ตอนที่ 22
ตั้งแต่รถจอดที่สถานีตำรวจผมก็รู้สึกเหมือนมีคนมาสูบวิญญาณ ถึงผมจะไม่ได้ทำอะไรผิดแต่การมาสถานที่นี้ก็ทำเอาผมแอบหวั่นใจ ยังดีที่ป๊าม๊าเบสและบู้มาด้วย นทีกับหมูก็มาด้วยกัน ไอ้เอกมารอแล้วพร้อมพวกอาจารย์และลุงยามที่เจอผม
“ไม่ต้องเครียดนะ”
ผมเข้าไปให้ปากคำตามที่ตำรวจถาม เล่าเหตุการณ์ว่าเจอพี่เนมตอนไหนแล้วเคยมีเรื่องกระทบกระทั่งกันหรือเปล่า ตำรวจถามถึงลุงหมอกรเพราะพี่เนมมาทำร้ายผมเพราะชอบลุง
เป็นเรื่องน่าอายที่ผมต้องบอกทุกคนว่าผมเป็นเกย์ เพราะอาจารย์มองผมด้วยสายตาแปลกๆ
“ไม่เป็นไรลูก เกย์ก็คน เบียร์ก็ลูกป๊าลูกม๊า หมอกรเขาก็เป็นคนดีไม่มีอะไรน่าอายนะลูกนะ”
ม๊านั่งข้างๆกุมมือผมไว้ ม๊าก็ช่วยพูดว่าลุงเป็นคนดีผมเคยพาไปที่บ้านแล้ว เบสก็ช่วยยืนยัน พวกเพื่อนๆก็พูดตรงกันว่าจริง
“ตกลงเรื่องเริ่มจากนายนิรมิตรเคยคบหาดูใจกับนายบริรักษ์และเลิกลากันไปจากนั้นนายบริรักษ์ได้คบหากับนายเอกากร แต่นายนิรมิตรก็ชอบพอนายเอกากรเหมือนกันจึงได้ตามมาหาเรื่อง”
ผมพยักหน้าหงึกๆ แต่ตำรวจก็ยังไม่สรุปว่าพี่เนมผิดหรือผมถูกเพราะยังไม่ได้เรียกพี่เนมมาสอบปากคำ แต่เบื้องต้นออกหมายเรียกแล้ว อาจารย์บางคนก็ไม่เชื่อว่าพี่เนมจะเป็นแบบนั้นเพราะเป็นเด็กกิจกรรมและเรียนดี ในกลุ่มผมเองก็แทบไม่เชื่อ ทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
“ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูก”
พวกเรากลับมารวมกันที่บ้านลุงกรอีกครั้ง ป๊าเข้าครัวทำอาหารชุดใหญ่เลี้ยงรับขวัญผม ไอ้นทีกับหมูน้ำลายแทบหกเพราะป๊าผมทำตำหรับชาววังมีม๊านั่งแกะสลักแตงกวาจัดจานให้ด้วย
“เบียร์บอกแค่ป๊ากับม๊าทำร้านอาหาร แต่นี่ผมว่าระดับภัตตาคารเลยนะครับ”
ไอ้นทีที่สนิทกับม๊าไปแล้วรีบอ้อนใหญ่
“นี่ขนาดของไม่ครบนะครับ โอ้โหเบียร์ อร่อยขนาดนี้ทำไมมึงตัวแค่นี้วะเป็นกูนะกลิ้งเป็นหมูเหมือนชื่อแล้ว”
ป๊าม๊าหัวเราะอารมณ์ดี ไอ้เบสก็เริ่มกวนตีนกับนที พวกมึงเข้ากันไวมาก มีไอ้เอกกินเรียบร้อยอยู่คนเดียว มันก็เหมือนเดิมไม่ค่อยพูดแต่ตักกับข้าวให้ผม
“ขอบใจนะมึง”
“เพื่อนกัน”
บูบู้นอนสงบอยู่บนตัก ผมลูบหัวมันพลางมองทุกคนอีกครั้ง โชคดีที่มีทุกคนที่นี่แต่ไม่รู้ว่าลุงกรกลับมาจะว่ายังไง เพราะมันพึ่งผ่านไปแค่อาทิตย์เดียว ยังเหลืออีกหนึ่งอาทิตย์ ..
“มึงจะไม่คุยกับคุณหมอหรอ”
ไอ้เบสถามขึ้นมาทำผมชะงัก
“กูไม่กล้าบอก”
“แต่ป๊าว่าเบียร์น่าจะบอกคุณหมอเขานะ คนเป็นแฟนกันมีเรื่องอะไรต้องบอกกัน”
มันก็ใช่ แต่ผมกลัว…
“ลุงไปทำงาน ผมกลัวบอกไปแล้วลุงไม่มีสมาธิ มันเป็นสัมมนาของหมอด้วยอ่ะ”
“เฮ้อ งั้นก็แล้วแต่ลูกนะเบียร์”
ทุกคนเปลี่ยนเรื่องไป เกือบเย็นป๊าม๊าเบสก็กลับแต่ทิ้งไอ้บูบู้ไว้อยู่เป็นเพื่อนผม ม๊าแบกทั้งที่นอนกับอาหารมันมาครบ ไอ้เอกกลายเป็นพี่เลี้ยงแมวเพราะบูบู้ชอบมันที่สุด
“นั่นนองสาวกูนะเอก จะจีบอ่ะขอกูยัง”
“ยกให้ไอ้เอกไปเหอะ น้องสาวมึงจะหาสามีหล่อรวยแบบนี้ไม่ใช่ง่ายๆนะ ฮ่าๆๆๆ”
“เชี่ยหมู น้องสาวกูนะว้อยยยยยยยยยย”
“ถ้าพี่เบียร์ไม่ยกหนูให้พี่เอก หนูจะหนีตามพี่เอกไป”
นทีทำเป็นดัดเสียงเล็กเสียงน้อยผมรีบเขวี้ยงหมอนอัดหน้ามัน ส่วนไอ้เอกก็แค่หัวเราะนิดๆตามสไตล์ สักพักนทีก็เปลี่ยนผ้าก็อตทำแผลให้ผมใหม่ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ
ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่กล้าส่องกระจก
“ทำไมไม่เปิดกล้องล่ะ”
เสียงลุงกรดังผ่านไอแพดมา
“ขี้เกียจอ่ะ อ่านการ์ตูนอยู่”
“เดี๋ยวนี้เห็นการ์ตูนสำคัญกว่าพี่หรอ”
“ช่ายยย ฮ่าๆๆๆๆ”
ผมแกล้งขำแต่น้ำตาเริ่มรื้น
“งั้นของฝากไม่ต้อง”
“โห่ววววววววววววว ไม่เอาอ่ะ วันนี้ไปเที่ยวไหนบ้างอ่ะลุง”
“มาแช่น้ำพุร้อน อากาศดีมากเลยไว้เบียร์ปิดเทอมพี่จะพามาดีมั้ย?”
ถึงตอนนั้นถ้าลุงยังอยากมากับผม…
“พูดแล้วนะ เย้! อยากไปญี่ปุ่นว่ะ แต่ไอ้นทีต้องฝากซื้อหนังโป๊นมทรีดีแหงๆ นี่ลุงแอบไปดูมาหรือเปล่า!”
“อ้าวโดนจับได้ซะแล้ว หึหึ”
“ชิ ..”
“ล้อเล่นน่า บอกแล้วช่วงนี้ชอบจอแบน”
“ลุง ผมถามอะไรหน่อยดิ”
“ว่าไงหือ”
ผมเงียบไปสักพักเพราะน้ำตามันไหลออกมา ความกังวลมันกัดกินหัวใจผมจนกร่อน อีกฝ่ายก็เงียบรอผมถาม ผมกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเค้นเสียงตัวเองให้ดูปกติที่สุด
“ถ้าวันนึงผมหน้าเปลี่ยนไป…”
“อยากทำศัลยกรรมหรอ หือ”
มันใช่ที่ไหนเล่า!
“ก็สมมุติถ้าผมแบบหน้าไม่เหมือนเดิม มีริ้วมีรอย…”
“ไหนบอกว่าถึงวันนั้นพี่ก็แก่กว่าเบียร์อยู่ดี แล้วเบียร์จะกังวลทำไม พี่มากกว่านะที่ต้องกังวลว่าต้องไปฉีดโบท็อกซ์หรือเปล่า หึหึ”
คำพูดของลุงทำผมยิ้มออกมาแต่นี่มันไม่ใช่ริ้วรอย มันมากกว่านั้น
“แล้วถ้าสมมุติหน้าผมกลายเป็นน่าเกลียด แบบว่ามองแล้วยังผวา”
“คิดมากน่า ใครว่าอะไรมาหือ? เบียร์ของพี่แก้มนิ่มจะตาย ถึงจะมีสิวบ้างก็เถอะก็ตามวัย เรายังน่ารักสำหรับพี่เสมอนะครับ ไม่คิดมากสิ”
พี่กร…
“ลุงคะ .. แค่นี้ กะ ก่อนนะ เอ่อ ผมต้องไปทำการบ้านก่อน บายครับ”
ผมรีบกดวางแล้วซุกหน้าร้องไห้กับหมอน ทำไงดีแก้มผมมันจะไม่นิ่มแล้ว มันจะมีรอย แล้วถ้าลุงไม่ชอบผมต้องทำยังไง
“เมี้ยว…”
“บูบู้ เบียร์ต้องทำยังไง ฮือออ”
มือหนึ่งลากกระเป๋าเดินทาง อีกมือถือกระเป๋าใบเล็กแต่เต็มไปด้วยขนมของฝากซึ่งส่วนมากก็ของไอ้ตูบที่บ้าน ไม่ได้เจอตั้งสองอาทิตย์คิดถึงมันจริงๆ
ผมนั่งแท็กซี่มาลงหน้าบ้าน ไม่ได้บอกมันไว้ว่าจะกลับกี่โมงแค่บอกว่าวันนี้ มันคงยังไม่กลับจากมหาลัย
“เมี้ยวววว”
เปิดบ้านเข้ามาเจอแมวทำผมงง แมวเปอร์เซียผูกโบว์สีฟ้าหน้าอ้วนๆ ไม่น่าใช่แมวไอ้ปิ๊งเพราะไอ้ตัวนี้หน้ามันคนละแบบ
“ว่าไงเจ้าแมว”
ผมอุ้มมันขึ้นมาดูปอกคอสีชมพู … บูบู้ … แมวเจ้าตูบของผมนี่เอง
“มาตั้งแต่วันไหนเรา ดื้อรึเปล่าหือ”
ย่อตัวปล่อยมันเดินไปตามสะดวก ผมไม่ได้เกลียดแมวเพราะบางทีไอ้คู่รักตระกูลแมวปิ๊งปัณณ์ก็ชอบเอาแมวมาฝากเวลาพวกมันจะไปสวีทกันสองคน
ผมชะงักเมื่อเข้ามาในห้องนอนเพราะมีชุดทำแผลวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง … เบียร์บาดเจ็บ? อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในบ้านอย่างมากก็แค่มีดบาดหกล้ม ไม่น่าจะต้องครบเครื่องขนาดนี้ หรือว่ามันซื้อมาผิด? มีทั้งผ้าก็อต เทปติดแผล
หน้าผมหันขวับไปที่ถังขยะใบเล็กริมห้องก่อนเท้าจะเดินไปทันที ผ้าก็อตใช้แล้วเปื้อนเลือดเป็นหย่อมๆทิ้งอยู่ก้นถัง เลือดออกขนาดนี้ได้ยังไง? ดูแล้วคงถูกทิ้งไว้นานผ่านมาหลายวัน เพราะแผ่นบนๆเริ่มไม่มีเลือดแล้ว
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ตอนผมไม่อยู่
ถ้าเป็นแผลก็ต้องเห็น จะเห็นก็ต้องไม่ให้ไอ้ตูบมันรู้ว่าผมกลับมาแล้ว ผมปิดบ้านเหมือนไม่มีคนอยู่แล้วนั่งอ่านเอกสารวิจัยอยู่โต๊ะม้าหินหลังบ้าน กระเป๋าเสื้อผ้าและของฝากก็เอามาไว้ตรงนี้เหลือแค่แมวอยู่ในบ้านไปตัวเดียว
เสียงรถมาจอดที่หน้าบ้านผมวางเอกสารลงบนโต๊ะ
“เฮ้ยพี่หมอยังไม่กลับว่ะ”
เสียงนทีมาคนแรก
“เออดีๆ เบียร์มึงรีบเก็บของเร็ว พวกยากวาดมาให้หมด ขยะด้วย”
ผมเริ่มขมวดคิ้ว
“อือๆ ช่วยกูหน่อยนะ”
เสียงไอ้ตูบของผม… ได้ยินเสียงพวกมันไขประตูเข้าบ้าน ผมเดินลัดข้างบ้านมาที่หน้าประตู คนสุดท้ายของกลุ่มก็มาถึงพอดี ขายาวกวาด
ข้ามบิ๊กไบท์ลงมายืนก่อนจะถอดหมวกกันน็อคออก มันหันมาเห็นผมแล้วชะงัก
“รอนี่แหละ”
แววตามันฉายความกังวลแล้วถอนหายใจออกมา แต่ก็ยืนพิงมอไซต์ไม่ได้ก้าวเข้ามา ผมหันกลับเดินตามไอ้สามคนในบ้าน พวกมันอยู่ชั้นสองกันผมก้าวเท้าขึ้นไปช้าๆไม่ให้มีเสียงจนมาหยุดที่หน้าประตูห้องตัวเอง ประตูไม่ได้ปิด มีคนสามคนกำลังทำหน้าที่ต่างกัน
ไอ้ตูบมันนั่งยืนหลังให้ผมดึงเสื้อจากไม้แขวนผ้ายัดใส่เป้ ทั้งชุดนักศึกษาและชุดธรรมดา
นทีกำลังกวาดยาใส่ถุง
หมูหยิบถังขยะหันกลับมาเจอผมเป็นคนแรก
เคร้ง …
เสียงถังขยะร่วงจากมือ
“พะ .. พี่หมอ … สวัสดีครับ”
ผมไม่ได้สนใจหน้าซีดๆของมันเพราะอีกสองคนชะงักทันที ไอ้นทีรีบไปยืนบังไอ้ตูบกางแขนเหมือนกลัวผมจะไปฆ่าแฟนตัวเอง
“อะไรกัน?”
“มาตอนไหนอ่ะพี่หมอ”
นทียิ้มเจื่อนแต่ก็ยังไม่เอาแขนลง ผมเดินผ่านหมูไปยืนจ้องหน้านที
“ถอย”
“เอ่อ …”
มองผ่านไหล่มันไป ไอ้ตูบผมมันกำลังตัวสั่นแต่ก็ไม่ยอมหันมา
“จะไปไหนกัน?”
“อ่า … คืนนี้ไปทำรายงานบ้านผมกัน ใช่มั้ยหมู”
“ใช่ๆๆๆ ไปบ้านนทีกันครับ”
“เบียร์หันมาเดี๋ยวนี้”
หรือตอนผมไม่อยู่มันคิดจะจากผมไปถึงต้องรีบมาเก็บของกันขนาดนี้ นี่ถ้าผมไม่ได้กลับมาก่อนคงไม่ได้เจอมันแล้วใช่มั้ย
“พี่บอกให้หันมา! นทีหลบ!”
“พี่หมอเดี๋ยวก่อน..”
“พี่บอกให้หลบ!”
ถึงจะรู้ว่ามันเป็นนักมวยแต่เรื่องนี้มันจะมายุ่งไม่ได้! ผมไม่กลัวถ้ามันจะสวนหมัดมาแต่มันก็ไม่ทำแค่ลดแขนลงแล้วหลบไป เหลือแค่ผมกับเบียร์
“จะหนีพี่ไปไหน”
“ปะ .. เปล่า”
เสียงสั่นแต่ก็ยังไม่หันมา!
“มองหน้าพี่แล้วจะตายหรอเบียร์”
“ผมไม่อยากเห็นหน้าลุง!”
ไอ้เด็กนี่!
“ไม่อยากหรอ เห็นแล้วจะตายใช่มั้ย ก็เอาให้มันตายไปเลย”
ผมกระชากมันกลับมาแต่แล้วก็เป็นฝ่ายอึ้งแทน ใบหน้าซีกซ้ายของไอ้ตูบมีแต่ผ้าก็อตแปะเหลือแค่ดวงตาเรียวของมันที่มีน้ำตารื้นอยู่เต็ม…
รู้แล้วว่าทำไมมันไม่ยอมเปิดกล้อง รู้แล้วว่าทำไมถึงมียาและอุปกรณ์ทำแผลในบ้าน รู้แล้วว่าผ้าก็อตชุ่มเลือดในถังขยะมาจากไหน รู้แล้วว่าทำไมมันถามถึงเรื่องหน้าตา
“เบียร์…”
“อย่ามอง ฮึก … ”
มันพยายามสลัดผมออกแต่ผมดึงมันมากอดไว้แน่น ไม่ใช่มันที่สั่นคนเดียวตัวผมกำลังสั่นไม่ต่างกัน กอดที่ไม่ใช่แค่ปลอบมันแต่คือการปลอบใจตัวเอง…
“ไม่เป็นไร … ไม่เป็นไร”
“โฮฮฮฮ ลุง … ผมขอโทษ ..”
“ไม่เป็นไร ไม่ร้องนะคนดี เจ็บมากมั้ยหืม … เดี๋ยวก็หายนะ นะครับ”
น้ำตาผมคลอเบ้าทั้งๆที่ไม่ใช่คนอ่อนไหว คนของผม คนสำคัญของผมมันกำลังเจ็บปวด ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เสียงร้องไห้ของมันเหมือนตะปูตอกลงที่หัวใจผม … ทำไมดูแลมันไม่ได้ ทำไมตอนที่มันเจ็บผมไม่ได้อยู่ข้างๆ ทำไมผมไม่ใช่คนแรกที่รู้ว่ามันต้องเจอเรื่องแบบนี้ ทำไมมันถึงไม่ไว้ใจผม ไม่ยอมบอกผม แถมจะหนีผมไปอีก
“เบียร์ .. พี่ดีไม่พอสำหรับเบียร์หรอครับ…”
- ------------------------------------- -
-....- แฮ่