* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนพิเศษ [P.5*13/7/2557] [จบแล้วค่ะ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนพิเศษ [P.5*13/7/2557] [จบแล้วค่ะ]  (อ่าน 55103 ครั้ง)

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


************************


ผลงานที่ผ่านมา

[drama] my best friend รักนี้มีแต่นาย[End]
[drama]รอจนกว่า...จะรักกัน[End]
 B e c a u s e_O f_Y o u . . .' ซ น [End]'







INTRO**รอจนกว่าจะรักกัน**



   “ขอบคุณนะครับพี่ที่มาส่ง”

   “อื้อ ไม่เป็นไร”  ผมหันไปยิ้มให้เด็กหนุ่มที่เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋านักเรียนมาวางที่ตัก ก่อนจะนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไรสักอย่าง

   “เป็นไรอ่ะ”

   “ผมยังไม่บอกพี่เรื่องเรียนต่อใช่ป่ะ”

   “เออใช่!!สรุปว่าเลือกที่มหาลัยไหน ม.เดียวกับพี่ก็ได้นะ”

 “............”

   “ว่าไงเลือกที่ไหนไว้”

   “ผมว่าจะไปเรียนต่อที่มหาลัยแถวภาคเหนือ” มันหันมายิ้มให้ ยิ้มที่ผมมองยังไงก็รู้สึกว่าในตามันโคตรเศร้า

   “ทำไมล่ะ”

   “พี่ก็รู้...ว่าทำไม” แววตา คำพูด หรือแม้แต่กระทั่งน้ำเสียงที่ส่งกลับมาให้ ผมเดาออกว่าทำไมมันต้องไปอยู่ไกลขนาดนั้น

   “แล้วแต่บัสล่ะกัน ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก”

   “เหอะ ไม่แคร์กันเลยสินะ ไม่ว่าผมจะไปไหน พี่ก็ไม่เคยแคร์กันเลยสักนิด” แววตาวาวโรจน์ส่งตรงมาที่ผม แม้ไม่ได้บอกว่าเสียใจหรือน้อยใจแต่ผมก็สัมผัสได้ว่าบัสรู้สึกยังไง

   “แล้วจะให้แคร์อะไร เราสองคนตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอบัส ว่าความสัมพันธ์ของเรามันได้แค่จุดไหน” ผมพูดความจริงนะครับ เราคุยกันมาตั้งแต่แรกว่าเราจะวางสถานะไว้ที่ตรงไหน บัสเตอร์ก็ยังมีผู้หญิงเยอะแยะ ล่าสุดก่อนผมไปรับมันที่โรงเรียนก็เห็นเดินมากับผู้หญิงน่ารักๆคนหนึ่ง ส่วนผมก็มีคนที่รักอยู่แล้วและที่สำคัญตอนนี้ผมยิ่งทิ้งเขาไม่ได้ เพราะเขาไม่เหลือใคร...จะให้ผมไม่ดูดำดูดีเลยมันก็ไม่ใช่

   “ผู้หญิงคนนั้นเขาสำคัญกับวินจังเลยนะ...” เวลาที่บัสพูดชื่อผมเฉยๆโดยไม่มีคำว่าพี่ มันคืออารมณ์ที่ไม่ปกติ ไม่ว่าจะโกรธ ดีใจ หรืออะไรก็ตามมันจะเรียกชื่อผมห้วนๆแบบนี้ ตอนนี้ก็คงโกรธสินะ

   “ทั้งๆที่เขาทำกับใครต่อใครไว้ตั้งเยอะแยะ วินก็ยังเห็นเขาสำคัญ” สำคัญสิ ‘ผู้หญิงคนนั้น’ ที่บัสเตอร์เอ่ยถึงคือผู้หญิงที่ผมรักนะ รักมากเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เรารู้จักกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว แต่เป็นความรู้จักที่ขมขื่นไปนิด เพราะเธอดันเป็นแฟนเพื่อนผมอยู่ แต่ความสัมพันธ์ลับๆของผมกับ‘ผู้หญิงคนนั้น’ ก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ ความสัมพันธ์ที่ว่าไม่ใช่นอนด้วยกันหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะครับ เราอาจจะเคยมีอะไรกันแค่ครั้งแรกและนั่นก็เป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่ผมทำอะไรตามใจตัวเอง แต่หลังจากนั้นผมก็ให้เกียรติเธอตลอด ที่สำคัญผมเกรงใจเพื่อนผมด้วย แต่ตอนนี้มันไม่มีอะไรให้ต้องเกรงใจแล้ว เพราะเพื่อนผมมันกกลับไปหาคนที่มันรักส่วน‘ผู้หญิงคนนั้น’ ก็ต้องอยู่คนเดียว แล้วอย่างนี้จะให้ผมปล่อยคนที่ผมรักอยู่คนเดียวได้ยังไงกัน

   เคยคิดเหมือนกันครับว่าปล่อยๆเธอไปเถอะ ให้เธอได้เจอคนใหม่ คนที่ดีกว่าเพื่อนผม แต่ผมก็ทนไม่ได้ว่ะที่เห็นเขาร้องไห้แบบนั้น ใจแม่งเจ็บทุกทีที่เห็นดวงตาสวยๆนั่นมีร่องรอบของน้ำตา

   “พี่ไม่สนหรอกว่าใครจะมองว่ายังไง แต่สำหรับพี่ เขาน่ารักเสมอ และที่สำคัญเขาก็เป็นคนที่...”

   “วินรัก?? หึ ไม่ต้องย้ำบ่อยๆก็ได้วิน ผมรู้ว่าวินรักเขา รักจนไม่สามารถให้ใครเข้าไปแทนที่ได้เลย  แต่บางทีผมก็อยากรู้ว่าผมอยู่ตรงไหนของวิน เคยไหมที่ผมจะได้อยู่ในหัวใจวินบ้าง”

   “..........”

   “เงียบแบบนี้แสดงว่ามันไม่เคยมีเลยสินะ...ช่างมันเถอะแล้วนี่พี่จะไปไหนต่อ” ผมไม่ได้ตอบมันหรอกครับเพราะผมรู้ว่าบัสเตอร์รู้อยู่แล้วว่าผมจะไปไหน “โอเค เข้าใจแล้ว ไปดีมาดีล่ะ...”

   บัสเตอร์ยกมือบ๊ายบายพร้อมกับรอยยิ้มที่ผมมองทีไรก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่มีความสุข

   “อย่าทำหน้าอย่างงั้นดิวะบัส บอกไปแล้วไง..”

   “รู้แล้วๆไม่ต้องย้ำหรอกน่าว่าความสัมพันธ์เรามันถึงแค่ตรงไหน...งั้นฝันดีนะครับพี่วิน หึ ฝันดีอยู่แล้วนี่หว่าไปหาคนที่ตัวเองรักขนาดนั้น” ไอ้บัสเบ้ปากแล้วหันไปหยิบของที่เหลืออยู่หลังรถ

   “ทำไมชอบประชดวะ”

   “ไม่ได้ประชด” มันพูดเสร็จก็ทำท่าจะเปิดประตูออกจากรถ แต่ผมก็คว้ามือมันมาไว้ก่อน เราสบตากันในความมืดที่มีแค่แสงไฟจากด้านนอกสาดเข้ามาในตัวรถเท่านั้น ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกจากปากเราทั้งคู่ มีเพียงแค่เสียงของลมหายใจกับเสียงเครื่องยนต์ที่ยังไม่ดับ


   “ผมไม่รู้จะทำยังแล้วว่ะวิน วินตอบผมหน่อยดิ ผมควรทำยังไงวะ” สีหน้าเจ็บปวดราวกับว่าสิ่งที่ผมทำอยู่มันโคตรผิด


   “ก็ไม่ต้องทำยังไง เราเลือกแบบนี้มาตั้งแต่ต้น” ผมปล่อยมือจากบัสเตอร์แล้ว แต่มันเองที่คว้ามือผมมาจับไว้


   “ทำไมไม่ปล่อยไปเลยล่ะ ถ้ามันเหนื่อยขนาดนั้นก็ปล่อยไปเลยดิ รั้งกูไว้ทำไมวะบัส เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องทำให้กูลำบากใจวะ” ผมตะโกนใส่หน้าบัสเตอร์ แม่งคุยกันแล้วแท้ๆ ยังจะมาพูดแบบนี้อีก เราสองคนเป็นแค่คู่นอน สถานะก็บอกไปแล้วในตัว ผมมีคนที่ผมรัก ส่วนมันจะไปทำอะไรกับใครผมก็ไม่ได้แคร์ตรงจุดนั้นอยู่แล้ว

 

   “วิน...” แสงจากรถคันอื่นที่ส่องผ่านเข้ามาในรถทำให้ผมเห็นเค้าโครงหน้าของบัสเตอร์ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เขาโตขึ้นมาก เด็กผู้ชายที่ผมเจอครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว จำได้ลางๆว่าตอนนั้นมันเดินเอาของมาให้เบสที่คณะ เขาใส่ชุดนักเรียน กางเกงสีน้ำเงินกับเสื้อที่หลุดลุ่ยออกนอกกางเกง ริมฝีปากมีรอยช้ำเพราะโดนต่อยกับพลาสเตอร์ปิดแผลที่ติดตรงหางคิ้ว ท่าทางแบดบอยเสียจนผู้หญิงในคณะผมมองเป็นตาเดียว อีกทั้งความสูงที่ผิดกับพี่ชายกับคำพูดเหน็บแนมตอนยื่นของให้ บัสเตอร์ทำราวกับตัวเองเป็นพี่ไอ้เบส ทั้งๆที่ตัวเองอ่อนกว่าเบสตั้งเกือบ 2 ปีแท้ๆ



เรื่องราวของผมกับมันก็เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์วันนั้นล่ะมั้ง มันไม่ใช่แค่ความทรงจำลางๆ เพราะมันเข้มมากพอที่ทำให้ใจกระตุกทุกครั้งที่นึกถึง


   “ไม่ไปไม่ได้เหรอวิน...อยู่กับบัส...นะ” บัสเตอร์ประคองหน้าผมแล้วกดจูบลงที่แก้มเนิ่นนาน ริมฝีปากคลอเคลียจากติ่งหูลดลงมาที่ปากอีกครั้ง

   “ไม่ได้หรอก...หลิวอยู่คนเดียว” หลังคำพูดเมื่อกี้บัสมันก็กัดริมฝีปากล่างผมอย่างแรง แรงจนรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือด ก่อนจะดูดดึงเบาๆเหมือนขอโทษผมที่ทำให้เจ็บตัว

   “ขับรถดีๆล่ะ..ถ้ามีเวลาว่างสักนิดก็ไลน์มาบอกผมด้วยว่าถึงแล้ว” เสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับรถที่เคลื่อนออกไปช้าๆ จะให้กูทำไงล่ะบัส กูรักผู้หญิงคนนั้น…



   ส่วนมึงกูให้ได้มากสุด....ก็แค่น้อง...เท่านั้น






สารบัญ


chapter 1- 6 [หน้าแรก]
chapter 7
chapter 8
chapter 9
chapter 10
Chapter 11
Chapter 12
chapter 13
chapter 14
chapter End

ตอนพิเศษ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2018 08:35:28 โดย candyon »

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อือหือ แบบวินนี่ยิ่งกว่าเลวอีกนะ

ไม่ใช่แต่ไม่ปล่อยมือ


หนีไปไกลๆ เลยบัส

ออฟไลน์ Inamning

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ขอหน่วงๆๆๆ  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ผู้หญิงคนนั้นมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็ยังแอบคบกับวินอยู่ ผู้หญิงแบบนี้ สมควรที่จะต้องอยู่คนเดียว ส่วนวิน แอบคบกับแฟนเพื่อน โดยที่ไม่ได้มีความรู้สึกผิดสักนิด ก็เหมาะกันดีนะ หึหึ สงสารก็แต่บัส รักคนที่เขาไม่เห็นค่า ไม่เห็นต่อความรักที่เรามีให้ สงสารบัสจริงๆ ไปเรียนที่ภาคเหนืออ่ะดีแล้ว เผื่อจะเจอคนที่ดีกว่านี้

แค่อินโทรก็ดราม่ามากแล้ว ตอนต่อไปจะขนาดไหน ฮุฮุ รอตอนต่อไปนะค้า

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao5: มารอความหน่วง

คนเขียนจะมาทำให้เราร้องไห้อีกแล้ว

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
ตอนที่ 1 จนกว่าเราจะ...พบเจอ



ผมไม่เคยเชื่อในพรหมลิขิต ผมไม่เคยเชื่อว่ามันมีอยู่จริงด้วยซ้ำ เคยเฝ้าถามมันครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าถ้ามันมีอยู่จริงทำไมคนเหล่านั้นถึงไม่เคยเห็นใจผม ทำไมถึงไม่ลิขิตให้ผมคู่กับคนที่ผมรักล่ะ แล้วทำไมโชคชะตาถึงต้องผลักไสผมให้ห่างเขาออกมาเรื่อยๆ



ใช่ครับ คนที่ผมรัก กับ คนรัก ในความหมายผมมันต่างกัน คนที่ผมรัก คือคนๆหนึ่งที่เหมือนจะใกล้แต่มันโคตรไกล คนที่คอยเป็นเพื่อน คนที่คอยปลอบ และคนที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อเขาได้โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ ขอแค่ได้อยู่ข้างๆ สำหรับผมแค่นั้นก็มากเกินพอ

ผมเป็นแค่ เงา ในความมืดของเขา

แต่ใครจะไปรู้ว่าใน เงา ของผมกลับมี เงา ของใครอีกคนซ่อนอยู่ข้างๆผมเหมือนกัน





เอี๊ยดดดดดด
 
"บ้าเอ๊ย!!! ขับรถดูทางหน่อยสิวะ" ผมลดกระจกแล้วตะโกนเสียงดังส่งไปให้ไอ้เด็กกางเกงน้ำเงินที่กำลังยกรถเวสป้าของตัวเองขึ้นช้าๆ

"ก็ทำไมพี่ไม่ขับให้มันดีๆเล่า!!! ผมเลี้ยวออกจากซอยผมมาดีๆ พี่แม่งก็ขับตรงมาเลย หัดคิดมั่งดิทางตรงอ่ะดูรถทางเลี้ยวออกบ้าง" อ่าวกลายเป็นคนที่ขับรถทางตรงแบบผมต้องดูรถให้ไอ้คนที่จะเลี้ยวแบบไม่ดูทางอย่างมันเนี่ยนะ ไอ้เด็กเปรต โทรแจ้งสารวัตรนักเรียนแม่งดีไหม เพิ่งจะบ่ายโมงเองทำไมมาขับรถเชี่ยวไปเชี่ยวมาแบบนี้ได้

ไอ้เด็กม.ปลายนั่นพอได้ด่าผมเสร็จก็ประคองเวสป้าคันโปรด(มั่นใจครับว่าโปรดแน่ๆดูจากท่าทางการประคองจับนี้คิดว่าประคองคนท้อง) เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะครับ อ้อพอมันประคองเวสป้าขึ้นได้มันก็ยกขาตั้งขึ้นกลางถนน ไม่สนใจเลยครับว่ามันทำให้การจารจรติดขัดไหม แต่ที่มันกำลังสนใจคือก้มๆเงยๆดูรถตัวเอง ใช้นิ้วลูบตรงรอยขูดกับดูไฟหน้ารอบแล้วรอบเล่า



 
ปรี๊ดดดดดดดด ปรี๊ดดดดด
 
"ขยับรถหน่อยสิคุณ!!!! พ่อตายหรือไงห๊า จะเคลียร์อะไรกันยาวนานขนาดนั้น" นี่แค่รถชนกันมึงยังด่ายันพ่อขนาดนี้ ถ้ากูไปขโมยของบ้านมึงไม่ด่ายันปู่ย่าตาทวดรึไง
 
"รู้แล้วพี่รู้แล้วแป๊บนึงนะครับ" ผมผงกหัวขอโทษไอ้พี่หนวดที่ยืนโวยวายขอทางเสร็จก็ตบไฟเลี้ยวจอดเข้าข้างทาง แต่ประเด็นคือไอ้เด็กหัวหมวกกันน็อคลายโดเรมอนแม่งไม่ยอมขยับไปไหน ยังก้มเงยๆลูบเวสป้าคันเก่าของมันอยู่
 
"นี่น้องพี่ว่าขยับรถเข้าข้างทางก่อนเหอะ เห็นไหมรถมันติดเนี่ย" ผมตะโกนจากในรถบอกให้ทำตามที่ผม แต่ดูเอาเถอะ บอกขนาดนี้มันยังตีมึนไม่ยอมจูงรถเข้าข้างทาง มัวจดๆจ้องๆกับเศษเหล็กคันเก่าโดยไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นมาแคร์โลกด้วยซ้ำ "ได้ยินไหมเนี่ยขยับรถเข้าข้างทางก่อน รถมันติด"
 
"ติดก็ช่างมันดิ รถผมยังเช็คไม่หมดเลย ดูดิไฟหน้าแตกด้วย พี่รับผิดชอบเลยนะ เนี่ยถ้าเบสรู้มันต้องใส่ไฟแม่ไม่ให้ผมขับรถต่อแน่ๆ แม่งเอ๊ย!!ทำไงดีวะ"  ประโยคแรกมันพูดกับผมแต่ประโยคหลังเหมือนมันบ่นงึมงำพูดกับตัวเองซะมากกว่า
 
แล้วอะไรคือการที่ผมต้องรับผิดชอบคนขับรถปาดหน้าผมด้วย ผมขับของผมมาดีๆส่วนมันมาจากไหนไม่รู้เลี้ยวมาปาดหน้าผมเฉยเลย ยังดีที่รถผมไม่เป็นอะไรมาก
 
"เออๆเดี๋ยวพี่รับผิดชอบก็ได้ มานี่ก่อนมา" ผมไม่ได้อยากรับผิดชอบรถเส็งเค็งมันหรอกครับแต่เป็นเพราะรถที่ติดยาวเป็นพืดบวกกับไอ้หัวปิงปอง(ตำรวจที่ส่งสัญญาณหน้าดำค่ำเครียดมาให้ขนาดนั้นเลยต้องเออออกับมันไปก่อน)
 
"มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว.." พูดเสร็จก็จูงรถมายืนข้างๆรถผมที่จอดรออยู่ก่อน ตาแม่งไม่มองถนนเลยให้ตาย
 
"เฮ้ย!! ระวังรถด้วย" แม่งไม่กลัวรถเลยอยากจะข้ามก็ข้าม นี่มันถึงยุคสมัยที่คนขับรถต้องกลัวคนข้ามถนนมากกว่าแล้วใช่ไหม
 
"พูดมากว่ะพี่ อ่าวเฮ้ยพี่!!" จูงรถมาจนถึงรถผม จู่ๆมันก็ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าแล้วร้องเสียงดังทำตัวเหมือนรู้จักผมซะงั้น "พี่...พี่ใช่ไหม"
 
อะไรของมัน มาถึงพี่ พี่ใช่ไหมแล้วกูจะรู้ไหมว่าพี่ พี่ของมึงเนี่ย พี่อะไร ผมคงทำหน้างงใส่มันมากเกินไปไอ้เด็กเปรตเลยถอดหมวกกันน็อคออกพอเห็นหน้ามันเท่านั้นแหละ ผมนี่ร้องอ๋อเลย จะใครอีกล่ะครับ น้องไอ้เบสเพื่อนผมอ่ะดิ จำได้ว่าเคยเจอแค่ครั้งเดียวตอนสมัยไอ้เบสอยู่ปีหนึ่ง มันเคยเอาของมาให้เบสที่คณะ
 
“ตัวสูงขึ้นหรือเปล่า” ผมถามพลางมองหน้ามองหุ่นไอ้บัสเตอร์ที่ดูหล่อขึ้นมากกว่าแต่ก่อน หุ่นก็ดีขึ้นมากกว่าไอ้ขี้ก้างคนเก่าที่ผมเคยเจอครั้งแรก

“ก็นิดนึงดิพี่ ผมโตแล้วนะ” หึ โตแค่ไหนกันเชียว แล้วดูคิ้วมันดิครับ คิ้วเข้มๆที่มีรอยขีดแปลกๆเหมือนพวกเกเร จมูงโด่งรับกับผิวที่ไม่ได้ขาวจัดเหมือนไอ้เบส ผิวบัสเตอร์ดูแทนๆเข้มๆถ้าไม่บอกว่าเป็นพี่น้องกับไอ้เบสผมไม่เชื่อจริงๆนะครับ แล้วทรงผมสกินเฮดบวกกับรอยช้ำตรงหน้ากับมุมปากมันโคตรจะทำให้บัสเตอร์ดูแบดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก เออหล่อขึ้นไม่พอ แม่งดูเท่กว่าผมอีกว่ะ
 
"แล้วหน้าไปโดนอะไรมา" ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ชอบห่วงคนอื่นของผมพอเห็นหน้าที่ยับจนเรียกว่าเละของบัสเตอร์ก็อดที่จะถามไม่ได้ แถมแผลที่เห็นก็ดูจะสดๆร้อนๆเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมรบเมื่อไม่กี่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ "เอ้า!! ถามว่าหน้าไปโดนอะไรมา"
 
"ซี้ดดด..อย่าจิ้มดิพี่ พอดีมีเรื่องกับเพื่อนนิดหน่อย อย่าบอกเบสนะไม่งั้นมันไปเล่าให้แม่ฟังแน่ๆ" ไอ้บัสดึงมือผมที่กำลังจิ้มหน้ามันออกไปจับไว้ก่อนจะเขย่าเบาๆเป็นเชิงบังคับแกมอ้อนวอน
 
“แน่ใจนะบัสว่านิดหน่อย ดูจากสภาพหน้ามันไม่ใช่แค่มีเรื่องนิดหน่อยอย่างที่บอกเลยนะ”
 
“โถววพี่ นิดหน่อยจริงๆ เรื่องไร้สาระ”
 
"ไปแย่งแฟนเขามาอีกแล้วอ่ะดิ"
 
"เฮ้ย!!!พี่รู้ได้ไง" จะไม่ให้รู้ได้ไงวะไอ้เบสบ่นเรื่องน้องมันวันเว้นวันเลยมั้ง แล้วเรื่องส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องต่อยตีเข้าห้องปกครองเหตุเพราะแย่งผู้หญิงกัน "แต่พี่วินอย่าทำหน้างั้นดิ ผมไม่ได้คนหาเรื่องนะ ก็แฟนมันมายุ่งกับผมก่อนอ่ะ ซี๊ดดด เจ็บว่ะ เพราะพี่จิ้มเมื่อกี้แหงๆ"
 
"ไม่เกี่ยวเลย ปล่อยมือได้แล้วมั้ง จะจับอีกนานไหม" ผมพูดพร้อมกับดึงมือตัวเองออกจากมือไอ้บัส มันยิ้มนิดๆแต่ก็ยอมปล่อยมือแต่โดยดี มึงไม่รู้สึกอะไรแต่กูขนลุกเข้าใจไหมบัส ผู้ชายอะไรมาจับมือกันกลางถนน ยังมาทำหน้ากวนตีนใส่อีก “แล้วนี่จะไปไหนวะ ทางกลับบ้านไม่ใช่ทางนี้นี่”
 
"ว่าจะไปนอนหอเพื่อนว่ะพี่ ไม่อยากกลับบ้าน แต่เพื่อนแม่งฟิดเจอริ่งกับสาวอยู่เลยไม่รู้จะเอาไงดี ตอนแรกก็กะว่าจะไปเล่นสนุกเกอร์รอมันเอากันจนเสร็จนั่นแหละ แต่ไม่มีตังค์ว่ะพี่โดนหักค่าขนม เพราะเพื่อนพี่นั่นแหละไปฟ้องแม่ว่าผมไปตีกับเด็กช่างกล” เพื่อนกูก็พี่มึงไหมล่ะ
 
“แล้วนี้จะเอาไง”
 
“คงไปนอนหอกิ๊กสักคนมั้ง แย่ว่ะคืนนี้มีได้เสียกันอีกแล้ว" บัสเตอร์พูดพลางยักคิ้วโชว์ความจังไรของตัวเองไปพลาง มันน่าภูมิใจตรงไหนวะเรื่องที่มึงพูดออกมาเนี่ย มีแต่เด็กอย่างมึงนั่นแหละที่ทำ
 
“กิ๊กมึงนี่ผู้ชายเหรอ”
 
“ก็มีทั้งผู้ชายผู้หญิงนะ หรือพี่จะมาเป็นกิ๊กผมอีกคน” ไอ้บัสพูดเสียงจริงจังก่อนจะโน้มหน้าลงมาใกล้ๆผม นี่มันสูงกว่าผมอีกเหรอวะ
 
 “หึหึ พี่แม่งฮาว่ะพี่วิน ฮ่า ฮ่า” เออขำมากไหมสัส ขำมากเลยใช่ไหม ขอโบกกะโหลกสักที
 
“โอ้ยพี่แม่ง!!! เจ็บนะเว้ย”
 
“เออไง ตบให้เจ็บ เดี๋ยวกูโทรตามประกันพร้อมๆกับให้เขาเอารถมึงไปซ่อมเลยนะ" เพราะสนิทกันมากขึ้นผมเลยกล้าพูดมึงกูกับมันแต่คิ้วที่ขมวดเป็นปมเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างของไอ้บัส ผมเลยต้องถามมันอีกครั้งว่าเป็นอะไร คำตอบที่ได้ทำเอาผมอึ้งไปเลย
 
"พี่วินแม่งเกลียดอะไรผมหรือเปล่า"
 
"เกลียด?? เกลียดไรวะ"
 
"ก็พูดมึงกูกับผมเนี่ย พี่เกลียดผมเหรอ" ห้ะ ใครบอกมันวะว่าการพูดกูมึงคือการพูดกับคนที่เกลียด อย่างงี้ผมไม่เกลียดพวกเพื่อนๆผมด้วยรึไง
 
"กระแดะว่ะบัส กูจะพูดอย่างนี้กับมึง มึงจะทำไมวะ อยากรู้จริงๆว่าอยู่กับเพื่อนมึงไม่พูดแบบนี้หรือไง" แม่งคนแบบนี้ก็มีด้วย ผมเพิ่งเห็นก็ตอนนี้นี่แหละ เห็นไอ้เบสเคยเกริ่นๆเรื่องน้องมันเหมือนกันแต่ไม่คิดว่าจะเป็นหนักขนาดนี้
 
"ก็พูดผมกับคุณตลอดนะ เพื่อนผมก็ไม่เห็นเคยพูดกูมึงอะไร ผมไม่ชอบว่ะพี่วินพูดเพราะๆกับผมเถอะ"
 
"ทำไม?? ระคายหูเหรอวะ กูจะพูดแบบนี้อ่ะทำไม"
 
"วิน...ผมไม่ชอบว่ะทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วย ไม่น่ารักเลย" อ่าวๆกูจะน่ารักหรือไม่น่ารักมันก็ไม่เห็นเกี่ยวกับไส้ติ่งมึงตรงไหน แล้วนี้กูเพื่อนเล่นมึงหรือไงไอ้เกรียนมาเรียกชื่อกูเฉยๆเนี่ย ว่าแล้วก็หมั่นไส้มันครับขอตบโบกอีกสักที
 
"โอ๊ยย เจ็บนะ วินแม่งมือคนหนัก"
 
"กูเพื่อนเล่นมึงเหรอบัส มา วิน วินเฉยๆเนี่ย"
 
"ก็เรียกพี่วินแล้วมันตลกอ่ะ เหมือนพี่วินมอไซค์ ผมเรียกเองยังรู้สึกตลกเลย พี่ไม่รู้สึกเหรอวะ" ถ้ามึงไม่พูดกูก็ไม่รู้สึกหรอกสัส!!! ก่อนที่ผมจะหันไปตบเกรียนมันอีกรอบ คนของบริษัทประกันก็มาพร้อมกับรถกระบะที่สามารถขนเวสป้าลูกรักไอ้บัสไปได้ ท่าทางอาลัยอาวรณ์ของมันทำเอาผมอดขำไม่ได้
 
"ถ้าจะเศร้าขนาดนั้นตามรถมึงไปที่อู่ป่ะล่ะ"
 
"ได้เหรอพี่"
 
"พูดเล่นมั้งเหอะ" แม่งหน้างอใส่ผมอีก "เออๆพี่พูดเล่น"
 
มึงนี่มันโคตรไร้สาระเลยว่ะบัส คนแบบมันนี้มีหนึ่งในล้านแน่ๆ
 
“แล้วนี้เอาไงให้พี่ไปส่งไหน” ผมเลิกคิ้วถามมันที่ใช้มือลูบหัวเกรียนๆของตัวเองอยู่ ท่าทางจะติดเป็นนิสัยซะมากกว่า ตอนที่ผมอยู่ม.ปลายแล้วตัดทรง รด.ผมก็ชอบลูบหัวตัวเองนะครับ มันส์ดี ไม่รู้ดิมันอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ถ้าอยากรู้ต้องลองไปลูบหัวเกรียนของเพื่อนตัวเองนะครับ มันส์มือสุดๆ
 
“ไปนอนด้วยคืนนึงดิพี่ ผมไม่มีที่ไปจริงๆว่ะ” มันทำหน้าเป็นหมาหงอยเลยครับ ที่งี้ล่ะอ้อนวอนเก่งเหลือเกินนะไอ้ลูกหมา แต่วันนี้มันวันพฤหัสนี่หว่า เอาไงดีอ่ะ “นะวิน ผมไม่กวนหรอก สัญญาจะเป็นเด็กดี”
 
ผมหันไปหรี่ตาเล็กใส่มันที่เรียกชื่อผมเฉยๆ จะว่าชินมันก็ชินแต่ติดจะไม่ชินซะมากกว่า
 
“แหะ แหะ หยอกเล่นน่า ให้ผมไปนอนด้วยนะ แค่คืนเดียวเองหรือว่าพี่มีนัดอะไรหรือเปล่า” จริงๆมันก็ไม่เชิงนัดหรอกครับ ผมแค่อยากไปหาเขาเฉยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้าไปหาตอนนี้มันจะบังเอิญไปชนกับแฟนเขาหรือเปล่า สุดท้ายผมก็ต้องรอให้เขาโทรมาอยู่ดี ปกติทุกพฤหัสผมจะอยู่เป็นเพื่อนเขา พาไปดูหนังบ้าง กินข้าวบ้าง ถึงวันของผมจะมีแค่วันเดียวแต่ผมก็ยินดีรับมันด้วยความเต็มใจ แต่ก็มีนะครับที่ไม่ใช่วันพฤหัสแล้วเขาโทรหาผมให้ไปอยู่ แต่ก็นั่นแหละอยู่ที่ว่าเขาจะโทรมาเมื่อไหร่ ส่วนผมก็ได้แต่รอ...แค่นั้น
 
“ว่าไงอ่ะวิน สรุปว่า....”
 
“นั่นดิ สรุปว่ามึงจะเรียกกูว่าวินหรือจะเรียกว่าพี่”
 
“โถวววที่วินยังพูดกูมึงกับผมเลย” ผมงงกับมันจริงๆครับ แต่สุดท้ายก็ปล่อยไอ้หัวเกรียนให้ยืนทำตัวบ้าๆอยู่กลางแดดแบบนั้น ส่วนผมก็อัญเชิญตัวเองเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว ตอนเดินเข้ามานั่งในรถเห็นไอ้เกรียนมันทำหน้าหงอยๆหยิบกระเป๋าที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาถือ เท้าที่เตะไปมาเหมือนเด็กมีปัญหาก็ทำเอาผมต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ที่บอกว่าลูกคนล่ะพ่อแม่กับไอ้เบสนี่ผมว่าชักจะไม่จริงแล้วแหละ เพราะท่าทางง้องแง้งแบบนั้นมันไอ้เบสชัดๆ
 
“จะขึ้นไหมรถน่ะ นับ 1 2”
 
“มาแล้วนี่ไง” เสียงบ่นกระปอดกระแปดพร้อมกับเจ้าตัวที่รีบวิ่งมาเปิดประตูรถอีกข้าง
 
“ไปเลยครับลูกพี่” มันเห็นรถผมเป็นรถโดยสารหรือไงวะ มาถึงก็สั่งเอาสั่งเอา ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องเพื่อนนะผมถีบมันกระเด็นตั้งแต่เรียกชื่อผมห้วนๆแล้ว “พี่แวะห้างหน่อยดิ เดี๋ยวผมแวะซื้อของที่ห้างแป๊บนึง”
 
“กูไม่ใช่แท๊กซี่นะบัส”
 
“เอาน่า ถ้าไม่อยากขับเดี๋ยวผมขับให้ก็ได้นะ ยินดีขับให้พี่ตลอดชีวิตเลย” ยิ้มเจ้าเล่ห์กับตาแพรวพราวเหมือนหมาป่าที่กำลังตะครุบเหยื่อ สายตาบัสเตอร์เป็นแบบนั้นจริงๆนะครับ มันส่งสายตามาที่ผมราวกับกำลังจะกลืนกินผมเข้าไปทั้งตัว แต่มันก็แค่แป๊บเดียวเพราะหลังจากนั้นแววตากวนประสาทก็กลับมารอบ

“ประสาท” ผมด่าไอ้บัสที่ยังคงยิ้มเจ้าเล่ห์ขยับเอียงตัวหันหน้ามามองผม ไอ้ผมที่กำลังจะสต๊าทรถก็ต้องหันไปเลิกคิ้วถามว่ามีอะไรแต่มันก็ไม่ได้ตอบอะไรแค่ยิ้มแล้วหลับตาลงช้าๆ
 
“วินแม่ง...โคตรอ่ะ”
 
“โคตรอะไร”
 
“เปล่าๆ ไปสักทีเถอะพี่ หิวข้าวแล้วว่ะ” แม่งสั่งกูจังนะครับนี่มึงเป็นน้องเพื่อนกูหรือเป็นพ่อกูกันแน่
 
            “ปกติชอบกินอะไรเหรอ” เงียบไปนาน บทจะพูดก็พูดขึ้นมาเฉยๆ ผมหันหน้าไปมองก็เห็นมันยังหลับตาอยู่เลยไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าแม่งคงละเมอแต่ที่ไหนได้
 
 “วิน ผมถามน่ะ”
 
 “ก็คิดว่านอนละเมอ”
 
 “ละเมอบ้าอะไรจะพูดเป็นประโยคขนาดนี้ ถามน่ะได้ยินไหม” ทำไมมันเอาแต่ใจขนาดนี้วะ ผมนึกภาพตอนที่มันเถียงกับไอ้เบสออกเลย คนหนึ่งก็เอาแต่ใจส่วนอีกคนก็โคตรเอาแต่ใจ พ่อแม่มันคงอยากหนีไปบวชวันล่ะหลายๆรอบ
 
 “ไม่รู้ว่ะ กินได้หมดแหละ”
 
 “ง่ายดี งั้นเดี๋ยวกลับถึงคอนโด ผมทำให้กิน”
 
 “คอนโดใคร?”
 
 “อ่าวก็คอนโดวินไง”
 
“คอนโดกูอะไร กูอยู่บ้าน”
 
“ห้ะ??? ไม่จริงอ่ะ” หน้าตามึงตกใจเว่อร์ไปและ แค่ผมบอกว่าอยู่บ้านมันน่าตกใจตรงไหนวะ
 
 “พี่ไม่ได้อยู่คอนโดเหรอ”
 
“เปล่า อยู่บ้าน” ถามแปลกๆว่ะทั้งชีวิตนี้ก็อยู่บ้านมาตลอด ไม่เคยซื้อคอนโดเพราะผมมองว่ามันสิ้นเปลือง บ้านผมก็ไม่ได้ไกลมหาลัยขนาดนั้นด้วย ขับรถไปเองก็สะดวกดี ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรจะต้องมีคอนโดให้ยุ่งยาก
 
 “เฮ้ย พี่อย่ามาโม้เลย มีคอนโดก็พูดออกมาดิ ผมรู้หรอกน่า” พูดพลางก็ยกมือขึ้นกอดอกมองผมด้วยสายตาไม่เชื่อ
 
 “แล้วพี่จะโกหกบัสทำไมครับ” ยิ้มเลยครับพอพูดเพราะหน่อยแม่งยิ้มเขินก้มหน้าหงุดเลย ฮ่า ฮ่า เออแม่งตลกดีว่ะ
 
 “ก็ผมเคยเห็นพี่ลงมาจากคอนโดแถวๆสยามอ่ะ ผมไปหาเพื่อน แล้วก็เจอพี่ที่นั่นหลายครั้งอยู่” ผมพยักหงึกๆตามคำพูดมัน ถ้าคอนโดแถวสยามที่มันกำลังพูดถึงอยู่ก็คงไม่ใช่คอนโดผมหรอกครับ

นั่นน่ะหอพักหลิวตั้งหากเห็นเธอบอกว่าเจ้าของห้องจะไปต่างประเทศเลยปล่อยห้องให้เช่า พอนึกถึงหลิวก็คิดได้ว่าวันนี้เธอยังไม่โทรมาหาผมเลยนี่หว่า
 
ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้ๆขึ้นมาดู ไม่มีข้อความ ไม่มีสายเรียกเข้า หรือแม้กระทั่งไลน์เด้งขึ้นชื่อหลิวสักอันก็ยังไม่มี
 
 “รอโทรศัพท์ใครอ่ะ แฟนเหรอ”
 
 “เปล่า” ไม่ใช่แฟนและไม่เคยได้เป็นอะไรมากเท่านั้น
 
 “ถามตรงๆนะ...วินมีแฟนยังอ่ะ”

 “ถามไปทำไมวะ”

“ก็กะว่าจะเอาไปตีหวย ตลกแหละ อยากรู้เฉยๆ”

“ยัง...ยังไม่มี”

 “ทำไมต้องทำเสียงเศร้าขนาดนั้นด้วย”
 
 “เศร้าเชี่ยอะไรล่ะ เอออ เมื่อกี้ถามเรื่องคอนโดใช่ป่ะ นั่นน่ะห้องเพื่อนเลยไปบ่อยๆ ว่าแต่เราเถอะ เห็นพี่แล้วทำไมไม่ทักล่ะ” มันเบ้ปากแล้วขยับตัวหันไปมองถนนเลยครับ อะไรของแม่งอีก
 
“ก็วินมากับคนอื่น ไม่อยากทักว่ะ เสียความรู้สึก” มันพูดบ่นงุ้งงิ้งอะไรสักอย่างก่อนจะเอามือลูบหัวเกรียนๆของตัวเองอย่างหัวเสีย
 
 “อะไรนะไม่ได้ยิน”
 
 “เปล่าไม่มีอะไร”
 
 “อะไรของมึงเนี่ยบัส”
 
 “ก็วินแม่งโคตรโง่เลย” อ่าวเด็กเวรด่ากูว่าโง่ซะงั้น ขับรถชนเสาไฟฟ้าแล้วให้มันโค่นทับตรงที่แม่งนั่งเลยดีไหมครับ
 
 “กูได้ยินนะบัส”
 
 “เบื่อว่ะ วินแม่งพูดจาไม่เพราะ ทีกับคนนั้นนะวินอย่างนู้น วินอย่างนี้ แม่งเอ๊ย!!!น่าหมั่นไส้” มันพูดพลางถีบไปที่คอนโซลหน้ารถอย่างแรง เออรถมึงสินะคันนี้เนี่ย ไม่ต้องเกรงใจมันหรอก รถมึงทั้งนั้นนิ จะถีบจะเตะจะทุบก็ไม่มีใครว่าหรอก แม่งเด็กเวร

ผมส่ายหัวให้พฤติกรรมเของไอ้บัส แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปปล่อยให้ไอ้เกรียนมันทำหน้ามุ้ยแบบนั้นจนถึงห้าง
 
กว่าจะหาที่จอดกันได้ก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง ขนาดวันธรรมดานะครับ คนยังเยอะจนแทบจะล้นห้างอย่างนี้ ไม่อยากคิดเลยถ้าว่าหยุดจะขนาดไหน

 “เป็นไรอ่ะไม่ชอบคนเยอะเหรอ”

 “เออดิ รีบๆซื้อจะได้รีบๆกลับ” ผมไม่ชอบที่ๆมีคนพลุ่งพล่าน ไม่ชอบที่ต้องมาแย่งอากาศกันหายใจ แต่ใครบางคนที่ผมรักกลับชอบสิ่งเหล่านั้นจนผมต้องลืมสิ่งที่ผมไม่ชอบไปแล้วทำตามใจเขา

 “มาซื้อแค่นี้แม่งซื้อเซเว่นเอาก็ได้ไหม”

“ไม่เอาอ่ะ คัน” ครับลูกพี่  แค่โฟมล้างหน้าหลอดเดียวราคาเกือบสองพัน แล้วไหนบอกว่าโดนตัดค่าขนมไงวะ ทำไมมีตงค์ซื้อไอโฟมล้างหน้ายี้แพงยับแบบนี้ได้

แต่ก็ต้องเข้าใจมันนะ พวกลูกคนรวยก็งี้ ใช้พวกยี่ห้อบ้านๆพื้นฐานเซเว่นไม่ได้ ไอ้เบสก็เป็นอีกคนที่ติดยี่ห้อไม่แพ้น้องมัน จริงๆเห็นผมพูดถึงเบสไม่ได้หมายความว่าผมมีเพื่อนคนเดียวนะครับ ผมมีเพื่อนในกลุ่มที่เรียนรัฐศาสตร์ด้วยกันอีกสองคนคือไวท์กับเกมส์ ไวท์เป็นไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ส่วนไอ้เกมส์เป็นคนบ้าๆบอๆเฮไหนเฮนั่น
 
 “ได้ยังเนี่ย”
 
“แป๊บนึงดิ รีบเหรอ หรือว่าหิว” กูหงุดหงิดมึงมากกว่าบัสแม่งจะเลือกเยอะอะไรนักหนามันก็แค่โฟมล้างหน้าป่ะว่ะ
 
“หิวโว้ย!!!” รำคาญครับ ไม่ใช่รำคาญไอ้บัสคนเดียวหรอกแต่รำคาญสายตาพนักงานที่มองมาที่ผมสองคน มันแปลกจนผมรู้สึกไม่ชอบ
 
“เออๆไปและ ไม่เอาก็ได้วะ ถ้าหน้าผมสิวขึ้นนะโทษพี่เลย” งงไหมครับ ผมแม่งเริ่มปวดหัวกับมันแล้ว สรุปมันจะเรียกผมว่าอะไรกันแน่
 
 “บัส มึงจะเรียกกูว่าอะไรก็เรียกสักอย่างดิ มาพี่ๆวินๆไม่รำคาญเหรอวะ”
 
 “ไม่อ่ะ ผมมีเหตุผลของผม”
 
 “เหตุผลอะไร”
 
 “ไม่บอก”

 “กวนตีนนะมึงอ่ะ”

 “เปล่าสักหน่อย มานี่ดีกว่ามา พูดมากอยู่ได้”บัสคว้ามือผมให้เดินตามมันไปที่ร้านอาหารที่มันชี้บอกผม ผมนี่รีบดึงมือออกเลย คิดดูเอาล่ะกันว่าผู้ชายตัวควายๆสองคนเดินจูงมือกันเข้าร้านอาหาร โคตรบ้าเถอะ
 
“มึงจะจับมือกูอะไรนักหนาวะบัส”
 
“ก็อยากจับทำไมอ่ะ แล้วขอเหอะวิน เลิกพูดกูมึงกับผมได้ไหม”
 
“ถ้างั้นพี่ก็ขอให้บัสเรียกพี่ว่าพี่วินทุกคำเหมือนกัน” ผมเน้นคำว่าทุกคำบอกไอ้หัวเกรียนที่เบ้ปากเหมือนจะไม่แคร์ในสิ่งที่ผมบอก
 
“เรียกพี่น่ะเรียกเฉพาะเวลาที่รู้สึกเป็นพี่”
 
“แล้วเรียกวินล่ะ”
 
“เรียกวินเฉพาะเวลาที่รู้สึก...ไม่บอกดีกว่า น้องสั่งอาหารครับ โอ้ย!! ตบหัวทำไมวะเนี่ย วันนี้หลายครั้งแล้วนะวิน”
 
“ก็บอกเหตุผลมาก่อนดิ”
 
“เรียกเฉพาะเวลาที่...อืม..รู้สึก โกรธ ดีใจ อะไรพวกนี้แหละ” ผมจ้องมองมันที่ทำทีเป็นเปิดเมนูไม่สนใจสบตาผม มันโกหกผมแน่ๆ แต่ก็ช่างเถอะครับขี้เกียจคาดคั้น ถ้ามันบอกว่าอย่างนั้นก็คงเป็นแบบนั้นแหละ
 
ไอ้บัสสั่งอาหารมาจนเต็มโต๊ะ แรกๆมันก็ถามอยู่หรอกว่าผมจะกินอะไร แต่พอผมบอกอะไรก็ได้เกินสองครั้งมันก็ไม่หันมาถามผมอีก ก็ผมไม่ใช่คนเรื่องมากนี่หว่าจะกินอะไรมันก็ได้หมดแหละ
 
 “กินเสร็จแล้วกลับเลยเหรอ”

 “อืม” ผมพูดตอบมันพร้อมกับเปิดโทรศัพท์ดูไปพลางๆ ไม่มีอะไรสักอย่างที่บ่งบอกว่าคนที่ผมรอจะติดต่อมา
 
 “อืมกับใครเหรอ”
 
“กับหมามั้ง”
 
 “อ่าวเหรอ ดีนะที่ไม่ใช่ผม”
 
 “มึงนั่นแหละ”
 
“อ่าวเหรอ ก็เห็นก้มดูแต่โทรศัพท์ คิดว่าพูดกับโทรศัพท์นี่หว่า” ป่วยการจะพูดกับคนกวนตีนแบบมัน ผมเลยเลือกที่จะมองออกไปข้างนอกมากกกว่า แต่สายตาแม่งก็จังไรดีครับ ดันไปเห็นคนที่ผมรอโทรศัพท์กำลังจับมือกันเดินเข้ามาในนี้ แล้วคิดดูว่าผมนั่งอยู่ข้างหน้าจะไม่เห็นได้ยังไง

 “อ่าววิน” ไอ้พอร์ชครับมากับหลิวเลยเดินมาทักผมที่นั่งอยู่กับไอ้บัส “มากับใครวะ”

 “น้องกูเอง แล้วมึงอ่ะมาทำไร”

 “กินข้าว เนี่ยกะว่ากินเสร็จก็จะไปเลี้ยงวันเกิดไอ้น่านกับไอ้ผาที่ร้านเดิม มึงไปด้วยกัน” ผมมองหน้าเพื่อนผมเสร็จก็มองเลยไปที่ผู้หญิงที่ยังคงยิ้มแย้มไม่มีพิรุธอะไรให้เพื่อนเห็น พอร์ชมันรู้นะครับว่าผมชอบแฟนมัน แต่มันก็ไม่ได้แคร์อะไร จริงๆถ้าไม่ติดว่าไอ้พอร์ชสัญญาว่าจะดูแลหลิวมันก็คงตีปีกบินไปหาเพื่อนมันแล้วครับ เพื่อนที่ผมพูดถึงผมก็ยังไม่รู้หรอกครับว่าเขาเป็นใคร รู้แต่ว่าไอ้พอร์ชรักมาก วิ่งตามหาผู้ชายคนนั้นมาเกือบ 2 ปี ถูกแล้วครับผู้ชาย แปลกใจเหมือนกันที่มันเล่าให้ฟัง แต่ก็อย่างว่าถ้ามันรักไปแล้วไม่ว่าจะเพศไหนสุดท้ายก็คือรักนั่นแหละ

 “เออไปก็ได้ กูไม่ได้เจอมันสองคนนานแล้ว ยังไงกูจะเอาเพื่อนกูไปด้วยสองคนนะ”

 “ตามใจมึงล่ะกันเจอกัน เออหลิวนั่งนี่ไหมล่ะไม่ต้องรอคิว” ไอ้พอร์ชพูดพร้อมกับหันไปถามความเห็นผู้หญิง เธอส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่าไม่ ไอ้พอร์ชก็ตามใจเลยล่ำลากันแค่นั้น ชินแล้วครับ รักคนมีเจ้าของก็แบบนี้

ความรักผมแม่งก็เหมือนแก้วน้ำที่อยู่ตรงหน้า มันเต็มอยู่แล้วเทไปมันล้นออก เหมือนกันกับใจผมนั่นแหละถึงจะทุ่มเทให้เขามากเท่าไหร่ก็ล้นออกเพราะไม่มีที่ให้ยืนอยู่ดี

 “วิน”

 “หืม” ผมเงยหน้ามองบัสที่อยู่ๆก็มานั่งฝั่งเดียวกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

 “รักเขาเหรอ ผู้หญิงคนนั้นน่ะ”

“..........” ยิ่งกว่ารักอีก ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ยอมเลิกรัก ผมไม่ได้ตอบอะไรบัสพอๆกับมันที่ไม่ได้ถามอะไรผมต่อ ต่างคนก็ต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง

หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็โทรไปบอกไอ้เกมส์ให้ไปเจอกันที่ร้านที่ผมนัดกับพวกไอ้พอร์ช ส่วนไอ้เด็กหัวเกรียนที่อายุยังไม่ถึง 18 ดีอย่างไอ้บัสก็ปล่อยให้มันนั่งหงอยเหมือนหมาเหงาอยู่ที่บ้านผมนี่แหละครับ



และวันนั้นหลังจากกลับมาจากเที่ยว ผมก็รู้เลยว่ามันเป็นวันที่ถูกบันทึกในความทรงจำผมไปตลอดชีวิต



พอร์ชกับไวท์กลับมาเจอกันอีกครั้งโดยที่ผมเป็นตัวเชื่อมโลกเขาทั้งคู่ให้มาเจอกัน

   

ส่วนผมก็มีสัญญาใหม่เริ่มต้นขึ้นหลังจากคืนนั้น จริงๆมันก็ไม่เชิงสัญญาอะไรหรอกครับ แค่ข้อตกลงระหว่างผมกับบัส ที่บอกว่า เราจะเป็นแค่คู่นอนของกันและกัน จะไม่ก้าวผ่านเส้นของคำว่าคู่นอนเป็นอย่างอื่น


ผมน่ะไม่ก้าวข้ามผ่านมันไปอยู่แล้ว แต่บัสนี่ดิ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มันก้าวข้ามผ่านมาจนแทบจะจมลงไปกับผม



บางทีมันอาจจะก้าวมาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้






>>>>>>>>>>>>>>>
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
พูดถึงจุดเริ่มต้นของคู่นี้ก่อน และหลังจากนี้จะเป็นปัจจุบันแล้ว ไม่ย้อนกลับไปกลับมาและ คนเขียน’งง’ คนอ่านยิ่ง’งง’ไปใหญ่ อีกประการสำคัญมากๆ อยากให้คนอ่านเปิดใจมองว่าจริงๆแล้วหลิวเป็นแค่ผู้หญิงคนนึงเท่านั้น อ่านเรื่องนี้แล้วมั่นใจว่าทุกคนจะเข้าใจผู้หญิงคนนี้มากขึ้น

คำถาม:::ให้ทายใครอยู่บนอยู่ล่าง ฮ่า ฮ่า ฮ่า

พฤหัสนี้ออนไปสัมภาษณ์งานรอบสอง หายใจเข้าออกเป็นระวิงตื่นเต้นฝุดๆ ถ้าได้งานใหม่ งานอดิเรกรักมากที่สุดงานนี้อาจจะต้อง.......ฮือออออออ จะไม่ให้เป็นแบบนั้นแน่นอน (เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2014 17:04:22 โดย nuoouka »

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
 :katai2-1: ขอบคุณค่ะรออ่านต่อนะ..

