ลิขิตรักเด็กขายน้ำ... [Ep.36 พี่ปัน] คือรัก.... [14/06/57] p.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ... [Ep.36 พี่ปัน] คือรัก.... [14/06/57] p.6  (อ่าน 44235 ครั้ง)

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :mc4: ยินดีด้วยนะคนเขียน ขอให้เก็บ A ให้หมดเลยนะ

ในที่สุด พระเอก ก็ เจอกับนายเอกแล้ว

น้องหมอกนี่ความคิดความอ่านนี่ล้ำหน้าดีนะ มีวิสัยทัศน์ดี

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
:mc4: ยินดีด้วยนะคนเขียน ขอให้เก็บ A ให้หมดเลยนะ

ในที่สุด พระเอก ก็ เจอกับนายเอกแล้ว

น้องหมอกนี่ความคิดความอ่านนี่ล้ำหน้าดีนะ มีวิสัยทัศน์ดี

สาธุ ขอบคุณครับ  :-)

ปล.ดีใจสุดๆในที่สุดก็หน้า2แล้ว

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
ผมขับรถไม่นานก็ถึงบ้าน พอถึงที่หมายไอ้เฟรมก็แทบจะกระโจนลงไปข้างล่าง มันอุ้มน้องเขาด้วยสองมือก่อนจะก้าวยาวๆแบบไม่รอผม

เดี่ยวนะมึง ตกลงนี้บ้านใครฟระ ?

"ป้าอิ่ม ขอน้าอุ่นกับผ้าเช็ดตัวหน่อยนะครับ"

มันบอกกับแม่อิ่มแม่นมของผมที่กำลังทำหน้าตื่นๆก่อนจะก้าวยาวๆขึ้นห้องผม ทำให้ผมได้แต่หวัดดีป้าแกแบบลวกๆแล้ววิ่งตามมันไป

พอถึงห้องมันก็ค่อยช้อนร่างไม่ได้สติลงเตียงอย่างเบามือ รอไม่นานป้าอุ่นก็นำของที่สั่งขึ้นมาบนห้อง จริงๆแกอาสาจะทำให้ แต่มันปฎิเสธพอป้าอุ่นออกไปจากห้อง มันก็ค่อยๆแกะกระดุมเสื่อนร.ที่มีคราบเลือดติดเป็นดวงในบางจุด

อยากถามใจจะขาดว่าตกลงเรื่องมันเป็นอะไรยังไง   

แต่เพราะสายตาของมันที่แสดงออกมาบังคับให้ผมต้องปิดปากของตัวเองไว้

มันกับผมเป็นเพื่อนที่สนิทกันแทบจะเหมื่อนพี่น้องร่วมสายเลือดบ้านเราก็รู้จักกันทั่งบ้านไม่แปลกอะไรที่มันจะขึ้นมาบนห้องแบบไม่มีคำขอ

มันเป็นเสือล่าสวาทต่างจากผมที่เป็นลูกแมว ทุกครั้งเสือร้ายอย่างมันจะมองทุกคนด้วยสายตาของผู้ล่าที่มองเหยื่อ

แต่ในวันนี้สายตาของมันเปลี่ยนไป

ดวงตากลมโตของมันสะท้อนออกมาเป็นความห่วงใย...

สายตาที่เคยมีแต่ศักดิ์ศรี บัดนี้ ...เปลี่ยนไป

ผมมองมันด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ถูก การที่มันปลดเขี้ยวเล็บลงได้ก็เป็นเรื่องที่ดีแต่ที่ผมสงสัมก็คือ...

คนที่ปลดเขี้ยวเล็บนั้นเป็นเด็กผู้ชาย ถึงเพื่อนผมจะกินไม่เลือกก็เถอะแต่ผมขอรับรอง มันไม่ใช่เกย์แน่นอน

พอเช็ดเสร็จมันก็หันมาหาผม ตอนแรกก็กะจะถามแล้วครับแต่สายตามันตอนผมว่า มันเองก็ยังไม่พร้อมจะพูด
ผมถอนหายใจเบาๆก่อนจะพูดกับมัน

"พร้อมเมื่อไหร่ค่อยบอกกู โอเคนะเว้ย'เพื่อน'"

ผมเดินมาตบบ่ามันเบาๆ สายตาของมันส่งผ่านมาขอบคุณผมเบาๆ

ไม่ว่าเพื่อนจะเป็นอะไร ยังไงก็เป็นเพื่อน...

:     )


                                                                       ...............................


ผมนั่งเงียบได้ไม่นาน คนไม่ได้สติก็ค่อยๆรู้สึกตัว พอตั้งตัวได้ก็ทำหน้าตกใจที่เห็นผมกับมัน

ความเงียบเข้าคลอบงำอีกครั้ง...

"เออ กูไปหาน้องกูก่อนนะ"

ผมบอกกับมันแบบนั้นก่อนจะจงใจตัดช่องน้อยแต่พอตัวเดินเลี่ยงออกมา

ไม่อยากอยู่เป็นส่วนเกินครับ...

ห้องยัยแทนอยู่ถัดจากห้องผมไปนิดหน่อย จริงๆวันนี้ก็ไม่ได้บอกมันหรอกครับว่าจะกลับมาเยี่ยม ผมเดินเบาๆก่อนจะค่อยๆหมุนลูกบิด

บิงโก!!!

ผมมองเห็นเป้าหมายกำลังนอนเอกเขนกกลิ้งไปมาบนเตียง ในมือถือสมาร์โฟนยี่ห้อดังซึ่งกำลังรัวนิ้วพิมพ์โต้ตอบกับใครบางคนสาบานได้ว่าผมไม่ได้อยากรู้

ก็แค่สงสัย จนชโงกหน้ามองหน้าจอของน้องสาว

'เต้โหดกระโดดฟัน : แล้วอร่อยมั้ย ข้าวกล่องที่เราทำให้'

'แทนใจ : อร่อย นอนกินอยู่เนี้ย'

การกระทำของน้องสาวผมตรงกับคำพูด เจ้าตัวยื่นมือไปเปิดกล่องอาหารเล็กๆที่ผมก็เพิ่งสังเกตเห็นก่อนจะตักเข้าปากไปหนึ่งคำ

"นอนกินไม่กลัวติดคอเหรอ"

"ติดคอก็กินน้ำสิ...ว๊ายพี่แทน"

มันหันมาทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผีก่อนจะเด้งตัวนั่งพับเพียบกับเตียง

"เฮียมาตั้งแต่ตอนไหนอ๊า"

มันทำเสียงเล็กๆเหมือนเด็กที่หัดขโมยเงินแม่แล้วโดนจับได้

"ก็ตั้งแต่อาหารที่ผมทำอร่อยมั้ยครับ"

ตรงท้ายประโยคผมดัดเสียงล้อมัน คนถูกล้อทำหน้างอนแก้มป้องจิกตามองผม

"เชอะ ก็ดีกว่าพี่ชายที่เห็นธีสิสดีกว่าน้องแล้วกัน"

ดูครับ ดูมันพูด แหมมธีสิสนี้ก็ใบเบิกทางชีวิตกูนะครับมึง

ผมส่ายหัวปลงๆกับน้องสาวต่างวัยจอมบ๊องก่อนจะทิ้งตัวนั่งข้างมัน เกือบๆสามเดือนมั่งทำไงได้ครับมันจำเป็นจริงๆนิ

"ก็กลับมาหาแล้วนี้ไง"

ผมว่าก่อนจะขยี้หัวมันเล่นเป็นการง้อ

เราสองคนนั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องระหว่างที่ไกลกัน จริงอยู่แม้จะติดต่อกันได้ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยแต่การได้คุยกันดรงๆล้วนมีความสุขกว่านิครับผมกับมันนั่งคุยกันจนลืมเวลา พอได้คุยกันแบบนี้แล้ว มันสบายใจครับ เรื่องบางเรื่องคุยกันผ่านมือถือมันไม่ได้อรรถรสต้องคุยกันแบบนี้

ผมคุยกับมันจนกระทั่งไลน์ในมือถือผมเด้งนั้นแหละ ถึงได้หยุดกันแปปแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู

'เฟรม ทัชกร : มาหากูที่ห้องมึงหน่อย'

ไอ้เฟรมเด้งไลน์มาก่อนผมจะขอตัวกับน้องสาวแล้วเดินออกไปหามัน พอมองเวลาในมือถือก็ปาไปสองทุ่มกว่าแล้วครับ...

หื้มมม  นี้กูคุยกับน้องสาวเพลินจนหัวค่ำเลยเหรอว่ะ ???

ที่เขาบอกว่า เวลาที่เรามีความสุข เข็มนาฬิกาจะเดินเร็ว คงเป็นเรื่องจริง...

ไม่สิ...ไอ้เรื่องนี้นะ ผมรู้กับตัวเองมานานมากแล้วต่างหาก... 

จริงมั้ยครับ ? ปราย ....

"มีอะไรว่ะ"

ผมถามมันเมื่อเดินมาถึงห้อง มันทำหน้าเครียดนิดๆก่อนจะหันหน้าไปทางเด็กคนนั้น

"ช่วยพาน้องไปกินข้าวหน่อยได้มั้ย ?"

"มึงจะไปไหน..."

มันทำหน้าอึกอักก่อนจะค่อยๆพูดต่อ

"ไปหาพลอย..."

จบคำของมัน แม้จะไม่ได้แสดงออกชัดเจนแต่ผมเห็นว่าเด็กคนนั้นแอบบีบผ้าปูที่นอน ใบหน้าฉายแววเศร้าไม่นานก็หันหน้าไปสูดหายใจลึกๆสะกดกลั้นทุกอารมณ์เอาไว้ ไม่ใช่ผมคนเดี่ยวหรอกที่เห็นมันเองก็เห็นครับ พอจะมันจะเลือนมือไปวางซ้อน ไอ้ตัวเล็ก(ในสายตาควายๆอย่างพวกผม)ก็ปัดมือออก

"เฺฮ้ออ อื้มกูจะพาน้องไปกินข้าวให้ แล้วต่อจากนั้น ? "

"พาไปส่งบ้านที่..."

"ไม่ต้องก็ได้ครับ ผมไม่หิว ผมกลับเองได้"

ไอ้ัตัวเล็กแทรกตัดบทก่อนทำท่าจะเดินลุกออกไป

"ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าดื่อ สงสัยน้องมึงคงไม่ได้อยู่สบายๆล่ะนะ"

ประโยคลอยๆที่ออกมาจากปากเพื่อนสนิทผมทำเอาขาเรียวยาวหยุดกึก ไอ้ตัวเล็กหันมาทำหน้าโกรธๆก่อนจะเดินมานั่งข้างเตียงตามเดิม

"กูฝากด้วยนะแล้วก็...พรุ่งนี้จะไปหา"

ประโยคหลังมันหันไปพูดกับไอ้ตัวเล็กซึ่งเจ้าตัวก็เบือนหน้าหนี พอมันจะก้าวเดินผ่านน้องเขา มันก็ก้มลงไปหอมที่แก้มน้องเขาฟอดหนึ่งเล่นเอาคนโดนไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่มันจะรีบวิ่งออกจากห้องไป

เออ ... คือยังไงกูก็ยังอยู่นะ เกรงใจกูหน่อยก็ดีมั่ง

ผมพยายามทำหน้าเฉยๆเพื่อไม่ให้อีกคนหนึ่งอายไปมากกว่านี้ แค่นี้หน้าน้องเขามันก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้วครับ 

เชื่อแล้วครับ ว่ามันจริงจังเพราะเล่น'แสดงความเป็นเจ้าของ'ซะขนานนี้  ....

