นั่งอดหลับ อด
มาปั่นเพื่อให้ได้อ่านกันอย่างต่อเนื่องครับ
ทีแรกนึกว่าตอนที่สามนี่จะไม่ยาวมาก ที่ไหนได้แบ่งได้ออกเป็นสองตอนเลยครับ
เลยแบ่งเป็นตอนที่สามกับตอนที่สี่นะครับ
ตอนที่สี่จะมาโพสให้พรุ่งนี้นะครับ
ตอนนี้ไปสนุกกับตอนที่สามเลยครับ
'''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''
บทที่สาม --- เรื่องยุ่งๆ
“วิ่งเร็วๆ เร็วๆ มันตามมาทันแล้ว”เสียงใครคนหนึ่งตะโกนบอกผม ขณะที่ผมกำลังวิ่งด้วยความเหนื่อยอย่างมากจนได้ยินเสียงหอบ แฮ่กๆ .....แ..ฮ่....ก ๆๆๆ....แฮกๆ.....
มันอะไรกันนี่ ปีศาจคอมพิวเตอร์ ใช่ ใช่มันแน่ๆเลย แย่แล้วมันจะตามผมมาทันแล้ว ว่าแต่ใครเป็นคนควบคุมมันนะ ผมมองไปด้วยสายตาที่อยากรู้ และแล้วผมก็พบกับชายหนุ่มที่บังคับเจ้าหุ่นนั่น
“แกทำข้อมูลเสียหาย แกต้องตาย”ใช่แล้ว เสียงพี่นิค
“พี่ผมขอโทษ ผมไม่รู้จริงๆครับ ว่าข้อมูลมันจะหายไป” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“มาพูดคำว่าขอโทษตอนนี้ มันสายไฟสาย พลังฮาร์ดแวร์พิฆาต” สิ้นเสียงพี่นิค ก็มีตัวฮาร์ดดิสก์เป็นพันๆตัวพุ่งกระจายมาที่ผม “อย่า..........” ผมสะดุ้งตื่น บนใบหน้ามีเหงื่อผุดขึ้นเหมือนวิ่งทางไกลมา
“โธ่เอ๊ย! ฝันไปนี้หว่า ฝันอะไรเพี้ยนๆ” ผมบ่นกับตัวเอง แล้วเหลือบตาไปมองที่เตียงหนึ่ง แต่ว่างเปล่า เหลือบมองไปที่ตู้เสื้อผ้าเห็นหนึ่งแต่งชุดนักศึกษาเสร็จแล้ว เหลือบมองไปที่นาฬิกา
“ห๊า.........อีกสิบนาทีแปดโมงแล้ว ทำไมไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกว่ะ หนึ่ง ทำไมไม่ปลุกเรา หนึ่งก็รู้นี่ว่าวันจันทร์เรามีเรียนเช้าด้วยกัน(เรียนภาษาอังกฤษที่คณะมนุษย์กลุ่มเดียวกับหนึ่ง)” ผมบ่นแบบหมีกินผึ้งแล้วรีบกระเด้งตัวออกจากที่นอน เพื่อไปอาบน้ำ แต่หนึ่งไม่สนใจ ไม่หันมามองผมด้วยซ้ำ หนึ่งกลับเดินออกไปจากห้องแทน
“เดี๋ยว หนึ่ง ไม่ไปพร้อมเราเหรอ คอยแป๊บ” ผมพูดพร้อมเดินตามหนึ่ง แต่หนึ่งไม่ตอบและไม่หันมาเลย
ผมคิด หนึ่งเป็นอะไรอีกน้า หรือว่ากลัวเราขับรถเร็ว “หนึ่ง เราไม่ขับรถไปเรียนเร็วก็ได้”ผมพูดเพื่อถ่วงหนึ่งไว้ อย่างน้อยไปเข้าห้องสายจะได้มีเพื่อน แต่หนึ่งก็เดินตามระเบียงหอพักไปเรื่อยๆจนถึงเกือบลงบันได ผมวิ่งตามไปคว้ามือหนึ่งไว้ ทำเอาหนึ่งเสียการทรงตัวจะล้มลง ผมเลยไปโอบไว้
ผมกับหนึ่งก็มองตากัน ตาของหนึ่งแดงออกเศร้าเหมือนร้องไห้มา ไม่ทันได้คิดอะไรหนึ่งก็ผลักตัวผมออกแล้วพูดด้วยเสียงที่เบาเรียบว่า “คนไม่รักษาสัญญา” พูดจบก็วิ่งลงบันไดไปเลย ปล่อยให้ผมยืนงงเป็นไก่ตาแตก แต่ งง นานไม่ได้ ยังไม่ได้อาบน้ำเลย ผมเลยรีบจัดการทำภารกิจส่วนตัว
..................................
