ขอบคุณมากมายครับ ที่เข้ามาติดตาม
ขอบคุณคุณ RE 47 ด้วยนะครับ ใช่แล้วครับ น้อยแอบชอบโจ้ครับ ไม่ใช่เอ็กซ์ (ผมรีบไปหน่อย ขอโทษครับ)
มีอะไรช่วยบอกกล่าวได้นะครับ
ไม่เสียเวลาครับ
ไปอ่านกันเลยครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปฐมบท --- ....เสียง....
“ K K KKU !
Who Who are we ! ........
เสียงบูมกึกก้องสั่นหวั่นไหว เป็นแรงสะกดให้น้องใหม่ทุกคนนั่งก้มหน้านิ่งซาบซึ้งถึงความยิ่งใหญ่ความภาคภูมิและแกร่งกล้าของสถาบัน เป็นเสียงบูมที่รุ่นพี่ทุกคนบูมต้อนรับน้องใหม่ หลังจากผ่านการทดสอบเชียร์กลาง เพื่อให้ได้รุ่น (เชียร์กลางหรือเชียร์ระหว่างคณะคือการให้น้องใหม่ทุกคนทุกคณะเกือบๆสองพันคน มารวมกันที่สนามกีฬากลางของมหาลัย แล้วจะมีพวกลีดมาเก็บเพลงต่างๆที่เป็นเพลงของมหาลัย ถ้าทำไม่ดีไม่เป็นที่พอใจ ก็จะไม่ผ่านเพลงนั้น แถมยังได้ของแถมจากพวกรุ่นพี่เป็นเสียงโห่ เสียงประจานอีกด้วย แต่ถ้าทำได้ดีและผ่านก็จะได้รับเสียงปรบมือพร้อมคำชม) เสียงบูมที่พวกพี่ๆกำลังให้นั้นมันบ่งบอกว่าน้องใหม่อย่างพวกเราทำสำเร็จแล้ว เราได้เป็นเลือดสีอิฐเต็มตัวแล้ว
“ Hey ................... เสียงบูมจบลงพร้อมด้วยเสียงปรมมือที่ดังก้อง
น้องใหม่บางคนถึงกับน้ำตาร่วง น้ำตาซึม บางคนก็ขนลุกปิติใจ
สำหรับผมมันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ น่าภาคภูมิมากๆ ผมตัดสินใจไม่ผิดเลยจริงๆที่เข้าเรียนที่แห่งนี้
“แม่ง หลอกกันเห็นๆ แกล้งทำนี่นา....” เสียงใครบางคนสบถขึ้น
“ไม่มั้ง พี่เขาทำจริงๆ ไม่ได้แกล้งหรอกน่า” มีเสียงตอบรับ
“ไม่แกล้งได้ยังไง ก่อนหน้านี้ ด่าเอาๆ ว่าร้องไม่ได้ ทำไม่ดี อย่างนั้นอย่างนี้ ......”
นี่แหละครับ นานาจิตตัง ความคิดใครความคิดมัน ห้ามกันไม่ได้ หลายคนมองว่าการรับน้องแบบนี้เป็นการแกล้งกันบ้าง แสดงละครตบตากันบ้าง
ผมได้แต่คิดในใจ “ทำไมไม่มองอีกมุมว่า เขาตั้งใจทำงานนี้เพื่อเราแค่ไหนน้า......” ผมกำลังคิดเพลินๆก็มีเสียงมาขัดจังหวะ
“ในนามตัวแทนรุ่นพี่ทุกคน ขอแสดงความยินดี ที่พวกน้องๆ ได้ทำสำเร็จ เป็นกาลพฤกษ์ช่อที่ .....แห่งมอดินแดง ขอเจ้าพ่อมอดินแดงคุ้มครองให้น้องๆทุกคนโชคดี สวัสดีครับ” พอสิ้นเสียงนั้นก็ขึ้นเพลงมาร์ชมหาลัยทันที
“มหา วิทยา ลัย ขอนแก่น เกริกไกร วิทยา .............” ทุกคนลุกขึ้นยืนตรงโดยพร้อมเพียงทันที ทุกคนร่วมกันร้องเพลงมาร์ชมหาลัย แต่ผมซิกำลังคิดว่าเสียงที่พูดเมื่อครู่ที่เพิ่งจบลงไปทำไมมันคุ้นหูนักนะ
.................................................
หลังเสร็จเชียร์กลางก็ประมาณเกือบสองทุ่ม ผมกลับมาถึงหอ (ผมพักหอในห้อง303) กะว่าจะอาบน้ำแล้วไปหาอะไรกินแถว U Center (ยู เซ็นเตอร์เป็นเหมือนโรงอาหารยามค่ำคืนของเหล่านักศึกษา จะเปิดทำการประมาณ 6โมงเย็น ถึง 6โมงเช้า มีทุกอย่างที่คุณอยากกิน นี่ยังไม่นับรวมตลาดเจ๊พรหลังมอ แล้วก็กังสดาลอีกนะ ที่เป็นแห่งอาหารที่กินยามค่ำคืน เรียกว่าในมอไม่เคยหลับเลยจริงๆ)
“อ้าว หนึ่ง ไปกินข้าวกันป่าว” ผมถามรูมเมทใหม่ที่เพิ่งรู้จักได้ไม่ถึงอาทิตย์
“ไปดิ่ หิวเหมือนกัน แต่อาบน้ำก่อนนะ” หนึ่งตอบ
“เอาดิ่ เราก็จะอาบเหมือนกัน ไปอาบด้วยกันป่ะ” ผมพูดไปโดยไม่ได้คิดอะไร เพราะอยู่หอในเป็นห้องน้ำรวม ห้องอาบน้ำก็มีหลายห้อง
“เฮ๊ย ! ......” หนึ่งอุทานออกมา ก่อนที่หนึ่งจะพูดอะไรออกมาผมก็ตัดบทว่า
“ไม่ใช่ๆ เราหมายความว่า ไปอาบพร้อมกันไม่ใช่อาบด้วยกัน” หนึ่ง ได้ฟังผมอธิบายก็ดูโล่งอก
ผมถอดเสื้อผ้าแล้วนุ่งผ้าเช็ดตัว เอาเสื้อผ้าใส่ตระกร้าใต้เตียงไว้ส่งซักตอนเช้า (ผมส่งผ้าซักกับร้านป้าใต้หอแต่หนึ่งซักเองครับ)
ผมเดินไปจะหยิบตระกร้าเครื่องอาบน้ำที่อยู่ในตู้ หนึ่งเห็นเข้าเลยทักว่า
“เอ นาย จะนุ่งผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำเหรอ” พร้อมทำหน้า สงสัยอย่างแรง
“ก็ เออ ดิ่ ไม” ผมตอบและถามกลับทันที
“ก็นายต้องเดินจากห้องออกไปนะผ่านตั้งหลายห้องกว่าจะถึงห้องน้ำ นายไม่อายเหรอ”
“ไม่ ก็ผู้ชายทั้งนั้นอ่ะ อยู่บ้านก็ทำอย่างนี้ หรือว่า หนึ่งไม่ใช่...” ผมพูดพร้อมเอามือมาจับผ้าเช็ดตัว
“บ้า ก็แค่มันไม่ชินเฉยๆ” หนึ่งตอบ แล้วเราก็ไปอาบน้ำพร้อมกัน โดยหนึ่งใส่เสื้อผ้าไปถอดในห้องน้ำ ระหว่างอาบไปเราก็คุยกันไปถึงเรื่องเชียร์กลางที่เพิ่งจบไป เพราะเห็นว่าห้องน้ำโล่งๆไม่มีใคร คงไม่รบกวนโสตประสาทคนอื่นอ่ะ
“คุยอะไรกันอ่ะ จะอาบก็รีบอาบ ห้องน้ำนะครับ ไม่ใช่ที่นั่งคุยเล่น” เสียงชายหนุ่มนุ่มกังวลดูมีเสน่ห์ดังมาจากข้างนอก ผมกับหนึ่งเงียบไปเลย (แต่ในใจผมยุ่งอะไรด้วยว่ะ) รีบอาบรีบเสร็จ ออกมาก็ไม่เจอเจ้าของเสียงนั้นแล้ว แต่เสียงนั้นมันทำเอาผมคุ้นหูเอามากๆเลยซิน่า
....................................................................................
ผมกับหนึ่งแต่งตัวเสร็จ กำลังจะเดินออกจากห้อง ก็มีเสียง
“ก๊อก ๆๆๆๆ เอ ๆ”
ผมไปเปิดประตู อ้าวนึกว่าใครไอ้เอ็กซ์นี่เอง ผมทักออกไป (เอ็กซ์อยู่หอเดียวกับผมห้อง309)
ไอ้เอ็กซ์มันยื่นหน้าเข้ามามองในห้องแล้วว่า
“เอ ห้องมึงสะอาดจังว่ะ น่าอยู่จัง เมื่อไหร่กูจะได้ย้ายมาอยู่กับมึงว่ะ” ไอ้เอ็กซ์พูดโดยไม่ทันได้เห็นหนึ่ง ผมพยายามขยิบตาให้มันเพื่อให้มันรู้แต่มันไม่มองผมเลย ที่จริงผมตั้งใจว่าจะพูดกับหนึ่งหลายครั้งแล้วเรื่องขอเปลี่ยนห้องเพราะผมกับไอ้เอ็กซ์อยากอยู่ด้วยกัน เพราะเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่ผมไม่ได้พูดซักที เพราะไม่รุ้ว่าจะเอาเหตุผลข้อไหนมาบอกกับหนึ่งดี จะให้หนึ่งย้ายไปหรือผมย้ายไปก็ได้ แต่ผมก็ไม่กล้า หนึ่งเดินออกมา ไอ้เอ็กซ์ทำหน้าเหวอเล็กน้อย แล้วพยักหัวให้หนึ่ง
ผมรีบตัดบท “เอ็กซ์นี่หนึ่งรูมเมทกู หนึ่งนี่เอ็กซ์เพื่อนรร.เก่าเราเอง” หนึ่งยิ้มให้เอ็กซ์บางๆ แววตาเศร้าๆ “พวกกูกำลังจะไปกินข้าวกัน มึงไปด้วยไหม” ไอ้เอ็กซ์ตอบรับทันที
เดินจากหอมาไม่นานก็ถึง U Center บรรยากาศตอนนี้คนเริ่มคึกคัก โต๊ะแทบไม่มีที่นั่ง เสียงสั่งอาหาร เสียงคนคุยกัน เสียงคนเชียร์บอล ดูแล้ววุ่นวายแต่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของU Center
เราหาโต๊ะได้เกือบริมสุด หนึ่งสั่งข้าวเสร็จก็นั่งนิ่งเงียบไม่พูด ไม่มองใคร มีแต่ไอ้เอ็กซ์พูดของมันไปเรื่อยอยู่คนเดียว เดี๋ยวก็บอกให้มองสาวคนนั้นมั้ง คนนี้มั้ง ซักพักอาหารที่สั่งก็มาพร้อมกับเงินเงินเลย เรากินข้าวกันไปเกือบครึ่งจาน คนก็แน่นมากขึ้น จนมีการยืนคอยโต๊ะกัน เรากินกันเกือบหมดจานแล้วก็มีเสียงตะโกนขึ้นว่า
“โต๊ะที่นั่งสามคน ริมสุดอ่ะ ถ้าลุกแล้วจองนะ” ผมหันไปมองต้นเสียงแต่ก็ไม่เจอคนพูดอาจจะเป็นเพราะคนเยอะด้วยมั้ง แต่เสียงนั้นก็คุ้นๆหูผมอีกแล้ว (เป็นอะไรกับเสียงนี้ว่ะ)
กินเสร็จก็พากันเดินกลับหอ ผมกับหนึ่งกลับไปที่ห้อง ส่วนไอ้เอ็กซ์นั่งดูทีวีอยู่ใต้หอ
พอขึ้นมาได้ซักพักมีลมพัดแรงเหมือนฝนจะตก ผมกับหนึ่งก็พากันปิดหน้าต่าง แล้วผมก็หยิบ
Notebook ตัวโปรดของผมออกมา กะว่าจะเล่นเกมซักหน่อย ไฟทำท่าหริบหรี่กระตุกๆ สองสามครั้งแล้วก็ดับเอาดื้อๆ ทั้งหอมือสนิทมีเสียงโวยวายผสมกับเสียงกรีด ฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างมากมาย
“เข้าหอไม่ถึงอาทิตย์ ก็เป็นเรื่องซะแล้ว หนึ่งว่าไหม” ผมบ่นออกมาเชิงถามหนึ่ง
เงียบ ... มีแต่เสียงฝนตกข้างนอก ผมเรียก “หนึ่ง ๆ ๆ” ____เงียบ___
ผมคว้ามือถือได้กดให้พอมีไฟส่องไปหาหนึ่ง เห็นหนึ่งนั่งกอดเข่าก้มหน้าอยู่บนเตียง
ผมตกใจถามหนึ่งพร้อมเข้าไปนั่งบนเตียงจับแขนหนึ่ง “หนึ่ง ๆ หนึ่งเป็นอะไร”
ผมเห็นหนึ่งมีน้ำตาซึมๆ ผมเห็นแล้วขนลุกรู้สึกหนาวไปทั้งหัวใจเลย แววตาที่ดูออกเศร้าๆอยู่แล้วของหนึ่งบัดนี้มันมีน้ำตาด้วย
(ทำไมหนึ่งเป็นอะไร หรือว่าหนึ่งกลัวเสียงฟ้าร้อง – ผมคิดในใจ)
หนึ่งยังนิ่งเงียบไม่ยอมตอบ ผมไม่รู้จะทำยังไงดี ปลอบคนก็ไม่เป็นด้วย บรรยากาศมันอึดอัดพิกลแฮะ ผมนึกขึ้นมาได้ ล่วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เจอเครื่องเล่น MP 4 ผมกดเล่นแล้วเอาหูฟังออกเพื่อให้มันทำงานระบบลำโพง เพราะคิดว่าถ้ามีเสียงเพลงคงแก้บรรยากาศแบบนี้ได้บ้าง
“ตั้งแต่ครั้งนั้นที่เธอไม่อยู่ ชีวิตฉันดูเปลี่ยนไป............(เพลงประกอบภาพยนตร์ Body ศพ 19)
ผมหันมามองหนึ่ง หนึ่งยังเงียบและก้มหน้า สงสัยเพลงนี้ไม่เข้าท่ามันวังเวงไป
ผมรีบกดเปลี่ยนไปฟังคลื่น FM เพราะอย่างน้อยก็มีเสียงดีเจพูดบ้างล่ะ
“ซ่าส์ๆๆ....ผม ......ดี ซ่า........นิค ครับ......ซ่าส์ๆๆๆ” ผมพยายามหมุนหาคลื่นให้ชัดแต่มีเสียงซ่าส์ๆตลอดเลย แต่เอ๊ะเสียงนี้อีกแล้ว มันคุ้นๆหูเราอีกแล้ว ไม่ทันจะคิดอะไรต่อก็มีเสียง
“ฝนตกแรงๆอย่างนี้ เขาไม่ฟังFMกันหรอก เดี๋ยวฟ้าผ่า” หนึ่งพูดด้วยเสียงที่นิ่งๆ
ผมหันไปมองหนึ่ง พร้อมกับรีบกดปิด MP 4 ทันที “หนึ่ง ๆ หนึ่งเป็นอะไร”
หนึ่งยิ้มให้บางๆแล้วส่งสายตาเศร้าๆมาให้ผม “เรากลัวเสียงฟ้าร้อง เออยู่เป็นเพื่อนเรานะ”
“อ้าวก็เราไม่ได้ไปไหนนิ่ ก็อยู่นี่ไง” ผมปลอบ
หนึ่งมองผมด้วยสายตาที่เศร้ากว่าเดิม “ก็เอจะย้ายห้องไปอยู่กับเพื่อนเอ ที่ชื่อเอ็กซ์ไม่ใช่เหรอ”
ผมอึ้ง พูดอะไรไม่ออก “ที่จริงมันสิทธิ์ของเอ แต่เราไม่อยากปรับตัวเข้ากับคนที่จะย้ายมาอยู่กับเราใหม่นิ่ เราเหงา”
(ผมคิดในใจ) “จะปรับตัวอะไรยากว่ะ เราก็เพิ่งอยู่ด้วยกันอาทิตย์เดียวเอง”
แล้วผมก็พูดว่า “เปล่าๆ เราไม่ย้ายหรอก ไอ้เอ็กซ์มันแซวเล่น มันเห็นห้องเราสะอาดไง”
หนึ่งยิ้มออก “จริงนะ เอ ไม่ย้ายนะ แล้วเอมานั่งเตียงเราทำไมเราจะนอนแล้ว”
อ้าวเราผิดเหรอเนี๊ยะ “อ้าว อือๆ ฝันดี” ผมพูดพร้อมเดินกลับมาที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอน
“เอ ห้ามบอกใครนะว่าเรากลัวเสียงฟ้าร้อง แล้วก็เรื่องที่เรา..ร้อง..ไห้” หนึ่งพูดขึ้นมา
“อือ...”ผมตอบรับ “แล้วพรุ่งนี้หนึ่งจะไปงานเปิดโลกกิจกรรมป่าวอ่ะ”
“ยังไม่รู้เลย นอนล่ะนะ”
...
“ขอแสดงความยินดีกับน้องใหม่............................น้องๆๆ ใหม่ๆๆๆ อาบน้ำ......มาคุยๆๆๆ...........อะไรกันๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โต๊ะนั้น จองๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆนะ..................ๆๆๆๆ ดี..........ๆๆๆๆ........เจๆๆๆๆๆ.........นิ......ๆๆคคคคค.........ๆๆๆ”
“ตื่นได้แล้ว ตื่นๆ เอ ตื่นๆ”
ผมลุกขึ้นแบบสะดุ้งตกใจ
“เป็นอะไรเห็น นอนเอามืออุดหู ส่ายหัวไปมาอยู่ได้ เราปลุกแค่นี้ตกใจมาหหรอก”
(ฝันไปเหรอว่ะเนี๊ยะไอ้เสียงนั่น) “อือ ไม่มีอะไร กี่โมงแล้ว” ผมถาม
“จะ 8 โมงแล้ว” หนึ่งตอบด้วยเสียงเรียบๆ
“วันนี้วันเสาร์นี่ ไม่มีเรียนขอนอนต่อก่อน” ผมพูดเสียงอู้อี้
“แล้วเมื่อคืนใครชวนไปงานเปิดโลกกิจกรรม” หนึ่งถามต่อ
“เออ ใช่ ไปๆ อาบน้ำกันเร็วๆซิ เดี๋ยวไม่ทัน” ผมรีบลุกไม่เก็บที่นอน เปลี่ยนผ้ารีบไปอาบน้ำ
ผมหันมาดูหนึ่งที่นั่งเฉยๆ “ไม่ไปอาบน้ำเหรอ” “อาบเสร็จแล้ว” “เออๆ”ว่าแล้วผมก็รีบไปอาบน้ำ
กลับมาอีกทีผ้าห่มของผมก็ถูกพับเป็นระเบียบอยู่ที่ปลายเตียงผ้าปูที่นอนไม่มีรอยยับเหมือน
ไม่มีคนนอนเลยเมื่อคืน ผมมองหน้าหนึ่ง “ขอบใจนะ ที่เก็บให้ ที่จริงไม่ต้องเก็บก็ได้คืนนี้ก็มานอนต่อแล้ว” หนึ่งอมยิ้ม
...
เพิ่งเสร็จสดๆร้อนๆเลยนะครับ (อ่านไประวังลวกลูกตานะครับ

)
ผมมือใหม่หัดเขียนมีอะไรชี้แนะด้วยนะครับ
p.s. ตอนหน้าตัวเอก นายเอของเรา จะได้พบกับเจ้าของเสียงนั้นแล้วนะครับ
อยากรู้ว่าจะเจอกันยังไง แบบไหน เข้ามาติดตามกันนะครับ
ขอนอนเอาแรงอีกตื่นก่อนครับ

จะมานั่งปั่นต่อ 555