"งั้นเราไปกินข้าวกันนะ พี่เชื่อปันครับ เพื่อนไอ้เฟรมนั้นแหละ"

ผมแนะนำตัวอย่างเป็นมิตร

"ผมชื่อเทสครับ แต่เออ... พี่ครับ คือผมไม่ได้เป็นอะไรกับมันหรอกนะครับ"

น้องเขาแนะนำตัวตอบพร้อมแก้ตัว

ครับพี่เชื่อ...เชื่อว่าเป็นแน่ๆ  -   -"

"งั้นไปกินข้าวกันเถอะ"

ผมว่าก่อนจะเดินนำหน้าน้องเขาไป พอเดินผ่านห้องไอ้แทน ผมชโงกหน้าบอกมันว่าออกไปกินข้าวนอกบ้านแล้วพาน้องเทสเดินไปต่อ

พอออกมาข้างนอกผมเลือกพาเทสไปกินอาหารร้านใกล้ๆบ้าน กะว่าค่อยพากลับตอนสักตอนสามทุ่มเศษให้น้องมันได้ผ่อนคลายหน่อย จริงๆเจ้าัตัวก็อิดออดนั้นแหละครับ คงเพราะยังไม่สนิทกับผมแล้วก็เกรงใจ ขนานตอนสั่งอาหารยังพยายามหาเมนูที่ถูกที่สุดในร้าน

จริงๆอย่างจะสั่งเหล้าหรือเบียร์สักขวด แต่ดูแล้วไอ้เด็กนี้คงจะกินไม่เป็น ครั้นจะสั่งมากินคนเดี่ยวก็กระไร ผมเลยเลือกสั่งไวท์ที่มีดีกรีเบาๆมาแทนสองขวด พอเครื่องดื่มแอลกอฮอร์เข้าปากรู้สึกว่าน้องเทสจะพูดง่ายขึ้นเยอะ ถามอะไรก็ตอบตามตรง ผมเลยถามในสิ่งที่ยังไม่ได้ถามไอ้เฟรม

ในเมื่อมึงยังไม่พร้อม กูถามคู่กรณีมึงก็ได้

ก็บอกแล้วไงครับ ผมอ๊ะ มันคนดีสุดๆ 

เรื่องราวมากมายหลั่งไหลออกมาจากปากน้องเทส จากเดิมที่ว่าจะพากลับสักตอนสามทุ่ม ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ เพราะข้อมูลที่อยู่ตรงหน้าดูล้ำค่ามากกว่าเกินจะปล่อยเหยือ..เอ๊ยน้องเขากลับบ้านไปแบบคาราคาซังในใจผมแบบนี้

โอ้โห้ ไม่น่าเชื่อเลยว่า ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผมไม่ได้อยู่ติดกับไอ้เฟรม มันจะก่อเรื่องราวไว้มากมายขนานนี้ ผมนั่งนิ่งตั้งใจฟังน้องเขาพูด ผมเชื่ออย่างหนึ่งนะ คนเมานะไม่โกหกหรอก แล้วน้องเทสก็อยู่ในสภาพที่เข้าค่ายว่าเมามากจริงๆ ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกทั้งสงสารทั้งฮา ผมเชื่อแล้วล่ะ ว่าพระเจ้าเล่นตลกกับคนสองได้ขนานนี้จริงๆ

และผมเชื่อว่าในความรู้สึกของน้องเทส คงไม่ได้คิดกับมันแค่คนรุ้จักแน่ๆ  แต่ที่สำคัญคือมันมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วล่ะสิครับ

เฮ้ออออ  คิดๆไปแล้วก็แอบกลุ้มตามครับ ไหนจะพ่อมันอีก โหดอิ๊บอาย...



                                                                    .........................

หลังจากหมดไวน์ขวดที่สาม ผมแชทไลน์กับไอ้เฟรมก่อนมันจะบอกทางไปสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง มันบอกว่าจะมีญาติของน้องเขามารับครับส่วนสภาพน้องเขาตอนนี้นะเหรอ ? เมาแป๊ แึ้ค่ไวน์เบาๆนะครับเนี้ย[หรือผมคอทองแดง ???]

พอใกล้ถึงสวนสาธารณะ ผมเห็นเหมือนเงาตะคุ่มๆตรงหน้าสวน คือตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วนะครับ แล้วไหนจะกิ่งไม้พุ่มไม้ที่บังแสงอีก ทำให้ตรงนี้มันมืดมากจริงๆ ผมจอดรถแล้วเดินรถไปข้างหน้าพอจะอ้าปากทักคนที่ยืนอยู่กับปรากฏว่า...

'ตุ๊บ'

"โอ๊ยยยย"

หมัดเพรียวๆกระทบเข้าที่ใบหน้าก่อนผมจะล้มลงทั้งยืน ดูจากสายตาที่คะเนแล้ว หมัดมันไม่น่าจะหนักขนานนี้นะครับ แต่ทำไมเล่นเอาหน้าผมชาเลยล่ะ

 “อ้าว...คุณไม่ใช่.....?”

อีกฝ่ายทำท่าตกใจก่อนจะยืินงงๆ  เออ กูก็งงครับ อยู่ดีๆมาชกกูเนี้ย

“โหน้อง ตัวก็เล็กทำไมหมัดหนักแบบนี้ แล้วคิดว่าพี่เป็นใครครับเนี้ยมาถึง ถึงได้ชกเข้าหน้าแบบนี้”

ผมพยุงตัวขึ้นก่อนจะถามอีกฝ่ายแต่พอได้สบตากัน เห็นหน้าอีกฝ่ายได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้นกลับสะท้อนเหมือนใบหน้าคุ้นเคยของที่ผมเคยรู้จักเมื่อนานมาแล้ว

เหมือนต้องมนต์สะกดผมเดินไปจับไหล่อีกฝ่ายไว้ก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายในเงามืดอีกครั้งหนึ่ง...

"ปราย !!!!"

ผมทั้งดีใจ ทั้งสงสัย ความรู้สึกหลายๆอย่างมันตีกันมั่วไปหมด

ทำไมคนที่ตายไปแล้วถึงได้ยืนอยุ่ตรงหน้าผมได้ !!!




                                                        ------------------------------------------------------------


อุบ๊ะ ปรายคือใครกันน๊าาาาาาาา ตอนหน้ายังเป็นพี่ปันนะครับ อีก1พาร์ท

ปล. ตอนนี้ยาวเนาะ ต้องทำใจหน่อย แกะกลัวเนื่อเรื่องวิ่งไม่ทันกันอ่า  :ling3:

200357
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2014 19:14:46 โดย อโลลาน »

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :katai1: โอย ทำไมมีแววมาม่าทั้งสองคู่เลยเนี่ย

เฟรมรู้จักกับเทสเหรอ คงไม่ใช่ไอ้คนร้ายๆที่โผล่มาตอนแรกใช่มั้ย
ปรายเป็นใคร เป็นแฟนเก่า?ปัน

ติดตามและเป็นกำลังใจให้คนเขียนปั่นเรื่องนี้กับอีกเรื่องหนึ่งเร็วๆ  :hao3:
ติดถึงหมีชล เอ้ย ผิดเรื่องล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
:katai1: โอย ทำไมมีแววมาม่าทั้งสองคู่เลยเนี่ย

เฟรมรู้จักกับเทสเหรอ คงไม่ใช่ไอ้คนร้ายๆที่โผล่มาตอนแรกใช่มั้ย
ปรายเป็นใคร เป็นแฟนเก่า?ปัน

ติดตามและเป็นกำลังใจให้คนเขียนปั่นเรื่องนี้กับอีกเรื่องหนึ่งเร็วๆ  :hao3:
ติดถึงหมีชล เอ้ย ผิดเรื่องล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

แบบแม่นแท้เหลา555

คนๆเดี่ยวกันนั้นแหละครับ   :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2014 14:02:29 โดย อโลลาน »

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป

"ปราย..."


ผมเรียกชื่อนั้นเสียงสั่น ความเยือกเย็นที่เคยมีบัดนี้พังทลายลง


เหมือนต้นไม้ใกล้ตายที่ได้รับความชุ่มชำจากสายฝน...ผมไม่ต่างอะไรเลยกับต้นไม้ต้นนั้น


ผมดึงร่างนั้นมากอด สัมผัสเก่าๆที่เคยนลืมเลือนบัดนี้หวนกลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกที่ครั้งหนึ่งจิตใจปฏิเสธตอนนี้ได้ยินแต่เพียง
เสียงของหัวใจที่ร้ำร้องให้กอดร่างตรงหน้าให้แน่นที่สุดด้วยความกลัว....


กลัวว่าคนที่อยู่ตรงหน้าจะหายไป


แต่ผมเองก็รู้ดีว่ากอดแน่นแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องปล่อย


"เออ... คือว่า ผมไม่ใช่คนที่ชื่อปลายหรอกครับผมชื่อหมอก"


ร่างเล็กๆที่อยู่ในอ้อมกอดพยายามบอกผมก่อนที่เสียงคนเมาในรถจะดังขัดจังหวะ ผมปล่อยคนตรงหน้าออกจากอ้อมกอด ตอนนี้ทั้งคนกอด คนถูกกอดล้วนทำหน้ากันไม่ถูกก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะเดินเลี่ยงไปหาคนเมา


ผมยืนนิ่งเหมือนคนไม่สนิทจนกระทั่งมือข้างหนึ่งโดนดึงไป


"คือ ยังไงดี เออ ผมให้ครับ เช็ดหน้าก่อนนะ"


มันว่าก่อนจะยัดผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆให้ผมแล้วพยุงคนเมาเดินจากไป ผมเพิ่งรู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำตาของผมไหลรินออกมาทั้งสองข้าง


ทุกอย่างเกิดขึ้นไม่ถึงสิบนาทีแต่ก็ช้าเกินกว่าจะตั้งสติทัน


ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองขับรถกลับถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกที่ร่างกายของผมก็สั่นเทาอยู่ใต้ผ้าห่มบนที่นอน


ความคิดในหัววนเวียนไปมาจนนอนไม่หลับ เด็กคนนั้นเป็นใครกันแน่ แล้วทำไมหน้าตาถึงได้เหมือนกับปราย...


....ที่ตายไปแล้ว


ผ้าเช็ดหน้าในมือถูกเลืิ่อนมาไว้ที่อก เสมือนอยากได้รับไออุ่นจากมัน เข้าไปหล่อเลี้ยงหัวใจ...

แม้จะไม่ใช่คนเดี่ยวกันแต่ผมอยากภาวนาเหลือเกิน...ภาวนาให้ผมได้พบเขาอีกสักครั้งหนึ่ง....


"ปราย.....หมอก....."


ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนความคิดในหมดจะดับวูปไป ภาพสุดท้ายที่เห็นคือสาวชาวเขาคนหนึ่งยิ้มจางๆให้ผมและภาพของคนที่เพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรก


ปราย...


หมอก....

                                                                  ...................................


"ลูกคิดว่ายังไง..ปัน...ไอ้ปัน"



"ครับพ่อ"


ผมสะดุ้งได้สติหลังจากการเรียกของบิดา ตอนนี้พ่อกับอาชาติหุ้นส่วนธุรกิจของพ่อกับลังคุยงานกันอยู่ครับ เรื่องห้างใหม่นั้นแหละ


"ปันคิดยังไงถ้าห้างเราจะเพิ่มปริมาณหลอดไฟมากขึ้นเพื่อเพิ่มแสงสว่าง จากแนวคิดของอาชาติ"

พ่อผมถามต่อ

"เออ...ปันว่า...ก็ดีครับสว่างดี"

ผมตอบแบบขอไปที่ เห็นพ่อตัวเองขมวดคิ้วจุ๊ปากขัดใจก่อนจะบ่นต่อ

"ดูสิเนี้ย อาชาติเขาอุตส่าห์ไปเดินสำรวจห้างหาความคิดมาเสริมธุรกิจให้เรา แกยังทำเป็นเล่นอีก"

"ไม่ใช่ข้าหรอก ไอ้เด่น ความคิดพวกนี้ก็มาจากคนในห้างของแกนั้นแหละ"

อาชาติว่าต่อ(เด่นนี้ชื่อพ่อของผมเองครับ จากการเรียกกันห้วนๆคงรู้แล้วใช่มั้ยครับ ตาแก่สองคนนี้สนิทกันขนานไหน -  -)



"ใคร ?"



พ่อผมขมวดคิ้วถาม ผมยังคงใจลอยยกน้ำดื่ม



"พ่อครัวมือรองในร้านอาหารบนห้างของแก ชื่อหมอก"


จบคำของคุณหารอบนี้คิ้วของผมกับพ่อขมวดขึ้นมาพร้อมกัน


"จริงๆร้านนั้นเขามาขอเช่าพื่นที่ห้างของเรานะแหละนะ ชั้นเองก็ได้ยินมาบ้างเหมือนกันว่าร้านนั้นมีพ่อครัวที่อายุยังไม่ถึง18ด้วยซ้ำ แต่ไม่คิดว่าความคิดพวกนี้ออกมาจากเด็กคนนั้น หรือแกอำชั้นเล่น ?"

พ่อผมว่าก่อนจะหันไปถามลุงชาติที่นั่งขำเบาๆ

หมอก...หมอกไหน คนเดี่ยวกับ...คนที่หน้าคล้ายปรายรึเปล่า ?