“I’ am sorry , I’ am late” ผมพูดเพื่อขออนุญาตเข้าห้อง พร้อมกับมองนาฬิกาบอกเวลา 8.20 น.
อาจารย์ประจำวิชาก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการรับทราบ แล้วก็สอนต่อ ทุกสายตามองมาที่ผม ยกเว้นสายตาของหนึ่ง ที่ยังจับจองไปที่อาจารย์
“คนไม่รักษาสัญญา” เสียงของหนึ่งดังขึ้นมาในสมองของผม ทำให้ผมคิดมากจนเรียนไม่รู้เรื่องตลอดทั้งชั่วโมงนั้นเลย
(ไม่รักษาสัญญาตอนไหนว่ะ เราไปสัญญาอะไรกับมันไว้ หรือว่าเรื่องกล้วเสียงฟ้าร้องแล้วร้องไห้ เราก็ไม่ได้บอกใครนี้หว่า อะไรว่ะ ไม่ได้หมดชั่วโมงนี้ต้องคุยให้รู้เรื่อง---ผมคิดในใจ)
พอหมดชั่วโมงผมรีบเดินไปหาหนึ่งทันที ก่อนที่หนึ่งจะลุกหนี
“หนึ่ง ต่อไปไม่มีเรียนใช่ป่าว ไปกินข้าวกัน” ผมทัก (ที่จริงรู้อยู่แล้วว่าไม่มีเรียน หนึ่งเรียนอีกทีก็สิบโมงที่คณะ ผมเรียนอีกทีก็สิบเอ็ดโมงที่คณะ ส่วนใหญ่เราเรียนEngด้วยกันเสร็จตอนเก้าโมง ก็จะไปกินข้าว แล้วผมก็ไปส่งหนึ่งที่คณะเพราะเป็นทางผ่านไปคณะผมพอดี) แต่ครั้งนี้หนึ่งไม่ตอบ
“หนึ่ง หนึ่งเป็นอะไร เราไม่รักษาสัญญาอะไร”ผมพูดพร้อมเดินตามหนึ่ง (ถ้าใครมาเห็นคงคิดว่าเป็นแฟนตามง้อ ตามจีบกันแน่ ฮิฮิ) แต่หนึ่งก็ยังไม่พูดอะไร ผมเอื้อมมือจับไปจับแขนหนึ่ง หนึ่งสะบัดมือผมออก ผมสุดที่จะแล้ว ผมไม่ชอบเลย ความอึดอัดที่ไม่รู้สาเหตุ เป็นไงเป็นกันว๊ะ
“เออ! ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด ไม่ต้องมาพูดกันตลอดไปเลย อีกอย่างเราจะย้ายไปอยู่ห้องไอ้เอ็กซ์ ถ้าหนึ่งยังเป็นแบบนี้” อะไร กูพูดอะไรออกไป แต่ได้ผลแฮ่ะ หนึ่งถึงกับชะงักทันที ที่ผมพูดจบ
หนึ่งหันกลับมามอง อีกแล้วสายตาเศร้าๆแบบนั้นอีกแล้ว รู้สึกไม่ดีเลย แต่คราวนี้ตานั้นค่อยๆหลับลงแล้วพยักหน้าอย่างช้า พอลืมขึ้นมาก็มีน้ำในตาในเห็น แล้วเจ้าของแววตานั้นก็เดินจากไป ปล่อยให้ผมอึ้งกับการกระทำของตัวเองและสิ่งที่เพิ่งเห็นไปเมื่อครู่
................................................
