ตอนที่ 21
“เฮ้ยพวกมึงไปเชียร์บอลกัน วันนี้คณะเราแข่งตอนทุ่มนึง”
ไอ้นทีเปิดประเด็นขึ้นมาตอนนี้พวกเราอยู่กันที่ร้านนมปั่นข้างมหาลัย ช่วงนี้มหาลัยมีจัดแข่งบอลกระชับสัมพันธ์ระหว่างคณะสิบคณะในมหาลัย พวกไม่มีบทบาทอย่างพวกผมก็แค่ไปเป็นกองเชียร์ กลุ่มเรามีไอ้นทีกับไอ้เอกชอบดูบอล
“ได้เลย แม่งเจอวิศวะด้วยวันนี้จะไปชนะได้ยังไงวะ”
ไอ้หมูพูดถูก วิศวะแม่งตีนไววิ่งเร็วแถมมีตัวจริงอยู่เพียบ
“ไม่แน่โว้ย ถ้าคะแนนรวมชนะก็มีสิทธิ์นะสาส”
“กูดูสกอร์รวมเรานี่จะรั้งท้ายอยู่ละ ดีมีไอ้พวกหมอแม่งต่ำกว่า”
ไอ้หมูทำหน้าเซ็ง ส่วนไอ้เอกนี่กดกดมือถือตัวเองอยู่ไม่ได้มาร่วมวงสนทนาเหมือนเคย สุดท้ายก็พากันอพยพไปสนามกีฬากลางเพื่อเชียร์บอล ผม หมู นทีมากับรถรางมหาลัย ส่วนไอ้เอกขับบิ๊กไบท์มันตามมา วันนี้ที่นั่งเชียร์รอบสนามอาจจะเกือบเต็มเพราะแค่คณะวิศวะกองเชียร์ก็แทบจะเป็นสาวๆทุกคณะในมหาลัย ส่วนพวกรัฐศาสตร์แบบพวกเราก็ไปนั่งรวมกลุ่มกันมุมหนึ่งที่มีแต่พวกมาเชียร์เพื่อนตัวเองแฟนตัวเอง
ผมดูไปก็หาวไปไม่ได้อินสักนิด มีแต่ไอ้เอกนั่งดูเกมส์แบบตั้งใจสุดๆกับไอ้นทีที่ส่งเสียงเชียร์อย่างกับเชียร์มวย ขนาดผมไม่ชอบดูบอลยังดูออกว่าพวกวิศวะมันวิ่งเร็วกว่า จังหวะดีกว่า
“เบียร์”
“พี่เนม”
ผมชะงักก่อนจะมองคนที่เข้ามาทักด้วยความระแวง ใบหน้าพี่เนมยังคงน่ารักเหมือนเดิมแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันน่าเกลียดเพราะมันคือความเสแสร้ง ผมไม่ได้เล่าเรื่องที่ผมเจอไอ้ใครในกลุ่มฟังเพราะกลัวนทีไปต่อยพี่เนม
“ช่วยพี่หน่อยสิ”
“อะ อะไรครับ”
“พี่จะยกน้ำไปให้นักบอลคณะเรา พี่อยู่สวัสดิการน่ะ แต่ยกคนเดียวไม่ไหวเบียร์ช่วยหน่อยนะ”
ผมลังเลแต่เพราะเห็นพี่เนมใส่ปลอกแขนสตาฟสวัสดิการเลยยอมเดินตามพี่เขาไป พวกในกลุ่มก็ไม่ได้ว่าอะไรหันไปดูบอลต่อ
“น้ำอยู่ไหนครับ”
“อ๋อ … อยู่รถเพื่อน”
“แล้วไม่ให้เพื่อนพี่เนมช่วยอ่ะครับ …”
“มัวแต่ห่วงดูบอลกันน่ะสิ แต่พี่ดูไม่ค่อยเป็นหรอกเลยมายกน้ำดีกว่า จำได้ว่าเบียร์ไม่ชอบดูเหมือนกันเลยขอให้มาช่วย ขอโทษนะที่รบกวน”
“อ่า .. ไม่เป็นไร แล้วรถจอดอยู่ไหนหรอ”
“เอ… เหมือนจะแถวนู้นนะ”
พี่เนมชี้ไปที่ลานจอดที่ค่อนข้างไกล แถมยังไม่ค่อยมีไฟ แต่ก็ไม่แปลกเพราะตรงใกล้ๆนี่ที่จอดเต็มหมดทั้งของนักกีฬาและคนดู
“เรื่องคราวก่อน … พี่ขอโทษนะ”
ผมชะงักเล็กน้อยแต่คนที่เดินอยู่ข้างหน้าก็ไม่ได้หันมา แค่เดินนำไปเรื่อยๆ
“ไม่เป็นไร พี่เนมอย่าทำอีกแล้วกันครับ นั่นเพื่อนผมจริงๆเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“แล้วพี่กรล่ะ”
คราวนี้พี่เนมชะงักแล้วหันมาจ้องหน้าผม
“ก็ …”
“คบกันแล้วหรอ”
“อื้อ”
ผมมองเห็นสีหน้าพี่เนมไม่ชัดอาจเพราะต้องนี้ไฟส่องไม่ถึง แต่เขาเงียบไปก่อนจะหันตัวกลับไปเดินต่อ ระหว่างเราคือความเงียบ
“แปลกนะ ทั้งๆที่ตอนนั้นเบียร์ร้องไห้จะเป็นจะตายกับพี่อยู่เลย”
“เอ๋ ?”
“ช่างมันเถอะ เรื่องตั้งนานแล้ว คบกันก็ดีใจด้วยนะ”
“อ่า ขอบคุณครับ”
ในที่สุดเราก็เดินมาถึงรถ พี่เนมเปิดรถแล้วส่งน้ำแพคหนึ่งมาให้ผม แต่มันมีแค่แพคเดียวจนไม่ต้องเดินมากันสองคนก็ได้
“มีแค่นี้หรอครับ”
“พี่ก็ไม่นึกว่าเขาจะซื้อมาแค่นี้ นึกว่าซื้อมาเยอะ”
พี่เนมยิ้มให้ผมเพราะเรายืนใกล้กันมากผมเลยเห็นพี่เนมแสยะยิ้มชัดเจนจนผมขนลุกซู่ แล้วก็มีคนเดินมาจากด้านหลังผมล็อคตัวผมไว้
“เฮ้ยไรวะ!”
พี่เนมหยิบเทปกาวออกจากกระเป๋ากางเกงจัดการปิดปากผม ส่วนคนข้างหลังก็เอาเทปกาวมัดข้อมือผมไว้ก่อนจะถูกกดลงกับพื้น ข้อเท้าผมก็ถูกมัดเป็นลำดับสุดท้าย
“ขอโทษนะเบียร์ … แต่ช่วยไม่ได้นี่นา พี่ดันชอบพี่กรเหมือนกัน”
ผมเห็นพี่เนมรับคัตเตอร์มาจากคนที่กดผมลงกับพื้น แสงไฟสลัวสะท้อนใบมีดจนเห็นชัด เหงื่อผมเริ่มซึมออกมาตามแผ่นหลัง ใจหายวาบเพราะไม่มีได้ยินเสียงผมและตามมาช่วยแน่ๆ เสียงเฮจากสนามยังดังมาถึงตรงนี้
“ตรงไหนหรอเบียร์ ที่พี่กรสัมผัส บอกพี่สิ … พี่จะลองดูว่าถ้ามันเต็มไปด้วยรอยกรีด พี่กรจะยังเลือกเบียร์อยู่มั้ย ใครจะรู้ถ้าหน้าเหวอะขึ้น
มาเบียร์อาจจะโดนเขี่ยทิ้งก็ได้”
ใบมีดเล็กเข้ามาใกล้ผมทุกที จนใบมีดเย็นสัมผัสข้างแก้มผม พี่เนมบ้าไปแล้ว แววตาเลื่อนลอยและแสยะยิ้มจนไม่เหลือเค้าความปกติ
ผมพยายามขยับตัวหนีแต่แรงของเพื่อนพี่เนมก็เยอะจนล็อคผมไว้ติดพื้น สุดท้ายก็ได้แต่หลับตาทันทีที่ใบมีดกรีดลงมาที่หน้า ความเจ็บทำให้ผมได้แต่กัดฟัน น้ำตาร่วงลงมาเพราะกลั้นไม่อยู่ ไปแล้ว … สองแผล
“นั่นใครน่ะ!”
เสียงคนเดินมาทำให้พี่เนมกับเพื่อนชะงักรีบผละจากตัวผมขึ้นรถแล้วขับออกไป เสียงล้อบดถนนอยู่ใกล้หูมากจนคิดว่ารถจะทับไปแล้วด้วยซ้ำ
“เฮ้ย! มีคนโดนแทง!”
ผมเห็นลางๆว่าเป็นยามมหาลัยผ่านม่านน้ำตา ข้างแก้มรู้สึกถึงเลือดอุ่นๆที่ไหลลงมาจากบาดแผล จนหลุดจากพันธนาการเพราะลุงยามช่วยผมก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรทั้งๆที่มือสั่น ได้ยินลุงยามวอหาใครไม่รู้ผมรู้แค่ต้องโทรออก ต้องโทร ..
“ว่าไงเบียร์ มีไรรึเปล่า”
“เบส เบส … เบียร์โดนกรีดหน้า .. โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”
“เบียร์ไปโรงบาล เดี๋ยวเบสลงไปหา โอเคนะ”
ผมพยักหน้าหงึกๆก่อนลุงยามจะพยุงผมออกมาจากลานจอดรถ ตอนนี้สนามบอลชะงักเพราะผมได้ยินประกาศพักครึ่งการแข่งขัน นทีโทรมาหาผมพอดีผมรีบกดรับ
“อยู่ไหนวะเบียร์”
“นที .. กู ฮึก … ฮืออออออออออ”
“ไอ้เหี้ยเป็นไรวะ เฮ้ยพวกมึงไอ้เบียร์ร้องไห้ อยู่ไหนมึง”
“ฮึก .. ลานจอด”
สักพักพวกเพื่อนผมก็วิ่งออกมาพร้อมๆกับที่รถของฝ่ายพยาบาลมหาลัย ทุกคนตกใจที่เห็นหน้าผมแต่นทีมีสติก่อนเพื่อนรีบลากผมขึ้นรถก่อนจะบอกให้หมูกับเอกตามไปที่โรงพยาบาล
ตลอดทางผมได้แต่นอนร้องไห้ให้พยาบาลทำแผล ไอ้นทีก็พูดแต่ว่าไม่เป็นไร แผลนิดเดียวเท่านั้น แต่ความรู้สึกผมมันไม่ใช่แค่นั้น ผมชาไปทั้งแก้มขวาและหางตา
ถึงโรงพยาบาลหมอก็มาตรวจและให้พยาบาลทำแผลพร้อมฉีดยากันบาดทะยักให้ผม อาจารย์ที่ปรึกษาผมก็ถูกตามตัวมาที่โรงพยาบาล มีอาจารย์อีกหลายคนที่มาถามอาการแต่ผมยังเอาแต่ร้องไห้ทุกคนจึงออกไปก่อน นทีออกไปคุยกับอาจารย์ให้สักพักมันถึงเข้ามา
“เดี๋ยวกูโทรหาพี่กร ..”
“ไม่…”
“พวกอาจารย์จะแจ้งความให้มึง เพราะเป็นการทำร้ายร่างกายในมหาลัย คงไม่ยอม”
“นที…”
“เออ”
“หน้ากู …”
“วุ้ย แผลเล็กนิดเดียว ผ้าก็อตแม่งใหญ่ไปงั้นมองแทบไม่เห็น สักพักก็หายเชื่อดิเวลากูขึ้นชกแผลเยอะกว่านี้ยังหายเลย”
“เฮ้ยเบียร์เป็นไงบ้าง”
ไอ้หมูหน้าตื่นเข้ามาตามด้วยเอก หมูเบิกตากว้างอีกครั้งผมเห็นหน้ามันแล้วใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง เอกไม่ได้พูดอะไรแค่นั่งลงข้างๆแล้วลูบหัวผมเบาๆ
“ฮึก … หน้ากู ฮือออ เอก…”
“นิดเดียว”
“ใช่ๆ แผลนิดเดียวเองเบียร์”
หมูจับมือผมไว้บีบให้กำลังใจ ผมรู้ว่าพวกมันโกหก
“ไม่ให้กูบอกพี่กรจริง?”
“ไม่”
“แต่เขาก็ต้องรู้อยู่ดี”
“กู ฮึก .. ทำใจไม่ได้ หน้ากู ฮือออ น่าเกลียดไปแล้ว”
“ผู้ชายมันก็ต้องมีร่องรอยบ้างปกติ หน้ามึงยังขาวจั๊วตาตี่เป็นไอ้ตี๋ของพวกกูเหมือนเดิมแหละ”
พวกมันพยายามปลอบใจแต่ผมก็ยังหดหู่เกินกว่าจะทำอะไร พยาบาลเดินมาแจ้งว่ากลับบ้านได้แค่อย่าให้บาดแผลโดนน้ำ
“กูเป็นไอ้หน้าบาก”
ผมห่อเหี่ยวอยู่บนแท็กซี่กับไอ้หมูและนที นัดกับเอกว่าไปเจอกันที่บ้านพี่กร
“เย็บแค่ตรงข้างคิ้วมึงเองตรงแก้มไม่ต้องเย็บเพราะแผลไม่ลึก ดูแลดีๆไม่เป็นรอยหรอก เนอะหมูเนอะ”
“ใช่ๆ หล่อเหมือนเดิมน่า”
กลับมานอนตายที่บ้าน ห้องนอนของผมกับพี่กรตอนนี้มีอีกสามชีวิตมานอนด้วยเพราะผมยังทำใจไม่ได้น้ำตาร่วงเป็นพักๆ ไอ้นทีก็คุยโทรศัพท์กับอาจารย์ก่อนจะบอกว่าพรุ่งนี้ผมต้องไปให้ปากคำ สักพักไอ้เบสโทรมาแต่ก็ให้ไอ้นทีคุยแทน
เกือบห้าทุ่มเบสกับแม่และพ่อก็มาถึงบ้าน ห้องนอนตอนนี้เลยมีคนเพิ่มอีกสามคนและแมวอีกตัว บูบู้กระโดดเข้ามาในอ้อมแขนผม ผมน้ำตารื้นอีกรอบ
“เบียร์ใครทำ”
เบสเขยิบมานอนข้างผมแทนไอ้เอก
“เบส .. ฮือออออ”
เบสกอดผมไว้แน่นไม่มีคำพูดอะไรสักคำเพราะมันรู้ว่าแค่มันอยู่กับผมก็พอ สายสัมพันธ์ของฝาแฝดแต่ละคู่ไม่เหมือนกัน… ของเราจะรู้สึกปลอดภัยเมื่ออีกฝ่ายอยู่ข้างๆเหมือนบ้านของกันและกัน
สุดท้ายผมก็เล่าทุกเรื่องให้ทุกคนฟังแม่กับพ่อเห็นด้วยที่ผมควรแจ้งความและเอาเรื่อง นทีแทบจะออกไปตามหาพี่เนมแต่เอกรั้งไว้
ลุงกรคอลสไกป์มาเกือบเที่ยงคืนแต่นทีรับแทนและโกหกให้ว่าผมทำรายงานหลับไปแล้ว
“แม่บอกแล้วว่าให้ผูกดวงให้เรียบร้อย ไอ้หมอบ้านี่กลับมาฉันจะตบสักฉาด”
“แม่ก็ใจเย็นๆก่อนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับดวงหรอก สมัยพ่อก็มีตีรันฟันแทงแบบนี้แหล่ะ ต้องมีแผลกันบ้างชีวิตลูกผู้ชาย นี่สิลูกพ่อตัวจริง”
พ่อดูจะอารมณ์ดีนี่พ่อผมเป็นเชฟนะครับ… แต่แม่นี่ยั้วะทันที
“อยู่กับไอ้หมอนี่ลูกฉันมีแต่เรื่อง ฉันอุ้มท้องเก้าเดือนเจ็บแทบตายกว่าจะเบ่งมันออกมาไม่ใช่เพื่อให้ใครมากรีดหน้าลูกเล่นนะพ่อ!”
“แม่ใจเย็นๆก่อน ผมว่าทางนั้นคงเจอหนักเหมือนกัน แม่เคยทำของใส่ตัวเบียร์ไว้ไม่ใช่หรอ”
ไอ้เบสพูดขึ้นมาเพื่อนผมสามคนเงียบกริบกระพริบตาปริบๆเพราะไม่เคยรู้ว่าบ้านผมมันพวกไสยศาสตร์จ๋า ทั้งดวงทั้งของ
“เอ้อใช่! เบียร์ตอนมันทำลูกหน้าตามันเป็นยังไง”
“เหมือนคนบ้า…”
“นั่นไง ไอ้พวกไม่หวังดีโดนของไปซะสมน้ำหน้า หึ! หนอยบังอาจมาทำลูกฉัน”
“แม่เล่นของด้วยหรอครับ”
นทีตาวาวด้วยความสนใจ สักพักแม่ผม นที และเบสก็เข้าสู่วงสนทนาเรื่องเล่นของ เพราะไอ้นทีมันอยากได้สักยันต์ลงอาคมบ้าบอไว้ต่อยมวย ไอ้เอกขอตัวกลับไปก่อน หมูกับนทีจะอยู่เป็นเพื่อนผม คืนนั้นห้องนอนเราอัดแน่น…ทั้งคนทั้งแมว
ทุกคนหลับกันหมดแล้วแต่ผมยังข่มตาไม่ลงเพราะไม่รู้จะบอกลุงกรยังไง ถ้าลุงรับหน้าผมตอนนี้ไม่ได้ล่ะ ถ้าลุงทิ้งผมไป ถ้าลุงรังเกียจแล้วผมจะทำยังไง
“อย่าคิดมาก นอนเถอะ”
เบสกอดผมไว้แน่น
“ถ้าลุงกรรังเกียจกูล่ะ”
“ไม่หรอก”
“มึงรู้ได้ไง”
“ไว้ใจคนที่มึงรักหน่อยสิ ถ้าคุณหมอโดนกรีดหน้าบ้างมึงจะทิ้งเขามั้ย”
“ไม่”
“นั่นล่ะคำตอบ”
ก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น… พี่กร อย่าทิ้งเบียร์นะ …
- ----------------------------------------------------------------------------------------------- ----
สักยี่สิบกว่าตอนก็น่าจะจบและ -...- แหะๆ