ผมเลือนมือไปดูแฟ้มเอกสารที่อาชาติเอามา ก่อนจะไล่อ่านแนวคิดและข้อเสนอที่อาชาติต้องการ ยิ่งอ่านผมก็ยิ่งเห็นด้วยกับแนวคิดดั่งกล่าว ทั้งเรื่องการห่อหนังสือและเรื่องแสงสว่าง


"ชั้นคิดว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องอำแกเล่นเพื่อสร้างผลงานให้เด็กคนหนึ่งหรอกนะ แต่แนวคิดทั้งหมดนี้ชั้นได้มาจากเด็กคนนั้นจริงๆ แกจะลองไปคุยด้วยตัวเองก็ได้นะ แต่ถ้าอยากได้ฟิลเดี่ยวกันชั้นขอแนะนำให้แกแต่งตัวแบบที่ชั้นชอบแต่ง หึหึ"

อาชาติว่า ก่อนผมจะนึกถึงการแต่งตัวของอาแก

แกเป็นคนรวยที่ชอบแต่งตัวด้วยชุดเก่าๆ ไม่ก็เสือยืดกางเกงขาก๋วยแบบที่ฮิตกันยุคคุณพ่อ เรียกได้ว่าแทบไม่มีมาดของเศรษฐีเลยแม้แต่น้อย

"ได้ ชั้นจะลองไปดู ส่วนข้อเสนอพวกนี้ชั้นจะเอาเข้าบอร์ดผู้บริหารเพื่อประชุมพรุ่งนี้"

พ่อผมตกปากรับคำก่อนทั้งคู่จะคุยกันเรื่องอื่นๆ

ในใจผมนึกเพียงแต่ว่า.... ใช่คนเดี่ยวกันรึเปล่า ?

คนที่ทำให้ผมรู้สึกทั้งอยากเจอและไม่อยากเจอในเวลาเดี่ยวกันได้ขนานนี้...


                                                                ............................................


"แกว่าคนนี้เด็ดมั้ย ดูคำตอบดิ แม่งโคตรแนว"

เสียงของไอ้หว้าดังเรียกสติผม

อย่าถามว่าสติมันหายไปไหน คุณๆรู้คำตอบกันดีอยู่แล้ว

ตอนนี้ผมกับมันและเพื่อนร่วมคณะนับเกือบๆสามสิบชีวิตกำลังนั่งอ่านใบสมัครของน้องๆที่สมัครเข้ามาค่ายของเราครับ ค่ายเราเองก็ฮิตทุกปี เด็กที่สมัครมาก็ร่วมๆสองพันกว่าคน แต่เราต้องการสมาชิกร่วมค่ายเพียง160คนเท่านั้นเองครับ เลยทำให้ต้องคัดเลือกไปเรื่อยๆเพื่อให้เจอเด็กที่น่าสนใจมากๆจริงๆ


ผมชโงกหน้าดูคำตอบที่มันคะยั่นคะยอให้ผมอ่าน...


อื้มหื้มม...ความคิดไม่เลวจริงๆด้วย


"คำถามถามว่า ถ้าให้เลือกได้คุณอยากจะแก้ไขอดีต หรืออยากจะกำหนดอนาคต น้องตอบมาว่า 'ผมจะเลือกไม่ทำอะไรเลย อดีตจะเลวร้ายขนานไหนมันก้หล่อหลอมให้ผมเป็นผม แล้วถ้ากำหนดอนาคต ผมจะรู้ได้ไงว่ามันไม่มีอนาคตที่ดีกว่ารออยู่ข้างหน้า'
เหยดดดดดดดด เป็นไง แนวป๊ะ ?"

มันว่าก่อนจะเลื่อนใบสมัครของน้องไปเข้ากองที่ผ่านการคัดเลือก อื้ม...ก็ตอบมาค่อนข้างโอเคล่ะนะ คำถามพวกนี้ส่วนมากใช้วัด
กึ้นของน้องๆครับ แต่ละปีก็แตกต่างกันออกไป


"มึง กูมีเรื่องจะถาม"

ผมว่าก่อนจะก้มหน้าอ่านในสมัครใบอื่นต่อ

"อะไร"

"มึงว่า มันจะเป็นไปได้มั้ยที่คนๆหนึ่งจะหน้าตาคล้ายกับคนที่เรารู้จักแบบเหมือนกันมาก แต่เขาสองคนอยู่กันคนละที่"

ยิ่งพุด...ยิ่งเจ็บ

ไอ้หว้าหยุดแปปไปกึกหนึ่งก่อนจะเงยหน้าสบตาผม


"ถ้าเป็นในละครหลังข่าวก็คงเป็นพี่น้องฝาแฝดที่พัดพรากจากกันตั้งแต่เด็กมั่ง ว่าแต่มึงเจอใครว่ะ ?"


"คนหน้าคล้าย...ปราย"

ผมตอบไปก่อนผมกับมันจะเงียบไป

"มึงกูมีเรื่องจะบอก"

"มึงกูมีเรื่องจะบอก"

อ้าว...ดันพูดพร้อมกันอีก แต่ดูจากสีหน้าแล้ว เรื่องของไอ้หว้าคงสำคัญมากพอ เพราะเห็นมันทำหน้าเหมือนเจอผี


"มึงพูดก่อน"

ผมว่าก่อนจะก้มหน้าดูใบสมัครต่อ


"คนที่มึงเจอหน้าตาคล้ายปรายใช่มั้ย"

กึก...


ผมวางใบสมัครลงก่อนจะจ้องตากับมัน

"ใช่"

มึงจะย้ำทำไมว่ะ

"เป็นเด็กผู้ชายใช่มั้ย ?"

"ใช่"

"อยู่ม.4"

"อันนี้กูไม่รู้"

"และชื่อ...โยธาวิน"

วินาทีนั้นสายตาของไอ้หว้า ทั้งประหลาดใจและตกใจก่อนมันจะเงียบไป

"มึงรู้ได้ไงว่ากูเจอคนหน้าคล้าย...ปรายที่เป็นเด็กผู้ชายแล้วข้อมูลพวกนั้น...."

มันไม่รอให้ผมพูดจบแทนคำตอบ ใบสมัครชุดหนึ่งก็มาอยุ่ตรงหน้าผม


'ผู้สมัครหมายเลข1317 นายโยธาวิน'



บางครั้งโลกมันก็กลม...จนผมใจหาย



                                                 --------------------------------------------------------------



เจอกันตอนหน้ากับน้องหมอกครับ   :z2: :z2: :z2: :z2:



ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
แบบแม่นแท้เหลา555

คนๆเดี่ยวกันนั้นแหละครับ   :hao7:

คุณแกะ ทำไมท่าทีไอ้พี่เฟรมมันถึงพลิกหลังตีนเป็นหน้ามือได้ขนาดนี้ แสดงว่าคู่นี่ดราม่าสุดๆ
ตอนแรกนึกว่าไอ้คนที่มาซื้อเทสจะเป็นพวกวัยทำงาน หน้าเหี้ย นิสัยเหี้ยซะอีก
แต่ของแอบโล่งใจเพราะความรุนแรงของตัวละคร มันน้อยลง เพราะเทสเสียตัวให้กับเฟรมคนเดียว  :เฮ้อ:

แต่เนื่อเรื่องเริ่มปูไปให้คู่น้องหมอกดราม่านิดๆแล้ว โอย สงสารน้องหมอกล่วงหน้า  :hao5:
กลัวจริงๆกับโมเมนต์ที่ว่า "เป็นได้แค่ตัวแทน"

รอคุณแกะมาต่อนะ ระหว่างนี้เราจะไปเสริมสร้างกำลังใจที่ดีมาคุ้มกันดราม่า

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
 ตอบรีบน

ทุกการกระทำล้วนมีเหตุผลของมันครับ

และทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้นครับ  หมอกยังต้องเจออีกเยอะยิ่งนัก

เป็นเรื่องแรกที่คนเขียนก็กลัวตอนจบ :z6:


อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
"ไม่!!!"


ผมพูดตัดบทไอ้เต้เสียงเย็น


"โหมึง กูเป็นเพื่อนสนิทมึงนะเว้ยช่วยกูหน่อยเถอะ"


มันพูดพร้อมทำตาน่าสงสาร ขอโทษเถอะน่าถีบมากกว่า


เรื่องของเรื่องคือเมื่ออาทิตย์ก่อนมันวานผมให้ทำข้าวกล่องให้มัน ตอนแรกผมคิดว่ามันจะกินเอง ปรากฏว่ามันดันเอาไปให้เด็ก
สตรีล้วนโรงเรียนข้างๆที่มันจีบ แถมยังแหลสดบอกตนทำเอง ที่นี้สาวเจ้าดันติดใจ เลยนัดมันไปทำให้กินเสาร์นี้ เรื่องมันเลยร้อนมาถึงผมนี้ไง พับผ่าสิ แถมเสาร์นี้ผมต้องทำงานที่ร้านอีกต่างหาก


"น๊าาา มึงช่วยกูหน่อยเถอะ กูสัญญากูจะบอกความจริงกับแทนว่ากูไม่ได้ทำเอง มึงต่างหากที่ทำ"


มันต่อรองพลางหว่านล้อมผมยังนู้นอย่างงี้ ก็เริ่มอยากจะช่วยนะแต่ติดงานเสาร์นี้จริงๆ แต่ไม่ทันถึงวินาทีมือถือผมก็ดัง


เป็นพี่อินนั้นเองที่โทรมา


"ครับพี่อิน หื้ม เสาร์นี้เหรอครับ อ้อครับ ขอให้แม่พี่หายไวๆนะครับ"


สรุปคือแม่พี่อินไม่สบายครับร้านเลยหยุดสองวันเสาร์อาทิตย์นี้ พอผมหันไปทางไอ้เต้ก็เห็นมันทำหน้าระรื่นน่าต่อยจริงๆ


"สรุปคือ มึงว่างแล้ว"


"เออ"


ผมกระแทกเสียงรับมันก่อนมันจะทำหน้าดีใจจนโอเวอร์ เอาเถอะยังไงผมกับมันก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานช่วยแค่นี้ไม่ตายหรอกครับ


พอหลังเลิกเรียนวันนี้ผมยังมีงานที่ร้านเช่นเดิม ผมเดินเข้าหลังครัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะพบคนแปลกหน้ายืนอยู่กับพี่อินในครัว


"เอา หมอกมาพอดีเลย นี้เด็กใหม่ของร้านเราชื่อนายสิน พวกครัวข้างบนส่งมาสอด เอ๊ยฝึกงานนะ"


พี่อินพูดเสียงเบาในประโยคหลังส่วนผมหันไปสำรวจเซฟมือใหม่ที่อยู่ตรงหน้า สูงประมาณ180กว่าๆ ผิวสีออกแทนแต่ผมหยิก ใส่แว่นกรอบหน้าแถมหนวดเฟิ้มอีกต่างหาก


รู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหนฟระ


"สวัสดีคุณสิน เคยทำอาหารมาก่อนมั้ย หรือถนัดทำอาหารประเภทไหนเป็นพิเศษรึป่าว"


ผมสอบถามข้อมูลเบื่องต้นกับคนตรงหน้าแต่


"........."


คนตรงหน้าผมนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรสักอย่าง ไม่หื้อไม่อื้อสักนิด


"เออ ในใบประวัติของนายสินระบุว่านายสินลิ้นไก่สั้นพูดไม่ได้นะ"


พี่อินเฉลย


"หวังว่าหูคงยังโอเคใช่มั้ยนายลิ้นสั้น"


ผมหันไปถามต่อ ร่างนั้นพยักหน้าตอบก่อนจะควักมือถือขึ้นมาพิมพ์อะไรหยุกหยิกพอเสร็จแล้วก็โชว์หน้าจอให้ผมดู


'คุยผ่านเฟสก็ได้นะครับ ขอโทษที่ผมลิ้นสั้น'


แววตาใต้กรอบแว่นหมองลงจนผมสังเกตได้


"เออ คือหมอกขอโทษ หมอกหมายถึง คุณยังรับรู้รสชาติของอาหารได้มั้ยนะครับ"


เป็นพ่อครัวถ้าไม่รู้รสจะทำอาหารยังไงครับ


คนตรงหน้าผมพยักหน้าหงึกๆแทนความหมายว่าเข้าใจ พี่อินหันมาสั่งงานผมนิดหน่อยก่อนแกจะออกไปทำธุระด้านนอกทิ้งไว้
เพียงผมกับเซฟใบ้สองคน


"งั้นเรามาเริ่มกันเลย"


ผมว่าก่อนจะเดินไปหน้าเตาแก๊ชและจุดไฟเป็นสัญญาณว่าทุกสิ่งกำลังจะเริ่มต้น



                                                                         -----------------------------------


"ไม่ได้เรื่อง นี้คุณเคยทำอาหารมาก่อนรึป่าว ทักษแย่มาก"


ผมกระแทกเสียงต่อว่า ต้องเข้าใจนะครับว่านี้คืองาน จะให้มาใจดีคอยบอกคอยสอนก็ใช้เรื่อง อีกทั้งตอนอยู่ในครัวผมจะโหดมำกนะครับ



ร่างสูงตรงหน้าทำตาจ๋อยสนิทผ่านกรอบแว่นตามาให้แทนคำขอโทษ


"ผมให้เวลาคุณสองวันเสาร์อาทิตย์นี้ที่ร้านปิด ไปฝึกทำอาหารมาให้ผมทานสักอย่าง ถ้าทำไม่ได้ก็ไปเป็นเด็กเสิร์ฟแทน วันนี้พอแค่นี้คุณไม่ต้องช่วยผมแล้ว"


ผมตัดบทก่อนคนตรงหน้าจะพยักหน้าตอบรับจากนั้นจึงถอดเอี๊ยมแล้วเดินออกไปนอกครัว ผมสะบัดตะหลิวก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหารอีกครั้งตามบิลสั่งอาหาร


หวังว่าวันจันทร์คุณคงไม่ทำให้ผมผิดหวังนะ


นายลิ้นสั้น...




                                                                    .............................................



เช้าวันเสาร์เดินทางมาถึง วันนี้ผมโดนไอ้คุณชายเต้ลากมาปฏิบัติการทำอาหารที่บ้านของแทน สาวน้อยน่ารักแก้มป้องที่อายุเท่าผมกับไอ้เต้


ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไปหม้อยังไงถึงได้ถูกจีบติดและดูครับเอี้ยมที่แทนเตรียมให้ผมกับมัน ลายลูกแมวสีชมพูแปร๊น โอ๊ย หมอกอยากเป็นลม แล้วดูสายตาระยิบระยับตอนมองมาทางผมสิครับ ดีที่เต้มันลองแง้มๆถามดูถึงได้รู้ว่าที่มองๆเนี้ยเพราะผมดูอะไรนะ เคะๆแคะๆสักอย่าง(มันแปลว่าอะไรว๊ะ? )


แล้วพอมาหย่อนผมไว้ที่ห้องครัวปุบ มันก็ไปนั่งสวีทกับแทนที่สวนหลังบ้านพร้อมบอกความจริงเรื่องข้าวกล่อง


พูดความจริงมันก็ดี แต่มึงทิ้งกูให้ทำอาหารคนเดี่ยวเนี้ยนะไอ้เพื่อนแสนดี ดีออก!!!


ผมสับๆๆผักที่อยู่ตรงหน้าแล้วจินตนาการเป็นหน้ามันคลายเครียดก่อนประตูห้องครัวจะถูกเปิดและเสียงต้นเหตุจะดังขึ้นมา


"ปัน ไหนมึงบอกไม่มีค...ปราย! !!"


พี่ผู้หญิงที่เปิดประตูเข้ามาร้องเสียงหลงก่อนจะกระโดดกอดผมเต็มรัก


เดี่ยวนะนี้มันเดจาวูรึป่าวว๊ะ !!!


                                                                       ----------------------------------------



แกะทอล์ก : หวัดดีจ้า วันนี้ไปทำงานมาเป็นเด็กโบกธง จะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ว่ะฮะฮ่า

เริ่มแรกเลยชุดที่ทำงาน กางเกงสีน้ำเงินและตัวเล้กมาก ??? อยากจะถามว่าทำไมต้องกำหนดมาแบบนี้ฟระ แบบมันโคตรรัดตรงส่วนนั้นอ่ะ ทุกคนคงรู้กันดีว่าส่วนไหน ดีที่แกะเป็นเด็กใหม่ ทำงานแทนแค่วันเดี่ยวเลยใส่ยีนส์สบายๆส่วนพวกที่เหลือ โดนหมด !!! :hao7:

พอไปถึงแกะเจอเด็กวัยๆเดี่ยวกันเนี้ยแหละ มาทำงาน โอ้โห เพิ่งรู้ว่าเด็กสมัยนี้มีซิกแพกกันด้วย แบบมันยืนถอดเสื่อกันหน้าบริษัทนะน่ะ  :hao6: สาบานได้ว่าไม่ได้แอบมองแต่จ้องตรงๆเลย  55555+ :laugh:


พอตกเย็น ไอ้เด็กคนที่ใส่มีซิกแพท หรือโฟวแพทเนี้ยแหละ มองไม่ชัด มันโดนเพื่อนอีกสองคนแกล้งเอากระเป๋าเสื่อผ้าไปซ่อน แน่นอนว่าแกะรู้เห็นเหตุการณ์และแกะเป็นคนดีมาก


จึง...ไม่บอกมันแน่นอน กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก   :z2:


แต่แบบ ยอมรับจากใจ มันแน่มากอ๊ะ เดินใส่บ็อกเซอร์กับเสื่อยืดตัวเดี่ยวมารับตังค์ โห แบบมึงโคตรใจอ๊ะ  o13 เอาเป็นว่าวันนี้เป็นการไปทำงานที่ฟินมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก   :hao3:

แล้วเจอกันตอนหน้ากับพี่ปันครับ ตัวต่อปริศนาค่อยๆกระดึบๆออกมาแว้ววววววววว :bye2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2014 19:42:09 โดย อโลลาน »

ออฟไลน์ prince magic

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
รอตอนต่อไปนะ
 :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao3: เดาว่านายลิ้นสั้นคือพี่ปัน
และปราย เอ๊ย หมอกก็จะสนิทกับนายลิ้นสั้น
แต่คงไม่ค่อยถูกกับปัน แล้วมันก็จะมีมาม่ามาเสิร์ฟเป็นระยะๆ เรื่องปราย

เดาไปไกลล่ะ ฟุ้งซ่าน รออ่านเอาดีกว่า

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1808
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
นายสินคือใคร ?

 :mew1: :mew1: :mew1:  :mew1:

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
อะไรยังไง
ก็รุ้ว่าตายไปแล้วไม่ใช่เร๊อะ -*-
อืมเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ อืมๆ
ไงก็มาต่อเร็วๆน้าชอบๆ
รออยุ่จ้า

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป

โหดชิบ หาย


ผมคิดกับตัวเองในใจหลังจากหัวหมุนไปกับการจำนู้น สับนั้น ใส่นี้ลงกะทะ ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด ไหนจะคนตัวเล็กกว่าที่ยืนออกคำสั่งรัวเป็นชุด


ถ้าถามว่าทำไมผมต้องมาอยู่ในครัวอย่างนี้นะเหรอ?


ต้นเหตุมันเกิดจากเมื่อสองวันก่อน...


หลังจากที่ผมกับไอ้หว้าบังเอิญเจอใบสมัครของน้องหมอกหรือโยธาวินโดยบังเอิญ ไอ้หว้าถึงกับตะลึงในความเหมือนที่แตกต่างแม้จะเป็นเพียงรูปถ่ายขนาดนิ้วครึ่งก็ตาม แต่ใบหน้าที่ละหม้ายคล้ายกันอย่างกับแกะของหมอกกับปรายก็ทำให้ไอ้คุณหญิงลูกหว้าสั่งผมเด็ดขาดให้จัดการไปสืบสาวราวเรื่องซะว่าอะไรเป็นอะไร เพราะผมดันเล่าให้มันฟังหมดเปลือกว่าน้องเขาทำงานที่ห้างของผมเอง


ส่วนตัวมันเองก็ขับรถลงน่านไปคนเดี่ยว


เหตุผลที่ผมไปด้วยไม่ได้นั้นเราทั้งคู่รู้ๆกันดีและผมก็รู้ด้วยว่าไอ้หว้าไปน่านเพื่ออะไร


หว้ามันเป็นผู้หญิงที่ไม่ใช่ผู้หญิงและถ้าอยากจะรุ้อะไรมันจะตามเรื่องจนถึงขีดสุด


"กูไม่เชื่อหรอก ว่าถ้าคนมันไม่เกี่ยวข้องกันจะหน้าตาคล้ายกันได้ขนานนี้ หรือมึงไม่อยากรู้ ?"


มันบอกเหตุผลของมันก็จะบึ่งรถลงน่านไป ตัวผมเองก็ยอมรับว่าเรื่องนี้มันคาใจมากจริงๆ


ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา ทำให้ใบสมัครของผมถูกประทับตราจากท่านประธานซึ่งก็คือบิดาแท้ๆของผมเนี้ยแหละดีที่ว่าผมไม่เคยเข้าไปในห้างพร้อมพ่อสักครั้ง เลยไม่ต้องกลัวจะเจอคนรู้จักแต่กับตัวหมอกเองผมไม่แน่ใจว่าจะจำผมได้มั้ย แถมเจอกันครั้งแรกผมก็ดันไปทำตัวรุ่มรามกับเขาอีก เลยจำเป็นต้องปลอมตัวเป็นนายสิน พ่อครัวลิ้นสั้นเนี้ยแหละครับ


ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องทำอาหารเก่งเกินไป  หรือผมมันอ่อนเอง ซึ่งผมว่าคงเป็นเหตุผลได้ทั้งสองข้อ -  -)


"ผมให้เวลาคุณสองวันเสาร์อาทิตย์นี้ที่ร้านปิด ไปฝึกทำอาหารมาให้ผมทานสักอย่าง ถ้าทำไม่ได้ก็ไปเป็นเด็กเสิร์ฟแทน วันนี้พอแค่นี้คุณไม่ต้องช่วยผมแล้ว"



น้องหมอกพูดเสียงเด็ดขาดก่อนจะอนุญาต(ไล่)ให้ผมกลับบ้านไปได้



พอถึงบ้านโทรศัทพ์จากไอ้หว้าก็รายงานขึ้นมาว่าแม่เพลินไปทำบุญทอดผ้าป่าที่อื่นกว่าจะกลับก็ราวๆ2เดือนกว่า เรียกได้ว่ากลับมาหลังจากค่ายของพวกผมเสร็จสิ้นด้วยซ้ำ ส่วนตัวมันเองขับรถกลับมาถึงกรุงเทพแล้วตอนหัวค่ำ เราสองคนคุยกันถึงเรื่องนี้ก่อนจะแยกย้ายวางหู


                                                                   .............................



"มึง เอาผัดกาดด้วยมั้ย ?"


ผมถามมัน


ตอนนี้ผมกับมันกำลังอยู่ในซุปเปอร์มาเก็ตครับ จริงๆก็สงสารนะ เพิ่งขับรถกลับมาจากน่านแทเ้ๆ แต่ถ้ามันไม่ช่วยผมและผมโดนไล่ออก เรื่องทั้งหมดที่ช่วยกันวางแผนก็ล้มไม่เป็นท่า มันถึงได้ยอมลากสังขารตามผมมาซื่อวัตถุดิบไปทำอาหารซึ่งผมตั้งใจจะทำข้าวผัดครับ อีกอย่าง หว้ามันทำอาหารพอได้ครับเพราะสมัยที่มันยังเป็นผู้หญิง(?)มันเคยทำข้าวกล่องไปให้รุ่นพี่ที่มันชอบ ต่างจากผมที่เป็นผู้ชาย เคยเข้าครัวซะที่ไหน


"หยิบอะไรได้ก็เอาๆมาเถอะ เดี่ยวไปซื่อเนื้อสัตว์ด้วย"


มันตัดบทก่อนจะเข็นรถเข็น ร่อนโฉบ(?)เอาของลงรถเข็นไปเรื่อยๆ



ผมเดินวนกับมันเพื่อเลือกซื่อของที่จำเป็นพอเห็นว่าได้มาครบแล้ว ผมกับมันก็เดินกันไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์


ตามปกติแล้ววันหยุดพวกแม่บ้านที่บ้านผมจะได้หยุดด้วยทำให้วันนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่บ้านนอกจากน้องสาวผม ไอ้แทนที่มันเปรยๆมาว่าเพื่อนจะมาหา แล้วก็ป้าอุ่นที่พักอยู่กับบ้านของผม แกเองก็เหมือนญาติของผมคนหนึ่งครับเห็นมาตั้งแต่เด็กยันโตขนานนี้


ฉะนั้นวันนี้จึงเป็นวันที่น่าฝึกทำอาหารมากที่สุดแล้วล่ะครับ


ผมขับรถมาถึงบ้าน ก่อนมันจะหอบหิ้วเอาของเดินนำเข้าไปในครัว ได้ยินเสียงเตาแก๊สเปิดอยู่ สงสัยป้าอุ่นคงทำอาหารให้ยัยแทนล่ะมั่ง


"ปัน ไหนมึงบอกไม่มีค...ปราย! !!"


เสียงของไอ้หว้าดังออกมาจากในครัว ผมเผลอปล่อยมือทั้งสองข้างแล้วก้าวยาวๆเกือบจะวิ่งเข้าไปในครัว ภาพที่ปรากฏคือไอ้หว้ากำลังกอดน้องมันอยุ่ ซึ่งคนโดนกอดก็ได้แต่ทำหน้างงๆปล่อยให้ไอ้หว้ายืนกอดแล้วสะอื้นอยู่อย่างนั้น


"หว้า...ปล่อยก่อน...จะเหมือนขนานไหนยังไงก็'ไม่ใช่'ปราย"


ผมพูดประโยคหลังด้วยเสียงเบาหวิวจนตัวเองรู้สึกได้ ไอ้หว้าหยุดสะอื้นแล้วยอมปล่อยน้องเขาออกมา


"พี่...อึก...พี่ขอ..โทษนะ น้อง...หน้าคล้ายคนที่พี่รู้จักคนหนึ่งมากเลยนะ..."


ไอ้หว้าพูดอย่างยากลำบาก มันแทบจะทิ้งตัวลงกับพื้นด้วยซ้ำดีที่ผมช่วยพยุงทัน ไอ้ตัวเล็กเองก็ทำแบบเดิมคือยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ไอ้หว้า(เดี่ยวนะ ผมกับไอ้หว้าโด้ผ้าเช็ดหน้ามันมาคนละผืนแล้วนะ)ก่อนมันจะพูดว่า


"เออ...เช็ดก่อนนะครับพี่"


มันยืนเก้อๆแบบคนทำตัวไม่ถูก ก็แน่ละ โดนผมกับไอ้หว้ากอดทั้งๆที่ไม่รู้จักกันไปคนละรอบนิ


"..............................."


ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ไม่รู้ว่าน้องมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง ส่วนไอ้หว้าเองก็สติหลุดไปแล้ว ถ้าให้ผมเดามันก็คงกำลังคิดแบบผมนั้นแหละ



คิดถึง'บางสิ่ง'ที่เคยเกิดขึ้น...



"คือ...ผมเป็นเพื่อนไอ้เต้นะครับ วันนี้มันชวนผมมาทำอาหารเลี้ยงแทนกัน...เออ พี่ๆกินข้าวกันรึยังครับ ?"



ไอ้ตัวเล็กทำลายความเงียบด้วยคำถาม ผมแอบบีบมือไอ้หว้าเบาๆใต้โต๊ะเรียกสติก่อนมันจะปรับสีหน้าให้พยายามเป็นปกติมากที่สุด


"ยังเลย แล้วนี้...ชื่อหมอกใช่มั้ย ?"


"ครับ ผมชื่อหมอก"


มันว่า


"พี่ขอโทษนะที่ทำไปเมื่อกี้ คือ...หน้ามันคล้ายกันมากจริงๆนะ"


"ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่คนสวยกอดฟรีๆผมไม่เสียอะไรสักหน่อย อิอิ"


ไอ้ตัวเล็กหยอดมุกใส่ไอ้หว้าไปหนึ่งดอก ถึงมันจะไม่ใช่ผู้หญิงแล้วแต่ก็ยังแอบเขินอยู่ดี


"งั้น จะทานอะไรมั้ยครับ ? เดี่ยวผมทำให้กิน"


พอไอ้หว้าเลิกเขินมันก็พูดต่อ


"เอางี้ พอดีเพือนพี่มันอยากจะลองฝึกทำอาหารนะ หมอกสอนมันให้พี่หน่อยได้มั้ยครับ ?"


ผมหันขวับไปทางึคนออกความคิดเห็นทันที่


เห้ยเดี่ยวนะหว้า นี้มันบอกบทนะเว้ย แถมน้องหมอกตอนเข้าครัวเนี้ย...


"ได้สิครับ สบายมาก เดี้ยวหมอกสอนให้ : )"


มันว่าก่อนจะยิ้มแฉ่งให้ไอ้หว้า ที่หันมาขยิบตาให้ผม เห้ย เดี่ยวนะ นี้หมายความว่านรกจะเปิดอีกแล้วเหรอ


ผมได้แต่รำพึงในใจก่อนไอ้หว้าจะรีบระริ้วหายไปนอกครัว


ทิ้งไว้เพียงผม และไอ้พ่อครัวที่โคตรดุคนนี้


ซวยแล้วกู !!!!




                                                                 --------------------------------



เอาน่าพี่ปัน ฝึกทำสกิลอาหารไว้บ้างไม่เสียหายหรอก เนาะ  :z2: เพื่อวันใดศรีภรรยาไม่สบายจะได้ทำให้คุณเมียทานได้ไง อีกอย่าง น้องหมอกออกจะใจดี  :hao3:


ปล. ดีใจจังเลยมีคนรีกระทู้ตั้ง5คน จริงๆเห้นแกะลงเรื่อยๆใช่มั้ย ? แต่แอบนับเม้นท์ในใจเบาๆแกะลงสองที่ ทีนี้กับเด็กดี พอเม้นท์ของที่นี้กับเด็กดี รวมกันแล้วครบ2เม้นท์แกะก็ลงต่อ นึกว่าเรื่องนี้จะไม่มีคนสนใจซะแล้ว  :hao5:


คือแกะพูดแบบนี้ไม่ได้บังคับให้ต้องคอมเม้นท์หรืออะไรนะครับ มันเป็นสิทธิ์ของคนอ่านที่แกะจะเคารพเสมอๆเพราะแกะเองก็เป็นทั้งคนเขียน คนอ่าน


คอมเม้นท์แต่ละคอมเม้นท์เหมือนหยาดน้ำทิพย์ฃโลมใจคนเขียนจริงๆนะครับ ทุกวันนี้ที่ลงได้วันละตอนก้เพราะมีคุณ IsDeer ที่จะเม้นท์ให้ประจำเลย แถมเม้นท์ที่ยาวๆดีใจมากกับเพื่อนๆคนอื่นๆ


แกะขอขอบคุณนะครับ เราจะเดินไปด้วยกันพร้อมน้องหมอกและพี่ปัน ตอนนี้เนื่อเรื่องได้เกือบยๆ1ใน4ส่วนแล้ว แกะเองก็พยายามทยอยลงให้วันละตอนสมำเสมอ


ขอบคุณจากใจจริงๆครับ  :กอด1:


แกะซ่า  :z13:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2014 18:18:08 โดย อโลลาน »

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1808
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
ฝึกไว้ๆพี่ปันน ~ 555

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao3: ว่าแล้วเดาถูกจริงๆด้วย

นายปันเตรียมโดนน้องหมอกโขลกสับก่อนแกจะสร้างดราม่าได้เลย

ยังรู้สึกคาใจเรื่องปรายอยู่เรื่อยๆ เหมือนจะเป็นคนสำคัญของเพื่อนๆนะ
แต่ถ้าเป็นแฟนปันมาก่อนนี่ เอ่อ มีมาม่าให้ซดจนอิ่มแน่

ยังรอตอนต่อไปจนกว่าน้องหมอกจะมีความสุขและถูกช่วยออกไป

ปอลิง: ดีใจจังเลยที่คุณแกะ มีกำลังใจจนเขียนได้ทุกวัน ยังเป็นกำลังใจให้เรื่อยๆนะ  :katai2-1:
คุณแกะนี่เรียน ม ปลาย อยู่เหรอ รู้สึกและสัมผัสได้ประมาณนั้น เพราะเห็นว่าไปทำงานกะเด็กวัยเดียวกันมา ฮ่าฮ่าฮ่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2014 21:32:49 โดย IsDeer »

ออฟไลน์ pancakesexy

  • ~๐แพนด้าน้อย๐~
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • Rattiya Papaoay
มาต่อบ่อยๆนะค่ะ น่าติดตามมากเลย แอบกลัวมาม่าในอนาคต เพราะดูจากปมตอนแรกๆแล้วนี่ ไม่น่าจะแก้ได้ง่ายๆเลย นอกเสียจากอาพี่ปันช่วยซื้อน้องออกมาเป็นลูกบุญธรรม 55+ แต่ก็ไม่อยากเดามาก เอาเป็นว่าสนุกมากค่ะ ชอบๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
"ไม่ใช่ พี่จับมีดแล้วหั่นแบบนี้สิ หันแบบนั้นผักมันจะไม่สุก"


ผมว่าก่อนจะทำให้ดูเป็นตัวอย่างแต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ยังทำไม่ถูกอยู่ดี


ซื่อบื้อจัง - -


ผมถอนหายใจก่อนจะขยับเข้าไปชิดๆเมื่อกี้ยืนห่างกันมันสอนไม่ถนัดครับ


"จับมีดแบบนี้"


ผมกุมมือคนข้างๆหลวมๆก่อนจะขยับจัดให้ถูกทาง


"ต่อจากนั้นพี่จับผักแบบนี้"


ผมใช้มือซ้ายจับมืออีกข้างที่ว่างของพี่ปัน(ผมเรียกตามพี่หว้านะ)


"พี่ขยับเข้ามาใกล้ๆหน่อยสิครับ ผมจับไม่ถนัด"


คงเป็นเพราะความต่างจากส่วนสูงทำให้แม้จะยืนชิดกันแต่ผมก็จับไม่ถนัดอยู่ดี


ผมจุ๊ปากขัดใจก่อนจะดันอีกฝ่ายให้ยืนซ้อนด้านหลังตัวเองก็ขยับตัวไปแทรกอยู่ข้างหน้า


ค่อยถนัดหน่อย...


"โอเค ที่นี้พี่ก็ค่อยๆลงแรงลงไปบนมีด พยายามอย่ากดแรงมาก เดี่ยวผักจะช้ำ"


ผมว่าก่อนจะค่อยๆขยับมืออีกฝ่ายที่ผมกุมหลวมๆขยับขึ้นลงหั่นผักไปมาจนกระหล้ำปลีหัวใหญ่ตรงหน้าค่อยๆแยกส่วนสำเร็จ


"โอเค ต่อไปก็เนื้อสัตว์ พี่ชอบกินอะไร หมูหรือไก่"


ผมตั้งคำถาม


"......."


อ้าว ทำไมเงียบไปว๊ะ


ผมหันหน้ากลับมามองคนที่เงียบไปก่อนจะตกใจจนสะดุ้งที่ระยะห่างระหว่างใบหน้าเหลือน้อยมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่
รดลงมาแต่นั้นก็ไม่เท่ากับสายตากลมโตสนิทที่มองมา


แล้วกูจะไปมองตอบทำไมว่ะ  .... ?


สุดท้ายผมตัดสินใจหันกลับมาที่เขียงพอดีกับทีเสียงด้านหลังพูดตอบกลับมา


"พี่กินอะไรก็ได้ยกเว้น..."