ภาพแววตาที่เศร้าคลอน้ำตาของหนึ่ง กับคำพูด “คนไม่รักษาสัญญา” มันมาวนเวียนอยู่ในหัวผมตลอดเวลา ทำให้ผมคิดมาก ทั้งที่นั่งคอยเพื่อจะเรียนวิชาต่อไปที่คณะแล้วก็ตาม
“เอ เหม่อ อะไรอ๊ะ”บอยเพื่อนสุดหล่อทักขึ้นด้วยเสียงที่เหน่อหน่อยๆ
“ป่าวๆ ไม่มีอะไร”ผมปฏิเสธ
“แต่เราเห็น เอ นั่งเหม่อตั้งแต่เรียนEngเมื่อกี้แล้วนะ พอเรียนเสร็จก็รีบวิ่งออกจากห้องไปเลย ว่าจะเรียกไปกินข้าวด้วยกันซักหน่อย ก็เรียกไม่ทัน แถมวันนี้ยังมาสายอีกด้วย” ทรายบอกพร้อมกับเอากระจกมาส่องหน้าเพื่อเติมเครื่องสำอาง
(ใช่แล้ว ทรายเรียนEng กลุ่มเดียวกับเรานี่หว่า --- ผมคิดในใจ)
“เอ ไม่สบายหรือเปล่า ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เมื่อคืนก่อนฝนก็ตก ดูแลตัวเองด้วยนะ มียากินไหมล่ะ” ปูเป้ถามผมด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“อาการอย่างงี้ ไม่ต้องกินยา เข้าไปดูเวบโป๊ก็หายแล้ว เฮ่อๆ...”ไอ้ปอนด์พูดพร้อมทำหน้าเหมือนโรคจิต
“เฮ๊ย ! ตกใจหมดนึกว่าลืมเอามา เจ๊(ฉายาอาจารย์ที่สอน)แกยิ่งบ่นเก่งๆอยู่”ทรายพูดพร้อมหยิบแผ่นCDขึ้นมาจากกระเป๋าที่ส่วนใหญ่มีแต่เครื่องสำอาง
“CD อะไรอ่ะทราย” ผมถามขึ้น
“ก็CDการบ้านของยายเจ๊ ที่ให้สร้างโฮมเพจส่วนตัวไง ชั่วโมงนี้ยายเจ๊ให้พรีเซ็นต์ด้วยนะ”ทราบตอบเสร็จก็เติมลิปลงที่ปาก
“ห๊า........”ผมอุทานออกมา เมื่อเช้านี้เรารีบมากไปหน่อย แล้วก็คิดแต่เรื่องหนึ่ง ลืมหยิบออกมาจากหอเลยซะได้ ทำไงดี กลับไปเอาได้ทันมั๊ยนะ
“เฮ๊...บอย เราลืมCDโฮมเพจไว้ที่หอ กลับไปเอาทันไหมว่ะ”ผมถามเชิงปรึกษา
ไม่ทันที่บอยจะตอบ ไอ้ปอนด์ก็พูดขึ้นว่า “ไม่ทันแล้ว....นู้นๆ”แล้วทำท่าชี้ไปที่อาจารย์กำลังเดินเข้าห้องมาแล้ว แล้วมันก็มาชี้ที่ผมทำท่าเชือดคอพร้อมบอกว่า “ตาย....แน่”
“ไม่เป็นไรน้า ใจเย็นๆลองคุยกับอาจารย์ก่อนนะ” ปูเป้ให้กำลังใจ บอยก็พยักหน้าเห็นด้วย
“สวัสดีจ๊ะ วันนี้เรามีนัดกันใช่ไหม ไหนใครจะเริ่มเป็นคนแรก แต่ก่อนอื่นมีคนทำไม่เสร็จไหม”อาจารย์ผู้หญิงสูงวัย แต่แต่งตัวเปรี้ยวได้ใจมั๊กๆ (สมแล้วที่ได้ฉายาว่า ยายเจ๊) ทักและถามในเวลาเดียวกัน
ทุกคนเงียบ “แสดงว่าทุกคนทำเสร็จ เรามาเริ่มกันเลย คนแรกใครดี”อาจารย์ยังคงพูดต่อ ผมยกมือขึ้น “เชิญจ๊ะ” ทุกคนหันมามองผมตามน้ำเสียงของอาจารย์
“คือ.เอ่อ....คือ...ไม่ใช่ครับ ผมจะบอกว่า ผม....ลืมงานไว้ที่หอครับ”ผมพูดออกไป
“อะไรน๊ะ”อาจารย์เน้นเสียงสูง ก่อนที่จะเทศนาชุดใหญ่ให้ผม (กับเพื่อนในห้องฟัง)
“นี่เธอ เพิ่งเริ่มเรียนไม่ทันได้ถึงสองอาทิตย์ก็ออกลายซะแล้ว งานของฉันถึงกำหนดส่งต้องส่ง
ไม่มีข้ออ้างอะไรทั้งนั้น เข้าใจไหม คนที่ไม่ตรงต่อเวลาน่ะ เขาเรียกว่าคนไม่มีความรับผิดชอบ
เพราะบ้านเมืองของเรา มีคนที่ขาดความรับผิดชอบนี้แหละ สังคมถึงได้แย่อย่างทุกวันนี้ไง ............(อีกล้านแปด)” สรุปชั่วโมงนั้นผมโดนว่าเต็มๆไปคนเดียวเกือบ 20 นาที ทำให้เพื่อนในห้องพลอยเซ็งไปด้วยเลย แต่นั่นไม่ใช่จุดที่ผมแคร์ ผมแคร์กับคำว่า “คนไม่มีความรับผิดชอบ” มากกว่า
ภาพแววตาเศร้าที่เคล้าน้ำตาของหนึ่งกับเสียงที่ว่า “คนไม่รักษาสัญญา” และเสียงของอาจารย์ที่เพิ่งพูดจบไป “คนไม่มีความรับผิดชอบ” มันดังก้องวนเวียนมาหลอกหลอนผม จนผมไม่มีสมาธิที่จะดูแล้วคอมเมนต์การสร้างโฮมเพจส่วนตัวของเพื่อนคนอื่นเลย
“สำหรับชั่วโมงหน้า คือวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายโมง ชั้นจะให้โอกาสคนที่ไม่มีความรับผิดชอบแล้วอ้างว่า ลืมไว้ที่หอ ได้มานำเสนอ แต่มีข้อแม้ว่านอกจากโฮมเพจส่วนตัวแล้ว ต้องทำโฮมเพจเรื่องคุณธรรมความรับผิดชอบและการตรงต่อเวลามาด้วย หวังว่าคงเข้าใจ แล้วเจอกัน สวัสดีจ๊ะ”นั่นคือประโยคกล่าวลาและสั่งงานผมไปในตัว
“เอ เราช่วยทำก็ได้นะ”ปูเป้รีบหันมาขันอาสา หลังจากที่อาจารย์ออกจากห้อง
“ไม่เป็นไร ขอบใจมาก”ผมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงอันเบา
“วันนี้ไม่มีเรียนแล้ว เป้ไปอบไอน้ำกันม้า...” ทรายเอ่ยชวน
“ไม่หรอก ไว้วันหน้านะ เดี๋ยวเราต้องไปองค์การ กลัวกลับมาไม่ทัน”ปูเป้กล่าวตอบ
“ไปทำ มั๊ยเหรอ”บอยถาม
“ก็จะไปลงชื่อไง เมื่อวานลงไปแล้วแต่คอมมีปัญหาวันนี้เขาเลยนัดให้ไปลงใหม่ตอนสี่โมงเย็น”ปูเป้ตอบ
(เออ...เราก็นัดเพื่อนไว้นี่หว่า แต่วันนี้เจอแต่เรื่องยุ่งๆ ไม่ไปดีกว่า อยากกลับหอแล้ว กลับหอก็ไปเจอหนึ่งอีกซิ จะไปไหนดีว่ะ---ผมคิดในใจ)
“ตั้งสี่โมงเย็น นี่มันเพิ่งบ่ายสามเองนะ ทันน่า”ทรายพยายามชวนต่อ
“เอาอย่างนี้ทรายไปองค์การกับเราก่อน แล้วเราจะไปอบไอน้ำกับทราย ตกลงไหม”ปูเป้ต่อรอง
“ยังไงก็ได้” คำพูดเดิมๆสไตล์ของทราย
“บอยไม่ไปด้วยกันเหรอ หล่อๆอย่างบอย ถ้าเข้าองค์การนะ ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ประชาสัมพันธ์หลายงานแน่เลย ดีไม่ดี อาจได้เป็นพรีเซ็นเตอร์คู่กับเราก็ได้นะ” ทรายพูดชวนบอย
บอยก็พยักหน้าเห็นดีเห็นงามไปกับทรายด้วย “แล้วปอนด์ ไปด้วยมั๊ย”บอยชวน
“ไม่.... จะไปเล่นเกม”ปอนด์พูดแล้วก็เดินออกไป
“เอ ล่ะ ไปด้วยกันนะ”ปูเป้หันมาชวนผม
“ก็ได้ พอดีเรานัดเพื่อนไว้เหมือนกัน” ผมตอบแบบขอไปที แต่ในใจยังคิดมากเรื่อง “คนไม่รักษาสัญญา” “คนไม่มีความรับผิดชอบอยู่”
..............................................
ปี๊ด.....................!!! เอี๊ยด...!!
เสียงนกหวีดทำให้ผมตกใจและเรียกสติผมกลับคืนมาจากภวังค์ความคิดที่ว่าคนไม่มีความรับผิดชอบ คนไม่รักษาสัญญา พร้อมกับเห็นตำรวจโบกมาที่ผม อ้าว แล้วผมมาทำอะไรที่กลางสี่แยกล่ะเนี๊ยะ
“ขอดูใบขับขี่ กับบัตรนักศึกษาหน่อย เมาหรือเปล่า ทำไมขับรถผ่าไปแดง เกือบโดนชนแล้วเห็นไหม” คุณตำรวจพูดกับผม (จะโดนชนเพราะเสียงนกหวีดนั่นและ ทำให้ผมตกใจหยุดกลางสี่แยกเลย)
“ครับ ๆ ไม่เมาครับ”แล้วผมก็เอาบัตรให้เขาดู
“เอ เป็นอะไร ทำไมถึงผ่าไฟแดง” ปูเป้ถาม หลังจากลงจากมอไซค์ที่ขับตามๆกันมา (แต่พวกนั้นหยุดที่ไฟแดง ไม่ผ่าเหมือนผมนี่)
“เอ เป็นเอามากนะเนี๊ยะ”ทรายพูดขึ้น
“นึกว่าจะได้ไปเที่ยวชลบุรีซะแล้ว”บอยแซว (หมายถึง ถ้าผมตายก็จะได้ไปงานศพที่ชลบุรีครับ---ดูเพื่อนผมซิ)
“นี่เดี๋ยวไปเสียค่าปรับด้วยนะ แล้วจะยึดบัตรนึกศึกษาส่งไปทางคณะ เพื่อตัดคะแนนพฤติกรรม”คุณตำรวจกล่าว
ผมได้ยินใบ้รับประทานครับ แต่คนที่โวยวายแทนผมคือ ทรายกับปูเป้ครับ
“คุณตำรวจขา ถึงกับยึดบัตรนักศึกษา แล้วส่งไปที่คณะเพื่อตัดคณะกันเลยเหรอคะ”ปูเป้ถาม
“เสียค่าปรับก็พอแล้วมั้งคะ นะคะ เห็นแก่พวกเราเด็กใหม่เถอะค่ะ” ทรายชวนอ้อน
“เด็กใหม่นั่นแหละตัวสร้างปัญหาต้องเข้มงวด วันปฐมนิเทศเขาก็แจ้งให้ฟังแล้วว่าถ้าถูกจับในมหาลัย จะมีการยึดบัตรแล้วส่งไปที่คณะเพื่อตัดคะแนนความประพฤติ ไม่ได้เข้าปฐมนิเทศหรือยัง หรือว่านั่งหลับ”
คุณตำรวจอธิบาย (จริงๆด้วยผมนั่งหลับครับ)
(ตัวสร้างปัญหา ........คนไม่มีความรับผิดชอบ............คนไม่รักษาสัญญา มันอะไรกันนี่ มันก้องอยู่ในหัวผม ผมรู้สึกอึดอัด จุกที่ลำคอ มึนหัวไปหมดแล้ว)
“แต่เพื่อนผมเพิ่งครั้งแรกเองนะครับ” บอยช่วยพูด
“สำเหนียงอย่างนี้มาจากสุพรรณป่าวนิ่” ตำรวจถาม
“ใช่ครับ ผมคนเลือดสุพรรณครับ” บอยพูดเน้นให้เหน่อกว่าเก่า
“บ้านเดียวกับเมียน้าเลย อยู่ที่ไหนล่ะ”คุณตำรวจ
“สามชุกครับ”ครั้งนี้บอยเหน่อแบบสุดๆ
“อ้าว ไปๆมาๆเจอคนกันเอง.................”คุณตำรวจคุยกับบอยอยู่นานสองนาน ก็ได้ความว่าบอยก็รู้จักเมียของคุณตำรวจ คุณตำรวจก็รู้พ่อของบอย
“อย่าลืมไปเสียค่าปรับนะ นี่บัตรนักศึกษาเอาคืนไป”คุณตำรวจพูดพร้อมส่งบัตรมาให้ผม
ผมยกมือไหว้พร้อมบอกว่า “ขอบคุณครับ” ด้วยน้ำเสียงที่เบาแทบหมดแรง (วันนี้มันซวยอะไรว่ะมีแต่เรื่องยุ่งๆเข้ามา)
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณครับ เลือดสุพรรณไปด้วยกันมาด้วยกันครับ” ปู้เป้ ทราย และบอยพูดขอบคุณ
“ที่จริงในมอเรานี้ ไม่มีตำรวจมาจับไม่ใช่เหรอ วันนี้ทำไมถึงมีได้ล่ะ”ปูเป้ตั้งข้อสันนิษฐาน
“นั่นดิ่ แปลก บางวันไม่ใส่หมวก รถจะชนกันตาย ยังไม่เห็นตำรวจเลย มีแต่รปภ.
แต่วันนี้รอดได้เพราะบอยเลยจริงๆ”ทรายกล่าวชื่นชมบอยอย่างออกหน้าออกตา บอยก็ยิ้มอย่างภูมิใจ
“ยังไง เราก็ขอบใจ ที่ช่วยเรา”ผมบอกกับเพื่อนๆ
...............................................
กว่าจะอ้อนวอนคุณตำรวจและไปเสียค่าปรับก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว
เราทั้งสี่คนมาถึงองค์การ ซึ่งเป็นสำนักงานที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่คนเยอะแยะไปหมด
“แล้วจะได้ไปอบไอน้ำ ไหมเนี๊ยะ คนเยอะขนาดนี้ หกโมงไม่รู้จะเสร็จหรือเปล่า”ทรายบ่นออกมา
“เอาน่าๆ เดี๋ยวเราพาไปวันอื่นก็ได้”ปูเป้รีบบอกก่อนที่ทรายจะบ่นอะไรอีก
“ไอ้เอ ทางนี้”เสียงไอ้เอ็กซ์ดังมาจากอีกฝากที่ผมยืนอยู่
“โห ครบแก็งค์เลย”ผมบ่นเบาๆ แบบไม่มีอารมณ์
“ใครอ่ะ เอ คนที่เรียกอ่ะ หล่อเน๊อะ”ทรายถามขึ้น บอยทำหน้าไม่ค่อยพอใจที่จะมีคนมาแข่งความหล่อ
“อ๋อ เพื่อนที่โรงเรียนเก่านะ นัดกันไว้” ผมตอบแบบไร้อารมณ์ แล้วพวกนั้นก็เดินมาถึงพอดี
“สวัสดีครับผมอ๊อฟ เพื่อนเอ ครับจบม.6มาด้วยกัน ไม่ทราบว่านายชื่ออะไรครับ”อ๊อฟแนะนำตัวพร้อมเจาะจงถามไปที่ไอ้บอย
ทุกคนทักทายกัน คุยกัน รู้สึกว่าเพื่อนทั้งสองกลุ่มของผมจะเข้ากันได้ง่ายมากๆ คุยถูกคอกันเป็นที่สนุกสนานเลยทีเดียว แต่ก็ดูเหมือนมีคู่ที่ไม่กินเส้นกันนะครับ ไอ้เอ็กซ์ ไอ้โจ้กับเจ้าบอยก็ที่จะแย่งกันหล่อ น้อยกับทราย ที่ทรายมองน้อยว่าไม่สมหญิง แต่น้ำดูเหมือนว่าจะชอบทรายมากเพราะอินเทรนด์สวยได้ใจ เธออยากเป็นอย่างนั้นบ้าง ป่านและปูเป้ก็ งง กับตัวเองที่หน้าตาลักษณะนิสัยอะไรหลายๆอย่างคล้ายคลึงกัน สำหรับอ๊อฟกับต้าร์เป็นที่ยอมรับของทุกคนครับ เพราะต้าร์ไม่ค่อยพูดเอาแต่ยิ้ม ส่วนอ๊อฟพูดทีไรทุกคนยิ้มทุกที ตัวผมน่ะเหรอ เวลานี้เหมือนเป็นส่วนเกินของกลุ่ม (ทั้งๆที่พวกมึงรู้จักกันได้เพราะกูนะ) แต่ก็ดี ผมไม่มีกะจิตกะใจจะพูดคุยอะไรตอนนี้มากนัก เพราะไอ้คำว่า “คนไม่รักษาสัญญา คนไม่มีความรับผิดชอบ ตัวสร้างปัญหา” มันยังอยู่ในหัวผมครับ
ผมเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ประตูองค์การ มาได้ไงเนี๊ยะ เมื่อกี้กูต่อแถวเพื่อลงชื่อกับเพื่อนๆนี่หว่า ว่าแล้วก็มองออกไปที่หางแถวที่เพื่อนยืนอยู่ยังอีกยาวไกล
“นั่นไงตัวการจอมซุ่มซ่าม ทำผิดแล้วลอยนวลที่กำลังเราพูดถึงกันอยู่”มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ไม่ใช่เสียงใคร ก็เสียงไอ้พี่นิค นั้นแหละครับ สิ้นเสียงนั้นคนในองค์การสามสี่คนมองมาทางผม ผมก้มหน้าทันที
“อ้าวน้องคนเมื่อวานนี่ พี่นิค อย่าว่าน้องเขาแบบนั้นซิค่ะ น้องเขาช่วยเราเต็มทีแล้ว”เสียงพี่แหววดังขึ้น
“ช่วยทำให้พังซิไม่ว่า ตอนนี้งานยิ่งเร่งๆอยู่ด้วย คอมก็เหลือแค่ 4 ตัวเอง”พี่นิคบ่นต่อ
“ถ้าเฮามีอีกจั๋กเครื่องก็ดีเน๊อะ” เสียงสำเนียงอีสานดังออกมาจากพี่ผู้ชาย ที่มองก็รู้ว่าอยู่คณะเกษตรเพราะใส่ยูนิฟอร์มลงแปลงของคณะอยู่
“แหม ปอ ก็พูดเป็นนิยาย คอมไม่ได้เสกมานะ”พี่แหววทักขึ้น
“เดี๋ยวกูซื้อบริจาคให้ใหม่ยกชุด”เสียงพี่ผู้ชายที่ออกเซอร์ๆ ดิบๆ เถื่อนๆบอกกับเพื่อนในกลุ่ม
“จริงเหรอคะ พี่ริช สุดยอด เล็กริชไม่ ใหญ่ๆริชทำ”พี่แหววพูดแบบอาการดีใจมาก
“ไม่ได้ๆ อยู่ดีๆจะมาซื้อให้กันได้ยัง” พี่นิคแย้ง
“ก็กูบอกว่ากูบริจาค ไม่ได้ซื้อให้ เข้าใจ๊ กูเบื่อที่พวกมึงทำงานไม่เสร็จ กูไม่มีเพื่อนแดกเหล้า”พี่ริชตอบกลับ
“แม่น ไอ้ริชมันบริจาคเด่ะ นิค มันบ่ได้ให้เด่”พี่ปอสนับสนุน
“บริจาคกับให้ มันต่างกันตรงไหน ใครทำพังคนนั้นต้องรับผิดชอบ”พี่นิคพูดพร้อมใช้หางตามองมาทางผม ทำให้ทุกคนมองตามมาอีกรอบ ผมซึ่งได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อเหมือนจะหมดแรง ไม่รู้จะเดิน จะก้าว จะทำยังไงต่อไป ก็ได้แต่ยืนเป็นตอไม้อยู่ตรงนั้น
“แต่พี่นิคคะ ตามระเบียบขององค์การ ถ้ามีการบริจาคสิ่งของให้องค์การ จะต้องได้รับการยอมรับจาก 2ใน3 ของนายกและอุปนายกก่อนไม่ใช่เหรอคะ” พี่แหววท้วงขึ้น
“ก็พี่ไม่ยอมไง 1 เสียง”พี่นิคพูด
“แต่ ปอ ยอมใช่ไหม”พี่แหววพูดพร้อมให้ไปหาพี่ปอ ซึ่งพี่ปอก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
“งั้นก็เหลือแต่พี่หมอแล้ว ที่จะเป็นคนชี้เป็นชี้ตาย เดี๋ยวแหววจัดการเองค่ะ”ว่าแล้วพี่แหววก็กดโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะ พี่หมอ ใช่ไหมคะ นี่แหววพูดสายค่ะ พี่หมอตอนนี้ว่างไหมค่ะ ช่วยมาที่องค์การด่วนเลยนะคะ ค่ะอีก สิบนาทีเจอกันค่ะ”เป็นอันว่าทุกคนเข้าใจอีกสิบนาทีคนที่ชื่อพี่หมออะไรนั่นจะมาถึง ตอนนี้ก็ได้แต่รอ
แต่ใจผมซิ มันไม่หยุดรอมันปั่นป่วน มันอึดอัด มันอยากระบาย ไม่ไหวแล้ว อะไรกันนักกันหนา “คนไม่รักษาสัญญา คนไม่มีความรับผิดชอบ ตัวสร้างปัญหา คนผิดซุ่มซ่ามลอยนวล อะไรกัน วันนี้มันวันอะไรกันนะ ทำไมชีวิตผมถึงได้ยุ่งเหยิง ทำไมผมถึงเห็นแต่ด้านเสียของตัวเอง”ผมคิดพลางวิ่งไปที่ห้องน้ำหลังองค์การเพื่อหาที่ระบาย เพราะตอนนี้น้ำอุ่นๆในตาผมมันเริ่มไหลออกมาแล้ว
++++++++++จบบทที่สาม++++++++++
*** ข้อคิดคำคมประจำบท ***
- เพราะบ้านเมืองของเรา มีคนที่ขาดความรับผิดชอบนี้แหละ สังคมถึงได้แย่อย่างทุกวันนี้
- ทำไมผมถึงเห็นแต่ด้านเสียของตัวเอง
p.s. ตอนหน้าจะเป็นการเปิดตัวพี่หมอที สุดหล่อเฟอแฟ็กต์ แล้วนะครับ
(คิดว่าตอนนี้พี่หมอที คงขึ้นชาร์ตในใจหลายคนไปแล้ว หลังจากอ่านแนะนำตัวละคร)
ตามมาให้กำลังใจด้วยนะครับ