เวลา : วันนี้ (บทส่งท้าย) [แจ้งเรื่องเฮเดสและเจ้าชายค่ะ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เวลา : วันนี้ (บทส่งท้าย) [แจ้งเรื่องเฮเดสและเจ้าชายค่ะ]  (อ่าน 152910 ครั้ง)

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 6) 22 เม.ย.57
«ตอบ #30 เมื่อ22-04-2014 20:27:09 »

พี่พูดเอง ..... สมน้ำหน้าชายรอง ชิ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 6) 22 เม.ย.57
«ตอบ #31 เมื่อ22-04-2014 21:09:27 »

สมน้ำหน้าไงบอกไม่ถูกแฮะ

เรื่องเยอะเอง

ออฟไลน์ poogan_zadd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 6) 22 เม.ย.57
«ตอบ #32 เมื่อ22-04-2014 21:57:50 »

กรีดร้องงงงงงงงงงงง
หนีหึงเต็มขั้นแล้วใช่ไหม ใกล้จะดาร์คแล้วรึเปล่า ภีมเสนโหดเกินไปแล้ววว

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 6) 22 เม.ย.57
«ตอบ #33 เมื่อ22-04-2014 23:32:37 »

 :haun4: รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะใจแตก เหอๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 6) 22 เม.ย.57
«ตอบ #34 เมื่อ24-04-2014 03:48:29 »

ทำไมเรารู้สึกสงสารองค์ชายรัชทายาทไม่รู้  :mew5:

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 7) 24 เม.ย.57
«ตอบ #35 เมื่อ24-04-2014 11:45:20 »

พรุ่งนี้... ที่รอคอย
บทที่ 7


“หม่อมฉันเกลียดฝ่าบาท”

“ฉันรู้แล้ว”

“ไม่เคยเกลียดใครเลย แต่เกลียดฝ่าบาทเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”

“แต่เธอก็ยังต้องอยู่กับฉัน”

“สักวัน หม่อมฉันจะหนีไปให้พ้น ฝ่าบาทรับสั่งว่า หม่อมฉันจะมีพรุ่งนี้”

“สิ่งที่จะทำให้เธอหนีฉันพ้นได้ มีแต่ความตายเท่านั้น”

“หม่อมฉันไม่กลัวตาย”

“แต่ฉันจะไม่ยอมให้เธอตาย”




เช้าอีกแล้ว เช้านี้ก็ยังคงเป็น ‘วันนี้’ อยู่ดี ไม่ใช่ ‘พรุ่งนี้’ อย่างที่หวัง แต่เจ้าชายรองแห่งอันธกาลจะไม่รอคอยให้วันพรุ่งนี้มาถึงเองอีกแล้ว

“พิรุณล่ะ”

คนนอนนิ่งบนเตียงถามเรียบๆ เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาหลังจากเขาออกปากอนุญาตมีเพียงคนเดียวคือนารา

“พักผ่อนอยู่เพคะ”

“ไปเรียกมาหาฉันที”

“แต่นี่เป็นห้องบรรทมขององค์รัชทายาท พิรุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาเพคะ”

“ฉันจะได้ทุกอย่างที่ต้องการไม่ใช่หรือ ไปตามพิรุณมา”

“พระชายาจะโปรดให้พิรุณทำอะไรหรือเพคะ หม่อมฉันทำถวายได้ไหม”

เจ้าชายเชลยไม่พูดว่าอะไร แต่เขารู้จักใช้สายตาต่างคำสั่งบ้างแล้ว

“งั้น... ก็ได้เพคะ หม่อมฉันจะไปตามมาเข้าเฝ้านะเพคะ”

เมื่อพิรุณมาถึง นาราก็ถูกสั่งให้ออกไป นางพระกำนัลสาวลังเล แต่เมื่อถูกสั่งอีกครั้งก็จำต้องออกไปอย่างเสียไม่ได้

คนนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงมองนางพระกำนัลสาวสวยที่เดินเข้ามาคุกเข่าอยู่ข้างเตียงนิ่งๆ ก่อนจะออกคำสั่งประโยคเดียว

“ปลอบใจฉันหน่อย”

พิรุณเผยยิ้มอ่อนโยน

“เพคะ”

นางพระกำนัลสาวรู้ดี ว่าเวลาที่รอคอยมาถึงแล้ว ครั้งนี้ จะไม่เหมือนครั้งก่อนๆ อีกต่อไป

เรือนร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาว เจ้าชายแห่งอันธกาลเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก ทั้งสวยงามละลานตา ทั้งแลดูน่าทะนุถนอมเป็นอย่างยิ่ง ติดอยู่อย่างเดียวเท่านั้น

คือไม่กระตุ้นตัณหาราคะมากอย่างที่ควรจะเป็น

ภายในหัวร้องเตือนว่านี่ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง แต่ศวัสพยายามไม่สนใจ ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกตอนนี้ต้องไม่ใช่ความรู้สึกผิด แต่เป็นความคับแค้นต่างหาก ตัดความลังเลสับสนออกไป แล้วสนใจแต่หญิงงามที่อยู่ตรงหน้าจะดีกว่า

“องค์รัชทายาททรงรุนแรงกับฝ่าบาทเหลือเกิน ถึงกับเลือดตกยางออก หม่อมฉันจะช่วยทำให้ฝ่าบาททรงลืมนะเพคะ”

เลือดออกตรงไหน ทำไมเขาไม่รู้สึกล่ะ

สติของเจ้าชายหนุ่มเลือนๆ ไป เมื่ออีกฝ่ายปรนเปรอด้วยริมฝีปากอุ่นนิ่ม เนื้อตัวของหญิงสาวอ่อนนุ่ม หอมกรุ่น ต่างจากสัมผัสแข็งแน่นของคนที่เขาคุ้นชินมากนัก

ขณะที่คิดว่าเขานอนอยู่ผิดตำแหน่ง ผู้ชายต้องอยู่ข้างบนจึงจะถูก กลางกายก็ได้รับการปรนนิบัติด้วยมือและปาก ความรู้สึกสุขสมก่อตัวขึ้น แต่อารมณ์บางอย่างที่ยังค้างคาทำให้รู้สึกได้ไม่เต็มที่

เป็นความรู้สึกแบบสุกๆ ดิบๆ ราวกับว่ากายสุขสม แต่ใจไม่ยอมรับ

“ให้หม่อมฉันขึ้นถวายนะเพคะ”

ภาพนางพระกำนัลสาวกำลังหย่อนตัวลงมาสวมครอบความเป็นชายของเขาเอาไว้ตรึงสายตาจนต้องกลั้นหายใจ ยามที่นางขยับตัว ควบขับอยู่บนกายของเขา ไม่ได้ช่วยทำให้เขารู้สึกดีมากมายอย่างที่คิด

“ฝ่าบาท... รัก... หม่อมฉันรักฝ่าบาทเพคะ...”

พิรุณหลับตาพริ้มขณะขยับกายขึ้นลงอย่างรุนแรง

วูบหนึ่ง ที่ความเสียใจแล่นปลาบทั่วหัวใจของเจ้าชายเชลย แต่อารมณ์ดิบก็พุ่งทะยานเช่นกัน

เขาถึงฝั่ง แต่ทำไมจึงไม่รู้สึกสบายใจอย่างที่ควร

กลับรู้สึกว่าได้ทำสิ่งสกปรกจนตัวเองแปดเปื้อน โสมมไปทั้งตัว




“หม่อมฉันจะแต่งงานพระเจ้าค่ะ”

เขาอุตส่าห์ให้พิรุณรออยู่ในห้องบรรทมด้วยกันเพื่อกราบทูลประโยคนี้ต่อเจ้าของห้อง ตั้งแต่ก้าวแรกที่พระองค์เสด็จเข้ามา
องค์รัชทายาทแห่งเรืองอรุณทรงชะงัก สีพระพักตร์แปรเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง คลับคล้ายจะเสียพระทัย แต่เพียงแค่แวบเดียวก็กลับเป็นปกติ

“เธอออกไปได้แล้ว” รับสั่งบอกพิรุณ

“หม่อมฉันอยากให้นางอยู่ด้วยพระเจ้าค่ะ”

“ออกไป”

พระสุรเสียงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่อย่าว่าแต่พิรุณเลยที่รีบก้มลงกราบแล้วคลานออกจากห้องไป คนที่ไม่ได้ถูกสั่งให้ออกยังรู้สึกกลัวขึ้นมาจนใจสั่น

หลายอึดใจที่ถูกสายพระเนตรคู่นั้นทอดมองมานิ่งๆ ศวัสอึดอัดจนเหมือนจะหายใจไม่ออก

“กินข้าวด้วยกันก่อน มีอะไรไว้พูดกันตอนนั้น”

คนถูก ‘ชวน’ ไม่กล้าค้านแม้แต่ครึ่งคำ




ห้องเสวยกว้างขวาง แต่เจ้าชายภีมเสนโปรดให้จัดโต๊ะเสวยเล็กๆ ขนาดสองที่ริมพระบัญชร

อาหารบนโต๊ะล้วนแต่เป็นของที่เจ้าชายรองแห่งอันธกาล ‘โปรด’ ที่สำคัญคือเป็นอาหารของชาวอันธกาล

“ฉันเพิ่งรับพ่อครัวชาวอันธกาลมาคนหนึ่ง ต่อไปเธออยากจะกินอะไรเป็นพิเศษก็สั่งไปที่ห้องเครื่องได้”

ศวัสรู้สึกว่ามีก้อนอะไรอะไรบางอย่างติดตื้นอยู่ตรงลำคอ ทำให้กลืนข้าวแต่ละคำลงไปอย่างยากลำบาก ดวงตาก็ร้อนผ่าวจนต้องกะพริบตาถี่ๆ

มื้ออาหารผ่านไปอย่างเงียบเชียบ องค์รัชทายาทหนุ่มไม่ได้ทรงตำหนิที่คนร่วมโต๊ะกินช้าและน้อยคำ หลังจากอีกฝ่ายแทบจะไม่ขยับช้อนส้อมแล้ว พระองค์ก็ทรงเลื่อนจานผลไม้มาให้

เมื่อมหาดเล็กเลื่อนเครื่องเสวยไปเก็บเรียบร้อยแล้ว เจ้าชายภีมเสนจึงรับสั่ง

“อยากจะแต่งงานกับใคร”

“กับ... พิรุณพระเจ้าค่ะ”

“ทำไมถึงจะแต่ง”

เรื่องแบบนี้ยังต้องถามด้วยหรือ

“หม่อมฉัน... ได้นางแล้ว นางเป็นเมียของหม่อมฉันแล้วพระเจ้าค่ะ”

ในที่สุดก็โพล่งออกไปแล้ว และเพียงแค่ถูกจ้องมองนิ่งๆ ก็รู้สึกเหมือนอากาศในห้องนี้จะน้อยเกินไปจนไม่พอจะหายใจ

“ได้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน ฉันส่งนางไปรับใช้เธอ ถ้าเธอพอใจ จะให้รับใช้แบบไหนก็ได้”

คนฟังเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง

“นางเป็นผู้หญิงนะพระเจ้าค่ะ ได้นางแล้วไม่รับผิดชอบ หม่อมฉันจะเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ชายอยู่ได้อีกหรือพระเจ้าค่ะ”

สายพระเนตรคมจัดทอดมองมาอย่างพิจารณาระคนปรานี

“เธอยังอ่อนเดียงสาเกินไป”

“หม่อมฉันไม่ใช่เด็ก”

“ศวัส”

ไม่รู้เป็นไร ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์รุนแรงแค่ไหน ขอเพียงแค่ถูกพระองค์ทรงเรียกชื่อ เขาก็เป็นต้องยอมอ่อนลงและนิ่งฟังเสมอ

“ถ้าแต่งงานกับพิรุณแล้ว เธอจะมีความสุขไหม”

“มีพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจะมีความสุข” มีเมียเป็นผู้หญิง ทำไมถึงจะไม่มีความสุขล่ะ

“ฉันอยากเห็นเธอมีความสุข จึงอยากให้เธอคิดทบทวนดูดีๆ ถ้าอยากจะแต่งงานกับผู้หญิง ฉันก็เห็นว่านาราน่าจะเหมาะ”

อะไรนะ นารา เขามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่จะให้แต่งงานกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง บ้าไปแล้ว ขนาดเขาได้ชื่อว่าเป็นลูกชายของหญิงบ้า ยังไม่มีความคิดวิปริตแบบนี้อยู่ในหัวเลยแม้แต่กระผีกเดียว

“เลือกคนที่เธอชอบเขาจากใจจริง เพราะถ้าเธอชอบเสียแล้ว ไม่ว่าเขาจะทำอะไรผิด เธอก็ยังอภัยให้เขาได้ง่ายๆ และยังจะชอบเขาอยู่เสมอไป”

อารมณ์โมโหของคนฟังปะทุกรุ่น คับแค้นจนอยากจะร้องไห้ เขาไม่อยากจะฟัง อย่ารับสั่งราวกับทรงรู้จักความรู้สึกแบบนั้นดีเลย คนอย่างพระองค์จะเคยรู้สึกเช่นนั้นกับใครได้ยังไง ในเมื่อไม่น่าจะมีหัวใจเสียด้วยซ้ำ ขนาดคนที่พระองค์รับสั่งอยู่เสมอว่าเป็นเมียบอกว่าจะแต่งงานกับผู้หญิง ยังไม่โกรธ ไม่ห้ามเลยสักคำ มิหนำซ้ำยังจะแนะนำผู้หญิงคนอื่นให้อีก

“หม่อมฉันอยากจะแต่งงานกับพิรุณ ฝ่าบาทจะประทานพระอนุญาตได้ไหมพระเจ้าค่ะ” เขาต้องการรู้แค่นี้

ชั่วขณะนั้น เวลาเหมือนกับหยุดเดิน

“ได้สิ ฉันอนุญาต”

คนเป็นพระชายารู้สึกราวกับบางสิ่งบางอย่างในร่างกายแตกสลาย

ไหนล่ะ ความรู้สึกปลาบปลื้มยินดีที่จะได้เรียกศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายกลับคืนมา

ทิฐิเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่ผลักดันให้กล้ำกลืนความรู้สึกที่ทำให้ท้องไส้บิดเกร็งเขม็งเกลียวลงไป พยายามสงบใจ บังคับให้มือไม่สั่นขณะที่ถอดแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้าย

“หม่อมฉันอยากจะได้แหวนวงใหม่ ขอถวายวงนี้คืนพระเจ้าค่ะ”

แปลกที่เรื่องแค่นี้กลับทำให้พระพักตร์ที่นิ่งเฉยอยู่เป็นนิจแปรเปลี่ยนไปได้

“เธอเก็บเอาไว้เถอะ”

“แต่หม่อมฉันต้องสวมแหวนวงใหม่ในพิธี”

องค์รัชทายาทหนุ่มทรงนิ่งเงียบไปชั่วครู่

“ฉันให้แล้วไม่คิดจะเอาคืน”

“ของมีค่าเช่นนี้ หม่อมฉันกลัวเก็บไม่ดีแล้วทำหายพระเจ้าค่ะ”

คนกราบทูลวางแหวนไว้บนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นยืน

“หม่อมฉัน... ขอประทานพระอนุญาตกลับห้องพระเจ้าค่ะ”

“... ไปเถอะ...”

คนฟังถึงกับชะงัก ง่ายดายอย่างนี้เองหรือ ทำไมถึงปล่อยเขาไปง่ายๆ

อ้อ อีกไม่นานพระองค์คงจะเสด็จไปหา แล้วก็ตักตวงความสุขจากร่างกายของเขาเหมือนทุกคืน

คิดเช่นนั้นแล้วก็ไม่นึกแปลกใจอีก

“ศวัส”

คนเดินไปได้หลายก้าวแล้วหันกลับมา

“สร้อยของเธอ ให้ฉันได้ไหม”

“... ฝ่าบาททรงขอทำไมพระเจ้าค่ะ”

หัวใจเต้นโลดราวกับจะทะลุออกมาจากอก

“แทนแหวนที่ฉันให้”

ศวัสกำมือแน่น สูดลมหายใจเข้าแล้วกราบทูลเสียงห้วน

“หม่อมฉันตั้งใจว่าจะมอบให้พิรุณในวันแต่งงานพระเจ้าค่ะ”





วันแต่งงานของพระชายาในเจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณถูกกำหนดให้มีขึ้นในอีกสิบวันข้างหน้า เร็วจนแม้แต่เจ้าบ่าวเองยังตระหนก นาราเป็นคนบอกเหตุผลเมื่อถูกถาม

“องค์รัชทายาทรับสั่งว่าถ้าช้ากว่านี้จะไม่ทันเพคะ”

“ไม่ทันอะไร”

“หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะ”

นางพระกำนัลสาวผู้นี้พูดน้อยลงมาก ตั้งแต่รู้ว่าพระชายาของตนจะแต่งงานกับพิรุณ หญิงสาวแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบใจมาก แต่ก็ยังปรนนิบัติรับใช้เจ้าชายต่างแคว้นอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เพียงแต่ยิ้มน้อยลง และไม่ช่างพูดเหมือนเดิม ทำเอาบรรยากาศรอบตัวของเจ้าชายหนุ่มหม่นหมองลงอย่างรู้สึกได้ชัด

ตั้งแต่แยกจากกันในคืนที่กินอาหารร่วมโต๊ะ  ศวัสก็ไม่ได้พบเจ้าชายภีมเสนอีก

ยามค่ำคืนที่จะได้นอนในห้องเพียงลำพังได้มาถึงแล้ว




อย่างไรก็ดี แม้องค์ไม่มา แต่พระกรุณาก็มาถึงไม่เคยขาด ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในพิธี พระองค์ทรงจ่ายให้ทั้งหมด ตั้งแต่วิหารที่ใช้ทำพิธี ชุดเจ้าบ่าว ชุดเจ้าสาว บัตรเชิญ ของชำร่วย ดอกไม้ อาหาร ของที่ใช้ตกแต่งในพิธี รถม้า หรือแม้แต่เรือนหอ ทุกสิ่งอย่างเจ้าชายภีมเสนโปรดให้คนจัดการตามความต้องการของบ่าวสาวทุกประการ

พูดให้ถูกคือความต้องการของเจ้าสาวเพียงคนเดียว

พิรุณกระตือรือร้นกับการได้เป็นเจ้าสาวมาก      ผิดกับเจ้าชายแห่งอันธกาลที่นอกจากลองชุดแล้วก็ไม่แสดงความคิดเห็นเรื่องอะไรอีกเลย และพิรุณก็ถามความคิดเห็นเพียงแค่ครั้งเดียว เมื่อได้คำตอบว่า

‘ฉันตามใจเธอ’

หญิงสาวก็ไม่เคยถามอีก ซึ่งศวัสก็คิดว่าดีแล้ว

เจ้าชายภีมเสนไม่ได้ทรงเรียกร้องความสัมพันธ์ยามค่ำคืนจากเขาอีก พิรุณเองก็ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเขาเลยเช่นกัน หญิงสาวอ้างว่าต้องเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว จึงไม่ได้มาอยู่รับใช้เขาอีก คนเดียวที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาคือนารา

นาราที่บ่อยครั้งจะมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ

“อยากจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ”

“หม่อมฉันพูดได้หรือเพคะ”

“ทำไมถึงพูดไม่ได้ล่ะ”

“สิ่งที่หม่อมฉันจะพูด คงไม่ใช่สิ่งที่พระชายาอยากจะฟัง”

“พูดไปเถอะ” เพราะไม่ว่าจะพูดอะไร ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว

“พระชายาไม่น่าทรงทำอย่างนี้เลยเพคะ องค์รัชทายาททรงดีต่อพระชายามาก ไม่เคยขัดพระประสงค์เลยสักอย่าง แล้วก็ไม่เคย... ไม่เคยนอกใจพระชายาเลย”

อา... นอกใจ เจ็บแปลบไปถึงแก่นกลางหัวใจเชียวล่ะ

“ก่อนจะมีพระชายา พระองค์ทรงมีพระสนมอยู่หลายสิบนาง แต่ละนางรูปร่างหน้าตาสะสวย พระองค์ยังโปรดให้ทูลลาออกจนหมด เพื่อจะได้มีพระชายาเพียงพระองค์เดียว ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทรงทำอย่างนี้ก็ได้ พระชายาไม่ทรงเห็นความดีของพระองค์บ้างเลยหรือเพคะ ทรงเป็นเจ้าชายแห่งอันธกาล น่าจะทรงทราบว่าไม่ว่าบ้านเมืองไหน เจ้าชายจะมีพระสนมนางในกี่นางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่สำคัญ สิ่งที่พระชายาทรงทำกับพิรุณลับหลังพระองค์ ถ้าเป็นคนอื่นคงจะต้องพระอาญาสาหัสไปแล้ว แต่องค์รัชทายาทกลับทรงอภัยให้พระชายาได้ง่ายๆ”

คำพูดของนารามีเหตุผล เจ้าชายรองแห่งอันธกาลยิ้มเศร้าๆ แล้วตอบนางด้วยคำถามเบาๆ

“ถ้าผู้ชายคนหนึ่งไม่เคยนอกใจเธอเลย แต่เขาขืนใจเธอทุกคืน เธอจะยังรู้สึกว่าตัวเองโชคดีอยู่ไหม”

นาราตอบไม่ได้




ได้อยู่ตามลำพังเพียงแค่ไม่กี่วัน ศวัสก็รู้สึกว่าวันเวลาแต่ละวันช่างยาวนาน เขามีเวลาว่างมากพอจะคิดออก ว่าทุกสิ่งที่ทำลงไปก็เพื่อความสาแก่ใจ ซึ่งไม่ใช่นิสัยของเขาเลย ชั่วชีวิตที่ผ่านมาเขาได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำและยอมรับในชะตากรรมอันโดดเดี่ยวที่คนในราชวงศ์มอบให้ ไม่เคยคิดจะลุกขึ้นมาปฏิวัติหรือแก้แค้นใคร แต่เจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณทรงเป็นคนไล่ต้อนเขา กดดันให้เขารู้สึกว่าทานทนไม่ได้

สรุปแล้วพระองค์เองที่เป็นคนเปลี่ยนแปลงเขา

ทำให้เขากลายเป็นคนอีกคนหนึ่ง

‘สร้อยของเธอ ให้ฉันได้ไหม’

แค่คิดถึง ทั้งหัวตาและหัวใจก็ร้อนผ่าว จะขอทำไม
.
.
.
.
.

ในเมื่อไม่มีเหตุผลดีๆ มอบให้





tbc.

******************************************

iforgive – สมน้ำหน้านี่ถูกต้องเลยค่ะ คิดว่า จำเป็นจะต้องมีบทให้ศวัสเป็นผู้ถูกกระทำ ให้คนอ่านได้สมน้ำหน้าบ้างค่ะ ถ้าตัดฉากนั้นไปจะกลายเป็นว่า ผู้ถูกกระทำ ในเรื่องนี้คือเจ้าชายรัชทายาทคนเดียวเลย ต้องแบ่งๆ กันถูกกระทำ แต่ไม่รู้ว่าทางกายหรือทางใจจะหนักกว่ากันสิน่า

fuku – บทนี้ศวัสก็ยังเยอะอยู่นะคะ เยอะกว่าเดิมเยอะเลยอ่า ชักจะเลยเถิด

poogan_zad – น้องสาวพี่บัวรึเปล่าคะ (ดูจากจำนวนกระทู้ คิดว่าน่าจะเพิ่งสมัคร) ขอบคุณที่เม้นต์ค่ะ ^^ แล้วก็ถ้าใช่ ก็ขอแก้ไขนิดนึงค่ะ เรื่องความหมายของชื่อภีมเสน บอกผิดน่ะค่ะ ไม่ได้แปลว่าโหดร้าย แต่แปลว่า น่ากลัว (ในสายตาของศวัส แต่จริงๆ แล้วก็ใจดีอยู่นะคะ ไม่มีบทโหดค่ะ ใกล้จบล่ะ)

อ๊ายอาย – หึง หื่น แต่ไม่หวงนะคะ อยากแต่งงานก็ให้แต่ง คิดๆ อยู่ว่าดูเป็นคนแปลกๆ พิกล แต่ก็พอมีเหตุผลอยู่ อีกสองตอนก็จบแล้วค่ะ เป็นบทที่ 8 แล้วก็บทส่งท้าย ตั้งใจว่าจะเคลียร์ทุกประเด็นแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะสมเหตุสมผลมั้ย เรื่องขอคืนดีนี่ชุนขอคิดดูก่อนนะคะ รอพิจารณาความประพฤติของเสี่ยก่อนค่ะ ถ้ารับได้ถึงจะยอม ชุนไม่ง่ายหรอกนะคะ ขอบอก :laugh:

IsDear – ศวัสก็กำลังจะใจแตกเหมือนกันค่ะ (แตกสลาย 555)

Snowermyhae – ตอนเขียน ชุนก็ไม่เคยรู้สึกสงสารศวัสเลยค่ะ สงสารภีมเสนคนเดียวเลย



ถึงตอนนี้เพิ่งจะรู้สึกว่า เรานี่ชอบเขียนให้นายเอกเป็นคน "เรื่องเยอะ" เนาะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2014 12:05:05 โดย ชุน »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 6) 22 เม.ย.57
«ตอบ #36 เมื่อ24-04-2014 11:52:41 »

ตอนที่แล้ว สมน้ำหน้า ตอนนี้ สมน้ำหน้าโครต ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
โกรธมาก  ทำไมโง่เขลา เอาแต่อารมณ์ขนาดนี้

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 7) 24 เม.ย.57
«ตอบ #37 เมื่อ24-04-2014 12:20:13 »

หาเรื่องให้ตัวเองชัดๆ

เหอะๆ ได้งูพิษมาไว้ข้างหมอนแล้วจะรู้สึก

ออฟไลน์ KhunToOk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-4
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 7) 24 เม.ย.57
«ตอบ #38 เมื่อ24-04-2014 13:53:24 »

ขออ่านถึงแค่ตรงนี้นะคะ เราทำใจอ่านต่อไม่ไหว ไม่ชอบใจนายเอกขึ้นมาปรี๊ดๆ

ไม่รู้จะสมน้ำหน้าหรืออะไรดี ไม่ใช่ว่าอวยพระเอกนะคะ แบบว่ายิ่งอ่านยิ่งสาสารพระเอก

ในใจรู้สึกไม่ดีกะนายเอกไปแล้วอ่ะค่ะ รับไม่ได้ สามคนผ้วเมีย มันไม่ใช่อ่ะค่ะ

ปอลอ อินไปไหมนะเรา 555++

ออฟไลน์ mholic

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 7) 24 เม.ย.57
«ตอบ #39 เมื่อ24-04-2014 14:15:45 »

อยากตบนางพิรุณสักฉาดสองฉาด
ไม่เจียมกะลาหัวจริง กินบนเรือนขี้บนหลังคาจริง :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 7) 24 เม.ย.57
« ตอบ #39 เมื่อ: 24-04-2014 14:15:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 7) 24 เม.ย.57
«ตอบ #40 เมื่อ24-04-2014 16:36:46 »

 :hao5: สงสารภีมเสน
พิรุณนี่มันมีหวังจะเข้าใกล้ภีมเสนแล้วดีดศวัสทิ้งสินะเนี่ย

ออฟไลน์ poogan_zadd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 7) 24 เม.ย.57
«ตอบ #41 เมื่อ24-04-2014 17:07:31 »

อุ้ย ไม่ใช่น้องสาวพี่บัวนะคะ จริงๆสมัครนานไว้นานแล้วค่ะแต่ก็หยุดอ่านไปก่อน
เพิ่งคึกจะกลับมาเม้นท์ก็ตอนอ่านนิยายคุณชุน เป็นเมมเบอร์เก๋ากึ้กเลยค่ะ 55
ตัวภีมเสน...คิดไปคิดมาก็น่ากลัวจริงๆด้วย TT ดูมีลับลมคมใน ดีบางเรื่องร้ายบางเรื่อง ถึงอย่างนั้นก็เชียร์เขานะ เขาดูรักศวัสมาก
แต่ประโยคที่ศวัสก็พูดน่าสงสารจริงๆ...อยากรู้ว่าภีมเสนคิดยังไง ทั้งอยากให้จบทั้งไม่อยากให้จบเลยเรื่องนี้ ฮือออ

แล้วก็รู้สึกว่าบทนี้เป็นบทที่เราอ่านแล้วรู้สึกบีบคั้นสุดๆเลยค่ะ อ่านไปปวดใจไปทั้งตอน ลุ้นว่าศวัสจะยกเลิกงานไหม
พิรุณจะยังไง ภีมเสนจะยังไง สุดท้ายก็ไม่ยังไง เขาจะแต่งงานกันซะงั้น ฮือออ


ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 7) 24 เม.ย.57
«ตอบ #42 เมื่อ24-04-2014 18:45:51 »


“ถ้าผู้ชายคนหนึ่งไม่เคยนอกใจเธอเลย แต่เขาขืนใจเธอทุกคืน เธอจะยังรู้สึกว่าตัวเองโชคดีอยู่ไหม”


รู้สึกชอบและจี๊ดกับประโยคนี้มาก ทางกายกับทางใจมันคนละอย่างกัน ร่างกายยอม และจิตใจถูกบังคับ ใครคนไหนจะชอบลงได้? เจ้าชายทำให้นายเอกรู้สึกดีๆอะไรบ้างหรือยัง แต่ก็นะ สิ่งที่พระชายาทำออกจะดูเกินไปหน่อยเหมือนกัน

เดาว่าเรื่องของพิรุณนี่มีปม หรือเงื่อนงำ หรืออะไรบางอย่างแน่นอน เพียงแต่นางจะรู้มั้ยว่า ตัวเองกำลังทำร้ายใครอยู่????


ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ แล้วก็ชอรามิเรสมากๆเลยด้วย ขอบคุณนะคะคนเขียน  :bye2:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 7) 24 เม.ย.57
«ตอบ #43 เมื่อ24-04-2014 21:29:13 »

ที่ว่าไม่ทันเนี่ย....เจ้าชายรัชทายาทคงไม่ตายนะ

 :z10:


แอบหมั่นไส้พระชายานะ เหมือนยังไม่รู้ใจตัวเอง ที่ทำก็ประชดทั้งนั้น

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 7) 24 เม.ย.57
«ตอบ #44 เมื่อ25-04-2014 03:13:01 »

รู้สึกสมน้ำหน้าศวัส สงสารภีมเสนมาก ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรที่ให้ทุกอย่าง แต่ดูน่าสงสารที่สุด
นารายังดูน่าคบกว่าพิรุณอีก  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ puengkiss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 7) 24 เม.ย.57
«ตอบ #45 เมื่อ30-04-2014 21:52:35 »

สนุกมากเลยจ้า รอตอนต่อไปนะจ้า

ออฟไลน์ puengkiss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 7) 24 เม.ย.57
«ตอบ #46 เมื่อ09-05-2014 22:08:44 »

ยังรออยู่นะจ้า คุณชุนหายไปไหนๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 8) 10 พ.ค.57
«ตอบ #47 เมื่อ10-05-2014 08:51:50 »

พรุ่งนี้... ที่รอคอย
บทที่ ๘

“องค์รัชทายาทไม่ได้เสด็จนะเพคะ”

คืนก่อนแต่งงาน นาราบอกเช่นนั้นโดยที่ว่าที่เจ้าบ่าวไม่ได้ถาม

คนฟังทั้งแปลกใจและไม่แปลกใจ รู้แต่ว่าเขาอยากให้พระองค์ไปร่วมพิธีด้วย ถ้าได้เห็นว่าพระองค์ทรงเสียพระทัยอยู่บ้าง... แค่เพียงนิดเดียว เขาก็คงจะรู้สึกดีจนสามารถมีชีวิตอย่างมีความสุขได้อีกยาวนาน

แต่ไม่ไปก็ดีเหมือนกัน ยังมีเวลาอีกมาก ที่เขาจะทำให้ทรงรู้สึกเจ็บปวดบ้าง

“หม่อมฉันไม่ได้รับอนุญาตให้พูด ถ้าพระชายาไม่ได้ถาม แต่หม่อมฉันทนไม่ไหวแล้วเพคะ จะถูกองค์รัชทายาททรงลงพระอาญาก็ยอม”

คนขาดความรู้สึกกระตือรือร้นไปนานแล้วก้มลงมองคนที่พับเพียบอยู่ข้างๆ อย่างสนใจขึ้นมา

“พิรุณไม่ใช่นางพระกำนัล นางเคยเป็นพระสนมขององค์รัชทายาทมาก่อนเพคะ”

ศวัสนิ่งอึ้ง

“แล้วนาง...” ทำไมยังอยู่ที่นี่

“พ่อของนางเคยช่วยชีวิตองค์รัชทายาทไว้ครั้งหนึ่งเพคะ นางจึงมีสิทธิ์พิเศษกว่าคนอื่น นางทูลขออยู่ที่นี่ต่อไป เป็นนางพระกำนัลคอยรับใช้พระชายาก็ยอม จนถึงตอนนี้หม่อมฉันก็ยังเดาไม่ถูกว่านางต้องการอะไรกันแน่”

เหตุผลน่ะหรือ ก็คงจะเหมือนกับเขานั่นแหละ... เพื่อแก้แค้น

ดี... รู้อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้รู้สึกผิดต่อนางน้อยลง

“นางเคยถวายตัวให้องค์รัชทายาทมาแล้ว เพราะฉะนั้นแค่มีความสัมพันธ์กับนางครั้งเดียว พระชายาไม่จำเป็นต้องทรงรับผิดชอบนางด้วยวิธีนี้เลย”

ศวัสฝืนยิ้มขื่น การที่เขาแต่งงานกับพิรุณ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เกี่ยวข้องกับนางเลย

... ไม่มีเลย...

“อีกอย่าง หม่อมฉันคิดว่าตอนนี้องค์รัชทายาทน่าจะกำลังประชวรมากนะเพคะ”


ประโยคนี้ต่างหาก ที่สั่นสะเทือนหัวใจได้ทั้งดวง

“หม่อมฉันได้เข้าเฝ้าครั้งล่าสุดเมื่อห้าวันที่แล้ว พระพักตร์ดูซูบซีดลงมาก หม่อมฉันทูลถาม แต่รับสั่งว่าเสวยพระโอสถแล้ว ไม่ได้ทรงเป็นอะไรมาก แล้วก็รับสั่งว่าหม่อมฉันไม่จำเป็นต้องไปเข้าเฝ้าทูลรายงานกิจวัตรประจำวันของพระชายาอีก พระชายาน่าจะเสด็จไปทรงเยี่ยมพระองค์บ้างนะเพคะ คืนนี้ก็ได้ ถ้าเป็นพระชายา ไม่ว่าเวลาไหนองค์รัชทายาทก็โปรดให้เข้าเฝ้าได้อยู่แล้ว”

คงไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่รับสั่งนั่นล่ะ แต่ถึงจะเป็นมาก หมอหลวงก็คงจะต้องหายาดีที่สุดมารักษาให้หายโดยเร็วอยู่แล้ว เขาไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร อีกอย่าง การสั่งให้นาราเลิกรายงานเรื่องของเขา ก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเลิกสนพระทัยเขาแล้ว

“เสด็จไหมเพคะ พระชายา”

“ฉันจะเข้านอนล่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”

“พระชายาเพคะ”

“...”

“หม่อมฉัน... ไม่ควรพูด แต่หม่อมฉันรู้จากมหาดเล็กที่อยู่เวรปีกซ้ายว่า... ว่าองค์รัชทายาทโปรดให้พิรุณเข้าเฝ้าคืนนี้”

คนฟังกำหมัดแน่น ถึงกระนั้นมือก็ยังสั่นระริก

“บอกฉันทำไม”

“เผื่อว่าพระชายาจะเสด็จไปเพคะ”

“ไปทำไม”

นาราสูดหายใจเข้าลึก สบสายตาของพระชายาราวกับจะหยั่งความรู้สึกและท้าทายอยู่ในที

“อย่างน้อย ก็เพื่อพาว่าที่เจ้าสาวของพระชายากลับมา”

คนฟังสะดุ้งเล็กน้อย นั่นสินะ ทำไมเขาถึงไม่มีความคิดเช่นนั้นอยู่ในหัวเลย คิดแต่ว่าถ้าไป ก็หมายถึงไปเพื่อกันผู้หญิงคนนั้นออกจาก ‘สามี’  ของเขา

“นอนเถอะ พรุ่งนี้... ก็เช้าแล้ว”






พิธีแต่งงานจัดขึ้นในวิหารหลังใหญ่ที่เจ้าสาวชื่นชอบเป็นพิเศษ แขกเหรื่อมากมายล้วนแต่เป็นคนที่เจ้าชายรองแห่งอันธกาลไม่รู้จักทั้งสิ้น อารมณ์ที่ควรจะชื่นบานกลับแห้งแล้งหม่นหมอง นาราเป็นคนช่วยแต่งตัวให้เขาเมื่อเช้านี้ นางบอกเขาเรียบๆ ว่า

“หม่อมฉันคิดมาตลอดเลยเพคะ คำถามที่พระชายาถามตอนนั้น ถ้าหม่อมฉันถูกผู้ชายคนหนึ่งขืนใจ หม่อมฉันคงไม่คิดว่าตัวเองโชคดี แต่ถ้าเขายินดีจะมีหม่อมฉันเพียงคนเดียว และดีต่อหม่อมฉันบ้าง หม่อมฉันก็จะพยายามลืมอดีต เพื่อจะได้ก้าวออกไปสู่อนาคตได้เพคะ คงจะมีสักวันที่หม่อมฉันจะมีความสุข”

อา... อนาคต... หมายถึง ‘วันพรุ่งนี้’ สินะ

“ขอบใจนะ ที่บอก แต่ฉันจะไม่รออนาคตแล้ว”





ท่ามกลางผู้คนมากมาย เจ้าชายรองแห่งอันธกาลรู้สึกเหมือนตัวคนเดียวอยู่หน้าแท่นพิธี เสียงดนตรีบรรเลงเพลงอ่อนหวานเมื่อเจ้าสาวก้าวเดินมาตามทางที่ลาดด้วยพรมสีแดงสด ใบหน้าสะสวยของนางซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมสีขาวโปร่งบาง

ถึงกระนั้นศวัสก็ยังเห็นว่าสีหน้าของพิรุณดูซีดเซียว และดวงตาก็แดงช้ำ

... อาจจะเป็นเพราะได้ ‘ถวายตัว’ เมื่อคืน...

เขาคงจะเป็นคนชั่วช้าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เสียแล้ว ที่ไม่ได้รู้สึกคับแค้นใจแทนเจ้าสาวของเขาเลยแม้แต่น้อย หัวใจที่สั่นสะท้าน หนาวยะเยือกไปหมดนี้รู้ดีว่าเป็นเพราะโกรธที่องค์รัชทายาทที่แสนดีของนาราไม่ใช่คนดีงามอย่างที่นางเคยสรรเสริญเทิดทูนอีกแล้ว

“... ยินดีจะรับเจ้าชายรองแห่งอันธกาลเป็นสามี จะร่วมทุกข์และร่วมสุข จะรักและดูแลกันทั้งในยามดีและยามป่วยไข้ ตราบจนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่”

หัวหน้านักบวชคงจะผิดพลาดเสียแล้ว ที่ถามเจ้าสาวก่อน

พิรุณนิ่งเงียบไปหลายอึดใจ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นแล้วตอบรับเสียงสั่นแต่หนักแน่น

“รับค่ะ”

“เจ้าชายศวัส เจ้าชายรองแห่งอันธกาล ฝ่าบาททรงยินดีจะรับพิรุณไว้เป็นพระชายา จะร่วมทุกข์และร่วมสุข จะรักและดูแลนางทั้งในยามดีและยามป่วยไข้ ตราบจนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่”

“...”

คนถูกถามนิ่งเงียบเนิ่นนาน ภายในห้องพิธีเงียบสงัดจนกระทั่งเริ่มมีเสียงซุบซิบดังขึ้นอื้ออึง ผู้ประกอบพิธีให้เอ่ยเรียกอีกครั้งอย่างเกรงใจ

“ฝ่าบาท”

“ฉัน...”

พูดออกไปสิ แค่พูดออกไปคำเดียวเท่านั้น เขาก็จะได้หลุดพ้นจากความอัปยศที่ต้องแบกรับอยู่ทุกค่ำคืน

“...”

“ฝ่าบาท...”

... สิ่งที่จะทำให้เธอหนีฉันพ้นได้ มีแต่ความตายเท่านั้น...

คงจะจริงอย่างที่รับสั่ง

“ฉันขอโทษ พิรุณ”

“ฮะ...” เจ้าสาวถึงกับผงะ ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะดังก้องราวกับคนบ้า “ฮ่ะๆๆๆๆ... ฮ่ะๆๆๆๆ...”

เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นทุกที พิรุณเปิดผ้าคลุมหน้าขึ้น เผยให้เห็นดวงตาที่แดงช้ำ รอยแย้มยิ้มบนริมฝีปากดูขมขื่นสุดจะพรรณนา

“หม่อมฉันสู้ฝ่าบาทไม่ได้จริงๆ ขนาดว่าฝ่าบาทไม่รู้อะไรเลยแท้ๆ ยังตัดใจพูดไม่ได้ ส่วนหม่อมฉัน ทั้งที่รู้อยู่แล้ว ยังทิ้งพระองค์มาได้ ยังรับฝ่าบาทเป็นสามีได้ เพียงแค่อยากจะทำให้พระองค์เสียพระทัยจนตายตาไม่หลับ”

“เธอพูดเรื่องอะไร” ศวัสขมวดคิ้ว หัวใจเต้นแรง สังหรณ์ใจถึงลางหายนะ

“ตอบหม่อมฉันมาก่อนสิเพคะ ว่าทำไมฝ่าบาทถึงไม่ยอมรับหม่อมฉันเป็นชายา”   

“ฉัน...”

“หลงรักองค์รัชทายาทหรือเพคะ”

“ไม่ใช่”

“แล้วเพราะอะไรล่ะเพคะ”

“เพราะ...”

พิรุณรอคอย แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่ได้คำตอบ

“หึ ไม่ต้องตอบก็ได้เพคะ แต่หม่อมฉันขอสร้อยพระศอของฝ่าบาทเป็นสิ่งตอบแทนได้ไหมเพคะ”

คนถูกขอกำล็อกเก็ตรูปหยดน้ำเอาไว้แน่น พิรุณเองก็รู้ ว่าเขาจะมอบมันให้กับคนที่เขารักเท่านั้น

“ถ้าไม่ได้ทรงรักองค์รัชทายาท ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บมันเอาไว้ถวาย”

ศวัสพยักหน้า

“ได้ แต่เธอต้องบอกฉันก่อนว่าเธอพูดเรื่องอะไร องค์รัชทายาททรงเป็นอะไร”

“พระองค์กำลังจะสิ้นพระชนม์เพคะ”

“...!!...” ไม่จริงน่า เป็นไปไม่ได้

“ถ้าเสด็จไปตอนนี้ อาจจะยังทันดูใจ”

คนฟังไม่รอแล้ว ไม่คิดจะสอบสวนต่อไปแม้แต่น้อยว่าเป็นความจริงหรือไม่ เจ้าชายรองแห่งอันธกาลออกวิ่ง ขาพันกันจนล้มหน้าคว่ำลงบนพรมแดงต่อหน้าธารกำนัล แต่ก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ฝ่าบาท! สร้อยของหม่อมฉันล่ะเพคะ”

ศวัสถอดสร้อยออกจากคออย่างไม่ลังเล






ตั้งแต่จำความได้ เขาไม่เคยวิ่งอย่างสุดฝีเท้าเช่นนี้มาก่อน ถึงกระนั้นก็ยังไม่ทันใจ หัวใจที่รุ่มร้อนเป็นไฟโลดแล่นไปถึงปีกซ้ายของพระตำหนักเจ้าชายรัชทายาทก่อนนานแล้ว

... สิ่งที่จะทำให้เธอหนีฉันพ้นได้ มีแต่ความตายเท่านั้น...

... แต่ฉันจะไม่ยอมให้เธอตาย...

รอยเลือดที่กระจายอยู่บนผ้าปูที่นอนผืนนั้น ไม่ใช่เลือดของเขา

‘อดทนนะ ศวัส คิดเอาไว้ว่า พอถึงวันพรุ่งนี้ ก็จะเป็นวันของเธอแล้ว เธอจะไม่ต้องอดทนอีก’

‘พรุ่งนี้... ฮึก... จะมีจริงหรือพระเจ้าค่ะ’
   
‘มีสิ... นอนเสีย พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว’

   “พระชายา!”
   
นาราตะโกนเรียก แต่เขาไม่หัน และไม่หยุด จนกระทั่งนางพระกำนัลสาวขี่ม้าอ้อมมาดักหน้าแล้วลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว

   “ใช้ม้าเถอะเพคะ”

   เจ้าชายรองแห่งอันธกาลขี่ม้าได้ไม่ค่อยคล่อง แต่ก็เหวี่ยงตัวขึ้นม้าแล้วควบขับออกไปโดยไม่ลังเล






   
บรรยากาศแห่งความตายลอยอวลตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างเข้าพระตำหนัก แม้แต่องครักษ์ที่ยืนเวรอยู่ด้านหน้าก็หน้าหมองกันทุกคน

   ศวัสไม่พูด ไม่ถามใครทั้งนั้น เขาวิ่งตรงไปยังปีกซ้าย ประตูห้องบรรทมไม่ได้ปิดเอาไว้ มหาดเล็กหลายนายคุกเข่ากลั้นน้ำตาอยู่หน้าห้อง เจ้าชายหนุ่มวิ่งพรวดเข้าไปข้างใน

   ในห้องมีคนอื่นอยู่ไม่กี่คน สองคนเป็นองครักษ์ประจำพระองค์ ส่วนคนอื่นนั้นศวัสไม่รู้จักและไม่คิดจะสนใจ

   ชายวัยกลางคนร่างผอมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างพระที่ลุกขึ้นยืนให้เจ้าชายต่างแคว้นเข้าไปนั่ง ทว่าศวัสไม่สนใจ เขาปีนขึ้นไปนั่งบนพระที่โดยไม่สนใจความเหมาะสม

   “ฝ่าบาททรงเป็นอะไร”

   พระพักตร์ของเจ้าชายภีมเสนทั้งหมองคล้ำและซูบผอม ผิดไปจากเมื่อสิบวันก่อนที่เขาเคยเห็นอย่างสิ้นเชิง คนมองเห็นตาแดงก่ำ น้ำตาไหลพรากออกมาเอง

   “หมอบอกว่าถูกพิษตาย” คนรับสั่งขยับมุมพระโอษฐ์ขึ้นนิดหนึ่งเป็นรอยยิ้มก่อนอธิบาย “เป็นพิษที่ได้รับเข้าไปแล้วต้องตายทุกคน ไม่รู้ว่าถูกพิษเข้าตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่เข้าป่าล่าสัตว์เมื่อหกเดือนก่อน ดีที่พิษจะกำเริบเฉพาะตอนกลางวัน แล้วก็ดีที่หมอเก่ง”

   “ก็เลยจะทรงหายใช่ไหม”

   “เปล่า แต่บอกได้ว่าฉันจะมีเวลาอยู่อีกหกเดือน นับแล้วเห็นทีจะไม่พ้นวันนี้”

   เก่งบ้าเก่งบอน่ะสิ อย่างนี้ก็เรียกว่าหมอเก่งได้ด้วยหรือ

   เจ้าชายรองแห่งอันธกาลพยายามกลั้นสะอื้น ดึงห่อผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วคลี่ออกทั้งที่มือสั่น ในนั้นมีวัตถุสีดำก้อนกลมๆ อยู่ก้อนหนึ่ง

   “อ้าปากพระเจ้าค่ะ”

   “อะไรหรือ”

   “บอกให้อ้าก็อ้าสิ!”

   คนเจ็บแย้มพระโอษฐ์เหมือนจะขำ แต่ก็ยอมอ้าโดยดี

   “ฝ่าบาท! เดี๋ยวก่อนพระเจ้าค่ะ”

   หมอหลวงวัยกลางคนขยับเข้ามาห้ามอย่างร้อนใจ ทว่าศวัสป้อนมันเข้าพระโอษฐ์ไปแล้ว ของชนิดนั้นละลายทันทีที่ถูกน้ำลาย

   “เป็นยังไงบ้างพระเจ้าค่ะ” ใจเขาสั่นไปหมดแล้ว

   “หวานๆ เย็นๆ ดี หอมมากด้วย มันเป็นอะ... โอ้ก!..”

   “ฝ่าบาท!”

   หลายเสียงดังประสานกันเมื่อองค์รัชทายาทหนุ่มทรงกระอักพระโลหิตออกมาคำโต

   “พระชายาทรงทำอะไรลงไป”

   ทั้งหมอหลวงและบรรดาราชองครักษ์ล้วนแต่มีทีท่าแค้นเคือง ทว่าเจ้าชายภีมเสนทรงโบกพระหัตถ์ ไม่ให้เข้าใกล้พระชายาของพระองค์ ศวัสนั่งอึ้งตะลึงงัน ทำอะไรไม่ถูก

   “ม... มันเป็นยา... น่าจะเป็นยาที่รักษาโรคได้ทุกโรค แก้พิษได้ทุกอย่าง แล้วทำไมถึง... เป็นแบบนี้”

   “ยาแบบนั้นไม่มีอยู่ในโลกหรอกพระเจ้าค่ะ”

   หมอหลวงอดพูดอย่างเคืองๆ ไม่ได้

   เจ้าชายแห่งอันธกาลน้ำตาเอ่อ รีบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบเลือดถวายทั้งที่มือสั่นจนคนเจ็บต้องช่วยจับเอาไว้ ลมหายพระทัยอ่อนและดูเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด

   “ไม่เป็นไร ศวัส เธอมาก็ดีแล้ว ฉันจะได้ขออโหสิกรรม”

   ศวัสร้องไห้โฮ

   “ไม่ต้องพระเจ้าค่ะ ไม่ต้องขอ อย่ารับสั่งแบบนั้น”

   “ต้องสิ กรรมใดที่ฉันทำไว้กับเธอ ทำให้เธอเจ็บช้ำ ไม่ว่าจะด้วยการกระทำหรือคำพูด ฉันขอให้เธอจงอภัยให้ฉันเถิด ฉันกล้าพูดได้เต็มคำ ว่าฉันไม่มีเจตนาจะทำให้เธอต้องเจ็บปวดหรือเสียศักดิ์ศรี”

   “ไม่ต้องพระเจ้าค่ะ... ฮือ... อย่าพูด”

   “มีใครบอกเธอหรือยัง ว่าวันนี้เธอหล่อมาก เป็นผู้ชายที่พร้อมจะเป็นที่พึ่งพิงของผู้หญิงได้”

   “พอแล้ว!”    

   องค์รัชทายาทหนุ่มแย้มพระสรวลจางๆ

   “เธอจะให้อภัยฉันได้ไหม”

   คนตรัสถามทรงลูบมือสั่นๆ ที่แสนเย็นเฉียบนั้นเบาๆ เจ้าชายเชลยสะอื้นฮักขณะพยักหน้ารัว

   “ขอบใจ ต่อไปเธอคงจะไม่ต้องรอวันพรุ่งนี้อีก”

   “รอพระเจ้าค่ะ! หม่อมฉันจะรอ”

   “รอทำไม”

   ไม่มีคำตอบ นอกจากเสียงสะอื้นไห้เบาๆ แต่ดังก้องไปทั้งห้องที่เงียบงัน

   ดวงพระเนตรสีเหล็กกล้าปรือลงใกล้จะปิดเต็มที

   “ยังไม่ได้ถามเลย ว่าเธอกลับมาอย่างนี้แล้วพิธีล่ะ”

   คนถูกถามกลั้นสะอื้นไว้สุดความสามารถ บีบกระชับพระหัตถ์ของคนเจ็บเอาไว้ด้วยสองมือ

   “หม่อมฉันเชื่อฝ่าบาทพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท... ฮึก เคยรับสั่งว่า ให้หม่อมฉันเลือกคนที่หม่อมฉันชอบ เพราะถ้าชอบแล้ว ก็จะ... ฮึก อภัยให้เขาได้ง่ายๆ และ... ฮึก ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง หม่อมฉันก็ยังจะชอบเขาเสมอไป”

   “เธอชอบฉันหรือ”

   ศวัสขยับริมฝีปาก แล้วก็เปลี่ยนใจ

   “พรุ่งนี้... พรุ่งนี้หม่อมฉันจะบอก เพราะฉะนั้น... ฮึก... ได้โปรด มีชีวิตอยู่จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้เถิดพระเจ้าค่ะ”

   “บอกเลย... ไม่ได้หรือ”

   ศวัสส่ายหน้า องค์รัชทายาทหนุ่มแย้มพระสรวล พยักพระพักตร์เบาๆ ก่อนจะกระอักพระโลหิตออกมาอีกคำโต แล้วสลบไปทันที

   “ฝ่าบาททททททททททท! หม่อมฉันบอกแล้ว! บอกแล้วพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันรักฝ่าบาท ทรงตื่นขึ้นมาฟังก่อนพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท... ภีมเสน!...”

   “ทรงหลบไปก่อนพระเจ้าค่ะพระชายา กระหม่อมจะตรวจดูพระอาการ”

   ภายในห้องโกลาหลวุ่นวาย เจ้าชายรองแห่งอันธกาลถูกองครักษ์ประจำพระองค์จับแยกห่างออกมาจากพระที่เพื่อให้หมอหลวงตรวจได้สะดวก ศวัสดิ้นรนจนหมดแรง ได้แต่นั่งน้ำตาไหลพราก

   ... ต่อไปเธอคงจะไม่ต้องรอพรุ่งนี้อีก...
.
.
.
.
   รอ... เขาจะรอวันพรุ่งนี้

เขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

ขอเพียงพรุ่งนี้มาถึงแล้วพระองค์ยังมีชีวิตอยู่
.
.
.
.
.
.
.

   ... เท่านั้นก็พอ...





tbc.




************************************************

เคยได้ยินจากที่ไหนก็จำไม่ได้ ว่า   “พรุ่งนี้... ก็สายเสียแล้ว”

แต่คาดว่า... เจ้าชายรองแห่งอันธกาลคงจะไม่เคยได้ยิน

คราวหน้าเป็นบทส่งท้ายสั้นๆ นะคะ




ป.ล. คุณ poogan_zadd – อุ่ย ขอโทษด้วยค่ะที่ทักผิด พอดีมีน้องของพี่ที่รู้จักคนนึงฝากพี่เขามาถามชุนเรื่องชื่อตัวละครน่ะค่ะ ว่ามีความหมายอะไรมั้ยเพราะอ่านยาก (หรืออ่านสะดุด ไม่แน่ใจ) ชุนเลยบอกไปว่า ภีมเสน แปลว่า โหดร้าย ในเม้นต์คุณ poogan ก็บังเอิญมีคำว่าโหดร้ายพอดี ชุนเลยคิดว่าอาจจะใช่น่ะค่ะ จริงๆ ภีมเสนแปลว่า น่ากลัว เป็นชื่อเจ้าชายที่สามมั้งคะ ไม่แน่ใจ ในเรื่องมหาภารตะที่เจ้าชายอรชุนเป็นพระเอกน่ะค่ะ ส่วน ศวัส ก็แปลว่า... พรุ่งนี้

ป.ล.2 มาช้าเพราะว่า... อารมณ์ศิลปิน น่ะค่ะ ไม่มีอะไร

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 8) 10 พ.ค.57
«ตอบ #48 เมื่อ10-05-2014 10:10:41 »

ร้องไห้ตามศวัสเลยอ่ะคุณชุน แต่ก็สมน้ำหน้าอยู่เล็กๆ เพราะไม่ว่า นาราจะบอกอะไร ก็เอาแต่ทิฐิ งี่เง่า

เพราะตรอมใจสินะ ภีมเสนอาการถึงกำเริบ
รอบทส่งท้าย ว่าภีมเสนจะรอดไหม

ออฟไลน์ Phut

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 8) 10 พ.ค.57
«ตอบ #49 เมื่อ10-05-2014 12:16:43 »

 :m15: :m15:
เจ้าชาย.....โฮ
ห้ามตาย!!! ตายโกรธคนเขียน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 8) 10 พ.ค.57
« ตอบ #49 เมื่อ: 10-05-2014 12:16:43 »





ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 8) 10 พ.ค.57
«ตอบ #50 เมื่อ10-05-2014 13:45:20 »

 :o12:

ทำร้ายจิตใจคนอ่านเหลือเกิน

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 8) 10 พ.ค.57
«ตอบ #51 เมื่อ10-05-2014 15:49:27 »

ขอให้ยาช่วยได้ทีเถอะ  :z3:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 8) 10 พ.ค.57
«ตอบ #52 เมื่อ11-05-2014 00:15:53 »

 :hao5: กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
ทำใจไว้ส่วนหนึ่งว่าดราม่าแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้
น้ำตาตกเลยอ่ะ ภีมเสนอย่าเป็นอะไรไปนะ แง้  :sad4:

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
พรุ่งนี้... ที่รอคอย
บทส่งท้าย


เมื่อความลับเรื่ององค์รัชทายาทถูกยาพิษมาเป็นเวลานานไม่เป็นความลับอีกต่อไป คราวนี้ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ถูกเปิดเผยออกมาหมด พิรุณยอมสารภาพว่า

“หม่อมฉันรักองค์รัชทายาท ทุ่มเททำเพื่อพระองค์มาตั้งหลายปี แต่พอฝ่าบาทมาถึง หม่อมฉันก็ต้องถูกปลด ไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์อะไรเลย อย่างนี้ยุติธรรมหรือเพคะ แต่ไม่ว่ายังไงองค์รัชทายาทก็ไม่ทรงยอมให้หม่อมฉันถวายงานต่อ หม่อมฉันไม่มีทางเลือก ทางเดียวที่หม่อมฉันจะสัมผัสพระองค์ได้ ก็มีแต่ต้องผ่านพระวรกายของฝ่าบาทเท่านั้น”

นั่นเป็นความจริงที่ทำให้ศวัสถึงกับขนลุกซู่ นางมีความสัมพันธ์กับเขา เพราะร่างกายของเขาถูกเจ้าชายภีมเสนครอบครองมาก่อนหน้านั้นแล้ว

เป็นความวิปริต ที่คิดไปแล้วก็มีส่วนน่าสงสาร และจะว่าไป      องค์รัชทายาทแห่งเรืองอรุณก็เป็นคนเลือดเย็นคนหนึ่ง ที่ยอมให้อดีตพระสนมของพระองค์มาคอยรับใช้พระชายา ได้เห็นภาพตำตาตำใจอยู่ทุกคืน

ความ ‘เลือดเย็น’ ของพระองค์มีมาก่อนหน้านั้นแล้ว พิรุณเคยทูลขอลาออกจากการเป็นพระสนมเพราะทนเห็นเจ้าชายหนุ่มทรงรับพระสนมคนใหม่เรื่อยๆ ไม่ได้ แต่เจ้าชายรัชทายาททรงปฏิเสธคำขอ เพราะตอนที่บิดาของนางมีความดีความชอบ ช่วยชีวิตพระองค์ไว้นั้น นอกจากพระองค์จะทรงรับนางเป็นพระสนมเพื่อตอบแทนแล้ว ยังทรงสนับสนุนเขามาเรื่อยๆ จนตอนนี้เขาเป็นขุนนางสำคัญคนหนึ่งที่ช่วย ‘หนุน’ พระองค์ได้

‘เธอกับฉัน เราอยู่กันด้วยหน้าที่ ไม่ใช่ความรัก’

‘มีวิธีอะไรที่จะทำให้หม่อมฉันไปจากฝ่าบาทได้ไหมเพคะ’

‘มีวิธีเดียว เลิกรักฉัน แล้วทำให้ฉันรักเธอ ถ้าฉันรักมากพอ ไม่ว่าเธอต้องการอะไรฉันก็จะให้ แม้ว่าจะต้องปล่อยให้เธอไปแต่งงานกับคนอื่น’

เพราะเหตุนี้ พิรุณจึงมั่นใจว่าหากเจ้าชายรัชทายาททรงรักเจ้าชายเชลยจริง พระองค์จะต้องทรงยอมให้ ‘พระชายา’ แต่งงานกับนางแน่

ใจหนึ่งภาวนาให้พระองค์ทรงห้าม เพราะนั่นอาจหมายความว่ายังไม่รักมากพอ แต่อีกใจก็อยากให้ทรงอนุญาต เพราะนั่นหมายถึงนางได้แก้แค้น แต่อะไรๆ ก็ผิดแผนไปเสียหมด

คืนก่อนแต่งงาน เจ้าชายภีมเสนรับสั่งบอกความจริงว่าพระองค์กำลังจะสิ้นพระชนม์ให้พิรุณรู้ ให้นางรู้ว่าต่อให้ได้แต่งงานกับเจ้าชายเชลย ก็จะไม่ได้สัมผัสพระองค์ทางอ้อมอีกต่อไป การแก้แค้นไร้ความหมาย พระสนมคนงามร้องไห้อยู่ทั้งคืน แต่สุดท้ายก็ถือคติว่า หากนางไม่มีความสุข ใครอื่นก็อย่าหวังว่าจะมี

“หม่อมฉันยังยินดีจะปรนนิบัติรับใช้ฝ่าบาทนะเพคะ หม่อมฉันสาบานว่าจะไม่เรียกร้องอะไรมากกว่านี้ ขอเพียงได้สัมผัสองค์รัชทายาทผ่านฝ่าบาทบ้างเท่านั้น ฝ่าบาทเองก็จะทรงมีความสุขด้วย เพราะว่าหม่อมฉันเป็นผู้หญิง คงทำให้ฝ่าบาททรงสะดวกพระทัยกว่าการเป็นฝ่ายปรนนิบัติองค์รัชทายาท ถือว่าเราต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ อีกอย่าง ถ้าหม่อมฉันเกิดตั้งท้องขึ้นมา ฐานะของฝ่าบาทก็จะมั่นคงขึ้นนะเพคะ ลูกของหม่อมฉันก็ถือว่าเป็นลูกของเราสามคน”

คนฟังถึงกับพูดไม่ออก แต่อำนาจการตัดสินชะตากรรมของนางอยู่ที่เขา เขาจึงบอกให้นางไปเสีย

ไป แล้วอย่ากลับมาให้เขาเห็นหน้าอีก

และเพราะเขาไล่ให้นางไป บิดาของนางจึงต้องถูกย้ายไปอยู่ที่เมืองใกล้ชายแดนด้วย ตามพระบัญชาของเจ้าชายรัชทายาท
ดูท่าว่าเขาคงจะเลือดเย็นไม่แพ้องค์รัชทายาทแห่งเรืองอรุณเสียแล้ว แต่เขาทำได้ และไม่ลังเล






ตั้งแต่ศวัสมาอยู่ที่เรืองอรุณ ก็ไม่มีใครเคยถูกประหารชีวิตเพราะเขาเลยแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นคนที่บกพร่องต่อหน้าที่ตอนที่เขาพยายามจะฆ่าตัวตาย ลูกชายเศรษฐีและลูกน้องที่เข้ามาหมายชิงตัวพิรุณ หรือแม้แต่องครักษ์ที่ติดตามไปอารักขาในวันนั้น
เจ้าชายรองแห่งอันธกาลถูกหลอก

ความลับอีกอย่างหนึ่งที่เพิ่งรู้ก็คือ นาราเองก็เป็นถึงธิดาคนเล็กของเสนาบดีเกษตร






คืนนี้เป็นคืนแรกที่ศวัสย้ายมานอนห้องเดียวกับ ‘พระสวามี’

“อย่าเพิ่งนอนนะ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

ถึงเจ้าของห้องจะรับสั่งบอกไว้อย่างนั้น แต่เมื่อเสด็จออกมาจากห้องแต่งพระองค์แล้ว ก็พลันพบว่าคนร่วมห้องนอนห่มผ้าเรียบร้อยอยู่บนเตียง หันหลังให้ ทั้งยังหลับตาพริ้มไปเรียบร้อย

คนแกล้งหลับรู้สึกถึงน้ำหนักตัวของคนที่เพิ่งนั่งลงบนเตียงได้ชัดเจน หัวคิ้วจึงขมวดเข้าหากันนิดหนึ่ง ก่อนจะถูกลูบศีรษะเบาๆ

“ศวัส”

เจ้าของพระหัตถ์เย็นๆ ลูบไล้ลงมาตามผิวแก้ม

“ถ้าลืมตาขึ้นมาตอนนี้ ฉันจะบอกทุกอย่างที่เธอถาม”

เปลือกตาของคนนอนสั่นไหว แต่ไม่ยอมลืม จึงถูกลงโทษด้วยการหอมแก้มแล้วกระซิบข้างหู

“ลักหลับเสียดีไหม”

ผ้าห่มกำลังจะถูกเลิกขึ้น ทว่าคนที่ ‘หลับ’ ไปแล้วยึดเอาไว้แน่น

“ไม่อยากให้ทำก็ลืมตาขึ้นมาคุยกันดีๆ”

รับสั่งอย่างกับว่าถ้าลืมตาขึ้นมาคุยแล้วจะไม่ ‘ทำ’ อย่างนั้นแหละ ศวัสลืมตาแต่ยังไม่ยอมลุก

“ฝ่าบาทโปรดผู้ชายหรือพระเจ้าค่ะ”

อีกฝ่ายทรงสั่นพระเศียร

“ไม่ชอบ แต่องค์หญิงใหญ่แคว้นอันธกาลร้ายกาจเหมือนแม่มด ฉันไม่อยากจะแต่งด้วยเลยหาข้ออ้าง บอกไปว่าชอบผู้ชาย”

แน่นอนว่าใครจะยอมส่งเจ้าชายรัชทายาทแคว้นตัวเองมาแต่งงานเพื่อเป็นเมียของเจ้าชายรัชทายาทอีกแคว้นหนึ่ง

ศวัสลุกขึ้นนั่ง

“แล้วทำไมถึงทรง... ทำอย่างนี้กับหม่อมฉันล่ะพระเจ้าค่ะ”

“เห็นหน้าครั้งแรกก็อยากได้”

คนฟังหน้าแดงวาบ แต่สายตายังคลางแคลง

“ไม่ใช่อย่างที่เธอเข้าใจหรอก ฉันเห็นว่าหน้าเธอเหมือนคนอยากจะตายเต็มที”

เจ้าชายรองแห่งอันธกาลนิ่วหน้า

“ตอนนั้นฉันรู้ตัวมาสองเดือนแล้วว่าถูกพิษและจะต้องตายแน่ ถึงจะไม่ใช่คนกลัวตาย แต่พอรู้ว่าจะมีชีวิตอยู่อีกไม่นานก็อดจะใจหายไม่ได้ เธออายุยังน้อย ไม่ควรจะหมดอาลัยตายอยากในชีวิตด้วยเรื่องแค่นี้ ฉันจึงอยากให้เธอรู้จักคุณค่าของชีวิตมากขึ้น”

ศวัสงงหนัก ทั้งผิดหวังทั้งสับสน ใช่หรือ... ทำให้เขาอยากมีชีวิตต่อไป หรือทำให้เขาอยากตายเร็วกว่าเดิมกันแน่

“ฉันทำอย่างนั้น เธอคงเกลียดฉันมากจนอยากตายไปให้พ้น แต่เมื่อฉันตาย เธอก็จะมีความสุขเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ เธอจะเรียนรู้ด้วยตัวเอง ว่าขอเพียงอดทนให้มาก ไม่ว่าความทุกข์จะสาหัสแค่ไหน เธอก็จะผ่านมันไปได้ ชีวิตยังมีวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่ารออยู่ เธอจะได้พบ ถ้าเธอไม่ด่วนฆ่าตัวตายไปเสียก่อน”

คนฟังเข้าใจดีแล้ว น่าแปลกที่เขาคิดว่า ต่อให้อีกฝ่ายทรงทำไปเพราะตัณหาราคะเพียงอย่างเดียว เขาในตอนนี้ก็คงไม่นึกแค้นเคืองพระองค์อีก สิ่งที่ยังติดใจก็คือ

“แล้วเรื่องที่โปรดให้พระสนมทูลลาออกทั้งหมดเล่าพระเจ้าค่ะ”

“พอรู้ตัวว่าจะตาย ฉันก็นึกอยากจะทำความดีเอาไว้บ้าง คิดอยู่ว่าจะทำยังไงถึงจะให้พวกนางลาออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีใครระแวงสงสัยเรื่องที่ฉันถูกพิษ ก็ประจวบกับได้ตัวเธอมาพอดี พออ้างว่าอยากจะมีชายาเพียงคนเดียวจึงให้ทุกคนลาออกให้หมด ก็ไม่มีใครสงสัยอีก”

“อ้อ”

คำนั้นไม่มีความหมาย เขาก็พูดไปอย่างนั้นเองเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ยังทำใจรับไม่ทัน เมื่อรู้ว่าสำคัญตัวผิดมาตลอด

เจ้าชายภีมเสนทรงขยับเข้ามากอดพระชายาของพระองค์ไว้หลวมๆ ศวัสขัดขืนเล็กน้อยในคราแรก ก่อนจะยอมโอนอ่อน เอียงศีรษะซบลงบนพระอุระของอีกฝ่ายแต่โดยดี

“ตอนนี้ฝ่าบาททรงปลอดภัยแล้ว จะทรงมีพระสนมอีกกี่คนก็ย่อมได้”

“นั่นสิ”

คนในอ้อมกอดตัวแข็ง ขยับตัวจะผละออก แต่อีกฝ่ายไม่ทรงยอม บอกแล้วว่าถ้าพระองค์ไม่ทรงยอมปล่อยเขาเอง เขาก็หนีไปไหนไม่พ้น

“แต่มีเธอแค่คนเดียวก็ดีแล้ว เธอเป็นคนให้ชีวิตใหม่แก่ฉัน”

ศวัสน้ำตารื้น เจ็บปวดจนรวดร้าวไปทั้งอก

เจ้าชายภีมเสนไม่ได้ทรงต่างจากเจ้าหลวงแห่งอันธกาล ที่ทรงรับแม่ของเขาไว้เพียงเพราะนางเคยช่วยชีวิตพระองค์ไว้

“หม่อมฉัน... เป็นผู้ชาย”

“ฉันรู้”

“มีลูกถวายให้ไม่ได้”

“มีให้ไม่ได้ก็ไม่เอา”

คนถูกกอดไว้หลวมๆ เงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์ เจ้าของดวงพระเนตรสีเหล็กก้มลงมามอง แล้วก็ประทานจูบเบาๆ ให้ครั้งหนึ่ง

“เอาเธอแค่คนเดียว”

ศวัสนิ่งคิดอยู่ครู่ แล้วก็หน้าแดงเถือก เจ้าชายภีมเสนแย้มพระสรวล

“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องอย่างนั้นสักหน่อย เธอนี่ก็ลามกเหมือนกันนะ”

“ฝ่าบาทต่างหากพระเจ้าค่ะ”

จูบเขา แล้วก็พูดกับเขาแบบนั้น ใครได้ยินก็ต้องคิดแบบเขาทั้งนั้น

“ฝ่าบาท!”

เพราะมัวแต่เขินอาย จึงถูกอีกฝ่ายจับกดลงกับเตียงอย่างง่ายดาย มือสองข้างถูกยึดไว้ข้างตัว หมดสิทธิ์จะขัดขืน

“ยังไม่ได้ถามเลยว่าเธอเอายาเม็ดนั้นมาจากไหน”

รับสั่งถามเป็นการเป็นงาน ช่างตรงกันข้ามกับสภาพล่อแหลมของเขาเหลือเกิน

“...”

“บอกไม่ได้หรือ”

“แม่ของหม่อมฉันให้ไว้ก่อนตายพระเจ้าค่ะ” เห็นคนอยู่บนทรงตั้งใจฟังเป็นอย่างดี ศวัสก็กลืนน้ำลายลงคอครั้งหนึ่ง “นางเก็บเอาไว้ในล็อกเก็ตแล้วบอกว่า... ให้หม่อมฉันมอบให้...”

“คนที่เธอรัก”

ศวัสนิ่งเงียบ แล้วก็พยักหน้า

“แค่บอกรักฉัน ทำไมต้องทำหน้าเศร้า”

คนอยู่ล่างพยายามฝืนยิ้มฝืดๆ ก่อนจะหลับตาพริ้มเมื่ออีกฝ่ายทรงโน้มพระพักตร์ลงมาจูบปาก จูบหน้าผาก ก่อนจะทรงปล่อยแขนของเขาแล้วดึงแหวนทองฝังไพลินน้ำงามวงเดิมออกมาจากนิ้วพระหัตถ์ก้อย ยกมือซ้ายของเขาขึ้นแล้วสวมประทานให้ที่นิ้วนาง

“อย่าถอดออกอีก ได้ไหม”

เจ้าชายรองแห่งอันธกาลพยักหน้า

“ยังไม่ได้บอกเธอสินะ”

ศวัสขมวดคิ้ว

“แหวนวงนี้ แม่ของฉันก็ให้ไว้ก่อนตายเหมือนกัน”

คนฟังใจเต้นแรง

“รับสั่งว่า ให้มอบให้คนที่ฉันรัก”

ศวัสน้ำตาเอ่อ หยดน้ำร้อนๆ รินตกลงมาจากหางตา เมื่ออีกฝ่ายทรงจูบเปลือกตาซ้ายขวาแล้วกอดเขาเอาไว้

“หมู่นี้ขี้แยนะ แต่น้ำตาคงช่วยเธอไม่ได้ คืนนี้ยังไงเธอก็หนีฉันไม่พ้น ยอมรับชะตากรรมเสียเถอะ”

ครั้นรับรู้ถึงอาการพยักหน้าแรงๆ ของคนในอ้อมกอด           เจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณก็ทรงพระสรวล

“ดูท่าเมียฉันจะลามกไม่ใช่น้อยเลยนะ”

ตุ้บ!

“รู้จักทุบเสียด้วย”

“ฝ่าบาท!”

“ฮ่ะๆๆ”

คืนนั้น รับสั่งที่ได้ยินอยู่ข้างหูก่อนจะหลับไปก็คือ
.
.
.
.
.
.

“พรุ่งนี้ก็อยู่ด้วยกันนะ ศวัส”







THE END


จบจ้าาาาาาาาาาาาา :mew1:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ก่อนจบได้น้ำตาร่วงอีกนิดหน่อย ขอบคุณคนแต่งมากค่ะ

ออฟไลน์ Phut

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
 :heaven :heaven :heaven

ขอพิเศษตอนนึงได้ม๊าย อยากให้ศวัส แสดงความรักออกมาบ้าง

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
ในที่สุดก็happy ending

มีความสุขที่สุด ไขทุกข้อสงสัย

 :pig4: นักเขียน

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :impress2: ยาได้ผลด้วย เย้ในที่สุดก็มีความสุขซะที
ขอตอนพิเศษ คู่นี้หวานๆกันหน่อยจิ

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : วันวาน (บทนำ) 12 พ.ค.57
«ตอบ #58 เมื่อ12-05-2014 12:55:39 »

วันวาน... สู่นิรันดร์
บทนำ


เจ้าชายอัทธายุเป็นเจ้าชายที่ประสูติจากพระสนมเอก พระฉวีออกคล้ำเหมือนพระมารดา พระวรกายสูงใหญ่ พระโอษฐ์งดงามจนผู้หญิงยังอาย แต่หนวดเคราสั้นๆ รอบพระโอษฐ์และตามแนวพระหนุกลับทำให้พระพักตร์ติดจะดูเถื่อนๆ

เจ้าชายสามแห่งเรืองอรุณทรงดำรงตำแหน่งเจ้ากรมโยธาธิการ โปรดงานช่าง และการเสด็จไปควบคุมการก่อสร้างตามเมืองต่างๆ ด้วยพระองค์เอง ไม่ค่อยจะได้ประทับอยู่ที่เมืองหลวงมากนัก รองเจ้ากรมโยธาธิการจึงต้องรักษาการแทนอยู่เกือบตลอดปี เมื่อเรืองอรุณเกิดศึกกับอันธกาล พระองค์ทรงควบคุมการสร้างเขื่อนอยู่ที่เมืองทางเหนือ ไม่ได้เสด็จกลับมาจนกระทั่งเสร็จศึกจึงรีบกลับตามพระบรมราชโองการ

เพื่อเลือกเชลยศักดิ์หนึ่งคนไปไว้ในปกครอง

เจ้าชายภีมเสนทรงเลือกเจ้าชายรองแห่งอันธกาล ทั้งยังประทานตำแหน่งพระชายาให้ เจ้าชายศีลวัตทรงเลือกคุณชายใหญ่แห่งเผ่าเวณุและเผ่าไทวะ คนแรกเป็นผู้ชายที่สวยราวกับผู้หญิง ส่วนคนหลังยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุ 17 ปี ผิวขาว หน้ากลม แก้มยุ้ย แถมยังใส่แว่นตากรอบดำเชยๆ ราวกับคนแก่ แต่เมื่อเทียบกับคุณชายใหญ่แห่งเผ่าชุณหะซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่กำยำสมชายชาตรีแล้ว ย่อมน่าเลือกมากกว่า

เจ้าชายอัทธายุทรงรักสงบ ไม่เคยคิดแก่งแย่งชิงดีกับใคร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ทรงออกโอษฐ์ทูลขอคนที่พระเชษฐาพระองค์รองทรงเลือกไปแล้ว

“หม่อมฉันอยากจะทูลขอเด็กคนนั้นพระเจ้าค่ะ เจ้าพี่จะโปรดให้หม่อมฉันเอาอะไรมาแลกเปลี่ยน หม่อมฉันก็ยินดี”

เจ้าชายศีลวัตเป็นคนที่คนทั้งราชสำนักแทบจะไม่มีใครกล้าขัดพระทัย อีกทั้งคราวนี้พระองค์ยังมีความดีความชอบมากที่สุด แถมซ้ำยังไม่ได้ทรงรักใคร่ไยดีพระอนุชาต่างพระมารดามากนัก แต่เมื่อถูกของ่ายๆ กลางท้องพระโรง พระองค์กลับเพียงแต่ปรายสายพระเนตรไปทางองครักษ์ประจำพระองค์คนสนิทแวบหนึ่ง ยกยิ้มตรงมุมพระโอษฐ์ขึ้นเป็นปริศนาแล้วก็รับสั่งง่ายๆ ว่า

“อยากได้ก็เอาไป ไม่ต้องเอาอะไรมาแลก”

เจ้าชายสามยังไม่ทันได้ขอบพระทัย พระเชษฐาต่างพระมารดาก็ตรัสถาม

“ถูกใจหรือ”

พระอนุชาแย้มพระสรวลตอบแบบกระตุกๆ ไม่ค่อยเต็มที่ แต่ไม่ได้ทูลตอบ และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ใส่พระทัยจะเอาคำตอบจริงจัง

เมื่อทอดพระเนตรไปทางเด็กหนุ่มที่ยังคุกเข่าอยู่เบื้องล่าง ก็เห็นว่าหน้ายังซีดอยู่ไม่หาย ดวงตากลมโตหลังแว่นสี่เหลี่ยมกรอบดำเชยๆ ดูเหมือนจะยังมีน้ำตาคลอๆ อยู่ แต่เหตุผลจริงๆ ที่ต้องเสี่ยงขัดพระทัยพระเชษฐาองค์รองก็เพราะคำคำเดียวจากปากแดงๆ สั่นๆ นั่น คำที่คงไม่มีใครได้ยิน แต่พระองค์ทรงอ่านได้ชัดเจน
.
.
.
.
.
.

“... พี่เขย”






tbc.

*****************************************

ตอนพิเศษไม่มีนะคะ ชุนไม่ชอบเขียนตอนพิเศษน่ะค่ะ เพราะคิดว่าถ้าจะมีตอนพิเศษล่ะก็... เขียนเรื่องใหม่ซะดีกว่า

เพราะฉะนั้น ไม่ว่า วันวาน วันนี้ หรือ รามิเรส ก็ไม่มีตอนพิเศษนะคะ

อ่านเรื่องใหม่ดีกว่าค่ะ

 :bye2:

ออฟไลน์ Phut

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: เวลา : วันวาน (บทนำ) 12 พ.ค.57
«ตอบ #59 เมื่อ12-05-2014 15:56:03 »

 ไม่เป็นไรจ้า ตามตอนใหม่

เป็นกำลังใจให้เช่นเคย :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2014 15:59:47 โดย Phut »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด