เวลา : วันนี้ (บทส่งท้าย) [แจ้งเรื่องเฮเดสและเจ้าชายค่ะ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เวลา : วันนี้ (บทส่งท้าย) [แจ้งเรื่องเฮเดสและเจ้าชายค่ะ]  (อ่าน 153012 ครั้ง)

ออฟไลน์ Phut

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: เวลา : วันวาน (บทที่ 9 - จบ) 16 มิ.ย. 57
«ตอบ #120 เมื่อ16-06-2014 20:52:56 »

กรีดร้องดังๆ...ไม่อยากให้จบเลย ชอบมากกกก

เจ้าชายซาดิสต์! คนอ่อนโยนใจดี ซาดิสต์!! จะเปลี่ยนใจก็ไม่ทันแล้วนะไท แต่ดูท่าไทจะชอบนะ :hao6:

คนเขียนเคยบอกว่าไม่ชอบเขียนตอนพิเศษ งั้นเรื่องนี้ขอบทที่10 มีไหม (ขอเผื่อคนเขียนใจอ่อน)

ขอบคุณจ้า :L2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-06-2014 21:01:53 โดย Phut »

ออฟไลน์ puengkiss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: เวลา : วันวาน (บทที่ 9 - จบ) 16 มิ.ย. 57
«ตอบ #121 เมื่อ16-06-2014 22:04:04 »

สนุกมากเลยค้า มารอเจ้าชายองค์ต่อไปนะค้า

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: เวลา : วันวาน (บทที่ 9 - จบ) 16 มิ.ย. 57
«ตอบ #122 เมื่อ16-06-2014 23:03:40 »

พี่เขยเป็นซาดิสม์เหรอเนี่ย  :-[

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: เวลา : วันวาน (บทที่ 9 - จบ) 16 มิ.ย. 57
«ตอบ #123 เมื่อ16-06-2014 23:17:47 »

 :katai2-1: :hao6:

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: เวลา : วันวาน (บทที่ 9 - จบ) 16 มิ.ย. 57
«ตอบ #124 เมื่อ17-06-2014 02:10:52 »

 :katai2-1: พี่ธายกินเด็กห่างเป็นรอบเลยนะพี่

เป็นไงมั่งพี่ เค้าว่ากันว่ากินเด็กแล้วอายุยืนนะ  :hao7:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: เวลา : วันวาน (บทที่ 9 - จบ) 16 มิ.ย. 57
«ตอบ #125 เมื่อ17-06-2014 02:42:23 »

 :o8: เข้าใจความรู้สึกชอบเห็นคนน่ารักๆร้องไห้เลยล่ะ

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
Re: เวลา : วันวาน (บทที่ 9 - จบ) 16 มิ.ย. 57
«ตอบ #126 เมื่อ17-06-2014 13:04:41 »

 :m4: ไทวาสมหวังแล้ว เด็กน้อย ดีใจด้วยจริงๆ

ว่าแต่พี่ธายซาดิสต์เหรอ แต่เหมือนไทก็ชอบนะ :o8:


ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : วันนี้ (บทนำ) 19 มิ.ย. 57
«ตอบ #127 เมื่อ19-06-2014 19:23:11 »

วันนี้... แค่มีเธอ
บทนำ



“แม่! แม่! อย่าทำอะไรแม่หนูเลย แม่หนูกำลังไม่สบาย ได้โปรด! อย่าทำอะไรแม่! หนูขอร้อง อย่า!”

“เฮ้ย! ไอ้เด็กนี่เกะกะจริงโว้ย แกไปทำให้มันเงียบทีซิ”

“แกก็ไปเองซิวะ ข้าขอชิมอีนังนี่ก่อนเถอะ แม่ง ขนาดป่วยอยู่ยังสวยฉิบหาย”

“โอ๊ย! ไอ้เด็กบ้า กัดมาได้”

“แกเอามันไปมัดไว้ก่อนซิวะ”

“อย่านะ! อย่าทำอะไรแม่หนู”

“หนีไปซะลูก หนีไป ไม่ต้องห่วงแม่ โอ๊ย!”

“มัดเร็วๆ สิวะ”

“เออๆ”

“แม่จ๋า! ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยแม่หนูด้วย”



************************



“ฝ่าบาท”

“อืม รีบไปดู”



************************

“หยุดเดี๋ยวนี้ ไอ้โจรชั่ว!”

“อื้อ... พี่... พี่ชาย พี่ชายช่วยแม่หนูด้วย”

“หุบปากซะไอ้เด็กบ้า”

“โอ๊ย!”

“พวกแกเป็นใครวะ”

“คนผ่านทาง”

“ถ้าฉลาดก็ผ่านไปซะ แล้วพวกข้าจะไม่ทำอะไร”

“อย่านะ! อย่าไป พี่ชายช่วยแม่ของหนู โอ๊ย!... ช่วย... ช่วยแม่ของหนู”

“วลัช ดนุช”

“พระเจ้าค่ะ”

“ช่วยเด็กกับแม่”



************************



 “ขอบพระคุณมากนะเจ้าคะ ฉัน... ขอฝากลูกด้วย ช่วยพาเขาไปหาพ่อของเขาที... ช่วย...”

“พ่อของเขาเป็นใคร”

“...”

“ได้ ฉันรู้จัก จะพาไปส่งให้ถึงที่”

“ขอบ... พระคุณ... เจ้าค่ะ...”

“นางป่วยมาก สิ้นใจไปแล้วพระเจ้าค่ะ”

“แม่! แม่จ๋า! แม่อย่าทิ้งหนูไป ฮือ... แม่!” 



************************



“เธออยากจะให้ฉันทำยังไงกับคนพวกนี้”

“ฆ่า! ฆ่ามันให้ตาย ให้มันตายตามแม่ของหนูไป”

“ฮะ... เฮ้ย! ไม่เอา ไม่เอาขอรับ นายท่านได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย”

“ใช่ๆ พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มันตายนะขอรับ อีกอย่าง นังผู้หญิงคนนี้มันก็เป็นผู้หญิงหากินอยู่ในหอบุปผา พวกเราก็เคยไปใช้บริการบ่อยๆ แต่วันนี้มาทำดีดดิ้น”

“นั่นสิ นี่พวกเราก็ตั้งใจไว้ว่าพอเอาเสร็จก็จะจ่ายเงินให้”

“ไม่จริง! มันเอาแหวนของแม่หนูไป”

“คนพวกนี้ถึงจะสมควรตาย แต่ก็ต้องรอให้ศาลตัดสินก่อนจึงจะลงโทษได้”

“ไม่! หนูไม่รอ หนูขอร้อง พี่ชาย ได้โปรดฆ่าพวกมันให้หนูที นะ พี่ชาย ได้โปรด ฆ่ามันให้ตายให้หมด แล้วพี่ชายจะให้หนูทำอะไรก็ได้”

“เธอกล้าฆ่าทั้งสามคนด้วยมือของเธอเองไหม”

“...”

“ถ้าไม่กล้า ก็ต้องเอาตัวไปให้ศาลตัดสิน”

“กะ... กล้า! หนูกล้า!”

“เฮ้ย! อย่านะเว้ยไอ้เด็กบ้า”

“ดนุช”

“พระเจ้าค่ะ”

“เอาดาบให้เขา”



************************



    “เธอเป็นหนี้ชีวิตฉันนะ สักวันหนึ่ง ฉันจะให้เธอตอบแทน”



************************




tbc.



เรื่องตอนพิเศษ ยังยืนยันว่า เอาเป็นเรื่องใหม่ไปแทนดีกว่าค่ะ
ชุนชอบทั้ง พรุ่งนี้ และ วันวาน
แต่ถ้าถามว่าในเวลา ชอบวันไหนมากที่สุด
ก็คงจะเป็น "วันนี้" ค่ะ ^^


ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: เวลา : วันนี้ (บทนำ) 19 มิ.ย. 57
«ตอบ #128 เมื่อ19-06-2014 19:42:47 »

มาให้อยาก แล้วจากไป ... สั้นเนาะ อยากอ่านแล้วอ่ะ

ออฟไลน์ Phut

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: เวลา : วันนี้ (บทนำ) 19 มิ.ย. 57
«ตอบ #129 เมื่อ19-06-2014 20:26:03 »

แหงะ เจ้าชายรองเลือดเย็น "เอาดาบให้เขา"แล้วตายมั้ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เวลา : วันนี้ (บทนำ) 19 มิ.ย. 57
« ตอบ #129 เมื่อ: 19-06-2014 20:26:03 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: เวลา : วันนี้ (บทนำ) 19 มิ.ย. 57
«ตอบ #130 เมื่อ19-06-2014 22:03:00 »

งง  :mew5:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: เวลา : วันนี้ (บทนำ) 19 มิ.ย. 57
«ตอบ #131 เมื่อ19-06-2014 22:31:55 »

วันนี้เปิดมาก็น่าติดตามอีกแล้วววว

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
Re: เวลา : วันนี้ (บทนำ) 19 มิ.ย. 57
«ตอบ #132 เมื่อ20-06-2014 10:54:53 »

ติดตามจ้า

แต่เราชอบ วันวานนะ อ่านแล้วมีความสุข

อารมณ์ดี ชอบองค์ชายสามกับไทวามากๆ

อยากจะอ่านเรื่องวันนี้ ที่คนแต่งชอบมากด้วย ลุ้นๆ

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
Re: เวลา : วันนี้ (บทนำ) 19 มิ.ย. 57
«ตอบ #133 เมื่อ20-06-2014 13:03:11 »

 :mew2: :mew2: :mew2:ติดตามตอนต่อไปปปปปปปปปปป :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ himoru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: เวลา : วันนี้ (บทนำ) 19 มิ.ย. 57
«ตอบ #134 เมื่อ20-06-2014 16:08:03 »

ทำไมเราถึงพึ่งเปิดมาเจอออออ
ทั้งที่อ่านรามิเรสอยู่แท้ๆ
พึ่งอ่านตอนแรกจบค่ะ
มาเม้นต์ก่อน
พระชายาจะฆ่าตัวตาย โฮกกกกก
ภาษาของนักเขียนยังสวยเหมือนเรื่องรามิเรสเลยค่ะ
ชอบทั้งสองเรื่อง ยังไงจะค่อยๆอ่าน ค่อยๆเขียนตอบนะคะ
ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: เวลา : วันนี้ (บทนำ) 19 มิ.ย. 57
«ตอบ #135 เมื่อ20-06-2014 23:56:35 »

วันนี้พีคสุด

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 1) 21 มิ.ย. 57
«ตอบ #136 เมื่อ21-06-2014 14:11:59 »

วันนี้... แค่มีเธอ
บทที่ ๑


เรืองอรุณมีเจ้าชายสามพระองค์ มีเพียงเจ้าชายศีลวัตซึ่งเป็นเจ้าชายรองเท่านั้นที่พระมารดายังมีพระชนม์ชีพอยู่ องค์รานีสิ้นพระชนม์ตั้งแต่เจ้าชายรัชทายาทมีพระชนมายุได้สิบห้าชันษา ส่วนพระสนมเอกก็สิ้นพระชนม์ตั้งแต่เจ้าชายสามมีพระชนมายุได้เพียงเจ็ดชันษา ดังนั้นเจ้าชายศีลวัตจึงทรงกลายเป็นพระราชโอรสองค์โปรดของเจ้าหลวงด้วยบารมีของพระราชชายาซึ่งเป็นพระมารดา

ในบรรดาเจ้าชายทั้งสามแห่งเรืองอรุณ เจ้าชายศีลวัตทรงเกเรมากที่สุด หนีเรียนบ่อย และสร้างความเดือดร้อนให้แก่ฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ในพระราชวังไม่เว้นแต่ละวันโดยที่พระมารดาทรงกำราบไม่ได้ เพราะเพียงแค่พระโอรสทรงประท้วงด้วยการไม่ยอมเสวย พระนางก็ต้องทรงเปลี่ยนเป็นฝ่ายอ้อนวอนแทน ไม่ว่าจะทรงอบรมด้วยพระวาจามากเท่าไร พระโอรสก็ไม่ทรงเชื่อฟัง ต่อให้ทรงเปลี่ยนวิธีเป็นการลงพระอาญาพระพี่เลี้ยงแทน เจ้าชายน้อยก็หาได้สนพระทัยไม่ พระราชชายาจึงทูลปรึกษาพระสวามี และเจ้าหลวงก็ทรงแนะนำให้พระนางทรงหา ‘เพื่อนดีๆ’ ให้พระโอรสสักคนหนึ่ง

“เลือกเด็กที่อายุไล่ๆ กันแล้วก็มาจากตระกูลดีๆ จะได้ชักชวนกันไปในทางที่ดี ไม่เหลวไหล”

เจ้าชายศีลวัตเพิ่งจะมีพระชนมายุสิบสองชันษา พระราชชายาจึงทรงเลือกบุตรชายคนเล็กของเสนาบดียุติธรรมซึ่งมีอายุสิบเอ็ดปีมาเป็น ‘เพื่อนเล่น’ ทว่าเจ้าชายน้อยทอดพระเนตร ‘เพื่อนใหม่’ แค่เพียงแวบเดียวก็กราบทูลพระสุรเสียงเด็ดขาดว่า

“หม่อมฉันไม่เอา”

แล้วก็เสด็จออกจากพระตำหนักไปด้วยการวิ่งเร็วจี๋จนใครก็จับไม่ทัน พูดให้ถูกก็คือไม่มีใครกล้าจับ

“เพื่อนน่ะมันต้องเลือกเอง พ่อแม่เลือกให้จะใช้ได้รึ คนอื่นอาจจะได้ แต่เจ้าศีลวัตนี่ยาก เธอเป็นแม่ ก็น่าจะรู้ดีกว่าคนอื่นไม่ใช่รึ”

เมื่อเจ้าหลวงรับสั่งเช่นนั้น พระราชชายาจึงโปรดให้เสนาบดีวังจัดหาบุตรชายของข้าราชบริพารมาให้พระโอรสทรงเลือกด้วยวิธีของพระองค์เอง

ห้องทรงพระสำราญชั้นล่างสองห้องถูกจัดไว้ให้เป็น ‘ห้องรอเรียก’ ห้องหนึ่ง และเป็น ‘ห้องสอบ’ ห้องหนึ่ง

การคัดเลือกใช้เวลาเพียงไม่นาน ผลก็ปรากฏว่าไม่มีใครผ่านการคัดเลือกแม้แต่คนเดียว บางคนกลับออกมาจากห้องสอบอย่างปลอดภัยดีทุกประการ บางคนคลำศีรษะป้อย บางคนหน้าซีด บางคนก็หน้าบึ้งตึงอย่างแค้นเคือง ทั้งๆ ที่ได้รับการทดสอบอย่างเดียวกัน ครั้นเจ้าหลวงเสด็จมาตรัสถามถึงวิธีการทดสอบ พระโอรสก็กราบทูลง่ายๆ

“หม่อมฉันถามคำถามเดียว ว่าถ้าหม่อมฉันจะหนีเรียน เขาจะไปกับหม่อมฉันไหม ถ้าไป เขาจะถูกเจ้าแม่สั่งเฆี่ยนห้าสิบที”

“ได้คำตอบว่ายังไงบ้างล่ะ”

“บางคนก็ไป บางคนก็ไม่ไปพระเจ้าค่ะ มีบางคนกล้าถามว่าถ้าไม่ไปจะถูกหม่อมฉันลงโทษไหม หม่อมฉันก็ว่าไม่ แต่ก็อาจจะถูกเจ้าแม่สั่งเฆี่ยนอีกห้าสิบทีโทษฐานที่ไม่ตามไปห้ามไม่ให้หม่อมฉันก่อเรื่อง”

เจ้าหลวงทรงพระสรวลพระสุรเสียงดัง

“แล้วกันสิ ไปรึไม่ไปก็ถูกลงโทษ แล้วจะเลือกถูกรึ”

“คนฉลาดก็ต้องเลือกไปสิพระเจ้าค่ะ เพราะถึงจะถูกลงโทษ แต่ก็ยังได้เอาใจหม่อมฉันด้วย”

“แล้วคนที่ถูกลูกตบหัวล่ะ ตอบว่ายังไง”

“หึ ขี้ฟ้อง”

“ก็ไม่ถึงกับอย่างนั้นหรอก ใครจะกล้า พ่อถาม เขาก็จำใจต้องเล่าให้ฟัง”

“คนอื่นเขาตอบแค่ไป กับไม่ไป มันดันตอบว่าไม่ไป แล้วจะไปบอกเจ้าแม่ด้วยว่าหม่อมฉันหนีไปไหน หม่อมฉันก็สาธิตให้ดูว่าถ้าบอกจะโดนอะไรน่ะสิพระเจ้าค่ะ”

“ถ้ามีใครมาให้เลือกอีก ก็จะทดสอบด้วยคำถามนี่น่ะรึ”

“พระเจ้าค่ะ” ยังจะมีใครมาอีก   

“แล้วต้องตอบว่ายังไงลูกถึงจะถูกใจ”

“หม่อมฉันก็ไม่ทราบ”

แปลว่าไม่ว่าจะตอบยังไงก็ไม่ถูกใจทั้งนั้น เจ้าหลวงทรงสรุปได้เช่นนั้น ทว่าพระนางเรวดีไม่ทรงย่อท้อ โปรดให้เสนาบดีวังจัดหาเด็กชายที่มีชาติตระกูลดีเข้ามารับการคัดเลือกอีก คราวนี้โปรดให้บอกเป็นการลับแก่ผู้เข้ารับการคัดเลือกทุกคนล่วงหน้าด้วยว่าคำถามคืออะไร

อย่างไรก็ดี แม้จะสามารถคิดหาคำตอบมาก่อนได้ ก็ยังไม่มีใครตอบคำถามได้ถูกพระทัยเจ้าชายรองแห่งแคว้นเสียที และทั้งๆ ที่ทรงใช้เวลาในการ ‘คัดทิ้ง’ เร็วมาก เจ้าชายน้อยก็ยังดูจะทรงหงุดหงิดเต็มที ร่ำๆ จะออกจากพระตำหนักไปเที่ยวเล่นเรื่อย พระราชชายาจึงตัดสินพระทัยอย่างกะทันหัน โปรดให้หาเด็กชายวัยใกล้เคียงกับพระโอรสมาให้หมด ขอเพียงเป็นลูกชายของขุนนางหรือคหบดี จะเป็นลูกของขุนนางระดับล่าง หรือเกิดจากอนุภรรยาก็ไม่เป็นไร เพราะหากพ้นจากวันนี้ไป เห็นทีพระโอรสคงจะไม่ทรงยอมเลือกอีก

ไม่มีใครตอบคำถามได้ถูกพระทัยเจ้าชายศีลวัตแม้แต่คนเดียว หลังจากผู้เข้ารับการคัดเลือกคนสุดท้ายออกจากห้อง เจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณก็รับสั่งกับพระพี่เลี้ยง

“ยังมีใครอีกก็รีบให้มา ภายในครึ่งชั่วโมงถ้าไม่มี ฉันจะไม่เลือกใครอีกทั้งนั้น”

ภายในเวลาที่กำหนด คนของสำนักพระราชวังสามารถหา ‘ตัวเลือก’ เพิ่มมาได้เพียงคนเดียว คนพามานั้นรู้สึกว่าใจคอไม่ค่อยดีนัก พระนางเรวดีทรงอึ้งไปหลายอึดใจเมื่อทอดพระเนตรเห็นเด็กชายผิวเข้มที่สวมเสื้อผ้าค่อนข้างเก่าและเปรอะเปื้อนหลายแห่ง ผมเผ้าทั้งยาวและยุ่ง

“ไปเอาเด็กที่ไหนมา”

“ขอเดชะฯ พระอาญามิพ้นเกล้าฯ นี่เป็นบุตรชายคนเล็กของเจ้ากรมทหารม้าพระเจ้าค่ะ”

“แม่ของเด็กเป็นใคร”

“เอ่อ... เป็นหญิงคณิกาคนหนึ่งพระเจ้าค่ะ แต่ว่า... บุตรชายของขุนนางและคหบดีที่ยังไม่ได้มารับการคัดเลือกมีเพียงเด็กคนนี้คนเดียว และพระราชชายาก็รับสั่งว่า ไม่ว่าจะเกิดจากภรรยาคนไหน...”

“คนไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่...”

พระนางเรวดีรับสั่งไม่ทันจบ พระโอรสก็เสด็จออกมาจาก ‘ห้องสอบ’ เสียก่อน เด็กชายต่างฐานะต่างมองกันแวบหนึ่ง ก่อนฝ่ายที่สูงศักดิ์กว่ามากจะกราบทูล

“คนนี้คนสุดท้ายแล้วนะพระเจ้าค่ะเจ้าแม่ หม่อมฉันเบื่อเต็มที”

รับสั่งจบก็เสด็จเข้าห้องไปอย่าง ‘เบื่อเต็มที’ ดังว่า พระมารดาจึงต้องทรง ‘เลยตามเลย’ เด็กชายที่คุกเข่าอยู่ตรงเบื้องพระพักตร์จึงถูกส่งเข้าไปใน ‘ห้องสอบ’






เสียงตุ้บตั้บและเสียงข้าวของหล่นทำให้พระราชชายาเสด็จเข้าไปในห้องสอบทันทีโดยมีบรรดาพระพี่เลี้ยงตามเข้าไปด้วย ภาพพระโอรสกำลังต่อสู้กับเด็กชายมอมแมมอย่างอุตลุดทำเอาพระหทัยแทบวาย

“ตายแล้ว รีบเข้าไปช่วยลูกฉันสิ ยืนเฉยกันอยู่ทำไม”

“ไม่ต้องเข้ามา!”

คนที่กำลังจะเข้าไปช่วยชะงักทันที ไม่รู้ว่าจะทำตามรับสั่งของใครดี พระราชชายาเองก็ไม่ได้รับสั่งอะไรอีก จนกระทั่งพระโอรสทรงถูกชกเปรี้ยงเข้าอย่างจังตรงปลายพระหนุจึงได้ตรัสสั่งพระสุรเสียงเฉียบ

“เข้าไปช่วยลูกฉันเดี๋ยวนี้”

พระพี่เลี้ยงสาวรีบทำตาม บางคนจึงถูก ‘หมัดหลง’ ของพระโอรสเข้าให้เพราะคน ‘ถูกช่วย’ ไม่ทรงยินยอมให้จับแยก ขณะที่คนที่ดึงตัวเด็กชายต่ำศักดิ์ออกมาไม่ได้รับอันตรายใดๆ เนื่องจากเด็กชายหยุดขยับตัวทันทีที่ถูกแยก

แพทย์หลวงถูกตามตัวมาอย่างรวดเร็ว เจ้าชายศีลวัตทรงยอมถอดฉลองพระองค์ตัวบนออกให้ถวายการรักษาแต่โดยดี ระหว่างที่แพทย์หลวงทำความสะอาดแผลฟกช้ำทั้งหลาย สายพระเนตรก็ไม่ละจากเด็กชายที่คุกเข่าอยู่ตรงเบื้องพระพักตร์เลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะขณะตรัสถามพระสุรเสียงขึ้ง

“ทำร้ายเจ้าชายมีโทษตัดหัวเชียวนะ รู้ไหม”

“ไม่รู้”

“ตบปาก!”

“เดี๋ยว!”

เจ้าชายน้อยทรงห้ามไม่ทัน เด็กชายคู่กรณีจึงถูกพระพี่เลี้ยงของพระองค์ตบปากตามรับสั่งของพระราชชายาดังฉาด เลือดที่ซึมตรงมุมปากอยู่แล้วพลันไหลลงมา ทว่าแทนที่จะมีสีหน้าโกรธแค้น เจ้าตัวกลับก้มหน้านิ่งๆ ไม่มองใคร

“ถ้าฉันไม่ได้สั่ง ห้ามทำอะไรเขาทั้งนั้น เข้าใจไหม” รับสั่งดุจัดทำเอาพระพี่เลี้ยงที่เพิ่งลงมือไปเกรงกลัวจนต้องรีบก้มหน้าทูลรับคำ

“มันทำร้ายลูกนะ ศีลวัต ตามกฎต้องเอาตัวไปตัดหัวแล้ว ลูกจะให้มันอยู่ทำไม หรืออยากจะลงโทษเอง”

“กลัวถูกตัดหัวไหม” พระโอรสตรัสถามคู่กรณี

“ไม่กลัว”

“ดี งั้นก็เอาตัวไป...”

“เจ้าแม่” พระสุรเสียงมีกระแสขัดเคือง “เราแค่เล่นกัน”

“อะไรนะ”

“เล่นกันพระเจ้าค่ะ”

“เล่นอะไร ลูกเจ็บถึงขนาดนี้ ดูซิ หน้าก็เขียว ท้องก็เขียว ไม่เจ็บแย่หรอกหรือจ๊ะ อีกกี่วันถึงจะหาย ลูกเป็นถึงเจ้าชาย ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายลูกทั้งนั้นนะศีลวัต ถึงไม่ตัดหัวก็ต้องถูกเฆี่ยน”

พระโอรสมองพระมารดานิ่งอยู่ครู่แล้วก็หันกลับไปตรัสถามคนที่คุกเข่าอยู่อีก

“กลัวถูกเฆี่ยนไหม”

คนถูกถามเงยหน้า ทำให้เห็นว่าเบ้าตาซ้ายที่ถูกหมัดเข้าไปเต็มๆ เริ่มจะเป็นสีม่วงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่ก็ทูลตอบ

“กลัว”

“หือ” พระสุรเสียงออกจะผิดหวัง “ถ้าไม่ยอมถูกเฆี่ยนก็ต้องถูกตัดหัว จะเอาอย่างนั้นหรือ”

อีกฝ่ายพยักหน้า ทำเอาผู้ทรงศักดิ์สูงกว่ามากทรงขมวดพระขนง

“ยอมถูกตัดหัวหรือ”

คนถูกถามพยักหน้าอีกหน เจ้าชายผู้เอาแต่พระทัยพระพักตร์ตึงทันทีแล้วก็ไม่รับสั่งอะไรอีก ครั้นแพทย์หลวงใส่ยาถวายเสร็จ พระองค์ก็ตรัสสั่ง

“ใส่ยาให้เขาด้วย”

“อะไรกัน มันทำให้ลูกเจ็บนะ”

“หม่อมฉันก็ทำเขาเจ็บเหมือนกัน”

“แต่มัน...”

“เจ้าแม่จะให้เขามาเป็นเพื่อนของหม่อมฉันไม่ใช่หรือพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันไม่ชอบให้เพื่อนมีแผล”

“แม่ให้ลูกเลือกเพื่อนคนไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่คนนี้”

“ทำไมพระเจ้าค่ะ”

“ประวัติไม่ดีพอ” ยังไม่ทันจะตรัสเล่า ‘ประวัติ’ พระโอรสก็กราบทูลอย่างเอาแต่ใจเสียก่อน

“แต่หม่อมฉันจะเอาคนนี้”

“เลือกคนอื่น คนนี้แม่ไม่ให้เลือก”

พระราชชายาก็ทรงเด็ดขาดในบางคราวเหมือนกัน แต่เพราะทรงรักพระโอรสมาก เมื่อเจ้าชายน้อยทรงต่อรองขอมาเป็นข้าในพระองค์ ต่อไปจะให้เป็นองครักษ์ประจำพระองค์ พระองค์จึงทรงยอมอย่างเสียไม่ได้ อย่างไรก็ดี เจ้าชายศีลวัตไม่ทรงลืมถามเจ้าตัว

“อยากเป็นองครักษ์ของฉันไหม”

คนถูกถามนิ่งคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า

“ทำไมถึงไม่อยาก”

นอกจากพระสุรเสียงจะดังแล้วยังทรงยืนอย่างกะทันหันจนใครๆ ตกอกตกใจ

“ไม่อยาก”

ราวกับน้ำมันราดลงบนกองไฟ เจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณทรงแผดพระสุรเสียงลั่น

“ฉันเป็นเจ้าชาย ฉันสั่งให้เป็นของฉันเธอก็ต้องเป็น!”

คนถูกสั่งไม่มีปฏิกิริยาอะไรนอกจากมองเฉย ก่อนจะก้มหน้านิ่ง






วันนั้นเจ้าหลวงเสด็จมาทรงเยี่ยมพระโอรสองค์รอง เจ้าชายศีลวัตทรงยอมเล่าแต่โดยดีอีกเช่นเคย

“หม่อมฉันถามเขาว่าจะหนีเรียนไปด้วยกันหรือจะไปทูลเจ้าแม่ เขาว่าเขาจะนั่งเรียนจนหมดเวลา ใครถามว่าหม่อมฉันไปไหน ถ้าเขารู้เขาก็จะตอบ ถ้าไม่รู้ก็ตอบว่าไม่รู้ แต่ถ้าไม่มีใครถามเขาก็ไม่บอก พอหม่อมฉันถามว่าถ้าเจ้าแม่จะทรงเฆี่ยนล่ะ เขาก็ว่าเขาจะทูลให้เฆี่ยนหม่อมฉันแทน หม่อมฉันก็ตบหัวเขาไปทีนึงน่ะสิพระเจ้าค่ะ ไม่คิดว่าเขาจะกล้าตบกลับ หม่อมฉันไม่ทันตั้งตัวก็เลยหัวแทบทิ่ม ทีนี้พอโมโหก็เลยชกเข้าให้ แต่เขาหลบได้ หม่อมฉันยิ่งโมโหใหญ่ จะชกให้ได้ แต่เขาไม่ยอมให้หม่อมฉันชกดีๆ สู้กันไปสู้กันมาหม่อมฉันก็หายโมโห กลายเป็นสนุกเสียนี่ ไม่มีใครเล่นกับหม่อมฉันอย่างนี้เลยสักคน”

เจ้าหลวงทอดพระเนตรพระหนุสีม่วงๆ ของพระโอรสด้วยสายพระเนตรปรานี พลางตรัสถาม

“ถ้าต่อไปเขาเป็นเหมือนคนอื่น ไม่กล้าเล่นอย่างนั้นกับลูกอีก ลูกจะเบื่อเขาไหม”

คนถูกถามทรงขมวดพระขนง

“หม่อมฉันไม่ยอมให้เขาเป็นเหมือนคนอื่นหรอกพระเจ้าค่ะ”








ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 1) 21 มิ.ย. 57
«ตอบ #137 เมื่อ21-06-2014 14:18:36 »


อานนท์ไม่ได้เป็นเหมือนคนอื่น แต่เด็กชายวัยสิบขวบก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณทรงคาดหวังเอาไว้

“เล่นต่อสู้กัน เต็มที่เลย ไม่ต้องออมมือ”

ครั้งนั้นอานนท์ก็ทำตามคำสั่งดี การต่อสู้แบบสูสีที่ต่างฝ่ายต่างเจ็บตัว ได้แผลไปพอๆ กันนั้นทำให้เจ้าชายน้อยพอพระทัยมาก ทว่าหลังจากพระราชชายาทรงทราบ เหตุการณ์ก็เปลี่ยนไป

เต็มที่... คือเจ้าชายศีลวัต ไม่ออมมือ... ก็ยังเป็นเจ้าชายศีลวัตเพียงคนเดียว ส่วนเด็กชายผิวคล้ำตัวผอมที่เตี้ยกว่าพระองค์เพียงเล็กน้อยกลับยืนเฉยๆ ปล่อยให้พระองค์ทรงชกเอาๆ ตามใจชอบ

“สู้สิ! อานนท์ ทำไมไม่สู้ กำหมัดขึ้นมา”

ยิ่งยืนเฉย พระองค์ยิ่งกริ้วและไม่ทรงยั้งพระหัตถ์เลย คราวนั้นเด็กชายถึงกับเป็นไข้ เจ้าชายศีลวัตโปรดให้คนไปตามหมอหลวงมารักษา แต่พระองค์ไม่เสด็จไปทรงเยี่ยมเลยสักครั้ง ครั้นหายดี ยังไม่ยอมรับสั่งกับ ‘เพื่อนเล่น’ อยู่หลายวัน ทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตน ถ้าเป็นคนอื่น ถูกทำเช่นนี้ใส่อาจจะร้องไห้หรือคุกเข่าอ้อนวอนขอประทานอภัยไปนานแล้ว แต่อานนท์กลับเพียงแค่เดินตามเสด็จต้อยๆ ตามหน้าที่ ถวายการรับใช้ทุกอย่างตามหน้าที่ ถึงจะถูกแกล้งไม่ให้ความร่วมมือบ้างก็ยังพยายามและอดทน ไม่มีรับสั่งกับเขา เขาก็ไม่พูด

แล้วคนที่ทนไม่ได้ ต้องพูดก่อนก็คือผู้เป็นเจ้าชาย ถึงแม้จะรับสั่งด้วยอย่างดุๆ ห้วนๆ ก็ตาม

นอกจากนี้เด็กชายยังทำตามที่เคยพูดไว้ คือหากเจ้าชายศีลวัตทรงหนีเรียนไปก่อเรื่องที่ไหนแล้วพระราชชายาตรัสถาม ถ้าเขารู้เขาก็กราบทูลตามตรง เป็นผลให้ถูกเจ้าชายศีลวัตทรงลงพระอาญาหลายครั้ง ให้นั่งคุกเข่าหน้าห้องบรรทมทั้งคืนบ้าง ให้อดข้าวเย็นบ้าง ให้ยืนคาบไม้เรียวแล้วขู่ว่าถ้าน้ำลายยืดเมื่อไหร่จะตีบ้าง แต่ก็ไม่เคยทรงตีหรือตรัสสั่งให้ใครตีอีกฝ่ายเลย

ในทางตรงข้าม หากอานนท์ทูลตอบไม่ได้ว่าเจ้าชายศีลวัตเสด็จไปที่ไหน แล้วเกิดมีเรื่องมีราวขึ้นในเวลาต่อมา เช่นห้องเครื่องถูกไฟไหม้ ดอกไม้หายากของพระญาติพระวงศ์ชั้นสูงที่มีพระชนมายุมากแล้วถูกตัดทิ้ง ปลาในบ่อตายเกลี้ยง หรือนกราคาแพงมหาศาลถูกปล่อยหมดกรง แล้วสืบสวนได้ความว่าเป็นฝีมือของเจ้าชายรองแห่งแคว้น เจ้าชายน้อยก็จะทรงถูกเจ้าหลวงรับสั่งตำหนิและโปรดให้ไป ‘ขอโทษ’ เป็นอันจบเรื่อง ส่วนอานนท์ซึ่งไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไรเลยก็จะถูกพระราชชายาทรงลงพระอาญา บางครั้งให้อดอาหาร แต่เจ้าชายศีลวัตก็ทรงหาวิธีเอาของกินไปให้ ครั้นอานนท์ปฏิเสธไม่กิน พระองค์ก็เอาขนมที่ทรงอุตส่าห์แอบเก็บไว้ตั้งแต่ตอนกลางวันยัดเข้าปาก

“กินเข้าไปเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่กิน ฉันจะยัดให้ติดคอตายไปเลย”

บางครั้งเด็กชายวัยสิบขวบก็ถูกลงโทษให้ทำงานหนัก เช่นทำสวนหรือขัดถูห้องน้ำในเรือนแถวของข้ารับใช้ หากเขาต้องทำงานหนักตลอดวัน เมื่อกลับมาถึงห้องพัก ก็จะมีอาหารดีๆ ขนมอร่อยๆ และนมอุ่นๆ รออยู่ในห้องแล้ว ของพวกนั้นส่วนใหญ่เขาชอบ แต่ที่ไม่ชอบก็คือ คนที่รออยู่ในห้อง

“ล้างมือมารึยัง ยังก็รีบไปล้างให้สะอาดเลย ฉันรอจนท้องกิ่วไปหมดแล้ว”

บ่อยครั้งที่อานนท์สงสัยเหลือเกิน ว่าใครใช้ให้รอไม่ทราบ

เมื่อเด็กชายเพียงคนเดียวที่พระองค์ทรงรับไว้เป็น ‘เพื่อนเล่น’ ต้องถูกพระมารดาของพระองค์ลงโทษบ่อยๆ เจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณก็ทรงผ่อนเพลา ‘วีรกรรม’ เด็ดๆ ลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เลิกไปเสียทีเดียว เพียงแต่คราวนี้หากจะทรง ‘ปฏิบัติภารกิจ’ ก็จะทรงพาอานนท์ไปด้วยทุกครั้ง ครั้นพระมารดาจะทรงลงพระอาญาเด็กชาย เจ้าชายศีลวัตก็จะทรงดึงมือผอมๆ คล้ำๆ ของคนตัวเล็กกว่าให้มายืนอยู่ข้างหลัง

“ถ้าเจ้าแม่จะลงโทษอานนท์ ก็ต้องลงโทษหม่อมฉันด้วยพระเจ้าค่ะ”

พระราชชายาทรงขัดเคืองพระทัย แต่ก็ต้องทรงยอมปล่อยไปก่อน





นานหลายเดือนทีเดียวกว่าเจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณจะทรงทราบว่าพระองค์ทรงปกป้อง ‘เพื่อนเล่น’ เอาไว้ไม่ได้ ครั้งหนึ่งทรงตบไหล่อีกฝ่ายหนักๆ แน่นอนว่าอานนท์ไม่ถึงกับทรุด แต่สีหน้าที่มักจะเรียบเฉยอยู่เป็นนิจกลับมีแววเจ็บปวด เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดซึมเต็มหน้า

“เธอเป็นอะไร”

“กระหม่อมไม่ได้เป็นอะไรพระเจ้าค่ะ”

“โกหก ถอดเสื้อออก”

เด็กชายร่างผอมยืนนิ่ง

“ฉันสั่งให้เธอถอด ถอดออกเดี๋ยวนี้!”

แผ่นหลังที่ปรากฏแก่สายพระเนตรเต็มไปด้วยรอยแผลถูกเฆี่ยน ทั้งรอยเก่าและรอยใหม่ปะปนกัน บริเวณที่พระองค์ทรงตบลงไปเมื่อครู่นี้ถึงกับมีเลือดซึม

ไม่ต้องทรงเค้นเอาจากเจ้าตัว เจ้าชายน้อยก็ทรงทราบว่าใครเป็นคนทำ

“แม่ไม่ได้ทำ”

“แต่สั่งให้นางพวกนี้ทำ”

‘นางพวกนี้’ ซึ่งได้แก่บรรดานางข้าหลวงต่างก้มหน้า หลบสายพระเนตรวาวโรจน์กันวูบวาบทั้งที่ไม่ได้มีความผิดเลยแม้แต่น้อย

“ก็ไม่ใช่อีกนั่นล่ะ คนลงโทษน่ะ เป็นคนที่มีสิทธิ์จะสั่งสอนมันได้เต็มที่ โทษฐานที่ไม่ดูแลลูกให้ดี ปล่อยให้ลูกไปเล่นซน”

“ใครพระเจ้าค่ะ” พระสุรเสียงของพระโอรสกร้าวเสียจนพระนางเรวดียังทรงชะงัก

“เจ้ากรมทหารม้า”

“แต่อานนท์เป็นของหม่อมฉัน ใครก็ไม่มีสิทธิ์ลงโทษทั้งนั้น นอกจากหม่อมฉันคนเดียว”

“แม่ว่าลูกเข้าใจผิดแล้วนะจ๊ะ ศีลวัต คนของลูกน่ะแม่เป็นคนจัดหามาให้ แล้วมันก็เป็นแค่ ‘ข้าในพระองค์’ ได้เงินทุกเดือน ชีวิตมันน่ะไม่ใช่ของลูก แต่ยังเป็นของเจ้ากรมทหารม้าที่เป็นพ่อ”

“เธอได้เงินเดือนด้วยหรือ”

คนที่ถูกลากมาทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อพยักหน้า “พระเจ้าค่ะ”

“แล้วเงินอยู่ไหน”

ทำไมพระองค์ไม่เคยทอดพระเนตรเห็น ทั้งที่ในห้องพักของอีกฝ่ายซึ่งอยู่ข้างห้องบรรทมนั้นถูกพระองค์ทรงค้นจนปรุไปหมดแล้ว

“แม่ให้เจ้าคุณวังจัดการส่งไปให้เจ้ากรมทหารม้าทุกเดือน”

ดวงพระเนตรของเจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณลุกวาบด้วยความกริ้ว หลังจากขบพระทนต์แน่นด้วยความอดทนอดกลั้นก็ทรงประกาศกร้าว

“หม่อมฉันจะซื้อตัวอานนท์มาเป็นของหม่อมฉัน แพงเท่าไหร่หม่อมฉันก็จะหาเงินมาซื้อให้ได้”

เจ้ากรมทหารม้าถูกเรียกตัวมาเข้าเฝ้าทันทีตามพระบัญชาของเจ้าชายศีลวัต

“ฉันอยากได้อานนท์มาเป็นของฉัน ท่านจะขายเท่าไหร่ก็ว่ามา”

คนฟังถึงกับงุนงงไปวูบหนึ่งเพราะคนพระอารมณ์ร้อนทรงเข้าเรื่องรวดเร็วเหลือเกิน ครั้นมองไปทางพระราชชายา พระนางก็รับสั่งขยายความให้เขาเข้าใจมากขึ้น

วินาทีนั้นใจเขารู้สึกปีติเหลือเกินที่ลูกชายที่เขาไม่เคยต้องการและเป็น ‘ตัวซวย’ ของเขามาตลอดสองปีกลายเป็นคนที่มีประโยชน์ขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด

“กระหม่อมไม่บังอาจเรียกร้องเงินทองพระเจ้าค่ะ เพียงแค่ฝ่าบาทโปรดให้มันมีโอกาสได้ถวายงาน ก็นับเป็นวาสนาของมันและเป็นเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูลของกระหม่อมอย่างยิ่งแล้วพระเจ้าค่ะ เพียงแต่...”

“เพียงแต่อะไร”

“เพียงแต่วันหน้า หากฝ่าบาทได้ทรงเฉลิมพระยศพระเกียรติยิ่งใหญ่ ขอทรงสนับสนุนกระหม่อมบ้างเท่านั้นพระเจ้าค่ะ”

“จะให้ช่วยทูลเจ้าพ่อให้เลื่อนยศให้ อย่างนั้นสินะ”

“เอ่อ... ก็... คล้ายๆ อย่างนั้นพระเจ้าค่ะ”

“ได้ ฉันรับปาก ตอนนี้อานนท์ก็เป็นของฉันอย่างสมบูรณ์แล้วใช่ไหม”

“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมยินดีถวาย จะทรงใช้ให้ทำอะไรก็สุดแท้แต่จะโปรดพระเจ้าค่ะ”

“ท่านไม่มีสิทธิ์ในตัวเขาอีกแล้วนะ”

“พระเจ้าค่ะ”

ตลอดการ ‘เจรจา’ ไม่มีใครสนใจสีหน้าและแววตาของเด็กชายผิวเข้มร่างผอมเลยแม้แต่คนเดียว






“ลูกทำอย่างนี้ไม่ฉลาดเลย”

พระนางเรวดีรับสั่งตรงๆ เมื่อทรงเรียกพระโอรสมาเข้าเฝ้าตามลำพัง

“ไม่ฉลาดยังไงพระเจ้าค่ะ”

“รู้รึเปล่าว่าเจ้ากรมทหารม้าน่ะไม่เป็นที่โปรดปรานขององค์รัชทายาท”

“ทำไมเจ้าพี่ภีมเสนถึงไม่โปรดเขาล่ะพระเจ้าค่ะ”

“เรื่องนี้แม่ก็ไม่รู้ แต่ข่าวนี้ไม่ผิดแน่ องค์รัชทายาทน่ะดูยาก โปรดใครไม่โปรดใครก็ไม่แสดงออก แต่กับเจ้ากรมทหารม้า องค์รัชทายาทรับสั่งคัดค้านเขาในที่ประชุมหลายครั้ง เบี้ยหวัดของเจ้ากรมคนนี้ก็ไม่เพิ่มมาสองปีแล้วเพราะทำงานผิดพลาดมาก ความผิดพลาดนั่นองค์รัชทายาทก็เป็นคนรับสั่งอีกนั่นแหละ”

“แล้วทำไมหรือพระเจ้าค่ะ”

“โธ่ ศีลวัต ก็ถ้าลูกโปรดปรานเจ้าเด็กอานนท์มากเกินไป องค์รัชทายาททรงทราบเข้าจะไม่พอพระทัยเอาน่ะสิ ยิ่งถ้าต่อไปสนับสนุนเจ้ากรมทหารม้าจริง องค์รัชทายาทอาจจะทรงคิดว่าลูกคิดจะเป็นศัตรูของพระองค์”

“เจ้าพี่คงไม่ทรงคิดอย่างนั้น”

“ทำไมจะไม่คิด ลูกรู้ตัวรึเปล่าว่าตั้งแต่รานีสิ้นไปตั้งแต่สองปีที่แล้ว ลูกก็กลายเป็นคนที่องค์รัชทายาททรงกลัว เพราะว่าแม่กลายเป็นที่โปรดปรานของเจ้าพ่อ ถึงยังไม่ได้เป็นรานี แต่อีกไม่นานก็คงจะได้รับการแต่งตั้งแน่ เพราะฉะนั้นระหว่างที่แม่ยังไม่ได้เป็นรานี ลูกต้องทำตัวดีๆ ให้เจ้าพ่อโปรดปราน ขยันเรียนหนังสือ แล้วก็อย่าเพิ่งทำอะไรให้องค์รัชทายาทไม่พอพระทัย ตอนนี้เจ้าพ่อลูกก็ทรงทราบแล้วนะ วันก่อนยังถามแม่ว่าลูกชอบเพื่อนใหม่คนนี้มากหรือ”

“ชอบอะไรกัน ทำอะไรไม่ถูกใจหม่อมฉันเลยสักอย่าง”

“ไม่ชอบก็ดีแล้ว จะใช้ให้ทำอะไรก็ใช้ไป แต่อย่าไปเอ็นดูมันมาก”

พระโอรสทรงพยักพระพักตร์ส่งๆ ไปอย่างนั้นเอง ความจริงในพระทัยมีอยู่เพียงประการเดียว

... พระองค์จะไม่ทรงยอมให้อานนท์เป็นของใครเด็ดขาด ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับเจ้าชายภีมเสนก็ตาม...






อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นมา เจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณก็ไม่ได้ทรงสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนในพระราชวังอีกเพราะทรงมีงานใหม่คือการเป็นครู

“เธอชอบเรียนหนังสือหรือ”

“ชอบพระเจ้าค่ะ”

นั่นเป็นครั้งแรกที่เจ้าชายน้อยทรงได้ยินว่าคนของพระองค์ชอบอะไร เพราะอานนท์ไม่เคยมีอะไรที่ชอบเลย ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ หรือกิจกรรมต่างๆ ให้กิน ให้ใช้ ให้ทำอะไรเขาก็กิน ก็ใช้ ก็ทำอย่างนั้นโดยไม่แสดงออกว่าชอบหรือไม่ชอบ

“มันสนุกตรงไหน”

“กระหม่อมอยากอ่านเขียนหนังสือได้ อยากมีความรู้มากๆ พระเจ้าค่ะ”

... คนยิ่งมีความรู้มาก ก็จะมีโอกาสเลือกทางเดินให้ชีวิตของตัวเองมาก...

... แม่อยากให้ลูกได้เรียนหนังสือ จะได้ไม่ต้องขายแรงกายแลกเงินเหมือนแม่...

“เรียนหนังสือน่าเบื่อจะตาย ไม่เห็นจะท้าทายตรงไหนเลย”

ถึงจะรับสั่งอย่างนั้น แต่ก็ทรงสอนหนังสือ อธิบายข้อความยากๆ และสอนการบ้านประทานให้เด็กชายตัวผอมทุกคืน ทำเอาอานนท์นึกทึ่งและศรัทธาเจ้านายของเขาขึ้นมาหน่อยๆ เพราะอีกฝ่ายทรงอธิบายให้เขาเข้าใจได้ง่ายกว่าที่เขาฟังจากครูเสียอีก

“เรียนหนังสือแล้วก็ต้องเรียนต่อสู้ด้วย ต่อไปเธอจะต้องเป็นองครักษ์ของฉัน ต้องต่อสู้ให้เก่งๆ”

อานนท์มีพรสวรรค์ในการต่อสู้ เมื่อเรียนกับครูซึ่งเป็นพระอาจารย์ของเจ้าชายรอง เด็กชายแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ แต่เมื่อเจ้าชายศีลวัตรตรัสสั่งให้ประลองกับพระองค์ เขาเป็นต้องแกล้งแพ้เสมอจนถูกกริ้วบ่อยๆ

“ฉันซื้อเธอมา เธอเป็นของฉันแล้ว ฉันสั่งอะไรเธอก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำ ฉันจะส่งเธอกลับไปคืนเจ้ากรมทหารม้า”

ดูเหมือนในประโยคเหล่านั้นจะมีข้อความบางแห่งที่ได้ผลดี ทำให้อานนท์ยอมทำตามรับสั่งในที่สุด และทำให้เจ้าชายศีลวัตตรัสถ้อยคำเหล่านั้นบ่อยๆ แทบทุกครั้งที่มีพระประสงค์จะให้อีกฝ่ายทำอะไรสนองพระทัย






ถึงแม้ว่าเจ้าชายศีลวัตจะไม่ได้ทรงก่อเรื่องอีก แต่ก็ใช่ว่าจะเลิกเล่นซนไปเสียทีเดียว วันนั้นพระองค์ทรงชวนอานนท์เข้าไปใน ‘ห้องสมบัติ’ ของพระมารดา

“เจ้าแม่จ่ายเงินซื้อของพวกนี้ปีละมากๆ แต่ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์อะไรเลย แค่เอาไว้อวดคนที่มาเยี่ยมเท่านั้น หรือเธอว่ายังไง ชอบชิ้นไหนไหม”

อานนท์เกิดวันไหนก็ไม่รู้สิ แต่นี่ก็ใกล้จะครบหนึ่งปีที่เขามาอยู่กับพระองค์แล้ว ถ้าทรงทราบว่าเขาชอบอะไรล่ะก็...

“ฝ่าบาท”

“หือ ชอบชิ้นไหนหรือ”

“ทรงโยนเล่นอย่างนั้น ถ้าตกแตกขึ้นมา พระราชชายาจะกริ้วนะพระเจ้าค่ะ”

“ไม่หรอกน่า ฉันรับแม่นจะตาย” รับสั่งแล้วก็ทรงสาธิตให้ดูอีกรอบ ด้วยการโยนกวางหยกตัวนั้นสูงขึ้นกว่าเดิม “แล้วฉันก็เคยทำแตกมาแล้วตั้งหลายชิ้น เจ้าแม่แค่ทรงดุนิดหน่อยเท่านั้น ฉันไม่เคยถูกตีสักหน”

แต่ก็ทรงทราบดีว่าถ้าคราวนี้พระองค์ทรงทำเสียหายอีก คราวนี้คนที่จะถูกลงพระอาญาแทนจะกลายเป็นอานนท์ หลังจากโยนเล่นอีกครั้งหนึ่งให้อีกฝ่ายใจหายเล่นๆ แล้วพระองค์ก็ทรงวางลงที่เดิม

“แก้วคริสตัลอันนี้สวยไหม”

อานนท์มองคริสตัลชิ้นใหญ่ในพระหัตถ์ แล้วก็พยักหน้า แก้วคริสตัลรูปเทพนารีสูงขนาดหนึ่งศอกนั้นทั้งใสเป็นประกายแวววาม ทั้งมีรายละเอียดมากมายที่อ่อนช้อยเสมือนจริงอย่างยิ่ง  เขาถึงกับใจกระตุกเมื่ออีกฝ่ายทรงทำท่าจะโยนมันขึ้น เจ้าชายศีลวัตทรงพระสรวลเมื่อเห็นคนที่มักจะหน้าเฉยอยู่เสมอดูตกใจ

“คงจะราคาแพงน่าดู ได้ยินว่าเจ้าแม่จะประทานให้ตาแก่หัวหน้าหอทำนาย ไม่รู้จะประทานให้มันทำไมทุกปี แล้วก็ให้แต่ของแพงๆ ทั้งนั้น”

เมื่ออานนท์ไม่มีความคิดเห็น พระองค์ก็ทรงชินเสียแล้วที่จะรับสั่งเล่าเรื่อยๆ

“รู้ไหม ฉันเคยเกือบจะมีน้องด้วยนะ แต่เจ้าแม่ทรงแท้งซะก่อน ตอนนี้ฉันก็ยังอยากจะมีน้องสาวสักคนนะ เจ้าแม่ก็เสด็จไปขอพรที่มหาวิหารหลวงบ่อยๆ คงจะขอน้องให้ฉันอีก ที่หาของขวัญไปให้ตาแก่หอทำนายนั่นก็คงอยากจะให้ทำนายให้ล่ะมั้งว่าจะมีน้องให้ฉันได้เมื่อไหร่ หึ แต่ฉันไม่เชื่อหรอกว่าตาแก่นั่นจะรู้ บางทีเจ้าแม่ก็ทรงงมงาย เธอว่าไหม”

แน่นอนว่าอานนท์ไม่ว่า อีกฝ่ายจึงทรงผ่อนพระปัสสาสะออกอย่างเบื่อๆ

“ถ้าฉันมีน้องนะ ฉันจะอุ้มแล้วก็โยนเล่นสูงๆ อย่างนี้”

รับสั่งจบก็ทรงโยนแก้วคริสตัลในพระหัตถ์ขึ้น ทว่าตุ๊กตาแก้วกลับตกลงมาเร็วกว่าที่ทรงคาดเอาไว้

“ฝ่าบาท!”

เพล้ง!

เจ้าชายศีลวัตทรงยืนตะลึง ขณะอานนท์หน้าซีด

“นั่นเสียงอะไร ใครไปดูซิ”

“เก็บเร็วอานนท์ เผื่อจะเอาไปซ่อมได้”

เด็กชายทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ทว่ายังช้ากว่านางข้าหลวงที่มายืนอยู่หน้าห้องแล้ว

“พระราชชายาเพคะ อานนท์...”

“หุบปากเดี๋ยวนี้!”

เจ้าชายรองตรัสสั่งเสียงเฉียบ นางข้าหลวงเม้มปากทันที ทว่าไม่ทันการณ์เสียแล้ว






“จับองค์ชายไว้ดีๆ อย่าให้หลุดมาได้ ถ้าหลุดเมื่อไหร่ ฉันจะสั่งเฆี่ยนให้หลังขาดทุกคน แล้วใครไปเอาไม้เรียว ทำไมยังไม่มา”

“มาแล้วเพคะ”

“ปล่อย! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! เจ้าแม่ รับสั่งให้นางพวกนี้ปล่อยหม่อมฉันนะพระเจ้าค่ะ”

“ลงมือ”

ขวับ!

“เจ้าแม่!”

“เฆี่ยนให้แรงอีก”

“อย่าตี! หยุดเดี๋ยวนี้! ฉันสั่งให้หยุด หยุดสิ!”

ขวับ! ขวับ! ขวับ!

“โธ่โว้ย! หม่อมฉันบอกแล้วว่าหม่อมฉันเป็นคนทำแตกเอง จะทรงตีก็ตีหม่อมฉันสิพระเจ้าค่ะ เจ้าแม่! อานนท์ไม่ผิด หยุดตีเขาเดี๋ยวนี้”

เจ้าชายศีลวัตทรงแผดพระสุรเสียงลั่นพระตำหนักทั้งที่พระองค์ไม่ได้ทรงถูกตีสักเผียะ นางข้าหลวงสี่นางช่วยกันยึดพระองค์ไว้ยังแทบจะยึดไม่อยู่ ขณะที่คนคุกเข่าเปลือยหลังให้เฆี่ยนกลับไม่ร้องเลยสักแอะ ก้มหน้า และไม่มองมาทางนายน้อยของเขาเลย

เจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณทรงดิ้นรนจนเหนื่อยแล้วก็ทรงหยุด เปลี่ยนเป็นรับสั่งด้วยพระสุรเสียงเย็นชา

“ยุพา” นางข้าหลวงซึ่งมีหน้าที่เฆี่ยนถึงกับเผลอหยุดมือ

“หยุดทำไม เฆี่ยนต่อไป” พระราชชายาตรัสสั่ง ทว่านางข้าหลวงสาวยังไม่ทันลงมือก็ต้องชะงักอีกรอบ

“ถ้าเฆี่ยนเขาอีก ฉันจะเอาคืน จะเอาคืนให้เจ็บกว่าเป็นร้อยเท่า!”

ยุพาหน้าซีด ตัวสั่น ทว่าเมื่อมองไปทางพระราชชายาและถูกสั่งด้วยสายพระเนตรดุดันเฉียบขาด นางก็จำต้องกัดฟันแล้วหวดไม้เรียวลงไปบนแผ่นหลังเล็กๆ นั่นอีกครั้ง

สายพระเนตรวาวจ้าของเจ้าชายรองแห่งศีลวัตไหวระริกราวกับทรงถูกฟาดเสียเอง พระนางเรวดีทอดพระเนตรเห็นแล้วก็ทรงหวั่นพระทัยขึ้นมา เด็กอานนท์คนนี้มีอิทธิพลต่อพระโอรสของพระองค์มากจนน่ากลัว แต่ก็เพราะอย่างนี้ พระองค์จึงทรงมีโอกาสทำให้พระโอรสเป็นอย่างที่พระองค์ต้องการ

“เธอสี่คนก็เหมือนกัน” พระสุรเสียงของเจ้าชายศีลวัตเหี้ยมเกรียมเกินเด็กวัยสิบสาม “ถ้ายังไม่ปล่อยฉัน วันหน้าถ้าฉันมีอำนาจเมื่อไหร่ ฉันจะไม่ให้พวกเธอได้ตายดี” 

เพียงแค่หนึ่งในสี่เผลอปล่อยมือเล็กน้อย เจ้าชายน้อยก็ทรงสะบัดหลุดจากการยึดทันที

“ว้าย! ฝ่าบาท!”

ยุพาถูกเตะจนล้ม ไม้ในมือถูกเจ้าชายศีลวัตทรงกระชากไปแล้วฟาดลงมาไม่ยั้ง

“โอ๊ย! โอ๊ย! ฝ่าบาท ทรงเมตตาหม่อมฉันด้วยเพคะ ประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วย โอ๊ย! พระราชชายา ทรงช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ โอ๊ย! ฮือออ”

นางข้าหลวงทั้งหลายต่างนั่งตัวสั่นลีบ ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเพื่อน และพระนางเรวดีก็ทอดพระเนตรมองเฉย ปล่อยให้พระโอรสทรงเฆี่ยนตีนางข้าหลวงของพระองค์จนพอพระทัย นั่นหมายถึงยุพาเนื้อแตกยับไปทั้งตัว และเจ้าชายศีลวัตก็ทรงเหนื่อยจนหอบ

“อือ”

เสียงครางเบาๆ นั้นไม่น่าจะมีใครได้ยินเสียด้วยซ้ำ แต่เจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณกลับทรงหันขวับ ทิ้งไม้ และเสด็จไปประคองคนของพระองค์ไว้ทันที

“อานนท์”






บุตรชายคนเล็กของเจ้ากรมทหารม้านอนหลับไปแล้ว นอนคว่ำอยู่บนพระที่ของเจ้าชายศีลวัตนั่นเอง เจ้าของพระที่ไม่ทรงยอมให้เขากลับไปพักที่ห้องของตัวเอง ต่อไปนี้พระองค์จะให้อานนท์นอนในห้องบรรทม ระหว่างที่บนพื้นยังไม่มีฟูก ก็โปรดให้เด็กชายนอนบนพระที่ของพระองค์ไปก่อน นางข้าหลวงทายาลงบนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยปริแตกนั้นอย่างเบามือที่สุด โชคดีที่เด็กชายวัยสิบเอ็ดขวบไม่ร้องครางออกมาเลย ไม่อย่างนั้นนางคงไม่แคล้วถูกเจ้าชายศีลวัตที่ทอดพระเนตรมองอยู่ตลอดเวลาทรงลงพระอาญา

เสียงประตูถูกเปิดออก ในพระตำหนักนี้ คนที่จะเข้ามาในห้องบรรทมของพระองค์โดยไม่ต้องขออนุญาตได้มีอยู่เพียงคนเดียว

“ให้นอนบนเตียงอย่างนี้แล้วลูกจะนอนที่ไหน”

คนถูกถามทรงเฉย ไม่ทรงหันมาทอดพระเนตรพระมารดาเสียด้วยซ้ำ พระราชชายาจึงเสด็จไปประทับบนเก้าอี้ข้างพระบัญชรที่เปิดกว้าง ใกล้กับหัวเตียง

เนิ่นนาน กว่าพระโอรสจะทูลถามขึ้นโดยไม่ละสายพระเนตรจากแผ่นหลังของคนบนเตียง

“หม่อมฉันเป็นถึงเจ้าชาย แค่คนของตัวเองคนเดียว ก็ยังไม่มีอำนาจมากพอจะปกป้องหรือพระเจ้าค่ะ”

“ลูกเป็นเจ้าชาย แต่อย่าลืมว่าแม่เป็นพระราชชายา”

“แล้วหม่อมฉันต้องเป็นอะไร ถึงจะปกป้องเขาได้”

ลางสังหรณ์ของพระนางเรวดีรุนแรงขึ้น สายพระเนตรของพระโอรสที่ทอดมอง ‘คนของตัวเอง’ ดูเฉยเมย แต่ให้ความรู้สึกมุ่งมั่นอย่างน่ากลัว

“เป็นเจ้าหลวง”

พระโอรสทรงเงยพระพักตร์ขึ้น

“หรืออย่างน้อย ก็ต้องเป็นเจ้าชายรัชทายาท”

เจ้าชายศีลวัตขยับพระโอษฐ์จะทรงแย้ง แต่แล้วก็เพียงพยักพระพักตร์เนิบๆ

“หม่อมฉันเข้าใจแล้ว”

พระราชชายาทรงลอบผ่อนพระปัสสาสะออกอย่างแผ่วเบา คำทำนายของหัวหน้าหอทำนายจะต้องไม่เป็นจริง ทุกวันนี้พระองค์ทรงพยายามเอาใจตาแก่นั่นด้วยการให้ของล้ำค่าทุกปี แต่มันก็ยังไม่เปลี่ยนคำทำนาย บอกแต่ว่าจะพยายามสวดมนต์เพื่อสร้างบุญกุศลถวายให้คำทำนายลดความรุนแรงลงเท่านั้น

พระโอรสของพระองค์มีทั้งรูปร่างหน้าตาและลักษณะเปี่ยมด้วยสง่าราศี ทั้งสติปัญญายังเฉลียวฉลาด แต่มันกลับทำนายออกมาได้ ว่าศีลวัตจะไม่มีอนาคต

... พระโอรสจะไม่ทรงมีวันพรุ่งนี้พระเจ้าค่ะ...

... วันพรุ่งนี้อันสว่างไสวเรืองรอง เป็นดวงพระชะตาของเจ้าชายภีมเสน...





tbc.



*********************************


iforgive – บทที่ 1 ยาวเป็นพิเศษค่ะ บทอื่นๆ จะสั้นกว่านี้ ตอนหน้า... พวกเขาจะเติบโต... อย่างรวดเร็ว ^^

Phut – ตายเรียบทั้งสามคนค่ะ 555 ตายจริง ไม่หลอกอย่างในเรื่องพรุ่งนี้

IsDear – งงไปก่อนก็ได้ค่ะ ลืมไปก่อนได้ยิ่งดีเลย เหตุการณ์นั้นจะกล่าวถึงอีกทีก็ตอนท้ายเรื่องนู่นเลยค่ะ

lizzi – หวังว่าจะติดตามกันไปเรื่อยๆ จนจบค่ะ คงอีกไม่นานล่ะ

Sar2288 – ถ้าชุนเป็นคนอ่าน ชุนก็ชอบวันวานนะคะ ชอบเรื่องที่อ่านแล้วไม่รู้สึกว่าจิตตก แต่ในฐานะคนเขียนก็ชอบแนววันนี้มากกว่า แต่ถ้าคนอื่นเขียน ชุนไม่อ่านนะคะ เรื่องแนวเดียวกับวันนี้นี่ถ้าใครเขียนมาให้อ่าน ชุนขอลาขาดกันเลยทีเดียว จะว่าจัดอยู่ในแนวดราม่าก็คงได้  แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ค่ะ อารมณ์จะหนักกว่า พรุ่งนี้ นิดนึง (มั้ง)

ormn – เอาตอนใหม่มาเสิร์ฟค่ะ

himoru – ยินดีต้อนรับเข้าสู่เวลาค่ะ ชุนก็คิดว่าน่าจะประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ในเรื่องรามิเรสสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำสักที ลงไปลงมาก็ใกล้จะจบซะแล้วก็เลยเลยตามเลยค่ะ หวังว่าจะชอบทั้งพรุ่งนี้และวันวานนะคะ

snowermyhae – สำหรับชุนก็เป็นอย่างนั้นค่ะ วันนี้พีคสุด แต่สำหรับคนอ่านก็ไม่แน่ แล้วแต่ชอบค่ะ คงต้องติดตามกันต่อไป

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 1) 21 มิ.ย. 57
«ตอบ #138 เมื่อ21-06-2014 15:30:41 »

อิแม่........ โอ๊ยยยยยยย สงสารศีลวัต
นี่เลี้ยงลูกเป็นเครื่องมือเลยนะเนี่ย
มันแหม่งๆ ตั้งแต่ลูกดื้อไม่เชื่อฟังแล้ว  ใช้วิธีหาเพื่อนมาลงโทษแทนแล้ว
นี่ศีลวัตยังฉลาด ถ้าโง่นี่กลายเป็นกระบือให้แม่จูงซ้ายจูงขวาแน่ๆ

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 1) 21 มิ.ย. 57
«ตอบ #139 เมื่อ21-06-2014 16:31:49 »

'... พระโอรสจะไม่ทรงมีวันพรุ่งนี้พระเจ้าค่ะ...' หวั่นกับประโยคนี้จริงๆ

ยิ่งชื่อเรื่อง วันนี้ ด้วย ยิ่งหวั่น ว่าองค์ศีลวัตคงไม่ได้แก่ตายแน่ๆ

อานนท์น่าสงสารมากๆ คนที่เลือกตาย แทนที่จะโดนเฆี่ยน คือคนที่ไม่หวังอะไรกับชีวิตแล้ว

หรือไม่ก็คนที่โดนทรมานจนคิดว่า ความตายยังน่ากลัวน้อยกว่า

ปกติจะไม่อ่านเรื่องดราม่าเลย เพราะถ้าอ่านจะจิตตก อารมณ์ไม่ค่อยดี

แต่เรื่องนี้ตามอ่านแน่ๆค่ะ แม้จะหวั่นที่คนเขียนบอกว่า หนักกว่าพรุ่งนี้ อันนั้นก็แทบแย่แล้วนะคะ

แต่ก็อยากรู้ที่คนเขียนเคยตอบคุณiforgiveว่า องค์ชายทั้งสามคนใครน่าเลือกที่สุด

ตอนนี้ที่หนึ่งในใจคือองค์ชายสามนะ อยากรู้ว่าองค์ศีลวัตจะทำให้เปลี่ยนใจได้มั้ย
 :pig4: นักเขียน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 1) 21 มิ.ย. 57
« ตอบ #139 เมื่อ: 21-06-2014 16:31:49 »





ออฟไลน์ Phut

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 1) 21 มิ.ย. 57
«ตอบ #140 เมื่อ21-06-2014 17:50:27 »

อร๊ายผูกพันกันแต่เด็ก เจ้าชายรองมาแนว'คนข้าใครอย่าแตะ' จิ้นแล้วฟิน (คิดไปไกลล่วงหน้า)

แต่แว้บๆว่าโตมาเย็นชาจัง หรือคิดไปเองหว่า?

เจ้าชายไม่มีพรุ่งนี้หวังว่า ตัวเอกคงไม่ตายตอนจบ

ชอบเรื่องหนักๆแต่ต้องจบมีความสุข(แอบบังคับ)

ตอนนี้มายาวจุใจดีจ้ะ

ติดตามเช่นเคย

ขอบคุณจ้า

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 1) 21 มิ.ย. 57
«ตอบ #141 เมื่อ21-06-2014 19:49:22 »

ผ้าเช็ดหน้า พร้อมละ จัดมาเลย ดราม่าหนัก ๆ
แม้ว่ามันยากที่จะทำใจ แต่จะกัดฟันอ่านไป
เพียงเพราะหลงคารมคนแต่งที่บอกว่า ชอบศีลวัตที่สุด
ส่วนตัวแล้วตอนนี้ ชอบองค์ชายรัชทายาทที่สุด
อยากเป็นมหาราณี .... ครุคริ

ปล. แม่นางร้ายมากกกกกกกกกก

ออฟไลน์ poogan_zadd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 1) 21 มิ.ย. 57
«ตอบ #142 เมื่อ21-06-2014 22:31:59 »

อื้อหืออ เม้นท์น้องไทวาไม่ทันเลย จบไปซะแล้ว
แว้บมาบอกก่อนสั้นๆว่าอ่านไปได้บทเดียวก็สัมผัสได้จริงๆค่ะว่าวันนี้จะพีคที่สุด
ชอบนิสัยของศีลวัตด้วย โตขึ้นแล้วเข้มข้นแน่นอน เดี๋ยวจะต้องรับเชลยมาอีกสองคน

รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 1) 21 มิ.ย. 57
«ตอบ #143 เมื่อ22-06-2014 00:18:30 »

สงสารอานนท์มาก โดนเฆี่ยนตั้งแต่ยังเด็ก โหดร้ายมาก แต่เหมือนนางมีแผนอะไรในใจนะคะเนี่ย

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 1) 21 มิ.ย. 57
«ตอบ #144 เมื่อ22-06-2014 00:18:39 »

เหมือนเจ้าชายรองจะคู่กับอานนท์
แต่เดี๋ยวต้องมี นายบำเรอเข้ามาอีกสองคน
มันจะวุ่นขนาดไหนเนี่ย

หวังว่าจะจบแฮปปี้นะ  :mew2:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 1) 21 มิ.ย. 57
«ตอบ #145 เมื่อ22-06-2014 08:02:05 »

ห่วงหัวใจกับคำทำนายแล้วก็สงสารอานนท์ด้วย
เห้อออ

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 2) 22 มิ.ย. 57
«ตอบ #146 เมื่อ22-06-2014 20:14:27 »

วันนี้... แค่มีเธอ
บทที่ ๒


เจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณทรงรับบาทบริจาริกาคนแรกเมื่อมีพระชนมายุสิบหกชันษาตามธรรมเนียมทั่วไปของเชื้อพระวงศ์แห่งเรืองอรุณ แม้จะทรงมีพระตำหนักเป็นของพระองค์เองอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นกลาง แต่เรื่องการจัดหาผู้หญิงที่จะมาเป็น ‘ฝ่ายใน’ ของพระองค์ พระราชชายาทรงเป็นผู้จัดการประทานให้

พระนางเรวดีโปรดให้คนของพระองค์ไปหาภาพเขียนของหญิงสาวในตระกูลผู้ดีมาถวายให้พระโอรสทอดพระเนตร ซึ่งล้วนแต่เป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสะสวยงดงาม มีกิริยามารยาทดี ที่สำคัญคือเป็นบุตรีของข้าราชบริพารที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายเจ้าชายรัชทายาท






“เธอว่าคนไหนดี”

เจ้าของห้องรีบยืนขึ้น ไม่ต้องถวายความเคารพเพราะอีกฝ่ายเสด็จเข้ามาวันละนับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะวันที่เขาไม่ต้องอยู่เวรอย่างวันนี้

ห้องของอานนท์อยู่ติดกับห้องบรรทม มีประตูเชื่อมระหว่างห้อง พระนางเรวดีเคยรับสั่งคัดค้านว่าไม่เหมาะสม แต่เจ้าชายศีลวัตถือว่าเป็นพระตำหนักของพระองค์เอง จะโปรดให้เป็นไปอย่างไรก็ย่อมได้ แน่นอนว่าอานนท์ซึ่งตอนนี้เป็นทั้งมหาดเล็กและนักเรียนองครักษ์ไม่เคยเปิดเข้าไปในห้องบรรทม แต่อีกฝ่ายกลับเปิดเข้ามาห้องเขาบ่อยราวกับเป็นห้องของพระองค์เอง

“เจ้าแม่ส่งรูปวาดผู้หญิงมาให้ฉันเลือก”

มหาดเล็กสองนายที่ตามเสด็จมาวางม้วนภาพวาดสองหอบลงบนโต๊ะหน้าชุดเก้าอี้กลางห้อง ก่อนจะทูลลาออกจากห้องไป เจ้าของวรองค์สูงโปร่งซึ่งยังอยู่ในเครื่องแบบทหารสีเขียวขี้ม้าประทับลงบนเก้าอี้ คนรู้หน้าที่ดีจึงเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวหนึ่งโดยไม่ต้องรอให้สั่ง

“ฉันดูแล้ว เลือกไม่ถูก เธอเลือกมาสักคนก็แล้วกัน”

“จะทรงอภิเษกสมรสหรือพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงขมวดพระขนง

“ถามมาได้ ฉันเพิ่งอายุสิบหก จะรีบแต่งไปทำไม”

“เลือกพระสนมหรือพระเจ้าค่ะ”

“นั่นแหละ”

“พระสนมของฝ่าบาท ฝ่าบาทน่าจะทรงเลือกเอง”

“ฉันก็เพิ่งสั่งให้เธอเลือกไปหยกๆ เธอก็รีบๆ เลือกมาสักคน เสร็จแล้วจะได้ไปเที่ยวกัน”

“จะเสด็จไหนพระเจ้าค่ะ”

“ไปดูมายากลที่ตลาด”

“คณะที่มาแสดงในวังหรือพระเจ้าค่ะ”

“ใช่”

“ฝ่าบาททอดพระเนตรแล้ว ถ้าโปรดก็มีรับสั่งให้เข้ามาแสดงอีกได้”

“ฉันอยากไปดูที่ตลาด จะไปหรือไม่ไป”

“ไปพระเจ้าค่ะ”

อานนท์เรียนรู้มานานแล้ว ว่าประโยคที่ดูเหมือนคำถามนั้นแท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ มันเป็นคำสั่งที่เขาตอบรับได้เพียงอย่างเดียว ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ รีบๆ ตอบรับไปเสีย  อีกฝ่ายพอพระทัยแล้วเขาจะได้ไม่ต้องถูกกริ้วและถูกแกล้ง ยังไงก็ตาม เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับการที่เขาติดสอบที่โรงเรียนในวันที่คณะมายากลมาแสดงหน้าพระที่นั่ง  ก็เลยไม่ได้ดูการแสดงหรอกกระมัง

“ไปก็เลือกเข้า”

เด็กหนุ่มผิวเข้มที่สูงขึ้นมากแต่ยังผอมอยู่เหมือนเดิมรู้ว่าเลี่ยงไม่ได้ จึงเลือกภาพหนึ่งถวาย เป็นหญิงสาวที่ดูเรียบร้อย และเป็นธิดาคนเล็กของเสนาบดีวัง เจ้าชายทหารทรงรับไปทอดพระเนตรแล้วก็พยักพระพักตร์ง่ายๆ

“ให้ใครส่งไปถวายเจ้าแม่ด้วย ฉันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวมารับ”






ตามธรรมเนียมของเรืองอรุณ การถวายตัวทุกครั้งจะต้องมีผู้อยู่ในห้องเพื่อถวายความปลอดภัยด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นมหาดเล็กที่เจ้านายไว้วางพระทัย เว้นแต่ผู้ถวายงานจะเป็นพระชายา จึงไม่ต้องมีผู้อยู่ในห้อง

“คืนพรุ่งนี้เธอไปกับฉัน”

“พรุ่งนี้ไม่ใช่เวรของกระหม่อม”

“ใครเป็นคนจัดเวรให้เธอ”

อานนท์เกือบจะทูลตอบอยู่แล้ว ว่าหัวหน้ามหาดเล็กประจำพระตำหนัก แต่พอเห็นพระพักตร์ของคนเอาแต่ใจ ก็รู้แจ้งขึ้นมาทันที

“ฝ่าบาทพระเจ้าค่ะ”

“รู้ก็ดี พรุ่งนี้เป็นเวรของเธอ”






เหตุที่อานนท์ไม่อยากอยู่เวรเพราะสถานที่ถวายตัวคือในพระตำหนักของพระราชชายา หลังจากถวายตัวแล้ว หากเป็นที่พอพระทัย เจ้าชายรองโปรด ก็อาจจะโปรดให้เป็นพระสนมและมีเรือนส่วนตัวอยู่ในเขตฝ่ายใน ถ้าไม่โปรดก็อาจจะได้เป็นนางข้าหลวงของพระราชชายาต่อไป

อีกอย่าง เขาก็พอจะรู้ว่าจะต้องทำหน้าที่อะไร ถึงจะไม่ได้เห็น แต่ก็คงจะได้ยิน






“นั่งเก้าอี้ก็ได้ ยืนนานเดี๋ยวจะเมื่อย”

ถึงอีกฝ่ายจะรับสั่งอย่างนั้น แต่อานนท์ก็ไม่ขำหรือรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ตำแหน่งของเขาอยู่หลังม่าน ถ้าไม่ตั้งใจมองก็จะไม่เห็น หญิงสาวผู้มีหน้าที่ถวายงานจะไม่รู้เลยว่ามีคนอยู่ตรงนี้ เว้นแต่นางจะคิดร้ายต่อเจ้าชายหนุ่มเท่านั้น

และต่อให้เป็นเช่นนั้นจริง เขาก็อาจจะไม่ต้องทำหน้าที่เลยด้วยซ้ำ เพราะในเรื่องการต่อสู้ เจ้าชายศีลวัตทรงเก่งกว่าเขาเสียอีก ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงเลย

แต่ถึงอย่างนั้น อานนท์ก็ยังใจเต้นแรง

มหาดเล็กหนุ่มน้อยได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามา เป็นฝีเท้าของผู้หญิง เขาไม่เห็นอะไร แต่ได้ยินเสียงสนทนา พระสุรเสียงของเจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณทรงเสน่ห์นัก ทุ้ม กังวาน และนุ่มอย่างที่เขาไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก บุตรสาวคนเล็กของเสนาบดีวังผู้นี้ชื่อ วิไลเรขา เจ้าชายศีลวัตรับสั่งกับนางเพื่อให้นางรู้สึกผ่อนคลายขึ้น

“ฝะ... ฝ่าบาทเพคะ...”

“หืม อะไรจ๊ะ”

คำพูดคำจาหวานหูแบบนี้ อานนท์เพิ่งเคยได้ยินจากพระโอษฐ์ของเจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณเป็นครั้งแรก แน่ล่ะ กับผู้หญิงคนแรกในชีวิต ผู้หญิงที่งดงามและเป็นกุลสตรีเช่นนี้ พระองค์ย่อมต้องทรงรู้สึกดีๆ ด้วยเป็นธรรมดา ถึงจะไม่เคยรับสั่งแต่ก็ทรงเรียนรู้มาแล้ว ก่อนที่จะทรงมีประสบการณ์ครั้งแรกจะมีพระอาจารย์มาถวายความรู้เรื่องนี้ ทั้งเรื่องการพูดจาและการปฏิบัติต่อผู้หญิง รวมทั้งขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ

เจ้าชายศีลวัตทรงฉลาดเฉลียว ย่อมทรงเรียนรู้ได้รวดเร็วและดียิ่ง

“หม่อมฉันอายเพคะ”

“จะอายทำไม เธอสวยไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนี้”

ถึงจะมองไม่เห็น แต่คนยืนอยู่หลังม่านก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะ ในเมื่อตอนที่พระอาจารย์สอน เจ้าชายรองทรงบังคับให้เขาไปนั่งฟังด้วยทุกครั้ง

... เธอชอบเรียนไม่ใช่หรือ นั่งฟังด้วยกันนี่ล่ะ จะได้มีความรู้มากๆ...

ทั้งที่เขาเพิ่งจะอายุสิบสี่เท่านั้น

“อ๊ะ... อื้ม... ฝ่า... ฝ่าบาท...”

“รู้สึกดีไหม หืม ดีรึเปล่า”

“ด... ดี... ดีเพคะ”

ต้องโทษพระอาจารย์กระมัง ที่สอนละเอียดเกินไป เพราะแค่ได้ยินเสียง  เขาก็รู้ว่ากิจกรรมดำเนินไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว ไม่คิดว่าเสียงผิวกายในส่วนน่าละอายจะเสียดสีกันได้ดังถึงเพียงนี้

เสียงครวญครางของหญิงสาวดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่น่าเชื่อว่าหญิงสาวที่ดูเรียบร้อยขนาดนั้นจะกรีดร้องเสียงดังลั่นห้อง         ขณะที่อานนท์ไม่ได้ยินพระสุรเสียงของเจ้าชายศีลวัตเลย

“อานนท์”

พระสุรเสียงของเจ้าชายหนุ่มต่ำพร่า เจ้าของชื่อยืนขมวดคิ้ว ลังเล

“อานนท์”

จะต้องออกไปรึเปล่า ทรงได้รับอันตรายหรือ จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเขายังได้ยินเสียงคุณหนูคนสวยครวญครางเสียงแหบแห้งอยู่เลย

“อานนท์ ออกมา”

ในพระตำหนักห้ามพกพาอาวุธ แต่เขาเป็นคนเดียวที่ได้รับการยกเว้น อานนท์กระชับกระบี่สั้นในมือ กระชากม่านออกแล้วยืนจังงัง

เจ้าชายศีลวัตทรงเคลื่อนพระวรกายไปข้างหน้าอย่างรุนแรงอีกไม่กี่ครั้งแล้วหยุดนิ่ง

เสียงกรีดร้องของวิไลเรขาดังก้องอยู่ในหัวเขา ขณะที่สายตาถูกตรึงให้จับจ้องเพียงสายพระเนตรเข้มข้นล้ำลึกของเจ้าชายศีลวัตที่มองตรงมาทางเขาอย่างแน่วแน่

มหาดเล็กหนุ่มยืนตะลึงอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณทรงถอดถอนพระวรกายออก บุตรีเสนาบดีวังที่เมื่อครู่คุกเข่าหันหน้ามาทางปลายเตียง หันสะโพกให้พระองค์อยู่ทรุดฮวบลงบนเตียงและสลบไปทันที ขณะที่อานนท์เผลอมองกึ่งกลางพระวรกายของเจ้าชายหนุ่มแล้วก็รู้สึกตัว รีบหันกลับไป

“อาบน้ำให้ฉันหน่อย”






ช่วยอาบน้ำนี่ก็เป็นหนึ่งในงานประจำ เขาทำมาตั้งแต่อายุสิบสอง ถ้าเป็นมหาดเล็กคนอื่นจะต้องรอถวายงานอยู่แค่หน้าห้อง มีแต่เขาคนเดียวที่ต้องเข้าไปถวายงานถึงในห้องสรง พระวรกายของเจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณเขาเห็นบ่อยแล้ว เห็นมาตลอดสองปี

ทว่าคืนนี้ อานนท์รู้สึกราวกับเพิ่งได้เห็นเป็นครั้งแรกก็ไม่ปาน

มหาดเล็กหนุ่มเดินไปไขน้ำลงอ่าง ผสมน้ำร้อนกับน้ำเย็นให้ได้อุณหภูมิที่พอเหมาะ เขายืนขึ้น แต่ยังไม่ทันหันมาก็ต้องสะดุ้งเฮือกขึ้นสุดตัว

“ฝ่าบาท!”

คนที่เขาเรียกยืนชิดอยู่ข้างหลังเขานี่เอง พระหัตถ์ข้างหนึ่งกอดเอวเขาไว้ ส่วนอีกข้างจับส่วนกลางลำตัวของเขาแล้วบีบเบาๆ

“เห็นแล้วมีอารมณ์หรือ”

“ข... ขอประทานอภัย ฝ่าบาท ทรงปล่อยเถิดพระเจ้าค่ะ”

“ไม่เป็นไร เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ” เจ้าชายหนุ่มรับสั่งพลางขยับพระหัตถ์บีบนวดส่วนที่ตื่นตัวขึ้นมาแล้วของมหาดเล็กหนุ่มอย่างต่อเนื่อง

“ฝ่าบาท ปล่อยกระหม่อมพระเจ้าค่ะ กระหม่อมจะถวายง... งาน”

“อึดอัดแบบนี้จะทำงานได้หรือ ต้องปลดปล่อยออกมาถึงจะสบายตัว”

คนรับสั่งก้มพระพักตร์ลงมากระซิบอยู่ข้างหู คนถูกกอดอารมณ์ปั่นป่วนมากขึ้นทุกที สองมือพยายามดึงพระหัตถ์ที่รั้งเอวไว้ออก ทว่าดึงไม่หลุดเสียที และเขาก็ไม่กล้าหักหาญพระองค์มากนัก

“เคยช่วยตัวเองไหม”

คนถูกถามหน้าร้อนวาบ แต่เขาเป็นคนผิวเข้ม อีกฝ่ายจึงคงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติ

“ว่าไง เคยทำรึเปล่า ตอบความจริงมา อย่าโกหก”

เจ้าชายหนุ่มเริ่มทรงถอดเข็มขัดของเขาแล้ว อานนท์รีบพยักหน้า

“ทำตอนไหน! ใครสอน!”

พระพาหาแข็งแรงกอดรัดแน่นเข้า หลังของอานนท์บดเบียดแนบชิดพระวรกายที่เขารู้ดีว่าเปลือยเปล่าตลอดร่าง ส่วนกึ่งกลางพระวรกายดุนดันสะโพกของเขาอยู่ จู่ๆ มหาดเล็กหนุ่มก็ใจสั่นสะท้าน

“ร... โรงเรียน เคยทำที่โรงเรียนพระเจ้าค่ะ”

อ้อมแขนที่รัดแน่นเหมือนงูยิ่งกระชับแน่น อานนท์พยายามรั้งไว้แล้ว แต่เข็มขัดก็ยังถูกปลดอยู่ดี กางเกงรูดลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า มหาดเล็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อพระหัตถ์อุ่นๆ สอดลอดชั้นในเข้าไปจับหมับเข้าที่สัดส่วนอันร้อนผ่าวของเขา

“ฝ่าบาท กระหม่อมทำอะไรผิดหรือพระเจ้าค่ะ ทรงลงพระอาญาอย่างอื่นเถิดพระเจ้าค่ะ” อย่าทรงแกล้งเขาด้วยวิธีนี้ นี่มันเกินไปแล้ว

“เกิดอารมณ์กับใครถึงได้ทำ แล้วทำให้ใครเห็นบ้าง”

“ไม่ได้เกิดอารมณ์กับใครพระเจ้าค่ะ กระหม่อมท... ทำคนเดียว” อย่าทรงขยับพระหัตถ์ได้ไหม

“ตอนทำนึกถึงใคร”

“ม... ไม่ได้นึกถึงใครพระเจ้าค่ะ”

“ไม่นึกก็เสร็จได้หรือ”

อานนท์พยักหน้าถี่ๆ ปล่อยเขาเสียที เขาอับอายจนหัวหมุนหมดแล้ว

เจ้าชายศีลวัตทรงขยับพระหัตถ์รูดรั้งเบาๆ อีกสองสามครั้งก่อนจะปล่อยตัว อานนท์รีบก้มลงดึงกางเกงขึ้น

“ไม่ต้องใส่”

มหาดเล็กหนุ่มชะงัก

“หันหน้ามาทางนี้”

อานนท์ใจคอไม่ดี ทว่าแม้จะนาน แต่ในที่สุดเขาก็หันกลับไปเผชิญพระพักตร์ เห็นส่วนกลางพระวรกายที่ผงาดชันขึ้นมาแล้วก็รู้สึกกระดากอย่างไรชอบกล

“ถอดชั้นในออกแล้วทำให้ฉันดูซิ เธอช่วยตัวเองยังไง”

คนถูกสั่งตกตะลึง

“ฉันมีความสุขไปแล้ว เธอก็ควรจะได้สบายตัวบ้าง”

“ม... ไม่เป็นไรพระเจ้าค่ะ” แปลกเหลือเกินที่เขารู้สึกเสียวแปลบกลางอกเมื่อได้ยินรับสั่งว่าอีกฝ่ายทรงมีความสุข

“ทำเถอะ ฉันไม่อยากเอาเปรียบ ทิ้งให้เธออึดอัดอยู่คนเดียว”

คนถูกสั่งยืนนิ่ง ก่อนจะตัดสินใจก้มลงดึงกางเกงขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็วพลางกราบทูลรวบรัด

“ฝ่าบาทเสด็จลงอ่างเถิดพระเจ้าค่ะ กระหม่อมจะชำระพระวรกายถวาย ดึกมากแล้วจะได้เปลี่ยนฉลองพระองค์แล้วเข้าบรรทม”

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์อีกครั้ง มหาดเล็กหนุ่มก็ยืนจังงัง ถวายการรับใช้มาสี่ปี นานพอที่เขาจะรู้ว่าพระพักตร์นิ่งๆ กับสายพระเนตรแน่วแน่ที่เห็นหมายความว่ายังไง

เขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ

“ถอดกางเองออกแล้วทำตามที่ฉันสั่ง”

ผ่านไปอึดใจหนึ่ง คนถูกสั่งจึงทูลถามเสียงสั่น

“ทำไมกระหม่อมถึงต้องทำหรือพระเจ้าค่ะ มัน... ไม่ควร นี่เป็นเรื่องเสียมารยาท เป็น... เรื่องส่วนตัว กระหม่อมไม่ควรทำต่อพระพักตร์ กระหม่อมไม่บังอาจ” เขาไม่เข้าใจเลยว่าพระองค์จะทอดพระเนตรไปทำไม มันน่าดูตรงไหน

เจ้าชายศีลวัตเองก็ดูจะทรงสับสนไปวูบหนึ่งเมื่อถูกถามตรงๆ อานนท์ไม่ค่อยทูลถามเหตุผลจากพระองค์บ่อยนัก โดยมากแล้วไม่ว่าตรัสสั่งให้ทำอะไร เขาก็จะทำแต่โดยดี

“ฉันบอกแล้วว่าเธอจะได้สบายตัว”

“... เดี๋ยวมันก็สงบไปเองพระเจ้าค่ะ” พระองค์นั่นแหละ ยืนพระวรกายเปลือยอยู่แบบนี้นานแล้วไม่ทรงรู้สึกอายเขาบ้างหรือ

เจ้าชายหนุ่มทอดพระเนตรมหาดเล็กคนสนิทของพระองค์ตลอดร่าง อานนท์เป็นคนผิวเข้ม รูปร่างผอมสูง หน้าตาก็จัดว่าธรรมดา สายพระเนตรจับจ้องอยู่ที่ปากสั่นๆ ของอีกฝ่ายนานกว่าที่อื่น แล้วพระอารมณ์ปั่นป่วนรุนแรงก็ตีตื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ของอย่างนี้มันไม่สงบลงง่ายๆ ฉันตื่นขึ้นมาอีกแล้ว เธอเลือกเอา ว่าจะทำให้ฉันดู หรือว่าจะช่วยทำให้ฉัน”

อานนท์งุนงงในคราวแรก ก่อนจะเข้าใจเมื่ออีกฝ่ายทรงรูดรั้งแก่นกายของพระองค์ให้ดูเป็นตัวอย่าง มหาดเล็กหนุ่มกระวนกระวายใจ พยายามหาทางเลี่ยงจนหัวหมุน

“ไม่อย่างนั้น ก็ให้ฉันทำให้เธอ”

เด็กหนุ่มยิ่งตื่นตะลึง รู้สึกราวกับว่าสี่ปีที่ผ่านมาเขาไม่รู้จักเจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณเลย

“ว่ายังไง”

เลี่ยงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ในที่สุดมหาดเล็กหนุ่มก็ก้าวขาเข้าไปหาอย่างเชื่องช้า

คุกเข่าลง แล้วยื่นมือสั่นๆ ออกไปข้างหน้า





tbc.


*************************************


fuku – จริงๆ พระนางเรวดีก็รักลูกนะคะ แต่ก็รักตัวเองด้วย ศีลวัตไม่โง่ แต่เขาก็รักแม่ของเขาด้วยเหมือนกันค่ะ

Sar2288 – อานนท์ก็ไม่ค่อยอาลัยชีวิตจริงๆ แหละค่ะ แต่หลังจากมาอยู่กับศีลวัตแล้ว ต่อให้อยากตายก็คงจะยากแล้วล่ะ เพราะว่าศีลวัตไม่ยอมเด็ดๆ แล้วที่ว่าหนักกว่าพรุ่งนี้ ครึ่งนึงก็หมายถึงเลิฟซีนด้วยค่ะ อานนท์จะโดนถี่กว่าศวัส... ประมาณนี้ 555 ส่วนเรื่องพระเอก ในฐานะที่เป็นคนเขียน ชอบศีลวัต ในฐานะที่เป็นคนอ่าน ชอบอัทธายุ แต่ถ้าให้เลือกมาเป็นผู้ชายในชีวิตจริง ก็ขอเป็นภีมเสนดีกว่าค่ะ รู้สึกว่าคงจะคุยกันได้ อัทธายุนี่ก็ชอบที่เขาอ่อนโยน แต่ติดเรื่องรสนิยมบนเตียงอย่างเดียวเลยค่ะ คาดว่าคงจะไม่ไหวค่ะ รับม่ายด้ายยยยยย

phut – ชุนก็ชอบเรื่องความผูกพันตั้งแต่เด็กเป็นพิเศษค่ะ แนวคนของข้าใครอย่าแตะนั่นก็ใช่เลยค่ะ เป๊ะมาก เรื่องโตมาแล้วเย็นชามั้ย ก็ดูได้จากตอนนี้เป็นตัวอย่างเลยค่ะ ส่วนตอนจบจะมีใครตายมั้ย อันนี้ก็ต้อง... โปรดติดตามกันต่อไปค่ะ

iforgive – ชุนชอบศีลวัตมากจริงๆ นะคะ ถึงกับคิดจะตั้งสถานะในเฟซบุ๊กว่า “หลงรัก... ตัวละครของตัวเองเข้าซะแล้ว” ทั้งที่ไม่เคยตั้งสถานะอะไรมาก่อนเลย (แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ตั้งหรอกนะคะ) แต่ก็ชอบในฐานะพระเอกเท่านั้นแหละค่ะ ในชีวิตจริงชอบผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่มากหน่อยอย่างภีมเสนมากกว่า  ส่วนอัทธายุก็ติดเรื่องความเป็น s ของเขา (คือชุนคิดว่าตัวเองออกจะ s เหมือนกัน ไม่ยอมเป็น m อย่างไทวาแน่ค่ะ)

poogan_zadd – ศีลวัตโตขึ้นแล้วก็กลายเป็นคนอย่างที่อ่านนี่แหละค่ะ ยังชอบอยู่มั้ยคะ หรือว่าชักจะขยาดล่ะ

Snowermyhae – ตอนนี้เหมือนจะน่าสงสารกว่าตอนที่แล้ว และก็คงจะโดนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะ ชีวิตรันทดจริงๆ

IsDear – จบแฮปปี้ค่ะ (ในความรู้สึกของคนเขียน) ส่วนนายบำเรอสองคนไม่ต้องห่วงค่ะ ก็พอจะมีบทอยู่ แต่จะไม่มีโอกาสได้พูดแม้แต่ประโยคเดียว ไม่ได้อยู่กับศีลวัตสองต่อสอง และไม่มีฉากปะทะกับอานนท์ด้วยค่ะ

lizzi – ที่โดนไปตอนเด็กนั่นแค่เบาะๆ ค่ะ สำหรับอานนท์ คงจะน่าสงสารอย่างต่อเนื่องเลยล่ะค่ะ

ตอนนี้อานนท์อายุ 14 (ศีลวัตก็ช่างทำกับมหาดเล็กหนุ่มน้อยของเราซะได้) ตอนหน้า... เขาจะโตขึ้นอีก 3 ปีค่ะ ^^

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 2) 22 มิ.ย. 57
«ตอบ #147 เมื่อ22-06-2014 21:12:13 »

อื้อฮืออออ ศีลวัตนี่ไม่ธรรมดาเลย จิตนิด ๆ นะ
สรุปภีมเสนดีสุดแล้วล่ะ ...

ออฟไลน์ puengkiss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 2) 22 มิ.ย. 57
«ตอบ #148 เมื่อ22-06-2014 21:38:34 »

ชอบวันนี้มากๆๆๆเลยค่ะ ชอบศีลวัตกับอานนท์ อย่าจบเศร้านะคุณชุน  พลีสสสสสสสสสส

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 2) 22 มิ.ย. 57
«ตอบ #149 เมื่อ22-06-2014 22:43:56 »

ศีลวัต นายเป็นเจาชายจริงๆหรอ  :jul1:
ชักสงสารอานนท์ขึ้นมาตงิดๆ   :hao4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด