พิมพ์หน้านี้ - * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนพิเศษ [P.5*13/7/2557] [จบแล้วค่ะ]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: candyon ที่ 08-03-2014 16:41:02

หัวข้อ: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนพิเศษ [P.5*13/7/2557] [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 08-03-2014 16:41:02
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


************************


ผลงานที่ผ่านมา

[drama] my best friend รักนี้มีแต่นาย[End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38949.0)
[drama]รอจนกว่า...จะรักกัน[End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41262.0)
 B e c a u s e_O f_Y o u . . .' ซ น [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45283.0)'







INTRO**รอจนกว่าจะรักกัน**



   “ขอบคุณนะครับพี่ที่มาส่ง”

   “อื้อ ไม่เป็นไร”  ผมหันไปยิ้มให้เด็กหนุ่มที่เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋านักเรียนมาวางที่ตัก ก่อนจะนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไรสักอย่าง

   “เป็นไรอ่ะ”

   “ผมยังไม่บอกพี่เรื่องเรียนต่อใช่ป่ะ”

   “เออใช่!!สรุปว่าเลือกที่มหาลัยไหน ม.เดียวกับพี่ก็ได้นะ”

 “............”

   “ว่าไงเลือกที่ไหนไว้”

   “ผมว่าจะไปเรียนต่อที่มหาลัยแถวภาคเหนือ” มันหันมายิ้มให้ ยิ้มที่ผมมองยังไงก็รู้สึกว่าในตามันโคตรเศร้า

   “ทำไมล่ะ”

   “พี่ก็รู้...ว่าทำไม” แววตา คำพูด หรือแม้แต่กระทั่งน้ำเสียงที่ส่งกลับมาให้ ผมเดาออกว่าทำไมมันต้องไปอยู่ไกลขนาดนั้น

   “แล้วแต่บัสล่ะกัน ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก”

   “เหอะ ไม่แคร์กันเลยสินะ ไม่ว่าผมจะไปไหน พี่ก็ไม่เคยแคร์กันเลยสักนิด” แววตาวาวโรจน์ส่งตรงมาที่ผม แม้ไม่ได้บอกว่าเสียใจหรือน้อยใจแต่ผมก็สัมผัสได้ว่าบัสรู้สึกยังไง

   “แล้วจะให้แคร์อะไร เราสองคนตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอบัส ว่าความสัมพันธ์ของเรามันได้แค่จุดไหน” ผมพูดความจริงนะครับ เราคุยกันมาตั้งแต่แรกว่าเราจะวางสถานะไว้ที่ตรงไหน บัสเตอร์ก็ยังมีผู้หญิงเยอะแยะ ล่าสุดก่อนผมไปรับมันที่โรงเรียนก็เห็นเดินมากับผู้หญิงน่ารักๆคนหนึ่ง ส่วนผมก็มีคนที่รักอยู่แล้วและที่สำคัญตอนนี้ผมยิ่งทิ้งเขาไม่ได้ เพราะเขาไม่เหลือใคร...จะให้ผมไม่ดูดำดูดีเลยมันก็ไม่ใช่

   “ผู้หญิงคนนั้นเขาสำคัญกับวินจังเลยนะ...” เวลาที่บัสพูดชื่อผมเฉยๆโดยไม่มีคำว่าพี่ มันคืออารมณ์ที่ไม่ปกติ ไม่ว่าจะโกรธ ดีใจ หรืออะไรก็ตามมันจะเรียกชื่อผมห้วนๆแบบนี้ ตอนนี้ก็คงโกรธสินะ

   “ทั้งๆที่เขาทำกับใครต่อใครไว้ตั้งเยอะแยะ วินก็ยังเห็นเขาสำคัญ” สำคัญสิ ‘ผู้หญิงคนนั้น’ ที่บัสเตอร์เอ่ยถึงคือผู้หญิงที่ผมรักนะ รักมากเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เรารู้จักกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว แต่เป็นความรู้จักที่ขมขื่นไปนิด เพราะเธอดันเป็นแฟนเพื่อนผมอยู่ แต่ความสัมพันธ์ลับๆของผมกับ‘ผู้หญิงคนนั้น’ ก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ ความสัมพันธ์ที่ว่าไม่ใช่นอนด้วยกันหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะครับ เราอาจจะเคยมีอะไรกันแค่ครั้งแรกและนั่นก็เป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่ผมทำอะไรตามใจตัวเอง แต่หลังจากนั้นผมก็ให้เกียรติเธอตลอด ที่สำคัญผมเกรงใจเพื่อนผมด้วย แต่ตอนนี้มันไม่มีอะไรให้ต้องเกรงใจแล้ว เพราะเพื่อนผมมันกกลับไปหาคนที่มันรักส่วน‘ผู้หญิงคนนั้น’ ก็ต้องอยู่คนเดียว แล้วอย่างนี้จะให้ผมปล่อยคนที่ผมรักอยู่คนเดียวได้ยังไงกัน

   เคยคิดเหมือนกันครับว่าปล่อยๆเธอไปเถอะ ให้เธอได้เจอคนใหม่ คนที่ดีกว่าเพื่อนผม แต่ผมก็ทนไม่ได้ว่ะที่เห็นเขาร้องไห้แบบนั้น ใจแม่งเจ็บทุกทีที่เห็นดวงตาสวยๆนั่นมีร่องรอบของน้ำตา

   “พี่ไม่สนหรอกว่าใครจะมองว่ายังไง แต่สำหรับพี่ เขาน่ารักเสมอ และที่สำคัญเขาก็เป็นคนที่...”

   “วินรัก?? หึ ไม่ต้องย้ำบ่อยๆก็ได้วิน ผมรู้ว่าวินรักเขา รักจนไม่สามารถให้ใครเข้าไปแทนที่ได้เลย  แต่บางทีผมก็อยากรู้ว่าผมอยู่ตรงไหนของวิน เคยไหมที่ผมจะได้อยู่ในหัวใจวินบ้าง”

   “..........”

   “เงียบแบบนี้แสดงว่ามันไม่เคยมีเลยสินะ...ช่างมันเถอะแล้วนี่พี่จะไปไหนต่อ” ผมไม่ได้ตอบมันหรอกครับเพราะผมรู้ว่าบัสเตอร์รู้อยู่แล้วว่าผมจะไปไหน “โอเค เข้าใจแล้ว ไปดีมาดีล่ะ...”

   บัสเตอร์ยกมือบ๊ายบายพร้อมกับรอยยิ้มที่ผมมองทีไรก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่มีความสุข

   “อย่าทำหน้าอย่างงั้นดิวะบัส บอกไปแล้วไง..”

   “รู้แล้วๆไม่ต้องย้ำหรอกน่าว่าความสัมพันธ์เรามันถึงแค่ตรงไหน...งั้นฝันดีนะครับพี่วิน หึ ฝันดีอยู่แล้วนี่หว่าไปหาคนที่ตัวเองรักขนาดนั้น” ไอ้บัสเบ้ปากแล้วหันไปหยิบของที่เหลืออยู่หลังรถ

   “ทำไมชอบประชดวะ”

   “ไม่ได้ประชด” มันพูดเสร็จก็ทำท่าจะเปิดประตูออกจากรถ แต่ผมก็คว้ามือมันมาไว้ก่อน เราสบตากันในความมืดที่มีแค่แสงไฟจากด้านนอกสาดเข้ามาในตัวรถเท่านั้น ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกจากปากเราทั้งคู่ มีเพียงแค่เสียงของลมหายใจกับเสียงเครื่องยนต์ที่ยังไม่ดับ


   “ผมไม่รู้จะทำยังแล้วว่ะวิน วินตอบผมหน่อยดิ ผมควรทำยังไงวะ” สีหน้าเจ็บปวดราวกับว่าสิ่งที่ผมทำอยู่มันโคตรผิด


   “ก็ไม่ต้องทำยังไง เราเลือกแบบนี้มาตั้งแต่ต้น” ผมปล่อยมือจากบัสเตอร์แล้ว แต่มันเองที่คว้ามือผมมาจับไว้


   “ทำไมไม่ปล่อยไปเลยล่ะ ถ้ามันเหนื่อยขนาดนั้นก็ปล่อยไปเลยดิ รั้งกูไว้ทำไมวะบัส เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องทำให้กูลำบากใจวะ” ผมตะโกนใส่หน้าบัสเตอร์ แม่งคุยกันแล้วแท้ๆ ยังจะมาพูดแบบนี้อีก เราสองคนเป็นแค่คู่นอน สถานะก็บอกไปแล้วในตัว ผมมีคนที่ผมรัก ส่วนมันจะไปทำอะไรกับใครผมก็ไม่ได้แคร์ตรงจุดนั้นอยู่แล้ว

 

   “วิน...” แสงจากรถคันอื่นที่ส่องผ่านเข้ามาในรถทำให้ผมเห็นเค้าโครงหน้าของบัสเตอร์ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เขาโตขึ้นมาก เด็กผู้ชายที่ผมเจอครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว จำได้ลางๆว่าตอนนั้นมันเดินเอาของมาให้เบสที่คณะ เขาใส่ชุดนักเรียน กางเกงสีน้ำเงินกับเสื้อที่หลุดลุ่ยออกนอกกางเกง ริมฝีปากมีรอยช้ำเพราะโดนต่อยกับพลาสเตอร์ปิดแผลที่ติดตรงหางคิ้ว ท่าทางแบดบอยเสียจนผู้หญิงในคณะผมมองเป็นตาเดียว อีกทั้งความสูงที่ผิดกับพี่ชายกับคำพูดเหน็บแนมตอนยื่นของให้ บัสเตอร์ทำราวกับตัวเองเป็นพี่ไอ้เบส ทั้งๆที่ตัวเองอ่อนกว่าเบสตั้งเกือบ 2 ปีแท้ๆ



เรื่องราวของผมกับมันก็เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์วันนั้นล่ะมั้ง มันไม่ใช่แค่ความทรงจำลางๆ เพราะมันเข้มมากพอที่ทำให้ใจกระตุกทุกครั้งที่นึกถึง


   “ไม่ไปไม่ได้เหรอวิน...อยู่กับบัส...นะ” บัสเตอร์ประคองหน้าผมแล้วกดจูบลงที่แก้มเนิ่นนาน ริมฝีปากคลอเคลียจากติ่งหูลดลงมาที่ปากอีกครั้ง

   “ไม่ได้หรอก...หลิวอยู่คนเดียว” หลังคำพูดเมื่อกี้บัสมันก็กัดริมฝีปากล่างผมอย่างแรง แรงจนรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือด ก่อนจะดูดดึงเบาๆเหมือนขอโทษผมที่ทำให้เจ็บตัว

   “ขับรถดีๆล่ะ..ถ้ามีเวลาว่างสักนิดก็ไลน์มาบอกผมด้วยว่าถึงแล้ว” เสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับรถที่เคลื่อนออกไปช้าๆ จะให้กูทำไงล่ะบัส กูรักผู้หญิงคนนั้น…



   ส่วนมึงกูให้ได้มากสุด....ก็แค่น้อง...เท่านั้น






สารบัญ


chapter 1- 6 [หน้าแรก]
chapter 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41262.msg2693594#msg2693594)
chapter 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41262.msg2703110#msg2703110)
chapter 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41262.msg2712267#msg2712267)
chapter 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41262.msg2723761#msg2723761)
Chapter 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41262.msg2730098;topicseen#msg2730098)
Chapter 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41262.msg2735950#msg2735950)
chapter 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41262.msg2742379#msg2742379)
chapter 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41262.msg2749027#msg2749027)
chapter End
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41262.msg2754784#msg2754784)
ตอนพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41262.msg2760718#msg2760718)
หัวข้อ: Re: [drama]**รอจนกว่า...จะรักกัน** intro [P.1*8/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 08-03-2014 16:52:45
อือหือ แบบวินนี่ยิ่งกว่าเลวอีกนะ

ไม่ใช่แต่ไม่ปล่อยมือ


หนีไปไกลๆ เลยบัส
หัวข้อ: Re: [drama]* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. INTRO [P.1*8/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Inamning ที่ 08-03-2014 21:41:31
ขอหน่วงๆๆๆ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [drama]* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. INTRO [P.1*8/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 08-03-2014 22:25:48
ผู้หญิงคนนั้นมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็ยังแอบคบกับวินอยู่ ผู้หญิงแบบนี้ สมควรที่จะต้องอยู่คนเดียว ส่วนวิน แอบคบกับแฟนเพื่อน โดยที่ไม่ได้มีความรู้สึกผิดสักนิด ก็เหมาะกันดีนะ หึหึ สงสารก็แต่บัส รักคนที่เขาไม่เห็นค่า ไม่เห็นต่อความรักที่เรามีให้ สงสารบัสจริงๆ ไปเรียนที่ภาคเหนืออ่ะดีแล้ว เผื่อจะเจอคนที่ดีกว่านี้

แค่อินโทรก็ดราม่ามากแล้ว ตอนต่อไปจะขนาดไหน ฮุฮุ รอตอนต่อไปนะค้า
หัวข้อ: Re: [drama]* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. INTRO [P.1*8/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 09-03-2014 00:53:27
 :hao5: มารอความหน่วง

คนเขียนจะมาทำให้เราร้องไห้อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [drama]* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 1 [P.1*11/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 11-03-2014 16:26:05
ตอนที่ 1 จนกว่าเราจะ...พบเจอ



ผมไม่เคยเชื่อในพรหมลิขิต ผมไม่เคยเชื่อว่ามันมีอยู่จริงด้วยซ้ำ เคยเฝ้าถามมันครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าถ้ามันมีอยู่จริงทำไมคนเหล่านั้นถึงไม่เคยเห็นใจผม ทำไมถึงไม่ลิขิตให้ผมคู่กับคนที่ผมรักล่ะ แล้วทำไมโชคชะตาถึงต้องผลักไสผมให้ห่างเขาออกมาเรื่อยๆ



ใช่ครับ คนที่ผมรัก กับ คนรัก ในความหมายผมมันต่างกัน คนที่ผมรัก คือคนๆหนึ่งที่เหมือนจะใกล้แต่มันโคตรไกล คนที่คอยเป็นเพื่อน คนที่คอยปลอบ และคนที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อเขาได้โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ ขอแค่ได้อยู่ข้างๆ สำหรับผมแค่นั้นก็มากเกินพอ

ผมเป็นแค่ เงา ในความมืดของเขา

แต่ใครจะไปรู้ว่าใน เงา ของผมกลับมี เงา ของใครอีกคนซ่อนอยู่ข้างๆผมเหมือนกัน





เอี๊ยดดดดดด
 
"บ้าเอ๊ย!!! ขับรถดูทางหน่อยสิวะ" ผมลดกระจกแล้วตะโกนเสียงดังส่งไปให้ไอ้เด็กกางเกงน้ำเงินที่กำลังยกรถเวสป้าของตัวเองขึ้นช้าๆ

"ก็ทำไมพี่ไม่ขับให้มันดีๆเล่า!!! ผมเลี้ยวออกจากซอยผมมาดีๆ พี่แม่งก็ขับตรงมาเลย หัดคิดมั่งดิทางตรงอ่ะดูรถทางเลี้ยวออกบ้าง" อ่าวกลายเป็นคนที่ขับรถทางตรงแบบผมต้องดูรถให้ไอ้คนที่จะเลี้ยวแบบไม่ดูทางอย่างมันเนี่ยนะ ไอ้เด็กเปรต โทรแจ้งสารวัตรนักเรียนแม่งดีไหม เพิ่งจะบ่ายโมงเองทำไมมาขับรถเชี่ยวไปเชี่ยวมาแบบนี้ได้

ไอ้เด็กม.ปลายนั่นพอได้ด่าผมเสร็จก็ประคองเวสป้าคันโปรด(มั่นใจครับว่าโปรดแน่ๆดูจากท่าทางการประคองจับนี้คิดว่าประคองคนท้อง) เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะครับ อ้อพอมันประคองเวสป้าขึ้นได้มันก็ยกขาตั้งขึ้นกลางถนน ไม่สนใจเลยครับว่ามันทำให้การจารจรติดขัดไหม แต่ที่มันกำลังสนใจคือก้มๆเงยๆดูรถตัวเอง ใช้นิ้วลูบตรงรอยขูดกับดูไฟหน้ารอบแล้วรอบเล่า



 
ปรี๊ดดดดดดดด ปรี๊ดดดดด
 
"ขยับรถหน่อยสิคุณ!!!! พ่อตายหรือไงห๊า จะเคลียร์อะไรกันยาวนานขนาดนั้น" นี่แค่รถชนกันมึงยังด่ายันพ่อขนาดนี้ ถ้ากูไปขโมยของบ้านมึงไม่ด่ายันปู่ย่าตาทวดรึไง
 
"รู้แล้วพี่รู้แล้วแป๊บนึงนะครับ" ผมผงกหัวขอโทษไอ้พี่หนวดที่ยืนโวยวายขอทางเสร็จก็ตบไฟเลี้ยวจอดเข้าข้างทาง แต่ประเด็นคือไอ้เด็กหัวหมวกกันน็อคลายโดเรมอนแม่งไม่ยอมขยับไปไหน ยังก้มเงยๆลูบเวสป้าคันเก่าของมันอยู่
 
"นี่น้องพี่ว่าขยับรถเข้าข้างทางก่อนเหอะ เห็นไหมรถมันติดเนี่ย" ผมตะโกนจากในรถบอกให้ทำตามที่ผม แต่ดูเอาเถอะ บอกขนาดนี้มันยังตีมึนไม่ยอมจูงรถเข้าข้างทาง มัวจดๆจ้องๆกับเศษเหล็กคันเก่าโดยไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นมาแคร์โลกด้วยซ้ำ "ได้ยินไหมเนี่ยขยับรถเข้าข้างทางก่อน รถมันติด"
 
"ติดก็ช่างมันดิ รถผมยังเช็คไม่หมดเลย ดูดิไฟหน้าแตกด้วย พี่รับผิดชอบเลยนะ เนี่ยถ้าเบสรู้มันต้องใส่ไฟแม่ไม่ให้ผมขับรถต่อแน่ๆ แม่งเอ๊ย!!ทำไงดีวะ"  ประโยคแรกมันพูดกับผมแต่ประโยคหลังเหมือนมันบ่นงึมงำพูดกับตัวเองซะมากกว่า
 
แล้วอะไรคือการที่ผมต้องรับผิดชอบคนขับรถปาดหน้าผมด้วย ผมขับของผมมาดีๆส่วนมันมาจากไหนไม่รู้เลี้ยวมาปาดหน้าผมเฉยเลย ยังดีที่รถผมไม่เป็นอะไรมาก
 
"เออๆเดี๋ยวพี่รับผิดชอบก็ได้ มานี่ก่อนมา" ผมไม่ได้อยากรับผิดชอบรถเส็งเค็งมันหรอกครับแต่เป็นเพราะรถที่ติดยาวเป็นพืดบวกกับไอ้หัวปิงปอง(ตำรวจที่ส่งสัญญาณหน้าดำค่ำเครียดมาให้ขนาดนั้นเลยต้องเออออกับมันไปก่อน)
 
"มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว.." พูดเสร็จก็จูงรถมายืนข้างๆรถผมที่จอดรออยู่ก่อน ตาแม่งไม่มองถนนเลยให้ตาย
 
"เฮ้ย!! ระวังรถด้วย" แม่งไม่กลัวรถเลยอยากจะข้ามก็ข้าม นี่มันถึงยุคสมัยที่คนขับรถต้องกลัวคนข้ามถนนมากกว่าแล้วใช่ไหม
 
"พูดมากว่ะพี่ อ่าวเฮ้ยพี่!!" จูงรถมาจนถึงรถผม จู่ๆมันก็ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าแล้วร้องเสียงดังทำตัวเหมือนรู้จักผมซะงั้น "พี่...พี่ใช่ไหม"
 
อะไรของมัน มาถึงพี่ พี่ใช่ไหมแล้วกูจะรู้ไหมว่าพี่ พี่ของมึงเนี่ย พี่อะไร ผมคงทำหน้างงใส่มันมากเกินไปไอ้เด็กเปรตเลยถอดหมวกกันน็อคออกพอเห็นหน้ามันเท่านั้นแหละ ผมนี่ร้องอ๋อเลย จะใครอีกล่ะครับ น้องไอ้เบสเพื่อนผมอ่ะดิ จำได้ว่าเคยเจอแค่ครั้งเดียวตอนสมัยไอ้เบสอยู่ปีหนึ่ง มันเคยเอาของมาให้เบสที่คณะ
 
“ตัวสูงขึ้นหรือเปล่า” ผมถามพลางมองหน้ามองหุ่นไอ้บัสเตอร์ที่ดูหล่อขึ้นมากกว่าแต่ก่อน หุ่นก็ดีขึ้นมากกว่าไอ้ขี้ก้างคนเก่าที่ผมเคยเจอครั้งแรก

“ก็นิดนึงดิพี่ ผมโตแล้วนะ” หึ โตแค่ไหนกันเชียว แล้วดูคิ้วมันดิครับ คิ้วเข้มๆที่มีรอยขีดแปลกๆเหมือนพวกเกเร จมูงโด่งรับกับผิวที่ไม่ได้ขาวจัดเหมือนไอ้เบส ผิวบัสเตอร์ดูแทนๆเข้มๆถ้าไม่บอกว่าเป็นพี่น้องกับไอ้เบสผมไม่เชื่อจริงๆนะครับ แล้วทรงผมสกินเฮดบวกกับรอยช้ำตรงหน้ากับมุมปากมันโคตรจะทำให้บัสเตอร์ดูแบดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก เออหล่อขึ้นไม่พอ แม่งดูเท่กว่าผมอีกว่ะ
 
"แล้วหน้าไปโดนอะไรมา" ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ชอบห่วงคนอื่นของผมพอเห็นหน้าที่ยับจนเรียกว่าเละของบัสเตอร์ก็อดที่จะถามไม่ได้ แถมแผลที่เห็นก็ดูจะสดๆร้อนๆเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมรบเมื่อไม่กี่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ "เอ้า!! ถามว่าหน้าไปโดนอะไรมา"
 
"ซี้ดดด..อย่าจิ้มดิพี่ พอดีมีเรื่องกับเพื่อนนิดหน่อย อย่าบอกเบสนะไม่งั้นมันไปเล่าให้แม่ฟังแน่ๆ" ไอ้บัสดึงมือผมที่กำลังจิ้มหน้ามันออกไปจับไว้ก่อนจะเขย่าเบาๆเป็นเชิงบังคับแกมอ้อนวอน
 
“แน่ใจนะบัสว่านิดหน่อย ดูจากสภาพหน้ามันไม่ใช่แค่มีเรื่องนิดหน่อยอย่างที่บอกเลยนะ”
 
“โถววพี่ นิดหน่อยจริงๆ เรื่องไร้สาระ”
 
"ไปแย่งแฟนเขามาอีกแล้วอ่ะดิ"
 
"เฮ้ย!!!พี่รู้ได้ไง" จะไม่ให้รู้ได้ไงวะไอ้เบสบ่นเรื่องน้องมันวันเว้นวันเลยมั้ง แล้วเรื่องส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องต่อยตีเข้าห้องปกครองเหตุเพราะแย่งผู้หญิงกัน "แต่พี่วินอย่าทำหน้างั้นดิ ผมไม่ได้คนหาเรื่องนะ ก็แฟนมันมายุ่งกับผมก่อนอ่ะ ซี๊ดดด เจ็บว่ะ เพราะพี่จิ้มเมื่อกี้แหงๆ"
 
"ไม่เกี่ยวเลย ปล่อยมือได้แล้วมั้ง จะจับอีกนานไหม" ผมพูดพร้อมกับดึงมือตัวเองออกจากมือไอ้บัส มันยิ้มนิดๆแต่ก็ยอมปล่อยมือแต่โดยดี มึงไม่รู้สึกอะไรแต่กูขนลุกเข้าใจไหมบัส ผู้ชายอะไรมาจับมือกันกลางถนน ยังมาทำหน้ากวนตีนใส่อีก “แล้วนี่จะไปไหนวะ ทางกลับบ้านไม่ใช่ทางนี้นี่”
 
"ว่าจะไปนอนหอเพื่อนว่ะพี่ ไม่อยากกลับบ้าน แต่เพื่อนแม่งฟิดเจอริ่งกับสาวอยู่เลยไม่รู้จะเอาไงดี ตอนแรกก็กะว่าจะไปเล่นสนุกเกอร์รอมันเอากันจนเสร็จนั่นแหละ แต่ไม่มีตังค์ว่ะพี่โดนหักค่าขนม เพราะเพื่อนพี่นั่นแหละไปฟ้องแม่ว่าผมไปตีกับเด็กช่างกล” เพื่อนกูก็พี่มึงไหมล่ะ
 
“แล้วนี้จะเอาไง”
 
“คงไปนอนหอกิ๊กสักคนมั้ง แย่ว่ะคืนนี้มีได้เสียกันอีกแล้ว" บัสเตอร์พูดพลางยักคิ้วโชว์ความจังไรของตัวเองไปพลาง มันน่าภูมิใจตรงไหนวะเรื่องที่มึงพูดออกมาเนี่ย มีแต่เด็กอย่างมึงนั่นแหละที่ทำ
 
“กิ๊กมึงนี่ผู้ชายเหรอ”
 
“ก็มีทั้งผู้ชายผู้หญิงนะ หรือพี่จะมาเป็นกิ๊กผมอีกคน” ไอ้บัสพูดเสียงจริงจังก่อนจะโน้มหน้าลงมาใกล้ๆผม นี่มันสูงกว่าผมอีกเหรอวะ
 
 “หึหึ พี่แม่งฮาว่ะพี่วิน ฮ่า ฮ่า” เออขำมากไหมสัส ขำมากเลยใช่ไหม ขอโบกกะโหลกสักที
 
“โอ้ยพี่แม่ง!!! เจ็บนะเว้ย”
 
“เออไง ตบให้เจ็บ เดี๋ยวกูโทรตามประกันพร้อมๆกับให้เขาเอารถมึงไปซ่อมเลยนะ" เพราะสนิทกันมากขึ้นผมเลยกล้าพูดมึงกูกับมันแต่คิ้วที่ขมวดเป็นปมเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างของไอ้บัส ผมเลยต้องถามมันอีกครั้งว่าเป็นอะไร คำตอบที่ได้ทำเอาผมอึ้งไปเลย
 
"พี่วินแม่งเกลียดอะไรผมหรือเปล่า"
 
"เกลียด?? เกลียดไรวะ"
 
"ก็พูดมึงกูกับผมเนี่ย พี่เกลียดผมเหรอ" ห้ะ ใครบอกมันวะว่าการพูดกูมึงคือการพูดกับคนที่เกลียด อย่างงี้ผมไม่เกลียดพวกเพื่อนๆผมด้วยรึไง
 
"กระแดะว่ะบัส กูจะพูดอย่างนี้กับมึง มึงจะทำไมวะ อยากรู้จริงๆว่าอยู่กับเพื่อนมึงไม่พูดแบบนี้หรือไง" แม่งคนแบบนี้ก็มีด้วย ผมเพิ่งเห็นก็ตอนนี้นี่แหละ เห็นไอ้เบสเคยเกริ่นๆเรื่องน้องมันเหมือนกันแต่ไม่คิดว่าจะเป็นหนักขนาดนี้
 
"ก็พูดผมกับคุณตลอดนะ เพื่อนผมก็ไม่เห็นเคยพูดกูมึงอะไร ผมไม่ชอบว่ะพี่วินพูดเพราะๆกับผมเถอะ"
 
"ทำไม?? ระคายหูเหรอวะ กูจะพูดแบบนี้อ่ะทำไม"
 
"วิน...ผมไม่ชอบว่ะทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วย ไม่น่ารักเลย" อ่าวๆกูจะน่ารักหรือไม่น่ารักมันก็ไม่เห็นเกี่ยวกับไส้ติ่งมึงตรงไหน แล้วนี้กูเพื่อนเล่นมึงหรือไงไอ้เกรียนมาเรียกชื่อกูเฉยๆเนี่ย ว่าแล้วก็หมั่นไส้มันครับขอตบโบกอีกสักที
 
"โอ๊ยย เจ็บนะ วินแม่งมือคนหนัก"
 
"กูเพื่อนเล่นมึงเหรอบัส มา วิน วินเฉยๆเนี่ย"
 
"ก็เรียกพี่วินแล้วมันตลกอ่ะ เหมือนพี่วินมอไซค์ ผมเรียกเองยังรู้สึกตลกเลย พี่ไม่รู้สึกเหรอวะ" ถ้ามึงไม่พูดกูก็ไม่รู้สึกหรอกสัส!!! ก่อนที่ผมจะหันไปตบเกรียนมันอีกรอบ คนของบริษัทประกันก็มาพร้อมกับรถกระบะที่สามารถขนเวสป้าลูกรักไอ้บัสไปได้ ท่าทางอาลัยอาวรณ์ของมันทำเอาผมอดขำไม่ได้
 
"ถ้าจะเศร้าขนาดนั้นตามรถมึงไปที่อู่ป่ะล่ะ"
 
"ได้เหรอพี่"
 
"พูดเล่นมั้งเหอะ" แม่งหน้างอใส่ผมอีก "เออๆพี่พูดเล่น"
 
มึงนี่มันโคตรไร้สาระเลยว่ะบัส คนแบบมันนี้มีหนึ่งในล้านแน่ๆ
 
“แล้วนี้เอาไงให้พี่ไปส่งไหน” ผมเลิกคิ้วถามมันที่ใช้มือลูบหัวเกรียนๆของตัวเองอยู่ ท่าทางจะติดเป็นนิสัยซะมากกว่า ตอนที่ผมอยู่ม.ปลายแล้วตัดทรง รด.ผมก็ชอบลูบหัวตัวเองนะครับ มันส์ดี ไม่รู้ดิมันอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ถ้าอยากรู้ต้องลองไปลูบหัวเกรียนของเพื่อนตัวเองนะครับ มันส์มือสุดๆ
 
“ไปนอนด้วยคืนนึงดิพี่ ผมไม่มีที่ไปจริงๆว่ะ” มันทำหน้าเป็นหมาหงอยเลยครับ ที่งี้ล่ะอ้อนวอนเก่งเหลือเกินนะไอ้ลูกหมา แต่วันนี้มันวันพฤหัสนี่หว่า เอาไงดีอ่ะ “นะวิน ผมไม่กวนหรอก สัญญาจะเป็นเด็กดี”
 
ผมหันไปหรี่ตาเล็กใส่มันที่เรียกชื่อผมเฉยๆ จะว่าชินมันก็ชินแต่ติดจะไม่ชินซะมากกว่า
 
“แหะ แหะ หยอกเล่นน่า ให้ผมไปนอนด้วยนะ แค่คืนเดียวเองหรือว่าพี่มีนัดอะไรหรือเปล่า” จริงๆมันก็ไม่เชิงนัดหรอกครับ ผมแค่อยากไปหาเขาเฉยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้าไปหาตอนนี้มันจะบังเอิญไปชนกับแฟนเขาหรือเปล่า สุดท้ายผมก็ต้องรอให้เขาโทรมาอยู่ดี ปกติทุกพฤหัสผมจะอยู่เป็นเพื่อนเขา พาไปดูหนังบ้าง กินข้าวบ้าง ถึงวันของผมจะมีแค่วันเดียวแต่ผมก็ยินดีรับมันด้วยความเต็มใจ แต่ก็มีนะครับที่ไม่ใช่วันพฤหัสแล้วเขาโทรหาผมให้ไปอยู่ แต่ก็นั่นแหละอยู่ที่ว่าเขาจะโทรมาเมื่อไหร่ ส่วนผมก็ได้แต่รอ...แค่นั้น
 
“ว่าไงอ่ะวิน สรุปว่า....”
 
“นั่นดิ สรุปว่ามึงจะเรียกกูว่าวินหรือจะเรียกว่าพี่”
 
“โถวววที่วินยังพูดกูมึงกับผมเลย” ผมงงกับมันจริงๆครับ แต่สุดท้ายก็ปล่อยไอ้หัวเกรียนให้ยืนทำตัวบ้าๆอยู่กลางแดดแบบนั้น ส่วนผมก็อัญเชิญตัวเองเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว ตอนเดินเข้ามานั่งในรถเห็นไอ้เกรียนมันทำหน้าหงอยๆหยิบกระเป๋าที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาถือ เท้าที่เตะไปมาเหมือนเด็กมีปัญหาก็ทำเอาผมต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ที่บอกว่าลูกคนล่ะพ่อแม่กับไอ้เบสนี่ผมว่าชักจะไม่จริงแล้วแหละ เพราะท่าทางง้องแง้งแบบนั้นมันไอ้เบสชัดๆ
 
“จะขึ้นไหมรถน่ะ นับ 1 2”
 
“มาแล้วนี่ไง” เสียงบ่นกระปอดกระแปดพร้อมกับเจ้าตัวที่รีบวิ่งมาเปิดประตูรถอีกข้าง
 
“ไปเลยครับลูกพี่” มันเห็นรถผมเป็นรถโดยสารหรือไงวะ มาถึงก็สั่งเอาสั่งเอา ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องเพื่อนนะผมถีบมันกระเด็นตั้งแต่เรียกชื่อผมห้วนๆแล้ว “พี่แวะห้างหน่อยดิ เดี๋ยวผมแวะซื้อของที่ห้างแป๊บนึง”
 
“กูไม่ใช่แท๊กซี่นะบัส”
 
“เอาน่า ถ้าไม่อยากขับเดี๋ยวผมขับให้ก็ได้นะ ยินดีขับให้พี่ตลอดชีวิตเลย” ยิ้มเจ้าเล่ห์กับตาแพรวพราวเหมือนหมาป่าที่กำลังตะครุบเหยื่อ สายตาบัสเตอร์เป็นแบบนั้นจริงๆนะครับ มันส่งสายตามาที่ผมราวกับกำลังจะกลืนกินผมเข้าไปทั้งตัว แต่มันก็แค่แป๊บเดียวเพราะหลังจากนั้นแววตากวนประสาทก็กลับมารอบ

“ประสาท” ผมด่าไอ้บัสที่ยังคงยิ้มเจ้าเล่ห์ขยับเอียงตัวหันหน้ามามองผม ไอ้ผมที่กำลังจะสต๊าทรถก็ต้องหันไปเลิกคิ้วถามว่ามีอะไรแต่มันก็ไม่ได้ตอบอะไรแค่ยิ้มแล้วหลับตาลงช้าๆ
 
“วินแม่ง...โคตรอ่ะ”
 
“โคตรอะไร”
 
“เปล่าๆ ไปสักทีเถอะพี่ หิวข้าวแล้วว่ะ” แม่งสั่งกูจังนะครับนี่มึงเป็นน้องเพื่อนกูหรือเป็นพ่อกูกันแน่
 
            “ปกติชอบกินอะไรเหรอ” เงียบไปนาน บทจะพูดก็พูดขึ้นมาเฉยๆ ผมหันหน้าไปมองก็เห็นมันยังหลับตาอยู่เลยไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าแม่งคงละเมอแต่ที่ไหนได้
 
 “วิน ผมถามน่ะ”
 
 “ก็คิดว่านอนละเมอ”
 
 “ละเมอบ้าอะไรจะพูดเป็นประโยคขนาดนี้ ถามน่ะได้ยินไหม” ทำไมมันเอาแต่ใจขนาดนี้วะ ผมนึกภาพตอนที่มันเถียงกับไอ้เบสออกเลย คนหนึ่งก็เอาแต่ใจส่วนอีกคนก็โคตรเอาแต่ใจ พ่อแม่มันคงอยากหนีไปบวชวันล่ะหลายๆรอบ
 
 “ไม่รู้ว่ะ กินได้หมดแหละ”
 
 “ง่ายดี งั้นเดี๋ยวกลับถึงคอนโด ผมทำให้กิน”
 
 “คอนโดใคร?”
 
 “อ่าวก็คอนโดวินไง”
 
“คอนโดกูอะไร กูอยู่บ้าน”
 
“ห้ะ??? ไม่จริงอ่ะ” หน้าตามึงตกใจเว่อร์ไปและ แค่ผมบอกว่าอยู่บ้านมันน่าตกใจตรงไหนวะ
 
 “พี่ไม่ได้อยู่คอนโดเหรอ”
 
“เปล่า อยู่บ้าน” ถามแปลกๆว่ะทั้งชีวิตนี้ก็อยู่บ้านมาตลอด ไม่เคยซื้อคอนโดเพราะผมมองว่ามันสิ้นเปลือง บ้านผมก็ไม่ได้ไกลมหาลัยขนาดนั้นด้วย ขับรถไปเองก็สะดวกดี ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรจะต้องมีคอนโดให้ยุ่งยาก
 
 “เฮ้ย พี่อย่ามาโม้เลย มีคอนโดก็พูดออกมาดิ ผมรู้หรอกน่า” พูดพลางก็ยกมือขึ้นกอดอกมองผมด้วยสายตาไม่เชื่อ
 
 “แล้วพี่จะโกหกบัสทำไมครับ” ยิ้มเลยครับพอพูดเพราะหน่อยแม่งยิ้มเขินก้มหน้าหงุดเลย ฮ่า ฮ่า เออแม่งตลกดีว่ะ
 
 “ก็ผมเคยเห็นพี่ลงมาจากคอนโดแถวๆสยามอ่ะ ผมไปหาเพื่อน แล้วก็เจอพี่ที่นั่นหลายครั้งอยู่” ผมพยักหงึกๆตามคำพูดมัน ถ้าคอนโดแถวสยามที่มันกำลังพูดถึงอยู่ก็คงไม่ใช่คอนโดผมหรอกครับ

นั่นน่ะหอพักหลิวตั้งหากเห็นเธอบอกว่าเจ้าของห้องจะไปต่างประเทศเลยปล่อยห้องให้เช่า พอนึกถึงหลิวก็คิดได้ว่าวันนี้เธอยังไม่โทรมาหาผมเลยนี่หว่า
 
ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้ๆขึ้นมาดู ไม่มีข้อความ ไม่มีสายเรียกเข้า หรือแม้กระทั่งไลน์เด้งขึ้นชื่อหลิวสักอันก็ยังไม่มี
 
 “รอโทรศัพท์ใครอ่ะ แฟนเหรอ”
 
 “เปล่า” ไม่ใช่แฟนและไม่เคยได้เป็นอะไรมากเท่านั้น
 
 “ถามตรงๆนะ...วินมีแฟนยังอ่ะ”

 “ถามไปทำไมวะ”

“ก็กะว่าจะเอาไปตีหวย ตลกแหละ อยากรู้เฉยๆ”

“ยัง...ยังไม่มี”

 “ทำไมต้องทำเสียงเศร้าขนาดนั้นด้วย”
 
 “เศร้าเชี่ยอะไรล่ะ เอออ เมื่อกี้ถามเรื่องคอนโดใช่ป่ะ นั่นน่ะห้องเพื่อนเลยไปบ่อยๆ ว่าแต่เราเถอะ เห็นพี่แล้วทำไมไม่ทักล่ะ” มันเบ้ปากแล้วขยับตัวหันไปมองถนนเลยครับ อะไรของแม่งอีก
 
“ก็วินมากับคนอื่น ไม่อยากทักว่ะ เสียความรู้สึก” มันพูดบ่นงุ้งงิ้งอะไรสักอย่างก่อนจะเอามือลูบหัวเกรียนๆของตัวเองอย่างหัวเสีย
 
 “อะไรนะไม่ได้ยิน”
 
 “เปล่าไม่มีอะไร”
 
 “อะไรของมึงเนี่ยบัส”
 
 “ก็วินแม่งโคตรโง่เลย” อ่าวเด็กเวรด่ากูว่าโง่ซะงั้น ขับรถชนเสาไฟฟ้าแล้วให้มันโค่นทับตรงที่แม่งนั่งเลยดีไหมครับ
 
 “กูได้ยินนะบัส”
 
 “เบื่อว่ะ วินแม่งพูดจาไม่เพราะ ทีกับคนนั้นนะวินอย่างนู้น วินอย่างนี้ แม่งเอ๊ย!!!น่าหมั่นไส้” มันพูดพลางถีบไปที่คอนโซลหน้ารถอย่างแรง เออรถมึงสินะคันนี้เนี่ย ไม่ต้องเกรงใจมันหรอก รถมึงทั้งนั้นนิ จะถีบจะเตะจะทุบก็ไม่มีใครว่าหรอก แม่งเด็กเวร

ผมส่ายหัวให้พฤติกรรมเของไอ้บัส แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปปล่อยให้ไอ้เกรียนมันทำหน้ามุ้ยแบบนั้นจนถึงห้าง
 
กว่าจะหาที่จอดกันได้ก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง ขนาดวันธรรมดานะครับ คนยังเยอะจนแทบจะล้นห้างอย่างนี้ ไม่อยากคิดเลยถ้าว่าหยุดจะขนาดไหน

 “เป็นไรอ่ะไม่ชอบคนเยอะเหรอ”

 “เออดิ รีบๆซื้อจะได้รีบๆกลับ” ผมไม่ชอบที่ๆมีคนพลุ่งพล่าน ไม่ชอบที่ต้องมาแย่งอากาศกันหายใจ แต่ใครบางคนที่ผมรักกลับชอบสิ่งเหล่านั้นจนผมต้องลืมสิ่งที่ผมไม่ชอบไปแล้วทำตามใจเขา

 “มาซื้อแค่นี้แม่งซื้อเซเว่นเอาก็ได้ไหม”

“ไม่เอาอ่ะ คัน” ครับลูกพี่  แค่โฟมล้างหน้าหลอดเดียวราคาเกือบสองพัน แล้วไหนบอกว่าโดนตัดค่าขนมไงวะ ทำไมมีตงค์ซื้อไอโฟมล้างหน้ายี้แพงยับแบบนี้ได้

แต่ก็ต้องเข้าใจมันนะ พวกลูกคนรวยก็งี้ ใช้พวกยี่ห้อบ้านๆพื้นฐานเซเว่นไม่ได้ ไอ้เบสก็เป็นอีกคนที่ติดยี่ห้อไม่แพ้น้องมัน จริงๆเห็นผมพูดถึงเบสไม่ได้หมายความว่าผมมีเพื่อนคนเดียวนะครับ ผมมีเพื่อนในกลุ่มที่เรียนรัฐศาสตร์ด้วยกันอีกสองคนคือไวท์กับเกมส์ ไวท์เป็นไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ส่วนไอ้เกมส์เป็นคนบ้าๆบอๆเฮไหนเฮนั่น
 
 “ได้ยังเนี่ย”
 
“แป๊บนึงดิ รีบเหรอ หรือว่าหิว” กูหงุดหงิดมึงมากกว่าบัสแม่งจะเลือกเยอะอะไรนักหนามันก็แค่โฟมล้างหน้าป่ะว่ะ
 
“หิวโว้ย!!!” รำคาญครับ ไม่ใช่รำคาญไอ้บัสคนเดียวหรอกแต่รำคาญสายตาพนักงานที่มองมาที่ผมสองคน มันแปลกจนผมรู้สึกไม่ชอบ
 
“เออๆไปและ ไม่เอาก็ได้วะ ถ้าหน้าผมสิวขึ้นนะโทษพี่เลย” งงไหมครับ ผมแม่งเริ่มปวดหัวกับมันแล้ว สรุปมันจะเรียกผมว่าอะไรกันแน่
 
 “บัส มึงจะเรียกกูว่าอะไรก็เรียกสักอย่างดิ มาพี่ๆวินๆไม่รำคาญเหรอวะ”
 
 “ไม่อ่ะ ผมมีเหตุผลของผม”
 
 “เหตุผลอะไร”
 
 “ไม่บอก”

 “กวนตีนนะมึงอ่ะ”

 “เปล่าสักหน่อย มานี่ดีกว่ามา พูดมากอยู่ได้”บัสคว้ามือผมให้เดินตามมันไปที่ร้านอาหารที่มันชี้บอกผม ผมนี่รีบดึงมือออกเลย คิดดูเอาล่ะกันว่าผู้ชายตัวควายๆสองคนเดินจูงมือกันเข้าร้านอาหาร โคตรบ้าเถอะ
 
“มึงจะจับมือกูอะไรนักหนาวะบัส”
 
“ก็อยากจับทำไมอ่ะ แล้วขอเหอะวิน เลิกพูดกูมึงกับผมได้ไหม”
 
“ถ้างั้นพี่ก็ขอให้บัสเรียกพี่ว่าพี่วินทุกคำเหมือนกัน” ผมเน้นคำว่าทุกคำบอกไอ้หัวเกรียนที่เบ้ปากเหมือนจะไม่แคร์ในสิ่งที่ผมบอก
 
“เรียกพี่น่ะเรียกเฉพาะเวลาที่รู้สึกเป็นพี่”
 
“แล้วเรียกวินล่ะ”
 
“เรียกวินเฉพาะเวลาที่รู้สึก...ไม่บอกดีกว่า น้องสั่งอาหารครับ โอ้ย!! ตบหัวทำไมวะเนี่ย วันนี้หลายครั้งแล้วนะวิน”
 
“ก็บอกเหตุผลมาก่อนดิ”
 
“เรียกเฉพาะเวลาที่...อืม..รู้สึก โกรธ ดีใจ อะไรพวกนี้แหละ” ผมจ้องมองมันที่ทำทีเป็นเปิดเมนูไม่สนใจสบตาผม มันโกหกผมแน่ๆ แต่ก็ช่างเถอะครับขี้เกียจคาดคั้น ถ้ามันบอกว่าอย่างนั้นก็คงเป็นแบบนั้นแหละ
 
ไอ้บัสสั่งอาหารมาจนเต็มโต๊ะ แรกๆมันก็ถามอยู่หรอกว่าผมจะกินอะไร แต่พอผมบอกอะไรก็ได้เกินสองครั้งมันก็ไม่หันมาถามผมอีก ก็ผมไม่ใช่คนเรื่องมากนี่หว่าจะกินอะไรมันก็ได้หมดแหละ
 
 “กินเสร็จแล้วกลับเลยเหรอ”

 “อืม” ผมพูดตอบมันพร้อมกับเปิดโทรศัพท์ดูไปพลางๆ ไม่มีอะไรสักอย่างที่บ่งบอกว่าคนที่ผมรอจะติดต่อมา
 
 “อืมกับใครเหรอ”
 
“กับหมามั้ง”
 
 “อ่าวเหรอ ดีนะที่ไม่ใช่ผม”
 
 “มึงนั่นแหละ”
 
“อ่าวเหรอ ก็เห็นก้มดูแต่โทรศัพท์ คิดว่าพูดกับโทรศัพท์นี่หว่า” ป่วยการจะพูดกับคนกวนตีนแบบมัน ผมเลยเลือกที่จะมองออกไปข้างนอกมากกกว่า แต่สายตาแม่งก็จังไรดีครับ ดันไปเห็นคนที่ผมรอโทรศัพท์กำลังจับมือกันเดินเข้ามาในนี้ แล้วคิดดูว่าผมนั่งอยู่ข้างหน้าจะไม่เห็นได้ยังไง

 “อ่าววิน” ไอ้พอร์ชครับมากับหลิวเลยเดินมาทักผมที่นั่งอยู่กับไอ้บัส “มากับใครวะ”

 “น้องกูเอง แล้วมึงอ่ะมาทำไร”

 “กินข้าว เนี่ยกะว่ากินเสร็จก็จะไปเลี้ยงวันเกิดไอ้น่านกับไอ้ผาที่ร้านเดิม มึงไปด้วยกัน” ผมมองหน้าเพื่อนผมเสร็จก็มองเลยไปที่ผู้หญิงที่ยังคงยิ้มแย้มไม่มีพิรุธอะไรให้เพื่อนเห็น พอร์ชมันรู้นะครับว่าผมชอบแฟนมัน แต่มันก็ไม่ได้แคร์อะไร จริงๆถ้าไม่ติดว่าไอ้พอร์ชสัญญาว่าจะดูแลหลิวมันก็คงตีปีกบินไปหาเพื่อนมันแล้วครับ เพื่อนที่ผมพูดถึงผมก็ยังไม่รู้หรอกครับว่าเขาเป็นใคร รู้แต่ว่าไอ้พอร์ชรักมาก วิ่งตามหาผู้ชายคนนั้นมาเกือบ 2 ปี ถูกแล้วครับผู้ชาย แปลกใจเหมือนกันที่มันเล่าให้ฟัง แต่ก็อย่างว่าถ้ามันรักไปแล้วไม่ว่าจะเพศไหนสุดท้ายก็คือรักนั่นแหละ

 “เออไปก็ได้ กูไม่ได้เจอมันสองคนนานแล้ว ยังไงกูจะเอาเพื่อนกูไปด้วยสองคนนะ”

 “ตามใจมึงล่ะกันเจอกัน เออหลิวนั่งนี่ไหมล่ะไม่ต้องรอคิว” ไอ้พอร์ชพูดพร้อมกับหันไปถามความเห็นผู้หญิง เธอส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่าไม่ ไอ้พอร์ชก็ตามใจเลยล่ำลากันแค่นั้น ชินแล้วครับ รักคนมีเจ้าของก็แบบนี้

ความรักผมแม่งก็เหมือนแก้วน้ำที่อยู่ตรงหน้า มันเต็มอยู่แล้วเทไปมันล้นออก เหมือนกันกับใจผมนั่นแหละถึงจะทุ่มเทให้เขามากเท่าไหร่ก็ล้นออกเพราะไม่มีที่ให้ยืนอยู่ดี

 “วิน”

 “หืม” ผมเงยหน้ามองบัสที่อยู่ๆก็มานั่งฝั่งเดียวกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

 “รักเขาเหรอ ผู้หญิงคนนั้นน่ะ”

“..........” ยิ่งกว่ารักอีก ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ยอมเลิกรัก ผมไม่ได้ตอบอะไรบัสพอๆกับมันที่ไม่ได้ถามอะไรผมต่อ ต่างคนก็ต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง

หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็โทรไปบอกไอ้เกมส์ให้ไปเจอกันที่ร้านที่ผมนัดกับพวกไอ้พอร์ช ส่วนไอ้เด็กหัวเกรียนที่อายุยังไม่ถึง 18 ดีอย่างไอ้บัสก็ปล่อยให้มันนั่งหงอยเหมือนหมาเหงาอยู่ที่บ้านผมนี่แหละครับ



และวันนั้นหลังจากกลับมาจากเที่ยว ผมก็รู้เลยว่ามันเป็นวันที่ถูกบันทึกในความทรงจำผมไปตลอดชีวิต



พอร์ชกับไวท์กลับมาเจอกันอีกครั้งโดยที่ผมเป็นตัวเชื่อมโลกเขาทั้งคู่ให้มาเจอกัน

   

ส่วนผมก็มีสัญญาใหม่เริ่มต้นขึ้นหลังจากคืนนั้น จริงๆมันก็ไม่เชิงสัญญาอะไรหรอกครับ แค่ข้อตกลงระหว่างผมกับบัส ที่บอกว่า เราจะเป็นแค่คู่นอนของกันและกัน จะไม่ก้าวผ่านเส้นของคำว่าคู่นอนเป็นอย่างอื่น


ผมน่ะไม่ก้าวข้ามผ่านมันไปอยู่แล้ว แต่บัสนี่ดิ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มันก้าวข้ามผ่านมาจนแทบจะจมลงไปกับผม



บางทีมันอาจจะก้าวมาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้






>>>>>>>>>>>>>>>
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
พูดถึงจุดเริ่มต้นของคู่นี้ก่อน และหลังจากนี้จะเป็นปัจจุบันแล้ว ไม่ย้อนกลับไปกลับมาและ คนเขียน’งง’ คนอ่านยิ่ง’งง’ไปใหญ่ อีกประการสำคัญมากๆ อยากให้คนอ่านเปิดใจมองว่าจริงๆแล้วหลิวเป็นแค่ผู้หญิงคนนึงเท่านั้น อ่านเรื่องนี้แล้วมั่นใจว่าทุกคนจะเข้าใจผู้หญิงคนนี้มากขึ้น

คำถาม:::ให้ทายใครอยู่บนอยู่ล่าง ฮ่า ฮ่า ฮ่า

พฤหัสนี้ออนไปสัมภาษณ์งานรอบสอง หายใจเข้าออกเป็นระวิงตื่นเต้นฝุดๆ ถ้าได้งานใหม่ งานอดิเรกรักมากที่สุดงานนี้อาจจะต้อง.......ฮือออออออ จะไม่ให้เป็นแบบนั้นแน่นอน (เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ)
หัวข้อ: Re: [drama]* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 1 [P.1*11/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Onlymin ที่ 11-03-2014 19:57:57
 :katai2-1: ขอบคุณค่ะรออ่านต่อนะ..
หัวข้อ: Re: [drama]* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 1 [P.1*11/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 11-03-2014 22:34:11
เปิดเรื่องมานี่ไม่ได้มีวี่แววว่าจะดราม่าเลยอ่ะ
ยกเว้นเรื่อง คู่นอน
ถึงคนเขียนจะบอกว่าให้เข้าใจหลิว แต่สิ่งที่หลิวทำเราว่ามันเกินไป  :hao5:

ที่สงสัยคือ เรื่องนี้ ใครเมะใครเคะ
ถ้าอ่านแค่เรื่องที่แล้ว วินน่าจะเมะ
พออ่านเรื่องนี้ บัสเตอร์น่าจะเมะ แต่ก็ไม่คิดว่าวินจะยอมให้ล่วงล้ำอธิปไตย บัสเตอร์ก็ด้วย
 :katai1: คนเขียนช่วยย้อนครั้งแรกหน่อยสงสัยว่ามันไปได้เสียกันได้ยังไง เหอๆ แอบหื่น
หัวข้อ: Re: [drama]* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 1 [P.1*11/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 12-03-2014 01:59:57
ยังไงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจหลิวอยู่ดี จะบอกว่ายังไม่เปิดใจให้ผู้หญิงคนนี้ก็ว่าได้ ไม่เข้าใจกับสิ่งที่นางกำลังทำ เหอะๆ

รอตอนต่อไปค่า เรื่องสัมภาษณ์งานสู้ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: [drama]* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 1 [P.1*11/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-03-2014 08:02:35
เพิ่งอ่านเรื่องโน้นจบมาค่ะ   
พอเห็นชื่อคนเขียน  เลยตามมา   
เป็นคู่  วินกับบัส  สินะ  หุๆ   จะรออ่านค่า

ปล.  เรื่องสัมภาษณ์งาน  สู้ ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: [drama]* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 1 [P.1*11/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 13-03-2014 07:19:18
เรื่องใหม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ วินๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: [drama]* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 1 [P.1*11/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 18-03-2014 22:18:25
 อยากอ่านต่อ :katai1:
หัวข้อ: Re: [drama]* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 2 [P.1*19/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 19-03-2014 16:39:23
ตอนที่ 2 จนกว่าจะ...จากกัน

 

Butter’s talk

            "หน้าเศร้าไปป่ะ" ผมเงยหน้ามองไอ้เตี้ยที่ยังนั่งผิวปากอารมณ์ดีอยู่ตรงโซฟา ตั้งแต่เบสมีผัวเป็นตัวตนมันก็ดูกวนตีนขึ้น แรดขึ้น ทุกอย่างดูโอเว่อร์ขึ้นประมาณ 2-3 เท่า ยิ่งความน่ารักของมันนะครับ บอกตรงๆว่าฟีโรโมนโคตรแผ่กระจาย ขนาดผมเป็นน้องยังรู้สึกว่าเบสน่าขย้ำ

            "ยุ่ง..." ผมว่ามันเสร็จก็ล้มตัวลงนอนบนตักมัน เบสเบ้ปากนิดๆ คงหมั่นไส้ผมมากจนอดไม่ได้ที่จะเอามือเล็กมาบีบจมูก “ทำไมวันนี้ตัวอยู่บ้านได้”

            “อ่าวพูดอย่างนี้ตัวหมายความว่าไง” ก็ปกติเบสอยู่ติดบ้านซะที่ไหนล่ะ วันๆก็ออกไปแรดตลอด

            “แล้วตัวคิดว่ามันหมายความว่าไงล่ะ” ผมยักคิ้วล้อพี่ชายตัวเองที่อยู่ๆก็หน้าแดงสุกเป็นลูกตำลึง แม่งน่ารักขนาดนี้ไม่แปลกใจเลยที่แฟนมันจะทั้งรักทั้งหลง ผมไม่เคยเล่าใช่ไหมครับว่าเบสมีแฟน รู้สึกจะเป็นรุ่นพี่ชื่ออาร์มอะไรนี่แหละ เคยมาบ้านเราสองสามครั้งตอนที่เบสพามารู้จักกับแม่ ดูท่าทางก็เป็นคนดีนะครับ แต่ติดอย่างเดียวที่คนอย่างผมกับมันมองปาดเดียวก็รู้ตื้นลึกหนาบางของกันและกัน

 

            ใช่ครับหนังหน้าอย่างพี่อาร์มดูรู้เลยแม่งขี้เอา คิดเอาเองล่ะกันนะครับว่าเอาอะไร และผมก็ไม่ต้องสืบด้วยว่าที่เบสกลับมานอนบ้านเพราะมันรำคาญพี่อาร์มที่นับวันความจังไรจะเพิ่มมากขึ้น

           

            “เลิกล้อเถอะน่าบัสเค้าไม่อายหรอก ตัวก็รู้”

            “หราาา” ไม่อายเลยหน้าแดงขนาดนี้ แก้มแทบจะไหม้อยู่แล้ว นี่ไม่อายใช่ไหม แต่ผมก็ไม่ได้พูดล้ออะไรต่อเพราะตอนนี้เบสกำลังใช้มนต์วิเศษทำให้ผมรู้สึกสบาย มนต์ของเบสมันทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่เบสสัมผัส ผมชอบเวลาที่เบสใช้นิ้วคลึงเบาๆตรงหัวกับหน้า เขาชอบทำแบบนี้ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาสัมผัสได้ว่าผมรู้สึกเหนื่อย หรือรู้สึกแย่ คิดดูเอาล่ะกันครับว่าขนาดคนโง่ๆอย่างเบสมันยังรู้เลยว่าผมเศร้า แล้ววินทำไมมันไม่เคยรู้วะว่าผมรู้สึกยังไง

 

            จริงๆจะโทษวินก็ไม่ได้ในเมื่อสายตาเขาไม่เคยมองมาที่ผม

 

            ฮ่า ฮ่า ใช่ครับผมไม่เคยโทษวินเลย ไม่ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันจะถูกหรือผิด ไม่ว่าคนอื่นจะคิดแบบไหน วินก็ยังคงเป็นวินที่ดีที่สุดในใจผมเสมอ ชื่อแม่งก็บอกแล้วว่ามันชนะ ชนะผมทุกอย่างแหละ

 

            “ใครมาส่งตัว”จู่ๆเบสก็ถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีคุย คงจ้องจะหาจังหวะถามตั้งแต่แรก

            “แล้วตัวคิดว่าใครล่ะ” รู้อยู่แล้วยังมาหยั่งเชิงถามหาพระแสงอะไร มันน่ะสังเกตผมมาตั้งนานแล้วว่าวินมารับมาส่งผมบ่อย เวสป้าลูกรักของผมแทบจะไม่ได้ออกมาสัมผัสแสงสว่างนอกโรงจอดรถเลยด้วยซ้ำ

            “ตั้งแต่เมื่อไหร่”

            “3-4เดือนแล้วมั้ง”

            “ได้กันหรือยัง” ดูมันถามดิจริงๆแม่งอยากรู้อยู่เรื่องเดียว

            “จะเหลือเหรอ” ผมก็ตอบตามความจริงเพราะไม่รู้ว่าจะปิดไปทำไม

            “ใครอยู่บนอยู่ล่าง” ว่าแล้วมันต้องถาม ส่วนผมก็แค่ตอบกวนตีนมันเหมือนอย่างที่ชอบตอบ

            “คิดเอาเองดิ”

            “เอ้า ถ้าตัวไม่บอกเขาจะรู้ไหม”

            “สลับๆกัน...มั้ง บางวันก็อยู่ล่าง แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่บนตลอด หึหึ”

            “เหยดดดดดดดดดดด  สรุปมึงเอาเพื่อนกูใช่ไหมบัส ไอ้วินตอนนอนอ้าขาให้มึงเป็นไงบ้างวะ”ดูเบสพูดดิปากเล็กๆของมันเจื้อยแจ้วไม่อายหน้าตัวเองเลยสักนิด “หน้ามันฟินหรือเปล่า กูล่ะอยากให้แม่งโดนสักที จัดให้แม่งหนักๆหมั่นไส้ไอ้ท่าทางขี้เก๊ก สุภาพบุรุษของแม่งฉิบหาย.. เพี้ยะ!!!” ผมยกมือขึ้นดีดปากเบสไปแรงๆ สาเหตุก็อย่างที่รู้ๆ

            “พูดไม่เพราะ ไม่น่ารัก”

            “เจ็บ” เบสยกมือขยี้ปากตัวเองเสร็จก็เอื้อมมือมาตีปากผมคืน

            “ก็ตีให้เจ็บ”

            “เปล่า...เค้าหมายถึงที่ตัวทำอยู่อ่ะเจ็บไหม” เอ้า อยู่เฉยๆไม่ชอบลากผมเข้าดราม่าซะงั้น ผมไม่ได้ตอบคำถามเบสหรอกครับ เพราะไม่รู้จะตอบอะไร ตอนนี้แค่อยากนอนหลับตาให้สมองมันโล่งๆ ไม่อยากคิดถึงเรื่องราวที่ทำให้ปวดหัวใจเล่น ผมนอนหลับตารับสัมผัสที่เบสคลึงหัวผมให้อย่างสบาย ชอบเวลาที่เบสทำให้แบบนี้ อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่า มันน่ะเป็นพี่ส่วนผมน่ะเป็นน้อง ในมุมที่เป็นน้องอย่างผมบางจังหวะก็อยากอ้อนเบส อยากมีมันคอยกอดปลอบผมเวลาที่ผมสับสน

            “บัส”

            “อื้มม”

            “ตัวแน่ใจแล้วเหรอที่ทำแบบนี้”

            “...........”

            “ตัวก็รู้ว่าเขาไม่มีทางหันมามองตัวอยู่แล้ว”

            “.........”

            “เขามีคนที่เขารักขนาดนั้น ไม่รู้นะว่าตัวรู้แค่ไหน แต่บัส เค้าว่าถ้าตัวตัดใจได้ก็ตัดใจดีกว่าไหม อยากไปอยู่เหนือก็ไปเลย ไม่ต้องไปรออะไรหรอก ไปเจอคนใหม่ดีกว่า มีคนดีๆมากกว่าวินตั้งเยอะตั้งแยะ” ก็รู้ว่าเบสมันห่วงผม ตอนนี้ก็กำลังตัดสินใจอยู่นี่ไงว่าจะไปดีหรือเปล่า แต่ผมลงสี่อันดับไปแล้วนะครับ 2 อันดับแรกก็มหาลัยในภาคเหนือแหละ ส่วน 2 อันดับต่อมาก็แถบๆปริมณฑลมันก็ไม่ได้อยู่ใกล้ๆวินหรอก แต่ก็ถ้าจะมาหามันก็มาง่ายกว่าอยู่ที่เหนือ

 

            ถึงจะอยากไปให้ห่างจากเขาแค่ไหนแต่ใจมันก็ยังห่วงอยู่ดี ห่วงว่าวินจะอยู่ยังไง ถ้าวันนึงคนที่เขากำลังปกป้องอยู่ปล่อยมือไปล่ะ มันคงแย่แน่ๆ

 

            เพราะดูจากครั้งล่าสุดที่เจอกัน ผู้หญิงคนนั้นพยายามอย่างมากที่จะผลักไสคนรอบตัวที่เคยรู้จักพี่ไวท์ให้ออกไปจากชีวิต ก็มีแต่คนดื้อๆอย่างวินนั่นแหละ ที่ทั้งอ้อนวอนขอร้องให้เขาอยู่ด้วยแบบนั้น

 

            ไม่เหนื่อยหรือไงนะ...เขาไม่รักก็ยังไปยื้อเขาแบบนั้น

 

 

ครืด ครืด

            ถ้าผมเดาถูกคิดว่าคนที่โทรมาคงหนีไม่พ้นคนที่ผมกำลังรอ เบสยู่ปากแล้วชะเง้อมองชื่อในโทรศัพท์ผมสุดตัว จนผมอดไม่ได้เลยต้องหันให้มันดู

            “ที่รัก โอ้วววววว ช่างกล้า” กะไว้แล้วว่าเบสต้องล้อ จริงๆวินเองก็ไม่รู้หรอกว่าผมตั้งชื่อมันว่าอย่างนี้ ถ้ามันรู้คงโกรธผมแหงๆ “เขาเป็นที่รักของตัวแล้วเหรอ”

            “ก็เป็นมาตั้งแต่แรก” ผมบอกเบสเสร็จก็ทำท่าจะลุกออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก  แต่ติดที่ตรงลุกไม่ได้นี่แหละ เพราะตอนนี้ไอ้เตี้ยมันขยับมานั่งทับตัวผมไว้ คือนั่งทับน่ะไม่เท่าไหร่ ดันเอาหูเสือกๆของตัวเองแนบกับหูผมด้วย “ถ้าตัวจะเสือกขนาดนี้ใส่สมอลทอร์คคุยแล้วตัวฟังหูอีกข้างดีไหม”

            “ได้เหรอ”

            “ได้กับผีดิ ลุกเลย วินวางไปแล้วเนี่ยเห็นไหม” ผมผลักหัวเบสออกจากซอกคอก่อนพลิกตัวขยับขึ้นมานอนคร่อมมันแทน

 

            “ทำอะไรกันวะ” เสียงสวรรค์พร้อมกับคนหนึ่งคนที่ยืนหัวโด่ทำหน้ายักษ์ใส่ทั้งผมกับเบส...ทุกคนเดาถูกครับว่าใครกำลังส่งสายตาพิฆาตมาที่เราสองคน

            “พี่อาร์ม” เสียงหงอยเลยว่ะ หึหึ ปกติผมกับเบสก็เล่นท่ายากแบบนี้กันบ่อยนะ แต่พี่อาร์มไม่เคยเห็นก็มีครั้งนี้แหละที่เข้ามาเห็นจังๆ

            “บัสลุกเลย พี่อาร์มรอเบสด้วยดิ”

            “ไม่เอาอ่ะเขาอยากนอนท่านี้” ผมรู้ว่าพี่อาร์มมันแกล้งงอนไปอย่างนั้นแหละ เห็นหน้าจังไรมันผมก็พอเดาได้หรอกว่ามันกะใช้แผนอะไรล้อไอ้เตี้ยนี้ไปติดกับ

            “ลุกเดี๋ยวนี้ ไอ้ยักษ์ ลุกๆๆๆๆ”

            “เบสแม่งโง่จริงๆ” ผมด่ามันเสร็จก็ก้มลงไปหอมแก้มเบสหนักๆก่อนจะลุกขึ้นนั่งปล่อยไอ้เตี้ยให้เป็นอิสระ ส่วนคนตัวเตี้ยก็อย่างที่รู้ๆหันมาเบ้ปากใส่ผมไม่พอยังมีหน้ามาเช็ดแก้มตัวเองแรงๆราวกับโดนเชื้อโรคยังไงยังงั้น กวนตีนว่ะ พอจะถีบมันไอ้เบสก็รีบลุกแล้ววิ่งตามแฟนตัวเองไปเลย “เบสโง่!!!”