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
เปิดเรื่องมานี่ไม่ได้มีวี่แววว่าจะดราม่าเลยอ่ะ
ยกเว้นเรื่อง คู่นอน
ถึงคนเขียนจะบอกว่าให้เข้าใจหลิว แต่สิ่งที่หลิวทำเราว่ามันเกินไป  :hao5:

ที่สงสัยคือ เรื่องนี้ ใครเมะใครเคะ
ถ้าอ่านแค่เรื่องที่แล้ว วินน่าจะเมะ
พออ่านเรื่องนี้ บัสเตอร์น่าจะเมะ แต่ก็ไม่คิดว่าวินจะยอมให้ล่วงล้ำอธิปไตย บัสเตอร์ก็ด้วย
 :katai1: คนเขียนช่วยย้อนครั้งแรกหน่อยสงสัยว่ามันไปได้เสียกันได้ยังไง เหอๆ แอบหื่น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2014 22:39:57 โดย IsDeer »

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ยังไงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจหลิวอยู่ดี จะบอกว่ายังไม่เปิดใจให้ผู้หญิงคนนี้ก็ว่าได้ ไม่เข้าใจกับสิ่งที่นางกำลังทำ เหอะๆ

รอตอนต่อไปค่า เรื่องสัมภาษณ์งานสู้ๆ นะคะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
เพิ่งอ่านเรื่องโน้นจบมาค่ะ   
พอเห็นชื่อคนเขียน  เลยตามมา   
เป็นคู่  วินกับบัส  สินะ  หุๆ   จะรออ่านค่า

ปล.  เรื่องสัมภาษณ์งาน  สู้ ๆ นะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
เรื่องใหม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ วินๆๆๆๆ o13

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 อยากอ่านต่อ :katai1:

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
ตอนที่ 2 จนกว่าจะ...จากกัน

 

Butter’s talk

            "หน้าเศร้าไปป่ะ" ผมเงยหน้ามองไอ้เตี้ยที่ยังนั่งผิวปากอารมณ์ดีอยู่ตรงโซฟา ตั้งแต่เบสมีผัวเป็นตัวตนมันก็ดูกวนตีนขึ้น แรดขึ้น ทุกอย่างดูโอเว่อร์ขึ้นประมาณ 2-3 เท่า ยิ่งความน่ารักของมันนะครับ บอกตรงๆว่าฟีโรโมนโคตรแผ่กระจาย ขนาดผมเป็นน้องยังรู้สึกว่าเบสน่าขย้ำ

            "ยุ่ง..." ผมว่ามันเสร็จก็ล้มตัวลงนอนบนตักมัน เบสเบ้ปากนิดๆ คงหมั่นไส้ผมมากจนอดไม่ได้ที่จะเอามือเล็กมาบีบจมูก “ทำไมวันนี้ตัวอยู่บ้านได้”

            “อ่าวพูดอย่างนี้ตัวหมายความว่าไง” ก็ปกติเบสอยู่ติดบ้านซะที่ไหนล่ะ วันๆก็ออกไปแรดตลอด

            “แล้วตัวคิดว่ามันหมายความว่าไงล่ะ” ผมยักคิ้วล้อพี่ชายตัวเองที่อยู่ๆก็หน้าแดงสุกเป็นลูกตำลึง แม่งน่ารักขนาดนี้ไม่แปลกใจเลยที่แฟนมันจะทั้งรักทั้งหลง ผมไม่เคยเล่าใช่ไหมครับว่าเบสมีแฟน รู้สึกจะเป็นรุ่นพี่ชื่ออาร์มอะไรนี่แหละ เคยมาบ้านเราสองสามครั้งตอนที่เบสพามารู้จักกับแม่ ดูท่าทางก็เป็นคนดีนะครับ แต่ติดอย่างเดียวที่คนอย่างผมกับมันมองปาดเดียวก็รู้ตื้นลึกหนาบางของกันและกัน

 

            ใช่ครับหนังหน้าอย่างพี่อาร์มดูรู้เลยแม่งขี้เอา คิดเอาเองล่ะกันนะครับว่าเอาอะไร และผมก็ไม่ต้องสืบด้วยว่าที่เบสกลับมานอนบ้านเพราะมันรำคาญพี่อาร์มที่นับวันความจังไรจะเพิ่มมากขึ้น

           

            “เลิกล้อเถอะน่าบัสเค้าไม่อายหรอก ตัวก็รู้”

            “หราาา” ไม่อายเลยหน้าแดงขนาดนี้ แก้มแทบจะไหม้อยู่แล้ว นี่ไม่อายใช่ไหม แต่ผมก็ไม่ได้พูดล้ออะไรต่อเพราะตอนนี้เบสกำลังใช้มนต์วิเศษทำให้ผมรู้สึกสบาย มนต์ของเบสมันทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่เบสสัมผัส ผมชอบเวลาที่เบสใช้นิ้วคลึงเบาๆตรงหัวกับหน้า เขาชอบทำแบบนี้ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาสัมผัสได้ว่าผมรู้สึกเหนื่อย หรือรู้สึกแย่ คิดดูเอาล่ะกันครับว่าขนาดคนโง่ๆอย่างเบสมันยังรู้เลยว่าผมเศร้า แล้ววินทำไมมันไม่เคยรู้วะว่าผมรู้สึกยังไง

 

            จริงๆจะโทษวินก็ไม่ได้ในเมื่อสายตาเขาไม่เคยมองมาที่ผม

 

            ฮ่า ฮ่า ใช่ครับผมไม่เคยโทษวินเลย ไม่ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันจะถูกหรือผิด ไม่ว่าคนอื่นจะคิดแบบไหน วินก็ยังคงเป็นวินที่ดีที่สุดในใจผมเสมอ ชื่อแม่งก็บอกแล้วว่ามันชนะ ชนะผมทุกอย่างแหละ

 

            “ใครมาส่งตัว”จู่ๆเบสก็ถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีคุย คงจ้องจะหาจังหวะถามตั้งแต่แรก

            “แล้วตัวคิดว่าใครล่ะ” รู้อยู่แล้วยังมาหยั่งเชิงถามหาพระแสงอะไร มันน่ะสังเกตผมมาตั้งนานแล้วว่าวินมารับมาส่งผมบ่อย เวสป้าลูกรักของผมแทบจะไม่ได้ออกมาสัมผัสแสงสว่างนอกโรงจอดรถเลยด้วยซ้ำ

            “ตั้งแต่เมื่อไหร่”

            “3-4เดือนแล้วมั้ง”

            “ได้กันหรือยัง” ดูมันถามดิจริงๆแม่งอยากรู้อยู่เรื่องเดียว

            “จะเหลือเหรอ” ผมก็ตอบตามความจริงเพราะไม่รู้ว่าจะปิดไปทำไม

            “ใครอยู่บนอยู่ล่าง” ว่าแล้วมันต้องถาม ส่วนผมก็แค่ตอบกวนตีนมันเหมือนอย่างที่ชอบตอบ

            “คิดเอาเองดิ”

            “เอ้า ถ้าตัวไม่บอกเขาจะรู้ไหม”

            “สลับๆกัน...มั้ง บางวันก็อยู่ล่าง แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่บนตลอด หึหึ”

            “เหยดดดดดดดดดดด  สรุปมึงเอาเพื่อนกูใช่ไหมบัส ไอ้วินตอนนอนอ้าขาให้มึงเป็นไงบ้างวะ”ดูเบสพูดดิปากเล็กๆของมันเจื้อยแจ้วไม่อายหน้าตัวเองเลยสักนิด “หน้ามันฟินหรือเปล่า กูล่ะอยากให้แม่งโดนสักที จัดให้แม่งหนักๆหมั่นไส้ไอ้ท่าทางขี้เก๊ก สุภาพบุรุษของแม่งฉิบหาย.. เพี้ยะ!!!” ผมยกมือขึ้นดีดปากเบสไปแรงๆ สาเหตุก็อย่างที่รู้ๆ

            “พูดไม่เพราะ ไม่น่ารัก”

            “เจ็บ” เบสยกมือขยี้ปากตัวเองเสร็จก็เอื้อมมือมาตีปากผมคืน

            “ก็ตีให้เจ็บ”

            “เปล่า...เค้าหมายถึงที่ตัวทำอยู่อ่ะเจ็บไหม” เอ้า อยู่เฉยๆไม่ชอบลากผมเข้าดราม่าซะงั้น ผมไม่ได้ตอบคำถามเบสหรอกครับ เพราะไม่รู้จะตอบอะไร ตอนนี้แค่อยากนอนหลับตาให้สมองมันโล่งๆ ไม่อยากคิดถึงเรื่องราวที่ทำให้ปวดหัวใจเล่น ผมนอนหลับตารับสัมผัสที่เบสคลึงหัวผมให้อย่างสบาย ชอบเวลาที่เบสทำให้แบบนี้ อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่า มันน่ะเป็นพี่ส่วนผมน่ะเป็นน้อง ในมุมที่เป็นน้องอย่างผมบางจังหวะก็อยากอ้อนเบส อยากมีมันคอยกอดปลอบผมเวลาที่ผมสับสน

            “บัส”

            “อื้มม”

            “ตัวแน่ใจแล้วเหรอที่ทำแบบนี้”

            “...........”

            “ตัวก็รู้ว่าเขาไม่มีทางหันมามองตัวอยู่แล้ว”

            “.........”

            “เขามีคนที่เขารักขนาดนั้น ไม่รู้นะว่าตัวรู้แค่ไหน แต่บัส เค้าว่าถ้าตัวตัดใจได้ก็ตัดใจดีกว่าไหม อยากไปอยู่เหนือก็ไปเลย ไม่ต้องไปรออะไรหรอก ไปเจอคนใหม่ดีกว่า มีคนดีๆมากกว่าวินตั้งเยอะตั้งแยะ” ก็รู้ว่าเบสมันห่วงผม ตอนนี้ก็กำลังตัดสินใจอยู่นี่ไงว่าจะไปดีหรือเปล่า แต่ผมลงสี่อันดับไปแล้วนะครับ 2 อันดับแรกก็มหาลัยในภาคเหนือแหละ ส่วน 2 อันดับต่อมาก็แถบๆปริมณฑลมันก็ไม่ได้อยู่ใกล้ๆวินหรอก แต่ก็ถ้าจะมาหามันก็มาง่ายกว่าอยู่ที่เหนือ

 

            ถึงจะอยากไปให้ห่างจากเขาแค่ไหนแต่ใจมันก็ยังห่วงอยู่ดี ห่วงว่าวินจะอยู่ยังไง ถ้าวันนึงคนที่เขากำลังปกป้องอยู่ปล่อยมือไปล่ะ มันคงแย่แน่ๆ

 

            เพราะดูจากครั้งล่าสุดที่เจอกัน ผู้หญิงคนนั้นพยายามอย่างมากที่จะผลักไสคนรอบตัวที่เคยรู้จักพี่ไวท์ให้ออกไปจากชีวิต ก็มีแต่คนดื้อๆอย่างวินนั่นแหละ ที่ทั้งอ้อนวอนขอร้องให้เขาอยู่ด้วยแบบนั้น

 

            ไม่เหนื่อยหรือไงนะ...เขาไม่รักก็ยังไปยื้อเขาแบบนั้น

 

 

ครืด ครืด

            ถ้าผมเดาถูกคิดว่าคนที่โทรมาคงหนีไม่พ้นคนที่ผมกำลังรอ เบสยู่ปากแล้วชะเง้อมองชื่อในโทรศัพท์ผมสุดตัว จนผมอดไม่ได้เลยต้องหันให้มันดู

            “ที่รัก โอ้วววววว ช่างกล้า” กะไว้แล้วว่าเบสต้องล้อ จริงๆวินเองก็ไม่รู้หรอกว่าผมตั้งชื่อมันว่าอย่างนี้ ถ้ามันรู้คงโกรธผมแหงๆ “เขาเป็นที่รักของตัวแล้วเหรอ”

            “ก็เป็นมาตั้งแต่แรก” ผมบอกเบสเสร็จก็ทำท่าจะลุกออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก  แต่ติดที่ตรงลุกไม่ได้นี่แหละ เพราะตอนนี้ไอ้เตี้ยมันขยับมานั่งทับตัวผมไว้ คือนั่งทับน่ะไม่เท่าไหร่ ดันเอาหูเสือกๆของตัวเองแนบกับหูผมด้วย “ถ้าตัวจะเสือกขนาดนี้ใส่สมอลทอร์คคุยแล้วตัวฟังหูอีกข้างดีไหม”

            “ได้เหรอ”

            “ได้กับผีดิ ลุกเลย วินวางไปแล้วเนี่ยเห็นไหม” ผมผลักหัวเบสออกจากซอกคอก่อนพลิกตัวขยับขึ้นมานอนคร่อมมันแทน

 

            “ทำอะไรกันวะ” เสียงสวรรค์พร้อมกับคนหนึ่งคนที่ยืนหัวโด่ทำหน้ายักษ์ใส่ทั้งผมกับเบส...ทุกคนเดาถูกครับว่าใครกำลังส่งสายตาพิฆาตมาที่เราสองคน

            “พี่อาร์ม” เสียงหงอยเลยว่ะ หึหึ ปกติผมกับเบสก็เล่นท่ายากแบบนี้กันบ่อยนะ แต่พี่อาร์มไม่เคยเห็นก็มีครั้งนี้แหละที่เข้ามาเห็นจังๆ

            “บัสลุกเลย พี่อาร์มรอเบสด้วยดิ”

            “ไม่เอาอ่ะเขาอยากนอนท่านี้” ผมรู้ว่าพี่อาร์มมันแกล้งงอนไปอย่างนั้นแหละ เห็นหน้าจังไรมันผมก็พอเดาได้หรอกว่ามันกะใช้แผนอะไรล้อไอ้เตี้ยนี้ไปติดกับ

            “ลุกเดี๋ยวนี้ ไอ้ยักษ์ ลุกๆๆๆๆ”

            “เบสแม่งโง่จริงๆ” ผมด่ามันเสร็จก็ก้มลงไปหอมแก้มเบสหนักๆก่อนจะลุกขึ้นนั่งปล่อยไอ้เตี้ยให้เป็นอิสระ ส่วนคนตัวเตี้ยก็อย่างที่รู้ๆหันมาเบ้ปากใส่ผมไม่พอยังมีหน้ามาเช็ดแก้มตัวเองแรงๆราวกับโดนเชื้อโรคยังไงยังงั้น กวนตีนว่ะ พอจะถีบมันไอ้เบสก็รีบลุกแล้ววิ่งตามแฟนตัวเองไปเลย “เบสโง่!!!”

 

            ขอสักดอกเหอะท่าทางออดอ้อนแฟนมันอย่างนั้นเห็นแล้วหมั่นไส้มาก

 

            “ไม่ได้โง่โว้ยยย” ยังจะกล้าตะโกนกลับมาที่ผมอีกว่าไม่ได้โง่ แล้วที่เบสทำอยู่นี่อะไรวะเดินตามเขาไปแบบนั้นเบสไม่รู้เลยรึไงว่าพี่อาร์มมันจะลากไปทำอะไร หนีเขามาอยู่บ้านสุดท้ายก็เดินตามเขาต้อยๆกลับคอนโดเหมือนเดิม ตลกจริงๆพี่ชายผม

 

            หลังจากละสายตาจากสองคนนั้นผมก็ก้มลงมองโทรศัพท์ในมือ ชื่อ ที่รัก ยังปรากฏหราอยู่บนหน้าจอ 1 สายไม่ได้รับ และไม่มีทีท่าว่าจะมีสายเพิ่มมากกว่า 1 ใจนึงก็อยากให้วินโทรกลับมาหาอีกรอบ แต่ก็รู้ทั้งรู้นะครับว่ามันก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะนิสัยอย่างวิน คนที่เขาจะยอมโทรออกเป็นครั้งที่สองคือคนสำคัญเท่านั้น

 

            แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นไม่ใช่ผม...เห้อ อีกแค่เดือนเดียวเท่านั้นแหละบัส เดือนเดียวที่มึงต้องทำตามหัวใจตัวเอง แล้วต่อจากนี้ก็คงต้องปล่อยมือเขาไปสักที เพราะที่ได้มาผมว่ามันก็เกินคาดแล้วล่ะ

 

            ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำบนห้องกะว่าทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วค่อยโทรหาวิน แต่ไปๆมาๆกลับกลายเป็นผมลืมโทรหาเขาซะงั้น ตื่นเช้าขึ้นมาอีกทีถึงรู้ว่า ลืมโทรกลับไปหาเขา แต่พอโทรกลับไปดันปิดเครื่องซะงั้น ช่างเถอะครับผมจะโทรหรือไม่โทรสุดท้ายวินเขาไม่ได้แคร์อะไรผมอยู่แล้ว

 

            จนเวลาผ่านมาตั้งอาทิตย์กว่าผมก็ยังไม่มีเวลาโทรหาวินอีกเพราะมัวแต่ยุ่งๆเคลียร์เรื่องในชมรมบาส กว่าจะสะสางอะไรเสร็จก็ผ่านมาตั้งอาทิตย์นึง อาทิตย์นึงที่ผมไม่ได้เปิดมือถือ พูดกันตามตรงว่าแบตหมดกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ใช้ไม่ได้ไปแล้วในกระเป๋า และก็ไม่ต้องคิดนะครับว่าจะมีคนโทรหาผมไหม แม่กับเบสปกติน่ะไม่โทรหรอก ส่วนวินก็ไม่มีทางโทรมาหรอก

 

            “ฮุ่วววววว เสร็จสักที จบสักที” ไอ้บอลเพื่อนสนิทผมตะโกนเสียงดังลั่น วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมกับเพื่อนม.หกจะมาเรียนที่โรงเรียนนี้ นับจากนี้ไปชีวิตวัยเกรียนจะจบลงอย่างเป็นทางการ จะไม่มีอีกแล้วชุดนักเรียนกับกางเกงน้ำเงินตัวเก่า เพื่อนๆที่สนิทกันส่วนใหญ่ก็ต่างเลือกไปในคณะที่ตัวเองชื่นชอบ และดูท่าทางจะคนล่ะทิศคนล่ะทางเลยด้วยซ้ำ ผมนั่งมองพิธีอำลาที่รุ่นน้องม.5จัดให้ ผู้คนเดินเข้าไปในซุ้มเรียงรายด้วยเด็กๆที่ยื่นดอกกุหลาบให้รุ่นพี่ ผมไม่ได้เข้าพิธีอะไรกับเขาหรอกครับ โดดมานั่งอยู่ดาดฟ้าตึกใหม่ เพราะเพื่อนๆผมแต่ล่ะคนก็มองว่ามันน่าเบื่อและไร้สาระมากที่ต้องมาทำพิธีอำลาอะไรแบบนี้ ผมเห็นบางโรงเรียนมีใส่ครุยทำท่าเหมือนชีวิตถึงจุดสิ้นสุดประสบความสำเร็จแล้วทั้งๆที่มันก็แค่ม.หก

 

            จริงๆแล้วอนาคตเรายังอีกยาวไกลเลยครับ ผมไม่เคยมองว่า ม.หกเป็นจุดที่บ่งบอกว่าเราประสบความสำเร็จเลยสักครั้ง เพราะผมกลับมองว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะก้าวต่อไปในภายภาคหน้า สิ่งที่ได้จากมัธยมคงหนีไม่พ้นเพื่อนและความรู้กากๆที่ผสมปนเปกันเข้ามาในหัว สุดท้ายพอขึ้นปีหนึ่งแม่งก็เริ่มต้นใหม่อยู่ดี ผมย้ายสายมาเรียนสายศิลป์เพราะมีความคิดแปลกๆว่าไอ้พวกดิ๊ฟอินทิเกรดสถิติพวกมันนั้นไม่ได้มีประโยชน์กับสมองผมเลยสักนิดเรียนไปก็รกหัวผมเปล่าๆ เอาเวลาพวกนั้นมาเรียนวาดเรียนลงเส้นเพิ่มเติมไม่ดีกว่ารึไง

 

            และผมก็คิดว่าคนที่คิดแบบผมมีอีกเยอะ ผมอยากเจอสังคมแบบนั้น สังคมที่ทุกคนเป็นตัวของตัวเองโดยไม่แคร์ใครแต่ทุกคนก็ยังอยู่บนพื้นฐานของกฎระเบียบ ผมถึงเลือกศิลปกรรม เคยไปเข้าค่ายกับพวกพี่เขาครั้งหนึ่งแล้วรู้เลยว่าคนพวกนี้แหละใช่กับตัวผมสุดๆ

 

            “บัส...นายเลือกแอดมิชชั่นอันดับหนึ่งที่นั่นจริงๆเหรอ”

            “เออแต่คงไม่ติดหรอกว่ะคะแนนห่างเยอะมาก...แต่อันดับสองไม่แน่ว่าจะติด” อันดับสองผมเลือกมหาลัยเดียวกันคณะเดียวกันแต่คนล่ะภาควิชา คะแนนของม.นี้ยอมรับว่าสูงมากถ้าไม่แย่จริงๆคงติด แต่ก็ไม่รู้ทำไมผมถึงค่อนข้างหวังอันดับสามกับสี่ ใจเต้นแรงทุกครั้งที่คิดว่ามหาลัยนี้มันสามารถขับรถมาหาวินได้ง่ายๆ

            “ไปไกลขนาดนั้น แน่ใจแล้วเหรอบัส” ไอ้บอลเพื่อนผมมันรู้หมดแหละครับว่าผมคิดอะไร คอนโดไอ้ฟินก็คอนโดเดียวกับผู้หญิงของวินนั่นแหละ เพราะงั้นผมถึงเข้าใจผิดคิดว่าวินมีคอนโดเห็นวินไปบ่อย แต่ที่ไหนได้เล่นชู้กับเพื่อนตัวเองซะงั้น

“แน่ใจแล้วว่ะ ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม”

            “ไม่กลัวเขาเสียใจเหรอ” ผมรู้ว่าบอลคิดอะไร แต่เพื่อนเขาจะมาเสียใจอะไรกับคนอย่างผมวะ เขาไม่เคยแคร์ ไม่เคยเรียกร้อง มีแต่ผมเองทั้งนั้นที่เรียกร้องอ้อนวอนจากเขา เขาไม่เสียใจหรอก

            “ไม่หรอก” วินไม่เสียใจ ผมว่าเขาเต็มใจเสียมากกว่า

            “วันนี้จะไปหาเขาหรือเปล่า”

            “อื้อไปแหละ ไม่ได้ไปหาตั้งนานแล้ว” แต่ก็ไม่รู้ว่าวินจะอยู่บ้านหรือเปล่า ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้

 

            หลังเลิกเรียนผมก็ขับเวสป้าไปบ้านวิน แวะซื้อของไปนิดหน่อยเป็นพวกเค้กกับชาเย็นร้านที่วินบอกว่าชอบ ตอนที่ผมเข้ามาในบ้าน ผมเจอป้าดาแม่บ้านที่คอยดูแลทำความสะอาดทำกับข้าวให้วิน บอกกับผมว่าแม่ของวินไปต่างประเทศตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วกว่าจะกลับมาก็คงนู่นสิ้นเดือนส่วนวินก็อยู่บนห้องไม่ได้ไปเรียนหลายวันแล้ว นอนซมเป็นไข้เพราะตากฝนเมื่อ3-4วันก่อน ไอ้แม่บ้านจะพาไปหาหมอวินก็ดื้อไม่ยอมไป ยาก็ไม่ยอมกิน แล้วอย่างนี้มันจะหายได้ยังไงวะ

 

 

 

          แกร๊ก

 

            ผมถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องที่มืดสนิท ผ้าม่านถูกปิดลงมีแสงอมส้มลอดเข้ามานิดหน่อยพอให้รู้ว่ายังไม่ใช่เวลากลางคืน เสียงแอร์ดังพอๆกับความหนาวที่เข้ามากระทบผิว เล่นเปิดแอร์นอนแบบนี้ไม่แปลกใจเลยที่ไม่หายไข้สักที

           

            ผมขยับตัวนั่งลงบนเตียง หน้าซีดเซียวที่เผยเห็นแค่ครึ่งหนึ่งของใบหน้าบ่งบอกให้ผมรับรู้ว่าเขาไม่สบายใจจริงๆ แล้วก็นอนจมบนเตียงมาหลายชั่วโมงแล้วด้วย ข้าวต้มที่ป้าดาทำมาให้ถ้วยที่ยังถูกวางทิ้งไว้บนหัวเตียงโดยไม่มีทีท่าว่าวินจะแตะต้องมันสักนิด แล้วไอ้ข้าวต้มที่ผมทำเมื่อกี้คงไม่ได้เป็นหมันเหมือนอย่างถ้วยเก่าหรอกนะ

 

            “วิน...” ผมชอบเรียกชื่อเขาเฉยๆ พูดกันตรงๆเลยไม่อยากจะเรียกว่าพี่ด้วยซ้ำ แต่วินก็ชอบบังคับให้เรียกพี่อยู่นั่น เพราะงั้นผมจะเรียกวินเฉพาะที่รู้สึกว่าเขาเป็นพี่ แต่ส่วนใหญ่ผมไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นพี่ไง ก็เรียกวิน วิน อยู่อย่างนี้แหละจนคนตรงหน้าเริ่มชิน

            “อื้อ..” มันหรี่ตาขึ้นมองผมนิดนึงแล้วขยับตัวลุกขึ้นช้าๆ วินไม่ใช่คนที่อ่อนแอ เขามักจะแสดงให้ผมเห็นเสมอว่าเขาเป็นผู้นำ ในกลุ่มวินก็เป็นแบบนั้น เพราะเขาสร้างภาพตัวเองให้เป็นแบบนั้น แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ วินไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น บ่อยครั้งที่ดวงตาเขาทอแสงวูบวาบราวกับจะแตก แต่มันก็แค่แป๊บเดียวก่อนจะกลับมาในโหมดปกติ

            “เรียนเสร็จแล้วเหรอ” มันว่าพลางขยับนั่งพิงหัวเตียง ปากวินซีดมากอ่ะ หน้าก็ซีด แถมตัวร้อนอีก

            “ไม่สบายแล้วทำไมพี่ไม่กินยา ห่วงตัวเองมั่งดิวะ เอ้าอ้าปากกินข้าวแล้วจะได้กินยา”

            “ไม่เกี่ยวกับมึงสักหน่อย กินเองได้ ไม่ต้องป้อน” มันบอกปัดเสร็จก็ดึงชามในมือผมไปถือเอง นั่งกินเงียบๆ ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ วินเป็นคนหล่อ ขนาดหน้าซีดจนป่วยแบบนี้ออร่าความหล่อยังเปล่งประกายมาให้เห็นตลอด

            “ทำไมอยู่ๆถึงไม่สบายได้ ไปยืนตากฝนเล่นที่ไหนมาล่ะ”

            “ไม่เกี่ยวกับมึงสักหน่อย”

            “............” เบื่อว่ะ อะไรๆแม่งก็ไม่เกี่ยว แล้วตรงไหนวะที่ผมเกี่ยวข้องกับเขา ช่วงก่อนที่แม่งเอากันเกือบทุกวันคืออะไร พอคนๆนั้นเลิกกับแฟนแล้วก็แทบจะผลักผมออกไปจากอกทันที

 

            หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมโคตรคิดถึงเขาเลยนะครับ แต่ก็นั่นแหละ คิดถึงข้างเดียวมันก็แค่นั้น

 

            “อิ่มแล้ว” มันส่งชามกลับมาให้ผมก่อนจะแบมือขอยาที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนหน้านี้ทำไมไม่กิน พอยังงี้ล่ะทำตัวเป็นผู้ใหญ่

            “ขอสามอาทิตย์”

            “อะไร??”

            “ขอแค่สามอาทิตย์” ผมเอายาที่วินขอใส่เข้าไปในปากตัวเองก่อนจะดื่มน้ำตามแล้วอมไว้ในปาก วินทำหน้างงๆแต่ก็เข้าใจทันทีที่ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้วินมากขึ้น รสเฝื่อนขมของยาพร้อมกับของเหลวถูกส่งเข้าไปในริมฝีปากวินอย่างช้าๆ ก่อนจะเป็นผมที่ถอนจูบออกมาเพื่อปล่อยให้เขาได้กลืนยาลงคอ

            “เล่นอะไรวะ ติดคอตายขึ้นมันทำไง” พอวินกลืนยาลงคอเสร็จก็ทำเสียงดุผมเลย มือที่กำลังยกขึ้นเช็ดมุมปากถูกผมจับค้างไว้ก่อนจะเป็นผมที่ใช้ปากจูบซับน้ำที่ไหลเลอะออกมาแทน

            “สามอาทิตย์นะวิน ขอแค่สามอาทิตย์”

            “บัส กูไม่เข้าใจที่มึงพูด..อื้อออ” ไม่เข้าใจน่ะดีแล้ววิน เพราะผมก็ไม่อยากให้วินเข้าใจอะไรมากมายเหมือนกัน ผมเคยปล่อยให้มันเป็นไปในทิศทางที่วินต้องการ  เคยให้วินเป็นคนตัดสินใจ แต่สุดท้ายคนที่วินเลือกก็ไม่ใช่ผมเพราะงั้น ขอแค่สามอาทิตย์ที่ผมจะไม่พยายามนึกถึงคนอีกคนที่อยู่ในใจวิน เพราะผมจะเก็บความทรงจำแค่เฉพาะกับวินไว้ ขอแค่นี้ก็พอ

 

            รสจูบที่ไม่ได้สัมผัสมา 1 อาทิตย์มันช่างหอมหวานเสียเหลือเกิน ผมโหยหา ไม่ต่างจากคนตรงหน้าเท่าไหร่ เสียงสวบสาบของเสื้อผ้าที่เสียดสีกันเป็นตัวกระตุ้นให้ผมกับเขาแลกลิ้นกันมากยิ่งขึ้น

 

 

          ตึก ตึก

 

          นับเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ผมได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นถี่รัวของเขา ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป ผมว่าวินคง....หึ ไม่หรอก เรื่องแบบนั้นมันไม่ทางเป็นไปได้อยู่แล้ว


 

 

>>>>>>>>>>>>TBC

นิยายเรื่องนี้อาจจะเนือยๆไปหน่อย แต่ก็อยากให้ลองอ่านดูนะคะ ออนอยากลองบรรยายความรู้สึกของตัวละครให้มากที่สุด เพราะจุดบกพร่องของออนคือข้อนี้ ไม่ชอบบรรยาย

สุดท้ายจะบอกเรื่องนี้หลิวเป็นแค่ส่วนหนึ่งในการเริ่มต้นอะไรหลายๆอย่างเท่านั้น สปอยว่าหลังจากที่บัสไปเรียนนี่แหละคือความจริง อิอิ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลา ได้งานใหม่แล้ว อาจจะอัพช้าและสั้น แต่จะมาอัพเรื่อยๆ...นะ ขอบคุณค่ะรักคนอ่าน

ปล.รู้หรือยังว่าใครอยู่บนอยู่ล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2014 11:50:35 โดย nuoouka »

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
โอย วินนี่เป็น'รับ'ไปขนาดนั้นแล้วยังบอกว่าชอบหลิวอีกเรอะ

นี่คนเขียนบอกว่าพึ่งเริ่มต้น แสดงว่าต่อไปคงหน่วงกว่านี้
แล้วพอบัสไปเรียนก็ต้องอยู่ไกลกัน แล้วจะมีเรื่องอะไรเกิขึ้นกันนะ

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4

ขอบคุณค่ะ รออ่านต่อนะ :katai4:

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
 

Win’s talk

 

            สัสเอ๊ย!!!ปวดหลังฉิบ ผมตื่นขึ้นมาอีกทีพร้อมความรู้สึกเมื่อยขบไปทั่วตัว ยิ่งตอนนี้ความรู้สึกไม่สบายตัวยิ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าเก่า ทั้งที่กูไม่สบาย กูเป็นไข้แต่บัสเตอร์มันก็ยัง....ช่างแม่ง

 

          “ลุกไหวไหมเนี่ย” บัสมันเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับข้าวต้มที่มีควันลอยฉุยให้เห็น มันจัดการลากโซฟานวมที่วางอยู่มุมห้องมานั่งข้างๆเตียงผมอย่างถือวิสาสะ มองเชี่ยอะไรรู้ทั้งรู้ว่าผมไม่สบายมันก็ยังทำเรื่องแบบนั้น ยังจะมีหน้ามาหรี่ตาจับผิดทำราวกับผมเป็นเด็กอีก ทั้งๆที่มันก็แค่ไอ้หัวเกรียนที่เพิ่งจบม.6 แท้ๆ ผมเป็นพี่มันตั้งเกือบ 2 ปีนะครับ ดูหน้ามันดิไม่เคารพผมสักนิด

 

            ถ้าไม่ติดว่าวันนั้นผมเมานะ ป่านนี้มันนั่นแหละที่เป็นคนเสร็จผม

 

            “พี่ว่าวันนี้พี่จะไปเรียน” ผมเฉไฉไปเรื่องอื่นเพราะไม่ชอบสายกรุ่มกริ่มเวลาที่มันพูดเรื่องอย่างว่าแล้วทำหน้าเหมือนตัวเองชนะแบบนี้ มีเรื่องเดียวนี่แหละที่มันชนะผม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมคืนนั้นผมถึงเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของมัน ยอมรับว่าพอโดนมันเล้าโลมหน่อยสติก็กระเจิงไปหมด รู้ตัวอีกที่ไอ้เด็กนี้ก็ยัดของมันเขามาแล้ว ไม่ใช่ว่าผมไม่พยายามที่จะอยู่เหนือกว่านะ แต่ว่าพอโดนมันแตะนิดแตะหน่อยร่างกายก็รอรับสิ่งที่มันกำลังจะทำให้ตลอด จนทุกวันนี้ผมก็ยังไม่มีโอกาสเอาชนะมันได้สักที ไม่ชอบเลยอ่ะ เหมือนตัวเองแพ้ยังไงไม่รู้ คิดดูดิครับผมชอบผู้หญิงมาตลอด ทำตัวแมนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแต่กลับได้รับตำแหน่งผู้หญิงกับไอ้บัสที่อายุอ่อนกว่าผมเนี่ยนะ มันน่าอับอายไหมล่ะ เพราะงี้ผมถึงไม่อยากพูด ไม่อยากเอ่ยถึงตอนที่ผมกับมันมีอะไรกัน

 

            “วันนี้วันเสาร์ วินจะไปทำไม เอ้านี้ข้าวต้มจะให้ป้อนหรือเปล่า”

 

            “กินเองได้โว้ย” ผมยื้อเอาชามข้ามมาถือเองก่อนจะจ้วงตักด้วยความหิว บัสเตอร์มองหน้าผมแล้วยิ้มเบาๆก่อนจะขยับขึ้นมานั่งข้างๆผมที่นั่งอยู่บนเตียง ไม่เข้าใจแล้วมึงจะลากโซฟามาทำไม

 

          “กินเสร็จแล้วจะได้กินยา”

 

            “พี่รู้แล้ว”

 

            “ไม่ชอบเวลาที่วินทำตัวเป็นพี่เลย” ก็กูเป็นพี่นี่หว่าจะให้ทำตัวแอ๊บแบ๊วเป็นเด็กอายุน้อยกว่ามึงเพื่ออะไรล่ะครับ

 

            “ก็พี่เป็นพี่”

 

            “วิน....”

 

            “อะไร”

 

            “เปล่า” มันพูดเสร็จก็ดึงชามข้าวต้มผมไปวางที่หัวเตียงก่อนจะส่งยากับน้ำมาให้ ดูแลดีขนาดนี้ผมกลัวจังเลยว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีมันผมอาจจะทำอะไรไม่เป็น “วินไม่สบาย พักผ่อนก่อนเถอะ ตัวยังร้อนจี๋อยู่เลย”

 

            “แล้วใครล่ะที่...เอ่อช่างมัน” ไม่ชอบเลยว่ะเวลาที่บัสทำหน้าเหมือนรู้ทันความคิดผม

 

            “ฝันดี”

 

            “ใครบอกให้มึงจูบหน้าผากกูบัส เอาปากมึงออกไปเลย” แม่งผมไม่ใช่ผู้หญิงนะพอโดนมันทำแบบนี้แล้วรู้สึกแปลกๆอ่ะ “เชี่ยบัส”

 

            จูบหน้าผากไม่พอลามปามมาจูบแก้ม ไล้เรื่อยลงมาหยุดที่ริมฝีปากผมอีก บัสคลอเคลียแถวริมฝีปากผมสักพักมันก็กดจูบลงมาใหม่ ลิ้นชื้นที่ผมสัมผัสได้ว่าเย็นจัด อาจเพราะร่างกายผมมันร้อนพิษไข้ เลยยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีที่ลิ้นเย็นของมันแตะดูดดึงอยู่ปาก

 

            “เดี๋ยวติดไข้...บัสอย่าเอาแต่ใจได้ไหม”

 

            “ไม่ได้อยากเอาแต่ใจหรอกนะแต่เวลา แม่งเหลือน้อยเต็มที” มันพูดงึมงำกับตัวเองแต่ผมก็ได้ยิน เวลาอะไรของมัน ตอนมาก็พูดว่าสามอาทิตย์ ผมไม่กล้าหรอดครับที่บัสบอกว่าสามอาทิตย์มันหมายความว่าไง และก็ไม่กล้าพอจะเดาด้วย “แล้วไปทำอะไรมาทำไมถึงตากฝนแล้วเป็นไข้หนักขนาดนี้”

 

            “ไหนบอกจะให้พี่วินนอนไงครับ” เวลาพูดเพราะๆทีไรบัสแม่งเหมือนคนโรคจิต ชอบทำหน้าเคลิ้ม ตาลอยๆเหมือนเพิ่งดูดเนื้อมายังไงยังงั้น ดูมันตาลอยไม่พอขยับตัวแทบจะทับผมอยู่แล้ว ถ้าจะขึ้นคร่อมขนาดนี้มึงไม่นอนทับกูเลยล่ะบัส “พอเลย สัส”

 

            “วินแม่งพูดไม่เพราะว่ะ”

 

            “คำว่าว่ะของมึงมันเพราะมากเลยเนอะ”

 

            “มันเป็นคำอุทานเหอะวิน” ไอ้หัวเกรียนท้าวแขนสองข้างคร่อมตัวผมไว้ ส่วนขาข้างหนึ่งมันก็แทรกไว้ตรงกลางผมหมิ่นเหม่จะโดนน้องชายอยู่มะลอมมะล่อ ปลายจมูกที่โน้มลงมาเกลี่ยที่แก้ม ไล้เรื่อยลงมาที่ใบหู ต้นคอ ก่อนจะหยุดคลอเคลียที่ริมฝีปาก

 

            “วินแม่ง...สุดๆเหอะ” ผมเข้าใจความหมายของบัส ผมรู้ว่ามันต้องการจะสื่ออะไร แต่ผมไม่ชินว่ะ เข้าใจไหมว่าผมไม่ใช่แนวนั้นมาตลอด พอมาโดนทำแบบนี้มันเลยรู้สึกแปลกๆ ผมไม่ใช่คนน่ารักน่าขย้ำเหมือนไอ้เบส และผมก็ไม่ได้เหมือนไวท์ด้วย ผมเป็นเพศผู้ที่มีร่างกายเหมือนผู้ชายทั่วไปถึงหุ่นจะเล็กกว่าไอ้บัสแต่ผมก็ไม่เคยถูกมองแนวนั้น

 

            “เลิกพูดแบบนี้เถอะว่ะ มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบ แล้วก็ลุกไปแล้วบัส พี่หนัก”

 

            “อะไรผมยังไม่ทุ่มน้ำหนักทับวินเลย หนักได้ไงวะ หรือหนักตรงนี้”

 

            “อ๊ะ...อ๊าาา เชี่ยบัส!!!” มันแกล้งเอาเข่าตัวถูไปมาตรงส่วนกลางลำตัวผม พอแกล้งกูได้ก็ยิ้มใหญ่ยิ้มน้อยเลยนะสัส “พี่จะนอนแล้ว ลุกไปเดี๋ยวนี้เลย”

 

            ผมพยายามดันไหล่ไอ้หัวเกรียนให้ลุกออกไปจากตัวผม แต่มันแม่งดื้อครับผลักเท่าไหร่แม่งก็ไม่ยอมไป ถ้าไม่ติดว่าผมไม่สบายอยู่มันคงได้กินตีนผมแทนข้าว

 

            “ง่วงก็นอนไปดิ”

 

            “แล้วจะให้พี่วินนอนยังไงล่ะ บัสเตอร์คร่อมพี่ไว้ยังงี้...เร็วดิ ง่วงแล้วนะ” แค่ลองทำเสียงงอแงเหมือนที่ไอ้เบสชอบทำ ไอ้บัสก็ยิ้มกว้างออกมาเลย หน้ามันเขินมากกว่าตอนที่ได้ยินผมพูดเพราะๆอีก “นะ นะ ง่วงแล้วอ่ะ”

 

            เออแม่งตลกว่ะ นับเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ลองพูดอะไรไร้สาระแบบนี้ แต่เชื่อไหมแม่งโคตรได้ผลเหอะ เพราะบัสมันขยับก้มลงมาจูบที่ปากผมรอบนึงก่อนจะอัญเชิญตัวเองลงไปนอนข้างๆผมแทน

 

            “นอน ไม่ต้องมายิ้มครับ” ผมขยับตัวหันหลังให้ไอ้บัสก่อนหลับตาลงช้าๆ หลายวันที่ผ่านมาร่างกายผมแทบจะไม่ได้พักผ่อน

 

            “คิดถึงวินนะ”

 

            “อือ”

 

            “1 อาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ได้เจอกัน วินคิดถึงผมไหมอ่ะ”

 

            “ไม่อ่ะ” ไม่เคยไม่คิดถึง อยากโทรหานะแต่ไม่กล้า ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรโทรไปหามัน เพราะก่อนที่มันจะหายไปผมเป็นคนตอกย้ำในความสัมพันธ์ของเราสองคนด้วยปากของตัวเองแท้ๆ แล้วใครจะไปกล้าโทรวะ ยิ่งโทรไปรอบแรกแล้วมันไม่รับแถมไม่โทรกลับแบบนั้น ผมก็เดาได้แล้วว่ามันอาจจะไม่กลับมา แต่เชื่อไหมตอนที่ผมเห็นบัสเตอร์เปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง รู้เลยว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอก ทั้งดีใจทั้งหงุดหงิดโมโห ความรู้สึกปนเปกันไปหมด แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เฉยๆไม่แสดงท่าทีอะไรออกไปให้มันเห็น

 

            ผมจำไม่ได้หรอกว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนมันดำเนินมานานแค่ไหน แต่มันก็มากพอที่ทำให้ผมรู้สึกโหวงได้เหมือนกันตอนที่บัสเตอร์ไม่ติดต่อมา แต่ความรู้สึกนั้นมันหายไปทันทีที่ได้คุยหลิว

 

            บัสเตอร์กับหลิวต่างกัน

 

            ผมยอมรับว่าผมยังรักหลิวอยู่มาก แต่ถึงรักมากแค่ไหนมันก็ได้แค่นั้น เพราะเธอไม่เคยรักผม ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะแบ่งหัวใจมาให้ และหลิวก็ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายผมโดยการหลอกให้ผมอยู่ข้างๆ มีแต่ผมเองทั้งนั้นที่เต็มใจจะอยู่ตรงนั้น

 

            “ใจร้ายอ่ะ พูดถนอมน้ำใจหน่อยก็ได้” มันพูดเสียงงอแงแต่สีหน้ามันก็ไม่ได้เจ็บปวดเหมือนทุกครั้ง แค่เอื้อมมือมากอดที่เอวผมก่อนจะลากทั้งตัวเข้าไปกอด

 

            ปกติผมจะเป็นคนอื่นเสียมากกว่า แต่พอโดนกอดแบบนี้แรกๆมันก็เขินอยู่หรอกครับ แต่ช่วงหลังมานี้ก็ชิน แถมตัวเองยังรู้สึกดีไปกับอ้อมกอดของมันอีกตั้งหาก

 

            “ไม่เห็นต้องถนอมเลย”

 

            “เอออ ขาดบัสไปแล้ววินจะรู้สึก” แค่ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมากูก็รู้สึกมากพอแล้วบัส มันสอนให้ผมเรียนรู้เลยว่า ผมก็ขาดมันไม่ได้ แต่ขาดไม่ได้มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมรัก...

 

            ผมรู้ว่ารักคืออะไร และบัสเตอร์ยังไม่ใช่คนนั้น

 

            จะเป็นไปได้หรือเปล่าที่ผมขอเป็นคนเห็นแก่ตัว ยื้อบัสเตอร์ไว้ตรงนี้ โดยที่ตัวผมเองขอให้ได้มองหลิว ไปกินข้าวกับหลิวบ้าง

 

            ผมเห็นแก่ตัวมากเลยใช่ไหม

 

            แล้วจะให้ผมทำยังไง

 

            ก็ผม...ไม่มีทางเลือกอะไรเลยสักอย่าง

 

            ผมอาจจะเคยบอกให้บัสปล่อยมือผมไปซะ อยากไปก็ไปเลย แต่หลังจากที่ไม่เจอหน้า ไม่คุยกันเลยตลอด 1 อาทิตย์ ผมรู้แล้วว่าเป็นผมเองตั้งหากที่ไม่อยากปล่อยมือ

 

           

            “รู้สึกอะไรวะบัส บอกเลยว่าชิวๆ” ปากไม่ตรงกับใจ มันคือนิยามของตัวผมที่มีต่อบัส แต่ถึงยังไงผมก็ยังเชื่อว่าบัสจะไม่ไปไหน

 

            “ก็ดีแล้วที่ไม่รู้สึกอะไร” บัสเตอร์พูดเสียงพึมพำก่อนจะเอาคางแหลมไชกระหม่อมผม “เพราะถ้ารู้สึกอะไรขึ้นมาจริงๆ ผมคง...”

 

            มันพูดงึมงำอะไรสักอย่างที่ผมฟังไม่เข้าใจ แต่ก็ช่างมันเถอะ แค่ตอนนี้มี เรา ก็พอแล้ว

 

 

 

           

            แสงสีส้มที่ทอดผ่านผ้าม่านสีขาวแยงเข้ามาที่ตาผม ทำให้อดไม่ได้ที่จะขยับซุกตัวใครสักคนเพื่อหนีแสงนั้น แต่พอจะนอนต่อก็ดูเหมือนว่าจะนอนไม่หลับซะแล้ว ผมเลยเลือกที่จะลืมตามองหน้าไอ้คนที่หลับเป็นตายอยู่ตรงหน้า

 

            ไม่รู้ไปทำอะไรมาดูท่าทางเหนื่อยแบบสุดๆ ดูหน้ามันดิขนาดหลับยังไม่วายขมวดคิ้วเหมือนคนกำลังคิดเยอะ

 

            “หล่อเหรอมึง” ผมพูดเบาๆเพราะกลัวแม่งตื่นขึ้นมาแล้วพูดว่า หล่อกว่าวินก็แล้วกัน ซึ่งตรงจุดนี้ผมยอมรับว่าใช่แต่ผมไม่ยอมรับจากปากมัน

 

            บัสเตอร์ เป็นผู้ชายคิ้วเข้มที่เวลาทำหน้ากรุ่มกริ่มหรือยักคิ้วข้างเดียวยิ่งเป็นเสน่ห์ที่เพิ่มให้สาวๆหลงมันเข้าไปใหญ่ ทรงผมสกีนเฮด ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเริ่มยาวนิดนึง (หรือเปล่าวะ) ผมเอื้อมมือไปลูบหัวเกรียนๆของมันอย่างมันส์มือ ชอบอ่ะ ผมชอบลูบหัวบัส ผมที่เป็นตอๆเวลาลูบแล้วโคตรสนุก ยิ่งตอนที่ผมลูบมันตอนที่มีอะไรกัน มันยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ผมรู้สึกมากขึ้น แล้วผมจะมาคิดถึงตอนที่มีอะไรกับมันทำไมวะ

 

            ผิวบัสเตอร์ออกสีเข้มแต่ไม่คล้ำ มันเข้มจากการออกแดด กล้ามเนื้อที่ได้จากการออกกำลังกายทำให้มันดูตัวใหญ่กว่าผม แล้วไงวะกูก็ออกกำลังกาย กล้ามก็มีถึงไม่มากเหมือนมันแต่ก็พอมีล่ะกันอย่างน้อยก็ไม่ขี้ก้างเหมือนไอ้เบส

 

            ผมเลิกเสื้อบัสเตอร์ขึ้นเพราะอยากรู้ว่าเวลานอนไอ้กล้ามเนื้อหกห่อที่ผมเห็นบ่อยๆมันเป็นของจริงหรือว่ามันแขม่วเอา แต่พอเห็นเท่านั้นแหละรู้เลยว่าแม่งของจริง ถึงกล้ามเนื้อลอนๆของมันจะไม่ได้ชัดเจนเหมือนพวกนักกีฬายกน้ำหนักแต่ก็พอมีให้เห็นเหมือนกัน และสิ่งที่สะดุดตาที่สุดคงไม่หนีพ้นหุ่นวีเชฟผสมกับไรขนอ่อนไล้เรื่อยหายไปจนลับเข้าไปในกางเกง เหมือนแม่งเป็นความลึกลับที่ทรงเสน่ห์อย่างหนึ่งว่าไอ้ขนพวกนั้นมันหายเข้าไปไหน “แล้วนี่กูมาวิจารณ์หุ่นมันทำไม”

 

            ปากก็พูดไปอย่างนั้นแหละครับแต่มือก็ยังลูบอยู่ มันไม่ได้นุ่มลื่นเหมือนผู้หญิง แต่มันทำให้รู้สึกดีแบบแปลกๆยิ่งตอนที่ลูบผ่านลอนกล้ามเนื้อผมก็ยิ่งรู้สึกหน่วงๆที่กลางลำตัว เหมือนชีวิตผมกำลังจะเข้าสู่การเป็นเกย์อย่างสมบูรณ์แบบเลยว่ะ

 

          จู่ๆความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว ผมเงยหน้ามองไอ้บัสแว่บหนึ่งก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อมันเบาๆ

 

            “บัสเตอร์ น้องบัสเตอร์ครับ ตื่นยังอ่ะ บัสเตอร์” ผมทั้งเรียกชื่อแล้วก็เขย่าตัวมัน แต่ก็ไม่ได้เขย่าอะไรแรงแค่พอให้รู้ว่ามันจะไม่ตื่น

 

            ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้แผงอกไอ้บัสมากขึ้น เลิกเสื้อกล้ามที่มันสวมให้สูงขึ้นกว่าหน้าอกก่อนจะเงยมองมันอีกรอบ อยากรู้จริงๆว่ามันจะรู้สึกเหมือนผมไหม จะอะไรซะอีกล่ะก็ตอนที่บัสเตอร์เลีย...เอ่อ...เลียหัวนมผมอ่ะ

 

            ผมโคตรรู้สึกดี มันเป็นความเสียวแบบที่ผมไม่เคยสัมผัส เคยเสร็จเพราะแค่มันเลียตรงนั้นอย่างเดียวด้วย ผมเลยเข้าใจความรู้สึกผู้หญิงเวลาโดนทำแบบนั้น แต่มันก็เป็นความอัปยศอย่างหนึ่งที่คิดว่ามันจะต้องไม่ใช่ผมคนเดียวดิที่รู้สึกแบบนั้น

 

            “คิดจะทำอะไรย่ะ” อยู่ๆเสียงอันไม่พึงประสงค์ก็ดังขึ้นในโสตประสาท ไอ้บัสก้มหน้ามองผมที่ขยับริมฝีปากเกือบจะครอบสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอยู่แล้ว

 

            “ยุ่ง อยู่เฉยๆ” ผมว่ามันแค่นั้นก็จัดการลงลิ้นเลียรอบฐาน ดูดดึงอย่างที่มันชอบทำให้ผม ขบเม้มให้จนคิดว่าหน้าบัสเตอร์ต้องเคลิ้มแน่ๆ แต่ก็...เปล่า

 

            “ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอวะ”

 

            “ไม่อ่ะ จั๊กจี้ดี”

 

            “กูไม่เชื่อ” คราวนี้ผมขยับขึ้นคร่อมมันเลยครับ ด้วยอารมณ์ไม่ยอมแพ้ของประกอบกับสีหน้าบัสเตอร์ที่แสดงออกมาเหมือนเย้ยนิดๆก็ทำยิ่งให้กวนอารมณ์ให้ผมอยากเอาชนะมากขึ้น

 

            “ก็ลองดูดิ” ผมขยับนั่งคร่อมบนขาทั้งสองข้างของบัสเตอร์ก่อนจะก้มลงไปขบเม้มที่หน้าอกมันอีกรอบ ทำไปด้วยมองหน้าไปด้วย แต่ก็เท่านั้นสีหน้ามันอย่างกับคนไม่รู้สึกอะไร  จนน้ำลายผมติดเยิ้มออกมาเป็นสายไอ้เชี่ยบัสก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกเสียวเหมือนที่ผมรู้สึก

 

            “บัสเตอร์ มึงมันตายด้าน”

 

            “ไม่หรอกมันก็รู้สึกดี วินทำอะไรให้มันก็ดีหมดแหละแต่แค่ไม่ได้รู้สึกเสียวแบบที่วินรู้สึก”

 

            “กูไม่ได้เสียวสักหน่อย”

 

            “เหรอออออออออออออ” เสียงเหรอของเชี่ยบัสตอแหลระดับร้อยมากครับ เอาวะถ้าไม่ได้ด้วยข้างบนก็ก็จะทำให้มึงร้องด้วยข้างล่างนี่แหละ

 

            ผมขยับจูบจากหน้าอกลดต่ำลงมาที่หน้าท้อง บัสแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมานิดนึงแต่ก็ไม่ได้มากอะไร เขายังมองผมด้วยสายตาแน่วแน่ว่าผมจะกล้าทำอะไรให้เขาหรือเปล่า ความคาดหวังที่แสดงออกมาจากสายตาไม่ต้องพูดออกมาผมก็รู้สึก ยิ่งตอนที่ผมขยับลงไปขอบกางเกงไอ้บัสแสดงอาการตื่นเต้นจนเห็นได้ชัด ผมเข้าใจแล้วครับเวลาที่มันแกล้งผมให้แสดงสีหน้าอะไรพวกนี้มันเป็นความรู้สึกที่สนุกแบบไหน เพราะตอนนี้ผมก็รู้สึกสนุกเวลาที่บัสมันทำสีหน้าเดาไม่ถูก

 

            “วิน” เสียงครางแผ่วเบาดังขึ้นราวกับละเมอ บัสเตอร์เอื้อมมือมาจับที่มือผมแล้วบีบแน่นเหมือนพยายามจะถ่ายทอดความรู้สึกบางอย่างมาให้ผม

 

             ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้มันเลยนะครับแค่จูบซับผ่านกางเกงที่ไม่ชั้นในเท่านั้น “พอเถอะนะ”

 

            ยังไม่อยากพอว่ะกูอยากเห็นสีหน้ามึงมากกว่านี้ พอคิดได้แบบนั้นผมก็ใช้ปากงับกางเกงแล้วทำท่าจะดึงลงให้เห็นอะไรบางอย่างที่พองเต็มที่

 

            “ผมบอกให้พอไงวิน” ผมถูกไอ้บัสลากขึ้นมานอนแล้วพลิกตัวให้มันเป็นฝ่ายนอนคร่อมผมเหมือนเดิม

 

            “อะไร”

 

            “อย่าทำแบบนี้”

 

            “ทีมึงยังทำได้ แล้วทำไม...”

 

            “อย่าทำ...ถ้าวินไม่ได้รู้สึกอะไร” ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเผลอกัดริมฝีปากไปตั้งแต่เมื่อไหร่ สายตาที่บัสเตอร์มองมามันไม่ใช่ความสุขสักนิด ทำไมวะกูทำให้มึงมันก็ต้องสุขเหมือนที่กูรู้สึกดิ “อย่าทำแบบนี้ วิน อย่าทำให้ผมไม่อยากปล่อย”

 

 

 

            ผมไม่เข้าใจความหมายบัสแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรต่อเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นใกล้ๆ

 

 

            หน้าจอโชว์ชื่อหราว่าใครโทรมา ทั้งผมและบัสหันมาสบตากันอีกรอบท่ามกลางเสียงโทรศัพท์ที่ยังดังไม่หยุด

 

            “บัสกูจะไปรับโทรศัพท์”

 

 

            “.........”

 

 

            “เอ้า!! ไอ้นี้ปล่อยก่อน เจ็บมือ” ผมพยายามสะบัดมือบัสออกจากการเกาะกุมแต่ก็เท่านั้นแหละครับมันทั้งจับทั้งกด จนมือผมแทบจะถูกตึงให้จมหายไปกับที่นอน

 

 

           

            “วิน”

 

 

 

            “อะไร”

 

 

            “ไม่รับได้หรือเปล่า” อย่ามาใช้สายตาแบบนี้สื่อความหมายอะไรที่ทำให้กูรู้สึกไม่ดีนะบัส เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอวะ

 

            “มึงก็รู้...” ผมเบนหน้าหนีสายตามันก่อนจะพูดเมื่อกี้ออกมาเบาๆ

 

            “โอเค เข้าใจแล้ว ผมรู้อยู่แล้วแหละว่ามันเป็นไปไม่ได้....ยังไง...คุยเสร็จแล้วตะโกนเรียกด้วยนะ ผมอาบน้ำก่อน” บัสเตอร์พูดเสร็จก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปเลย ประตูที่ถูกปิดลงพร้อมกับหัวใจผมที่รู้สึกแปลกๆ

 

 

            ผมสะบัดหัวไปมาสองสามทีให้ความรู้สึกผิดที่เริ่มตกตะกอนในใจมันหล่นหายไปให้เร็วที่สุด ก่อนจะสูดหายใจเข้าหนักๆแล้วกดรับโทรศัพท์ที่ยังดังไม่หยุด ผมคุยกับหลิวไม่ถึง 10 นาทีก็วาง มันเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่รู้สึกไม่อยากคุย รู้สึกว่าในใจมันรนๆเพราะสายตาใครบางคนที่ยังจ้องมองมาที่ผม

 

            หลังจากที่วางโทรศัพท์ผมก็ไปเคาะประตูบอกบัสว่าคุยเสร็จแล้ว มันตะโกนกลับมาแต่ก็ยังอยู่ในห้องน้ำต่ออีกเกือบครึ่งชั่วโมง

 

            พอมันออกจากห้องน้ำผมก็พยายามเรียกมันให้มานั่งบนเตียงด้วย ไม่ได้เรียกด้วยเสียงหรอกครับแต่เรียกด้วยสายตา แต่ก็นั่นแหละบัสเตอร์ทำตัวราวกับไม่รู้ว่าผมกำลังบอกมันให้เดินมาหา จนสุดท้ายก็...

 

            “บัสเตอร์” เรียกเสียงเบาๆนะครับไม่กล้าเรียกเสียงดัง กลัวมันหาว่าผมง้อ

 

            “พี่วินไปอาบน้ำไป พี่นอนตั้งแต่เช้าจนลากมาเกือบเย็นแบบนี้ยังไม่อาบน้ำเลย เหม็น” มันเรียกผมว่า พี่ ไม่บ่อยนักที่มันจะเรียกผมแบบนี้ แต่ก่อนผมเคยเข้าใจว่าที่มันเรียกชื่อเล่นผมเฉยๆ เพราะอารมณ์โกรธ เสียใจ ดีใจหรืออารมณือะไรก็ว่ากันไปตามนั้น แต่ตอนนี้เหตุผลพวกนั้นเริ่มตกไปเยอะเพราะผมรู้สึกว่าการที่บัสเรียกชื่อผมเฉยๆ มันต้องการแสดงให้เห็นว่าผมเป็น คนรัก

 

          พอถูกเรียกว่าพี่แบบนี้เลยรู้สึกไม่ชอบ ไม่ดิแค่เคืองนิดๆล่ะมั้ง

 

            “อ่ะนี้ผ้าเช็ดตัว” ผมรับผ้าเช็ดตัวจากมือมันอย่างว่าง่าย ในหัวตอนนี้แม่งตีกันไปหมด ไม่รู้จะพูดอะไร ถ้าพูดว่าขอโทษก็ไม่รู้อีกว่าขอโทษทำไมในเมื่อหลิวโทรมาก็สิทธิ์ของเขา เขามีสิทธิ์ในฐานะคนที่ผมรัก แต่บัสเตอร์ไม่ใช่ จริงๆมันไม่มีสิทธิ์ที่จะหึงด้วยซ้ำ ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำให้ผมวุ่นวายใจแบบนี้ด้วย

 

            “มึงไม่มีสิทธิ์โกรธกูนะบัส” เพราะในหัวมันคิดเยอะจนล้นออกมาเป็นคำพูด ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะไม่พูดแบบนั้นออกไปเลยเพราะสายตาที่บัสแสดงออกมาให้ผมเห็นมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

 

 


            “บัส....”

 


 

            “ผมรู้วิน...ผมรู้ว่าผมอยู่ตรงไหน”

 

 

 

         

 

 

>>>>>>>>>>>>>>>>TBC

สั้นไปหน่อย อัพช้าไปนิด คำผิดอาจจะมีให้เห็นบ้างปะปาย ขออภัยด้วยนะคะ ช่วงนี้ยุ่งมากกกกก T^T ขอบคุณทุกคนนะคะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ตอนนี้ให้อารมณ์หลากหลายมากอ่ะ

ทั้งมุ้งมิ้งมีความสุขแอบหน่วงแอบหื่นนิดๆ
วินเหมือนไม่เข้าใจว่าตัวเองคิดอะไร พยายามเบรกใจตัวเองไว้ด้วยคำว่ารักหลิว
เราอยากรู้จริงๆว่าทำไมริวถึงหลักหลิวได้ขนาดนั้น  :z3:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ชอบๆ มาอีกนะ

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
Chapter 4
 
                “ผมรู้วิน...ผมรู้ว่าผมอยู่ตรงไหน”
 
                “ผมรู้...”

 
 
                เสียงพูดตัดพ้อของบัสเตอร์ยังดังก้องอยู่ในหัวราวกับคอยตอกย้ำให้ความรู้สึกผิดในใจมันเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาคำพูดแค่ประโยคเดียวทำให้ผมไม่มีสมาธิที่จะจดจ่อทำอะไรสักอย่าง ขนาดช่วงเวลานี้ที่ต้องใช้สมาธิอย่างมากในการสอบ เสียงบัสเตอร์ก็ยังลอยเข้าหูผมราวกับมันนั่งอยู่ข้างๆแล้วพูดกระซิบคำนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
 
                “เหลือเวลาอีก 30 นาทีนะครับนักศึกษา” อาจารย์คุมสอบคอยกระตุ้นเตือนบอกช่วงเวลาที่ใกล้จะหมดลงไปทุกที จริงๆผมทำข้อสอบเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ทบทวนนิดๆหน่อยๆ แต่คงไม่ต้องทวนอะไรแล้วล่ะครับ เพราะร่างกายบอกว่าอยากพักเต็มทน เหนื่อยทั้งจากการอ่านหนังสือสอบ และก็เหนื่อยสุดๆกับคำพูดไอ้บัส ถึงหลังจากนั้นจะไม่มีคำพูดแนวนั้นมาทำให้ผมรู้สึกแย่อีก  แต่คำพูดมันก็ค้างคากลายเป็นตะกอนที่ติดหนึบอยู่ในใจผมไม่ร่วงหล่นหายไปไหน
 

                ผมเดินมาที่ลานจอดรถใกล้ๆกับโรงอาหารคณะวิทยา BMW ป้ายแดงที่เพิ่งถอยมาสดๆ ร้อนๆจอดรอรับผู้โดยสารอย่างผมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

 
                บ้านนี้เลี้ยงลูกโคตรสปอย ไม่แปลกใจเลยที่ไอ้เบสมันจะเอาแต่ใจแบบนี้ ส่วนไอ้บัสก็อย่างที่เห็น BMW 135i Coupe สีดำในแบบที่ผมชอบ


   ใช่ครับแบบที่ผมชอบ  ไม่รู้ว่าแม่งรู้ได้ไงแต่ที่รู้ๆคือมันคิดจะยั่วผมชัดๆ



                 “เป็นไงมั่ง” พอผมเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ไอ้บัสมันก็ถามผมพลางยื่นมือมารับกระเป๋าไปวางไว้เบาะหลัง
 
                “เหนื่อยมาก อยากนอน” ปกติผมจะเป็นคนที่ดูแลคนอื่นแต่พอโดนดูแลแบบนี้มันกลับทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่ว่าแย่อะไรนะครับมันดีมากเลยตั้งหาก
 
                “โค้กไหม”
 
                “ก็ดี” ผมรับโค้กจากมือไอ้บัส ยกทีเดียวปาเข้าไปเกินครึ่งกระป๋อง หลังจากที่ได้เพิ่มน้ำตาลในเลือดมานิดหน่อย ผมก็จัดการเอนเบาะทันที ไม่ไหวครับตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาผมเหนื่อยแบบสุดๆ ไหนจะอ่านหนังสือไหนจะเตรียมตัวสอบ ยังดีที่มีบัสเตอร์คอยทำนู่นทำนี่ให้ ทั้งมารับมาส่งแล้วก็สิงอยู่ที่บ้านผมไม่กลับบ้านกลับช่องตัวเอง อยากเอ่ยปากขอบคุณเหมือนกัน..แต่ก็นะ...คนปากหนักอย่างผมทำได้แค่นิ่งแล้วก็เงียบอย่างนี้แหละ
 
                “ไปเขาใหญ่กัน” บัสเตอร์พูดพร้อมกับเอื้อมมือมาดึงสายเบลท์แล้วคาดให้ผมอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้มาก่อน ก็ผมเป็นผู้ชาย ปกติออกจะเป็นผู้นำกลุ่มด้วย ไม่เคยมีใครมาดูแลผมอย่างที่บัสเตอร์ทำให้หรอก มันเลยเขินขึ้นมานิดๆ
 
                ไปจริงดิ พี่ยังไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าเลยนะ” ผมแกล้งทำเป็นก้มหน้าขยับสายคาดเบลท์ให้เข้าที่ กลัวว่าไอ้บัสมันจะเห็นว่าหน้าผมร้อนจนแทบจะไหม้
 
                “เสื้อผ้าวินน่ะผมเตรียมให้แล้ว ถ้าเหนื่อยก็นอนในรถนี่แหละ พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้เราเคยเริ่มทำกิจกรรมกัน”

   “กิจกรรมเชี่ยอะไร ลุกออกไปได้แล้ว”ดูมันดิขนาดด่าตรงๆอย่างนี้ยังหน้ามึนไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปนั่งที่ตัวเอง บัสเตอร์ใช้มือข้างหนึ่งเกลี่ยริมฝีปากผมเป็นเชิงหยอกล้อจนผมอดไม่ได้ที่จะใช้ปากไล่งับนิ้วมันที่พยายามแหย่เข้ามาในปากผม
               
                “อู อาม อ่า อิด อะ อำ อะ ไอ (กูถามว่ากิจกรรมอะไร)” ผมกัดนิ้วไว้อย่างนั้นแล้วถามมันไปด้วย ไอ้นี่ก็จังไรครับไม่กลัวผมกัดนิ้วขาดยังสอดเข้ามาจนนิ้วมันโดนลิ้นผมนั่นแหละผมถึงเป็นคนดึงมือมันออก “สัสเค็ม”
 
                “หึหึ ก็อยากกัดเอง ส่วนเรื่องกิจกรรมอะไรอันนี้ก็แล้วแต่วินนะ ผมได้ทั้งบนเตียงและริมระเบียงอ่ะแหละ”
 
                “กวนตีน” ด่าพร้อมกับโบกไปที่สกรีนเฮทแรงๆทีนึง ก่อนจะหลับตาลงเพื่อเป็นการบอกให้มันรู้ว่าผมต้องการจะพักผ่อน เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นใกล้ๆ ไม่นานก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสเย็นๆที่ถูกแนบลงที่ต้นคอ แรงดูดเม้มไม่ได้ทำให้เจ็บแต่กลับทำให้รู้สึกไหววูบในช่องท้องมากกว่า มันไล่ขบเม้มจากต้นคอจนมาถึงปลายคาง แก้ม และหยุดที่ริมฝีปาก ลิ้นเย็นๆพยายามดุนดันเข้ามาในปากแต่ก็เป็นผมอีกนั่นแหละที่ขยับเบี่ยงหนีแล้วผลักหน้าไอ้หื่นให้ไปไกลๆ “จะเอากูบนรถเลยหรือไง”

                 “ได้เหรอ”

                 “ประชด!!!”
 
                “หึหึ นอนเถอะ ถึงแล้วเดี๋ยวผมปลุก” ผมรับคำไอ้บัสในลำคอก่อนจะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเสียงเพลงเบาๆ
 
                เพลงที่ถูกเปิดผ่านรถหรูราคาแพง มันเป็นเพลงภาษาอะไรผมก็เองฟังไม่ออก เคยถามมันเหมือนกันครับว่าฟังออกเหรอ คำตอบที่ได้ก็คือไม่ และมันก็ไม่คิดจะหาความหมายของเพลงด้วย บัสเตอร์ให้เหตุผลว่าเพลงเป็นภาษาสากล(อันนี้ก็อบเขามาผมรู้)ไม่จำเป็นต้องรู้ความหมายเราก็สามารถฟังเข้าใจ แต่เหตุผลหลักๆผมคิดว่าบัสมันคงเป็นประเภทอารมณ์ศิลปินจ๋า ชอบเอาตัวเองเข้าไปผูกกับเพลงยิ่งถ้ามีเหตุการณ์ที่ตรงกับตัวเองด้วยแล้วคงหนีไม่พ้นรู้สึกไปกับเพลงนั้นด้วย
 
         



     
                ผมตื่นขึ้นมาอีกตอนที่แสงสีส้มลอดผ่านเข้ามาในสายตา ลมเย็นๆที่พัดเข้ามามันไม่ได้มาจากแอร์หรูยี่ห้อบีเอ็มแต่เป็นแอร์ธรรมชาติที่โกรกเข้ามาทำให้สบายตัวจนแทบไม่อยากตื่น  บัสลดกระจกทางฝั่งผมพร้อมกับเปิดประตูรถทางฝั่งตัวเอง คำนวณจากเวลาคาดว่าผมคงหลับไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมงแล้ว

                “ไง” ตื่นมาก็เจอสายตาคมๆที่จ้องมองมาที่ผมทันที
 
                “ไงอะไรล่ะ ถึงแล้วทำไมมึงไม่ปลุกกูวะ” ผมเอ่ยถามไอ้คนที่เอนเบาะลดตัวลงต่ำเท่าๆกับเบาะผม ไม่รู้ว่ามันนอนมองหน้าผมนานแค่ไหน แต่แม่งเขินว่ะตื่นมาเลยโวยวายไว้ก่อน คือมันไม่ใช่วิสัยผมด้วยที่นอนหลับแล้วโดนคนอื่นมองตอนหลับแบบนี้
 
                “ก็เห็นวินหลับสบายอ่ะเลยไม่อยากปลุก ปวดหัวไหม ตื่นตอนเย็นแบบนี้”
 
                “นิดนึง” ผมบอกมันพร้อมกับแกล้งลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เพราะถ้าให้นอนจ้องหน้ามันอยู่อย่างนั้นมีหวังหัวใจผมได้หลุดกระเด็นออกมานอกอกแหงๆ
 
                ที่นี้บรรยากาศดีมากครับ รีสอร์ทที่ไอ้บัสเลือกค่อนข้างเงียบและเป็นส่วนตัว ไม่มีเสียงโหวกเหวกโวยวายเหมือนหลายๆรีสอร์ทที่ผมเคยไป ส่วนห้องพักก็ปีกวิเวกขึ้นมาบนเขาห่างไกลจากห้องพักอื่นๆ คาดว่าราคาก็คงปีกวิเวกแพงริบลิ่วเหมือนกัน
 
                ผมชอบนะครับ ธรรมชาติทำให้ใจเราสงบลงโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรมาก แค่มีภูเขา ต้นไม้ ท้องฟ้า หรือแม้แต่ลำธารเล็กๆที่เห็นไกลๆนู่น   ผมกับบัสเตอร์ก็คงไม่ได้ต่างจากคนเมืองทั่วๆไปที่วันๆมีแต่รถราวุ่นวาย สังคมเร่งรีบ มือถือและโซเชียลเนตเวิร์ค ผมไม่รู้หรอกว่าบัสจะพักที่นี้นานแค่ไหน แต่ผมอยากอยู่ที่นี้จนกว่าจะหายเหนื่อย
 
                “อาทิตย์นึง”
 
                “หืม” ผมหันไปมองไอ้คนข้างๆที่เดินมาหยุดยืนใกล้ๆกับผม
 
                “ผมจองที่นี้ไว้อาทิตย์นึง วินโอเคหรือเปล่า”
 
                “ได้ดิ สบายมาก” บรรยากาศดีๆแบบนี้ผมชอบสุดๆ ถ้าได้ชวนพวกไอ้เบสไอ้ไวท์มาด้วยมันคงจะชอบ
 
                “วิน...แบตโทรศัพท์วินใกล้หมดนะเหลือประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เอ่ออ แล้วผมไม่ได้เอาที่ชาร์ตมาด้วย แต่ถ้าจะเอาเดี๋ยวผมเดินไปยืมรีเซบชั่นให้”
 
                “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องชาร์ตก็ได้” เพราะแม่ผมก็คงยังไม่ได้กลับไทยช่วงนี้ ส่วนเรื่องเรียนตอนนี้ก็ปิดเทอมไปแล้ว เหลือก็แต่....
 
                “แต่เมื่อกี้พี่หลิวโทรมา...”
 
                “งั้นเหรอ” ผมขยับนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่ถูกจัดวางไว้ตรงระเบียงทางเข้าบ้านพัก ระเบียงที่สามารถมองทอดยาวไปยังเขาอีกลูกได้ บนเขาลูกนั้นบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ผมหลับตาฟังเสียงนก เสียงธรรมชาติแป๊บนึงก่อนจะเรียกให้บัสมายืนข้างๆ มันยืนพิงระเบียงอยู่ตรงหน้าผมมือหนามันยกขึ้นลูบแก้มผมอย่างที่มันชอบทำ
 
                “ไม่โทรหาเขาเหรอ” มันถามย้ำผมโดยที่มันเองก็คงไม่รู้ตัวเลยว่าเสียงมันสั่นแค่ไหน
 
                “โทรดิ ขอโทรศัพท์หน่อย” ผมแบมือขอโทรศัพท์จากบัสก่อนจะดึงตัวมันให้มายืนอยู่ตรงหน้า ขยับเก้าอีกให้ไปใกล้มันมากขึ้นแล้วกอดเอวมันไว้ทั้งๆที่มืออีกข้างก็กดโทรศัพท์หาใครอีกคน อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าผมไม่เคยเลิกรักหลิว ยังรักและก็ยังอยากดูแลเสมอ แต่คำว่ารักที่ให้ไปมันเริ่มมีใครอีกคนเข้ามาจนกระทั่งตอนนี้ผมก็ยังบอกไม่ได้ว่าใครสำคัญกว่ากัน แต่สุดท้ายถ้าให้เลือกผมก็คง.....เลือกหลิวล่ะมั้ง แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงตอนนั้นไง ผมเลยอยากจะเก็บความรู้สึกของทั้งสองคนเอาไว้ รู้ครับว่ามันเห็นแก่ตัว แต่จะให้ทำไงล่ะ ในเมื่อผมเลือกไม่ได้
 
                “ว่าไงหลิว” ผมกรอกเสียงไปในโทรศัพท์พร้อมกับรับสัมผัสอบอุ่นจากบัสที่ลูบหัวผมไม่เลิก มันปล่อยให้ผมกอดเอวซุกหน้าลงกับท้องมัน กลิ่นน้ำหอมสไตล์บัสลอยเตะจมูกจนอดไม่ได้ที่จะสูดดมอย่างเผลอไผล
 
                (วินอยู่ไหน หลิวเหงาอ่ะ มากินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม)
 
                “โทษทีนะหลิว พอดีวินมาธุระกับแม่ กลับไปอีกทีก็คงอาทิตย์หน้า ช่วงนี้คงไม่ได้ติดต่อหลิวนะ วินไม่ได้เอาที่ชาร์ตมาคงปิดเครื่องเลย”
 
                (อ่าวไปเที่ยวกับแม่หรอกเหรอ งั้น...ไม่เป็นไรไว้วินกลับมาแล้วอย่าลืมโทรหาหลิวนะ) ผมชอบเวลาที่บัสมันสอดนิ้วตัวเองเข้ามาในศีรษะผม มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและก็สบายหัว ยิ่งเวลาที่มันนวดเบาๆตรงขมับกับกลางกระม่อมยิ่งทำให้ผมเคลิ้มจนเกือบจะหลับหลายครั้ง
 
                “ได้ เอาไว้คุยกัน” ผมคุยกับหลิวอีกไม่เกินสองประโยคก็วางสาย มือบัสยังคงนวดศีรษะให้ผมไม่เลิก พอไม่มีมืออีกข้างที่ต้องคุยโทรศัพท์กับใคร ผมก็เลือกที่จะกอดเอวบัสไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง บางทีผมก็อยากจะจับมือใครสักคนไว้ด้วยมือทั้งสองข้างเหมือนกันนะ เพราะการที่เราจับไว้แค่ข้างเดียว เราไม่มีทางรู้ว่ามือข้างเดียวจะมีแรงพอจะยื้อคนๆนึงไว้ได้ไหม
 
                “สบายมากไหม”
 
                “สุดๆ” พอเงยหน้าจากท้องไอ้บัสก็เห็นเจ้าตัวก้มหน้ามองผมอยู่ มือที่ตอนแรกนวดศีรษะผมอยู่เมื่อกี้เปลี่ยนเป็นประคองหน้าผมแทน
 
                “ไม่รู้ว่าบัสเคยบอกวินหรือยัง”
 
                “บอกอะไร”
 
                “รัก” มันเล่นบอกแบบไม่ตั้งตัวอย่างนี้ทำเอาผมเขินจนแทบจะมุดหน้าลงไปกับท้องมันต่อ แต่ก็นั่นแหละคนแบบมันพอได้บังคับให้ฟังแล้วก็ไม่ยอมปล่อยมือที่จับหน้าผมไว้ให้เบนหนีไปได้หรอก
 
                “รักมาก” รู้เลยว่าหน้าตัวเองแทบจะไหม้ไปกับคำพูดไอ้บัส ความร้อนมันพุ่งปรี๊ดจนหูร้อนไปหมด “จริงๆแล้วผมเป็นคนขี้หวงนะ ถ้ารู้ว่าคนที่ตัวเองรักเขามีคนที่รักอยู่แล้วผมก็จะไม่ยุ่ง แต่ก็ไม่รู้ทำไมพอเจอวินผมกลับทำแบบนั้นไม่ได้...แต่คงไม่นานหรอกวิน”
 
                “ไม่นานอะไร” ผมไม่เข้าใจความหมายที่ไอ้บัสพูด อะไรคือไม่นานวะ มันพูดเหมือนกับว่าไม่นานต่อจากนี้จะทำใจได้ แล้วเดินจากผมไปยังไงยังงั้น
 
                “ไม่นานผมคงทำใจเรื่องหลิวกับวินได้”
 
                “แล้วมึงจะไปไหน” ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอกอดเอวมันแน่นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมกลัวจังเลยครับ ตอนนี้ผมไม่อยากให้มันหนีจากผมไปไหนแล้ว
 
                “จะไปไหนได้ล่ะ ขนาดวินไล่ผมยังหน้าด้านอยู่ต่อเลย” มันพูดส่วนผมก็เงยหน้ามองตามัน
 
                มองให้ลึกเข้าไปในตาว่าสิ่งที่มันพูดจริงมากน้อยแค่ไหน แต่บัสเตอร์เป็นคนเดายาก ผมก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่ไปไหน ถึงไปเรียนที่ไกลๆอย่างเชียงใหม่ก็หวังใจไว้ว่ามันจะติดต่อมาหาผม
 
                “อื้อ” ผมรับคำมันแล้วมุดหน้าลงไปที่ท้องบัสอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตอนนี้ใจผมเป็นอะไร ผมกลัวไปหมด อยู่ๆก็รู้สึกกลัวว่าบัสจะเลิกรักผม กลัวว่าถ้ามันไปไกลขนาดนั้นมันจะลืมผมไหม “ถ้าสมมติมึงติดที่เชียงใหม่ มึงจะไปหรือเปล่า”
 
                “ก็คงไปแหละ”
 
                แล้วถ้าสมมติว่ากูบอกให้มึงไม่ต้องไป...มึงยังจะไปหรือเปล่าวะบัส
 
                คิดนะครับแต่ไม่ได้ถามมันออกไป ไม่กล้าพอที่จะถาม จริงๆไม่ใช่ไม่กล้าหรอก ทิฐิตั้งหากที่มีมากล้นจนท่วมปาก ทำไมผมถึงเป็นคนแบบนี้ก็ไม่รู้
 
                “อาบน้ำไหม เหม็นมากอ่ะ”
 
                “แล้วใครให้ดมล่ะ ตัวมึงหอมตายแหละ”
 
                “แล้วใครให้ดมล่ะ”
 
                “ยอกย้อนกูเหรอบัสเตอร์” กัดพุงแม่ง เรียกพุงนั่นแหละดีครับ หมั่นไส้มานานแล้ว เอาให้ไอ้หกห่อมันมีรอยเขี้ยวจนห้อเลือดแม่งเลย
 
                “อ๊ากกกก วินผมเจ็บ ยอมแล้ว”
 
                “เออ สมควรยอมตั้งนานแล้ว ไหนเสื้อผ้าพี่ล่ะ”
 
                “ไม่ชินเวลาวินเรียกตัวเองว่าพี่เลยว่ะ ไหนลองแทนตัวเองว่าวินสิ” ยังมีหน้ามาสั่งกูอีก มึงมันก็แค่เด็กเมื่อวานซืนที่เพิ่งจบม.หกได้ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ
 
                “ตลกป่ะบัส มึงเป็นน้องนะ ดีแค่ไหนแล้วกูไม่เรียกคุณกับผม”
 
                “แต่ผมอยากให้วินเรียกแบบนั้นนะ ในความคิดวินอาจจะคิดว่ามันหมายถึงคนไม่สนิทสนม แต่ในความคิดผม ถ้าวินพูดมันคงดีสุดๆ ยิ่งตอนที่มีอะไรกันแล้วพูดว่า คุณครับขอแรงกว่านี้อีกได้ไหม อะไรเทือกๆนี้จะดีมากกกกกกกกกกกก โอ้ย!!!!” ไอ้เกรียนชักจะเอาใหญ่แล้วว่ะเห็นผมเล่นด้วยหน่อยแม่งชอบเอาเรื่องจังไรมาพูดตลอด
 
                “พอเลย กูจะอาบน้ำ ผลักตกระเบียงแม่งเลยดีไหม” ผมผลักเอวมันเบาๆ คิดว่าบัสเตอร์มันจะกลัวแล้วรีบเกาะผมซะอีกแต่ที่ไหนได้มันกลับยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว แล้วยกขาสองขาที่ตอนแรกอยู่ติดพื้นให้ลอยขึ้น
 
                “ชีวิตผมอยู่ในมือวินอยู่แล้ว ถ้าวินเลือกที่จะปล่อย ผมก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากตายแล้วเกิดใหม่” บัสเตอร์เป็นคนที่มีความคิดแปลกมาก เขาไม่กลัวตายเลยสักนิด ถ้าเมื่อกี้ผมแกล้งปล่อยมือ มีหวังมันคงได้หงายท้องโหม่งโลกไปแล้ว
 
                “รักตัวเองบ้างเถอะบัส”
 
                “ไม่รู้ดิตอนนี้รู้สึกรักวินมากกว่าอ่ะ ทำยังไงก็รักมากกว่าตัวเองไม่ได้ ยกเว้นวินจะมีเรื่องทำให้ผมเกลียดแล้วตอนนั้นผมคงหันมารักตัวเองล่ะมั้ง” สิ่งที่เรียนรู้จากสายตาและคำพูดบัส คือความจริง
 
                ความจริงที่บอกว่าอย่าทำให้คนตรงหน้าเกลียด เพราะความเกลียดของบัสคงเหมือนกับสีดำที่ไม่สามารถเอาสีอะไรไปแต่งแต้มให้เป็นสีอื่นได้
 
                “มึงนี่เข้าใจยากว่ะ”
 
                “ใช้ใจฟังดิแล้วจะรู้ว่าจริงๆมันง่ายกว่าที่คิด” สรุปที่พูดมาทั้งหมดคือมึงต้องการจะเสี่ยวใส่กูว่างั้น “ลองฟังดูไหมล่ะหัวใจผมอ่ะ”

                   “ส้นตีน”

                   “อะไร?? ผมให้ฟังหัวใจจะไปฟังส้นเท้าทำไม” ไอ้บัสเตอร์เป็นบุคคลที่กวนตีนผมได้หน้าตายที่สุด นอกจากจะกวนตีนแล้วหน้ามันก็หื่นระดับสิบด้วย ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้ามาในบ้านแน่นอนว่าไม่ลืมที่จะลากไอ้เกรียนตามเข้ามาด้วย บ้านที่บัสเลือกมันไม่ได้ใหญ่อะไรมาก เดินเข้ามาก็เจอที่นอนวางอยู่กลางห้อง เดินเลยไปอีกนิดนึงเป็นห้องน้ำ ติดกับประตูห้องน้ำเป็นกระจกบานเลื่อนที่ด้านหลังมีสระว่ายน้ำขนาดเล็ก จนผมแอบคิดไม่ได้ว่าไอ้บัสมันจองที่นี้หนึ่งอาทิตย์หมดเงินไปกี่แสน บรรยากาศแม่งดีมากครับ เห็นสระว่ายน้ำแบบนี้ผมแทบอยากจะกระโจนลงน้ำให้มันรู้แล้วรู้รอด
 
                “ชอบป่ะ”

                   “เฉยๆ”

                   “เหอะ ชอบมากก็บอกมา แม่งอยู่บนภูเขาด้วยกันแบบนี้คิดถึงหนังเรื่องนึงเลยว่ะวิน”
 
                “เรื่องไร??” ผมเลิกคิ้วถามมันเสร็จก็เดินกลับเข้ามาในห้อง
 
                “block black mountain”
 
                “สัส!!!” ผมถอดเสื้อแล้วปาใส่หน้าไอ้บัสเต็มๆ ก่อนจะถอดกางเกงสแลกเหลือแต่บ็อกเซอร์อย่างไม่อายสายตาคนที่จ้องมองอยู่
 
                อายทำไมครับเห็นมากกว่านี้ก็เห็นมาแล้ว
 
                “พี่จะเล่นน้ำบัสจะเล่นด้วยกันป่ะ”
 
                “ไม่เอาอ่ะ อยากอาบน้ำนอน” ผมไหวไหล่ไม่แคร์ก่อนจะปล่อยให้ไอ้เกรียนเดินเข้าไปอาบน้ำส่วนตัวเองก็นั่งรื้อของในกระเป๋าต่อ
 


ปัง ปัง ปัง



                “บัสมึงเอากางเกงว่ายน้ำกูมาไหม”
 
                “อยู่ในกระเป๋านั่นแหละ หาดูดีๆยัง”

                  "ดีแล้ว"

                  "หาไปก่อน"มันตะโกนออกมาจากห้องน้ำ แต่ผมไม่หาแล้วครับ ไม่รู้แม่งเก็บไว้ในซอกหลืบไหน นั่งรอให้ไอ้บัสมันมาหาให้ดีกว่า

                  "ไม่เจอ" ยังมีหน้ามาเลิกคิ้วกวนตีนถามอีกก็ไม่เจอไง ถ้าเจอคงไม่มานั่งรอแบบนี้หรอก "นี่ไง ผมบอกให้หาดีๆ"

                  "ก็มันไม่เห็นนี่หว่า...อะ...อะไร???" บัสเตอร์เดินเอากางเกงว่ายน้ำมาให้ผมบนเตียง แทนที่จะเอาให้เลยกับยกสูงเหมือนแกล้งกันเสียดื้อๆ

                "รางวัล" ผมเหลือกตาใส่บัสเตอร์อย่างรำคาญแต่สุดท้ายก็โน้มคอไอ้ยักษ์ลงมาจุ๊บที่ปากเบาๆ "ลิ้นด้วย"
   
                  "เรื่องมากว่ะ"

                  "เร็วดิวิน"

                  "เออๆ" ผมจูบไอ้บัสอย่างที่มันต้องการ ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปนับครั้งไม่ถ้วน "พอได้แล้ว"

                  "เริ่มไม่อยากได้แค่นี้"

                 "K"

                  "นั่นแหละที่อยากได้" บัสยิ้มเจ้าเล่ห์แต่ก็ได้เท่านั้นเพราะโดนผมโบกไปทีก่อน
   
                  "มึงนอนได้แล้ว กูจะว่ายน้ำสักพักนะ"

                 "อืม ถ้าหิวข้าวบอกนะเดี๋ยวสั่งให้ ขอนอนก่อนไม่ไหวแล้ว" ทีเมื่อกี้ล่ะอยากทำอย่างอื่น กูล่ะเหนื่อยกับมึงจริงๆไอ้เกรียน ผมเอื้อมมือไปลูบหัวบัสเตอร์เบาๆได้ยินเสียงมันพูดงึมงำในลำคอบ่งบอกว่าคงเพลียแบบสุดๆ ก็เล่นขับรถมาเกือบจะสองชั่วโมงแบบไม่พักอย่างนี้คงจะเหนื่อยแหละ ผมไม่ได้ถามอะไรบัสอีก ปล่อยให้มันนอนไปอย่างนั้นส่วนตัวเองก็ไปเล่นน้ำเกือบๆครึ่งชั่วโมงค่อยขึ้นมาอาบน้ำ
 
                “นอนด้วย” ผมบอกไอ้คนที่นอนหลับคว่ำหน้าให้ขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม บัสเตอร์ขยับหันข้างยกแขนค้างไว้รอให้ผมจัดที่จัดทางจนเสร็จ พอเสร็จแล้วก็เป็นผมเองที่ดึงแขนมันมากอดเอวตัวเองแล้วมุดหน้าลงกับอกไอ้บัส
 
                “หิวไหม”
               
                “ไม่อ่ะ ตื่นมาค่อยไปหาอะไรกินล่ะกัน ตอนนี้กูง่วงว่ะ”
 
                “อื้อ” สัมผัสเบาๆที่ลูบตรงศีรษะมันทำให้ผมหลับง่ายขึ้น ชอบที่มีมันอยู่ตรงนี้

   
   
                 ชอบที่ได้นอนกอดกันแบบนี้


   
                 ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ช่วงเวลานี้อยู่กับเราไปนานๆ

 
               
 
               
 
 
 
 
>>>>>>>>>>>>>>TBC
รอจนกว่าจะพบเจอกันอีกทีวันไหนดี.........อัพช้าไปหน่อย ขอบคุณที่ยังอ่านนะคะ
 
 :mew3: :mew1: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ ต้องใช้หนึ่งอาทิตย์นี้ให้คุ้มค่านะ :hao6:


รออ่านเสมอค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :z6: หลิว ผู้หญิงคนนี้เป็นชนวนดราม่าทุกอย่าง

สงสัยวินต้องให้บัสจากไปไกลๆก่อน ถึงจะรู้ตัวนะเนี่ย  :hao5:

KanomPhing

  • บุคคลทั่วไป
ชอบงานเขียนสไตล์นี้   มันอาจดูเรื่อยๆเนอะ แต่เราชอบนะ
แอบขัดใจวินเล็กๆ ถ้าบัสหายไปจริงๆจะเลิกคิดถึงหมิวได้มั้ย
เดาว่าวินกำลังหลอกตังเองละนะ แบบ อารมณ์ประมาณว่าคิดถึงหมิว
เพราะจะได้บอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่ากูแมนเต็มร้อย
โอ้ยวินเอ๋ย ความมาดแมนหายไปหมดละมั้งง ใจยังคิดถึงบัสอยู่รอมร่อ
ยอมรับตัวเองซะทีเถอะน้า สงสารน้องบัสตาดำๆ
นี่น้องบัสก็จะยอมปล่อยตัวปล่อยใจวินอยู่แล้ว ลด ละ เลิกทิฐิซะเถอะ

แต่ถึงเราจะบอกงั้นนะ ไหนๆเรื่องก็มาแนวนี้ ดราม่านิดๆก็ดีนะคะ 555
เอาให้วินรู้ซะมั่งว่าทิฐิมันไม่ดียังไง  เรารออ่านอยู่นะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เข้าใจวินนะ ที่อยากเก็บเอาไว้ทั้งสองคน
ต้องรอให้ขาดใครไปสักคนก่อนเถอะ
ถึงจะรู้ว่าจริงๆต้องการใครกันแน่

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
Chapter 5

   โคตรหนาวเลย ความรู้สึกเวลาผิวโดนแอร์เย็นๆบวกกับอากาศหนาวที่เล็ดลอดเข้ามาจากด้านนอก มันทำให้ผมอดไม่ได้ที่รีบจะมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มอีกรอบ เมื่อกี้ผมไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จก็รีบกลับเข้ามานอนที่เตียงใหม่ พื้นกระเบื้องเย็นๆทำเอาผมขนลุกไปหมด ผมเป็นคนไม่ชอบอากาศเย็น แปลกใช่ไหมครับทั้งๆที่ไม่ได้เกิดเมืองหนาวแต่กระแดะไม่ชอบอากาศหนาวซะงั้น ที่ไม่ชอบอากาศหนาวเพราะเวลาหน้าหนาวมาทีน้ำมูกผมนี่ไหลเป็นสายอย่างกะแม่น้ำไนล์ เพราะงั้น เวลาจะไปเที่ยวไหนผมเลยเลือกที่จะไปทะเลมากกว่าที่จะมาอยู่ในหุบเขาแบบนี้


   “อ้อนเหรอ” อื้อหื้ออ กล้าพูดว่ะว่าผมอ้อน กูหนาวมั่งได้ไหม ผมไม่ได้ตอบอะไรมันหรอกครับแค่ขยับตัวแล้วซุกหน้าลงบนแขนมันก่อนที่จะ......


   “อ๊ากกกกกกกกกกกกกก วินผมเจ็บ” ฝังเขี้ยวลงบนแขนอย่างไม่เกรงใจเจ้าของ


   “ตื่นนานแล้วเหรอวะ” ผมเงยหน้าเลิกคิ้วถามทั้งๆที่คางยังวางอยู่ตรงหัวไหล่บัสเตอร์ มันเอี้ยวหน้ามาจุ๊บปากผมนิดนึงก่อนจะพยักหน้าน้อยๆโดยที่มือเจ้าตัวก็ไม่อยู่สุข ฟ้อนเฟ้นไปตามแอ่งชีพจร ลากไล้ยาวจากแผ่นหลังหลุบต่ำลงไปที่สะโพก สัสแต่เช้าเลยครับพี่น้อง


   “อะไรของมึงบัส”


   “อะไรของวินมันคืออะไรล่ะ” คือแม่งรู้ว่าที่ผมถามหมายถึงอะไรแต่ไอ้นี้ยังตีเนียนทำเป็นไม่รู้เรื่อง มันต้องการให้ผมพูดออกมาเองใช่ไหมครับว่าไอ้ที่มันแทงทะลุผ้าห่มขึ้นมาเนี่ยมันคืออะไร “อย่ามาทำหน้าเหมือนโทษผมอยู่ฝ่ายเดียวดิ ความผิดอยู่ที่วินนั่นแหละ”


   “กู?? กูผิดไร”


   “ก็ของวินมันเสียดขาผมก่อนไง ของผมมันถึงลุกขึ้นแบบนี้ แล้วอีกอย่างเราไม่ทำกันตั้งอาทิตย์นึงเลยนะ เช้าๆแบบนี้มันก็ไม่เสียหลาย ทำเลยไหม รู้หรอกว่าเตรียมพร้อมมาแล้ว” คือจังหวะที่กูไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้มันก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะต้องเตรียมพร้อมให้มึงเอากูป่ะวะบัส แต่สิ่งบัสเตอรพูดออกมันก็ถูก


   ผมเตรียมร่างกายตัวเองตลอดแหละ เพราะไม่รู้ไงว่าคนหื่นๆแบบมันจะทำตอนไหน


   “ไหนมึงบอกว่าจะพากูไปเที่ยว กูไม่อยากนอนติดเตียงทั้งวันหรอกนะบัส” จริงๆเวลามีอะไรกันมันก็ไม่ได้ถึงกับขนาดเป็นไข้นอนซมเหมือนอย่างที่ใครๆเขาว่ากันหรอกครับ แต่มันจะอารมณ์เหมือนไม่อยากทำอะไรเฉยๆ เหนื่อย แต่จริงๆจะลุกไปทำนู่นนี่นั่นก็ได้ แต่ถ้าได้นอนมันก็จะโอเคกว่า


   “วินสัญญาไว้แล้ว”แม่งพองี้ล่ะทวงกูเลยนะไอ้เกรียน ก็ตอนนั้นผมสอบจะให้มานอนให้มันเอาก็ไม่ใช่ป่ะครับ แถมไม่มีอารมณ์จะทำด้วย “พี่วินอ่ะ พี่วินสัญญากับน้องแล้วนะ”


   บทบัสเตอร์จะอ้อนแม่งก็ดูแรดจนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ เออทำก็ทำ


   ผมขยับสอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่มลูบซิกแพ็คของมันเบาๆก่อนจะหลุบต่ำสอดเข้าไปในกางเกงบ็อกเซอร์ตัวน้อย สิ่งที่แข็งขืนอยู่ในตอนแรกชูชันขึ้นตอบรับกับมือผมได้เป็นอย่างดี


   “แค่มือเหรอ”


   “ถ้ามากกว่านี้ก็ไม่ต้อง”


   “วินแม่งโคตรใจร้ายเลยว่ะ” ปากมันพูดว่าผมนะครับ แต่ตอนนี้ขยับตัวขึ้นเหนือร่างผมเรียบร้อย มือที่ตอนแรกไล่บีบเฟ้นแถวๆสะโพกเปลี่ยนเป้าหมายเป็นวินน้อยที่อยู่ด้านหน้าแทน จังหวะการขยับมือของเราทั้งคู่ไม่ได้เร่งรีบจะให้อีกคนไปถึงฝั่งฝันแต่มันเนิบนาบที่จะทำให้อีกคนรู้สึกเสียวซ่านจนส่งเสียงร้องครางออกมาไม่ได้


   “อื้อ...” เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน ทำให้ต่างคนต่างรู้จุดว่าตรงไหนทำให้รู้สึกมากๆ ผมปรือตารับสัมผัสที่บัสเตอร์ทำให้ ทั้งจูบ ขบเม้ม และลามเลียไล่มาจนถึงยอดอก แรงกระตุ้นที่ปลายหัวบวกกับลมหายใจอุ่นที่รินลดไปทั่วผิวกายทำให้ความรู้สึกผมมีมากขึ้นเรื่อยๆ “บัส...”


   “หืม” มันครางในลำคอตอนที่ผมเรียกชื่อมัน


   “เอ่อ...”


   “ครับว่า...”


   “นิ้วด้วย......ได้หรือเปล่า” ตอนที่พูดบอกมันไปไอ้บัสยิ้มเหมือนจะล้อผมนิดๆจนผมต้องเบนหน้าหนี ก็มันไม่พอนี่หว่า กูอยากได้มากกว่านี้ ผมยอมรับว่าผมติดสัมผัสจากมันแล้ว สัมผัส...ของคนที่อยู่ในฐานะเดียวกับผม สัมผัส...ที่เข้าใจแล้วว่ามันมีบางจุดที่ทำให้เรารู้สึกแตกต่างจากที่เคยทำให้คนอื่น


   “งั้นวินอยู่บน”


   “อื้อ” ผมขยับเปลี่ยนมาอยู่ด้านบนพร้อมกับกางเกงบ็อคเซอร์ที่ถูกไอ้บัสถอดออกไปจากตัว บัสเตอร์ขยับกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงรอให้ผมคร่อมมันอยู่ มือข้างหนึ่งประคองที่เอวผมอย่าทะนุถนอมแบบที่ไม่เคยมีใครทำให้ ส่วนอีกข้างควานหาของที่วางอยู่ในลิ้นชักแบบที่มองแล้วก็ดูรู้เลยว่าไอ้คนตรงหน้าเตรียมพร้อมมาแบบสุดๆ ไม่อยากด่าหรอกครับเพราะด่าไปแม่งก็เข้าตัวเอง


   “เริ่มเลยไหม”


   “ถามทำไมวะสักทีเถอะ” วินน้อยกูชี้หน้ามึงจนแทบจะด่าแบบนี้ ถ้าใครบอกว่าผมเห็นแก่ตัว ผมก็ยอมรับแบบไม่มีปิดบัง เพราะตอนนี้ผมไม่ได้เอื้อมมือไปช่วยไอ้บัสแล้ว รอรับสัมผัสจากมันแค่ฝ่ายเดียว “อ๊ะ..”


   ความเย็นของเจลถูกป้ายตรงช่องทางด้านหลังทำเอาผมสะดุ้งนิดๆแต่ก็ไม่ได้ทำให้ลุกหนีไปไหน ผมก้มหน้ากับบ่าบัสเตอร์แล้วรอรับสัมผัสที่มันจะมอบให้ นิ้วเรียวยาวถูกสอดเข้ามาทีละนิ้วก่อนจะเริ่มปฏิบัติการที่ทำให้ผมกลั้นเสียงร้องแทบอยู่ บัสเตอร์สอนให้ผมรู้ว่าการที่เราโดนทำทั้งด้านหน้าและด้านหลังพร้อมๆกันมันทำให้เรารู้จักสวรรค์มากกว่าที่เราเคยแตะ


   “อ๊ะ...บัส”


“.........”


   “บะ..บัส..อื้อ” ผมไม่อายแล้วครับ แต่ก่อนเคยคิดเหมือนกันว่าไอ้เสียงที่พ่นออกมาจากปากตัวเองมันน่ารังเกียจ แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกแบบนั้นแม้แต่น้อย


   “วินแม่ง...” มันเอี้ยวหน้ามารับจูบจากผมก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้ามาดูดดึงอย่างโหยหา


   “เร็วอีก” ผมถอนจูบจากปากมันแล้วบอกคนใต้ร่างให้เร่งจังหวะมากขึ้น และหลังจากนั้นไม่นานสิ่งที่ตามมาคือความเหนื่อยหอบพร้อมกับเสียงลมหายใจถี่ยิบที่เป่าพ่นลงซอกคอไอ้บัส


   “แป๊บนึงอย่าพึ่งขยับ เอ๊ะวินบอกว่าอย่าพึ่งไง ฮึ่ม เดี๋ยวจะโดน” ผมชอบแกล้งบัสเตอร์ ยิ่งรู้ว่าบัสน้อยยังไม่ได้ปลดปล่อยแบบนี้ผมก็ยิ่งอยากแกล้ง


   “อยากช่วย”


   “ช่วยอะไรล่ะ ตัวเองเสร็จแต่เขายังไม่เสร็จแบบนี้จะช่วยอะไรได้ นอกจากวินจะยอม”


   “เออไงยอมแล้ว”


   “แน่ใจ๋??? ผมไม่อยากบังคับวินหรอกนะ ถ้าไม่อยากทำก็อย่าฝืน” หน้าตาแม่งตอแหลมากครับ ดูหน้ามันดิแสดงออกว่าอยากขนาดนี้ยังจะพูดอ้อมค้อมหาสวรรค์วิมานอะไร


   “ถ้างั้นก็ไม่ต้อง”


   “เฮ้ย!!ได้ไงพูดแล้วอย่าผิดคำพูดดิวะ” นั่นเป็นคำสุดท้ายที่ผมกับมันคุยกันหลังจากนั้นก็เป็นเสียงครางนานตลอดทั้งเช้า เหนื่อยโคตร สองรอบแบบไม่พัก ตอนที่เดินไปเข้าห้องน้ำผมแทบจะทรุดลงนอนกับที่นอนอีกรอบ






   “วินกินอะไร”


   “อะไรก็ได้ มึงสั่งมาเหอะ” ผมตะโกนกลับไปบอกมันตอนที่อยู่ในห้องน้ำ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ผมอาบน้ำนานสุดๆเพราะกะว่าตอนที่อยู่ในห้องน้ำแม่บ้านคงมาทำความสะอาดห้อง แล้วผมก็คงไม่หน้าด้านเหมือนบัสเตอร์ที่จะยืนหน้าหนาให้เขาเห็นซากที่เราทำกันบนที่นอนโดยรู้สึกอะไร


   ตอนที่ออกมาผมคิดว่าแม่บ้านจะกลับไปแล้วแต่ที่ไหนได้ แม่งกำลังอยู่ในจังหวะที่เปลี่ยนผ้าปูพอดีเลย จะกลับเข้าไปในห้องน้ำก็โดนไอ้บัสดึงตัวออกมาก่อน


   “จะอายอะไรวิน เขาไม่แซวหรอกน่า” รู้โว้ยว่าไม่แซวแต่มันก็น่าอายอยู่ดีที่ผู้ชายสองคนทิ้งซากที่ดูก็รู้ว่าเป็นอะไรไว้บนที่นอน ถึงจะใส่ถุงยางแล้วก็เถอะ แต่คนที่ใส่มันไม่ใช่ผมไง เพราะงั้นรอยขาวๆที่เลอะเต็มที่นอนก็มีแต่ของผมทั้งนั้น


   “ก็มันไม่ใช่ของมึงนี่หว่า”


   “เอ้า วินแม่งตลกว่ะ เขาดูเขาไม่รู้หรอกว่าของใคร” เออว่ะก็จริง แล้วมันจะยิ้มกริ่มหาพระแสงอะไรฟะ ผมไม่สนใจบัสเตอร์แล้วครับ จังหวะนี้คือหิวมาก เลยเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามกับบัส โต๊ะที่พวกเรานั่งกินข้าวกันคือตรงระเบียงหน้าบ้านที่เรายืนคุยกันก่อนเข้ามาเมื่อวานนั่นแหละ  เช้าๆแบบนี้บรรยากาศดีสุดๆ ถ้าเมื่อเช้าไม่ติดทำภารกิจจังไรกับไอ้บัสอยู่คงมีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น


   “มาเดี๋ยวพี่แกะให้”


   “ขอบคุณครับ” ถึงบัสมันจะคอยทำนู่นทำนี่ให้แต่หลายๆเรื่องมันก็ทำไม่เป็นอย่างแกะกุ้งก็เป็นอีกเรื่องนึงที่มันทำไมได้


   “โตจนป่านนี้แกะกุ้งเองยังไม่เป็น ถ้าไปจีบสาวที่ไหนคงอับอายขายขี้หน้าอ่ะ” ส่วนผมที่ติดนิสัยชอบดูแลคนอื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็แทบจะประเคนกุ้งตัวเมื่อกี้เข้าปากไอ้บัสเหมือนกัน


   “ก็ไม่คิดจะจีบสาวที่ไหนซะหน่อย” มันไหวไหล่ไม่แคร์ในสิ่งที่ผมพูด บางทีผมน่าจะลองถามมันตรงนี้เลยดีไหมครับว่าถ้ามันเป็นเกย์อีกคน พ่อกับแม่มันไม่ว่าอะไรรึไง


   “บัส เราแน่ใจแล้วเหรอที่จะเป็นแบบนี้”


   “แบบนี้??? แบบไหนอ่ะ”


   “ก็ชอบผู้ชายอย่างนี้อ่ะ”


   “ก็ชอบไปแล้วนิ ให้ทำไงได้ วินไม่ต้องมองหน้าเหมือนตอกย้ำผมว่ายังไงตัวเองก็ไม่ชอบผมหรอกนะ ผมรู้...” กูยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย มึงนี้ขี้มโนว่ะบัส


   “แล้วเรื่องพ่อแม่ล่ะเขาว่าไงมั่ง”


   “เขาจะว่าอะไรได้ล่ะ ความรักมันอยู่ที่เรานะพี่ โตๆกันแล้วจะมาไร้สาระรับเรื่องเพศไม่ได้มันก็ไม่ใช่หรอก ยุคสมัยนี้พ่อแม่หลายคนเขารับได้หมดแหละ หรือว่าแม่วินรับไม่ได้”


   “รับได้...แต่ก็ไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง บางทีก็อยากมีหลานตัวเล็กๆให้เขาอุ้ม” ผมพูดเพราะคิดแบบนั้นจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าคำพูดผมไปกระทบใจด้านไหนของบัสเตอร์เข้าจนสีหน้าที่หม่นลงทำเอาผมรู้สึกผิดขึ้นมาเสียดื้อๆ


   “อื้อ อันนั้นผมเข้าใจ ผมไม่ได้บังคับอะไรวินสักหน่อย ทุกวันนี้ก็รู้ตัวเองดีว่าผม..”


   “พอเถอะนะ เรามาเที่ยวกัน พี่ขอโทษที่พูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง วันนี้จะพาไปไหนเหรอ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวบรรยากาศดีๆจะหายไปก่อน


   “ไร่ทองสมบูรณ์” ผมเคยได้ยินชื่อนี้จากเพื่อนๆที่ไปเขาใหญ่ เขาบอกว่ามีพวกเครื่องเล่นเยอะ คงสนุกน่าดู


   “แต่วินจะไหวหรือเปล่าเถอะ”

   “ไหวดิ” ทำไมจะไม่ไหววะ


   “ก็เมื่อเช้า....”


   “เมื่อเช้า??” ผมพูดตามมันก่อนจะนึกเรื่อง เมื่อเช้า ที่ไอ้บัสเตอร์พยายามเน้นให้ผมฟัง สีหน้ากรุ้มกริ่มรู้เลยว่าอีกไม่นานมันจะล้อผม  “พอเลยครับน้องบัส พี่วินโอเคครับ ไม่ต้องมายิ้มครับ แดกไปหอยเนี่ย”


   “ผมไม่ชอบกินหอยว่ะ”


   “ไม่ชอบก็แดกไป!!!”







   หลังจากที่ทานมื้อเช้าเสร็จผมกับไอ้บัสก็พากันขับรถมาที่ไร่ มาถึงนี้ก็เกือบๆเที่ยง อากาศแม่งโคตรร้อน จนในใจล่ำๆว่าไม่อยากจะลงจากรถด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็ต้องเลยตามเลยขับมาจนถึงที่แล้วจะไม่ลงเลยมันก็กระไรอยู่


   ที่ไร่ทองสมบูรณ์เป็นไร่ที่มีActivitiesค่อนข้างเยอะ บัสบอกว่าตอนแรกจะเลือกพักที่นี้เหมือนกัน เวลาจะมาเล่นกิจกรรมจะได้ไม่ต้องขับรถมาไกล แต่สุดท้ายก็ไปเลือกที่อื่นเพราะมันเดาว่าผมคงไม่ชอบที่ๆมีคนพลุกพล่าน


   “หล่อมากเลยว่ะแก” ไม่ต้องเดาว่าผู้หญิงกลุ่มเมื่อกี้ชมใคร ก็ไอ้คนข้างๆผมอ่ะดิ แม่งเพิ่งจบม.หกแท้ๆทำไมมันดูโตจนบางทีผมก็แอบสงสัยว่ามันอายุ 18 จริงหรือเปล่า วันนี้บัสเตอร์ใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นรองเท้าแตะ แว่นแบรนด์เนมสีชาที่ขับให้โครงหน้าของมันดูเท่ขึ้น การแต่งตัวของมันกับผมไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ขนาดแว่นที่ใส่ยังยี่ห้อเดียวกันเลย มีแค่เสื้อสีขาวเท่านั้นที่ผมต่างจากมัน แต่แค่นั้นก็ทำให้เหล่าสาวๆปรายตากันมองมันมากกว่าที่จะมองผม ใช่ครับมันหล่อ ต่อให้แต่งตัวธรรมดาๆแบบนี้ออร่าแม่งก็เปล่งประกายดับคนข้างๆอย่างผมได้อยู่มัดเลยแหละ


    “เป็นไร”


   “เปล่า ร้อนเฉยๆ” ถ้าบอกว่าผมอิจฉาที่มันหล่อกว่าเดี๋ยวแม่งก็หาว่าผมไร้สาระอีก


   “หมวกไหม เดี๋ยวผมเดินไปเอาให้อยู่ในรถ” ผมส่ายหน้าให้มันเป็นคำตอบ เดินมาตั้งไกลมึงพึ่งจะถามเนี่ยนะ แม่งร้อนจะตายห่าอยู่แล้ว กูจะละลายลงไปติดกับพื้นคอนกรีตอยู่แล้วเนี่ย ตอนนี้เริ่มเกลียดหน้าร้อนขึ้นมาแล้วครับ อยู่ๆก็รู้สึกว่าหน้าหนาวมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร


   “วินแม่งตลก หน้ายับหมดแล้วมาฝั่งนี้ดีกว่ามา หลบใต้หลังคา ไม่โดนแดด” ไอ้บัสดึงมือผมให้มาเดินอยู่ใต้หลังคาที่ยื่นออกมานิดหน่อยส่วนตัวมันเองก็เดินโดนแดดแทน แมนโคตรๆ จริงๆมึงเดินตามหลังกูมึงก็ไม่โดนแดดแล้ว แต่นี่อะไร โง่จริงๆ แต่ถึงผมพูดบอกมันไปคนแบบมันก็คงไม่ทำตามหรอกครับ ขอให้ได้โชว์แมนเป็นพอ



   “หิวน้ำว่ะ” พอมาถึงตรงส่วนที่จะซื้อตั๋วเข้าพวกเครื่องเล่นผมก็เปรยๆพูดออกมาแบบเสียงเรียบ ไอ้บัสวิ่งไปซื้อน้ำให้ผมก่อนจะแกะให้เอาหลอดจิ้ม แล้วจ่อมาให้ตรงปาก นี่ถ้าป้อนกับปากได้คงป้อนไปแล้วครับ จะดูแลดีอะไรขนาดนั้น ผมแม่งก็มนุษย์คนนึงนะครับ พอโดนเอาใจแบบนี้ใจไม่สั่นไหวแม่งก็ไม่ใช่คนแล้วแหละ


   บัสเตอร์มันกำลังทำให้ผมติดเป็นนิสัย แต่ก่อนผมไม่ใช่คนเรื่องมาก ไม่ใช่คนขี้บ่น ไม่ใช่คนที่นิดๆหน่อยๆก็ทนไม่ได้ แต่เพราะตั้งแต่มีไอ้บัสผมก็เริ่มเป็นคนแบบนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้ยอมรับเลยว่าผมโคตรเอาแต่ใจตัวเอง อยากได้นู่นอยากได้นี่ก็แค่บอกไอ้บัส จนแทบจะลืมไปแล้วว่าจริงๆคนที่ต้องดูแลคือผมมากกว่าที่มีสถานะเป็นพี่


   “ขี่ม้าไหม”


   “เฮ้ยมีด้วยเหรอ”


   “มี แต่ผมว่าวินไม่ต้องขี่หรอก เจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ ถ้าอยากขี่เดี๋ยวไปขี่ที่ห้องก็ได้เดี๋ยวให้ขี่ทั้งคืนเลย”


   “สัส!!! พอเลยไปซื้อตั๋ว” ผมรอไอ้บัสซื้อตั๋วจนเสร็จ มันมีของให้เล่น 10 กว่าอย่างเลยครับ น่าสนใจทั้งนั้น


   ผมกับไอ้บัสเลือกเล่นโกคาร์ทกันก่อน แล้วค่อยไปเล่นอันอื่นๆ ทั้ง ATV บีบีกัน ที่ตอนแรกผมกับมันก็ไม่รู้จะเล่นทำไม นึกภาพออกไหมว่าไอ้บีบีกันเนี่ยมันต้องเล่นเป็นทีมมีเพื่อนเยอะๆแล้วแบ่งฝ่ายยิง แต่สุดท้ายไปๆมาๆเพราะความอยากเล่นของผมก็เลยเล่นกันอยู่สองคน สนุกดีครับแต่ไม่คิดนะครับว่าไอ้ลูกปืนสีเวลายิงโดนตัวมันจะเจ็บจนได้เลือดขนาดนี้ เป็นรอยแดงยิ่งกว่ารอยดูดเมื่อคืนที่ไอ้บัสทำไว้ทั่วตัวอีก ผมได้แผลแถวๆขาอ่อนสองสามแผลส่วนไอ้บัสได้ตรงหัวไหล่มาแผลเดียว พูดก็พูดเถอะมันแม่งยิงโคตรแม่นเลย นี่ถ้ามันไม่จงใจยิงพลาด ผมคงได้แผลมากกว่านี้ คิดแล้วก็เจ็บใจจนแทบอยากจะหยิบปืนมายิงรัวอีกรอบ


   “โคตรเจ็บเลย” ตอนที่ถอดชุดป้องกันออกผมก็เลิกกางเกงขึ้นดูแผลด้านใน ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรหรอกมาคิดก็ตอนที่ไอ้บัสรีบดึงขากางเกงผมลงนี่แหละ สรุปว่าตอนนี้ผมกลายเป็นเพศที่ดึงดูดผู้ชายด้วยกันไปแล้วเหรอวะ แล้วไอ้คนที่มองส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่พวกหน้าตาน่ารักแบบเบสสักนิด แต่เป็นพวก..........ช่างมันเถอะไปต่อที่เครื่องเล่นอื่นกันดีกว่าครับ


   อันต่อมาที่ผมเล่นก็คือลูท ผมชอบไอ้นี้มาก มันเป็นเครื่องเล่นคล้ายๆรถแม้วที่ถูกปล่อยให้วิ่งลงมาตามทางลาดของภูเขา หลังจากนั้นพวกเราค่อยไปเล่นอย่างอื่น ก่อนจะปิดท้ายด้วยล่องแก่ง ซึ่งดีแล้วที่ปิดท้ายด้วยอันนี้เพราะแม่งทำทั้งผมกับไอ้บัสเปียก แบบโชกเลย เสื้อขาวที่ใส่มา มองเห็นจนแทบจะทะลุลำไส้อยู่แล้ว


   “วินใส่เสื้อขาวมาทำไมวะ เนี่ยดูดิเห็นหัวนมหมดแล้ว” ปากมันเสียจนผมแทบจะหยิบก้อนหินแถวนั้นยัดปากแม่งแล้วครับ หัวนมก็หัวกูป่ะวะ แม่งหนาวขนาดนี้ไม่ให้หัวนมตั้งก็แปลกแล้ว


   “จะบ่นอะไรครับน้องบัส หนาวจะตายอยู่แล้วเนี่ย เลิกบ่นเถอะ” แล้วแม่งต้องเดินไปอีกไกลมากอ่ะเล่นกันจนปาเข้าไปเกือบๆหกโมงเย็น หิวก็หิว หนาวก็หนาว ยังต้องมาฟังคนบ้าบ่นอีก


   “เอามือกอดอกไว้ก็ได้ โคตรตั้งเลยเหอะ” ถ้าผมหันไปบอกมันว่ากูอยากโชว์มันจะพูดอะไรไหม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรแค่ยกมือขึ้นกอดอกไว้ตามที่คุณชายเขาสั่ง


   จริงๆการที่มีบัสเตอร์อยู่ตรงนี้ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไรเลยสักนิด ออกจะมีความสุขในแบบที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนด้วยซ้ำ





   “กินไรก่อนป่ะ” มันถามผมตอนที่เราขับรถออกจากไร่แล้ว


   “ไม่อ่ะ หนาว อยากอาบน้ำ กลับไปค่อยสั่งอาหารโรงแรมกินล่ะกัน เฮ้ยบัส!!!” ผมหันไปเห็นเม็ดแดงๆที่เริ่มขึ้นตรงแถวๆแขนบัสเตอร์ลามไปจนถึงคอ “มึงแพ้น้ำแน่ๆ ไปโรงบาลไหม”


   “ไม่เป็นไรกินยาเดี๋ยวก็หาย วินหนาวไม่ใช่เหรอ”


   “เชี่ยยย มันไม่ใช่เวลาที่มึงจะมาห่วงกูนะบัส คันไหมเนี่ย” ผมเอื้อมมือไปลูบตามผิวบัสเตอร์ รู้เลยว่าเป็นหนักแน่ๆ


   “คันดิ แต่กินยาก็หาย ผมว่าผมพกมาอยู่นะ วินเอาให้หน่อยได้ไหมอยู่ในกระเป๋าหลังรถอ่ะ”


   “กระเป๋าไหนวะ แม่งมีประมาณร้อยใบเลยมั้ง หลังรถมึงเนี่ย” ผมพูดประชดไปงั้นแหละ จริงๆคือไม่มีสักใบตั้งหาก


   “เออว่ะลืม สงสัยอยู่หลังรถ เดี๋ยวถึงรีสอร์ทแล้วค่อยกินก็ได้”


   “ไม่ก็ได้ครับบัสเตอร์ จอดรถครับ เดี๋ยวพี่ลงไปเอามาให้”


   “เอาน่าวิน เนี่ยใกล้ถึงแล้ว”


   “บัสเตอร์” ผมกดเสียงต่ำมองหน้าด้านข้างให้มันรู้ว่าผมกำลังโกรธ


   “โอเคครับ กำลังจะจอดแล้ว” บัสเตอร์ตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางเสร็จผมก็เดินไปหยิบกระเป๋ามันมาทันที ในนั้นมีซองยาเขียนว่ายาแก้แพ้ อยู่ซองหนึ่งผมเอาออกมาเม็ดนึงแล้วยัดใส่เข้าปากบัสเตอร์ทันที “เอ้านี้น้ำ”


   “ขอบคุณครับ”


   “ทีหลังผื่นขึ้นหรือเริ่มมีอาการคัน ต้องพูดต้องบอกเลยนะไม่ใช่เงียบแบบนี้ มึงรู้หรือเปล่าบางคนแพ้หนักๆจนทำให้ตายก็มีนะเว้ย”


   “วินห่วงผมเหรอ”


   “ไม่ห่วงมึงแล้วจะห่วงใครล่ะลูกพี่ กูด่ามึงอยู่คนเดียวเนี่ย”


   “ดีใจว่ะ คืนนี้เอากันไหม”


   “เอาพ่องงง รีบๆขับกูอยากอาบน้ำแล้ว” ผมโอดครวญยกมือขึ้นลูบตัวเองด้วยท่าทีหนาวๆ ไม่นานบัสเตอร์ก็ขับรถมาถึงรีสอร์ท ผมบอกให้มันเข้าไปอาบน้ำก่อนแล้วตัวเองค่อยอาบที่หลัง ตอนแรกก็ทำท่าจะลากผมเข้าไปอาบพร้อมกัน แต่ผมก็บอกปัดไปเพราะกลัวว่ามันจะไม่ใช่แค่อาบน้ำอ่ะดิ


   “ต้องทาคาราไมล์หรือเปล่าวะ” หลังจากที่เราทั้งคู่อาบน้ำกินข้าวเสร็จผมก็เอ่ยถามมันพลางจับแขนบัสเตอร์ขึ้นมาพลิกซ้ายพลิกขวาดูว่ายังมีผื่นหลงเหลืออยู่หรือเปล่า


   “ไม่ต้องหรอกหายแล้ว ว่าแต่วินเหอะ ไหนขอดูขาหน่อยดิ เจ็บมากเปล่า” มันจับขาทั้งสองข้างของผมขึ้นชันเข่าโดยไม่ถามความสมัครใจจากผมสักนิด


   “ไอ้บัสเจ็บ มึงจะแหกขากูอีกนานไหม”


   “โทษๆ ไหนดูหน่อยดิ” มันแหวกกางเกงบอลผมแล้วลูบเบาๆตรงขาอ่อน จุดแดงเป็นจ้ำสามจากการเล่นบีบีกันบ่งบอกว่าอีกไม่นานคงจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว “ท่าทางจะเจ็บน่าดู”


   “ใครทำล่ะ ดีนะไม่โดนไข่” ผมยกเท้าอีกข้างขึ้นวางพาดบ่าบัสเตอร์ไว้ก่อนจะก้มๆเงยๆมองดูจุดแดงๆสามจุด


   “ท่านี้แม่งสุ่มเสี่ยงมากอ่ะวิน” สายตาหวานเยิ้มถูกส่งมาให้ผมด้วยท่าทีหื่นกระหาย ความจังไรปรากฏในแววตาไอ้บัสจนผมเองก็คงหนีไม่พ้น


   “พอเลย กูจะนอน เชี่ยบัส ปล่อยกู”






   ไม่ต้องถามนะครับว่าผมเสร็จหรือเปล่า ถามว่ากี่รอบน่าจะดีกว่า





>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC
กำลังใจสร้างเองได้ แต่มันจะทรงพลังมากๆถ้าได้รับการผลักดัน><

ขอบคุณที่ยังอ่านนะคะ

ออฟไลน์ canvrce

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
    • www.facebook.com/canvrce
ชอบมาก อ่านรวดเดียวถึงตอนที่ 5 เลย มาต่อไว้ๆนะ เรารออยู่ เนื้อเรื่องดราม่านะ แต่ยิ่งอ่านยิ่งชอบ ภาษาเขียนเข้าใจดีด้วย แต่ไม่ค่อยชอบวินเลย เพราะวินที่ไม่ยอมเลือกบัส :hao5:

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
นี่มันฮันนีมูนดีๆเลยนี่นา :z1:
บัสหื่นว่ะ เอะอะก็อยาก เอะอะก็เอา แต่วินก็ชอบนี่เนาะ :z3:

รออ่านตลอดนะ...มาต่อตอนไหนก็ได้ เขียนสบาย ๆ เถอะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :oo1: วินนี่มันกลายเป็นเคะแล้วชัดๆ
ยอมรับเถอะ วินเอ๋ย แกชอบบัสเข้าแล้ว
ถึงยอมให้ทำบ่อยๆ ผช แท้ๆที่ไหนเขาให้คนอื่นรุก

KanomPhing

  • บุคคลทั่วไป
โอยยย บัสเอ้ยยย  ชั่งอกชั่งใจมั่งนะลูก
ห่วงพี่วินมั่ง ช้ำนอกช้ำในหมดแล้ว
นับวันพี่วินจะเริ่มสาวแตก 5555 แหน่ะพอมีคนดูแลหน่อยละไม่ได้เลยนะพี่วิน
อ้ายยยยย  เขินเบาๆ
หวังว่าจะสุขสมหวังซักทีเน้อะ
อยากอ่านอารมณ์แบบมีรุกแมนๆมาจีบพี่วินมั่ง คงจะเหวอน่าดูเนอะ
ขอแบบฝรั่งไซด์ใหญ่ 555 ตัวโตมีกล้าม น้องบัสต้องหึงโหดแน่ๆเลย
แต่แบบโทดพี่วินไม่ได้ไรเงี้ย เพราะนั่นเขามาเองง
จิ้นไปไกลเนอะ  ยังไงก็ตามอ่านอยู่น้าาา

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
บัสโคตรหื่น

อ่านแล้วเศร้า สนุก ได้อารมณ์ดีนะครับ

ชอบครับ

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
Chapter 6

   “ตื่นแล้วเหรอ” ผมชอบนะเวลาที่ผมงัวเงียจะตื่นแล้วได้ยินเสียงบัสเตอร์พูดข้างๆหูว่า ตื่นแล้วเหรอ ไม่รู้ว่ามันสังเกตตัวเองบ้างไหมว่าทุกครั้งที่นอนด้วยกันคำแรกที่มันพูดจะเป็นคำนี้

   “ยัง...” ผมมุดหน้าเข้าไปในหมอนอีกรอบ ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว และก็ไม่สนใจด้วยว่ามันจะมีโปรแกรมพาผมเที่ยวอะไรในวันนี้ แต่ขอบอกว่าวันนี้ผมงด แม่งเหนื่อยอ่ะ ทั้งจากเมื่อวานที่ไปเล่นพวกเครื่องเล่นในไร่แล้วก็จากเมื่อคืนที่ไอ้บัสมันเล่นผมแทบจะถึงเช้า กว่าจะยอมปล่อยให้นอนก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน

   “หิวข้าวไหม” ริมฝีปากอุ่นจนร้อนไล่จูบเบาๆตรงเนินหัวไหล่ลาดต่ำลงมาเรื่อยๆ ผมนอนคว่ำหน้ากับหมอนอยู่เลยไม่ได้พูดอะไรกับมันนอกจากปล่อยให้ไอ้เกรียนทำตามอย่างที่ต้องการ แอร์เย็นๆกับริมฝีปากอุ่นๆจริงๆแล้วมันก็เข้ากันดี

   “หืมมม” ผมครางเสียงในลำคอเพื่อบอกไอ้ตัวกวนให้รับรู้ว่าผมง่วง แต่ดูเหมือนมันไม่ได้รับรู้ความง่วงของผมเลยสักนิด เพราะปากบัสเตอร์ยังทำหน้าที่ขบเม้ม ดูดดึงและกัดเบาๆทั่วแผ่นหลังผม

   “ง่วง...” กะว่าถ้าหันหน้านอนหงายบัสเตอร์จะเลิกก่อกวน แต่ผมว่า...ผมคงคิดผิด “อ๊ะ..” แม่งโรคจิตอ่ะ ผมหลับอยู่แท้ๆมันยังไม่วายเลิกทำพฤติกรรมหื่นๆอีก มารู้ว่าน้องไอ้เบสหื่นตอนนี้ก็รู้สึกว่ามันจะสายไปแล้ว ยิ่งช่วงหลังๆมาบัสเตอร์ทำราวกับว่าจะตักตวงทุกอย่างบนตัวผมให้หมด ไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่คิดแค่ว่ามันคงอยากทำก่อนจะไปเรียน แต่ถึงไปเรียนยังไงเราก็กลับมาเจอกันได้อยู่แล้ว บัสเตอร์มันไม่มีทางทิ้งผมไปไหนแน่ๆผมรู้ว่าเพราะมันเป็นคนแบบนั้น

   “บัสพี่เหนื่อยอ่ะ” ผมพูดบอกมันด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ตาที่ยังหลับสนิทแต่ความรู้สึกหวิวๆตามริมฝีปากที่ไล่ขบเม้มต่ำลงไปเรื่อยๆไม่ได้หายไปไหน

   “แต่ตรงนี้มันไม่เห็นเหนื่อย” มันพูดพร้อมกับใช้ฟันกัดเบาๆผ่านเนื้อผ้าที่เรียกว่าบ๊อกเซอร์ “นอนไปเถอะวิน เดี๋ยวทำให้”

   “อื้อ...” ไม่ใช่ว่าเห็นแก่ตัวอะไรนะครับ แต่จริงๆก็เห็นนั่นแหละ ให้ทำไงได้วะกระตุ้นผมมาขนาดนี้แล้ว ก็ได้แต่เลยตามเลยเท่านั้น ผมรับตารับสัมผัสที่บัสเตอร์มอบให้ ความรู้สึกเสียวมีมากขึ้นพร้อมๆกับขาที่ยกชันและแยกออกเพื่อให้สะดวกกับคนที่ทำ ไม่นานความรู้สึกบางอย่างก็พุ่งออกมา ผมผงกหัวขึ้นดูนิดหน่อยก่อนจะหลับต่อโดยไม่คิดจะทำความสะอาด เพราะรู้ดีว่าคนที่เริ่มมันจะเป็นคนทำให้ผมเอง

   “รักนะ”

   “อื้อ...รู้แล้ว” ผมรู้ว่ามันรักผม และไม่เคยเบื่อที่จะฟังคำว่ารักจากบัสเตอร์สักนิด ส่วนความรู้สึกผมตอนนี้บอกตรงๆว่าก็ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร

 
   ‘ถ้าจะเลือกก็เลือกแค่บัสเตอร์เท่านั้นนะ ห้ามเลือกคนอื่น เข้าใจไหมครับ ห้ามเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่บัส’ ช่วงนี้เหมือนก่อนหลับผมมักได้ยินเสียงนี้กระซิบข้างหูตลอด มีคนเคยบอกว่ามันเป็นการสะกดจิตคนหลับอย่างหนึ่ง เราอยากได้อะไรให้พูดกระซิบข้างๆหูตอนก่อนเขาจะหลับและตอนก่อนที่เขาจะตื่น อารมณ์กึ่งหลับกึ่งตื่นนั่นแหละเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะใช้วิธีนี้ แต่ผมคิดว่าบัสเตอร์คงไม่บ้าพอที่จะทำเรื่องไร้สาระแบบนั้น..แต่ถ้าวันหนึ่งต้องเลือก...ไม่รู้ดิ...ถ้าผมอยู่กับบัส เลือกแค่บัส แล้วใครจะเลือกหลิว



   เสียงโทรทัศน์ที่ดังขึ้นท่างกลางความเงียบเป็นตัวปลุกผมให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง แต่เหตุผลหลักๆที่ตื่นเพราะความหิวที่กระตุ้นเตือนจนแทบจะนอนต่อไม่ได้

   “หิวข้าวมากเลยว่ะบัส กี่โมงแล้วอ่ะ”

   “ก็สมควรหิวอยู่หรอก จะบ่ายสองอยู่แล้วเนี่ย” ผมหรี่ตามองไปที่นาฬิกาข้างผนังก่อนจะฟุบหน้าลงไปที่เตียงอีกรอบ หิวมาก แล้วก็ง่วงมาก

   “แล้วบัสกินยัง”

   “รอวินอยู่” มันพูดทั้งๆที่ตายังมองไปที่ทีวี บัสเตอร์อาบน้ำแต่งตัวแล้วคงรอผมตื่นแล้วค่อยสั่งอาหารมากิน ไม่ก็รอไปกินข้างนอกพร้อมกัน แต่อารมณ์นี้ไม่ไหวจะลุกไปกินข้างนอกจริงๆครับ เมื่อยมาก

   “รอไมวะ ไม่หิวเหรอ”

   “หิวดิ”

   “อ่าวแล้วไม่กินก่อน”

   “กลัววินงอน” แล้วกูจะงอนมึงเรื่องอะไรล่ะครับลูกพี่ โตจนป่านนี้แล้ว ผมน่ะไม่ใช่ไอ้เบสนะที่จะมางอแง ง้องแง้งทำตัวเหมือนพวกไม่เข้าใจโลก

   “ไร้สาระ กูไม่เคยงอนใคร สั่งอาหารด้วย พี่ขี้เกียจไปกินข้างนอก” อีกอย่างขี้เกียจเถียงกับไอ้หัวเกรียนด้วย เมื่อกี้ง้างปากกำลังจะพูดต่อ รู้เลยว่ามันกำลังจะพูดต่อว่าไร้สาระอะไร แต่มึงหยุดไปเลยครับบัสกูจะอาบน้ำ

   “บัสมึงโทรไปสั่งอาหารยัง” ผมรีบเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำก่อนที่ไอ้บัสจะโทรสั่งอาหาร

   “กำลัง”

   “เดี๋ยวๆ...”

   “ทำไม?? วินจะออกไปกินข้างนอกเหรอ” ผมส่ายหน้าให้มันแทนคำตอบ “กูอยากกินสุกี้ว่ะ ถามเขาหน่อยดิว่าเขามีอุปกรณ์ไหม ถ้าไม่มีก็สั่งพวกกุ้งแม่น้ำ ปลาหมึก หอยมาย่างล่ะกัน บอกให้เขาก่อไฟให้ด้วย กูเห็นเตาย่างอยู่ข้างๆบ้านพัก”

   “โหวว ตื่นมาก็สั่งกันเลยว่ะ”

   “ไม่ให้สั่งมึงแล้วจะสั่งใครล่ะ งั้นไม่ต้องกูโทรเองก็ได้” ปกติผมไม่ใช่คนแบบนี้นะ แต่แม่งสงสัยหิวมากผสมกับความหงุดหงิดที่ไอ้บัสทำไว้เมื่อคืน เข้าใจไหมครับผมเจ็บสะโพกร้าวมาจนถึงไขสันหลัง แค่ให้สั่งของแค่นี้ทำบ่น

   “อะไร แค่นี้งอนเหรอ” มันวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วเดินมานัวผมที่ยืนพิงประตูห้องน้ำอยู่

   “งอนเชี่ยไรล่ะ สรุปจะโทรเองหรือจะให้กูโทร” ผมรู้ว่ามันกำลังง้อผมอยู่ คงเห็นน้ำเสียงหงุดหงิดกับสีหน้าที่แสดงออกชัดเจนล่ะมั้งถึงรีบอ้อนผมขนาดนี้ บัสเตอร์กอดเอวผมไว้ไม่ปล่อย หน้าเน้อนี่ก็ซุกซอกคอจนแทบจะสิงร่างผมอยู่แล้ว

   “วิน...”

   “อะไร”

   “วินครับ” เวลาอ้อนชอบทำเสียงงุ้งงิ้งแล้วเป่าลมรดคอผม พอเห็นแบบนี้ก็อดใจอ่อนไม่ได้ทุกที ผมยกมือขึ้นลูบหัวมันเบาๆเป็นสัญญาณบอกไอ้เกรียนว่าไม่ได้งอนอะไร บัสเตอร์มันถึงเงยหน้ายิ้มรับแล้วจุ๊บปากผมทีนึง รู้สึกตัวมันร้อนๆแหะ แต่บางทีผมอาจจะคิดไปเอง

   ผมทิ้งความสงสัยไปตอนที่บัสหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรถามพนักงานโรงแรม ส่วนผมก็เดินเข้าไปอาบน้ำ ออกมาอีกทีเห็นบัสเตอร์นอนตาลอยๆอยู่บนเตียง ผมแต่งตัวเสร็จก็ขยับมานั่งบนเตียง ใช้หลังมือแตะที่หน้าผากบัสเบาๆ ไม่อยากเชื่อว่ามันจะไม่สบาย ผมว่าเป็นเพราะเมื่อวานมันแพ้น้ำแหงๆ

   “รู้ตัวหรือเปล่าว่าไม่สบาย”

   “คิดว่ารู้” มันเอียงคอเอามือผมที่แตะหน้าผากมันไปไว้ตรงคอ คงรู้สึกเย็นๆล่ะมั้งถึงทำท่าเหมือนหมาอย่างนี้

   “กินยาหรือยัง”

   “ยังเลย แต่เมื่อกี้บอกพนักงานรีสอร์ทไปแล้ว”

   “ปวดหัวหรือเปล่า”

   “นิดนึง” พอได้อ้อนล่ะเอาใหญ่ตอนนี้แทบจะแดกมือผมแล้วครับ จูบอยู่นั่น แทะเลยไหม ตัดแขนกูแล้วเอาไปแทะที่บ้านเลยไหมบัส

   “เจ็บคอไหม”

   “นิดนึง”

   “อื้มม ท่าทางเขาจะมาจัดของกินแล้วแหละ สรุปว่าสุกี้ได้ใช่ป่ะ” มันพยักหน้าหงึก เออก็ดีกินร้อนๆจะได้หายป่วย ผมล่ะไม่เข้าใจเลยทั้งๆที่คนป่วยน่าจะเป็นผมมากกว่า นี่สรุปมันเอาผมหรือผมเอามันวะเนี่ย “ป่ะลุกไปกินข้าว แล้วเมื่อเช้าก็ไม่กินก่อนวะ รู้ว่าตัวเองป่วยก็ยัง....น่าตีจริง”

   “เปลี่ยนจากตีเป็นกัดได้เปล่า”

   “เออเดี๋ยวกูจะกัดให้ขาดเลยสัส ลุก!!” มันงอแงบนที่นอนแป๊บนึงก็เดินตามผมออกมานั่งกินสุกี้ด้วยกัน ตอนบ่ายแก่ๆเกือบจะเย็นแบบนี้บรรยากาศดีมากๆ มันไม่ถึงกับร้อนเพราะมีลมพัดตลอด ลมที่นี้มันไม่ได้เหนียวเหนอะหนะเหมือนเวลาอยู่ทะเล แต่มันเป็นลมแบบเย็นสบายๆที่เราพร้อมจะเงยหน้าขึ้นท้ามัน เห็นแบบนี้ก็คิดถึงเวลารับน้อง ปกติเวลารับน้องคณะผมมักจะเลือกภูเขามากกว่าทะเล เขาบอกว่ามันเป็นอ้อมกอดแห่งการต้องรับ ส่วนบายเนียร์เลี้ยงส่งปีแก่เราจะจัดกันที่ทะเลเพราะเหมือนกับปล่อยให้พวกพี่ๆไปเผชิญโลกกว้าง หึ ผมว่าคนที่คิดอะไรพวกนี้คงหาเหตุผมไม่ให้เที่ยวซ้ำกันตอนปีหนึ่งกับปีสี่มากกว่า

   “แค่ก แค่ก” เสียงไอจากคนนั่งฝั่งตรงข้ามดึงความสนใจให้ผมหันไปมองได้ไม่ยาก ดูจากอาการที่เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆคาดว่าทริปเขาใหญ่คราวนี้ผมคงได้อยู่ดูแลมันแทน

   “ท่าทางจะหนักกว่าเดิมนะ”

   “ก็คงคิดว่างั้น อยากรีบๆหายว่ะพรุ่งนี้ว่าจะพาวินไปน้ำตก”

   “ถ้าหายไม่ทันก็ช่างมันเถอะ อยู่แบบนี้ก็โอเค วันหน้าค่อยมาใหม่ก็ได้”

   “ก็ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมีหรือเปล่า”

   “ห้ะ?? พูดอะไรวะงึมงำๆในลำคอเดี๋ยวก็เอาตะเกียบจิ้มตาซะหรอก” ผมชูตะเกียบทำท่าจะจิ้มตาไอ้บัส แต่มันแค่มองแล้วพูดเบาๆว่าผมทำตัวเด็ก เอ้อออออออ มึงผู้ใหญ่ อายุตอนนี้สัก 80 ปีได้แล้วมั้ง “หมั่นไส้”

   ผมใช้ตะเกียบเคาะไปที่หัวบัสเตอร์ทีนึงข้อหาทำตัวเป็นผู้ใหญ่ทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งจะจบม.6

   “อิ่มแล้วใช่ไหมอ่ะนี่ยา แก้ไข้ แก้ปวด แล้วแก้หวัด ส่วนอันนี้แก้อักเสบ” มันขมวดคิ้วแล้วยกยิ้มเบาๆ รู้เลยว่าแม่งคิดอะไรอยู่ “ไม่ต้องมาคิดทะลึ่ง มึงกินเข้าไปเลยไอ้แก้อักเสบนี่เวลาเป็นหวัดแม่กูเขาก็เอามาให้กินตลอด”

   “จริงๆคนที่ควรกินมันน่าจะเป็นวินนะ อักเสบหรือเปล่า...เมื่อคืนเล่นซะหนัก โทษผมไม่ได้ด้วยตัวเองขอแรงๆเอง” โอยยยยผมล่ะอยากเอาหน้ามุดดินวันล่ะหลายๆรอบ คือบัสเตอร์มันเป็นบุคคลที่สามารถทำให้ผมเขินได้ด้วยคำพูดหื่นๆหรือสีหน้ากรุ้มกริ่มแบบนี้ มันพูดยิ้มๆแล้วเบ้ปากเห็นยาในมือตอนที่ผมส่งไปให้อย่างละเม็ดสองเม็ด

   “คิดว่าจะเม็ดเล็กกว่านี้”

   “ทำไม”

   “ก็มันเม็ดใหญ่อ่ะ...ไม่กินได้ป่ะไม่ชอบเลยว่ะ”

   “อย่าดื้อน่าบัส ตัวก็ตั้งใหญ่กินยาแค่นี้ไม่ตายหรอก” ผมก็เพิ่งจะรู้นี่แหละครับว่าบัสเตอร์มันกินยายาก สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกตอนกินยาทำเอาผมอดขำไม่ได้ “ตลกว่ะ โคตรอ่อนเลย”

   “ไม่นะ”

   “อะไร” จู่ๆก็พูดขึ้นว่า ไม่นะ เกี่ยวอะไรกับบทสนทนาเมื่อกี้วะ

   “เมื่อคืนนี้ก็แข็งนะ ไม่อ่อนเลย วินก็เห็น สัมผัสได้อยู่ไม่ใช่เหรอ”

   ผมเลิกเถียงกับมันและแม่ง พูดสองแง่สองง่ามทีไรผมแพ้ทางมันตลอด ผมผลักหัวไอ้เกรียนทีนึงแล้วเดินเข้าไปนั่งดูหนังในห้องต่อ “เสร็จแล้วก็เข้ามานั่ง ตากลมข้างนอกเดี๋ยวก็ไม่สบายกว่าเดิม แล้วอย่าคิดจะโยนยาทิ้งนะบัส”

   ผมขู่มันไปก่อนไม่รู้หรอกว่ามันโยนทิ้งไหม

   “รู้ดี...ไม่ทิ้งหรอกน่า”

   “หราาาาา” ทำหน้าแบบนี้แสดงว่ามันคิดจะทิ้งจริงๆ ไอ้นี้นิเผลอเป็นไม่ได้ ผมเขกกะโหลกหนาของบัสทีนึงตอนที่มันขยับตัวขึ้นมานั่งบนเตียงข้างผม บัสเตอร์เลื้อยเป็นงูลงไปนอนราบกับเตียงก่อนจะเอาหัวหนักๆวางไว้บนตักผม

   “เบื่อหรือเปล่า ไม่มีโทรศัพท์ ถ้าจะเล่นเดี๋ยวผมออกไปยืมที่ชาร์ตแบตให้”

   “ไม่นะ มีทีวีดูสำหรับกูก็โอเคแล้ว ยังดีที่ทีวีที่นี้ติดยูบีซี” ผมไม่ได้เป็นพวกติดโทรศัพท์หรือโซเชียลจ๋าเหมือนไอ้เบสหรอก ถ้าจะติดก็ติดคนที่อยู่ในโทรศัพท์มากกว่า แต่ตอนนี้รู้สึกเฉยๆไม่ได้เรียกร้องอยากโทรหาหรือไลน์คุยกับเขาสักนิด แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ตัวเองเป็นแบบนี้

   “ยูบีซี??” มันทำหน้างงๆเอียงคอแล้วถามว่ายูบีซีคืออะไร

   “ยูบีซีก็ทรูวิชชั่นอ่ะ ไม่รู้ว่ามันกลายมาเป็นอันเดียวกันตอนไหน แต่ติดปากเรียกอันนี้มาตั้งนานแล้ว” บัสเตอร์พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด ก่อนจะดึงมือไปจับเล่นเหมือนที่มันชอบทำ ไม่รู้เป็นเพราะตัวผมเย็นหรือริมฝีปากมันร้อน พอเวลามันจูบมือแล้วขบเม้มเบาๆผมถึงรู้สึกร้อนตามไปด้วย “ตัวร้อนมากขนาดนี้นอนดีกว่าไหม”

   “แล้ววินจะนอนด้วยกันหรือเปล่า”

   “ไม่อ่ะกำลังดูหนังอยู่ มึงนอนเลย”

   “จูบหน่อยดิ”

   “ไม่ห่วงว่าพี่จะติดไข้จากบัสเลยหรือไง” ผมถามทั้งๆที่ตัวเองก็ขยับก้มหน้ามาจนจมูกแนบชิดติดกับบัสเตอร์

   “ถ้าติดก็ดีดิ ผมอยากดูแลวินจะตาย” มันพูดเสร็จก็ดึงหน้าผมให้โน้มลงไปจูบที่ปากมันเบาๆ ไม่ได้ลึกซึ้งดูดดื่มอะไร แค่ปากแตะปาก....แต่แค่นั้นก็ทำเอาใจผมวาบหวามรู้สึกเต็มอิ่มกับความรู้สึกที่บัสมอบให้ไม่ได้ ดีจริงๆที่มีมันอยู่ตรงนี้

   สรุปว่าวันนั้นทั้งวันผมกับไอ้บัสก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนอนกับดูโทรทัศน์ ตกดึกบัสเตอร์ตัวร้อนเป็นไฟจนผมคิดว่ามันจะตายคารีสอร์ทหรือเปล่า พอบังคับให้ไปหาหมอมันก็อิดออดนอนตัวหนักอยู่บนเตียงไม่ยอมไปไหน คือแม่งเด็กมากอ่ะสงสัยจะกลัวเข็มฉีดยาทีเวลาฉีดคนอื่นล่ะไม่กลัวสักนิด (ให้คิดทะลึ่งได้ครับ เพราะนับวันผมอยู่กับมันความจังไรก็มีมากขึ้นเหมือนกัน)

   “จะไปหาหมอไหม”

   “ไม่”

   “มึงกลัวอะไรเนี่ยบัส ถ้าตายขึ้นมากูไม่ทำศพให้หรอกนะ ให้แม่งนอนขึ้นอืดเป็นผีเฝ้ารีสอร์ทอยู่แบบนี้แหละ”

   “ใจร้ายมากอ่ะวิน นี่ผัววินนะ”

   “............” ผมไม่ชอบที่มันแสดงตัวแบบนี้เลยว่ะ ถึงผมจะรับได้แล้วว่าผมอยู่ตรงไหน แต่ไม่รู้ดิพอได้ยินแบบนี้แล้วลึกๆแม่งก็รับไม่ได้จริงๆนั่นแหละ...มันแปลกๆรู้สึกแย่ๆไม่ชอบให้คนมาพูดแบบนี้

   “วิน”

   “พอเถอะ” ผมไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดให้ความหงุดหงิดที่อยู่ในใจมันเพิ่มมากไปกว่านี้ ได้แต่นั่งนิ่งๆแล้วเช็ดตัวให้คนที่นอนอยู่บนเตียง บัสเตอร์คงรู้สึกสำนึกผิดขึ้นมานิดๆเลยขยับมากอดเอวผมไว้ทั้งตัว “ขอโทษนะ ต่อไปจะไม่พูดให้ลำบากใจอีกแล้ว”

   ไม่ได้ลำบากใจนะครับ แต่แค่...ยังรับไม่ได้

   เช้าวันต่อมาผมรับรู้ได้เลยว่าไอ้คนที่ป่วยเมื่อคืนพยายามแสดงออกให้ผมเห็นว่าตัวเองหายป่วยแล้ว ทั้งความกระตือรือร้นทำนู่นทำนี่ พาไปกินข้าวนอกรีสอร์ทหรือแม้แต่พาไปเที่ยว บัสเตอร์เอาใจใส่ทุกอย่างเหมือนกำลังง้อผมอยู่ พูดกันตรงๆคือผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วนะครับเรื่องมันผ่านไปแล้วคิดมากไปก็ไร้ประโยชน์อีกอย่างสิ่งที่มันพูดมาก็ไม่มีส่วนไหนเลยที่จะไม่ใช่เรื่องจริง ตอนนี้ก็ได้แต่ทำใจยอมรับมันก็เท่านั้น

   สามสี่วันสุดท้ายบัสเตอร์พาผมขับรถไปหลายที่มาก นั่งจนเมื่อยก้นไปหมด แต่พอเห็นสิ่งที่มันพาไปก็หายเมื่อยเป็นปลิดทิ้ง ทั้งเขื่อน น้ำตก หรือวัด บรรยากาศในวัดต่างจังหวัดแตกต่างกับในกรุงเทพ เพราะส่วนใหญ่วัดที่นี้จะอยู่ในป่า มีต้นไม้ล้อมรอบคนมาทำบุญก็เป็นชาวบ้านละแวกนั้น เงียบสงบดีครับ ผมไม่ค่อยเห็นบรรยากาศอะไรแบบนี้เท่าไหร่ ตอนให้อาหารปลาก็แอบตกใจที่เห็นปลาแถวนี้ตัวใหญ่อย่างกะยักษ์ บัสบอกว่ามันเป็นเขตอภัยทานคนไม่กล้าจับแต่ก็มีบ้างพวกที่ไม่กลัวบาปก็มาจับไปขายหรือไม่ก็จับไปกิน วันสุดท้ายที่เราอยู่เขาใหญ่บัสมันพาผมไปสระบุรีเพื่อซื้อของฝากกลับกรุงเทพ เลือกอยู่หลายร้านกว่าจะได้ครบทุกคนก็ปาเข้าไปเกือบเย็น เหนื่อยโคตร แต่ก็มีความสุข หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านไปไวเหมือนโกหก

   หลายคนพูดเสมอว่าความสุขมักผ่านไปเร็ว ผมไม่เคยเชื่อจนกระทั่งได้พบเจอกับตัวเอง แต่ก่อนผมเคยใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ จนเป็นเรื่องปกติ ถึงตอนนั้นจะมีความสุขเล็กๆน้อยๆจากการได้ใกล้ชิดกับหลิวแต่มันก็เหมือนเป็นความสุขที่ผมหลอกตัวเองขึ้นมามากกว่า แต่พอวันหนึ่งบัสเตอร์เข้ามา สิ่งที่เคยว่างเปล่า เคยโล่ง เคยไม่มีอะไรกลับมีสิ่งที่มีอะไรต่อมิอะไรเพิ่มเติมเข้ามา แต่ก็ไม่รู้นะว่าความคิดนี้จะเปลี่ยนไปไหมหากผมได้พบกับใครอีกคนที่อยู่กรุงเทพ บอกตรงๆว่าผมกลัว กลัวความรู้สึกตัวเอง

   เพราะคนที่รักเรากับคนที่เรารัก ส่วนใหญ่ความรู้สึกลึกๆเรารู้อยู่แล้วว่าเราจะเลือกทางไหน



   “บัสประกาศผลสอบวันไหนเหรอ” ผมถามขึ้นตอนที่เราขับรถกำลังจะกลับกรุงเทพ

   “อาทิตย์หน้า อีก 3-4 วันนี่แหละ ทำไมอ่ะ”

   “ก็เปล่า...ถามดูเฉยๆ”

   “โถ่ว คนอุตส่าห์ดีใจ คิดว่าวินจะรั้งให้อยู่ด้วยกัน” ผมยิ้มไม่ตอบอะไร “ถ้าวินรั้งผมไว้ก็คงดี....แต่ก็รู้อยู่แล้วแหละว่าคงไม่มีวันนั้น”

   และคำพูดสุดท้ายที่มันพูดผมก็ไม่ได้ตอบอะไรไปเหมือนกัน ก็ไม่รู้นี่...ว่าจะตอบอะไร


   
   บัสมาส่งผมที่บ้านเสร็จ ผมก็ไล่มันให้กลับบ้านตัวเอง เห็นมันบ่นๆเหมือนกันว่าน้ำท่าอะไรก็ยังไม่ได้กิน ผมเลยเขกหัวแล้วด่ากลับไปว่าไปกินที่บ้านตัวเองก็ได้เพราะผมกลัวคนที่บ้านมันจะคิดว่าบัสหายสาบสูญ แม่งเล่นมาอยู่กับผมเกือบๆสามอาทิตย์ได้มั้ง จนแม่บ้านผมคิดว่ามันเป็นเจ้าของบ้านอีกคนแล้ว

   “โคตรเหนื่อย” แต่มีความสุข ถ้ามีใครเดินเข้ามาในห้องตอนนี้คงคิดว่าผมบ้าแน่ๆที่จู่ๆก็นอนอมยิ้มให้กลับเพดานห้อง ผมนอนอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะหาสายชาร์ตแบตมาชาร์ตไอโฟน หนึ่งอาทิตย์ที่ไม่ได้เปิดเครื่องไม่รู้ว่ามันยังใช้งานได้หรือเปล่า เสียงเปิดเครื่องดังขึ้นพร้อมกับข้อความที่เด้งบอกว่าใครโทรหาบ้าง ยังไม่นับรวมข้อความไลน์ที่มีเกินร้อย ส่วนใหญ่เป็นพวกเพื่อนๆอย่างไอ้พอร์ช ไอ้เกมส์ หรือแม้กระทั่งข้อความแซวแกมด่าอย่างไอ้เบส และก็มีมากกว่า 50 ข้อความไลน์ที่ขึ้นเป็นตัวแดงว่าหลิวส่งมาหา

   ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงยังไม่เปิดเข้าไปอ่านข้อความตอนนี้ ถ้าเป็นแต่ก่อนคงกระตือรือร้นแล้วรีบเปิดดูแล้วว่าหลิวพูดว่าอะไร ส่งอะไรมาให้ แต่ทำไม....ไม่รู้สิ...รู้สึกแค่ไม่อยากคุย มันไม่ได้หมายความว่าผมรักน้อยลงหรอกมั้ง อาจจะแค่เหนื่อยแล้วก็ไม่อยากคุยตอนนี้มากกว่า ผมนอนหลับไปอีกครั้งตื่นขึ้นมาอีกทีตอนที่แสงแดดส่องเข้ามาในห้องพร้อมกับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นบนหัวเตียง

   “ฮัลโหล”

   (อ่าวว นอนอยู่เหรอ ผมโทรไปกวนวินหรือเปล่า) ผมหรี่ตามองดูนาฬิกาดิจิตอลข้างเตียง เก้าโมงเช้า ผมที่ทำท่าจะลุกก็ล้มตัวนอนต่อแล้วมุดหน้าลงกับผ้าห่มอีกรอบ

   “กวน...”

   (งั้นวินนอนเถอะ)

   “ไม่ๆ นอนไม่หลับแล้ว มีไรอ่ะ”

   (คิดถึง...) คำสั้นๆที่ทำเอาเลือดสูบฉีดขึ้นหน้าแต่เช้า แม่งเสี่ยวได้อีกปกติมันไม่ค่อยพูดแบบนี้หรอก ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไรช่วงนี้เหมือนจะหวานเลี่ยนจนผมแทบจะเอียนอยู่แล้ว

   “ไม่ตลก”

   (ก็ไม่ได้เล่นตลกสักหน่อย เออวินวันนี้ว่างป่ะไปดูหนังกัน)

   “ได้ ที่ไหนอ่ะ เดี๋ยวกูขับรถไป....”

   (เดี๋ยวผมไปรับก็ได้ เปลืองน้ำมัน / บัสยืมรถหน่อยนะ / ได้ไงวะเบส บัสจะใช้รถ /ก็ใช้คันอื่นไปดิ ไปนะ) ผมได้ยินเสียงพี่น้องเถียงกันอยู่ในโทรศัพท์ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนคนวิ่ง (เบสแม่งนิสัยไม่ดีวะ / แต่เบสเป็นพี่ จบนะ)

   ผมรอจนมันเถียงกันจบได้ยินบัสเตอร์บ่นเบาๆเรื่องความเอาแต่ใจของเบสแต่ก็เท่านั้นแหละไอ้เบสมันก็เป็นแบบนี้ นิสัยเด็กจนผมเองยังคิดเลยว่ามันเรียนมหาลัยหรืออนุบาลกันแน่

   “เดี๋ยวพี่ไปรับบัสก็ได้”

   (ไม่เป็นไร เดี๋ยวบัสเอารถแม่ไป)

   “เลิกดื้อเถอะน่า สัก 11 โมงเดี๋ยวกูไปรับแค่นี้นะ จะอาบน้ำ” ผมกดวางสายใส่ไอ้บัสเป็นการตัดจบการสนทนาของผมกับมันก่อนจะเดินไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วขับรถมารับไอ้บัสที่บ้าน หน้าระรื่นเชียวมึง ตั้งแต่ที่ผมเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านมันไอ้บัสก็ยิ้มไม่หุบ ไม่รู้แม่งจะมีความสุขอะไรนักหนา

   “หายไข้ยังเนี่ย” ผมถามตอนที่มันเข้ามานั่งในรถเรียบร้อย

   “คิดว่านะ” จริงๆแล้วบัสเตอร์ยังมีไข้อ่อนตั้งแต่ที่เขาใหญ่ แต่มันก็พยายามฝืนตัวเองพาผมเที่ยวนั่นนี่นู่น เห็นมันไม่บ่นอะไรผมก็จัดให้แม่งหนักเลยครับ หมั่นไส้ ทั้งตากแดดชวนมันเล่นน้ำ อยากบอกว่าหายเองดีนัก สมน้ำหน้า แต่คิดว่าคงไม่เป็นอะไรมากหน้าบานขนาดนี้คงได้นอนเต็มอิ่มล่ะมั้ง

   “กินข้าวก่อนแล้วค่อยดูหนังนะ”

   “ก็คงต้องเป็นแบบนั้น กูหิวจนจะแดกควายได้ทั้งตัวอยู่แล้วเนี่ย” ผมบ่นมันนิดๆก่อนจะขับรถมุ่งหน้ามาหาไรกินแถวอโศก บัสเตอร์เล่าเรื่องเบสให้ฟังว่าไอ้เตี้ยนั่นน้อยใจที่ไม่ชวนมันไปเที่ยวด้วย งอนแบบชนิดที่ว่าบ้านเกือบจะแตกเป็นสองเสี่ยงถ้าไม่ติดว่าพี่อาร์มมาเจอแล้วสัญญาว่าจะพาไปรอบหลังคงได้มีข่าวพี่น้องฆ่ากันตายในหน้าหนังสือพิมพ์

   ของฝากที่ผมซื้อมาเยอะจนเกินความจำเป็นยังไม่ได้เอาไปฝากใครสักคนกะว่าไม่วันนี้พรุ่งนี้ก็จะทยอยเอาไปให้เพื่อนๆ ช่วงนี้ปิดเทอมต่างคนต่างอยู่กันแบบไม่ดูดำดูดี ไอ้เกมส์หายสาบสูญมีเจอในไลน์แซวๆคุยๆมาบ้างส่วนพอร์ชกับไวท์ก็คงไปเชียงใหม่นอนสวีวี่วีกับลูกๆมันสองตัว มีแต่ผมนี่แหละที่ไม่รู้จะไปไหน ยังดีที่มีไอ้บัสอยู่ข้างๆไม่งั้นคงเหงาน่าดู

   ผมกับบัสเตอร์เราไปกินอาหารญี่ปุ่นต่อด้วยไอติมแล้วก็หนังเรื่องใหม่ที่บัสเตอร์เดินเข้าไปซื้อตั๋วแบบไม่คิดจะถามผมว่าจะดูไหม หนังที่เราดูเป็นหนังพวกซุปเปอร์ฮีโร่ที่ใกล้จะออกโรงแล้ว คนน้อยแต่ก็มีให้เห็นบ้างปะปราย เรานั่งที่นั่งแบบคู่ ตอนแรกด่ามันยับเลยว่านั่งแบบธรรมดาก็พอแต่เอาเข้าจริงพอเห็นบัสเตอร์งอนผมก็ได้แต่ยอมๆมัน ก็จริงอย่างที่มันพูดแหละผมจะแคร์คนอื่นทำไมในเมื่อคนที่ผมควรแคร์มากที่สุดควรจะเป็นคนที่มาด้วยกัน

   “เลิกงอนเถอะว่ะ ตุ๊ดนะมึงอ่ะ” ผมผลักหัวไอ้เกรียนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายงอนผม ตอนนั่งดูนั่งด้วยกันไม่มีหรอกครับความหวาน ต่างคนต่างดู ตอนแรกคิดว่ามันจะจับเหมือนอย่างที่เคยทำแต่นี้นั่งกอดอกทำเป็นเข้มจนผมกระแซะพิงไหล่มันนั่นแหละถึงอมยิ้มออกมานิดหน่อย โคตรอ่อน

   “เปล่าตุ๊ด นี่จะกินไรอีกป่ะ”

   “คงไม่แล้วว่ะ แต่แวะโลตัสแป๊บนึงนะจะซื้อของใช้ไปให้แม่บ้าน” ผมแวะโลตัสใกล้ๆบ้านผม ตอนแรกกะว่าจะไปส่งไอ้เกรียนนี่ก่อนแต่เด็กมันงอแงร้องจะไปนอนด้วยเลยปล่อยเลยตามเลยเพราะคาดว่ากลับไปบ้านคงไม่มีใครดูแล เบสเห็นมันป่วยคงด่าหรือไม่ก็แช่งให้ตายเร็วๆ ส่วนพ่อกับแม่มันเห็นว่าวันนี้กลับดึกมีประชุมอะไรสักอย่าง

   “ฝนเหมือนจะตก”

   “นั่นดิ ตอนออกจากบ้านจิ้งจกทักผมด้วย ท่าทางจะมีลางร้าย”

   “จิ้งจกเกี่ยวอะไรกับฝน”

   “นั่นดิเกี่ยวอะไรกับฝนวะ” กวนตีนจริงๆ ขอให้ได้กระตุ้นต่อมหงุดหงิดจากผมอ่ะ สักนิดสักหน่อยก็ขอให้ได้เอา

   “วิน!!!” เสียงเรียกที่คุ้นเคยทำเอาทั้งผมแล้วก็บัสหยุดชะงักก่อนจะหันกลับไปมองพร้อมกัน พอรู้ว่าเป็นใครผมก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองคนข้างๆ บัสเตอร์ถอนหายใจออกมาอย่างแรง เขาก็ไม่ได้เดินหนีผมไปไหนและก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเหมือนกัน

   มีแค่แววตาที่ส่งมาให้เท่านั้น คิ้วขมวดนิดๆ แต่มันก็มากพอทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ

   “วิน...”เสียงเรียกของหลิวดึงความสนใจของผมได้มากกว่าแววตาเจ็บปวดของบัสเตอร์ “มาได้ไง เนี่ยหลิวมาซื้อของ กำลังจะกลับพอดี หาแท็กซี่ยากมากเลยอ่ะ ไปส่งหลิวหน่อยนะ”

   “อืมไปดิเดี๋ยวไปส่ง”

   “แล้วผมล่ะวิน” สิ่งที่บัสถามกลับมามันไม่ใช่แค่เรื่องการไปส่งหลิวที่คอนโด แต่มันถามเพราะต้องการให้ผมเลือก คำพูดที่หนักแน่นของบัสเตอร์บ่งบอกว่ามันพูดจริง ตอนนี้ผมไม่มีเวลาตัดสินใจอีกแล้ว ไม่มีโอกาสลังเลอีกต่อไป เพราะตอนนี้ถึงเวลาที่ผมต้องเลือก เลือกที่จะปล่อยข้างใดข้างหนึ่ง



   ผมไม่เคยคิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้



   ทำไมต้องบีบบังคับกันด้วยวะ ไม่เห็นพร้อมเลยสักนิด




>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC
เร็วไปไหมม้วนเดียวจบ ประเด็นจะรีบเข้ามาม่าแย้ววววววววว เรื่องนี้ไม่เกิน 20 ตอนจบนะจ๊ะ ขอบคุณค่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด