ตอนที่ 17
“พักนะครับ”
ผมมองลุงกรที่ทำหน้าเครียดเล็กน้อยลูบหัวผมเบาๆ ผมพยายามส่งสายตาปริบๆส่งสัญลักษณ์ทุกวิถีทาง แต่ความจุกมันก็ทำให้ปากผมไม่มีเสียงออกมา มีแต่อาการพะงาบๆ ไอ้พี่ชายเพื่อนผมนี่หมัดหนักเท้าหนักจริงๆ แล้วทำไมไอ้คนสร้างเรื่องมันยังมาปั้นหน้าจ๋อยคุยกับลุงกร!
“ผมขอโทษจริงๆนะครับพี่กร … ฮึก …”
ผมแทบอยากจะลุกกระโดดถีบ พี่เนมคนดีของผมในอดีตแต่เป็นคนบ้าไปแล้วในตอนนี้บีบน้ำตาแถบกราบขอโทษลงกับอกลุงกรของผม!
“เอาน่าผ่านไปแล้ว เราไม่โดนทำอะไรแปลกๆก็ดีแล้ว คนสมัยนี้นี่ก็แปลกดีมาลวนลามผู้ชายในมหาลัย อย่างกับละครหลังข่าว”
แล้วลุงไปลูบหัวพี่เขาทำไม! กระแสจิตผมคงส่งไปถึงเพราะลุงรีบผละจากพี่เนมมาบีบจมูกผมบิดไปบิดมา
“จะเป็นอัศวินก็ดูตัวเองหน่อยนะเรา …. รู้ไว้ด้วยว่าเป็นห่วง เข้าใจนะ?”
ง่ะ … มาทำตาเชื่อมงี้ใจเต้นเลย…แต่มารก็ดันมาผจญ!
“โอ้ย …. ”
“เนม เป็นอะไรครับ”
ผมกับลุงกรหันไปมองพี่เนมกำลังกุมท้องทรุดลงไปนั่งกับพื้น
“พี่กร … ผมเหมือนเจ็บตรงท้อง สงสัยตอนโดนเตะล้มลงไป…โอ้ย…”
“ช้ำในหรือเปล่า? เดี๋ยวพี่เรียกหมอให้ ไม่ดิ เดี๋ยวพี่พาไปเลยดีกว่า”
แล้วลุงกรก็ช้อนตัวพี่เนมขึ้น! ท่าเดียวกับต้อนอุ้มผมเป๊ะ แต่พี่เนมยกสองแขนโอบรอบคอลุงกร! นี่มันมากกว่าผมอีก! นั่นแฟนผมนะ(ตามที่ลุงกรบอก) ไอ้พี่เนมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!
ผมแค่นเสียงออกมาเท่าที่ทำได้ เพ่งสายตาไปที่นาฬิกาที่ติดอยู่บนกำแพงถ้าไม่กลับมาไวๆนะ! ลุงกรก็ลุงกรเหอะเดี๋ยวรู้เลย!
แต่พลิกตัวไปพลิกตัวมาก็เหมือนยาแก้อักเสบจะออกฤทธิ์ทำให้ผมเริ่มเคลิ้ม แอร์เย็นๆ… หมอนนิ่ม … ผ้าห่มอุ่นๆ… คร่อก…
Part : Owner Akakorn
ป้ายหน้าห้องนายแพทย์เอกากร เศวษวิกุล คือห้องทำงานผม หลังจากเปลี่ยนชื่อใหม่เพราะแม่บอกมีตั้งห้าทินกรในคลาสของแม่ แม่ผมเป็นอาจารย์สอนปริญญาโทของมหาลัยเอกชนค่าเทอมแพงที่หนึ่ง ส่วนพ่อเป็นหมอเหมือนกันแต่ไปทำงานอยู่องค์การอนามัยโลกถูกส่งไปประจำอยู่แถบแอฟริกาจนตอนนี้เกษียณไปใช้ชีวิตปลูกผักปลูกผลไม้อยู่เกาะทางภาคใต้ รอปีหน้าให้แม่เกษียณตามไปอยู่ด้วยกัน ตอนนี้ผมเลยกลายเป็นนายเอกากรเต็มตัว
“สวัสดีครับคุณหมอ”
“สวัสดีครับด็อกเตอร์ไทม์”
ผมเดินเข้าไปนั่งที่ของผมก่อนคู่สนทนาจะส่งมอบแผ่นซีดีให้ตามที่ผมขอ
“เหตุวิวาทที่คุณหมอขอดู ผมเอามาจากฝ่ายรักษาความปลอดภัยให้ แต่ยังไงนักศึกษาที่มีเรื่องทั้งสี่คนก็ต้องโดนทำโทษตามกฏของมหาวิทยาลัยนะครับ ส่วนเรื่องแจ้งความถ้าตกลงกันไม่ได้ก็คงต้องตามนั้น ไม่ทราบว่าคุณหมอทราบเรื่องนี้ได้ยังไงครับ”
“คนของผมเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีเรื่องครับ ส่วนรายละเอียดผมยังไม่ทราบ แต่ก็อยากให้มันชัดเจนไปว่าใครผิดใครถูก ต้องขอบคุณด็อก
เตอร์มากครับที่เอามาให้”
“อย่าเกรงใจเลยครับคนกันเอง ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนดีกว่าต้องพาลูกสาวไปฉลองวันเกิด”
“น้องแองจี้ใช่มั้ยครับ ไม่พามาด้วยกัน ตอนนี้คงโตขึ้นเยอะ”
“กำลังซนครับต้องปล่อยให้พี่เลี้ยงประจำตัวเขาดูแล ซนทั้งพี่เลี้ยงทั้งเด็ก เฮ้อ..”
ผมยิ้มขำเพราะด็อกเตอร์แกบ่นไปก็อมยิ้มไป พี่เลี้ยงเด็กของแกคงไม่ธรรมดา
“ต้องหาพี่เลี้ยงบ้างแล้วสิผม ฮะๆ”
“… ก็ดีนะครับ ทำงานเครียดๆหาคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจมาอยู่เป็นเพื่อนชีวิตมันดีขึ้นเยอะ”
ผมใส่แผ่นซีดีเข้าไปในโน้ตบุคแล้วไฟล์ที่ผมต้องการก็เริ่มเล่น … เฮ้อ โลกเรานี่ก็แปลกจะโกหกเพื่อให้ตัวเองดูดีไปทำไม ไอ้ตูบของผมมันโดนลูกหลงชัดๆ หึ.. มารังแกหมามีเจ้าของ มันหยามกันเกินไปแล้วน้องเนม..
“เป็นไงบ้างครับเนม”
ผมมองคนโกหกที่ทำหน้าตาน่าสงสารนั่งพักอยู่บนโซฟาข้างๆไอ้ตูบของผมที่หลับปุ๋ย
“ยังเจ็บนิดหน่อยครับ แต่ทายาแล้วเดี๋ยวคงดีขึ้น”
ทาทำไม…ท้องไม่โดนเตะแบบที่บอกสักนิดเดียว
“พักผ่อนเยอะๆล่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่หอ”
“เอ๋ แล้วเบียร์ล่ะครับ”
“เดี๋ยวค่อยกลับมารับ ยังไงก็หลับอยู่ ไปส่งเนมก่อนแล้วกัน”
เด็กเนมยิ้มน่ารักกลับมา ก่อนเราสองคนจะเดินออกมา น้องเนมก็เริ่มชวนผมคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้อีกครั้ง ไม่ได้แสดงอาการเจ็บท้องแบบเมื่อสักครู่เลย
“พี่มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”
ผมเริ่มเกริ่นขณะที่เราสองคนขับออกมาจากโรงพยาบาลได้สักพัก
“เอ๋ อะไรหรอครับ? สนุกมั้ยน้า”
“ไม่รู้สิ สำหรับพี่เฉยๆนะ ออกจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ”
“เรื่องอะไรหรอครับ”
“กาลครั้งหนึ่งมีหมาน้อยตัวนึง มันนั่งรอเจ้าของอยู่ริมถนน แล้วก็มีหมาจิ๋วอีกตัวมานั่งคุยเป็นเพื่อนกัน”
“โอะ เรื่องน่ารักจัง แล้วยังไงต่อหรอครับ”
เนมหันมาเกาะแขนผมยิ้มซื่อ
“ปรากฏว่ามีหมาขี้อิจฉาอีกตัวที่อยากเป็นเพื่อนกับเจ้าหมาน้อยผ่านมาเห็น เลยกระโดดกัดเจ้าหมาจิ๋ว เจ้าหมาน้อยพยายามห้ามแต่เจ้า
หมาขี้อิจฉาก็ยังกัดไม่เลิก”
ใบหน้ายิ้มเริ่มซีดลงก่อนจะก้มหน้าหงุด มือที่เกาะแขนผมลดลงไปวางที่หน้าตัก
“ปรากฏว่าเจ้าหมาเบิ้มอีกตัวดันเป็นเพื่อนของเจ้าหมาจิ๋วผ่านมาเห็นก็เข้าใจผิดคิดว่าหมาน้อยกับหมาขี้อิจฉากำลังรุมแกล้งหมาจิ๋ว จึงโดนกัดเป็นแผลเหวอะหวะ ขณะที่หมาขี้อิจฉาเอาแต่หลบอยู่ข้างหลัง”
“พี่กร…”
“กว่าเจ้าของจะมาถึง เจ้าหมาน้อยก็ลุกไม่ไหวแล้ว จบครับ เป็นไงสนุกมั้ย”
“คือผม…”
“อ้าว ถึงหอเนมพอดี ดีนะรถไม่ติด”
“พี่กรครับ คือ…”
“ลงไปเถอะเนม อย่าให้พี่ต้องรู้สึกไม่ดีไปมากกว่านี้ พี่ขอเถอะนะอย่าไปยุ่งกับเบียร์เลย สงสารน้องมัน พี่จะไม่ถามว่าระหว่างเบียร์กับเนม
เป็นยังไง แต่ตอนนี้เบียร์เป็นคนของพี่ ปล่อยน้องไปเถอะ”
เนมไม่ได้พูดอะไร พึมพำขอโทษก่อนจะลงรถไป ผมถือว่าเราคุยกันเข้าใจ ผมจึงขับรถกลับไปทางเดิม เฮ้อ ไม่รู้ว่าพูดตรงไปหรือเปล่านะ?
“หมาขี้อิจฉาอยากเป็นเพื่อนกับหมาน้อย? ตลกชะมัด … เจ้าหมาขี้อิจฉา มันนิสัยเสียแบบนั้นมันจะหวังแค่หมาน้อยทำไม มันอยากได้เจ้าของต่างหาก!”
เนมแสยะยิ้มน่าเกลียดออกมามองตามรถกรไปจนสุดสายตา
- ---------------------------------------------- -
>w< มาแว้ว ดองนาน 5555 เรื่องนี้ดองทุกตอน แต่ .. น่าจะใกล้จบละค่าาาา แฮ่