"ยกเว้น ? "


ผมทวนคำก่อนจะจับมืออีกฝ่ายค่อยๆฝานเนื้อหมูติดมันที่เอาออกมาจากตู้เย็น





อีกฝ่ายพูดต่อ



อื้ม... กินเผ็ดไม่ค่อยได้เหรอ งั้นทำข้าวผัดแกล้มกับผัดผักแล้วกัน


ผมคิดในใจก่อนจะสอนอีกฝ่ายไปเรื่อยๆว่าหั่นควรหั่นเฉียงประมาณไหน ชิ้นใหญ่พอดีคำมั้ย? ในห้องครัวจึงมีแต่เสียงของผมอธิบายไปเรื่อยๆโดยคนถูกสอนก็มีถามบ้างเล็กน้อย แต่ด้วยความที่ยังไม่คล่องผมจึงกุมมือหลวมๆ แล้วทำให้ดูไปเรื่อยๆพออันไหนหั่นไม่ถูกก็ค่อยกุมมืออีกฝ่ายสอนเหมือนเดิม


คือผมเป็นพวกชอบทำให้ดูและให้อีกฝ่ายเรียนรู้ด้วยตัวเองนะครับถ้าสอนแบบนี้อีกฝ่ายจะเข้าใจง่ายและจะทำได้เอง
พอเตรียมวัตถุดิบเสร็จก็ถึงเวลาลงมือทำผมกะจะทำข้าวผัดก่อนแล้วถึงค่อยผัดผักแกล้ม


ขั้นตอนแรกก็ตั้งกะทะ เปิดไฟอ่อนๆ รอให้กะทะร้อนก่อนจะทุบกระเทียมกลีบเล็กลงไปในกะทะ กลิ่นกะเทียมจะช่วยดับกลิ่นคาวร่วมทั้งตัวมันเองก็เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งซึ่งคนไทยนิยมกันมานาน


ต่อมาก็นำข้าวสวยร้อนๆลงกะทะผัดจนเริ่มเห็นสีเหลืองทองก็ใส่ไข่ที่เตรียมไว้ลงไป กะให้พอกับข้าวสวยที่ทำกินกัน พอเข้ากันก็ใส่เนื้อสัตว์ ปกติถ้าเป็นคนอื่นคงจะเสร็จแล้วแต่ของผมมีขั้นตอนเพิ่มเติมเล็กน้อย นั้นคือการนำฝาครอบกะทะ ลดไฟลงให้ไฟอ่อนที่สุด


การทำด้วยวิธีนี้นอกจากจะช่วยประหยัดแก็สแล้วยังช่วยให้สุกทั้งกะทะ แถมไขมันในเนื้อสัตว์ก็จะไม่สุกจนแห้งเกินไปทำให้เวลาทานรสชาติของอาหารจะแสดงความหวานอ่อนๆของวัตถุดิบที่เราใส่ลงไปออกมา


นี้ล๊ะ... การทำอาหารของผม


ผมปาดเหงือรอเวลาที่กะไว้ว่าคงไม่เกิน5นาทีก่อนจะหันไปยิ้มแฉ่งกับลูกมือชั่วคราวของตัวเองซึ่งพี่ปันก็ยิ้มจางๆตอบกลับ


"หมอกฝึกทำอาหารตั้งแต่เด็กเหรอ"


พี่ปันถามระหว่างที่รอ


"ครับ หมอกฝึกกับอาม่าข้างบ้าน แกคอยสอนหมอกเรื่อยๆจนหมอกชอบทำอาหารนะ"


พอพูดจบผมก็มองนาฬิกาพอเห็นว่าได้เวลาก็ลุกไปจัดการปิดหัวแก็สก่อนจะเตรียมใส่จานพร้อมเสิรฟ์


"พี่เห็นหมอกตั้งใจมากตอนทำอาหารนะ"


พี่มันพูดต่อ ผมหยุดจัดจานก่อนจะหันไปตอบสิ่งที่คิดในใจ


"มันเป็นความสุขของหมอกนะ...การได้ทำอะไรสักอย่างขึ้นมาแล้วผู้คนชื่นชมมัน มันให้ความรู้สึกดีจริงๆนะพี่..."


ผมพูดค้างก่อนจะจัดจานต่อแล้วพูดไปด้วย


"หมอกจะไม่เถียงหรอกนะ ว่าเรื่่องเงินก็สำคัญ ใช่...นั้นก็ส่วนหนึ่งแต่ความสุขจริงๆของหมอกคือ..."


"คือ...?"


พี่มันถามเมื่อผมพูดค้างอีกรอบ


"การเห็นคนที่หมอกทำอาหารให้ทาน เขาทานแล้วมีความสุข นั้นคือความสุขสูงสุดของพ่อครัวอย่างหมอก..."


ผมยิ้มแฉ่งอย่างกว้างที่สุดตอนตอบคำถามนี้


การทำอาหารคือความสุขของผมจริงๆครับ มันก็เหมือนเวลาคนเราทำอะไรขึ้นมาสักอย่าง แล้วคนอื่นเขามีความสุขในสิ่งที่เราทำ มันเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขมากกว่าเงินทองที่กองได้ล้นฟ้าเสียอีก  :  )


พี่ปันฟังแล้วก็ยิ้มเีงียบๆช่วยผมจัดจานจนเสร็จ พอสอบถามถึงได้ความว่าวันนี้จะมีคนช่วยกันถลุงข้าวผัดนี้ ก็มี... ผม พี่ปัน พี่หว้า แทน ไอ้เต้ อ้อ พี่ปันแยกไว้ให้ป้าอุ่นที่พี่มันบอกว่าเป็นแม่นมอีกด้วย รวมทั่งหมด6คน


ผมช่วยพี่ปันค่อยๆยกไปจัดโต๊ะที่ห้องทานอาหารของบ้านหลังนี้ก่อนพี่มันจะอาสาไปตามคนที่่เหลือเพื่อมากินข้าวเที่ยงกัน จริงๆแล้วผมกะจะแยกตัวด้วยซ้ำเพราะไม่คุ้นชินเท่าไหร่แต่พี่มันขอด้วยเหตุผลที่ว่า'คนทำด้วยกันก็ต้องกินด้วยกัน'


เออใช่ ...ผมลืมผัดผัก !!!


ผมเดินกลับไปที่ห้องครัวก่อนจะจุดเตาแล้วเร่งมือทำผัดผัก จากบรรดาน้องผักที่หั่นแล้วมันเยอะเกินกว่าจะใส่ลงไปในข้าวผัด พร้อมทั้งฝานมันหมูใส่ลงไปด้วย มันหมูจะช่วยให้น้ำผักหวานขึ้นกว่าปกตินะครับ ดีที่กะทะยังร้อนๆผมจึงไม่ต้องรอนาน พอผัดเสร็จผมก็เทใส่จานก่อนจะยกไปที่โต๊ะ ตอนนี้สมาชิกที่จะทานร่วมกันครบทุกคนยกเว้นป้าอุ่นที่ยังไม่หิวเท่าไหร่


"พี่ปัน ผมผัดผักผัดมาแกล้มข้าวผักให้นะ"


ผมว่าก่อนจะวางจานผัดผักไว้กลางวงอาหาร เห็นพี่หว้าหันไปมองพี่ปันพร้อมๆกับแทนด้วยสายตาแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร


พอนั่งกันครบทุกคนก็เริ่มลงมือทานข้าวผัดกันไปคุยกันไป พี่ปันเป็นคนเดี่ยวที่ยังไม่แตะผัดผักของผมเลยแม้แต่คำเดี่ยว หรือว่ามันจะดูไม่น่าทาน ?


ผมคิดในใจเงียบๆก่อนจะพูดออกมากลางวง



"พี่ปัน ลองกินผัดผักหน่อยสิครับ"






                                                                 ........................................




จ้า.... กินเผ็ดไม่ได้ หึหึึ  :hao7: งั้นก็กินผักไปนะปันคุง

ตอนหน้ามาลุ้นกัน พี่ปันจะหาทางรอดจากน้องผักได้ยังไง   :mc4: :mc4: :mc4:


การทำอาหารคือความสุขของน้องหมอกฉันใด การแต่งนิยายแล้วคนอ่านมีความสุขมันก็เป็นความสุขของแกะฉันนั้น  :กอด1:


แกะซ่า :z6:




 





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2014 20:32:23 โดย อโลลาน »

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1808
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
กินผัก กินผัก...  :hao3: :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
:hao3: ว่าแล้วเดาถูกจริงๆด้วย

นายปันเตรียมโดนน้องหมอกโขลกสับก่อนแกจะสร้างดราม่าได้เลย

ยังรู้สึกคาใจเรื่องปรายอยู่เรื่อยๆ เหมือนจะเป็นคนสำคัญของเพื่อนๆนะ
แต่ถ้าเป็นแฟนปันมาก่อนนี่ เอ่อ มีมาม่าให้ซดจนอิ่มแน่

ยังรอตอนต่อไปจนกว่าน้องหมอกจะมีความสุขและถูกช่วยออกไป

ปอลิง: ดีใจจังเลยที่คุณแกะ มีกำลังใจจนเขียนได้ทุกวัน ยังเป็นกำลังใจให้เรื่อยๆนะ  :katai2-1:
คุณแกะนี่เรียน ม ปลาย อยู่เหรอ รู้สึกและสัมผัสได้ประมาณนั้น เพราะเห็นว่าไปทำงานกะเด็กวัยเดียวกันมา ฮ่าฮ่าฮ่า


อย่...อย่าไปพูดถึงอายุเลยก๊าฟฟฟฟ   :hao5:

#ตอนไปทำงานเพิ่งโดนคุณป้าที่นั้นทักว่าจะ30หรือยัง ซี๊ดดดเลยที่เดี่ยว..... :mew5:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8

อย่...อย่าไปพูดถึงอายุเลยก๊าฟฟฟฟ   :hao5:

#ตอนไปทำงานเพิ่งโดนคุณป้าที่นั้นทักว่าจะ30หรือยัง ซี๊ดดดเลยที่เดี่ยว..... :mew5:

 :z3: เข้าใจความรู้สึกนะ เคยโดนทักหน้าแก่กว่าอายุนี่กำลังใจหดหายเลยทีเดียว

ปันปันเอ๋ย น้องหมอกจะทำให้เจ้าได้กินผัก แล้วคำสาปของสาววายจะบังเกิดผล ฮ่าฮ่าฮ่า

ปันปันมันจะกินผักด้วยท่าทีแบบไหนน้า  :hao7:

ออฟไลน์ pancakesexy

  • ~๐แพนด้าน้อย๐~
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • Rattiya Papaoay
ไม่กินเผ็ด และไม่กินผักสินะพี่ปัน 55+ เด็กจริงๆ ระวังน้องหมอกจับป้อนทุกวันนะ อิอิ

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
สนุกอ่ะ มาติดตามด้วยคนค่าาาาาาา  :hao7: :hao7: :hao7:

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป

มันค่อยๆสอนผมจากการหั่นผัก ก็น่าแปลกดีทีที่เวลาแบบนี้มันไม่ดุเหมือนตอนอยู่ในร้านอาหารแต่กลับค่อยๆสอนผมอย่างค่อยเป็นค่อยไป


"พี่ขยับเข้ามาใกล้ๆหน่อยสิครับ ผมจับไม่ถนัด"


มันท้วงติงก่อนตัวมันจะแทรกตัวอยู่ด้านหน้าแล้วดึงมือผมไปกุมหลวมๆทั้งสองข้างก่อนจะค่อยๆลงมีดกับผัก ปากก็อธิบายไปแต่
สมองผมกลับคิดไปอีกเรื่อง


หอม...กลิ่นสบู่จางๆจากต้นคอมันลอยมาเตะจมูกผมตลอดเวลา


อุ่น...มือมันไม่ได้บอบบางเหมือนผู้หญิงที่ผมเคยสัมผัสแต่แค่กำหลวมๆก็อบอุ่นไปทั้งฝามือ


กอด...อันนี้ผมไม่รู้ว่ามันรู้ตัวไหม ว่าสภาพตอนนี้คือผมโอบกอดมันที่เอวหลวมๆแม้มันจะเป็นคนจัดท่านี้เองก็เหอะแต่การที่ผมไม่ขัดขืนแปลว่าผม


รู้สึกดี..... รึเปล่า ?


กลิ่นหอมจางๆเริ่มทำให้ผมค่อยๆก้มหน้าสัมผัสกับกลิ่นไปเรื่อยๆจากต้นคอและเส้นผมน่าแปลกที่กลิ่นหอมพวกนี้สะกดจนผมอยู่หมัด


ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นช้าๆบริเวณท้องน้อย


บางส่วนของร่างกายเริ่มตื่นตัวขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจ


เห้ยยย!!!!


ผมอุทานลั่นในใจก่อนจะพยายามควบคุมสติเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิด ณ ตอนนี้ เวลานี้คิดดูนะครับ...


เจอกันครั้งแรกผมก็กอดมันซะเต็มรัก แถมยังร้องไห้โชว์อีก


เจอครั้งที่สอง[ในฐานะปัน]ถ้าเกิดผม...'ตั้ง'กับมัน มันจะมองผมไปในทางไหนล่ะครับ....


ผมเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้องครัวก่อนจะพยายามสูดลมหายใจลึกๆเข้าออกเป็นจังหวะ เพื่อข่มอารมณ์กิเลสที่จู่ๆก็เกิดขึ้นมา ทั้งที่ปกติแล้วผมเป็นคนที่'ตื่น'ยาก จะบอกว่าไม่ได้ทำนานแล้วมันเลยเกิดก็ไม่ใช่ เพราะบางครั้งยุ่งๆเกือบๆสองอาทิตย์ผมยังไม่เคยมีอาการแบบนี้เลย


ก็แค่...กลิ่นจมูกอ่อนๆ....

ก็แค่...ความอบอุ่นจากฝามือ

ก็แค่...ผม'โอบกอด'มัน....


แล้วทำไมกูถึงได้'ตื่นเต็มตัว'แล้วว่ะ....!!!!


OK.ครับ ผมรู้สึกดีใจเหลือเกินจริงๆที่ใส่เอี๊ยมที่ไอ้ตัวเล็กมันยื่นมาอย่างน้อยๆมันก็ช่วยให้ไม่เห็นมากถ้าไม่สังเกตดีๆอ่ะนะ แต่ก็ใช้ว่าคนด้านหน้าที่อยู่ใกล้ชิดกันซะขนานนี้จะไม่รู้สึก


แล้วมันจะมองผมแบบไหนว่ะ ??? คงไม่ได้มองว่าผมโรคจิตหรอกใช่มั้ย


"โอเค ต่อไปก็เนื้อสัตว์ พี่ชอบกินอะไร หมูหรือไก่"


คำถามจากคนด้านหน้าเรียกสติผมกลับมาได้เฉียดฉิว แต่เพราะกำลังทำสมาธิกับการจัดการช่วยล่างผมเลยไม่ได้ตอบมันไปจนกระทั้งมันหันมา


แววตากลมโตสีดำสนิทคู่นั้นมองตอบผม ....


ระยะห่างของใบหน้าจัดว่าอยู่ในระยะอันตราย !!!


ผมท่องพุธ โท พุธ โท ในใจถ้าผมหันหน้าหนีมันเมื่อไหร่ รับประกันว่าไอ้คนตรงหน้าได้สัมผัส'ส่วนนั้น'แน่ๆไม่มากก็น้อย ผมเลยไม่กล้าขยับตัวหรือหันหน้าหนีจนมันเองเป็นฝ่ายหันกลับไป


พอตั้งสมาธิจนข้างล่างสงบสุขลงไปได้พอสมควรผมเลยตอบคำถามมันกลับไป


"พี่กินอะไรก็ได้ยกเว้น..."


"ยกเว้น ? "


มันทวนคำกลับก่อนจะจับมือผมหั่นเนื้อหมูต่อ เอาไงดีว่ะ ผมไม่กล้าบอกน้องมันหรอกว่าตัวเองกินผักไม่ได้ด้วยเหตุผลบางประการ แต่จะให้บอกว่ากินไม่ได้....กินอะไรไม่ได้ดีว่ะ ???


"พี่...กินเผ็ดไม่ค่อยได้นะ"


สุดท้ายผมตัดสินใจโกหกว่ากินเผ็ดไม่ได้ ทั้งๆที่จริงรสชาติจี๊ีดๆเผ็ดๆนี้ก็ของชอบผมเลยล่ะครับ แต่จะให้บอกว่ากินผิดไม่ได้ก็กลัวมันจะมองว่าโตแต่ตัวภาพลักษณ์ในสายตาได้เสียหายหมด


มันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะสอนผมไปเรื้อยๆ แน่นอนว่าทุกขั่นตอน มันก็กุมมือผมโอบเอวมันหลวมๆทำไปตลอดทั้งรายการนั้นแหละครับ จนกระทั้งเราทั้งคู่ช่วยกันเตรียมวัตถุดิบเสร็จผมถึงได้เลิกโอบมัน(หมายถึงมันปล่อยมือผมแล้วนะน่ะ - - )พอต่อจากนั้นมันก็เริ่มลงมือทำข้าวผัดจำนวนเพียงพอกับสมาชิกภายในบ้านตอนนี้ทั้งหกคนพอทุกอย่างเสร็จมันก็เอาฝาครอบกะทะก่อนจะชวนผมไปนั่งเล่นที่โต๊ะรอเวลาข้าวสุกสนิท



"หมอกฝึกทำอาหารตั้งแต่เด็กเหรอ"


ผมถามมันฆ่าเวลา



"ครับ หมอกฝึกกับอาม่าข้างบ้าน แกคอยสอนหมอกเรื่อยๆจนหมอกชอบทำอาหารนะ"


พอพูดจบเจ้าตัวก็ยกนาฬิกาขึ้นมาดูก่อนจะกุลีกุจรไปปิดแก๊สแล้วจัดการเตรียมจาน



"พี่เห็นหมอกตั้งใจมากตอนทำอาหารนะ"


ทุกครั้งที่มันทำอาหารแววตาของมันจะแสดงออกว่าจริงจังกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจนผมอดนับถือไม่ได้ แม้อีกฝ่ายจะจริงจังมากจนโหดมากตามไปด้วยในเวลาทำงานก็ตาม ซึ่งผมก็เข้าใจล่ะนะว่าในห้องครัวของร้านอาหารมันจะชักช้าไม่ได้


มันหันมามองผมก่อนจะหยุดจัดจานแล้วพูดตอบที่ผมเปรยๆไว้



"มันเป็นความสุขของหมอกนะ...การได้ทำอะไรสักอย่างขึ้นมาแล้วผู้คนชื่นชมมัน มันให้ความรู้สึกดีจริงๆนะพี่..."


มันพูดค้างไปนิดก่อนจะพูดต่อ มือก็จัดจานไปด้วย



"หมอกจะไม่เถียงหรอกนะ ว่าเรื่่องเงินก็สำคัญ ใช่...นั้นก็ส่วนหนึ่งแต่ความสุขจริงๆของหมอกคือ...การเห็นคนที่หมอกทำอาหารให้ทาน เขาทานแล้วมีความสุข นั้นคือความสุขสูงสุดของพ่อครัวอย่างหมอก..."


พูดจบมันก็ยิ้มกว้างเห็นฟันใส่ผม


คำตอบของมันเคลียร์ทุกคำถามในใจของผม ตอนแรกผมก็สงสัยเหมือนกันว่าน้องมันเป็น...เออ....น้องมันอยากเป็นผู้หญิงรึเปล่าหรืออะไรอย่างงี้เพราะมันฝึกทำอาหาร คือจะอธิบายยังไงดีรอบๆตัวผมมันมีแต่เพื่อนผู้ชายถึกๆ ที่ไม่เคยเข้าครัวกัน(รวมทั้งผม)แต่น้องมันกลับชอบมันก็เลยน่าแปลกใจ


แต่จากคำตอบของมันทำให้ผมเข้าใจ


มันก็แค่ชอบ...ก็เลยทำ ไม่มากไปกว่านั้นและไม่น้อยไปกว่านั้น


เป็นเด็กผู้ชายธรรมดาที่สามารถมีความสุขได้ถึงขีดสุขในสิ่งที่ตัวเองเลือก ก็เหมือนกับเด็กๆทั่วไปที่ตามหาความฝันของตัวเอง บ้างก็ร้อง บ้างก็เล่น บางก็เต้น ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่ปกติ หมอกเองก็เป็นแบบนั้น


ก็แค่เด็กผู้ชายธรรมดาที่มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก...


พอจัดจานเสร็จผมกับมันก็ช่วยกันยกไปเสิร์ฟบนโต๊ะก่อนผมจะอาสาไปตามคนอื่นๆที่แรกน้องมันจะขอแยกตัวครับแต่ผมไม่ยอมเพราะอยากให้ทานด้วยกันทั้งหมด


ผมเดินไปตามไอ้แทนในสวนหลังบ้าน ซึ่งไอ้หว้าไปนั่งด้วยอยู่พอดี ก็ดีจะได้ตามครบที่เดี่ยวไม่เสียเที่ยวพอดีกลับที่ผมได้เจอน้องเต้ เพื่อนไอ้แทนซึ่งประเมินจากสายตาคร่าวๆแล้วคงไม่ใช่แค่เพื่อนหรอกครับ แต่ผมไม่ใช่พี่จอมหวงน้องสาวที่ต้องสวมบทบาทพ่อแม่คอยควบคุมดูแล


อีกทั้งไอ้แทนเองมันก็16แล้ว บ้านของผมสอนให้ลูกๆได้คิดกันเองในแนวทางที่ถูกที่ควรครับ ผมจึงไม่ต้องคอยห้ามปรามมันเรื่องแฟน ขอแค่มีแล้วไม่ทำอะไรที่มันไม่ถูกไม่ควรก็พอ


ผมกับสมาชิกที่เหลือเดินไปถึงที่โต๊ะอาหารแต่ไร้วีแววไอ้ตัวเล็กสงสัยคงไปเข้าห้องน้ำมั่ง ผมกับพวกที่เหลือเลยนั่งล้อมวงรอก่อนจะเห็นมันเดินมาพร้อมจานอาหารอีกใบในมือ ของใครว่ะ ? ก็ครบ5จานแล้วนิ

แล้วคำเฉลยของมันก็มาถึง


"พี่ปัน ผมผัดผักผัดมาแกล้มข้าวผักให้นะ"


ผมแทบสะดุ้งตัวตกใจเมื่อน้องมันวางจานผัดผักไว้กลางวง คือแบบมันก็น่ากินอ่ะนะ แต่ผม...


กินไม่ได้จริงๆครับ...


ผมเคยถูกพ่อกับแม่พาไปหาหมอแล้วเพราะอาการท้องผูกจากการไม่กินผักแต่พอหมอวิเคราะห์อาการให้พ่อกับแม่รับรู้พวกท่านเลยไม่บังคับให้ผมทานผักอีก ผมเองก็พยายามกินผลไม้ทดแทนเพื่อจะได้ไม่มีอาการท้องผูก แต่เนื้อสัตว์ก็กินในปริมาณที่พอดีไม่มากไม่น้อยเกินไป


เวลาผมทานผักไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ผมจะอ้วกออกมาจนหมดกะเพาะอาหาร ชนิดที่ว่าแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด มีครั้งหนึ่งเคยถูกเพื่อนที่คณะแกล้งหลอกให้ทานผักที่ซ่อนในข้าว... ผลลัพธิ์ครั้งนั้นทำให้ทุกคนไม่กล้าให้ผมทานผักหรือแม้กระทั้งน้ำแกงจากผัดผักอะไรพวกนี้


ผมแกล้งทำเป็นคุยกับพวกมันอย่างออกรสชาติ พยายามทานข้าวผัดในจานเยอะๆจนเวลาผ่านไปเรื่อยๆกระทั้ง...


"พี่ปัน ลองกินผัดผักหน่อยสิครับ"



คนทำผัดผักส่งคำถามที่ทำให้ผมสะอึกขึ้นมา ผมหันไปมองหน้าน้องมันก่อนจะพบประกายตาหมองๆซ่อนอยู่ คงเพราะทุกคนอร่อยกับข้าวที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็ชิมผัดผักกันทุกคนยกเว้น...ผม



เอาไงดีว่ะไอ้ปัน จะพูดตอนนี้มันจะช้าไปมั้ย ? หรือจะชิ่งดี



วินาทีนั้นไอ้หว้ากับยัยแทนหันมามองหน้าผมพร้อมกันอีกครั้งหนึ่ง ผมเงียบไปแปปเพื่อรวบรวมสมาธิหาทางออกพอสมองโล่งแล้วความทรงจำสั้นๆของใจความในจดหมายผุดขึ้นมาให้หัวผมอีกครั้ง


แม้ครั้งหนึ่งจะลืมมันไปจนเลือนลางแต่ตอนนี้มันกับชัดเจนในจิตใจ


ทั้งลายมือที่เหมือนจะสื่อน้ำเสียงของคนที่พูดออกมา...


'กิ๋นผักนักๆฮ่างกายจะได๋แข็งแฮง...ขอฮ้องเตอะ ดูแลตั๋วเก่าพ่อง....'




ข้อความที่สื่อสารกันครั้งสุดท้าย ...


แม้กระทั้งสิ่งสุดท้ายที่'เธอ'ต้องการจะสื่อสาร...ก้ยังเป็นความห่วงใยที่มอบให้แก่คนอ่อนแออย่างผม....


"อื้ม...พี่จะลองกินดูนะ"


ผมว่าก่อนจะตัดผักกาดขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา เห็นไอ้หว้ากับไอ้แทนทำตาเหลือกตกใจแต่ก็ช้ากว่าที่ผมตัดผักเข้าปากอยู่ดี


สัมผัสแรกที่ตามมาคือความหวานอ่อนๆของผักกาด ผมค่อยๆเคี้ยวก่อนจะกลืนลงไป...


วินาทีนั้นผมเองก็ลุ้นระทึกพอๆกับสองสาวที่ต่างรู้อาการผมดี แต่....


ไม่อ้วก...ไม่มีอาการอะไรเลย แถมผมยังรู้สึกว่ามัน...อร่อยดีด้วยซ้ำไป


ไอ้หว้าจ้องผมตาค้างช้อนหล่นใส่จาน ไอ้แทนทำหน้าเหมือนเห็นผี ส่วนตัวผมพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งด้วยการตักผัดผักใส่ปากแล้วเคี้ยวๆกลืนลงท้อง ทุกคำล้วนแล้วแต่ไม่มีผลข้างเคียงอย่างที่ผมกังวล


"ผัดผักที่หมอกทำ พี่ว่ามันอร่อยดีนะ"


ผมพูดก่อนจะยิ้มแล้วกินอาหารต่อไป แม้ตัวเองจะประหลาดใจแค่ไหนก็เถอะ...



                                                            ..............................................




หึหึ ก็ว่ากันไป  :z2: เจอกันตอนหน้าครับกับพี่ปันของเราจะโชว์ทักษะทำอาหารพิสูจน์ฝีมือได้เมพขนานไหน  :hao3:







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2014 20:36:23 โดย อโลลาน »

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1808
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
อย่าลืมที่พูดไว้กับเพื่อนนะพี่ปันนนนน~  o18 o18

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao7: กินผักแล้ววววววววววววววววว ช่างเป็นการกินผักที่คนอ่านลุ้นไปตามๆกัน

พี่ปันนี่มันแอ๊บหื่นเนอะ  :haun4: เจอฟีโรโมนน้องหมอกทีนี่หื่นขึ้นเลย ฮ่าฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
กินผักได้แล้ว ไปสู่ขอให้เป็นเรื่องเป็นราวซะนะพี่ปัน  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
มีแววว่าคำแช่งจะสัมฤทธิ์ผลนะ อิอิอิ
พี่ปันหื่นไวไปนะ เจอหน้ากันไม่กี่ครั้งเอง
น้องหมอกน่ารัก ชอบที่นายเอกฉลาด ดูคนเป็นแบบนี้อ่ะ

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
หลังจากกินข้าวกันเสร็จ ผมกับไ้อ้เต้ที่อิ่มท้องกันแล้วก็ขอตัวกลับบ้านเรื่องน่ายินดีที่เกิดขึ้นก็คือการที่ข้าวผัดของผมกับผัดผักหมดเกลี้ยงโดยที่คนกินผัดผักส่วนใหญ่เป็นพี่ปันที่หลังจากกินคำแรกก็ช้อนเอาๆ


ตอนแรกผมคิดว่าพี่มันกินประชดรึเปล่าแต่ไม่ใช่ว่ะ พี่มันก็กินปกติของมันจนหมดจานนั้นแหละ


พอหลังจากแยกกันตอนลงบีทีเอสผมนั่งวินมอไซร์กลับมาถึงบ้านก่อนจะพบว่าประตูปิด แสดงว่าไม่มีใครอยู่ในบ้าน ผมล้วงกุญแจก่อนจะนำขึ้นมาไขแล้วขึ้นไปนอนเล่นบนห้องฆ่าเวลา


อื้ม...การบ้านก็ไม่มี ทำไรดีว่ะ ???


ผมเปิดเฟสนั่งดูไทม์ไลน์แสดงสเตตัสของคนที่เป็นเพื่อนกันบนเฟสก่อนจะกดดูการแจ้งเตือนคนที่แอดเพื่อนมา


'ลูกน้องพี่สายหมอก พ่อครัวฝึกหัด ต้องการเป็นเพื่อนกับคุณ'


ผมขมวดคิ้วก่อนจะกดส่องโปรไฟล์ของบุคคลล่าสุดที่เพิ่งแอดเฟสผม รูปประจำตัวเป็นรูปตัวการ์ตูนชุดพ่อครัวที่มีผ้าปิดปากเล็กๆคาดไว้ รูปหน้าปกเป็นรูปเหมือนพ่อครัวในรูปโปรไฟล์กำลังโดนจิกหัวใช้


รู้สึกเหมือนโดนด่าอ้อมๆแหะ...


ผมกดรับแอดก่อนสักสามสี่นาทีอีกฝ่ายก็ทักแชทมา

':  )'



ผมกดอ่านก่อนจะพิมพ์ตอบกลับ



'พี่สินเหรอ ?'


อีกฝ่ายหายไปแป๊ปก่อนจะตอบผมกลับ


'ถั่วต้ม พี่ไปฝึกทำอาหารมาแล้วนะ'


เขาว่าก่อนจะส่งสติกเกอร์รูปแมวถือถาดอาหาร


'จะรอชิมนะ หวังว่าคงไม่ทำข้าวไข่ดาวให้ผมชิมหรอกนะ'



ผมพูดบลัพขู่ก่อนจะส่งอีโมยิ้มเท่ห์ตามหลัง อีกฝ่ายอ่านเสร็จก็ส่งอีโมคนพิ้วปากส่งคืนมาให้ผม


'แล้วนี้ทำไรอยู่'


พี่สินตอบกลับมาอีกครั้ง


'นอนกลิ้งตัวไปมาอ๊ะ ว่างจัดก็งี้หึหึ'


'เหรอ อิจฉาคนว่างจังครับ พี่ฝึกทำอาหารอยู่เนี้ย'


พอส่งตัวอักษรเสร็จพี่มันก็ถ่ายภาพวัตถุดิบที่อยู่บนเขียงมาให้ผมดู ทำไมผมรู้สึกคุ้นตากับเขียงในภาพก็ไม่ทราบ เหมือนๆเคยผ่านตาที่ไหนสักแห่งมันคุ้นๆอยู่ในใจเนี้ยแหละผมสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซานของตัวเองก่อนจะคุยแชทต่อ ก็ในเมื่อผมไม่เคยไปบ้านไอ้พี่สินแล้วผมจะเคยเห็นเขียงเขาได้ยังไงล่ะครับ  -   -


'ครับ ฝึกทำไปนะ แล้วหมอกจะรอชิม'


'เชื่อมือได้เลยครับ ลูกพี่ ขอตัวไปฝึกต่อก่อนนะ กลัวกะทะจะไหม้ 555+'


พอพูดจบอีกฝ่ายก็ออฟไลน์ไป ก่อนจะไปยังไม่วายส่งสติกเกอร์รูปคนทำวันทยาหัต ผมยิิ้มจางๆให้กับหน้าจอก่อนจะไล่ดูข้อความอื่นๆบนนิวฟีดที่น่าสนใจ จนลืมดูนาฬิกา...




                                                                       ..................



ไม่มา ?


วันนี้วันจันทร์แล้วแต่นายสินกลับไม่ปรากฏตัวที่ร้าน ทั้งๆที่เมื่อคืนวันอาทิตย์ยังคุยแชทกันอยู่ดีๆ แต่วันนี้กลับไม่เข้ามาที่ร้านซะงั้น
ผมทำอาหารไปหงุดหงิดใจไป ในชีวิตของไอ้หมอกมีสิ่งที่ไม่ชอบอยู่ไม่มากหรอกครับ เรื่องแรกผมไม่ชอบการโดนหลอก มันเหมือนกับอีกฝ่ายมองว่าผมโง่เลยหลอกผม เรื่องที่สองคือคนผิดสัญญาคือแบบ ถ้ามึงทำไม่ได้มึงจะพูดเพื่อ ???



แล้วการที่พี่สินบอกกับผมว่าจะมาทำอาหารให้ลองชิมแต่กลับไม่มาเนี้ย...มันเสียความรู้สึกนะครับ


ผมพยายามข่มอารมณ์แล้วคิดในแง่ดีว่า อีกฝ่ายอาจจะเกิดอะไรขึ้น หรือมีธุระอะไรที่มันจำเป็นหรือสำคัญมากจริงๆ...


มากพอที่ผมจะถือว่าเป็นเหตุผลและไม่โกรธอีกฝ่าย ....


'ตี๊ด..ตี๊ดดดด'


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่กระเป๋าด้านหลังเป็ของผมที่แขวนไว้ตรงช่องเก็บของ ผมตัดอาหารใส่จานก่อนจะเดินไปรับมือถือพอกดดูหน้าจอถึงได้รุ้ว่าเป็นไอ้เต้


"มีไรว่ะมึง กูทำงานอยุ่"


ผมกรองเสียงลงไป



'มึง พรุ่งนี้มึงว่างมั้ยว่ะ ? มึงไปโรงบาลเป็นเพื่อนกูกับแทนหน่อยดิ'


มันตอบกลับมา


"ใครเป็นอะไรว่ะ ?"



'พี่ปันนะ... แทนโทร.มาบอกกุว่าพี่ปันช็อกเมื่อตอนกลางคืนวันเสาร์ ตอนนี้อยู่ในห้องICU คุณหมอตรวจดูอาการอยู่'


ผมใจหายวาบลงไป แม้จะไม่ได้สนิทอะไรและเพิ่งรู้จักกันแต่พอรุ้ว่าอีกฝ่ายเข้าห้องICUทั้งๆที่เพิ่งเจอหน้ากันสองสามวันก่อนมันก็ไม่แปลกอะไรหรอกมั่งครับที่ผมจะรู้สึกใจหายขนานนี้...


"ได้ เดี้ยวกูลางานไปเป็นเพื่อนมึง แล้วแทนบอกรึป่าวว่าพี่ปันช็อกเพราะอะไร ?"


ผมถามมันต่อด้วยเสียงสั่นๆ ไม่ชอบเลยครับ การที่คนรู้จักเข้าโรงบาลอย่างงี้


'แทนบอกว่าโรคประจำตัวมันกำเริบนะ พอช้อกเสร็จที่บ้านก็พาส่งห้องICUตอนนั้นเลย แต่จริงๆเห็นบอกว่าอาการคงที่แล้วล่ะนะเพียงแต่หมอต้องการดูอาการอีกรอบ เพื่อโรคมันกำเริบ'


"อื้ม....งั้นเดี่ยวพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนกูไปกับมึงเอง"


ผมกดวางสายก่อนจะเดินไปหน้าเตาแก๊สอีกครั้ง พี่ปันก็ไม่สบายๆจนเข้าห้องICU นายสินก็ไม่ยอมมาที่ร้านอาหาร


ผมได้แต่คิดว่า..ทั้งคู่ คงจะปลอดภัยดี



                                                            .................................................




ขอโทษนะครับที่วันนี้มันสั้นมากๆจริงๆ ...  เดี้ยวจะอีดิสเพิ่มเนื่อหาอีกรอบครับ   :z3: :z3: :z3:



ขอบคุณ ... ขอบคุณตัวเองที่อย่างน้อยๆก็มีงานอดิเรกเป็นการแต่งนิยายให้ได้ผ่อนคลายอารมณ์

ขอบคุณ ... ขอบคุณคนอ่าน ที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้

ขอบคุณ ... หนังสือพิมพ์วันนั้น ที่ทำให้แกะคิดโครงเรื่องน้องหมอกออกมาได้

นิยายเรื่องนี้พล็อตอาจจะหลวมๆ ภาษาที่ใช้ก็งั้นๆ ฉากอาจจะตัดงงๆข้ามไปข้ามมา


แต่แกะก็รักของแกะมาก....









จะเกิดเรื่องร้ายๆขนาดไหน สุดท้ายชีวิตแม่มต้องเดินต่อไป....


ขอบคุณทุกคนจริงๆที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ ...........


แกะไม่รู้เหมือนกันว่าจะว่ายังไงดี แต่แบบ... ขอโทษจริงๆนะครับที่ระบายอารมณ์ในนี้


พน.เดี้ยวจะอีดิสลบออกให้นะครับ


ขอบคุณที่อ่านจนจบ


แกะซ่า  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


ปล. เพราะพน.ไม่มีงานทำ ไม่มีเพื่อนสนิทมากพอจะไปอาศัยบ้าน แกะอาจจะสิงสถิตร้านเกมแล้วปั่นนิยายให้ลืมโลกเลยก็ได้ อย่าแปลกใจถ้าพน.จะเป็นสักEp.19 ไรงี้ [ฝันมากกกกก ไอ้แกะ]


"จะเจอเรื่องร้ายๆขนานไหน ก็อย่าหยุดที่จะเดินต่อไปนะครับ...."



....................


"ขอบคุณมากครับ ทุกคน... :n1: "



 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-03-2014 12:08:16 โดย อโลลาน »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด