ตอนที่ 23
แผลค่อนข้างลึกกรีดผ่านโคนผมลงมาถึงหางตา แม้จะเย็บแล้วแต่รอยแผลเป็นตรงนี้จะไม่มีทางหายไป อีกหนึ่งรอยบาดไม่ลึกยาวจากใต้ตาลงมาถึงกลางแก้ม แผลกำลังเริ่มตกสะเก็ดอันนี้ถ้าดูแลดีๆจะไม่มีรอยแผลเป็น
ผมกวาดมองใบหน้าผู้ชายที่ผมรักแสนรัก ตอนนี้ตาเรียวเล็กกำลังบวดแดงเพราะร้องไห้อย่างหนัก ปลายจมูกก็แดงไม่ต่างกัน ปากบางที่ผมเคยจูบเม้มแน่น
“เจ็บมั้ย”
มันพยักหน้าก่อนจะรีบส่ายหน้าเร็วๆ
“เบียร์ .. ลืมไปแล้ว”
แต่แววตาเบียร์ไม่ได้ลืมนี่ครับ … มันยังฉายความเจ็บปวดเหมือนที่ผมกำลังเจ็บ คำตอบของคำถามที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน
‘ เบียร์ .. พี่ดีไม่พอสำหรับเบียร์หรอครับ…’
มันชะงักก่อนน้ำตาเม็ดโตจะร่วงพรู
‘ เบียร์กลัวลุงทิ้ง ’
ผมพลาดไปตรงไหน ทำไมคนที่ควรจะไว้ใจผมกลับคิดแบบนั้น ผมมั่นคงไม่พอ เป็นผู้ใหญ่ไม่พอจนแฟนตัวเองคิดว่าผมจะไม่ผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันกับมัน
“ลุง … ผมขอโทษ”
มันขยับขึ้นมานั่งคร่อมตักก่อนจะยกแขนโอบคอและซุกหน้าลงกับไหล่ผม ความชื่นแผ่ไปทั่วไหล่ทำให้ผมอดคิดไม่ได้วันนี้มันร้องไห้กี่ครั้งแล้ว ตั้งแต่กลับมาผมเห็นแต่น้ำตาของมัน
“ขอโทษเรื่องอะไรครับ”
สิ่งที่ผมทำตอนนี้คือกอดตอบและลูบหลังมันเบาๆก่อนจะยกมือสูงอีกนิดรูปหัวมัน
“ขอโทษที่ไม่เชื่อใจ…. ”
ผมถอนหายใจออกมาหนักๆก่อนจะดันมันออก
“ถึงเบียร์จะน่าเกลียดกว่านี้ เดินไม่ได้ ตาบอด หูหนวก พี่ก็จะอยู่ตรงนี้ข้างๆเบียร์ พี่ไม่ได้รังเกียจหรือรับไม่ได้ แผลแค่นี้สำหรับพี่มันเล็กน้อยมาก พี่เป็นหมอนะครับ ตอนนี้ในสายตาพี่เบียร์ก็แค่เป็นแผล จะหายไม่หายเบียร์ก็คือเบียร์ เป็นแฟนพี่ จะหล่อจะสวยจะน่ารักกว่านี้ … ทั้งหมดนั้นก็ไม่ใช่แฟนพี่คนนี้ คราวหลังอย่ากันพี่ไว้เป็นคนนอกอีก พี่อยากเป็นคนแรกที่รู้ว่าเบียร์ทำอะไร คิดอะไร เจออะไรมา อยากเป็นคนแรกที่เบียร์คิดถึงเวลาเจอเรื่องไม่ดี ทำให้พี่ได้มั้ยครับ”
เจ้าตูบทำหน้าตาอึ้งๆก่อนจะร้องไห้งอแงออกมาอีกรอบแต่มันก็พยักหน้าหงึกๆรีบดึงนิ้วก้อยผมไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยมัน
รอมันหยุดร้องผมก็ทำแผลให้มันใหม่เพราะน้ำตามันทำซะผ้าก็อตชุ่มไปหมด เสร็จแล้วก็จูงมือมันลงมาข้างล่างที่ไอ้พวกสมุนไร้หัวคิด(ฉายาเร่งด่วนสำหรับพวกไม่เชื่อใจผมแถมทำอะไรไม่คิด)นั่งกันหน้าเจื่อน
ไอ้นทีตัวแรกนั่งยิ้มแหยๆ มีแต่แรงสมองไม่มี! ไอ้หมูตัวที่สองนั่งก้มหน้าไม่กล้าสบตา ไอ้นี่ก็เห็นด้วยกับเพื่อนตลอด คนสุดท้าย เป็นเอก! ที่น่าจะคิดได้ที่สุดกลับทำหน้านิ่งไร้อารมณ์มองมาเหมือนไม่มีความผิดติดตัว
โป๊ก โป๊ก โป๊ก!
“โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
ไอ้หมูกับนทีร้องครวญครางที่ผมเขกหัวพวกมัน มีไอ้เอกที่ลูบหัวสักพักก็กลอกตาไปมา
“สมรู้ร่วมคิดกันดีนัก หึ”
“ไอ้เบียร์ก็ต้องโดนด้วยดิลุงงงงงงงงง มันเริ่มก่อนเพื่อนเลยนะ”
ไอ้นทีโวยวายมีไอ้หมูเป็นขุนพลพยัก พยักหน้าตามหงึกๆๆๆ
“มันเจ็บเยอะละ ทำไม่ลง”
“ทีเมียตัวเองละทำไม่ลง…”
“ได้ยินโว้ย”
ไอ้หนุ่มนักมวยมันรีบปิดปากยกมือไหว้ท่วมหัว ผมชี้นิ้วให้ไอ้เบียร์ไปนั่งกับเพื่อนมันที่โซฟา ส่วนตัวผมเองยืนกอดอกก่อนจะเริ่มปฏิบัติการซักฟอก ทั้งซักทั้งขยี้ทั้งฟอกจนสะอาดเอี่ยมอ่อง
“แล้วพี่ต้องไปให้ปากคำตำรวจด้วยมั้ย?”
เพราะผมมีส่วนเกี่ยวข้องก็น่าจะต้องไปให้ปากคำเหมือนกัน เพราะเนมก็ถูกเรียก หรือจะเรียกทีละคน?
“ผมไม่รู้ว่าเค้าออกหมายเรียกลุงด้วยหรือเปล่า”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะลองแวะไปแล้วกัน หิวกันยัง? สั่งเคเอฟซีมากินดีกว่า”
พวกมันคงดูงงๆที่ผมไม่ได้เอ่ยถึงเนมเลย ไม่ใช่ไม่โกรธแต่ตอนนี้มันอยู่ในกระบวนการของกฎหมายแล้วก็ฝ่ายระเบียบของมหาลัย ผมไม่ใช่พวกมาเฟียหรือนักเลงอารมณ์ร้อนที่จะยกพวกไปเอาคืนประสาเมียข้าใครอย่าแตะ เพราะพวกของผมก็มีไอ้ปิ๊งกับไอ้ปัณณ์ ชาตินี้ไอ้ปิ๊งจะไปกระโดดต่อยใครเขาได้ ไอ้ปัณณ์นี่ก็ไม่ใช่พวกใจร้อน รอให้เรื่องมันไปถึงที่สุดก่อนถ้าเอาผิดคนทำไม่ได้ ตอนนั้นค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ที่ผมทำได้ก็คือ
ประกาศเคอร์ฟิวให้ไอ้ตูบ!
“ตอนเช้าพี่ไปส่ง ตอนเย็นพี่ไปรับ ห้ามอยู่คนเดียว ถ้าพี่ไปรับไม่ได้ให้นั่งแท็กซี่มาที่โรงบาล เลิกเรียนต้องโทรบอกพี่ก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้อง แล้วพกนกหวีดซะ ถ้าใครเห็นท่าไม่ดีเข้ามาใกล้ก็เป่า เป่าแรงๆ โอเคมั้ย?”
ไอ้ตูบของผมมันทำได้แค่พยักหน้าหงึกๆ ดีมาก เรื่องนี้ห้ามมีปากมีเสียง
“นที หมู เป็นเอก ถ้ามีอะไรให้โทรหาพี่ ห้ามไปรวมหัวกับไอ้ตูบคิดเอง เออเอง เข้าใจเองอีก แล้วเบียร์ก็อย่าทำตัวเชื่อคนง่ายคิดว่าคนทั้งโลกดีไปหมด หรือเขามาขอโทษแกล้งทำดีแบบในละครก็เชื่อ ละครมันก็มาจากชีวิตจริงนั่นแหละ เข้าใจมั้ย? อย่าทำให้เป็นห่วงอีก”
“ครับ…”
ทั้งสามคนพยักหน้าสามสไตล์ นทีพยักหนึ่งที หมูพยักหน้ารัวๆไม่ต่างกับไอ้ตูบ เป็นเอกก้มหัวนิดเดียว เป็นอันเข้าใจ ผมจึงสั่งไก่มาเลี้ยงเด็กในที่สุด
ไอ้ตูบตาบวมเป่งแต่มันก็ยิ้มเฮฮากับเพื่อนได้แล้ว มีไอ้บู้นอนอยู่บนตักแต่ไอ้เบียร์มันขยับมากแมวมันเลยสะบัดตูดมานอนบนตักผมแทน
บรรยากาศเริ่มดีขึ้นผมเลยยกไอ้บู้ออกไปลากกระเป๋าจากหลังบ้าน เอากระเป๋าของฝากมาแจกรายคน เป็นกับหมูเป็นขนมญี่ปุ่นขึ้นชื่อ ส่วนนที … เซ็ตหนังเอวีที่ผมแอบไปซื้อตอนกลางคืนไม่กล้าชวนเพื่อนหมอไปสักคน
“อื้อหือ ด้วยเกียรติของนักมวยแชมป์เยาวชนทีมชาติ ผมจะดูแลเพื่อนเบียร์อย่างดีไม่ให้เฮียหมอต้องเป็นห่วง ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ซี้ดดดดดดด”
“ไอ้เหี้ยยย มึงให้ลุงซื้ออะไรมาเนี่ยยยยยยยยยยยย!!! ลุงไปเข้าร้านพวกนี้มาหรอ!!!”
“ทำไมก็กูรีเควสพี่หมอเอง กูอยากได้ มึงมีปัญหาหรอเบียร์ ดูดิรูปปกยังนมเท่าบอลลูน อู้หูววววว”
ไอ้หมูกับไอ้เบียร์หน้าแดงก่ำ เพราะไอ้นทีมันยังไม่เลิกพากษ์หนังจากรูปปก ส่วนไอ้เอกก็นั่งกินไก่ต่อไปแต่พอนทีถามว่ายืมต่อมั้ย มันพยักหน้าทันที!
“เอก กูล่ะผิดหวังในตัวมึง”
“มึงจะแอ๊บแบ๊วก็ทำไปคนเดียว นี่มันเรื่องปกติของลูกผู้ชาย เนอะพี่กร”
ไอ้นทีมันทำเป็นหาพวก แต่ผมไม่กระโดดไปร่วมกับมันหรอก
“พี่ไม่ดู มันก็แค่สรีระ พี่เห็นคนแก้ผ้าแทบจะทุกวันเพราะต้องผ่าตัด กับแค่ฉากแบบนี้ … มีแต่เด็กเท่านั้นแหละที่ตื่นเต้น หึหึ”
เสียงโห่ฮาตามมา ก่อนจะเปลี่ยนไปเรื่องบอลของมหาลัยมัน แล้วก็เรื่องเรียน ใกล้สอบแล้วไอ้ตูบของผมหน้าเครียดเขม็ง ดูแล้วรู้เลยว่ามันคงกะจะอ่านทีเดียวตอนใกล้สอบ
“จัดเวลาอ่านหนังสือได้แล้ว”
“ง่ะ ไว้ค่อย”
“พี่ชอบคนฉลาด”
“ก็ชอบไป แต่ต้องรักคนโง่แบบผม ฮุฮุ”
มันไม่ได้สำนึกเล้ยยยยยยยย ทิ้งตัวนั่งพิงไหล่ผมหัวเราะคิกคักมีเพื่อนมันทำหน้ารับไม่ได้เป็นฉากประกอบ สักพักผมก็ปล่อยเด็กมันคุยกันส่วนตัวผมเอางานวิจัยไปทำต่อข้างบน
ก็ยอมรับว่าไม่ค่อยมีสมาธิหน้าไอ้เบียร์มันยังลอยมาให้กังวล แผลมันไม่ใช่เล็กๆเลย แต่ผมจะทำหน้ากังวลหรือเสียใจออกไปไม่ได้ไม่งั้นเด็กมันจะยิ่งเครียด มันยิ่งกลัวผมทิ้ง … มันคงไม่ได้คิดว่าคำพูดมันเป็นการสารภาพรักอย่างหนึ่งว่ามันรักผม คิดแล้วหัวใจก็พองโต
เกือบสามทุ่มไอ้ตูบก็ขึ้นห้องมาอาบน้ำส่วนเพื่อนๆมันกลับหมดแล้ว ผมเปลี่ยนจากเชคงานวิจัยหยิบหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์ไปอ่านที่ห้องนอนแทน ไอ้ตูบออกจากห้องน้ำมาก็หยิบการ์ตูนมานอนอ่านข้างผม
“ไปเอาหนังสือเรียนมาอ่านไป”
“แปปนึงงงง”
นี่แหละนิสัยเด็กๆ เวลาให้ทำอะไรก็จะบอกแปปนึง แปปนึงของเด็กวัยนี้เชื่อไม่ได้เพราะมันจะลากยาวทุกที ผมรู้ผมผ่านมาแล้ว
“now!”
“No!!!”
“อ่านไปเลยไป”
ไม่ได้ประชดนะครับแค่ทำเสียงเรียบและไม่สนใจมันอีกเลย มือที่ลูบหัวมันก็หยุดมาจับขอบหนังสือแทน มันก็ยังเฉยๆจนเริ่มรู้สึกว่าผมนิ่งไปถึงพลิกตัวหันมามองผม
“ลุง …”
“….”
“โกรธหรอ …”
“….”
“ใกล้จบแล้วจริงๆอ่ะ อีกแปปนึงนะ …”
มันซุกหัวมาถูกับแขนผม แต่ผมไม่ใจอ่อนเด็ดขาดไม่งั้นเสียการปกครอง!
“ง่ะ ก็ได้ ไปเอาหนังสือเรียนมาอ่านก็ได้”
มันคอตกรีบเดินออกจากห้องไปห้องทำงานที่ตอนนี้มีโต๊ะทำการบ้านของมันมาเพิ่มอีกตัวแล้ว มันแบกหนังสือเรียนตัวเองมานอนอ่านข้างๆผมพร้อมปากกาไฮไลท์
ผมหน้าม้าของไอ้ตูบเริ่มยาวปรกตา
“ตัดผมมั้ย? หน้าม้ายาวแล้ว”
“ว่าจะเปลี่ยนทรงผมอ่ะลุง จะตัดอันเดอร์วีคัทแบบไอ้เอก อยากหล่อแบบมัน ทรงนี้ต้องหน้ายาวๆหน่อยเวลาเซ็ตจะได้เปิดเหม่ง แต่ตัดก็ดีอ่ะ … คงเปิดไม่ได้ละหน้าผากผมน่าเกลียดมีรอยบาก”
มันทำหน้าหงอย แต่ผมดูแล้วแผลมันหายก็คงไม่ได้ทำให้มันน่าเกลียดแบบที่มันคิดไปเอง มันขาวตี๋ถ้ามีรอยก็คงทำให้หน้ามันเข้มขึ้นมากกว่า
“ลองดูก่อนก็ได้ อย่าพึ่งคิดมากเลย อาจจะหล่อกว่าเดิมก็ได้ ตอนนี้หน้าเบียร์จืดไปหน่อยมีแผลจะได้ดูแมนขึ้นไง”
ผมยีหัวมันเบาๆมันหันหน้ามาสบตากระพริบตาปริบๆ
“ลุงว่าผมหน้าจืดหรอ”
นั่นไง มันเริ่มขมวดคิ้วละ
“ดูไปดูมาก็จืด .. แต่ถ้ากิน .. อื้อหือเบียร์หวานทั้งตัวเลยนะ”
หยอดไปหนึ่งดอกให้เด็กมันเขิน หึหึ แก้มข้างเดียวที่ไม่มีผ้าก็อตปกปิดเริ่มขึ้นสีเรื่อก่อนจะบ่นขมุบขมิบก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
เสาร์อาทิตย์นี้ผมไม่มีเข้าเวรพาไอ้ตูบไปเที่ยวดีกว่าเผื่อมันจะสบายใจขึ้นบ้าง แม้ใจจริงผมอยากจะตามเรื่องของเนมมากว่า แต่สภาพจิตใจคนของผมต้องมาก่อน
“วันเสาร์ไปข้างนอกกัน”
“ไปไหนอ่ะ”
“ความลับ หึหึ”
“ไปเที่ยวหรอ”
เด็กน้อยเริ่มตาวาวกระพริบตาปริบๆ
“อืม …. ยังไงดีนะ? จะไม่ไปก็ได้”
“ไปๆๆๆๆๆๆๆ เย้ ไปเที่ยววววววววววววววววววววว โอ้ยอยากไปแล้วอ่ะ ไปไกลมั้ย ข้างคืนหรือเปล่า ผมซื้อของฝากมาให้พวกไอ้นทีได้ปะ”
“ใครบอกจะพาไปเที่ยว”
“อ้าว …”
หมาน้อยหูตกห่างลู่กันเลยทีเดียว
“อาทิตย์นี้ถ้าไม่ผิดกฎเคอร์ฟิวของพี่ จะพาไป”
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก โอเคเลยยยยย ไปเที่ยวกันมั้ยยย จะไปก็รีบไป ไปกับพี่แล้วสบายยยย เดี๋ยวพี่พาไปกินตับ อุ้บส์ !”
ร้องเองเข้าตัวเองจะปิดปากก็ไม่ทันแล้วครับพี่น้องครับบบบ
“ไม่ต้องห่วง พี่จะกินตับเบียร์ให้เกลี้ยงเลย”
ผมเชยคางมันขึ้นมาจูบหงุดหงิดผ้าก๊อตที่ครูดหน้าแต่ก็ไม่ทำให้ผมอยากจูบมันน้อยลงเลย … จูบจนมันหายใจไม่ออกทุบอกผมประท้วงผมถึงปล่อยมัน
“อ่านหนังสือได้แล้ว ไอ้เด็กหื่น”
“ชิ …”
ผมปล่อยมันอ่านหนังสือส่วนตัวเองก็คิดวางแผนการเที่ยว จะไปทะเลไมได้แผลมันไม่ควรโดนน้ำมันห่อเหี่ยวเปล่าๆ จะไปที่คนเยอะๆก็ไม่ได้มันคงถูกมองจนอาย ต้องไปที่ห่างไกลน้ำและคนน้อยๆและที่สำคัญมันสบายใจ
ไปบ้านผมก็คงไกลไป … ไปบ้านมันแล้วกัน… อยุธยา จะได้ไปคุยกับที่บ้านมันด้วยเอาลูกเขามาลำบากยังไม่เคยไปขอพ่อขอแม่เขาเลย ฤกษ์งามยามดีเอาให้มันทีเดียวเลยแล้วกัน!
- --------------------------------------------- -
หวานๆก่อนนะคะ -...-