้ตลอดรึเปล่า วันเวลาหมุนเปลี่ยนไปทุกวัน ทั้งผมและเขาก็ต้องเติบโตขึ้น แย่จริงๆ ที่ผมดันเกิดความไม่มั่นใจขึ้นอย่างนี้ ผมกำลังรวน แค่เห็นความเงียบขรึมของเขาในแต่ละวันก็คิดมากแล้ว
ทำยังไงดีนะ...เขาถึงจะไม่ต้องเหนื่อยมากเกินไป
“เฮีย ผมว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านตัวเองสักพัก”
ถ้าเขาสามารถทุ่มเทให้กับสิ่งที่เขารักอย่างเต็มที่ มันคงจะดีล่ะนะ ผมรอได้อยู่แล้ว
อ่า...ที่จริง...ผมโกหกนะ ผมอยากอยู่กับเฮีย อยากอยู่ด้วยตลอดเวลา...อยากให้เฮียสัมผัสผม กอดผม บอกว่ารักผมทุกๆ วัน แต่...มันคงบ้ามากเกินไป ความรู้สึกของผมกับเขาคงเริ่มไม่เท่ากันแล้ว...ในขณะที่เขาเท่าเดิมแต่ผมกลับเพิ่มมากขึ้น
“อืม ตามใจสิ”
“ครับ”
รั้งผม...บอกว่าไม่ให้ไป ไม่ได้เหรอ? ผมอยู่แล้วรบกวนใช่ไหม...
“ช่วงนี้เฮียต้องรีบทำวิจัยให้เสร็จด้วย อาจจะกลับดึกบ่อยๆ ชงโคไปอยู่ที่บ้านจะได้ไม่เหงา แล้วเฮียจะไปรับ”
“ครับ”
ผมกำลังขุดเหตุผลร้อยแปดพันข้อขึ้นมาเพื่อไม่ให้ตัวเองหงุดหงิด ผมเข้าใจ...เข้าใจ...หรือต้องเข้าใจกันแน่นะ
“ไปกินข้าวกันเถอะ”
“ครับ”
“ชงโค”
“ครับ”
“มีอย่างอื่นที่อยากจะพูดนอกจากคำว่าครับไหม”
“ครับ”
“พูดมาสิ”
“ครับ”
“เด็กโง่”
ผมไม่ได้ยินว่าพี่ทองพูดอะไร เพราะกำลังคิดหาเหตุผลที่ทำให้ตัวเองทำความเข้าใจได้ง่าย ผมกำลังพยายามเพราะไม่อยากสร้างความลำบากใจให้เขา แต่มันก็ดูจะยากซะเหลือเกิน จมอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่นาน รู้ตัวอีกทีก็ถูกพี่ทองดึงเข้าไปจูบ ผมมองเขาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบดันตัวเขาออก เขาทำเพียงแค่เลิกคิ้วมองมา ในขณะที่ผมเช็ดน้ำลายออกจากมุมปากของตัวเอง
“อย่าคิดมาก” เขาบอกแค่นั้นแล้วก็จูงมือผมให้เดินตาม
ผมจะไม่คิดอะไรเลย...ถ้าผมไม่ได้รักพี่
ผมเกลียด...ความงี่เง่าของตัวเองจริงๆ
..............................................To be continue....................................................
สัปดาห์นี้มีวันหยุด สำหรับใครที่ทำงานไกลบ้าน จะกลับก็เดินทางปลอดภัยนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามค่า