 

            ขอสักดอกเหอะท่าทางออดอ้อนแฟนมันอย่างนั้นเห็นแล้วหมั่นไส้มาก

 

            “ไม่ได้โง่โว้ยยย” ยังจะกล้าตะโกนกลับมาที่ผมอีกว่าไม่ได้โง่ แล้วที่เบสทำอยู่นี่อะไรวะเดินตามเขาไปแบบนั้นเบสไม่รู้เลยรึไงว่าพี่อาร์มมันจะลากไปทำอะไร หนีเขามาอยู่บ้านสุดท้ายก็เดินตามเขาต้อยๆกลับคอนโดเหมือนเดิม ตลกจริงๆพี่ชายผม

 

            หลังจากละสายตาจากสองคนนั้นผมก็ก้มลงมองโทรศัพท์ในมือ ชื่อ ที่รัก ยังปรากฏหราอยู่บนหน้าจอ 1 สายไม่ได้รับ และไม่มีทีท่าว่าจะมีสายเพิ่มมากกว่า 1 ใจนึงก็อยากให้วินโทรกลับมาหาอีกรอบ แต่ก็รู้ทั้งรู้นะครับว่ามันก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะนิสัยอย่างวิน คนที่เขาจะยอมโทรออกเป็นครั้งที่สองคือคนสำคัญเท่านั้น

 

            แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นไม่ใช่ผม...เห้อ อีกแค่เดือนเดียวเท่านั้นแหละบัส เดือนเดียวที่มึงต้องทำตามหัวใจตัวเอง แล้วต่อจากนี้ก็คงต้องปล่อยมือเขาไปสักที เพราะที่ได้มาผมว่ามันก็เกินคาดแล้วล่ะ

 

            ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำบนห้องกะว่าทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วค่อยโทรหาวิน แต่ไปๆมาๆกลับกลายเป็นผมลืมโทรหาเขาซะงั้น ตื่นเช้าขึ้นมาอีกทีถึงรู้ว่า ลืมโทรกลับไปหาเขา แต่พอโทรกลับไปดันปิดเครื่องซะงั้น ช่างเถอะครับผมจะโทรหรือไม่โทรสุดท้ายวินเขาไม่ได้แคร์อะไรผมอยู่แล้ว

 

            จนเวลาผ่านมาตั้งอาทิตย์กว่าผมก็ยังไม่มีเวลาโทรหาวินอีกเพราะมัวแต่ยุ่งๆเคลียร์เรื่องในชมรมบาส กว่าจะสะสางอะไรเสร็จก็ผ่านมาตั้งอาทิตย์นึง อาทิตย์นึงที่ผมไม่ได้เปิดมือถือ พูดกันตามตรงว่าแบตหมดกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ใช้ไม่ได้ไปแล้วในกระเป๋า และก็ไม่ต้องคิดนะครับว่าจะมีคนโทรหาผมไหม แม่กับเบสปกติน่ะไม่โทรหรอก ส่วนวินก็ไม่มีทางโทรมาหรอก

 

            “ฮุ่วววววว เสร็จสักที จบสักที” ไอ้บอลเพื่อนสนิทผมตะโกนเสียงดังลั่น วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมกับเพื่อนม.หกจะมาเรียนที่โรงเรียนนี้ นับจากนี้ไปชีวิตวัยเกรียนจะจบลงอย่างเป็นทางการ จะไม่มีอีกแล้วชุดนักเรียนกับกางเกงน้ำเงินตัวเก่า เพื่อนๆที่สนิทกันส่วนใหญ่ก็ต่างเลือกไปในคณะที่ตัวเองชื่นชอบ และดูท่าทางจะคนล่ะทิศคนล่ะทางเลยด้วยซ้ำ ผมนั่งมองพิธีอำลาที่รุ่นน้องม.5จัดให้ ผู้คนเดินเข้าไปในซุ้มเรียงรายด้วยเด็กๆที่ยื่นดอกกุหลาบให้รุ่นพี่ ผมไม่ได้เข้าพิธีอะไรกับเขาหรอกครับ โดดมานั่งอยู่ดาดฟ้าตึกใหม่ เพราะเพื่อนๆผมแต่ล่ะคนก็มองว่ามันน่าเบื่อและไร้สาระมากที่ต้องมาทำพิธีอำลาอะไรแบบนี้ ผมเห็นบางโรงเรียนมีใส่ครุยทำท่าเหมือนชีวิตถึงจุดสิ้นสุดประสบความสำเร็จแล้วทั้งๆที่มันก็แค่ม.หก

 

            จริงๆแล้วอนาคตเรายังอีกยาวไกลเลยครับ ผมไม่เคยมองว่า ม.หกเป็นจุดที่บ่งบอกว่าเราประสบความสำเร็จเลยสักครั้ง เพราะผมกลับมองว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะก้าวต่อไปในภายภาคหน้า สิ่งที่ได้จากมัธยมคงหนีไม่พ้นเพื่อนและความรู้กากๆที่ผสมปนเปกันเข้ามาในหัว สุดท้ายพอขึ้นปีหนึ่งแม่งก็เริ่มต้นใหม่อยู่ดี ผมย้ายสายมาเรียนสายศิลป์เพราะมีความคิดแปลกๆว่าไอ้พวกดิ๊ฟอินทิเกรดสถิติพวกมันนั้นไม่ได้มีประโยชน์กับสมองผมเลยสักนิดเรียนไปก็รกหัวผมเปล่าๆ เอาเวลาพวกนั้นมาเรียนวาดเรียนลงเส้นเพิ่มเติมไม่ดีกว่ารึไง

 

            และผมก็คิดว่าคนที่คิดแบบผมมีอีกเยอะ ผมอยากเจอสังคมแบบนั้น สังคมที่ทุกคนเป็นตัวของตัวเองโดยไม่แคร์ใครแต่ทุกคนก็ยังอยู่บนพื้นฐานของกฎระเบียบ ผมถึงเลือกศิลปกรรม เคยไปเข้าค่ายกับพวกพี่เขาครั้งหนึ่งแล้วรู้เลยว่าคนพวกนี้แหละใช่กับตัวผมสุดๆ

 

            “บัส...นายเลือกแอดมิชชั่นอันดับหนึ่งที่นั่นจริงๆเหรอ”

            “เออแต่คงไม่ติดหรอกว่ะคะแนนห่างเยอะมาก...แต่อันดับสองไม่แน่ว่าจะติด” อันดับสองผมเลือกมหาลัยเดียวกันคณะเดียวกันแต่คนล่ะภาควิชา คะแนนของม.นี้ยอมรับว่าสูงมากถ้าไม่แย่จริงๆคงติด แต่ก็ไม่รู้ทำไมผมถึงค่อนข้างหวังอันดับสามกับสี่ ใจเต้นแรงทุกครั้งที่คิดว่ามหาลัยนี้มันสามารถขับรถมาหาวินได้ง่ายๆ

            “ไปไกลขนาดนั้น แน่ใจแล้วเหรอบัส” ไอ้บอลเพื่อนผมมันรู้หมดแหละครับว่าผมคิดอะไร คอนโดไอ้ฟินก็คอนโดเดียวกับผู้หญิงของวินนั่นแหละ เพราะงั้นผมถึงเข้าใจผิดคิดว่าวินมีคอนโดเห็นวินไปบ่อย แต่ที่ไหนได้เล่นชู้กับเพื่อนตัวเองซะงั้น

“แน่ใจแล้วว่ะ ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม”

            “ไม่กลัวเขาเสียใจเหรอ” ผมรู้ว่าบอลคิดอะไร แต่เพื่อนเขาจะมาเสียใจอะไรกับคนอย่างผมวะ เขาไม่เคยแคร์ ไม่เคยเรียกร้อง มีแต่ผมเองทั้งนั้นที่เรียกร้องอ้อนวอนจากเขา เขาไม่เสียใจหรอก

            “ไม่หรอก” วินไม่เสียใจ ผมว่าเขาเต็มใจเสียมากกว่า

            “วันนี้จะไปหาเขาหรือเปล่า”

            “อื้อไปแหละ ไม่ได้ไปหาตั้งนานแล้ว” แต่ก็ไม่รู้ว่าวินจะอยู่บ้านหรือเปล่า ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้

 

            หลังเลิกเรียนผมก็ขับเวสป้าไปบ้านวิน แวะซื้อของไปนิดหน่อยเป็นพวกเค้กกับชาเย็นร้านที่วินบอกว่าชอบ ตอนที่ผมเข้ามาในบ้าน ผมเจอป้าดาแม่บ้านที่คอยดูแลทำความสะอาดทำกับข้าวให้วิน บอกกับผมว่าแม่ของวินไปต่างประเทศตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วกว่าจะกลับมาก็คงนู่นสิ้นเดือนส่วนวินก็อยู่บนห้องไม่ได้ไปเรียนหลายวันแล้ว นอนซมเป็นไข้เพราะตากฝนเมื่อ3-4วันก่อน ไอ้แม่บ้านจะพาไปหาหมอวินก็ดื้อไม่ยอมไป ยาก็ไม่ยอมกิน แล้วอย่างนี้มันจะหายได้ยังไงวะ

 

 

 

          แกร๊ก

 

            ผมถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องที่มืดสนิท ผ้าม่านถูกปิดลงมีแสงอมส้มลอดเข้ามานิดหน่อยพอให้รู้ว่ายังไม่ใช่เวลากลางคืน เสียงแอร์ดังพอๆกับความหนาวที่เข้ามากระทบผิว เล่นเปิดแอร์นอนแบบนี้ไม่แปลกใจเลยที่ไม่หายไข้สักที

           

            ผมขยับตัวนั่งลงบนเตียง หน้าซีดเซียวที่เผยเห็นแค่ครึ่งหนึ่งของใบหน้าบ่งบอกให้ผมรับรู้ว่าเขาไม่สบายใจจริงๆ แล้วก็นอนจมบนเตียงมาหลายชั่วโมงแล้วด้วย ข้าวต้มที่ป้าดาทำมาให้ถ้วยที่ยังถูกวางทิ้งไว้บนหัวเตียงโดยไม่มีทีท่าว่าวินจะแตะต้องมันสักนิด แล้วไอ้ข้าวต้มที่ผมทำเมื่อกี้คงไม่ได้เป็นหมันเหมือนอย่างถ้วยเก่าหรอกนะ

 

            “วิน...” ผมชอบเรียกชื่อเขาเฉยๆ พูดกันตรงๆเลยไม่อยากจะเรียกว่าพี่ด้วยซ้ำ แต่วินก็ชอบบังคับให้เรียกพี่อยู่นั่น เพราะงั้นผมจะเรียกวินเฉพาะที่รู้สึกว่าเขาเป็นพี่ แต่ส่วนใหญ่ผมไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นพี่ไง ก็เรียกวิน วิน อยู่อย่างนี้แหละจนคนตรงหน้าเริ่มชิน

            “อื้อ..” มันหรี่ตาขึ้นมองผมนิดนึงแล้วขยับตัวลุกขึ้นช้าๆ วินไม่ใช่คนที่อ่อนแอ เขามักจะแสดงให้ผมเห็นเสมอว่าเขาเป็นผู้นำ ในกลุ่มวินก็เป็นแบบนั้น เพราะเขาสร้างภาพตัวเองให้เป็นแบบนั้น แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ วินไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น บ่อยครั้งที่ดวงตาเขาทอแสงวูบวาบราวกับจะแตก แต่มันก็แค่แป๊บเดียวก่อนจะกลับมาในโหมดปกติ

            “เรียนเสร็จแล้วเหรอ” มันว่าพลางขยับนั่งพิงหัวเตียง ปากวินซีดมากอ่ะ หน้าก็ซีด แถมตัวร้อนอีก

            “ไม่สบายแล้วทำไมพี่ไม่กินยา ห่วงตัวเองมั่งดิวะ เอ้าอ้าปากกินข้าวแล้วจะได้กินยา”

            “ไม่เกี่ยวกับมึงสักหน่อย กินเองได้ ไม่ต้องป้อน” มันบอกปัดเสร็จก็ดึงชามในมือผมไปถือเอง นั่งกินเงียบๆ ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ วินเป็นคนหล่อ ขนาดหน้าซีดจนป่วยแบบนี้ออร่าความหล่อยังเปล่งประกายมาให้เห็นตลอด

            “ทำไมอยู่ๆถึงไม่สบายได้ ไปยืนตากฝนเล่นที่ไหนมาล่ะ”

            “ไม่เกี่ยวกับมึงสักหน่อย”

            “............” เบื่อว่ะ อะไรๆแม่งก็ไม่เกี่ยว แล้วตรงไหนวะที่ผมเกี่ยวข้องกับเขา ช่วงก่อนที่แม่งเอากันเกือบทุกวันคืออะไร พอคนๆนั้นเลิกกับแฟนแล้วก็แทบจะผลักผมออกไปจากอกทันที

 

            หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมโคตรคิดถึงเขาเลยนะครับ แต่ก็นั่นแหละ คิดถึงข้างเดียวมันก็แค่นั้น

 

            “อิ่มแล้ว” มันส่งชามกลับมาให้ผมก่อนจะแบมือขอยาที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนหน้านี้ทำไมไม่กิน พอยังงี้ล่ะทำตัวเป็นผู้ใหญ่

            “ขอสามอาทิตย์”

            “อะไร??”

            “ขอแค่สามอาทิตย์” ผมเอายาที่วินขอใส่เข้าไปในปากตัวเองก่อนจะดื่มน้ำตามแล้วอมไว้ในปาก วินทำหน้างงๆแต่ก็เข้าใจทันทีที่ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้วินมากขึ้น รสเฝื่อนขมของยาพร้อมกับของเหลวถูกส่งเข้าไปในริมฝีปากวินอย่างช้าๆ ก่อนจะเป็นผมที่ถอนจูบออกมาเพื่อปล่อยให้เขาได้กลืนยาลงคอ

            “เล่นอะไรวะ ติดคอตายขึ้นมันทำไง” พอวินกลืนยาลงคอเสร็จก็ทำเสียงดุผมเลย มือที่กำลังยกขึ้นเช็ดมุมปากถูกผมจับค้างไว้ก่อนจะเป็นผมที่ใช้ปากจูบซับน้ำที่ไหลเลอะออกมาแทน

            “สามอาทิตย์นะวิน ขอแค่สามอาทิตย์”

            “บัส กูไม่เข้าใจที่มึงพูด..อื้อออ” ไม่เข้าใจน่ะดีแล้ววิน เพราะผมก็ไม่อยากให้วินเข้าใจอะไรมากมายเหมือนกัน ผมเคยปล่อยให้มันเป็นไปในทิศทางที่วินต้องการ  เคยให้วินเป็นคนตัดสินใจ แต่สุดท้ายคนที่วินเลือกก็ไม่ใช่ผมเพราะงั้น ขอแค่สามอาทิตย์ที่ผมจะไม่พยายามนึกถึงคนอีกคนที่อยู่ในใจวิน เพราะผมจะเก็บความทรงจำแค่เฉพาะกับวินไว้ ขอแค่นี้ก็พอ

 

            รสจูบที่ไม่ได้สัมผัสมา 1 อาทิตย์มันช่างหอมหวานเสียเหลือเกิน ผมโหยหา ไม่ต่างจากคนตรงหน้าเท่าไหร่ เสียงสวบสาบของเสื้อผ้าที่เสียดสีกันเป็นตัวกระตุ้นให้ผมกับเขาแลกลิ้นกันมากยิ่งขึ้น

 

 

          ตึก ตึก

 

          นับเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ผมได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นถี่รัวของเขา ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป ผมว่าวินคง....หึ ไม่หรอก เรื่องแบบนั้นมันไม่ทางเป็นไปได้อยู่แล้ว


 

 

>>>>>>>>>>>>TBC

นิยายเรื่องนี้อาจจะเนือยๆไปหน่อย แต่ก็อยากให้ลองอ่านดูนะคะ ออนอยากลองบรรยายความรู้สึกของตัวละครให้มากที่สุด เพราะจุดบกพร่องของออนคือข้อนี้ ไม่ชอบบรรยาย

สุดท้ายจะบอกเรื่องนี้หลิวเป็นแค่ส่วนหนึ่งในการเริ่มต้นอะไรหลายๆอย่างเท่านั้น สปอยว่าหลังจากที่บัสไปเรียนนี่แหละคือความจริง อิอิ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลา ได้งานใหม่แล้ว อาจจะอัพช้าและสั้น แต่จะมาอัพเรื่อยๆ...นะ ขอบคุณค่ะรักคนอ่าน

ปล.รู้หรือยังว่าใครอยู่บนอยู่ล่าง
หัวข้อ: Re: [drama]* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 2 [P.1*19/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 19-03-2014 18:29:05
โอย วินนี่เป็น'รับ'ไปขนาดนั้นแล้วยังบอกว่าชอบหลิวอีกเรอะ

นี่คนเขียนบอกว่าพึ่งเริ่มต้น แสดงว่าต่อไปคงหน่วงกว่านี้
แล้วพอบัสไปเรียนก็ต้องอยู่ไกลกัน แล้วจะมีเรื่องอะไรเกิขึ้นกันนะ
หัวข้อ: Re: [drama]* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 2 [P.1*19/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Onlymin ที่ 19-03-2014 19:35:45

ขอบคุณค่ะ รออ่านต่อนะ :katai4:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 3 [P.1*29/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 29-03-2014 17:50:05
 

Win’s talk

 

            สัสเอ๊ย!!!ปวดหลังฉิบ ผมตื่นขึ้นมาอีกทีพร้อมความรู้สึกเมื่อยขบไปทั่วตัว ยิ่งตอนนี้ความรู้สึกไม่สบายตัวยิ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าเก่า ทั้งที่กูไม่สบาย กูเป็นไข้แต่บัสเตอร์มันก็ยัง....ช่างแม่ง

 

          “ลุกไหวไหมเนี่ย” บัสมันเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับข้าวต้มที่มีควันลอยฉุยให้เห็น มันจัดการลากโซฟานวมที่วางอยู่มุมห้องมานั่งข้างๆเตียงผมอย่างถือวิสาสะ มองเชี่ยอะไรรู้ทั้งรู้ว่าผมไม่สบายมันก็ยังทำเรื่องแบบนั้น ยังจะมีหน้ามาหรี่ตาจับผิดทำราวกับผมเป็นเด็กอีก ทั้งๆที่มันก็แค่ไอ้หัวเกรียนที่เพิ่งจบม.6 แท้ๆ ผมเป็นพี่มันตั้งเกือบ 2 ปีนะครับ ดูหน้ามันดิไม่เคารพผมสักนิด

 

            ถ้าไม่ติดว่าวันนั้นผมเมานะ ป่านนี้มันนั่นแหละที่เป็นคนเสร็จผม

 

            “พี่ว่าวันนี้พี่จะไปเรียน” ผมเฉไฉไปเรื่องอื่นเพราะไม่ชอบสายกรุ่มกริ่มเวลาที่มันพูดเรื่องอย่างว่าแล้วทำหน้าเหมือนตัวเองชนะแบบนี้ มีเรื่องเดียวนี่แหละที่มันชนะผม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมคืนนั้นผมถึงเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของมัน ยอมรับว่าพอโดนมันเล้าโลมหน่อยสติก็กระเจิงไปหมด รู้ตัวอีกที่ไอ้เด็กนี้ก็ยัดของมันเขามาแล้ว ไม่ใช่ว่าผมไม่พยายามที่จะอยู่เหนือกว่านะ แต่ว่าพอโดนมันแตะนิดแตะหน่อยร่างกายก็รอรับสิ่งที่มันกำลังจะทำให้ตลอด จนทุกวันนี้ผมก็ยังไม่มีโอกาสเอาชนะมันได้สักที ไม่ชอบเลยอ่ะ เหมือนตัวเองแพ้ยังไงไม่รู้ คิดดูดิครับผมชอบผู้หญิงมาตลอด ทำตัวแมนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแต่กลับได้รับตำแหน่งผู้หญิงกับไอ้บัสที่อายุอ่อนกว่าผมเนี่ยนะ มันน่าอับอายไหมล่ะ เพราะงี้ผมถึงไม่อยากพูด ไม่อยากเอ่ยถึงตอนที่ผมกับมันมีอะไรกัน

 

            “วันนี้วันเสาร์ วินจะไปทำไม เอ้านี้ข้าวต้มจะให้ป้อนหรือเปล่า”

 

            “กินเองได้โว้ย” ผมยื้อเอาชามข้ามมาถือเองก่อนจะจ้วงตักด้วยความหิว บัสเตอร์มองหน้าผมแล้วยิ้มเบาๆก่อนจะขยับขึ้นมานั่งข้างๆผมที่นั่งอยู่บนเตียง ไม่เข้าใจแล้วมึงจะลากโซฟามาทำไม

 

          “กินเสร็จแล้วจะได้กินยา”

 

            “พี่รู้แล้ว”

 

            “ไม่ชอบเวลาที่วินทำตัวเป็นพี่เลย” ก็กูเป็นพี่นี่หว่าจะให้ทำตัวแอ๊บแบ๊วเป็นเด็กอายุน้อยกว่ามึงเพื่ออะไรล่ะครับ

 

            “ก็พี่เป็นพี่”

 

            “วิน....”

 

            “อะไร”

 

            “เปล่า” มันพูดเสร็จก็ดึงชามข้าวต้มผมไปวางที่หัวเตียงก่อนจะส่งยากับน้ำมาให้ ดูแลดีขนาดนี้ผมกลัวจังเลยว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีมันผมอาจจะทำอะไรไม่เป็น “วินไม่สบาย พักผ่อนก่อนเถอะ ตัวยังร้อนจี๋อยู่เลย”

 

            “แล้วใครล่ะที่...เอ่อช่างมัน” ไม่ชอบเลยว่ะเวลาที่บัสทำหน้าเหมือนรู้ทันความคิดผม

 

            “ฝันดี”

 

            “ใครบอกให้มึงจูบหน้าผากกูบัส เอาปากมึงออกไปเลย” แม่งผมไม่ใช่ผู้หญิงนะพอโดนมันทำแบบนี้แล้วรู้สึกแปลกๆอ่ะ “เชี่ยบัส”

 

            จูบหน้าผากไม่พอลามปามมาจูบแก้ม ไล้เรื่อยลงมาหยุดที่ริมฝีปากผมอีก บัสคลอเคลียแถวริมฝีปากผมสักพักมันก็กดจูบลงมาใหม่ ลิ้นชื้นที่ผมสัมผัสได้ว่าเย็นจัด อาจเพราะร่างกายผมมันร้อนพิษไข้ เลยยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีที่ลิ้นเย็นของมันแตะดูดดึงอยู่ปาก

 

            “เดี๋ยวติดไข้...บัสอย่าเอาแต่ใจได้ไหม”

 

            “ไม่ได้อยากเอาแต่ใจหรอกนะแต่เวลา แม่งเหลือน้อยเต็มที” มันพูดงึมงำกับตัวเองแต่ผมก็ได้ยิน เวลาอะไรของมัน ตอนมาก็พูดว่าสามอาทิตย์ ผมไม่กล้าหรอดครับที่บัสบอกว่าสามอาทิตย์มันหมายความว่าไง และก็ไม่กล้าพอจะเดาด้วย “แล้วไปทำอะไรมาทำไมถึงตากฝนแล้วเป็นไข้หนักขนาดนี้”

 

            “ไหนบอกจะให้พี่วินนอนไงครับ” เวลาพูดเพราะๆทีไรบัสแม่งเหมือนคนโรคจิต ชอบทำหน้าเคลิ้ม ตาลอยๆเหมือนเพิ่งดูดเนื้อมายังไงยังงั้น ดูมันตาลอยไม่พอขยับตัวแทบจะทับผมอยู่แล้ว ถ้าจะขึ้นคร่อมขนาดนี้มึงไม่นอนทับกูเลยล่ะบัส “พอเลย สัส”

 

            “วินแม่งพูดไม่เพราะว่ะ”

 

            “คำว่าว่ะของมึงมันเพราะมากเลยเนอะ”

 

            “มันเป็นคำอุทานเหอะวิน” ไอ้หัวเกรียนท้าวแขนสองข้างคร่อมตัวผมไว้ ส่วนขาข้างหนึ่งมันก็แทรกไว้ตรงกลางผมหมิ่นเหม่จะโดนน้องชายอยู่มะลอมมะล่อ ปลายจมูกที่โน้มลงมาเกลี่ยที่แก้ม ไล้เรื่อยลงมาที่ใบหู ต้นคอ ก่อนจะหยุดคลอเคลียที่ริมฝีปาก

 

            “วินแม่ง...สุดๆเหอะ” ผมเข้าใจความหมายของบัส ผมรู้ว่ามันต้องการจะสื่ออะไร แต่ผมไม่ชินว่ะ เข้าใจไหมว่าผมไม่ใช่แนวนั้นมาตลอด พอมาโดนทำแบบนี้มันเลยรู้สึกแปลกๆ ผมไม่ใช่คนน่ารักน่าขย้ำเหมือนไอ้เบส และผมก็ไม่ได้เหมือนไวท์ด้วย ผมเป็นเพศผู้ที่มีร่างกายเหมือนผู้ชายทั่วไปถึงหุ่นจะเล็กกว่าไอ้บัสแต่ผมก็ไม่เคยถูกมองแนวนั้น

 

            “เลิกพูดแบบนี้เถอะว่ะ มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบ แล้วก็ลุกไปแล้วบัส พี่หนัก”

 

            “อะไรผมยังไม่ทุ่มน้ำหนักทับวินเลย หนักได้ไงวะ หรือหนักตรงนี้”

 

            “อ๊ะ...อ๊าาา เชี่ยบัส!!!” มันแกล้งเอาเข่าตัวถูไปมาตรงส่วนกลางลำตัวผม พอแกล้งกูได้ก็ยิ้มใหญ่ยิ้มน้อยเลยนะสัส “พี่จะนอนแล้ว ลุกไปเดี๋ยวนี้เลย”

 

            ผมพยายามดันไหล่ไอ้หัวเกรียนให้ลุกออกไปจากตัวผม แต่มันแม่งดื้อครับผลักเท่าไหร่แม่งก็ไม่ยอมไป ถ้าไม่ติดว่าผมไม่สบายอยู่มันคงได้กินตีนผมแทนข้าว

 

            “ง่วงก็นอนไปดิ”

 

            “แล้วจะให้พี่วินนอนยังไงล่ะ บัสเตอร์คร่อมพี่ไว้ยังงี้...เร็วดิ ง่วงแล้วนะ” แค่ลองทำเสียงงอแงเหมือนที่ไอ้เบสชอบทำ ไอ้บัสก็ยิ้มกว้างออกมาเลย หน้ามันเขินมากกว่าตอนที่ได้ยินผมพูดเพราะๆอีก “นะ นะ ง่วงแล้วอ่ะ”

 

            เออแม่งตลกว่ะ นับเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ลองพูดอะไรไร้สาระแบบนี้ แต่เชื่อไหมแม่งโคตรได้ผลเหอะ เพราะบัสมันขยับก้มลงมาจูบที่ปากผมรอบนึงก่อนจะอัญเชิญตัวเองลงไปนอนข้างๆผมแทน

 

            “นอน ไม่ต้องมายิ้มครับ” ผมขยับตัวหันหลังให้ไอ้บัสก่อนหลับตาลงช้าๆ หลายวันที่ผ่านมาร่างกายผมแทบจะไม่ได้พักผ่อน

 

            “คิดถึงวินนะ”

 

            “อือ”

 

            “1 อาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ได้เจอกัน วินคิดถึงผมไหมอ่ะ”

 

            “ไม่อ่ะ” ไม่เคยไม่คิดถึง อยากโทรหานะแต่ไม่กล้า ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรโทรไปหามัน เพราะก่อนที่มันจะหายไปผมเป็นคนตอกย้ำในความสัมพันธ์ของเราสองคนด้วยปากของตัวเองแท้ๆ แล้วใครจะไปกล้าโทรวะ ยิ่งโทรไปรอบแรกแล้วมันไม่รับแถมไม่โทรกลับแบบนั้น ผมก็เดาได้แล้วว่ามันอาจจะไม่กลับมา แต่เชื่อไหมตอนที่ผมเห็นบัสเตอร์เปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง รู้เลยว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอก ทั้งดีใจทั้งหงุดหงิดโมโห ความรู้สึกปนเปกันไปหมด แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เฉยๆไม่แสดงท่าทีอะไรออกไปให้มันเห็น

 

            ผมจำไม่ได้หรอกว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนมันดำเนินมานานแค่ไหน แต่มันก็มากพอที่ทำให้ผมรู้สึกโหวงได้เหมือนกันตอนที่บัสเตอร์ไม่ติดต่อมา แต่ความรู้สึกนั้นมันหายไปทันทีที่ได้คุยหลิว

 

            บัสเตอร์กับหลิวต่างกัน

 

            ผมยอมรับว่าผมยังรักหลิวอยู่มาก แต่ถึงรักมากแค่ไหนมันก็ได้แค่นั้น เพราะเธอไม่เคยรักผม ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะแบ่งหัวใจมาให้ และหลิวก็ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายผมโดยการหลอกให้ผมอยู่ข้างๆ มีแต่ผมเองทั้งนั้นที่เต็มใจจะอยู่ตรงนั้น

 

            “ใจร้ายอ่ะ พูดถนอมน้ำใจหน่อยก็ได้” มันพูดเสียงงอแงแต่สีหน้ามันก็ไม่ได้เจ็บปวดเหมือนทุกครั้ง แค่เอื้อมมือมากอดที่เอวผมก่อนจะลากทั้งตัวเข้าไปกอด

 

            ปกติผมจะเป็นคนอื่นเสียมากกว่า แต่พอโดนกอดแบบนี้แรกๆมันก็เขินอยู่หรอกครับ แต่ช่วงหลังมานี้ก็ชิน แถมตัวเองยังรู้สึกดีไปกับอ้อมกอดของมันอีกตั้งหาก

 

            “ไม่เห็นต้องถนอมเลย”

 

            “เอออ ขาดบัสไปแล้ววินจะรู้สึก” แค่ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมากูก็รู้สึกมากพอแล้วบัส มันสอนให้ผมเรียนรู้เลยว่า ผมก็ขาดมันไม่ได้ แต่ขาดไม่ได้มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมรัก...

 

            ผมรู้ว่ารักคืออะไร และบัสเตอร์ยังไม่ใช่คนนั้น

 

            จะเป็นไปได้หรือเปล่าที่ผมขอเป็นคนเห็นแก่ตัว ยื้อบัสเตอร์ไว้ตรงนี้ โดยที่ตัวผมเองขอให้ได้มองหลิว ไปกินข้าวกับหลิวบ้าง

 

            ผมเห็นแก่ตัวมากเลยใช่ไหม

 

            แล้วจะให้ผมทำยังไง

 

            ก็ผม...ไม่มีทางเลือกอะไรเลยสักอย่าง

 

            ผมอาจจะเคยบอกให้บัสปล่อยมือผมไปซะ อยากไปก็ไปเลย แต่หลังจากที่ไม่เจอหน้า ไม่คุยกันเลยตลอด 1 อาทิตย์ ผมรู้แล้วว่าเป็นผมเองตั้งหากที่ไม่อยากปล่อยมือ

 

           

            “รู้สึกอะไรวะบัส บอกเลยว่าชิวๆ” ปากไม่ตรงกับใจ มันคือนิยามของตัวผมที่มีต่อบัส แต่ถึงยังไงผมก็ยังเชื่อว่าบัสจะไม่ไปไหน

 

            “ก็ดีแล้วที่ไม่รู้สึกอะไร” บัสเตอร์พูดเสียงพึมพำก่อนจะเอาคางแหลมไชกระหม่อมผม “เพราะถ้ารู้สึกอะไรขึ้นมาจริงๆ ผมคง...”

 

            มันพูดงึมงำอะไรสักอย่างที่ผมฟังไม่เข้าใจ แต่ก็ช่างมันเถอะ แค่ตอนนี้มี เรา ก็พอแล้ว

 

 

 

           

            แสงสีส้มที่ทอดผ่านผ้าม่านสีขาวแยงเข้ามาที่ตาผม ทำให้อดไม่ได้ที่จะขยับซุกตัวใครสักคนเพื่อหนีแสงนั้น แต่พอจะนอนต่อก็ดูเหมือนว่าจะนอนไม่หลับซะแล้ว ผมเลยเลือกที่จะลืมตามองหน้าไอ้คนที่หลับเป็นตายอยู่ตรงหน้า

 

            ไม่รู้ไปทำอะไรมาดูท่าทางเหนื่อยแบบสุดๆ ดูหน้ามันดิขนาดหลับยังไม่วายขมวดคิ้วเหมือนคนกำลังคิดเยอะ

 

            “หล่อเหรอมึง” ผมพูดเบาๆเพราะกลัวแม่งตื่นขึ้นมาแล้วพูดว่า หล่อกว่าวินก็แล้วกัน ซึ่งตรงจุดนี้ผมยอมรับว่าใช่แต่ผมไม่ยอมรับจากปากมัน

 

            บัสเตอร์ เป็นผู้ชายคิ้วเข้มที่เวลาทำหน้ากรุ่มกริ่มหรือยักคิ้วข้างเดียวยิ่งเป็นเสน่ห์ที่เพิ่มให้สาวๆหลงมันเข้าไปใหญ่ ทรงผมสกีนเฮด ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเริ่มยาวนิดนึง (หรือเปล่าวะ) ผมเอื้อมมือไปลูบหัวเกรียนๆของมันอย่างมันส์มือ ชอบอ่ะ ผมชอบลูบหัวบัส ผมที่เป็นตอๆเวลาลูบแล้วโคตรสนุก ยิ่งตอนที่ผมลูบมันตอนที่มีอะไรกัน มันยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ผมรู้สึกมากขึ้น แล้วผมจะมาคิดถึงตอนที่มีอะไรกับมันทำไมวะ

 

            ผิวบัสเตอร์ออกสีเข้มแต่ไม่คล้ำ มันเข้มจากการออกแดด กล้ามเนื้อที่ได้จากการออกกำลังกายทำให้มันดูตัวใหญ่กว่าผม แล้วไงวะกูก็ออกกำลังกาย กล้ามก็มีถึงไม่มากเหมือนมันแต่ก็พอมีล่ะกันอย่างน้อยก็ไม่ขี้ก้างเหมือนไอ้เบส

 

            ผมเลิกเสื้อบัสเตอร์ขึ้นเพราะอยากรู้ว่าเวลานอนไอ้กล้ามเนื้อหกห่อที่ผมเห็นบ่อยๆมันเป็นของจริงหรือว่ามันแขม่วเอา แต่พอเห็นเท่านั้นแหละรู้เลยว่าแม่งของจริง ถึงกล้ามเนื้อลอนๆของมันจะไม่ได้ชัดเจนเหมือนพวกนักกีฬายกน้ำหนักแต่ก็พอมีให้เห็นเหมือนกัน และสิ่งที่สะดุดตาที่สุดคงไม่หนีพ้นหุ่นวีเชฟผสมกับไรขนอ่อนไล้เรื่อยหายไปจนลับเข้าไปในกางเกง เหมือนแม่งเป็นความลึกลับที่ทรงเสน่ห์อย่างหนึ่งว่าไอ้ขนพวกนั้นมันหายเข้าไปไหน “แล้วนี่กูมาวิจารณ์หุ่นมันทำไม”

 

            ปากก็พูดไปอย่างนั้นแหละครับแต่มือก็ยังลูบอยู่ มันไม่ได้นุ่มลื่นเหมือนผู้หญิง แต่มันทำให้รู้สึกดีแบบแปลกๆยิ่งตอนที่ลูบผ่านลอนกล้ามเนื้อผมก็ยิ่งรู้สึกหน่วงๆที่กลางลำตัว เหมือนชีวิตผมกำลังจะเข้าสู่การเป็นเกย์อย่างสมบูรณ์แบบเลยว่ะ

 

          จู่ๆความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว ผมเงยหน้ามองไอ้บัสแว่บหนึ่งก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อมันเบาๆ

 

            “บัสเตอร์ น้องบัสเตอร์ครับ ตื่นยังอ่ะ บัสเตอร์” ผมทั้งเรียกชื่อแล้วก็เขย่าตัวมัน แต่ก็ไม่ได้เขย่าอะไรแรงแค่พอให้รู้ว่ามันจะไม่ตื่น

 

            ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้แผงอกไอ้บัสมากขึ้น เลิกเสื้อกล้ามที่มันสวมให้สูงขึ้นกว่าหน้าอกก่อนจะเงยมองมันอีกรอบ อยากรู้จริงๆว่ามันจะรู้สึกเหมือนผมไหม จะอะไรซะอีกล่ะก็ตอนที่บัสเตอร์เลีย...เอ่อ...เลียหัวนมผมอ่ะ

 

            ผมโคตรรู้สึกดี มันเป็นความเสียวแบบที่ผมไม่เคยสัมผัส เคยเสร็จเพราะแค่มันเลียตรงนั้นอย่างเดียวด้วย ผมเลยเข้าใจความรู้สึกผู้หญิงเวลาโดนทำแบบนั้น แต่มันก็เป็นความอัปยศอย่างหนึ่งที่คิดว่ามันจะต้องไม่ใช่ผมคนเดียวดิที่รู้สึกแบบนั้น

 

            “คิดจะทำอะไรย่ะ” อยู่ๆเสียงอันไม่พึงประสงค์ก็ดังขึ้นในโสตประสาท ไอ้บัสก้มหน้ามองผมที่ขยับริมฝีปากเกือบจะครอบสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอยู่แล้ว

 

            “ยุ่ง อยู่เฉยๆ” ผมว่ามันแค่นั้นก็จัดการลงลิ้นเลียรอบฐาน ดูดดึงอย่างที่มันชอบทำให้ผม ขบเม้มให้จนคิดว่าหน้าบัสเตอร์ต้องเคลิ้มแน่ๆ แต่ก็...เปล่า

 

            “ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอวะ”

 

            “ไม่อ่ะ จั๊กจี้ดี”

 

            “กูไม่เชื่อ” คราวนี้ผมขยับขึ้นคร่อมมันเลยครับ ด้วยอารมณ์ไม่ยอมแพ้ของประกอบกับสีหน้าบัสเตอร์ที่แสดงออกมาเหมือนเย้ยนิดๆก็ทำยิ่งให้กวนอารมณ์ให้ผมอยากเอาชนะมากขึ้น

 

            “ก็ลองดูดิ” ผมขยับนั่งคร่อมบนขาทั้งสองข้างของบัสเตอร์ก่อนจะก้มลงไปขบเม้มที่หน้าอกมันอีกรอบ ทำไปด้วยมองหน้าไปด้วย แต่ก็เท่านั้นสีหน้ามันอย่างกับคนไม่รู้สึกอะไร  จนน้ำลายผมติดเยิ้มออกมาเป็นสายไอ้เชี่ยบัสก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกเสียวเหมือนที่ผมรู้สึก

 

            “บัสเตอร์ มึงมันตายด้าน”

 

            “ไม่หรอกมันก็รู้สึกดี วินทำอะไรให้มันก็ดีหมดแหละแต่แค่ไม่ได้รู้สึกเสียวแบบที่วินรู้สึก”

 

            “กูไม่ได้เสียวสักหน่อย”

 

            “เหรอออออออออออออ” เสียงเหรอของเชี่ยบัสตอแหลระดับร้อยมากครับ เอาวะถ้าไม่ได้ด้วยข้างบนก็ก็จะทำให้มึงร้องด้วยข้างล่างนี่แหละ

 

            ผมขยับจูบจากหน้าอกลดต่ำลงมาที่หน้าท้อง บัสแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมานิดนึงแต่ก็ไม่ได้มากอะไร เขายังมองผมด้วยสายตาแน่วแน่ว่าผมจะกล้าทำอะไรให้เขาหรือเปล่า ความคาดหวังที่แสดงออกมาจากสายตาไม่ต้องพูดออกมาผมก็รู้สึก ยิ่งตอนที่ผมขยับลงไปขอบกางเกงไอ้บัสแสดงอาการตื่นเต้นจนเห็นได้ชัด ผมเข้าใจแล้วครับเวลาที่มันแกล้งผมให้แสดงสีหน้าอะไรพวกนี้มันเป็นความรู้สึกที่สนุกแบบไหน เพราะตอนนี้ผมก็รู้สึกสนุกเวลาที่บัสมันทำสีหน้าเดาไม่ถูก

 

            “วิน” เสียงครางแผ่วเบาดังขึ้นราวกับละเมอ บัสเตอร์เอื้อมมือมาจับที่มือผมแล้วบีบแน่นเหมือนพยายามจะถ่ายทอดความรู้สึกบางอย่างมาให้ผม

 

             ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้มันเลยนะครับแค่จูบซับผ่านกางเกงที่ไม่ชั้นในเท่านั้น “พอเถอะนะ”

 

            ยังไม่อยากพอว่ะกูอยากเห็นสีหน้ามึงมากกว่านี้ พอคิดได้แบบนั้นผมก็ใช้ปากงับกางเกงแล้วทำท่าจะดึงลงให้เห็นอะไรบางอย่างที่พองเต็มที่

 

            “ผมบอกให้พอไงวิน” ผมถูกไอ้บัสลากขึ้นมานอนแล้วพลิกตัวให้มันเป็นฝ่ายนอนคร่อมผมเหมือนเดิม

 

            “อะไร”

 

            “อย่าทำแบบนี้”

 

            “ทีมึงยังทำได้ แล้วทำไม...”

 

            “อย่าทำ...ถ้าวินไม่ได้รู้สึกอะไร” ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเผลอกัดริมฝีปากไปตั้งแต่เมื่อไหร่ สายตาที่บัสเตอร์มองมามันไม่ใช่ความสุขสักนิด ทำไมวะกูทำให้มึงมันก็ต้องสุขเหมือนที่กูรู้สึกดิ “อย่าทำแบบนี้ วิน อย่าทำให้ผมไม่อยากปล่อย”

 

 

 

            ผมไม่เข้าใจความหมายบัสแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรต่อเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นใกล้ๆ

 

 

            หน้าจอโชว์ชื่อหราว่าใครโทรมา ทั้งผมและบัสหันมาสบตากันอีกรอบท่ามกลางเสียงโทรศัพท์ที่ยังดังไม่หยุด

 

            “บัสกูจะไปรับโทรศัพท์”

 

 

            “.........”

 

 

            “เอ้า!! ไอ้นี้ปล่อยก่อน เจ็บมือ” ผมพยายามสะบัดมือบัสออกจากการเกาะกุมแต่ก็เท่านั้นแหละครับมันทั้งจับทั้งกด จนมือผมแทบจะถูกตึงให้จมหายไปกับที่นอน

 

 

           

            “วิน”

 

 

 

            “อะไร”

 

 

            “ไม่รับได้หรือเปล่า” อย่ามาใช้สายตาแบบนี้สื่อความหมายอะไรที่ทำให้กูรู้สึกไม่ดีนะบัส เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอวะ

 

            “มึงก็รู้...” ผมเบนหน้าหนีสายตามันก่อนจะพูดเมื่อกี้ออกมาเบาๆ

 

            “โอเค เข้าใจแล้ว ผมรู้อยู่แล้วแหละว่ามันเป็นไปไม่ได้....ยังไง...คุยเสร็จแล้วตะโกนเรียกด้วยนะ ผมอาบน้ำก่อน” บัสเตอร์พูดเสร็จก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปเลย ประตูที่ถูกปิดลงพร้อมกับหัวใจผมที่รู้สึกแปลกๆ

 

 

            ผมสะบัดหัวไปมาสองสามทีให้ความรู้สึกผิดที่เริ่มตกตะกอนในใจมันหล่นหายไปให้เร็วที่สุด ก่อนจะสูดหายใจเข้าหนักๆแล้วกดรับโทรศัพท์ที่ยังดังไม่หยุด ผมคุยกับหลิวไม่ถึง 10 นาทีก็วาง มันเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่รู้สึกไม่อยากคุย รู้สึกว่าในใจมันรนๆเพราะสายตาใครบางคนที่ยังจ้องมองมาที่ผม

 

            หลังจากที่วางโทรศัพท์ผมก็ไปเคาะประตูบอกบัสว่าคุยเสร็จแล้ว มันตะโกนกลับมาแต่ก็ยังอยู่ในห้องน้ำต่ออีกเกือบครึ่งชั่วโมง

 

            พอมันออกจากห้องน้ำผมก็พยายามเรียกมันให้มานั่งบนเตียงด้วย ไม่ได้เรียกด้วยเสียงหรอกครับแต่เรียกด้วยสายตา แต่ก็นั่นแหละบัสเตอร์ทำตัวราวกับไม่รู้ว่าผมกำลังบอกมันให้เดินมาหา จนสุดท้ายก็...

 

            “บัสเตอร์” เรียกเสียงเบาๆนะครับไม่กล้าเรียกเสียงดัง กลัวมันหาว่าผมง้อ

 

            “พี่วินไปอาบน้ำไป พี่นอนตั้งแต่เช้าจนลากมาเกือบเย็นแบบนี้ยังไม่อาบน้ำเลย เหม็น” มันเรียกผมว่า พี่ ไม่บ่อยนักที่มันจะเรียกผมแบบนี้ แต่ก่อนผมเคยเข้าใจว่าที่มันเรียกชื่อเล่นผมเฉยๆ เพราะอารมณ์โกรธ เสียใจ ดีใจหรืออารมณือะไรก็ว่ากันไปตามนั้น แต่ตอนนี้เหตุผลพวกนั้นเริ่มตกไปเยอะเพราะผมรู้สึกว่าการที่บัสเรียกชื่อผมเฉยๆ มันต้องการแสดงให้เห็นว่าผมเป็น คนรัก

 

          พอถูกเรียกว่าพี่แบบนี้เลยรู้สึกไม่ชอบ ไม่ดิแค่เคืองนิดๆล่ะมั้ง

 

            “อ่ะนี้ผ้าเช็ดตัว” ผมรับผ้าเช็ดตัวจากมือมันอย่างว่าง่าย ในหัวตอนนี้แม่งตีกันไปหมด ไม่รู้จะพูดอะไร ถ้าพูดว่าขอโทษก็ไม่รู้อีกว่าขอโทษทำไมในเมื่อหลิวโทรมาก็สิทธิ์ของเขา เขามีสิทธิ์ในฐานะคนที่ผมรัก แต่บัสเตอร์ไม่ใช่ จริงๆมันไม่มีสิทธิ์ที่จะหึงด้วยซ้ำ ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำให้ผมวุ่นวายใจแบบนี้ด้วย

 

            “มึงไม่มีสิทธิ์โกรธกูนะบัส” เพราะในหัวมันคิดเยอะจนล้นออกมาเป็นคำพูด ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะไม่พูดแบบนั้นออกไปเลยเพราะสายตาที่บัสแสดงออกมาให้ผมเห็นมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

 

 


            “บัส....”

 


 

            “ผมรู้วิน...ผมรู้ว่าผมอยู่ตรงไหน”

 

 

 

         

 

 

>>>>>>>>>>>>>>>>TBC

สั้นไปหน่อย อัพช้าไปนิด คำผิดอาจจะมีให้เห็นบ้างปะปาย ขออภัยด้วยนะคะ ช่วงนี้ยุ่งมากกกกก T^T ขอบคุณทุกคนนะคะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 3 [P.1*29/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 29-03-2014 23:56:30
ตอนนี้ให้อารมณ์หลากหลายมากอ่ะ

ทั้งมุ้งมิ้งมีความสุขแอบหน่วงแอบหื่นนิดๆ
วินเหมือนไม่เข้าใจว่าตัวเองคิดอะไร พยายามเบรกใจตัวเองไว้ด้วยคำว่ารักหลิว
เราอยากรู้จริงๆว่าทำไมริวถึงหลักหลิวได้ขนาดนั้น  :z3:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 3 [P.1*29/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-03-2014 20:08:58
ชอบๆ มาอีกนะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 4 [P.1*9/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 09-04-2014 12:41:06
Chapter 4
 
                “ผมรู้วิน...ผมรู้ว่าผมอยู่ตรงไหน”
 
                “ผมรู้...”

 
 
                เสียงพูดตัดพ้อของบัสเตอร์ยังดังก้องอยู่ในหัวราวกับคอยตอกย้ำให้ความรู้สึกผิดในใจมันเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาคำพูดแค่ประโยคเดียวทำให้ผมไม่มีสมาธิที่จะจดจ่อทำอะไรสักอย่าง ขนาดช่วงเวลานี้ที่ต้องใช้สมาธิอย่างมากในการสอบ เสียงบัสเตอร์ก็ยังลอยเข้าหูผมราวกับมันนั่งอยู่ข้างๆแล้วพูดกระซิบคำนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
 
                “เหลือเวลาอีก 30 นาทีนะครับนักศึกษา” อาจารย์คุมสอบคอยกระตุ้นเตือนบอกช่วงเวลาที่ใกล้จะหมดลงไปทุกที จริงๆผมทำข้อสอบเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ทบทวนนิดๆหน่อยๆ แต่คงไม่ต้องทวนอะไรแล้วล่ะครับ เพราะร่างกายบอกว่าอยากพักเต็มทน เหนื่อยทั้งจากการอ่านหนังสือสอบ และก็เหนื่อยสุดๆกับคำพูดไอ้บัส ถึงหลังจากนั้นจะไม่มีคำพูดแนวนั้นมาทำให้ผมรู้สึกแย่อีก  แต่คำพูดมันก็ค้างคากลายเป็นตะกอนที่ติดหนึบอยู่ในใจผมไม่ร่วงหล่นหายไปไหน
 

                ผมเดินมาที่ลานจอดรถใกล้ๆกับโรงอาหารคณะวิทยา BMW ป้ายแดงที่เพิ่งถอยมาสดๆ ร้อนๆจอดรอรับผู้โดยสารอย่างผมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

 
                บ้านนี้เลี้ยงลูกโคตรสปอย ไม่แปลกใจเลยที่ไอ้เบสมันจะเอาแต่ใจแบบนี้ ส่วนไอ้บัสก็อย่างที่เห็น BMW 135i Coupe สีดำในแบบที่ผมชอบ


   ใช่ครับแบบที่ผมชอบ  ไม่รู้ว่าแม่งรู้ได้ไงแต่ที่รู้ๆคือมันคิดจะยั่วผมชัดๆ



                 “เป็นไงมั่ง” พอผมเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ไอ้บัสมันก็ถามผมพลางยื่นมือมารับกระเป๋าไปวางไว้เบาะหลัง
 
                “เหนื่อยมาก อยากนอน” ปกติผมจะเป็นคนที่ดูแลคนอื่นแต่พอโดนดูแลแบบนี้มันกลับทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่ว่าแย่อะไรนะครับมันดีมากเลยตั้งหาก
 
                “โค้กไหม”
 
                “ก็ดี” ผมรับโค้กจากมือไอ้บัส ยกทีเดียวปาเข้าไปเกินครึ่งกระป๋อง หลังจากที่ได้เพิ่มน้ำตาลในเลือดมานิดหน่อย ผมก็จัดการเอนเบาะทันที ไม่ไหวครับตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาผมเหนื่อยแบบสุดๆ ไหนจะอ่านหนังสือไหนจะเตรียมตัวสอบ ยังดีที่มีบัสเตอร์คอยทำนู่นทำนี่ให้ ทั้งมารับมาส่งแล้วก็สิงอยู่ที่บ้านผมไม่กลับบ้านกลับช่องตัวเอง อยากเอ่ยปากขอบคุณเหมือนกัน..แต่ก็นะ...คนปากหนักอย่างผมทำได้แค่นิ่งแล้วก็เงียบอย่างนี้แหละ
 
                “ไปเขาใหญ่กัน” บัสเตอร์พูดพร้อมกับเอื้อมมือมาดึงสายเบลท์แล้วคาดให้ผมอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้มาก่อน ก็ผมเป็นผู้ชาย ปกติออกจะเป็นผู้นำกลุ่มด้วย ไม่เคยมีใครมาดูแลผมอย่างที่บัสเตอร์ทำให้หรอก มันเลยเขินขึ้นมานิดๆ
 
                ไปจริงดิ พี่ยังไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าเลยนะ” ผมแกล้งทำเป็นก้มหน้าขยับสายคาดเบลท์ให้เข้าที่ กลัวว่าไอ้บัสมันจะเห็นว่าหน้าผมร้อนจนแทบจะไหม้
 
                “เสื้อผ้าวินน่ะผมเตรียมให้แล้ว ถ้าเหนื่อยก็นอนในรถนี่แหละ พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้เราเคยเริ่มทำกิจกรรมกัน”

   “กิจกรรมเชี่ยอะไร ลุกออกไปได้แล้ว”ดูมันดิขนาดด่าตรงๆอย่างนี้ยังหน้ามึนไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปนั่งที่ตัวเอง บัสเตอร์ใช้มือข้างหนึ่งเกลี่ยริมฝีปากผมเป็นเชิงหยอกล้อจนผมอดไม่ได้ที่จะใช้ปากไล่งับนิ้วมันที่พยายามแหย่เข้ามาในปากผม
               
                “อู อาม อ่า อิด อะ อำ อะ ไอ (กูถามว่ากิจกรรมอะไร)” ผมกัดนิ้วไว้อย่างนั้นแล้วถามมันไปด้วย ไอ้นี่ก็จังไรครับไม่กลัวผมกัดนิ้วขาดยังสอดเข้ามาจนนิ้วมันโดนลิ้นผมนั่นแหละผมถึงเป็นคนดึงมือมันออก “สัสเค็ม”
 
                “หึหึ ก็อยากกัดเอง ส่วนเรื่องกิจกรรมอะไรอันนี้ก็แล้วแต่วินนะ ผมได้ทั้งบนเตียงและริมระเบียงอ่ะแหละ”
 
                “กวนตีน” ด่าพร้อมกับโบกไปที่สกรีนเฮทแรงๆทีนึง ก่อนจะหลับตาลงเพื่อเป็นการบอกให้มันรู้ว่าผมต้องการจะพักผ่อน เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นใกล้ๆ ไม่นานก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสเย็นๆที่ถูกแนบลงที่ต้นคอ แรงดูดเม้มไม่ได้ทำให้เจ็บแต่กลับทำให้รู้สึกไหววูบในช่องท้องมากกว่า มันไล่ขบเม้มจากต้นคอจนมาถึงปลายคาง แก้ม และหยุดที่ริมฝีปาก ลิ้นเย็นๆพยายามดุนดันเข้ามาในปากแต่ก็เป็นผมอีกนั่นแหละที่ขยับเบี่ยงหนีแล้วผลักหน้าไอ้หื่นให้ไปไกลๆ “จะเอากูบนรถเลยหรือไง”

                 “ได้เหรอ”

                 “ประชด!!!”
 
                “หึหึ นอนเถอะ ถึงแล้วเดี๋ยวผมปลุก” ผมรับคำไอ้บัสในลำคอก่อนจะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเสียงเพลงเบาๆ
 
                เพลงที่ถูกเปิดผ่านรถหรูราคาแพง มันเป็นเพลงภาษาอะไรผมก็เองฟังไม่ออก เคยถามมันเหมือนกันครับว่าฟังออกเหรอ คำตอบที่ได้ก็คือไม่ และมันก็ไม่คิดจะหาความหมายของเพลงด้วย บัสเตอร์ให้เหตุผลว่าเพลงเป็นภาษาสากล(อันนี้ก็อบเขามาผมรู้)ไม่จำเป็นต้องรู้ความหมายเราก็สามารถฟังเข้าใจ แต่เหตุผลหลักๆผมคิดว่าบัสมันคงเป็นประเภทอารมณ์ศิลปินจ๋า ชอบเอาตัวเองเข้าไปผูกกับเพลงยิ่งถ้ามีเหตุการณ์ที่ตรงกับตัวเองด้วยแล้วคงหนีไม่พ้นรู้สึกไปกับเพลงนั้นด้วย
 
         



     
                ผมตื่นขึ้นมาอีกตอนที่แสงสีส้มลอดผ่านเข้ามาในสายตา ลมเย็นๆที่พัดเข้ามามันไม่ได้มาจากแอร์หรูยี่ห้อบีเอ็มแต่เป็นแอร์ธรรมชาติที่โกรกเข้ามาทำให้สบายตัวจนแทบไม่อยากตื่น  บัสลดกระจกทางฝั่งผมพร้อมกับเปิดประตูรถทางฝั่งตัวเอง คำนวณจากเวลาคาดว่าผมคงหลับไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมงแล้ว

                “ไง” ตื่นมาก็เจอสายตาคมๆที่จ้องมองมาที่ผมทันที
 
                “ไงอะไรล่ะ ถึงแล้วทำไมมึงไม่ปลุกกูวะ” ผมเอ่ยถามไอ้คนที่เอนเบาะลดตัวลงต่ำเท่าๆกับเบาะผม ไม่รู้ว่ามันนอนมองหน้าผมนานแค่ไหน แต่แม่งเขินว่ะตื่นมาเลยโวยวายไว้ก่อน คือมันไม่ใช่วิสัยผมด้วยที่นอนหลับแล้วโดนคนอื่นมองตอนหลับแบบนี้
 
                “ก็เห็นวินหลับสบายอ่ะเลยไม่อยากปลุก ปวดหัวไหม ตื่นตอนเย็นแบบนี้”
 
                “นิดนึง” ผมบอกมันพร้อมกับแกล้งลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เพราะถ้าให้นอนจ้องหน้ามันอยู่อย่างนั้นมีหวังหัวใจผมได้หลุดกระเด็นออกมานอกอกแหงๆ
 
                ที่นี้บรรยากาศดีมากครับ รีสอร์ทที่ไอ้บัสเลือกค่อนข้างเงียบและเป็นส่วนตัว ไม่มีเสียงโหวกเหวกโวยวายเหมือนหลายๆรีสอร์ทที่ผมเคยไป ส่วนห้องพักก็ปีกวิเวกขึ้นมาบนเขาห่างไกลจากห้องพักอื่นๆ คาดว่าราคาก็คงปีกวิเวกแพงริบลิ่วเหมือนกัน
 
                ผมชอบนะครับ ธรรมชาติทำให้ใจเราสงบลงโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรมาก แค่มีภูเขา ต้นไม้ ท้องฟ้า หรือแม้แต่ลำธารเล็กๆที่เห็นไกลๆนู่น   ผมกับบัสเตอร์ก็คงไม่ได้ต่างจากคนเมืองทั่วๆไปที่วันๆมีแต่รถราวุ่นวาย สังคมเร่งรีบ มือถือและโซเชียลเนตเวิร์ค ผมไม่รู้หรอกว่าบัสจะพักที่นี้นานแค่ไหน แต่ผมอยากอยู่ที่นี้จนกว่าจะหายเหนื่อย
 
                “อาทิตย์นึง”
 
                “หืม” ผมหันไปมองไอ้คนข้างๆที่เดินมาหยุดยืนใกล้ๆกับผม
 
                “ผมจองที่นี้ไว้อาทิตย์นึง วินโอเคหรือเปล่า”
 
                “ได้ดิ สบายมาก” บรรยากาศดีๆแบบนี้ผมชอบสุดๆ ถ้าได้ชวนพวกไอ้เบสไอ้ไวท์มาด้วยมันคงจะชอบ
 
                “วิน...แบตโทรศัพท์วินใกล้หมดนะเหลือประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เอ่ออ แล้วผมไม่ได้เอาที่ชาร์ตมาด้วย แต่ถ้าจะเอาเดี๋ยวผมเดินไปยืมรีเซบชั่นให้”
 
                “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องชาร์ตก็ได้” เพราะแม่ผมก็คงยังไม่ได้กลับไทยช่วงนี้ ส่วนเรื่องเรียนตอนนี้ก็ปิดเทอมไปแล้ว เหลือก็แต่....
 
                “แต่เมื่อกี้พี่หลิวโทรมา...”
 
                “งั้นเหรอ” ผมขยับนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่ถูกจัดวางไว้ตรงระเบียงทางเข้าบ้านพัก ระเบียงที่สามารถมองทอดยาวไปยังเขาอีกลูกได้ บนเขาลูกนั้นบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ผมหลับตาฟังเสียงนก เสียงธรรมชาติแป๊บนึงก่อนจะเรียกให้บัสมายืนข้างๆ มันยืนพิงระเบียงอยู่ตรงหน้าผมมือหนามันยกขึ้นลูบแก้มผมอย่างที่มันชอบทำ
 
                “ไม่โทรหาเขาเหรอ” มันถามย้ำผมโดยที่มันเองก็คงไม่รู้ตัวเลยว่าเสียงมันสั่นแค่ไหน
 
                “โทรดิ ขอโทรศัพท์หน่อย” ผมแบมือขอโทรศัพท์จากบัสก่อนจะดึงตัวมันให้มายืนอยู่ตรงหน้า ขยับเก้าอีกให้ไปใกล้มันมากขึ้นแล้วกอดเอวมันไว้ทั้งๆที่มืออีกข้างก็กดโทรศัพท์หาใครอีกคน อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าผมไม่เคยเลิกรักหลิว ยังรักและก็ยังอยากดูแลเสมอ แต่คำว่ารักที่ให้ไปมันเริ่มมีใครอีกคนเข้ามาจนกระทั่งตอนนี้ผมก็ยังบอกไม่ได้ว่าใครสำคัญกว่ากัน แต่สุดท้ายถ้าให้เลือกผมก็คง.....เลือกหลิวล่ะมั้ง แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงตอนนั้นไง ผมเลยอยากจะเก็บความรู้สึกของทั้งสองคนเอาไว้ รู้ครับว่ามันเห็นแก่ตัว แต่จะให้ทำไงล่ะ ในเมื่อผมเลือกไม่ได้
 
                “ว่าไงหลิว” ผมกรอกเสียงไปในโทรศัพท์พร้อมกับรับสัมผัสอบอุ่นจากบัสที่ลูบหัวผมไม่เลิก มันปล่อยให้ผมกอดเอวซุกหน้าลงกับท้องมัน กลิ่นน้ำหอมสไตล์บัสลอยเตะจมูกจนอดไม่ได้ที่จะสูดดมอย่างเผลอไผล
 
                (วินอยู่ไหน หลิวเหงาอ่ะ มากินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม)
 
                “โทษทีนะหลิว พอดีวินมาธุระกับแม่ กลับไปอีกทีก็คงอาทิตย์หน้า ช่วงนี้คงไม่ได้ติดต่อหลิวนะ วินไม่ได้เอาที่ชาร์ตมาคงปิดเครื่องเลย”
 
                (อ่าวไปเที่ยวกับแม่หรอกเหรอ งั้น...ไม่เป็นไรไว้วินกลับมาแล้วอย่าลืมโทรหาหลิวนะ) ผมชอบเวลาที่บัสมันสอดนิ้วตัวเองเข้ามาในศีรษะผม มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและก็สบายหัว ยิ่งเวลาที่มันนวดเบาๆตรงขมับกับกลางกระม่อมยิ่งทำให้ผมเคลิ้มจนเกือบจะหลับหลายครั้ง
 
                “ได้ เอาไว้คุยกัน” ผมคุยกับหลิวอีกไม่เกินสองประโยคก็วางสาย มือบัสยังคงนวดศีรษะให้ผมไม่เลิก พอไม่มีมืออีกข้างที่ต้องคุยโทรศัพท์กับใคร ผมก็เลือกที่จะกอดเอวบัสไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง บางทีผมก็อยากจะจับมือใครสักคนไว้ด้วยมือทั้งสองข้างเหมือนกันนะ เพราะการที่เราจับไว้แค่ข้างเดียว เราไม่มีทางรู้ว่ามือข้างเดียวจะมีแรงพอจะยื้อคนๆนึงไว้ได้ไหม
 
                “สบายมากไหม”
 
                “สุดๆ” พอเงยหน้าจากท้องไอ้บัสก็เห็นเจ้าตัวก้มหน้ามองผมอยู่ มือที่ตอนแรกนวดศีรษะผมอยู่เมื่อกี้เปลี่ยนเป็นประคองหน้าผมแทน
 
                “ไม่รู้ว่าบัสเคยบอกวินหรือยัง”
 
                “บอกอะไร”
 
                “รัก” มันเล่นบอกแบบไม่ตั้งตัวอย่างนี้ทำเอาผมเขินจนแทบจะมุดหน้าลงไปกับท้องมันต่อ แต่ก็นั่นแหละคนแบบมันพอได้บังคับให้ฟังแล้วก็ไม่ยอมปล่อยมือที่จับหน้าผมไว้ให้เบนหนีไปได้หรอก
 
                “รักมาก” รู้เลยว่าหน้าตัวเองแทบจะไหม้ไปกับคำพูดไอ้บัส ความร้อนมันพุ่งปรี๊ดจนหูร้อนไปหมด “จริงๆแล้วผมเป็นคนขี้หวงนะ ถ้ารู้ว่าคนที่ตัวเองรักเขามีคนที่รักอยู่แล้วผมก็จะไม่ยุ่ง แต่ก็ไม่รู้ทำไมพอเจอวินผมกลับทำแบบนั้นไม่ได้...แต่คงไม่นานหรอกวิน”
 
                “ไม่นานอะไร” ผมไม่เข้าใจความหมายที่ไอ้บัสพูด อะไรคือไม่นานวะ มันพูดเหมือนกับว่าไม่นานต่อจากนี้จะทำใจได้ แล้วเดินจากผมไปยังไงยังงั้น
 
                “ไม่นานผมคงทำใจเรื่องหลิวกับวินได้”
 
                “แล้วมึงจะไปไหน” ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอกอดเอวมันแน่นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมกลัวจังเลยครับ ตอนนี้ผมไม่อยากให้มันหนีจากผมไปไหนแล้ว
 
                “จะไปไหนได้ล่ะ ขนาดวินไล่ผมยังหน้าด้านอยู่ต่อเลย” มันพูดส่วนผมก็เงยหน้ามองตามัน
 
                มองให้ลึกเข้าไปในตาว่าสิ่งที่มันพูดจริงมากน้อยแค่ไหน แต่บัสเตอร์เป็นคนเดายาก ผมก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่ไปไหน ถึงไปเรียนที่ไกลๆอย่างเชียงใหม่ก็หวังใจไว้ว่ามันจะติดต่อมาหาผม
 
                “อื้อ” ผมรับคำมันแล้วมุดหน้าลงไปที่ท้องบัสอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตอนนี้ใจผมเป็นอะไร ผมกลัวไปหมด อยู่ๆก็รู้สึกกลัวว่าบัสจะเลิกรักผม กลัวว่าถ้ามันไปไกลขนาดนั้นมันจะลืมผมไหม “ถ้าสมมติมึงติดที่เชียงใหม่ มึงจะไปหรือเปล่า”
 
                “ก็คงไปแหละ”
 
                แล้วถ้าสมมติว่ากูบอกให้มึงไม่ต้องไป...มึงยังจะไปหรือเปล่าวะบัส
 
                คิดนะครับแต่ไม่ได้ถามมันออกไป ไม่กล้าพอที่จะถาม จริงๆไม่ใช่ไม่กล้าหรอก ทิฐิตั้งหากที่มีมากล้นจนท่วมปาก ทำไมผมถึงเป็นคนแบบนี้ก็ไม่รู้
 
                “อาบน้ำไหม เหม็นมากอ่ะ”
 
                “แล้วใครให้ดมล่ะ ตัวมึงหอมตายแหละ”
 
                “แล้วใครให้ดมล่ะ”
 
                “ยอกย้อนกูเหรอบัสเตอร์” กัดพุงแม่ง เรียกพุงนั่นแหละดีครับ หมั่นไส้มานานแล้ว เอาให้ไอ้หกห่อมันมีรอยเขี้ยวจนห้อเลือดแม่งเลย
 
                “อ๊ากกกก วินผมเจ็บ ยอมแล้ว”
 
                “เออ สมควรยอมตั้งนานแล้ว ไหนเสื้อผ้าพี่ล่ะ”
 
                “ไม่ชินเวลาวินเรียกตัวเองว่าพี่เลยว่ะ ไหนลองแทนตัวเองว่าวินสิ” ยังมีหน้ามาสั่งกูอีก มึงมันก็แค่เด็กเมื่อวานซืนที่เพิ่งจบม.หกได้ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ
 
                “ตลกป่ะบัส มึงเป็นน้องนะ ดีแค่ไหนแล้วกูไม่เรียกคุณกับผม”
 
                “แต่ผมอยากให้วินเรียกแบบนั้นนะ ในความคิดวินอาจจะคิดว่ามันหมายถึงคนไม่สนิทสนม แต่ในความคิดผม ถ้าวินพูดมันคงดีสุดๆ ยิ่งตอนที่มีอะไรกันแล้วพูดว่า คุณครับขอแรงกว่านี้อีกได้ไหม อะไรเทือกๆนี้จะดีมากกกกกกกกกกกก โอ้ย!!!!” ไอ้เกรียนชักจะเอาใหญ่แล้วว่ะเห็นผมเล่นด้วยหน่อยแม่งชอบเอาเรื่องจังไรมาพูดตลอด
 
                “พอเลย กูจะอาบน้ำ ผลักตกระเบียงแม่งเลยดีไหม” ผมผลักเอวมันเบาๆ คิดว่าบัสเตอร์มันจะกลัวแล้วรีบเกาะผมซะอีกแต่ที่ไหนได้มันกลับยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว แล้วยกขาสองขาที่ตอนแรกอยู่ติดพื้นให้ลอยขึ้น
 
                “ชีวิตผมอยู่ในมือวินอยู่แล้ว ถ้าวินเลือกที่จะปล่อย ผมก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากตายแล้วเกิดใหม่” บัสเตอร์เป็นคนที่มีความคิดแปลกมาก เขาไม่กลัวตายเลยสักนิด ถ้าเมื่อกี้ผมแกล้งปล่อยมือ มีหวังมันคงได้หงายท้องโหม่งโลกไปแล้ว
 
                “รักตัวเองบ้างเถอะบัส”
 
                “ไม่รู้ดิตอนนี้รู้สึกรักวินมากกว่าอ่ะ ทำยังไงก็รักมากกว่าตัวเองไม่ได้ ยกเว้นวินจะมีเรื่องทำให้ผมเกลียดแล้วตอนนั้นผมคงหันมารักตัวเองล่ะมั้ง” สิ่งที่เรียนรู้จากสายตาและคำพูดบัส คือความจริง
 
                ความจริงที่บอกว่าอย่าทำให้คนตรงหน้าเกลียด เพราะความเกลียดของบัสคงเหมือนกับสีดำที่ไม่สามารถเอาสีอะไรไปแต่งแต้มให้เป็นสีอื่นได้
 
                “มึงนี่เข้าใจยากว่ะ”
 
                “ใช้ใจฟังดิแล้วจะรู้ว่าจริงๆมันง่ายกว่าที่คิด” สรุปที่พูดมาทั้งหมดคือมึงต้องการจะเสี่ยวใส่กูว่างั้น “ลองฟังดูไหมล่ะหัวใจผมอ่ะ”

                   “ส้นตีน”

                   “อะไร?? ผมให้ฟังหัวใจจะไปฟังส้นเท้าทำไม” ไอ้บัสเตอร์เป็นบุคคลที่กวนตีนผมได้หน้าตายที่สุด นอกจากจะกวนตีนแล้วหน้ามันก็หื่นระดับสิบด้วย ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้ามาในบ้านแน่นอนว่าไม่ลืมที่จะลากไอ้เกรียนตามเข้ามาด้วย บ้านที่บัสเลือกมันไม่ได้ใหญ่อะไรมาก เดินเข้ามาก็เจอที่นอนวางอยู่กลางห้อง เดินเลยไปอีกนิดนึงเป็นห้องน้ำ ติดกับประตูห้องน้ำเป็นกระจกบานเลื่อนที่ด้านหลังมีสระว่ายน้ำขนาดเล็ก จนผมแอบคิดไม่ได้ว่าไอ้บัสมันจองที่นี้หนึ่งอาทิตย์หมดเงินไปกี่แสน บรรยากาศแม่งดีมากครับ เห็นสระว่ายน้ำแบบนี้ผมแทบอยากจะกระโจนลงน้ำให้มันรู้แล้วรู้รอด
 
                “ชอบป่ะ”

                   “เฉยๆ”

                   “เหอะ ชอบมากก็บอกมา แม่งอยู่บนภูเขาด้วยกันแบบนี้คิดถึงหนังเรื่องนึงเลยว่ะวิน”
 
                “เรื่องไร??” ผมเลิกคิ้วถามมันเสร็จก็เดินกลับเข้ามาในห้อง
 
                “block black mountain”
 
                “สัส!!!” ผมถอดเสื้อแล้วปาใส่หน้าไอ้บัสเต็มๆ ก่อนจะถอดกางเกงสแลกเหลือแต่บ็อกเซอร์อย่างไม่อายสายตาคนที่จ้องมองอยู่
 
                อายทำไมครับเห็นมากกว่านี้ก็เห็นมาแล้ว
 
                “พี่จะเล่นน้ำบัสจะเล่นด้วยกันป่ะ”
 
                “ไม่เอาอ่ะ อยากอาบน้ำนอน” ผมไหวไหล่ไม่แคร์ก่อนจะปล่อยให้ไอ้เกรียนเดินเข้าไปอาบน้ำส่วนตัวเองก็นั่งรื้อของในกระเป๋าต่อ
 


ปัง ปัง ปัง



                “บัสมึงเอากางเกงว่ายน้ำกูมาไหม”
 
                “อยู่ในกระเป๋านั่นแหละ หาดูดีๆยัง”

                  "ดีแล้ว"

                  "หาไปก่อน"มันตะโกนออกมาจากห้องน้ำ แต่ผมไม่หาแล้วครับ ไม่รู้แม่งเก็บไว้ในซอกหลืบไหน นั่งรอให้ไอ้บัสมันมาหาให้ดีกว่า

                  "ไม่เจอ" ยังมีหน้ามาเลิกคิ้วกวนตีนถามอีกก็ไม่เจอไง ถ้าเจอคงไม่มานั่งรอแบบนี้หรอก "นี่ไง ผมบอกให้หาดีๆ"

                  "ก็มันไม่เห็นนี่หว่า...อะ...อะไร???" บัสเตอร์เดินเอากางเกงว่ายน้ำมาให้ผมบนเตียง แทนที่จะเอาให้เลยกับยกสูงเหมือนแกล้งกันเสียดื้อๆ

                "รางวัล" ผมเหลือกตาใส่บัสเตอร์อย่างรำคาญแต่สุดท้ายก็โน้มคอไอ้ยักษ์ลงมาจุ๊บที่ปากเบาๆ "ลิ้นด้วย"
   
                  "เรื่องมากว่ะ"

                  "เร็วดิวิน"

                  "เออๆ" ผมจูบไอ้บัสอย่างที่มันต้องการ ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปนับครั้งไม่ถ้วน "พอได้แล้ว"

                  "เริ่มไม่อยากได้แค่นี้"

                 "K"

                  "นั่นแหละที่อยากได้" บัสยิ้มเจ้าเล่ห์แต่ก็ได้เท่านั้นเพราะโดนผมโบกไปทีก่อน
   
                  "มึงนอนได้แล้ว กูจะว่ายน้ำสักพักนะ"

                 "อืม ถ้าหิวข้าวบอกนะเดี๋ยวสั่งให้ ขอนอนก่อนไม่ไหวแล้ว" ทีเมื่อกี้ล่ะอยากทำอย่างอื่น กูล่ะเหนื่อยกับมึงจริงๆไอ้เกรียน ผมเอื้อมมือไปลูบหัวบัสเตอร์เบาๆได้ยินเสียงมันพูดงึมงำในลำคอบ่งบอกว่าคงเพลียแบบสุดๆ ก็เล่นขับรถมาเกือบจะสองชั่วโมงแบบไม่พักอย่างนี้คงจะเหนื่อยแหละ ผมไม่ได้ถามอะไรบัสอีก ปล่อยให้มันนอนไปอย่างนั้นส่วนตัวเองก็ไปเล่นน้ำเกือบๆครึ่งชั่วโมงค่อยขึ้นมาอาบน้ำ
 
                “นอนด้วย” ผมบอกไอ้คนที่นอนหลับคว่ำหน้าให้ขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม บัสเตอร์ขยับหันข้างยกแขนค้างไว้รอให้ผมจัดที่จัดทางจนเสร็จ พอเสร็จแล้วก็เป็นผมเองที่ดึงแขนมันมากอดเอวตัวเองแล้วมุดหน้าลงกับอกไอ้บัส
 
                “หิวไหม”
               
                “ไม่อ่ะ ตื่นมาค่อยไปหาอะไรกินล่ะกัน ตอนนี้กูง่วงว่ะ”
 
                “อื้อ” สัมผัสเบาๆที่ลูบตรงศีรษะมันทำให้ผมหลับง่ายขึ้น ชอบที่มีมันอยู่ตรงนี้

   
   
                 ชอบที่ได้นอนกอดกันแบบนี้


   
                 ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ช่วงเวลานี้อยู่กับเราไปนานๆ

 
               
 
               
 
 
 
 
>>>>>>>>>>>>>>TBC
รอจนกว่าจะพบเจอกันอีกทีวันไหนดี.........อัพช้าไปหน่อย ขอบคุณที่ยังอ่านนะคะ
 
 :mew3: :mew1: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 4 [P.1*9/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Onlymin ที่ 09-04-2014 16:06:01
ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ ต้องใช้หนึ่งอาทิตย์นี้ให้คุ้มค่านะ :hao6:


รออ่านเสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 4 [P.1*9/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 10-04-2014 01:47:59
 :z6: หลิว ผู้หญิงคนนี้เป็นชนวนดราม่าทุกอย่าง

สงสัยวินต้องให้บัสจากไปไกลๆก่อน ถึงจะรู้ตัวนะเนี่ย  :hao5:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 4 [P.1*9/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 10-04-2014 14:25:52
ชอบงานเขียนสไตล์นี้   มันอาจดูเรื่อยๆเนอะ แต่เราชอบนะ
แอบขัดใจวินเล็กๆ ถ้าบัสหายไปจริงๆจะเลิกคิดถึงหมิวได้มั้ย
เดาว่าวินกำลังหลอกตังเองละนะ แบบ อารมณ์ประมาณว่าคิดถึงหมิว
เพราะจะได้บอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่ากูแมนเต็มร้อย
โอ้ยวินเอ๋ย ความมาดแมนหายไปหมดละมั้งง ใจยังคิดถึงบัสอยู่รอมร่อ
ยอมรับตัวเองซะทีเถอะน้า สงสารน้องบัสตาดำๆ
นี่น้องบัสก็จะยอมปล่อยตัวปล่อยใจวินอยู่แล้ว ลด ละ เลิกทิฐิซะเถอะ

แต่ถึงเราจะบอกงั้นนะ ไหนๆเรื่องก็มาแนวนี้ ดราม่านิดๆก็ดีนะคะ 555
เอาให้วินรู้ซะมั่งว่าทิฐิมันไม่ดียังไง  เรารออ่านอยู่นะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 4 [P.1*9/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-04-2014 18:36:03
เข้าใจวินนะ ที่อยากเก็บเอาไว้ทั้งสองคน
ต้องรอให้ขาดใครไปสักคนก่อนเถอะ
ถึงจะรู้ว่าจริงๆต้องการใครกันแน่
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 5 [P.1*17/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 17-04-2014 11:10:44
Chapter 5

   โคตรหนาวเลย ความรู้สึกเวลาผิวโดนแอร์เย็นๆบวกกับอากาศหนาวที่เล็ดลอดเข้ามาจากด้านนอก มันทำให้ผมอดไม่ได้ที่รีบจะมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มอีกรอบ เมื่อกี้ผมไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จก็รีบกลับเข้ามานอนที่เตียงใหม่ พื้นกระเบื้องเย็นๆทำเอาผมขนลุกไปหมด ผมเป็นคนไม่ชอบอากาศเย็น แปลกใช่ไหมครับทั้งๆที่ไม่ได้เกิดเมืองหนาวแต่กระแดะไม่ชอบอากาศหนาวซะงั้น ที่ไม่ชอบอากาศหนาวเพราะเวลาหน้าหนาวมาทีน้ำมูกผมนี่ไหลเป็นสายอย่างกะแม่น้ำไนล์ เพราะงั้น เวลาจะไปเที่ยวไหนผมเลยเลือกที่จะไปทะเลมากกว่าที่จะมาอยู่ในหุบเขาแบบนี้


   “อ้อนเหรอ” อื้อหื้ออ กล้าพูดว่ะว่าผมอ้อน กูหนาวมั่งได้ไหม ผมไม่ได้ตอบอะไรมันหรอกครับแค่ขยับตัวแล้วซุกหน้าลงบนแขนมันก่อนที่จะ......


   “อ๊ากกกกกกกกกกกกกก วินผมเจ็บ” ฝังเขี้ยวลงบนแขนอย่างไม่เกรงใจเจ้าของ


   “ตื่นนานแล้วเหรอวะ” ผมเงยหน้าเลิกคิ้วถามทั้งๆที่คางยังวางอยู่ตรงหัวไหล่บัสเตอร์ มันเอี้ยวหน้ามาจุ๊บปากผมนิดนึงก่อนจะพยักหน้าน้อยๆโดยที่มือเจ้าตัวก็ไม่อยู่สุข ฟ้อนเฟ้นไปตามแอ่งชีพจร ลากไล้ยาวจากแผ่นหลังหลุบต่ำลงไปที่สะโพก สัสแต่เช้าเลยครับพี่น้อง


   “อะไรของมึงบัส”


   “อะไรของวินมันคืออะไรล่ะ” คือแม่งรู้ว่าที่ผมถามหมายถึงอะไรแต่ไอ้นี้ยังตีเนียนทำเป็นไม่รู้เรื่อง มันต้องการให้ผมพูดออกมาเองใช่ไหมครับว่าไอ้ที่มันแทงทะลุผ้าห่มขึ้นมาเนี่ยมันคืออะไร “อย่ามาทำหน้าเหมือนโทษผมอยู่ฝ่ายเดียวดิ ความผิดอยู่ที่วินนั่นแหละ”


   “กู?? กูผิดไร”


   “ก็ของวินมันเสียดขาผมก่อนไง ของผมมันถึงลุกขึ้นแบบนี้ แล้วอีกอย่างเราไม่ทำกันตั้งอาทิตย์นึงเลยนะ เช้าๆแบบนี้มันก็ไม่เสียหลาย ทำเลยไหม รู้หรอกว่าเตรียมพร้อมมาแล้ว” คือจังหวะที่กูไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้มันก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะต้องเตรียมพร้อมให้มึงเอากูป่ะวะบัส แต่สิ่งบัสเตอรพูดออกมันก็ถูก


   ผมเตรียมร่างกายตัวเองตลอดแหละ เพราะไม่รู้ไงว่าคนหื่นๆแบบมันจะทำตอนไหน


   “ไหนมึงบอกว่าจะพากูไปเที่ยว กูไม่อยากนอนติดเตียงทั้งวันหรอกนะบัส” จริงๆเวลามีอะไรกันมันก็ไม่ได้ถึงกับขนาดเป็นไข้นอนซมเหมือนอย่างที่ใครๆเขาว่ากันหรอกครับ แต่มันจะอารมณ์เหมือนไม่อยากทำอะไรเฉยๆ เหนื่อย แต่จริงๆจะลุกไปทำนู่นนี่นั่นก็ได้ แต่ถ้าได้นอนมันก็จะโอเคกว่า


   “วินสัญญาไว้แล้ว”แม่งพองี้ล่ะทวงกูเลยนะไอ้เกรียน ก็ตอนนั้นผมสอบจะให้มานอนให้มันเอาก็ไม่ใช่ป่ะครับ แถมไม่มีอารมณ์จะทำด้วย “พี่วินอ่ะ พี่วินสัญญากับน้องแล้วนะ”


   บทบัสเตอร์จะอ้อนแม่งก็ดูแรดจนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ เออทำก็ทำ


   ผมขยับสอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่มลูบซิกแพ็คของมันเบาๆก่อนจะหลุบต่ำสอดเข้าไปในกางเกงบ็อกเซอร์ตัวน้อย สิ่งที่แข็งขืนอยู่ในตอนแรกชูชันขึ้นตอบรับกับมือผมได้เป็นอย่างดี


   “แค่มือเหรอ”


   “ถ้ามากกว่านี้ก็ไม่ต้อง”


   “วินแม่งโคตรใจร้ายเลยว่ะ” ปากมันพูดว่าผมนะครับ แต่ตอนนี้ขยับตัวขึ้นเหนือร่างผมเรียบร้อย มือที่ตอนแรกไล่บีบเฟ้นแถวๆสะโพกเปลี่ยนเป้าหมายเป็นวินน้อยที่อยู่ด้านหน้าแทน จังหวะการขยับมือของเราทั้งคู่ไม่ได้เร่งรีบจะให้อีกคนไปถึงฝั่งฝันแต่มันเนิบนาบที่จะทำให้อีกคนรู้สึกเสียวซ่านจนส่งเสียงร้องครางออกมาไม่ได้


   “อื้อ...” เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน ทำให้ต่างคนต่างรู้จุดว่าตรงไหนทำให้รู้สึกมากๆ ผมปรือตารับสัมผัสที่บัสเตอร์ทำให้ ทั้งจูบ ขบเม้ม และลามเลียไล่มาจนถึงยอดอก แรงกระตุ้นที่ปลายหัวบวกกับลมหายใจอุ่นที่รินลดไปทั่วผิวกายทำให้ความรู้สึกผมมีมากขึ้นเรื่อยๆ “บัส...”


   “หืม” มันครางในลำคอตอนที่ผมเรียกชื่อมัน


   “เอ่อ...”


   “ครับว่า...”


   “นิ้วด้วย......ได้หรือเปล่า” ตอนที่พูดบอกมันไปไอ้บัสยิ้มเหมือนจะล้อผมนิดๆจนผมต้องเบนหน้าหนี ก็มันไม่พอนี่หว่า กูอยากได้มากกว่านี้ ผมยอมรับว่าผมติดสัมผัสจากมันแล้ว สัมผัส...ของคนที่อยู่ในฐานะเดียวกับผม สัมผัส...ที่เข้าใจแล้วว่ามันมีบางจุดที่ทำให้เรารู้สึกแตกต่างจากที่เคยทำให้คนอื่น


   “งั้นวินอยู่บน”


   “อื้อ” ผมขยับเปลี่ยนมาอยู่ด้านบนพร้อมกับกางเกงบ็อคเซอร์ที่ถูกไอ้บัสถอดออกไปจากตัว บัสเตอร์ขยับกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงรอให้ผมคร่อมมันอยู่ มือข้างหนึ่งประคองที่เอวผมอย่าทะนุถนอมแบบที่ไม่เคยมีใครทำให้ ส่วนอีกข้างควานหาของที่วางอยู่ในลิ้นชักแบบที่มองแล้วก็ดูรู้เลยว่าไอ้คนตรงหน้าเตรียมพร้อมมาแบบสุดๆ ไม่อยากด่าหรอกครับเพราะด่าไปแม่งก็เข้าตัวเอง


   “เริ่มเลยไหม”


   “ถามทำไมวะสักทีเถอะ” วินน้อยกูชี้หน้ามึงจนแทบจะด่าแบบนี้ ถ้าใครบอกว่าผมเห็นแก่ตัว ผมก็ยอมรับแบบไม่มีปิดบัง เพราะตอนนี้ผมไม่ได้เอื้อมมือไปช่วยไอ้บัสแล้ว รอรับสัมผัสจากมันแค่ฝ่ายเดียว “อ๊ะ..”


   ความเย็นของเจลถูกป้ายตรงช่องทางด้านหลังทำเอาผมสะดุ้งนิดๆแต่ก็ไม่ได้ทำให้ลุกหนีไปไหน ผมก้มหน้ากับบ่าบัสเตอร์แล้วรอรับสัมผัสที่มันจะมอบให้ นิ้วเรียวยาวถูกสอดเข้ามาทีละนิ้วก่อนจะเริ่มปฏิบัติการที่ทำให้ผมกลั้นเสียงร้องแทบอยู่ บัสเตอร์สอนให้ผมรู้ว่าการที่เราโดนทำทั้งด้านหน้าและด้านหลังพร้อมๆกันมันทำให้เรารู้จักสวรรค์มากกว่าที่เราเคยแตะ


   “อ๊ะ...บัส”


“.........”


   “บะ..บัส..อื้อ” ผมไม่อายแล้วครับ แต่ก่อนเคยคิดเหมือนกันว่าไอ้เสียงที่พ่นออกมาจากปากตัวเองมันน่ารังเกียจ แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกแบบนั้นแม้แต่น้อย


   “วินแม่ง...” มันเอี้ยวหน้ามารับจูบจากผมก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้ามาดูดดึงอย่างโหยหา


   “เร็วอีก” ผมถอนจูบจากปากมันแล้วบอกคนใต้ร่างให้เร่งจังหวะมากขึ้น และหลังจากนั้นไม่นานสิ่งที่ตามมาคือความเหนื่อยหอบพร้อมกับเสียงลมหายใจถี่ยิบที่เป่าพ่นลงซอกคอไอ้บัส


   “แป๊บนึงอย่าพึ่งขยับ เอ๊ะวินบอกว่าอย่าพึ่งไง ฮึ่ม เดี๋ยวจะโดน” ผมชอบแกล้งบัสเตอร์ ยิ่งรู้ว่าบัสน้อยยังไม่ได้ปลดปล่อยแบบนี้ผมก็ยิ่งอยากแกล้ง


   “อยากช่วย”


   “ช่วยอะไรล่ะ ตัวเองเสร็จแต่เขายังไม่เสร็จแบบนี้จะช่วยอะไรได้ นอกจากวินจะยอม”


   “เออไงยอมแล้ว”


   “แน่ใจ๋??? ผมไม่อยากบังคับวินหรอกนะ ถ้าไม่อยากทำก็อย่าฝืน” หน้าตาแม่งตอแหลมากครับ ดูหน้ามันดิแสดงออกว่าอยากขนาดนี้ยังจะพูดอ้อมค้อมหาสวรรค์วิมานอะไร


   “ถ้างั้นก็ไม่ต้อง”


   “เฮ้ย!!ได้ไงพูดแล้วอย่าผิดคำพูดดิวะ” นั่นเป็นคำสุดท้ายที่ผมกับมันคุยกันหลังจากนั้นก็เป็นเสียงครางนานตลอดทั้งเช้า เหนื่อยโคตร สองรอบแบบไม่พัก ตอนที่เดินไปเข้าห้องน้ำผมแทบจะทรุดลงนอนกับที่นอนอีกรอบ






   “วินกินอะไร”


   “อะไรก็ได้ มึงสั่งมาเหอะ” ผมตะโกนกลับไปบอกมันตอนที่อยู่ในห้องน้ำ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ผมอาบน้ำนานสุดๆเพราะกะว่าตอนที่อยู่ในห้องน้ำแม่บ้านคงมาทำความสะอาดห้อง แล้วผมก็คงไม่หน้าด้านเหมือนบัสเตอร์ที่จะยืนหน้าหนาให้เขาเห็นซากที่เราทำกันบนที่นอนโดยรู้สึกอะไร


   ตอนที่ออกมาผมคิดว่าแม่บ้านจะกลับไปแล้วแต่ที่ไหนได้ แม่งกำลังอยู่ในจังหวะที่เปลี่ยนผ้าปูพอดีเลย จะกลับเข้าไปในห้องน้ำก็โดนไอ้บัสดึงตัวออกมาก่อน


   “จะอายอะไรวิน เขาไม่แซวหรอกน่า” รู้โว้ยว่าไม่แซวแต่มันก็น่าอายอยู่ดีที่ผู้ชายสองคนทิ้งซากที่ดูก็รู้ว่าเป็นอะไรไว้บนที่นอน ถึงจะใส่ถุงยางแล้วก็เถอะ แต่คนที่ใส่มันไม่ใช่ผมไง เพราะงั้นรอยขาวๆที่เลอะเต็มที่นอนก็มีแต่ของผมทั้งนั้น


   “ก็มันไม่ใช่ของมึงนี่หว่า”


   “เอ้า วินแม่งตลกว่ะ เขาดูเขาไม่รู้หรอกว่าของใคร” เออว่ะก็จริง แล้วมันจะยิ้มกริ่มหาพระแสงอะไรฟะ ผมไม่สนใจบัสเตอร์แล้วครับ จังหวะนี้คือหิวมาก เลยเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามกับบัส โต๊ะที่พวกเรานั่งกินข้าวกันคือตรงระเบียงหน้าบ้านที่เรายืนคุยกันก่อนเข้ามาเมื่อวานนั่นแหละ  เช้าๆแบบนี้บรรยากาศดีสุดๆ ถ้าเมื่อเช้าไม่ติดทำภารกิจจังไรกับไอ้บัสอยู่คงมีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น


   “มาเดี๋ยวพี่แกะให้”


   “ขอบคุณครับ” ถึงบัสมันจะคอยทำนู่นทำนี่ให้แต่หลายๆเรื่องมันก็ทำไม่เป็นอย่างแกะกุ้งก็เป็นอีกเรื่องนึงที่มันทำไมได้


   “โตจนป่านนี้แกะกุ้งเองยังไม่เป็น ถ้าไปจีบสาวที่ไหนคงอับอายขายขี้หน้าอ่ะ” ส่วนผมที่ติดนิสัยชอบดูแลคนอื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็แทบจะประเคนกุ้งตัวเมื่อกี้เข้าปากไอ้บัสเหมือนกัน


   “ก็ไม่คิดจะจีบสาวที่ไหนซะหน่อย” มันไหวไหล่ไม่แคร์ในสิ่งที่ผมพูด บางทีผมน่าจะลองถามมันตรงนี้เลยดีไหมครับว่าถ้ามันเป็นเกย์อีกคน พ่อกับแม่มันไม่ว่าอะไรรึไง


   “บัส เราแน่ใจแล้วเหรอที่จะเป็นแบบนี้”


   “แบบนี้??? แบบไหนอ่ะ”


   “ก็ชอบผู้ชายอย่างนี้อ่ะ”


   “ก็ชอบไปแล้วนิ ให้ทำไงได้ วินไม่ต้องมองหน้าเหมือนตอกย้ำผมว่ายังไงตัวเองก็ไม่ชอบผมหรอกนะ ผมรู้...” กูยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย มึงนี้ขี้มโนว่ะบัส


   “แล้วเรื่องพ่อแม่ล่ะเขาว่าไงมั่ง”


   “เขาจะว่าอะไรได้ล่ะ ความรักมันอยู่ที่เรานะพี่ โตๆกันแล้วจะมาไร้สาระรับเรื่องเพศไม่ได้มันก็ไม่ใช่หรอก ยุคสมัยนี้พ่อแม่หลายคนเขารับได้หมดแหละ หรือว่าแม่วินรับไม่ได้”


   “รับได้...แต่ก็ไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง บางทีก็อยากมีหลานตัวเล็กๆให้เขาอุ้ม” ผมพูดเพราะคิดแบบนั้นจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าคำพูดผมไปกระทบใจด้านไหนของบัสเตอร์เข้าจนสีหน้าที่หม่นลงทำเอาผมรู้สึกผิดขึ้นมาเสียดื้อๆ


   “อื้อ อันนั้นผมเข้าใจ ผมไม่ได้บังคับอะไรวินสักหน่อย ทุกวันนี้ก็รู้ตัวเองดีว่าผม..”


   “พอเถอะนะ เรามาเที่ยวกัน พี่ขอโทษที่พูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง วันนี้จะพาไปไหนเหรอ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวบรรยากาศดีๆจะหายไปก่อน


   “ไร่ทองสมบูรณ์” ผมเคยได้ยินชื่อนี้จากเพื่อนๆที่ไปเขาใหญ่ เขาบอกว่ามีพวกเครื่องเล่นเยอะ คงสนุกน่าดู


   “แต่วินจะไหวหรือเปล่าเถอะ”

   “ไหวดิ” ทำไมจะไม่ไหววะ


   “ก็เมื่อเช้า....”


   “เมื่อเช้า??” ผมพูดตามมันก่อนจะนึกเรื่อง เมื่อเช้า ที่ไอ้บัสเตอร์พยายามเน้นให้ผมฟัง สีหน้ากรุ้มกริ่มรู้เลยว่าอีกไม่นานมันจะล้อผม  “พอเลยครับน้องบัส พี่วินโอเคครับ ไม่ต้องมายิ้มครับ แดกไปหอยเนี่ย”


   “ผมไม่ชอบกินหอยว่ะ”


   “ไม่ชอบก็แดกไป!!!”







   หลังจากที่ทานมื้อเช้าเสร็จผมกับไอ้บัสก็พากันขับรถมาที่ไร่ มาถึงนี้ก็เกือบๆเที่ยง อากาศแม่งโคตรร้อน จนในใจล่ำๆว่าไม่อยากจะลงจากรถด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็ต้องเลยตามเลยขับมาจนถึงที่แล้วจะไม่ลงเลยมันก็กระไรอยู่


   ที่ไร่ทองสมบูรณ์เป็นไร่ที่มีActivitiesค่อนข้างเยอะ บัสบอกว่าตอนแรกจะเลือกพักที่นี้เหมือนกัน เวลาจะมาเล่นกิจกรรมจะได้ไม่ต้องขับรถมาไกล แต่สุดท้ายก็ไปเลือกที่อื่นเพราะมันเดาว่าผมคงไม่ชอบที่ๆมีคนพลุกพล่าน


   “หล่อมากเลยว่ะแก” ไม่ต้องเดาว่าผู้หญิงกลุ่มเมื่อกี้ชมใคร ก็ไอ้คนข้างๆผมอ่ะดิ แม่งเพิ่งจบม.หกแท้ๆทำไมมันดูโตจนบางทีผมก็แอบสงสัยว่ามันอายุ 18 จริงหรือเปล่า วันนี้บัสเตอร์ใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นรองเท้าแตะ แว่นแบรนด์เนมสีชาที่ขับให้โครงหน้าของมันดูเท่ขึ้น การแต่งตัวของมันกับผมไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ขนาดแว่นที่ใส่ยังยี่ห้อเดียวกันเลย มีแค่เสื้อสีขาวเท่านั้นที่ผมต่างจากมัน แต่แค่นั้นก็ทำให้เหล่าสาวๆปรายตากันมองมันมากกว่าที่จะมองผม ใช่ครับมันหล่อ ต่อให้แต่งตัวธรรมดาๆแบบนี้ออร่าแม่งก็เปล่งประกายดับคนข้างๆอย่างผมได้อยู่มัดเลยแหละ


    “เป็นไร”


   “เปล่า ร้อนเฉยๆ” ถ้าบอกว่าผมอิจฉาที่มันหล่อกว่าเดี๋ยวแม่งก็หาว่าผมไร้สาระอีก


   “หมวกไหม เดี๋ยวผมเดินไปเอาให้อยู่ในรถ” ผมส่ายหน้าให้มันเป็นคำตอบ เดินมาตั้งไกลมึงพึ่งจะถามเนี่ยนะ แม่งร้อนจะตายห่าอยู่แล้ว กูจะละลายลงไปติดกับพื้นคอนกรีตอยู่แล้วเนี่ย ตอนนี้เริ่มเกลียดหน้าร้อนขึ้นมาแล้วครับ อยู่ๆก็รู้สึกว่าหน้าหนาวมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร


   “วินแม่งตลก หน้ายับหมดแล้วมาฝั่งนี้ดีกว่ามา หลบใต้หลังคา ไม่โดนแดด” ไอ้บัสดึงมือผมให้มาเดินอยู่ใต้หลังคาที่ยื่นออกมานิดหน่อยส่วนตัวมันเองก็เดินโดนแดดแทน แมนโคตรๆ จริงๆมึงเดินตามหลังกูมึงก็ไม่โดนแดดแล้ว แต่นี่อะไร โง่จริงๆ แต่ถึงผมพูดบอกมันไปคนแบบมันก็คงไม่ทำตามหรอกครับ ขอให้ได้โชว์แมนเป็นพอ



   “หิวน้ำว่ะ” พอมาถึงตรงส่วนที่จะซื้อตั๋วเข้าพวกเครื่องเล่นผมก็เปรยๆพูดออกมาแบบเสียงเรียบ ไอ้บัสวิ่งไปซื้อน้ำให้ผมก่อนจะแกะให้เอาหลอดจิ้ม แล้วจ่อมาให้ตรงปาก นี่ถ้าป้อนกับปากได้คงป้อนไปแล้วครับ จะดูแลดีอะไรขนาดนั้น ผมแม่งก็มนุษย์คนนึงนะครับ พอโดนเอาใจแบบนี้ใจไม่สั่นไหวแม่งก็ไม่ใช่คนแล้วแหละ


   บัสเตอร์มันกำลังทำให้ผมติดเป็นนิสัย แต่ก่อนผมไม่ใช่คนเรื่องมาก ไม่ใช่คนขี้บ่น ไม่ใช่คนที่นิดๆหน่อยๆก็ทนไม่ได้ แต่เพราะตั้งแต่มีไอ้บัสผมก็เริ่มเป็นคนแบบนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้ยอมรับเลยว่าผมโคตรเอาแต่ใจตัวเอง อยากได้นู่นอยากได้นี่ก็แค่บอกไอ้บัส จนแทบจะลืมไปแล้วว่าจริงๆคนที่ต้องดูแลคือผมมากกว่าที่มีสถานะเป็นพี่


   “ขี่ม้าไหม”


   “เฮ้ยมีด้วยเหรอ”


   “มี แต่ผมว่าวินไม่ต้องขี่หรอก เจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ ถ้าอยากขี่เดี๋ยวไปขี่ที่ห้องก็ได้เดี๋ยวให้ขี่ทั้งคืนเลย”


   “สัส!!! พอเลยไปซื้อตั๋ว” ผมรอไอ้บัสซื้อตั๋วจนเสร็จ มันมีของให้เล่น 10 กว่าอย่างเลยครับ น่าสนใจทั้งนั้น


   ผมกับไอ้บัสเลือกเล่นโกคาร์ทกันก่อน แล้วค่อยไปเล่นอันอื่นๆ ทั้ง ATV บีบีกัน ที่ตอนแรกผมกับมันก็ไม่รู้จะเล่นทำไม นึกภาพออกไหมว่าไอ้บีบีกันเนี่ยมันต้องเล่นเป็นทีมมีเพื่อนเยอะๆแล้วแบ่งฝ่ายยิง แต่สุดท้ายไปๆมาๆเพราะความอยากเล่นของผมก็เลยเล่นกันอยู่สองคน สนุกดีครับแต่ไม่คิดนะครับว่าไอ้ลูกปืนสีเวลายิงโดนตัวมันจะเจ็บจนได้เลือดขนาดนี้ เป็นรอยแดงยิ่งกว่ารอยดูดเมื่อคืนที่ไอ้บัสทำไว้ทั่วตัวอีก ผมได้แผลแถวๆขาอ่อนสองสามแผลส่วนไอ้บัสได้ตรงหัวไหล่มาแผลเดียว พูดก็พูดเถอะมันแม่งยิงโคตรแม่นเลย นี่ถ้ามันไม่จงใจยิงพลาด ผมคงได้แผลมากกว่านี้ คิดแล้วก็เจ็บใจจนแทบอยากจะหยิบปืนมายิงรัวอีกรอบ


   “โคตรเจ็บเลย” ตอนที่ถอดชุดป้องกันออกผมก็เลิกกางเกงขึ้นดูแผลด้านใน ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรหรอกมาคิดก็ตอนที่ไอ้บัสรีบดึงขากางเกงผมลงนี่แหละ สรุปว่าตอนนี้ผมกลายเป็นเพศที่ดึงดูดผู้ชายด้วยกันไปแล้วเหรอวะ แล้วไอ้คนที่มองส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่พวกหน้าตาน่ารักแบบเบสสักนิด แต่เป็นพวก..........ช่างมันเถอะไปต่อที่เครื่องเล่นอื่นกันดีกว่าครับ


   อันต่อมาที่ผมเล่นก็คือลูท ผมชอบไอ้นี้มาก มันเป็นเครื่องเล่นคล้ายๆรถแม้วที่ถูกปล่อยให้วิ่งลงมาตามทางลาดของภูเขา หลังจากนั้นพวกเราค่อยไปเล่นอย่างอื่น ก่อนจะปิดท้ายด้วยล่องแก่ง ซึ่งดีแล้วที่ปิดท้ายด้วยอันนี้เพราะแม่งทำทั้งผมกับไอ้บัสเปียก แบบโชกเลย เสื้อขาวที่ใส่มา มองเห็นจนแทบจะทะลุลำไส้อยู่แล้ว


   “วินใส่เสื้อขาวมาทำไมวะ เนี่ยดูดิเห็นหัวนมหมดแล้ว” ปากมันเสียจนผมแทบจะหยิบก้อนหินแถวนั้นยัดปากแม่งแล้วครับ หัวนมก็หัวกูป่ะวะ แม่งหนาวขนาดนี้ไม่ให้หัวนมตั้งก็แปลกแล้ว


   “จะบ่นอะไรครับน้องบัส หนาวจะตายอยู่แล้วเนี่ย เลิกบ่นเถอะ” แล้วแม่งต้องเดินไปอีกไกลมากอ่ะเล่นกันจนปาเข้าไปเกือบๆหกโมงเย็น หิวก็หิว หนาวก็หนาว ยังต้องมาฟังคนบ้าบ่นอีก


   “เอามือกอดอกไว้ก็ได้ โคตรตั้งเลยเหอะ” ถ้าผมหันไปบอกมันว่ากูอยากโชว์มันจะพูดอะไรไหม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรแค่ยกมือขึ้นกอดอกไว้ตามที่คุณชายเขาสั่ง


   จริงๆการที่มีบัสเตอร์อยู่ตรงนี้ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไรเลยสักนิด ออกจะมีความสุขในแบบที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนด้วยซ้ำ





   “กินไรก่อนป่ะ” มันถามผมตอนที่เราขับรถออกจากไร่แล้ว


   “ไม่อ่ะ หนาว อยากอาบน้ำ กลับไปค่อยสั่งอาหารโรงแรมกินล่ะกัน เฮ้ยบัส!!!” ผมหันไปเห็นเม็ดแดงๆที่เริ่มขึ้นตรงแถวๆแขนบัสเตอร์ลามไปจนถึงคอ “มึงแพ้น้ำแน่ๆ ไปโรงบาลไหม”


   “ไม่เป็นไรกินยาเดี๋ยวก็หาย วินหนาวไม่ใช่เหรอ”


   “เชี่ยยย มันไม่ใช่เวลาที่มึงจะมาห่วงกูนะบัส คันไหมเนี่ย” ผมเอื้อมมือไปลูบตามผิวบัสเตอร์ รู้เลยว่าเป็นหนักแน่ๆ


   “คันดิ แต่กินยาก็หาย ผมว่าผมพกมาอยู่นะ วินเอาให้หน่อยได้ไหมอยู่ในกระเป๋าหลังรถอ่ะ”


   “กระเป๋าไหนวะ แม่งมีประมาณร้อยใบเลยมั้ง หลังรถมึงเนี่ย” ผมพูดประชดไปงั้นแหละ จริงๆคือไม่มีสักใบตั้งหาก


   “เออว่ะลืม สงสัยอยู่หลังรถ เดี๋ยวถึงรีสอร์ทแล้วค่อยกินก็ได้”


   “ไม่ก็ได้ครับบัสเตอร์ จอดรถครับ เดี๋ยวพี่ลงไปเอามาให้”


   “เอาน่าวิน เนี่ยใกล้ถึงแล้ว”


   “บัสเตอร์” ผมกดเสียงต่ำมองหน้าด้านข้างให้มันรู้ว่าผมกำลังโกรธ


   “โอเคครับ กำลังจะจอดแล้ว” บัสเตอร์ตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางเสร็จผมก็เดินไปหยิบกระเป๋ามันมาทันที ในนั้นมีซองยาเขียนว่ายาแก้แพ้ อยู่ซองหนึ่งผมเอาออกมาเม็ดนึงแล้วยัดใส่เข้าปากบัสเตอร์ทันที “เอ้านี้น้ำ”


   “ขอบคุณครับ”


   “ทีหลังผื่นขึ้นหรือเริ่มมีอาการคัน ต้องพูดต้องบอกเลยนะไม่ใช่เงียบแบบนี้ มึงรู้หรือเปล่าบางคนแพ้หนักๆจนทำให้ตายก็มีนะเว้ย”


   “วินห่วงผมเหรอ”


   “ไม่ห่วงมึงแล้วจะห่วงใครล่ะลูกพี่ กูด่ามึงอยู่คนเดียวเนี่ย”


   “ดีใจว่ะ คืนนี้เอากันไหม”


   “เอาพ่องงง รีบๆขับกูอยากอาบน้ำแล้ว” ผมโอดครวญยกมือขึ้นลูบตัวเองด้วยท่าทีหนาวๆ ไม่นานบัสเตอร์ก็ขับรถมาถึงรีสอร์ท ผมบอกให้มันเข้าไปอาบน้ำก่อนแล้วตัวเองค่อยอาบที่หลัง ตอนแรกก็ทำท่าจะลากผมเข้าไปอาบพร้อมกัน แต่ผมก็บอกปัดไปเพราะกลัวว่ามันจะไม่ใช่แค่อาบน้ำอ่ะดิ


   “ต้องทาคาราไมล์หรือเปล่าวะ” หลังจากที่เราทั้งคู่อาบน้ำกินข้าวเสร็จผมก็เอ่ยถามมันพลางจับแขนบัสเตอร์ขึ้นมาพลิกซ้ายพลิกขวาดูว่ายังมีผื่นหลงเหลืออยู่หรือเปล่า


   “ไม่ต้องหรอกหายแล้ว ว่าแต่วินเหอะ ไหนขอดูขาหน่อยดิ เจ็บมากเปล่า” มันจับขาทั้งสองข้างของผมขึ้นชันเข่าโดยไม่ถามความสมัครใจจากผมสักนิด


   “ไอ้บัสเจ็บ มึงจะแหกขากูอีกนานไหม”


   “โทษๆ ไหนดูหน่อยดิ” มันแหวกกางเกงบอลผมแล้วลูบเบาๆตรงขาอ่อน จุดแดงเป็นจ้ำสามจากการเล่นบีบีกันบ่งบอกว่าอีกไม่นานคงจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว “ท่าทางจะเจ็บน่าดู”


   “ใครทำล่ะ ดีนะไม่โดนไข่” ผมยกเท้าอีกข้างขึ้นวางพาดบ่าบัสเตอร์ไว้ก่อนจะก้มๆเงยๆมองดูจุดแดงๆสามจุด


   “ท่านี้แม่งสุ่มเสี่ยงมากอ่ะวิน” สายตาหวานเยิ้มถูกส่งมาให้ผมด้วยท่าทีหื่นกระหาย ความจังไรปรากฏในแววตาไอ้บัสจนผมเองก็คงหนีไม่พ้น


   “พอเลย กูจะนอน เชี่ยบัส ปล่อยกู”






   ไม่ต้องถามนะครับว่าผมเสร็จหรือเปล่า ถามว่ากี่รอบน่าจะดีกว่า





>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC
กำลังใจสร้างเองได้ แต่มันจะทรงพลังมากๆถ้าได้รับการผลักดัน><

ขอบคุณที่ยังอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 5 [P.1*17/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: canvrce ที่ 17-04-2014 12:23:08
ชอบมาก อ่านรวดเดียวถึงตอนที่ 5 เลย มาต่อไว้ๆนะ เรารออยู่ เนื้อเรื่องดราม่านะ แต่ยิ่งอ่านยิ่งชอบ ภาษาเขียนเข้าใจดีด้วย แต่ไม่ค่อยชอบวินเลย เพราะวินที่ไม่ยอมเลือกบัส :hao5:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 5 [P.1*17/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Onlymin ที่ 17-04-2014 12:38:27
นี่มันฮันนีมูนดีๆเลยนี่นา :z1:
บัสหื่นว่ะ เอะอะก็อยาก เอะอะก็เอา แต่วินก็ชอบนี่เนาะ :z3:

รออ่านตลอดนะ...มาต่อตอนไหนก็ได้ เขียนสบาย ๆ เถอะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 5 [P.1*17/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 17-04-2014 15:44:00
 :oo1: วินนี่มันกลายเป็นเคะแล้วชัดๆ
ยอมรับเถอะ วินเอ๋ย แกชอบบัสเข้าแล้ว
ถึงยอมให้ทำบ่อยๆ ผช แท้ๆที่ไหนเขาให้คนอื่นรุก
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 5 [P.1*17/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 18-04-2014 18:49:52
โอยยย บัสเอ้ยยย  ชั่งอกชั่งใจมั่งนะลูก
ห่วงพี่วินมั่ง ช้ำนอกช้ำในหมดแล้ว
นับวันพี่วินจะเริ่มสาวแตก 5555 แหน่ะพอมีคนดูแลหน่อยละไม่ได้เลยนะพี่วิน
อ้ายยยยย  เขินเบาๆ
หวังว่าจะสุขสมหวังซักทีเน้อะ
อยากอ่านอารมณ์แบบมีรุกแมนๆมาจีบพี่วินมั่ง คงจะเหวอน่าดูเนอะ
ขอแบบฝรั่งไซด์ใหญ่ 555 ตัวโตมีกล้าม น้องบัสต้องหึงโหดแน่ๆเลย
แต่แบบโทดพี่วินไม่ได้ไรเงี้ย เพราะนั่นเขามาเองง
จิ้นไปไกลเนอะ  ยังไงก็ตามอ่านอยู่น้าาา
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 5 [P.1*17/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 19-04-2014 00:28:03
บัสโคตรหื่น

อ่านแล้วเศร้า สนุก ได้อารมณ์ดีนะครับ

ชอบครับ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 6 [P.1*24/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 24-04-2014 15:23:19
Chapter 6

   “ตื่นแล้วเหรอ” ผมชอบนะเวลาที่ผมงัวเงียจะตื่นแล้วได้ยินเสียงบัสเตอร์พูดข้างๆหูว่า ตื่นแล้วเหรอ ไม่รู้ว่ามันสังเกตตัวเองบ้างไหมว่าทุกครั้งที่นอนด้วยกันคำแรกที่มันพูดจะเป็นคำนี้

   “ยัง...” ผมมุดหน้าเข้าไปในหมอนอีกรอบ ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว และก็ไม่สนใจด้วยว่ามันจะมีโปรแกรมพาผมเที่ยวอะไรในวันนี้ แต่ขอบอกว่าวันนี้ผมงด แม่งเหนื่อยอ่ะ ทั้งจากเมื่อวานที่ไปเล่นพวกเครื่องเล่นในไร่แล้วก็จากเมื่อคืนที่ไอ้บัสมันเล่นผมแทบจะถึงเช้า กว่าจะยอมปล่อยให้นอนก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน

   “หิวข้าวไหม” ริมฝีปากอุ่นจนร้อนไล่จูบเบาๆตรงเนินหัวไหล่ลาดต่ำลงมาเรื่อยๆ ผมนอนคว่ำหน้ากับหมอนอยู่เลยไม่ได้พูดอะไรกับมันนอกจากปล่อยให้ไอ้เกรียนทำตามอย่างที่ต้องการ แอร์เย็นๆกับริมฝีปากอุ่นๆจริงๆแล้วมันก็เข้ากันดี

   “หืมมม” ผมครางเสียงในลำคอเพื่อบอกไอ้ตัวกวนให้รับรู้ว่าผมง่วง แต่ดูเหมือนมันไม่ได้รับรู้ความง่วงของผมเลยสักนิด เพราะปากบัสเตอร์ยังทำหน้าที่ขบเม้ม ดูดดึงและกัดเบาๆทั่วแผ่นหลังผม

   “ง่วง...” กะว่าถ้าหันหน้านอนหงายบัสเตอร์จะเลิกก่อกวน แต่ผมว่า...ผมคงคิดผิด “อ๊ะ..” แม่งโรคจิตอ่ะ ผมหลับอยู่แท้ๆมันยังไม่วายเลิกทำพฤติกรรมหื่นๆอีก มารู้ว่าน้องไอ้เบสหื่นตอนนี้ก็รู้สึกว่ามันจะสายไปแล้ว ยิ่งช่วงหลังๆมาบัสเตอร์ทำราวกับว่าจะตักตวงทุกอย่างบนตัวผมให้หมด ไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่คิดแค่ว่ามันคงอยากทำก่อนจะไปเรียน แต่ถึงไปเรียนยังไงเราก็กลับมาเจอกันได้อยู่แล้ว บัสเตอร์มันไม่มีทางทิ้งผมไปไหนแน่ๆผมรู้ว่าเพราะมันเป็นคนแบบนั้น

   “บัสพี่เหนื่อยอ่ะ” ผมพูดบอกมันด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ตาที่ยังหลับสนิทแต่ความรู้สึกหวิวๆตามริมฝีปากที่ไล่ขบเม้มต่ำลงไปเรื่อยๆไม่ได้หายไปไหน

   “แต่ตรงนี้มันไม่เห็นเหนื่อย” มันพูดพร้อมกับใช้ฟันกัดเบาๆผ่านเนื้อผ้าที่เรียกว่าบ๊อกเซอร์ “นอนไปเถอะวิน เดี๋ยวทำให้”

   “อื้อ...” ไม่ใช่ว่าเห็นแก่ตัวอะไรนะครับ แต่จริงๆก็เห็นนั่นแหละ ให้ทำไงได้วะกระตุ้นผมมาขนาดนี้แล้ว ก็ได้แต่เลยตามเลยเท่านั้น ผมรับตารับสัมผัสที่บัสเตอร์มอบให้ ความรู้สึกเสียวมีมากขึ้นพร้อมๆกับขาที่ยกชันและแยกออกเพื่อให้สะดวกกับคนที่ทำ ไม่นานความรู้สึกบางอย่างก็พุ่งออกมา ผมผงกหัวขึ้นดูนิดหน่อยก่อนจะหลับต่อโดยไม่คิดจะทำความสะอาด เพราะรู้ดีว่าคนที่เริ่มมันจะเป็นคนทำให้ผมเอง

   “รักนะ”

   “อื้อ...รู้แล้ว” ผมรู้ว่ามันรักผม และไม่เคยเบื่อที่จะฟังคำว่ารักจากบัสเตอร์สักนิด ส่วนความรู้สึกผมตอนนี้บอกตรงๆว่าก็ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร

 
   ‘ถ้าจะเลือกก็เลือกแค่บัสเตอร์เท่านั้นนะ ห้ามเลือกคนอื่น เข้าใจไหมครับ ห้ามเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่บัส’ ช่วงนี้เหมือนก่อนหลับผมมักได้ยินเสียงนี้กระซิบข้างหูตลอด มีคนเคยบอกว่ามันเป็นการสะกดจิตคนหลับอย่างหนึ่ง เราอยากได้อะไรให้พูดกระซิบข้างๆหูตอนก่อนเขาจะหลับและตอนก่อนที่เขาจะตื่น อารมณ์กึ่งหลับกึ่งตื่นนั่นแหละเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะใช้วิธีนี้ แต่ผมคิดว่าบัสเตอร์คงไม่บ้าพอที่จะทำเรื่องไร้สาระแบบนั้น..แต่ถ้าวันหนึ่งต้องเลือก...ไม่รู้ดิ...ถ้าผมอยู่กับบัส เลือกแค่บัส แล้วใครจะเลือกหลิว



   เสียงโทรทัศน์ที่ดังขึ้นท่างกลางความเงียบเป็นตัวปลุกผมให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง แต่เหตุผลหลักๆที่ตื่นเพราะความหิวที่กระตุ้นเตือนจนแทบจะนอนต่อไม่ได้

   “หิวข้าวมากเลยว่ะบัส กี่โมงแล้วอ่ะ”

   “ก็สมควรหิวอยู่หรอก จะบ่ายสองอยู่แล้วเนี่ย” ผมหรี่ตามองไปที่นาฬิกาข้างผนังก่อนจะฟุบหน้าลงไปที่เตียงอีกรอบ หิวมาก แล้วก็ง่วงมาก

   “แล้วบัสกินยัง”

   “รอวินอยู่” มันพูดทั้งๆที่ตายังมองไปที่ทีวี บัสเตอร์อาบน้ำแต่งตัวแล้วคงรอผมตื่นแล้วค่อยสั่งอาหารมากิน ไม่ก็รอไปกินข้างนอกพร้อมกัน แต่อารมณ์นี้ไม่ไหวจะลุกไปกินข้างนอกจริงๆครับ เมื่อยมาก

   “รอไมวะ ไม่หิวเหรอ”

   “หิวดิ”

   “อ่าวแล้วไม่กินก่อน”

   “กลัววินงอน” แล้วกูจะงอนมึงเรื่องอะไรล่ะครับลูกพี่ โตจนป่านนี้แล้ว ผมน่ะไม่ใช่ไอ้เบสนะที่จะมางอแง ง้องแง้งทำตัวเหมือนพวกไม่เข้าใจโลก

   “ไร้สาระ กูไม่เคยงอนใคร สั่งอาหารด้วย พี่ขี้เกียจไปกินข้างนอก” อีกอย่างขี้เกียจเถียงกับไอ้หัวเกรียนด้วย เมื่อกี้ง้างปากกำลังจะพูดต่อ รู้เลยว่ามันกำลังจะพูดต่อว่าไร้สาระอะไร แต่มึงหยุดไปเลยครับบัสกูจะอาบน้ำ

   “บัสมึงโทรไปสั่งอาหารยัง” ผมรีบเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำก่อนที่ไอ้บัสจะโทรสั่งอาหาร

   “กำลัง”

   “เดี๋ยวๆ...”

   “ทำไม?? วินจะออกไปกินข้างนอกเหรอ” ผมส่ายหน้าให้มันแทนคำตอบ “กูอยากกินสุกี้ว่ะ ถามเขาหน่อยดิว่าเขามีอุปกรณ์ไหม ถ้าไม่มีก็สั่งพวกกุ้งแม่น้ำ ปลาหมึก หอยมาย่างล่ะกัน บอกให้เขาก่อไฟให้ด้วย กูเห็นเตาย่างอยู่ข้างๆบ้านพัก”

   “โหวว ตื่นมาก็สั่งกันเลยว่ะ”

   “ไม่ให้สั่งมึงแล้วจะสั่งใครล่ะ งั้นไม่ต้องกูโทรเองก็ได้” ปกติผมไม่ใช่คนแบบนี้นะ แต่แม่งสงสัยหิวมากผสมกับความหงุดหงิดที่ไอ้บัสทำไว้เมื่อคืน เข้าใจไหมครับผมเจ็บสะโพกร้าวมาจนถึงไขสันหลัง แค่ให้สั่งของแค่นี้ทำบ่น

   “อะไร แค่นี้งอนเหรอ” มันวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วเดินมานัวผมที่ยืนพิงประตูห้องน้ำอยู่

   “งอนเชี่ยไรล่ะ สรุปจะโทรเองหรือจะให้กูโทร” ผมรู้ว่ามันกำลังง้อผมอยู่ คงเห็นน้ำเสียงหงุดหงิดกับสีหน้าที่แสดงออกชัดเจนล่ะมั้งถึงรีบอ้อนผมขนาดนี้ บัสเตอร์กอดเอวผมไว้ไม่ปล่อย หน้าเน้อนี่ก็ซุกซอกคอจนแทบจะสิงร่างผมอยู่แล้ว

   “วิน...”

   “อะไร”

   “วินครับ” เวลาอ้อนชอบทำเสียงงุ้งงิ้งแล้วเป่าลมรดคอผม พอเห็นแบบนี้ก็อดใจอ่อนไม่ได้ทุกที ผมยกมือขึ้นลูบหัวมันเบาๆเป็นสัญญาณบอกไอ้เกรียนว่าไม่ได้งอนอะไร บัสเตอร์มันถึงเงยหน้ายิ้มรับแล้วจุ๊บปากผมทีนึง รู้สึกตัวมันร้อนๆแหะ แต่บางทีผมอาจจะคิดไปเอง

   ผมทิ้งความสงสัยไปตอนที่บัสหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรถามพนักงานโรงแรม ส่วนผมก็เดินเข้าไปอาบน้ำ ออกมาอีกทีเห็นบัสเตอร์นอนตาลอยๆอยู่บนเตียง ผมแต่งตัวเสร็จก็ขยับมานั่งบนเตียง ใช้หลังมือแตะที่หน้าผากบัสเบาๆ ไม่อยากเชื่อว่ามันจะไม่สบาย ผมว่าเป็นเพราะเมื่อวานมันแพ้น้ำแหงๆ

   “รู้ตัวหรือเปล่าว่าไม่สบาย”

   “คิดว่ารู้” มันเอียงคอเอามือผมที่แตะหน้าผากมันไปไว้ตรงคอ คงรู้สึกเย็นๆล่ะมั้งถึงทำท่าเหมือนหมาอย่างนี้

   “กินยาหรือยัง”

   “ยังเลย แต่เมื่อกี้บอกพนักงานรีสอร์ทไปแล้ว”

   “ปวดหัวหรือเปล่า”

   “นิดนึง” พอได้อ้อนล่ะเอาใหญ่ตอนนี้แทบจะแดกมือผมแล้วครับ จูบอยู่นั่น แทะเลยไหม ตัดแขนกูแล้วเอาไปแทะที่บ้านเลยไหมบัส

   “เจ็บคอไหม”

   “นิดนึง”

   “อื้มม ท่าทางเขาจะมาจัดของกินแล้วแหละ สรุปว่าสุกี้ได้ใช่ป่ะ” มันพยักหน้าหงึก เออก็ดีกินร้อนๆจะได้หายป่วย ผมล่ะไม่เข้าใจเลยทั้งๆที่คนป่วยน่าจะเป็นผมมากกว่า นี่สรุปมันเอาผมหรือผมเอามันวะเนี่ย “ป่ะลุกไปกินข้าว แล้วเมื่อเช้าก็ไม่กินก่อนวะ รู้ว่าตัวเองป่วยก็ยัง....น่าตีจริง”

   “เปลี่ยนจากตีเป็นกัดได้เปล่า”

   “เออเดี๋ยวกูจะกัดให้ขาดเลยสัส ลุก!!” มันงอแงบนที่นอนแป๊บนึงก็เดินตามผมออกมานั่งกินสุกี้ด้วยกัน ตอนบ่ายแก่ๆเกือบจะเย็นแบบนี้บรรยากาศดีมากๆ มันไม่ถึงกับร้อนเพราะมีลมพัดตลอด ลมที่นี้มันไม่ได้เหนียวเหนอะหนะเหมือนเวลาอยู่ทะเล แต่มันเป็นลมแบบเย็นสบายๆที่เราพร้อมจะเงยหน้าขึ้นท้ามัน เห็นแบบนี้ก็คิดถึงเวลารับน้อง ปกติเวลารับน้องคณะผมมักจะเลือกภูเขามากกว่าทะเล เขาบอกว่ามันเป็นอ้อมกอดแห่งการต้องรับ ส่วนบายเนียร์เลี้ยงส่งปีแก่เราจะจัดกันที่ทะเลเพราะเหมือนกับปล่อยให้พวกพี่ๆไปเผชิญโลกกว้าง หึ ผมว่าคนที่คิดอะไรพวกนี้คงหาเหตุผมไม่ให้เที่ยวซ้ำกันตอนปีหนึ่งกับปีสี่มากกว่า

   “แค่ก แค่ก” เสียงไอจากคนนั่งฝั่งตรงข้ามดึงความสนใจให้ผมหันไปมองได้ไม่ยาก ดูจากอาการที่เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆคาดว่าทริปเขาใหญ่คราวนี้ผมคงได้อยู่ดูแลมันแทน

   “ท่าทางจะหนักกว่าเดิมนะ”

   “ก็คงคิดว่างั้น อยากรีบๆหายว่ะพรุ่งนี้ว่าจะพาวินไปน้ำตก”

   “ถ้าหายไม่ทันก็ช่างมันเถอะ อยู่แบบนี้ก็โอเค วันหน้าค่อยมาใหม่ก็ได้”

   “ก็ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมีหรือเปล่า”

   “ห้ะ?? พูดอะไรวะงึมงำๆในลำคอเดี๋ยวก็เอาตะเกียบจิ้มตาซะหรอก” ผมชูตะเกียบทำท่าจะจิ้มตาไอ้บัส แต่มันแค่มองแล้วพูดเบาๆว่าผมทำตัวเด็ก เอ้อออออออ มึงผู้ใหญ่ อายุตอนนี้สัก 80 ปีได้แล้วมั้ง “หมั่นไส้”

   ผมใช้ตะเกียบเคาะไปที่หัวบัสเตอร์ทีนึงข้อหาทำตัวเป็นผู้ใหญ่ทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งจะจบม.6

   “อิ่มแล้วใช่ไหมอ่ะนี่ยา แก้ไข้ แก้ปวด แล้วแก้หวัด ส่วนอันนี้แก้อักเสบ” มันขมวดคิ้วแล้วยกยิ้มเบาๆ รู้เลยว่าแม่งคิดอะไรอยู่ “ไม่ต้องมาคิดทะลึ่ง มึงกินเข้าไปเลยไอ้แก้อักเสบนี่เวลาเป็นหวัดแม่กูเขาก็เอามาให้กินตลอด”

   “จริงๆคนที่ควรกินมันน่าจะเป็นวินนะ อักเสบหรือเปล่า...เมื่อคืนเล่นซะหนัก โทษผมไม่ได้ด้วยตัวเองขอแรงๆเอง” โอยยยยผมล่ะอยากเอาหน้ามุดดินวันล่ะหลายๆรอบ คือบัสเตอร์มันเป็นบุคคลที่สามารถทำให้ผมเขินได้ด้วยคำพูดหื่นๆหรือสีหน้ากรุ้มกริ่มแบบนี้ มันพูดยิ้มๆแล้วเบ้ปากเห็นยาในมือตอนที่ผมส่งไปให้อย่างละเม็ดสองเม็ด

   “คิดว่าจะเม็ดเล็กกว่านี้”

   “ทำไม”

   “ก็มันเม็ดใหญ่อ่ะ...ไม่กินได้ป่ะไม่ชอบเลยว่ะ”

   “อย่าดื้อน่าบัส ตัวก็ตั้งใหญ่กินยาแค่นี้ไม่ตายหรอก” ผมก็เพิ่งจะรู้นี่แหละครับว่าบัสเตอร์มันกินยายาก สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกตอนกินยาทำเอาผมอดขำไม่ได้ “ตลกว่ะ โคตรอ่อนเลย”

   “ไม่นะ”

   “อะไร” จู่ๆก็พูดขึ้นว่า ไม่นะ เกี่ยวอะไรกับบทสนทนาเมื่อกี้วะ

   “เมื่อคืนนี้ก็แข็งนะ ไม่อ่อนเลย วินก็เห็น สัมผัสได้อยู่ไม่ใช่เหรอ”

   ผมเลิกเถียงกับมันและแม่ง พูดสองแง่สองง่ามทีไรผมแพ้ทางมันตลอด ผมผลักหัวไอ้เกรียนทีนึงแล้วเดินเข้าไปนั่งดูหนังในห้องต่อ “เสร็จแล้วก็เข้ามานั่ง ตากลมข้างนอกเดี๋ยวก็ไม่สบายกว่าเดิม แล้วอย่าคิดจะโยนยาทิ้งนะบัส”

   ผมขู่มันไปก่อนไม่รู้หรอกว่ามันโยนทิ้งไหม

   “รู้ดี...ไม่ทิ้งหรอกน่า”

   “หราาาาา” ทำหน้าแบบนี้แสดงว่ามันคิดจะทิ้งจริงๆ ไอ้นี้นิเผลอเป็นไม่ได้ ผมเขกกะโหลกหนาของบัสทีนึงตอนที่มันขยับตัวขึ้นมานั่งบนเตียงข้างผม บัสเตอร์เลื้อยเป็นงูลงไปนอนราบกับเตียงก่อนจะเอาหัวหนักๆวางไว้บนตักผม

   “เบื่อหรือเปล่า ไม่มีโทรศัพท์ ถ้าจะเล่นเดี๋ยวผมออกไปยืมที่ชาร์ตแบตให้”

   “ไม่นะ มีทีวีดูสำหรับกูก็โอเคแล้ว ยังดีที่ทีวีที่นี้ติดยูบีซี” ผมไม่ได้เป็นพวกติดโทรศัพท์หรือโซเชียลจ๋าเหมือนไอ้เบสหรอก ถ้าจะติดก็ติดคนที่อยู่ในโทรศัพท์มากกว่า แต่ตอนนี้รู้สึกเฉยๆไม่ได้เรียกร้องอยากโทรหาหรือไลน์คุยกับเขาสักนิด แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ตัวเองเป็นแบบนี้

   “ยูบีซี??” มันทำหน้างงๆเอียงคอแล้วถามว่ายูบีซีคืออะไร

   “ยูบีซีก็ทรูวิชชั่นอ่ะ ไม่รู้ว่ามันกลายมาเป็นอันเดียวกันตอนไหน แต่ติดปากเรียกอันนี้มาตั้งนานแล้ว” บัสเตอร์พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด ก่อนจะดึงมือไปจับเล่นเหมือนที่มันชอบทำ ไม่รู้เป็นเพราะตัวผมเย็นหรือริมฝีปากมันร้อน พอเวลามันจูบมือแล้วขบเม้มเบาๆผมถึงรู้สึกร้อนตามไปด้วย “ตัวร้อนมากขนาดนี้นอนดีกว่าไหม”

   “แล้ววินจะนอนด้วยกันหรือเปล่า”

   “ไม่อ่ะกำลังดูหนังอยู่ มึงนอนเลย”

   “จูบหน่อยดิ”

   “ไม่ห่วงว่าพี่จะติดไข้จากบัสเลยหรือไง” ผมถามทั้งๆที่ตัวเองก็ขยับก้มหน้ามาจนจมูกแนบชิดติดกับบัสเตอร์

   “ถ้าติดก็ดีดิ ผมอยากดูแลวินจะตาย” มันพูดเสร็จก็ดึงหน้าผมให้โน้มลงไปจูบที่ปากมันเบาๆ ไม่ได้ลึกซึ้งดูดดื่มอะไร แค่ปากแตะปาก....แต่แค่นั้นก็ทำเอาใจผมวาบหวามรู้สึกเต็มอิ่มกับความรู้สึกที่บัสมอบให้ไม่ได้ ดีจริงๆที่มีมันอยู่ตรงนี้

   สรุปว่าวันนั้นทั้งวันผมกับไอ้บัสก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนอนกับดูโทรทัศน์ ตกดึกบัสเตอร์ตัวร้อนเป็นไฟจนผมคิดว่ามันจะตายคารีสอร์ทหรือเปล่า พอบังคับให้ไปหาหมอมันก็อิดออดนอนตัวหนักอยู่บนเตียงไม่ยอมไปไหน คือแม่งเด็กมากอ่ะสงสัยจะกลัวเข็มฉีดยาทีเวลาฉีดคนอื่นล่ะไม่กลัวสักนิด (ให้คิดทะลึ่งได้ครับ เพราะนับวันผมอยู่กับมันความจังไรก็มีมากขึ้นเหมือนกัน)

   “จะไปหาหมอไหม”

   “ไม่”

   “มึงกลัวอะไรเนี่ยบัส ถ้าตายขึ้นมากูไม่ทำศพให้หรอกนะ ให้แม่งนอนขึ้นอืดเป็นผีเฝ้ารีสอร์ทอยู่แบบนี้แหละ”

   “ใจร้ายมากอ่ะวิน นี่ผัววินนะ”

   “............” ผมไม่ชอบที่มันแสดงตัวแบบนี้เลยว่ะ ถึงผมจะรับได้แล้วว่าผมอยู่ตรงไหน แต่ไม่รู้ดิพอได้ยินแบบนี้แล้วลึกๆแม่งก็รับไม่ได้จริงๆนั่นแหละ...มันแปลกๆรู้สึกแย่ๆไม่ชอบให้คนมาพูดแบบนี้

   “วิน”

   “พอเถอะ” ผมไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดให้ความหงุดหงิดที่อยู่ในใจมันเพิ่มมากไปกว่านี้ ได้แต่นั่งนิ่งๆแล้วเช็ดตัวให้คนที่นอนอยู่บนเตียง บัสเตอร์คงรู้สึกสำนึกผิดขึ้นมานิดๆเลยขยับมากอดเอวผมไว้ทั้งตัว “ขอโทษนะ ต่อไปจะไม่พูดให้ลำบากใจอีกแล้ว”

   ไม่ได้ลำบากใจนะครับ แต่แค่...ยังรับไม่ได้

   เช้าวันต่อมาผมรับรู้ได้เลยว่าไอ้คนที่ป่วยเมื่อคืนพยายามแสดงออกให้ผมเห็นว่าตัวเองหายป่วยแล้ว ทั้งความกระตือรือร้นทำนู่นทำนี่ พาไปกินข้าวนอกรีสอร์ทหรือแม้แต่พาไปเที่ยว บัสเตอร์เอาใจใส่ทุกอย่างเหมือนกำลังง้อผมอยู่ พูดกันตรงๆคือผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วนะครับเรื่องมันผ่านไปแล้วคิดมากไปก็ไร้ประโยชน์อีกอย่างสิ่งที่มันพูดมาก็ไม่มีส่วนไหนเลยที่จะไม่ใช่เรื่องจริง ตอนนี้ก็ได้แต่ทำใจยอมรับมันก็เท่านั้น

   สามสี่วันสุดท้ายบัสเตอร์พาผมขับรถไปหลายที่มาก นั่งจนเมื่อยก้นไปหมด แต่พอเห็นสิ่งที่มันพาไปก็หายเมื่อยเป็นปลิดทิ้ง ทั้งเขื่อน น้ำตก หรือวัด บรรยากาศในวัดต่างจังหวัดแตกต่างกับในกรุงเทพ เพราะส่วนใหญ่วัดที่นี้จะอยู่ในป่า มีต้นไม้ล้อมรอบคนมาทำบุญก็เป็นชาวบ้านละแวกนั้น เงียบสงบดีครับ ผมไม่ค่อยเห็นบรรยากาศอะไรแบบนี้เท่าไหร่ ตอนให้อาหารปลาก็แอบตกใจที่เห็นปลาแถวนี้ตัวใหญ่อย่างกะยักษ์ บัสบอกว่ามันเป็นเขตอภัยทานคนไม่กล้าจับแต่ก็มีบ้างพวกที่ไม่กลัวบาปก็มาจับไปขายหรือไม่ก็จับไปกิน วันสุดท้ายที่เราอยู่เขาใหญ่บัสมันพาผมไปสระบุรีเพื่อซื้อของฝากกลับกรุงเทพ เลือกอยู่หลายร้านกว่าจะได้ครบทุกคนก็ปาเข้าไปเกือบเย็น เหนื่อยโคตร แต่ก็มีความสุข หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านไปไวเหมือนโกหก

   หลายคนพูดเสมอว่าความสุขมักผ่านไปเร็ว ผมไม่เคยเชื่อจนกระทั่งได้พบเจอกับตัวเอง แต่ก่อนผมเคยใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ จนเป็นเรื่องปกติ ถึงตอนนั้นจะมีความสุขเล็กๆน้อยๆจากการได้ใกล้ชิดกับหลิวแต่มันก็เหมือนเป็นความสุขที่ผมหลอกตัวเองขึ้นมามากกว่า แต่พอวันหนึ่งบัสเตอร์เข้ามา สิ่งที่เคยว่างเปล่า เคยโล่ง เคยไม่มีอะไรกลับมีสิ่งที่มีอะไรต่อมิอะไรเพิ่มเติมเข้ามา แต่ก็ไม่รู้นะว่าความคิดนี้จะเปลี่ยนไปไหมหากผมได้พบกับใครอีกคนที่อยู่กรุงเทพ บอกตรงๆว่าผมกลัว กลัวความรู้สึกตัวเอง

   เพราะคนที่รักเรากับคนที่เรารัก ส่วนใหญ่ความรู้สึกลึกๆเรารู้อยู่แล้วว่าเราจะเลือกทางไหน



   “บัสประกาศผลสอบวันไหนเหรอ” ผมถามขึ้นตอนที่เราขับรถกำลังจะกลับกรุงเทพ

   “อาทิตย์หน้า อีก 3-4 วันนี่แหละ ทำไมอ่ะ”

   “ก็เปล่า...ถามดูเฉยๆ”

   “โถ่ว คนอุตส่าห์ดีใจ คิดว่าวินจะรั้งให้อยู่ด้วยกัน” ผมยิ้มไม่ตอบอะไร “ถ้าวินรั้งผมไว้ก็คงดี....แต่ก็รู้อยู่แล้วแหละว่าคงไม่มีวันนั้น”

   และคำพูดสุดท้ายที่มันพูดผมก็ไม่ได้ตอบอะไรไปเหมือนกัน ก็ไม่รู้นี่...ว่าจะตอบอะไร


   
   บัสมาส่งผมที่บ้านเสร็จ ผมก็ไล่มันให้กลับบ้านตัวเอง เห็นมันบ่นๆเหมือนกันว่าน้ำท่าอะไรก็ยังไม่ได้กิน ผมเลยเขกหัวแล้วด่ากลับไปว่าไปกินที่บ้านตัวเองก็ได้เพราะผมกลัวคนที่บ้านมันจะคิดว่าบัสหายสาบสูญ แม่งเล่นมาอยู่กับผมเกือบๆสามอาทิตย์ได้มั้ง จนแม่บ้านผมคิดว่ามันเป็นเจ้าของบ้านอีกคนแล้ว

   “โคตรเหนื่อย” แต่มีความสุข ถ้ามีใครเดินเข้ามาในห้องตอนนี้คงคิดว่าผมบ้าแน่ๆที่จู่ๆก็นอนอมยิ้มให้กลับเพดานห้อง ผมนอนอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะหาสายชาร์ตแบตมาชาร์ตไอโฟน หนึ่งอาทิตย์ที่ไม่ได้เปิดเครื่องไม่รู้ว่ามันยังใช้งานได้หรือเปล่า เสียงเปิดเครื่องดังขึ้นพร้อมกับข้อความที่เด้งบอกว่าใครโทรหาบ้าง ยังไม่นับรวมข้อความไลน์ที่มีเกินร้อย ส่วนใหญ่เป็นพวกเพื่อนๆอย่างไอ้พอร์ช ไอ้เกมส์ หรือแม้กระทั่งข้อความแซวแกมด่าอย่างไอ้เบส และก็มีมากกว่า 50 ข้อความไลน์ที่ขึ้นเป็นตัวแดงว่าหลิวส่งมาหา

   ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงยังไม่เปิดเข้าไปอ่านข้อความตอนนี้ ถ้าเป็นแต่ก่อนคงกระตือรือร้นแล้วรีบเปิดดูแล้วว่าหลิวพูดว่าอะไร ส่งอะไรมาให้ แต่ทำไม....ไม่รู้สิ...รู้สึกแค่ไม่อยากคุย มันไม่ได้หมายความว่าผมรักน้อยลงหรอกมั้ง อาจจะแค่เหนื่อยแล้วก็ไม่อยากคุยตอนนี้มากกว่า ผมนอนหลับไปอีกครั้งตื่นขึ้นมาอีกทีตอนที่แสงแดดส่องเข้ามาในห้องพร้อมกับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นบนหัวเตียง

   “ฮัลโหล”

   (อ่าวว นอนอยู่เหรอ ผมโทรไปกวนวินหรือเปล่า) ผมหรี่ตามองดูนาฬิกาดิจิตอลข้างเตียง เก้าโมงเช้า ผมที่ทำท่าจะลุกก็ล้มตัวนอนต่อแล้วมุดหน้าลงกับผ้าห่มอีกรอบ

   “กวน...”

   (งั้นวินนอนเถอะ)

   “ไม่ๆ นอนไม่หลับแล้ว มีไรอ่ะ”

   (คิดถึง...) คำสั้นๆที่ทำเอาเลือดสูบฉีดขึ้นหน้าแต่เช้า แม่งเสี่ยวได้อีกปกติมันไม่ค่อยพูดแบบนี้หรอก ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไรช่วงนี้เหมือนจะหวานเลี่ยนจนผมแทบจะเอียนอยู่แล้ว

   “ไม่ตลก”

   (ก็ไม่ได้เล่นตลกสักหน่อย เออวินวันนี้ว่างป่ะไปดูหนังกัน)

   “ได้ ที่ไหนอ่ะ เดี๋ยวกูขับรถไป....”

   (เดี๋ยวผมไปรับก็ได้ เปลืองน้ำมัน / บัสยืมรถหน่อยนะ / ได้ไงวะเบส บัสจะใช้รถ /ก็ใช้คันอื่นไปดิ ไปนะ) ผมได้ยินเสียงพี่น้องเถียงกันอยู่ในโทรศัพท์ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนคนวิ่ง (เบสแม่งนิสัยไม่ดีวะ / แต่เบสเป็นพี่ จบนะ)

   ผมรอจนมันเถียงกันจบได้ยินบัสเตอร์บ่นเบาๆเรื่องความเอาแต่ใจของเบสแต่ก็เท่านั้นแหละไอ้เบสมันก็เป็นแบบนี้ นิสัยเด็กจนผมเองยังคิดเลยว่ามันเรียนมหาลัยหรืออนุบาลกันแน่

   “เดี๋ยวพี่ไปรับบัสก็ได้”

   (ไม่เป็นไร เดี๋ยวบัสเอารถแม่ไป)

   “เลิกดื้อเถอะน่า สัก 11 โมงเดี๋ยวกูไปรับแค่นี้นะ จะอาบน้ำ” ผมกดวางสายใส่ไอ้บัสเป็นการตัดจบการสนทนาของผมกับมันก่อนจะเดินไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วขับรถมารับไอ้บัสที่บ้าน หน้าระรื่นเชียวมึง ตั้งแต่ที่ผมเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านมันไอ้บัสก็ยิ้มไม่หุบ ไม่รู้แม่งจะมีความสุขอะไรนักหนา

   “หายไข้ยังเนี่ย” ผมถามตอนที่มันเข้ามานั่งในรถเรียบร้อย

   “คิดว่านะ” จริงๆแล้วบัสเตอร์ยังมีไข้อ่อนตั้งแต่ที่เขาใหญ่ แต่มันก็พยายามฝืนตัวเองพาผมเที่ยวนั่นนี่นู่น เห็นมันไม่บ่นอะไรผมก็จัดให้แม่งหนักเลยครับ หมั่นไส้ ทั้งตากแดดชวนมันเล่นน้ำ อยากบอกว่าหายเองดีนัก สมน้ำหน้า แต่คิดว่าคงไม่เป็นอะไรมากหน้าบานขนาดนี้คงได้นอนเต็มอิ่มล่ะมั้ง

   “กินข้าวก่อนแล้วค่อยดูหนังนะ”

   “ก็คงต้องเป็นแบบนั้น กูหิวจนจะแดกควายได้ทั้งตัวอยู่แล้วเนี่ย” ผมบ่นมันนิดๆก่อนจะขับรถมุ่งหน้ามาหาไรกินแถวอโศก บัสเตอร์เล่าเรื่องเบสให้ฟังว่าไอ้เตี้ยนั่นน้อยใจที่ไม่ชวนมันไปเที่ยวด้วย งอนแบบชนิดที่ว่าบ้านเกือบจะแตกเป็นสองเสี่ยงถ้าไม่ติดว่าพี่อาร์มมาเจอแล้วสัญญาว่าจะพาไปรอบหลังคงได้มีข่าวพี่น้องฆ่ากันตายในหน้าหนังสือพิมพ์

   ของฝากที่ผมซื้อมาเยอะจนเกินความจำเป็นยังไม่ได้เอาไปฝากใครสักคนกะว่าไม่วันนี้พรุ่งนี้ก็จะทยอยเอาไปให้เพื่อนๆ ช่วงนี้ปิดเทอมต่างคนต่างอยู่กันแบบไม่ดูดำดูดี ไอ้เกมส์หายสาบสูญมีเจอในไลน์แซวๆคุยๆมาบ้างส่วนพอร์ชกับไวท์ก็คงไปเชียงใหม่นอนสวีวี่วีกับลูกๆมันสองตัว มีแต่ผมนี่แหละที่ไม่รู้จะไปไหน ยังดีที่มีไอ้บัสอยู่ข้างๆไม่งั้นคงเหงาน่าดู

   ผมกับบัสเตอร์เราไปกินอาหารญี่ปุ่นต่อด้วยไอติมแล้วก็หนังเรื่องใหม่ที่บัสเตอร์เดินเข้าไปซื้อตั๋วแบบไม่คิดจะถามผมว่าจะดูไหม หนังที่เราดูเป็นหนังพวกซุปเปอร์ฮีโร่ที่ใกล้จะออกโรงแล้ว คนน้อยแต่ก็มีให้เห็นบ้างปะปราย เรานั่งที่นั่งแบบคู่ ตอนแรกด่ามันยับเลยว่านั่งแบบธรรมดาก็พอแต่เอาเข้าจริงพอเห็นบัสเตอร์งอนผมก็ได้แต่ยอมๆมัน ก็จริงอย่างที่มันพูดแหละผมจะแคร์คนอื่นทำไมในเมื่อคนที่ผมควรแคร์มากที่สุดควรจะเป็นคนที่มาด้วยกัน

   “เลิกงอนเถอะว่ะ ตุ๊ดนะมึงอ่ะ” ผมผลักหัวไอ้เกรียนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายงอนผม ตอนนั่งดูนั่งด้วยกันไม่มีหรอกครับความหวาน ต่างคนต่างดู ตอนแรกคิดว่ามันจะจับเหมือนอย่างที่เคยทำแต่นี้นั่งกอดอกทำเป็นเข้มจนผมกระแซะพิงไหล่มันนั่นแหละถึงอมยิ้มออกมานิดหน่อย โคตรอ่อน

   “เปล่าตุ๊ด นี่จะกินไรอีกป่ะ”

   “คงไม่แล้วว่ะ แต่แวะโลตัสแป๊บนึงนะจะซื้อของใช้ไปให้แม่บ้าน” ผมแวะโลตัสใกล้ๆบ้านผม ตอนแรกกะว่าจะไปส่งไอ้เกรียนนี่ก่อนแต่เด็กมันงอแงร้องจะไปนอนด้วยเลยปล่อยเลยตามเลยเพราะคาดว่ากลับไปบ้านคงไม่มีใครดูแล เบสเห็นมันป่วยคงด่าหรือไม่ก็แช่งให้ตายเร็วๆ ส่วนพ่อกับแม่มันเห็นว่าวันนี้กลับดึกมีประชุมอะไรสักอย่าง

   “ฝนเหมือนจะตก”

   “นั่นดิ ตอนออกจากบ้านจิ้งจกทักผมด้วย ท่าทางจะมีลางร้าย”

   “จิ้งจกเกี่ยวอะไรกับฝน”

   “นั่นดิเกี่ยวอะไรกับฝนวะ” กวนตีนจริงๆ ขอให้ได้กระตุ้นต่อมหงุดหงิดจากผมอ่ะ สักนิดสักหน่อยก็ขอให้ได้เอา

   “วิน!!!” เสียงเรียกที่คุ้นเคยทำเอาทั้งผมแล้วก็บัสหยุดชะงักก่อนจะหันกลับไปมองพร้อมกัน พอรู้ว่าเป็นใครผมก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองคนข้างๆ บัสเตอร์ถอนหายใจออกมาอย่างแรง เขาก็ไม่ได้เดินหนีผมไปไหนและก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเหมือนกัน

   มีแค่แววตาที่ส่งมาให้เท่านั้น คิ้วขมวดนิดๆ แต่มันก็มากพอทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ

   “วิน...”เสียงเรียกของหลิวดึงความสนใจของผมได้มากกว่าแววตาเจ็บปวดของบัสเตอร์ “มาได้ไง เนี่ยหลิวมาซื้อของ กำลังจะกลับพอดี หาแท็กซี่ยากมากเลยอ่ะ ไปส่งหลิวหน่อยนะ”

   “อืมไปดิเดี๋ยวไปส่ง”

   “แล้วผมล่ะวิน” สิ่งที่บัสถามกลับมามันไม่ใช่แค่เรื่องการไปส่งหลิวที่คอนโด แต่มันถามเพราะต้องการให้ผมเลือก คำพูดที่หนักแน่นของบัสเตอร์บ่งบอกว่ามันพูดจริง ตอนนี้ผมไม่มีเวลาตัดสินใจอีกแล้ว ไม่มีโอกาสลังเลอีกต่อไป เพราะตอนนี้ถึงเวลาที่ผมต้องเลือก เลือกที่จะปล่อยข้างใดข้างหนึ่ง



   ผมไม่เคยคิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้



   ทำไมต้องบีบบังคับกันด้วยวะ ไม่เห็นพร้อมเลยสักนิด




>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC
เร็วไปไหมม้วนเดียวจบ ประเด็นจะรีบเข้ามาม่าแย้ววววววววว เรื่องนี้ไม่เกิน 20 ตอนจบนะจ๊ะ ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 6 [P.1*24/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 24-04-2014 16:24:42
เนื้อเรื่องไม่เร็วหรอก กำลังพอดี ยื้อไปไม่มีเรื่องอื่นเพิ่มเดียวจะอึนไปเปล่าๆ
++ ka
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 6 [P.1*24/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 24-04-2014 17:02:48
 :katai1: ไม่ชอบหลิวเลยให้ตายสิ
ชีนี่อ่อยแล้วใช้ประโยชน์จากคนนอื่นไปทั่ว
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 6 [P.1*24/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-04-2014 17:13:43
ต้มน้ำไว้รอกินมาม่าดีก่า
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 6 [P.1*24/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 25-04-2014 03:48:14
จะดราม่าแล้วสินะ ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 6 [P.1*24/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 26-04-2014 00:40:44
เลือก

เลือก บัสเตอร์น่ะ

หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 6 [P.1*24/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 26-04-2014 08:04:49
อ้ากกกกก    เกลียดหมิว เกลียดบรรดาชะนีร้อยเล่มเกวียนในนิยายวาย
เอ้อออ แต่ไม่ชอบจริงๆนะให้ตายสิ
วินเลือกดีดีเลยนะ เลือกหมิวใช่มะละ  เพราะจะได้รู้ว่าเวลาบัสไม่อยู่เป็นไง
จะเกลียดวินอีกคนละนะ ฮึ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 6 [P.1*24/4/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 26-04-2014 10:54:59
เกลียดหลิววะ สงเรื่องละ ยังเกลียดเหมือนเดิม คงเส้นคงวา เกลียดวินด้วย ฮือออ บัสทิ้งไปเลย ใจแข็งให้นาน ๆ นะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 7 [P.2*2/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 02-05-2014 19:57:14
Chapter 7 *

Special by บัสเตอร์

“วิน...ใครคะ” ผู้หญิงที่กำลังยืนเกาะแขนเขาอยู่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก เขากวาดตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “นี่วินอย่าบอกนะว่าวินก็เป็นเหมือนพอร์ชกับไวท์น่ะ วินคบผู้ชายเหมือนกับพวกนั้นเหรอ”

 
เป็นเหมือนพี่พอร์ชกับพี่ไวท์...แล้วยังไงวะ?? ถ้าผมกับวินเป็นแบบนั้นแล้วยังไงเหรอ ตอนแรกผมคิดว่าเธอจะเลิกยุ่ง เลิกวุ่นวาย ยอมปล่อยมือวินไปแล้วนะ เหลือแค่วินเองเท่านั้นที่ไม่ยอมปล่อยเธอซะอีก แต่จากสายตาที่แสดงออกมา ผมว่าเธอคงเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของผมกับวินไม่มากก็น้อย และถ้าผมเดาไม่ผิด ผู้หญิงแบบหลิวคงทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ หรือเรียกมั่นใจของเธอกลับคืนมา
 

“เปล่า มันไม่ได้เป็นแบบที่หลิวคิดหรอก นี่น้องชายเบสน่ะ พอดีผมกับเขา...บังเอิญเจอกันเมื่อกี้นี้” ผมไม่ได้พยักหน้าตอบรับหรือเออออตามสิ่งที่วินพูดบอกผู้หญิงคนนั้น ก็ผมไม่ได้บังเอิญเจอกับวินสักหน่อย


“อ๋อ งั้นเราไปกันเลยไหมคะ” ผู้หญิงคนนั้นกระแซะเบียดกายตัวเองจนหน้าอกชนไปที่แขนของวิน

 
“หลิวไปรอที่รถนะ นี่กุญแจ เดี๋ยววินขอคุยกับน้องแป๊บนึง” วินดึงแขนตัวเองออกช้าๆแล้วยื่นกุญแจรถตัวเองส่งไปให้ผู้หญิงคนนั้นก่อนจะเดินมาที่ผม

 
นานหลายนาทีกว่าวินจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมา ผมคิดว่าเขาคงรอให้หลิวเดินไปให้ไกลจากที่ตรงนี้เสียก่อน


“มึงกลับเองได้ไหม” เขาเดินมาจับรถเข็นที่จอดอยู่ตรงหน้าผม ตอนที่เขาถาม วินเอาแต่ก้มหน้าไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตาผมสักนิด


“สรุปว่าวินจะทิ้งผม”


“ไม่ได้ทิ้ง”


“แล้วที่วินกำลังทำอยู่มันคืออะไรล่ะ”
 

“ก็ให้กลับไปก่อน เดี๋ยวกูตามไป”


“.....” ความอึดอัดระหว่าเราสองคนแล่นเข้ามาในอก ผมไม่รู้ว่าตอนนี้วินกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะเขาเอาแต่ก้มหน้า พอผมช้อนคางเขาให้เงยหน้าขึ้นมามอง เขาก็เสหน้ามองไปทางอื่น
 

“วิน...ต้องการให้ผมทำยังไงเหรอ”


“ไปรอที่บ้านกูได้ไหม...”

 
“ไม่ได้...”
 

“ทำไม่มึงเอาแต่ใจแบบนี้ล่ะ”       

 
“ใครกันแน่ที่เอาแต่ใจ...ผมมากับวินนะ แล้วผู้หญิงคนนั้นเขามาทีหลังด้วย ทำไมต้องให้ผมกลับแท๊กซี่ล่ะ ทำไมไม่เป็นเธอที่กลับแท๊กซี่เอง”


“เขาไม่ได้มาทีหลังสักหน่อย” เอ้ออ เอาเข้าไปดิ พูดแบบนี้แม่งต้องการอะไรจากผมวะ “อีกอย่างเขาเป็นผู้หญิงนะบัส บางทีมึงก็ควรให้เกียรติเขามั่ง”


“อ่าวว ผู้หญิงแล้วไงอ่ะ”

 
“ก็มึงเป็นผู้ชาย มึงก็ต้องเสียสละดิ” ผมอยากรู้จริงๆว่าใครเป็นคนคิดตรรกะที่ว่าผู้ชายต้องเสียสละทุกๆอย่างให้ผู้หญิง
 

“เหอะ ผู้หญิง...ผู้หญิงแล้วไงวะ สรุปว่าผู้ชายแม่งต้องเสียสละทุกอย่างเลยรึไง แม้แต่ความรักของตัวเองผมก็ต้องยอมเสียสละใช่ไหม สรุปว่านี่คือสิ่งที่วินเลือกสินะ งั้นผมกลับก็ได้”

 
“ไม่ใช่นะ...” วินยื้อเสื้อผมไว้ไม่ยอมให้ผมเดินจากไป พอผมหันกลับมา ริมฝีปากบางนั้นก็เม้มจนเป็นขีด “ไม่ใช่แบบนั้น”


“แล้วจะเอาแบบไหน”

 
“เราอยู่กันแบบนี้ไม่ได้เหรอ...แบบนี้...แบบที่เป็นอยู่” วินขยับมาใกล้ผมมากขึ้นก่อนจะวางศีรษะลงบนอก มือที่ยื้อเสื้อผมอยู่ไม่ได้ปล่อยแต่กลับจับแน่นราวกับกลัวว่าผมจะเดินหนีไปไหน

 
“วิน...เลิกเห็นแก่ตัวสักทีเถอะ... ผมไม่ไหวหรอกนะ...ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่ว่าผมรับได้ ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันแล้ววินโทรหาเขา วินคิดว่าผมโอเคงั้นดิ...แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลยนะ....ผมเจ็บ...วินเข้าใจไหมว่าผมเจ็บ” กว่าผมจะกลั่นคำพูดแต่ล่ะคำออกมาเป็นประโยคแบบนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะทุกคำที่พูดออกมามันไม่ต่างจากการที่ผมเอามีดกรีดใจตัวเองสักนิด

 
“แต่กู...เลือกไม่ได้”

 
“จริงๆแล้ววินอาจจะเลือกแล้วก็ได้ แต่คนอีกคนที่วินไม่เลือก วินแค่เสียดาย...ก็เท่านั้น จะบอกผมตอนนี้เลยก็ได้นะ ผมคิดว่าผมไหว”

 
“ขอเวลาหน่อยได้ไหม นะ...บัสกูขอเวลาหน่อยไม่ได้เหรอ” อึก...ความเจ็บปวดตรงหัวไหล่รับรู้ได้ว่าวินกำลังกัดผม กัดอยู่อย่างนั้น เหมือนเขาแค่ต้องการระบายความโกรธ ความอัดอั้นที่อยู่ในใจ

 
“แค่คืนนี้เท่านั้น”

 
“ไม่เอา” เขาเงยหน้าจากไหล่แล้วกระตุกเบาๆที่เสื้อผมอย่างไม่เห็นด้วย

 
“แค่คืนนี้ครับวิน....ผมให้เวลาได้แค่คืนนี้เท่านั้นจริงๆ” เราสองคนเงียบกันอยู่หลายนาที จนเป็นวินเองที่ขยับตัวเองออกจากผม เขายิ้มบางๆ รอยยิ้มที่ผมมองว่ามันช่างเศร้า หึ ดูก็รู้ว่าเขาเลือกแล้ว

 
และใช่...คนที่เขาเลือกคงไม่ใช่ผม

 



“แล้วนี่มึงจะไปรอกูที่ไหน”

 
“ไปกับวิน...”




 

 

ผมเข้ามานั่งในรถท่ามกลางสายตาไม่พอใจเล็กๆของผู้หญิงที่นั่งอยู่เบาะหน้า เธอหันไปเอียงคอถามวินแต่วินก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาจนขับรถออกจากห้างนั่นแหละเธอถึงเอ่ยปากพูด

 
"วินจะไปส่งน้องใช่ไหม"

 
"ใช่"


"งั้นวินไปส่งน้องเขาก่อนก็ได้นะ”


“แต่คอนโดหลิวอยู่ใกล้กว่า วินว่าจะไปส่งหลิวก่อน”

 
“แล้วถ้าเราสองคนอยู่กันนานล่ะ น้องเขาจะไม่รอวินแย่เหรอ” เวลาวินอยู่กับคนอื่น เขามักจะไม่ค่อยแสดงท่าทีเหมือนอย่างตอนที่อยู่กับผมเท่าไหร่ เขามักจะนิ่ง รับฟังและยิ้มเบาๆ ไม่อ้อน หรือเอาแต่ใจเหมือนตอนที่อยู่กับผม จริงๆผมก็แอบดีใจเล็กๆนะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเวลาที่วินอยู่กับหลิวมันจะมีสิ่งที่พิเศษแตกต่างจากตอนที่อยู่กับผมหรือเปล่า พอคิดถึงตรงนี้ทีไรก็ต้องถอนหายใจทุกที สำหรับผมมันคงไม่มีอะไรพิเศษหรอกมั้ง

 
“ถ้ามันจะนานขนาดนั้น ก็ให้เขารอไป” วินมองผมผ่านกระจกหลังเป็นระยะๆ สายตาที่ส่งมามันบอกความหมายได้หลายอย่าง ทั้งสับสน กังวล และกระวนกระวาย วินกำลังจนมุม ผมรู้เพราะสิ่งที่ผมยื่นให้เขามันมีแค่สองทางเลือก คือผมไม่ก็หลิว

 
"บัส จะขึ้นไปหาเพื่อนหรือเปล่า" ตอนที่ขับรถมาจอดที่ใต้คอนโดหลิว เราเดินออกมาจากรถพร้อมกัน วินจำได้ว่าเพื่อนผมอยู่คอนโดเดียวกับหลิว
 

"เพื่อนกลับต่างจังหวัด"

 
"งั้น...."
 

"ผมจะรอวินอยู่ที่นี่ "

 
"จริงๆวินน่าจะบอกให้น้องเขากลับแท๊กซี่ไปก่อนก็ได้นะ เพราะอีกนานมาก กว่าวินจะลงมา อาจจะเช้าก็ได้ ใครจะไปรู้" ผมไหวไหล่เหมือนไม่ได้แคร์ในสิ่งที่หลิวพูด

 
"ไม่หรอก น้องคงรอแหละ”
 

"อืม ยังไงก็จะรอ..." ถึงเช้าผมก็จะรอ เพราะถ้าถึงตอนนั้นผมคงพร้อมจะตัดความสัมพันธ์ของเราสองคนด้วยมือของผมเอง

 
สามชั่วโมงกับการรอวินลงมาจากห้องของหลิว สิ่งที่ได้รับคือข้อความไลน์ที่ส่งมาบอกว่าให้ผมกลับก่อน ไม่งั้นก็ไปรอที่บ้านเขา แต่สิ่งที่ผมตอบกลับเขาไป คือยังรออยู่ที่เดิม ผมมาถึงหอหลิวประมาณทุ่มกว่า ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบๆห้าทุ่ม ผมนั่งรอเขาอยู่ในรถ มองลานจอดรถที่มีรถจอดอยู่ไม่กี่คัน ไม่นานก็มีมาสด้าสามสีขาวขับมาจอดข้างๆกับรถผม ผู้หญิงคนนั้นหยิบของทั้งหมดออกจากรถ ซึ่งของส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่น้อยๆ

 

“พี่ครับ เดี๋ยวผมช่วยถือ”

 
“โอ๊ะน่ารักจริงๆเลย ขอบคุณนะจ๊ะหนุ่มน้อย แล้วนี่เรารอใครอยู่เหรอ” พี่สาวคนนั้นส่งของมาให้ผมถือส่วนหนึ่ง ก่อนจะเดินนำหน้าผมไปที่ลิฟต์


“เพื่อนน่ะครับ”
 

“อื้ม จริงๆจะขึ้นไปนอนรอบนห้องพี่ก็ได้นะ มีน้ำ ขนม ของหวานเพียบเลย” แววตาหยอกล้อ ทั้งยั่วยวนและดูเซ็กซี่

 
“ฮ่า ฮ่า” แค่หัวเราะกลบเกลื่อนไม่ได้ตอบรับคำชวนของเธอหรอก ผมรู้ว่าพี่สาวคนนี้ก็ไม่ได้พูดจริงจังอะไร แต่คิดว่าถ้าได้ก็คงดี ผมส่งเธอแค่หน้าห้อง พี่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีจะคะยั้นคะยอผมให้เข้าไปในห้องด้วย

 
“ขอบคุณมากนะจ๊ะ”

 
“ครับไม่เป็นไร”


“นะ วินอยู่กับหลิว” จูบเร่าร้อน ลึกซึ้งหน้าห้องพักที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงที่ผมอยู่ ทำเอาทั้งผมกับพี่สาวคนนั้นอดชะเง้อมองดูคนสองคนที่กำลังนัวเนียอยู่หน้าห้องไม่ได้


“น่าเกลียดจริงๆ หนุ่มสามสมัยนี้ เราก็กลับไปรอเพื่อนที่รถไป จะมายืนดูหนังสดอะไรตรงนี้ พี่ไปและ”  เสียงประตูปิดลง แต่ผมก็ยังไม่เดินหนีไปไหน มือวินที่ขยับขึ้นกอดเอวพร้อมกับสอดเข้าไปในเสื้อตัวจิ๋วของผู้หญิงคนนั้น

 
“นะ อย่าเพิ่งไปเลย อยู่กับหลิวก่อน”

 
“แต่น้องรออยู่”

 
“วิน...ไหนวินบอกว่ารักหลิวไง” จริงๆผมควรจะเดินหนีออกมาตั้งนานแล้ว แต่ผมแค่รอฟังว่าวินจะพูดอะไร
 

“รักสิ รักมาตลอด...” เท่านี้ก็ชัดเจนแล้วสินะ

 

 

ผมนั่งรอวินอยู่ในรถ ไม่ได้ขยับไปไหน นั่งอยู่ในนั้น พลางคิดถึงเรื่องราวระหว่างเราที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ที่เจอเขาครั้งแรก มีอะไรกันครั้งแรก ดูหนังด้วยกันครั้งแรก ผมกับเขามีครั้งแรกด้วยกันเยอะแยะไปหมด และนี่ก็จะเป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ผมจะตัดใจจากเขาสักที ถ้าบอกว่าไม่เสียใจเลยมันก็ดูจะเป็นเรื่องตลกสุดๆ ผมรักเขาขนาดนั้น ความเสียใจมีอยู่จนล้นแทบจะทะลักออกมาจากอก แต่อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนไม่เหมือนคนอื่น ถ้าเลือกจะลืมแล้ว ผมจะลืมทุกอย่าง แม้แต่ความรักที่เคยให้เขาไป ผมจะไม่เกลียดเขา เพราะเขาไม่ผิดอะไร เป็นผมเองตั้งหากที่เดินเข้ามาหาเขาเอง...

 

เหนื่อยชะมัดเมื่อไหร่มันจะจบสักที

 

 


“พี่ปลุกเราหรือเปล่า”

 
“เปล่าครับ” ผมส่ายหน้าให้วินที่เปิดประตูฝั่งคนขับเข้ามา ผมยื่นกุญแจรถให้เขา แล้วยิ้มเบาๆก่อนจะหันไปรัดเข็มขัดนิรภัย วินไม่พูดอะไรออกมาอีก เขาขับรถมาเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน นาฬิกาดิจิตอลในรถบอกเวลา ตีสองสี่สิบห้า รถในกรุงเทพ ณ เวลานี้แทบจะนับจำนวนคันได้ ส่วนใหญ่เป็นแท็กซี่ที่รอรับกลุ่มคนที่เลิกจากเที่ยว บางคนมากันเป็นคู่ บางคนมาคนเดียวแต่เวลากลับก็มีคนกลับด้วย ความใคร่แบบวันไนท์แสตนด์ จริงๆมันก็ไม่ได้ต่างจากเรื่องของผมกับวินเท่าไหร่ แค่ผมกับวินเราไม่ได้เจอกันแค่คืนเดียว แต่เจอกันบ่อยกว่าคู่อื่นก็เท่านั้น ผมกับวินเราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกว่าเราจะไม่ผูกพันกันทางใจ แต่เป็นผมเองที่เลือกเอาใจผูกกับเขา จริงๆก็ผูกกับเขามาตั้งแต่ที่เจอหน้าครั้งแรกแล้วล่ะ แต่แค่ไม่คิดว่าวันนึงมันจะกลายเป็นความรักขึ้นมาจริงๆ พอมันกลายเป็นความรัก ผมก็เรียกร้องให้เขายึดติด เรียกร้องให้เขาเลือก ทั้งๆที่ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นด้วยซ้ำ

 
ตอนนี้คิดว่า...ผมเข้าใจแล้วล่ะ เข้าใจทุกๆอย่าง
 

“ขอบคุณครับที่มาส่ง”

 
“มึงจะไม่ถามหน่อยเหรอว่ากูเลือกใคร”
 

“ไม่ต้องถามก็รู้ ว่าวินเลือกใคร....”

 
“มึงแน่ใจได้ไงว่ามันจะเป็นอย่างที่มึงคิด...บางที....” วินพูดออกมาแค่นั้นก่อนจะ เงยหน้าพิงเบาะรถอย่างอ่อนแรง “ขอเวลาอีกหน่อยไม่ได้เหรอ”
 

“............”


“ตอนนี้วินยังปรับตัวไม่ทันเลย นะบัส...ขอเวลาให้วินอีกหน่อยได้หรือเปล่า” เกือบใจอ่อนกับคำพูดและก็สีหน้าที่วินแสดงออกมาแล้วนะ มือที่เอื้อมมาสอดประสานเข้ากับนิ้วของผม ผมเกือบจะบีบมันแน่นแล้วพูดว่า ได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ได้น่ะสิ


ผมบอกตรงๆว่าตอนนี้ ... ผมหมดใจ

 
“ไม่ว่าวินจะเลือกใคร ผมก็ไปอยู่ดี”
 

“หมายความว่าไง”

 
“จริงๆเรื่องนี้ผมคิดไว้นานแล้ว คิดไว้ตั้งแต่ก่อนที่เราจะไปเที่ยวเขาใหญ่กัน ผมวางแผนไว้ว่าการเที่ยวครั้งนั้นมันจะเป็นความทรงจำครั้งสุดท้ายระหว่างเรา และวันประกาศผลแอดมิดชั่นผมจะเดินออกมาเอง แต่เรื่องของพี่หลิวมันเกิดขึ้นก่อน ผมก็เลยคิดว่าไปตอนนี้ก็ไม่ต่างเท่าไหร่” จริงๆหลังกลับมาจากเขาใหญ่ ผมลืมไปแล้วด้วยว่าผมวางแผนอะไรไว้ ลืมไปแล้วว่าผมจะอยู่กับวินอีกแค่สามอาทิตย์แล้วหลังจากนั้นผมก็จะไม่ยุ่งกับวิน แต่ความสุขทำให้ผมลืมความจริง ต้องขอบคุณพี่หลิวจริงๆที่ทำให้ผมนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้


"บัส.."

 
“อีกอย่าง..วินน่ะไม่ได้ชอบผม...ใช่ไหมล่ะ”
 

“ไม่ใช่นะ..”

 
“พอเถอะ...รู้ทั้งรู้ว่าใจตัวเองเลือกใครก็ยังมาพูดกับผมแบบนี้ เลิกเห็นแก่ตัวสักทีวิน เลิกนิสัยแบบนี้ได้แล้ว” ผมดึงมือตัวเองออกจากมือวิน  เขานั่งนิ่ง เงียบ ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีน้ำตา มีแค่แววตาที่สะท้อนกลับมาให้ผมเห็น

 
“กูแค่สับสน...ให้เวลากูหน่อยไม่ได้รึไง มึงไม่คิดเหรอว่าหลิวเขาน่าสงสาร เขา...ไม่มีใครเลยนะ”

 
“แล้วผมล่ะ...วินคิดว่าผมไม่น่าสงสารบ้างเหรอ” ไม่รู้เลยว่าเสียงตัวเองมันสั่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ “ผม...ต้องทนดูวินรักเขา โดยที่ไม่รู้เลยว่าวินจะหันมารักผมตอนไหน ผมไม่ใช่พระเอกนะวิน ผมเจ็บเป็น ผมทนไม่ได้แล้วว่ะ ผมเหนื่อย พอเถอะ เรื่องของเราให้มันจบแค่นี้แหละ”

 
“บัส...” วินครางชื่อผมพร้อมกับรั้งชายเสื้อผมไม่ให้ขยับลงจากลงรถ “ถ้าสมมติกูเลือกมึงล่ะ”

 
รู้เลยว่าเขาจับชายเสื้อผมแน่นแค่ไหน  ถึงในนี้มันจะมืด แต่ผมก็เห็นว่ามือเขากำเสื้อผมแน่นจนเส้นเลือดปูด ผมขยับหันหน้ามามองวินอีกรอบ ดวงตา จมูก โครงหน้า โดยรวมแล้วเขาเป็นคนหล่อคนหนึ่งเลย แต่ไม่รู้ทำไมตอนที่เจอครั้งแรกผมถึงมองว่าเขาน่ารัก ริมฝีปากบางที่ผมจูบทีไรก็อดก้มลงไปลิ้มลองอีกครั้งไม่ได้ แต่ริมฝีปากยังมีรอยลิปสติกของผู้หญิงคนนั้นเลอะอยู่เลย ผมยกมือขึ้นเช็ดลิปสติกสีแดงที่เลอะตรงมุมปากให้เขา วินเม้มปากแน่น สายตาที่ส่งมา... มันเหมือนกับว่าวินกำลังเรียกร้องให้ผมจูบเขา เหอะ น่าขำ ทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งจูบกับคนอื่นมาแท้ๆ

 

 

“บัส...”

 


 

"พอเถอะครับพี่วิน ที่ผ่านมาผมขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างนะครับ ต่อจากนี้ผมขอเป็นแค่น้องชายของเพื่อนพี่ดีกว่า แล้วเจอกันครับพี่ ขับรถดีๆนะครับ”

 

 

 

 

 >>>>>>>>>>>>>>TBC

หลิวเอาอีกแล้วT^T ทำไมทุกเรื่องจะต้องมีผู้หญิงคนนี้มาเกี่ยว แต่ลองมองอีกมุมว่าจริงๆเธออาจจะแค่ต้องการสร้างความมั่นใจให้แก่ตัวเองอย่างที่บัสพูดก็ได้

แต่ตอนนี้คนแต่งสงสารวินอ่ะ

ปล.รักคนอ่าน>< :mew1:
 

 
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 7 [P.2*2/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 02-05-2014 21:18:13
สงสารวิน??? ไม่เลย ปล่อยให้จมกองทุกข์ไปเลย
บัสไปแล้วอย่ากลับมาคืนดี มีคนใหม่ไปเลย ให้คนตัดสินใจอะไรไม่ได้กระอักเลือดในอกตายไปเลย

เบื่อพวกโลเล คิดมาก จบแบบนี้ท่าจะดีนะ

++ค่า
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 7 [P.2*2/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Gapompom ที่ 02-05-2014 22:58:04
คนที่น่าสงสารที่สุดคือ บัส ไม่ใช่ วิน
การที่เราเห็นคนที่เรารักไปรักคนอื่น แค่นี้ก็เจ็บมากพอแล้ว
ทั้งๆที่อยู่ด้วยกัน แต่พอคนนั้นเข้ามา
เขาก็เลือกคนนั้นแล้วให้เรารอเขา และทิ้งเราไปกับคนนั้น
ถ้าเขาเลือกไม่ได้ เราก็ควรออกมา เจ็บตอนนี้ ดีกว่าเจ็บไปตลอด
เพราะงั้นบัสทำถูกที่สุดแล้วที่เดินออกมาจากวิน
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 7 [P.2*2/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 02-05-2014 23:05:08
ขอให้ลืมได้ในเร็ววัน ปล่อยมันไปเถอะบัส

คนโลเล เห็นแก่ตัวไม่มีค่าให้รักค่ะ
ส่วนใครน่าสงสารแค่ไหนก็ไม่มีสิทธิทำร้ายคนอื่น
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 7 [P.2*2/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 02-05-2014 23:05:48
 :fire: เอาจริงๆนะ ไม่สงสารวินเลยอ่ะ ตอนนี้วินมันเป็นคนเห็นแก่ตัวชัดๆ จะเรียกว่าโลเลก็ไม่ได้
เพราะ วินมันก็รู้ว่าตัวเองรักหลิว แต่กับบัสยังแค่รู้สึกดีแต่ยังไม่รู้ว่ามากขนาดไหน

 :z6: ส่วนหลิว เราหมั่นไส้นางมาก อินี่มันตัวคนเดียวที่ไหน ร่านเอากับ ผช ไปทั่วไม่ใช่เหรอ ไม่เข้าใจว่าทำไมวินรักคนแบนี้

 :hao5: ห่างๆกันก็ดีนะ ถ้าวินมันสำนึกตัวเองช้า อยากจะเชียร์ให้บัสมันเจอคนใหม่ดีๆจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 8 [P.2*10/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 10-05-2014 20:27:18
Chapter 8


หนึ่งหรือสองเดือนได้แล้วมั้งที่ผมกับบัสเตอร์ไม่ได้ติดต่อหรือคุยกันเลย เขาไม่โทรมา ผมเองก็ไม่กล้าพอจะโทรหาเขา ก็...ในเมื่อเขาเอ่ยปากตัดความสัมพันธ์ขนาดนั้น ผมคงไม่กล้าโทรไปหาเขาหรอก ป่านนี้จะเป็นยังไงมั่งก็ไม่รู้ เห็นเบสบอกว่าย้ายไปอยู่คอนโดแถวๆมหาลัย บัสเตอร์ไม่ติดมหาลัยที่เชียงใหม่ แล้วก็ไม่ติดมหาลัยในเขตปริมณฑลด้วย แต่เขาติดมหาลัยเดียวกับผมแล้วก็เบส คณะศิลปกรรมอย่างที่มันบอกว่าจะเรียนนั่นแหละ แต่ถึงอยู่มหาลัยเดียวกัน...มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก



วันแรกที่มันบอกเลิกความสัมพันธ์ของเรา เบสโทรมาหาผมในเช้าวันต่อมาบอกว่ามันไม่เคยเห็นบัสเตอร์ร้องไห้เลยสักครั้ง บัสเองก็ไม่รู้ว่าไอ้เบสรู้เรื่องนี้



(มันเข้ามานอนที่ห้องกู อยู่ๆก็เปิดประตูเข้ามาแล้วก็สอดตัวเข้ามาในผ้าห่ม เสียงถอนหายใจหนักๆ ตอนแรกกูจะหันไปพูดกับมันแล้ว....แต่..)


“แต่อะไร”


(แต่มันกอดกูก่อน กอดแน่น แน่นมากอ่ะมึง สักพักกูก็รู้ว่ามันร้องไห้ เพราะความชื้นที่เสื้อ...ตอนแรกกูก็คิดว่ามันอาจจะเป็นแค่เหงื่อ...แต่มันไม่ใช่...เพราะสิ่งที่มันพึมพำออกมามันไม่ใช่...มึงคิดว่ามันพูดอะไร ให้ทาย) บางทีผมก็อยากถีบเพื่อนตัวเอง แม่งจะมาให้ผมเดาทำไม


“ไม่รู้ดิ...กูไม่ได้อยู่ตรงนั้น”


(มึงพูดเหมือนมึงไม่อยากรู้)


“ขอร้องล่ะเบส...บอกกูเถอะ ตอนนี้กูไม่ไหวจะมาเล่นลิ้นหรือเล่นเกมส์ตอบคำถามกับมึงหรอกนะ”


(มันพูดว่า ผมเลิกชอบเพื่อนเบสแล้วนะ ผมเลิกรักพี่วินแล้ว)


“...................”

 
(เชื่อไหมว่ากูได้ยินมันเรียกมึงว่าพี่แค่ไม่กี่ครั้ง และนี้ก็เป็นอีกครั้งที่มันเรียกมึงแบบนั้น)


"......"


(มึงจะเงียบทำไมเนี่ย มึงไม่ได้รักเขาไม่ใช่เหรอ)


"ไม่ใช่..."


(ไม่ใช่แล้วอะไร รักเหรอ แล้วหลิวล่ะ ไหนบอกว่ารักผู้หญิงคนนั้น ถามตัวเองดูที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เสียใจ? หรือ เสียดาย? กูแนะนำมึงนะวิน มึงกลับไปหาอินั่น...โอเคๆให้เกียรติผู้หญิง กลับไปหาหลิว ผู้หญิงที่มึงรักปานจะกลืนกินคนนั้น ทุกอย่างก็จะจบ ไม่ต้องนึกถึงว่าบัสเคยรู้สึกยังไงต่อมึง เพราะตอนนี้...ไม่มีแล้ว)


"บัสมันลืมกูได้จริงๆเหรอ..." ทำไมล่ะ ทำไมมันถึงลืมกันหรือตัดใจกันได้ง่ายดายขนาดนั้น


(บัสเตอร์เป็นคนแปลกๆ มันไม่เหมือนกับคนอื่น ถ้ารักคือรักและทุ่มเท กูพูดจริงๆว่าถ้ามันเลิกชอบ ก็คือเลิกแหละมึง...เออแค่นี้พี่
อาร์มโทรมา)



หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้ติดต่อเบสอีก จริงๆมันไลน์มาบอกผมว่าไม่ต้องโทรหา เพราะมันคงไม่อยู่ช่วงปิดเทอม ส่งสติ๊กเกอร์เข้ามาในกลุ่มแล้วบอกว่าจะไปฮันนีมูนกับพี่อาร์ม ไอ้เกมส์กับไอ้ไวท์หมั่นไส้ขั้นสุดจนถึงขนาดแอบมาถามผมนอกรอบว่ามันจะไปเปิดตัวกับที่บ้านพี่อาร์มแล้วหรือเปล่า แต่ก่อนไวท์เป็นพวกโลเทคโนโลยี แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วแฟนมันนั่นแหละที่สอน จะว่าไปช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้คุยกับไวท์เท่าไหร่ แต่ก่อนเวลาจะไปไหนมาไหนผมไม่เคยลืมเลยที่จะโทรหาไวท์


ไวท์เป็นคนแรกๆที่ผมจะห่วงเสมอ เป็นเพื่อนคนแรกๆที่ผมพร้อมจะปกป้องและก็ดูแล แต่พอเรื่องระหว่างพอร์ชกับไวท์ดูราบรื่นขึ้นผมก็ไม่ค่อยได้ติดต่อไวท์เท่าไหร่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรื่องนั้น อีกส่วนเป็นความรู้สึกผิดลึกๆที่ผมทำกับเขาสองคน ผมเคยคิดที่จะแยกเขาสองคนออกจากกัน ผมโกหกที่จะปกป้องไวท์ จริงๆแล้วผมอยากปกป้องหลิว ผมอยากเห็นหลิวยิ้ม ไม่อยากให้เขาร้องไห้ อยากให้พอร์ชกลับมาดูแลคนที่ผมรัก แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผิดแผนไปหมด ตอนนั้นคนที่อยู่ข้างผมแล้วพูดว่าช่างมันเถอะ วินไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรหรอก ก็มีแค่บัสเตอร์เท่านั้น เขาอยู่ข้างๆผมมาตลอด จับมือ ปลอบ รู้ทั้งรู้ว่าหลังจากเกิดเรื่องนั้นเขาก็เกือบจะกลายเป็นส่วนเกิน แต่เขาก็ยังไม่ไปไหน เขาอยู่กับผม จนผมคิดว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เราอยู่แบบนี้ก็ได้ ไม่ต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง แต่ทำไมตอนนี้บัสถึงทำแบบนั้นไม่ได้ ทำไมล่ะ



ทำไมเราถึงเป็นเหมือนตอนนั้นไม่ได้



ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด

 


 
ผมมุดหน้าลงกับหมอนแล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ในมือยังมีโทรศัพท์มือถือกับภาพของผมกับมันที่มีอยู่น้อยนิด น้อยมาก จริงๆมีแค่ไม่กี่สิบรูปด้วยซ้ำ ผมเปิดดูเฟสบุคของบัสในนั้นไม่มีอะไรอัพเดตสักอย่าง จริงๆมันแทบจะเป็นเฟสร้างไปแล้วด้วย


“ตอนนี้มึงทำอะไรอยู่วะ...” รู้ไหมว่ากู.....



แกร๊ก


“ไง...” ผมหันไปตามเสียงเรียก พร้อมกับใครสักคนที่เปิดประตูเข้ามา “มึงคิดว่าตัวเองจะนอนอยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหนกัน”


ผมขยับตัวพิงเตียงเอียงคอถามผู้ชายที่เดินเข้ามานั่งบนเตียงผม “มาได้ไง”


“หายตัวมามั้ง มึงไม่ติดต่อหากูเลย...ปิดเทอมแบบนี้ปกติโทรหากูตลอดไม่ใช่หรือไง”


“ก็กูไม่ค่อยมีเวลา” ผมยิ้มตอบมันเบาๆ


“อยากกอดกูไหม”


“ทำไมกูต้องกอดมึงด้วยวะไวท์” ผมเบ้ปากใส่ไอ้ไวท์ เพื่อนสนิทอีกคนของผม จำไม่ได้แล้วว่านานเท่าไหร่ที่ผมกับมันไม่ได้นั่งคุยกันแบบนี้


“กูตัวหอมนะ...แต่ก่อนมึงชอบกอดกูไม่ใช่เหรอ”


“อะไร..ไม่ใช่สักหน่อย”


“ตอแหล กูรู้ว่ามึงแต๊ะอั้งกู”


“ฮ่าฮ่า” ผมหัวเราะออกมาในที่สุดก่อนจะดึงคนตัวหอมมาไว้ในอ้อมกอด ไวท์ยกมือขึ้นกอดตอบผมช้าๆ ความรู้สึกอบอุ่นแทรกเข้ามาในหัวใจ มันเต็ม และมากพอที่จะทำให้ความเครียดหลายๆอย่างบรรเทาลง


“แม่บอกว่ามึงเอาแต่อยู่ในห้อง”


“อื้อ...”


“แล้วนี่อาบน้ำยังเนี่ย”


“ทำไม ถ้ากูไม่อาบน้ำแล้วมึงจะไม่ยอมให้กอด” ผมวางศีรษะตัวเองไว้บนบ่าเล็ก เอียงหน้ามองคนตรงหน้า ไอ้ไวท์ยกมือขึ้นเขกกะโหลกผมเบาๆแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะผลักตัวผมออกจากบ่าตัวเอง ตัวไวท์หอมจริงๆนั่นแหละ


“ก็แนวๆนั้น”


“อาบแล้ว...ขอกอดหน่อยนะ” ผมชอบอ้อนไวท์ และเกือบทุกครั้งมันตามใจผม ยกเว้นเสียแต่ว่า...


“อะไรน่ะ” ไอ้ตัวปัญหาที่ไม่ได้รับเชิญที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงประตู “ไหนบอกว่าจะพามันไปแดกเหล้าไม่ใช่เหรอไวท์  แล้วนี่อะไรวะ”


“พอร์ชกูบอกให้มึงรอข้างล่าง”


“อะไรอ่ะ” หน้าไอ้พอร์ชยู่ยี่ทำปากเบะเหมือนแมวที่กำลังขอร้องเจ้าของให้เดินตามมันไป แต่แน่นอนเจ้าของคนนั้นอยู่ในอ้อมกอดผม และผมก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยด้วย ผมหมั่นไส้ไอ้พอร์ช


“พอร์ช...ข้างล่าง”


“ไม่เอา”


“พอร์ช”


“ไวท์อ่า..” มันอ้อนอีกครั้ง แต่ก็เท่านั้นเพราะแค่ไอ้ไวท์หันไปเลิกคิ้วนิดเดียวมันก็ยอมอ่อนลงง่ายๆ ” เออๆ ก็ได้ เชี่ยวินมึงเลิกกอดไวท์ได้แล้ว แม่งเอ๊ย!!!” มันโวยวายแต่สุดท้ายก็เดินออกจากห้องไป


“ไอ้พอร์ชดูเปลี่ยนไปนะ”


“มาก”


“มึงทำไงอ่ะ”


“ก็ไม่ได้ทำอะไร แค่ทำให้มันรู้ว่ากูใหญ่สุด” ผมล่ะเชื่อกับไอ้ไวท์จริงๆ


“แล้วที่มันบอกว่าจะพากูไปกินเหล้า”


“ใช่ กูนัดสังสรรค์ วันนี้วันเกิดเกมส์ มึงคงลืมไป กูเลยมาเตือนสติ” เออว่ะ ผมลืมสนิทเลยว่าวันนี้วันเกิดเกมส์ ที่ผ่านมาผมเอาแต่นอนจมอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม แทบไม่รู้วัน รู้คืน ใดๆทั้งสิ้น “บางทีมึงควรออกไปข้างนอกบ้าง ชีวิตมันควรเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว”


“กูไม่ไหว”


“วิน...เรื่องนี้มึงเป็นคนเลือกเองไม่ใช่เหรอ มึงเลือกแล้ว”


“แต่ไวท์...กู”


“เอาน่าเดี๋ยวเรื่องนี้เราค่อยคุยกัน ไปแต่งตัวได้แล้วกูรอข้างล่างนะ” ผมพยักหน้าตอบไอ้ไวท์เสร็จก็เดินเข้าไปอาบน้ำ หลังจากนั้นมันสองคนก็ขับรถไปที่ผับประจำ ผับที่ผมพามันสองคนมาเจอกันครั้งแรก


วันนี้คนไม่เยอะ จริงๆแทบจะไม่มีหรือน้อยมาก ไอ้เกมส์นั่งอยู่ตรงชั้นสองโบกมือให้ผมกับพวกไอ้พอร์ชที่เดินเข้ามา


“ไวท์ หลังจากนี้เราไปทะเลกันไหม” ผมหมั่นไส้เชี่ยพอร์ชมากถึงมากที่สุด ตั้งแต่แม่งขึ้นรถแหละ ออเซาะไอ้ไวท์เสียจนผมแทบอยากจะถีบให้มันดิ้นตายตรงหน้า เชื่อไหมตอนขึ้นรถมามือมันแทบจะไม่ปล่อยจากมือไอ้ไวท์เลย จับแน่นทำราวกับว่าไวท์มันจะหนีหายไปไหน แต่พอมาคิดๆดูอีกที ผมคิดว่ามันคงทำเป็นประจำ เพราะไวท์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดึงมือออก


“เราเพิ่งไปเชียงใหม่กันมา”


“แต่กูหมายถึงทะเล” ไอ้พอร์ชเข้ามานัวเนียไวท์อีกรอบ มือที่กอดรอบเอวกับหน้าที่ซุกลงบนบ่า มันดึงตัวไวท์ให้นั่งลงบนตัก ผมหันไปมองไอ้เกมส์แบบเอือมๆ มันก็ทำไรไม่ได้นอกจากส่งสายตาเอือมๆกลับมา


“เชี่ยพอร์มึงเลิกนัวกูได้แล้ว” ไอ้ไวท์พูดเสร็จก็กระทุ้งศอกไปที่พอร์ช


“อึก...ไวท์...พอร์ชเจ็บนะ” สมน้ำหน้า หน้ามันตอแหลมากอ่ะ ตอนที่มันพูดแทนด้วยชื่อตัวเอง ไวท์ขยับมานั่งข้างผมก่อนไอ้พอร์ชจะขยับมานั่งใกล้ๆ


“กูเอือมมึงจริงๆว่ะพอร์ช”


“ก็กูอยากอยู่ใกล้มึง”


“ไข่มึงอยู่ติดกูหรือไง”


“เคยติดบ่อย”


“ไอ้..เอี้ย” ผมเลิกสนใจการรวมร่างของมันสองคนแล้วหันไปมองไอ้เกมส์แทน


“มึงเป็นไงมั่งวะ”


“ก็เรื่อยๆ แต่มึงคงไม่สินะ” เหล้าสีอำพันถูกกระดกเข้าปากมันก่อนสายตาที่เบนไปตามที่ต่างๆจะหันกลับมามองที่ผม


“พวกมึงรู้เรื่องกูหมดทุกคนเลยเหรอ”


“อื้ม รู้หมด รู้ด้วยว่ามึงอยู่ฝั่งไหน คิคิ” ใครถามมึงวะพอร์ช บางทีเงียบๆไปก็ไม่มีใครเขาด่ามึงหรอก


“คิคิพ่อง” ผมปาฝาโซดาที่อยู่แถวนั้นใส่ไอ้พอร์ชอย่างแรง แม่งดูมันดิ มันกวนตีน ทำยักคิ้วหลิ่วตาล้อผมไม่พอยังหันไปพูดอะไรสักอย่างกับไวท์อีก พวกมันต้องมีอะไรบางอย่างปิดผมไว้แหงๆ


“เห็นไหมกูบอกมึงแล้ว” ไอ้ไวท์ก็อีกคน


“อะไรของพวกมึงวะ กระซิบกระซาบกันอยู่นั่น”


“เปล่า”


“เปล่าเชี่ยไรก็กูเห็น” ผมหัวเสียกับมันสองตัวมากอ่ะ ขี้เกียจจะสนใจแล้วแม่ง “พอเลย เลิกมองหน้ากูแบบนั้นได้ไหมไวท์”


“วิน” ไวท์เอื้อมมือมาลูบเบาๆที่แก้มผม “รู้ตัวหรือเปล่าว่าน่ารักขึ้น”


“.........”


“เห็นไหมเกมส์มึงดู มึงดูหน้าไอ้วินดิ หูแดงแปร๊ดเลยว่ะ ฮ่า ฮ่า” ไอ้ไวท์หัวเราะเสียงดังลั่นก่อนจะเอนหลังพิงผัวมัน ใช่เรียกแม่งอย่างงี้แหละ ผัวมันที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่ต่างจากไอ้ไวท์ มันกอดเอว เอามือสอดเข้าไปในเสื้อ ลูบเบาๆ ไอ้ไวท์ไม่รู้ตัวเพราะมันกำลังหัวเราะ ส่วนไอ้พอร์ชหัวเราะด้วย ลวนลามแฟนมันไปด้วย เออแม่งโรคจิต ปกติเวลาที่อยู่ด้วยกันสองคนมึงใช้เวลาไม่พอหรือไง


“พอเถอะไวท์” กูอาย...แม่งเอ๊ย!!


“ฮ่า ฮ่า โอเคๆแดกเหล้าดีกว่า เชี่ยพอร์ช พอเลยมือมึงอ่ะ คิดว่ากูโง่ใช่ไหม” ผมละสายตาจากมันสองคนอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองผู้คนที่กำลังเข้ามาในผับ มากหน้าหลายตา มีทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน  ผู้คนเหล่านี้มาปลดปล่อยความเครียดแล้วหาความสุขเข้าใส่ตัว เสียงเพลงยังดังตึงตังในหัว มันดังมาก แต่ไม่มากพอที่จะดังกลบความรู้สึกผมที่มีต่อใครคนนึง



ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบัสเตอร์จะกลายมาเป็นคนที่มีอิทธิพลกับผมมากมายขนาดนี้  หรือจริงๆแล้วผมอาจจะรักบัสเตอร์...งั้นเหรอ


“รักดิ” เสียงไอ้พอร์ชพูดบอกไอ้ไวท์ที่กำลังยื้อไอโฟนจากมือไอ้พอร์ช


“ถ้ารักมึงก็ลบรูปในไอจีมึงเลย เชี่ยพอร์ชเอามา มึงเอารูปนั้นไปลงได้ไง”


“ก็รักแบบพอร์ชมันเป็นรักที่ต้องแสดงออกอ่ะ”


“จะลบไหม”


“ไวท์มันไม่มีไรเลยนะ แค่รูปที่มึงนอนบนเตียงตอนหลับ...แค่นั้น”


“แต่รูปนั้นกูไม่ได้ใส่เสื้อไงสัส ลบออกเดี๋ยวนี้” หึ ถึงว่าทำไมไอ้ไวท์มันถึงโกรธจัดขนาดนี้ แต่ถึงลบไปก็เท่านั้นแหละครับ แฟนคลับมันคงแคปรูปพวกนั้นไว้แล้วเรียบร้อย


“วิน” ไอ้เกมส์เรียกผมให้หันไปมอง ควันบุหรี่ถูกพ่นออกจากปาก ก่อนจะเบนหน้าลงไปชั้นล่างของผับ “มึงดูนั่นดิ ใช่บัสเตอร์หรือเปล่าวะ”


“ไหน” ไม่ต้องให้ไอ้เกมส์พูดบอกกับผมเป็นครั้งที่สอง ผมรีบหันไปมองกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้ามาในผับ ใช่...ในนั่นมีบัสเตอร์ และก็มีคนอีก 5-6 คนที่ผมไม่รู้จัก เขากำลังหาที่นั่ง ก่อนจะนั่งลงใกล้ๆกับเวที บัสเตอร์ดูไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย เขาไม่เปลี่ยนสักอย่างทั้งรอยยิ้ม หุ่น หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าเขาเครียด หรือคิดมาก เขาดูสบายมากเสียจนผมอดคิดไม่ได้ว่าเขาไม่เคยเสียใจเลยรึไงที่เดินจากผมไปแบบนั้น


“ดูมันสบายดี...”


“อื้อ”


“กูว่ามันตอแหลมึงแล้วแหละเรื่องที่มันบอกว่ารักมึงมากอ่ะ ถ้ารักมากมันก็ต้องมีร่องรอยแห่งความเศร้ามั่งดิวะ ดูดิยิ้มแป้นแล้น มีความสุขจะตายห่า” นั่นดิ ผมคงเข้าใจเรื่องนี้ผิดมาตลอด


“อย่าไปมองมันเลย มึงก็อยู่ของมึงเหมือนเดิม หลิวไง อยู่กับหลิว คนที่มึงรัก”


“อื้อ..ก็คงงั้น” ผมเอนตัวพิงเบาะนั่งด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะหลับตาลงช้าๆ รักหลิวงั้นเหรอ ผมว่าตอนนี้ผมเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าผมรักเธอหรือเปล่า


“นี่มึงยังติดต่อกับหลิวอีกเหรอวะ” ไอ้พอร์ชเสนอหน้ามาถามผม


“อื้อ ก็ยังคุยกัน กินข้าว ดูหนัง เหมือนเดิมแหละ” เหมือนเดิมทุกอย่าง มีแค่ ความรู้สึกของผมเท่านั้นที่มันเปลี่ยนไป


“กูว่ามึงควรถอยออกมา”


“พอเหอะพอร์ช...เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก”


“แต่ไวท์...ผู้หญิงคนนั้นมัน..” ผมไม่ได้อยู่ฟังมันสองคนเถียงกัน แต่ลุกออกมาจากที่นั่งก่อน พวกมันคงเดากันเอาเองว่าผมไม่ชอบที่มันพูดถึงหลิวในทางที่ไม่ดี แต่ไม่ใช่ผมแค่เหนื่อย อยากลุกออกมาล้างหน้าล้างตาก็แค่นั้น


“อ๊า อา” เสียงครางดังมาจากหนึ่งในห้องน้ำที่ถูกปิดอยู่ ห้องน้ำชายที่มีเสียงครางดังของผู้ชาย จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่บางทีควรจะเก็บเสียงบ้าง


“อ๊ะ..อา” เขาสองคนคงคิดว่าตอนนี้คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ จะทำอะไรก็คงต้องรีบๆทำมันซะตอนนี้ เพราะตั้งแต่เข้ามาผมยังไม่เห็นใครเดินตามเข้ามาในห้องน้ำนี้เลยสักคน


“บัส...บัสแรงอีก” เสียงเรียกชื่อจากใครสักคนที่อยู่ในห้องนั้นทำเอาผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ ผมส่องกระจกแล้วมองผ่านเลยไปตรงประตูที่ถูกปิดอยู่เสียงตึงตั้งของคนที่ถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาพร้อมกับเสียงหอบหายใจที่ยังมีมาให้ได้ยินเรื่อยๆ


ขอให้ไม่เป็นอย่างที่ผมคิด



ผมยืนรอ ยืนมอง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมต้องมายืนรอหรือฟังเสียงเขาสองคนทำอะไรกันจนเสร็จ ผมก็แค่อยากดูให้แน่ใจว่าคนในนั้นจะไม่ใช่คนที่ผมคิด


เสียงก๊อกแก๊กดังขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว คนแรกที่ออกมาเป็นผู้ชายผิวขาวตัวเล็ก ปากแดงแปร๊ด กับดวงตากลมโตที่มีแววตกใจตอนที่ผมจ้องมองเขาผ่านกระจก เขาก้มหน้าหนีผม หูที่แดงระเรื่อบ่งบอกว่าเขาอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น


“บัสพี่ไปก่อนนะ”


“เดี๋ยวดิพี่บลู อันนี้เสื้อพี่” ภาพที่เห็นคือบัสเตอร์ส่งเสื้อยีนส์ไปให้ผู้ชายตัวเล็ก ก่อนเขาจะคว้าเสื้อตัวนั้นมาถือไว้แล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องน้ำ แต่ก็นั่นแหละ เขาเดินไปไหนไม่ได้ เพราะบัสเตอร์ดึงตัวคนชื่อบลูไว้ก่อนจะจูบลงไปที่ริมฝีปากแดงๆนั้นอย่างหนัก “พี่บลูน่ารักมากอ่ะ”


ผมมองการกระทำเหล่านั้นผ่านกระจก บัสเตอร์ไม่เห็นผม เพราะตอนที่เขาออกมาเข้าก้มหน้า แล้วตอนนี้เขากำลังหันหลังแล้วทาบทับคนชื่อบลูไว้ บ้ามากผมไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ


“พอเถอะบัสมีคนอยู่...”


“อ่าวเหรอ” มันพูดเสร็จก็หันมาสบตาผมในกระจก แววตาที่ถอดมองมาไม่เหมือนเดิม เขาไม่ได้แยแสผมสักนิด เพราะตอนที่เขาหันกลับไปหาคนชื่อบลูแล้วละเลงจูบอีกรอบก็พอเดาได้แล้วว่าเขาไม่สนใจผม


“บัสเตอร์พี่โกรธแล้วนะ”


“พี่บลูอ่ะ”


“ถ้าทำอีก อ๊ะ...คืนนี้ห้ามมาหาพี่”


“ใจร้ายมาก” ผมยืนกัดริมฝีปากฟังบทสนทนาเขาทั้งคู่ด้วยความรู้สึกเหมือนไม่มั่นคง


“จะร้ายมากกว่านี้อีกถ้ายังทำต่อ พี่จะออกไปแล้ว...ไปพร้อมกันไหม”


“พี่บลูออกไปก่อนนะเดี๋ยวผมล้างมือแป๊บนึง” ผมหันหน้าหนีสายตาเขาทันทีที่บัสเตอร์หันมาสบตาด้วย เราไม่มองหน้ากันนานแค่ไหนแล้วนะ ช่วงจังหวะหนึ่งผมรู้สึกเลยว่าตัวเองส่งสายตาโหยหาไปให้เขา ผมไม่ควรทำแบบนั้นด้วยซ้ำ




เรื่องของผมกับเขามันจบแล้ว เขาไม่แคร์อะไรผม ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรเลยสักนิด




“ไง” เป็นผมเองที่เอ่ยปากทักเขาก่อน เรายืนมองหน้ากันผ่านกระจก ผมไม่รู้เลยว่าสายตาที่ส่งมามันเฉยเมยจริงๆแบบที่ผมมองดูอยู่หรือเปล่า มันไม่มีความอ่อนโยน ไม่มีอีกแล้ว กระจกมันหลอกผมหรือสิ่งที่ผมเห็นเป็นเรื่องจริง


“ก็ไม่ไง พี่วินสบายดีนะครับ” ผมเผลอเม้มปากตอนที่ได้ยินคำว่าพี่จากปากบัว ไม่ชอบเลย ไม่ชอบแบบนี้เลยสักนิด


“อื้อ สบายดี คนเมื่อกี้...เขา..”


“ทำไมเหรอ...อยากรู้รึไง”


“..........”ผมก้มหน้าไม่ตอบคำถามเขา


“พี่บลูเป็นคนดี ดีกว่าคนที่ผมเคยรู้จักมาอีกหลายคน”


“บัส..” เสียงผมสั่นมาก สั่นจนกลัวว่าเขาจะจับได้ ผมกลัวว่าบัสจะรู้ว่าผมคิดถึง กลัวว่าเขาจะรู้ว่าผมโหยหา อ้อมกอด อยากจูบ อยากสัมผัส มารู้ว่าเราเลือกคนผิดก็ตอนที่มันสายไปแล้ว



“ครับ”



“เปล่า..ไม่มีอะไร”



“ถ้าไม่มีอะไรพี่วินก็ควรปล่อยเสื้อผมนะ...”



“ขอโทษ...”



“ขอโทษทำไมพี่ พี่วินไม่ผิดอะไร ผมตั้งหากที่ผิด....ผิดที่เข้าไปยุ่งกับคนอย่างพี่” บัสเตอร์กำลังฆ่าผม เขากำลังใช้มีดกรีดเข้าไปในหัวใจช้าๆ








ถ้ามันคือการแก้แค้นบอกเลยว่าเขาทำสำเร็จ




>>>>>>>>>>>>TBC

หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 8 [P.2*10/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 11-05-2014 00:19:15
บัสเตอร์ลืมวินได้จริงๆหรอ???

อ่านตอนนี้แล้วสงสารวินจังครับ,,,

ดราม่า ได้ใจ ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 8 [P.2*10/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 11-05-2014 00:32:12
สมควรแล้วที่วินต้องเสียใจแบบนี้
++ ค่ะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 8 [P.2*10/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 11-05-2014 00:38:43
 :hao5: ตอนนี้เศร้าจริงๆ จะว่าสงสารวินก็ไม่เต็มปากเพราะเราสงสารบัสเตอร์มากกว่า
วินเป็นเหมือนคนเห็นแก่ตัว และรู้ตัวเองช้า
ถึงจะรู้ว่าบัสเตอร์สำคัญแต่วินก็ยังตัดหลิวไปไม่ได้
ถ้าบัสเตอร์คิดแก้แค้นก็คงจะสงสารวินนั่นแหละ
แต่ถ้าบัสเตอร์มีชีวิตใหม่ก็คงดีแล้ว
ถ้าทั้งสองคนยังรักกันก็คงผ่านเรื่องดราม่าไปได้ แต่คงอีกนาน ฮ่าฮ่าฮ่า
เพราะขนาดเรื่องที่แล้วกว่าจะผ่านดราม่ายังเกือบจบเลย
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 8 [P.2*10/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 11-05-2014 00:59:27
อยากอ่านต่อๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 8 [P.2*10/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 11-05-2014 01:19:34
รอๆๆๆตอนต่อไป   
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 9 [P.2*18/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 18-05-2014 18:15:26
Chapter 9

   “เป็นไร” ค่อนข้างเกินความคาดหมายทั้งคำพูด และการกระทำของคนที่ขึ้นชื่อว่ารักผม...ไม่สิ...ก็แค่เคย


   เคยรัก


   “วิน...” ผมไม่เคยคิดถึงตัวเองในอนาคตตอนที่ไม่มีบัสเตอร์เลยสักนิด เพราะตอนนั้นอนาคตสำหรับผมมันไม่มีบัสเตอร์อยู่ ผมมีแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่ผมรักมากที่สุด แน่นอนว่าพอถึงตรงนี้ ผมรู้ตัวแล้วว่ามันเป็นแค่อดีต ตอนนี้หลิวไม่ใช่คนที่ผมรักที่สุด


   “ไอ้เชี่ยวิน!!!”


   “ห้ะ??”
   

   “เป็นไรวะ หน้ามึงไม่ค่อยโอเคเลย” ไวท์มันขยับมานั่งข้างๆก่อนจะเอื้อมมือมาจับที่แก้ม มืออบอุ่นที่คิดว่าน่าจะอุ่นพอจนถึงหัวใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจผมยังคงเย็นเฉียบ ในหัวรับรู้แค่สายตา คำพูดจากคนๆหนึ่ง มันวนไปวนมาเหมือนภาพที่ฉายซ้ำไม่รู้จบ ผมรู้จักความรู้สึกนี้ดี มันเคยเกิดขึ้นเวลาที่เราเสียใจมากๆ


   “ไวท์...กูบอกแล้วว่ากูไม่ไหว... ทำไมมึงเอากูมาที่นี้ มึงลากกูมาทำไมวะ กูบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ากูไม่ไหว...กูไม่น่ามาที่นี้เลย..”


   “วิน...มึงไปเจออะไรมา...อย่าบอกนะว่า...” มันเว้นจังหวะจ้องมองผมเหมือนถามว่าสิ่งที่ผมเจอคืออะไร “วิน...มึงยังมีกูนะ”



   ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมถูกไวท์กระชากตัวเข้าไปกอด มือนุ่มนิ่มยกขึ้นลูบหัวผมเบาๆ ผมเอนศีรษะพิงที่บ่ามันก่อนจะปล่อยโฮออกมาในที่สุด


   “ฮึก...กูบอกแล้วว่ากู..ไม่ไหว” ผมไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าพวกมัน...ไม่เคยเลยสักครั้ง ทั้งๆที่ปกติผมมักจะเป็นคนที่เข้มแข็งที่สุดในกลุ่ม เป็นที่คอยปลอบเพื่อนๆ แต่ตอนนี้ผมกำลังเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด “เขาไม่ได้รักกูแล้ว...ไวท์...บัสเตอร์มันไม่ได้รักกูแล้ว...ฮึก...ฮือ”


   “วิน...”


   “เขา...ฮึก...มีคนอื่นแล้วอ่ะมึง...ฮือ...ฮือ..”


   อ้อมกอดที่ถูกกอดแน่นขึ้น ดวงตาพร่ามัวจนมองภาพตรงหน้าไม่ชัด ผมจะอยู่ยังไงดี แค่เดือนที่ผ่านมาผมก็แทบจะนอนตายอยู่บนเตียงอยู่แล้ว ตอนนั้นผมยังไม่รู้อะไรชัดเจนขนาดนี้ด้วยซ้ำ ผมยังคาดหวังว่าบัสเตอร์จะกลับมาอยู่เลย อย่างน้อยถ้ามันดีขึ้นผมคิดว่าเขาจะกลับมา



   แต่...พอเห็นแบบนี้แล้ว ผมรู้เลยว่าสุดท้ายยังไงบัสเตอร์ก็คงไม่กลับมาหาผม



   เขาคงไม่กลับมา






   



   หลังจากเหตุการณ์วันนั้นไวท์มันก็ลากผมไปนอนกับมันที่บ้านไอ้พอร์ช ตอนแรกผมก็ปฏิเสธไปแล้วกลัวไอ้พอร์ชมันจะคิดมาก แต่ก็ไม่รู้ทำไมคราวนี้พอร์ชมันถึงยอมผมง่ายๆ แถมยังปล่อยให้ไวท์มานอนห้องเดียวกับผมอีก แต่ช่วงหลังมานี้พอผมดีขึ้นไวท์มันก็ยอมปล่อยผมกลับมานอนบ้านตัวเองแล้ว แต่มันก็มาหาผมแทบจะทุกเย็น มากินข้าวด้วยตลอด เพราะมันรู้ว่าแม่ผมไม่ค่อยอยู่บ้าน ท่านต้องออกไปติดต่องานอยู่ตลอดๆ มีบ้างที่ไอ้เกมส์มันพาผมออกไปเที่ยว ไปเดินเล่น บางครั้งไอ้เบสก็มาหาซื้อขนมมาฝากด้วย ครั้งแรกที่เห็นเบสเดินเข้ามานั่งข้างๆผมแม่งร้องไห้ต่อหน้ามันเฉยเลย ปกติผมไม่ได้เป็นคนบ่อน้ำตื้นแบบนี้สักหน่อย แต่คิดว่าก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้ไม่สนแล้วศักดิ์ศรี แค่รู้สึกว่าอยากร้องก็ร้อง บางวันนั่งอยู่เฉยๆทั้งวันไม่ลุกไปไหนก็มี ผมรู้ว่าเพื่อนๆห่วงผมมาก เพราะงั้นตอนนี้มันถึงเวลาแล้วมั้งที่ผมจะกลับมาเข้มแข็งอีกไม่กี่อิทตย์ก็จะเปิดเทอมใหม่แล้วด้วย วินคนเดิมควรจะกลับมาได้แล้ว


   “หลิวไม่ติดต่อมาแล้วใช่ป่ะ”


   “อื้อไม่แล้ว เขาคงรังเกียจกูมั้ง” ผมพูดตอบไอ้เกมส์ตอนที่นั่งรอไอติมมาเสิร์ฟ ผมกับหลิวเราไม่ได้ติดต่อกันแล้ว ผมพูดบอกกับเธอตรงๆว่าผมเคยมีอะไรกับบัสเตอร์ ตอนที่หลิวรู้หน้าเธอดูอึ้งๆ ไม่นานหลังจากนั้นผมก็ถูกมือเล็กฟาดลงมาที่แก้มอย่างแรง


   ทุกอย่างจบแค่นั้น เราไม่ได้ติดต่อกันอีก ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะเสียใจมากกว่าซะอีก แต่ไม่รู้ทำกลับรู้สึกเฉยๆหรือออกจะรู้สึกโล่งอกเสียมากกว่าที่ได้ปล่อยหลิวไปเจอคนดีๆ คนที่รักเธอจริงๆ


   เพราะที่ผ่านมาทั้งพอร์ชและผมต่างก็ทำร้ายความรู้สึกหลิวมามากเกินพอ


   “ไม่มีใครรังเกียจมึงหรอกวิน”


“มีดิ...” ผมพูดพร้อมกับนอนหมอบราบลงกับโต๊ะก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไอ้ไวท์ที่อยู่ฝั่งเดียวกับผม“กูมันน่ารังเกียจจะตายไป”


“อย่างน้อยๆก็มีกูคนนึงล่ะที่ไม่รังเกียจมึง” ไอ้เบสยกมือเป็นสัญลักษณ์ให้ผมเห็น


“กูด้วย” ไอ้เกมส์ยกมือตามไอ้เบส


“แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมีกู” ส่วนไอ้ไวท์พูดไปด้วยลูบหัวผมไปด้วย
 

“จริงหรา”


“จริงดิ พวกกูเคยโกหกมึงหรือไง”


“คนอื่นอ่ะไม่เท่าไหร่ แต่มึงอ่ะเบสแทบทุกครั้ง” ผมยู่ปากแล้วชี้หน้าบอกไอ้เตี้ยให้มันรู้ตัว


“เฮ้ยกูไม่เคยเลยนะเว้ย ใช่ไหมวะเชี่ยเกมส์ กูไม่เคยโกหกมึงใช่ป่ะ” ไอ้เกมส์พยักหน้า “เห็นไหมกูบอกแล้วว่ากูไม่เคยโกหก”


“ที่พยักหน้ากูหมายถึงมึงไม่เคยโกหกกู...แค่ครั้งเดียว แต่โกหกทุกครั้งตั้งหาก”


“ไม่จริงงงงงงงงงง”


“จริงงงงงง” ผมมองมันสองคนเถียงกันไปมา ก่อนจะขำออกมาเบาๆ ไวท์พอเห็นแบบนั้นก็ใช้มือแนบที่แก้มก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆที่ริมฝีปากผม


“ยิ้มออกมาสักทีนะมึง”


“แล้วทำไมกูจะยิ้มไม่ได้ล่ะไวท์” ผมเอียงคอตามมือไวท์ ทำตัวเหมือนแมวที่อ้อนเจ้าของ


“ฮ่า ฮ่า มึงนี่กลายเป็นแบบนี้แล้วน่ารักฉิบหาย”


“ก็พวกมึงบอกให้กูอ้อนได้นี่นามาว่ากูน่ารักทำไมวะ พอแล้วดีกว่ากลับมาเป็นวินคนเดิมก็ได้วะ” ผมปัดมือไอ้วินออกจากแก้มก่อนจะลุกขึ้นนั่งตามปกติ


“เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เพราะกูรู้สึกว่านี่มันเป็นนิสัยจริงๆของมึง ไอ้ที่ชอบเงียบทำตัวเป็นผู้ใหญ่นั่นน่ะก็แค่หน้ากากใช่ไหมล่ะ”


“ไม่!! อันนั้นน่ะนิสัยกูของแท้เลยเหอะ”


“จริงอ่ะ” ไอ้ไวท์แม่งทำหน้าตาน่าจูบอีกและ ยู่ปากแบบนี้เดี๋ยวกูก็จัดการแม่งเลย ยิ่งไอ้พอร์ชไม่อยู่ขัดหูขัดตาด้วย


“เออดิ” ผมอมลมไว้ในแก้มตอนที่ไอ้ไวท์มันทำหน้าล้อเลียน พอหันหน้าหนีก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอกับมือที่สอดเข้ามาตรงต้นคอ


“บัสเตอร์นี่มันโง่ของแท้ที่ทิ้งคนแบบมึงไป...”


“......”


“เอ่อ...กู” ผมไม่อยากให้เพื่อนต้องมาคิดมากเรื่องผม ไม่อยากให้พวกมันรู้ว่าจริงๆแล้วผมยังไม่โอเคเรื่องบัสเตอร์


“เชี่ยไวท์มึงพูดอะไรของมึงเนี่ย” ไอ้เบสมันคงได้ยินที่ไวท์พูดกับผมมันถึงหันไปซุบซิบด่าไอ้ไวท์เบาๆ


“กูลืมตัวอ่า”


“มึงนี่มัน....”


“นั่นดิ” ผมหันมายิ้มให้ไวท์ที่ทำหน้าเจื่อนอยู่ข้างๆ “น้องไอ้เบสก็คงโง่ไม่ต่างจากพี่มันหรอก”


ที่ทำได้ตอนนี้คือทำเหมือนว่าผมทำใจได้แล้ว อย่างน้อยถ้าพวกมันเห็นว่าผมทำใจได้ บางทีมันอาจจะพูดเรื่องบัสเตอร์ให้ผมได้ยินบ้างเพราะเวลานัดเจอกันทีไรเบสมันชอบลากไอ้ไวท์หรือไม่ก็ไอ้เกมส์ไปพูดไกลๆผม พอผมรู้นะว่าพวกมันพูดถึงบัสเตอร์เพราะผมเคยได้ยิน  แต่พอเดินเข้าไปใกล้จนพวกมันรู้ตัว พวกมันก็แกล้งพูดไปเรื่องอื่น


“วินมึงว่ากูเหรอ”


“เออไง ก็มึงโง่จริงๆ”


“อ๊ากกกกกก เชี่ยวินมึงด่ากู” ผมกับไอ้เบสที่เถียงกันสักพักพนักงานก็มาเสิร์ฟไอ้ติมที่พวกเราสั่ง ไอ้เบสเลิกเถียงแล้วหันไปมุ่งมั่นกับไอติม ไอ้เตี้ยนั่นยังเหมือนเดิมเห็นแก่กินเหมือนเดิม แถมหน้าด้านหยิบเชอรี่ในถ้วยผมไปด้วย


“มึงไม่กินไม่ใช่เหรอ กูจำได้ว่ามึงบอกว่ามันเหมือนยาแก้ไอ” พี่กับน้องแม่งนิสัยไม่ต่างกันเลยว่ะ ตอนนั้นบัสเตอร์ก็แบบนี้หยิบเชอรี่ในถ้วยผมไปกินแต่ดีหน่อยที่มันตักวิปครีมในถ้วยตัวเองมาใส่ในถ้วยผม แม่งคิดถึงมันอีกแล้ว


“เออวินมึงไปช่วยองค์การกับกูไหม มันจะมีรับน้องมหาลัยน่ะ”


“ไปดิกูอยู่ว่างๆอยู่แล้ว”


“งั้นก็ดีเลย คนแม่งขาดพอดีอ่ะ ไปอยู่กับคนเยอะๆมึงจะได้ไม่ต้องคิดมาก” ผมทำหน้าเหนื่อยแล้วก่อนจะตบกะโหลกมันไปที


“กูเลิกคิดมากแล้ว”


“จริงอ่ะ” ไอ้เตี้ยนี้ก็คะยั้นคะยอกูจัง


“เอออออออออ เลิกแล้ว ชีวิตต้องเดินหน้าดิวะ กูจะหาสาวองค์การน่ารักมาเป็นแฟนสักคน”


“ฟังนะวิน” ไอ้เบสมันพูดเสียงจริงจังก่อนจะเอื้อมมือมาจับหน้าผมด้วยมือทั้งสองข้าง อะไรของไอ้เตี้ยนี่วะ “คนอย่างมึงหาเมียไม่ได้หรอก”


“ทำไมอ่ะ หน้ากูมันยังไม่โอเคเหรอวะ”


“เปล่า หน้าอย่างมึง ณ ปัจจุบัน ควรมีผัวมากกว่า เชื่อกู กร๊ากกกกกกกกกกก”


“ไอ้เตี้ยยยย!!!” ผมนั่งกินไอติมกับพวกมันจนเย็น เราพูดคุยกันในเรื่องเก่าๆ นานมากแล้วที่ผมกับพวกมันไม่ได้นั่งคุยกันแบบนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องไอ้ไวท์มาจนถึงเรื่องของผม เราแทบจะไม่มีเวลานั่งคุยกันแบบนี้เลยด้วยซ้ำ




ความสุขกำลังกลับมา ถึงมันไม่ได้กลับมาหาผมก็ตามที



 
 ไอ้พอร์ชมารับไอ้ไวท์กลับบ้าน ส่วนไอ้เกมส์ก็เป็นขับรถมาส่งทั้งผมกับไอ้เบส โดยที่มาส่งไอ้เบสก่อนเพราะบ้านมันอยู่ใกล้กว่าบ้านผม


“เออเกมส์ พี่อาร์มฝากแผ่นซีดีงานมาให้มึงอ่ะ เรื่องรับน้องของคณะ มึงเข้ามาเอาก่อนล่ะกัน แดกน้ำแดกท่าก่อนแล้วคอยกลับก็ได้”


“แต่มึงเอามาให้กูที่รถไม่ได้เหรอ มึงก็รู้ว่า...” ไอ้เกมส์พูดกับไอ้เตี้ยเสร็จก็เงยหน้ามองผมผ่านกระจกหลัง


“บัสเตอร์ไม่กลับมาหรอก” เบสหันมามองหน้าผมนิดหนึ่งก่อนจะขยับไปกระซิบเบาๆใกล้ๆหูไอ้เกมส์ “ช่วงนี้มันติดเมียมันจะตาย”


ผมนั่งอยู่เบาะหลังแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แกล้งทำเป็นว่าหูฟังที่ใส่อยู่ในหูเปิดเสียงเพลงดังมาก แต่ใครจะไปรู้ว่าผมได้ยินมันเต็มๆสองรูหู


ช่วงนี้มันติดเมียมันจะตาย คงจะเป็นคนที่ผมเคยเจอล่ะมั้งคนที่ชื่อบลูอะไรนั่น


“มึงแน่ใจได้ไง น้องมึงแม่งเอาแน่เอานอนไม่ได้ด้วย เนี่ยจู่ๆก็มาอยู่ม.เดียวกับพวกเรา ถ้าไอ้วินเผลอไปเจอในม.มันไม่เครียดตายหรอกหรอวะ” บัสเตอร์มันสอบติดมหาลัยเดียวกับผมเหรอวะ คะแนนมันเยอะขนาดนั้น มันน่าจะติดมหาลัยที่มันเลือก 4 อันดับก่อนนี่น่า


“กูก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมมันเลือกโควต้าศิลกรรมที่ม.เรา แต่แม่งคงไม่เจอกันหรอกมั้งคณะมันอยู่ห่างจากคณะเราจะตาย ที่สำคัญ...กูว่าไอ้วินมันคงทำใจเรื่องบัสเตอร์ได้แล้วแหละ”


“เบส...กูว่ามันยังไม่โอเค เชื่อกูดิ”


“เออๆ งั้นเดี๋ยวกูเข้าไปเอาให้ก็ได้” หลังจากประโยคนั้นผมก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีก ผมเงยหน้าพิงเบาะแล้วหลับตาลงช้าๆ เสียงเพลงถูกเร่งให้ดังขึ้นเรื่อยๆเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองที่กำลังร่ำร้อง ผมไม่เคยทำใจเรื่องบัสเตอร์



มันยังอยู่ในหัวผมตั้งแต่ตอนที่ลืมตาตื่น และทุกคืนก่อนผมหลับ



บัสเตอร์ไม่เคยหายไปไหน



เขายังคงอยู่ตรงนี้



ตกตะกอนเป็นหินปูนเกาะในใจผมและกัดกินมันให้ลึกเข้าไปเรื่อยๆ




“วิน...วิน” ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งตอนที่ไอ้เกมส์เขย่าตัวเรียกชื่อผม


“ห้ะ...ว่าไง”


“มึงมานั่งข้างหน้าดีกว่ามะ กูไม่ใช่คนขับรถมึงนะเว้ย”


“อ่าวเหรอกูก็คิดว่าใช่”


“ตลกและ เดี๋ยวกูเข้าไปในบ้านไอ้เบสแป๊บนึงนะ เหมือนมันจะหาแผ่นงานไม่เจอ มึง...จะเข้าไปด้วยกันไหม” ผมส่ายหน้าบอกปฏิเสธมันแทนคำตอบ


“บัสเตอร์ไม่อยู่หรอกมึงจะเข้าไปก็ได้”


“เรื่องนั้นกูไม่ได้ห่วงแล้ว มันจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่เกี่ยวกับกู” ผมปีนมานั่งเบาะหน้าโดยไม่สนสายตาดุๆจากไอ้เกมส์ ก็กูขี้เกียจเดินลงไปเปิดประตูนี่หว่า ทางนี้ง่ายกว่าด้วย


“เออก็ดีแล้ว กูจะได้ไม่ห่วง เดี๋ยวกูมารอแป๊บ” ผมพยักหน้าหงึกส่งไปให้ไอ้เกมส์ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายให้มันอีกรอบ



เปล่าเลย ผมยังไม่โอเค



ไม่แม้แต่นิดเดียว



“เฮ้ออ...คิดถึงชะมัด กูอยากเจอมึงจังเลยบัส” แสงไฟจากรถอีกคันทำเอาผมรีบยกมือขึ้นบังสายตา รถที่ผมไม่คุ้นเคยจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรถผม ไฟในรถนั้นถูกเปิดขึ้นพร้อมกับหัวใจที่กระตุกวาบเบาๆ


บัส


เขาอยู่ตรงนั้น นั่งในอยู่รถคันนั้น รอยยิ้มที่ผมไม่ได้เห็นมาเนิ่นนานกำลังหัวเราะและก็ยิ้มขำกับผู้ชายอีกคนที่ทำหน้าที่คนขับ


มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นประคองท้ายทอย สายตาอ่อนโยนที่ครั้งหนึ่งเคยทอดมองผม แว่บหนึ่งเหมือนบัสเตอร์หันหน้ามามองทางนี้แต่มันก็แค่แว่บเดียว คงไม่เห็นหรอกมั้ง เพราะในนี้มันมืดจะตายไป ต่อจากนั้นผมคงไม่ต้องบรรยายหรอกใช่ไหมว่าผมเห็นอะไร แม้จะหันหน้าหนีแล้วแต่ภาพที่เห็นก่อนหน้านั้นยังคงตอกย้ำในหัวไม่ได้จางหายไปไหน



คงรักกันมากล่ะมั้ง



คงไม่มีที่ว่างให้ผมไปยืนแทรกกลางได้เลยด้วยซ้ำ




เกลียดตัวเองที่แบบนี้จริงๆว่ะ




แสงไฟที่สาดเข้ามาในรถผมอีกครั้งบ่งบอกว่ารถคันที่จอดอยู่เมื่อกี้ขับออกไปแล้ว คนที่โบกมือบ๊ายบายรถยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขามองเลยจนรถหายไปลับตา ก่อนจะหันหน้ามาจ้องมองผมที่นั่งอยู่ในรถ สายตาเย็นชาถูกส่งมาให้ครั้งแล้วครั้งเล่า




บัสเตอร์รู้ว่าผมอยู่ตรงนี้



ถ้าสมมติว่าผมเปิดประตูออกไปแล้วพูดว่าผมอยากอยู่กับเขา เขาจะกลับมาหาผมไหมนะ บัสเตอร์จะกลับมายืนข้างๆผมหรือเปล่า...


“บัส...” ไวเท่าความคิด ผมเปิดประตูออกมาแล้วตะโกนรั้งบัสเตอร์เอาไว้ ผมอยากสู้ อยากรู้ว่ามันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม


“ไง มาทำอะไรเหรอครับ”


“มาส่งเบสน่ะ แล้วพี่อาร์มเขาฝากงานไว้ เบสมันหาไม่เจอเลยให้เกมส์ไปช่วยหา”


“อ่อครับ พี่วินจะเข้าไปนั่งรอข้างในก่อนก็ได้นะ” บัสเตอร์พูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่มีท่าทีอึดอัดในคำพูดหรือส่งสายตาเย็นๆมาให้ผมเหมือนอย่างก่อนหน้านี้


“ไม่อ่ะ รอนี้แหละ”


“งั้น...ถ้าไม่มีอะไรผมเข้าบ้านก่อนนะพี่”


   “...........” ทำไมเขาไม่ถามผมบ้างวะว่าผมสบายดีไหม


ทำไม...เขาไม่ถามบ้างว่าผมผอมลงหรือเปล่า ผมยาวขึ้นไหม ปกติถ้าผมยาวขนาดนี้บัสจะบอกให้ผมไปเล็มออกเพราะมันปรกหน้า เขามองหน้าผมไม่ชัด แต่ทำไมเขาถึงไม่พูด ไม่ถาม ไม่สังเกตอะไรบ้าง


“บัส...”


“ครับ”


“ได้ข่าวว่าบัสเรียนมหาลัยเดียวกับพี่”


“ใช่ สอบโควตาได้น่ะ”


“......”


“ถ้าพี่ไม่มีอะไร ผมเข้าบ้านก่อนนะ”


“บัส” ผมเอื้อมมือไปกระตุกชายเสื้อมันแรงๆทีนึง บัสเตอร์หันกลับมาแล้วก้มลงมองมือผมที่ยังจับเสื้อเขาแน่น มันไม่ได้ดึงมือผมออกแต่แค่ถอนหายใจแสดงอาการเหนื่อยหน่ายใส่ผม

แต่แค่นั้น...มันก็มากพอที่จะทำให้ผมเอามือออกเอง “ที่บัสเข้ามหาลัยเดียวกับพี่เพราะบัสยังไม่ลืมพี่ใช่ไหมล่ะ”


บัสเตอร์ดูอึ้งกับคำถามผม เขายิ้มเบาๆก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ เรายืนห่างกันเพียงแค่ไม่กี่เซ็น ระยะห่างที่เราสามารถเอื้อมมือไปโอบกอดกันและกันได้ แต่เรากลับไม่ทำ



ผมไม่กล้าทำเพราะผมกลัวโดนผลักไส


ส่วนบัสที่ไม่ทำอาจจะเพราะ...เขารังเกียจผม



“พี่วินแม่งตลกว่ะ ถ้าผมยังไม่ลืมพี่จริงๆ ผมก็ควรจะไปอยู่มหาลัยไกลๆเพื่อลืมพี่ดิวะ ผมจะมาทนอยู่มองดูให้ตัวเองช้ำใจทำไม”


“แล้วทำไมมึงถึงเลือกมาเรียนที่นี้ล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะกูแล้วจะเป็นเพราะใครกัน”


“ผมเลือกที่นี้เพราะพี่บลู พี่บลูเขาเรียนอยู่มหาลัยที่พี่เรียนอยู่ ผมเลือกมหาลัยนี้เพราะเขา ไม่ได้เกี่ยวกับพี่เลยสักนิด” เจ็บดี...หน้าแตกยับเลย แอบได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของบัสเตอร์ด้วย ผมควรจะเชื่อที่มันพูดออกมาจากปากหรือเชื่อความรู้สึกตัวเองดีครับ



บัสเตอร์ไม่มีทางลืมผม



ลึกๆผมยังเชื่อแบบนั้น



 
   “บัส...เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม” ก้อนแข็งๆในลำคอถูกกลืนลงอย่างยากลำบาก รู้สึกว่ามันยากที่จะพูด แต่ผมก็พูดมันออกมา


   “เหอะ....พี่คิดอะไรอยู่วะ มันเป็นไปไม่ได้...ผมไม่ได้รักพี่แล้ว อีกอย่างผมคงไม่โง่ทิ้งคนดีๆอย่างพี่บลูมาหาคนอย่างพี่หรอก ต่อให้พี่ยืนร้องไห้แบบนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เลิกร้องได้แล้ว” ผมยืนร้องไห้ต่อหน้าบัส นี่ผมกำลังยืนร้องไห้เหรอวะ ผมรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองอย่างลวกๆ แต่ยิ่งเช็ดมันก็ยิ่งไหลออกมาเรื่อยๆ ผมไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้ต่อหน้าบัสสักหน่อย ผมแค่มาขอร้องให้เขากลับมาหาผม...ก็เท่านั้น


“บัส...ฮึก..ระ..เราไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้จริงๆน่ะเหรอ...” รู้ตัวอีกทีผมก็สะอื้น ร้องไห้หอบจนตัวโยนอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว บัสไม่ได้เข้ามาโอบกอด ไม่มีการเช็ดน้ำตา ทั้งๆที่ระยะห่างมันก็แค่นี้แท้ๆ ทำไมมึงไม่กอดกูแน่นๆแล้วพูดว่าไม่เป็นไรนะวิน...ล่ะ กอดกูหน่อยไม่ได้เหรอ กูมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยหรือไง



   “ผมบอกพี่ไปแล้ว”


   “ถ้างั้น...ให้กูอยู่ข้างๆมึงได้ไหม...ฮึก..ให้..กะ..กูเป็นอะไรก็ได้ แต่ให้ได้อยู่ข้างๆมึงได้หรือเปล่า”


   “พี่วิน!!!” เขาตะโกนใส่หน้าผม บีบแขนผมแน่นจนรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด “ผมไม่ใช่พี่หลิวนะ ที่จะยอมให้พี่ยืนอยู่ข้างๆทั้งๆที่ผมมีคนอื่น ผมไม่อยากใจร้าย ทำร้ายจิตใจพี่บลู เขาบอบบางน่าทะนุถนอม ถ้าเขารู้ว่าเรามีความสัมพันธ์กัน พี่บลูคงเสียใจมากๆ และผมคงทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาแบบนั้น”


   บัสเตอร์จำได้ว่าผมเคยทำแบบนี้กับหลิว ผมเคยขอหลิวให้ได้อยู่ข้างๆเธอแม้ว่ามันจะไม่ได้ต่างอะไรกับการยืนถือมีดแล้วกรีดที่ใจตัวเองก็ตาม


   แต่ผมก็เลือกที่จะทำมัน


   แค่ได้อยู่ข้างๆ  ต่อให้เขาไม่หันมามองผมเหมือนเดิมผมก็พร้อมจะทำมัน


   “สัญญาว่าจะไม่ให้คนของบัสรู้...นะ...ได้โปรดเถอะ...ถ้าเขามากูจะรีบออกมาทันที...ฮึก...นะบัส”


   “รู้ตัวหรือเปล่า....”


“.........”


   “ว่าสิ่งที่พี่ทำอยู่มันโคตรน่าสมเพช”


“..........” รู้ดิ...แต่จะให้ผมทำยังไงวะ ผมก็แค่อยากอยู่ข้างๆเขา ให้เขากอดผมบ้าง จูบผมบ้าง อย่างน้อยแค่ทางร่ายกายก็ยังดี


“เลิกร้องไห้ได้แล้ว!!!!” ผมสะดุ้งเฮือก ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไม่ให้บัสเตอร์ได้ยินเสียงสะอื้นของตัวเอง


“อยากทำอะไรก็ทำ แต่จำใส่สมองไว้ด้วยนะว่าต่อให้พี่ยืนร้องไห้ต่อหน้าผมเหมือนวันนี้ ผมก็ไม่มีวันกลับไปรักคนอย่างพี่อีก”





“อื้อ...อึก” อย่างน้อยบัสเตอร์ก็ยอมให้ผมกลับไป “รู้แล้ว”







ถึงแม้ว่าเขาจะ ‘ไม่มีวัน’  กลับมาหาผมก็ตาม







>>>>>>>>>>>>>>>TBC
ทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้น นี่เพิ่งเริ่มเหรอแก๊ อ๊ากกกก (ก็บอกแล้วว่าประมาณ 20 ตอนง่ะ) รักคนอ่านเหมือนเดิม จุ๊บๆ

         
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 9 [P.2*18/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Gapompom ที่ 18-05-2014 19:09:07
ตัดใจจากบัสเถอะวิน
ในเมื่อบัสมีคนใหม่และไม่เห็นคุณค่าของวินแล้ว
วินก็ควรตัดใจและหาคนใหม่ในเมื่อวินก็น่ารักไม่น้อย
ขอให้ตอนต่อไปมีคนนิสัยดีๆและเข้าใจเข้ามาจีบวินที
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 9 [P.2*18/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: piing fuen ที่ 18-05-2014 19:56:47
เอาจริงๆๆป่ะ สมน้ำหน้าวินชิบหาย
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 9 [P.2*18/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 18-05-2014 22:09:25
เจ็บทุกตอนเลย ชอบบบบบบบบบ จัดหนักดราม่ามาเลยยยย
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 9 [P.2*18/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 18-05-2014 23:04:32
 :hao5: โอย ดราม่า
ในใจยังคงเชื่อว่าบัสรักวิน
ถ้าไม่งั้นคงจะไล่วินไปไกลๆ ไม่ทำยังงี้หรอก
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 9 [P.2*18/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-05-2014 03:25:00
ชอบอ่ะ ถึงจะดราม่า
แต่ก็แค่ระหว่างทาง
เพราะสุดทางคือรักกัน
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 9 [P.2*18/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 19-05-2014 07:05:50
เอาจริงๆๆป่ะ สมน้ำหน้าวินชิบหาย


อยากกระทืยไลค์ซักพันครั้ง ก็วินมันโง่ที่ทำร้ายตัวเอง แล้วจะมาเรียกร้องให้ใครสงสาร
นางหวังอะไรจากสังคม ทำตัวโคตรน่าสมเพชอย่างที่บัสว่าจริงๆแหละ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 9 [P.2*18/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 21-05-2014 00:00:10
เจ็บจี๊ด!!!

อยากรู้มุมมองของบัสเตอร์บ้างว่าคิดยังไง....
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 9 [P.2*18/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-05-2014 21:14:21
มาต่อได้แล้วค่ะ อยากอ่านมว๊าก
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 10 [P.2*31/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 31-05-2014 19:23:50
Chapter 10

“มึงเป็นอะไรเนี่ย”

“เปล่า” ผมตอบไอ้เกมส์ทั้งๆที่ตายังหลับสนิท วันนี้เกมส์มันพาผมมาองค์การนิสิต มาช่วยงานรับน้องที่ใกล้จะถึงอีกไม่กี่อาทิตย์

“เปล่าเชี่ยอะไรมึงดูหน้าตัวเองในกระจกบ้างไหมวิน”

“ก็หล่อเหมือนทุกวันนะ”

“หล่อพ่อมึงดิ หน้ายังกับตูดหมา” ผมยักไหล่เบาๆก่อนจะลืมตาแล้วค่อยๆเอนศีรษะไปพิงที่คอนโซลหน้ารถ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูว่ามีใครโทรหาผมบ้างไหม แต่ก็นั่นแหละ ว่างเปล่า มีแต่เบอร์ผมที่โทรออกไป ไลน์พอเข้าดูก็เห็นว่าอ่านนะแต่ไม่ตอบ

ไหนมันบอกว่ายอมให้ผมอยู่ใกล้ๆแล้วไง แต่ทำไมโทรไปถึงไม่รับ ไลน์ไปหาก็ไม่ตอบ

“วิน มึงรู้ไหมว่าสิ่งที่มึงกำลังทำอยู่มันโคตรงี่เง่า เลิกยุ่งกับมันเถอะวะ ถ้าไอ้ไวท์กับไอ้เบสรู้มึงตายแน่ๆ”

“แล้วจะให้กูทำไง” ผมขยับศีรษะหันมามองหน้าคนขับรถ ไอ้เกมส์ยิ้มมุมปากเบาๆก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวผม

“เลิกยุ่งกับเขาซะ ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับคนที่เขาไม่ได้เห็นความสำคัญกับมึง” มือไอ้เกมส์แม่งเย็นฉิบหาย ยิ่งตอนที่มันลูบเฉียดเบาๆที่หูยิ่งทำให้ผมรับรู้เลยว่าไข้อ่อนๆของผมเมื่อคืนไม่ได้หายไปไหน

“ไม่เอาหรอก....”

“มึงนี่มันดื้อ เทียบๆดูแล้วมึงมันดื้อยิ่งกว่าไอ้เบสเสียอีก” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแค่หลับตาแล้วรับสัมผัสเย็นๆจากมือไอ้เกมส์ที่ยังคงลูบหัวผมอยู่อย่างนั้น “จะทำอะไรก็คิดดีๆ คนที่ตัดสินใจสุดท้ายก็คือมึง แต่อย่าลืมว่ามึงยังมีพวกกูอยู่”

“ขอบใจว่ะ”

“เลิกทำหน้ายั่วกูได้แล้ววิน ถึงองค์การแล้วครับลูกพี่”

“อะไร ไม่ได้ยั่วเว้ย” ผมลงจากรถไอ้ห่าเกมส์เสร็จก็ปิดประตูแรงๆไปที แม่งหมั่นไส้หาว่าผมยั่วมัน ผมไม่ได้ยั่วสักหน่อยกูแค่หลับตาแล้วเอียงคอตามมือเย็นของมึง กูผิดหรือไง ชิ สมน้ำหน้าไม่ต้องมาโวยวายหาว่ากูทำร้ายร่างกายลูกชายมึงเลย แค่ปิดประตูรถยังน้อยไปวันหลังกูจะเอาตะปูมาขีดรถมึงด้วยซ้ำ

“หึหึ มึงนี่มันตลก”

“สัส” ผมปัดแขนหนักๆของไอ้เกมส์ออกจากไหล่ตัวเองก่อนจะเดินเร่งฝีเท้าเข้าไปในองค์การ คนในองค์การส่วนใหญ่ที่ผมเจอวันนี้ก็เป็นพวกหน้าเดิมๆที่เคยรู้จักมาบ้าง

“เฮ้ย!!ไอ้ซีมึงว่างใช่ไหมเดินไปหยิบน้ำโค้กให้กูหน่อยดิวะ”คนที่กำลังโวยวายตั้งแต่ที่ผมก้าวเท้าเข้ามาในห้องประชุมคือพี่ซันคณะวนศาสตร์

“ แม่งเจ็บคอ โลกแม่งก็ร้อน งานแม่งก็หนัก ชีวิตพี่แม่งเศร้ามากเชื่อไหมน้องหมวย เพื่อนพี่ในแกงค์นะไม่มีใครเป็นตัวผู้สักคนที่เห็นหน้าหล่อๆบ้านรวยๆแม่งแดกกันเองหมดอ่ะ ยกตัวอย่างคนแรกเลยที่หันเหไปเอาผู้ชายคือเชี่ยพีกับเชี่ยโจ้ แดกกันตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่” ใช่ครับมันเก่ง และค่อนข้างบ้า

“จริงเหรอคะพี่ หนูน่ะชอบพี่โจ้กับพี่พีมากเลยอ่ะ”

“ชอบมัน!!!” ไอ้พี่ซันตะโกนเสียงดังก่อนจะลงไปนอนหัวเราะกับพื้น ไม่ได้โม้นะครับ เชี่ยพี่ซันมันลงไปดิ้นตายที่พื้นจริงๆ “ หมอยฟังพี่นะ”

“หมวยค่ะพี่ซัน หนูชื่อหมวย”

“เอ้ยๆพี่ขอโทษพี่พูดผิด หมวยฟังพี่นะกลุ่มพี่ตอนนี้ไม่มีชายใดเหลือให้ชะนีอย่างน้องกินแล้วนะคะ”

“อ่ะมึงน้ำโค้ก ใช้แต่กูอยู่นั่นแหละ ตีนมีหัดเดินเองมั้ง” พี่ซียื่นน้ำโค้กส่งไปให้พี่ซันเสร็จก็เดินไปนั่งเล่นกีต้าร์อยู่ตรงมุมห้อง

“เหอะ..มึงจะบ่นอะไรอีซี เดินไปเอาเองไหมก็เปล่า กูเห็นนะว่าไอ้เกียร์เป็นคนไปหยิบมาให้” พี่เกียร์คือรุ่นพี่คณะผมชื่อเกียร์แต่เรียนรัฐศาสตร์ ปีนี้มันอยู่ปีสี่ ปกติมันไม่มีทางหรอกครับที่จะมาทำกิจกรรมอะไรแบบนี้ แต่คิดว่ามันคงมีเป้าหมายเป็นหนุ่มน้อยหน้าสวยอย่างพี่ซีแหงๆ

“เห็นไหมครับน้องหมวยขนาดไอ้ซีที่พี่คิดว่ามันจะอยู่เป็นตัวผู้ได้กับสาวๆเหมือนพี่มันก็หนีไปมีผัวแล้ว โอ้ย!!!”

“ผัวพ่อมึงเหรอซัน อยากตายใช่ไหมห้ะ!!”

“เปล่าๆ กูไม่ได้พูดถึงมึงเลยซี เชี่ยแม่งชอบร้อนตัว เห็นไหมคนจะมีผัวพฤติกรรมจะขึ้นๆลงๆแบบนี้แหละ อีกไม่นานเชื่อพี่อีกไม่นาน คริ คริ” ผมเลิกสนใจคนบ้าๆบอๆอย่างไอ้พี่ซันก่อนจะเดินไปนั่งใกล้ๆกับพี่อาร์ม ยกมือไหว้มันนิดหน่อยก่อนจะหันไปไหว้พี่เกียร์กับพี่ซีที่นั่งอยู่แถวๆนั้น ส่วนใหญ่คนที่อยู่ในห้องนี้ก็มีแต่พี่ๆปีสี่

“หวัดดีครับพี่ฟิล์ม” ไอ้เกมส์เดินตามผมเข้ามาก่อนจะยกมือไหว้ผู้ชายที่ยืนอยู่แถวๆนั้นเหมือนกัน

“ว่าไงเกมส์กว่าจะมาได้นะมึง แล้วนี่...”

“เพื่อนผมพี่ชื่อวิน เออวินนี่พี่ฟิล์มปีสี่เรียนคณะบริหาร” ผมยกมือไหว้ไอ้พี่ฟิล์มก่อนจะเงยหน้าขึ้นสำรวจมันอีกรอบ ก็หล่อดีแต่น้อยกว่าผม แล้วนี่มันจะจ้องหน้าผมอีกนานไหม แล้วใครใช้ให้มึงมานั่งข้างกูว่ะ สัสแม่ง เบียดด้วย

“พี่ฟิล์มขยับไปอีกนิดนึงได้ไหมครับ พอดีมันเบียดผมอ่ะ”

“อ่าวเหรอ โทษที แค่นี้พอนะ” จริงๆมึงขยับไปสุดประตูนู่นก็ไม่มีใครเขาด่ามึงหรอกนะ ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ไอ้เกมส์ที่กำลังนั่งคุยกับพี่อาร์มมาเล่นระหว่างรอประชุม โทรศัพท์ผมก็มีเกมส์นี้นะแต่ว่ายังเวลน้อยอ่ะเล่นไม่มันส์ ปกติถ้าอยู่กับไอ้เกมส์ผมมักจะเอาของมันมาเล่นตลอด

“ชอบเล่นเกมส์นี้เหรอ พี่ก็เล่นนะเวลพี่เยอะกว่าไอ้เกมส์ด้วย”

“เหรอครับ”

“ใช่ เอาของพี่ไปเล่นไหมล่ะ สนุกกว่านะพี่มีตัวอื่นด้วย เล่นสนุกว่าตัวที่วินกำลังเล่นในเครื่องเกมส์อีก” ผมลังเลนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ยื่นมือไปรับโทรศัพท์จากไอ้พี่ฟิล์มแทน สนุกดีแต่ติดนิดเดียวที่เจ้าของเครื่องแม่งพูดมาก

“หวัดดีครับขอโทษที่มา....ช้า” เสียงใสๆที่อยู่ๆก็ขาดช่วงไปทำเอาผมรีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังเดินมานั่งข้างพี่ฟิล์ม ผู้ชายที่ผมไม่คิดว่าจะเจอที่นี้

“ไงบลูเดี๋ยวนี้ช้าตลอดเลยนะ ติดแฟนงั้นเหรอ มีแฟนเด็กก็งี้”

“ยุ่ง” บลูก้มหน้าหงุดมีเหลือบตามองมาทางผมแว่บหนึ่งพอเห็นว่าผมจ้องอยู่ก็รีบแสร้งทำเป็นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น หน้าบลูแดงมากจนลามไปถึงหู ผมว่าเขาคงจำหน้าผมได้แน่ๆ

“บลูมึงแม่งทำตัวแปลกๆ หน้าแดงๆด้วย ไม่สบายป่ะเนี่ย”

“เงียบได้ไหมฟิล์ม บลูคุยกับบัสเตอร์อยู่”

“คุยไลน์ทำไมต้องให้กูเงียบด้วยวะ น่ารำคาญ!!” พี่ฟิล์มตะคอกใส่พี่บลูเสร็จก็เดินหนีไปเลย เสียงไลน์ที่ยังดังอย่างต่อเนื่องบ่งบอกว่าคนที่พี่บลูคุยด้วยเขาตอบแทบทุกครั้ง

“มึงโอเคหรือเปล่า”

“ไม่ค่อยว่ะ” ผมตอบกลับไอ้เกมส์เสียงเบาหวิวก่อนจะขยับตัวไปนั่งใกล้ๆผู้ชายที่ชื่อบลู ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องชะเง้อมองหน้าจอไลน์ของพี่เขาด้วย ผมแม่งโคตรไม่มีมารยาทเลย แต่ก็อยากรู้ว่าเขาคุยอะไรกัน ทีกับผมอ่านไปเป็นชาติยังไม่เห็นจะตอบกลับมาสักคำ

“หวัดดีครับพี่ ผมชื่อวิน ว่าแต่...เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ” แล้วทำไมผมถึงต้องเอาตัวเองมายุ่งกับเขาด้วยนะ

“เงียบเลย พี่รู้ว่าเราจำพี่ได้ ห้ามพูดให้ใครฟังนะ”

“เรื่องอะไรอ่ะ”

“ก็เรื่องที่ผับคืนนั้นไง” หน้าของพี่บลูแดงเถือกด้วยความอาย เขาเงยหน้ามองผมก่อนจะหรี่ตาเล็กทำให้ดูดุสุดๆแต่จริงๆแล้วมันไม่ได้ดูดุอะไรเลย ออกจะน่ารักเสียมากกว่า ไม่แปลกใจเลยว่ะที่บัสเตอร์จะพูดว่าไม่มีทางทิ้งคนอย่างพี่บลูมาหาผม เพราะแค่ความน่ารักพี่บลูเขาก็กินขาดแล้ว

“ที่ผับอะไรครับ ผมจำไม่ได้หรอก ผมเพิ่งเจอพี่ที่นี้ครั้งแรก.....ไม่ใช่เหรอครับ” ถึงจะปฏิเสธไปว่าจำไม่ได้แต่จริงๆแล้วผมจำมันได้ดีแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเสียงหอบ เสียงคราง หรือเสียงกุกกักจากในห้องน้ำ จำมันได้ดีแม้กระทั่งตอนที่พี่บูลกับบัสเตอร์เดินออกมาจากในนั้น

“ใช่ๆ เราเพิ่งเจอกันพี่ชื่อบลู อยู่ปีสี่คณะบริหารเราชื่อวินใช่ไหม”

“ครับพี่”

“ดีใจที่ได้รู้จักนะน้องวิน”

“ฮ่า ฮ่า พี่บลูเรียกผมวินเฉยๆก็ได้เรียกน้องวินแล้วมันดูแปลกๆ” แม่งเป็นคนดีเกินไปแล้วนะ ไม่แปลกใจเลยที่คนแบบนี้จะเหมาะกับคำว่าน่าทะนุถนอมและไม่มีวันปล่อยไปให้หลุดมือ

“ฮ่า ฮ่า ก็ได้ เขาจะประชุมและ วินขยับมานั่งใกล้ๆพี่มา ให้ไอ้ฟิล์มมันไปหาที่นั่งอื่น แม่งรำคาญมัน”

“ครับ” ผมขยับไปนั่งข้างพี่บลูก่อนจะดึงไอ้เกมส์ให้มานั่งใกล้ๆด้วย การประชุมเริ่มต้นขึ้นโดยมีพี่ซันกับพี่อาร์มเป็นคนบอกรายละเอียดการรับน้องมหาลัยให้คนในห้องฟัง คนในองค์การที่นั่งรวมๆกันในนี้ก็ร้อยกว่าคนได้ ส่วนใหญ่เอามาจากพวกที่ทำชมรมต่างๆโดยมีพี่ซันเป็นตัวขอความร่วมมือ

“มึงคิดจะทำอะไร” จังหวะที่พี่บลูลุกไปเอาอะไรสักอย่าง เชี่ยเกมส์ก็ขยับปากมากระซิบเบาๆที่หูผม “อย่าแม้แต่จะคิดทำอะไรแบบนั้นรู้ไหมวิน ถอยออกมาเหอะ”

“..........”

“วิน”

“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย กูก็แค่...อยากรู้ความเคลื่อนไหวของเขา....ก็มันไม่ติดต่อกูมาเลยนี่หว่า...จะให้กูทำยังไงล่ะ ถามไอ้เบสมันก็ไม่บอกกูอ่ะ” ผมไม่ได้อยากทำแบบนี้สักหน่อย ไม่ได้อยากเข้าไปวุ่นวายทำให้เขาทะเลาะกันนะครับ ไม่ได้คิดจะบอกพี่บลูด้วยว่าผมกับบัสเตอร์เคยเป็นอะไรกัน แต่แค่อยากรู้ก็เท่านั้นว่าบัสเป็นไงบ้าง แอบเห็นในไลน์ที่คุยกับพี่บลูเมื่อกี้ก็ดีใจเหมือนเขาคุยกับผมแล้ว...

“ไม่เจ็บเหรอวะ”

“........” เจ็บดิ แต่จะให้ทำไงอ่ะ ก็มันไม่มีทางเลือกแล้ว บัสเตอร์ยื่นทางเลือกให้ผมเพราะผมขอ แต่สุดท้ายทางเลือกนั้นก็เหมือนกำลังจะถูกปิด เพราะเขาไม่แม้แต่จะติดต่อมา ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ตอบไลน์ ไม่อะไรทั้งนั้น

“มึงนี้มัน...เฮ้อ” เกมส์โยกหัวผมเบาๆก่อนจะหันหน้าไปฟังประชุมต่อ ผมเอียงตัวเอาหัวซบมันแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ

“ขอโทษนะเกมส์...กูไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ”




ประชุมรับน้องที่องค์การใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนวัน ผมนั่งรอไอ้เกมส์ที่ยังประชุมต่อตรงม้าหินอ่อนด้านหน้าองค์การ ลมเย็นๆพัดมาประทะผิวกายไม่ได้ช่วยทำให้ใจผมสงบเลยสักนิด ข้อความไลน์ที่เด้งแทบจะตลอดการประชุมเป็นตัวบอกให้ผมรับรู้ว่าเขาคุยไลน์กันแทบจะตลอดเวลา แต่ทำไมนะ แค่เจียดเวลามาตอบผมนิดเดียวมันจะเสียเวลามากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ แค่นิดเดียวส่งสติ๊กเกอร์ไลน์หรืออะไรตอบกลับมาบ้างก็ยังดี แต่นี้ไม่มีเลย...

“อ่าววินยังไม่กลับอีกเหรอ” ผมหันกลับไปมองเสียงที่เรียกชื่อผม พี่ฟิล์มกับพี่บลูเดินออกมาพร้อมกัน

“ยังพี่ รอไอ้เกมส์น่ะ แล้วพี่สองคนอ่ะ”

“พี่กำลังจะกลับ ส่วนไอ้เตี้ยนี่รอผัวมารับ”

“ฟิล์ม!!! พูดมากว่ะ” พี่บลูหันไปตีแขนพี่ฟิล์มเบาๆ

Rrrrrrrrrrrrrrrr

“นั่นไง แฟนเด็กมึงโทรมาแล้ว” พี่บลูรับโทรศัพท์พร้อมกับส่งสัญลักษณ์เป็นนิ้วกลางตอกหน้าไอ้พี่ฟิล์มที่กำลังยืนหัวเราะคิกคักอยู่ใกล้ๆ

“....ว่าไงครับบัสเตอร์....ใช่....พี่อยู่หน้าองค์การ...บัสเตอร์ขับเข้ามาได้เลย....ใช่....ที่อยู่กันสามคนนั่นแหละ....เคๆ...เจอกันครับ...อะไร...เออคิดถึงดิ...รีบๆมาเลย...พี่หิวข้าวจะตายอยู่แล้ว” อิจฉาจังเลยว่ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะคนที่เขาเลือกไม่ใช่ผม

“วินจะให้พี่ไปส่งไหมล่ะ ท่าทางไอ้เกมส์จะคุยนานนะ”

 “ไม่เป็นไรพี่ฟิล์ม เดี๋ยวผมนั่งรอมันตรงนี้แหละ นั่นรถบัส...เอ่อรถแฟนพี่บลูหรือเปล่า กำลังขับเข้ามานั่นน่ะ” ผมชี้นิ้วไปที่รถบีเอ็มสีดำคันที่กำลังขับเข้ามา รถคุ้นตาที่ผมเคยนั่ง กำลังจอดนิ่งๆรออยู่หน้าองค์การ

“ใช่ๆ ถ้างั้นพี่ไปแล้วนะ”

“ครับพี่บลู โชคดีครับ”

“ฟิล์มด้วย รีบกลับบ้าน อย่าไปกินเหล้าล่ะวันนี้” พี่บลูหันมาชี้หน้าเตือนพี่ฟิล์มแต่ก็นั้นแหละพี่ฟิล์มไม่ตอบแต่กลับยักไหล่อย่างไม่แยแส

“ไม่ให้พี่ไปส่งจริงๆอ่ะ”

“เออ”

“งั้นไปกินเหล้ากันไหม” มือหนาของพี่ฟิล์มวางแหมะลงบนหัวผมก่อนจะโยกเบาๆอย่างเป็นกันเอง

“ผมกินไม่เป็นหรอกพี่ ผมเด็กดีจะตาย” ปากพูดตอบพี่ฟิล์มแต่สายตาก็ยังคงมองเข้าไปในรถ ตอนนี้ชักจะไม่ชอบไอ้ฟิล์มกันแสงมืดๆที่ตัวเองเป็นคนบอกให้บัสติดเลยว่ะ เพราะมันมืดไปจนมองไม่ออกว่าเขากำลังทำอะไร มองมาทางนี้ไหม หรือไม่ได้สนใจผมที่อยู่ตรงนี้

“เหรอออออ” เสียงเยาะเย้ยของพี่ฟิล์มทำเอาผมรีบเงยหน้ามองหน้ากวนๆของเขา แม่งเราสนิทกันขนาดที่มึงจับหัวกูได้เลยหรือไง “ทำไมช่วงนี้มีแต่เรื่องน่าเบื่อ”

“ผมก็ว่างั้น” น่าเบื่อจนคิดว่าไม่อยากจะทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

ผมนั่งคุยกับพี่ฟิล์มจนไอ้เกมส์ออกมา พี่เขาเป็นคนคุยสนุกส่วนมากแม่งชอบชวนคุยเรื่องทะลึ่งใต้สะดือ เวลาหญิงเดินผ่านหน้าองค์การไม่พูดวิจารณ์ก็วิ่งไปขอเบอร์ อยู่กับมันก็หายเบื่อไปนิดหน่อยเพราะถ้าผมนั่งรอไอ้เกมส์อยู่คนเดียวแบบตอนแรกคงนั่งเหงาจนรากงอกอ่ะ

“รอนานไหม” หลังจากล่ำลาไอ้พี่ฟิล์มเสร็จผมก็เดินตามไอ้เกมส์มาขึ้นรถ แม่งให้รอตั้งเกือบสองชั่วโมงคิดว่ารอนานป่ะล่ะ ถ้าไม่มีพี่ฟิล์มกับเกมส์ในมือถือมันผมคงหนีกลับบ้านตั้งแต่ 15 นาทีแรก

“สุดๆ”

“อย่าทำหน้างั้นดิวะ ก็กูไม่รู้ว่าพี่ซันจะเรียกพวกกูประชุมต่อ แล้วแม่งกว่าจะพูดเข้าเรื่อง ไอ้พี่ซันก็เล่าเรื่องตัวเองไปซะเกินครึ่ง แถมเรื่องที่จะพูดแม่งก็มีอยู่นิดเดียว” ผมไม่ได้ถามมันซะหน่อยว่าพี่ซันเขาคุยเรื่องอะไร มากน้อยแค่ไหน “วินเดี๋ยวนี้มึงขี้งอนไปนะ”

“อะไร” ผมปัดมือไอ้เกมส์ที่กำลังเอานิ้วจิ้มแก้มผมอยู่ออก

“ก็จริง ขี้งอนขึ้นแล้วก็น่ารักขึ้นด้วยนะ”

“ตลกมากป่ะมึง”

“แล้วนี่มึงโมโหอะไรเนี่ย เจออะไรมาหรือเปล่า”

“.....” ผมไม่ได้ตอบแต่หันหน้าไปมองไอ้เกมส์ที่กำลังขับรถแทน “วันนี้บัสเตอร์มารับพี่บลู”

“แล้วเจอกันป่ะ”

“เปล่า เห็นแค่รถน่ะ มันไม่ได้ลงมา”

“ก็ดีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน”

“ไม่เห็นจะดีตรงไหน” ถ้าได้เจอคงจะดีกว่า ผมอยากเจอเขา อยากสบตา อยากกอด แล้วก็อยากจูบด้วย

“เฮ้อออ ตัดใจไม่ได้เหรอวะ” ผมส่ายหน้าบอกไอ้เกมส์เป็นคำตอบ ถ้าบนโลกใบนี้คนเราเลิกรักกันได้ง่ายๆคงไม่มีคนอกหักเต็มโลกขนาดนี้หรอก

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกสติผมให้หยิบขึ้นมาดู เบอร์และชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทำเอาผมใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก

“ใครโทรมาวะ”

“......”

“วินใครโทรมา…” ผมหลับตาเอนตัวพิงเบาะรถก่อนจะค่อยๆกดรับโทรศัพท์ที่ยังดังไม่หยุด บทจะโทรมาแม่งก็ง่ายดายอย่างกับปอกกล้วย

“ว่าไงบัส”

(พี่อยู่ไหน)

“กูอยู่กับไอ้เกมส์กำลังจะกลับบ้าน”

(ว่างหรือเปล่า)

“ว่าง” ไม่ต้องไตร่ตรองหรือคิดทบทวนอะไรทั้งสิ้นผมพูดตอบมันทันทีที่มันพูดจบ เสียงถอนหายใจจากไอ้เกมส์ดังออกมาเบาๆ แต่ผมก็ไม่แคร์หรอก นี่มันเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนเลยนะที่ผมได้คุยโทรศัพท์กับบัส

(มาหาที่คอนโดเดี๋ยวนี้เลยได้ไหม)

“ได้ๆๆ ที่ไหนอ่ะ” ผมไม่เคยรู้ที่อยู่ใหม่ของบัสเตอร์ รู้คร่าวๆจากเบสว่าบัสไปอยู่คอนโดแต่มันก็ไม่เคยบอกผมว่าอยู่ที่ไหน



ตอนนี้ในหัวใจผมมันเต้นตุบตับไปหมด ตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้า ตื่นเต้นที่จะได้เจอกัน

แล้วก็ดีใจที่มันโทรมา










“มึงนี่มันโคตรโง่”

“เรื่องของกู” ผมเบ้ปากใส่ไอ้เกมส์เสร็จก็หันไปเก็บของที่วางไว้อยู่เบาะหลังยัดใส่กระเป๋าตัวเอง มันมาส่งผมที่คอนโดบัส ตั้งแต่มันรู้ว่าใครโทรมามันก็ทั้งห้ามทั้งด่า แต่เรื่องอะไรผมจะฟังล่ะ ผมไม่สนหรอกว่าตอนไปเจอบัสมันจะเกิดเหตุการณ์อะไร ผมรับได้หมดแหละ ผมบอกไปแล้วว่าให้ผมอยู่ตรงไหนก็ได้ขอแค่ให้ได้อยู่ใกล้ๆมันก็พอ

“วิน”

“อื้อ”

“มึงแน่ใจแล้วนะที่จะทำแบบนี้”

“แน่ใจ...มึงไม่ต้องห่วงกูหรอกเกมส์ กูเข้ามาเอง กูรับได้ ถ้าวันนึงมันจะเจ็บกูจะไม่โทษใครเลย เพราะกูเลือกเองทุกอย่าง แค่กูได้อยู่ข้างๆมันแค่นี้สำหรับกูก็มากพอแล้ว”

“มึงนี่มันดื้อ....”

“.........”

“ ถ้ามีอะไรก็โทรหากูนะ” ผมพยักหน้าบอกไอ้เกมส์เสร็จก็เดินลงจากรถแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องบัสเตอร์ ความตื่นเต้นทวีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ก้าวเท้าขึ้นมาบนชั้นที่มันอยู่ จนตอนนี้ยืนอยู่หน้าห้อง หัวใจผมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบ ผมยื่นทำใจอยู่หน้าห้องสักพักก่อนจะกดออดเรียกคนในห้องให้มาเปิด แว่บแรกที่ประตูเปิดผ่างออกมามันไม่ได้ยิ้มหรือแสดงอาการยินดีที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ บัสแค่เดินมาเปิดประตูแล้วก็เดินกลับไปนั่งเล่นโทรศัพท์ที่โซฟาต่อ



ห้องบัสเตอร์เป็นห้องขนาดพอดีอยู่กันสองคนได้ไม่อึดอัด ทางซ้ายมือมีห้องครัวขนาดเล็กเดินเลยมาอีกนิดก็เจอห้องรับแขกที่ตอนนี้เจ้าของห้องกำลังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ในมืออยู่ ผมเดินตามบัสเตอร์เข้ามาก่อนจะขยับลงนั่งข้างๆเขา เสียงไลน์เด้งพร้อมกับเสียงหัวเราะที่มีมาไม่ขาด ผมไม่กล้าลุกขึ้นไปเปิดทีวี ได้แต่นั่งเงียบๆ ไม่กล้านั่งใกล้มันมากกว่านี้ด้วยกลัวมันจะหันหน้ามามองผมด้วยสายตาไม่ชอบใจเลยเว้นช่องว่างระหว่างเราไว้

ผมบัสเตอร์ยาวขึ้นนิดหน่อย แต่ยังคงเป็นทรงสกินเฮดเหมือนเดิม ผิวสีแทนเพราะแดดยังคงเหมือนเดิม ตรงข้อมือเหมือนไปโดนอะไรมาสักอย่างมีผ้าพันแผลปิดอยู่ ไวเท่าใจคิดผมรีบขยับมาชิดมันก่อนจะเอื้อมมือมาจับตรงข้อมือมันทันที
 
“มึงไปโดนอะไรมาอ่ะ เจ็บมากไหม” ผมถามมันด้วยความเป็นห่วงแต่สิ่งที่ตอบกลับมาให้ผมดันเป็นสายตาหงุดหงิดและมือที่ถูกกระชากออกจากมือผมอย่างแรง

มึงนี่มันขี้เสือกจังเลยนะวิน ไปเสือกเรื่องของเขาทำไมวะ มาหาเขา เรียกร้องเขา ก็นั่งอยู่เฉยๆไปดิ แค่เขาให้มึงมานั่งอยู่ใกล้ขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

หลังจากเหตุการณ์เมื่อกี้ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งๆมองเขาคุยไลน์ ไม่ได้ทำอะไรต่อ แค่นั่งนิ่งๆอีกเกือบชั่วโมง รู้งี้ชาร์ตแบตโทรศัพท์ในรถไอ้เกมส์ไว้สักหน่อยก็ยังดี ตอนนี้แบตหมดจนแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรด้วยซ้ำ ที่ชาร์ตก็ไม่ได้เอามา จะขอยืมเจ้าของห้องก็ไม่กล้า กลัวรบกวนเวลาของเขา

“ผมเห็นพี่ตอนที่ผมไปรับพี่บลู”

“ห้ะ” อะไรวะ จู่ๆก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ใครจะไปฟังทัน

“ตอนที่ผมไปรับพี่บลูผมเห็นพี่”

“อ๋อ..พี่บลูเขาเป็นรุ่นพี่ที่องค์การน่ะ เพิ่งรู้จักกันวันนี้แหละ”

“อย่ายุ่งกับพี่บลู ถ้าพี่คิดจะทำให้พี่บลูรู้เรื่องของเราเมื่อสมัยอดีตก็ให้เลิกความคิดนั่นซะ อย่ามาทำให้ผมกับพี่เขาเข้าใจกันผิด” ที่เรียกผมมาหาก็คงเป็นเรื่องนี้สินะ เพราะถ้าไม่มีเรื่องนี้เขาคงไม่โทรมาหาผม

แล้วเรื่องอะไรผมจะไปพูดเรื่องของผมกับมันให้แฟนมันฟังล่ะ มันก็รู้จักผมนี่นา ไม่รู้หรือไงว่าผมไม่มีทางทำแบบนั้น

“กูไม่ทำแบบนั้นหรอก”

“ใครจะไปรู้...ขนาดศักดิ์ศรีตัวเองพี่ยังยอมทิ้งแล้วมานั่งกับผมอยู่ตรงนี้เลย” แล้วจะให้กูทำยังไงวะ กูแค่อยากอยู่ใกล้ๆ....ก็เท่านั้น

“...........”

“เงียบทำไม ผมพูดความจริงแล้วไปต่อไม่ได้เลยงั้นสิ”

“เปล่า”

“เปล่าอะไรวะ!!” บัสเตอร์หันหน้ามาตะคอกจนผมสะดุ้งตัวโหยง มันเอื้อมมือมาจับแขนผมแล้วบีบอย่างแรง มั่นในว่าบีบสุดมือด้วย เพราะผมเจ็บ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปว่าเจ็บแค่ก้มหน้าเม้มปากระบายความรู้สึกเจ็บกับมือที่กำแน่น “พี่มันน่าหงุดหงิด”

“ขอโทษ”

“เหอะ” กว่ามันจะปล่อยแขนผมก็ทำเอาผมปวดไปหมด เมื่อกี้เกือบคิดว่าถ้ามันบีบต่ออีกนิดแขนผมอาจจะหักก็ได้ “ทำให้หน่อยสิ”

“ทำ??? ทำอะไร” ผมเงยหน้าขึ้นสบตาบัสเตอร์ มันส่งประกายตาแปลกๆก่อนจะยิ้มมุมปากแล้วใช้สายตาชี้ชวนให้ผมมองตามไปที่เป้ากางเกงของตัวเอง “พี่เป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่ายอมทุกอย่าง แค่ได้อยู่ข้างๆผม”

“อื้อ”

“แล้วจะทำให้หรือเปล่า ถ้าไม่ทำก็กลับไปซะ”

“ทำสิ” ผมขยับตัวเข้ามาใกล้มันมากขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปปลดกางเกางสแลกสีดำของบัสเตอร์

“ไม่ได้บอกให้ใช้มือนะ ใช้ปาก”

“เข้าใจแล้ว” ทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ ทำไมบัสเตอร์ถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ ทั้งสายตา คำพูด การกระทำ มันไม่เหมือนกับบัสเตอร์คนเก่าที่มักจะอ่อนโยนกับผมเสมอ ผมทำอะไรผิดทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

“พอแล้ว” ก่อนที่บัสเตอร์จะถึงปลายทาง เขาผลักหน้าผมออกจากส่วนนั้น มันดึงตัวผมให้ขยับขึ้นมานอนบนโซฟา ดึงกางเกงออก แล้วใส่พรวดเข้ามาทันที ทั้งจุกทั้งแน่น ไม่มีการเล้าโลมอะไรทั้งนั้น การขยับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมหวังแค่ให้บัสเตอร์จูบผม รู้เลยว่าสายตาตัวเองอ้อนวอนและเรียกร้องให้เขาจูบผมแค่ไหน แต่ก็เปล่าเขาไม่จูบแต่กลับพลิกตัวผมให้หันหลังให้เขาแทน เดาเอาเองว่าเขาคงขยะแขยงและสมเพชที่ผมส่งสายตาแบบนั้นให้เขา



“บัส...เจ็บ”  ไม่มีการผ่อนแรง ยิ่งผมพูดว่าเจ็บมากแค่ไหนเขาก็ยิ่งทำให้มันแรงขึ้น “บัส..อ๊ะ...กูเจ็บ..อึก...”



ไม่มีคำพูดปลอบประโลม ไม่มีจูบอ่อนหวานที่ประทับลงบนหัวไหล่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น มีแต่ความเจ็บที่ถูกกระแทกเข้ามาไม่หยุด



ผมจิกนิ้วลงบนโซฟาแน่น กัดหมอนที่อยู่ใกล้ๆไม่ให้ตัวเองพูดคำว่าเจ็บออกมาอีก ต่อให้น้ำตาไหลออกมาเป็นทางบัสเตอร์ก็คงไม่สงสาร สิ่งที่ถ่ายทอดมาผ่านร่างกายที่เชื่อมต่อกันมีแต่คำว่า น่ารังเกียจเต็มไปหมด



“ฮึก..บัส....เจ็บ...ฮึก...วินเจ็บ”





เจ็บที่กายไม่เท่าไหร่ แต่ที่ใจกำลังบอบช้ำลงไปทุกที




>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC
บัสเตอร์ใจร้าย  :hao5:โทษทีที่หายไปนาน งานเยอะมากกกกกกกกก คิดถึงคนอ่านสุดๆ ถามว่า ดราม่าอีกยาวไหม อันนี้ไม่รู้ อิอิ รักคนอ่านเหมือนเดิม จุ๊บๆ :katai2-1:



หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 10 [P.2*31/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Gapompom ที่ 31-05-2014 20:24:21
อยากรู้ความรู้สึกของบัสว่าตอนนี้คิดอย่างไงกับวิน

แต่ตอนนี้วินน่าสงสารที่สุดที่ยังเอาตัวเองเขาไปยุ่งเกี่ยวกับบัสอีก
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 10 [P.2*31/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: PhInNoI ที่ 31-05-2014 20:33:25
 :mew6:
ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยอะ
หวังว่าจะจบแบบhappyนะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 10 [P.2*31/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 31-05-2014 23:36:58
ศักดิ์ศรีหายไปไหนหมดวิน โธ่เอ้ย
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 10 [P.2*31/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 01-06-2014 00:20:26
สงสารวิน

แต่คนมันรัก ให้ทำยังไงได้หล่ะ

มาต่อเร็วๆนะครับ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 10 [P.2*31/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: KaeM_PonG ที่ 01-06-2014 00:54:00
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 10 [P.2*31/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 01-06-2014 01:22:12
คือวินมันยอมอะไรขนาดนี้นะ ตั้งแต่คราวหลิวแล้ว คือถ้ารักใครยอมทุกอย่างเลยเหรอ
ไม่สนเลยว่าจะเป็นน้อย หรืออะไร  :เฮ้อ:

ไม่รู้นะ ที่ทำตอนนี้ไม่ใช่ศรัทธาในความรักเลยอ่ะ แต่เป็นการทำตัวไร้ค่ามากๆ
อยากให้ทำตัวดีกว่านี้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เป็นชู้=ต้นงิ้ว
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 10 [P.2*31/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-06-2014 10:55:05
คนที่รอคือวินซินะ

มาตีอเร็วๆนะ มันค้าง :katai1:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 10 [P.2*31/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 02-06-2014 02:28:41
ดราม่ายังได้อีกน้าาาา 555555555 เอาให้สุดดดดดด บัสมันยังรักแหละเนอะ ฝังใจขนาดนั้นไม่น่าเลิกรักง่ายๆหรอก
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 10 [P.2*31/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: none_ny ที่ 02-06-2014 22:16:29
กรี๊ดดดด ค้างมากกกก > <


ตัดใจเถอะวิน ถึงจะยากแต่สักวันนายจะทำได้
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 10 [P.2*31/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 03-06-2014 01:37:07
ค้างเกิน
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 10 [P.2*31/5/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-06-2014 02:23:11
อยากอ่านเรื่องนี้อีกแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 11 [P.3*8/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 08-06-2014 19:27:30
Chapter 11

“วิน....” เสียงคุ้นหูที่กระซิบอยู่ใกล้ๆมันทำให้ความรู้สึกเก่าๆของผมกลับมา นานมากแล้วที่ผมไม่ได้ยินเสียงนี้ และก็นานมากแล้วที่ผมไม่ได้ยิน ‘เขา’ เรียกแค่ชื่อผมเฉยๆ

“พี่วิน...ตื่นได้แล้ว” อุตส่าห์เรียกวินเฉยๆแล้วทำไมกลับมาเรียกพี่วินเหมือนเดิมอีกแล้ววะ แรงเขย่าของบัสเตอร์ทำเอาผมที่กำลังหลับอยู่ค่อยๆกระพริบตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ห้องๆเดิม ที่ๆเดิม  พร้อมกับคราบขาวเกรอะกรังที่อยู่บนร่างกายส่วนล่าง ยังดีที่มีบ๊อกเซอร์ปิดบังเอาไว้ไม่งั้นผมคงนอนโป๊ อยู่บนโซฟาท่ามกลางสายตาของคนตรงหน้า แปลกใจเล็กๆว่าทำไมบัสถึงไม่พาผมเข้าไปนอนบนเตียง ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ผม ไม่เช็ดตัว ไม่ทำความสะอาดร่างกายให้ แต่พอคิดอีกทีเขาอาจจะยังไม่ว่างหรือไม่ก็รอผมตื่น


หรือบางทีอาจจะไม่ใช้ทั้งสองข้อนั้น


“ง่วงอ่ะ” ผมขยับตัวเอาหัวหนักๆของตัวเองวางไว้บนพนักวางแขน มือข้างหนึ่งยกขึ้นจับหน้าบัสเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆ แม่งหล่อฉิบหาย หัวเกรียนๆกับผิวไม่ขาวมากของมันยิ่งทำให้คนตรงหน้าหล่อขึ้นอีกเป็นเท่าตัว “เจ็บด้วย...”

ไม่ได้อ้อนมันนะครับ แต่สภาพร่างกายตัวเองตอนนี้มั่นใจเลยว่าลุกขึ้นไปไหนไม่ไหว เพราะมันทั้งเจ็บ หน่วง และก็เหนื่อยสุดๆ แถมรู้สึกเหมือนตัวเองยังนอนหลับได้ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ

“วิน...”

“อื้อ” ผมครางรับไอ้บัสในลำคอก่อนจะค่อยๆหลับตาลงช้าๆ มือวินทาบทับลงบนมือผม ความอบอุ่นแล่นผ่านจากมือเข้ามายังหัวใจ ผมยิ้มเบาๆในมุมของตัวเอง บางทีบัสอาจจะกลับมาเป็นคนเดิมแล้วก็ได้

“ลุกได้แล้วพี่วิน”

“ไม่เอา”

“พี่วิน”

“ม่ายยย”

“พี่วิน!!!” มันตะโกนเรียกชื่อผมเสียงดังจนมือที่จับหน้ามันตอนแรกชะงักค้างอยู่อย่างนั้น ไม่นานไอ้บัสก็ปัดมือผมที่จับหน้ามันอยู่ออกจากหน้าตัวเอง มันลุกขึ้นนั่งบนโซฟาที่วางอยู่ใกล้ๆ “ไปอาบน้ำได้แล้ว...แฟนผมกำลังจะมา”



ผมไม่น่าคิดไปก่อนเลยว่าคนอย่างไอ้บัสจะกลับมาหาผม ดูสายตามันดิมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าที่ผมจับหน้ามันเมื่อกี้...มันไม่ชอบ



“แต่กูเจ็บ” อย่างน้อยมึงก็น่าจะเห็นใจกูบ้างนะบัส คนที่ทำกูเจ็บก็คือมึง ไม่ใช่มาทำหน้าไม่พอใจหรือเหนื่อยหน่ายใส่กูแบบนี้

“เป็นแค่คนอื่นอย่าทำตัวมีปัญหาได้ไหมวิน”

“บัส...ทำไมวะ”

“อะไร”


ทำไมต้องพูดจาทำร้ายกันขนาดนี้ด้วย


 ผมกัดปาก เงยหน้ามองบัสเตอร์ สายตาที่ส่งมาให้รู้เลยว่ามันไม่ใช่บัสเตอร์คนเดิมที่เคยรักผม...บัสเตอร์ไม่เคยกลับมา...เขาไม่ได้กลับมารักผม

“เลิกทำหน้าแบบนั้นเถอะวิน...” ผมไม่รู้ว่าผมทำหน้าแบบไหน อ้อนวอนเขาเหรอ เปล่าสักหน่อย น้ำตาก็ไม่ได้ไหลออกมาด้วย เพราะตอนที่รู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆจุกอยู่ที่คอผมก็ก้มหน้าไม่ให้เขาเห็นแล้ว

“ได้ยินที่พูดไหมเนี่ย”

“รู้แล้วๆ กำลังจะลุกเดี๋ยวนี้แหละ....ยังไงกูของยืมเสื้อผ้าหน่อยล่ะกัน ถ้าให้ใส่ชุดนี้ออกไปคงไม่ไหว”

“อืม” เขาพยักหน้าเสร็จก็เดินเข้าไปในครัว กลิ่นหอมชุยจากอาหารที่บัสทำลอยเตะจมูกเข้ามาเป็นพักๆ พี่บลูนี่โชคดีจังเลยเนอะ มีคนอย่างบัสเตอร์ทำอะไรๆให้ตั้งหลายอย่าง ตอนอยู่ด้วยกันไอ้เกรียนนั่นคงดูแลพี่เขาดีสุดๆ ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมเลยมั้ง

“เฮ้อออออออ”ผมถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะมองร่างกายตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำ ไม่มีร่องรอยสีแดงช้ำเป็นจุดๆเหมือนอย่างปกติที่บัสชอบทำ นั่นก็หมายความว่าเขาไม่ได้จูบผมเลย สิ่งที่ร่างกายบอกคือเขาแค่ทำๆให้มันเสร็จๆไป ไม่ได้สนใจว่าผมจะเสร็จเหมือนเขาไหม


ผมละสายตาจากในกระจกแล้วเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ สายน้ำเย็นไหลผ่านร่างกายตั้งแต่หัวจนถึงปลายเท้า ความเย็นของน้ำไม่ได้ช่วยให้ใจผมสงบลงเลย ในหัวคิดเรื่องราวระหว่างเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมยอมรับก็ได้ว่าลึกๆแล้วผมแอบคิดว่าบัสจะกลับมาหาผม


ยอมรับก็ได้ว่าตอนที่เห็นชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์เป็นชื่อบัส ความรู้สึกตื่นเต้นที่คิดว่าเขายังรักผมมันยังมีอยู่ และก็คิดว่าถ้าเรามีอะไรกัน... บัสเตอร์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม



แต่ก็นั่นแหละอย่างที่เห็น ผมหลอกตัวเองได้ แต่หลอกความจริงที่เจอไม่ได้


“พี่วิน” พอผมออกมาจากห้องน้ำ บัสก็เข้ามาทักผมพร้อมกับยื่นเสื้อผ้าที่ผมขอมาให้ เราไม่ได้พูดอะไรกันอีก เขานั่งลงบนเตียงมองผมผ่านกระจก แต่ถึงจะมองจนแทบทะลุร่างผมขนาดไหน ความรู้สึกที่รับรู้ได้ก็ไม่มีคำว่ารักอยู่นั้น

“อย่าลืมที่ผมบอกนะพี่วิน” บัสก็ยังคงเป็นบัส ถึงจะเกลียดผมมากแค่ไหนก็ยังคงพูดเพราะเหมือนเดิม

“........”

“อย่ายุ่งกับพี่บลู” ที่เรียกผมมาหาถึงนี้ก็คงมีแค่เรื่องนี้สินะ ถ้าไม่มีเรื่องนี้บัสมันอาจจะไม่โทรหาผมเลยก็ได้ ผมไม่ได้สำคัญขนาดนี้เนอะ ผมมันก็เป็นแค่คนอื่น....ก็แค่นั้น

“รู้แล้ว” ผมเดาะลิ้นในโพรงปากก้มหน้าลงมองพื้นถามตัวเองในใจว่าทนไหวไหม แต่คำตอบที่ได้รับก็ยังเหมือนเดิม “ถ้าเกิดว่ากูจะมาหามึงล่ะ”


“รอผมโทรไป”


“แล้วตอนไหนล่ะ บัสถึงจะโทรมา”


“ฟังไม่รู้เรื่องเหรอวิน บอกให้รอก็คือรอไง...”


แล้วถ้ากูคิดถึงมึงล่ะ....จะให้กูทำยังไง


“อื้อ...เข้าใจแล้ว...”









สองหรือสามวันหลังจากนั้นบัสเตอร์ก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีก ผมส่งไลน์ไปหา เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา โทรไปก็เหมือนเดิม ไม่รับ ไม่โทรกลับ ส่วนผมเองหลังจากวันนั้นก็ลุกไปไหนไม่ได้เพราะไข้ขึ้น ไอ้เกมส์ก็แวะเวียนมาหาขอส่วนบุญเนียนแดกข้าวเย็นกับผมแทบทุกวัน

“หายยังเนี่ยมึง”

“ยัง”

“ตอแหล เลิกสำออยแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำ จะได้ไปช่วยกูทำงานสักที” มันมาที่บ้านผมทีไรแม่งก็เอาแต่พูดเรื่องเดิม บ่นเรื่องเดิม องค์การแม่งก็มีคนตั้งเยอะแยะแล้วทำไมกูต้องไปด้วยวะ “ลุกเลยมึง พี่ฟิล์มจะฆ่ากูตายอยู่แล้วเนี่ย”

“เกี่ยวอะไรกับพี่ฟิล์ม” ผมถามมันพร้อมกับลุกขึ้นมาหยิบผ้าเช็ดตัว ขี้เกียจฟังแม่งบ่นแหละ มาทุกวันบ่นทุกวัน ถ้ากูไม่ไปจะมีใครตายหรือไง แล้วที่มันพูดออกมาเมื่อกี้อีก เชี่ยพี่ฟิล์มเกี่ยวอะไรกับผม

“กูว่ามันชอบมึง”

“ตลกและ สัส!! กูไม่ขำด้วยหรอกนะ” ถึงผมจะไม่ได้รังเกียจผู้ชายแต่ถ้าให้ชอบกับคนอื่นที่ไม่ใช่ไอ้บัสผมก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่อ่ะ ถึงแต่ก่อนจะเคยรู้สึกตื่นเต้นกับไอ้ไวท์แต่มาคิดๆดูนั่นก็ไม่ใช่ความรักแบบที่ผมมีให้บัสเตอร์

“กูพูดจริง แม่งถามหามึงตลอดอ่ะ สงสัยจะหลงเสน่ห์มึงล่ะ ตั้งแต่มีผัวเนี่ยน่ารักขึ้นเป็นกองเลยนะเพื่อนเรา”

“ K ” คนอย่างไอ้เกมส์แค่ด่าน่ะไม่พอหรอกครับต้องส่งนิ้วกลางกระแทกหน้ามันไปอีกดอก

“คิคิ อันนั้นกูก็มี มึงไม่ต้องบริจาคของตัวเองมาให้กูหรอก...แต่พอพูดเรื่องพี่ฟิล์มกูว่ามันก็แปลกๆนะเว้ย เคยได้ยินมาว่าพี่เขาคั่วพวกเด็กหน้าตาน่ารัก สไตล์อย่างไอ้เบสไม่ก็พี่บลู งงเหมือนกันที่มาชอบคนอย่างมึง”

“นั่นดิ คนอย่างกูใครเขาจะมาชอบ”

“เอาอีกและ ดราม่าใส่กูอีกแล้ว ไป...ไปอาบน้ำ เลิกทำหน้ายู่ได้แล้วครับเพื่อน”

“เชี่ยยยยย ใครบอกให้มึงทำแบบนี้” จู่ๆแม่งก็กระโจนมากัดแก้มผมซะงั้น พอผมผลักหน้ามันออกแล้วทำท่าเช็ดแก้มตัวเองด้วยความรู้สึกรังเกียจ มันก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากยักไหล่แบบไม่แคร์สายตาผมสักนิด “กวนตีน”

ผมเตะขาหน้ามันไปอีกทีก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป วันนี้ถ้าผมเจอพี่บลูโอกาสที่จะเจอบัสก็มีสูงขึ้นด้วย เอาวะแค่เห็นหน้าหรือแค่แอบส่งพี่บลูคุยไลน์กับไอ้บัสก็ยังดี


แค่นี้ก็ยังดีงั้นเหรอ หึ ไม่สักนิด ผมอยากมากกว่านั้นอีก อยากนอนกอด อยากจูบ อยากมีอะไรกันถึงเขาจะไม่สนไม่แคร์หรือทำให้ผมรู้สึกดีไปด้วยผมก็ยังอยากอยู่ในอ้อมกอดเขา หวังมากไปหรือเปล่าวะ


“หึ พอ เลิกเพ้อได้แล้วกู”







“น้องวินนนน” เชี่ยแม่งขนลุกว่ะ ไอ้พี่ฟิล์มตอนที่มึงเรียกกูแบบนี้มึงไม่รู้สึกขยะแขยงหรือไง

“หุบปากไปเลยมึงหัวเราะอะไรนักหนา” ผมตบกะโหลกไอ้เกมส์ไปทีก่อนจะขยับนั่งลงข้างพี่บลูที่กำลังละเลงสีลงบนคัทเอาท์ หน้าที่ส่วนของผมคงช่วยได้แค่นี้ ช่วยระบาย ละเลง ยกแบกหาม เขียนป้าย จะให้ไปใช้สมองส่วนหน้าแบบคนอื่นๆคงไม่ไหว “หวัดดีครับพี่บลู สบายดีนะ”

“สบายดี แต่ร้อนไปหน่อย วินว่าป่ะ”

“ร้อนมึงก็ถอดเสื้อกันหนาวออกดิวะบลู กูเห็นใส่ตั้งแต่เช้าและ” ผมก็งงกับพี่บลูเหมือนกันเพราะเห็นแกใส่เสื้อกันหนาวแล้วรูดซิบขึ้นจนถึงคอ รู้ๆกันอยู่ใช่ไหมครับว่าอากาศเมืองไทยแม่งร้อนพอเห็นพี่เขาใส่แบบนี้คนข้างๆอย่างผมก็อดร้อนแทนไม่ได้

“ไม่เอาอ่ะ” พี่บลูก้มหน้าหงุด แก้มแดงระเรื่อไม่รู้เพราะว่าร้อนหรือเพราะว่าอย่างอื่น

“แหมทีอย่างนี้ล่ะทำเป็นอาย ทีตอนเอากันมึงไม่อายวะ นี่ๆวินดู” ไอ้พี่ฟิล์มถือวิสาสะเอานิ้วจิ้มไปที่คอเสื้อของพี่บลูก่อนจะแหวกคอเสื้อพี่บลูลงมานิดหน่อยพอให้เห็นร่องรอยที่พี่บลูปกปิดเอาไว้ “แดงเป็นดวงๆเลยครับ แฟนเด็กมึงแม่งหื่นไปนะ ตีตราซะจนกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าได้กันแล้ว”

“ไอ้ฟิล์ม นิสัยไม่ดีว่ะ” เสียงเถียงกันของพี่เขาสองคนไม่ได้เข้าหูผมเลยสักนิด ในหัวพาลแต่จะคิดถึงรอยจุดจ้ำแดงๆที่คอของพี่บลูเท่านั้น ทีกับผมแค่จูบเบาๆที่ร่างกายมันยังรังเกียจที่จะทำ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมต้องน้อยใจหรือเอาตัวเองไปเทียบกับคนรักอย่างพี่บลูทุกครั้ง



ทั้งๆที่ผมเทียบอะไรกับพี่เขาไม่ได้เลยสักอย่าง




คนรักแบบเขาจะเทียบกับคนอื่นแบบผมได้ยังไง



“พี่บลู”

“นั่นไงพูดถึงก็มาเลย เจ้าของร่องรอยปริศนา” ผมไม่ได้หันไปมองเจ้าของร่องรอยปริศนาหรอกนะครับ เพราะถ้าให้หันไปมองหน้ามันตอนนี้คงได้เผลอทำแววตาตัดพ้อใส่มันแหงๆ

“หวัดดีครับพี่ๆ”

“ว่าไงเด็กปีหนึ่ง มึงนี่มันอภิสิทธิ์เกินไปแล้วนะบัส”

“ฮ่า ฮ่า เปล่าสักหน่อย ผมมาหาแฟนผมเฉยๆ ไม่ได้มาแอบดูวิธีการรับน้องของพวกพี่ๆหรอกนะ” เสียงไอ้บัสดูมีความสุขจังเลยเนอะ ตามันคงยิ้มจนแทบจะปิดเลยมั้ง

“ยังไม่ได้พูดสักคำเลยว่าเป็นแฟน”

“อ่าว...ที่ผ่านมาผมเข้าใจผิดงั้นเหรอพี่บลู อะไรอ่ะพี่ได้ผมแล้วนะ” แม่งหยอกกันเข้าไป เอ้อ เห็นพวกกูเป็นอากาศธาตุแล้วมั้งตอนนี้ ไม่อยากนั่งตรงนี้แล้วอ่ะ อยากเดินหนีออกไปไกลๆแล้วด้วย ไม่ชอบความรู้สึกตัวเองตอนนี้เลยให้ตายเถอะ

“วิน...ไหวไหมมึง” ผมหันไปส่ายหน้าให้ไอ้เกมส์เป็นคำตอบ น้ำตาผมที่ไม่เคยไหลออกมาท่ามกลางสายตาคนอื่นกำลังจะไหลออกมาในไม่ช้า ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทน แต่ก่อนตอนที่เกิดเรื่องของหลิว ผมรักเธอขนาดนั้นผมยังรับได้เลยแต่ทำไมเรื่องของบัสผมถึงรับอะไรไม่ได้สักอย่าง

“มานี่มา” ผมลุกขึ้นตามแรงลากของใครสักคนที่จู่ๆก็เอื้อมมือมาจับผมไว้แน่น ตอนแรกผมคิดว่าคนที่ลากผมออกมาเป็นไอ้เกมส์ซะอีก แต่พอเงยหน้าดูแล้วกลับไม่ใช่ซะงั้น

“พี่ฟิล์มอะไรอ่ะ” เมื่อกี้ยังเห็นมันแซวพี่บลูอยู่เลยทำไมจู่ๆมาลากผมได้วะเนี่ย “เฮ้ยพี่!!อะไรวะเนี่ย เลิกลากผมได้แล้วคนมองไม่เห็นรึไง”

“โทษทีๆ” ไอ้พี่ฟิล์มยกมือยอมแพ้แล้วผลักผมให้นั่งลงตรงม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ข้างๆองค์การ ผมขมวดคิ้วไม่พอใจมันนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา “เอาน้ำไหม”

“ไม่อ่ะ”

“ไหวไหมเนี่ย”

“อะไรของพี่วะ” ผมเงยหน้าสบตาไอ้พี่ฟิล์มพยายามดึงมือมันออกจากหัวผมแต่มือมันโคตรเหนียวเลย ปัดออกก็ไม่ออก ดึงออกก็ไม่ได้เลยปล่อยให้มันจับหัวผมไว้แบบนั้น

“กูรู้นะว่ามึงกับไอ้บัสเคยเป็นอะไรกัน”

“มั่วและ”

“กูเคยเห็นมึงกับมันที่เขาใหญ่ ไปเที่ยวด้วยกันมาไม่ใช่เหรอ ตอนนั้นก็เห็นรักกันดีนิ แล้วไหงมาเป็นแบบนี้ได้วะ”

“จำคนผิดแล้ว” ผมยังเถียงข้างๆคูๆไม่ยอมรับความจริง ถ้าเกิดยอมรับไปมันไปเล่าให้พี่บลูฟัง พี่บลูรู้ขึ้นมาแล้วไม่สบายใจขึ้นมาทำไงล่ะ

“ตอนแรกก็คิดว่างั้น แต่พอเห็นวันนี้แล้วคิดว่าน่าจะใช่”

“...........”

“ยอมรับมาเถอะน่า กูไม่เล่าให้ไอ้บลูฟังหรอก”

“จริงอ่ะ” พอโดนต้อนจนจนมุมผมก็ต้องยอมรับออกมาในที่สุด

“จริงดิ แล้วยังไง..ทำไมจู่ๆถึงเป็นแบบนี้ได้” เชี่ยนี้แม่งขี้เสือกว่ะ ถ้ากูไม่เล่ามึงก็ยังจะเสือกแบบนี้จนกว่าจะรู้ใช่ไหม

“ใช่”  อะไรของมันอยู่ๆก็พูดว่าใช่ทั้งๆที่ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปสักคำ  “ก็หน้ามึงบอกว่ากูเสือก กูเลยบอกว่าใช่ไง”

“เชี่ยพี่ฟิล์มมึงแม่งกวนตีนว่ะ”

“นี่กูพี่มึงนะวิน”

“พี่แล้วไงวะ กูไม่นับถือมึงหรอก” หน้าอย่างมันจะอายุมากกว่าผมสักกี่เดือนเชียว เผลอๆเกิดปีเดียวกับผมด้วยมั้ง

“ฮ่า ฮ่า มึงนี่มันน่ารักจริงๆ” มันลูบหัวผมเบาๆก่อนจะเริ่มขู่บังคับให้ผมเล่าเรื่องของผมกับบัสอีกรอบ ตอนแรกก็ไม่คิดจะเล่าให้มันฟังหมดหรอกครับ แต่ไปๆมาๆไม่รู้ทำไมพอเล่าไปเรื่อยๆแล้วรู้สึกสบายใจ ก็เลยเล่าให้มันฟังจนจบ “มึงนี่มันโง่”

แม่งด่ากูอีก รู้งี้ไม่เล่าให้ฟังซะก็ดี

“แล้วก็ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นด้วย”

“เปล่าสักหน่อย” ปากพูดว่าเปล่านะแต่น้ำตามันดันไม่ฟังสักนิด พี่ฟิล์มดึงหน้าผมไปซุกที่ท้องมัน มือที่ลูบปลอบเบาๆของมันยิ่งทำให้ผมร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม “ผมไม่ชอบแบบนี้เลยว่ะพี่ ไม่ชอบที่เป็นแบบนี้เลย...ฮึก..สักนิด”

“กูเข้าใจ...ไม่ต้องร้องนะ”

“มึงจะมาเข้าใจอะไรกูวะพี่ฟิล์ม...ฮึก... มึงไม่ใช่กูสักหน่อย ..ฮือ..มึงไม่เข้าใจหรอก” ผมทุบหลังไอ้พี่ฟิล์มอย่างแรงก่อนจะปล่อยโฮก๊อกสุดท้ายออกมาอีกครั้ง



ความรักของผมไม่มีใครเข้าใจมันได้ดีเท่ากับผมหรอก รักของผมอยู่บนเส้นทางของคำว่าคนอื่นเสมอ รักของผมมักจะเป็นอันดับสองรองจากคนสำคัญของเขาทุกครั้ง ไม่ว่าผมจะรักใครคนๆนั้นก็มีคนรักของเขาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะหลิว หรือแม้กระทั่งไอ้บัสตอนนี้



มันอาจจะใช่ที่บัสเตอร์มันเคยรัก ใช่..ที่มันเคยรอผม แต่ผิดหรอที่ผมรู้ตัวช้าไป ผิดไหมที่ผมหันกลับมาแล้วเขาเดินจากไปแล้ว



ผมคว้าเขาไว้ไม่ทัน



มันสายไป




ที่ทำได้ตอนนี้คือขอให้ได้อยู่ข้างๆ ขอ...ให้เขาหันมามองบ้างแม้ไม่เต็มสายตาก็ยังดี







“พี่ฟิล์มครับ พี่บลูเรียก” ผมกับไอ้พี่ฟิล์มหันหน้าไปมองบุคคลที่สามที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล สายตามันที่ส่งมาทางเราทั้งคู่ ผมอ่านไม่ออกว่ามันหมายถึงอะไร แต่คิดว่าคงไม่ดีเท่าไหร่นัก

“มันหึงมึงหรือเปล่า” พี่ฟิล์มกระซิบถามผม

“ไม่ใช่หรอกพี่ ดูหน้ามันดิ สมเพชผมจะตาย”

“ใครจะไปรู้ หึ” ก็ใช่ไง ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันคิดอะไร แต่ถ้าให้ผมเดา คนอย่างบัสเตอร์ไม่มีทางหึงผมหรอก

“พี่ฟิล์มครับ” ไอ้บัสตะโกนเรียกพี่ฟิล์มอีกรอบ

“เออๆ กูกำลังจะไปนี่ไง ป่ะวินไปพร้อมกู เสร็จงานแล้วเดี๋ยวกูพามึงไปแดกอาหารญี่ปุ่นแบบที่มึงอ้อนกูกินเมื่อกี้” กูอ้อนมึง ตอนไหนวะครับ

“พี่เลิกพูดแบบนั้นเถอะ มันไม่หึงผมหรอก ดูนู่นมันเดินไปแล้ว”

“เออว่ะ”

“ผมบอกพี่แล้วว่ามันไม่ได้รักผม....” พูดเองเจ็บเองซะงั้น

“เอาน่าไม่มีมัน มึงก็ยังมีกูนะเว้ย” มีมึงนั่นแหละยิ่งทำให้กูเครียดกว่าเดิม “ให้เวลาสิบนาทีในการจัดการตัวเองนะวิน ล้าหน้าล้างตาให้เรียบร้อย กูรอมึงตรงนี้ ไป...ยังมาทำหน้างงอีก เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวเลย”

ผมเดินไปล้างหน้าล้างตาทำใจอยู่ในห้องน้ำสักพักก็เดินมาหาพี่ฟิล์มที่เดิม มันเลิกคิ้วถามผมประมาณว่าพร้อมไหม ไอ้ผมจะทำอะไรได้นอกจากพยักหน้าใส่มันแทนคำตอบ พอเดินมาจนถึงใต้องค์การ เห็นพี่บลูกับบัสเตอร์กำลังนั่งหยอกกันอยู่ ผมก็แทบจะหันหลังกลับเสียเดี๋ยวนั้นเลย แต่โดนไอ้พี่ฟิล์มดึงมือผมไว้ก่อน “อย่าแม้แต่จะหนี”

“พี่ฟิล์มอ่ะ”

“ว่าไงบลูมึงเรียกกูทำไมวะ”

“กูจะให้มึงมาร่างภาพต่อ กูจะได้ลงสี”

“เออๆรู้แล้ว แล้วนี่มึงจะยืนค้ำหัวกูอีกนานไหมวิน นั่งดิลูกพี่เสร็จงานแล้วจะพาไปกินข้าว”ไอ้พี่ฟิล์มพูดเสร็จก็กระตุกมือผมให้นั่งลงข้างๆกัน แถมนั่งลงตรงข้ามบัสเตอร์กับพี่บลูด้วย มันจะฆ่าผมทั้งเป็นหรือไงวะ ไม่เห็นหรือไงว่าแค่กูมองหน้ามันน้ำตากูก็พาลจะไหลออกมาอีกแล้ว

“อยากกลับบ้าน” ผมกระซิบข้างหูไอ้พี่ฟิล์มแล้วพยายามดึงมือตัวเองออกจากมือมัน แต่ยิ่งดึงมันก็ยิ่งจับแน่น

“เดี๋ยวกูไปส่ง”

“พี่ฟิล์ม”

“เงียบน่า....”

“พี่ทำแบบนี้ทำไมวะแม่ง”

“มึงมีคนรักของมึง ส่วนกูก็มีของๆกูที่จะทวงคืน” อะไรของมัน เชี่ยพี่ฟิล์มแม่งพูดโคตรไม่รู้เรื่องอ่ะ ไอ้บัสไปขโมยของอะไรจากพี่ฟิล์มวะ รีบๆคืนเขาไปดิเขาจะได้ไม่ต้องมาลากผมมาทำนู่นทำนี่แบบนี้

“พี่ฟิล์ม ปล่อยมือผมก่อน”

“อย่าอ้อนนะคนดี พี่ใกล้เสร็จงานแล้วครับ ยังไงเดี๋ยวพาไปกินอาหารญี่ปุ่นเนอะ” เชี่ยพี่ฟิล์มแม่งกวนตีนสัส ดูมันดิกูไม่ได้อ้อนมึงเลยเหอะ

“ฟิล์มจะไปกินอาหารญี่ปุ่นเหรอ ร้านไหนอ่ะ”

“ร้านแถวๆทองหล่อน่ะ จำได้ป่ะที่กูเคยพามึงไปกิน”

“ร้านนั้นอร่อย ฟิล์ม...บลูขอไปด้วยดิ อยากไปนานแล้วแต่จำทางไม่ได้”

“เอาดิ บัสก็ไปด้วยกันเลยเนอะ”  ไอ้พี่ฟิล์มหันไปถามบัสเตอร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ผมรีบหยิกขามันทันทีที่มันพูดชวนบัส

“ครับ” เชี่ยพี่ฟิล์มหางานให้กูอีกแล้ว




ตอนนี้ผม พี่ฟิล์ม พี่บลู แล้วก็บัสเตอร์กำลังนั่งกินอาหารญี่ปุ่นในร้านย่านทองหล่อ คนไม่ได้เยอะ บรรยากาศก็ดี อาหารอร่อย แต่ติดอยู่นิดเดียวตรงสายตาไอ้บัสที่ส่งมาให้ผมเป็นระยะๆ

“กินเลยๆ มื้อนี้กูเลี้ยง”

“เออเดี๋ยวกูจะสั่งให้ขนหน้าแข้งมึงร่วงเลยพี่ฟิล์ม ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีก เชี่ยนิ” ผมผลักหัวมันที่ยื่นมาใกล้ๆผมให้ขยับออกไปห่างๆ พี่บลูมองแบบยิ้มๆส่วนอีกคนมองแบบสมเพช เห็นแบบนี้แล้วอยากกลับบ้านฉิบหาย

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

“ว่าไงซัน.....ได้ๆ....เอาไอ้บลูไปด้วยเหรอวะ...กินก่อนได้ไหม...เออๆ...เดี๋ยวไปตอนนี้แหละ....เออรู้แล้วกำลังจะไป...แค่นี้โว้ย เชี่ยซันแม่งพูดมาก”

“มีไรอ่ะ” พี่บลูถามขึ้นทันทีที่พี่ฟิล์มวางโทรศัพท์

“ไอ้ซันโทรมา บอกเรียกประชุมพวกปีสี่ที่รับผิดชอบงานด่วน”

“แต่ฟิล์ม...อาหารยังไม่มาเลย จะไปเดี๋ยวนี้เลยเหรอวะ รอให้อาหารมาก่อนแล้วบอกเขาห่อไม่ได้เหรอ” พี่บลูทำหน้างอนิดหน่อย เพราะอาหารที่พวกเราเพิ่งสั่งเริ่มทยอยมาเรื่อยๆ

“ก็ให้น้องสองคนรอไปล่ะกัน มึงก็รู้ว่าร้านนี้ทำนาน เราสองคนไปกันก่อนเดี๋ยวให้ไอ้วินกับไอ้บัสตามไป”

“เอางั้นเหรอ” พี่บลูหันไปพูดกับบัสเตอร์ ส่วนไอ้บัสก็พยักหน้าเบาๆแล้วลูบหัวพี่บลูอย่างเอ็นดู

“พี่ฟิล์ม ผมไปด้วยดิ”

“มึงจะไปทำไมล่ะ อยู่เป็นเพื่อนไอ้บัสนี่แหละ ได้ของแล้วเดี๋ยวค่อยไปพร้อมมัน”

“พี่ฟิล์ม...” ผมทำเสียงอ้อนมัน กระตุกแขนเสื้อ มึงก็รู้ว่ากูไม่อยากอยู่กับมันตอนนี้

“เอาน่ากูไปแล้วนะ” เชี่ยพี่ฟิล์มรีบลุกแล้วลากพี่บลูออกจากโต๊ะไปเลย มึงไม่เห็นเหรอกูอ้อนมึง ส่งสายตาให้มึงพากูไปด้วย ไม่ใช่ให้มึงทิ้งกูไว้ที่นี้ กับมันแบบนี้

ไอ้บัสเดินตามไปส่งพี่บลูก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ แต่ไม่ใช่ที่เดิมที่มันเคยนั่งฝั่งตรงข้ามกับผม

“พี่ครับ รบกวนห่ออาหารทั้งหมดที่สั่งเมื่อกี้ให้ด้วยนะ”

“..............” หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ถ้าไม่ติดว่าไหล่ที่แนบชิดกันอยู่ผมคงคิดว่าผมนั่งอยู่คนเดียว อึดอัดจังเลยว่ะไม่ชอบแบบนี้เลยสักนิด




“บัส มึงไปส่งกูที่บ้านก่อนนะ กูไม่อยากกลับไปมหาลัยแล้ว” ตอนที่ขึ้นมาบนรถผมสั่งไอ้บัสให้ไปส่งผมที่บ้าน มันไม่ได้พูดตอบอะไรผม ไม่มองหน้า เห็นแบบนี้แล้วก็แทบอยากจะลงจากรถเสียเดี๋ยวนี้


“ตั้งแต่วันนั้นมึงก็ไม่ตอบไลน์กูเลยอ่ะ”


“.......”


“โทรไปก็ไม่รับ...คงยุ่งใช่ไหม...มึงกับพี่บลูดูเข้ากันดีเนอะ”


“.......” ผมเม้มปากแน่นทันทีเมื่อคำตอบที่ได้ยังเหมือนเดิม ความเงียบที่ส่งไปให้ ไม่รู้มันว่าที่ทำแบบนี้ มันรำคาญผมหรือเปล่า ไม่พอใจผมใช่ไหม ถ้าไม่ชอบอะไรก็พูดออกมาดิ ไม่ใช่เงียบใส่แบบนี้


“แล้ววันนี้ว่างเหรอ ถึงมาหาพี่บลูที่นี้ได้”


“............”


“ถ้าว่างสักหนึ่งนาทีหรือสองนาที ตอบไลน์หรือรับโทรศัพท์กูบ้างก็ได้นะเว้ย....แต่ถ้าไม่ว่าง...ก็ไม่เป็นไร”


“..........”


“บัส...พูดกับกูหน่อยสิ” ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเอื้อมมือไปจับแขนเสื้อมันตอนไหน


“........”


“บัส...ฮึก...”ไม่ได้อยากร้องไห้ให้มันเห็นหรอกนะครับ แต่ผมไม่อยากทนแล้วอ่ะ หันมายิ้มให้กูหน่อยได้ไหม พูดเออ ออ อะไรก็ได้ ไม่ใช่เงียบใส่แบบนี้


“เลิกพูดมากสักทีเถอะพี่”


“........”


“ผมรำคาญ”


“อื้อ...” ผมปล่อยมือจากแขนเสื้อบัสเตอร์ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออกลวกๆ  ไม่น่าร้องไห้ให้มันเห็นเลย ไม่น่าอ้อนมันให้ตัวเองเสียหน้าด้วย แต่ถึงเสียหน้าผมก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดคำๆนึงกับมัน




“กูคิดถึงมึงนะบัส....”




ต่อให้มันเกลียดผมแค่ไหน ผม...ก็ยังรักมันอยู่ดี





“วันนี้อยู่กับกูนะ”




ผมก็ยังอยากอยู่กับมัน



>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC
วินก็เป็นซะแบบนี้
เร็วไปไหมง่ะ 5555 ใกล้จบแล้ว รักคนอ่านนะจุ๊บๆ



หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 11 [P.3*8/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-06-2014 21:09:47
โอ้วว บัสเย็นชาได้ใจจริงๆ
แต่เราดันชอบดราม่าแบบนี้
ขอให้ปลายทางแฮปปี้ก็พอ
ถ้ามีบัส-วิน และ บัส-บลูล่ะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 11 [P.3*8/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: none_ny ที่ 08-06-2014 22:53:38
อยากจิไปกระโดดตบวินจริงเชียว จะโง่งี่เง่าทำร้ายตัวเองทำม๊ายยยย #อิน #เคยเป็นมาก่อน
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 11 [P.3*8/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 08-06-2014 23:18:12
เวรกรรม เฮ้อ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 11 [P.3*8/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 09-06-2014 00:00:41
เห้อ!!

สงสารวินจัง,,,
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 11 [P.3*8/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 09-06-2014 00:30:01
 :ling3: น่าสาร เข้าใจเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 11 [P.3*8/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 09-06-2014 00:37:07
คือฟิล์มชอบบลู แต่บัสมันดันมาสอยบลูไปก่อนใช่ม่ะ
ฟิล์มเลยจะให้บัสคืนดีกับวิน ตัวเองจะได้ได้บลูมา
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 11 [P.3*8/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: PhInNoI ที่ 10-06-2014 09:44:45
 :monkeysad:
สงสารวินจัง
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 11 [P.3*8/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-06-2014 18:48:36
เฝ้ารอเรื่องนี้ตลอดๆ
มาต่อเร็วๆ นะ จะลงแดงแล้ว  :ling1:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 12 [P.3*15/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 15-06-2014 18:48:54
Chapter 12

กูคิดถึงมึงนะบัส


คำๆนี้ยังคงดังก้องอยู่ในหัวผมซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากผมกันแน่ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ นั่งอยู่ข้างๆผม ในรถผม...บอกคิดถึงไม่พอยังบอกให้ผมอยู่กับเขาด้วย....ผมอยากรู้จริงๆว่าวินต้องการให้ผมทำอะไรกันแน่ๆ



คำว่าคิดถึงที่เขาพ่นออกมามันก็แค่คำโกหกดีๆนั่นแหละ



ส่วนคำว่าอยากอยู่ใกล้มันก็แค่คำหลอกลวงที่เขาสร้างมันขึ้นมาเพื่อล่อผมให้กลับไปตกหลุมเขาอีกครั้ง วินเป็นผู้ชายหวงของไม่ต่างอะไรกับเด็กผู้ชายที่หวงของเล่น วันหนึ่งพบว่าของเล่นที่ตัวเองเล่นหายไปก็พยายามอย่างมากเพื่อเอามันกลับมา แต่พอได้มันมาอยู่ข้างๆ สุดท้ายก็ปล่อยให้ของเล่นชิ้นนั้นเป็นเพียงของประดับที่ถูกปล่อยทิ้งไว้เหมือนเดิม ผมไม่ได้ต่างอะไรจากของเล่นชิ้นนั้น


ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่น พูดกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ายังไงก็ไม่มีทางกลับไป ย้ำกับตัวเองทุกครั้งว่าวินทำร้ายผมมากแค่ไหน แต่สุดท้ายผมก็ใจอ่อนกับเขาทุกที เพราะแค่วินยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้านวันนั้น ผมก็แทบจะดึงตัววินมากอดแน่นๆแล้วพูดปลอบอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงคืนวันที่มีอะไรกันล่าสุดเลย น้ำตา เสียงสะอื้น หรือแววตาอ้อนวอนให้ผมก้มลงไปจูบ ทำไมผมจะไม่อยากจูบเขา ทำไมผมจะไม่อยากแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ยิ่งเห็นหน้าวินสิ่งที่นึกขึ้นได้ในหัวก็คือผมที่นั่งรอเขาอยู่บนรถทั้งๆที่เขากลับไปเสวยสุขอยู่บนคอนโดกับผู้หญิงที่ชื่อหลิว




“ถึงแล้ว” ผมพูดพร้อมกับปลดล็อคประตูด้านที่วินนั่งเป็นการบอกเขากลายๆว่าให้เขาลงจากรถผมไปได้แล้ว

“คืนนี้....”

“ไม่”

“บัส...ฮึก” ร้องไห้อีกแล้ว ทำไมเดี๋ยวนี้วินร้องไห้บ่อยจังเลยวะ คนเข้มแข็งที่ผมรู้จักตอนนี้แทบไม่เหลือเค้าโครงคนเดิมให้ผมเห็นอีกแล้ว

“เฮ้อออ...ขอร้องล่ะวิน มันน่ารำคาญ” รำคาญตัวเองที่ใจอ่อนทุกครั้งที่เห็นน้ำตาเขา เลิกไห้สักทีเถอะ ผมเจ็บไม่แพ้วินหรอกนะ “เลิกร้องได้แล้ว!!!!”


ผมตะโกนออกมาลั่นรถก่อนจะทุบมืออย่างหนักลงไปบนพวงมาลัย วินสะดุ้งโหยงก่อนจะรีบเอามือปิดปากตัวเองทันที


ผมไม่อยากทำแบบนี้เลย



ไม่อยากใจร้าย



ไม่อยาก...เป็นคนที่ทำให้วินร้องไห้



ทั้งๆที่ไม่อยากทำ แต่เขาก็บีบให้ผมทำจนได้




“ฮึก...”

“เลิกร้องเถอะนะ หยุดร้องได้แล้ว” สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเองจนได้ เพราะตอนนี้มือผมเอื้อมไปเช็ดน้ำตาที่ไหลบ่าไม่หยุด วิน ปล่อยมือจากปากตัวเองแล้วโถมตัวเข้ากอดผมทันที
 
“กูคิดถึงมึงบัส..ฮึก...คิดถึง...ฮึก...ฮือ”


ผมก็คิดถึงพี่..แต่ขอโทษนะที่ผมพูดมันออกไปไม่ได้


“พี่วิน..”

“.....”

“พี่ฟังผมนะ..ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พี่คิดอะไรอยู่...แต่ผมคงกลับไปหาวินไม่ได้หรอก ปล่อยมือผมเถอะนะ ผมไม่ใช่คนที่วินอยากอยู่ด้วยจริงๆหรอก เลิกยุ่งกับผมเถอะ”

“ไม่เอา..เลิก...ฮึก...ไม่ได้...หรอกบัส...กูเลิกไม่ได้อ่ะ...”วินเอื้อมมือมาจับแขนเสื้อผมแน่น เขาก้มหน้าพยายามอย่างมากที่จะเช็ดน้ำตาตัวเองออก

“เราเข้าไปคุยกันในบ้านล่ะกัน”  ผมเดินลงจากรถก่อนจะลงมาจูงมาวินให้ตามเข้าไปด้วย ไม่อยากทำแบบนี้หรอกนะครับ แต่มันถึงเวลาที่เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องสักที ผมไม่อยากให้วินต้องมารอผมแล้ว เรื่องของเราควรจะจบ ต่างคนต่างไป วินควรจะเจอคนที่พร้อมจะดูแลเขามากกว่าผม


ไม่ใช่ไม่รักนะครับ ผมรักเขามาก ถึงตอนนี้ก็รักอยู่ แต่เพราะผมไม่อยากกลับไปเจ็บเหมือนเดิมอีกแล้ว ถ้ากลับไปผมยังไม่รู้เลยว่าจะทนได้ไหมหากวินยังไปๆมาๆหาผู้หญิงคนนั้น แต่ที่ทนไม่ได้มากกว่านั้นคือเห็นพี่บลูเสียใจ


ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่บลูรู้เรื่องของผมมากน้อยแค่ไหน แต่มั่นใจว่าเขารู้


รู้มากพอว่าผมมีใครอยู่ในใจตลอดเวลา แต่เขาแค่ไม่รู้ว่าคนๆนั้นคือวิน เขาไม่เคยก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวผม ไม่เคยจับโทรศัพท์เพื่ออ่านไลน์ที่วินส่งมาให้ ไม่เคยถามว่าทำไมผมถึงไม่ยอมรับสายจากเบอร์ๆนึงที่โทรเข้ามาบ่อยๆ หลายครั้งที่ผมพยายามเอ่ยปากบอกเขาเรื่องของผมกับวิน แต่ก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่เฉไฉแล้วไม่รับฟังความจริงจากปากผม  สุดท้ายมันก็เลยคาราคาซังกันอยู่แบบนี้


ผมเดินเข้ามาในบ้านวินก่อนจะพาเขาขึ้นไปบนห้องนอน สั่งให้วินไปอาบน้ำตอนแรกเขาก็ไม่ยอมหรอกครับ คงกลัวว่าผมจะหนีหายไปไหนจนผมบอกว่าจะนั่งอยู่ตรงนี้วินถึงยอมเข้าไปอาบน้ำแต่โดยดี เสื้อผ้าผมที่เคยทิ้งไว้ในตู้บ้านเขายังคงแขวนไว้ที่เดิม และดูเหมือนว่าจะถูกเอามาใช้บ่อยๆด้วย


“บัส...เสร็จแล้ว” วินอาบน้ำเสร็จก็ยื่นผ้าเช็ดตัวมาให้ผม ยิ้มน้อยๆที่ส่งมาให้ยังคงเหมือนเดิม ต่างออกไปก็แค่ตาบวมช้ำที่มากจนแทบจะทะลุเบ้า ผมเอื้อมมือไปรับผ้าเช็ดตัวจากวินก่อนจะขยี้หัวคนตรงหน้าเบาๆแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป


จะทำยังไงดีนะ ผมจะบอกกับเขายังไงดี



“อ่ะนี่เสื้อผ้ามึง”

“แต้งกิ้ว” วินรอผมจนใส่เสื้อผ้าเสร็จก่อนจะเดินเลียบๆเคียงๆมายืนใกล้ๆกับผมที่นั่งอยู่บนเตียง

“อะไร”

“เอ่อ...” วินยืนผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาให้ผม บ่อยครั้งที่ผมมักจะเช็ดหัวให้เขา คงรอให้ผมทำให้ มือวินสั่นมากตอนที่ยื่นผ้าเช็ดตัวมาให้ แต่เพราะผมมองผ้าเช็ดตัวค้างอยู่นานวินเลยชะงักแล้วทำท่าจะเอาไปเช็ดเอง “หะ หะช่างมันเถอะ”


หน้าเขาจ๋อยสนิททันทีที่เห็นว่าผมไม่สนใจเขา จนผมต้องดึงเข้าให้นั่งลงกับพื้นแล้วเช็ดให้เหมือนอย่างเคยทำ


“ขอบคุณนะ”


“อื้อ” เราไม่ได้พูดอะไรกันออกมาอีก มีเพียงเสียงแอร์กับเสียงหัวใจผมที่ดังจนคิดว่าคนที่นั่งอยู่ตรงพื้นจะได้ยินมันหรือเปล่า “ต่อไป...ไม่มีผมแล้วพี่ต้องหัดทำเองบ้างนะ”


“...........”


“ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วรู้ไหม จะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว”


“ไม่เอา”


“วิน...” นับเป็นครั้งแรกเลยมั้งหลังจากที่เรากลับมาพบกันที่ผมเรียกแค่ชื่อเขาเฉยๆ “ตอนนี้ผมมีคนที่ผมอยากดูแลมากที่สุดแล้วและผมไม่อยากให้เขาต้องมาคิดมากเรื่องของเรา...วินเข้าใจใช่ไหม”


“บัส...”


“ครับ”


“ไม่เอาแบบนี้ได้ไหม...กู..ไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมายเลยนะ..แค่....ให้กูอยู่ข้างๆ... ตอนไหนก็ได้....ไม่ต้องเป็นที่หนึ่งที่สองหรอกให้กูเป็นที่โหล่ก็ได้...อึก...แต่อย่าให้กูไปจากมึงเลยนะ... ขอร้องล่ะ...ไม่อยากไป..” วินหันหน้ากลับมาหาผมก่อนจะวางคางไว้บนตัก มือสองข้างเอื้อมมากอดที่เอวผมแน่น หน้าวิน ฟุบลงบนตักผมพร้อมกับน้ำตาและลมหายใจที่ถี่ขึ้นเรื่อยๆ

“แล้วจะให้ผมทำยังไง”

“มึงก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม...อยู่กับพี่บลูเหมือนเดิม...ส่วนกูอยู่ตรงนี้...ไม่เป็นไร..ฮึก...กูรอได้ วันไหนมึงว่างๆ พี่เขาไม่อยู่...แค่หันกลับมามองกูบ้าง...ได้ไหม...นะ” วินช้อนตาขึ้นมองผม มือเขาจับเสื้อผมแน่นราวกับกลัวว่าผมจะเดินหนีหายไป

“ถ้าผมไม่หันกลับมาเลยล่ะ”

“กูก็จะรอ”

“เลิกรอเถอะนะ...ผม...ทิ้งพี่บลูไม่ได้...วินก็รู้”

“ฮึก...กูรู้...เขาไม่ได้ผิดอะไร......แต่ไม่เอาได้ไหมอ่ะ ไม่ไปได้หรือเปล่า...ฮึก...กูรักมึงนะบัส...ขอโทษที่รู้ตัวช้าไปแต่ตอนนี้รัก..รักมากที่สุด” ผมควรจะทำยังไงต่อไปดี เดินไปข้างหน้าหรือถอยหลัง วินไม่ผิดที่รู้ตัวช้า ส่วนพี่บลูยิ่งไม่ผิดเข้าไปใหญ่ แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะทีนี้ เลือกความรักหรือความถูกต้องดีล่ะครับ

“แล้วพี่หลิวล่ะ”

“ไม่ได้รักแล้ว”

“เลิกรักได้ง่ายขนาดนั้นเชียว”

“ก็ไม่ได้ง่าย แต่ตอนนี้ไม่ได้รักแล้ว”

“เฮ้อ”

“จริงๆนะ” เขาย้ำคำตอบผมพร้อมกับสายตาที่มั่นคง

“รู้ไหมว่าทุกอย่างมันสายไปแล้ว”

“รู้”

“แล้วจะให้ผมทำยังไง.....หืม ตอบสิ จะให้ผมทำยังไง เงยหน้าแล้วตอบผม” วินเม้มริมฝีปากตัวเองจนเป็นขีด เขารู้ทั้งรู้ว่าผมเลือกเขาไม่ได้ แต่เขาก็ยังทำแบบนี้ “วินไม่สงสารพี่บลูเหรอ....วินทำแบบนี้ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือไง...วินก็รู้นิสัยผม ผมไม่สามารถเลือกทั้งสองคนถ้าจะเลือก ผมก็จะเลือกแค่อย่างเดียว....วินเข้าใจผมใช่ไหม”

“..............”

“คิดทบทวนดูล่ะกัน คราวนี้ผมให้วินเลือกเองเลย ว่าจะให้ผมเลือกวินหรือจะให้ผมเลือกพี่บลู” ผมดึงวินขึ้นมานั่งบนตัก มือสองข้างประคองเอวเขาไว้อย่างทะนุถนอม นานเท่าไหร่แล้วนะที่เราไม่ได้แนบชิดกันแบบนี้ วินขยับตัวเอามือวางไว้บนบ่าผมก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองแน่น สายตากล้าๆกลัวๆ บ่งบอกว่าเขาไม่มีความกล้าพอที่จะเริ่มต้น จนเป็นผมเองที่ขยับไปจูบที่ริมฝีปากเขาก่อน ยังไม่ได้สอดลิ้นเข้าไปเลยด้วยซ้ำน้ำตาวินก็ไหลท่วมออกมาอีกแล้ว


“ทำไมขี้แงแบบนี้วะ ร้องไห้มากๆขี้มูกไหลนะเว้ย ผมไม่จูบคนที่มีขี้มูกไหลเลอะหน้าหรอกนะ”


“ไอ้บ้าไม่ได้ไหลสักหน่อย” วินทุบหลังผมอย่างแรงก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำตาตัวเองอย่างลวกๆ


“แล้วนี่อะไร”


“น้ำตาไง อี๋วินใครใช้ให้มาเช็ดผมเนี่ย”


“ไม่ได้เช็ด”


“แล้วที่มันเยิ้มๆตรงไหล่ผมอะไรวะ”


“น้ำตาไงสาดดดดด น้ำตา” วินทึ้งหัวแล้วดึงไปมาอย่างแรง ผมหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะขยับดึงวินให้นอนราบลงไปบนเตียง “อะไร”


“อะไรล่ะ”


“จะทำอะไรเล่า”


“คิดว่าทำไรล่ะ”


“บัสเตอร์”


“ว่า???”


“บัสเตออออออออออ”


“อะไรครับอยากให้ทำอะไร”


“จูบ”


“ตรงไหนล่ะ” ผมไม่ได้แกล้งเขานะ แต่อยากรู้ว่าเขาอยากให้ผมจูบตรงไหน


“บัส”


“เอ้า วินไม่พูดผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าอยากให้จูบตรงไหน ตรงนี้” ผมกดริมฝีปากตัวเองลงไปเบาๆที่ข้างแก้ม


“หรือว่าตรงนี้” ไล่เรื่อยไปที่ติ่งหู ก่อนจะค่อยๆขยับลงมาที่ต้นคอ แล้วหยุดคลอเคลียอยู่ที่ริมฝีปาก


“ทั้งหมด...ได้หรือเปล่า”


“หึ ได้อยู่แล้ว” เราจูบสัมผัสกันครั้งแล้วครั้งเล่า เขาสอดลิ้นเข้ามาผมสอดลิ้นกลับไป ไม่มีใครยอมใครทั้งนั้นเพราะเราทั้งคู่รู้ดีว่าเราต่างโหยหาซึ่งกันและกัน สำหรับผมแล้วไม่มีใครแทนที่วินได้ แต่ตัววินผมไม่รู้หรอกนะว่าผมมีค่ามากพอเทียบกับใครอีกคนของวินไหม แต่ในเมื่อเขาบอกว่ารักผม


เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมก็คงเป็นคนที่เขารักมากที่สุดจริงๆนั้นแหละ


“อ๊ะ...บัส...แรงอีก”


“อะไรแรง”


“บัส..ไอ้บ้า” ด่าไม่พอฝังเขี้ยวลงบนไหล่ผมด้วย แต่พอเขาฝังเขี้ยวจนหนำใจตัวเองแล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นขยุ้มหัวผมแทน แรงกระแทกกระทั้นที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ กับเสียงครางที่ไม่มีทีท่าจะหยุด พร้อมกับหัวใจผมที่พองโตขึ้นทุกขณะที่เห็นสีหน้าวิน ทั้งเหงื่อที่ไหลอาบแก้ม หน้าแดงๆที่ยิ่งเวลาผมมองก็ยิ่งแดงเข้าไปใหญ่ บอกตรงๆว่าตอนนี้ผมอยากจะพูดคำนั้นออกมาแล้ว ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ขอแค่วันนี้ผมได้บอกเขาก็พอ


ผมก้มลงไปหาวินก่อนจะค่อยๆกระซิบเบาๆที่ข้างหู คำที่ผมอยากบอกเขามากที่สุด “วิน..ผม..”





Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางเสียงหอบ ผมทำท่าจะไม่สนใจเสียงนั้นแล้วทำต่อ แต่กลับเป็นวินที่ผลักผมออกแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อผมมาให้


“พี่บลูโทรมา” เขาพูดพร้อมกับสีหน้าไปไม่เป็น ผมเอื้อมมือไปขยี้หัวเขาช้าๆก่อนจะหยิบหูฟังของบลูมาเสียบ ยื่นหูข้างนึงให้เขาฟังด้วย แต่วินส่ายหน้าเหมือนจะไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น สุดท้ายผมเลยยัดมันเข้าไปในหูวินแทนก่อนจะขยับดึงตัววินให้มานอนด้วยกัน



“ครับพี่บลู”

(บัสอยู่ไหน)

“ผมมาส่งพี่วินน่ะ เดี๋ยวสักพักคงกลับแล้วแหละ พี่เอาไรไหม”

(คือพี่จะบอกว่าพี่คงไม่ได้ไปหาบัสสักพัก....พอดีพี่ออกมาต่างจังหวัดน่ะ...)

“ครับ ไม่เป็นไร ซื้อของมาฝากผมด้วยนะ แล้วพี่จะกลับมาตอนไหน”

(คงสักอาทิตย์หน้าแหละ บัสมีอะไรหรือเปล่า)

“เปล่าครับ”

(....................) ระหว่างผมกับพี่บลูเรามีแต่ความอึดอัด ไม่ใช่ผมหรอกที่อึดอัด แต่พี่เขาต่างหากที่อึดอัดในพฤติกรรมของผม

(บัส...)

“ครับพี่...”

(รู้ใช่ไหมว่าพี่รักบัส...)

“ครับ...ผมรู้” รู้มาตลอดว่าพี่บลูรักผมขนาดไหน แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาพูดออกมาตรงๆ แต่การกระทำที่ผ่านมามันก็เป็นตัวบอกอยู่แล้วว่าเขารักผม

(อย่าทิ้งพี่....นะ) คนตรงหน้าผมน้ำตาไหลออกมาอีกแล้ว ผมไม่ชอบน้ำตาวินหรอกนะ  เขาส่ายหน้าให้ผมเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร แต่ตาบวมขนาดนี้ไม่เป็นไรได้ไงวะ

“อย่าร้องไห้....” ผมไม่ได้พูดบอกคนในสายแต่ผมพูดกับคนข้างตัวผม ผมรู้ตัวเองดีว่าผมรักใคร แต่ผมไม่อยากทำร้ายใครอีกคน

(บัส...)

“พี่บลูไปนอนเถอะ ไม่ต้องห่วงนะ...เที่ยวให้สนุก..กลับมาเมื่อไหร่ก็โทรบอกผมล่ะกัน” ผมวางโทรศัพท์พร้อมกับความเงียบที่โรยตัวเข้ามาช้าๆ วินเอื้อมมือมากอดผมแน่น มือเขาจิกลงบนแขนผมราวกับกำลังระบายความรู้สึกเจ็บปวดลงบนนั้น ผมรู้เขาเจ็บ ผมเองก็เจ็บ แต่อย่างที่บอกเรื่องของผมกับเขาควรจะจบลงไปตั้งนานแล้ว ถ้าผมไม่มีพี่บลูผมยินดีกลับมาหาเขานะ ต่อให้เขาทำผิดกับผมอีกครั้งผมก็ยินดี



แต่นี่มันไม่ใช่ไง เพราะพี่บลูไม่ได้ผิดอะไรเลย เพราะฉะนั้น เขาไม่สมควรเป็นคนที่ถูกทิ้ง



ไม่สมควรเลยสักนิด



“เลือกได้ยังว่าจะให้ผมอยู่กับใคร”


“ฮึก...อื้อ...ได้แล้ว....”


“สรุปว่า...”


“มึง...ดูแลพี่เขาให้ดีเถอะ..ต่อไป...กู..กูจะไม่ทำให้มึงลำบากใจอีกแล้ว...”



“ขอโทษนะ....” ขอโทษที่ดูแลวินไม่ได้ ขอโทษที่ผมไม่สามารถกลับไปกอดพี่ได้เหมือนเดิม ไม่มีผมพี่ต้องดูแลตัวเองให้มากกว่านี้ อย่าเอาแต่ร้อง กินข้าวบ้าง ไปเที่ยวกับเพื่อน อย่ามาจมปลักกับความรักของผมอีกเลยนะพี่



พี่ต้องเดินก้าวต่อไป ส่วนผมเองต่อให้ไม่พูดอะไรออกไป ผมก็รู้อยู่แก่ใจว่าผม....รักพี่ที่สุด




“ฮึก...ไม่ต้องขอโทษ...หรอก...กูเข้าใจ...ฮือ...กูเข้าใจบัส” เพราะผมไม่ใช่คนที่จะจับทั้งสองอย่างด้วยมืออย่างละข้าง แต่ผมจะเป็นคนที่จับของอย่างเดียวด้วยมือทั้งสองข้าง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมทำได้ก็คือเลือกที่จะปล่อยมือวินทิ้งไป...ก็เท่านั้น









>>>>>>>>>>>>>>>>TBC
>>>>>>>>>>>
>>>
สุดท้าย วินก็รู้ตัวสักทีว่าตัวเองทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง เนอะๆ ดูคาราคาซังไปป่ะ คิดว่าอีกไม่เกิน 5 ตอนคงจบ เย้

พล็อตเรื่องคล้ายๆ my best friend แต่เรื่องนี้บลูไม่ผิดอะไร บลูไม่เหมือนหลิว เพราะฉะนั้นคนไม่ผิดไม่สมควรเป็นผู้แพ้....แอร๊ยยยจบแบบไหนดีน้าาาา รักคนอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 12 [P.3*15/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 15-06-2014 19:49:29
เหมือนจะสงสารวิน แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
แต่ให้วินได้เจอคนอื่น อยู่ได้โดยไม่มีบัสหน่อยนะ
จบกันไปแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 12 [P.3*15/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: PhInNoI ที่ 15-06-2014 20:20:46
 :m15: :monkeysad: :sad4: :o12: :mew6:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 12 [P.3*15/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-06-2014 21:01:51
วินเลือกถูกแล้วล่ะ
ที่ปล่อยให้บัสไปดูแลพี่บล
เพราะพี่บลูเองก็รักบัสเหมือนกัน
ต่อไปวินก็คงจะไม่เรียกร้องอะไรจากบัสอีก
ก็คงทำได้แค่รอ รออย่างไม่มีจุดหมาย
ว่าแต่จะรอได้นานแค่ไหน หรือตลอดไป
โอ้ยน้ำตาไหล บัสเตอร์โคตรใจแข็งเลย
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 12 [P.3*15/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 15-06-2014 22:33:56
ผิดเองที่รู้ตัวช้าาา สงสารวิน สงสารบัส สงสารทุกคนเย้ยยย รอนานจัง แต่จะเข้ามาเช็คบ่อย ๆ นะค่ะ :mew6:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 12 [P.3*15/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 16-06-2014 00:10:21
วินทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
กลับมาก็เท่ากับมาทีหลัง
ปล่อยบัสให้ดูแลบลูเหอะ
แล้ววินก็ดูแลตัวเอง

แค่รอเวลาให้ตัวจริงของบลูมาทวงคืน 555
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 12 [P.3*15/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 16-06-2014 00:58:03
ปกติเป็นคนที่ชอบ happy ending อยากให้จบแบบมีความสุขไม่ว่าเรื่องจะดราม่าขนาดไหนก็ตาม
แต่ไม่รู้ทำไมอ่านเรื่องนี้ ชักอยากให้จบแบบ sad ending แบบมากๆ
อย่าง บัสได้ลิ้มรสของคนที่รู้ตัวช้าบ้างว่าควรเลือกใคร คือบัสจะไม่ได้เจอคนที่ตัวเองรักอีก
ไม่มีแม้กระทั่งการร่ำลาเพราะตัวเอง ไล่วินออกไปจากชีวิต
(ในใจเราแอบคิดว่าให้จบแบบ วินหายไปเลยไม่ก็(แกล้ง)ตาย อะไรยังงี้)
ถึงบัสจะน่าสงสารในตอนแรกและวินสมควรโดนอย่างนี้ก็จริง แต่เราดันอยากให้จบแบบนี้ซะงั้น// โดนตบ  :beat:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 12 [P.3*15/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-06-2014 01:24:09
มารอเรื่องนี้อีกแล้ว อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 12 [P.3*15/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Mississippi ที่ 22-06-2014 13:56:21
 :hao5: อ่านแล้วมันเจ็บจิ๊ดๆๆ :o12:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 13 [P.3*22/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 22-06-2014 21:53:02
Chapter 13

“วินนนนนน” เสียงตะโกนเรียกชื่อจากอีกฝั่งถนนทำให้ผมต้องหยุดแล้วหันไปมองว่าคนที่เรียกเป็นใคร “รอกูด้วยดิวะ” ไอ้เตี้ยโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณให้ผมยืนรอมันอีกฝั่ง ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้งตอนที่มันหันไปคุยโม้กับพี่อาร์มในรถ คือมึงให้กูยืนรอแต่มึงหันไปฝอยกับแฟนตัวเองเนี่ยนะ เฮ้ออ คนมีแฟนนี่น่าเบื่อฉิบหาย

“เบส...ถ้ามึงจะช้าขนาดนี้กูเขาไปก่อนนะ”

“เฮ้ยอะไรวะ รอเดี๋ยวดิ พี่อาร์มอีกสองชั่วโมงเจอกันนะครับ” มันด่าผมเสร็จก็หันไปล่ำลาแฟนตัวเองต่ออีกเกือบ 5 นาทีถึงจะเสด็จเดินข้ามฝั่งมาหาผมได้ “รอนิดหน่อยทำเป็นบ่น”

“กูเบื่อที่จะรอแล้ว....”

“อะไรของมึงเนี่ยวิน พูดคนล่ะเรื่องกับกูป่ะวะ” ผมส่ายหน้าให้ไอ้เตี้ยเป็นคำตอบก่อนจะพากันเดินขึ้นไปพร้อมๆกับมัน ไวท์กับเกมส์จองพื้นที่ด้านหลังไว้ให้ผมกับเบสเรียบร้อยแล้ว

“วินมานั่งข้างกู” ไอ้ไวท์ตบพื้นที่ด้านข้างตัวเองก่อนจะดึงมือผมให้ขยับไปนั่งใกล้ๆมัน “หมีแพนด้าจังเลยนะช่วงนี้”

“อื้อ...กูนอนไม่ค่อยหลับน่ะ”

“เอาน่า....อย่าคิดมาก” มือไวท์ตอนที่ลูบที่หัวผมเบาๆยังให้ความอบอุ่นเหมือนเดิม ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติแล้วนะครับ พยายามกลับมายิ้ม หัวเราะ และก็มีความสุขเหมือนเดิมแล้ว แต่เพื่อนในกลุ่มก็ยังสังเกตผมได้เสมอ แค่มันไม่ถามเท่านั้นว่าผมเป็นอะไร

ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านนับๆดูคิดว่าคงเกิน 3-4 เดือนได้แล้วมั้ง ผมไม่ได้เจอบัสเตอร์อีกเลยหลังจากคืนนั้น มันเป็นคืนสุดท้ายที่เรานอนมองหน้ากัน และเป็นคืนสุดท้ายที่ผมตั้งปณิธานกับตัวเองไว้แล้วว่า ผมจะไม่วิ่งไล่ตามเขาอีก


ทุกอย่างมันจบลงแล้ว บัสเตอร์สร้างกำแพงขึ้นกั้นตัวผมกับมัน ไม่มีค้อน...


ไม่มีประตู หรืออะไรก็ตามที่จะสามารถพังทลายกำแพงที่มันสร้างขึ้นมากั้นผมได้


ผมรู้แล้วล่ะว่าเขา ไม่ได้รักผม พอรู้ตัวว่ามันไม่มีแม้คำว่ารักเหลือให้กัน น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าร้องนานแค่ไหน รู้แค่ว่าผมร้องจนเหนื่อย กัดหมอนแล้วทุบกับที่นอนตะโกนบอกกับตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่าจะไม่กลับไปทำให้เขาลำบาก เพราะเขาไม่มีทางเลือกผม


ผมนี่มันโง่จริงๆหลอกตัวเองไปเรื่อย คิดว่าเขาจะหันกลับมา คิดว่าสุดท้ายแล้วเขาจะรักแค่ผม ทั้งๆที่มันไม่ใช่....ที่คืนนั้นบัสเตอร์เขาพูดให้ผมเลือก บังคับให้ผมฟังเสียงพี่บลูในโทรศัพท์ ผมเพิ่งจะมาเข้าใจก็ตอนนี้เองว่า เขาขีดเส้นทางให้ผมแล้ว ว่าคนที่ต้องไปก็คือผม


“ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกแล้วเพื่อนกู”

“เปล่าสักหน่อย” ผมปัดมือไอ้เกมส์ออกจากแก้มตัวเองก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ มือหนาของใครสักคนสอดเข้าในศีรษะผมก่อนจะออกแรงบีบนวดเบาๆเพื่อทำให้ผมผ่อนคลาย
 
“มึงยังมีกูนะวิน” ลมหายใจที่รินรดอยู่ตรงคอพร้อมกับจูบเบาๆที่ผมสัมผัสได้ เกมส์เป็นคนแบบนี้มันห่วงเพื่อนๆทุกคน เวลาที่ใครลำบากมันพร้อมจะยื่นมือเข้าไปช่วยเสมอ ผมไม่อยากทำให้เพื่อนเครียดไปกับผม แต่มันก็ทำใจร่าเริงมีความสุขเหมือนเดิมไม่ได้ ที่ทำได้มากสุดก็คือฝืนยิ้มและพูดกับพวกมันว่า ผมโอเค


หลังจากเรียนจบคาบพวกไอ้เกมส์ก็ลากผมมากินข้าวที่โรงอาหารคณะเกษตร ทั้งๆที่ผมอยากจะกลับไปนอนเต็มแก่แต่ก็โดนมันลากมันกินด้วยจนได้ สมาชิกที่มาด้วยก็มีไอ้ไวท์ ไอ้เกมส์ แล้วก็ตัวเสือกทุกเรื่องอย่างไอ้พอร์ช ไม่ต้องถามถึงไอ้เบสหรอกนะครับ รายนั้นเขาติดแฟน แทบจะยืนแดกกันหน้าอาคารเรียนตอนที่เดินลงมาแล้ว


“เชี่ยแม่งเหนื่อยนะเนี่ย จะมากินอะไรไกลขนาดนี้วะไวท์”

“มึงจะบ่นอะไรนักหนาวะพอร์ช ถ้าไม่อยากมาก็กลับไปเลยไป รำคาญว่ะ”

“ไม่เอานะ ห้ามรำคาญเขาดิไวท์” มึงไม่รำคาญกันหรอกพอร์ชไวท์ แต่กูเนี่ยรำคาญมึง

“มึงเลิกง๊องแง๊งใส่เมียมึงได้ไหมพอร์ช กินที่นี้แหละดีแล้ว จะได้ไม่ต้องเบียดกับคนอื่น” ก็จริงอย่างที่เกมส์พูดนั่นแหละ โรงอาหารคณะเกษตรมีข้อดีตรงที่คนน้อย น้อย เวลาจะซื้อข้าวซื้อน้ำไม่ต้องรอต่อแถวยาวเหยียดอย่างโรงอาหารกลาง แต่ข้อเสียคือยู่ไกลกันดาร เวลาจะมาต้องขับรถมา แต่ถึงขับรถมาก็ต้องเดินข้ามถนนมาโคตรไกลอีก แดดประเทศไทยก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าทำตัวแรง โรงอาหารคณะนี้แม่งก็สมชื่อด้วย อยู่กลางแปลงคณะเกษตรแถมตั้งโดดเด่นเป็นตึกเดียวด้วย เพราะนานๆทีผมกับพวกเพื่อนๆถึงจะมากินที่นี้ แต่ว่า...มาคิดๆดูอีกทีผมไม่น่ามาเลยด้วยซ้ำ ลืมไปเลยว่าโรงนี้มันใกล้กับคณะที่ไอ้บัสเรียนอยู่เหมือนกัน

“วิน” นั่นไง คิดยังไม่ทันขาดคำ ถึงคนที่เจอจะไม่ใช่บัสเตอร์ แต่อีกไม่นานมันก็คงมาแหละมั้ง

“หวัดดีครับพี่บลู พี่ฟิล์ม”

“เออหวัดดี ไงหน้าบูดแบบนี้หมายความว่าไงวะ” พี่ฟิล์มยื่นมืออย่างควายมาลูบหัวผมเบาๆผมยิ้มรับสัมผัสก่อนจะดึงมือมันออกเพราะมันทำให้หัวผมเสียทรง

“ทำไมวันนี้มากินไกลจังล่ะวิน นั่งด้วยกันสิ ที่ยังเหลือ”

“เอ่อ..คือ” ไม่รู้ทำไมพอเห็นหน้าพี่บลูใจมันก็พาลจะนึกไปถึงแฟนเขาอยู่เรื่อย จะหาว่าผมเสียมารยาทก็ได้ แต่ผมไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเขา 

“ไม่เป็นไรนั่งด้วยกันนี่แหละ พี่รอบัสเตอร์เลิกเรียนอยู่ เดี๋ยวสักพักก็คงมามั้ง” เพราะแบบนี้ไงผมถึงไม่อยากนั่งกับพี่ แต่จะให้เดินหนีก็ดูจะเป็นการเสียมารยาทเกินเหตุที่ทำได้ก็แค่ยิ้มแล้วเลื่อนเก้าอี้นั่งลงฝั่งตรงกันข้ามกับพี่บลู

“เอาน่า...มีพี่อยู่อย่าไปหงอ” ไอ้พี่ฟิล์มที่นั่งอยู่ข้างๆพูดพร้อมกับยักคิ้วเหมือนให้กำลังใจ แต่สำหรับผมมองว่าแม่กวนตีนมากกว่า

“นั่งนี่เหรอวะ” ไอ้เกมส์มาถึงก็ยืนทำหน้างงที่เห็นพี่บลูกับพี่ฟิล์มนั่งร่วมโต๊ะด้วย

“แล้วมึงเห็นกูยืนหรือไงล่ะ รีบๆนั่งได้แล้ว ยืนค้ำหัวกูอยู่ได้ แล้วก็รีบๆแดกด้วยเสร็จแล้วจะได้รีบไป”

“อ่าวนั่งนี้งั้นเหรอ” ไอ้พอร์ชก็อีกตัว ดูหน้ามันดิจ้องพี่บลูแปลกๆด้วย ผมว่ามันต้องคุ้นหน้าพี่บลูแหงๆว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน “ไวท์ผู้ชายคนนี้แม่งหน้าคุ้นมากอ่ะ”

“เมียเก่ามึงเหรอ”

“ไม่ใช่เว้ย...กูมีมึงเป็นเมียคนเดียว” มันกระซิบกันเสียงไม่ดังมาก แต่ก็มากพอให้ผมได้ยิน ดีอยู่ที่พี่บลูเดินออกไปข้างนอก

“แน่ใจว่ามีกูเป็นเมียคนเดียว”

“ตอนนี้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่กูคุ้นจริงๆนะ ใครวะ”

“พี่บลู...คนที่เราเจอที่ผับตอนนั้นกับไอ้บัสไง” ผมเป็นคนไขข้อข้องใจให้พอร์ชแทนเพื่อนๆคนอื่น

“นั่นไงกูว่าแล้ว คุ้นๆ” มันพูดเสร็จก็ตบมือไปมาเหมือนเด็กแล้วชมตัวเองด้วยว่าเก่ง จำคนแม่น คืออยากจะตะโกนบอกแม่งจริงๆว่าคนอื่นเขาจำกันได้หมดแล้วมีมึงคนเดียวเลยพอร์ชที่ช้าสุด

“เงียบปากสักทีเถอะพอร์ช รำคาญว่ะแม่ง ไม่ต้องมาอ้อนกูเลย อี๋ น้ำลายมึงไม่ต้องเอามาแปะที่คอกูด้วย” ผมเลิกสนใจสองผัวเมียแล้วหันไปมองพี่บลูที่ยืนรอใครสักคนอยู่ด้านนอก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่บลูรอคือใคร ผมไม่อยากเจอมันเลยว่ะ ยังไม่พร้อมที่จะเจอมันตอนนี้ พอคิดได้ดังนั้นก็ทำท่าจะลุกเดินหนีแต่โดนไอ้พี่ฟิล์มดึงมือไว้ก่อน

“ไม่ไหว....” ผมคิดว่าไอ้พี่ฟิล์มมันรู้ว่าที่ผมพูดว่าไม่ไหวหมายถึงอะไร

“ต้องไหวดิวะ นั่งลง”

“ฮึ้ย!! ถ้ากูร้องไห้ต่อหน้ามันนะมึงรับผิดชอบเลยนะเว้ย”

“ขนาดกูอยู่กับแม่งทุกวันกูยังชิวๆเลย มึงเพิ่งเจอมันวันนี้ทำไมจะไม่ไหววะ” เชี่ยพี่ฟิล์มมันชอบพูดจาเป็นปริศนา ตั้งแต่คราวที่แล้วแหละ จนคราวนี้ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันจะสื่ออะไร

“เออพี่ฟิล์ม ลืมแนะนำนี่เพื่อนผมชื่อพอร์ชกับไวท์”

“หวัดดีครับพี่” มันสองคนพูดแล้วก็ยกมือไหว้พี่เขา เราคุยกันสับเพเหระไปเรื่อยจนพี่บลูกับใครบางคนเดินเข้ามานั่นแหละทั้งโต๊ะถึงเงียบแล้วพุ่งสายตามาที่ผมทันที รู้เลยว่าใครบางคนที่เดินเข้ามาเป็นใครแม้ไม่ได้เงยหน้ามองก็พอจะเดาได้ว่าเป็นมัน

“กูไปซื้อน้ำแป๊บนึงนะ เอาไรเปล่า” ผมรีบลุกขึ้นยืนแล้วเสมองไปทางพวกไอ้พอร์ชมันทำหน้าอึ้งๆแล้วส่ายหน้าให้ผมทั้งคู่ “โอเคงั้นเดี๋ยวกูมานะ”

“เดี๋ยวดิวิน ให้บัสเตอร์ไปด้วยนะ บัสไปซื้อน้ำไปเดี๋ยวพี่จะไปซื้อข้าว เราเอาเหมือนเดิมใช่ป่ะ”

“ครับ”

“พี่บลูเดี๋ยว..วินไปซื้อให้ก็ได้ พี่เอาน้ำอะไรอ่ะ”

“จะถือมายังไงหมดเอามันไปด้วยนั่นแหละไป...”สุดท้ายผลจากแรงคะยั้นคะยอของพี่บลูทำให้ผมต้องเดินมาซื้อน้ำพร้อมกับบัสเตอร์ เราไม่ได้เดินคู่กันหรอกนะครับ ผมเดินนำส่วนมันเดินตามหลัง ถึงไม่หันกลับไปมองก็พอจะเดาได้ว่าดวงตาคมคู่นั้นกำลังมองผมอยู่ ความรู้สึกที่ส่งผ่านถึงกันมีแต่ความอึดอัดเต็มไปหมด ผมไม่อยากอยู่ที่นี้ ผมอยากกลับบ้านแล้ว กลัวตัวเองทนไม่ไหว กลัวว่าช่วงเวลา3-4เดือนที่ผ่านมามันจะไร้ประโยชน์


“ป้าผมเอา....”

“น้ำใบเตย 1 โค้ก 1 น้ำแดงโซดา 1 ครับป้า” ตอนที่มันเดินมาสั่งผมถึงกับเม้มปากทันที แม่งทำแบบนี้ทำไมวะ ทำเป็นรู้เรื่องกูดีไปหมด หมดรักกูแล้วมึงก็ควรลืมเรื่องของกูไปด้วยเลยดิ “อ่ะนี่น้ำใบเตย”

“อื้อ” ผมรับมันมาถือไว้เสร็จก็ยืนแบงค์ยี่สิบกลับไปให้ไอ้บัส

“ไม่เป็นไร ผมเลี้ยง”

“ไม่ต้องเลี้ยงหรอก กูมีปัญญาเลี้ยงตัวเองได้ ขอบใจนะ” ผมยิ้มเบาๆที่มุมปากก่อนจะเดินหนีมันมาทันที เมื่อกี้ถ้าผมสบตามันมากกว่านี้ น้ำตามาแน่ๆ แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าอยากกอดมันมากแค่ไหน แต่ผมสัญญาไว้แล้วนี่เนอะว่าจะไม่ทำให้มันลำบากใจ


จะว่าไป บัสเตอร์นี่เก่งจังเลยนะครับ ไม่รู้มันทำยังไงถึงสามารถหมดรักกับคนๆนึงได้เร็วขนาดนี้ กูใช้เวลามาตั้งหลายเดือนกว่าจะทำใจได้แค่นิดหน่อย พอมาเจอหน้ามึงวันนี้ที่ทำใจมาทั้งหมดแม่งสูญเปล่าละลายไปกับน้ำหมดแล้ว


“ไปไหม เสาร์นี้เว้ย”

“ไปพี่ไป” พอเดินมาถึงโต๊ะก็ได้ยินทั้งเสียงหัวเราะกับเสียงพูดคุยกันดังลั่นโรงอาหาร

“ไปไหนกันอ่ะ” ผมนั่งลงข้างๆพี่ฟิล์มแล้วหันไปถามมัน

“ไปค่ายทำปะการังปลอมที่ชลบุรี มึงไปดิวิน พวกนี้มันตกลงไปกันหมด แล้ว สนุกนะเว้ย”

“มีใครไปบ้างอ่ะ” ผมหันไปกระซิบถามพี่ฟิล์มเบาๆเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน ไอ้พี่ฟิล์มแม่งก็รู้ดีหันมากระซิบชิดหูกูเลย “ไปหมดอ่ะ เพื่อนมึงสามคนแล้วก็กู ไอ้บลู แล้วก็ไอ้บัส”

“ไม่ไปดีกว่า”

“เสียใจว่ะน้อง ปฏิเสธไปก็ไม่ทันแล้ว” ไอ้พี่ฟิล์มยื้อคอผมมากอดแน่นก่อนจะขยี้หัวผมอีกรอบ จังหวะที่มันทำแบบนั้นผมหันไปเห็นหน้าพี่บลูกับไอ้บัสพอดี พี่บลูทำหน้างงๆขมวดคิ้วนิดหน่อยส่วนไอ้บัสไม่มีสีหน้าอะไรแสดงออกมาสักนิด แค่มองเฉยๆแล้วหันไปเรียกพี่บลูให้หันกลับมาคุยกับมันแทน

“มันไม่หึงมึงเลยเนอะเชี่ยบัสเนี่ย”

“ผมก็บอกพี่แล้ว”

“เห็นหน้ามันแล้วหมั่นไส้ฉิบหาย คอยดูเถอะกูจะกระชากหน้ากากแม่งให้ดู”

“พี่ต้องการจะทำอะไรกันแน่วะ”

“หึเดี๋ยวมึงก็รู้เอง” พี่ฟิล์มแม่งต้องวางแผนอะไรไว้แน่ๆ กูคิดผิดไหมวะที่จะไปทริปทำปะการังกับมันเนี่ย





***************************************



ผมยืนมองแผ่นหลังที่กำลังคุยล้อต่อกระซิกกับพี่ฟิล์มด้วยความรู้สึกหลายหลาย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ผมถึงไม่รู้สึกยินดีกับรอยยิ้มที่เขามีให้คนอื่นแบบนั้น ผมไม่ชอบ...


ยิ่งมองเห็นตอนที่วินเอียงแก้มรับมือของไอ้ฟิล์มด้วยแล้ว ผมยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ จะทำเป็นเมินมองไม่เห็นสุดท้ายก็หันกลับมามองแม่งอยู่ดี จะเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อแล้วตะโกนใส่หน้าไอ้พี่ฟิล์มว่าอย่ายุ่งกับวินก็ไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน



“บัส....” ที่สำคัญผมก็เลือกแล้วด้วยว่าผมจะอยู่ข้างๆใคร

“ครับพี่บลู”

“มีอะไรหรือเปล่าเห็นมองไปทางนั้นตั้งนานแล้ว”

“เปล่าหรอกพี่บลูผมมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ” ผมพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปเกลี่ยปอยผมพี่เขาเบาๆ พี่บลูเป็นผู้ชายที่น่ารัก ใครเห็นก็คงจะชอบ พูดเพราะ ใจดี เวลายิ้มแต่ล่ะทียอมรับว่าดูดีไปหมด แต่ก็ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่รู้สึกแม้แต่จะชอบเขานะ เคยพยายามแล้ว แต่สุดท้ายคนที่เป็นอันดับหนึ่งในใจก็มีแค่วินเท่านั้น

“อย่าทิ้งพี่นะ”


พี่บลูขยับเอาหัวพิงที่อกผมก่อนจะพูดเบาๆด้วยเสียงแหบพร่า ผมไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่เขาหายไปต่างจังหวัดกับพี่ฟิล์ม พี่เขาไปรู้อะไรมา มีช่วงนึงหลังจากคืนนั้นที่พี่บลูโทรมาว่าจะไปต่างจังหวัด เขากลับมาหาผมพร้อมกับกอดผมแน่น พูดกับผมซ้ำๆย้ำๆว่าอย่าทิ้งเขา พอถามว่าเกิดอะไรขึ้นพี่เขาก็เอาแต่ส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร แต่พอถามว่าไปกับใครได้คำตอบว่าเป็นพี่ฟิล์มก็พอจะเดาได้ว่าพี่ฟิล์มเขาเล่าอะไรให้พี่บลูฟังบ้าง


ผมไม่รู้ว่าพี่ฟิล์มรู้เรื่องของผมกับวินมากน้อยแค่ไหน แต่ก็มากพอที่ทำให้พี่บลูระแวงเรื่องของผม ตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจริงๆแล้วคนที่พี่ฟิล์มชอบคือพี่บลูหรือวินกันแน่


ตอนแรกเคยคิดว่าเป็นพี่บลูชัวร์ๆแต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วแหละครับ เพราะจากที่เห็น พี่เขาก็ดูจะเอ็นดูวินซะเกินพี่น้องทั่วไปแล้วด้วย


“บัสเตอร์” พี่บลูช้อนตาขึ้นเรียกผมอีกครั้งเหมือนเป็นการย้ำอีกรอบว่าที่ถามไปเมื่อกี้ได้ยินหรือเปล่า

“ครับ”

“พี่พูดว่าอย่าทิ้งพี่นะ” เป็นครั้งแรกที่ผมไม่ได้เออออตอบคำถามพี่เขา เพราะผมชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าผมจะไม่เดินจากเขาไปไหน ทั้งๆที่ย้ำแล้วว่าพี่บลูไม่ใช่คนผิด แต่ในใจก็รู้อยู่แล้วลึกๆว่าคนที่ผมต้องการมากที่สุดคือใคร

“บัสเตอร์ทำไมไม่ตอบ”

“ผม....”

“ขึ้นรถได้แล้วจะกอดกันอีกนานไหมครับฝั่งนั้น” พี่ฟิล์มตะโกนเรียกผมให้รีบเดินตามเขาไปที่รถบัส เห็นวิน มองมาทางนี้แว่บหนึ่งแต่พอเห็นผมเขาก็รีบหันหน้าหนีทันที

“เดี๋ยวเรื่องนี้เราค่อยคุยกันนะครับพี่บลู ขึ้นรถเถอะ ทุกคนรออยู่” วันนี้อย่างที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าพี่ฟิล์มกับพวกชมรมรักทะเลจะมาทำปะการังกันที่จังหวัดชลบุรี คนมาทริปนี้กันประมาณ 50-60 คน มีปีหนึ่งอย่างผมแค่ไม่ถึง 10 ส่วนปีอื่นๆก็กระจายกันไปตามชั้นปี พี่บลูกับพี่ฟิล์มเป็นต้นเรื่องในการทำหัวข้อนี้ทำให้เขาสองคนต้องไปนั่งด้วยกันด้านหน้า ส่วนเพื่อนวินมีพี่ไวท์กับพี่พอร์ชที่นั่งเบาะสองคน ส่วนวินกับพี่เกมส์นั่งเบาะสาม แล้วผมที่เดินขึ้นมาทีหลัง เลยทำให้ตอนนี้พื้นที่บนรถถูกจับจองหมดแล้ว จะมีเหลือก็แต่ที่นั่งข้างๆวินนี่แหละ ผมเลยทำท่าจะขยับลงไปนั่งข้างๆเขา

“ขอนั่งด้วยคนนะ”

“เกมส์กูอยากนั่งติดหน้าต่าง” เขาไม่ตอบผมแต่กลับหันไปอ้อนพี่เกมส์แทน เจ็บดีครับ แต่ผมก็ยังไม่กล้านั่งเพราะวินเขายังไม่อนุญาต

“มึงไม่ต้องเลย ชอบเมารถทัวร์จะมานั่งติดหน้าทำเชี่ยอะไรนั่นนี่แหละ เอ้าแล้วทำไมไม่ชวนน้องนั่งด้วยเล่า”

“มึงก็ชวนมันดิ”

“เชี่ยนี่แม่งนิสัยเสีย บัสนั่งเลยไม่ต้องไปสนใจมันหรอก”

“ครับพี่” ผมขยับนั่งลงข้างๆเขา วินขยับตัวหนีผมนิดนึง แต่หนีไม่ได้หรอกครับเพราะเบาะสามกับผู้ชายสามคนยังไงมันก็เบียดอยู่ดี ไหล่ที่สัมผัสกันครั้งแรกในรอบหลายเดือนทำเอาหัวใจผมพองโตแล้วก็เต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ตลอดทางถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าที่เคยเป็น



วินไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วผมคอยตามดูเขาตลอด ตั้งแต่คืนนั้น วินก็ไม่ไลน์ ไม่โทรมาหา เขารักษาคำพูดตัวเอง มีก็แต่ผมนี่แหละที่ไม่รักษาคำพูด ทั้งๆที่เป็นคนไล่เขาไปแท้ๆ แต่กลับคิดถึงเขาจนจะเป็นจะตาย แค่สองคืนที่ไม่มีการติดต่อกลับมา ผมก็แทบทนรอไม่ไหว จนสุดท้ายก็ต้องขับรถไปดูหน้าบ้านวิน เดินผ่านคณะวินเพื่อได้มองเห็นเขาบ้างก็ยังดี


วินไม่เคยรู้ว่าผมทำแบบนี้


ป่านนี้คงเข้าใจผิดไปต่างๆนาๆแล้วมั้งว่าผมไม่รักเขา...ดีแล้ว ให้เข้าใจแบบนั้นแหละดีแล้ว ทั้งๆที่พูดว่าดีแล้วแต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงเจ็บใจทุกทีที่รู้ว่าวินเข้าใจผมผิด


ตุบ!!


ผมหันไปมองหัวเล็กๆที่เอนมาสบที่บ่าผม กลิ่นน้ำหอมสไตล์วินลอยฟุ้งเข้าจมูก อดไม่ได้ที่จะเผลอสูดดมตามกลิ่น

“โทษทีว่ะ” พี่เกมส์พูดเสียงเบาก่อนจะจับหัวเพื่อนตัวเองที่เอนพิงผมอยู่ให้ไปพิงเขาแทน

“ไม่เป็นไรพี่” ผมยิ้มเบาๆแล้วเสหน้าหันมองไปทางอื่น ก่อนจะพยายามข่มตาหลับลงช้าๆ ไม่อยากคิดแล้วว่าวินรู้สึกยังไง


เพราะที่เจอแบบนี้ก็เจ็บไม่น้อยเหมือนกัน




เรามาถึงที่พักกันเกือบๆเก้าโมงเช้า พี่ฟิล์มและพี่บลูสั่งให้เราเอาของเขาไปเก็บในห้องพัก ซึ่งห้องพักไม่ได้หรูนอนแบ่งกันเป็นห้องๆแต่เป็นการนอนเรียงกันยาวเป็นตับเหมือนทหาร จะแบ่งก็แค่แยกชายหญิง ตอนที่เดินเข้ามาทุกคนเลือกพื้นที่นอนกันแล้วเกือบหมด ผมนอนข้างๆพี่บลู ส่วนวินนอนฝั่งตรงข้ามกับผม เขานอนข้างๆเพื่อนเขาพร้อมกันนั้นมีพี่ฟิล์มนอนประกบวินอีกฝั่งด้วย

“เย้ได้นอนข้างวิน”

“พี่ฟิล์มม อย่ามานัวได้ป่ะ อื้ออออ ไอ้บ้านี่” ผมมองภาพไอ้พี่ฟิล์มนัวเนียวินบนที่นอน มันทั้งกอด รัดฟัดเหวี่ยง บางครั้งแอบเห็นมันหอมแก้มวินด้วย แล้วก็บ่อยครั้งที่พี่ฟิล์มทำเสร็จก็หันมาหยักคิ้วกวนตีนใส่ผม มันรู้ว่าผมไม่ชอบ ต่อให้ผมทำหน้าเฉย นิ่งเหมือนไม่มีอะไร แต่จริงๆแล้วในใจผมก็มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ดีว่ารู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของเขาขนาดไหน

“ไปกันเถอะพี่บลู ไปหาอะไรกินกันก่อนจะได้ไม่หิว” ผมทนมองไม่ได้ ทุกครั้งที่เห็นภาพเหล่านี้ผมมักจะเดินหนี หรือทำยังไงก็ได้ที่จะหลีกเลี่ยงภาพเหล่านี้ให้มากที่สุด


ไม่ใช่ว่าผมไม่หวง...ผมน่ะทั้งหวง ทั้งหึงเลยก็ว่าได้


แต่ตอนนี้ผมไม่สิทธิ์ที่จะทำอะไรทั้งนั้น


ก็อย่างที่บอกผมปล่อยมือเขาไปแล้ว ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะทวงคืนอะไรทั้งนั้น




หลังจากที่กินข้าเที่ยงเสร็จ พวกเราก็ตามพี่ทหารมาปลูกปะการังปลอมทันที ปะการังปลอมที่ทำขึ้นมาจากซากเรือเก่าของทหารเรือ โดยที่เราทั้งทริปมีหน้าที่ขนซากเหล่านี้ลงไปวางในทะเล ใช้ระยะเวลาในการทำครึ่งค่อนวัน กว่าจะทำเสร็จก็ปาเข้าไปเย็น ตอนหันไปเห็นวินยิ้มมีความสุข สนุกสนานที่ได้ทำกิจกรรมผมก็พลอยยิ้มไปด้วย


ผมไม่ค่อยชอบเวลาที่วินทำหน้าเศร้า หรือทำหน้าเฉยๆ เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่เหมาะกับวินเลยสักนิด


“บัส นายจะไปนอนก่อนก็ได้นะ ไม่ต้องรอพี่”

“ไม่เป็นพี่บลู เดี๋ยวผมไปเดินเล่นรอล่ะกัน เสร็จแล้วก็เดินไปตามนะ” ช่วงเวลาค่ำคืนในพื้นที่ต่างจังหวัด เวลาแค่สามทุ่มกว่าๆ ก็สามารถทำให้ท้องฟ้าทั้งหมดมีดาวนับล้านดวงอยู่บนหัว ถ้าในเวลานี้แต่อยู่ที่กรุงเทพผมคงไม่มีโอกาสเห็นดาวเยอะแยะมากมายขนาดนี้ เพราะไฟจากบ้านเรือนมันสว่างเกินกว่าดาวที่ผมกำลังมองเห็น


ผมเดินมาเรื่อยๆจนถึงสะพานปลาไม่ไกลจากที่พักมากนัก ตอนแรกกะว่าจะเดินกลับแล้วเพราะมีใครบางคนนั่งอยู่แต่พอมองดูดีๆรู้ว่าเป็นคนๆหนึ่งที่ผมรู้จักดีก็ห้ามใจตัวเองไม่ให้สืบเท้าเข้าไปหาไม่ได้


“นั่งด้วยได้หรือเปล่า” เขาสะดุ้งโหยงตอนที่ผมพูดถามเขาออกไป

“นั่งดิ...กูกำลังจะกลับพอดี” ผมรู้ว่าวินหลบหน้าผม เขาพยายามอย่างมากที่จะไม่ทำตัวให้ผมลำบากใจ เขาพยายามรักษาสัญญาที่ตัวเองให้ไว้ แต่ยิ่งเห็นวินทำแบบนี้มากเท่าไหร่ผมก็เริ่มไม่พอใจมากเท่านั้น

“จะไปไหนล่ะนั่งเป็นเพื่อนก่อนไม่ได้หรือไง”

“แต่กูไม่อยากทำให้มึงลำบากใจ”

“ไม่หรอก” ไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยสักที ผมขยับนั่งลงใกล้ๆกับวิน หย่อนขาลงไปในทะเล ลมแรงขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ไม่ทีท่าว่าจะมีพายุ เสียงลมกับเสียงทะเลยทำให้เราต่างจมดิ่งลงในความคิดตัวเอง ผมไม่รู้หรอกเขาคิดอะไร แต่ผมดีใจที่อย่างน้อยเขาก็ยอมนั่งอยู่ข้างๆ


ถึงจะไม่ได้พูดจ้อเหมือนแต่ก่อนแต่อย่างน้อยเขาก็พูดกับผม ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเสียดาย หรือแม้แต่รู้สึกถึงความผิดพลาดที่ตัวเองทำไปทั้งหมด


ผมเลือกผิดใช่ไหม


เพราะที่ผมเลือกมันไม่เพียงแต่ทำร้ายจิตใจวิน แต่กลับทำร้ายจิตใจผมด้วย…ถ้าตอนนี้ผมจะเห็นแก่ตัวจะมีใครด่าผมไหมนะ.....



สัมผัสเล็กๆที่อยู่ตรงปลายนิ้วก้อยมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีมากกว่าเก่า ผมไม่ได้ขยับมือหนี ส่วนตัววินเองก็ไม่ได้ขยับ แปลกแหะแค่สัมผัสกันแค่นี้มันกลับทำให้ใจผมเต้นโครมครามทั้งๆที่มากกว่านี้เราก็เคยทำมาแล้ว
   

“กูว่า...กู” วินทำท่าจะขยับมือตัวเองออก แต่เป็นผมเองที่คว้ามือเขามาจับไว้ก่อน

“อย่าเพิ่งไปไหนเลย...นะ” ผมยื้อมือวินมาวางไว้บนตัก ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆแบบที่ชอบทำให้เขา วินเม้มปากตัวเองแน่นสนิท น้ำตาคลอหน่วยเต็มสองเบ้าตา ดูก็รู้ว่าเขาพยายามอย่างมากไม่ให้มันไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น


ผมทำให้เขาร้องไห้อีกแล้วสินะ


“มึงไม่น่าทำแบบนี้เลยรู้ไหมบัส...ฮึก..มึงรู้ตัวหรือเปล่าว่ามึง...กำลังทำร้ายกู...กูจะลืมมึงได้แล้วแท้ๆ”

“ขอโทษ” ถ้ามีคำไหนที่มากกว่าคำว่าขอโทษผมก็อยากจะบอกเขา

“มึงรู้ไหมบัส ว่ากูเจ็บปวดแค่ไหนตอนที่มึงพูดให้กูเลือกทั้งๆที่กูรักมึงขนาดนั้น...โอเคได้กูเลือกจะถอยออกมาก็ได้...แต่ทั้งๆที่กูถอยออกมาแล้ว มึงจะมาทำแบบนี้อีกทำไมวะ...ทำให้กูเสียใจอีกทำไม...ในเมื่อ...ฮึก..ไม่รักแล้วก็อย่ามาให้ความหวังดิ...ฮือ...ทำแบบนี้ทำไม” เสียงสั่นพร่าในตอนท้ายพร้อมกับศีรษะวินที่วางลงบนไหล่ผม มือวินทุบที่หลังผมหลายครั้งจนตัวผมรู้สึกเจ็บไปหมด  แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นกำเสื้อผมแน่น “ทำแบบนี้ทำไมวะ ปล่อยมือกูไปแล้วแท้ๆ ฮือ...ฮือ...”


“.....”


“ฮือ....ทำแบบนี้ทำไม”


“ผมคิดถึงวิน” ผมพูดพร้อมกับเชยคางวินให้เงยหน้าขึ้นมองผม ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้คนตรงหน้า


“บัส...ฮึก...รู้ตัวไหมว่ามึงพูดอะไรออกมา”


“รู้ดิ...รู้หมดแหละ” แต่จะให้ทำไงวะเพราะตอนนี้ผมไม่อยากทำให้วินต้องเสียใจอีกแล้ว ผมไม่สนด้วยว่าพี่บลูจะรู้สึกแบบไหน แค่ตอนนี้ผมอยากดูแลคนตรงหน้าให้มากที่สุด ผมอยากปกป้องเขา ไม่อยากทำให้เขาร้องไห้ หรือต้องเสียใจอีก ยิ่งเห็นน้ำตาพรั่งพรูมากเท่าไหร่ ใจผมแม่งก็เจ็บมากเท่านั้น
 

“วิน....ผมตัดสินใจแล้วว่ะ”

“ตัดสินใจอะไรของมึง”

“ตัดสินใจว่าผมจะบอกเรื่องของเรากับพี่บลู...ผมทนไม่ได้ว่ะที่เห็นวินร้องไห้แบบนี้ หยุดร้องเถอะนะคนดี ตาวินบวมจนจะเป็นหมีแพนด้าอยู่แล้วรู้ไหมครับ”

“กูไม่เอาด้วยหรอกนะ” วินทำหน้างอ เบะปากเหมือนเด็กน้อยจนผมอดไม่ได้ที่จะจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากเขา

“ไม่เอาก็เรื่องของวินดิ เรื่องนี้ผมตัดสินใจแล้ว” ผมพูดบอกวินกับริมฝีปากเขา “อ้าปากหน่อย”

“อ้าปากเชี่ยอะไรล่ะ” วินจับหน้าผมไว้ทั้งสองข้างก่อนจะดึงมันออกให้ห่างจากหน้าตัวเอง “มึงไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”

ที่วินพูดแบบนี้คงหมายถึงจะให้ผมเลือกพี่บลูเหมือนเดิมส่วนวินจะอยู่ข้างๆผมในฐานะที่ไม่สำคัญเหมือนเดิมน่ะเหรอ ไม่เอาหรอก


“ผมบอกวินแล้วว่าผมเลือกได้คนเดียว ผมไม่จับใครไว้ด้วยมืออย่างล่ะข้าง”

“นั่นแหละ เพราะงั้นคนที่มึงเลือกไม่สมควรเป็นกู....” วินเม้มปากแน่นก่อนยิ้มทั้งๆที่ดวงตาเศร้า “พี่บลูเขาไม่ได้ผิดอะไรด้วย ปล่อยให้มันเป็นในแบบที่มันควรเป็นอย่างนี้แหละดีแล้ว”

“วิน....” ผมเรียกชื่อเขาพร้อมกับเอื้อมมือไปกอดเขาแน่นราวกับจะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งรักและขอโทษส่งไปให้เขาได้รับรู้ ผมไม่มั่นใจเท่าไหร่หรอกว่าคราวนี้วินพูดจริงหรือพูดเล่น แต่ทั้งสีหน้า ท่าทาง ที่เขาถ่ายทอดมาให้ผม มันทำให้ผมใจสั่นจนไปไม่ถูก “อย่าพูดเหมือนจะไปจากผมแบบนั้นดิวะ”

“มึงจะห้ามอะไรกูได้...บัส...มึงเป็นคนปล่อยมือกูเองไม่ใช่เหรอ”


“...........” ความเงียบเข้าครอบงำเราทั้งคู่ ใช่ผมเป็นคนปล่อยมือวินเอง แต่ถ้ามันจะไม่สายเกินไปผมก็อยากจะ.....






“วิน!!!บัสเตอร์!!!!”






ขอโอกาสอีกสักครั้ง
 



ทั้งผมและก็วินเงยหน้าหันไปมองคนที่ยืนอยู่ริมสะพาน ผู้ชายตัวเล็กที่ผมสัญญาว่าจะไม่ทิ้งเขา ผู้ชายตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น



“กูบอกแล้วว่ายังไงมึงก็ทิ้งพี่เขาไม่ได้...ไปเถอะ...ไม่ต้องห่วงกูหรอก...”






>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC
ฉันเจ็บทุการกระทำที่ทำให้เธอเสียใจ ฉันทรมานแค่ไหนใครจะรู้ที่ผ่านมาาาา
อีกไม่กี่ตอนคนเขียนจะเป็นไท เย้!!! ฉลองก่อนเลย 5555555555555555 รักคนอ่านเจอกันอีกทีอาทิตย์หน้านะคะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 13 [P.3*22/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 22-06-2014 22:14:39
บทจะกลับมาคืนดีก็จะง่ายขนาดนี้เลยเหรอ บัส
ไปเถอะ เลือกแล้วไม่ใข่เหรอ ปล่อย วิน ไป เถอะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 13 [P.3*22/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: PhInNoI ที่ 22-06-2014 22:43:25
 :mew6:
โอ๊ย!!!!!! ทำไมมันหน่วงแบบนี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 13 [P.3*22/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 22-06-2014 22:44:16
เกลียดไอ้บัส วินก็นะไม่รู้จะยอมมันทำไมนักหนา
เอาคืนมันซะบ้างให้มันเจ็บย่งกว่าที่เราเจ็บ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 13 [P.3*22/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 22-06-2014 23:25:16
 :katai3: ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว ฉันเริ่มรำคาญอิบัสยังไงไม่รู้
ขอให้วินหนีจากมันไปเลยแบบไม่ต้องบอกลาด้วย
ให้มันผลัดกันดราม่าไปมา
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 13 [P.3*22/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-06-2014 23:54:55
ยังเรียกน้ำตาได้เหมือนเดิม
รักกันแต่ไม่ได้อยู่ด้วย
กับอยู่ด้วยกันแต่ไม่รัก
อย่างไหนมันเจ็บกว่ากัน
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 13 [P.3*22/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: KaeM_PonG ที่ 22-06-2014 23:57:21
แถบจะรอให้ถึงอาทิดตย์หน้าไม่ไหวแล้วค่ะ 


 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 13 [P.3*22/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Chanta ที่ 23-06-2014 00:16:03
 :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 13 [P.3*22/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 23-06-2014 00:22:03
เศร้าใจจริงๆ
มาก่อนอาทิตย์หน้าได้ป่าวครับ ใจจะขาด,,,
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 13 [P.3*22/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 23-06-2014 09:00:01
 :katai1:หนีไปให้ไกลคนใจร้ายน้องวินนนน
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 13 [P.3*22/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy Poy ที่ 24-06-2014 23:47:20
:hao5: รอออออ มาต่อทุกๆวันเลย
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 13 [P.3*22/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-06-2014 18:39:48
เข้ามารอเรื่องนี้เหมือนเดิม
กว่าจะถึงอาทิตย์หน้า  :sad11:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 14 [P.4*29/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 29-06-2014 21:30:26
Chapter 14


“กูบอกแล้วว่ายังไงมึงก็ทิ้งพี่เขาไม่ได้...ไปเถอะ...ไม่ต้องห่วงกูหรอก...” ผมพูดบอกไอ้บัสพร้อมกับพยายามดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุม

 
“บัสเตอร์”


“...........” มันไม่ตอบผมแถมสิ่งที่บัสเตอร์ทำกลับเป็นการกระชับมือผมให้แน่นขึ้นก่อนจะกึ่งลากกึ่งจูงพาผมไปหาพี่บลูที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ริมสะพาน


“เชี่ยบัสมึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงกูบอกให้ปล่อยไงเล่า”

“ฟังรู้เรื่อง แต่วิน...ผมจะไม่ยอมปล่อยมือวินไปอีกแล้ว..ผมขอโทษ...ที่ผ่านมาเป็นผมเองที่ผิด...ใช่..ผมมันทิฐิสูง..เอาแต่ใจ อยากแก้แค้น ดึงคนนั้นคนนู้นเข้ามาเกี่ยว แต่ไม่ว่าตอนจบมันจะเป็นยังไง สุดท้ายผมก็จะไม่มีวันปล่อยมือจากวิน”

“มึง...มันบ้า” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะเดินตามแรงจูงของบัสเตอร์ไปโดยที่ไม่ขัดขืนอะไรอีก แต่พอเห็นน้ำตาคนตัวเล็กพร้อมกับเสียงสะอื้นที่ดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกผิดก็เริ่มก่อตัวและถาโถมเข้ามาอีกครั้ง


“พี่บลู...” บัสเตอร์เรียกชื่อคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด เจ้าของชื่อเงยหน้ามองเราสองคนก่อนจะก้มลงมองมือที่บัสเตอร์ยังคงจับแน่นไม่ปล่อย น้ำตาร่วงผล็อยลงมาอีกรอบ ทำไมผู้ชายตรงหน้าผมถึงได้น่าสงสารแบบนี้ พี่บลูไม่ควรมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยซ้ำ “ผมขอโทษ ที่ทำแบบนั้น ขอโทษ...ที่ดึงพี่บลูมาเกี่ยวข้องทั้งๆที่พี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ..”


“หยุดเถอะ..ฮึก...พี่ไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น พี่แค่....ฮึก...อยากรู้พี่ผิดอะไรงั้นเหรอ...พี่มีความผิดอะไรช่วยบอกหน่อยสิ พี่ผิดหรือเปล่าที่รักบัส...ฮือ ฮือ” ผมยืนมองพี่บลูโดยที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ทั้งๆที่คำถามมันไม่ได้ยากที่จะตอบแต่กลับยากที่จะพูดออกมา

“...ฮึก...พวกนายสองคนเห็นพี่เป็นอะไร...สะพานที่จะทำให้นายสองคนเข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นงั้นเหรอ...ที่ผ่านมาบัสไม่เคยรักพี่เลยงั้นสิ...ไม่รัก.. ฮึก...แล้วมาทำดีกับ....พี่ทำไม...มาทำให้พี่รู้สึกดีด้วยทำไมวะ”

คนตัวเล็กทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรงก่อนจะชันเข่าทั้งสองข้างขึ้นแล้วก้มหน้าร้องไห้หอบจนตัวโยน บัสเตอร์ขยับตัวลงนั่งข้างๆ มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบหัวพี่บลูเบาๆเป็นเชิงปลอบ ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย

“ฮึก...ฮือ...บัสใจร้ายกับพี่มากเลยรู้ไหม...ทำไมใจร้ายกับพี่แบบนี้...มาหลอกให้รู้สึกดี..แต่สุดท้ายก็จะทิ้งพี่ไปแบบนี้งั้นเหรอ...บัสเตอร์ใจร้าย...”ดวงตาเล็กกลมโตเงยช้อนมองบัสเตอร์ ความรู้สึกที่จับต้องได้ผ่านสายตาคู่นั้นคือคำถามว่าทำไมบัสเตอร์ถึงทำแบบนี้แต่ที่สัมผัสได้มากกว่านั้นคือความเจ็บปวด

“พี่บลู...ผมขอโทษ ..เรื่องนี้มีแค่ผมเท่านั้นที่ผิด เพราะถ้าผม...ถ้าผม...” ไม่เสนอหน้าเข้ามาตอนที่เขากำลังมีความสุข ถ้าผมไม่กลับมาตั้งแต่ตอนนั้น...ไม่มาทำให้บัสเตอร์ไขว้เขวบัสมันก็คงตัดสินใจเลือกพี่บลูไปตั้งแต่แรก

“ถึงวินไม่กลับมา คนที่กลับไปหาก็คงเป็นผมอยู่ดี” เหมือนบัสเตอร์อ่านใจผมออกมันพูดสิ่งที่มันคิดพร้อมกระชับมือตัวเองให้แน่นขึ้นราวกับกลัวว่าผมจะเดินจากมันไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่สิ่งที่มันพูดกลับทำให้พี่บลูสั่นสะท้านไปทั้งตัว มือข้างหนึ่งของพี่บลูเอื้อมมายึดเสื้อบัสเตอร์ไว้แน่น เขาเงยหน้าพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนมาให้บัส จนผมเองต้องเสมองไปทางอื่น

“ฮึก...อย่าทิ้งพี่...” สิ้นเสียงสุดท้ายของพี่บลู สิ่งที่ผมสัมผัสได้กลับเป็นเพียงความว่างเปล่าของฝ่ามือที่เคยอบอุ่น

ฝ่ามือที่คอยกระชับแน่นในตอนแรกตอนนี้ถูกเปลี่ยนไปเป็นอ้อมกอดให้กับคนตัวเล็กแทน ผมได้แต่ยิ้มเศร้าๆส่งไปให้เขาทั้งคู่

ใช่แล้วล่ะ...สิ่งที่บัสเตอร์ทำตอนนี้มันถูกต้องที่สุด



เพราะคนที่สมควรไปสุดท้ายก็คือผมอยู่ดี








ผมปลีกตัวออกมาจากคนทั้งคู่ก่อนจะโทรบอกพวกไอ้ไวท์ให้ออกมาหา ตอนที่เห็นพวกไอ้เกมส์วิ่งมาน้ำตาผมไหลออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ อ้อมกอดจากพวกมันช่วยทำให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวของผมถูกเติมเต็มได้ไม่ยาก


พวกมันนั่งอยู่กับผมเงียบๆโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แค่นั่งอยู่ข้างๆ...แต่แค่นั้นสำหรับผมก็ดีมากพอแล้ว






ควันขาวพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้าตัดกับผืนผ้าใบสีดำ มันลอยสูงขึ้นเรื่อยๆจนค่อยๆจางหายไปในความมืด

“มึงจะดร็อปเรียนจริงเหรอวะ” ไอ้เกมส์เอ่ยถามผมอีกครั้งตอนที่พวกเรานั่งรอรถอยู่ที่บขส. ผมกับเพื่อนๆเตรียมตัวจะกลับกรุงเทพก่อน ตอนแรกคิดว่าจะกลับคนเดียวด้วยซ้ำแต่สุดท้ายพอกลับไปเก็บของในห้องคนที่เดินถือกระเป๋ามาด้วยก็มีทั้งไอ้เกมส์ ไอ้ไวท์ และก็ไอ้พอร์ช พอถามมันก็บอกว่ามันบอกพวกพี่ฟิล์มแล้วเรื่องที่พวกผมจะขอกลับก่อน โดยให้เหตุผลว่ามีธุระเร่งด่วนญาติเข้าโรงบาลเลยต้องรีบกลับ

 “อื้อ” ผมตัดสินใจเรื่องนี้มาได้สักพักแล้ว เพราะที่ผ่านมาผมเล่นหยุดเรียนแทบจะทุกวัน คิดว่ามีหลายวิชาเหมือนกันที่ติดตัวแดงไปแล้วเรียบร้อย ถ้าไม่ดร็อปก็คงมีติดเอฟไปบ้างแล้วแหละ

“เฮ้อออ แล้วมึงจะไปไหนวะ นอนอยู่บ้านเฉยๆเหรอ”

“กูว่าจะไปอยู่ปายสักพักว่ะ ญาติกูเขาเปิดร้านอยู่ที่นั่น พอดีพี่ฟางเขาจะกลับบ้านไปหาแม่สักพัก สามสี่เดือนนู่นแหละถึงจะกลับ เลยโทรหากูว่ามีเด็กฝึกงานหรือรู้จักใครสักคนที่พอจะฝากร้านไว้สักสามสี่เดือนไหม กูเลยรับปากบอกเขาว่ากูว่าง”

“แล้วหน้าอย่างมึงทำกาแฟเป็นเหรอวิน ไม่ใช่ไปทำลูกค้าเขาหายหมดนะเว้ย กาแฟนะมึงไม่ใช่น้ำล้างเท้า โอ้ยไวท์...เจ็บนะตบหัวเค้าทำไมอ่ะ” ต้องขอบคุณไอ้ไวท์เป็นอย่างสูงที่รบกวนเขกกบาลผัวมันให้หุบปากลงไปได้ ก็จริงว่าผมทำของอะไรแนวนั้นไม่เป็น แต่เวลาหนึ่งเดือนก่อนที่พี่ฟางจะกลับบ้านเขาบอกว่าจะสอนผมแล้วก็เขียนสูตรไว้ให้ แค่ตักๆใส่ๆตามช้อนก็คงไม่ได้เป็นปัญหาอะไรหรอกมั้ง เรื่องนี้ทำให้ผมเบาใจไปหน่อยนึงแต่ถึงอย่างนั้นก็แอบกลัวจะไล่ลูกค้าพี่เขาเหมือนกัน

“กูเชื่อว่ามึงทำได้” ไอ้ไวท์ยิ้มพร้อมกับเอียงหัวมาซบที่ไหล่ผม คางเล็กถูกวางไว้บ่นบ่าจนทำให้หน้าเราทั้งคู่ห่างกันเพียงคืบ อยู่ๆหัวใจผมก็เต้นโครมครามขึ้นมาอีกครั้ง แม่งลืมไปเลยว่าเคยรู้สึกแบบนี้กับมันเมื่อนานมาแล้ว

“พอเลยครับวินนี่เมียกูครับ...ขอคืนนะครับ...แล้วมึงก็อีกคน..ทำไมชอบอ่อยจังวะ เดี๋ยวนี้มึงแม่งทำกูปวดหัวจนนอนไม่หลับเลยรู้เปล่า”

“ทำไมถึงนอนไม่หลับ”

“ก็มึงกวนกูทั้งคืนเลยอ่ะดิ” สีหน้ากรุ่มกริ่มบ่งบอกถึงความจังไรในใบหน้า ไอ้ไวท์พอได้ฟังก็ป๊าปเข้าให้ที่กลางหลังไอ้พอร์ช ผมเลิกสนใจเสียงบ่นของพวกมันก่อนจะยกบุหรี่ขึ้นอัดปอดอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าการจากไปครั้งนี้จะช่วยทำให้ผมลืมเรื่องราวความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน ผมไม่รู้อนาคต รู้เพียงแค่ตอนนี้ผมไม่พร้อมจะเจอหน้ามัน ไม่พร้อมที่จะยืนมองมันเดินเคียงข้างพี่บลู แต่ผมเชื่อ ถ้าผมกลับมาอีกครั้งอย่างน้อยผมก็คิดว่า ผมคงไม่ร้องไห้หรือเจ็บปวดกับการที่มันยืนข้างใครอีกคนอีกแล้ว






‘กาเฟ’ ป้ายหน้าร้านมันติดว่า กาเฟ จริงๆนะ ผมคิดว่าพี่ฟางคงตั้งใจทำให้มันอ่านออกเสียงแบบนี้จะได้ดูแปลกไม่เหมือนร้านอื่น


 ร้านกาแฟเล็กๆที่ตั้งแต่ผมก้าวเท้าเข้ามาสิ่งที่ผมสัมผัสได้คือความอบอุ่น โต๊ะไม้เพียง 5-6 โต๊ะ กับการจัดร้านในสไตล์แบบที่เจ้าของร้านชอบ มันเป็นร้านเก่าๆที่ถูกตกแต่งเพิ่มโดยการโยนความคลาสสิคของภาพวาดที่พี่ฟางเป็นคนวาดลงไป


 ร้านนี้เป็นร้านที่พี่ฟางมาติดต่อขอซื้อที่กับเจ้าของเดิม บ้านไม้สองชั้นที่โถงชั้นล่างทำเป็นร้านกาแฟ มีมุมเล็กที่เจ้าของร้านสามารถขึ้นไปเล่นกีต้าร์ได้ยามว่าง พี่ฟางเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เขามาที่นี้ทันทีหลังสอบเสร็จ ไม่สนด้วยว่าเกรดออกมาปีสุดท้ายเขาจะเรียนจบไหม มีแค่ผมกับพ่อแม่เขาที่ห่วงกลัวว่าจะไม่จบ แต่พอผลออกมาว่าจบพวกเราก็เตรียมจะไปรับปริญญากับพี่เขา แรกๆก็รับคำเป็นอย่างดีนะว่าไปรับแน่ๆ ตัดชุดอะไรเรียบร้อย แต่พอวันจริงพี่ฟางก็ยังเป็นพี่ฟาง แม่งหายเข้ากรีบเมฆเฉยเลย ปล่อยให้ทั้งผมทั้งครอบครัวยืนเก้อถ่ายรูปกับเพื่อนๆเขาซะงั้น


พี่ฟางอยู่ที่ปายมาได้ 1-2 ปีแล้วมั้ง เขาเป็นชายหนุ่มผมยาวยักโศกที่มักถูกรวบขึ้นด้วยปลายพู่กัน ใช่ครับพี่ฟางเป็นผู้ชาย ญาติผู้พี่ที่มีเรียวหน้าขาวหมดจดจบคณะศิลปกรรมคนนี้เป็นผู้ชาย จะว่าหล่อก็หล่อนะ แต่จะว่าสวยก็สวย


พี่ฟางเรียนจบมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือ เขาไม่เคยมีแฟนหรือมีผมก็ไม่อาจจะเดาได้ ตอนแรกผมคิดว่าพี่เขาจะชอบผู้ชายด้วยกันซะอีกแต่พอเห็นผู้หญิงที่พี่ฟางพาเข้าบ้านเมื่อ 3-4 ปีก่อนก็ทำเอาพวกผมตะลึงไปเลย ลุงกับป้า(พ่อแม่พี่ฟาง)ถึงกับอึ้งไม่คิดว่าพี่เขาจะมีแฟนสวยหยาดฟ้ามาสู่ดินแบบนั้น แต่สุดท้ายได้ยินมาว่าถูกเพื่อนสนิทสอยไปแดกซะงั้น แต่เหตุการณ์เป็นแบบไหนนั้นผมก็ไม่คิดอยากจะถามอะไรต่อ ก็ผมไม่ใช่คนขี้เสือกนี่ครับ (แต่ที่รู้ๆคือเพื่อนสนิทคนนั้นตามหาตัวพี่ฟางทั่วเชียงใหม่ มันหาไม่เจอหรอกครับ ถึงแม้จะมาหาถึงบ้านพี่ฟางก็จัดการปิดปากลุงกับป้าเงียบ โดยยื่นข้อเสนอกึงบังคับว่าถ้าบอกพี่คนนั้นว่าพี่ฟางอยู่ไหนพี่ฟางจะไม่กลับบ้านอีกตลอดชีวิต คนอย่างพี่ฟางทำได้ทุกอย่างแหละ จนตอนนี้พี่คนนั้นก็ยังไม่รู้มั้งว่าพี่ฟางอยู่ไหน) นี่ขนาดผมไม่เสือนะเนี่ย หึหึ


“ไง โตขึ้นเยอะเลยนะมึง” พี่ฟางเงยหน้าจากกีต้าร์โปร่งที่อยู่ในมือก่อนจะกวักมือเรียกให้ผมเดินเข้าไปหา “ไอ้เปี๊ยกกางเกงน้ำเงินของพี่เดี๋ยวนี้โตจนเป็นหนุ่มแล้วงั้นดิ”

“ฮ่า ฮ่า แน่นอนพี่...” ผมเดินเข้าไปกอดพี่ฟางเต็มรัก พี่ฟางเขาเป็นทั้งไอดอลแล้วก็พี่ชายที่คอยสอนเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ผมอยู่เรื่อยๆ เพราะผมไม่พี่น้องที่ไหนเวลาจะถามเรื่องผู้ชายหรือเรื่องอะไรแบบนั้นก็มีแต่พี่ฟางนี่แหละที่คอยบอก “เออพี่ฟาง ชื่อร้านพี่แม่งเท่โคตรเท่อ่ะ กาเฟ ออกเสียงเป็นสำเนียงแบบใหม่ด้วย”

“เปล่ากูเขียนตก ก็เลยปล่อยเลยตามเลยน่ะ” ผมล่ะเชื่อพี่เขาจริงๆ “แล้วนี่มึงจะอยู่นานไหมล่ะ กูคงต้องไปเยี่ยมคุณนายสักหลายเดือนหน่อยนะไม่รู้จะงอแงอะไรนักหนา”

“ก็จนกว่าจะเปิดเทอมใหม่แหละพี่” พี่ฟางหรี่ตาเล็กมองผมอย่างจับผิด ทำไมมันจะไม่รู้ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงปิดเทอม แต่ถ้าผมไม่บอกต่อให้มันง้างปากผม ผมก็ไม่พูดหรอก

“เด็กสมัยนี้มันใจแตก อกหักนิดอกหักหน่อยก็ดร็อปเรียนกันเป็นว่าเล่น”

“ไม่ใช่สักหน่อย วินแค่...เบื่อ...ยังไม่อยากเรียนตอนนี้ ดร็อปแค่เทอมเดียว จบช้าหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรเลย” ผมเถียงข้างๆคูๆแต่พี่ฟางก็ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ขยี้หัวผมเบาๆก่อนจะเดินพาผมเข้าไปในบ้าน

“แล้วผมนอนไหนอ่ะ” ผมเดินเข้ามาในตัวบ้านไม้สองชั้น พี่ฟางพาผมเดินขึ้นไปบนบ้าน ห้องพักมีอยู่สองห้อง ห้องแรกเป็นห้องพี่ฟางส่วนห้องที่สองเป็นห้องผม เฟอร์นิเจอร์อะไรไม่ค่อยจะมีหรอกครับ เตียงก็เป็นเตียงแบบวางเบาะไว้กับพื้น แอร์ไม่มี ทีวีก็ไม่มี มีแค่ตู้เสื้อผ้า กับพัดลมเก่าๆที่อยู่ปลายเตียง

“อยู่ได้ไหม”

“ได้ดิพี่ สบายมาก” ชีวิตที่ไม่ต้องเร่งรีบไปกับโลกภายนอกแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันแหะ

“นอนไปก่อนล่ะกันเดินทางมาเหนื่อยๆ ถ้าจะอาบน้ำห้องน้ำอยู่ข้างล่างนะ”

“ครับ ขอบคุณมากพี่ฟาง” ผมยกมือไหว้พี่เขาเสร็จก็ล้มตัวลงนอนกับเตียงทันที ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทำให้ผมหลับไปอย่างง่ายดาย หวังว่าการมาเรียนรู้ใช้ชีวิตที่นี้จะช่วยทำให้ผมลืมบางอย่างที่หันหลังมาได้ง่ายๆนะ





หนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมปรับตัวเข้ากับที่นี้ได้ไม่ยาก แม้จะไม่มีทีวี ห้างหรือแม้แต่แอร์ก็ไม่ได้เป็นปัญหากับผมเลยสักนิด ที่นี้สอนให้ผมรู้จักคำว่าสงบ เพราะความไม่รีบร้อน หรือเร่งรีบ ทำให้ผมสัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างประหลาด พี่ฟางบอกว่าผมหัวไวเรียนรู้เร็ว ทำให้ไม่ต้องสอนอะไรมาก จริงๆการชงกาแฟหรือชงโกโก้ไม่ใช่เรื่องยากเลยพี่เขาบอกว่าขึ้นอยู่กับวัตถุดิบและความชำนาญ

“ไหวแน่นะมึง กูชักหวั่นๆแล้วเนี่ย” พอไอ้พี่ฟางมันเห็นผมทำนู่นทำนี่ตกมันก็เริ่มขมวดคิ้วสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“ไหวดิพี่ฟาง วินไหว วินทำได้ เชื่อมือดิ”

“เชื่อได้ที่ไหน”

“พี่ฟาง วินทำได้” พี่ฟางทำหน้าไม่เชื่อจนผมต้องพยักหน้าอีกหลายรอบกว่าพี่ฟางจะถอนหายใจออกมา

“เออๆกูเชื่อ งั้นกูไปแล้วนะเว้ย”

“ครับ”

“มึงไหวแน่นะไอ้วิน ร้านกูมึงท่องไว้ร้านพี่ฟาง ถ้าลูกค้าหายกูเอามึงตายแน่”

“ครับพี่ฟางผมไม่ทำลูกค้าพี่หายหรอกเชื่อใจผมเถอะ”

“เพราะกูเชื่อใจมึงไงกูถึงเครียดแบบนี้ ไปและ ฝากร้านด้วย” พี่ฟางโบกมือส่งผมก่อนจะเดินไปขึ้นรถสองแถวเข้าไปในตัวเมืองเพื่อต่อรถกลับบ้าน


วันนี้ลูกค้าร้านพี่ฟางไม่ได้มีเยอะมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเยอะช่วงวันเสาร์อาทิตย์ วันจันทร์แบบนี้คนจากตัวเมืองก็กลับบ้านกันไปหมด ปกติเวลาผมว่างแบบนี้พี่ฟางจะชวนผมทำนั่นทำนี้จนผมแทบไม่มีเวลาจับโทรศัพท์ แต่พอพี่เขาไปความเงียบก็โรยตัวเข้ามา โทรศัพท์ที่วางตายไว้ในห้องก็ถูกนำมาชาร์ตแบตอีกครั้ง




Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทันทีที่ผมเปิดเครื่อง ชื่อคุ้นตาทำเอาผมยิ้มออกมานิดนึงก่อนจะกดรับโทรศัพท์มัน

(เป็นไงบ้าง)

“ก็ดี”

(แม่งปิดเครื่องซะนานเลยนะวิน กูกับพวกไอ้ไวท์คิดว่ามึงจะตกเขาตายห่าไปแล้วซะอีกดีนะที่โทรหาแม่มึงก่อน ไม่งั้นพวกกูคงขึ้นไปหามึงแล้ว)

“ฮ่า ฮ่า โทษทีว่ะ กูลืมชาร์ตแบต ว่างๆมึงก็ขึ้นมาดิ อากาศที่นี้โคตรดีอ่ะ รับรองว่าพวกมึงต้องชอบ” ผมยิ้มให้กับปลายสายทั้งๆที่รู้ว่ามันคงไม่เห็น

(ช่วงนี้สอบใกล้สอบว่ะคงไม่ได้ไปหาหรอก รอสองสามอาทิตย์ล่ะกันให้สอบไฟนอลเสร็จพวกกูจะยกโขยงไปหามึงทั้งหมดนี้เลย)

“เออรีบมาเลยกูรออยู่”

(เออ รออยู่นั่นแหละ ไม่นานหรอกเดี๋ยวขึ้นไปหา...เออวิน)

“ว่า???”

(รู้ไหมว่าไอ้เบสโวยวายใหญ่เลยว่ะ) ผมเงียบเสียงฟังไอ้เกมส์ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ผมไม่ได้บอกเบสว่าผมไปไหน แล้วก็ห้ามพวกไอ้เกมส์บอกเบสด้วย (มันถามหามึงตลอดอ่ะ พวกกูพูดได้แค่ว่าไม่รู้ มันก็น้อยใจหาว่ากูกับไวท์ปิดบังมัน มึงเข้าใจไหมว่ากูคงปิดมันได้ไม่นานหรอก)

“เอาเท่าที่มึงไหวเหอะ” ผมไม่อยากเล่าให้เบสฟัง ไม่อยากให้มันรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างผมกับน้องมัน

(แล้วก็....)

“แล้วก็?? อะไรวะ”

(ไม่ใช่แค่เบสหรอกนะที่โวยวาย ไอ้บัสก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก เออมันได้โทรหามึงหรือเปล่าวะ คือกู....) ผมไม่รู้หรอก ว่ามันโทรมาไหม เพราะอย่างที่บอกว่าผมปิดเครื่อง แต่อีกอย่างก็คือผมบล็อกทุกอย่างในมือถือที่ขึ้นชื่อว่าบัสเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทร ไลน์ เฟส หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะสามารถติดต่อกับมันได้ ไม่ใช่ว่าผมกลัวว่ามันจะโทรมานะ ผมกลัวว่ามันจะไม่โทรมาต่างหาก ผมกลัวผมเจ็บที่ไม่เห็นเบอร์มันโทรเข้ามา ผมกลัวว่าผมจะเจ็บที่ไม่เห็นมันไลน์มาหา ผมเลยเลือกที่จะบล็อกดีกว่าจะเห็นข้อความว่างเปล่าในกล่องแชต

“กูไม่รู้ว่ะ กูเพิ่งเปิดเครื่องนี่แหละ”

(มันเลิกกับพี่บลูแล้วนะ)

“ไม่ได้เกี่ยวกับกูสักหน่อย”

(กูแค่เล่าให้ฟังเฉยๆทำไมต้องทำเสียงขุ่นแบบนั้นด้วยเล่า) มันจะเลิกกับใคร จะมีแฟนใหม่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับผมสักหน่อย ผมไม่แคร์มันแล้ว หนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมอยู่ได้โดยไม่มีมัน และผมเชื่อว่าอีกตลอดไปผมก็จะอยู่ได้โดยไม่มีมันเหมือนกัน

“เปล่ากูไม่ได้เป็นอะไร”

(พี่บลูก็ตามหามึงนะ)

“อืม”

(เขาฝากกูมาบอกมึงว่าเขาไม่เป็นไร เขาเข้าใจมึงกับบัส ถ้าจะกลับ...)

“เออเกมส์แค่นี้นะพอดีลูกค้าเข้าร้านว่ะเดี๋ยวไว้ว่างๆกูโทรหาล่ะกัน” ผมพูดตัดประโยคไอ้เกมส์แล้วกดตัดสายทันที ผมไม่อยากรับรู้อะไรตอนนี้ ผมไม่อยากรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ ถึงแม้ว่าพี่บลูจะยอมถอยแต่ความรู้สึกผิดมันท่วมท้นหัวใจผมจนแทบจะให้อภัยตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ


ไม่รู้เหมือนว่าถึงตอนที่ผมกลับไปกรุงเทพ ผมจะยังยินดีแล้วยิ้มให้มันเหมือนเดิมได้หรือเปล่า ผมรู้สึกผิดมากเสียจนอยากให้เรื่องราวของผมกับมันจบๆไปซะ



ถ้าในเมื่อพี่บลูคนที่ไม่มีความผิดอย่างเขายังไม่ได้อยู่ข้างๆบัสเตอร์ ผมที่เป็นคนผิดเต็มๆก็ไม่สมควรกับโอกาสนั้นเหมือนกัน




“วิน”


“อ่าวพี่กานต์ ทำไมวันนี้มาเร็วจังเลย โกโก้เหมือนเดิมป่ะครับ” ผมยิ้มให้ลูกค้าขาประจำ ที่ตั้งแต่ผมมาที่นี้ก็เห็นพี่กานต์แวะเวียนมาที่ร้านบ่อยจนรู้จักกันในที่สุด พี่กานต์เป็นเจ้าของร้านโปสเตอร์ใกล้ๆร้านผม เขาเป็นคนใจดี ชอบเอาของฝากมาให้ผมตลอดเวลาที่เขากลับบ้านสวนตัวเอง พี่ฟางแม่งก็ชอบแซวว่าพี่กานต์ต้องรู้สึกกับผมในทางแบบนั้น

ตัวผมเองก็ไม่ใช่ว่าไม่สังเกตหรือจับพิรุธเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะผมมองเขาเป็นแค่พี่ชายคนหนึ่ง แต่ต่อไปในอนาคตผมก็ไม่รู้ ถ้าพี่กานต์เป็นคนดีแล้วเขารู้สึกแบบนั้นกับผมจริง บางทีผมอาจจะยอมเปิดใจรับเขาไว้ก็ได้

ผมน่ะไม่อยากปิดใจตัวเองแล้วยอมรับไว้แค่ไอ้บัสคนเดียวหรอกนะ ถ้ามีใครเข้ามา ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร ต่อจากนี้ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าผมพร้อมที่จะเปิดใจหมดรับไว้ทั้งหมดนั่นแหละ

“คืนนี้วินว่างไหม ไปเดินเล่นที่ตลาดเป็นเพื่อนพี่หน่อยดิ พี่อยากซื้อเสื้อให้น้อง แต่เลือกไม่ถูก”

“แต่ว่าพี่กานต์ มันไม่มีคนเฝ้าร้านนะพี่”

“ไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องนั้นเดี๋ยวพี่ให้ไอ้ก้อยกับเพื่อนมันเฝ้าให้” พี่กานต์ชี้ไปทางก้อยกับเพื่อนเขาอีกสองสามคน พวกเธอพยักหน้าแล้วทำท่าทางโอเค ก่อนจะพูดเสียงดังว่าเคยเฝ้าร้านให้พี่ฟางหลายรอบแล้วไม่ต้องห่วง

“ไปเถอะวิน...นะไปเป็นเพื่อนพี่หน่อย” ผมเงียบไปแป๊บนึงก่อนหันไปมองหน้าพี่กานต์ที่ยังยืนรอฟังคำตอบจากผม

“เอ่อคือ..." เอาไงดีวะ ปฏิเสธตอนนี้คงไม่ได้แล้วด้วย ถ้างั้น... “ก็ได้พี่ คืนนี้เจอกันนะ”




>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC
 สรุปเรื่องนี้ใครเป็นคนที่รอความรักกันแน่ กรั่กๆ ก็มีคนเดียวแหละที่รอ และรอมาตลอด สปอยว่าต่อจากนี้คงไม่มีดราม่าแล้วนะ มั่นใจคนเขียนไหมเอ่ย 5555555555  แต่คนเขียนมั่นใจคนอ่านนะค้า รักนะจุ๊บๆ (ใกล้จบแล้ว พฮืออออออออออออออออออT^T)
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 14 [P.4*29/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-06-2014 21:51:01
พี่กานต์อย่ามาชุบมือเปิดนะ
เพราะวินเขามีคนที่รออยู่แล้ว
รอมาตั้งแต่ต้นแล้วด้วย น่าจะนะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 14 [P.4*29/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 29-06-2014 22:11:58
ถ้าพี่กานต์ดีจงรักนะวิน เชียร์
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 14 [P.4*29/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 29-06-2014 22:32:57
เอาเข้าไป จะใจแข็งไปได้สักเท่าไรกันนะ เฮ้อ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 14 [P.4*29/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: PhInNoI ที่ 29-06-2014 22:33:27
ถ้าคนใหม่ดีกว่า ก็ลืมคนเก่าซะเถอะ จะได้มีความสุขซะที
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 14 [P.4*29/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 30-06-2014 01:12:51
ใกล้จบแล้วหรอ

ไม่นะ

กำลัง ดราม่าได้ใจ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 14 [P.4*29/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 30-06-2014 02:01:28
มาอะไรกันป่านนี้  :mew6:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 14 [P.4*29/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: twenty8 ที่ 30-06-2014 14:22:04
วนเวียนเป็นวัฏจักร
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 14 [P.4*29/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Onlymin ที่ 01-07-2014 12:40:05
กับคนเก่าที่ยังฝังใจหรือกับคนใหม่ที่ดี :katai5:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter 14 [P.4*29/6/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 06-07-2014 19:05:31
รออ่านต่อนะ :z13:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter end [P.4*6/7/2557] [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 06-07-2014 20:18:44
Chapter End

“ก็....ได้พี่ คืนนี้เจอกันนะ” ผมตอบรับคำชวนพี่กานต์อย่างปฏิเสธไม่ได้ ถ้าพูดกันตรงๆผมผลัดพี่เขามาหลายรอบแล้ว ครั้งนี้ดูเหมือนพี่แกจะวางแผนมาอย่างดีเพราะมีลูกคู่อย่างก้อยกับเพื่อนคอยเป็นตัวสนับสนุนให้ราวกับจะจับผมถวายพานให้ไอ้พี่กานต์เต็มที่ แม่งผมคิดผิดไหมวะที่เลือกไปกับมันแบบนี้

"พี่วินมีคนมาหา”  หนึ่งเป็นเด็กที่นี้ บ้านของเขาขายของอยู่ต้นถนนคนเดิน ส่วนร้านกาแฟของพี่ฟางอยู่ถัดจากบ้านของหนึ่งไม่มากนัก

“ใครวะ...”

“ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ เขาบอกว่าเขามาจากกรุงเทพ”

เหรอออ แล้วนี้วิ่งมาหรือไง เอาไรล่ะเดี๋ยวพี่ชงให้”

“เลี้ยงเหรอ”

“เอออ”

“แหะๆ งั้นโอวัลตินเย็นนะ”

“อยากแดกโอวัลติน???มึงไม่ไปชงกินเองที่บ้านวะหนึ่ง ไม่มีโว้ยย เอาโกโก้ล่ะกัน” ผมหันไปชงโกโก้ให้ไอ้เด็กหนึ่งก่อนจะหันมาถามมันอีกครั้งว่าคนที่มาจากกรุงเทพที่มันพูดถึงน่ะมากันกี่คน บางทีอาจจะเป็นพวกไอ้เกมส์

“คนเดียว ตอนแรกคิดว่านักท่องเที่ยวแต่พี่เขาเดินมาถามหาพี่วินผมก็เลยนำทางเขามา เก่งใช่ป่ะล่ะ”

“เออมึงเก่งแล้วไหนเขาล่ะกูเห็นแต่มึงเนี่ยไอ้เปี๊ยก”

“กำลังเดินมา งั้นผมไปแล้วนะ จะไปเตะบอลต่อ”

“เออ” ผมตบหัวไอ้เด็กหนึ่งไปทีก่อนจะหันหน้าไปมองไอ้พี่กานต์ที่กำลังเช็ดโต๊ะหน้าร้านให้

“พี่กานต์ไม่ต้องเช็ด เดี๋ยวผมเช็ดเอง พี่กลับร้านพี่ไปเหอะ พวกไอ้ก้อยกลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ” พูดไล่อ้อมๆแม่งไม่ยอมไป ผมเลยไล่ไปตรงๆนี้แหละ จริงๆผมไม่ค่อยชอบเวลาที่พี่เขามานั่งแช่อยู่ในร้านผมแล้วแสดงท่าทางเหมือนเป็นร้านตัวเองแบบนี้ ไม่ได้ว่าหวงร้านอะไรหรอกนะ แต่ไม่ชอบสายตาลูกค้าหลายรายที่มองมายังผมกับพี่กานต์แบบแปลกๆ ผมไม่ชอบให้คนอื่นเข้าใจผิด

“โหวว ไล่ตลอดอ่ะ ลูกค้าร้านพี่ยังไม่มีขอนั่งคุยด้วยดิ ว่าแต่เราเหอะ ตั้งแต่มาปายยังไม่เคยเดินถนนคนเดินสักทีใช่ไหม วันนี้อยากกินไรเป็นพิเศษหรือเปล่าเดี๋ยวพาไปกิน”

“ไม่รู้ดิพี่กานต์ จริงๆไปซื้อเสื้อเสร็จก็กลับเลยก็ได้นะ ผมห่วงร้านน่ะ อีกอย่างเกรงใจก้อยเขาด้วย”

“เฮ้ย…ไม่ต้องเกรงใจก้อยหรอกยังไงมันก็เต็มใจเฝ้าร้านให้วินอยู่แล้ว...”พี่กานต์พูดพร้อมกับถือวิสาสะเอื้อมมือมาลูบที่หัวผม ถือเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่พี่เขากล้าถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ ไอ้ผมก็ไม่อยากพูดอะไรมากเลยปล่อยให้มันเล่นหัวผมไปแบบนั้น

“วิน...” น้ำเสียงคุ้นหูที่ไม่ได้ดังมากแต่กลับชัดเจนในความรู้สึก ภาพที่ผมเงยหน้าขึ้นมองคือผู้ชายที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี เขากำลังยืนมองผมด้วยสายตาเจ็บปวด แววตาสั่นระริกเสียจนผมอดไม่ได้ที่จะแกล้งเสมองไปทางอื่น


มันมาอยู่ที่นี้ได้ไงวะ


“มึง” ขนาดชื่อมันผมยังไม่กล้าเอ่ยปากพูดออกมาด้วยซ้ำ “พี่กานต์เอาไว้ตอนที่จะออกไปซื้อเสื้อ พี่ค่อยมาตามผมอีกทีล่ะกัน พอดีตอนนี้ผมยุ่งน่ะ”

“อ้อ...ได้” พี่กานต์มองหน้าผมสลับกับไอ้บัสแบบงงๆแต่สุดท้ายเขาก็ยอมเดินออกจากร้านไปแต่โดยดี

“วิน...” บัสเตอร์มันเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงแบบนี้อีกแล้ว น้ำเสียง...ที่แสดงออกให้รู้ว่ามันน้อยใจz,

 แววตาที่ส่งมาให้ก็เป็นแววตาตัดพ้อราวกับสิ่งที่ผมทำมันเป็นสิ่งที่ผิด ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย พี่กานต์เขาลูบหัวผมเองนะ ผมก็แค่ยืนอยู่เฉยๆไม่ได้ปัดออกก็แค่นั้น


“.......”

สิ่งที่ผมตอบกลับมันไปคือความเงียบ ไม่ใช่ไม่อยากพูดด้วย แต่...ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอะไรกับมัน ถามว่าดีใจไหม ที่เห็นมันอยู่นี้

บอกตรงๆว่ามากถึงมากที่สุด แต่ด้วยทิฐิหรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้ผมยังปากหนักไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรออกมา แกล้งทำเป็นไม่สนใจ ทำเหมือนมันเป็นแค่อากาศธาตุอยู่ในร้าน



ผมมันคนใจร้ายใช่ไหมครับ





จะว่าผมเป็นคนแบบนั้นก็ได้




แต่ผมไม่รู้จะพูดอะไรกับมันจริงๆ




บัสเตอร์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ตั้งแต่มาจนกระทั่งตอนนี้มันก็ยังไม่ขยับไปไหน นับๆรวมกันแล้วคงไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงด้วยซ้ำ


“เกะกะว่ะ จะไปไหนก็ไปได้ไหม” ผมพูดอย่างนั้นเพราะผมกลัวว่ามันจะเมื่อย อยากให้มันเดินไปนั่งหรือทำอะไรก็ได้ไม่ใช่มายืนขวางทางเดินแบบนี้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาจากสิ่งที่ผมพูดใส่มันคือ เสียงถอนหายใจหนักๆบ่งบอกว่ามัน รำคาญผม

“ถ้ารำคาญกูมากมายขนาดนั้นก็ไปที่อื่นดิ ไม่ต้องมาทำเสียงเบื่อหน่ายใส่กันก็ได้บัส...”

“ผมอยากรู้ว่าวินกับพี่คนนั้นเป็นแฟนกันแล้วเหรอ....”

“....”

“คงจะเป็นแบบที่ผมคิดจริงๆสินะ...ผมมันไม่ได้สำคัญอะไรอยู่แล้วนี่...แค่ไม่กี่เดือนวินก็มีคนใหม่แล้ว...ที่เคยพูดว่ารักคงแค่คำโกหก...พูดให้ผมรู้สึกดีแค่นั้นใช่ไหม...ผมแม่งไม่น่าคิดไปเองเยอะแยะขนาดนี้เลยว่ะ” บัสเตอร์ยิ้มเศร้าๆก่อนจะหยิบกระเป๋าใบใหญ่ข้างตัวขึ้นมาสะพาย มันเดินออกจากร้านผมไปแล้ว ทิ้งระเบิดเสร็จก็เดินออกไปเลยเนี่ยนะ


คนบ้าอะไรวะ เดินทางมาตั้งไกลแต่แค่จะมาพูดตัดพ้อกูแค่นี้เนี่ยนะ...มึงแม่งโคตรไม่มีความอดทนอะไรเลยว่ะบัส



สมควรแล้วล่ะ สมควรแล้วที่จะไม่ได้รับการให้อภัยแบบนี้ ดีเหมือนกันในเมื่อสิ่งที่มันต้องการมีเพียงแค่นี้ก็ดีแล้ว จะไปไหนก็ไปเลยไป “ไม่ต้อง...ฮึก..มาอีกนะ”



ไม่รู้ทำไมอยู่ๆน้ำตาแม่งก็ไหลออกมาเฉยๆ ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองอย่างลวกๆก่อนจะหันหลังให้กับภาพพร่ามัวที่เดินไกลออกไปเรื่อยๆ




ผมยอมรับก็ได้ว่าผมคาดหวัง



คาดหวังว่ามันจะพูดอะไรมากกว่านี้ คาดหวังว่ามันจะเดินเข้ามากอดผมแน่นๆแล้วพูดว่ารักผม คิดถึงผม ขอโทษผม บอกกับผมว่าจะไปไหนอีก



แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับเป็นคำพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งดูถูกและเหยียดหยาม ทำไมมันไม่คิดจะถามผมก่อนว่าที่มันเห็นเป็นเรื่องจริงไหม...ไม่ใช่คิดเองเออเองแบบนี้








“เป็นอะไรอีก”

“ไม่เกี่ยว...อึก..กับมึงสักหน่อย..” ผมเม้มปากแน่นไม่ให้เสียงสะอื้นดังออกมา ก้มหน้าจนคางแทบจะติดอก เพราะไม่อยากให้มันรู้ว่าผมกำลังร้องไห้ กลัวว่ามันจะดูถูกผม หาว่าผมเรียกร้องความสนใจอีก

“มานี่มา” บัสเตอร์เดินเข้ามาจูงมือผมให้เดินตามมันไปหลังร้านก่อนจะพาผมไปนั่งตรงบันได้ทางขึ้นบ้าน ส่วนมันก็ยืนอยู่ตรงนั้น ยืนมองหน้าผมที่ร้องไห้หนักกว่าเดิม ไม่ชอบแบบนี้เลยว่ะแม่ง ไม่ชอบให้มันเห็นเวลาผมอ่อนแอแบบนี้

“พี่คะร้านเปิดหรือยังเอ่ย” เสียงจากหน้าร้านตะโกนเข้ามาทำเอาผมสะดุ้งรีบเช็ดน้ำตาตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนแต่ก็โดนไอ้บัสดันไหล่ให้นั่งลงที่เดิม

“ยังไม่เปิดครับ โทษทีนะน้องพอดีพี่เตรียมของอยู่”

“อ้อ ไม่เป็นไรคะ” เสียงจ้อกแจ้กหน้าร้านหายไปพร้อมกับความเงียบที่โรยตัวเข้ามาอีกครั้ง ผมหยุดร้องไห้แล้ว ส่วนไอ้คนที่ยืนอยู่ในตอนแรกก็ขยับนั่งลงข้างๆผมก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกรอบ

“วิน...”

“.....”

“ผมไม่ชอบเวลาที่วินร้องไห้เลยว่ะ” บัสเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดก่อนจะค่อยๆใช้ปลายนิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้ผม

“.....” แต่เวลาที่กูร้องไห้ก็มีแค่มึงนั่นแหละที่เป็นคนทำ

“ผมถามวินจริงๆนะ...วินกับไอ้คนชื่อกานต์ไม่ได้เป็นอะไรกันใช่ไหม”

“.......”

“ที่เงียบหมายความว่าไงอ่ะ..เป็นงั้นเหรอ...”บัสเตอร์จ้องมองลึกลงไปในตาผมราวกับจะถามหาคำตอบ แต่ผมไม่รู้ว่ามันได้คำตอบอะไรเพราะสิ่งที่มันทำคือการต่อยไปที่กำแพงอย่างแรงจนเลือดไหลออกมาจากมือ

“ทำไมวะวิน รอผมหน่อยไม่ได้เหรอ... ผมมาหาวิน..มาทั้งๆที่หัวใจเต็มร้อยว่ายังไงสุดท้ายต่อให้ง้อนานแค่ไหนวินก็จะกลับมาหาผม...แต่วันนี้ที่ยืนอยู่เมื่อกี้มันกลับไม่ใช่...ผมทำใจรับไม่ทันว่ะวิน..ไม่คิดว่ามาแล้วจะเจอวินมีคนใหม่แบบนี้...”เสียงบัสเตอร์สั่นจนผมอดเงยหน้าขึ้นมองมันไม่ได้ ตามันมีร่องรอยของความเจ็บปวดพร้อมกับขอบตาที่แดงกร่ำ

“มึงก็เลยทิ้งกูไว้แบบเมื่อกี้อ่ะเหรอ” ผมเสียใจร้องไห้เพราะบัสเตอร์เดินหนีผม ผมไม่ชอบที่มันทำแบบนั้น

“เปล่าไม่ได้ทิ้ง แต่จะไปตั้งหลักสู้ก่อน ในเมื่อวินกับเขาเป็นแฟนกันแล้ว ผมจะเอาอะไรสู้วะ ยังไงก็ต้องไปตั้งหลักก่อนดิ” ไปตั้งหลักอะไร แม่งมันเดินออกจากร้านผมไป ทำท่าอย่างกะว่าจะไม่กลับมาง้อผมอีก ใครที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็คิดเหมือนกับผมทุกคนนั่นแหละ

“กูบอกหรือไงว่ากูเป็นแฟนกับเขา”

“อ่าวก็....” ผมหมั่นไส้มันจริงๆเลยครับ ยังไม่ได้พูดเชี่ยอะไรสักคำแต่แม่งคิดเองเออเองคนเดียวตลอด “งั้นผมก็เจ็บตัวฟรีเหรอ”

“แล้วปากมีไว้ทำไมวะ ทำไมไม่ถาม”

“ถามแล้วแต่วินไม่ตอบ”

“แล้วทำไมมึงไม่หัดคิดเองเล่า ปล่อยกูเลยเชี่ยบัส!!!!”

“วินเจ็บแผลอ่ะ” พอทีงี้ล่ะทำเสียงอ่อนเลยนะแม่ง เมื่อกี้ยังขึ้นเสียงใส่ผมจนแทบจะแดกหัวอยู่แล้วแท้ๆ

“ก็มึงทำตัวของมึงเอง”
 
“เจ็บ”

“สัส ตอแหล” ผมตบหัวไอ้บัสไปทีแต่ก็ยอมให้มันกอดผมอยู่แบบนั้น อย่าหาว่าผมใจง่ายเลยนะครับ


แต่ผม...คิดถึงมัน คิดถึงทุกอย่างแม้แต่อ้อมกอดที่กำลังกอดผมอยู่ตรงนี้ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้เรื่องทุกอย่างมันจบ ไม่อยากมีทิฐิอะไรอีกแล้ว ขอแค่มีผมกับมัน แค่นี้สำหรับผมก็พอแล้ว

“ปากวินแม่งโคตรน่าจูบอ่ะ” ผมเม้มปากทันทีที่มันเริ่มใช้นิ้วเกลี่ยริมฝีปากผม จากนิ้วแปรเปลี่ยนเป็นปลายจมูกที่เริ่มไล้จากริมฝีปากไปจนถึงข้างแก้ม


“น้องวินครับ” เสียงคนต้นเรื่องที่ทำให้ผมกับไอ้บัสมีเรื่องเข้าใจผิดกันกำลังตะโกนเรียกผมอยู่หน้าร้าน ไอ้พี่กานต์มันคงจะเดินมาชวนผมไปถนนคนเดินอะไรของแม่งแล้วล่ะมั้ง

“ไม่ให้ไปหรอกนะ”

“มึงเป็นใครล่ะจะมาห้ามกูเนี่ย”

“เจ็บแผล”

“แล้วไงเหรอ ปล่อยยยยยย” ผมดึงมือไอ้บัสออกจากเอวก่อนจะเดินไปหน้าร้าน

“เราไปกันเลยไหมครับพี่กานต์”

“ครับ...”

“ไหนวินบอกว่าจะพาผมไปเที่ยวไงคืนนี้" ไอ้ตัวปัญหาเดินออกมาจากซอกหลังร้านก่อนจะหันไปพูดขมวดคิ้วมองหน้าพี่กานต์แบบไม่พอใจนิดหน่อย
 
“วิน ไหนวินบอกว่าจะพาผมไปล่ะ...เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมล่ะ” เชี่ยนี่มันน่ารำคาญอ่ะพูดวนไปวนมาทำตัวเหมือนเด็กแปดขวบ

“ก็วินสัญญาแล้ว” ผมหันขวับไปมองไอ้หน้าหล่อทันทีที่มันพูดย้ำอีกรอบ มึงเห็นหน้ากูไหมบัส คิดว่าตัวเองเป็นใคร ลูกเจ้าของร้าน เมียเจ้าของร้าน หรือเป็นอะไร ทำไมไม่มีความเกรงใจเลยวะ ผมไม่คุยครับ แต่เลือกที่จะใช้ความเงียบกับมันแทน

" เอ่อ...ยังไงถ้าวินมีนัดแล้วพี่คงไม่รบกวนเอาไว้วันอื่นก็ได้"

"เฮ้ยพี่กานต์ไม่ใช่ วันนี้ผม..."

"ขอบคุณพี่กานต์นะครับที่เข้าใจพวกเรา " พวกเรา???? นี่กูกับมึงนับเป็นพวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอบัส

 "ถ้างั้นไม่มีไรแล้วพี่กลับร้านก่อนนะ"

"ครับโชคดีพี่" มันโบกมือไล่พี่เขาแบบนั้นพี่เขาคงหน้าด้านอยู่ต่ออ่ะ “มันคิดจะจีบวินแน่ๆ เชื่อผมดิ”

ถึงมึงไม่วิเคราะห์กูก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วไหมบัส

"วิน"

"....." ผมเงียบแล้วเลือกที่จะเดินออกไปหน้าร้าน เก็บแก้วที่ลูกค้ากินทิ้งไว้ใส่ถังขยะ เช็ดโต๊ะ จัดของ ทำนู่นทำนี่ให้เหมือนว่ายุ่งแล้วก็ทำเหมือนว่าไอ้ยักษ์ที่ยืนหน้าหงอยอยู่หลังเคาเตอร์เป็นอะไรสักอย่างที่ผมมองไม่เห็น

"วิน...เจ็บแผล"แผลที่มึงสร้างขึ้นมาเองอ่ะนะ "เลือดไหลเยอะมากอ่ะ”

เออออขอให้มันท่วมตัวมึงแล้วนอนตายในร้านกูเลย เดี๋ยวกูจะจัดงานศพให้ยิ่งใหญ่แน่ๆเชื่อกูดิ

“.......”

“วิน.....”

“.....”

“คุยกันหน่อยสิ เราจะไม่คุยกันจริงๆงั้นเหรอ ทำไมล่ะ วินไม่ชอบผมแล้วงั้นดิ ใช่สิผมไม่หล่อเหมือนไอ้พี่กานต์นิ  มันทั้งขาว ดูดีมีชาติตระกูล ผมมันดำ แต่ถ้าพูดกันจริงๆผมก็ไม่ได้ดำมากสักหน่อย ผิวแค่แทนๆเองนะ แต่ลืมไป..วินชอบคนขาวนี่นา เห็นมาตั้งแต่พี่ไวท์แล้ว…….!@$@$#@!@#$" แล้วหลังจากนั้นไอ้บัสเตอร์แม่งก็พูดไม่หยุด ตัดพ้อผมทุกอย่าง ขนาดมันพูดจนคอแห้งก็ยังหน้าด้านเข้าไปเปิดตู้เย็นเทน้ำใส่แก้วแล้วพูดต่อ คือคนปกติถ้าเจอคนไม่พูดด้วยก็คงน้อยใจเดินหนีออกจากร้านไปแล้ว บางคนอาจจะตัดใจไม่ง้อต่อกลับกรุงเทพหาแฟนใหม่ไปแล้วก็มี แต่บัสเตอร์กลับไม่ใช่แบบนั้น มันพูดกรอกหูผมตั้งแต่พี่กานต์ออกจากร้านจนตอนนี้ผ่านไปเกือบชั่วโมงมันก็ยังจ้อไม่หยุด

“เมื่อไหร่จะหยุดพูดเนี่ย” จนผมต้องเดินมานั่งข้างๆมันแล้วถามแม่งตรงๆ คิดดูล่ะกันขนาดลูกค้าเข้ามาในร้านมันก็ชี้ชวนให้ลูกค้าฟังเรื่องของมันที่ตัดพ้อผม บอกว่าผมมาง้อพี่เขานู่นนี่นั่นดีที่มันไม่พูดมากว่าผมเป็นอะไรกับมันไม่งั้นได้เจอมีดเสียบคอตายคาร้านแน่

“ก็รอวินเนี่ยแหละ”

“ปกติไม่เห็นพูดมากแบบนี้”

“ก็เพราะว่าผมไม่พูด...เรื่องของเรามันถึงเลยเถิดแบบนี้”

“เราไหน”

“เราไง วินกับผม บัสเตอร์กับวิน เราสองคนอ่ะ แบบเราไงครับ...” ถ้าพูดกันตรงๆผมก็เพิ่งเห็นนิสัยด้านนี้ของมันเหมือนกัน ปกติบัสเตอร์ไม่ใช่คนแบบนี้ มันชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ออกแนวขรึมจนผมเองเคยคิดว่ามันอายุเท่าๆกับผมหรือเปล่า ยิ่งอยู่กับไอ้เบสยิ่งแล้วใหญ่คนมักมองว่าไอ้คนตรงหน้าเป็นพี่ซะมากกว่าอีก

“มีไรจะพูดอีกไหม...”

“.....”

“ถ้าไม่มีก็ออกไปได้แล้ว กูจะทำงาน” ผมทำท่าจะเดินหนีมันไปอีกรอบ

“วิน....” บัสเตอร์เอื้อมมือมากอดเอวผมไว้แน่น ก่อนจะซุกหน้าลงกับท้องผม “อย่าทำแบบนี้เลยนะ...ผมไม่อยากให้เรื่องของเรามันจบแบบนี้ว่ะ...ผมขอโทษ...ที่ผ่านมายอมรับผิดเองก็ได้”

“ก็ได้...งั้นเหรอ”

“ไม่ก็ได้ ผมผิดเต็มๆ...แต่อย่าไล่ผมไปเลย...ได้โปรดเถอะ...ผมอยู่ไม่ได้ว่ะถ้าไม่มีวิน”



ถามว่าให้อภัยหรือเปล่า



จริงๆผมหายโกรธมันตั้งแต่ที่เห็นมันอยู่หน้าร้านแล้วแหละครับ



สิ่งที่พูดเตือนกับตัวเองมาทั้งหมดว่าจะตัดใจ ไม่เอาแล้วเปิดใจให้คนใหม่ มันหายไปกับสายลมตั้งแต่เห็นมันเดินเข้ามาแล้ว



พูดตรงๆว่าตอนที่เกมส์โทรมาเล่าเรื่องที่มันเลิกกับพี่บลูในใจผมลึกๆก็ค่อนข้างคาดหวังว่ามันจะตามหาผม แต่ผมแค่ไม่ยอมรับมันก็เท่านั้น


“ปล่อย..”

“อย่าไปเลย...”

“กูจะไปล้างแก้ว ปล่อยได้แล้ว เชี่ยนิ” ผมขยี้หัวมันไปทีก่อนดึงมือมันออกจากเอว

“หายโกรธแล้วใช่ไหม”

“ยัง”

“โหววอะไรวะ โกรธไรอ่ะ บอกหน่อยดิ เรื่องที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับไอ้พี่กานต์อะไรนั่นคงไม่ใช่แล้วใช่ป่ะ แล้วโกรธอะไรอยู่วะ เรื่องพี่บลูเหรอ ผมเลิกกับพี่บลูแล้วจริงๆนะ พี่เขาเข้าใจ พี่ฟิล์มเขาก็ดูแลให้แล้ว พี่บลูเขาก็ไม่ได้อะไรกับผมด้วย จริงๆเขาคงไม่ได้รักผมมากมายขนาดนั้นหรอก พี่บลูเขาเป็นประเภทใจอ่อนน่ะเวลาใครดูแลดีๆก็อ่อนไหวไปหมด จริงๆคงเป็นมาตั้งแต่พี่ฟิล์มแล้ว แต่ช่วงหลังมาผมเข้ามาไงแล้วพี่ฟิล์มเขาก็มีแฟนไปทั่ว มันเลยเละแบบนี้ จริงๆผิดที่ผมเองแหละ แต่ถ้าผมไม่เข้ามาพี่ฟิล์มคงไม่รู้ตัวหรอกว่าชอบพี่บลู”

“ใคร??”

“พี่บลู”

“ใครถามมึง”

“โถวว วินอ่ะ เจ็บแผลนะเนี่ย” เกี่ยวอะไรกับแผลมัน บัสเตอร์ยู่ปากเล็กจนผมอดเอื้อมมือไปตีปากมันไม่ได้ คิดว่าน่ารักหรือไง ทำตัวแบบนี้คิดว่าผมจะยอมมันงั้นเหรอ “เลิกโกรธผมเถอะนะ”

“กูไม่ได้โกรธเรื่องนั้น กูโกรธที่ตอนนั้นมึงปล่อยมือกูแล้วไปกอดเขา...แต่ช่างมันเถอะกูไม่ได้สำคัญอะไรอยู่แล้วนิ...อะไรไม่ต้องมายิ้มเลยสัส!!” มันดึงมือผมออกจากหน้าตัวเองก่อนจะจูบเบาๆที่ปลายนิ้ว ไม่รู้ทำไมแค่มันทำกับผมแค่นี้ ผมก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเสียดื้อๆ

“ก็ตอนนั้นพี่บลูเขาร้องไห้น่าสงสาร”

“แล้วกูล่ะ”

“ขอโทษ”

“ถ้าบอกว่าไม่ให้อภัยล่ะ”

“คงทำอะไรไม่ได้อ่ะ...ในเมื่อวินไม่ให้อภัย...แต่ไม่ยอมแพ้หรอกนะ....จะขอโทษจนกว่าวินจะให้อภัยนั่นแหละ” บัสเตอร์แม่งน่ารักมากอ่ะ ทำไงดีครับ ผมอดอมยิ้มไม่ได้จริงๆ “แล้ว...ไปไหนอ่ะ”

“หยุดเลย นั่งรออยู่ตรงนี้แหละ ห้ามจับด้วย” ผมสั่งให้บัสเตอร์นั่งรออยู่ตรงเก้าอี้หลังเคาเตอร์ ก่อนจะเดินออกไปร้านฝั่งตรงข้ามเพื่อสั่งข้าวมาให้ไอ้ยักษ์กิน ตอนที่เดินกลับมาไอ้หมาบัสก็ยังรออยู่กับเก้าอี้นะ ส่งสายตาอ้อนๆมาให้ผมด้วย ตอนเดินผ่านแม่งก็ไม่กล้าแตะตัวผมอีกตั้งหาก ให้มันได้อย่างนี้ดิ เชื่อฟังให้มันได้แบบนี้

“แล้วนี่จะมาอยู่กี่วัน ไม่สอบหรือไง”

“ตอนแรกก็กะว่าจะง้อสักอาทิตย์นึง”

“ถ้าก็ไม่หายเกินอาทิตย์มึงก็จะเลิกง้อกูงั้นดิ”

“ไม่ใช่...กะว่าจะกลับไปสอบก่อนแล้วค่อยมาใหม่น่ะ แต่ก็ผิดคาดนะ ไม่คิดว่าจะหายงอนเร็วขนาดนี้”

“มึงเห็นว่ากูใจง่ายงั้นดิ ออกไปเลยไป” ผมหมั่นไส้แววตาเจ้าเล่ห์ของบัสเตอร์ฉิบหาย ยิ่งตอนที่มันยิ้มนะผมแทบอยากจะตบกะโหลกให้มันรู้แล้วรู้รอด

“วินไม่ได้ใจง่ายหรอก แต่วินยังรักผมตั้งหาก”

“มั่วว่ฃะ”

“ฮ่า ฮ่า เขินเหรอ โคตรน่ารักอ่ะ...วิน....”

“อะไรเรียกอยู่นั่น...พ่อมึงชื่อวินเหรอ....”

“เปล่าไม่ใช่พ่อ...แฟนตั้งหาก....”

“K” ผมยกนิ้วกลางส่งไปให้มันทันทีเพื่อกลบอาการใจเต้นที่ตอนนี้แทบจะทะลุออกจากอก

“เดี๋ยวคืนนี้ก็เห็นกันแล้วแหละน่า ไม่ต้องโชว์มากหรอก”

“มึงนี่มันสุดๆเลยว่ะบัส ไหนเอามือมานี่ดิ” ผมขอดูแผลที่มือไอ้บัส มีรอยเลือดที่แห้งกรังอยู่ตรงหลังมือ  ตอนที่ผมเอื้อมมือไปจับ มันก็ร้องโวยวายหาว่าผมทำร้ายร่างกายมัน พอตอนทำล่ะไม่คิดทีตอนนี้มาร้องน่าจะเอาค้อนทุบไปอีกสักรอบ

“นี่วิน...”

“อะไร”

“ผมน่ะ.ระ..”

“พอเถอะ..กูยังไม่อยากฟังตอนนี้” ผมรู้ว่ามันจะพูดอะไร แต่ผมยังไม่อยากฟัง ผมกลัว กลัวว่าตอนที่มันพูดจบ ผมจะนอนตื่นลืมตาขึ้นมาบนที่นอน แล้วสิ่งที่ได้ยินมันก็เป็นเพียงแค่ความฝันเหมือนทุกครั้ง

“ให้ผมรอถึงไหนวะ...ที่ผ่านมาผมยังรอวินไม่พอเหรอ....”

“แค่นี้มึงรอไม่ได้ใช่ไหม”

“เปล่า...ทั้งชีวิตก็รอได้”

“เหรอออ ก่อนหน้านี้ที่กูยังไม่รู้ใจตัวเองมึงยังทิ้งกูไปเลยบัส ไหนบอกว่ารอได้วะ สุดท้ายก็ไปมีพี่บลู แล้วกูล่ะ พอรู้ใจตัวเองกลับไปมึงก็ไม่เห็นหัวกูแล้ว..” พอคิดถึงตอนที่ตัวเองกลับไปหาบัสเตอร์แล้วโดนมันทำแบบนั้นใส่ ขอบตาผมก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง

“ขอโทษ ผมแค่โกรธ โกรธที่วินไม่เลือกผม จำได้ป่ะตอนที่วินเจอพี่หลิวที่ห้างวันนั้นแล้วให้ผมรออยู่ที่รถใต้คอนโดพี่เขาน่ะ...ผมดันไปเห็นวินจูบกับพี่หลิวบนคอนโดนี่หว่า พอเห็นแบบนั้นก็เลยตัดสินใจทันทีเลยว่าเป็นผมเองที่ควรต้องเดินจากไป เพราะตั้งแต่รู้จักกับวินมาในหัวก็คิดอยู่ตลอดแหละว่า...ยังไงวินก็ไม่มีทางรักผม” ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตอนนั้นมันเห็นผมจูบกับหลิวด้วย

“อย่าทำหน้าแบบนั้นดิวิน...ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าสุดท้ายถ้าวินไม่กลับมาผมก็กลับไปหาวินอยู่ดี...เพราะมีแต่ผมที่มองวิน...รอวิน...แล้วก็รักวิน....”

“ใครบอกว่ามีแต่มึงที่รัก...กูเองก็........





พรึ่บ!!!!!!!!!






“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก” ผมตื่นขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ที่คิดว่าจะมีใครสักคนนอนอยู่ข้างกาย ตอนนี้กลับไม่มี ผมฝันอีกแล้วงั้นเหรอ




ฝันว่ามันกลับมาง้อผมอีกแล้วงั้นดิ



ผมแม่งคาดหวังมากเกินไปแล้วนะ คาดหวังว่ามันจะกลับมา แต่นี้ผ่านมาตั้งเดือนกว่าแล้วมันก็ไม่เห็นจะกลับมาด้วยซ้ำ



“ฮึก...มันไม่เห็นกลับมา”









ผมเดินลงมาข้างล่างเพื่อเปิดร้าน วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติจริงๆเรียกว่าตื่นคงไม่ถูกเพราะผมยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่ที่ฝันเห็นบัสเตอร์


ผมไม่อยากฝันถึงมันอีกแล้ว


ผมเกลียดจิตใต้สำนึกของตัวเอง


เกลียดที่มันทำเป็นรู้ดี...รู้ว่าผมกำลังรอคอยบัสเตอร์อยู่ ทั้งๆที่รู้ว่ารอคอยแต่สิ่งที่รอคอยก็เหมือนจะเปล่าประโยชน์ บางที...บัสเตอร์อาจจะเลิกรักผมไปจริงๆแล้วก็ได้






แกร๊ก…..



“ร้านเปิดหรือยังครับ” แม้เสียงที่ได้ยินออกจะแหบแห้งมากกว่าที่รู้จัก แต่ผมก็มั่นใจว่าสิ่งที่ผมได้ยินคือเรื่องจริง ผมเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตรงหน้าเต็มความสูง น้ำตาที่เก็บเอาไว้ทั้งคืนไหลบ่าออกมาอย่างปิดไม่อยู่


“มึงแม่งมาช้า”


“ขอโทษที่ทำให้รอ....”


“กูไม่ได้ฝันไปใช่ป่ะ”


“ลองจูบดูไหมล่ะจะได้รู้ว่าฝันไปหรือเปล่า” คนตรงหน้าผมเป็นบัสเตอร์ตัวจริง และผมก็ไม่ลังเลเลยที่จะโถมตัวเข้าไปกอดมันเต็มแรง“กูคิดถึงมึงบัส”


“แต่ผม...คิดถึงวินมากกว่า”


เราไม่ได้พูดออกมาว่ารักกัน มีเพียงร่างกายที่ตอบสนองว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือความจริง บัสเตอร์อยู่ตรงนี้ส่วนผมก็อยู่ตรงนี้ในอ้อมกอดของกันและกัน


ผมไม่รู้ว่าในอนาคตเราสองคนจะมีเรื่องที่ทำให้เข้าใจผิดอีกมากน้อยแค่ไหน ผมไม่รู้ว่าตลอดทางที่เดินไปอีกไกลแสนไกลผมกับมันจะยังจับมือกันไว้เหมือนเดิมหรือเปล่า



แต่ผมมั่นใจว่าอุปสรรคที่ผ่านมันจะช่วยให้ผมกับมันผ่านทุกอย่างไปได้ด้วยดี














The End





>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
หักมุมไปไหม ฮ่า ฮ่า จริงๆมันจะยาวกว่านี้ ยังไงเอาไว้ติดตามในตอนพิเศษนะคะ จบแล้ว จบในแบบที่อยากทำมาตั้งนาน ขอบคุณที่ติดตามมาตลอด รักคนอ่าน

ต่อจากเรื่องนี้จะเป็นเรื่องของพี่เกียร์กับพี่ซี แล้วต่อจากพี่เกียร์กับพี่ซีจะเป็นเรื่องพี่ฟางนะ เรื่องของพี่ฟางออนจะเล่าตั้งแต่อดีตก่อนพี่ฟางจะเรียนจบจนถึงปัจจุบัน

เรื่องย่อ พี่เกียร์(จาก my best friend) + พี่ซี (ชุลมุนวุ่นรักนักศึกษา) “ซีนี่เหมือนเพื่อนผมคนหนึ่งเลยเนอะ” “หึหึ แน่ใจนะว่าคนนั้นเขาเป็นแค่เพื่อน” คำพูดเปิดบทที่ทำให้ผมมารู้จักกับเขา ผมยอมรับว่าซีเหมือนคนที่ผมเคยชอบ ไม่ว่าจะเป็นท่าทาง คำพูด หรือแม้กระทั่งชื่อ เหมือนจนผมเองก็รู้สึกตื่นเต้น ติดอยู่แค่ซีคนนี้เป็นผู้ชายส่วนซีที่ผมรักเป็นผู้หญิง ซีเขาไม่รู้หรอกว่าที่ผมอยากเป็นเพื่อนเขา อยากไปนั่งดูเขาวาดรูปส่วนหนึ่งเพราะเขาเหมือนใครอีกคนและส่วนหนึ่งเขาทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น แต่ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่อยู่ๆผมก็รู้สึกกับซีคนนี้มากกว่าที่เคยเป็น พอโพล่งออกไปว่าชอบกลับโดนปฏิเสธซะงั้นแล้วทีนี้ผมควรทำยังไงต่อไปดีครับ…

เรื่องย่อ พี่ฟาง กับ ....(??????)  "ทำไมไม่เห็นหมือนอย่างที่คิดเลยวะ" พอได้ยินเสียงคนที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทแล้วก็เป็นทั้งคนที่ผมแอบรักพูดออกมาแบบนั้น มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ ทั้งๆที่มันมีแฟนแล้ว แต่พอมันพูดว่าอยากลองมีอะไรกับผม ผมเลยยอม แต่...ทำไมวะ...ทำไมต้องพูดจาทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ด้วย
"กู...ขอโทษล่ะกันที่มันไม่ได้ดีอย่างที่มึงคิด...งั้นกูกลับก่อนนะ" ผมเจ็บเจียนตายแต่ไอ้คนที่ทำผมเจ็บกลับนั่งอยู่บนที่นอนไม่คิดแม้แต่จะเดินมาส่ง
พอแล้วครับกับการแอบรักมัน ต่อจากนี้ผมจะมีแฟนสักที แต่พอมีแฟนมันก็มาแย่งแฟนผมไปอีก...ผมไม่รู้ว่ามันต้องการอะไรจากผม....ไม่รู้จริงๆ


ออนชอบเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนนะ ชอบมากกก เกียร์ซีไม่ม่านะบอกก่อน ใสๆ แต่เรื่องพี่ฟางอ่ะม่าแน่นอน ตะโกนดังๆว่ารักคนอ่าน
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter end [P.4*6/7/2557] [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-07-2014 20:41:55
ฝันได้เหมือนจริงสาด ... ตอนที่ .. พรึ่บ.. เล่นเอางงไปพักนึงเลย
เอร้ย  ตรูฝันไปเหรอเนี่ยะ .... 555 ... ขอบคุณมากค้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter end [P.4*6/7/2557] [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: PhInNoI ที่ 06-07-2014 20:46:27
รอตอนพิเศษและก็เรื่องต่อๆไปน๊าาาาาา
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter end [P.4*6/7/2557] [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-07-2014 20:54:03
 :กอด1: ขอบคุณค่ะ  ^^





หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter end [P.4*6/7/2557] [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 06-07-2014 23:16:17
ง้อกันในฝันก็พอแล้วชิมิ  :mew5:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter end [P.4*6/7/2557] [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 07-07-2014 00:05:05
จะรอเรื่องต่อไปคะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter end [P.4*6/7/2557] [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 07-07-2014 00:11:25
จบแล้วหรอครับ

สนุกมาก

รอตอนพิเศษครับผม,,
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter end [P.4*6/7/2557] [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 07-07-2014 01:33:31
ขอบคุณนะครับที่เขียนนิยายมาให้อ่าน ที่สำคัญไม่ปล่อยทิ้งไว้ให้ค้างคา แต่งจนจบ คนอ่านปลื้มครับ รออ่านเรื่องใหม่นะครับ แนวดราม่าแบบนี้ชอบจัง :)
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter end [P.4*6/7/2557] [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-07-2014 05:27:27
สุดท้ายก็ได้รักกันแบบจริงๆจังๆสักทีนะ
แต่วินเก็บเอามาฝันเป็นตุเป็นตะ ว่าบัสง้อ
จริงๆอยากให้บัสมาง้อเหมือนในฝันล่ะซิ
จะรอตอนพิเศษสำหรับคู่นี้นะคะ
คงทำให้จบละมุนมากขึ้น

และอีกสองเรื่องก็จะรอติดตามนะ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. chapter end [P.4*6/7/2557] [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Onlymin ที่ 07-07-2014 11:42:00
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ อ่านปลื้ม  o13

หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. [P.4*6/7/2557] [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 09-07-2014 21:09:16
จบแบบนี้ดีละ เพราะตอนในฝันเนี่ยรู้สึกแบบ ทำไมบัสต้องเป็นฝ่ายยอมฟ่ะ ทั้งๆที่วินก็เคยทิ้งบัส

แต่พอจบแบบตอนตื่นนี่เวิร์คมาก เหมือนทั้งคู่ยอมลงให้กัน แบบเราเข้าใจกันแล้วนะ กู๊ดมากกกกกกก

แต่ตอนนี้ ตอนพิเศษอยู่หนายยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. [P.4*6/7/2557] [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 10-07-2014 17:10:32
แอบเศร้าอ่ะ  :o12:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนพิเศษ [P.5*13/7/2557] [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: candyon ที่ 13-07-2014 18:37:16
ตอนพิเศษ

“วิน..” ผมเรียกเขาอีกครั้งก่อนจะเริ่มจูบเบาๆที่หลัง ตั้งแต่เข้ามาในบ้านจนถึงตอนนี้ ผมเองก็เพิ่งปล่อยให้เขาได้นอนหลับพักผ่อนจริงๆจังๆไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ไม่ใช่ว่าคิดถึงอะไรนะครับแต่แม่งคิดถึงมากกกก

ไม่ได้ทำกันมานานมากจนจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำเวลาที่วินร้องครางอยู่ใต้ตัวมันทำให้ผมรู้สึกดีแค่ไหน

หน้าที่มีเหงื่อไหลออกมาพร้อมกับสองมือที่ยกขึ้นกอดคอ เวลาที่ผมย้ำไปที่จุดเวลาที่เขารู้สึกมือที่กอดคออยู่แทบจะจิกลงไปที่หลัง ยิ่งเวลาที่แกล้งปล่อยให้วินค้างเติ่งเวลาที่รู้สึกมากๆผมยิ่งชอบเข้าไปใหญ่

บอกกันตรงๆก็คือไม่ว่าเขาจะทำอะไรผมก็ชอบทั้งหมดที่เป็นตัวเขา

“เล็บโคตรยาว หลังแสบหมดอ่ะ” ผมพูดกระซิบบอกเขาก่อนจะเริ่มพรมจูบจากใบหูไล้เรื่อยมาจนถึงต้นคอ “จะหกโมงแล้วนะวิน ไหนบอกให้ปลุกไงครับ ลุกนะเดี๋ยวจะปวดหัว”

“อื้อ ขอ 5 นาทีนะ..เหนื่อยอ่ะ” วินพูดอู้อี้ในลำคอแล้วมุดหน้าลงเข้าไปในหมอนอีกครั้ง เขาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเพราะอากาศที่เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆกับวินที่ไม่สวมอะไรไว้เลยคงจะทำให้รู้สึกหนาวมากกว่าปกติ

“แล้วจะเปิดร้านไหม”

“เปิด..”

“ไม่ต้องเปิดก็ได้นี่นา หยุดวันนึงเหอะ” ผมขยับทิ้งตัวนอนข้างๆวิน ยกมือขึ้นลูบศีรษะที่เอียงรับเหมือนลูกแมวทั้งๆที่ตายังหลับอยู่อย่างนั้น

“ไม่เอาหรอก หยุดมาทั้งวันแล้ว กลางคืนไม่เปิดไม่ได้ เดี๋ยวพี่กานต์ไปบอกพี่ฟางอีก”

“กานต์ไหนอ่ะ” ผมถามเพราะผมไม่รู้ว่าไอ้ชื่อกานต์นี่เป็นใคร 

“พี่กานต์ไงที่เมื่อคืนกูไปเที่ยวกับเขา ไปซื้อเสื้อไง”

“ซื้อเสื้ออะไร”

“ก็ซื้อเสื้ออ่ะ ที่พี่เขามาชวนแล้วมึงก็ทะเลาะ เอ๊ะ ไม่ใช่นี่หว่า นั่นกูฝันใช่ป่ะ” อะไรของวินวะ ดูเบลอๆ งงๆ หน้าตอนที่ตื่นมาพูดว่าเอ๊ะแม่งน่ารักมากจนผมต้องก้มลงไปจูบ แต่พอพูดวนไปวนมาเหมือนจะพึมพำกับตัวเองเสร็จก็หลับไปอีกรอบ

“ฝันอะไร”

“ก็ฝันไง ฝันว่ามึงทะเลาะกับกู ว่าแต่มึงจะชวนคุยอะไรนักหนาวะบัส กูเหนื่อยนะเว้ย เจ็บด้วยเนี่ย สัส!!ไม่ต้องมายิ้มเหมือนญาติตายเลย” วินลืมตาขึ้นมาแล้วเอื้อมมือมาหยิกแก้มผม ตบแรงๆแล้วก็หยิกใหม่ “กูพูดว่ารอบเดียวๆ แต่มึงแม่งหื่น ไอ้หน้าหื่น”

“เฮ้ย วินเรียกร้องเองทั้งนั้น ผมบอกวินแล้วว่าแล้วแต่วิน ผมยังไงก็ได้”

“แต่พอกูบอกว่ารอบเดียวมึงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อ่ะ ไม่ให้กูยอมได้ไง ไม่ต้องมายิ้มเลย แม่งเหนื่อยนะเว้ย” วินยิ้มมุมปากแล้วขยับมุดหน้าลงที่ไหล่ผม มือที่ตอนแรกหยอกแก้มผมอย่างแรงเปลี่ยนเป็นลูบหัวผมแทน ผมชอบนะเวลาที่วินสอดนิ้วเข้าไปในศีรษะผมมันให้ความรู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่ห่างกัน ถึงแม้ว่าหัวผมจะเกรียนก็เถอะ

“อะไรมองหน้ากูหาลายแทงสมบัติเหรอบัส”

“โหวว แฟนผมแม่งโคตรเก่ง”

“แฟนอะไร มั่วว่ะ แล้วก็...มึงไปโกนหนวดด้วยนะ”วินพูดพร้อมกับลูบๆคลำที่ปลายคางผม

“ไม่ชอบเหรอ”

“เออดิ หยะแหยงฉิบหาย”

“จริงดิ ก็เห็นครางดีนะ”

“K มึงดิบัส มันแทงกู”

“ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว” ผมยักคิ้วกวนตีนส่งไปให้คนตรงหน้า วินขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนจะตบหัวผมไปที

“คิดจังไรอยู่อ่ะดิ กูรู้นะมึงคิดอะไร ถ้าไม่โกนหนวดมึงไม่ต้องมาหอมแก้มกูเลย เห็นไหมเนี่ยเป็นรอยหมด”

“ครับๆรู้แล้ว แต่ถามอะไรหน่อยได้ไหม” ผมขยับตัวนิดหน่อยเพื่อดึงวินให้เข้ามาในอ้อมกอด

“แป๊บนึง” วินลุกขึ้นมองซ้ายมองขวาเหมือนหาอะไรสักอย่าง

“หาไรน่ะ”

“บ๊อกเซอร์กูล่ะ”

“หนาวเหรอ ยังงี้ก็ดีอยู่นิ” ผมพูดพร้อมกับยกขาแกล้งปัดไปโดนส่วนกลางลำตัวของวิน เขาหน้าแดงจนผมอดขำไม่ได้

“อ๊ะ...บัสอย่าแกล้ง บ๊อกเซอร์กูล่ะ” เขาหันมาทำตาเขียวนะครับแต่หน้าแม่งโคตรเรียกร้องให้ผมทำต่อ “บัสบ๊อกเซอร์..อ๊ะ...กู...”

“เออๆไม่แกล้งก็ได้ อยู่นี่ จริงๆไม่เห็นต้องอายอะไรเลย เห็นมาทั้งตัว ชัดเจนขนาดนั้นจะอายอะไร”

“เรื่องของกู ว่าแต่เมื่อกี้จะถามอะไรนะ” หลังจากที่ใส่กางเกงบ๊อกเซอร์เสร็จ เขาก็ขยับตัวเอื้อมไปหยิบมือถือผมมาเล่นเกมส์ ปกติเกมส์ที่วินเล่นในเครื่องผมก็มีอยู่เกมส์เดียวคือเฮย์เดย์ เหตุผลเพราะเวลเยอะ มีของให้เล่นมากกว่ามือถือของวินเอง

“ผมแค่สงสัย”

“ว่า??” เขาพูดแบบไม่สนใจผมสักนิด แม่งบางทีผมก็เริ่มเกลียดมือถือตัวเองขึ้นมาแล้วนะ
 
“ทำไมวินยอมง่ายอ่ะ ผมยังไม่ทันได้ง้ออะไรเลยวินกลับหายงอนซะงั้น”

“อยากเอายากๆไง??”

“ไม่ใช่ๆ แค่อยากรู้ เฉยๆ แบบนี้ดีแล้ว ไม่เอายากนะ เอาง่ายๆนี่แหละ เนอะ” ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดจากำกวมอะไรหรอกนะครับแต่พอเห็นหน้าวินทีไรต่อมนี้แม่งทำงานทุกที

“ก็กูฝันร้าย”

“ฝัน??”

“ฝันเรื่องพี่กานต์ไง” พี่กานต์อีกแหละ คือผมไม่รู้จักพี่กานต์ไง แล้ววินแม่งก็ยังไม่เล่าละเอียดด้วยซ้ำว่าในฝันมันมีอะไร รู้แต่ว่าฝัน ทำให้ทะเลาะกัน เขาคิดว่าผมเป็นเจนญาณทิพย์เหรอวะถึงจะเดาความฝันเขาออกน่ะ

“กานต์ไหน ผมไม่รู้ด้วยนะ นี่งงนะครับลูกพี่พูดเองเออเองไม่เข้าใจด้วยหรอก”

“ก็เขาชวนกูไปซื้อเสื้อที่ถนนคนเดินเมื่อคืน ก็ไปกับพี่เขาปกตินั่นแหละ กลับมาก็นอนแล้วอยู่มันก็ฝันเฉยเลยว่ามึงมาหาแล้วโกรธกูเรื่องพี่กานต์ แล้วก็พาลไปเรื่องอื่นมั้ง จำไม่ได้โว้ยยย รู้แค่ว่ากูฝันก็พอ ฝันที่กูยังไม่ได้พูดคำสำคัญออกไป แต่กลับตื่นก่อน” หน้าวินเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดจนผมอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจูบเบาๆที่ปากเขา วินเงยหน้ารับสัมผัสก่อนจะค่อยอ้าปากออกปล่อยให้ลิ้นเรียวสอดแทรกเข้าไปอย่างง่ายดาย วินไม่ใช่ผู้ชายที่อ่อนต่อโลก ไม่ใช่คนที่จูบไม่เป็น ยิ่งผมร้อนแรงเขาก็มักตอบกลับมาด้วยความรู้สึกที่แรงไม่แพ้กัน

“คิดถึงมึง” เป็นครั้งแรกที่เขาพูดก่อน ตอนได้ยินหัวใจผมแทบจะหยุดเต้นด้วยซ้ำ “ทำไมมองงั้นวะ”

“วินแม่งน่ารักมากอ่ะ” ผมขยับดึงวินขึ้นมานั่งคร่อมผม

“หนักไหม กูไม่ได้ตัวเล็กเหมือนพี่บลูนะเว้ย”

“อย่าพูดถึงคนอื่นดิ”

“ก็พูดจริงนี่หว่า” เขาพูดอ้อมแอ้มในลำคอก่อนจะเสหน้ามองไปทางอื่น ผมรู้ว่าวินกลัว ผมยังไม่ได้บอกเขาเลยว่าทำไมผมถึงอยู่ตรงนี้ ในหัวนั้นคงคิดไปต่างๆนาๆล่ะมั้งว่าพี่บลูไปไหน เป็นยังไงบ้าง แล้วคนอย่างวินไม่มีทางแน่ๆที่จะไม่รู้สึกผิดกับเรื่องนี้

“วิน”

“อืม”

“หันหน้ามาหน่อย”

“ก็กำลังมองอยู่นี่ไงเล่า”

“ฟังนะวิน ตอนนี้ มีแค่เรา ผมกับวิน พี่บลูเขาไม่เป็นคนอื่นไปแล้ว ผมกับเขาเลิกกัน...”วินเม้มปากแน่นเพราะคงคิดอยู่ล่ะมั้งว่าเป็นเพราะเขา “เลิกกันเพราะเราไม่ได้รักกัน”

“เขารักมึง”

“แต่ก็ไม่มากพอเท่าใครอีกคน”

“ใคร”

“ไม่บอก”

“บอกมา ไม่บอกกูจะกัดหัวนมมึงเดี๋ยวนี้เลย” วินแม่งตลกอ่ะ

“พี่ฟิล์ม”

“ห้ะ??? พี่ฟิล์มอ่ะนะ ยังไงวะ”

“ผมไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังหรอก แต่รู้ว่าเขาคงไม่ใช่เพื่อนธรรมดาตั้งแต่แรก แต่พอผมเขามามันกลายเป็นตัวแปรให้พี่ฟิล์มรู้ใจตัวเอง พี่บลูก็คงไม่ได้แน่ใจในความรู้สึกตั้งแต่แรก พอมีผมที่เป็นคนดี....”ตอนผมบอกว่าผมเป็นคนดีวินแม่งเบ้ปากขัดใจจนผมอดดึงเขามาจูบปากหนักๆไม่ได้

“พอมีผมที่เป็นคนธรรมดาๆเข้าไปดูแลเขา พี่เขาคงรู้สึกเปิดใจและก็แค่รู้สึกชอบล่ะมั้ง แต่คงยังไม่รักหรอก”

“แต่เขาบอกว่าเขารักมึง”

“คนเรามันก็มีช่วงเวลาที่สับสนได้หรอกน่า แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ทุกอย่างเคลียร์ลงตัวแล้ว”

“มึงว่ามันละครไปป่ะ ทำไมมันลงตัวง่ายแบบนี้ล่ะ เขาบอกมึงแบบนี้ บางทีเขาอาจจะพูดให้มึงสบายใจเฉยๆก็ได้ ตอนที่มาพูดพี่บลูเขาคงลากพี่ฟิล์มมานั่งด้วยแหงๆ” วินแม่งโคตรฉลาดเลยครับเขามองในมุมที่ผมไม่ได้คิด แต่ความจริงมันจะเป็นยังไงก็ช่าง...เพราะตอนนี้สิ่งที่ผมต้องการมีแค่คนตรงหน้าเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นผมไม่ขอรับรู้อะไรทั้งสิ้น

“ช่างมันเถอะน่าแล้ววันนี้จะเปิดร้านไหมเนี่ย”

“เปิดดิ อีก 20 นาทีจะไปอาบน้ำแล้วเนี่ย”

ปัง!!!

“วิน!!!! น้องวินครับ” เสียงเหมือนมีคนตะโกนมาจากด้านล่างพร้อมกับอะไรสักอย่างปามาที่หน้าต่าง

“เห้ยย เสียงพี่กานต์นี่หว่า เสื้อกูล่ะบัส”

“ใส่ทำไมผู้ชายไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นต้องอายเปิดหน้าต่างไปเลยดิ”

“ไม่เอาาาา” เขาพูดปฏิเสธแล้วพยายามวิ่งวุ่นหาเสื้อตัวเองแต่โดนผมจับขาไว้ก่อน

“ทำไมล่ะ”

“ก็มึงไม่เห็นตัวกูเหรอ รอยดูดเต็มตัวแบบนี้ อายเขา ปล่อยขากูบัส เร็ววววว” ผมไม่ปล่อยขาเขาแต่กลับเปิดหน้าต่างแล้วดันตัววินให้ยืนขึ้น “เชี่ยบัสมึงแม่ง เออ ว่าไงพี่กานต์”

“อ่าววิน...เอ่อพอดี.. พี่เห็นเราไม่เปิดร้านเช้าเลยห่วงคิดว่าจะเป็นอะไรไหม”

“เปล่าพี่..ไม่ได้เป็นไรมาก ผมปวดหัวนิดหน่อย เนี่ยเดี๋ยวจะลงไปเปิดร้านแล้วครับ..เชี่ยบัสเลิกจังไรแป๊บนึงดิ” ประโยคแรกวินตะโกนบอกไอ้คนชื่อกานต์อะไรนั่น ประโยคที่สองเขาหันมาพูดเบาๆกับผมที่กำลังจูบเบาๆในส่วนที่ไม่ได้พ้นหน้าต่างคือตั้งแต่ช่วงเอวลงมา

“อ่าวเหรอ...เป็นไรมากหรือเปล่า มียากินไหมครับ ให้พี่ขึ้นไปหาไหม” ไอ้คนชื่อกานต์แม่งไม่ธรรมดาจริงๆ เห็นผิวขาวๆของวินหน่อยล่ะรีบเชี่ยวนะครับ ผมแอบมองคนชื่อนิดนึงก็พอจะรู้แล้วว่ามันหล่อ ขาว ตรงสเป็คคนตรงหน้าผมเลยบอกตรงๆ

“วินเป็นไรไหมครับ”

“ไม่เป็น...อ๊ะ..ไรพี่กานต์เอาไว้เจอกันข้างล่างพี่ พอดีผมยุ่ง...ปัง!!!” เสียงปิดหน้าต่างพร้อมกับร่างวินที่ร่วงลงมานั่งตักผม หน้าแดง เหงื่อซึมบ่งบอกอาการว่าที่ผมกระตุ้นไปเมื่อกี้ไม่เสียเปล่า

“มึงนี่มันหื่น” วินพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาจับแก้มทั้งสองข้างของผม

“ใครล่ะที่สอน” ผมยักคิ้วใส่เขาก่อนจะโน้มตัวไปจูบคนที่นั่งอยู่บนตัก....

“พออออ จะไปเปิดร้านแล้ว” หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จผมกับวินก็เดินลงมาข้างล่างก่อนจะช่วยกันเปิดร้านที่ตอนนี้ท้องฟ้าข้างนอกกลายเป็นสีดำเรียบร้อย คนที่มาเดินถนนคนเดินก็มีมาให้เห็นบ้างแล้ว

“อ่าวพี่กานต์” เชี่ยเอ๊ยคิดดูว่าแม่งมานั่งรอหน้าร้านเลยครับ ทำตัวเป็นคนดีช่วยจัดร้านให้วินด้วย มีแอบหันมามองหน้าผมบ้างแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

“ขอบคุณมากนะพี่กานต์”

“ไม่เป็นไร...ว่าแต่คนนั้นเพื่อนวินเหรอ” พี่กานต์ชี้มาทางผมก่อนจะหันหน้าไปถามวิน

“อ้อ...นั่นบัสครับ บัสนี่พี่กานต์เขาเป็นเจ้าของร้านโปสเตอร์ข้างๆ” วินไม่ได้ตอบคำถามพี่กานต์ว่าผมกับเขาเป็นอะไรกันแต่เลือกจะแนะนำผมให้ยกมือไหว้พี่กานต์แทน

“หวัดดีครับพี่กานต์” ผมยกมือไหว้พี่เขาพร้อมกันนั้นพี่เขาก็ยกมือรับไหว้ผม

“ครับ...เออพี่จะบอกว่าเสื้อที่เราไปซื้อกันเมื่อวานน้องพี่ชอบมากเลย จริงๆอยากได้เพิ่มอีกตัวแต่อยากให้วินไปช่วยเลือกด้วย วินว่างหรือเปล่า วันไหนก็ได้” ผมนั่งอยู่หลังเคาเตอร์แกล้งยกน้ำดื่มไม่ได้มองเขาคุยกันที่หน้าร้านหรอกนะครับแต่หูมันได้ยิน

“เอาไว้ว่างๆล่ะกันนะพี่ แต่ผมเกรงใจก้อยอ่ะพี่กานต์เพราะเวลาเราไปด้วยกันกว่าจะเลือกได้มันก็นานไง เอาไว้พี่ไปซื้อกับพวกก้อยก็ได้นะ ผมว่าพวกนั้นน่าจะเลือกได้ดีกว่าผม”

“แต่พี่อยากไปกับวินนี่ครับ” ชัดเลย ชัดเจน พูดขนาดนี้ผมรู้เลยว่ามันต้องการอะไร แต่ผมไม่พูดอะไรหรอกครับรอดูว่าวินจะทำอะไร

“พี่กานต์...ถามจริงๆเลยนะพี่คิดอะไรกับผมหรือเปล่า” แน่นอนว่าคนของผม(?)ก็เป็นคนจริง เขาแมนพอที่จะถามไอ้พี่กานต์นั่นตรงๆ

“ในเมื่อวินกล้าถาม พี่ก็กล้าตอบ”เขาพูดพร้อมกับหันหน้ามามองผมนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็หันกลับไปมองวินเหมือนเดิม “พี่สนใจวิน และคิดว่าอีกไม่นานพี่คงรู้สึกมากกว่า ถ้าเป็นไปได้พี่อยากจะขอโอกาสให้เราลองเปิดใจศึกษากันและกันได้ไหม”

“..........”

“นะวิน พี่แค่อยากให้เรารู้จักกันมากกว่านี้”

“แต่พี่ ผมมีแฟนแล้ว...”วินเม้มปากนิดหน่อยก่อนจะหันมามองหน้าผม “บัสเป็นแฟนผม...ผมหวังว่าพี่จะเข้าใจ...นะ”

 ตอนที่เขาพูดว่าผมเป็นแฟนเขาอยู่ๆปากผมก็ยิ้มกว้างออกมาซะงั้น พี่กานต์มีสีหน้าไปไม่เป็นนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา

“พี่ก็ว่าแล้ว...แต่ขอบใจนะที่บอกพี่ตรงๆ..เฮ้ออ ไม่คิดว่าจะเจ็บหัวใจด้วย ขนาดไม่ได้คิดว่าจะชอบวินมากมายขนาดนั้นนะเนี่ย”

“ขอโทษทีพี่...ผม..”

“เฮ้ยย อย่าทำหน้างั้นดิ เราไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย” พูดเฉยๆก็ได้ครับพี่กานต์มือไม่ต้องเอื้อมมาลูบแก้มแฟนผมก็ได้ วินก็ด้วยยิ้มรับขนาดนั้นไม่เห็นหรือไงว่าแฟนยืนอยู่ตรงนี้

“ขอบคุณนะพี่...ว่าแต่พี่เลิกจับแก้มวินได้แล้วมั้ง” ผมเดินเข้าไปดึงมือวินให้ขยับมาอยู่ใกล้ๆผม

“ฮะๆ โทษทีๆ เอาเป็นว่าเรื่องเมื่อกี้ก็แกล้งทำเป็นลืมๆมันไปล่ะกันนะ...เฮ้ออไม่อยากเชื่อเลยว่ะ...พี่คิดว่าวินจะรุกซะอีก”

“ห้ะ??อะไรนะพี่” วินน่ะไม่ได้ยิน แต่ผมน่ะเต็มสองหู เพราะพี่เขาอยู่ใกล้ แล้วไอ้แววตาแพรวพราวที่ส่งมาทางผมเนี่ย มั่นใจเลยว่าไอ้พี่กานต์แม่งงงงงงงงงงง คิดอกุศลกับผมแล้วแหงๆ

“ไม่มีอะไรงั้นพี่ไปก่อนนะครับ”

“ครับพี่เจอกัน” วินยกมือบ๊ายบายพี่กานต์เสร็จก็หันไปจัดของในร้านต่อ

“แฟน...”

“อะไรของมึงบัสเตอร์” พูดไม่พอ ฝาโซดาเขวี้ยงมาใส่หน้าผมเต็มๆ

“อ่าวเราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ เมื่อกี้วินก็ยืนยันเอง”

“เป็นห่าอะไรล่ะกูเฉไฉแกล้งทำเป็นพูดไปงั้น”

“อ่าววว งั้นก็แสดงว่าวินไม่อยากเป็นแฟนผมเหรอ” ทำเสียงน้อยใจไม่ใช่ว่าน้อยใจจริงๆหรอกนะครับ แต่แกล้งให้คนตรงหน้ารนเฉยๆ

“บัส”

“....”

“บัสเตอร์”

“ครับว่า...” ผมแกล้งทำหน้าเศร้าส่งไปให้ พอสบตากับวินเสร็จ ผมก็แกล้งหันออกไปมองข้างนอกแทน

“มึงโกรธเหรอ”

“เปล่า...”

“อะไรของมึงวะแม่งโกรธชัดๆ....”วินเงียบไปนานจนผมคิดว่าเขางอนแล้วเลยต้องหันหน้ากลับมามองเขาแทน แต่ตอนที่หันกลับมาสิ่งที่เห็นคือวินที่ยืนอยู่ก่อน “มึงยังไม่ขอกูเป็นแฟนเลย...แล้วเราจะเป็นแฟนกันได้ไง”

“แล้ววินไม่ขอผม”

“ก็ถ้ามึงปฏิเสธกูก็เสียหน้าดิ”

“ไม่รู้ดิ...ลองขอหรือยังล่ะ” ผมยักคิ้วแล้วเอื้อมไปจับมือคนตรงหน้า

“บัสเตอร์...”

“ครับ”

“.........นะ”

“อะไรของวินน่ะ ผมได้ยินแค่นะคำเดียวเองนะ”


“โว้ยยยมึงแม่ง....เป็นแฟนกับกูนะ” สายตาที่สบกันไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งมากไปกว่าคำว่ารัก ผมกับเขาเราไม่ได้ขอให้ความรักของเราเพิ่มขึ้นทุกวันๆ

ผมขอแค่ให้รักเรายังเท่าเดิมก็พอ

“ได้ครับ...ไม่มีปัญหา”



END


หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนพิเศษ [P.5*13/7/2557] [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 13-07-2014 22:03:59
อยากรู้ว่าภายภาคหน้าสองคนนี้จะเป็นยังไงจ้า  :z2:

เหมือนยังไง ก็น่าจะยังมีอุปสรรคอยู่
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนพิเศษ [P.5*13/7/2557] [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 14-07-2014 03:59:27
"พี่คิดว่าวินจะรุกซะอีก"

555


หวานกันเชียวนะครับ
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนพิเศษ [P.5*13/7/2557] [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 15-07-2014 17:30:41
ในที่สุด วินบัสเตอร์ก็สมหวัง ฮือออ คนเขียนแต่งดราม่าได้ปวดใจค่อดๆๆๆๆ อ่านไปบีบหัวใจไป :mew6: ดีใจที่คนเขียนจะแต่งดราม่าแนวเพื่อนรักอีก. คู่ของพี่ฟางใช่มั้ย ดีใจๆๆ จะรออ่านน้าา   :pig4:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนพิเศษ [P.5*13/7/2557] [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-07-2014 18:15:56
ย่องเข้ามาดูว่ามีตอนพิเศษหรือเปล่า
แล้วก็มีมาให้อ่านจริงด้วย หวานกันเชียว
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนพิเศษ [P.5*13/7/2557] [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 30-05-2017 15:03:41
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [drama]* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนที่ 1 [P.1*11/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 06-10-2021 09:37:22
ไอ้บัสเตอร์
Butter บัตเตอร์ไม่ใช่บัสเตอร์ ส มาจากไหน???
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนพิเศษ [P.5*13/7/2557] [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: lipure ที่ 07-10-2021 23:35:56
เห้อ มาม่า จิง ไร จิง

 o22 o22 :mew4: :pig4:
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนพิเศษ [P.5*13/7/2557] [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 07-11-2021 15:45:51
กลับมาอ่านอีกที ก็ยังน่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนพิเศษ [P.5*13/7/2557] [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: Kochiro ที่ 08-11-2021 15:27:15
 :katai2-1: