ตอนที่ 14
“เป็นไรวะไอ้เบียร์ คิ้วขมวดเชียวมึง”
เบียร์ยื่นมือรับขวดน้ำจากเพื่อนมา
“ไม่มีไร เฮ้ยหมู มึงจำคนที่กูชนได้ปะ ที่ดำๆ”
“อ๋อคุณหมอที่รักษาขามึงไง”
“ทำไมกูจำไม่ได้ หมอกูอีกคนไม่ใช่หรอ”
เบียร์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ก็จำได้ว่าไปรักษากับหมออีกคนหลังจากฟื้นขึ้นมา แล้วไอ้หมอดำตาดุนั่นมันโผล่มาจากรูปูไหนเนี่ย
“เอ้า ก็ก่อนหน้านั้นอ่ะคนนี้ มึงเล่นแปลงร่างเป็นจอมยุทธ์มังกรหยกถลาหน้าตึกคณะลงมา ขาเดี้ยงพวกกูก็แบกมึงไปส่งหาหมอคนนั้นแหละ แต่ตอนไปเอาเฝือกออกเป็นหมออีกคนเฉยๆ”
“อะไรวะ กูงง แล้วทำไมเขาดูเหมือนรู้จักกูเยอะจัง รู้จักไอ้เบสด้วยนะเว่ย พวกมึงยังพึ่งรู้เองว่ากูมีฝาแฝดชื่อเบส”
“มึงไปอยู่บ้านเขามาไม่ใช่เรอะ”
นทีที่พึ่งเสร็จจากการรับเหรียญทองแดงในการแข่งวิ่งเดินเข้ามานั่งริมฟุตบาตรข้างๆ
“ห๊ะ”
“เอ้าก็ไอ้ เชนกับไอ้หนึ่งมันบอกอยู่ดีๆมึงก็บอกจะไปอยู่กับหมอ”
“กูเนี่ยนะจะไปอยู่กับลุงนั่น?”
“ก็เอออ่ะดิ ไอ้เชนมันยังงงว่ามึงไปจะไปจีบหมอ หรือหมอมาจีบมึงถึงขนาดย้ายไปอยู่ด้วยกันเลยรึไง มึงขนาดบอกเลิกพี่เนมสุดสวาทขาดใจของมึงด้วยนะก่อนจะหัวกระแทกพื้นหนึ่งวัน”
“แล้วทำไมไม่มีใครบอกกูเลย …”
“ก็มึงเล่นดราม่า ทำตัวเป็นพระเอกหนัง ตายห่าร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ใครจะรู้วะว่าอยู่ดีๆมึงจะลืมทุกอย่างเฉยพวกกูก็ไม่ได้ถามมึงไว้ก่อนหน้านี้ด้วยเห็นมึงเศร้าเลยไม่อยากพูดถึง”
“มันอะไรกันวะเนี่ย”
เบียร์ยกมือเสยผมจนกลายเป็นขยี้หัวตัวเองไปมา ขมับเริ่มปวดตุบๆ
“อย่าคิดมาก มันจะนึกออกก็นึกออกเอง”
เป็นเอกยื่นป้ายวิ่งที่แสตมป์คะแนนเรียบร้อยส่งให้เบียร์
“อะไรวะ”
“ของมึง คนเช็คคะแนนกูรู้จักเลยให้แสตมป์มาให้มึงด้วย”
“โหยย ไอ้เอก กูรักมึงจังว้า อ๊ากกกก อยากแดกไรกูทุ่มสุดตัว”
เบียร์กระโดดกอดเพื่อนรักแน่น ไอ้เอกมันพูดน้อยแต่มันรวย เอ้ย มันรักเพื่อน แบบนี้คบกันนาน! ไม่ได้รู้เลยว่าฉากกอดเพื่อนรักเข้าไปอยู่ในสายตาของใครบางคน
“เหอะ … มีแฟนใหม่แล้วนี่”
กรขยี้หัวตัวเองไปมาจะไปประชดเด็กทำไม กูก็ไม่ใช่แฟนเก่ามันซะหน่อย!
“พี่กร !”
“อ้าวเนมใช่มั้ย ?”
กรเลิกคิ้วประหลาดใจเมื่อเจออดีตศัตรูหัวใจใบหน้าเกลี้ยงเกลาส่งยิ้มน่ารักมาให้ วันนี้เนมใส่ชุดวิ่งสีเข้มทำให้ผิวดูขาวเข้าไปอีก พวงแก้มสีชมพูสดใสกับไรผมชื้นเหงื่อ … น่ารัก แต่ไม่ยักจะน่าสนใจ
“ใช่ครับ ดีใจจังเจอพี่กรที่นี่ มาวิ่งเหมือนกันหรอ”
“พี่ชอบออกกำลังกาย ว่างก็มาเรื่อยๆ”
“แล้ว… นี่เจอเบียร์ยังครับ เบียร์ก็มาเหมือนกัน”
“เจอแล้วล่ะ ซนเหมือนเดิม เนมล่ะเป็นไงบ้าง ผมยาวขึ้นนะเนี่ย”
“ก็ … เรื่อยๆครับ รายงานเยอะช่วงนี้ พี่กรรีบกลับปะครับ กาแฟสักแก้วมั้ย ผมทำงานพิเศษที่ร้านกาแฟหน้ามอ เดี๋ยวให้ลองชิมฝีมือบา
บาลิสต้าป้ายแดง ฮ่าๆ”
“หือ พี่กินจะท้องเสียมั้ย?”
“โหยยย ดูถูกกกกก อร่อยนะครับ งั้นไปกันเลยเนอะ”
“ได้ๆ งั้นพี่ขอบอกเพื่อนก่อนแล้วกัน”
“อยากกินกาแฟ”
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเป็นเอกก็เอ่ยทะลุกลางป้องขึ้นมา เพื่อนทุกคนที่ไม่มีแพลนจะทำอะไรอยู่แล้วก็พากันเดินเรียงแถวไปที่รถบีเอ็มดับบลิวสีดำสนิทเงาวับของเป็นเอก
“ไอ้เอก อย่าขับเลยมึงกูขับเอง”
นทีแย่งรีโมทรถไปจากมือเพื่อนทันที มีหมูกับเบียร์พยักหน้าหงึกๆเห็นด้วย ก็ใครให้ไอ้เอกมันมีรถเป็นสิบคันแต่ดันคับดีแค่มอไซต์บิ๊กไบท์สารพัดรุ่นของมัน รถยนต์นี่ห่วยบรม เมื่อเช้ามันขับมารับที่หอก็ครูดเสาไฟฟ้าจนเป็นรอยยาวกว่าสิบเซ็นต์ ยังไม่อยากจะจินตนาการค่าทำสีรถ
“อือ กินร้านเปิดใหม่หน้ามอนะ”
คนขับไม่แข็งก็ไม่คิดมากยอมไปเป็นตุ๊กตาหน้ารถ นั่งกดเกมส์ในมือถือ ให้หนุ่มนักมวยตัวผอมอย่างนทีขับเอง
“ร้านพิงค์กี้ปะ ที่แม่งสีชมพูจนกูสยอง”
“อือ”
“สาสเอก มึงไปรู้จักร้านมุ้งมิ้งแบบนั้นได้ไง คิดละขนลุก”
ไอ้หมูจอมเกลียดสีชมพู กับไอ้เอกที่ไม่น่าหลุดไปร้านแบบนั้นทำเอาเบียร์ขำก๊ากกก พอๆกับนทีที่เริ่มแซวเพื่อนว่าไปส่องสาวรึไง
“เค้กอร่อยดี”
“เออลืมมึงชอบแดกเค้ก ห่า ไอ้ผู้ชายแสนหวาน หว๊าน หวาน ไอ้เบอร์สองเอ้ย”
“เลิกเรียกกูแบบนั้นเหอะ … กูเซ็ง”
เบียร์ก็เริ่มมหกรรมปลอบใจเพื่อนที่ดันชื่อเอก ที่แปลว่าที่หนึ่ง แถมยังเป็นที่หนึ่งมาตลอดจนไปพลาดหลุดโพลแฮนด์ซั่มกายของมหาลัยได้ที่สองซะอย่างนั้น
รถจอดเรียบร้อยหน้าร้านพิงค์กี้ที่มีหน้าคิตตี้เด่นหราเห็นชัด ทั้งสี่คนโหวกเหวกโวยวายเข้าไปในร้านก่อนจะหยุดนิ่งฉับพลันเมื่อเจอภาพ เนมกำลังโน้มตัวลงใช้ทิชชู่ซับปากหมอกรเบาๆ มือนึงก็ทาบลงบนบ่ากว้างพร้อมส่งยิ้มให้จนตาหวานเชื่อม
“โหลุง สวีทไม่ดูที่ดูทางเลยนะแหม่”
เบียร์โพล่งออกไป อาจจะดูเหมือนแซวแต่เจ้าตัวกลับรู้สึกหงุดหงิดในใจ ไม่รู้ว่าหึงพี่เนมที่เคยคุยๆกันหรือไอ้หมอบ้านี่ที่มันกระลิ่มกะเหลี่ยกับคนอื่น เอ๊ะ ก็ต้องเป็นแบบแรกสิ
“อ้าวเบียร์ เอก นที หมู นั่งก่อนสิ วันนี้เอาเครปเค้กมั้ยเอก พึ่งมาส่งเอง”
“อื้อ”
ทุกคนเลือกนั่งโต๊ะริมกระจกด้านใน แต่ร้านมันเล็กทำให้เบียร์กับกรนั่งหันหลังชนกันพอดี ต่างฝ่ายต่างไม่สนใจกัน กรทอดสายตามองไปนอกหน้าต่างยกกาแฟดำขึ้นจิบช้าๆ แต่หูก็ยังได้ยินเสียงไอ้หมาตัวแสบจ้อกับเพื่อนเป็นต่อยหอย แฟนใหม่ไอ้หมา เอ๊ะ หรือยังไม่ใช่ก็ไม่รู้ก็นั่งเงียบ เน้นเป็นผู้ฟังมากกว่า
โป๊ก !
“โอ๊ย !/ โอ๊ยยยย !”
ไอ้เบียร์มันโม้มันส์จนเอนหลังลงมา คนที่นั่งอยู่ข้างหลังพอดีแบบหมอกรเลยหัวกระแทกกันดัง คนเป็นหมอหันขวับเปิดฉากทันที
“ระวังหน่อยได้มั้ย? ถ้าความจำเสื่อมขึ้นมาทำไง”
“ก็ไม่ทำไง ก็เป็นแบบผมไงลุง ใช้ชีวิตปกติ !”
“อ้อ … ชีวิตปกติแบบที่ไม่รับผิดชอบคนรอบข้างเลยสินะ”
“คนรอบข้างผมก็ดูจะปกติดี มีแต่คนไม่เคยเห็นมาอยู่ข้างๆแบบใครก็ไม่รู้เรื่องมากอยู่คนเดียว”
“ว่าใครห๊ะ !”
“ไม่ได้ว่า แค่เปรย ! อยากรับก็รับไปเด้”
“ออกมาเคลียร์กันเดี๋ยวนี้ มากไปแล้วนะ”
กรดึงแขนไอ้ตูบลากออกมาหน้าร้าน เพื่อนมันก็ร้องห้ามแต่เจอสายตามหาโหดในโหมดพร้อมทำลายทุกสิ่งอย่างก็นั่งลงเงียบกริบได้แต่ส่งสายตาตามมา ไม่ต่างกับเนมที่กำลังชงกาแฟก็จ้องเขม็งมาเช่นกัน
“ลุงปล่อยนะ เจ็บ!”
“ไม่ปล่อย จะทำไม ทีเมื่อกี๊ล่ะต่อปากต่อคำไม่กลัวเจ็บ”
“ลุงมาลองเจ็บบ้างเด้ มาเจอแบบผมบ้างจะได้รู้!”
“เหอะ แล้วรู้ได้ไงว่าไม่เจ็บ เคยรู้มั้ยว่ารู้สึกยังไง”
“แล้วผมจะไปรู้ได้ไงเล่า ไม่ใช่เบียร์ จิตสัมผัสนะ!”
“ลืมไปหมดแล้วนี่จะรู้ได้ไง”
“ก็ไม่น่าจะมีเรื่องสำคัญน่าจำสักหน่อย”
กรถลึงตาใส่ ส่วนเบียร์ก็เริ่มตาวาว ใครมันจะยอมให้ด่าอยู่ฝ่ายเดียว! ไอ้ลุงหมอนี่กวนตีน!!
“ไม่น่าจำหรอ ใช่สิ ที่ทำให้ทั้งหมดนั่นดูไม่ออก แถมลืมไปหมดแล้ว ลืมว่าเคยรู้จักกัน กินข้าวด้วยกัน แถมยังนอนห้องเดียวกันอีก !”
“ห๊ะ ลุงกับผมเนี่ยนะ! เป็นไรกันไปนอนด้วยกันบ้าปะเนี่ย”
“เป็นแฟน ! ไม่สิ ผัวเมีย ชัดมั้ย !”
ชัด… อีกสี่คนในร้านที่จ้องมาสะดุ้งกันเป็นแถบกับข่าวใหม่จากปากกร … แต่เจ้าตัวที่ได้ฟังว่าตัวเองเป็นคนมีพันธะถึงกับหน้าซีด
“นี่ … ลุงเป็นเมียผมหรอ … เอ่อ …”
“หื .. จะต้องให้พิสูจน์มั้ยว่าคืนนั้นทำอะไรไปบ้าง … คืนนั้นที่ใครบางคนนอนหมดแรงอยู่ใต้ร่างฉัน …”
เบียร์เริ่มกระเถิบหนีกรจนติดกระจกร้าน แต่ร่างสูงกว่าก็ตามมาประชิดใช้วงแขนกักคนตัวเล็กไว้ไม่ให้หนีไปไหน
“มะ … ไม่จริงอ่ะ … ลุง หลอกผม …”
“ใครกันแน่ที่หลอก … มาถึงกรุงเทพก็หนีหน้าไปเลยแปดเดือน มาเจออีกทีดันจำไม่ได้อีก ไม่ฆ่าให้ตายคามือก็ดีแค่ไหนแล้ว!”
“ไม่จริง … แค่อาทิตย์เดียวเองนะ .. ลุง … กับผม …”
“พิสูจน์มั้ยล่ะว่าฉันพูดจริง !”
“ยังไง พิสูจน์มาเลย แบบนี้โมเมชัดๆ ผมอาจจะเป็นผัวลุงก็ได้! ลุงถือโอกาสผมความจำเสื่อมเลื่อนขั้นใช่มั้ย!”
ไอ้เบียร์มันคิดได้ไง … ทุกคนคิดขึ้นในหัวพร้อมกัน วัดจากไซส์นี่ยังห่างชั้น เล่ห์กลนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ดูท่าทางมันก็แพ้ทางพี่หมอซะขนาดนั้น
“ไปอยู่ด้วยกันอีกรอบเป็นไง จะได้รู้ดำรู้แดงไปเลย”
“ได้! มาพิสูจน์กัน”
เบียร์… เอาวะเอาให้รู้ไปเลยว่าความจริงเป็นยังไง
กร … หมากลับมาบ้านแล้วอย่าหวังว่าจะหายไปอีก! คราวนี้ให้ตายก็ไม่ยอม! จะวิทยาศาสตร์ ไสยศาสตร์ เดี๋ยวรู้กัน!